The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการประชุม ครั้งที่ 8-67

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เอกสารประกอบการประชุม ครั้งที่ 8-67

เอกสารประกอบการประชุม ครั้งที่ 8-67

๑๓ 2.๒ ผลการด าเนินการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e – Service) ในประเด็นการพัฒนาศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) ภาพรวมของอ าเภอ เรื่อง การขับเคลื่อนการพัฒนามาตรฐานการให้บริการประชาชนตามแนวทางศูนย์ราชการสะดวก (GECC) ในรูปแบบ “ที่ท าการปกครองอ าเภอ” จังหวัดมุกดาหารสั่งการให้ที่ท าการปกครองอ าเภอทุกแห่ง (รวม 7 แห่ง)เตรียมการ และสมัครขอรับรองมาตรฐานศูนย์ราชการสะดวก (GECC) ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และก ากับ ติดตาม สนับสนุนและให้ค าแนะน า การสมัครฯ ในระบบออนไลน์ และการจัดท าเอกสาร เชิงประจักษ์โดยมีผลการด าเนินงานของที่ท าการปกครองอ าเภอ ดังนี้ ๒.๒.1 เตรียมความพร้อมด้านภายภาพและเอกสารเชิงประจักษ์เช่น ความสะอาดของพื้นที่ ให้บริการ สิ่งอ านวยความสะดวกผู้พิการ จุดบริการข้อมูลข่าวสาร การส ารวจความพึงพอใจ การให้บริการการส ารวจความต้องการของผู้บริการ การประเมินเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ฯลฯ ๒.2.๒ สมัครฯ (GECC) ระหว่างวันที่ 8 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ผ่านระบบออนไลน์(ขณะนี้ทุกอ าเภอสมัครฯ เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างแนบเอกสารเชิงประจักษ์ ลงในระบบ) ๒.๒.3 ที่ท าการปกครองอ าเภอที่ผ่านการประเมินด้านกายภาพและเอกสารเชิงประจักษ์ ด าเนินการเตรียมความพร้อมรับการตรวจประเมิน ณ สถานที่ปฏิบัติจริง (Site Visit) และรูปแบบการ ประชุมทางไกล (Video Conference) จากส านักงานปลัดส านักนายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจรับรองมาตรฐาน 3 ด้าน ดังนี้(๑) เกณฑ์ด้านกายภาพ (๒) เกณฑ์ด้านคุณภาพ แบ่งเป็น เกณฑ์พื้นฐาน และ เกณฑ์ขั้นสูง และ (๓) เกณฑ์ด้านผลลัพธ์ ๒.๓ การด าเนินการขับเคลื่อนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมด าเนินการเป็นศูนย์บริการ ร่วม/ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) จังหวัดมุกดาหารได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยแผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับปรับปรุง) กิจกรรมปฏิรูปที่ 4 การสร้างความเข้มแข็งในการ บริหารราชการในระดับพื้นที่ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ประเด็นการน าระบบการให้บริการ ประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) มาให้บริการประชาชนในพื้นที่ศูนย์ด ารงธรรมจังหวัด/ อ าเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากแผนดังกล่าว คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา จึงได้มีการประชุมหารือและวางแผนการขับเคลื่อนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วม ด าเนินการเป็นศูนย์บริการร่วม/ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จึงได้ก าหนดแนวทางการด าเนินการส าหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการเป็นศูนย์บริการร่วม/ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) รายละเอียด ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0812/ว 8963 ลงวันที่ 25 กันยายน 2566 โดยให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดมุกดาหาร ครบทั้ง 55 แห่ง เปิดให้บริการศูนย์บริการร่วม/ ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) พร้อมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรอกข้อมูลและรับรองข้อมูลรายงานการให้บริการศูนย์บริการร่วม/ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผ่านระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ระบบ INFO) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 โดยมีผลการด าเนินงานที่โดดเด่น อาทิ


๑๔ เทศบาลเมืองมุกดาหาร ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0812/ ว 8963 ลงวันที่ 25 กันยายน 2566 เรื่อง แนวทางการด าเนินการส าหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการเป็นศูนย์บริการร่วม/ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) เทศบาลเมือง มุกด าห ารจึงจัดตั้งศูนย์บริกา รร่วม/ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) ณ ห้องประชาสัมพันธ์ (ชั้น 1) กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ ส านักงานเทศบาลเมืองมุกดาหาร โดยให้บริการทั้งหมด 3 ประเภท 20 งานบริการ ดังนี้ ๑. งานบริการเพื่อประชาชน จ านวน 14 งานบริการ ๑.๑ จองคิวท าใบขับขี่ ๑.๒ ขอเลขทะเบียนรถ ๑.๓ ตรวจสอบชื่อสกุลเบื้องต้น ๑.๔ ระบบค้นหารูปแปลงที่ดิน ๑.๕ ติดตามสถานะคดี ๑.๖ ตรวจสอบสิทธิ์สวัสดิการสังคม ๑.๗ ระบบตรวจสอบสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาล ๑.๘ ขอรับกล้าไม้ออนไลน์ ๑.๙ ขอรับสารเร่ง พด. หญ้าแฝก และเมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ยสด ๑.๑๐ ขอมีบัตรประจ าตัวคนพิการ ๑.๑๑ ยื่นภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ๑.๑๒ ติดตามการขอคืนภาษี ภ.ง.ด. 91/90 ๑.๑๓ ขอใช้น้ าประปาในเขตต่างจังหวัด ๑.๑๔ ขอใช้ไฟฟ้าในเขตต่างจังหวัด ๒. งานบริการผู้ประกอบธุรกิจ/SMEs จ านวน 2 งานบริการ ๒.๑ ลงทะเบียนผู้ค้ากับภาครัฐ ๒.๒ แจ้งโรคระบาดสัตว์ ๓. งานบริการด้านแรงงานหรือส่งเสริมการมีงานท า จ านวน 4 งานบริการ ๓.๑ ขึ้นทะเบียนคนว่างงาน ๓.๒ ระบบค้นหางานท าและคนหางาน (Smart Job Center) ๓.๓ ผู้ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน มาตรา 40 ๓.๔ ขอรับประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน ผลการด าเนินงาน ตั้งแต่เปิดให้บริการ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้มาใช้บริการ โดยได้รายงานผลในระบบ INFO ในไตรมาสแรกเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีส่วนราชการ/หน่วยงานอื่น ๆ ที่มีการด าเนินการให้บริการประชาชนด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e -Service) ในประเด็นการพัฒนาศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) ดังนี้ ๑. ส านักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร ในการด าเนินการช าระภาษีรถประจ าปีแบบ เบ็ดเสร็จจุดเดียว ส านักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร (One Stop Service: OSS) รับช าระภาษีรถ ประจ าปี ณ ฝ่ายทะเบียนรถและภาษีรถ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้บริการในวันและเวลาราชการ ซึ่งรถที่สามารถยื่นช าระภาษีประจ าปีให้กับรถยนต์ประเภทต่างๆ


๑๕ ๒. ส านักงานจัดหางานจังหวัดมุกดาหาร จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน สาธารณสุข และความมั่นคงจังหวัดมุกดาหาร ให้บริการและค าปรึกษาตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน แก่ผู้มาติดต่อราชการ ประกอบด้วย ส านักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาฝีมือ แรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมการจัดหางาน ๓. ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร มีการให้บริการศูนย์บริการผลิตภัณฑ์ สุขภาพเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center: OSSC) ให้บริการประชาชน ในการขออนุญาตผลิต ผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ ได้แก่ ขออนุญาตผลิต อาหาร น้ าดื่ม เครื่องส าอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ขออนุญาตสถานที่เปิดให้บริการทางสุขภาพ คลินิก ร้านขายยา ร้านนวด ขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการ ร้านนวด เป็นต้น รวมถึงรับข้อร้องเรียนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพในการก ากับดูแล ของส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ๔. ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร มีการให้บริการ ประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e -Service) ในประเด็นการพัฒนาศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) ได้แก่ งานบริการ งานเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ระบบ“แอปเงินเด็ก” งานผู้สูงอายุระบบ “gold by dop” งานศูนย์บริการคนพิการทางเว็บไซต์ https://ecard.dep.go.th/person_info ทั้งนี้ ทุกระบบจะต้องด าเนินการควบคู่กับแอปพลิเคชัน thaiD ของกรมการปกครอง 3. การบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๕ จังหวัดมุกดาหารได้มีการด าเนินการตามมาตรา 62 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงาน เชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2565 โดยมีผลการด าเนินการที่ส าคัญ ดังนี้ การขับเคลื่อนข้อเสนอการกระจายอ านาจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานเชิงพื้นที่ของผู้ว่า ราชการจังหวัดตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 เห็นชอบข้อเสนอการกระจาย อ านาจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานเชิงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ตามที่ส านักงานสภา พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติส าหรับการด าเนินงานและจัดท าค า ของบประมาณประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1) ให้ความส าคัญในการจัดท าแผนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับหน่วยงานของรัฐ ภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ 2) ตรวจสอบแผนปฏิบัติราชการประจ าปี หรือแผนปฏิบัติงานประจ าปีของกระทรวง/กรม ในส่วนที่ด าเนินการในพื้นที่จังหวัดว่า มีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด และปัญหาความ ต้องการในพื้นที่หรือไม่ 3) พิจารณาด าเนินการตามกรอบแนวทางการปฏิบัติงานตามกลุ่มภารกิจ (Cluster) เพื่อสนับสนุน การปฏิบัติงานของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (ผู้ว่า CEO) ในการนี้ จังหวัดมุกดาหารจึงได้ด าเนินการแจ้งมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้ทุกส่วนราชการท ราบ และยกร่างค าสั่งจังหวัดมุกดาหาร แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลุ่มภารกิจ (Cluster) จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการจังหวัดมุกดาหาร (ก.บ.จ. มุกดาหาร) ในคราวการประชุมฯ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 ได้มีมติเห็นชอบ พร้อมทั้งแจ้งให้ทุกอ าเภอพิจารณา ด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และรายงานผลการด าเนินการให้กระทรวงมหาดไทยทราบเรียบร้อยแล้ว


๑๖ 3. จังหวัดสกลนคร วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์๒๕๖7 เวลา ๑๐.0๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุมพระธาตุเชิงชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสกลนคร โดยมีนายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร และ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ และเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการ สรุปข้อมูลได้ดังนี้ 3.๑ การขับเคลื่อนจังหวัดที่มีผลสัมฤทธิ์สูง (High Performance Provinces: HPP) การพัฒนารูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการในจังหวัดให้มีการทํางานที่มีผลสัมฤทธิ์สูง จังหวัดสกลนครได้มีคําสั่งที่ 2595/2564 ลงวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะทํางานเพิ่มประสิทธิภาพจังหวัดให้มีการทํางานที่มีผลสัมฤทธิ์สูง ของจังหวัดสกลนครขึ้น ซึ่งได้มีการเสนอประเด็นนโยบายสําคัญ (agenda) ของจังหวัดเพื่อเป็นข้อเสนอแนวทางการขับเคลื่อน จังหวัดที่มีผลสัมฤทธิ์สูง (High Performance Provinces: HPP) ในหัวข้อ เรื่อง “พัฒนาและขยายผล การพัฒนาเกษตรฐานรากด้วยนวัตกรรม ทางวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบสกลนครโมเดล” หน่วยงาน รับผิดชอบหลักคือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร ในปี 2563 จังหวัดสกลนครได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น ได้แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร คณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีวิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฏร และหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดสกลนคร ในการดำเนินโครงการสกลนครโมเดล ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับเลือกให้เป็นต้นแบบการสร้างนวัตกรรมชุมชนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จากคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีวิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฏร โดยสกลนครโมเดล มีแนวคิดเริ่มต้นจากพื้นที่ภาคอีสานโดยทั่วไป มีสภาพแห้งแล้งและดินไม่อุดมสมบูรณ์ส่วนพื้นที่ ชลประทานมีข้อจํากัดในการกระจายน้ําไปถึงไร่นา จึงต้องอาศัยน้ําฝนในการทําเกษตร และนี่เป็นที่มา ของแบบแผนในการแก้ไขความยากจนอย่างยั่งยืนในชื่อ "สกลนครโมเดล" องค์ประกอบในการแก้ไขความยากจนอย่างยั่งยืนในชื่อ "สกลนครโมเดล"


๑๗ หลักการดําเนินงานคือ ยึดเกษตรกรเป็นหลักในการพัฒนา โดยใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยพาเกษตรกรทําอย่างแม่นยํา โดยจังหวัดบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานในสังกัด สนับสนุน ขยายผลให้เกิด Impact แห่งการเปลี่ยนแปลง ผลการดําเนินการพบว่า เมื่อนําองค์ความรู้ ด้านวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรมที่แม่นยํา เข้าไปช่วยแก้ปัญหาเกษตรกร สามารถช่วยเพิ่มปริมาณ ผลผลิต คุณภาพ แล้วนํามาสู่มูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตรได้เช่น สมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีสารเอนโดร กราฟาไรด์ 4-6% โดยน้ําหนัก สามารถเพิ่มมูลค่าจากกิโลกรัมละ 40-50 บาทเป็น 150-750 บาท เป็นต้น โดยเป้าหมายที่สําคัญของโครงการ คือ เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 10,000 บาทต่อเดือน อย่างยั่งยืน การพัฒนาและขยายผลการพัฒนาเกษตรฐานรากด้วยนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ตามรูปแบบสกลนครโมเดล ดังนั้น จังหวัดสกลนคร เห็นว่า การพัฒนาเกษตรฐานรากด้วยนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ตามรูปแบบสกลนครโมเดลนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรของจังหวัดสกลนคร และจะกลายเป็น ต้นแบบให้ประเทศได้จึงควรขยายผลอย่างเร่งด่วนไปในพื้นที่อื่น ๆ ให้ครอบคลุมทั้งจังหวัดสกลนคร เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจระดับชุมชนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพในการแข่งขัน สามารถพึ่งพา ตนเอง ได้ซึ่งจะช่วยก่อให้เกิดการยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของประชาชน ในชุมชนให้ดีขึ้น และนําไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ํา และความไม่เสมอภาค ตามเป้าหมายการพัฒนาของ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต่อไป


๑๘ 3.๒ การดําเนินการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ในประเด็น การพัฒนาศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) รวมทั้งปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ จังหวัดสกลนครได้ดําเนินการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ณศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด /อําเภอ โดยคัดเลือก 20 งานบริการที่มีความเหมาะสมกับบริบทความต้องการของประชาชนในพื้นที่ มาให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วต่อประชาชน ประหยัดเวลา และค่าใชจ้่าย ดังนี้ งานบริการเพื่อประชาชน จํานวน ๑๔ งานบริการ ๑) จองคิวทําใบขับขี่ (กรมการขนส่งทางบก) ๒) ขอเลขทะเบียนรถ (กรมการขนส่งทางบก) ๓) ตรวจสอบชื่อสกุลเบื้องต้น (กรมการปกครอง) ๔) ระบบค้นหารูปแปลงที่ดิน (กรมที่ดิน) ๕) ติดตามสถานะคดี (กรมบังคับคดี) ๖) ตรวจสอบสิทธิ์สวัสดิการสังคม (กรมบัญชีกลาง) ๗) ระบบตรวจสอบสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาล (กรมบัญชีกลาง) ๘) ขอรับกล้าไม้ออนไลน์ (กรมป่าไม้) ๙) ขอรับสารเร่ง พด. หญ้าแฝก และเมล็ดพันธุ์พชปืุ๋ยสด (กรมพัฒนาที่ดิน) ๑๐) ขอมีบัตรประจาตัวคนพิการ (กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ) ๑๑) ยื่นภาษีรายได้บุคคลธรรมดา (กรมสรรพากร) ๑๒) ติดตามการขอคืนภาษีภ.ง.ด.๙๐/๙๑ (กรมสรรพากร) ๑๓) ขอใช้น้ําประปาในเขตต่างจังหวัด (การประปาส่วนภูมิภาค) ๑๔) ขอใช้ไฟฟ้าในเขตต่างจังหวัด (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) งานบริการผู้ประกอบธุรกิจ/SMEs จํานวน ๒ งานบริการ ๑) ลงทะเบียนผู้ค้ากับภาครัฐ (กรมบัญชีกลาง) ๒) แจ้งโรคระบาดสัตว์ (กรมปศุสัตว์) งานบริการด้านแรงงานหรือส่งเสริมการมีงานทํา จํานวน ๔ งานบริการ ๑) ขึ้นทะเบียนคนว่างงาน (กรมการจัดหางาน) ๒) ระบบค้นหางานทาและคนหางาน (กรมการจัดหางาน) ๓) ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน มาตรา ๔๐ (สานักงานประกันสังคม) ๔) ขอรับประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน (สานักงานประกันสังคม) โดยจังหวัดสกลนครได้มีการดําเนินการโดยจัดประชุมผู้แทนหน่วยงานที่รับผิดชอบ งานบริการ ๒๐ งานบริการดังกล่าว และชี้แจงเจ้าหน้าที่ของอําเภอ/ศูนย์ดํารงธรรมอําเภอที่ทําหน้าที่ เป็นผู้อํานวยความสะดวกและให้คําแนะนําปรึกษาในการรับบริการเพื่อซักซ้อมในการอํานวยความสะดวก ให้แก่ประชาชนที่ไม่มีความพร้อมของเครื่องมืออุปกรณ์และมีข้อจํากัดในการเข้าถึงบริการด้วยระบบ อิเล็กทรอนิกส์รวมทั้งยังได้จัดทําคู่มือหรือคําชี้แจง ขั้นตอน วิธีการ และแนวทางการเข้าถึงบริการด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์สําหรับงานบริการ ทั้ง ๒๐ งานบริการ ดังกล่าวด้วย


๑๙ นอกจากนี้ยังได้ดําเนินการประชาสัมพันธ์การให้บริการ e-Service ไปยังระดับพื้นที่ ณ ที่ว่าการอําเภอ ศูนย์ดํารงธรรมอําเภอ ทั้ง ๒๐ งานบริการ ผ่านหอกระจายข่าวประจําหมู่บ้าน และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ผลการดําเนินงาน ปรากฏว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีประชาชนผู้มารับบริการ รวมทุกอําเภอ รวมทั้งสิ้น ๑,๖๗๑ คน อยู่ในลําดับที่ 2 ของประเทศ โดยจังหวัดที่มีจํานวนผู้มารับบริการ ๕ ลําดับแรกของประทศ คือ ลําดับที่๑ จังหวัดเชียงใหม่จํานวนผู้มารับบริการ รวมทั้งสิ้น ๑,๙๑๔ คน ลําดับที่๒ จังหวัดสกลนคร จํานวนผู้มารับบริการ รวมทั้งสิ้น ๑,๖๗๑ คน ลําดับที่๓ จังหวัดสระบุรีจํานวนผู้มารับบริการ รวมทั้งสิ้น ๑,๖๒๑ คน ลําดับที่๔ จังหวัดอุตรดิตถ์จํานวนผู้มารับบริการ รวมทั้งสิ้น ๑,๒๐๑ คน ลําดับที่ 5 จังหวัดสุโขทัย จํานวนผู้มารับบริการ รวมทั้งสิ้น ๑,๐๙๘ คน การประชาสัมพันธ์การให้บริการ e-Service ของจังหวัดสกลนคร สรุปผลการดําเนินงานการให้บริการ e-Service ตามตัวชี้วัด “มาตรการปรับปรุง ประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของจังหวัดสกลนคร ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ (ร้อยละ ความพึงพอใจต่อการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service))” ซึ่งดําเนินการด้วย ๒ วิธีประกอบด้วย ๑. การสํารวจความพึงพอใจในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ๒. การสัมภาษณ์ผู้รับบริการ โดยผู้ประเมินอิสระจากสานักงาน ก.พ.ร. จังหวัดสกลนครได้รับคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ย ๙.๑๗ ร้อยละความพึงพอใจเฉลี่ย ๙๑.๗๓ (ข้อมูล ณ วันที่๒๙ กันยายน ๒๕๖๖) ซึ่งมีค่าเป้าหมายอยู่ในระดับขั้นสูง (ค่าเป้าหมาย ประกอบด้วย ขั้นต่ําร้อยละ 80 ขั้นมาตรฐาน ร้อยละ 85 ขั้นสูง ร้อยละ 90)


๒๐ ปัญหาอุปสรรคในการดําเนินงานพบว่าการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-service) หรือผ่านระบบออนไลน์ประชาชนจํานวนมากยังขาดทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล อีกทั้งยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเช่น สมาร์ทโฟน อินเทอร์เน็ต ด้วยตนเองได้ ข้อเสนอแนะ เนื่องจากประชาชนมีความคุ้นเคยในการเข้ามาใช้บริการ/ติดต่อราชการ ณ ที่ตั้งของหน่วยงานของรัฐ มากกว่าการเข้าถึงการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จผ่านระบบออนไลน์ดังนั้น จึงควรมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และแนะนําให้ประชาชนหันมาใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ ให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน และประหยัดเวลาในการใช้บริการ สําหรับการดําเนินการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ในส่วนของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ได้มีการพัฒนาให้เป็นศูนย์บริการ แบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) ตามแผนการขับเคลื่อน เช่นเดียวกับศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด /อําเภอแล้ว


๒๑ 3.๓ การดําเนินงานและปัญหาอุปสรรคการบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงาน เชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๕ จังหวัดสกลนครได้ดําเนินการบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่ แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งได้มีการจัดทําแผนพัฒนาจังหวัด ตามมาตรา 21 โดยคํานึงถึง ความต้องการและศักยภาพของประชาชนในจังหวัด ยุทธศาสตร์ชาติแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การจัดทําแผนพัฒนาจังหวัดสกลนครตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่ แบบบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๖๕ จังหวัดสกลนครกําหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสกลนคร มีเป้าหมาย คือ “เป็นแหล่งเกษตรปลอดภัย ก้าวไกลการค้าการลงทุน พัฒนาการท่องเที่ยวสู่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ําโขง” กําหนดเป้าประสงค์คือ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมและรายได้ของประชาชน และมีจุดยืน ทางยุทธศาสตร์ดังนี้ 1. การเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร 2. การค้าการลงทุน 3. การพัฒนาการท่องเที่ยว 3 ธรรม (ธรรมะ ธรรมชาติและวัฒนธรรม) กําหนดประเด็นการพัฒนาจังหวัดสกลนคร ดังนี้ 1. การพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. การพัฒนาการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว 3. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี 4. การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการอย่างสมดุลและยั่งยืน 5. การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามหลักธรรมาภิบาลและความมั่นคง


๒๒ โดยจังหวัดสกลนครดําเนินการบริหารงานจังหวัดเชิงพื้นที่ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่กําหนดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามหลักการสําคัญของการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ ตามที่กําหนดในกฎหมาย ดังกล่าว ดังนี้ 1. การบริหารงานจังหวัดได้มีการประสาน/เชื่อมโยง/บริหารงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ เชิงพื้นที่อย่างยั่งยืนเพื่อความผาสุกของประชาชน และส่งเสริมภาคประชาสังคมให้สามารถจัดการ และแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง 2. การบูรณาการแผนและงบประมาณ ได้มีการประสาน/กํากับ/บริหารแผนและงบประมาณ ของทุกภาคส่วน (Area Agenda Function) ในจังหวัดให้เกิดการบูรณาการและสอดคล้อง ตามแผนพัฒนาจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีอํานาจยับยั้งการดําเนินการของส่วนราชการในพื้นที่ ที่ไม่เป็นไปตามแผนดังกล่าว 3. การบริหารงานทรัพยากรบุคคล ตามที่กําหนดให้ปลัดกระทรวง/อธิบดีมอบอํานาจ การบริหารงานบุคคลของข้าราชการส่วนภูมิภาค ตําแหน่งอํานวยการและตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งนี้พบว่ามีปัญหาอุปสรรค กล่าวคือ งบประมาณที่จํากัดส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งแผนพัฒนาจังหวัดมุ่งเน้นการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหา/ตอบสนอง ความต้องการของประชาชน โดยผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่แต่งบประมาณ ที่จังหวัดได้รับการจัดสรรตามแผนกลับมีจํานวนจํากัด ประกอบกับความสอดคล้องของแผนพัฒนา จังหวัด ซึ่งกระทรวง/กรม มีโครงการ/งบประมาณจํานวนมากที่จัดสรรลงพื้นที่จังหวัดแต่ยังขาด ความเชื่อมโยงหรือสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและความต้องการของประชาชนในพื้นที่นอกจากนี้ สัดส่วนของการได้รับการจัดสรรงบประมาณโครงการที่จังหวัด/กลุ่มจังหวัดขอรับการสนับสนุน จากกระทรวง/กรม มีสัดส่วนการได้รบการจั ัดสรรงบประมาณค่อนข้างน้อยไม่ถึงร้อยละ 10


๒๓ 4. ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ ๑. ศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด/อําเภอรวมถึงองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ควรขยายผลการฝึกอบรม เจ้าหน้าที่โดยต้องดําเนินการให้ครอบคลุมเจ้าหน้าที่ในหลายตําแหน่ง หลายระดับ และมีความต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงาน ทั้งในเชิงระบบ (ภาคทฤษฎี) และการให้บริการ (ภาคปฏิบัติ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและอํานวยความสะดวกแก่ประชาชน ๒. ควรมุ่งเน้นและให้ความสําคัญในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และเข้าถึง การบริการ โดยต้องสร้างการรับรู้ในหมู่ข้าราชการในจังหวัดเป็นลําดับแรก โดยเฉพาะนายอําเภอ กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งจัดทําแผ่นพับประชาสัมพันธ์เพื่อให้นายอําเภอ กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน นําไปแจกจ่าย หรือ ประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายในพื้นที่และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์ ในหลากหลายช่องทาง 3. ควรแบ่งกลุ่มเป้าหมายของประชาชนตามช่วงอายุโดยเลือกใช้สื่อประชาสัมพันธ์ ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังเยาวชนคนรุ่นใหม่ครูอาจารย์ใน ระดับอุดมศึกษา ซึ่งจะขยายผล/กระจายข่าวไปยังผู้ปกครอง เพื่อน และครอบครัวได้ 4. การพัฒนางานบริการต่าง ๆ ให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์และทําให้ประชาชนสามารถ เข้าใช้งาน e-Service ได้จะเป็นการก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัล ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศและการบริหารงานภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ 5. หัวใจสําคัญของการขับเคลื่อนการดําเนินการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ในประเด็นการพัฒนาศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) คือ ทําอย่างไร ให้คนไทยทุกคน “โหลดแอปได้ใช้แอปเป็น” ซึ่งจะเกิดผลในการจัดอัตรากําลังคนภาครัฐที่เหมาะสม ลดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ลดการทุจริตคอร์รัปชัน และเป็นภาครัฐที่ทันสมัย ตอบโจทย์ชีวิต ประชาชน 6. ประเด็นการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลในระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นเร่ืองสําคัญ ที่ต้องทําให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจในระบบฐานข้อมูลภาครัฐได้ซึ่งแอปพลิเคชันทางรัฐ มีความปลอดภัยและมีการเก็บรวบรวมข้อมูลตามมาตรฐานพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2565 แต่ประชาชนบางส่วนยังขาดความเชื่อมั่นที่จะติดตั้งและใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าว ดังนั้น ศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด/อําเภอ รวมถึงองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ควรเน้นย้ําเพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว *************************


ข้อมูลประกอบค าชี้แจงของผู้แทนหน่วยงาน


ภาพการประชุมร่วมกันและการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคณะกรรมาธิการ


จังหวัดมุกดาหาร ภาพประกอบการลงพื้นพื้ที่ วันวัพฤหัสหับดีที่ 1 กุมกุภาพันพัธ์ 2567


-2-


จังหวัดสกลนคร ภาพประกอบการลงพื้นพื้ที่ วันวัศุกร์ที่ร์ ที่ 2 กุมกุภาพันพัธ์ 2567


-2-


ของคณะกรรมาธิกธิารการบริหริารราชการแผ่น ผ่ ดินวุฒิสฒิภา สำ นักนักรรมาธิกธิาร ๒ สำ นักนังานเลขาธิกธิารวุฒิสฒิภา


ระเบียบวาระที่ ๔ เรื่องอื่น ๆ


นัดประชุมคณะกรรมาธิการครั้งตอไป


Click to View FlipBook Version