The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความรู้ทางวิชาการ
งานวันกุ้งจันท์ ครั้งที่ 27
ระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2566
ณ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี
จังหวัดจันทบุรี
จัดโดย สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งจันทบุรี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Panupong Petchkaew, 2023-03-18 05:40:09

หนังสืองานวันกุ้งจันท์ ครั้งที่ 27

ความรู้ทางวิชาการ
งานวันกุ้งจันท์ ครั้งที่ 27
ระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2566
ณ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี
จังหวัดจันทบุรี
จัดโดย สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งจันทบุรี

Keywords: งานวันกุ้ง

51 กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมคุณภาพ อาหารสัตว์ การควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 มีข้อก�ำหนดที่ส�ำคัญดังนี้ (1) มาตรา 15 ผู้ผลิตหรือผู้น�ำเข้าอาหารสัตว์ ควบคุมเฉพาะจะต้องได้รับใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์ ควบคุมเฉพาะหรือใบอนุญาตน�ำเข้าอาหารสัตว์ควบคุม เฉพาะ (2) มาตรา 27 (3) ก�ำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตผลิต อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ต้องมีการวิเคราะห์อาหารสัตว์ ควบคุมเฉพาะที่ตนผลิตก่อนน�ำออกจากสถานที่ผลิต โดย มีหลักฐานแสดงรายละเอียดของการวิเคราะห์ ซึ่งต้องเก็บ รักษาไว้ให้ตรวจสอบได้ไม่น้อยกว่า 3 ปี (3) มาตรา 27 (4) และมาตรา 29 (5) ก�ำหนดให้ ผู้รับใบอนุญาตผลิตหรือน�ำเข้าอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ต้องจัดท�ำฉลากให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เรื่อง กาหนดหลักเกณฑ์การแสดงฉลากและ ํ ข้อความในฉลากสําหรับอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ พ.ศ. 2559 (4) มาตรา 35 ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวต้องน�ำ อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะที่ประสงค์จะผลิตหรือน�ำเข้า มาขอขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ เมื่อได้รับใบ ส�ำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะแล้วจึงจะ ผลิตหรือน�ำเข้าอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะนั้นได้ (5) มาตรา 37 ก�ำหนดว่าผู้รับใบอนุญาตผลิต หรือน�ำเข้าอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ต้องผลิตหรือน�ำเข้า อาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะให้ตรงตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ซึ่ง ถ้าฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามมาตรา 83 ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่ เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจ�ำทั้งปรับ


52 โดย ดร.ธิดาพร ฉวีภักดิ์ กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง ลูกกุ้งคุณภาพดี ปลอดโรค เป็นองค์ ประกอบส�ำคัญอีกปัจจัยหนึ่งของการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล การวางแนวทางการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังโรคเพื่อ ผลิตลูกกุ้งคุณภาพโดยกรมประมงเป็นส่วนช่วยสนับสนุน แนวทางนี้ให้เป็นระบบที่สร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริม ให้การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลมีความส�ำเร็จลดปัญหาการเกิด โรคหรือการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคในลูกกุ้งจากต้นทางเพื่อ ลดจ�ำนวนแหล่งแพร่กระจายเชื้อก่อโรคในกุ้งทะเล การ ด�ำเนินการเฝ้าระวังโรคกุ้งทะเลในประเทศไทยโดยมี หน่วยงานของกรมประมงที่ปฏิบัติงานร่วมกันตั้งแต่การ ควบคุมการน�ำเข้าพ่อแม่พันธุ์และกุ้งทะเลในระยะต่างๆ เข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ การมีมาตรฐานบังคับใน การรับรองมาตรฐานฟาร์มลูกกุ้งขาวแวนนาไมปลอดโรค (มกษ. 7432) กับโรงเพาะฟักในการผลิตนอเพลียสกุ้งขาว แวนนาไมปลอดโรค และส�ำหรับโรงอนุบาลในการผลิตลูก กุ้งระยะโพสต์ลาวา PL มีการตรวจโรคกุ้งทะเล 3 - 4 โรค ในทุกรุ่นการผลิต ที่รู้จักกันในการตรวจแบบ Lot by Lot (ล็อต บาย ล็อต) ในการเริ่มต้นของการพัฒนาระบบการตรวจแบบ Lot by Lot ได้มีการตรวจในโครงการเฝ้าระวังโรคเพื่อ การผลิตลูกกุ้งคุณภาพ (Cleaning) เมื่อ 1 เมษายน – 10 พฤษภาคม 2562 เก็บตัวอย่างตรวจวินิจฉัยเชื้อก่อโรค และตรวจสอบ Biosecurity ขั้นพื้นฐาน ของฟาร์มเพาะ ความมั่นใจในคุณภาพ ลูกกุ้งไทย ลูกกุ้งไทย


53 พันธุ์และอนุบาล 245 ฟาร์ม แบ่งเป็น ฟาร์มเพาะพันธุ์ 21 ฟาร์ม, ฟาร์มเพาะพันธุ์และอนุบาล 29 ฟาร์ม และฟาร์ม อนุบาล 195 ฟาร์ม ผลการตรวจพบเชื้อ EHP WSSV, EMS (VpAHPND) และ IHHNV แต่ตรวจไม่พบเชื้อ TSV, YHV, IMNV และ DIV1 ในตัวอย่างที่ทดสอบ พบเชื้อ EHP เป็น ปัญหาหลักที่พบทั้งในฟาร์มทุกประเภท อยู่ในช่วงร้อยละ 13-19 พ่อแม่พันธุ์กุ้งตรวจพบเชื้อ EHP มากที่สุด ร้อยละ 18.24 ของจ�ำนวนตัวอย่างที่ตรวจเชื้อนี้ทั้งหมด กิจกรรมตรวจรับรองสถานะปลอดโรคในลูกกุ้ง ทะเล(โพสต์ลาวา Post larva, PL) แบบ Lot by Lot (ล็อต บาย ล็อต) เป็นกิจกรรมเพื่อด�ำเนินการควบคุม เฝ้า ระวังและป้องกันโรคในระดับโรงเพาะฟักและอนุบาล และโรงอนุบาลลูกกุ้งทะเลจากระยะนอเพลียสเป็น ระยะ PL พบว่าการด�ำเนินงานตามกิจกรรม Lot by Lot สามารถลดปัญหาการเกิดโรคกุ้งทะเลในโรงเพาะพันธุ์และ อนุบาลโดยเฉพาะโรคติดเชื้อไวรัส แต่ปัญหาที่ยังพบอยู่ คือเชื้อ EHP (ร้อยละ 11) ส่วนผลการตรวจงานบริการ Walk in ปัญหาโรคกุ้งที่พบในฟาร์มเลี้ยงส่วนใหญ่ คือ EMS (VpAHPND) EHP และอาการขี้ขาว ผลการด�ำเนินงานในปัจจุบันปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ต.ค. 65 – ม.ค. 66) จ�ำนวนโรงอนุบาลในบัญชีราย ชื่อ White List Hatchery ที่ถูกสุ่มตัวอย่างลูกกุ้งตรวจ ในล็อตการผลิต ซึ่งตั้งอยู่ใน 19 จังหวัด รวม 246 ฟาร์ม ได้แก่ ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 2 จังหวัด 75 ฟาร์ม ภาคใต้ตอนบน 3 จังหวัด 22 ฟาร์ม ภาคใต้ฝั่งอันดามัน 5 จังหวัด 55 ฟาร์ม ภาคกลาง 4 จังหวัด 6 ฟาร์ม ภาคตะวัน ออก 4 จังหวัด 88 ฟาร์ม รายละเอียดแสดงดังภาพที่ 1 และผลผลิตลูกกุ้งทะเลที่ถูกสุ่มตรวจในโครงการ Lot by Lot (ล็อต บาย ล็อต) ของโรงอนุบาลที่อยู่ในระบบบัญชี White List Hatchery ช่วงปีงบ 2563 – 2565 และปี 2566 (ต.ค. 65 – ม.ค. 66) รายละเอียดแสดงดังภาพที่ 2 ภาพที่ 1 จำ นวนโรงอนุบาล (ฟาร์ม) ในแต่ละพื้นที่ ที่มีการผลิตลูกกุ้งทะเลเพื่อสุ่มตรวจโรค ในโครงการ Lot by Lot (ล็อต บาย ล็อต) ช่วงเดือน ตุลาคม 2565 – มกราคม 2566


54 ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากกิจกรรม Lot by Lot กรมประมงมีการจัดการแก้ไขดังนี้ 1) โรงเพาะพันธุ์และอนุบาลบางแห่งมีชื่อในบัญชี White list แต่ไม่มีการแจ้งเพื่อให้เก็บตัวอย่างลูกกุ้งเพื่อ ตรวจ Lot by Lot กรมประมงจะส่งหนังสือแจ้งให้ฟาร์ม เพาะพันธุ์และอนุบาลทราบว่าหากไม่มีผลตรวจ Lot by lot ในช่วง 60 วัน จะถูกน�ำชื่อออกจากระบบ White list hatchery อัตโนมัติ 2) เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ไม่ทราบหรือไม่รู้จัก กิจกรรม Lot by Lot หรือ White list hatchery จึงไม่ ได้มีการตรวจสอบรายชื่อโรงเพาะฟักและอนุบาลก่อนซื้อ ลูกกุ้ง กรมประมงจัดประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบ โดยเกษตรกรสามารถค้นหาในกูเกิล (Google.com) ใช้ ค�ำค้นหาว่า “White List Hatchery กรมประมง” และ แจ้งผลการตรวจโรคในล็อตผลิตลูกกุ้งของโรงเพาะฟัก และโรงอนุบาลที่ไม่พบโรคทางช่องทางกลุ่มไลน์เพิ่มอีก ช่องทางหนึ่ง ในการเลี้ยงกุ้งทะเลฟาร์มเลี้ยงมีความ ส�ำคัญในการเตรียมความพร้อมในทุกด้านเนื่องจาก ภาพที่ 2 ผลผลิตลูกกุ้งทะเลที่ถูกสุ่มตรวจใน โครงการ Lot by Lot (ล็อต บาย ล็อต) ของโรงอนุบาล ที่อยู่ในระบบบัญชี White List Hatchery ช่วงปีงบ 2563 – 2565 และปีงบ 2566 (ต.ค. 65 – ม.ค. 66) แต่ละพื้นที่ที่มีการเลี้ยงกุ้งมีคุณภาพน�้ำ ปริมาณสาร อินทรีย์ การปนเปื้อนปริมาณเชื้อโรคแตกต่างกันในแต่ละ พื้นที่ โดยเฉพาะการตรวจในกิจกรรม Lot by Lot เป็นการตรวจคัดกรองเชื้อก่อโรคในลูกกุ้งระยะ PL ด้วย เทคนิคการตรวจ PCR นอกจากนี้ยังต้องมีการประเมิน คัดเลือกลูกกุ้งคุณภาพดีที่มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดโรค ยังประกอบไปด้วย การตรวจประเมินสุขภาพลูกกุ้งเกี่ยว


55


56 กับการพัฒนาตามระยะการเจริญเติบโต(ไม่น้อยกว่า PL 10) /ความสมบูรณ์และความสะอาดของรยางค์และล�ำ ตัว /ความสมบูรณ์ของตับ /ค่าอัตราส่วนระหว่างขนาด ของกล้ามเนื้อปล้องที่ 6 ต่อขนาดล�ำไส้กุ้ง (MGR) /ความ สามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม โดยแช่ในน�้ำจืด และความแข็งแรงทางสรีระในการปรับ ตัวต่อความเครียดที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันโดยการแช่ใน สารละลายฟอร์มาลิน การตรวจปริมาณเชื้อแบคทีเรีย รวม และแบคทีเรียวิบริโอรวม จึงจะได้ลูกกุ้งคุณภาพที่ ดี ปลอดโรค ซึ่งเกษตรกรสามารถส่งตัวอย่างลูกกุ้งเพื่อ ตรวจสุขภาพลูกกุ้งโดยการส่องกล้องจุลทรรศน์และการ ตรวจปริมาณแบคทีเรียในงานบริการ Walk in ที่ห้อง ปฏิบัติการของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์ น�้ำชายฝั่ง กรมประมง หรือการตรวจติดตามด้วยตนเอง ของโรงเพาะฟักและอนุบาล โรงอนุบาลลูก หรือฟาร์ม เลี้ยงเพื่อเป็นการป้องกันเฝ้าระวังสุขภาพกุ้งระหว่างการ เลี้ยงไม่ให้เกิดการสะสมปัญหาไว้จนแสดงอาการของโรค รุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้ทันกับเหตุการณ์


57 โดย สมประสงค์ เนตรทิพย์ ประธานชมรมผู้ผลิตลูกพันธุ์ส้ตว์น้ำ ความมั่นใจในคุณภาพ ลูกกุ้งไทย ผลิต พ‹อแม‹พันธุ ผลิต นอเพลียส ผลิต นอเพลียส ผลิตกุŒงพี ผลิตกุŒงพี ทีมขาย ผลิตกุŒงพี รูปแบบธุรกิจลูกกุŒง


58 คัดกรองโดยฟารมผูŒผลิตลูกกุŒง การคัดกรองนอเพลียส โดยใชŒนอเพลียสสกอร คัดกรองโดยฟารมผูŒผลิตลูกกุŒง การคัดกรองนอเพลียส โดยใชŒนอเพลียสสกอร “ลูกกุ้งคุณภาพดี” คือลูกกุ้งที่เลี้ยงแล้วมีก�ำไร 1. คัดกรองโดยกรมประมง 2. คัดกรองโดยฟาร์มผู้ผลิตลูกกุ้ง 3. คัดเลือกโดยผู้เลี้ยงบ่อดิน การคัดกรองลูกกุ้งคุณภาพ


59 คัดกรองโดยฟารมผูŒผลิตลูกกุŒง การคัดกรองกุŒงพี โดยใชŒพีแอลสกอร เช็คการเจริญเติบโตของลูกกุŒง 1. อายุ 2. ระยะของกุŒง (PL) 3. ความยาวสัมพันธกับระยะของกุŒง 4. ความสม่ำเสมอของขนาดลูกกุŒง ซูเอี้ย 3-4 วัน ไมซิส 3-4 วัน พี1-พี10 10-12 วัน คัดกรองโดยฟารมผูŒผลิตลูกกุŒง ทดสอบความแข็งแรงในการปรับตัวของลูกกุ้ง (15) แช่ในน�้ำจืด (0 ppt.) นาน 30 นาที (15) แช่ในฟอมาลีน 100 ppm. นาน 30 นาที ตรวจสุขภาพด้วยกล้องจุลทรรศน์ (10) ดูกรีเพื่อดูพัฒนาการของกุ้ง (15) ความสะอาด/ความสมบูรณ์รยางค์และเหงือก (35) ความสมบูรณ์ของตับกุ้ง (10) อัตราส่วนกล้ามเนื้อปล้องที่ 6 ต่อล�ำไส้ การแพ็คและการขนส่ง - เตรียมกุ้ง แต่งลูกกุ้งก่อนแพ็ค - คุณภาพน�้ำ พีเอช ความเค็ม อัลคาไลน์ อุณหภูมิ ออกซิเจน - การก�ำหนดปริมาณตัวอย่างลูกกุ้ง - ปริมาณการแพ็ค ขนาดกุ้ง ขนาดถุง - ระยะเวลาในการขนส่ง


60 การปล่อยลูกกุ้ง - คุณภาพน�้ำในบ่อ - อุณหภูมิผิวน�้ำ จุดปล่อยกุ้ง - การปรับน�้ำ / ลอยถุง - ว่ายควง กุ้งนอนกอง กระโดดผิวน�้ำ - ตายใส ตายขาว ตายแดง - การปล่อยเช้า อุณหภูมิต�่ำ อ๊อกต�่ำ พีเอชต�่ำ ลูกกุ้งลอกคราบ คนท�ำงานง่วง - ปล่อยบ่าย อุณหภูมิสูง พีเอชสูง อ๊อกซิเจนสูง ลูกกุ้งแข็งแรง แต่ปล่อยแล้วไม่เห็นกุ้ง คัดเลือกโดยผู้เลี้ยงบ่อดิน รูปแบบการเลี้ยง หลักการพิจารณาเพื่อเลือกรูปแบบการเลี้ยงของตัวเอง ♦ เงินลงทุน ♦ เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ ♦ ระดับความรู้ ความเข้าใจ ♦ การจัดการ และการเอาใจใส่ดูแล ♦ สภาพแวดล้อม ดิน/น�้ำ/อากาศ ♦ ฤดูกาล ♦ ความรุนแรงของโรคกุ้ง แหล่งพันธุ์กุ้ง ก�ำไร + + + +


61 รูปแบบการเลี้ยงเกษตรกรต้นแบบการเลี้ยงกุ้งขาว การเลือกแหล่งพันธุ์กุ้งขาวให้เหมาะกับรูปแบบการเลี้ยง 1.นายอรรถพงษ์ บุญเลิศฟ้า ประเภท ความเค็มต�่ำ ความหนาแน่นต�่ำ 2.นายอภิรักษ์ ช้างทรัพย์ ประเภท ความเค็มต�่ำ ความหนาแน่นต�่ำ 3.นายชาลี จิตรประสงค์ ประเภท ความเค็มต�่ำ ความหนาแน่นสูง 4.นายชวลิต สอนไข่ ประเภท ความเค็มต�่ำ ความหนาแน่นสูง 5.นายโกศล หนูกลิ่น ประเภท ความเค็มต�่ำ ความหนาแน่นสูง 6.นายยุทธนา รัตโน ประเภท ความเค็มสูง ความหนาแน่นสูง 7.นายพันกวี อังสุมาลี ประเภท ความเค็มสูง ความหนาแน่นต�่ำ 8.นายมนต์ชัย ยกบุญญาธิการ ประเภท การเลี้ยงแบบผสมผสาน 9.นายกฤษณะ หุ่นศิลป์ ประเภท การเลี้ยงแบบผสมผสาน 10.นายกิตติพัฒน์ ศรีสมวงศ์ ประเภท น�ำนวัตกรรมมาใช้ในการเลี้ยง กุ้งขาวแวนนาไม สายโตเร็ว การเลี้ยงที่มีการจัดการดี อนุบาล ลดเวลาการเลี้ยง บ่อพีอี มีเซนทรัลเลน ระบบน�้ำหมุนเวียน สายโตดีและมีความต้านทานโรค การจัดการดีระดับหนึ่ง บ่อดิน บ่อพีอี หรือเลี้ยงแบบผสมผสาน สายโตช้า มีความต้านทานโรคสูง การจัดการ ดูแลเอาใจใส่น้อย บ่อดินปล่อยบาง บ่อเลี้ยงแบบผสมผสาน 11.นายจรูญ ทรัพย์ศิริ ประเภท น�ำนวัตกรรมมาใช้ในการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม 12.นายพิสิทธิ์ นวนนุ่ม ประเภท น�ำนวัตกรรมมาใช้ในการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม 13.นายประสงค์ จันทร์ทอง ประเภท BCG Economy Model ส�ำหรับฟาร์มขนาดเล็ก 14.นายอดุลย์ พันธุโพธิ์ ประเภท BCG Economy Model ส�ำหรับฟาร์มขนาดใหญ่ 15.นายเกรียงศักดิ์ รุ่งโรจน์วรารักษ์ เกษตรกรต้นแบบการเลี้ยงกุ้งกุลาด�ำ • SIS - Superior - Fast growth line - Hardy line - Robust line • Blue genetic - โตเร็ว - ต้านทานโรค • Syaqua - Balance line • CP - Super fast - Turbo - Super win • ไทยแปซิฟิก - โตดีและต้านทานโรค • บรูพา - Standard ทนโรค - Premium โตดี และ ต้านทานโรค • กรมประมง - สิชล1 - เพชรลดา - สีดา • แหล่งพันธุ์พัฒนาอื่นๆ ขอให้เลี้ยงกุ้งมีก�ำไรทุกคนครับ


62 โดย สรพัศ ปณกร อุปนายกสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย จิตอาสาเครือข่ายคนไทยกุ้งไทย Technology specialist บริษัทโนโวไซม์ จำกัด มองกุ้งไทย แลกุ้งโลก


63 ผลผลิต พื้นที่เลี้ยง ราคาปากบ่อ กิจกรรม ภาพลักษณ์ ปัญหาการผลิต เทคโนโลยีการผลิต ต้นทุนการผลิต ทิศทางอนาคต จ�ำนวนเกษตรกร ประวัติศาสตร์ อื่นๆ เอกวาดอร์ 1.3 ล้าน ประมาณ 1 ล้านไร่ ต�่ำสุดในโลก ไม่มีตลาดในประเทศ มี NCA บริหารจัดการครบวงจร PROACTIVE กุ้งที่ดีที่สุดในโลก (ปลอดยา มีมาตรฐาน สด ตัวใหญ่ สร้างภาพดี) แต่ของจริงคุณภาพค่อนข้างมีปัญหา ก�ำไรต�่ำ กึ่งธรรมชาติ โซล่าเซลล์ ออโต้ฟีด ช�ำก่อนปล่อย ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ต�่ำที่สุดในโลก (ไฟฟ้า โซล่าเซลล์ อาหารโปรตีนต�่ำ ทรีทน�้ำน้อย ปัจจัยแทบไม่ใช้) ผลิตเพิ่มอีกไม่เกิน 20% 3 พันราย (10 รายแรกมีผลผลิตเกือบกึ่งหนึ่งของผลผลิต ทั้งประเทศ) 40 ปี พื้นที่เลี้ยงมีปัญหาอาชญากรรมสูง ห้องเย็นไม่ขยาย ต้องเทขาย เมื่อมีกุ้งออก


64 ผลผลิต พื้นที่เลี้ยง ราคาปากบ่อ กิจกรรม ภาพลักษณ์ ปัญหาการผลิต เทคโนโลยีการผลิต ต้นทุนการผลิต ทิศทางอนาคต จ�ำนวนเกษตรกร ประวัติศาสตร์ อื่นๆ ผลผลิต พื้นที่เลี้ยง ราคาปากบ่อ กิจกรรม ภาพลักษณ์ ปัญหาการผลิต เทคโนโลยีการผลิต ต้นทุนการผลิต ทิศทางอนาคต จ�ำนวนเกษตรกร อื่นๆ อินเดีย เวียดนาม 800,000 ตัน ประมาณ 1.5 ล้านไร่ แบบไร่เลื่อนลอย เหลือใช้จริงไม่มาก ต�่ำที่สองในโลก ผลผลิตทะลักแล้วเทขาย ไม่มีตลาดในประเทศ กุ้งเป็นนโยบายชาติ ท�ำตลาดในประเทศ เปิดพื้นที่ใหม่ (น�้ำจืด ดิน เค็ม) REACTIVE ติดลบ มียาตกค้าง แต่เก่งภาษาเก่งค้าขาย กุ้งคุณภาพไม่ดี ต้นทุนสูง ขาดทุน ลูกกุ้งไม่พอใช้ คุณภาพลูกกุ้ง อัตรารอดต�่ำ โรคระบาด องค์ความรู้ หลากหลาย เลียนแบบไทย ไม่สมบูรณ์ มืออาชีพมีน้อย ปานกลาง ต้นทุนแฝงจากความเสียหายเยอะ คงที่ถึงลดลง 20% นับแสนราย >20 ปี มีอ�ำนาจต่อรองทางการเมืองโลกสูง 700,000 ตัน ประมาณ 3 ล้านไร่ ใกล้เคียงไทย ต�่ำกว่าเล็กน้อย ตลาดในประเทศราว 20% Vasep ตั้งเป้าผลิตเพิ่ม ฮับกุ้งโลก งานวันกุ้งระดับสากล มุ่งพัฒนา เทคโนโลยีแปรรูป มีคู่ค้ามากสุดในโลก PROACTIVE ดี มีกุ้งป้อนลูกค้าได้ครบ แบ่งทีมท�ำงาน สื่อสารกับโลกเก่ง ต้นทุนสูง ต้องท�ำไซส์ใหญ่ ระบบเสื่อมโทรม ลูกกุ้งมีปัญหาคุณภาพ โรคระบาด อากาศแปรปรวน หลายเฟส บ่อเล็ก คลุมหลังคา หนาแน่นสูง ยังลักลั่น ดีแต่ยังดีได้ อีก ใช้เทคโนโลยีมากกว่าไทย สูงกว่าไทย เพราะใช้เทคโนโลยีเยอะ อาหารขึ้นราคา 40 โปร 50 บาท ลดลง 10- 20% พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปเพิ่มมูลค่าแข่งไทย เร็วๆ นี้ ส่งออกลดลง นับแสนราย น�ำเข้ากุ้งอินเดีย เอกวาดอร์มาแปรรูปส่งออก เพื่อรักษาและสร้าง ฐานลูกค้า


65 ผลผลิต พื้นที่เลี้ยง ราคาปากบ่อ กิจกรรม ภาพลักษณ์ ปัญหาการผลิต เทคโนโลยีการผลิต ต้นทุนการผลิต ทิศทางอนาคต จ�ำนวนเกษตรกร อื่นๆ ผลผลิต พื้นที่เลี้ยง ราคาปากบ่อ กิจกรรม ภาพลักษณ์ ปัญหาการผลิต เทคโนโลยีการผลิต ต้นทุนการผลิต ทิศทางอนาคต จ�ำนวนเกษตรกร อื่นๆ อินโด ไทย 400,000 ตัน ประมาณ 1.2 ล้านไร่ กลางของโลก ไม่มีตลาดในประเทศ เน้นสร้างภาพใหญ่ ต้อนรับนักลงทุน อนุญาตพื้นที่ใหม่ NON ACTIVE ไม่น่าเชื่อถือ คุณภาพผลผลิตไม่นิ่ง รัฐบาลยุคนี้เก่ง แต่กุ้งไม่อยู่ใน แผนอย่างจริงจัง อีเอ็มเอส ขี้ขาว น�้ำและสิ่งแวดล้อมในบ่อเสื่อมโทรม ต้นทุนสูง คุณภาพลูกกุ้ง อากาศแปรปรวน บาลานซิ่ง อิโคซิสเต็ม บ่อเล็ก ตีน�้ำเยอะ กึ่งฟลอค เปลี่ยนถ่ายน�้ำ มาก เอไอ แอพ ไอโอที ใกล้เคียงหรือต�่ำกว่าไทยเล็กน้อย ลดลง 10- 20% เกือบแสนราย มีอุปสรรคในการเพิ่มเยอะ การคมนาคม การใช้พื้นที่ เทศกาล ภัย ธรรมชาติ 300,000 ตัน ประมาณ 1.2 แสนไร่ (ขอพื้นที่เพิ่มได้ไหม?) รองจากจีน (จีนขายเป็นภัตตาคาร ไทยส่งออก) ตลาดในประเทศ รองจากจีน มาเล สร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนเทคนิคและวิขาการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขาด ปฏิสัมพันธ์กับโลกทั้งสองทาง REACTIVE ดีเรื่องคุณภาพ แต่บกพร่องเรื่องปริมาณ อีเอ็มเอส ขี้ขาว ตัวแดง น�้ำและสิ่งแวดล้อมในบ่อเสื่อมโทรม ต้นทุน สูง อากาศแปรปรวน สูงสุดคืนสู่สามัญ เทคโนโลยีหยุดนิ่ง เน้นประยุกต์เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพ สูงที่สุดเป็นอันดับสองในบรรดาประเทศผู้ส่งออก คงที่ 10,000 ราย ไทยเป็นผู้ส่งออกกุ้งโลกอันดับ 6 ที่ ประมาณ 4% เท่านั้น!!!


66


67 สรุปข้อมูลจากการบรรยายของคุณชูพงษ์ ♦ ปี66 คาดว่าตลาดกุ้งโลกจะเติบโต 6.4% (จับ+เลี้ยง) ♦ ปี65 ไทยส่ง ญี่ปุ่น อเมริกา (สูสีปริมาณ ญี่ปุ่น มูลค่า เมกา) และ จีน รวม 67% ♦ ตลาดเมกากินเพิ่ม แต่ไทยส่งได้ลดลง (มีทั้งดีและไม่ดี) ♦ กุ้งไทยแบ่งเป็นสามตลาด แดง 300 ฟ้า 200 เทา 100 บาท ♦ เราต้องเตรียมพร้อมเรื่อง การตรวจสอบย้อนกลับ คาร์บอนฟุตปริ๊นท์และมาตรฐานใหม่ๆ 1. ต้นทุนเพิ่ม ปัญหาการผลิตเพิ่ม แน่นอน 2. ราคายังเพิ่มได้ยาก ก�ำไร ลดลง แน่นอน 3. สิ่งแวดล้อมรวน ส่งผลกระทบมากกว่าที่ ผ่านมา แน่นอน (ขั้วแม่เหล็กโลก, โลกร้อน, โพลาร์วอร์เทกซ์, แม่น�้ำในชั้นบรรยากาศ ฯลฯ 4. บ่อกุ้ง น�้ำ ดิน อุปกรณ์เสื่อมโทรม ต้อง ลงทุนรีโนเวทระบบ ยามศึกเรารบ ยามสงบเรารัก (ที่จะรบกันเอง) ยามนี้คือยามศึก ถึงเวลาร่วมกันรบ สรุปทิศทางอุตสาหกรรมกุ้งโลกโดยรวม 5. คาร์บอนฟุตปริ๊นท์มา 90% 6. ทางออกคือ ระบบการจัดการแบบเชิงธุรกิจ 7. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและความรู้อย่าง เหมาะสมกับสถานการณ์ 8. ต้องเปิดใจรับ AI, IOT, Machine learning 9. การแข่งขันแย่งตลาด แย่งลูกค้า สร้างภาพ จะรุนแรงขึ้น


68 สายพันธ์ต้องอึดขึ้น บ่อ ฟาร์ม ต้องรีโนเวท RAS for Nurse FCR ต้องต�่ำลงอีก 1 เป็นเป้า เน้นเพลย์เซฟ กับฟอร์ซี(ปลอดภัย กับ ประเมินอนาคต ลดความเสี่ยงทุกประการ) แหล่งข้อมูล คณะท�ำงานศึกษาสถานการณ์กุ้งทะเลต่างประเทศ Coastal Aquaculture Research and Development (fisheries.go.th) ถึงเวลา... เตรียมพร้อมรับมือวิกฤติสิ่งแวดล้อม พายุ น�้ำท่วม ลูกเห็บ (ซ้อมหนีไฟ) ถึงเวลาสร้างคน สร้างทายาท สร้างมืออาชีพ ระดมสมอง หาทางออก ฝ่าปัญหาเพดานราคา ร่วมมือร่วมใจประสานต้านภัยด้วยใจเป็น หนึ่งเดียว


69


70 โดย อ.สุระพันธ์ สิงหราช โดย นายชาญยุทธ ก้งซุย (ช่างโย) *คนกินแดดการช่าง โทร. 089-762-3918 “พลังงาน ประหยัดไฟ” ช่วยคุณประหยัดไฟ ราคาไม่แพง โซล่าเซลล์+มอเตอร์ DC กลางวันใช้ไฟฟรี แต่กลางคืนใช้ไฟน้อย


71 ชุดมอเตอร์ DC บัสเลสระบบไฮบริด หลักการท�ำงาน ไฟฟ้าหลวง ตู้ไฮบริด ไฟจากแผงโซล่าเซลล์


72 แปลงกระแสไฟจาก AC (ไฟบ่อ 220-230 v) ไปเป็นกระแสไฟ DC เพื่อใช้ร่วมกับไฟที่มาจากแผงโซล่าเซลล์ จ่ายกระแสไฟไปยังมอเตอร์บัสเลสที่เป็น DC (รองรับไฟตกได้ประมาณ 180 VAC.) แผง Mono แผง Poly ชนิดแผงโซล่าเซลล์ ตู้ไฮบริด มอเตอร์ DC บัสเลส 1800 W. 72V. มอเตอร์ความเร็วรอบ 3900 รอบ มอเตอร์เกียร์ ความเร็วรอบ 600 รอบ รองรับได้โหลดสูงสุด 12 แอมป์


73 การติดตั้งรูปแบบที่ 1 ใช้ร่วมกับเกียร์เดิม การติดตั้งรูปแบบที่ 3 เติมออกซิเจน การติดตั้งรูปแบบที่ 2 วางบนทุ่นรอยน�้ำ


74 ความคุ้มค่าในการใช้มอเตอร์ DC ได้ไปเก็บข้อมูลการใช้ 1 บ่อ 1. ใช้แต่ไฟฟ้าอย่างเดียว (โดยไม่ใช้แผง) ประหยัดได้ 20-30% ที่ท�ำการติดตั้ง 2. ใช้ไฟฟ้าร่วมกับแผงโซล่าเซลล์ประหยัดได้ 50-70% ประหยัดได้ 4,000 – 5,000 บาท/เดือน *ก่อนติดตั้งค่าไฟฟ้าสูงสุด 33,880 บาท *หลังการติดตั้งมอเตอร์ 1800 W. 2 ชุด - เดือน ธค.65 เตรียมบ่อท�ำน�้ำ ค่าไฟ 4,830 - ปล่อยกุ้ง 29 ธค.65 - ผ่านเดือน มค.66 ค่าไฟ 15,477 บาท - ผ่านเดือน กพ.66 ค่าไฟ 19,458 บาท - (รูท 2.5 นิ้ว ยังใช้มอเตอร์ 3 แรง 380 V กินอยู่ 18 A ค่าไฟ 11,000) - ใช้มอเตอร์มอเตอร์โซลาเซลล์ 2 ชุด - ใช้มอเตอร์ 3 แรง AC 2 ชุด - ใช้มอเตอร์ 3 แรง AC รอบเร็ว 1 ชุด (ซุปเปอร์ชาร์จ)


75 โดย ดร. นิวัติ สุธีมีชัยกุล ที่ปรึกษากรรมาธิการเกษตร วุฒิสภา โอกาสการฟื้นตัวของนากุ้ง ที่ทิ้งร้างว่างเปล่า ความเป็นมาที่ได้มาบรรยาย


76 • ยุคที่ 1 (ปี 2528-2535) เกิดการระบาดของโรคตัวแดงดวงขาวและหัวเหลือง • ยุคที่ 2 (ปี 2535-2545) เปลี่ยนจากการเลี้ยงกุ้งกุลาด�ำเป็นกุ้งขาวแวนนาไม • ยุคที่ 3 (ปี 2545-2555) เกิดการระบาดของโรค EMS • ยุคที่ 4 (ปี 2555-ปัจจุบัน) เกิดการระบาดของ EHP สภาพการเลี้ยงกุ้งของประเทศไทย โรคจุดขาว หรือโรคตัวแดงดวงขาว (White spot diseas (WSD)


77 • การเลี้ยงแบบระบบเปิด • การเลี้ยงแบบระบบปิด • การเลี้ยงแบบใช้แอร์บับเบิ้ล • การเลี้ยงแบบใช้จุลินทรีย์ในการควบคุม รูปแบบการเลี้ยงกุ้งของประเทศไทย และจังหวัดจันทบุรี • การเลี้ยงแบบระบบควบคุมครบวงจร และบ่ออนุบาล


78 เราต้องท�ำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น • การใช้เทคโนโลยีต้องลงทุนไม่มาก (ค่าอาหาร สายพันธุ์ พลังงาน) • การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบการเลี้ยง • ใช้สิ่งที่มีอยู่ให้มากที่สุด • การใช้กลุ่มหอยในบ่อทิ้งร้าง (หอยนางรม) • การใช้ปลา (ปลานิล ปลานวลจันทร์ทะเล)


79 • การเลี้ยงสาหร่ายเพื่อลดปริมาณฟอสเฟต • การใช้จุลินทรีย์ เพื่อบ�ำบัดบ่อทิ้งร้าง ย่อยสลายสารอินทรีย์ เบียนโรคระบาด และแบคทีเรียอื่นๆ และยังมีเอนไซม์แอมิเลส เซลลูเลส และโพรทีเอส


80 โดย คุณศักดิ์สหกรณ์ คงสมุทร ประธานคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำไทย โอกาสในอนาคตส�ำหรับสินค้ากุ้งกุลาด�ำจาก ประเทศไทย สินค้ากุ้งกุลาด�ำจากประเทศไทยจะเติบโต และ ยั่งยืน แค่ไหนขึ้นอยู่กับสายพันธุ์กุ้งที่สม�่ำเสมอ ให้ ผลผลิตที่ต่อเนื่อง สอดรับกับการปรับระบบการเลี้ยงให้ เหมาะสม เมื่อระบบการเลี้ยงนิ่ง มีผลผลิตที่ดีและต่อ เนื่อง และเกษตรกรสามารถดึงลักษณะเด่น และความ พิเศษของกุ้งกุลาด�ำ ที่ตนเองเลี้ยงขึ้นมาเสนอขาย และประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ปลายทางที่มีความต้องการ และยอมจ่ายแพงขึ้น ใน สินค้าพิเศษที่มีความโดดเด่นในเรื่องรสชาติสีสัน และ ความปลอดภัย covid free พร้อมมาตรฐานรับรอง จากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาช่วยสนับสนุน เกษตรกร ย่อมท�ำให้กุ้งกุลาด�ำจากประเทศไทยมี โอกาสเติบโตในตลาดหลักเช่น ประเทศจีน และภูมิภาค อาเซียน ยุโรป และอเมริกา เจาะลึกตลาดกุ้งกุลาดำไทย ที่มีโอกาสและทำ กำ ไร ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีโอกาสและทำ กำ ไร ในสถานการณ์ปัจจุบัน


81


82 เป้าหมายการผลิตกุ้งกุลาด�ำไทย ปี 2023 30,000 ตัน ตลาดส่งออก 25,000 ตัน กุ้งสลบขึ้นเครื่องไปจีน 8,000-10,000 ตัน กุ้งต้มแช่แข็งเกรดพรีเมี่ยม 10,000 ตัน กุ้งแช่แข็งทั้งตัวเกรดพรีเมี่ยม 3,000 ตัน กุ้งแปรรูบแช่แข็ง (เพิ่มมูลค่า) 2,000 ตัน บริโภคในประเทศ 5,000 ตัน Demand = Supply


83 คา FT / หนวย ม.ค. - เม.ย. 65 : 0.0139 ฿ พ.ค. - ส.ค. 65 : 0.2477 ฿ ก.ย. - ธ.ค. 65 : 0.9343 ฿ ม.ค. - เม.ย. 66 : 1.5492 ฿


84 ตลาดกุ้งไปจีน กุ้งสลบขึ้นเครื่อง อัตรารอด+ราคา วิธีการจับ (เปิดประตูนำ้, อวนลาก,ดักด้วยไอ้ไง่) เงื่อนไขการจับ+ ราคา กุ้งต้มแช่แข็ง พื้นที่การจับ /รับซื้อ สีเสปค กายภาพ ตรงออเดอร์ ตัวตกเสปคหลังต้ม (หัวแตกมัน, สีไม่ได้) กุ้งดิบแช่แข็งทั้งตัว สเปคกายภาพ ราคา ตลาดกุ้งไปจีน กุ้งสลบขึ้นเครื่อง อัตรารอด+ราคา วิธีการจับ (เปิดประตูนำ้, อวนลาก,ดักด้วยไอ้ไง่) เงื่อนไขการจับ+ ราคา กุ้งต้มแช่แข็ง พื้นที่การจับ /รับซื้อ สีเสปค กายภาพ ตรงออเดอร์ ตัวตกเสปคหลังต้ม (หัวแตกมัน, สีไม่ได้) กุ้งดิบแช่แข็งทั้งตัว สเปคกายภาพ ราคา


85


86 Work hard in silence, let your success be your noise.


87 โดย ดร.ชัยวุฒิสุดทองคง กรมประมง เพื่อการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล Micro-Probiotic Micro-Probiotic (Microorganisms + Probiotic) เป็นการน�ำแนวทางการน�ำ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มาใช้เพื่อการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล ตั้งแต่การเตรียมน�้ำเพื่อการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ การ อนุบาล การเลี้ยง ตลอดจนถึงการบ�ำบัดคุณภาพน�้ำก่อนและหลังการเพาะเลี้ยง Microorganisms หมายถึงจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายสารอินทรีย์ที่เกิด ขึ้นในระหว่างการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล โดยมีวัตถุประสงค์ในการควบคุมคุณภาพน�้ำ ดิน และพื้นบ่อในระบบ การเพาะลี้ยงให้มีความเหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล Probiotic เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ สามารถด�ำรงชีวิตในระบบทางเดินอาหารของกุ้งและมี ความสามารถในการผลิตเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารของกุ้ง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการดูดซึม สารอาหาร เสริมสร้างหรือกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ควบคุมเชื้อก่อโรค ช่วยให้กุ้งมีการเจริญเติบโตที่ดี และแข็ง แรงกล่าวได้ว่า หัวใจปัจจัยหลักของความแข็งแรง และระบบภูมิคุ้มกันของกุ้ง คือ จุลินทรีย์ไพรไบโอติก ในทางเดินอาหารที่มีจ�ำนวนมากเพียงพอ Micro-Probiotic เพื่อการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล


88 การประยุกต์ใช้แนวทาง Micro-Probiotic ใน การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล (ภาพที่ 1) ประกอบด้วย 1. การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและมี ประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาณออกซิเจนละลายน�้ำ (DO) ให้เพียงพอต่อสิ่งมีชีวิตในบ่อเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลโดยเฉพาะ จุลินทรีย์ที่เป็นผู้บริโภคออกซิเจนที่ส�ำคัญ โดยมีความ ต้องการออกซิเจนผันแปรตามปริมาณความหนาแน่น ของกุ้ง และปริมาณสารอินทรีย์ตกค้างภายในบ่อ อาจมี การน�ำพลังงานทางเลือกมาใช้เพื่อลดต้นทุนในการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้าจาก Solar cell 2. การเลือกใช้สายพันธุ์กุ้งทะเลที่เหมาะสมกับ ศักยภาพในการจัดการเลี้ยง กุ้งแต่ละสายพันธุ์มีความ แข็งแรง การเจริญเติบโตและความต้านทานโรคแตกต่าง กัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ 2.1 โตเร็ว การเลี้ยงต้องมีการจัดการที่ดีเพื่อให้ กุ้งแข็งแรง สะสมสารอาหาร แร่ธาตุ และพลังงานเพียง พอในการลอกคราบ ถ้ามีการจัดการเลี้ยงที่ไม่ดีพอ หรือ อาหารมีคุณภาพไม่เหมาะสม ก็จะท�ำให้กุ้งอ่อนแอ ติด เชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะเชื้อ EHP ที่มักเข้ามาในช่วงที่กุ้ง ภูมิคุ้มกันลดลง 2.2โตดีการจัดการในระหว่างการเลี้ยงจะมีความ เข้มข้นน้อยกว่ากุ้งที่โตเร็ว กุ้งมีระยะเวลาการสะสมสาร อาหาร แร่ธาตุและพลังงาน ก่อนการลอกคราบนานขึ้น ท�ำให้ระดับภูมิคุ้มกันสูง กุ้งแข็งแรง พบปัญหาโรคที่เกิด จากการติดเชื้อ EHP และอาการขี้ขาวน้อยกว่ากลุ่มแรก 3. การจัดการอาหาร ถือว่าเป็นหัวใจที่ส�ำคัญ ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำ การเลือกใช้อาหารที่ดีร่วมกับ การจัดการการให้อาหารที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นอกจากจะท�ำให้สัตว์น�้ำแข็งแรง มีการเจริญเติบโตที่ดี ช่วยลดปัญหาอาหารเหลือตกค้างภายในบ่อจนกระทบต่อ คุณภาพน�้ำ และเกิดความเสี่ยงของการเพิ่มจ�ำนวนเชื้อก่อ โรคตลอดจนท�ำให้ต้นทุนการผลิตสัตว์น�้ำสูงขึ้น มีการน�ำ ภาพที่ 1


89 จุลินทรีย์ที่ดีมีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสารอินทรีย์ และมีคุณสมบัติเป็นโพรไบโอติกมาใช้ร่วมกับการจัดการ อาหารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 4. การเลี้ยงกุ้งทะเลในบ ่อระบบปิด ช่วยลด ความเสี่ยงในการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคจากภายนอก ลด ความเครียดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน�้ำ ท�ำให้ กุ้งแข็งแรงเป็นการสร้างสมดุลและความหลากหลายของ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์โดยน�้ำหรือตะกอนเลน เศษอาหาร ตกค้าง รวมทั้งสิ่งขับถ่ายของกุ้งจากบ่อเลี้ยงจะถูกรวม เพื่อน�ำไปตกตะกอน ก่อนจะถูกส่งผ่านไปยังบ่อพักน�้ำ ที่ มีสัตว์น�้ำหลากหลายชนิด ซึ่งแตกต่างจากชนิดสัตว์น�้ำใน บ่อเพาะเลี้ยงกุ้งเพื่อให้เกิดความหลากหลายของจุลินทรีย์ เกิดการกรองด้วยระบบชีวภาพ โดยมีการเติมจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพในการย่อยสารอินทรีย์ และเป็นโพรไบโอติกในทุกขั้นตอนการบ�ำบัดน�้ำและการ เตรียมน�้ำก่อนการหมุนเวียนกลับมาใช้ทดแทนน�้ำที่สูญ เสียออกไปจากขั้นตอนการบ�ำบัดและระเหยของน�้ำ การเพาะเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมและกุ้งกุลาด�ำ ภายใต้ระบบจุลินทรีย์ โพรไบโอติก (MicroProbiotic) (ภาพที่ 1) เป็นระบบการน�ำจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการ ย่อยสลายสารอินทรีย์และปรับสภาพน�้ำให้เหมาะสม รวม ทั้งมีคุณสมบัติเป็นโพรไบโอติกมาใช้ในขบวนการเพาะ เลี้ยงกุ้งทะเลในระบบปิด เพื่อลดความเครียดของกุ้งจาก การเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน�้ำ การเติมน�้ำจะเป็นการ เติมเพื่อทดแทนส่วนที่หายไปจากการดูดตะกอนและการ ระเหย มีการน�ำจุลินทรีย์โพรไบโอติก ปม.2และจุลินทรีย์ กลุ่มแลคโตบาซิลลัสมาใช้ในการเพาะเลี้ยงกุ้ง เพื่อปรับ สมดุลจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารกุ้งให้เหมาะสม ช่วยเสริมประสิทธิภาพการย่อยอาหาร ท�ำให้ดูดซึมสาร อาหารได้ดีกุ้งโตเร็ว เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ท�ำให้กุ้งแข็ง แรง ป้องกันการติดเชื้อและการเกิดโรคการเลี้ยงกุ้งที่ใช้ แนวทาง Micro-Probioticจะใช้จุลินทรีย์โพรไบโอติกท�ำ หน้าที่ควบคุมเชื้อก่อโรคแทนการใช้ยาและสารเคมีในบ่อ ขณะที่มีกุ้งเพื่อรักษาสมดุลจุลินทรีย์ที่ดีในน�้ำ ร่วมกับการ ใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเพื่อควบคุมปริมาณแอมโมเนีย และไฮโดรเจนซัลไฟด์ ผลของสารปริมาณสารอินทรีย์คาร์บอน (Total organic carbon;TOC) โดยเฉพาะสารอินทรีย์คาร์บอน ที่ละลายน�้ำ (dissolved organic carbon; DOC)ส่งผล ต่อปริมาณแบคทีเรียในน�้ำ โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียก่อ โรค กลุ่ม Vibrio การลดการเกิดหรือสะสม TOC ในบ่อ เลี้ยงกุ้งโดยกิจกรรมที่เพิ่มการละลายของอาหารและขี้กุ้ง เช่น การเติมอากาศใต้น�้ำ โดยเฉพาะในบ่อที่เลี้ยงระบบ ปิด ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน�้ำ และน�้ำมีความลึกในระดับที่ การตีน�้ำสามารถพัดรวมตะกอน เข้าสู่กลางบ่อหรือหลุม รวมตะกอน การใช้Micro-Probiotic เพื่อการเลี้ยงพ ่อ แม่พันธุ์ โดยการผสมอาหารกับจุลินทรีย์ ปม.2 และ Lactobacillus เช่น โยเกิร์ต หรือ โพรไบโอติกกลุ่มแลค โตบาซิลลัส กับอาหารเม็ด อาหาร รวมถึงอาหารมีชีวิต เช่น อาร์ทีเมีย และเพรียงทราย เป็นต้น


90 แนวทาง Micro-Probiotic เป็นวิธีหนึ่งในการ เพิ่มความหลากหลายจุลินทรีย์ที่อยู่ในร่างกาย หรือในตัวกุ้ง เรียกว่า ชีวนิเวศจุลชีพ หรือ ไมโครไบโอม (Microbiome) แหล่งที่มีจุลินทรีย์อาศัยอยู่มากที่สุด คือล�ำไส้ หรือระบบทางเดินอาหาร(gutmicrobiota)ซึ่งจุลินทรีย์ หรือไมโครไบโอม อาจมีสัดส ่วนเมื่อเปรียบเทียบกับ เซลล์ร่างกาย ประมาณ 1:1 ของจุลินทรีย์ในทางเดิน อาหารซึ่งถือว ่ามีความส�ำคัญต ่อการย ่อยอาหารและ ระบบภูมิคุ้มกันของกุ้ง โดยทั่วไปชนิดและความหลาก หลายของจุลินทรีย์ถูกก�ำหนดโดย อาหารและสภาพ แวดล้อม ไมโครไบโอมส่วนใหญ่ในทางเดินอาหารของ กุ้งเป็นกลุ่ม Proteobacteria หรือแบคทีเรียแกรมลบ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตามอาหารที่กุ้งกินเข้าไป ท�ำให้ ในแต่ละระยะของการเจริญเติบโตของกุ้ง ที่กินอาหาร แตกต่างกัน มีสัดส่วนหรือชนิดของจุลินทรีย์แตกต่าง กัน ซึ่งจากการศึกษาของ Huynh และคณะ 2019 พบ แบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารของกุ้ง 73 ชนิด โดย ส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรียที่ไม่สามารถเพาะเชื้อในอาหาร เลี้ยงเชื้อได้โดยสัดส่วนของจุลินทรีย์ที่พบมากที่สุด คือ Proterobacteria หรือ แบคทีเรียแกรมลบ โดยชนิด แบคทีเรียที่พบมาก เช่น Photobacterium, Vibrio, Shewanella และ Ruegeria แต ่หลังจากที่ผสม Synbiotic ที่ประกอบด้วย Lactobacillus plantarum + Galacto oligosaccharide ลงในอาหารกุ้ง ท�ำให้ สัดส่วนของ Proterobacteria หรือ แบคทีเรียแกรมลบ ลดลงและช่วยเพิ่มสัดส่วนจ�ำนวนแบคทีเรียที่ดีภาพที่ 2 และ 3 ดังนั้นถ้าอาหารที่กุ้งกินเข้าไป มีคุณภาพไม่เพียง พอต่อการด�ำรงชีวิตของกุ้งในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะ สม อย่างเช่น ในบ่อเลี้ยง ที่มีกุ้งจ�ำนวนมากในอัตราความ หนาแน่นสูง มีการแย่งชิงพื้นที่ แร่ธาตุ ออกซิเจน ที่อยู่ ในบ่อ สารอินทรีย์และเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคในน�้ำสูง ย่อม ท�ำให้กุ้งเกิดความเครียดอ่อนแอติดเชื้อได้ง่ายโดยเฉพาะ ในช่วงที่กุ้งสะสมอาหารหรือพลังงานเพื่อการลอกคราบ ดังนั้นการจะท�ำให้การเลี้ยงกุ้งทะเลประสบผล ส�ำเร็จ ภายใต้ข้อจ�ำกัดของความพร้อมและศักยภาพ ของบ่อเลี้ยง อุปกรณ์และเครื่องมือ การป้องกันการ เกิดโรคจึงมีความส�ำคัญมาก ในสภาวะที่สภาพแวดล้อม แหล่งน�้ำธรรมชาติเสื่อมโทรมลง มีการสะสมสารอินทรีย์ จ�ำนวนมากการเลือกใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพเป็นตัว ช่วยที่ส�ำคัญ เพื่อลดปริมาณสารอินทรีย์และควบคุมเชื้อ จุลินทรีย์ก่อโรค รวมถึงเป็นโพรไบโอติก ช่วยย่อยอาหาร ท�ำให้กุ้งดูดซึมสารอาหารได้ดีเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความ เสี่ยงในการเกิดโรค แบคทีเรียที่พบในน�้ำหรือในดินที่ขาดออกซิเจน รวมถึงในทางเดินอาหารกุ้ง และมักสร้างปัญหาหรือใช้ เป็นดัชนีของการจัดการสารอินทรีย์ตกค้างและบ่งบอก ถึงการขาดออกซิเจนในบ่อเลี้ยงสัตว์น�้ำ คือShiwanella sp. แต่อย่างไรก็ตามจุลินทรีย์ในบ่อกุ้งหรือในทางเดิน อาหารของกุ้ง ส ่วนใหญ ่ไม ่สามารถเพาะให้เจริญบน อาหารเลี้ยงเชื้อ การศึกษาต้องใช้เทคนิคการจ�ำแนกจาก สารพันธุกรรม ในบางครั้งจะพบปริมาณแบคทีเรียที่อาศัย ในดินเลนหรือดินที่มีการสะสมของสารอินทรีย์สูงเกิดการ ย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน เช่น Propionigenium


91 (Fusobacteria) กรณีที่พบในดินหรือทางเดินอาหาร กุ้งจ�ำนวนมากหรือสัดส่วนเชื้อชนิดนี้ในทางเดินอาหาร ที่สูงขึ้น แสดงว่า พื้นบ่อหรือพื้นใต้PE มีการสะสมของ สารอินทรีย์ ที่ถูกย่อยสลายในสภาพขาดออกซิเจน กุ้งมี การรวมตัวกันบริเวณนั้นมาก โดยเฉพาะช่วงเวลากลาง คืน เนื่องจากบริเวณนั้นเกิดการย่อยสลายสารอินทรีย์ มีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่กุ้งจะได้รับแก๊สพิษ เช่นไฮโดรเจนซัลไฟด์ท�ำให้กุ้งอ่อนแอติดเชื้อได้ง่าย โดย เฉพาะช่วงระหว่างการลอกคราบ ความเสี่ยงในการเกิด อาการขี้ขาวสูงขึ้น การเสริมจุลินทรีย์แลคโคบาซิลลัส(Lactobacillus) ท�ำให้สมดุลจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารของกุ้งดีขึ้น ช่วย เพิ่มสัดส่วนจุลินทรีย์ที่ดีในทางเดินอาหารกุ้ง ท�ำให้กุ้ง แข็งแรง ภูมิคุ้มกันกุ้งดีขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค จากไวรัส แบคทีเรีย EHP รวมถึงลดการเกิดอาการขี้ขาว เปรียบเทียบสัดสวนแบคทีเรียในลำไสกุงขาวแวนนาไมเสริมจุลินทรียไพรไบโอติก Lactobacillus plantarum ลำไสกุงขาวแวนนาไม ลำไสกุงขาวแวนนาไมเสริมโปรไบโอติก Actinobacteria Bacteroidetes Firmicutes Nitrospirae Proteobacteria Verrucomicrobia ภาพที่ 2 Huynh et al., 2019 ภาพที่ 3


92 การใช้ Micro-Probiotic เพื่อการอนุบาลลูก กุ้งทะเล 1. เติมจุลินทรีย์บาซิลลัสเช่น ปม.2 ในน�้ำที่ผ่าน การบ�ำบัด และฆ่าเชื้อ ก่อนการน�ำหมุนเวียนน�ำมาใช้ใน บ่ออนุบาล 2. เติมจุลินทรีย์บาซิลลัส (ปม.2) และ Lactobacillus (โยเกิร์ต) ที่ขยายเพิ่มจ�ำนวนแล้ว ใส่ลง ในบ่ออนุบาล ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนถ่ายน�้ำ ในสัดส่วน 1:1 (50:50 มล./น�้ำ 1 ตัน) 3. เติมจุลินทรีย์บาซิลลัสเช่น ปม.2BL(Bacilus licheniformis) หรือ และ Lactobacillus (โยเกิร์ต) ที่ ขยายเพิ่มจ�ำนวนแล้ว ในสัดส่วน 1:1 ผสมอาหารมีชีวิต เช่น คีโตเซอรอส ทาลาซิโอซีรา (Thalassiosira) โรติ เฟอร์อาร์ทีเมีย และอาหารส�ำเร็จรูปก่อนการน�ำมาใช้ เป็นอาหารกุ้ง 4. เติมจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เพื่อลดปริมาณ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนซัลไฟด์และ BOD ในน�้ำ จุลินทรีย์ กลุ่ม Bacillus ที่มีคุณสมบัติเป็น โพรไบโอติกและสร้างเอนไซม์ย่อยสารอินทรีย์ เช่น ผลิตภัณฑ์ จุลินทรีย์ ปม.1 และ ปม.2 - ปม.2 BLมีปริมาณเอนไซม์โปรติเอส(protease) ช่วยย่อยโปรตีน และเอนไซม์เซลลูโลส (cellulase) สูง ช่วยให้กุ้งดูดซึมสารอาหารได้ดีกุ้งโตเร็วกระตุ้นภูมิคุ้มกัน กุ้งแข็งแรง ปม.2 BL ไม่สร้างสารปฏิชีวนะแต่จะเพิ่ม จ�ำนวนเข้าควบคุมเชื้อV. parahaemolyticus ที่ก่อโรค EMS(AHPND) (ภาพที่ 4)ลดการสะสมของสารอินทรีย์ และปริมาณแอมโมเนียไนไตรท์ในน�้ำ ลดการเกิดสาหร่าย สีเขียวแกมน�้ำเงิน - ปม.2 BM มีปริมาณเอนไซม์อะไมเลส (amylase) สูง ช่วยย่อยแป้งได้ดีลดการสะสมของสาร อินทรีย์ในน�้ำ ควบคุมเชื้อ Vibrio harveyi ที่ท�ำให้เกิด โรคเรืองแสงในกุ้งทะเล - ปม.2 BS (Natto) มีปริมาณเอนไซม์เซลลูเลส (cellulase) สูง ย่อยเซลลูโลสที่เป็นโครงสร้างหลักผนัง เซลล์ของถั่วเหลือง ที่เป็นวัตถุดิบส�ำคัญในการผลิตอาหาร กุ้ง และมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเกิดไบโอฟีลม์ ของเชื้อวิบริโอได้ดีลดความเสี่ยงของการเกิดโรค EMS (AHPND) และ อาการขี้ขาวในกุ้งทะเล ภาพที่ 4


93 เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมสารอินทรีย์และ เชื้อก่อโรค โดยการลดการรบกวนหรือเร่ง การละลายของอาหารเม็ดและขี้กุ้ง ในบ่อเลี้ยง กุ้งระบบปิด 1. บ่อไม่ควรมีความลึกกว่าระดับที่กระแสน�้ำที่ เกิดจากการตีน�้ำสามารถพัดพาตะกอน ขี้กุ้ง เศษอาหาร ที่เหลือ ไปรวมที่บริเวณหลุมรวมตะกอน ก่อนดูดออกไป สู่บ่อตกตะกอน โดยทั่วไปควรมีความลึกไม่เกิน 1.5เมตร (ภาพที่ 5) 2. บ่อควรมีขนาด1ไร่ หรือไม่ควรเกิน 2ไร่ เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการรวมตะกอน ท�ำให้ตะกอนเดิน ทางมาที่หลุมรวมตะกอนเร็วขึ้น ลดโอกาสการละลายของ ตะกอนอินทรีย์เช่น ขี้กุ้งเศษอาหาร ที่จะเป็นอาหารของ เชื้อก่อโรค และช่วยประหยัดการใช้ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ เพื่อควบคุมเชื้อก่อโรคและย่อยสลายสารอินทรีย์ภายใน บ่อเลี้ยง 3. บ่อควรมีความลาดเองจากขอบพื้นของคันบ่อ ไปยังหลุมรวมตะกอนประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการรวมตะกอน 4. ไม ่ควรมีระบบเติมอากาศใต้น�้ำ เพราะจะ เป็นการเร่งการละลายของสารอินทรีย์ โดยเฉพาะขี้กุ้ง และเศษอาหารกุ้งที่ตกค้างภายในบ่อ รวมทั้งท�ำให้เกิด ตะกอนในบ่อมากขึ้น สีน�้ำเข้มขึ้นจากเพิ่มจ�ำนวนของแพ ลงก์ตอน ท�ำให้คุณภาพน�้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็วส่งผลต่อ ความเครียด และภูมิคุ้มกันของกุ้ง 5.ควรปูPEเฉพาะบริเวณคันบ่อด้านใน เพื่อลด การกัดเซาะคันบ่อ และเพิ่มประสิทธิภาพการหมุนเวียน น�้ำ พื้นบ่อควรอัดแน่น ด้วยวัสดุที่ไม่เกิดตะกอน และไม่ สะสมแก๊สพิษ (แก๊สไข่เน่าหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์) เช่น หินผุ(ทดสอบการละลายน�้ำก่อน)ลูกรังสเปค กรณีปูพื้น บ่อด้วยแผ่นพีอีควรเป็น HDPE ไม่ใช่LDPE ที่แก๊สพิษมี โอกาสซึมผ่านมาได้พื้นบ่อก่อนปูต้องอัดแน่น และมีระบบ ภาพที่ 5


94 ระบายน�้ำใต้PE ป้องกันการเกิดแก๊สที่สะสมภายใต้ PE ที่จะซึมผ่านเข้ามาในบ่อระหว่างการเลี้ยงส่งผลต่อความ แข็งแรงและภูมิคุ้มกันของกุ้ง 6. ปรับพื้นบ่อเลี้ยงให้เรียบ ไม่มีหลุ่มหรือวัสดุ ที่ขัดขวางการหมุนเวียนของน�้ำบริเวณพื้นบ่อ เพราะจะ ท�ำให้เกิดการสะสมของตะกอน เกิดการสะสมของเชื้อก่อ โรค 7. บ่อลี้ยงที่มีการปูPE ที่ประสบปัญหากุ้งเกิด อาการขี้ขาว หรือพบกุ้งป่วย ถึงแม้พยายามปรับปรุง คุณภาพน�้ำ ควบคุมปริมาณอาหารที่ให้และเติมอากาศ เพิ่มขึ้น แต่ปัญหายังไม่สามารถแก้ไขได้ให้น�ำแผ่น PE ที่ พื้นและสายหรือท่อเติมอากาศใต้น�้ำออก พร้อมปรับปรุง พื้นบ่อให้เรียบแน่นด้วยหินผุหรือลูกรังสเปคแทน (ภาพ ที่ 6) 8. ไม่จ�ำเป็นต้องมีระบบเติมอากาศใต้น�้ำ ในบ่อที่ มีความลึกไม่เกิน 1.5เมตร หรือมีความลึกที่การหมุนเวียน ของน�้ำที่เกิดจากการตีน�้ำ สามารถพัดรวมตะกอนเข้าสู่ หลุมกลางบ่อ แล้วดูดออก เพื่อลดการละลายของเศษ อาหารและขี้กุ้งในน�้ำ ภาพที่ 6 9. บ่อที่มีระบบการเติมอากาศใต้น�้ำ ควรเป็นบ่อ ที่มีอัตราการปล่อยกุ้งหนาแน่นสูง บ่อมีความลึกเกินกว่าที่ การตีน�้ำจะรวมตะกอนเข้าสู่หลุมกลางบ่อ ควรมีปริมาณ น�้ำที่เหมาะสมเพียงพอ ในการเปลี่ยนถ่ายน�้ำ เพื่อลด ปริมาณสารอินทรีย์ละลายน�้ำ การเลี้ยงโดยมีระบบการเติมอากาศใต้น�้ำ เป็น ระบบที่เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่จ�ำกัด รวมถึง ในพื้นที่ที่จ�ำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิน�้ำให้เหมาะ สม รวมถึงในโรงเรือนปิด (พื้นที่ที่มีอากาศ หนาวเย็น) 1. ควรเป็นบ่อขนาดเล็ก น้อยกว่า 1 ไร่ หรือ 200 – 800 ตารางเมตร หรือเป็นบ่อที่มีระดับความลึก มากกว่าระดับที่กระแสน�้ำที่เกิดจากการตีน�้ำสามารถพัด พาตะกอน ขี้กุ้ง เศษอาหารที่เหลือ ไปรวมที่บริเวณหลุม รวมตะกอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยู่ใกล้แหล่งน�้ำที่ดี เช่น ชายทะเล 2. พื้นบ่อควรเป็นถ้าไม่สามารถอัดแน่นได้ควร เป็น HDPE หรือคอนกรีต พื้นบ่อควรวางในต�ำแหน่งที่สูง


95 กว่าระดับน�้ำผิวดินกรณีบ่อลอย หรือระดับน�้ำใต้ดินกรณี บ่อขุดหรือบ่อดันยกคันบ่อ เพื่อให้เกิดการระบายน�้ำและ อากาศใต้PE มีประสิทธิภาพ อาจจ�ำเป็นต้องเปลี่ยนถ่าย น�้ำมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของการสะสมแก๊สพิษที่ซึม ผ่านเข้ามาจากใต้พื้น โดยเฉพาะถ้าใช้LDPE ปูพื้นบ่อ 3. มีระบบเปลี่ยนถ่ายน�้ำทีมีประสิทธิภาพ และ ประหยัดพลังงาน เพราะต้นทุนระบบเติมอากาศใต้น�้ำจะ สูง เนื่องจากมีการละลายของสารอินทรีย์ในปริมาณที่สูง 4.การใช้เครื่องผลิตMicro/Nano bubblesเพื่อ เสริมประสิทธิภาพในการเติมอากาศ 5. การเปลี่ยนถ่ายน�้ำในปริมาณมาก ส่งผลต่อ ความเครียดและภูมิคุ้มกันของกุ้งจ�ำเป็นต้องเสริมจุลินท รีย์โพรไบโอติก แร่ธาตุและวิตามินให้มากพอ โดยเฉพาะ แบคทีเรียกลุ่มบาซิลลัสและแลคโตบาซิลลัส เช่น ปม.2 6. การเลี้ยงระบบนี้มีต้นทุนการจัดการค่อนข้าง สูง เมื่อเทียบกับการเลี้ยงระบบปิด ที่ใช้จุลินทรีย์ในการ ควบคุมคุณภาพน�้ำและเชื้อก่อโรค การเลือกใช้จึงต้อง พิจารณาถึงความจ�ำเป็นและความคุ้มค่าในการลงทุน ปม.2 ถั่วหมัก เป็นผลิตภัณฑ์ ที่ได้จากการน�ำ ปม.2 หมักกับถั่วเหลืองเพื่อท�ำน�้ำถั่วหมัก ที่ใช้ในการผสม อาหารให้กุ้งกิน ช่วยเพิ่มสารอาหาร และเสริมแร่ธาตุเช่น KCl, MgCl2, เกลือแกง ผสมอาหาร หรือเติมปูนซิเมนต์ ที่มีส่วนประกอบหลัก คือ CaO, SiO2, AI2O3 และ Fe2O3 แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ โดยเฉพาะได อะตอม กุ้งแข็งแรง สีกุ้งเข้มขึ้นจากสารแอสต้าแซนทีน และมีรสชาติดีตรงกับความต้องการของตลาด (ภาพที่ 7 และ 8) การน�ำไปใช้โดยการผสมจุลินทรีย์ปม.2 แต่ละ ชนิด และแลคโตบาซิลลัสในอาหารกุ้ง และเติมลงในน�้ำ ที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงกุ้ง เป็นประจ�ำทุกวัน โดยใช้ปม.2 BL:BM:BS(natto):Lactobacillus ในสัดส่วน 1:1:1:1 (ใช้หัวเชื้อ ปม.2 หรือขยายหัวเชื้อตามคู่มือการ ปม.2) กรณีไม่สะดวกในการเตรียมสามารถใช้ปม.2 แบบรวม เชื้อแทนแบบแยกชนิดได้ ในช่วงก่อนการจ�ำหน่ายประมาณ 1 เดือน เสริม ปม.2 ถั่วหมัก เพื่อเพิ่มสีของกุ้งให้เข้มขึ้น รสชาติดีขึ้น (ภาพที่2 และ 3) การใช้ปม.2 ย่อยสลายหรือควบคุมไบโอฟีล์ม และสารประกอบโปรตีน ภายในบ่อและในระบบทางเดิน อาหารกุ้ง โดยการเติมลงในบ่อ และผสมกับอาหารเป็น ประจ�ำทุกวัน ท�ำให้พื้นบ่อสะอาดกุ้งแข็งแรง มีการเจริญ เติบโตดี ภาพที่ 7 ภาพที่ 8


96 การเตรียม ปม.2 เพื่อย่อยไบโอฟิล์ม 1. ปม.2 BS หรือ ปม.2 (BL+BS+BM) 200 มล. หรือ 100 กรัม 2. น�้ำตาลทรายหรือน�้ำตาลกลูโคส (dextrose monohydrate) 3. ร�ำละเอียดที่ร่อนแล้ว 100 กรัม 4. กากถั่วเหลือง 100 กรัม 5. น�้ำในบ่อที่ผ่านการกรอง (ถุงกรอง/ใยแก้ว/ใย ฟูเป็นต้น) หรือน�้ำสะอาดที่ผ่านการฆ่าเชื้อและพักจนสาร ฆ่าเชื้อหมดฤทธิ์ 200 ลิตรเติมอากาศ 24 – 36 ชั่วโมง หรือจนกว่ามีกลิ่นเปรี้ยว pH ประมาณ 4.6 – 5) (ภาพที่ 9, 10) 1. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 0 ppt 3. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 10 ppt 5. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 30 ppt pH ชั่วโมงที่ 0 pH ชั่วโมงที่ 6 pH ชั่วโมงที่ 12 pH ชั่วโมงที่ 24 pH ชั่วโมงที่ 48 pH ชั่วโมงที่ 72 pH ชั่วโมงที่ 120 2. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 5 ppt 4. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 20 ppt 1. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 0 ppt 3. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 10 ppt 5. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 30 ppt pH ชั่วโมงที่ 0 pH ชั่วโมงที่ 6 pH ชั่วโมงที่ 12 pH ชั่วโมงที่ 24 pH ชั่วโมงที่ 48 pH ชั่วโมงที่ 72 pH ชั่วโมงที่ 120 2. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 5 ppt 4. เติมอากาศ+น้ำตาลทราย ความเค็ม 20 ppt การใช้แลคโตบาซิลลัส รักษาสมดุลจุลินทรีย์ที่ มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้ลูกกุ้งมีการ พัฒนารูปร่าง และเจริญเติบโตดีขึ้น เสริมสร้างระบบ ภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค โดยเฉพาะจาก เชื้อ EHP อาการขี้ขาว และไวรัส การเตรียม Lactobacillus จากโยเกิร์ต ที่มี จุลินทรีย์Lactobacillus bulgaricus,L. acidophilus, L. casei และ Bifidobacterium bifidum เป็นต้น 1. นมสดไม่พร่องมันเนย 1 ลิตร 2. โยเกิร์ต รสธรรมชาติ2 ช้อนโต๊ะ 3. น�้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะพูน (40 g) ภาพที่ 11 การลดปริมาณแอมโมเนีย ไนไตร์ท และไนเตรท โดยจุลินทรีย์ Bacillus ในหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม.1 และ ปม.2 ภาพที่ 10 การน�ำไปใช้ผสมอาหาร 20-50 มล./อาหาร 1 กก. และเติมลงในบ่อ 50 – 400 ลิตร/ไร่ (ขึ้นกับปริมาณสารอินทรีย์) เป็นประจ�ำทุกวัน ภาพที่ 9 การเปลี่ยนแปลง pH ของน�้ำขยายหัวเชื้อจุลินทรีย์ ปม.2


97 4. ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วใส่ขวด 1.5 ลิตร 5. บ่มที่อุณหภูมิห้องนาน 12 – 48 ชั่วโมง หรือ จนกว่านมจะเปลี่ยนเป็นโยเกิร์ต(ลักษณะข้น มีกลิ่นหอม ของโยเกิร์ต) (ภาพที่ 12) 6. เก็บเข้าตู้เย็น 4 ํC (ควรใช้ให้หมดภายใน 14 วัน) การน�ำไปใช้ 1. โยเกิร์ตที่เตรียมไว้1 ช้อนโต๊ะ 2. น�้ำจืดสะอาด 100-200 มิลลิลิตร 3. ผสมให้เข้ากันก่อนการน�ำไปใช้ - น�ำไปผสมอาหาร 10 - 20 cc/อาหาร 1 kg ผสมร่วมกับ ปม.2BL:BS (natto):BM: Lactobacillus ในสัดส่วน 20:20:20:20 cc/อาหาร1 kg ทุกวัน (ปรับ เพิ่มหรือลดตามความเหมาะสม โดยคงสัดส่วนการใช้ที่ 1:1:1:1 - ผสมจุลินทรีย์ในอัตราส่วน 25:25:25:25 cc/ น�้ำ ที่มีอาหารกุ้งมีชีวิตเช่น Tetraselmis,Thalassiosira, Skeletonema หรือ Artemia 1060 ลิตร ทุกครั้งที่มี น�้ำตาลทรายแดง ภาพที่ 12 การเตรียมอาหารธรรมชาติรวมถึงการผสมใน Artemia ที่ผ่านการลวกน�้ำร้อน ก่อนการน�ำไปอนุบาลลูกกุ้ง - เติมลงในน�้ำบ ่อเพ าะฟักห รืออนุบ าล 20:20:20:20 cc/น�้ำ 1 ตัน เป็นประจ�ำทุกวัน กรณีไม่ สะดวกในการเตรียมสามารถใช้ปม.2แบบรวมเชื้อแทน แบบแยกชนิดได้ -ลูกกุ้งที่มีการเสริมจุลินทรีย์โพรไบโอติกควรเข้า สู่ระยะ Post larvae ภายในระยะเวลา 8 วัน ในสภาพ อากาศปกติหรือไม่เกิน 10 วัน ในช่วงสภาพอากาศเย็น การใช้จุลินทรียให้มีประสิทธิภาพ จ�ำเป็นต้อง เลือกใช้ให้เหมาะกับคุณสมบัติของแบคทีเรีย 1. ย่อยสลายสารอินทรีย ในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล จุลินทรีย์ ที่มีความเหมาะสมต้องสามารถผลิตเอนไซม์ ที่สามารถย่อยสารอินทรีย์ โดยเฉพาะที่มาจากอาหาร กุ้ง ขี้กุ้ง และเปลือกกุ้งที่สะสมในน�้ำและในดินบ่อเลี้ยง กุ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Bacillus subtilis, B. megaterium, B. licheniformis, B. cereus และ B. pumilus เป็นต้น โดยการการย่อยสารอินทรีย์จะท�ำงาน ได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจนเพียงพอ 2. จุลินทรีย์โพรไบโอติก คือ จุลินทรีย์ที่ดีหรือ มีประโยชน์ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและการย่อย อาหารให้เป็นปกติรวมถึงช่วยควบคุมจุลินทรีย์ก่อโรค Lactobacillus plantarum, Bacillus subtilis, B. megaterium, B. licheniformis, B. cereus และ B. pumilus เป็นต้น


98 ตัวอย่างจุลินทรีย์ ที่พบในน�้ำหมักชีวภาพ จุลินทรีย์ที่พบ ในน�้ำหมักสับปะรด เช่น Bacillus sp., Lactobacillus plantarum, L. acidophilus, L. paracasei, Bifidobacterium,ยีสต์(Saccharomyces sp.) เป็นต้น โดยในช ่วงแรกของการหมัก อาจพบ Bacillus และ ยีสต์ระยะเวลาประมาณ 7-14 วัน จะมี ปริมาณโพรไบโอติกมากและหลากหลายชนิด เมื่อ ขบวนการหมักนานขึ้นแลกติกแบคทีเรีย และบางสาย พันธุ์ของยีสต์ Saccharomyces ที่สามารถอาศัยอยู่ ได้ใน pH ต�่ำประมาณ 2 จะเพิ่มจ�ำนวนขึ้น ปริมาณน�้ำ เอนไซม์เพิ่มขึ้น โดยระยะเวลาที่เหมาะสมในการน�ำมา ใช้ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป จุลินทรีย์จากน�้ำหมักหน่อ กล้วย ประกอบด้วย Bacillus subtilis, B.cereus, Lactobacillus plantarum, L. paracasei และ Acinetobacter radioresistens เป็นต้น การผสมจุลินทรีย์ โพรไบโอติก กับอาหารให้กุ้งกินทุกมื้อ ช่วยให้ จุลินทรีย์ในทางเดินอาหารหรือไมโคร ไบโอม ในทางเดินอาหารกุ้งมีสัดส่วนของจุลินทรีย์ที่มี ประโยชน์มากขึ้น และสัดส่วนของจุลินทรีย์ก่อโรคลด ลง ระดับภูมิคุ้มกันกุ้งสูง และแข็งแรงขึ้น ลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคขี้ขาว โรค EMS โรคจากไวรัส และลดการ ติดเชื้อ EHP การเลือกใช้น�้ำตาลในการขยายเพิ่มจ�ำนวนเชื้อ แบคทีเรียโพรไบโอติกเพื่อใช้ผสมกับอาหารเม็ดส�ำเร็จรูป จากการทดสอบกับเชื้อ Bacillus .ในผลิตภัณฑ์ ปม.2 น�้ำตาลกลูโคส (Dextrose Monohydrate) ให้ผลดีที่สุด รองลงมาคือน�้ำตาลทราย จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง (Photosynthetic bacteria; PSB) ประโยชน์จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ลดปริมาณแอมโมเนียไฮโดรเจนซัลไฟด์และค่า BOD ในน�้ำ สามารถใช้ร่วมกับจุลินทรีย์บาซิลลัสและแลค โตบาซิลลัส ในการควบคุมคุณภาพน�้ำภายในบ่อเลี้ยงกุ้ง การจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 1. ไข่1 ฟอง 2. น�้ำปลาแท้1 ช้อนโต๊ะ 3. ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ 4. กะปิครึ่งช้อนชา (อาจไม่เติมก็ได้) 5. ผสมให้เข้ากันเพื่อใช้เป็นอาหารของจุลินทรีย์ สังเคราะห์แสง


99 6. น�้ำสะอาด1.2–1.5ลิตรเติมอาหารจุลินทรีย์ 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง 7. หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 150 มล. 8. ผสมให้เข้ากัน 9. น�ำไปตากแดด 2-4 อาทิตย์ หรือจนกว่ามี สีแดงอมม่วง (ภาพที่ 13) การเลี้ยงกุ้ง ภายใต้ระบบจุลินทรีย์ โพรไบโอติก เป็นการเลี้ยงระบบปิดขนาดบ่อเลี้ยงที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพในการจัดการคือ1–2ไร่พื้นบ่อควร เป็นวัสดุที่สะดวกในการจัดการตะกอนสารอินทรีย์รวม ตะกอน ดูดออกได้ง่ายและไม่สะสมแก๊สพิษ เช่น ดินลูกรัง หินผุ หินผุ+หินฝุ่น คอนกรีต HDPE ที่มีระบบระบายน�้ำ ใต้PE ระบบน�้ำภายในฟาร์มควรเป็นระบบน�้ำหมุนเวียน การจัดการอาหาร เลือกใช้อาหารที่ดีมีคุณภาพ เหมาะสมกับความต้องการของกุ้ง โดยเฉพาะในช่วง 30 – 45 วันแรกของการเลี้ยง ควรใช้อาหารที่มีคุณภาพสูง กว่าปกติมีสัดส่วนของปลาป่น และกากถั่วเหลืองหมัก ในปริมาณที่สูงกว่าในอาหารกุ้งทั่วไป พร้อมทั้งเสริมสาร อาหารอาหารและแร่ธาตุ โดยเฉพาะการเลี้ยงในพื้นที่ ความเค็มต�่ำ (คู่มือ ปม.1 และ ปม.2) รูปแบบการให้อาหารสามารถผสมผสานระหว่าง การใช้Autofeed และการหว่านด้วยมือ เพื่อให้กุ้งกิน อาหารได้ดีขึ้น ช่วยให้กุ้งมีขนาดสม�่ำเสมอส่งผลต่ออัตรา การเจริญเติบโตเฉลี่ยของกุ้งสูงขึ้น สัดส่วนการให้อาหาร Autofeed : หว่านมือ ประมาณ 90–80ส่วน :10–20ส่วน โดยบ่อที่มีขนาด ใหญ่จะมีสัดส่วนการหว่านอาหารด้วยมือมากขึ้น โดยแบ่ง การหว่านวันละ 2 – 4 ครั้ง การวางยอตรวจเช็คอาหาร ควรมีต�ำแหน่งการ วางยอ มากกว่า1จุด โดยมี1จุดที่อยู่ใกล้รัศมีของหลุม รวมตะกอน หรือกองเลนกลางบ่อและกรณี่ที่มีการหว่าน อาหารด้วยมือร่วมกับการใช้Autofeed ควรมียอวางใน จุดที่หว่านอาหารเพิ่มอย่างน้อย2จุดเพื่อน�ำมาใช้ในการ ประเมินความต้องการอาหารของกุ้ง ภาพที่ 13 สิชล1


100 การน�ำเทคโนโลยียออัตโนมัติมาช่วยในการตรวจสอบสุขภาพกุ้ง ขี้กุ้ง และปริมาณอาหารในยอ การเพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ปม.2 โดยการ ใช้แบบแยกชนิด 1. ขยายจุลินทรีย์ ปม.2 แยกชนิด เติมลงใน บ่อเลี้ยงก่อนปล่อยลูกกุ้ง 1 -2 วัน ในอัตรา 1:1:1 เช่น 50:50:50 ลิตร/ไร ่ โดยเติมต ่อเนื่องทุกวัน และปรับ ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นตามอายุของปริมาณสารอินทรีย์ใน บ่อ โดยสังเกตได้จากค่า pH ของน�้ำในบ่อเลี้ยง ควรอยู่ ในช่วง 7.6 – 8.0 และค่า pH ในรอบวันควรคงที่ หรือ เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 0.3 2. การปรับปริมาณการใช้จุลินทรีย์ ปม.2 ตาม ค่า pH ของน�้ำในบ่อเลี้ยง กรณีpH สูง เพิ่มปริมาณการ ใช้และ pH ต�่ำกว่าค่าแนะน�ำให้ลดปริมาณการใช้ลง 3. ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ หรือสารฆ่าเชื้อเติมลงในน�้ำ เพื่อวัตถุประสงค์ในการฆ่าเชื้อ เพราะจะท�ำให้เสียสมดุล จุลินทรีย์ในบ่อและในระบบทางเดินอาหาร ท�ำให้ระดับ ภูมิคุ้มกันกุ้งลดลง ความเสี่ยงในการติดเชื้อ EHP ไวรัส VP (AHPND) และอาการขี้ขาวสูงขึ้น 4. ระบบน�้ำหมุนเวียน การเติมน�้ำจะเป็นการ เติมเพื่อทดแทนส่วนที่หายไปจากการดูดตะกอนและการ ระเหย ภาพที่ 14 การผสมจุลินทรีย์ โพรไบโอติกกับอาหาร จุลินทรีย์ ปม.2 BL : BS (natto) : BM: Latobacillus ในสัดส่วน 20:20:20:20 cc/อาหาร1 kg (1:1:1:1) อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ทุกวัน (แนะน�ำทุกมื้อ) การเพิ่มสีกุ้งและรสชาติของเนื้อด้วย ปม.2 ถั่วหมัก (ภาพ 14) ผสมน�้ำ ปม.2 ถั่วหมัก 20 cc./อาหาร 1 kg. ให้ กินทุกมื้อโดยทดแทน BS(natto) ในสูตรการใช้1:1:1:1 เช่น ปม.2BL :BS (น�้ำถั่วหมัก) :BM: Latobacillus ใน สัดส่วน 20:20:20:20 cc/อาหาร1 kg ร่วมกับจุลินทรีย์ หมายเหตุ ราย ละเอียดเพิ่มเติม การ ขยายหัวเชื้อ ปม.1- ปม.2 การท�ำน�้ำ ปม.2 ถั่วหมัก และวิธีการใช้จุลินทรีย์ ปม.2 จากคู่มือการใช้หัว เชื้อจุลินทรีย์ ปม.1 และ ปม.2


Click to View FlipBook Version