บทที่ 3
การจัดการความรู
สาระสําคัญ
การจดั การความรเู ปน เครอ่ื งมือของการพฒั นาคณุ ภาพของงาน หรอื สรางนวัตกรรมในการทํางาน
การจดั การความรูจึงเปนการจดั การกบั ความรแู ละประสบการณท่ีมอี ยใู นตวั คน และความรูเ ดน ชดั นํามา
แบงปนใหเกิดประโยชนตอตนเองและองคกร ดวยการผสมผสานความสามารถของคนเขาดวยกันอยาง
เหมาะสม มเี ปาหมายเพือ่ การพฒั นางาน พัฒนาคน และพัฒนาองคก รใหเ ปน องคก รแหงการเรยี นรู
ผลการเรยี นรูทค่ี าดหวัง
1. วิเคราะหผลทีเ่ กดิ ข้ึนของขอบขายความรู ตัดสินคุณคา กาํ หนดแนวทางพฒั นา
2. เหน็ ความสัมพนั ธของกระบวนการจดั การความรู กบั การนาํ ไปใชใ นการพฒั นาชมุ ชนปฏิบตั ิการ
3. ปฏบิ ตั ติ ามกระบวนการจัดการความรไู ดอ ยา งเปนระบบ
หวั ขอบทเรยี น
เร่อื งท่ี 1 ความหมาย ความสําคัญ และหลกั การในการจดั การความรู
เร่ืองท่ี 2 รปู แบบและกระบวนการในการจดั การความรู
เรอื่ งท่ี 3 การรวมกลมุ เพือ่ ตอ ยอดความรู
เรอื่ งที่ 4 การฝกทกั ษะและกระบวนการจัดการความรู
หนังสือเรยี นสาระทกั ษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนตน 91
แบบทดสอบกอนเรยี น
แบบทดสอบเรื่องการจัดการความรู
คําชแ้ี จง จงกาบาท x เ ลอื กขอ ที่ทา นคิดวาถกู ตอ งทส่ี ดุ
1. การจัดการความรเู รยี กส้ัน ๆ วาอะไร
ก. MK
ข. KM
ค. LO
ง. QA
2. เปาหมายของการจดั การความรคู อื อะไร
ก. พฒั นาคน
ข. พัฒนางาน
ค. พฒั นาองคก ร
ง. ถูกทุกขอ
3. ขอ ใดถกู ตอ งมากทสี่ ดุ
ก. การจดั การความรหู ากไมท าํ จะไมร ู
ข. การจัดการความรคู ือการจัดการความรขู องผเู ชีย่ วชาญ
ค. การจัดการความรูถือเปน เปาหมายของการทาํ งาน
ง. การจดั การความรคู อื การจัดการความรูที่มใี นเอกสาร ตาํ รา มาจดั ใหเ ปนระบบ
4. ขน้ั สงู สุดของการเรยี นรูคอื อะไร
ก. ปญ ญา
ข. สารสนเทศ
ค. ขอ มลู
ง. ความรู
5. ชมุ ชนนกั ปฏิบตั ิ (CoP) คอื อะไร
ก. การจดั การความรู
ข. เปาหมายของการจัดการความรู
ค. วธิ กี ารหนง่ึ ของการจัดการความรู
ง. แนวปฏบิ ัตขิ องการจัดการความรู
92 หนงั สือเรียนสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน
6. รูปแบบการจัดการความรูตามโมเดลปลาทู สว น “ทองปลา” หมายถึงอะไร
ก. การกาํ หนดเปาหมาย
ข. การแลกเปลีย่ นเรยี นรู
ค. การจดั เก็บเปน คลงั ความรู
ง. ความรทู ีช่ ัดแจง
7. ผูทที่ ําหนาท่กี ระตนุ ใหเ กิดการแลกเปลยี่ นเรยี นรูคอื ใคร
ก. คุณเออ้ื
ข. คณุ อาํ นวย
ค. คุณกจิ
ง. คุณลิขิต
8. สารสนเทศเพอื่ เผยแพรค วามรใู นปจ จบุ ันมอี ะไรบา ง
ก. เอกสาร
ข. วซี ีดี
ค. เวบ็ ไซต
ง. ถูกทุกขอ
9. การจัดการความรดู ว ยตนเองกบั ชมุ ชนแหง การเรยี นรมู คี วามเก่ยี วของกนั หรือไม อยา งไร
ก. เกี่ยวขอ งกัน เพราะการจัดการความรใู นบคุ คลหลายๆคน รวมกนั เปนชมุ ชน
เรยี กวา เปน ชมุ ชนแหงการเรยี นรู
ข. เกยี่ วของกนั เพราะการจดั การความรใู หกบั ตนเองกเ็ หมือนกบั จัดการความรใู หชมุ ชนดว ย
ค. ไมเก่ยี วขอ งกัน เพราะจัดการความรดู ว ยตนเองเปนปจเจกบุคคล สว นชมุ ชนแหง
การเรยี นรเู ปน เรื่องของชมุ ชน
ง. ไมเก่ยี วขอ งกนั เพราะชุมชนแหงการเรยี นรูเปน การเรยี นรูเฉพาะกลุม
10. ปจ จยั ทีท่ ําใหการจดั การความรูการรวมกลุมปฏบิ ัตกิ ารประสบผลสาํ เรจ็ คืออะไร
ก. พฤติกรรมของคนในกลมุ
ข. ผูนํากลุม
ค. การนําไปใช
ง. ถูกทุกขอ
เฉลย 1) ข 2) ง 3) ก 4) ก 5) ค 6) ข 7) ข 8) ง 9) ก 10) ง
หนงั สือเรียนสาระทักษะการเรยี นรู รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน 93
เร่อื งท่ี 1 ความหมาย ความสําคัญ และหลักการในการจดั การความรู
ความหมายของการจัดการความรู
การจัดการ (Management) หมายถึง กระบวนการในการเขา ถึงความรู และการถายทอด
ความรูทีต่ อ งดําเนนิ การรว มกันกับผปู ฏบิ ตั ิงาน ซงึ่ อาจเร่มิ ตนจากการบง ช้คี วามรทู ต่ี อ งการใช การสรา ง
และแสวงหาความรู การประมวลเพอื่ กล่นั กรองความรู การจดั การความรใู หเปนระบบ การสรางชอ งทาง
เพอื่ การส่อื สารกบั ผเู กี่ยวของ การแลกเปลีย่ นความรู การจัดการสมยั ใหมใ ชก ระบวนการทางปญ ญาเปนส่งิ
สาํ คญั ในการคดิ ตัดสินใจ และสงผลใหเ กิดการกระทาํ การจัดการจงึ เนนไปที่การปฏบิ ตั ิ
ความรู (Knowledge) หมายถึง ความรูที่ควบคูก ับการปฏิบัติ ซึง่ ในการปฏบิ ตั จิ ําเปน ตอ งใช
ความรูท่หี ลากหลายสาขาวชิ ามาเชอ่ื มโยงบรู ณาการเพอ่ื การคดิ และตดั สินใจ และลงมือปฏิบัติ จดุ กาํ เนดิ
ของความรูคือสมองของคน เปนความรทู ีฝ่ ง ลึกอยูในสมอง ชี้แจงออกมาเปนถอ ยคําหรือตัวอักษรไดยาก
ความรนู ัน้ เมอื่ นาํ ไปใชจะไมหมดไป แตจะยิง่ เกดิ ความรเู พม่ิ พนู มากขึ้นอยใู นสมองของผูปฏบิ ตั ิ
ในยคุ แรกๆ มองวา ความรู หรอื ทนุ ทางปญ ญา มาจาก การจัดระบบและการตคี วามสารสนเทศ
ซ่ึงสารสนเทศก็มาจากการประมวลขอมลู ขั้นของการเรียนรู เปรยี บดังปร ะมิดตามรูปแบบนี้
94 หนงั สือเรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน
ความรแู บงไดเปน 2 ประเภท คอื
1. ความรเู ดนชดั (Explicit Knowledge) เปนความรูทเ่ี ปน เอกสาร ตาํ รา คูมือปฏบิ ัตงิ าน สอ่ื
ตา งๆ กฎเกณฑ กตกิ า ขอตกลง ตารางการทํางาน บนั ทึกจากการทํางาน ความรูเ ดนชัดจึงมชี อ่ื เรียกอีก
อยางหนึ่งวา “ความรูใ นกระดาษ”
2. ความรซู อ นเรน/ ความรูฝงลกึ (Tacit Knowledge) เปน ความรูท ่แี ฝงอยูในตวั คน พัฒนา
เปน ภูมิปญญา ฝงอยใู นความคดิ ความเชอื่ คา นิยม ทีค่ นไดม าจากประสบการณส งั่ สมมานาน หรอื เปน
พรสวรรคอันเปนความสามารถพิเศษเฉพาะตวั ที่มมี าแตก าํ เนิด หรอื เรียกอกี อยางหนงึ่ วา “ความรูใ นคน”
แลกเปลยี่ นความรูกนั ไดยาก ไมส ามารถแลกเปลี่ยนมาเปน ความรูท่เี ปด เผยไดท้งั หมด ตอ งเกิดจากการ
เรยี นรูรว มกนั ผา นการเปนชุมชน เชน การสงั เกต การแลกเปล่ียนเรียนรรู ะหวา งการทํางาน
หากเปรยี บความรเู หมือนภูเขาน้ําแข็ง จะมลี กั ษณะดังนี้
ความรเู ดน ชดั
ความรฝู ง ลึก
สว นของน้ําแขง็ ท่ลี อยพนนํ้า เปรยี บเหมือนความรูท่เี ดน ชัด คือความรูท ีอ่ ยูในเอกสาร ตํารา ซีดี
วีดโี อ หรือสือ่ อน่ื ๆ ทีจ่ บั ตองได ความรูนม้ี ีเพียง 20 เปอรเซ็น
สวนของนาํ้ แข็งท่จี มอยูใตน ํา้ เปรยี บเหมือนความรูที่ยังฝงลึกอยูในสมองคน มคี วามรจู ากสง่ิ ท่ี
ตนเองไดปฏบิ ตั ิ ไมส ามารถถายทอดออกมาเปน ตวั หนังสอื ใหคนอ่นื ไดร ับรูได ความรูท ่ฝี งลึกในตวั คนนม้ี ี
ประมาณ 80 เปอรเ ซน็
หนังสือเรยี นสาระทักษะการเรยี นรู รายวชิ าทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน 95
ความรู 2 ยคุ
ความรูยคุ ท่ี 1 เนน ความรูในกระดาษ เนนความรูของคนสวนนอย ความรทู ส่ี รา งขนึ้ โดยนัก
วชิ าการที่มีความชํานาญเชี่ยวชาญเฉพาะดาน เรามกั เรียกคนเหลา น้นั วา “ผูมีปญญา” ซง่ึ เชอื่ วา คนสวน
ใหญไมม คี วามรู ไมมีปญญา ไมส นใจที่จะใชค วามรูของคนเหลา นั้น โลกทัศนใ นยุคท่ี 1 เปน
โลกทัศนท ่คี บั แคบ
ความรยู คุ ท่ี 2 เปน ความรใู นคน หรอื อยใู นความสมั พนั ธร ะหวา งคน เปน การคน พบ “ภมู ปิ ญ ญา”
ทอ่ี ยใู นตวั คน ทุกคนมีความรเู พราะทกุ คนทาํ งาน ทกุ คนมีสมั พนั ธกบั ผอู ืน่ จึงยอ มมีความรทู ี่ฝงลึกในตัว
คนท่ีเกิดจากการทาํ งาน และการมคี วามสมั พนั ธกนั น้ัน เรียกวา “ความรอู นั เกิดจากประสบการณ” ซง่ึ
ความรยู ุคที่ 2 น้ี มีคณุ ประโยชน 2 ประการ คอื ประการแรก ทําใหเ ราเคารพซึ่งกนั และกนั วา ตา งก็มีความรู
ประการท่ี 2 ทาํ ใหหนว ยงานหรอื องคก รท่ีมีความเช่อื เชน นี้ สามารถใชศ กั ยภาพแฝงของทุกคนในองคกร
มาสรางผลงาน สรา งนวัตกรรมใหก ับองคกร ทาํ ใหองคก รมกี ารพัฒนามากขน้ึ
การจัดการความรู
การจดั การความรู (Knowledge Management) หมายถึง การจดั การกับความรแู ละประสบการณ
ท่ีมีอยใู นตวั คน และความรูเดน ชัด นาํ มาแบง ปน ใหเ กดิ ประโยชนต อตนเองและองคกร ดวยการผสมผสาน
ความสามารถของคนเขา ดวยกันอยางเหมาะสม มีเปาหมายเพื่อการพฒั นางาน พฒั นาคน และพฒั นา
องคก รใหเปน องคก รแหง การเรยี นรู
ในปจ จุบันและในอนาคต โลกจะปรับตวั เขา สูก ารเปนสังคมแหงการเรียนรู ซ่ึงความรกู ลายเปน
ปจจยั สาํ คัญในการพฒั นาคน ทาํ ใหคนจาํ เปน ตองสามารถแสวงหาความรู พัฒนาและสรา งองคความรู
อยา งตอ เนอ่ื ง เพือ่ นาํ พาตนเองสคู วามสําเร็จ และนําพาประเทศชาติไปสูการพัฒนา มีความเจรญิ กา วหนา
และสามารถแขง ขันกับตางประเทศได
คนทกุ คนมีการจัดการความรใู นตนเอง แตย ังไมเ ปน ระบบ การจัดการความรูเกิดขึ้นไดใ น
ครอบครวั ท่ีมกี ารเรียนรูตามอธั ยาศยั พอ แมสอนลูก ปูยา ตายาย ถา ยทอดความรแู ละภูมปิ ญญาใหแ ก
ลูกหลานในครอบครวั ทาํ กันมาหลายชัว่ อายุคน โดยใชวธิ ีธรรมชาติ เชน พูดคุย ส่ังสอน จดจํา ไมมี
กระบวนการท่ีเปน ระบบแตอยา งใด วธิ กี ารดงั กลาวถอื เปนการจัดการความรูรูปแบบหน่ึง แตอยา งไรกต็ าม
โลกในยคุ ปจจุบันมีการเปลีย่ นแปลงอยางรวดเรว็ ในดา นตาง ๆ การใชวิธีการจดั การความรแู บบธรรมชาติ
อาจกา วตามโลกไมท นั จงึ จําเปน ตองมีกระบวนการท่เี ปนระบบ เพ่อื ชวยใหองคกรสามารถทําใหบุคคล
ไดใ ชค วามรตู ามทตี่ อ งการไดท ันเวลา ซงึ่ เปนกระบวนการพฒั นาคนใหม ศี กั ยภาพ โดยการสรางและใช
ความรใู นการปฏบิ ัตงิ านใหเกดิ ผลสัมฤทธิ์ดขี ้ึนกวาเดิม การจดั การความรหู ากไมปฏิบตั ิจะไมเขา ใจเรอ่ื ง
การจดั การความรู น่ันคือ “ไมท าํ ไมร”ู การจดั การความรจู งึ เปนกจิ กรรมของนกั ปฏบิ ตั ิ กระบวนการ
จัดการความรูจึงมีลกั ษณะเปน วงจรเรยี นรูที่ตอเนื่องสมํา่ เสมอ เปาหมายคอื การพัฒนางาน และพฒั นาคน
การจัดการความรทู ี่แทจ ริง เปน การจัดการความรูโดยกลุม ผปู ฏบิ ตั ิงาน เปนการดําเนนิ กจิ กรรมรว มกันใน
กลุมผูท าํ งาน เพือ่ ชวยกันดึง “ความรูในคน” และควาความรูภายนอกมาใชใ นการทาํ งาน ทาํ ใหไ ดร ับ
ความรมู ากขน้ึ ซึง่ ถอื เปนการยกระดบั ความรแู ละนาํ ความรทู ่ไี ดรับการยกระดบั ไปใชในการทาํ งานเปนวงจร
96 หนงั สอื เรยี นสาระทักษะการเรยี นรู รายวชิ าทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน
ตอเนอื่ งไมจ บส้นิ การจดั การความรจู ึงตอ งรว มกันมอื กันทําหลายคน ความคิดเหน็ ทแ่ี ตกตางในแตล ะ
บุคคลจะกอใหเ กิดการสรา งสรรคด วยการใชก ระบวนการแลกเปลยี่ นเรยี นรู มีปณธิ านมุง มนั่ ท่ีจะทํางานให
ประสบผลสาํ เร็จ ดขี น้ึ กวา เดิม เม่ือดําเนินการจัดการความรแู ลวจะเกดิ นวตั กรรมในการทาํ งาน นั่นคือเกิด
การตอ ยอดความรู และมอี งคความรเู ฉพาะเพ่อื ใชในการปฏบิ ตั งิ านของตนเอง การจดั การความรมู ิใชก าร
เอาความรูท ม่ี ีอยูใ นตําราหรอื จากผูเ ชีย่ วชาญมากองรวมกนั และจดั หมวดหมู เผยแพร แตเปนการดงึ เอา
ความรูเฉพาะสว นท่ใี ชใ นงานมาจดั การใหเกิดประโยชนกบั ตนเอง กลุม หรอื ชมุ ชน
การจัดการความรูเปนการเรียนรูจากการปฏิบัติ นําผลจากการปฏิบัติมาแลกเปลี่ยนเรียนรูกัน
เสริมพลังของการแลกเปล่ียนเรียนรดู ว ยการช่ืนชม ทําใหเ ปน กระบวนการแหงความสุข ความภูมิใจ และ
การเคารพเหน็ คุณคาซง่ึ กันและกัน ทักษะเหลา นนี้ าํ ไปสูก ารสรางนิสัยคดิ บวกทําบวก มองโลกในแงด ี และ
สรางวัฒนธรรมในองคกรทผ่ี ูค นสัมพันธกันดว ยเรอื่ งราวดี ๆ ดวยการแบงปน ความรู และแลกเปล่ยี นความ
รจู ากประสบการณซงึ่ กนั และกัน โดยที่กิจกรรมเหลาน้สี อดคลองแทรกอยใู นการทํางานประจําทกุ เร่ือง ทุก
เวลา.....
ศ.นพ.วิจารณ พานิช
หนังสอื เรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 97
ความสําคญั ของการจดั การความรู
หวั ใจของการจดั การความรคู ือ การจดั การความรูท่อี ยใู นตวั บคุ คล โดยเฉพาะบุคคลท่ีมี
ประสบการณในการปฏบิ ตั งิ านจนงานประสบผลสาํ เร็จ กระบวนการแลกเปลยี่ นเรยี นรรู ะหวา ง คนกบั คน
หรือกลุมกับกลุม จะกอใหเ กิดการยกระดบั ความรทู สี่ งผลตอเปา หมายของการทํางานนั่นคือเกดิ การพฒั นา
ประสทิ ธภิ าพของงาน คนเกดิ การพฒั นา และสง ผลตอ เนือ่ งไปถงึ องคกรเปนองคกรแหง การเรยี นรู ผลท่ี
เกิดขึ้นกบั การจัดการความรูจ งึ ถือวา มีความสาํ คญั ตอ การพัฒนาบคุ ลากรในองคกร ซงึ่ ประโยชนทจี่ ะเกดิ ขึ้น
ตอ บคุ คล กลมุ หรอื องคกร มีอยางนอย 3 ประการ คือ
1. ผลสมั ฤทธขิ์ องงาน หากมกี ารจัดการความรูในตนเอง หรือในหนว ยงาน องคก ร จะเกิดผล
สําเร็จท่ีรวดเรว็ ยิ่งข้นึ เน่อื งจากความรเู พื่อใชในการพฒั นางานน้ันเปน ความรูทไี่ ดจากผูท ี่ผานการปฏิบัติ
โดยตรง จงึ สามารถนํามาใชใ นการพัฒนางานไดท นั ที และเกิดนวตั กรรมใหมใ นการทาํ งาน ทง้ั ผลงานท่ีเกดิ
ข้นึ ใหม และวฒั นธรรมการทํางานรว มกนั ของคนในองคก รท่มี ีความเอื้ออาทรตอกนั
2. บคุ ลากร การจดั การความรูในตนเองจะสง ผลใหค นในองคก รเกดิ การพัฒนาตนเอง และสง ผล
รวมถึงองคก ร กระบวนการเรยี นรจู ากการแลกเปล่ียนความรูรวมกนั จะทําใหบคุ ลากรเกิดความมั่นใจใน
ตนเอง เกดิ ความเปน ชุมชนในหมูเพอื่ นรว มงาน บุคลากรเปนบคุ คลเรยี นรูและสง ผลใหอ งคกรเปน องคก ร
แหง การเรยี นรอู ีกดว ย
3. ยกระดบั ความรูข องบคุ ลากรและองคกร การแลกเปลยี่ นเรียนรู จะทําใหบุคลากรมีความรเู พิ่ม
ข้ึนจากเดมิ เหน็ แนวทางในการพัฒนางานท่ชี ัดเจนมากข้ึน และเมื่อนาํ ไปปฏบิ ัติจะทําใหบ คุ คลและองคก ร
มีองคความรูเพอ่ื ใชในการปฏบิ ตั งิ านในเร่ืองท่ีสามารถนําไปปฏบิ ัตไิ ด มีองคค วามรูทจี่ ําเปน ตอ การใชง าน
และจัดระบบใหอ ยูในสภาพพรอมใช
การทีเ่ รามกี ารจัดการความรูในตวั เอง จะพบวา ความรูในตัวเราท่คี ิดวา เรามเี ยอะแลว นั้น จรงิ ๆ
แลวยงั นอ ยมากเม่อื เทยี บกบั บุคคลอ่นื และหากเรามีการแบงปน แลกเปล่ียนความรกู บั บุคคลอน่ื จะพบวา
มีความรูบางอยา งเกดิ ขนึ้ โดยทเี่ ราคาดไมถงึ และหากเราเหน็ แนวทางมีความรแู ลวไมนําไปปฏบิ ัติ ความ
รนู ั้นกจ็ ะไมมคี ณุ คาอะไรเลย หากนําความรนู ้ันไปแลกเปล่ียน และนาํ ไปสกู ารปฏบิ ตั ทิ ่เี ปน วงจรตอเนื่อง
ไมร จู บ จะเกดิ ความรเู พิม่ ขน้ึ อยางมาก หรือทเี่ รียกวา “ยง่ิ ให ย่งิ ไดรับ”
98 หนังสอื เรียนสาระทักษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน
หลกั การของการจัดการความรู
การจัดการความรู ไมมสี ูตรสําเรจ็ ในวิธีการของการจดั การเพื่อใหบรรลุเปา หมายในเรอ่ื งใดเรอ่ื ง
หนงึ่ แตข ัน้ อยกู บั ปณิธานความมุงมั่นท่ีจะทาํ งานของตนหรอื กิจกรรมของกลุมตนใหด ขี ึ้นกวา เดิม แลวใช
วธิ กี ารจัดการความรูเปนเคร่ืองมอื หน่ึงในการพัฒนางานหรอื สรา งนวัตกรรมในงาน มหี ลกั การสาํ คัญ 4
ประการ ดงั นี้
1. ใหคนหลากหลายทกั ษะ หลากหลายวิธีคิด ทํางานรวมกันอยางสรา งสรรค การจดั การ
ความรูท่ีมีพลงั ตอ งทาํ โดยคนทีม่ พี ืน้ ฐานแตกตา งกัน มคี วามเชอื่ หรอื วธิ คี ิดแตกตางกัน (แตมจี ุดรวมพลงั
คือ มเี ปาหมายอยทู ง่ี านดวยกัน) ถากลมุ ท่ดี าํ เนินการจดั การความรปู ระกอบดวยคนทีค่ ิดเหมือนๆ กัน การ
จดั การความรจู ะไมม ีพลังในการจัดการความรู ความแตกตา งหลากหลาย มคี ุณคามากกวาความเหมอื น
2. รว มกันพฒั นาวธิ ีการทาํ งานในรูปแบบใหม ๆ เพื่อบรรลุประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลที่
กาํ หนดไว ประสทิ ธิผลประกอบดวยองคประกอบ 4 ประการ คือ
2.1 การตอบสนองความตอ งการ ซึ่งอาจเปนความตอ งการของตนเอง ผรู ับบริการ ความตอง
การของสังคม หรือความตอ งการทกี่ ําหนดโดยผูนาํ องคกร
2.2 นวัตกรรม ซึง่ อาจเปน นวตั กรรมดานผลิตภัณฑใ หม ๆ หรือวธิ ีการใหม ๆ ก็ได
2.3 ขดี ความสามารถของบุคคล และขององคกร
2.4 ประสิทธิภาพในการทาํ งาน
3. ทดลองและการเรยี นรู เนื่องจากกจิ กรรมการจัดการความรเู ปนกจิ กรรมทีส่ รางสรรค จึงตอ ง
ทดลองทําเพียงนอ ย ๆ ซ่งึ ถาลม เหลวก็กอ ผลเสยี หายไมม ากนัก ถาไดผ ลไมดีกย็ กเลกิ ความคิดนน้ั ถา
ไดผ ลดจี งึ ขยายการทดลองคือปฏิบตั มิ ากขึ้น จนในทสี่ ุดขยายเปน วธิ ีทํางานแบบใหม หรอื ทเ่ี รียกวา ไดวิธี
การปฏิบัติทส่ี ง ผลเปน เลิศ (best practice) ใหมน่นั เอง
4. นาํ เขาความรูจ ากภายนอกอยางเหมาะสม โดยตองถอื วาความรูจากภายนอกยงั เปน ความรูท ี่
“ดบิ ” อยู ตองเอามาทาํ ให “สกุ ” ใหพ รอ มใชตามสภาพของเรา โดยการเตมิ ความรูท ่ีมีตามสภาพของเรา
ลงไป จึงจะเกิดความรูท ่ีเหมาะสมกับทีเ่ ราตองการใช
หลกั การของการจดั การความรู จงึ มุง เนนไปท่กี ารจดั การที่มปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะการจัดการ
ความรเู ปน เคร่อื งมือระดมความรูในคน และความรใู นกระดาษทัง้ ทีเ่ ปนความรจู ากภายนอก และความ
รูของกลุม ผูร วมงาน เอามาใชแ ละยกระดับความรูของบคุ คล ของผูรว มงานและขององคกร ทําใหงานมี
คุณภาพสงู ข้นึ คนเปน บุคคลเรยี นรูแ ละองคกรเปน องคกรแหง การเรียนรู การจัดการความรูจ ึงเปนทกั ษะ
สบิ สว น เปน ความรูเชิงทฤษฎีเพยี งสว นเดียว การจัดการความรจู งึ อยใู นลักษณะ “ไมทาํ -ไมร ”ู
หนังสือเรียนสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวชิ าทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน 99
กิจกรรม
กิจกรรมท่ี 1 ใหอ ธิบายความหมายของ “การจัดการความร”ู มาพอสงั เขป
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
กจิ กรรมท่ี 2 ใหอ ธบิ ายความสําคัญของ “การจัดการความรู” มาพอสังเขป
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
กิจกรรมท่ี 3 ใหอธิบายหลกั การของ “การจดั การความรู” มาพอสังเขป
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
100 หนงั สอื เรยี นสาระทกั ษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน
เรอ่ื งที่ 2 รปู แบบและกระบวนการในการจัดการความรู
1. รปู แบบการจดั การความรู
การจดั การความรูนัน้ มีหลายรปู แบบ หรอื ทเี่ รยี กกันวา “โมเดล” มหี ลากหลายโมเดล หัวใจ
ของการจัดการความรูคือ การจดั การความรทู ่ีอยูใ นตัวคนในฐานะผูป ฏิบตั ิและเปน ผมู ีความรู การจดั การ
ความรูท ท่ี าํ ใหคนเคารพในศกั ดิ์ศรขี องคนอื่น การจัดการความรนู อกจากการจัดการความรูในตนเองเพ่ือให
เกดิ การพัฒนางานและพัฒนาตนเองแลว ยงั มองรวมถงึ การจัดการความรูในกลุมหรือองคกรดว ยรูปแบบ
การจดั การความรูจ ึงอยูบนพน้ื ฐานของความเช่อื ท่วี า ทุกคนมคี วามรู ปฏิบตั ิในระดบั ความชํานาญทีต่ า งกัน
เคารพความรูท่ีอยใู นตวั คน
ดร.ประพนธ ผาสุกยืด ไดค ดิ คนรูปแบบการจัดการความรไู ว 2 รูปแบบ คอื รูปแบบปลาทูหรอื
ท่เี รยี กวา “โมเดลปลาท”ู และรูปแบบปลาตะเพียน หรือทเ่ี รยี กวา “โมเดลปลาตะเพียน” แสดงใหเห็น
ถึงรูปแบบการจัดการความรูใ นภาพรวมของการจัดการทคี่ รอบคลมุ ท้ังความรูทช่ี ัดแจง และความรูท ่ฝี งลึก
ดงั น้ี
โมเดลปลาทู
เพอ่ื ใหการจัดการความรู หรือ KM เปนเรื่องทีเ่ ขาใจงา ย จึงกาํ หนดใหก ารจดั การความรเู ปรยี บ
เหมือนกบั ปลาทูตวั หนงึ่ มสี ิ่งทีต่ องดําเนนิ การจัดการความรูอยู 3 สวน โดยกาํ หนดวา สว นหัว คือการ
กาํ หนดเปาหมายของการจดั การความรูท่ีชัดเจน สว นตวั ปลาคือการแลกเปล่ียนความรซู ึ่งกันและกัน และ
สวนหางปลาคอื ความรูท่ีไดร บั จากการแลกเปลีย่ นเรยี นรู
รปู แบบการจัดการความรูต าม “โมเดลปลาท”ู
หนงั สือเรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน 101
สว นที่ 1 “หัวปลา” หมายถงึ “Knowledge Vision” หรอื KV คือเปาหมายของการจดั การความรู
ผูใ ชต อ งรูวา จะจัดการความรูเพอ่ื บรรลเุ ปาหมายอะไร เกยี่ วของหรอื สอดคลอ งกับวิสัยทัศน พันธกจิ
และยุทธศาสตรขององคกรอยางไร เชน จัดการความรเู พอื่ เพ่มิ ประสิทธิภาพของงาน จัดการความรูเพ่ือ
พฒั นาทกั ษะชีวติ ดา นยาเสพตดิ จดั การความรูเ พ่อื พัฒนาทกั ษะชวี ิตดานสงิ่ แวดลอ ม จัดการความรเู พือ่
พฒั นาทกั ษะชวี ติ ดานชวี ติ และทรพั ยสนิ จัดการความรูเพอ่ื ฟน ฟขู นบธรรมเนยี มประเพณดี ้งั เดมิ ของคนใน
ชมุ ชน เปน ตน
สวนท่ี 2 “ตัวปลา” หมายถึง “Knowledge Sharing” หรอื KS เปน การแลกเปลี่ยนเรยี นรหู รอื
การแบงปน ความรทู ฝ่ี งลกึ ในตวั คนผปู ฏิบัติ เนน การแลกเปล่ยี นวิธีการทํางานท่ีประสบผลสาํ เรจ็ ไมเ นน ที่
ปญ หา เครือ่ งมือในการแลกเปลย่ี นเรียนรูมีหลากหลายแบบ อาทิ การเลา เรอ่ื ง การสนทนาเชิงลกึ การ
ชนื่ ชมหรอื การสนทนาในเชงิ บวก เพ่อื นชวยเพอื่ น การทบทวนการปฏิบัติงาน การถอดบทเรียน การถอด
องคค วามรู
สวนท่ี 3 “หางปลา” หมายถงึ “knowledge Assets” หรอื KA เปนขมุ ความรทู ี่ไดจากการแลก
เปลี่ยนเรียนรู มเี ครอ่ื งมอื ในการจัดเก็บความรทู ่ีมีชีวิตไมหยุดนิ่ง คอื นอกจากจดั เก็บความรูแลว ยังงาย
ในการนําความรอู อกมาใชจ ริง งา ยในการนําความรอู อกมาตอยอด และงา ยในการปรับขอ มลู ไมใหล าสมัย
สวนน้จี ึงไมใ ชสว นที่มีหนา ทเ่ี กบ็ ขอมูลไวเ ฉยๆ ไมใ ชห องสมดุ สาํ หรบั เก็บสะสมขอมลู ทีน่ าํ ไปใชจ รงิ ไดย าก
ดงั นัน้ เทคโนโลยกี ารสอื่ สารและสารสนเทศ จึงเปนเครอื่ งมอื จัดเก็บความรูอ ันทรงพลงั ยิ่งในกระบวนการ
จัดการความรู
ตวั อยา งการจัดการความรูเรอ่ื ง “พัฒนากลุม วสิ าหกิจชุมชน” ในรปู แบบปลาทู
102 หนงั สือเรียนสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน
โมเดลปลาตะเพยี น
แมป ลา คือ เปาหมายใหญ
ลกู ปลา คือ เปา หมายยอ ย
พฒั นาไปในทิศทางเดยี วกบั เปา
หมายใหญ
จากโมเดล“ปลาท”ู ตวั เดยี วมาสโู มเดล“ปลาตะเพยี น” ทเ่ี ปน ฝงู โดยเปรยี บแมป ลา“ปลาตวั ใหญ”
ไดกับวิสยั ทศั น พนั ธกจิ ขององคกรใหญ ในขณะทีป่ ลาตวั เล็กหลาย ๆ ตัว เปรียบไดก ับเปาหมายของ
การจดั การความรูท่ตี อ งไปตอบสนองเปา หมายใหญขององคก ร จงึ เปนปลาท้ังฝงู เหมอื น “โมบายปลา
ตะเพยี น” ของเลนเด็กไทยสมัยโบราณท่ผี ใู หญส านเอาไวแ ขวนเหนือเปลเดก็ เปนฝูงปลาท่หี นั หนาไปใน
ทิศทางเดยี วกนั และมีความเพยี รพยายามท่จี ะวายไปในกระแสน้าํ ท่เี ปลีย่ นแปลงอยตู ลอดเวลา
ปลาใหญอาจเปรียบเหมอื นการพัฒนาอาชีพตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ในชมุ ชน
ซ่ึงการพฒั นาอาชพี ดังกลาว ตอ งมีการแกป ญ หาและพฒั นารวมกนั ไปทง้ั ระบบเกิดกลุมตา งๆ ข้ึนในชมุ ชน
เพ่อื การเรียนรูรว มกนั ทง้ั การทาํ บัญชีครัวเรือน การทําเกษตรอินทรยี การทาํ ปยุ หมกั การเลี้ยงปลา การ
เล้ยี งกบ การแปรรปู ผลิตภัณฑเ พอ่ื ใชในครอบครัวหรือจําหนา ยเพอื่ เพม่ิ รายได เปนตน เหลา น้ถี อื เปน ปลา
ตวั เล็ก หากการแกปญหาที่ปลาตวั เล็กประสบผลสําเร็จ จะสง ผลใหป ลาใหญห รือเปา หมายในระดบั ชุมชน
ประสบผลสาํ เร็จดว ยเชน น่นั คอื ปลาวายไปขา งหนา อยา งพรอ มเพรยี งกัน
ทส่ี ําคญั ปลาแตละตวั ไมจาํ เปนตองมีรปู รางและขนาดเหมอื นกัน เพราะการจดั การความรขู อง
แตละเรอ่ื ง มสี ภาพของความยากงา ยในการแกป ญ หาทีแ่ ตกตางกนั รูปแบบของการจดั การความรูของแตล ะ
หนว ยยอ ยจงึ สามารถสรา งสรรค ปรับใหเขา กบั แตละท่ีไดอ ยา งเหมาะสม ปลาบางตวั อาจมที องใหญ เพราะ
อาจมีสว นของการแลกเปลีย่ นเรยี นรูมาก บางตวั อาจเปนปลาทห่ี างใหญเดนในเรอื่ งของการจัดระบบคลงั
ความรเู พื่อใชในการปฏบิ ตั มิ าก แตท ุกตวั ตอ งมีหัวและตาที่มองเหน็ เปาหมายทจ่ี ะไปอยางชัดเจน
หนังสอื เรียนสาระทักษะการเรียนรู รายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 103
วิสาหกจิ ชุมชน บานทุงรวงทอง
กลุมเกษตรอินทรีย
กลมุ เล้ยี งหมูหลมุ
กลุมสจั จะออมทรพั ย กลุมเล้ียงปลา เลย้ี งกบ
กลุม รา นคาชมุ ชน
การจัดการความรไู ดใ หความสาํ คัญกบั การเรยี นรูท ี่เกิดจากการปฏิบัตจิ ริง เปน การเรยี นรใู นทกุ ข้นั
ตอนของการทาํ งาน เชน กอ นเร่มิ งานจะตอ งมกี ารศกึ ษาทําความเขา ใจในสิง่ ท่ีกาํ กลงั จะทาํ จะเปน การ
เรียนรูดวยตัวเองหรอื อาศยั ความชวยเหลอื จากเพ่อื นรว มงาน มีการศึกษาวธิ กี ารและเทคนคิ ตาง ๆ ทใี่ ช
ไดผ ล พรอ มทง้ั คนหาเหตุผลดวยวา เปน เพราะอะไร และจะสามารถนําสิง่ ที่ไดเรยี นรูนนั้ มาใชง านท่กี าํ ลงั
จะทํานไี้ ดอยางไร ในระหวางท่ที าํ งานอยูเชน กัน จะตอ งมีการทบทวนการทาํ งานอยตู ลอดเวลา เรียกไดว า
เปน การเรียนรทู ่ไี ดจ ากการทบทวนกจิ กรรมยอ ยในทกุ ๆ ขัน้ ตอน หมนั่ ตรวจสอบอยเู สมอวาจดุ มุง หมาย
ของงานทท่ี ําอยนู คี้ ืออะไร กาํ ลงั เดินไปถกู ทางหรอื ไมเพราะเหตุใด ปญหาคืออะไร จะตอ งทาํ อะไรให
แตกตางไปจากเดิมหรือไม และนอกจากนั้นเมอื่ เสร็จส้นิ การทํางานหรอื เมื่อจบโครงการ กจ็ ะตองมกี าร
ทบทวนสงิ่ ตาง ๆ ที่ไดม าแลววามีอะไรบา งท่ที ําไดดี มีอะไรบางท่ตี อ งปรบั ปรุงแกไขหรอื รบั ไวเ ปนบทเรยี น
ซงึ่ การเรียนรูตามรูปแบบปลาทูน้ี ถือเปน หวั ใจสําคญั ของกระบวนการเรยี นรทู ่เี ปน วงจรอยสู ว นกลางของรูป
แบบการจดั การความรูน่นั เอง
104 หนงั สอื เรียนสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวชิ าทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน
กระบวนการจดั การความรู
กระบวนการจดั การความรู เปน กระบวนการแบบหนง่ึ ทจ่ี ะชว ยใหอ งคก รเขา ถงึ ขน้ั ตอน ทท่ี าํ ใหเ กดิ
การจัดการความรู หรอื พฒั นาการของความรู ท่ีจะเกดิ ข้นึ ภายในองคกร มขี ้ันตอน 7 ข้ันตอน ดงั น้ี
1. การบงชคี้ วามรู เปนการพจิ ารณาวา เปาหมายการทาํ งานของเราคอื อะไร และเพอ่ื ใหบรรลุ
เปาหมายเราจาํ ตอ งรอู ะไร ขณะน้ีเรามีความรูอะไร อยูในรปู แบบใด อยกู ับใคร
2. การสรา งและแสวงหาความรู เปนการจัดบรรยากาศและวัฒนธรรมการทาํ งานของคนใน
องคก รเพือ่ เอ้อื ใหค นมคี วามกระตือรือรนในการแลกเปล่ยี นความรูซ ึ่งกนั และกนั ซงึ่ จะกอ ใหเกิดการสราง
ความรูใหมเพ่ือใชในการพัฒนาอยูตลอดเวลา
3. การจดั การความรูใหเ ปนระบบ เปน การจดั ทําสารบญั และจดั เก็บความรปู ระเภทตา ง ๆ เพอ่ื
ใหก ารเกบ็ รวบรวมและการคนหาความรู นํามาใชไดง า ยและรวดเรว็
4. การประมวลและกลนั่ กรองความรู เปน การประมวลความรใู หอ ยใู นรปู เอกสารหรือรูปแบบ
อน่ื ๆ ทมี่ ีมาตรฐาน ปรับปรุงเน้อื หาใหสมบรู ณ ใชภาษาท่ีเขา ใจงา ยและใชไ ดง า ย
5. การเขา ถงึ ความรู เปนการเผยแพรความรเู พื่อใหผอู ่ืนไดใชประโยชน เขา ถงึ ความรูไดง าย
และสะดวก เชน ใชเทคโนโลยี เว็บบอรด หรอื บอรด ประชาสมั พันธ เปน ตน
6. การแบงปน แลกเปลีย่ นความรู ทาํ ไดหลายวิธกี าร หากเปนความรูเ ดนชดั อาจจัดทําเปน
เอกสาร ฐานความรูทใ่ี ชเทคโนโลยสี ารสนเทศ หากเปนความรฝู งลึกท่ีอยูในตัวคน อาจจดั ทาํ เปนระบบ
แลกเปลย่ี นความรเู ปน ทมี ขา มสายงาน ชมุ ชนแหง การเรยี นรู พเ่ี ลย้ี งสอนงาน การสบั เปลย่ี นงาน การยมื ตวั
เวทแี ลกเปล่ยี นเรียนรู เปนตน
7. การเรยี นรู การเรยี นรขู องบุคคลจะทําใหเ กดิ ความรใู หม ๆ ขึ้นมากมาย ซงึ่ จะไปเพิม่ พูน
องคความรูขององคกรทมี่ อี ยูแลว ใหมากขนึ้ เร่อื ย ๆ ความรูเ หลา น้จี ะถูกนําไปใชเพ่ือสรา งความรูใหม ๆ
เปนวงจรทีไ่ มส ิน้ สดุ เรียกวา เปน “วงจรแหง การเรียนร”ู
หนังสอื เรียนสาระทกั ษะการเรียนรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน 105
ตัวอยางของกระบวนการจดั การความรู
“วิสาหกจิ ชุมชน” บานทุง รวงทอง
1. การบง ช้คี วามรู
หมบู านทงุ รวงทองเปน หมูบ า นหน่งึ ทอ่ี ยใู นอําเภอจุนจังหวดั พะเยา จากการที่หนว ยงานตาง ๆ
ไดไ ปสง เสรมิ ใหเกิดกลุมตาง ๆ ข้ึนในชมุ ชน และเหน็ ความสาํ คัญของการรวมตัวกัน เพอ่ื เกอ้ื กลู คนใน
ชมุ ชนใหม ีการพึ่งพาอาศยั ซึง่ กันและกนั จงึ มีเปา หมายจะพฒั นาหมูบ านใหเปน วิสาหกจิ ชมุ ชน จึงตองมี
การบง ชีค้ วามรทู ีจ่ ําเปนท่ีจะพัฒนาหมูบานใหเปน วิสาหกิจชมุ ชน นนั่ คือหาขอมูลชมุ ชนในประเทศไทยมี
ลักษณะเปนวสิ าหกจิ ชุมชน และเมื่อศกึ ษาขอ มูลแลวทาํ ใหร วู าความรเู รื่องวิสาหกิจชมุ ชนอยูท ่ไี หน นั่นคอื
อยทู เี่ จาหนา ทหี่ นว ยงานราชการท่ีมาสง เสรมิ และอยใู นชุมชนทีม่ ีการทําวสิ าหกจิ ชุมชนแลวประสบผลสาํ เร็จ
2. การสรางและแสวงหาความรู
จากการศึกษาหาขอมลู แลววา หมบู านทที่ าํ เรือ่ งวสิ าหกจิ ชมุ ชนประสบผลสําเรจ็ อยทู ไี่ หน ได
ประสานหนวยงานราชการ และจัดทําเวทีแลกเปล่ยี นเรยี นรเู พือ่ เตรียมการในการไปศกึ ษาดูงาน เมอ่ื ไป
ศกึ ษาดงู านไดแลกเปลีย่ นเรยี นรู ทําใหไ ดร บั ความรูเ พ่ิมมากขนึ้ เขาใจรปู แบบ กระบวนการของการทํา
วิสาหกจิ ชมุ ชน และแยกกนั เรยี นรูเฉพาะกลมุ เพื่อนาํ ความรทู ีไ่ ดร บั มาปรับใชใ นการทําวสิ าหกจิ ชมุ ชนใน
หมูบานของตนเอง เมอื่ กลบั มาแลว มกี ารทาํ เวทีหลายครั้ง ทงั้ เวทีใหญที่คนทั้งหมูบานและหนว ยงานหลาย
หนวยงานมาใหคาํ ปรึกษา ชุมชนรวมกนั คดิ วางแผน และตัดสนิ ใจ รวมท้งั มีเวทียอยเฉพาะกลุม จากการ
แลกเปลี่ยนเรียนรผู านเวทชี าวบานหลายครั้ง ทาํ ใหช มุ ชนเกดิ การพัฒนาในหลายดาน เชน ความสัมพันธ
ของคนในชุมชน การมีสว นรวม ทัง้ รวมคดิ รว มวางแผน รว มดาํ เนินการ รว มประเมนิ ผล และรว มรับ
ผลประโยชนท่ีเกิดข้ึนในชุมชน
3. การจัดการความรูใหเปนระบบ
การทําหมูบา นใหเ ปน วิสาหกิจชุมชน เปน ความรใู หมของคนในชมุ ชน ชาวบา นไดเรียนรูไป
พรอ มๆ กัน มีการแลกเปลยี่ นเรียนรกู นั อยา งเปน ทางการและไมเปน ทางการ โดยมสี ว นราชการและองคก ร
เอกชนตา งๆ รวมกนั หนนุ เสริมการทํางานอยางบูรณาการ และจากการถอดบทเรยี นหลายคร้ัง ชาวบา นมี
ความรูเ พ่มิ มากขนึ้ และบนั ทึกความรอู ยางเปนระบบนัน่ คือ มคี วามรเู ฉพาะกลมุ สว นใหญจ ะบันทกึ ในรูป
เอกสาร และมีการทาํ วิจัยจากบุคคลภายนอก
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู
มีการจัดทาํ ขอมูล ซงึ่ มาจากการถอดบทเรียน และการจดั ทาํ เปน เอกสารเผยแพรเฉพาะกลมุ
เปน แหลงเรยี นรูใหกบั นกั ศกึ ษา กศน.และนักเรยี นในระบบโรงเรียน รวมทั้งมีนําขอ มลู มาวิเคราะหเพ่ือจดั
ทําเปนหลกั สตู รทองถนิ่ ของ กศน.อําเภอจุนดวย
106 หนงั สือเรยี นสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนตน
5. การเขาถงึ ความรู
นอกจากการมีขอ มลู ในชุมชนแลว หนวยงานตา ง ๆ โดยเฉพาะองคการบรหิ ารสว นตาํ บล ไดจัด
ทาํ ขอ มูลเพอ่ื ใหค นเขา ถึงความรไู ดงา ย ไดนาํ ขอ มลู ใสไ วอ ินเตอรเนต็ และในแตล ะตําบลจะมอี นิ เตอรเ น็ต
ตําบลใหบ รกิ าร ทาํ ใหค นภายนอกเขาถงึ ขอมูลไดง าย และมกี ารเขาถึงความรูจากการแลกเปล่ยี นเรียนรรู ว
มกันจากการมาศึกษาดงู านของคนภายนอก
6. การแบงปนแลกเปล่ียนความรู
ในการดาํ เนนิ งานกลมุ ชุมชน ไดมีการแลกเปล่ยี นเรยี นรกู นั ในหลายรูปแบบ ท้ังการไปศึกษา
ดูงาน การศึกษาเปน การสว นตัว การรวมกลมุ ในลักษณะชมุ ชนนกั ปฏบิ ตั ิ (CoP) ท่แี ลกเปลย่ี นเรยี นรรู ว
มกนั ท้ังเปน ทางการและไมเ ปนทางการ ทําใหกลุม ไดรบั ความรมู ากขนึ้ และบางกลุมเจอปญ หาอุปสรรคโดย
เฉพาะเร่ืองการบริหารจดั การกลมุ ทาํ ใหกลุมตองมาทบทวนรว มกันใหม สรางความเขาใจรวมกัน และเรยี น
รเู ร่ืองการบริหารจัดการจากกลุมอ่นื เพ่มิ เติม ทาํ ใหก ลุม สามารถดํารงอยไู ดโดยไมล ม สลาย
7. การเรยี นรู
กลมุ ไดเรียนรหู ลายอยางจากการดาํ เนนิ การวิสาหกจิ ชมุ ชน การทีก่ ลุมมีการพัฒนาขนึ้ นั่นแส
ดงวา กลุมมคี วามรูม ากข้นึ จากการลงมอื ปฏิบตั ิและแลกเปลีย่ นเรียนรรู ว มกนั การพัฒนานอกจากความรทู ี่
เพมิ่ ขน้ึ ซ่งึ เปนการยกระดับความรูของคนในชุมชนแลว ยงั เปน การพัฒนาความคดิ ของคนในชมุ ชนดวย
ชมุ ชนมีความคดิ ที่เปลีย่ นไปจากเดมิ มกี ารทาํ กิจกรรมเพอ่ื เรยี นรรู วมกนั บอ ยขนึ้ มีความคิดในการพงึ่ พา
ตนเอง และเกดิ กลุมตา งๆ ข้นึ ในชุมชน โดยการมสี ว นรว มของคนในชมุ ชน
หนงั สือเรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน 107
กิจกรรมทายบท
กิจกรรมท่ี 1 รูปแบบของการจดั การความรมู อี ะไรบาง และมลี ักษณะอยา งไร
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
กจิ กรรมที่ 2 กระบวนการจดั การความรูมีก่ีข้นั ตอน อะไรบาง
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
กิจกรรมที่ 3 ใหผ เู รยี นยกตัวอยา งกลุม หรือชุมชนทมี่ กี ารจดั การความรปู ระสบผลสําเรจ็ และอธิบาย
ดว ยวา สําเรจ็ อยางไร เพราะอะไร
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
108 หนงั สือเรียนสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวิชาทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน
เร่ืองท่ี 3 การรวมกลมุ เพ่อื ตอ ยอดความรู
บุคคลและเครอื่ งมอื ท่เี กี่ยวขอ งกบั การจดั การความรู
บคุ คลท่เี กยี่ วของกบั การจดั การความรู
ในการจดั การความรดู วยวิธีการรวมกลมุ ปฏิบัติการเพอ่ื ตอ ยอดความรู การแลกเปลย่ี นเรยี นรู
เพื่อดึงความรูทฝ่ี ง ลกึ ในตัวบคุ คลออกมาแลว สกัดเปนขุมความรู หรอื องคค วามรเู พอื่ ใชในการปฏบิ ตั งิ าน
นนั้ จะตอ งมบี คุ คลทสี่ งเสริมใหเ กิดการแลกเปล่ยี นเรยี นรู ในบรรยากาศของการมีใจในการแบง ปน ความ
รู รวมทัง้ ผูท่ที ําหนา ท่ีกระตนุ ใหค นอยากท่จี ะแลกเปล่ยี นเรยี นรซู ึง่ กันและกัน บุคคลทส่ี ําคญั และเกย่ี วของ
กับการจัดการความรู มีดังตอ ไปน้ี
“คณุ เออ้ื ” ชอ่ื เต็มคอื “คณุ เออื้ ระบบ” เปนผูนาํ ระดับสงู ขององคกร หนา ท่ีสาํ คัญคือ 1)
ทาํ ใหการจดั การความรู เปน สวนหนึ่งของการปฏิบตั งิ านตามปกตขิ ององคกร 2) เปดโอกาสใหทุกคนใน
องคกรเปน “ผูนาํ ” ในการพฒั นาวธิ กี ารทํางานทีต่ นรับผดิ ชอบ และนําประสบการณมาแลกเปล่ยี นเรยี น
รูกบั เพื่อนรว มงาน สรางวัฒนธรรมการเออ้ื อาทรและแบงปน ความรู และ 3) หากศุ โลบายทาํ ใหค วาม
สาํ เรจ็ ของการใชเ ครอื่ งมอื การจัดการความรมู กี ารนาํ ไปใชม ากข้นึ
“คณุ อาํ นวย” หรือผอู ํานวยความสะดวกในการจดั การความรู เปนผกู ระตุนสงเสริมใหเ กดิ การ
แลกเปลี่ยนเรยี นรู และอํานวยความสะดวกตอ การแลกเปลีย่ นเรียนรู นําคนมาแลกเปลย่ี นประสบการณ
การทํางานรว มกนั ชวยใหค นเหลา นั้นส่อื สารกันใหเ กิดความเขา ใจ เหน็ ความสามารถของกันและกัน เปน
ผเู ช่อื มโยงคนหรือหนว ยงานเขามาหากัน โดยเฉพาะอยางย่ิงเชือ่ มระหวางคนทมี่ คี วามรูห รอื ประสบการณ
กับผูต อ งการเรียนรู และนําความรนู ั้นไปใชประโยชน คณุ อาํ นวยตองมีทกั ษะท่สี าํ คญั คอื ทกั ษะการสอื่ สาร
กับคนท่แี ตกตางหลากหลาย รวมทั้งตองเหน็ คณุ คา ของความแตกตา งหลากหลาย และรูจักประสานความ
แตกตางเหลา นัน้ ใหม คี ณุ คา ในทางปฏิบตั ิ ผลกั ดันใหเ กดิ การพฒั นางาน และติดตามประเมินผลการดําเนิน
งาน คนหาความสาํ เร็จ หรอื การเปล่ียนแปลงที่ตองการ
“คุณกิจ” คือ เจา หนา ที่ ผูปฏบิ ัตงิ าน คนทาํ งานทีร่ ับผดิ ชอบงานตามหนา ท่ขี องตนในองคก ร
ถอื เปน ผจู ัดการความรูตวั จรงิ เพราะเปนผูดําเนนิ กจิ กรรมการจดั การความรู มปี ระมาณรอ ยละ 90 ของ
ทั้งหมด เปนผูรวมกันกาํ หนดเปา หมายการใชก ารจดั การความรขู องกลมุ ตน เปน ผูค น หาและแลกเปลี่ยน
เรยี นรภู ายในกลมุ และดําเนนิ การเสาะหาและดูดซับความรูจากภายนอกเพ่ือนาํ มาประยกุ ตใ ชใ หบ รรลเุ ปา
หมายรวมทีก่ าํ หนดไว เปนผดู ําเนนิ การจดบันทกึ และจดั เก็บความรใู หห มนุ เวียนตอ ยอดความรไู ป
ไมร ูจบ
“คุณลิขิต” คือ คนท่ีทาํ หนา ที่จดบนั ทกึ กิจกรรมจัดการความรูตาง ๆ เพ่ือจดั ทาํ เปน คลังความ
รขู ององคกร
หนังสือเรียนสาระทักษะการเรียนรู รายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน 109
ในการจดั การความรทู อี่ ยูใ นคน โดยการแลกเปล่ยี นเรียนรรู ว มกนั จากการเลา เรอ่ื งสูก นั ฟง บคุ คล
ท่ีสงเสรมิ สนับสนนุ ใหมีการรวมตัวกันเพอ่ื เลา เรอื่ งคอื ผูนาํ สูงสดุ หรอื ทีเ่ รยี กวา “คณุ เอ้อื ” เมื่อรวมตัวกัน
แลว แตละคนไดเ ลา เรื่องท่ปี ระสบผลสําเรจ็ จากการปฏบิ ัติของตนเองออกมาใหเ พ่ือนฟง คนทเี่ ลา เรื่องแตละ
เรอ่ื งนัน้ เรยี กวา “คณุ กิจ” และในระหวางทเี่ ลาจะมกี ารซักถามความรู เพอื่ ใหเ ห็นแนวทางของการปฏิบตั ิ
เทคนิค เคล็ดลบั ในการทํางานใหป ระสบผลสําเร็จ ผูที่ทาํ หนาทีน้เี รยี กวา “คณุ อาํ นวย” และในขณะทเ่ี ลา
เรื่องจะมีผูคอยจดบนั ทึก โดยเฉพาะเคล็ดลบั วิธีการทํางานใหประสบผลสาํ เร็จ น่นั คือ “คุณลิขิต” ซึง่ ก็
หมายถึง คนทค่ี อยจดบันทึกน่นั เอง เมอื่ ทกุ คนเลาจบ ไดฟงเร่อื งราว วิธีการทํางานใหป ระสบผลสําเร็จแลว
ทกุ คนชว ยกนั สรุป ความรูท ่ไี ดจ ากการสรปุ นี้ เรยี กวา “แกนความรู” นน่ั เอง
เครือ่ งมือท่เี กย่ี วขอ งกบั การจัดการความรู
การจดั การความรู หัวใจสาํ คัญคอื การจัดการความรทู ีอ่ ยใู นตัวคน เครอื่ งมอื ท่ีเก่ียวขอ งกบั การ
จดั การความรูเพือ่ การแลกเปล่ียนเรียนรูจึงมีหลากหลายรปู แบบ ดังน้ี
1. การประชุม (สัมมนา ปฏบิ ตั ิการ) ทงั้ ท่ีเปนทางการและไมเ ปน ทางการ เปนการแลกเปลยี่ น
เรยี นรูรว มกนั หนวยงานองคกรตา ง ๆ มกี ารใชเ ครือ่ งมอื การจดั การความรใู นรปู แบบนกี้ ันมาก โดยเฉพาะ
หนว ยงานราชการ
2. การไปศกึ ษาดูงาน นน่ั คอื แลกเปลย่ี นเรียนรูจากการไปศกึ ษาดงู าน มีการซกั ถาม หรอื จดั ทํา
เวทีแสดงความคดิ เหน็ ในระหวางไปศึกษาดูงาน ก็ถือเปนการแลกเปลีย่ นความรูรวมกนั คอื ความรูยา ยจาก
คนไปสูคน
3. การเลาเรือ่ ง (Storytelling) เปน การรวมกลุมกันของผูปฏบิ ัติงานทมี่ ลี ักษณะคลายกนั
ประมาณ 8-10 คน แลกเปล่ยี นเรยี นรโู ดยการเลา เรื่องสูกันฟง การเลาเรอ่ื งผฟู ง จะตอ งนั่งฟงอยางมสี มาธิ
หรอื ฟงอยางลึกซ้งึ จะทาํ ใหเขา ใจในบริบทหรอื สภาพความเปน ไปของเร่ืองทีเ่ ลา เม่ือแตละคนเลา จบ จะมี
การสกัดความรู ทเ่ี ปน เทคนคิ วธิ ีการท่ที าํ ใหงานประสบผลสําเร็จออกมา งานที่ทําจนประสบผลสาํ เร็จเรยี ก
วา best practice หรอื การปฏบิ ัตงิ านท่ีเลศิ ซึง่ แตละคนอาจมวี ธิ กี ารท่แี ตกตา งกนั ความรูทีไ่ ดถอื เปน การ
ยกระดับความรใู หก ับคนทีย่ งั ไมเ คยปฏบิ ตั ิ และสามารถนาํ ความรูท ไี่ ดรบั ประยุกตใ ชเ พอ่ื พัฒนางานของตน
เองได
4. ชมุ ชนนกั ปฏบิ ตั ิ (Community of Practice : CoPS) เปน การรวมตวั กันของคนทสี่ นใจเรือ่ ง
เดยี วกนั รวมตวั กนั เพ่ือแลกเปล่ยี นเรยี นรทู ัง้ เปนทางการและไมเ ปน ทางการ ผา นการส่ือสารหลาย ๆ ชอง
ทาง อาจรวมตัวกันในลักษณะของการประชุม สมั มนา และแลกเปล่ียนความรูกัน หรือการรวมตวั ในรปู
แบบอ่นื เชน การตง้ั เปนชมรม หรอื ใชเ ทคโนโลยใี นการแลกเปล่ยี นความรูก นั ในลกั ษณะของเว็บบล็อก ซึ่ง
สามารถแลกเปลีย่ นเรียนรูกับไดท กุ ท่ี ทุกเวลา และประหยัดคา ใชจ า ยอีกดวย การแลกเปลี่ยนเรยี นรจู ะ
ทาํ ใหเกิดการพฒั นาความรู และตอยอดความรู
110 หนงั สอื เรียนสาระทกั ษะการเรียนรู รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน
5. การสอนงาน หมายถงึ การถา ยทอดความรหู รอื บอกวิธีการทํางาน การชว ยเหลือ ใหคาํ
แนะนาํ ใหกําลงั ใจแกเ พ่อื นรวมงาน รวมท้งั การสรางบรรยากาศเพอ่ื ถายทอดและแลกเปลย่ี นความรูจากคน
ท่ีรมู าก ไปสคู นทีร่ นู อยในเร่อื งนน้ั ๆ
6. เพ่อื นชวยเพอ่ื น (Peer Assist) หมายถงึ การเชิญทีมอ่นื มาแบงปนประสบการณดี ๆ ท่ีเรียก
วา best practice ใหเรา มาแนะนํา มาสอน มาบอกตอ หรอื มาเลาใหเ ราฟง เพอ่ื เราจะไดนาํ ไปประยุกตใช
ในองคก รของเราได และเปรียบเทียบเปน ระยะ เพ่อื ยกระดบั ความรแู ละพัฒนางานใหดีย่ิงขึ้นตอไป
7. การทบทวนกอนการปฏิบตั ิงาน (Before Action Review : BAR) เปนการทบทวนการทาํ งาน
กอ นการปฏิบัตงิ าน เพ่ือดคู วามพรอ มกอ นเรมิ่ การอบรม ใหความรู หรือทํากจิ กรรมอ่นื ๆ โดยการเชิญ
คณะทํางานมาประชุมเพ่อื ตรวจสอบความพรอม แตละฝา ยนาํ เสนอถงึ ความพรอ มของตนเองตามบทบาท
หนาที่ท่ไี ดรับ การทบทวนกอ นการปฏิบตั ิงานจึงเปนการปอ งกันความผดิ พลาดทจี่ ะเกิดขนึ้ กอ นการทํางาน
นัน่ เอง
8. การทบทวนขณะปฏบิ ตั งิ าน (During Action Review : DAR) เปน การทบทวนในระหวา งที่
ทํางาน หรือจดั อบรม โดยการสังเกตและนาํ ผลจากการสังเกตมาปรึกษาหารอื และแกปญหาในขณะทํางาน
รว มกัน ทาํ ใหล ดปญหา หรืออปุ สรรคในระหวา งการทํางานได
9. การทบทวนหลงั การปฏิบัตงิ าน (After Action Review : AAR) เปน การติดตามผลหรือ
ทบทวนการทํางานของผเู ขา รว มกิจกรรม หรอื คณะทาํ งานหลงั เลกิ กิจกรรมแลว โดยการนง่ั ทบทวนสิง่ ทไี่ ด
ปฏิบัตไิ ปรวมกัน ผานการเขียนและการพดู ดว ยการตอบคําถามงา ยๆ วา คาดหวงั อะไรจากการทาํ กิจกรรม
นี้ ไดตามทค่ี าดหวังหรือไม ไดเพราะอะไร ไมไ ดเ พราะอะไร และจะทําอยา งไรตอไป
10. การจดั ทําดัชนผี รู ู คอื การรวบรวมผูที่เช่ียวชาญ เกงเฉพาะเรอ่ื ง หรอื ภูมิปญญา มารวบรวม
จดั เก็บไวอ ยา งเปน ระบบ ท้ังรปู แบบท่เี ปน เอกสาร สื่ออิเลก็ ทรอนิกส เพอ่ื ใหคนไดเ ขาถึงแหลง เรยี นรไู ด
งา ย และนาํ ไปสกู ิจกรรมการแลกเปลย่ี นรตู อ ไป
เคร่ืองมือในการแลกเปล่ียนเรียนรูน้ีเปนเพียงสวนหนึ่งของเคร่ืองมืออีกหลายชนิดท่ีนําไปใชใน
การจัดการความรู เครอ่ื งมือทมี่ ผี ูน าํ มาใชม ากในการแลกเปลีย่ นเรียนรใู นระดับตนเองและระดับกลุม คือ
การแลกเปลย่ี นเรียนรูโดยเทคนคิ การเลา เรอ่ื ง การเลา เรือ่ งเปน การแลกเปล่ียนเรยี นรูจากวิธีการทาํ งาน
ของคนอืน่ ท่ปี ระสบผลสาํ เร็จ หรือทเ่ี รียกวา best practice เปน การเรียนรทู างลดั นั่นคือเอาเทคนิควิธีการ
ทํางานทค่ี นอ่นื ทําแลว ประสบผลสําเรจ็ มาเปน บทเรียน และนําวิธีการนั้นมาประยกุ ตใ ชกบั ตนเอง เกดิ วธิ ี
การปฏบิ ัตใิ หมที่ดีข้นึ กวาเดมิ เปน วงจรเรอื่ ยไปไมสิ้นสดุ การแลกเปลี่ยนเรยี นรูจากการเลา เรอื่ ง มลี ักษณะ
ดังน้ี
หนังสือเรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน 111
การเลาเรอ่ื ง
การเลา เร่ือง หรือ Storytelling เปนเคร่อื งมอื อยา งงายในการจดั การความรู ซึง่ มวี ธิ กี ารไมย ุง
ยากซับซอน สามารถใชไดก ับทกุ กลมุ เปา หมาย เปนการเลาประสบการณในการทํางานของแตละคนวา มวี ิธี
การทําอยางไรจึงจะประสบผลสําเร็จ
กิจกรรมเลา เรื่อง ตอ งทาํ อะไรบาง
กิจกรรมจดั การความรู โดยใชเ ทคนิคการเลาเรือ่ ง ประกอบดวยกจิ กรรมตาง ๆ ดังนี้
1. ใหคณุ กิจ (สมาชิกทุกคน) เขยี นเรอื่ งเลา ประสบการณค วามสําเร็จในการทํางานของตนเอง
เพือ่ ใหค วามรูฝง ลกึ ในตัว (Tacit Knowledge) ปรากฏออกมา เปน ความรชู ัดแจง (Expicit Knowledge)
2. เลาเรือ่ งความสําเรจ็ ของตนเอง ใหส มาชิกในกลุมยอ ย ฟง
3. คุณกจิ (สมาชิก) ในกลุม ชวยกนั สกดั ขุมความรู จากเรอื่ งเลา เขยี นบนกระดาษฟลปิ ชารต
4. ชว ยกนั สรุปขมุ ความรทู ่ีสกัดไดจ ากเร่ือง ซึง่ มีจาํ นวนหลายขอ ใหก ลายเปนแกน ความรู ซงึ่
เปนหวั ใจทที่ าํ ใหงานประสบผลสาํ เรจ็
5. ใหแ ตล ะกลุม คดั เลือกเร่ืองเลาทดี่ ที ่ีสดุ เพอื่ นาํ เสนอในทปี่ ระชุมใหญ
6. รวมเรื่องเลาของทุกคน จัดทําเปน เอกสารคลงั ความรขู ององคกร หรือเผยแพรผ านทาง
เวบ็ ไซต เพอื่ แบง ปน แลกเปลีย่ นความรู และนาํ มาใชป ระโยชนใ นการทาํ งาน
ขมุ ความรู คือ วธิ ีการแกปญหา หรอื พัฒนางาน
แกนความรู คอื บทสรุปของขุมความรู (เรื่องนส้ี อนใหรูวา )
112 หนังสอื เรียนสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวิชาทกั ษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน
ตัวอยางเร่ืองเลา ประสบการณค วามสําเรจ็
เร่อื ง “เดก็ ทค่ี รูไมต องการ”
“...แซน อกี แลว ! ทําไม เธอถึงเกเรอยา งนี้
นีเ่ ปน คร้งั ทเี่ ทาไหรล ะ ทช่ี อบรงั แกเด็ก
ครเู อือมระอาเธอเหลอื เกิน”
เสียงครเู วรประจาํ วัน ซงึ่ สภุ าพสตรีวัยกลางคน กลา วตําหนิ ด.ช.แซน ผกู ําพรา พอ แม
ตอหนา เพ่อื นๆ ทีห่ นาเสาธง
จากนน้ั กห็ ันมาใสอารมณกบั ขา พเจาท่ียืนดูอยูขา ง ๆ
“ครสู มชาย ชวยจัดการใหพี่ทีเถอะ
พี่ไมร จู ะทาํ อยา งไร กับเดก็ เกเรคนน้แี ลว”
ขาพเจาตอบรับไปสัน้ ๆ ดวยคําวา “ครับ” พรอมกับความรหู ลายอยางทีอ่ ัดแนน อยูใ นใจ ที่
ยากจะอธิบาย
ขา พเจา ไปหาแซน ซ่งึ อาศยั อยูก บั ยายในเยน็ วันหนง่ึ พรอ มของฝากเลก็ ๆ นอยๆ พูดคุย
สาระทุกขสขุ ดบิ แบบคนคุน เคยกนั ตามประสาครบู านนอก ทําใหทราบขอมูลเชงิ ลกึ วา พอ และแมข อง
แซนเสียชวี ิต ดวยโรคภูมิคุน กนั บกพรอง และตอนทีย่ ังมชี ีวติ อยู ก็มกั ทะเลาะตบตกี นั ใหลกู เห็นเปน
ประจํา ขา พเจา กลับบานพรอมโจทยข อ ใหญ
รุง ขึน้ ขาพเจา เรยี กแซนมาคยุ ชวนใหมาชว ยทํางานในวันเสารอาทิตย เพ่ือหารายไดเสริม
เชน ปลกู ผกั สวนครัว เพาะชาํ กลาไม ซึง่ ขา พเจาเปน ผูรับซอื้ เอง
จากวันนัน้ วนั ทแ่ี ซนเรียนอยูชั้น ม.1 มพี ฤตกิ รรม คอื ...เกเร...ไมต ัง้ ใจเรียน...
จนถงึ วันน้ี 23 มนี าคม 2551 แซนจบ ชั้น ม.3 ดวยเกรดเฉล่ยี 3.68 สอบเขา เรยี นตอ
ชนั้ ม.4 โรงเรียนมัธยมประจาํ อําเภอ ในโปรแกรมวิทย- คณิตได มีรายไดสะสมเปนตวั เลขเงนิ ในบญั ชี
ธนาคารจากการหารายไดพิเศษระหวางเรยี น เปน จาํ นวนเงนิ หมนื่ กวา บาท
หลงั เสร็จพิธรี ับประกาศนยี บตั ร ชน้ั ม.3 แซนมากราบที่ตักของขา พเจา พรอมพดู ดว ยนาํ้
เสยี งทสี่ ่ันเครอื และนํ้าตาของความปลมื้ ปติวา ...
“ครูครับ! ถาไมม ีครผู มคงไมมีวันนี้ครบั ”
นํา้ ตาของขา พเจาไหลซมึ โดยไมรูตวั
ตบไหลแ ซนแรงๆ
กอดซ้าํ อกี ทหี นง่ึ เหมอื นกอดลูกชาย
ดีใจดว ยจรงิ ๆ วะ
สูตอ ไปนะ....นะ....แซน...
หนงั สือเรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน 113
ชุมชนนักปฏบิ ัตหิ รือชุมชนแหง การเรยี นรู (CoPs)
ในชุมชนมีปญ หาซบั ซอน ทคี่ นในชมุ ชนตองรวมกนั แกไ ข การจดั การความรูจ ึงเปน เรื่องท่ีทุกคน
ตองใหค วามรวมมือ และใหข อ เสนอแนะในเชิงสรางสรรค การรวมกลมุ เพือ่ แกป ญ หาหรือรวมมอื กัน
พฒั นาโดยการแลกเปลย่ี นเรยี นรรู วมกัน เรยี กวา “ชมุ ชนนกั ปฏบิ ตั ”ิ บคุ คลในกลุมจึงตอ งมีเจตคติท่ดี ี
ในการแบง ปน ความรู นําความรูทมี่ ีอยูมาพัฒนากลุมจากการลงมือปฏบิ ัติ และเคารพในความคดิ เห็นของ
ผอู ่นื
ชมุ ชนนกั ปฏบิ ัติคืออะไร
ชมุ ชนนักปฏิบัติ คอื คนกลุมเล็ก ๆ ซ่ึงทาํ งานดวยกนั มาระยะหนง่ึ มเี ปา หมายรว มกนั และตอง
การทจี่ ะแบง ปน แลกเปลี่ยนความรู ประสบการณจากการทาํ งานรวมกัน กลุม ดังกลา วมักจะไมไ ดเกิด
จากการจัดตั้งโดยองคก ร หรือชุมชน เปน กลุมที่เกดิ จากความตอ งการแกปญ หา พัฒนาตนเอง เปนความ
พยายามที่จะทาํ ใหความฝน ของตนเองบรรลุผลสาํ เร็จ กลุม ทเี่ กดิ ขึน้ ไมมอี ํานาจใดๆ ไมมกี ารกาํ หนดไวใน
แผนภมู โิ ครงสรางองคก ร ชุมชน เปา หมายของการเรยี นรขู องคนมหี ลายอยา ง ดงั นน้ั ชุมชนนักปฏิบัติจึง
มิไดม เี พียงกลุมเดียว แตเกดิ ขึ้นเปน จํานวนมาก ทั้งน้อี ยูท ีป่ ระเดน็ เน้ือหาท่ตี อ งการจะเรยี นรรู ว มกนั นัน่ เอง
และคนคนหน่งึ อาจจะเปน สมาชิกในหลายชมุ ชนกไ็ ด
ชมุ ชนนกั ปฏบิ ัติมคี วามสาํ คญั อยางไร
ชมุ ชนนักปฏบิ ตั ิเกิดจากกลุมคนทม่ี ีเครือขายความสัมพนั ธท่ีไมเปน ทางการมารวมตวั กนั เกดิ
จากความใกลช ดิ ความพอใจจากการมีปฏิสัมพนั ธร วมกัน การรวมตวั กันในลักษณะท่ไี มเ ปนทางการจะ
เอ้ือตอ การเรียนรู และการสรา งความรใู หม ๆ มากกวา มากกวาการรวมตัวกันอยางเปน ทางการ มจี ดุ เนน
คอื ตอ งการเรียนรรู วมกันจากประสบการณการทาํ งานเปนหลัก การทํางานในเชงิ ปฏิบตั ิ หรือจากปญ หาใน
ชวี ิตประจําวัน หรอื เรยี นรูเคร่อื งมือใหม ๆ เพอื่ นํามาใชในการพฒั นางาน หรอื วธิ ีการทาํ งานทไี่ ดผล และ
ไมไ ดผ ล การมีปฏสิ ัมพนั ธร ะหวา งบคุ คล ทาํ ใหเกิดการถายทอดแลกเปลย่ี นความรฝู ง ลึก สรา งความรู และ
ความเขา ใจไดม ากกวา การเรยี นรจู ากหนังสือ หรือการฝกอบรมตามปกติ เครอื ขา ยทไ่ี มเ ปน ทางการ ในเวที
ชมุ ชนนกั ปฏบิ ตั ซิ ง่ึ มีสมาชกิ จากตางหนว ยงาน ตางชมุ ชน จะชวยใหองคก รหรอื ชมุ ชนประสบความสําเรจ็ ได
ดีกวา การสือ่ สารตามโครงสรางท่เี ปนทางการ
ชมุ ชนนกั ปฏิบัตเิ กดิ ข้นึ ไดอ ยางไร
การรวมกลมุ ปฏบิ ัตกิ าร หรอื การกอ ตัวข้ึนเปนชมุ ชนนกั ปฏิบตั ิได ลวนเปน เร่ืองท่ีเกี่ยวกบั คน
คนตองมี 3 สงิ่ ตอไปนเี้ ปน เบอ้ื งตน คือ
1. ตองมเี วลา คอื มเี วลาที่จะมาแลกเปล่ียนเรยี นรู มารวมคดิ รว มทาํ รว มแกปญหา ชว ยกัน
พฒั นางาน หรือสรา งสรรคส ิง่ ใหม ๆ ใหเกิดขน้ึ หากคนท่ีมารวมกลุมไมม เี วลา หรือไมจ ดั สรรเวลาไวเพอ่ื
การน้ีกไ็ มม ีทางท่จี ะรวมกลุมปฏบิ ตั ิการได
2. ตอ งมเี วทหี รอื พ้ืนท่ี การมเี วทหี รือพน้ื ท่ีคอื การจดั หาหรอื กําหนดสถานที่ที่จะใชในการพบ
กลมุ การชมุ ชน พบปะพดู คยุ สนทนาแลกเปล่ียนความคิด แลกเปล่ียนประสบการณตามทีก่ ลมุ ไดชว ยกัน
กําหนดขึน้ เวทดี ังกลา วน้อี าจมีหลายรปู แบบ เชน การจัดประชุม การจัดสัมมนา การจดั เวทีประชาคม
เวทขี างบา น การจัดเปนมมุ กาแฟ มุมอานหนงั สือ เปนตน
114 หนังสอื เรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวชิ าทกั ษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน
การจัดใหมีเวทีหรือพน้ื ทดี่ ังกลา ว เปน การทําใหค นไดมีโอกาสแลกเปลย่ี นเรียนรูใ นบรรยากาศ
สบาย ๆ เปด โอกาสใหคนท่สี นใจเรื่องคลาย ๆ กัน หรอื คนทที่ าํ งานดา นเดยี วกันมโี อกาสจบั กลุม ปรึกษา
หารือกันไดโ ดยสะดวก ตามความสมัครใจ ในภาษาองั กฤษเรยี กการชุมนมุ ลักษณะนว้ี า “Community of
Practices” หรือเรยี กยอ วา CoPs ในภาษาไทยเรยี ก “ชุมชนนักปฏิบตั ”ิ
ชมุ ชนนักปฏิบัตเิ ปนคําทีใ่ ชก นั โดยทว่ั ไป และมคี าํ อืน่ ๆ ทมี่ คี วามหมายเดยี วกนั น้ี เชน ชุมชน
แหงการเรียนรู ชมุ ชนปฏิบตั ิการ หรือเรยี กคํายอ ในภาษาองั กฤษวา CoPs กเ็ ปนทเ่ี ขาใจกนั
3. ตองมีไมตรี คนตองมไี มตรีตอ กนั เมอื่ มาพบปะกัน การมไี มตรเี ปนเรื่องของใจ การมีนํา้ ใจ
ตอกนั มีใจใหก ันและกนั เปน ใจทเี่ ปด กวา ง รับฟง ความคดิ เห็นของผอู ่นื พรอมรับส่ิงใหมๆ ไมตดิ ยึดอยู
กับส่งิ เดมิ ๆ มคี วามเอื้ออาทร พรอ มท่จี ะชวยเหลอื เกอื้ กลู ซ่งึ กนั และกนั
การรวมกลุม ปฏิบัตกิ าร จะดําเนินไปไดด ว ยดี บรรลุตามเปา หมายที่ตง้ั ไว จะตองมเี วลา เวที
ไมตรี เปน องคประกอบที่ชว ยสรา งบรรยากาศทเ่ี ปดกวา ง และเออื้ อํานวยตอ การแสดงความคิดเหน็ ทห่ี ลาก
หลายในกลมุ จะทาํ ใหไดมมุ มองทีก่ วางขวางยิ่งข้ึน
รูปแบบของเวทีชมุ ชนนักปฏบิ ตั ิ
การแลกเปลย่ี นเรียนรูผานเวทีชมุ ชนนักปฏิบตั ิมีหลากหลายรปู แบบ เชน การมารวมกลมุ กันเพอื่
แลกเปลี่ยนความรูระหวางกนั ในรปู แบบตา ง ๆ เชน การประชมุ การสมั มนา การจัดเวทีประชาคม
เวทขี า งบาน การจดั เปน มมุ กาแฟ มุมอา นหนังสอื แตใ นปจ จุบนั มีการใชเทคโนโลยีมาใชใ นการสื่อสาร
ทาํ ใหเ กิดการแลกเปลีย่ นเรียนรรู วมกันผานทางอินเตอรเ นต็ ดงั นนั้ รูปแบบของการแลกเปลยี่ นเรียนรูท่ี
เรียกวา “เวทชี มุ ชนนักปฏบิ ัต”ิ จึงมี 2 รูปแบบ ดงั น้ี
1. เวทีจรงิ เปนการรวมตัวกนั เปน กลุมหรอื ชมุ ชน และมาแลกเปลยี่ นเรยี นรูร ว มกนั ดว ยการ
เห็นหนากนั พดู คุย แลกเปล่ยี นความคดิ เห็น ท้ังแบบเปน ทางการและไมเ ปน ทางการ แตการแลกเปลย่ี น
ในลกั ษณะน้ีจะมีขอ จาํ กดั ในเร่อื งคาใชจ ายในการเดนิ ทางมาพบกนั แตส ามารถแลกเปล่ยี นเรียนรูรว มกันได
ในเชิงลึก
หนงั สอื เรียนสาระทกั ษะการเรียนรู รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน 115
2. เวทเี สมือน เปนการรวมตัวกันเช่อื มเปน เครือขา ยเพ่ือแลกเปลี่ยนเรยี นรรู วมกนั ผา นทาง
อินเตอรเน็ต ซ่ึงในปจจบุ นั มีการใชอนิ เตอรเ น็ตในการสอื่ สารหรือคนควาหาขอ มูลกันอยางแพรห ลายทัง้ ใน
ประเทศและตา งประเทศ การแลกเปลย่ี นเรยี นรใู นลกั ษณะนเ้ี ปน การแลกเปลย่ี นเรยี นรแู บบไมเ ปน ทางการ มี
ปฏิสัมพนั ธกันผานทางออนไลนจะเห็นหนา กนั หรอื ไมเห็นหนากนั ก็ได และจะมีความรสู กึ เหมอื นอยูใ กลกัน
จงึ เรยี กวา “เวทีเสมือน” นัน่ คอื เสมือนอยใู กลก นั น่นั เอง การแลกเปล่ยี นเรียนรูจะใชว ธิ กี ารบันทึกผา นเว็บ
บลอ็ กซง่ึ เหมือนสมุดบันทึกเลม หนง่ึ ท่อี ยใู นอินเตอรเ นต็ สามารถบนั ทกึ เพอ่ื แลกเปลีย่ นเรียนรแู ละสงขอ มูล
หากนั ไดท กุ ท่ี ทกุ เวลา และประหยัดคา ใชจายเนื่องจากไมตอ งเดินทางมาพบกนั
ชมุ ชนแหง การเรียนรู
ชุมชนแหงการเรยี นรู คือการทีค่ นในชุมชนเขารว มในกระบวนการเรียนรู พรอ มท่ีจะเปนผูให
ความรูและรบั ความรู จากการแบงปน ความรทู ั้งในตนเองและความรใู นเอกสารใหแกกนั และกัน ชมุ ชนแหง
การเรียนรูจงึ มที ั้งระบบบคุ คลและระดับกลุม เช่อื มโยงกันเปน เครอื ขายเพื่อเรยี นรรู ว มกนั
การสงเสรมิ ใหชุมชนเปนชมุ ชนแหงการเรยี นรูจงึ ตองเริม่ ท่ตี ัวบุคคล เริม่ ตนจากการทําความ
เขาใจ สรา งความตระหนกั ใหก ับคนในชุมชนเปนบคุ คลแหงการเรยี นรู เหน็ ความสําคัญของการมีนสิ ัยใฝ
เรียนรู สงเสริมใหเ กิดการเรยี นรูจากกจิ กรรมทีร่ ฐั บาลหรือองคกรชุมชนจัดให จากการพบปะ พดู คยุ แลก
เปลย่ี นเรียนรูรว มกนั อยางสมาํ่ เสมอ จนเกิดเปนความเคยชนิ และเห็นประโยชนจ ากความรทู ไี่ ดร ับเพมิ่ ข้ึน
การสรางนสิ ัยใฝเรยี นรขู องบคุ คล คอื การใหป ระชาชนในชุมชนไดร ับบริการตาง ๆ ทส่ี นใจอยาง
ตอ เนอื่ งสมํ่าเสมอ กระตนุ ใหเกิดความอยากรูอยากเห็นเปน อนั ดับแรก เกิดความตระหนกั ถึงความสาํ คญั
ของการศกึ ษาหาความรู เกิดการเรียนรูอยางตอ เน่ือง เปน ผนู ําในการพฒั นาดานตาง ๆ ทัง้ การเรยี นรจู าก
116 หนงั สอื เรยี นสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวชิ าทกั ษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน
หนังสือ เรียนรูเพือ่ พัฒนาอาชีพและการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ดังนนั้ บคุ คลถือเปน สว นหนง่ึ ของชมุ ชนหรือสังคม การสงเสริมใหบุคคลเปน ผใู ฝเ รยี นรู ยอ มสง
ผลใหชุมชนเปนชมุ ชนแหงการเรียนรูด ว ย การสง เสริมใหชุมชนมีสวนรว มในการแลกเปล่ียนเรียนรรู วมกัน
อยา งสมํ่าเสมอ ท้งั เปน ทางการและไมเปนทางการ จะทาํ ใหเกดิ การหมนุ เกลยี วของความรู หากบคุ คลใน
ชุมชนเกิดความคุนเคยและเห็นความสําคัญของการเรียนรอู ยเู สมอ จะเปน กา วตอไปของการพัฒนาชุมชน
และสังคมใหเ ปนสงั คมแหง การเรียนรู
ตวั ชี้วัดระดับกลมุ
1. มเี วทชี มุ ชนแลกเปลีย่ นเรยี นรใู นหลายประเด็น
2. มีกลมุ องคก ร เครอื ขายท่ีมีการเรยี นรูรว มกนั อยา งตอเนือ่ ง
3. มีชุดความรู องคความรู ภูมปิ ญญา ทป่ี รากฏเดนชัดและเปน ประสบการณเรียนรูของชุมชน
ถกู บนั ทกึ และจัดเกบ็ ไวในรูปแบบตา ง ๆ
การพฒั นาขอบขา ยความรขู องกลมุ
ขอบขายมาตรฐานสินคา การบริหารจัดการกลมุ
กลมุ พัฒนาอาชพี
การตลาด การพฒั นาผลติ ภณั ฑ
ขอบขายความรูจะกวางขวางเพียงใดขึ้นอยูกับเปาหมายและประโยชนของความรูท่ีกลุมตองการ
ในกลมุ พัฒนาอาชพี ตา งๆ ในชุมชนนัน้ เปาหมายของการจดั ตง้ั กลมุ กเ็ พือ่ สรางงานสรางอาชพี ใหก บั คนใน
ชุมชน เพ่มิ รายไดลดรายจา ย ลดปญหาการวา งงาน และสรางความสามคั คีในชุมชน แตกลมุ อาชพี ท่ดี ําเนนิ
การอยไู ดในปจจบุ นั มีปจ จยั หลายอยา งทส่ี ง ผลใหกลุมเขม แข็งยง่ั ยืน และกลมุ ลมสลายไมสามารถดาํ เนิน
การตอไปได กลุม ทดี่ ําเนินการอยไู ดถือวากลุม มกี ารจดั การความรูในกลมุ ไดเปน อยา งดี ความรทู เี่ ก่ียวของ
ในการพฒั นากลมุ นั้นมขี อบขายความรทู จ่ี าํ เปนและสําคญั ตอการพัฒนากลุม ซึง่ นําเสนอไวพ อสงั เขป ดงั น้ี
1. ความรเู รือ่ งการบรหิ ารจดั การกลุม เปน ความรทู ่จี ําเปน สําหรับกลมุ หากกลมุ มีการบริหาร
จดั การไมโ ปรงใส จัดทําระบบบญั ชไี มเปนปจ จุบัน ไมมรี ะบบการตรวจสอบทีด่ ี จะทําใหก ลมุ ขาดความ
ไวว างใจกนั เกิดความขัดแยง กันเองภายในกลุม สง ผลใหสมาชิกกลมุ ไมใ หความรว มมือในการทํากจิ กรรม
ตา ง ๆ และกลุม ไมส ามารถพฒั นาตอ ไปได
2. ความรูเรื่องการพัฒนาผลติ ภัณฑ กลมุ จดั ต้ังขน้ึ เพือ่ ตอ งการพฒั นาอาชพี ใหคนในชุมชน
เปนการเพมิ่ รายไดและลดรายจาย หากกลุมไมม คี วามรูเ ร่อื งการพฒั นาผลติ ภณั ฑ ก็จะทาํ ใหส ินคาไมไ ดรบั
ความนิยม ไมเปน ท่ตี องการของตลาด และจาํ หนา ยไมไดในท่สี ุด ดังน้นั กลุมจึงตองมกี ารพฒั นาผลติ ภัณฑ
หนงั สือเรียนสาระทักษะการเรยี นรู รายวชิ าทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 117
อยางตอเนือ่ ง ใหมคี วามทันสมยั และตรงกบั ความตองการของลูกคาหรอื ผใู ชบรกิ าร
3. ความรเู รือ่ งการตลาด กลุม จะตองมีความรูเรอ่ื งการจาํ หนาย นั่นคือ การตงั้ ราคา ทาํ เลที่
ตัง้ กลุมเปา หมายท่ีใชบ ริการ การทาํ ความเขาใจเรื่องการตลาดจะทําใหกลุมมชี อ งทางในการจําหนายและ
ขยายตลาดไดม ากข้นึ สงผลใหกลุมมกี ําไรจากการขาย สมาชกิ กลุม ดํารงอยูไดจ ากผลกําไรที่กลุมไดรบั
นน่ั เอง
4. การรักษามาตรฐานของสนิ คา สินคาโดยเฉพาะสินคาท่เี ปน เครือ่ งบริโภคทีผ่ ลติ ขน้ึ ในชุมชน
จะมีมาตรฐานของชุมชนมาเปน เคร่อื งกํากบั บอกถึงคุณภาพของสนิ คา ดังนน้ั กลมุ จะตอ งมีความรูความ
เขาใจในการผลติ สนิ คา ใหมีมาตรฐานสนิ คาจึงจะไดรบั การยอมรับ และขยายตลาดได
ในการพฒั นากลมุ อาชีพนนั้ กลมุ จาํ เปนตองรวู า ขอบขา ยความรทู จี่ ําเปนตอการพัฒนากลุม อาชีพ
นั้นคอื อะไร อยทู ีไ่ หน และจะคนหาความรเู หลา นน้ั ไดอ ยา งไร กลมุ อาจประชุมรว มกันเพอ่ื ศกึ ษาปญ หาท่ี
เกิดขน้ึ จริงในกลุมมาเปนองคความรูของกลุม ตรวจสอบความรทู ี่จําเปน ตอการแกปญหาหรือพฒั นากลุม
สงเสริมใหม ีการแลกเปลย่ี นเรยี นรูรวมกนั ทั้งภายในกลมุ และนอกกลุม ความรทู กุ ความรูที่จําเปนในการ
แกป ญ หาหรือพัฒนากลุม ถอื เปน ขอบขา ยความรขู องกลุมที่กลุมตอ งเรง ดําเนนิ การแสวงหา เพอ่ื นาํ ความรู
นัน้ มาสูก ารปฏบิ ัติ เปน การยกระดบั ความรแู ละตอยอดองคค วามรเู ดมิ ทีก่ ลมุ มีอยู สง ผลใหก ลมุ ไดร ับการ
พฒั นา และหากกลมุ ดาํ เนินการจดั การความรูในขอบขา ยความรขู องกลมุ ตอ ไปอยางเปนวงจรไมม ีทสี่ น้ิ สดุ
แลว กลุม จะเกดิ ความเขมแข็งและดาํ รงอยใู นชมุ ชนอยา งยัง่ ยนื ได
การจัดทําสารสนเทศเผยแพรความรู
สารสนเทศ
คือ ขอ มูลตาง ๆ ท่ีผานการกลนั่ กรองและประมวลผลแลว บวกกบั ประสบการณ ความเชีย่ วชาญที่
สะสมมาแรมป มีการจัดเก็บหรือบันทึกไว พรอมในการนํามาใชง าน
การจดั ทาํ สารสนเทศ
ในการจัดการความรู จะมกี ารรวบรวมและสรา งองคค วามรทู ีเ่ กิดจากการปฏบิ ัติข้นึ มากมาย การ
จดั ทําสารสนเทศจงึ เปนการสรา งชอ งทางใหคนที่ตองการใชความรูสามารถเขาถงึ องคความรไู ด และกอให
เกดิ การแบง ปน ความรูรว มกันอยางเปนระบบ ในการจัดเกบ็ เพื่อใหค น หาความรคู ือไดงา ยนน้ั องคกรตอ ง
กาํ หนดส่ิงสําคัญที่จะเกบ็ ไวเ ปน องคความรู และตองพิจารณาถึงวิธกี ารในการเกบ็ รักษา และนาํ มาใชใหเ กดิ
ประโยชนต ามตองการ องคกรตองเกบ็ รกั ษาส่งิ ท่ีองคกรเรยี กวาเปน ความรไู วใ นดีที่สดุ
การจัดทําสารสนเทศ ควรจัดทําอยา งเปน ระบบ และ ควรเปนระบบทส่ี ามารถคนหาและสงมอบ
ไดอ ยางถูกตองและรวดเรว็ ทนั เวลาและเหมาะสมกบั ความตอ งการ และจัดใหม ีการจาํ แนกรายการตาง ๆ
ท่อี ยบู นพ้นื ฐานตามความจาํ เปน ในการเรยี นรู องคกรตอ งพิจารณาถึงความแตกตางของกลมุ คนในการคน
คนื ความรู องคกรตองหาวธิ ีการใหพ นกั งานทราบถึงชองทางการคนหาความรู เชน การทาํ สมดุ จดั เก็บราย
ชอ่ื และทักษะของผเู ชยี่ วชาญ เครอื ขา ยการทาํ งานตามลําดับช้นั การประชมุ การฝก อบรม เปนตน ส่งิ
เหลานจ้ี ะนาํ ไปสกู ารถา ยทอดความรใู นองคก ร
118 หนงั สอื เรยี นสาระทักษะการเรยี นรู รายวิชาทกั ษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน
วตั ถุประสงคการจดั ทําสารสนเทศ
1. เพ่ือใหม ีระบบการจัดเก็บขอมูลและองคค วามรู อยา งเปน หมวดหมู และเหมาะสมตอ การ
ใชงาน สามารถคน หาไดต ลอดเวลา สะดวก งาย และรวดเรว็
2. เพ่ือใหเกดิ ระบบการส่ือสาร การแลกเปล่ียน แบง ปน และถา ยทอดองคความรรู ะหวางกนั
ผา นส่อื ตา ง ๆ อยา งมีประสทิ ธภิ าพ
3. เพอ่ื ใหเกิดการเขาถงึ และเชื่อมโยงองคค วามรู ระหวางหนว ยงานท้งั ภายในและภายนอกอยา ง
เปนระบบ สะดวกและรวดเรว็
4. เพ่อื รวบรวม และจดั เกบ็ ความรูจากผูมีประสบการณ รวมถงึ ผูเชย่ี วชาญในรูปแบบตา ง ๆ
ใหเปน รปู ธรรม เพ่ือใหทุกคนสามารถเขาถึงความรูและพัฒนาตนเองใหเ ปนผูรูได
5. เพอื่ นําเทคโนโลยสี ารสนเทศ มาใชเ ปนเคร่ืองมือในการถายทอดระหวา งความรฝู งลึกกับ
ความรชู ดั แจง ท่สี ามารถเปล่ียนสถานะระหวางกนั ตลอดเวลา ทาํ ใหเ กดิ ความรใู หม ๆ
การถายทอดความรู
เปน การนาํ ความรทู ีไดร บั มาถา ยทอดใหบุคลากรในองคกรไดร ับทราบ และใหม คี วามรูเพยี งพอ
ตอ การปฏบิ ตั งิ าน การเผยแพรความรูจ งึ เปน องคประกอบหน่งึ ของการจดั การความรู การเผยแพรความรู
มกี ารปฏิบตั กิ นั มานานแลว สามารถทําไดห ลายทางคือ การเขยี นบนั ทกึ รายงาน การฝกอบรม การประชุม
การสัมมนา จัดทําเปนบทเรยี นท้ังในรปู แบบของหนังสือ บทความ วดิ ิทศั น การอภปิ รายของเพือ่ นรว ม
งานในระหวา งการปฏบิ ัตงิ าน การอบรมพนกั งานใหมอยา งเปนทางการ หอ งสมุด การฝกสอนอาชพี และ
การเปน เลี้ยง การแลกเปลีย่ นเรียนรใู นรปู แบบอืน่ ๆ เชน ชมุ ชนนกั ปฏิบตั ิ เร่อื งเลาแหงความสําเรจ็
การสัมภาษณ การสอบถาม เปน ตน การถา ยทอดหรอื เผยแพรความรู มกี ารพฒั นารูปแบบโดยอาศัย
เทคโนโลยเี พอ่ื การสื่อสาร และเทคโนโลยมี กี ารกระจายไปอยางกวา งขวาง ทําใหกระบวนการถา ยทอด
ความรผู านเทคโนโลยโี ดยเฉพาะอินเตอรเ นต็ ไดความนิยมอยา งแพรห ลายมากขนึ้
การเผยแพรค วามรแู ละการใชประโยชน มคี วามจาํ เปนสาํ หรบั องคกร เนือ่ งจากองคกรจะเรียนรู
ไดด ขี น้ึ เมือ่ มีความรู มกี ารกระจายและถายทอดไปอยางรวดเร็ว และเหมาะสมทว่ั ท้ังองคกร การเคล่ือนท่ี
ของสารสนเทศและความรรู ะหวา งบุคคลหน่งึ ไปอีกบุคคลหนงึ่ นน้ั จึงเปนไปไดโดยตง้ั ใจและไมตัง้ ใจ
หนงั สอื เรยี นสาระทักษะการเรยี นรู รายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน 119
กจิ กรรมทา ยบท
กิจกรรมที่ 1 ทานสามารถเปน “คุณอํานวย” ไดหรือไม เพราะเหตุใด
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
กจิ กรรมท่ี 2 ทา นเคยเขา รว มแลกเปลย่ี นเรียนรใู นลกั ษณะ “ชมุ ชนนกั ปฏบิ ตั ิ CoPs”
เรอื่ งอะไร และชมุ ชนนักปฏบิ ตั ิทท่ี า นเขา รว มมีลกั ษณะอยางไร
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
กิจกรรมที่ 3 ความรทู ี่จาํ เปนในการแกปญ หาหรือพัฒนาตวั ทานคืออะไร และขอบขา ยความรูนั้น
มอี ะไรบาง
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
กจิ กรรมที่ 4 การจัดทาํ สารสนเทศเพือ่ เผยแพรค วามรู ทา นวาวิธีใดดีทสี่ ดุ เพราะเหตุใด
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
120 หนังสอื เรียนสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวชิ าทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน
เรอ่ื งที่ 4 การฝก ทกั ษะกระบวนการจัดการความรู
กระบวนการจัดการความรดู วยตนเอง
การจัดการความรดู วยตนเอง
การจดั การความรดู วยตนเอง จะทาํ ใหผ เู รยี นเรยี นรหู ลักการอันแทจรงิ ในการพฒั นาตนเอง และ
จงู ใจตนเองใหกาวไปสกู ารพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ และคุณภาพในการทาํ งาน เปนผูมีสมั ฤทธผิ์ ลสงู สุด
โดยการนําองคความรูทเี่ ปน ประโยชนไปประยุกตใชในชีวติ จรงิ และการทาํ งานไดอยางมปี ระสทิ ธภิ าพ และ
สามารถปรบั ตัวทันตอ โลกยคุ โลกาภวิ ัตน มโี อกาสแลกเปลยี่ นเรียนรปู ระสบการณช วี ติ และประสบการณ
การทาํ งานรว มกัน มีทศั นคติท่ดี ีตอชวี ิตตนเองและผูอ่นื มคี วามกระตอื รอื รนและเสรมิ สรา งทศั นคตทิ ด่ี ี
ตอการทาํ งาน นําไปสกู ารเห็นคณุ คา ของการอยูรว มกันแบบพึ่งพาอาศยั กัน ชวยเก้อื กูลกัน เรียนรซู ึง่ กนั
และกนั กอ ใหเ กิดการเปน ชมุ ชนแหงการเรยี นรู ในลกั ษณะของทีมท่มี ปี ระสิทธภิ าพ
การจดั การความรูเปน เร่ืองทเี่ ริม่ ตน ที่คน เพราะความรูเปนสงิ่ ทเ่ี กิดมาจากคน มาจากระบวนการ
เรยี นรูการคิดของคน คนจงึ มีบทบาททั้งในแงของผูสรางความรู และเปนผทู ี่ใชค วามรู ซงึ่ ถาจะมองภาพ
กวางออกไปเปน ครอบครัว ชมุ ชน หรือแมแตใ นหนวยงาน ก็จะเห็นไดว าท้ังครอบครวั ชมุ ชน หนว ยงาน
ลวนประกอบขนึ้ มาจากคนหลาย ๆ คน ดังนัน้ หากระดบั ปจ เจกบุคคลมคี วามสามารถในการจัดการความรู
ยอมสงผลตอ ความสามารถในการจดั การความรูข องกลมุ ดว ย
วธิ ีการเรยี นรูท ่เี หมาะสมเพอ่ื ใหเกดิ การจัดการความรดู ว ยตนเอง คอื ใหผเู รียนไดเริม่ กระบวนการ
เรยี นรูต ้ังแตการเรมิ่ คดิ คิดแลวลงมือปฏบิ ัติ และเม่ือปฏิบตั ิแลวจะเกิดความรจู ากการปฏบิ ัติ ซง่ึ ผูป ฏิบัติ
จะจดจําทัง้ สวนทีเ่ ปนความรูฝ ง ลกึ และความรทู เี่ ปดเผย มีการบนั ทึกความรใู นระหวางเรียนรูกิจกรรมหรือ
โครงการลงในสมดุ บนั ทกึ ความรปู ฏบิ ัตทิ ่ีบนั ทึกไวในรปู แบบตา ง ๆ จะเปน ประโยชนส ําหรบั ตนเองและ
ผอู ่ืนในการนาํ ไปปฏบิ ัตแิ กไขปญ หาทชี่ มุ ชนประสบอยใู หบ รรลเุ ปาหมาย และขนั้ สุดทายคอื ใหผเู รยี นได
พัฒนาปรบั ปรุงสงิ่ ท่ีกาํ ลงั เรยี นรอู ยูตลอดเวลา ยอ นดูวา ในกระบวนการเรยี นรูน ้ัน มีความบกพรอ งในขน้ั
ตอนใด กล็ งมอื พฒั นาตรงจดุ นัน้ ใหดี
ทักษะการเรยี นรู เพอ่ื จดั การความรใู นตนเอง
ผูเ รียนจะตองพฒั นาตนเอง ใหม ีความสามารถและทกั ษะในการจดั การความรูด วยตนเองใหม ี
ความรูทสี่ งู ขึ้น ซึ่งสามารถฝกทกั ษะเพ่ือการเรียนรูไดดังนี้
ฝก สงั เกต ใชส ายตาและหเู ปนเครอื่ งมอื การสังเกตจะชวยใหเขา ใจในเหตุการณหรือปรากฏการณ
น้ัน ๆ
ฝก การนําเสนอ การเรียนรจู ะกวางขน้ึ ไดอ ยา งไร หากรอู ยูค นเดยี ว ตอ งนาํ ความรไู ปสูก ารแลก
เปลีย่ นเรียนรูกับคนอ่นื การนําเสนอใหค นอนื่ รับทราบ จะทําให เกิดการแลกเปลี่ยนความรูกนั อยา งกวาง
ขวาง
ฝกตง้ั คาํ ถาม คําถามจะเปน เครอ่ื งมืออยางหน่ึงในการเขา ถึงความรไู ด เปนการตง้ั คําถามให
ตนเองตอบ หรือจะใหใครตอบกไ็ ด ทาํ ใหไดข ยายขอบขายความคดิ ความรู ทาํ ใหรูลึก และรูก วางยิ่งขน้ึ ไป
หนงั สอื เรียนสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทกั ษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน 121
อกี อนั เน่ืองมาจากการที่ไดศ กึ ษาคน ควาในคาํ ถามทีส่ งสัยนน้ั คําถามควรจะถามวา ทําไม อยา งไร ซง่ึ เปน
คาํ ถามระดบั สูง
ฝก แสวงหาคาํ ตอบ ตอ งรวู าความรู หรือคําตอบที่ตอ งการน้นั มีแหลงขอ มลู ใหคนควาไดจากท่ี
ไหนบา ง เปนความรูที่อยใู นหองสมดุ ในอินเตอรเ น็ต หรือเปน ความรูท่ีอยใู นตัวคน ทต่ี องไปสมั ภาษณ ไป
สกดั ความรอู อกมา เปน ตน
ฝก บูรณาการเชอื่ มโยงความรู เนอ่ื งจากความรเู รื่องหนง่ึ เรือ่ งใดไมม ีพรมแดนกัน้ ความรนู น้ั
สมั พนั ธเชือ่ มโยงกันไปหมด จงึ จําเปนตองรูความเปนองคร วมของเร่ืองน้ัน ๆ อยางยกตวั อยา งปยุ หมกั
ไมเ ฉพาะแตมีความรเู รื่องวิธที ําเทา น้ัน แตเชือ่ มโยงการกาํ หนดราคาไวเพ่ือจะขาย โยงไปทวี่ ิธีใชถ า จะนาํ
ไปใชเอง หรือแนะนําใหผอู ่ืนใช โยงไปถึงบรรจภุ ณั ฑว าจะบรรจกุ ระสอบแบบไหน ทกุ อยางบรู ณาการกัน
หมด
ฝก บนั ทกึ จะบนั ทกึ แบบจดลงสมดุ หรอื เปน ภาพ หรอื ใชเ ครอ่ื งมอื บนั ทกึ ใด ๆ กไ็ ด ตอ งบนั ทกึ ไว
บันทกึ ใหปรากฏรองรอยหลักฐานของการคดิ การปฏิบตั ิ เพื่อการเขาถึงและการเรียนรูของบุคคลอ่ืนดวย
ฝกการเขียน เขียนงานของตนเองใหเ ปน ประโยชนตอ การเรยี นรขู องตนเองและผอู ื่น งานเขยี น
หรอื ขอเขยี นดงั กลาวจะกระจายไปเพอื่ แลกเปล่ยี นเรยี นรกู บั ผูคนในสงั คมทมี่ าอานงานเขยี น
ข้ันตอนการจัดการความรูดวยตนเอง
ในการเรียนรูเ พ่ือจดั การความรใู นตวั เอง นอกจากวิเคราะหต นเองเพอ่ื กําหนดองคค วามรทู ่ี
จาํ เปน ในการพัฒนาตนเองแลวนัน้ การแลกเปลี่ยนเรยี นรูเพื่อใหไ ดม าซึง่ ความรู เปนวิธีการคน หาและเขา
ถงึ ความรูทงี่ า ยเปนการเรยี นรูทางลดั น่ันคอื ดูวาทอ่ี ่นื ทําอยา งไร เลยี นแบบ best practice และทําใหด ีกวา
เมื่อปฏบิ ตั ิแลวเกดิ ความสาํ เรจ็ แมเพียงเลก็ นอยกถ็ ือวาเปน best practice ในขณะน้นั กระบวนการเรยี นรู
เพอ่ื พฒั นาตนเองสามารถดาํ เนินการตามข้ันตอนตา ง ๆ ได ดังน้ี
1. ขนั้ การบงช้ีความรู ผเู รียนวิเคราะหต นเอง เพอ่ื รจู ดุ ออน จุดแข็งของตนเอง กาํ หนด
เปา หมายในชวี ติ กาํ หนดแนวทางเดนิ ไปสจู ดุ หมาย และรวู า ความรทู ี่จะแกปญหาและพฒั นาตนเองคอื
อะไร
2. ข้นั สรางและแสวงหาความรู ผูเ รียนจะตองตระหนกั และเหน็ ความสาํ คญั ของการแสวง
หาความรู เขา ถงึ ความรทู ต่ี องการดว ยวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย แหลงเรยี นรูทใ่ี ชในการแสวงหาความรู ไดแก
การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ การแสวงหาความรจู ากผเู ชยี่ วชาญ ภูมิปญ ญาทอ งถน่ิ และเพ่ือน โดย
ยอมรับในความรูความสามารถซึ่งกันและกนั และตองใชทกั ษะตาง ๆ เพอื่ ใชในการสรางความรู เชน ฝก
สงั เกต ฝก การนาํ เสนอ ฝกการตั้งคําถาม ฝกการแสวงหาคําตอบ ฝกบรู ณาการเชอื่ มโยงความรู ฝก
บันทึก และฝก การเขียน
3. การจัดการความรใู หเปนระบบ จัดทําสารบญั จดั เก็บความรูประเภทตาง ๆ ทจี่ าํ เปน ตองรู
และนําไปใชเพอื่ การพัฒนาตนเอง การจัดการความรูใหเ ปนระบบจะทาํ ใหเก็บรวบรวม คน หา และ นํามา
ใชไ ดง าย รวดเรว็
4. ขัน้ การประมวลและกลน่ั กรองความรู ความรทู ี่จาํ เปนอาจตอ งมกี ารคนควา และแสวงหา
เพมิ่ เตมิ เพอื่ ใหค วามรูม ีความทนั สมยั นําไปปฏิบัตไิ ดจริง
122 หนังสอื เรียนสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนตน
5. การเขา ถงึ ความรู เมื่อมคี วามรูจากการปฏิบัตแิ ลว มีการเก็บความรู ในรปู แบบตางๆ เชน
สมดุ บันทกึ ความรู แฟมสะสมงาน วารสาร หรือใชเ ทคโนโลยใี นการจดั เกบ็ รูปแบบเวบ็ ไซต วีดทิ ศั น
แถบบนั ทกึ เสียง และคอมพวิ เตอร เพือ่ ใหตนเองและผอู ่ืนเขา ถึงไดงายอยา งเปน ระบบ
6. ข้นั การแบงปนแลกเปลย่ี นความรู ผูเ รยี นตองเขา รว มกิจกรรมแลกเปลยี่ นเรียนรกู บั เพื่อน
ๆ หรือชมุ ชน เพือ่ เรียนรูรวมกัน อาจเปน ลักษณะของการสัมมนา เวทเี รอื่ งเลา แหงความสาํ เรจ็ การศึกษา
ดงู าน หรือแลกเปลย่ี นเรยี นรผู า นทางอนิ เทอรเนต็ เปน ตน
7. ขน้ั การเรียนรู ผเู รียนจะตองนําเสนอความรูใ นโอกาสตา ง ๆ เชน การจัดนทิ รรศการ การพบ
กลุม การเขา คาย หรอื การประชมุ สัมมนา รวมท้งั มกี ารเผยแพรความรผู า นชองทางตาง ๆ เชน วารสาร
เวบ็ ไซต จดหมายขาว เปนตน
ความสาํ เร็จของการจดั การความรูดวยตนเอง
1. ผูเ รียนเกดิ การเรียนรตู ามแผนพฒั นาตนเองทีไ่ ดก ําหนดไว
2. ผูเรียนตระหนกั ถึงความรับผิดชอบในการพฒั นาตนเองเพ่อื เรียนรูวชิ าตางๆ อยางเขาใจ และ
นาํ ไปใชป ระโยชนในชีวิตประจําวนั ได
3. ผูเรียนมคี วามรูท ที่ ันสมัย เหมาะสมกับสถานการณปจจบุ นั สามารถปรบั ตวั ใหอยใู นสังคมได
ตัวอยางตาพรํากับการจดั การความรู
สรุ ินทร กจิ นิตยช ีว
ตาพรํา เสนานาท อายุ 55 ป ราษฎรตาํ บลบานหลวง อําเภอเสนา จังหวดั พระนครศรีอยุธยา
พาครอบครัวไปหากินทก่ี รุงเทพฯ เมื่อหลายปมาแลว แตสุดทายก็ตองตดั สนิ ใจกลบั บา นเพราะครอบครัวมี
แตความทกุ ขยาก กินอยูแบบอดๆ อยากๆ
เขามีทีด่ นิ เหลืออยู 3 งาน จงึ ขุดรอ งสวนและปลกู ผกั โดยใชส ารเคมี ทั้งปยุ และยาปราบศตั รูพืช
ใหภ รรยานาํ ไปขายท่ีตลาด และเขายงั รบั จา งฉดี ยาฆาหญา ใหแ กเพ่ือนบา นอกี ดว ย
มชิ ามินานเขาเร่ิมเจบ็ ปวย ตวั ซดี เหลอื ง จึงตอ งไปหาหมอท่ีสถานอี นามยั ขา งบา นไมไ ดห ยุด ถึง
หมอจะบอกตน เหตขุ องความเจบ็ ปวย แตเ ขากเ็ ลกิ ไมได เพราะลูกท้งั 4 คน ตอ งกนิ ใชมากขน้ึ และไป
โรงเรียนกนั
หนีส้ ินพอกพูนขึน้ ตัวเขาเจบ็ ออดแอดมากข้ึน รายจายสารพดั แตร ายไดมี 2 ทาง คือ ขายผัก
กบั รับจา งฉดี ยาฆา หญา ไมร จู ะจดั การกับครอบครัวอยา งไร หาทางออกไมไ ดกก็ ลมุ ใจ เร่มิ มีปากเสียงกับ
สมาชกิ ในครอบครวั ทพี่ ึ่งของเขาคอื เหลากับบหุ ร่ี
วนั หน่งึ นายเชิด พันธุเพ็ง นกั จัดการความรูของชุมชนวัฒนธรรมคลองขนมจนี ไปพบเขาจึง
ไตถ ามสารทกุ ขส ุกดิบในฐานะเพอื่ นบา น เขาไดเ ลาเรอ่ื งโครงการชมุ ชนเปนสุขใหฟง และชวนตาพรําเขา
เปนสมาชกิ เพ่ือแกไ ขปญ หาทเ่ี ผชญิ อยู
ตาพราํ ฟง นายเชดิ อธบิ ายถงึ การปลูกผักแบบยง่ั ยนื ดว ยการจดั การความรู เพอ่ื ครอบครวั และ
ชมุ ชนเปนสขุ ไปพรอ มกัน เปน การจดั การดว ยสตปิ ญ ญาเพือ่ พฒั นาปากทอง คอื เศรษฐกิจ จติ ใจ ครอบครัว
ชมุ ชน สังคม วัฒนธรรม สง่ิ แวดลอ ม และความสุข ไปพรอมกนั แบบองครวม ไมแ ยกสว น
หนงั สือเรยี นสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวชิ าทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 123
ทุกเร่อื งทุกประเดน็ ท่ีนายเชดิ ชแี้ จงเปนเรือ่ งใหมส ําหรบั ตาพรํา และตาตราํ กไ็ มสูเขาใจนัก แตที่
ตัดสินใจเขา รว มทนั ทีเพราะเขาอยากออกจากความทกุ ขท่ปี ระสบอยู และเขากไ็ มม ีทางเลอื กอ่ืน
ในชวงตน ของการเขาโครงการ ตาพราํ แทบจะลาออกเสียหลายคร้งั เพราะเขาตองแบง เวลาทาํ กิน
ไปเรยี นรกู บั สงิ่ ท่เี ขากไ็ มคอยจะเช่ือนัก แตเขากส็ นใจเรื่องที่จะทาํ ใหเขาไมเ จ็บปว ย นอกจากนัน้ การเขา กลมุ
ทาํ ใหเ ขาไดร บั ความเห็นใจจากเพือ่ น ๆ
เชิดไดพ าตาพราํ ไปเรียนรเู ร่ืองเกษตรยง่ั ยืนจากเครอื ขายในตางจงั หวดั พรอมกบั เพ่ือนๆ ตาพรํา
เรียนรเู รือ่ งการจัดการทรพั ยากรเชิงระบบ เขาใหค วามสนใจกับการทํานํ้าสมควันไมจากถา นไม เพอ่ื นาํ ไป
ทดแทนสารเคมีกําจดั ศัตรพู ืช และในหมบู า นของเขากม็ ีเศษตนไม กิง่ ไม ที่ชุมชนตดั ท้ิงไวมากมาย เขา
สามารถนาํ มาจัดการใชป ระโยชนไ ดโดยไมตอ งซ้ือหา
เมื่อกลับมาถึงบาน ตาพรําลงมือทําเตาเผาถานแบบใหมท ันที เปนเตาทส่ี ามารถใหท ้ังถานและ
นา้ํ สม ควนั ไม เขาทําแลวทําอีกจนสาํ เรจ็ ซึ่งนอกจากเขาจะไดนํ้าสมควันไมไปใชในสวนผักแลว ยังไดถานไว
ใชใ นครัวเรอื นอกี ดวย
เมื่อเหลือใชแลวตาพรําก็ขายใหกับเพื่อนบาน เขาขายดีจนผลิตไมทัน ตองเพิ่มจํานวนเตาขึ้น
เด๋ียวน้ีเขาไมตองไปรับจางฉีดยาฆาหญา แลว วนั ๆ หน่งึ เขาทาํ สวนผกั ใชน ้าํ สม ควนั ไมแ ทนสารเคมีกําจัด
ศัตรพู ืช กรองน้ําสมควนั ไมใสขวดขายขวดละ 50 บาท กรอกถานใสถุงขายถงุ ละ 15 บาท ซึ่งนอกจากเขา
จะลอดรายจายในครัวเรอื นไดจริงแลว เขายังมีรายไดเพม่ิ ข้นึ ดว ย
วันๆ หนงึ่ ตาพราํ ขลกุ อยูกับสวนผกั ขลกุ อยูกับเตาถา น วางแผนงานในวนั รงุ ขนึ้ วา จะจดั การกบั
ผกั อะไรบา ง อยา งไร จะจดั การกบั การตลาดของถา นและนาํ้ สมควันไมอยา งไร จนลืมเรื่องเหลาบหุ รี่ไป ปจ
จบุ ันเขาเกอื บจะไมไดแ ตะตอ งมัน จะมีบางก็กบั เพอื่ น ๆ และสมาชกิ เครอื ขายบางคน เปนครัง้ คราวเทา นั้น
หนสี้ นิ จึงลดลงไปมาก แมจ ะยงั ไมหมดแตก ็มคี วามหวังเพราะเขาจดั การได ความทกุ ขหลายดา นลดลง ทง้ั
โรคภยั ไขเจ็บและความสุขของครอบครวั ลูกคนหนงึ่ ลาออกจากโรงงานทาํ รองเทา ชว ยพอ แม ทุกคนกนิ อมิ่
นอนหลบั
ชวงหลงั นตี้ าพราํ เปน ทีย่ อมรบั ของเพื่อนบา น ของสมาชิกกลมุ และเครอื ขา ยเกษตรยัง่ ยืน เขา
เปนวทิ ยากรเร่ืองน้าํ สมควันไมด วยความมั่นใจ เขาสรางความรเู รอ่ื งนี้ดวยหนึง่ สมองกบั สองมือ และถา ย
ทอดถึงมรรควิธีการจัดการทรัพยากร รวมทั้งการจัดการกับปญหาตาง ๆ ซึ่งเปนทุกขของครอบครัวดวย
ใบหนา ยิม้ แยม ดวยน้ําใจและเปนสขุ ปจจบุ ันเขาสรา งเครือขายเรอื่ งน้ีถงึ 4 อําเภอในจงั หวดั พระนครศรี
อยธุ ยา
เมื่อวางจากงานเขานั่งมองดูสวน และคิดทบทวนสาระตาง ๆ ในสิ่งที่นายเชิดพูดคุยกับเขาใน
วันแรก ออ! การจัดการความรูเปน อยา งนี้เอง มนั คือการเรียนรู เอาความรูม าจัดการเชงิ ระบบ สรา งความ
รูใหมเพ่ือปรับตัวใหส อดคลอ งกบั โลกยคุ ใหมดว ยสติปญ ญา ปรับรปู แบบการพัฒนาแตร กั ษาความสมดลุ
ของระบบความสมั พนั ธระหวางมนุษยก บั มนษุ ย มนษุ ยกับสงิ่ แวดลอ ม เพ่ือใหเกดิ การยัง่ ยนื สบื ไป
นคี่ อื การสรุปเรอ่ื งการจัดการความรขู องตาพราํ !!!
124 หนังสอื เรียนสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน
การสรปุ องคค วามรแู ละการจัดทําสารสนเทศ
การจดั การความรดู ว ยตนเอง
การสรปุ องคค วามรู
การจดั การความรู เรามุงหา “ความสําเรจ็ ” มาแลกเปลีย่ นเรยี นรู เรามงุ หาความสาํ เรจ็ ในจุด
เล็ก ๆ จุดนอ ยตางจุดกนั นาํ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู เพื่อใหเกิดการขยายผลไปสูค วามสําเร็จท่ีใหญข ้ึน
องคค วามรเู ปน ความรจู ากการปฏิบัติเรียกวา “ปญ ญา” กระบวนการเรยี นรูเปด โอกาสใหผ ูเรยี น
เปนผสู รางความรูดว ยตนเอง สังเกตส่ิงทีต่ นอยากรู ลงมือปฏิบตั ิจริง คน ควา และแสวงหาความรูเพม่ิ จน
คน พบความรู สรา งสรรคเ กิดเปน องคความรแู ละเกิดประสบการณใ หม การเรียนรแู บบน้ีจะสง เสริมให
ผเู รยี นไดพ ฒั นาความสามารถในการคดิ สกู ารปฏบิ ตั ิ และเกดิ “ปญ ญา” หรอื องคค วามรเู ฉพาะของตนเอง
องคความรมู ีอยอู ยา งมากมาย การปฏิบตั ิงานจนประสบผลสําเรจ็ รวมทัง้ การแกปญ หาตาง ๆ ท่ี
เกิดขึ้นในระหวา งการทาํ งานที่สง ผลใหงานสาํ เร็จลลุ ว งตามเปา ประสงค ถือวาเปนองคค วามรูท่ีเกดิ ขนึ้ ทง้ั ส้นิ
และเปนองคค วามรูท่ีมคี าตอการเรยี นรทู ้ังส้นิ
การสรปุ องคค วามรมู ีความสําคญั ตอกระบวนการจัดการความรเู ปน อยา งยิง่ เพราะการสรุป
องคความรูจะเปน การตอยอดความรใู หก ับตนเองและผูอน่ื หากบคุ คลอื่นตองการความชว ยเหลอื ในการ
แกปญหาบางเร่อื ง เราจะใชความรูทม่ี อี ยูชวยเหลือเพื่อนไดอยางไร และเม่ือเราจะเริม่ ตนทําอะไร เรารบู าง
ไหมวา มใี ครทาํ เรือ่ งนมี้ าบา ง อยูที่ไหนในชมุ ชนของเรา เพ่ือทีเ่ ราจะทาํ งานใหส าํ เร็จไดงา ยข้นึ และไมท ําผดิ
ซ้าํ ซอ น การดําเนนิ การจดั การองคความรู อาจตองดําเนนิ การตามขัน้ ตอนตาง ๆ ดังนี้
1. การกาํ หนดความรหู ลกั ท่ีจาํ เปนหรอื สําคญั ตองาน หรือกิจกรรมของกลมุ หรือองคก ร
2. การเสาะหาความรูทต่ี อ งการ
3. การปรบั ปรงุ ดดั แปลง หรอื สรางความรูบางสวนใหเ หมาะตอ การใชงานของตน
4. การประยุกตใชค วามรใู นกจิ กรรมงานของตน
5. การนําประสบการณจากการทํางาน และการประยกุ ตใชความรูมาแลกเปลย่ี นเรยี นรูและสกดั
ขมุ ความรู ออกมาบนั ทึกไว
6. การจดั บันทกึ “ขุมความรู” และ “แกน ความร”ู สําหรับไวใ ชงาน และปรบั ปรงุ เปน ชุดความ
รูท่ีครบถว น ลมุ ลึก และเชื่อมโยงมากข้นึ เหมาะตอการใชง านมากขึ้น
การจัดการความรเู พอ่ื ใหเ กดิ องคค วามรทู ต่ี องการ เร่ิมจากการกาํ หนด “เปา หมายของงาน”
นั่นคือ การบรรลุผลสมั ฤทธ์ิ ในการดําเนินการตามทีก่ าํ หนดไว คอื
1. การตอบสนอง คอื การสนองตอบความตองการของทกุ คนท่ีเกยี่ วของ
2. การมีนวัตกรรม คอื 1) นวตั กรรมในการทํางาน
2) นวตั กรรมทางผลงาน
3. ขีดความสามารถ คอื การมีสมรรถนะ ทเ่ี กิดจากการเรียนรขู องตนเอง
4. ประสทิ ธภิ าพ คอื องคความรู หรือ คลังความรู
หนังสือเรียนสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน 125
การจดั ทาํ สารสนเทศการจดั การความรูดว ยตนเอง
การจัดการความรูดว ยตนเอง องคความรกู ย็ งั อยูในสมองคนในรปู ของประสบการณจากการ
ทาํ งานทป่ี ระสบผลสาํ เรจ็ นนั้ เราตอ งมีการถอดองคความรูซ่งึ อาจไหลเวยี นองคความรจู ากคนสูคน หรอื
จากคนมาจัดทาํ เปนสารสนเทศในรปู แบบตาง ๆเพือ่ ใหคนเขาถงึ ความรูไดงา ยและนําไปสูก ารปฏบิ ัติได
โดยการนาํ ความรทู ี่ไดมาจดั เก็บ เปนหมวดหมขู องความรู การชแ้ี หลง ความรู การสรางเคร่ืองมือในการ
เขาถงึ ความรู การกรองความรู การเชือ่ มโยงความรู การจัดระบบองคความรยู ังหมายรวมถงึ การทาํ ให
ความรลู ะเอยี ดชัดเจนขนึ้ องคค วามรอู าจจดั เก็บไวใ นรูปแบบตาง ๆ เชน บันทกึ ความรู แฟมสะสมงาน
เอกสารจากการถอดบทเรยี น แผน ซีดี เวบ็ ไซต เวบ็ บลอ็ ก เปนตน
กระบวนการจดั การความรูด ว ยการรวมกลมุ ปฏิบัติการ
กระบวนการจัดการความรูดว ยกลุม ปฏิบตั กิ าร
ในยคุ ของการเปลย่ี นแปลงท่ีรวดเร็วนั้น ปญ หาจะมีความซบั ซอ นมากขน้ึ เราจําเปน ตอ งมคี วาม
รทู หี่ ลากหลาย ความรูสว นหนงึ่ อยใู นรปู ของเอกสาร ตาํ รา หรืออยใู นรปู ของสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส เชน เทป วิดี
โอ แตค วามรูทมี่ ีอยูมากทส่ี ุดคืออยูในสมองคน ในรูปแบบของประสบการณ ความจํา การทํางานที่ประสบ
ผลสาํ เรจ็ การดาํ รงชวี ติ อยูในสงั คมปจ จบุ นั จําเปนตอ งใชค วามรูอยา งหลากหลาย นําความรูหลายวิชามา
เชื่อมโยง บูรณาการ ใหเกดิ การคดิ วิเคราะห สรางความรใู หมจากการแกป ญหาและพฒั นาตนเอง ความรู
บางอยางเกดิ ขน้ึ จากการรวมกลุมเพอ่ื แกปญ หา หรือพัฒนาในระดบั กลุม องคก ร หรือชมุ ชน ดงั น้นั จงึ ตอ ง
มกี ารรวมกลุมเพื่อจัดการความรูร ว มกัน
ปจจยั ทีท่ าํ ใหการจัดการความรูด ว ยการรวมกลุม ปฏบิ ัตกิ ารประสบผลสําเร็จ
1. วัฒนธรรมและพฤตกิ รรมของคนในกลุม คนในกลุมตองมีเจตคติท่ีดใี นการแบง ปน ความรู
ซึง่ กันและกัน มคี วามไวเน้อื เช่ือใจกนั ใหเ กียรตกิ นั และเคารพความคดิ เห็นของคนในกลมุ ทุกคน
2. ผนู าํ กลมุ ตองมองวาคนทุกคนมคี ุณคา มีความรูจากประสบการณ ผูน ํากลมุ ตองเปนตน
แบบในการแบงปนความรู กําหนดเปา หมายของการจดั การความรูในกลมุ ใหชดั เจน หาวธิ ีการใหคนใน
กลมุ นาํ เรอ่ื งทต่ี นรอู อกมาเลา สกู นั ฟง การใหเ กยี รตกิ บั ทกุ คนจะทาํ ใหท กุ คนกลา แสดงออกในทางสรา งสรรค
3. เทคโนโลยี ความรูท่เี กดิ จากการรวมกลุม ปฏิบัติการเพือ่ ถอดองคความรู ปจจุบนั มีการใช
เทคโนโลยีมาใชเพอื่ การจัดเกบ็ เผยแพรความรกู ันอยางกวางขวาง จดั เกบ็ ในรูปของเอกสารในเว็บไซต วดิ ิ
โอ VCD หรือจดหมายขาว เปน ตน
4. การนําไปใช การตดิ ตามประเมนิ ผล จะชว ยใหทราบวา ความรทู ีไ่ ดจากการรวมกลุมปฏบิ ตั ิ
การมีการนําไปใชหรอื ไม การติดตามผลอาจใชวิธกี ารสังเกต สมั ภาษณ หรือถอดบทเรยี นผูเก่ียวขอ ง
ประเมนิ ผลจากการเปลย่ี นแปลงทเี่ กิดขึ้นในกลมุ เชน การเปล่ียนแปลงทางดานความคิดของคนในกลุม
พฤติกรรมของคนในกลุม ความสัมพันธ ความเปน ชุมชนทร่ี วมตัวกนั เพ่ือแลกเปล่ียนความรูก นั อยา ง
สมํ่าเสมอ รวมท้งั การพัฒนาดานอ่นื ๆ ที่สง ผลใหก ลมุ เจริญเตบิ โตขนึ้ ดว ย
126 หนังสอื เรียนสาระทักษะการเรยี นรู รายวิชาทกั ษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน
ตัวอยางกลุม หอมทองยดั เยยี ด
บา นปางปอ มกลาง ตาํ บลลอ อําเภอจุน จงั หวัดพะเยา เปน พน้ื ทีท่ ่ปี ลูกกลวยกนั มาก ราคา
กลวยตกต่าํ และมีกลวยชนดิ หนึง่ ท่ชี าวบา นเรียกวา “กลว ยสม ” ชาวบานไมคอ ยนิยมรับประทานเนื่องจาก
เม่อื สุกแลวจะมีรสออกเปรี้ยว จะนําไปใหไ กก นิ เน้ือกลว ยทั้งทย่ี งั ดบิ หรอื สุกจะมสี เี หลอื งนวล นางอชริ า
ปญญาฟู ซงึ่ เปนหัวหนา กลุมไดศ กึ ษาวิธกี ารทาํ กลวยฉาบจากกลุมสตรอี ําเภอแมใ จ และทดลองทํากลวย
ฉาบจากกลว ยสม หรอื เรียกอีกชอื่ หนงึ่ วา “กลวยหอมทอง” ทดลองหลายครัง้ และนําเนยมาเปน สวนผสม
ของเครือ่ งปรุง ทําใหส ีกลว ยฉาบสวยเปนธรรมชาติ มีความกรอบและมรี สชาติทีก่ ลมกลอมเนื่องจากมี
ความเปรี้ยวอยูในตัว ทําใหไ ดสตู รในการทาํ กลว ยฉาบเฉพาะกลุม จากน้นั สมาชิกกลุมสตรีไดร วมตัวกนั
9 คน ลงหุนกนั คนละ 200 บาท เมอื่ ป 2544 จดั ตั้งกลมุ เพอื่ ผลิตกลวยฉาบขาย และไดนาํ กลวยฉาบ
ไปเสนอขายใหค นที่รจู ักและเจาหนา ท่ีจากสวนราชการตาง ๆ ซ่งึ ทกุ คนมองวา “รสชาติกค็ งเหมือนกลวย
ฉาบธรรมดา” แตเม่อื ทดลองชมิ แลว จงึ เห็นถงึ ความแตกตา งระหวางรสชาดของกลวยฉาบจากกลวยนา้ํ
วากับกลวยฉาบจากกลวยหอมทอง จงึ ใหค วามสนใจสงั่ ซ้ือมากขึ้น และรูจ ักในนาม “กลว ยยดั เยยี ด” ซึ่ง
เปนทมี่ าของการนาํ ไปเสนอขายดวยการขอรองกึ่งบงั คับใหค นซอื้ น่นั เอง
ตอมาสว นราชการในอําเภอไดใหการสนบั สนนุ มากขึ้น เสนอใหม ีการทาํ ปา ยผลติ ภัณฑใ หม และ
ใหเปลีย่ นชื่อเปน “กลวยหอมทองเมอื งจนุ ” แตเ มอ่ื นาํ ไปขายแลว ไมม คี นรจู ัก และไมแ นใจในคณุ ภาพ
ของสนิ คา จงึ ขายไดไมด ี ทําใหต อ งกลับมาใชช่ือเหมอื นเดมิ วา “กลว ยหอมทองยัดเยียด” จนถึงปจ จุบัน
ในการบริหารจดั การของกลมุ ไดมกี ารแบง หนา ที่สมาชกิ กลมุ ใหร บั ผดิ ชอบเปนฝา ยตา ง ๆ ประ
กอบดวย ประธานกลมุ กรรมการฝายตา ง ๆ ฝา ยการตลาด ฝา ยผลิต ฝา ยการเงนิ บัญชี และมเี ลขานกุ าร
กลุม มสี มาชิกเพมิ่ ขน้ึ เปน 20 คน มกี ารลงหนุ เพม่ิ และมีเงนิ ทุนหมนุ เวียนใหสมาชกิ กลมุ ไดก ยู ืม กลุม ได
สรางงานใหก บั คนในชมุ ชนนนั่ คอื สง เสริมใหป ลูกกลว ยขายใหกบั กลุม และเม่ือมีกลวยเขา มาเปน จํานวน
มาก จะจา งแรงงานจากคนในชมุ ชนมาปอกกลว ยเพ่ือทอดไว และจะฉาบเม่อื มลี ูกคาสัง่ สนิ คาเขามา ทําให
ไดกลวยทใี่ หมและกรอบอยตู ลอดเวลา
การพฒั นาผลติ ภณั ฑ กลุมไดม ีการประชุมแลกเปลีย่ นความคิดเห็นรวมกันทุกเดอื น และมี
การนาํ สมาชิกกลมุ ไปศึกษาดงู านกลมุ อาชีพอืน่ ๆ เพื่อนาํ ความรูใหมๆมาพฒั นาผลติ ภัณฑ และมีการ
เช่อื มโยงกับเครอื ขา ยซึง่ เปน กลุมสตรีอน่ื ๆ ในการหาตลาดรวมกัน แลกเปล่ียนความรเู รอ่ื งการบริหาร
จัดการกลุมใหยงั่ ยืน และจากการที่กลมุ ไดไปศกึ ษาดงู านการผลติ กลวยฉาบทีจ่ ังหวัดสโุ ขทัย ทําใหกลุมได
เครอื ขายในการแลกเปลี่ยนเรยี นรูก ารพัฒนาผลิตภณั ฑก วางขนึ้ ความรูจ ากการไปศึกษาดงู านทาํ ใหกลมุ
ไดแนวคดิ เกย่ี วกับการฝานกลวยฉาบใหไ ดใ นปรมิ าณมาก ๆ ไดเรยี นรแู ละขยายการผลติ สนิ คา ชนิดอื่นๆ
เพมิ่ เชน การทาํ เผอื กฉาบ มนั ฝร่งั ทอด และการพฒั นารดชาดของผลติ ภัณฑใ หมีความหลากหลายมาก
ขนึ้ ทาํ ใหก ลมุ ไดร ับการพฒั นา มีใบอนุญาต ท่เี รยี กวา อย.มาเปนเครื่องกํากบั ถงึ คุณภาพของผลติ ภณั ฑ
มีการขยายตลาดไปตางจังหวดั และตางประเทศ กลุม จึงเปน ท่ีรจู ักและดํารงอยูไดม าจนถงึ ทุกวนั นี้
หนงั สือเรยี นสาระทกั ษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน 127
จากตัวอยา งการดําเนนิ การกลมุ กลวยหอมยดั เยียด ไดม ีการนําการจัดการความรมู าใชเพอ่ื การพฒั นากลมุ
กระบวนการจดั การความรขู องกลุมเปน ดังน้ี
1. การบงชค้ี วามรู เปาหมายของการรวมกลมุ กลว ยหอมยดั เยยี ด คอื สรา งรายไดใ หกับสมาชิก
กลุมอาชพี และพัฒนากลมุ อาชีพใหเ ขมแขง็ ย่ังยืน มรี ายไดอ ยา งตอเนอื่ ง กลุมตองมคี วามรูในเรอ่ื ง
วัตถดุ ิบ กระบวนการผลติ การตลาด การรวมกลุม การสรางเครือขา ย
2. การสรางและแสวงหาความรู เมอ่ื กาํ หนดองคค วามรทู จี่ าํ เปนในการพัฒนากลมุ อาชพี แลว
กลมุ มกี ารสํารวจหาแหลงความรูทดี่ าํ เนินการเกยี่ วกับการทาํ กลวยฉาบ ซ่ึงกอนดําเนินการแสวงหาความรู
ไดม ีการปรกึ ษาหารอื กนั ในกลุม รวมทัง้ สวนราชการทใี่ หการสนบั สนุน จากนั้นไดรวบรวมรายชอื่ กลุม อาชีพ
ที่ทาํ เรือ่ งกลวยในจงั หวดั พะเยา เพอ่ื เปนขอ มลู ในการวางแผนการแลกเปลย่ี นเรยี นรูรวมกนั
3. การจดั การความรูใหเ ปน ระบบ เมือ่ มกี ารแสวงหาความรแู ลว ไดม ีการจดั ทําทาํ เนยี บกลุม
อาชีพตา ง ๆ ท้ังที่อยใู นจงั หวัดพะเยา และนอกจังหวัดพะเยา เพ่ือการแลกเปลยี่ นเรยี นรรู วมกันตอไป
4. การประมวลและกลัน่ กรองความรู ความรทู ีไ่ ดจ ากกลมุ ตา ง ๆ กลมุ ไดม ีการแยกแยะถงึ
ปญหา และจุดเดน ของการดําเนนิ การพัฒนากลุมอาชีพในแตล ะกลุม และนาํ มาจัดทําเวทเี พื่อใหส มาชกิ ลมุ
รว มกนั วิเคราะหถ งึ จดุ เดน จุดดอยของกลมุ เพอื่ การพฒั นากลมุ ใหดียิ่งข้ึนตอ ไป
5. การเขาถงึ ความรู กลุมได สรางเครอื ขา ยเพ่ือการเรยี นรใู นองคค วามรทู ี่จาํ เปนตอ การพฒั นา
กลมุ รว มกนั ทั้งความรูในเรอ่ื งวตั ถุดิบ กระบวนการผลติ การตลาด การบรหิ ารจดั การกลมุ
6. การแบงปน แลกเปล่ียนความรู กลุม มกี ารแลกเปลีย่ นเรียนรรู ว มกันอยูตลอด สรา งความ
สามคั คีภายในกลมุ แลกเปล่ยี นเรียนรูกบั กลมุ อ่นื ๆ ทง้ั กลุม ทีอ่ ยใู นจงั หวัดพะเยา และกลมุ ทอ่ี ยูในจังหวัด
อ่นื จากการศึกษาดูงาน และประชมุ สัมมนา รวมทง้ั การแลกเปลยี่ นเรียนรอู ยางไมเ ปนทางการจากการพบ
เจอกนั ในการออกรา นในงานตา ง ๆ ทสี่ ว นราชการเปนผูจัด
7. การเรียนรู สมาชกิ ในกลมุ เกดิ การเรียนรรู ว มกัน ยกระดับความรใู นเร่ืองวัตถุดบิ ทําใหม ี
วตั ถดุ บิ เพอื่ ใชในการผลติ ตลอดทัง้ ป มีกระบวนการผลิตทง่ี า ยไมยงุ ยากและเปน อันตราย ผลิตไดจ าํ นวน
มาก ๆ เพยี งพอตอ ความตองการ มกี ารขยายตลาดเพิ่ม มีการรวมหุนในกลุมเพ่ือเปน เงินทนุ ของกลมุ และ
ชว ยเหลอื สมาชกิ ท่เี ดือดรอน
128 หนังสือเรียนสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน
การสรปุ องคค วามรูและการจัดทาํ สารสนเทศการจดั การความรู
ดวยการรวมกลุมปฏิบตั ิการ
ในการปฏบิ ตั งิ านแตล ะครงั้ กลมุ จะตองมีการสรปุ องคค วามรูเพื่อจดั ทําเปนสารสนเทศเผยแพร
ความรูใ หก บั สมาชิกกลุม และกลุมอ่นื ๆ ท่ีสนใจในการเรยี นรู และเมื่อมกี ารดําเนินการจดั หาหรือสราง
ความรใู หมจากการพฒั นาข้นึ มา ตอ งมกี ารกาํ หนดส่งิ สาํ คัญท่จี ะเก็บไวเปน องคความรู และตอ งพิจารณา
ถึงวิธกี ารในการเก็บรักษาและนํามาใชใหเ กิดประโยชนตามความตอ งการ ซึง่ กลุมตองจัดเกบ็ องคความรูไ ว
ใหดีที่สุด ไมวาจะเปน ขอ มูลขา วสารสนเทศ การวิจยั การพัฒนา โดยตอ งคํานึงถงึ โครงสรางและสถานท่ี
หรือฐานของการจัดเก็บ ตอ งสามารถคน หาและสง มอบไดอ ยา งถกู ตอ ง มกี ารจําแนกหมวดหมขู องความรู
ไวอ ยา งชดั เจน
การสรปุ องคความรดู ว ยการรวมกลุมปฏิบตั กิ าร
การการจัดการความรูกลมุ ปฏบิ ัตกิ าร เปน การจัดการความรูข องกลุมท่รี วมตวั กนั มีจุดมุงหมาย
ของการทาํ งานรว มกันใหป ระสบผลสาํ เรจ็ ซ่งึ มีกลุมปฏบิ ตั กิ าร หรอื ท่เี รียกวา “ชมุ ชนนกั ปฏิบตั ”ิ เกิดข้ึน
อยา งมากมาย เชน กลุม ฮักเมอื งนา น กลุมเลยี้ งหมู กลมุ เล้ียงกบ กลุมเกษตรอินทรีย กลุม สจั จะออม
ทรพั ย หรอื กลมุ อาชพี ตา ง ๆ ในชุมชน กลมุ เหลานพ้ี รอ มทจี่ ะเรียนรแู ละแลกเปล่ยี นประสบการณซง่ึ กนั
และกนั
องคค วามรูจ งึ เปน ความรูและปญญาท่แี ตกตา งกันไปตามสภาพและบริบทของชมุ ชน การสรา ง
องคความรูหรอื ชุดความรูของกลมุ ไดแ ลว จะทําใหส มาชกิ กลมุ มอี งคค วามรูห รอื ชุดความรูไวเ ปนเครื่องมอื
ในการพัฒนางาน และแลกเปลี่ยนเรยี นรูกบั คนอนื่ หรอื กลุม อนื่ อยางภาคภูมิใจ เปน การตอ ยอดความรู
และการทาํ งานของตนตอไปอยา งไมม ีที่สน้ิ สุด อยางที่เรียกวา เกดิ การเรียนรูแ ละพฒั นากลุม อยางตอเน่ือง
ตลอดชีวติ
ในการสรุปองคความรูข องกลุม กลุมจะตองมีการถอดองคความรทู ่เี กิดจากการปฏบิ ัติ การถอด
องคค วามรจู ึงมีลกั ษณะของการไหลเวยี นความรู จากคนสูค น และจากคนสูกระดาษ นัน่ คือการองคค วาม
รูมาบันทกึ ไวใ นกระดาษ หรอื คอมพวิ เตอรเพือ่ เผยแพรใ หกับคนทสี่ นใจไดศ กึ ษาและพฒั นาความรูตอไป
ปจ จัยที่สงผลสําเร็จตอ การรวมกลุม ปฏบิ ตั ิการคอื
1. การสรางบรรยากาศของการทํางานรวมกัน กลมุ มีความเปนกันเอง
2. ความไวว างใจซึง่ กนั และกัน เปนหัวใจสําคัญของการทํางานเปน ทมี สมาชิกทุกคนควร
ไวว างใจกัน ซอื่ สัตยตอกัน ส่ือสารกนั อยางเปด เผย ไมม ีลับลมคมใน
3. การมอบหมายงานอยา งชัดเจน สมาชกิ ทกุ คนงานเขาใจวัตถุประสงค เปาหมาย และยอมรับ
ภารกิจหลักของทีมงาน
4. การกําหนดบทบาทใหกบั สมาชิกทกุ คน สมาชิกแตล ะคนเขาใจและปฏิบตั ิตามบทบาทของ
ตนเอง และเรยี นรเู ขา ใจในบทบาทของผูอนื่ ในกลมุ ทกุ บทบาทมีความสาํ คญั รวมท้งั บทบาทในการชวย
รักษาความเปนกลุมใหมั่นคง เชน การประนีประนอม การอาํ นวยความสะดวก การใหก ําลงั ใจ เปน ตน
หนังสอื เรยี นสาระทกั ษะการเรยี นรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนตน 129
5. วิธกี ารทาํ งาน สิง่ สําคญั ทีค่ วรพจิ ารณา คือ
1) การสอ่ื ความ การทาํ งานเปน กลมุ ตอ งอาศัยบรรยากาศ การส่อื ความท่ชี ดั เจน เหมาะสม
ซึ่งจะทาํ ใหท กุ คนกลาเปดใจ แลกเปลย่ี นความคดิ เห็น และแลกเปลยี่ นเรียนรูซง่ึ กนั และกันจนเกดิ ความ
เขา ใจ และนาํ ไปสกู ารทาํ งานที่มีประสิทธภิ าพ
2) การตดั สินใจ การทํางานเปนกลุมตอ งใชค วามรกู ารตัดสินใจรว มกนั เมื่อเปด โอกาสให
สมาชกิ ในกลมุ แสดงความคิดเห็น และรว มตดั สินใจแลว สมาชกิ ยอมเกิดความผกู พนั ทจ่ี ะทําใหส ิ่งทต่ี นเอง
ไดมีสวนรวมต้ังแตตน
3) ภาวะผูน าํ คอื บุคคลที่ไดรบั การยอมรบั จากผูอนื่ การทาํ งานเปน กลุมควรสงเสริมให
สมาชกิ ในกลมุ ทุกคนไดมีโอกาสแสดงความเปน ผนู าํ เพอื่ ใหท ุกคนเกดิ ความรูสกึ วาไดร บั การยอมรับ จะ
ไดรสู ึกวา การทาํ งานรว มกันเปน กลมุ นน้ั มคี วามหมาย ปรารถนาทจ่ี ะทําอีก
4) การกาํ หนดกตกิ าหรอื กฎเกณฑต า ง ๆ ท่ีจะเอ้ือตอการทํางานรว มกนั ใหบ รรลเุ ปาหมาย
ควรเปด โอกาสใหส มาชกิ ไดมีสวนรว มในการกาํ หนดกติกา หรอื กฎเกณฑทจ่ี ะนาํ มาใชร วมกัน
6. การมสี ว นรว มในการประเมนิ ผลการทาํ งานของกลมุ ควรมกี ารประเมนิ ผลการทาํ งานเปน ระยะ
ในรูปแบบท้ังไมเปนทางการและเปนทางการ โดยสมาชิกทุกคนมสี ว นรว มในการประเมนิ ผลงาน ทาํ ให
สมาชิกไดร บั ทราบความกา วหนาของงาน ปญ หาอปุ สรรคทเี่ กดิ ขนึ้ รวมท้งั พฒั นากระบวนการทํางาน หรือ
การปรับปรงุ แกไ ขรวมกัน ซงึ่ ในที่สดุ สมาชกิ จะไดทราบวาผลงานบรรลุเปาหมาย และมคี ุณภาพมากนอ ย
เพยี งใด
ตวั อยา งการสรุปองคค วามรูกลุมกลวยหอมยัดเยียด
เนื้อหาความรู ขอดี/จุดเดน ปญ หา แนวทางแกไ ขปญ หา แหลงความรูบ ุคคล
1. ดา นวัตถดุ ิบ 1. กลวยหอม หากมีการสั่งซ้อื 1. สง เสริมการปลูก นางอชริ า ปญญาฟู
1.1 การปลูกกลวย ทองเปนกลวยพื้น ในปริมาณมาก ๆ โดยรับประกนั ราคา นางซวิ่ สงวนชื่อ
- เลอื กพ้ืนที่ เมืองทไี่ มมีผูนยิ ม กลว ยในพืน้ ที่จะ ซือ้ และประสานกับ นายเหมอื น สมศรี
- เตรียมพน้ื ที่ รบั ประทาน และ แกไ มท ัน ทําให สาํ นักงานเกษตรให
- ปลกู หนอ เกดิ ขนึ้ อยูทว่ั ไป ขาดแคลนกลวย ความรเู ร่ืองการปลูก
- บํารุงรกั ษา ในพ้นื ที่ภาค ในบางครั้ง กลวย
1.2. การกําหนด เหนือ 2. ซอื้ สํารวจการ
ราคา กลว ย 2. กลวยมสี ี ปลกู กลวยในพน้ื ท่ี
เหลอื งนวล และ อาํ เภอ หรอื จังหวัด
มีความกรอบ อน่ื ๆ และทําขอตกลง
เหมาะแกการนํา เพอื่ รบั ซอ้ื กลว ย
มาทํากลวยฉาบ 3. ออกไปรับซอ้ื ใน
3. กลว ยมรี าคา พน้ื ที่ โดยผูปลกู ไม
ไมแพงเนอื่ งจาก ตองเสียคา ใชจายใน
ไมต องดแู ลรกั ษา การขนสง
มาก
130 หนงั สือเรยี นสาระทักษะการเรยี นรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน
เน้อื หาความรู ขอ ดี/จดุ เดน ปญหา แนวทางแกไ ขปญ หา แหลง ความรูบคุ คล
2. ดา นกระบวนการ 1. กลวยหอม 1. ขาดความรู 1. ประชมุ แลก นางอชิรา ปญ ญาฟู
ผลติ ยดั เยียดมีความ ในการออกแบบ เปลย่ี นเรยี นรูอยา ง นางรกั ตน ยม
2.1 การปอกกลวย หอม กรอบ ผลิตภณั ฑ ตอ เนอ่ื ง
2.2 การทอดกลว ย ปลอดสารเคมี 2. ลอกเลียนแบบ 2. สรา งฐานขอมูล
2.3 การฉาบกลวย 2. ไมใ ชส ใี นการ จากทอี่ ่ืน ผลติ ภัณฑ
2.4 การบรรจุ ผลติ เพราะกลวย 3. ขาดบรรจุ 3. สรา งเครอื ขายเพ่ือ
มสี เี หลอื งงาม ภัณฑท ที่ ันสมยั พัฒนาและเผยแพร
ตามธรรมชาตอิ ยู และหากใช ความรู
แลว เม่อื บรรจุ บรรจุภัณฑจะทาํ 4. เพิ่มเตมิ เทคนิค
ใสบ รรจภุ ณั ฑจ ะ ใหร าคาสินคาสงู วิธกี ารผลิตใหได
ใหสีทส่ี วยงาม ขน้ึ ผลิตภัณฑใ หมๆ
นาซอื้ 4. ความชนื้ ใน หลากหลายรปู แบบ
3. การพัฒนา ผลิตภณั ฑ 5. ศกึ ษาและ
ผลติ ภัณฑใน 5. ขาดบนั ทกึ พัฒนาผลติ ภัณฑ
รูปแบบท่ีหลาก ขอ มูลผลิตภัณฑ ใหไดม าตรฐาน
หลาย จะชว ยเพิม่ 6. รปู แบบเดมิ ๆ ผลติ ภณั ฑช ุมชน
มูลคาของสนิ คา ไมท ันสมยั 6. ศึกษาแนวทางการ
4. บรรจภุ ณั ฑ 7. ขาดฐานขอมลู ลดปรมิ าณความช้ืน
ทส่ี วยงาม และ การผลิต ในผลติ ภณั ฑ
ดึงดูดความสนใจ 8. ตนทนุ การ
ชวยเพมิ่ มูลคา ผลิตสูง
ผลติ ภณั ฑ
3. ดานการตลาด 1. การขายใน 1. ขาดความรู 1. พฒั นาผลติ ภณั ฑ นางอชริ า ปญ ญาฟู
ดา นกลยุทธ การ กลวยใหมรี สชาติ นางนอ ง แปน นอก
3.1 การขาย พ้ืนที่ ชมุ ชน ชวย ตลาด และชอ ง ตาง ๆ นางลดั ดา เฟองฟู
ทางการจัดจาํ 2. ศึกษาความตอง
- ขายทบี่ า น สรางงาน สรา ง หนาย ใหตรงกับ การของตลาด กลุม
กลุมเปา หมาย เปาหมายที่นิยมรับ
- ขายท่ีกลุม เงนิ และชาว 2. ผลิตสนิ คา ประทาน
ไมท ันกับความ 3. ศกึ ษาแนวทางการ
- ขายตามที่สวน บานยังคงใชชวี ติ ตอ งการของ ขายตลาดท้ังในและ
ตลาดในบางครั้ง ตา งประเทศ
ราชการจดั งาน อยูใ นชุมชนได เพราะขาดแคลน 4. ระดมความคดิ
กลวย กาํ หนดกลยุทธก าร
3.2 การโฆษณา อยา งเปน สุข ตลาด
5. การพัฒนา
- ประชาสัมพันธ ตามแนวทาง ผลิตภัณฑให
ไดมาตรฐาน
ผา นบุคคล กลุม เศรษฐกจิ พอ ผลิตภณั ฑ OTOP
เพ่ือเพิ่มมลู คาสินคา
- เอกสาร เพยี ง
3.3 ลกู คา 2. การขาย
- นกั ทัศนาจร วางขายตาม
- ผูศ ึกษาดงู าน รานคาตาง ๆ
- ลกู คา ท่วั ไป เปนประจํา ทาํ ให
- นักเรยี น มีลูกคา ประจาํ ซอ้ื
ไปรับประทาน
และซ้อื เปน ของ
ฝาก
หนังสอื เรียนสาระทักษะการเรยี นรู รายวิชาทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน 131
4. ดา นการรวมกลมุ 1. ระบบเครือ 1. มกี ารประสาน 1. ใหค วามรูแก นางอชริ า ปญ ญาฟู
และสรางเครอื ขา ย คนในชมุ ชน เก่ียวกบั นางนอ ย มสุ ิกะ
การรวมกลุม ขายจะเปน การ งานระหวางกลมุ เรอ่ื งเครือขายชมุ ชน
- คณะทาํ งาน ใหต ระหนกั ถึงความ
เครือขายกลุม คือ แบง ปนความ เฉพาะการจดั หา สําคัญและประโยชน
- กลุมกลว ยจันดี ของเครอื ขาย
- กลมุ ผลติ ไวท รู และรวมกนั หา ตลาดรว มกนั 2. หนว ยงานราชการ
- กลมุ สมนุ ไพรสระ ชวยประสาน เสริม
เกา แนวทางแกไข 2. มกี ารเผย สรา งกาํ ลังใจ และ
- กลุม ทอผาลายขิต ใหคําปรึกษาปญหา
- กลุมจกั สาน ปญ หา แพรห รือแบงปน ตา ง ๆ
- กลุมผกั ปลอดสาร
พษิ 2. สามารถ ขอ มลู ระหวา ง
จัดการองคค วาม กลุมกนั นอย
รูไ ดอยา ง 3. ขาดศรทั ธาใน
เปนระบบ องคกรและหัว
3. แสดงถงึ หนาเครอื ขา ย
ความเขมแข็งของ
ชมุ ชน
4. มีพลังสรา ง
สรรค และพลงั
ตอ รอง
5. เสริมสราง
กลยทุ ธก าร
ตลาดและพัฒนา
ผลติ ภัณฑอยางมี
ทศิ ทางทช่ี ัดเจน
สารสนเทศการจัดการความรูดวยการรวมกลุม ปฏิบตั ิการ
สารสนเทศการจัดการความรูด ว ยการรวมกลมุ ปฏบิ ตั ิการ หมายถงึ การรวบรวมขอ มูลทเ่ี ปน
ประโยชนตอการพฒั นางาน พฒั นาคน หรอื พัฒนากลุม ซ่ึงอาจจดั ทาํ เปน เอกสารคลงั ความรขู องกลมุ
หรือเผยแพรผ า นทางเวบ็ ไซต เพื่อแบงปน แลกเปลี่ยนความรู และนาํ มาใชป ระโยชนใ นการทาํ งาน
ตวั อยางของสารสนเทศจากการรวมกลุมปฏิบัตกิ ารไดแก
1. บนั ทึกเรอื่ งเลา เปนเอกสารทีร่ วบรวมเรอื่ งเลา ท่แี สดงใหเ หน็ ถึงวิธกี ารทํางานใหป ระสบผล
สาํ เรจ็ อาจแยกเปน เรื่อง ๆ เพื่อใหผ ทู สี่ นใจเฉพาะเรือ่ งไดศึกษา
2. บันทึกการถอดบทเรียนหรอื การถอดองคค วามรู เปน การทบทวน สรุปผลการทาํ งาน ทจ่ี ดั
ทาํ เปนเอกสาร อาจจัดทาํ เปนบันทกึ ระหวา งการทํางาน และหลังจากทาํ งานเสร็จแลว เพ่ือใหเ หน็ วธิ ีการ
แกป ญ หาในระหวา งการทาํ งาน และผลสําเร็จจากการทํางาน
3. วซี ีดเี รือ่ งสัน้ เปน การจดั ทําฐานขอมูลความรูที่สอดคลองกบั สังคมปจ จุบนั ทมี่ กี ารใชเ ครือ่ ง
อเิ ลก็ ทรอนกิ สก นั อยางแพรห ลาย การทําวซี ีดเี ปน เรือ่ งสน้ั เปนการเผยแพรใ หบ ุคคลไดเรยี นรู และนาํ ไปใช
ในการแกป ญหา หรือพฒั นางานในโอกาสตอ ไป
4. คมู อื การปฏิบัตงิ าน การจดั การความรูทีป่ ระสบผลสาํ เร็จจะทาํ ใหเ หน็ แนวทางของการทาํ งาน
ท่ชี ดั เจน การจดั ทาํ เปน คมู อื เพอื่ การปฏบิ ัตงิ าน จะทําใหงานมมี าตรฐาน และผเู กีย่ วของสามารถนําไป
พฒั นางานได
132 หนังสอื เรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน
5. อนิ เตอรเนต็ ปจจบุ นั มกี ารใชอินเตอรเน็ตกนั อยา งแพรหลาย และมีการสื่อสารแลกเปลี่ยน
ความรผู า นทางอนิ เตอรเ นต็ ในเวบ็ ไซตตาง ๆ มีการบันทึกความรทู ้ังในรูปแบบของเวบ็ บลอ็ ก เว็บบอรด
และรูปแบบอื่นๆ อินเตอรเน็ตจงึ เปนแหลง เกบ็ ขอมลู จํานวนมากในปจ จุบัน เพราะคนสามารถเขา ถงึ ขอ มลู
ไดอยา งรวดเร็ว ทุกท่ี ทกุ เวลา
กิจกรรม
กิจกรรมท่ี 1 การจดั การความรดู วยตนเองตองอาศยั ทกั ษะอะไรบาง และผูเรยี นมวี ิธกี ารจัดการความรู
ดว ยตนเองอยา งไร ยกตวั อยา ง
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
กจิ กรรมท่ี 2 องคความรทู ่ผี ูเรียนไดร บั จากการจัดการความรดู วยตนเองคอื อะไร (แยกเปนขอ ๆ)
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
หนงั สอื เรียนสาระทักษะการเรยี นรู รายวิชาทกั ษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 133
กิจกรรมที่ 3 ใหผ ูเรยี นเขียนเรอ่ื งเลา แหงความสําเร็จ และรวมกลุม กบั เพื่อนทม่ี ีเรือ่ งเลา ลกั ษณะ
คลา ยกัน ผลดั กนั เลาเร่อื ง สกัดความรูจากเรอ่ื งเลาของเพอื่ น ตามแบบฟอรม นี้
แบบฟอรมการบนั ทึกขุมความรจู ากเร่ืองเลา
ชอ่ื เร่อื ง ...................................................................................................................................
ช่ือผูเลา .................................................................................................................................
1. เนอื้ เรื่องยอ
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
2. การบันทึกขุมความรูจ ากเรอ่ื งเลา
2.1 ปญ หา ................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
2.2 วิธีแกป ญหา (ขุมความร)ู .......................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
134 หนังสือเรียนสาระทกั ษะการเรียนรู รายวิชาทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน
2.3 ผลทเ่ี กิดข้นึ ........................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
2.4 ความรูสกึ ของผูเลา / ผเู ลา ไดเรียนรอู ะไรบาง จากการทํางานน้ี
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
3. แกน ความรู
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
หนงั สอื เรยี นสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน 135
กจิ กรรมที่ 4 ใหผเู รียนจบั กลมุ 3-5 คน ไปถอดองคค วามรูก ลุมอาชีพตา งๆ ในชมุ ชน
และนาํ มาสรุปเปน องคค วามรู ตามแบบฟอรม น้ี
สรุปองคค วามรกู ลมุ ..........................................................
ท่ีอยูกลมุ ................................................................................................................................
ชอ่ื ผถู อดองคค วามรู 1.............................................................................................................
2.............................................................................................................
3.............................................................................................................
เน้ือหาความรู ขอ ดี/จุดเดน ปญหา แนวทางแกไ ขปญ หา แหลงความรูบ คุ คล
136 หนงั สือเรียนสาระทกั ษะการเรียนรู รายวชิ าทักษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน
แบบทดสอบหลงั เรียน
แบบทดสอบเรื่องการจัดการความรู
คําชแี้ จง จงกาบาท x เ ลอื กขอท่ที านคิดวาถกู ตองทีส่ ดุ
1. การจัดการความรเู รียกส้นั ๆ วา อะไร
ก. MK
ข. KM
ค. LO
ง. QA
2. เปา หมายของการจดั การความรคู ืออะไร
ก. พฒั นาคน
ข. พัฒนางาน
ค. พัฒนาองคก ร
ง. ถกู ทกุ ขอ
3. ขอ ใดถูกตอ งมากทีส่ ดุ
ก. การจดั การความรหู ากไมท ํา จะไมร ู
ข. การจัดการความรคู ือการจดั การความรขู องผเู ช่ยี วชาญ
ค. การจดั การความรูถ อื เปนเปา หมายของการทํางาน
ง. การจัดการความรูคือการจดั การความรทู ่มี ใี นเอกสาร ตาํ รา มาจดั ใหเ ปน ระบบ
4. ข้นั สูงสดุ ของการเรยี นรคู อื อะไร
ก. ปญ ญา
ข. สารสนเทศ
ค. ขอมูล
ง. ความรู
5. ชุมชนนักปฏิบัติ (CoP) คอื อะไร
ก. การจัดการความรู
ข. เปาหมายของการจัดการความรู
ค. วธิ กี ารหนึง่ ของการจัดการความรู
ง. แนวปฏบิ ตั ขิ องการจดั การความรู
หนงั สอื เรียนสาระทักษะการเรยี นรู รายวิชาทักษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 137
6. รูปแบบการจดั การความรตู ามโมเดลปลาทู สว น “ทองปลา” หมายถงึ อะไร
ก. การกาํ หนดเปา หมาย
ข. การแลกเปลยี่ นเรียนรู
ค. การจดั เก็บเปน คลังความรู
ง. ความรทู ่ชี ดั แจง
7. ผทู ี่ทาํ หนาทก่ี ระตนุ ใหเ กดิ การแลกเปลยี่ นเรียนรูคอื ใคร
ก. คุณเอื้อ
ข. คณุ อาํ นวย
ค. คุณกจิ
ง. คณุ ลิขติ
8. สารสนเทศเพ่ือเผยแพรความรใู นปจ จบุ ันมีอะไรบา ง
ก. เอกสาร
ข. วีซีดี
ค. เวบ็ ไซต
ง. ถกู ทกุ ขอ
9. การจดั การความรูด วยตนเองกบั ชุมชนแหง การเรยี นรูมคี วามเกย่ี วขอ งกนั หรือไม อยา งไร
ก. เกยี่ วขอ งกนั เพราะการจดั การความรใู นบคุ คลหลายๆคน รวมกนั เปน ชุมชน
เรียกวา เปนชมุ ชนแหงการเรียนรู
ข. เกี่ยวของกัน เพราะการจัดการความรูใหก บั ตนเองกเ็ หมอื นกับจัดการความรูใหช มุ ชนดว ย
ค. ไมเ กีย่ วขอ งกัน เพราะจัดการความรดู ว ยตนเองเปนปจ เจกบคุ คล สวนชุมชนแหงการเรียนรู
เปน เร่อื งของชมุ ชน
ง. ไมเ กี่ยวของกัน เพราะชมุ ชนแหงการเรียนรูเปน การเรียนรเู ฉพาะกลุม
10. ปจ จยั ทที่ าํ ใหการจดั การความรูการรวมกลุมปฏบิ ัตกิ ารประสบผลสาํ เร็จคืออะไร
ก. พฤติกรรมของคนในกลมุ
ข. ผนู ํากลมุ
ค. การนําไปใช
ง. ถูกทุกขอ
เฉลย 1) ข 2) ง 3) ก 4) ก 5) ค 6) ข 7) ข 8) ง 9) ก 10) ง
138 หนังสอื เรยี นสาระทักษะการเรยี นรู รายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน
แบบประเมนิ ตนเองหลังเรียน
บทสะทอ นทีไ่ ดจากการเรยี นรู
1. ส่งิ ท่ที า นประทับใจในการเรยี นรรู ายวชิ าการจัดการความรู
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
2. ปญหา/อุปสรรคทพี่ บในการเรียนรูรายวชิ าการจดั การความรู
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
3. ขอเสนอแนะเพิม่ เติม
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
หนังสอื เรียนสาระทกั ษะการเรียนรู รายวชิ าทกั ษะการเรียนรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน 139
บรรณานุกรม
เกรียงศกั ด์ิ เจรญิ วงศศ กั ดิ.์ บคุ คลแหงการเรยี นรู http://share.psu.ac.th/blog/thitima-psu/2700
วันที่ 18 มกราคม 2553.
เจษฎา แชมประเสรฐิ . การจัดการความรสู กู ารปฏบิ ตั ิทเ่ี ปนเลิศ. http://www.superbk3.net.
วันที่ 14 มกราคม 2553.
เอกสารบรรยายในการประชุมวิชาการ พรพ.ครัง้ ท่ี 5 เรือ่ งการจดั การความรูเพ่อื คุณภาพทส่ี มดุล
วนั ท่ี 17 มนี าคม 2547 ณ ศนู ยการประชมุ อิมแพคเมอื งทองธานี
เส่อื จันทบรู . http://www.rbru.ac.th/org/mat/photo/know.pdf วนั ท่ี 18 มกราคม 2553
วจิ ารณ พานิช. บทความการจดั การความรเู พ่อื เปลยี่ นผา น. http://www.kmi.or.th.
วันท่ี 15 มกราคม 2553.
สดุ ารตั น ครฑุ กะ. เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การจัดการความร.ู www.ru.ac.th/hu812/a3.doc
วนั ท่ี 19 มกราคม 2553.
สาํ นกั งาน กพร. E-learning สําหรับพฒั นาระบบสารสนเทศการจดั การความรู (KM)
www.tor.gprocurement.go.th/06_tor/upload3/..../TOR-%20KM.doc
วนั ท่ี 19 มกราคม 2553.
เกวลนิ ท สดบั ธรรม. สารสนเทศ ความรูและการจดั การความรู. www.images.it51.multiply.com
วนั ที่ 10 มกราคม 2553.
ประเวศ วะส.ี ระบบการเรยี นรใู หม ไปใหพ น วกิ ฤตแหง ยคุ สมยั . บทความในโอกาสเฉลมิ อายคุ รบ 84 ป
ศาสตราจารยร ะพี สาคริก. วันท่ี 4 ธันวาคม 2549.
กนกวรรณ ศรพี ระลาน. เก็บเกยี่ วเรือ่ งราวบอกเลา ปราชญนกั สูยา โม “จนั ทรที ประทมุ ภา”
http://village.haii.or.th/vtl/index.php?option=com_content&task=blogsection&id=0&Itemid=44
วันที่ 19 มกราคม 2553
สาํ นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา. การบริหารจดั การความรู
http://elib.fda.moph.go.th/kmfda/_ImgUpload/Img_allpicture/DataL3_10.pdf
วันท่ี 22 มกราคม 2553.
สํานักงานสง เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย. คัมภีร กศน.
http://ebook.nfe.go.th/nfe_ebook/data_ebook/19/13_21_30.pdf. วันที่ 24 กันยายน 2553.
ศนู ยก ารศกึ ษานอกโรงเรยี นกรุงเทพมหานคร 1. ชุมชนแหงการเรียนรู. เอกสารสรุปบทเรียนจากการ
เสริมสรางสงั คมแหงการเรยี นรู โครงการ “ตลาดนดั ความรูส ูชุมชน”
http://ebook.nfe.go.th/nfe_ebook/data_ebook/21/15_1_10.pdf วนั ท่ี 25 มกราคม 2553.
บรู ชยั ศิริมหาสาคร. 2550. คนสาํ คญั ใน CoP. เอกสารประกอบการอบรมการจดั การความรูครู กศน.
สถาบันพัฒนาครู คณาจารย และบุคลากรทางการศึกษา. จ.นครปฐม.
140 หนงั สือเรียนสาระทักษะการเรียนรู รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู (ทร 21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน