The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กฎหมายที่ประชาชนควรรู้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by samsungnov, 2022-08-28 00:26:41

กฎหมายที่ประชาชนควรรู้ ส32201

กฎหมายที่ประชาชนควรรู้

การส้นิ สดุ ของการหม้ัน
1. การบอกเลิกสัญญาหมั้น เมอื่ มีการหม้ันแลว ถาตอมาชายหรอื หญงิ คหู มนั้ ประพฤติตนไมเหมาะสมใน
การเปนคูหม้ัน เชน ประพฤติช่ัวอยางรายแรง อีกฝายบอกเลิกสัญญาและเรียกคาทดแทนไดเหมือนผิด
สัญญาหม้ัน (มาตรา 1444) เปนตน หรอื มีเหตุสําคัญเกิดแกคูหม้ัน (มาตรา 1443) ทําใหอีกผายหน่ึงไม
สมควรสมรสดวย คูหม้ันอีกฝายหน่ึงอาจบอกเบิกสัญญาหม้ันได ซ่ึงคูหม้ันท่ีมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหม้ัน
นน้ั ยอ มไมถ อื วา เปนฝายผิดสญั ญาหมัน้ คูหมั้นฝา ยที่ถกู ถอนหม้ันจะเรยี กคา ทดแทนไมได
2. กรณที คี่ หู มัน้ ฝา ยใดฝา ยหนึง่ ตายกอนสมรส
3. กรณมี กี ารบอกลา งสัญญาหม้นั ทเ่ี ปนโมฆยี ะ
4. กรณีทีม่ ีการสมรส
5. การสิ้นสดุ โดยความยินยอมของทง้ั ชายและหญงิ
สินสอด

สินสอด คือ ทรัพยสินซ่ึงฝายชายใหแกบิดามารดา ผูรับบุตรบุญธรรม หรือผูปกครองฝาย
หญิง แลวแตกรณี เพื่อตอบแทนการทหี่ ญิงยอมสมรส ถา ไมมีการสมรสโดยมีเหตุสําคัญอนั เกิดแกหญิง
หรือโดยมีพฤติการณซ่ึงฝายหญิงตองรับผิดชอบ ทําใหฝายชายไมสมควรหรือไมอาจสมรสกับหญิงน้ัน
ฝา ยชายเรยี กสนิ สอดคนื ได

สินสอดถือเปนสัญญาอยางหน่ึง เรียกวา “สัญญาสินสอด” ซ่ึงจะตองไดมีการตกลงกันกอน
จดทะเบียนสมรสวาจะใหอะไรเปนสินสอด การสงมอบสินสอดจะตกลงใหกอนหรือหลังสมรสแลวก็ได
สวนของหม้ันตองสงมอบกอนจึงจะเกิดสัญญาหม้ัน ฉะน้ันชายหญิงไปจดทะเบียนสมรสกัน แตไมไดสง
มอบสนิ สอด ก็ถือวาการสมรสน้ันเกดิ ข้นึ สมบูรณแ ลว

กฎหมายไมไ ดบังคับวา จะสมรสไดตองมีสนิ สอด แตเ มื่อเกดิ สญั ญาสินสอดแลว ฝา ยชายไมน ํา
สนิ สอดมาใหตามสัญญา ฝายหญิงสามารถฟองรองเรียกสนิ สอดจากฝา ยชายได
ขอ ควรพจิ ารณา
1. กรณีเรยี กคาทดแทนตาม มาตรา 1445 –1446 มีอายุความ 5 ป นับแตว ันที่รูถงึ การกระทํา กรณีอื่น
สิทธิเรยี กคาทดแทน มีอายคุ วาม 6 เดือน
2. สิทธเิ รยี กรอ งของหม้ันหรือสินสอด มอี ายุความ 10 ป

[96]

การสมรส
การสมรสท่ีชอบดวยกฎหมาย ในทางกฎหมาย แบบของการสมรสท่ีถือวาชอบดวยกฎหมาย คือ การ
จดทะเบียนสมรสตอนายทะเบียน เทาน้ัน ไมไดอยูท่ีการอยูกินกันฉันสามีภริยาเฉย ๆ ไมไดถือท่ีพิธีการ
แตง งานใหญโต
เงื่อนไขของการสมรส
1. เงื่อนไขของอายุ การสมรสจะทําไดตอเมอื่ ชายและหญิงมอี ายุครบ 17 ปบ รบิ รู ณแลว
2. เง่ือนไขของความสามารถ กลาวคือ ถาคูสมรสยังคงเปนผูเยาวอยู จะสมรสไดตองขอความยินยอม
จากบุคคลท่มี ีอํานาจใหค วามยนิ ยอม ไดแ ก บดิ า มารดา ผรู บั บุตรบุญธรรม หรือผูปกครองแลวแตกรณี
3. ในกรณีท่ีมีเหตุอันสมควร แมจะมีอายุยงั ไมครบ 17 ปบริบูรณ ศาลอาจอนุญาตใหทําการสมรสกอน
นั้นได เชน กรณีที่หญิงน้ันไดต้ังครรภแลว โดยที่อายุยังไมครบ 17 ปบริบูรณ ก็สามารถรองขอตอศาล
เพอื่ อนญุ าตใหทําการสมรสได และเม่ือศาลอนุญาตใหสมรสไดแลว กฎหมายถือวาผูเยาวนน้ั เปนผูบรรลุ
นติ ภิ าวะแลว ดวยการสมรส
เง่ือนไขของการสมรสทท่ี ําใหการสมรสตกเปน โมฆะ
1. การสมรสกับบคุ คลวกิ ลจรติ หรือบุคคลซ่ึงศาลสั่งใหเ ปน คนไรค วามสามารถ การสมรสนนั้ ตกเปนโมฆะ
2. การสมรสระหวา งชายหญงิ ซ่งึ เปน ญาติสืบสายโลหติ โดยตรงข้นึ ไปหรือลงมาก็ดี เปนพน่ี องรวมบดิ า
มารดา หรือรว มแตบิดา หรือมารดากด็ ี การสมรสน้นั ตกเปนโมฆะ
3. ชายหรือหญิงจะทําการสมรสในขณะที่ตนมีคสู มรสอยูไมได กลาวคือ ถา มีคูสมรสทช่ี อบดว ยกฎหมาย
อยแู ลว ไปจดทะเบยี นสมรสกับใครอีก เรยี กวา “การสมรสซอ น” ซึ่งตกเปน โมฆะ
4. การสมรสจะทําไดตอเมื่อชายหญิงยินยอมเปน สามีภริยากัน และตองแสดงการยินยอมนัน้ ใหปรากฏ
โดยเปด เผยตอ หนา นายทะเบียน การสมรสโดยไมย นิ ยอมเปน โมฆะ
เงือ่ นไขของการสมรสท่ที ําใหการสมรสตกเปน โมฆียะ
1. การสมรสท่ีชายและหญงิ มอี ายุไมค รบ 17 ปบ รบิ รู ณ
2. การทีผ่ ูเยาวสมรสโดยไมไ ดรับความยินยอมจากผูแทนโดยชอบธรรม ผใู ชอํานาจปกครอง
3. การสมรสโดยสาํ คญั ผิดในตวั คูสมรส ตอ งยื่นคํารองตอศาลเพกิ ถอนภายใน 90 วันนบั แตว นั สมรส
4. การสมรสโดยถกู กลฉอฉล ตองยน่ื คํารองตอศาลเพิกถอนภายใน 90 วนั นับแตว นั ทร่ี ูหรอื ควรจะรถู ึง
กลฉอฉล หรือภายใน 1 ป นบั แตว นั สมรส
5. การสมรสโดยถูกขมขู ตอ งยน่ื คํารอ งตอศาลเพิกถอนภายใน 1 ป วันนบั ที่พน จากการขมขู
กรณีท่สี มรสกันไมได

กลาวคือ ผูรับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมน้ัน กฎหมายกําหนดวาจะสมรสกันไมได แต
ไมไดเขียนวาใหตกเปนโมฆะหรือโมฆียะ เพราะฉะน้ันถาผูรับบุตรบุญธรรมสมรสกับบุตรบุญธรรม ผล
ในทางกฎหมายก็ตองสมบูรณ เปนคูสมรสที่ชอบดวยกฎหมาย แตทําใหการรับบุตรบุญธรรมเปนอัน
ส้นิ สุดลง และสถานภาพความเปนผรู ับบตุ รบุญธรรมยอ มถกู ยกเลกิ ไป

อีกกรณีหนึ่ง คือ หญงิ หมายจะทําการสมรสใหมไ ดต อ งใหเ วลาผานไปแลว 310 วันนับแตการ
สมรสส้ินสุดลง เชน สามีตาย แตถาฝาฝนการสมรสก็ยังสมบูรณ เพียงแตบุตรท่ีเกิดมาภายใน 310 วัน
นน้ั ใหถ ือเปน บตุ รที่ชอบดว ยกฎหมายของชายผูเ ปน สามคี นใหม

[97]

ความสมั พันธระหวางสามภี ริยา
ทรพั ยส นิ ระหวา งสามภี ริยา

ในเรื่องเกี่ยวกับทรัพยสินระหวางสามีภริยาน้ัน ถาคูสมรสไดตกลงกันไวอยางไรเก่ียวกับ
ทรพั ยส นิ โดยทําเปนสัญญากอ นสมรสหรอื สัญญาระหวางสมรส กฎหมายกใ็ หเปนไปตามเจตนารมณข อง
คูสมรสน้ัน แตถาคูสมรสมิไดทําสัญญากันไว ก็ตองเปนไปตามกฎหมาย วาดวย เร่ืองทรัพยสินระหวาง
สามีภริยา

กฎหมายไดแบง ทรัพยสนิ ระหวางสามภี ริยาออกเปน 2 ประเภท คอื ( มาตรา 1470 )
1. สินสวนตัว ( มาตรา 1471 ) คือ ทรัพยสินท่ีเปนกรรมสิทธ์ิของสามีหรือภริยาฝายใดฝายหน่ึง
โดยเฉพาะ สนิ สว นตัวมีอยู 4 ประเภท ดังตอไปนี้

1) ทรพั ยสนิ ที่ฝายใดฝายหนง่ึ มีอยูแลวกอนสมรส
2) ทรัพยสนิ ทเี่ ปน เครื่องใชสอยสวนตวั เครือ่ งแตงกาย หรอื เครอื่ งประดับการตามสมควร
แกฐานะ หรือเครื่องมือเคร่ืองใชที่จาํ เปน ในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคสู มรสฝายใดฝายหนง่ึ
3) ทรัพยส นิ ท่ีฝายใดฝา ยหนง่ึ ไดมาระหวางสมรส โดยการรับมรดกหรือโดยการใหโดยเสนห า
4) ของหมั้นเปน กรรมสทิ ธขิ์ องหญงิ ตัง้ แตทําการหม้ันกบั ชาย จึงเปน สนิ สวนตัวของหญิง
ขอสงั เกต
1) สนิ สวนตัวน้ัน ถาไดนาํ ไปแลกเปลี่ยนเปน ทรัพยส นิ อ่นื หรือนําไปซื้อทรัพยส ินอื่นมาก็ดี
หรือขายเปน เงนิ กด็ ี ทรัพยส ินอ่ืนหรอื เงินทไ่ี ดมานั้นยังคงเปนสนิ สว นตวั
2) การจดั การสินสว นตวั น้ี สนิ สว นตัวของคสู มรสฝา ยใด คูส มรสฝา ยนน้ั ก็เปน ผูจัดการไป
2. สินสมรส ( มาตรา 1474 ) คอื ทรพั ยสินท่เี ปนกรรมสิทธิ์รวมกันของสามแี ละภรยิ าทง้ั สองฝา ย
สินสมรสมีอยู 3 ประเภทดังตอไปนี้
1) ทรัพยสินท่ีคสู มรสไดมาในระหวา งสมรส เชน เงนิ เดอื น โบนัส เปน ตน
2) ทรัพยสนิ ท่ีคสู มรสฝา ยใดฝายหนง่ึ ไดมาในระหวา งสมรสโดยพินยั กรรมหรือโดยการใหเ ปน
หนงั สอื เมื่อพินัยกรรมหรอื หนังสือยกใหร ะบวุ า เปน สนิ สมรส
3) ทรัพยสนิ ทเี่ ปน ดอกผลของสินสวนตัว เชน กอ นจดทะเบียนสมรสมแี มห มตู ัวหน่งึ ซง่ึ เปน
สนิ สวนตัว ตอ มาเม่อื แตงงานแลวแมห มจู ึงไดคลอดลูกหมูออกมา 4 ตวั ถอื วาลูกหมเู ปนดอกผลของสนิ
สวนตวั จึงเปนสินสมรส เปนตน

[98]

ขอสังเกต
1) ในกรณที ่ีมขี อ สงสยั วาทรพั ยส ินหนง่ึ เปนสนิ สมรสหรือไม ใหสันนิษฐานไวกอนวา เปน สินสมรส
2) ในการจัดการสินสมรสน้ัน ถาเปนสามีภริยาท่ีสมรสกันกอนวันท่ี 27 กันยายน พ.ศ. 2533 ตองจัด
การรวมกัน ถามีฝา ยใดฝายหนึ่งฝาฝน อีกฝายหนึ่งกฟ็ องใหศาลเพิกถอนได แตถา สมรสกัน หลังวนั ท่ี 27
กันยายน พ.ศ. 2533 โดยหลักตางฝายตางจัดการไดโดยลําพัง มีเพียงบางกรณีท่ี ตองจัดการรวมกัน
หรอื ขอความยนิ ยอมจากอีกฝาย หนึ่ง เชน

(1) ขาย แลกเปล่ียน ขายฝาก ใหเชาซ้ือ จํานองปลดจํานองหรือโอนสิทธิจํานองซ่ึง
อสังหาริมทรัพยหรอื สังหารมิ ทรพั ยท่ีจาํ นองได

(2) กอต้ัง หรือ กระทําใหสุดส้ินลง ท้ังหมด หรือ บางสวน ซ่ึง ภาระจํายอมสิทธิอาศัย สิทธิ
เหนือพืน้ ดิน สทิ ธเิ กบ็ กิน หรือ ภาระตดิ พนั ในอสังหารมิ ทรัพย

(3) ใหเ ชา อสังหารมิ ทรัพยเ กิน 3 ป
(4) ใหกยู มื เงนิ
(5) ใหโดยเสนหา เวนแต การให ท่ีพอควรแก ฐานานุรูป ของครอบครัว เพ่ือ การกุศล เพ่ือ
การสังคม หรอื ตามหนา ทีธ่ รรมจรรยา
(6) ประนปี ระนอมยอมความ
(7) มอบขอพพิ าท ใหอนุญาโตตุลาการวนิ จิ ฉัย
(8) นําทรัพยสิน ไปเปนประกัน หรือ หลักประกัน ตอ เจาพนักงาน หรือ ศาล การจัดการ
สินสมรส นอกจาก กรณีที่บัญญัติไว สามีหรอื ภริยา จัดการได โดยมิตอ ง ไดรบั ความยนิ ยอม จากอีกฝาย
หนงึ่
3) ชายและหญิงท่ีอยกู ินดว ยกันโดยไมจดทะเบียนสมรส ทรัพยส ินท่ที ํามาหาไดรว มกนั ใหแ บง
คนละครึง่ สว นทรัพยสนิ ทตี่ า งฝา ยตา งไดม าไมว า กอนหรอื หลงั การสมรสก็ใหเ ปนของฝายนน้ั
4) สวนสนิ สมรสตองแบงครึ่งเสมอ
หนี้ของสามีภริยา
หน้ีของสามีภรยิ ามี 2 ประเภทคือ
1. หนี้สวนตัว คือ หน้ีท่ีสามีหรอื ภรยิ าตองรบั ผิดตอเจา หน้เี พยี งลําพังคนเดียว และการชาํ ระหน้ีสวนตัว
ของฝายใด ตองใชสินสวนตัวของฝายน้ันชําระหน้ีกอน ถา ไมพ อจึงใหชําระดวยสินสมรสซ่ึงเปนสว นของ
ฝายนน้ั
2. หน้ีรว ม คอื หนที้ สี่ ามหี รือภรยิ าตองรับผิดชอบตอเจา หน้ีรวมกัน ไดแ ก
1) หน้ีเกี่ยวแกการจัดการบานเรือนและจัดหาสง่ิ จําเปนสาํ หรบั ครอบครวั การอุปการะเลย้ี งดู
ตลอดถงึ การรักษาพยาบาลบคุ คลในครอบครัว และการศกึ ษาของบุตรตามสมควรแกอตั ภาพ
2) หนี้เกี่ยวขอ งกับสินสมรส
3) หน้ที ่ีเกิดขนึ้ เนื่องจากการงานซ่ึงสามีหรอื ภรยิ าทําดว ยกัน

[99]

4) หน้ีที่สามีหรือภริยากอขึ้นเพื่อประโยชนตนฝายเดียว แตอีกฝายหนึ่งไดใหสัตยาบัน ถา
เปนหน้ีรวม เจาหน้ีบังคับเอาไดกับสินสมรสและสินสวนตัวของท้ัง 2 ฝาย ไมคํานึงวาอันไหนกอนหลัง
เม่ือสามีภรรยาเปนลูกหน้ีรวมกันใหชําระจากสินสมรสและสินสวนตัวของท้ังสองฝาย ซ่ึงเจาหน้ีมีสิทธิ
เรียกชําระหน้ีจากสินสวนตัวของฝายใดฝายหน่ึงจนครบจํานวนหน้ี โดยไมจําตองเรียกเอาจากสินสมรส
ได หรอื จะเรียกชาํ ระหนเี้ อาจากสินสมรสกอนเมอ่ื ไมพอจงึ เอาจากสนิ สว นตวั ของท้ังสองฝายได
การสิน้ สุดของการสมรส
การสมรสสิ้นสดุ ลงไดดว ยเหตุอยางหนง่ึ อยา งใด ดังตอไปน้ี
1. โดยการตายของคสู มรส
2. โดยการหยา มี 2 แบบ ไดแก

1) การหยา โดยความยนิ ยามของคสู มรสทั้งสองฝา ย โดยทําเปนหนังสือและมพี ยานลงลาย
มอื ชอื่ อยางนอย 2 คน และจดทะเบยี นการหยา น้นั ดวย

2) การหยา โดยคําพิพากษาของศาล (ฟอ งหยา )
3. ศาลไดพิพากษาใหเ พิกถอนการสมรส ในกรณีการสมรสน้นั ตกเปน โมฆะหรือโมฆยี ะ ซึ่งผูมีสวนได
เสยี รองขอตอ ศาลใหเพกิ ถอนการสมรสนน้ั
เหตุหยา คือ เหตทุ ่ีทําใหคูสมรสฝายใดฝา ยหนึง่ ฟองตอ ศาล เพื่อใหศาลมีคําพิพากษาใหคูสมรสหยา กัน
และทําใหการสมรสสน้ิ สดุ ลง มดี ังตอ ไปน้ี (มาตรา 1516)
(1) สามีหรอื ภริยา อุปการะเลี้ยงดหู รือยกยองผูอน่ื ฉันภริยาหรอื สามี เปนชูหรือมชี ู หรอื รวมประเวณี
กับผอู ืน่ เปน อาจิณ อกี ฝา ยหน่ึงฟอ งหยาได
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชวั่ ไมวาความประพฤตชิ วั่ น้นั จะเปนความผดิ อาญาหรือไม ถาเปนเหตุให
อกี ฝายหนึ่ง

(ก) ไดร ับความอบั อายขายหนาอยางรา ยแรง
(ข) ไดร บั ความดูถกู เกลียดชัง เพราะเหตุท่คี งเปนสามีหรอื ภริยาของฝา ยทีป่ ระพฤตชิ ่วั อยู
ตอไป หรือ
(ค) ไดร ับความเสียหาย หรอื เดือนรอ นเกนิ ควร ในเม่ือเอา สภาพ ฐานะ และ ความเปนอยู
รว มกนั ฉันสามีภริยา มาคํานึงประกอบ อีกฝา ยหนึ่งนนั้ ฟองหยาได
(3) สามีหรอื ภริยา ทํารา ย หรือ ทรมานรางกายหรือจิตใจ หรอื หมิ่นประมาท หรือ เหยยี ดหยาม อกี
ฝา ยหน่งึ หรอื บพุ การีของอีกฝายหน่ึง ทงั้ น้ี ถา เปนการรา ยแรง อกี ฝายหน่งึ นัน้ ฟองหยาได
(4) สามีหรือภริยา จงใจละท้งิ รางอกี ฝา ยหนง่ึ ไปเกนิ หนึง่ ป อกี ฝา ยหนึง่ นั้นฟอ งหยาได
(4/1) สามีหรือภริยา ตองคําพิพากษา ถึงท่ีสุด ใหจําคุก และ ไดถูกจําคุกเกิน หน่ึงป ใน
ความผิด ท่ีอีกฝายหน่ึง มิไดมีสวน กอใหเกิด การกระทําความผิด หรือ ยินยอม หรือ รูเห็นเปนใจ ใน
การกระทําความผิดนั้นดวย และ การเปนสามีภริยากันตอไป จะเปนเหตุให อีกฝายหนึ่ง ไดรับความ
เสยี หาย หรือ เดอื ดรอ นเกนิ ควร อกี ฝายหนึ่งน้ัน ฟองหยาได
(4/2) สามีและภริยา สมัครใจแยกกันอยูเพราะเหตุท่ีไมอาจอยูรวมกันฉันสามีภริยา ไดโดย
ปกตสิ ุข ตลอดมาเกินสามป หรอื แยกกนั อยูตามคําสง่ั ของศาล เปน เวลาเกิน สามป ฝา ยใดฝายหน่ึงฟอง
หยา ได

[100]

(5) สามีหรือภริยา ถูกศาลส่ังใหเปน คนสาบสูญ หรือ ไปจาก ภูมิลําเนา หรือ ถ่ินท่ีอยู เปนเวลาเกิน
สามป โดยไมมีใครทราบแนว า เปนตายรายดอี ยา งไร อีกฝายหน่ึง ฟอ งหยาได
(6) สามีหรือภริยา ไมให ความชวยเหลืออุปการะเลี้ยงดู อีกฝายหน่ึง ตามสมควร หรือ ทําการเปน
ปฏิปกษ ตอการท่ีเปนสามีหรือภริยากันอยางรายแรง ทั้งนี้ ถาการกระทํานั้น ถึงขนาดท่ีอีกฝายหน่ึง
เดือดรอนเกินควร ในเมื่อเอา สภาพ ฐานะ และ ความเปนอยูร วมกันฉนั สามีภริยามาคํานึงประกอบ อีก
ฝา ยหนงึ่ น้นั ฟอ งหยา ได
(7) สามีหรือภริยา วิกลจริต ตลอดมาเกินสามป และความวิกลจริตน้ันมีลักษณะยากจะหายได กับท้ัง
ความวิกลจรติ ถงึ ขนาดท่ีจะทนอยูรวมกันฉนั สามีภริยาตอไปไมได อกี ฝายหน่งึ ฟองหยาได
(8) สามีหรอื ภรยิ า ผดิ ทณั ฑบ นท่ที ําใหไ วเปนหนงั สอื ในเรือ่ งความประพฤติ อกี ฝา ยหนง่ึ ฟอ งหยา ได
(9) สามีหรือภริยา เปนโรคติดตอ อยางรายแรง อันอาจเปนภัย แกอีกฝายหนึ่ง และ โรคมีลักษณะ
เร้อื รงั ไมมที างท่ีจะหายได อีกฝายหนงึ่ นั้น ฟอ งหยา ได
(10) สามีหรือภริยา มีสภาพแหงกาย ทําให สามีหรือภริยาน้ัน ไมอาจรวมประเวณี ไดตลอดกาล อีก
ฝา ยหนึ่ง ฟองหยา ได
ความสมั พันธระหวา งบดิ า มารดากับบุตร
หนา ทข่ี องบดิ ามารดา มีดังตอไปน้ี
1. อุปการะเลย้ี งดบู ุตรผเู ยาว
2. ใหก ารศกึ ษาตามสมควรแกบตุ รในระหวางที่เปน ผเู ยาว
3. จัดการทรัพยสินของบตุ รผูเยาวดว ยความระมดั ระวัง

ฉะน้ันถา บุตรบรรลุนติ ิภาวะแลวบิดามารดาก็ไมม ีหนาทีอปุ การะเลย้ี งดูหรือใหก ารศึกษา เวน
แต บุตรท่ีเปนผูทุพพลภาพและหาเล้ียงตนเองไมได เชน บุตรพิการ ตาบอด แมจะบรรลุนิติภาวะแลว
บิดามารดาก็ยงั มีหนา ทีอ่ ปุ การะเลี้ยงดู
สทิ ธิของบดิ ามารดา มดี ังตอ ไปน้ี เชน
1. กาํ หนดทอี่ ยูใหบ ุตร
2. ทําโทษบตุ รตามสมควรเพื่อวา กลา วสง่ั สอน
3. ใหบ ุตรทําการงานตามสมควรแกค วามสามารถและฐานานุรปู
4. เรยี กบุตรคนื จากบุคคลอน่ื ซ่ึงกกั ขงั บตุ รไวโ ดยไมชอบดว ยกฎหมาย
5. เปนผูใ หค วามยนิ ยอมแกบุตรผูเ ยาวใ นการทํานติ ิกรรม
6. ใชอ ํานาจปกครองบตุ ร
หนา ที่ของบตุ ร มดี ังตอ ไปน้ี
1. อุปการะเลีย้ งดูบิดามารดา
2. อยใู ตอํานาจปกครองของบิดามารดา
สทิ ธขิ องบตุ ร มีดังตอ ไปนี้
1. ใชช่ือสกุลของบิดาหรอื มารดา
2. ไดรบั อุปการะเลย้ี งดจู ากบิดามารดาตามสมควร

[101]

ขอ สังเกต
บตุ รหลานจะฟองบดิ ามารดาหรือบุพการขี องตนท้ังทางคดีแพงและคดีอาญาไมได เรยี กวา

“คดีอทุ ลุม” แตถา ตองการจะฟองก็ได โดยใหผ มู สี ว นไดเ สียรอ งขอตอ ศาล (ฟอ งคดแี ทน) หรอื จะรอง
ขอใหเ จาพนกั งาน อยั การนําคดขี ึ้นสูศ าลแทนก็ได
บตุ รนอกกฎหมาย

บุตรนอกกฎหมาย เปนบุตรท่ีเกิดจากชายหญิงท่ีไมไดสมรสกันโดยชอบดวยกฎหมาย (ไมได
จดทะเบยี นสมรสกัน) ซึ่งกฎหมายจะรับรองเพียงใหบ ุตรเปนบุตรชอบดวยกฎหมายของมารดาเทานั้น มี
สิทธิหนาท่ีตาง ๆ ตอกันตามกฎหมาย แตตัวชายจะเปนบิดาท่ีไมชอบดวยกฎหมายของบุตร และบุตร
น้ันก็เปนบุตรท่ีไมชอบดวยกฎหมายของบิดา ซ่ึงยอมไมมีความสัมพันธใด ๆ ตอกันตามกฎหมาย แตถา
ไดมีการเล้ียงดูกันจริง ๆ เชน บิดาอุปการะเล้ียงดู พาไปโรงเรียน ใหบุตรใชนามสกุลของตน ไปแจงเกิด
ให แนะนําคนอนื่ วา เปน บตุ รของตน เปน ตน พฤตกิ ารณตาง ๆ เหลา นีถ้ อื วา เปนบุตรนอกกฎหมายท่ีบดิ า
ไดรับรองแลว บุตรยอมมีสิทธิอยูประการเดียวคือ มีสิทธิไดรับมรดกของบิดา ตามกฎหมายมรดก สวน
บดิ าไมม ีสิทธิรับมรดกของบุตร เพราะยังเปนบดิ าทไี่ มช อบดว ยกฎหมายของบุตรอยู

แตอ ยางไรกต็ ามบตุ รนอกกฎหมายจะเปน บุตรชอบดว ยกฎหมายของบิดาไดต อเม่ือ
1. บิดาและมารดาไดจ ดทะเบียนสมรสกันในภายหลงั ใหถ ือวาเปนบุตรชอบดว ยกฎหมายนบั แตเกิด
2. บิดาไดจดทะเบียนรับรองวาเปนบุตร ซึ่งจะทําไดตอเม่ือไดรับความยินยอมจากเด็กและมารดาของ
เด็ก แตในกรณีท่ีเด็กอยูในภาวะทไ่ี รเ ดียงสา มารดาใหค วามยินยอมแทนไดเลย แตถาเดก็ และมารดาเด็ก
คัดคาน ชายนัน้ ตอ งรองขอใหศ าลพพิ ากษาวาเด็กนนั้ เปนบตุ รโดยชอบดว ยกฎหมาย
3. ศาลพิพากษาวาเปน บุตร
การรบั บตุ รบญุ ธรรม

บุตรบุญธรรม คือ บตุ รซงึ่ เกดิ จากบิดามารดาแตอยูใตอํานาจปกครองของบคุ คลอน่ื ท่ีมใิ ช
บิดามารดาผูใหก ําเนดิ ซ่งึ กฎหมายใหกาํ หนดคณุ สมบตั ิและเงอ่ื นไขการรบั บุตรบุญธรรมไวห ลาย
ประการ ดังน้ี
คณุ สมบัติของผูรบั บุตรบญุ ธรรมและบุตรบุญธรรม

ผรู ับบตุ รบญุ ธรรมนนั้ จะตอ งมีอายไุ มต่ํากวา 25 ป และตองมอี ายุแกกวาบุตรบุญธรรมอยาง
นอ ย 15 ป สว นบุตรบญุ ธรรมนั้นกฎหมายไมไดจ าํ กัดอายุไว
หลักเกณฑและเงอื่ นไขการรับบตุ รบุญธรรม
1. ถาผรู ับบุตรบุญธรรมมีคสู มรส จะตอ งไดรับความยินยอมจากคูสมรสกอ น
2. ถา บุตรบญุ ธรรมเปน ผูเยาว จะตอ งไดร บั ความยินยอมจากบดิ ามารดาของเด็กกอน
3. ถาบุตรบุญธรรมเปนผูเยาวที่มีอายุต้ังแต 15 ปข้ึนไป แตไมครบ 20 ปบริบูรณ จะตองไดรับความ
ยินยอมจากตวั ผูเยาวดว ย
4. ถา บุตรบญุ ธรรมมคี ูส มรส จะตอ งไดร ับความยนิ ยอมจากคสู มรสของบุตรบุญธรรมดวย
5. ผูเยาวท่ีเปนบุตรบุญธรรมของบคุ คลใดอยูจะเปนบุตรบุญธรรมของบุคคลอน่ื อีกในขณะเดยี วกันไมได
เวน แต เปนบุตรบุญธรรมของคูส มรสของผูร ับบตุ รบญุ ธรรม

[102]

ผลทางกฎหมายในการรบั บุตรบญุ ธรรม
การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณตอเม่ือไดจดทะเบียนตามกฎหมาย และบุตรบุญธรรมยอมมี

ฐานะอยางเดียวกับบุตรชอบดวยกฎหมายของผูรับบุตรบุญธรรมน้ัน เชน ไดรับการอุปการะเล้ียงดู มี
สทิ ธิไดรับการศึกษา สิทธิใชนามสกุล มีสิทธไิ ดรบั มรดกของผูรับบุตรบุญธรรม เปนตน นอกจากน้ีแมจะ
ไปเปนบุตรบุญธรรมของผูอ่ืน แตไมสูญสิทธิและหนาท่ีในครอบครัวท่ีไดกําเนิดมา เชน บิดามารดาผูให
กําเนิดถึงแกค วามตายกม็ ีสทิ ธิรบั มรดกในฐานะทายาทโดยธรรม

แตอํานาจปกครองจะอยูท่ีผูรับบุตรบุญธรรม บิดามารดาผูใหกําเนิดจะหมดอํานาจปกครอง
นับแตเ วลาทเ่ี ดก็ ไปเปน บุตรบุญธรรม

อนึ่งผรู ับบุตรบุญธรรมไมมสี ิทธิรบั มรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรม
การเลกิ รับบตุ รบุญธรรม ทําได 3 กรณีคือ
1. บุตรบญุ ธรรมกบั ผรู ับบตุ รบญุ ธรรมตกลงเลกิ กนั เองโดยทางทะเบยี น
2. ผูรบั บตุ รบญุ ธรรมสมรสกับบุตรบญุ ธรรม ความเปนบตุ รบุญธรรมยกเลกิ ทนั ที แตการสมรสมีผล
สมบรู ณ
3. การเลิกรบั บตุ รบุญธรรมโดยคําพิพากษา
กฎหมายลักษณะมรดก

มรดก ไดแก ทรัพยสินทุกชนิด ตลอดท้ังสิทธิ หนาท่ี และความรับผิดตางๆ ของเจามรดก
เวนแตตามกฎหมายหรอื โดยสภาพแลว เปน การเฉพาะตัวของผตู ายโดยแท เชน กอนตายไปหมั้นผูห ญิง
ไว พอเจา มรดกตายทายาทจะไปแตง งานแทนไมไ ด หรือสญั ญาเชา ทรพั ยเ ปน สทิ ธิเฉพาะตวั เปน ตน

นอกจากน้ีจะเปนทรัพยมรดกจะตองไดความวาเจามรดกมีกรรมสิทธ์ิหรือมีสิทธิอยูกอนตาย
แตถาจะไดมาตอเมื่อเจามรดกตายก็ไมใชมรดก เชน เงินฌาปนกิจศพ เปนตน และเจามรดกยังมิได
จําหนา ยจายโอนโดยสมบูรณต ามกฎหมายไปแลว
ขอ สงั เกต
1) เจา มรดกตองเปนบุคคลธรรมดาเทานัน้
2) สิทธิและหนา ที่ของเจา มรดกที่ตกทอดเปนมรดก เชน สิทธทิ างสัญญากูยืม การซ้ือขาย จํานา จาํ นอง
ละเมดิ เชา ซ้ือ สทิ ธเิ รยี กคาชดเชย
3) สิทธิและหนาท่ีของเจา มรดกทไี่ มตกทอดเปน มรดก เชน สิทธอิ าศยั สิทธเิ กบ็ กิน ภารติดพนั ใน
อสังหารมิ ทรัพย สทิ ธกิ ารจดั การมรดก การฟอ งคดีอาญา การเชา ทรพั ยธรรมดา
การตกทอดแหงทรัพยมรดก

เมอื่ เจามรดกตายหรอื ถูกศาลส่งั ใหเปนคนสาบสญู มรดกของบุคลนั้นตกทอดแกทายาทโดย
ทันทีเปนไปโดยผลของกฎหมาย โดยไมตองแสดงเจตนาสนองรับ หรือไมจําเปนตองทําพิธีโอนทาง
ทะเบียนกอ นทายาทยอ มเขา ไปใชส ิทธิในฐานะเปนผรู ับมรดกไดทันที

มรดกยอมตกทอดแกทายาทท้ังหมด ท้ังทรัพยสิน สิทธิ หนาท่ีและความรับผิดตางๆ แต
ทายาทไมจําเปน ตองรับผดิ ชอบเกนิ กวาทรพั ยมรดกที่ตกทอดไดแกต น

[103]

ทายาทหรือผูมีสิทธริ ับมรดก แบงออกเปน 2 ประเภท คือ
1. ทายาทหรือผูมีสิทธิตามกฎหมาย เรียกวา “ทายาทโดยธรรม” จะมีสิทธิไดรับมรดกในกรณีท่ีเจา
มรดกไมทําพินัยกรรมไว หรือทําพินัยกรรมไวแตไมมีผลบังคับ หรือพินัยกรรมจําหนายทรัพย หรือมีผล
บังคับไดเ พียงบางสวน สว นทเี หลือตกแกท ายาทโดยธรรม ซ่งึ มอี ยู 2 ประเภท คือ

1) ทายาทโดยธรรมทเี่ ปน ญาติ กฎหมายกําหนดไวม ี 6 ลําดบั ดงั ตอไปน้ี
(1) ผูสืบสนั ดาน ไดแก บตุ รท่ีชอบดวยกฎหมาย บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแลว บตุ ร

บุญธรรม เปน ตน
(2) บิดามารดา
(3) พ่นี องรวมบิดามารดาเดยี วกัน
(4) พนี่ องรว มบดิ าหรือมารดาเดยี วกนั
(5) ปู ยา ตา ยาย
(6) ลงุ ปา นา อา

** ขอสงั เกต นติ ิบคุ คลไมสามารถเปน ทายาทโดยธรรมได **
ทายาทโดยธรรมท่ีเปน ญาติ มีเฉพาะในลาํ ดบั ท่ี (1) ถึง (6) เทา นั้น ฉะน้ันแมจ ะเปนญาติแต

ไมไ ดอ ยใู น 6 ลาํ ดบั น้ีกไ็ มใชท ายาทโดยธรรม เชน ทวด ลกู เขย ลูกสะใภ เปนตน

ตัวอยาง เจามรดกไมมีทายาทโดยธรรมอ่ืนเลย แตมีทวดคนเดียว มรดกยอมตกแกแผนดิน ทายาทโดย
ธรรมท่ีเปน ญาติ ตามปกตจิ ะมีสทิ ธิไดรับมรดกกอ นหลังเรียงตามลาํ ดบั โดยท่ีถาทายาทในลําดบั ท่ีสูงกวา
ยังมีชีวิตอยู หรือมีผูรับมรดกแทนท่ียังไมขาดสาย ทายาทที่อยูในลําดับถัดลงไปไมมีสิทธ์ิในทรัพยมรดก
ของผูตายเลย (ถูกตัดสิทธ)ิ เชน ถา ทายาทโดยธรรมในลําดับที่ 1 คือ ผูสืบสนั ดานยังมีชีวิตอยู ทายาทใน
ลาํ ดบั ที่ (3), (4) (5), (6) จะถกู ตดั สิทธิ

2) ทายาทโดยธรรมท่ีเปนคูสมรส คูสมรสเปนทายาทโดยธรรมท่ีพิเศษ กลาวคือแมวาจะมี
ทายาทโดยธรรมในลําดับท่ี (1) – (6) อยู คูสมรสก็มีสิทธิไดรับมรดกเสมอ จะไมถูกตัดสิทธิในการรับ
มรดกเลย แตการแบงสัดสวนมรดกจะไดไ มเทา กนั เชน เจามรดกมผี ูสืบสนั ดาน บิดามารดา และคูสมรส
ตองแบงมรดกเปน 4 สวน ไดรับเทา ๆ กัน หรือถาไมมีทายาทโดยธรรมท่ีเปนญาติเลย ถามีคูสมรสก็
ไดรบั มรดกไปทง้ั หมด และคูส มรสทมี่ สี ิทธิไดรบั มรดก จะตอ งเปน คูสมรสที่ชอบดว ยกฎหมายเทาน้นั
ขอสังเกต คูสมรสจะไดรบั มรดกในฐานะทายาทช้ันบตุ ร และในกรณ…ี
1) ทายาทลาํ ดบั 1 ไมมี แตมีทายาทลาํ ดับ 2 หรือ 3 คสู มรสไดรับมรดกครงึ่ หน่ึง
2) ทายาทลาํ ดบั 1-2-3 ไมมี แตมที ายาทลําดบั 4 , 5 หรือ 6 คูสมรสไดร บั มรดกสองในสาม
3) ไมมที ายาทลําดบั ใดเลย คูสมรสไดร บั มรดกท้ังหมด
2. ทายาทซงึ่ มีสิทธติ ามพินัยกรรม เรียกวา “ผรู ับพินยั กรรม” กฎหมายไมไดก ําหนดวา จะตองเปนใคร
แตมีเงอ่ื นไขทส่ี าํ คญั คือ ทายาทผูรับพินยั กรรมตองเปนบคุ คลตามกฎหมายเทานนั้ ซึ่งกม็ ี 2 ประเภท คือ
บุคคลธรรมดากับนิติบุคคล ฉะน้ันเจามรดกอาจจะทําพินัยกรรมยกมรดกใหแกบุคคลอื่น ซึ่งไมมีสาย
สมั พนั ธเ ปน เครือญาตกิ นั เลยกไ็ ด

[104]

พินัยกรรม
พนิ ัยกรรม เปน การแสดงเจตนากําหนดการเผ่ือตายในเร่ืองทรัพยสินของตนเองหรอื ในการตางๆ อันจะ
ใหเกิดเปนผลบังคับไดตามกฎหมายเม่ือคนตาย พินัยกรรมเปนนิติกรรมฝายเดียวโดยเครงครัด
พินัยกรรมจะมีผลใชบังคับไดตอเม่ือผูทําพินัยกรรมถึงแกความตายแลว และพินัยกรรมจะสมบูรณตอง
ทําถกู ตอ งตามท่ีกฎหมายกําหนดไว
เง่อื นไขของพินยั กรรม
1. พินยั กรรมซ่ึงบุคคลท่ีมอี ายุยงั ไมค รบ 15 ปบ รบิ รู ณทําข้ึนนัน้ เปน โมฆะ
2. พนิ ัยกรรมซ่ึงบคุ คลผูถูกศาลส่ังใหเ ปนคนไรความสามารถทําข้ึนนัน้ เปน โมฆะ
3. พินัยกรรมซ่ึงบุคคลที่ถกู อา งวา เปนคนวิกลจริต แตศาลยังไมไ ดส่งั ใหเปน คนไรความสามารถทําขึ้นน้ัน
จะเปน อนั เสยี เปลา ก็ตอเม่อื พิสูจนไ ดวาในเวลาท่ีทําพนิ ยั กรรมนน้ั ผูทําวิกลจรติ อยู
4. คนเสมอื นไรความสามารถทําพินยั กรรมยอมสมบรู ณ (ไมตอ งขอความยนิ ยอมจากผพู ทิ ักษ)
5. สามีหรือภริยาไมมีอํานาจทําพินัยกรรมยกสินสมรสท่ีเกนิ กวาสว นของตนใหแกบุคคลใดได สวนที่เกิน
จะตกเปนโมฆะ แตบังคับไดใ นสวนของตน
6. ผูเขียนหรือพยานในพินัยกรรม รวมท้ังคูสมรสของผูเขียนหรือพยานในพินัยกรรมดวยจะเปนผูรับ
ทรพั ยต ามพนิ ัยกรรมไมไ ด (ไมมีสทิ ธิไดร ับมรดก)
7. พินัยกรรมจะตองทําใหถูกตองตามแบบใดแบบหน่ึงท่ีกฎหมายกําหนดไว ซ่ึงมี 5 แบบ ไดแก
พินัยกรรมแบบธรรมดา แบบเขียนเองท้ังฉบับ แบบเอกสารฝายการเมือง แบบเอกสารลับ แบบทํา
ดวยวาจา
8. ผูจัดการมรดก คือบุคคลท่ีเปนผูจัดการเกี่ยวกับทรัพยมรดก โดยจะรวบรวมทรัพยมรดกเรียกรอง
หนี้สินจากลูกหนี้เขามารวมไวในกองมรดก และชาระหนี้แกเ จาหน้กี องมรดกแลว จึงแบงทรัพยมรดกแก
ทายาทตามสทิ ธขิ องแตละตน

การสญู เสียสทิ ธริ บั มรดก
ทายาทโดยธรรมและทายาทโดยพนิ ยั กรรม อาจสญู เสยี สิทธใิ นการรับมรดกไดดวยเหตุอยา ง

ใดอยางหน่งึ ดงั ตอไปนี้
1. ถูกตัดมิใหรับมรดก เปนกรณีท่ีเจามรดกมีความประสงคจะไมใหทายาทของตนคนใดไดรับมรดก
โดยการแสดงเจตนาชัดแจงในพินัยกรรม หรอื โดยทําเปนหนังสือมอบไวแกพนักงานเจาหนาท่ี หรือเม่ือ
เจามรดกทําพนิ ยั กรรมจาํ หนายทรัพยมรดกเสียท้งั หมดแลว กใ็ หถ อื วาบรรดาทายาทโดยธรรมผทู ี่มไิ ดร ับ
ประโยชนจากพินัยกรรมเปนผูถูกตัดมิใหรับมรดกเชนกัน ผูสืบสันดานของผูถูกตัดไมสามารถเขารับ
มรดกแทนทไ่ี ด

[105]

การแสดงเจตนาตัดมใิ หรับมรดก เจา มรดกจะถอนเสียเม่ือไหรก็ได แตถา หากแสดงเจตนาตัด
มใิ หรบั มรดกโดยพินัยกรรม จะถอนไดก ็แตโดยพนิ ยั กรรมเทานั้น
2. ถูกกําจัดมิใหรบั มรดก เปน กรณที ่ีกฎหมายบัญญัติใหทายาทโดยธรรม หรือโดยพนิ ัยกรรมหมดความ
เปนทายาทซ่ึงมีสิทธิในการรับมรดก ท้ังน้ีเพราะทายาทดังกลาวไดยักยายปดบังทรัพยมรดก หรือเปนผู
ประพฤตติ นไมเหมาะสม เชน เจตนาฆา ผมู สี ิทธริ บั มรดกกอนตน ปลอมพนิ ัยกรรม เปนตน

1) กรณีทายาทยกั ยายหรือปดบังทรัพยมรดก ถายักยายหรือปดบังทรัพยมรดกเทากับสวน
ท่ีตนไดรับหรือเกินกวา ทายาทผูน้ันจะไมไดรับมรดกเลย แตถายักยายหรือปดบังทรัพยมรดกนอยกวา
สวนท่ีตนไดรับ ทายาทผูน้ันตองถูกกําจัดไมใหไดรับมรดกเฉพาะสวนท่ีไดยักยอกหรือปดบังไว แต
ผสู ืบสนั ดานสามารถรับมรดกแทนทไ่ี ด

2) กรณที ายาทประพฤตติ นไมเหมาะสม จะถูกกําจัดมิใหไดรบั มรดกในทรัพยทงั้ หมดในสว น
ของ ตน แตผสู ืบสนั ดานสามารถรับมรดกแทนที่ได
การประพฤติตนไมเหมาะสม ไดแ ก…

(1) ตองคําพิพากษาถึงท่ีสุดวาเจตนากระทําหรือพยายามใหเจามรดกหรือผูมีสิทธิไดรับ
มรดก กอนตนถงึ แกความตายโดยมชิ อบดว ยกฎหมาย

(2) ผูท่ีฟองเจามรดกวากระทําผิดซ่ึงมีโทษถึงประหารชีวิต แตภายหลังศาลพิพากษาถึง
ทีส่ ดุ วาเปน การฟอ งเทจ็ หรือทําพยานเทจ็

(3) ผูท่ีรูวาเจามรดกถูกฆาโดยเจตนา แตมิไดนําความน้ันข้ึนรองเรียนเพ่ือเปนทางที่จะนํา
ตวั ผูกระทําผิดมาลงโทษ เวนแตบุคคลนั้นอายุยังไมค รบ 16 ป หรอื เปนคนวกิ ลจริต หรอื ผูที่ฆาเจามรดก
น้ันเปนสามี ภรยิ า บพุ การี หรอื ผูสืบสนั ดานของผนู ้ันโดยตรง

(4) ผูท ี่ฉอฉลหรือขมขูใหเ จา มรดกทําพนิ ยั กรรม เพกิ ถอนพนิ ยั กรรมหรอื เปลย่ี นแปลงพนิ ัย
กรรม ไมว าทงั้ หมดหรอื แตบ างสวนซ่งึ เก่ียวกับทรัพยมรดก

(5) ผทู ป่ี ลอม ทําลาย หรอื ปดบงั พินัยกรรมแตบางสวนหรือทง้ั หมด
** อยา งไรกต็ าม เจา มรดกอาจถอนขอกาํ จัดน้นั ได โดยทําเปน ลายลกั ษณอ ักษร **
3. การสละมรดก คือการท่ีทายาทโดยธรรม หรอื ทายาทโดยพินยั กรรม ไดแสดงเจตนาท่ีจะไมร ับทรัพย
มรดกสวนท่ีตกทอดไดแกตน โดยการสละมรดกน้ันจะกระทําไดตอเม่ือเจามรดกตายแลว และการสละ
มรดกน้ันตองแสดงเจตนาชัดแจงเปนหนังสือมอบไวแกพนักงานเจาหนาท่ี หรือทําเปนสัญญา
ประนปี ระนอมยอมความกไ็ ด อกี ท้ังเมือ่ ทายาทสละมรดกแลว ยอ มจะถอนไมได

การสละมรดกตองเปนการสละมรดกท้ังหมดท่ีไดรับ จะสละบางสวนหรือสละโดยมีเงื่อนไข
เงื่อนเวลาไมไ ด (มาตรา 1615)
ขอ สงั เกต
1) มรดกทต่ี กทอดแกแ ผน ดิน เจาหนจี้ ะฟอง “ แผน ดนิ ” ใหช ําระหน้ไี มไ ด เพราะไมใชท ายาท
เจา หน้ีตอ งรอ งขอใหศาลตง้ั บุคคลเปน ผูจดั การมรดก แลว ฟองให ผูจดั การมรดกชาํ ระหน้แี กต นได
2) มรดกตกทอดแกแ ผน ดนิ ใหห นวยงานดแู ล คือ

-กรณีเปนวัตถุโบราณ --------> กรมศิลปากร
-ที่ดิน --------> กรมท่ดี นิ
-ทรัพยสินอ่ืน --------> กระทรวงการคลัง
3) การฟอ งคดีมรดก 1 ป นับแตเ จามรดกตาย

[106]

เร่ือง เอกเทศสญั ญาทีค่ วรรู
1. สญั ญายืม
สาระสาํ คญั
หลักทั่วไปของสญั ญายืม
1. เปน สญั ญาทีส่ มบูรณตอเมื่อสงมอบทรัพยสนิ ทีใ่ หยมื
2. สัญญายืมเปนสัญญาไมตางตอบแทน ซึง่ ลกู หน้หี รือผยู มื ฝายเดียวตองคนื ใชใหแก
ผูใหยมื
สัญญายืมใชคงรูป
ลกั ษณะสําคัญ
1. เปนสญั ญาไมมีคา ตอบแทน กลาวคอื ผูย ืมไดประโยชนจ ากการใชส อย ทรพั ยส นิ ท่ี
ยมื โดยไมต องเสียคาตอบแทน และผใู หย ืมไมไดรบั ประโยชนใดๆ เปน การตอบแทนเลย
2. เปนสญั ญาทีไ่ มไดโ อนกรรมสิทธ์ิ แตเ ปนการสงมอบเพือ่ ใหผ ยู มื ครอบครองและใช
ประโยชนจ ากทรพั ยส นิ น้ันเทานนั้
3. วตั ถุแหงสัญญาคือทรัพยส นิ เวลาคนื ทรพั ยจึงตองคนื ทรัพยสนิ อนั ท่ียืมไปน้ัน
ความระงับแหงสัญญายืมใชคงรูป
1. ถากําหนดระยะเวลายมื ไว สัญญายอมระงบั เมอื่ สิ้นกําหนดระยะเวลาตามสัญญา
2. กรณที ่สี ญั ญาไมไดก ําหนดระยะเวลายืมไว ผูใ หย ืมมสี ิทธิเรยี กคืนเมื่อใดกไ็ ด
3. สัญญาจะระงบั ไปเมื่อผยู มื ตาย
4. เมอ่ื ผใู หยมื บอกเลิกสัญญา ในกรณีทผ่ี ูยืมผิดสัญญา เชน เอาทรัพยส ินที่ยืมใหผ ูอื่นใช
ใชทรพั ยสนิ ผดิ วัตถปุ ระสงค เปนตน
สัญญายืมใชสิน้ เปลือง
ลักษณะสาํ คญั
1. สญั ญายืมใชส้ินเปลืองจะเปนสัญญามีคาตอบแทนหรอื ไมกไ็ ด
2. เปน สัญญาทม่ี กี ารโอนกรรมสิทธิ
3. วัตถุแหง สัญญา คือ ทรัพยสนิ ชนดิ ใชไปสิ้นไป เมื่อเวลาคืนทรพั ยสิน ตองเปน
ประเภท ชนดิ และปริมาณเชนเดยี วกันแทน
4. ถา ไมไดก าํ หนดระยะเวลาในการคนื ตองบอกกลาวลวงหนา
5. สัญญาไมร ะงบั เม่ือฝา ยใดฝายหนงึ่ ตาย
สญั ญากยู ืม
1. การกยู มื เงนิ เปน จํานวนเกินกวา 2,000 บาท ตองทําหลักฐานเปน หนังสือ ลงลายมือ
ชอ่ื ผูยืมเปน สาํ คญั มิฉะนน้ั จะฟองรองบังคับกนั ไมได
2. ดอกเบย้ี เงินกู ตอ งไมเกินรอยละ 15 ตอป เวนแต เปน การกยู ืมเงินจากบรษิ ัทเงินทุน
หรอื ธนาคาร
3. กรณีเรยี กดอกเบ้ียเงนิ กูเกินอตั ราท่ีกฎหมายกาํ หนด จะมีผลทําให ขอตกลงเร่ือง
ดอกเบี้ยเปน โมฆะ ผูกูไ มตอ งเสยี ดอกเบ้ยี แตเ งนิ ตนยงั คงตองชําระอยู
4. อายคุ วามในการฟองรองเรียกเงินตามสัญญากู ภายใน 10 ปน ับแตว นั ท่ีถึงกําหนด
ชําระเงินคนื

[107]

เรอ่ื ง สาระสําคญั
2. การคาํ้ ประกนั 1. เปน สัญญาอปุ กรณต อ งมหี นปี้ ระธาน
ดว ยบุคคล 2. สัญญาไมม ีแบบ แตต องมหี ลกั ฐานเปน หนงั สือลงลายมือช่ือผูค ํา้ ประกนั มฉิ ะนน้ั จะ
ฟอ งผูค้าํ ประกนั ไมไ ด
3. เปนสัญญาท่ีบุคคลภายนอกทเ่ี ปน ผูค้าํ ประกนั ผูกพันตนตอเจา หนี้เพ่ือชาํ ระหน้ี
เม่ือลกู หนี้ไมช ําระหน้นี น้ั
4. การพน ความรับผิดของผคู ํ้าประกนั

1) เจาหนผ้ี อ นเวลาใหแ กล ูกหน้ี
2) เม่อื หนขี้ องลูกหน้ีถึงกําหนดชําระแลว ผคู ํ้าประกนั นําเงนิ ไปชาํ ระหน้ี แตเ จา
หน้ไี มยอมรบั
3) เม่ือหนปี้ ระธานระงับ
5. สิทธิของผูคาํ้ ประกนั
1) มีสิทธเิ กีย่ งใหเจา หน้ีไปเรยี กรอ งจากลูกหนีก้ อนได
2) ผคู ้าํ ประกันรับชวงสิทธิเปน เจา หนแี้ ทน

3. การจํานอง 1. เปน สญั ญาอปุ กรณตองมีหน้ีประธาน
2. สญั ญาจํานองตองทําตามแบบ ฝา ฝนเปนโมฆะ
3. เปนการเอาทรัพยม าประกันเงนิ กู ทรพั ยน้ันอาจเปนของบุคคลภายนอกก็ได
4. ทรัพยท ี่จํานองได คอื อสงั หารมิ ทรัพย และสงั หาริมทรัพยพเิ ศษทีจ่ ดทะเบยี นไวแลว
5. ทรพั ยทใ่ี ชจํานองไมไ ดโอนกรรมสิทธิไปยงั ผรู ับจํานองผูจ ํานองยังใชป ระโยชนแ ละ
ครอบครองทรัพยน้ันได
6. ทรัพยท ตี่ ดิ จํานองไมต ดั สทิ ธิใหผจู าํ นองนาํ ทรัพยท ่ีติดจาํ นองไปขาย หรอื ไปจาํ นอง
ในรายอนื่ ไดอ ีก
7. เมอื่ ผูจ ํานองไมสามารถไถถ อนทรพั ยท่จี ํานองได ผูรับจํานองตองนําทรัพยอ อกขาย
ทอดตลาด ถามเี งินเหลือตองคืนใหผ จู ํานองถาเงินขาดไมม ีสิทธเิ รียกจากผูจาํ นอง

[108]

เรอ่ื ง สาระสาํ คัญ
4. การจาํ นาํ 1. เปนการเอาสังหาริมทรพั ยมาประกันเงินกู
2. เปนสญั ญาอุปกรณต องมหี นปี้ ระธาน
3. ผจู าํ นาํ ตองเปนเจา ของกรรมสทิ ธิในทรัพย ดังนัน้ ทรัพยที่ถกู ยักยอกมาหรอื ถกู ลัก
ทรัพยมาแลวเอาไปจาํ นํา เจาของทีแ่ ทจ ริงยอมมีอํานาจติดตามเอาคืนไดโ ดยมติ อง
เสยี คา ไถ
4. มกี ารสง มอบทรัพยท่ีจํานํา ถาไมมกี ารสงมอบสัญญาจํานําไมเ กดิ
5. ทรพั ยท ี่ใชจาํ นําได คือ สังหาริมทรัพย
6. การบงั คับจํานาํ เม่อื ลกู หน้ีไมช าํ ระหนี้ คือ…

1) เอาทรัพยออกขายทอดตลาด
2) ยดึ ทรพั ยท ่ีจํานาใหต กเปนของผูรบั จาํ นาํ
7. ทรพั ยทีจ่ าํ นาํ ไมโอนกรรมสิทธไิ ปยังผูร บั จาํ นาํ แตเ ปน การโอนการครอบครอง

5. การขายฝาก 1. เปนสัญญาซอ้ื ขายชนิดหนงึ่
2. ทรพั ยทน่ี ํามาขายฝากได คือ ท้ังสังหาริมทรพั ย และอสังหาริมทรพั ย
3. กรรมสทิ ธิในทรพั ยสินโอนไปยงั ผซู อ้ื ฝาก
4. ผูข ายฝากมสี ิทธิไถถอนทรัพยค นื ไดภายในกาํ หนดตามสัญญา
5. กาํ หนดเวลาไถถอนทรัพยทขี่ ายฝากคืน อาจจะมีการขยายเวลาได

1) อสงั หาริมทรัพย ไมเ กิน 10 ป
2) สงั หาริมทรพั ย ไมเ กนิ 3 ป
3) กรณีที่กําหนดไวต ํา่ กวาเกณฑก็เปน ไปตามสัญญาถา เกินใหล ดลงมาตามเกณฑ
4) การไถทรัพยสนิ ซงึ่ ขายฝากตอสาํ นักงานวางทรัพยได
6. การคดิ ดอกเบยี้ ไมเ กนิ รอ ยละ 15

[109]

เรื่อง สาระสาํ คัญ
6. การซื้อขาย 1. เปนสัญญาตา งตอบแทน
2. สญั ญาเกดิ ข้นึ เมอื่ มีคําเสนอและคําสนองตรงกนั มีการโอนกรรมสทิ ธแิ ลว ยกเวน
ตอ ไปน้ีทก่ี รรมสิทธิยังไมโอน

1) การซ้ือขายเสร็จเดด็ ขาดโดยมีเงอ่ื นไขหรอื เงอ่ื นเวลาที่ตกลงกัน
2) สญั ญาซือ้ ขายทรพั ยทย่ี งั ไมเ ปน ทรัพยเ ฉพาะสงิ่
3) เปนทรพั ยเ ฉพาะส่ิงแลวแตย งั ไมรรู าคาที่คํานวณได หรือยังไมไ ดต กลงราคา
3. การซ้ือขายอสังหาริมทรพั ยตองทําเปน หนงั สือและจดทะเบยี นตอพนักงานเจา
หนา ท่ี จงึ จะมีผลสมบูรณตามกฎหมาย กรณีสัญญาจะซื้อจะขายถา ไมมหี ลักฐาน
อยา งใดอยางหนึ่งดังตอไปนจ้ี ะฟองบงั คับไมไ ด
1) ทําเปนหนังสอื ลงลายมือชือ่ ผูรบั ผิด
2) ไดมีการวางมัดจําบางสวน
3) ไดมกี ารชาํ ระหนบี้ างสวน
4. การซื้อขายสงั หาริมทรัพยพเิ ศษ ก็มลี กั ษณะเดียวกันกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย
5. สังหาริมทรพั ยอ่ืนอาจจะทําเปนหนงั สือหรือไมกไ็ ด แตไ มต องจดทะเบียน การ
โอนทรพั ยท่ีซอ้ื ขายใชก ารสงมอบ
1) กรณสี งมอบทรัพยต ามสัญญานอ ยกวา ทีต่ กลง ผซู ื้ออาจไมรับทรัพยท ส่ี งมอบ
น้นั เลย หรอื รบั ทรัพยน้ันไวแ ลวชาํ ระเงินตามสวน
2) กรณีสง มอบทรัพยตามสัญญามากกวา ที่ตกลง ผซู อ้ื อาจไมร ับทรัพยท ีส่ ง มอบ
น้นั เลย หรอื รับทรพั ยนัน้ ไวแ ลว ชําระเงินตามสว น หรอื รบั ไวตามจํานวนไม
รบั สว นเกนิ
6. ผูไ มมีกรรมสิทธใิ นทรพั ยอาจทาํ สัญญาซื้อขายได คือ
1) เจาของอสงั หารมิ ทรัพยถกู บุคคลอน่ื ครอบครองปรปกษ แตบ คุ คลน้ันยังมิได
ฟอ งศาลใหศ าลพิพากษาสัง่ โอนกรรมสทิ ธใิ นทดี่ นิ ใหตน เมอ่ื เจาของเอา
อสงั หารมิ ทรัพยไ ปขาย ผูซือ้ ซื้อไปโดยสุจริตและเสยี คาตอบแทน ผูซ้ือได
กรรมสทิ ธิโดยสมบรู ณ
2) กรณีทบ่ี คุ คลหลายคนแยงเอาสงั หารมิ ทรพั ย ผูท่ีไดครอบครองทรัพยจะได
กรรมสิทธ์ิ
3) การซอื้ ขายทรัพยจ ากการขายทอดตลาดโดยคําสัง่ ศาล
4) การซ้ือขายทรัพยโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดธรรมดาหรือตาม
ทอ งตลาดปกติ เจา ของทรัพยทแ่ี ทจ รงิ ตองใชราคา
5) การแสดงเจตนาลวง แตผซู อื้ สจุ ริตยอมไดกรรมสทิ ธิ

[110]

เร่อื ง สาระสําคัญ
7. การเชา ทรพั ย 1. เปนสัญญาตางตอบแทน
2. สัญญาเชาทรพั ย ไมมแี บบ เพยี งตกลงกนั ดวยวาจาก็ใชไดแลว
8. การเชา ซ้อื 3. ทรพั ยทีน่ ํามาใหเ ชา ได คือ ทง้ั สังหาริมทรัพยแ ละอสังหารมิ ทรัพย
4. หลักฐานการเชาอสังหารมิ ทรัพย ตองทําเปนหนงั สือลงลายมอื ช่ือผเู ชา และผใู หเ ชา
กรณีท่ีไมม หี ลักฐานเปน หนังสือ สญั ญาเชา อสงั หาริมทรพั ยกส็ มบรู ณแตจ ะฟองรอง
กนั มไิ ด
5. การเชาอสงั หารมิ ทรัพยตองไมเกิน 30 ป หรือตลอดอายุผใู หเ ชา หรอื ผูเ ชา
6. การเชาอสงั หาริมทรัพยเกินกวา 3 ป ตอ งทําเปน หนังสอื และจดทะเบยี นการเชา
ตอ พนักงานเจาหนาที่
7. ขอสงั เกต กรณีการเชา อสงั หารมิ ทรพั ยเ กนิ 3 ป การจดทะเบยี นตองกระทําภายใน
3 ป โดยไมจาํ เปน ตองจดทะเบยี นทันทีทท่ี ําสัญญาเชาและคสู ัญญาฟองศาลบงั คับ
ใหอีกฝา ยหน่ึงจดทะเบียนการเชาได
8. การสิ้นสุดสัญญาเชา
1) กาํ หนดเวลาการเชา สิน้ สดุ ลง
2) ทรพั ยส นิ ท่ีใหเชาสูญหายหรือสลายไป
3) ผูเชาถงึ แกความตาย
4) ถาสัญญาเชา ไมไดกําหนดเวลาตองบอกเลกิ สญั ญาเชา ลว งหนา 1 เดอื น
5) ผเู ชา ผดิ นดั ไมช ําระคา เชา ผใู หเ ชา บอกเลกิ สญั ญาได
1. เปน สัญญาทเ่ี จาของทรัพยสินเอาทรัพยสินของตนออกใหผ อู ื่นเชา เพอื่ ใชส อย
หรือเพ่ือใหไ ดร ับประโยชน และใหคํามั่นวาจะขายทรัพยนั้น
2. สญั ญาเชา ซื้อไมใ ชส ัญญาซื้อขายผอนสง
3. แบบของสญั ญาเชาซื้อ จะตองทําเปน หนังสอื ลงลายมือชอ่ื ท้งั สองฝาย ถา ทําดวย
วาจาจะตกเปนโมฆะ
4. ผูเชา ซื้อผิดนดั ไมชําระเงิน 2 คราวตดิ กนั หรอื กระทําผิดในสาระสาํ คญั เจา ของ
ทรัพยส นิ ทใ่ี หเ ชา ซ้ือ มีสทิ ธิบอกเลิกสัญญาเมื่อใดกไ็ ด
5. เมื่อผูท ี่เปนเจา ของทรพั ยบอกเลิกสญั ญา เงินทผ่ี ูเ ชา ซื้อจายไปกอนหนานั้นจะ
ไมไ ดรบั คืน
6. ผูเชาซอื้ จะบอกเลกิ สัญญาเม่ือใดกไ็ ดดว ยการสง มอบทรัพยแ ละตอ งใชร าคาถา
ทรัพยเส่ือมราคา

[111]

เรอ่ื ง สาระสําคัญ
9. การให 1. เปน สัญญา 2 ฝา ย ฝา ยหนงึ่ คือ ผใู ห อีกฝายหนึง่ คือผรู ับ โดยผูใหต อ งโอนทรัพยสนิ
10. จางแรงงาน ของตนโดยเสนห าใหแกผรู บั
2. สัญญาใหไ มใ ชส ัญญาตางตอบแทน ผรู บั ไมตองเสยี คาตอบแทน หรือไมต องทํา
ประโยชนใด ๆ ใหกบั ผใู ห
3. ผใู หต องแสดงเจตนาใหและผรู บั ตอ งแสดงเจตนารับ
4. ผใู หตอ งโอนทรัพยสินใหแกผูรับ หากผใู หไมมีกรรมสิทธิ์ ผูรับกไ็ มไ ดร บั กรรมสทิ ธ์ิ
เชนเดียวกนั ตามหลักผูรบั โอนไมม สี ิทธิด์ ีกวา ผูโอน
5. การใหยอ มสมบูรณเ มื่อสงมอบทรัพยที่ให จะเปน การแสดงออกดวยการกระทําหรือ
ดว ยวาจา และไมว าโดยตรงหรอื โดยปริยายกย็ อมใชไ ด

ตัวอยาง นายเดช ยกรถยนตใ หแกน ายเดน บตุ รชายของตน โดยการ สง มอบกญุ แจ
รถยนตใหและนายเดน แสดงเจตนารบั เอง สญั ญาก็สมบรู ณแลว ถือวา เปน การสงมอบ
การใหโ ดยปรยิ าย
6. การใหอ สงั หารมิ ทรพั ย หรือสงั หารมิ ทรัพยช นิดพเิ ศษการใหทรพั ยดังกลา วจะสมบูรณ
ไดน ั้นกต็ องมีการทําเปน หนังสือ และจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนา ที่ จึงจะสมบูรณ
ยกเวน การยกใหเ ปนสาธารณสมบตั ขิ องแผน ดิน
7. การสง มอบทรพั ยท ี่ให จะทําในเวลาแสดงเจตนาใหห รือใหภ ายหลงั ก็ได ถาสง มอบ
ภายหลงั การแสดงเจตนายกให จะตอ งสง มอบเสยี กอ นที่ผูใ หต ายหรือถอนการแสดง
เจตนายกใหน้นั
8. การใหอนั มภี าระติดพนั ผรู บั เอาทรัพยส นิ ทม่ี ีภาระตดิ พันยอมรบั เอาไปทั้งสิทธิใน
ทรัพยสนิ และหนา ทีท่ ่จี ะตอ งปลดเปลอ้ื งภาระติดพนั เพยี งเทา ราคาทรัพยส นิ เทาน้นั

1) ผรู บั ทําผดิ เงือ่ นไขของสัญญาให
2) ผรู บั ประพฤติเนรคุณ
1. ตองมีการตกลงเปนนายจางและลกู จางกัน ซึ่งจะมีผลทําใหน ายจางมีอํานาจบงั คับ
บัญชาลูกจา งได การเปนลูกจางทําใหไมมีอํานาจครอบครอบทรพั ย แตเปน การ
ครอบครองแทนนายจา งเทา น้ัน
2. เปน สญั ญาตา งตอบแทน ถาไมมีการจายคา จาง ก็ไมใชสัญญาจา งแรงงาน
3. นายจา งจะโอนสทิ ธขิ องตนใหแ กบคุ คลภายนอกไดกต็ อ เมือ่ ลกู จา งยินยอมพรอมใจ
ดว ย ทํานองเดยี วกนั ลกู จา งจะใหบ ุคคลภายนอกทํางานแทนตนไมไดถ า นายจา งไม
ยนิ ยอม
4. สัญญาจา งแรงงาน ไมม แี บบ เพียงตกลงกันดวยวาจาก็ใชไดแลว
5. ลกู จา งหรือนายจาง ไมท ําตามหนาที่ของตน อกี ฝา ยสามารถบอกเลกิ สัญญาได
6. การระงบั แหงสัญญาจางแรงงาน
1) เมอ่ื ครบกาํ หนดในสัญญาจา ง หรือมีการบอกเลิกสัญญา
2) คูสัญญาฝายใดฝา ยหนง่ึ ถึงแกความตาย
3) การเลกิ สญั ญาตามกฎหมาย
4) การทํางานของลูกจางตกเปน พน วสิ ัย
7. อายุความฟองรองคดี 10 ป

[112]

เรอื่ ง สาระสาํ คัญ
11. จางทําของ 1. เปน สญั ญาตา งตอบแทน สินจางอาจเปน เงนิ ตราหรอื ทรัพยสนิ อยางอื่นก็ได ตามแต
จะตกลงกัน
2. เปน สญั ญาทม่ี ุงถึงผลสําเรจ็ ของงาน ผลคอื ........

1) นายจา ง จึงไมตองรบั ผดิ รวมกับลกู จาง
2) ผูรบั จางมีอิสระในการทํางาน
3. สญั ญาจางทําของไมมีแบบ
4. หนา ที่และความรบั ผดิ ของผรู บั จา ง
1) ตอ งทํางานใหสําเรจ็ ตามสญั ญา
2) ตอ งจัดหาเครื่องมือตา ง ๆ สาหรับใชใ นการทํางานเอง
3) ตองรบั ผดิ ชอบในความลา ชาของงานทที่ ํา เวน แตค วามลาชาน้นั เกิด
จากนายจาง
4) ตอ งยอมใหผ ูว าจา ง หรอื ตวั แทนตรวจตราการทํางาน
5. ความระงบั แหงสญั ญาจางทําของ
1) เม่อื ผรู ับจางทํางานเสร็จ แลวสงมอบใหแกผ วู าจา ง
2) เมื่อมีการบอกเลิกสญั ญา
3) เมื่อผรู บั จางตายหรือตกเปน ผูไ มสามารถทําการงานน้ันได แตผูวา จา ง
ตองใชส นิ จา งตามสว นของการงานทที่ ําไปแลว
6. อายคุ วามฟอ งรองคดภี ายใน 1 ป สําหรบั การฟอ งรอ งเพ่ือใหผ รู ับจา งรบั ผิดในความ
ชํารดุ บกพรอง

ขอแตกตางระหวางสัญญาจางแรงงานและสัญญาจางทําของ
1. สญั ญาจา งทําของมุงถึงผลสําเร็จของงาน สว นจางแรงงาน ลูกจางตอ งทํางานภายใต
การบังคบั บัญชาของนายจา ง
2. กรณจี า งแรงงาน สินจางคํานวณเอาตามระยะเวลาท่ีทํางาน แตจ า งทําของคํานวณ
เอาตามผลของงานท่ีได
3. กรณจี างแรงงาน นายจา งตองรวมรบั ผิดกบั ลูกจางในผลแหง ละเมดิ ท่ลี กู จางได
กระทําไปในทางการท่ีจา ง แตผวู า จา งทําของไมตอ งรบั ผดิ รวมกบั ผูรบั จาง

[113]

แบบฝก หดั ท่ี 8
คําสัง่ ใหนกั เรียนตอบคําถามใหไ ดใจความสมบูรณ

1. การอดุ ชอ งวา งของกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยม าตรา 4 ไดกําหนดลําดับไวหาก
ไมมีกฎหมายลายลกั ษณอกั ษรใชบ งั คบั แลว จะตอ งนําหลักเกณฑ ……………………………………. มาใชบ งั คบั

2. คาํ วา “สิทธิ” คอื …………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. ผูทรงสิทธิ คือ ………………………………………………………………………………………….. หรอื ทีเ่ รียกวา
“ผูท รงสทิ ธิ” ซ่งึ มไี ดท้ังบุคคลธรรมดาและ นติ ิบุคคล
4.วัตถุแหง หน้ี วตั ถคุ อื สง่ิ ของวัตถุแหง หนจี้ งึ หมายถงึ ส่งิ ของท่ีเปนหน้ี เชน กรรมสทิ ธใ์ิ นทรัพยสิน
สงิ่ ของท่เี ปน วตั ถแุ หงหน้กี ็คอื ทรพั ยส นิ สิทธิในชวี ิตรา งกาย ส่งิ ทเี่ ปนวตั ถแุ หงหน้ีก็คอื ตัวบคุ คล
5. หลกั เกณฑของการใชสิทธิคือ ตอ งใชโดย………………………………………………………………………….
6. นาย ก ทําสัญญากเู งินนาย ข 10,000 บาท แตเน่อื งจากนาย ก ไมร ูหนังสือจงึ ไดล งลายพิมพน ้ิวมอื
แทนการลงลายมือมือช่อื โดยมนี ายนดิ อายุ 16 ป และ นางสาวนอ ย อายุ 16 ป ลงลายมอื ชือ่ เปน พยาน
รบั รองการพิมพล ายนิ้วมอื ของนาย ก สัญญากูฉ บบั น้ี
คําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………………
7. หลกั ในการตคี วามเอกสารคอื ตคี วามใหเปนคณุ แกค ูกรณีทซ่ี ึง่ จะเปนผตู องเสียในมูลหน้ี
8. ในสัญญากูยมื ฉบับหน่งึ กาํ หนดวา จะตอ งเสียดอกเบย้ี ในเงนิ กยู ืมนนั้ แตคสู ญั ญามไิ ดกําหนดอตั รา
ดอกเบ้ียไว ในกรณีเชนนีล้ กู หน้ีจะตองเสียดอกเบย้ี ในอตั รา
คาํ ตอบ …………………………………………………………………………………………………………….…………
9. สทิ ธทิ ่เี กีย่ วกับสถานะของบุคคล เปนสิทธิตามกฎหมายมหาชน
10. บทกฎหมายท่ีใชโดยวิธีเทียบเคียงไมไ ดค อื ………………………………………………………………….
11. ………………………………………..ในทางกฎหมาย หมายถงึ คน (บคุ คลธรรมดา) และรวมถงึ นติ ิ
บุคคล (บุคคลท่กี ฎหมายสมมตขิ ึน้ ) ดวย
12. ………………………………………………..……. หมายถงึ บุคคลผูไดร บั ประโยชนหรือเสียประโยชน
เก่ยี วขอ งกบั ทรัพยส ินของผูไ มอยู เชน คสู มรส ทายาท เจา หน้ี หนุ สว น เปน ตน
13. ……………………………………………………… หมายถึงคนปกตทิ ่วั ไป จะประพฤตปิ ฏิบัตเิ ชน ไร
14. บุคคลธรรมดาตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ไดแก ………………………………………………
15. การเรม่ิ สภาพบคุ คล และสน้ิ สภาพบคุ คล หมายถงึ ……………………………………………………………
16. สภาพบุคคลเร่มิ เมือ่ …………………………………………………………………………………………………….
17. กาย เกดิ ระหวา งป 2482 แตเปนการพนวสิ ัยจะหย่งั รูวันเกดิ ของ กาย ได ดงั นน้ั กฎหมายใหถือวา
วนั เกดิ ของ กาย คือ …………………………………………………………………………………………………………….
15. ยกตัวอยางกรณีเหตุแหงการสิ้นสภาพบุคคล …………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
16. คนสาบสูญ ไมใ ชบคุ คลตามกฎหมาย (เพราะเมือ่ ศาลสั่งใหเปน คนสาบสญู ถอื วา…………..ไปแลว)

[114]

17. บคุ คลทีศ่ าลสั่งใหเ ปนคนสาบสูญแลว ถอื วาตายเมือ่ ครบกาํ หนด 2 ป ในกรณีพเิ ศษ เชน
ระยะเวลาตามวรรคหนง่ึ ใหล ดลงเหลอื 2 ป
(1) ………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………….….
(2) ……………………………………………………………………………………………………………………..
18. บคุ คลทอี่ าจถูกศาลสัง่ ใหเปนคนสาบสญู ในกรณพี เิ ศษคือ หายไปจากทอี่ ยู ไมรูวาเปนหรือตายครบ
……………. ป
19. ระยะเวลาแหงการเปนคนสาบสูญในกรณีธรรมดาเริ่มนับ เมื่อ……………………………………………..
20. ผูมีสิทธิขอรองใหศาลสั่งเปนบุคคลสาบสูญ คือ ............................................. (และผูมีสวนไดเสีย
ไดแก ภริยา บุตร สามี)
21. นติ บิ ุคคลมีลกั ษณะสําคัญดังตอไปนี้คือ เปน บุคคลตามกฎหมายมีสทิ ธแิ ละหนาท่ี
22. นางแดงคลอดบุตรออกมา หายใจเพียง 1 ครั้ง ยงั ไมไดต ดั สายสะดือ นายดํา สามีนางแดงไมพอใจ
จึงบบี คอบุตรน้ันตาย นายดาํ มคี วามผิดฐาน

คําตอบ .................................................................................................................................
23. ทารกในครรภมารดา แมไมมีสภาพบุคคล ก็สามารถมีสิทธิตางๆ ได ถาปรากฏวา เกิดมารอดอยู
ภายในระยะเวลา .......................... วัน นับจากบิดาตาย
24. กรณีตอไปน้ี อาจรองขอถอนคาํ สงั่ แสดงสาบสูญไดค ือ พสิ จู นไดว าคนสาบสญู ตายต้ังแตวันแรกที่
หายไปจากท่อี ยู คนสาบสูญยังมชี วี ติ อยูห รอื ตายในเวลาอืน่ ที่ผิดไปจากเวลาที่กฎหมายสันนษิ ฐานไว
ศาลตองถอนคําสัง่ แสดงสาบสญู
25. ก ไดบานมาหลังหนึ่งโดยทางมารดาของ ข ผูสาบสูญ ตอมา ก ขายบายดังกลาวให ค ในราคา
100,000 บาท โดยสจุ รติ แลว ก นําเงนิ นั้นไปซื้อรถยนตมาใชสอย 1 คัน หาก ข ยังมีชวี ติ อยู และ
กลับมา ก จะตองคนื ทรัพยส ินแก ข โดย

คําตอบ ...................................................................................................................................
26. ผเู ยาวบ รรลนุ ติ ภิ าวะ เม่ือ …………………………………………………………………………………………….
27. ผเู ยาวอ ายุ 14 ป ทําพินัยกรรมจะมีผล…………………………………………………………………………….
28. ก ผูเ ยาว ขายทดี่ ินโดยมี บิดามารดาลงช่อื เปนพยานในสญั ญาซอ้ื ขายจะมีผลคอื
คําตอบ ………………………………………………………………………………………………………………………..
29. ผวู ิกลจริต ท่ีอาจถกู ศาลส่ังใหเปน ………………………………………………………………………………..
30. ……………………………………………………………………. กฎหมายบัญญตั ิใหตอ งอยูใ นความอนบุ าล
31. คนวกิ ลจริตที่ศาลยงั ไมไดสงั่ ใหเปนคนไรค วามสามารถทํานติ ิกรรม มีผลสมบรู ณ แตอาจเปน
โมฆียะ ถา………………………………………………………………………………………………………………………….
32. นิติกรรมท่ีผูเยาวส ามารถทําไดโดยไมตองรบั คาํ ยินยอมจากผแู ทนโดยชอบธรรมกอน คือ………….…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
33. บคุ คลผูมสี ทิ ธิรอ งขอใหศาลส่ังใหบคุ คลใดๆตกเปนเสมือนคนไรค วามสามารถ คือ …………………….
34. กจิ การท่ีคนเสมอื นไรความสามารถทําไดเองโดยไมต อ งไดร บั ความยินยอมจากผูพทิ ักษคอื ………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………….
35. เหตสุ ิน้ สดุ แหง การเปน คนเสมอื นไรค วามสามารถ คอื ………………………………………………………..

[115]

36. นิตบิ ุคคลมีสทิ ธหิ นา ที่ เหมอื นบคุ คลธรรมดา เวนแตส ิทธิหนา ท่บี างประการถูกจาํ กัดโดยกฎหมาย
และวัตถุประสงคข องนิติบุคคลน้นั เอง และโดยหลักธรรมชาติ
37. นิตบิ คุ คลมขี น้ึ ไดโดย อาศยั อํานาจตามกฎหมาย........................................................................
38. นิติบุคคลไดแก .........................................................................................................................
......................................................................................................................................................
39. ภูมลิ าํ เนานติ ิบุคคลไดแ ก (ก) ถ่นิ ที่ตงั้ สาํ นักงาน (ข) ถิ่นท่เี ลอื กเอาเปน ภมู ลิ ําเนาเฉพาะการตาม
ขอ บังคับ (ค) ถิ่นทตี่ ั้งสํานักงานสาขา
40. ............................................................................ คือ ผูที่มีอํานาจหนาที่จัดการแทนนิติบุคคล
41. นิติบคุ คลสามารถมีสิทธิ และหนาทีเ่ กีย่ วกบั มรดกคือ เปนผจู ัดการมรดกได
42. ถาผูจัดการนติ บิ ุคคลทาํ การตามหนาท่ี แตเกิดความเสียหายแกบุคคลภายนอก ผลคือ ...............
.....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
43. นิติบุคคลไดแก .......................................................................................................................
...................................................................................................................................................
44. ถาประโยชนไดเสยี ของนติ บิ ุคคลขดั กับประโยชนไ ดเ สยี ของผูแทนนิตบิ ุคคล ผลคอื ผูแทนนติ ิบุคคล
น้นั จะเปนผูแทนในการนน้ั ไมได
45. นิตบิ ุคคลกอ ตั้งโดย ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย (ข) นติ ิบุคคลสามารถกอ ตั้งไดโ ดยกฎหมาย
อ่นื
46. ผจู ดั การทาํ นอกขอบวัตถุประสงคข องนิติบคุ คลทาํ ใหเกดิ ความเสยี หายแกบ คุ คลภายนอก
ผรู บั ผดิ ชอบคือ …………………………………………………………………………………………………………………..
47. การเลิกนิติบุคคล ไดแก ………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
48. ลกั ษณะของสมาคม คือ ……………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….
49. ส่ิงที่ตอ งมีในขอ บังคบั สมาคมคอื (1) ช่ือสมาคม (2) วัตถุประสงคข องสมาคม (3) ที่ตง้ั สํานักงาน
ใหญ และที่ต้งั สาํ นักงานสาขาทง้ั ปวง (4) วิธีรับสมาชิก และการขาดจากสมาชิกภาพ (5) อตั ราคา
บํารุง (6) ขอกําหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของสมาคม ไดแกจํานวนกรรมการ การตั้งกรรมการ
วาระการดํารงตําแหนงของกรรมการ การพนจากตําแหนงของกรรมการและการประชุมของ
คณะกรรมการ (7) ขอกําหนดเกี่ยวกับการจัดการสมาคม การบัญชีและทรัพยสินของสมาคม (8)
ขอกําหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ
50. หนว ยงานท่มี อี ํานาจออกกฎกระทรวงควบคุมสมาคมคือ ……………………………………………………
51. ในการขอจดทะเบียนสมาคม ………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
52. ขอกําหนดเกี่ยวกับกรรมการสมาคมคือ (ก) กรรมการสมาคมเปนผูแทนของสมาคม
(ข) คณะกรรมการดําเนินการเปนผูดําเนินการสมาคม (ค) จํานวนกรรมการขนึ้ อยูก ับขอ บงั คบั สมาคม
53. เก่ยี วกบั จาํ นวนสมาชิกของสมาคม ……………………………………………………………………………….
54. สทิ ธแิ ละหนา ท่ขี องสมาชกิ คือ ………………………………………………………………………………………

[116]

55. การประชุมใหญสมาคม มี 2 ประเภท ………………………………………………………………………………
56. สิทธิและหนาทขี่ องสมาชกิ มีดังตอ ไปน้ี (ก) เปนผูก อตัง้ สมาคม (ข) ตรวจตรากิจการของสมาคม
(ค) ตรวจตรากิจการทรัพยสินของสมาคม (ง) ....................................................................................
57. การเลิกสมาคม (ก) มีเหตตุ ามขอกาํ หนดในขอ บงั คบั (ข) เมื่อสมาคมลมละลาย (ค) เม่อื ครบ
ระยะเวลาที่กําหนดไว (ง) ..................................................................................................................
58. คณะกรรมการมูลนธิ ติ อง ประกอบดว ยบคุ คลอยา งนอย…………………………………………….....คน
59. บคุ คลทส่ี ามารถรอ งขอตอศาลใหม คี ําสั่งถอดถอนกรรมการไดคือ (1) นายทะเบยี น (2) พนักงาน
อัยการ (3) ..........................................................................................................................................
60. เม่อื เลกิ มลู นิธแิ ลวตอ งปฏิบัตดิ ังนี้ (1) ตอ งชําระบญั ชี (2) โอนทรัพยส นิ ใหม ลู นธิ อิ ่ืนตามที่ขอ บังคับ
มูลนิธิกาํ หนดไว (3) ใหทรพั ยสนิ โอนแกบ คุ คลอนื่ ที่มวี ัตถุประสงคใ กลชิดกับวัตถุประสงคนั้น (4)
....................................................................................................................................................
61. อาํ นาจของรัฐเกยี่ วกับมูลนธิ ิ คอื (1) ออกกฎหมายบังคับ (2) ควบคุมดูแลมูลนิธิ (3)
..........................................................................................................................................................
62. นติ กิ รรม หมายความวา การใดๆ อนั ทําลงโดยชอบดว ยกฎหมายและดวยใจสมัคร มุง โดยตรงตอ
การผูกนิติสัมพนั ธขึน้ ระหวา งบุคคล เพ่อื จะกอ เปลยี่ นแปลง โอน สงวน หรอื ระงบั ซ่งึ สทิ ธิ
จากบทบัญญัติของมาตรานี้ อาจบอกลักษณะของนิติกรรมไดเปน 5 ประการดวยกันคือ
(1) ......................................................................................................................................
(2) ......................................................................................................................................
(3) ......................................................................................................................................
(4) ......................................................................................................................................
(5) ......................................................................................................................................
63. นติ ิเหตุ คือเหตกุ ารณใดๆ ที่ทําใหเกิดความเคลือ่ นไหวในสิทธิตามกฎหมาย ประเภทของนติ เิ หตุ
มี 2 ประเภทคอื
(1) นิติเหตุที่เกิดจาก...............................................................................
(2) นิติเหตุที่เกิดจาก...............................................................................
� การกระทําของบุคคลที่ชอบดวยกฎหมาย
เชน ..................................................................................................
� การกระทําที่มิชอบดวยกฎหมาย
เชน .................................................................................................
64. นติ กิ รรมแบงออกเปน 5 ประเภท คอื
(1) นิติกรรมฝายเดียว และนิติกรรมหลายฝาย
– นิติกรรมฝายเดยี ว เชน ......................................................................................................
...........................................................................................................................................
- สว นนติ ิกรรมหลายฝาย อาจเรยี กเปน นิตกิ รรมสองฝา ย นติ กิ รรมประเภทนค้ี อื ...................นน่ั เอง
(2) นิติกรรมมีผลเมอ่ื ผูทํายงั มีชีวติ อยกู บั นิติกรรมมผี ลเมื่อผทู าํ ตายแลว
(3) นติ ิกรรมมีคาตางตอบแทนกับนติ ิกรรมไมมคี าตา งตอบแทน
– นติ ิกรรมทม่ี ีคาตางตอบแทน เชน …………………………………………………………………………….

[117]

--สว นนิติกรรมไมมคี า ตางตอบแทน เชน ……………………………………………………………….………
………………………………………………………………………………………………………………………..……
(4) นติ ิกรรมมเี ง่อื นไข เง่อื นเวลา กบั นติ ิกรรมไมม ีเงอ่ื นไขเงื่อนเวลา
(5) นติ ิกรรมที่จะตองทาํ ตามแบบจงึ จะสมบูรณก ับนิตกิ รรมซ่งึ สมบรู ณโ ดยการแสดงเจตนา
65. ในกรณีที่ไมมีกฎหมายลายลักษณอักษรมาปรับแกคดี ศาลตอง วินิจฉัย....................................
66. นิติกรรมซึ่งทําไมถูกแบบ มีผลให.............................................................................................
67. พินัยกรรม ถือเปนนิติกรรม..........................................................................................................
68. การทําเปนหนังสือระหวางกัน นิติกรรมประเภท .....................................................................
69. ผเู ยาวบรรลุนิติภาวะ เปนนิตเิ หตุ/เปน นิตกิ รรม
70. การแสดงเจตนาโดยวิปริตที่ทําใหนิติกรรมตกเปนโมฆะไดแก ...................................................

………………………………………………………………………………………………………………………………
71. ในกรณีบุคคลสองฝาย ทาํ นิตกิ รรมขึ้นเพอ่ื ปกปด นิติกรรมอกี อันหนง่ึ เรยี กวา …………………….….
72. การทีเ่ จาหน้ีขวู าถาลูกหนไ้ี มช ําระหนี้ ตนจะตอ งฟอ งศาลใหล ูกหนต้ี กเปน บคุ คลลม ละลาย ลูกหนี้
เกิดความกลวั จึงไดช ําระหน้ีไป การชําระหน้ใี นกรณีนี้จะมีผล

คําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………
73. นิตกิ รรมทม่ี กี ารจงู ใจใหคกู รณอี ีกฝายหนง่ึ ยอมรบั เองซ่ึงขอกําหนดหนักยิ่งกวา ท่เี ขาจะยอมรับโดย
ปกติจะมีผล

คําตอบ ………………………………………………………………………………………………………………….
74. การพมิ พลายมือช่ือในสญั ญาใหเ ชา ท่ีดินโดยคดิ วาเปนสัญญาจางวาความ สญั ญานมี้ ผี ล

คําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………
75. ในกรณที ่บี ุคคลสําคัญผิดในคุณสมบตั ขิ องบุคคลหรอื ทรัพยซ ึง่ ตามปกติ ถือเปนสาระสาํ คัญไมอาจ
ยกความสําคญั ผิดน้ันมาเปน ประโยชนแกต นได คือ

คําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………..…
76. การแสดงเจตนาโดยบุคคลอื่นใชอุบายหลอกลวงใหเขาใจผิด ในทางกฎหมายเรียกวา ………………
77. เจตนาซอ นเรน คอื ………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………..…
78. การแสดงเจตนาลวงโดยสมรูกับคูกรณี จะยกเปน ขอ ตอสบู ุคคลภายนอกไมไ ด

79. ........................................................................... เปนความหมายของการกระทําที่ตกเปน
โมฆะ

80. ...................................................................... เปนผูที่สามารถกลาวอางความเปนโมฆะกรรม
ได

81. การเรียกคืนทรัพยเนื่องจากโมฆียะกรรม เรียกไดเปน ...............................................................
82. ผเู ยาวอ ายุ ……………………………………………………………………ป ทําพินัยกรรมจะตกเปนโมฆะ
83. ก ตกลงกับ ข วาให ข ไปดักทํารายรางกาย ค โดยใหคาจาง 10,000 บาท ขอตกลงนี้ในทาง
กฎหมาย

คําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………..
84. โมฆียกรรมที่ถูกบอกลางแลวมีผล เปน………………………………………………………..มาแตเ ร่ิมแรก
85. การบอกลางโมฆียกรรมจะตองกระทํา โดยการ………………………………….ตอคูกรณีอกี ฝายหนึง่
86. ผูเ ยาวทาํ นติ ิกรรมโดยไมไ ดร บั ความยินยอมจากผูแทนโดยชอบธรรม เปน เหตใุ หตกเปน…………
87. ………………………………………………………………………………………. มีสิทธิบอกลางโมฆียะกรรม

[118]

88. การบอกลา งโมฆียกรรมจะตองทําภายใน ระยะเวลา ……. ป นับแตเวลาที่ไดเกิดโมฆยี กรรมน้นั
89. …………………………. คอื ขอ ความใดอันบังคบั ไวใหนติ ิกรรมเปนผลหรือส้นิ ผลตอ เม่อื มี
เหตกุ ารณอ นั ใดอนั ไมแ นน อนวา จะเกดิ ขน้ึ หรอื ไมเ กดิ ขน้ึ ในอนาคต
90. เง่ือนไขมี …………………….. ประเภท คอื เงือ่ นไขบงั คับกอ นและเงอื่ นไขบังคบั หลัง
91. ลักษณะของเงอ่ื นไขเปน ขอกาํ หนด (ก) ซงึ่ บุคคลแสดงเจตนากันไว (ข) เก่ียวกบั ความเปนผล
หรือสิ้นผลของนติ ิกรรม (ค) เกยี่ วกบั ความสิ้นผลของนิตกิ รรม (ง) …………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
92. ก ตกลงกับ ข วาถารองเพลงประกวดไดรางวัลที่ 1 จะรับจางรองเพลงในรานอาหารของ ข
ขอตกลงนีเ้ ปนนติ ิกรรมที่มี เงอ่ื นไข…………………………………………………
93. ก ตกลงกับ ข เชาบานโดยกําหนดในสัญญาวาถา ก ถูกยายกลับมาอยูกรุงเทพฯ เมื่อใดให
สญั ญาเชา ระงับ ขอตกลงน้ีเปนนิติกรรมท่มี ี เง่อื นไข……………………………………….
94. เงอ่ื นเวลามี 2 ประเภทคอื เงอ่ื นเวลา………………………และเงอ่ื นเวลา……………………………………
95. ก ทาํ สญั ญาเชา บา น ข เปน เวลา 3 ป โดยกําหนดชาํ ระคา เชา ในวนั ท่ี 1 ของทกุ เดอื นจนกวา จะ
ครบ ดังน้ี ก จะเรียกให ข ชําระคา เชากอ นวันที่ 1 ของทกุ เดอื น ไดหรือไม เพราะ

คําตอบ .............................................................................................................................
96. เงื่อนเวลานั้น ใหสันนิษฐานไวกอนวา กําหนดไวเพื่อประโยชนแกฝาย.....................................
97. ระยะเวลาที่กําหนดเปนนาที ตองนับ....................................................................................
98. ระยะเวลาทต่ี อ งนบั ในทันทีคือ ระยะเวลาที่กําหนดเปน..........................หรือ........................
99. ระยะเวลาทก่ี าํ หนดเปนวนั วนั แรกจะไมน บั
100. กําหนดระยะเวลาที่ไมนับวันแรกเขาในระยะเวลา คือ .............................................................

.................................................................................................................................................
101. ระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดใหใชสิทธิเรียกรองในศาลเรียกวา ………………………………………….
102. สิทธิเรียกรอ งท่ีมิไดฟองคดีบังคับภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด จะมีผลทําให ……………
103. สิทธิเรยี กรอ งที่ตอ งมกี ารทวงถามกอน อายุความเรม่ิ นบั ขณะท…่ี ………………………………………
104. อายคุ วามเร่ิมนับตงั้ แต ขณะท่ี……………………………………………………………………………………….
105. วันที่ 5 มกราคม 2559 ก ทําสญั ญากเู งนิ ข เปน เงนิ 200,000 บาท ไมมีกําหนดชําระคืน
อายคุ วามสทิ ธิเรยี กรอ งของ ข เรมิ่ นบั

คําตอบ ........................................................
106. ก ทาํ สญั ญากเู งนิ ข จาํ นวน 200,000 บาท เมอื่ วันท่ี 10 มกราคม 2559 กําหนดใชคืนใน 1
เดอื น อายุความสทิ ธเิ รียกรอ งของ ข เริม่ นบั

คําตอบ ......................................................
107. การทลี่ ูกหนท้ี ําหนงั สอื รบั สภาพหนใี้ หเจาหนี้ จะมีผลตออายคุ วามในหน้ีรายนน้ั คอื

คําตอบ ....................................................
108. การที่เจา หน้ีฟองคดีตอ ศาลเพ่ือบงั คบั ตามสทิ ธเิ รยี กรอง จะมผี ลตออายุความของสิทธิ
เรยี กรอ งนี้ คือ คําตอบ ....................................................
109. กรณีอายุความครบกําหนดในวันหยุดราชการจะมีผลคือ .......................................................
110. กรณีอายุความครบกําหนดในระหวางมีเหตุสุดวิสัย จะมีผลคือ ..............................................
111. หน้ที ่ีขาดอายคุ วามจะมผี ลตอ ลกู หนี้คือ ................................................................................

[119]

112. ศาลจะอางอายุความเปนเหตุผลในการยกฟองโจทก ไดในกรณี .............................................
113. สทิ ธเิ รียกรองซ่งึ กฎหมายมไิ ดกาํ หนดอายคุ วามไวโดยเฉพาะ กฎหมายใหมีอายุความ ...........ป
114. สิทธิเรียกรองเงินคาภาษีอากรของรัฐ มีอายุความ .............ป
115. มหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชนเรียกคาธรรมเนียมการศึกษาจากนักศึกษา จะตองฟองภายใน
กําหนดอายุความ ............ป
116. ขาราชการหรือลูกจางบริษทั เอกชนฟองเรียกเงนิ เดอื นคางจา ยตองฟอ งภายในกาํ หนดอายุ
ความ ............ ป
117. กฎหมายวาดวยสัญญาเปนสวนหนึ่งของกฎหมาย ในสาขา..........................................
118. ความหมายของสัญญา คือ .........................................................................................
119. ....................... เปนความหมายของการแสดงเจตนาที่มีขอความชัดเจนพอที่จะถือวาเปน
ความผูกพัน ถาหากอกี ฝายหนงึ่ ตอบตกลงตามทมี่ ผี เู สนอไดแ สดงเจตนาไป
120. ผลตามกฎหมายของกรณีคําสนองที่ไมต รงกับคําเสนอ ............................................................
121. หลักเสรีภาพในการทําสัญญา หมายความวา ..........................................................................

.................................................................................................................................................
122. การโฆษณาขายสินคาทางหนังสือพิมพมีผลในทางกฎหมาย ไมมีผลในทางกฎหมาย เพราะ
เปน.....................................................................................................................................................
123. คําเสนอที่ทําตอบุคคลเฉพาะของมีผลเมื่อ ..............................................................................
124. .................................... เปนความหมายของการแสดงเจตนาตอบตกลงเขาทาํ สญั ญา
กับผูแสดงเจตนาอีกฝายหนึ่ง
125. ............................................. เปนกรณีที่คําสนองไมตรงกับคําเสนอ
126. ลักษณะของคํามั่นจะใหรางวัล เปนนิติกรรม............................ที่ผูใหคํามั่นแสดงเจตนา
ประกาศตอบคุ คลทั่วไป
127. เมอ่ื คาํ สนองตอบขอความถกู ตอ งตรงกบั คําเสนอและไดก ระทาํ ภายในระยะเวลายอ ม เกดิ
...................................... ในกฎหมาย
128. เมอ่ื คาํ สนองตอบขอความถกู ตอ งตรงกบั คําเสนอและไดก ระทาํ ภายในระยะเวลายอ มเกดิ ผล
เกิด .........................................
129. โทรศพั ททางไกลจากกรุงเทพฯ ทําคําเสนอขายบานใหบคุ คลทอ่ี ยูเ ชียงใหม ถอื วา
เปน………………

………………………………………………………………….
130. รถประจาํ ทางวิ่งรบั สง คนโดยสาร ถอื เปนคาํ ……………………….....................................………….
131. สญั ญามคี วามเก่ยี วขอ งกบั นติ ิกรรมคอื ………………………………………………………………………….
132. ลักษณะของคําม่ันจะใหรางวลั เปนนิติกรรม…………………………………..ท่ีผูใ หคํามั่นแสดงเจตนา
ประกาศตอ บคุ คลทว่ั ไป
133. หลักในการตีความสญั ญาคอื ……………………………………………………………………………………..
134. ปกติประเพณีหมายถึง ………………………………………………………………………………………………
135. สญั ญาทเี่ ปนการกอ หน้รี ะหวางคสู ัญญาท้ัง 2 ฝาย โดยตองกระทําตอบแทนซึง่ กนั และกัน คือ

........................................................................
136. สัญญาที่เปนสัญญาตางตอบแทนไดแก ...............................................................
137. สัญญาที่เปนสัญญาไมมีคาตอบแทน ไดแก .........................................................

[120]

138. สัญญาที่เปนสัญญาอุปกรณไดแก .................................................................................
139. สัญญาที่เปนสัญญาเพื่อประโยชนของบุคคลภายนอกคือ ...............................................
140. สัญญาที่เปนสัญญาไมมีชื่อไดแก .................................................................................
141. คําเสนอตอ บคุ คลผูอยูเฉพาะหนา เชน .................................................................................

...............................................................................................................................................
142. คําเสนอที่ทําตอบคุ คลเฉพาะหนามีผลเมื่อ ...............................................................................
143. คาํ เสนอที่ทําตอ บุคคลอยหู างโดยระยะทางมีผลเมื่อ ..............................นน้ั ไดส งไปถงึ ผูรับแลว
144. หลักในการตีความสัญญา คือ ................................................................................................
145. ระหวา งบคุ คล ……………………………………… ทห่ี ลกั กฎหมายวา ดวยสัญญากอความผกู พนั ดว ย
146. สัญญาอาจมีผลในลักษณะซ่งึ ใหประโยชนแก …………………………………………………………ได
147. ลักษณะของสัญญาเพื่อประโยชนบุคคลภายนอก คือ .............................................................

…………………………………………………………………………….
148. นาย ก จางนาย ข ใหข นสงไมสักไปตา งประเทศตอมากอนที่จะถงึ กําหนดสงไมสกั รฐั บาลได
ออกกฎหมายหามสงไมสักออกนอกประเทศ สญั ญาระหวา งนาย ก และนาย ข จะมผี ลคือ

คําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

149. …………………………. คอื ส่ิงท่คี ูสญั ญาฝา ยหนึง่ มอบไวใหแกค สู ัญญาอีกฝายหนง่ึ ในขณะทํา
สญั ญาเพอ่ื เปน ประกันการปฏิบัติตามสัญญา

150. เงนิ หรือทรัพยส ินอยางอ่ืน ซง่ึ คูสัญญาฝายหนงึ่ ใหแกคสู ัญญาอีกฝายหน่ึง จะใชใ หเ มอื่ ตนไม
ชาํ ระหน้หี รอื ชําระหนไี้ มถูกตองครบถวน คือ ……………………………….

151. ถามีการเลิกสัญญาเพราะความผิดของฝายรับมัดจํากฎหมายกําหนดให ……………………………
……………………………………………

152. …………….. เปนเงินหรอื ทรพั ยสินอยา งอืน่
153. ผลในทางกฎหมายหากคูสญั ญาไดต กลงในเรื่องเบ้ียปรบั ไวสูงเกินสว น ……………………………….
…………………………………………………………………………………………….
154. ในกรณที ลี่ ูกหนพ้ี ิสูจนไดวา………………………………………………. ลกู หนี้มิตองถูกริบเบี้ยปรับ
155. ถาเจาหนยี้ อมรบั ชาํ ระหน้ีแลว จะเรยี กเอาเบีย้ ปรับไดอ ีก ถาไดบ อกสงวนสิทธไิ วเชน นั้นในเวลา
ชาํ ระหน้ี
156. กรณีหากมีการเลิกสัญญาเพราะความผิดของฝายที่รับมัดจํา ...................................................
157. สิทธิการบอกเลิกสัญญาที่เกิดจากบทบัญญัติของกฎหมายคือ .................................................
158. การบอกเลิกสัญญายอมกอใหเกิดผลทําให .............................................................................
.............................................................................................................................................................
159. ก ทําสัญญาเชาบา น ข โดยมขี อ กาํ หนดวา ก ตอ งไมเอาบานนัน้ ใหผอู น่ื เชาชวง หาก ข ฝาฝน
มสี ทิ ธิบอกเลกิ สญั ญาได ดงั น้ีสิทธิบอกเลกิ สญั ญาเกิดจาก

คําตอบ ...................................................................
160. ผลเมื่อไดมีการบอกเลิกสัญญาไปแลว คือ ..............................................................................

161. ก ข และ ค ทําสัญญาเชาหอ งของ แดง จากผูใ หเ ชา คนละฉบบั โดยแตละคนเชา เชาแตล ะหอ ง
ตอ มา ก แตผ เู ดยี ว ฝา ฝนขอกาํ หนดในสัญญาเอาหองแดงสว นของตนไปใหเชาชว ง ผูใหเ ชา บอกเลิก
สญั ญา ได คําตอบ ....................................................................................

[121]

162. ก ข และ ค เปนเจา หน้ีรว ม ประสงคจะบอกเลกิ สัญญากบั ลูกหนรี้ วม คือ จ และ ฉ
คําตอบ ...................................................................................................................................

163. ก ขายแหวนทองปลอมให ข ข รับซ้อื โดยเขา ใจวาเปน แหวนทองคาํ ตอมา ค มาซื้อจาก ข ไปอีก
2 วนั ตอ มา ค มาตอวา ข วา ขายแหวนปลอมให ค เหตกุ ารณดงั น้ี

คําตอบ ………………………………………………………………………………………………………….........
………………………………………………………………………………………………………………………………………..
164. การบอกเลิกสัญญามีผลเหมือนกับ ……………………………………………….
165. การบอกเลิกสัญญาจะตองกระทํา ……………………………………… จึงจะมีผลเปนการบอกเลิกสัญญา
166. สิทธิการบอกเลิกสัญญา ……………………………………………………. เกิดจากบทบัญญัติของกฎหมาย
167. หนี้คือบุคคลสทิ ธิหรือสิทธเิ รยี กรอ งอนั เปนความเกี่ยวพันทางกฎหมายระหวา งบุคคล 2 ฝายคือ
………………………………………………………………………………
168. บอ เกิดแหงหนมี้ ี 2 ประการคือ ……………………………………………………..
169. วัตถแุ หง หน้ีคือ …………………………………………………………………………..
170. วัตถุแหงหน้มี ี 3 อยา งคอื
……………………………………………………………………………………………………
171. เมอ่ื เกดิ หน้ขี น้ึ เจา หน้ีเรยี กใหล ูกหนีช้ ําระหน้ไี ด โดยส้ินเชงิ มขี อ ยกเวนคอื ………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
172. ทรพั ยอันเปน วตั ถแุ หงหนี้ คอื
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
173. วตั ถแุ หงหนี้มหี ลายอยาง ผูเลือก ไดแก (ก) ลกู หนี้ (ข) เจา หนี้ (ค) …………………………….…………
174. การเลอื กวัตถุแหงหน้ีนัน้ ตองทํา …………………………………………..
175. วตั ถุแหง หนม้ี ีหลายอยาง หากตกเปน พนวิสยั บางอยางผมู สี ทิ ธเิ ลือก ………………………………………
176. เมื่อผมู สี ทิ ธเิ ลอื กไดเลอื กวตั ถแุ หง หนี้เปน อยา งใดแลว …………………………………………………………
177. กฎหมายกาํ หนดหลกั เกณฑทวั่ ไปในเรือ่ งเวลาจะพงึ ชําระหนี้ของลูกหน้ไี วคอื

(ก) .......................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

(ข) ถามีพฤตกิ ารณพ อจะอนุมานไดวา หน้ีถึงกําหนดเม่อื ใด กําหนดเวลาชําระหนี้จะตอ งเปนไป
ตามที่พึงอนุมานไดนั้น

(ค) ถาเวลาอนั พึงชําระหนีม้ ไิ ดกําหนดไวต ามวันแหงปฏิทิน เจา หนย้ี อ มเรยี กใหล กู หนี้ชําระหน้ี
ไดโ ดยพลนั และลูกหน้ียอ มชาํ ระหนใ้ี หแ กเ จา หนไี้ ดโดยพลนั ดจุ กนั
178. แดงกเู งนิ ขาวไป 10,000 บาท เมื่อวนั ท่ี 1 มกราคม 2560 กาํ หนดใชเ งินกูค ืนภายใน 1 ป ขาวจะ
เรียกใหแดงชาํ ระเงนิ คืนไดเ ม่อื ใดและแดงจะชําระเงนิ คนื ใหข าวไดเ ม่ือใด

คําตอบ ..................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
179. นาง ก ขอยมื สรอยคอมุกจาก นาง ข เพอ่ื ใสไ ปงานเลี้ยงสง ผูวาราชการจงั หวัด ในวันที่ 10
กรกฎาคม เม่ือพนกําหนดงานเลี้ยงสงแลว นาง ข ทวงสรอยคอมกุ โดยใหน าง ก คืนสรอยไขม ุกแกน าง
ข ภายในวนั ท่ี 20 กรกฎาคม ครบกาํ หนด นาง ก กย็ ังไมค ืนสรอยไขม กุ ใหนาง ข ดังนัน้ นาง ก ผดิ นัดไม
ชําระหนเ้ี มอื่ ใด

คําตอบ ..............................................................................................................................
[122]

180. ก ขบั รถยนตชน ข โดยประมาทเปน เหตใุ ห ข ไดร ับบาดเจ็บสาหัสเมือ่ วันท่ี 5 เมษายน 2560
ข จะฟอ งเรยี กคาสนิ ไหมทดแทนจาก ก ไดตัง้ แตเ มอ่ื ใด

คําตอบ ................................................................................................................................
181. นายสวสั ด์ิขอยืมชามสงั คโลกจากนายกติ ิ เพ่ือไปโชวในงานแสดงสนิ คา กําหนดสง คนื ในวนั ท่ี 11
ธนั วาคม 2560 ครบกําหนดนายสวสั ดผ์ิ ดิ นัดไมส งคนื ตอ มาอีก 10 วัน นายสวัสดท์ิ ําชามสงั คโลกแตก
ดงั นี้ นายสวัสดิ์จะตอ งเสียดอกเบี้ยอตั ราเทาไร

คําตอบ ..............................................................................................................................
182. นายมากูเงินนายมีไป 50,000 บาท กําหนดใชค ืนในวนั ท่ี 5 ธนั วาคม 2560 ยกตัวอยางกรณี
ตอ ไปนี้ท่ถี อื วา เจาหนี้ตกเปน ผผู ิดนัดคือ

คําตอบ ....................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
183. ก ทําสัญญาขายขาวแกนาย ข จํานวน 1,000 กระสอบ ราคากระสอบละ 500 บาท ตอมา ก ไม
สามารถสงมอบขาวสารตามสัญญาแก ข เพราะภายหลังทําสัญญาแลว ราคาขาวสารแพงขึ้นถึง
กระสอบละ 2,000 บาท ดงั น้ี ก จะตองรบั ผิดตอ ข หรอื ไม

คําตอบ ....................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
184. ก ซื้อน้ําตาลจาก ข 2 กระสอบ ถึงกําหนดสงมอบ ข นําขาวสาร 2 กระสอบไปสงที่บานของ ก
แต ก ไมอยู ค. ภรรยาของ ก อยูบาน รับขาวสาร 2 กระสอบไว ตอมา ก กลับมาบาน ค บอก ก วา ข
เปนคนนําขาวสาร 2 กระสอบมาสง ให ก ไมว า อะไร ให ค ใชข า วสารดงั กลาวหุงรบั ประทานไดดังนี้ ก
จะเรยี กให ข สงมอบน้ําตาล 2 กระสอบใหแกตนอกี ไดห รอื ไม

คําตอบ ...................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
185. ถาการชําระหน้ีกลายเปนพน วิสัยเพราะพฤติการณอ ันใดอนั หน่งึ ซ่ึงเกิดข้ึนภายหลังทไี่ ดก อหนีจ้ ะ
ถอื ไดเสมอไปหรอื ไมว าลูกหนี้เปนอนั หลดุ พน จากการชาํ ระหนนี้ น้ั

คําตอบ ....................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
186. ก จา ง ข ใหวาดภาพตัว ก เพราะ ข เปนชางวาดฝม ือดีและมชี อื่ เสยี ง ทาํ สญั ญาจางเสร็จแลว ยงั
ไมทันวาดภาพให ก ข ไดขับรถยนตไปชนกับรถยนตของผูอื่นโดยประมาท เปนเหตุใหรถยนตของ ข
คว่ํา ข ไดร บั บาดเจ็บสาหสั ตองตดั แขนขวาทิง้ ซง่ึ เปนแขนท่ี ข จะตอ งใชว าดภาพ ข จึงกลายเปน คนที่
ไมสามารถจะชาํ ระหนี้คือวาดภาพให ก ได ดงั นี้ ข จะตองรับผดิ ชอบตอ ก หรอื ไม

คําตอบ ..................................................................................................................................
187. สี รับจางทําโอง มงั กรให สา 100 ใบ ทาํ เสร็จแลว สี ไดว า จางให สอน ขนโอง มังกรไปให สา โดย
รถยนต ระหวางขับรถยนตบ รรทกุ โองมังกรไปสงให สา น้นั สอน ไดข บั รถยนตออกนอกเสนทางไปบา น
สา เพอื่ ไปเยย่ี ม สอ เพอ่ื นของตนกอ นที่จะเอาโอง ไปสง สา ระหวา งทางไปบาน สอ สอน ขับรถยนต
บรรทุกโองมงั กรโดยประมาทชนกบั รถยนตค นั อน่ื เปนเหตใุ หรถยนตของ สอน ควาํ่ โอง ที่บรรทุกในรถ
แตกเสยี หายหมด ดงั น้ี สี จะตอ งรบั ผดิ ชอบตอ สา เพราะสอนไมมีโอง มังกรไปสง ให สา หรือไม

คําตอบ ....................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................

[123]

188. ก ทําสัญญาขายขาวสารให ข 500 กระสอบ ก. ใชให ค. ขนขาวรายนีไ้ ปสง มอบใหแ ก ข. แต ค.
ไดน ําขาวรายนไี้ ปขายให ง. แลว นาํ เงนิ ไปใชเปนประโยชนสวนตนเสยี ดงั น้ี ก. จะตองรับผดิ ตอ ข.
หรอื ไม

คําตอบ ....................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
189. แดงวา จางขาวใหวาดภาพของตน แตข าวไดว า จา งเขียวใหว าดภาพของแดงอีกตอหน่งึ และขาว
ไดวาดภาพของแดงมาสง มอบใหแดงตามกําหนดเวลาทต่ี กลงกนั ไวแ ดงไมยอมรบั ภาพวาดดงั กลาว
เชนนี้แดงหรือขาวเปนผผู ดิ สัญญา

คําตอบ ...................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
190. ยกตัวอยางกรณีใดจะถือวาเปนการบังคับชําระหนี้โดยเฉพาะเจาะจง เชน ................................
...........................................................................................................................................................
191. ก. ปลกู บานลํ้ารกุ เขา ไปในทด่ี ินของ ข. ข. บอกให ก. รอื้ ถอนบานออกไป ก. ไมยอมทาํ ดังนี้ ข.
จะฟองขอใหศ าลบงั คับอยางไร

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
192. แดงทําสัญญาขายทีด่ ินใหข าว แดงผิดสัญญาไมยอมขายทีด่ ินให ขาวจะฟองขอใหศ าลบังคบั
อยางไร จงึ จะไดกรรมสิทธิ์ในทด่ี นิ ท่ีซ้ือ

คําตอบ ................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
193. กลว ย เชา อาคารจาก ไข เดอื นละ 10,000 บาท ครบกําหนดสัญญาเชา ไข ไมตองการให กลวย
เชาอีก และไดบอกให กลวย ออกจากอาคารที่เชา โดยบอกวา จะเอาอาคารให เคม็ เชาตอ เม่อื ครบ
สญั ญาเชา กลว ย ไมยอมออกจากอาคารท่ีเชา เปนเหตใุ ห ไข เอาอาคารทเ่ี ชา ไปใหใ ห เคม็ เชาไมได
ท้งั น้ี เคม็ ทําสญั ญาเชา อาคารจาก ไข เดอื นละ 20,000 บาท และไดเงินกินเปลาจาก เค็ม อีก
100,000 บาท ดังนี้ ไข จะเรียกคาเสียหายจาก กลว ย เดอื นละ 20,000 บาท ในระหวางผิดนัดและ
เรยี กเงนิ 100,000 บาท ทคี่ วรไดจาก เค็ม เอาจาก กลวย ไดห รอื ไม

คําตอบ ..............................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
194. เกง ทาํ สญั ญาซื้อแรด บี ุกจาก กลา โดยระบุในสญั ญาวา เพือ่ นาํ ไปขายตอ ใหแกโรงถลุงแร ตอมา
กลา ผดิ สญั ญาไมมแี รดีบุกขายใหแก เกง เกง จึงไมม แี รด บี ุกไปขายใหแ กโ รงถลุงแรตามสญั ญาเปนเหตุ
ให เกง ขาดกําไรที่จะไดจากการขายแรดีบุกเปนเงิน 50,000 บาท เงนิ จาํ นวนน้ี เกง จะฟองรอ งเอา
จาก กลา ไดหรือไม

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

[124]

195. มาทาํ สญั ญาซอ้ื มะพราวจากสวนของนายมน่ั เพอ่ื นาํ ไปขายในตลาดเมอื งจํานวน 1,000 ลูก ถึง
กาํ หนดสง มอบ ม่นั เกบ็ มะพราวขายใหแ กมาไดเ พียง 500 ลกู แลว นําไปสงมอบใหแกม า แตม าไมย อม
เพราะสงมอบใหไมครบ 1,000 ลูกตามสัญญา หากมั่นสงมอบใหครบ 1,000 ลูกตามสัญญา มาจะขาย
ในตลาดในเมืองไดกําไรลูกละ 1 บาท เปนเงินกําไรทม่ี าควรไดท ้งั สน้ิ 1,000 บาท มาจะฟองเรยี กคา
ขาดกําไรดงั กลาวจากมนั่ ไดห รอื ไมเพยี งใด

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
196. ก. ทําสญั ญาซอื้ ไมม ะคา โมงจาก ข. โดยตกลงให ข. สงไมไ ปให ก. เมอ่ื ถงึ กําหนด ข. ไดใ ห ค.
ลูกจางขับรถยนตบรรทุกไมไปสงให ก. ระหวางทาง ค. ขับรถยนตโดยประมาทไปชนกับรถของคนอื่น
เปน เหตใุ หไฟไหมร ถยนตแ ละไมที่บรรทกุ มาในรถเสยี หายทั้งหมด ดงั นี้ ข. จะตอ งรับผดิ ตอ ก. หรือไม

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
197. ดําทาํ สัญญาซือ้ นาํ้ มนั เบนซินจากขาวจํานวน 5,000 ลิตร ถึงกําหนดสง มอบ ขาวจา งเขียวขน
นาํ้ มนั ไปสงดําโดยทางรถยนต แตแทนท่เี ขยี วจะขนนา้ํ มนั ไปสง ใหดํา เขียวกับนํานา้ํ มันไปขายแลวนํา
เงินท่ไี ดไปใชเปน ประโยชนสวนตัวเสียดงั น้ี ขาวจะตอ งรับผิดใชร าคานาํ้ มันใหด าํ หรือไม

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
198. โตะขายเคร่ืองเรอื นของตนใหแกต ู โดยชําระราคากันเรียบรอยแลว และตกลงกนั วาโตะ จะเอา
เครือ่ งเรือนไปสงใหท่บี านของตใู นเยน็ วนั เดียวกนั เมื่อตกู ลบั บานแลว โตะ ไดวา จางตง่ั ใหเ อาเครอื่ งเรือน
ไปสงใหตโู ดยมีขอ ตกลงวาตง่ั จะตองนาํ เครอ่ื งเรือนไปสงใหต ูถึงบานของตใู หเรยี บรอ ย ถาหากตูไมไ ดรับ
เคร่อื งเรอื นหรอื เครอื่ งเรือนชํารุดเสยี หายตงั่ จะตอ งรับผดิ ชอบตอตูแตเพยี งผเู ดยี วโดยโตะ จะไม
รับผิดชอบดว ยตกลงกันเสรจ็ แลว ตั่งไดเอาเครอ่ื งเรือนบรรทุกรถยนตข องตนเพอ่ื นาํ ไปสง แตใ น
ระหวา งทาง ตั่งกลับนาํ เอาเครื่องเรือนไปขายใหเ ตยี ง ตเู ลยไมไ ดรับเคร่ืองเรอื นตามสัญญาดงั น้โี ตะ
จะตอ งรับผดิ ชอบตอตใู นการที่ตูไมไดรับเครือ่ งเรอื นหรือไม

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
199. หลกั ทั่วไปของการบงั คับชําระหน้โี ดยเฉพาะเจาะจงคือ …………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………...
200. ก. ซอื้ ท่ีดนิ มโี ฉนดแปลงหน่ึงจาก ข. ชําระเงนิ กนั เรียบรอ ยแลว แต ข. ไมย อมไปจดทะเบยี นโอน
กรรมสิทธ์ทิ ด่ี ินให ก. ดงั นี้ ก. จะฟอ งรองบังคบั อยา งไร ก. จงึ จะไดก รรมสทิ ธใ์ิ นท่ดี นิ

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
201. ก. ทําสัญญาซื้อขายท่ีของ ข. เพ่อื ปลูกบานอยอู าศัยโดยมขี อ ตกลงวา ข. ให ก. ใชถนนสว น
บุคคลของ ข. ท่ผี านท่ดี นิ ของ ก. เพือ่ ออกสูถนนใหญได ตอมา ก. กบั ข. มีเรอื่ งไมถ กู กัน ข. จึงทาํ
ประตูปดกนั้ ถนนไมใ ห ก. ใชเ ปน ทางเดินออกไปสูถนนใหญได ดังนี้ ก. จะดําเนินการอยางไรเพอ่ื ใหรือ้
ถอนประตูออกไปจากถนนเสีย

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

[125]

202. กรณีท่ีหนี้มวี ัตถุแหงหน้ีเปนสงมอบทรัพยสนิ ลูกหนผ้ี ิดนัดไมช าํ ระหน้ี เจา หน้มี สี ิทธิที่จะบังคบั
ชําระหนค้ี ือ
......................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
203. มีหลกั เกณฑอ ะไรบา งทจ่ี ะเรียกรอ งคาสนิ ไหมทดแทนจากลกู หนไ้ี ด

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
204. มี วาจาง มา ใหสรางบานให มาสรางบานไมเสร็จตามกําหนดเวลาที่ตกลง มีไมสามารถเอาบาน
ไปให มา เชาตามสัญญาทม่ี กี ับมาทํากนั ไวเ ปนเหตใุ ห มี ตองถูกปรบั เปน เงนิ 10,000 บาท และขาด
ประโยชนไมไดคา เชาบานจาก มา เดือนละ 5,000 บาท เปนเวลา 4 เดอื นเปน เงนิ 20,000 บาท ดังน้ี
มี จะฟองเรยี กคาปรับทเ่ี สียไปและขาดประโยชนทคี่ วรจะไดจาก มา ไดห รอื ไม

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
205. มาตรา 214 บญั ญัติวา เจาหนา ท่มี ีสิทธิทีจ่ ะใหชําระหนขี้ องตนจากทรพั ยส ินของลูกหน้ีจนส้ินเชงิ
นน้ั ทา นเขา ใจวาอยางไร

คําตอบ ................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
206. .................................คือ การเอาทรัพยสินอันหนึ่ง เขาแทนที่ทรัพยสินอีกอันหนึ่ง ในฐานะและนิติ
นัยอยา งเดียวกนั กับทรพั ยสนิ อนั กอ น
207. กรณีทเี่ จาหนี้จะใชสิทธิเรียกรอ งแทนลูกหนี้ คอื
(ก) ....................................................................................................................................................
(ข) ลูกหน้ขี ัดขนื หรือเพกิ เฉยไมใ ชส ทิ ธเิ รียกรอ งของตน
(ค) สิทธิเรยี กรอ งของลกู หนท้ี ี่เจาหนี้จะเขา ใชแ ทนได ตองไมใชส ทิ ธิทีเ่ ปน การสว นตวั ของลูกหนี้โดยแท
208. ผลของการเพิกถอนการฉอฉล ยอมไดเปนประโยชนแก.................................................................
209. วิธีการที่เจาหนี้ใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้ คือ ..............................................................................
............................................................................................................................................................
210. .............................................. คือ สิทธิทั้งหลายที่เจาหนี้เดิมมีอยูในมูลหนี้ ตกมาเปนของผูรับ
ชว งสทิ ธิ โดยอํานาจของกฎหมาย
211. กรณีใดบางซึง่ เจาหน้ีจะใชวิธกี ารเพิกถอนการฉอ ฉลเสียกไ็ ด

คําตอบ ..................................................................................................................................
212. การเพิกถอนการฉอฉลมีกําหนดอายุความดังนี้
(ก) ตองฟองภายใน .............. ปนับแตเวลาที่บุคคลภายนอกไดรถู ึงสาเหตทุ ่ีเจาหนีจ้ ะรองขอใหเพกิ
ถอนได แตตองไมเกิน ...................... ป นับแตไดทํานิติกรรมนั้น
(ข) ตองฟองภายใน ............................... ป นับแตไดทํานิติกรรมนั้น
213. …………………………………………คือ การซึง่ บคุ คลเขาเปนเจาหนี้แทนเจา หนีเ้ ดิมโดยเขามาเปน
เจา หนี้คนใหมหนเี้ ดมิ ยงั คงมอี ยู
214. บรุ มิ สทิ ธิแบงออกเปน 2 ประเภทคือ ............................................................................................
215. บุรมิ สิทธิสามญั ไดแ ก (1) คา ใชจ ายเพื่อประโยชนอ นั รวมกัน (2) คาปลงศพ (3) คาภาษีอากร (4)
คาจา งเสมยี น คนใช และคนงาน (5) ...................................................................................................

[126]

216. .................คือ สิทธิท่จี ะบงั คับชําระหนจ้ี ากทรัพยท ่อี ยภู ายใตบ ังคับบรุ ิมสิทธนิ ัน้ กอ นเจาหนีร้ ายอ่นื
217. ..................................... คือ สิทธิของเจาหนี้ที่จะครอบครองทรัพยสินของลูกหนี้โดยที่ทรัพยสิน
นนั้ เปน มูลฐานใหเกิดหน้ีอันทตี่ นเปน เจา หนี้ โดยมสี ทิ ธิครอบครองทรัพยสนิ นน้ั ไวจ นกวา จะไดรบั ชําระ
หนีเ้ สรจ็ สน้ิ
218. ก. นําปากกาและนาฬิกามาให ข. ซอม กําหนดวาจะชําระเงินคาซอมปากกาและนาฬิกาในวัน
เดียวกัน แต ก. มารับปากกาไปกอน พอถึงวันนัดชําระเงินคาซอมปากกาและนาฬิกา ก. ชําระเพียงคา
ซอ มนาฬกิ า กรณดี งั น้ี ข. มีสิทธิยึดหนว ง หรือไม

คําตอบ ................................................................................................................................
219. สิทธยิ ึดหนว งระงับลงเม่อื
(ก) หนี้เดมิ ระงบั ไป
(ข) ......................................................................................................................................................
(ค) เจาหน้ีมไิ ดครอบครองทรัพยส ินหรือเจา หน้ที าํ ผิดหนาทข่ี องตนในการดแู ลรักษาทรัพยท ่ียดึ หนว งไว
220. สทิ ธยิ ดึ หนว งมผี ลใหอ ายคุ วาม ไมส ะดดุ หยุดลง แตแมหนจ้ี ะขาดอายุความผทู รงสิทธิยดึ หนว งก็
ยงั บังคับชําระหนไี้ ด แตห ามคดิ ดอกเบย้ี ทค่ี า งเกินกวา ……....…… ป
221. บุริมสิทธิพิเศษไดแก บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพยและ........................................................
222. บุริมสิทธิในมูลซื้อขายสังหาริมทรัพยหมายถึง ..............................................................................
..............................................................................................................................................................
223. บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพยไดแก ......................................................................................
224. บุริมสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพยไดแก ....................................................................................
..............................................................................................................................................................
225. บุริมสทิ ธิพิเศษเหนืออสังหารมิ ทรพั ย ไดแ ก …………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
226. เมอ่ื มบี รุ ิมสิทธิสามัญหลายรายแยง กนั เรียงลําดับไดด ังนค้ี ือ …………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
227. ถา บุรมิ สทิ ธิสามัญแยงกับบุริมสิทธิพิเศษ กฎหมายบัญญตั วิ า ใหบ ุริมสทิ ธิพิเศษมาเปน ลําดบั กอ น
เวนแต.......................................................อันเปนบุริมสิทธิสามัญไดรับยกเวนใหมากอนบุริมสิทธิพิเศษ
228. เจาหน้บี รุ ิมสทิ ธิสามญั จะบงั คบั ชาํ ระหนี้จากทรัพยสินของลูกหนี้ไดโดย ........................................
.............................................................................................................................................................
229. บุรมิ สิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย ระงับสิ้นไปเมื่อ ......................................................................
..............................................................................................................................................................
230. ผูรับจํานําสังหาริมทรัพยกับผูมีบุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพยนั้น ............................มีสิทธิ
ดีกวา
231. หนี้อนั จะแบงกันชาํ ระมิไดน ้ันเกิดขึ้นไดจาก
(ก) สภาพแหงทรพั ยอ ันเปนวัตถแุ หง การชําระหนี้
(ข) โดยผลของกฎหมาย
(ค) ............................................................

[127]

232. ก. ข. และ ค. เปนลูกหนี้รวมกันกูเงิน ง. ไป 3,000 บาท ตอมา ก. ลม ละลายไมมีทรัพยส ินอะไรท่ี
จะชําระหนใี้ ห ง. ได และ ข. ไดชาํ ระเงนิ 3,000 บาทใหแ ก ง. ไปแลว ดังน้ี ข. จะเรยี กเงินจาก ก. และ
ค. ไดห รอื ไม

คําตอบ ................................................................................................................................
233. ก. ข. ค. เปนลูกหนรี้ วมกนั กูเ งนิ ง. ไป 6,000 บาท มีขอตกลงระหวาง ก. ข. และ ค. วา ให ก.
รับผิดชอบ 1,000 บาท ข. รับผิดชอบ 2,000 บาท และ ค. รับผิดชอบ 3,000 บาท ดังนี้ ง. จะ
เรียกรอ ง ก. ข. หรือ ค. ชําระหน้ีใหแกตนไดเ พียงใด

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
234. นายถวิลกับนายณรงค รับจางสรางบานใหนายวิชัย ตอมานายถวิลไดขับรถบรรทุกไมเพื่อจะ
นําไปสรางบานไปชนกับรถยนตบุคคลอื่นโดยประมาท ไฟไหมรถและไมที่บรรทุกมาทั้งหมด เชนนี้ นาย
ถวิล นายณรงคหรอื นายวชิ ยั จะตองรับผดิ ชอบท่ีไมเ สียหายไปดงั กลาวหรือไม

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
235. นายขาว นายเขยี วและนายขม ทาํ สญั ญากเู งนิ นายขามไป 9,000 บาท ตอมาปรากฏวานายขาว
เปน ผเู ยาว และนายขาวไดบ อกลา งสญั ญากแู ลว เชน น้ี นายขาว นายเขยี ว และนายขม จะตอ งรับผดิ
ชําระหนี้ตามสญั ญากูหรอื ไมเ พียงใด

คําตอบ ................................................................................................................................
236. นายมา นายแมว นายหมู เปนลูกหน้ีรว มกนั กเู งนิ นายเมน ไป 60,000 บาท ตอมานายเมนปลดหนี้
ใหแกนายมา 20,000 บาท เชน น้ี นายเมน จะเรยี กใหน ายมา นายแมว นายหมชู ําระหน้ใี หแกตนไดมาก
นอยเพียงใด

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
237. นายชอบ นายชัย ทําสัญญารับจางสรางเรือยนตใหแกนายชิต ตอมานายชอบตาย นายชัยจะตอง
รับผิดสรางเรือใหนายชิตตอไปหรือไม เพราะเหตุใด

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
238. ก. ข. ค. เปนเจา หนีร้ ว มกนั ให ง. กเู งินไป 9,000 บาท โดยไมม ีกําหนดเวลาชาํ ระ ตอ มา ง. ไดนาํ
เงิน 9,000 บาท ไปชําระใหแก ก. แต ก. ไมยอมรับชําระ อางวากําลังจะเดินทางไปตางจังหวัดไมอยาก
เอาเงนิ ไปจาํ นวนมาก ๆ ตดิ ตัวไป เชน น้ี ก. ข. ค. ตกเปน ผูผดิ นดั หรอื ไม เพราะเหตใุ ด

คําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………..
239. ก. ข. ค. กูเงิน ง. จ. ฉ. ไป 9,000 บาท กําหนดชําระคืนในวันที่ 10 มกราคม 2560 ถึงกําหนด
ชําระ ก. ข. ค. ไมชําระหนี้ ง. จ. ฉ. จะเรียกให ก. ข. ค. ชําระหนี้อยางไรจึงจะชอบดวยกฎหมาย

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
240. ก. ข. ค. ซื้อมา 1 ตัว จาก ง. ถงึ กาํ หนดสงมอบมาให ดังนี้ ก. ข. ค. จะมีสทิ ธเิ รยี กให ง. สง มอบ
มา ใหไ ดห รอื ไมเพราะเหตใุ ด

คําตอบ ................................................................................................................................
[128]

241. นายเขยี ว นายเหลอื ง กเู งนิ นายขาวไป 5,000 บาท โดยมีขอตกลงระหวางนายเขยี ว นายเหลอื ง
วา นายเขยี วจะรบั ผดิ ชอบ 2,000 บาท สวนนายเหลืองจะรับผิดชอบ 3,000 บาท ตอมาหน้ีถึงกาํ หนด
ชาํ ระ นายเขยี วนายเหลอื งไมช าํ ระหน้ี นายขาวจะเรยี กใหนายเขยี วและนายเหลอื งชาํ ระหนใ้ี หแ กต นได
หรือไมเพียงใด คําตอบ
................................................................................................................................
242. ก. ข. ค. เปน เจา ของรถยนต ไดขายรถยนตใ หแ ก ง. ในราคา 50,000 บาท ง.ชําระเงนิ แลว แต ก.
ข. ค. ไมย อมรับมอบรถยนต ให ง. เชนน้ี ง. จะดาํ เนนิ การอยา งไรจึงจะไดรับมอบรถยนตมาโดยชอบ
ดว ยกฎหมาย

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
243. ลูกหนร้ี วมมีคณุ ลักษณะสาํ คัญอยางไร

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
244. ก. ข. ค. ไดวาจางให ง. ไปฆา จ. ในราคาคาจาง 12,000 บาท โดยทําเปน หนังสอื สัญญากวู า ก.
ข. ค. ไดรวมกันกูเ งิน ง. ไป 12,000 บาท เมื่อ ง. ฆา จ. ตายแลว ก. ข. ค. ไมยอมชําระเงินคาจาง ง.
จงึ ไดน ําสญั ญาเงนิ กูดงั กลาวมาฟอ งศาลเรียกเงนิ ตามสัญญาเงนิ กู 12,000 บาท ดังนี้ ก. ข. ค. จะตอง
รับผิดเงินตามสญั ญาเงนิ กูห รือไมเพยี งใด

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
245. ก. ข. ค. เปนเจา หน้รี วมกันให ง. กเู งินไป 15,000 บาท โดยลกั ษณะท่ใี ห ง. ชําระหน้ีทัง้ หมด
ใหแกผูใดกไ็ ด เม่อื หนีถ้ ึงกําหนดชําระ ง. นําเงิน 15,000 บาทไปชําระหนใี้ หแก ก. คนเดียว โดย ข. ก็รู
แต ค. ไมรู แต ก. ไมยอมรับชําระหน้ีโดยไมม มี ลู ท่อี า งกฎหมายได เชน น้ี ก. ข. ค. ผูใดตกเปนผูผิดนดั
เพราะเหตใุ ด

คําตอบ ................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

246. นายดํา นายแดง นายดี รว มกันวาจางนายดื่มใหส รางเรือยนตใ ห 1 ลํา ในราคา 100,000 บาท
นายด่ืมสรางเรอื ใหแลวเสรจ็ แตนายดํานายแดง นายดไี มยอมชาํ ระคา จางใหแ กนายด่ืมตามสัญญา
สทิ ธเิ รยี กรอ งเงนิ เชนนมี้ อี ายคุ วาม 2 ป ตอมาอีก 3 เดือน จะขาดอายุความ นายดําชําระเงนิ คา จา ง
30,000 บาท และหลังขาดอายุความแลว 3 เดือน แดงชําระเงินใหด่มื อกี 20,000 บาท จากนั้นก็ไมมี
ผูใดชาํ ระเงินใหแ กน ายดื่มอีก นายดม่ื จงึ ฟอ งเรียกเงนิ สวนทีเ่ หลือ 50,000 บาท จากนายดํา นายแดง
และนายดีหลงั จากคดีขาดอายคุ วามแลว 6 เดือน ท้ังสามคนไดอา งอายุความขึน้ ตอ สวู า คดีขาดอายุ
ความแลว นายดื่มจะเรยี กเงิน 50,000 บาท จากลูกหนที้ ้งั สามคนไมไ ด ขอตอสูของนายดํา นายแดง
และนายดี จะรบั ฟง ไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด

คําตอบ ....................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

[129]

247. นายเอ นายบี และนายซี ไดร ว มกนั กเู งนิ ของนายดไี ป 9,000 บาท โดยยอมเปนลูกหน้รี วมกัน
ตอ มาปรากฏวาในขณะทาํ สัญญา นายเอเปน ผเู ยาว นายบถี กู นายซ่ี ขม ขใู หท าํ สญั ญาเพอ่ื ชว ยนายซี
แตนายบีไมกลวั คําขูและไดทาํ สัญญาเพอื่ ชวยนายซี ภายหลังทําสัญญากูแลว นายเอ นายบี ไดบอก
ลางสัญญากโู ดยอางวาเปน ผูเยาวแ ละถูกขมขูตามลาํ ดบั เชนน้ีนายเอ นายบี นายซี จะตองรับผิดตอ
นายดี
หรือไมเพยี งใด

คําตอบ .................................................................................................................................
248. นายวนิ จิ นายวชิ ติ นายวริ ชั เปน เจา หนข้ี องนายวนิ ยั เปน เงนิ 60,000 บาท ตอมาปรากฏวานาย
วนิ จิ ตาย กอนตายนายวินจิ ไดทาํ พินัยกรรมยกทรพั ยม รดกของตนทง้ั หมดรวมทั้งหนเ้ี งนิ รายนด้ี ว ยใหแก
นายวินัย เชน นี้ นายวชิ ิตและนายวิรัชจะมสี ิทธเิ รียกใหน ายวินัยชาํ ระเงนิ ใหแกต นไดเพยี งใดหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
249. การวางทรัพย ณ สํานักงานวางทรัพยไดใน กรณี คําตอบ ............................................................
.........................................................................................................................................................
250. ก. ข. ค. เปนเจาหนี้รวมของ ง. เปนเงิน 15,000 บาท ตอมา ก. ไดปลดหนใ้ี หแ ก ง. จํานวน
5,000 บาท ดงั นี้ ก. ข. ค. มีสิทธิที่จะเรียกให ง. ชําระไดเพยี งใดหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
251. การโอนสิทธิเรียกรอง คือ.............................................................................................................
............................................................................................................................................................
252. การโอนสิทธเิ รียกรอ งอันจะพึงชําระแกเ จาหนีโ้ ดยเฉพาะเจาะจงจะ ตอ งทาํ เปน
..............................
253. การโอนสิทธิเรียกรองในหนี้อันพึงชําระตามเขาสั่ง ตองทําโดย.......................................................
...........................................................................................................................................................
254. สิทธิเรียกรองดังตอไปนี้ โอนกันไมไ ด คอื
(ก) สทิ ธิเรยี กรอ งซ่ึงสภาพแหงหนไ้ี มเปดชอ ง
(ข) ……………………………………………………………………………………………………………………………………
(ค) สิทธิเรยี กรองซง่ึ ศาลยดึ ไมได
255. การโอนสทิ ธเิ รยี กรองโดยไมบอกกลาวลูกหนี้ หรือลกู หนไ้ี มย ินยอมดว ยมผี ลทาํ ให ……………………
……………………………………………………………..
256. ก. เปนเจาหนเ้ี งินกู ข. อยู 30,000 บาท แตวาหนนี้ น้ั ขาดอายคุ วามแลว ตอ มา ก. ไดโ อนสิทธิ
เรียกรอ งในหน้นี ี้ให ค. โดย ข. ก็ใหค วามยินยอมโดยไมอดิ เอื้อน ค. จะเรียกให ข. ชําระหนเี้ งินจํานวน
30,000 บาท แกตน ไดห รอื่ ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
257. สิทธิเรียกรองท่โี อนกนั ไดคือ …………………………………………………………………………………………….
258. ก. กูเงิน ข. ไป 5,000 บาท และตกลงกันวา ข. จะไมโ อนสิทธเิ รียกรองไปยงั ผูอนื่ ตอมา ข. โอน
สทิ ธิเรียกรอ งในหนีร้ ายน้ใี ห ค. บุคคลภายนอกผสู จุ ริตซึ่งเปนการฝาฝน ขอ ตกลง ดงั น้ี ก. จะปฏิเสธไม
ยอมชําระหนแ้ี ก ค. ไดหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
259. การโอนสิทธิเรียกรองเปนการเปลี่ยนตัวเจาหนี้ แต… …………………………………………………………….
260. ขาวเปน หนเ้ี งนิ กูเขยี วอยู 20,000 บาท หนร้ี ายน้ีอาจระงับหรอื ส้ินสุดลงไดใ นกรณีใดตอ ไปนี้

คําตอบ .................................................................................................................................
[130]

261. ในกรณตี อไปน้ี บุคคลผูมีอาํ นาจชาํ ระหนี้ไดโดยชอบดวยกฎหมาย แมทัง้ เจา หนแ้ี ละลูกหน้ีจะไม
ยินยอมดวยคอื

คําตอบ .................................................................................................................................
262. ดําเปนหน้ีแดงในมูลหนี้ 2 รายคอื เปนหน้เี งนิ กู 800 ลา นบาท โดยไมม ีกาํ หนดชาํ ระ และเปน หนี้
คาเชาบานอีก 8,000 บาท ถึงกําหนดชําระในวันที่ 31 มีนาคม 2560 ในวนั ที่ 5 เมษายน 2560 ดาํ นํา
เงนิ 8,000 บาท มาชาํ ระใหแกแดงโดยไมไดบ อกวา จะชําระรายใดกอน เชนนีจ้ ะตองจดั สรรเงนิ จาํ นวน
8,000 บาทนี้ ชําระใหแกแดงอยางไรจึงจะเปนการชอบดวยกฎหมาย

คําตอบ .................................................................................................................................
263. กรณีตอ ไปน้ี เปนการขอปฏบิ ัติการชาํ ระหน้โี ดยชอบ ซึง่ จะมีผลทาํ ใหล กู หน้ไี มตองรับผิดชอบใน
ความเสียหายทเ่ี กิดขึน้ เพราะเหตุทไ่ี มม ีการชาํ ระหนี้

คําตอบ .................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
264. การหักกลบลบหนี้จะกระทํามิได ถา
(ก) ………………………………………………………………………………………………………..
(ข) หนี้ที่จะขอใหมีการหักกลบลบกบั หนี้อีกรายหนงึ่ นัน้ เปนหน้ลี ะเมิด
(ค) สภาพแหง หนี้ไมเปดชอ งใหหกั กลบลบหนีไ้ ด
265. การหกั กลบลบหนม้ี ผี ลตงั้ แต ………………………………………………………………………………………….
266. ……………………………….. คอื เปนสญั ญาระหวา งคูกรณีทเี่ ก่ียวขอ งเปลี่ยนสงิ่ ซ่งึ เปนสาระสําคญั
แหงหนี้ เพ่ือเลกิ หรือระงับหน้ีเดมิ แลวกอหนี้ใหมข้ึนมาแทน
267. การเปล่ยี นสิ่งซ่ึงเปนสาระสําคญั แหง หน้ีในการแปลงหนีใ้ หมเชน ……………………………………………
268. การที่หนเี้ กลอ่ื นกลนื กนั ยกตวั อยางเชน ………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
269. การทห่ี น้เี กล่ือนกลืนกันมีผลทาํ ให ……………………………………………………………………………………..

270. ในกรณตี อไปน้ีบคุ คลจะยกขอ อางวาหนี้เกลอื่ นกลนื กันไมไ ด คอื ……………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
271. ก. ใชไมตี ข. โดยไมต องการให ข. ถึงตาย แต ข. บาดเจบ็ และถงึ แกค วามตายในเวลาตอมา ดังนี้
ก. กระทาํ ตอ ข. โดยจงใจหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
272. แดงกับดําเปน เพือ่ นกนั แดงยอมใหดําชกตอยท่ีหนา ดาํ กช็ กตอย แดงไดร ับบาดเจ็บเล็กนอ ย ดังนี้
แดงจะเรยี กคา เสียหายจากดาํ ไดหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
273. ก. บุกรุกเขา ไปในตกึ แถวที่ ข. เชาจาก ค. แตไมม ีสิ่งของอืน่ ใดของ ข. เสียหาย ดังนี้ ข. จะไดรับ
ความเสียหายหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
274. ก. ขุดหลุมในถนนสาธารณะซงึ่ เปนทางเขา บานของ ข. ข. จึงเอารถเขา บา นไมไ ด ดงั น้ี ข. ไดร ับ
ความเสยี หายหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
[131]

275. ส. ขับรถชน น. ส. หนีไป สวน น. บาดเจ็บและสลบอยูริมถนน คนรายฉวยโอกาสขโมยนาฬิกา
ขอมือของ น. ไป ดังน้ี ส. ตองรบั ผิดตอ น. ในการที่นาฬิกาถูกคนรายรักไปหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
276. จ. ยืมรถของ ส. ไปใช แลวถูก บ. ลักไป ดังนี้ จ. ไดรับความเสียหายหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
277. ความเสียหายตอ ไปนท้ี ่ีคาํ นวณเปน ตัวเงินไมไ ดเชน ………………………………………………………………
278. ด. กับ ส. เจาพนักงานที่ดินสนทนากนั ตอ หนา อ. ด. ถาม ส. วา “นายรับสินบนจากผูขายเทาไร
แลว” ซงึ่ ส. ไมเ คยรับสนิ บนจากผูข ายและ ด. ก็รู ดงั นีถ้ ือวา ด. กลาวหมน่ิ ประมาท ส. หรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
279. ในคดีอาญาเรื่องหน่ึง ศาลพิพากษายกฟอ งโดยฟงขอเท็จจริงวาจําเลยมไิ ดมเี จตนาเอารถยนต
ของโจทยไ ป โจทยจะฟอ งทางแพงเรียกคนื รถจากจําเลยไดห รอื ไม

คําตอบ ………………………………………………………………………………………………………………….
280. จันทร กับ อังคาร เกิดทะเลาะววิ าทกนั จันทร ใชมีดแทง องั คาร บาดเจ็บลมลง ศุกร เห็นเขา กใ็ ช
ปนยิง องั คาร อังคาร ถึงแกความตาย ดงั นี้ จันทร กับ ศุกร รว มกันกระทําละเมิดตอ องั คาร หรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
281. ผูตองรับผิดตองมิไดกระทําละเมิด แตบุคคลอื่นตองกระทําละเมิด ถือวาเปน ................................
...........................................................................................................................................................
282. นายแสงสง ปนใหล กู จา งยิงคนรายทเ่ี ขา มาขโมยสินคาในโกดงั ของนายแสง ดังนี้ เปน ความผิด
ของนายแสงนายจา งในการกระทําของบคุ คลอืน่ หรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
283. ส. เปนลกู จางของ จ. มีหนา ท่ซี อมรถทล่ี ูกคา มาจา ง จ. ซอ ม โดยประมาทเลนิ เลอ ขณะทําการ
ซอ มตามหนา ท่ี ส. ทําใหรถลูกคาเสียหาย ดังนี้ จ. ตอ งรับผดิ ตอลูกคาดว ยหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
284. ม. ลกู จาง ว. มีหนาทเ่ี ตมิ นํ้ามนั ใสรถใหล ูกคาที่ปม ว. ออกระเบยี บเปน คําส่งั ไวว า หามมิใหลูกจาง
สูบบหุ ร่ีขณะทาํ งาน โดยประมาทเลินเลอ ม. สูบบหุ รี่ทาํ ใหเกิดไฟลุกไหมร ถลูกคาเสียหายดงั น้ี ว. ตอง
รบั ผิดตอลูกคา ดว ยหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
285. ความรับผิดของผวู า จางทาํ ของเปนความรับผดิ ในการกระทาํ ของบุคคลอื่นหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
286. ส. จาง น. ทําถนนเขาบานของ ส. ปรากฏวา น. ทําถนนรุกล้ําเขาไปในที่ดินของ ถ. โดยประมาท
เลนิ เลอ ซึง่ ส. ไมท ราบวา เปนท่ดี ินของ ก. ดังนี้ ส. ตองรับผิดตอ การกระทําของ น. หรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
287. เด็กไรเดยี งสาตอ งรับผิดในความเสยี หายทตี่ นกอ ขึ้นหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
288. ม. สงระเบิดขวดให อ. บตุ รชายผูเยาวซ่ึงอยใู นความดแู ลของตนโดยรูว า อ. อาจนําไปกอความ
เสียหายแกบ ุคคลอ่นื ได อ. นําระเบิดขวดไปขวางปาใสบา น ส. เสยี หาย ดงั น้ี ม. ตองรับผิดตอ ส.
หรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
[132]

289. เกีย่ วกบั ความรับผิดในการกระทาํ ของตนเอง ผูเยาวหรือบคุ คลวิกลจรติ กระทําละเมิด จะตองมี
การกระทําโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
290. น้ํา เปนบุตรผูเยาวของ สาย และ มัว สาย และ มัว แยกกันอยู โดย สาย รับราชการอยูที่
เชยี งใหม มัว อยทู ่กี รงุ เทพฯ ระหวางที่อยใู นความดแู ลของ มวั นํา้ ทําราย ฟา โดยละเมิด ดงั นี้ สาย
จะตอ งรับผดิ ดวยหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
291. จ. คุนเคยกบั สนุ ัขของ ล. ไดสอนใหส นุ ขั ขโมยปลาสดของแมค า ในตลาด สุนัขทําตามที่ จ. สอน
ดังน้ี จ. หรือ ล. ตองรับผดิ ตอแมค า ปลา

คําตอบ .................................................................................................................................
292. ว. ยืมลงิ จาก ด. เพอื่ ใหขึ้นมะพรา ว ระหวา งท่อี ยใู นการเลี้ยงดูรักษาของ ว. ซ่งึ พักผอ นนอนหลบั
อยู ลิงเขาไปขโมยมะพรา วจากสวนของ ม. ดงั น้ี ว. ตอ งรบั ผดิ ตอ ม. หรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
293. เดก็ ชายนดิ ซง่ึ เปน เดก็ ซุกซนเอากอ นหนิ ขวา งหยอกสุนขั ของนายดเี ลน ดว ยความสนกุ สนานสนุ ขั
ว่งิ หนเี ขาไปในสวนไมดอกของนายมาเสียหาย โดยทเ่ี ดก็ ชายนิดไมร สู าํ นกึ วาสนุ ัขจะวงิ่ เขาไปในสวนไม
ดอกนน้ั และไมป ระมาทเลินเลอ ดงั น้ี นายดตี อ งรับผดิ ตอนายมาหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
294. คาํ วา “โดยละเมดิ ” ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 433 วรรค 2 หมายความวา
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
295. กระเบือ้ งหลงั คาบาน ส. แผนหนง่ึ เผยออก จะหลุดตกลงมาอยูแลว จ. มาเยีย่ ม ส. ทีบ่ า น เหน็ ม.
ทอดกลวยแขกอยูขางลางรมิ ซอยขางบา น จึงใชไมเขย่ี กระเบื้องใหหลุดตกลงมาถูก ม. บาดเจ็บ ดงั นี้ จ.
ตอ งรับผดิ ตอ ม. หรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
296. ปา ยโฆษณาตั้งอยูบนดาดฟาตึกอยางไมแนน หนา ถูกพายทุ ม่ี ีไดตามธรรมดาพัดพงั ลงถูกบคุ คล
ขา งรางเสียหาย ดังนี้ ผูค รอบครองปายตองรับผดิ หรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
297. ล. มาเยยี่ ม อ. ทบี่ านพักซง่ึ อ. เปน เจาของและอยอู าศยั เมื่อ ล.กินกลวยหอมแลว จงึ ขวาง
เปลอื กออกไปทางหนา ตาง บังเอิญเปลือกกลว ยไปถูก ป. ขณะนั่งเลน อยทู สี่ นามขางบาน โดยท่ี ล. ไม
ทันเหน็ มากอน อ. ตอ งรับผิดตอ ป. หรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
298. ศ. เชารถยนตนงั่ มาจากบุคคลอน่ื แลวให ม. ลูกจา งขับไป ธุระโดย ศ. นง่ั ไปดวย ขณะที่ ม. ขบั
รถลุยน้ําไปอยางชาๆ ดวยความระมัดระวัง น้ํากระเซนไปถูก ท. ที่ยืนรอรถประจําทางอยูริมถนนเปยก
โชก โดยที่ ม. คนขับ และ ศ. เองกม็ องไมเ หน็ ดังน้ี ศ. ตองรบั ผิดตอ ท. หรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
299. ท. เกดิ ทะเลาะววิ าทกับ ม. จงึ ควา ระเบดิ ขวดทอ่ี ยใู นครอบครองของ ช. ขวา งไปที่ ม. บาดเจบ็
ดังนี้ ท. หรือ ช. ตองรับผิดตอ ม.

คําตอบ .................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

[133]

300. นายสายซ่งึ เปน เจาของบา นและครอบครองแกสบรรจอุ ยูในถงั และใชหุงตมในครัว ขณะท่ีนาง
สายนอนหลับ ถงั แกสระเบดิ ไฟไหมร กุ ลามไปยงั บา นของนางสดุ ท่อี ยใู กลเ คยี งกันเสยี หาย ดงั น้ี นาง
สายตอ งรบั ผิดตอนางสดุ หรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
301. ส. บุกรุกเขาไปทําการคาในตึกแถวของ อ. ไดชดใชคาเสียหายฐานละเมิดให อ. แลว อ. ไมยอม
ให ส. อยูตอ ไป ดังน้ี ส. ตอ งออกจากตึกแถวหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
302. จาํ เลยขบั รถยนตน่งั ชนรถบรรทุกของโจทกที่จอดอยูเสียหายโดยละเมดิ โจทกจึงเอารถบรรทุก
ออกใหเ ชา ไมไ ด ดงั นี้ โจทกจ ะเรยี กคาเสียหายในการท่ีโจทกข าดรายไดท ่เี ปนคาเชาจากจาํ เลย ได
หรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
303. โจทกดาจาํ เลยดว ยถอ ยคําหยาบคายเพราะพาดพิงไปถึงบิดามารดาของจําเลย จําเลยจึงชกตอย
โจทกบาด เจบ็ ดังน้ีศาลจะลดคาเสียหายลง ไดหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
304. ผูเยาวซ ึ่งเปนบุตรนอกกฎหมายของบิดา จะมีสิทธิเรียกคาเสียหายเพราะขาดไรอุปการะตาม
กฎหมายจากผูทําละเมิดใหบิดาตายหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
305. ส. เปนขาราชการของมหาวิทยาลัย ถูก ป. ขับรถชนโดยละเมิดไดรับบาดเจ็บตองเสียคาใชจายใน
การรักษาพยาบาล ส. ไดเบิกคารักษาพยาบาลจากทางราชการไปแลวตามสิทธิ ดังนี้ ส. จะมีสิทธิเรียก
คารักษาพยาบาลจาก ป. ไดหรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
306. โจทกถ กู จําเลยขบั เรือยนตชนโดยประมาทเลนิ เลอ ทําใหตอ งตัดขาไปขา งหน่งึ ตอ งทพุ พลภาพ
พกิ ารตลอดชีวติ ไดรับคา รักษาพยาบาลไปจากจําเลยแลว ดังน้ี โจทกก ็จะเรยี กคาเสยี หายในการที่ตอง
เสยี ขาไป ไดห รอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………………………………...……
307. จาํ เลยลักรถยนตข องโจทกไ ป โจทกจ ึงฟองเรียกรถคืน ดงั น้ีคดีของโจทกม อี ายคุ วามหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
308. เม่ือวันท่ี 1 ตุลาคม 2560 รถของ ช. ถูก ส. ขับรถชนโดยประมาทเลินเลอ และ ช. ก็รูวาถูกชน
และรูตวั ส. ในวนั นัน้ พอวนั ที่ 5 ตลุ าคม 2560 ช. ก็เอารถไปจา งซอม พอซอมเสรจ็ วันท่ี 10 ตุลาคม
2560 ก. ก็จา ยคา ซอมไปในวันที่ 10 ตุลาคม นั้น ดังน้ี ตองฟอ งเรียกคาเสียหายเม่อื ไหร

คําตอบ .................................................................................................................................
309. รอ ยตาํ รวจเอกกิจไมถ กู กบั นายนติ ิ จงึ ส่งั ใหส ิบตํารวจตรีโกยผอู ยูใตบงั คบั บญั ชาไปจับกมุ นายนติ ิ
ในขอหาวานายนติ ิมขี องผิดกฎหมายไวในครอบครอง ซง่ึ ไมเปน ความจรงิ สิบตาํ รวจตรีโกยก็ไมทราบ
วา รอยตาํ รวจเอกกิจส่ังโดยมิชอบ จงึ ไปจับกมุ ตามคาํ สั่ง ดังน้ี สบิ ตาํ รวจตรีโกยตองรับผิดตอ นายนติ ิ
หรือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
310. แมวของนายจเู ขามาขโมยกินลกู ไกของนายดีในบรเิ วณบานหลายครัง้ แลว ครง้ั สุดทา ยนายดเี ห็น
เขา จงึ จบั แมวไวไ ด นางจูขอแมวคืน นายดไี มย อมคนื ให ดงั นีน้ ายดีกระทําละเมดิ ตอ นางจูหรอื ไม

คําตอบ .................................................................................................................................
[134]

311. จดั การงานนอกส่งั และลาภมคิ วรไดเปน ……………………………..............................................………
312. การที่บุคคลใดเขาทํากิจการแทนผูอื่นโดยเขามิไดว าขานวานใชใหกระทําเรียกวา ……………………
313. หนา ท่ีของผจู ดั การงานของผูจัดการคือ
(ก) …………………………………………………………………………………………………………………………………..
(ข) ตามความประสงคอันแทจรงิ ของตวั การ
(ค) ตามทีจ่ ะพึงสันนษิ ฐานไดวา เปน ความประสงคของตัวการ
314. ผลของการจัดการไมถ กู ตอ งตามหนา ท่ีของผจู ัดการคือ ผจู ัดการตอ ง …………………………………..
315. ในกรณที ่ผี ูจัดการ จดั การงานนอกสัง่ โดยไมสมประโยชนของตัวการ แตถาตัวการเห็นชอบดว ย
กับกิจการนั้น ………………………………………………………………………………………………………………………..
316. การที่บุคคลใดไดม าซ่ึงทรพั ยสิ่งใดของบุคคลอ่ืน โดยไมม ีมลู อันจะอา งกฎหมายไดและการได
ทรัพยน ัน้ มาทาํ ใหบคุ คลอ่ืนเสียเปรยี บเปน
………………………………………………………………………………………..…….
317. การชําระหนี้ซึ่งเกิดจากโมฆกรรม สามารถเรียกคืนทรัพยฐาน…………………………………………………
318. ถา การคืนทรัพยต กเปน พนวิสัยและบคุ คลไดรบั ทรพั ยสนิ ไวโดยสจุ รติ บคุ คลน้ัน ตองคนื …………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
319. ก. ทําสัญญาให ข. เชาบานมีกําหนด 3 ป โดยกาํ หนดใหช าํ ระคา เชาในวันที่ 1 ของแตล ะเดอื น
ตอมาเม่ือวนั ท่ี 25 ข. นาํ เงนิ คา เชาบา นของเดือนตอ ไปมาชาํ ระแก ก. ตอมาในวันที่ 27 ของเดอื น
เดียวกนั น้นั ข. ตอ งการเงนิ จึงมาขอคืนคาเชา บานที่ชําระแก ก. คนื โดยอา งวายังไมถ ึงกําหนดชําระคา
เชา บา นเชนน้ี ไดห รือไม

คําตอบ .................................................................................................................................
320. อายลุ าภมิควรไดคือ ……………………………………………………………………………………….....…………

…………………………………………………………………………………………………………………............…
321. ความแตกตางระหวางความหมายของคาํ วา “ทรัพย” และ “ทรพั ยสนิ ” คอื ……………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..
322. สิ่งท่เี ปนทรัพยสิน แตไ มเปน ทรพั ยไดแก ………………………… และ …………………………………..
323. ทรัพยส ินท่ีจัดวา เปนอสงั หาริมทรัพยไดแ ก ………………………………. และ …………………….……
324. ทรัพยส นิ ตอ ไปนีเ้ ปน สงั หาริมทรพั ยไ ดแก …………………………………………. ……………….………
325. ทรัพยส นิ นอกพาณิชยไดแ ก …………………………………………………………………………………..…..
326. ทรัพยข องรถยนตท ไ่ี มเปน สว นควบกบั รถยนตไดแ ก ……………………………………………..…………
(กนั ชน ไฟทา ย กระจกมองขาง เคร่อื งยนต จดั เปน สวนควบของรถยนต)
327. ส่ิงปลูกสรางทที่ ําขึ้นทีไ่ มต กเปน สวนควบกับทีด่ ินไดแ ก ……………………………………………………
(สะพาน เรือนครวั ที่ปลูกแยกจากตวั บาน รั้วบา น ยุงขา ว จะตกเปน สวนควบกับท่ีดนิ )
328. ทรัพยท่ใี ชป ระจําอยูในบา นท่ีจดั เปน อุปกรณของบา นไดแ ก ……………………………………………..
(หนา ตาง ฝากน้ั หอ ง พัดลม และหลงั คาโรงครวั ไมใชอุปกรณข องบา น)
329. ทรัพยท่ีจดั วา เปนดอกผลธรรมดาคอื ……………………………………………………………………………
330. ทรพั ยสินที่ถือวา เปนดอกผลนติ นิ ัยคือ คาเชานาทจ่ี า ยเปน ขา วเปลอื ก ………………………………
.......................................................................................................................................................
331. สิทธิของบุคคลที่มีเหนือทรัพยสินเรียกวา ...................................................................
332. สทิ ธิที่มีวัตถุแหงสิทธิเปนทรัพยสินเรียกวา ................................................................
333. สิทธิสัมพันธเปนสิทธิที่นักกฎหมายใชเรียกสิทธิ .........................................................

[135]

334. นักกฎหมายเยอรมันเรียกบุคคลสิทธวิ า ....................................................................
335. สิ่งของ ไมใชวัตถุแหงหนี้ วัตถุแหงหนี้ ไดแก (........................................................................)
336. การไดท รัพยส ิทธทิ ีไ่ มต องจดทะเบียนไดแก ...........................................................
337. จา งแรงงานทท่ี าํ ขนึ้ บนอสงั หารมิ ทรพั ย เปน บรุ ิมสิทธิพิเศษเหนืออสังหารมิ ทรัพยใชห รือไม. .....
338. คาแรงงานเพื่อกสิกรรม เปน บรุ มิ สทิ ธพิ ิเศษเหนือสงั หาริมทรพั ย ใชหรอื ไม. .........
339. คา ปลงศพ เปนบุริมสิทธิสามัญ ใชหรือไม..........
340. คา จางเสมียนทํางานในบริษัทมบี ุรมิ สทิ ธิ ทยี่ งั คา งจายถอยหลัง 4 เดือนไมเกิน ................ บาท
341. บรุ ิมสทิ ธคิ าอปุ โภคประจําวนั มี คางชาํ ระอยถู อยหลงั ไป ...............เดอื น
342. บรุ ิมสทิ ธิในผูพกั อาศัยในโรงแรมมีเหนือ ..................................................................................
343. การกอตั้งทรัพยสิทธิทําไดโดย อาศัยอํานาจของ......................................................................
344. เชาซอื้ บาน ถอื เปน ทรพั ยสิทธิ ใชห รือไม.......... (ภาระจํายอม สิทธิอาศัย สิทธิเก็บกิน ถือเปน
ทรัพยส ิทธ)ิ
345. สิทธิเกบ็ กนิ มไี ดใ น …………………………………………………..............................…………….
346. สิทธิบัตร เปนทรัพยสินประเภทกรรมสิทธิ์ ใชหรือไม..................................................
347. ทรัพยสิทธิประเภทตัดทอนกรรมสิทธิ์ ไดแก ...............................................................
348. ทรัพยสิทธิในทรัพยสินของผูอื่นคือ ............................................................................
349. สงั หารมิ ทรพั ยที่ไมต อ งจดทะเบียนการไดมาคือ ..................................... (เรือกําปน เรือนแพ
สตั วพ าหนะ ตอ งจดทะเบยี น)
350. สัตวเล้ยี งของ ก. ถกู ขโมยบอยๆ ก. จงึ นํามาฆาเปนอาหารกนิ เสยี ทง้ั หมด เชน น้ี เปน สิทธิตาม
สิทธิ............................ ของเจาของทรัพย
351. แดนกรรมสิทธิ์มีไดเฉพาะกับทรัพยสินประเภท ..............................................................
352. บทบัญญตั เิ ร่อื งเหตเุ ดอื ดรอนรําคาญ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1337 นั้นมุงคุมครอง ..............
...................................................................................................................................
353. ผูกอเหตุเดือดรอนรําคาญ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1337 นั้นจะเปน .............................................
354. เจา ของรวมคนหนง่ึ จะอา งภาระจาํ ยอมโดยอายคุ วามขน้ึ ยนั เจา ของรวมคนอน่ื ไดหรือไม
.............เพราะ.....................................................................................................................................
355. เจาของรวมคนหนึ่งๆ จะทําการเพื่อรักษาทรัพยสิน .................................................................
356. ก. กับ ข. เปน เจา ของรถยนตคันหน่งึ รวมกนั โดย ก. ถอื กรรมสทิ ธ์ิ 2 สวน และ ข. ถือ
กรรมสิทธ์ิ 1 สวน ทัง้ สองตกลงผลดั กนั ใชต ามความจําเปนในระหวา งที่ ก. นาํ รถไปใช 1 เดอื น ตอ ง
จายคาน้าํ มันไป 3,000 บาท เชนนี้ ก. จะเรียกให ข. ชวยจายคานา้ํ มนั นัน้ ไดห รือไม
......................................................................................................................................
357. สทิ ธเิ รยี กใหแบงทรพั ยสินอนั เปนกรรมสทิ ธ์ิรวมนนั้ จะตัดโดยนติ กิ รรม ไดคราวละไมเ กนิ ……ป
358. การแบงทรัพยสนิ อนั เปนกรรมสิทธ์ิรวม โดยการตกลงกนั เองน้นั จะตอ งใชคะแนนเสยี งของ
……………………………………………………………………………..................................................……………
359. ถา เจาของรวมตอ งรับผิดรว มกนั ตอ บคุ คลภายนอกในหนอ้ี นั เกย่ี วกบั ทรพั ยสนิ รวม ในเวลาแบง
การจะเรยี กใหเ อาทรพั ยสนิ รวมนน้ั ชาํ ระหนเ้ี สยี กอ น ……………………………………………………………….
……………………………………………………………………….................................................................……..
360. ลกั ษณะของกรรมสทิ ธิ์ เปนสิทธทิ ่…ี ………………………………………………………………………………..
361. ก. ใหสทิ ธิอาศยั แก ข. ในโรงเรอื นของตนเอง เชนน้ี เปนสิทธติ ามสิทธ…ิ ……………………………
ของเจา ของทรัพยส นิ

[136]

362. แดนกรรมสิทธ์คิ รอบคลุมพืน้ ทบี่ รเิ วณ …………………………………………………………………………….
363. เจา ของรวมคนใดจะอา งอายคุ วามครอบครองปรปกษขึ้นยันเจาของรวมคนอืน่ ไมได ……………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
364. ในเรื่องการจัดการตามธรรมดา เจาของรวมคนหนึ่งๆ
……………………………………………………………………………………………………………………......………
365. ก. กับ ข. เปนเจาของบานหลังหนึ่งรวมกัน โดย ก. ถือกรรมสิทธิ์ 1 สวน และ ข. ถือกรรมสิทธิ์
2 สวน ก. ตกลงให ข. ครอบครองบา นน้นั แตฝายเดียว ตอ มา ข. ไดจา ยคาซอ มบานไป 30,000 บาท
เชนนี้ ข. จะเรียกให ก. ชว ยจายคา ซอมดังกลา ว ไดห รือไม จํานวนเทาไหร
............................................................................................................................................
366. ถึงแมว าวัตถุประสงคท เ่ี ปน เจาของรวมกนั น้ัน มีลักษณะเปนการถาวร เจาของรวมคนหนึง่ ๆ
จะเรียกใหแบงทรพั ยสินนั้น ไดหรอื ไม ........................................................................................
367. การแบงทรัพยสินอันเปนกรรมสิทธิ์รวม โดยการตกลงกันนั้น จะตองเปนไปตามสัดสวนการถือ
กรรมสิทธิ์หรือไม คําตอบ ....................................................................................................
368. เจา ของรวมตองรับผิดชอบตามสวนของตน ในทรัพยส นิ ซ่งึ เจา ของรวมคนอ่นื ๆไดรับไปในการ
แบงเชนเดียวกับ ใคร คําตอบ ....................................................................................................
369. บุคคลใดสรางโรงเรือนในท่ดี ินของบุคคลอืน่ โดยสจุ ริต กฎหมายบญั ญตั ใิ หผูใ ดเปน เจาของ
โรงเรือน คําตอบ ...................................................
370. บุคคลใดสรางโรงเรอื นในที่ดินของผอู ื่นโดยสุจรติ กฎหมายบญั ญตั ิใหเ จาของที่ดินเปนเจาของ
โรงเรอื นแตจะตองชดใชใหแกเจาของโรงเรือน ........................................................................
.................................................................................................................................................
371. กรณใี ดกฎหมายบญั ญตั ใิ หจ ดทะเบยี นสทิ ธเิ ปน ภาระจํายอมได
คําตอบ ................................................................................................................................
372. การจดทะเบียนภาระจํายอมในกรณีสรางโรงเรือนรุกล้ําเขาไปในทดี่ ินของผอู ื่นโดยสุจรติ นน้ั
กฎหมายบัญญัติใหเจาของที่ดินจะเรียกใหเพิกถอนไดในกรณี ....................................................
373. กรณีผูเปน เจาของทดี่ นิ โดยมเี งื่อนไข สรางโรงเรือนในท่ีดินน้นั และภายหลังทดี่ ินตกเปนของ
บคุ คลอ่ืนตามเงื่อนไข กฎหมายใหนําบทบัญญัติในเรื่องใดมาใชบังคับ คําตอบ .....................................
374. กรณีผเู ปนเจาของทดี่ ินโดยมีเงอ่ื นไข สรางโรงเรอื นในที่ดนิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1313 นั้น ขอ
ที่เปนเงื่อนไขดังกลาวคือ...................................................................................................................
375. กรณีสังหาริมทรัพยมารวมเขากันจนเปนสวนควบโดยไมมีทรัพยประธาน ตาม ป.พ.พ. มาตรา
1316 วรรคแรกนั้น ใครเปนเจาของทรัพยที่รวมเขาดวยกัน คําตอบ ..........................................
................................................................................
376. บุคคลใดใชสัมภาระของบุคคลอืน่ ทาํ สง่ิ ใดขึ้นใหมต าม ป.พ.พ. มาตรา 1317 วรรคแรกนั้น ใคร
เปนเจาของสัมภาระ คําตอบ .........................................
377. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1318 บุคคลอาจไดมาซึ่งกรรมสทิ ธิ์แหงสงั หารมิ ทรพั ยไ มม ีเจา ของโดยวธิ ี
ใด คําตอบ ................................................................
378. สตั วป าท่ีคนจับไดน้ัน ถามนั กลบั คืนอิสระและเจา ของไมติดตาม ภายในเวลา
………………….……. กฎหมายบัญญัติใหเ ปน สตั วปาไมม เี จา ของ
379. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1323 (3) บุคคลเก็บไดซึง่ ทรัพยสนิ หาย ตอ งสง มอบทรัพยน ั้นแก
พนกั งานเจาหนท้ี ่ี ภายในเวลาภายใน ………………… วัน

[137]

380. กรณีบุคคลหลายคนเรยี กเอาสังหารมิ ทรพั ยเดียวกันโดยอาศัยหลกั กรรมสทิ ธ์ิตา งกัน ในการ
วนิ จิ ฉยั วา ใครจะมีสทิ ธดิ กี วากนั นน้ั กฎหมายยดึ หลัก …………………………………………………………………
381. สิทธขิ องบคุ คลผไู ดม าซงึ่ ทรพั ยสินโดยมคี า ตอบแทนและโดยสจุ ริตนน้ั ไมเ สียไป แมวา ผโู อนให
จะไดทรัพย สินนั้นมาโดยนิติกรรมที่มีลักษณะ (โมฆียะ /โมฆะกรรม) ................................................
382. กรณีอสังหาริมทรัพยมารวมเขากันจนเปนสวนควบโดยมีทรัพยประธานตาม ป.พ.พ. มาตรา
1316 วรรคสองนั้น ใครเปนเจาของทรัพยที่รวมเขาดวยกัน คําตอบ .................................................
383. บุคคลใดใชสัมภาระของบุคคลอื่นทาํ สง่ิ ใดข้ึนใหมกฎหมายใหผูทําเปน เจา ของทรัพยท ่ีทาํ ขนึ้ ใน
กรณี ............................................................................................................................................
384. สงั หารมิ ทรพั ยอาจมสี ภาพเปนทรัพยไ มมเี จาของไดต าม ป.พ.พ. มาตรา 1319 หากเจาของได
กระทําการ เลิกการครอบครองโดย......................................................................................

385. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1320 วรรค สาม สัตวปาซง่ึ เลี้ยงเชื่องแลว จะกลายเปน สัตวไมม เี จาของ
หาก ....................................................................
386. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1323 (2) บุคคลเก็บไดซ่งึ ทรัพยสนิ หายตองแจงแกผ มู ีสทิ ธิจะรับ
ทรพั ยส นิ นน้ั ภายในเวลา .................................................
387. กรณบี คุ คลหลายคนเรยี กเอาสงั หาริมทรัพยเ ดยี วกันโดยอาศัยหลักกรรมสทิ ธ์ิตา งกันนน้ั ไมใช
บังคับกับกรณี .............................................
388. ผซู ือ้ ทรัพยส ินจากการขายทอดตลาดในทองตลาดหรือจากพอคาซ่งึ ขายของชนิดนน้ั ศาลฎีกา
ไดตคี วาม “ผูซื้อ” ใหห มายความรวมถงึ “...................................” ดวย
389. บุคคลสิทธิ เปนสิทธิที่เกี่ยวกับทรัพยสิน ใชหรือไม ...............................................................
390. การใชสิทธซิ ่งึ มแี ตจ ะใหเกดิ เสยี หายแกบ คุ คลอื่นนั้น ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย
บัญญัติวาเปนการกระทําที่ .................................................
391. การนํางานอนั มลี ิขสทิ ธข์ิ องผอู ่ืนไปจดั พิมพเผยแพรโดยไมไ ดรบั อนญุ าตเปนการกระทําที่ ........
..........................................................................................
392. ขอ จาํ กดั สิทธแิ หงเจาของอสังหารมิ ทรพั ยซ ง่ึ กฎหมายกําหนดไวน ัน้ จะถอนหรอื แกใ หหยอนลง
ไดโดยทําเปน..............................และ........................................................กับพนักงานเจาหนาที่
393. เอกและโทเปนเจา ของท่ดี นิ ติดตอกัน เอกไดถมทดี่ นิ ของตนใหส ูงขน้ึ เพ่อื ไมใหนาํ้ ทว มทดี่ ินของ
ตนเม่ือฝนตกน้ําจึงไหลจากท่ีดินของเอกลงสทู ่ดี นิ ของโท โทจึงทาํ คันดนิ กัน้ ไวไ มใ หน้ําไหลทว มทีด่ นิ ของ
ตนเอกอา งวาโทไมม สี ิทธิทําเชน น้นั เพราะโทเปนเจาของที่ดินตาํ่ จึงตองรับนํา้ ซ่งึ ไหลจากทด่ี ินสงู ตาม
กฎหมายกรณีนี้โทตองเปดทางระบายน้ําใหเอกตามขออางดังกลาวหรือไม เพราะเหตุใด คําตอบ
..............................................................................
394. ถาเอกตองการขุดรองเพอื่ วางทอ ระบายน้าํ ลกึ หนึ่งเมตร เอกตอ งขดุ หางจากแนวเขตท่ีดินอยาง
นอย ...................................เซนตริเมตร
395. หนึ่งและสองเจาของทด่ี ินตดิ ตอกันไดร วมกนั ขุดคูเปน แนวเขตท่ดี ิน ถาหนง่ึ ตอ งการถมคเู พราะ
เกรงวาจะเปน อนั ตรายแกบตุ รของตน หนงึ่ มีสิทธทิ าํ ไดหรือไม คําตอบ ...............................................
...............................................................................................
396. เจาของที่ดินจะตดั รากไม ก่งิ ไม ซึง่ รุกลํ้าเขา มาจากท่ดี ินติดตอกันและเอาไวเสียเลยไดหรือไม
คําตอบ .............................................................................................................................
397. เทพไดแบงแยกที่ดินแปลงหนึ่งของตน ซึง่ อยตู ิดกบั ทางสาธารณะออกเปน 10 แปลง ท่ีใหท ด่ี นิ
แปลงท่ีแบง แยกแปลงหนึง่ ท่ี หนู เปน ผูซ ้อื ไมม ที างออกสทู างสาธารณะได เพราะถูกที่ดินแปลงอ่ืนอีก 9

[138]

แปลงที่เกิดจากการแบงที่ดนิ ปดลอม หนจู ะขอใหเ จาของทด่ี ินแปลงทแี่ บงแยกแปลงใดแปลงหนึ่ง
เปด ทางจําเปนใหไ ดหรอื ไม อยางไร และตอ งเสยี คาทดแทนหรือไม
คําตอบ .......................................................................................................................................
398. แคบเปน เจาของทีด่ นิ แปลงใหญแ ปลงหนง่ึ โดยไมไ ดกัน้ ร้วั และไมไ ดท าํ ประโยชนแตอ ยา งใด
ฉวยจะพาฝงู ววั ของตนเขาไปเล้ยี งกนิ หญากนิ นํ้าในที่ดนิ ของแคบไดห รอื ไม
คําตอบ ……………………………………………………………………................................................................….
399. บคุ คลสทิ ธิ ไมใชส ทิ ธิเก่ียวกบั สภาพบคุ คล ใชหรือไม …………………………………………………..…
400. ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา 5 บญั ญตั ิหลักทั่วไปในการใชส ทิ ธิ และในการชําระ
หนไี้ วใหกระทําโดย……………………………………
401. การผลิตไขเ ค็มทีจ่ ังหวดั เชียงใหมโดยใชช ือ่ วา “ไขเ คม็ ไชยา” ในขณะทีย่ ังไมม ีกฎหมาย
ทรัพยสนิ ทางปญ ญาเกย่ี วกับส่งิ บงช้ีทางภูมิศาสตร เปน การกระทําท่ี มีสิทธ.ิ ..........................................
402. ขอจาํ กัดสิทธแิ หงเจาของอสังหาริมทรัพยซ่งึ กาํ หนดไวเ พื่อสาธารณะประโยชนน้นั จะถอนหรือ
แกไขใหหยอนลงไดหรือไม คาํ ตอบ .......................................................................................
403. เสรีเจาของที่ดินตํา่ ไดทําคนั ดินปดกั้นมิใหน ้าํ ซงึ่ ไหลตามธรรมดาจากทด่ี ินของอํานาจซง่ึ อยูส ูง
กวา ลงสทู ่ีดนิ ของตน จนทําใหน ํ้าทว มที่ดินของอาํ นาจ กรณีน้เี สรีมีสทิ ธิกระทาํ ดังกลา วไดหรอื ไม
คําตอบ .............................................................................................................................
404. ย้มิ ตอ งการขดุ หลุมสวมลึก 2.20 เมตร ยิ้มตองขุดหางจากแนวเขตที่ กวา .................... เมตร
405. กบและเขยี ดเปนเจา ของรัว้ ตนไมท ้งั สองขางรว มกัน กบจะตัดร้ัวตน ไมน นั้ โดยเขียดไมอนญุ าต
ไดหรือไม คําตอบ ....................................................................................................................
............................................................................................................................................
406. ฟา และดินเปนเจา ของท่ดี ินติดกัน ตางก็ปลูกมะมว งในท่ดี นิ ของตน แตก ิง่ ตน มะมว งของฟา รุก
ล้าํ เขาไปในท่ีดินของดนิ เกือบทุกตน ทาํ ใหผลมะมวงหลน ลงในทด่ี นิ ของดนิ จาํ นวนมาก ผลมะมว งที่
หลนนั้นเปนของใคร คําตอบ ................................................................................................
407. นอ ยสรางบานพักอาศัยบนท่ีดินตาบอด ซง่ึ ไมมที างออกสูท างสาธารณะซง่ึ เปน ทีด่ ินทนี่ อยเชา
จากนิด นอยจะขอผานทดี่ ินแปลงท่ลี อมอยูไปสูทางสาธารณะไดห รือไม
คําตอบ .............................................................................................................................
408. ยอดจะเขาไปในทีด่ ินของยงิ่ ซง่ึ เปน ทป่ี าเพื่อเก็บผลไมป า และเห็ดท่ขี ้ึนโดยธรรมชาตไิ ดห รือไม
คําตอบ ............................................................................................................................
409. สิทธิที่ไมใชลักษณะของสิทธิครอบครองไดแก ....................................................................
410. สิทธิครอบครองที่เกี่ยวของกับความสมบูรณของนิติกรรมไดแก ...........................................
411. การเปลี่ยนลักษณะแหงการยึดถือ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 นนั้ กําหนดใหทําไดโ ดยวิธี
...................................................................................................................................................
412. การฟองคดเี พ่อื เอาคืนซ่ึงการครอบครองน้ัน ตอ งฟอ งภายในระยะเวลา 1 ป นับแตถูกแยงการ
ครอบครอง
413. ในเรื่องการสละเจตนาครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377 นั้น ............................................
414. ป.พ.พ. มาตรา 1370 ใหสนั นษิ ฐานไวก อนวา ผูค รอบครองไดค รอบครอง
.................................. และ ..................................................................................................................
415. ถาผูครอบครองถูกรบกวนการครอบครองทรัพยสินโดยมิชอบ ผูครอบครองมีสิทธิจะใหปลด
เปลอื้ งการรบกวนนั้นได และถา เปน ท่นี าวติ กวาจะยงั มีการรบกวนอีก ผูครอบครองมสี ิทธิ ขอตอ
.....................................ใหสั่งหาม

[139]

416. ถา ผูรับโอนยึดถือทรัพยน ้นั อยแู ลว การโอนไปซง่ึ การครอบครองจะตอ งกระทาํ เพียงแสดง
............................................................................................................................................................
417. การครอบครองปรปกษจะกระทําไดกับทรัพยสินประเภท ทรัพยสินที่มี...........................เทานั้น
418. การครอบครองปรปกษแพที่อยูอาศัยของผอู ื่นโดยสาํ คญั ผิดวา เปนของตนเอง ตอ งครอบครอง
มาเปนเวลา นาน .......... ป จึงจะไดกรรมสิทธิ์
419. สิทธิครอบครองที่เกี่ยวของกับหลักฐานแหงสัญญา ไดแก สัญญาจะซื้อจะขาย.........................
420. การบอกกลาวเปลี่ยนเปนลักษณะแหงการยึดถือตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 นน้ั ตอ งกระทาํ
โดยวิธี .................................................หรือ...........................................................................................
421. กรณีท่มี ีนติ ิสมั พนั ธตอกันมากอน การบอกกลาวเปลี่ยน..................................แหงการยึดถือ
เปนการแยงการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 แลว
422. การละทง้ิ ทรัพยสินเพราะเหตุใดบาง ยังไมถ อื วาเปน การสละเจตนาครอบครอง .......................
.............................................................................................................................................................
423. กรณีครอบครองทรัพยสนิ เดยี วกันสองคราว กฎหมายใหสันนิษฐานไวก อ นวาบุคคลนั้นได
ครอบครองติดตอกันตลอดเวลานั้น คราวแรกกับคราวหลังจะหางกัน..................................................
.....................................................ในกรณีนี้
424. พฤติกรรมที่ถือวาเปนการรบกวนการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1374ไดแก (1) เขา ทาํ
ร้ัวในท่คี รอบครองของผอู ืน่ (2) ............................................................................................................
(3) จอดแพอยใู นลาํ คลองบังหนาทดี่ ินของผูอนื่ (4) ..............................................................................
425. ถา จะสงมอบทรพั ยสินคนื แกบคุ คลผมู ีสทิ ธเิ อาคืนนัน้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1376 ใหนํา
บทบัญญัติในเรื่อง ................................. มาใชบังคับโดยอนุโลม
426. ท่ดี นิ มี น.ส. 3 จะครอบครองปรปกษไดหรือไม เพราะเหตุใด
คําตอบ ................................................................................................................................................
427. กรณีถูกแยงครอบครองสังหาริมทรพั ย และยื่นฟองตอ ศาลภายใน 1 ป แตกวา จะไดกลับคนื มา
จริงก็เวลาเลยไป 2 ป เศษ แลว เชน นจ้ี ะถอื วา การครอบครองสะดุดหยดุ ลงหรือไม เพราะเหตุใด
คําตอบ ..............................................................................
428. ทรพั ยสนิ ทจ่ี ะตกอยูภ ายใตภาระจาํ ยอมไดจ ะตองเปน ทรพั ยสนิ ประเภท ...................................
429. การใชสิทธิโดยการขออาศัยอาจเปนเหตุใหไดมาซง่ึ ภาระจํายอมโดยอายคุ วาม ไมได เพราะ
.........………………………………………………………………………………
430. ในเรื่องภาระจํายอมและทางจําเปน อาจไดส ทิ ธิทงั้ ภาระจํายอมและทางจาํ เปนในเสนทาง
เดยี วกนั ได
431. ปกเสาเดินสายไฟในทางภาระจํายอมเดิม เปนการทําใหเกิดภาระเพิ่มขึ้นแก… ……………………..
432. ภาระจาํ ยอมในประเทศไทยคดีท่ขี ึน้ สศู าลสว นใหญเปน เรอ่ื งเกยี่ วกับ
………………………………...................................................................................................................…..
433. กรณีเจาของสามยทรัพยตอ งเสยี คา ใชจ า ยของตนเองในการซอ มแซมท่ีไดทําไปแลว หาก
เจาของภารยทรัพยไดรับประโยชนดวย …………………………………………………………………………………..
………………………………………….
434. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1392 เจาของทรัพยอาจเรียกใหยายภาระจํายอมไปยังสวนอื่นไดในกรณี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..
435. ถาภารยทรัพยสลายไปทั้งหมด ภาระจํายอมจะมีผล ……………………………………………………
436. ถามีการแบงแยกภารยทรัพย …………………………………………………………..……………………….

[140]

437. ภาระจาํ ยอมนน้ั ถาไมไ ดใ ชไ ปภายในระยะเวลาเทา ใดยอ มส้ินไป คาํ ตอบ …………………….…..
438. ทรพั ยสินทีเ่ ปน สามยทรัพยไดจ ะตอ งเปนทรัพยสิน เฉพาะ…………………………………………….
439. การไดภาระจํายอมโดยผลของกฎหมายแลว ตอมาอาจไดภาระจํายอมโดยอายุความอีกในกรณี
เดียวกัน ได หากไดใ ชสทิ ธิโดย……………………………………………………………………………….
440. เรื่องเกี่ยวกับภาระจํายอมและทางจําเปน ภาระจํายอมไมจํากัดประเภทสิทธิ แตทางจําเปน
จํากัดเฉพาะกรณ…ี ………………………………….
441. ทําทางภาระจํายอมเดิมจากโรยกรวดเปนเทคอนกรีต ไมเปนการทําใหเกิดภาระเพิ่มขึ้นแก
ภารยทรัพย
442. ภาระจาํ ยอมเปน ทรัพยสทิ ธชิ นดิ ………………………………………………………………………………….
443. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1391 เจาของสามยทรพั ยมีสทิ ธทิ าํ การทกุ อยางอนั จําเปนเพอ่ื รักษาและ
ใชภาระจาํ ยอม แตจะกอ ใหเ กิดความเสียหายแกภ ารยทรพั ย ……………………………………………….
444. ถาภาระจํายอมแตะตอ งเพียงสว นหน่งึ แหง ภารยทรัพยน ัน้ อาจเรียกใหยา ยไปยังสว นอ่นื ก็ได
แตตอ งแสดงไดว าการยายนนั้ ………………………………………………………………………………………..
445. กรณีถา มีความเปนไปมีทางใหกลบั ใชภาระจาํ ยอมได ภาระจาํ ยอมนน้ั อาจกลับมขี นึ้ อกี ไดน้ัน
เปนกรณี ………………………………………………………………………………………………………………………
446. ภาระจํายอมที่ไดจดทะเบียนไวแลว ถาภารยทรัพยและสามยทรพั ยต กเปน ของเจาของคน
เดยี วกนั ………………………………………………………………………………………………………………………..……..
447. กรณีไมไดใชภาระจํายอมเปนเวลา 10 ป ………………………………………………………………………
448. บุคคลอาจไดม าซง่ึ ทรพั ยสิทธิตางๆ ไดโ ดยทาง นิติกรรม และ ………………………………………….
449. บุคคลอาจไดมาซ่ึงทรัพยสทิ ธิตางๆ เชน สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพน้ื ดนิ สทิ ธเิ ก็บกิน และภาระ
ตดิ พนั ในอสังหาริมทรัพยโ ดยทาง นติ ิกรรม และ …………………………………….
450. ทรัพยสทิ ธิทเ่ี ปนทรัพยสิทธทิ ่ีจํากัดตดั ทอนอํานาจของกรรมสิทธิ์ไดม ากทีส่ ดุ คือ …………………
451. สิทธิอาศัย คือ สิทธิท่กี อ ใหเ กิดผลตอ ผูท รงสิทธิมสี ิทธิอยูอาศยั ในโรงเรอื นของผอู น่ื ………………
……………………………………………………………………………………………
452. ดําใหแ ดงอาศัยอยใู นบานของตนโดยทาํ หนงั สือระหวา งกัน ตอมาดาํ ขายท่ีดนิ นน้ั ใหขาว ขาว
จึงฟอ งขับไลแ ดง ดงั นนั้ แดงจะมสี ิทธิอาศัยอยูในบา นน้นั หรอื ไม คําตอบ ……………………………….
……………………………………………………………………………………………
453. สิทธเิ หนอื พื้นดนิ คือสทิ ธิที่กอใหเกิดผลตอ ผทู รงสทิ ธิมีสิทธิเปน เจา ของโรงเรือน ส่ิงปลูกสราง
หรือ………………………………………………………………………………………………………………………..
454. ขาวใหเขียวปลกู บานอยใู นทด่ี ินของตนโดยทําสญั ญากนั เอง ตอมาขาวขายท่ีดินนน้ั ใหเขม ไป
ดงั นร้ี ะหวางเขียวกับเขมใครจะมีสทิ ธใิ นบา นดีกวากนั คาํ ตอบ ……………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………….
455. สทิ ธเิ ก็บกนิ คอื สทิ ธทิ ี่กอ ใหเ กิดผลอยา งไรตอผูท รงสิทธเิ ก็บกนิ คาํ ตอบ ………………………………
…………………………………………………………………………………………
456. น้าํ เงินใหม ว งมีสิทธเิ กบ็ กินในทสี่ วนของตน ตอ มามว งโอนการใหส ทิ ธิเก็บกินในท่ีดนิ น้ันใหฟา
ถาฟาตดั ตนไมในสวนไปทาํ ฟน ขายหมด ดงั นนั้ นา้ํ เงนิ จะเรียกใหใครรับผิดชอบ คาํ ตอบ …………………..
……………………………………………………………………………………….
457. ภาระตดิ พันในอสงั หาริมทรัพยคอื ทรัพยส ิทธิที่กอ ใหเกิดผลอยา งไรตอผรู ับประโยชน
คําตอบ .................................................................................................................................
...............................................................................................................................................

[141]

458. เหลอื งใหแ ดงเขา ทาํ นาในทด่ี นิ ของตนเฉพาะฤดูกาลทํานา ตอ มาแดงใหด ําเขา ไปทํานาในที่นา
นน้ั แทนตน ดงั น้ัน ถาดําทําใหท ่นี าน้ันเสยี หาย เหลืองจะเรียกใหใครรับผิดตามบทบัญญัติในเรื่อง
ทรัพยสนิ ไดบ า ง คาํ ตอบ ……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………...............................................................….
459. ขาวใหเขียวมีสทิ ธอิ าศยั ในบา นของตนโดยทําพินัยกรรมไว เมอ่ื ขาวตาย เขียวไดใ หเชา บา น
หลงั นน้ั ไป และเหลอื งไดเ ขาครอบครองท่ดี ินทมี่ ีบานนน้ั จนไดส ิทธิ เขยี วจะยังมสี ิทธอิ าศยั ในบานหลัง
นนั้ หรือไม คาํ ตอบ ………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………......................................................................………..
460. เขียวใหข าวปลกู บานอยูในทดี่ ินของตนโดยทาํ เปนหนงั สอื ระหวา งกนั ตอ มาเขยี วขายทด่ี นิ นน้ั
ใหเ ขมไปดงั นร้ี ะหวา งขาวกบั เขม ใครจะมสี ิทธิในบา นดีกวา กัน
คําตอบ .................................................................................................................................
.............................................................................................................................................
461. ป.พ.พ. มาตรา 1299 บัญญัติถึงเรื่องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยในประเด็น ...............................
462. คําวาไมบริบูรณ ตามมาตรา 1299 วรรคแรก มีความหมาย ...................................................
463. หากเปนกรณีการไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยโดยทางนิติกรรมตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรค
แรกโดยไมจดทะเบียนและฝายลกู หนี้ไมยินยอมโอนทรัพยใหท ัง้ ฝา ยเจา หน้ีประสงคใหโ อน ดังน้ี ฝาย
เจาหนี้ มีสิทธิฟองบังคับให...................................................................................................
464. ที่ดินประเภท น.ส. 3 ข เม่ือมีการโอนที่ดินตองจดทะเบียนนิติกรรมการโอนกบั เจา หนา ท่ีคอื
นายอําเภอหรือผูทําการแทน
465. การไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรค 2 เม่ือไดจ ดทะเบยี นแลว
...........................................................................................
466. ผลการไดมาซง่ึ อสังหารมิ ทรัพยโ ดยทางอนื่ นอกจากนติ ิกรรมโดยไมจดทะเบยี นคือ
.................................................................................................
467. การไดอสังหาริมทรัพยมาโดยทางรับมรดกในฐานะผูรับพินัยกรรม ศาลฎีกาเคยวินิจฉยั วา เปน
การไดมาโดยวิธีการ ...................................................
468. นาย ก. ยอมใหน าย ข. ทาํ ทางเดินทางเทาในทดี่ ินของตน แตไมไดจ ดทะเบียน มีผลทาง
กฎหมายคือ ....................................................................
469. นาย ก. เปน เจา ของท่ีดินมโี ฉนด และนาย ข. เขา ครอบครองทาํ ประโยชน แตไมไ ดจดทะเบยี น
ตอ พนกั งานเจา หนา ท่ี จนระยะเวลาลว งเลยมา 11 ป ดังนี้มีผลทางกฎหมายคือ ..............................
.........................................................................
470. นาย ก. ไดที่ดินของนาย ข. เปนทางภาระจํายอมโดยทางนิติกรรม จะตองบังคับตาม ป.พ.พ.
มาตรา 1299 วรรคแรกเพราะ ตองบังคับตาม เพราะ..............................................................เกี่ยวกับ
อสงั หารมิ ทรัพยประเภทหนง่ึ
471. การไดรับทรัพยสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยมา แตเปนประเภทรอนกรรมสิทธิ์ กฎหมาย
กําหนดไวอยางไรจึงจะทําใหการไดมานั้นสมบูรณ คําตอบ
……………………………………………………………….………………………………………………..
472. การไดมาซ่งึ ท่ดี ินท่มี ีแตใ บตราจองตองจดทะเบยี นท่ี …………………………………………………………
จงึ จะถูกตองตามกฎหมาย

[142]

473. ขอท่ีศาลฎกี าเหน็ วาไมเ ปน การไดม าซ่งึ อสังหารมิ ทรัพยโดยทางนิติกรรมตาม ป.พ.พ. มาตรา
1299 วรรคแรก คือ ไดมาโดย…………………………………….............................................…….

474. การไดรับที่ดินมาเพราะคําพิพากษาของศาลที่คูความสามารถตกลงประนีประนอมยอมความ
กนั ได เปน การไดมาซ่งึ อสงั หารมิ ทรพั ยห รือทรัพยส ิทธิเกย่ี วกบั อสังหาริมทรพั ยโดย…………….....……
……………………………………………………………………….
475. ผูไ ดอสงั หารมิ ทรัพยห รอื ทรพั ยสิทธิเกี่ยวกบั อสังหาริมทรัพยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรค
2 จะใชสทิ ธิ ………………………………… ไมไ ด
476. “ยกข้นึ ตอ สบู ุคคลภายนอกไมได” หมายความวา …………………………………………………………….
477. “………………………………….” คอื “บุคคลภายนอก” ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง
478. ผทู อ่ี ยใู นการอนั จะใหจ ดทะเบียนสทิ ธไิ ดก อ นทจ่ี ะขอใหเ พกิ ถอนการจดทะเบยี นตาม ป.พ.พ.
มาตรา 1300 คือ เจาของรวมผูค รอบครองเปน สวนของตนมาเกนิ …………… ปแลว
479. ทดี่ ินหมายความถึง ………………………………………………………………………………………………….
480. ที่ดินรกรางวางเปลาหมายถึง ……………………………………………………………………………….……
481. ที่ปาธรรมดาเปนที่ดินประเภท ………………………………………………………………………………….
482. ทป่ี าสงวนเปน ท่ดี นิ ประเภท ……………………………………………………………………………………..
483. ท่เี ล้ยี งสตั วสาธารณะทไี่ มมีราษฎรคนใดใชเปน ที่เล้ยี งสัตวอ ีกตอไปแลว อาจจะถอนสภาพให
เปน ที่รกรางวางเปลาไดโดยวิธีการ …………………………………………………
484. ที่ชายตลง่ิ ซง่ึ ตอ จากทดี่ นิ เอกชนทตี่ ้ืนเขินจนเปน ท่ีงอกริมตล่ิงแลว
…………………………………………………………………………………………………………………………………..
485. ………………………………………………คือ ที่ดินทต่ี กเปน สมบตั ิของวัดเปนที่ทําประโยชนของวดั นั้น
486. ผูดแู ลรักษาที่เล้ยี งสตั วสาธารณะคือ …………………………………………………………
487. ผดู แู ลท่ีดินท่ตี ง้ั กระทรวง ทบวง กรม ในรัฐบาลคือ ……………………………………..
488. ทีท่ รพั ยสนิ เปน ทรพั ยส นิ ประเภท …………………………………………………………….
489. ท่ีดนิ เกาะชางมสี ภาพเปน ……………………………………………………………………..
490. ท่ีดินรกรางวางเปลานั้น ……………………………… มีหนาท่ีดูแลรักษาที่รกรา งวา งเปลาตาม
กฎหมาย
491. ……………………………………………. เปนท่ดี ินของรัฐประเภทพลเมอื งใชรว มกนั
492. ท่ดี นิ ท่ีต้งั ของมหาวิทยาลยั ของรัฐ เปน ทด่ี นิ ที.่ .................................................
493. ที่ดินประเภทที่สามารถออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงได ไดแก .........................................
494. บุคคลผูที่มีอํานาจออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวงไดแก ......................................................
495. การโอนที่ดินของวัดในพุทธศาสนาอาจทําไดโดย ...................................................................
496. จังหวัดที่มีที่ดินอยูในเขตของมิชซังหนองแสง คือ ..................................................................
497. จังหวดั ท่มี มี ัสยิดมากที่สุดในประเทศไทยไดแก .....................................................................
498. ที่ดินมีกรรมสิทธิ์หมายถึงที่ดินประเภท ................................................................................
499. การครอบครองปรปกษที่บานหรือที่สวนตามกฎหมายเบ็ดเสร็จบทที่ 42 ตอ งใชเ วลาคนอบ
ครองนาน ............. ป
500. ที่บานที่สวนตามกฎหมายเบ็ดเสร็จบทที่ 42 ตองเปน บานหรอื ที่ทาํ เปน สวน ตองทํามากอ น
หนาการประกาศใช ......................................................................................... (พ.ศ. 2475)

[143]

501. ทด่ี นิ มี ส.ค. 1 น.ส. 3 น.ส. 3 ก. ถือวาเปน ……………………………………………………………….
502. ทด่ี ินมี น.ส. 3 จะตอ งทอดท้งิ ที่ดนิ ของตนเองเปนเวลา ……….. ป ท่ดี นิ จงึ จะตกเปน ของรัฐ
ประเภททด่ี ินรกรางวา งเปลาอกี คร้งั หนึ่ง
503. การเวนคืนที่ดินโดยสมัครใจตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 5 และการเวนคนื โดยถูกบังคบั
ตาม พ.ร.บ. เวนคนื อสังหาริมทรัพย 2530 มีขอแตกตางในประเด็น .....................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
504. ท่สี วนท่ีทํากินเมื่อป พ.ศ. 2480 จะเสยี สิทธิในที่ดินโดยถกู คนอื่นแยงเปน ระยะเวลา ..............ป
505. การแยง การครอบครองท่ดี ินทมี่ ี น.ส. 3 ก. ตองใชเวลา ................. ป จึงจะไดสิทธิในที่ดิน
506. ผบู ุกรกุ ท่ดี นิ ของรฐั โดยพลการหลังประมวลกฎหมายท่ดี ินประกาศใชแ ลว เมอื่ ไดรับโฉนดท่ดี ิน
มาแลว กฎหมายกําหนดวาภายในระยะเวลา ....................ป นับแตไดรับโฉนดจะโอนที่ดินใหบุคคลอื่น
ไมไ ด เวนแตจ ะเขา ขอ ยกเวน
507. คนตา งดาวซ่งึ มีสทิ ธไิ ดทดี่ นิ ในประเทศไทยนนั้ เมื่อไดท ดี่ นิ มาเพอ่ื จะใชเปนท่อี ยูอาศยั กฎหมาย
กาํ หนดใหไดจํานวน ........... ไร
508. คนตางดาวทต่ี องการถอื ทีด่ ินในประเทศไทยเพื่อใชในการอตุ สาหกรรมน้นั กฎหมายทดี่ ิน
กาํ หนดจํานวนสงู สุดในการถือครองทีด่ นิ เพื่อทํากจิ กรรมชนดิ นไี้ ว จํานวน ............... ไร
509. คนตางดาวจะถอื ครองที่ดินในประเทศไทยไดน นั้ จะตอ งไดรับอนญุ าตถือครองท่ีดนิ จาก
................................................................................................................................................
510. คนตางดาวจะไดม าซ่ึงท่ดี ินในประเทศไทย
………………………………………………………………………..……………………………………………………………………
……………………………………………………….........................................................................................…….
511. บริษทั จาํ กัดทจ่ี ดทะเบียนในประเทศไทย ถา มีคนตางดาวถือหนุ ในบริษทั นั้นเกินกวา รอ ยละ
……….. ของทนุ จดทะเบยี น มผี ลทําใหบ ริษทั นนั้ ถอื ท่ีดินในประเทศไทยไดเ สมือนกบั คนตางดาว
512. การท่ีเอกชนอทุ ศิ ทดี่ ินของตนใหเปน ทางสาธารณะจะทําไดโดย …………………………………………
513. ท่ดี นิ ท่มี โี ฉนดท่ดี นิ ถา เจา ของท่ดี นิ ทอดทงิ้ ทด่ี ินเกิน 10 ป ตดิ ตอกัน ที่ดินนน้ั จะตกเปน ของรัฐ
ตอ เม่ืออธิบดีกรมทีด่ นิ ยื่นเรอ่ื งราวการทอดท้งิ ทดี่ นิ ตอศาล และศาลไดพิจารณาแลว กส็ ่ังเพกิ ถอน
หนังสอื สาํ คญั ในทดี่ นิ ประเภท ………………………………….. ถือวาเปนหนังสอื สาํ คญั แสดงกรรมสิทธิใ์ น
ทด่ี นิ
514. หนงั สอื สําคญั แสดงกรรมสิทธิ์ในท่ีดนิ ฉบับแรกที่เกดิ ขึน้ ในประเทศไทยคือ
…………………………........................................................................................................................…….
515. หนงั สือสาํ คญั ในท่ีดิน ท่ถี อื วา เปน หนังสือสําคญั แสดงกรรมสิทธิ์ฉบับแรกทอี่ อกแทนโฉนดแผน
ทใ่ี นทอ งทที่ ีม่ โี ฉนดแผนทีท่ ีย่ งั รังวัดไปไมถึง คือ ………………………………………………………..
516. จังหวัด...................................................... เปนจังหวัดที่ไมมีการออกโฉนดตราจอง
517. โฉนดทด่ี นิ แปลงใด ท่มี ีการลงชื่อเจา พนักงานที่ดนิ แตผเู ดยี วในโฉนดคือ ..................................
518. การออกโฉนดที่ดนิ ในปจจุบันมี 2 รปู แบบ คือการออกโฉนดท่ดี ินทง้ั ตําบลตาม ป.ท่ดี ิน มาตรา
58 และ……………………………………………………………………………………………………มาตรา 59
519. การโอนที่ดนิ ทม่ี ี ส.ค. 1 จะทําไดโดย …………………………………………………………………………….
จึงจะถูกตองตามกฎหมาย
520. ทดี่ นิ ทไี่ ดรบั อนญุ าตใหจบั จองเปนใบเหยยี บยาํ่ เมื่อ พ.ศ. 2495 เปน ทด่ี นิ ประเภททตี่ องทําการ
แจงการครอบครองตามแบบ ………………….. ตอ พนกั งานเจาหนา ท่ี

[144]

521. การโอนทีด่ ินท่มี ใี บจอง (น.ส. 2) จะตอ งขอ ………….…… เสยี กอนจงึ จะนาํ ทีด่ ินแปลงทมี่ ใี บ
จองเดมิ นไ้ี ปทาํ การโอนจดทะเบยี นตอ พนักงานเจา หนาท่ี จึงจะถกู ตองตามกฎหมายที่ดิน
522. แบบฟอรม ของใบไตส วนคอื ……………………...........................................……
523. แบบฟอรม ใบจองคือ ……………………………..............................................……
524. ทด่ี ินท่ถี อื วา เปนท่ีดินตกคางการแจง การครอบครอง (ตกคา งการแจง ส.ค. 1) คอื ทด่ี นิ ทม่ี ีผูบุก
รุกโดยพลการเมื่อ พ.ศ. 2495 แลว ไมยอมแจง ……………
525. ผูตกคางการแจงการครอบครอง (ตกคางการแจง ส.ค. 1) จะตองทาํ เพ่ือจะไดรับโฉนดท่ีดนิ
ทงั้ ตําบลเมอ่ื ทอ งท่ที ตี่ นอยู ทางราชการไดประกาศวา จะเตรียมดําเนนิ การออกโฉนดทง้ั ตําบล คอื
................................................................................................................................................
526. ถามกี ารออกโฉนดท่ดี นิ คลาดเคลอื่ นหรือไมช อบดวยกฎหมาย ผมู ีอํานาจเพิกถอนหรือแกไ ขคือ
.................................................................................................................................................
527. ในกฎหมายทีด่ นิ ในปจ จบุ ัน พนักงานเจา หนาท่ผี ูม อี ํานาจลงชื่อในโฉนดทีด่ ิน คือ ....................
528. เกย่ี วกบั การออกเอกสารสทิ ธิในทด่ี นิ ใบจองมกี ารออกได 2 วิธีคือ
.............................................................................................................................. (มาตรา 30) และ
.................................................................................................. (มาตรา 33)
529. พนกั งานเจาหนา ที่ ทีก่ ฎหมายทดี่ ินกําหนดใหเ ปน ผูทาํ การจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรม
เกย่ี วกบั อสงั หาริม ทรัพย คือ ....................................................................................................
530. ตามกฎหมายทดี่ ินปจ จุบนั นายอาํ เภอทอ งท่ียังเปนผูมีหนา ที่จดทะเบียนสทิ ธิและนติ ิกรรม
เกี่ยวกับอสังหาริม ทรัพย อยู คือ ...............................................................................................
.................................................................................................................................................
531. ท่ดี ินที่มีหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน กฎหมายท่ดี นิ บงั คับไวว า การโอนทด่ี ินชนิดนี้ตอ งทํา
เปน.................................................................................... จะโอนโดยสงมอบการครองครองไมได
532. การจดทะเบยี นมรดกในทด่ี นิ พนกั งานเจาหนา ทต่ี อ งประกาศใหผูมีสวนไดส วนเสยี คดั คาน
ภายในเวลา ..............วัน
533. การจดทะเบียนทตี่ องมีการประกาศใหค นมาคดั คานกอนการจดทะเบียนคอื ............................
534. การจดทะเบียนซอ้ื ขายท่ดี ินพรอมบานในทดี่ ินมีโฉนดทด่ี นิ ไมตองมปี ระกาศใหคนมาคัดคา น
กอน..................................................
535. การซื้อขายที่ดินมีโฉนดที่ดินเพียงครึ่งแปลง จะตองมีการ.............................กอนการจด
ทะเบยี น
536. การจดทะเบียนทด่ี นิ ตา งทอ งท่ี จะทําไดโดยอาศัยหลักเกณฑ
..............................................................................................................................................................
537. การซ้อื ท่ีดินมีโฉนดทอี่ ยูทจ่ี งั หวัดเชยี งใหม คกู รณอี าจ จะยืนคําขอไดจาก
.........................................................................................................................
538. การจดทะเบยี นตา งทองที่จะกระทําไมได ถา
...............................................................................................................................กอนการจดทะเบียน
539. การไดมาซึ่งการครอบครองปรปกษในที่ดิน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 นน้ั
..............................................................................................................................................................
540. การทผ่ี มู ีสว นไดสวนเสยี ขออายัดทีด่ ินน้ัน ถาพนักงานเจาหนาทส่ี อบสวนแลว เหน็ สมควร
เชอ่ื ถอื ไดก ใ็ หร ับอายดั ไวไ ดมกี ําหนด ............ วนั นับแตวันทส่ี ่ังรับอายัด

[145]


Click to View FlipBook Version