สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
ตวั บ่งช้ี ชนั้ อนบุ าล 1 ชั้น อนุบาล 2 ช้นั อนบุ าล 3 ประส
12.2มี (อายุ 3 –4 ป)ี (4 –5 ปี) (5 –6 ป)ี ๑.๔.๔ เจต
ความสามารถในการ และกำรแส
แสวงหาความรู้ ๑๒.๒.๒ ใช้ 12.2.2 ใช้ 12.2.2 ใชป้ ระโยค (๑) กำรสำ้ ร
เรียนรรู้ อบต
ประโยคคำ้ ถำม ประโยคค้ำถำมว่ำ ค้ำถำมวำ่ (๒) กำรตงั ค
(๓) กำรสืบ
ว่ำ “ใคร” ”ท่ี ไหน” “เมอ่ื ไหร่” คน้ หำค้ำตอ
“อะไร” ในกำร “ทำ้ ไม” ในกำร “อยำ่ งไร” ในกำร
ค้นหำคำ้ ตอบ คน้ หำค้ำตอบ ค้นหำคำ้ ตอบ
สาระการเรยี นรู้รายปี
สบการณส์ าคญั สาระทีค่ วรเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้
มอนเตสซอรี่
ตคติทดี่ ตี ่อกำรเรยี นรู้ -กำรเปลี่ยนแปลงและ -ผกั - ผลไม้ -กระดำนสะกดค้ำ
สวงหำควำมรู้ ควำมสัมพนั ธ์ของส่ิงต่ำง -หนเู ป็นเด็กไทย
รวจสง่ิ ตำ่ งๆและแหลง่ ๆ รอบตวั
ตวั - กำรเรียนรู้โดยใช้
ค้ำถำมในเร่ืองทีส่ นใจ กระบวนกำรสบื เสำะหำ
บเสำะหำควำมร้เู พ่ือ ควำมรู้
อบของข้อสงสยั ตำ่ งๆ
๕๙
ตารางวิเคราะหค์ ณุ ลักษณะตามรปู แบบกา
(สาหรบั อา
ทกั ษะชีวิต ชน้ั อนบุ าล 1 ช้นั อนุบาล 2
(อายุ 3 - ๔ปี) (4 –5 ปี)
1.กำรมีวนิ ยั ใน
ตนเอง 1.1เขำ้ แถวตำมลำ้ ดบั ก่อนหลงั 1.1 เขำ้ แถวตำมลำ้ ดับกอ่ นหลงั 1.1
1.2
หลังโดยมีครแู ละพ่ีชแี นะ หลัง ได้ 1.3
1.2เก็บอุปกรณข์ องเล่นของใช้ 1.2เก็บอปุ กรณข์ องเล่นของ
โดยมคี รแู ละพี่ชแี นะ ใช้เอง
1.3สำมำรถท่องและปฏิบตั ิ 1.3ปฏบิ ัตติ ำมข้อตกลงและ
ตำมข้อตกลงไดโ้ ดยครูและ ทอ่ งได้
พีช่ ีแนะ
2.กำรชว่ ยเหลือ 2.1 รบั ผิดชอบกิจวตั ร 2.1 รบั ผดิ ชอบกจิ วัตร 2.1
ตนเองและผอู้ นื่
ประจำ้ วนั ของตนเอง ประจ้ำวันของตนเอง 2.๒
โดยมคี รูและพชี่ แี นะ 2.๓
2.๒ สอื่ สำรบอกควำมรูส้ กึ โดยมคี รูและพชี่ ีแนะ 3.3
ควำมต้องกำร
2.๓ ดูแลชว่ ยเหลือผูอ้ ่ืน เปน็ บำงครัง 3.2
3.กำรมีจิตสำธำรณะ 3.1 แสดงควำมรักเพื่อนและ 2.๒ ส่ือสำรบอกควำมรู้สึก
มีเมตตำตอ่ สตั ว์เลียง ควำมตอ้ งกำร
3.2 แบ่งปันผูอ้ ่ืนได้เมื่อมผี ู้ 2.๓ ดแู ลช่วยเหลอื ผ้อู นื่
ชีแนะ 3.2 แสดงควำมรักเพ่ือน
และมีเมตตำต่อสัตว์
เลยี ง
3.2 ชว่ ยเหลอื และแบง่ ปัน
ผูอ้ นื่ ได้เม่ือมผี ู้ชีแนะ
ารสอนมอนเตสซอร่ีท่ีสถานศกึ ษากาหนด
ายุ 3 –6 ป)ี
ชน้ั อนบุ าล 3 ประสบการณส์ าคัญ สาระทค่ี วรเรียนรู้
(5 –6 ป)ี - คุณธรรมจริยธรรม
- ควำมรับผิดชอบ
เขำ้ แถวตำมล้ำดบั ก่อนหลัง 1 รู้จกั ล้ำดับกอ่ นหลงั - ควำมอดทน มุ่งมน่ั
หลงั ได้เองและพำนอ้ งเขำ้ 2 เกบ็ อปุ กรณ์ของเลน่ ของใช้ - ควำมเพยี ร
แถวตำมลำ้ ดบั ได้ 3. ปฏิบัตติ ำมข้อตกลง
เกบ็ อปุ กรณข์ องเล่นของใช้ - ควำมรบั ผดิ ชอบ
เองอย่ำงเปน็ ระเบียบ 1.รบั ผดิ ชอบกจิ วตั ร - วิธีรักษำร่ำงกำยใหส้ ะอำด
เรียบรอ้ ย ประจำ้ วันของตนเอง และมีสขุ ภำพอนำมยั ที่ดี
สำมำรถท่องข้อตกลงได้และ
รู้ควำมหมำย 2.สอ่ื สำรบอกควำม
1 รบั ผิดชอบกจิ วตั ร ตอ้ งกำรของตนเอง
ประจ้ำวนั ไดด้ ว้ ย 3.ดแู ลช่วยเหลอื ผูอ้ ื่น
ตนเอง
ส่ือสำรบอกควำมรู้สกึ
ควำมต้องกำร
ดแู ลช่วยเหลือผ้อู ่นื
แสดงควำมรัก 1.ดแู ลรกั ษำส่ิงของทใ่ี ช้ - กำรตะหนักรเู้ กี่ยวกับตนเอง
เพอื่ นและมเี มตตำ รว่ มกนั ใชส้ ่ิงของ เครื่องใช้อย่ำง
ตอ่ สตั วเ์ ลียง ประหยดั
แบ่งปนั ผ้อู นื่ ไดด้ ้วย 2.ดแู ลรกั ษำสงิ่ แวดล้อม - กำรก้ำกบั ตนเอง
ตนเอง 3.เสยี สละมนี ำ้ ใจ - ควำมมนี ำ้ ใจ ช่วยเหลอื
แบง่ ปนั
เออื เฟ้ือเผ่ือแผ่
๖๐
ทักษะชีวติ ชัน้ อนบุ าล 1 ชั้น อนบุ าล 2
4.กำรมสี มำธิ
(อายุ 3 - ๔ปี) (4 –5 ป)ี
๔.1 สำมำรถรว่ มกจิ กรรมตงั แต่ ๔.1 สำมำรถร่วมกจิ กรรม ๔.1
ตน้ จนจบและมสี มำธิใน ตงั แต่ต้นจนจบและมี ๔.๒
๔.๓
กำรท้ำงำน ๕ นำที สมำธใิ นกำรทำ้ งำน
๔.๒ ปฏิบัติกจิ กรรมถูกต้องตำม ๘ นำที
ขันตอนโดยมีครแู ละพี่ ๔.๒ ปฏบิ ัติกจิ กรรมถกู ต้อง
ชีแนะ ตำมขันตอนที่ก้ำหนด
๔.๓ อดทนรอคอยได้โดยมีครู ไดด้ ี
และพ่ีชีแนะ ๔.๓ อดทนรอคอยเมื่อท้ำ
กิจกรรมตำ่ ง ๆ ไดด้ ้วย
ตนเอง
ช้นั อนุบาล 3 ประสบการณ์สาคัญ สาระท่คี วรเรียนรู้
(5 –6 ปี)
สำมำรถรว่ มกิจกรรมตังแต่ 1.ร่วมกิจกรรมตังแต่ต้นจนจบ - ควำมรับผิดชอบ
ตน้ จนจบและมสี มำธิในกำร 2.กำรปฏิบตั กิ จิ กรรมถูกต้อง - ควำมเพยี ร
ทำ้ งำน ๑๒ นำที ตำมขนั ตอน - ควำมอดทนม่งุ มั่น
ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมถกู ต้องตำม 3.อดทนรอคอย
ขันตอนอย่ำงรวดเรว็
อดทนรอคอยในกำรทำ้
กิจกรรมหรือรว่ มกจิ กรรม
ตำ่ ง ๆ ทีม่ ีระยะเวลำนำน
อยำ่ งตงั ใจ
๖๑
ทกั ษะสมอง ชัน้ อนบุ าล 1 ตารางวิเคราะหค์ ุณลกั ษณะตามรูปแบบกา
(อายุ 3 - ๔ป)ี (สาหรับอา
ชน้ั อนุบาล 2
(4 –5 ปี)
EF 1 ทักษะ ท้ำกจิ กรรมตำมขันตอน ทำ้ กจิ กรรมตำมขันตอนและ ทำ้ ก
ควำมจ้ำท่ีนำ้ มำใช้ เชือ่ มโยงประกำรณ์เดิม เชอ่ื ม
งำน (Working สำม
Memory)
EF 2 ทกั ษะกำร คดิ ไตร่ตรองก่อนท้ำก่อนพูด คดิ ไตร่ตรองก่อนท้ำก่อนพดู คิดไ
ยบั ยังช่ังใจ-คดิ
ไตรต่ รอง อยำ่ งมเี หตผุ ล สำม
(Inhibitory
Control)
EF 3 ทกั ษะกำร รับฟงั ควำมคดิ เหน็ ของผู้อืน่ รับฟงั ควำมคดิ เหน็ ของผู้อื่น รับฟ
ยดื หยุ่นควำมคดิ
(Shift Cognitive และร้จู กั กำรแก้ปัญหำ ร้จู กั
Flexibility)
EF 4 ทกั ษะกำรใส่ มสี มำธแิ ละสนใจในกำรทำ้ มสี ม
ใจจดจอ่
(Focus/Attention) มีสมำธใิ นกำรท้ำกจิ กรรม กจิ กรรม กำร
ารสอนมอนเตสซอรี่ท่ีสถานศกึ ษากาหนด
ายุ 3 –6 ป)ี
ชั้น อนุบาล 3 ประสบการณ์สาคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้
(5 –6 ป)ี
กิจกรรมตำมขันตอนและ 1.จดจำ้ วธิ ีกำรในกำรท้ำ
มโยงประกำรณ์เดิมและ
มำรถทำ้ มำตอ่ ยอด กจิ กรรมตำมขันตอน ทำ้ กิจกรรมตำมขนั ตอนทคี่ รู
2. เชอ่ื มโยงประสบกำรณเ์ ดิม ก้ำหนด
นำ้ มำตอ่ ยอด
ไตร่ตรองก่อนท้ำก่อนพดู และ 1.คดิ ไตร่ตรองก่อนทำ้ หรือพดู 1. รจู้ กั คดิ กอ่ นลงมือทำ้ ก่อนพดู
มำรถคดิ เชิงเหตผุ ล 2. มคี วำมสำมำรถในกำรคิด 2. มคี วำมสำมำรถในกำร
เชิงเหตุผล ไตรต่ รองหำคำ้ ตอบในเร่ืองใด
เรื่องหน่งึ
ฟังควำมคดิ เห็นของผู้อื่นและ 1. ยอมรับฟงั ควำมคิดเห็น ปรับตัวตำมสถำนกำรณ์ที่
กกำรแกป้ ญั หำดว้ ยวธิ ีกำรใหม่ ของผู้อื่น เปลย่ี นแปลงและรู้จกั วิธีกำร
2. แกป้ ญั หำไดด้ ้วยวิธีกำรใหม่ แก้ปัญหำทีห่ ลำกหลำย
3.มคี วำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์
มำธิและสนใจกระตือรอื ร้นใน 1 .มสี มำธิจดจอ่ ในกจิ กรรมทท่ี ำ้ มีสมำธิและกระตือรอื ร้นใน
รทำ้ กิจกรรมอย่ำงตงั ใจ 2. มีควำมกระตือรือรน้ ต่อ กำรทำ้ กิจกรรม
กิจกรรมท่ีท้ำ
๖๒
ทกั ษะสมอง ชั้นอนุบาล 1 ช้นั อนุบาล 2 แสด
(อายุ 3 - ๔ป)ี (4 –5 ปี) และ
EF 5 กำรควบคุม
อำรมณ์ (Emotion แสดงออกอย่ำงเหมำะสม แสดงออกอย่ำงเหมำะสมตำม ทบท
Control) ชว่ งวัย แกไ้
EF 6 กำร ทบทวนสิ่งทีล่ งมือท้ำ ทบทวนส่งิ ที่ลงมือทำ้ และรู้จัก กำร
ประเมินตัวเอง แก้ไขปรบั ปรุงกำรกระท้ำของ และ
(Self-Monitoring) ตน แก้ป
EF 7 กำรริเร่มิ และ ค้นหำคำ้ ตอบของข้อสงสยั ตำ่ งๆ ค้นหำคำ้ ตอบของข้อสงสยั ระบ
ลงมือทำ้ ตำมตำมวธิ ีกำรของตนเอง ต่ำงๆ ตำมตำมวธิ ีกำรของ แกป้
(Initiating) ตนเอง
มีคว
EF 8 กำรวำงแผน แก้ปญั หำลองผิดลองถูกในเร่ือง ระบปุ ญั หำและแก้ปัญหำโดย ไดร้ ับ
และ กำรจัดระบบ ง่ำยๆ ลองผดิ ลองถูก เปำ้ ห
ด้ำเนนิ กำร
(Planning and มีควำมมงุ่ มั่นในกำรท้ำงำน มคี วำมม่งุ ม่ันในกำรทำ้ งำน
Organizing) ตำมทีไ่ ด้รับมอบหมำย
EF 9 กำรมงุ่
เปำ้ หมำย (Goal-
Directed
Persistence)
ชั้น อนุบาล 3 ประสบการณส์ าคญั สาระทีค่ วรเรยี นรู้
(5 –6 ป)ี
1. ไมใ่ ช้อำรมณ์แก้ปัญหำ ควบคุมตนเองอยำ่ งเหมำะสม
ดงออกอยำ่ งเหมำะสมตำมวัย 2. แสดงออกอย่ำงเหมำะสม และไม่ใชอ้ ำรมณแ์ ก้ปญั หำ
ะไม่ใช่อำรมณแ์ ก้ปัญหำ
ทวนสิง่ ทลี่ งมือท้ำและรจู้ ัก 1.ทบทวนส่ิงทลี่ งมือท้ำ ทบทวนกำรปฏบิ ตั ิงำนและ
ไขปรับปรงุ กำรกระทำ้ ใหด้ ีขนึ 2.แก้ไขปรบั ปรุงผลจำกกำร ทบทวนกำรกระท้ำให้ดยี งิ่ ขึน
กระทำ้ ของตนเองใหด้ ีขนึ
รมสี ่วนร่วมในวธิ ีกำรแก้ปัญหำ 1. คิดริเริม่ ท้ำงำนจนส้ำเรจ็ ค้นหำคำ้ ตอบข้อสงสยั ต่ำงๆ
ะสรำ้ งทำงเลือกวธิ กี ำร 2. ตดั สนิ ใจลงมอื ทำ้ ด้วยตนเอง ด้วยวิธีกำรที่หลำกหลำยของ
ปญั หำ ตนเอง
บปุ ัญหำสร้ำงทำงเลอื กและวิธี 1. จัดลำ้ ดับควำมสำ้ คัญก่อน- ตงั ค้ำถำมเรอ่ื งท่ีตนสนใจ และ
ปัญหำ หลงั ของกจิ กรรมที่ท้ำ สืบหำควำมรู้เพื่อคน้ หำ
2. วำงแผนกำรทำ้ งำนตงั แต่ คำ้ ตอบของข้อสงสัยต่ำงๆ
ตน้ จนจบตำมเวลำทีก่ ้ำหนด
วำมม่งุ มนั่ ในกำรทำ้ งำนตำมที่ 1. มคี วำมพำกเพยี ร มคี วำมรับผดิ ชอบต่องำนทที่ ้ำ
บมอบหมำยจนสำ้ เร็จตำม 2. มงุ่ มั่นท้ำงำนจนบรรลุ
หมำย เป้ำหมำย
๖๓
การวิเคราะห์เป้าหมายคณุ ภาพเดก็ ปฐมวัย ตามร
(สาหรบั อา
เปา้ หมายคุณภาพ ช้นั อนบุ าล 1 ช้นั อนบุ าล 2
คุณลักษณะตำมวัย (อายุ 3 - ๔ป)ี (4 –5 ปี)
- สนทนำ สอ่ื สำร บอกควำม - สนทนำ สือ่ สำร บอกควำม - สน
ตอ้ งกำรของตนเองได้
- เขยี นตำมรอยได้ ต้องกำรของตนเองได้ ต้อ
- ทอ่ งแมส่ ตู รคูณแม่ 2-3 ได้
- ไหว้สวย - เขียนช่ือเล่นได้ - เข
- ทอ่ งแมส่ ูตรคณู แม่ 2 - 4 - ทอ่
ได้ - เข
- เขียนเลขอำรบิก 1 - 10 ได้ ๑
- ทอ่ งพยัญชนะไทย ก - ฮ ได้ - รจู้
- ไหว้สวย - ร้จู
สร
สร
- ไห
- รอ้
- สว
รูปแบบการสอนมอนเตสซอรที่ ่ีสถานศึกษากาหนด
ายุ 3 –6 ป)ี
ช้นั อนบุ าล 3 ประสบการณส์ าคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้
(5 –6 ป)ี
-กำรตัดสนิ ใจและมสี ว่ นรว่ ม -กำรแสดงควำมคดิ เหน็ ของ
นทนำ สือ่ สำร บอกควำม ในกระบวนกำรแกป้ ัญหำ ตนเองและรับฟังควำมคิดเห็น
องกำรของตนเองได้ -กำรสงั เกตและกำรเขียน ของผู้อ่ืน
ขียนช่ือ-นำมสกลุ ได้ พยัญชนะ กำรเขียนตัวเลข -กำรเขียนตำมแบบท่ีให้ได้
องแม่สูตรคูณแม่ 2 - 6 ได้ -กำรสงั เกตตวั อักษรที่ และเขียนช่อื ตัวเอง เขยี น
ขียนเลขอำรบิก และเลขไทย ประกอบเปน็ ค้ำ ผ่ำนกำรอ่ำน ตวั เลข
– ๑๐ ได้ หรือเขยี น -กำรเรียนรเู้ กี่ยวกบั กำรใช้
จกั พยัญชนะไทย ก-ฮ ได้ -กำรใช้ภำษำทำงคณิตศำสตร์ ภำษำเพ่ือสอ่ื ควำมหมำยใน
จักสระเด่ียว ได้แก่ สระอะ สงั เกตตัวเลข กำรนับและ ชวี ิตประจ้ำวนั
ระอำ สระอิ สระอี สระอุ แสดงจำ้ นวน -มคี วำมรพู้ นื ฐำนทำง
ระอู -กำรปฏบิ ัติตนตำมวฒั นธรรม คณติ ศำสตร์
หวส้ วย ไทยและประเพณีไทย -ควำมสำ้ คัญของชำติ ศำสนำ
องเพลงชำติได้ พระมหำกษัตรยิ ์
วดมนต์ได้ -กำรแสดงควำมจงรักภัคดตี ่อ
ชำติ ศำสนำ และ
พระมหำกษัตรยิ ์
-เอกลกั ษณ์ของไทย
๖๔
เปา้ หมายคณุ ภาพ ชน้ั อนบุ าล 1 ชน้ั อนุบาล 2
ทักษะทำงภำษำ (อายุ 3 - ๔ปี) (4 –5 ปี)
องั กฤษ
-กลำ่ วทักทำยสวสั ดี-ขอบคณุ -กลำ่ วทักทำยสวสั ดี-ขอบคณุ - กล
-คำ้ ศ
-คำ้ ศัพทท์ ใี่ ช้ในห้องเรยี น ยนื ขนึ -คำ้ ศพั ท์ทใี่ ชใ้ นห้องเรียน ยืน ตำม
กระโ
น่ังลง ขึน นง่ั ลง - ออ
-บอก
-รอ้ งเพลง ABC (Alphabet A-Z) -Alphabet A-Z (Phonic -ท่อง
กำรออกเสยี ง)
-บอกชื่อตัวเอง
-ตัวเลข Number 1-10
ชั้น อนบุ าล 3 ประสบการณส์ าคญั สาระทค่ี วรเรียนรู้
(5 –6 ปี)
- กำรปฏบิ ัติตนตำมวัฒนธรรม - ควำมร้พู ืนฐำนเก่ียวกบั
ลำ่ วทกั ทำยสวัสดี-ขอบคุณ
ตำ่ งประเทศ พยญั ชนะ ตัวเลข ตนเอง
ศัพท์ทใ่ี ชใ้ นห้องเรียน/ปฏิบตั ิ
มค้ำสั่ง (ยืนขึน นั่งลง เดนิ ว่งิ - กำรพดู สะท้อนควำมรูส้ ึก - กำรเรียนรู้เกี่ยวกับ กำรใช้
โดด ด่มื นำ้ ห้องน้ำ) ของตนเองและผอู้ น่ื ภำษำเพ่ือส่อื ควำมหมำยใน
อกเสียงPhonic Alphabet A-Z - กำรปฏบิ ตั ติ นตำมคำ้ สั่งได้ ชวี ติ ประจำ้ วนั
กชอ่ื ตวั เอง
- กำรพดู สนทนำโต้ตอบ - กำรเคล่อื นไหวตำม
ง Number 1-10
เก่ยี วกับตนเอง เสียงเพลง ดนตรี
- กำรฟังเพลง กำรร้องเพลง - กำรฟังเพลง กำรร้องเพลง
และกำรแสดงปฏกิ ิรยิ ำโตต้ อบ และกำรแสดงปฏิกิริยำโตต้ อบ
เสียงดนตรี เสียงดนตรี
- กำรแสดงออกทำงอำรมณ์
และควำมรูส้ กึ
๖๕
เป้าหมายคณุ ภาพ ชน้ั อนุบาล 1 ชั้น อนบุ าล 2
(อายุ 3 - ๔ป)ี (4 –5 ปี)
ทักษะทำงภำษำจนี -กล่ำวทกั ทำย -กลำ่ วทกั ทำย -กลำ่
你好สวัสด,ี 你好สวสั ด,ี 你
再见ลำก่อน/พบกันใหม่) 再见ลำก่อน/พบกนั ใหม่ 再
-รคู้ วำมหมำยของค้ำศัพท์และ 谢谢ขอบคุณ) 谢
ปฏบิ ตั ติ ำมได้ -เขำ้ ใจควำมหมำยของค้ำศัพท์ -เข้ำ
起立 ยนื ขึน, และปฏบิ ตั ติ ำมได้ และ
请坐นง่ั ลง, 起立ยืนขนึ , 起
喝牛奶 ดืม่ นม, 请坐นงั่ ลง, 喝
吃饭กินข้ำว 喝牛奶 ดื่มนม, 喝
-รคู้ วำมหมำยค้ำศัพท์ 喝水ด่ืมนำ้ , 吃
爸爸พ่อ, 吃饭กนิ ข้ำว 洗
妈妈 แม่) -รูค้ วำมหมำยคำ้ ศพั ท์
-รอ้ งเพลง 1-10 -รู้คว
爸爸พอ่ , 爸
妈妈แม,่ 妈
我ฉนั ) 我
-ร้องเพลง 1-10 รจู้ กั ตวั เลข -รอ้ ง
1-5 1-
- เขยี
1-
-บอก
ชน้ั อนุบาล 3 ประสบการณ์สาคญั สาระทคี่ วรเรยี นรู้
(5 –6 ปี)
- กำรปฏบิ ัตติ นตำมวฒั นธรรม - ควำมรพู้ นื ฐำนเกยี่ วกบั
ำวทักทำย ต่ำงประเทศ ตัวเลข ครอบครัว ตนเอง
你好สวสั ด,ี - กำรพูดสะทอ้ นควำมร้สู กึ - กำรเรยี นรเู้ กย่ี วกับ กำรใช้
ของตนเองและผู้อนื่ ภำษำเพื่อสอื่ ควำมหมำยใน
再见ลำกอ่ น/พบกันใหม่, - กำรปฏิบตั ติ นตำมค้ำสั่งได้ ชีวติ ประจ้ำวนั
- กำรพุดสนทนำโต้ตอบ - กำรเคล่อื นไหวตำม
谢谢ขอบคุณ) เกยี่ วกับตนเอง เสยี งเพลง ดนตรี
ำใจควำมหมำยของค้ำศัพท์ - กำรบอกและสงั เกตลักษณะ - กำรฟังเพลง กำรร้องเพลง
ะปฏบิ ตั ติ ำมได้ ของตัวอกั ษร และกำรแสดงปฏกิ ริ ิยำโต้ตอบ
起立ยืนขนึ ,请坐นง่ั ลง - กำรสงั เกตและกำรเขยี น เสยี งดนตรี
ตัวอกั ษร กำรเขยี นตัวอักษร/ - กำรแสดงออกทำงอำรมณ์
喝牛奶 ดื่มนม, ค้ำต่ำงๆ และควำมร้สู กึ
- กำรฟงั เพลง กำรร้องเพลง - กำรแสดงมำรยำททด่ี ี(กลำ่ ว
喝水ด่ืมนำ้ , และกำรแสดงปฏิกริ ยิ ำโต้ตอบ ทกั ทำย สวสั ดี ลำกอ่ น
เสียงดนตรี ขอบคุณ)
吃饭กินขำ้ ว, กำรรู้จักแสดงควำมคดิ เห็น
ของตนเองและรบั ฟังควำม
洗手间หอ้ งน้ำ) คิดเห็นของผู้อ่ืน
วำมหมำยค้ำศพั ท์
爸爸พอ่ ,
妈妈แม,่
我ฉัน,你เธอ)
งเพลง 1-10 และรจู้ ักตวั เลข
-5
ยนตัวเลขภำษำจีนตำมแบบ
-10
กช่ือตัวเอง
๖๖
๖๗
สาระท่คี วรเรยี นรู้
สาระที่ควรเรียนรู้ เป็นเรื่องราวรอบตัวเด็กท่ีนามาเป็นสื่อกลางในการจัดกิจกรรมให้เด็กเกิด
แนวคิดหลังจากนาสาระการเรยี นรู้น้นั ๆ มาจดั ประสบการณ์ให้เด็ก เพื่อใหบ้ รรลุจุดมงุ่ หมายท่กี าหนด
ไว้ท้ังนี้ ไม่เน้นการท่องจาเน้ือหา ครูสามารถกาหนดรายละเอียดข้ึนเองให้สอดคล้องกับวัย ความ
ต้องการ และความสนใจของเด็ก โดยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์สาคัญ ท้ังน้ี อาจยืดหยุ่น
เนอ้ื หาได้โดยคานงึ ถึงประสบการณ์และสง่ิ แวดล้อมในชวี ิตจริงของเด็ก ดงั น้ี
๒.๑ เร่ืองราวเก่ียวกับตัวเด็ก เด็กควรรู้จักช่ือ นามสกุล รูปรา่ งหน้าตา รู้จักอวัยวะต่างๆ วิธี
ระวังรักษาร่างกายให้สะอาดและมีสุขภาพอนามัยท่ีดี การรับประทานอาหารท่ีเป็นประโยชน์ การ
ระมดั ระวังความปลอดภัยของตนเองจากผู้อื่นและภัยใกล้ตัว รวมทั้งการปฏิบตั ิต่อผู้อ่ืนอย่างปลอดภัย
การรู้จักความเป็นมาของตนเองและครอบครัว การปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัวและ
โรงเรียน การเคารพสิทธิของตนเองและผู้อ่ืน การรู้จักแสดงความคิดเห็นของตนเองและรับฟังความ
คิดเห็นของผู้อื่น การกากับตนเอง การเล่นและทาส่ิงต่างๆด้วยตนเองตามลาพังหรือกับผู้อ่ืน การ
ตระหนักรู้เก่ียวกับตนเอง ความภาคภูมิใจในตนเอง การสะท้อนการรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของ
ตนเองและผอู้ ื่น การแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สกึ อย่างเหมาะสม การแสดงมารยาททีด่ ี
การมคี ุณธรรมจรยิ ธรรม
๒.๒ เร่ืองราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก เด็กควรเรียนรู้เก่ียวกับครอบครัว
สถานศึกษา ชุมชน และบุคคลต่างๆ ที่เดก็ ตอ้ งเก่ียวข้องหรือใกลช้ ิดและมปี ฏสิ ัมพันธ์ในชีวิตประจาวัน
สถานที่สาคัญ วันสาคัญ อาชีพของคนในชุมชน ศาสนา แหล่งวัฒนาธรรมในชุมชน สัญลักษณ์สาคัญ
ของชาติไทยและการปฏิบัติตามวัฒนธรรมท้องถ่ินและความเป็นไทย หรือแหล่งเรียนรู้จากภูมิปัญญา
ท้องถิ่นอ่นื ๆ
๒.๓ ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับช่ือ ลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลง
และความสัมพันธ์ของมนุษย์ สัตว์ พืช ตลอดจนการรู้จักเกี่ยวกับดิน นา ท้องฟ้า สภาพอากาศ ภัย
ธรรมชาติ แรง และพลังงานในชีวิตประจาวันท่ีแวดล้อมเด็ก รวมทังการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมและการ
รักษาสาธารณสมบัติ
๒.๔ ส่ิงต่างๆรอบตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมายใน
ชีวิตประจาวัน ความรู้พืนฐานเก่ียวกับการใช้หนังสือและตัวหนังสือ รู้จักชื่อ ลักษณะ สี ผิวสัมผัส
ขนาด รูปร่าง รูปทรง ปริมาตร นาหนัก จานวน สว่ นประกอบ การเปลีย่ นแปลงและความสัมพันธ์ของ
สิ่งต่างๆรอบตัว เวลา เงิน ประโยชน์ การใช้งาน และการเลือกใช้ส่ิงของเคร่ืองใช้ ยานพาหนะ การ
คมนาคม เทคโนโลยแี ละการสื่อสารตา่ งๆ ที่ใช้อยู่ในชวี ิตประจาวันอยา่ งประหยัด ปลอดภัยและรกั ษา
ส่ิงแวดล้อม
๖๘
การจดั ประสบการณ์
การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กปฐมวัยอายุ ๓ – ๖ ปี เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการ
มอนเตสซอร่ีผา่ นอุปกรณ์ การลงมอื กระทาจากประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลาย เกิดความรู้ ทักษะ
คุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งเกิดการพัฒนาท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยมี
หลักการ และแนวทางการจดั ประสบการณ์ ดังนี้
๑. หลักการจดั ประสบการณ์บรู ณาการรูปแบบมอนเตสซอร่ี
1.๑ พัฒนาการเรียนรู้ในการทางานด้วยตนเอง โดยมีความรับผิดชอบในการท่ีจะ
ควบคมุ ตนเองให้ทางานได้สาเร็จ
๑.2 พัฒนาการทางด้านสังคม โดยการเรียนรู้ในการมีชีวิตสังคมท่ีแท้จริงใน
หอ้ งเรียนรู้บทบาทและหน้าท่ีในการเปน็ สมาชิกของกลุม่ ร้จู กั ทจี่ ะช่วยในการดแู ลสง่ิ แวดล้อม
ทักษะทางสงั คมจะไดร้ ับการพฒั นาตามวยั และมีวนิ ัยในตนเอง
๑.3 พัฒนาการทางด้านอารมณ์ ด้วยการเป็นผู้ทีมีจิตท่ีสงบ มีสมาธิในการทางาน
รูจ้ กั ควบคุมตนเองในการทางานร่วมกับผู้อ่ืน และรู้จกั การรอคอยโอกาสของตนเอง มีอารมณ์
ทีเ่ หมาะสม
๑.4 พัฒนาการทางด้านสติปัญญา ด้วยการรู้จักแยกแยะ มีความคิดริเริ่ม รู้จัก
ตดั สินใจและแก้ปัญหา เลอื กไดอ้ ย่างอสิ ระ
๑.5 การพัฒนาทางด้านร่างกาย ทักษะกลไกจะได้รับการดูแลและพัฒนาทั้ง
กล้ามเน้ือย่อยกล้ามเนื้อใหญ่ และสมดุลของร่างกาย รวมถึงการดูแลระวังรักษาสุขภาพให้
รา่ งกายเจรญิ เตบิ โตอย่างถกู สขุ ลกั ษณะและมีสุขนสิ ัยท่ีดใี นการทากจิ วตั รประจาวนั
๑.๖ จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้หลากหลาย เพื่อพัฒนาเดก็ โดยองค์รวม
อยา่ งสมดลุ และตอ่ เน่อื ง
๑.๗ เนน้ เดก็ เป็นสาคญั สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล
และบรบิ ทของสังคมทเ่ี ดก็ อาศัยอยู่
๑.๘ จดั ให้เด็กได้รับการพัฒนาโดยให้ความสาคญั กบั กระบวนการเรยี นรแู้ ละพฒั นาการของเดก็
๑.๙ จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเน่ือง และเป็นส่วนหนึ่ง
ของการจัดประสบการณ์ พรอ้ มทงั้ นาผลการประเมนิ มาพัฒนาเด็กอยา่ งต่อเน่อื ง
๑.๑๐ ใหพ้ ่อแม่ ครอบครวั ชมุ ชน และทกุ ฝ่ายท่เี ก่ยี วข้องมีส่วนร่วมในการพฒั นาเด็ก
๖๙
๒. แนวทางการจดั ประสบการณ์
๒.๑ จดั ประสบการณ์ให้สอดคลอ้ งกับจิตวิทยาพฒั นาการและการทางานของสมองที่
เหมาะสมกบั อายุ วฒุ ิภาวะและระดบั พัฒนาการ เพื่อใหเ้ ดก็ ทกุ คนไดพ้ ฒั นาเต็มตามศักยภาพ
๒.๒ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็ก เด็กได้ลงมือกระทา
เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้เคล่ือนไหว สารวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิด
แก้ปญั หาด้วยตนเอง
๒.๓ จัดประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยบูรณาการทั้งกิจกรรม ทักษะ และสาระ
การเรียนรู้ท่ีหลากหลาย ได้แก่ กิจกรรมมอนเตสซอร่ี กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรม
ศิลปะ กิจกรรมพละศึกษา กิจกรรมโยคะ กิจกรรมว่ายน้า กิจกรรมเรียนรู้ภาษาจีน เรียนรู้
ภาษาอังกฤษ กิจกรรมเกษตร กจิ กรรมเรยี นรวู้ ัฒนธรรม
๒.๔ จัดประสบการณ์ให้เด็กไดร้ ิเร่ิมคิด วางแผน ตดั สนิ ใจลงมอื กระทาและนาเสนอความคดิ โดย
ครูหรือผูจ้ ัดประสบการณเ์ ป็นผสู้ นบั สนุนอานวยความสะดวกและเรียนรูร้ ่วมกบั เด็ก
๒.๕ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่นกับผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อม
ท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ ในบรรยากาศที่อบอุ่นมีความสุข และเรียนรู้การทากิจกรรมแบบร่วมมือ
ในลักษณะต่างๆกัน
๒.๖ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนที่หลากหลาย
และอยใู่ นวถิ ชี ีวิตของเด็ก
๒.๗ จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยท่ีดีและทักษะการใช้ชีวิตประจาวันตลอดจน
สอดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรมใหเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรอู้ ย่างตอ่ เนอ่ื ง
๒.๘ จัดประสบการณ์ทั้งในลักษณะท่ีดีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนท่ีเกิดข้ึนใน
สภาพจรงิ โดยไม่ไดค้ าดการณไ์ ว้
๒.๙ จัดทาสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็น
รายบุคคล นามาไตรต่ รองและใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ การพัฒนาเดก็ และการวิจยั ในชัน้ เรยี น
๒.๑๐ จดั ประสบการณโ์ ดยให้พ่อแม่ ครอบครัว และชมุ ชนมีสว่ นร่วมทงั้ การวางแผน
การสนบั สนนุ สอ่ื แหล่งเรยี นรู้ การเข้าร่วมกจิ กรรม และการประเมนิ พัฒนาการ
๓. การจดั กจิ กรรมประจาวัน
กิจกรรมสาหรบั เด็กอายุ ๓–๖ปีบรบิ ูรณ์ สามารถนามาจัดเป็นกจิ กรรมประจาวันได้หลายรูปแบบเป็นการ
ชว่ ยให้ครูผ้สู อนหรอื ผู้จัดประสบการณท์ ราบว่าแต่ละวันจะทากจิ กรรมอะไรเมื่อใดและอยา่ งไร ทัง้ นี้ การจดั กจิ กรรม
ประจาวนั สามารถจัดได้หลายรูปแบบ ข้นึ อยู่กับความเหมาะสมในการนาไปใชข้ องแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ท่ี
สาคัญครูผูส้ อนต้องคานึงถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านการจัดกจิ กรรมประจาวนั มีหลักการจัด
และขอบขา่ ยกจิ กรรมประจาวันดังนี้
๗๐
๓.๑ หลกั การจัดกิจกรรมประจาวัน
๑. กาหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของเด็กใน
แตล่ ะวันแตย่ ดื หยุ่นได้ตามความตอ้ งการและความสนใจของเด็ก เช่น
วยั ๓ - ๔ ปี มคี วามสนใจช่วงส้ันประมาณ ๘-๑๒ นาที
วยั ๔ – ๕ ปี มคี วามสนใจอยู่ได้ประมาณ ๑๒-๑๕ นาที
วัย ๕ - ๖ ปี มคี วามสนใจอยูไ่ ดป้ ระมาณ ๑๕- ๒๐ นาที
๒. กิจกรรมท่ีต้องใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลาต่อเน่ืองนาน
เกนิ กวา่ ๒๐ นาที
๓. กิจกรรมท่ีเด็กมีอิสระเลือกเล่นเสรี เพื่อช่วยให้เด็กรู้จักเลือกตัดสินใจ คิด
แกป้ ัญหา คิดสรา้ งสรรค์ เช่น การเล่นตามมมุ การเลน่ กลางแจ้ง ฯลฯใช้เวลาประมาณ ๔๐-๖๐ นาที
๔. กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมท่ีใช้
กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมท่ีเด็กเป็น
ผู้ริเริ่มและครผู สู้ อนหรือผู้จดั ประสบการณ์เป็นผูร้ เิ ริ่ม และกจิ กรรมท่ีใช้กาลังและไม่ใช้กาลัง จัดใหค้ รบ
ทุกประเภท ทั้งนี้ กจิ กรรมที่ต้องออกกาลังกายควรจัดสลับกับกิจกรรมท่ีไม่ต้องออกกาลังมากนัก เพื่อ
เด็กจะไดไ้ มเ่ หนอ่ื ยเกินไป
๓.๒ ขอบขา่ ยของกิจกรรมประจาวนั
การเลือกกิจกรรมท่ีจะนามาจัดในแต่ละวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กับความ
เหมาะสมในการนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ท่ีสาคัญครูผู้สอนต้องคานึกถึงการจัด
กิจกรรมใหค้ รอบคลมุ พัฒนาการทกุ ดา้ น ดังตอ่ ไปนี้
๓.๒.๑ การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง การทรงตัว ความ
ยืดหยุ่น ความคล่องแคล่วในการใช้อวัยวะต่าง ๆ และจังหวะการเคล่ือนไหวในการใช้กล้ามเนื้อใหญ่
โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นอิสระกลางแจ้ง เล่นเครื่องเล่นสนาม ปีนป่ายเล่นอิสระ เคล่ือนไหว
ร่างกายตามจังหวะดนตรี กจิ กรรมมอนเตสซอรี่ กจิ กรรมโยคะ กจิ กรรมเกษตร
๓.๒.๒ การพัฒนาการกล้ามเนือ้ เล็ก เปน็ การพฒั นาความแข็งแรงของกล้ามเนือ้ เล็ก
กล้ามเนื้อมือ-น้ิวมือการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเน้ือมือและระบบประสาทตามือได้อย่าง
คล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นเคร่ืองสัมผัส อุปกรณ์มอนเตสซอรี่กลุ่ม
ประสาทสัมผัส เล่นเกมการศึกษา ฝึกช่วยเหลือตนเองในการแต่งกาย หยิบจับช้อนส้อม และใช้
อุปกรณศ์ ลิ ปะ เช่น สเี ทียน กรรไกร พูก่ ัน ดินนา้ มัน ฯลฯ
๓.๒.๓ การพัฒนาการอารมณ์ จิตใจ และปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เป็นการ
ปลูกฝังให้เด็กมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความเช่ือมั่น กล้าแสดงออก มีวินัย รับผิดชอบ
ซื่อสัตย์ ประหยัด เมตตากรุณา เอ้ือเฟ้ือ แบ่งปัน มีมารยาทและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและ
๗๑
ศาสนาท่ีนบั ถอื โดยจดั กิจกรรมตา่ งๆ ผ่านการเล่นให้เด็กไดม้ ีโอกาสตัดสินใจเลือก ไดร้ บั การตอบสนอง
ตาความตอ้ งการได้ฝกึ ปฏิบัติโดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม
อยา่ งต่อเนอ่ื ง กจิ กรรมรักการอ่าน
๓.๒.๔ การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดี แสดงออก
อย่างเหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทากิจวัตรประจาวันมี
นสิ ัยรักการทางาน ระมัดระวงั ความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น โดยรวมท้ังระมัดระวังอันตรายจาก
คนแปลกหน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติกิจวัตรประจาวันอย่างสม่าเสมอ เช่น รับประทานอาหาร พักผ่อนนอน
หลับ ขับถ่าย ทาความสะอาดร่างกาย เล่นและทางานร่วมกับผู้อ่ืน ปฏิบัติตามกฎกติกาข้อตกลงของ
สว่ นรวม เก็บของเขา้ ทีเ่ มื่อเล่นหรอื ทางานเสร็จ
๓.๒.๕ การพัฒนาการคิด เปน็ การพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหา
ความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ และคดิ เชิงเหตผุ ลทางคณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตรโ์ ดยจดั กิจกรรม
ให้เด็กได้สนทนา อภิปรายและเปล่ียนความคิดเห็น เชิญวิทยากรมาพูดคุยกับเด็ก ศึกษานอกสถานท่ี
เล่นเกมการศึกษา ฝึกการแกป้ ญั หาในชวี ติ ประจาวัน ฝกึ ออกแบบและสรา้ งช้ินงาน และทากจิ กรรมท้ัง
เป็นกลุม่ ย่อย กลุ่มใหญแ่ ละรายบุคคล
๓.๒.๖ การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาส่ือสารถ่ายทอดความรู้สึก
นึกคิด ความรู้ความเขา้ ใจในสิ่งต่างๆ ที่เด็กมีประสบการณโ์ ดยสามารถตั้งคาถามในสิง่ ทีส่ งสัยใคร่รู้ จัด
กิจกรรมทางภาษาให้มคี วามหลากหลายในสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ มุ่งปลูกฝังให้เด็กไดก้ ล้า
แสดงออกในการฟัง พูด อ่าน เขียน มีนิสัยรักการอ่าน และบุคคลแวดล้อมต้องเป็นแบบอย่างที่ดีใน
การใช้ภาษา ทงั้ นต้ี ้องคานกึ ถงึ หลักการจดั กิจกรรมทางภาษาท่เี หมาะสมกับเดก็ เปน็ สาคัญ
๓.๒.๗ การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นการส่งเสริมให้เด็กมี
ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและเห็นความสวยงามของส่ิงต่างๆ โดยจัด
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ดนตรี การเคลื่อนไหวและจังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ อย่าง
อิสระ เล่นบทบาทสมมุติ เลน่ น้า เล่นทราย เล่นบล็อก และเล่นกอ่ สรา้ ง
๗๒
ตารางกิจกรรมประจาวัน รปู แบบมอนเตสซอรี่
0๗.00 - 0๗.๔๕ น. รบั เดก็ ตรวจสุขภาพรายบุคคล
0๗.๔5 - 08.๒0 น. เคารพธงชาติ สวดมนต์กิจกรรม
08.๒0 - 0๙.๐0 น. พดู คุยหนา้ แถว (กิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ)
๐๙.๐๐ – ๐๙.๑๐ น. กิจกรรมห้องเรยี นเสรมิ ประสบการณ์
0๙.๑0 - 09.๕0 น. ดม่ื นม (กจิ กรรมสถานศึกษาพอเพยี ง)
09.๕0 - ๑๐.๓0 น. กจิ กรรมห้องเรียนมอนเตสซอร่ี
๑๐.๓0 – 1๑.๑0 น. กจิ กรรมหอ้ งเรียนศลิ ปะสรา้ งสรรค์
กิจกรรมเสริมรูปแบบมอนเตสซอรี่
11.๑0 - 12.00 น. - ภาษาจีน
12.00 - 1๔.๓0 น. - ภาษาองั กฤษ
14.๓0 - 1๕.๒0 น. - พลศึกษา(ว่ายน้า,โยคะ)
- รักการอา่ น
1๕.๒0 - 1๖.๐0 น. - เกษตร
- จติ สาธารณะ
- ICT ปฐมวัย
พกั รับประทานอาหารกลางวัน
นอนหลบั พกั ผ่อน เก็บทีน่ อน ลา้ งหนา้
กจิ กรรมตามเปา้ หมายสถานศึกษา รูปแบบมอนเตสซอรี่
- กิจกรรมภาษาไทย
- กจิ กรรมคณิตศาสตร์
- กจิ กรรมเตรยี มลกู เสอื สารองระดบั ปฐมวยั
- กจิ กรรมวฒั นธรรม
- อบรมสดุ สปั ดาห์
สรุป กลบั บา้ น
หมายเหตุ การจัดกิจกรรมในแตล่ ะวันสามารถปรับเปลย่ี นไดต้ ามความเหมาะสม
๗๓
ตารางกาหนดการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ระดับช้ันอนุบาล ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บ้านเก่า) สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั ดาห์ วนั เดอื น ปี หนว่ ย สาระการเรียนรู้ เรอ่ื ง หมายเหตุ
ที่
๑ 17 - 21 พ.ค. 64 1 ตวั เรา จากบ้านสโู่ รงเรียน
๒ 24 - 28 พ.ค. 64 2
๓ 31 - 4 ม.ิ ย. 64 3 ตัวเรา หนนู อ้ ยปลอด COVID - ๑๙
๔ 7 - 11 มิ.ย. 64 4
๕ 14 - 18 ม.ิ ย. 64 5 ตัวเรา โรงเรียนของเรา
๖ 21 - 25 มิ.ย. 64 6
๗ 28 - 2 ก.ค. 64 7 ตัวเรา เพอื่ นๆ น่ารกั
๘ 5 - 9 ก.ค. 64 8
๙ 12 - 16 ก.ค. 64 9 ตัวเรา หนนู อ้ ยคนเก่ง
๑๐ 19 - 23 ก.ค. 64 10
๑๑ 27 - 30 ก.ค. 64 11 ตัวเรา ของเลน่ ของใช้
๑๒ 2 - 6 ส.ค. 64 12
๑๓ 9 - 13 ส.ค. 64 13 ตวั เรา อวัยวะและประสาทสัมผัส
๑๔ 16 - 20 ส.ค. 64 14
๑๕ 23 - 27 ส.ค. 64 15 บคุ คลและสถานทีแ่ วดล้อมเด็ก ชุมชนของเรา
๑๖ 30 - 3 ก.ย. 64 16
๑๗ 6 - 10 ก.ย. 64 17 ธรรมชาติรอบตัว ข้าวมหัศจรรย์
๑๘ 13 - 17 ก.ย. 64 18
๑๙ 20 - 24 ก.ย. 64 19 วันสาคญั วนั อาสาฬหบชู า - วันเข้าพรรษา
๒๐ 27 - 1 ต.ค. 64 20
๒๑ 4 - 8 ต.ค. 64 21 บคุ คลและสถานทแี่ วดล้อมเด็ก วัด
ตัวเรา หนเู ปน็ เดก็ ไทย
วันสาคญั วันแม่แห่งชาติ
สิ่งตา่ งๆรอบตัว วิทยาศาสตรน์ ่ารู้
สิง่ ตา่ งๆรอบตัว คณติ คดิ สนุก
สงิ่ ต่างๆรอบตวั อาหารดมี ีประโยชน์
บคุ คลและสถานทแี่ วดล้อมเด็ก ครอบครัวสขุ สันต์
สิง่ ต่างๆรอบตัว หนนู ้อยพอเพียง
ธรรมชาตริ อบตัว น้าดืม่ - น้าใช้
ธรรมชาติรอบตัว ผัก-ผลไม้
ทบทวนและประเมินพฒั นาการเดก็ ตามความเหมาะสม
๗๔
ตารางกาหนดการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้
ระดับชน้ั อนุบาล ภาคเรยี นท่ี ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บ้านเก่า) สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั ดาห์ วนั เดอื น ปี หน่วย สาระการเรียนรู้ เรอื่ ง หมายเหตุ
ท่ี
๒๒ 1 - 5 พ.ย. 64 ๒๒ ธรรมชาตริ อบตวั กลางวนั - กลางคนื
๒๓ 8 - 12 พ.ย. 64 ๒๓
๒๔ 15 - 19 พ.ย. 64 ๒๔ ธรรมชาตริ อบตวั สแี สนสวย
๒๕ 22 - 26 พ.ย. 64 ๒๕
๒๖ 29 - 3 ธ.ค. 64 ๒๖ สง่ิ ต่างๆรอบตัว ลอยกระทง
๒๗ 13 - 17 ธ.ค. 64 ๒๗
๒๘ 20 - 24 ธ.ค. 64 ๒๘ สิ่งต่างๆรอบตัว ตน้ ไมใ้ หร้ ่มเงา
๒๙ 27 - 30 ธ.ค. 64 ๒๙
๓๐ 4 - 7 ม.ค. 65 ๓๐ บุคคลและสถานที่แวดล้อม พ่อของหนู
๓๑ 10 - 14 ม.ค. 65 ๓๑
๓๒ 17 - 21 ม.ค. 65 ๓๒ ตัวเรา เดก็ ดีมวี นิ ัย
๓๓ 24 - 28 ม.ค. 65 ๓๓
๓๔ 31 - 4 ก.พ. 65 ๓๔ สง่ิ ตา่ งๆรอบตวั หนูนอ้ ยตาวเิ ศษ
๓๕ 7 - 11 ก.พ. 65 ๓๕
๓๖ 14 - 18 ก.พ. 65 ๓๖ สิ่งตา่ งๆรอบตวั วันขน้ึ ปีใหม่
๓๗ 21 - 25 ก.พ. 65 ๓๗
๓๘ 28 - 4 มี.ค. 65 ๓๘ สิ่งตา่ งๆรอบตวั ความปลอดภยั ในยานพาหนะ
๓๙ 7 - 11 ม.ี ค. 65 ๓๙
๔๐ 14 - 18 ม.ี ค. 65 ๔๐ ธรรมชาตริ อบตวั โลกสวยดว้ ยมอื เรา
๔๑ 21 - 25 มี.ค. 65 ๔๑
๔๒ 28 - 31 ม.ี ค. 65 ๔๒ ธรรมชาติรอบตวั ฤดกู าลหรรษา
สิ่งตา่ งๆรอบตัว ดอกไม้แสนสวย
สิ่งต่างๆรอบตวั สตั วโ์ ลกนา่ รกั
บุคคลและสถานที่แวดล้อม บุคคลอาชีพตา่ งๆ
สิ่งตา่ งๆรอบตัว อาเซยี นน่ารู้
ธรรมชาติรอบตวั การสื่อสารไร้พรมแดน
สง่ิ ต่างๆรอบตวั โตไปไม่โกง
ส่ิงตา่ งๆรอบตวั แมลง
ส่ิงตา่ งๆรอบตวั ประเทศไทย
สง่ิ ต่างๆรอบตัว จงั หวัดเชยี งราย
ทบทวนและประเมนิ พัฒนาการเดก็ ตามความเหมาะสม
๗๕
ตารางกาหนดการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ กิจกรรมย่อย (กจิ กรรมภาษาจนี )
ระดับปฐมวยั ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บ้านเก่า) สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั ดาหท์ ่ี วนั เดอื น ปี หนว่ ย เร่อื ง รายละเอยี ด หมายเหตุ
- เรียนรคู้ าศัพท์การทักทาย บอกลาเป็น
๑ 17 - 21 พ.ค. 64 ภาษาจนี เบอ้ื ง พร้อมท่าประกอบ
- กลา่ วทกั ทายสวสั ดีโดยใช้ “你好” “你好
๒ 24 - 28 พ.ค. 64 ๑ การทักทาย (你好) 吗?”รวมทง้ั คาอ่ืน เชน่ 早上好,晚上好
๓ 31 - 4 ม.ิ ย. 64 - การกล่าวลา โดยใช้คาวา่ 再见
๔ 7 - 11 มิ.ย. 64 老师来了! คณุ ครู - เรยี นรู้คาศัพทภ์ าษาจีนเกย่ี วกบั คาทีใ่ ช้ใน
๕ มาแลว้ ! ห้องเรยี น บอกเป็นภาษาจีนหรอื ทาท่าทาง
๖ 14 - 18 ม.ิ ย. 64 ๒ ประกอบ
๗
๘ 21 - 25 มิ.ย. 64
๙
๑๐ 28 - 2 ก.ค. 64 -เรียนร้คู าศัพท์ตวั เลขเปน็ ภาษาจนี ผ่าน
๑๑ 5 - 9 ก.ค. 64 เพลง “一 二 三” พรอ้ มท่าประกอบ
๑๒ 12 - 16 ก.ค. 64 ๓ 数字 ตวั เลข -นบั ตวั เลขเปน็ เป็นภาษาจีน การออกเสียง
๑๓ 19 - 23 ก.ค. 64 สญั ลักษณ์ การเขียน
๑๔
๑๕ 27 - 30 ก.ค. 64
๑๖
๑๗ 2 - 6 ส.ค. 64 - แนะนาตวั บอกชอ่ื โดยใช้คาถาม
๑๘
๑๙ 9 - 13 ส.ค. 64 เธอชอื่ อะไร 你叫什么名字?
๒๐ (你叫什么名字?)
๒๑ 16 - 20 ส.ค. 64 ๔ คาตอบ 我叫….....
23 - 27 ส.ค. 64 - บอกอายุตัวเอง โดยใชค้ าถาม
30 - 3 ก.ย. 64 你几岁?
6 - 10 ก.ย. 64 คาตอบ 我…....岁。
- เรียนรคู้ าศัพท์ภาษาจีนเกี่ยวกับบคุ คลใน
13 - 17 ก.ย. 64 ๕ ครอบครัว(我的家) ครอบครวั
20 - 24 ก.ย. 64 - บอกคาศัพทภ์ าษาจนี เกย่ี วกับบคุ คลใน
ครอบครัว
27 - 1 ต.ค. 64
4 - 8 ต.ค. 64 ทบทวน
๗๖
ตารางกาหนดการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กิจกรรมย่อย (กจิ กรรมภาษาจีน)
ระดับปฐมวยั ภาคเรียนที่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บา้ นเกา่ ) สังกัด กองการศึกษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั ดาห์ที่ วนั เดอื น ปี หน่วย เร่อื ง รายละเอยี ด หมายเหตุ
๒๒ 1 - 5 พ.ย. 64 - เรยี นรคู้ าศัพทภ์ าษาจนี เก่ียวกบั อวยั วะ
๒๓ 8 - 12 พ.ย. 64 ๖ ร่างกาย(这是什么) ตา่ งๆในรา่ งกาย ผ่านเพลง “头和肩膀
15 - 19 พ.ย. 64 ” พรอ้ มทา่ ประกอบ
๒๔ 22 - 26 พ.ย. 64 - บอกคาศัพทภ์ าษาจนี พร้อมชี้ส่วน
๒๕ 29 - 3 ธ.ค. 64 ต่างๆ ของร่างกาย
๒๖ 13 - 17 ธ.ค. 64 ๗ สตั วช์ อบสนัข (我爱狗)
๒๗ 20 - 24 ธ.ค. 64 - เรยี นรู้คาศัพทภ์ าษาจนี เกีย่ วกับอวัยวะ
๒๘ 27 - 30 ธ.ค. 64 ตา่ งๆในรา่ งกาย ผา่ นเพลง
๒๙ "两只老虎"พรอ้ มท่าประกอบ
4 - 7 ม.ค. 65 - บอกคาศัพท์ วลี ประโยคสน้ั เก่ียวกับ
๓๐ สัตว์เปน็ ภาษาจนี
๘ วันตรษุ จนี (春节) - เรียนร้คู าศัพท์ วัฒนธรรมจีน เก่ยี วเทศ
๓๑ 10 - 14 ม.ค. 65 การวันตรุษจีน ผ่านการเล่านิทาน "ปีศาจ
เหนียน"
๓๒ 17 - 21 ม.ค. 65 - เรยี นรวู้ ัฒนธรรมจีน จากกิจกรรม การ
๓๓ ตดั กระดาษ การทาโคมจนี
๓๔ 24 - 28 ม.ค. 65 ๙ ฉันชอบกนิ แอปเปลิ้
๓๕ 31 - 4 ก.พ. 65 (我喜欢吃苹果) - เรยี นรู้คาศัพทภ์ าษาจีนเกีย่ วกบั ผลไม้
๓๖ - บอกชอ่ื ผลไม้เป็นภาษาจนี จากประโยค
๓๗ 7 - 11 ก.พ. 65 คาถาม 你喜欢吃什么水果?
๓๘ คาตอบ 我喜欢吃…........
๓๙ 14 - 18 ก.พ. 65
๔๐ - เรยี นรู้คาศัพท์ภาษาจนี เกย่ี วกับสี
21 - 25 ก.พ. 65 - บอกชื่อสีเปน็ ภาษาจนี จากสิง่ ต่างๆ
๔๑ 28 - 4 ม.ี ค. 65 ๑๐ สี (颜色) รอบตวั ประโยคคาถาม
๔๒
7 - 11 มี.ค. 65 这是什么颜色?
คาตอบ 这是….........
14 - 18 ม.ี ค. 65 ๑๑ วันน้วี นั อาทติ ย์ - เรียนรคู้ าศัพทภ์ าษาจีนเกี่ยวกบั วันใน
21 - 25 ม.ี ค. 65 (今天星期日) หน่ึงสัปดาห์
- บอกช่ือวันเป็นภาษาจีน
28 - 31 ม.ี ค. 65
ทบทวน
๗๗
ตารางกาหนดการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ กจิ กรรมย่อย (กิจกรรมภาษาอังกฤษ)
ระดบั ปฐมวยั ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บ้านเกา่ ) สังกัด กองการศึกษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สัปดาห์ที่ วนั เดอื น ปี หนว่ ย เรอ่ื ง รายละเอียด หมายเหตุ
1 17 - 21 พ.ค. 64
2 - เรียนรู้คาศพั ท์การทักทายเป็นภาษาอังกฤษ
3 24 - 28 พ.ค. 64 เบ้อื งตน้ ผา่ นเพลง “Hello children How are
you พรอ้ มท่าประกอบ
4 31 - 4 มิ.ย. 64 1 Greeting - กลา่ วทักทายสวสั ดีโดยใช้ “Hello” “How are
การทกั ทาย you” รวมทง้ั คาอืน่ เช่น “Good morning
5 - แนะนาตวั บอกชื่อ โดยใช้คาถาม What is your
6 7 - 11 ม.ิ ย. 64 name? คาตอบ My name is………………..
7
8 14 - 18 ม.ิ ย. 64 2 Alphabet - เรยี นรู้ตวั อักษรภาษาองั กฤษ A-Z ผา่ นเพลง ABC Song
9 ตวั อักษร - การออกเสยี ง Phonic A-Z
10 21 - 25 ม.ิ ย. 64 ภาษาองั กฤษ A-Z
11 28 - 2 ก.ค. 64
12 5 - 9 ก.ค. 64
13
14 12 - 16 ก.ค. 64 - เรยี นรู้คาศัพท์ตัวเลขเป็นภาษาองั กฤษ ผา่ นเพลง
15 little finger song พร้อมท่าประกอบ
19 - 23 ก.ค. 64 3 Number ตวั เลข - นับตวั เลขเปน็ ภาษาองั กฤษ
16 27 - 30 ก.ค. 64 1-10
17 2 - 6 ส.ค. 64
18
19 9 - 13 ส.ค. 64 - เรียนรู้คาศัพทภ์ าษาอังกฤษของอวัยวะตา่ งๆใน
20
21 16 - 20 ส.ค. 64 4 My Body รา่ งกาย ร่างกาย ผา่ นเพลง “Head Shoulder Knees and
23 - 27 ส.ค. 64 ของฉนั toes.” พรอ้ มท่าประกอบ
- บอกคาศัพท์ภาษาองั กฤษ พรอ้ มชี้ส่วนตา่ งๆ ของ
30 - 3 ก.ย. 64
ร่างกาย
6 - 10 ก.ย. 64 Action verbs - เรยี นร้คู าศัพท์ภาษาองั กฤษ ผา่ นเพลง walking
13 - 17 ก.ย. 64 5 คากริยาที่แสดง พร้อมทาท่าประกอบ -
20 - 24 ก.ย. 64 อาการ การ
บอกคาศัพท์ sit down, stand up, run ,sleep,
27 - 1 ต.ค. 64 เคลอ่ื นไหว walk ,jump ทาทา่ ประกอบ
4 - 8 ต.ค. 64 ทบทวน - ทบทวนเรอื่ งทเ่ี รยี นมา
๗๘
ตารางกาหนดการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กิจกรรมย่อย (กจิ กรรมภาษาอังกฤษ)
ระดับปฐมวยั ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรียนเทศบาล ๑ (บา้ นเกา่ ) สงั กัด กองการศึกษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั หาห์ท่ี วนั เดอื น ปี หนว่ ย เรอื่ ง รายละเอยี ด หมายเหตุ
22
23 1 - 5 พ.ย. 64 - เรยี นรูค้ าศัพทภ์ าษาอังกฤษเก่ยี วกับสี
24 - บอกชอ่ื สเี ปน็ ภาษาองั กฤษจากส่งิ ตา่ งๆ
8 - 12 พ.ย. 64 6 Color สี รอบตวั ประโยคคาถาม What color is it?
25 15 - 19 พ.ย. 64 คาตอบ It is…………..
26 22 - 26 พ.ย. 64
27
28 29 - 3 ธ.ค. 64 - เรียนรู้คาศัพท์ภาษาอังกฤษเกีย่ วกับวัน ผา่ น
29
30 13 - 17 ธ.ค. 64 7 Day of the week การฟงั เพลง Day of the week Song
31 20 - 24 ธ.ค. 64 สปั ดาห์ 1 มี 7 วนั - บอกช่ือวันเป็นภาษาองั กฤษ พร้อมบอกสี
32
33 27 - 30 ธ.ค. 64 ประจาวนั
34
35 4 - 7 ม.ค. 65 - เรียนรูค้ าศพั ท์ภาษาอังกฤษเกีย่ วกับผลไม้
36 ผ่านเพลง “Watermelon” พรอ้ มท่าเต้น
10 - 14 ม.ค. 65 8 Fruits ผลไม้ ประกอบ
37 17 - 21 ม.ค. 65 - บอกชอ่ื ผลไม้ภาษาอังกฤษ
38 24 - 28 ม.ค. 65
39
40 31 - 4 ก.พ. 65 - เรยี นร้ศู พั ท์เกย่ี วกับ สัตว์ต่างๆ เปน็
7 - 11 ก.พ. 65 ภาษาอังกฤษ ผ่านการฟังเพลง “Old
41 14 - 18 ก.พ. 65 9 Animals สตั ว์ Macdonald
- บอกชื่อสตั วช์ นิดตา่ งๆหรือเลียนเสยี งสัตวช์ นิด
42 21 - 25 ก.พ. 65 ต่างๆ
28 - 4 มี.ค. 65 - เรยี นรคู้ าศัพทเ์ ก่ียวกบั ครอบครวั เป็น
7 - 11 ม.ี ค. 65 ภาษาองั กฤษ ผา่ นเพลง Family Finger Play”
14 - 18 ม.ี ค. 65 10 Family ครอบครวั พรอ้ มทาท่าทางประกอบ
- บอกคาศัพทภ์ าษาอังกฤษ ของสมาชกิ ใน
21 - 25 ม.ี ค. 65
ครอบครวั
28 - 31 ม.ี ค. 65 ทบทวน ทบทวนเร่ืองทเี่ รยี นมา
๗๙
ตารางกาหนดการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กิจกรรมยอ่ ย (กิจกรรมรกั การอา่ น)
ระดับปฐมวยั ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรียนเทศบาล ๑ (บา้ นเก่า) สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั หาห์ที่ วัน เดือน ปี หนว่ ย เร่ือง รายละเอียด หมายเหตุ
1 - 20 ภาคเรยี นท่ี 1 ๑ นทิ านสขุ ภาพ อา่ นนทิ านเกี่ยวกับการดแู ลสุขภาพของเด็ก
21 - 40 เช่น นิทานเกยี่ วกบั การแปรงฟนั
๒ นิทานสอนใจ นิทานเก่ยี วกบั การรับประทานอาหาร
อา่ นนิทานทีม่ ีสอดแทรกหรือมีคตสิ อนใจ
เชน่ นทิ านอสี ป
ภาคเรียนท่ี 2 ๓ ความปลอดภยั อา่ นนิทานเกย่ี วกบั เร่ืองความปลอดภยั
ในการใช้ชีวติ ประจาวัน เช่น การขา้ มถนน
๔ วันสาคัญ การเลน่ เครอ่ื งเลน่ สนาม
อา่ นนิทานเกย่ี วกับวนั สาคัญต่างๆ เช่น
วนั คริสต์มาส วันขน้ึ ปีใหม่
๘๐
ตารางกาหนดการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กิจกรรมย่อย (กจิ กรรมเกษตร)
ระดบั ปฐมวยั ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บ้านเกา่ ) สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลเมอื งพาน
สปั ดาหท์ ี่ วัน เดอื น ปี หน่วย สาระการเรียนรู้ เรือ่ ง หมายเหตุ
๑ – ๔๐
ตลอดปีการศึกษา ๑ ผักสวนครวั ผกั สวนครัวคอื อะไร
บอกชือ่ ผักที่ชอบ
ประโยชน์ของผัก
พชื ยืนตน้ (สมุนไพร)
พืชล้มลุก (ผักตา่ งๆ)
2 อปุ กรณ์ รู้จักอปุ กรณ์
การใช้อุปกรณ์
การดแู ล รักษาอุปกรณ์
๓ แหล่งเรยี นรู้ ระบบนิเวศ
ไมป้ ระดับกาจัดศัตรูพืช
การปลูกดอกไมป้ ระดับ
การดูแลรักษาดอกไม้
สรา้ งแปลงปลกู
๔ ผกั ปลอดสารพิษ เมลด็ พนั ธุ์ดี
การเพาะเมลด็
ต้นกล้า
อาหารของผกั
การดแู ลรกั ษา
การเจรญิ เตบิ โตของผกั
การเกบ็ เกี่ยว
๘๑
ตารางกาหนดการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ กิจกรรมย่อย (กิจกรรมจิตสาธารณะ)
ระดบั ปฐมวยั ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรียนเทศบาล ๑ (บา้ นเก่า) สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั ดาห์ที่ วนั เดือน ปี หนว่ ย เรอ่ื ง รายละเอยี ด หมายเหตุ
๑- ๔๐
ตลอดปกี ารศกึ ษา ๑ หนนู อ้ ยจิตสาธารณะ การทาความสะอาดห้องเรยี น
เก็บขยะบรเิ วณตกึ อนบุ าล
ทาความสะอาดห้องวัฒนธรรม
ทาความสะอาดห้องสมุด
ทาความสะอาดห้องน้า
ทาความสะอาดสนามเด็กเล่น
ทาความสะอาดโรงอาหาร
จัดระเบียบห้องเรยี น
เกบ็ ขยะบริเวณโรงเรียน
2 หนูทาความดีดว้ ยใจ พชี่ ว่ ยน้อง
เพอื่ นชว่ ยเพ่ือน
3 หนนู ้อยพอเพียง รู้จกั การออม
4 คุณธรรม 5 ประการ พอเพียง
วินยั
สจุ ริต
จติ อาสา
๘๒
ตารางกาหนดการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กิจกรรมย่อย (กิจกรรม ICT)
ระดบั ปฐมวยั ปีการศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านเกา่ ) สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั ดาห์ที่ วนั เดือน ปี หนว่ ย เร่ือง รายละเอยี ด หมาย
ร้จู กั กับคอมพิวเตอร์ เหตุ
ส่วนประกอบของคอมพวิ เตอร์
๑ - 20 ภาคเรยี นที่ 1 ๑ ความรูเ้ บอื้ งต้นเกีย่ ว ICT อุปกรณ์ตา่ งๆของคอมพวิ เตอร์
เมาส์ แปน้ พิมพ์ จอภาพ
๒ การใชง้ านคอมพิวเตอร์เบื้องต้น เคร่ืองพมิ พ์ หูฟัง ตวั เครื่อง
การเปิด - ปิด เคร่อื งคอมพิวเตอร์
2๑ - 40 ภาคเรยี นท่ี 2 ๓ การค้นคว้าหาความรู้ ICT การใช้เมาสอ์ ย่างถูกวธิ ี
๔ การสรา้ งสรรคผ์ ลงาน การใชแ้ ป้นพิมพ์อยา่ งถกู วิธี
ส่วนประกอบของ Windows
รู้จกั อุปกรณ์ ICT ต่างๆ
การค้นหาความรู้ ICT ในหอ้ งสมดุ
ส่วนประกอบของโปรแกรม Paint
การใชง้ านโปรแกรม Paint เบอื้ งต้น
การสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากโปรแกรม
Paint
๘๓
ตารางกาหนดการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ กจิ กรรมย่อย (กิจกรรมภาษาไทย)
ระดับปฐมวยั ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านเกา่ ) สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สัปดาห์ที่ วัน เดือน ปี รายละเอียด หมายเหตุ
๑ - ๔๐
พดู เสยี งพยัญชนะ ม น ห ย ค อ ว บ ก ป ท ต ล จ พ ง ด ได้ชดั เจน
รจู้ ักพยญั ชนะไทย 44 ตวั ก-ฮ ไดโ้ ดยมีรปู ภาพประกอบ
พดู คาบัญชพี ื้นฐาน ได้อยา่ งน้อย 14 คา (หมวดเครือญาติ) พ่อ แม่ พี่
นอ้ ง ตา เพ่ือน ลงุ ผา้ นา้ ยาย ลูก ย่า อา ป้า
พดู คาบัญชีพน้ื ฐาน ได้อย่างน้อย 4 คา (หมวดดอกไม้) ดอกไม้ ดอก
เข็ม กหุ ลาบ มะลิ
พูดคาบัญชีพน้ื ฐาน ได้อยา่ งน้อย 10 คา (หมวดผลไม้) กล้วย แตงโม
มะพร้าว มะมว่ ง มะละกอ สม้ โอ ขนุน มะขาม ลาไย เงาะ
ตรวจปีการศึกษา พูดคาบัญชีพน้ื ฐาน ได้อย่างน้อย 10 คา (หมวดผกั ) ผกั พริก มะเขอื
ผกั กาด หญ้า ผกั บุ้ง คะน้า กะหลา่ ปลี ผักชี ถว่ั
พดู คาบัญชพี ้นื ฐาน ได้อยา่ งน้อย 4 คา (หมวดยานพาหนะ) รถ เรือ
รถไฟ รถยนต์
พูดคาบัญชพี ้ืนฐาน ได้อยา่ งน้อย 5 คา (หมวดสถานที่) โรงเรียน บา้ น
วดั ตลาด ถนน
พูดคาบัญชพี ื้นฐาน ได้อย่างน้อย 15 คา (หมวดสัตว์) ไก่ หมู กระต่าย
ปลา หมา นก เตา่ เสือ เป็ด ชา้ ง เสอื งู สิงโต กุ้ง จระเข้
รู้จักสระภาษาไทย (สระเดย่ี ว) ได้ สระอะ อา อิ อี อุ อู
๘๔
ตารางกาหนดการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ กจิ กรรมยอ่ ย (กิจกรรมคณิตศาสตร)์
ระดับปฐมวยั ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรียนเทศบาล ๑ (บา้ นเก่า) สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สปั หาห์ท่ี วัน เดือน ปี หน่วย เรื่อง รายละเอียด หมาย
1 - 40 ตลอดปีการศึกษา ๑ การนบั นบั ปากเปล่า นบั สง่ิ ของท่ีเป็นนามธรรมได้ เหตุ
๒ การเขียน นับตวั เลข 1 - 50
การเขียนเลขตามรอยประ
๓ การบวก - ลบ การเขียนเลขไทย 1 - 20
๔ การเพ่ิมและลดลงของตัวเลข การเขียนเลขฮนิ ดู อารบิก 1 - 20
๕ สตู รคณู การบวกเลขหลกั หนว่ ย ไม่มีทด
การลบเลขหลกั หน่วย ไม่มกี ารยืม
การเพ่ิมข้นึ ทลี ะ 1 ของจานวนนับ ใดๆ
การลดลงทีละ 1 ของจานวนนับ ใดๆ
ทอ่ งแมส่ ูตรคณู แม่ 2 - แม่ 6
๘๕
ตารางกาหนดการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กจิ กรรมย่อย (กิจกรรมวัฒนธรรม)
ระดับปฐมวัย ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บ้านเกา่ ) สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลตาบลเมืองพาน
สัปดาห์ท่ี วัน เดือน ปี หนว่ ย ชื่อหนว่ ย เรื่อง หมายเหตุ
1-2
3-4 17 - 28 พ.ค. 64 ๑ การไหว้ การไหว้คนทีเ่ คารพนับถือทั่วไป
5-6
31 พ.ค.64 – 11 ม.ิ ย. 64 การไหวพ้ ่ีและเพ่อื นๆ
7-10
14-25 มิ.ย. 64 การกราบบุคคลที่ควรเคารพ
11-12
13-14 28 มิ.ย. 64 - 23 ก.ค. 64 การกราบพระพทุ ธรูป พระสงฆ์ หรอื
15-16 พระรตั นตรัย
17-18
19-20 27 ก.ค. 64- 6 ส.ค. 64 ๒ มารยาทไทย มารยาทในการนง่ั
9 - 20 ส.ค. 64 มารยาทในการยืน
23 ส.ค. 64 - 3 ก.ย. 64 มารยาทในการเดนิ
6 ก.ย. 64 - 17 ก.ย. 64 มารยาทในการนอน
20 ก.ย. 64 - 1 ต.ค. 64 มารยาทในการรับประทานอาหาร
ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
สัปดาห์ท่ี วัน เดือน ปี หน่วย ชอื่ หนว่ ย เร่อื ง หมายเหตุ
21-23 1- 19 พ.ย. 64 3 การสวดมนต์ การสวดมนต์
24-26 22 พ.ย. 64- 17 ธ.ค. 64 การแผ่เมตตา
27-29 20 ธ.ค. 64 - 7 ม.ค. 65 การฝกึ สมาธิ
30-32 10 ม.ค. 65 - 28 ม.ค. 65 4 วฒั นธรรมไทย การแตง่ กาย
33-35 31 ม.ค. 65 - 18 ก.พ. 65 ประเพณีประจาภาคเหนือ
36-40 21 ก.พ. 65 - 25มี.ค. 65 ภาษาพ้นื เมือง/นิทานคณุ ธรรม
๘๖
ตารางกาหนดการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ กิจกรรมย่อย (กจิ กรรมอบรมสดุ สัปดาห์)
ระดบั ปฐมวัย ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บา้ นเกา่ ) สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลตาบลเมอื งพาน
สปั ดาห์ท่ี วนั เดอื น ปี หน่วย เรือ่ ง รายละเอยี ด หมายเหตุ
๑ - ๔๐
ทง้ั ปกี ารศึกษา ๑ ขยะ การท้ิงขยะ
การเกบ็ ขยะ
การคัดแยกขยะ
ขยะรไี ซเค้ิล
ชิ้นงานจากขยะ
๒ ยาเสพตดิ รจู้ ักยาเสพติด
ยาเสพติดให้โทษ
การปอ้ งกันจากยาเสพตดิ
การสง่ ตอ่ ความรู้
คนรุน่ ใหม่หา่ งไกลยาเสพติด
๓ เศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
การออม
การเกษตรในบา้ น
การใชน้ า้
การใช้ไฟ
๔ โตไปไมโ่ กง เดก็ ดี
ความซอ่ื สตั ยส์ ุจริต
การรับผิดชอบต่อการกระทาของตนเอง
การปฏิบตั ติ อ่ ผู้อ่นื อย่างเท่าเทียม
จิตสาธารณะ
๘๗
การจดั สภาพแวดล้อม สื่อและแหล่งเรียนรู้
การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษา มีความสาคัญต่อเด็กเน่ืองจากธรรมชาติของเด็กในวัยน้ี
สนใจท่ีจะเรียนรู้ ค้นคว้า ทดลอง และต้องการสัมผัสกับส่ิงแวดล้อมรอบๆตัว ดังน้ัน การจัดเตรียม
ส่ิงแวดล้อมอย่างเหมาะสมตามความต้องการของเด็ก จึงมีความสาคัญที่เก่ียวข้องกับพฤติกรรมและ
การเรียนรู้ของเด็ก เด็กสามารถเรียนรู้จากการเล่นท่ีเป็น ประสบการณ์ตรงท่ีเกิดจากการรับรู้ด้วย
ประสาทสัมผัสท้ังห้าจึงจาเป็นต้องจัดสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพ และความ
ต้องการของหลกั สตู ร เพือ่ ส่งผลใหบ้ รรลจุ ดุ หมายในการพัฒนาเด็ก
การจัดสภาพแวดล้อมคานงึ ถึงสงิ่ ตอ่ ไปนี้
๑.ความสะอาด ความปลอดภยั
๒.ความมีอสิ ระอย่างมขี อบเขตในการเลน่
๓.ความสะดวกในการทากิจกรรม
๔.ความพร้อมของอาคารสถานที่ เชน่ ห้องเรียน ห้องน้าห้องสว้ ม สนามเด็กเลน่ ฯลฯ
๕.ความเพยี งพอเหมาะสมในเร่อื งขนาด น้าหนัก จานวน สขี องสื่อและเคร่อื งเล่น
๖.บรรยากาศในการเรยี นรู้ การจัดท่เี ลน่ และมมุ ประสบการณ์ต่างๆสภาพแวดลอ้ มภายในห้องเรยี น
หลักสาคัญในการจัดต้องคานึงถึงความปลอดภัย ความสะอาด เป้าหมายการพัฒนาเด็ก
ความเป็นระเบียบ ความเป็นตัวของเด็กเอง ให้เด็กเกิดความรู้สึกอบอุ่น ม่ันใจ และมีความสุข ซ่ึงอาจ
จดั แบ่งพนื้ ทีใ่ ห้เหมาะสมกับการประกอบกิจกรรมตามหลักสตู ร ดังนี้
๑. พ้ืนทอ่ี านวยความสะดวกเพ่อื เดก็ และผสู้ อน
๑.๑ ท่แี สดงผลงานของเด็ก อาจจดั เปน็ แผ่นปา้ ย หรือทแี่ ขวนผลงาน
๑.๒ ทเี่ กบ็ แฟม้ ผลงานของเด็ก อาจจัดทาเป็นกล่องหรอื จัดใส่แฟม้ รายบุคคล
๑.๓ ทเ่ี ก็บเคร่อื งใชส้ ว่ นตัวของเด็ก อาจทาเป็นชอ่ งตามจานวนเด็ก
๑.๔ ท่ีเกบ็ เคร่ืองใชข้ องผู้สอน เชน่ อุปกรณ์การสอน ของส่วนตัวผสู้ อน ฯลฯ
๑.๕ ป้ายนเิ ทศตามหนว่ ยการสอนหรอื สง่ิ ทเ่ี ด็กสนใจ
๒. พนื้ ท่ปี ฏบิ ัติกิจกรรมและการเคล่ือนไหวต้องกาหนดให้ชัดเจน ควรมีพืน้ ทีท่ ี่เด็กสามารถจะ
ทางานได้ด้วยตนเอง และทากิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ เด็กสามารถเคล่ือนไหวได้
อย่างอิสระจากกจิ กรรมหนึ่งไปยงั กจิ กรรมหน่ึงโดยไมร่ บกวนผู้อ่ืน
๓. พ้ืนท่ีจัดมุมเล่นหรือมุมประสบการณ์สามารถจัดได้ตามความเหมาะสมข้ึนอยู่กับสภาพของ
ห้องเรียน จัดแยกส่วนที่ใช้เสียงดังและเงียบออกจากกัน เช่น มุมบล็อกอยู่ห่างจากมุมหนังสือ มุม
บทบาทสมมติอยู่ติดกับมุมบล็อก มุมวิทยาศาสตร์อยู่ใกล้มุมศิลปะฯ ลฯ ท่ีสาคัญจะต้องมีของเล่น วัสดุ
อุปกรณ์ในมุมอย่างเพียงพอต่อการเรียนรู้ของเด็ก การเลน่ ในมุมเล่นอยา่ งเสรี มักถูกกาหนดไว้ในตาราง
กิจกรรมประจาวัน เพ่ือให้โอกาสเด็กได้เล่นอย่างเสรีประมาณวันละ ๖๐ นาทีการจัดมุมเล่นต่างๆ
ผูส้ อนควรคานึงถึงสง่ิ ตอ่ ไปนี้
๓.๑ ในห้องเรียนควรมมี มุ เลน่ อย่างน้อย ๓-๕ มมุ ทัง้ นข้ี ้นึ อยกู่ บั พนื้ ท่ีของห้อง
๓.๒ ควรได้มกี ารผลัดเปลยี่ นส่อื ของเลน่ ตามมุมบา้ ง ตามความสนใจของเด็ก
๘๘
๓.๓ ควรจัดให้มีประสบการณ์ที่เด็กได้เรียนรู้ไปแล้วปรากฏอยู่ในมุมเล่น เช่น เด็ก
เรียนรู้เรื่องผีเสื้อ ผู้สอนอาจจัดให้มีการจาลองการเกิดผีเส้ือไว้ให้เด็กดูในมุมธรรมชาติศึกษาหรือมุม
วิทยาศาสตร์ ฯลฯ
๓.๔ ควรเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดมุมเล่น ทั้งน้ีเพ่ือจูงใจให้เด็กรู้สึกเป็น
เจา้ ของ อยากเรียนรู้ อยากเข้าเลน่
๓.๕ ควรเสริมสร้างวินัยให้กับเด็ก โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าเมื่อเล่นเสร็จแล้วจะต้อง
จัดเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าท่ีให้เรียบร้อยสภาพแวดล้อมนอกห้องเรียนคือ การจัดสภาพแวดล้อม
ภายในอาณาบริเวณรอบ ๆ สถานศึกษา รวมท้ังจัดสนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นสนาม จัดระวังรักษา
ความปลอดภัยภายในบริเวณสถานศึกษาและบริเวณรอบนอกสถานศึกษา ดูแลรักษาความสะอาด
ปลูกต้นไม้ให้ความร่มร่ืนรอบๆบริเวณสถานศึกษาสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อการเรียนรู้
และพัฒนาการของเด็กบรเิ วณสนามเด็กเลน่ ตอ้ งจดั ใหส้ อดคล้องกับหลักสตู ร ดังน้ี
สนามเด็กเล่นมีพ้ืนผิวหลายประเภท เช่น ดิน ทราย หญ้า พื้นท่ีสาหรับเล่นของเล่น
ท่ีมีล้อ รวมท้ังที่ร่ม ที่โล่งแจ้ง พ้ืนดินสาหรับขุด ที่เล่นน้า บ่อทราย พร้อมอุปกรณ์ประกอบการเล่น
เครื่องเลน่ สนามสาหรับปีนปา่ ย ทรงตวั ฯลฯ ทง้ั นี้ต้องไมต่ ิดกบั บริเวณท่ีมอี นั ตราย ตอ้ งหมนั่ ตรวจตรา
เครือ่ งเลน่ ให้อยใู่ นสภาพแข็งแรง ปลอดภยั อยู่เสมอ และหมัน่ ดแู ลเรือ่ งความสะอาด
ที่น่ังเล่นพักผ่อน จัดที่น่ังไว้ใต้ต้นไม้มีร่มเงา อาจใช้กิจกรรมกลุ่มย่อย ๆ หรือ
กิจกรรมที่ต้องการความสงบ หรืออาจจัดเป็นลานนิทรรศการให้ความรู้แก่เด็กและผู้ปกครองบริเวณ
ธรรมชาติปลูกไม้ดอกไม้ประดับ พืชผักสวนครัว หากบริเวณสถานศึกษา มีไม่มากนัก อาจปลูกพืชใน
กระบะหรอื กระถาง
สื่อและแหล่งเรยี นรู้
สื่อประกอบการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยท้ังทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม
และสติปัญญาควรมีสื่อท้ังที่เป็นประเภท ๒ มิติ และ/หรือ ๓ มิติ ที่เป็นสื่อของจริง ส่ือธรรมชาติ
ส่ือท่ีอยู่ใกล้ตัวเด็ก สื่อสะท้อนวัฒนธรรม สื่อที่ปลอดภัยต่อตัวเด็ก สื่อเพ่ือพัฒนาเด็กในด้านต่างๆให้
ครบทุกด้านสื่อที่เอ้ือให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสท้ังห้า โดยการจัดการใช้ส่ือเริ่มต้นจาก สื่อของ
จริง ภาพถ่ายภาพโครงร่าง และ สัญลักษณ์ท้ังน้ีการใช้สื่อต้องเหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความ
แตกต่างระหว่างบุคคล ความสนใจและความต้องการของเด็กท่ีหลากหลาย ตัวอย่างส่ือประกอบการ
จดั กิจกรรม มดี งั น้ี
กิจกรรมเคลอ่ื นไหว และจงั หวะ
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมท่ีให้เด็กได้เคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ตามจังหวะอย่างอิสระ โดยใช้เสียงเพลง คาคล้องจอง เครื่องเคาะจังหวะ และอุปกรณ์อ่ืน ๆ
ประกอบการเคล่ือนไหว เพ่ือส่งเสรมิ ให้เด็กเกิดจนิ ตนาการความคิดสร้างสรรค์ รู้จังหวะและควบคุม
การเคล่ือนไหวของตนเองได้ ได้แก่ การเคลื่อนไหวข้ันพื้นฐาน การเคลื่อนไหวอิสระ การเคลื่อนไหว
ตามคาบรรยาย การเคลื่อนไหวตามจินตนาการ การเคล่ือนไหวตามข้อตกลง การเคล่ือนไหวเชิง
สร้างสรรค์ การเคล่ือนไหวอยู่กบั ที่ การเคล่ือนไหวเป็นคู่ การทาท่าทางประกอบเพลง การทาท่าทาง
ตามความหมายของเพลง การเปน็ ผนู้ าและผู้ตาม การร้องเพลง
๘๙
กิจกรรมมอนเตสซอรี่
สื่ออุปกรณ์มอนเตสซอรี่ ประกอบด้วยสื่อ ๓ กลุ่ม ได้แก่กลุ่มประสบการณ์ชีวิต กลุ่ม
ประสาทสัมผัส และกลุ่มวิชาการซึ่งประกอบด้วย อุปกรณ์สาหรับการเขียน,อ่าน และคณิตศาสตร์ ซึ่ง
ชว่ ยพัฒนาทักษะความเป็นตัวของตัวเอง พัฒนาทักษะการใช้กล้ามเนือมือ การประสานสัมพันธข์ อง
ตา-มือ พัฒนาทักษะด้านอารมณ์ พัฒนาทักษะการดูแลสิ่งแวดล้อม พัฒนาทักษะการช่วยเหลือ
ตนเอง
อุปกรณ์กลุ่มประสบการณ์ชีวิต กิจกรรมในกลุ่มประสบการณ์ชีวิต มีวัตถุประสงค์ ในการฝึก
เด็กให้มีระเบียบวินัย มีสมาธิ เป็นตัวของตัวเอง สามารถตัดสินใจเองได้ เรียนรู้กระบวนการในการ
ทางานตังแต่ต้นจนจบ ฝึกกล้ามเนือมัดใหญ่ มัดเล็ก และกล้ามเนือมือ ฝึกตา-มือ ประสานสัมพันธ์
เป็นการปูพืนฐานในการเรียนต่อไป ได้แก่ การฝึกทาอุปกรณ์ตีไข่ คีบใหญ่ ติดแปะ เจาะกระดาษ ไม้
หนีบผ้า ปัดฝุ่น เทเม็ดสาคู ตัดกระดาษเฉียง ตัดกระดาษตรงฉีกกระดาษ เปิด-ปิดฝาขวด ตวง
ข้าวสาร ตวงของเหลว ปั้นแป้งโด ขัดรองเท้า อาบน้าน้อง คีบฟองน้า หยอดเหรียญ ตาถ่ัว ร้อย
กระดุมใหญ่ ร้อยกระดุมเล็ก กวาดขยะ บีบฟองน้า เทน้าตามขีดที่กาหนด เทน้าผ่านกรวย ร้อยมาลัย
เชด็ กระจก กรอกนา้ ใสข่ วด เยบ็ กระดาษ ยา้ ยไข่ เทน้าใสถ่ าดทาน้าแข็ง จดั แจกนั ดอกไม้ ห วีลู ก ต าล
สวมถุงมอื สวมถงุ เท้า เปิด-ปิดกุญแจ รีดผ้า ตักถั่ว แว่นขยาย สวมเถาป่ินโต คีบตะเกียบ ใส่
ปลอกหมอน ตักหินสีด้วยทัพพีกรองร้อยหลอดด้าย ผูกเชือกรองเท้า แยกสีลวดเสียบกระดาษ พับผ้า
ตักลูกปิงปอง กรอบไม้ฝึกผูกโบว์ กรอบไม้ฝึกคาด เข็มขัด กรอบไม้ฝึกติดกระดุมเล็ก กรอบไม้ฝึกติด
กระดมุ ใหญ่ กรอบไมฝ้ ึกตดิ ตะขอ กรอบไม้ฝกึ กลดั เขม็ กลดั
อุปกรณ์มอนเตสซอรี่ กลุ่มประสาทสัมผัส ช่วยพัฒนาทักษะด้านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ด้าน
ได้แก่ การฟัง การสัมผัส การดมกลิ่น การรู้รส และการมองเห็น ซ่ึงมีความจาเป็นต่อการเรียนรู้
ของเด็ก เด็กจะได้เรียนรู้จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม ทาให้เข้าใจในสิ่งท่ีเรียนรู้โดยง่าย เป็นการปู
พื้นฐานให้เด็กได้มีความเข้าใจส่ิงต่างๆรอบตัว เป็นเส้นทางไปสู่การเรียนรู้โลกภายนอกได้ดีย่ิงข้ึนโดย
การฝึกทาอุปกรณ์จับคู่เปลือกหอย ถาดแยกพวก ปิดตาสัมผัสผ้า กล่องเสียง กล่องสี 1 กล่องสี 2
กล่องสี 3 ทรงกระบอกไร้จุกสีน้าเงิน ทรงกระบอกไร้จุกสีเขียว ทรงกระบอกไร้จุกสีเหลือง
ทรงกระบอกไร้จุกสีแดง ทรงกระบอกมีจุกท่อนที่ 1 ทรงกระบอกมีจุกท่อนท่ี 2 ทรงกระบอกมีจุก
ท่อนท่ี 3 ทรงกระบอกมีจุกท่อนท่ี 4 แผ่นสัมผัสหยาบ-เรียบ แผ่นไม้ประมาณน้าหนัก สัมผัสถุงผ้า
ขวดสารวจกล่ิน ชุดสามเหลี่ยม ชุดห้าเหล่ียม ชุดหกเหล่ียม แผ่นไม้ประมาณน้าหนัก ขวดอุณหภูมิ
หอคอยสีชมพู แขนงไมส้ แี ดง แผ่นภาพเรขาคณติ รปู ทรงเราขาคณิต บันไดสีน้าตาล
อุปกรณ์มอนเตสซอรี่ กลุ่มวิชาการ กิจกรรมในกลุ่มวิชาการ (คณิตศาสตร์ และภาษา) มี
วตั ถปุ ระสงค์เพ่ือปูพืนฐานความรู้ให้แกเ่ ด็กเกี่ยวกับจานวน ตัวเลข การอ่าน และการเขียน โดยเดก็ จะ
ได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการอย่างเป็นขันตอน จากรูปธรรมสูน่ ามธรรม โดยใช้อุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่
เปน็ ส่ือ
๙๐
อปุ กรณ์ทางดา้ นภาษาการเขยี นและการอ่าน ได้แก่ การฝกึ ทาอุปกรณ์แผน่ ภาพโลหะ กรอบรูป
เรขาคณิต บัตรพยัญชนะ สระ บัตรอักษรกระดาษทราย กระบะทรายสาหรับเขียน ตวั อักษรเคล่ือนท่ี
สาหรับใชใ้ นการสร้างคาหรอื ประสมคา บัตรคา บตั รภาพ และของจาลอง
อุปกรณ์ทางด้านคณิตศาสตร์ ได้แก่ การฝึกทาอุปกรณ์.บัตรตัวเลขกระดาษทราย แขนงไม้
คณิตศาสตร์ นับแทง่ ไม้ / นับตะเกียบ นับกระดมุ ลกู ปัดหลักเลขท่ีจัดไว้สาหรับการเรยี นเก่ียวกับหลัก
เลขหน่วย สิบ ร้อย พัน กระดานบวกเลข กระดานลบเลข ไม้จานวน ตัวเลขกระดาษทราย เกม
ธนาคาร ลูกปัด ๑๑–๑๙ กระดาน ๑๑–๑๙ บัตรเลข กระดาน ๑๐–๙๐ การนับต่อเนื่อง การนับ
ขา้ ม กระดานคูณ กระดานหาร
กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ /กิจกรรมในวงกลม
เปน็ การเรยี นรู้ประสบการณต์ า่ งๆ รอบตัวท่ีเป็นพืนฐานสาหรบั การเรยี นในระดบั ชันท่สี ูงขึน
ไป ด้วยการใช้สื่อ ได้แก่ บัตรภาพตามหน่วยการเรียนรู้ เช่น วันสาคัญต่างๆ บัตรคา ตามหน่วยการ
เรยี นรู้ เชน่ วนั สาคญั ต่างๆ จกิ ซอว์ ตวั ต่อ กจิ กรรมเสรมิ เชน่ A – Z , 1 - 10สื่อจาลอง ชุด การ
แปรงฟนั ส่ือจาลอง ชุด สตั ว์ / ผลไม้ ส่ือจาลอง ชดุ ตกุ๊ ตาอาเซยี น ส่อื ของจรงิ ทีอ่ ยู่ใกล้ตวั และสื่อจาก
ธรรมชาติหรือวัสดุท้องถ่ิน เช่น ต้นไม้ ใบไม้ เปลือกหอย เส้ือผ้า ส่ือวิทยาศาสตร์ ส่ือจาลอง เช่น
ลูกโลก ตุ๊กตาสัตว์ สื่อหนังสือนิทาน ส่ืออาเซียน สื่อไม้บล็อก กระดานไวท์บอร์ดพับได้ ฟันจาลอง
ขนาดเล็ก ร่างกายจาลอง สื่อชุดอาชีพและยานพาหนะ เกมฝึกกล้ามเนื้อมือ ความสัมพันธ์ ตาชั่ง 2
แขน ตาชั่งพลาสติก กระดานผสม พยัญชนะ-สระ เกมวัดทักษะด้านเหตุผล ห้องครัว-ห้องนอน จับคู่
ความสัมพันธ์ เกมจับคู่บุคคล-อาชีพ-เคร่ืองใช้ เคร่ืองหมายจราจร ชุดโบทานี(ช้ินส่วนพฤษศาสตร์)
ชุดโบทานี(ชุดสตั ว)์ โรงห่นุ ฉากนิทาน
ศูนยก์ ารเรียนกจิ กรรมเสรี การเลน่ ตามมมุ
จุดมุ่งหมายของการจัดศูนย์การเรียน กิจกรรมเสรี การเล่นตามมุมศูนย์การเรียนกิจกรรมเสรีมี
ความมุ่งหมายทสี่ าคญั โดยเฉพาะ ดงั นี้
1. ให้เด็กไดร้ ับประสบการณต์ รง ด้วยการประกอบกิจกรรมทส่ี อดคลอ้ งกับธรรมชาติ และ
สนองความต้องการของเด็ก โดยแบ่งกลุ่มกิจกรรมเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มประสบการณ์ชีวิต กลุ่ม
ประสาทสัมผสั และกลุ่มคณติ ศาสตร์และภาษา
2. เปิดโอกาสให้เด็กได้ตัดสินใจเลือกกิจกรรมด้วยตนเอง ได้ลงมือปฏิบัติจริง เด็ก
ได้รับความสนุกและเพลดิ เพลนิ แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง โดยไมต่ อ้ งวิตกกงั วล
3. ฝึกทักษะการเตรียมความพร้อมด้านประสาทสัมพันธ์ทางตาและมือเกิดพัฒนาการ
ทางการตัดสินใจ การมีเหตุผล รู้ขนาด จานวนสี และรูปลักษณะ ท้ังช่วยฝึกเชาวน์ปัญญา
อันเป็นทางนาหรอื เตรียมเด็กไปสู่การอา่ น และการเขียนในโอกาสต่อไป
4. ฝกึ เด็กให้ เรียนรู้สิทธแิ ละหน้าท่ี ความรับผิดชอบของตนและเพ่ือนภายในสังคมเล็ก ๆ และรับ
ฟังความคดิ เห็นของผ้อู ื่น
๙๑
5. ฝึกเด็กให้รู้จักการเล่นเคร่ืองเล่น การเก็บรักษาอุปกรณ์เคร่ืองเล่น ให้อยู่ในสภาพที่
เรียบรอ้ ยและครบถว้ น
6. ให้เป็นวิธีการที่เด็ก ๆ ได้รับความรัก ความอบอุ่น การอบรมเล้ียงดู และ
การปกปอ้ งให้เกิดความปลอดภัยที่จะอยรู่ ว่ มกนั ในสถานศึกษาได้อยา่ งมีความสุข
7. ให้เป็นวิธีการช่วยส่งเสริมเด็ก ๆ ได้รับพัฒนาการทางอารมณ์จิตใจและร่างกาย
สติปญั ญา และสังคม ครบถ้วนพรอ้ มในโอกาสเดยี วกนั
8. ให้เป็นวิธีการช่วยให้ครูทราบปัญหา ความคับข้องใจของเด็ก ทาให้ครูสามารถหาวิธี
ช่วยคล่ีคลายปญั หาแกเ่ ด็กได้
9. เป็นวิธีการปูพื้นฐานประสบการณ์ และความรู้ ให้เด็กมีความพร้อมสามารถช่วยตนเอง
ได้ถกู ต้อง เหมาะสมกับวยั ของเดก็
10. ให้เป็นวิธีที่ช่วยให้ครูทราบความสนใจเป็นพิเศษของเด็ก และสามารถประเมินผล
พฒั นาการ และพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนได้ พรอ้ มท่ีจะรายงานลงในสมุดรายงานประจาวันเด็กแต่
ละคนไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
11. ให้มีวิธีการช่วยให้ครูตื่นตัวอยู่เสมอ ในการที่จะค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมเติม สารวจ
แหล่งวัสดุ อุปกรณ์ และคิดค้น สร้างสรรค์ อุปกรณ์ใหม่ ๆ ขึ้น เพื่อส่งเสริมความพร้อมให้แก่เด็ก
อย่างมีประสทิ ธภิ าพมากยิ่งขน้ึ ศูนยก์ ารเรียนกิจกรรมเสรีและการเล่นตามมุมจัดเปน็ มุมเลน่ ดงั น้ี
กิจกรรมสรา้ งสรรค์ควรมีวัสดุ อุปกรณ์ ดังนี้
๑. การวาดภาพและระบายสี ไดแ้ ก่ สีเทยี นแท่งใหญ่ สไี ม้ สีชอล์ก สนี ้า พู่กันขนาดใหญ่
(ประมาณเบอร์ ๑๒ ) กระดาษ เสื้อคลมุ หรอื ผา้ กนั เป้อื น
๒. การเลน่ กับสี การเปา่ สี การหยดสนี ้า การพบั สี การละเลงสี อุปกรณ์ได้แก่ สนี ้ากระดาษ
หลอดกาแฟ พู่กัน แปง้ เปียก
๓. การพิมพ์ภาพ แมพ่ ิมพ์ต่าง ๆ จากของจริง เช่น นว้ิ มือ ใบไม้ ก้านกลว้ ย แม่พิมพ์จาก
วสั ดอุ น่ื ๆ เช่น เชอื ก เส้นดา้ ย ตรายาง กระดาษ ผ้าเช็ดมอื สีโปสเตอร์ สนี ้า สีฝ่นุ
๔.การปั้น เช่น ดินน้ามนั ดินเหนยี ว แปง้ โดวแ์ ผน่ รองปั้น แม่พมิ พร์ ูปตา่ ง ๆ ไม้นวดแปง้
๕.การพับ ฉีก ตดั ปะ เชน่ กระดาษ หรอื วสั ดุอนื่ ๆที่จะใช้พับ ฉกี ตดั ปะ กรรไกรขนาดเล็ก
ปลายมน กาวนา้ หรอื แป้งเปยี ก ผา้ เช็ดมือ
๖. การประดษิ ฐ์เศษวสั ดุ เช่น เศษวสั ดุตา่ ง ๆ มกี ล่องกระดาษ แกนกระดาษ เศษผ้า เศษ
ไหม กาว กรรไกร สี ผา้ เชด็ มือ ฯลฯ
๗. การรอ้ ยเช่น ลูกปดั หลอดกาแฟ หลอดด้าย ฯลฯ
๘. การสาน เชน่ กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว ฯลฯ
๙. การเลน่ พลาสตกิ สรา้ งสรรค์ พลาสติกช้นิ เลก็ ๆ รปู ทรงตา่ ง ๆ ผเู้ ลน่ สามารถนามาตอ่
เปน็ รปู แบบตา่ ง ๆ ตามความต้องการ
๑๐.การสร้างรปู เช่นจากกระดานปักหมุดจากแป้นตะปทู ใี่ ชห้ นงั ยางหรอื เชือกผูกดึงใหเ้ ป็นรูปรา่ งตา่ งๆ
๙๒
เกมการศึกษา ตวั อย่างส่ือประเภทเกมการศึกษามดี ังนี้
๑. เกมจบั คู่ ไดแ้ ก่ จับครู่ ปู รา่ งท่เี หมอื นกัน จับคู่ภาพเงา จับคูภ่ าพทซี่ ่อนอยู่ในภาพหลัก
จบั คู่ส่งิ ที่มคี วามสัมพนั ธ์กนั สงิ่ ทใ่ี ชค้ ูก่ นั จบั คภู่ าพสว่ นเตม็ กับสว่ นย่อย จบั คูภ่ าพกับโครงรา่ ง จบั คู่
ภาพชนิ้ ส่วนท่ีหายไป จับค่ภู าพทเี่ ป็นประเภทเดียวกนั จับคภู่ าพทซ่ี ่อนกัน จับคภู่ าพสัมพันธแ์ บบ
ตรงกันข้าม จับคู่ภาพทีส่ มมาตรกัน จบั คูแ่ บบอปุ มาอปุ ไมย จบั คู่แบบอนุกรม
๒. เกมภาพตัดต่อ
- ภาพตดั ต่อท่ีสัมพนั ธ์กบั หนว่ ยการเรยี นต่าง ๆ เชน่ ผลไม้ ผกั ฯลฯ
๓. เกมจัดหมวดหมู่ ได้แก่ ภาพส่ิงตา่ ง ๆ ท่นี ามาจัดเป็นพวก ๆ เก่ยี วกับประเภทของใช้
ในชีวติ ประจาวนั ภาพจดั หมวดหมูต่ ามรปู ร่าง สี ขนาด รูปทรงเรขาคณติ
๔. เกมวางภาพตอ่ ปลาย (โดมโิ น) ได้แก่ โดมิโนภาพเหมือน โดมโิ นภาพสมั พันธ์
๕. เกมเรียงลาดบั ได้แก่ เรยี งลาดบั ภาพเหตกุ ารณต์ ่อเนอ่ื ง เรยี งลาดบั ขนาด
๖. เกมศกึ ษารายละเอียดของภาพ (ลอ็ ตโต้)
๗. เกมจับคแู่ บบตารางสมั พันธ์ (เมตรกิ เกม)
๘. เกมพืน้ ฐานการบวก
กจิ กรรมกลางแจง้ ส่ือมีดงั นี้
๑. เครอื่ งเลน่ สนาม เชน่ เครอ่ื งเลน่ สาหรบั ปนี ปา่ ย เคร่ืองเลน่ ประเภทล้อเลอ่ื น ฯลฯ
๒. ทเ่ี ล่นทราย มที รายละเอียด เครื่องเล่นทราย เคร่ืองตวง ฯลฯ
๓. ทีเ่ ลน่ นา้ มภี าชนะใสน่ า้ หรอื อา่ งนา้ วางบนขาต้ังทมี่ ่ันคง ความสูงพอทเ่ี ด็กจะยืนได้พอดี
เสอื้ คลุมหรอื ผ้ากนั เปื้อนพลาสตกิ อุปกรณ์เล่นนา้ เช่น ถว้ ยตวง ขวดตา่ งๆ สายยาง กรวยกรอกนา้
ตกุ๊ ตายาง ฯลฯ
กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวและจังหวะตัวอยา่ งสอ่ื มีดังนี้
๑. เคร่อื งเคาะจังหวะ เช่นฉิ่ง เหล็กสามเหลี่ยม กรับ รามะนา กลอง ฯลฯ
๒. อปุ กรณป์ ระกอบการเคลื่อนไหว เชน่ หนังสอื พิมพ์ ริบบน้ิ แถบผา้ ห่วง ฯลฯ
การเลอื กส่อื มีวิธกี ารเลือกสือ่ ดงั นี้
๑. เลือกใหต้ รงกบั จดุ มงุ่ หมายและเรอื่ งท่สี อน
๒. เลอื กใหเ้ หมาะสมกบั วยั และความสามารถของเด็ก
๓. เลือกใหเ้ หมาะสมกับสภาพแวดล้อมของท้องถิน่ ท่ีเดก็ อยู่หรอื สถานภาพของสถานศึกษา
๔. มวี ธิ ีการใช้งา่ ย และนาไปใชไ้ ดห้ ลายกจิ กรรม
๕. มคี วามถกู ต้องตามเนือ้ หาและทนั สมยั
๖. มคี ณุ ภาพดี เชน่ ภาพชดั เจน ขนาดเหมาะสม ไม่ใช้สีสะทอ้ นแสง
๗. เลอื กสอื่ ทเ่ี ด็กเขา้ ใจง่ายในเวลาสั้น ๆ ไมซ่ ับซ้อน
๘. เลือกสือ่ ทีส่ ามารถสมั ผัสได้
๙. เลอื กส่อื เพ่ือใช้ฝกึ และสง่ เสรมิ การคิดเปน็ ทาเปน็ และกล้าแสดงความคิดเหน็ ด้วยความมั่นใจ
๙๓
การจดั หาส่ือ สามารถจดั หาได้หลายวธิ ี คือ
๑.จดั หาโดยการขอยืมจากแหล่งตา่ งๆ เชน่ ศูนยส์ อ่ื ของสถานศกึ ษาของรัฐบาล หรอื
สถานศึกษาเอกชน ฯลฯ
๒.จัดซอื้ ส่ือและเครอื่ งเลน่ โดยวางแผนการจัดซ้ือตามลาดับความจาเป็น เพ่ือให้สอดคลอ้ งกับ
งบประมาณที่ทางสถานศกึ ษาสามารถจัดสรรใหแ้ ละสอดคล้องกับแผนการจดั ประสบการณ์
๓.ผลิตสอ่ื และเคร่อื งเล่นขนึ้ ใช้เองโดยใช้วัสดุทปี่ ลอดภัยและหางา่ ยเป็นเศษวัสดุเหลอื ใช้ท่ีมีอยูใ่ น
ท้องถ่ินนนั้ ๆ เชน่ กระดาษแข็งจากลงั กระดาษ รูปภาพจากแผน่ ป้ายโฆษณา รปู ภาพจากหนังสอื นิตยสาร
ตา่ ง ๆ เปน็ ต้น
ขั้นตอนการดาเนนิ การผลติ สอ่ื สาหรบั เดก็ มดี ังน้ี
๑. สารวจความตอ้ งการของการใช้สอ่ื ใหต้ รงกบั จุดประสงค์ สาระการเรยี นร้แู ละกิจกรรมทจี่ ัด
๒. วางแผนการผลิต โดยกาหนดจุดมุ่งหมายและรูปแบบของส่ือให้เหมาะ สมกับวัยและ
ความสามารถของเด็ก สื่อนั้นจะตอ้ งมีความคงทนแข็งแรง ประณีตและสะดวกต่อการใช้
๓. ผลติ สอื่ ตามรูปแบบทเ่ี ตรยี มไว้
๔. นาสือ่ ไปทดลองใชห้ ลาย ๆ คร้ังเพื่อหาข้อดี ข้อเสยี จะได้ปรบั ปรงุ แก้ไขใหด้ ียิ่งขนึ้
๕. นาส่อื ทปี่ รับปรุงแก้ไขแล้วไปใช้จริง
การใช้สอื่ ดาเนนิ การดังนี้
๑. การเตรยี มพร้อมกอ่ นใช้ส่ือ มขี นั้ ตอน คือ
๑.๑ เตรยี มตัวผู้สอน
- ผู้สอนจะต้องศกึ ษาจดุ ม่งุ หมายและวางแผนว่าจะจัดกจิ กรรมอะไรบ้าง
- เตรียมจัดหาสือ่ และศกึ ษาวธิ ีการใชส้ ื่อ
- จดั เตรยี มสือ่ และวัสดุอน่ื ๆ ท่จี ะต้องใชร้ ว่ มกัน
- ทดลองใชส้ ่ือก่อนนาไปใชจ้ ริง
๑.๒ เตรียมตัวเดก็
- ศึกษาความรูพ้ นื้ ฐานเดิมของเด็กใหส้ มั พนั ธ์กับเร่ืองทีจ่ ะสอน
- เรา้ ความสนใจเดก็ โดยใชส้ ื่อประกอบการเรียนการสอน
- ใหเ้ ด็กมคี วามรับผิดชอบ รูจ้ ักใช้สือ่ อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ทาลาย เล่นแล้วเก็บใหถ้ ูกท่ี
๑.๓ เตรยี มสอื่ ให้พร้อมก่อนนาไปใช้
- จดั ลาดับการใช้สือ่ ว่าจะใช้อะไรก่อนหรือหลงั เพือ่ ความสะดวกในการสอน
- ตรวจสอบและเตรยี มเครื่องมือให้พรอ้ มท่ีจะใชไ้ ด้ทันที
- เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์ท่ีใช้ร่วมกบั ส่อื
๒. การนาเสนอสอื่ เพ่อื ใหบ้ รรลุผลโดยเฉพาะใน กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ /
กิจกรรมวงกลม / กจิ กรรมกลุ่มยอ่ ย ควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้
๒.๑ สร้างความพรอ้ มและเร้าความสนใจให้เด็กก่อนจัดกิจกรรมทุกคร้ัง
๙๔
๒.๒ ใช้สือ่ ตามลาดบั ขนั้ ของแผนการจัดกิจกรรมทกี่ าหนดไว้
๒.๓ ไม่ควรให้เดก็ เหน็ ส่อื หลายๆชนิดพร้อมๆกนั เพราะจะทาให้เดก็ ไมส่ นใจกิจกรรมทสี่ อน
๒.๔ ผู้สอนควรยืนอยู่ด้านข้างหรือดา้ นหลังของสอ่ื ท่ีใชก้ ับเดก็ ผูส้ อนไม่ควรยนื หันหลังให้
เด็ก จะต้องพูดคยุ กบั เด็กและสังเกตความสนใจของเด็ก พร้อมท้งั สารวจข้อบกพร่องของสอ่ื ท่ีใช้ เพ่อื นาไป
ปรับปรงุ แก้ไขให้ดีข้นึ
๒.๕ เปิดโอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ ่วมใช้สื่อ
ข้อควรระวงั ในการใชส้ ื่อการเรยี นการสอน การใช้ส่อื ในระดับปฐมวัยควรระวังในเรื่องตอ่ ไปนี้
๑.วสั ดุท่ีใช้ ต้องไมม่ ีพษิ ไม่หัก และแตกง่าย มีพืน้ ผิวเรียบ ไม่เป็นเสีย้ น
๒.ขนาด ไมค่ วรมีขนาดใหญเ่ กนิ ไป เพราะยากต่อการหยบิ ยก อาจจะตกลงมาเสียหาย แตก
เปน็ อันตรายต่อเดก็ หรือใช้ไม่สะดวก เชน่ กรรไกรขนาดใหญ่ โต๊ะ เก้าอ้ีที่ใหญ่และสงู เกนิ ไป และไมค่ วรมีขนาด
เล็กเกนิ ไป เด็กอาจจะนาไปอมหรือกลนื ทาใหต้ ดิ คอหรือไหลลงท้องได้ เชน่ ลกู ปดั เล็ก ลกู แก้วเลก็ ฯลฯ
๓. รปู ทรง ไมเ่ ปน็ รูปทรงแหลม รูปทรงเหลยี่ ม เป็นสัน
๔. นา้ หนกั ไมค่ วรมีน้าหนักมากเพราะเดก็ ยกหรือหยิบไมไ่ หวอาจจะตกลงมาเปน็ อันตรายตอ่ ตัวเดก็
๕. สอ่ื หลกี เลี่ยงส่ือท่ีเป็นอนั ตรายตอ่ ตัวเดก็ เช่น สารเคมี วัตถไุ วไฟ ฯลฯ
๖. สี หลกี เลย่ี งสีท่เี ป็นอนั ตรายตอ่ สายตา เชน่ สสี ะท้อนแสง ฯลฯ
การประเมนิ การใชส้ ือ่
ควรพิจารณาจากองค์ประกอบ 3 ประการ คือ ผู้สอน เด็ก และสื่อ เพ่ือจะได้ทราบว่าส่ือนั้น
ช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้มากน้อยเพียงใด จะได้นามาปรับปรุงการผลิตและการใช้สื่อให้ดีย่ิงข้ึน โดยใช้วิธี
สงั เกต ดังนี้
๑. ส่ือนน้ั ชว่ ยให้เดก็ เกดิ การเรยี นรู้เพียงใด
๒. เดก็ ชอบส่อื นนั้ เพยี งใด
๓. สอ่ื น้ันชว่ ยให้การสอนตรงกบั จุดประสงคห์ รือไม่ ถูกตอ้ งตามสาระการเรยี นรูแ้ ละทนั สมัย
หรอื ไม่
๔. สอ่ื นั้นชว่ ยให้เดก็ สนใจมากน้อยเพียงใด เพราะเหตุใด
การเกบ็ รักษา และซ่อมแซมสือ่
การจัดเก็บสอื่ เป็นการส่งเสริมให้เด็กฝกึ การสังเกต การเปรียบเทียบ การจัดกลุ่ม ส่งเสริมความ
รับผดิ ชอบ ความมนี ้าใจ ช่วยเหลือ ผูส้ อนไมค่ วรใช้การเกบ็ สอ่ื เปน็ การลงโทษเดก็ โดยดาเนินการดงั นี้
๑.เก็บสอื่ ใหเ้ ปน็ ระเบยี บและเปน็ หมวดหมูต่ ามลกั ษณะประเภทของสื่อ ส่ือทเี่ หมือนกันจัดเก็บ
หรือจัดวางไว้ดว้ ยกัน
๒. วางสื่อในระดบั สายตาของเดก็ เพ่ือใหเ้ ด็กหยบิ ใช้ จดั เก็บได้ดว้ ยตนเอง
๓. ภาชนะที่จัดเก็บสื่อควรโปร่งใส เพ่ือให้เด็กมองเห็นส่ิงที่อยู่ภายในได้ง่ายและควรมีมือจับ
เพอื่ ให้สะดวกในการขนย้าย
๔. ฝึกให้เด็กรู้ความหมายของรูปภาพหรือสีที่เป็นสัญลักษณ์แทนหมวดหมู่ ประเภทส่ือ
เพ่ือเด็กจะได้เก็บเข้าท่ีได้ถูกต้อง การใช้สัญลักษณ์ควรมีความหมายต่อการเรียนรู้ของเด็ก สัญลักษณ์
๙๕
ควรใช้ส่ือของจริง ภาพถ่ายหรือสาเนา ภาพวาด ภาพโครงร่างหรือภาพประจุด หรือบัตรคาติดคู่กับ
สญั ลักษณอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนงึ่
๕.ตรวจสอบสอื่ หลงั จากทใี่ ชแ้ ลว้ ทกุ คร้ังว่ามีสภาพสมบรู ณ์ จานวนครบถ้วนหรอื ไม่
๖. ซ่อมแซมส่ือชารุด และทาเติมสว่ นท่ขี าดหายไปให้ครบชุด
การพฒั นาส่ือ
การพัฒนาส่ือเพ่ือใช้ประกอบการจัดกิจกรรมในระดับปฐมวัยนั้นก่อนอ่ืนควรได้สารวจข้อมูล
สภาพปัญหาต่างๆของสอ่ื ทุกประเภทที่ใช้อยูว่ ่ามีอะไรบ้างท่ีจะต้องปรับปรุงแก้ไข เพ่ือจะไดป้ รับเปล่ียน
ให้เหมาะสมกับความตอ้ งการแนวทางการพฒั นาสอื่ ควรมีลกั ษณะเฉพาะ ดงั น้ี
๑. ปรับปรงุ สือ่ ใหท้ นั สมยั เข้ากบั เหตุการณ์ ใชไ้ ดส้ ะดวกไม่ซบั ซ้อนเกินไปเหมาะสมกบั วยั ของเด็ก
๒. รักษาความสะอาดของส่ือ ถ้าเป็นวัสดทุ ่ีล้างน้าได้ เม่ือใช้แล้วควรได้ล้าง เช็ด หรือปัดฝุ่น
ใหส้ ะอาด เก็บไวเ้ ป็นหมวดหมู่ วางเป็นระเบียบหยบิ ใชง้ ่าย
๓. ถ้าเป็นส่ือที่ผู้สอนผลิตข้ึนมาใช้เองและผ่านการทดลองใช้มาแล้ว ควรเขียนคู่มือ
ประกอบการใช้ส่ือน้ัน โดยบอกชื่อสื่อ ประโยชน์และวิธีใช้ส่ือ รวมท้ังจานวนชิ้นส่วนของส่ือในชุดนั้น
และเกบ็ คมู่ อื ไวใ้ นซองหรือถงุ พร้อมสือ่ ที่ผลิต
๔. พัฒนาส่ือที่สร้างสรรค์ ใช้ได้เอนกประสงค์ คือ เป็นได้ทั้งสื่อเสริมพัฒนาการและเป็นของ
เล่นสนกุ สนานเพลิดเพลิน
แหล่งการเรยี นรู้
โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านเก่า)ได้จัดบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนท่ีเอ้ือต่อการ
เรียนรู้ของเด็ก ซ่ึงเป็นแหล่งเรียนรู้ให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กแต่ละวัยบูรณาการการเรียนรู้
ผ่านการเล่นท่ีสนุกสนาน สถานศึกษาควรดาเนินการจัดแหล่งเรียนรู้ ดังนี้ ได้แบ่งประเภทของแหล่ง
เรียนรู้ ได้ดงั นี้
๑. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่ วิทยากรหรือผู้เช่ียวชาญเฉพาะด้าน ท่ีจัดหามาเพื่อให้
ความรู้ ความเขา้ ใจอยา่ งกระจ่างแก่เดก็ โดยสอดคลอ้ งกับเน้ือหาสาระการเรียนรตู้ ่างๆได้แก่ เจ้าหน้าท่ี
สาธารณสขุ พระสงฆ์ เจา้ หน้าท่ตี ารวจ ผู้ปกครอง แม่ค้าขนม ครู ภารโรง แม่ครัว ฯลฯ
๒. แหล่งเรียนรู้ภายในชุมชน ได้แก่ แหล่งข้อมูลหรือแหล่งวิทยาการต่างๆ ที่อยู่ในชุมชน
มีความสัมพันธ์กับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีช่วยให้เด็กสามารถเช่ือมโยงโลกภายในและ
โลกภายนอก (inner world & outer world) ได้ และสอดคล้องกับวิถีการดาเนนิ ชีวติ ของเดก็ ปฐมวัย
ได้แก่ ห้องสมุดโรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านเก่า) ห้องสมุดประชาชน ห้องวิทยาศาสตร์ โรงเพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพตาบลเมืองพาน ร้านซ่อมรถ ร้านค้าในหมู่บ้าน ตลาดหลวงปรีชา ตลาดหกแยก ศาล
เจ้าป่ึงเถ่ากง โรงเรียนวุฒิวิทยาลัย วัดเกตุแก้ว วัดป่าซาง วัดเทพวัน วัดม่วงชุม ค่ายลูกเสือช่ัวคราว
โรงเรยี นเทศบาล ๑ (บ้านเกา่ )
๓. แหล่งเรียนรู้ภายในอาเภอ ได้แก่ วัดร้องหลอด วัดห้วยประสิทธ์ิ วัดจ้ีกง วัดดอยจอมแว่
ฟารม์ จระเขโ้ ภคธารา สวนบัวฟ้าใสวิคตอเรีย น้าตกปแู กง
๓. สถานท่ีสาคัญต่างๆในจังหวัดเชียงราย พะเยา ได้แก่ แหล่งความรู้สาคัญต่างๆ ที่เด็กให้
ความสนใจ ไดแ้ ก่ วัดร่องขุ่น วัดพระแก้ว วัดร่องเสือเต้น อนสุ าวรยี ์พ่อขุนเม็งราย พระตาหนกั ดอยตุง
๙๖
ไร่เชิญตะวัน สถานีเพาะพนั ธ์สุ ัตว์ป่าแม่ลาว ภูเทียนรีสอรท์ ฝายแม่ลาว ปางชา้ งเผือก ศูนยก์ ารเรยี นรู้
วิทยาศาสตร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สถานท่ีสาคัญต่างๆในจังหวัดพะเยา ได้แก่
ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้าจืดพะเยา วัดศรีโคมคา จังหวัดพะเยา หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคม
คา จงั หวดั พะเยา ศนู ย์การเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ องค์การบริหารส่วนจังหวดั พะเยา
การประเมนิ พัฒนาการ
การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ ๓ – ๖ ปี เป็นการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกาย
อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปัญญาของเด็ก โดยถือเป็นกระบวนการต่อตนเอง และเปน็ สว่ นหน่ึงของ
กิจกรรมปกติที่จัดให้เด็กในแต่ละวัน ผลที่ได้จากการสังเกตพัฒนาการเด็กต้องนามาจัดทาสารนิทัศน์
หรือจัดทาข้อมูลหลักฐานหรือเอกสารอย่างเป็นระบบ ด้วยการวบรวมผลงานสาหรับเด็กเป็น
ร า ย บุ ค ค ล ที่ ส า ม า ร ถ บ อ ก เรื่ อ ง ร า ว ห รื อ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ที่ เด็ ก ได้ รั บ ว่ า เด็ ก เกิ ด ก า ร เรี ย น รู้ แ ล ะ มี
ความก้าวหน้าเพียงใด ท้ังน้ี ให้นาข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการเด็กมาพิจารณา ปรับปรุงวางแผน
การจดั กิจกรรม และส่งเสรมิ ให้เด็กแต่ละคนได้รบั การพัฒนาตามจุดหมายของหลักสูตรอยา่ งต่อเนื่อง
การประเมินพฒั นาการควรยึดหลกั ดงั นี้
๑. วางแผนการประเมนิ พฒั นาการอยา่ งเปน็ ระบบ
๒. ประเมินพฒั นาการเด็กครบทุกด้าน
๓. ประเมนิ พฒั นาการเด็กเปน็ รายบุคคลอย่างสมา่ เสมอตอ่ เนื่องตลอดปี
๔. ประเมินพัฒนาการตามสภาพจรงิ จากกจิ กรรมประจาวนั ด้วยเคร่ืองมือและวิธีการท่ี
หลากหลายไมค่ วรใชแ้ บบทดสอบ
๕. สรปุ ผลการประเมิน จัดทาข้อมูลและนาผลการประเมนิ ไปใชพ้ ัฒนาเดก็
สาหรับวิธีการประเมินที่เหมาะสมและควรใช้กับเด็กอายุ ๓ – ๖ ปี ได้แก่ การสังเกต การบันทึก
พฤติกรรม การสนทนากบั เด็ก การสมั ภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลจากผลงานเด็กท่เี ก็บอย่างมีระบบ
ประเภทของการประเมนิ พัฒนาการ
การพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นรูข้ องเดก็ ประกอบดว้ ย ๑) วตั ถุประสงค์ (Obejetive) ซึ่งตาม
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมายถึง จุดหมายซึ่งเป็นมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ ตัวบ่งชีและสภาพท่ีพึงประสงค์ ๒) การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ (Leanning) ซึ่งเป็น
กระบวนการได้มาของความรู้หรือทักษะผ่านการกระทาส่ิงต่าง ๆ ท่ีสาคัญตามหลักสูตรการศึกษา
ปฐมวัยกาหนดให้หรือที่เรียกว่า ประสบการณ์สาคัญ ในการช่วยอธิบายให้ครูเข้าใจถึงประสบการณ์
ท่ีเด็กปฐมวัยต้องทาเพ่ือเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว และช่วยแนะผู้สอนในการสังเกต สนับสนุน และ
วางแผนการจัดกิจกรรมให้เด็กและ ๓) การประเมินผล (Evaluation) เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมหรือ
ความสามารถตามวัยท่ีคาดหวังให้เด็กเกิดขึนบนพืนฐานพัฒนาการตามวัยหรือความสามารถตาม
ธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เรียกว่า สภาพท่ีพึงประสงค์ ที่ใช้เป็นเกณฑ์สาคัญสาหรับการประเมิน
๙๗
พัฒนาการเด็ก เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพเด็กทังนีประเภทของการ
ประเมนิ พฒั นาการ อาจแบง่ ได้เปน็ ๒ ลกั ษณะ คือ
๑) แบง่ ตามวตั ถุประสงค์ของการประเมนิ
การแบ่งตามวตั ถุประสงคข์ องการประเมิน แบ่งได้ ๒ ประเภท ดังนี
๑.๑) การประเมินความก้าวหน้าของเด็ก (Formative Evaluation) หรือการประเมิน
เพ่ือพัฒนา (Formative Assessment) หรือการประเมินเพื่อเรียน (Assessment for Learning)
เป็นการประเมินระหว่างการจัดประสบการณ์ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลพัฒนาการและการ
เรียนรูข้ องเด็กในระหว่างทากิจกรรมประจาวัน/กิจวัตรประจาวันปกติอย่างต่อเน่ือง บันทึก วิเคราะห์
แปลความหมายข้อมูลแล้วนามาใช้ในการส่งเสริมหรือปรับปรุงแก้ไขการเรียนรู้ของเด็ก และการจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้สอน การประเมินพัฒนาการกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของ
ผ้สู อนจงึ เป็นเรื่องทส่ี มั พันธ์กันหากขาดส่งิ หน่ึงส่ิงใดการจัดประสบการณก์ ารเรียนรกู้ ็ขาดประสทิ ธิภาพ
เป็นการประเมินผลเพื่อให้รู้จุดเด่น จุดท่ีควรส่งเสริม ผู้สอนต้องใช้วิธีการและเครื่องมือประเมิน
พัฒนาการที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การรวบรวมผลงานที่แสดงออกถึง
ความก้าวหน้าแต่ละดา้ นของเด็กเป็นรายบุคคล การใช้แฟ้มสะสมงาน เพื่อให้ไดข้ ้อสรปุ ของประเด็นท่ี
กาหนด ส่ิงท่ีสาคัญท่ีสุดในการประเมินความก้าวหน้าคือ การจัดประสบการณ์ให้กับเด็กในลักษณะ
การเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่ทาให้การเรียนรู้ของเด็กเพ่ิมพูน ปรับเปลี่ยน
ความคดิ ความเข้าใจเดมิ ท่ไี ม่ถกู ต้อง ตลอดจนการใหเ้ ดก็ สามารถพัฒนาการเรยี นรู้ของตนเองได้
๑.๒) การประเมินผลสรุป (Summatie Evaluation) หรือ การประเมินเพ่ือตัดสินผล
พัฒนาการ (Summatie Assessment) หรือการประเมินสรุปผลของการเรียนรู้ (Assessment of
Learning) เป็นการประเมินสรุปพัฒนาการ เพ่ือตัดสินพัฒนาการของเด็กว่ามีความพร้อมตาม
มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยหรือไม่ เพ่ือเป็นการเช่ือมต่อของ
การศกึ ษาระดบั ปฐมวยั กบั ชนั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑
ดังนัน ผู้สอนจึงควรให้ความสาคัญกับการประเมินความก้าวหน้าของเด็กในระดับห้องเรียน
มากกว่าการประเมนิ เพอ่ื ตัดสินผลพฒั นาการของเด็กเม่ือสนิ ภาคเรียนหรือสนิ ปกี ารศึกษา
๒) แบ่งตามระดบั ของการประเมิน
การแบ่งตามระดบั ของการประเมนิ แบ่งไดเ้ ปน็ ๒ ประเภท
๒.๑) การประเมินพัฒนาการระดับช้ันเรียน เป็นการประเมินพัฒนาการที่อยู่ใน
กระบวนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ ผสู้ อนดาเนินการเพ่ือพัฒนาเด็กและตัดสนิ ผลการพัฒนาการ
ดา้ นร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปัญญา จากกิจกรรมหลัก/หน่วยการเรียนรู้ (Unit) ท่ผี ู้สอน
จัดประสบการณ์ให้กับเด็ก ผู้สอนประเมินผลพัฒนาการตามสภาพที่พึงประสงค์และตัวบ่งชีที่กาหนด
เป็นเป้าหมายในแต่ละแผนการจัดประสบการณ์ของหน่วยการเรียนรู้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การสังเกต
การสนทนา การสัมภาษณ์ การรวบรวมผลงานท่ีแสดงออกถึงความก้าวหน้า แต่ละด้านของเด็กเป็น
รายบคุ คล การแสดงกริยาอาการตา่ งๆของเด็กตลอดเวลาท่จี ัดประสบการณ์เรียนรู้ เพ่ือตรวจสอบและ
ประเมินว่าเด็กบรรลุตามสภาพที่พึงประสงค์ละตัวบ่งชี หรือมีแนวโน้มว่าจะบรรลุสภาพที่พึงประสงค์
และตัวบ่งชีเพียงใด แล้วแก้ไขข้อบกพร่องเป็นระยะๆอย่างต่อเน่ือง ทังนี ผู้สอนควรสรุปผลการ
ประเมินพัฒนาการว่า เด็กมีผลอันเกิดจากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้หรือไม่ และมากน้อย
๙๘
เพียงใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมหรือสะสมผลการประเมินพัฒนาการในกิจกรรมประจาวัน
หน่วยการเรียนรู้ หรือผลตามรูปแบบการประเมินพัฒนาการท่ีสถานศึกษากาหนด เพ่ือนามาเป็น
ข้อมูลใช้ปรังปรุงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ และเป็นข้อมูลในการสรุปผลการประเมินพัฒนาใน
ระดับสถานศกึ ษาต่อไปอีกด้วย
๒.๒) การประเมินพัฒนาการระดับสถานศึกษา เป็นการตรวจสอบผลการประเมิน
พฒั นาการของเด็กเป็นรายบคุ คลเปน็ รายภาค/รายปี เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ มูลเกยี่ วกบั การจัดการศึกษาของเด็ก
ในระดบั ปฐมวยั ของสถานศึกษาวา่ ส่งผลต่อการเรียนรูข้ องเดก็ ตามเป้าหมายหรอื ไม่ เด็กมีสง่ิ ที่ต้องการ
ไดร้ ับการพฒั นาในด้านใด รวมทังสามารถนาผลการประเมนิ พัฒนาการของเด็กในระดับสถานศึกษาไป
เป็นข้อมูลและสารสนเทศในการปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โครงการหรือวิธีการจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ ตลอดจนการจัดแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษาตาม
แผนการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการพัฒนาคุณภาพเด็กต่อผู้ปกครอง นาเสนอ
คณะกรรมการสถานศึกษาขันพืนฐานรับทราบ ตลอดจนเผยแพร่ต่อสาธรณชน ชุมชน หรือหน่วยงาน
ตน้ สังกดั หรอื หนว่ ยงานทเี่ กีย่ วข้องต่อไป
อนึ่ง สาหรับการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวยั ในระดับเขตพืนที่การศกึ ษาหรอื ระดบั ประเทศ
นันหากเขตพืนที่การศึกษาใดมีความพร้อม อาจมีการดาเนินงานในลักษณะของการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง
เด็กปฐมวัยเข้ารับการประเมินก็ได้ ทังนี การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยขอให้ถือปฏิบัติตาม
หลกั การการประเมนิ พฒั นาการตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศักราช ๒๕๖๐
๙๙
บทบาทหน้าทข่ี องผูเ้ กี่ยวข้องในการดาเนินงานประเมนิ พฒั นาการ
การดาเนินงานประเมนิ พฒั นาการของสถานศึกษานนั ต้องเปิดโอกาสใหผ้ ู้เก่ยี วขอ้ งเข้ามา
มีสว่ นรว่ มในการประเมินพัฒนาการและรว่ มรับผิดชอบอยา่ งเหมาะสมตามบริบทของสถานศึกษา
แต่ละขนาด ดงั นี
ผู้ปฏิบตั ิ บทบาทหน้าทใี่ นการประเมินพัฒนาการ
ผสู้ อน ๑. ศกึ ษาหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั และแนวการปฏบิ ตั ิการประเมินพัฒนาการตามหลกั สตู รสถานศึกษา
ปฐมวยั
๒. วเิ คราะห์และวางแผนการประเมินพฒั นาการท่ีสอดคลอ้ งกบั หน่วยการเรยี นร/ู้ กิจกรรมประจาวนั /กิจวตั ร
ประจาวนั
๓. จัดประสบการณ์ตามหนว่ ยการเรยี นรู้ ประเมินพฒั นาการ และบนั ทึกผลการประจาวัน/กจิ วัตรประจาวัน
๔. รวบรวมผลการประเมนิ พัฒนาการ แปลผลและสรุปผลการประเมินเมื่อสินภาคเรียนและสินปกี ารศึกษา
๕. สรุปผลการประเมนิ พฒั นาการระดบั ชันเรียนลงในสมุดบันทึกผลการประเมินพัฒนาการประจาชนั
๖. จัดทาสมุดรายงานประจาตวั นักเรียน
๗. เสนอผลการประเมินพฒั นาการตอ่ ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาลงนามอนุมัติ
ผ้บู รหิ าร ๑.กาหนดผรู้ บั ผดิ ชอบงานประเมินพฒั นาการตามหลกั สตู ร และวางแนวทางปฏบิ ตั ิการประเมินพฒั นาการเด็ก
สถานศึกษา ปฐมวัยตามหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั
๒. นเิ ทศ กากับ ตดิ ตามใหก้ ารดาเนินการประเมนิ พัฒนาการให้บรรลเุ ปา้ หมาย
๓. นาผลการประเมินพัฒนาการไปจดั ทารายงานผลการดาเนินงานกาหนดนโยบายและวางแผนพฒั นาการจัด
การศึกษาปฐมวัย
พ่อ แม่ ผูป้ กครอง ๑. ใหค้ วามร่วมมือกบั ผ้สู อนในการประเมินพฤติกรรมของเด็กที่สงั เกตได้จากท่ีบ้านเพ่ือเปน็ ขอ้ มลู ประกอบการ
แปลผลท่เี ท่ียงตรงของผสู้ อน
๒. รบั ทราบผลการประเมินของเดก็ และสะท้อนใหข้ ้อมูลย้อนกลบั ทเ่ี ปน็ ประโยชนใ์ นการส่งเสรมิ และพัฒนา
เด็กในปกครองของตนเอง
๓. ร่วมกบั ผูส้ อนในการจดั ประสบการณห์ รือเปน็ วทิ ยากรท้องถน่ิ
คณะกรรมการ ๑. ใหค้ วามเห็นชอบและประกาศใชห้ ลักสตู รสถานศึกษาปฐมวยั และแนวปฏิบัติในการประเมินพัฒนาการตาม
สถานศกึ ษาขัน หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย
พืนฐาน ๒. รบั ทราบผลการประเมินพัฒนาการของเดก็ เพ่ือการประกนั คณุ ภาพภายใน
สานักงานเขต ๑. ส่งเสรมิ การจดั ทาเอกสารหลกั ฐานว่าดว้ ยการประเมนิ พัฒนาการของเด็กปฐมวัยของสถานศึกษา
พนื ทก่ี ารศึกษา ๒. สง่ เสรมิ ใหผ้ ูส้ อนในสถานศึกษามีความรู้ ความเข้าใจในแนวปฏบิ ตั ิการประเมินพัฒนาการตามมาตรฐาน
คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ตามหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั ตลอดจนความเข้าใจในเทคนิควิธกี ารประเมิน
พฒั นาการในรปู แบบตา่ งๆโดยเน้นการประเมินตามสภาพจรงิ
๓. สง่ เสริม สนบั สนนุ ให้สถานศกึ ษาพัฒนาเครื่องมอื พัฒนาการตามมาตรฐานคณุ ลักษณะที่พึงประสงคต์ าม
หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั และการจดั เก็บเอกสารหลักฐานการศึกษาอย่างเป็นระบบ
๔. ให้คาปรึกษา แนะนาเก่ียวกับการประเมนิ พฒั นาการและการจัดทาเอกสารหลักฐาน
๕. จดั ให้มกี ารประเมนิ พัฒนาการเด็กท่ดี าเนนิ การโดยเขตพืนท่กี ารศึกษาหรือหนว่ ยงานต้นสังกดั และให้ความ
รว่ มมือในการประเมินพฒั นาการระดับประเทศ
๑๐๐
แนวปฏบิ ตั ิการประเมนิ พฒั นาการ
การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยเป็นกิจกรรมท่ีสอดแทรกอยู่ในการจัดประสบการณ์ทุก
ข้ันตอนโดยเร่ิมตั้งแต่การประเมินพฤติกรรมของเด็กก่อนการจัดประสบการณ์ การประเมินพฤตกิ รรม
เด็กขณะปฏิบัติกิจรรมและการประเมินพฤติกรรมเด็กเม่ือส้ินสุดการปฏิบัติกิจกรรม ท้ังนี้ พฤติกรรม
การเรียนรู้และพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กที่ได้รับการประเมินน้ัน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งช้ี และสภาพท่ีพึงประสงค์ของหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยท่ี
ผู้สอนวางแผนและออกแบบไว้ การประเมินพัฒนาการจึงเป็นเคร่ืองมือสาคัญท่ีจะช่วยให้การเรียนรู้
ของเด็กบรรลุตามเป้าหมายเพ่ือนาผลการประเมินไปปรับปรุง พัฒนาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
และใช้เป็นข้อมูลสาหรับการพัฒนาเด็กต่อไป สถานศึกษาควรมีกระบวนการประเมินพัฒนาการและ
การจัดการอย่างเป็นระบบสรุปผลการประเมินพัฒนาการท่ีตรงตามความรู้ ความสามารถ ทักษะและ
พฤติกรรมท่ีแท้จริงของเด็กสอดคล้องตามหลักการประเมินพัฒนาการ รวมทั้งสะท้อนการดาเนินงาน
การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง แนวปฏิบัติการประเมิน
พฒั นาการเด็กปฐมวยั ของสถานศกึ ษา มดี ังน้ี
๑. หลักการสาคัญของการดาเนนิ การประเมินพัฒนาการตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย
พุทธศกั ราช ๒๕๖๐
สถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาปฐมวัยควรคานึงถึงหลักสาคัญของการดาเนินงานการประเมิน
พัฒนาการตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั สาหรบั เด็กปฐมวยั อายุ ๔-๖ ปี ดงั นี้
๑.๑ ผสู้ อนเป็นผรู้ บั ผิดชอบการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยโดยเปดิ โอกาสใหผ้ ทู้ ี่เก่ียวข้องมสี ่วนร่วม
๑.๒ การประเมินพัฒนาการ มีจุดมุ่งหมายของการประเมินเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของเด็ก
และสรุปผลการประเมนิ พัฒนาการของเด็ก
๑.๓ การประเมินพัฒนาการต้องมีความสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ ตวั บง่ ชี้ สภาพทพี่ ึงประสงค์แต่ละวยั ซึ่งกาหนดไวใ้ นหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั
๑.๔ การประเมินพัฒนาการเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ต้อง
ดาเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพ่ือให้สามารถประเมินพัฒนาการเด็กได้อย่างรอบด้าน
สมดุลท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา รวมท้ังระดับอายุของเด็ก โดยตั้งอยู่บน
พน้ื ฐานของความเทีย่ งตรง ยุตธิ รรมและเช่อื ถอื ได้
๑.๕ การประเมินพัฒนาการพิจารณาจากพัฒนาการตามวัยของเด็ก การสังเกตพฤติกรรม
การเรยี นรู้และการรว่ มกจิ กรรม ควบคไู่ ปในกระบวนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ตามความเหมาะสม
ของแตล่ ะระดบั อายุ และรปู แบบการจดั การศกึ ษาและตอ้ งดาเนินการประเมนิ อย่างต่อเนื่อง
๑.๖ การประเมินพัฒนาการต้องเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้สะท้อนและ
ตรวจสอบผลการประเมนิ พัฒนาการ
๑.๗ สถานศึกษาควรจัดทาเอกสารบันทึกผลการประเมินพัฒนาการของเด็กปฐมวัยใน
ระดับช้ันเรียนและระดับสถานศึกษา เช่น แบบบันทึกการประเมินพัฒ นาการตามหน่วยการจัด
ประสบการณ์ สมุดบันทึกผลการประเมินพัฒนาการประจาชั้น เพื่อเป็นหลักฐานการประเมินและ
รายงานผลพฒั นาการและสมุดรายงานประจาตวั นักเรยี น เพ่ือเปน็ การสอ่ื สารขอ้ มลู การพัฒนาการเด็ก
ระหวา่ งสถานศึกษากบั บา้ น