100
แบบประเมนิ แผ่นพบั /การจัดป้ายนิเทศ
หน่วยสี/ ความคดิ ความตัง้ ใจ ความถูกตอ้ ง เนอื้ หาสาระ คะแนน
ในการปฏบิ ตั ิ 4321 4321 เตม็ (16)
รายการประเมนิ สรา้ งสรรค์ 4321
4321
เหลือง
ชมพู
เขยี ว
แสด
ฟา้
มว่ ง
เกณฑ์การประเมิน ลงชื่อ...............................................ผูป้ ระเมนิ
4 หมายถงึ
3 หมายถึง ผลการปฏิบตั ิอยู่ในระดับ ดมี าก
2 หมายถงึ ผลการปฏิบัตอิ ยใู่ นระดบั ดี
1 หมายถงึ ผลการปฏิบัตอิ ย่ใู นระดบั ปานกลาง
ผลการปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดบั ตอ้ งปรบั ปรุง
สรุปผลการประเมนิ
13-16 คะแนน หมายถึง ผลการประเมินอยูใ่ นระดบั ดีมาก
11-12 คะแนน หมายถึง ผลการประเมนิ อยใู่ นระดับ ดี
9-10 คะแนน หมายถึง ผลการประเมนิ อยู่ในระดบั ปานกลาง
4-8 คะแนน หมายถงึ ผลการประเมินอยูใ่ นระดบั ตอ้ งปรับปรงุ
เกณฑก์ ารผา่ น มีผลการประเมินอยใู่ นระดับดีขนึ้ ไป
101
ใบความรู้
โรคไข้เลอื ดออก
ไขเ้ ลือดออก เป็นโรคที่เกดิ จากยุงซงึ่ เปน็ พาหะของโรค ไข้เลือดออกนอกจากจะเปน็ ปญั หา
สาธารณสขุ ของประเทศไทยแลว้ ยังเป็นปัญหาสาธารณสขุ ทว่ั โลกโดยเฉพาะประเทศในเขตรอ้ นช้ืน และ
ก่อให้เกดิ ความกังวลตอ่ ผปู้ กครองเวลาเด็กมีไข้ และมักพบบ่อยในเด็กตำ่ กวา่ 15 ปี โดยเฉพาะช่วงอายุ 2-8
ปี แต่ก็ไมไ่ ดห้ มายความว่าผู้ใหญ่จะไมม่ โี อกาสเป็นโรคไขเ้ ลอื ดออกได้ โดยเฉพาะต้องอาศยั อยู่ในแหลง่ ท่ีชกุ
ชุมไปด้วยยุงตวั ร้าย
อาการของ ไขเ้ ลือดออก
อาการของ ไข้เลือดออก ไม่จำเพาะอาการมีได้หลายอยา่ ง ในเด็กอาจจะมีเพยี งอาการไขแ้ ละผนื่ ใน
ผใู้ หญ่ทเ่ี ปน็ ไขเ้ ลอื ดออก อาจจะมไี ข้สูง ปวดศีรษะ ปวดตามตัว ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ หากไม่คิด
วา่ เปน็ โรค ไข้เลือดออก อาจจะทำให้การรักษาชา้ ผู้ป่วยอาจจะเสยี ชีวิต ทัง้ นลี้ ักษณะท่ีสำคัญ
ของ ไขเ้ ลือดออก มอี าการสำคญั 4 ประการคือ
1. ไขส้ งู ลอย : ไข้ 39-40 มกั มีหน้าแดง โดยมากไม่ค่อยมอี าการน้ำมูกไหลหรือไอ เดก็ โตอาจมี
อาการปวดเม่ือยตามตัว และปวดศรี ษะ อาการไข้สูงมกั มีระยะ 4-5 วัน
2. อาการเลอื ดออก : เลอื ดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน เลอื ดออกในกระเพาะ โดยจะมี
อาการ อาเจียนเป็นเลือด หรอื ถา่ ยดำ มจี ดุ เลอื ดออกตามตัว
3. ตับโต
4. ความผดิ ปกตขิ องระบบไหลเวียนเลือด หรือช็อก : มกั จะเกิดช่วงไขจ้ ะลด โดยผปู้ ว่ ยจะมี
อาการกระสับกระส่ายมือเท้าเยน็ รอบปากเขยี ว อาจมีอาการปวดทอ้ งมาก ก่อนจะมีอาการชอ็ ก ชพี จรเบา
เร็ว ความดันต่ำ
102
เม่อื ใดตอ้ งรีบส่งโรงพยาบาลทันที
เม่ือมีเลือดออกผิดปกติ อาเจียนมาก ปวดทอ้ ง ซึม ไมด่ ม่ื นำ้ กระหายน้ำตลอดเวลา มีปัสสาวะ
ออกนอ้ ย
เม่อื ความรสู้ กึ ตวั เปล่ียนแปลง กระสับกระส่าย มือเทา้ เย็น ตัวลาย เหงือ่ ออกโดยเฉพาะในช่วง
ไข้ลง
แนวทางการรักษาโรค ไขเ้ ลอื ดออก
โรค ไข้เลือดออก ไม่มกี ารรักษาเฉพาะ การรกั ษาเป็นเพยี งการประคบั ประคองอย่างใกล้ชิดโดย
การเฝ้าระวงั ภาวะชอ็ ก และเลือดออก และการให้สารนำ้ อย่างเหมาะสมกจ็ ะทำให้อตั ราการเสียชีวิตลดลง
โดยทวั่ ไปการดูแลผปู้ ่วยโรค ไขเ้ ลือดออก มีแนวทางการดูแลอยา่ งใกล้ชดิ ดังน้ี
1. ให้ยาลดไข้ เช็ดตัวลดไข้ ยาลดไข้ท่คี วรใช้คือ พาราเซตามอล ไม่ควรใชย้ าจำพวกแอสไพรนิ
เน่ืองจากจะทำให้เกลด็ เลือดผิดปกติ และระคายกระเพาะอาหาร
2. ให้สารนำ้ ชดเชย เนื่องจากผ้ปู ว่ ยไข้เลือดออก มักมีภาวะขาดน้ำ เนอื่ งจากไขส้ ูง เบ่อื อาหาร
และอาเจยี น ในรายท่ีพอทานได้ใหด้ ืม่ น้ำเกลอื แรบ่ อ่ ย ๆ ในรายทขี่ าดน้ำมาก หรือมภี าวะเลอื ดออก เช่น
อาเจยี น หรอื ถ่ายเปน็ เลอื ดต้องรบั ไว้รกั ษาในโรงพยาบาล เพ่ือใหส้ ารนำ้ ทางเสน้ เลือด
3. ตดิ ตามดูอาการใกล้ชิด ถ้าผู้ปว่ ยไข้เลอื ดออกมีอาการปวดท้อง ปัสสาวะน้อยลง
กระสับกระสา่ ย มือเทา้ เยน็ โดยเฉพาะในช่วงไขล้ ด ต้องรบี นำสง่ โรงพยาบาลทนั ที
4. ตรวจนบั จำนวนเกล็ดเลือดและความเข้มข้นของเลือดเป็นระยะ เพ่ือใช้พิจารณาปริมาณการ
ใหส้ ารนำ้ ชดเชย
103
จะทราบได้อย่างไรวา่ ผปู้ ่วยพ้นขดี อนั ตรายแลว้
ผู้ปว่ ยไข้เลอื ดออก หากมีอาการไข้ลดลง ภายใน 24-48 ชวั่ โมง แล้วเร่มิ กินอะไรได้ รู้สกึ ตัวดี ไม่ซึม
แสดงวา่ อาการพน้ ขดี อันตรายแลว้
การปฏบิ ัติเมื่อมคี นในบ้าน/ขา้ งบา้ นเป็น ไขเ้ ลือดออก
เนื่องจากไข้เลือดออกระบาดโดยมียุงเป็นตวั แพร่พันธุ์ ดงั น้นั เม่ือมีคนในบ้านหรือขา้ งบา้ นเป็น
ไข้เลือดออก ควรจะบอกคนในบ้านหรอื ขา้ งบ้านว่า มีคนเป็นไขเ้ ลือดออกด้วย และแจ้งสาธารณสุขใหม้ าฉีด
ยาหมอกควันเพื่อฆ่ายุง รวมถึงดูแลใหส้ มาชิกในครอบครวั ปอ้ งกนั การถูกยงุ กัด สำรวจภายในบ้าน รอบบ้าน
รวมท้ังเพื่อนบ้านว่ามีแหล่งแพรพ่ ันธุย์ งุ หรอื ไม่ หากมีใหร้ บี จัดการและทำลายแหล่งแพร่พันธนุ์ ้ัน เพ่ือป้องกนั
การเปน็ ไขเ้ ลือดออก
นอกจากนีต้ ้องคอยระวังเฝา้ ดอู าการของสมาชิกในบา้ นหรอื ขา้ งบ้านว่ามไี ข้หรอื ไม่ หากมีไขใ้ ห้ระวงั
ว่าอาจจะเป็น ไขเ้ ลือดออกได้
เป็นไขเ้ ลือดออกแลว้ มีสิทธิเ์ ปน็ ซำ้ อกี ได้ไหม
เนือ่ งจากไขเ้ ลือดออกมี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธทุ์ ี่ 1, 2, 3 และ 4 ซง่ึ ในแตล่ ะปีจะมกี ารระบาด
ของสายพันธุ์ตา่ ง ๆ สลบั กนั ไป หากผู้ป่วยตดิ เชอื้ ไขเ้ ลอื ดออกสายพันธุใ์ ดไปแลว้ ร่างกายกจ็ ะสร้างภูมคิ ุ้มกนั
ต่อสายพันธนุ์ ั้นตลอดชวี ิต และสามารถสรา้ งภมู ิคุม้ กนั ขา้ มไปยงั สายพันธอ์ุ ่ืนได้ระยะหนงึ่ ก่อนภูมิคุ้มกันใน
สายพนั ธอุ์ น่ื จะหายไป ดงั น้ัน ผ้ทู ่ีเคยเป็นไข้เลือดออกแล้วก็ยงั สามารถกลับมาเป็นได้อีกในสายพนั ธ์ุทตี่ ่าง
จากที่เคยเปน็ แต่ทวา่ การติดเช้อื ครั้งที่ 2 มักจะมอี าการรุนแรงกวา่ การปว่ ยครั้งแรก แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว
คนเรามกั ติดเช้อื ไมเ่ กนิ 2 คร้งั
การปอ้ งกันโรค ไขเ้ ลือดออก
ทกุ วันนย้ี งั ไม่ยาท่ใี ชร้ ักษา โรคไข้เลอื ดออก ดงั นัน้ การปอ้ งกนั จึงเปน็ วธิ ีท่ดี ีท่สี ุดโดยปอ้ งกัน
การแพร่ ยุงลาย พาหะนำโรคไขเ้ ลือดออก
104
การควบคุมส่ิงแวดล้อม Environmental management
การควบคมุ ส่งิ แวดลอ้ มเป็นการเปลีย่ นแปลงสงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ ไม่ยุงมกี ารขยายพันธ์ุ
แทงค์ บ่อ กะละมัง ทเ่ี กบ็ กักนำ้ จะเปน็ แหล่งที่ยุงออกไขแ่ ละกลายเป็นยงุ ต้องมีฝาปิดและ
หมน่ั ตรวจสอบวา่ มลี กู น้ำหรือไม่
ใหต้ รวจรอยร่วั ของท่อนำ้ แทงค์นำ้ หรืออปุ กรณท์ ่ีเก่ียวกบั น้ำว่ารั่วหรือไม่ โดยเฉพาะฤดฝู น
ตรวจสอบแจกัน ถ้วยรองขาโต๊ะ ต้องเปลีย่ นน้ำทุกสัปดาห์ สำหรับแจกันอาจจะใส่ทรายผสมลง
ไป ส่วยถ้วยรองขาโต๊ะใหใ้ ส่เกลอื เพื่อป้องกันลกู น้ำ
หม่ันตรวจสอบถาดรองน้ำที่ตเู้ ยน็ หรือเครื่องปรับอากาศเพราะเปน็ ทแ่ี พร่พันธุ์ของยุง
โดยเฉพาะถาดระบายนำ้ ของเคร่ืองปรบั อากาศซ่งึ ออกแบบไมด่ ี โดยรูระบายนำ้ อยูเ่ หนือกน้ ถาดหลาย
เซนติเมตร ทำให้มนี ำ้ ขังซง่ึ เป็นแหล่งเพาะพนั ธย์ ุง
ตรวจสอบรอบ ๆ บา้ นวา่ มแี หลง่ น้ำขงั หรือไม่ ท่อระบายน้ำบนบนหลงั คามแี อง่ ขังนำ้ หรอื ไม่
หากมตี ้องจัดการ
ขวดนำ้ กระป๋อง หรือภาชนะอ่นื ท่อี าจจะเกบ็ ขังน้ำ หากไม่ใชใ้ ห้ใสถ่ งุ หรือฝังดนิ เพ่ือไมใ่ ห้นำ้ ขงั
ยางเกา่ ที่ไม่ใช้กเ็ ปน็ แหลง่ ขังน้ำได้เช่นกัน
หากใครมีรั้วไม้ หรอื ต้นไมท้ ี่มรี ูกลวง ใหน้ ำคอนกรีตเทใส่ปิดรู ต้นไผ่ต้องตดั ตรงข้อและให้เท
คอนกรีตปิดแอง่ นำ้
การป้องกันส่วนบุคคล
ใส่เสือ้ ผ้าท่หี นาพอสมควร ควรจะใส่เสื้อแขนขาว และกางเกงขายาว เดก็ นกั เรียนหญิงกค็ วรใส่
กางเกง
การใชย้ าฆา่ ยุง เช่น pyrethrum ก้อนสารเคมี
การใช้กลิ่นกันยุงเช่น ตะไคร้ หรือสารเคมีอนื่ ๆ
นอนในมุ้ง
การควบคุมยุงโดยทางชีวะ
105
เลยี้ งปลาในอ่างทป่ี ลูกต้นไม้ หรือแหล่งน้ำตามธรรมชาติ
ใช้แบคทเี รียที่ผลิตสาร toxin ฆ่ายงุ ได้แก่เช้อื Bacillus thuringiensis serotype H-14 (Bt.H-
14) and Bacillus sphaericus (Bs)
การใช้เคร่ืองมือดักจับลกู นำ้ ซึ่งเคยใชไ้ ดผ้ ลทสี่ นามบินของสิงคโปร์ แตส่ ำหรับกรณปี ระเทศไทย
ยงั ได้ผลไม่ดีเน่อื งจากไมส่ ามารถควบคุมแหลง่ น้ำธรรมชาติจึงยังมีการแพร่พันธ์ของยุง
การใช้สารเคมีในการควบคมุ
ใชย้ าฆา่ ลกู นำ้ วธิ ีการนีจ้ ะส้ินเปลอื งและไม่เหมาะที่จะใช้อย่างต่อเนื่อง วิธีการนจ้ี ะเหมาะ
สำหรบั พนื้ ทที่ ่ีมีการระบาดและได้มกี ารสำรวจพบวา่ มีความชุกของยุงมากกว่าปกติ
ใช้สารลดแรงตงึ ผวิ เชน่ ผงซกั ฟอก สบู่ แชมพู นำ้ ยาล้างจาน ฉดี พน่ กำจัดยุง เพราะสาร
ดงั กล่าวจะไปทำลายระบบการหายใจของแมลง ทำให้แมลงตายได้
ใช้ "ทรายอะเบท" กำจัดยงุ ลาย โดยใหน้ ำทรายอะเบท1 กรมั ใสใ่ นภาชนะท่มี นี ้ำขัง (อตั ราส่วน
1 กรมั ต่อน้ำ 10 ลติ ร หรือ 20 กรมั ) จะปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กิดลูกน้ำไดน้ านประมาณ 1-2 เดือนเลยทีเดียว ซ่ึง
หลังจากใชเ้ สร็จแล้วต้องเกบ็ ในภาชนะบรรจุท่ีปิดมดิ ชิด รวมท้ังเก็บในท่เี ยน็ แหง้ และมีการระบายอากาศ
อยา่ งเพยี งพอ
การใช้สารเคมีพ่นตามบ้านเพ่ือฆา่ ยุง วธิ กี ารนีใ้ ช้ในประเทศเอเชยี หลายประเทศมามากกวา่ 20
ปีแต่จากสถิติของการระบาดไมไ่ ด้ลดลงเลย การพ่นหมอกควันเปน็ รปู อธรรมที่มองเหน็ ว่ารฐั บาลได้ทำอะไร
เก่ียวกับการระบาด แต่การพ่นหมอกควันไม่ไดล้ ดจำนวนประชากรของยงุ ข้อเสยี คือทำใหค้ นละเลยความ
ปลอดภยั การพ่นหมอกควันจะมปี ระโยชน์ในกรณีที่มกี ารระบาดของโรคไข้เลือดออก
106
บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรม
1. ผลการจัดกิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………….ผสู้ อน
()
ตำแหน่งครู
วันที่ ……..เดือน…………….พ.ศ……..
107
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 10
กจิ กรรมยวุ กาชาด ระดบั 3 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2
เรอ่ื ง กาชาดไทย จำนวน 2 ช่ัวโมง
.............................................................................................................................................................
1. สาระสำคญั
กาชาดไทยเป็นองค์กรการกุศลอาสาสงเคราะห์ ช่วยเหลอื ผู้ตกทกุ ข์ไดย้ ากโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ
ศาสนา ตามหลักการกาชาด สมาชิกยุวกาชาดเป็นส่วนหนึ่งของสภากาชาดไทย ควรมีความรูค้ วามเข้าใจ
เกี่ยวกับความเป็นมาของสภากาชาดไทย เพื่อจะได้สืบทอดเจตนารมณ์และเผยแพร่เกียรติประวัติของ
สภากาชาดไทยสสู่ าธารณะชน
2. ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั
รแู้ ละเข้าใจความเปน็ มาของกาชาดไทย
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
บอกประวัตกิ าชาดไทยได้
4. สาระการเรียนรู้
ประวตั กิ าชาดไทย
5. ขน้ั ตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
- พิธเี ปิดกิจกรรมยุวกาชาด(ตามขนั้ ตอน)
1. ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น
1.1 แจกชีทเพลงกำเนิดกาชาดไทย ใหน้ กั เรยี นเปิด CD เพลงให้นกั เรยี นฝึกร้องตาม 2 เที่ยว
1.2 ครูถามนกั เรียนเกย่ี วกับเนื้อหาในเพลง
1.3 ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ ห้นกั เรียนทราบ
2. ข้ันจดั กจิ กรรม
2.1 ให้นักเรยี นศึกษาประวัติกาชาดไทย จากป้ายไวนิล
2.2 ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สรปุ ประวัตกิ าชาดไทยในรูปผงั ความคิด
108
2.3 ตัวแทนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอประวตั กิ าชาดไทยในรูปผงั ความคดิ
3. ขัน้ สรุป
3.1นักเรยี นต่อภาพกซอบุคคลสำคัญของกาชาด
3.2นักเรียนเลน่ เกมทายปัญหาประวตั ิกาชาดไทย
3.3 นักเรียนร้องเพลงกำเนิดกาชาดไทยอกี คร้งั
- พธิ ีปดิ กจิ กรรมยวุ กาชาด(ตามขัน้ ตอน)
6. ส่ือการจัดกิจกรรม
1. ปา้ ยไวนลิ ประวัตกิ าชาดไทย
2.ชีทเพลง กำเนิดกาชาดไทย
3. ภาพจก๊ิ ซอบคุ คลสำคญั ของกาชาด
3. เกมทายปัญหา ประวัติกาชาดไทย
4. ซดี เี พลง ยุวกาชาด
5. เครอื่ งเล่น ซดี ี
7. การวัดและประเมนิ ผล
7.1 เคร่อื งมอื วัด
1. แบบประเมินการนำเสนอแผนผังความคิด
2. แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
7.2 วธิ กี ารวดั
1. ประเมินการนำเสนอแผนผงั ความคดิ
2. ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.3 เกณฑก์ ารประเมนิ
1. นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ แผนผงั ความคิด รอ้ ยละ 80 ระดบั ดขี ัน้ ไป
2. นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์รอ้ ยละ 80 ระดับดีข้ึนไป
109
ประวตั กิ าชาดไทย
พระผู้พระราชทานกำเนดิ เมือ่ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) มีกรณพี ิพาท ระหวา่ ง ประเทศสยาม กับ
ฝรัง่ เศส เรื่องดินแดนฝง่ั ซ้ายแมน่ ำ้ โขง ได้ทวคี วามรนุ แรงจนถงึ มกี ารสูร้ บ เป็นเหตใุ ห้ทหารบาดเจ็บ
ลม้ ตายมาก ไมม่ ีองค์การกุศล ทำหน้าท่ชี ่วยเหลอื พยาบาลบรรเทาทกุ ข์อยา่ งเป็นล่ำเป็นสนั ทา่ น
ผ้หู ญิงเปลย่ี น ภาสกรวงษ์ ไดด้ ำเนินการชักชวนและรวบรวมสตรีอาสาสมัครขึน้ และได้ทำบนั ทกึ
กราบบงั คมทลู สมเด็จพระนางเจา้ สวา่ งวัฒนา พระบรมราชเทวี (สมเด็จพระศรสี วรินทริ าบรมราช
เทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจา้ ) ขอใหน้ ำความข้นึ กราบบังคมทูล พระกรุณาขอพระราชทานพระบรม
ราชานญุ าต ตง้ั "สภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม" ขึ้นเพื่อปฏบิ ัติการ บรรเทาทุกข์ทหารท่ีบาดเจบ็
เมือ่ ความทราบฝา่ ละอองธลุ ีพระบาท พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัว มีพระราชกระแส
วา่ เป็นความคิดอันดีตามแบบอย่างประเทศที่เจรญิ แล้ว จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
พระบรมราชปู ถมั ภ์ และพระบรมราชานญุ าตให้เร่ียไรไดเ้ งินถงึ ๔๔๓,๗๑๖ บาท ซึ่งเปน็ เงนิ จำนวน
มหาศาลในสมยั น้นั กบั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราช
เทวี (สมเดจ็ พระศรีสวรนิ ทริ าบรมราชเทวี พระพันวสั สาอัยยิกาเจา้ ) ทรงเปน็ "สภาชนนี" สมเดจ็ พระ
นางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี (สมเดจ็ พระศรีพัชรินทราบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนี
พันปีหลวง)ทรงเป็น"สภานายิกา" และทา่ นผหู้ ญงิ เปลี่ยน ภาสกรวงษ์ เปน็ เลขานกุ ารณิ สี ภาอุณาโลม
แดง
110
นบั ว่าทา่ นผหู้ ญงิ เปลีย่ น เปน็ สตรที ท่ี ันสมยั มีความคดิ รเิ ริม่ เฉลยี วฉลาดมคี วามสามารถ ในด้านตา่ ง
ๆ ในสมัยนั้นอย่างยิ่งท่านหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า ท่านเป็นผู้ที่ได้ ริเริ่ม กิจการกาชาดขึ้น เป็นคนแรก
ในประเทศสยามพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ทรงพระราชดำริวา่ เปน็ ความคิดท่ีต้อง
ด้วยแบบอย่าง อารยประเทศที่ เจริญแล้วทั้งหลาย จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทาน
พระบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง "สภาอุณาโลมแดง" ขึ้น ในวันที่ ๒๖ เมษายน ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ.
๒๔๓๖) ซึ่งถือเป็นวันสถาปนา สภากาชาดไทยพระบาทสมเด็จพระมงกฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรง
ดำรงตำแหน่งพระยุพราชเสดจ็ กลับจากการศึกษา ในประเทศอังกฤษผ่านมาทางประเทศญี่ปุ่น ได้
เสด็จทอดพระเนตรโรงพยาบาลของกาชาดญี่ปุ่น ทำให้ทรงพระดำริว่า ถ้าได้จัดโรงพยาบาลของ
กาชาดขึ้นในเมืองไทย ก็จะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง ฉะนั้น เมื่อ สมเด็จพระราชบิดา เสด็จสู่
สวรรคาลัย พระองค์จึงได้ร่วมกับพระราชภราดาภคินี ทรงบริจาคทรัพย์รวมกับทุนของสภาอุณา
โลมแดงที่มีอยู่ สร้างโรงพยาบาลขึ้นในที่ดินส่วนพระองค์ แล้วโปรดเกล้าฯ ขนานนามตามพระ
ปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสนิ ทร มหาจฬุ าลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า
"โรงพยาบาล จฬุ าลงกรณ"์ เพือ่ เป็นอนสุ รณ์ ในพระราชบิดา ให้โรงพยาบาลน้ี เป็นของสภากาชาด
สยาม เมื่อ พ.ศ. 2457 ชื่อสภาอุณาโลมแดง และสภากาชาดนี้ เรียกปะปนกันตลอดมา แต่เมื่อ
พ.ศ. 2453 ชื่อสภาอุณาโลม แดงก็สูญไป คงใช้กันแต่ สภากาชาดสยาม หรือสภากาชาดไทย ตาม
ชื่อประเทศ ซ่งึ เปลี่ยนจาก สยามเปน็ ไทย มาจนบัดนี้
111
เกมทายปัญหา
ประวัติกาชาดไทย
อุปกรณก์ ารเล่น
1. บตั รคำถาม
2. รางวลั
วิธกี ารเลน่
1. ตวั แทนหน่วยสีทุกหน่วยสี ออกมาจับบัตรคำถามคนละ 1 คำถาม แล้วอา่ นในใจ
2. กลับไปยังหน่วยสีตนเอง ถามสมาชิกในหน่วยสีช่วยกันคิดหาคำตอบ เมื่อแน่ใจให้
ตวั แทนมาตอบคำถามกับครูโดยพดู เบา ๆอยา่ ให้หนว่ ยสีอืน่ ได้ยิน
3. ถ้าหน่วยสีใดตอบคำถามถูก ได้คะแนน 1 คะแนน สามารถหยิบคำถามต่อไป
และดำเนนิ ข้นั ตอนตามข้อ 2
4. ถ้าหน่วยสีใดตอบผิด ได้คะแนนติดลบ และสามารถหยิบคำถามใหม่ และทำตาม
ข้นั ตอนขอ้ 2
5. หน่วยสีใดที่ตอบคำถามไดค้ ะแนนสงู สดุ เป็นผชู้ นะ
6. มอบรางวัลใหก้ บั หนว่ ยสีท่ชี นะ ท่ี 1- 3
ตัวอยา่ งคำถาม
1. พ.ศ. 2436 เกดิ เหตุการณ์อะไรข้นึ
2. ประเทศใดมกี รณีพิพาทกับประเทศไทย เร่ืองดินแดนฝ่ังซ้ายแม่นำ้ โขง
3. กาชาดไทย กำเนดิ ข้ึนในสมัยรชั กาลใด
4. ผูร้ ิเร่ิมก่อต้งั กาชาดไทยคอื ใคร
5. ชอื่ เดมิ ของสภากาชาดไทยชอื่ ว่าอะไร
6. สภากาชาดไทยเป็นสมาชิกสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือน แดงระหว่าง
ประเทศ ลำดับท่ีเท่าไหร่
7. สภานายกิ าสภากาชาดไทยพระองคแ์ รกคอื ใคร
8. อปุ นายิกาผอู้ ำนวยการสภากาชาดไทยในปัจจุบันคือใคร
112
แบบประเมินแผนผังความความคดิ
หนว่ ยส/ี ความคิด การใช้ภาษา ความถูกต้อง เนือ้ หาสาระ คะแนน
สละสลวย 4321 4321 เต็ม(16)
รายการประเมนิ สรา้ งสรรค์ 4321
4321
เหลอื ง
ชมพู
เขียว
แสด
ฟา้
มว่ ง
เกณฑก์ ารประเมิน ลงช่อื ...............................................ผปู้ ระเมนิ
4 หมายถึง
3 หมายถงึ ผลการปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดบั ดีมาก
2 หมายถึง ผลการปฏบิ ตั ิอยูใ่ นระดบั ดี
1 หมายถงึ ผลการปฏบิ ตั ิอยู่ในระดบั ปานกลาง
ผลการปฏบิ ัติอยู่ในระดบั ตอ้ งปรบั ปรุง
สรปุ ผลการประเมนิ
13-16 คะแนน หมายถึง ผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั ดมี าก
11-12 คะแนน หมายถึง ผลการประเมินอยใู่ นระดับ ดี
9-10 คะแนน หมายถึง ผลการประเมินอยู่ในระดบั ปานกลาง
4-8 คะแนน หมายถึง ผลการประเมนิ อย่ใู นระดับ ต้องปรบั ปรุง
เกณฑ์การผ่าน มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดับดขี ึน้ ไป
113
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
พฤตกิ รรม มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ มน่ั ในการ มีสมั พนั ธภาพ รวม
3213 2 1 ทำงาน อันดีกับบุคคล 12
หนว่ ยส.ี .
321 ท่วั ไป
1. เหลือง 3 21
2.ชมพู
3. เขียว
4. แสด
5.ฟ้า
6.มว่ ง
เกณฑ์การให้คะแนน
มวี ินัย
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ครบถ้วน ไดแ้ ก่
1. แต่งเครื่องแบบยวุ กาชาดถูกต้องตามระเบยี บ
2. เข้าเรียนตรงเวลา
3. ปฏิบตั ติ ามคำสงั่ ผู้บังคบั บัญชา
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ข้อ
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
ใฝ่เรยี นรู้
ระดับคะแนน 3 หมายถึง นกั เรยี นแสดงพฤติกรรมดงั ต่อไปน้ีครบถว้ น ไดแ้ ก่
1. ต้ังใจสบื คน้ หาความรู้เพ่มิ เตมิ
2. ศกึ ษาจากแหล่งเรยี นรู้
3. เข้าร่วมกิจกรรมทุกครง้ั
ระดบั คะแนน 2 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดบั คะแนน 1 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
มุง่ ม่ันในการทำงาน
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมดงั ต่อไปน้ีครบถว้ น ไดแ้ ก่
114
1. ให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรม
2. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม
3. ทำงานเสร็จทนั เวลา
ระดบั คะแนน 2 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดบั คะแนน 1 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
มสี ัมพันธภาพอันดกี ับบคุ คลทวั่ ไป
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดังต่อไปน้ีครบถ้วน ได้แก่
1. รกั เพื่อน
2. ช่วยเหลอื เพ่ือน ๆ ในหนว่ ยเดียวกนั และหน่วยอนื่ ๆ
3. อธบิ ายความรู้ใหแ้ ก่กนั และกัน
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ขอ้
เกณฑ์การผ่าน 80% ข้นึ ไป
คะแนน 9 - 12 หมายถึง ดี คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปานกลาง
คะแนน 1 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
115
บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรม
1. ผลการจัดกิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………….ผู้สอน
()
ตำแหนง่ ครู
วนั ท่ี ……..เดือน…………….พ.ศ……..
116
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 11
กจิ กรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2
เร่ือง รกั ษโ์ รงเรยี น จำนวน 1 ช่วั โมง
.............................................................................................................................................................
1. สาระสำคญั
รักษ์โรงเรยี นเปน็ กิจกรรมที่ให้สมาชกิ ยุวกาชาดร่วมกนั วางแผนการบำเพ็ญประโยชน์ในโรงเรียน ใน
กิจกรรมต่าง ๆ แต่ละกลุ่มคิดขน้ึ เป็นการส่งเสริมและพัฒนาใหส้ มาชิกยวุ กาชาดมีความตระหนกั ในการ
บำเพญ็ ประโยชนต์ ่อโรงเรยี น ซ่ึงสอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ยวุ กาชาดที่ตอ้ งการฝึกให้สมาชิกยวุ กาชาดเกิด
จติ อาสาในการบำเพ็ญประโยชนต์ ่อสว่ นรวม
2. ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวัง
วางแผนการบำเพ็ญประโยชน์ในโรงเรยี นได้
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ดูแลรกั ษาสมบัตขิ องโรงเรยี นได้
ทำงานรว่ มกับผู้อื่นได้
4. เนื้อหาสาระ
กจิ กรรมบำเพญ็ ประโยชน์ในโรงเรียน
5. ขั้นตอนการจดั กิจกรรม
- พธิ ีเปิดกจิ กรรมยวุ กาชาด
1. ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น
1.1 สมาชิกยุวกาชาดและผ้นู ำรว่ มกันรอ้ งเพลง “งานสิ่งใด”
1.2 ผนู้ ำและสมาชกิ ยวุ กาชาดร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกับความหมายของเนือ้ เพลง
2.ข้ันจัดกิจกรรม
2.1 สมาชิกยุวกาชาดเข้ากลุ่มตามหน่วยสีระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมบำเพ็ญ
ประโยชนใ์ นโรงเรียน ว่ายวุ กาชาดสามารถบำเพญ็ ประโยชน์ในโรงเรียนไดอ้ ยา่ งไร
2.2 ตวั แทนหนว่ ยสเี สนอความคดิ เห็นเกี่ยวกับกิจกรรมทส่ี มาชกิ ยุวกาชาดสามารถ
บำเพญ็ ประโยชนต์ ่อโรงเรยี น
2.3 แตล่ ะหน่วยสีร่วมกันพจิ ารณาเลือกกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในโรงเรยี น
117
2.4 รว่ มกันวางแผน กำหนดสถานที่ วัน เวลา อปุ กรณ์ ของการจดั กิจกรรมในใบงาน
2.5 ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามแผนท่ีวางไว้
3. ขน้ั สรุป
3.1 ผู้นำติดตามและประเมินผลการบำเพญ็ ประโยชนข์ องแตล่ ะหนว่ ยสี
3.2 ผ้นู ำและสมาชกิ ยวุ กาชาดรว่ มกนั สรุปบทเรียน และรายงานผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์
-พธิ ีปดิ กิจกรรมยุวกาชาด
( ตรวจเคร่ืองแต่งกาย รายงาน นัดหมาย ชกั ธงลง เลิกแถว )
6. ส่อื การเรยี นการสอน
1. เพลง งานส่ิงใด
2. ใบงาน
7. การวัดและประเมนิ ผล
7.1 วิธีการวัดและประเมนิ ผล
7.1.1 ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมบำเพญ็ ประโยชน์
7.2 เคร่ืองมือวดั และประเมินผล
7.2.1 แบบประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมบำเพ็ญประโยชน์
7.3 เกณฑ์การวัดและประเมินผล
7.3.1 สมาชิกยุวกาชาดทกุ หนว่ ยสผี า่ นเกณฑก์ ารประเมินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมบำเพ็ญ
ประโยชน์ในระดับ ดขี ้นึ ไป
กิจกรรมเสนอแนะ
กิจกรรมท่สี มาชกิ ยุวกาชาดสามารถบำเพญ็ ประโยชนใ์ หก้ ับโรงเรยี นไดม้ ีดงั น้ี
1. ทำความสะอาดห้องสำนกั งานตา่ ง ๆ
2. ทำความสะอาดห้องพยาบาล
3. จดั เอกสาร หนงั สอื ในห้องสมุด
4. กวาด ถพู น้ื บรเิ วณระเบียงอาคาร
5. รดน้ำต้น พรวนดนิ ใส่ปยุ๋ ต้นไมบ้ ริเวณสวนหย่อม
6. เกบ็ ขยะในบรเิ วณโรงเรยี น
118
7. ลา้ งหอ้ งนำ้ ครู
8. ช่วยเหลอื งานครู
หมายเหตุ
ระยะเวลาของการบำเพ็ญประโยชน์ ควรกำหนดใหจ้ ดั ภายในสัปดาห์ทเ่ี รยี นแผนน้ี เพ่ือจะไดส้ รปุ
และรายงานผลกจิ กรรม ปญั หา อปุ สรรค ของการดำเนินกจิ กรรม ในสัปดาห์ถดั ไป
119
แบบประเมินกจิ กรรมบำเพ็ญประโยชน์
หน่วยส/ี รายการ ความรบั ผดิ ชอบ ความสามคั คี ความอดทน ผลสำเรจ็ ของงาน คะแนน
ประเมนิ เตม็ (16)
เหลอื ง
ชมพู
เขยี ว
แสด
ฟ้า
มว่ ง
เกณฑก์ ารประเมนิ
ความรบั ผิดชอบ ความสามัคคี ความอดทน
สมาชกิ ในหน่วยมพี ฤติกรรมตามรายการประเมินครบทุกคน ได้ 4 คะแนน
สมาชิกในหน่วยมีพฤตกิ รรมตามรายการประเมินได้ 7 คน ได้ 3 คะแนน
สมาชิกในหนว่ ยมพี ฤติกรรมตามรายการประเมินได้ 6 คน ได้ 2 คะแนน
สมาชกิ ในหนว่ ยมีพฤติกรรมตามรายการประเมินไดน้ อ้ ยกวา่ 6 คน ได้ 1 คะแนน
ผลสำเรจ็ ของงาน
ดูภาพรวมของผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากการปฏิบตั ิกิจกรรม ดังน้ี
ผลงานอยู่ในระดบั ดีเยย่ี ม ได้ 4 คะแนน
ผลงานอยู่ในระดบั ดี ได้ 3 คะแนน
ผลงานอยู่ในระดับปานกลาง ได้ 2 คะแนน
ผลงานอยูใ่ นระดับตอ้ งปรบั ปรงุ ได้ 1 คะแนน
สรปุ ผลการประเมนิ
13-16 คะแนน หมายถึง ผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั ดมี าก
9-12 คะแนน หมายถึง ผลการประเมินอยู่ในระดับ ดี
5-8 คะแนน หมายถึง ผลการประเมินอย่ใู นระดบั ปานกลาง
1-4 คะแนน หมายถึง ผลการประเมินอยใู่ นระดับ ตอ้ งปรบั ปรงุ
เกณฑก์ ารผา่ น มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดับดีขน้ึ ไป
120
ใบงาน
คำช้แี จง ใหส้ มาชิกยวุ กาชาดระดมความคดิ วางแผนการบำเพ็ญประโยชนใ์ นโรงเรยี น
กิจกรรม ……………………………………………………..
สถานที่ ……………………………………….
วนั ที่ ……………………………………… เวลา ………………………………………………
อุปกรณ์ทใี่ ช้ ………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
ผู้รบั ผิดชอบ
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
ลงชือ่ ...................................................หัวหน้าหน่วยสี
121
บันทกึ ผลการจัดกจิ กรรม
1. ผลการจดั กิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………….ผูส้ อน
()
ตำแหน่งครู
วนั ท่ี ……..เดือน…………….พ.ศ……..
122
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 12
กจิ กรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2
เรอื่ ง ยวุ กาชาด จำนวน 2 ช่ัวโมง
...................................................................................................................................................................
1. สาระสำคญั
กจิ การยวุ กาชาดไทยถอื กำเนดิ ข้ึนเม่อื วันที่ 27 มกราคม 2465 โดยจอมพลสมเดจ็ เจ้าฟา้ บริพัตร
สุขุมพันธ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิตโดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออบรมเยาชนให้มีความรู้และทักษะในการ
บำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม ดังนั้นสมาชิกยุวกาชาดควรมีความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและ
วตั ถปุ ระสงค์ของยวุ กาชาด เพื่อจะไดน้ อ้ มรำลึกถึงผพู้ ระคุณต่อกิจการยวุ กาชาดไทย
2. ผลการเรยี นร้ทู ี่คาดหวัง
รูแ้ ละเขา้ ใจความเป็นมาของยวุ กาชาดไทยและวัตถปุ ระสงคข์ องยุวกาชาด
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
บอกประวัติความเปน็ มาของยุวกาชาดไทยได้
บอกวตั ถปุ ระสงค์ของยวุ กาชาดได้
4. สาระการเรียนรู้
ประวัติความเป็นมายวุ กาชาดไทย
วตั ถุประสงคข์ องยวุ กาชาด
5. ข้ันตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
- พิธีเปิดกจิ กรรมยวุ กาชาด(ตามข้ันตอน)
1. ข้นั นำเขา้ ส่บู ทเรียน
1.1 ผู้นำและสมาชิกยวุ กาชาด รวมกันรอ้ งเพลงมาร์ชยุวกาชาด
1.2 ผนู้ ำสนทนาเกี่ยวกบั เน้ือเพลงเกย่ี วกบั อะไร
2. ขัน้ จัดกจิ กรรม
123
2.1 แจกใบความรู้ เรอ่ื งประวัติความเป็นมาของยุวกาชาดไทย และวัตถปุ ระสงค์ยุวกาชาดให้
สมาชิกยุวกาชาดแต่ละหน่วยสีรว่ มกนั ศกึ ษา
2.2 แตล่ ะหนว่ ยสีร่วมกันสรุปเน้อื หาในรปู ผงั ความคดิ
2.3 ตัวแทนหนว่ ยสอี อกมานำเสนอเนอื้ หาในรูปผังความคิด
2.4 ผู้นำและสมาชกิ หน่วยสีอ่ืน ๆ ประเมินการผังความคดิ
3. ขนั้ สรปุ
3.1 ให้สมาชกิ ทกุ หนว่ ยสีรว่ มกันตอบคำถามในใบงาน
3.2 ให้สมาชกิ ยวุ กาชาดแขง่ ขันเลน่ เกมชงิ รอ้ ยชิงล้าน
3.3 มอบรางวลั ใหห้ นว่ ยสีทชี่ นะเลศิ 1-3
- พิธปี ดิ กิจกรรมยุวกาชาด(ตามขั้นตอน)
6. สื่อการจดั กิจกรรม
1. ใบความรู้ เรอ่ื งประวัติยวุ กาชาดไทย
2.ชที เพลง มารช์ ยวุ กาชาด
3. เกมชงิ ร้อยชงิ ล้าน
4. ซีดีเพลง ยวุ กาชาด
5. เคร่ืองเลน่ ซดี ี
7. การวดั และประเมนิ ผล
7.1 เครอื่ งมือวัด
1. แบบประเมินการนำเสนอแผนผงั ความคดิ
2. แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
7.2 วิธกี ารวัด
1. ประเมินการนำเสนอแผนผงั ความคดิ
2. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.3 เกณฑก์ ารประเมนิ
1. นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินแผนผังความคิด รอ้ ยละ 80 ระดบั ดขี ้นั ไป
2. นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์รอ้ ยละ 80 ระดบั ดขี ้นึ ไป
124
เพลงมารช์ ยุวกาชาด
พวกเรายวุ กาชาด พวกเราหมายมาดบำเพญ็ ตน
เป็นประโยชนท์ ั่วไป ไม่รงั เกียจเดียดฉันท์
พวกเรานนั้ ภูมใิ จและเต็มใจ บำเพ็ญประโยชน์ทุกคน
125
ประวตั ยิ วุ กาชาดไทย
กจิ การยุวกาชาดไทย ได้รับการสถาปนาขนึ้ เม่ือวันที่ 27 มกราคม2465 โดย จอมพล
สมเดจ็ เจา้ ฟา้ บริพตั รสขุ ุมพนั ธ์กรมพระนครสวรรค์วรพนิ ิต อุปนายกผอู้ ำนวยการ สภากาชาดสยาม มี
วตั ถุประสงคเ์ พื่อปลกู ฝงั เยาวชนใหม้ ีอดุ มคตใิ นศานติสุข มีความรู้ความชำนาญ ในการรักษาอนามัยของ
ตนเองและสง่ เสริมอนามยั ของผ้อู ืน่ ร้จู ักบำเพญ็ ตนให้ เปน็ ประโยชน์ และรจู้ ักสรา้ งสมั พันธภาพอนั ดตี ่อ
ผูอ้ น่ื
เมื่อแรกก่อตัง้ น้นั กจิ การน้ีเรียกว่า “อนุสภากาชาดสยาม” รับเด็กชาย - หญงิ อายุ
ระหว่าง7 - 18 ปี เขา้ เป็นสมาชิก และโดยที่กิจการน้ีมีความสัมพันธ์ เก่ยี วข้องกับการศึกษาของเยาวชน
อยา่ งใกล้ชิด ดงั นัน้ สภากาชาดสยามจึงไดฝ้ ากการดำเนินงานน้ีไวก้ บั กระทรวงศึกษาธกิ าร ซ่งึ ต่อมา ในปี
พ.ศ.2496 ไดเ้ ปล่ยี นชือ่ เปน็ ”อนกุ าชาด” ภายหลงั ได้พิจารณาเหน็ วา่ กิจการน้ี นา่ จะขยายไปจนถึงเยาวชน
ในระดบั อุดมศึกษามอี ายรุ ะหวา่ ง 7 - 25 ปี จึงได้เปล่ียนชอ่ื อีกคร้งั เปน็ ”ยุวกาชาด”ตงั้ แต่ปี พ.ศ.2521
จนถงึ ทุกวันน้ี
ปัจจุบันกจิ การยุวกาชาด ดำเนินงานโดย 2 หน่วยงาน คอื สำนกั งานยุวกาชาด
สภากาชาดไทยและสำนักการลูกเสือยวุ กาชาดและกจิ การนักเรียน สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มุ่งเนน้
อบรมให้แกเ่ ยาวชน อายุ 7 – 25 ปี ท้ังในสถานศึกษาและนอกสถานศกึ ษาสงั กัดต่างๆ รวมถึงเยาวชนกลุม่
พิเศษ ในความรบั ผดิ ชอบของหนว่ ยงานต่างๆ อาทิ สำนกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบ และการ
ศกึ ษาตามอธั ยาศยั กรมราชทณั ฑ์ ทั้งนีเ้ พื่อปลูกฝังและเผยแพร่ให้เยาวชนมคี วามรู้ ความเข้าใจในหลักการ
และอุดมการณ์ของกาชาดและยวุ กาชาด รูจ้ ักการบำเพ็ญประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม
126
วตั ถุประสงค์ยุวกาชาดไทย
ยุวกาชาด มีวตั ถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมเยาวชนชายและหญิง ดงั น้ี
1. มีอดุ มคติในศานติสุข มคี วามจงรักภักดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. มีความรู้ ความชำนาญในการรักษาอนามัยของตนเองและของผ้อู นื่ ตลอดจนการพัฒนา
ตนเองทางรา่ งกาย จิตใจ คณุ ธรรม และธำรงไวซ้ งึ่ เอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรมของชาติ
3. มีความรู้ ความเข้าใจในหลักการและอุดมการณ์กาชาด มีคณุ ธรรม จริยธรรม
และมจี ติ ใจ เมตตา กรุณาต่อเพื่อมนุษย์
4. บำเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ผู้อื่นชมุ ชนสังคมและประเทศชาติ
5. มีจติ สำนกึ ในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม
6. มีสัมพนั ธภาพทีด่ ีกับบุคคลทว่ั ไป
วตั ถุประสงค์ยวุ กาชาดสากล
เป็นวตั ถปุ ระสงค์ท่ีใช้เหมือนกันทั่วโลก เป็นการปลูกฝังเยาวชนเพือ่ ชว่ ยเหลือเพื่อนมนุษย์ ฝกึ ฝน
ทักษะเพื่อช่วยเหลอื เพือ่ นมนุษย์ ชุมชน ทอ้ งถน่ิ ของตนซ่ึงจะนำมาซ่ึงสันติสุขและสนั ติภาพของโลก มี 3
ประการ คือ
1. มอี ุดมคตใิ นศานตสิ ุข มีความรคู้ วามชำนาญในการรักษาอนามัยของตนเองและของผู้อ่ืน
(Education for Peace and Good Health)
2. ร้จู ักบำเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ นื่ (Good Service)
3. มีสมั พันธภาพอันดกี ับบุคคลท่วั ไป (International Friendship)
127
แบบประเมนิ แผนผงั ความความคิด
หน่วยสี/ ความคิด การใชภ้ าษา ความถูกตอ้ ง เน้ือหาสาระ คะแนน
สละสลวย 4321 4321 เตม็ (16)
รายการประเมิน สรา้ งสรรค์ 4321
4321
เหลือง
ชมพู
เขียว
แสด
ฟ้า
มว่ ง
เกณฑก์ ารประเมิน ลงชอ่ื ...............................................ผปู้ ระเมนิ
4 หมายถงึ
3 หมายถงึ ผลการปฏิบตั อิ ยูใ่ นระดับ ดีมาก
2 หมายถงึ ผลการปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดับ ดี
1 หมายถึง ผลการปฏิบตั ิอยใู่ นระดบั ปานกลาง
ผลการปฏิบตั อิ ยู่ในระดับ ต้องปรับปรงุ
สรุปผลการประเมนิ
13-16 คะแนน หมายถึง ผลการประเมนิ อย่ใู นระดับ ดมี าก
9-12 คะแนน หมายถึง ผลการประเมินอยใู่ นระดับ ดี
5-8 คะแนน หมายถึง ผลการประเมินอยูใ่ นระดับ ปานกลาง
1-4 คะแนน หมายถงึ ผลการประเมนิ อยู่ในระดับ ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารผ่าน มีผลการประเมินอย่ใู นระดับดขี ึน้ ไป
128
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
พฤตกิ รรม มีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มั่นในการ มีสัมพันธภาพ รวม
3213 2 1 ทำงาน อนั ดีกบั บุคคล 12
หน่วยส.ี .
321 ท่วั ไป
1. เหลอื ง 3 21
2.ชมพู
3. เขียว
4. แสด
5.ฟ้า
6.ม่วง
เกณฑก์ ารให้คะแนน
มีวินยั
ระดับคะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดงั ต่อไปน้ีครบถ้วน ไดแ้ ก่
1. แต่งเคร่ืองแบบยุวกาชาดถูกต้องตามระเบยี บ
2. เข้าเรียนตรงเวลา
3. ปฏบิ ตั ิตามคำสงั่ ผู้บังคับบญั ชา
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นกั เรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ข้อ
ระดบั คะแนน 1 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
ใฝ่เรียนรู้
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ครบถว้ น ได้แก่
1. ตัง้ ใจสบื คน้ หาความรู้เพิ่มเตมิ
2. ศึกษาจากแหลง่ เรียนรู้
3. เข้ารว่ มกิจกรรมทุกคร้งั
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ข้อ
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
มุ่งมัน่ ในการทำงาน
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ครบถว้ น ไดแ้ ก่
129
1. ให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรม
2. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม
3. ทำงานเสร็จทนั เวลา
ระดบั คะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดบั คะแนน 1 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
มสี ัมพันธภาพอันดกี ับบคุ คลทวั่ ไป
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดงั ต่อไปน้ีครบถ้วน ได้แก่
1. รกั เพื่อน
2. ช่วยเหลอื เพ่ือน ๆ ในหน่วยเดียวกนั และหนว่ ยอนื่ ๆ
3. อธบิ ายความรใู้ หแ้ กก่ ันและกัน
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ขอ้
เกณฑ์การผ่าน 80% ข้นึ ไป
คะแนน 9 - 12 หมายถึง ดี คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปานกลาง
คะแนน 1 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
130
เกมชงิ ร้อยชงิ ล้าน
วิธกี ารเลน่
1. ตวั แทนนักเรยี น 1 คน ทำหนา้ ท่ี เปน็ พิธีกรทำหน้าทถ่ี ามคำถาม
2. แต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทน 1 คน ออกมาแขง่ ขัน
3. พธิ กี รหยบิ คำถามขึน้ มา อา่ น ใหผ้ ้เู ข้าแขง่ ขนั ตอบทีล่ ะคน
4. การตอบคำถาม ตอบท่ลี ะหนว่ ยสโี ดยใช้เวลาหน่วยละ 5 นาที
5. ตอบถูกไดค้ ะแนน 1 คะแนน สามารถตอบคำถามในข้อถัดไป ถ้าตอบผิดหรือ
ตอบไม่ได้ ออกจากการแขง่ ขัน สง่ ตวั แทนคนใหม่มาแขง่ ขัน
6. เมอ่ื หมดเวลา 5 นาทนี ับคะแนนหน่วยท่ไี ด้คะแนนสงู สดุ เป็นผชู้ นะ
ตวั อย่างคำถาม
1. ยุวกาชาดไทย กำเนดิ ขึน้ เม่อื ใด (วนั ที่ 27 มกราคม 2465 )
2. ผู้ริเริ่มก่อตั้งยุวกาชาดไทยคือใคร (จอมพลสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์กรมพระนครสวรรค์ว
รพนิ ติ )
3. เมอ่ื แรกเริ่มก่อต้งั ยุวกาชาดไทย ใช้ช่ือว่าอะไร ( อนสุ ภากาชาดสยาม)
4. ปัจจุบันยุวกาชาดไทย ดำเนินงานโดยหน่วยงานใด (สำนักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยและ
สำนักการลูกเสอื ยุวกาชาดและกจิ การนกั เรยี น สำนกั ปลดั กระทรวง)
5. กิจการยวุ กาชาดมงุ่ เนน้ อบรมใหแ้ ก่เยาวชน ระหวา่ งอายุเทา่ เทา่ ไร (อายุ 7 – 25 ป)ี
6. วตั ถุประสงค์ยวุ กาชาดไทยมีก่ีขอ้ ( 6 ข้อ)
7. วัตถปุ ระสงค์ยุวกาชาดสากล มกี ่ขี อ้ (3 ขอ้ )
8. มีอุดมคติในศานติสขุ ตรงกบั ภาษาองั กฤษว่าอะไร (Education for Peace)
9. International Friendship ตรงกบั ภาษาไทยว่าอะไร (มีสมั พันธภาพอันดกี บั บคุ คลทว่ั ไป)
10. รจู้ ักบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อนื่ ตรงกบั ภาษาอังกฤษวา่ อะไร (Good Service)
11. Good Healthตรงกับภาษาไทยว่าอะไร(มีความชำนาญในการรักษาอนามัยของตนเองและของ
ผู้อ่นื
12. วันสถาปนายวุ กาชาดไทย ตรงกบั วันท่ี และเดอื นอะไร (วนั ท่ี 27 เดอื น มกราคม)
131
บนั ทกึ ผลการจัดกจิ กรรม
1. ผลการจดั กจิ กรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………….ผู้สอน
()
ตำแหนง่ ครู
132
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 13
กิจกรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2
เร่อื ง การปฏิบัตติ ามคำปฏิญาณตน จำนวน 1 ชว่ั โมง
...................................................................................................................................................................
1. สาระสำคัญ
คำปฏิญาณตนยวุ กาชาด เปน็ คำพูดทส่ี มาชิกยุวกาชาดให้สัญญาวา่ จะประพฤติและปฏิบัติตนตามท่ี
ให้สัญญาไว้ ดังนั้นสมาชิกยุวการชาดควรตระหนักในหน้าที่และบทบาทของการเป็นสมาชิกยุวกาชาดที่จะ
ประพฤติและปฏบิ ตั ติ นให้เปน็ แบบอยา่ งท่ดี ีกับคนท่ัวไปตามคำปฏญิ าณตนทัง้ 3 ขอ้
2. ผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวงั
ปฏบิ ตั ิตนตามคำปฏญิ าณตนได้
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. จบั คู่ข้อความให้สัมพนั ธ์กบั คำปฏญิ าณตน
2. ปฏิบัตติ นตามคำปฏิญาณตนได้
4. สาระการเรยี นรู้
คำปฏิญาณตนยุวกาชาด
5. ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
- พิธีเปิดกิจกรรมยวุ กาชาด(ตามขัน้ ตอน)
1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรยี น
1.1 ผนู้ ำและสมาชกิ ยุวกาชาดร่วมกนั ร้องเพลง นำ้ ใจยวุ กาชาด
1.2 ผนู้ ำและสมาชกิ ยวุ กาชาดร่วมกันสนทนาเนื้อหาในบทเพลง
2. ขนั้ จัดกิจกรรม
2.1 แจกบตั รคำ คำปฏญิ าณตนยวุ กาชาด ใหส้ มาชิกทกุ หน่วยสี
2.2 แตล่ ะหน่วยสีร่วมกันเรียงบัตรคำใหเ้ ปน็ คำปฏิญาณตนยุวกาชาด ใหถ้ ูกต้อง
2.3 หน่วยสใี ดตอ่ ไดถ้ กู ต้อง เสรจ็ กอ่ น เปน็ ผชู้ นะ
2.4 ให้ทุกหน่วยสนี ำบัตรคำปฏิญาณตนไปติดในกระดาษขาวเทา ให้เป็นผงั คำปฏิญาณตน ใน
กระดาษขาวเทาท่แี จกให้
133
2.5 แจกบัตรข้อความใหท้ กุ หนว่ ยสี
2.6 แขง่ ขันกนั จัดบัตรขอ้ ความทีแ่ จกให้ เข้าพวก และตรงกบั ผังคำปฏิญาณตน
2.7 หนว่ ยสใี ดเสร็จกอ่ น และถูกต้องเปน็ ผชู้ นะ
2.8 มอบรางวัลให้หนว่ ยสีที่ชนะเลิศ 1-3
3. ข้นั สรปุ
3.1 ให้สมาชิกทุกหน่วยสี ร่วมกันระดมสมองการปฏิบัติตนตามคำปฏิญาณตนที่บ้านและ
โรงเรียน
3.2 สรปุ ประโยชน์ของการปฏบิ ัติตนตามคำปฏญิ าณตนต่อตนเองและสงั คม
-พธิ ีปิดกจิ กรรมยวุ กาชาด(ตามขน้ั ตอน)
หมายเหตุ
ใหน้ ักเรยี นจัดทำสมุดบันทกึ ความดี เล่มเลก็ ๆ เมื่อนกั เรยี นไปปฏิบตั กิ ิจกรรมใดทีส่ อดคล้องกับ
คำปฏิญาณตน ใหน้ กั เรยี นบนั ทึกข้อมูลในสมุดบันทึกความดี และใหม้ ีผรู้ บั รองด้วย
ใหผ้ ูน้ ำติดตามตรวจสอบโดยดูจากสมุดบันทึกความดีของนกั เรียน
6. ส่ือการจดั กิจกรรม
1. ชีทเพลง น้ำใจยวุ กาชาด
3. บัตรคำ คำปฏญิ าณตนยุวกาชาด
4. บัตรขอ้ ความ
5. อุปกรณ์ (กระดาษขาวเทา กระดาษกาว)
6. สมดุ บนั ทึกความดี
7. การวดั และประเมนิ ผล
7.1 เคร่อื งมือวดั
1. แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
7.2 วธิ กี ารวดั
1. ประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
7.3 เกณฑ์การประเมิน
1. นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงคร์ ้อยละ 80 ระดับดีข้นึ ไป
134
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
พฤตกิ รรม มวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการ มีสมั พนั ธภาพ รวม
3213 2 1 ทำงาน อันดีกับบุคคล 12
หน่วยส.ี .
321 ท่วั ไป
1. เหลอื ง 3 21
2.ชมพู
3. เขียว
4. แสด
5.ฟา้
6.ม่วง
เกณฑ์การให้คะแนน
มีวนิ ัย
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ครบถว้ น ได้แก่
1. แต่งเคร่ืองแบบยวุ กาชาดถูกต้องตามระเบียบ
2. เขา้ เรยี นตรงเวลา
3. ปฏิบัติตามคำสงั่ ผูบ้ ังคับบญั ชา
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
ใฝ่เรยี นรู้
ระดับคะแนน 3 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมดงั ต่อไปน้ีครบถ้วน ได้แก่
1. ตง้ั ใจสบื ค้นหาความรูเ้ พม่ิ เตมิ
2. ศึกษาจากแหลง่ เรยี นรู้
3. เขา้ รว่ มกจิ กรรมทกุ ครง้ั
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ขอ้
มุ่งม่นั ในการทำงาน
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ครบถว้ น ได้แก่
135
1. ให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรม
2. กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม
3. ทำงานเสร็จทนั เวลา
ระดบั คะแนน 2 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดบั คะแนน 1 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
มสี ัมพันธภาพอันดกี ับบคุ คลทวั่ ไป
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดังต่อไปน้ีครบถ้วน ได้แก่
1. รกั เพื่อน
2. ช่วยเหลอื เพ่ือน ๆ ในหนว่ ยเดียวกนั และหน่วยอนื่ ๆ
3. อธบิ ายความรู้ใหแ้ ก่กนั และกัน
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ขอ้
เกณฑ์การผ่าน 80% ข้นึ ไป
คะแนน 9 - 12 หมายถึง ดี คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปานกลาง
คะแนน 1 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
136
เพลงนำ้ ใจยวุ กาชาด
พวกเราเหล่า ยุวกาชาดไทย
อยู่แหง่ ไหน เรามใี จมน่ั
กระทำดี มีจติ มิตรสัมพนั ธ์
ทุก ทกุ วัน บำเพญ็ ประโยชน์ เร่อื ยไป
เรายอมพลชี วี ติ อทุ ิศชีวา
เพื่อรักษา เกียรติของชาติไทย
กระทำตน เป็นคนมวี ินยั
ด้วยนำ้ ใจ ยุวกาชาดท่ดี ี
137
กจิ กรรมสง่ เสริมการปฏบิ ตั ิตามคำปฏญิ าณตน
1. ให้นักเรยี นนำบตั รคำ คำปฏิญาณตนยุวกาชาดไปติดในผงั (ดงั ตวั อย่าง)
คำปฏญิ าณตนข้อที่ 1 คำปฏิญาณตนข้อที่ 2 คำปฏญิ าณตนข้อท่ี 3
2. นำบตั รขอ้ ความ (กจิ กรรม)ที่สมั พันธก์ ับคำปฏิญาณแตล่ ะข้อ ไปติดไว้ใต้คำปฏิญาณแตล่ ะข้อ
บตั รข้อความ
การล้างมอก่อนรบั ประทานอาหารทุกคร้งั ยนื ตรงเคารพธงชาติทุกครั้งท่ีได้ยินเพลงชาติ
การแยกประเภทขยะ ชว่ ยเหลือคนสงู วยั และเด็กข้ามถนน
การเลอื กซือ้ สินค้าท่ผี ลิตในประเทศ ไปร่วมกิจกรรมวนั สำคัญทางพุทธศาสนา
การส่งบัตรแสดงความยินดใี นโอกาสต่าง ๆ เลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์
การไม่ทำให้แหล่งท่องเทีย่ วและท่ีสาธารณะสกปรก ช่วยเหลอื ผูป้ ระสพอุบัตเิ หตุ
การยนิ ดกี ับผู้อน่ื ทกุ เมือ ช่วยถือของใหค้ รู
138
บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรม
1. ผลการจดั กิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………….ผู้สอน
()
ตำแหนง่ ครู
วันท่ี ……..เดือน…………….พ.ศ……..
139
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 14
กจิ กรรมยุวกาชาด ระดบั 3 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2
เรอื่ ง การปฐมพยาบาล(โดยใช้ผ้าสามเหลย่ี ม) จำนวน 2 ชวั่ โมง
..................................................................................................................................................................
1. สาระสำคญั
การปฐมพยาบาลมีหลายวธิ ี ผา้ สามเหลีย่ มหรือผ้าผูกคอของยุวกาชาดก็สามารถนำเป็นอุปกรณ์ใน
การปฐมพยาบาลได้ สมาชิกยุวกาชาดควรมีความรู้และทักษะในการนำผ้าสามเหลี่ยมมาใช้ในการปฐม
พยาบาลให้ถูกต้อง เพ่ือจะได้นำความรู้ไปในชวี ิตประจำวนั และชว่ ยเหลือบคุ คลอน่ื
2. ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง
ปฐมพยาบาลโดยใชผ้ า้ สามเหล่ียมได้
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1.รู้วธิ กี ารใช้ผา้ สามเหลี่ยมปฐมพยาบาล
2. ฝกึ ทักษะการใชผ้ า้ สามเหล่ยี มในการปฐมพยาบาล
4. สาระการเรยี นรู้
1. การใช้ผ้าสามเหล่ียมทำท่ีคล้องแขน
2. การใชผ้ า้ สามเหล่ียมพนั ศรี ษะ
3. การใช้ผา้ สามเหลี่ยมพันมอื
5. ขนั้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
- พธิ ีเปดิ กิจกรรมยวุ กาชาด
1. ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1.1 ครูและสมาชกิ ยวุ กาชาดทบทวนเพลงปฐมพยาบาล
1.2 ครูถามนำเกี่ยวกบั อปุ กรณ์ท่ีสามารถนำมาปรับใชเ้ ปน็ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล
1.3 ครูบอกนักเรียนว่าผ้าสามเหลี่ยมหรือผ้าผูกคอของนักเรียนสามารถเป็นอุปกรณ์ปฐม
พยาบาลได้
1.4 ครูแนะนำผ้าสามเหลี่ยม วธิ กี ารพบั ที่ถกู ตอ้ ง
140
2. ขน้ั จัดกจิ กรรม
2.1 แจกใบความร้เู รอ่ื งการใช้ผ้าสามเหล่ียมใหน้ กั เรยี นศึกษา
2.2 ครูสาธิตการใชผ้ า้ สามเหล่ียมปฐมพยาบาลแบบต่าง ๆ ให้นักเรยี นดู
2.3 ใหน้ ักเรยี นฝกึ ใชผ้ า้ สามเหลีย่ มปฐมพยาบาลตามท่คี รูสาธติ ฝกึ จนคล่องแคล่ว
3. ขัน้ สรุป
3.1 แขง่ ขันการใชผ้ า้ สามเหล่ยี มปฐมพยาบาล ดงั นี้
2.4.1 การพับผา้ สามเหลี่ยม
2.4.2 การใช้ผา้ สามเหล่ยี มทำทคี่ ล้องแขน
2.4.3 การใชผ้ ้าสามเหลย่ี มผูกศรี ษะ
2.4.4 การใช้ผา้ สามเหลี่ยมพนั มือ
3.2 หน่วยสที ีท่ ำได้ถูกต้อง เรยี บรอ้ ย เปน็ ผู้ชนะ
3.3 มอบรางวัลใหห้ น่วยสีทชี่ นะเลศิ 1-3
3.4 ให้นักเรียนช่วยกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรมและเสนอแนะข้อคิดเห็นเพิ่มเติม และร้อง
เพลงปฐมพยาบาลอักครงั้ หน่งึ
- พธิ ปี ิดกิจกรรมยุวกาชาด
6. ส่อื การจดั กจิ กรรม
1. ใบความรูเ้ รือ่ งการใช้ผา้ สามเหลยี่ ม
2.ผ้าสามเหลีย่ ม/ผา้ ผูกคอ
3. รางวัล
7. การวัดและประเมินผล
7.1 เครื่องมอื วดั
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
7.2 วธิ กี ารวดั
ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
7.3 เกณฑก์ ารประเมนิ
นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ร้อยละ 80 ระดบั ดขี ึ้นไป
141
การใช้ผา้ สามเหลีย่ ม (Triangular bandages)
การใชผ้ ้าสามเหล่ียม เมอื่ มีบาดแผลต้องใช้ผ้าพันแผลซ่ึงขณะนั้นมีผา้ สามเหล่ยี ม สามารถใชผ้ า้
สามเหลยี่ มแทนผ้าพันแผลได้โดยพบั เกบ็ มุมให้เรียบร้อยและก่อนพันแผลต้องพับผา้ สามเหลีย่ มให้มขี นาด
เหมาะสมกบั บาดแผลและอวัยวะท่ใี ชพ้ ัน
V
V
V
การพับผา้ สามเหลย่ี ม
1. การคล้องแขน (Arm sling)ในกรณีท่ีมกี ระดูกตน้ แขนหัก หรือกระดูกปลายแขนหักเมื่อตกแต่ง
บาดแผลและเข้าเฝอื กชวั่ คราวเรยี บรอ้ ยแลว้ จะคล้องด้วยผ้าสามเหลี่ยมตามลำดับดังนี้
1.1 วางผ้าสามเหล่ยี มให้มุมยอดของสามเหล่ยี มอยูใ่ ต้ข้อศอกข้างท่ีเจบ็ ใหช้ ายผ้าดา้ นพบพาดไปท่ี
ไหล่อีกขา้ งหนึ่ง
1.2 จับชายผ้าด้านลา่ งตลบกลับข้ึนข้างบนให้ชายผ้าพาดไปทไี่ หล่ขา้ งเดียวกับแขนขา้ งท่ีเจบ็
1.3 ผูกชายทง้ั สองให้ปมอยู่ตรงร่องเหนือกระดูกไหปลารา้
1.4 เก็บมุมสามเหล่ียมโดยใชเ้ ขม็ กลดั ติดให้เรียบร้อย
142
>
การใชผ้ า้ สามเหล่ียมคล้องแขน
2. การพันศีรษะ ซ่ึงสะดวกและรวดเร็วกว่าใชผ้ ้าพนั แผลชนดิ ม้วน
2.1 วธิ ใี ช้ผ้ปู ฐมพยาบาลตอ้ งเริ่มตน้ ด้วยการพบั ด้านฐานสองทบกว้างประมาณ 2 นวิ้
2.2 จากน้ันวางผา้ บนศีรษะผ้ปู ว่ ยโดยให้ด้านฐานอยู่เหนือหนา้ ผากจับชายผ้าด้านข้างท้งั สองขา้ ง
สลับกนั ทีด่ ้านหลงั ศีรษะแลว้ อ้อมผ่านบริเวณเหนือหูมาผูกตรงจุดกง่ึ กลางหน้าผาก
2.3 ชายผ้าท่เี หลืออย่ดู า้ นหลังศีรษะจบั มว้ นขน้ึ และพบั เหน็บใหเ้ รยี บร้อย
143
>
>
การใชผ้ ้าสามเหลีย่ มพนั ศรี ษะ
3. การพนั มือ ใช้กรณีท่ีมีบาดแผลที่มือทำตามลำดับดังน้ี
3.1 วางมอื ท่ีบาดเจ็บลงบนผ้าสามเหลี่ยมจบั มุมยอดของผา้ สามเหลี่ยมลงมาดา้ นฐานจรดบรเิ วณ
ขอ้ มือ
3.2 ห่อมอื โดยจบั ชายผ้าท้ังด้านซา้ ยและขวาไขว้กัน
3.3 ผกู เงอื่ นพริ อดบริเวณข้อมือ
การใช้ผา้ สามเหลยี่ มพันมือ
144
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
พฤตกิ รรม มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุง่ มนั่ ในการ มสี ัมพันธภาพ รวม
3213 2 1 ทำงาน อนั ดกี บั บุคคล 12
หน่วยส.ี .
321 ทว่ั ไป
1. เหลือง 3 21
2.ชมพู
3. เขยี ว
4. แสด
5.ฟา้
6.ม่วง
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
มวี นิ ยั
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดงั ต่อไปน้ีครบถว้ น ได้แก่
4. แตง่ เคร่ืองแบบยวุ กาชาดถกู ต้องตามระเบียบ
5. เขา้ เรยี นตรงเวลา
6. ปฏบิ ัตติ ามคำสัง่ ผู้บงั คบั บัญชา
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
ใฝ่เรยี นรู้
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมดงั ต่อไปนี้ครบถ้วน ได้แก่
4. ตงั้ ใจสบื คน้ หาความรเู้ พม่ิ เติม
5. ศึกษาจากแหล่งเรยี นรู้
6. เขา้ รว่ มกจิ กรรมทกุ ครงั้
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ข้อ
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
มงุ่ ม่ันในการทำงาน
145
ระดับคะแนน 3 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤติกรรมดังต่อไปนี้ครบถว้ น ไดแ้ ก่
4. ใหค้ วามร่วมมือในการทำกิจกรรม
5. กระตือรือร้นในการทำกจิ กรรม
6. ทำงานเสร็จทนั เวลา
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นกั เรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ข้อ
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ขอ้
มสี มั พันธภาพอันดีกับบุคคลทัว่ ไป
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมดงั ต่อไปน้ีครบถว้ น ไดแ้ ก่
4. รักเพื่อน
5. ชว่ ยเหลอื เพ่อื น ๆ ในหนว่ ยเดียวกันและหน่วยอ่ืน ๆ
6. อธิบายความรู้ให้แกก่ นั และกัน
ระดับคะแนน 2 หมายถึง นกั เรยี นแสดงพฤติกรรมได้ 2 ใน 3 ขอ้
ระดับคะแนน 1 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤติกรรมได้ 1 ใน 3 ข้อ
เกณฑ์การผา่ น 80% ข้ึนไป
คะแนน 9 - 12 หมายถึง ดี คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปานกลาง
คะแนน 1 - 4 หมายถงึ ปรับปรุง
146
บนั ทึกผลการจัดกจิ กรรม
1. ผลการจดั กิจกรรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………….ผู้สอน
()
ตำแหน่งครู
วันท่ี ……..เดอื น…………….พ.ศ……..
147
แผนการจัดกิจกรรมที่ 15
กจิ กรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2
เรอื่ ง การเคลอื่ นยา้ ยผปู้ ว่ ย จำนวน 2 ชวั่ โมง
..................................................................................................................................................................
1. สาระสำคญั
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอีกวิธีหนึ่ง การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมีหลายวิธี
ดังนั้นสมาชกิ ยวุ กาชาดควรมีความรู้และทักษะในการเคลื่อนย้ายผูป้ ่วยอยา่ งถูกต้อง เพื่อจะได้นำความรู้ไป
ในชวี ิตประจำวนั และชว่ ยเหลอื บคุ คลอื่น
2. ผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวัง
สามารถเคลอ่ื นยา้ ยผปู้ ว่ ยโดยวิธีตา่ ง ๆ ได้อย่างถกู ตอ้ ง
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.รู้วธิ ีการย้ายผปู้ ่วยแบบต่าง ๆ
2. ฝึกทกั ษะการเคล่ือนย้ายผู้ปว่ ยได้อย่างถูกวธิ ี
4. สาระการเรยี นรู้
การเคลือ่ นย้ายผ้ปู ่วยแบบตา่ ง ๆ
1. การเคลื่อนย้ายโดยผ้ชู ว่ ยเหลอื คนเดยี ว
2. การเคลอื่ นยา้ ยผปู้ ว่ ยโดยผูช้ ว่ ยเหลอื สองคน
3. การเคลอ่ื นยา้ ยผู้ปว่ ยโดยผชู้ ่วยเหลอื สามคน
5. ข้ันตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
- พิธเี ปดิ กจิ กรรมยวุ กาชาด
1. ขัน้ นำเข้าส่บู ทเรียน
1.1 ครนู ำสนทนากับนักเรียนเกยี่ วกับอุบัติเหตตุ ่าง ๆท่ีเกดิ ข้นึ
1.2 ครใู หน้ ักเรียนดูภาพการเกดิ อุบัติเหตุ และดวู ธิ ีการเคลอ่ื นยา้ ยผปู้ ่วยใน Power Point
1.3 ครูแจง้ จดุ ประสงค์ให้นักเรยี นทราบ
2. ข้ันจัดกจิ กรรม
148
2.1 แจกใบความรูเ้ รอ่ื งการเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ยให้สมาชิกทุกหนว่ ยสีศกึ ษา
2.2 ครอู ธบิ ายและสาธติ เคลื่อนยา้ ยผปู้ ่วยวธิ ตี ่าง ๆให้นักเรยี นดู
2.3 ใหน้ กั เรยี นฝึกการเคลื่อนยา้ ยผู้ปว่ ยท่ีครูสาธติ ฝึกจนคล่องแคล่ว
3. ขัน้ สรปุ
3.1 แขง่ ขนั การเคล่ือนย้ายผู้ปว่ ยโดยวิธตี ่าง ๆ
3.2 หน่วยสีที่ทำได้ถูกต้อง รวดเร็ว เป็นผูช้ นะ
3.3 มอบรางวัลใหห้ นว่ ยสีท่ีชนะเลิศ 1-3
3.4 ให้นักเรียนช่วยกันสรปุ ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมและเสนอแนะขอ้ คิดเหน็ เพิม่ เติม
- พิธปี ดิ กิจกรรมยวุ กาชาด
6. ส่อื การจัดกิจกรรม
1. ใบความรูเ้ รอ่ื งการเคล่อื นย้ายผ้ปู ่วย
2.Power Point
3. รางวัล
7. การวัดและประเมินผล
7.1 เครอื่ งมอื วัด
แบบสังเกตพฤติกรรมและประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
7.2 วธิ ีการวัด
แบบสงั เกตพฤติกรรมและประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
7.3 เกณฑ์การประเมิน
นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ร้อยละ 80 ระดบั ดขี น้ึ ไป
149
ใบความรู้
การเคล่ือนย้ายผปู้ ว่ ย (Transporting)
การเคล่ือนยา้ ยทีถ่ ูกวิธีมีความสำคญั มากถา้ ผู้ชว่ ยเหลือมีประสบการณ์ มีความรู้ ความเขา้ ใจ
มีหลกั การและร้จู ักวิธกี ารเคล่ือนยา้ ยที่ถูกวธิ ี จะชว่ ยใหผ้ ู้บาดเจ็บมีชีวติ รอดปลอดภัย ลดความ
พิการ หรอื อนั ตรายทีจ่ ะเกิดขึ้นภายหลงั ได้
1. การเคลื่อนยา้ ยโดยผู้ช่วยเหลอื คนเดียว
วธิ ที ่ี 1 พยงุ เดนิ เหมาะสำหรบั ผูป้ ่วยท่รี สู้ ึกตวั ดี แตแ่ ขนหรอื ขาข้างใดข้างหนงึ่ เจ็บ (เฉพาะ
ส่วนล่าง)
วธิ ีเคลือ่ นยา้ ยผชู้ ่วยเหลือยนื เคียงข้างผปู้ ่วยหันหน้าไปทางเดียวกนั แขนข้างหนงึ่ ของผ้ปู ่วย
พาดคอ ผชู้ ว่ ยเหลอื จบั มือผู้ป่วยไว้สว่ นแขนอกี ขา้ งหน่ึงของผชู้ ว่ ยเหลือโอบเอวและพยุงเดิน
การเคล่ือนย้ายผู้ปว่ ยโดยวธิ พี ยุงเดิน
วธิ ที ่ี 2 การอุ้ม วธิ นี ีใ้ ช้กบั ผู้บาดเจบ็ ทีม่ ีน้ำหนักตวั น้อยหรอื ในเด็กซึ่งไมม่ บี าดแผลรนุ แรง
หรือกระดกู หกั โดยการชอ้ นใต้เขา่ และประคองดา้ นหลังหรืออ้มุ ทาบหลังก็ได้