พระราชประวตั ิ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทร
มหาวชริ าลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ผเู้ รยี บเรยี งนายประสาร ธาราพรรค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระปฐมบรมราชโองการและทรงหลั่ง
ทักษิโณทกต้ังพระราชสัตยาธิษฐานในอันท่ีจะปฏิบัติตามพระปฐมบรมราช
โองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอดและครองแผ่นดินโดยธรรม เพ่ือ
ประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
เทดิ พระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทร
มหาวชริ าลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
เทดิ ไท้ องคร์ าชนั ธ มงิ่ ขวญั ปวงชาวไทย
พระเกยี รติ ธ เกรกิ ไกร กาจรไสว ในไตรภพ
พระคณุ ธ กอ่ เกอ้ื ทรงเออ้ื เฟ้อื มิรูจ้ บ
เทศไทย ล้วนนอ้ มนบ ลว้ นเคารพ องคภ์ มู ี
พระองค์ ทรงปกเกศ ทว่ั ประเทศ ล้วนสขุ ี
แกไ้ ข ไทยเปรมปรดี ิ์ สดดุ ี ทวั่ โลกา
สมเดจ็ พระขตั ติเยศ ธ ทรงเดช องคร์ าชา
สถ่ี งึ หก พฤษภา สถาปนา องคจ์ กั ริน
พระบรมราชาภเิ ษก แด่องคเ์ อก พระภมู นิ ทร์
เสรมิ ศรี ธรณนิ ทร์ เจา้ ปถพนิ ทร์ ทวั่ ถน่ิ ไทย
ปติ ิ มหามงคล ภวู ดล นริ ัตศิ ยั
ดจุ แรก ปจั จสุ มยั ทกุ หวั ใจ ไทยมน่ั คง
น้อมนบ กม้ กราบกราน พระภบู าล สมประสงค์
ปกเกศ ไทยยนื ยง ขอพระองค์ ทรงพระเจรญิ
...............................................................
ด้วยเกล้าด้วยกระหมอ่ ม ขอเดชะ
ขา้ พระพทุ ธเจา้ นายประสาร ธาราพรรค์
พระราชประวัตพิ ระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี ินทร
มหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ
มหศิ รภมู ิพลราชวรางกูร กติ ิสิรสิ มบรู ณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศราชวโรดม
บรมนาถบพติ ร พระวชริ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว
พระนามเดิมของพระองค์ “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลง
กรณ บรมจกั รยาดิศรสันตตวิ งศ เทเวศรธารง สบุ ริบาล อภคิ ณุ ปู ระการมหิตลา
ดุลเดช ภูมพิ ลนเรศวรางกูร กติ ตสิ ิรสิ มบูรณ์สวางควฒั น์ บรมขตั ติยราชกุมาร”
ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิแบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ
พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวง
พระราชสมภพ
ทรงพระราชสมภพ ณ พระท่ีน่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวัน
จันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น. เสด็จพระราชสมภพ ตรง
กับ วันจันทร์ ข้ึน 6 ค่า เดือน 9 ปีมะโรง จัตวาศก อธิกวาร จุลศักราช 1314
นับเป็นปีท่ี 7 แห่งการเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รชั กาลท่ี 9
สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
พระนาม "วชิราลงกรณ" นน้ั สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณ
วงศ์ ทรงต้ังถวาย มาจาก "วชิรญาณะ" พระนามฉายาทง้ั ในพระองคเ์ องและใน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวช ผนวกกับ "อลงกรณ์"
จากพระนามเดิมในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรนิลจินดา" หรืออาจ
แปลว่า "อสุนีบาต"ขณะเมื่อทรงพระราชสมภพน้ัน ประชาชนชาวไทยทั้ง
ประเทศท่เี ฝา้ รอคอยพระประสูติการต่างปลาบปล้ืมปีติ ชื่นชมโสมนัส แซ่ซ้อง
ในพระบุญญาธิการ ดังท่ี ศาสตราจารย์หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล ได้
บรรยายถึงบรรยากาศก่อนเวลาเสด็จพระราชสมภพ ตราบจนถึงนาทีอันเป็น
มงคลฤกษ์วา่ “...วนั นี้ ครม้ึ ฟ้าคร้มึ ฝนตง้ั แตเ่ ชา้ ฝนไม่ได้ตกมานาน นายแพทย์
ผถู้ วายการประสตู เิ ข้าประจาที่สักครู่ก็ประสูติพระราชกุมาร เวลา 17 นาฬิกา
กับ 45 นาที ในนาทีเดียวกันน้ันเอง ฝนท่ีแล้งมาตลอดฤดูก็เริ่มโปรยปราย
ละอองลงมา ดูคล้ายๆ ฟ้าก็รู้เห็นเป็นใจกับการประสูติคร้ังนี้ อารามดีใจสม
ประสงคข์ องดวงใจทกุ ๆ ดวง นายแพทยท์ ี่ถวายการประสตู ิ ซึง่ พรอ้ มทีจ่ ะบอก
แก่ที่ประชุม ณ พระที่นั่งอัมพรสถานว่า พระราชโอรส หรือ พระราชธิดา
กล่าวออกมาด้วยเสียงอันตื่นเต้นกังวานว่า ผู้ชาย แทนท่ีจะว่า พระราชโอรส
ฝนโปรยอยู่ตลอดเวลา แตรสังข์ดุริยางค์เร่ิมประโคม ทหารบรรเลงเพลง
สรรเสริญพระบารมีปืนใหญ่ท้ังบกและเรือยิงสะเทือนเล่ือนล่ัน เสียงไชโยโห่
ร้องกด็ ังอย่สู นัน่ หว่ันไหว สมใจประชาชนแลว้ ...ดวงใจทุกดวงมีความสุข...” ใน
หนังสือ สี่เจ้าฟ้า ฉบับเรียบเรียงใหม่โดย ลาวัณย์ โชตามระ เล่าว่า สยาม
มกุฎราชกุมาร เป็นทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าเพียงพระองค์เดียวที่ไม่มี ‘ชื่อเล่น’
เหมือนสมเด็จพระเชษฐภคินีหรือพระขนิษฐาอีก 3 พระองค์ อาจเพราะเป็น
‘ทูลกระหม่อมชาย’ เพียงพระองค์เดียว คาว่า ‘ชาย’ จึงเป็นเสมือนชื่อที่ใช้
แทนพระองค์
พระองค์มพี ระเชษฐภคินี คอื ทูลกระหมอ่ มหญิงอบุ ลรัตนราชกัญญา สิริ
วัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินีสองพระองค์คือ สมเด็จพระกนิษฐาธิราช
เจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลง
กรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราช
กมุ ารี และสมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งนางเธอ เจ้าฟา้ จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราช
กมุ ารี กรมพระศณสี วางควัฒน ขัตตยิ ราชนารี
พระราชพธิ สี มโภชเดือนและขน้ึ พระอู่
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหจ้ ดั พระราชพิธสี มโภชเดือนและขน้ึ พระอู่ขน้ึ ณ พระ
ท่ีน่งั อัมพรสถาน พระราชวังดสุ ติ ในระหว่างวันท่ี 14-15 กันยายน พ.ศ. 2495
โดยสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ทรงเปน็ ประธานเจรญิ พระ
พทุ ธมนตใ์ นเยน็ วนั ท่ี 14 กนั ยายน พ.ศ. 2495
เช้าวันรุ่งขึ้น (15 กันยายน) จึงมีพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ในห้องพิธี เร่ิม
ด้วยพอถึงพระฤกษ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย
เดชมหาราช ทรงจรดพระกรรบิดกรบิ พระเกศา ทรงเจมิ ทรงผูกด้ายพระขวัญ
พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา พราหมณ์ประกอบพิธีลอยกุ้ง ปลาทอง มะพร้าว
เงิน มะพร้าวทองลงในพระขันสาคร แล้วพระสงฆ์ถวายอดเิ รก ถวายพระพรลา
พระม หาร าชค รูเ ชิญ เ สด็จ ข้ึนพ ระอู่แ ละเ ห่กล่อ มเ ปิดศิวา ลัยไ กรลา ศ ตา ม
ประเพณีพธิ ีของพราหมณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอ
ดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงวางพระราชภัณฑ์ลงในพระอู่ตามพระ
ราชประเพณีแล้ว พระมหาราชครูเชิญสมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลง
กรณฯ ขึ้นพระอู่แล้ว พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทเวียน
เทียนครบรอบตามประเพณี สภาวัฒนธรรมแห่งชาติไดจ้ ัดขบั ไมม้ โหรขี บั กลอ่ ม
ถวายพระพรในวาระนี้ด้วย ในการน้ีมีการถ่ายทอดเสียงในพระราชพิธีทาง
วทิ ยุกระจายเสียงไปทัว่ ประเทศ
28 กรกฎา วันคลา้ ยวัน พระราชสมภพ
มาบรรจบ ครบรอบ พระชนั ษา
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั องคร์ าชา
พระเมตตา แผค่ มุ้ ภยั ไทยทวั่ กนั
พระดแู ล พระราชชนนี สดุ หัวใจ
พระหวงั ให้ พระองคไ์ ท้ เปย่ี มสขุ สนั ต์
พระราชกจิ ทรงบาเพ็ญ นจิ นริ นั ดร์
ทรงมงุ่ มน่ั สรา้ งเสรมิ ไทย ให้ร่งุ เรือง
ทรงห่วงใย โควดิ รา้ ย ทาลายชาติ
ทรงชว่ ยราษฎร์ ทุกวถิ ี อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
พระราชทานทรพั ย์ เพ่ือแกไ้ ข ไทยฟเู ฟื่อง
ทรงปลดเปล้ือง ลดทกุ ขภ์ ัย ทวั่ พสุธา
พระราชทาน พระบรมราโชบาย ให้นายกฯ
ไมต่ ระหนก ตอ้ งเขา้ ใจ ในปัญหา
เสยี สละ เพ่อื ความสขุ ปวงประชา
เปา้ หมายวา่ ใหโ้ รคนี้ สงบลง
ทรงจดั หา เครอ่ื งมอื แพทย์ พรอ้ มเกอ้ื หนุน
ทรงเจอื จนุ เวชภณั ฑ์ ทสี่ งู สง่
ทรงมอบถงุ ยงั ชพี ราษฎรด์ ารง
พระราชประสงค์ ลดโรครา้ ย ไดท้ ว่ั ไทย
ธ ทรงมอบ รถเอกซเรย์ ระบบดจิ ทิ ลั
เพอื่ ปอ้ งกัน รภู้ ยั ร้าย ทนั สมยั
ทง้ั รถตรวจ โรคติดเชอ้ื ชวี นริ ภยั
เครอ่ื งช่วยหายใจ แกไ้ ขได้ ทนั ทว่ งที
มีโรงครวั พระราชทาน จติ อาสา
พระกรณุ า มที ว่ั ไทย ใหส้ ขุ ี
พระราชหฤทยั เพือ่ ชาวไทย สขุ เปรมปรดี ์ิ
ซ้องสดดุ ี ขอพระองค์ ทรงพระเจรญิ
..................................................................
ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหมอ่ ม ขอเดชะ
ขา้ พระพทุ ธเจา้ นายประสาร ธาราพรรค์ ผูป้ ระพนั ธ์
การศกึ ษา
โรงเรยี นจติ รลดา
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรสี นิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระว
ชริ เกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือทรงเจริญวัยพระชนมายุได้ 4 พรรษา พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทรงเข้ารับการศึกษา
ช้ันอนุบาลที่ 1 ณ โรงเรียนจิตรลดา เมื่อเดือนกันยายน พุทธศักราช 2499
ขณะน้ันโรงเรียนน้ียังต้ังอยู่ ณ พระท่ีนั่งอุดร พระราชวังดุสิต ต่อมาในปี
พทุ ธศกั ราช 2500 จึงยา้ ยไปอยูส่ วนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ได้ทรงศึกษาอยู่
ในโรงเรียนจติ รลดา จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนจะเสด็จไปทรงศึกษาต่อ
ท่ีประเทศอังกฤษ
หนังสือ สี่เจ้าฟ้า ฉบับเรียบเรียงใหม่โดย ลาวัณย์ โชตามระ ได้เล่าถึง
เจ้าชายในช่วงวัยเยาว์ที่ศึกษาอยู่ในเมืองไทยว่า พระองค์เสด็จไปโรงเรียน
ตรงเวลาเสมอ เพราะจะตื่นบรรทมแต่เช้า ประมาณ 7 นาฬิกา เช้าวันใดไม่
ต้องทาการบ้าน เพราะทาเสร็จแล้วต้ังแต่ตอนเย็น ก็จะทรงมีเวลาเล่นได้นาน
อาจจะทรงจักรยานรอบสระกลมใหญ่ หรือบางครั้งก็เสด็จไปแวะเยี่ยมกรม
ราชองครักษ์ และกองทหารรักษาการณ์ เพ่ือทรงตรวจเร่ืองการกินอยู่ แล้วก็
เลยทรงเล่นหมากฮอสด้วยจนเวลาประมาณ 8 นาฬิกา จึงเสด็จขึ้นเพื่อสรง
น้า เสวย และเตรียมพระองค์เสด็จไปโรงเรียนจิตรลดา ที่เริ่มเรียนตั้งแต่ 9
นาฬิกา หยุดพักกลางวัน และเริ่มเรียนในภาคบ่ายอีกครั้งจนถึงเวลา 15.55
นาฬิกาจากบันทึกในหนังสือระบุว่า ทูลกระหม่อมฟ้าชาย มักจะทาวิชา
คานวณได้ดีกว่าวิชาอื่น ซึ่งมักได้คะแนนเต็มเสมอ ด้านภาษาดีพอสมควร
และวิชาที่โปรดมากอีกอย่างคือวาดเขียนและปั้นรูป
เสด็จฯ ไปทรงศกึ ษาตอ่ ในระดับประถมศึกษาทโี่ รงเรยี นคงิ สม์ ดี แควน้ ซัส
เซกส์ และศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท
ประเทศองั กฤษ ต้งั แต่ พ.ศ. 2509 จนถึง พ.ศ. 2513
เมื่อทรงพระเจริญวัยขึ้น ก็ยิ่งมีพระอุปนิสัยสมกับเป็นผู้ชาย โปรดเล่น
เคร่ืองยนต์กลไกต่างๆ อย่างเด็กผู้ชายทั้งหลาย เช่น รถยนต์ เครื่องบิน รถถัง
เรือ และโปรดทอดพระเนตรหนังสือต่างๆ ที่เกี่ยวกับการช่าง การก่อสร้าง
และมีพระนิสัยใฝ่รู้ เมื่อทรงสงสัยสิ่งใดก็จะทรงตั้งปัญหาถามด้วยความชื่น
ชอบเครื่องบินและรถถังในวัยเยาว์ จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อเติบใหญ่เข้าสู่วัย
หนุ่ม ทูลกระหม่อมฟ้าชายจะทรงเลือกศึกษาต่อด้านการทหาร ทรงศึกษา
ต่อวิชาทหารทีโ่ รงเรยี นคงิ สส์ กลู ซดิ นยี ์ ประเทศออสเตรเลีย
เสร็จแล้ว ทรงการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ (ด้าน
การทหาร) จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เม่ือ พ.ศ.
2519
เหรยี ญท่ีระลกึ ทรงจบการศกึ ษาที่โรงเรียนเสนาธกิ ารทหารบก
รุ่นท่ี 46 เม่ือ พ.ศ. 2521
เม่ือนิวัติประเทศไทยทรงรับราชการทหารแล้วทรงศึกษาต่อท่ี โรงเรียน
เสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เม่ือ พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชา
นิติศาสตร์ รุ่นที่2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เม่ือ พ.ศ. 2525 ทรง
สาเรจ็ การศกึ ษานิตศิ าสตร์บัณฑติ (เกยี รตนิ ยิ มอนั ดบั 2) และ พ.ศ. 2533 ทรง
ไดร้ บั การศกึ ษา ณ วทิ ยาลยั ป้องกนั ราชอาณาจกั รแห่งสหราชอาณาจักร
ทรงต้ังปณิธานมุ่งม่ันศึกษาเพื่อชาติและประชาชน
พระองค์มีพระราชดารัสให้คาม่ันไว้ในงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งรัฐบาลจัด
ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ที่ทรงดารงพระอิสริยศักดิ์ สมเด็จพระบรมโอรสา
ธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เม่ือวันที่ 29 ธันวาคม 2515 ณ ทาเนียบรัฐบาล
ว่า“ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่า ข้าพเจ้ามีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อ
ประเทศชาติอย่างสูง และการปฏิบัติราชการแผ่นดินนั้น เป็นภาระสาคัญ
ใหญ่ยิ่ง ที่ต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและความรู้ความสามารถอย่างพร้อมมูล
“ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายาม ศึกษาและปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีก อย่าง
มาก เพื่อให้สามารถเหมาะสม กับหน้าที่ ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง…“ในโอกาสอัน
พิเศษนี้ จึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายได้เป็นกาลังใจสนับสนุนข้าพเจ้า และได้ตั้ง
ความปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้าที่จะมุ่งมั่นประกอบกรณียกิจ ด้วยความ
สามัคคีพร้อมเพรียง และด้วยความสุจริตยุติธรรม เพื่อยังความเจริญมั่นคง
และความร่มเย็นเป็นผาสุกให้บังเกิดแก่ชาติ ประเทศ และประชาชนยั่งยืน
สืบไป…”
สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ ขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมาร
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ 20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชน
กาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯ ให้มกี ารจัดพระราชพธิ สี ถาปนาสมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ เจ้าฟา้ วชริ าลง
กรณฯ ขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกมุ าร เมือ่ วนั ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 มพี ระ
นามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหา
วชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราช
สันตติว ง ศ์ ม หิตลพ ง ศ อดุล ยเ ดช จักรีนเ รศ ยุพราช วิสุทธิ สยา ม
มกุฎราชกุมาร" นับเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ท่ี 3 ของไทยนับเป็น
กระบวนการสืบราชสันตติวงศ์ที่ชัดเจนตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบ
สนั ตตวิ งศ์ พ.ศ.2460
ในมหามงคลวาระหลังจากพระราชพิธีถอื นา้ พระพพิ ฒั นส์ ตั ยา สมเดจ็ พระ
บรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงถวายสัตย์ปฏิญาณซึ่งแสดงถึงน้า
พระราชหฤทัยท่ที รงมุ่งม่ันจะบาเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อชาติบ้านเมืองและ
ประชาชนชาวไทย เปน็ ทีซ่ าบซ้ึงประทบั ใจพสกนกิ รอย่างยิ่ง
สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ
ในการพิธีถือน้าพิพัฒน์สัตยา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่ง
แสดงถึงน้าพระราชหฤทัยท่ีทรงมุ่งม่ันจะบาเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อชาติ
บ้านเมือง และประชาชนชาวไทย เปน็ ท่ีซาบซง้ึ ประทับใจพสกนกิ รอย่างยงิ่ ดัง
ความว่า“ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกระทาสัตย์ปฏิญาณสาบานต่อ
ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยเฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรท่ามกลางสันนิบาตนี้ว่า ข้าพเจ้าผู้เป็น
สยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซ่ึงทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯพระราชทานไว้ด้วยชีวิต จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อ
ประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกาลังสติปัญญา
ความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุขและความมั่นคง
ไพบลู ย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชวี ิตร่างกายจะหาไม่”
ทรงผนวช
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนา
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ
บพิตรจึงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงผนวชในวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521
เวลา 15.37 น. ณ พระอโุ บสถ วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริ
ยวงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอปุ ชั ฌาย์ สมเด็จ
พระญาณสงั วร (เจริญ สวุ ฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และสมเด็จพระธีร
ญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์ ผนวชแล้วเสด็จฯ ไปทาทัฬหีกรรม ณ
พระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน เมื่อเวลา 16.59 น. โดยมีสมเด็จพระสังฆราช
(วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน)
เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เสร็จแล้วเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระตาหนักป้ัน
หยา่ วดั บวรนิเวศราชวรวหิ าร
พระมหารชั มงคลดิลก (บุญเรอื น ปุณณฺ โก) เปน็ พระอภิบาล สมเดจ็ พระ
ญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงทาหน้าท่ีพระ
อาจารยถ์ วายการอบรมพระธรรมวินยั ขณะทพ่ี ระภกิ ษสุ มเดจ็ พระบรมโอรสาธิ
ราชฯ สยามมกฏุ ราชกุมาร เสดจ็ มาประทับ ณ วัดบวรนิเวศวหิ าร ราชวรวิหาร
กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันท่ี 6-20 พฤศจิกายน พ.ศ.2521ผนวชอยู่ 15
วันจึงลาผนวช
อภเิ ษกสมรสและพระราชโอรสพระราชธิดา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชริ เกลา้ เจ้าอยู่หัว อภเิ ษกสมรสท้งั หมดสีค่ ร้ัง
ครง้ั ที่ 1 อภิเษกสมรสกบั พระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ โสมสวลี กรม
หมนื่ สุทธนารนี าถ (พระนามเดมิ : หม่อมหลวงโสมสวลี กติ ยิ ากร) ธดิ าของ
หมอ่ มราชวงศอ์ ดลุ กติ ์ิ กบั ทา่ นผหู้ ญงิ พนั ธส์ุ วลี กติ ยิ ากร ทรงมพี ระราชโอรส
ธิดา 2 พระองค์
1. พระราชโอรส 1 พระองค์ ไมม่ พี ระนาม (ตกพระโลหติ เม่ือพระชนั ษา
ในพระอทุ รได้สเ่ี ดือน),
2. พระราชธดิ า 1 พระองค์ สมเดจ็ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟา้ พชั รกติ ิยาภา
นเรนทริ าเทพยวดี (7 ธนั วาคม พ.ศ. 2521)
ครง้ั ที่ 2 ท่านสุจารณิ ี วิวชั รวงศ์ (นามเดิม: ยวุ ธดิ า ผลประเสรฐิ ) ธดิ า
ของธนติ กบั เยาวลกั ษณ์ ผลประเสรฐิ มีพระโอรสธดิ า 5 พระองค์
1. ทา่ นจฑุ าวชั ร วิวชั รวงศ์ (29 สงิ หาคม พ.ศ. 2522)
2. ทา่ นวชั รเรศร ววิ ชั รวงศ์ (27 พฤษภาคม พ.ศ. 2524)
3. ทา่ นจกั รวี ชั ร ววิ ชั รวงศ์ (26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2526)
4. ทา่ นวชั รวรี ์ ววิ ชั รวงศ์ (14 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2528)
5. สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ สริ วิ ณั ณวรี นารรี ตั นราชกญั ญา (พระ
นามเดมิ : หมอ่ มเจ้าบษุ ยน์ า้ เพชร มหิดล; 8 มกราคม พ.ศ. 2530)
ครง้ั ที่ 3 ทา่ นศรีรรี ศั ม์ิ สวุ ะดี ธดิ าของอภริ จุ กบั วนั ทนยี ์ สวุ ะดี มพี ระ
ราชโอรส 1 พระองค์ สมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ ทปี งั กรรศั มโี ชติ มหาวชิ
โรตตมางกรู สริ วิ บิ ลู ยราชกมุ าร (29 เมษายน พ.ศ. 2548)
คร้ังที่ 4 อภิเษกสมรสกับพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา
และโปรดเกล้าฯสถาปนา พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระ
อัครมเหสี เป็น สมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงดารงตาแหน่งพระอิสริยยศ
ฐานนั ดรศักดแ์ิ ห่งพระราชวงศ์ ตงั้ แต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2562
พระราชประวัติสมเดจ็ พระราชนิ สี ทุ ดิ า
สมเด็จพระนางเจา้ สทุ ดิ า พชั รสธุ าพมิ ลลกั ษณ พระบรมราชินี ทรงพระ
ราชสมภพเม่ือวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ณ ตาบลบ้านพรุ อาเภอ
หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีพระนามเดิมว่า สุทิดา ติดใจ เป็นพระธิดาของนาย
คา ติดใจ กับคุณหญิงจ่ังเฮียง ติดใจ ครอบครัวของพระองค์เป็นชาวไทยเชื้อ
สายจีน ทรงเข้าเรียนระดบั มธั ยมศึกษาที่โรงเรยี นหาดใหญว่ ทิ ยาลยั สมบรู ณก์ ลุ
กนั ยา จากนัน้ จึงทรงเข้าศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ท่ีพณิชย
การพระนคร ต่อมาได้ทรงศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต ณ คณะนิเทศ
ศาสตร์ มหาวิทยาลยั อัสสมั ชัญ จนจบการศึกษาเม่อื ปี พ.ศ. 2543 และทรงเขา้
เป็นพนักงานต้อนรับบนเคร่ืองบิน บริษัท แจลเวย์ จากัด เมื่อปี พ.ศ. 2543 -
พ.ศ. 2546 และทรงเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย
จากัด (มหาชน) เมื่อปี พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2551
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสและ
สถาปนาสมเดจ็ พระราชนิ ี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยในวัน
เดียวกันน้นั เว็บไซต์ราชกจิ จานเุ บกษา เผยแพรพ่ ระราชโองการใหส้ ถาปนาพล
เอกหญิง สทุ ิดา วชริ าลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระราชินี
สทุ ิดา ทรงดารงตาแหน่งพระอสิ รยิ ยศ ฐานันดรศกั ดิแ์ ห่งพระราชวงศ์ภายหลัง
ที่ไดท้ รงประกอบพระราชพิธีราชาภเิ ษกสมรสอยา่ งถกู ต้องตามกฎหมาย
ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เม่ือวันที่ 4 พฤษภาคม
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสุทิดาขึ้นเป็น สมเด็จ
พระนางเจ้าสุทิดา พชั รสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีต่อมา พระบาทสมเด็จ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยหู่ วั มพี ระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมการ
บังคับบัญชาหน่วยราชการในพระองค์ ข้าราชการและข้าราชบริพารในกรม
กิจการในพระบรมวงศานุวงศ์ ขึ้นตรงกับ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธา
พิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการปฏิบัติ
ราชการ ดงั นี้
1. ก อ ง ร า ช เ ล ข า นุ ก า ร ใ น พ ร ะ อ ง ค์ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เ จ้ า สิ ริ กิ ต์ิ
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
2. กองราชสานกั สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช
ชนนพี ันปีหลวง
3. กองศิลปาชีพ
4. สถาบันสิรกิ ิติ์
5. มูลนธิ ิสง่ เสรมิ ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจา้ สริ ิกิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ
6. นางสนองพระโอษฐ์และคุณข้าหลวงในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ
พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง
ต้งั แต่วนั ท่ี 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เปน็ ต้นไป
สมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงเคยดารงตาแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วย
บัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ , ราชองครักษ์เวรในพระองค์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ , ผู้บังคับการ
โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวลั ลภรักษาพระองค์ ฯลฯ
เมอื่ วันที่ 13 ตลุ าคม 2560 มพี ระราชโองการโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อม
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) ให้แก่ พลเอก
หญงิ สทุ ดิ า วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา นบั เป็นสตรที ่านแรกทไ่ี ด้รับพระราชทาน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์นีใ้ นรชั กาลท่ี 10
เฉลมิ พระชนม พรรษา พระบรมราชนิ ี
ไทยเปรมปรดี ิ์ นอ้ มระลกึ พระม่งิ ขวญั
รวมความรกั รวมหวั ใจ ไทยผกู พนั
ทรงสรา้ งสรรค์ บาบัดทกุ ข์ สขุ ทวั่ ไทย
สมเดจ็ พระนางเจา้ สธุ ิดาฯพระบรมราชนิ ี
คบู่ ารมี องคจ์ กั รี นริ ัตศิ ยั
ทรงสรา้ งเสริม พระเกียรติคณุ องคภ์ วู ไนย
ทรงทาให้ ไทยทว่ั ไป ล้วนชนื่ ชม
ทรงสบื สาน งานพระบรมราชชนนี พันปหี ลวง
ทรงเป็นหว่ ง ปวงชาวไทย ไรส้ ขุ สม
ทรงสามารถ การทหาร ชนนิยม
ทรงเพาะบม่ ความสามารถ เป็นนักบนิ
ทรงสาเรจ็ หลายหลกั สตู ร การทหาร
ทรงเชยี่ วชาญ วฒั นธรรม ทว่ั ทกุ ถิน่
พระราชกจิ ทกุ ประการ เพอ่ื ภูมนิ ทร์
สบื งานศลิ ป์ ทว่ั ผนื ไทย ไวน้ ริ นั ดร์
ทรงหว่ งใย สถานการณ์ โรคโควดิ
ทรงตง้ั จติ คดิ แกไ้ ข ไทยสขุ สนั ต์
พระราชทาน ความชว่ ยเหลอื ไทยทว่ั กนั
ทรงหมายมน่ั แกโ้ รคร้าย ไทยมนั่ คง
ทรงคมุ หน่วย ปลอดภยั องคภ์ วู นาถ
ทรงมงุ่ มาด รกั ษศ์ าสน์ ไทยสงู สง่
ทรงสรา้ งเสรมิ ชาติไทย ให้ยนื ยง
ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ ย่งิ ยนื นาน
....................................................................
ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหมอ่ ม
ขา้ พระพทุ ธเจา้ นายประสาร ธาราพรรค์ ผู้ประพนั ธ์
ความสมั พนั ธภ์ ายในพระราชวงศ์
ทรงหว่ งใยดแู ลเอาใจใส่พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดุลย
เดชมหาราช บรมนาถบพติ ร พระราชบดิ าโดยเสมอมา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวใน
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ
บพติ ร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพนั
ปีหลวง โดยมีเร่ืองเล่าถึงความรักความอาทรของทั้งสามพระองค์ อีกท้ังยังมี
ภาพแห่งความประทับใจตลอดช่วงระยะเวลาหลายสิบปีท่ีผ่านมาในระหว่าง
เสด็จพระราชดาเนินไปประกอบพระราชกรณียกิจ อย่างเม่ือวันศุกร์ท่ี 9
พฤศจิกายน พ.ศ.2499 มีการเผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์ ในขณะวัยเยาว์
ทรงบังคม ทูลกระหม่อมพ่อและสมเด็จแม่ ในระหว่างเสด็จฯไปทรงเปิดงาน
กาชาด ประจาปี พ.ศ.2499
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกา ธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯครั้งทรงอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิ
ราชฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดาเนินไป
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงบาเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้า
พระกฐิน โดยขบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม ขณะเรือ
พระทีน่ ่งั สพุ รรณหงส์เคลอื่ นผ่านโรงพยาบาล ศิรริ าช ได้ทรง ประทับยืนถวาย
ความเคารพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวง ซงึ่ ประทบั อยทู่ ี่โรงพยาบาลศิรริ าช
อีกหนง่ึ ภาพประทบั ที่มกี ารเผยแพรต่ อ่ เปน็ จานวนมากท่ีสดุ ภาพหนง่ึ คือ
เม่ือคร้งั ที่พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เดือนมิถุนายน พ.ศ.2549
ในระหว่างท่ีทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะในงานพระราชทานเล้ียง โอกาสที่
นายจอร์จ ดบั เบลิ ยู บุช ประธานาธบิ ดสี หรัฐอเมริกา (ขณะน้นั ) และภริยา ได้
เดินทางมาเยอื นประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงดูแลฉลองพระองค์ถวาย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิแบศร มหาภูมิ
พลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แบบอย่างของการดูแลซึ่งกันและกัน
ของพ่อ-ลูก ในวันที่ทรงเจริญพระชนมมายุมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับเม่ือครั้ง
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิร
เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ยังทรงพระเยาวน์ น้ั พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหา
ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นผู้จัดฉลองพระองค์ให้พระ
ราชโอรสดว้ ยพระองค์เอง
ทรงมคี วามรกั มพี ระทยั ห่วงใย สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ
พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง “สมเดจ็ แม”่ อยา่ งทส่ี ดุ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระวชริ เกล้า
เจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระทัยห่วงใยรักพระราชมารดาอย่างยิ่ง ขอยก
เหตุการณ์ที่แสดงถึงความรักความห่วงใยพระราชมารดา อาทิ คร้ังพระองค์
เสด็จพระราชดาเนินไปทรงพระราชกรณียกิจกับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นเรื่องเล่าจากข้าราช
บริพาร หนงึ่ ในผทู้ เี่ คยเขา้ ถวายงานในฐานะช่างภาพ ท่ีเคยติดตามพระองค์ท้ัง
สอง ไดเ้ ผยแพร่ภาพผ่านเฟซบุ๊กช่ือ Napan Sevikul (ผู้ที่เคยเข้าถวายงานใน
ฐานะชา่ งภาพ) พรอ้ มดว้ ยเรื่องเลา่ ว่า “ตามเสด็จมีสนุกบ้างไหม? ถ้า “มี
ความสุข” ละก็ ตอบเลย วา่ ทุกเวลานาที แตถ่ ้าสนกุ ซงึ่ มักเป็นประสบการณท์ ่ี
จดจาไม่มีวันลืม ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน เช่น บ่ายวันหนึ่ง มีขบวนสมเด็จพระ
นางเจ้าฯ ตามหมายว่าเสด็จฯพระองค์เดียว โดยผู้ติดตามขบวน ได้การบอก
เล่าแล้วว่า “เปียก” เพราะ “จะเสด็จฯ ตรวจป่า” (มีพระราชประสงค์ไป
ทอดพระเนตรพันธ์ุไม้แปลกๆ ในป่าพรุ เช่น หมากแดง หมากช้างร้อง หลาว
ชะโอน เฉพาะอย่างยิ่งย่านลิเพา) เปียกก็คือเปียก ..เปียกอยู่บ่อยๆ จนเป็น
เร่ืองปกติของเมือง “ฝนแปด ..แดดส่ี” อย่างนราธิวาส (คิดเอง) แต่ “เปียก”
วันน้ัน ไม่เหมือนวันอื่น และ “เสด็จฯ ตรวจป่า” ก็ไม่ใช่ป่าเขาตันหยง หลัง
พระตาหนกั แตเ่ ปน็ “ปา่ พรุ” ทจ่ี นถงึ วันนี้ ก็ไมแ่ นใ่ จวา่ พรไุ หน? แต่เสน้ ทาง มี
แต่การลุยน้าตั้งแต่ระดับเข่าไปจนถึงระดับคอ ขบวนรถ แล่นไปถึงขอบพรุ ก็
ลงเดิน ย่าน้า .. เสียงคุยกันแต่แรกก็ชักจะเงียบ เพราะป่าพรุนั้น เดินเข้าไป
ก้าวเดียว แสงก็มืดแล้ว ..? เสียงตบยุง เสียงตีแมลง ดังข้ึนเป็นระยะๆ ..
เช่นเดียวกับความลึกของน้า ที่มีน้าใสก็แต่ผิวๆ ต่าลงไปศอกเดียวก็เป็นโคลน
เหนียวหนบึ ทีเ่ กิดจากการทับถมของใบไมน้ บั รอ้ ย นบั พันปี .. เส้ือผา้ เร่ิมเปียก
เสยี งหวั เราะ มีเป็นครั้งคราว เพราะหลายคน เร่ิมสูญเสียรองเท้าไปกับเลน ที่
ชกั ข้นึ มาไดแ้ ตเ่ ท้าเปล่า ไปได้สักพกั กเ็ ปียกปอนกันถว้ นทวั่ ทกุ คน ผูท้ ี่วางแผน
ดีก็อาจจะเปียกน้อยหน่อย เพราะไต่เอาตามต้นไม้ล้มที่มีเป็นระยะๆ..แต่ก็ไม่
ค่อยรอดหรอก .. เพราะบางทกี ็เหน็ ล่นื ลงนา้ ไปทั้งตัว เจา้ นาย ก็เปียกเท่าข้า
ราชบริพารน่ันแหละ แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ รับสั่งอย่างภาคภูมิใจว่า
พระองค์ท่าน เปียกนอ้ ยกว่าคนอ่ืนๆ เพราะ “องครักษ์ประจาตัวฉัน ไมย่ อมให้
ฉันเปยี กเลย ..ตรงไหนนา้ ลกึ ๆ ก็ยกฉนั จนตวั ลอยพ้นนา้ เลย” (องครักษป์ ระจา
พระองค์ : ทรงหมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรม
หาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ีโดยเสด็จพระราชดาเนินในวัน
น้ัน) 3-4 ช่ัวโมงในป่าพรุ เต็มไปด้วยเสียงย่าน้า เสียงหายใจหอบ (ของ
ตัวเอง) และเสียงหัวเราะดังข้ึนเป็น ระยะๆ เม่ือคนใดคนหน่ึงในคณะก้าว
พลาดลงไปในน้าท่ีกะความลึกไม่ได้ (เสียงหัวเราะจะดังเป็นพิเศษ เม่ือมีใคร
จมน้าลงไปในระดับเกือบศีรษะ) ช่างภาพตามเสด็จฯ เอาชีวิตรอดกลับมาได้
พร้อมกล้องแห้งๆ แต่เสื้อผ้าสีน้าตาลที่ใส่ไปวันนั้นหลายเป็น สีดาสนิทหมด
ทางซัก”
นอกจากการประพฤติปฏิบัติตนของพระองค์ที่แสดงความรักความเอื้อ
อาทรห่วงใยพระราชมารดาอย่างที่สุดแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี 10 พระองคย์ ังพระราชนพิ นธค์ าประพนั ธอ์ นั เป็นบทกลอนสดุ ซาบซึ้ง
สะท้อนให้เห็นถึงความรักที่ "ทูลกระหม่อมชาย (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหา
วชิราลงกรณฯ)" มีต่อ “สมเด็จแม่” อย่างล้นพ้น ทรงพระราชนิพนธ์เนื่องใน
โอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2515 ในระหว่างที่ทรง
ศึกษาวิชาการทหาร ณ โรงเรียนนายรอ้ ยดันทรูน เครือรฐั ออสเตรเลีย ขณะนนั้
พระองค์เจริญพระชนมายุได้ 20 พรรษา ซ่ึงบทพระราชนิพนธ์นี้ บทกลอน
ถวายพระมารดา ท่ีชื่อวา่ "ชายรกั แม่ สุดหวั ใจ"
"ชายรักแม่ สุดหวั ใจ"
วนั เฉลมิ สมเดจ็ แม่ ได้แตค่ ิด ขอนอ้ มจติ ราลึกถงึ คะนงึ หา
พระคณุ แม่ มากลน้ เหลอื คณนา ลูกเกดิ มา โชคดี มีแมง่ าม
ไปเมอื งไหน ถกู ถาม ถงึ นามแม่ ว่าสวยแท้ ราชนิ ี แห่งสยาม
ควนี สริ ิกติ ิ์ จาขน้ึ ใจ ในพระนาม ชมวา่ งาม เพรศิ พรงิ้ ยอดหญงิ ไทย
แมร่ ักชาย ห่วงชาย ชายกร็ ู้ ชายจะสู้ สุดชวี า อย่าสงสยั
จะทาตัว ใหส้ ม แมว่ างใจ จะรกั ไทย กูศ้ กั ดิ์ศรี จกั รวี งศ์
จะรกั หญงิ ทเ่ี ขา เขา้ ใจแม่ จะแนว่ แน่ พทุ ธศาสน์ ถอื พระสงฆ์
การสวดมนต์ ไหว้พระ จะดารง จะมั่นคง รักชาวไทย ไมเ่ ส่ือมคลาย
ขอถวาย สมเด็จแม่ เพยี งแคน่ ี้ จงโชคดี มสี ขุ ทกุ ขจ์ ากหาย
อยา่ คดิ มาก ทาพระทยั ใหส้ บาย เรือ่ งลกู ชาย แมอ่ ยา่ เศรา้ เขารกั ดี
ขอกราบ ลงทต่ี กั พร้อมรกั แท้ ชายรกั แม่ สุดหัวใจ ชายไมห่ นี
ชายจะเปน็ กาลงั ใจ ปอ้ งไพรี มอบชวี ี และเลือดเนือ้ เพอ่ื แมเ่ อย
………………………………………………………….
พระราชนิพนธส์ มเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ
สยามมกฎุ ราชกมุ าร (พระอิสรยิ ยศในขณะนน้ั )
ถวายพระพรชัยมงคลสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ
เน่อื งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา
วนั ท่ี 12 สงิ หาคม พทุ ธศกั ราช 2515
ทรงเยยี่ มเยือนใหค้ วามเคารพสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี
สมเดจ็ ยา่ โดยเสมอมา
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระว
ชริ เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว เคยรับสงั่ ถึงการอภบิ าลพระราชนัดดาของสมเด็จพระศรีนค
รินทราบรมราชชนนี ดังนี้“..ไม่ได้แนะนาอะไรเป็นพิเศษ เพราะท่านไม่เคย
รับส่งั ถงึ ตาแหน่ง ถงึ ลาภ ถึงยศ ท่านเพียงแต่ให้เป็นคนดี รับผิดชอบในหน้าท่ี
ในตาแหน่งของตนและไม่ใหท้ าอะไรเปน็ ทขี่ ายหน้าหรอื ท่ีเสียอกเสียใจของพ่อ
แม่หรือบุพการีเสียใจ … ท่านไม่ได้สอนแบบ Formal (ทางการ) อะไร อยาก
ใหเ้ ปน็ คนดี อยากใหม้ ชี วี ติ ท่ดี ี เพราะว่าไมว่ ่าเราจะเป็นตาแหนง่ อะไร ถ้าทาตวั
ดี ปฏบิ ัติหนา้ ท่ขี องเรา เราก็เจรญิ ต่อไป..” ต่อมาเมือ่ วันที่ 6 มกราคม พ.ศ.
2516 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศใน
ขณะน้ัน) ได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อทูลเกล้า
ทูลกระหม่อมถวายดอกไม้ธปู เทยี นแพ ในงานพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระ
บรมโอรสาธิราชฯ ณ วังสระปทุมภายหลังเสร็จส้ินงานวันพระราชพิธีฯ เมื่อ
เดอื นธันวาคม พ.ศ.2515
ทรงใหก้ ารเคารพเยยี่ มเยอื นสมเดจ็ พระเจ้าพน่ี างเธอเจ้าฟา้ กลั ยาณวิ ัฒนา กรม
หลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ สมเดจ็ ปา้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความเคารพนับถือ สมเด็จพระ
เจ้าพี่นางเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณิวัฒนาฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร์ (สมเด็จ
ปา้ ) โดยเสมอมา อาทิ เม่ือปี พ.ศ.2550 ณ เสด็จพระราชดาเนินไปทรงสรงน้า
สงกรานต์ ศาลาทรงงาน วังเลอดิส ถึงแม้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระ วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดารงพระ
อิสริยยศที่สูงกว่า ในฐานะสมเด็จพระยุพราช แต่ก็ได้ประทับกับพื้น ซึ่งเป็น
การแสดงให้เห็นถึงพระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ ท่ีทรงแสดงความ
เคารพต่อพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ในเวลาที่เข้าเฝ้าฯ เป็นการส่วนพระองค์อยู่
เสมอ
ทรงมคี วามรกั ผกู พันห่วงใยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯพระขนิษฐาเสมอมา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีความรักความเอ็นดูความผูกพันพระขณิษฐา
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรี
สิรนิ ธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สริ ิกจิ การิณพี ีรยพฒั น รฐั สีมาคณุ ากรปยิ
ชาติ สยามบรมราชกุมารี อย่างท่ีสุด ซ่ึงมีหลายเหตุการณ์ มีการเผยแพร่
พระฉายาลักษณ์เม่ือคร้ังทรงพระเยาว์ ที่ประทับใจตราตรึงใจผู้พบเห็น อาทิ
พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้าวชิราลงกรณฯ (พระอิสริยยศ
ขณะนน้ั ) ทอดพระเนตร และทรงลูบพระพักตรพ์ ระขนษิ ฐา สมเด็จพระเจา้ ลูก
เธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ (พระอิสริยยศขณะนั้น) ด้วยความรักและ
ทะนถุ นอมยิง่ ขณะบรรทมในพระอู่
เมื่อทั้ง 2 พระองค์ทรงเจริญพระชันษา ต่างทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
แบ่งเบาพระราชภาระ ทูลกระหม่อมพ่อและสมเด็จแม่ ในด้านต่างๆตลอด
หลายวาระก็มีพระบรมฉายาลักษณ์ท่ีสะท้อนให้เห็นถึงสายใยรักความผูกพัน
ของ 2 เจา้ ฟ้า ผูเ้ ป็นมง่ิ ขวัญของปวงชนชาวไทย
โดยเม่ือวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง
อิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วย
พระขณิษฐา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ิรนิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ กิ ิจการณิ ีพรี ยพัฒน รัฐ
สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดาเนินไปยังประเทศ
เนเธอร์แลนด์ เพ่ือร่วมพระราชพิธีข้ึนครองราชย์ของสมเด็จพระราชาธิบดี
วิ ล เ ล ม -อ เ ล็ ก ซ า น เ ด อ ร์ แ ห่ ง เ น เ ธ อ ร์ แ ล น ด์
พระบรมฉายาลักษณ์ที่ทั้ง 2 พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระ
สรวญให้แก่ผู้มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ได้ถูกขนานนามจากส่ือมวลชนต่างประเทศว่า
“Siam Smile” หรือ “ยิม้ สยาม”
ทรงมอี ัจฉรยิ ภาพทางดนตรี และทรงขบั ร้องเพลง “ลาวดวงเดือน” ถวาย
สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ “สมเดจ็ แม”่
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระว
ชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีความสามารถในการเล่นเคร่ืองดนตรีหลายชนิด โดย
ทรงไดร้ ับการสง่ เสริมความรูค้ วามสามารถทางดา้ นการดนตรีจากพระราชบดิ า
บอ่ ยคร้ังจะทรงดนตรีร่วมกันเปน็ การสว่ นพระองคใ์ นพระราชฐานนนั้ มเี ปน็ ครง้ั
คราว และหากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร จะทรงรับแขกเป็นการส่วนพระองค์ที่พระตาหนัก
เรอื นต้นในบรเิ วณสวนจติ รลดา
มคี รง้ั หนง่ึ ซงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จลงเสวยตอนค่า เป็นการเลี้ยงต้อนรับ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิร
เกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จกลับจากการศึกษาท่ีประเทศออสเตรเลีย มีการเล่น
ดนตรีไทยหน้าพระท่นี ั่งถวายโดยมีนักดนตรีอาทิ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวร
ราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ทรงซออู้ ครูยรรยง สีซอด้วง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็มี
พระราชประสงค์ทรงฟังเพลง “ลาวดวงเดือน” ซึ่งเป็นเพลงที่ทรงโปรดมาก
รับส่ังกับ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระ วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า “ชายร้องเพลงดาวดวงเดือนให้แม่ฟังหน่อย ร้อง
แบบท่แี มช่ อบนะ แม่น้อยบรรเลงเพลงเขา้ แลว้ ให้น้องเล็กฟ้อนดว้ ยนะ ….”
ทรงครองราชย์
เมื่อพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนารถบพิตร เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นที่
คาดหมายว่าพระองค์จะสืบราชสมบัติต่อ ท้ังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์
โอชา นายกรัฐมนตรี กย็ นื ยนั ว่า พระองค์จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์
ใหม่ แต่ทรงขอผ่อนผัน พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จึง
เป็นผูส้ าเร็จราชการแทนพระองค์โดยตาแหน่ง
วันท่ี 29 พ.ย. 59 เวลา 11.19 น. ระหว่างการประชุมสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ ครั้งท่ี 76/2559 เป็นพิเศษ ณ รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประธานการประชุมแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีไดม้ ีหนงั สอื ด่วนทส่ี ุดท่ี นร.0503/44549 มเี นอื้ ความโดยสรปุ วา่
พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรา
ลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่า
ด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 แล้ว ให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุม
รัฐสภาเพื่อทราบ และอัญเชิญองค์พระรัชทายาท ข้ึนทรงราชย์เป็น
พระมหากษัตริย์สืบไป จากนั้นนายพรเพชรในฐานะประธานการประชุม ได้
นาสมาชิกทุกคนในรัฐสภาลุกขึ้น แล้วชวนเปล่งเสียง“ขอพระองค์ทรงพระ
เจริญ”และให้เฉลมิ พระปรมาภิไธยวา่ “สมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร” อ่านว่า สม-เด็ด-พระ-เจ้า-อยู่-หัว – มะ-หา-วะ-ชิ-รา-
ลง-กอน-บอ-ดิน-ทระ-เทบ-พะ-ยะ-วะ-ราง-กูน พระปรมาภิไธยภาษาอังกฤษ
ว่า “His Majesty King Maha Vajiralongkorn
Bodindradebayavarangku”
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม
มกุฎราชกุมาร พระราชทานพระราชวโรกาส ให้พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์, นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติ
บัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร และนายวีระพล ตั้ง
สุวรรณ ประธานศาลฎีกา ประมุขฝ่าย ตุลาการ เข้าเฝ้าฯ ณ พระท่ีนั่ง
อัมพรสถาน พระราชวังดุสิตโดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ปฏิบัติหน้าท่ี
ประธานสภานิตบิ ญั ญัตแิ ห่งชาติ กราบบงั คมทูลเชญิ องค์รชั ทายาท เสดจ็ ฯ ขน้ึ
ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสันตติวงศ์ ความว่า “ขอพระราชทาน
กราบบงั คมทูลทรงทราบ ฝา่ ละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า นายพรเพชร
วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทาหน้าที่ประธานรัฐสภา ขอ
พระราชทานพระราชวโรกาส กราบบังคมทูลในนามของปวงชนชาวไทยว่า
โดยท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิ เบศร
รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จสวรรคต
เมื่อวันพฤหัสบดีท่ี 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที
โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557
มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกบั รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช
2550 มาตรา 23 วรรค 1 ได้บัญญัติเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ ว่า ในกรณีท่ี
ราชบัลลังก์หากว่างลง และในกรณีท่ีพระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งทายาทไว้
ตามกฎมณเฑยี รบาลว่าด้วยการสืบราชสนั ตติวงศ์ พระพุทธศกั ราช 2467 แลว้
ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภา เรียก
ประชุมรัฐสภา เพอื่ รับทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์รัชทายาทข้ึน
ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป และให้ประธานรัฐสภาประกาศให้
ประชาชนทราบ บัดน้ี คณะรัฐมนตรไี ดแ้ จ้งให้ประธานสภานิตบิ ญั ญตั ทิ ราบ ซงึ่
ทาหน้าที่ประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทราบเม่ือวันที่ 29
พฤศจิกายน พุทธศกั ราช 2559 ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอ
ดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถ
บพิตร ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ
สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบ
ราชสนั ตติวงศ์ พระพทุ ธศกั ราช 2467 แลว้ ข้าพระพุทธเจ้าไดด้ าเนินการเรียก
ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพ่ือรับทราบ ในคราวประชุมสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ คร้ังท่ี 76/2559 เป็นพิเเศษ เม่ือวันท่ี 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช
2559 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้รับทราบการแต่งตั้งพระรัชทายาทแล้ว
ข้าพระพุทธเจ้าประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทาหน้าที่ประธานรัฐสภา ใน
นามของปวงชนชาวไทย จึงขอพระราชทานอัญเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาท ขึ้น
ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์สืบไป เพื่อให้เป็นไปตาม
บทบัญญตั ิของกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช
2467 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับช่ัวคราว พุทธศักราช
2557 มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรค 1 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม
พุทธศักราช 2559 ควรมิควร แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด
กระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ”
ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยาม
มกุฎราชกุมาร มีพระราชดารัสตอบรับการข้ึนทรงราชย์ ความว่า“ตามท่ี
ประธานสภานิติบญั ญตั ิแหง่ ชาติ ปฏิบัติหน้าท่ีประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนาม
ของปวงชนชาวไทยเชญิ ข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าเป็นไป
ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมณเฑียรบาลว่า ดว้ ยการสบื
สันตติวงศ์กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น “ข้าพเจ้าขอตอบรับเพ่ือ
สนองพระราชปณธิ าน และเพอ่ื ประโยชนข์ องประชาชนชาวไทยท้ังปวง”