๒ ซึ่งกฎหมายที่ต้องได้รับการแก้ไขให้ทันกับการประกาศบังคับใช้ของร่างพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้แก่ พระราชบัญญัติจดทะเบียน ครอบครัว พ.ศ. ๒๔๗๘ และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. ๒๕๔๑ กล่าวคือ “มาตรา ๒ ก าหนดให้พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นก าหนด ๑๒๐ วันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา” หมายความว่า วันที่ ๑๒๑ กรมการปกครองซึ่งมีหน้าที่ในการรับจดทะเบียนสมรส จะต้องพร้อมส าหรับการรับจดทะเบียนสมรสให้แก่บุคคลทุกเพศตามที่พระราชบัญญัตินี้ก าหนดไว้ นอกจากนี้ กรมการปกครองจะต้องมีการปรับปรุงระบบปฏิบัติการฐานข้อมูลให้สอดคล้อง กับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตลอดจนการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกพื้นที่ ควรซักซ้อมความเข้าใจโดยมีหนังสือแจ้งเวียนทุกจังหวัด เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน ๒. ข้อสังเกตต่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ประเด็นระยะเวลาการใช้บังคับร่างพระราชบัญญัติ (ร่างมาตรา ๒) และระยะเวลา การทบทวนร่างกฎหมายของหน่วยงานที่รับผิดชอบ (ร่างมาตรา ๖๗) ใช้หลักเกณฑ์ใด ในการพิจารณา และในทางปฏิบัติหน่วยงานด าเนินการออกระเบียบหรือประกาศที่เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา ที่ก าหนดหรือไม่ นอกจากนี้ คณะอนุกรรมาธิการมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับร่างมาตรา ๖๖ “ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่กรณีที่มีกฎหมาย ก าหนดเรื่องครอบครัวหรือมรดกไว้เป็นการเฉพาะ” ซึ่งเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว จะส่งผลกระทบต่อหลักศาสนา เช่น ศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม เนื่องจากการก่อตั้งครอบครัว ตามหลักค าสอนเป็นเรื่องระหว่างชายหญิงเท่านั้น ดังนั้น การก่อตั้งครอบครัวของบุคคลที่มีความหลากหลาย ทางเพศจึงเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักค าสอนทางศาสนา โดยเห็นควรให้มีการก าหนดหลักเกณฑ์หรือระเบียบ เพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปโดยถูกต้อง ตามกฎหมายและหลักศาสนาควบคู่กัน เช่น ในการจดทะเบียนสมรสระหว่างบุคคลเพศเดียวกัน เจ้าหน้าที่ที่นับถือศาสนาอิสลามอาจได้รับผลกระทบ กล่าวคือ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทะเบียน ในการจดทะเบียนสมรสระหว่างบุคคลเพศเดียวกันได้ เพราะถือเป็นความผิดตามหลักศาสนา (ท าให้บุคคลนั้นไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมในศาสนานั้น) ในขณะเดียวกันหากเจ้าหน้าที่ไม่รับจดทะเบียน ให้แก่บุคคลดังกล่าวก็จะมีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน (ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่) ที่ประชุมรับทราบ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการคณะท างานติดตามความคืบหน้า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร และรวบรวมข้อคิดเห็น พร้อมกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะท างานต่อไป นางสาวธนินญดา ทองพุฒ นิติกรปฏิบัติการ ผู้จัดท าสรุปผลการประชุม
สรุปผลการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๖๗ วันอังคารที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗
สรุปผลการประชุม คณะอนุกรรมาธิการระบบบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ในคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ครั้งที่ ๖/๒๕๖๗ วันอังคารที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุม ๔๐๔ ชั้น ๔ อาคารรัฐสภา ----------------------------------------- พิจารณาทบทวนความคืบหน้าการด าเนินงานของคณะท างานภายในคณะอนุกรรมาธิการ ๑. คณะท างานเรื่องร้องเรียนภายในคณะอนุกรรมาธิการ สารบบเรื่องร้องเรียนของคณะอนุกรรมาธิการระบบบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับมอบหมาย จ านวน ๓๙ เรื่อง (ข้อยุติแล้ว จ านวน ๓๖ เรื่อง อยู่ระหว่างพิจารณาและติดตามความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จ านวน ๓ เรื่อง) ดังนี้ ๑.๑ พิจารณาเรื่องร้องเรียน กรณีขอให้ติดตามและตรวจสอบปัญหาผู้บุกรุกที่ดิน สาธารณประโยชน์ “แปลงดอนบ้านเก่าและที่ป่าช้า” ต าบลเซเป็ด อ าเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิการได้มาของที่ดินของผู้ร้องทุกข์ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมขององค์การบริหารส่วนต าบลเซเป็ด อ าเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ได้มีหนังสือแจ้งผล ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้ผู้ร้องทุกข์รับทราบแล้ว (หนังสือด่วนที่สุด ที่ สว (กมธ ๒) ๐๐๑๐/๑ เรื่อง แจ้งผลการพิจารณา ลงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗) ๑.๒ พิจารณาเรื่องร้องเรียนของ “โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่ จังหวัดภาคใต้ ณ จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา” ปัจจุบันมีเรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการ มีจ านวน ๒ เรื่อง ๑) กรณีปัญหาเรื่องการขอทะเบียนบ้าน จ านวน ๖๘ ครัวเรือน ส านักทะเบียนอ าเภอเมืองภูเก็ตชี้แจงความคืบหน้าในการด าเนินการออกบ้านเลขที่ ให้แก่ประชาชนซึ่งสามารถด าเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ๓๙ ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการด าเนินการ จ านวน ๖ ราย รวมทั้งสิ้น ๔๕ ราย ส่วนจ านวน ๒๓ ราย ยังไม่สามารถออกบ้านเลขที่ให้ได้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ของเอกชนอื่น ซึ่งมีการฟ้องร้องคดีต่อศาลและคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว ตามค าพิพากษา ศาลฎีกาที่ ๒๒๙๐/๒๕๖๒ โดยเอกชนมีการด าเนินการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และพฤติการณ์ ที่โจทก์ทั้งสี่น าคดีมาฟ้องขับไล่จ าเลยทั้งห้า จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสี่ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ประกอบกับ การพิจารณาจากกรมที่ดิน สรุปได้ว่า กรมที่ดินพิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังไม่สามารถพิจารณาเป็นที่ยุติได้ จึงมีความจ าเป็นต้องก าหนดประเด็นให้จังหวัดภูเก็ตตรวจสอบข้อเท็จจริง เพิ่มเติมอันเป็นประเด็นส าคัญในการพิจารณาว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากปรากฏว่าผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอครบถ้วน กรมที่ดิน ก็จะด าเนินการตามหน้าที่และอ านาจต่อไป
๒ ๒) กรณีปัญหาชาวอูรักลาโว้ยไม่มีบัตรประจ าตัวประชาชน เนื่องจากตกส ารวจ จ านวน ๕ ราย ปัจจุบันมีผู้มาติดต่อเพื่อขอตรวจพิสูจน์ตัวตน จ านวน ๒ ราย ส่วนอีกจ านวน ๓ ราย ไม่พบข้อมูลของบุคคลดังกล่าวจึงไม่สามารถด าเนินการต่อไปได้ ๑.๓ พิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ส านักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาประเวศ ผู้ร้องทุกข์ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนน าเรียนประธานคณะกรรมาธิการการบริหาร ราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เรื่อง ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ส านักงานที่ดิน ลง วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๖ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ได้มีหนังสือ สอบถามไปยังกรมที่ดิน เพื่อขอทราบข้อมูลข้อเท็จจริงในขั้นตอนการด าเนินการสอบเขตที่ดินของผู้ร้องทุกข์ โดยมีก าหนดระยะเวลาภายในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งกรมที่ดินยังไม่มีการรายงานผลในเรื่องดังกล่าว แต่อย่างใด ๒. คณะท างานติดตามแผนการพัฒนาจังหวัด ที่มีความคล่องตัวในการบริหาร ระบบงาน ระบบเงิน และระบบก าลังคน (จังหวัดที่มีผลสัมฤทธิ์สูง : High Performance Provinces: (HPP)) ๒.๑ ทบทวนการด าเนินงานของส านักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับสรุปผลการขับเคลื่อนจังหวัด ที่มีผลสัมฤทธิ์สูง รวมจ านวน ๑๑ ประเด็น ๒.๒ สรุปผลติดตามการด าเนินงานจากการลงพื้นที่ ของคณะกรรมาธิการ ปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ จากการลงพื้นที่ในหลายจังหวัด รายละเอียดดังนี้ ปัญหาจากการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการด าเนินการในประเด็นดังกล่าว ดังนี้ ๑) ปัญหาการสื่อสารประชาสัมพันธ์กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนรับรู้เกี่ยวกับการให้บริการ ประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) ๒) การไม่รายงานผลการด าเนินการประชาสัมพันธ์ของประชาสัมพันธ์จังหวัดต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อรับทราบ และไม่มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารให้ประชาชนรับทราบเท่าที่ควร รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ที่ขาดความถี่และต่อเนื่อง จึงไม่เกิดการรับรู้ในระดับเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ปฏิบัติงานและประชาชนอย่างแท้จริง ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการจากการลงพื้นที่อาทิ ๑) เจ้าหน้าที่ศูนย์ด ารงธรรมที่เข้ารับการอบรมในเรื่องการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service: OSS) ไม่ได้มีการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ศูนย์ด ารงธรรมด้วยกัน จึงท าให้ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) จึงเห็นควรให้มีการด าเนินการ จัดท าแผนถ่ายทอดความรู้ในเรื่องดังกล่าวให้แก่ผู้บริหารและบุคลากรระดับจังหวัด และระดับอ าเภอ ในส่วนที่มีหน้าที่และอ านาจที่เกี่ยวข้องให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม ๒) หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการให้บริการของรัฐ ควรเพิ่มช่องทาง ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงแพลตฟอร์มดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ทั่วถึง ต่อเนื่อง และสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจให้กับประชาชนหรือผู้ใช้บริการเกี่ยวกับงานบริการผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่รัฐบาลพัฒนาขึ้น ๓) กระทรวงมหาดไทยร่วมกับจังหวัดควรจัดท าแผนโครงสร้างที่เป็นส่วนราชการของจังหวัด โดยยกระดับศูนย์ด ารงธรรมจังหวัด และศูนย์ด ารงธรรมอ าเภอ ในลักษณะรูปแบบงานประจ า เพื่อให้ สามารถด าเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๓ ๓. คณะท างานศึกษาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ปัจจุบันคณะท างานได้มีการประชุมรวมจ านวน ๓ ครั้ง โดยพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ฉบับคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ เป็นหลัก ซึ่งพิจารณาเรียงรายมาตราและเปรียบเทียบทั้ง ๔ ฉบับ พร้อมน าบันทึกการประชุมของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วทั้งฉบับ ในการประกอบการพิจารณา ข้อสังเกตของคณะอนุกรรมาธิการ ดังนี้ ๑) ประเด็นระยะเวลาการใช้บังคับร่างพระราชบัญญัติ(ร่างมาตรา ๒) ก าหนดระยะเวลา ๑๒๐ วัน และระยะเวลาการทบทวนร่างกฎหมายของหน่วยงานที่รับผิดชอบภายใน ๑๘๐ วัน (ร่างมาตรา ๖๗) เพื่อรองรับสิทธิ หน้าที่ หรือสถานะทางกฎหมายหรือเรื่องใดที่เกี่ยวข้องให้แก่คู่สมรสซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้หลักเกณฑ์ใดในการพิจารณา และในทางปฏิบัติหน่วยงานด าเนินการ ออกระเบียบหรือประกาศที่เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่ก าหนดหรือไม่ ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องของกรมการปกครองที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช ๒๔๗๘ และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย การจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. ๒๕๔๑ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ส่งผลกระทบโดยตรงในเรื่องการจดทะเบียน ของคู่สมรส อย่างไรก็ตาม แม้ผู้แทนกรมการปกครองชี้แจงว่า สามารถด าเนินการแก้ไขปรับปรุง กฎหมายที่เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นภายในก าหนดระยะเวลา ๑๒๐ วันได้แต่หากกรมการปกครองพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่สามารถด าเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้กรมการปกครองรายงานเหตุผล ความจ าเป็นต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒) ประเด็นเกี่ยวกับความละเอียดอ่อนของศาสนา ตามร่างมาตรา ๖๖ ร่างมาตรา ๖๖ “ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ไม่ใช้บังคับแก่กรณีที่มีกฎหมายก าหนดเรื่องครอบครัวหรือมรดกไว้เป็นการเฉพาะ” ซึ่งเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติม บทบัญญัติของกฎหมายแล้วจะส่งผลกระทบต่อหลักศาสนา เช่น ศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม เนื่องจากการก่อตั้งครอบครัวตามหลักค าสอนเป็นเรื่องระหว่างชายหญิงเท่านั้น ดังนั้น การก่อตั้งครอบครัว ของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศจึงเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักค าสอนทางศาสนา โดยเห็นควรให้มี การก าหนดหลักเกณฑ์หรือระเบียบเพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายและหลักศาสนาควบคู่กัน เช่น ในการจดทะเบียนสมรส ระหว่างบุคคลเพศเดียวกัน เจ้าหน้าที่ที่นับถือศาสนาอิสลามอาจได้รับผลกระทบ กล่าวคือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ เป็นนายทะเบียนในการจดทะเบียนสมรสระหว่างบุคคลเพศเดียวกันได้เพราะถือเป็นความผิดตาม หลักศาสนา (ท าให้บุคคลนั้นไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมในศาสนานั้น) ในขณะเดียวกันหากเจ้าหน้าที่ ไม่รับจดทะเบียนให้แก่บุคคลดังกล่าวก็จะมีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน (ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่)
๔ ๓) ประเด็นการเสนอขอเพิ่มบัญชีแนบท้ายกรณีหากมีการเปลี่ยนแปลง “ค านิยาม” เพื่อใช้บังคับกับกฎหมายหลักแล้ว ควรมีการก าหนดไว้ในบัญชีแนบท้าย โดยให้มีผลบังคับใช้ กับกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักด้วย (เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการบังคับใช้กฎหมาย โดยมิต้องแก้ไขในรายละเอียดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ) กรณีดังกล่าวมีความเห็นสอดคล้องกับความเห็นของที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร โดยที่ประชุมเสนอให้มีการเพิ่มความเป็นมาตรา ๖๖/๑ ขึ้นใหม่ เกี่ยวกับการก าหนด บทเฉพาะกาลให้คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายนี้มีสิทธิ หน้าที่ตามที่กฎหมายอื่นก าหนดให้แก่ สามี ภริยา สามีหรือภริยา ซึ่งสอดคล้องกับหลักการตามพระราชบัญญัติทั้ง ๓ ฉบับ ซึ่งอาจเป็นการ ลดภาระให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ในการด าเนินการทบทวนและแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ยังคงจ าเป็นต้องมีข้อยกเว้นกรณีที่กฎหมายนั้นก าหนดสิทธิ หน้าที่ของสามีภริยาที่แตกต่างกัน เช่น กฎหมายว่าด้วยสัญชาติ เป็นต้น และที่ประชุมมีมติเพิ่มความเป็นร่างมาตรา ๖๖/๑ ดังนี้ ร่างมาตรา ๖๖/๑ “บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อก าหนด ข้อบัญญัติประกาศ ค าสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่อ้างถึงสามี ภริยา หรือสามีภริยา ให้ถือว่าอ้างถึง คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ด้วย ความในวรรคหนึ่งมิให้น ามาใช้บังคับแก่กรณีที่บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับข้อก าหนด ข้อบัญญัติ ประกาศ ค าสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีก าหนดสิทธิ หน้าที่ สถานะ ทางกฎหมายหรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับสามี ภริยา หรือสามีภริยาไว้แตกต่างกัน" ที่ประชุมรับทราบ และมอบหมายฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการติดตามความคืบหน้า การด าเนินงานของคณะท างานภายในคณะอนุกรรมาธิการทั้งสามคณะ และรวบรวมข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป นางสาวธนินญดา ทองพุฒ นิติกรปฏิบัติการ ผู้จัดท าสรุปผลการประชุม
๓.๒ (ราง) รายงานการพิจารณาศึกษารางพระราชบัญญัติแกไข เพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตาม ขอบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ ๑๑๙) เสนอโดย คณะทํางานศึกษารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(ร่าง) รายงานการพิจารณาศึกษา ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๑๙) ของ คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ส านักกรรมาธิการ ๒ ส านักงานเลขาธิการวุฒิสภา
รายงานการพิจารณาศึกษา รางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผนดิน วุฒิสภา ดวยในคราวประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ วันพุธที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๗ ที่ประชุมพิจารณารางพระราชบัญญัติที่สภาผูแทนราษฎรมีมติรับหลักการในวาระ ที่หนึ่งแลว ไดแก รางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จํานวน ๔ ฉบับ (คณะรัฐมนตรี เปนผูเสนอ,นายธัญวัจน กมลวงศวัฒนกับคณะ เปนผูเสนอ, นางสาวอรรณว ชุมาพร กับประชาชนผูมีสิทธิเลือกตั้ง จํานวน ๑๑,๖๑๑ คน เปนผูเสนอ, น ายสรรเพ ชญ บุญ ญ ามณี กับคณ ะ เปน ผูเสน อ) ทั้งนี้ รางพระราชบัญ ญั ติดังกลาว เปนรางพระราชบัญญัติที่มีความจําเปนเกี่ยวกับประโยชนสาธารณะ จึงมีมติมอบหมาย คณะกรรมาธิการการตางประเทศ คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผนดิน คณะกรรมาธิการ การพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผูสูงอายุ คนพิการ และผูดอยโอกาส คณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และการตํารวจ และคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรม เปนผูพิจารณาศึกษารางพระราชบัญญัติฉบับดังกลาวในสวนที่เกี่ยวของกับหนาที่ และอํานาจ และเมื่อสภาผูแทนราษฎรลงมติเห็นชอบในวาระที่สามแลว ใหดําเนินการตามขอบังคับ การประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ ๑๑๙ ตอไป บัดนี้ คณะกรรมาธิการไดดําเนินการพิจารณาศึกษารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จํานวน ๔ ฉบับ เสร็จเรียบรอยแลว โดยนํารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ฉบับคณะรัฐมนตรี เปนผูเสนอ เปนหลักในการพิจารณา จึงขอรายงานผลการพิจารณาศึกษา ตอประธานวุฒิสภา ตามขอบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ ๑๑๙ ดังนี้ ๑.การดําเน ินงาน ๑.๑ คณะกรรมาธิการคณะนี้ประกอบดวย ๑.๑.๑ พลเอก อกนิษฐ หมื่นสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๒ พลเอกชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๑.๑.๓ พลเอก มารุต ปชโชตะสิงห รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ๑.๑.๔ นายธานีสุโชดายน รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม ๑.๑.๕ นายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ๑.๑.๖ พลเอก นิวัตร มีนะโยธิน เลขานุการคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๗ นายอับดุลฮาลิม มินซาร รองเลขานุการ คณะกรรมาธิการ
๒ ๑.๑.๘ พลตํารวจเอกเดชณรงค สุทธิชาญบัญชา โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๙ นายขวัญชาติวงศศุภรานันต รองโฆษกคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๑.๑.๑๐ นายซากีย พิทักษคุมพล รองโฆษกคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ๑.๑.๑๑ พันตำรวจตรียงยุทธ สาระสมบัติ ประธานที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการ ๑.๑.๑๒ พลเอก บุญธรรม โอริส ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ๑.๑.๑๓ วาที่รอยตรีเชิดศักดิ์ จําปาเทศ กรรมาธิการ ๑.๑.๑๔ นายเชิดศักดิ์ สันติวรวุฒิ กรรมาธิการ ๑.๑.๑๕ นายปญญา งานเลิศ กรรมาธิการ ๑.๑.๑๖ รองศาสตราจารยประเสริฐ ปนปฐมรัฐ กรรมาธิการ ๑.๑.๑๗ นายสวัสดิ์ สมัครพงศ กรรมาธิการ ๑.๑.๑๘ พลอากาศเอก พันธภักดี พัฒนกุล กรรมาธิการ ๑.๒ ในคราวประชุมคณะกรรมาธ ิการ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ วันพุธที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๗ ไดมีมติ มอบหมายให คณะอนุกรรมาธ ิการระบบบริหารราชการสวนกลาง สวนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เปนผูพ ิจารณาศึกษารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ประกอบดวย ๑.๒.๑ วาที่รอยตรีเชิดศักดิ์ จําปาเทศ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๒.๒ นายปญญา งานเลิศ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ๑.๒.๓ นายขวัญชาติวงศศุภรานันต รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง ๑.๒.๔ นายอับดุลฮาลิม มินซาร รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สาม ๑.๒.๕ พลเอก ชัยณรงค แกลวกลา อนุกรรมาธิการ ๑.๒.๖ นายทรงวุฒิสายแกว อนุกรรมาธิการ ๑.๒.๗ นายณรงครักรอย อนุกรรมาธิการ ๑.๒.๘ พลโท ภิญโญ เข็มเพชร อนุกรรมาธิการ ๑.๒.๙ นายเมฆินทร เมธาวิกูล อนุกรรมาธิการ ๑.๒.๑๐ พลเอก วสุ เฟองสํารวจ อนุกรรมาธิการ ๑.๒.๑๑ วาที่รอยตรีสานิต บุญยะวุฒกุล อนุกรรมาธิการ ๑.๒.๑๒ นายนลิน ตั้งประสิทธิ์ อนุกรรมาธิการและเลขานุการ ๑.๒.๑๓ นายเสฐียรพงศ มากศิริ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ
๓ ๑.๒.๑๔ นายจรินทร สุนทรถาวรวงศ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๒.๑๕ นายธํารงค เจริญกุล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๒.๑๖ นายชวาล เหมมณฑารพ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๒.๑๗ นายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๒.๑๘ พันตํารวจเอก เอกกร บุษบาบดินทร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๒.๑๙ นางสาวปุณณดา อิงคุลานนท ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑.๓ ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ วันจันทรที่ ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๗ ไดมีมติเห็นชอบแตงตั้งคณะทํางานตามที่คณะอนุกรรมาธิการเสนอ ตามคําสั่งคณะกรรมาธิการ การบริหารราชการแผนดิน วุฒิสภา ที่ ๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ ๒๕๖๗ เรื่อง ตั้งคณะทํางาน ศึกษารางพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบดวย ๑.๓.๑ นายปญญา งานเลิศ ประธานคณะทํางาน ๑.๓.๒ นายทรงวุฒิสายแกว คณะทํางาน ๑.๓.๓ นายเมฆินทร เมธาวิกูล คณะทํางาน ๑.๓.๔ นายเสฐียรพงศ มากศิริ คณะทํางาน ๑.๓.๕ รองอธิบดีกรมการปกครอง (ฝายการทะเบียนและเทคโนโลยีสารสนเทศ) หรือผูแทน คณะทํางาน ๑.๓.๖ ผูอํานวยการสํานักบริหารการทะเบียน หรือผูแทน คณะทํางาน ๑.๓.๗ ผูอํานวยการสวนการทะเบียนทั่วไป คณะทํางาน ๑.๓.๘ ผูอํานวยการสวนนิติการงานทะเบียน คณะทํางาน ๑.๓.๙ ผูอํานวยการสวนสัญชาติและการทะเบียน และบัตรประจําตัวบุคคลผูไมมีสัญชาติไทย คณะทํางาน ๑.๓.๑๐ นายนลิน ตั้งประสิทธิ์ คณะทํางานและเลขานุการ ๑.๓.๑๑ นางสาวระวีวรรณ ศรประทุม คณะทํางาน และผูชวยเลขานุการ ๑.๓.๑๒ นางสาวธนินญดา ทองพุฒ คณะทํางาน และผูชวยเลขานุการ ๑.๓.๑๓ นางสาวนันทนภัส แสงแจม คณะทํางาน และผูชวยเลขานุการ โดยมีหนาที่และอํานาจเกี่ยวกับเรื่องดังตอไปนี้ ๑. พิจารณาศึกษา ติดตาม และรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวของกับประเด็นการแกไขเพิ่มเติม ของรางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ศึกษาและวิเคราะหรางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สภาผูแทนราษฎรมีมติรับหลักการในวาระที่หนึ่งแลว ตามขอบังคับ การประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ ๑๑๙
๔ ๓. จัดทํารายงานการพิจารณาศึกษาเสนอตอคณะกรรมาธิการ เพื่อเสนอตอ คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ทั้งนี้ เพื่อเปนขอมูลประกอบการพิจารณาของที่ประชุมวุฒิสภา ในการพิจารณารางพระราชบัญญัตินั้นตอไป ๔. ดําเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมาธิการมอบหมาย ๒. วิธีพิจารณาศึกษา ๒.๑ คณะทํางานศึกษารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จัดใหมีการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....จํานวน ๓ ครั้ง ดังนี้ ๒.๑.๑ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ วันอังคารที่ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๗ ๒.๑.๒ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ วันอังคารที่ ๒๗ กุมภาพันธ ๒๕๖๗ ๒.๑.๓ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ วันอังคารที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ๒.๒ คณะอนุกรรมาธิการระบบบริหารราชการสวนกลาง สวนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย จัดใหมีการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จํานวน ๒ ครั้ง ดังนี้ ๒.๒.๑ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ วันอังคารที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ๒.๒.๒ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๗ วันอังคารที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ ๒.๓ คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผนดิน วุฒิสภา จัดใหมีการประชุมเพื่อพิจารณา รางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จํานวน ๑ ครั้ง คือ ครั้งที่ ๘/๒๕๖๗ วันพุธที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๗ ๓. ผลการพิจารณาศึกษา คณะกรรมาธิการพิจารณาผลการพิจารณารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของคณะทํางานศึกษารางพระราชบัญญัติประมวล กฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ปรากฏผลการพิจารณาศึกษา ดังนี้ ๓.๑ หลักการและเหตุผลของรางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หลักการ แกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายหมายแพงและพาณิชย ดังตอไปนี้ (๑) กําหนดใหบุคคลสองคนไมวาเพศใดสามารถทําการหมั้นหรือสมรสกันได (แกไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๔๓๕ มาตรา ๑๔๓๗ มาตรา ๑๔๔๘ มาตรา ๑๔๔๙ มาตรา ๑๔๕๐ มาตรา ๑๔๕๒ มาตรา ๑๔๕๘ และมาตรา ๑๔๖๐) (๒) แกไขคําวา "ชาย" "หญิง" "สามี" "ภริยา" และ "สามีภริยา" เปน "บุคคล" "ผูหมั้น" "ผูรับหมั้น" และ "คูสมรส" เพื่อใหมีความหมายครอบคลุมคูหมั้นหรือคูสมรสไมวาจะมีเพศใด (แกไข เพิ่มเติมมาตรา ๔๓ มาตรา ๑๘๓/๒๒ มาตรา ๑๔๓๙ มาตรา ๑๔๔o มาตรา ๑๔๔๑ มาตรา ๑๔๔๒ มาตรา ๑๔๔๓ มาตรา ๑๔๔๕ มาตรา ๑๔๔๖ มาตรา ๑๔๔๗/ ๑ หมวด ๓ ความสัมพันธ ระหวางสามี ภริยา มาตรา ๑๔๖๑ มาตร า ๑๕๖๒ มาตรา ๑๕๖๓ หมวด ๔ ทรัพยสินระหวางสามีภริยา
๕ มาตรา ๑๔๖๕ มาตรา ๑๔๖๙ มาตรา ๑๔๗๐ มาตรา ๑๔๗๕ มาตรา ๑๔๗๖ มาตรา ๑๔๗๖/๑ มาตรา ๑๔๗๗ มาตรา ๑๔๗๙ มาตรา ๑๔๘๑ มาตรา ๑๔๘๒ มาตรา ๑๔๘๓ มาตรา ๑๔๘๔ มาตรา ๑๔๘๔/๑ มาตรา ๑๔๘๕ มาตรา ๑๔๘๖ มาตรา ๑๔๘๗ มาตรา ๑๔๘๘ มาตรา ๑๔๘๙ มาตรา ๑๔๙๐ มาตรา ๑๔๙๑ มาตรา ๑๔๙๒ มาตรา ๑๔๙๒/๑ มาตรา ๑๔๙๓ มาตรา ๑๔๙๘ มาตรา ๑๔๙๙ มาตรา ๑๕๐๔ มาตรา ๑๕๑๕ มาตรา ๑๕๑๖ มาตรา ๑๕๑๗ มาตรา ๑๕๒๐ มาตรา ๑๕๒๒ มาตรา ๑๕๒๓ มาตรา ๑๕๓๐ มาตรา ๑๕๓๒ มาตรา ๑๕๓๓ มาตรา ๑๕๓๖ มาตรา ๑๕๓๗ มาตรา ๑๕๓๘ มาตรา ๑๕๓๙ มาตรา ๑๕๔๑ มาตรา ๑๕๔๒ มาตรา ๑๕๔๓ มาตรา ๑๕๔๔ มาตรา ๑๕๔๕ มาตรา ๑๕๙๘/๑๕ มาตรา ๑๕๘/๑๗ มาตรา ๑๕๙๘/๑๘ มาตรา ๑๖๐๖ มาตรา ๑๖๒๕ และมาตรา ๑๖๒๘) (๓) เพิ่มเหตุเรียกคาทดแทนและเหตุฟองหยาใหครอบคลุมกรณีที่คูหมั้น หรือคูสมรสฝายหนึ่งไปมีความสัมพันธกับบุคคลอื่นไมวาจะเปนเพศใด (แกไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๔๔๕ และมาตรา ๑๕๑๖(๑)) (๔) แกไขเงื่อนไขระยะเวลาการสมรสใหมตามมาตรา ๑๔๕๓ ใหใชเฉพาะกับ กรณีที่หญิงที่มีชายเปนคูสมรสเดิมจะสมรสใหมกับชายเทานั้น (แกไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๔๕๓) (๕) กําหนดมาตรา ๑๕๐๔ วรรคสอง กรณีหญิงมีครรภกอนอายุครบตามมาตรา ๑๔๔๘ มีผลใชบังคับเฉพาะกรณีการสมรสระหวางชายหญิงเทานั้น (แกไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๕๐๔) (๖) แกไขการอางอิงเลขมาตราที่บัญญัติเกี่ยวกับการรองขอตอศาลใหสั่งใหบุคคล วิกลจริตเปนคนไรความสามารถ (แกไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๕๐๘ วรรคสอง) (๗) กําหนดใหมาตรา ๑๕๑๐ วรรคสอง กรณีหญิงมีครรภกอนอายุครบ ยี่สิบปบริบูรณ มีผลใชบังคับเฉพาะกรณีการสมรสระหวางชายหญิงเทานั้น (แกไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๕๑๐) (๘) เพิ่มเหตุฟองหยาใหสอดคลองกับลักษณะความสัมพันธระหวางคูสมรส เพศเดียวกัน (แกไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๕๑๖ (๑๐)) เหตุผล โดยที่สถาบันครอบครัวเปนหนวยสําคัญในการพัฒนาสังคมและการสงเสริมคุณภาพ ชีวิตของประชาชน แตการกอตั้งครอบครัวตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยจํากัดเฉพาะ ความสัมพันธระหวางชายหญิงซึ่งไมสอดคลองกับสภาพสังคมในปจจุบันที่มีการอยูรวมกันเปนครอบครัว ระหวางบุคคลที่มีเพศเดียวกันโดยกําเนิด โดยมีการอุปการะเลี้ยงดูและมีความสัมพันธในดานอื่น ๆ ไมแตกตางไปจากคูสมรสที่เปนชายและหญิง สมควรแกไขเพิ่มเติมบทบัญญัติบางประการในประมวล กฎหมายแพงและพาณิชยเพื่อรองรับใหบุคคลเพศเดียวกันสามารถหมั้นและสมรสกันได ซึ่งจะทําใหมีสิทธิ หนาที่ และสถานะทางครอบครัวเทาเทียมกับคูสมรสที่เปนชายและหญิง ทั้งนี้ เพื่อเปนการเสริมสราง ความเขมแข็งของครอบครัวที่กอตั้งขึ้นระหวางบุคคลไมวาจะมีเพศใด เวนแตจะเปนกรณีที่มีกฎหมายอื่น กําหนดเรื่องครอบครัวหรือมรดกไวเปนการเฉพาะ จึงจําเปนตองตราพระราชบัญญัตินี้
๖ ๓.๒ ขอคิดเห็นและขอสังเกตของคณะกรรมาธิการ ๓.๒.๑ ประเด็นระยะเวลาการใชบังคับรางพระราชบัญญัติ การกําหนดระยะเวลา ๑๒๐ วัน ตามรางมาตรา ๒ และระยะเวลาการทบทวน รางกฎหมายของหนวยงานที่รับผิดชอบ ภายใน ๑๘๐ วัน ตามรางมาตรา ๖๗ เพื่อรองรับสิทธิ หนาที่ หรือสถานะทางกฎหมายหรือเรื่องใดที่เกี่ยวของใหแกคูสมรสซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฉบับนี้ ใชหลักเกณฑใดในการพิจารณา และในทางปฏิบัติหนวยงานดําเนินการออกระเบียบหรือประกาศ ที่เกี่ยวของเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กําหนดหรือไม เนื่องจากหนวยงานที่เกี่ยวของภายใตการใชบังคับรางพระราชบัญญัติดังกลาว ไดแก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีกฎหมายที่เกี่ยวของในการดําเนินงาน ดังนี้(๑) พระราชบัญญัติ จดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช ๒๔๗๘ (๒) พระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. ๒๕๐๘ (๓) พระราชบัญญัติ คํานําหนานามหญิง พ.ศ. ๒๕๕๑ (๔) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. ๒๕๔๑ ทั้งนี้ กฎหมายตามขอ (๑) พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช ๒๔๗๘ และขอ (๔) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. ๒๕๔๑ กรมการปกครอง ตองปรับปรุงแกไขกฎหมายและระเบียบดังกลาวอยางเรงดวน เนื่องจากเปนกฎหมายที่กระทบโดยตรง ในเรื่องการจดทะเบียนของคูสมรส โดยใชระยะเวลาดําเนินการ ๙๐ - ๑๒๐ วัน ประกอบกับ กรมการปกครองตองแกไขแบบพิมพโดยจะตองกําหนดหมายเลขแบบพิมพ ใบสําคัญการสมรส และใบสําคัญการหยา (แกไขคําวาชายและหญิงหลังใบสําคัญการสมรส คร. ๓) ซึ่งจะใชระยะเวลา ประมาณ ๙๐ วัน เนื่องจากการจัดทําแบบพิมพดังกลาวจะตองดําเนินการจัดซื้อจัดจางตามงบประมาณ ที่ไดรับการจัดสรรในแตละปหากดําเนินการแลวเสร็จจะมีการจัดสงในแตละภูมิภาคทางไปรษณีย นอกจากนี้ กรมการปกครองตองปรับปรุงระบบปฏิบัติการฐานขอมูลใหสอดคลองกับ รางพระราชบัญญัติดังกลาว โดยใชเวลาประมาณ ๑๕ วัน ตลอดจนการเตรียมความพรอมของเจาหนาที่ ผูปฏิบัติงานทุกพื้นที่ เพื่อซักซอมความเขาใจโดยมีหนังสือแจงเวียนทุกจังหวัด ซึ่งจะใชระยะเวลา ๕ - ๗ วัน ทั้งนี้เปนไปตามกรอบระยะเวลาเพื่อเตรียมการดําเนินงานตามรางมาตรา ๒ “พระราชบัญญัตินี้ใหใช บังคับตั้งแตเมื่อพนกําหนดหนึ่งรอยยี่สิบวันนับแตวันประกาศราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป” ดังกลาว สําหรับกรณีรางมาตรา ๖๗ กรมการปกครองตองดําเนินการทั้งกระบวนการในการ แกไขกฎหมาย การยกรางกฎหมายของกระทรวง การรับฟงความคิดเห็น อีกทั้งการแกไขเพิ่มเติมกฎหมาย วาดวยจดทะเบียนครอบครัว ซึ่งเปนกฎหมายระดับพระราชบัญญัติที่ตองเสนอใหรัฐสภาพิจารณา โดยเห็นวามีระยะเวลาคอนขางจํากัด หากสามารถขยายระยะเวลาไดจะมีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น รางมาตรา ๖๗ “ใหหนวยงานของรัฐที่รับผิดชอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ ตามกฎหมายวาดวยหลักเกณฑการจัดทํารางกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ดําเนินการทบทวนกฎหมายในความรับผิดชอบที่กําหนดสิทธิ หนาที่สถานะทางกฎหมาย หรือเรื่องอื่นใด
๗ ที่เกี่ยวของกับสามี ภริยา สามีภริยาหรือคูสมรส เพื่อรองรับสิทธิ หนาที่ สถานะทางกฎหมาย หรือเรื่องอื่นใด ที่เกี่ยวของใหแกคูสมรสตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ โดยตองพิจารณาใหเหมาะสมกับเพศสภาพของคูสมรสดวย ใหหนวยงานของรัฐที่ดําเนินการทบทวนตามวรรคหนึ่ง เสนอผลการทบทวนพรอมทั้งรางกฎหมายในกรณีที่ตองมีการแกไขเพิ่มเติมกฎหมาย ตอคณะรัฐมนตรี ภายในหนึ่งรอยแปดสิบวันนับแตวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ หากไมสามารถดําเนินการไดใหรายงาน เหตุผลที่ไมอาจดําเนินการไดตอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ” นอกจากนี้ กฎหมายตามขอ (๒) พระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. ๒๕๐๘ และขอ (๓) พระราชบัญญัติคํานําหนานามหญิง พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการปกครองจะพิจารณาทบทวนขอกฎหมาย ในสวนที่เกี่ยวของตามรางมาตรา ๒ และรางมาตรา ๖๗ ตอไป ขอสังเกตกรณีดังกลาว แมวาผูแทนกรมการปกครองชี้แจงขอมูลวาสามารถดําเนินการ แกไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวของไดเสร็จสิ้นภายในกําหนดระยะเวลา ๑๒๐ วัน (รางมาตรา ๒) แตระยะเวลา ดังกลาวอาจไมเพียงพอกรณีหนวยงานจะดําเนินการทบทวนกฎหมายที่อยูในความรับผิดชอบใหแลวเสร็จ อยางไรก็ตาม หากกรมการปกครองพิจารณาเห็นวาไมสามารถดําเนินการใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาดังกลาว (รางมาตรา ๖๗) ใหกรมการปกครองรายงานเหตุผลความจําเปนตอคณะรัฐมนตรีตอไป ๓.๒.๒ ประเด็นเกี่ยวกับความละเอียดออนของศาสนา ตามรางมาตรา ๖๖ รางมาตรา ๖ ๖“ประมวลกฎห มายแพงและพาณิ ชยที่แกไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตินี้ไมใชบังคับแกกรณีที่มีกฎหมายกําหนดเรื่องครอบครัวหรือมรดกไวเปนการเฉพาะ” เมื่อมีการแกไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายแลวอาจสงผลกระทบ ตอหลักศาสนา เชน ศาสนาคริสตและศาสนาอิสลาม เนื่องจากการกอตั้งครอบครัวตามหลักคําสอน เปนเรื่องระหวางชายหญิงเทานั้น พระเจาทรงสรางมนุษยใหมีสองเพศเพื่อใหดํารงไวซึ่งเผาพันธุมนุษย ดังนั้น การกอตั้งครอบครัวของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศจึงเปนเรื่องที่ขัดตอหลักคําสอน ทางศาสนา โดยเห็นควรใหมีการกําหนดหลักเกณฑหรือระเบียบเพื่อคุมครองใหกับเจาหนาที่ของรัฐ ที่มีหนาที่รับจดทะเบียนสามารถปฏิบัติหนาที่ไดอยางถูกตองตามหลักศาสนาและปฏิบัติหนาที่โดยชอบ ดวยกฎหมายไปพรอมกัน ในกรณีที่จะตองปฏิบัติหนาที่ในการจดทะเบียนสมรสระหวางบุคคลเพศเดียวกัน อาทิศาสนาอิสลาม หากเจาหนาที่ของรัฐนับถือศาสนาอิสลาม จะไมสามารถเปนนายทะเบียน ในการจดทะเบียนสมรสระหวางบุคคลเพศเดียวกันได(ถาเจาหนาที่ไมรับจดทะเบียนจะมีความผิดฐาน ละเวนการปฏิบัติหนาที่) แตหากเจาหนาที่รับจดทะเบียนก็จะมีความผิดตามหลักศาสนา (ซึ่งทําใหบุคคล นั้นไมเปนที่ยอมรับของสังคมในศาสนานั้น)
๘ ๓.๒.๓ ประเด็นการเสนอขอเพิ่มบัญชีแนบทายกรณีหากมีการเปลี่ยนแปลง “บทนิยาม” เพื่อใชบังคับกับกฎหมายหลักแลว ควรมีการกําหนดไวในบัญชีแนบทาย โดยใหมี ผลบังคับใชกับกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวของกับกฎหมายหลักดวย (เพื่อใหเกิดความรวดเร็วในการบังคับใช กฎหมายโดยมิตองแกไขในรายละเอียดของกฎหมายที่เกี่ยวของทุกฉบับ) กรณีดังกลาวมีความสอดคลองกับความเห็นของที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภาผูแทนราษฎร โดยที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผูแทนราษฎร ครั้งที่ ๙/๒๕๖๗ วันพุธที่ ๒๘ กุมภาพันธ ๒๕๖๗ เสนอใหมีการเพิ่มความเปนมาตรา ๖๖/๑ ขึ้นใหม เกี่ยวกับการกําหนดบทเฉพาะกาล ใหคูสมรสที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายนี้มีสิทธิ หนาที่ตามที่กฎหมายอื่นกําหนดใหแกสามี ภริยา สามี หรือภริยา โดยสอดคลองกับหลักการตามพระราชบัญญัติทั้ง ๓ ฉบับ ซึ่งอาจเปนการลดภาระใหแก หนวยงานตาง ๆ ในการดําเนินการทบทวนและแกไขกฎหมายตาง ๆ แตอยางไรก็ตาม เห็นวา ยังคงจําเปนตองมีขอยกเวนกรณีที่กฎหมายนั้นกําหนดสิทธิ หนาที่ของสามีภริยาที่แตกตางกัน เชน กฎหมายวาดวยสัญชาติ เปนตน ดังนี้ รางมาตรา ๖๖/๑ “บรรดาบทบัญญัติแหงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอบังคับ ขอกําหนด ขอบัญญัติประกาศ คําสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่อางถึงสามี ภริยา หรือสามีภริยา ใหถือวาอางถึงคูสมรส ที่จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ดวย ความในวรรคหนึ่งมิใหนํามาใชบังคับแกกรณีที่บทบัญญัติ แหงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอบังคับขอกําหนด ขอบัญญัติ ประกาศ คําสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนด สิทธิ หนาที่ สถานะทางกฎหมายหรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวของกับสามี ภริยา หรือสามีภริยาไวแตกตางกัน" ๔. คณะกรรมาธิการจึงขอเสนอขอสังเกตเกี่ยวกับรางพระราชบัญญัติฉบับนี้ เพื่อเปนขอมูลประกอบการพิจารณาตอไป พลเอก (นิวัตร มีนะโยธิน) เลขานุการคณะกรรมาธิการ การบริหารราชการแผนดิน วุฒิสภา
ภาคผนวก 1. รางรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญรางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภาผูแทนราษฎร 2. ตารางเปรียบเทียบรายมาตรา (จัดทําโดยฝายเลขานุการคณะทํางานศึกษารางพระราชบัญญัติ แกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในคณะกรรมาธิการการบริหาร ราชการแผนดิน วุฒิสภา) 3. เอกสารประกอบการพิจารณาของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย 3.1 ตารางขั้นตอนการตราพระราชบัญญัติของกรมการปกครอง 3.2 ตารางแสดงผลกระทบหากรางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....มีผลใชบังคับ ปรากฏตาม QR Code ดานลางนี้
สรุปผลการด าเนินงาน การพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... (ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๑๙) ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่น วุฒิสภา ได้มีการประชุมพิจารณาศึกษา จ านวน ๑ ครั้ง การประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๗ เมื่อวันพุธที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๗ คณะผู้รับผิดชอบ ในการจัดท ารายงานของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา นายอุสาห์ ชูสินธ์ ผู้อ านวยการส านักกรรมาธิการ ๒ ฝ่ายเลขานุการ : กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการปกครอง นางสาวสรญา โสภาเจริญวงศ์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน นางสาวจารุพร ฉันทวิเศษกุล วิทยากรช านาญการ นางสาววรวลัญช์ อิสรานุพงศ์ วิทยากรช านาญการ นางสาวธนินญดา ทองพุฒ นิติกรปฏิบัติการ นางสาวนันท์นภัส แสงแจ่ม นิติกรปฏิบัติการ นางสาวระวีวรรณ ศรประทุม นิติกรปฏิบัติการ นางสาวสุภิญญา สีนอง เจ้าพนักงานธุรการอาวุโส นางสาวจันทิมา นันทวงษ์ เจ้าพนักงานธุรการช านาญงาน นางชนันภรณ์ ทองรักษ์ เจ้าพนักงานธุรการช านาญงาน นางสาวมนัสนันท์ นันทพันธ์ นักวิชาการสนับสนุนงานวิชาการ นายปฐมพร หนูดี นักวิชาการสนับสนุนงานนิติบัญญัติ นางสาวมลิ ปลื้มเนตร พนักงานสนับสนุนการประชุม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส านักกรรมาธิการ ๒ โทรศัพท์ ๐ ๒๘๓๑ ๙๑๘๑
๓.๓ เรื่องรองเรียน (เสนอใหม)
๓.๓.๑ กรณีปญหาพื้นที่ ๔ ตําบล อําเภอเขาคอ จังหวัดเพชรบูรณ โอนยายไปเปนที่ราชพัสดุ และเรียกรองสิทธิการครอบครองที่ดินของ ประชาชน
๓.๓.๒ กรณีปญหาความเดือดรอนจากการรับแจงแนวเวนคืน กรมทางหลวง
๒๖
๓.๔ (ราง) กําหนดการเดินทางปฏิบัติราชการในประเทศ และการสัมมนาของคณะกรรมาธิการ ระหวางวันอังคารที่ ๒๘ ถึงวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ จังหวัดเพชรบุรี
(ร่าง) กําหนดการเดินทาง การดําเนินการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e - Service) ในวันอังคารที่๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ จังหวัดเพชรบุรี และการสัมมนา เรื่อง “ผลสัมฤทธิ์การดําเนินงานตดตามิเสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน สู่การบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นรูปธรรม ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วฒุิสภา” ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วฒุิสภา ระหว่างวันพุธที่๒๙ ถึงวันพฤหัสบดีที่๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ โรงแรมเมธาวลัย จังหวัดเพชรบุรี วันอังคารที่๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗ (กรุงเทพมหานคร - จังหวัดเพชรบุรี) เวลา 09.45 น. คณะเดินทางพร้อมกัน ณ อาคารรัฐสภา เวลา 10.00 น. - ออกเดินทางไปยังจังหวัดเพชรบุรีโดยรถบัสปรับอากาศและรถยนต์ตู้ปรับอากาศ ของสํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา (ระยะทาง 138 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง) เวลา ๑๒.๐๐ น. - รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๓๐ น. - ออกเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี เริ่มประชุม เวลา ๑๔.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. (ใช้เวลา ๒ ชั่วโมง) คณะกรรมาธิการเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีหรือผู้แทน กล่าวต้อนรับ พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวแนะนําคณะกรรมาธิการและคณะเดินทาง วัตถุประสงค์ความเป็นมา หน้าที่และอํานาจของคณะกรรมาธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีหรือผู้แทน บรรยายสรุปประเด็นการดําเนินการให้บริการ ประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) รวมทั้งปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ ในประเด็นดังกล่าว
๒ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น/ตอบข้อซักถาม ปิดการประชุม เยี่ยมชมการดําเนินงานศูนย์ดํารงธรรมจังหวัดเพชรบุรี เวลา ๑6.๐๐ น. - เดินทางเข้าที่พัก ณ โรงแรมเมธาวลัย จังหวัดเพชรบุรี เวลา ๑๘.๐๐ น. - รับประทานอาหารเย็น วันพุธที่๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗ (จังหวัดเพชรบุรี) การสัมมนา เรื่อง “ผลสัมฤทธิ์การดําเนินงานติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศด้านการบริหาร ราชการแผ่นดิน สู่การบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นรูปธรรม ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วฒุิสภา” วันพุธที่๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ โรงแรมเมธาวลัย จังหวัดเพชรบุรี เวลา ๐๗.๓๐ น. - รับประทานอาหารเช้า เวลา ๐9.0๐ น. ลงทะเบียนเข้าร่วมการสัมมนา เวลา ๐9.๓๐ น. - เวลา ๐9.45 น. - กล่าวรายงาน โดย พลเอก นิวัตร มีนะโยธิน เลขานุการคณะกรรมาธิการ เวลา 09.45 น. - เวลา 10.30 น. - กล่าวเปิดการสัมมนา และอภิปรายประเด็น “ยอนอด้ตถี ึงปัจจุบัน : การตดตามิเสนอแนะ และเร่งรดการปฏ ั ิรูปประเทศ ภายใตแผนการปฏ ้ ิรูปด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วฒุิสภา” โดย พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ประธานคณะกรรมาธิการ เวลา 10.๓๐ น. - เวลา 11.0๐ น. - บรรยายพิเศษ เรื่อง “ผลลัพธ์การบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้านที่ 6 การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ (มีเป้าหมายการพัฒนาที่สําคัญ เพื่อปรับเปลี่ยนภาครัฐที่ยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ ส่วนรวม”) โดย พลเอก ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง เวลา ๑1.0๐ น. - เวลา ๑๒.๐๐ น. - อภิปรายประเด็น เรื่อง “ผลสัมฤทธิ์การติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน สู่การบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ อย่างเป็นรูปธรรมของคณะกรรมาธิการ” ใน ๓ ประเด็นหลัก ดังน ี้
๓ (๑) การขับเคลื่อนจังหวัดทมี่ีผลสัมฤทธิ์สูง (High Performance Provinces: HPP) (๒) การดําเนินการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ในประเด็นการพัฒนาศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) (๓) การดําเนินงานและปัญหาอุปสรรคการบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วย การบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดย ว่าที่ร้อยตรีเชิดศักดิ์ จําปาเทศ กรรมาธิการ เวลา ๑๒.๐๐ น. - รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๐๐ น. - เวลา ๑๖.๐๐ น. การอภิปรายและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประเด็น “สรุปผลการดําเนินงานของคณะกรรมาธิการ” โดยแบ่งกลุ่มการอภิปราย เป็น ๔ กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่๑ คณะอนุกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาระบบราชการ และ การผังเมือง กลุ่มที่๒ คณะอนุกรรมาธิการระบบบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และ รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กลุ่มที่๓ คณะอนุกรรมาธิการการปรับปรุง พัฒนาระบบและการบูรณาการฐานข้อมูล ในการบริหารราชการแผ่นดินของหนวยงานของร่ ัฐ กลุ่มที่๔ คณะอนุกรรมาธิการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทําและดําเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ เวลา ๑8.๐๐ น. - รับประทานอาหารเย็น วันพฤหัสบดีที่๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ (จังหวัดเพชรบุรี – กรุงเทพมหานคร ) เวลา ๐๗.๓๐ น. - รับประทานอาหารเช้า เวลา ๐๙.๐๐ น. - เวลา ๑๒.๐๐ น. - สรุปผลการสัมมนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดย ผู้แทนของกลุ่มที่๑ กลุ่มที่๒ กลุ่มที่๓ และกลุ่มที่๔ เวลา ๑๒.๐๐ น . - รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๐๐ น. - กล่าวปิดการสัมมนา โดย พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ประธานคณะกรรมาธิการ เวลา ๑๔.0๐ น. - ออกเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศและรถยนต์ตู้ปรับอากาศของสํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ไปยังอาคารรัฐสภา (ระยะทาง 138 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง)
๔ เวลา 16.00 น. - เดินทางถึงอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรีเขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ หมายเหตุ ๑. การแต่งกาย ชุดสุภาพ ๒. กําหนดการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
(ร่าง) โครงการสัมมนา เรื่อง “ผลสัมฤทธิ์การดําเนินงานติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดนิ สู่การบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นรูปธรรม ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดนิ วุฒิสภา” ของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ระหว่างวันพุธที่๒๙ ถึงวันพฤหัสบดีที่๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ โรงแรมเมธาวลัย จังหวัดเพชรบุรี ---------------------------------- ๑. หลักการและเหตุผล คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา มีหน้าที่และอํานาจในการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติกระทํากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการบริหาร ราชการแผ่นดินส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การพัฒนาระบบราชการ การผังเมือง และการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่บัญญัติไว้ในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๗๘ วรรคสอง (๑๐) ซึ่งนอกจากภารกิจประจําของคณะกรรมาธิการแล้วคณะกรรมาธิการยังมี หน้าที่และอํานาจในการติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ ภารกิจของคณะกรรมาธิการ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน โดยส่วนแรกเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ และอํานาจ อันเป็นภารกิจประจํา ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ๑๙ กระทรวง โดยคณะกรรมาธิการให้ความสําคัญ กับกระทรวงมหาดไทยเป็นหลัก และส่วนที่สองจะเป็นการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้การปฏิรูปประเทศจะสิ้นสุดไปเมื่อวันที่๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ แต่จะเห็นได้ว่า งานปฏิรูปดังกล่าวยังดําเนินการไม่แล้วเสร็จและยังคงต้องดําเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยน ให้มีลักษณะเป็นงานประจําของหน่วยงานราชการ และกําหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่๓๐ กันยายน ๒๕๗๐ ทั้งนี้หมุดหมายที่สอดคล้องกับหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่หมุดหมายที่๑๓ ไทยมีภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน ประกอบด้วย เป้าหมายที่๑ การบริการภาครัฐ มีคุณภาพ เข้าถึงได้และเป้าหมายที่๒ ภาครัฐที่มีขีดสมรรถนะสูง คล่องตัว หนึ่งในงานปฏิรูปประเทศที่ยังดําเนินการไม่แล้วเสร็จและยังคงต้องดําเนินการอย่างต่อเนื่อง คือ แผนงานจังหวัดที่มีความคล่องตัวในการบริหารระบบงาน ระบบเงิน และระบบกําลังคน (จังหวัดที่มี ผลสัมฤทธิ์สูง : High Performance Provinces) โดยในแผนงานดังกล่าวนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทําการศึกษาโดยผลจากศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มีข้อเสนอเกี่ยวกับรูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารราชการจังหวัดให้เป็นจังหวัดที่มีผลสัมฤทธิ์จํานวน ๑๑ ประเด็น และข้อจํากัดการบริหารราชการ
๒ ในจังหวัดที่มีผลสัมฤทธิ์สูงจากข้อเสนอของจังหวัด (ประเด็นปลดล็อก) นําไปสู่การออกพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารราชการในจังหวัด นอกจากนี้การให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ในประเด็น การพัฒนาศูน ย์บ ริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) ของศูน ย์ดํารงธรรมจังหวัด และศูนย์ดํารงธรรมอําเภอ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ยังสอดคล้องกับประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่๙๖/๒๕๕๗ เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ดํารงธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานระดับจังหวัด และให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการในจังหวัดสามารถ ให้บริการประชาชนได้อย่างเสมอภาค มีคุณภาพ รวดเร็ว ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานและประชาชน ได้รับความพึงพอใจซึ่งอยู่ในภารกิจมิติที่๒ เป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จโดยหน่วยงานราชการที่เป็นกลไกหลัก ในการขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าว มีจํานวน ๓ แห่ง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย สํานักงานพัฒนารัฐบาล ดิจิทัล (องค์การมหาชน) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกอบกับปัจจุบันได้ประกาศ ใช้บังคับพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน ไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ผลการผลักดันการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ในประเด็น การพัฒนาศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) ปัจจุบันการให้บริการประชาชนด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด/อําเภอ กระทรวงมหาดไทยได้นําแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” (Citizen Portal) และ Biz Portal รวมทั้ง ThaID เชื่อมโยงงานบริการของภาครัฐมาให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ได้ดําเนินการครอบคลุมทุกจังหวัด/อําเภอแล้ว และกระทรวงมหาดไทยได้ดําเนินการขยายผล ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง โดยเริ่มดําเนินการ (Kick-off) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดของคณะกรรมาธิการที่เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับนโยบาย (โดยการประชุมร่วมกับสํานักนายกรัฐมนตรีสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กรมประชาสัมพันธ์สํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) และระดับปฏิบัติ (การติดตาม ความคืบหน้าดําเนินการในระดับพื้นที่จํานวน 52 จังหวัด) ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และ บรรลุวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอํานาจของวุฒิสภา คณะกรรมาธิการจึงเห็นควร กําหนดให้มีการจัดสัมมนา เรื่อง “ผลสัมฤทธิ์การดําเนินงานติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศด้านการ บริหารราชการแผ่นดิน สู่การบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นรูปธรรม ของคณะกรรมาธิการการ บริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา” เพื่อเป็นการสรุปผลสัมฤทธิ์การดําเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการปฏิบัติงานในห้วงเวลาที่ผ่านมา ท้ังนี้เพื่อเป็น แนวทางขับเคลื่อนและต่อยอดการดําเนินงานของคณะกรรมาธิการให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. วัตถุประสงค์ ๒.๑ เพื่อสรุปผลสัมฤทธิ์ในการดําเนินงานตามหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมาธิการ อันเป็นแนวทาง การขับเคลื่อนการดําเนินงานของคณะกรรมาธิการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติต่อไป ๒.๒ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อการดําเนินงานของคณะกรรมาธิการต่อไป
๓ ๓. กลุ่มเป้าหมาย จํานวน 73 คน ประกอบด้วย ๓.๑ คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา จํานวน 18 คน ๓.๒ คณะอนุกรรมาธิการ จํานวน 4 คณะ จํานวน 38 คน ๓.๒.๑ คณะอนุกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาระบบราชการ และการผังเมือง ๓.๒.๒ คณะอนุกรรมาธิการระบบบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจในสังกัด กระทรวงมหาดไทย ๓.๒.๓ คณะอนุกรรมาธิการการปรับปรุง พัฒนาระบบและการบูรณาการฐานข้อมูลในการบริหาร ราชการแผ่นดินของหน่วยงานของรัฐ ๓ .๒ .๔ คณะอนุกรรมาธิการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทํา และดําเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ๓.๓ ที่ปรึกษาและเลขานุการประจําคณะกรรมาธิการ และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจําคณะกรรมาธิการ จํานวน 5 คน ๓.๔ บุคลากรสํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา จํานวน 12 คน ๔. วิธีดําเนินการ วิทยากรบรรยาย และการอภิปรายและร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสรุปผลการดําเนินงาน ของคณะกรรมาธิการ ๕. ระยะเวลาดําเนินการและสถานที่ ระหว่างวันพุธที่๒๙ ถึงวันพฤหัสบดีที่๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ โรงแรมเมธาวลัย จังหวัดเพชรบุรี ๖. งบประมาณ สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ๗. ผู้รับผิดชอบโครงการ คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ๘. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๘.๑ มีสรุปผลสัมฤทธิ์ในการดําเนินงานตามหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมาธิการ และมีแนวทาง การขับเคลื่อนการดําเนินงานของคณะกรรมาธิการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติต่อไป ๘.๒ มีข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อเป็นประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงาน ของคณะกรรมาธิการต่อไป ...........................................................