The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระราชประวัติ รัชกาลที่ 10

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tharaphan.prasan, 2022-07-16 09:19:30

พระราชประวัติ รัชกาลที่ 10

พระราชประวัติ รัชกาลที่ 10

จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เสด็จฯ ไปประทับราบ ณ
พระสุจหน่ี หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงกราบถวายบังคม ทรง
เปดิ กรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ ทรงกราบราบ

พระเกยี รตยิ ศ
ธรรมเนยี มพระยศของพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทร
มหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั

ธงประจาพระอสิ รยิ ยศ

ตราประจาพระองค์

ธงประจาพระองค์
พระราชลญั จกร

วดั ประจารชั กาลท่ี 10 วดั วชริ ธรรมสาธิตวรวหิ าร(วดั ทงุ่ สาธติ )

ต้นไมป้ ระจาพระองค์ ตน้ รวงผงึ้

ต้นไม้ประจาพระองค์ คือ ต้นรวงผึ้ง ซึ่งต้นรวงผ้ึงมีลักษณะโดดเด่นคือ
ดอกสีเหลือง เป็นสีซ่ึงตรงกับวันพระราชสมภพ นั่นคือวันจันทร์ท่ี 28
กรกฎาคม พ.ศ. 2495 และมักผลิดอกในช่วงวันพระราชสมภพพอดี เม่ือ

พระองค์ท่านได้เสด็จไปประกอบพระราชกรณียกิจตามสถานท่ีต่างๆ ก็ทรง
ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทานไว้ เพื่อให้เป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่านและเพื่อ
เป็นสิรมิ งคลแก่ราษฎร ในช่วงผลิดอกคือราวเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม จะ
ออกดอกสีเหลืองเปลง่ ปล่งั บานสะพรง่ั สรา้ งความสวยงามและชน่ื ชมเปน็ อยา่ ง
มาก
พระราชอิสรยิ ยศ

สมเดจ็ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟา้ วชริ าลงกรณ (28 กรกฎาคม
พ.ศ. 2495 - 28 ธนั วาคม พ.ศ. 2515)

สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชิราลงกรณ สยาม
มกฎุ ราชกุมาร (28 ธนั วาคม พ.ศ. 2515 - 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2559)

สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวมหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู
(1 ธนั วาคม พ.ศ. 2559 - 3 พฤษภาคม 2562)

พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ
พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว (4 พฤษภาคม 2562 – ปจั จบุ นั )

เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์
เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณไ์ ทย

พระองคท์ รงไดร้ บั พระราชทานเคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์ จาก พระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ดังนี้

พ.ศ. 2559 – เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์อนั เปน็ มงคลยง่ิ ราชมติ รา

ภรณ์ (ร.ม.ภ.)

พ.ศ. 2508 – เครอื่ งขตั ตยิ ราชอสิ รยิ าภรณ์อันมเี กยี รตคิ ณุ

รงุ่ เรืองยง่ิ มหาจกั รบี รมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝา่ ยหน้า)

พ.ศ. 2516 – เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณอ์ นั เปน็ โบราณมงคลนพ

รตั นราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายหนา้ )

พ.ศ. 2519 – เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณจ์ ลุ จอมเกล้า ชัน้ ที่ 1 ปฐม

จลุ จอมเกล้าวเิ ศษ (ป.จ.ว.)

พ.ศ. 2559 – เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณอ์ นั มศี กั ด์ิรามาธบิ ดี

ชนั้ ที่ 1 เสนางคะบดี (ส.ร.)

พ.ศ. 2516 – เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณอ์ นั เปน็ ทเี่ ชิดชยู ง่ิ

ช้างเผอื ก ช้ันสงู สุด มหาปรมาภรณช์ า้ งเผอื ก (ม.ป.ช.)

พ.ศ. 2516 – เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์อันมเี กยี รตยิ ศยง่ิ มงกฎุ

ไทย ชนั้ สงู สดุ มหาวชริ มงกฎุ (ม.ว.ม.)

พ.ศ. 2538 – เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณอ์ ันเปน็ ท่สี รรเสรญิ ยงิ่

ดเิ รกคณุ าภรณ์ ช้นั ท่ี 1 ปฐมดเิ รกคณุ าภรณ์ (ป.ภ.)

พ.ศ. 2531 – เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์อันเปน็ สริ ยิ งิ่ รามกรี ติ

ลูกเสอื สดดุ ชี นั้ พเิ ศษ

พ.ศ. 2530 – เหรยี ญกลา้ หาญ (ร.ก.)

พ.ศ. 2530 – เหรียญพทิ กั ษเ์ สรชี น ชนั้ ที่ 1 (ส.ช.)
พ.ศ. 2510 – เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)
พ.ศ. 2531 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
พ.ศ. 2495 – เหรยี ญรตั นาภรณ์ รัชกาลท่ี 9 ชนั้ ที่ 1 (ภ.ป.ร.1)
พ.ศ. 2495 – เหรียญราชรจุ ิทอง รัชกาลท่ี 9 (ร.จ.ท.9)

เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณต์ า่ งประเทศ

มาเลเซยี พ.ศ. Order of the Defender of the
2543 Realm ชนั้ Grand
Commander

เยอรมนี พ.ศ. เคร่อื งอสิ รยิ าภรณค์ ณุ ธรรมแหง่
2527 สหพนั ธส์ าธารณรฐั เยอรมนี
ชน้ั Knight Grand Cross

เนปาล พ.ศ. Order of Ojaswi Rajanya ชั้น
2529 Member

สเปน พ.ศ. Royal and Distinguished
2530 Spanish Order of Charles
III ช้นั Knight Grand Cross

Family Order of Brunei 2nd

บรไู น พ.ศ. Class - Darjah Kerabat Seri
2533 Utama Yang Amat Dihormati

- D.K. (Seri Utama)

ญป่ี นุ่ พ.ศ. เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณอ์ นั สงู สง่ ยงิ่
2534 ดอกเบญจมาศ ประเทศญป่ี นุ่

สหราช พ.ศ. Royal Victorian Order ชั้น
อาณาจกั ร 2539 Honorary Dame Grand Cross

เดนมารก์ พ.ศ. เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์
2544 ช้าง ชนั้ อัศวิน

เนเธอรแ์ ลนด์ พ.ศ. Order of the Crown ชน้ั
2547 Grand Cross

รฐั ตรงั กานู Most Distinguished Family
Order of Terengganu ชนั้ ทีส่ อง

พระยศทหาร พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชิราลง
กรณ พระวชริ เกล้าเจา้ อย่หู ัว กองทพั บกไทย, กองทพั เรอื ไทย
, กองทพั อากาศไทย และกองอาสารกั ษาดนิ แดน

ปปี ฏบิ ตั หิ นา้ ที่

พ.ศ. 2535 – ปจั จบุ นั พ.ศ. 2535 - ปจั จบุ นั
พ.ศ. 2535 – ปจั จบุ นั พ.ศ. 2535 – ปจั จบุ นั
ชน้ั ยศ

 จอมพล

ชน้ั ยศ  จอมพลเรอื
 จอมพลอากาศ

พระยศทางทหาร
- พ.ศ. 2508 ร้อยตรี เหลา่ ทหารราบ เรือตรี พรรคนาวนิ เรอื อากาศ

ตรี เหล่าทหารนกั บนิ และนายทหารพเิ ศษประจากรมทหารราบที่ 1 มหาดเลก็
รกั ษาพระองค์ นายทหารพเิ ศษประจากองทัพเรอื และนายทหารพเิ ศษประจา
โรงเรยี นนายเรืออากาศ

- พ.ศ. 2514: รอ้ ยโท เรอื โท และ เรอื อากาศโทพ.ศ. 2518: ร้อยเอก
เรอื เอกและ เรืออากาศเอก และ นายทหารประจากรมขา่ วทหารบก
กองทัพบก กระทรวงกลาโหม

- พ.ศ. 2520: พันตรี นาวาตรี และ นาวาอากาศตรี
- พ.ศ. 2521: รองผบู้ งั คบั กองพนั ทหารมหาดเลก็ รักษาพระองค์ กรม
ทหารราบที่ 1 มหาดเลก็ รกั ษาพระองค์
- พ.ศ. 2523: พนั โท นาวาโท และ นาวาอากาศโท และ ผบู้ งั คบั กองพนั
กรมทหารมหาดเลก็ รกั ษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเลก็ รกั ษา
พระองค์ และ นายทหารพเิ ศษประจากรมนักเรยี นนายเรอื รกั ษาพระองค์
กรมยทุ ธศกึ ษา โรงเรยี นนายเรือ ประจากองบงั คบั การกรมทหารราบท่ี 3
รักษาพระองค์ กรมนาวกิ โยธิน ประจากรมนกั เรยี นนายเรอื อากาศ รักษา
พระองค์ กรมยทุ ธศกึ ษา โรงเรยี นนายเรอื อากาศ และ ประจากองพนั ทหาร
อากาศโยธนิ ที่ 1 รกั ษาพระองคพ์ .ศ. 2524: นายทหารพเิ ศษประจากรมทหาร
ราบท่ี 11 รักษาพระองค์
- พ.ศ. 2525: นายทหารพเิ ศษประจากรมนกั เรยี นนายรอ้ ยรกั ษาระ
องค์ โรงเรียนนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ และ นายกองเอก กองอาสารกั ษา
ดนิ แดน สานกั อานวยการกองอาสารักษาดนิ แดน
- พ.ศ. 2526: พันเอก นาวาเอก และ นาวาอากาศเอก
- พ.ศ. 2527: ผบู้ งั คบั การ กรมทหารมหาดเลก็ รกั ษาพระองค์
- พ.ศ. 2529: ผบู้ งั คบั การพเิ ศษ ประจากรมรบพเิ ศษท่ี 1 กองพลรบ
พเิ ศษท่ี 1 หนว่ ยบญั ชาการสงครามพเิ ศษ
- พ.ศ. 2530: พลตรี พลเรือตรี และ พลอากาศตรี และผบู้ งั คบั การ กรม
ทหารมหาดเลก็ ราชวัลลภรกั ษาพระองค์
- พ.ศ. 2531: พลโท พลเรือโท และ พลอากาศโท และผู้
บญั ชาการ หนว่ ยบญั ชาการทหารมหาดเลก็ ราชวลั ลภ รกั ษาพระองค์

- พ.ศ. 2534: นายทหารพเิ ศษประจากรมทหารราบที่ 2 รักษา
พระองค์ กรมทหารราบที่ 12 รกั ษาพระองค์ กรมทหาราบที่ 21 รกั ษา
พระองค์ กรมทหารราบท่ี 31 รกั ษาพระองค์ กองพนั ทหารม้าท่ี 4 รักษา
พระองค์ กรมทหารปนื ใหญท่ ่ี 1 รกั ษาพระองค์ และกองพนั ทหารช่างที่ 1
รักษาพระองค์

- พ.ศ. 2535: พลเอก พลเรือเอก และ พลอากาศเอก ผูบ้ ญั ชาการ
หนว่ ยบญั ชาการถวายความปลอดภยั สานกั ผบู้ ญั ชาการทหารสงู สุด และ
นายกองใหญ่ กองอาสารกั ษาดนิ แดน สานกั อานวยการกองอาสารักษา
ดนิ แดน

- พ.ศ. 2547: นายทหารพเิ ศษประจากองพนั ทหารราบที่ 3 กรมทหาร
ราบที่ 1 มหาดเลก็ รักษาพระองค์

- พ.ศ. 2548: นายทหารพเิ ศษประจากรมทหารช่างท่ี 1 รกั ษา
พระองค์ กองพนั ทหารชา่ งที่ 2 รักษาพระองค์และกองพนั ทหารสอ่ื สารท่ี 1
รกั ษาพระองค์

- 13 ตลุ าคม พ.ศ. 2559: ดารงตาแหนง่ จอมทพั ไทย

พระราชกรณยี กจิ
ดา้ นการทหาร ทรงร่วมปฏบิ ตั ิการรบสมรภมู เิ ลือด

ในชว่ งปี 2519-2520 หลายพ้ืนที่ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
ของไทย ร้อนระอุจากการรุกรานของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ นับเป็นภัยต่อ
ความม่ันคงของชาติอย่างมากในขณะนัน้ มกุฎราชกุมารผู้หาญกล้าของคนไทย
นอกจากจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเสด็จเยี่ยมและพระราชทานกาลังใจ
แก่บรรดาทหาร ตารวจ และราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว ยังทรงเข้าร่วม
ปฏิบัติการรบในหลายคราเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2519 เสด็จเย่ียม
ตารวจ ทหาร และราษฎร ทฐ่ี านปฏบิ ัติการ “บา้ นหมากแขง้ ” อาเภอด่านซา้ ย
จังหวัดเลย หลังจากท่ีฐานปฏิบัติการของตารวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษถูก
โจมตีจากผู้ก่อการร้าย จนทาให้เจ้าหน้าท่ีตารวจเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส

หลงั ทรงรับฟงั บรรยายสรุป จึงมีพระราชกระแสรับส่ังกับ พล.ท.สมศักดิ์
ปัญจมานนท์ แม่ทัพภาคที่ 3 (ในขณะน้ัน) ด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่นว่า
“จะต้องไปแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นให้ได้”แม้ พล.ท.สมศักด์ิ จะกราบบังคม

ทูลทัดทาน เนื่องจากสถานการณ์ไม่เป็นที่น่าวางใจ แต่ทรงสาทับอีกครั้ง
“ชักช้าไม่ได้ ต้องรีบไปแก้ไขให้ได้ ในวันนี้และเดี๋ยวนี้” ก่อนจะทรงพระ
ดาเนนิ ไปประทับเฮลิคอปเตอร์พระท่ีน่ัง และมีพระราชกระแสรับสั่งให้นักบิน
มุง่ หน้าไปยงั บา้ นหมากแข้งทนั ที

จุดหมายท่ีเต็มไปด้วยภยันตรายรอบด้าน ผู้ก่อการร้ายจากเนินเขาด้าน
ทศิ ตะวันตก ใชอ้ าวุธปนื เลก็ ระดมยิงเขา้ ไปในฐานปฏบิ ัตกิ าร เมอื่ เฮลคิ อปเตอร์
พระที่น่ังกาลังจะร่อนลง พระองค์ทรงกระโดดลงและวิ่งเข้าหาที่กาบัง ทรง
บัญชาการโดยให้แม่ทัพภาคท่ี 3 และนายทหารติดตามทุกนายกระจายกาลัง
ยิงตอบโต้จากน้ัน ทรงส่ังการให้ปฏิบัติการดาเนินกลยุทธ์จัดชุดปฏิบัติการ
ลาดตระเวนพสิ ูจน์ทราบ และทรงเป็นหัวหน้าชุดดว้ ยพระองค์เอง แมว้ า่ แมท่ ัพ
ภาคท่ี 3 จะกราบบังคมทลู ทัดทานแล้วก็ตาม“ฉันต้องไป เพราะว่าเป็นหน้าท่ี
ของทหาร”พระสุรเสียงท่ีหนักแน่นมิหวาดหวั่น สายพระเนตรอันมุ่งมั่น และ
น้าพระราชหฤทยั กล้าหาญเดด็ เด่ียว

เสด็จออกลาดตระเวนนาหน้าเหล่าทหารชุดปฏิบัติการลาดตระเวน บุก
ตะลยุ ท่ามกลางความเสี่ยงต่อภยันตรายจากการซุ่มยิงและกับระเบิด แต่ทรงมี
สติที่มนั่ คง ทรงบัญชาการใหท้ หารยิงตอบโต้ตามกลยุทธ์ จนกลุ่มผู้ก่อการร้าย
ต้องลา่ ถอยไป

เสวยอาหารกระปอ๋ งประทบั แรมบงั เกอร์

ไม่ก่ีเดือนถัดมา วันที่ 12 ก.พ.2520 สมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร ซ่ึงทรงอยู่ระหว่างแปรพระราชฐานไปประทับตาหนักภู
พิงค ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เยี่ยมราษฎรคร้ันทรงรับทราบถึงสถานการณ์ใน
พ้ืนที่ “บ้านนาจาน” อาเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก จึงเสด็จฯ ไปยัง
ฐานปฏิบัติการ บ้านนาจาน โดยเคร่ืองบินพระท่ีน่ัง และเสด็จต่อโดย
เฮลิคอปเตอร์พระท่ีน่ังในทันที เมื่อเสด็จถึงค่าย มีพระราชปฏิสันถารกับ
เจ้าหน้าที่แทบทุกนาย ทรงแนะนาให้ปรับปรุงบังเกอร์ให้ปลอดภัยจากนั้น
เสด็จฯไปทรงเยี่ยมฐานปฏิบัติการ “บ้านกุ่ม” อ.นครไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ท่ี
กองทัพภาคที่ 3 เห็นว่ามีความเสี่ยงภัยน้อยกว่าบ้านนาจาน จึงได้จัดท่ี
ประทับแรมและพระกระยาหารไว้ที่ฐานบ้านกุ่ม แต่พระองค์เสด็จฯกลับมา
ประทับแรมที่บ้านนาจาน ทั้งยังปฏิบัติพระองค์เช่นเดียวกับทหาร ตารวจ
และอาสาสมัครในพื้นที่ เสวยอาหารกระป๋อง ทรงประทับแรมใน บังเกอร์

และมีพระราชปฏิสันถารกับเจ้าหน้าที่ตลอดทั้งคืน ยังความปลาบปลื้มแก่
บรรดาผู้กล้าแห่งบ้านนาจาน

ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น ได้เสด็จต่อไปยังฐาน ปฏิบัติการ “ทุ่งสมอ”
อาเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นฐานปืนใหญ่และกองบัญชาการฝ่ายใต้
ของกลุ่มผู้ก่อการร้ายสมัยน้ัน

เมื่อทรงรับฟังบรรยายสรุปจากฝ่ายยุทธการ กองทัพภาคที่ 3 จึงเสด็จ
ด้วยรถสายพานลาเลียงพลพระที่นั่ง ไปยังฐานปฏิบัติการ “สมเด็จ” ซึ่งห่าง
กันราว 8 กิโลเมตร โดยมีเฮลิคอปเตอร์ “กันชิป” 2 ลา บินถวายการ
อารักขา เพราะเป็นเส้นทางเขตอิทธิพลของกลุ่มผู้ก่อการร้าย

ราวบ่ายโมง เฮลิคอปเตอร์กันชิปทั้ง 2 ลาที่บินถวายอารักขา ถูก
ผู้ก่อการร้ายระดมยิงอย่างไม่หยุดยั้ง พระองค์ทรงบัญชาการรบตอบโต้ โดย
รับสั่งให้สละรถสายพาน และทรงร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ทหาร ยิงปะทะกับ

ผู้ก่อการร้ายอย่างดุเดือด กระทั่งเสด็จถึงฐานสมเด็จ ทรงบัญชาการให้ยิงขับ
ไล่จนผู้ก่อการร้ายแตกกระเจิงไป
สมพระนามจอมทัพไทย

ต่อมาหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ต่างนาเรื่อง สมเด็จพระบรมโรสาธิราช ทรง
รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารมาตีพิมพ์ ประชาชนต่างมีความห่วงใยเกรงว่า
พระองค์จะทรงเป็นอันตราย เมื่อราษฎรในจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ทราบข่าวจึง
นัดรวมตัวกันเพื่อทาพิธีปฏิญาณตนเพื่อจัดตั้งกองทัพชาวบ้านต่อต้านภัย

คอมมิวนิสต์ด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
เสด็จฯไปโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ทรงเยี่ยม ตชด. และทหารที่บาดเจ็บจาก
การปราบปรามผู้ก่อการร้าย และพระราชทานเงินส่วนพระองค์ให้ทหารและ
ตชด.ที่บาดเจ็บระหว่างทางก่อนถึง “ช่องช้าง” ต.พรุพี อ.เวียงสระ ได้ถูก

ผู้ก่อการร้ายซุ่มยิงมาจากป่าทึบ พระองค์ทรงร่วมกับทหารและ ตชด.ยิงตอบ
โต้อย่างยาวนานร่วม 1 ชั่วโมง จนกลุ่มผู้ก่อการร้าย ล่าถอยไป พร้อมกับมี

พระราชกระแสรับสั่งกับ พล.ท.ป่ิน ธรรมศรี แม่ทัพภาคที่ 4 (ในขณะนั้น) ว่า
“สถานการณ์ภาคใต้หนัก เราจะอยู่ที่น่ีต่อไป ยังไม่กลับ”

แม้ข้างต้นจะเป็นเพียงเหตุการณ์บางช่วงบางตอน แต่สะท้อนให้
ประจักษ์ชัดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเป็น “จอม
ทัพไทย” อย่างแท้จริง.
พระอจั ฉรยิ ภาพดา้ นการบนิ

- เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติม
และศึกษางานด้านการทหาร ณ เครือรัฐออสเตรเลีย ทรงเข้ารับการฝึก
หลักสูตรวิชาอาวุธพิเศษ การทาลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหน
ชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวน และต้นหนชั้นสูง รวมทั้งหลักสูตรส่งทาง
อากาศ

- พ.ศ. 2520 ถึง พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบิน
เฮลิคอปเตอรใ์ ช้งานทว่ั ไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบริษัท เบลล์ รวมชว่ั โมงบิน
54.36 ชัว่ โมง เดอื นกมุ ภาพันธ์ ถงึ เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการ
ฝึกตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร กองทัพบกสหรัฐอเมริกา รวม 6
หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรอาวุธประจากายและเคร่ืองยิงลูกระเบิด หลักสูตร
การปฏิบัติการพิเศษ หลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย หลักสูตรการ
สงครามแบบกองโจร หลกั สตู รการฝึกการดารงชพี และหลกั สูตรสง่ ทางอากาศ
(ทางบกและทางทะเล) เดอื นมิถุนายน ถงึ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2523 ทรงเขา้
รับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ
กับเฮลิคอปเตอร์ใชง้ านทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอน็ ของบรษิ ทั เบลล์ รวมชั่วโมง
บิน 259.560 ชัว่ โมง

- เดอื นกนั ยายน ถงึ เดือนตลุ าคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลกั สูตร
การฝึกบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี ติดอาวุธ แบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบริษัทเบลล์
จากกองทพั ไทย รวมช่วั โมงบนิ 54.50 ช่วั โมง

- เดือนธันวาคม พ.ศ. 2523ถึง พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตร
การฝึกบินเคร่ืองบินปีกติดลาตัว แบบ Sial–Marchetti SF 120 MT รวม
ชัว่ โมงบิน 172.20 ช่ัวโมง

- เดือนมีนาคม ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึก
หลักสูตรการฝึกบินเคร่ืองบินปีกติดลาตัว แบบ Cessna T–37 รวมช่ัวโมงบิน
240 ชั่วโมง

- เดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2524 เสด็จพระราชดาเนินไป
ทอดพระเนตรกจิ การทางทหารและตารวจ ณ สหราชอาณาจกั ร ราชอาราจกั ร
เบลเยียม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
สาธารณรัฐฝร่ังเศส และเครือรัฐออสเตรเลีย

- เดือนตุลาคม พ.ศ. 2525 ถึง พ.ศ. 2526 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตร
การฝึกบินเปล่ียนเป็นเคร่ืองบินขับไล่ แบบ เอฟ–5 (พิเศษ) รุ่นท่ี 83
(พุทธศักราช 2526) เอ ที ดับเบิลยู และหลักสูตรเครื่องบินขับไล่ช้ันสูง รุ่นท่ี
83 (พทุ ธศกั ราช 2526) เอ วี ดบั เบิลยู ณ ฐานทพั อากาศวิลเลยี มส์ รัฐอริโซนา
สหรัฐอเมริกา รวนช่วั โมงบิน 2,000 ช่ัวโมง

- พ.ศ. 2532 ทรงผ่านการฝึกบินด้วยเครื่องบินใบพัด แบบมาร์คเคตต้ี
ของฝูงขั้นปลาย โรงเรียนการบิน กองทัพอากาศ และการฝึกบิน ด้วย
เครื่องบินไอพ่น แบบ ที 33 และหลักสูตรนักบินขับไล่ไอพ่นสมรรถนะสูงกับ
เคร่ืองบิน ขับไล่ แบบ เอฟ 5 อี/เอฟ ของกองบิน 1 ฝูงบิน 102 โดยทรงทา
ช่ัวโมงบิน 200 ชั่วโมง ในเบื้องต้น และทรงทาชั่วโมงบินสูงสุด 1,000 ช่ัวโมง
และทรงเข้าร่วมการแข่งขนั การใชอ้ าวุธทางอากาศประจาปี ซ่ึงทรงทาคะแนน
ได้สูงตามกติกา กองทัพอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องหมาย
ความสามารถในการใช้อาวุธทางอากาศช้ันที่ 1 ประเภทอาวุธระเบิดสี่ดาว
อาวุธจรวดส่ดี าว และอาวธุ ปนื สี่ดาว ในศกเดียวกนั

- เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการในฐานะ
นักบินโบอง้ิ 737–400 จากบรษิ ัท การบินไทย จากัด (มหาชน), และทรงผ่าน
การตรวจสอบจากการขนส่งทางอากาศ กบั ทรงไดร้ ับใบอนญุ าตนกั บนิ พาณชิ ย์
เอก- เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรกัปตัน จาก
บริษัท การบินไทย จากัด และทรงรับการทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวาย

ตาแหน่งนักบินที่ 1 ใน พ.ศ. 2549 ทั้งน้ี ทรงปฏิบัติหน้าท่ีนักบินที่ 1 อย่างดี
เย่ียมสม่าเสมอ รวมช่ัวโมงบิน 3,000 ช่วั โมง

- เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 กรมการขนส่งทางอากาศได้ทูลเกล้า
ทูลกระหม่อมถวายใบรับรองในตาแหน่งครูฝึกภาคอากาศกับตาแหน่งครูฝึก
เคร่ืองช่วยฝึกบนิ สาหรบั เครอื่ งบินโบองิ 737–400
พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการแพทย์ และการสาธารณสขุ

งานดา้ นหนง่ึ ท่พี ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสาคัญอย่างย่ิง
คือ งานด้านการแพทย์-สาธารณสุข ที่ทรงมีพระเมตตาห่วงใยราษฎรของ
พระองค์มาโดยตลอด ทรงใหก้ ารสนับสนุนทั้งโดยการพระราชทานทรัพย์ส่วน
พระองค์ และทรงมีพระราชดาริจัดต้ังโครงการต่างๆเพ่ือส่งเสริมสุขภาพของ
เหล่าพสกนิกร นับต้ังแต่ครั้งดารงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้า

ฟ้ามหาวชิราลงกรณ เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ทรงตระหนักวา่ สุขภาพพลานามยั อนั ดขี องประชาชนเปน็ ปจั จยั สาคญั ของการ
สร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลอันมีคุณภาพไว้เป็นพลังในการพัฒนาประเทศ จึง
ทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจ ด้านการแพทย์และ
สาธารณสขุ

เมื่อรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร มีมติเห็นสมควรอย่างยิ่งในการ
เทิดพระเกียรติพระองค์โดยการจัดสร้างโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารเพื่อให้
ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ท่ัวทุกพ้ืนท่ี ท้ังข้าราชการ พลเรือน
รวมถึงผู้มีรายได้น้อยท่ีไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาล

ประจาจังหวัด น้อมเกล้าฯถวายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จานวน 21
แห่ง ทั่วทกุ ภมู ภิ าคของประเทศ แบง่ ออกเปน็ 4 ภาค

ภาคเหนือ 6 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชเชียงของ จ.เชียงราย,
รพ.สมเด็จพระยุพราชตะพานหิน จ.พิจิตร, รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.
นา่ น, รพ.สมเดจ็ พระยุพราชนครไทย จ.พษิ ณุโลก, รพ.สมเดจ็ พระยุพราชหล่ม
เกา่ จ.เพชรบรู ณ์, รพ.สมเด็จพระยพุ ราชเดน่ ชัย จ.แพร่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชเดชอุดม
จ.อุบลราชธานี, รพ.สมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จ.หนองคาย, รพ.สมเด็จพระ
ยุพราชกระนวน จ.ขอนแก่น, รพ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธ์ุ,
รพ.สมเดจ็ พระยุพราชธาตุพนม จ.นครพนม, รพ.สมเด็จพระยุพราชสว่างแดน
ดิน จ.สกลนคร, รพ.สมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จ.ยโสธร, รพ.สมเด็จพระ
ยพุ ราชบ้านดุง จ.อุดรธานี, รพ.สมเดจ็ พระยพุ ราชดา่ นซา้ ย จ.เลยภาค

ตะวันออก 1 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว จ.สระแก้ว
ภาคกลาง 1 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชจอมบึง จ.ราชบรุ ี

ภาคใต้ 4 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชฉวาง จ.นครศรีธรรมราช,
รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี จ.ปัตตานี, รพ.สมเด็จพระยุพราชเวียงสระ จ.สุ
ราษฎร์ธานี และ รพ.สมเดจ็ พระยุพราชยะหา จ.ยะลา

หลังก่อสร้างแล้วเสร็จ นายธานนิ ทร์ ไดข้ อพระบรมราชานญุ าตนาทรัพย์
สว่ นพระองค์ที่เหลือ จัดต้ังมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โดยมีสมเด็จ
พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกมุ าร ในขณะนั้น ดารงตาแหนง่ เป็นองค์
นายกกิตติมศักดิ์ กว่า 40 ปีที่มีการก่อตั้งโรงพยาบาลทั้ง 21 แห่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงติดตามความก้าวหน้าของ
โรงพยาบาลอย่างสม่าเสมอ พระองค์ทรงมุ่งเน้นให้ความสาคัญกับส่ิงอานวย
ความสะดวก และความเป็นอย่ขู องผปู้ ่วยมากกว่าการเพ่ิมจานวนโรงพยาบาล
ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เป็นโรงพยาบาลชุมชนประจา
อาเภอสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (ยกเว้นโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
สระแก้วและโรงพยาบาลสมเดจ็ พระยุพราชเดชอุดมทเี่ ป็นโรงพยาบาลท่ัวไป)

พระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชดารัสแก่เจ้าหน้าท่ี
โรงพยาบาล มคี วามส่วนหนงึ่ ว่า “ทุกคนทท่ี างานใหแ้ ก่โรงพยาบาลสมเดจ็ พระ
ยุพราชจะต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลแห่งนี้กาเนิดขึ้นมาจากความมุ่งปรารถนา
นาอนั แรงกลา้ ของคนไทยทว่ั ราชอาณาจักร ท่ีต้องการจะเห็นผู้ที่อยู่ในท้องถิ่น

ทุรกันดารทุกหนแห่งได้รับความเอาใจใส่รักษาพยาบาลเป็นอย่างดี ให้
ปลอดภยั จากความเจบ็ ไขโ้ ดยทว่ั ถึงเสมอหนา้ กนั ”

นอกจากนี้ในปีพ.ศ. 2537 ทรงรับเป็น ประธานกรรมการอานวยการ
จัดสร้างอาคารศูนย์โรคหัวใจ สมเด็จพระบรมราชินีนาศ พ.ศ. 2550 ได้
พระราชทานพระราชดาริให้จัดต้ังศูนย์สุขภาพชุมชนที่หมู่บ้านสันติ 2 ตาบล
แม่หวาด อาเภอธารโต จังหวัดยะลา และพ.ศ. 2554 พระองค์ไดท้ รงสนบั สนุน
โครงการตรวจสุขภาพภิกษุ สามเณร และผู้นาศาสนา เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล
เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554

พระองค์ยังทรงเอาพระทัยใส่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง พระองค์ทรงมีต่อผู้ป่วย
โรคมะเร็ง ทรงสนพระทัยการดาเนินงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งเป็น
หน่วยงานสาคัญท่ีบาบัดรักษาและป้องกันโรคมะเร็ง สังกัดกรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2527 พระองค์ได้เสด็จเย่ียมผู้ป่วยมะเร็งเป็นคร้ัง
แรก ณ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และพระราชทานสิ่งของให้แก่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ยงั ความปลาบปล้ืมและสานึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ป่วยมะเร็งเป็นอย่าง
ยิ่ง ภายหลังการดาเนินงานของสถาบันมะเร็งได้ก้าวหน้ามาตามลาดับ มีการ
ขยายหนว่ ยงานตามจงั หวดั ตา่ งๆ พระองคท์ รงมพี ระมหากรณุ าธคิ ณุ เสดจ็ พระ
ราชดาเนินเปิดศูนย์ด้วยพระองค์เองบ้าง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระ
เจ้าหลานเธอเสด็จฯ แทนพระองคเ์ องบ้าง

ทรงมีพระราชดารสั เน่อื งในพิธีเปิดการประชมุ วชิ าการโรคมะเรง็ ภาคพน้ื
แปซิฟิก คร้ังที่ 11 ณ กรุงเทพฯ ใจความตอนหนึ่งว่า “เป็นท่ีทราบกันดีว่า

โรคมะเรง็ เปน็ โรคร้ายแรงท่ีเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์อย่างย่ิง และอัตราการ
ป่วยดว้ ยโรคนก้ี ็ยังไม่มีทีทา่ จะลดลง ไมว่ ่าในประเทศทเี่ จริญแลว้ หรอื ประเทศ
ท่ีกาลังพัฒนา จึงเป็นการแน่นอนว่า มะเร็งน้ัน ไม่แต่จะเป็นโรคร้าย ทาลาย
ชีวิตมนุษย์ หากยังเป็นตัวการทาลายความสุข ความเจริญ ทุกสิ่งของมนุษย์
ชาติพร้อมกันไปด้วย จึงจาเป็นอย่างย่ิงท่ีประเทศทั้งหลาย จะร่วมมือกัน
ป้องกันและลดอตั ราการปว่ ยด้วยโรคน้ลี งให้ได้”

พระองคท์ รงเลง็ เหน็ ว่า อุปกรณก์ ารแพทย์ในสถานพยาบาลหลายแหง่ ยงั
ขาดแคลนอย่างหนัก โดยเฉพาะตามโรงพยาบาลใหญ่ๆท่ีมีประชาชนเข้ารับ
การรกั ษาจานวนมาก เม่อื วนั ท่ี 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระองค์จึงทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเงินส่วนที่ประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อคร้ัง
งานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล

อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท้ังหมด และรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัด
งาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้าแห่งรัตนโกสินทร์ ” แก่ 27
สถานพยาบาล เปน็ จานวนเงินทง้ั สนิ้ 2,407,144,487.59 บาท

ในวนั ที่ 8 พฤษภาคม 2562 พระองค์พระราชทานเงนิ จานวน 631 ลา้ น
บาท ให้แก่ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 11 แห่ง ได้แก่
โรงพยาบาลราชวถิ ี, โรงพยาบาลสงฆ์, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี,
โรงพยาบาลหัวหิน, โรงพยาบาลนา่ น, โรงพยาบาลศนู ยส์ กลนคร, โรงพยาบาล
โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์, โรงพยาบาลศูนย์ยะลา, โรงพยาบาลศูนย์
ปัตตานี, โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และโรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่าน ซ่ึง
ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้น้อมรับและสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ
อย่างหาท่ีสุดมิได้ และกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า จะดาเนินตามพระบรมรา
โชบายอย่างเต็มที่ โดยนาเงินพระราชทานทไ่ี ด้ไปจัดสรรซื้อเครื่องมือ-อุปกรณ์
การแพทยต์ ามทพี่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวทรงมพี ระเมตตา

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโควิด-19 เม่ือวันท่ี 6
เมษายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระ
บรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทาน
พระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้า
เฝา้ ทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคโควิด-19 พร้อมทัง้ พระราชทานพระบรมราโชบายเพื่อเป็นแนวทางใน
การรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโควิด-19 ความ
ว่า “มีอะไรท่ีจะมีส่วนช่วยเหลือ ท่ีจะแก้ปัญหาก็ยินดี เพราะว่า ก็เป็นปัญหา
ของชาติ ซ่งึ เรือ่ งโรคระบาดนกี่ ็ไม่ใช่ความผดิ ของใคร แล้วส่งิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ก็คอื เรา
มีหน้าที่ที่จะดูแลแก้ไขให้ดีท่ีสุด อย่างท่ีเคยพูดไว้ว่า ถ้าเกิดมีความเข้าใจใน
ปัญหา มคี วามเขา้ ใจ ไม่ใชห่ มายความว่ายอมรับตามบุญตามกรรม แต่มีความ
เข้าใจในสถานการณ์ มีความเข้าใจในปัญหา และก็มีความรู้เก่ียวกับโรค ก็คือ
เขา้ ใจในปัญหาน่ันเอง อันแรกก็เป็นอยา่ งนี้

อันท่ี 2 ก็คือจากข้อที่ 1 ก็คือ การมีการบริหารจัดการ มีแผนเผชิญเหตุ
มีระบบในการปฏิบัติ แก้ไขให้ถูกจุด รู้ปัญหา แก้ไขให้ถูกจุดโดยมีการบริหาร
จัดการ แลว้ ก็ในเวลาเดียวกนั กต็ ้องให้ประชาชนได้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
และเหตุผลที่จะต้องปฏิบัติ เพราะว่าการมีระบบ หรือแผนในการปฏิบัติตาม
แผนท่ไี ด้วางไวต้ ามความเป็นจรงิ ตามสถานการณ์ทเ่ี กดิ ข้นึ จรงิ แกถ้ ูกจดุ ก็จะ
ลดปัญหาลงไป จะแก้ได้ในท่ีสุดก็เช่ือแน่ว่าจะต้องแก้ไขและก็เอาชนะอันน้ีได้
เพราะว่าประเทศของเรานกี่ ็นับว่าทาไดด้ ี ประเทศของเรานี่น่าภูมิใจว่าทาได้ดี
และก็ทุกคนก็ร่วมใจกัน ก็ดีกว่าท่ีอ่ืนอีกหลายที่ แต่บางทีก็ต้องเน้นเร่ืองการ
ทางานมรี ะบบด้วยความเขา้ ใจ และการมีระเบยี บวนิ ยั ในการแกไ้ ขปญั หาโดยมี
เป้าหมายว่า เราจะต้องต่อสู้ให้โรคนี้สงบลงไปได้ในที่สุด เพราะว่าโรคมาได้
โรคกไ็ ปได้ โรคจะไมไ่ ปถ้าเราไมแ่ ก้ไขปญั หา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มี

ความขันติอดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือ
เสยี สละในการกล้าทจ่ี ะสรา้ งนสิ ยั หรือสร้างวินัยในตวั เอง ที่จะแก้ไขเพื่อตัวเอง
เพือ่ ส่วนรวม อันนี้เรากข็ อเป็นกาลังใจให้”

โอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีรับส่ังทรงห่วงใย
แพทย์พยาบาลว่า “...หมออาจจะเหน่อื ยหน่อยช่วงน้ี ฝากเป็นกาลังใจให้หมอ
กับพยาบาลดว้ ยคะ่ ...”

ไทยพบผ้ตู ิดเชื้อไวรสั โคโรนาสายพันธใ์ุ หมร่ ายแรกเมอ่ื วันท่ี 13 มกราคม
2564 หลงั จากน้นั จานวนผ้ตู ดิ เชอ้ื ผปู้ ่วยและผู้เสียชีวิตก็เพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระ
บรมราชินี ว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น โรงพยาบาลในประเทศไทยจะมี
อปุ กรณ์ทางการแพทย์ไมเ่ พียงพอ

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ใน
การจัดซ้ือเคร่ืองมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายรายการ เพ่ือรองรับ
สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรัสโควดิ 19

ในเบ้ืองต้นจึงทรงจัดหาและพระราชทานเครื่องช่วยหายใจ 132 เคร่ือง
เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว 50 เคร่ือง รวมทั้งหน้ากากอนามัย 2 ล้านช้ิน
แผ่นป้องกันใบหน้าหรือเฟซชีลด์ 30,000 ช้ิน และชุดป้องกันการติดเช้ือโรค
หรอื ชดุ พีพีอี 4,000 ชุดแก่บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลต่าง ๆ เมื่อ
สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย พระองค์ก็ได้พระราชทานเคร่ืองมือทางการแพทย์
และเวชภณั ฑอ์ นื่ เพม่ิ เตมิ อาทิ ชุดPPE เส้อื คลุมกนั น้าชนดิ ใช้ครั้งเดยี ว และชดุ
PPE แบบเสื้อคลุมกันน้าชนิดใชซ้ ้าได้ จานวน 3 รุ่น รวม 700,000 ตัว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
หอ้ งตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) ซึง่ เป็นหน่ึงใน "โครงการเครอ่ื งช่วย
หายใจและเคร่ืองมือแพทย์พระราชทาน" เพ่ือรับสถานการณ์การระบาดของ
เช้ือโควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดาเนินการก่อสร้าง

และติดต้ังให้โรงพยาบาลต่าง ๆ 20 แห่งท่ัวประเทศ เพื่อปกป้องบุคลากร
ทางการแพทย์และประชาชนให้ปลอดภยั จากเชื้อโรคโควดิ -19 และโรคตดิ เช้ือ
อื่น ๆ นอกจากห้องตรวจหาเชื้อแล้ว ในหลวงยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์
ส่วนพระองค์ให้จัดทารถตรวจโรคติดเช้ือชีวนิรภัย 13 คัน ให้กระทรวง
สาธารณสขุ (สธ.) ใชเ้ ป็นหอ้ งปฏิบตั ิการเคลือ่ นท่ีในการเก็บตัวอย่างโรคโควิด-
19 ในพ้ืนที่รับผิดชอบของสานักงานเขตสุขภาพท่ี 1-12 ทั่วประเทศ และ
กรุงเทพมหานครอีกด้วยโครงการนี้ประกอบด้วยการทาถุงผ้าพระราชทาน
สาหรับบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคพระราชทานแก่ราษฎร การผลิตเจล
แอลกอฮอลล์ ้างมือ และการเยบ็ หนา้ กากอนามัยชนิดผ้า โดยในวันน้ัน สมเด็จ
พระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเย็บหน้ากากผ้า สาหรับเป็นตัวอย่างให้
กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์นาไปผลิตเพ่ือ
พระราชทานแกข่ ้าราชบรพิ ารและราษฎรท่ีไดร้ ับความเดอื ดร้อนดว้ ย

ประชาชนจานวนมากได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการระบาดของ
โควิด-19 และมาตรการควบคุมโรคที่ทาให้สถานประกอบการหลายแห่งต้อง
ปิดบริการไปจนถึงปิดกิจการถาวร พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทรงตระหนักถึงความเดือดร้อนของ
ประชาชน ตลอดระยะเวลา 6 เดือนท่ีผ่านมาจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เชิญถุงยังชีพพระราชทานไปมอบให้แก่
ชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ ที่ได้รับผลกระทบจานวนกว่า 130,000 ครัวเรือน
และพระราชทานแก่ประชาชนในพ้ืนที่รอบเขตพระราชฐานทั้งในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวดั เพอื่ บรรเทาความเดือดรอ้ นในช่วงทเ่ี กดิ การระบาดและคนตอ้ ง
อยู่บ้านตามมาตรการ

19 มีนาคม2564 เวลา 08.00 น. ที่พระลานพระราชวังดุสิต สานัก
พระราชวัง ตรวจรับ "รถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล" คันแรกในประเทศไทยที่มี
ระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ทันสมัยที่สุด ซ่ึง "พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างข้ึน เพ่ือพระราชทานแก่
กระทรวงสาธารณสุข สาหรับนาไปสนับสนุนการปฎิบัติงานของบุคลากรทาง
การแพทย์ อันเป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพทางการแพทย์ในการป้องกันดูแล
สุขภาพอนามัยประชาชนอย่างครบวงจร อีกท้ังยังรับมือกับสถานการณ์การ
แพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรน่า 2019 หรือโควิด 19

เม่ือวันที่ 25 มีนาคม 2563 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้า
เจา้ อยหู่ ัว พระราชทานเคร่ืองช่วยหายใจให้แก่ โรงพยาบาลตารวจในเบ้ืองต้น
จานวน 3 เคร่อื ง คือ Puritan Bennett 980 จานวน 1 เครอ่ื ง และ Puritan
Bennett 840 จานวน 2 เคร่อื งเพื่อเพ่มิ ประสทิ ธิภาพในการรับมือสถานการณ์
การแพรเ่ ช้อื โควดิ -19

ต่อมาเม่ือวันที่ 26 มีนาคม 2563 ทรงพระราชทานเคร่ืองช่วยหายใจ
จานวน 3 เครื่อง และเคร่ืองวัดออกซิเจนแบบปลายนิ้ว จานวน 13 เครื่อง
ให้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และในวันที่ 27
มีนาคม 2563 พระราชทานเคร่ืองช่วยหายใจ และอุปกรณ์ทางการแพทย์
ให้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้า
สิริกิต์ิ กรมแพทย์ทหารเรือ ได้แก่ เคร่ืองช่วยหายใจ Puritan Bennett รุ่น

980 จานวน 1 เครื่อง เคร่ืองช่วยหายใจ Puritan Bennett รุ่น 840 จานวน
3 เครอ่ื ง เครอ่ื งชว่ ยหายใจ Draeger รุน่ Carina จานวน 2 เคร่อื ง เครื่องช่วย
หายใจ Maquet รุ่น SERVO-s จานวน 1 เครื่อง และเคร่ืองวัดออกซิเจน
ปลายน้วิ จานวน 13 เคร่ือง

วันที่ 1 เมษายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน
เคร่ืองช่วยหายใจเพิ่มเติม ให้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์
ทหารอากาศ เป็นเครื่องช่วยหายใจ จานวน 7 เคร่ือง ซึ่งเดิมได้รับของ
พระราชทานในเบ้ืองต้น เม่ือวันท่ี 26 มีนาคม 2563 เป็นเคร่ืองช่วยหายใจ
จานวน 3 เคร่อื ง และเครื่องวดั ออกซเิ จนแบบปลายนว้ิ จานวน 13 เครอ่ื ง

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทาน เครื่องช่วยหายใจ Puritan
Bennett รุ่น 840 จานวน 3 เคร่ือง ให้แก่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร

ในวันที่ 3 เมษายน 2563 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
เคร่ืองช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่ โรงพยาบาลพระมงกุฎ

เกล้า ประกอบด้วย เครื่องช่วยหายใจ Draeger จานวน 3 เครื่อง เครื่องช่วย
หายใจ Puritan Bennett จานวน 4 เคร่ือง เครอ่ื งชว่ ยหายใจ Event จานวน
4 เครื่อง เครื่องช่วยหายใจ Maquet จานวน 1 เคร่ือง รวม 12 เครื่อง และ
เคร่ืองวัดออกซเิ จนแบบปลายนวิ้ จานวน 13 เคร่อื ง

ท้ังยังพระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย จานวน 13 คัน เพ่ือ
กระทรวงสาธารณสุขนาไปใช้ประโยชน์ ณ สานักงานเขตสุขภาพ ท่ี 1-12 ท่ัว
ประเทศ และเขตพื้นท่ีกรุงเทพมหานคร ท่ีกระทรวงสาธารณสุข ดูแล
รับผิดชอบเพื่อใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคล่ือนท่ีในการเก็บตัวอย่างโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019( โควิด-19) ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
เช่น โรงเรียน วัด ชุมชนแออัด และกลุ่มอาชีพเส่ียงท่ัวประเทศ เพ่ือช่วยเพิ่ม
ประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเช้ือโรคโควิด-19 เชิงรุก
เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนามาซ่ึงคุณภาพชีวิตท่ีดี

ทรงถือเป็นหนา้ ท่ีท่จี ะต้องตอบแทนคณุ แผน่ ดิน อันเปน็ หนา้ ท่ีทป่ี ระชาชนชาว
ไทยทกุ คนจะตอ้ งร่วมมอื รว่ มใจกนั ปฏิบตั ิ
ด้านการศกึ ษา

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคร้ังยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม
มกุฎราชกุมาร พระองค์พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรม
ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นที่ต้ังของโรงเรียนอนุบาลช่ือว่า
โรงเรยี นอนบุ าลทหารมหาดเลก็ ราชวัลลภ โดยในระยะแรกได้จัดการเรียนการ
สอนเฉพาะชั้นอนุบาล ต่อมา โรงเรียนได้ย้ายไปที่จังหวัดนนทบุรี และได้รับ
พระราชทานชือ่ ใหม่วา่ โรงเรียนอนรุ าชประสิทธิ์

โรงเรยี นอนบุ าลทหารมหาดเลก็ ราชวลั ลภ

นอกจากน้ี ทรงทราบดีว่าเยาวชนในถ่ินทุรกันดารยังด้อยโอกาสใน
การศกึ ษา ทรงพระราชทานพระราชทรพั ย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้าง
โ ร ง เ รี ย น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ที่ ต้ั ง อ ยู่ ใ น ช น บ ท ห่ า ง ไ ก ล ค ม น า ค ม ไ ม่
สะดวก กระทรวงศึกษาธิการ (ประเทศไทย)ได้สนองพระราชประสงค์ด้วยการ
น้อมเกล้าฯ ถวายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาจานวน 6 โรงเรียน เป็น
โรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ได้แก่ (1) โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา อาเภอปลา
ปาก จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันเปลี่ยนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 1
นครพนม), (2) โรงเรียนมัธยมจุฑาวัชร อาเภอลานกระลือ จังหวัด
กาแพงเพชร (ปัจจุบันเปล่ียนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 2
กาแพงเพชร), (3) โรงเรียนมัธยมวัชเรศร อาเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุ
ราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3 สุราษฎร์
ธานี), (4) โรงเรียนมัธยมจักรีวัชร อาเภอรัตนภูมิ จังหวัดสงขลา (ปัจจุบัน
เปล่ียนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 2 สงขลา), (5) โรงเรียนมัธยมวัชรวีร์
อาเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ปัจจุบันเปลี่ยนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยม
สิริวัณวรี 3 ฉะเชิงเทรา) และ (6) โรงเรียนมัธยมบุษย์น้าเพชร อาเภอเมือง
อุดรธานี จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันเปล่ียนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 1
อุดรธานี) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวราง
กูร เม่ือครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จ
พระราชดาเนินไปทรงเยี่ยมเยาวชนในตาบลต่าง ๆ ทรงสนับสนุนการจัดตั้ง
ศูนย์เยาวชนตาบล รวมท้ังได้ทรงเป็นประธานงานวันเยาวชนแห่งชาติ วันท่ี
20 กันยายน ของทกุ ปี และทรงเป็นประธานในพิธีปฏิญาณตนและสวนสนาม
ของลกู เสอื และเนตรนารี และสมาชกิ ผ้ทู าประโยชน์

ทงั้ นพ้ี ระองคไ์ ด้ทรงอปุ การะเด็กกาพร้า คอื จกั รกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี
ท่ีครอบครัวเสียชีวิตจากภูเขาถล่มเมื่อ พ.ศ. 2554 รวมทั้งครอบครัวของบูร

ฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซ่ึงบิดาถูกลอบสังหารจากเหตุความไม่สงบใน
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะทรงอุปการะจนกว่าจะสาเร็จการศึกษา
ปริญญาตรีหรอื จนกว่าจะมีอาชีพสามารถเลยี้ งครอบครัวได้ เปน็ ตน้

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราล งกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคร้ังอิสรยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม
มกฎุ ราชกุมาร มีพระราชดาริให้ดาเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรม
โอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2552 ด้วยพระราชปณิธานท่ี
มุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยท่ีมีฐานะยากจน ยากลาบาก แต่
ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ม่ันคง
ต่อเนื่องในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสาเร็จการศึกษาในระดับปริญญา
ตรี ตามความสามารถของแต่ละคน เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาความรู้
ความสามารถและศักยภาพแก่เยาวชนไทย

ต่อมาใน พ.ศ. 2553 มีพระราชดาริให้จัดต้ัง มูลนิธิทุนการศึกษา
พระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) ขึ้น
โดยทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ และทรงให้นาโครงการทุนการศึกษา
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาอยู่ภายใต้การ
ดาเนินงานของมูลนิธิฯ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความต่อเน่ืองและย่ังยืนสืบต่อไป ปัจจุบันมี
นักเรียนทุนพระราชทานฯ ในโครงการทั้งสิ้นจานวน 9 รุ่น เพ่ือให้เยาวชนใช้
ความร้ปู ระกอบอาชพี เล้ียงตนและครอบครัวได้เมื่อจบการศึกษา ได้เสด็จพระ
ราชดาเนินไปทรงเย่ียมโรงเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ ทรงติดตามผล
การศึกษา และโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี พระราชธิดาทั้งสองพระองค์ทรงร่วมกิจกรรมของ
โรงเรียนต่างๆ เสมอทั้งน้ีด้วยน้าพระหฤทัยท่ีทรงพระเมตตาห่วงใยเยาวชน
ผู้ด้อยโอกาส

ในด้านอุดมศึกษา พระองค์ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดาเนินแทน
พระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัย ต่าง ๆ ปี
ละเปน็ จานวนมากทุกปี

พระบรมราโชบายด้านการศกึ ษา

เม่อื วันศกุ รท์ ่ี 18 สิงหาคม พ.ศ. 260 บริษัท ซีพี ออลล์ จากัด (มหาชน)
จัดงานแจกรางวัล “เซเว่นบุ๊คอวอร์ด” มีศาสตราจารย์นายแพทย์เกษม วัฒน
ชัย เปน็ ประธาน กอ่ นแจกรางวัล คุณหมอเกษมไดอ้ ัญเชิญพระบรมราโชบาย
ด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ บดินทรเทพ
ยวรางกูร ซึ่งคุณหมอเกษมได้บันทึกไว้มาเสนอในท่ีประชุม เป็นพระบรมรา
โชบายท่ีครูทุกคนควรทราบและน้อมนามาปฏิบัติ จึงขอนามาเผยแพร่ให้ครู
ทั้งหลายไดท้ ราบดังนี้

“การศึกษาต้องมุ่งสร้างพ้ืนฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน มีทัศนคติท่ีถูกต้อง
ต่อบ้านเมือง ข้อนี้มีคาขยายว่า ต้องมีความรู้ความเข้าใจท่ีมีต่อชาติบ้านเมือง
ยึดมั่นในศาสนา ม่ันคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความเอ้ืออาทรต่อ
ครอบครัวและชุมชนของตน มพี นื้ ฐานชวี ิตที่มัน่ คง มีคณุ ธรรม ข้อน้มี ีคาขยาย
ว่า ให้รู้จักแยกแยะส่ิงท่ีผิด-ที่ถูก สิ่งชั่ว-ส่ิงดี เพื่อปฏิบัติแต่ส่ิงที่ชอบท่ีดีงาม
ปฏเิ สธส่งิ ทีผ่ ิดท่ชี ั่ว เพอื่ สรา้ งคนดีใหแ้ กบ่ ้านเมอื ง มงี านทา มีอาชีพ ข้อน้ีมีคา
ขยายว่า ต้องให้เด็กรักงาน สู้งาน ทางานจนสาเร็จ อบรมให้เรียนรู้การ
ทางาน ให้สามารถเลี้ยงตัวและเลี้ยงครอบครัวได้ เป็นพลเมืองดี ข้อนี้มีคา
ขยายว่า การเป็นพลเมืองดีเป็นหน้าที่ของทุกคน สถานศึกษาและสถาน
ประกอบการต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสทาหน้าท่ีพลเมืองดี การเป็น

พลเมอื งดีหมายถงึ การมีนา้ ใจ มคี วามเอือ้ อาทร ตอ้ งทางานอาสาสมคั ร งาน
บาเพญ็ ประโยชน์ เหน็ อะไรที่จะทาเพอ่ื บา้ นเมืองได้กต็ อ้ งทา”
ด้านการพระศาสนา

พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระว
ชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะท่ีวัดพระศรีรัตน
ศาสดาราม เม่อื วนั ท่ี 3 มกราคม พ.ศ. 2509 ก่อนเสด็จพระราชดาเนินไปทรง
ศึกษาต่อที่ประเทศองั กฤษ อีกทงั้ เม่อื ครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระพระราชบิดา
ทรงประเคนผ้าไตร ประกาศนียบัตร และพัดยศ ในการตั้งภิกษุและสามเณร
เปรียญ เนื่องในการพระราชพิธีทรงบาเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา ณ พระ
อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง พ .ศ. 2551
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิร

เกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือครั้งอิสรยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงแสดง
พระองค์เป็นพุทธมามกะที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 3 มกราคม
พ.ศ. 2509 ก่อนเสด็จพระราชดาเนินไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ
นอกจากนี้ มพี ระราชศรัทธาออกบวชในพระพุทธศาสนา โดยพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิ เบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร โปรดให้
จัดการพระราชพิธีผนวช ณ พัทธสีมาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันท่ี 6
พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จ
พระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ
สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณ
โก) ถวายอนุสาสนไ์ ด้รบั ถวายพระสมณนามวา่ "วชริ าลงกฺ รโณ" และได้ประทับ
อยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ตลอดจนทรงลาสิกขาในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.
2521 นอกจากน้นั ยงั เสด็จพระราชดาเนนิ แทนพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา
ธิเบศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรไปปฏิบัติพระราชกิจทาง
พระพุทธศาสนาอย่างสม่าเสมอ โดยเฉพาะเมื่อคร้ังยังเป็นสมเด็จพระบรม
โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เช่น เสด็จพระราชดาเนินแทนพระองค์ไป
ทรงเปลี่ยนเครอื่ งทรงพระพทุ ธมหามณรี ัตนปฏมิ ากร ณ วดั พระศรรี ัตนศาสดา
ราม ตามฤดูกาล เสด็จพระราชดาเนินแทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา
ภูมิพลอดุลยเดชไปทรงบาเพ็ญพระราชกุศลในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา
เช่นวันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และการถวายผ้าพระกฐิน
หลวงตามวัดต่าง ๆ เป็นต้น

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบาเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านศาสนาหลังจาก
เสด็จขึ้นทรงราชย์แล้ว คือ ทรงบาเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องใน
วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงพระราช

อนุสรณ์คานึงถึงสมเด็จพระบรมชนกนาถ และโปรดเกล้าฯ สถาปนาอิสริยยศ
และเล่ือนอิสริยฐานันดรพระสงฆ์ที่ดารงอยู่ในสมณคุณ และมีอุปการะยิ่งแก่
การพระศาสนาดังกล่าวสูงขึ้น เพื่อจักได้บริหารพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง
สถาพร ตามโบราณราชประเพณี

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ข้ึนเป็นสมเด็จ
พระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เม่ือวันท่ี 12 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2560 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยได้เสด็จพระราชดาเนินไป
ประกอบพระราชพิธีสถาปนาสมเดจ็ พระสังฆราชด้วยพระองคเ์ องเมื่อวันท่ี 12
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 หลายครั้งได้เสด็จพระราชดาเนินไปทรงเย่ียมและมี
พระราชปฏิสันถารพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ อาทิ เม่ือวันท่ี 4 พฤศจิกายน พ.ศ.
2526 โดยเสดจ็ ไปเย่ียมอาการอาพาธหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง
ต.แมป่ ั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

นอกจากน้ันพระองค์ยังให้การสนับสนุนกิจกรรมของศาสนาอื่นอาทิ
ศาสนาอสิ ลาม โดยพระองค์ เสดจ็ ฯไปเปน็ ประธานในพิธี พระราชทานรางวลั
แกผ่ ้ชู นะ การทดสอบ การอญั เชญิ พระมหาคัมภรี ์อลั กุรอานระดับประเทศ

ดา้ นการกฬี า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชริ เกลา้ เจา้ อยูห่ ัว เมอ่ื ครั้งทรงอิสริยยศเปน็ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ท้ังในฐานะผู้แทนพระองค์
และในส่วนของพระองคเ์ องนานปั การ เชน่ การพระราชทานไฟพระฤกษ์ กีฬา
เยาวชนแหง่ ชาติ พระราชทานพระราชวโรกาสให้นักกีฬาไทยผู้นาความสาเร็จ
นาเกียรติยศมาสู่ประเทศชาติ เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับพระราชทาน
รางวัลนักกีฬายอดเยี่ยม รับพระราชทานพร และทรงแสดงความชื่นชม
ยินดี ซ่ึงนกั กฬี าของไทยตา่ งสานึกในพระมหากรณุ าธคิ ุณ มคี วามปลาบปลม้ื ใน
สิริมงคลและมีขวัญกาลังใจที่จะนาความสาเร็จและนาเกียรติยศมาสู่ตนเอง สู่
วงศ์ตระกูล และประเทศชาติต่อไป และเม่ือเดือนธันวาคม พ.ศ. 2541 ได้
เสด็จพระราชดาเนินแทนพระองคไ์ ปทรงประกอบพธิ เี ปดิ กฬี าเอเชย่ี นเกมส์ ทา
ให้นักกีฬามขี วญั และกาลังใจในการแขง่ ขัน ประสบชยั ชนะนาเหรียญรางวลั มา
สปู่ ระเทศไทยเป็นจานวนมาก

พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงปน่ั นาขบวน Bike for Mom ปนั่ เพือ่ แม่

ในปี พ.ศ. 2558 พระองค์ ทรงมีพระราชปณิธานที่จัดกิจกรรมจักรยาน
ถวายพระเกียรติและถวายความจงรักภักดีเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระ
ชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเนื่องในโอกาสมหา
มงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช
ฯ โดยได้ทรงจักรยานพระท่ีนั่งนาประชาชนทั่วประเทศป่ันจักรยานใน

กิจกรรม Bike for Mom - ปั่นเพื่อแม่ จัดกิจกรรมวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.
2558 และกิจกรรม Bike for Dad - ป่ันเพ่ือพ่อ จัดกิจกรรมวันที่ 11

ธันวาคม พ.ศ. 2558 ในกิจกรรมประชาชนได้ร่วมใจกันแสดงความจงรักภักดี
ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดเส้นทางมีพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จอย่างเนือง
แน่น

ด้านสงั คมสงเคราะห์

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือครั้งอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาห่วงใยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนท่ีดอ้ ยโอกาสและขาดแคลน ได้ทรงพระอุตสาหะ
เสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยี่ยมชุมชนแออัดในกรุงเทพฯหลายแห่ง เช่น
ชุมชนแออัดเขตพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา เป็นตน้ ทรงพระกรณุ า
พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องกีฬา เครื่องดับเพลิง โปรดเกล้าฯให้
กรมทหารในบังคับบัญชาของพระองค์ ร่วมกับประชาชนพัฒนาส่ิงแวดล้อม
ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการ
พัฒนาเด็กเลก็ ท่ขี าดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพตดิ ในหมเู่ ยาวชนชมุ ชน
แออดั คลองเตย เพ่ือใหเ้ ยาวชนผูด้ อ้ ยโอกาสเหล่านั้นเติบโตเป็นพลเมืองดีและ
เปน็ ทรพั ยากรบุคคลทีมคณุ คา่ ในพัฒนาประเทศตอ่ ไปในอนาคต

ดา้ นสง่ เสรมิ ใหค้ นไทยรกั และภาคภมู ใิ จในความเปน็ ชาติ

ธ สรา้ งเสรมิ ความเปน็ ไทย ใหป้ ระจักษ์
อนุ่ ไอรกั คลายความหนาว ชาวสยาม
แตง่ ชุดไทย ชมดอกไม้ สุดสวยงาม
ทุกเขตคาม เทดิ องคไ์ ท้ ไวน้ ริ นั ดร์

ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหมอ่ ม ขอเดชะ
ข้าพระพทุ ธเจา้ นายประสาร ธาราพรรค์ ผปู้ ระพนั ธ์


Click to View FlipBook Version