หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ๓.๑ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพระราชด�ำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งพระราชทานให้แก่สังคมไทยในช่วงทศวรรษที่ ๓๐ โดยมีหลักคิดอยู่ที่การด�ำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ครอบครัว ชุมชนและรัฐบาล ให้ด�ำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจ�ำเป็นที่จะต้องมี ภูมิคุ้มกันส�ำหรับตัวที่ดีพอสมควร ต่อผลกระทบที่เกิดจากภายนอกและภายใน อีกทั้งต้องอาศัยความ รอบรู้ความรอบคอบ และความระมัดระวังในการน�ำวิชาการต่างๆ มาใช้ขณะเดียวกันก็ต้องเสริมสร้าง พื้นฐานจิตใจของประชาชนคนในชาติให้มีส�ำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และการด�ำเนินชีวิต ด้วยความเพียรอย่างอดทน พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้า ฯ ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ฯ พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดี ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ “...การจะเป็นเสือนั้นไม่สำ คัญ. สำ คัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมี พอกิน. แบบพอมีพอกินนั้นหมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับ ตัวเอง. อันนี้ก็เคยบอกว่าความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัว จะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง. อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่า ในหมู่บ้านหรือในอำ เภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร. บางสิ่งบางอย่างที่ ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้อง เสียค่าขนส่งมากนัก. อย่างนี้ท่านนักเศรษฐกิจต่าง ๆ ก็มาบอกว่าล้าสมัย. จริง อาจจะล้าสมัย คนอื่นเขาต้องมีการเศรษฐกิจ ที่ต้องมีการแลกเปลี่ยน เรียกว่าเป็นเศรษฐกิจการค้า ไม่ใช่เศรษฐกิจความพอเพียง เลยรู้สึกว่า ไม่หรูหรา. แต่เมืองไทยเป็นประเทศที่มีบุญอยู่ว่า ผลิตให้พอเพียงได้ ...” “...ถ้าสามารถที่จะเปลี่ยนไป ทำให้กลับเป็นเศรษฐกิจแบบพอเพียง ไม่ต้องทั้งหมด แม้แค่ครึ่งก็ไม่ต้อง อาจจะสักเศษหนึ่งส่วนสี่ ก็จะสามารถ อยู่ได้. การแก้ไขอาจจะต้องใช้เวลา ไม่ใช่ง่ายๆ. โดยมากคนก็ใจร้อน เพราะเดือดร้อน แต่ว่าถ้าทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ก็สามารถที่จะแก้ไขได้. ...” ตั้งแต่ทรงครองสิริราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร ทั่วราชอาณาจักรเรื่อยมา ทอดพระเนตรสภาพภูมิอากาศ ฟ้า ดิน ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค ทรงแลเห็นทุกข์ยากแร้นแค้นของราษฎรด้วยพระองค์เอง จึงมีพระราชด�ำริพัฒนาองค์ความรู้ เหล่านี้ขึ้นเป็นหลักปรัชญาได้อย่างสมบูรณ์คือ เศรษฐกิจพอเพียง 47
48 คลองไส้ไก่ใน โคก หนอง นา ของนายภูริทัตและนางธณภร เพ็งจิตร์
คลองไส้ไก่ใน โคก หนอง นา ของนายภูริทัตและนางธณภร เพ็งจิตร์ 49
ไม้ใช้สอยที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี มหาลัยคอกหมูที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี คลองไส้ไก่ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 50
พระราชด�ำรัสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะผู้แทนสมาคม องค์การเกี่ยวกับศาสนา ครูนักเรียนโรงเรียนต่างๆ นักศึกษา มหาวิทยาลัย ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันพุธ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ “...คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่. แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคน มีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทย พออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงาน ตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งปณิธาน ในทางนี้ ที่จะให้เมืองไทยอยู่ แบบพออยู่พอกิน. ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ. เปรียบเทียบ กับประเทศอื่น ๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้. ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้กำลังตก กำลังแย่ กำลังยุ่ง เพราะแสวงหาความยิ่งยวด ทั้งในอำนาจ ทั้งในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ทางอุตสาหกรรม ทางลัทธิ. ฉะนั้นถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความคิด และมีอิทธิพล มีพลังที่จะทำให้ ผู้อื่นซึ่งมีความคิดเหมือนกัน ช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ำ พอควร พออยู่พอกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแย่งคุณสมบัตินี้ จากเราไปได้ ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวร ที่จะมีคุณค่าอยู่ตลอดกาล. ...” ต่อมาค�ำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” เริ่มเป็นค�ำที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้ ปรับปรุงบทความเรื่อง “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจและสาขาต่างๆ มาร่วมกันประมวลและกลั่นกรอง พระราชด�ำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้พระราชทานไว้ในโอกาสต่างๆ รวมทั้งพระราชด�ำรัสอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้น�ำไปเผยแพร่เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่าย และประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒ สรุปความว่า ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้ ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่ เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับความพอประมาณ ๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไป อย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนค�ำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจาก การกระท�ำนั้นๆ อย่างรอบคอบ ๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยค�ำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต 51
โดยมีเงื่อนไขของการตัดสินใจและการด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ ดังนี้ ๑. เงื่อนไขความรู้ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ความรอบคอบ ที่จะน�ำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกันเพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวัง ในการปฏิบัติ ๒. เงื่อนไขคุณธรรมที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการด�ำเนินชีวิต ส่วนนิทรรศการทฤษฎีใหม่ที่ ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี กิจกรรมการบรรยายให้ความรู้ทฤษฎีใหม่ ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 52
พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันจันทร์ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ “...เศรษฐกิจพอเพียงที่ได้ย้ำแล้วย้ำอีก แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Sufficiency Economy. ใครต่อใครก็ต่อว่าว่าไม่มี Sufficiency Economy แต่ว่าเป็นคำใหม่ของเราก็ได้ คือหมายความว่าประหยัด แต่ไม่ใช่ขี้เหนียว ทำอะไรด้วยความอะลุ้มอล่วยกัน ทำอะไรด้วยเหตุและผล จะเป็นเศรษฐกิจ พอเพียง แล้วทุกคนจะมีความสุข. ...” พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากวารสารชัยพัฒนา ประจ�ำเดือนสิงหาคม ๒๕๔๒ “...เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐาน ความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือน ตัวอาคารไว้นั่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่คนส่วนมาก มองไม่เห็นเสาเข็ม และลืมเสาเข็มเสียด้วยซ้ำไป...” พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันศุกร์ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ “...เศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ สองอย่างนี้ จะทำความเจริญ แก่ประเทศได้. แต่ต้องมีความเพียร แล้วต้องอดทน ต้องไม่ใจร้อน ต้องไม่พูดมาก ต้องไม่ทะเลาะกัน. ถ้าทำโดยเข้าใจกัน เชื่อว่าทุกคนจะมี ความพอใจได้. ...” กิจกรรมการบรรยายให้ความรู้ ทฤษฎีใหม่ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 53
54
๓.๒ ทฤษฎีใหม่ในด้านการเกษตร สอดรับกับปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง : ที่มาแห่งพระราชด�ำริ “ทฤษฎีใหม่” เหตุเกิดที่บ้านกุดตอแก่น ต�ำบลกุดสินคุ้มใหม่ อ�ำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่นั้น ทรงพบเห็นสภาพความยากล�ำบาก ของราษฎรในการท�ำนาในพื้นที่อาศัยน�้ำฝน (ปลูกข้าวได้๑ ถัง/ไร่) เพาะปลูกได้ปีละครั้งในช่วงของฤดูฝน เท่านั้น มีความเสี่ยงในการเสียหายจากความแปรปรวนของดิน ฟ้า อากาศ และฝนทิ้งช่วง จึง มีพระราชด�ำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้า ฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันศุกร์ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ความว่า “...ถามชาวบ้านที่อยู่ที่นั่น ว่าเป็นอย่างไรปีนี้. เขาบอกว่าเก็บข้าวได้ แล้วข้าวก็อยู่ตรงนั้น กองไว้. เราก็ไปดูข้าว ข้าวนั้นมีรวงจริงแต่ไม่มีเม็ด หรือรวงหนึ่งมีสักสองสามเม็ด. ก็หมายความว่าไร่หนึ่ง คงได้ประมาณ สักถังเดียว หรือไม่ถึงถังต่อไร่. ถามเขาทำไมเป็นเช่นนี้. เขาก็บอกว่า เพราะไม่มีฝน เขาปลูกกล้าไว้ แล้วเมื่อขึ้นมาก็ปักดำ. ปักดำไม่ได้เพราะว่า ไม่มีน้ำ ก็ปักในทราย ทำรูในทรายแล้วปักลงไป. เมื่อปักแล้วตอนกลางวัน ก็เฉา มันงอลงไป แต่ตอนกลางคืนก็ตั้งตัว ตั้งตรงขึ้นมาเพราะมีน้ำค้าง แล้วในที่สุดก็ได้รวงแต่ไม่มีข้าวเท่าไร. อันนี้เป็นบทเรียนที่ดี เขาก็เล่าให้ฟัง อย่างตรงไปตรงมา. แสดงให้เห็นว่าข้าวนี้เป็นพืชที่แข็งแกร่งมาก ขอให้ได้ มีน้ำค้างก็พอ. แม้จะเป็นข้าวธรรมดาไม่ใช่ข้าวไร่. ถ้าหากว่าเราช่วยเขา เล็กน้อยก็สามารถที่จะได้ข้าวมากขึ้นหน่อย พอที่จะกิน. ฉะนั้นโครงการ ที่จะทำ มิใช่จะต้องทำโครงการใหญ่โตมากนัก จะได้ผล ทำเล็ก ๆ ก็ได้. จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าในที่อย่างเช่นนั้น ฝนก็ดีพอสมควร แต่ลงมา ไม่ถูกระยะเวลา เมื่อลงมาไม่ถูกระยะเวลา ฝนก็ทิ้งช่วง ข้าวก็ไม่ดี วิธีแก้ไขคือต้องเก็บนำ้ฝนที่ลงมา. ก็เกิดความคิดว่าอยากทดลองดู สักสิบไร่ ในที่อย่างนั้น. สามไร่จะทำเป็นบ่อน้ำ คือเก็บน้ำฝนแล้วถ้าจะต้องใช้บุด้วย พลาสติคก็บุด้วยพลาสติค ทดลองดู. แล้วอีกหกไร่ทำเป็นที่นา ส่วนไร่ที่เหลือนั้น ก็เป็นที่บริการ หมายถึงทางเดินหรือเป็นกระต๊อบ หรืออะไรก็แล้วแต่. หมายความว่า น้ำสามสิบเปอร์เซ็นต์ ที่ทำนา หกสิบเปอร์เซ็นต์ ก็เชื่อว่า ถ้าเก็บน้ำไว้ได้ จากเดิมที่เก็บเกี่ยวข้าวได้ไร่ละหนึ่งถังถึงสองถัง ถ้ามีน้ำ เล็กน้อยอย่างนั้น ก็ควรจะเก็บเกี่ยวข้าวได้ไร่ละประมาณสิบถึงยี่สิบถัง หรือมากกว่าอาจจะถึง สามสิบก็ได้. สมมุติว่า สิบเท่าก็ยี่สิบถัง หมายความว่า ที่หกไร่ปัจจุบัน ที่ได้ไร่ละหนึ่งถัง ก็จะได้ ยี่สิบถัง. ยี่สิบเท่าหรือถ้านับเอาง่ายๆ ว่าสิบเท่า ที่หกไร่จะเท่ากับ หกสิบไร่. ทั้งหมดสิบไร่ เท่ากับได้ผลเท่ากับ หกสิบไร่ของเขาปัจจุบัน จึงควรจะใช้ได้. ก็พยายามที่จะวางแผนนี้. ...” สภาพดังกล่าวเป็นปัญหาของเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศ แม้ว่าจะมีการขุดบ่อไว้บ้าง ก็มีขนาดไม่แน่นอน น�้ำใช้ยังไม่พอเพียงรวมทั้งระบบการปลูกพืชส่วนใหญ่เป็นพืชชนิดเดียว ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรงศึกษา ป่าพออยู่ ไม้ยืนต้น ของพื้นที่เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ(ก�ำนันเคว็ด) บ้านน้อยกลางป่าใหญ่ ต�ำบลวังตะกอ อ�ำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร 55
รวบรวมข้อมูล น�ำมาวิเคราะห์และได้พระราชทานพระราชด�ำริซึ่งเรียกว ่า “ทฤษฎีใหม่” อันเป็นแนวทางการจัดการดินและน�้ำเพื่อการเกษตรขนาดเล็ก ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้ทรงทดลองเป็นแห ่งแรกที่วัดมงคลชัยพัฒนา ต�ำบลห้วยบง อ�ำเภอเมืองเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสระบุรี ทฤษฎีใหม่นี้เป็นแนวทางการพัฒนาชีวิตและอาชีพ ได้พระราชทาน พระราชด�ำริไว้๓ ขั้น คือ ขั้นที่ ๑ - การผลิต ขั้นที่ ๒ - การรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ขั้นที่ ๓ - การร่วมมือกับแหล่งเงิน ธนาคารและกับแหล่งพลังงาน ในที่นี้จะเน้นรายละเอียดเฉพาะขั้นตอนที่ ๑ การเพาะปลูกในที่ดิน ของเกษตรกร ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่ส�ำคัญที่สุด โดยสรุปมาจากนายอ�ำพล เสนาณรงค์องคมนตรีดังนี้ ทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ ๑ พื้นฐานที่ส�ำคัญของเกษตรกรที่จะเดินตามทฤษฎีใหม่ ได้แก่ มีพื้นที่ ค่อนข้างน้อย (ประมาณ ๑๕ ไร่) ฐานะค่อนข้างยากจน มีจ�ำนวนสมาชิก ครัวเรือนปานกลาง(ไม่เกิน ๖ คน)อยู่ในเขตพึ่งพาน�้ำฝนตามธรรมชาติฝนไม่ชุก สภาพดินสามารถกักเก็บน�้ำได้หลักการที่ส�ำคัญ คือ การบริหารจัดการดินและน�้ำ เพื่อให้เกิดผลผลิตเป็นอาหารและรายได้ตลอดปีในระยะแรกควรผลิตพอเพียง เลี้ยงตัวได้แต่จะต้องมีความขยันหมั่นเพียรอยู่กินอย่างประหยัด มีความสามัคคี และช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนบ้าน พระองค์ทรงแนะน�ำให้แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน คือ ๓๐ ๓๐ ๓๐ และ ๑๐ (ภายหลังสัดส่วนนี้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยให้ยืดหยุ่น ได้บ้าง) และจะต้องกระท�ำกิจกรรมดังนี้ สระน�้ำในพื้นที่ของ นายภูริทัต และนางธณภร เพ็งจิตร์ 56
๑. ร้อยละ ๓๐ ส่วนแรก ให้ขุดสระน�้ำประมาณ ๔.๕ ไร่ส�ำหรับเก็บน�้ำฝนตามธรรมชาติและ จะต้องใช้น�้ำอย่างประหยัด รูปร่างและขนาดของสระน�้ำอาจยืดหยุ่นได้บ้าง หรืออาจจะเป็นสระน�้ำ เล็กๆ หลายๆ แห่ง กระจายออกไปตามสภาพพื้นที่แต่ให้รวมพื้นที่ทั้งหมดจะต้องใกล้เคียงร้อยละ ๓๐ สระน�้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่ๆ น่าจะลดการระเหยของน�้ำได้ดีกว่าบ่อกว้าง ๒. ร้อยละ ๓๐ ส่วนที่ ๒ ใช้ปลูกข้าวเนื้อที่ประมาณ ๔.๕ ไร่ เนื่องจากข้าวเป็นอาหารหลัก ของคนไทย เกษตรกรจะต้องมั่นใจว่ามีข้าวกินเพียงพอตลอดปีเพื่อสร้างเสถียรภาพทางด้านอาหาร ให้แก่ครัวเรือน ๓. ร้อยละ ๓๐ ส่วนที่ ๓ เนื้อที่ ๔.๕ ไร่ ให้ปลูกพืชสวน ไม้ยืนต้น และพืชไร่ ผสมผสานกัน หลากหลายอย่างตามภูมิภาคและฤดูกาล ตลอดจนความต้องการของตลาด ไม่มีสูตรตายตัวสามารถ ยืดหยุ่นได้เพื่อเป็นหลักประกันความยั่งยืนในด้านอาหารและสามารถเสริมสร้างรายได้เป็นพิเศษด้วย เช่น พืชที่เป็นไม้ผล พืชที่เป็นไม้กิน พืชที่เป็นไม้ล้มลุก พืชสวนที่เป็นไม้ดอกไม้ประดับ เห็ด สมุนไพร และเครื่องเทศ พืชสวนที่ปลูกในน�้ำ ไม้ยืนต้นส�ำหรับใช้สอยและเป็นเชื้อเพลิง พืชไร่บางชนิด เช่น ข้าวโพด อ้อยคั้นน�้ำ และพืชคลุมดินชนิดที่เป็นพืชล้มลุก เช่น ปอเทือง ถั่วลิสง ถั่วพุ่ม ส�ำหรับพื้นที่ที่มีความลาดเทหรือริมบ่อ บนคันดินควรปลูกแฝกเป็นแถวขวาง ตามแนวราบ เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน โดยมีหลักการพิจารณาเลือกปลูกพืชทั่วๆ ไป ให้ดูจาก ความสูงของพืชดังกล่าวโดยแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ ดังนี้ ๑. ต้นสูง เช่น มะพร้าว มะขาม ประดู่ ไผ่ ขนุน เป็นต้น ๒. ต้นปานกลางเช่น มะม่วงส้ม มะนาว ขี้เหล็ก กระท้อน น้อยหน่า กล้วย อ้อย สะเดาเป็นต้น ๓. ต้นล่าง เช่น ขิง ข่า ตะไคร้บัวบก กระชาย ขมิ้น สับปะรด มันต่างๆ เป็นต้น ๔. ร้อยละ ๑๐ เป็นที่อยู่อาศัย ถนน คันดิน และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ รวมประมาณ ๑.๕ ไร่รวมทั้ง คอกสัตว์เลี้ยง เรือนเพาะช�ำ ยุ้งฉาง อาคารที่เก็บเครื่องมือในการเกษตร ๕. การเลี้ยงสัตว์ ควรพิจารณาเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมและไม ่สิ้นเปลืองเงินทุน เพราะ วัตถุประสงค์เพียงแต่เป็นอาหาร และอาจเป็นรายได้เสริมในวาระต่างๆ การเกษตรทฤษฎีใหม่ในเขตน�้ำฝนนี้ถึงแม้จะหวังพึ่งน�้ำจากการกักเก็บน�้ำฝนตามธรรมชาติ แต่ถ้ามีระบบชลประทานของรัฐเสริมบ้างในบางครั้งบางคราว ก็จะท�ำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น คันนาทองค�ำ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติอ�ำเภอรัตนบุรีจังหวัดสุรินทร์(พระอาจารย์สังคม ธนปัญโญ) 57
ทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ ๒ เมื่อเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ปฏิบัติในที่ดินของตนจนได้ผลแล้ว ก็ต้องเริ่มขั้นที่สอง คือการให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปแบบรวมกลุ่ม หรือสหกรณ์ร่วมแรงร่วมใจกันด�ำเนินการในด้าน ต่างๆ ดังนี้ ๑. การผลิต (พันธุ์พืช เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ) ๒. การตลาด (ลานตากข้าว ยุ้ง เครื่องสีข้าว การจ�ำหน่ายผลผลิต) ๓. ความเป็นอยู่ (กะปิน�้ำปลา อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ) ๔. สวัสดิการ (สาธารณสุข เงินกู้) ๕. การศึกษา (โรงเรียน ทุนการศึกษา) ๖. สังคมและศาสนา กิจกรรมทั้งหมดดังกล่าวข้างต้นจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าส่วน ราชการ องค์กรเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชุมชนนั้นเป็นส�ำคัญ ทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ ๓ เมื่อด�ำเนินการผ่านพ้นขั้นที่สองแล้ว เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรก็ควรพัฒนาก้าวหน้าไปสู่ขั้น ที่สามต่อไป คือ ติดต่อประสานงาน เพื่อจัดหาทุนหรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร บริษัท ห้างร้านเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีไปทอดพระเนตร พื้นที่นา ที่ถูกน�้ำท่วมเสียหายในท้องที่อ�ำเภอมหาราช และอ�ำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๙ 58
๓.๓ ปฐมบททฤษฎีใหม่ - วัดมงคลชัยพัฒนา อ�ำเภอ เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี พระราชด�ำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันอาทิตย์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ “...“ทฤษฎีใหม่” นี้ มิได้เป็นการแจกจ่ายที่ดิน เป็นที่ดินของประชาชนเอง. เรื่องนี้เริ่มต้นที่จังหวัดสระบุรี. ที่ต้องพูด เพราะว่า แม้ได้พูดเรื่องที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ มาแล้ว แต่ว่าไม่ได้พูดอย่างชัดแจ้ง. เรื่องนี้เริ่มที่สระบุรี เมื่อหลายปีแล้ว. ก่อนหน้านั้นได้มีจินตนาการ ความคิดฝัน. ท่านทั้งหลายคงนึกแปลก ทำไมแผนการจะต้องคิดฝัน. ไม่ได้ไปดูตำรา ไม่ได้ค้นตำรา แต่ค้นในความคิดฝัน ในจินตนาการ. เรานึกถึงว่าจะต้องมีแห่งหนึ่ง ที่จะเข้ากับ เรื่องของเรา เรื่องของเรา เกี่ยวข้องกับบุคคลหนึ่งที่มีบรรพบุรุษ มาจากอินเดีย ผ่านลังกา แล้วมาเมืองไทย. บรรพบุรุษเขา ไปพระพุทธบาทสระบุรี. พระเจ้าอยู่หัวในครั้งก่อนโน้น โปรดเสด็จไปสระบุรีกับเสนามาตย์ เพื่อนมัสการ พระพุทธบาทสระบุรี. ในเรื่องของเรา ปู่ของพระเอกไปแล้ว ก็เดินทางกลับมาทางสระบุรี. ใกล้อำเภอเมืองมีวัดแห่งหนึ่ง ชื่อว่าวัดมงคล. เขาชอบ เพราะคำว่ามงคลนี้มันดี มันเป็น มงคล มันก้าวหน้า เขาผ่านมาและได้ไปดูวัดแห่งนั้น และ ได้บริจาคเงินให้กับวัด สำหรับสร้างพระอุโบสถ. ปู่ของ พระเอกก็ยังได้ให้เงินส่วนหนึ่งสำหรับสร้างฝาย เพราะที่ ตรงนั้น ไม่ค่อยเหมาะสำหรับทำนา. แต่ถ้าทำฝายก็สามารถ ที่จะทำมาหากินได้ในทางเกษตร. นี่ก็ประมาณ ๙๐ ปีมาแล้ว. ลงท้ายเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องในจินตนาการ ก็กลายเป็นจริง. ...” สวนสมุนไพรและผักสวนครัว วัดมงคลชัยพัฒนา อ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 59
กิจกรรมที่วัดมงคลชัยพัฒนา อ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสระบุรี 60
61
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเล่าถึงจินตนาการ ความคิดเห็นของพระองค์อันเกี่ยวเนื่อง กับวัดที่ชื่อว่า “มงคล” หลังจากนั้นก็ทรงตรวจดูแผนที่และพบว่ามีวัดชื่อมงคล ตั้งอยู ่ห ่างจากอ�ำเภอเมืองสระบุรี ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร จึงโปรดให้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล นายมนูญ มุกข์ประดิษฐ์และนายพิมลศักดิ์สุวรรณทัต กรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา พิจารณาจัดซื้อที่ดินที่ติดกับวัดมงคล ต�ำบลห้วยบง อ�ำเภอเมืองเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสระบุรีจากนายขวัญเมือง ปะปลิว และนายสมจิตรท้าวครุฑจ�ำนวน๑๖ ไร่๒งานเมื่อพ.ศ.๒๕๓๑ต่อมาพ.ศ.๒๕๓๕ จึงซื้อเพิ่มจากนางค�ำ แสนพันธ์และนางบุญเรือง ราวีศรีจ�ำนวน ๑๕ ไร่เศษ รวมเป็น ๓๒ ไร่ ๔๗ ตร.วา (รวมทั้งมีผู้บริจาคสมทบด้วย) เพื่อน�ำมาพัฒนา การเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณวัดมงคลชัยพัฒนาอันเนื่องมาจาก พระราชด�ำริจึงเป็นศูนย์สาธิตการด�ำเนินเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างเป็นรูปธรรม สามารถให้เกษตรกรน�ำไปประยุกต์ใช้ปฏิบัติในพื้นที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างพออยู่พอกิน โครงการดังกล่าวนับเป็นจุดก�ำเนิด ของเกษตรทฤษฎีใหม่แห่งแรกในประเทศไทย 62
โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณวัดมงคลชัยพัฒนา แบ่งพื้นที่ด�ำเนินงาน ออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่หนึ่งแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน จ�ำนวน ๑๖ -๒-๒๓ไร่ ด�ำเนินการทดสอบและพัฒนาระบบการปลูกพืชผักสวนครัวในรูปแบบต่างๆ อาทิสวนพืชตระกูลมะ สวนพืชสมุนไพร สวนผลไม้ในที่ดอน สวนพรรณไม้หอม เฉลิมพระเกียรติรวมถึงการขุดสระน�้ำส�ำหรับเลี้ยงปลาและปลูกหญ้าแฝกเพื่อ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน เป็นต้น ส่วนที่สอง แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ จ�ำนวน ๑๕ - ๒ - ๒๔ ไร่ แบ่งพื้นที่ด�ำเนินงานตามแนวพระราชด�ำริทฤษฎีใหม่โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น๔ ส่วน คือ ๓๐ - ๓๐ - ๓๐ - ๑๐ โดยสัดส่วนดังกล่าวได้น�ำมาปรับตามความเหมาะสมของ สภาพพื้นที่ของวัดมงคลชัยพัฒนา โดยแต่ละส่วนประกอบด้วย ๑. ร้อยละ ๑๖ พื้นที่ประมาณ๒.๕ ไร่ด�ำเนินการขุดสระกักเก็บน�้ำ ขนาด ๕๕ เมตร ยาว ๗๑ เมตร ลึก ๕ เมตร สามารถกักเก็บน�้ำได้ประมาณ ๑๘,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตรเพื่อน�ำน�้ำมาไว้ใช้ในฤดูแล้ง นอกจากนี้ในสระยังได้เลี้ยงปลานิลและ ปลาตะเพียน เพื่อเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง ๒. ร้อยละ ๓๕.๕ พื้นที่ประมาณ ๕.๕ ไร่ พัฒนาพื้นที่เป็นแปลงนาข้าว โดยหลังฤดูเก็บเกี่ยวสามารถปรับสภาพดินเพื่อท�ำการปลูกพืชไร่พืชผักชนิดต่างๆ เช่น ข้าวโพดหวาน มะระ ถั่วเขียว เป็นต้น กิจกรรมและผลิตผล ที่วัดมงคลชัยพัฒนา อ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 63
ข้าวเปลือกที่วัดมงคลชัยพัฒนา อ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสระบุรี 64
65
๓. ร้อยละ ๒๔.๕ พื้นที่ประมาณ ๓.๘ ไร่ ท�ำการเกษตรอื่นๆ เช่น ปลูก พืชไร่ไม้ผลไม้ยืนต้น และพืชสมุนไพรเพื่อใช้เป็นอาหารประจ�ำวัน หากเหลือจาก บริโภคก็น�ำไปจ�ำหน่าย โดยเลือกปลูกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความ ต้องการของตลาด ตัวอย่างของพืชที่ปลูก คืออ้อย กล้วย กระถิน พริกขี้หนูมะกรูด เป็นต้น ๔. ร้อยละ ๒๔ พื้นที่ประมาณ ๓.๗ ไร่ เป็นส่วนของที่อยู่อาศัย ถนนและ เลี้ยงสัตว์ตลอดจนการปลูกผักปลอดสารพิษเพื่อบริโภคในครัวเรือนและจ�ำหน่าย เป็นการลดค่าใช้จ่ายและเสริมรายได้ในครัวเรือน กิจกรรมและผลิตผล ที่วัดมงคลชัยพัฒนา อ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี 66
ป่า ๓ อย่าง ประกอบด้วย - ป่าพออยู่ : ปลูกไม้เนื้อแข็งส�ำหรับสร้างบ้าน/เครื่องเรือน เช่น ไม้สัก ไม้ยางนา ไม้ตะเคียนทอง - ป่าพอกิน : ไม้ผล พืชผัก ไม้กินใบ - ป่าพอใช้ : การปลูกไม้ที่โตไวส�ำหรับท�ำถ่าน ท�ำฟืน เช่น ไผ่ กระถิน ถ้ามีการปลูกป่า ๓ อย่าง ก็จะได้ประโยชน์๓ ประการ ตามวัตถุประสงค์แล้ว แต่จะเกิดผลพลอยได้เป็นประโยชน์อย่างที่๔ คือ ดินและน�้ำจะอุดมสมบูรณ์ เพราะใบไม้จะมาห่มดิน รากต้นไม้เก็บน�้ำไว้ในพื้นที่ไม่ให้ไปที่อื่น เก็บน�้ำสะสม เป็นน�้ำใต้ดิน “ป่า๓อย่าง ประโยชน์๔อย่าง” 67
ป่าพออยู่ ไม้ยืนต้น ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 68
๓.๔ เ รื่ อ ง จ ริ ง ข อ ง ท ฤ ษ ฎี ใ ห ม ่ - ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบเอื้อง) อ�ำเภอ บ้านบึง จังหวัดชลบุรี (อาจารย์ยักษ์ - นายวิวัฒน์ ศัลยก�ำธร) “พอตามเสด็จฯ มากๆ.......ครอบครัวของผมเป็น ชาวนาอยู่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา บ้านแม่อยู่ ชลบุรี มีที่นาทั้ง ๒ ที่เลย มีนาแค่ ๔๐ ไร่ แต่เป็นบ้านที่มีฐานะ บ้านไม้สักหลังใหญ่ เวลาไปตลาด จึงหิ้วของจากรอบบ้าน ไปด้วย ขายเสร็จยังซื้อของได้แล้วยังมีเงินเหลือกลับมา วิถีชีวิตไปพ้องกับที่ได้ยินพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่ง ก็นึกได้ว่า นี่มันชีวิตแบบของเราเองนี่นา ยิ่งไม่ค่อยชอบกรุงเทพฯ อยู่ด้วยเป็นทุน ยิ่งได้ยินพระองค์รับสั่งยิ่งใช่เลย นี่มันชีวิต เรานั่นเอง แต่ว่าวัฒนธรรมมันผลักเราทั้งพ่อแม่ ทั้งครูว่า ใครเรียนเก่งต้องมากรุงเทพฯ ใครทำไร่ไถนาไม่เจริญดักดาน ใครทำอะไรไม่ดี ขี้เกียจเรียนก็ว่าให้ไปเลี้ยงควาย มันเป็นวัฒนธรรมที่ผลักคนออกไปจากรากเหง้า เราเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันผิด รู้แต่ว่าใจไม่ชอบ ยิ่งได้ฟัง พระเจ้าอยู่หัวนี่เข้าทางเลย” จากนิตยสาร ฅ คน ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๑ (๔๙) พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ อาจารย์ยักษ์- นายวิวัฒน์ศัลยก�ำธร 69
คลองไส้ไก่ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 70
ทฤษฎีใหม่เป็นระบบความคิดเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาที่ไม่เคยมี ผู้ใดคิดมาก่อน มีความแตกต่างจากทฤษฎีที่เคยมีมาก่อนทั้งสิ้น จึงได้เรียกว่า ทฤษฎีใหม่ซึ่งมีมากกว่า ๓๐ ทฤษฎีอาทิทฤษฎีการป้องกันการเสื่อมโทรมและพัง ทลายของดิน โดยหญ้าแฝก ทฤษฎีการจัดการความแห้งแล้งด้วยการท�ำฝนเทียม ทฤษฎีการจัดการน�้ำด้วยการสร้างฝายชุ่มชื้น ทฤษฎีการจัดการน�้ำท่วมด้วยการ ท�ำแก้มลิงเพื่อกักเก็บน�้ำ ฯลฯ ทฤษฎีเหล่านี้สามารถน�ำมาใช้ร่วมกัน เพื่อพัฒนา ไปสู่การพึ่งตนเอง พออยู่ พอกิน พอใช้และก้าวต่อไปสู่การร่วมมือกันจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและการสร้างเครือข่าย ส่วน “ทฤษฎีใหม่” ในความหมายนี้ หมายถึง ทฤษฎีใหม่ด้านการ บริหารที่ดินจ�ำนวนน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในพระราชด�ำริของพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับการท�ำการ เกษตรบนที่ดินจ�ำนวนน้อย โดยมีเป้าหมายเพื่อการอยู่อาศัยและการด�ำเนินชีวิต อย่างมั่นคง ยั่งยืน ซึ่งเป็นการคิดบนหลักการใหม่แตกต่างจากแนวทางการท�ำ การเกษตรอุตสาหกรรม ที่มุ่งผลิตผลผลิตในปริมาณมากเพื่อการค้าขายเป็นหลัก อาจารย์ยักษ์ หรือนายวิวัฒน์ ศัลยก�ำธร อดีตผู้อ�ำนวยการกองใน ส�ำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชด�ำริ(กปร.)ได้น�ำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ไปทดลองใช้ ในพื้นที่ ๔๐ ไร่ ซึ่งเป็นมรดกของครอบครัว ที่บ้านมาบเอื้อง ต�ำบลหนองบอน แดง อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรีในขณะที่ยังรับราชการอยู่ด้วย โดยใช้เวลาวัน 71
เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการมาบุกเบิก หักล้างถางพง ปลูกพืชตามหลัก ทฤษฎีใหม่ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๒๕ พื้นที่ ๔๐ ไร่นี้เป็นป่าอ้อยทิ้งร้าง แห้งแล้ง มีแต่ดินดาน ขาดแคลนน�้ำ โดยเริ่มจากการขอกล้าไม้จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาขุดหลุมปลูก คลุม ด้วยหญ้าแฝก ลดด้วยน�้ำชีวภาพ ๓ ปีแรกต้องอดทนอย่างมาก กว่าจะปลูกต้นไม้ ได้ต้นหนึ่ง ต้องขุดหลุมอยู่ครึ่งวัน จ้างคนงานมาได้ครึ่งวันก็หนีกลับ เพราะล�ำบาก จึงไม่กล้ารับเงินค่าจ้าง สิบปีผ่านไป อาจารย์ยักษ์จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ และลงไปอยู่อาศัยในที่ดินแปลงนี้อย่างเต็มตัว เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๖ ท่านใช้เวลาต่อสู้กับความแห้งแล้งของพื้นดิน ภายใน ๕ ปีพื้นดินแปลง นี้ก็ได้รับการฟื้นฟูอุดมสมบูรณ์ด้วยพรรณไม้ยืนต้นกว่า ๓๐๐ ชนิด ต่อจากนั้น จึงได้ตั้งเป็น “ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง” เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑ ต่อมาอาจารย์ยักษ์จึงเริ่มแสวงหาแนวร่วม คนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ใน การใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ลดการพึ่งพาสารเคมี หันกลับมาพึ่งตนเอง โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาชาวบ้าน ภายใต้แนวคิด การบริหารพื้นที่ตามหลักป่า ๓ อย่าง ประโยชน์๔ อย่าง และไม้๕ ชั้น ภาพหน้าขวา คลองไส้ไก่ ศูนย์กสิกรรม ธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ภาพหน้าซ้าย ป่าพอกิน ศูนย์กสิกรรม ธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 72
73
สภาพพื้นภูมิที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 74
“ไม้๕ชั้น เป็นการปลูกพืชแบบผสมผสานต่างระดับ หรืออาจเรียกว่าเป็นการปลูกพืช ” ในระบบวนเกษตรคือจะมีไม้ยืนต้นเป็นไม้ใช้สอยหรือไม้ผลโดยให้ลักษณะ ของพืชที่ปลูกนั้น แบ่งเป็น ๕ ระดับ ตามความสูงและความลึกของราก ชั้นบน (ระดับแรก) เป็นพืชที่ต้องการแสงมาก มีพุ่มใบไม่หนาทึบ เช่น มะพร้าว ตาล หมาก ชั้นที่สอง เป็นต้นไม้ที่มีใบพุ่มหนา เช่น ล�ำใย มะม่วง ลิ้นจี่ ชั้นที่สาม เป็นกล้วย กาแฟ โกโก้ชา แคบ้าน หรือปลูกพืชไร่ที่ ต้องการแสงน้อย เช่น ข้าวโพด ข้าวไร่ ชั้นที่สี่ เป็นไม้เรี่ยดินหรือไม้เลื้อย ได้แก่ ชะพลูพลูพริกไทย และชั้นที่ห้า เป็นไม้ใต้ดิน ได้แก่ ขิง ข่า กระชาย ขมิ้น เผือก ว่าน หรือสมุนไพรต่างๆ ตามความเหมาะสม การปลูกไม้๕ ชั้นจะช่วยให้ธาตุอาหารในดินหมุนเวียนและถูกใช้ ไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ดินจะถูกปกคลุมตลอดเวลาและได้ รับอินทรียวัตถุอย่างสม�่ำเสมอจากใบไม้ที่ร่วงหล่น ลดความแรงของการ ตกกระทบโดยตรงของเม็ดฝน เพราะเรือนยอดของต้นไม้และไม้พื้นล่าง ที่ขึ้นคลุมดินอยู่จะช่วยรองรับน�้ำฝนเป็นชั้นๆ โรคและแมลงก็จะมีน้อยลง ไม่ต้องใช้ยาปราบศัตรูพืช จึงเป็นวิธีการปรับปรุงดินที่ใช้ท�ำการเกษตรได้ อย่างยั่งยืน 75
76
ทั้งนี้ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) มีวัตถุประสงค์ดังนี้ ๑. เพื่อส่งเสริมการผลิตอาหารไร้สารพิษ ปราศจากสารเคมีส�ำหรับ มวลมนุษย์ชาติ ๒. สนับสนุน ฝึกอบรม ศึกษา ค้นคว้า วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อการกสิกรรม การเพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำ การปศุสัตว์การพลังงาน การแพทย์ เภสัชกรรม และการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยเน้นภูมิปัญญาตะวันออก ๓. สนับสนุนให้ชุมชนพึ่งตนเองได้พึ่งพาอาศัยกันและการพึ่งพิงกันกว้าง ขวางยิ่งขึ้นตามแนวพระราชด�ำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทฤษฎีใหม่ ๔. สนับสนุนให้เกษตรกร ชุมชน และองค์กรธุรกิจ ด�ำเนินการผลิตและ จ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อทดแทนสารเคมีและสารพิษทางการเกษตร ๕. ส่งเสริมงานวัฒนธรรม ๖. ด�ำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ ๗. ไม่ด�ำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด อาจารย์วิวัฒน์ศัลยก�ำธร ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒ ความว่า “คือพระเจ้าอยู่หัวท่านเตือนว่า เราจะ เจอวิกฤตหนักหนาสาหัส จนคนจนไม่รู้จะอยู่ ยังไง แม้แต่คนรวยก็ไปไม่รอดด้วย ถ้ามัน เจอภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรง เจอโรคระบาด ในพืชรุนแรง ในคนรุนแรง เจอสภาวะ อดอยาก ข้าวยากหมากแพง คนรวยอาจจะ หาซื้ออะไรได้ แต่ขโมยขโจรก็มากขึ้น สังคม ก็จะทะเลาะเบาะแว้ง แตกแยก จะรวยจะจน ก็เดือดร้อน มันจะกระเทือนถึงกันหมด ฉะนั้นมันก็มีทางเดียวคือ ท�ำให้คนรู้เรื่องนี้ มากที่สุด ถ้าคนสามารถรับรู้ความจริงข้อนี้ แล้วรับรู้จนถึงเกณฑ์ขั้นปฏิบัติได้ด้วย..... เขาจะรอด” ความจริงข้อนี้ก็คือ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ทางการเกษตร การบรรยายและกิจกรรม ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 77
สภาพพื้นภูมิที่ศูนย์กสิกรรม ธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี 78
79
การประยุกต์ทฤษฎีใหม่ สู่ โคก หนอง นา แห่งน�้ำใจและความหวัง ๔
82
การประยุกตทฤษฎีใหม ์ ่สู่ โคก หนอง นา แห่ งน้ำใจและความหวัง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระราชทาน “ทฤษฎีใหม่” เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาโดยประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับ การทำการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม เริ่มจากการศึกษาข้อมูลจนพบว่าเกษตรกรไทยส่วนใหญ่มีพื้นที่เฉลี่ยอยู่ประมาณครอบครัวละ ๑๐ - ๑๔ ไร่ จึงทรงคิดค�ำนวณจ�ำแนกการใช้พื้นที่ดินเพื่อการด�ำเนินชีวิต โดยมีเป้าหมายหลักคือ ท�ำอย่างไรให้มีข้าวปลาอาหารจากผืนแผ่นดินเพียงพอตลอดปีจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไปกับ ค่าอาหารและของกินของใช้ต่างๆ และมีรายได้เหลือพอส�ำหรับจ่ายใช้สอยในสิ่งจ�ำเป็นส�ำหรับชีวิต ขั้นตอนของการน�ำทฤษฎีใหม่ไปปฏิบัติให้ส�ำเร็จนั้น มีสิ่งที่ต้องค�ำนึงถึงหลายประการ และ ที่ส�ำคัญที่สุดต้องไม่ลืมเรื่องของ “ความยืดหยุ่น” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำรัสไว้ บ่อยครั้งว่า “อย่าติดต�ำรา” เพราะสิ่งที่พระองค์มีพระราชด�ำรินั้นเป็น “ทฤษฎีใหม่” ย่อมยังไม่มีใน ต�ำราใดๆ และด้วยความเป็นทฤษฎีใหม่นี้สิ่งต่างๆ ที่ก�ำหนดขึ้นก็เป็นเพียง “Tentative Formula” หรือสูตรคร่าวๆ เมื่อน�ำไปปฏิบัติแล้วจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องค�ำนึงถึงความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ และปัจจัยอื่นๆ ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละครอบครัว ซึ่งมีความแตกต่างกันไปตามภูมิสังคม ๔.๑ ทฤษฎีใหม่กับการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงความส�ำคัญของ“น�้ำ” ที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพ ชีวิตและยกระดับฐานะของราษฎรได้มั่นคงยั่งยืน ประกอบกับการที่ได้ทรงเรียนรู้การทรงงานด้าน พัฒนาต่างๆ จากสมเด็จพระบรมชนกนาถ เสด็จฯ ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแต่ละครั้งนั้น นอกจากจะสร้างขวัญก�ำลังใจและน�ำความปลื้มปีติสู่ราษฎรแล้ว ทรงได้ศึกษาและทอดพระเนตร โครงการพัฒนาแหล่งน�้ำอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริด้วยความสนพระราชหฤทัย และพระราชทาน แนวทางเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ราษฎรผู้รับประโยชน์จากโครงการนั้นๆ อีกด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริด้านการพัฒนา แหล่งน�้ำ โดยเสด็จฯไปทอดพระเนตรพื้นที่โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ต�ำบลยางหัก อ�ำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรีและโครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถบ้านห้วยม่วง ต�ำบลตะนาวศรีอ�ำเภอสวนผึ้งจังหวัดราชบุรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๔ 83
ครั้งนั้นราษฎรต�ำบลยางหักได้กราบบังคมทูลขอพระราชทาน ความช ่วยเหลือด้านแหล ่งน�้ำ จึงมีพระราชด�ำริให้กรมชลประทานพิจารณา จัดท�ำโครงการพัฒนาแหล่งน�้ำในต�ำบลยางหักอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว จึงนับว่าเป็นโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชด�ำริโครงการแรกในพระองค์ ทางโครงการได้สร้างอ่างเก็บน�้ำขึ้น ๕ แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน�้ำห้วย แม่ประจัน ๒ อ่างเก็บน�้ำบ้านพุกรูด อ่างเก็บน�้ำเขาหัวแดงอ่างเก็บน�้ำห้วยพุกรูด และอ่างเก็บน�้ำหินสีตอนบน ในปัจจุบันอ่างเก็บน�้ำทั้ง ๕ แห่งดังกล่าวส่งน�้ำให้พื้นที่ เพาะปลูกในต�ำบลยางหัก มากกว่า ๗,๓๐๐ ไร่ ได้อย่างทั่วถึง ช่วยส่งเสริมอาชีพ เกษตรกรรม สร้างฐานะรายได้ที่ดีขึ้น ราษฎรที่เคยอพยพทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไป เพราะการประกอบอาชีพที่ไม่ได้ผล พากันกลับสู่บ้านเกิดด้วยความหวังในชีวิต ที่เกิดขึ้นจากน�้ำพระราชหฤทัย นับจากนั้นเป็นต้นมา เกือบทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู ่หัว โดยเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต ่างๆ ทอดพระเนตรความเป็นอยู ่ของราษฎร และพระราชทานแนวพระราชด�ำริพัฒนาแหล ่งน�้ำ เพื่อช ่วยเหลือปัดเป ่า ความเดือดร้อนให้ราษฎรในพื้นที่นั้น จาก พ.ศ. ๒๕๓๔ จนถึงปัจจุบัน การเอามื้อสามัคคี ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน นครนายก 84
โครงการพัฒนาแหล ่งน�้ำอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู ่หัว กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศกว่า ๑๐๐ โครงการ โดยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ ทั้งหมดได้อ�ำนวยประโยชน์สร้างฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้พสกนิกร ขณะเดียวกัน ก็สร้างความมั่นคง ความสงบสุข และประโยชน์กับสังคมโดยรวมของประเทศอีกด้วย ส�ำหรับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจ�ำนวนกว่า ๑๐๐ โครงการทั่วประเทศ ส ่วนใหญ ่เป็นโครงการพัฒนาแหล ่งน�้ำขนาดเล็ก มีทั้งที่เป็นโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริและที่เกิดขึ้นจากการขอพระราชทานโครงการจากราษฎรในพื้นที่ ซึ่งทุกโครงการล้วนสนับสนุนให้ประชาชนมีน�้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภค การประกอบอาชีพ และกิจกรรม อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตระหนักถึงความส�ำคัญของ “น�้ำ” และการพัฒนาแหล่งน�้ำที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรได้อย่างมั่นคงยั่งยืน ภายหลัง จาก พ.ศ. ๒๕๓๔ ที่ทรงริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริด้านการพัฒนาแหล่งน�้ำโครงการ แรกถึงปัจจุบัน โครงการพัฒนาแหล่งน�้ำอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริในพระองค์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ได้อ�ำนวยประโยชน์สร้างฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พสกนิกร ท�ำให้วันนี้โครงการ พัฒนาแหล่งน�้ำอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริเป็นจุดเริ่มต้นส�ำคัญในการพัฒนาอาชีพ ความเป็นอยู่ ของราษฎร สร้างความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน สร้างรอยยิ้มและความปีติสุขให้เกิดขึ้นกับพสกนิกร ในพระองค์ตราบนานเท่านาน 85
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงท�ำปุ๋ยหมักเป็นปฐมฤกษ์จากผักตบชวาและวัชพืชต่าง ๆ ตามโครงการรณรงค์จัดท�ำปุ๋ยหมัก เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกรน�ำไปปรับปรุงคุณภาพดินให้มีความอุดมสมบูรณ์สูงขึ้น ณ บ้านแหลมสะแก ต�ำบลเดิมบาง อ�ำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ 86
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู ่หัว เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเกี่ยวข้าว และพระราชทานธงประจ�ำศูนย์ส ่งเสริมและ ผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนที่จะเปิดด�ำเนินการใหม่ จ�ำนวน ๕๒ ศูนย์ณ บริเวณแปลงนาเกษตร หมู่ที่ ๕ ต�ำบลบางงาม อ�ำเภอศรีประจันต์จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ 87
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์“โคก หนอง นา แห่งน�้ำใจและความหวัง” “งานเสร็จเป็นรูปธรรม นามธรรมอิ่มเอิบ สบายใจ” เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ 88
แผนผังการเรียนรู้ศูนย์เรียนรู้สัมมาชีพชุมชน ต�ำบลคลองหก อ�ำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (นายอดุลย์วิเชียรชัย) ๔.๒ องค์ความรู้ “โคก หนอง นา” การขาดแคลนน�้ำเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากแหล่งต้นน�้ำ ล�ำธารถูกท�ำลาย การตัดไม้ท�ำลายป่าอย่างรุนแรง ในช่วง พ.ศ. ๒๕๐๐ ท�ำให้ขาดแหล่งซับน�้ำ และก่อให้เกิดอุทกภัยรุนแรง ประกอบกับจ�ำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและการขยายกิจกรรมทาง เศรษฐกิจสาขาต่างๆ ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการบริการ ท�ำให้ความ ต้องการน�้ำเพิ่มขึ้นตามมา ดังนั้นปัญหาการขาดแคลนน�้ำจึงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลักส�ำคัญว่า ต้องมีน�้ำ น�้ำบริโภคและน�้ำใช้ น�้ำเพื่อการ เพาะปลูก เพราะชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน�้ำ คนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน�้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้า คนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน�้ำ คนอยู่ไม่ได้ พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันที ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๙่ จากหนังสือพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูหัว กับการพัฒนาการเกษตรไทย ่ โดย กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ 89
พ ร ะ ร าชด�ำริในก า รจัดก า รท รัพย าก รน�้ำเพื่อก า รเกษต รขอ ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร น�ำมาสู่การพัฒนารักษาและต่อยอด เป็นการประยุกต์ทฤษฎีใหม่ สู่ โคก หนอง นา แห่งน�้ำใจและความหวังของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่ง ทรงขยายหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ให้เห็นและสัมผัส ได้จริง โดยผ่านการประชุมร่วมกันคิดจากนักวิชาการด้านต่างๆ โดยเฉพาะ สถาปนิก และเกษตรกรผู้ทรงภูมิ เนื่องด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่เป็นศัพท์แสง ของนักวิชาการ อาจจะฟังดูในระดับคนทั่วไปแล้วเข้าใจยาก จึงได้มีการปรึกษา คิดหาค�ำง่ายๆ ที่เข้าใจได้ทันทีที่ได้ยิน และสอดคล้องกับภูมิปัญญาของราษฎร จึงเกิดค�ำว่า “โคก หนอง นา” รวมถึงเรื่องที่เป็นวิถีธรรมดาของชีวิตชนบทของ คนไทย คือประเพณีการลงแขก ก็ถูกน�ำกลับมาใช้ใหม่ในค�ำว่า“เอามื้อสามัคคี” โครงการแรกสุดที่ได้รับการสถาปนา คือ โรงเรียนจิตอาสา ๙๐๔ พระองค์ทรงให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และราชองครักษ์เข้าอบรมหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ(มาบเอื้อง) อ�ำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรีจ�ำนวน ๔ รุ่น รุ่นละ ๕๐๐ คน รวมเป็น ๒,๐๐๐ คน เพื่อให้บุคคลเหล่านี้เป็นต้นแบบในการที่จะขับเคลื่อนหลักทฤษฎีใหม่ไปสู่สังคม โดยใช้ที่ดินบริเวณกรมทหารราบที่๑๑ มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์บางเขน เป็นแปลงสาธิตและเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรม เริ่มจากแปลงขนาด ๕ ไร่ แล้วขยายเป็นระยะๆ จนปัจจุบันมีถึง ๒๐๐ ไร่เศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทอดพระเนตรผลงาน ความก้าวหน้าด้านการทดลองและวิจัย การศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรด ของดินพรุที่มีผลต่อการเพาะปลูกพืชและ งานปรับปรุงดินเปรี้ยวในแปลงทดลอง ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ ต�ำบลกะลุวอเหนือ อ�ำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ 90
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์“โคก หนอง นา แห่งน�้ำใจและความหวัง” “We are farmers together” เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ 91
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์“โคก หนอง นาแห่งน�้ำใจและความหวัง” “เรารักธรรมชาติ เราสร้างสรรค์ในงานเกษตร โคก หนอง นา เพื่อความอุดมสมบูรณ์และความสดใส ทั้งกายและใจ Happy farmers” เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ 92
มีการออกแบบภูมิทัศน์โดยสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญ ค�ำนึงถึงดินฟ้าอากาศ ทิศทางลม ว่าจะให้มีโคกอยู่มุมไหน มีหนองน�้ำบริเวณไหน และท�ำนาตรงจุดไหน ให้สัมพันธ์กับการไหลเวียนของน�้ำ ผ่านคลองไส้ไก่กับหลุมขนมครก ซึ่งปัจจุบันนี้ ได้ท�ำการขุด ปั้น แต่ง และปลูกเสร็จแล้วในพื้นที่ประมาณ ๓๐ ไร่ เหลือแต่การ ซ่อมปรับปรุงอาคารเก่าให้สามารถใช้งานได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเอาพระทัยใส่โครงการอย่างใกล้ชิด มีค�ำส�ำคัญ๓ข้อ คือ“ประโยชน์สูง ประหยัดสุด ศิลปะงามตา” ค�ำนึงถึงประโยชน์ ที่ประชาชนจะได้รับและประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย วัตถุประสงค์หลัก ๓ ประการในการใช้พื้นที่ของกรมทหารราบที่๑๑ รอ. คือ ๑. เป็นพื้นที่เรียนรู้ด้านการผลิตอาหารของเมือง กรณีฉุกเฉิน ๒. เป็นพื้นที่เรียนรู้ด้านสุขภาพพึ่งตนเองของคนเมืองเพื่อไม่ให้ป่วย ๓. เป็นพื้นที่เรียนรู้การเผชิญเหตุภัยพิบัติต่างๆ หนองน�้ำ ศูนย์เรียนรู้ สัมมาชีพชุมชน ต�ำบลคลองหก อ�ำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (นายอดุลย์วิเชียรชัย) 93
๔.๓ หลักการออกแบบพื้นที่ โคก หนอง นา ตามภูมิสังคม (Geosocial) การออกแบบพื้นที่ด้วย โคก หนอง นา เป็นการประยุกต์หลักทฤษฎีใหม่ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้เหมาะสมตามสภาพตามภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุด กล่าวคือ สอดคล้องกับ ‘ภูมิ’ หรือ สภาพทางกายภาพของพื้นที่ และ ‘สังคม’ หรือ วิถีชีวิต ค่านิยม ความหลากหลายของวัฒนธรรมและประเพณี ของคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ๔.๓.๑ หลักการท�ำโคก หนอง นา การท�ำโคก หนอง นา เป็นการจัดการพื้นที่ซึ่งเหมาะกับการท�ำเกษตร ตามทฤษฎีใหม ่ (๓๐ : ๓๐ : ๓๐ : ๑๐) โดยยึดหลักการที่ว ่าฝนตกเท ่าไร ต้องกักเก็บน�้ำไว้ให้ได้ทั้งหมด ไม่ทิ้ง ควบคู่กับหลักการทรงงานของพระราชา คือ ต้องไม่ติดต�ำรา ต้องมีความยึดหยุ่นในการท�ำงาน ท�ำตามภูมิสังคมและ ท�ำแบบคนจน (ค่อยๆ ท�ำตามก�ำลัง) ภาพหน้าซ้ายบน การขุดสระน�้ำ ศูนย์ศึกษา และพัฒนาชุมชนนครนายก ภาพหน้าซ้ายล่าง กิจกรรมและการฝึกอบรม ทฤษฎีใหม่ ศูนย์ศึกษาและ พัฒนาชุมชนนครนายก ภาพหน้าขวา พืชผักสวนครัว ศูนย์เรียนรู้ สัมมาชีพชุมชน ต�ำบลคลองหก อ�ำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (นายอดุลย์วิเชียรชัย) 94
๑. ดินที่ขุดท�ำหนองน�้ำนั้นให้น�ำมาท�ำโคก บนโคกปลูก “ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์๔ อย่าง” ตาม แนวทางพระราชด�ำริคือ ใช้เป็นไม้ใช้สอยเพื่อสร้างบ้านเรือน ช่วยสร้างความร่มเย็น ความชุ่มชื้นใน พื้นที่และควรปลูกป่าเป็นไม้๕ ระดับ ได้แก่ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย ไม้เรี่ยดินและพืชหัวใต้ดิน เพื่อให้ รากสานกันหลายระดับ ต�ำแหน่งของป่าควรอยู่ทิศตะวันตกเพื่อช่วยบังแสงอาทิตย์ยามบ่าย ๒. หนองน�้ำ ต้องขุดลึกมากกว่า ๓ เมตร เพื่อให้มีน�้ำเหลือพอในหน้าแล้ง มีความต่างระดับ ลึกตื้นเพื่อปลาจะวางไข่บริเวณตะพัก ควรปลูกหญ้าแฝกไว้บริเวณรอบๆ เพื่อป้องกันการพังทลายของ ขอบบ่อและเพื่อให้น�้ำกระจายไปเต็มพื้นที่ ให้ขุด “คลองไส้ไก่” โดยขุดให้คดเคี้ยวไปตามพื้นที่ เพื่อให้ น�้ำกระจายเต็มพื้นที่เพิ่มความชุ่มขึ้น ลดพลังงานในการรดน�้ำต้นไม้ในคลองไส้ไก่นั้นท�ำหลุมขนมครก และฝายทดน�้ำไปด้วย ๓. นา ยกคันนาให้สูงอย่างน้อย ๑ เมตร ความกว้างตามความเหมาะสม เพื่อให้นาสามารถ กักเก็บน�้ำไว้ได้ในยามน�้ำหลาก และปลูกข้าวอินทรีย์พื้นบ้าน โดยเริ่มจากการฟื้นฟูดินด้วยการ ท�ำเกษตรอินทรีย์คืนชีวิตเล็กๆ หรือจุลินทรีย์กลับคืนแผ่นดิน ข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่เติบโตด้วยดินที่ อุดมสมบูรณ์จะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคและแมลง ๔. คันนาทองค�ำ บนคันนาและโดยรอบพื้นที่ ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก ่ เลี้ยงปลา ท�ำให้พออยู่พอกิน พอใช้พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ก่อนเข้าสู่ขั้นก้าวหน้า คือ ท�ำบุญ ท�ำทาน เก็บรักษา ค้าขาย และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย 95
คลองไส้ไก่และผลผลิต ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก 96