The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ป.3 เทอม 1
ปี 2566
ครูสุริยัน ไตรยพันธ์
โรงเรียนเทศบาลเมืองขลุง 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanom_pang007, 2023-05-09 09:02:45

แผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ป.3 เทอม 1/2566

แผนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ป.3 เทอม 1
ปี 2566
ครูสุริยัน ไตรยพันธ์
โรงเรียนเทศบาลเมืองขลุง 1

154 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 1 ใบงานที่ 1 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 5.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนการจำแนกข้อมูล โดยแจกกระดาษแผ่นเล็กๆ (1 ใน 4 ของกระดาษ A4) ให้นักเรียนเขียนชื่อกีฬาที่นักเรียนชอบจากชนิดกีฬาต่อไปนี้ คือ ฟุตบอล วอลเลย์บอล เทเบิลเทนนิส ว่ายน้ำ และให้นักเรียนนำมาติดบนกระดาน (ข้อมูลที่นักเรียนติดจะกระจัดกระจาย) 2. ครูตั้งคำถามถามนักเรียนว่า นักเรียนในห้องชอบกีฬาชนิดใดมากที่สุด ชอบกีฬาชนิด ใดน้อยที่สุด มีนักเรียนชอบกีฬาฟุตบอลกี่คน ซึ่งนักเรียนจะตอบคำถามได้ช้า หรือเกิดความยุ่งยากใน การตอบค ครูถามนักเรียนว่า เราควรทำอย่างไรจึงจะตอบคำถามได้เร็ว (จัดข้อมูลเป็นกลุ่มๆ โดยนำ ข้อมูลที่เป็นกีฬาชนิดเดียวกันติดไว้ในกลุ่มเดียวกัน) 3. ครูให้นักเรียนจำแนกข้อมูลบนกระดานใหม่ ครูตั้งคำถามให้นักเรียนช่วยกันตอบอีก ครั้ง เช่น นักเรียนในห้องชอบกีฬาชนิดใดมากที่สุด ชอบกีฬาชนิดใดน้อยที่สุด มีนักเรียนชอบกีฬา ฟุตบอลกี่คน มีนักเรียนชอบกีฬาวอลเลย์บอลมากกว่าหรือน้อยกว่าว่ายน้ำกี่คน ขั้นสอน 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูลเกี่ยวกับรสไอศกรีมที่ นักเรียนชอบมากที่สุด โดยมอบใบรายชื่อสำหรับเก็บรวบรวมข้อมูลให้ตัวแทนนักเรียน 2 – 3 คน ช่วยกันสอบถามนักเรียนทุกคนในชั้นเรียนเกี่ยวกับรสไอศกรีมที่นักเรียนชอบมากที่สุดเพียงรสเดียว แล้วให้เขียน ✓ ตรงกับรสไอศกรีมที่ชอบมากที่สุด พร้อมเขียนสรุปข้อมูลที่รวบรวมได้ เช่น ชื่อ-นามสกุล รสไอศกรีมที่ชอบ วนิลา ช็อกโกแลต มะนาว สตรอเบอรี่


155 ครูให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของผลสรุปข้อมูลที่ได้ จากนั้นให้นักเรียน ช่วยกันตอบคำถามต่อไปนี้ เช่น - ไอศกรีมรสใดที่นักเรียนชอบมากที่สุด - ไอศกรีมรสใดที่นักเรียนชอบน้อยที่สุด - ไอศกรีมรสใดที่ไม่มีนักเรียนคนใดชอบเลย - นักเรียนที่ชอบไอศกรีมรสมะนาวกับรสสตรอเบอรี่รวมกัน มีจำนวนมากกว่าห น้อยน้อยกว่านักเรียนที่ชอบไอศกรีมรสวนิลาและรสช็อกโกแลตรวมกัน และมากกว่ากันหรือน้อยกว่า กันอยู่กี่คน 2. ครูแบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมาเลือกสลาก 1 ใบ เพื่อ ปฏิบัติกิจกรรมเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล แล้วให้แต่ละกลุ่มนำผลการเก็บรวบรวมข้อมูล และจำแนกข้อมูลติดบนกระดานเพื่อนำเสนอ พร้อมกับตั้งคำถามให้อีกกลุ่มหนึ่งตอบ กลุ่มละ 2 – 3 คำถาม ตัวอย่างสลาก เช่น - เก็บข้อมูลและจำแนกข้อมูลเกี่ยวกับสีที่นักเรียนชอบมากที่สุด - เก็บข้อมูลและจำแนกข้อมูลเกี่ยวกับวิชาที่นักเรียนชอบเรียนมากที่สุด 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 2 การเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล เมื่อเสร็จแล้ว ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 2 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การสัมภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การทดลอง ส่วนการจำแนก ข้อมูลเป็นการนำข้อมูลมาจัดให้เป็นหมวดหมู่หรือเรียงลำดับในลักษณะต่างๆ ตามวัตุประสงค์ที่เรานำ ข้อมูลนั้นไปใช้ 1. ด.ช.ณรงค์ ใจกล้า 2. ด.ช.สมชาย คงทน 3. ............................................. 4. ............................................. 5. ............................................. ✓ ✓ รวม สรุปข้อมูล รสวนิลา คน รสช็อกโกแลต คน รสมะนาว คน รสสตรอเบอรี่ คน


156 สื่อการเรียนรู้ 1. กระดาษแผ่นเล็ก 2. สลากการปฏิบัติกิจกรรมเก็บรวบรวมข้อมูลและการจำแนกข้อมูล 3. ใบรายชื่อนักเรียนในห้อง 4. ใบงานที่ 2 การเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 2 ใบงานที่ 2 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 5.3 การอ่านแผนภูมิรูปภาพ (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูตั้งคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมานักเรียน พบเห็นการนำเสนอข้อมูลด้วยวิธีการใดบ้าง” 2. ครูนำตัวอย่างแผนภูมิรูปภาพมาให้นักเรียนดู 3–5 ตัวอย่าง โดยติดไว้บนกระดาน ครูให้นักเรียนช่วยกันพิจารณาส่วนประกอบของแผนภูมิรูปภาพว่าประกอบไปด้วยส่วนประกอบ อะไรบ้าง 3. ครูตั้งคำถามว่า “จากการพิจารณาแผนภูมิรูปภาพบนกระดาน แผนภูมิรูปภาพ ประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบ้าง” โดยคำตอบต้องไม่ซ้ำกัน ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบ ความถูกต้อง ขั้นสอน 1. ครูติดแผนภูมิรูปภาพ ให้นักเรียนจับคู่กันอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของแผนภูมิรูปภาพ ส่วนประกอบของแผนภูมิรูปภาพ และการอ่านแผนภูมิรูปภาพ ลูกบอลที่ขายได้ในเวลา 5 วัน


157 วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ กำหนดให้ แทนจำนวนลูกบอล 2 ลูก ครูให้นักเรียนสังเกต และตอบคำถาม ในประเด็นต่อไปนี้ - แผนภูมินี้ เป็นแผนภูมิ ชนิดใด (แผนภูมิรูปภาพ) - รูปภาพในแผนภูมินี้ เป็นรูปอะไร (รูปลูกบอล) - แผนภูมิรูปภาพ รูปภาพที่ใช้แทนสิ่งเดียวกัน ต้องเป็นรูปที่เหมือนกันและมีขนาด เท่ากัน หรือไม่ (เท่ากัน) - รูปภาพ 1 รูป ใช้แทนจำนวนเท่าไร (2 ลูก) - แผนภูมินี้แสดงข้อมูลเกี่ยวกับอะไร (ลูกบอลที่ขายได้ในเวลา 5 วัน) - วันจันทร์ขายลูกบอลได้กี่ลูก (4 ลูก) - วันพุธขายลูกบอลได้มากกว่าวันอังคารกี่ลูก (6 ลูก) - ในเวลา 5 วัน ขายลูกบอลได้กี่ลูก (34 ลูก) - วันอังคารขายลูกบอลได้มากกว่าวันใดบ้าง (วันจันทร์ วันศุกร์) 2. นักเรียนอ่านแผนภูมิรูปภาพแสดงลูกบอลที่ขายได้ในเวลา 5 วัน โดยครูแนะนำว่า ภาพแต่ละภาพแทนลูกบอล 2 ลูก อ่านแผนภูมิได้ว่า “วันจันทร์ขายลูกบอลได้ 4 ลูก วันอังคารขายลูก บอลได้ 6 ลูก วันพุธขายลูกบอลได้ 10 ลูก วันพฤหัสบดีขายลูกบอลได้ 12 ลูก วันศุกร์ขายลูกบอลได้ 2 ลูก” 3. ครูติดแผนภูมิรูปภาพบนกระดาน จำนวนสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด


158 สุนัข แมว ปลา กระต่าย กำหนดให้รูป 1 รูป แทนจำนวนสัตว์เลี้ยง 3 ตัว ครูให้นักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง โดยให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - มีสุนัขกี่ตัว (12 ตัว) มีรูปสุนัขกี่รูป (4 รูป) - มีแมวกี่ตัว (15 ตัว) มีรูปแมวกี่รูป (5 รูป) - มีปลากี่ตัว (9 ตัว) มีรูปปลากี่รูป (3 รูป) - มีกระต่ายกี่ตัว (3 ตัว) มีรูปกระต่ายกี่รูป (1 รูป) 4. นักเรียนอ่านแผนภูมิรูปภาพแสดงจำนวนสัตว์เลี้ยง โดยครูแนะนำว่าภาพแต่ละภาพ แทนจำนวนสัตว์ 3 ตัว อ่านแผนภูมิได้ว่า 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 3 การอ่านแผนภูมิรูปภาพ เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 3 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ - แผนภูมิรูปภาพเป็นการใช้รูปภาพแสดงจำนวนหรือปริมาณของสิ่งต่างๆ โดย รูปภาพที่แทนสิ่งเดียวกัน ต้องเป็นรูปภาพที่เหมือนกัน และมีขนาดเท่ากัน - จำนวนรูปภาพในแผนภูมิรูปภาพ อาจไม่ใช่จำนวนที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ จำนวน ที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในแผนภูมิและหาได้จากการนับเพิ่มหรือนำจำนวนรูปใน แผนภูมิคูณกับจำนวนรูปภาพ 1 รูป ที่ใช้แทนตามข้อกำหนด สื่อการเรียนรู้ 1. ภาพสุนัข ภาพแมว ภาพปลา ภาพกระต่าย 2. แผนภูมิแสดงจำนวนสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด 3. ใบงานที่ 3 การอ่านแผนภูมิรูปภาพ การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 3 ใบงานที่ 3 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน มีสุนัข 12 ตัว มีแมว 15 ตัว มีปลา 9 ตัว มีกระต่าย 3 ตัว


159 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 5.4 การอ่านแผนภูมิรูปภาพ (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูยกตัวอย่างการอ่านข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพให้นักเรียนดู 2. ให้นักเรียนบอกรายละเอียดของแผนภูมิรูปภาพ เช่น แผนภูมิรูปภาพที่แสดงเกี่ยวกับ อะไร อ่านข้อมูลได้อย่างไร ฝึกทักษะการตั้งคำถามโดยให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนตั้งคำถามและหา คำตอบจากแผนภูมิรูปภาพที่ครูกำหนดให้ ขั้นสอน 1. ครูติดแผนภูมิรูปภาพแสดงจำนวนภาชนะของครูบนกระดาน พร้อมข้อกำหนดรูปภาพ 1 รูปภาพ แทนจำนวนภาชนะ 5 ใบ ดังนี้ จำนวนภาชนะของครู แก้วน้ำ จาน ถ้วย ชาม กำหนดให้รูป 1 รูป แทนจำนวนภาชนะ 5 ใบ


160 ครูให้นักเรียนพิจารณาแผนภูมิรูปภาพแล้วร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับส่วนประกอบ ของแผนภูมิ จากนั้นครูให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถาม เช่น - แผนภูมินี้แสดงอะไร ดูจากส่วนใด (จำนวนภาชนะของครู ดูจากส่วนบนของ แผนภูมิ) - รูปภาพ 1 รูป แทนภาชนะกี่ใบ (5 ใบ) - ครูมีแก้วน้ำกี่ใบ (15 ใบ) - ครูมีภาชนะทั้งหมดกี่ใบ (65 ใบ) - ภาชนะชนิดใดมีจำนวนเท่ากัน ชนิดละกี่ใบ (แก้วน้ำและถ้วย ชนิดละ 15 ใบ) - ครูมีจากมากกว่าชามกี่ใบ (15 ใบ) 2. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 4 การอ่านแผนภูมิรูปภาพ เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 4 ขั้นสรุป 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ - แผนภูมิรูปภาพเป็นการใช้รูปภาพแสดงจำนวนหรือปริมาณของสิ่งต่างๆ โดย รูปภาพที่แทนสิ่งเดียวกัน ต้องเป็นรูปภาพที่เหมือนกัน และมีขนาดเท่ากัน - จำนวนรูปภาพในแผนภูมิรูปภาพ อาจไม่ใช่จำนวนที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ จำนวน ที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในแผนภูมิและหาได้จากการนับเพิ่มหรือนำจำนวนรูปใน แผนภูมิคูณกับจำนวนรูปภาพ 1 รูป ที่ใช้แทนตามข้อกำหนด สื่อการเรียนรู้ 1. แผนภูมิภาชนะของครู 2. ใบงานที่ 4 การอ่านแผนภูมิรูปภาพ การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 4 ใบงานที่ 4 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป


161 5.5 การเขียนแผนภูมิรูปภาพ(1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. สนทนากับนักเรียนถึงสีที่นักเรียนชอบ มีสีอะไรบ้าง สีใดที่คนนิยมมากที่สุด เราจะ ทราบข้อมูลนี้โดยวิธีใด 2. นักเรียนช่วยกันเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสีที่เพื่อนชั้นชอบ โดยร่วมกันระดมความ คิดเห็นว่า ควรจะใช้วิธีใดจึงจะเหมาะสม เช่น ถามเพื่อนทีละคนหรือถามพร้อมกัน ขั้นสอน 1. ครูนำข้อมูลผลไม้ที่แม่ค้าขายได้ใน 1 วัน ดังนี้ มะม่วง 20 ผล ส้ม 40 ผล แอปเปิล 10 ผล มังคุด 35 ผล และชมพู่ 25 ผล 2. ครูให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์ข้อมูลและคิดหาแนวทางที่จะเขียนเป็นแผนภูมิรูปภาพ จากนั้นให้ช่วยกันเขียนแผนภูมิรูปภาพบนกระดาน โดยอภิปรายด้วยคำถาม - กำหนดชื่อของแผนภูมิว่าอย่างไร - กำหนดสัญลักษณ์ว่ารูป 1 รูปแทนผลไม้กี่ผล - ผลไม้มีกี่ชนิด อะไรบ้าง - ผลไม้แต่ละชนิดแทนด้วยสัญลักษณ์รูปผลไม้กี่รูป - จะเขียนแผนภูมิในแนวตั้งหรือแนวนอน 3. ครูแนะนำการเขียนแผนภูมิรูปภาพ โดยกำหนดให้ 1 รูป แทนจำนวนผลไม้ 5 ผล ครูนำภาพผลไม้ทั้ง 5 ชนิดมาให้นักเรียน พร้อมทั้งอธิบาย ดังนี้ แทนมะม่วง 5 ผล แทนส้ม 5 ผล แทนแอปเปิล 5 ผล แทนมังคุด 5 ผล แทนชมพู่ 5 ผล 4. ครูถามนักเรียนว่า ถ้าใช้รูปภาพแสดงจำนวนผลไม้ ผลไม้แต่ละชนิดแทนด้วยรูปภาพ กี่รูป จำนวนมะม่วง 20 ผล แทนด้วยรูปภาพมะม่วง 4 ภาพ จำนวนส้ม 40 ผล แทนด้วยรูปภาพส้ม 8 ภาพ จำนวนแอปเปิล 10 ผล แทนด้วยรูปภาพแอปเปิล 2 ผล


162 จำนวนมังคุด 35 ผล แทนด้วยรูปภาพมังคุด 7 ผล จำนวนชมพู่ 25 ผล แทนด้วยรูปภาพชมพู่ 5 ผล 5. ครูนำข้อมูลผลไม้ที่แม่ค้าขายได้ใน 1 วัน เขียนแสดงเป็นแผนภูมิรูปภาพบนกระดาน จำนวนผลไม้ที่แม่ค้าขายได้ใน 1 วัน มะม่วง ส้ม แอปเปิล มังคุด ชมพู่ กำหนดให้รูป 1 รูป แทนจำนวนผลไม้ 5 ผล 6. นักเรียนอ่านแผนภูมิรูปภาพแสดงจำนวนผลไม้ที่แม่ค้าขายได้ใน 1 วัน โดยครู แนะนำว่าภาพแต่ละภาพแทนจำนวนผลไม้ 5 ผล อ่านแผนภูมิได้ ดังนี้ “แม่ค้าขายมะม่วงได้ 20 ผล ขายส้มได้ 40 ผล ขายแอปเปิลได้ 10 ผล ขายมังคุดได้ 35 ผล และขายชมพู่ได้ 25 ผล” 7. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 5 การเขียนแผนภูมิรูปภาพ เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 5 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเขียนแผนภูมิรูปภาพ ถ้า เป็นข้อมูลสิ่งเดียวกัน รูปภาพที่ใช้ต้องเป็นรูปที่เหมือนกันและมีขนาดเท่ากัน การวางรูปในแผนภูมิ รูปภาพจะวางตามแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ และการเขียนแผนภูมิรูปภาพ เป็นเขียนข้อมูลโดยใช้ รูปภาพแทนจำนวนสิ่งต่างๆ โดยจะระบุข้อกำหนดของรูปภาพ ซึ่งง่ายต่อการอ่านรายละเอียดของ ข้อมูล สื่อการเรียนรู้ 1. แผนภูมิแสดงจำนวนผลไม้ที่แม่ค้าขายได้ใน 1 วัน


163 2. ใบงานที่ 5 การเขียนแผนภูมิรูปภาพ การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 5 ใบงานที่ 5 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 5.6 การอ่านตารางทางเดียว (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูตั้งคำถามกระตุ้นความสนใจนักเรียนว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมานักเรียนพบ เห็นการนำเสนอข้อมูลด้วยวิธีการใดบ้าง” 2. ครูนำตัวอย่างตารางทางเดียวมาให้นักเรียนดู 3 - 5 ตัวอย่าง โดยติดไว้บนกระดาน ครู ให้นักเรียนช่วยกันพิจารณาส่วนประกอบของตารางทางเดียวว่าประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบ้าง 3. ครูตั้งคำถามแล้วให้ตัวแทนนักเรียนออกมาตอบว่า “จากการพิจารณาตารางทางเดียว บนกระดาน ตารางทางเดียวประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบ้าง” โดยคำตอบต้องไม่ซ้ำกัน ครูและ นักเรียนที่เหลือร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นสอน 1. ครูติดตารางทางเดียวบนกระดาน แล้วแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม ให้นักเรียนแข่งขัน กันตอบคำถาม โดยมีกติกาดังนี้ - นักเรียนที่ยกมือก่อนจะมีสิทธิ์ตอบก่อน - กลุ่มที่ตอบคำถามได้ถูกต้องจะได้คะแนนสะสม 1 คะแนน - นักเรียนกลุ่มใดตอบผิด อีกกลุ่มจะมีโอกาสตอบโดยไม่ต้องยกมือ จำนวนนักเรียนที่ชอบกีฬาชนิดต่างๆ ชนิดของกีฬา จำนวนนักเรียน (คน) วอลเลย์บอล 17 ฟุตบอล 32


164 แบดมินตัน 45 ว่ายน้ำ 27 ปิงปอง 20 - ตารางทางเดียวนี้แสดงอะไร (จำนวนนักเรียนที่ชอบกีฬาชนิดต่างๆ) - ชนิดของกีฬามีทั้งหมดกี่ชนิดอะไรบ้าง (วอลเลย์บอล ฟุตบอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ ปิงปอง) - จำนวนนักเรียนที่ชอบกีฬาวอลเลย์บอลมีจำนวนเท่าไร (17 คน) - จำนวนนักเรียนที่ชอบกีฬาฟุตบอลมีจำนวนเท่าไร (32 คน) - จำนวนนักเรียนที่ชอบกีฬาว่ายน้ำมีจำนวนเท่าไร (27 คน) - นักเรียนชอบกีฬาชนิดใดน้อยที่สุด จำนวนกี่คน (วอลเลย์บอล จำนวน 17 คน) - นักเรียนชอบกีฬาชนิดใดมากที่สุด จำนวนกี่คน (แบดมินตัน จำนวน 45 คน) - นักเรียนชอบกีฬาวอลเลย์บอลน้อยกว่าว่ายน้ำกี่คน (10 คน) 2. ครูถามคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า “สิ่งสำคัญในการอ่านตารางทางเดียวคือ อะไร” (จะต้องอ่านข้อมูลตรงจุดตัดแนวตั้งกับแนวนอน) 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 6 การอ่านตารางทางเดียว เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 6 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การอ่านตารางทางเดียวเป็น การอ่านข้อมูลจากตารางซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลรูปแบบหนึ่งที่มีการจำแนกข้อมูลเพียง 1 ลักษณะ โดยการอ่านข้อมูลจะอ่านตรงจุดตัดแนวตั้งกับแนวนอน สื่อการเรียนรู้ 1. ตารางทางเดียว 2. ใบงานที่ 6 การอ่านตารางทางเดียว การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 6 ใบงานที่ 6 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 5.7 การอ่านตารางทางเดียว (1 ชั่วโมง)


165 กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนเรื่องส่วนประกอบของตารางทางเดียว โดยครูติดตารางทางเดียวบน กระดาน จากนั้นสุ่มตัวแทนนักเรียนตอบคำถาม ว่าสิ่งที่ครูชี้ คือ ส่วนประกอบใดของตารางทางเดียว โดยครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบ ขั้นสอน 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน จากนั้นครูนำภาพผลไม้ต่างๆ มาวางรวมกัน บนโต๊ะหน้าชั้นเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเดินสำรวจแล้วพิจารณาผลไม้ทีละชนิดว่ามีผลไม้ชนิด ใดบ้าง และมีจำนวนเท่าไร 2. ครูให้นักเรียนเขียนชื่อผลไม้พร้อมทั้งวาดภาพประกอบเพื่อแสดงจำนวนผลไม้ที่ได้ สำรวจลงในแบบบันทึกข้อมูลตารางที่ 1 เช่น แอปเปิล กล้วย ส้ม มังคุด มะม่วง 3. ครูตั้งคำถามจากตารางแสดงจำนวนผลไม้โดยให้นักเรียนร่วมกันตอบเพื่อให้ได้ ประเด็นต่างๆ ดังนี้ - แอปเปิล มีจำนวนกี่ผล - กล้วย มีจำนวนกี่ผล - ส้ม มีจำนวนกี่ผล - มังคุด มีจำนวนกี่ผล - มะม่วง มีจำนวนกี่ผล - ผลไม้ชนิดใดมีจำนวนมากที่สุดและมีจำนวนเท่าไร - ผลไม้ชนิดใดมีจำนวนมากรองลงมาและมีจำนวนเท่าไร - ผลไม้ชนิดใดมีจำนวนน้อยที่สุดและมีจำนวนเท่าไร 4. ครูถามนักเรียนกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า ข้อมูลที่ได้มีลักษณะอย่างไร (เป็น ข้อความหรือตัวเลข) 5. ครูให้นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันพิจารณาส่วนประกอบของตารางทางเดียวที่ครูติดบน กระดานว่าประกอบไปด้วยส่วนประกอบอะไรบ้าง จากนั้นร่วมกันสรุปส่วนประกอบลงในกระดาษที่ ครูแจกให้ 6. ครูตั้งคำถาม โดยให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาตอบกลุ่มละ 1 คำตอบ ว่าจาก การพิจารณาตารางทางเดียวบนกระดานมีส่วนประกอบอะไรบ้าง โดยคำตอบต้องไม่ซ้ำกัน ครูและ นักเรียนกลุ่มที่เหลือร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง และครูอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ 7. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 7 การเขียนตารางทางเดียว เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 7 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเขียนตารางทางเดียวว่า ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ชื่อตาราง หัวตาราง และข้อมูลในตาราง ซึ่งข้อมูลในตารางจะประกอบด้วย ข้อความและตัวเลขแสดงข้อมูลต่างๆ การเขียนตารางทางเดียวต้องกำหนดหัวข้อและแปลงข้อมูล ต่างๆ เป็นตัวเลข และการเขียนตารางทางเดียว เป็นการนำเสนอข้อมูลรูปแบบหนึ่งที่มีการจำแนก ข้อมูลเพียง 1 ลักษณะ โดยการอ่านข้อมูลจะอ่านตรงจุดตัดแนวตั้งกับแนวนอน


166 สื่อการเรียนรู้ 1. ภาพผลไม้ต่างๆ เช่น แอปเปิล กล้วย ส้ม มังคุด มะม่วง 2. ใบงานที่ 7 การเขียนตารางทางเดียว การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 7 ใบงานที่ 7 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป


169 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค13101 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เศษส่วน เวลาเรียน 13 ชั่วโมง ............................................................................................................................. ................................... 1. สาระที่ 1 จำนวนและพีชคณิต 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.1 : เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การ ดำเนินการของจำนวน ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการ สมบัติของการ ดำเนินการ และการนำไปใช้ 3. ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.3/3 : บอก อ่าน และเขียนเศษส่วนแสดงปริมาณสิ่งต่างๆ และแสดงสิ่งต่างๆ ตาม เศษส่วนที่กำหนด ค 1.1 ป.3/4 : เปรียบเทียบเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากันโดยที่ตัวเศษน้อยกว่าหรือเท่ากับตัว ส่วน ค 1.1 ป.3/10 : หาผลบวกของเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันและผลบวกไม่เกิน 1 และหาผลลบ ของเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ค 1.1 ป.3/11 : แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันและ ผลบวกไม่เกิน 1 และโจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน 4. สาระสำคัญ เศษส่วน เป็นการเขียนแสดงจำนวน โดยใช้ − เป็นเส้นคั่นระหว่างจำนวนสองจำนวน จำนวน ที่อยู่บนเส้นคั่นเรียกว่า ตัวเศษ จำนวนที่อยู่ใต้เส้นคั่น เรียกว่า ตัวส่วน การอ่านเศษส่วนให้เริ่มอ่านจาก ตัวเลขเศษก่อน โดยมีคำว่า เศษ นำหน้าแล้วตามด้วยตัวเลขที่เป็นตัวเศษ จากนั้นอ่านตัวส่วนต่อ โดย มีคำว่า ส่วน นำหน้า แล้วตามด้วยตัวเลขที่เป็นตัวส่วน 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.1 ด้านความรู้ 1) บอกเศษส่วนที่ตัวเศษน้อยกว่าหรือเท่ากับตัวส่วนได้ (K) 2) เขียนเศษส่วนที่ตัวเศษน้อยกว่าหรือเท่ากับตัวส่วนได้ (P)


170 3) นำความรู้เกี่ยวกับการบอก อ่าน และเขียนเศษส่วนที่ตัวเศษน้อยกว่าหรือเท่ากับตัว ส่วนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (A) 5.2 ด้านทักษะกระบวนการ 1) ทักษะการแก้ปัญหา 2) ทักษะการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ 3) ทักษะการเชื่อมโยง 4) ทักษะการให้เหตุผล 5) การคิดสร้างสรรค์ 5.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. การพัฒนา 3R 7.1 ทักษะด้านการอ่าน 7.2 ทักษะด้านการเขียน 7.3 ทักษะทางคณิตศาสตร์ 8. การพัฒนา 8C 8.1 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณฯ - 8.2 ทักษะด้านการสร้างสรรค์ฯ - 8.3 ทักษะด้านความร่วมมือฯ ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม 8.4 ทักษะด้านความเข้าใจต่างของวัฒนธรรมฯ การทำงานร่วมกันในการทำงานกลุ่ม


171 8.5 ทักษะด้านการสื่อสารฯ - 8.6 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ฯ - 8.7 ทักษะอาชีพฯ - 8.8 ทักษะความมีเมตตา คุณธรรมฯ การส่งงานตรงตามเวลาที่กำหนด 9. การบูรณาการ - 6.1 การอ่านและเขียนเศษส่วนที่ตัวเศษน้อยกว่าตัวส่วน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูสนทนากับนักเรียนถึงสิ่งของที่เต็มหน่วยและสิ่งของที่ไม่เต็มหน่วย จากนั้น ยกตัวอย่างรูปภาพสิ่งของที่เต็มหน่วยและไม่เต็มหน่วย โดยนำบัตรภาพ เช่น ผลไม้ ขนมเค้ก วงกลม ทั้งที่เป็นภาพเต็มหน่วยและไม่เต็มหน่วยติดบนกระดานดำเพื่อให้นักเรียนตอบคำถามว่า ภาพใดบ้างที่ เต็มหน่วยและภาพใดบ้างที่ไม่เต็มหน่วย ขั้นสอน 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาถึงสิ่งของที่เต็มหน่วยว่า สิ่งของที่เต็มหน่วย เรียกว่า จำนวนเต็ม เป็นการแสดงสิ่งของที่มีจำนวนเต็มหน่วยซึ่งเราสามารถนับได้ และใช้สัญลักษณ์ 1, 2, 3, ... แทนจำนวนดังกล่าว พร้อมกับถามนักเรียนว่า สิ่งของที่ไม่เต็มหน่วย เรียกว่าอะไร สามารถนับเป็น จำนวนเต็มได้หรือไม่ และใช้สัญลักษณ์อะไรแทน 2. ครูนำภาพขนมที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กันมาติดบนกระดานดำ ดังรูป ให้นักเรียนตอบคำถามดังนี้ - แบ่งขนมเค้กให้เท่าๆ กันได้กี่ส่วน (2 ส่วน) - นักเรียน 2 คน จะได้รับขนมเค้กคนละเท่าไร (คนละ 1 ส่วน) ครูแนะนำว่าส่วนที่นักเรียนหนึ่งคนได้รับ เป็น 1 ใน 2 ส่วนของขนมเค้กทั้งหมด เขียนแทนด้วย 1 2 อ่านว่า เศษหนึ่งส่วนสอง ตัวเลขตัวบน คือ 1 เรียกว่า ตัวเศษ ซึ่งแสดงจำนวนส่วน แบ่งที่กล่าวถึง ตัวเลขตัวเล่างคือ 2 เรียกว่า ตัวส่วน ซึ่งแสดงจำนวนส่วนแบ่งทั้งหมดที่เท่าๆ กัน แทนการแบ่งขนมเค้กด้วยรูปสี่เหลี่ยมด้านล่าง และแทน ส่วนที่นักเรียนหนึ่งคนได้รับด้วยสีส้ม


172 3. ครูนำแถบกระดาษที่มีส่วนแบ่ง 5 ส่วนเท่าๆ กัน โดยที่แถบกระดาษดังกล่าวระบาย สี 1 ส่วน ติดบนกระดานดำให้นักเรียนพิจารณา ดังรูป ให้นักเรียนตอบคำถามดังนี้ - แถบกระดาษแบ่งออกเป็นส่วนที่เท่ากันกี่ส่วน - ส่วนที่ระบายสีมีกี่ส่วน - เขียนเศษส่วนแทนส่วนที่ระบายสีได้อย่างไร 4. จากนั้นครูนำรูปมาติดบนกระดาน แล้วอภิปรายซักถามนักเรียน ดังนี้ รูปที่ 1 รูปที่ 2 รูปที่ 3 รูปที่ 4 รูปที่ จำนวนส่วนแบ่งที่เท่าๆ กัน จำนวนส่วนที่แรเงา เศษส่วนแสดงส่วนที่แรเงา 1 4 1 1 4 2 4 1 1 4 3 6 2 2 6 4 3 1 1 3 5. ครูนำรูปสิ่งของหนึ่งกลุ่มซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 20 และแบ่งสิ่งของออกเป็นหลายส่วน เท่าๆ กัน แรเงาบางส่วนของรูปติดไว้บนกระดาน เช่น ให้นักเรียนตอบคำถามดังนี้ - รูปนี้ถูกแบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม (3 กลุ่ม) - แต่ละกลุ่มมีจำนวนเท่ากันหรือไม่ (เท่ากัน) 0


173 - กลุ่มที่แรเงามีกี่ส่วน (1 ส่วน) - กลุ่มที่แรเงาเป็นเศษส่วนเท่าไรของรูป (เศษหนึ่งส่วนสาม) 6. ครูให้นักเรียนหาเศษส่วนจากสิ่งของซึ่งมีหลายชนิดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - จำนวนรูป เป็นจำนวนเศษส่วนเท่าไรของจำนวนรูปเรขาคณิตทั้งหมด (3 7 ) - จำนวนรูป เป็นจำนวนเศษส่วนเท่าไรของจำนวนรูปเรขาคณิตทั้งหมด (2 7 ) - จำนวนรูป เป็นจำนวนเศษส่วนเท่าไรของจำนวนรูปเรขาคณิตทั้งหมด (2 7 ) 7. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 1 การอ่านและเขียนเศษส่วนที่ตัวเศษน้อยกว่าตัวส่วน เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 1 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ - เศษส่วน คือ จำนวนที่ใช้บอกปริมาณของสิ่งของหรือรูปภาพที่ถูกแบ่งออกมา เมื่อเทียบกับสิ่งของทั้งหมดหรือภาพทั้งหมด - สัญลักษณ์ที่เขียนแสดงเศษส่วนประกอบด้วย ตัวเศษ แสดงจำนวนส่วนแบ่งที่ กล่าวถึง ซึ่งจะเขียนไว้ด้านบน ตัวส่วน แสดงจำนวนส่วนแบ่งทั้งหมดที่แบ่งออกเท่าๆ กัน ซึ่งจะเขียน ไว้ด้านล่าง และมีเส้นคั่นระหว่างตัวเศษและตัวส่วน สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพสิ่งของที่เต็มหน่วยและไม่เต็มหน่วย 2. ภาพขนมเค้กที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน 3. แถบกระดาษเศษส่วน 4. ใบงานที่ 1 การอ่านและเขียนเศษส่วนที่ตัวเศษน้อยกว่าตัวส่วน


174 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 1 ใบงานที่ 1 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.2 การอ่านและเขียนเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากับตัวส่วน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนการอ่านเศษส่วน โดยติดแถบแสดงเศษส่วนบนกระดาน เช่น ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายส่วนที่แรเงาแสดงเศษส่วนใด และตรวจสอบความถูกต้อง โดยครูอธิบายแนะนำและตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง


175 ขั้นสอน 1. ครูติดแถบกระดาษที่แรเงาเต็ม 1 แถบ บนกระดานใช้การถามตอบ จนนักเรียนบอกได้ว่า ส่วนที่แรเงาแสดง 1 2. ครูติดแถบกระดาษรูปสี่เหลี่ยมที่มีขนาดเท่าเดิมอีก 4 แบบ (ดังรูปข้างล่าง) และแบ่ง แถบกระดาษแถบที่หนึ่งเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน แถบที่สองเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน แถบที่สามเป็น 4 ส่วน เท่าๆ กัน และแถบที่สี่เป็น 5 ส่วนเท่าๆ กัน ดังนี้ ครูแรเงาแถบกระดาษแถบที่ 1 ทีละส่วน พร้อมทั้งให้นักเรียนบอกเศษส่วนที่แทน ส่วนที่แรเงา (1 2 , 2 2 ) ทำนองเดียวกัน สำหรับแถบที่ 2 (1 3 , 2 3 , 3 3 ) แถบที่ 3 (1 4 , 2 4 , 3 4 , 4 4 ) และแถบ ที่ 4 (1 5 , 2 5 , 3 5 , 4 5 , 5 5 ) เมื่อแรเงาครบทุกแถบจะได้ดังนี้ จากนั้นให้นักเรียนพิจารณาแถบกระดาษทั้งหมดใช้การถามตอบ ดังนี้ - กระดาษแต่ละแถบมีขนาดเท่ากันหรือไม่ (เท่ากัน) - ส่วนที่แรเงาทั้งหมดในกระดาษแต่ละแถบเท่ากันหรือไม่ (เท่ากัน) แถบที่ 1 แถบที่ 2 แถบที่ 3 แถบที่ 4 1 2 2 3 3 4 4 5 5


176 - เนื่องจากส่วนที่ที่แรเงาในกระดาษแต่ละแถบเท่ากัน ดังนั้น จะได้จำนวนอะไรที่ เท่ากันบ้าง (1 , 2 2 , 3 3 , 4 4 , 5 5 ) ครูเขียนผลสรุปที่ได้บนกระดาน ดังนี้ 2 2 = 3 3 = 4 4 = 5 5 = 1 3. ครูถามนักเรียนเพิ่มเติม ดังนี้ - นักเรียนคิดว่า ถ้าแบ่งกระดาษออกเป็น 6 ส่วนเท่าๆ กัน จะได้เศษส่วนใด เท่ากับ 1 (6 6 ) - ถ้าแบ่งกระดาษออกเป็น 7 8 และ 9 ส่วนเท่าๆ กัน จะได้เศษส่วนใดเท่ากับ 1 บ้าง (7 7 , 8 8 , 9 9 ) - นักเรียนคิดว่ายังมีเศษส่วนที่เท่ากับ 1 อีกหรือไม่ (มีอีก) - ให้นักเรียนยกตัวอย่างเศษส่วนที่เท่ากับ 1 อีกหลายๆ ตัวอย่างโดยครูตรวจสอบ ความถูกต้อง 4. ครูให้นักเรียนสังเกตแถบกระดาษที่ติดบนกระดานและตัวอย่างเศษส่วนที่เท่ากับ 1 ที่นักเรียนยกตัวอย่างมา ครูใช้การถามตอบจนนักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่า เศษส่วนที่ตัวเศษและตัวส่วน เป็นจำนวนนับที่เท่ากัน เป็นเศษส่วนที่เท่ากับ 1 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 2 การอ่านและเขียนเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากับตัวส่วน เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 2 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้เศษส่วนที่ตัวเศษและตัวส่วน เป็นจำนวนนับที่เท่ากันเป็นเศษส่วนที่เท่ากับ 1 สื่อการเรียนรู้ 1. แถบแสดงเศษส่วน 2. แถบกระดาษ 3. ใบงานที่ 2 การอ่านและเขียนเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากับตัวส่วน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 2 ใบงานที่ 2 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน


177 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.3 การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. นักเรียนทบทวนความรู้โดยสังเกตและตอบคำถามบัตรภาพแสดงเศษส่วนที่ติดบน กระดานแล้วตอบคำถาม ดังนี้ - ภาพที่ 1 แบ่งเป็นกี่ส่วน (4 ส่วน) - แต่ละส่วนเท่ากันหรือไม่ (เท่ากัน) - ส่วนที่ระบายสีในรูป ก และรูป ข มีกี่ส่วน (รูป ก 1 ส่วน รูป ข 2 ส่วน) - ส่วนที่ระบายสีในรูป ก และรูป ข เขียนเป็นเศษส่วนได้อย่างไร (รูป ก 1 4 รูป ข 2 4 ) ผู้แทนนักเรียนออกมาเขียนเศษส่วนแสดงส่วนที่ระบายสีใต้รูป ก และรูป ข พร้อม ทั้งเขียนเป็นคำอ่าน นักเรียนที่เหลือช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นพิจารณาภาพที่ 2 และ ตอบคำถามดังนี้ - ภาพที่ 2 แบ่งเป็นกี่ส่วน แต่ละส่วนเท่ากันหรือไม่ (6 ส่วนเท่าๆ กัน) - ส่วนที่ระบายสีในรูป ค และรูป ง มีกี่ส่วน (รูป ค 3 ส่วน รูป ง 1 ส่วน) - ส่วนที่ระบายสีในรูป ค และรูป ง เขียนเป็นเศษส่วนได้อย่างไร (รูป ค 3 6 รูป ง 1 6 ) ภาพที่ 1 ก. ข. ค. ง. ภาพที่ 2


178 ผู้แทนนักเรียนออกมาเขียนเศษส่วนแสดงส่วนที่ระบายสีใต้รูป ค และรูป ง พร้อมทั้ง เขียนเป็นคำอ่าน นักเรียนที่เหลือช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นสอน 1. นักเรียนพิจารณาบัตรแสดงเศษส่วนบนกระดาน ดังนี้ นักเรียนพิจารณาและเปรียบเทียบส่วนที่ไม่ได้ระบายสีในภาพที่ 1 และภาพที่ 2 ที่ใช้ ในกิจกรรมข้อ 1. แล้วตอบคำถามดังนี้ - ภาพที่ 1 ส่วนที่ไม่ได้ระบายสีในรูป ก และรูป ข มีกี่ส่วนใน 4 ส่วน (รูป ก 3 ส่วน รูป ข 2 ส่วน) - ส่วนที่ไม่ได้ระบายสีในรูป ก และรูป ข เขียนเป็นเศษส่วนได้อย่างไร (รูป ก 3 4 รูป ข 2 4 ) - เศษส่วนจำนวนใดมีค่าน้อยกว่ากัน (2 4 ) - เพราะเหตุใดจึงมีค่าน้อยกว่า (เพราะมีเนื้อที่ไม่ได้ระบายสีเหลือน้อยกว่า) - การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันต้องพิจารณาอะไร (พิจารณาที่ตัว เศษ ถ้าตัวเศษมีค่าน้อยเศษส่วนนั้นจะมีค่าน้อย) จากนั้นผู้แทนนักเรียน (ไม่ให้ซ้ำคนเดิม) ออกมาเขียนเศษส่วนแสดงส่วนที่ไม่ได้ ระบายสี พร้อมทั้งเขียนเครื่องหมาย >, < แสดงการเปรียบเทียบระหว่างเศษส่วนทั้ง 2 จำนวนดังนี้2 4 < 3 4 หรือ 3 4 > 2 4 - ภาพที่ 2 ส่วนที่ไม่ได้ระบายสีในรูป ค และรูป ง มีกี่ส่วนใน 6 ส่วน (รูป ค 3 ส่วน รูป ง 5 ส่วน) - ส่วนที่ไม่ได้ระบายสีในรูป ค และรูป ง เขียนเป็นเศษส่วนได้อย่างไร (รูป ค 3 6 รูป ง 5 6 ) - เศษส่วนใดมีค่ามากกว่ากัน (5 6 ) - เพราะเหตุใดจึงมีค่ามากกว่า (เพราะมีเนื้อที่ไม่ได้ระบายสีเหลือมากกว่า) ภาพที่ 1 ก. ข. ค. ง. ภาพที่ 2


179 - การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันต้องพิจารณาอย่างไร (พิจารณาที่ตัว เศษ เศษส่วนที่มีตัวเศษมากจะมีค่ามาก) จากนั้นผู้แทนนักเรียนออกมาเขียนเศษส่วนแสดงส่วนที่ไม่ได้ระบายสี พร้อมทั้งเขียน เครื่องหมาย >, < แสดงการเปรียบเทียบส่วนที่ไม่ได้ระบายสี ระหว่างเศษส่วนทั้ง 2 จำนวน ดังนี้5 6 > 3 6 หรือ 3 6 < 5 6 2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายถึงการเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีส่วนเท่ากันว่า สามารถทำได้โดยนำตัวเศษมาเปรียบเทียบกัน ถ้าตัวเศษของจำนวนใดมีค่ามากกว่า จำนวนนั้นจะมีค่า มากกว่า 3. ครูยกตัวอย่างเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันเพิ่มเติมอีก จนนักเรียนตอบได้คล่อง เช่น 3 9 6 9 5 7 3 7 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 3 การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อเสร็จ แล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 3 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มี ตัวส่วนเท่ากัน ใช้วิธีนำตัวเศษมาเปรียบเทียบกัน เศษส่วนที่มีตัวเศษมากกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วน ที่มีตัวเศษน้อยกว่า สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพแสดงเศษส่วน 2. ใบงานที่ 3 การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 3 ใบงานที่ 3 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน


180 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป


181 6.4 การเรียงลำดับเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนที่ตัวส่วนเท่ากัน โดยนำบัตรภาพแสดงเศษส่วน มาให้นักเรียนดูทีละคู่ แล้วให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบว่า รูปภาพใดแสดงเศษส่วนที่มากกว่าหรือน้อย กว่ากัน (2 - 3ตัวอย่าง) 2. ครูเขียนตัวเลขบนกระดานทีละคู่ แล้วให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบว่าจำนวนใดมีค่า มากกว่าหรือน้อยกว่ากันโดยใช้เครื่องหมาย ดังนี้ 5 6 กับ 2 6 , 2 7 กับ 6 7 , 5 5 กับ 4 5 , 3 8 กับ 1 8 ขั้นสอน 1. ครูกล่าวทักทายและทบทวนเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนที่ตัวส่วนเท่ากันว่า “เศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ให้พิจารณาที่ตัวส่วน เศษส่วนที่มีตัวเศษมากกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วน ที่มีตัวเศษน้อยกว่า” 2. ครูนำบัตรตัวเลข 5 9 , 3 9 , 7 9 , 4 9 , 1 9 ขึ้นมา โดยครูตั้งคำถามกระตุ้นให้นักเรียน ช่วยกันคิดในประเด็น ดังนี้ - นักเรียนสามารถเรียงลำดับบัตรตัวเลขในลักษณะใดได้บ้าง (เรียงจากน้อยไปหา มาก หรือจากมากไปหาน้อย) - จำนวนที่น้อยที่สุดคือจำนวนใด ( 1 9 ) - จำนวนที่มากที่สุดคือจำนวนใด ( 7 9 ) - เรียงลำดับจากน้อยไปมากได้อย่างไร (1 9 , 3 9 , 4 9 , 5 9 , 7 9 ) - เรียงลำดับจากน้อยไปมากได้อย่างไร (7 9 , 5 9 , 4 9 , 3 9 , 1 9 ) 3. ครูยกตัวอย่างการเรียงลำดับเศษส่วนที่ตัวส่วนเท่ากันเพิ่มเติมอีก 2 – 3 ตัวอย่าง จน นักเรียนตอบได้คล่อง 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 4 การเรียงลำดับเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อเสร็จแล้ว ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 4 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การเรียงลำดับเศษส่วนที่มีตัว ส่วนเท่ากัน ใช้วิธีนำตัวเศษมาเปรียบเทียบกัน เศษส่วนที่มีตัวเศษมากกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วนที่มี ตัวเศษน้อยกว่า จากนั้นนำมาเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย หรือจากน้อยไปหามาก สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพแสดงเศษส่วน


182 2. บัตรตัวเลข 3. ใบงานที่ 4 การเรียงลำดับเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 4 ใบงานที่ 4 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.5 การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนโดยการติดแผนภาพบนกระดาน และให้ นักเรียนร่วมกันบอกเศษส่วนแสดงจำนวนที่แรเงา ดังนี้ 1 7 5 7 ครูใช้การถามตอบเพื่อเปรียบเทียบ 1 7 กับ 5 7 โดยให้นักเรียนสังเกตจากแถบแสดง เศษส่วนจนนักเรียนร่วมกันให้เหตุผลได้ว่า 1 7 น้อยกว่า 5 7 เพราะส่วนที่แรเงาแสดง 1 7 น้อยกว่า 5 7 หรือ 5 7 มากกว่า 1 7 เพราะส่วนที่แรเงาแสดง 5 7 มากกว่า 1 7 แล้วให้นักเรียนออกมาเขียนแสดงการเปรียบเทียบได้ ดังนี้ 1 7 > 5 7 หรือ 5 7 < 1 7


183 ขั้นสอน 1. ครูยกตัวอย่างการเปรียบเทียบเศษส่วนอีก 2 ตัวอย่าง จากแถบแสดงเศษส่วนและ ให้นักเรียนร่วมกันให้เหตุผลเพื่อแสดงการเปรียบเทียบ เช่น 3 5 3 7 ครูใช้การถามตอบเพื่อเปรียบเทียบ 3 5 กับ 3 7 โดยให้นักเรียนสังเกตจากแถบแสดง เศษส่วนจนนักเรียนร่วมกันให้เหตุผลได้ว่า 3 5 มากกว่า 3 7 เพราะส่วนที่แรเงาแสดง 3 5 มากกว่า 3 7 หรือ 3 7 น้อยกว่า 3 5 เพราะส่วนที่แรเงาแสดง 3 7 น้อยกว่า 3 5 แล้วให้นักเรียนออกมาเขียนแสดงการเปรียบเทียบได้ ดังนี้ 3 5 > 3 7 หรือ 3 7 < 3 5 2. ครูให้นักเรียนสังเกตผลจากการเปรียบเทียบเศษส่วนและร่วมกันสรุปว่า - เศษส่วนสองจำนวนเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันจะเท่ากัน มากกว่ากัน หรือน้อย กว่ากันอย่างใดอย่างหนึ่ง - การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน ให้พิจารณาที่ตัวส่วน เศษส่วนที่มีตัว ส่วนน้อยกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วนที่มีตัวส่วนมากกว่า 3. ครูยกตัวอย่างเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากันเพิ่มเติมอีก จนนักเรียนตอบได้คล่อง เช่น 3 9 3 5 5 7 5 9 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 5 การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน เมื่อเสร็จ แล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 5 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มี ตัวส่วนเท่ากัน ใช้วิธีนำตัวเศษมาเปรียบเทียบกัน เศษส่วนที่มีตัวส่วนน้อยกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วน ที่มีตัวส่วนมากกว่า เศษส่วนที่มีตัวเศษมากกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วนที่มีตัวเศษน้อยกว่า สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพแสดงเศษส่วน 2. ใบงานที่ 5 การเปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน


184 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 5 ใบงานที่ 5 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป


185 6.6 การเรียงลำดับเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากัน โดยนำบัตรภาพแสดงเศษส่วน มาให้นักเรียนดูทีละคู่ แล้วให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบว่า รูปภาพใดแสดงเศษส่วนที่มากกว่าหรือน้อย กว่ากัน (2 - 3ตัวอย่าง) 2. ครูเขียนตัวเลขบนกระดานทีละคู่ แล้วให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบว่าจำนวนใดมีค่า มากกว่าหรือน้อยกว่ากันโดยใช้เครื่องหมาย ดังนี้ 2 6 กับ 2 5 , 6 7 กับ 6 9 , 4 5 กับ 4 7 , 3 8 กับ 3 6 ขั้นสอน 1. ครูกล่าวทักทายและทบทวนเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากันว่า “เศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน ให้พิจารณาที่ตัวส่วน เศษส่วนที่มีตัวส่วนน้อยกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วน ที่มีตัวส่วนมากกว่า” 2. ครูนำบัตรตัวเลข 3 9 , 3 6 , 3 5 , 3 8 , 3 4 ขึ้นมา โดยครูตั้งคำถามกระตุ้นให้นักเรียน ช่วยกันคิดในประเด็น ดังนี้ - นักเรียนสามารถเรียงลำดับบัตรตัวเลขในลักษณะใดได้บ้าง (เรียงจากน้อยไปหา มาก หรือจากมากไปหาน้อย) - จำนวนที่น้อยที่สุดคือจำนวนใด ( 3 9 ) - จำนวนที่มากที่สุดคือจำนวนใด ( 3 4 ) - เรียงลำดับจากน้อยไปมากได้อย่างไร (3 9 , 3 8 , 3 6 , 3 5 , 3 4 ) - เรียงลำดับจากน้อยไปมากได้อย่างไร (3 4 , 3 5 , 3 6 , 3 8 , 3 9 ) 3. ครูยกตัวอย่างการเรียงลำดับเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากันเพิ่มเติมอีก 2 – 3 ตัวอย่าง จน นักเรียนตอบได้คล่อง 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 6 การเรียงลำดับเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน เมื่อเสร็จแล้ว ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 6 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การเรียงลำดับเศษส่วนที่มีตัว เศษเท่ากัน ใช้วิธีนำตัวส่วนมาเปรียบเทียบกัน เศษส่วนที่มีตัวส่วนน้อยกว่าจะมีค่ามากกว่าเศษส่วนที่มี ตัวส่วนมากกว่า จากนั้นนำมาเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย หรือจากน้อยไปหามาก สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพแสดงเศษส่วน


186 2. บัตรตัวเลข 3. ใบงานที่ 6 การเรียงลำดับเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 6 ใบงานที่ 6 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.7 การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วน โดยนำบัตรภาพแสดงเศษส่วน มาให้นักเรียนดู ทีละคู่ แล้วให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบว่า รูปภาพใดแสดงเศษส่วนที่มากกว่าหรือน้อยกว่ากัน (2-3 ตัวอย่าง) 2. ครูเขียนตัวเลขบนกระดานทีละคู่ แล้วให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบว่าจำนวนใดมีค่า มากกว่าหรือน้อยกว่ากันโดยใช้เครื่องหมาย ดังนี้ 5 6 กับ 2 6 , 2 7 กับ 6 7 , 5 5 กับ 4 5 , 3 8 กับ 1 8 ขั้นสอน 1. ครูนำแผนภาพแสดงการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เช่น


187 3 10 + 2 10 = 5 10 สนทนาและอภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับวิธีการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน 2. ครูยกตัวอย่างโจทย์หรือประโยคสัญลักษณ์เกี่ยวกับการบวกที่มีตัวส่วนเท่ากัน 1 – 2 ตัวอย่างมาอภิปรายซักถามนักเรียน ถึงการแสดงวิธีการทำให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง เช่น 3 5 + 5 8 = 3. ครูใช้คำถามให้นักเรียนตอบ เช่น - เศษส่วนที่นำมาบวกกันมีส่วนเท่ากันหรือไม่ (เท่ากัน) - ถ้าจะใช้แถบเศษส่วนช่วยหาคำตอบ จะต้องใช้แถบเศษส่วนที่ส่วนแบ่งเท่าๆ กัน กี่ส่วน (5 ส่วน) - นักเรียนจะต้องแรเงากี่ช่องเพื่อแสงความหมายของ 3 5 (3 ช่อง) - นักเรียนจะต้องแรเงากี่ช่อง เพื่อแสงความหมาย 2 5 (2 ช่อง) - นักเรียนจะหาผลบวกของ 3 5 และ 2 5 จากแถบเศษส่วนได้อย่างไร (นับจำนวน ช่องที่แรเงา) - จำนวนช่องที่แรเงาทั้งหมดเขียนเป็นเศษส่วนได้อย่างไร (5 5 หรือ 1) เขียนแผนภาพแสงความสัมพันธ์กันของการบวกเศษส่วน และแสดงขั้นตอนการหา คำตอบ ดังนี้ 3 5 + 2 5 = 3+2 5 = 5 5 4. ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติม และให้นักเรียนแต่ร่วมกันหาคำตอบ เช่น 2 8 + 4 8 = 5 10 + 3 10 = 4 7 + 3 7 = 3 6 + 2 6 = 3 5 2 5


188 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 7 การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 7 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วน เท่ากันโดยใช้หลักการนำตัวเศษบวกตัวเศษ ตัวส่วนคงเดิม สื่อการเรียนรู้ 1. แผนภาพแสดงการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน 2. ใบงานที่ 7 การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 7 ใบงานที่ 7 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.8 การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความหมายของเศษส่วนโดยแจกกระดาษขนาดกว้าง 4 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว ให้ นักเรียนทุกคนแล้วพับแถบกระดาษเป็น 8 ส่วนเท่าๆ กัน ขีดเส้นตามรอยพับแล้วให้นักเรียนระบายสี แดง 3 ส่วน เช่น ครูใช้การถามตอบจนนักเรียนตอบได้ว่า เศษส่วนแสดงส่วนที่ระบายสี คือ 3 8 ขั้นสอน 1. ครูกล่าวทักทายและทบทวนเรื่องการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันว่า “การบวก เศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ให้นำตัวเศษมาบวกกัน โดยมีตัวส่วนเท่าเดิม” 2. ครูยกตัวอย่างบนกระดานใช้การถามตอบให้นักเรียนช่วยกันหาผลบวก ดังนี้


189 1) 1 8 + 4 8 = 1+4 8 = 5 8 2) 4 7 + 2 7 = 4+2 7 = 6 7 3) 3 9 + 5 9 = 3+5 9 = 8 9 4) 6 8 + 1 8 = 6+1 8 = 7 8 ครูตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง และสนทนาและอภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับ วิธีการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 8 การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 8 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วน เท่ากันโดยใช้หลักการนำตัวเศษบวกตัวเศษ ตัวส่วนคงเดิม สื่อการเรียนรู้ 1. กระดาษขนาดกว้าง 4 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว 2. ใบงานที่ 8 การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 8 ใบงานที่ 8 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.9 การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน


190 1. นักเรียนทบทวนความรู้การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน โดยพิจารณาแถบแสดง เศษส่วนบนกระดาน ผู้แทนนักเรียนออกมาเขียนประโยคสัญลักษณ์ 1 คน และเขียนคำตอบ 1 คน ดัง ตัวอย่าง 3 8 + 2 8 = 5 8 2. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ นักเรียนสามารถ นำความรู้ เรื่อง การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันเรื่องใดได้บ้าง ขั้นสอน 1. ครูนำเสนอการการลบที่มีตัวส่วนเท่ากันโดยใช้แถบเศษส่วนดังนี้ 7 12 − 1 12 = ครูใช้คำถามให้นักเรียนตอบ ดังนี้ - เศษส่วนที่นำมาลบกันมีตัวส่วนเท่ากันหรือไม่ (เท่ากัน) - ถ้าจะใช้แถบเศษส่วนช่วยหาคำตอบ จะต้องใช้เศษส่วนที่มีส่วนแบ่งเท่าๆ กันกี่ ส่วน (12 ส่วน) - นักเรียนจะแรเงากี่ช่อง เพื่อแสดงความหมายของ 7 12 (7 ช่อง) ให้นักเรียน ออกมาแรเงาแถบเศษส่วนแสดง 7 12 และจะต้องแรเงากี่ช่องเพื่อแสดงความหมายของ 1 12 (1 ช่อง) ให้นักเรียนออกมาแรเงาแถบเศษส่วน 1 12 - นักเรียนมีวิธีการหาคำตอบจากแถบเศษส่วนได้อย่างไร (นำจำนวนช่องที่แรเงา มาลบกัน) - จำนวนช่องที่แรเงาลบกันเหลือเศษส่วนเท่าไร ( 6 12 ) - ครูให้นักเรียนช่วยกันเขียนวิธีหาคำตอบ ซึ่งคำตอบน่าจะเป็นดังนี้ 7 12 - 1 12


191 เหลือ 6 12 หรือ 7 12 − 1 12 = 7−1 12 = 6 12 2. ครูสนทนาและอภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับวิธีการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน 3. ครูยกตัวอย่างโจทย์หรือประโยคสัญลักษณ์เกี่ยวกับการลบที่มีตัวส่วนเท่ากัน 3 – 4 ตัวอย่างมาอภิปรายซักถามนักเรียน ถึงการแสดงวิธีการทำให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง เช่น 7 8 − 4 8 = 5 9 − 4 9 = 6 8 − 2 8 = 3 6 − 2 6 = 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 9 การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 9 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วน เท่ากันโดยใช้หลักการนำตัวเศษลบตัวเศษ ตัวส่วนคงเดิม 2. สื่อการเรียนรู้ 1. แถบเศษส่วน 2. ใบงานที่ 9 การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 9 ใบงานที่ 9 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป


192 คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ 6.10 การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความหมายของเศษส่วนโดยแจกกระดาษขนาดกว้าง 4 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว ให้ นักเรียนทุกคนแล้วพับแถบกระดาษเป็น 8 ส่วนเท่าๆ กัน ขีดเส้นตามรอยพับแล้วให้นักเรียนระบายสี แดง 3 ส่วน เช่น ครูใช้การถามตอบจนนักเรียนตอบได้ว่า เศษส่วนแสดงส่วนที่ระบายสี คือ 5 8 ขั้นสอน 1. ครูกล่าวทักทายและทบทวนเรื่องการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันว่า “การลบ เศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ให้นำตัวเศษมาลบกัน โดยมีตัวส่วนเท่าเดิม” 2. ครูยกตัวอย่างบนกระดานใช้การถามตอบให้นักเรียนช่วยกันหาผลบวก ดังนี้ 1) 4 8 - 1 8 = 4−1 8 = 3 8 2) 4 7 - 2 7 = 4−2 7 = 2 7 3) 6 9 - 1 9 = 6−1 9 = 5 9 4) 6 8 - 3 8 = 6−3 8 = 3 8 ครูตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง และสนทนาและอภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับ วิธีการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 10 การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 10 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วน เท่ากันโดยใช้หลักการนำตัวเศษลบตัวเศษ ตัวส่วนคงเดิม สื่อการเรียนรู้ 1. แถบเศษส่วน 2. ใบงานที่ 10 การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน


193 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 10 ใบงานที่ 10 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.11 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง การบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน โดยพิจารณาโจทย์ การบวกเศษส่วนบนกระดาน 5 ข้อ ผู้แทนนักเรียนออกมาแข่งกันเติมคำตอบ นักเรียนที่เหลือช่วยกัน ตรวจสอบความถูกต้อง ดังนี้ 1) 3 8 + 2 8 = 2) 7 9 + 1 9 = 3) 4 9 + 3 9 = 4) 2 7 + 4 7 = 5) 1 6 + 5 6 = 2. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ นักเรียนมี วิธีการหรือขั้นตอนใดอีกบ้างที่จะช่วยให้หาคำตอบจากโจทย์ปัญหาเศษส่วนได้รวดเร็ว และถูกต้อง ขั้นสอน 1. ครูติดแถบโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนบนกระดาน พร้อมทั้งอ่านโจทย์ให้นักเรียน อ่านตาม ดังนี้ มาลีซื้อผักคะน้า 1 5 กิโลกรัม ซื้อผักกาด 3 5 กิโลกรัม มาลีซื้อผักคะน้าและผักกาด รวมกันกี่กิโลกรัม


194 2. ครูให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหา โดยตอบคำถามดังต่อไปนี้ - โจทย์กำหนดอะไรมาให้บ้าง (มาลีซื้อผักคะน้า 1 5 กิโลกรัม ซื้อผักกาด 3 5 กิโลกรัม) - โจทย์ถามอะไรบ้าง (มาลีซื้อผักคะน้าและผักกาดรวมกันกี่กิโลกรัม) - ใช้วิธีใดหาคำตอบ (วิธีบวก) - เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ได้อย่างไร (1 5 + 3 5 = ) - คำตอบที่ได้คือเท่าใด (4 5 กิโลกรัม) 3. ครูฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนตามลักษณะกิจกรรมที่ทำมาข้างต้นอีก 2 – 3 ตัวอย่าง 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 11 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 11 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้โจทย์ปัญหาเป็นการนำ จำนวนหรือสถานการณ์ต่าง ๆ มาเขียนเป็นคำถาม เพื่อให้คิดหาคำตอบ ซึ่งเราต้องอ่านโจทย์ให้เข้าใจ พิจารณาว่าโจทย์กำหนดอะไรให้บ้าง โจทย์ถามหาอะไร ควรใช้วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร สื่อการเรียนรู้ 1. แถบโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วน 2. ใบงานที่ 11 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 11 ใบงานที่ 11 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน


195 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.12 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำโจทย์ปัญหาการบวกที่มีคำว่า “มากกว่า” มาให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์และ หาคำตอบ เช่น 2. ครูฝึกให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์โดยตอบคำถามต่อไปนี้ - โจทย์ข้อนี้เกี่ยวกับอะไร (จำนวนผักคะน้าที่ชูใจปลูกได้) - โจทย์ถามอะไร (ชูใจปลูกผักคะน้าเท่าไร) - โจทย์กำหนดอะไรมาให้บ้าง (ชูใจปลูกผักบุ้งได้ 1 4 ของแปลง ปลูกคะน้ามากกว่า ผักบุ้ง 2 4 ของแปลง) - ชูใจปลูกผักคะน้าเท่าไร ( 3 4 ของแปลง) - ปลูกผักคะน้ามากกว่าหรือน้อยกว่าผักบุ้ง (มากกว่า) - เป็นไปได้ไหมชูใจจะปลูกผักคะน้าน้อยกว่า 1 4 (เป็นไปไม่ได้) ขั้นสอน 1. ครูติดแถบโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนบนกระดาน ให้นักเรียนคิดหาคำตอบ ดังนี้ ชูใจปลูกผักบุ้งได้ 1 4 ของแปลง ปลูกคะน้ามากกว่าผักบุ้ง 2 4 ของแปลง ชูใจปลูกผักคะน้าเท่าไร ในแต่ละเดือนป้าสุรีย์จ่ายค่าอาหาร 3 8 ของเงินเดือน จ่ายค่าเช่าบ้าน 1 8 ของเงินเดือน ป้าสุรีย์จ่ายค่าอาหารและค่าเช่าบ้านคิดเป็นเศษส่วนเท่าใดของเงินเดือน


196 ครูให้นักเรียนทุกคนอ่านโจทย์ปัญหาพร้อมกัน แล้วฝึกวิเคราะห์โจทย์และหาคำตอบ โดยให้นักเรียนตอบคำถาม ดังนี้ - โจทย์ถามอะไร (ป้าสุรีย์จ่ายค่าอาหารและค่าเช่าบ้านคิดเป็นเศษส่วนเท่าใดของ เงินเดือน) - โจทย์กำหนดอะไรให้บ้าง (ป้าสุรีย์จ่ายค่าอาหาร 3 8 ของเงินเดือน จ่ายค่าเช่า บ้าน 1 8 ของเงินเดือน) ครูใช้การถามตอบและอธิบายแนะนำวิธีคิดเพื่อฝึกนักเรียนรู้จักวางแผนแก้ปัญหา อาจใช้การเขียนแผนภาพในการหาคำตอบ ดังนี้ - ป้าสุรีย์จ่ายค่าอาหารและค่าเช่าบ้านคิดเป็นเศษส่วนเท่าใดของเงินเดือน (3 8 + 1 8 ของเงินเดือน) - ได้คำตอบเท่าใดและสรุปคำตอบได้อย่างไร (4 8 , ดังนั้น ป้าสุรีย์จ่ายค่าอาหาร และค่าเช่าบ้าน 4 8 ของเงินเดือน) - ตรวจสอบคำตอบได้อย่างไร ป้าสุรีย์จ่ายค่าอาหารและค่าเช่าบ้าน 4 8 ของเงินเดือน เป็นค่าอาหาร 3 8 ของเงินเดือน ดังนั้น เป็นค่าเช่าบ้าน 4 8 - 3 8 = 1 8 ของเงินเดือน 2. ครูฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนตามลักษณะกิจกรรมที่ทำมาข้างต้นอีก 2 – 3 ตัวอย่าง 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 12 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 12 ขั้นสรุป ค่าอาหาร 3 8 ค่าเช่าบ้าน 1 8 เงินเดือนทั้งหมด


197 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการ บวกและหาคำตอบและหาคำตอบได้ว่าการแก้โจทย์ปัญหามีขั้นตอนดังนี้ - ทำความเข้าใจโจทย์ - วางแผนแก้ปัญหา - ดำเนินการตามแผน - ตรวจสอบ สื่อการเรียนรู้ 1. แถบโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วน 2. ใบงานที่ 12 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 12 ใบงานที่ 12 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.13 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน


198 1. ครูทบทวนความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน จากนั้นครูติดบัตรโจทย์ปัญหา แล้วครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ออกมาแสดงขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหา หน้าชั้นเรียน โดยครูและนักเรียนที่เหลือร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นสอน 1. ครูนำแผนภูมิแสดงตัวอย่างโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน มา อภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการวิเคราะห์โจทย์ การเขียนโจทย์ปัญหา ประโยคสัญลักษณ์ การแสดงวิธีทำเพื่อหาคำตอบ วิเคราะห์โจทย์ดังนี้ 1. โจทย์กำหนดอะไรให้บ้าง (ส้มถุงหนึ่งหนัก 1 6 กิโลกรัม ส้มอีกถุงหนัก 2 6 กิโลกรัม) 2. โจทย์ต้องการทราบอะไร (เมื่อชั่งรวมกันจะหนักกี่กิโลกรัม) 3. โจทย์ข้อนี้ทำโดยวิธีใด (นำส้มถุงหนึ่งหนัก 1 6 กิโลกรัม รวมกับส้มอีกถุงหนัก 2 6 กิโลกรัม) ประโยคสัญลักษณ์ 1 6 + 2 6 = วิธีทำ ส้มถุงหนึ่งหนัก 1 6 กิโลกรัม ส้มอีกถุงหนัก 2 6 กิโลกรัม เมื่อชั่งรวมกันจะหนัก 1 6 + 2 6 = 3 6 กิโลกรัม ตอบ เมื่อชั่งรวมกันจะหนัก 3 6 กิโลกรัม 2. ครูฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันตามลักษณะกิจกรรม ที่ทำมาข้างต้นอีก 2 – 3 ตัวอย่าง 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 13 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 13 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การแก้โจทย์ปัญหาการบวก เศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ทำได้โดยการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาเพื่อทำความเข้าใจโจทย์วางแผนว่าจะใช้ วิธีใดหาคำตอบ แล้วลงมือทำโดยการแสดงวิธีทำหาคำตอบ และตรวจสอบคำตอบ เราสามารถนำ ความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วน ไปใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับจำนวนต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ได้ ส้มถุงหนึ่งหนัก 1 6 กิโลกรัม ส้มอีกถุงหนึ่ง 2 6 กิโลกรัม เมื่อชั่งรวมกันจะหนักกี่ กิโลกรัม


199 สื่อการเรียนรู้ 1. แผนภูมิแสดงตัวอย่างโจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน 2. ใบงานที่ 13 โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 13 ใบงานที่ 13 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.14 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง การลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน โดยพิจารณาโจทย์ การบวกเศษส่วนบนกระดาน 5 ข้อ ผู้แทนนักเรียนออกมาแข่งกันเติมคำตอบ นักเรียนที่เหลือช่วยกัน ตรวจสอบความถูกต้อง ดังนี้ 1) 3 8 - 2 8 = 2) 7 9 - 1 9 = 3) 4 5 - 3 5 = 4) 4 7 - 2 7 = 5) 5 6 - 2 6 = 2. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ นักเรียนมี วิธีการหรือขั้นตอนใดอีกบ้างที่จะช่วยให้หาคำตอบจากโจทย์ปัญหาเศษส่วนได้รวดเร็ว และถูกต้อง


200 ขั้นสอน 1. ครูติดแถบโจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนบนกระดาน พร้อมทั้งอ่านโจทย์ให้นักเรียนอ่าน ตาม ดังนี้ 2. ครูให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหา โดยตอบคำถามดังต่อไปนี้ - โจทย์กำหนดอะไรมาให้บ้าง (ดำมีเชือกอยู่ 5 10 เมตร แบ่งให้น้อง 1 10 เมตร) - โจทย์ถามอะไรบ้าง (ดำยังเหลือเชือกอีกกี่เมตร) - ใช้วิธีใดหาคำตอบ (วิธีลบ) - เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ได้อย่างไร ( 5 10 - 1 10 = ) - คำตอบที่ได้คือเท่าใด ( 4 10 เมตร) 3. ครูฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนตามลักษณะกิจกรรมที่ทำมาข้างต้นอีก 2 – 3 ตัวอย่าง 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 14 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 14 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้โจทย์ปัญหาเป็นการนำ จำนวนหรือสถานการณ์ต่าง ๆ มาเขียนเป็นคำถาม เพื่อให้คิดหาคำตอบ ซึ่งเราต้องอ่านโจทย์ให้เข้าใจ พิจารณาว่าโจทย์กำหนดอะไรให้บ้าง โจทย์ถามหาอะไร ควรใช้วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร สื่อการเรียนรู้ 1. แถบโจทย์ปัญหาการลบเศษส่วน 2. ใบงานที่ 14 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ดำมีเชือกอยู่ 5 10 เมตร แบ่งให้น้อง 1 10 เมตร ดำยังเหลือเชือกอีกกี่เมตร


201 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 14 ใบงานที่ 14 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.15 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำโจทย์ปัญหาการบวกที่มีคำว่า “น้อยกว่า” มาให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์และ หาคำตอบ เช่น 2. ครูฝึกให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์โดยตอบคำถามต่อไปนี้ - โจทย์ข้อนี้เกี่ยวกับอะไร (จำนวนผักคะน้าที่ชูใจปลูกได้) - โจทย์ถามอะไร (ชูใจปลูกผักคะน้าเท่าไร) - โจทย์กำหนดอะไรมาให้บ้าง (ชูใจปลูกผักบุ้งได้ 5 7 ของแปลง ปลูกคะน้าน้อยกว่า ผักบุ้ง 3 7 ของแปลง) - ชูใจปลูกผักคะน้าเท่าไร ( 2 7 ของแปลง) - ปลูกผักคะน้ามากกว่าหรือน้อยกว่าผักบุ้ง (น้อยกว่า) - เป็นไปได้ไหมชูใจจะปลูกผักคะน้ามากกว่า 5 7 (เป็นไปไม่ได้) ชูใจปลูกผักบุ้งได้ 5 7 ของแปลง ปลูกคะน้าน้อยกว่าผักบุ้ง 3 7 ของแปลง ชูใจปลูกผักคะน้าเท่าไร


202 ขั้นสอน 1. ครูติดแถบโจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนบนกระดาน ให้นักเรียนคิดหาคำตอบ ดังนี้ ครูให้นักเรียนทุกคนอ่านโจทย์ปัญหาพร้อมกัน แล้วฝึกวิเคราะห์โจทย์และหาคำตอบ โดยให้นักเรียนตอบคำถาม ดังนี้ - โจทย์ถามอะไร (วันแรกพลอยถักผ้าพันคอได้มากกว่าวันที่สองกี่เมตร) - โจทย์กำหนดอะไรให้บ้าง (วันแรกพลอยถักผ้าพันคอได้ 3 5 เมตร วันที่สองถักได้ อีก 2 5 เมตร) ครูใช้การถามตอบและอธิบายแนะนำวิธีคิดเพื่อฝึกนักเรียนรู้จักวางแผนแก้ปัญหา อาจใช้การเขียนแผนภาพในการหาคำตอบ ดังนี้ วันแรกถักได้ 3 5 เมตร วันที่สองถักได้ 2 5 เมตร - วันแรกพลอยถักผ้าพันคอได้มากกว่าวันที่สองกี่เมตร (3 5 - 2 5 เมตร) - ได้คำตอบเท่าใดและสรุปคำตอบได้อย่างไร (1 5 , ดังนั้น วันแรกพลอยถัก ผ้าพันคอได้มากกว่าวันที่สอง 1 5 เมตร) - ตรวจสอบคำตอบได้อย่างไร วันแรกพลอยถักผ้าพันคอได้มากกว่าวันที่สอง 1 5 เมตร วันที่สองพลอยถักผ้าพันคอได้ 2 5 เมตร ดังนั้น วันแรกพลอยถักผ้าพันคอได้ 1 5 + 2 5 = 3 5 เมตร 2. ครูฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนตามลักษณะกิจกรรมที่ทำมาข้างต้นอีก 2 – 3 ตัวอย่าง วันแรกพลอยถักผ้าพันคอได้ 3 5 เมตร วันที่สองถักได้อีก 2 5 เมตร วันแรกพลอยถัก ผ้าพันคอได้มากกว่าวันที่สองกี่เมตร


203 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 15 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 15 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการ ลบและหาคำตอบและหาคำตอบได้ว่าการแก้โจทย์ปัญหามีขั้นตอนดังนี้ - ทำความเข้าใจโจทย์ - วางแผนแก้ปัญหา - ดำเนินการตามแผน - ตรวจสอบ สื่อการเรียนรู้ 1. แถบโจทย์ปัญหาการลบเศษส่วน 2. ใบงานที่ 15 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 15 ใบงานที่ 15 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 6.16 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน จากนั้น ครูติดบัตรโจทย์ปัญหา แล้วครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ออกมาแสดงขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาหน้าชั้น เรียน โดยครูและนักเรียนที่เหลือร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นสอน


204 1. ครูนำแผนภูมิแสดงตัวอย่างโจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน มา อภิปรายซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการวิเคราะห์โจทย์ การเขียนโจทย์ปัญหา ประโยคสัญลักษณ์ การแสดงวิธีทำเพื่อหาคำตอบ วิเคราะห์โจทย์ดังนี้ 1. โจทย์กำหนดอะไรให้บ้าง (เชือกเส้นหนึ่งยาว 7 9 เมตร อีกเส้นหนึ่งยาว 2 9 เมตร) 2. โจทย์ต้องการทราบอะไร (เชือกทั้งสองยาวต่างกันเท่าไร) 3. โจทย์ข้อนี้ทำโดยวิธีใด (นำเชือกเส้นที่สองลบออกจากเชือกเส้นที่หนึ่ง) ประโยคสัญลักษณ์ 7 9 - 2 9 = วิธีทำ เชือกเส้นหนึ่งยาว 7 9 เมตร อีกเส้นหนึ่งยาว 2 9 เมตร เชือกทั้งสองเส้นยาวต่างกัน 7 9 - 2 9 = 5 9 เมตร ตอบ เชือกทั้งสองเส้นยาวต่างกัน 5 9 เมตร 2. ครูฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากันตามลักษณะกิจกรรมที่ ทำมาข้างต้นอีก 2 – 3 ตัวอย่าง 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 16 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 16 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การแก้โจทย์ปัญหาการลบ เศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ทำได้โดยการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาเพื่อทำความเข้าใจโจทย์วางแผนว่าจะใช้ วิธีใดหาคำตอบ แล้วลงมือทำโดยการแสดงวิธีทำหาคำตอบ และตรวจสอบคำตอบ เราสามารถนำ ความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการบวกเศษส่วน ไปใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับจำนวนต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ได้ สื่อการเรียนรู้ 1. แผนภูมิแสดงตัวอย่างโจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน เชือกเส้นหนึ่งยาว 7 9 เมตร อีกเส้นหนึ่งยาว 2 9 เมตร เชือกทั้งสองยาวต่างกันเท่าไร


205 2. ใบงานที่ 16 โจทย์ปัญหาการลบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 16 ใบงานที่ 16 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป


Click to View FlipBook Version