145
จังหวัดพงั งา
พื้นทีต่ าบลในเขตชายฝ่ังและพืน้ ท่ใี นทะเล 8,837,760 ไร่
พื้นที่ในทะเล
ตาบลในเขตชายฝ่ัง อาเภอในเขตชายฝัง่ พ้ืนที่ตาบลในเขตชายฝั่ง 7,227,097 ไร่
น่านนา้ ของรฐั น่านนา้ ระหวา่ งประเทศ
28 ตาบล 7 อาเภอ 1,610,663 ไร่ 7,227,097 -
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั
แนวปะการัง หญา้ ทะเล ป่าชายเลน เกาะ หาด
288,443.90 ไร่ 150 แห่ง 55 แห่ง
26,126 ไร่ 24,577 ไร่
อย่ใู น อย่นู อก
อยใู่ น อยูน่ อก อยู่ใน อยนู่ อก อยใู่ น อยู่นอกพน้ื ท่ี พน้ื ท่ี พน้ื ที่ อยู่ใน อยู่นอก
พื้นท่ี พน้ื ที่ พื้นที่ พ้นื ที่ พ้ืนท่ี อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน พ้ืนที่ พนื้ ที่
อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน อุทยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน
246,328.90 70 80
12,756 13,369 786 23,792 42,116 21 34
พืน้ ที่อนุรักษ์ฯในเขตจังหวดั ชายฝ่งั ทะเล
อุทยานแหง่ ชาติ ป่าสงวนแหง่ ชาติ เขตหา้ มล่าสตั วป์ ่า เขตรกั ษาพันธ์สัตว์ป่า พ้นื ทค่ี ุม้ ครองส่ิงแวดล้อม
8 แหง่ 53 แห่ง - 1 แห่ง 3 แห่ง
อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย เขตต่อเนอ่ื ง เขตเศรษฐกจิ พ้นื ทพ่ี ัฒนาร่วม
น่านน้าภายใน ทะเลอาณาเขต - จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย
800,924 ไร่ 6,426,173 - -
ทีม่ า : กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม
146
สถำนกำรณด์ ้ำนทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝ่ังและกำรกดั เซำะชำยฝั่ง จงั หวดั พงั งำ
มีพ้ืนที่ทง้ั หมด 4,170.89 ตารางกิโลเมตร ชายฝงั่ ทะเลมีความยาว 241 กิโลเมตร
และ เกาะตา่ ง ๆ จานวน 105 เกาะ
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั ท่สี าคญั ได้แก่
• แนวปะการงั
• แหลง่ หญา้ ทะเล
• ปา่ ชายเลน ปา่ ชายหาด
• สตั วท์ ะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์
สถำนภำพระบบนิเวศที่สำคัญ
1) แนวปะกำรัง
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2561 มีพื้นท่ีการแพร่กระจายของ แนวปะการัง 26,126 ไร่ (41.8 ตร.กม.) พืน้ ท่ีท่ีได้รับ
การสารวจและประเมิน 12,906 ไร่ หรือร้อยละ 49.4 ของพ้ืนแนวปะการังท้ังหมดของจังหวัดพังงา สถานภาพ
มีแนวโน้มการเปล่ียนแปลงระยะยาวดีขึ้น บริเวณเกาะไข่ มีการฟื้นตัวข้ึนตามธรรมชาติอย่างช้า ๆ เนื่องจาก
ความพยายามของหลายฝ่ายในการบริหารจัดการพ้ืนที่ แนวปะการังในบรเิ วณนี้ เพ่ือลดความเสื่อมโทรม และส่งเสริม
การฟ้ืนตัวทาให้แนวปะการังสามารถฟ้ืนตัวได้ มีแนวโน้มการเปล่ียนแปลงระยะยาวคงท่ีบริเวณ เกาะยาวน้อยและ
เกาะยาวใหญ่ และมีแนวโน้ม การเปลี่ยนแปลงระยะยาวเสียหายมากบริเวณ หาดท้ายเหมือง ซึง่ สาเหตุหลักของความ
เส่ือมโทรม เกิดจาก แนวปะการังที่เสียหายมักอยู่ใกล้ฝั่งหรือบริเวณ ที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้ง
ทางตรงและ ทางออ้ ม ส่วนแนวปะการงั ที่อยู่หา่ งไกลจากชายฝง่ั บางพนื้ ท่แี นวปะการงั ยังคงมีความสมบรู ณป์ านกลาง-
ดี และมีแนวโน้มการฟ้ืนตวั ทด่ี ขี น้ึ โดยเฉพาะในพน้ื ที่ อุทยานแหง่ ชาติทางทะเล
2) แหล่งหญ้ำทะเล
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 ติดตามสถานภาพหญ้าทะเล บริเวณเกาะพระทอง และบ้านทับละมุ ในพื้นที่เดิม
รวม 2,095 ไร่ หรือร้อยละ 8.47 ของเนื้อท่ีที่มีศักยภาพ เป็นแหล่งหญ้าทะเลท้ังหมดของจังหวัด พบพ้ืนท่ีหญ้าทะเล
แพร่กระจายเป็น 1,579 ไร่ สถานภาพสมบูรณ์ปานกลางมีหญ้าทะเลรวม 7 ชนิด คือ หญ้าใบมะกรดู หญ้าเงาใบเล็ก
หญ้าเงาใส หญ้าเงาแคระ หญ้ากุยชายทะเล หญ้ากุยชายเข็มและหญ้าต้นหอมทะเล เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูล
ปี 2557 เป็นปีล่าสุดที่ได้สารวจไว้ พบว่า แหล่งหญ้าทะเล บริเวณเกาะพระทองและบ้านทับละมุ มีแนวโน้มดีข้ึน
พบการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเชิงพ้ืนที่ แนวโน้ม การเปล่ียนแปลงย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2534 – ปัจจุบัน พบหญ้าใบ
มะกรูด หญ้าคาทะเล หญ้าชะเงาใบมน และหญ้าชะเงาใบฟันเล่ือยเป็นหญ้าชนิดเด่น มีการกระจายตัวทั่วบริเวณ
ชายฝั่ง อ่าวและรอบเกาะต่าง ๆ ของจังหวัด พ้ืนที่เด่น ๆ ได้แก่ ช่องปากพระ (บ้านท่านุ่น – บ้านอ่าว ย่านสะบ้า)
เกาะยาวใหญ่ อ่าวทุ่งนางดา เกาะพระทอง ถึงชายฝั่งอาเภอคุระบุร ี เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลปี 2554 รายงาน
147
เนื้อที่หญ้าทะเลของจังหวัดพังงา มากถึง 29,067 ไร่ พบว่า มีแนวโน้มเสื่อมโทรมลง สาเหตุหลัก 1) การ
เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ได้แก่ บริเวณเกาะ พระทองและบริเวณใกล้เคียง 2) ในบางพ้ืนที่เช่น บ้านทับละมุ พบว่ามี
ความเส่ือมโทรมลงจากกิจกรรมของมนุษย์ มีการก่อสร้างบริเวณชายฝั่ง น้าเสียจากบ้านเรือน สภาพพื้นทะเลเป็น
โคลนเหลว และนา้ ทะเลมีความขุ่น ตลอดเวลา ทาใหห้ ญ้าทะเลฟ้นื ตวั ไดช้ ้าลง ส่งผลให้หญ้าทะเลเสือ่ มโทรมลงได้
3) สตั วท์ ะเลหำยำกและใกลส้ ูญพนั ธ์ุ
ท่ีพบ ได้แก่ ฉลามวาฬ เต่ามะเฟือง วาฬเพชฌฆาตดา ซ่ึงพบฝงูใหญ่จานวนไม่น้อยกว่า 50 ตัวต่อฝูง
บริเวณเกาะส่ี เกาะหก เกาะแปด และหินกองเกาะสรุ ินทร์ กระเบนราหู พบบริเวณ เกาะเก้า เกาะบอน เกาะตาชัย
อุทยานแหง่ชาติหมู่เกาะสิมิลัน ในช่วง พ.ศ. 2563 พบการเกยตื้นของ สัตว์ทะเลหายากรวมในปี 2563 รวม 43 ตัว
ได้แก่ เต่าทะเล 37 ตัว เต่ากระ 17 ตวั เตา่ ตนุ 16 ตวั เตา่ มะเฟือง 1 ตวั เต่าหญ้า 2 ตัว และเตา่ ทะเลไม่ทราบ ชนิด
1 ตัว โลมาและวาฬรวม 4 ตัวประกอบด้วย โลมาลายแถบ 1 ตัว โลมากระโดด 1 ตัว วาฬบรูด้า 1 ตัว และโลมา
ไม่ทราบชนิด 1 ตัว พะยูน 2 ตัว การวางไข่ของ เต่าตะนุ ในปี พ.ศ. 2563 จานวน 95 รัง และเต่ามะเฟือง จานวน
13 รัง สามารถดแู ลและช่วยเหลอื ลูกเตา่ มะเฟือง ลงสู่ทะเลไดอ้ ยา่ งปลอดภยั จานวน 351 ตวั
สงิ่ แวดลอ้ มทำงทะเล
1) คุณภำพนำ้ ทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพน้าทะเลมีแนวโน้มดีขึ้น โดยมีสถานะดีร้อยละ 79 รองลงมา ได้แก่ สถานะดีมาก
ร้อยละ 16 สถานะพอใช้คงท่ีร้อยละ 5 และไม่พบว่า มีสถานะเสื่อมโทรมโดยเมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2562
พบคณุ ภาพน้าทะเลในสถานะดีมากเพ่ิมขึ้นและในสถานะพอใชค้ งที่
2) นำ้ มันรว่ั ไหล
ในปี พ.ศ. 2563 ไมไ่ ดร้ ับรายงานน้ามนั รั่วไหลในพ้นื ท่ี จังหวดั พังงา
3) นำ้ ทะเลเปลย่ี นสี
ในชว่ งปี พ.ศ. 2563 จากการติดตามและสารวจ และรับแจง้ เหตเุ ครอื ข่ายเฝ้าระวังฯ ในปี พ.ศ. 2562 นัน้
ไม่พบมีการสะพร่ังของแพลงกต์ อนพืชในพืน้ ที่ จงั หวดั พงั งา
4) แมงกะพรนุ พิษ
ในชว่ งปี 2563 สถาบันวจิ ยั ฯ ยงั ไม่ไดส้ ารวจแมงกะพรนุ และไม่มีรายงานผูป้ ว่ ยสงสยั เสียชวี ิตหรอื บาดเจบ็
รุนแรง (ผูป้ ่วยหมดสติ)
ป่ำชำยเลน ป่ำชำยหำด พรุ
จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทด่ี ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จงั หวัดพงั งา มีพน้ื ท่ีทงั้ หมด
384,123.44 ไร่ โดยแบง่ เป็น
1) ปา่ ชายเลน 288,443.90 ไร่
148
2) ปา่ ชายหาด 23,483.52 ไร่
3) ป่าพรุ 399.95 ไร่
4) พื้นที่อ่ืน ๆ ได้แก่
• พนื้ ที่เพาะเล้ยี งสัตว์นา้ 4,975.90 ไร่
• พน้ื ที่เกษตรกรรม 19,141.57 ไร่
• เมืองและส่งิ ก่อสรา้ ง 2,285.44 ไร่
• ทา่ เทยี บเรือ 43.27 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 11,389.23 ไร่
• หาดทราย 438.47 ไร่
• แม่น้า คแู พรก ขมุ เหมอื ง ทะเล 21,668.11 ไร่
• ปา่ บนทเ่ี นนิ 3,257.56 ไร่
• ระบบนิเวศไม้พื้นล่าง 8,596.52 ไร่
กำรกดั เซำะชำยฝัง่
ชายฝ่ังทะเลของจังหวดั พังงา มีความยาวชายฝง่ั 235.78 กิโลเมตร โดยสามารถแบ่งออกเปน็ 9 ระบบ กลุ่ม
หาด โดยมีอาณาเขตครอบคลุมพ้ืนที่ตาบลคุระ ถึงตาบลมะรุ่ย รวมท้ังสิ้น 18 ตาบล จากข้อมูลการสารวจ โดย
สานักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งท่ี 6 จังหวัดพังงา พ.ศ. 2563 พื้นท่ีชายฝ่งั ที่ประสบปญั หา การกดัเซาะยาว
รวม 4.62 กิโลเมตร โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาการกัดเซาะรุนแรง 4.62 กิโลเมตร พื้นที่ท่ีประสบปัญหา
การกัดเซาะปานกลาง 1.09 กิโลเมตร และพื้นท่ีท่ีประสบปัญหาการกัดเซาะน้อย 2.89 กิโลเมตร พื้นที่กัดเซาะมาก
ทง้ั หมด 4 บรเิ วณ เขตอาเภอตะก่ัวป่า 3 บรเิ วณ และเขตอาเภอท้ายเหมือง เขตอาเภอตะกั่วท่งุ 1 บรเิ วณ
ท่มี ำ : รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกดั เซาะชายฝ่งั ของประเทศไทย พ.ศ. 2563
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง
149
จังหวัดภูเก็ต
พนื้ ทีต่ าบลในเขตชายฝั่งและพนื้ ที่ในทะเล 2,589,486 ไร่
พื้นทใี่ นทะเล
ตาบลในเขตชายฝง่ั อาเภอในเขตชายฝั่ง พน้ื ทตี่ าบลในเขตชายฝ่ัง 2,247,543 ไร่
น่านน้าของรฐั น่านนา้ ระหว่างประเทศ
17 ตาบล 3 อาเภอ 341,943 2,247,543 -
ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
แนวปะการัง หญา้ ทะเล ป่าชายเลน เกาะ หาด
15,785.40 ไร่ 36 แหง่ 30 แห่ง
13,932 ไร่ 5,823 ไร่
อยูใ่ น อยู่นอกพนื้ ที่
อยู่ใน อยนู่ อก อยใู่ น อยนู่ อก พนื้ ท่ี อุทยาน อย่ใู น อยูน่ อก อย่ใู น อยูน่ อก
พนื้ ท่ี พ้นื ท่ี พ้นื ที่ พื้นท่ี อทุ ยาน พน้ื ที่ พ้นื ที่ พ้นื ท่ี พื้นที่
อุทยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน
- 15,785.40
2,538 11,394 13 5,810 3 33 5 25
พ้ืนท่อี นุรักษ์ฯในเขตจงั หวัดชายฝง่ั ทะเล
อทุ ยานแหง่ ชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ เขตห้ามล่าสัตวป์ ่า เขตรักษาพนั ธส์ ตั ว์ป่า พืน้ ท่คี ุม้ ครองสิ่งแวดล้อม
2 แห่ง 16 แห่ง 1 แห่ง - 3 แหง่
อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย เขตต่อเนอื่ ง เขตเศรษฐกิจ พนื้ ทีพ่ ัฒนารว่ ม
น่านนา้ ภายใน ทะเลอาณาเขต - จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย
298,789 ไร่ 1,948,754 ไร่ - -
ทมี่ า : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
150
สถำนกำรณ์ด้ำนทรพั ยำกรทำงทะเลและชำยฝ่งั และกำรกดั เซำะชำยฝ่งั จังหวดั ภูเก็ต
มพี ้นื ทง้ั หมด 341,946.7 ไร่ ชายฝ่ังทะเลมีความยาว 205.9 กิโลเมตร
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ังที่สาคัญ ไดแ้ ก่
• แนวปะการงั
• แหล่งหญ้าทะเล
• ป่าชายเลน
• สัตวท์ ะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์
สถำนภำพระบบนเิ วศท่ีสำคัญ
1) แนวปะกำรงั
จังหวัดภูเก็ตมีพื้นท่ีแนวปะการังประมาณ 13,932 ไร่ กระจายตัวตามแนวชายฝ่ังและเกาะต่าง ๆ รอบท้ัง
จังหวัด ภูเก็ต จากข้อมูลในปี 2563 ได้ดาเนินการสารวจสถานภาพแนวปะการังท้ังหมด 7,264 ไร่ หรือ 11.62
ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 51.1 ของพ้ืนที่ปะการังทั้งหมด สถานภาพแนวปะการังต่อพ้ืนที่แนวปะการังใน
ภาพรวมของจังหวัดภูเก็ต พบว่าพ้ืนที่แนวปะการังส่วนใหญ่อยู่ในสถานภาพสมบูรณ์ปานกลาง แนวโน้มการ
เปล่ียนแปลงการครอบคลุมพื้นท่ีของปะการังมีชีวิต เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับข้อมูลช่วงหลังเกิดปรากฏการณ์
ปะการังฟอกขาว ในปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา พบว่าร้อยละการครอบคลุม พ้นื ท่ขี องปะการังมีชีวิตมีแนวโน้มการฟืน้ ตัว
ที่ดีขึ้นอย่างต่อเน่ือง แม้บางพื้นที่มีการใช้ประโยชน์ด้านการท่องเท่ียวอย่างหนาแน่น เช่น เกาะราชาใหญ่
เกาะราชาน้อย และอ่าวปา่ ตองดา้ นเหนอื
2) แหล่งหญ้ำทะเล
จากข้อมูลในปี 2563 สารวจและติดตามหญ้าทะเล จานวน 4 พื้นท่ี คือ พื้นที่เกาะโหลน - อ่าวยนต์
อา่ วฉลอง อ่าวตั้งเข็มและอ่าวป่าคลอก ครอบคลมุ แหล่งหญ้าทะเล ประมาณ 4,459 ไร่ หรือร้อยละ 76.6 ของพ้ืนท่ี
ท่ีมีศักยภาพเป็นแหล่งหญ้าทะเลทั้งหมดของจังหวัด พบพ้ืนที่หญ้าทะเลท้ังส้ิน 2323.6 ไร่ มีหญ้าทะเลรวม 11 ชนิด
คือ หญ้าชะเงาใบฟันเล่ือย หญ้าชะเงาใบมน หญ้าเงาใบเล็ก หญ้าเงาใบใหญ่ หญ้าใบมะกรูด หญ้าคาทะเล
หญ้าใบพาย หญ้ากุยช่ายทะเล หญ้ากุยช่ายเข็ม หญ้าชะเงาเต่า และหญ้าเงาใส สถานภาพโดยรวมของ
แหล่งหญ้าทะเลที่ได้รับการติดตามมีสภาพสมบูรณ์ปานกลางชนิดเด่นที่พบเป็นหญ้าใบมะกรูด เมื่อทาการ
เปรียบเทียบกับขอ้ มูลในปี 2562 ซง่ึ เป็นปีล่าสุดที่ได้สารวจไว้ พบว่าแหล่งหญ้าทะเลบริเวณจังหวัดภูเกต็ มีแนวโน้ม
คงท่ี แหล่งหญ้าทะเลมีความสมบูรณ์ตามธรรมชาติมีการเปล่ียนแปลงตามฤดูกาล โดยมีการเปล่ียนแปลงเล็กน้อย
เชิงพน้ื ท่ี
151
3) สัตว์ทะเลหำยำกและใกล้สูญพนั ธุ์
ที่พบเต่าทะเล 4 ชนิด ได้แก่ เต่ากระ เต่าตนุ เต่าหญ้า และเต่ามะเฟือง โลมา-วาฬ 6 ชนิด ได้แก่
โลมาปากขวด โลมาหัวบาตรหลังเรียบ โลมาลายแถบ โลมากระโดด วาฬโอมูระ และวาฬมีฟันไม่ทราบชนิด
พะยูน 1 ชนิด และปลากระดูกอ่อน 2 ชนิด ได้แก่ ฉลามวาฬ และปลาโรนัน สัตว์ทะเลหายากท่ีเด่น คือ
เต่ามะเฟืองและโลมาปากขวด ซึ่งพบเต่ามะเฟืองข้ึนวางไข่มากบริเวณชายหาดทิศตะวันตกของเกาะภูเก็ต
หาดไม้ขาว หาดในทอน โลมาปากขวดพบมากบริเวณเกาะราชานอ้ ย-ใหญ่ เกาะไม้ท่อน เกาะเฮ ในปีงบประมาณ
2563 จงั หวัดภูเก็ต พบการเกยตนื้ ของสัตว์ทะเลหายากรวม 66 ตวั ได้แก่ เต่าทะเล 57 ตัว ประกอบด้วย เต่ากระ 25
ตัว เต่าตนุ 19 ตัว เต่าหญ้า 11 ตัว และเต่าไม่ทราบชนิดอีก 2 ตัว โลมาและ วาฬรวม 8 ตัว ประกอบด้วย โลมา
ปากขวด 2 ตัว โลมาหัวบาตรหลังเรียบ 2 ตัว โลมาลายแถบ 1 ตัว โลมากระโดด 1 ตัว และโลมาไม่ทราบชนิด
จานวน 2 ตัว พะยนู 1 ตวั
สงิ่ แวดล้อมทำงทะเล
1) คุณภำพนำ้ ทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพน้าทะเลมีแนวโน้มดีข้ึน โดยมีสถานะดี ร้อยละ 75 รองลงมา ได้แก่ สถานะพอใช้
ร้อยละ 20 และพบสถานะเสอ่ื มโทรมร้อยละ 4 โดยเมื่อเปรียบเทียบกบั ปี พ.ศ. 2562 พบคุณภาพน้าทะเล ในสถานะ
ดเี พิ่มขน้ึ จากรอ้ ยละ 64 สถานะพอใชล้ ดลง จากรอ้ ยละ 30 และสถานะเสอ่ื มโทรมลดลงจากรอ้ ยละ 6
2) น้ำมนั รั่วไหล
ในปี พ.ศ. 2563 ไมไ่ ดร้ บั รายงานนา้ มนั ร่ัวไหลในพ้ืนท่ี จงั หวัดภเู กต็
3) น้ำทะเลเปลีย่ นสี
ในช่วงปี พ.ศ. 2563 ดาเนินการติดตามการเปลี่ยนแปลง ประชากรแพลงก์ตอนพืช เฝ้าระวังปรากฏการณ์
นา้ ทะเลเปล่ียนสีและรับแจ้งเหตุปรากฏการณ์นา้ ทะเลเปล่ียนสี ครอบคลุมพื้นที่ชายฝ่ังทะเลอันดามัน ประกอบด้วย
จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบ่ี จังหวัดตรังและจังหวัดสตูล โดยติดตามบริเวณชายฝ่ัง
รอบเกาะจังหวัดภูเก็ต จานวน 24 สถานี ตรวจวัดทุก ๆ 2 เดือน และสถานีชายฝั่งทะเลอันดามันจานวน 24 สถานี
ตรวจวัดทุก ๆ 6 เดือน วัตถุประสงค์เพื่อทราบถึง การเปล่ียนแปลงความชุกชุมของแพลงก์ตอน พืชท่ีเป็นสาเหตุ
ให้เกิดปรากฏการณ์น้าทะเลเปล่ียนสีและเฝ้าระวังแพลงก์ตอนพืชที่สร้างสารชีวพิษ ซ่ึงจะเป็นข้อมูลในการวาง
นโยบายในการจัดการแกไ้ ขและป้องกันผลกระทบ เมอ่ื เกดิ ปรากฏการณน์ า้ ทะเลเปล่ยี นสี
4) แมงกะพรนุ พิษ
ในช่วงปีงบประมาณ 2561–2562 สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง ไม่ได้สารวจ
แมงกะพรุน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต แต่ในช่วงปีงบประมาณ 2552–2554 ได้สารวจแมงกะพรุนที่ติดโป๊ะน้าต้ืน
ในพื้นท่ีอ่าวน้าบ่อ และในช่วงปีงบประมาณ 2553–2555 ได้สารวจแมงกะพรุนที่ติดอวนลอยกุ้งสามช้ันของ
152
ชาวประมง ในพ้ืนที่ฝั่งตะวันออกของจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ยังได้รับ ตัวอย่างจากเครือข่ายเจ้าหน้าที่รักษาความ
ปลอดภัยประจาหาดและได้รับแจง้ จากเครือข่ายทางไลนก์ ลุ่ม แมงกะพรุนภูเก็ตในพื้นท่ีฝ่งั ตะวนั ตกของจังหวดั ภูเก็ต
และข้อมูลออนไลน์ในเว็ปไซต์ ซึ่งพบแมงกะพรุนพิษ ทั้งสิ้น 7 ชนิด ได้แก่ แมงกะพรุนกล่อง Carukiidae
(unidentifiable)2, Chironex indrasaksajiae2, Chironex sp. A2 แ ล ะ Chiropsoides buitendijki2,3 แล ะ
แมงกะพรุนไฟ Chrysaora sp.2 และ Pelagia sp.6,9 รวมทงั้ Physalia sp.2,4,9 (แมงกะพรนุไฟหมวกโปรตุเกส
หรือแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกสหรือแมงกะพรุนหัวขวด) ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยสงสัยเสียชีวิตหรือบาดเจ็บรุนแรง
(ผูป้ ว่ ยหมดสติ) จากแมงกะพรนุ พษิ
ป่ำชำยเลน
จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทดี่ ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จงั หวดั ภเู กต็ มีพ้ืนท่ีท้งั หมด
26,785.76 ไร่ โดยแบง่ เปน็
1) ปา่ ชายเลน 15,785.40 ไร่
2) ปา่ ชายหาด 1,680.37 ไร่
3) ป่าพรุ 189.87 ไร่
4) พนื้ ที่อน่ื ๆ ได้แก่
• พ้ืนท่ีเพาะเลี้ยงสัตวน์ ้า 2,162.65 ไร่
• พืน้ ท่เี กษตรกรรม 882.20 ไร่
• เมืองและสงิ่ ก่อสร้าง 2,720.02 ไร่
• ทา่ เทียบเรือ 140.08 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 542.13 ไร่
• หาดทราย 9.79 ไร่
• แมน่ ้า คูแพรก ขุมเหมือง ทะเล 1,260.20 ไร่
• ป่าบนที่เนนิ 501.39 ไร่
• ระบบนิเวศไม้พ้นื ลา่ ง 911.67 ไร่
กำรกัดเซำะชำยฝ่ัง
ชายฝั่งทะเลของจังหวดั ภูเก็ตระยะทางแนวชายฝ่ังจังหวัดภูเก็ต 202.83 กิโลเมตร พบระยะทางที่ถูกกัดเซาะ
รวม 8.26 กิโลเมตร มีพ้ืนที่กดั เซาะรุนแรง 0.16 กิโลเมตร พ้ืนท่กี ัดเซาะปานกลาง 5.79 กิโลเมตร และพื้นท่ีกัดเซาะ
น้อย 2.30 กโิ ลเมตร
ทม่ี ำ : รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ และการกัดเซาะชายฝง่ั ของประเทศไทย พ.ศ. 2563
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่
153
จังหวัดกระบ่ี
พนื้ ท่ตี าบลในเขตชายฝั่งและพื้นที่ในทะเล 4,565,907 ไร่
พื้นทใี่ นทะเล
ตาบลในเขตชายฝัง่ อาเภอในเขตชายฝัง่ พน้ื ที่ตาบลในเขตชายฝั่ง 3,097,917 ไร่
นา่ นนา้ ของรฐั น่านน้าระหว่างประเทศ
31 ตาบล 5 อาเภอ 1,467,990 3,097,917 -
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั
แนวปะการงั หญา้ ทะเล ปา่ ชายเลน เกาะ หาด
230,790.77 ไร่ 165 แห่ง 36 แห่ง
14,039 ไร่ 30,940 ไร่
อย่ใู นพน้ื ท่ี อยู่นอก
อยใู่ น อยนู่ อก อยู่ใน อย่นู อก อุทยาน พน้ื ที่ อยูใ่ น อยู่นอก อย่ใู น อยูน่ อก
พน้ื ที่ พื้นที่ พน้ื ท่ี พื้นที่ พ้นื ท่ี พนื้ ท่ี พน้ื ที่ พื้นที่
อทุ ยาน อุทยาน อุทยาน อุทยาน อทุ ยาน อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน
8,851 5,188 2,543 28,397 4,865.77 225,925 71 94 14 22
พืน้ ท่ีอนุรักษฯ์ ในเขตจงั หวดั ชายฝ่งั ทะเล
อทุ ยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ เขตหา้ มลา่ สัตวป์ ่า เขตรกั ษาพนั ธ์สัตว์ปา่ พ้นื ที่ค้มุ ครองสิง่ แวดล้อม
4 แห่ง 49 แห่ง 2 แหง่ 2 แห่ง -
อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย เขตตอ่ เน่อื ง เขตเศรษฐกิจ พ้ืนที่พัฒนาร่วม
น่านน้าภายใน ทะเลอาณาเขต - จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย
1,714,646 ไร่ 1,383,271 ไร่ - -
ที่มา : กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม
154
สถำนกำรณ์ด้ำนทรพั ยำกรทำงทะเลและชำยฝ่ังและกำรกดั เซำะชำยฝัง่ จงั หวัดกระบ่ี
มพี ้ืนท่ีทัง้ หมด1,468,964.55 ไร่ ชายฝ่ังทะเลมีความยาว 203.79 กิโลเมตร
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ ทีส่ าคัญไดแ้ ก่
• แนวปะการงั
• แหล่งหญา้ ทะเล
• ป่าชายเลน
• สัตว์ทะเลหายากและใกลส้ ูญพนั ธ์ุ
• ปา่ ชายเลน และป่าชายหาด
สถำนภำพระบบนเิ วศท่ีสำคญั
1) แนวปะกำรัง
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 มีพื้นที่การแพร่กระจายของแนวปะการัง 14,039 ไร่ (22.5 ตร.กม.) ไร่ พื้นที่
ท่ีได้รับการสารวจและประเมิน 5,974 ไร่ หรือร้อยละ 42.6 ของ พ้ืนที่แนวปะการังทั้งหมด สถานภาพมีแนวโน้ม
การเปล่ียนแปลงระยะยาวดีขึ้นบริเวณเกาะง่ัง เกาะปู เกาะปอและเกาะรอกในตะวันตกมีแนวโน้มการเปล่ียนแปลง
ระยะยาวคงท่ีบริเวณ เกาะลันตาใหญ่ ด้านตะวันตก เกาะรอกนอก เกาะรอกในด้านตะวันออก เกาะรอกในด้าน
ตะวันตก เกาะไหงด้านใต้ และเกาะไหงด้านตะวันออกเฉียงเหนือ และมีแนวโน้มการเปล่ียนแปลงระยะยาว
เสียหายมากบริเวณ เกาะกา เกาะศรีบอยา เกาะหมา สาเหตุหลักของความเส่ือมโทรมเกิดจากการทาประมง
การทงิ้ สมอเรอื ขยะในแนวปะการงั เรือครูดปะการัง และน้าเสีย
2) แหล่งหญ้ำทะเล
แหล่งหญ้าทะเลจังหวัดกระบ่ีมีพื้นท่ีรวม 30,958 ไร่ จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งได้ดาเนินการสารวจและ
ติดตามสถานภาพหญ้าทะเลใน 2 พ้ืนที่ คือ แหล่งหญ้าทะเล เกาะปูด้านเหนือซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับเกาะศรบี อยา พื้นที่
ท่ีสองคือบริเวณอ่าวน้าเมา ครอบคลมุแหล่งหญ้าทะเลท่ีได้รับการติดตามประมาณ 1,190 ไร่ หรือร้อยละ 3.84
แหล่งหญ้าทะเลมีแนวโน้มการเปล่ียนแปลงเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับในข้อมูลอดีตบริเวณอ่าวน้าเมา และมีแนวโน้ม
การเปล่ียนแปลงเส่ือมโทรมลงข้ึนเมื่อเทียบกับในข้อมูลอดีตบริเวณเกาะปูด้านเหนือ ส่วนภาพรวมของแหล่ง
หญา้ ทะเลบรเิ วณจงั หวัดกระบ่มี ีแนวโนม้ เส่อื มโทรมลง
3) สัตวท์ ะเลหำยำกและใกล้สญู พนั ธุ์
จงั หวัดกระบี่ พบสัตวท์ ะเลหายากมากกว่า 9 ชนิด ได้แก่ เต่าทะเล มากกว่า 1 ชนิด พะยูน ฉลามวาฬ โลมา
และ วาฬ มากกว่า 6 ชนิด ในช่วง พ.ศ. 2563 พบการเกยตื้น ของสัตว์ทะเลหายากรวม 15 ตัว ได้แก่ เต่าทะเล
จานวน 8 ตัว เท่ากับปี พ.ศ. 2562 โลมาและวาฬ จานวน 5 ตัว เท่ากับปี พ.ศ. 2563 และพะยูน จานวน 2 ตัว
ลดลงจากปี พ.ศ. 2562 ที่จานวน 5 ตวั
155
ส่ิงแวดลอ้ มทำงทะเล
1) คณุ ภำพนำ้ ทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพน้าทะเลมแี นวโน้มดขี ึ้น ทง้ั นี้เม่ือเปรยี บเทียบกบั ปี พ.ศ. 2562 พบวา่ สถานะดีมาก
เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0 เป็นร้อยละ 4 สถานะดี เพ่ิมข้ึน เป็นร้อยละ 96 จากร้อยละ 81 สถานะพอใช้ลดลง เป็น
ร้อยละ 0 จากร้อยละ 19 และไม่พบว่ามีสถานะ เสื่อมโทรมและเส่อื มโทรมมาก
2) น้ำมันรวั่ ไหล
ในปี พ.ศ. 2563 ไม่พบน้ามนั รั่วไหลและปรากฏการณ์ก้อนนา้ มนั ดิน ในจงั หวัดกระบี่
3) นำ้ ทะเลเปลยี่ นสี
ในชว่ งปี พ.ศ. 2563 ไม่พบปรากฏการณ์น้าทะเลเปลี่ยนสีในจังหวดั กระบ่ี
4) แมงกะพรนุ พิษ
จากการสารวจตั้งแต่ปี 2553 พบแมงกะพรุนพิษท้ังสิ้น 8 ชนิด เป็นแมงกะพรุนในกลุ่ม Cubozoa หรือ
แมงกะพ รุน กล่อง 5 ชนิ ด ได้แก่ Carukiidae (unidentifiable), Chironex indrasaksajiae, Chironex sp,
Chirodropidae (unidentifiable), Chiropsoides buitendijki แมงกะพรุนกลุ่ม Scyphozoa 2 ชนิด ได้แก่
แมงกะพรุนไฟ Chrysaora sp. และ Pelagia sp. และ แมงกะพรุนกลุ่ม Hydrozoa 1 ชนิด คือ แมงกะพรุนหัวขวด
Physalia sp. ในปี พ.ศ. 2563 ไมม่ ีการรายงานพบผปู้ ่วย จากพิษแมงกะพรุนพิษ
ป่ำชำยเลน ป่ำชำยหำด
จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทด่ี ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จังหวัดกระบ่ีมีพน้ื ที่ทง้ั หมด
328,993.33 ไร่ โดยแบ่งเป็น
1) ป่าชายเลน 230,790.77 ไร่
2) ป่าชายหาด 4,406.97 ไร่
3) พื้นที่อื่น ๆ ได้แก่
• พื้นท่เี พาะเล้ยี งสตั วน์ า้ 9,459.60 ไร่
• พื้นท่เี กษตรกรรม 25,056.38 ไร่
• เมอื งและสิ่งก่อสรา้ ง 2,599.46 ไร่
• ทา่ เทียบเรอื 12.95 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 9,699.01 ไร่
• หาดทราย 281.28 ไร่
• แมน่ า้ คแู พรก ขุมเหมอื ง ทะเล 33,555.55 ไร่
156
• ปา่ บนท่เี นิน 5,208.47 ไร่
• ระบบนิเวศไม้พ้นื ลา่ ง 7,922.86 ไร่
กำรกัดเซำะชำยฝัง่
ชายฝ่ังทะเลของจังหวัดกระบ่ี ครอบคลุมพ้ืนท่ีจานวน 30 ตาบล 5 อาเภอ โดยมีระยะทางแนวชายฝ่ัง
203.79 กิโลเมตร จากข้อมูลสถานภาพการกัดเซาะชายฝ่ัง ปี พ.ศ. 2562 พบการกัดเซาะเป็นระยะทางรวม
1.21 กโิ ลเมตร พ้นื ท่ีกัดเซาะปานกลาง เป็นระยะทาง 1.21 กโิ ลเมตร
ท่ีมำ : รายงานสถานการณด์ ้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั และการกดั เซาะชายฝงั่ ของประเทศไทย พ.ศ. 2563
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั
157
จังหวัดตรงั
พื้นท่ีตาบลในเขตชายฝ่ังและพน้ื ท่ีในทะเล 2,970,972 ไร่
พื้นทใี่ นทะเล
ตาบลในเขตชายฝ่ัง อาเภอในเขตชายฝั่ง พ้ืนท่ตี าบลในเขตชายฝ่ัง 1,862,299 ไร่
นา่ นนา้ ของรัฐ น่านนา้ ระหวา่ งประเทศ
29 ตาบล 6 อาเภอ 1,108,672 1,862,299 -
ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั
แนวปะการัง หญา้ ทะเล ปา่ ชายเลน เกาะ หาด
3,016 ไร่ 33,225 ไร่ 226,408.77 ไร่ 55 แหง่ 21 แหง่
อยใู่ น อยนู่ อก อยู่ใน อยนู่ อก อยู่ใน อย่นู อกพ้นื ที่ อยู่ใน อยู่นอก อยู่ใน อยู่นอก
พนื้ ท่ี อุทยาน พ้ืนที่ พ้ืนท่ี พ้ืนท่ี พนื้ ที่
พืน้ ท่ี พนื้ ท่ี พน้ื ที่ พืน้ ที่ อทุ ยาน อทุ ยาน อุทยาน อทุ ยาน อทุ ยาน
อุทยาน อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน 4,993 221,414.77 19 36 10 11
1,945 1,017 10,350 22,875
พ้นื ทอ่ี นุรกั ษ์ฯในเขตจังหวัดชายฝัง่ ทะเล
อทุ ยานแห่งชาติ ปา่ สงวนแหง่ ชาติ เขตห้ามล่าสัตวป์ ่า เขตรกั ษาพันธส์ ัตวป์ า่ พนื้ ทีค่ ุม้ ครองสิง่ แวดล้อม
4 แหง่ 65 แห่ง 4 แหง่ 2 แหง่ -
อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย เขตต่อเน่ือง เขตเศรษฐกจิ พน้ื ทีพ่ ัฒนารว่ ม
นา่ นน้าภายใน ทะเลอาณาเขต - จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย
818,401 ไร่ 1,043,899 ไร่ - -
ทีม่ า : กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
158
สถำนกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝ่ังและกำรกดั เซำะชำยฝัง่ จังหวดั ตรงั
มพี นื้ ที่ทัง้ หมด 1,097,101.80 ไร่ ครอบคลุม 4 อาเภอ 11 ตาบล
ชายฝ่ังทะเลมคี วามยาว 135.14 กิโลเมตร
ทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ ท่สี าคัญได้แก่
• แนวปะการัง
• แหลง่ หญ้าทะเล
• ป่าชายเลน
• สัตวท์ ะเลหายากและใกลส้ ูญพันธ์ุ
• ป่าชายเลน และปา่ ชายหาด
สถำนภำพระบบนเิ วศทส่ี ำคญั
1) แนวปะกำรงั
จังหวัดตรัง มีพื้นท่ีแนวปะการังประมาณ 3,015 ไร่ (4.8 ตร.กม. จากการสารวจในปี พ.ศ. 2563 จานวน
803 ไร่ หรือร้อยละ 26.6 ของพื้นที่แนวปะการงั ทั้งหมด สถานภาพมีแนวโน้มการเปล่ียนแปลงระยะยาวดีข้ึนบริเวณ
เกาะกระดาน มีแนวโน้มการเปล่ียนแปลงระยะยาวคงที่บริเวณเกาะและ เกาะเชือก ซึ่งสาเหตุหลักของ
ความเสื่อมโทรมเกิดจาก การทาประมง การท้ิงสมอเรือ ขยะในแนวปะการัง การระเบิดปลา และพฤติกรรม
นักท่องเทย่ี ว
2) แหล่งหญ้ำทะเล
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2563 พบหญ้าทะเลมีพื้นที่รวม 33,067 ไร่มีการสารวจแหล่งหญ้าทะเลประมาณ
19,751 ไร่ หรือร้อยละ 59.7 แหล่งหญ้าทะเลทั้งหมดของจังหวดั พบว่ามีแนวโน้มการเปลย่ี นแปลงเพิ่มขน้ึ เม่ือเทยี บ
กับในข้อมูลอดีตบริเวณ เกาะลิบงและบริเวณใกล้เคียง อ่าวบุญคงและอ่าวขาม มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงคงที่
เม่ือเทียบกับในข้อมูลอดีต บริเวณ บ้านปากคลอง – เกาะผี เกาะมุกต์- แหลมหยงหลา และมีแนวโน้มการ
เปลี่ยนแปลงเสื่อมโทรมลงเมื่อเทียบกับในข้อมูลอดีตบรเิ วณ เกาะค้างคาว เกาะสุกร และบ้านแหลมไทร- บ้านอ่าว
มะขาม
3) สตั ว์ทะเลหำยำกและใกล้สญู พนั ธ์ุ
จังหวัดตรังพบสัตว์ทะเลหายากจานวนไม่น้อยกว่า 10 ชนิด ได้แก่ เต่าทะเล 2 ชนิด พะยูน โลมา-วาฬ 5
ชนิด ฉลามวาฬ ในช่วง พ.ศ. 2563 พบการเกยต้ืนของ สัตว์ทะเลหายากรวม 7 ตัว ได้แก่ โลมา จานวน 1 ตัว ลดลง
จากปี พ.ศ. 2562 ซ่ึงมีจานวน 7 ตัว เต่าทะเล จานวน 6 ตัว ลดลงจากปี พ.ศ. 2562 ซ่ึงมีจานวน 8 ตัว ส่วนพะยูน
ลดลงจากจานวน 15 ตวั เป็น 0 ตัว
159
สง่ิ แวดล้อมทำงทะเล
1) คุณภำพน้ำทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพนา้ ทะเลมแี นวโนม้ ดขี ึน้ ทงั้ น้ีเม่อื เปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2562 พบว่า สถานะดี
เพ่ิมขน้ึ เป็นรอ้ ยละ 100 จากร้อยละ 0 ส่วนสถานะพอใช้ ลดลงเปน็ รอ้ ยละ 0 จากรอ้ ยละ 27 ท้ังนไ้ี มม่ ีสถานะ เสอ่ื ม
โทรมและเส่ือมโทรมมาก
2) นำ้ มันรว่ั ไหล
ในปี พ.ศ. 2563 ไม่พบน้ามันร่ัวไหล และกอ้ นน้ามนั ดนิ ใน จงั หวดั ตรงั
3) นำ้ ทะเลเปล่ียนสี
ในชว่ งปี พ.ศ. 2563 ไม่พบปรากฏการณน์ ้าทะเลเปล่ยี นสี ในจังหวดั ตรัง
4) แมงกะพรุนพษิ
จากการสารวจต้ังแต่ปี พ.ศ. 2553 พบแมงกะพรุนพิษ ท้ังส้ิน 4 ชนิด เป็นแมงกะพรุนในกลุ่ม Cubozoa
หรือแมงกะพรุนกล่อง 3 ชนิด ได้แก่ Carukiidae (unidentifiable) Chironex sp., Chiropsoides buitendijki
และแมงกะพรุนกลุ่ม Scyphozoa 1 ชนิด คือ แมงกะพรุนไฟ Chrysaora sp. ในปี พ.ศ. 2563 ไม่มีการรายงาน
พบผู้ปว่ ยจากพิษแมงกะพรนุ พษิ
ป่ำชำยเลน ป่ำชำยหำด
จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทด่ี ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จงั หวดั ตรัง มีพ้ืนทีท่ ้ังหมด
308,882.68 ไร่ โดยแบง่ เป็น
1) ปา่ ชายเลน 226,408.77 ไร่
2) ป่าชายหาด 3,692.43 ไร่
3) พื้นที่อน่ื ๆ ได้แก่
• พื้นที่เพาะเล้ียงสัตว์นา้ 9,724.85 ไร่
• พ้นื ทเ่ี กษตรกรรม 26,070.29 ไร่
• เมอื งและสง่ิ ก่อสรา้ ง 999.84 ไร่
• ท่าเทยี บเรอื 189.70 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 1,878.81 ไร่
• หาดทราย 1,643.26 ไร่
• แมน่ ้า คแู พรก ขมุ เหมือง ทะเล 34,947.81 ไร่
• ป่าบนทเ่ี นิน 1,038.19 ไร่
• ระบบนิเวศไม้พืน้ ล่าง 2,288.75 ไร่
160
กำรกดั เซำะชำยฝง่ั
ชายฝ่ังทะเลของจังหวัดตรัง ครอบคลุมพื้นท่ี 4 อาเภอ 11 ตาบล โดยมีระยะทางแนวชายฝั่ง 135.14
กิโลเมตร จากข้อมูล สถานภาพการกัดเซาะชายฝั่งปี พ.ศ. 2562 พบการกัดเซาะเป็นระยะทางรวม 7.75 กิโลเมตร
มพี ื้นทีก่ ัดเซาะรุนแรง เป็นระยะทาง 0.39 กโิ ลเมตร
ที่มำ : รายงานสถานการณด์ ้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ และการกดั เซาะชายฝง่ั ของประเทศไทย พ.ศ. 2563
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั
161
จังหวัดสตูล
พื้นทีต่ าบลในเขตชายฝ่ังและพน้ื ท่ใี นทะเล 4,469,299 ไร่
พ้ืนท่ใี นทะเล
ตาบลในเขตชายฝั่ง อาเภอในเขตชายฝัง่ พื้นที่ตาบลในเขตชายฝั่ง 3,440,499 ไร่
นา่ นน้าของรัฐ นา่ นน้าระหว่างประเทศ
21 ตาบล 4 อาเภอ 1,028,800 3,440,499 -
ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั
แนวปะการัง หญา้ ทะเล ป่าชายเลน เกาะ หาด
13,427 ไร่ 2,796 ไร่ 239,578.28 ไร่ 109 แห่ง 35 แห่ง
อยู่ใน อยนู่ อก อยูใ่ น อยู่นอก อยใู่ นพน้ื ที่ อยู่นอก อยู่ใน อยนู่ อก อยู่ใน อยู่นอก
อทุ ยาน พน้ื ที่ พนื้ ที่ พ้ืนท่ี พน้ื ท่ี พืน้ ท่ี
พ้ืนที่ พ้ืนที่ พืน้ ที่ พนื้ ท่ี อทุ ยาน อทุ ยาน อทุ ยาน อุทยาน
อทุ ยาน
อุทยาน อทุ ยาน อุทยาน อุทยาน 63 46 32 3
5,385.28 234,193
12,314 1,113 608 2,189
พน้ื ท่อี นรุ ักษฯ์ ในเขตจงั หวดั ชายฝั่งทะเล
อทุ ยานแหง่ ชาติ ปา่ สงวนแห่งชาติ เขตหา้ มล่าสัตวป์ ่า เขตรกั ษาพนั ธส์ ัตวป์ ่า พน้ื ทคี่ มุ้ ครองส่ิงแวดล้อม
3 แห่ง 18 แห่ง 1 แห่ง 2 แห่ง -
อาณาเขตทางทะเลประเทศไทย เขตตอ่ เนือ่ ง เขตเศรษฐกจิ พนื้ ทพ่ี ัฒนาร่วม
น่านน้าภายใน ทะเลอาณาเขต - จาเพาะ ไทย-มาเลเซีย
1,226,599 ไร่ 2,213,900 ไร่ - -
ทม่ี า : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม
162
สถำนกำรณด์ ้ำนทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝ่ังและกำรกดั เซำะชำยฝง่ั จงั หวดั สตลู
มพี นื้ ที่ทัง้ หมด 1,028,765.30 ไร่ มพี ื้นท่ีในความรับผดิ ชอบครอบคลุม 14 ตาบล 4 อาเภอ
ชายฝั่งทะเลยาวรวมประมาณ 161.27 กโิ ลเมตร ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังที่สาคัญ ได้แก่
• แนวปะการงั
• แหล่งหญ้าทะเล
• ปา่ ชายเลน
• สัตวท์ ะเลหายากและใกลส้ ูญพนั ธุ์
• ป่าชายเลน และปา่ ชายหาด
สถำนภำพระบบนเิ วศที่สำคัญ
1) แนวปะกำรงั
จังหวัดสตูล มีพ้ืนท่ีแนวปะการังประมาณ 13,427 ไร่ (21.5 ตร.กม.) ส่วนใหญ่อยู่ในเขตพ้ืนท่ีอุทยาน
แห่งชาติทางทะเล จึงจาเป็นต้องใช้ข้อมูลรายงานการสารวจในปี พ.ศ. 2562 โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและ
พันธ์ุพืช คิดเป็นพ้ืนท่ี 2,004 ไร่ หรือร้อยละ 14.9 ของพื้นที่ แนวปะการังท้ังหมดส่วนใหญ่สถานภาพมีแนวโน้มคงท่ี
โดยท่ีแนวปะการังที่อยู่ในสถานภาพแนวปะการังสมบูรณ์ดีมาก ได้แก่ เกาะราวีด้านตะวันออก เกาะบูตังด้านใต้
และเกาะหินงาม แนวปะการังท่ีอยู่ในสถานภาพแนวปะการังสมบูรณ์ดี ได้แก่ เกาะราวีด้านตะวันออกเฉียงใต้ และ
เกาะอาดงั ดา้ นตะวนั ตก และแนวปะการังท่ีอยูใ่ น สถานภาพสมบรู ณ์ปานกลาง ไดแ้ ก่ เกาะบูตังด้านเหนือ ซ่ึงสาเหตุ
หลักของความเส่ือมโทรมเกิดจากผลกระทบจากการท่องเท่ียว การท้ิงสมอเรือ ขยะในแนวปะการัง และ การใช้ยา
เบ่ือปลา
2) แหล่งหญ้ำทะเล
จังหวัดสตูลมหี ญ้าทะเลจานวน 2,797 ไร่ จากขอ้ มูล การสารวจในปี พ.ศ. 2563 ครอบคลมุ พื้นที่ แหล่งหญ้า
ทะเลเดิม 118 ไร่ หรือร้อยละ 4.2 ของ แหล่งหญ้าทะเลของจังหวัด พบว่าแหล่งหญ้าทะเล มีแนวโน้มการ
เปลี่ยนแปลงเพ่ิมข้ึนเม่ือเทียบกับใน ข้อมูลอดีต บริเวณบ้านตันหยงโป และบ้านปากบารา มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
คงทเี่ มอื่ เทยี บกบั ในขอ้ มูลอดตี บรเิ วณหมเู่ กาะลิดี และเกาะเกวเลก็ และมแี นวโนม้ การเปลย่ี นแปลงเส่ือมโทรมลงข้ึน
เม่อื เทียบกับในขอ้ มลู อดตี บริเวณ เกาะผี เกาะสามใหญ่ บา้ นบากนั โตะทดิ เกาะตนั หยงอมุ า และเกาะฮันตู
163
3) สตั วท์ ะเลหำยำกและใกลส้ ูญพันธุ์
จังหวัดสตูล พบสัตว์ทะเลหายากจานวน 7 ชนิด ได้แก่ เต่าตนุ โลมาและวาฬ 5 ชนิด และพะยูน ในช่วง
พ.ศ. 2563 พบการเกยต้ืนของสัตว์ทะเลหายากรวม 3 ตัว ได้แก่ เต่าทะเล จานวน 2 ตัว ลดลงจากปี พ.ศ. 2562
ซ่งึ มจี านวน 5 ตวั โลมาและวาฬ จานวน 1 ตัว เท่ากับปี พ.ศ. 2562 ส่วนพะยูนไมพ่ บการเกยตื้น ลดลงจากปี พ.ศ.
2562 ทมี่ ีจานวน 1 ตัว
สง่ิ แวดล้อมทำงทะเล
1) คณุ ภำพนำ้ ทะเล
ในปี พ.ศ. 2563 คุณภาพน้าทะเลมีแนวโน้มคงท่ี ท้ังนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2562 พบว่า สถานะดี
ลดลง จากร้อยละ 88 เป็น 86 สถานะพอใช้เพ่ิมข้ึนเป็นร้อยละ 14 จากร้อยละ 13 ท้ังน้ีไม่มีสถานะดีมาก เสื่อม
โทรมและ เสอ่ื มโทรมมาก
2) น้ำมันรั่วไหล
ในปี พ.ศ. 2563 ไม่พบน้ามนั ร่ัวไหล และก้อนน้ามันดินในจังหวัดสตลู
3) นำ้ ทะเลเปลยี่ นสี
ในช่วงปี พ.ศ. 2563 ไม่พบปรากฏการณ์น้าทะเลเปลย่ี นสี ในจงั หวัดสตลู
4) แมงกะพรุนพิษ
จากการสารวจตั้งแต่ปี 2553 พบแมงกะพรุนพิษท้ังสิ้น 3 ชนิด เป็นแมงกะพรุนในกลุ่ม Cubozoa หรือ
แมงกะพรุนกล่อง 2 ชนิด ได้แก่ Carukiidae (unidentifiable) Chiropsoides buitendijki และแมงกะพรุนกลุ่ม
Scyphozoa 1 ชนิด คือ แมงกะพรุนไฟ Chrysaora sp. ในปี พ.ศ. 2563 ไม่มีการรายงานพบผู้ป่วยจากพิษ
แมงกะพรุนพิษ
ป่ำชำยเลน ป่ำชำยหำด พรุ
จากข้อมลู การใช้ประโยชน์ทด่ี ินปา่ ชายเลนในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จังหวดั สตูล มีพนื้ ทีท่ ั้งหมด
339,744.28 ไร่ โดยแบง่ เป็น
1) ปา่ ชายเลน 239,576.28 ไร่
2) ปา่ ชายหาด 191.07 ไร่
3) ป่าพรุ 124.74 ไร่
4) พ้ืนท่ีอ่นื ๆ ได้แก่
• พืน้ ท่เี พาะเล้ียงสัตว์น้า 11,896.05 ไร่
• พื้นท่เี กษตรกรรม 37,357.07 ไร่
• เมอื งและสงิ่ ก่อสรา้ ง 4,019.33 ไร่
164
• ทา่ เทียบเรอื 54.75 ไร่
• เลนงอก/หาดเลน 7,637.22 ไร่
• หาดทราย 188.88 ไร่
• แมน่ ้า คูแพรก ขุมเหมืองทะเล 32,079.82 ไร่
• ปา่ บนที่เนนิ 3,760.69 ไร่
• ระบบนิเวศไม้พ้นื ล่าง 2,858.38 ไร่
กำรกดั เซำะชำยฝ่งั
ชายฝ่ังทะเลของจังหวัดสตูล ครอบคลุมพื้นที่ 14 ตาบล 4 อาเภอ โดยมีระยะทางแนวชายฝั่ง 161.27
กโิ ลเมตร จากขอ้ มลู สถานภาพการกดั เซาะชายฝัง่ ปี พ.ศ. 2562 พบการกดั เซาะเปน็ ระยะทางรวม 0.30 กิโลเมตร
ที่มำ : รายงานสถานการณด์ ้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั และการกัดเซาะชายฝ่งั ของประเทศไทย พ.ศ. 2563
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่งั
165
เรือ่ งท่ี 2 การใช้ประโยชน์ของทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝ่งั ภำคและประเทศไทยอยำ่ งเหมำะสม
และมคี วำมรับผิดชอบ
ประเทศไทยใชป้ ระโยชนจ์ ากการดาเนินกิจกรรมทางทะเล ดังน้ี
1. ดา้ นการประมง
การประมงทะเล แบง่ ออกเป็น 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่
1.1 การประมงชายฝงั่ (Inshore Fisheries) หรือประมงพ้ืนบ้าน (Artisanal Fisheries)
การท้าประมงด้วยการจับและเล้ียง สัตว์น้าในแหล่งน้ากร่อยและน้าเค็มตามบริเวณพ้ืนท่ีชายฝ่ังทะเลปากแม่น้าการ
ประมง เพ่ือยังชีพ หาอาหาร สร้างรายได้ และก่อให้เกิด การสร้างงานในท้องถ่ิน โดยใช้เรือหรือเครื่องมือ ประมง
ขนาดเล็ก อาทิ เรือพื้นบ้าน แหหรือ เบ็ดแบบง่าย ๆ ปัจจุบันเรือส่วนใหญ่จะติด เคร่ืองยนต์เข้าไปด้วย รวมถึงการใช้
ประโยชน์ จากพื้นท่ชี ายทะเลทม่ี นี า้ ท่วมถงึ บริเวณที่ดอน ชายน้า และปา่ ชายเลน ตลอดจนยา่ นนา้ ตน้ื ชายฝงั่ เพือ่ การ
เพาะเลี้ยงสัตว์น้า ซ่ึงปัจจุบันสัตว์น้าชายฝ่ังรายได้ให้แก่ประเทศเป็นจ้านวนมาก โดยจ้าหน่ายทั้งในรูปของสดและ
แปรรูปเป็นผลิตภณั ฑอ์ ย่างอน่ื
การเพาะเล้ียงสัตว์น้าชายฝั่ง ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการเล้ียงอย่างต่อเนื่อง เพ่ือทดแทนสัตว์น้า
ทะเลท่ไี ดจ้ ากการจับ ซ่งึ มีแนวโน้มลดลงแตย่ ังคงมีความต้องการสูง ชนิดสตั วน์ ้าที่เพาะเล้ียงกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่
กุ้งทะเล ปลาน้ากร่อย และหอยทะเล โดยจังหวัดท่ีมีการเพาะเล้ียงชายฝ่ังมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ จังหวัด
สมทุ รปราการ สมุทรสาคร จันทบุรี สุราษฏร์ธานี และสมุทรสงคราม
1.2 การประมงพาณิชย์ (Commercial Fisheries) ไม่ใช่การประมงเพือ่ ยังชพี แตเ่ ปน็
การประมงในเขตทะเลเพอ่ื แสวงหาก้าไร ส่วนใหญ่ธรุ กิจประมงแบบนี้ จะผูกพันกับเรือประมงที่จบั ปลาโดยใช้เรือและ
เครอ่ื งมือประมงขนาดกลางหรือใหญ่ มอี ุปกรณ์ท่ีทันสมัย เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการจับสัตว์น้า และจะใช้เวลาท้า
การประมงหลายวัน อาทิ อวนลาก อวนล้อม เบ็ดราวทะเลลึก หรืออวนลอย โดยทั่วไปเจ้าของเรือจะเป็น
ผู้ด้าเนินการเอง สัตว์น้าท่ีได้จะขาย้ทังในท้องถ่ินหรือตลาดค้าสัตว์น้าท่ีอยู่ในภาคกลาง อาทิ กรุงเทพมหานคร
สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ประมงพาณิชย์ ประกอบด้วย “ประมงน้าลึก” (Deep Sea Fisheries) หรือ “ประมง
นอกฝั่ง” (Offshore Fisheries) คือ การจับปลาในระยะห่างจากฝั่ง แต่ไม่เกินระยะ 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง
ซ่ึงส่วนใหญ่จะท้าในเขตน่านน้าไทย และ “ประมงสากล” หรือ “ประมงไกลบ้าน” (Distant Water Fisheries) คือ
การจับปลา ในน่านน้าอื่น อาทิ เขตทะเลของรัฐชายฝั่ งอื่น และมหาสมุทรท่ีอยู่เป็นระยะทางไกลจาก ท่าเรือของ
ประเทศนัน ๆ หรืออีกนัยหน่ึงเรียกว่า “ประมงนอกน่านน้า” (Overseas Fisheries) นอกจากจะจับสัตว์น้าแล้ว ยัง
อาจมีการแปรรูป สัตวน์ า้ แบบครบวงจรดว้ ย เพื่อเตรยี มสง่ ผลผลติ สู่ตลาดหรอื สง่ ไปจา้ หน่ายยงั ตา่ งประเทศ
2. ดา้ นการขนส่งและพาณชิ ยนาวี
3. ด้านการท่องเท่ียวและนนั ทนาการทางทะเล โดยมกี ิจกรรมการทอ่ งเทย่ี วทางทะเลทส่ี ้าคัญ ได้แก่
3.1 กิจกรรมดานา้ ดปู ะการัง เป็นการท่องเที่ยวท่ีใหน้ ักทอ่ งเที่ยว ได้ลงไปสัมผสั กบั โลกใตท้ ะเล ทม่ี ี
ความสวยงาม ตระการตา จุดด้าน้ามีหลายแห่งในทะเล แถบภาคตะวันออก เป็นศูนย์รวมคนรักธรรมชาติทางทะเล
สามารถพบปะแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ใหม่ ๆ ใต้ท้องทะเล และ สนุกเพลิดเพลินกับกิจกรรมด้าน้า พบฝูงปลา
มากมายหลากหลายชนดิ ใตท้ อ้ งทะเลสีคราม น้าทะเลใส ที่อุดมสมบูรณ์
166
3.2 กิจกรรมการแข่งขนั กีฬาทางทะเล
3.2.1 การแข่งขนั ตกปลา
3.2.2 การแลน่ เรือใบ – เรือยอชท์
3.2.3 การแข่งขนั เจต็ สกี
3.2.4 การแข่งขันเรือเร็ว
3.3 กจิ กรรมพกั ผ่อนและการชมทิวทัศน์ชายหาด
3.4 กจิ กรรมทางทะเลอ่นื ๆ
4. ดา้ นพลงั งาน
แหล่งปิโตรเลียม ปิโตรเลียมเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนที่เกิดจากซากสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ที่สะสม
ทับถมปนอยู่กับตะกอนดินท้ังบนบกและในทะเล โดยจะถูกแบคทีเรียและเชื้อราเปลี่ยนสภาพเป็นอินทรียวัตถุ
เมือ่ เวลาผ่านไปบรเิ วณดังกล่าวจะค่อย ๆ ทรุดตัวหรือจมลงภายใตผ้ ิวโลกลึกมากขึ้น และจากแรงกดที่เพิ่มมากข้นึ จาก
น้าหนักของชั้นตะกอนที่ทับถมอยู่ด้านบน ตลอดจนอุณหภูมิที่สูงขึ้น มีผลท้าให้อินทรียวัตถุแปรสภาพและสลายตัว
เปน็ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เรยี กว่า ปโิ ตรเลยี ม ซง่ึ ปิโตรเลยี มแบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ประเภท คือ
1. นา้ มนั ดิบ (Crude Oil) ซ่ึงมผี ลิตภัณฑท์ ่ีได้จากน้ามันดิบ อาทิ ก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือก๊าซหุงต้ม
น้ามันเชือ้ เพลิงรถยนต์ (เบนซนิ และดีเซล) น้ามนั เชือ้ เพลงิ เครือ่ งบนิ น้ามันก๊าด น้ามันเตา และยางมะตอย
2. ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากก๊าซธรรมชาติ อาทิ ก๊าซส้าหรับรถยนต์
(NGV และ LPG) เชอ้ื เพลิงในการผลติ กระแสไฟฟา้ อุตสาหกรรมถนอมอาหาร และ อตุ สาหกรรมน้าอดั ลมและเบยี ร์
3. ก๊าซธรรมชาติเหลว (Condensate) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ท่ีได้จากก๊าซธรรมชาติเหลว อาทิ เชื้อเพลิง
ในการผลติ กระแส ไฟฟา้ เชอ้ื เพลงิ ส้าหรบั ยานยนต์ (NGV) และเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม
5. ดา้ นอืน่ ๆ
5.1 อตุ สาหกรรมการต่อเรือ และซ่อมเรือ
5.2 การผลิตน้าจดื จากทะเล
5.3 การทา้ นาเกลือ
167
เรือ่ งท่ี 3 การมสี ว่ นร่วม ในกำรอนุรักษฟ์ น้ื ฟู พฒั นำ รักษำทรัพยำกรธรรมชำตทิ ำงทะเลและชำยฝั่ง
ในภมู ิภำคและประเทศไทย
กำรอนรุ กั ษ์ทำงทะเล หมายถึงการศึกษาการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลทางกายภาพ และ
ทรัพยากรทางทะเลทางชีวภาพตลอดจนระบบนิเวศ โดยเป็นการป้องกันและรักษาระบบนิเวศในมหาสมทุ รและทะเล
ผ่านการจัดการตามแผนเพื่อป้องกันการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้ การอนุรักษ์ทางทะเลเป็นผลมาจาก
ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมของเรา เช่น การสูญพันธุ์, การทาลายถ่ินฐานธรรมชาติ และการเปล่ียนแปลงของ
ระบบนิเวศ รวมถึงมุ่งเน้นไปที่การจากัดความเสียหายของมนุษย์ต่อระบบนิเวศทางทะเล, การฟื้นฟูระบบนิเวศทาง
ทะเลท่ีเสียหาย และรักษาสายพันธุ์ท่ีอ่อนแอ ตลอดจนระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตทางทะเล การอนุรักษ์ทางทะเลเป็น
ระเบียบวินัยท่ีคอ่ นข้างใหมซ่ ่ึงได้พัฒนาขึ้นเพ่ือตอบสนองต่อประเด็นทางชวี วทิ ยา เช่น การสูญพนั ธุ์ และทอ่ี ยู่อาศยั ใต้
ทะเลท่เี ปลย่ี นไป
1.ลดกำรใชถ้ งึ พลำสติก หรอื ใชว้ สั ดุทำงเลือกใหม่ทป่ี ลอดภัยกว่ำ
ทะเลของเราในแต่ละปีต้องเผชญิ กับมลภาวะจากถงุ พลาสติกประมาณ 17 ล้านปอนด์ท่ลี อยอยูต่ าม
บริเวณต่างๆ ของมหาสมุทร ในแต่ละนาทีจะมีการท้ิงขยะจากพรากสติกนับคันรถลงในทะเล และพวกมันก็ไม่ได้ลอย
หายไปไหน ดังน้ันส่ิงท่ีจะช่วยแก้ปัญหาในระยะยาวได้คือการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการท้ังหลายหันมาลดการใช้วัสดุ
พลาสตกิ กนั ใหน้ ้อยลง เช่น ชอ้ นซ้อม, หลอด, ถว้ ยกาแฟ, ขวดน้า, ถุงพลาสตกิ และฟลิ มถ์ นอมอาหาร
2.ลดกำรปล่อยคำรบ์ อนไดออกไซด์
คารบ์ อนไดออกไซด์ถอื เปน็ กา๊ ซเรือนกระจกทาใหม้ หาสมุทรของเราเป็นกรดมากยิ่งข้นึ ส่งิ นีม้ สี ว่ นทา
ให้เกิดความเสียหายแก่ปะการังในสเกลระดับโลก เน่ืองจากโครงกระดูกแคลเซียมในปะการังอ่อนแอลงจากกรด
ท่ีเพิ่มข้ึนของน้าทะเล เราช่วยแก้ได้คนละไม้คนละมืออย่าง่ายๆ เช่น ปั่นจักรยาน หรือ ใช้รถสารธณะแทนรถยนต์
ส่วนตัว, ปดิ ไฟทกุ ครั้งทีเ่ ลิกใช้งาน
3.ช่วยกนั ลดขยะบนชำยหำด
หนึ่งในปัญหาส่วนใหญค่ ือขยะบนชายหาดที่นักท่องเทย่ี วมกั จะท้งิ เอาไว้ ส่ิงน้ีเป็นมลพิษต่อทางทะเล
อย่างมาก เราควรจะช่วยกันเก็บขยะชายหาดเม่ือเสรจ็ ส้ินกิจกรรมแล้ว โดยไม่คานึงว่าขยะเหล่านี้เป็นของใคร การทา
แบบน้ีนอกจากจะช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติแล้ว ยังช่วยรักษาความสะอาดให้แก่ชายหาด ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของ
ทอ้ งถิ่น
168
4.ลดกำรซ้อื ผลิตภัณฑ์ทเี่ ปน็ ภยั ตอ่ ทะเล
มีผลิตภัณฑม์ ากมายท่ีมีส่วนในการทาร้ายสตั วใ์ กล้สูญพันธจ์ุ ากการจบั ของมนุษย์ อยา่ งเชน่
เครื่องสาอางท่ีทาจากฉลามสควาลีน, เคร่ืองประดับทาจากปะการังหรือกระดองเต่าทะเล นอกจากน้ีสินค้า
อานวยความสะดวกอย่าง พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวเช่นหลอดดดู นา้ , ขวดน้าพลาสติก ทีจ่ ะไปจบลงอยู่ในทะเลในท่สี ุด
กองอนรุ ักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั
169
เรื่องท่ี 4 ผลกระทบท่เี กดิ ข้ึนจำกกำรใช้ประโยชน์จำกทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝ่งั ในทอ้ งถิ่น
ตนเอง
ผลกระทบท่เี กิดข้ึนจากทะเล
1. ด้านการประมง
1.1 การเสอื่ มโทรมของทรัพยากรสตั ว์น้าทะเล
สาเหตุของการเส่ือมโทรมเกิดได้ท้ัง จากธรรมชาติ และจากการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ โดยการ
เสื่อมโทรมตามธรรมชาติ ได้แก่ การเปล่ียนแปลงกระแสน้า การพังทลายของดิน ตามชายฝั่งทะเล การเปล่ียนแปลง
อุณหภูมิ ของน้าในทะเล และการเกิดคลื่นลมอย่างรุนแรง สาเหตุตามธรรมชาติเหล่านี้ส่งผลต่อแหล่งวางไข่
แหลง่ ท่ีอยอู่ าศัย ขบวนการห่วงโซอ่ าหาร ซ่ึงท้าให้การด้ารงชีวติ ของสัตว์น้าเปลีย่ นแปลงไป ส่วนสาเหตทุ ี่เกิดจากการ
ใช้ประโยชน์ของมนุษย์ ได้แก่ การท้าประมงมากเกินไป ดังจะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของจ้านวนเรือประมง
ประสิทธิภาพของเรือประมง และเครื่องมือประมงมีมากกว่าจ้านวนทรัพยากรในธรรมชาติ และการฝ่าฝืนมาตรการ
อนรุ กั ษท์ รพั ยากรสัตว์น้า มีการทา้ ลายแหลง่ ที่อยู่อาศยั ของสัตว์น้า อันเป็นเหตุให้ทรัพยากรสัตวน์ ้าทะเล ของไทยเกิด
การเสื่อมโทรมอย่างรวดเรว็ และต่อเนือ่ ง
1.2 การทา้ การประมงผิดกฎหมาย
ประเทศไทยเป็นผ้สู ่งออกสินค้าสตั ว์น้าในลา้ ดับตน้ ของโลก ท้ารายได้เข้าสูป่ ระเทศ มหาศาล ในขณะ
ที่ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลให้ผลผลิตประมงมูลค่ามากมาย แต่กลับประสบปัญหาความเสื่อมโทรมจากการท้า
ประมงมากเกินไป (Overfishing) โดยเฉพาะเคร่ืองมือที่มีการท้าลายสูง (เคร่ืองมือท่ีไม่สามารถคัดเลือกสัตว์น้า
เป้าหมายได้) อาทิ อวนลาก และอวนรุน นอกจากน้ี การละเลยในการประกอบกิจการประมงที่ไม่เป็นไป
ตามกฎหมาย อาทิ การไม่จดทะเบียนเรือ และการไม่มีการรายงานผลการท้าการประมง ท้าให้เข้าข่ายการท้าการ
ประมงท่ีผิดกฏหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing: IUU
Fishing) ซึ่งรัฐบาลไทยได้ก้าหนดมาตรการ เพ่ือแก้ไขปัญหา IUU Fishing อย่างเข้มงวด อาทิ การจดทะเบียน
เรือประมง การติดต้ังระบบติดตามเรือ การออกพระราชก้าหนดการประมง พ.ศ. 2558 พระราชก้าหนดการประมง
(ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2560 และ กฎหมายลา้ ดบั รอง และการกา้ หนดจา้ นวน วนั ท้าการประมง
1.3 การใช้แรงงานผิดกฎหมายและ การค้ามนษุ ย์
ความนิยมในการท้างานภาคประมงของคนไทยลดลง สวนทางกับภาคเอกชนของไทย ที่มีความ
ต้องการใช้แรงงานภาคประมงในปริมาณมากและราคาถูก ประกอบกับปัญหา เศรษฐกิจภายในของประเทศ
เพอ่ื นบ้าน ท้าให้มผี ู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากประเทศเพอ่ื นบ้าน ถูกจา้ งมาเป็นแรงงาน หรือถกู หลอกให้มา
ท้างานบนเรือประมง โดยนายหน้าจัดหางาน ส่งผลให้มีการด้าเนินการ ในรูปแบบของขบวนการลักลอบขนคนข้าม
ชาติ และการค้ามนุษย์ขา้ มชาติ ซึ่งผลจากการคา้ มนุษย์ในอตุ สาหกรรมการประมง ส่งผลกระทบต่อภาพลกั ษณ์และ
ความเสียหายต่อการส่งออกสินค้าประมงของไทยอีกด้วย ท้ังนี้ สหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่รายงาน สถานการณ์การค้า
มนุษย์ประจ้าปี 2017 โดยปรบั เปลี่ยนสถานะให้ประเทศไทยอยู่ใน บัญชีที่มีการค้ามนุษย์จากระดับ Tier 3 เป็น Tier
2 Watch List (แบบต้องจับตามอง เป็นพิเศษ) และเป็น Tier 2 แม้ว่าไทยจะ ถูกปรับเปลี่ยนดีข้ึน แต่ยังคงส่งผล
กระทบต่อ ภาพพจน์ของสินค้าประมงของไทยในตลาด สหรัฐฯ และตลาดอื่น ๆ ที่อาจน้าไปเป็นข้ออ้าง ในการกีดกัน
ทางการคา้ โดยไทยยังคงแกไ้ ข ปัญหาอย่างตอ่ เนอ่ื งเพอื่ ใหแ้ รงงานเข้าสู่ ระบบอยา่ งถกู ตอ้ งตามกฎหมาย
170
2. ด้านการขนส่งและพาณิชยนาวี
2.1 นา้ มันรวั่ ในทะเล
การร่ัวไหลของน้ามันมีทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติ อาทิ รั่วจากแหล่งน้ามันใต้ดิน และเกิดจากกิจกรรม
ของมนุษย์ อาทิ การขุดเจาะน้ามัน การลักลอบปล่อยทิ้งสู่ทะเล กิจกรรมการขนส่งทางทะเลและอุบัติเหตุจากเรือ
ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อปี 2556 ได้เกิดเหตุท่อรับน้ามันในเรือบรรทุกน้ามันดิบ รั่วท้าให้น้ามันรั่วไหลลงสู่ทะเลบริเวณ
ท่าเทียบเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีปริมาณ 50,000 ลิตร และได้ถูกคล่ืนลมทะเลซัดขึ้น
ชายหาดเป็น ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร บริเวณชายหาด อ่าวพร้าวของเกาะเสม็ด ท้าให้ชายหาดกลายเป็นสีด้า
จนต้องมีการประกาศ ให้เป็นพื้นท่ีภัยพิบัติทางทะเล ซึ่งเป็นเหตุการณ์ท่ีมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อม และระบบนิเวศอย่างชัดเจน รวมไปถึงอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว การประมง และการเพาะเล้ียงชายฝ่ัง
และยังส่งผลถึงมนุษยอ์ ีกด้วย เนอ่ื งจากสารพิษตา่ ง ๆ จะเกดิ การสะสมอยู่ในห่วงโซ่อาหารตั้งแตผ่ ู้ผลิต (แพลงก์ตอน
พืช) ผ้บู รโิ ภคขัน้ ตน้ (แพลงก์ตอน สัตว/์ ปลา) จนถงึ ผู้บริโภคขน้ั สุดท้ายซึง่ ก็คอื มนุษยน์ นั่ เอง
2.2 การลักลอบขนส่งผดิ กฎหมาย
มีการท้าเป็นเครือข่าย โดยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติท่ีใช้ เรือสินค้า เรือท่องเที่ยว และเรือประมง
เป็นพาหนะในการกระท้าผดิ การลักลอบล้าเลยี งสง่ิ ผิดกฎหมาย อาทิ น้ามนั เถ่อื น ซ่ึงส่งผลกระทบตอ่ การจัดเก็บภาษี
ของรัฐและยังก่อให้เกิดความเส่ียงต่ออบุ ัตกิ ารณ์ ทางทะเล อนั มผี ลกระทบตอ่ ความหลากหลาย ทางชีวภาพและความ
ย่ังยืนของทรัพยากร ธรรมชาติในท้องทะเล และยาเสพติด ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศ เป็นภัยร้ายแรง ของสังคม
ท่ีทกุ ประเทศใหค้ วามสา้ คัญ ในการแกไ้ ขปญั หา
2.3 การก่อการร้ายและการกระทาอนั เปน็ โจรสลดั
ไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาการก่อการร้ายสากลจากการที่สมาชิกกลุ่มก่อการร้าย เข้ามาจัดหา
เอกสารเดินทางปลอม และชิ้นส่วน หรือสารประกอบระเบิด เพ่ือน้าไปใช้ก่อเหตุ ในประเทศท่ีสาม หรือเป็นเส้นทาง
คมนาคม ทางทะเลในลักษณะหลบหนีเข้าเมอื งผิดกฎหมาย และลกั ลอบขนอาวุธ โดยมีเปา้ หมายเป็น การก่อการร้าย
นอกจากนี้ ไทยประสบปัญหาภัยคุกคามจากโจรสลัด ได้แก่ อ่าวเอเดน เขตน่านน้าโซมาเลีย อ่าวกินีเขตน่านน้า
แอฟริกา ตะวันออก และช่องแคบมะละกาและทะเลจีนใต้ การก่อการร้ายและการคุกคามของโจรสลัด เป็นสิ่งท่ีต้อง
เตรยี มความพรอ้ มและอาศัย ความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศเพือ่ ปอ้ งกัน การเกดิ ข้ึน
171
3. ดา้ นการท่องเท่ียวและนันทนาการทางทะเล
3.1 ความเสอ่ื มโทรมของแหลง่ ท่องเที่ยวทางทะเล
อันเนื่องมาจากการพัฒนาการท่องเท่ียวที่เพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็วก้าลังก่อให้เกิด อาทิ การท้ิงขยะลงใน
ทะเล เรือทอ่ งเทยี่ วทอดสมอท้าลายแนวปะการัง การจับสัตวท์ ะเลหายากข้ึนมาโชว์นกั ทอ่ งเท่ียวบนเรือ โดยทีส่ าเหตุ
หลัก เกิดจากผู้ประกอบการท่องเท่ียว รวมถึง ตัวนักท่องเที่ยวเองขาดความเข้าใจและขาดการมีส่วนร่วมในการ
อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยในสว่ นของหน่วยงานทีร่ บั ผดิ ชอบ กย็ งั ขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ใน
การบริหารจัดการพน้ื ที่ ทา้ ใหก้ ฎระเบยี บตา่ ง ๆ ไมส่ ามารถใชค้ วบคมุ จัดการได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ
3.2 ขยะทะเล
ของเสยี ที่เกิดจากกระทา้ ของมนษุ ย์ ทงั้ โดยตรง ได้แก่ การทิ้งขยะลงทะเล ระบบการจดั การขยะด้อย
ประสิทธภิ าพ และโดยอ้อม ได้แก่ การทิ้งขยะลงแม่น้าล้าคลอง ลมและน้าพัดพาจากชุมชนออกสู่ทะเล ซ่ึงขยะทะเล
มาจาก 2 แหล่งหลัก คือ 1) จากทะเล อาทิ การขนส่งทางเรือ เรือส้าราญ และเรือท่องเที่ยว เรือประมง แท่นขุดเจาะ
น้ามันและก๊าซ การเพาะเล้ียงสัตว์และพืชน้าในทะเล และ 2) จากแผ่นดิน อาทิ จากแหล่งอุตสาหกรรม บริเวณ
ชายฝั่ง การขนสง่ จากแม่นา้ บริเวณชายฝ่ัง ของเสียทป่ี ล่อยออกมาจากบ้านเรอื น การทง้ิ ขยะจากการท่องเทย่ี วบรเิ วณ
ชายฝั่ง ขยะที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งขยะดังกล่าวเป็นขยะพลาสติก มีน้าหนักเบาและไม่สามารถย่อย
สลายได้ในเวลาอันส้ันจึงถูกพัดพาไปโดยคล่ืนลม กระแสน้า และน้าข้ึนน้าลง ซึ่งขยะพลาสติกส่วนใหญ่ มาจาก
ของใช้ในชีวิตประจ้าวัน อาทิ ถุง ขวด ภาชนะใส่อาหาร และวัสดุที่ใช้ในการบรรจุหีบห่อ และผลิตภัณฑ์
อุตสาหกรรม รวมทั้งเคร่ืองมือประมง ซ่ึงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง อาทิ การตายของสัตว์ทะเลหายาก
และใกล้สูญพันธุ์จากการกินขยะจ้าพวกพลาสติก และในส่วนของด้านอาหาร ซ่ึงปัจจุบันทั่วโลกได้ให้ความส้าคัญกับ
ไมโครพลาสติก ท่ีขณะนี้ปะปนอยู่ในห่วงโซ่อาหารและสามารถถ่ายทอดมาสู่มนุษย์โดยผ่านอาหารทะเลที่เราใช้
บริโภค
4. ดา้ นพลงั งาน
การส้ารวจและการผลิต และสิ่งติดตั้งที่ใช้ประกอบกิจการปิโตรเลียมในทะเล โดยกระบวนการดังกล่าว
ล้วนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและส่ิงแวดล้อมทางทะเล รวมทั้งผลกระทบต่อมนุษย์ อาทิ การขุดเจาะเพ่ือส้ารวจ
น้ามันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซ่ึงอาจท้าให้เกิดการร่ัวไหลของน้ามันลงสู่ท้องทะเล ส่งผลต่อระบบนิเวศท้าให้สัตว์น้า
มีปริมาณลงลดเนื่องจากปรับตัวไม่ได้และได้ตายลงไป และไอระเหยจากก๊าซธรรมชาติ ท่ีได้ส่งผลกระทบต่อ
ส่ิงแวดล้อมอย่างรุนแรง โดยปนเป้ือนอยู่ในอากาศ ดิน และแหล่งน้า ต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งน้าดื่ม น้าใช้ รวมท้ัง
น้าเพื่อการเกษตรและการประมง ทั้งนี้ พื้นท่ีทะเลด้านอ่าวไทย มีแท่นปิโตรเลียมท้ังหมด 452 แท่น ซ่ึงจะทยอย
หมดอายุสัมปทานและการใชง้ าน ตงั้ แต่ปี 2562 เป็นต้นไป ตามล้าดับ เมื่ออายุสัมปทานสง่ิ ติดตั้งทใ่ี ช้ประกอบกิจการ
ปโิ ตรเลียมหมดลง จา้ เป็นต้องมีการพิจารณาทางเลือกการรื้อถอนเพื่อให้ได้ทางเลือกที่เหมาะสม โดยไม่สง่ ผลกระทบ
ต่อระบบ นิเวศวิทยา
172
5. ด้านอืน่ ๆ
5.1 สนึ ามิ
เป็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ ซ่ึงมักปรากฏหลังแผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม การระเบิดของภูเขาไฟ
ใต้ทะเล และอุกกาบาต ซ่ึงมีความรุนแรงและสร้างความเสียหายต่อทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ทรัพยากรธรรมชาติและ
สิง่ แวดล้อม รวมถงึ เศรษฐกิจอีกด้วย ท้ังน้ี เมื่อปี 2547 ได้เกดิ เหตุการณ์สนึ ามิในประเทศไทย ในจังหวดั ภูเกต็ พังงา
ระนอง กระบี่ ตรัง และสตูล ท้าให้มี ผู้เสียชีวิต ประมาณ 5,400 คน บาดเจ็บกว่า 8,000 คน และ สูญหายอีก
มากมาย บา้ นเรอื นประชาชน รีสอร์ท และโรงแรม ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ อาทิ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์
ถนน มลู ค่าความเสยี หายกว่า 1,000 ล้านบาท
5.2 การกดั เซาะชายฝ่ัง
ปัจจัยท่ีก่อให้เกิดการกัดเซาะชายฝ่ัง ได้แก่ 1) จากธรรมชาติ อาทิ ลมมรสุม คล่ืน และกระแสน้า
ชายฝ่ัง 2) จากการกระท้าของมนุษย์ อาทิ การก่อสร้าง การบุกรุกป่าชายเลน และการสูบน้าบาดาล ซึ่งส่งผล
กระทบในด้านสิ่งแวดล้อม ทา้ ให้ระบบนเิ วศชายฝั่งเสยี สมดุลและจา้ นวนสัตว์น้าลดลง ด้านสังคม เกิดการสญู เสียที่อยู่
อาศัย ท้าให้ประชาชนต้องอพยพย้ายถ่ินฐานไปยังพ้ืนที่อื่น และด้านเศรษฐกิจ กระทบต่อรายได้ของภาคการ
ท่องเท่ียว และการลงทนุ ของภาคธรุ กจิ ในอนาคต
จากการส้ารวจแนวชายฝั่งประเทศไทยปี 2560 โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบพื้นที่
กัดเซาะชายฝ่ังได้ด้าเนินการแก้ไขแล้วเป็นระยะทาง ประมาณ 559 กิโลเมตร จากระยะทางประมาณ 800 กิโลเมตร
คิดเป็นประมาณ ร้อยละ 18 ของ แนวชายฝั่ง คงเหลือพื้นท่ีกัดเซาะท่ียังไม่รับการ แก้ไขเป็นระยะทางประมาณ 145
กิโลเมตร คิดเป็นประมาณ ร้อยละ 5 ของความยาว ชายฝ่ัง และพ้ืนที่ที่ไม่มีปัญหาการกัดเซาะ ระยะทาง 2,447
กโิ ลเมตร คิดเป็น ประมาณ ร้อยละ 77 ของแนวชายฝัง่
5.3 การบริหารจดั การ
การแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติจากทะเลยังขาดความรับผิดชอบและการควบคุม
ส่งผลให้ส่ิงแวดล้อมทางทะเลได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวางและความหลากหลายทางชีวภาพลดลงอย่างรวดเร็ว
ปัญหาที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างรุนแรง อาทิ นักท่องเท่ียวท่ีขาดความรับผิดชอบ
การสรา้ งสิง่ ปลูกสรา้ งทไ่ี มค่ ้านึงถงึ ผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดล้อม การท้าการประมงผดิ กฎหมาย
นอกจากนี้ ยังเกิดจากการไม่ได้รับความร่วมมือ ในการปกป้องและดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเล
และชายฝั่ง จากประชาชนเท่าที่ควร และขาดมาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดส้าหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ
ทง้ั ผู้ประกอบการและนักทอ่ งเท่ียว
173
เร่อื งท่ี 5 วิธใี นกำรปอ้ งกนั และอนรุ ักษ์ ฟน้ื ฟู พฒั นำ รักษำทรัพยำกรธรรมชำติทำงทะเลและชำยฝั่ง
ภำคและประเทศไทย
ทะเลไทยทงั้ สองฝั่งมคี วามสาคญั พอๆกันไม่ว่าฝ่งั อ่าวไทยหรือฝง่ั อันดามนั เพราะต่างกเ็ ปน็ สมบัติ
อันเลอคา่ ของชาตแิ ละของโลก ปัจจุบนั ยังมนี ักทอ่ งเทีย่ วจากท่ัวโลกมากมาย อยากมาสัมผัสและชน่ื ชมกับธรรมชาติ
ทางทะเลที่สวยงามของไทย จึงกล่าวได้ว่ามรดกทางทะเลของไทยน้ันเป็นมรดกของคนทั้งโลกด้วยเช่นกัน เพยี งแต่มัน
อยู่ในอาณาเขตซ่ึงเปน็ บา้ นของเรา ดงั นั้น เมอ่ื ทรัพยากรเหล่านอ้ี ยใู่ นบ้านของเรา จงึ จาเปน็ อยา่ งย่งิ ทเ่ี ราจะต้อง
วิธีอนุรกั ษท์ ะเลไทยทเ่ี รำทำได้
1. ไม่ทงิ้ ขยะลงทะเล
หน่งึ ในสาเหตุการตายของสตั วน์ ้า ทน่ี ่าเวทนาทีส่ ดุ ก็คงจะหนีไม่พ้นการกลืนกินพลาสตกิ , ยาง, ถุง
หรอื สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เมื่อสัตว์น้ากินเข้าไปแล้วก็อาจจะเข้าไปพันภายในลาไส้ หรือกระเพาะไม่สามารถที่จะย่อย
ส่ิงแปลกปลอมเหล่านั้นได้ สัตว์น้าเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ ตายลงในที่สุด ความจริงแล้วเราไม่จาเป็นที่จะต้องมีผู้ท่ีมีจิต
อาสา มาคอยเดินเก็บขยะตามชายหาดดว้ ยซา้ ไป
ควรทำ ทุกคนควรรู้หนา้ ที่ของตนเอง เม่ือมีขยะเกิดขน้ึ เราทกุ คนกต็ อ้ งนาไปทิง้ ท่ีถังขยะ หรือถ้าไม่
มีถังขยะต้ังอยู่ในละแวกนั้น ก็เก็บไว้ท้ิงเมื่อถึงที่ ๆ มีถังขยะ เท่านี้ท้องทะเลก็จะใสสะอาดมากขนึ้ และสัตว์น้าก็ไม่ต้อง
ตายอย่างน่าสงสาร เม่ือนาอะไรไป ให้นาสงิ่ น้นั กลบั มา ไมท่ ้งิ อะไรไวใ้ นธรรมชาติ ช่วยกันเก็บขยะทีอ่ ันตราย เช่น เศษ
แกว้ ฯลฯ ไปทิ้งในจดุ ทีเ่ หมาะสม
2. กำรให้อำหำรสัตวใ์ นแนวปะกำรงั คือกำรฆ่ำสัตว์
ปลาท่ีกนิ อาหารของเรามีเพียงบางชนดิ คดิ เป็นไม่ถงึ รอ้ ยละ 10 ของปลาทง้ั หมดในแนวปะการัง
พวกท่ีมากินอาหารจากเรา เป็นกลุ่มปลาก้าวร้าว จะยึดพ้ืนท่ีและไล่ปลาอื่นออกไปนอกจากปลา สัตว์น้าอ่ืนที่มากิน
เช่น เต่าทะเล จะเกิดความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม อาหารท่ีมนุษย์ให้ไม่ใช่อาหารธรรมชาติ สัตว์ไม่ตายเพราะอด
อาหาร แต่สัตว์อาจตายเพราะเราให้อาหาร น่ันเป็นข้อเท็จจริงท่ีพิสูจน์แล้ว และเป็นกฎระเบียบของทะเลในเขต
อนุรักษท์ ั่วโลก
ควรทำ ไม่สนับสนุนทวั รท์ ี่ใหอ้ าหารสัตวน์ ้าเดด็ ขาด บอกกล่าวให้คุณไกด์ฟังว่าอยา่ ทาเลยนะ หาก
ไมเ่ ปน็ ผล รายงานเหตกุ ารณท์ ีเ่ กิดขนึ้ หากมที ัวร์ใดให้อาหารปลาในอุทยาน แจ้งเจ้าหน้าที่ โพสตใ์ นสอ่ื โซเชยี ล ฯลฯ
อุทยานแห่งชาติทางทะเลมีประกาศห้ามให้อาหารปลาในเขตอุทยาน เช่น หมู่เกาะสุรินทร์ สิมิลัน พีพี ฯลฯ ช่วยกัน
เป็นหูเป็นตาในเรอื่ งน้ดี ้วย
174
3. จับสัตวเ์ ทำ่ กบั ทำร้ำยสตั ว์
สตั ว์ทะเลทกุ ชนดิ บอบบาง ไมไ่ ดว้ ิวัฒนาการมาให้มนุษย์จบั เลน่ ส่งิ ทเ่ี ราคิดวา่ ไม่เหน็ มีอะไร อาจ
หมายถึงเราทาร้ายสัตว์ให้บาดเจ็บ และตามวิถีธรรมชาติ สัตว์ที่บาดเจ็บจะรอดยาก ดาวทะเลที่เกาะกับหิน โดนดึง
ขึ้นมา เท้าดูดของดาวทะเลจะฉีกขาดจนบาดเจ็บ ปลิงทะเลที่กาลังกินอาหาร ถูกจับแล้วจะเลิกพฤติกรรมหากิน
แต่จะกลัวจนอยู่นิ่ง กลายเป็นกล้ิงไปมาล่อเป้าศัตรู ปลาปักเป้าที่ถูกแหย่จนพอง ต้องใช้พลังงานมากมายในการทา
เช่นนั้น กว่าจะกลับเป็นปกติใช้เวลานาน สัตว์ทุกชนิดมีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกและพฤติกรรม การแตะต้องหรือจับ
สตั ว์คือการรังแกและทาร้ายสตั ว์โดยตรง
ควรทำ คิดว่าทะเลคอื บ้านของสรรพสตั ว์ เราเปน็ แขก เราเข้าไปเย่ยี มบ้าน ขอแค่ปฏิบัติตัวอย่าง
สภุ าพ บอกกบั ไกดห์ รอื ใครก็ได้ท่คี ดิ จบั สัตวม์ าให้เราดู บอกวา่ ไม่ต้องหรอก เรายนิ ดเี ห็นสตั วท์ มี่ ีความสขุ แบบไกลๆ
มากกว่าเห็นสตั วท์ ่ีมคี วามทุกขแ์ บบใกล้ๆ เรามาเที่ยว เราไม่ไดม้ ารังแกสัตว์
4. กำรท้งิ สมอทำให้ปะกำรงั พนิ ำศส้ิน
เม่ือทนุ่ ไม่พอ หรือทุน่ อยู่นอกแนวปะการงั เรอื บางลาจะทิง้ สมอแบบเอาง่ายเขา้ วา่ สมอทีต่ กลงไป
ไม่ทาลายเพียงจุดเดียว แต่เรือโดนคล่ืนโดนกระแสน้า จะลากสมอทาลายแนวปะการังพังเป็นแถบ ใบพัดเรือท่ีป่ัน
ทรายฟ้งุ ข้ึนมาคอื ความตายของปะการังน้าตน้ื หรอื บางครัง้ เรือใหญอ่ าจไปครดู หรอื กระแทกปะการัง ให้หกั พังทลาย
5. เลอื กกนิ เลือกซ้ือ
สัตว์ทะเลบางชนิดไม่ควรกนิ เพราะใกล้สูญพันธุ์แลว้ เช่น หฉู ลาม (ครบี ฉลาม) ปลานกแกว้ (ช่วย
ควบคุมสาหร่ายในแนวปะการัง) ฯลฯ การซ้ือปะการัง เปลือกหอยมือเสือ กัลปังหา มาตกแต่งบ้านหรือเป็น
เคร่ืองประดับ คือการทาร้ายทะเลอย่างแท้จริง อีกทั้งยังผิดกฎหมายประมง ห้ามจาหน่ายห้ามครอบครองซากสัตว์
เหลา่ นี้
ควรทำ – สงสารสัตว์บ้าง หฉู ลามจะอร่อยแคไ่ หน หากมีท่มี าจากความทรมานจนตายของฉลาม
ก็ไม่คุ้มกัน ซากปะการังไม่ได้ทาให้บ้านดูดีเป็นบ้านอิงธรรมชาติ เพราะการทาลายบ้านปลามาเป็นบ้านเรา มันคงไม่
องิ ธรรมชาติ
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1077002212314981&set=a.109442282404317
175
หนว่ ยที่ 5
กฎหมำยและหน่วยงำนทำงทะเล
ผลกำรเรยี นรู้
1. บอกองค์กรและหนว่ ยงานรับผดิ ชอบในการรักษาผลประโยชนข์ องชาติทางทะเลในภาคและประเทศไทย
2. ปฏิบัติตามกฎ กตกิ ากฎหมายไทยท่ีเกย่ี วข้องกบั ทะเลในภาคและประเทศไทย
3. เผยแพรแ่ นวปฏบิ ตั ิ และกฎหมายทางทะเลผ่านรูปแบบต่างๆ
สำระกำรเรียนรู้
1.รบั ผิดชอบในการรักษาผลประโยชนข์ องชาติทางทะเลในภาคและประเทศไทย
2.กฎ กตกิ ากฎหมายไทยท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ทะเลในภาคและประเทศไทย
3.แนวปฏิบัติ และกฎหมายทางทะเล
176
เรือ่ งท่ี 1 กฎหมำยไทยทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับทะเลในภมู ิภำคและประเทศไทย
ประเทศไทยมรี ูปแบบการใชท้ ะเลทห่ี ลากหลาย ไดแ้ ก่ เชน่ การทาการประมง การเพาะเลี้ยงสตั ว์น้า
ชายฝง่ั การขนส่งทางน้า การท่องเทีย่ ว และอุตสาหกรรม เปน็ ตน้ อยา่ งไรกด็ ี ถา้ คนไทยยังใช้ประโยชนจ์ ากทะเลอยา่ ง
ไม่ระมัดระวัง ก็อาจทาให้เกิดการสูญเสียผลประโยชน์อันมีค่าไปอย่างไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ และอาจจะส่งผล
กระทบต่อความเจริญกา้ วหน้าทางดา้ นเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ดังนน้ั ประเทศไทยจึงมีความจาเป็นท่ีจะต้อง
มีการอนุรกั ษท์ รพั ยากรและสงิ่ แวดล้อมทางทะเลควบคู่ไปกับการแสวงหาผลประโยชนจ์ ากทะเลในด้านตา่ งๆ
เพ่ือเป็นการแก้ไขปัญหาและรักษาผลประโยชน์ของชาติให้ย่ังยืนตอ่ ไปในอนาคต รัฐบาลควรจะต้อง
มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ โดยมีเครื่องมือท่ีทันสมัยและเหมาะสมมาเป็นกลไกในการดาเนินการ ซึ่งเครื่องมือ
หน่งึ ทสี่ าคญั สาหรับขับเคล่อื นการบริหารจัดการให้เป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ ได้แก่ กฎหมาย สาหรบั บทบัญญตั ิทาง
กฎหมายทีเ่ ก่ียวข้องกบั การใช้ทะเลของประเทศไทยก็มีอยู่หลายฉบับ หากแต่กฎหมายเหล่านส้ี ว่ นใหญ่ยงั ไม่สอดคลอ้ ง
กับบทบญั ญัตขิ องอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 ซงึ่ ถอื วา่ เป็นกฎหมายแมบ่ ททางทะเลของ
โลก ซ่ึงจากการท่ีประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญากล่าวจึงจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องมีการปรับปรุง
กฏหมายเหล่าน้ีต่อไปโดยไม่ชักช้าเพื่อให้ครอบคลุมท้ังสิทธิและหน้าที่ท่ีประเทศไทยพึงมีอย่างเหมาะสมเช่นเดียวกับ
นานาประเทศตอ่ ไป
กฎหมำย กฎข้อบังคบั ตำ่ งๆ ทีเ่ กี่ยวกับกจิ กรรมกำรใช้ทะเลไทยในปัจจุบนั
กฎหมายภายในของประเทศไทยทีเ่ ก่ยี วข้องกับกิจกรรมการใช้ทะเลมบี ังคับใช้หลายฉบบั โดยแบง่
ออกเปน็ กฎหมายทีเ่ กย่ี วข้องกบั กจิ กรรมทางทะเลในแตล่ ะด้าน ไดแ้ ก่
กฎหมายเกี่ยวกบั สิง่ แวดลอ้ ม
กฎหมายเกี่ยวกับการพาณิชยนาวี
กฎหมายเกย่ี วกับทรพั ยากรมีชวี ติ
กฎหมายเก่ียวกับทรัพยากรท่ีไม่มชี ีวิต
กฎหมายเก่ียวกับสิทธใิ นเขตต่อเนื่อง
กฎหมายเกี่ยวกบั ความม่นั คงหรือความสงบเรยี บร้อยทางทะเล
กฎหมายเก่ียวกบั กิจกรรมทางทะเลอ่ืนๆ
กฎหมายเกย่ี วกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล
กฎหมายเกย่ี วกบั การรกั ษาผลประโยชน์ชาติทางทะเล
177
เขตบงั คบั ใชก้ ฎหมำยในทะเล
กฎหมายทเี่ กีย่ วกบั ทะเลในปัจจบุ ันสว่ นใหญจ่ ะมเี ขตบังคับใช้ภายในทะเลอาณาเขต จงึ ทาใหเ้ กิด
ปัญหาในการจัดการ คณะกรรมาธิการขับเคล่ือนการปฏริ ูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจึงเสนอให้มีการ
ขยายเขตการบังคับใช้กฎหมายของกฎหมาย 5 ฉบับ
การบงั คบั ใช้กฎหมายทางทะเลยังแบ่งตามเขตอานาจบงั คับใช้ของกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งบางฉบบั
จนถึงเขตเศรษฐกจิ จาเพาะเพ่ือรองรับการวางแผนเชิงพ้ืนท่ีทางทะเลของประเทศไทย
แสดงเขตอานาจบงั คับใชข้ องกฎหมายทีเ่ กยี่ วข้องบางฉบับจนถงึ เขตเศรษฐกิจจาเพาะเพื่อรองรบั
การวางแผนเชงิ พน้ื ทที่ างทะเลของประเทศไทย
(ทมี่ า : รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลือ่ นการปฏิรูปประเทศดา้ นสาธารณสขุ และสง่ิ แวดล้อม 2561 เรอื่ ง
“ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบายเรือ่ งการแบง่ เขตการใช้ประโยชน์และกาหนดพน้ื ท่ีคุ้มครองทางทะเล” โดยดดั แปลงจาก
นวรัตน์ และคณะ, 2556)
178
เรอื่ งที่ 2 องคก์ รและหนว่ ยงำนรบั ผดิ ชอบในกำรรักษำผลประโยชนข์ องชำติทำงทะเลในภมู ิภำคและ
ประเทศไทย
องคก์ รและหน่วยงานรับผิดชอบ ในการรักษาผลประโยชนข์ องชาติทางทะเล
1. หน่วยงานหลกั
หน่วยงานที่มีการปฏิบัติการหลกั ในการรกั ษาผลประโยชนข์ องชาตทิ างทะเล ได้แก่
กองทัพเรือ (ทร.)
กองบังคบั การต้ารวจน้า (บก.รน.)
กรมศุลกากร (ศก.)
กรมเจ้าทา่ (จท.)
กรมประมง (กปม.)
กรมทรัพยากร ทางทะเลและชายฝ่งั (ทช.)
รวม 6 หน่วยงาน
นอกจากนี้ ยงั มีศูนย์อา้ นวยการรกั ษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ซงึ่ ต้ังขน้ึ ตามพระราชบัญญัติ
การรกั ษาผลประโยชน์ ของชาตทิ างทะเล พ.ศ. 2562
2. หนว่ ยงานร่วม
ประกอบด้วยหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องด้านทะเล ในการร่วมกันก้าหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ทางทะเล
เพ่ือน้าไปสู่การบริหารจัดการผลประโยชน์ ของชาติทางทะเล ท้ังหน่วยงาน ราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน
ประมาณ 36 หนว่ ยงาน อาทิ
2.1 ส้านักนายกรัฐมนตรี มีหน่วยงานย่อยท้าหน้าท่ี ก้าหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ การจัดการ
ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือบริหารจัดการผลประโยชน์จากการใช้
ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างคุ้มค่าและเหมาะสม อาทิ ส้านักงานสภาความมน่ั คงแห่งชาติ และ ส้านักข่าวกรอง
แห่งชาติ
2.2 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องโดยตรงในการจัดการ
ทรัพยากรมีชีวติ และทรัพยากรไม่มีชีวิต ทางทะเล มีหน้าท่ีก้ากับดูแลการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ศึกษาวจิ ัย และบริหารจดั การ
การใชป้ ระโยชน์ จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อาทิ กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรธรณี
2.3 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับการจัดการทรัพยากรทางทะเล ได้แก่
กรมประมง ท้าหน้าท่ีจัดการทรัพยากรประมง ควบคุม ป้องกัน และปราบปรามการท้าประมงที่ผิดกฎหมาย และ
ผลติ สัตว์น้าใหม้ ีมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรบั
2.4 กระทรวงคมนาคม มีหน่วยงานย่อยที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางน้า การจัดการท่าเรือ มหี นา้ ท่ี
ดา้ เนนิ การตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการเดินเรอื ในน่านน้าไทย บรหิ ารและพัฒนาท่าเรอื ใหเ้ ป็นโครงสร้างพื้นฐานเพ่ือสรา้ ง
ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศได้อย่างย่ังยนื อาทิ กรมเจ้าท่า
179
2.5 กระทรวงอุตสาหกรรม มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ การบริหารจัดการและดูแลธุรกิจ
อุตสาหกรรม ด้านวัตถุอันตราย การผลิตและความปลอดภัย เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อตกลงระหว่าง
ประเทศ อาทิ กรมสง่ เสริมอตุ สาหกรรม
2.6 กระทรวงพลังงาน มีหน่วยงานที่ท้าหน้าที่วิจัยและพัฒนาด้านพลังงาน การจัดหา พลังงาน
การอนรุ ักษ์พลงั งาน และ บริหารจัดการการใชพ้ ลงั งานอย่างยงั่ ยืน อาทิ กรมเช้ือเพลิงธรรมชาติ การไฟฟ้าฝา่ ยผลิต
แหง่ ประเทศไทย
2.7 กระทรวงกลาโหม ซึ่งประกอบด้วยหน่วยเฉพาะกิจ และหน่วยข้ึนตรงกับกองทัพเรือ ท้าหน้าท่ี
รักษาและคุ้มครองผลประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรในทะเล ติดตามและตรวจวัดปัจจัยทางสมุทรศาสตร์
อทุ กศาสตร์ และ อตุ ุนยิ มวทิ ยาทางทะเล
2.8 กระทรวงมหาดไทย มีหน่วยงานย่อยที่ท้าหน้าท่ีในการรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกัน และ
ปราบปรามอาชญากรรมตามประมวลกฎหมายอันเก่ียวกับความผิดทางอาญาทั้งหลายในน่านน้าไทย อาทิ
กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภยั กรมโยธาธิการ และผงั เมือง
2.9 กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีหน่วยงานย่อยที่ด้าเนินการ เก่ียวกับ
การบูรณาการองค์ความรู้ทางทะเล ศึกษาวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล
เพ่ือน้ามาประยุกต์ ฃสู่การจัดการทรัพยากรได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม อาทิ ส้านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ
และภูมิสารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน)
2.10 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ท้าหน้าท่ีควบคุมดูแล ส้ารวจ วางแผน ด้าเนินการส่งเสริม
การท่องเที่ยวทางทะเล ตลอดจนส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู และพัฒ นาสถานที่ท่องเท่ียวทางทะเล
ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท่ีเกีย่ วข้อง อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
แหง่ ประเทศไทย
2.11 กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานท่ีมีภารกิจด้านการต่างประเทศ ส่งเสริม
ความสัมพันธ์ ความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างประเทศ และอ้านวยความสะดวกในการติดต่อประสานกับ
ต่างประเทศและคมุ้ ครองผลประโยชนข์ องไทยในต่างประเทศ รวมไปถึงการดา้ เนินการเพอ่ื เข้าเป็นภาคอี นสุ ัญญาหรือ
ความตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีหน่วยงานระดับกรมที่ดา้ เนินภารกิจ ดงั กล่าว อาทิ กรมภมู ิภาคท่ีเก่ยี วข้อง
กรมองค์การระหวา่ งประเทศ กรมอาเซยี น กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
กฎหมายและหน่วยงานทางทะเลดังกล่าวขา้ งต้น จะเป็นเคร่ืองมือในการควบคุมความประพฤติของ
บุคคลให้ต้องปฏิบัติตาม รวมทั้ง ส่งเสริมให้สภาพความเป็นอยใู่ นสังคมมีความ ผาสุก และประเทศชาติ มีความเจริญ
รุ่งเรือง ม่ันคง ม่ังคั่ง และย่ังยืน ท้ังในระดับชาติและภูมิภาค ท้ังน้ี เพื่อให้ผู้ใช้ทะเลได้มีความรู้ ความเข้าใจ เคารพ
และปฏิบัติตามกฎหมายทางทะเล ท้ังท่ีเป็นกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ ได้ทราบและ
น้าไปใช้ ในการปฏบิ ตั แิ ละเผยแพรค่ วามรใู้ หก้ บั ผทู้ ี่เกยี่ วข้องต่อไป
180
เรอ่ื งที่ 3 กำรปฏบิ ตั ติ ำมกฎ กตกิ ำ กฎหมำยไทยที่เกี่ยวขอ้ งกบั ทะเลในภำคและประเทศไทย
กฎหมายไทยทีเ่ ก่ียวกับทะเล
เพ่ือให้การควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้ ทะเล และสนับสนุนให้มีการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์
จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนและเป็นพันธกรณีที่รัฐต้องออกกฎหมายภายในของตนรองรับ
(อนุวัติการ) กฎหมาย ระหว่างประเทศตามที่ได้กล่าวข้างต้น ท้ังน้ี เพื่อให้มีสภาพบังคับแก่ประชาชนภายในรัฐน้ัน ๆ
และ ทั้งบุคคลที่ตกอยู่ในเขตอ้านาจประเทศไทย จึงมีการตรากฎหมายท่ีเก่ียวข้องท้ังที่เก่ยี วข้องโดยตรงและเก่ียวข้อง
เพยี งบางสว่ น จา้ นวน ประมาณ 73 ฉบบั โดยมีกฎหมายทส่ี า้ คญั คือ
1. ด้านประมงและทรพั ยากร
• พระราชบญั ญัตสิ ง่ เสริมการบรหิ ารจัดการทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง พ.ศ. 2558
• พระราชกา้ หนดการประมง พ.ศ. 2558 และพระราชกา้ หนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560
• พระราชบญั ญัติสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ. 2482
• พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
• พระราชบัญญัตจิ ดั ระเบยี บกิจการแพปลา พ.ศ. 2496
• พระราชบัญญัติโรคระบาดสตั ว์ พ.ศ. 2499
• พระราชบัญญัตกิ ักพชื พ.ศ. 2507
2. ด้านการขนสง่ และพาณิชยนาวี
• พระราชบัญญัตกิ ารเดนิ เรอื ในนา่ นนา้ ไทย พ.ศ. 2456 และพระราชบัญญัติการเดินเรอื ในนา่ นน้าไทย (ฉบบั ท่ี
17) พ.ศ. 2560
• พระราชบัญญัติการเรียกเงินสมทบเข้ากองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหาย จากมลพิษน้ามันอัน
เกิดจากเรือ พ.ศ. 2560
• พระราชบัญญัติความรบั ผิดทางแพง่ ต่อความเสียหายจากมลพษิ น้ามันอนั เกิดจากเรือ พ.ศ. 2560
• พระราชบญั ญตั กิ กั เรอื พ.ศ. 2534
• พระราชบญั ญัติปอ้ งกันเรือโดนกัน พ.ศ. 2522
• พระราชบญั ญัตปิ อ้ งกนั การกระท้าบางอย่างในการขนส่งสินคา้ ออกทางเรือ พ.ศ. 2511
• พระราชบญั ญัตเิ พ่ิ มอา้ นาจต้ารวจในการปอ้ งกันและปราบปรามการกระท้าผิด ทางน้า พ.ศ. 2496
• พระราชบญั ญตั ใิ หอ้ า้ นาจทหารเรอื ปราบปรามการกระท้าผดิ บางอย่างทางทะเล พ.ศ. 2490
• พระราชบัญญัติว่าดว้ ยการสง่ ออกและนา้ เขา้ มาในราชอาณาจกั รซ่ึงสินคา้ พ.ศ. 2522
• พระราชบัญญตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. 2560 • พระราชบัญญัตภิ าษสี รรพสามติ พ.ศ. 2527
• พระราชก้าหนดควบคุมสินคา้ ตามชายแดน พ.ศ. 2534
• พระราชบญั ญตั ิการขนส่งต่อเนือ่ งหลายรปู แบบ พ.ศ. 2548
• พระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 และพระราชก้าหนดแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481
พ.ศ. 2561
181
3. ดา้ นการทอ่ งเที่ยวและนนั ทนาการทางทะเล
• พระราชบญั ญัตสิ ่งเสริมและรกั ษาคุณภาพสงิ่ แวดล้อม พ.ศ. 2535
• พระราชบัญญตั ิรักษาความสะอาดและความเป็นระเบยี บเรยี บร้อย ของบ้านเมอื ง พ.ศ. 2535
• พระราชบญั ญัตกิ ารสาธารณสขุ พ.ศ. 2535
4. ด้านพลังงาน
• พระราชบญั ญัตกิ ารปิโตรเลยี ม พ.ศ. 2514
• พระราชบัญญัตคิ วามผดิ เกย่ี วกับสถานทผ่ี ลิตปิโตรเลยี ม พ.ศ. 2530
5. ดา้ นอนื่ ๆ
• พระราชบัญญตั ิวัตถอุ ันตราย พ.ศ. 2535
• พระราชบญั ญตั ิโรงงาน พ.ศ. 2512
• พระราชบัญญตั กิ ารนิคมอตุ สาหกรรม พ.ศ. 2522
• พระราชบญั ญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495
• พระราชบัญญตั ิควบคุมยทุ ธภัณฑ์ พ.ศ. 2530
• พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจกั รซง่ึ อาวธุ ยุทธภณั ฑ์ และสิ่ งท่ีใช้ในการสงคราม พ.ศ.
2495
• พระราชบัญญตั ิกักพืช พ.ศ. 2507
• พระราชบัญญัตเิ ขตปลอดภัยในราชการทหาร พ.ศ. 2478
• พระราชบญั ญัตปิ ระกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544
• พระราชบัญญตั ิความมั่ นคงภายในราชอาณาจกั ร พ.ศ. 2551
• พระราชบญั ญตั ิป้องกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ พ.ศ. 2551
• พระราชบญั ญัตมิ าตรการในการป้องกนั และปราบปรามการค้าหญิง และเด็ก พ.ศ. 2540
• พระราชบัญญตั ิการสอบสวนคดพี เิ ศษ พ.ศ. 2547
• พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2523
• พระราชบัญญตั ิควบคมุ นา้ มันเชื้อเพลงิ พ.ศ. 2542
• พระราชบญั ญตั ิน้ามนั เชื้อเพลงิ พ.ศ. 2521
• พระราชบัญญตั ิควบคุมแรด่ บี ุก พ.ศ. 2514
• พระราชบญั ญัติคมุ้ ครองพันธ์พุ ืช พ.ศ. 2542
• พระราชบญั ญัติป้องกันและปราบปรามการคา้ ประเวณี พ.ศ. 2539
• พระราชบญั ญตั ิว่าดว้ ยธรุ กรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ พ.ศ. 2544
• พระราชบัญญตั ิวา่ ด้วยการกระท้าผดิ เกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550
• พระราชบัญญตั ิวา่ ด้วยการกระทา้ ผิดเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2560
• พระราชบัญญตั ิว่าด้วยวทิ ยคุ มนาคม พ.ศ. 2498
• พระราชบัญญัตอิ ากรรงั นกอแี อน่ พ.ศ. 2540
• พระราชบญั ญัติอาวธุ ปนื เครื่องกระสุนปืน วตั ถุระเบิด ดอกไม้ไฟ สงิ เทียมอาวธุ ปนื พ.ศ. 2490 ่
• พระราชบญั ญัตแิ ร่ พ.ศ. 2510
• พระราชบัญญัตคิ นเข้าเมือง พ.ศ. 2522
182
• พระราชบัญญัติปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2545
• พระราชบัญญัติยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2545
• พระราชกา้ หนดป้องกนั การใชส้ ารระเหย พ.ศ. 2533
• พระราชบญั ญัติวัตถุท่ีออกฤทธิตอ่ จติ ประสาท พ.ศ. 2518 ์
• พระราชบญั ญัตมิ าตรการในการปอ้ งกนั และปราบปรามผกู้ ระทา้ ผิดเก่ยี วกับยาเสพติด พ.ศ. 2535
• พระราชบญั ญัตปิ ้องกนั และปราบปรามการกระทา้ อันเปน็ โจรสลัด พ.ศ. 2534
• พระราชบญั ญตั โิ บราณสถาน โบราณวัตถุ และพิพธิ ภณั ฑ์สถานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2504
• พระราชบญั ญตั ปิ ่าไม้ พ.ศ. 2484
• พระราชบัญญตั ิปา่ สงวนแหง่ ชาติ พ.ศ. 2507
• พระราชบญั ญัติอทุ ยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
• พระราชบัญญตั สิ งวนและคุ้มครองพันธ์ุสัตว์ป่า พ.ศ. 2534
• พระราชบญั ญัติเล่ือยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545
• พระราชก้าหนดการบริหารจดั การการทา้ งานของคนต่างดา้ ว พ.ศ. 2560
• พระราชบญั ญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537
• พระราชบัญญัติการช่วยเหลอื ก้ภู ัยทางทะเล พ.ศ. 2550
• พระราชบญั ญตั ิให้บ้าเหนจ็ ในการปราบปรามผู้กระท้าความผดิ พ.ศ. 2489
• พระราชบัญญัติการค้าขา้ ว พ.ศ. 2489
• พระราชบัญญัติกา้ หนดเขตจงั หวดั ในอ่าวไทยตอนใน พ.ศ. 2502
• พระราชบัญญัตปิ ้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550
• พระราชบญั ญัตอิ งคก์ รรว่ มไทย-มาเลเซีย พ.ศ. 2533
• พระราชบัญญัติการเรียกเงินสมทบเข้ากองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหาย จากมลพิษน้ามันอัน
เกิดจากเรือ พ.ศ. 2560
• พระราชบัญญัติความรับผิดทางแพง่ ต่อความเสียหายจากมลพษิ น้ามนั อนั เกดิ จากเรือ พ.ศ. 2560
183
หนว่ ยที่ 6
หนำ้ ทข่ี องคนไทยในกำรปกป้องทะเลไทยและผลประโยชนข์ องชำตทิ ำงทะเล
ผลกำรเรียนรู้
1. บอกวิธีการปกป้องดูแลและการใช้ประโยชน์จากทะเลรายจงั หวดั รายกลุ่มจงั หวดั และประเทศ อย่าง
รับผดิ ชอบในรูปแบบตา่ งๆ เช่นบทบาทสมมุติ การรณรงค์ เปน็ ตน้
2. มสี ว่ นรว่ มในการปกป้องดูแลและการใช้ประโยชนจ์ ากทะเลรายจังหวัด รายกลุม่ จังหวัด และประเทศ
3. ประชาสัมพันธ์บทบาทและหนา้ ทีใ่ นการรบั ผิดชอบ ดแู ลทะเลในภาคและประเทศไทยกับครอบครวั ชมุ ชน
และท้องถิ่นผ่านรปู แบบตา่ งๆ
สำระกำรเรยี นรู้
1.การปกป้องดแู ลและการใช้ประโยชนจ์ ากทะเลในภาคและประเทศไทยอย่างรับผดิ ชอบ
2.การมีสว่ นร่วมในการปกป้องดแู ลและการใช้ประโยชน์จากทะเลรายจงั หวัด รายกลมุ่ จังหวัด และประเทศ
3.บทบาทและหน้าท่ีในการรับผิดชอบ ดูแลทะเลในภาคและประเทศไทยกับครอบครัว ชุมชน และท้องถิ่น
184
เรื่องท่ี 1 รูปแบบและวธิ ีกำรปกปอ้ งดูแลและกำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกทะเลในภำคและประเทศไทย
ในรูปแบบต่ำงๆ
วาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก ค.ศ. 2030 ได้ก้าหนดทิศทางการรักษาและบริหารจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมอย่างบูรณาการ โดยมีเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน ประกอบด้วย 17 เป้าหมาย
และ 169 เป้าประสงค์ ซงึ่ มีเปา้ หมายหลกั ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การปกป้องดแู ลทะเล คอื
เป้าหมายท่ี 14 การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากร ทางทะเล : อนุรกั ษ์และใช้ประโยชน์
จากมหาสมุทรและทรัพยากร ทางทะเล เพื่อการพฒั นาอย่างย่ังยนื จา้ นวน 10 เปา้ ประสงค์ อาทิ เป้าประสงค์
14.1 ภายในปี พ.ศ. 2568 ป้องกันและลดมลพิษทาง ทะเลทุกประเภท โดยเฉพาะ จาก
กจิ กรรมบนแผน่ ดิน รวมถึงขยะทะเลและมลพษิ ของสารอาหาร และเปา้ ประสงค์
14.2 ภายในปี พ.ศ. 2563 บริหารจัดการและปกป้อง ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝ่ัง
อย่างย่ังยืนเพื่อหลีกเลี่ยง ผลกระทบเชิงลบที่มีนัยส้าคัญ รวมถึงเสริมสร้างภูมิต้านทาน และปฏิบัติการฟ้ืนฟูเพ่ือความ
อดุ มสมบรู ณ์ และการมีผลิตภาพของมหาสมทุ ร
นอกจากนี้ ยังมี เป้าหมายที่ 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ : ด้าเนินมาตรการ
เร่งด่วนเพ่ือรับมือ กับการเปล่ียนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ และผลกระทบซ่ึง เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทะเล จากภาวะ
โลกร้อนรวมอยู่ดว้ ย
ทั้งน้ี เป้าหมายและเป้าประสงค์ข้างต้น ก้าลังกลายเป็นส่วนส้าคัญในการก้าหนด ทิศทางการพัฒนา
ประเทศไทยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในเร่ืองการสร้างหลักประกัน ในการอนุรักษ์และใช้ประโยชนจ์ ากมหาสมุทร
และทะเล การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการเกิดของเสีย การมีรูปแบบการผลิตและบริโภคท่ีย่ังยืน
การปกป้องและฟ้ืนฟู ระบบนิเวศอย่างย่ังยืน การหยุดยั้ง การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การบริหารจัด
การเมืองอย่างยั่งยืนท่ี ลดผลกระทบทางลบต่อส่ิงแวดล้อม และ การด้าเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อต่อสู้ กับการ
เปลย่ี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศและ ผลกระทบท่ีเกดิ ขึน้ โดยมเี ป้าหมายเพื่อ ใหท้ ะเลไทย
1. ทรัพยากรธรรมชาติ ทางทะเลได้รับการรักษา ฟื้นฟูให้มีความสมบูรณ์และ ยั่งยืน เป็นฐานการ
พัฒนาประเทศทางเศรษฐกจิ และสงั คมท่เี ปน็ มติ ร กบั สง่ิ แวดลอ้ ม
2. ทรัพยากรธรรมชาติ ทางทะเลได้รับการดูแล รักษาอย่างเป็นระบบและมี ประสิทธิภาพ เพื่อลด
มลพิษและ ผลกระทบต่อสขุ ภาพ ประชาชนและ ระบบนิเวศ
3. เกิดความสมดุล ระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ ลดความขัดแย้ง ของการพัฒนาท่ีใช้
ฐานทรพั ยากรธรรมชาติทางทะเล บรรเทาผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อมและ ลดภยั พิบัติ ทางธรรมชาติ
4. มีระบบและหน่วยงานบริหารจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ที่มีประสิทธิภาพและเป็น
เอกภาพ บนพ้ืนฐานของการมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วน ลดความเหลื่อมล้า สร้างความ เป็นธรรม สอดคล้องกับ
ยุทธศาสตรช์ าติ กฎหมาย ข้อตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ ท่ีประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก โดยยดึ ถือผลประโยชน์ของ
ประเทศเปน็ สา้ คัญ
185
เรอื่ งท่ี 2 กำรมีส่วนรว่ มในกำรปกปอ้ งดแู ลและกำรใช้ประโยชน์จำกทะเลในภำคและประเทศไทย
รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้ก้าหนดหน้าที่พ้ืนฐานของรัฐ ที่จะต้องจัดให้มีการ
พิทักษ์รักษาไว้ซ่ึงสถาบัน พระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพ แห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิ
อธิปไตย เกยี รติภูมิและผลประโยชนข์ องชาติ ความม่นั คงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของ ประชาชน การดแู ลให้มี
การปฏิบัตติ ามและบังคบั ใชก้ ฎหมายอย่างเคร่งครัด และการอนุรักษ์ คมุ้ ครอง บ้ารุงรักษา ฟื้นฟู บริหารจัดการ และ
ใช้หรือ จัดให้มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิด
ประโยชน์อย่างสมดุลและย่ังยืน โดยระมัดระวังให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน ส่ิงแวดล้อม และความ
หลากหลายทางชีวภาพน้อยที่สุด นอกจากน้ี ประเด็นทางทะเลได้ถูกบรรจไุ ว้ในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580)
และแผนท่ีส้าคัญอื่น ๆ อาทิ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ และนโยบาย และแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีแผนความม่ันคงแห่งชาติทางทะเล
(พ.ศ. 2558 – 2564) เปน็ แผนเฉพาะเรื่อง
ในฐานะพลเมืองผู้ใช้ประโยชน์และ ได้ผลประโยชน์จากทะเลท้ังทางตรงและทางอ้อม สมควรท่ี
จะต้องสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการ ด้าเนินการดังกล่าวข้างต้น หรืออาจรเิ รมิ่ กรอบแนวคิด ในการด้าเนินงานอ่ืน ๆ
โดยมตี วั อยา่ งแนวทางการปฏบิ ัติ ดังนี้
1. สนับสนุนภารกิจของหน่วยงานราชการที่ท้าหน้าท่ี ปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของ
ชาติทางทะเล
2. ชว่ ยเหลือราชการเมอ่ื ได้รบั การร้องขอ อาทิ การให้ความช่วยเหลือเจ้าหนา้ ท่ีรัฐ ขณะปฏบิ ตั หิ นา้ ที่
ช่วยเหลือผ้ปู ระสบภยั พบิ ตั ทิ างทะเล หรอื การให้ข้อมลู ข่าวสาร ทางทะเลท่เี ปน็ ประโยชนต์ ่อทางราชการ
3. เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิและเสรีภาพของ ผู้อื่น เคารพหลักความเสมอภาค ยึดม่ั นใน ความ
ถกู ตอ้ ง และมีความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม ในทุกกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกบั ทะเลและชายฝั่ ง
4. ศกึ ษา ท้าความเข้าใจ และ ปฏิบตั ติ ามกฎหมายทางทะเล โดยเครง่ ครัด
5. เรียนรู้ เผยแพร่ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและการรักษา
ไว้ซ่ึงผลประโยชน์ฯ ดงั กล่าว ในทุกภาคสว่ น
6. ลดการใช้พลังงานเช้ือเพลิง หรือปรับเปล่ียนกิจวัตรประจ้าวัน เพ่ือลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินท์
ซง่ึ เปน็ สาเหตุส้าคัญทา้ ให้ อณุ หภูมขิ องมหาสมุทรสงู ขนึ้ ทะเลเป็นกรด และระดบั ออกซเิ จน ในทะเลลดลง
7. เลือกบริโภคอาหารทะเลหรืออาหารประเภทอ่ืน ท่ีไม่ส่งผลกระทบต่อความย่ังยืนของระบบนิเวศ
และสิ่งแวดล้อมทางทะเล
8. ลดปริมาณการใช้พลาสตกิ เน่ืองจากขยะบนบกส่วนใหญ่ สดุ ทา้ ยจะกลายเปน็ ขยะทะเล และขยะ
พลาสตกิ ซึ่งย่อยสลายยากจะกลายเปน็ สง่ิ แปลกปลอมท่ีทา้ ร้ายสัตว์ทะเลปลี ะจา้ นวนมาก
9. ไม่ทิง้ ขยะในทะเลและบรเิ วณชายฝงั่ รวมทงั้ เกบ็ ขยะและท้าความสะอาดชายหาดทกุ ครงั้ เมื่อ
เสรจ็ สิ้นกิจกรรมตา่ ง ๆ ทางทะเล
10. ลดการใช้สารเคมีไมว่ ่าจะเปน็ เครอ่ื งสา้ อาง หรือผลติ ภณั ฑ์ท้าความสะอาด เพราะสารเคมี
อนั ตรายเหลา่ นี้ สดุ ท้ายจะไหลลงสู่มหาสมทุ ร ของโลก
186
11. สนับสนนุ การวจิ ยั และพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพ่ือใช้ ประโยชน์จากทะเลไมท่ ้าร้ายระบบนเิ วศ
และ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เคร่ืองมือประมงท่ีใช้ ในการจับสัตว์น้าทไ่ี ม่ท้าลายสิงแวดลอ้ มหรอื สตั ว์น้าวัยอ่อน
เฉพาะกลมุ่ เป้าหมาย การท้าเหมอื งแร่ หรือ สา้ รวจปิโตรเลยี มในทะเลทไี่ ม่ทา้ ลายสงิ แวดล้อม ฯลฯ
12. ไม่สนบั สนนุ กิจกรรมท่ีทา้ ลายระบบนิเวศและ สิงแวดล้อมทางทะเล อาทิ การซอื้ ขาย
เครื่องประดบั จากสตั วท์ ะเล ปะการงั หรือการเลยี้ งสตั วท์ ะเล หายากในตปู้ ลา
13. รณรงคแ์ ละสนบั สนนุ กิจกรรมการอนรุ ักษ์ ทะเลในทุกภาคสว่ นใหเ้ ห็นผลเป็นรปู ธรรม ท่ีชัดเจน
14. แจง้ เหตดุ ่วนเหตรุ ้ายทางทะเล หมายเลขโทรศพั ท์ 1696
15. สรา้ งความร้สู กึ รัก หวงแหน และ เป็นเจ้าของทะเลรว่ มกนั
187
บรรณานุกรม
กรมประชาสัมพันธ์. ศูนย์ขอ้ มูลอาเซียน. AEC Blue Print. [ออนไลน์]. สบื คน้ ได้จาก
http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=6385&filename=index หรือ
http://asean.org/wp-content/uploads/archive/5187-10.pdf
กรมประมง. กองนโยบายและยุทธศาสตร์พัฒนาการประมง. กลุ่มเศรษฐกิจการประมง. สถานการณ์ดา้ นเศรษฐกจิ
การประมงปี 2560 และแนวโน้มปี 2561. (2561). [รปู แบบสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์] สบื คน้ จาก
https://www.fisheries.go.th/strategy/UserFiles/files/16-2-61.pdf
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. (2564, 10 ธันวาคม). ปะการัง. (ออนไลน)์ . แหล่งทม่ี า :
http://www.dmcr.go.th/stationsG/17. 10 ธันวาคม 2564.
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ . (2564, 17 ธนั วาคม). ปะการัง. (ออนไลน์). แหล่งทมี่ า :
http://www.dmcr.go.th/stationsG/17. 17 ธันวาคม 2564.
กรมเจา้ ท่า. สานักแผนงาน. กลุม่ สถติ วิ เิ คราะห.์ สถิตกิ ารขนสง่ สนิ ค้าทางน้าบริเวณเมอื งท่าชายทะเล ปี พ.ศ. 2559
ปงี บประมาณ 2560. (2561, มกราคม). [รูปแบบสารสนเทศอเิ ล็กทรอนกิ ส]์ รายงานประจาปีงบประมาณ
2560
กรมเจ้าทา่ . สานักมาตรฐานเรือ. อนุสัญญาระหว่างประเทศ (CONVENTIONS) เกีย่ วขอ้ งกบั IMO ทไ่ี ทยเปน็ ภาคี
กระทรวงการต่างประเทศ. กรมองค์การระหวา่ งประเทศ.สหประชาชาติ. [เว็บบล็อก] สบื ค้นไดจ้ าก
http://www.mfa.go.th/thai_inter_ org/th/organize
กระทรวงการต่างประเทศ. อาเซียนไฮไลท์ 2554. [ออนไลน์]. สืบค้นได้จาก
http://www.mfa.go.th/asean/contents/files/asean-media-center-20121203-180844-
334785.pdf
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ . สถานการณด์ ้านทรัพยากร
ทางทะเลและชายฝัง่ และการกดั เซาะชายฝงั่ ของประเทศไทย พ.ศ. 2560. (2561,สิงหาคม) [รูปแบบ
สารสนเทศอิเลก็ ทรอนิกส]์ สืบค้นจาก https://www.dmcr.go.th/detailLib/4050
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั . รายงานสถานการณ์ด้าน
ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝัง่ และการกดั เซาะชายฝงั่ ของประเทศไทย พ.ศ. 256๓.พมิ พค์ รั้งที่ 1 พ.ศ.
2565 สว่ นเลขานกุ ารคณะกรรมการนโยบายและแผนบริหารจดั การทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั แห่งชาติ
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อม.
กองทัพเรือ. กรมอุทกศาสตร.์ โปรแกรมภูมิสารสนเทศ. พ้นื ท่ที างทะเลของประเทศไทย [โปรแกรมคอมพิวเตอร]์
คณะอนุกรรมการจดั การความรู้เพ่ือผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล (อจชล.) สานักงานสภาความม่นั คงแหง่ ชาติ
(สมช.) สานกั นายกรัฐมนตรี. ทะเลและมหาสมุทร และผลประโยชนข์ องชาติทางทะเล. กันยายน
พ.ศ. 2562
188
หนังสืออนสุ ญั ญาสหประชาชาติว่าดว้ ยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982. (2548). กรุงเทพฯ : กรมสนธิสญั ญาและ
กฎหมาย กระทรวงการตา่ งประเทศ.
แผนความมนั่ คงแหง่ ชาติทางทะเล พ.ศ.2558 – 2564. (2558). กรุงเทพฯ: สานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาต.ิ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ีสบิ สอง พ.ศ. 2560 – 2564. (2559). กรุงเทพฯ : สานักงาน
คณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ.
189
190
191