91 - สิ่งที่โจทย์กำหนดให้ (ต้นมีเงินในธนาคาร 98,146 บาท ถอนไปใช้จ่าย 32,490 บาท) - สิ่งที่โจทย์ต้องการทราบ (ต้นจะเหลือเงินในธนาคารเท่าใด) - เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ได้อย่างไร (98,146 – 32,490 = ) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงวิธีทำเพื่อหาคำตอบจากประโยคสัญลักษณ์ ประโยคสัญลักษณ์ 98,146 – 32,490 = วิธีทำ ต้นมีเงินในธนาคาร 98146 - บาท ถอนไปใช้จ่าย 32490 บาท ต้นจะเหลือเงินในธนาคาร 65656 บาท ตอบ ต้นจะเหลือเงินในธนาคาร ๖๕,๖๕๖ บาท 3. ครูฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหาการบวกตามลักษณะกิจกรรมที่ทำมาข้างต้นอีก 2 – 3 ตัวอย่าง 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 24 การแสดงวิธีทำโจทย์ปัญหาการลบ เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 24 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การแก้โจทย์ปัญหาการลบ ทำ ได้โดยการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาเพื่อทำความเข้าใจโจทย์วางแผนว่าจะใช้วิธีใดหาคำตอบ แล้วลงมือทำ โดยการแสดงวิธีทำหาคำตอบ และตรวจสอบคำตอบ ส่วนการเขียนข้อความเพื่อสร้างโจทย์ปัญหา จะต้องให้สอดคล้องกับที่โจทย์กำหนด และมีความสมเหตุสมผล เราสามารถนำความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ ปัญหาการบวก ไปใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับจำนวนต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ สื่อการเรียนรู้ 1. แถบโจทย์ปัญหาการลบ 2. ใบงานที่ 24 การแสดงวิธีทำโจทย์ปัญหาการลบ การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 24 ใบงานที่ 24 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป
92 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 2.23 การสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากภาพ (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการบวก โดย ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คนออกมาจับสลากโจทย์ปัญหา แล้วให้นักเรียนแสดงขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหา หน้าชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียนที่เหลือร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นสอน 1. ครูติดบัตรภาพบนกระดาน ดังนี้ 45,571 บาท 8,919 บาท 25,248 บาท 31,591 บาท ครูสาธิตวิธีการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากภาพที่กำหนด พร้อมทั้งแสดงวิธีการแก้ โจทย์ปัญหา และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ เช่น “พ่อซื้อคอมพิวเตอร์ราคา 45,571 บาท แม่ซื้อกระเป๋าราคา 8,919 บาท ต้องจ่ายเงินทั้งหมดกี่บาท” ประโยคสัญลักษณ์ 45,571 + 8,919 = วิธีทำ พ่อซื้อคอมพิวเตอร์ราคา 45571 + บาท แม่ซื้อกระเป๋าราคา 8919 บาท ต้องจ่ายเงินทั้งหมด 54490 บาท
93 ตอบ ต้องจ่ายเงินทั้งหมด ๕๔,๔๙๐ บาท 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสร้าง โจทย์ปัญหาการบวกจากรูปภาพที่กำหนดให้ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนที่เหลือ ร่วมกันตรวจผลงานและชมเชยกลุ่มที่ทำได้ถูกต้องและเหมาะสม ครูพิจารณาโจทย์ปัญหาในข้อที่ยังไม่ ถูกต้อง โดยให้นักเรียนร่วมกันแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปความรู้เกี่ยวกับการสร้างโจทย์ปัญหาว่ามี ขั้นตอนอย่างไร และสิ่งสำคัญในการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกคืออะไร 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 25 การสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากภาพ เมื่อเสร็จแล้ว ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 25 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การสร้างโจทย์ปัญหาการบวก ต้องประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่โจทย์กำหนดให้ กับส่วนที่โจทย์ถาม ซึ่งประโยคในการสร้างควร เป็นเรื่องที่มีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันทั้งหมด และควรสร้างให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในชีวิต จริง และสร้างให้ครบทั้งสองส่วน สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพ 2. ใบงานที่ 25 การสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากภาพ การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 25 ใบงานที่ 25 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 2.24 การสร้างโจทย์ปัญหาการลบจากภาพ (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
94 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและทบทวนความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการลบ โดยครู สุ่มนักเรียน 2-3 คนออกมาจับสลากโจทย์ปัญหา แล้วให้นักเรียนแสดงขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาหน้า ชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียนที่เหลือร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นสอน 1. ครูติดบัตรภาพบนกระดาน ดังนี้ 45,571 บาท 8,919 บาท 25,248 บาท 31,591 บาท ครูสาธิตวิธีการสร้างโจทย์ปัญหาการลบจากภาพที่กำหนด พร้อมทั้งแสดงวิธีการแก้ โจทย์ปัญหา และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ เช่น คอมพิวเตอร์ราคา 45,571 บาท กล้องถ่ายรูปราคา 31,591 บาท คอมพิวเตอร์ราคาแพงกว่ากล้องเท่าไร ประโยคสัญลักษณ์ 45,571 - 31,591 = วิธีทำ คอมพิวเตอร์ราคา 45571 - บาท กล้องถ่ายรูปราคา 31591 บาท คอมพิวเตอร์ราคาแพงกว่ากล้อง 13980 บาท ตอบ คอมพิวเตอร์ราคาแพงกว่ากล้อง ๑๓,๙๘๐ บาท 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสร้าง โจทย์ปัญหาการบวกจากรูปภาพที่กำหนดให้ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนที่เหลือ ร่วมกันตรวจผลงานและชมเชยกลุ่มที่ทำได้ถูกต้องและเหมาะสม ครูพิจารณาโจทย์ปัญหาในข้อที่ยังไม่ ถูกต้อง โดยให้นักเรียนร่วมกันแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 26 การสร้างโจทย์ปัญหาการลบจากภาพ เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 26 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การสร้างโจทย์ปัญหาการลบ ต้องประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่โจทย์กำหนดให้ กับส่วนที่โจทย์ถาม ซึ่งประโยคในการสร้างควร เป็นเรื่องที่มีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันทั้งหมด และควรสร้างให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในชีวิต จริง และสร้างให้ครบทั้งสองส่วน สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพ 2. ใบงานที่ 26 การสร้างโจทย์ปัญหาการลบจากภาพ
95 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 26 ใบงานที่ 26 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 2.25 การสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากประโยคสัญลักษณ์(1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เรื่อง การสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากภาพ โดยครูติดภาพบน กระดาน แล้วครูสุ่มนักเรียนออกมา 2-3 คน ออกมาสร้างโจทย์ปัญหาการบวก 2. จากนั้นครูใช้การถาม - ตอบ เพื่อให้นักเรียนบอกส่วนที่โจทย์ถาม ส่วนที่โจทย์บอก ซึ่งครูควรเน้นย้ำว่าโจทย์ปัญหาที่สร้างมีความเป็นไปได้หรือไม่ และคำตอบเป็นเท่าไร ขั้นสอน 1. ครูติดบัตรตัวเลขแสดงจำนวนบนกระดาน แล้วครูสาธิตวิธีการสร้างโจทย์ปัญหาการ บวกจากประโยคสัญลักษณ์ที่กำหนด พร้อมทั้งแสดงวิธีหาคำตอบและตรวจสอบความสมเหตุสมผล ของคำตอบ เช่น 10,500 + 14,530 =
96 ครูสาธิตวิธีการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากประโยคสัญลักษณ์ที่กำหนด พร้อมทั้ง แสดงวิธีการแก้โจทย์ปัญหา และตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบ “เกษตรเลี้ยงปลานิล 10,500 ตัว เลี้ยงปลาดุก 14,530 ตัว เกษตรเลี้ยงปลาทั้งหมดกี่ตัว” ประโยคสัญลักษณ์ 10,500 + 14,530 = วิธีทำ เกษตรเลี้ยงปลานิล 10500 + ตัว เลี้ยงปลาดุก 14530 ตัว เกษตรเลี้ยงปลาทั้งหมด 25030 ตัว ตอบ เกษตรเลี้ยงปลาทั้งหมด ๒๕,๐๓๐ ตัว 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสร้าง โจทย์ปัญหาการบวกจากรูปภาพที่กำหนดให้ ดังนี้ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนที่เหลือ ร่วมกันตรวจผลงานและชมเชยกลุ่มที่ทำได้ถูกต้องและเหมาะสม ครูพิจารณาโจทย์ปัญหาในข้อที่ยังไม่ ถูกต้อง โดยให้นักเรียนร่วมกันแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 27 การสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากประโยคสัญลักษณ์ เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรม ในใบงานที่ 27 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การสร้างโจทย์ปัญหาการบวก ต้องประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่โจทย์กำหนดให้ กับส่วนที่โจทย์ถาม ซึ่งประโยคในการสร้างควร เป็นเรื่องที่มีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กันทั้งหมด และควรสร้างให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในชีวิต จริง และสร้างให้ครบทั้งสองส่วน สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพ 2. บัตรตัวเลข 3. ใบงานที่ 27 การสร้างโจทย์ปัญหาการบวกจากประโยคสัญลักษณ์ การวัดผลและประเมินผล 60,450 + 26,920 = 67,740 + 8803 = 28,514 + 37,109 =
97 สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 27 ใบงานที่ 27 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป
105 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค13101 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เวลา เวลาเรียน 15 ชั่วโมง ............................................................................................................................. ................................... 1.สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณิต 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 2.1 : เข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ต้องการ วัดและนำไปใช้ 3. ตัวชี้วัด ค 2.1 ป.3/2 : แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลา และระยะเวลา 4. สาระสำคัญ นาฬิกาเป็นเครื่องมือที่ใช้บอกเวลาเราบอกเวลาเป็นนาฬิกา และนาที 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.1 ด้านความรู้ 1) บอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาทีได้(K) 2) เขียนแสดงเข็มของนาฬิกาตามเวลาที่กำหนดได้(P) 3) นำความรู้เกี่ยวกับการบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาทีไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) 5.2 ด้านทักษะกระบวนการ 1) ทักษะการแก้ปัญหา 2) ทักษะการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ 3) ทักษะการเชื่อมโยง 4) ทักษะการให้เหตุผล 5) การคิดสร้างสรรค์ 5.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
106 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. การพัฒนา 3R 7.1 ทักษะด้านการอ่าน 7.2 ทักษะด้านการเขียน 7.3 ทักษะทางคณิตศาสตร์ 8. การพัฒนา 8C 8.1 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณฯ - 8.2 ทักษะด้านการสร้างสรรค์ฯ - 8.3 ทักษะด้านความร่วมมือฯ ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม 8.4 ทักษะด้านความเข้าใจต่างของวัฒนธรรมฯ การทำงานร่วมกันในการทำงานกลุ่ม 8.5 ทักษะด้านการสื่อสารฯ - 8.6 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ฯ - 8.7 ทักษะอาชีพฯ - 8.8 ทักษะความมีเมตตา คุณธรรมฯ การส่งงานตรงตามเวลาที่กำหนด 9. การบูรณาการ - 3.1 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เดิมโดยวิธีการซักถามสนทนาเกี่ยวกับการบอกเวลาเป็นนาฬิกาที่ เรียนผ่านมาแล้ว 2. ครูนำนาฬิกาจำลองมาให้นักเรียนดูการเคลื่อนที่ของเวลา โดยให้นักเรียนหัดอ่าน เวลาเป็นนาฬิกา ขั้นสอน
107 1. ครูนำนาฬิกาจำลองชนิดที่มี 2 เข็ม (เข็มสั้นและเข็มยาว) และแบบมี 3 เข็ม (เข็มสั้น เข็มยาว 2 เข็ม ซึ่งใช้บอกเวลาเป็นนาที และวินาที) ให้นักเรียนสังเกตว่ามีอะไรที่แตกต่างกัน และใช้ ประโยชน์อย่างไร 2. ครูนำนาฬิกาของจริงแบบมีเข็มและแบบตัวเลขมาให้นักเรียนดูแล้วอภิปรายความ แตกต่างของนาฬิกาแต่ละชนิด 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายรายละเอียดบนหน้าปัดนาฬิกา ดังนี้ “นาฬิกามีขีด แบ่งออกเป็นช่องใหญ่ 12 ช่องเท่า ๆ กัน มีตัวเลข ตั้งแต่ 1 – 12 กำกับอยู่แต่ละขีดใน 1 ช่องใหญ่ แต่ ละช่องใหญ่แบ่งออกเป็น 5 ช่องเล็ก ๆ เท่า ๆ กัน บนหน้าปัดมีเข็มสั้นและเข็มยาว เข็มสั้นบอกเวลา เป็นชั่วโมง บอกเวลาตามตัวเลขที่เข็มสั้นไปถึงและชี้ผ่าน เข็มยาวบอกเวลาเป็นนาที บอกเวลาตาม จำนวนช่องเล็ก ๆ ที่เข็มยาวเดินผ่าน โดยเริ่มนับหนึ่งหลังจากเข็มยาวเดินผ่านเลข 12” 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า การเดินของเข็มนาฬิกาแต่ละชนิดเริ่มนับเวลา เข็มยาวเดิน ผ่านเลข 12 และผ่านช่องแรก ชี้ที่ขีดแรกหลังเลข 12 จะนับหนึ่งนาที และเมื่อเดิน 12 ช่องใหญ่ ซึ่งมี ช่องเล็ก 60 ช่องหรือ 1 รอบนาฬิกา เป็นเวลา 60 นาที เข็มสั้นจะเดิน 1 ช่องใหญ่ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ฉะนั้น เข็มยาวเดิน 12 ช่องใหญ่หรือ 1 รอบนาฬิกา เข็มสั้นจะเดินได้ 1 ช่องใหญ่ เพราะฉะนั้น 1 ชั่วโมงเท่ากับ 60 นาที 5. ครูนำเสนอการบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาทีเวลาช่วงกลางวัน โดยใช้นาฬิกาจำลอง ประกอบ เช่น 6 นาฬิกา 5 นาที 11 นาฬิกา 35 นาที 6. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 1 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาทีเมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 1 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ นาฬิกาเป็นเครื่องมือที่ใช้บอก เวลา เข็มสั้นบอกเวลาเป็นชั่วโมง เข็มยาวบอกเวลาเป็นนาที สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. นาฬิกาของจริงแบบมีเข็มและแบบตัวเลข 3. ใบงานที่ 1 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที การวัดผลและประเมินผล
108 สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 1 ใบงานที่ 1 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.2 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำนาฬิกาหน้าปัด 2 ชั้น มาให้นักเรียนดู แล้วถามนักเรียนว่าเวลา 24 นาฬิกา เป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน เข็มสั้นและเข็มยาว ชี้ที่เลขอะไร 2. ครูหมุนเข็มนาฬิกาตามที่นักเรียนบอก แล้วถามนักเรียนว่า 1 วัน แบ่งเป็น 24 ชั่วโมง มีกลางวันกี่ชั่วโมง กลางคืนกี่ชั่วโมง เวลาที่ถือว่าเป็นวันใหม่คือหลังจากเวลากี่นาฬิ ขั้นสอน 1. ครูทดลองหมุนเข็มสั้นชี้ที่เลข 9 เข็มยาวชี้เลข 5 และให้นักเรียนอ่านเป็นเวลาในช่วง กลางคืน (21 นาฬิกา 25 นาที) 21 นาฬิกา 25 นาที 2. ครูถามนักเรียนว่า ถ้าเข็มยาวเดินมาครึ่งวงกลม จะเป็นเวลากี่นาที (30 นาที) 3. ครูหมุนเข็มนาฬิกาของนาฬิกาจำลองไปที่เลข 5, 10, 15, 20 และถามในทำนอง เดียวกันว่าเวลากี่นาที ให้นักเรียนตอบแล้วย้ำว่าเข็มยาวเรียกว่า นาที 4. ครูหมุนเข็มนาฬิกาเข็มสั้นไปที่เลข 2 เข็มยาวหมุนไปที่เลข 10 และให้นักเรียนอ่าน เป็นเวลาในช่วงกลางคืน (2 นาฬิกา 50 นาที)
109 2 นาฬิกา 50 นาที 5. ครูหมุนเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีไปที่ตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อบอกเวลาเป็นนาฬิกาและ นาที โดยกำหนดเวลาช่วงกลางคืน แล้วให้นักเรียนทั้งชั้นช่วยกันตอบหลาย ๆ ข้อ จนนักเรียนเข้าใจ 6. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 2 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 2 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ นาฬิกาเป็นเครื่องมือที่ใช้บอก เวลา เข็มสั้นบอกเวลาเป็นชั่วโมง เข็มยาวบอกเวลาเป็นนาที สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. นาฬิกาหน้าปัด 2 ชั้น 3. ใบงานที่ 2 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 2 ใบงานที่ 2 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.3 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
110 1. ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับเวลาว่าในช่วงกลางวันแบ่งเป็น 12 ชั่วโมง กลางคืน 12 ชั่วโมง รวม 24 ชั่วโมง 2. ครูถามนักเรียนว่าใน 1 ชั่วโมงนั้น เราแบ่งเป็นกี่นาที (60 นาที) ใน 1 วัน มีกี่ชั่วโมง (24 ชั่วโมง) ขั้นสอน 1. ครูทดลองหมุนเข็มสั้นชี้ที่เลข 1 เข็มยาวชี้เลข 4 และให้นักเรียนอ่านเวลาในช่วง กลางวัน คือ 13 นาฬิกา 20 นาที เวลาในช่วงกลางคืน คือ 1 นาฬิกา 20 นาที 2. ครูแจกภาพหน้าปัดนาฬิกา และเวลากำกับไว้ใต้ภาพ แล้วให้นักเรียนแข่งขันกันเติม เข็มนาฬิกาลงบนหน้าปัดนาฬิกา ช่วงเวลากลางวัน 12 นาฬิกา 20 นาที 16 นาฬิกา 40 นาที 10 นาฬิกา 30 นาที ช่วงเวลากลางคืน
111 19 นาฬิกา 10 นาที 3 นาฬิกา 30 นาที 23 นาฬิกา 55 นาที 3. ครูบอกให้นักเรียนทุกคนแสดงหน้าปัดนาฬิกาตามเวลาที่ครูชูบัตรเวลานั้น ๆ เช่น ครูชูบัตร 15 นาฬิกา 25 นาที ก็ให้นักเรียนหมุนเข็มสั้นชี้เลข 3 เข็มยาวชี้เลข 5 เป็นต้น 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 3 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 3 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ นาฬิกาเป็นเครื่องมือที่ใช้บอก เวลา เข็มสั้นบอกเวลาเป็นชั่วโมง เข็มยาวบอกเวลาเป็นนาที สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. ภาพหน้าปัดนาฬิกา 3. ใบงานที่ 3 การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 3 ใบงานที่ 3 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.4 การอ่านและเขียนบอกเวลาทีมีมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
112 1. ครูทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ในชั่วโมงที่ผ่านมา เรื่อง การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที โดยครูให้ตัวแทนนักเรียน 1 คน ออกมาหมุนเข็มนาฬิกาจาลองแสดงกิจวัตรประจาวัน เช่น เข็มยาวชี้ เลข 6 เข็มสั้นชี้เลข 6 จากนั้นให้เพื่อนที่เหลือทายว่าเวลาดังกล่าวที่ตัวแทนนักเรียนหมุนเข็มนาฬิกา นั้น ทากิจวัตรอะไร เมื่อทายถูกต้องแล้ว ให้นักเรียนร่วมกันอ่านเวลาจากหน้าปัดนาฬิกาพร้อมกัน เช่น 6 นาฬิกา 30 นาที ครูทาซ้ำเดิม 2 – 3 ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้เดิมและกระตุ้น ความสนใจของนักเรียน 2. ครูให้นักเรียนมองไปที่นาฬิกาในห้องเรียน จากนั้นสุ่มเลือกตัวแทนนักเรียนชาย และ นักเรียนหญิง อย่างละ 1 คน ออกมาอ่านเวลา ณ ตอนนี้ ขั้นสอน 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับการเขียนบอกเวลาโดยใช้มหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) ว่า 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า การบอกเวลาเป็นนาฬิกา เริ่มตั้งแต่ 0 นาฬิกา ถึง 24 นาฬิกา การบอกเวลาเป็นนาที เริ่ม 0 นาที ถึง 59 นาที 3. ครูแนะนำนักเรียนเรื่องการเขียนบอกเวลาโดยใช้มหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) และ การอ่าน โดยครูจัดเข็มนาฬิกาจำลองให้นักเรียนบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที พร้อมทั้งครูเขียนบอก เวลาแบบใช้มหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) บนกระดานและแนะนำการอ่าน เช่น ครู : ในเวลากลางวัน นาฬิกาเรือนนี้แสดงเวลาใด นักเรียน : 9 นาฬิกา 10 นาที ครู : 9 นาฬิกา 10 นาที สามารถเขียนบอกเวลา โดยใช้มหัพภาค (.) ได้เป็น 09.10 น. อ่านว่า เก้านาฬิกาสิบนาที ครู : ในเวลากลางคืน นาฬิกาเรือนนี้แสดงเวลาใด นักเรียน : 21 นาฬิกา 10 นาที ครู : 21 นาฬิกา 10 นาที สามารถเขียนบอกเวลา โดยใช้มหัพภาค (.) ได้เป็น 21.10 น. อ่านว่า ยี่สิบเอ็ดนาฬิกาสิบนาที ครู : ในเวลากลางวัน นาฬิกาเรือนนี้แสดงเวลาใด นักเรียน : 11 นาฬิกา 30 นาที ครู : 11 นาฬิกา 30 นาที สามารถเขียนบอกเวลา โดยใช้ทวิภาค (:) ได้เป็น 11:30 น. อ่านว่า สิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาที ครู : ในเวลากลางคืน นาฬิกาเรือนนี้แสดงเวลาใด ตัวเลขหน้ามหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) บอกเวลาเป็น “นาฬิกา” ตัวเลขหลังมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) บอกเวลาเป็น “นาที”
113 นักเรียน : 23 นาฬิกา 30 นาที ครู : 23 นาฬิกา 30 นาที สามารถเขียนบอกเวลา โดยใช้ทวิภาค (:) ได้เป็น 23:30 น. อ่านว่า ยี่สิบสามนาฬิกาสามสิบนาที ครู : ในเวลากลางวัน นาฬิกาเรือนนี้แสดงเวลาใด นักเรียน : 7 นาฬิกา ครู : 7 นาฬิกา สามารถเขียนบอกเวลาโดยใช้ มหัพภาค (.) ได้เป็น 09.00 น. อ่านว่า เก้า นาฬิกา ครู : ในเวลากลางคืน นาฬิกาเรือนนี้แสดงเวลาใด นักเรียน : 19 นาฬิกา ครู : 19 นาฬิกา สามารถเขียนบอกเวลาโดยใช้ ทวิภาค (:) ได้เป็น 19:00 น. อ่านว่า สิบเก้า นาฬิกา 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 4 การอ่านและเขียนบอกเวลาทีมีมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลย กิจกรรมในใบงานที่ 4 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเขียนบอกเวลาโดยใช้ มหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ - ตัวเลขหน้ามหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) บอกเวลาเป็น “นาฬิกา” การบอกเวลา เป็นนาฬิกา เริ่มตั้งแต่ 0 นาฬิกา ถึง 24 นาฬิกา - ตัวเลขหลังมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) บอกเวลาเป็น “นาที” การบอกเวลา เป็นนาที เริ่มตั้งแต่ 0 นาที ถึง 59 นาที สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. ใบงานที่ 4 การอ่านและเขียนบอกเวลาทีมีมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) การวัดผลและประเมินผล
114 สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 4 ใบงานที่ 4 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.5 การอ่านและเขียนบอกเวลาทีมีมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนการบอกเวลาโดยใช้มหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) โดยให้เขียนเวลาต่อไปนี้ บนกระดาน โดยสุ่มนักเรียนออกมา 4 คน ดังนี้ 9 นาฬิกา 35 นาที 09.30 น. หรือ 09:30 น. 22 นาฬิกา 5 นาที 22.05 น. หรือ 22:05 น. 12 นาฬิกา 12.00 น. หรือ 12:00 น. 0 นาฬิกา 15 นาที 00.15 น. หรือ 00:15 น. ขั้นสอน 1. ครูให้ตัวแทนนักเรียนออกมาเขียนเวลาโดยใช้มหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) ให้ นักเรียนทั้งห้องช่วยกันอ่านเวลาที่ตัวแทน นักเรียนเขียนบนกระดาน เช่น นักเรียนออกมาเขียน 10.20 น. นักเรียนทั้งห้องอ่านว่า 10 นาฬิกา 20 นาที หลังจากนั้นครูนำนาฬิกาจำลองมาหมุนเข็มสั้น เข็ม ยาว แสดงเวลา 10.20 น. แล้วถามว่าเข็มยาวอยู่ที่ตัวเลขใด (4) เข็มสั้นอยู่ระหว่างตัวเลขใด (ระหว่าง ตัวเลข 10 กับ 11) ครูให้นักเรียนสังเกตว่า 10.20 น. ใกล้ 10.30 น. ดังนั้น เข็มสั้นจะอยู่ประมาณ กึ่งกลางของตัวเลข 10 กับ 11
115 2. ครูทำกิจกรรมทำนองเดียวกับข้อ 2 อีกหลายๆ ตัวอย่าง ให้นักเรียนออกมาหมุนเข็ม สั้นเข็มยาวให้ตรงกับเวลาที่เพื่อนกำหนด โดยย้ำให้นักเรียนสังเกตตำแหน่งของเข็มสั้นว่า ควรอยู่ ประมาณกึ่งกลาง น้อยกว่ากึ่งกลาง หรือมากกว่ากึ่งกลางระหว่างตัวเลข 2 ตัวที่แสดงเวลาตามที่ กำหนด 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 5 การอ่านและเขียนบอกเวลาที่มีมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลย กิจกรรมในใบงานที่ 5 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเขียนบอกเวลาโดยใช้ มหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ - ตัวเลขหน้ามหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) บอกเวลาเป็น “นาฬิกา” การบอกเวลา เป็นนาฬิกา เริ่มตั้งแต่ 0 นาฬิกา ถึง 24 นาฬิกา - ตัวเลขหลังมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) บอกเวลาเป็น “นาที” การบอกเวลา เป็นนาที เริ่มตั้งแต่ 0 นาที ถึง 59 นาที สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. ใบงานที่ 5 การอ่านและเขียนบอกเวลาที่มีมหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 5 ใบงานที่ 5 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป
116 คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ 3.6 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนการอ่านเวลาช่วงกลางวันและกลางคืนโดยครูหมุนเข็มชั่วโมงและเข็มนาที ไปที่ตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที โดยกำหนดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน แล้ว ให้นักเรียนทั้งชั้นช่วยกันตอบหลาย ๆ ข้อ จนนักเรียนเข้าใจ ขั้นสอน 1. ครูให้นักเรียนเล่ากิจวัตรประจำวันของตนว่า วันหนึ่ง ๆ นักเรียนปฏิบัติกิจวัตร อะไรบ้าง 2. ครูเขียนกิจวัตรที่นักเรียนบอกบนกระดาน โดยเรียงลำดับตามลำดับเหตุการณ์พร้อม กับเขียนเวลาที่นักเรียนกระทำกิจวัตรประจำวันจะได้ ดังนี้ ตื่นนอน เวลา 6 นาฬิกา พักกลางวัน เวลา 12 นาฬิกา อ่านหนังสือ เวลา 18 นาฬิกา เข้านอน เวลา 20 นาฬิกา 3. ครูติดภาพแสดงเวลาในการทำกิจวัตร ให้นักเรียนร่วมกันสังเกตและตอบคำถาม ดังนี้ ตื่นนอน เวลา 6 นาฬิกา พักกลางวัน เวลา 12 นาฬิกา
117 อ่านหนังสือ เวลา 18 นาฬิกา เข้านอน เวลา 20 นาฬิกา - จากเวลาที่นักเรียนตื่นนอนตอนเช้าถึงเวลาพักกลางวัน เป็นระยะเวลา 6 ชั่วโมง - จากเวลาที่นักเรียนพักกลางวันถึงเวลาอ่านหนังสือ เป็นระยะเวลา 6 ชั่วโมง - จากเวลาที่นักเรียนอ่านหนังสือถึงเวลาเข้านอน เป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมง - จากเวลาที่นักเรียนตื่นนอนตอนเช้าถึงเวลาอ่านหนังสือ เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง - จากเวลาที่นักเรียนพักกลางวันถึงเวลาเข้านอน เป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง 4. ครูสนทนากับนักเรียนว่า การบันทึกกิจกรรมที่ปฏิบัติประจำ โดยดูเวลาจากนาฬิกา จะทำให้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตรงเวลา และช่วยเตือนความจำได้ 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 6 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 6 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวิธีบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมง นาทีโดยใช้แผนภูมิข้อมูลของเส้นเวลา สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. ใบงานที่ 6 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน
118 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 6 ใบงานที่ 6 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.7 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำบัตรภาพนาฬิกาที่บอกเวลาต่าง ๆ ติดบนกระดาน (ทีละภาพ) แล้วถามว่า เป็น เวลากี่นาฬิกา กี่นาที (ให้นักเรียนอ่านเวลาในช่วงกลางวันและช่วงกลางคืน) ขั้นสอน 1. ครูนำนาฬิกาจำลองแสดงเวลา 9 นาฬิกามาให้นักเรียนดู และอธิบายเพิ่มเติมว่า เข็ม ยาวเดินต่อจาก 9 นาฬิกาไปอีก 10 นาที นั่นคือ 9 นาฬิกา 10 นาที ครูให้นักเรียนสังเกตว่า การอ่าน เวลาเริ่มอ่านเข็มที่บอกชั่วโมงก่อน แล้วจึงอ่านเข็มที่บอกนาที 2. ครูติดภาพแสดงเวลาในการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ให้นักเรียนร่วมกันสังเกตและ ตอบคำถาม ดังนี้ พี่อาบน้ำเวลา 7 นาฬิกา ถึงเวลา 7 นาฬิกา 10 นาที แม่ทำอาหารเวลา 18 นาฬิกา 30 นาที ถึงเวลา 19 นาฬิกา
119 - พี่ใช้เวลาอาบน้ำ เป็นระยะเวลา 10 นาที - แม่ใช้เวลาทำอาหาร เป็นระยะเวลา 30 นาที 3. ครูสนทนากับนักเรียนว่า การบันทึกกิจกรรมที่ปฏิบัติประจำ โดยดูเวลาจากนาฬิกา จะทำให้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตรงเวลา และช่วยเตือนความจำได้ 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 7 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 7 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวิธีบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมง นาทีโดยใช้แผนภูมิข้อมูลของเส้นเวลา สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. ใบงานที่ 7 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 7 ใบงานที่ 7 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.8 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแจกนาฬิกาจำลองให้นักเรียนคนละ 1 เรือน แล้วให้นักเรียนหมุนเวลาตามที่ครู บอกเป็นนาฬิกาและนาที ขั้นสอน 1. ครูแจกภาพหน้าปัดนาฬิกา และเวลากำกับไว้ใต้ภาพ แล้วให้นักเรียนแข่งขันกันเติม เข็มนาฬิกาลงบนหน้าปัดนาฬิกา เช่น 2. 3. 4.
120 5. 6. 7. 14 นาฬิกา 40 นาที 7 นาฬิกา 5 นาที 9 นาฬิกา 10 นาที 22 นาฬิกา 25 นาที 19 นาฬิกา 45 นาที 5 นาฬิกา 35 นาที 2. ครูติดภาพนาฬิกาจำลองเพื่อให้นักเรียนออกมาเติมเข็มนาฬิกาตามระยะเวลาที่ครู กำหนด ดังนี้ แม่ทำขนม 45 นาที พี่เล่มคอมพิวเตอร์ 1 ชั่วโมง
121 ฉันอ่านหนังสือ 20 นาที 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 8 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 8 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวิธีบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมง นาทีโดยใช้แผนภูมิข้อมูลของเส้นเวลา สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. ใบงานที่ 8 การบอกระยะเวลาเป็นชั่วโมงและนาที การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 8 ใบงานที่ 8 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.9 การเปรียบเทียบระยะเวลา (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
122 1. ครูทบทวน เรื่อง การบอกเวลา โดยนำบัตรภาพนาฬิกาที่แสดงเวลามาให้นักเรียนดู จากนั้นเปิดเพลงให้นักเรียนส่งบัตรภาพนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อเพลงหยุดแล้วบัตรภาพอยู่ที่ใครให้คนนั้นตอบ คาถามว่า เป็นเวลาเท่าใด ประมาณ 2 – 3 ข้อ 2. ครูเขียนตัวเลข 5 นาที บนกระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบคาถาม ดังนี้ - เวลาใดบ้างน้อยกว่า 5 นาที (0, 1, 2, 3, 4) - เวลาใดบ้างมากกว่า 5 นาที (6, 7, 8, 9, 10) - นักเรียนคิดว่าเวลาที่มากกว่า 4 แต่น้อยกว่า 9 นาทีมีเวลาใดบ้าง (5, 6, 7, 8) ขั้นสอน 1. ครูทบทวนการเปลี่ยนหน่วยเวลาจากหน่วยใหญ่เป็นหน่วยย่อย และหน่วยย่อยเป็น หน่วยใหญ่ ให้นักเรียนช่วยกันหาคำตอบ เช่น - 150 นาที เป็นกี่ชั่วโมง กี่นาที เนื่องจาก 60 นาที เป็น 1 ชั่วโมง ดังนั้น 150 ÷ 60 ได้ 2 เศษ 30 จะได้ 150 นาที เป็น 2 ชั่วโมง 30 นาที - 3 ชั่วโมง 35 นาที คิดเป็นกี่นาที เนื่องจาก 60 นาที เป็น 1 ชั่วโมง ดังนั้น 3 × 60 ได้ 180 + 35 = 215 จะได้ 3 ชั่วโมง 35 นาที เป็น 215 นาที 2. ครูแสดงบัตรข้อความที่บอกค่าเวลาต่างกัน 2 บัตร ให้นักเรียนเปรียบเทียบว่าเวลา แตกต่างกันหรือไม่ บัตรใดเวลามากกว่า บัตรใดเวลาน้อยกว่า หรือทั้งสองบัตรเวลาเท่ากัน พร้อมทั้ง บอกเหตุผลที่นักเรียนใช้ตัดสิน ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบ ดังนี้ 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 9 การเปรียบเทียบระยะเวลา เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 9 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ วิธีการเปรียบเทียบระยะเวลา อาจเปรียบเทียบได้โดยทำหน่วยเวลาที่ต้องการเปรียบเทียบให้เป็นหน่วยเดียวกันก่อน แล้วจึง เปรียบเทียบ 240 นาที มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากับ 3 ชั่วโมง 1 ชั่วโมง 30 นาที มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากับ 80 นาที 90 นาที มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากับ 2 ชั่วโมง 20 นาที 122 นาที มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากับ 1 ชั่วโมง 22 นาที
123 สื่อการเรียนรู้ 1. บัตรภาพนาฬิกา 2. บัตรข้อความ 3. ใบงานที่ 9 การเปรียบเทียบระยะเวลา การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 9 ใบงานที่ 9 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.10 การเปรียบเทียบระยะเวลา (1 ชั่วโมง) จกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ในชั่วโมงที่ผ่านมา เรื่อง การเปรียบเทียบระยะเวลา โดยครู แสดงบัตรข้อความแสดงเวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที แล้วครูถามนักเรียนคิดเป็นกี่นาที และมีวิธีคิดอย่างไร (80 นาที เท่ากับ 60 + 20 นาที) 2. ครูนักเรียนอ่านโจทย์แล้วตอบคำถาม ดังนี้ - 4 ชั่วโมง 5 นาที คิดเป็นกี่นาที (245 นาที) - 1 ชั่วโมง 28 นาที คิดเป็นกี่นาที (88 นาที) - 75 นาที คิดเป็นกี่ชั่วโมง กี่นาที (1 ชั่วโมง 15 นาที) - 158 นาที คิดเป็นกี่ชั่วโมง กี่นาที (2 ชั่วโมง 38 นาที) ขั้นสอน 1. ครูอธิบายความรู้ว่าชั่วโมงกับนาที มีความสัมพันธ์กันดังนี้ ดังนั้น การเปรียบเทียบเวลาต้องเปลี่ยนเวลาเป็นหน่วยเดียวกันก่อน โดยใช้ ความสัมพันธ์ของหน่วยเวลา แล้วจึงนำมาเปรียบเทียบกัน 1 ชั่วโมง เท่ากับ 60 นาที
124 2. ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบระยะเวลาระหว่าง 150 นาที กับ 1 ชั่วโมง โดยใช้คำว่า “มากกว่า” หรือ “น้อยกว่า” จะใช้อย่างไร (150 นาที มากกว่า 1 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง มากกว่า 150 นาที) 3. ครูยกตัวอย่างการเปรียบเทียบระยะเวลาเพิ่มเติมอีก 2 – 3 ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียน เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น เช่น 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 10 การเปรียบเทียบระยะเวลา เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียน ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 10 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ วิธีการเปรียบเทียบระยะเวลา อาจเปรียบเทียบได้โดยทำหน่วยเวลาที่ต้องการเปรียบเทียบให้เป็นหน่วยเดียวกันก่อน แล้วจึง เปรียบเทียบ สื่อการเรียนรู้ ใบงานที่ 10 การเปรียบเทียบระยะเวลา การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 10 ใบงานที่ 10 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 1 ชั่วโมง 20 นาที กับ 90 นาที 256 นาที กับ 4 ชั่วโมง 26 นาที 5 ชั่วโมง 8 นาที กับ 318 นาที 156 นาที กับ 2 ชั่วโมง 26 นาที
125 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.11 โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับเวลา โดยแสดงบัตรคำ 20 นาฬิกา 19 นาที จากนั้นครูให้ ตัวแทนนักเรียนหญิงออกมา หมุนเข็มนาฬิกาจำลองให้ตรงกับเวลาที่กำหนด และครูแสดงบัตรคำ 6 นาฬิกา 56 นาที ให้ตัวแทนนักเรียนชายออกมาหมุนเข็มนาฬิกาจำลองให้ตรงกับเวลาที่กำหนด ครู ยกตัวอย่างอีก 2-3 ตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนเรื่อง การบอกเวลาเป็นนาฬิกาและนาที ขั้นสอน 1. ครูนำเสนอสถานการณ์โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา พร้อมทั้ง อ่านโจทย์ให้นักเรียนอ่านตาม ดังนี้ 2. ครูให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหา โดยตอบคำถามดังต่อไปนี้ - สิ่งที่โจทย์ถามคืออะไร (ปอทำการบ้านนานเท่าใด) - สิ่งที่โจทย์บอกคืออะไร (ปอทำการบ้านคณิตศาสตร์ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 18 นาที และทำการบ้านภาษาไทยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 24 นาที) - ใช้วิธีใดหาคำตอบ (วิธีบวก) 3. ครูอธิบายวิธีการวางแผนแก้โจทย์ปัญหา และถามนักเรียนว่าคำตอบที่ได้คือเท่าใด (ปอทำการบ้านนาน 3 ชั่วโมง 42 นาที) ดังนี้ ทำการบ้านคณิตศาสตร์ 2 ชั่วโมง 18 นาที ทำการบ้านภาษาไทย 1 ชั่วโมง 24 นาที 4. ครูติดโจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา ให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์ ปัญหา ดังนี้ ปอทำการบ้านคณิตศาสตร์ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 18 นาทีและทำการบ้านภาษาไทย ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 24 นาทีปอทำการบ้านนานเท่าใด ปอใช้เวลาในการทำการบ้าน แตงเดินออกจากบ้านเวลา 15 นาฬิกา 20 นาที ถึงตลาดใช้เวลา 45 นาที แตงจะถึงตลาดเวลาเท่าใด
126 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 11 โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 11 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาและ ระยะเวลาจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ สิ่งที่โจทย์กำหนดให้ กับสิ่งที่โจทย์ถาม ซึ่งสามารถหาคำตอบ ได้โดยการวิเคราะห์โจทย์ วางแผนแก้โจทย์ปัญหา การแก้ปัญหา และการตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคำตอบ สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. ใบงานที่ 11 โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 11 ใบงานที่ 11 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.12 โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้
127 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับการบอกเวลา และระยะเวลาที่มีหน่วยเดียวกัน โดยให้ ตัวแทนนักเรียน 2 คนออกหมุนเข็มยาวที่นาฬิกาจำลองให้ชี้ที่เลข 9 และเลข 5 จากนั้นครูให้นักเรียน ร่วมกันตอบคำถามว่า เวลาทั้งสองรวมกันเป็นเท่าไร (1 ชั่วโมง 10 นาที หรือ 70 นาที) 2. ครูตั้งคำถามนักเรียนว่า จากกิจกรรมดังกล่าว นักเรียนสามารถหาคำตอบได้อย่างไร (นำเวลามารยมกัน) ขั้นสอน 1. ครูติดโจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาบนกระดาน พร้อมทั้งอ่านโจทย์ให้นักเรียน อ่านตาม ดังนี้ 2. ครูให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหา โดยตอบคำถามดังต่อไปนี้ - สิ่งที่โจทย์ถามคืออะไร (แม่ใช้เวลาไปตลาดและทำขนมนานเท่าใด) - สิ่งที่โจทย์บอกคืออะไร (แม่ไปซื้อของที่ตลาดใช้เวลา 1 ชั่วโมง 35 นาที และ กลับมาทำขนมใช้เวลา 1 ชั่วโมง 43 นาที) - ใช้วิธีใดหาคำตอบ (วิธีบวก) 3. ครูและนักเรียนช่วยกันแสดงแนวคิดในการหาคำตอบ ดังนี้ ชั่วโมง นาที แม่ไปซื้อของที่ตลาดใช้เวลา 1 35 + และกลับมาทำขนมใช้เวลา 1 43 2 78 (เนื่องจาก 60 นาที แม่ใช้เวลาไปตลาดและทำขนม 3 18 เท่ากับ 1 ชั่วโมง) ตอบ แม่ใช้เวลาไปตลาดและทำขนม ๓ ชั่วโมง ๑๘ นาที ครูอธิบายขั้นตอนวิธีการเขียนแสดงวิธีทำ เช่น เขียนหน่วยชั่วโมง นาที ไว้ด้านบน ก่อนจากนั้นเขียนข้อความและตัวเลขที่เป็นตัวตั้ง และตัวบวก ตามลำดับ 4. ครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลา และระยะเวลา ในการหาคำตอบให้ นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์และแสดงวิธีทำอีก 2-3 ตัวอย่าง 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 12 โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 12 ขั้นสรุป แม่ไปซื้อของที่ตลาดใช้เวลา 1 ชั่วโมง 35 นาที และกลับมาทำขนมใช้เวลา 1 ชั่วโมง 43 นาที แม่ใช้เวลาไปตลาดและทำขนมนานเท่าใด
128 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การแก้โจทย์ปัญหาการบวก เกี่ยวกับเวลาได้นั้น ต้องศึกษาก่อนว่าโจทย์ต้องการให้หาอะไร โจทย์กำหนดสิ่งใดมาให้ พร้อมทั้ง ตรวจสอบหน่วยเวลาที่ให้ว่าเป็นหน่วยเดียวกันหรือไม่ สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. โจทย์ปัญหาการบวก 3. ใบงานที่ 12 โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 12 ใบงานที่ 12 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.13 โจทย์ปัญหาการบวกเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. นักเรียน 2 คน ออกมาหมุนเข็มนาฬิกาแสดงเวลาที่นักเรียนตื่นนอนของตนเอง แล้ว ให้นักเรียนตอบคำถาม เช่น นักเรียนคนที่ 1 ตื่นนอนเวลาใด (5 นาฬิกา 30 นาที) นักเรียนคนที่ 2 ตื่นนอนเวลาใด (6 นาฬิกา 40 นาที) นักเรียนทั้งสองคนตื่นนอนต่างกันเป็นเวลาเท่าใด (1 ชั่วโมง 10 นาที) ขั้นสอน 1. ครูนำเสนอสถานการณ์โจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา พร้อมทั้ง อ่านโจทย์ให้นักเรียนอ่านตาม ดังนี้
129 2. ครูให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหา โดยตอบคำถามดังต่อไปนี้ - สิ่งที่โจทย์ถามคืออะไร (สายฝนใช้เวลาทำการบ้านนานกว่าสุดใจเท่าใด) - สิ่งที่โจทย์บอกคืออะไร (สุดใจทำการบ้าน 1 ชั่วโมง 30 นาที สายฝนใช้เวลาทำ การบ้าน 1 ชั่วโมง 45 นาที) - ใช้วิธีใดหาคำตอบ (วิธีลบ) 3. ครูอธิบายวิธีการวางแผนแก้โจทย์ปัญหา และถามนักเรียนว่าคำตอบที่ได้คือเท่าใด (สายฝนใช้เวลาทำการบ้านนานกว่าสุดใจ 15 นาที) ดังนี้ สุดทำทำการบ้าน 1 ชั่วโมง 30 นาที สายฝนใช้เวลาทำการบ้าน 1 ชั่วโมง 45 นาที 4. ครูติดโจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา ให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์ ปัญหา ดังนี้ 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 13 โจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 13 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาและ ระยะเวลาจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ สิ่งที่โจทย์กำหนดให้ กับสิ่งที่โจทย์ถาม ซึ่งสามารถหาคำตอบ ได้โดยการวิเคราะห์โจทย์ วางแผนแก้โจทย์ปัญหา การแก้ปัญหา และการตรวจสอบความ สมเหตุสมผลของคำตอบ สื่อการเรียนรู้ 1. นาฬิกาจำลอง 2. ใบงานที่ 13 โจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา สุดใจทำการบ้าน 1 ชั่วโมง 30 นาที สายฝนใช้เวลาทำการบ้าน 1 ชั่วโมง 45 นาที สายฝนใช้เวลาทำการบ้านนานกว่าสุดใจเท่าใด สายฝนใช้เวลาทำ การบ้านนานกว่าสุดใจ มาลาอ่านหนังสือวันละ 3 ชั่วโมง 30 นาทีนอนวันละ 10 ชั่วโมง มาลานอนมากกว่าอ่านหนังสือกี่ชั่วโมง
130 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 13 ใบงานที่ 13 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.14 โจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา(1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. นำโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลาให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์และหาคำตอบ เช่น ขณะนี้เวลา 8 นาฬิกา 15 นาที อีกกี่นาทีจะเป็นเวลา 8 นาฬิกา 45 นาที(30 นาที) ขั้นสอน 1. ครูติดโจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลาบนกระดาน พร้อมทั้งอ่านโจทย์ให้นักเรียน อ่านตาม ดังนี้ 2. ครูให้นักเรียนฝึกวิเคราะห์โจทย์ปัญหา โดยตอบคำถามดังต่อไปนี้ - สิ่งที่โจทย์ถามคืออะไร (ทวีทำงานช้ากว่าประชาเป็นเวลาเท่าใด) - สิ่งที่โจทย์บอกคืออะไร (ทวีทำงานเสร็จในเวลา 3 ชั่วโมง 15 นาที ประชา ทำงานเสร็จในเวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที) - ใช้วิธีใดหาคำตอบ (วิธีลบ) 3. ครูและนักเรียนช่วยกันแสดงแนวคิดในการหาคำตอบ ดังนี้ ชั่วโมง นาที ทวีทำเสร็จในเวลา 3 15 - ทวีทำงานเสร็จในเวลา 3 ชั่วโมง 15 นาที ประชาทำงานเสร็จในเวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที ทวีทำงานช้ากว่าประชาเป็นเวลาเท่าใด
131 ประชาทำงานเสร็จในเวลา 1 10 ทวีทำงานเสร็จช้ากว่าประชา 2 5 ตอบ ทวีทำงานเสร็จช้ากว่าประชา ๒ ชั่วโมง ๕ นาที ครูอธิบายขั้นตอนวิธีการเขียนแสดงวิธีทำ เช่น เขียนหน่วยชั่วโมง นาที ไว้ด้านบน ก่อนจากนั้นเขียนข้อความและตัวเลขที่เป็นตัวตั้ง และตัวบวก ตามลำดับ 4. ครูยกตัวอย่างโจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลา และระยะเวลา ในการหาคำตอบให้ นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์โจทย์และแสดงวิธีทำอีก 2-3 ตัวอย่าง 5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 14 โจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา เมื่อ เสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบ งานที่ 14 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้การแก้โจทย์ปัญหาการบวก เกี่ยวกับเวลาได้นั้น ต้องศึกษาก่อนว่าโจทย์ต้องการให้หาอะไร โจทย์กำหนดสิ่งใดมาให้ พร้อมทั้ง ตรวจสอบหน่วยเวลาที่ให้ว่าเป็นหน่วยเดียวกันหรือไม่ สื่อการเรียนรู้ 1. โจทย์ปัญหาการลบ 2. ใบงานที่ 14 โจทย์ปัญหาการลบเกี่ยวกับเวลาและระยะเวลา การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 14 ใบงานที่ 14 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน
132 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3.15 การอ่านบันทึกกิจกรรมที่ระบุเวลา (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เดิม เรื่อง การเขียนบอกเวลาโดยใช้มหัพภาค (.) ทวิภาค (:) และ การอ่าน โดยครูจะวาดนาฬิกาบนกระดานให้นักเรียนดู จากนั้นครูจะสุ่มให้นักเรียนออกมาเขียนบอก เวลาโดยใช้มหัพภาค (.) หรือทวิภาค (:) ตามที่ครูกำหนด เช่น ครูวาดนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้เลข 9 และ เข็มยาวชี้เลข 12 เวลากลางวัน ให้นักเรียนเขียนคำตอบว่า 09.00 น. หรือ 09:00 น. จากนั้นให้ นักเรียนร่วมกันอ่านเวลาเป็นนาฬิกาและนาที ในเวลากลางวันหรือกลางคืน ครูและนักเรียนร่วมกัน เฉลยคำตอบ 2. ครูถามคำถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมานักเรียน พบเห็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่กระทำในแต่ละวันด้วยวิธีการใดบ้าง ขั้นสอน 1. ครูนำบันทึกกิจกรรมประจำวันของ ด.ญ.ปอ มาติดบนกระดาน บันทึกกิจกรรมของ ด.ญ. ปอ วันเสารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา กิจกรรม 06.15 น. ตื่นนอน ล้างหน้า แปรงฟัน 06.45 น. รับประทานอาหารเช้า 07.15 น. ออกเดินทางจากบ้านไปสวน 08.30 น. เริ่มช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงาน 12.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน 13.35 น. เล่นน้ำในสวน 15.45 น. ออกเดินทางจากสวนกลับบ้าน 17.15 น. ทำการบ้าน 17.45 น. รับประทานอาหารเย็น 19.30 น. อ่านหนังสือก่อนนอน 20.00 น. เข้านอน
133 ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การจดบันทึกทำได้หลายแบบ แบบที่แสดงให้ดูนี้เป็นบันทึกแบบ ง่ายๆ เป็นการจดบันทึกประจำวัน คือ จดสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน 1 วัน เริ่มต้นด้วยการเขียนวัน เดือน ปี พ.ศ. ไว้ส่วนบนของบันทึก ด้านซ้ายมือบันทึกเวลา ด้านขวามือของเวลาบันทึกกิจกรรมที่ปฏิบัติเวลา นั้นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้บันทึกต้องการบันทึกกิจกรรมใดบ้าง จากนั้นฝึกให้นักเรียนอ่านบันทึกโดยตอบ คำถามต่อไปนี้ - บันทึกนี้เป็นของใคร (บันทึกของด.ญ.ปอ) - เหตุการณ์นี้ในบันทึกนี้เกิดขึ้นเมื่อใด (วันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2563) - ด.ญ.ปอเริ่มออกจากเดินทางจากบ้านไปสวนเวลาใด (7 นาฬิกา 15 นาที) - ด.ญ.ปอเดินทางจากสวนกลับมาบ้านเวลาใด (15 นาฬิกา 45 นาที) - ด.ญ.ปอเริ่มเล่นน้ำเวลาใด (13 นาฬิกา 35 นาที) - เวลา 17.15 น. ด.ญ.ปอทำกิจกรรมใด (ทำการบ้าน) - เวลา 19.30 น. ด.ญ.ปอทำกิจกรรมใด (อ่านหนังสือก่อนนอน) 2. ครูติดบันทึกกิจกรรมอีก 1-2 ตาราง บนกระดานให้นักเรียนอ่านและตอบคำถามที ละคน คนละหนึ่งบรรทัดจนนักเรียนเข้าใจ 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 15 การอ่านบันทึกกิจกรรมที่ระบุเวลา เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 15 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ บันทึกกิจกรรมประจำวันเป็น เหตุการณ์หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยได้จดบันทึกไว้ ซึ่งอาจเริ่มต้นด้วยการเขียน วัน เดือน พ.ศ. ไว้ส่วนบนของบันทึก ด้านซ้ายมือบันทึกเวลา ด้านขวามือของเวลาจะบันทึกกิจกรรมที่ได้ปฏิบัติ ในเวลานั้น สื่อการเรียนรู้ 1. บันทึกกิจกรรมประจำวันของ ด.ญ.ปอ 2. ใบงานที่ 15 การอ่านบันทึกกิจกรรมที่ระบุเวลา การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 15 ใบงานที่ 15 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป
134 คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ 3.16 การเขียนบันทึกกิจกรรมที่ระบุเวลา (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนการอ่านบันทึกกิจกรรมหรือเหตุการณ์ โดยนำบันทึกประจำวันของ ด.ช.สมชาย พากเพียร มาติดบนกระดาน และใช้คำถามให้นักเรียนช่วยกันตอบ ดังนี้ บันทึกกิจกรรมของ ด.ช.สมชาย พากเพียร วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา กิจกรรม 08.00 น. ออกจากบ้าน 10.15 น. ถึงบ้านคุณยาย 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน 14.30 น. เล่นกับญาติ 15.00 น. ออกจากบ้านคุณยาย 17.20 น. กลับถึงบ้าน 2. ครูอธิบายว่า การจดบันทึกทำได้หลายแบบ แบบที่แสดงให้ดูนี้เป็นบันทึกแบบง่ายๆ เป็นการจดบันทึกประจำวัน คือ จดสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน 1 วัน เริ่มต้นด้วยการเขียนวัน เดือน ปี พ.ศ. ไว้
135 ส่วนบนของบันทึก ด้านซ้ายมือบันทึกเวลา ด้านขวามือของเวลาบันทึกกิจกรรมที่ปฏิบัติเวลานั้นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้บันทึกต้องการบันทึกกิจกรรมใดบ้าง จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - บันทึกนี้เป็นของใคร (ด.ช.สมชาย พากเพียร) - เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อใด (วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2563) - ด.ช.สมชาย ถึงบ้านคุณยายเวลาใด (10.15 น.) - เวลา 14.30 น. ด.ช.สมชายทำอะไร (เล่นกับญาติ) - เวลา 17.20 น. ด.ช.สมชายอยู่ที่ไหน (กลับถึงบ้าน) ขั้นสอน 1. ครูนำบัตรภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันมาติดบนกระดาน 6 ใบ (ภาพการ เล่นของเด็กในสนามเด็กเล่น ภาพเด็กกำลังรับประทานอาหารพร้อมครอบครัว ภาพเด็กเรียนหนังสือ ภายในห้องเรียน ภาพเด็กเคารพธงชาติ ภาพเด็กอ่านหนังสือในห้องสมุด ภาพเด็กนอนหลับ) จากนั้น ให้นักเรียนลองลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วบันทึกประจำวันจากบัตรภาพที่กำหนดให้ โดยให้นักเรียน คาดคะเนเวลาที่แต่ละกิจกรรมจะเกิดขึ้นด้วยตนเอง โดยใช้ตารางที่กำหนดให้ต่อไปนี้
136 ตัวอย่างบัตรภาพกิจกรรมประจำวัน บันทึกประจำวัน บันทึกกิจกรรมประจำวันของ....................................... วัน......................ที่ ....... เดือน............................. พ.ศ. ............. เวลา กิจกรรม 2. ครูสุ่มให้นักเรียนออกมานำเสนอผลงานบันทึกกิจกรรมประจำวันหน้าชั้น และให้ เพื่อนๆ ช่วยกันแสดงความคิดเห็นถึงความสมเหตุสมผลของบันทึกกิจกรรมที่นำเสนอ 3. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 16 การเขียนบันทึกกิจกรรมที่ระบุเวลา เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 16 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเขียนบันทึกกิจกรรมว่า ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ ชื่อเจ้าของบันทึก วัน/เดือน/ปี เวลา และกิจกรรมที่กระทำ ซึ่งข้อมูลใน ตารางจะประกอบด้วยข้อความและตัวเลขแสดงเวลาต่าง ๆ สื่อการเรียนรู้ 1. บันทึกประจำวันของ ด.ช.สมชาย พากเพียร 2. บัตรภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน 3. ใบงานที่ 16 การเขียนบันทึกกิจกรรมที่ระบุเวลา
137 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 16 ใบงานที่ 16 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป
143 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค13101 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 รูปเรขาคณิต เวลาเรียน 10 ชั่วโมง ............................................................................................................................. ................................... 1.สาระที่ 2 การวัดและเรขาคณิต 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 2.2 : เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และ นำไปใช้ 3. ตัวชี้วัด ค 2.2 ป.3/1 : ระบุรูปเรขาคณิตสองมิติที่มีแกนสมมาตรและจำนวนแกนสมมาตร 4. สาระสำคัญ รูปที่เมื่อพับแล้ว แต่ละข้างของรอยพับทับกันสนิทเป็นรูปที่มีแกนสมมาตร รอยดับนี้เป็นแกน สมมาตร รูปที่มีแกนสมมาตรบางรูปที่มีแกนสมมาตรมากกว่า 1 แกน 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.1 ด้านความรู้ 1) อธิบายลักษณะของรูปเรขาคณิตที่มีแกนสมมาตรได้ (K) 2) สร้างรูปสมมาตรและระบุจำนวนแกนสมมาตรของรูปสมมาตรได้ (P) 3) นำความรู้เกี่ยวกับรูปที่มีแกนสมมาตรและจำนวนแกนสมมาตรไปใช้แก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ (A) 5.2 ด้านทักษะกระบวนการ 1) ทักษะการแก้ปัญหา 2) ทักษะการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ 3) ทักษะการเชื่อมโยง 4) ทักษะการให้เหตุผล 5) การคิดสร้างสรรค์ 5.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
144 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. การพัฒนา 3R 7.1 ทักษะด้านการอ่าน 7.2 ทักษะด้านการเขียน 7.3 ทักษะทางคณิตศาสตร์ 8. การพัฒนา 8C 8.1 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณฯ - 8.2 ทักษะด้านการสร้างสรรค์ฯ - 8.3 ทักษะด้านความร่วมมือฯ ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม 8.4 ทักษะด้านความเข้าใจต่างของวัฒนธรรมฯ การทำงานร่วมกันในการทำงานกลุ่ม 8.5 ทักษะด้านการสื่อสารฯ - 8.6 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ฯ - 8.7 ทักษะอาชีพฯ - 8.8 ทักษะความมีเมตตา คุณธรรมฯ การส่งงานตรงตามเวลาที่กำหนด 9. การบูรณาการ - 4.1 รูปที่มีแกนสมมาตร (5 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแจกกระดาษให้นักเรียนคนละ 1 แผ่น แล้วพับกระดาษ ดังนี้ พับจากด้านบนมาด้านล่าง พับจากมุมซ้ายบนมาทับมุมขวาล่าง
145 พับจากด้านขวามาด้านซ้าย พับจากมุมซ้ายล่างมาทับมุมขวาบน 2. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายร่วมกันว่าวิธีการพับกระดาษแบบใดเรียกว่าทับกันสนิท พอดี และเกิดรอยพับกี่รอย มีวิธีพับด้านอื่นๆ อีกหรือไม่ ขั้นสอน 1. ครูพับกระดาษ แล้วตัดตามรอยที่ขีดไว้ ให้นักเรียนทายว่า เมื่อคลี่ออกมาแล้วจะได้ เป็นรูปอะไร ครูคลี่รูปที่ได้จากการตัดกระดาษให้นักเรียนดูแล้วให้ตอบว่าเป็นรูปอะไรและให้สังเกตว่า ทั้งสองข้างของรอยพับมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ มีขนาดเท่ากันหรือไม่ และเมื่อพับกลับตามรอยเดิม ทั้งสองข้างทับกันสนิทหรือไม่ จากนั้นแนะนำว่า รูปที่ตัดได้นี้ มีลักษณะเป็นรูปที่มีแกนสมมาตร โดยมี รอยพับเป็นแกนสมมาตร 2. ครูนำกระดาษที่ตัดเป็นรูปที่ไม่มีแกนสมมาตร เช่น บัวรดน้ำ ให้นักเรียนสังเกตว่า ทั้ง สองข้างของรูปมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ (ไม่เหมือนกัน) และนักเรียนคิดว่า จะสามารถพับรูปแล้ว ทำให้ทั้งสองข้างของรูปทับกันสนิทได้หรือไม่ จากนั้นให้ตัวแทนนักเรียนออกมาพับรูปบัวรดน้ำ ดังกล่าวให้เพื่อนๆ ดู แล้วบอกผลการพับ ครูถามนักเรียนว่า รูปบัวรดน้ำนี้เป็นรูปที่มีแกนสมมาตร หรือไม่ (ไม่มี) เพราะเหตุใด (ไม่สามารถพับรูปแล้วทำให้ทั้งสองข้างของรอยพับทับกันสนิท) 3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน โดยคละความสามารถ ครูจัดกิจกรรม พับกระดาษโดยแจกกระดาษรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก รูปห้ามเหลี่ยมด้านเท่า รูปหก เหลี่ยมด้านเท่า รูปแปดเหลี่ยมด้านเท่า วงกลม และวงรีที่มีเส้นประแสดงรอยพับให้นักเรียนทุกคนใน กลุ่ม ให้นักเรียนพับตามรอยเส้นประและให้สังเกตแต่ละข้างของรอยพับของรูปเรขาคณิตสองมิติแต่ ละรูป แล้วให้บอกผลการสังเกต ซึ่งควรจะได้ว่า แต่ละข้างของรอยพับทับกันสนิทพอดี ครูถามว่า รูป เรขาคณิตสองมิติที่พับทั้งหมดนี้เป็นรูปที่มีแกนสมมาตรหรือไม่ (เป็นรูปที่มีแกนสมมาตร) เพราะเหตุ ใด (เพราะเมื่อพับตามรอยเส้นประ ทำให้ทั้งสองข้างของรูปทับกันสนิท) ให้นักเรียนทุกคนชี้แกน สมมาตรของรูปนั้น 4. ครูแจกกระดาษรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน รูปสามเหลี่ยมด้านไม่เท่า รูปสี่เหลี่ยมคางหมู (ที่ไม่ใช่รูปสี่เหลี่ยมคางหมูหน้าจั่ว) รูปห้าเหลี่ยม รูปหกเหลี่ยม รูปแปดเหลี่ยม ที่ไม่ใช่รูปหลายเหลี่ยม ด้านเท่ามุมเท่าที่มีเส้นประแสดงรอยพับให้นักเรียนทุกคนในกลุ่ม แล้วให้นักเรียนพับตามรอยเส้นประ และให้สังเกตว่าแต่ละข้างของรอยพับทับสนิทหรือไม่ แล้วให้บอกผลการสังเกต ซึ่งควรจะได้ว่า แต่ละ ข้างของรอยพับไม่ทับกันสนิท ครูถามว่า รูปเรขาคณิตสองมิติที่พับทั้งหมดนี้เป็นรูปที่มีแกนสมมาตร หรือไม่ (เป็นรูปที่ไม่มีแกนสมมาตร) เพราะเหตุใด (เพราะเมื่อพับตามรอยเส้นประ แล้วทั้งสองข้างของ รูปไม่ทับกันสนิท) ให้นักเรียนทุกคนชี้แกนสมมาตรของรูปนั้น 5. จากกิจกรรมในข้อ 3. และข้อ 4. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อนำไปสู่ข้อสรุป ที่ว่า รูปหลายเหลี่ยมบางรูป เป็นรูปที่มีแกนสมมาตร บางรูปเป็นรูปที่ไม่มีแกนสมมาตร ส่งวงกลมและ วงรีเป็นรูปที่มีแกนสมมาตร 6. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 1 รูปที่มีแกนสมมาตร เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกัน ตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 1 ขั้นสรุป
146 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้รูปสมมาตร คือ รูปที่พับครึ่ง แล้ว รูปแต่ละข้างของรอยพับนี้ทับกันสนิท รูปบางรูปอาจมีแกนสมมาตรได้มากกว่าหนึ่งแกน ซึ่งเมื่อ พับตามรอยพับแล้วรูปนั้นจะต้องทับกันพอดี สื่อการเรียนรู้ 1. กระดาษ 2. กรรไกร 3. กระดาษรูปเรขาคณิตที่มีเส้นประ 4. กระดาษรูปเรขาคณิตที่ไม่มีเส้นประ 5. ใบงานที่ 1 รูปที่มีแกนสมมาตร การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 1 ใบงานที่ 1 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 4.2 การประยุกต์ใช้รูปที่มีแกนสมมาตร (5 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนำภาพในชีวิตจริงที่มีลักษณะเป็นภาพที่มีแกนสมมาตร เช่น ภาพลายกระจัง ภาพลายเหล็กดัด ภาพลายกระเบื้อง ภาพลายผ้า ฯลฯ ให้นักเรียนดู แล้วชี้ให้นักเรียนสังเกตว่าทั้งสอง ข้างของแต่ละภาพมีลักษณะเหมือนกัน ครูสนทนาเพิ่มเติมว่า เราสามารถสร้างภาพที่มีลักษณะของ ลวดลายดังกล่าวได้ ขั้นสอน
147 1. ครูให้ตัวแทนกลุ่ม 2 คน แสดงการพับกระดาษรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า เพื่อหาแกนสมมาตร และให้ขีดเส้นตามรอยพับเพื่อแสดงแกนสมมาตร ครูแนะนำว่า ควรลองพับหลายๆ แนวแล้วนำเสนอโดยระบุจำนวนแกนสมมาตรของแต่ละรูป ซึ่งจะได้ดังนี้ มีแกนสมมาตร 2 แกน มีแกนสมมาตร 4 แกน 2. ครูให้แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมสำรวจรูปที่มีแกนสมมาตร โดยแจกกระดาษที่ตัดเป็นรูป เรขาคณิตสองมิติและรูปอื่นๆ ที่มีลักษณะเป็นรูปที่มีแกนสมมาตรและรูปที่ไม่มีแกนสมมาตร เช่น รูป ดาว 5 แฉก รูปตัวอักษร H, T, O, S, Y, M, N, A, X, Z เป็นต้น ถ้าพบว่าเป็นรูปที่มีแกนสมมาตรให้ ขีดเส้นแสดงแกนสมมาตรทุกเส้น พร้อมนำเสนอโดยแสดงวิธีพับประกอบการอธิบาย (แต่ละกลุ่มได้รูป ที่แตกต่างกัน กลุ่มละ 5 รูป) พร้อมระบุจำนวนแกนสมมาตรของแต่ละรูป 3. ครูติดรูปหลายเหลี่ยมที่มีเส้นประเป็นแกนสมมาตรบนกระดาน 3 – 4 รูป แล้วให้ ตัวแทนนักเรียนออกมาต่อเติมรูปให้สมบูรณ์ เช่น 4. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 2 การประยุกต์ใช้รูปที่มีแกนสมมาตร เมื่อเสร็จแล้วให้ นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 2 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ - รูปที่มีแกนสมมาตรกับรูปที่ไม่มีแกนสมมาตร มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร (รูป ที่มีแกนสมมาตรจะสามารถพับรูปแล้วทำให้ทั้งสองข้างของรอยพับทับกันสนิท แต่รูปที่ไม่มีแกน สมมาตรจะไม่สามารถพับรูปแล้วทำให้ทั้งสองข้างของรอยพับทับกันสนิท) - รูปที่มีแกนสมมาตรจะมีแกนสมมาตรได้น้อยที่สุดกี่แกน และมากที่สุดกี่แกน พร้อมบอกตัวอย่างประกอบ (รูปที่มีแกนสมมาตรจะมีแกนสมมาตรได้น้อยที่สุด 1 แกน เช่น รูป สามเหลี่ยมบางชนิด (รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว) รูปสี่เหลี่ยมบางชนิด (รูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว) รูปคน รูปผีเสื้อ เป็นต้น และจะมีแกนสมมาตรได้มากที่สุด มากมายนับไม่ถ้วน เช่น วงกลม) - คำกล่าวที่ว่า “รูปหลายเหลี่ยมทุกรูปเป็นรูปที่มีแกนสมมาตร” เป็นจริงหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่จริง เพราะมีรูปหลายเลี่ยมบางรูปที่ไม่มีแกนสมมาตร เช่น รูปห้ามเหลี่ยมบางรูป) สื่อการเรียนรู้ 1. ภาพในชีวิตจริงที่มีแกนสมมาตร 2. รูปหลายเหลี่ยม 3. ใบงานที่ 2 การประยุกต์ใช้รูปที่มีแกนสมมาตร
148 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านความรู้ ทำกิจกรรมจากใบงานที่ 2 ใบงานที่ 2 70% ขึ้นไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ การประเมิน 2. ด้านทักษะ กระบวนการ สังเกตพฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน ทักษะกระบวนการ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ สังเกตพฤติกรรมด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ แบบสังเกต พฤติกรรมด้าน คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ นักเรียนได้คะแนนระดับ คุณภาพดีขึ้นไป
150 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 วิชาคณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค13101 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 แผนภูมิรูปภาพและตารางทางเดียว เวลาเรียน 12 ชั่วโมง ............................................................................................................................. ................................... 1. สาระที่ 3 สถิติและความน่าจะเป็น 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 : เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา 3.ตัวชี้วัด ค 3.1 ป.3/1 : เขียนแผนภูมิรูปภาพ และใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพในการหาคำตอบของ ค 3.1 ป.3/2 : เขียนตารางทางเดียวจากข้อมูล ที่เป็นจำนวนนับ และใช้ข้อมูล จากตาราง ทางเดียวในการหา คำตอบของโจทย์ปัญหา 4. สาระสำคัญ การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถเก็บรวมรวมข้อมูลซึ่งอยู่ในรูปข้อความหรือตัวเลขด้วยวิธี ต่างๆ เช่น การสัมภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การสังเกต และการทดลอง ส่วนการจำแนกข้อมูล เป็นการนำข้อมูลมาจัดให้เป็นหมวดหมู่หรือเรียงลำดับในลักษณะต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ที่จะนำ ข้อมูลไปใช้ จากนั้นจึงนำเสนอข้อมูลในรูปแบบต่างๆ 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 5.1 ด้านความรู้ 1) บอกวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูลได้(K) 2) เก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูลได้อย่างถูกต้อง (P) 3) นำความรู้เกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูลไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) 5.2 ด้านทักษะกระบวนการ 1) ทักษะการแก้ปัญหา 2) ทักษะการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ 3) ทักษะการเชื่อมโยง 4) ทักษะการให้เหตุผล 5) การคิดสร้างสรรค์ 5.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร
151 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. การพัฒนา 3R 7.1 ทักษะด้านการอ่าน 7.2 ทักษะด้านการเขียน 7.3 ทักษะทางคณิตศาสตร์ 8. การพัฒนา 8C 8.1 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณฯ - 8.2 ทักษะด้านการสร้างสรรค์ฯ - 8.3 ทักษะด้านความร่วมมือฯ ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม 8.4 ทักษะด้านความเข้าใจต่างของวัฒนธรรมฯ การทำงานร่วมกันในการทำงานกลุ่ม 8.5 ทักษะด้านการสื่อสารฯ - 8.6 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ฯ - 8.7 ทักษะอาชีพฯ - 8.8 ทักษะความมีเมตตา คุณธรรมฯ การส่งงานตรงตามเวลาที่กำหนด 9. การบูรณาการ - 5.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล (1 ชั่วโมง) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูสนทนาเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตัวนักเรียนพร้อมบันทึกผลบนกระดาน เช่น - จำนวนนักเรียนในห้องมีทั้งหมดกี่คน เป็นชายกี่คน เป็นหญิงกี่คน - จำนวนนักเรียนที่มาเรียนในวันนี้มีกี่คน เป็นชายกี่คน เป็นหญิงกี่คน - กีฬาที่นักเรียนชอบ มีอะไรบ้าง - ผลไม้ที่นักเรียนชอบ มีอะไรบ้าง ครูแนะนำสิ่งที่กล่าวมานี้เรียกว่า ข้อมูล ขั้นสอน
152 1. ครูจัดกิจกรรมเสริมความฉลาดไปกับเยลลี่ โดยนำเยลลี่คละสี 1 ถุง มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนบอกข้อมูลเกี่ยวกับเยลลี่ในถุง โดยครูอาจใช้คำถามนำ แล้วเขียนคำตอบลงบนกระดาน เช่น - เยลลี่ในถุงมีทั้งหมดกี่สี สีอะไรบ้าง - เยลลี่แต่ละสีมีจำนวนเท่าใด ทำอย่างไรจึงจะหาคำตอบได้ - เยลลี่แต่ละสีมีจำนวนเท่ากันหรือไม่ - เยลลี่สีใดมีจำนวนมากที่สุด และสีใดมีจำนวนน้อยที่สุด โดยการให้ข้อมูลครั้งนี้ ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับข้อมูล จนได้ข้อสรุปว่า ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงของสิ่งที่สนใจ ซึ่งได้จากการเก็บรวบรวม อาจเป็นไปได้ทั้งข้อความ และ ตัวเลข และวิธีเก็บรวบรวมข้อมูล อาจใช้วิธีการสังเกต หรือการสอบถามก็ได้ 2. ครูแนะนำเพิ่มเติมว่า ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้น ก่อนเก็บข้อมูล เราควรรู้ว่า ต้องการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ประเด็นอะไรบ้าง หรือสนใจจะทราบเกี่ยวกับอะไรบ้างเพื่อที่จะได้ เก็บข้อมูลได้ครบถ้วน และไม่เสียเวลาไปกับข้อมูลที่เราไม่ต้องการ 3. ครูจัดกิจกรรมโดยกำหนดประเด็นว่า เราต้องการสำรวจว่านักเรียนในห้องเรียนนี้ ชอบดื่มนมรสใดมากที่สุด นมแต่ละรสที่นักเรียนชอบมีกี่คน เป็นต้น ครูให้ตัวแทนนักเรียนกลุ่มละ 1 คน ช่วยกันเก็บข้อมูลดังกล่าวด้วยการสอบถาม แล้วให้นักเรียนแต่ละคนเลือกระดาษสีคนละ 1 แผ่น ตามรสนมที่นักเรียนชอบมากที่สุด โดยครูกำหนดให้ กระดาษสีขาวแทนนมรสจืด กระดาษสีชมพูแทนรสสตรอเบอรี่ กระดาษสีฟ้าแทนนมรสหวาน กระดาษสีน้ำตาลแทนนมรสช็อคโกแลต ฯลฯ 4. จากนั้นให้นำกระดาษที่เลือกไว้มาติดบนกระดานตามใจชอบ แล้วให้นักเรียนทั้งหมด ช่วยกันตอบคำถาม จากข้อมูลที่นำมาติดบนกระดาน เช่น - นมที่นักเรียนชอบมีรสอะไรบ้าง - มีนักเรียนชอบนมแต่ละรสกี่คน - นมรสอะไรที่นักเรียนชอบมากที่สุด - นมรสอะไรที่นักเรียนชอบน้อยที่สุด 5. ครูนำสนทนาถึงความไม่สะดวกของการใช้ข้อมูลที่กระจัดกระจายสำหรับการตอบ คำถามดังกล่าว แล้วนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนเห็นว่า ถ้ามีการจัดข้อมูลที่เก็บได้มาแยกให้เป็น หมวดหมู่จะช่วยให้การอ่านข้อมูลหรือตอบคำถามสะดวกมากยิ่งขึ้น ครูให้นักเรียนช่วยกันคิดวิธี จัดเรียงข้อมูล จำแนกหรือจัดประเภทข้อมูลแล้วนำเสนอ ซึ่งนักเรียนอาจนำกระดาษสีเดียวกันมารวม ไว้ด้วยกัน หรือนับจำนวนแผ่นกระดาษา เพื่อแสดงจำนวนนักเรียนที่ชอบนมรสต่างๆ เช่น นมจืด 8 คน นมรสหวาน 6 คน นมรสสตรอเบอรี่ 9 คน นมรสช็อกโกแลต 11 คน
153 จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามชุดเดิมอีกครั้ง แล้วให้นักเรียนเปรียบเทียบความ สะดวก รวดเร็วในการตอบคำถามจากข้อมูลที่กระจัดกระจาย ยังไม่มีการจำแนกกับข้อมูลที่มีการ จำแนกแล้ว 6. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 1 การเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล เมื่อเสร็จแล้ว ให้นักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 1 ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ การเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การสัมภาษณ์ การสอบถาม การสำรวจ การทดลอง ส่วนการจำแนก ข้อมูลเป็นการนำข้อมูลมาจัดให้เป็นหมวดหมู่หรือเรียงลำดับในลักษณะต่างๆ ตามวัตุประสงค์ที่เรานำ ข้อมูลนั้นไปใช้ สื่อการเรียนรู้ 1. เยลลี่คละสี 1 ถุง 2. นมรสต่างๆ 3. กระดาษสีต่างๆ ขนาดเดียวกันหลายๆ แผ่น เช่น สีขาว สีฟ้า สีชมพู สีน้ำตาล 4. ใบงานที่ 1 การเก็บรวบรวมข้อมูลและจำแนกข้อมูล