The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เนื้อหาวิชาเขตทางทะเล ป.4-6-11และ กศน.ระดับประถมศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookchon, 2022-05-26 22:54:00

เนื้อหาวิชาเขตทางทะเล ป.4-6-11และ กศน.ระดับประถมศึกษา

เนื้อหาวิชาเขตทางทะเล ป.4-6-11และ กศน.ระดับประถมศึกษา

Keywords: พนัสนิคม

45

มีพ้ืนที่ทเี่ ป็นป่าชายเลนและป่าดงดบิ คดิ เป็นร้อยละ 57 ของพ้นื ท่ีท้ังหมด
โดยมีพน้ื ทตี่ ิดต่อเรยี งตามเข็มนาฬิกาดังนี้ ทิศเหนือ ติดกับจงั หวดั ระนอง
ทศิ ตะวันออก ตดิ กับจังหวดั สรุ าษฎรธ์ านีและจงั หวดั กระบ่ี
ทิศใต้ ตดิ กับจังหวดั ภเู ก็ตและทะเลอนั ดามนั ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรอินเดีย
และมีเกาะต่าง ๆ อยู่ในทะเลอนั ดามันมากถงึ 155 เกาะ
นับเปน็ จงั หวัดที่มีจา้ นวนเกาะ
มากที่สุดในประเทศไทย

ภาคใต้ (อา่ วไทยตอนล่าง/ฝ่ังตะวนั ตก)

46

เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในทะเลอนั ดามัน
ทศิ เหนือติดต่อกับจงั หวัดพังงา ทิศตะวนั ออกตดิ ต่อกบั จังหวัดพงั งาและจงั หวดั กระบี่
ทัง้ เกาะลอ้ มรอบด้วยมหาสมุทรอนิ เดยี
และยงั มเี กาะทีอ่ ยู่ในอาณาเขตของจังหวัดภเู ก็ตทางทศิ ใต้และตะวนั ออก

47
ทศิ เหนอื ติดต่อกับจังหวดั พังงาและจังหวดั สุราษฎรธ์ านี
ทศิ ใตต้ ิดต่อกับจังหวดั ตรังและทะเลอนั ดามัน
ทศิ ตะวนั ออกติดต่อกับจังหวดั นครศรธี รรมราชและจังหวดั ตรงั
ทศิ ตะวนั ตกตดิ ต่อกบั จังหวัดพังงาและทะเลอนั ดามนั

ภาคใต้ (อ่าวไทยตอนล่าง/ฝงั่ ตะวนั ตก)

48

ทศิ เหนือติดต่อกับจงั หวัดกระบี่และจังหวดั นครศรีธรรมราช
ทิศตะวันออกตดิ ต่อกับจังหวัดพัทลงุ
ทิศใตต้ ดิ ตอ่ กบั จงั หวดั สตลู และทะเลอันดามัน
ทศิ ตะวันตกตดิ ต่อทะเลอนั ดามันและจังหวัดกระบ่ี

49
เป็นจังหวดั ทอ่ี ยูใ่ ตส้ ดุ ของประเทศไทยทางชายฝัง่ ทะเลอนั ดามัน
มีพ้ืนทีต่ ิดตอ่ กบั จงั หวดั ตรังทางทศิ เหนือ
จงั หวัดสงขลาทางทิศตะวนั ออก
และรัฐปะลสิ ประเทศมาเลเซียตลอดแนวชายแดน (ทางทิศใต้)

ภาคใต้ (อา่ วไทยตอนล่าง/ฝั่งตะวันตก)

3. ลักษณะของเขตทางทะเลในภมู ภิ าคและประเทศไทย
4. การนาความรู้เรื่องเขตทางทะเลในภมู ภิ าคและประเทศไทยไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวนั

50

หน่วยท่ี 3
เขตกำรปกครองของจงั หวดั ทำงทะเล

ผลกำรเรยี นรู้
1.บอกความเปน็ มาของการกาหนดเขตจังหวดั ทางทะเลในรายจงั หวัด รายกลุ่มจงั หวดั และประเทศ
2.บอกแนวทางในการกาหนดเขตจงั หวดั ทางทะเลในรายจงั หวดั รายกลมุ่ จังหวดั
3.ระบุตาแหน่งและลักษณะกายภาพทางทะเลทป่ี รากฏในแผนผัง แผนที่ทางทะเลในรายจังหวดั รายกลุ่ม

จงั หวัด
4. อ่าน และเขียนแผนที่แผนผงั เขตปกครองทางทะเลรายจังหวดั
5. ระบตุ าแหน่ง และลักษณะทางภมู ศิ าสตร์ของตาแหน่งทางทะเลในแผนที่

สำระกำรเรียนรู้
1.ความเปน็ มาของการกาหนดเขตจังหวดั ทางทะเลในรายจังหวดั รายกล่มุ จงั หวัด และประเทศ
2.แนวทางในการกาหนดเขตจังหวัดทางทะเลในรายจงั หวัด รายกลุ่มจังหวัด และประเทศ
3.ตาแหนง่ และลักษณะกายภาพทางทะเลทป่ี รากฏในแผนผัง แผนทท่ี างทะเลในรายจังหวัด รายกลมุ่ จงั หวัด

51

เรอื่ งที่ 1 ควำมเป็นมำของเขตกำรปกครองของจังหวดั ทำงทะเลในท้องถิ่นตนเอง

ความเปน็ มาของการกาหนดเขตจังหวัดทางทะเล

เนอ่ื งจากประเทศไทยไมม่ ีหลกั กฎหมายภายในทีร่ ะบหุ ลกั การแนวทางการปฏบิ ัติในการแบ่งเขต
จังหวัดทางทะเลไว้เป็นการเฉพาะ คณะอนุกรรมการก้าหนดแนวทางการปรับปรุงพ้ืนที่เขตการปกครองของ
จังหวัดทางทะเล จึงได้พิจารณาแนวทางในการก้าหนดการแบ่งเขตจังหวัดทางทะเลให้เป็นไปตามหลักการท่ีเป็น
สากลและเป็นท่ียอมรับของนานาประเทศ เช่น หลกั การท่ีก้าหนดไว้ในอนุสัญญาสหประชาชาตวิ ่าด้วยกฎหมายทะเล
ค.ศ. 1958 และฉบบั ค.ศ.1982 รวมทั้งในคู่มอื ท่อี งค์การระหวา่ งประเทศที่เกี่ยวข้องก้าหนดโดยสามารถสรปุ แนวทาง
การก้าหนดเขตทางทะเลที่เป็นหลักสากล น้ามาประยุกต์ใช้ในการแบ่งเขตจังหวัดทางทะเลของแต่ละคู่จังหวัดที่มี
เขตอยู่ประชิดกนั หรอื อยตู่ รงขา้ มกนั ได้ ดงั นี้

1) ตามพันธะกรณอี ันสบื เนื่องมาจากข้อตกลงท่ีท้าไวเ้ ดิม
2) กา้ หนดตามหลกั กฎหมายทะเลปี ค.ศ.1958 เช่น

- หลกั การของเส้นมธั ยะ (หลักระยะห่างเทา่ กัน Principle of Equidistance เป็นหลักการ
พน้ื ฐานทส่ี ามารถนามาใช้กบั ทะเลอาณาเขต)

- สภาวะแวดล้อมพิเศษ Special Circumstance
3) กา้ หนดตามหลกั กฎหมายทะเลปี ค.ศ.1982 เชน่ หลกั ของความเทยี่ งธรรม(Principle of
Equitable) และหลักการ แนวคิด ทฤษฎขี องนักกฎหมายทะเลทีส่ นับสนุนหลักการของความเที่ยงธรรม รวมท้ัง
การศึกษาแนวทางการตดั สนิ ของศาลโลกในคดีทเี่ กี่ยวข้องกบั เขตทางทะเล

52

เรอ่ื งที่ 2 แนวทำงในกำรกำหนดเขตจงั หวดั ทำงทะเลในภำคและประเทศไทย

เพ่อื ความสะดวกในการกาหนดเสน้ เขตทางทะเลระหว่างจงั หวดั การลงพ้นื ทีร่ ับฟงั ความเหน็ จากผมู้ ี
สว่ นได้เสียในพ้ืนที่จึงได้กาหนดแบ่งกลุ่มจังหวดั ชายทะเลทั้ง 23 จังหวัด ออกเปน็ 6 กลุ่มจังหวัด ตามสภาพภมู ิศาสตร์
และพื้นฐานของกจิ กรรมทางทะเลที่สง่ ผลกระทบระหวา่ งกันได้ ดงั น้ี

(1) กลมุ่ จังหวัดอา่ วไทยตะวนั ออก ประกอบดว้ ยจงั หวัดชายทะเล 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ตราด
จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง

(2) กลมุ่ จังหวัดอ่าวไทยตอนใน ประกอบดว้ ยจงั หวัดชายทะเล 7 จังหวดั ไดแ้ ก่ จ.ชลบรุ ี
จ.ฉะเชิงเทรา จ.สมุทรปราการ จ.สมทุ รสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี และ กรุงเทพมหานคร

(3) กลมุ่ จงั หวัดอ่าวไทยตอนบน ประกอบด้วยจงั หวดั ชายทะเล 3 จงั หวดั ได้แก่ จ.ประจวบครี ขี นั ธ์
จ.ชมุ พร และ จ.สุราษฏร์ธานี

(4) กลุ่มจังหวดั อ่าวไทยตอนลา่ ง ประกอบดว้ ยจงั หวดั ชายทะเล 4 จังหวดั ไดแ้ ก่ จ.นครศรธี รรมราช
จ.สงขลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส

(5) กลุ่มจังหวัดฝงั่ ตะวนั ตกตอนบน ประกอบด้วยจังหวดั ชายทะเล 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ระนอง
จ.พงั งา และ จ.ภูเกต็

(6) กล่มุ จงั หวดั ฝัง่ ตะวนั ตกตอนลา่ ง ประกอบดว้ ยจงั หวดั ชายทะเล 3 จงั หวัด ไดแ้ ก่ จ.กระบี่ จ.ตรงั
และ จ.สตูล

53

ขนาดของพนื้ ท่ีและความยาวชายฝ่ังทะเลรายจังหวัด (ท่ีมา : กรมอทุ กศาสตร์ )

ลาดบั ที่ จงั หวดั ความยาว (กิโลเมตร) ขนาดพน้ื ทที่ างทะเล (ตารางกโิ ลเมตร)
187.95 5,847.99
1 ตราด 101.50 2,064.70
117.99 2,440.16
2 จนั ทบรุ ี 188.34 5,423.81
15.77 187.73
3 ระยอง 49.54 1,204.4
6.51 76.33
4 ชลบรุ ี 45.26 964.25
26.20 226.38
5 ฉะเชิงเทรา 96.55 3,050.77
254.57 5,759.93
6 สมทุ รปราการ 252.60 7,441.42
179.38 9,058.02
7 กรงุ เทพมหานคร 246.66 12,375.31
158.78 9,690.30
8 สมุทรสาคร 144.04 12,866.7
57.20 2,362.51
9 สมุทรสงคราม 106.85 2,381.87
254.18 12,264.61
10 เพชรบรุ ี 203.55 4,657.22
219.07 3,660.04
11 ประจวบครี ีขนั ธ์ 140.74 3,008.52
140.21 5,328.82
12 ชุมพร 3,193.44 112,341.84

13 สุราษฎร์ธานี

14 นครศรธี รรมราช

15 สงขลา

16 ปัตตานี

17 นราธวิ าส

18 ระนอง

19 พงั งา

20 กระบี่

21 ภเู ก็ต

22 ตรงั

23 สตูล

รวม

หมายเหตุ – ขนาดพน้ื ทใี่ นเขตอา้ นาจอธปิ ไตยของแตล่ ะรายจงั หวดั ชายทะเลตามที่แสดงในตารางขา้ งต้น
คดิ เป็นพ้นื ท่รี วมทง้ั สนิ้ 112,341.84 ตร.กม. ซงึ่ ไมร่ วมพืน้ ที่เกาะต่าง ๆ ในน่านนา้ ไทยอีกประมาณ
2,680.43 ตร.กม.

- ขนาดของนา่ นน้าในเขตอ้านาจอธปิ ไตยเม่ือวดั พน้ื ที่ในแผนท่มี าตราส่วนเล็กทร่ี วมเกาะในทะเลดว้ ยแลว้
จะมเี นอื้ ท่ี 115,022.27 ตร.กม.

54

รายชอื่ อาเภอของจังหวดั ชายทะเลในสว่ นที่มีอาณาเขตติดกบั ทะเล

จังหวัดชำยทะเล จำนวนอำเภอ รำยชอื่ อำเภอท่ตี ดิ ชำยทะเล

ที่ติดทะเล

ฝง่ั ตะวนั ออกของอำ่ วไทย

สมุทรปราการ 3 อ.พระสมุทรเจดีย์ อ.เมือง อ.บางบอ่
ฉะเชงิ เทรา 1 อ.บางปะกง
ชลบุรี 4 อ.เมอื ง อ.ศรรี าชา อ.บางละมุง อ.สตั หีบ
ระยอง 3 อ.บ้านฉาง อ.เมือง อ.แกลง
จันทบุรี 4 อ.นายายอาม อ.ทา่ ใหม่ อ.แหลมสงิ ห์ อ.ขลุ
ตราด 5 อ.แหลมงอบ อ.เมือง อ.คลองใหญ่ อ.เกาะชา้ ง อ.เกาะกูด
ฝัง่ ตะวนั ตกของอ่าวไทย
กรงุ เทพมหานคร 1 เขตบางขุนเทยี น
สมทุ รสาคร 1 อ.เมอื ง
สมทุ รสงคราม 1 อ.เมอื ง
สมุทรปราการ 3 อ.พระสมุทรเจดยี ์ อ.เมือง อ.บางบอ่
เพชรบรุ ี 4 อ.บ้านแหลม อ.เมือง อ.ท่ายาง อ.ชะอา
ประจวบครี ีขนั ธ์ 8 อ.หัวหนิ อ.ปราณบรุ ี อ.สามร้อยยอด อ.กยุ บรุ ี อ.เมือง
อ.ทบั สะแก อ.บางสะพาน อ.บางสะพานนอ้ ย
ชุมพร 6 อ.ปะทิว อ.เมือง อ.สวี อ.ทงุ่ ตะโก อ.หลงั สวน อ.ละแม
สรุ าษฎรธ์ านี 9 อ.ท่าชนะ อ.ไชยา อ.ทา่ ฉาง อ.เมอื ง อ.กาญจนดษิ ฐ์ อ.ดอนสกั
อ.พนุ พิน อ.เกาะสมยั อ.เกาะพงนั
นครศรีธรรมราช 6 อ.ขนอม อ.สิชล อ.ทา่ ศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง อ.หวั ไทร
อ.ระโนด อ.สทิงพระ อ.สิงหนคร อ.เมือง อ.จะนะ อ.เทพา
สงขลา 6 อ.หนองจกิ อ.เมือง อ.ยะหรง่ิ อ.ปานาเระ อ.สายบุรี อ.ไม้แก่น
อ.เมือง อ.ตากใบ
ปตั ตานี 6
อ.เมือง อ.กระเปอร์ อ.สุขสาราญ
นราธวิ าส 2 อ.ครุ ะบรุ ี อ.ตะกัว่ ปา่ อ.ท้ายเหมือง อ.ตะก่วั ทงุ่ อ.เกาะยาว
อ.ถลาง อ.กระทู้ อ.เมอื ง
ฝ่งั ตะวันตกของประเทศไทย อ.อ่าวลึก อ.เมือง อ.เหนือคลอง อ.คลองท่อม อ.เกาะลนั ตา
อ.สิเกา อ.กันตัง อ.หาดสาราญ อ.ปะเหลยี น
ระนอง 3 อ.ทุ่งหวา้ อ.ละงู อ.ท่าแพ อ.เมืองสตลู

พงั งา 5

ภเู ก็ต 3

กระบ่ี 5

ตรัง 4

สตูล 4

55

แผนท่ีและบัญชีค่าพิกดั รายจังหวัดชายทะเล

เพือ่ ความสะดวกในการกา้ หนดเส้นเขตทางทะเลระหว่างจังหวัด การลงพน้ื ท่รี ับฟังความเห็นจากผู้มี
สว่ นได้เสยี ในพื้นท่ี จงึ ได้กา้ หนดแบ่งกล่มุ จังหวัดชายทะเลทัง้ 23 จงั หวัด ออกเปน็ 6 กลุ่มจังหวดั ตามสภาพ
ภมู ศิ าสตร์ และพืน้ ฐานของกิจกรรมทางทะเลท่ีส่งผลกระทบระหวา่ งกันได้ ดังน้ี

(1) กลุ่มจังหวัดอ่าวไทยตะวันออก ประกอบดว้ ยจังหวัดชายทะเล 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ตราด
จ.จันทบรุ ี และ จ.ระยอง

(2) กลมุ่ จังหวัดอ่าวไทยตอนใน ประกอบด้วยจังหวัดชายทะเล 7 จังหวดั ไดแ้ ก่ จ.ชลบุรี
จ.ฉะเชงิ เทรา จ.สมทุ รปราการ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี และ กรงุ เทพมหานคร

(3) กลุม่ จงั หวัดอ่าวไทยตอนบน ประกอบดว้ ยจงั หวดั ชายทะเล 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ประจวบครี ขี นั ธ์
จ.ชมุ พร และ จ.สุราษฏร์ธานี

(4) กลุ่มจงั หวัดอา่ วไทยตอนล่าง ประกอบดว้ ยจังหวัดชายทะเล 4 จงั หวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช
จ.สงขลา จ.ปตั ตานี และ จ.นราธิวาส

(5) กลมุ่ จังหวดั ฝง่ั ตะวนั ตกตอนบน ประกอบด้วยจังหวดั ชายทะเล 3 จงั หวดั ไดแ้ ก่ จ.ระนอง
จ.พังงา และ จ.ภเู กต็

(6) กลุ่มจังหวัดฝั่งตะวนั ตกตอนล่าง ประกอบดว้ ยจังหวัดชายทะเล 3 จังหวดั ไดแ้ ก่ จ.กระบ่ี จ.ตรัง
และ จ.สตูล

56

เร่อื งท่ี 3 ลักษณะกายภาพทางทะเลท่ีปรากฏในแผนผัง แผนทีท่ างทะเลในท้องถิน่ ตนเอง

แผนทแ่ี สดงภาพรวมการแบ่งเขตจังหวดั ทางทะเลทงั้ 23 จังหวดั ชายทะเล

แผนทแ่ี สดงเขตจังหวัดในกลุ่มจังหวัดอ่าวไทยฝงั่ ตะวันออก
ประกอบด้วย จงั หวัดตราด จังหวัดจนั ทบุรี จังหวัดระยองและจังหวดั ชลบุรี

57
แผนทีแ่ สดง เขตจังหวัดทางทะเลของจังหวดั ตราด
แผนทีแ่ สดง เขตจังหวัดทางทะเลของจังหวดั จนั ทบุรี

58
แผนทแ่ี สดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวัดระยอง
แผนทแ่ี สดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวดั ชลบรุ ี

59

แผนทแี่ สดงเขตจงั หวัดในกลุ่มจังหวดั อา่ วไทยตอนใน ประกอบด้วยจังหวดั ต่าง ๆ รวม 7 จังหวดั
ไดแ้ ก่ จ.ชลบรุ ี จ.ฉะเชิงเทรา จ.สมทุ รปราการ จ.กรงุ เทพมหานคร จ.สมุทรสาคร จ.สมทุ รสงคราม

และ จ.เพชรบุรี

60
แผนท่ีแสดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวดั ชลบรุ ี
แผนที่แสดง เขตจงั หวดั ทางทะเลของจังหวดั ฉะเชิงเทรา

61
แผนที่แสดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวดั สมทุ รปราการ
แผนท่แี สดง เขตจงั หวดั ทางทะเลของจังหวัดกรุงเทพมหานคร

62
แผนทแี่ สดง เขตจังหวัดทางทะเลของจังหวดั สมุทรสาคร
แผนทีแ่ สดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวัดสมทุ รสงคราม

63
แผนท่ีแสดง เขตจงั หวัดทางทะเลของจังหวัดเพชรบรุ ี

64

แผนท่ีเขตจงั หวัดในกลุ่มจังหวัดอา่ วไทยตอนบน ประกอบด้วยจังหวดั ต่างๆ รวม 3 จังหวดั
ได้แก่ จงั หวัด ประจวบครี ขี ันธ์ จงั หวัดชุมพร และจังหวัดสรุ าษฎร์ธานี

แผนท่แี สดง เขตจังหวัดทางทะเลของจังหวัดประจวบคีรีขนั ธ์

65
แผนที่แสดง เขตจังหวัดทางทะเลของจังหวัดชุมพร
แผนที่แสดง เขตจงั หวดั ทางทะเลของจังหวัดสุราษฎรธ์ านี

66
แผนทเ่ี ขตจังหวดั ในกลุ่มจงั หวัดอ่าวไทยตอนล่าง ประกอบด้วย จังหวดั ตา่ ง ๆ รวม 4 จงั หวัด ไดแ้ ก่

จังหวัดนครศรธี รรมราช จงั หวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี และ จงั หวัดนราธวิ าส

แผนที่แสดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวัดนครศรธี รรมราช

67
แผนทแี่ สดง เขตจังหวัดทางทะเลของจังหวัดสงขลา
แผนทแี่ สดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวัดปตั ตานี

68

แผนทแี่ สดง เขตจงั หวดั ทางทะเลของจังหวัดนราธวิ าส
แผนที่เขตจงั หวดั ในกลุ่มจงั หวดั ฝั่งตะวนั ตกตอนบน ประกอบด้วยจังหวดั ตา่ ง ๆ รวม 3 จังหวัด

ไดแ้ ก่ จงั หวดั ระนอง จงั หวดั พังงา และ จังหวดั ภูเก็ต

69
แผนทีแ่ สดง เขตจงั หวัดทางทะเลของจังหวัดระนอง
แผนทแ่ี สดง เขตจงั หวดั ทางทะเลของจังหวัดพงั งา

70

แผนทแี่ สดง เขตจงั หวดั ทางทะเลของจังหวัดภเู กต็
แผนทีเ่ ขตจงั หวัดในกลุ่มจงั หวัดฝ่ังตะวนั ตกตอนลา่ ง ประกอบด้วยจังหวัดตา่ งๆรวม 3 จงั หวัด

ได้แก่ จังหวัดกระบ่ี จังหวัดตรงั และ จงั หวัดสตูล

71
แผนท่ีแสดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวัดกระบี่
แผนท่แี สดง เขตจังหวดั ทางทะเลของจังหวัดตรัง

72

แผนทแ่ี สดง เขตจังหวัดทางทะเลของจังหวัดสตูล
ทีม่ า: กรมอุทกศาสตร์

73

เร่อื งท่ี 4 กำรอำ่ น และเขยี นแผนทีแ่ ผนผงั เขตปกครองทำงทะเลของจงั หวัด

การอ่านและแปลความหมายของแผนทใี่ หเ้ ขา้ ใจ จาเป็นตอ้ งรขู้ ้อมูลเบ้อื งตน้ ทีเ่ ป็นองค์ประกอบของ
แผนท่ีและทาความเข้าใจให้ถูกต้องเสียก่อน เพ่ือท่ีจะแปลความหมายและใช้ประโยชน์จากแผนท่ีได้อย่าง
สมบูรณ์ โดยเฉพาะแผนท่ีภูมิประเทศแบบลายเส้นซ่ึงเป็นแผนที่พื้นฐาน ที่ใช้อยู่แพร่หลายในโลก ปัจจุบัน
นั ก วิ ช า ก า ร ได้ คิ ด ห า ห า ร ะ บ บ แ ล ะ สั ญ ลั ก ษ ณ์ ที่ เป็ น ส า ก ล ใน ก า ร ก า ห น ด ต า แ ห น่ ง เช่ น พิ กั ด
ภูมิศาสตร์ (Geographic Coordinates) เป็นระบบอ้างอิงบนผิวพิภพ ตาแหน่งของจุดใด ๆ บนพ้ืนผิวพิภพ
สามารถ กาหนดด้วยค่าละติจูด (Latitude) หรือท่ีเรียกว่า เส้นขนาน และเส้นลองจิจูด (Longitude) หรือที่
เรียกว่า เส้นเมอริเดียน แผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศ นอกจากแสดงให้ทราบถึงตาแหน่งที่ตั้ง ระยะทาง และ
ทิศทางสิ่งสาคัญของแผนท่ีชนิดนี้คือ แสดงความสูงต่า และทรวดทรงแบบต่าง ๆ ของภูมิประเทศ การแสดง
ลักษณะ ภูมปิ ระเทศบนแผนที่ มีหลายวิธี เช่น

1. แถบสี ใช้แถบสีแดงความสูงตา่ ของภมู ปิ ระเทศทแ่ี ตกตา่ งกนั เชน่ สเี ขยี นแสดง พน้ื ทร่ี าบสี
เหลืองจนถงึ สสี ม้ แสดงบรเิ วณที่เปน็ ทีส่ งู สนี ้าตาลเป็นบริเวณทเี่ ปน็ ภเู ขา

2. เงำ การเขยี นเงานน้ั ตามธรรมดานน้ั จะเป็นในลกั ษณะทมี่ แี สงส่องมาจากทางด้านหนง่ึ ถา้ เปน็
ท่ีสงู ชัน ลกั ษณะเงาจะเขม้ ถ้าเป็นทลี่ าดเงาจะบาง วธิ ีเขยี นเงาจะทาใหจ้ นิ ตนาการถึงความสงู ตา่ ได้ง่ายขน้ึ

3. เสน้ ลำดเขำ เป็นการเขียนลายเสน้ เพื่อแสดงความสูงตา่ ของภมู ิประเทศ ลักษณะเส้นจะเปน็
เส้นส้ันๆ ลากขนานกัน ความหนาและช่วงห่างของเส้นมีความหมายต่อการแสดงพ้ืนท่ี คือ ถ้าเส้นหนาเรียง
ค่อนข้างชดิ แสดงภูมิประเทศทีส่ ูงชนั ถา้ หา่ งกนั แสดงวา่ เปน็ ท่ลี าด

4. แผนที่ภำพนนู แผนที่ชนิดนถ้ี า้ ใช้ประกอบกับแถบสี จะทาใหเ้ หน็ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศได้
ชดั เจนย่ิงข้นึ

5. เส้นชัน้ ควำมสูง คือเสน้ สมมตุ ิทลี่ ากไปตามพ้ืนผิวโลก ที่ความสงู จากระดับน้าทะเล
ปานกลางเทา่ กนั เส้นช้ันความสูงแต่ละเสน้ จงึ แสดงลักษณะและรปู ตา่ งของพนื้ ท่ี ณ ระดบั ความสงู หนึง่ เทา่ น้นั

74

องคป์ ระกอบแผนที่
องค์ประกอบของแผนท่ี โดยส่วนมากแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ส่ิงที่เกิดขึ้นเองตาม

ธรรมชาติเช่น ภูมิประเทศในรูปแบบต่างๆ อย่างภูเขา ป่าไม้ ทะเล เเม่น้าลาธาร และสิ่งท่ีมนุษย์สร้างขึ้น เช่น เมือง
ต่างๆ เส้นทางคมนาคม พื้นที่ทาการเกษตร โดยจะเเบ่งออกเป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญ ดังนี้

1. ช่อื ประเภทของแผนท่ี
เป็นสิ่งที่สาคัญในการทาให้ผู้ใช้ได้ทราบว่าเป็นแผนท่ีใช้กับเร่ืองอะไร เเสดงรายละเอียดอะไรบ้าง
เพื่อให้ผู้ใช้นาไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง และตรงความต้องการ โดยปกติชื่อเเผนที่จะมีคาอธิบายกากับไ ว้ด้วย เช่น
เเผนที่ประเทศไทยเเสดงส่วนระดับความสูงของพื้นที่ภูมิประเทศ แผนที่โลกเเสดงเส้นทางการเดินเรือโดยสารและ
พาณิชย์ เป็นต้น
2. ทศิ ทำง
เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้เลยในการองค์ประกอบของแผนท่ีทุกชนิด เพราะมีความสาคัญต่อการค้นหา
ตาแหน่งที่ตั้งของสถานที่ใดๆ โดยจะกากับด้วยทิศทั้งสี่ทิศ ประกอบไปด้วย ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และ
ทิศตะวันตก และจากการอ้างอิงจากเข็มทิศ ซ่ึงจะชี้ไปยังทิศเหนือตลอดเวลา ให้เเผนที่จะเเสดงทิศเหนือไว้ด้านบน
ของแผนที่เสมอ จะช่วยให้ง่ายต่อการค้นหาทิศทางและตาแหน่งท่ีถูกต้องในแผนที่ได้
3. ขอบระวำง
แผนท่ีทุกชนิดจาเป็นต้องมีขอบระวาง ซึ่งจะทาให้ทราบถึงขอบเขตของพื้นท่ีในภูมิประเทศท่ีเเสดง
บนเเผนท่ีน้ันๆ ซึ่งจะบอกด้วยเส้นขนานเพ่ือแสดงตาเเหน่งละติจูดกับเส้นเมริเดียน เพ่ือเเสดงลองติจูด และจะแสดง
ตัวเลขเพ่ือบอกค่าพิกัดภูมิศาสตร์ของตาแหน่งต่างๆบนแผนท่ีผิวโลก รวมไปถึง สีในแผนที่ ท่ีจะบอกคุณลักษณ์ต่างๆ
ของภูมิประเทศในส่วนน้ันด้วย
4. สญั ลกั ษณ์
เป็นเคร่ืองหมายท่ีใช้แทนสิ่งต่างๆ ในภูมิประเทศจริง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่าน แปล และเข้าใจ
ความหมายจากแผนที่ได้อย่างถูกต้อง ทั้งน้ีแผนที่จะต้องมีคาอธิบายสัญลักษณ์ประกอบไว้ด้วยเสมอ
5. มำตรำส่วน
แน่นอนว่าในแผนท่ี เราคงไม่สามารถท่ีจะเเสดงทุกอย่างตามขนาดจริงได้ ดังนั้นจึงจาเป็นต้อง
ย่อส่วนลงมาจากระยะทางจริงในภูมิประเทศ ตามมาตราส่วน ซึ่งจะเเสดงมาตราส่วนว่าย่อลงมาเท่าใด มาตราส่วน
แผนที่โดยมากจะมี 3 ลักษณะ ได้แก่ มาตราส่วนแบบเศษส่วน มาตราส่วนคาพูด และมาตราส่วนแบบกราฟิก
มาตราส่วนของแผนท่ีคือ อัตราส่วนของระยะทางราบบนแผนที่กับระยะทางราบบนภูมิประเทศจริง ซึ่งส่วนใหญ่จะ
สามารถเขียนได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่น 1×70,000 หรือ 1/70,000 หรือ 1:70,000 การคานวณนั้นก็ทาได้ง่ายดังนี้
มาตราส่วน = ระยะบนแผนที่ x ระยะภูมิประเทศ นั้นเอง

75

6. เส้นโครงบนแผนท่ี
ประกอบด้วย เส้นขนานและเส้นเมริเดียน ท่ีจะกาหนดตาแหน่งพิกัดภูมิศาสตร์อย่างเป็นสากลเเละ
มาตรฐาน ไว้ใช้เพื่ออ้างอิง ซ่ึงประกอบด้วย
เส้นขนำน (ละติจูด) เป็นเส้นสมมติ ท่ีลากจากทิศตะวันออก โดยจะวัดจากมุมที่เร่ิมจากเส้นศูนย์
สูตร ซ่ึงจะมีค่ามุม 0 องศาไปยังขั้วโลกท้ังสองด้านละไม่เกิน 90 องศา ซึ่งเส้นขนานท่ีสาคัญ 5 เส้น หลักๆมีดังนี้
เส้นศูนย์สูตร หรือ เส้นอิควอเตอร์ ค่ามุม 0 องศา
เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ ค่ามุม 23 องศา 30 ลิปดาเหนือ
เส้นทรอปิกออฟแคปริคอร์น ค่ามุม 23 องศา 30 ลิปดาใต้
เส้นอาร์กติกเซอร์เคิลเหนือ ค่ามุม 66 องศา 30 ลิปดาเหนือ
เส้นอาร์กติกเซอร์เคิลใต้ ค่ามุม 66 องศา 30 ลิปดาใต้
เส้นเมริเดียน (ลองติจูด) เป็นเส้นสมมติ ท่ีลากจากขั้วโลกเหรือไปยังข้ัวโลกใต้ ลักษณะเป็น
เส้นตรง โดยจะลากผ่านทิศตะวันออกไปยังทิศตกวันตก ด้านละ 180 องศา ซึ่งหน้าที่สาคัญของเส้นเมริเดียนนั้น
จะใช้เป็นตัวแบ่งเวลาของแต่ประเทศทั่วทั้งโลก และใช้บอกพิกัดตาแหน่งที่ตั้งต่างๆบนพ้ืนผิวโลกโลก โดยจะทางาน
ร่วมกันกับเส้นขนาน (ละติจูด) ท่ีตัดกัน
7. พิกัดภูมิศำสตร์
เป็นระบบท่ีจะบอกตาแหน่งของท่ีต้ังหรือส่ิงต่างๆบนพ้ืนผิวโลก โดยอาศัยเส้นโครงบนแผนท่ี 2
เส้น ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ตัดกันเป็นจุดต่างๆ โดยจะอ่านค่าจาก เส้นละติจูด (เส้นขนาน และเส้นลองติจูด
(เส้นเมริเดียน) ซึ่ง ละติจูด ก็คือพิกัดจุดหนึ่งบนเส้นขนาน และลองติจูด ก็คือพิกัดจุดหน่ึงบนเส้นเมริเดียน

76

เรอื่ งท่ี 5 กำรระบตุ ำแหนง่ และลักษณะทำงกำยภำพ พิกัด ตำแหนง่ ทำงทะเลในแผนท่แี ละลูกโลก

กำรระบุพิกัดบนโลก
เสน้ ละติจดู และลองจิจดู เปน็ เส้นสมมตทิ ถี่ กู กาหนดขนึ้ เพ่อื นามาใช้ในการระบุพกิ ดั บนพืน้ ผิวโลกซึง่ เปน็

ทรงกลม ดังน้ัน เส้นสมมติท่ีเกิดขึ้นจึงมีลักษณะเป็นเส้นรอบวงที่เคลื่อนท่ีไปรอบพ้ืนผิวโลก ท้ังเส้นท่ีวงรอบโลกใน
แนวนอนและเส้นท่ีวงเป็นคร่ึงวงกลมในแนวตั้ง ดงั นี้

เส้นละตจิ ดู (Latitude) คอื เสน้ สมมติทวี่ างตวั ในแนวนอนตามพน้ื ผวิ โลก แบง่ ออกเป็นเสน้ ละติจูด
ท่ีอยู่บริเวณก่ึงกลางของโลกท่ีเรียกว่า “เส้นศูนย์สูตร” (Equator) และ “เส้นรุ้ง” หรือ “เส้นขนานเส้นละติจูด”
(Parallels of Latitude) ท่ีวางตัวตามแนวนอนขนานกับเส้นศูนย์สูตรไปทางซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ โดยมีพิกัด
(ต่าสดุ ) คือ 0 องศา ณ เสน้ ศนู ยส์ ูตรและมีพิกดั (สูงสุด) คอื 90 องศา ณ บรเิ วณขั้วโลกเหนือและใต้ นอกจากนี้ ทุก ๆ
1 องศาละติจูดหรือระยะห่างระหว่างเส้นละติจูด 1 องศาสามารถคิดเป็นระยะทางราว 111 กิโลเมตร (69 ไมล์) บน
พนื้ ผิวโลก

เส้นลองจิจดู (Longitude) คือ เส้นสมมตทิ ีว่ างตวั ในแนวต้ังตามแกนหมนุ ของโลกซึ่งตง้ั ฉากกบั เสน้
ศูนย์สูตรหรอื ทเี่ รยี กวา่ “เสน้ แวง” หรอื “เสน้ เมริเดียน” (Meridian) โดยมีเสน้ สมมติหลัก คอื เสน้ ท่ีตัดผ่านหอ
สงั เกตการณท์ างดาราศาสตร์ เมอื งกรนี ชิ (Greenwich) ประเทศอังกฤษ นับเปน็ เส้นลองจิจดู ท่ี 0 องศา ซึ่งแบง่ โลก
ออกเปน็ ซีกโลกตะวันตกและซกี โลกตะวันออก โดยพกิ ดั ของเสน้ จากเมืองกรนี ิชไปทางด้านข้างจงึ มีคา่ พิกัดสูงสดุ ท่ี
180 องศาตะวันตกหรอื 180 องศาตะวนั ออก นอกจากนี้ เส้นที่ 180 ซ่ึงทับกนั พอดยี ังถูกเรียกว่า “เสน้ เขตวัน”
(International Line) หรือเสน้ แบง่ เขตวนั ระหว่างชาตทิ ่ีเป็นเส้นของการกาหนดจุดเริ่มตน้ ของวนั ใหมแ่ ละจดุ สน้ิ สุด
ของวนั เก่าอีกดว้ ย

ทม่ี า : https://ngthai.com/science/33338/geographic-coordinate-system/

77

หน่วยที่ 4
ประโยชนข์ องทะเล

ผลการเรยี นรู้
1. ใชท้ รัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั ภาคและประเทศไทยตนเองอย่างเหมาะสม และรบั ผดิ ชอบ อยา่ งมี

คุณค่า และยั่งยืน
2. มสี ว่ นร่วมในการอนรุ กั ษ์ ฟนื้ ฟู พัฒนารักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝง่ั ภาคและประเทศไทย
3. อภิปรายผลกระทบทเ่ี กดิ ขึ้นจากการใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ ในท้องถ่ินตนเอง
4.เสนอวิธีในการปอ้ งกนั และอนรุ กั ษ์ ฟืน้ ฟู พัฒนา รักษาทรัพยากรธรรมชาตทิ างทะเลและชายฝั่งภาคและ

ประเทศไทย ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้
สาระการเรยี นรู้

1.ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังในภาคและประเทศไทย
2.การมีสว่ นรว่ มในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนารักษาทรัพยากรธรรมชาตทิ างทะเลและชายฝงั่ ภาคและประเทศไทย
3.ผลกระทบที่เกิดขนึ้ จากทะเลภาคและประเทศไทย
4. การปอ้ งกันและอนรุ ักษ์ ฟื้นฟู พัฒนา รักษาทรัพยากรธรรมชาตทิ างทะเลและชายฝ่งั ภาคและประเทศไทย
ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิต ประจาวัน

78

เรอื่ งที่ 1 ทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝงั่ ในภูมิภำคของตนเองและประเทศไทย

"ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั " หมายความวา่ สิ่งท่มี ีอยู่หรือเกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติในบรเิ วณทะเล
และชายฝ่ัง รวมถึงพรุชายฝ่ัง พ้ืนท่ีชุ่มน้าชายฝั่ง คลอง คูแพรก ทะเลสาบ และบริเวณพื้นที่ปากแม่น้า ท่ีมีพ้ืนท่ี
ติดต่อกับทะเลหรืออิทธิพลของน้าทะเลเข้าถึง เช่น ป่าชายเลน ป่าชายหาด หาด ที่ชายทะเล เกาะ หญ้าทะเล
ปะการัง ดอนหอย พืชและสัตว์ทะเล หรือส่ิงท่ีมนุษย์สร้างขึ้นเพ่ือประโยชน์แก่ระบบนิเวศ ทางทะเลและชายฝ่ัง เช่น
ปะการงั เทยี ม แนวลดแรงคลนื่ และการปอ้ งกันการกัดเซาะชายฝั่ง

แหลง่ ทรพั ยากรชายฝั่งทะเล
แหล่งทรัพยากรชายฝั่งทะเล ทสี่ า้ คญั ประกอบด้วยความหลากหลายทางชวี ภาพของพืน้ ที่ชายฝ่งั
ทะเล โดยมีองค์ประกอบหลักๆ ดงั นี้
1. ปา่ ชายเลนในอดตี ปา่ ชายเลนมีกระจายอยทู่ ว่ั ไปตามแนวฝัง่ ทะเล แต่จากกระแสการพฒั นาพ้ืนท่ี
ชายฝ่ัง ท้าให้ป่าชายเลนถูกบุกรุกท้าลายไปเป็นจ้านวนมาก คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534
ให้ระงับการใช้ประโยชน์ในพื้นท่ีป่าชายเลนโดยเด็ดขาด แต่มติดังกล่าวยังไม่ชัดเจนในการปฏิบัติ ต่อมาวัน ท่ี 22
สงิ หาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 คณะรัฐมนตรีได้มมี ติเห็นชอบการแกไ้ ขปัญหาการจดั การป่าชายเลน โดย
ไม่อนุมัตใิ ห้มีการท้าสัมปทานทา้ ไม้ป่าชายเลน
2. ป่าไมบ้ นพนื้ ทบ่ี กเป็นสังคมพชื หลากหลายชนิดทก่ี ระจายอยู่ในพืน้ ทช่ี ายฝ่งั ทะเล ไดแ้ ก่ ป่าดิบช้นื
(Tropical Evergreen forest) ที่อยู่บนพ้ืนท่ีสูงหรือต้นน้าป่าชายหาด (Beach forest) ที่พบตามแนวฝ่ังทะเล และ
ป่าบึงหรือป่าพรุ ( Fresh Water Swamp forest) ท่ีอยู่ตามบึงน้าและท่ีลุ่มน้าขัง ซึ่งมีเน้ือท่ีรวมกันในจังหวัดชายฝั่ง
ทะเลประมาณ 12.35 ล้านไร่ ในจ้านวนน้ีร้อยละ 61.36 อยู่ในภาคใต้ ที่เหลือเป็นภาคตะวันออกร้อยละ 21.39 และ
ภาคกลางรอ้ ยละ 17.23 ปญั หาท่ีสา้ คญั คอื การลกั ลอบตดั ไมท้ า้ ลายปา่ และการบุกรกุ พ้นื ทป่ี า่ อย่างต่อเน่ือง
3. แหลง่ หญ้าทะเลเป็นพืชนา้ ทีเ่ ปน็ ทรัพยากรท่ีสา้ คัญตอ่ ระบบนิเวศทางทะเล ผลผลติ จากกระบวน
สังเคราะห์แสง ของหญ้าทะเลให้ทั้งอาหารและออกซิเจนแก่ส่ิงมีชีวิตในทะเลบริเวณที่มีหญ้าทะเลข้ึนอยู่จึงเป็น
แหล่งอาหาร เป็นที่วางไข่ และหลบซ่อนศัตรูของสัตว์น้าวัยอ่อน โดยเฉพาะสัตว์ทะเลหายาก เช่น เต่าทะเล พะยูน
รวมท้ังยังช่วยชะลอคลื่นป้องกันการพังทลายของชายฝ่ัง ช่วยกรองและปรับปรุงคุณภาพน้าให้ดีข้ึน ปัญหาการเส่ือม
โทรมของหญา้ ทะเลเกดิ ไดท้ ั้งการเส่ือมโทรมของพ้นื ที่ตามธรรมชาติ และจากกิจกรรมการพฒั นาบรเิ วณชายฝั่งทะเล
4. แหล่งปะการงั ทรพั ยากรทม่ี คี วามหลากหลายบรเิ วณชายฝ่ังทะเล เป็นทอ่ี ยอู่ าศัยและเปน็ แหล่ง
โซ่อาหารของสัตว์ทะเล ปะการังเป็นสัตว์ท่ีมีโครงสร้างหินปูนห่อหุ้มตัวไว้ โดยพ้ืนท่ีท่ีพบจะต้องเหมาะสมคือ
มคี ณุ ภาพน้าทดี่ ี ใส ระดบั ความเค็มและอุณหภูมขิ องน้าทะเลที่เหมาะสม และด้วยความสวยงามของแนวปะการงั จึง
ท้าให้ปะการังเป็นท่ีต้องการมาเยี่ยมชม เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีส้าคัญ ซึ่งก็มีผลกระทบต่อปะการังตามมาด้วย
เช่นกัน ปัญหาส้าคัญต่อปะการังคือการเปล่ียนแปลงของกระบวนการธรรมชาติ เช่น คล่ืนลมรุนแรง การระบาดของ
ดาวมงกุฎหนาม โดยเฉพาะอย่างย่ิงปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาว (coral bleaching) ท้าให้ปะการังตายเป็นจ้านวน
มาก นอกจากน้ียังเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ในการท่องเที่ยว การท้าประมง และการพัฒนาพ้ืนท่ีชายฝ่ัง ทั้งน้าเสีย
ตะกอน ขยะและของเสยี อ่นื ๆ ระบายลงสู่ทะเลมากข้ึน

ทีม่ า : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ (https://km.dmcr.go.th/th/c_56/s_76)

79

ขอ้ มลู ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรายจังหวดั

จงั หวัดตราด

พ้นื ท่ตี าบลในเขตชายฝั่งและพื้นทใี่ นทะเล 5,038,101 ไร่

พนื้ ทใ่ี นทะเล

ตาบลในเขตชายฝั่ง อาเภอในเขตชายฝง่ั พืน้ ทต่ี าบลในเขตชายฝ่ัง 3,887,110 ไร่

น่านน้าของรฐั น่านนา้ ระหวา่ งประเทศ

27 ตาบล 6 อาเภอ 1,150,992 ไร่ 3,887,110 ไร่ -

ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั

แนวปะการัง หญ้าทะเล ปา่ ชายเลน เกาะ หาด

17,758 ไร่ 6,350 ไร่ 67,823.16 ไร่ 66 แห่ง 46 แห่ง

อยู่ใน อยูน่ อก อยใู่ น อย่นู อก อยใู่ น อยนู่ อกพน้ื ที่ อยูใ่ น อย่นู อก อย่ใู น อยูน่ อก

พน้ื ท่ี พน้ื ท่ี พืน้ ที่ พนื้ ท่ี พนื้ ที่ อุทยาน พน้ื ท่ี พืน้ ท่ี พ้นื ท่ี พื้นที่

อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน อุทยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน อุทยาน

5,680 12,078 1,234 5,116 79 67,743.16 41 25 10 36

พ้นื ท่อี นุรักษฯ์ ในเขตจังหวดั ชายฝงั่ ทะเล

อุทยานแหง่ ชาติ ปา่ สงวนแหง่ ชาติ เขตหา้ มลา่ สัตวป์ ่า เขตรกั ษาพันธส์ ตั ว์ป่า พ้ืนที่คมุ้ ครองสิ่งแวดล้อม

2 แหง่ 14 แห่ง - - -

อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย

นา่ นน้าภายใน ทะเลอาณาเขต เขตต่อเน่ือง เขตเศรษฐกจิ พ้นื ที่พฒั นารว่ ม

จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย

1,990,667 ไร่ 1,896,443 ไร่ - - -

ท่ีมา : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม

80

สถำนกำรณด์ ้ำนทรพั ยำกรทำงทะเลและชำยฝัง่ และกำรกดั เซำะชำยฝง่ั จงั หวัดตรำด

มีพน้ื ท่ีท้งั หมด 2,819 ตารางกิโลเมตร ชายฝ่ังทะเลมีความยาว 184.30 กิโลเมตร
และเกาะต่าง ๆ จานวน 66 เกาะ
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝั่งทีส่ าคัญไดแ้ ก่

• แนวปะการงั
• แหลง่ หญ้าทะเล
• ป่าชายเลน
• สตั วท์ ะเลหายากและใกล้สูญพนั ธ์ุ
• ปา่ ชายหาด พรุ

สถำนภำพระบบนเิ วศทส่ี ำคัญ

1) แนวปะกำรัง
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 มีพื้นท่ีการแพร่กระจายของ แนวปะการัง 17,758 ไร่ พ้ืนท่ีที่ได้รบการสารวจ
และประเมิน 12,986 ไร่ หรือร้อยละ 73.1 ของพ้ืนท่ีแนวปะการังท้ังหมด สถานภาพมีแนวโน้มการเปล่ียนแปลง
ระยะยาวดีข้ึน บริเวณเกาะพรา้ วนอก เกาะเหลายากลาง เกาะกระดาด อา่ วพร้าว มีแนวโน้มการเปล่ียนแปลง
ระยะยาวคงที่บริวณเกาะไม้ซ้ีเล็ก และมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระยะยาว เสียหายมากบริเวณเกาะหมาก (แหลม
ตุ๊กตา) เกาะกูด ซ่ึงสาเหตุหลักของความเส่ือมโทรมเกิดจากสถานการณ์ปะการังฟอกขาว เม่ือปี พ.ศ. 2553 และ
เกิดจาก เรอื นักทอ่ งเทีย่ วจอดรบั สง่ ใกลแ้ นวปะการงั เกิดจากการวางลอบปลา/สายเอ็นตกปลาในแนวปะการัง
2) แหล่งหญ้ำทะเล
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 พบหญ้าทะเลมีพื้นที่รวม 6,350 ไร่ มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเมื่อ
เทียบกบั ในข้อมูลอดีตบรเิ วณเกาะรัง และมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเสื่อมโทรมลงเมื่อเทียบกับในข้อมูลอดีตบริเวณ
อา่ วธรรมชาติ – เกาะปุย เกาะช้าง เกาะไมซ้ ้ีเล็ก เกาะหมาก แหลมกลัด - บา้ นไมร้ ูด เกาะกระดาด และเกาะกูด
3) สตั วท์ ะเลหำยำกและใกลส้ ญู พนั ธุ์
ท่ีพบ ได้แก่ เต่าตนุ เต่ากระ โลมาหัวบาตรหลังเรียบ โลมาหลังโหนก โลมาอิรวดี โลมาปากขวด
วาฬเพชฌฆาตดาา พะยูนและฉลามวาฬ ในช่วง พ.ศ. 2552 - 2563 พบการเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายากรวม
337 ตัว ได้แก่ เต่าทะเล 89 ตัว โลมาและวาฬ 248 ตัว โดยในปี 2563 พบการเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายากรวม
24 ตัว ได้แก่ เต่าทะเล 6 ตัว (ลดลงจากปี 2562) โลมาและวาฬ 18 ตัว (ลดลงจากปี 2562) โดยในปี พ.ศ. 2563
ได้รับรายงานจากชุมชนว่า พบการวางไข่ของเต่าที่เกาะหวาย พบการว่ายน้าของฉลามวาฬ บริเวณพ้ืนที่ชายฝั่ง
ระหว่าง ตาบลแหลมกลัดกับตาบลไม้รดู

81

ส่ิงแวดลอ้ มทำงทะเล

1) คุณภำพนำ้ ทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพน้าทะเลมีแนวโน้มเสื่อมโทรมลง โดยมีสถานะดีมากลดลงจากร้อยละ 70
ในปี 2562 เป็นร้อยละ 20 สถานะดีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 เป็น 60 และพบว่ามีสถานะพอใช้คงที่ นอกจากนั้น
ไม่พบสถานะ เสอื่ มโทรมและเสื่อมโทรมมากในพ้ืนท่จี ังหวัดตราด
2) น้ำมนั รั่วไหล
ในปี พ.ศ. 2563 ไม่พบเหตุการณ์น้ามันร่วั ไหลในพนื้ ท่ี
3) นำ้ ทะเลเปลี่ยนสี
ในช่วงปี พ.ศ. 2558 - 2563 เกิดข้ึนท้ังหมด 4 ครั้ง โดยปี พ.ศ. 2563 พบปรากฏการณ์น้าทะเลเปล่ียนสี
จานวน 1 คร้ัง ช่วงเวลาท่ีเกิดส่วนใหญ่อยู่ในช่วงฤดูร้อน (วันที่ 12 มีนาคม 2563) โดยแพลงก์ตอนพืชท่ีก่อให้เกิด
ปรากฏการณ์ฯ ไดแ้ ก่ Chaetoceros spp. (1.925223,216 เซลล/์ ลติ ร), Asterionellopsis glacialis (3,272-3,829
เซลล/์ ลิตร) และ Noctiluca scintillans (455 เซลล์/ลติ ร)
4) แมงกะพรนุ พษิ
จากการสารวจพบแมงกะพรุนพิษจานวน 5 ชนิด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ในปี 2563 ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย
สงสัยเสยี ชวี ติ หรอื บาดเจ็บรนุ แรง (ผู้ป่วยหมดสต)ิ จากแมงกะพรุนพษิ

ป่ำชำยเลน ป่ำชำยหำด พรุ

จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทด่ี ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จังหวัดตราด มีพน้ื ทที่ งั้ หมด
111,141.10 ไร่ โดยแบ่งเป็น

1) ป่าชายเลน 67,823.16 ไร่
2) พ้ืนท่ีป่าชายหาด 642.23 ไร่
3) พน้ื ที่ป่าพรุ 3,501.06 ไร่
4) พื้นที่อื่น ๆ ได้แก่

• พน้ื ทเี่ พาะเล้ยี งสตั ว์นา้ 16,636.26 ไร่
• พ้นื ที่เกษตรกรรม 11,298.03 ไร่
• เมืองและส่ิงก่อสร้าง 2,157.20 ไร่
• ท่าเทียบเรอื 48.29 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 311.62 ไร่
• หาดทราย 10.37 ไร่
• แม่นา้ คแู พรก ขมุ เหมอื ง ทะเล 3,728.44 ไร่

82

• ปา่ บนท่เี นนิ 20.67 ไร่
• ระบบนเิ วศไม้พื้นล่าง 4,963.78 ไร่

กำรกัดเซำะชำยฝ่ัง

ชายฝ่ังทะเลของจังหวัดตราด ครอบคลุมพ้ืนที่ 14 ตาบล 3 อาเภอ โดยมีระยะทางแนวชายฝั่ง 184.30
กิโลเมตร จากข้อมูล สถานภาพการกัดเซาะชายฝ่ังปี พ.ศ. 2562 พบการกัดเซาะเป็นระยะทางรวม 8.63 กิโลเมตร
(ลดลงจากปี 2561) มีพน้ื ที่กัดเซาะรุนแรง เป็นระยะทาง 5.68 กโิ ลเมตร (ลดลง จากปี 2561) พื้นท่ีกดั เซาะปานกลาง
เปน็ ระยะทาง 2.48 กโิ ลเมตร (ลดลง จากปี 2561) และพ้ืนทีก่ ัดเซาะนอ้ ย เปน็ ระยะทาง 0.48 กิโลเมตร (ลดลงจากปี
2561) ชายฝั่งทะเลท่ีถูกกัดเซาะได้มโี ครงการป้องกนั แก้ไขปญั หา เปน็ ระยะทางรวม 25.81 กโิ ลเมตร

ท่มี า : รายงานสถานการณด์ ้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังและการกดั เซาะชายฝง่ั ของประเทศไทย พ.ศ. 256๓
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง

83

จังหวดั จันทบรุ ี

พนื้ ท่ตี าบลในเขตชายฝั่งและพ้นื ท่ใี นทะเล 1,974,418 ไร่

ตาบลในเขตชายฝั่ง อาเภอในเขตชายฝงั่ พ้นื ทตี่ าบลในเขตชายฝั่ง พ้นื ที่ในทะเล
1,358,541 ไร่
31 ตาบล 5 อาเภอ 615,878 ไร่ นา่ นนา้ ของรฐั นา่ นนา้ ระหว่างประเทศ
--

ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง

แนวปะการัง หญา้ ทะเล ป่าชายเลน เกาะ หาด
766 ไร่ 2,218 ไร่ 101,704.97 ไร่ 19 แห่ง 6 แห่ง

อยูใ่ น อยนู่ อก อยใู่ น อยนู่ อก อยใู่ น อยู่นอกพนื้ ที่ อยูใ่ น อยู่นอก อยู่ใน อยูน่ อก
พ้ืนท่ี พ้ืนท่ี พื้นท่ี พน้ื ท่ี พ้นื ที่ อทุ ยาน พนื้ ที่ พ้นื ท่ี พืน้ ท่ี พื้นที่
อุทยาน อุทยาน อุทยาน อุทยาน อุทยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน

- 766 - 2,218 - 101,704.97 - 19 - 6

พ้นื ทอ่ี นรุ กั ษฯ์ ในเขตจงั หวดั ชายฝ่ังทะเล

อทุ ยานแห่งชาติ ปา่ สงวนแห่งชาติ เขตห้ามล่าสัตว์ปา่ เขตรกั ษาพนั ธ์สัตวป์ ่า พ้ืนทีค่ ้มุ ครองส่ิงแวดล้อม

4 แหง่ 18 แห่ง 1 แห่ง 3 แหง่ -

อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย เขตตอ่ เนือ่ ง เขตเศรษฐกจิ พืน้ ทพี่ ฒั นาร่วม
นา่ นนา้ ภายใน ทะเลอาณาเขต - จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย

1,358,541 ไร่ - - -

ท่มี า : กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม

84

สถำนกำรณ์ด้ำนทรพั ยำกรทำงทะเลและชำยฝง่ั และกำรกดั เซำะชำยฝ่งั จงั หวัดจันทบุรี

มพี ืน้ ท่ีทงั้ หมด 6,338 ตารางกิโลเมตร ชายฝงั่ ทะเลมคี วามยาว 104.04 กิโลเมตร
เกาะต่าง ๆ จานวน 19 เกาะ
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั ทสี่ าคัญได้แก่

• ปา่ ชายเลน
• แนวปะการงั
• แหลง่ หญ้าทะเล
• สตั วท์ ะเลหายาก

สถำนภำพระบบนิเวศท่ีสำคัญ

1) แนวปะกำรงั
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 มีพ้ืนท่ีการแพร่กระจายของ แนวปะการัง 766 ไร่ พ้ืนท่ีท่ีได้รับการสารวจและ
ประเมิน 766 ไร่ หรือร้อยละ 100 ของพื้นท่ีแนวปะการังทงั้ หมด สถานภาพมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระยะยาว
ดีข้นึ บริเวณเกาะนมสาว หาดเจ้าหลาว (หน้ารสี อร์ท) เกาะสะบ้า และแหลมเสด็จมแี นวโน้มการเปลี่ยนแปลงระยะ
ยาวคงที่ บริเวณหาดเจ้าหลาว (หน้าสะพาน) โดยไม่พบพ้ืนท่ี ที่มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระยะยาวเสียหายมาก
แต่อยา่ งใด
2) แหล่งหญ้ำทะเล
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 พบหญ้าทะเลมีพื้นท่ีรวม 2,118.12 ไร่ มีแนวโน้มการเปล่ียนแปลงเพิ่มขึ้น
เม่ือเทียบกับในขอ้ มูลอดีตบริเวณอ่าวคุ้งกระเบน และบ้านหาดหวั แหลม เจ้าหลาว และมีแนวโน้มการเปล่ียนแปลง
เสือ่ มโทรมลงขน้ึ เม่ือเทียบกบั ข้อมูลในอดตี บรเิ วณปากน้าพังราด
3) สตั ว์ทะเลหำยำกและใกลส้ ูญพนั ธ์ุ
ทพี่ บ ได้แก่ เตา่ ตนุ เต่ากระ พะยูน โลมาหัวบาตรหลังเรียบ โลมาหลังโหนก โลมาอิรวดี โลมาปากขวด
วาฬเพชฌฆาตดา และฉลามวาฬ ในช่วง พ.ศ. 2554 - 2563 พบการเกยต้ืน ของสัตว์ทะเลหายากรวม 141 ตัว
ได้แก่ เต่าทะเล 103 ตัว โลมาและวาฬ 38 ตัว โดยในปี 2563 พบการเกยตื้น ของสัตว์ทะเลหายากรวม 23 ตัว
ได้แก่ เตา่ ทะเล 21 ตัว (ลดลงจากปี 2562) โลมา 1 ตัว (ลดลงจากปี 2562) และ วาฬ 1 ตัว (ลดลงจากปี 2562

ส่ิงแวดล้อมทำงทะเล

1) คุณภำพน้ำทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพน้าทะเลมีแนวโน้มดีขึ้น โดยมีสถานะดีเพ่ิมขึ้นจากร้อยละ 43 ในปี 2562
เปน็ รอ้ ยละ 100 นอกจากนนั้ ไมพ่ บสถานะเส่ือมโทรมและเสื่อมโทรมมากในพืน้ ทจี่ งั หวดั จนั ทบุรี

85

2) นำ้ มนั รัว่ ไหล
ในปี พ.ศ. 2563 ไม่พบเหตุการณน์ ้ามนั รว่ั ไหลในพืน้ ที่ จังหวัดจันทบรุ ี
3) น้ำทะเลเปล่ียนสี
ในปี พ.ศ. 2563 ไม่พบการสะพร่ังของแพลงกต์ อนพชื ในพ้นื ที่จังหวดั จนั ทบุรี
4) แมงกะพรนุ พษิ
จากการสารวจพบแมงกะพรุนพิษจานวน 3 ชนิด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ในปี 2563 ยังไม่มีรายงานผู้ป่วย
สงสัยเสยี ชีวติ หรือบาดเจบ็ รุนแรง (ผ้ปู ่วยหมดสติ) จากแมงกะพรนุ พิษ

ป่ำชำยเลน ป่ำชำยหำด พรุ

จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทดี่ ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จงั หวัดจันทบุรี มีพนื้ ทที่ งั้ หมด
215,227.63 ไร่ โดยแบ่งเป็น

1) ปา่ ชายเลน 101,704.97 ไร่
2) ปา่ ชายหาด 53.51 ไร่
3) ปา่ พรุ 1,078.28 ไร่
4) พ้นื ท่ีอน่ื ๆ ได้แก่

• พืน้ ท่ีเพาะเล้ยี งสตั ว์น้า 71,479.54 ไร่
• นาเกลือ 351.56 ไร่
• พ้ืนทเ่ี กษตรกรรม 11,961.91 ไร่
• เมืองและสิ่งก่อสร้าง 3,980.68 ไร่
• ท่าเทยี บเรือ 4.59 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 38.92 ไร่
• หาดทราย 4.63 ไร่
• แมน่ ้า คแู พรก ขมุ เหมือง ทะเล 10,967.25 ไร่
• ปา่ บนที่เนนิ 149.26 ไร่
• ระบบนเิ วศไม้พื้นลา่ ง 13,452.53 ไร่

86

กำรกดั เซำะชำยฝั่ง

ชายฝ่ังทะเลของจังหวัดจันทบุรี ครอบคลุมพื้นท่ี 9 ตาบล 4 อาเภอ โดยมีระยะทางแนวชายฝ่ัง 104.04
กิโลเมตร จากข้อมูล สถานภาพการกัดเซาะชายฝ่ังปี พ.ศ. 2561 พบการกัดเซาะเป็นระยะทางรวม 29.35
กิโลเมตร (ลดลงจากปี 2560) ไม่มีพื้นท่ีกัดเซาะรุนแรง (ลดลง จากปี 2560) ไม่มีพ้ืนที่กัดเซาะปานกลาง (ลดลง
จากปี 2560) และพ้ืนท่ีกัดเซาะน้อย เป็นระยะทาง 0.04 กิโลเมตร (ลดลงจากปี 2560) ชายฝ่ังทะเลท่ีถูก
กัดเซาะ ได้มีโครงการปอ้ งกันแกไ้ ขปญั หา เปน็ ระยะทางรวม 29.20 กิโลเมตร

ท่ีมา : รายงานสถานการณด์ ้านทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ังและการกดั เซาะชายฝ่งั ของประเทศไทย พ.ศ. 256๓
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง

87

จังหวัดระยอง

พื้นทีต่ าบลในเขตชายฝั่งและพืน้ ที่ในทะเล 2,211,331 ไร่

ตาบลในเขตชายฝั่ง อาเภอในเขตชายฝ่งั พนื้ ทต่ี าบลในเขตชายฝั่ง พน้ื ทใี่ นทะเล
1,567,332 ไร่
21 ตาบล 3 อาเภอ 643,994 ไร่ น่านน้าของรัฐ นา่ นน้าระหว่างประเทศ
--

ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง

แนวปะการงั หญ้าทะเล ปา่ ชายเลน เกาะ หาด
13,632.44 ไร่ 196 แหง่ 52 แห่ง
3,151 ไร่ 11,542 ไร่
อยู่ใน อยูน่ อกพ้ืนที่
อยู่ใน อยู่นอก อยใู่ น อยนู่ อก พื้นท่ี อุทยาน อยู่ใน อยนู่ อก อยู่ใน อยู่นอก
พื้นที่ พ้นื ท่ี พ้นื ที่ พื้นท่ี อทุ ยาน พื้นที่ พ้ืนที่ พ้นื ที่ พนื้ ที่
อุทยาน อุทยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน อุทยาน
- 13,632.44
1,703 1,448 80 11,463 11 5 28 24

พ้นื ทอี่ นุรกั ษ์ฯในเขตจังหวดั ชายฝั่งทะเล

อทุ ยานแห่งชาติ ปา่ สงวนแห่งชาติ เขตห้ามลา่ สตั ว์ป่า เขตรกั ษาพันธ์สัตว์ป่า พืน้ ทีค่ ุ้มครองส่งิ แวดล้อม

2 แห่ง 10 แห่ง - 1 แหง่ -

อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย เขตต่อเนื่อง เขตเศรษฐกิจ พนื้ ทพ่ี ฒั นาร่วม
นา่ นนา้ ภายใน ทะเลอาณาเขต - จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย

1,567,332 ไร่ - - -

ท่มี า : กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม

88

สถำนกำรณ์ด้ำนทรพั ยำกรทำงทะเลและชำยฝง่ั และกำรกดั เซำะชำยฝง่ั จังหวัดระยอง

มพี ้นื ท่ีท้งั หมด 3,552 ตารางกิโลเมตร ชายฝ่ังทะเลมีความยาว 105.61 กิโลเมตร
เกาะต่าง ๆ จานวน 16 เกาะ
ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังท่สี าคญั ไดแ้ ก่

• แนวปะการัง
• แหล่งหญ้าทะเล
• ป่าชายเลน
• สัตว์ทะเลหายากและใกลส้ ูญพันธ์ุ

สถำนภำพระบบนเิ วศท่ีสำคญั

1) แนวปะกำรงั
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2562 มีพื้นท่ีการแพร่กระจายของ แนวปะการัง 3,151 ไร่ พ้ืนที่ท่ีได้รับการสารวจ
และประเมิน 2,721 ไร่หรือร้อยละ 86.4 ของพื้นท่ีแนวปะการังท้ังหมด สถานภาพมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
สถานภาพแนวปะการังในระยะยาว พบว่าแนวปะการงั ส่วนใหญ่ มีการเปล่ียนแปลงไปในทางที่เสื่อมโทรมลง ทงั้ ใน
พน้ื ทเ่ี ขตอุทยานฯ หมู่เกาะเสมด็ และในพ้ืนทห่ี มู่เกาะมนั โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะเสม็ด แนวปะการังมีแนวโน้ม
เส่ือมโทรมลงหลายสถานี เชน่ อ่าวลุงดา อ่าวก่วิ นอก เกาะทะลุ เมื่อพิจารณาจากการครอบคลุมพนื้ ทีข่ องปะการัง
มีชีวิตที่ลดลง ขณะที่แนวปะการังบริเวณหมู่เกาะมัน มีสภาพดีกว่าเล็กน้อย แต่บางส่วนมีการเปลี่ยนแปลงไมม่ ากนัก
เช่น หินญวน เกาะปลาตีน อ่าวต้นเลียบ โดยเปอร์เซ็นต์ คลอบคลุมพ้ืนที่ของปะการังมีชีวิตบริเวณหมู่เกาะมัน (เกาะ
มันในหาดหนา้ บ้าน เกาะมนั ในอา่ วต้นเลยี บ หินต่อยหอย) จงั หวัดระยอง ในปี 2557 – 2562
2) แหล่งหญ้ำทะเล
จากขอ้ มูลในปี พ.ศ. 2563 พบหญ้าทะเลมพี ื้นทร่ี วม 11,753 ไร่ มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเพิ่มข้ึนเมอื่ เทยี บ
กับข้อมูลในอดีตบริเวณอ่าวเพ อ่าวมะขามป้อม–บ้านเนินฆ้อ ปากน้าประแส-ปากน้าพังราด และมีแนวโน้มการ
เปลี่ยนแปลงเส่ือมโทรมลงขึ้นเม่ือเทียบกับข้อมูลในอดีตบริเวณหาดพลา สวนสน ปากคลองแกลง หาดทรายแก้ว
และหมูเ่ กาะมัน
3) สตั ว์ทะเลหำยำกและใกล้สญู พนั ธ์ุ
ในปี 2563 พบ ได้แก่ เต่าตนุ เต่ากระ (พบแม่เต่ากระวางไข่จานวน 1 ตัว ที่หาดพลา อาเภอบ้านฉาง)
โลมาหัวบาตรหลังเรียบ โลมาหลังโหนก โลมากระโดด โลมาปากขวด พะยูนและฉลามวาฬ ในช่วง พ.ศ. 2554-
2563 พบการเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายาก รวม 498 ตัว ไดแก่ เต่าทะเล 421 ตัว โลมาและวาฬ 77 ตัว โดยใน
ปี 2563 พบการเกยต้ืนของสัตว์ทะเลหายากรวม 85 ตัว ได้แก่ เต่าทะเล 69 ตัว (ลดลงจากปี 2562) โลมาและ
วาฬ 16 ตวั (เทา่ กบั ปี 2562)

89

ส่ิงแวดล้อมทำงทะเล

1) คณุ ภำพนำ้ ทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพน้าทะเลมีแนวโน้มดีข้ึน โดยมีสถานะดีมากเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20 ในปี 2562
เป็นร้อยละ 24 และพบสถานะดี เพิ่มข้ึนจากร้อยละ 60 เป็น 67 สถานะพอใช้ลดลงจากร้อยละ 16 เป็น 5 สถานะ
เส่อื มโทรมเพ่ิมข้ึนจากร้อยละ 4 เปน็ 5 นอกจากน้นั ไม่พบสถานะเสื่อมโทรมมากในพื้นที่จังหวัดระยอง
2) น้ำมันรวั่ ไหล
ในปี พ.ศ. 2563 พบน้ามันร่ัวไหลจานวน 4 ครั้ง บริเวณหาดสุชาดา หาดแสงจันทร์ หาดแหลมแม่พิมพ์
และสถานท่กี อ่ สร้างสะพานสง่ แก๊ส หนองแฟบ
3) นำ้ ทะเลเปลย่ี นสี
ในช่วงปี พ.ศ. 2563 เกดิ ขึ้นทัง้ หมด 3 ครง้ั ในช่วงเดือน เมษายน และมิถุนายน โดยแพลงก์ตอนพชื ที่
ก่อใหเ้ กิด ปรากฏการณฯ์ ได้แก่ Trichodesmium erythraeum Pseudonitzschia sp.
4) แมงกะพรนุ พษิ
จากการสารวจพบแมงกะพรุนพิษจานวน 4 ชนิด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558-2560 ในปี 2563 ยังไม่มีรายงาน
ผู้ป่วยสงสัยเสียชวี ิตหรอื บาดเจบ็ รนุ แรง (ผูป้ ว่ ยหมดสติ) จากแมงกะพรุนพิษ

ป่ำชำยเลน ป่ำชำยหำด พรุ

จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทดี่ ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จังหวัดระยอง มีพนื้ ท่ีท้ังหมด
34,452.20 ไร่ โดยแบง่ เปน็

1) ป่าชายเลน 13,632.44 ไร่
2) ป่าชายหาด 413.08 ไร่
3) ปา่ พรุ 522.86 ไร่
4) พ้นื ท่ีอน่ื ๆ ได้แก่

• พน้ื ที่เพาะเลย้ี งสตั ว์น้า 12,316.86 ไร่
• พื้นที่เกษตรกรรม 2,702.13 ไร่
• เมอื งและส่ิงก่อสร้าง 788.92 ไร่
• ทา่ เทียบเรอื 1.90 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 85.70 ไร่
• หาดทราย 21.07 ไร่
• แม่นา้ คแู พรก ขุมเหมอื ง ทะเล 1,624.96 ไร่

90

• ป่าบนทีเ่ นิน 157.99 ไร่
• ระบบนเิ วศไม้พื้นล่าง 2,184.27 ไร่

กำรกดั เซำะชำยฝ่งั

ชายฝั่งทะเลของจังหวัดระยองครอบคลุมพื้นที่ 14 ตาบล 3 อาเภอ โดยมีระยะทางแนวชายฝั่ง 105.61
กิโลเมตร จากข้อมูลสถานภาพการกัดเซาะชายฝั่งปี พ.ศ. 2561 พบการกัดเซาะเป็นระยะทางรวม 30.58 กิโลเมตร
มพี ื้นที่กัดเซาะรุนแรง เป็นระยะทาง 0.61 กโิ ลเมตร พน้ื ทีก่ ัดเซาะปานกลาง เป็นระยะทาง 1.16 กิโลเมตร และพ้ืนที่
กัดเซาะนอ้ ย เป็นระยะทาง 0.44 กิโลเมตร ชายฝัง่ ทะเลท่ีถูกกัดเซาะได้มโี ครงการป้องกันแก้ไขปัญหา เป็นระยะทาง
รวม 28.82 กโิ ลเมตร

ทม่ี า : รายงานสถานการณด์ ้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั และการกดั เซาะชายฝ่ังของประเทศไทย พ.ศ. 256๓
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั

91

จงั หวัดชลบุรี

พน้ื ทีต่ าบลในเขตชายฝั่งและพ้นื ท่ีในทะเล 3,887,655 ไร่

พนื้ ท่ีในทะเล

ตาบลในเขตชายฝ่ัง อาเภอในเขตชายฝัง่ พ้นื ท่ตี าบลในเขตชายฝ่ัง 1,567,332 ไร่

น่านน้าของรัฐ นา่ นน้าระหวา่ งประเทศ

27 ตาบล 6 อาเภอ 484,430 ไร่ 3,403,225 -

ทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่

แนวปะการงั หญ้าทะเล ป่าชายเลน เกาะ หาด
6,656.14 ไร่ 71 แห่ง
6,472 ไร่ 5,916 ไร่ 47 แห่ง
อยใู่ น อยูน่ อก อยใู่ น อยนู่ อก
อยใู่ น อยนู่ อก อยู่ใน อยูน่ อก พน้ื ท่ี พื้นที่ อยูใ่ น อยูน่ อก พื้นท่ี พนื้ ท่ี
พ้ืนที่ พนื้ ท่ี พ้นื ที่ พ้นื ที่ อทุ ยาน อทุ ยาน พ้นื ที่ พน้ื ที่ อทุ ยาน อุทยาน
อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน
- 6,656.14 - 71
- 6,472 - 5,916 - 47

พ้นื ที่อนุรกั ษ์ฯในเขตจงั หวัดชายฝง่ั ทะเล

อุทยานแหง่ ชาติ ปา่ สงวนแห่งชาติ เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่ เขตรกั ษาพนั ธส์ ัตวป์ า่ พืน้ ทีค่ ุ้มครองสิ่งแวดล้อม

- 9 แหง่ 2 แห่ง 2 แหง่ -

อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย เขตต่อเนื่อง เขตเศรษฐกจิ พ้ืนท่ีพัฒนารว่ ม
น่านนา้ ภายใน ทะเลอาณาเขต - จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย

2,250,179 ไร่ 1,153,046 ไร่ - -

ทม่ี า : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม

92

สถำนกำรณ์ด้ำนทรพั ยำกรทำงทะเลและชำยฝง่ั และกำรกดั เซำะชำยฝ่ัง จงั หวัดชลบุรี

มพี น้ื ที่ทั้งหมด 4,363 ตารางกิโลเมตร ชายฝง่ั ทะเลมีความยาว 170.19 กิโลเมตร
ครอบคลุม 28 ตาบล 6 อาเภอ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่สาคัญได้แก่

• แนวปะการงั
• แหล่งหญา้ ทะเล
• ป่าชายเลน
• สตั ว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์

สถำนภำพระบบนิเวศท่ีสำคัญ

1) แนวปะกำรัง
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 มีพ้ืนท่ีการแพร่กระจายของ แนวปะการัง 6,472 ไร่ พื้นท่ีท่ีได้รับการสารวจ
และประเมิน 4,694 ไร่ หรือร้อยละ 72.5 ของพื้นที่แนวปะการังท้ังหมด สถานภาพพ้ืนที่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มไม่มี
การเปล่ียนแปลง พ้ืนที่ท่ีมีแนวโน้มการเปล่ียนแปลงระยะยาวดีข้ึน ได้แก่ บริเวณเกาะค้างคาว เกาะไผ่ เกาะริ้น
หินขาวบางส่วน ของเกาะสีชัง หมู่เกาะไผ่ และหมู่เกาะคราม สว่ นพ้ืนท่ีท่ีมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระยะยาวเส่ือม
โทรมลง ได้แก่ บริเวณ เกาะเตาหม้อ เกาะรา้ นดอกไม้ เกาะยายท้าว เกาะคราม (หาดหน้าบ้าน) และแหลมแสมสาร
สาเหตุหลักของความเส่ือมโทรมของแนวปะการัง เกิดจากกิจกรรมการท่องเท่ียวในแนวปะการังรูปแบบต่าง ๆ เช่น
sea walker, try dive, snorkeling เจ็ทสกี ความหนาแน่นของเรือ ท่องเที่ยว ปัญหาเร่ืองตะกอนจากการว่ิงของ
เรือสปีดโบ๊ท และเจ็ทสกี การท้ิงสมอเรือในพ้ืนท่ีใกล้แนวปะการัง ปัญหาขยะในแนวปะการังท้ังจากชุมชน การ
ประมง และการทอ่ งเท่ียว ผลกระทบจากการท้ิงตะกอนใน การขดุลอกรอ่งน้าและปัญหาการปลอ่ยน้าเสียจากโรงงาน
อุตสาหกรรม
2) แหล่งหญ้ำทะเล
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 พบหญ้าทะเลมีพื้นที่รวม 5,708 ไร่ และในปีน้ีได้ดาเนินการสารวจและติดตาม
สถานภาพหญ้าทะเล จานวน 2,457 ไร่ สถานภาพแหล่งหญ้าทะเลจังหวัดชลบุรี มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเพ่ิมข้ึน
เม่ือเทียบกับข้อมูลในอดีต โดยมีสถานภาพสมบรูณ์ดีข้ึนบริเวณ อ่าวสัตหีบ (หาดอาภากร) อ่าวบางเสร่ หาดทราย
แก้ว หาดยาว อ่าวทุ่งโปรง อ่าวเตยงาม อ่าวสัตหีบ เกาะคราม เกาะแสมสารและเกาะปลาหมึก ส่วนพื้นที่ท่ีมี
แนวโน้มการเปล่ียนแปลงเสื่อมโทรมลง เม่ือเทียบกับข้อมูลในอดีต ได้แก่ บริเวณเกาะขาม เกาะแรด และหาด
นางรอง – หาดนางรา – หาดยาว – หาดน้าใส สาเหตุหลักของความเสื่อมโทรมของแหล่งหญ้าทะเล ได้แก่ น้าเสีย
และขยะจากชุมชน การทาประมงพื้นบ้าน รวมถึง ชาวบ้านหาหอยในแนวหญ้าทะเลในช่วงน้าลงและผลจาก
การเปลยี่ นแปลงสภาพพื้นทท่ี ่ีมีตะกอนหนา้ ดนิ คลุมพื้นหญา้ ทะเล

93

3) สัตวท์ ะเลหำยำกและใกลส้ ญู พนั ธ์ุ
จงั หวัดชลบุรี พบสัตว์ทะเลหายาก 7 ชนิด ประกอบด้วย เต่าทะเล 2 ชนิด ได้แก่ เต่าตนุ และเตา่ กระ โลมา-
วาฬ 4 ชนิด ได้แก่ วาฬบรูด้า โลมาอิรวดี โลมาหัวบาตรหลังเรียบ และโลมาปากขวด พะยูน 1 ชนิด และ
ปลากระดูกอ่อน 1 ชนิด ไดแ้ ก่ ฉลามวาฬ สัตว์ทะเลหายากท่ีเด่น คือ เต่าตนุ และเต่ากระ ในช่วง พ.ศ. 2563 พบ
การเกยต้ืนของ สัตว์ทะเลหายากรวม 90 ตัว ได้แก่ เต่าทะเล จานวน 76 ตัว เพิ่มข้ึนจากปี พ.ศ. 2562 ซึ่งมีจานวน
57 ตัว กลมุ่ โลมาและวาฬ จานวน 14 ตวั ลดลงจากปี พ.ศ. 2562 ซ่งึ มีจานวน 14 ตัว

ส่ิงแวดล้อมทำงทะเล

1) คุณภำพนำ้ ทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพน้าทะเลบริเวณจังหวัดชลบุรี มีแนวโน้มแนวโน้มท่ีดี ทั้งนี้เม่ือเปรียบเทียบกับ ปี
พ.ศ. 2562 พบว่า สถานะดีมากลดลงจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 0 สถานะดีเพ่ิมขึ้นจากร้อยละ 45 เป็นร้อยละ 90
สถานะพอใช้ลดลงจากรอ้ ยละ 45 เป็นรอ้ ยละ 10 และสถานะเสื่อมโทรมลดลงจากจากรอ้ ยละ 18 เป็นร้อยละ 0
2) นำ้ มันรว่ั ไหล
ในปี พ.ศ. 2563 ไมพ่ บน้ามันรัว่ ไหลในเขตจงั หวดั ชลบรุ ี แต่พบปรากฏการณ์กอ้ นน้ามันดิน จานวน 2 ครงั้
3) น้ำทะเลเปลีย่ นสี
ในชว่ งปี พ.ศ. 2563 พบปรากฏการณน์ ้าทะเลเปลีย่ นสี ในเขตจังหวัดชลบุรี จานวน 10 คร้ัง
4) แมงกะพรนุ พิษ
จากการสารวจพบแมงกะพรุนพิษต้ังแต่ปี 2543 พบแมงกะพรุน ในกลุ่ม Scyphozoa อีก 5 ชนิด ได้แก่
แมงกะพรุนขี้ไก่หรือแมงกะพรุนถ้วย (Catostylus townsendi) แมงกะพรุนลอดช่อง (Lobonemoides sp.)
แมงกะพรุนลายจดุ หรือแมงกะพรุนด่างออสเตรเลีย (Phyllorhiza punctata) แมงกะพรุนหนังหรือแมงกะพรุนส้มโอ
(Rhopilema hispidum) แมงกะพรุนหอม (Versuriga anadyomene) แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกสหรือ
แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกสหรือแมงกะพรุนหัวขวด (Physalia sp.) นอกจากน้ียังพบแมงกะพรุนกล่อง
(Morbakka sp.) และแมงกะพรุนในกลุม่ Hydrozoa อกี 1 ชนดิ ได้แก่ Aequoreidae (unidentifiable) ในปี พ.ศ.
2563 ไมม่ กี ารรายงานพบผู้ปว่ ยจากพิษแมงกะพรุนพษิ

ป่ำชำยเลน ป่ำชำยหำด

จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทด่ี ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จังหวดั ชลบรุ ี มพี น้ื ทที่ งั้ หมด
34,010.78 ไร่ โดยแบง่ เปน็

1) ป่าชายเลน 6,656.14 ไร่
2) ป่าชายหาด 164.62 ไร่
3) พื้นท่ีอื่น ๆ ได้แก่

94

• พ้ืนทเ่ี พาะเลีย้ งสตั ว์น้า 4,213.23 ไร่
• นาเกลอื 707.17 ไร่
• พน้ื ที่เกษตรกรรม 40.13 ไร่
• เมอื งและส่งิ ก่อสรา้ ง 10,716.50 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 6,362.01 ไร่
• แม่น้าคแู พรก ขุมเหมือง ทะเล 869.21 ไร่
• ระบบนิเวศไม้พ้ืนลา่ ง 4,281.77 ไร่

กำรกัดเซำะชำยฝง่ั

ชายฝ่ังทะเลของจังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพ้ืนท่ี 28 ตาบล 6 อาเภอ โดยมีระยะทางแนวชายฝ่ัง 170.19
กิโลเมตร จากข้อมูลสถานภาพการกัดเซาะชายฝ่ังปี พ.ศ. 2562 พบการกัดเซาะเป็นระยะทางรวม 0.89 กิโลเมตร
มีพ้ืนท่ีกัดเซาะรุนแรง เป็นระยะทาง 1.80 กิโลเมตร พ้ืนท่ีกัดเซาะปานกลาง เป็นระยะทาง 0.41 กิโลเมตร และ
พ้ืนที่กัดเซาะน้อย เป็นระยะทาง 0.25 กิโลเมตร ทั้งนี้ชายฝ่ังทะเลท่ีถูกกัดเซาะได้มีโครงการป้องกัน แก้ไขปัญหา
เป็นระยะทางรวม 64.53 กิโลเมตร โดยเป็นพื้นที่ที่ดาเนินการแก้ไขแล้ว ไม่มีการกัดเซาะ เป็นระยะทาง 64.53
กโิ ลเมตร

ทม่ี า : รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั และการกดั เซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 256๓
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง


Click to View FlipBook Version