นายสมชาย ฤกษ์โภคี นายกสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย สารจาก นายกสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย อุตสาหกรรมกุ้งโลกปัจจุบัน นับว่ามีจุดแข่งขันที่รุนแรง ไม่ว่าจะในแง่ของการ เลี้ยงหรือการปรับลดต้นทุนในการประกอบการและการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคาร์บอน เครดิต อุตสาหกรรมกุ้งไทยจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคของตลาดโลก ทั้ง ปรับการเลี้ยง การลดต้นทุน รวมทั้งเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเรื่องของการปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ ซึ่งทุกประเทศเลี้ยงกุ้งจะต้องหันมาเอาใจใส่ กรณีนี้ตลอดขบวนการผลิต จะท�ำอย่างไรที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุด ต้องหันมาช่วยกันคิดค้นขบวนการ จัดการ เริ่มจากต้นน�้ำถึงปลายน�้ำ เช่น อุปกรณ์ของใช้ วัสดุที่ใช้ในฟาร์ม ขบวนการ ผลิตอาหารกุ้ง จนถึงพลังงานต่างๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรม โดยเราจะต้องค�ำนึงถึง น�้ำหนักกุ้งหนึ่งกิโลกรัมที่ผลิตได้ จะต้องใช้อุปกรณ์และปัจจัยเหล่านี้ ซึ่งผ่าน ขบวนการผลิตที่ล้วนแล้วต้องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ ทั้งสิ้น ในไม่ช้าเร็ววันข้างหน้าอาจจะต้องมีข้อบังคับ ส�ำหรับขบวนการผลิตกุ้ง โลกว่าจะต้องค�ำนึงถึง การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกินเท่าไหร่ที่เหมาะ สม เชื่อว่าระดับสากลก�ำลังมองหาจุดสมดุลย์กับตัวเลขที่จะน�ำมาบังคับใช้กับ อุตสาหกรรมนี้ อย่างไรก็ตามทางสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทยและชมรมผู้เลี้ยงกุ้ง สุราษฎร์ธานี ได้ด�ำเนินการกิจกรรมน�ำร่อง เสนอข้อมูลและหารือกับหลายภาค ส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโดยตรงที่จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทย เพราะฉะนั้นผมหวังว่า การจัดสัมมนาวันกุ้งไทย ครั้งที่ 33 นี้ จะมีวาระหารือโดยตรง ส�ำหรับการน�ำเสนอต่อคณะ Shrimp Board เพื่อบรรจุเป็นนโยบาย ในการเตรียม การ การแก้ปัญหาระยะยาวต่อไปครับ
นายพิชญพันธุ์ สลิลปราโมทย์ ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี สารจาก ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี ในนามชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี ขอแสดงความยินดีและต้อนรับทุกท่าน ที่ได้ร่วมสัมมนาทางวิชาการ “วันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” นี้ ทั้งการเข้าร่วมงานสัมมนา โดยตรงและการเข้าติดตามอ่านบทความทุกสาระสัมมนาใน e-book ที่น�ำเสนอไว้ รวม ทั้ง การรับชมคลิปสรุปจากงานสัมมนาที่จะมีจัดท�ำน�ำเสนอหลังวันสัมมนาตามสมควร อีกส่วนหนึ่ง การจัดงานสัมมนาทางวิชาการ “วันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” คณะกรรมการ จัดงานได้มุ่งมั่นและพยายามประสานจัดวาระสัมมนาให้ครอบคลุมครบถ้วนและ สอดคล้องกับสถานะการณ์โลกและธุระกิจกุ้งโลกยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อให้ตรงตาม ความต้องการของเพื่อนชาวกุ้งไทยที่กล่าวไว้ว่า ต้องมาร่วมงานสัมมนาประจ�ำปี “วันกุ้งไทย” ที่สุราษฎร์ธานีทุกปี เพื่อรับข้อมูลใหม่ประเด็นใหม่และแนวทางการ ผลิตใหม่ๆ เพิ่มเติม ส�ำหรับการพัฒนาก้าวต่อกิจการกุ้งไทยร่วมกันอย่างแข็งแกร่ง ต่อไป ในปีนี้ จึงได้ก�ำหนดค�ำขวัญ ประจ�ำ “งานวันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” ว่า “กุ้งไทยยุคใหม่ รวมใจ สู้ตลาดโลก” อันสื่อถึง ยุคต่อจากนี้ไป มีเงื่อนไขที่ เสี่ยงกระทบต่อกุ้งโลกและกุ้งไทยหลายประการพร้อมกัน ทั้ง ความขัดแย้งทาง ภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างกลุ่มประเทศที่เสี่ยงกระทบวิถีธุระกิจกุ้งโลก และ ปัญหา โลกร้อนที่เสี่ยงทวีการกระทบทั้งการผลิตและการตลาดกุ้งโลกในอนาคตอัน ใกล้ ในขณะที่ ฝ่ายประเทศกลุ่มน�ำด้านผลิตกุ้งส่งออกต่างพยายามพัฒนาพยุง และขายการผลิตกุ้งของตนในภาวะที่ตลาดไม่เป็นใจ เช่นนี้ คณะกรรมการจัดงาน จึงพยายามเป็นพิเศษเพื่อให้งานวันกุ้งไทย เกิดประโยชนฺ์ต่อเพื่อนชาวกุ้งยุคปัจจุบัน ได้มากสุด และพร้อมก้าวต่ออย่างมั่นคงยั่งยืนได้อย่างถ้วนทั่วร่วมกันต่อไป ซึ่งเมื่องาน สัมมนา “วันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” นี้ ผ่านไป เราจะมีกิจกรรมประสานติดตามและขอรับ ข้อมูล ความเห็น เพื่อเตรียมการจัดสัมมนาทางวิชาการครั้งต่อไปตามแผนร่วมใจสู้ตลาด โลกยุคอนาคตอีกส่วนหนึ่งด้วย ในนามชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี ขอถือโอกาสนี้ ขอให้เพื่อนชาวกุ้งไทยทุกท่าน ทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมสัมมนาและอ่านทบทวนใน e-book ในครั้งนี้ ได้ร่วมพัฒนากิจการของ ตนให้ก้าวต่อโดยส�ำเร็จผลทุกส่วนตามเป้าหมายร่วมกัน พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณท่านวิทยากร ในทุกภาคส่วน ทุกองค์กร และทุกภาคส่วนธุระกิจที่สนับสนุนให้ “งานสัมมนา วันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” บรรลุผลตามเป้าหมายร่วมกัน
ก่อตั้งวันที่1ธันวาคม 2533 ประกอบด้วยผู้เลี้ยงกุ้ง26 ฟาร์ม โดยมีคุณประคอง จันทรัตน์ เป็น ประธานชมรมฯ คนแรก ปัจจุบันมีประธานชมรมฯ ที่ด�ำรงต�ำแหน่งมาแล้ว10 ท่าน มีการประชุมสมาชิกชมรมฯ ทุกวันที่1และ15ของทุกเดือน ปัจจุบันเป็นการประชุม ครั้งที่784 (15 กุมภาพันธ์2567) ประวัติ ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี วัตถุประสงค์ของชมรมฯ มีดังนี้ 1. เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้งทะเล 2. เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์การเลี้ยงกุ้งให้มีประสิทธิภาพ 3. เพื่อปรับปรุงพัฒนาเครื่องมือ อุปกรณ์ของสมาชิกที่ใช้ในฟาร์มกุ้งอย่างมีประสิทธิภาพ 4. เพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ความเคลื่อนไหวทางการตลาด 5. เพื่อให้สมาชิกผลิตกุ้งออกสู่ตลาดอย่างมีคุณภาพ 6. เพื่อให้สมาชิกมีความรู้ด้านการบริหารและการจัดการฟาร์ม 7. เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงกุ้งให้เป็นอาชีพถาวร 8. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงกุ้ง 9. เพื่อด�ำเนินกิจกรรมอื่นๆ ตามที่ประชุมเห็นชอบ วิสัยทัศน์ บริการสมาชิกชมรมฯ ให้สามารถเลี้ยงกุ้ง ได้ประสบความส�ำเร็จอย่างยั่งยืน วิสัยทัศน์ บริการสมาชิกชมรมฯ ให้สามารถเลี้ยงกุ้ง ได้ประสบความส�ำเร็จอย่างยั่งยืน ชมรมผู้เลี้ยงกุ้ง สุราษฎร์ธานี [email protected] 077-282600 ช่องทางการติดต่อ วิสัยทัศน์ บริการสมาชิกชมรมฯ ให้สามารถเลี้ยงกุ้ง ได้ประสบความส�ำเร็จอย่างยั่งยืน
11 โดย น.สพ.สุรศักดิ์ ดิลกเกียรติ เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย ความเป็นมา การที่ไทยได้พัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งถึงขั้นก้าวขึ้น มาเป็นผู้น�ำในธุรกิจกุ้งโลกตั้งแต่ปี2534 ท�ำให้ไทยมีส่วน แบ่งในตลาดกุ้งโลกกว่า50% จึงเป็นเป้าให้ถูก NGO เพ่ง เล็งเป็นพิเศษ ถึงปี2539กุ้งไทยเริ่มประสบปัญหาระหว่าง ประเทศ โดยถูก NGO (กลุ่มกรีนพีซ) เริ่มสร้างกระแส โจมตีว่า“ฟาร์มกุ้งไทยมีส่วนท�ำลายชายเลน” พร้อมเริ่ม เผยแพร่ภาพต้นโกงกางโดยอ้างว่าเป็นต้นไม้ที่ชาวโลกต้อง อนุรักษ์ทั้งนี้โดยอ้างว่าไทยได้ใช้พื้นที่ป่าชายเลนมาสร้าง ฟาร์มกุ้งถึงขั้นรัฐบาลไทยออกกฎหมายและตั้งหน่วยงาน อนุรักษ์ป่าชายเลนขึ้นแล้ว ทั้งนี้การที่ NGO และกรีนพีช ต้องการอ้าง“อนุรักษ์ป่าชายเลนด้วยโลโก้ต้นโกงกาง” ก็เพื่อระดมทุนก้อนใหญ่อีกครั้ง ต่อจาก “ปลาโลมา” ที่ เขาท�ำเสื้อขายได้เงินไปหลายร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐมา แล้วกรณี“ป่าโกงกาง” นี้เขาเข้ามาสนับสนุน NGO ไทย (สมาคมหยาดฝน) และ NGO อาสา (แคนาดา) เข้าเก็บ ข้อมูลในไทยถึงขั้นตั้งเรื่องร้องเรียนได้แล้ว ในขณะเดียวกัน ในไทยเองเรามีแต ่องค์กร กิจกรรมพัฒนาการเลี้ยงกุ้งและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในชื่อ ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานีและชมรมอื่นๆ ที่เริ่มมีในบาง จังหวัดแต่ชื่อที่ใช้ค�ำว่า“ชมรมฯ”ต่างชาติถือเป็นองค์กร เพื่อสันทนาการความเชื่อถือต�่ำ ประกอบกับ เมื่อการเลี้ยง กุ้งของไทยหลายจังหวัด ต ่างขยายตัวมากขึ้น มีปัญหาโรคกุ้งที่ ส ่งผลให้การผลิต แก ว ่ง ถึง ขั้นเกิด ปัญหาการประสานงานกับ ภาคส่งออกด้วยอีกส่วนหนึ่ง สรุปประวัติ กิจกรรมสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย
12 29 ธันวาคม 2539 คณะชมรมผู้เลี้ยงกุ้ง สุราษฎร์ธานีจึงจัดตั้งสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทยได้ ส�ำเร็จ โดยเป็นองค์กรนิติบุคคลสังกัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เป็นองค์กรตัวแทนชาวกุ้งไทยในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขเหตุนอกประเทศที่กระทบกุ้งไทยเป็น หลัก ควบคู่ เป็นองค์กรประสานงานในการแก้ไขปัญหา ภายนอกกับภาครัฐและชาวกุ้งไทยโดยรวม พร้อมกับการ ประสานงานเชิงพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งไทยต่อเนื่อง ทั้ง ด้านวิชาการ การวิจัย และการร่วมพัฒนาเทคนิคปฏิบัติ การการเพาะเลี้ยงกุ้งไทยในภาพรวม สรุปกิจกรรมส�ำคัญและผลของกิจกรรม เพื่อเป็นข้อมูลประสบการณ์ หลังจากคณะกรรมการฯ สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเล ไทยภายใต้นายกสมาคมท่านแรก(คุณปรัชญาศรีสวัสดิ์) ได้ตระเวนแนะน�ำแผนงานกิจกรรมองค์กรสมาคมฯแล้ว ได้มีการด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ มาโดยตลอด ทั้งในนาม สมาคมฯเอง และในนามองค์กรแนวร่วมในชื่อ เครือข่าย คนไทย-กุ้งไทย(ด�ำเนินการกิจกรรมล่วงหน้าและ/หรือใน ส่วนงานที่ยังไม่เกิดข้อสรุปร่วมในภาพรวม) ในที่นี้ขอสรุป กิจกรรมส�ำคัญเป็นกรณีศึกษา คือ 1. กิจกรรมเฉพาะหน้า เรื่อง การป้องกัน การใช้กฎหมาย “ห้ามเลี้ยงกุ้งทะเลในพื้นที่น�้ำจืด” จ า ก ค ว า ม ขั ด แ ย้ง จุ ดเ ล็ ก ๆ ที่บึง ฉ ว า ก จ.สุพรรณบุรีที่มีฟาร์มเลี้ยงกุ้งขนาดเล็ก 1 ราย แต่ฝ่าย การเมืองต้องการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงมีการ สร้างกระแสผ่านสถานีวิทยุแห่งหนึ่งท�ำการรณรงค์ ให้ระงับการเลี้ยงกุ้งในพื้นที่น�้ำจืดโดยอ้างความ เค็มกระทบนาข้าวขึ้น ปัญหานี้ในนามสมาคมฯ ได้เสนอกลยุทธ์การป้องกันแก้ไข โดย การลด กระแสต้านในสังคมไทยด้วยวิธีให้ชาวกุ้งเขต น�้ำจืดรวมตัวแถลงข่าวว่า “จะหยุดเลี้ยง กุ้งนับร้อยบ่อและน�ำบ่อเหล่านั้นมาปลูก ข้าวทันที” แต ่แนวทางนี้อาจไม ่ทันใจ ชาวฟาร์มกุ้งเขตน�้ำจืด ท�ำให้รัฐรีบออก มาตรา 9 ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมมา บังคับใช้ก่อนที่ผลการปลูกข้าวของฟาร์ม อาสา(ฟาร์มผู้ใหญ่มนูญ จ.นครปฐม)ซึ่ง ได้ผลผลิตข้าวมากกว่านาข้าวใกล้เคียงอย่าง ชัดเจน(มากกว่านาข้าวใกล้เคียง 35-50% : รอบผลิตจริงเกี่ยวช้าได้980 กก./ไร่ และ รอบผลิตซ�้ำจากข้าวร่วงจากรอบแรกได้ 12
13 1,150 กก./ไร่) และหลังจากการทดลองนี้ชาวนาข้าว ข้างเคียงจึงได้ขอสูบน�้ำตะกอนเลนไปเป็นปุ๋ยรองพื้นนา ปรากฏว่า ได้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น 30-50% อย่างต่อเนื่อง เช่นกัน ในขณะที่ผลวิจัยและการออกแบบระบบผลิตก็ ลงตัวโดยไม่กระทบเกษตรกรข้างเคียงแต่อย่างใดกรณีนี้ เป็นบทเรียนว่า “รู้เขารู้เรา ส�ำคัญต่อการออกศึก” 2. เรื่อง ป่าชายเลน : ได้เตรียมพร้อมภายใน (ประสานข้อมูลกับกรมอนุรักษ์ฯกรมประมงกรมการค้า ต่างประเทศสมาคมอาหาแช่เยือกแข็งสมาคมหยาดฝน) จนสามารถทยอยสร้างความเข้าใจ ประสานค�ำอธิบาย ค�ำแก้ต่าง ที่ต้องใช้ในทุกประเด็นกับองค์กรและบุคคล ระหว่างประเทศควบคู่ ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานีท�ำ กิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องจนถึงปี2545 หลัง ทพ.สุรพล ประเทืองธรรม นายกสมาคมฯ ในสมัย นั้นได้ไปขึ้นเวทีให้นักวิชาการ, NGO ซักฟอก เรื่อง การ อนุรักษ์ป่าขายเลนของชาวกุ้งไทย พร้อมเอกสารเชิง วิชาการภาคสนามที่มีข้อมูลครบสมบูรณ์ และได้แยกล๊อ ปบี้รายเป้าหมายอีกจ�ำนวนหนึ่งสุดท้าย ประเด็นเรื่องป่า ขายเลน ก็ทยอยเบาบางลงตามล�ำดับ ซึ่งถือว่า สมาคมฯ มีส่วนส�ำคัญให้งานประสบผลส�ำเร็จ ทั้งนี้ด้วยความร่วม มือท�ำกิจกรรมภายในที่สนับสนุนงานนี้ของชาวชมรมผู้ เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานีเป็นหลัก และ ได้โครงการอ่าวคุ้ง กระเบนในพระราชด�ำริกรมประมง + ชมรมฯ ผู้เลี้ยงกุ้ง อื่นๆ ช่วยเสริมด้วยส่วนหนึ่ง : เป็นที่รับรองดูงาน กรณี พิสูจน์ว่า “ท�ำจริง ท�ำให้พร้อม ช่วยแก้ปัญหาได้”
14 3. กิจกรรมป้องกันแก้ไขการโจมตีทางการ ค้า การที่กุ้งไทย เป็นผู้น�ำในตลาดกุ้งโลกติดต่อกัน 22 ปีย่อมเป็นเป้าหลักให้ถูกต่อต้าน หรือโจมตีในประเด็น ต่างๆ ให้สูญเสียภาพลักษณ์หรือบั่นทอนโอกาสทางการ ตลาดมาโดยตลอด ทั้งโดย NGO ต่างประเทศและภายใน ประเทศที่ต้องการท�ำผลงานหรือยกภาพลักษณ์องค์กร ของเขาหรือหาโอกาสสร้างรายได้แก่บุคคลหรือองค์กร อีกทั้ง แม้แต่ประเทศเลี้ยงกุ้งด้วยกันหรือผู้น�ำเข้ากุ้งก็ถือ โอกาสโจมตีในบางประเด็นเพื่อโอกาสทางธุรกิจของเขา (สมัยนั้น ไทยเป็นผู้น�ำในการส่งออกกุ้งที่คู่แข่งดึงลูกค้า จากเรายากมากและถ้าไม่มีประเด็นต่อรองลูกค้าจะไม่ได้ ราคาพิเศษ) ทั้งนี้ประเด็นส�ำคัญ คือ 3.1 กรณี ฟาร์มกุ้งไทยใช้ยาปฏิชีวนะในบ่อเลี้ยง กุ้ง โดยสร้างภาพโจมตีทั้งให้กุ้งกินและใส่ลงในบ่อเลี้ยง แก้ไข : โดยเผยแพร่เอกสารชี้แจงเชิงวิชาการ ประสานกรมประมงจัดท�ำวิดิทัศน์ชี้แจง จัดท�ำจดหมาย ชี้แจงโดยตรงเฉพาะราย เผยแพร่กิจกรรมเลี้ยงกุ้งเชิง ชีวภาพที่ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ อื่นๆ 3.2 กรณี ฟาร์มกุ้งไทยท�ำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่ง NGO (ยุโรป) บางรายถึงขั้นท�ำวิดิทัศน์และสัมภาษณ์ชาว ฟาร์มกุ้งที่ไม่รู้เท่าทันหรือสัมภาษณ์ชุมชนมาโจมตีหลาย ครั้ง ถึงขั้น ฝรั่งเศส จะอ้างเรื่องนี้เสนอเข้าสภาอียูเพื่อ บอยคอร์ดกุ้งไทย แก้ไข : สมาคมฯได้ท�ำเอกสารชี้แจงทั่วไป ประสานแนวร่วม NGO ต่างประเทศช่วยชี้แจง อธิบาย คณะเข้าตรวจสอบจาก อียู. และกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับ ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานีและอื่นๆ กรณีฝรั่งเศส ถึง ขั้น ท�ำกิจกรรมประท้วงและเผาแอร์บัสจ�ำลอง ควบคู่ กิจกรรมอนุรักษ์ต่างๆ ด�ำเนินการโดยชมรมผู้เลี้ยงกุ้ง สุราษฎร์ธานีเป็นหลักโดยท�ำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องถึงขั้น กระแสโจมตีเรื่อง ฟาร์มกุ้งไทยท�ำลายสิ่งแวดล้อมจางลง มาก ทั้งนี้สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทยและชมรมผู้เลี้ยงกุ้ง สุราษฎร์ธานีได้ร่วมจัดท�ำมาตรฐานฟาร์ม COC กับกรม ประมง และ ท�ำเอกสารมาตรฐานฟาร์ม SSP เผยแพร่ใน วงกว้างมาสนับสนุนเพื่อสร้างความเชื่อถือเชื่อมั่นในชาว กุ้งไทยด้วยอีกทางหนึ่ง ถึงปัจจุบัน มี โครงการ “ฟาร์ม กุ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 1, 2, 3 ดาว” ไว้ยืนยันผู้ ตรวจเยี่ยม 3.3 กรณี สารตกค้าง “กลุ่มไนโตรฟิวแรนและ คลอแรมฟีนิคอล” กรณีนี้นักวิจัยยกมาโจมตีแอนตี้กุ้ง ไทยเพื่อขายเครื่องตรวจและชุดตรวจแบบใหม่
15 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 นายสมชาย ฤกษโภคี นายชัยภัทร ประเสริฐมรรค นายอภิรักษ ชางทรัพย นายกุศล กิ้มเสง นายพิชญพันธุ สลิลปราโมทย น.สพ.สุรศักดิ์ ดิลกเกียรติ นายฐานันตร หวังมุทิตากุล นายพิพัฒน นิลวัชรมณี นายณถกล สมสุวรรณ นายศักดิ์สิทธิ์ ขวัญเมือง นายวันชัย ศรีสวัสดิ์ นายพงษศักดิ์ นิสภกุล นายพงษชัย ศิรินทรางกูร นายดลธนา ฉายากุล นายสรณสรรคนัท นพคุณสิริ นายชีวิต พรพานิช นายธนกร ฤกษโภคี นายสุรเชษฐ รุงโรจนารักษ นายชานนทร สีตภวังค นายวสุพล นิลวัชรมณี นายอดิวิศว อนันตพฤทธ นายจิรายุส รอดเชื้อจีน นายกสมาคมฯ อุปนายก 1 อุปนายก 2 อุปนายก 3 อุปนายก 4 เลขาธิการ รองเลขาธิการ เหรัญญิก นายทะเบียน ปฏิคม กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ ลำดับ ชื่อ-สกุล ตำแหนง คณะกรรมการบริหารสมาคมผูเลี้ยงกุงทะเลไทยปจจุบัน 1 2 3 นายปรัชญา ศรีสวัสดิ์ ท.พ.สุรพล ประเทืองธรรม นายสมชาย ฤกษโภคี พ.ศ. 2540-2542 พ.ศ. 2542-2562 พ.ศ. 2562-ปจจุบัน ลำดับ รายชื่อ วาระดำรงตำแหนง รายชื่อผูดำรงตำแหนงนายกสมาคมฯ กรณีนี้จุดติดและแก้ยากเพราะเปลี่ยนการตรวจ ด้วยวิธีใหม่ จากระดับ 1 ในพัน เป็น 1 ในล้านส่วน ซึ่งมี เออเร่อร์(เบี่ยงเบน) สูง แก้ไข : โดยร่วมกับกรมประมงและกรมปศุสัตว์ (เป็นการภายใน) เอาสินค้าจากอียู.มาตรวจสารนี้ด้วยวิธี เดียวกัน พร้อมน�ำข้อมูลการปนเปื้อนไนโตรฟิวแรนในนม และเนื้อสัตว์ของอียู.ไปเปรียบเทียบกับกุ้งซึ่งค่าน้อยกว่า มาก แต่อียู. ยังยืนยันเทคนิคการตรวจแบบใหม่ สุดท้าย การตรวจสารควบคู่การรณรงค์ภายใน แก้ได้โดยไม่กระทบการค้า แต่ต้องซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ และชุดคิดส์จากอียู.สองกรมฯกว่า3,000ล้าน และเกิด มาตรฐานการตรวจสารตกค้างใหม่ๆถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็น ปรกติในมาตรการความปลอดภัยด้านอาหารไปแล้ว(และ เป็นภาระกับทุกประเทศ)ข้อ3.1-3.3 นี้เป็นกรณีศึกษาที่ สรุปว่า“การสร้างพลังร่วมชาวกุ้งไทยส�ำคัญยิ่งต่อการ แก้ไขปัญหาอุปสรรค”
กุ้งไทยยุคใหม่ รวมใจสู้ตลาดโลก โดย สุรศักดิ์ รวมใจ สู้ตลาดโลก ภาพรวมสถานการณ์อุตสาหกรรมกุ้งโลกประจ�ำปี 2566 และคาดการณ์สถานการณ์กุ้งปี 2567 AD (Anti-dumping) รอบใหม่ วิกฤตหรือโอกาสกุ้งไทย เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้ไฟฟ้าในฟาร์มกุ้ง คุณสมบัติของเชื้อไวรัส IHHNV ไม่ตรงกับคุณสมบัติของเชื้อก่อโรคตามบัญชีรายชื่อโรคสัตว์น�้ำ ขององค์การสุขภาพสัตว์โลก การบริหารจัดการฟาร์มกุ้ง เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพสูง ในสภาวะความ ไม่มีเสถียรภาพของตลาด Abstract How can Shrimp Genetics Improve Shrimp Farm Performance and the Limitations of Shrimp Genetics to Solve ALL Problems Farming instructionApi dragon line แลปจุลินทรีย์พลิกโลก (โรค) แลปจุลินทรีย์พลิกโลก (โรคกุ้ง) แนวทางการคัดเลือกจุลินทรีย์ธรรมชาติเพื่อการน�ำไปใช้ในการผลิตจุลินทรีย์เพื่อการเพาะเลี้ยง ของกลุ่มเกษตรกร โลกร้อน : ผลกระทบและโอกาสกับการเพาะเลี้ยงกุ้ง ฐิติกร ฟาร์มเพชรบุรี 108 ตัน รู้แนวทางใครๆ ก็ท�ำได้ กุ้งไทยยุคใหม่ปี 2567 สายพันธุ์กุ้งทะเลในประเทศไทย ที่มีผลต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทย 18 24 29 38 46 59 64 81 83 91 106 110 125 129 132 144 149 สารบัญ
18 โดย น.สพ.สุรศักดิ์ ดิลกเกียรติ ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี เนื่องจากงานสัมมนา“วันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” นี้ สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทยและชมรมผู้เลี้ยงกุ้ง สุราษฎร์ธานีมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ช่วงปัจจุบัน “ธุรกิจกุ้ง” อยู่ในสถานการณ์จ�ำเพาะที่ต่างจากการปี ก่อนๆ ทั้งนี้เพราะช่วงปี2567 นี้มีเหตุการณ์ระดับโลก ที่เสี่ยงกระทบถึงธุรกิจกุ้งโลก-กุ้งไทย2 ประการและเหตุ ภายในเฉพาะส่วนธุรกิจกุ้งโลกด้วยกันเอง1 ประการคือ 1. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับ โลก : ปัจจุบันความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศพัฒนา ก่อน(สหรัฐอเมริกาและพวก) กับ กลุ่มประเทศพัฒนา ใหม่และก�ำลังพัฒนา (จีน, รัสเซียและพวก) ก�ำลังเขม็ง เกลียวขึ้นตามล�ำดับ และเริ่มมีการบีบคั้นทั้งทางรัฐศาสตร์ กุ้งไทยยุคใหม่ กุ้งไทยยุคใหม่ ที่ยุ่งเหยิงมากขึ้นและทางเศรษฐกิจการค้าที่จะประสบ ปัญหาในหลายระดับ สถานการณ์นี้จึงเสี่ยงกระทบต่อการ ผลิตกุ้งส่งออกได้ง่าย ทั้งการชะลอการซื้อ/บริโภคกุ้งการ ใช้มาตรการกีดกันทางการค้า รวมทั้งเสี่ยงเกิดอุปสรรค ด้านการขนส่งและวิธีการช�ำระค่าสินค้าระหว่างกัน กรณี นี้แต่ละประเทศต่างเตรียมป้องกันผลกระทบ ทั้ง ระดับ รัฐและวิสาหกิจต่างๆซึ่งกิจการกุ้งไทยก็ต้องเตรียมพร้อม ด้วยเช่นกัน แม้ฐานการผลิตกุ้งไทยไม่มากและสามารถ ป้องกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ง่ายกว่าก็ตาม 2. ปัญหาวิกฤติโลกร้อน : ปัจจุบันสังคมโลกเริ่มตระหนกและกังวลเรื่อง โลกร้อน/ภูมิอากาศแกว่งจึงจ�ำเป็นต้องร่วมลดภาวะโลก ร้อนอย่างจริงจัง โดยมีการขยายนิยามว่า เราก�ำลังเข้า รวมใจ สู้ตลาดโลก กุ้งไทยยุคใหม่
19 สู่ระยะ “(ชาว)โลกเดือด(ร้อน)” เพราะอุณภูมิผิวโลก จะเพิ่มเกิน 1.5 °ซ. ในอนาคตอันใกล้ถึงขั้น ท�ำให้น�้ำ แข็งขั้วโลกละลายในอัตราเร่งจนน�้ำทยอยท่วมพื้นที่ลุ่ม ต�่ำทั่วโลก ภูมิอากาศเปลี่ยนและแกว่งรุนแรงยิ่งขึ้นถึงขั้น กระทบต่อการผลิตธัญพืชและการเลี้ยงสัตว์ที่เป็นแหล่ง อาหารของมนุษยชาติการประชุมล่าสุด “COP 29” ที่ ดูไบ จึงประกาศแผนงานร่วมป้องกันโลกเดือด (ร้อน) ที่ ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาปรับตัวด้านการผลิตและการขนส่ง จนถึงการ เฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่กรณีดังกล่าวชัดเจนว่าจะมีการน�ำ มาตรการทางการค้ามาบีบให้เกิดการร่วมลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกในทุกกิจการโดยเร็วและจะเข้มขึ้นตาม ล�ำดับ ซึ่ง“กรณีกุ้งไทย”เราได้เสนอแนวโน้มปัญหาโลก ร้อนและแนวการปรับตัวของชาวกุ้งไทยในงานสัมมนาวัน กุ้งไทยครั้งที่32ไว้ระดับหนึ่งแล้ว(ตามแผนงานกิจกรรม เชิงรุก) 3. ธุรกิจกุ้งโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะ “การผลิต ล�้ำการตลาดอย่างถาวร” : จากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการผลิตกุ้ง เพาะเลี้ยงเมื่อประกอบกับความก้าวหน้าด้านการสื่อสาร ยุคปัจจุบันจะเอื้อต่องานพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้ง ทั้งฝ่าย ประเทศผลิตกุ้งส่งออกและประเทศน�ำเข้ากุ้งปัจจุบัน จึง ส่งผลให้การผลิตกุ้งโลกขยายตัวล�้ำหน้าการตลาดอย่าง ต่อเนื่องในอนาคตเมื่อมีเหตุเร่งจากภายนอก2 ประการ ที่คาดการณ์ไม่ได้ด้วยแล้ว จึงเสี่ยงให้การตลาดและราคา กุ้งโลกกุ้งไทยเกิดการแปรปรวนและเป็นปัญหาเรื้อรังได้ ทุกเมื่อแม้มีเหตุเอื้อด้านการตลาดเฉพาะกรณีในบางช่วง เวลาก็ตาม จ�ำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคการผลิตกุ้งไทยต้องรวม พลังร่วมปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้เราสามารถก้าวต่อ ได้อย่างมั่นคงยั่งยืน โดย “กุ้งไทย” ไม่แพ้ชาติใดในโลก อนาคต การดังกล่าว จึงได้มีการก�ำหนดค�ำขวัญประจ�ำ งานสัมมนา “งานวันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” ณ จังหวัด สุราษฎร์ธานีในครั้งนี้ว่า“กุ้งไทยยุคใหม่ รวมใจ สู้ตลาด โลก” อันหมายถึง ในภาวะที่ปัจจุบันมีเงื่อนไขจ�ำเพาะ ทั้ง ความขัดแย้งและแบ่งพวกด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ก�ำลัง รุนแรงขึ้น ผนวกกับปัญหาโลกร้อนที่ก�ำลังจะเดือด (ร้อน)กันถ้วนหน้า ซึ่งเสี่ยงกระทบต่อการผลิตกุ้งส่งออก ได้โดยง่ายอยู่แล้ว ในขณะที่ฝ่ายประเทศผลิตกุ้งส่งออก ต่างยังมุ่งมั่นพัฒนาขยายการผลิตกุ้งเพื่อสร้างงานและ สร้างรายได้เข้าประเทศของตน ท่ามกลางประเทศน�ำ เข้ากุ้งก็เริ่มผลิตกุ้งเองกินเองด้วย เช่นนี้ จ�ำเป็นอย่าง ยิ่งที่ชาวกุ้งไทย ทั้ง ภาครัฐ และเอกชนทั้งระบบ ต้อง รวมใจรวมพลังอย่างเหนียวแน่น เพื่อพัฒนาสรรสร้าง กุ้งส่งออกของไทยสู่ยุคใหม่ ที่มีคุณค่าและมูลค่าต่อ หน่วยสูงกว่า ด้วยวิถีการผลิต การตลาดและการบริการ ที่เด่นกว่า โดยต้นทุนการผลิตกุ้งต่อหน่วยไม่เป็นรองใคร ในวงการกุ้งโลก โดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายหนึ่งเดียวที่เคยร่วมก�ำหนด กันไว้ คือ ไทยจะใช้พื้นที่เลี้ยงกุ้งที่เหลือจ�ำกัดเพียง ระดับ 3 แสนไร่เศษนี้ ท�ำการผลิตกุ้งที่มีคุณภาพเด่น
20 น�ำให้ถึงระดับ 400,000 ตันต่อปี โดยสร้างมูลค่าส่ง ออกสินค้ากุ้งและที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงกุ้งให้ถึง ระดับ 100,000 ล้านบาทต่อปี อย่างมั่นคงยั่งยืน ใน อนาคต ให้จงได้ เพื่อให้สอดคล้องกับค�ำขวัญที่สะท้อนถึง สถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มกุ้งโลกยุคอนาคต คณะ กรรมการจัดงานสัมมนาฯจึงได้ก�ำหนดวาระสัมมนาแบบ เชิงรุกดังที่เคยปฏิบัติมาทุกปีและตามที่เพื่อนชาวกุ้งไทย ต่างคาดหวังไว้สรุปคือ 1. กลุ่มสาระ “รวมใจ สู้ตลาดโลก” : กลุ่มสาระนี้มีทั้ง การเสวนา เจาะลึกแนวโน้ม การตลาดกุ้งโลกและแนวทางการตลาดกุ้งส่งออกปี2567 รวมทั้งการวิเคราะห์โอกาสการป้องกันและสรรสร้างคุณ ประโยชน์จากมาตรการทางการค้าทุกอย่างที่ก�ำหนดโดย ฝ่ายประเทศน�ำเข้ากุ้ง โดยยกกรณีมาตรการ AD(Antidumping)รอบล่าสุดของสหรัฐอเมริกา มาเน้นเป็นพิเศษ 2. กลุ่มสาระ “กุ้งไทยยุคใหม่” : กลุ่มสาระนี้มีทั้งส่วนงานศึกษาวิจัยทางวิชาการ เทคนิคบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน การผลิต การให้มีลูกพันธุ์กุ้งคุณภาพอย่างเสถียร พร้อม การรับทราบประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีการผลิตกุ้ง ไทยเพิ่มเติม การเพิ่มคุณภาพการใช้จุลินทรีย์และ การ รับรู้ปัญหาโลกร้อนที่เราต้องปรับจากวิกฤติให้เป็นโอกาส แก่การเพาะเลี้ยงกุ้งไทย ทั้งนี้เพื่อให้เราพร้อมที่จะก้าวสู่ ความส�ำเร็จ ทั้ง การปรับวิถีธุรกิจและปรับสู่การผลิตกุ้ง ยุคอนาคตได้อย่างทันเหตุการณ์ร่วมกัน
21 ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากยุคปัจจุบัน ชาวโลกต่างมีและใช้ระบบ การสื่อสารสมัยใหม่เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจกันถ้วนหน้า ทั้ง ด้านการผลิตสินค้า การตลาด และการบริการ ดัง นั้น ยุคที่แต่ละประเทศต่างต้องแข่งขันในทุกมิติเช่นนี้ผู้ ประกอบการกุ้งไทยจ�ำเป็นต้องพัฒนาใช้ระบบการสื่อสาร สมัยใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการกุ้งไทยได้อย่างมี ประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเฉพาะข่าวสารด้านการผลิต กุ้ง ที่ทุกประเทศต่างรับรู้ว่า ธุรกิจกุ้งน่าสนใจมากเพราะ มีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องสูง มีเทคโนโลยีการผลิตพร้อม มี ลูกพันธุ์พร้อม และยังมีโอกาสด้านราคาขายปลีกและผล ตอบแทนการลงทุนดีกว่าสัตว์เศรษฐกิจอื่น การดังกล่าว จะท�ำให้การผลิตกุ้งถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะ ประเทศหรือกลุ่มประเทศที่น�ำเข้ากุ้งในยุค ปัจจุบัน คาดว่าจะพัฒนาการผลิตกุ้งขายในประเทศตน ดังนั้น งานสัมมนาประจ�ำปี“วันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” ในปี2567 นี้ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานีในฐานะ ผู้รับผิดชอบการจัดงาน จึงได้ก�ำหนดแผนงานสัมมนา และถ่ายทอดข้อมูล 3 รูปแบบ คือ การเข้าร่วมสัมมนา โดยตรง การอ่านบทความประกอบสัมมนาใน e-book และการติดตามชมคลิปสรุปจากงานสัมมนาที่จะจัดท�ำ เผยแพร่ในภายหลังโดยคาดหวังว่าวาระการสัมมนาครั้งนี้ มีประเด็นครอบคลุมที่มากพอตามนิยาม “กุ้งไทยยุคใหม่ รวมใจ สู้ตลาดโลก” เพื่อให้เราพร้อม และสามารถสรุป สาระสัมมนาที่ครอบคลุมเพื่อการก้าวผ่านปี2567 และ ก้าวสู่กุ้งไทยยุคใหม่ร่วมกันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตาม เป้าหมาย ขอบคุณท่านผู้สนับสนุนและผู้ร่วมสัมมนา“งาน วันกุ้งไทย ครั้งที่ 33” ซึ่งเกิดขึ้นด้วยนิยามพลังร่วมของ ชาวกุ้งไทย 4 ด้าน คือ ร่วมใจ ร่วมพัฒนา ร่วมก้าวต่อ และร่วมรับผลส�ำเร็จ ในธุรกิจกุ้งโลกยุคอนาคตสืบไป
22 และ/หรือกลุ่มตนกันมากขึ้น เพราะ ต่างรับรู้ว่า ปัจจุบัน เราเริ่มมีตัวอย่างฟาร์มเลี้ยงกุ้งในเขตหนาวโดยใช้พลังงาน ความร้อนที่ปล่อยจากอุตสาหกรรม (โรงผลิตพลังงาน ฟอสซิล พลังงานแสงแดด โรงไฟฟ้า และโรงหลอมโลหะ ขนาดใหญ่) มาช่วยในการเลี้ยงกุ้งให้เป็นตัวอย่างบ้างแล้ว และที่ส�ำคัญ คือ การผลิตกุ้งเองกินเองในประเทศน�ำเข้า กุ้งปัจจุบันจะได้เปรียบเรื่องตลาดและราคามาเป็นตัวช่วย อีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้น กรณีฟาร์มกุ้งไทยซึ่งมีพื้นที่เลี้ยงกุ้งรวมไม่ มากเกินการพัฒนาก้าวสู่ยุคอนาคต เราจึงต้องรวมพลัง พัฒนาสู่ฟาร์มกุ้งไทยยุคใหม่ เพื่อให้ได้สินค้ากุ้งที่มีความ เด่นจ�ำเพาะและแตกต่าง เพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้เหนือ กว่า และด้วยต้นทุนการผลิตต่อหน่วยเชิงธุรกิจที่ไม่เป็น รองใคร ทั้งนี้ด้วยประเด็นส�ำคัญ คือ 1. การพัฒนาระบบฟาร์มและระบบผลิต ให้เด่นชัดและสอดคล้องกับนิยาม ใช้น�้ำหมุนเวียน (RAS : เป้าหมายสากล) และ เศรษฐกิจชีวภาพ, หมุนเวียน, สี เขียว/สมดุลธรรมชาติ(BCG : เป้าประกาศของไทย) 2 . พั ฒ น า วิ ธี ก า ร ผ ลิ ต ที่ สอดคล้องกับ“การร่วมบรรเทาปัญหา โลกร้อน” (ด้วยหลักเศรษฐกิจ BCG) เพื่อพร้อมรับ มาตรการทางการค้าที่จะออกมาบังคับ พร้อมเพิ่มแต้ม บวกให้กุ้งไทย โดย - การลดค่าก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยให้ต�่ำสุด โดยการเพิ่มคุณภาพการผลิต(ผลิตกุ้งได้ผลทุกรอบ,ไม่ พลาด) + การใช้พลังงานทดแทนและอุปกรณ์ประหยัด พลังงาน (เช่น โซล่าเซลล์และอุปกรณ์) + การพัฒนาใช้ ประโยชน์จากสารอินทรีย์ส่วนเหลือจากบ่อเลี้ยงกุ้งไป สร้างประโยชน์ทดแทน/ลดภาระบ�ำบัด(ข่าวฟาร์มอินโดฯ ใช้ผลิตสาหร่ายและปลา, ไทยใช้ผลิตปลาและหอยแครง ) + ใช้เทคนิคทางชีวภาพที่ลงตัวอย่างต่อเนื่อง(สอดคล้อง กับทุกสถานการณ์,สภาวะในบ่อเลี้ยง) + การมีระบบ ก�ำกับตรวจประเมินคุณภาพอย่างใกล้ชิดกับ “ทุกอย่าง ที่ใช้ในฟาร์มและระหว่างการเลี้ยงกุ้งเนื้อ”
23 3. พัฒนาการปรับสู่ธุรกิจเชื่อมโยง เพื่อ พัฒนาเพิ่มคุณค ่าและมูลค ่าต ่อหน ่วยที่ต้นทาง ด้วย คุณภาพในผลผลิต(สวย,สด,สะอาด,สร้างคุณค่าจ�ำเพาะ คู่ค้า) + พัฒนาให้มีสินค้าธงด้วยกุ้งใหญ่สุด (ถึง U6 12- 14 ตัว/กก.) + พัฒนาสร้างสรรคสินค้ากลุ่มคุณภาพและ คุณค่าที่จ�ำเพาะชัดเจน + พัฒนาเพิ่มศักยภาพการตลาด และการบริการสินค้ากุ้งไทยให้เด่นน�ำ 4. พัฒนาระบบบันทึกหลักฐานที่เด่นน�ำ เพื่อ รองรับการจัดท�ำมาตรฐานฟาร์ม, ยืนยันการผลิต และรองรับการตรวจเยี่ยมหรือตรวจสอบ หมายเหตุเอกสารนี้ไม่กล่าวถึงการวิจัยพัฒนา สัตว์น�้ำขนาดเล็กที่เหมาะสม ให้เป็นตัวเก็บสารอินทรีย์ ส่วนเหลือจากกุ้งใช้แล้วกลับมาเป็นอาหารเสริมแก่กุ้ง ตลอดการเลี้ยง ซึ่งอดีตยังไม่สามารถประสานถึงขั้นมี การวิจัยพัฒนาอย่างเป็นทางการได้ตามแผนงาน จึงไม่ขอ กล่าวถึงในเอกสารนี้เพื่อป้องกันการลองเองลองผิดลอง ถูก จนเสี่ยงหรือกระทบต่อการผลิตกุ้งในฟาร์ม
24 รวมใจ สู้ตลาดโลก โดย นายอดิศร พร้อมเทพ ที่ปรึกษาคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมใจ สู้ตลาดโลก การประมงของประเทศไทย เริ่มขึ้นเมื่อปี 2504 โดยการน�ำเทคโนโลยีอวนลาก จากเยอรมัน เข้ามาใช้ในการท�ำประมงในประเทศ ต่อมาได้มีการพัฒนา และขยายตัวนอกเหนือจากการจับปลามาเป็นการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำ จนไปถึงการน�ำสัตว์น�้ำมาแปรรูป เข้าสู่อุตสาหกรรมส่งออกเพิ่ม มากขึ้น ธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง มีบทบาทส�ำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยมีนวัต กรรมการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐานสากล จนได้ รับความเชื่อมั่นจากคู่ค้าทั่วโลก
25 ตลอดระยะเวลาที่ผ ่านมา คณะกรรมการ ธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ริเริ่มเชื่อมโยง การท�ำงานทุกภาคส่วนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมประมง ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ปี2555สมัยของท่าน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นอดีตประธาน คณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ปัจจุบันมีดร.ชนินทร์ชลิศราพงศ์ ได้รับมอบหมายให้ เป็นประธานคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรม ต่อเนื่อง วาระปี2566-2567 จึงได้ก�ำหนดนโยบายให้ สอดคล้องกับการขับเคลื่อนและท�ำงานร่วมกับทุกภาค ส่วน เพื่อลดปัญหา การท�ำการประมงผิดกฎหมาย ขาด การรายงาน ไร้การควบคุม (IUU Fishing) เพื่อให้เกิดการ ท�ำการประมง อย่างยั่งยืน และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมี ความพยายามให้ความรู้ผู้ประกอบการเพื่อเสริมสร้างภาพ ลักษณ์ที่ดี พร้อมทั้ง ร่วมขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจสู่การ พัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Model ผ ่านการส ่งเสริม เศรษฐกิจสีน�้ำเงิน (Blue Economy) โดยเฉพาะในการ แก้ปัญหาพลาสติกและลดการปล่อยก๊าซ เรือนกระจก รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำ และผลิตภัณฑ์ประมงพื้นบ้าน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ รายย ่อยผลิตและแปรรูปสินค้าที่มีมูลค ่าสูงขึ้นและได้ มาตรฐาน นอกจากนี้ยังได้ท�ำการรวบรวมประเด็นปัญหา ศึกษา วิเคราะห์ความคิดเห็นของสมาชิกให้หน่วยงาน ภาครัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาธุรกิจประมงและอุตสาหกรรม ต่อเนื่องอย่างครอบคลุมครบทุกมิติและเพิ่มขีดความ สามารถในการแข่งขันของประเทศไทย อย่างมั่นคงและ ยั่งยืน
26 นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ก�ำลังด�ำเนินการส่ง เสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ๆให้ขึ้นมา เป็น Product Champaignอาทิ1)กุ้งขาวแวนนาไม โดย ร่วมมือกับสมาคมกุ้งไทยและสมาคมอาหารแช่เยือกแข็ง ไทยเพื่อจัดท�ำยุทธศาสตร์กุ้งไทยในการแก้ไขปัญหาอย่าง ยั่งยืนทั้ง Value Chain 2) กุ้งก้ามกราม โดยได้ร่วมมือ กับ หอการค้าจังหวัดกลุ่มร้อยแก่นสารสิน (ได้แก่จังหวัด ร้อยเอ็ดขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์)ซึ่งได้ริเริ่ม แล้วที่จังหวัดกาฬสินธุ์และริเริ่มในจังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อ สร้างและขยายโอกาสให้กับกุ้งก้ามกรามในพื้นที่และ 3) ปลากะพงขาว โดยได้ร่วมมือกับ สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลา ทะเลไทย และหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อจัดท�ำ ยุทธศาสตร์ปลากะพงขาว เป็นต้น ทั้งนี้ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เมื่อเดือนตุลาคม 2566 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง จึงได้ด�ำเนินการรวบรวมจัดท�ำประเด็นและข้อเสนอใน การแก้ไขปัญหาธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งระบบต่อหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องอาทิกระทรวง พาณิชย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวง แรงงาน โดยมีประเด็นและข้อเสนอ ดังนี้ 1. การสร้างความสมดุลภาคธุรกิจเกษตร และอาหาร ภาครัฐ ควรก�ำหนดนโยบายและมาตรการ เพื่อสร้างความสมดุลและเสถียรภาพ การน�ำเข้า-ส่งออก ภาคเกษตรและอาหารระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบ การส่งออกเพื่อให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการ แข่งขัน และสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนด้านเกษตร และอาหารของไทย ภาครัฐควรมีการประสานงานร่วมกับสมาคม การค้า และหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้อง ในการขับ เคลื่อนและรักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางทะเล ด้วย มาตรการป้องกันปัญหาการประมงผิดกฎหมาย หรือIUU Fishing
27 2. ส่งเสริมสินค้าเกษตร อาหาร ประมง และการอ�ำนวยความสะดวกในการส่งออก-น�ำ เข้า สนับสนุนและส่งเสริมงานวิจัยด้านเทคโนโลยี ที่มีผลต่ออุตสาหกรรมประมงของไทยเช่น การพัฒนาสาย พันธุ์กุ้งปลอดโรคการพัฒนาพันธุ์ปลาชนิดใหม่ที่แข็งแรง และเติบโตได้ไว ฯลฯ เป็นต้น สนับสนุนแนวทางส่งเสริมและลดภาระต้นทุน การเลี้ยงให้กับเกษตรกร อาหารสัตว์ค่าไฟฟ้า ฯลฯ เป็นต้น รวมไปถึงห่วงโซ่อุตสาหกรรม (Value Chain) ตลอดจน ลดภาษีการน�ำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นอาหาร สัตว์ - ผ่อนปรนการน�ำเข้าวัตถุดิบสัตว์น�้ำเพื่อแปรรูป เพิ่มมูลค่า (Value Added) และส่งออก โดยต้องไม่ กระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงภายในประเทศ อาทิกุ้งขาว แวนนาไม สัตว์น�้ำอื่นๆ (หมึก ปูทะเล ปลาซูริมิ) จาก ประเทศที่มีปริมาณผลผลิตจ�ำนวนมาก โดยหากมีการ ตรวจพบโรคระบาดที่ด่านน�ำเข้าให้สามารถส่งกลับคืน ประเทศต้นทางได้ตลอดจน สนับสนุนหาแหล่งวัตถุดิบทั้ง ในและต่างประเทศเพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหาร สัตว์เลี้ยงไทย เป็นต้น
28 3. ผลักดันการเจรจา FTA ที่ด�ำเนินการ อยู่ให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ตั้งเป้าไว้ และ เปิดการเจรจาจัดท�ำความตกลงเขตการค้าเสรี FTA ในตลาดส�ำคัญและตลาดใหม่ๆ เร่งรัดFTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจาอาทิFTA Thailand-EU : เพื่อลดผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า ส�ำคัญของไทย อาทิกุ้งแช่แข็งและแปรรูป ให้ประโยชน์ ที่ดีให้สามารถแข่งขันกับเวียดนามได้รวมทั้งเพื่อเจรจา สินค้าประมงแปรรูปที่ถูกตัดสิทธิ์GSP เร่งรัดกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโดแปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF) โดยปัจจุบันประเทศไทยก�ำลังเผชิญความท้าทายต่างๆ มากมายเช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้น กรอบ ความร่วมมือIPEF จึงถือเป็นกรอบความร่วมมือที่ดีที่จะ ให้ความช่วยเหลือในด้านการพัฒนาขีดความสามารถของ ไทยให้เท่าทันกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ได้เป็นอย่างดี ผลักดันเปิดการเจรจาความตกลงเขตการค้า เสรีFTA ในตลาดส�ำคัญและตลาดใหม่ๆเพื่อขยายโอกาส ทางการค้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ กับสินค้าเกษตรและอาหารของไทย เช่น Thailand-UK, Thailand-South Africa, Thailand-Latin America เป็นต้น ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ควรมีจุดยืนและความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ต้อง ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเกษตรกรและสาธารณะ ได้รับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับประโยชน์และ เยียวยาผลกระทบจากการจัดท�ำ FTA สุดท้ายนี้คณะกรรมการธุรกิจประมงและ อุตสาหกรรมต่อเนื่อง หอการค้าไทยและสภาหอการค้า แห่งประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอุตสาหกรรมกุ้งของ ประเทศไทยจะกลับมาเข้มแข็งและสามารถยกระดับการ แปรรูปและส่งออกกุ้งไทยให้เป็นอันดับ 1ของโลกอีกครั้ง โดยเร็ว
29 โดย สรพัศ ปณกร คณะทำ�งานศึกษาสถานการณ์กุ้งทะเลต่างประเทศ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อุปนายกสมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำ�ไทย Technical service manager, Aquaculture, AH&N, Novonesis ภาพรวมสถานการณ์ อุตสาหกรรมกุ้งโลกประจ�ำปี 2566 และคาดการณ์สถานการณ์กุ้งปี 2567 สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน ทั่วโลกมีประเทศผู้ผลิตกุ้งประมาณ 30 ประเทศ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร เพราะต้องการ อุณหภูมิที่เหมาะสม ประเทศผู้ผลิตกุ้งส่วนใหญ่มากกว่า 60% ผลิตเพื่อการส่งออก ไปยังตลาดหลักเพียง 4 แห่ง คือ อเมริกา จีน ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งมีการบริโภคกุ้งรวม แล้วกว่า 70% ของผลผลิต ในช่วงหลังจากการระบาดของโรคโควิด 19 ประเทศผู้ผลิตส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะเร่งการผลิตโดย ได้ รับความสนใจจากภาคเอกชนและได้รับการส่งเสริมจาก ภาครัฐ เพื่อน�ำเงินเข้าประเทศชดเชยส่วนที่หายไปในช่วง ล็อคดาวน์จากโรคระบาด จนส่งผลให้เกิดภาวะผลผลิตล้นเกินความต้องการ ฉุดราคากุ้งทั่วโลกให้ตกต�่ำลงมากลากยาวนานกว่าที่เคย ปรากฎในประวัติศาสตร์ ภาพรวมสถานการณ์ อุตสาหกรรมกุ้งโลกประจ�ำปี 2566 และคาดการณ์สถานการณ์กุ้งปี 2567 ในด้านการผลิต ตลอดปี 2566 ผู้เลี้ยงกุ้งทั่วโลก ประสบปัญหา ต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1. ภาวะอากาศแปรปรวน อันเนื่องมาจากปราก ฎการณ์เอล นิโญ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตกุ้งใน ทุกประเทศ ท�ำให้เกิดปัญหาคุณภาพน�้ำ น�้ำท่วม อุณหภูมิ สูง ความเค็มสูง โรคระบาดชุกชุม ท�ำให้เกิดความเสียหาย สูงกว่าในปีที่ผ่านมา 2. พบโรคระบาดเพิ่มขึ้น หรือกลับมาใหม่ เช่น ใน เวียดนาม พบโรค อีเอชพี กุ้งโปร่งแสง Covert Mortality Nodavirus หรือ CMNV และเชื้อราฟูซาเรียม ในขณะที่ อินโดนีเซีย พบปัญหาตัวขาวขุ่นกลับมาระบาดอีกครั้งหลัง จากหายไปได้ระยะหนึ่ง ในเอกวาดอร์ เริ่มพบปัญหาวิบริโอ และอีเอชพี ในอินเดีย พบปัญหาอีเอชพี เป็นต้น โดย ปัญหาดังกล่าวพบในอัตราที่มีความรุนแรงและสร้างความ เสียหายได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นในอดีต
30 3. ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากการ ขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสหรัฐหรือเฟด ภาวะ สงคราม ราคาพลังงาน การขยับขึ้นของราคาวัตถุดิบ และ ปัจจัยการผลิตต่างๆ เช่น อาหาร วัสดุปูน เคมีภัณฑ์ แร่ ธาตุ วิตามิน จุลินทรีย์ อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เป็นต้น โดยคาดว่า ต้นทุนในปี 2566 สูงกว่า 2565 ประมาณ 10- 15% 4. ประเทศหรือผู้ผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งเป็นผู้ ผลิตส่วนใหญ่ราว 70% ของโลก รวมถึงประเทศไทย จะ ประสบปัญหาเพิ่มอีกหนึ่งรายการคือ ราคาจ�ำหน่ายตกต�่ำ กว่าทุกปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากภาวะผลผลิตมากกว่า ความต้องการของตลาด หรือโอเวอร์ซัพพลาย เกิดการ แข่งขันแย่งจ�ำหน่ายกันเองระหว่างประเทศผู้ผลิต และ อ�ำนาจต่อรองตกเป็นของผู้ซื้อ โดยราคาปากบ่อส่วนใหญ่ ต�่ำกว่าปี 2565 เช่นในประเทศไทย อินโดนีเซีย เอกวาดอร์ ลดลง ประมาณ 20 บาทต่อกิโลกรัม ประเทศจีน ลดลง มากถึง 100 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ประเทศอินเดีย ราคาจ�ำหน่ายขยับเพิ่มจากปี 2565 ประมาณ 10-20 บาท เป็นต้น สถานการณ์ในด้านการผลิตรายประเทศ เวียดนาม ปี 2566 : ประสบปัญหาการผลิตค่อนข้างหนัก จากโรคระบาดที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า หลายประเทศ ในขณะที่ราคาส่งออกในตลาดโลกลดต�่ำ ลง ท�ำให้คาดว่าผลผลิตของปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 4 แสน ตัน หรือลดลงราว 30-40% จากปีก่อนหน้า ปี 2567 : คาดว่า ปัญหาการผลิตจะเพิ่มขึ้น ผลผลิตจะลดลงเล็กน้อย อาจมีการปรับรูปแบบการผลิต หรือมีมาตรการส่งเสริมใหม่ๆ จากภาครัฐ ได้รับผลกระทบ จากเอลนิโญ มีความเสียหายรุนแรง มีเกษตรกรจ�ำนวน มากออกจากระบบ อินเดีย ปี 2566 : การผลิตยังคงไปได้ในระดับดี ต้นทุน การผลิตมีการปรับขึ้นประมาณ 15% แต่โดยรวมแล้ว ยังจัดว่ามีต้นทุนการผลิตต�่ำกว่าทุกประเทศ มีการเลือก ใช้สายพันธ์กุ้งที่หลากหลายและทนทานต่อโรคและการ เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเพิ่มขึ้น ประสบปัญหาการ
31 ผลิตน้อยกว่าหลายประเทศ ราคาปากบ่อภายในประเทศ ครึ่งปีแรกไม่ดี ครึ่งปีหลังค่อนข้างจูงใจผู้เลี้ยง ท�ำให้คาดว่า ผลผลิต ลดลงเล็กน้อยหรือใกล้เคียงปีที่ผ่านมา ปี 2567 : คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะดี ขึ้น ราคากุ้งจูงใจเกษตรกรให้กลับมาเลี้ยงอีกครั้ง การ แปรรูปเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น ปัญหาเรื่องโรคจะรุนแรง ขึ้นโดยเฉพาะแบคทีเรีย ผลผลิตมีแนวโน้มออกมาขนาด เล็กลง กุ้งกุลาด�ำมีการเลี้ยงเพิ่มขึ้น ตลาดส่งออกหลักของ กุ้งกุลาด�ำไซส์เล็กถึงกลางคือจีน อินโดนีเซีย ปี 2566 : ได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอ ลนิโญ อากาศแกว่ง เปลี่ยนแปลงรุนแรง ท�ำให้เกิดความ เสียหายในด้านการผลิตหนักกว่าปีที่ผ่านมา ในรูปแบบ ของโรคระบาดและปัญหาค่าคุณภาพน�้ำ ขณะที่ราคาใน ช่วงที่มีผลผลิตจะตกต�่ำจนผู้เลี้ยงขาดทุน และราคาจะ กลับมาสูงขึ้นในช่วงขาดแคลนผลผลิต พื้นที่การผลิตใหม่ เริ่มประสบปัญหา จึงท�ำให้คาดว่าผลผลิตจะใกล้เคียงหรือ ต�่ำกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ปี 2567 : คาดว่า ผลผลิตจะยังทรงตัวหรือลด ลงเล็กน้อย ปัญหาการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งจากเอลนิโญ่และ ต้นทุน โรคระบาดจะรุนแรงขึ้น พื้นที่เปิดใหม่ประสบ ปัญหาการเลี้ยงยากกว่าเดิม จากเดิมที่ใช้ระบบสมดุล ระบบนิเวศ(balancing ecosystem) ผู้เลี้ยงบางส่วนจะ เริ่มปรับเทคนิคการผลิตให้รัดกุมและมีประสิทธิภาพมาก ขึ้น เป็นระบบอื่น เช่น ระบบน�้ำหมุนเวียน จีน ปี 2566 : ได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอ ลนิโญ ทั้งอากาศร้อนจัด พายุ ที่รุนแรงเพิ่มขึ้น และโรค ระบาดที่ค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะ โรคกุ้งตัวโปร่งแสง นอกจากนี้ การน�ำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์จ�ำนวนมากท�ำให้ ราคาปากบ่อในประเทศตกต�่ำเป็นประวัติการณ์ การผลิต ด้วยระบบใหม่แบบบ่อเล็กคลุมหลังคาเริ่มประสบปัญหา จึงฉุดก�ำลังการผลิตลง ท�ำให้คาดว่า มีผลผลิตรวมแล้ว ใกล้เคียงปีที่ผ่านมาหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ปี 2567 : คาดว่า สถานการณ์โดยรวมทรงตัว ปัญหาการผลิตเพิ่มขึ้น ราคาจ�ำหน่ายปากบ่อขยับดีขึ้น แต่ไม่เท่าช่วงก่อนตกต�่ำ ผลผลิตมีโอกาสเพิ่มได้บ้างราว 10% โรคระบาดต่างๆ เพิ่มขึ้น ระบบการเลี้ยงแบบคลุม หลังคาบ่อเล็กประสบปัญหาหนัก ได้รับผลกระทบจากเอ ลนิโญรุนแรง ต้นทุนการผลิตเพิ่ม เกษตรกรรายใหม่ออก จากธุรกิจเป็นจ�ำนวนมาก
32 เอกวาดอร์ ปี 2566 : เป็นปีที่เร่งการผลิตและได้ผลผลิตเพิ่ม กว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 10% แต่เริ่มปรากฏสัญญาณลบ ทั้งที่มาจากปรากฎการณ์เอลนิโญ เช่น ฝนตกหนักในระยะ สั้น น�้ำท่วม อากาศร้อนจัด เริ่มเจอโรคระบาดกลุ่มวิบริโอ อีเอชพี และสัญญาณลบที่มาจากการผลิตล้นตลาดคือ ราคาจ�ำหน่ายที่ตกต�่ำกว่าปีก่อนหน้า จนท�ำให้ผู้เลี้ยงส่วน ใหญ่ขาดทุนหนัก เกษตรกรรายเล็กหยุดเลี้ยง รายกลาง ขายที่ให้รายใหญ่ รายใหญ่ระดมทุน บริษัทที่เกี่ยวข้อง ขาดทุน เก็บเงินไม่ได้เป็นจ�ำนวนมาก และสัญญาณลบ ที่เกิดจากภาคการเมืองการปกครอง คือ การยกเลิก อุดหนุนทั้งน�้ำมันและไฟฟ้า ท�ำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ทันทีประมาณ 20% และปัญหาอาชญากรรมที่นับวันมี แต่ความรุนแรงเพิ่มขึ้น ปี 2567 : คาดว่าผลผลิตจะลดลงมากกว่า 25% มีเกษตรกรออกจากธุรกิจไปจ�ำนวนมาก ได้รับผลกระทบ จากเอลนิโญเสียหายหนัก จะพบโรคระบาดแบบเอเชีย เพิ่มขึ้น ผลกระทบจากปัญหาอาชญากรรมจะรุนแรงขึ้น ราคากุ้งปากบ่อขยับขึ้น 20-30 บาท ไทย ปี 2566 : เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ราคาปากบ่อตกต�่ำตั้งแต่เดือนมีนาคม และมีขยับขึ้นบ้าง
33 เป็นบางไซส์ในช่วงสั้นๆ การส่งออกลดลงประมาณ 10% ส่งเสริมการท�ำตลาดภายในประเทศอย่างจริงจัง ปรับ เทคนิคการผลิต สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ทุกภาค ส่วนในอุตสาหกรรมเข้าใจสถานการณ์และสามารถปรับ ตัวเพื่อให้สอดคล้องได้เป็นอย่างดี สามารถผลิตกุ้งคุณภาพ สูงได้ดีกว่าคู่แข่ง ผลผลิตคงที่ ปี 2567 : คาดว่าประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น ท�ำ ต้นทุนได้ต�่ำลง ราคาจ�ำหน่ายนิ่งและสูงกว่าหลายประเทศ ตลาดภายในประเทศขยายตัวขึ้น เป็นแหล่งผลิตสินค้าที่ ทั่วโลกวางใจในเรื่องคุณภาพและปริมาณ โดยรวมคาด ว่ามีทิศทางและโอกาสในตลาดโลกดีกว่าทุกประเทศ แต่ ต้องระวังปัญหาจากภายใน ในปี 2566 คาดว่า มีปริมาณผลผลิตจากการเลี้ยง ออกสู่ตลาดทั่วโลก ประมาณ 5.3 ล้านตัน โดยมาจาก ประเทศเอกวาดอร์ประมาณ 1,500,000 ตัน จีน 800,000 ตัน (บริโภคภายในจีนเป็นหลัก) อินเดีย 600,000 ตัน เวียดนาม 400,000 ตัน ไทย 300,000 ตัน อินโดนีเซีย 250,000 ตัน และประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 20 ประเทศ ทั้งในพื้นที่เอเชีย อาหรับ และลาตินอเมริกา ผลิตรวมกัน ประมาณ 1.5 ล้านตัน รวมแล้ว ถือว่ามีปริมาณผลผลิต ใกล้เคียงกันกับปี 2565 ในขณะที่ ปี 2567 คาดว่า จะมีปริมาณผลผลิต จากการเลี้ยงออกสู่ตลาดทั่วโลก ประมาณ 4.8 ล้านตัน โดยมาจากประเทศเอกวาดอร์ประมาณ 1,100,000 ตัน จีน 900,000 ตัน (บริโภคภายในจีนเป็นหลัก) อินเดีย 700,000 ตัน เวียดนาม 350,000 ตัน ไทย 300,000 ตัน อินโดนีเซีย 250,000 ตัน และประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 20 ประเทศ รวมกัน ประมาณ 1.2 ล้านตัน รวมแล้ว ถือว่า มีปริมาณผลผลิตลดลงจากปี 2566 ราว 10% ในด้านการตลาด สืบเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจที่ลากยาวต่อ เนื่อง มาตั้งแต่ช่วงที่มีการระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 แม้จะมีทิศทางเป็นบวกช่วงหลังการระบาด แต่เมื่อมี เหตุการณ์สงครามรัสเซีย ยูเครน และสงครามการค้า ระหว่างประเทศเกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องการ บริโภคกุ้งอย่างมีนัยยะส�ำคัญ ประกอบกับมีการเข้ามา แบ่งส่วนตลาดของสินค้าปลาแซลมอน และต�ำแหน่งของ สินค้ากุ้งเองนั้นอยู่ในต�ำแหน่งกึ่งพรีเมี่ยม จึงเป็นสินค้า ที่ถูกตัดออกจากความต้องการของผู้บริโภคเมื่อสภาวะ เศรษฐกิจไม่เอื้ออ�ำนวย ส่งผลให้ก�ำลังบริโภคของทุก ประเทศหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด สินค้ากุ้งทะเลจากการเลี้ยงในปี 2566 มีการ บริโภคหลักโดย 4 กลุ่มประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ประมาณ 800,000 ตัน ยุโรป ประมาณ 700,000 ตัน จีน ประมาณ 1,700,000 ตัน ญี่ปุ่น ประมาณ 200,000 แสนตัน และประเทศอื่นๆ รวมกัน ประมาณ 1.4 ล้านตัน
34 รวมก�ำลังบริโภคทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 4.7 ล้าน ตัน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ ประเทศผู้บริโภคกุ้ง รายหลักทั้ง 4 รายต่างประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ถดถอยโดยพร้อมเพรียงกัน รวมถึงเป็นประเทศที่อยู่ในขั้ว สงครามทั้งหมด ส่งผลให้ก�ำลังการบริโภคโดยรวมหดตัว ลงต�่ำ กว่าผลผลิตรวมที่ 5.3 ล้านตัน อยู่ ประมาณ 6 แสน ตัน ซึ่งจะกลายเป็นสินค้าค้างสต็อกข้ามไปรอจ�ำหน่ายใน ปี 2567 และส่งผลให้ราคากุ้งทั่วโลกในปี 2567 ยังยากที่ จะปรับตัวขยับขึ้น สถานการณ์ในรายประเทศ สหรัฐอเมริกา น�ำเข้าในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2566 รวม 722,743 ตัน คิดเป็นมูลค่า 5,925 ล้านเหรียญสหรัฐ ต�่ำกว่าปีก่อนหน้า 56,982 ตัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 7.31% ในขณะที่มูลค่า ต�่ำลง 1,369 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ คิด เป็น 18.77 % ซึ่งหมายความว่า สหรัฐซื้อกุ้งในราคาที่ถูก ลงประมาณ 10% จากปีก่อนหน้า โดยน�ำเข้าจากประเทศอินเดีย 273,264 ตัน เอกวาดอร์ 188,377 ตัน อินโดนีเซีย 133,136 ตัน เวียดนาม 56,588 ตัน และไทย 26,738 ตัน ตามล�ำดับ
35 คาดว่าตลอดปี 2566 นี้สหรัฐจะน�ำเข้ารวม ประมาณ 750,000 ตัน หรือต�่ำกว่าปี 2565 อยู่ 7% การเลือกซื้อสินค้ากุ้ง เพิ่มความส�ำคัญในด้านการ มีมาตรฐาน เช่น เอเอสซี และมีมาตรการด้านคาร์บอนฟุต ปริ๊นท์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกา ได้มีการประกาศแอนตี้ดัมปิ้งต่อประเทศอินโดนีเซีย และ เอกวาดอร์ และประกาศมาตรการซีวีดีต่อประเทศ อินเดีย เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ซึ่งต้องจับตาดู ทิศทางกันต่อไป แต่เบื้องต้น ตลาดสินสหรัฐถือเป็นโอกาส ของสินค้ากุ้งไทย เนื่องจากผู้ซื้อในสหรัฐน่าจะสั่งซื้อกุ้ง จากประเทศเหล่านั้นลดลง ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศที่ประสบปัญหาดังกล่าว เมื่อไม่สามารถส่งกุ้งเข้าตลาดอเมริกาได้ ก็จะต้องส่งกุ้งไป จ�ำหน่ายยังประเทศอื่นๆ ที่อาจมีผลให้เกิดการแข่งขันสูง จนฉุดราคารับซื้อกุ้งในตลาดโลกลงอีก และลดช่องทาง จ�ำหน่ายของประเทศไทยด้วยเช่นกัน สถานการณ์ในปี 2567 : คาดว่า การบริโภคจะ ยังคงใกล้เคียงกับปี 2566 เนื่องจากโดยภาวะเศรษฐกิจ แล้วควรมีการบริโภคลดลง แต่ตรงกับปีที่มีการเลือกตั้ง ประธานาธิบดี จึงคาดว่า อัตราการบริโภคจะคงที่ เน้น ราคาและมาตรฐานเพิ่มขึ้น สหภาพยุโรป น�ำเข้าเดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม 2566 รวม.477,315 ตัน มูลค่า 3,414 ล้านยูโร ต�่ำกว่าปีก่อน หน้า 74,759 ตัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ลดลง 14 % ขณะที่ มูลค่า ลดลง 865 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 20% ซึ่งหมาย ถึงสหภาพยุโรปซื้อกุ้งถูกลงเล็กน้อย ราว 5% จากปีก่อน หน้า โดยน�ำเข้าจากประเทศเอกวาดอร์ปริมาณ 108,593 ตัน อินเดีย 45,192 ตัน เนเธอแลนด์ 31,095 ตัน อาร์เจนติน่า 32,961 ตัน สเปน 24,741 ตัน เวียดนาม 24,676 ตัน ตามล�ำดับ คาดว่าตลอดปี 2566 สหภาพยุโรปจะน�ำเข้ารวม ประมาณ 750,000 ตัน หรือต�่ำกว่าปี 2565 อยู่ 13%
36 สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศจีนยังคง ประสบปัญหา ก�ำลังบริโภคในประเทศทรงตัวหรือลดลง เนื่องจากหนุ่มสาววัยท�ำงานมีรายได้ที่ลดลง การน�ำเข้า หลักยังมาจากเอกวาดอร์ การน�ำเข้าจากประเทศไทยดีขึ้น ในช่วงต้นปี ส่วนกุ้งกุลาด�ำไซส์เล็กเน้นน�ำเข้าจากประเทศ อินเดีย ปี 2567 : เศรษฐกิจจีนน่าจะยังทรงตัวหรือลดต�่ำ ลงบ้างเล็กน้อย การน�ำเข้าหลักจะยังคงมาจากเอกวาดอร์ การน�ำเข้ารวมคาดว่าลดลงจากปีก่อนหน้า ขณะที่การน�ำ เข้าจากไทยมีแนวโน้มสดใสกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจาก กรณีการเปิดฟรีวีซ่าไทยจีน เน้นบริโภคกุ้งที่ผลิตจากใน ประเทศเพิ่มขึ้น ราคากุ้งภายในประเทศมีแนวโน้มขยับขึ้น แต่ไม่เท่าก่อนหน้า และไม่ใช่ประเทศที่หวังของประเทศผู้ ผลิตเหมือนที่ผ่านมา เน้นด้านการมีมาตรฐาน เช่น เอเอสซี มาตรการ ด้านคาร์บอนฟุตปริ๊นท์ และอาจมีมาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้น ปี 2567 : คาดว่า จะยังคงน�ำเข้าลดลงอีกราว 10% เนื่องจากปัญหาสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มค่อน ข้างตกต�่ำกว่าภูมิภาคอื่น แต่คาดว่าราคาน�ำเข้าเฉลี่ยน่าจะ ปรับขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากคาดว่าราคาจ�ำหน่ายในตลาด โลกจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่ประเทศเอกวาดอร์ มีผลผลิตลดลงและประสบปัญหาการผลิตในปี 2567 และ คาดว่าผู้ซื้อกุ้งจะเลือกสินค้าที่มีมาตรฐานเพิ่มขึ้น จีน น�ำเข้ากุ้งเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2566 รวม 993,553 ตัน มูลค่า 5,594 ล้านเหรียญสหรัฐ สูง กว่าปีก่อนหน้า 153,919 ตัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 18.33% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ คิดเป็น 0.13 % ซึ่งหมายถึงจีนน�ำเข้ากุ้งในราคาถูกกว่า เดิมเกือบ 20% โดยถึงเดือนตุลาคมน�ำเข้าจากประเทศเอกวาดอร์ ปริมาณ 596,629 ตัน อินเดีย 120,867 ตัน ไทย 23,967 ตัน อาร์เจนติน่า 25,202 ตัน แคนาดา 25,944 ตัน ตาม ล�ำดับ คาดว่าตลอดปี 2566 จีนจะน�ำเข้ากุ้งรวม ประมาณ 1,160,000 ตัน หรือสูงขึ้นกว่าปี 2565 อยู่ 20% และโดยรวมแล้วเท่ากับจีนบริโภคกุ้งทั้งจากในและนอก ประเทศราว 2,000,000 ตัน และคาดว่าเป็นสินค้าเหลือ ค้างสต็อกข้ามปีรอจ�ำหน่ายประมาณ 300,000 ตัน ญี่ปุ่น น�ำเข้าเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคม รวม 159,531 ตัน มูลค่า 21,555 ล้านเยน ต�่ำกว่าปีก่อนหน้า 22,501ตัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ลดลง 12% ขณะที่มูลค่า ลดลง 3,163 ล้านเยน หรือคิดเป็น13% ซึ่งหมายความ ว่า ญี่ปุ่นยังคงซื้อกุ้งในราคาเดิม โดยน�ำเข้าจากประเทศเวียดนามปริมาณ 34,862 ตัน อินเดีย 31,456 ตัน อินโดนีเซีย 26,875 ตัน ไทย 25,679 ตัน อาร์เจนติน่า 8,518 ตัน ตามล�ำดับ
37 คาดว่าตลอดปี 2566 นี้ญี่ปุ่นจะน�ำเข้ารวม ประมาณ 196,000 ตัน หรือต�่ำกว่าปี 2565 อยู่ 12% ปี 2567 : สถานการณ์เศรษฐกิจยังถดถอยต่อ เนื่อง การบริโภคกุ้งคาดว่าลดลงราว 10% การส่งออกของ ไทยไปญี่ปุ่นคาดว่าหดตัวลงกว่าปีก่อนหน้า และมีความ เป็นไปได้ที่จะเป็นปีแรกที่ญี่ปุ่นซื้อกุ้งถูกลง ตามประเทศ รายหลักอื่นๆ ที่ลดลงไปแล้วก่อนหน้านี้ สรุป โดยรวมแล้ว ในปี 2567 อุตสาหกรรมกุ้งยังมี ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบในด้านลบ ที่ต้องจับตามอง ได้แก่ ภัยธรรมชาติ เช่นปรากฎการณ์เอลนิโญและ อากาศแปรปรวน โรคระบาด เช่น ทีพีดี อีเอชพี และโรคอุบัติซ�้ำ อื่นๆ การเปลี่ยนแปลงของเงิน เช่น ค่าเงิน ดอกเบี้ย ที่ธนาคารกลางของสหรัฐหรือเฟดจะคงไว้จนถึงเดือน กันยายน 2567 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือภูมิรัฐศาสตร์ การเลือกขั้วอ�ำนาจและการเปิดหน้าชนกันของประเทศ มหาอ�ำนาจ สถานการณ์สงครามในทุกรูปแบบ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศผู้บริโภคราย หลัก มาตราการด้านมาตรฐานต่างๆ นับได้ว่าสถาณการณ์อุตสาหกรรมกุ้งทั่วโลก อยู่ในทิศทางขาลงหรือคงตัว ประเทศผู้บริโภค มีก�ำลัง การบริโภคลดลงจากสภาวการณ์เศรษฐกิจถดถอย และ ประเทศผู้ผลิตอยู่ในช่วงของการปรับตัว ทั้งในด้าน ประสิทธิภาพการผลิต ต้นทุนการผลิต และปริมาณ ผลผลิต โดยในช่วงนี้จะยังประสบปัญหาภาวะราคากุ้ง ตกต�่ำกว่าที่ควรจะเป็นต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่า ผลผลิตจะลดลงไปสู่จุดสมดุล ซึ่งคาดว่าจะถึงจุดดังกล่าว ที่ประมาณ ต้นปี 2568
38 โดย นายวินิจ ตันสกุล Aquaculture Business Development Consultant Aquatic Innovation Consultant Co., Ltd. email: [email protected] ที่มาของเรื่อง เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการ การค้าระหว ่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (US International Trade Commission หรือ ITC) ได้ลง มติให้ด�ำเนินการตรวจสอบการน�ำเข้ากุ้งน�้ำอุ่นแช่แข็ง (frozen shrimp) ที่น�ำเข้าจากเอกวาดอร์ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อพิจารณาว ่าสหรัฐฯ ควรบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีตอบโต้การทุ ่มตลาด (Antidumping – AD) และการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing duties – CVD) หรือไม่ โดยการลง มติของกรรมาธิการฯ เกิดขึ้นหลังได้รับข้อร้องเรียนจาก สมาคมผู้แปรรูปกุ้งแห่งอเมริกา (American Shrimp Processors Association) ซึ่งอ้างว่าการน�ำเข้ากุ้งจาก รอบใหม่ วิกฤตหรือโอกาสกุ้งไทย ประเทศเหล่านี้ส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่ออุตสาหกรรม กุ้งภายในประเทศ โดยได้แย่งส่วนแบ่งตลาดจากผู้ผลิต ในประเทศ ตัดราคา และเป็นภัยร้ายแรงต่อผู้แปรรูปกุ้ง และท�ำประมงกุ้งภายในประเทศการน�ำเข้าที่ไม่เป็นธรรม เหล่านี้ส่งผลให้อุตสาหกรรมในสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะวิกฤต ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี2566 มีการลงมติให้คงภาษีตอบโต้ การทุ่มตลาด หรือ AD ส�ำหรับกุ้งที่น�ำเข้าจากอินเดียจีน ไทย และเวียดนามต่อไปอีกด้วย การเรียกเก็บภาษีนําเข้าช ่วยควบคุมราคากุ้ง และปริมาณการนาเข้ากุ้ง ํ รายได้ที่เกิดขึ้นควรจะนากลับ ํ ไปลงทุนให้กับอุตสหกรรมในประเทศที่ต้องทุกข์ทรมาน จากการสูญเสียยอดขาย การผลิต และการงาน อันมี สาเหตุมาจากการทุ่มตลาดและการอุดหนุนการนาเข้ากุ้ง ํ AD (Anti-Dumping)
39 จากข้อมูลของพันธมิตรกุ้งภาคใต้หรือ SSA (Southern Shrimp Alliance) ในปีงบประมาณ 2565 หน่วยงาน ศุลกากรและการปกป้องชายแดนสหรัฐฯ หรือ CBP (US Customsand BoderProtection)จัดเก็บภาษีตอบโต้ การทุ่มตลาดกุ้งได้44ล้านเหรียญสหรัฐ(ราว1,500ล้าน บาท) และคาดว่าสามารถจัดเก็บภาษีได้ประมาณ 340- 500ล้านเหรียญสหรัฐ(ราว12,000–17,500ล้านบาท) ระหว่างปี2557ถึง 2565 เป็นที่น่าสังเกตว่าล่าสุดที่ ITC มีมติตรวจสอบ กุ้งน�้ำอุ่นแช่แข็งที่น�ำเข้าจากเอกวาดอร์อินเดียอินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยไม่มีกุ้งไทยในรอบใหม่นั้น ถือว่าเป็น วิกฤตหรือโอกาสกุ้งไทยในการส่งออกเข้าตลาดสหรัฐแบบ ไหนและอย่างไรบ้าง ท�ำความเข้าใจกับที่ผ่านมา มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Antidumping) มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(Anti-dumping: AD) เป็นมาตรการทางการค้าที่ประเทศผู้น�ำเข้าใช้เพื่อ ปกป้องอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับความเสียหาย หรือมี แนวโน้มที่จะได้รับความเสียหายจากการทุ่มตลาดอันเกิด จากการน�ำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ไม่เป็นธรรม การทุ่มตลาด (Dumping) คืออะไร การทุ่มตลาด คือ การส่งออกสินค้าจากประเทศ หนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งเพื่อประโยชน์ในทางพาณิชย์ โดยที่ราคาส่งออกนั้นต�่ำกว่ามูลค่าปกติของสินค้าชนิด เดียวกันที่จ�ำหน่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศผู้ส่ง ออก / ผู้ผลิตเอง ราคาส่งออก (Export Price) คือราคาสินค้าที่ผู้ส่งออกขายให้แก่ผู้น�ำเข้า หรือ ตัวแทนจ�ำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กัน โดยราคานั้นต้องเป็นราคาที่ขายให้แก่ผู้ซื้ออิสระทอดแรก (First Independent Buyer) มูลค่าปกติ (Normal Value) คือ 1.ราคาของสินค้าชนิดเดียวกันที่ขายในประเทศ ผู้ส่งออก / ผู้ผลิต หรือ
40 2. ราคาส ่งออกไปยังประเทศที่สาม (Third Countries) หรือ 3.ราคาที่ค�ำนวณจากต้นทุนการผลิต + ค่าใช้จ่าย อื่นๆ + ก�ำไรที่เหมาะสม ความเสียหายคืออะไร ความเสียหาย (Injury) คือผลกระทบที่เกิดขึ้น กับอุตสาหกรรมภายในประเทศผู้น�ำเข้าที่ผลิตสินค้าชนิด เดียวกันกับสินค้าทุ่มตลาดหรือสินค้าที่ได้รับการอุดหนุน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น • สินค้าในประเทศถูกตัดหรือกดราคาหรือไม่ สามารถขยับราคาให้สูงขึ้น • ปริมาณการผลิตสินค้าภายในประเทศลดลง • ปริมาณสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น • อัตราก�ำไรลดลง • ส่วนแบ่งตลาดลดลง • การจ้างงานลดลง •อัตราการน�ำเข้าสินค้าทุ่มตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็น ได้ชัด • แนวโน้มที่ผู้ผลิตสินค้าทุ่มตลาดจะส่งสินค้าไป ยังประเทศผู้น�ำเข้าสูงขึ้น ลักษณะอย่างไรที่เข้าข่ายจะใช้มาตรการ ตอบโต้การทุ่มตลาด 1. พบว่ามีการทุ่มตลาด (Dumping) 2. เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในของ ประเทศผู้น�ำเข้า (Injury) 3. ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในนั้น เป็นผลมาจากการทุ่มตลาด (Causal Link Between Dumping and Injury) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) เป็นมาตรการทางการค้าที่ประเทศผู้น�ำเข้า
41 ใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับความเสียหาย หรือมีแนวโน้มที่จะได้รับความเสียหายจากการอุดหนุน อันเกิดจากการน�ำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ไม่เป็นธรรม การอุดหนุน (Subsidies) คืออะไร การอุดหนุน คือ การที่รัฐให้ความช่วยเหลือ / สนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาคเอกชน เพื่อเพิ่ม ปริมาณการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ หรือลดปริมาณ การน�ำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ¡Í§»¡»‡Í§áÅеͺⵌ·Ò§¡ÒäŒÒ ¡ÃÁ¡ÒäŒÒµ‹Ò§»ÃÐà·È มาตรการตอบโตการทุมตลาด เปนมาตรการทางการคาที่ประเทศผูนำเขาใชเพื่อปกปองอุตสาหกรรมภายใน ที่ไดรับความเสียหายจากการทุมตลาด Anti-Dumping Measures (AD) AD คืออะไร ราคาขาย ในประเทศ $120 สินคาชนิดเดียวกันที่ จำหนายภายในประเทศ ผูสงออก ราคาสงออก < ราคาขายในประเทศผูผลิต ณ ระดับการคาเดียวกัน=การทุมตลาด ราคาสงออกมา ประเทศไทย $100 การสงออกสินคาจาก ประเทศหนึ่ง ไปวยังประเทศหนึ่ง โดยที่ราคาสงออก ต่ำกวามูลคาปกติ ราคาสงออกมายังประเทศไทยตามที่ไดชำระ หรือควรจะมีการชำระกันจริง เชน ราคาขายใหแก ผูนำเขาหรือตัวแทนจำหนายในประเทศไทยซึ่งไมมี ความสัมพันธกัน โดยราคานั้นตองเปนราคาที่ขาย ใหแกผูซื้ออิสระทอดแรก ราคาสงออก : Export Price มูลคาปกติ : Normal Value (ราคาขายในประเทศ) ณ ระดับการขายเดียวกัน มาตรา 14 มาตรา 15 1. ราคาของสินคาชนิดเดียวกันที่ขาย ในประเทศผูสงออก/ผูผลิต หรือ 2. ราคาสงออกไปยังประเทศที่สาม หรือ 3. ราคาที่คำนวณจากตนุนการผลิต + คาใชจายอื่นๆ + กำไรที่เหมาะสม องคประกอบของการทุมตลาด มีการทุมตลาด มีความเสียหาย ความสัมพันธระหวาง และ 1 2 3 1 2 มาตรา 13 มาตรา 21 มาตรา 19 ณ ระดับการขายเดียวกัน ราคาสงออก มาประเทศไทย ราคาขายในประเทศของผูสงออก ของอุตสาหกรรมภายในเปน ผลมาจากการทุมตลาด - อยางสำคัญ - อาจเกิดความเสียหาย - อุปสรรคลาชาตอการ กอตั้ง/พัฒนา เกิดความเสียหายตออุตสาหกรรม ภายในของประเทศไทย ลักษณะของการอุดหนุน คือ 1.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากภาครัฐ หรือหน่วยงานของรัฐบาล - การให้การสนับสนุนทางการเงินทั้งโดยตรง / โดยอ้อม - การจัดหาสินค้า / ให้บริการเกินกว ่า สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน -ศุลกากรชดเชยคืนภาษีให้ผู้ส่งออก(มุมน�้ำเงิน) 2.การให้การสนับสนุนด้านรายได้หรือด้านราคา 3. อุดหนุนราคาอาหารกุ้ง ที่มา www.thaitr.go.th
42 ในส่วนมาตรการไต่สวน CVD กุ้งไทยนั้น ล่าสุด เมื่อเดือนธันวาคม 2566 มีความเห็นของส�ำนักงานที่ ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจ�ำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุไว้ดังนี้ “ในอดีตสินค้ากุ้งแช ่แข็งได้ถูกยุติการไต ่สวน CVD ไป เนื่องจากมีอัตราส่วนเลื่อมปริมาณการอุดหนุน อยู่ที่ร้อยละ 1.5 ขณะนี้เพดานอัตราส่วนเหลื่อมปริมาณ การอุดหนุนของไทยถูกลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1 และ ปัจจุบันปริมาณส ่งออกสินค้ากุ้งแช ่แข็งจากไทยไปยัง สหรัฐอเมริกาลดลงเป็นล�ำดับ ในปี2562 ไทยมีการส่ง ออกกุ้งดิบและกุ้งแปรรูปเหยือกแข็งไปยังสหรัฐอเมริกา มูลค่า9,594ล้านบาท อยู่ในอันดับที่5รองจาก4อันดับ ต้นคืออินเดียอินโดนีเซียเวียดนาม และเอกวาดอร์โดย ไทยยังลดลงจากปีก่อนหน้า (2561) ที่มีมูลค่า 13,538 ล้านบาท เนื่องมาจากปัยหาการขาดแคลนกุ้งในประเทศ และราคากุ้งสูงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งขัน โอกาสที่จะ ถูกไต่สวน CVD กุ้งแช่แข็งจึงมีน้อยลงเห็นควรที่หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องรับทราบ สถานการณ์ด้วย” AD รอบใหม่ วิกฤตหรือโอกาสกุ้งไทย มีความชัดเจนว่าภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดที่มีอยู่ ส�ำหรับกุ้งน�้ำอุ่นแช่แข็งที่น�ำเข้าจากเอกวาดอร์อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม หลังการไต่สวนจะยังคงมีอยู่ ท�ำให้สามารถลดการน�ำเข้ากุ้งจาก 4 ประเทศที่ได้รับผล กระทบได้เนื่องจากภาษีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะป้องกัน ความเสียหายต่ออุตสาหกรรมกุ้งของสหรัฐอเมริกา ซึ่ง หมายความว่าผู้ส่งออกกุ้งทั้ง 4 ประเทศที่ถูกไต่สวนต้อง เผชิญกับอัตราภาษีที่ถูกเรียกเก็บสูงขึ้นและความ สามารถ ในการแข่งขันที่ลดลงไปในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็น หนึ่งในผู้น�ำเข้ากุ้งรายใหญ่ที่สุดในโลก และอัตราภาษีที่ ถูกเรียกเก็บมากหรือน้อยต่างกันไปในแต่ละประเทศ ผู้น�ำเข้ากุ้งของสหรัฐอเมริกาจ�ำเป็นต้องไปเพิ่ม การน�ำเข้ากุ้งจากประเทศอื่นแทนที่ไม่อยู่ภายใต้มาตรการ ตอบโต้การทุ่มตลาดเช่น ประเทศไทยเป็นต้น และถือว่า ควรจะเป็นโอกาสที่ดีของกุ้งไทย แต่ไม่ชัดเจนว่าโอกาส นั้นดีในระดับไหน อาจมีผลให้ปริมาณสั่งซื้อเท่าเดิมหรือ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาก เพราะจากที่ผ่านมามากกว่า 10 ปี มาตรการ : AD ของกุ้งไทย ชื่อสินค้า : กุ้งแช่แข็ง (Certain Frozen Warmwater Shrimp) ประเทศ : สหรัฐอเมริกา CASE ID : AD2070 พิกัดศุลกากร : HS 0306 0306.17.00.03,0306.17.00.06,0306.17.00.09,0306.17.00.12,0306.17.00.15,0306.17.00.18,0306.17.00.21, 0306.17.00.24, 0306.17.00.27, 0306.17.00.40, 1605.21.10.30, 1605.29.10.10 อัตราภาษีกุ้งไทยส่วน AD คือ 0.5%-1.23% (ที่ผ่านมา)
43 สหรัฐอเมริกาลดการน�ำเข้ากุ้งจากไทยมาโดยตลอด เป็น เพราะราคากุ้งไทยแพง และขาดแคลนปริมาณส่งมอบ ตามที่ลูกค้าสั่งซื้อ โอกาสดีที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจไม่สามารถ ทดแทนโอกาสที่เราสูญเสียไปนานมาก ผลกระทบที่ตามมาจากประเทศคู่แข่งขันของ ไทยต้องเผชิญกับอัตราภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดในครั้ง นี้คือ ท�ำให้เกิดโอกาสส�ำหรับอุตสาหกรรมกุ้งของประเทศ คู่แข่งขันที่ต้องกระจายแหล่งส่งออกกุ้งในประเทศอื่น ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม และแสวงหา ข้อตกลงทางการค้าทางเลือกกับประเทศอื่นๆ กุ้งไทย ต้องเข้าไปแข่งขันในบริบทเดียวกันด้วย แต่ที่ผ่านมาไทย ความกระตือรือร้นในการกระจายแหล่งส่งออกกุ้งในประ เทศอื่นๆ น้อยมาก รวมถึงไม่ค่อยการแสวงหาข้อตกลง ทางการค้าทางเลือกกับประเทศอื่น แม้ไทยจะมีการ ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมมาก่อนและต่อ เนื่องก็ตาม ถือเป็นเรื่องท้าทายที่ส�ำคัญของอุตสาหกรรม กุ้งไทย มากกว่าโอกาสกุ้งไทยไม่โดนมาตรการภาษีต่อต้าน การทุ่มตลาดในครั้งนี้ โอกาสเพิ่มการส่งออกของกุ้งไทยคือต้องเน้นท�ำ ตลาดและส่งออกกุ้งในอาเซียนมากกว่าในสหรัฐอเมริกา และยุโรป ตลาดในอาเซียนที่ส�ำคัญมากคือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพรา สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิคติดส์ได้มาก ทั้งมีความ สะดวกและรวดเร็วในการจัดส่งทุกด้นของโลจิคติดส์ทาง บก ทางน�้ำ และทางอากาศ ประกอบกับมาตรฐานและ โปรโตคอลการส่งออก-น�ำเข้าสามารถเจรจากันได้ง่ายและ รวดเร็ว ท�ำให้กุ้งไทยคุณภาพสูงสามารถเข้าไปขยายตลาด ในประเทศดังกล่าวได้ในราคาที่ไม่แพงมากเกินเหตุ มาตรการสงครามการค้าอีกหนึ่งความ ท้าทายที่ส�ำคัญของกุ้งไทย เราสามารถสรุปผลกระทบได้ใน 4 รูปแบบ – ผลกระทบทางตรง นั่นคือ สินค้าจากไทยที่ ถูกก�ำแพงภาษีถูกก�ำหนดโควตาการน�ำเข้าก็จะสามารถ ส่งออกไปขายในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่เป็น อันดับต้นๆ ของโลกได้ลดลง – ผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากไทย จีน และ ประเทศอื่นๆอยู่ในห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก(GlobalValue
44 Chains: GVCs) เดียวกัน ดังนั้น เมื่อสินค้าจากจีนถูก มาตรการทางการค้า ก็จะท�ำให้จีนส่งออกไปสหรัฐฯ ลด ลง และเมื่อส่งออกลดลง จีนก็จะผลิตลดลง และเมื่อจีน ลดการผลิตลง ชิ้นส่วนต่างๆ วัตถุดิบต่างๆ ที่จีนต้องน�ำ เข้าจากไทยจากอาเซียน จีนก็จะลดการน�ำเข้าลงด้วย นั่น ท�ำให้เราส่งออกได้ลดลง อันเป็นผลกระทบทางอ้อมจาก สงครามการค้า – ผลจากการน�ำเข้า แน่นอนว่าเมื่อหลายๆ ประเทศส่งออกไปยังสหรัฐฯซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ได้ลด ลง นั่นท�ำให้มีสินค้าเหลือค้างอยู่ในตลาดโลกเป็นจ�ำนวน มาก อุปทานในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ ท�ำให้ราคา สินค้าในตลาดโลกลดลง และท�ำให้สินค้าราคาถูกเหล่านี้ ถูกน�ำเข้ามาในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะท�ำให้ผู้ผลิต ไทยถูกโจมตีจากสินค้าน�ำเข้าราคาถูกเหล่านี้ – ผลจากการส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ที่ลด ลง สืบเนื่องจากการที่ในตลาดโลกมีสินค้าเหลืออยู่เป็น จ�ำนวนมาก ท�ำให้สินค้าจากไทย และสินค้าจากประเทศ อื่นขายได้ลดลงในตลาดโลกด้วย บทสรุป การต่อต้านการทุ่มตลาดสามารถปกป้องผู้ผลิตใน ประเทศของผลิตภัณฑ์เป้าหมายจากการแข่งขันจากต่าง ประเทศ แต่ไปลดแรงจูงใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งอาจน�ำไปสู่การ สูญเสียความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบแบบไดนามิกและ การเติบโตของผลผลิตที่ลดลงในระยะยาวได้และยัง สามารถสร้างความไม่แน่นอนและความไม่มั่นคงในสภาพ แวดล้อมการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากไปกระตุ้นให้ เกิดการด�ำเนินการตอบโต้และข้อพิพาททางการค้าจาก ประเทศที่ได้รับผลกระทบ สิ่งนี้สามารถบ่อนท�ำลายความ น่าเชื่อถือและประสิทธิผลของระบบการค้าพหุภาคีและ หลักนิติธรรม ปัจจุบันการค้าและการส ่งออกกุ้งไทยสู ่ตลาด โลกหรือตลาดหลักที่ส�ำคัญ และตลาดรองหรือตลาดทาง เลือกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก ตามการ เปลี่ยนแปลงการค้าและเศรษฐกิจของโลก รวมถึงระบบ ขนส่งและโลจิคติดส์ที่สะดวกรวดเร็วและแม่นย�ำ ขนส่ง
45 ได้ปริมาณมากเพื่อลดค่าใช้จ่ายต่อหน่วยลง ท�ำให้ต้นทุน การจัดส่งลดลงได้ถ้ากุ้งไทยถูกเลือกไปอยู่ในตลาดน�ำ เข้าและบริโภคกุ้งที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะตลาด ในเอเชียตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะช่วยให้ไทยขยาย ตลาดและเพิ่มปริมาณส่งออกกุ้งไทยได้มากขึ้นทีเดียวเมื่อ ปริมาณส่งออกกุ้งเพิ่มมากขึ้น จะไปกระตุ้นให้ปริมาณการ ผลิตกุ้งและผลิตกุ้งคุณภาพสูงที่ตลาดต้องการขยายตัว ตามไปด้วย จนอาจทดแทนตลาดส่งออกเดิมของกุ้งไทย เคยส่งออกได้มากในอดีตอีกด้วย จากเดิมเราส่งออกกุ้งปี ละ 4-5 แสนตัน ปัจจุบันเราส่งออกกุ้งได้ไม่ถึง 1.5 แสน ตัน การปรับปรุงห่วงโซ่การผลิตจึงเป็นไปได้มาก หากเรามี ตลาดหลักที่ต้องปรับปรุงและหาตลาดรองเพื่อชดเชยการ ส่งออกที่ลดลงคือเน้นตลาดน�ำการผลิต(Market leads Production) นั่นเอง การผลิตกุ้งไทยให้มีคุณภาพดีคุณภาพสูงที่ตลาด น�ำเข้าเกือบทั่วโลกยอมรับนั้น จ�ำเป็นต้องที่มาตรฐาน ระดับโลกอย ่าง ASC มารับรอง เพราะมาตรฐานจะ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจระหว่างกันกับ ผู้บริโภคกุ้งผู้น�ำเข้ากุ้งไทยว่า กุ้งไทยถูกผลิตขึ้นโดยเพื่อ ความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ไม่ท�ำลายสิ่ง แวดล้อม ไม่สร้างปัญหาให้สังคม-แรงงาน และมีผลผลิต ที่ยั่งยืนสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคและประเทศ ผู้น�ำเข้ากุ้งทั้งหลายได้การที่เราจะบอกว่ากุ้งเราดีไม่ดี นั้น จะไม่ชัดเจนเท่ากับให้มาตรฐานระดับโลกเป็นตัวบอก (third party)
46 1. ระบบไฟฟ้าภายในฟาร์มเลี้ยงกุ้ง โดย นายพิมล สนิทนิตย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิศวกรรมสัตว์น้ำ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารสัตว์ เทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้ไฟฟ้าในฟาร์มกุ้ง ระบบไฟฟ้าภายในฟาร์มเลี้ยงกุ้ง ระบบไฟฟ้าแรงสูง ชุมพร-เชียงราย22 และ สุราษฎร์ธานี-นราธิวาส33kV หม้อแปลงไฟฟ้า ตู้สวิทช์ประธาน (MDB) เครื่องส�ำรองไฟ (Generator) อุปกรณ์ให้อากาศ ชุดตู้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าแรงต�่ำ 1. ระบบไฟฟ้าภายในฟาร์มเลี้ยงกุ้ง
47 การตรวจเช็คและบ�ำรุงระบบไฟฟ้าฟาร์มเลี้ยงกุ้ง การตรวจเช็คระบบไฟฟ้าแรงสูง ขนาดกระแสหม้อแปลงไฟฟ้า การบ�ำรุงรักษาหม้อแปลง
48 การดูซิลิก้าเจลหม้อแปลงไฟฟ้า การตรวจเช็คหม้อแปลงไฟฟ้า สีของซิลิก้าเจล ส�ำหรับหม้อแปลงไฟฟ้า 1. สีส้ม 2. สีน�้ำเงิน หม้อแปลงและอุปกรณ์ไม่พบความผิดปกติ จากการส�ำรวจหม้อแปลง พบขี้นกเป็นจ�ำนวนมาก และมีนกตายบนหม้อแปลง ฟิวส์ไม่มี Bird Guard และพบขี้นกที่ฟิวส์ ภาพภายนอกของตู้ MDB
49 การตรวจเช็คและบ�ำรุงรักษาตู้ MDB การบ�ำรุงรักษาเครื่องส�ำรองไฟ (Generator) 1. การบ�ำรุงรักษาเครื่องส�ำรองไฟ (Generator) ควรท�ำการบ�ำรุงรักษา 1ครั้ง/ปี 2. การตรวจเช็ค ควรตรวจเช็คสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยท�ำการทดสอบการท�ำงาน 15 นาที และทดสอบจ่ายโหลด เดือนละ 1 ครั้ง
50 การตรวจเช็คเครื่องส�ำรองไฟ (Generator) การตรวจเช็คระบบไฟฟ้าแรงต�่ำ 1. ตรวจเช็คระดับน�้ำกลั่น แบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับ ห่าง ต�่ำกว่าให้ท�ำการเติมน�้ำกลั่น ลงไป(อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ก�ำหนดที่ 2ปี ครบ 2ปีควร เปลี่ยนแบตเตอรี่(เขียนวันที่ เปลี่ยนก�ำกับไว้ที่ตัวแบตเตอรี่) 2. ตรวจโดยใช้เครื่องวัด แบตเตอรี่ UT675A ค่า SOH จะต้องอยู่ที่ 75% ขึ้นไป ถือว่า แบตเตอรี่ยังดี 3. ตรวจสอบระดับน�้ำในหม้อ น�้ำจะต้องอยู่ที่ระดับคอฝา หม้อน�้ำ 5. ตรวจสอบระดับมันเครื่อง ดึงก้านวัดที่ข้างตัวเครื่องขึ้น ดูให้ระดับน�้ำมันเครื่องอยู่ที่ ระดับตัว H 6. ตะแกรงกันสัตว์จะต้อง อยู่ในสภาพไม่ช�ำรุด ฉีก ขาด 7. ทดสอบการท�ำงานอุปกรณ์ บนแผงคอนโทรลจะต้อง สามารถอ่านค่าการท�ำงานของ เครื่องยนต์ได้ทุกตัวหากช�ำรุด ให้ท�ำการเปลี่ยนใหม่ 4. ตรวจสอบความตึงของ สานพานพัดลมหากหย่อน ให้ท�ำการปรับตั้งสายพาน ให้ตึงพอดี เพื่อการระบาย ความร้อนได้ดี