201
8) เซตวา ง
9) เซตจาํ กดั
10) เซตอนนั ต
5. เซตตอไปนเ้ี ซตใดบางทีเ่ ปน เซตท่ีเทากนั
1) A = B
2) D = E
3) F ≠ G
4) Q = H
แบบฝก หดั ที่ 2
1) ถา A = { 0,1,2,3,4,5}, และ B { 1,2,3,4 } จงหา
1) A ∪ B = { 0,1,2,3,4,5} 2). B ∪ A = { 0,1,2,3,4 ,5}
4). B ∩ A = { 1,2,3,4 }
3). A ∩ B = { 1,2,3,4 } 6). B – A = φ
5). A – B = {0,5}
2). กาํ หนดให U = { 1,2,3,..,10 }
A = { 2,4,6,8,10 }
B = { 1,3,5,7,9}
C = { 3,4,5,6,7 }
จงหา
9. A ∩ B = { φ }
10. B ∪ C = { 1,3,4,5,6,7,9}
11. B ∩ C = { 3,5,7}
12. A ∩ C = { 4,6}
13. C′ = { 1,2,8,9,10}
14. C′ ∩ A = { 2,8,10 }
15. C′ ∩ B = {1,9}
16. ( A = { 1,3,5,7,9}
202
แบบฝก หัดที่ 3
1. จงแรเงาแผนภาพทก่ี าํ หนดใหเ พื่อแสดงเซตตอไปนี้
1) B′
2) A ∩ B′
3) A′
203
4) A′ ∪ B
5) A′ ∪ B′
2. จากแผนภาพทีก่ าํ หนดให
จงหาคา
1. A′ ={ 6,7,8}
2. (A ∩ B)′= {1,2,3,6,7,8}
3. A′UB = { 4,5,6,7,8}
4. A′ ∩ B = { 6,7,8}
204
3. จากแผนภาพ
40-6 6 25-6
=34 =19
100-34-6-19 =
กาํ หนดให U , A, B และ A∩B41เปนเซตที่มีจํานวนสมาชิก 100 ,40,25, และ 6 ตามลาํ ดบั จงเติม
จํานวนสมาชิกของเซตตาง ๆ ลงในตารางตอไปนี้
เซต A-B B-A A∩B A′ B′ ( A ∪ B
จํานวนสมาชิก 34 19 6 19 + 41 = 60 34 + 41 = 75 34 + 6 + 19 = 59
4. จากการสอบถามผูเรยี นชอบเลนกฬี า 75 คน พบวา ชอบเลนปงปอง 27 คน ชอบเลนแบตมินตนั 34 คน
ชอบเลน ฟตุ บอล 42 คน ชอบทั้งฟุตบอลและปงปอง 14 คน ชอบท้งั ฟตุ บอลและแบตมนิ ตัน 12 คน ชอบ
ทั้งปงปองและแบดมินตัน 10 คน ชอบทั้งสามประเภท 7 คน จงหาวานักศึกษาที่ชอบเลนกีฬาประเภทเดียวมี
กี่คน
วิธีทาํ A = เลน ฟตุ บอล 42 คน
B = เลน แบดมนิ ตนั 34 คน
C = เลนปงปอง 27 คน
ฟตุ บอล แบดมินตนั
ปงปอง
จาํ นวนนกั ศกึ ษาที่ชอบเลนกีฬาประเภทเดยี ว = 23 + 17 + 12 = 52 คน
205
แบบฝกหัดที่ 1 เฉลย บทท่ี 4
การใหเหตุผล
จงเติมคําตอบลงในชองวางตอไปนี้
6) 1, 4, 9, 16, 25 , 36 , 49 , 64, 81 , 100
7) 2, 7, 17, 32 , 52 , 77 , 107
8) 5, 10, 30, 120, 600 , 3,600
9) 36 = 444444444
45 = 555555555
81 = 999999999
10) 2 + 4 + 6 + 8 + 10 = 30 = 72
2 + 4 + 6 + 8 + 10 + 12 = 42
2 + 4 + 6 + 8 + 10 +12 + 14 = 56
2 + 4 + 6 + 8 + 10 +12 + 14 + 16
206
แบบฝก หัดที่ 2
1. จงตรวจสอบผลทไ่ี ดวาสมเหตสุ มผลหรือไม
1) สมเหตุสมผล
2) สมเหตุสมผล
3) ไมสมเหตสุ มผล
4) ไมส มเหตุสมผล
5. ไมส มเหตุสมผล
แบบฝกหัดที่ 3
1. จงตรวจสอบผลทีไ่ ดวาสมเหตุสมผลหรือไม โดยใชแ ผนภาพเวนน – ออยเลอร
1)
ฝนตก
ไมอ อกนอกบา น
แคทลียา
จากเหตทุ ่ี 1 และ 2 สรปุ ไดว า สมเหตสุ มผล
207
2) คนขยนั เรยี น
คนขยนั เรยี น สมชาย
สมชาย
คนขยนั เรยี น
สมชาย
จากเหตุท่ี 1 และ 2 จะเหน็ ไดวา ผลทจ่ี ะเกิดข้นึ มไี ดห ลาย ผลดวยกัน สรุปไดวา ไมส มเหตุสมผล
3)
จะเหน็ ไดวา จากเหตุการณท้ัง 3 เหตุ ผลสรุปทไ่ี ดนน้ั สมเหตสุ มผล
208
4)
จํานวนบวก จํานวนลบ
จะเหน็ ไดว า จากเหตุที่ 1 และ 2 ผลท่ีไดนนั้ สมเหตสุ มผล
5. สัตว 2 ขา
สตั ว 2 ขา
จะเหน็ ไดว า จากเหตุที่ 1 และ 2 ผลที่จะเกดิ ขน้ึ มไี ดหลาย ผลดวยกัน สรปุ ไดว า ไมสมเหตสุ มผล
209
แบบฝก หดั ท่ี 1 เฉลย บทที่ 5
ตรีโกณมิติ
1. จากรูปสามเหลี่ยมมุมฉากที่กําหนดใหตอไปนี้ จงเขียนความสัมพันธของความยาวของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
โดยใชทฤษฎีบทปทาโกรัส และหาความยาวของดานที่เหลือ
(1)
วิธีทาํ a2 = 252 − 242
= 625 – 576
= 49
a=7
(2)
วิธที ํา c2 = 122 + 92
= 144 +81
= 225
a = 15
210
2. กาํ หนด ABC เปนรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก มี Cˆ = 900 และความยาวของดานทั้งสาม ดังรูป
จงหา 1) sin A , cos A และ tan A
2) sin B , cos B และ tan B
B
sin A = 5 sin B = 12
13 13
cos A = 12 cos B = 5
13 13
tan A = 5 tan B = 12
12 5
3. จงหาวาอัตราสว นตรีโกณมติ ทิ ก่ี ําหนดใหตอไปนี้ เปน คา ไซน(sin) หรือโคไซน(cos) หรือแทนเจนต(tan) ของ
มมุ ทก่ี าํ หนดให
1. sin A
2. 1
tan B
3. cos A
4. cos B
211
4. กาํ หนด ABC เปนรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก โดยมีมุม C เปนมุมฉาก มีดาน AB = 10 และ AC = 8
จงหา 1 ) ความยาวดาน BC
วธิ ที ํา AB2 = 102 − 82 A
= 100 - 64
= 36 10 8
a=6
2) sin A = 6 Ba C
10
cos A = 8
10
tan A = 6
8
3) sin B = 8
10
cos B = 6
10
tan B = 8
6
212
5. กาํ หนดใหร ปู สามเหลย่ี ม ABC โดยมีมุม C เปนมุมฉาก และ a,b,c เปนความยาวดานตรงขามมุม A, มุม B และ
มุม C ตามลําดับ
(1) ถา cot A = 3 , a = 5 จงหาคา b,c B
วธิ ที าํ cot A = AC = b c a
C
BC a A
3=b b
5
b=5 3
จากทฤษฏีบทปทาโกรัส AB2 = AC2 + BC2
c2 = b2 + a2
= ( 5 3 ) 2 +5 2
= 75 + 25
= 100
(2) ถา cos B = 3 และ a = 9 จงหาคา tan A
5
วิธที าํ
cos a = a
c
3a
=
5c
∴c = a × 5 = 15
c
จากทฤษฎีบทปทาโกรัส
AB2 = AC2 + BC2
หรอื c2 = b2 + a2
152 = 62 + 92
b2 = 225 – 81
= 144
∴b = 12
ดงั นนั้ tan A = a = 9 = 3
b 12 4
213
แบบฝก หัดที่ 2
1. จงหาคาตอไปนี้
1) sin 300 sin 600 − cos 300 cos 600
1 3 − 3 1 =0
2 2 2 2
3 + 1 = 4 =1
( ) ( )2) sin 600 2 + cos 600 2 44 4
3 2 + 1 2 =
2 2
3) 1 − tan 450
1 −12 = 0
2. จงหาคาอัตราสว นตรีโกณมติ ิตอไปนจี้ ากตาราง
1) sin 200 = 0.342
2) sin 380 = 0.616
3) cos500 = 0.643
4) cos520 = 0.616
5) tan 770 = 4.331
6) tan 890 = 57.290
3. ให ABC เปนรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก มีมุม C เปนมุมฉาก ดังรูป
วธิ ีทํา AB2 = AC2 + BC2
= 52 + 122
= 25 + 144
= 169
AB = B
cos B = 12
13
sin B = 5
13
tan B = 5
12
sec B = 13
12
214
cosec B = 13
5
cot B = 12
5
4. จงหาคา a, b หรอื c จากรูปสามเหลี่ยมตอไปนี้
(1)
จาก cos 300 = 2 3
c
3=2 3
2c
c= 2 3×2
=4
3
จาก sin 300 = a
c
1=a
24
a = 1× 4 = 2
2
ดงั นน้ั a = 2 และ c = 4
(2)
215
จาก sin 450 = b 2
8
1 =b
28
8
b= =4
2
จาก tan 450 = b 2
a
1= 4 2
a
a= 4 2
ดังนน้ั a = 4 2 และ b = 4
(3)
จาก BCˆD มี BCˆD = 900
sin 450 = CD
BD
1 = CD
232
CD = 32 =3
2
tan 450 = CD
BC
1= 3
a
a =3
216
จาก ABC มี ACˆB = 900
sin 600 = BC
AB
3=3
2c
c = 3×2
3
c=2 3
cos 600 = AC
AB
1= b
2 23
b = 1× 2 3
2
b= 3
ดังนัน้ a = 3 , b = 3 และ c = 2 3
217
แบบฝก หดั ท่ี 3
1. ตน ไมต น หนง่ึ ทอดเงายาว 20 เมตร แนวของเสนตรงที่ลากผานปลายของเงาตนไม และยอดตนไม ทํามุม 30
องศา กับเงาของตนไม จงหาความสูงของตนไม
218
2. วินัยตองการหาความสูงของเสาธงโรงเรียน จึงทํามุมขนาด 45 องศา เพื่อใชในการเล็งไปที่ยอดเสาธง ถา
ในขณะที่เล็งนน้ั เขามองไปที่ยอดเสาธงไดพ อดี เม่ือกา วไปอยทู ี่จดุ ซงึ่ อยหู า งโคนเสาธง 16 เมตร วินัยมีความสูง
160 เซนติเมตร จงหาวาเสาธงสูงประมาณกี่เมตร
219
3. จุดพลขุ ้นึ ไปในแนวดิ่ง โดยกาํ หนดจดุ สังเกตการณบ นพ้นื ดนิ หา งจากตาํ แหนง ทีจ่ ดุ พลุ 1 กิโลเมตร ในขณะที่
มองเห็นพลุทํามุม 60 องศา กับพน้ื ดนิ พลขุ ึน้ ไปสงู เทาใด และอยูหางจากจุดสงั เกตการณเปน ระยะทางเทา ใด
220
เฉลย บทที่ 6
การใชเ คร่อื งมือและการออกแบบผลติ ภัณฑ
แบบฝกหดั ที่ 1
1. กําหนดมมุ ส่เี หล่ียมมุมฉากดงั รูป
ก. ผืนผา
ข. 90 องศา
ค. แนวทแยง
ง. สามเหลี่ยม BDE 2 รปู ประกอบกบั เปน สีเ่ หลี่ยม BDEG
2. จงเขียนรูปคลี่ของทรงสามมิติตอไปนี้
221
222
3. จงเขียนรูปทรงสามมิติจากมุมมองภาพดานบน ภาพดานหนา ภาพดานขางที่กําหนดให
223
แบบฝกหดั ท่ี 2
1. ใหเ ขียนภาพที่เกิดจากการเลื่อนขนานจากรูปตนแบบและทิศทางที่กําหนดให
ก. ข.
A
C
B
D C
A B
2. ใหเ ขยี นภาพการเลอ่ื นขนานโดยกาํ หนดภาพตนแบบ ทิศทางและระยะทางของการเลื่อนขนานเอง
ก. ข.
224
3.
ภาพ พกิ ัดของตําแหนงทก่ี ําหนดให
Y C′(5 , - 3)
A(- C X
B(- 0 A/(2,-
B/(1,- C
Y A′(-5 , - 3 )
D B′(-3 , - 5 )
C′(0 , - 2)
C
A
D/(- B X
0
A/ C/
B/
225
แบบฝก หัดที่ 3
คําชี้แจง จงพิจารณารูปทก่ี าํ หนดใหแลว
- เขียนรูปสะทอน
- เขยี นเสน สะทอ น
- บอกจุดพิกัดของจุดยอดของมุมของรูปสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้นจากการสะทอน
- บอกจดุ พกิ ดั บางจดุ บนเสน สะทอนทไ่ี ด
Ä
226
แบบฝก หดั ที่ 4
1.
Y
B
C ใหเ ตมิ รปู สามเหลีย่ ม A′B′C′ ท่ี
เกิดจากการหมุนสามเหลี่ยม ABC
X เพยี งอยา งเดยี ว โดยหมนุ ทวนเขม็
นาฬกิ า 90๐ และใชจดุ (0 , 0)
เปน จดุ หมุน
0
227
2.
Y
Y ใหเติมรปู สเ่ี หล่ยี ม O/X/Y/Z/ ทเ่ี กดิ
X จากการหมุนสเ่ี หลยี่ ม OXYZ
X เพยี งอยา งเดยี ว โดยหมนุ ทวนเขม็
Z นาฬกิ า 270๐ และใชจุด (0 , 0)
เปนจดุ หมุน
228
3.
Y
B ใหเตมิ สว นของเสน ตรง A′B′ ที่
เกดิ จากการหมุนสว นของเสนตรง
AB เพยี งอยา งเดยี ว โดยหมุนตาม
X เข็มนาฬิกา 90๐ และใชจุด (-2, -2)
0 เปนจดุ หมุน
229
4.
Y ใหเ ตมิ รปู สามเหลีย่ ม A′B′C′ ท่ี
เกิดจากการหมุนสามเหลี่ยม ABC
0 เพยี งอยา งเดยี ว โดยหมนุ ทวนเขม็
X นาฬกิ า 90๐ และใชจุด (-4 , -2)
B เปนจุดหมุน
C
230
เฉลย
บทที่ 7 สถติ ิ
แบบฝก หดั ท่ี 1
1. จงเขียนขอมูลสถิติที่เกี่ยวของกับบุคคลในครอบครัว เชน เพศ อายุ สถานภาพ อาชีพ
ตอบ อายุเฉลี่ยของคนในครอบครัว 45.2 ป อาชีพ : รบั ราชการ, ลกู จาง, ทํางานอิสระ
2. จงยกตัวอยางขอมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณมาอยางละ 5 ชนดิ
ตอบ ขอมูลเชิงปริมาณ 1. จาํ นวน รถยนตใ นกรงุ เทพมหานคร
2. จาํ นวนบุตรในครอบครัว
3. นํา้ หนักเฉลีย่ ของนักศกึ ษา กศน.บา นแพว
4. จาํ นวนคนงานแยกตามเงนิ เดอื น
5. จาํ นวนของผูเ ขารว มประชุมท่มี ีอายุ 20 ไปข้ึนไป
ขอมูลเชิงคุณภาพ 1. สถานภาพของผูเขารวมอบรม
2. รายช่ือจงั หวดั ที่มนี ักศึกษาท่ีเขาสอบ
3. โรคที่มีผูปวยมารักษามากที่สุดในเดือนมกราคม 54 3 ลําดบั
4. กลุมเลือดของคนในโรงงาน
5. ศาสนาคริสตที่คนในประเทศไทยนับถือ
3. จงพิจารณาวาขอมูลตอไปนี้เปนขอมูลเชิงคุณภาพ และขอมูลเชิงปริมาณ
- พนักงานในรงงานแหงหนึ่งถูกสอบถามถึงสุขภาพรางกายในขณะปฏิบัติงาน
คุณภาพ ปริมาณ
เปน ขอมูลเชิงคุณภาพ เพราะคําตอบจะไมใหต อบออกมาเปน ตวั เลข
- นักศึกษาจํานวนหนึ่งที่ถูกสอบถามถึงคาใชจายในการไปพบกลุมที่หองสมุด
คณุ ภาพ ปริมาณ
เปน ขอมูลเชิงปริมาณ เพราะคาใชจายเปนขอมูลทางตัวเลข สามารถนํามาเปรียบเทียบกันได
4. ขอมลู ปฐมภมู ติ า งจากขอ มลู ทุติยภมู อิ ยา งไร จงอธบิ ายและยกตวั อยาง
ตอบ ขอ มูลปฐมภมู ิเปน ขอมูลท่เี ราตองเก็บ หรือสาํ รวจจากแหลงท่ีเปนขอมลู โดยตรง ฯลฯ
ขอมลู ทตุ ิยภูมิเปน ขอ มูลเกบ็ จากแหลง ขอมลู ทีม่ ีการเกบ็ รวบรวมไวกอนแลว
231
5. ขอ มลู ตอ ไปน้ีควรใชว ธิ ีใดในการรวบรวม (ตอบไดหลายคําตอบ)
ตอบ
1 สํารวจ สัมภาษณ ใชแบบสอบถาม
2 สํารวจ สัมภาษณ ใชแบบสอบถาม
3 ใชแบบสอบถาม ขอมูลจากสาธารณสุขชุมชนไปชั่งน้ําหนักเด็กในหมูบานทีละคน
4. แบบสอบถาม ทดลอง
5 ขอ มูลจากสาธารณสขุ
6. จงบอกขอดีขอเสียของการเก็บรวบรวมขอมูลโดยวิธีการตาง ๆ
ตอบ ขอ ดี 1. ถูกตองแมนยํา
2. ไดขอ มลู เชิงลึก
3. ความสมบูรณครบถวนของขอมูล
4. ตรงความตองการของผูใช
ขอ เสยี
1. ตองใชเ วลา
2. มีคาใชจายเปนปจจุบัน
3. การเก็บขอมูลอาจบันทึกคาดเคลื่อน
7. ขอมลู การสาํ รวจอายุ ( ป ) ของคนงานจาํ นวน 50 คนในโรงงานอตุ สาหกรรมแหง หนง่ึ เปน ดงั น้ี
27 35 21 49 24 29 22 37 32 49
33 28 30 24 26 45 38 22 40 46
20 31 18 27 25 42 21 30 25 27
26 50 31 19 53 22 28 36 24 23
21 29 37 32 38 31 36 28 27 41
กําหนดความกวางของอันตรภาคชัน้ เปน 8
232
1. จงสรางตารางแจกแจงความถี่
คะแนน รอยขดี ความถี่
9
16 – 23 //// //// 22
10
24 – 31 //// //// //// //// // 5
4
32 – 39 //// ////
40 – 47 ////
48 – 55 ////
2. จงหาขีดจาํ กดั ชั้นท่แี ทจ ริงและจดุ กง่ึ กลางชั้น
คะแนน ความถี่ ขีดจํากดั บน ขดี จํากัดลาง จดุ ก่ึงกลางชน้ั
15.5 19.5
16 – 23 9 23.5 23.5 27.5
31.5 33.5
24 – 31 22 31.5 40.5 43.5
47.5 51.5
32 – 39 10 39.5
40 – 47 5 47.5
48 – 55 4 55.5
3. จงหาความถีส่ ะสม ความถ่ีสัมพัทธ และความถสี่ ะสมสัมพัทธ
คะแนน ความถี่ ความถี่ ความถี่สะสม ความถี่สะสม
สัมพัทธ
สัมพทั ธ
0.18
16 – 23 9 0.18 9 0.62
0.82
24 – 31 22 0.44 31
0.92
32 – 39 10 0.2 41 1
40 – 47 5 0.1 46
48 – 55 4 0.08 50
4. จงหาพิสัยของขอมูลชุดนี้
53 – 18 = 35
5. จงหาจํานวนคนงานทีม่ อี ายุตํ่ากวา 45 ป
44 คน
233
แบบฝกหดั ท่ี 2
1. จงหาคา เฉล่ยี เลขคณติ มัธยฐาน และฐานนิยมของนา้ํ หนกั เด็ก 20 คน ซงึ่ มนี ้าํ หนักเปนกโิ ลกรมั ดงั น้ี
32 60 54 48 60 52 46 35 60 38
44 48 49 54 47 48 44 48 60 32
คา เฉลี่ย x = 959 = 47.95
20
มัธยฐาน 32 32 35 38 44 44 46 47 48 48 48 48 49 52 54 54 60 60 60 60
ตาํ แหนง ของมัธยฐาน = N +1 = 10.5
2
= 48
ฐานนยิ ม 48 และ 60
2. ตารางแสดงรายไดพิเศษตอวันของลูกจางในสํานักงานแหงหนึ่ง ความถี่สะสม
รายได (บาท) จาํ นวน (f) จุดกลาง (x) fx
1
140 – 144 1 142 142 3
145 – 149 2 147 294 37
150 – 154 34 152 5168 62
155 – 159 25 157 3925 72
160 – 164 10 162 1620 77
165 - 169 5 167 835
170 – 174 3 172 516 80
∑ f = 80 ∑ fx = 12 , 500
1. คา เฉล่ียเลขคณติ ( x ) = ∑ fx
∑f
= 12 , 500
80
= 156.25
รายไดพิเศษตอวนั เฉล่ีย 156.25 บาท
234
2. มัธยฐาน : N = 80 = 40 ∴ มธั ยฐานอยใู นขัน้ 155 – 159
22
อันตรภาคช้ันท่ีมมี ธั ยฐานอยูคอื 155 – 159
N −∑ fl
2
จากสตู ร Md = Lo + i
fm
เมอื่ N = 80 , i = 50, Lo = 154.5 , ∑ f l = 37 , fm = 25
∴ Md = 154.6 + 5 40 − 37 = 155.10
25
มัธยฐานของรายไดพิเศษตอวันมีคาเปน 155.10 บาท
3. ฐานนยิ ม : ฐานนิยมอยใู นช้ัน 150 – 154
จากสตู ร Mo = Lo +i d1
d 1 + d 2
เมอ่ื Lo = 149.5, d1 = 34 – 25 = 9, d2 = 34 – 2 = 32, I = 5
∴ Mo = 149.5 + 5 9 = 150.5
9 + 32
ฐานนิยมของรายไดพิเศษตอวัน มีคาเปน 150.5 บาท
235
แบบฝกหัดท่ี 3
1. กาํ หนดใหว า จาํ นวนคนไข (คนไขใน) ของโรงพยาบาลอําเภอแหงหนึ่งในป 2545 และ 2546 ซ่งึ ไดมาก
จากการสํารวจของโรงพยาบาลเปนดังนี้ พ.ศ. 2545 มีเพศชาย 4,571 คน หญงิ 3,820 คน ป 2546 มเี พศ
ชาย 5,830 หญงิ 4,259 คน จงนําเสนอขอมูล
ก. ในรูปบทความ
ผลจากการสาํ รวจจาํ นวนคนไขใ นโรงพยาบาลแหงหนึ่ง ในป 2545 และ 2546 มีดังน้ี
ป 2545 มจี าํ นวนคนไข ทั้งหมด 8,391 แบงเปน ชาย 4,571 คน หญงิ 3,820 คน และในป 2546 มจี าํ นวน
ท้ังหมด 10,089 คน แบง เปน ชาย 5,830 หญงิ 4,259 คน
ข. ในรูปบทความ / ขอความกึ่งตาราง
ผลจากการสาํ รวจจาํ นวนคนไขใ นโรงพยาบาลแหง หนง่ึ ในป 2545 และ 2546 มีดังนี้
พ.ศ. 2545 มีเพศชาย 4,571 คน หญิง 3,820 คน
พ.ศ. 2546 มีเพศชาย 5,830 หญิง 4,259 คน
2. จากขอมูลที่นําเสนอในรูปตาราง รอยละของนักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนตนของสถาบันการศึกษาแหง
หน่ึง ไดผลการเรียนใน 4 วิชาหลกั ในป 2546 มีดังนี้
หมวดวิชา ระดับผลการเรียน
4 3 2 10
คณิตศาสตร 4.49 9.51 22.88 43.58 16.28
5.82 12.14 26.55 41.18 13.10
ภาษาไทย 4.82 11.23 23.50 39.81 19.91
วิทยาศาสตร 9.04 16.60 29.10 34.75 9.09
สังคมศึกษา
รวม 84.55 13.67
จากตารางจงตอบคําถามตอไปน้ี
1. หมวดวิชาใดที่นกั ศกึ ษาไดระดบั ผลการเรยี น 4 มากที่สุดและไดระดบั 0 นอ ยท่สี ุดและคดิ เปน
รอ ยละเทา ไร
ตอบ วิชาที่ไดร ะดับผลการเรียน 4 มากที่สุด คือวิชาสังคมศึกษา คิดเปนรอยละ 9.04 และไดร ะดบั 0
นอ ยทส่ี ุด คือวิชาสังคมศกึ ษา คดิ เปน รอยละ 9.09
236
2. นกั ศกึ ษาสว นใหญไ ดร ะดับผลการเรยี นใด ตอบ ผลการเรยี น 1
3. ระดบั ผลการเรยี นทน่ี กั ศกึ ษามีจาํ นวนมากทีส่ ดุ ไดรบั ตอบ ผลการเรยี น 1 วิชาคณิตศาสตร
4. ระดบั ผลการเรยี นทน่ี กั ศกึ ษามีจาํ นวนนอยทส่ี ดุ ไดรับตอบ ผลการเรยี น 4 วิชาคณิตศาสตร
5. กลาวโดยสรุปถึงผลการเรียนของสถาบันแหงนี้เปนอยางไร
ตอบ สถาบันแหงน้นี กั ศึกษาสวนใหญจ ะมีระดับผลการเรียนอยูที่ เกรด 1 และเกรด 2 ทุกวิชา วิชาที่มี
นักศึกษาสอบไมผ าน (ไดเ กรด 0) มากที่สดุ คอื คณิตศาสตร รองลงมาเปนวิทยาศาสตร ภาษาไทย และสังคม
ศึกษา
6. ตารางแสดงปริมาณผลิตยางพาราของประเภทตาง ๆ ในป พ.ศ. 2544 และป พ.ศ. 2545 ดงั น้ี
ประเทศ ปรมิ าณการผลติ ( ลานตัน )
ป 2544 ป 2545
มาเลเซยี
อนิ โดนีเซยี 2.5 3.0
3.0 4.0
ไทย 2.0 3.5
เวยี ดนาม 1.5 2.0
1.0 1.5
ลาว
จงเขียน
1. แผนภูมิแทงแสดงการเปรียบเทียบการผลิตยางพาราของประเทศตาง ๆ ในป 2544
3
2.5
2
1.5 ยางพารา
1
0.5
0 ไทย ลาว
มาเลเซยี
237
2. แผนภูมิแทงแสดงการเปรียบเทียบการผลิตยางพาราของประเทศตาง ๆ ในป 2544 และในป 2545
4 ไทย พ.ศ.2544
3.5 พ.ศ.2545
3 ลาว
2.5
2
1.5
1
0.5
0
มาเลเซยี
3. แผนภูมิวงกลมแสดงการเปรียบเทียบการผลิตยางพาราของแตละประเทศในป 2544
มาเลเซีย
อินโดนเี ซีย
ไทย
เวียดนาม
ลาว
4. จงเขียนกราฟแสดงการเปรียบเทียบปรมิ าณสัตวน า้ํ จืดและสัตวน้ําเคม็ ท่จี บั ไดต งั้ แต พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ.
2546
พ.ศ. ปริมาณท่ีจบั ได ( พันตนั )
สตั วนาํ้ จดื สตั วนํา้ เคม็
2540 1,550 130
2541 1,529 141
2542 1,395 159
2543 2,068 161
2544 1,538 122
2545 1,352 147
2546 1,958 145
238
กราฟแสดงการเปรียบเทียบปริมาณสตั วน้ําจืดและสตั วน ้ําเค็มทีจ่ ับไดต้ังแตพ .ศ. 2540 – 2546
2,500 สตั วน้าํ จดื
2,000 สัตวนา้ํ เค็ม
1,500
1,000
500
0
2540 2542 2544 2546
แบบฝกหัดที่ 4
1. การเลือกขอมูลมาใชประกอบการตัดสินใจตองอาศัยหลักการใดบาง
1. เชอ่ื ถอื ได
2. ครบถวน
3. ทันสมัย
2. ขอมูล ตา งกบั สารสนเทศ อยางไร จงอธบิ ายพรอ มยกตัวอยา งประกอบดว ย
ขอ มูล หมายถงึ ขอ เทจ็ จรงิ หรือเหตกุ ารณท เ่ี ก่ยี วของกบั สง่ิ ตาง ๆ เชน บุคคล ส่งิ ของ
สถานที่ ฯลฯ ขอ มลู เปน เรื่องเกยี่ วกับเหตกุ ารณที่เกดิ ขึ้นอยา งตอ เน่ือง ขอมลู ตอ งถูกตองแมนยาํ ครบถวนขน้ึ อยู
กับผูดําเนินการที่ใหความสําคัญของความรวดเร็วของการเก็บขอมูล
สารสนเทศ เกิดจากการนําขอมูล ผานระบบการประมวลผล คาํ นวณ วิเคราะหและแปลความหมายเปน
ขอความที่สามารถนําไปใชประโยชนได
239
แบบฝก หัดท่ี 1 เฉลย บทท่ี 8
ความนาจะเปน
1. โยนเหรยี ญ 1 เหรยี ญ 3 ครัง้ จงหาจํานวนท่ีเหรียญจะข้ึนหนาตางๆ โดยวิธีเขยี นแผนภูมติ นไม
2. ในการทดสอบวิชาคณิตศาสตร ประกอบดวย โจทยแบบปรนยั 4 ตัวเลอื ก จํานวน 5 ขอ โจทยแตละขอ มี
คาํ ตอบท่ถี ูกตองเพียงหน่งึ ตัวเลอื กเทานน้ั แลวจาํ นวนวิธีการตอบคําถามท่เี ปน ไปไดทั้งหมดมีกี่วธิ ี
มี 4 ×4 ×4 ×4 ×4 = 1,024 วธิ ี
3. มีนกั เรียน 5 คน ยนื เขาแถวเพื่อซื้ออาหารกลางวันของรานหนึง่ จงหาวาจาํ นวนวิธที ่ียืนเขา แถวที่แตกตางกนั
มที ้งั หมดก่วี ธิ ี
ตอบ 5 × 4 × 3 × 2 × 1 = 120 วธิ ี
4. มีชาย 6 คน หญิง 5 คน ตองการจดั คแู ขง ขนั ระหวางชาย 1 คน หญงิ 1 คนในการแขงขันกีฬาแทนนิสมี
จาํ นวนทง้ั หมดกว่ี ธิ ี
ตอบ 6 × 5 = 30 วธิ ี
5. เพอื่ น 3 คน นัดกันไปรับประทานอาหารเย็นท่ีภัตตาคารและ ซอื้ ของทห่ี า งสรรพสินคา โดยเลือกทจี่ ะไป
รับประทานอาหารและซื้อของ ซึ่งมีภัตตาคาร 5 แหง และมหี างสรรพสินคา 4 แหง ทัง้ สามคนน้จี ะมีวธิ เี ลอื ก
กระทาํ ดังกลาวไดทง้ั หมดก่ีวิธี
ตอบ 5 × 4 = 20 วธิ ี
240
6. บริษัทแหงหนึ่งเปดรับสมัครพนักงานเขาทํางาน โดยพจิ ารณาจากเงือ่ นไขคอื เพศชาย หญงิ ระดบั อายมุ ี 6
ระดับ และมีสาขาวิชาชีพ 10 ประเภท แลว บริษทั นีจ้ ะมีวิธีการจาํ แนกผูส มัครไดท้งั หมดกี่วิธี
ตอบ มี 2 X 6 X 10 = 60 วธิ ี
7. จากการสัมภาษณรับคนเขาทํางานจํานวน 8 คน จะมีวิธีจะคดั เลือกไดพนักงานหน่ึงคนจากผูเขา สัมภาษณ
ทั้งหมด
ตอบ 8 วธิ ี
8. จงเขยี นแผนภาพตนไมเ พ่ือแสดงผลทเี่ กิดข้ึนจากการโยนเหรียญ 1 เหรยี ญ 4 ครั้ง จงหาจาํ นวนวิธีท่ี
แตกตา งกนั ในการโยนเหรียญครัง้ นี้ โดยที่
1. ไมม หี นา หวั เลย 2. มหี นาหัวเพยี ง 1 ครั้ง
3. มหี นาท้ัง 2 ครัง้ 4. มีหนา หัวเพียง 3 คร้ัง
5. มหี นา หวั 4 ครง้ั
ตอบ ครง้ั ท่ี 1 คร้งั ท่ี 2 ครง้ั ท่ี 3 คร้ังท่ี 4 เหตกุ ารณ
1 (T,T,T,T) = 1 วธิ ี
2. (H,T,T,T),(T,H,T,T),(T,T,H,T),(T,T,T,H) = 4 วธิ ี
3. (H,H,T,T),(H,T,H,T),(H,T,T,H),(T,H,H,T)(T,H,T,H) (T,T,H,H) = 6 วธิ ี
4. (H,H,H,T)(H,H,T,H) (H,T,H,H) (T,H,H,H) = 4 วธิ ี
5. (H,H,H,H) = 1 วธิ ี
241
แบบฝก หดั ท่ี 2
2. จากการทดลองสุมตอไปนี้ จงเขียนแซมเปลสเปซและเหตุการณที่สนใจในการทดลองนั้นๆ
(1) ไดห วั สองเหรยี ญจากการโยนเหรยี ญสองอนั หนง่ึ ครง้ั
ผลที่เกิดข้นึ ทั้งหมด (H,H) , (H,T) ,(T,H) ,(T,T)
เหตุการณที่สนใจ = (H,H) = 1
4
(2) ไดผลรวมของแตมบนหนาลูกเตาทั้งสองเปน 2 หรือ 6 จากการโยนลูกเตา สองลกู หนง่ึ ครงั้
ผลที่เกดิ ขึ้นทง้ั หมด {(1,1),(1,2),(1,3),(1,4),(1,5),(1,6),
(2,1),(2,2),(2,3),(2,4),(2,5),(2,6),
(3,1),(3,2),(3,3),(3,4),(3,5),(3,6),
(4,1),(4,2),(4,3),(4,4),(4,5),(4,6),
(5,1),(5,2),(5,3),(5,4),(5,5),(5,6),
(6,1),(6,2),(6,3),(6,4),(6,5),(6,6)}
เหตกุ ารณท ีส่ นใจ = (1,1) (1,5), (2,4), (3,3), (4,2) ,(5,1)
(3) หยิบไดสลากหมายเลข 5 หรอื 6 หรือ 7 หรอื 8 จากสลาก 10 ใบซึ่งเขียนหมายเลข 1 ถึง 10
กํากบั ไว
ผลทีเ่ กิดขึน้ ทง้ั หมด 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10
เหตกุ ารณทีส่ นใจ = 5, 6, 7, 8
(4) ไดน กั เรียนทถ่ี นัดมอื ซายในหอ งเรยี นทท่ี า นเรยี นอยู
ตอบ อยใู นดลุ ยพินิจของผสู อน
(5) ไดสลากที่มีรางวัลจากการจับสลากที่ประกอบดวยสลากที่มีรางวัล 3 ใบ และไมมีรางวัล 7 ใบ
ผลที่เกิดข้ึนท้ังหมด รางวลั ท่ี ถ1, ถ2, ถ3, ผ1, ผ2, ผ3, ผ4, ผ5, ผ6, ผ7
เหตกุ ารณท ี่สนใจ คือโอกาสทีถ่ กู รางวลั = ถ1, ถ2, ถ3
(6) ไดคําตอบจากครอบครัว 3 ครอบครัววามีจักรเย็บผาใชทั้งสามครอบครัว
ผลท่เี กิดข้ึนทง้ั หมด มีมมี ,ี มีมีไม, มีไมมี, มีไมไม, ไมมีมี, ไมมีไม, ไมไมมี, ไมไมไม
เหตุการณท ส่ี นใจ คือมีเครื่องซกั ผาท้ัง 3 ครอบครวั มมี มี ี
(7) ไดล กู บอลสีขาว 2 ลกู สดี ํา 1 ลกู ในการหยิบลูกบอลทลี ะลกู แบบไมใสคืน 3 ลกู จากกลอ งซ่งึ
บรรจุลูกบอลสีขาว 3 ลกู และสีดาํ 2 ลกู ให ข แทนบอลสีขาว และ ด แทนบอลสดี าํ
ผลท่ีเกดิ ขึน้ ทงั้ หมด คือ ขคข, ขขค, ขคข, ขคค, คขข, ดขด, ดดข
เหตกุ ารณท ส่ี นใจ คอื ขคข, ขขค, ขคข, คขข
(8) ไดแ ตม ทเ่ี หมอื นกันหรือไดแ ตม 2 จากลกู เตา ลูกใดลกู หน่ึงในการทอดลกู เตา พรอมกนั สองลกู
242
ผลที่เกิดข้นึ ทงั้ หมด {(1,1),(1,2),(1,3),(1,4),(1,5),(1,6),
(2,1),(2,2),(2,3),(2,4),(2,5),(2,6),
(3,1),(3,2),(3,3),(3,4),(3,5),(3,6),
(4,1),(4,2),(4,3),(4,4),(4,5),(4,6),
(5,1),(5,2),(5,3),(5,4),(5,5),(5,6),
(6,1),(6,2),(6,3),(6,4),(6,5),(6,6)}
เหตกุ ารณท ีส่ นใจ = (1,1) (2,2), (3,3), (4,4), (5,5) ,(6,6)
(9) ไดห วั และแตม ทม่ี ากกวา 4 จากการโยนเหรยี ญหนง่ึ เหรยี ญและทอดลกู เตา หนง่ึ ลกู หน่ึงคร้ัง
ผลที่เกิดขนึ้ ท้ังหมด (H,1) ,(H,2), (H,3),(H,4),(H,5),(H,6)
(T,1) ,(T,2), (T,3),(T,4),(T,5),(T,6)
เหตกุ ารณที่สนใจ = (H,5),(H,6)
(10) ไดสีที่ชอบคือ สีฟาหรือสีชมพูจากการสอบถามนางสาวสุชาดาถึงสีของกระดาษเช็ดหนาที่
ชอบสองสีจากสีทั้งหมด 5 สี คอื ขาว ฟา ชมพู เขียว และเหลอื ง
ผลทเ่ี กิดข้ึน ขาว, ฟา, ชมพู, เขยี ว, เหลอื ง
เหตุการณที่สนใจ ฟา , ชมพู
1. ถา S = {0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 }
Ε1 = { 0, 2, 4, 6, 8 }
Ε2 = {1, 3 ,5 ,7 ,9 }
Ε3 ={ 2, 3, 4, 5 }
และ Ε4 = { 1, 6, 7 }
จงหาสมาชิกของ S ท่อี ยูในเหตุการณต อไปนี้
(2) Ε1 Ε3 = {0, 2, 3, 4, 5, 6, 8,} (2) Ε1 Ε2 = { }
(3) Ε′3 = {0, 1, 6, 7, 8, 9} (4) (Ε′3 Ε4 ) Ε2 = {1}
(5) (S Ε3 )′ = {0, 1, 6, 7, 8} (6) (Ε′1 Ε′2 ) Ε′3 = { }
2. จากเหตุการณ Ε1 , Ε2 , Ε3 ในขอ 2 จงเขยี นแผนภาพของเวนน – ออยเลอรแ สดงเหตกุ ารณตอไปน้ี
(1) Ε1 Ε′2 = {0, 2, 4, 6, 8}
(2) (Ε1 Ε2 )′ = {0, 1, 2, 3, 4, 5, 6}
(3) (Ε1 Ε3 ) Ε2
243
3. ในการสาํ รวจอายุของผปู วยแผนกเดก็ (อายไุ มเกนิ 15 ป ) ของโรงพยาบาลแหงหนึ่ง
ถา Ε1 เปน เหตกุ ารณท ่ผี ูปวยมอี ายุตั้งแต 1 ถงึ 9 ป
Ε2 เปน เหตกุ ารณทผ่ี ปู วยมีอายุนอยกวา 5 ป
และ Ε3 เปนเหตุการณท่ีผูปวยมอี ายมุ ากกวา 9 ป
จงหา (1) Ε1 Ε2 เปนเหตุการณท่ีผปู วยมีอายนุ อ ยกวา 9 ป
(2) Ε1 Ε2 เปนเหตุการณที่ผูป ว ยทีอ่ ายตุ ง้ั แต 1 ป ถงึ อายุนอยกวา 5 ป
(3) (Ε1 Ε3 ) Ε2 เปน เหตกุ ารณท ผ่ี ปู วยมีอายตุ ้ังแตเกดิ จนตาย
(4) Ε2 Ε3 เปน เหตกุ ารณท ่ีผูปวยอายุนอยกวา 5 ป และอายุมากกวา 9 ป
5 ในการจับสลาก 1 ใบ จากสลาก 10 ใบ ซึ่งมีเลข 0 ถึง 9 กาํ กับอยู ถา สนใจเลขท่เี ขยี นกํากบั ไวใ นสลากใบทจี่ บั
ได โดยให
Ε1 เปนเหตกุ ารณท่ีเลขท่เี ขยี นกาํ กับไวเ ปนจํานวนคู
Ε2 เปนเหตกุ ารณท่เี ลขท่ีเขียนกาํ กบั ไวเ ปน จาํ นวนค่ี
Ε3 เปนเหตกุ ารณท ่ีเลขทีเ่ ขยี นกํากบั ไวเ ปนจาํ นวนเฉพาะ
Ε4 เปน เหตุการณท่เี ลขท่เี ขียนกาํ กบั ไวเ ปน จํานวนทห่ี ารดว ย 3 ลงตวั
จงเขียนเหตกุ ารณตอไปนีใ้ นรปู Ε1 , Ε2 , Ε3 หรอื Ε4 พรอมทั้งแจกแจงสมาชิกเมื่อ
(5) เลขทเี่ ขยี นกํากบั ไวเ ปน จํานวนคหู รือค่ีหรอื จํานวนเฉพาะ
Ε = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9}
(6) เลขทีเ่ ขียนกาํ กบั ไวเ ปน จํานวนเฉพาะทห่ี ารดว ย 3 ลงตวั
Ε ={3}
(7) เลขท่ีเขยี นกาํ กบั ไวไ มเ ปนจํานวนค่ี และไมเ ปนจํานวนที่หารดว ย 3 ลงตวั
Ε = {0, 2, 4, 6, 8} {1, 2, 4, 5, 7, 8}
(8) เลขทเี่ ขยี นกํากับไวเปนจาํ นวนคูทเ่ี ปนจาํ นวนเฉพาะหรือจํานวน
Ε ={ }
244
แบบฝก หดั ที่ 3
1. ในการโยนลูกเตา 1 ลูก 1 ครั้ง จงหาความนาจะเปนของเหตุการณ และสรุปถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นวามีมาก
หรือนอ ยเพียงใด
1. ไดแตม 4
E แทนเหตกุ ารณท่ีโยนลกู เตา 1 ลกู หงายแตม 4
P ( E ) = 1 = 0.167
6
เหตกุ ารณน ี้มีโอกาสเกิดขึ้นนอยมาก
4. ไดแ ตมคู
E แทนเหตุการณท ่ีโยนลกู เตา 1 ลกู ไดแ ตมคู
P ( E )=3=1
62
เหตกุ ารณน้ีมีโอกาสเกิดขึ้นและไมเ กิดขึ้นเทา ๆ กัน หรือมีโอกาสเกดิ รอ ยละ 50%
5. ไดแตมมากกวา 4
E แทนเหตกุ ารณท ่ีโยนลกู เตา 1 ลูก ไดแตม มากกวา 4
P ( E ) = 2 = 1 = 0.33
63
เหตุการณนมี้ ีโอกาสเกดิ นอ ย
6. ไดแ ตม นอยกวา 7
E แทนเหตุการณที่โยนลูกเตา 1 ลูก ไดแตม นอยกวา 7
6
P ( E ) = =1
6
เหตุการณนม้ี ีโอกาสเกิดขึ้นแนน อน
7. ไดแตม มากกวา 0
E แทนเหตุการณท ี่โยนลูกเตา 1 ลูก ไดแ ตมมากกวา 0
P ( E ) = 6 =1
6
8. ไดแตมมากกวา 6 หรือเปนแตมคี่
E1 แทนเหตุการณท่ีโยนลูกเตา 1 ลกู ไดแ ตม มากกวา 6 หรือแตม ค่ี
E2 แทนเหตกุ ารณที่โยนลกู เตา 1 ลูก ไดแตมคี่
P ( E 1 E 2 ) = 3 = 1 = 0.5
62
เหตุการณนีม้ ีโอกาสเกิดขึ้น 50%
245
7. ไดแ ตมมากกวา 3 และเปนแตม ค่ี
E1 แทนเหตกุ ารณท่ีโยนลกู เตา 1 ลูก ไดแตม > 3
E2 แทนเหตกุ ารณท ่ีโยนลูกเตา 1 ลกู ไดแ ตมค่ี
P ( E 1 E 2 ) = 1 = 0.166
6
เหตุการณน ้ีมีโอกาสเกิดขึ้นนอยมาก
2. ทอดลูกเตา 2 ลูกสองครั้ง ความนาจะเปนที่จะไดแตมรวมเปน 7 ในครง้ั แรกและไดแ ตม รวมเปน 10 ใน
คร้งั ที่ 2 เทากับเทาใด
E1 แทนการทอดลูกเตา 2 ลกู ไดแ ตม รวมเปน 7
E2 แทนการทอดลูกเตา 2 ลกู ไดแ ตม รวมเปน 10
P ( E1 E 2 321
) = × = = 0.166
36 36 6
เหตกุ ารณน ้มี ีโอกาสเกดิ นอ ยมาก
3. ชา งกอ สรา งกลุม หนึ่งมี 10 คน ประกอบดวย ชางปูน 6 คน และชางไม 4 คน ถา ตองการเลอื กชาง 7 คน
จากกลุมน้ี ความนา จะเปนท่ีจะไดช า งปนู 4 คน และชา งไม 3 คน เทากับเทาใด
4. กลอ งใบหนึง่ บรรจหุ ลอดไฟสแี ดง 6 หลอดซง่ึ เปน หลอดดี 4 หลอและหลอดไฟสนี ํ้าเงนิ 4 หลอด ซง่ึ เปน
หลอดดี 2 หลอด ในการสมุ หยบิ หลอดไฟคร้ังละ 1 หลอด 2 ครั้ง แบบไมใสคืน ความนาจะเปนที่จะได
หลอดไฟสเี ดียวกัน และเปน หลอดดีทั้งสองคร้ัง มีคาเทา กับเทาใด
5. กลองใบหนง่ึ มลี ูกบอลสแี ดง 3 ลูก และสีขาวจํานวนหนง่ึ โดยที่จํานวนวธิ ีการหยิบลูกบอล 2 ลกู เปนลกู
บอลสีเหมอื นกัน เทากับ 9 ถา สุมหยิบลกู บอลพรอ มพนั 2 ลูก แลว ความนา จะเปน ท่ีจะไดล กู บอลสีขาวท้งั 2
ลูกเทากับเทาใด
246
เฉลย บทท่ี 9
การใชท กั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรใ นงานอาชพี
แบบฝกหัดที่ 1
1. ศุภางคไดร บั เงินเดือน ๆ ละ 9,000 บาท
กําหนดเวลาทํางานตามปกติวันละ 8 ช่ัวโมง
ดงั นั้น ศภุ างคจะมีรายไดวันละ 9,000 = 300 บาท
30
300
และศุภางคมีรายไดชั่วโมงละ 8 = 37.50 บาท
2.
เดือนธันวาคม
อาทติ ย จนั ทร องั คาร พธุ พฤหสั ศกุ ร เสาร
1234567
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31
เดือนธันวาคม สุภาพไดรับคาจางในวันทํางาน 19 วนั
และมีสิทธิไดรับคาจางในวันหยุดตามปกติ 3 วนั
และไดค า จา งวนั ละ 370 บาท
ดงั นั้น สุภาพไดรับคา จางเดอื นธนั วาคม = (19 + 3) × 370
= 8,140 บาท
247
3.
เดอื นสงิ หาคม
อาทิตย จนั ทร อังคาร พธุ พฤหสั ศกุ ร เสาร
123456
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
ธดิ ามรี ายไดเ ดือนละ 12,000 บาท ทํางานวันละ 8 ชั่วโมง
คาจางที่ไดรับชั่วโมงละ = 12,000 = 50 บาท
8 × 30
ธิดามีสิทธิไดรับคาจางในวันหยุดทุกประเภท จึงไดรับคาจาง เมื่อมาทํางานในวันหยุดตามประเพณี
อกี 1 เทา ทํางานในวันหยุดตามประเพณี 1 วนั ๆ ละ 8 ชว่ั โมง
ดังนัน้ ทาํ งานในวนั หยดุ คิดเปน 8 ช่วั โมง
ธดิ าไดร บั คา จา งในวันหยดุ = 1 ×50 × 8
= 400 บาท
ทาํ งานวันเสาร ซึ่งเปนวนั หยดุ ประจาํ สปั ดาห จะไดรับคา ทาํ งานในวนั หยดุ 2 เทา ของคาจางใน
วันทํางาน
ทํางานวันเสาร 4 วนั ๆละ 3 ชั่วโมง = 4 × 3
= 12 ช่ัวโมง
ดังนน้ั จะไดร ับคา จา งในวันเสาร = 2 ×50 ×12
= 1,200 บาท
จะไดร ับคาทํางานในวันหยุดทั้งสิ้น = 400 + 1,200
= 1,600 บาท
และจะไดรับคาจางทั้งหมดของเดือนสิงหาคม = 12,000 + 1,600
= 13,600 บาท
248
4. บญั ชแี สดงรายรบั – รายจายของ...................................
ใน 1 สปั ดาห
วนั เดือน ป
6 พ.ย. 54 รายการรบั จาํ นวนเงนิ วนั เดือน ป รายการจาย จาํ นวนเงนิ
บาท สต.
บาท สต.
รบั เงนิ คา จา งจากการ 2,100 - 6 พ.ย. 54 คารถประจําทาง 44 -
คาอาหาร 120 -
ทํางาน 1 สปั ดาห 44 -
7 พ.ย. 54 คารถ 120 -
วนั ละ 300 บาท เปนเงิน 100 -
44 -
คาอาหาร 120 -
150 -
คาโทรศัพท 44 -
100 -
8 พ.ย. 54 คารถ 44 -
คาอาหาร 110 -
50 -
คา น้าํ คาไฟฟา 44 -
150 -
9 พ.ย. 54 คารถ 299 -
คาอาหาร 44 -
115 -
10 พ.ย. 54 คารถ 50 -
คาอาหาร
1,792 -
คา หนังสือ
308 -
11 พ.ย. 54 คารถ
คาอาหาร
คาเสื้อผา
12 พ.ย. 54 คารถ
คาอาหาร
คาโทรศัพท
รวมรายรบั 2,100 - รวมรายจาย
ยอดคงเหลือยกไป
249
5. คา นายหนา ในการขาย = 30 × 45,000
100
= 13,500 บาท
ดังนนั้ อญั ชลีไดเงินคานายหนา 13,500 บาท
6. เงินปนผลตอหุนของหุนปุริมสิทธิ = อตั ราเงินปนผล × มูลคาหุน ปุริมสทิ ธิ
= 5% × 160
5
= 100 ×160
= 8 บาท
แตพจมานมีหุนปุริมสิทธิทั้งหมด 1,500 หุน
ดงั นั้น พจมานจะไดเงินปนผลทง้ั ส้นิ = 8 × 1,500 = 12,000 บาท
7. สุภัทราไดดําเนนิ การ ดงั นี้
1. สุมกลุมตัวอยางวยั รนุ จํานวน 50 คน
2. สอบถามกลุมตัวอยางทั้ง 50 คน เรื่องสีของขวดบรรจุแชมพูไดขอสรุปดงั น้ี
สี ความถี่
สีฟา 15
สีชมพู 32
สีขาว 3
รวม 50
3. เนื่องจากเปน การสํารวจความนิยมของกลุม ตัวอยาง ถา เปน คาสถติ ิทใ่ี ช คือ คา ฐานนิยม (Mode)
จากแบบฝก หัด คา ฐานนยิ ม คือ สีชมพู เพราะกลมุ ตวั อยางนยิ มมากทส่ี ดุ (ความถี่ = 32)
4. นําขอมูลจากขอ 2 มานาํ เสนอโดยใชแ ผนภมู ิแทง
35 สฟี า
30 สชี มพู
25 สีขาว
20
15 สชี มพู สขี าว
10
5
0
สีฟา
250
8. วิธที าํ นายศักดม์ิ เี งนิ ไดพึงประเมิน = 25,000 × 12 = 300,000 บาท
หกั คาใชจายไดร อยละ 40 ของเงินไดพงึ ประเมนิ แตไ มเกิน 60,000 บาท
40
คาใชจาย 100 × 300,000 = 120,000 บาท
แตค าใชจ ายของนายศกั ดค์ิ าํ นวณได 120,000 บาท แตสามารถหักไดแค 60,000 บาทเทานนั้
หกั คา ลดหยอ น
ผูมีเงนิ ได 30,000 บาท
คาเบย้ี ประกนั ชวี ิต 50,000 บาท
คาเบี้ยประกันสุขภาพของมารดานายศักดิ์ 20,000 บาท
รวมหกั คา ลดหยอนได = 30,000 + 50,000 + 20,000 = 100,000 บาท
เงนิ ไดสุทธิของนายศกั ดิ์ = เงนิ ไดพงึ ประเมนิ – (หักคาใชจา ย + หกั คา ลดหยอ น)
= 300,000 – (60,000 + 100,000)
= 140,000 บาท
ตามตารางอัตราการเสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา
เงนิ ได 0 – 150,000 บาท ไมต องเสียภาษเี งนิ ได
∴ นายศกั ด์ไิ มต องเสยี ภาษี เพราะมเี งนิ ไดส ทุ ธิ 140,000 บาท ไดร ับการยกเวนภาษี แตตองย่ืนแบบ
แสดงรายการภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 91)
9. วธิ ีทํา พนื้ ทแี่ ผนไวทลิ ที่ใชโ ฆษณา = กวาง × ยาว
= 0.9 × 1.8 = 1.62 ตารางเมตร
คาจดั ทํา = 1.62 × 250 = 405 บาท
∴ จะตองจา ยเงนิ ทั้งหมด = คาจัดทํา + คา ออกแบบ
= 405 + 500 = 905 บาท