อิสลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๓. อธิบายเกย่ี วกับการเปลยี่ นแปลงของศกั ย์ไฟฟา้ ท่เี ยอ่ื หุ้มเซลล์ของเซลลป์ ระสาท และกลไก 42
การถา่ ยทอดกระแสประสาท
๔. อธบิ าย และสรุปเกี่ยวกบั โครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก
๕. สบื คน้ ข้อมลู อธิบายโครงสรา้ งและหน้าที่ของสว่ นต่าง ๆ ในสมองส่วนหนา้ สมองสว่ นกลางสมอง
ส่วนหลงั และไขสันหลงั
๖. สืบค้นข้อมลู อธบิ าย เปรยี บเทียบ และยกตวั อยา่ งการทางานของระบบประสาทโซมาติก และระบบ
ประสาทอัตโนวัติ
๗. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของตา หู จมกู ลน้ิ และผิวหนังของมนษุ ย์ ยกตวั อยา่ งโรค
ตา่ ง ๆ ท่ีเก่ยี วข้อง และบอกแนวทางในการดูแลปอ้ งกัน และรกั ษา
๘. สงั เกต และอธิบายการหาตาแหนง่ ของจดุ บอดโฟเวยี และความไวในการรับสัมผัสของผวิ หนัง
๙. สืบค้นข้อมูล อธบิ าย และเปรียบเทยี บโครงสร้างและหน้าทข่ี องอวยั วะท่ีเก่ยี วข้องกับการเคลื่อนท่ี
ของแมงกะพรนุ หมกึ ดาวทะเล ไสเ้ ดอื นดินแมลง ปลา และนก
๑๐. สบื ค้นข้อมลู และอธิบายโครงสร้างและหนา้ ท่ีของกระดกู และกลา้ มเนื้อที่เกีย่ วข้องกับการ
เคล่ือนไหวและการเคล่อื นท่ีของมนุษย์
๑๑. สังเกต และอธบิ ายการทางานของข้อตอ่ ชนดิ ต่าง ๆ และการทางานของกลา้ มเนอื้ โครงร่างที่
เกี่ยวข้องกับการเคลือ่ นไหวและการเคล่ือนท่ีของมนษุ ย์
๑๒. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ าย และยกตวั อยา่ งการสบื พันธ์ุแบบไมอ่ าศยั เพศและการสบื พันธ์ุแบบอาศยั เพศในสัตว์
๑๓. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสบื พนั ธ์เุ พศชายและระบบสืบพนั ธุ์
เพศหญงิ
๑๔. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งสเปริ ์ม กระบวนการสร้างเซลลไ์ ข่ และการปฏสิ นธใิ นมนุษย์
๑๕. อธิบายการเจรญิ เตบิ โตระยะเอม็ บรโิ อและระยะหลงั เอ็มบริโอของกบ ไก่ และมนุษย์
๑๖. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และเขยี นแผนผงั สรุปหนา้ ท่ขี องฮอร์โมนจากตอ่ มไรท้ ่อและเน้ือเยื่อที่สรา้ งฮอรโ์ มน
๑๗. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย เปรียบเทียบ และยกตวั อยา่ งพฤติกรรมทเ่ี ปน็ มาแต่กาเนดิ
และพฤตกิ รรมที่เกิดจากการเรียนรู้ของสตั ว์
๑๘. สืบคน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และยกตัวอยา่ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฤติกรรมกับวิวฒั นาการของระบบประสาท
๑๙. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย และยกตัวอย่างการส่ือสารระหว่างสตั ว์ท่ีทาให้สัตวแ์ สดงพฤติกรรม
สาระชวี วิทยา
๕. เข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับระบบนิเวศ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนสารในระบบ
นิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบ
การเพิ่มของประชากรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการใช้ประโยชน์
และแนวทางการแกไ้ ขปญั หา
ชั้น ผลการเรยี นรู้
ม.๔ -
อสิ ลามวทิ ยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ม.๕ -
ม.๖ ๑. วิเคราะห์ อธบิ าย และยกตัวอยา่ งกระบวนการถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ
๒. อธบิ าย ยกตัวอย่างการเกิดไบโอแมกนิฟเิ คชนั และบอกแนวทางในการลดการเกิด
ไบโอแมกนฟิ ิเคชนั
๓. สืบค้นข้อมลู และเขียนแผนภาพ เพอ่ื อธบิ ายวฏั จักรไนโตรเจน วัฏจกั รกามะถัน และวฏั จกั ร
ฟอสฟอรสั
๔. สบื ค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง และอธบิ ายลกั ษณะของไบโอมท่ีกระจายอยู่ตามเขตภมู ิศาสตรต์ ่าง ๆบน
โลก
๕. สืบคน้ ข้อมูล ยกตวั อย่าง อธบิ าย และเปรยี บเทยี บการเปลยี่ นแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิ และการ
เปลยี่ นแปลงแทนท่ีแบบทตุ ิย
๖. สืบค้นข้อมูล อธบิ าย ยกตัวอย่าง และสรปุ เกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของประชากรของ
ส่ิงมีชีวติ บางชนิด
๗. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย เปรยี บเทียบ และยกตัวอย่างการเพิม่ ของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชยี ลและ
การเพิ่มของประชากรแบบลอจสิ ตกิ
๘. อธบิ าย และยกตวั อย่างปัจจยั ท่ีควบคมุ การเติบโตของประชากร
๙. วเิ คราะห์ อภปิ ราย และสรุปปญั หาการขาดแคลนน้า การเกิดมลพิษทางนา้ และผลกระทบท่ีมตี อ่
มนษุ ยแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม รวมทงั้ เสนอแนวทางการวางแผนการจดั การนา้ และการแก้ไขปัญหา
๑๐. วเิ คราะห์ อภปิ ราย และสรุปปญั หามลพิษทางอากาศ และผลกระทบทมี่ ีต่อมนุษยแ์ ละสิ่งแวดล้อม
รวมทง้ั เสนอแนวทางการแก้ไขปญั หา
๑๑. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรุปปัญหาท่ีเกดิ กบั ทรัพยากรดนิ และผลกระทบทมี่ ตี ่อมนุษยแ์ ละ
ส่ิงแวดลอ้ ม รวมท้งั เสนอแนวทางการแก้ไขปญั หา
๑๒. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หา ผลกระทบทเ่ี กิดจากการทาลายป่าไม้ รวมท้ังเสนอแนวทางใน
การป้องกันการทาลายปา่ ไมแ้ ละการอนรุ กั ษป์ ่าไม้
๑๓. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหา ผลกระทบที่ทาให้สตั ว์ป่ามีจานวนลดลง และแนวทางในการ 43
อนรุ กั ษส์ ัตวป์ า่
สาระเคมี
๑. เขา้ ใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรยี งธาตุในตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุพนั ธะเคมีและสมบัติของสาร แก๊ส
และสมบตั ิของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมทัง้ การนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ชน้ั ผลการเรยี นรู้
ม.๔ ๑. สบื ค้นข้อมลู สมมติฐาน การทดลอง หรอื ผลการทดลองท่ีเปน็ ประจักษพ์ ยานในการเสนอแบบจาลอง
อะตอมของนักวิทยาศาสตรแ์ ละอธบิ ายววิ ฒั นาการของแบบจาลองอะตอม
อสิ ลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๒. เขยี นสญั ลกั ษณน์ ิวเคลียรข์ องธาตุ และระบจุ านวนโปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอมจาก
สัญลกั ษณ์นวิ เคลียร์ รวมทัง้ บอกความหมายของไอโซโทป
๓. อธิบาย และเขยี นการจัดเรียงอเิ ลก็ ตรอนในระดบั พลงั งานหลกั และระดับพลังงานย่อย
เม่ือทราบเลขอะตอมของธาตุ
๔. ระบุหมู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และกงึ่ โลหะ ของธาตเุ รพรีเซนเททีฟและธาตแุ ทรนซชิ นั ในตารางธาตุ
๕. วเิ คราะห์ และบอกแนวโน้มสมบัตขิ องธาตุเรพรีเซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ
๖. บอกสมบัตขิ องธาตโุ ลหะแทรนซิชัน และเปรียบเทยี บสมบัติกบั ธาตโุ ลหะในกลุ่มธาตเุ รพรีเซนเททฟี
๗. อธิบายสมบัติ และคานวณครง่ึ ชีวิตของไอโซโทปกมั มันตรังสี
๘. สบื ค้นข้อมูล และยกตัวอย่างการนาธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมทง้ั ผลกระทบตอ่ สิง่ มีชีวิต และสง่ิ แวดลอ้ ม
๙. อธบิ ายการเกดิ ไอออนและการเกดิ พันธะไอออนิก โดยใชแ้ ผนภาพหรอื สญั ลักษณแ์ บบจุดของลวิ อิส
๑๐. เขียนสูตร และเรยี กชื่อสารประกอบไอออนิก
๑๑. คานวณพลังงานท่เี กย่ี วข้องกับปฏิกริ ยิ าการเกดิ สารประกอบไอออนิกจากวฏั จักรบอรน์ -ฮาเบอร์
๑๒. อธบิ ายสมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก
๑๓. เขียนสมการไอออนกิ และสมการไอออนิกสุทธขิ องปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนิก
๑๔. อธบิ ายการเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดยี่ วพันธะคู่ และพนั ธะสาม ดว้ ยโครงสรา้ งลิวอสิ
๑๕. เขยี นสตู ร และเรียกช่ือสารโคเวเลนต์
๑๖. วเิ คราะห์ และเปรยี บเทียบความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ รวมท้ังคานวณพลงั งาน
ที่เก่ียวข้องกับปฏิกริ ยิ าของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพันธะ
๑๗. คาดคะเนรปู ร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ โดยใชท้ ฤษฎกี ารผลักระหว่างคู่อเิ ลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์และระบุ
สภาพข้ัวของโมเลกุลโคเวเลนต์
๑๘. ระบชุ นดิ ของแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทยี บจดุ หลอมเหลวจุดเดอื ด และ
การละลายน้าของสารโคเวเลนต์
๑๙. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายสมบัติของสารโคเวเลนตโ์ ครงรา่ งตาขา่ ยชนดิ ต่าง ๆ
๒๐. อธิบายการเกิดพนั ธะโลหะและสมบัติของโลหะ
๒๑. เปรยี บเทยี บสมบตั ิบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ สืบค้นขอ้ มูลและ
นาเสนอตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ ได้อยา่ งเหมาะสม
ม.๕ ๑. อธบิ ายความสัมพนั ธ์และคานวณปริมาตรความดัน หรอื อุณหภูมขิ องแก๊สทภ่ี าวะ ตา่ ง ๆตามกฎของ
บอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์-ลูสแซก
๒. คานวณปริมาตร ความดนั หรอื อณุ หภูมิของแก๊สท่ีภาวะต่าง ๆ ตามกฎรวมแก๊ส
๓. คานวณปริมาตร ความดัน อณุ หภมู ิ จานวนโมลหรือมวลของแกส๊ จากความสัมพันธ์ตามกฎของอาโวกา
โดร และกฎแกส๊ อุดมคติ
๔. คานวณความดันยอ่ ยหรือจานวนโมลของแกส๊ ในแก๊สผสม โดยใชก้ ฎความดันยอ่ ยของดอลตัน
๕. อธิบายการแพร่ของแกส๊ โดยใช้ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ คานวณและเปรยี บเทียบอัตรา
อิสลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
การแพร่ของแก๊ส โดยใชก้ ฎการแพรผ่ ่านของเกรแฮม 44
๖. สบื ค้นข้อมูล นาเสนอตัวอย่าง และอธบิ ายการประยุกต์ใชค้ วามร้เู กีย่ วกับสมบัตแิ ละกฎตา่ ง ๆของแก๊สใน
การอธิบายปรากฏการณ์ หรือแกป้ ัญหาในชวี ติ ประจาวนั และในอุตสาหกรรม
ม.๖ ๑. สืบค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอยา่ งสารประกอบอนิ ทรยี ท์ ี่มพี ันธะเด่ยี ว พนั ธะคู่ หรอื พนั ธะสามทพ่ี บใน
ชีวติ ประจาวัน
๒. เขยี นสตู รโครงสรา้ งลวิ อิส สูตรโครงสร้างแบบย่อและสูตรโครงสรา้ งแบบเส้นของสารประกอบอนิ ทรีย์
๓. วิเคราะหโ์ ครงสรา้ ง และระบปุ ระเภทของสารประกอบอินทรียจ์ ากหมู่ฟังกช์ ัน
๔. เขยี นสูตรโครงสร้างและเรียกชอื่ สารประกอบอินทรยี ป์ ระเภทต่าง ๆ ทมี่ หี มู่ฟงั กช์ ันไม่เกนิ ๑ หมู่ ตาม
ระบบ IUPAC
๕. เขยี นไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบอนิ ทรียป์ ระเภทต่าง ๆ
๖. วิเคราะห์ และเปรียบเทยี บจดุ เดือดและการละลายในน้าของสารประกอบอนิ ทรยี ์ท่ีมี หมู่ฟังกช์ นั ขนาด
โมเลกลุ หรือโครงสร้างต่างกัน
๗. ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนและเขียนผลติ ภณั ฑ์จากปฏิกริ ิยาการเผาไหมป้ ฏกิ ิริยากบั
โบรมนี หรอื ปฏกิ ริ ยิ ากับโพแทสเซยี มเปอร์แมงกาเนต
๘. เขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิรยิ าเอสเทอริฟเิ คชนั ปฏิกิรยิ าการสังเคราะห์เอไมดป์ ฏิกริ ยิ า
ไฮโดรลิซสิ และปฏกิ ริ ิยาสะปอนนิฟเิ คชัน
๙. ทดสอบปฏกิ ิริยาเอสเทอริฟเิ คชนั ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซิส และปฏกิ ริ ิยาสะปอนนฟิ ิเคชนั
๑๐. สบื ค้นขอ้ มูล และนาเสนอตวั อยา่ งการนาสารประกอบอนิ ทรีย์ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวันและ
อตุ สาหกรรม
๑๑. ระบุประเภทของปฏกิ ิริยาการเกิดพอลเิ มอรจ์ ากโครงสรา้ งของมอนอเมอร์หรือพอลเิ มอร์
๑๒. วเิ คราะห์ และอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างโครงสรา้ งและสมบตั ิของพอลิเมอร์ รวมท้งั การนาไปใช้ประโยชน์
๑๓. ทดสอบ และระบุประเภทของพลาสติกและผลิตภณั ฑ์ยาง รวมท้ังการนาไปใชป้ ระโยชน์
๑๔. อธิบายผลของการปรับเปลย่ี นโครงสร้าง และการสังเคราะห์พอลิเมอร์ท่ีมตี ่อสมบัติของพอลิเมอร์
๑๕. สบื ค้นข้อมลู และนาเสนอตวั อยา่ งผลกระทบจากการใชแ้ ละการกาจัดผลิตภัณฑพ์ อลิเมอรแ์ ละแนว
ทางแก้ไข 45
สาระเคมี
๒. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
สมดุลในปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด-เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า รวมทั้งการนา
ความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
อสิ ลามวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย
หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ชัน้ ผลการเรียนรู้
ม.๔ ๑. แปลความหมายสัญลักษณ์ในสมการเคมเี ขยี นและดุลสมการเคมีของปฏกิ ริ ิยาเคมบี างชนดิ
๒. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมทีเ่ ก่ยี วข้องกับมวลสาร
๓. คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกิรยิ าเคมีทเี่ กย่ี วข้องกับความเขม้ ขน้ ของสารละลาย
๔. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมีทีเ่ กยี่ วข้องกับปริมาตรแกส๊
๕. คานวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมีหลายข้นั ตอน
๖. ระบสุ ารกาหนดปรมิ าณ และคานวณปริมาณสารต่าง ๆ ในปฏกิ ริ ิยาเคมี
๗. คานวณผลไดร้ ้อยละของผลติ ภณั ฑ์ในปฏิกริ ยิ าเคมี
ม.๕ ๑. ทดลอง และเขยี นกราฟการเพมิ่ ข้ึนหรือลดลงของสารท่ีทาการวดั ในปฏกิ ิรยิ า
๒. คานวณอัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี และเขียนกราฟการลดลงหรอื เพิ่มขน้ึ ของสารที่ไม่ได้วดั ใน
ปฏกิ ิริยา
๓. เขียนแผนภาพ และอธิบายทิศทางการชนกนั ของอนุภาคและพลังงานท่ีสง่ ผลต่ออัตราการ
เกิดปฏกิ ิริยาเคมี
๔. ทดลอง และอธบิ ายผลของความเข้มขน้ พน้ื ทผ่ี วิ ของสารตง้ั ต้น อณุ หภมู ิ และตัวเร่งปฏกิ ริ ยิ าทมี่ ีต่อ
อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี
๕. เปรียบเทียบอัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเมอื่ มีการเปลย่ี นแปลงความเข้มขน้ พ้นื ทผี่ วิ ของสารต้งั ตน้
อณุ หภมู ิ และตัวเร่งปฏกิ ิรยิ า
๖. ยกตัวอย่าง และอธิบายปัจจยั ทีม่ ีผลตอ่ อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมีในชีวติ ประจาวัน
หรืออุตสาหกรรม
๗. ทดสอบ และอธบิ ายความหมายของปฏกิ ริ ิยาผนั กลับได้และภาวะสมดลุ
๘. อธบิ ายการเปล่ยี นแปลงความเข้มข้นของสารอตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาไปขา้ งหน้า และอัตราการ
เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าย้อนกลับ เมื่อเริ่มปฏกิ ิรยิ าจนกระทั่งระบบอยู่ในภาวะสมดุล
๙. คานวณค่าคงทสี่ มดุลของปฏิกิริยา
๑๐. คานวณความเข้มขน้ ของสารทภี่ าวะสมดุล
๑๑. คานวณคา่ คงท่สี มดลุ หรือความเขม้ ขน้ ของปฏิกิรยิ าหลายข้นั ตอน
๑๒. ระบปุ ัจจัยทีม่ ผี ลต่อภาวะสมดุลและคา่ คงทส่ี มดุลของระบบ รวมทง้ั คาดคะเนการเปลย่ี นแปลงที่
เกดิ ขนึ้ เมื่อภาวะสมดุลของระบบถกู รบกวน โดยใช้หลกั ของเลอชาเตอลิเอ
๑๓. ยกตัวอยา่ ง และอธบิ ายสมดุลเคมขี องกระบวนการทเ่ี กิดขนึ้ ในส่ิงมชี ีวิต ปรากฏการณ์ในธรรมชาติ
และกระบวนการในอุตสาหกรรม
๑๔. ระบุ และอธิบายว่าสารเปน็ กรดหรือเบสโดยใช้ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียสเบรินสเตด-ลาวรี
และลวิ อสิ
๑๕. ระบุคู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี
๑๖. คานวณ และเปรียบเทยี บความสามารถในการแตกตัวหรือความแรงของกรดและเบส
อสิ ลามวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๑๗. คานวณคา่ pH ความเข้มขน้ ของไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลายกรด 46
และเบส
๑๘. เขยี นสมการเคมแี สดงปฏิกริ ิยาสะเทนิ และระบุความเปน็ กรด-เบสของสารละลายหลังการสะเทนิ
๑๙. เขยี นปฏิกิริยาไฮโดรลซิ ิสของเกลือ และระบุความเป็นกรด-เบสของสารละลายเกลือ
๒๐. ทดลอง และอธิบายหลกั การการไทเทรตและเลือกใช้อินดิเคเตอร์ท่เี หมาะสมสาหรบั การไทเทรต
กรด-เบส
๒๑. คานวณปรมิ าณสารหรือความเข้มขน้ ของสารละลายกรดหรอื เบสจากการไทเทรต
๒๒. อธบิ ายสมบตั ิ องค์ประกอบ และประโยชน์ของสารละลายบฟั เฟอร์
๒๓. สืบค้นขอ้ มลู และนาเสนอตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์และการแกป้ ญั หาโดยใชค้ วามรเู้ ก่ยี วกบั กรด – เบส
๒๔. คานวณเลขออกซิเดชนั และระบุปฏิกริ ยิ าทเี่ ป็นปฏกิ ิริยารีดอกซ์
๒๕. วิเคราะหก์ ารเปลีย่ นแปลงเลขออกซเิ ดชันและระบุตัวรดี ิวซแ์ ละตวั ออกซิไดส์ รวมทั้ง
เขยี นครึ่งปฏิกิรยิ าออกซิเดชันและครง่ึ ปฏิกริ ิยารดี ักชนั ของปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์
๒๖. ทดลอง และเปรียบเทียบความสามารถในการเปน็ ตัวรีดิวซห์ รอื ตวั ออกซิไดส์ และเขียนแสดง
ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์
๒๗. ดลุ สมการรีดอกซด์ ว้ ยการใชเ้ ลขออกซเิ ดชันและวธิ คี ร่ึงปฏิกิริยา
๒๘. ระบุองค์ประกอบของเซลล์เคมีไฟฟ้า และเขียนสมการเคมขี องปฏิกริ ยิ าทีแ่ อโนดและแคโทด
ปฏกิ ริ ยิ ารวม และแผนภาพเซลล์
๒๙. คานวณค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์และระบปุ ระเภทของเซลล์เคมีไฟฟ้า ขั้วไฟฟา้ และ
ปฏิกริ ิยาเคมีทีเ่ กดิ ขึ้น
๓๐. อธบิ ายหลักการทางาน และเขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาของเซลล์ปฐมภมู แิ ละเซลลท์ ุติยภมู ิ
๓๑. ทดลองชุบโลหะและแยกสารเคมดี ว้ ยกระแสไฟฟา้ และอธิบายหลกั การทางเคมีไฟฟ้าทใ่ี ช้ในการ
ชบุ โลหะ การแยกสารเคมีดว้ ยกระแสไฟฟ้า การทาโลหะใหบ้ รสิ ทุ ธ์ิ และการปอ้ งกนั การกดั กร่อนของ
โลหะ
๓๒. สบื คน้ ข้อมูล และนาเสนอตวั อย่างความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยที ี่เกยี่ วขอ้ งกบั เซลลเ์ คมไี ฟฟ้าใน
ชีวติ ประจาวัน
ม.๖ -
47
สาระเคมี
๓. เข้าใจหลักการทาปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยการคานวณ
ปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้และทักษะในการอธิบาย
ปรากฏการณใ์ นชีวติ ประจาวนั และการแกป้ ญั หาทางเคมี
อสิ ลามวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ชน้ั ผลการเรยี นรู้
ม.๔ ๑. บอก และอธบิ ายขอ้ ปฏิบตั ิเบื้องต้น และปฏิบัตติ นท่ีแสดงถงึ ความตระหนกั ในการทาปฏิบตั กิ ารเคมี
เพอ่ื ให้มีความปลอดภัยท้ังต่อตนเอง ผู้อ่ืนและสงิ่ แวดลอ้ ม และเสนอแนวทางแก้ไขเมื่อเกิดอุบตั ิเหตุ
๒. เลือก และใช้อุปกรณ์หรือเครือ่ งมือในการทาปฏิบัติการ และวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
๓. นาเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี นรายงานการทดลอง
๔. ระบุหน่วยวดั ปรมิ าณตา่ ง ๆ ของสาร และเปลย่ี นหน่วยวัดใหเ้ ป็นหนว่ ยในระบบเอสไอด้วยการใช้
แฟกเตอร์เปลีย่ นหนว่ ย
๕. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคานวณมวลอะตอมเฉลย่ี ของธาตุ มวลโมเลกุลและมวลสตู ร
๖. อธิบาย และคานวณปริมาณใดปริมาณหนึง่ จากความสมั พันธ์ของโมล จานวนอนภุ าค มวลและ
ปริมาตรของแกส๊ ท่ี STP
๗. คานวณอัตราสว่ นโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงที่
๘. คานวณสตู รอย่างงา่ ยและสูตรโมเลกุลของสาร
๙. คานวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหนว่ ยต่าง ๆ
๑๐. อธบิ ายวธิ กี าร และเตรยี มสารละลายใหม้ ีความเขม้ ขน้ ในหน่วยโมลารติ ี และปริมาตรสารละลาย
ตามที่กาหนด
๑๑. เปรียบเทียบจุดเดือดและจุดเยอื กแข็งของสารละลายกับสารบรสิ ทุ ธ์ิ รวมท้ังคานวณจุดเดือดและจุด
เยอื กแข็งของสารละลาย
ม.๕ -
ม.๖ ๑. กาหนดปัญหา และนาเสนอแนวทางการแก้ปญั หาโดยใช้ความรูท้ างเคมีจาสถานการณ์ทีเ่ กดิ ขึน้ ใน
ชวี ติ ประจาวัน การประกอบอาชีพ หรอื อุตสาหกรรม
๒. แสดงหลกั ฐานถงึ การบูรณาการความรทู้ างเคมรี ว่ มกบั สาขาวชิ าอนื่ รวมท้งั ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตรห์ รือกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม โดยเน้นการคิดวเิ คราะหก์ ารแกป้ ัญหาและความคิด
สรา้ งสรรค์ เพ่ือแกป้ ัญหาในสถานการณ์หรือประเด็นที่สนใจ
๓. นาเสนอผลงานหรอื ชิ้นงานที่ไดจ้ ากการแก้ปัญหาในสถานการณห์ รือประเด็นท่ีสนใจโดยใชเ้ ทคโนโลยี
สารสนเทศ
๔. แสดงหลกั ฐานการเข้ารว่ มการสัมมนา การเข้ารว่ มประชมุ วชิ าการ หรอื การแสดงผลงานสิง่ ประดษิ ฐ์ 48
ในงานนทิ รรศการ
สาระฟสิ ิกส์
๑. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรงแรงและกฎการ
เคลื่อนท่ีของนวิ ตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งานและกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล
โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตมั การเคลอ่ื นทแ่ี นวโค้ง รวมท้งั นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
อสิ ลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ชั้น ผลการเรยี นรู้
ม.๔ ๑. สบื คน้ และอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกสป์ ระวัติความเปน็ มา รวมทัง้ พัฒนาการของหลกั การและ
แนวคิดทางฟิสกิ สท์ ่ีมผี ลต่อการแสวงหาความรใู้ หม่และการพัฒนาเทคโนโลยี
๒. วัด และรายงานผลการวัดปรมิ าณทางฟสิ ิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนาความคลาดเคลื่อนในการวัดมา
พิจารณาในการนาเสนอผล รวมท้ังแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วเิ คราะหแ์ ละแปลความหมายจาก
กราฟเสน้ ตรง
๓. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างตาแหน่ง การกระจดั ความเร็ว และความเร่งของการ
เคล่อื นที่ของวตั ถใุ นแนวตรงที่มคี วามเรง่ คงตวั จากกราฟและสมการ รวมทง้ั ทดลองหาคา่ ความเร่งโน้มถ่วง
ของโลก และคานวณปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวข้อง
๔. ทดลอง และอธบิ ายการหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงท่ีทามมุ ต่อกนั
๕. เขยี นแผนภาพของแรงที่กระทาต่อวตั ถุอิสระทดลอง และอธบิ ายกฎการเคล่ือนท่ขี องนิวตนั และการใช้
กฎการเคล่ือนทีข่ องนิวตันกับสภาพการเคลื่อนทข่ี องวัตถุ รวมทัง้ คานวณปริมาณต่าง ๆท่ีเกี่ยวข้อง
๖. อธบิ ายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโนม้ ถ่วงทท่ี าใหว้ ตั ถุมนี ้าหนัก รวมท้งั คานวณปรมิ าณ
ตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง
๗. วเิ คราะห์ อธบิ าย และคานวณแรงเสยี ดทานระหวา่ งผวิ สมั ผัสของวตั ถุค่หู นงึ่ ๆ ในกรณที ว่ี ัตถหุ ยุดนิง่
และวตั ถเุ คล่ือนท่ี รวมทัง้ ทดลองหาสัมประสิทธ์ิความเสียดทานระหวา่ งผวิ สมั ผสั ของวัตถุคู่หน่ึง ๆ และนา
ความรู้เรือ่ งแรงเสียดทานไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน
๘. อธบิ ายสมดุลกลของวตั ถุ โมเมนต์ และผลรวมของโมเมนตท์ ่ีมตี ่อการหมนุ แรงคูค่ วบและผลของแรงคู่
ควบท่มี ีต่อสมดุลของวัตถุ เขยี นแผนภาพของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุอสิ ระเม่ือวตั ถุอยใู่ นสมดุลกล และ
คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆที่เกย่ี วข้อง รวมทง้ั ทดลองและอธิบายสมดลุ ของแรงสามแรง
๙. สังเกต และอธิบายสภาพการเคล่อื นที่ของวัตถุเมื่อแรงท่ีกระทาต่อวตั ถุผ่านศนู ยก์ ลางมวลของวัตถุ
และผลของศูนย์ถ่วงทม่ี ีต่อเสถยี รภาพของวตั ถุ
๑๐. วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพน้ื ที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหวา่ งแรงกับ
ตาแหนง่ รวมท้ังอธบิ าย และคานวณกาลังเฉลยี่
๑๑. อธิบาย และคานวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์พลังงานกล ทดลองหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างงานกบั
พลงั งานจลน์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักยโ์ นม้ ถว่ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งขนาดของแรงที่ใช้
ดึงสปริงกบั ระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งงานกบั พลังงานศักยย์ ืดหยนุ่ รวมทงั้ อธบิ าย
ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งงานของแรงลัพธแ์ ละพลงั งานจลน์ และคานวณงานทเ่ี กิดขน้ึ จากแรงลัพธ์
๑๒. อธิบายกฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงานกล รวมทัง้ วเิ คราะห์ และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้องกบั การ
เคลื่อนท่ีของวตั ถุในสถานการณต์ า่ ง ๆโดยใชก้ ฎการอนุรักษ์พลงั งานกล
๑๓. อธบิ ายการทางาน ประสทิ ธภิ าพและการไดเ้ ปรยี บเชงิ กลของเคร่อื งกลอยา่ งง่ายบางชนิดโดยใช้
ความร้เู รื่องงานและสมดุลกล รวมทั้งคานวณประสิทธภิ าพและการได้เปรียบเชิงกล
อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๑๔. อธิบาย และคานวณโมเมนตัมของวตั ถแุ ละการดลจากสมการและพื้นท่ีใต้กราฟความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
แรงลพั ธ์กบั เวลา รวมทง้ั อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างแรงดลกบั โมเมนตมั
๑๕. ทดลอง อธบิ าย และคานวณปริมาณต่าง ๆทเ่ี กีย่ วกับการชนของวตั ถใุ นหนึง่ มิติ ท้ังแบบยดื หยุ่น ไม่
ยืดหยุ่น และการดีดตวั แยกจากกันในหนง่ึ มติ ิซ่ึงเป็นไปตามกฎการอนุรักษโ์ มเมนตมั
๑๖. อธิบาย วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆทีเ่ กี่ยวข้องกบั การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลแ์ ละทดลอง
การเคล่ือนทีแ่ บบโพรเจกไทล์
๑๗. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงสศู่ นู ยก์ ลาง รศั มขี องการเคล่อื นท่อี ัตราเรว็ เชงิ เส้น
อัตราเรว็ เชิงมมุ และมวลของวัตถุ ในการเคล่ือนทีแ่ บบวงกลมในระนาบระดบั รวมทั้งคานวณปรมิ าณต่าง
ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องและประยุกต์ใช้ความร้กู ารเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทียม
ม.๕ -
ม.๖ -
49
สาระฟิสกิ ส์
๒. เข้าใจการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย ธรรมชาติของคล่ืน เสียงและการได้ยิน ปรากฏการณ์ท่ี
เก่ยี วขอ้ งกบั เสยี ง แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั แสง รวมทงั้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
อสิ ลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ชน้ั ผลการเรยี นรู้
ม.๔ -
ม.๕ ๑. ทดลอง และอธบิ ายการเคลื่อนทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของวัตถุติดปลายสปรงิ และลกู ตุม้ อย่างง่าย
รวมทง้ั คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข้อง
๒. อธบิ ายความถธี่ รรมชาตขิ องวัตถุและการเกิดการสัน่ พ้อง
๓. อธิบายปรากฏการณ์คลื่น ชนิดของคล่นื สว่ นประกอบของคลน่ื การแผข่ องหน้าคลื่นดว้ ยหลักการของ
ฮอยเกนส์ และการรวมกนั ของคลนื่ ตามหลักการซ้อนทบั พรอ้ มท้งั คานวณอตั ราเร็ว ความถี่ และความ
ยาวคลื่น
๔. สังเกต และอธิบายการสะทอ้ น การหักเหการแทรกสอด และการเลย้ี วเบนของคล่ืนผิวน้ารวมทัง้
คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เก่ยี วข้อง
๕. อธบิ ายการเกดิ เสยี ง การเคลอ่ื นที่ของเสียงความสัมพันธ์ระหวา่ งคล่ืน การกระจัดของอนภุ าคกับคลน่ื
ความดัน ความสัมพันธ์ระหวา่ งอตั ราเร็วของเสยี งในอากาศทขี่ ้นึ กับอณุ หภูมิในหน่วยองศาเซลเซียส
สมบตั ขิ องคลนื่ เสยี ง ได้แก่การสะทอ้ น การหักเห การแทรกสอดการเล้ยี วเบน รวมทัง้ คานวณปรมิ าณ
ตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง
๖. อธบิ ายความเขม้ เสียง ระดับเสยี ง องค์ประกอบของการได้ยิน คุณภาพเสียง และมลพิษทางเสยี ง
รวมทั้งคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วข้อง
๗. ทดลอง และอธบิ ายการเกิดการส่ันพ้องของอากาศในท่อปลายเปิดหนึ่งด้าน รวมท้งั สงั เกตและอธบิ าย
การเกิดบตี คล่นื นิ่ง ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ คลน่ื กระแทกของเสยี ง คานวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง
และนาความร้เู ร่ืองเสยี งไปใช้ในชีวิตประจาวนั
๘. ทดลอง และอธบิ ายการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตค่แู ละเกรตตงิ การเลยี้ วเบนและการแทรกสอด
ของแสงผ่านสลิตเดี่ยวรวมท้ังคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง
๙. ทดลอง และอธบิ ายการสะท้อนของแสงที่ผวิ วตั ถุตามกฎการสะท้อน เขียนรังสีของแสงและคานวณ
ตาแหน่งและขนาดภาพของวัตถุ เม่ือแสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงาทรงกลมรวมทั้งอธิบาย
การนาความรเู้ ร่ืองการสะท้อนของแสงจากกระจกเงาราบ และกระจกเงาทรงกลมไปใช้ประโยชนใ์ น
ชีวิตประจาวนั
๑๐. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างดรรชนหี กั เห มมุ ตกกระทบ และมุมหกั เหรวมท้ังอธบิ าย
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความลึกจรงิ และความลกึ ปรากฏ มมุ วกิ ฤตและการสะทอ้ นกลับหมดของแสง และ
คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง
๑๑. ทดลอง และเขียนรังสีของแสงเพ่ือแสดงภาพที่เกิดจากเลนสบ์ าง หาตาแหนง่ ขนาด ชนดิ ของภาพ
และความสัมพันธร์ ะหวา่ งระยะวัตถุระยะภาพและความยาวโฟกัส รวมท้งั คานวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่
เกย่ี วขอ้ ง และอธบิ ายการนาความรเู้ รือ่ งการหักเหของแสงผ่านเลนส์บางไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน
๑๒. อธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาตทิ เ่ี ก่ยี วกับแสงเชน่ รงุ้ การทรงกลด มิราจ และการเห็นท้องฟา้ เปน็ สี
ตา่ ง ๆ ในช่วงเวลาตา่ งกัน
อิสลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๑๓. สังเกต และอธิบายการมองเห็นแสงสี สีของวตั ถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสรี วมทัง้ อธิบาย
สาเหตุของการบอดสี
ม.๖ -
สาระฟสิ ิกส์
๓. เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้ากระแสไฟฟ้าและกฎของ
โอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกาลังไฟฟ้าการเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า
อิสลามวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทากับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎ
ของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลบั คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและการสอื่ สาร รวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ช้นั ผลการเรียนรู้
ม.๔ -
ม.๕ ๑. ทดลอง และอธิบายการทาวตั ถทุ ี่เป็นกลางทางไฟฟ้าให้มีประจุไฟฟ้าโดยการขัดสีกนั และการเหนยี่ วนาไฟฟา้ สถติ
๒. อธบิ าย และคานวณแรงไฟฟ้าตามกฎของคลู อมบ์
๓. อธิบาย และคานวณสนามไฟฟ้าและแรงไฟฟา้ ท่ีกระทากับอนุภาคท่ีมปี ระจุไฟฟา้ ที่อยู่ในสนามไฟฟา้ รวมทัง้ หา
สนามไฟฟา้ ลัพธเ์ นอ่ื งจากระบบจุดประจโุ ดยรวมกันแบบเวกเตอร์
๔. อธบิ าย และคานวณพลังงานศกั ย์ไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟา้ และความตา่ งศักย์ระหวา่ งสองตาแหนง่ ใด ๆ
๕. อธิบายสว่ นประกอบของตัวเก็บประจคุ วามสัมพนั ธ์ระหวา่ งประจไุ ฟฟ้า ความต่างศักย์และความจุของตัวเกบ็
ประจุ และอธิบายพลังงานสะสมในตัวเกบ็ ประจุ และความจุสมมูลรวมทัง้ คานวณปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วข้อง
๖. นาความรูเ้ รือ่ งไฟฟ้าสถติ ไปอธบิ ายหลกั การทางานของเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ บางชนดิ และปรากฏการณ์ในชีวิตประจาวัน
๗. อธบิ ายการเคล่ือนทีข่ องอเิ ลก็ ตรอนอสิ ระและกระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนา ความสมั พันธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้าในลวด
ตัวนากับความเร็วลอยเล่ือนของอเิ ล็กตรอนอิสระ ความหนาแน่นของอเิ ล็กตรอนในลวดตวั นาและพืน้ ท่ีหน้าตัดของ
ลวดตวั นา และคานวณปริมาณต่าง ๆทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
๘. ทดลอง และอธบิ ายกฎของโอหม์ อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความตา้ นทานกบั ความยาวพน้ื ที่หนา้ ตัด และ
สภาพตา้ นทานของตัวนาโลหะท่ีอุณหภมู คิ งตัว และคานวณปรมิ าณต่าง ๆท่เี กี่ยวขอ้ ง รวมท้งั อธิบายและคานวณ
ความต้านทานสมมูล เมื่อนาตัวตา้ นทานมาต่อกนั แบบอนุกรมและแบบขนาน
๙. ทดลอง อธิบาย และคานวณอเี อ็มเอฟของแหล่งกาเนิดไฟฟ้ากระแสตรง รวมทง้ั อธบิ ายและคานวณพลงั งาน
ไฟฟา้ และกาลงั ไฟฟา้
๑๐. ทดลอง และคานวณอีเอ็มเอฟสมมูลจากการตอ่ แบตเตอรแ่ี บบอนุกรมและแบบขนานรวมท้ังคานวณปริมาณ
ตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงซง่ึ ประกอบดว้ ยแบตเตอรแี่ ละตัวต้านทาน
๑๑. อธบิ ายการเปล่ียนพลงั งานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า รวมทง้ั สบื ค้นและอภิปรายกีย่ วกบั เทคโนโลยี ทีน่ ามาแก้ปัญหา
หรอื ตอบสนองความตอ้ งการทางด้านพลงั งานไฟฟา้ โดยเน้นด้านประสทิ ธภิ าพและความคุ้มคา่ ด้านคา่ ใช้จา่ ย
ชั้น ผลการเรียนรู้
ม.๖ ๑. สงั เกต และอธบิ ายเส้นสนามแมเ่ หลก็ อธิบายและคานวณฟลักซ์แมเ่ หล็กในบริเวณท่ีกาหนดรวมทั้งสงั เกต และ
อธิบายสนามแมเ่ หล็กที่เกิดจากกระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นาเสน้ ตรงและโซเลนอยด์
๒. อธิบาย และคานวณแรงแม่เหล็กท่ีกระทาต่ออนภุ าคท่ีมีประจไุ ฟฟา้ เคลื่อนทีใ่ นสนามแมเ่ หล็กแรงแม่เหลก็ ท่ี
กระทาตอ่ เสน้ ลวดท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รัศมีความโค้งของการเคลอ่ื นท่ีเม่ือประจุเคล่อื นทีต่ ั้ง
ฉากกบั สนามแม่เหล็ก รวมทั้งอธบิ ายแรงระหว่างเสน้ ลวดตัวนาคู่ขนานท่ีมีกระแสไฟฟ้าผ่าน
๓. อธิบายหลักการทางานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง รวมทง้ั คานวณปรมิ าณตา่ งๆ ท่ี
เกย่ี วข้อง
อสิ ลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย
หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๔. สงั เกต และอธิบายการเกดิ อีเอ็มเอฟเหนี่ยวนากฎการเหนย่ี วนาของฟาราเดย์ และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ี
เก่ยี วขอ้ ง รวมทง้ั นาความร้เู ร่ืองอเี อ็มเอฟเหน่ยี วนาไปอธิบายการทางานของเครื่องใช้ไฟฟา้
๕. อธิบาย และคานวณความตา่ งศักย์อาร์เอ็มเอสและกระแสไฟฟ้าอาร์เอ็มเอส
๖. อธบิ ายหลกั การทางานและประโยชนข์ องเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ๓ เฟสการแปลงอีเอ็มเอฟของหม้อ
แปลง และคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กีย่ วข้อง
๗. อธบิ ายการเกิดและลักษณะเฉพาะของคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า แสงไม่โพลาไรส์แสงโพลาไรสเ์ ชงิ เสน้ และแผน่ โพลา
รอยดร์ วมท้ังอธิบายการนาคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ในชว่ งความถ่ีต่าง ๆ ไปประยุกตใ์ ช้และหลักการทางานของอปุ กรณ์ท่ี
เก่ยี วข้อง
๘. สบื คน้ และอธบิ ายการสอ่ื สารโดยอาศยั คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ในการสง่ ผา่ นสารสนเทศและเปรียบเทยี บการส่อื สาร
ด้วยสญั ญาณแอนะลอ็ กกบั สัญญาณดจิ ทิ ัล
51
สาระฟสิ กิ ส์
อิสลามวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๔. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสารสภาพยืดหยุ่นของ
วัสดุและมอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุง และหลักของอาร์คิมีดิส ความตึงผิวและแรงหนืดของ
ของเหลว ของไหลอุดมคติ และสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ อุดมคติและพลังงานในระบบ
ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค กัมมันตภาพรังสี
แรงนวิ เคลยี ร์ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ พลงั งานนิวเคลียร์ฟสิ ิกสอ์ นภุ าค รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ช้นั ผลการเรยี นรู้
ม.๔ -
ม.๕ -
ม.๖ ๑. อธบิ าย และคานวณความร้อนทที่ าให้สสารเปล่ียนอณุ หภูมิ ความรอ้ นท่ีทาให้สสารเปลย่ี นสถานะ และความ
ร้อนท่ีเกิดจากการถ่ายโอนตามกฎการอนรุ กั ษ์พลงั งาน
๒. อธบิ ายสภาพยดื หย่นุ และลักษณะการยืดและหดตัวของวสั ดุทเ่ี ปน็ แท่ง เม่ือถูกกระทาดว้ ยแรงคา่ ต่าง ๆ
รวมทง้ั ทดลอง อธิบายและคานวณความเคน้ ตามยาว ความเครยี ดตามยาวและมอดลุ สั ของยัง และนาความรู้
เร่ืองสภาพยดื หยุ่นไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
๓. อธบิ าย และคานวณความดนั เกจ ความดันสัมบรู ณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทั้งอธิบายหลักการทางาน
ของแมนอมิเตอรบ์ ารอมิเตอร์ และเครือ่ งอดั ไฮดรอลิก
๔. ทดลอง อธิบาย และคานวณขนาดแรงพยงุ จากของไหล
๕. ทดลอง อธบิ าย และคานวณความตงึ ผิวของของเหลว รวมท้ังสงั เกตและอธิบายแรงหนืดของของเหลว
๖. อธบิ ายสมบตั ิของของไหลอดุ มคติ สมการความต่อเน่ือง และสมการแบร์นลู ลี รวมทง้ั คานวณปริมาณต่าง ๆ
ชน้ั ผลการเรยี นรู้
ท่เี ก่ียวข้อง และนาความรูเ้ กย่ี วกบั สมการความตอ่ เน่ืองและสมการแบรน์ ลู ลีไปอธบิ ายหลกั การทางานของ
อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ
๗. อธิบายกฎของแก๊สอดุ มคติและคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
๘. อธิบายแบบจาลองของแก๊สอดุ มคติ ทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ และอตั ราเร็วอาร์เอ็มเอสของโมเลกุลของแก๊ส
รวมทั้งคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง
๙. อธบิ าย และคานวณงานที่ทาโดยแกส๊ ในภาชนะปิดโดยความดนั คงตัว และอธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่างความ
รอ้ น พลังงานภายในระบบ และงานรวมทงั้ คานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วข้องและนาความรเู้ รอื่ งพลงั งานภายใน
ระบบไปอธิบายหลักการทางานของเคร่อื งใชใ้ นชีวิตประจาวนั
๑๐. อธบิ ายสมมตฐิ านของพลังค์ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ และการเกิดเสน้ สเปกตรัมของ
อะตอมไฮโดรเจน รวมทงั้ คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง
๑๑. อธบิ ายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและคานวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์ของ
โฟโตอเิ ล็กตรอนและฟังกช์ ันงานของโลหะ
๑๒. อธิบายทวภิ าวะของคลื่นและอนุภาค รวมท้ังอธบิ าย และคานวณความยาวคลื่นเดอบรอยล์
๑๓. อธิบายกัมมนั ตภาพรังสีและความแตกตา่ งของรงั สีแอลฟา บีตา และแกมมา
อิสลามวทิ ยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๑๔. อธบิ าย และคานวณกัมมันตภาพของนวิ เคลียสกัมมันตรังสี รวมท้งั ทดลอง อธบิ าย
และคานวณจานวนนิวเคลียสกมั มนั ตภาพรังสที ่เี หลือจากการสลาย และครง่ึ ชวี ิต
๑๕. อธบิ ายแรงนวิ เคลยี ร์ เสถียรภาพของนวิ เคลยี สและพลังงานยดึ เหนีย่ ว รวมทง้ั คานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เก่ยี วขอ้ ง
๑๖. อธบิ ายปฏกิ ริ ิยานิวเคลียร์ ฟชิ ชันและฟิวชันรวมทัง้ คานวณพลงั งานนวิ เคลยี ร์
๑๗. อธิบายประโยชน์ของพลังงานนิวเคลยี ร์ และรังสี รวมท้งั อันตรายและการป้องกันรังสใี นด้านตา่ ง ๆ
๑๘. อธบิ ายการค้นควา้ วิจยั ด้านฟสิ กิ สอ์ นุภาคแบบจาลองมาตรฐาน และการใช้ประโยชน์จากการคน้ คว้าวิจัย
ดา้ นฟสิ กิ ส์อนภุ าคในดา้ นต่าง ๆ
53
สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
อสิ ลามวทิ ยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลักสูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๑. เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณีพิบัติภัยและผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
รวมทง้ั การศึกษาลาดับชน้ั หนิ ทรัพยากรธรณี แผนที่ และการนาไปใชป้ ระโยชน์
ชน้ั ผลการเรียนรู้
ม.๔ ๑. อธิบายการแบ่งชน้ั และสมบตั ขิ องโครงสรา้ งโลกพร้อมยกตัวอย่างขอ้ มลู ทส่ี นบั สนนุ
๒. อธิบายหลักฐานทางธรณีวิทยาท่ีสนับสนุนการเคล่ือนที่ของแผน่ ธรณี
๓. ระบุสาเหตแุ ละอธบิ ายแนวรอยต่อของแผ่นธรณีทสี่ ัมพันธ์กบั การเคลื่อนท่ขี องแผน่ ธรณพี รอ้ ม
ยกตัวอยา่ งหลกั ฐานทางธรณีวิทยาทพ่ี บ
๔. วเิ คราะห์หลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาท่พี บในปัจจบุ นั และอธิบายลาดับเหตุการณ์ ทางธรณีวทิ ยาในอดีต
๕. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ภูเขาไฟระเบดิ และปัจจยั ท่ีทาให้ความรุนแรงของการปะทแุ ละรปู ร่าง
ของภเู ขาไฟแตกต่างกนั รวมทง้ั สบื คน้ ข้อมลู พื้นที่เสยี่ งภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวงั และ
การปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภยั
๖. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรุนแรง และผลจากแผน่ ดนิ ไหว รวมทัง้ สืบคน้ ขอ้ มูล
พ้นื ท่ีเสย่ี งภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏิบัตติ นให้ปลอดภัย
๗. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกดิ และผลจากสึนามิ รวมทง้ั สืบค้นข้อมูลพืน้ ทเี่ สยี่ งภัย ออกแบบและ
นาเสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ัติตนให้ปลอดภัย
๘. ตรวจสอบ และระบชุ นิดแร่ รวมท้ังวิเคราะหส์ มบัตแิ ละนาเสนอการใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรแรท่ ีเ่ หมาะสม
๙. ตรวจสอบ จาแนกประเภท และระบชุ ื่อหนิ รวมทงั้ วิเคราะหส์ มบัตแิ ละนาเสนอการใช้ประโยชน์ของ
ทรพั ยากรหินทีเ่ หมาะสม
๑๐. อธบิ ายกระบวนการเกิด และการสารวจแหล่งปโิ ตรเลียมและถ่านหิน โดยใช้ข้อมูลทางธรณีวทิ ยา
๑๑. อธบิ ายสมบัติของผลิตภณั ฑท์ ีไ่ ด้จากปโิ ตรเลียมและถ่านหิน พร้อมนาเสนอการใช้ประโยชนอ์ ยา่ งเหมาะสม
๑๒. อา่ นและแปลความหมายจากแผนทีภ่ มู ปิ ระเทศและแผนที่ธรณวี ทิ ยาของพ้ืนที่ ที่กาหนดพรอ้ มทัง้
อธบิ ายและยกตัวอย่าง การนาไปใช้ประโยชน์
ม.๕ -
ม.๖ -
54
สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
อิสลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๒. เขา้ ใจสมดลุ พลังงานของโลก การหมนุ เวียนของอากาศบนโลก การหมนุ เวียนของนา้ ในมหาสมุทร
การเกดิ เมฆ การเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศโลกและผลต่อส่งิ มีชวี ติ และสง่ิ แวดล้อม รวมทงั้ การพยากรณ์อากาศ
ช้ัน ผลการเรียนรู้
ม.๔ -
ม.๕ ๑. อธบิ ายปจั จัยสาคัญที่มีผลต่อการรับและคายพลงั งานจากดวงอาทติ ยแ์ ตกตา่ งกันและผลท่มี ตี อ่ อุณหภูมิ
ในแต่ละบริเวณของโลก
๒. อธิบายกระบวนการที่ทาให้เกดิ สมดลุ พลังงานของโลก
๓. อธบิ ายผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลสิ แรงสศู่ นู ย์กลางและแรง
เสียดทานทีม่ ีต่อการหมุนเวยี นของอากาศ
๔. อธิบายการหมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ูดและผลท่ีมีตอ่ ภมู ิอากาศ
๕. อธิบายปัจจยั ที่ทาให้เกดิ การแบ่งชั้นนา้ ในมหาสมุทร
๖. อธิบายปัจจัยทที่ าให้เกดิ การหมนุ เวยี นของน้าในมหาสมุทรและรูปแบบการหมุนเวียนของนา้ ใน
มหาสมุทร
๗. อธิบายผลของการหมุนเวียนของนา้ ในมหาสมุทรทม่ี ีต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ ส่ิงมชี ีวติ และสงิ่ แวดล้อม
๘. อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหว่างเสถยี รภาพอากาศและการเกดิ เมฆ
๙. อธบิ ายการเกิดแนวปะทะอากาศแบบต่าง ๆและลักษณะลมฟา้ อากาศทเ่ี กี่ยวข้อง
๑๐. อธบิ ายปจั จยั ต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศของโลก พรอ้ มยกตัวอย่างขอ้ มูลสนบั สนนุ
๑๑. วเิ คราะห์ และอภิปรายเหตุการณ์ท่ีเปน็ ผลจากการเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศโลก และนาเสนอแนว
ปฏิบตั ิของมนุษย์ที่มีสว่ นชว่ ยในการชะลอการเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลก
๑๒. แปลความหมายสัญลักษณล์ มฟา้ อากาศบนแผนทอี่ ากาศ
๑๓. วเิ คราะห์ และคาดการณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบ้ืองตน้ จากแผนที่อากาศและข้อมูลสารสนเทศอน่ื ๆ
เพอื่ วางแผนในการประกอบอาชพี และการดาเนินชีวิตใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพลมฟา้ อากาศ
ม.๖ -
55
สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
อสิ ลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย
หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๓. เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ
ระบบสุริยะ ความสัมพันธ์ของดาราศาสตร์กับมนุษย์จากการศึกษาตาแหน่งดาวบนทรงกลมฟ้าและปฏิสัมพันธ์
ภายในระบบสุริยะรวมทั้งการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศในการดารงชีวิต
ชั้น ผลการเรยี นรู้
ม.๔ -
ม.๕ -
ม.๖ ๑. อธิบายการกาเนดิ และการเปลี่ยนแปลงพลังงานสสาร ขนาดอณุ หภมู ิของเอกภพหลงั เกดิ บกิ แบงใน
ช่วงเวลาตา่ ง ๆ ตามววิ ฒั นาการของเอกภพ
๒. อธบิ ายหลักฐานท่ีสนับสนุนทฤษฎีบิกแบงจากความสัมพันธร์ ะหวา่ งความเร็วกับระยะทางของกาแล็กซี
รวมทั้งขอ้ มูลการค้นพบไมโครเวฟพ้ืนหลังจากอวกาศ
๓. อธิบายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผอื ก และระบุตาแหนง่ ของระบบสุริยะพรอ้ ม
อธิบายเชื่อมโยงกับการสงั เกตเหน็ ทางช้างเผือกของคนบนโลก
๔. อธบิ ายกระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลีย่ นแปลงความดนั อุณหภมู ิ ขนาด
จากดาวฤกษ์ก่อนเกิดจนเป็นดาวฤกษ์
๕. อธิบายกระบวนการสร้างพลังงานของดาวฤกษ์และผลทเ่ี กิดขึน้ โดยวเิ คราะห์ปฏิกิริยาลกู โซโ่ ปรตอน-
โปรตอน และวัฏจักรคารบ์ อนไนโตรเจน ออกซเิ จน
๖. ระบปุ ัจจยั ทส่ี ่งผลต่อความส่องสว่างของดาวฤกษ์และอธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งความส่องสว่างกบั
โชตมิ าตรของดาวฤกษ์
๗. อธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างสี อณุ หภมู ิผิวและสเปกตรัมของดาวฤกษ์
๘. อธบิ ายวิธีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ดว้ ยหลกั การแพรลั แลกซ์ พร้อมคานวณหาระยะทางของดาว
ฤกษ์
๙. อธิบายลาดบั ววิ ัฒนาการที่สมั พันธก์ ับมวลตง้ั ต้นและวเิ คราะหก์ ารเปล่ยี นแปลงสมบตั ิบางประการของ
ดาวฤกษ์ในลาดับวิวัฒนาการ จากแผนภาพเฮิรซ์ ปรงุ -รสั เซลล์
๑๐. อธบิ ายกระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบง่ เขตบรวิ ารของดวงอาทิตยแ์ ละลกั ษณะของดาวเคราะหท์ ่ี
เอื้อต่อการดารงชีวติ
๑๑. อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ยด์ ว้ ยกฎเคพเลอร์ และกฎความโนม้ ถ่วงของนวิ ตัน
พรอ้ มคานวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์
๑๒. อธิบายโครงสรา้ งของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสรุ ิยะ พายุสุริยะ และวเิ คราะห์ นาเสนอปรากฏการณ์
หรือเหตุการณท์ เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ผลของลมสุริยะ และพายสุ ุริยะท่มี ีต่อโลกรวมทง้ั ประเทศไทย
๑๓. สรา้ งแบบจาลองทรงกลมฟ้า สังเกต และเช่อื มโยงจดุ และเสน้ สาคญั ของแบบจาลองทรงกลมฟ้ากับ
ท้องฟ้าจริง และอธิบายการระบุพิกัดของดาวในระบบขอบฟา้ และระบบศูนยส์ ูตร
๑๔. สงั เกตท้องฟา้ และอธบิ ายเสน้ ทางการข้ึนการตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์
อิสลามวทิ ยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ชนั้ ผลการเรียนรู้ 56
๑๕. อธบิ ายเวลาสรุ ิยคติปรากฏ โดยรวบรวมขอ้ มูลและเปรียบเทยี บเวลาขณะที่ดวงอาทิตยผ์ า่ นเมริเดียน
ของผู้สงั เกตในแตล่ ะวนั
๑๖. อธิบายเวลาสุริยคติปานกลาง และการเปรยี บเทยี บเวลาของแตล่ ะเขตเวลาบนโลก
๑๗. อธบิ ายมุมหา่ งท่ีสัมพันธ์กบั ตาแหนง่ ในวงโคจร และอธิบายเชือ่ มโยงกบั ตาแหน่งปรากฏของดาว
เคราะหท์ ส่ี ังเกตไดจ้ ากโลก
ชั้น ผลการเรยี นรู้
ม.๖ ๑๘. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบายการสารวจอวกาศ โดยใชก้ ล้องโทรทรรศน์ในช่วงความยาวคล่ืนต่าง ๆดาวเทยี ม
ยานอวกาศ สถานีอวกาศ และนาเสนอแนวคิดการนาความรทู้ างด้านเทคโนโลยอี วกาศมาประยกุ ต์ใชใ้ น
ชวี ติ ประจาวันหรือในอนาคต
๑๙. สืบค้นขอ้ มูล ออกแบบ และนาเสนอกจิ กรรมการสงั เกตดาวบนทอ้ งฟา้ ด้วยตาเปลา่ และ/หรือกลอ้ ง
โทรทรรศน์
-
อสิ ลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย 57
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
โครงสรา้ งหลกั สตู ร กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐
ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
รายวชิ าพ้นื ฐาน จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกิต
ว๒๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หน่วยกติ
ว๒๑๑๐๓ วิทยาศาสตร์ จานวน ๖๐ ช่วั โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๒๒๑๑๑ วิทยาศาสตร์ จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หน่วยกติ
ว๒๒๑๑๒ วทิ ยาศาสตร์ จานวน ๖๐ ช่วั โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๒๓๑๑๑ วทิ ยาศาสตร์ จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกติ
ว๒๓๑๑๒ วิทยาศาสตร์
รายวิชาเพิ่มเติม จานวน ๔๐ ชัว่ โมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๒๑๒๘๑ ทักษะวิทยาศาสตร์ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หนว่ ยกติ
ว๒๑๒๘๒ วิทยาศาสตรก์ ับการแก้ปัญหา จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๒๑๒๘๓ STEM ๑ จานวน ๖๐ ช่วั โมง ๑.๕ หน่วยกิต
ว๒๑๒๘๔ STEM ๒ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกติ
ว๒๑๒๑๑ วทิ ยาการคานวณ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หนว่ ยกติ
ว๒๑๒๑๒ การออกแบบ และเทคโนโลยี จานวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๒๒๒๘๔ วทิ ยาศาสตรเ์ พ่มิ เติม
จานวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หนว่ ยกติ
(แสง และการมองเห็น) จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หน่วยกิต
ว๒๒๒๘๑ เรมิ่ ตน้ กับโครงงานวิทยาศาสตร์ จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๒๒๒๘๕ STEM ๓ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๒๒๒๘๖ STEM ๔ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๒๒๒๑๑ วทิ ยาการคานวณ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกติ
ว๒๒๒๑๒ การออกแบบ และเทคโนโลยี จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๒๓๒๘๑ โครงงานวิทยาศาสตร์
ว๒๓๒๘๖ วิทยาศาสตร์เพม่ิ เติม จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หนว่ ยกิต
จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกิต
(อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ บื้อต้น)
ว๒๓๒๑๑ วทิ ยาการคานวณ
ว๒๓๒๑๒ การออกแบบ และเทคโนโลยี
อสิ ลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย 58
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
โครงสรา้ งหลักสตู ร กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
รายวชิ าพนื้ ฐาน จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกติ
ว๓๐๑๒๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ (เคมี) จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกติ
ว๓๐๑๑๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ (ฟสิ ิกส์) จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หนว่ ยกิต
ว๓๐๑๔๓ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๓๐๑๖๒ วิทยาศาสตร์ โลก และอวกาศ
รายวชิ าเพิม่ เติม จานวน ๘๐ ชั่วโมง ๒.๐ หน่วยกิต
ว๓๑๒๑๑ ฟสิ กิ สเ์ พมิ่ เติม จานวน ๘๐ ชั่วโมง ๒.๐ หน่วยกิต
ว๓๑๒๑๒ ฟิสกิ สเ์ พ่ิมเติม จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หนว่ ยกิต
ว๓๑๒๒๓ เคมีเพม่ิ เติม จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หน่วยกติ
ว๓๑๒๒๔ เคมีเพิม่ เติม จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกิต
ว๓๑๒๔๓ ชวี วทิ ยาเพมิ่ เติม จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกิต
ว๓๑๒๔๔ ชวี วทิ ยาเพิ่มเตมิ จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกิต
ว๓๑๒๖๑ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หนว่ ยกิต
ว๓๑๒๖๒ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกติ
ว๓๑๒๘๑ วทิ ยาการคานวณ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกติ
ว๓๑๒๘๒ การออกแบบ และเทคโนโลยี จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒.๐ หน่วยกติ
ว๓๒๒๑๑ ฟิสกิ สเ์ พิ่มเติม จานวน ๘๐ ชั่วโมง ๒.๐ หน่วยกิต
ว๓๒๒๑๒ ฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๓๒๒๒๓ เคมีเพมิ่ เติม จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๓๒๒๒๔ เคมเี พิ่มเติม จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๓๒๒๔๓ ชวี วทิ ยาเพิ่มเตมิ จานวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๓๒๒๔๔ ชีววิทยาเพ่ิมเตมิ จานวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๕ หน่วยกิต
ว๓๒๒๖๑ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หนว่ ยกิต
ว๓๒๒๖๒ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๓๐๒๘๑ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกติ
ว๓๒๒๗๑ วทิ ยาการคานวณ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๓๒๒๘๒ การออกแบบ และเทคโนโลยี จานวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๓๒๒๗๑ วทิ ยาการคานวณ
อสิ ลามวทิ ยาลัยแหง่ ประเทศไทย หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ว๓๒๒๘๒ การออกแบบ และเทคโนโลยี จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกติ 59
ว๓๓๒๑๑ ฟิสกิ ส์เพม่ิ เติม จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒.๐ หน่วยกิต
ว๓๓๒๑๒ ฟสิ กิ ส์เพม่ิ เติม จานวน ๘๐ ชั่วโมง ๒.๐ หนว่ ยกิต
ว๓๓๒๑๑ ฟิสิกสเ์ พม่ิ เติม จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒.๐ หน่วยกิต
ว๓๓๒๑๒ ฟสิ ิกสเ์ พิ่มเติม จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒.๐ หนว่ ยกิต
รายวิชาเพ่ิมเติม (ต่อ) จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๓๓๒๒๓ เคมีเพม่ิ เติม จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หนว่ ยกิต
ว๓๓๒๒๔ เคมเี พ่ิมเติม จานวน ๖๐ ช่วั โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๓๓๒๔๓ ชวี วิทยาเพมิ่ เตมิ จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๓๓๒๔๔ ชวี วทิ ยาเพิ่มเติม จานวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ
ว๓๓๒๖๑ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ จานวน ๖๐ ชั่วโมง ๑.๕ หนว่ ยกิต
ว๓๓๒๖๒ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ๑.๐ หนว่ ยกติ
ว๓๓๒๘๑ วทิ ยาการคานวณ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกิต
ว๓๓๒๘๒ การออกแบบ และเทคโนโลยี
อสิ ลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
คาอธบิ ายรายวชิ า ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย 60
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
รหสั วิชา ว๒๑๑๑๒
มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๑ คาอธบิ ายรายวิชา
วิชา วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ฯ
จานวน๑.๕ หน่วยกิต จานวน ๓ คาบ /สปั ดาห์
ศึกษาวิเคราะห์สถานะของสาร ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนสถานะ ผลของความร้อนที่มีต่อการ
เปลี่ยนแปลงของสาร การถ่ายโอนพลังงานความร้อนชั้นบรรยากาศผลของรังสีจากดวงอาทิตย์ต่อบรรยากาศ
อุณหภูมิอากาศความดันอากาศความช้ืนอากาศลมเมฆฝนพายุฟ้าคะนองพายุหมุนเขตร้อนมรสุมการพยากรณ์
อากาศการเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิอากาศของโลกมลพิษทางอากาศ
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสืบเสาะหาความรู้การสารวจตรวจสอบการสืบค้นข้อมูลและ
การอภิปรายเพ่ือให้เกิดความรู้ความคิดความเขา้ ใจสามารถส่ือสารส่งิ ท่เี รียนรู้มีความสามารถในการตัดสนิ ใจนา
ความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันมจี ิตวทิ ยาศาสตร์จรยิ ธรรมคณุ ธรรมและค่านยิ มท่เี หมาะสม
รหัสตวั ช้ีวดั
ว ๒.๒ ม.๑/๑
ว ๒.๓ ม.๑/๑ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗
ว ๓.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗
รวมทั้งหมด ๑๕ ตัวช้ีวดั
อิสลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย 61
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
คาอธบิ ายรายวชิ า
รหัสวิชา ว๒๑๑๑๑ วชิ า วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ฯ
มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ จานวน๑.๕ หนว่ ยกิต จานวน ๓ คาบ / สปั ดาห์
ศึกษา วิเคราะห์ ความหมายของวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ลักษณะสาคัญของ
นักวิทยาศาสตร์ สารรอบตัว สมบัติของสาร การจาแนกสารด้วยสถานะ เนื้อสาร และขนาดอนุภาคของสาร
การเปลี่ยนแปลงของสาร สารบริสุทธิ์และสารผสม สมบัติของสารบริสุทธิ์และสารผสม การใช้ความรู้ทางเคมี
ให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้สารเคมีในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย การศึกษาชีววิ ทยา
โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ศึกษาประเภทโครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนประกอบภายในเซลล์สิ่งมีชีวิต
ด้วยกล้องจุลทรรศน์ ศึกษากระบวนการลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ด้วยวิธีการแพร่และการออสโมซิส
ศึกษาการดารงชีวิตของพืช กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง การลาเลียงสารในพืชการเจริญเติบโตของพืช
การสบื พนั ธ์ขุ องพชื และเทคโนโลยชี วี ภาพของพืช
โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต
การวิเคราะห์ การทดลองการอภิปราย การอธิบาย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี
ความสามารถในการตดั สนิ ใจ การใชส้ ่อื ออนไลน์ในการเรียนรู้ สือ่ สารสิ่งทเ่ี รียนร้แู ละนาความร้ไู ปประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชีวติ ประจาวัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ มคี ุณธรรม และจรยิ ธรรม
รหสั ตัวชีว้ ัด
ว ๑.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ม.๑/๑๐ ม.๑/
๑๑
ม.๑/๑๒ ม.๑/๑๓ ม.๑/๑๔ ม.๑/๑๕ ม.๑/๑๖ ม.๑/๑๗ ม.๑/๑๘
ว ๒.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ม.๑/๑๐
รวม ๒๘ ตัวชว้ี ดั
อิสลามวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย 62
หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ว ๒๑๒๘๑
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑ คาอธบิ ายรายวิชา
ทักษะวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ฯ
เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกติ
ศึกษาวิเคราะห์ ตั้งคาถามที่กาหนดประเด็นหรือตัวแปรที่สาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือศึกษา
ค้นคว้าเรื่องที่สนใจได้อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้ สร้างสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได้ และวางแผนการ
สารวจตรวจสอบหลากหลายวิธี เลือกเทคนิควิธีการสารวจตรวจสอบทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ที่ได้ผล
เที่ยงตรงและปลอดภัย โดยใช้วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม รวบรวมข้อมูลจัดกระทาข้อมูลเชิงปริมาณ และ
คุณภาพ วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของประจักษ์พยานกับข้อสรุป ทั้งที่สนับสนุนหรือขัดแย้งกับ
สมมติฐานและความผิดปกติของข้อมูลจากการสารวจตรวจสอบ สร้างแบบจาลอง หรือรูปแบบ ที่อธิบายผล
หรือแสดงผลของการสารวจตรวจสอบ สร้างคาถามท่ีนาไปสู่การสารวจตรวจสอบ ในเร่ืองที่เกี่ยวข้อง และ
นาความรู้ที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการและผลของโครงงาน หรือ
ชิ้นงานให้ผู้อื่นเข้าใจ บันทึกและอธิบายผลการสังเกตการสารวจตรวจสอบ ค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้
ต่างๆ ให้ได้ข้อมูลที่เช่ือถือได้ และยอมรับการเปลี่ยนแปลงความรู้ท่ีค้นพบ เมื่อมีข้อมูลและประจักษ์พยานใหม่
เพิ่มขึ้นหรือโต้แย้งจากเดิม จดั แสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรืออธิบายเก่ียวกับแนวคิด กระบวนการ และ
ผลของโครงงานหรือชน้ิ งานใหผ้ ้อู ื่นเข้าใจ และมีจติ วทิ ยาศาสตร์
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสงิ่ ทีเ่ รียนรู้ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ นา
ความรูไ้ ปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
๑. มีเจตคติทางวิทยาศาสตร์ และมีเจตคติทีด่ ีต่อวิชาวทิ ยาศาสตร์
๒. มีความเข้าใจเกยี่ วกับวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์และอธิบายทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
๓. มีทกั ษะการสังเกต การวัด การจัดจาแนกประเภท การหาความสมั พันธ์ของพน้ื ที่ การจัดกระทา
และสื่อความหมายข้อมูลเบื้องต้น รวมท้งั การลงความเหน็ จากข้อมูล
๔. ทากจิ กรรมทน่ี าไปส่คู วามเขา้ ใจเกี่ยวกับ การตง้ั สมมติฐาน ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม และตวั แปร
ควบคมุ การทดลอง และสามารถการตีความหมายขอ้ มูลจากผลการทดลอง
๕. มคี วามเข้าใจเกยี่ วกับนิยามเชงิ ปฏิบัติการ
๖. มที ักษะในการออกแบบและทาการทดลองเพื่อเก็บรวบรวมขอ้ มูลทางวิทยาศาสตร์
๗. มีทักษะในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และสามารถนาเสนอในรปู แบบของแฟม้ สะสมผลงาน
รวมทั้งหมด ๗ ผลการเรียนรู้
อิสลามวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย 63
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
คาอธบิ ายรายวชิ า
ว ๒๑๒๘๒ วทิ ยาศาสตรก์ ับการแก้ปญั หา กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ฯ
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๔๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต
ศึกษา วิเคราะห์ สารวจ ตรวจสอบ และทดลองการใช้เครื่องมือ และหน่วยในการวัดปริมาตรต่างๆ
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ประวัติและลักษณะนิสัยการทางานของนักวิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวน
สืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา มีความสามารถในการสารวจ ตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลและการ
อภปิ รายคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ความรทู้ ีไ่ ด้
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและเห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการ
ดาเนินชีวิตประจาวนั สามารถสื่อสารทัง้ ทีเรยี นรู้ มีจติ สาธารณะ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นิยมทพ่ี ึงประสงค์
ผลการเรยี นรู้
๑. ตระหนกั ถึงบทบาทของผลกระทบของผลผลติ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ่มี ตี อ่ มนุษย์
๒. ทดลองและอธิบายทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขน้ั พ้ืนฐาน
๓. นาวธิ ีการทางวิทยาศาสตรไ์ ปใช้ในการแกป้ ญั หาและเป็นประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน
๔. ทดลองและเลือกใช้เครื่องมอื บางชนิดมาใชใ้ นการวดั และการขยายขอบเขตจากัดของประสาท
สมั ผสั ได้อยา่ งเหมาะสม
๕. อธิบายคุณลักษณะนสิ ยั ท่ีสาคญั ของนักวิทยาศาสตรแ์ ละสามารถฝึกฝนใหม้ คี ุณลกั ษณะดังกลา่ ว
รวมทังสิ้น ๕ ผลการเรียนรู้
อิสลามวทิ ยาลัยแห่งประเทศไทย
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
64
คาอธบิ ายรายวชิ า
ว ๒๑๒๘๓ สะเต็มศึกษา ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ฯ
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๑
เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕หน่วยกติ
ศึกษาความหมายของสะเต็ม (STEM) โดยศึกษาความหมายของแต่ละองค์ประกอบของ STEM และ
บอกความเป็น (S = Science , T = Technology , E = Engineering , M = Mathematics) ที่มีอยู่ใน
อุปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่ในชีวิตประจาวัน ค้นหาทักษะในตัวเองเทียบกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วย
กระบวนการการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้พร้อมกับการเรียนรู้ทักษะที่จาเป็นของทศวรรษที่ ๒๑ โดยใช้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ
และแกป้ ัญหา นาความร้ไู ปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้ มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มที่เหมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. บอกที่มาของวชิ าสะเต็มศึกษา (STEM)ได้
๒. อธิบายความหมายของ สะเตม็ โดยแยกเป็น S , T , E , M ได้
๓. บอกความเปน็ S = Science , T = Technology , E = Engineering , M = Mathematics
ในอุปกรณ์ต่างๆในชีวิตประจาวนั ได้
๔. บอกทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ ่ตี วั เองมีและเทยี บกบั ทักษะทจ่ี าเปน็ ในทศวรรษที่ ๒๑ ได้
๕. สามารถพฒั นาตนเองใหม้ ีทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะท่ีจาเป็นในทศวรรษท่ี ๒๑
รวมท้ังหมด ๕ผลการเรยี นรู้
อิสลามวทิ ยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
65
ว ๒๑๒๘๔ คาอธิบายรายวชิ า
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรียนท่ี ๒
สะเต็มศกึ ษา ๒ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ฯ
เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกติ
ศึกษากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรียนรู้การใช้เทคนิค ๕W๑H เรียนรู้การแก้ปัญหาแบบ STEM
ประกอบด้วย ๖ ขั้นตอน แก้ปัญหาจากกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน และความรู้
เกย่ี วกับ STEM สร้างแบบจาลองชิน้ งานจากการทากิจกรรมการแกป้ ัญหา โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
การสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ
และแก้ปัญหา นาความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และนาไปใชใ้ นการเรียนร้กู จิ กรรมตา่ งๆได้
2. อธบิ ายความหมายของเทคนิค ๕W๑H พรอ้ มกบั นาแนวทางของเทคนิคนี้ไปใชไ้ ด้
3. อธิบายขนั้ ตอนการแกไ้ ขปัญหาแบบ STEM
4. สามารถนาวิธกี ารแกไ้ ขปญั หาแบบ STEM ไปใชใ้ นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมได้
5. สามารถสรา้ งแบบจาลองช้ินงานจากกิจกรรมการแก้ไขปญั หาได้
รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้
อสิ ลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย
หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
66
คาอธบิ ายรายวชิ า
รหัสวชิ า ว ๒๑๒๑๑ วทิ ยาการคานวณ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๑ หน่วยกิต (๒คาบ/สัปดาห์)
ศึกษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคัดเลอื กคุณลักษณะทจ่ี าเป็นตอ่ การแก้ปัญหา ข้ันตอนการแก้ปัญหา
การเขียนรหัสลาลองและผังงาน การเขียนออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายที่มีการใช้งานตัวแปร
เงื่อนไข และการวนซ้า เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การรวบรวบรวมข้อมูลปฐมภมู ิ การ
ประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือกและประเมินผลเพื่อตัดสินใจ ซอฟต์แวร์และบริการบนอินเตอร์เน็ตที่ใช้
ในการจัดการข้อมูล แนวทางการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศให้ปลอดภัย การจัดการอัตลักษณ์ การพิจารณา
ความเหมาะสมของเน้อื หา ข้อตกลงและข้อกาหนดการใชส้ ื่อและแหล่งข้อมลู
นาแนวคิดเชิงนามธรรมและขั้นตอนการแก้ปัญหา ไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรม หรือการ
แกป้ ัญหาในชีวิตจริง รวบรวมข้อมูลและสร้างทางเลือก ในการตัดสินใจได้อย่างมีประสทิ ธิภาพและตระหนักถึง
การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศสารอย่างปลอดภัย เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ และไม่สร้างความเสียหาย
ใหแ้ ก่ผ้อู น่ื
อสิ ลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ผลการเรยี นรู้
1. ออกแบบอลั กอริทมึ ทใี่ ช้แนวคิดเชงิ นามธรรมเพ่ือแก้ปญั หาหรอื อธิบายการทางานทพ่ี บในชวี ติ จรงิ
2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย เพอื่ แก้ปญั หาทางคณิตศาสตรห์ รือวทิ ยาศาสตร์
3. รวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ ประมวลผล ประเมินผล นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศ ตาม
วัตถุประสงคโ์ ดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือบริการบนอนิ เทอร์เนต็ ที่หลากหลาย
4. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ใช้ส่อื และแหลง่ ขอ้ มูลตามข้อกาหนดและขอ้ ตกลง
67
คาอธบิ ายรายวชิ า
ว ๒๑๒๑๒ วิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ฯ
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๐.๕ หน่วยกิต (๑คาบ/สปั ดาห์)
ศึกษา อธิบายความหมายของเทคโนโลยี วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ
เทคโนโลยีการทางานของระบบทางเทคโนโลยี ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากร โดยวิเคราะห์
เปรียบเทียบและเลือกข้อมูลที่จาเป็นเพื่อออกแบบวิธีการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันในด้านการเกษตรและ
อาหาร และสร้างชิ้นงานหรือพัฒนาวิธีการโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ
อปุ กรณ์ เครือ่ งมอื ในการแก้ปญั หาได้อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย
อิสลามวทิ ยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนา
เทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
ผลการเรยี นรู้
๑. อธิบายแนวคิดหลักของเทคโนโลยใี นชวี ติ ประจาวนั และวิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยทสี่ ่งผลต่อการ
เปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี
๒. ระบุปญั หาหรือความต้องการในชวี ิตประจาวัน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมลู และแนวคดิ ที่เกย่ี วกับ
ปัญหา
๓. ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา โดยวเิ คราะห์เปรยี บเทยี บ และตัดสินใจเลอื กข้อมลู ทีจ่ าเปน็ นาเสนอ
แนวทางการแกป้ ญั หาใหผ้ ูอ้ น่ื เขา้ ใจ วางแผนและดาเนนิ การแกป้ ญั หา
๔. ทดสอบ ประเมนิ ผล และระบขุ ้อบกพร่องทเ่ี กิดขึ้น พร้อมท้ังหาแนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข และ
นาเสนอผลการแกป้ ัญหา
๕. ใช้ความรแู้ ละทักษะเก่ียวกับวสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟา้ หรืออิเล็กทรอนิกสเ์ พื่อ
แกป้ ัญหาได้อย่างถูกตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภยั
รวม ๕ ผลการเรยี นรู้
68
รหสั วชิ า ว๒๒๑๑๑ คาอธบิ ายรายวชิ า
มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑
วิชา วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ฯ
จานวน๑.๕ หน่วยกติ จานวน ๓ คาบ / สปั ดาห์
อิสลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ศึกษาเกี่ยวกับระบบร่างกายมนุษย์ ระบบหายใจ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบหายใจ
การหายใจ การดูแลรักษาอวัยวะในระบบหายใจ ระบบขับถ่าย โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบ
ขับถ่าย กลไกการกาจัดของเสีย การดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด โครงสร้างและ
หน้าที่ของอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด การทางานของระบบหมุนเวียนเลือด การดูแลรักษาอวัยวะในระบบ
หมุนเวียนเลือด ระบบประสาท โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาท การทางานของระบบ
ประสาท การดูแลรักษาอวัยวะในระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบ
สืบพันธุ์เพศชายและเพศหญงิ ฮอร์โมนเพศ การปฏิสนธิและการตงั้ ครรภ์ การคมุ กาเนิด ศึกษาเกี่ยวกับการแยก
สารผสม การระเหยแห้ง การตกผลึก การกล่ัน โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย การนา
วิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ศึกษาเกี่ยวกับสารละลาย สภาพละลายได้ของสาร ความ
เขม้ ข้นของสารละลาย การใชส้ ารละลายในชีวติ ประจาวัน
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต
การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์
จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ ม
ตัวช้วี ัด
ว ๑.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙ ม.๒/๑๐
ม.๒/๑๑ ม.๒/๑๒ม.๒/๑๓ม.๒/๑๔ม.๒/๑๕ม.๒/๑๖ม.๒/๑๗
ว ๒.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖
รวม ๒๓ ตวั ชวี้ ัด
69
อิสลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
รหัสวชิ า ว๒๒๑๑๒ คาอธบิ ายรายวิชา
มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๒
วชิ า วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ฯ
จานวน๑.๕ หนว่ ยกิต จานวน ๓ คาบ / สัปดาห์
ศึกษาเกี่ยวกับแรงและการเคลื่อนที่ แรง แรงดันในของเหลว แรงพยุง แรงเสียดทาน โมเมนต์ของแรง
แรงในธรรมชาติ การเคลื่อนที่ ระยะทางและการกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว ศึกษาเกี่ยวกับงานและพลังงาน
งาน กาลัง เครื่องกลอย่างง่าย พลังงาน ประเภทของพลังงานกล กฎการอนุรักษ์พลังงาน ศึกษาเกี่ยวกับโลก
และการเปลี่ยนแปลง เช้ือเพลิงซากดึกดาบรรพ์ ถา่ นหิน หินน้ามัน ปิโตรเลียม พลังงานทดแทน โครงสรา้ งของ
โลก การเปลี่ยนแปลงของโลก ทรัพยากรดิน กระบวนการเกิดดิน หน้าตัดข้างของดิน ปัจจัยในการเกิดดิน
สมบัติของดิน การปรับปรุงคุณภาพของดิน แหล่งน้า น้าบนดิน น้าใต้ดิน การใช้ประโยชน์จากแหล่งน้า ภัย
พิบัตทิ ่ีเกดิ จากนา้
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสงั เกต การ
วิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี
ความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์
จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ ม
ตัวชว้ี ัด
ว ๒.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙ ม.๒/๑๐
ม.๒/๑๑ ม.๒/๑๒ม.๒/๑๓ม.๒/๑๔ม.๒/๑๕
ว ๒.๓ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖
ว ๓.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙ ม.๒/๑๐
รวม ๓๑ ตวั ช้ีวัด
อสิ ลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย
หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
70
รหัสวชิ า ว ๒๒๒๘๔ คาอธบิ ายรายวชิ า
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๑
วิทยาศาสตร์เพมิ่ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ฯ
เวลา ๔๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ
ศึกษา สังเกต สารวจตรวจสอบ สืบค้น ตั้งคาถาม ตั้งสมมติฐาน สังเคราะห์ ทาการทดลอง วิเคราะห์
สังเคราะห์ และอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติของแสง สมบัติของแสง ได้แก่ การสะท้อนของแสง และการหักเห
ของแสง โดยวิเคราะห์การเกิดภาพจากกระจกเงาราบ และการเกิดภาพจากกระจกเงาโค้ง การเกิดภาพจาก
เลนส์นูน และการเกิดภาพจากเลนส์เว้า คานวณหาความยาวโฟกัส ระยะภาพ ระยะวัตถุ และกาลังขยาย ของ
ภาพที่เกิดจากกระจกเงาราบ กระจกเงาโค้ง และเลนส์ชนิดต่างๆ ทาการทดลองการกระจายของแสงขาวและ
การรวมสเปกตรัม การเกดิ รุ้ง สีของท้องฟ้า การเดินทางของแสงผ่านตัวกลางรูปแบบต่างๆ การผสมแสงสี และ
การเห็นวัตถุในแสงสีต่างๆ การเห็นภาพติดตา และความผิดปกติของสายตาประเภทต่างๆ อธิบายหลักการ
ทางานของทัศนูปกรณ์บางชนดิ
โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด
ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหา นาความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวันได้ มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม และค่านยิ มทีเ่ หมาะสม
ผลการเรยี นรู้
๑. อธบิ ายเกีย่ วกับปรากฏการณท์ างธรรมชาติของแสงได้
๒. เขียนแผนภาพเพ่ืออธิบายสมบัติการสะท้อนของแสง รวมทั้งแสดงการเกิดภาพจากกระจกเงาราบ
กระจกนูน และกระจกเว้าได้
๓. เขียนแผนภาพเพื่ออธิบายสมบัติการหักเหของแสง รวมทั้งแสดงการเกิดภาพจากเลนส์นูนและ
เลนส์เวา้ ได้
๔. ทาการทดลองเพื่อศึกษาองค์ประกอบของแสงขาวและอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่
เกยี่ วขอ้ งได้
๕. อธิบายการผสมแสงสี และการมองเห็นวัตถุในสภาพแสงสีต่างๆได้
๖. อธบิ ายหลักการทางานของทัศนูปกรณ์ ได้แก่ กล้องจลุ ทรรศน์ และกล้องโทรทรรศน์
๗. อธิบายความผิดปกติของสายตาประเภทต่างๆและอธิบายวิธีการแก้ไขความผิดปกติดังกล่าวโดย
การใชท้ ัศนอปุ กรณ์
อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย หลักสูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
รวมท้ังหมด ๗ ผลการเรียนรู้
71
คาอธบิ ายรายวชิ า
ว ๒๒๒๘๑ เรม่ิ ตน้ โครงงานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ฯ
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต
ศึกษา วิเคราะห์ สืบค้นข้อมูล และอธิบายลักษณะของนักวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางานของ
นกั วทิ ยาศาสตร์ การต้ังสมมติฐานจากปัญหา หรือสถานการณ์ ออกแบบการทดลองกาหนดและควบคุมตวั แปร
กาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ ออกแบบวิธีการทดลอง เลือกใช้อุปกรณ์ และการปฏิบัติการทดลอง บันทึกข้อมูล
สรุปผลข้อมูล วิเคราะห์โครงงานวิทยาศาสตร์ การคดิ วางแผนการทดลอง จัดทาเคา้ โครงงานวิทยาศาสตร์ การ
ออกแบบดดั แปลงการทดลอง กาหนดวัสดอุ ปุ กรณ์ตา่ งๆในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมแกป้ ญั หา
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ มีความสามารถใน
การคิดแก้ปัญหาการสื่อสารการใช้เทคโนโลยีการสืบค้นข้อมูล และการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด
ความเข้าใจใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทางานสามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการดารงชีวิต
และดูแลสิ่งแวดล้อมมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่เหมาะสมและเข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสังคมและ
ส่งิ แวดลอ้ มเกยี่ วขอ้ งสัมพนั ธ์กนั
ผลการเรียนรู้
๑. เรยี นรลู้ ักษณะของนกั วทิ ยาศาสตร์ และกระบวนการทางานของนกั วยิ าศาสตร์
๒. ต้งั สมมตฐิ านจากปญั หา หรอื สถานการณ์ต่างๆได้
๓. ออกแบบการทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมติฐานโดยมกี ารกาหนดและควบคมุ ตวั แปรต่างๆ และ
กาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั ิการได้
๔. ออกแบบวิธกี ารทดลอง เลือกใชอ้ ปุ กรณ์ และลงมือทาการทดลองได้
๕. บันทึกข้อมูลทสี่ ามารถ อ่านเขา้ ใจง่าย และสรปุ ผลของขอ้ มูลจากการศกึ ษาทดลองได้
๖. วิเคราะหโ์ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ และมีแนวคิดในการวางแผนการทดลอง รวมถึงจัดทาเค้าโครงงาน
วิทยาศาสตรไ์ ด้
อสิ ลามวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๗. มคี วามคดิ รเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ในการแสดงความคิดเหน็ การออกแบบหรือดดั แปลงการทดลอง
ตลอดจนวสั ดอุ ปุ กรณ์ต่างๆในการทากิจกรรมแกป้ ัญหา
๘. มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จิตวทิ ยาศาสตร์ และความสามารถในการแกป้ ัญหาโดยใช้
วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์
รวมทั้งส้นิ ๘ ผลการเรียนรู้
72
คาอธบิ ายรายวชิ า
ว ๒๒๒๘๕ สะเต็มศึกษา ๓ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ฯ
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๑
เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ
ศึกษาการแก้ปัญหาโดยใช้หลักการแก้ไขปัญหาทางด้านวิศวกรรม ๖ ขั้นตอน เปรียบเทียบกับการ
แก้ไขปัญหาโดยหลักวิศวกรรมกับแนวทางการเรียนรู้แบบ STEM บอกตัวอย่างสิ่งของในชีวิตประจาวัน พร้อม
เขียนการใช้หลักการด้านวิศวกรรม และขั้นตอนการแก้ปัญหาแบบ STEM โดยใช้กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ
และแกป้ ญั หา นาความรู้ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม และค่านิยมท่เี หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อธิบายหลักการแกป้ ญั หาตามหลักวิศวกรรม ๖ ขั้นตอนได้
2. เปรียบเทยี บการใช้หลกั วศิ วกรรม ๖ ขั้นตอน กับการแก้ไขปัญหาแบบ STEM ได้
3. สามารถยกตวั อยา่ งสง่ิ ของทพ่ี บในชวี ิตประจาวันและบอกหลักการในการแก้ไขปัญหาโดยใชห้ ลกั
วิศวกรร ๖ ข้นั ตอน
4. สามารถยกตวั อยา่ งสงิ่ ของที่พบในชวี ิตประจาวนั และบอกหลักการในการแก้ไขปัญหาโดยใช้
หลกั การแก้ไขปัญหาแบบ STEM
อสิ ลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
รวมทั้งหมด ๔ ผลการเรยี นรู้
73
ว ๒๒๒๘๖ คาอธิบายรายวชิ า
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒
สะเตม็ ศึกษา ๔ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ฯ
เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต
ศึกษาขั้นตอนการทางานแบบ STEM ๖ ขั้นตอน ระบุการแก้ไขปัญหาจากเครื่องมืออานวยความ
สะดวกต่างๆ ในชีวิตประจาวัน บอกแนวคิดในการแก้ไขปัญหาจากเครื่องมือในปัจจุบันไปยังเครื่องมือในอดีต
บอกแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักการทางานแบบ STEM ๖ ขั้นตอน แก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ที่
กาหนด กิจกรรมการแก้ไขปัญหาแบบ STEM โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้
การแกป้ ัญหา
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ
และแกป้ ัญหา นาความร้ไู ปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม
ผลการเรยี นรู้
อิสลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย
หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
1. สามารถนาหลกั การการแกไ้ ขปญั หาแบบ STEM มาอธบิ ายองคป์ ระกอบจากสิ่งของเคร่ืองใช้ไป
ฟา้ ในบ้านได้
2. สามารถบอกความเป็นมาจากอดีตถึงปัจจบุ ันของเครื่องใชต้ ่างๆในชีวิตประจาวัน
3. อธบิ ายความเปน็ มาจากอดตี ถึงปจั จบุ ันของเครื่องใช้ตา่ งๆในชีวติ ประจาวันโดยนาหลักการการ
แกไ้ ขปัญหาแบบ STEM
4. สามารถทากจิ กรรมการแกไ้ ขปญั หาแบบ STEM ได้
รวมทั้งหมด ๔ผลการเรยี นรู้
74
คาอธบิ ายรายวิชา
ว ๒๒๒๑๑ วชิ าวิทยาการคานวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ฯ
ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรียนท่ี จานวน ๑ หน่วยกิต (๒ คาบ/สัปดาห์)
ศึกษาแนวคิดเชิงคานวณ การแก้ปัญหาโดยใช้แนวคิดเชิงคานวณ การเขียนโปรแกรมที่มีการใช้
ตรรกะและฟังก์ชั่น องค์ประกอบและหลักการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสื่อสาร แนวทางการ
อิสลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ปฏิบัติเมื่อพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ วิธีการสร้างและ
กาหนดสิทธคิ วามเป็นเจา้ ของผลงาน
นาแนวคิดเชงิ คานวณไปประยุกต์ใชใ้ นการเขียนโปรแกรมหรือการแกป้ ญั หาในชีวิตจรงิ สร้างและ
กาหนดสทิ ธิ์การใชข้ ้อมลู ตระหนกั ถึงผลกระทบในการเผยแพรข่ ้อมูล
ผลการเรียนรู้
๑. ออกแบบอลั กอรทิ มึ ท่ใี ชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหา หรือการทางานที่พบในชีวิตจริง
๒. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมทใี่ ชต้ รรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา
๓. อภปิ รายองค์ประกอบและหลกั การทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยกี ารสือ่ สาร เพอื่
ประยกุ ต์ ใชง้ านหรือแก้ปญั หาเบื้องต้น
๔. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย มคี วามรับผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธ์ิในการเผยแพร่
ผลงาน
รวม ๔ ผลการเรยี นรู้
75
อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
คาอธิบายรายวชิ า
ว ๒๒๒๑๒ วชิ า การออกแบบ และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ฯ
ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ จานวน ๐.๕ หนว่ ยกติ (๑คาบ/สัปดาห์)
ศึกษาสาเหตุหรือปจั จัยท่ีทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยี ตลอดจนคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยี
ในอนาคต เลอื กใช้เทคโนโลยโี ดยคานงึ ถึงผลกระทบที่เกดิ ขนึ้ ต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้
ทักษะ และทรัพยากร โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบและเลือกข้อมูลที่จาเป็นเพื่อออกแบบวิธีการแก้ปัญหาใน
ชุมชนหรือท้องถ่ินในด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม การเกษตรและอาหาร และสร้างชิ้นงานหรือพัฒนาวิธีการโดย
ใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม และปลอดภัย
ผลการเรยี นรู้
๑. คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นโดยพิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการ
เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคานึงถึงผลกระทบท่ี
เกดิ ข้นึ ต่อชวี ติ สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม
๒. ระบุปัญหาหรือความต้องการในชุมชนหรือท้องถิ่น สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล
และแนวคิดทเ่ี ก่ียวข้องกับปญั หา
๓. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จาเป็นภายใต้
เงื่อนไขและทรัพยากรที่มีอยู่ นาเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ วางแผนขั้นตอนการทางานและ
ดาเนนิ การแก้ปญั หาอย่างเป็นขั้นตอน
๔. ทดสอบ ประเมินผล และอธิบายปัญหาหรอื ข้อบกพร่องท่ีเกิดขึ้น ภายใตก้ รอบเงื่อนไข พร้อมทั้งหา
แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข และนาเสนอผลการแกป้ ญั หา
๕. ใช้ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวสั ดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแกป้ ัญหา
หรอื พฒั นางานได้อยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภัย
รวม ๕ ผลการเรยี นรู้
อสิ ลามวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
76
คาอธบิ ายรายวิชา
รหสั วิชา ว๒๓๑๑๑ วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ฯ
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓
จานวน ๑.๕ หน่วยกติ เวลา ๖๐ ชั่วโมง
ศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศ องค์ประกอบของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ พันธุกรรม โครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน การถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ความผิดปกติทางพันธุกรรม การดัดแปรทางพันธุกรรม ก ารเกิดคลื่น
ส่วนประกอบของคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สเปกตรัมคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า ประโยชน์และการป้องกันอันตราย
จากคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า การสะท้อนของแสงบนกระจกเงาราบ การสะท้อนของแสงบนกระจกเงาโค้ง การหกั เห
ของแสงผ่านเลนส์ การทดลองการหักเหของแสง การเกิดภาพจากเลนส์บาง ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับแสง เช่น
รุ้ง มิราจ และการทางานของทัศนอุปกรณ์ เช่น แว่นขยาย กระจกโค้งจราจร การมองเห็นวัตถุ ความสว่างของ
แสง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดูกาล การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ การเกิด
ข้างขึ้นข้างแรม การเกิดน้าขึ้นน้าลง น้าเป็น น้าตาย เทคโนโลยีอวกาศ กล้องโทรทรรศน์ ดาวเทียมและยาน
อวกาศ นักบินอวกาศ โครงการสารวจอวกาศ
โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสงั เกต การ
วิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี
ความสามารถในการตัดสินใจสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์
จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านยิ ม
ตวั ชีว้ ดั ม.๓/๑ ,ม.๓/๒ , ม.๓/๓ ,ม.๓/๔ ,ม.๓/๕, ม.๓/๖, ม.๓/๗ , ม.๓/๘
ว ๑.๓ ม.๓/๑๐ ,ม.๓/๑๑, ม.๓/๑๒ ,ม.๓/๑๓ ,ม.๓/๑๔ ,ม.๓/๑๕ ,ม.๓/๑๖,ม.๓/๑๗ ,ม.๓/๑๘ ,
ว ๒.๓ ม.๓/๑๙,ม.๓/๒๐, ม.๓/๒๑ ,ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔
รวม ๒๔ ตวั ช้ีวดั
อิสลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
77
คาอธิบายรายวิชา
รหสั วชิ า ว๒๓๑๑๒ วิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ฯ
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๓
จานวน ๑.๕ หน่วยกติ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง
ศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศ องค์ประกอบของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ วัสดุในชีวิตประจาวัน สมบัติทางกายภาพและการใช้ประโยชน์พอลิเมอร์
เซรามิก และวัสดุผสม ผลกระทบจากการใช้วัสดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามิกและวัสดุผสม ปฏิกิริยาเคมี การ
เกิดปฏิกิริยาเคมี ประเภทของปฏิกิริยาเคมี ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจาวัน ศึกษา วิเคราะห์ ปริมาณทางไฟฟ้า
กระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ ความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้ากับความต่างศักย์ กฎของโอห์ม ความต้านทาน
ตัวต้านทาน การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรมและแบบขนาน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่าย ไดโอด
ทรานซิสเตอร์ ตัวเก็บประจุ วงจรรวม การต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ พลังงานไฟฟ้าและกาลังไฟฟ้า การคานวณ
คา่ ไฟฟา้ วงจรไฟฟา้ ในบ้าน อปุ กรณไ์ ฟฟา้ และเครื่องใช้ไฟฟา้ ในบ้าน การใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งประหยดั และปลอดภยั
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต
การวิเคราะห์ การทดลองการอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
มีความสามารถในการตัดสินใจสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์
จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยม
ตัวชว้ี ัด
ว ๑.๓ ม.๓/๙, ม.๓/๑๐, ม.๓/๑๑
ว ๒.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓ , ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖, ม.๓/๗, ม.๓/๘
อิสลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย
หลักสูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ว ๒.๓ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖, ม.๓/๗, ม.๓/๘, ม.๓/๙
รวม ๒๐ ตัวชีว้ ดั
78
รหสั วชิ า ว ๒๓๒๘๑ คาอธบิ ายรายวิชา
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑
โครงงานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ฯ
จานวน ๑.๐ หน่วยกิต เวลา ๔๐ ชัว่ โมง
ศึกษาวิเคราะห์การออกแบบการทดลอง เขียนเค้าโครงโครงงาน รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ลงมือ
ปฏบิ ตั ติ ามขั้นตอน ประเมนิ ผล และนาเสนอผลการศกึ ษาคน้ คว้า
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้มีความสามารถในการ
ตัดสินใจ นาความร้ไู ปใช้ในชวี ิตประจาวัน มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มทีเ่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการออกแบบการทดลองและสามารถเขียนเค้าโครงของโครงงาน
วทิ ยาศาสตร์ได้ถกู ต้องตามข้นั ตอน
๒. ลงมือปฏบิ ตั ิงานตามข้ันตอนท่ีระบุไว้ในเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์
อิสลามวทิ ยาลัยแห่งประเทศไทย
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๓. เขยี นรายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์ไดส้ มบูรณ์และถูกต้อง
๔. สามารถประเมินผลโครงงานนาเสนอผลการศึกษาค้นคว้าและจัดแสดงผลงานของตนเองให้ผู้อื่น
รบั รู้และเข้าใจได้
๕. วเิ คราะห์โครงงานวิทยาศาสตรต์ ามรปู แบบของโครงงานวิทยาศาสตร์
79
รหัสวชิ า ว.๒๓๒๘๖ คาอธบิ ายรายวิชา
ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓
อิเล็กทรอนกิ ส์เบอื้ งต้น กลุ่มสาระวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑.๐ หนว่ ยกิต ๒ คาบ/ สปั ดาห์
ศึกษา อธิบาย สืบค้นข้อมูล กระแสไฟฟ้า สมบัติการนาไฟฟ้าของสาร การเพิ่มสมบัติการนาไฟฟ้าของ
สารกึ่งตัวนาบริสุทธ์ิ อิเล็กทรอนิคส์ เครื่องใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์พื้นฐาน
ในวงจรไฟฟ้า ลักษณะ สัญลกั ษณ์ และสมบัตขิ องชนิ้ ส่วนอเิ ล็กทรอนกิ ส์ วงจรอเิ ล็กทรอนิกส์เบื้องตน้
ปฏิบัติ ทดลอง อธิบาย อิเล็กทรอนิคส์ และระบุเครื่องใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ สัญญาณ
อเิ ล็กทรอนิกส์ และอปุ กรณ์พืน้ ฐานในวงจรไฟฟา้ ลกั ษณะ สญั ญาณ และสมบัตขิ องชิ้นส่วนอิเลก็ ทรอนิกส์วงจร
อสิ ลามวิทยาลัยแหง่ ประเทศไทย
หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
อิเล็กทรอนิกส์ วิธีต่อเข้ากับวงจรไฟฟ้า และประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ที่มีทรานซิสเตอร์ ๑ ตัว ใช้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ข้อมูลและการอภิปราย
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสง่ิ ทเ่ี รยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา
ความรไู้ ปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ มจี รยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมทเี่ หมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. อธิบายตวั ต้านทาน ไดโอด ทรานซสิ เตอร์ และทดลองต่อวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ บ้ืองต้นทม่ี ีทรานซิสเตอร์
๒. ตั้งคาถามท่ีกาหนดประเด็นหรือตัวแปรท่ีสาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือศึกษาคน้ คว้าเรื่องที่น่าสนใจได้
อย่างคลอบคลุมและเชื่อถอื ได้
๓. สรา้ งสมมตฐิ านทสี่ ามารถตรวจสอบได้ และวางแผนการสารวจตรวจสอบหลาย ๆ วธิ ี
๔. เลือกเทคนิควิธีการตรวจสอบทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพที่ได้ผลเที่ยงตรงและปลอดภัยโดยใช้วัสดุและ
เครื่องมือท่ีเหมาะสม
๕. รวบรวมข้อมูล จัดกระทาขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณและคุณภาพ
๖. วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของประจักษ์พยานกับข้อสรุป ทั้งที่สนับสนุนหรือขัดแย้งกับ
สมมตฐิ านและความผดิ ปกติของขอ้ มูลจากการสารวจตรวจสอบ
๗. สรา้ งแบบจาลอง หรอื รูปแบบท่อี ธบิ ายผลหรือแสดงผลของการสารวจตรวจสอบ
๘. สร้างคาถามที่นาไปสู่การสารวจตรวจสอบในเรื่องที่เกี่ยวข้องและนาความรู้ที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่
หรอื อธิบายเกย่ี วกับแนวคดิ กระบวนการและผลของโครงงานหรือชน้ิ งานให้ผู้อืน่ เข้าใจ
๙. บนั ทึกและอธบิ ายผลการสังเกตการณ์สารวจตรวจสอบค้นคว้าเพิ่มเตมิ จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ให้ได้ขอ้ มูลที่
เชื่อถือได้ และยอมรับการเปลี่ยนแปลงความรู้ที่ค้นพบ เม่ือมีข้อมูลและประจักษ์พยานใหม่เพิ่มขึ้นหรือโต้แย้ง
จากเดมิ
๑๐. จัดแสดงผลงาน เขียนรายงานและหรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิดกระบวนการ และผลของโครงงานหรือ
ชิ้นงานใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจ
คาอธบิ ายรายวิชา
รหสั วชิ า ว๒๓๒๑๑ วชิ าวิทยาการคานวณ กลุ่มสาระวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ จานวน ๑.๐ หน่วยกิต จานวน ๒ คาบ/สปั ดาห์ 80
ศึกษาขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน Internet of things (IoT) การเขียนโปรแกรมเพื่อพัฒนาแอป
พลิเคชัน ข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ การประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือกและประเมินผลซอฟต์แวร์หรือ
อสิ ลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
บริการบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการจัดการข้อมูล การประเมินการความน่าเชื่อถือของข้อมูลการสืบค้นหาแหล่ง
ต้นตอของข้อมูล เหตุผลวิวัติ ผลกระทบจากข่าวสารที่ผิดพลาด การรู้เท่าทันสื่อ กฎหมายที่เกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ การใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม รวบรวมข้อมูลปฐมภูมิหรือทุติยภูมิ ประมวลผล สร้าง
ทางเลือก และนาเสนอการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ออกแบบและเขียนโปรแกรม เพ่ือพัฒนาแอปพลิเค
ชันที่มีการบูรณาการกับวิชาอื่นอย่างสร้างสรรค์ ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างรู้เท่าทัน และมีความ
รับผดิ ชอบต่อสังคม
มาตรฐานและตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ว ๔.๒ ม.๓/๑ , ม.๓/๒ , ม.๓/๓ , ม.๓/๔
รวมทั้งหมด ๔ ตวั ชวี้ ดั
อสิ ลามวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย
หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
คาอธิบายรายวชิ า ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
อิสลามวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย
หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
81
คาอธบิ ายรายวิชา
รหสั วิชา ว๓๐๑๒๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ (เคมี) กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ฯ
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมงจานวน หน่วยกิต ๑.๐ หน่วยกิต
ศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบแบบจาลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รัทเทอร์ฟอร์ด โบร์ และกลุ่ม
หมอก อนุภาคมูลฐานของอะตอม สัญลักษณ์นิวเคลียร์โมเลกุล ไอออน และไอโซโทปของธาตุ วิวัฒนาการของ
การสร้างตารางธาตุและตารางธาตุในปัจจุบัน แนวโน้มสมบัติบางประการของธาตุในตารางธาตุตามหมู่และ
คาบ
ศึกษาการเกิดพันธะเคมีในโมเลกุลของสาร การเกิดพันธะโคเวเลนต์ ชนิดของพันธะโคเวเลนต์
การอ่านชื่อสารประกอบโคเวเลนต์ สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์
สมบัติของสารประกอบโคเวเลนต์ การเกิดพันธะไอออนิก การเขียนสูตรและเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก
และสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สมบัติของกรด เบส และเกลือ สารละลายอิเล็กโทรไลต์และ
นอนอเิ ล็กโทรไลต์ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
ศึกษาโครงสร้าง สมบัติ ประเภทของพอลิเมอร์ ตัวอย่างพอลิเมอร์ธรรมชาติและพอลิเมอร์สังเคราะห์
ปฏิกิริยาการสังเคราะห์พอลิเมอร์ รวมทั้งการใช้ประโยชน์และผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของพอลิเมอร์
ศึกษาและทดลองการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี อตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
ศึกษาและทดลองปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจาวันและการใช้
ประโยชน์ ปฏิกิริยารีดอกซ์ ศึกษาสมบัติของสารกัมมันตรังสีและคานวณครึ่งชีวิตและปริมาณของสาร
กมั มนั ตรังสี ประโยชน์และอนั ตรายของสารกัมมันตรังสี
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
และการอภิปราย เพ่ือใหผ้ ู้เรียนเกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถใน
การตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
และมีเจตคติท่ดี ตี อ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์
ผลการเรยี นรู้
อิสลามวิทยาลยั แห่งประเทศไทย
หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
๑. ระบวุ ่าสารเป็นธาตุหรอื สารประกอบ และอยู่ในรูปอะตอม โมเลกลุ หรือไอออนจากสูตรเคมี 82
๒. เปรียบเทียบความเหมอื นและความแตกตา่ งของแบบจาลองอะตอมของโบร์กับแบบจาลองอะตอมแบบกลุ่ม
หมอก
๓. ระบจุ านวนโปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนของอะตอม และไอออนทีเ่ กดิ จากอะตอมเดียว
๔. เขียนสญั ลักษณน์ วิ เคลยี รข์ องธาตุและระบกุ ารเป็นไอโซโทป
๕. ระบุหมู่และคาบของธาตุ และระบุว่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ หรือกลุ่ม
ธาตแุ ทรนซิชนั จากตารางธาตุ
๖. เปรียบเทยี บสมบตั กิ ารนาไฟฟา้ การให้และรบั อิเลก็ ตรอนระหว่างธาตใุ นกลุม่ โลหะกับอโลหะ
๗. สบื คน้ ข้อมลู และนาเสนอตวั อยา่ งประโยชนแ์ ละอนั ตรายท่เี กิดจากธาตเุ รพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซชิ นั
๘. ระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม และระบุจานวนคู่อิเล็กตรอนระหว่าง
อะตอมค่รู ่วมพันธะจากสูตรโครงสร้าง
๙. ระบุสภาพขัว้ ของสารท่โี มเลกุลประกอบด้วย ๒ อะตอม
๑๐. ระบุสารทเี่ กิดพนั ธะไฮโดรเจนไดจ้ ากสตู รโครงสรา้ ง
๑๑. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดของสารโคเวเลนต์กับแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลตามสภาพขั้วหรือ
การเกดิ พันธะไฮโดรเจน
๑๒. เขยี นสูตรเคมีของไอออนและสารประกอบ ไอออนิก
๑๓. ระบุว่าสารเกิดการละลายแบบแตกตัวหรือ ไม่แตกตัว พร้อมให้เหตุผลและระบุว่าสารละลายที่ได้เป็น
สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ หรือนอนอเิ ล็กโทรไลต์
๑๔. ระบสุ ารประกอบอินทรีย์ประเภทไฮโดรคารบ์ อนว่าอ่ิมตวั หรือไม่อิ่มตวั จากสตู รโครงสร้าง
๑๕. สืบค้นข้อมลู และเปรยี บเทยี บสมบัตทิ างกายภาพระหวา่ งพอลเิ มอร์และมอนอเมอร์ของพอลิเมอร์ชนิดนนั้
๑๖. ระบสุ มบตั คิ วามเปน็ กรด-เบส จากโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์
๑๗. อธิบายสมบตั ิการละลายในตวั ทาละลายชนิดตา่ ง ๆ ของสาร
๑๘. วิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับสมบัติเทอร์มอพลาสติกและเทอร์มอเซตของ
พอลเิ มอร์ และการนาพอลิ-เมอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์
๑๙. สืบค้นข้อมูลและนาเสนอผลกระทบของการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม พร้อม
แนวทางปอ้ งกันหรอื แกไ้ ข
๒๐. ระบสุ ูตรเคมขี องสารต้งั ต้น ผลิตภัณฑ์ และแปลความหมายของสญั ลักษณใ์ นสมการเคมีของปฏกิ ิรยิ าเคมี
๒๑. ทดลองและอธิบายผลของความเข้มข้น พื้นที่ผิว อุณหภูมิ ตัวเริงปฏิกิริยาที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา
เคมี
๒๒. สืบค้นข้อมูลและอธิบายปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันหรือใน
อตุ สาหกรรม
๒๓. อธิบายความหมายของปฏกิ ิริยารดี อกซ์
๒๔. อธบิ ายสมบตั ขิ องสารกมั มนั ตรงั สี และคานวณครึง่ ชีวติ และปรมิ าณของสารกัมมนั ตรงั สี