วิเคราะหห์ นังสอื เรียนรายวชิ าภาษาไทย
ชัน้ ปีท่ี ๓
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
โดย
นางสาวสกุลกาญจน์ ชยั ดำรงค์
การวิเคราะห์หนงั สอื เรยี นรายวชิ าภาษาไทยน้เี ปน็ สว่ นหน่ึงของรายวิชาED๑๐๓๓ววิ ัฒนาการแบบเรยี นไทย
หลกั สูตรศึกษาศาสตรบัณฑติ สาขาวชิ าการสอนภาษาไทย
มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั วิทยาเขตอสี าน
ปีการศึกษาศึกษา ๒๕๖๕
ก
คำนำ
การวิเคราะห์หนงั เรียนรายวิชาภาษาไทย ชนั้ ปที ่ี ๓ เลม่ น้ี เปน็ รายงานการวิเคราะห์หนังสือเรียน
รายวชิ าภาษาไทยช้นั ปที ี่ ๓ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นส่วน
หนึ่งของรายวิชา ED๑๐๓๓ วิวัฒนาการแบบเรียนไทย โดยรายงานเล่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ให้นักศึกษา
ได้ฝึกฝกึ วเิ คราะหห์ นังสอื เรียนรายวชิ าภาษาไทยกับหลกั สตู รแกนกลางขน้ั พนื้ ฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ โดย
มุ่งหวังให้เกิดความรู้ ความสามารถ ทักษะ เจตคติและประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในการ
ประกอบวิชาชีพครูผู้รายงานได้เรียบเรียงผลของการทำงานเป็นทั้งหมดจำนวน ๕ บท ได้แก่ บทที่ ๑
องคป์ ระกอบภายนอกของแบบเรยี น, บทท่ี ๒ องคป์ ระกอบภายในของแบบเรยี น, บทท่ี ๓ วิเคราะหค์ วาม
สอดคล้องของเนื้อหากับหลักสูตร (ตัวชี้วัด), บทที่ ๔ วิเคราะห์ความสอดคล้องกับกิจกรรมและการ
ประเมินผลของ Benjamin Bloom, และ บทที่ ๕ วิเคราะห์ข้อดแี ละข้อบกพรอ่ งของแบบเรยี น
หวงั วา่ รายงานเลม่ น้ี จะเป็นประโยชนต์ อ่ ผ้ศู ึกษาแนวทางการเรียนวิชาชีพครูอย่างไร ก็ดีอาจจะมี
ส่วนทไี่ มค่ รบสมบรู ณ์อยบู่ ้างผ้จู ดั ทำรายงานขอนอ้ มรบั คำแนะนำดว้ ยความเคารพยง่ิ
ลงช่อื นางสาวสกลุ กาญจน์ ชัยดำรงค์
ผ้จู ัดทำรายงาน
ข
สารบญั หน้า
เรือ่ ง
๑
บทที่ ๑ องคป์ ระกอบภายนอกของแบบเรยี น ๑
๑.๑ ข้อมูลทว่ั ไปของแบบเรียน ๒
๑.๒ ปกหนงั สอื ๒
๑.๒.๑ ปกหน้าดา้ นนอก ๔
๑.๒.๒ ปกหน้าด้านใน ๔
๑.๒.๓ ปกรอง ๕
๑.๒.๔ ใบรองปกดา้ นหน้า ๖
๑.๒.๕ ปกรองดา้ นหลัง ๗
๑.๒.๖ ปกหลังด้านใน ๘
๑.๒.๗ ปกหลัง ๙
๙
บทท่ี ๒ องค์ประกอบภายในของแบบเรียน ๕๓
๒.๑ การวิเคราะห์เน้อื หาแบบเรียน ๕๓
๒.๒ รูปแบบการจดั แบ่งเนื้อหาแบบเรียน ๕๓
๒.๓ ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา ๕๔
๒.๔ ภาพประกอบ ๕๔
๒.๕ ดา้ นการใช้ภาษา ๕๕
๒.๖ ความเหมาะสมต้อการเรยี นร้ขู องผูเ้ รียนและการจดั การเรียนรขู้ องครู
๗๖
บทที่ ๓ วิเคราะหค์ วามสอดคล้องของเนื้อหากบั หลกั สูตร (ตัวชี้วดั ) ๑๐๓
บทที่ ๔ วเิ คราะหค์ วามสอดคล้องกบั กิจกรรมและการประเมนิ ผล
ของ Benjamin Bloom
บทท่ี ๕ วเิ คราะห์ข้อดแี ละข้อบกพร่องของแบบเรียน
ค
วเิ คราะหห์ นังสือเรียนวิชาภาษาไทย
ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๔ “ภาษาพาท”ี
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
องค์ประกอบในการวิเคราะห์หนังสือเรยี นรายวิชาภาษาไทยประกอบด้วย
๑. องค์ประกอบภายนอกของแบบเรยี น ได้แก่ ขอ้ มลู ท่ัวไปของแบบเรียน ปกหนงั สอื สันหนงั สอื
รองปก ส่วนประกอบที่สำคัญของหนังสือ แนวทางการใช้แบบเรียน การพิมพ์ตัวอักษรและ
สสี ัน การจดั ระเบียบการพมิ พ์ ภาพประกอบ กระดาษ และการเขา้ เล่มและราคา
๒. องค์ประกอบภายในของแบบเรียน ได้แก่ การวิเคราะห์เนื้อหาแบบเรียน รูปแบบการจัดแบ่ง
เน้ือหาแบบเรียน ความถูกตอ้ งของเน้ือหา ภาพประกอบ การใช้ภาษา ความยากง่ายของเนอ้ื หา
๓. วเิ คราะหค์ สามสอดคล้องของเน้ือหากับหลักสูตร(ตวั ชว้ี ัด)
๔. วเิ คราะห์คสามสอดคล้องกับกจิ กรรมและการประเมินผลของ -Benjamin-Bloom
๕. วิเคราะห์ข้อดีและข้อบกพร่องของแบบเรยี น
๑
บทที่ ๑
องค์ประกอบภายนอกของแบบเรยี น
๑.๑ ข้อมูลท่วั ไปของแบบเรยี น
หนังสอื เรียน รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย “ภาษาพาที” ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔
จดั พิมพโ์ ดยสำนักพิมพ์องคก์ ารค้าของ สกสค. โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว
ขนาดของหนังสือ : กวา้ ง ๗.๕ นิ้ว ยาว ๑๐ นวิ้
ขนาดสันหนังสอื : หนา ๐.๕ นิว้
จำนวนหน้า : จำนวนหน้าเนอื้ หา ๒๖๒ หนา้
ชนิดของกระดาษทใี่ ช้ : หนา้ ปกใช้กระดาษแขง็ อารต์ มัน
เน้อื หาใช้ : กระดาษฟอกขาว
ลักษณะการเข้าเล่ม : ใช้วธิ ีการเย็บเล่มด้วยสันกาว มคี วามเรียบร้อย แข็งแรง และคงทนต่อการใชง้ าน
๑.๒ ปกหนังสือ ๒
๑.๒.๑) ปกดา้ นนอก
ช่อื หนังสือ
ตรากระทรวง รปู ภาพ
ระดับช้นั
หลกั สตู ร ราคา
ปกหน้าด้านนอกหนังสือเรียน ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มีการพิมพ์ชนิด ๔ สี
โดยการพิมพ์ภาพที่มีสีสันสวยงาม เป็นภาพเสมือนจริงเหมือนกับที่ตาเราเห็น ต้องพิมพ์ 4 สี
การพิมพ์แบบนี้จะได้หลายสีเป็นสีที่เหมือนกับรูปแบบหรือต้นฉบับ มีการจัดพิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตมัน
มีรูปภาพเป็นภาพมัคคุเทศก์ นำเทีย่ วชมพชื สมนุ ไพรของไทย
ส่วนด้านบนและดา้ นลา่ งของปกจะเปน็ ข้อมลู เบอื้ งตน้ ของหนงั สอื โดยประกบดว้ ยชอื่ หนังสือที่มี
ขนาดใหญ่ใช้ตัวอักษรสีเขียวและสีเหลืองที่ตัดกบั สีฟ้าขาวของพื้นหลัง ทำให้มองเห็นเด่นชัดและสะดุดตา
โดยระบคุ ำวา่ "ภาษาพาที" ถัดลงมาเปน็ การระบรุ ะดับช้ันดว้ ยตวั อกั ษรสขี าวและสชี มพขู นาดเล็กรองลงมา
แต่มีสีค่อนข้างเข้มกลมกลืนไปกับสีของพื้นหลัง โดย ระบุคำว่า "ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
"ถดั ลงมาเป็นช่ือกลมุ่ สาระการเรยี นรแู้ ละหลกั สตู รโดยตวั อกั ษรสีนำ้ เงนิ ขนาดเลก็ ทำใหม้ องเหน็ ได้ชัดเจน
๓
และด้านล่างของหนังสือประกอบดว้ ยตราสญั ลักษณ์ของกระทรวงศึกษาธิการ
และราคาของหนังสอื ท่ีอยูม่ ุมขวาขนาดเลก็ สีดำทำให้มองเห็นไดช้ ัดเจนสรุปโดยรวมแล้วหนา้ ปกมคี วามเห
มาะสมพอใชไ้ ด้เน่ืองจากมตี ัวหนงั สอื ของชือ่ หนงั สือท่มี ีขนาดใหญ่ทำให้มองเหน็ ได้ชดั เจนเหมาะสำหรับผู้
เรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี๔
แมว้ า่ จะมีขอ้ บกพร่องเล็กนอ้ ยในการเลอื กใช้สขี องตวั หนงั สอื ในบางส่วนทีใ่ ชส้ ีเข้มใกลเ้ คียงกับสขี องพ้นื หล
งอาจจะทำให้มองไมช่ ัดเจน ควรจะเลือกใช้สที ี่อ่อนกวา่ พืน้ หลงั จะทำให้มองเห็นได้ชดั เจนยง่ิ ข้นึ
เป็นหน้าปกทรี่ ะบุข้อมลู ที่ควรมไี ว้อย่างครบถ้วน ไม่ขาดองค์ประกอบใด ๆ ที่จำเปน็
ขนาดของตวั อักษรใหญเ่ ลก็ ตามลำดบั ความสำคัญ ภาพประกอบนั้น
ยงั สอ่ื ความหมายของช่ือหนงั สือไดเ้ หมาะสม ทำใหน้ ่าสนใจ
๔
๑.๒.๒) ปกหนา้ ด้านใน
เป็นหน้าว่าง
๑.๒.๓) ปกรอง ประกอบดว้ ยข้อมลู คล้ายคลงึ กับปกหน้า ดังน้ี
ตราครฑุ
รายวชิ า
ชือ่ หนังสื ระดบั ช้ัน
กลมุ่ สาระ หลักสูตร
สังกดั
๑.ตราครุฑ
๒.ชอื่ แบบเรยี น: ภาษาพาที
๓.ระดับชน้ั : ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔
๔.รายวชิ า: รายวชิ าพืน้ ฐาน
๕.กล่มุ สาระการเรยี นร:ู้ ภาษาไทย
๖.หลักสูตร: หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๗.สังกดั ของหนังสือ: สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐา
๕
๑.๒.๔) ใบรองปกดา้ นหน้า ประกอบด้วยข้อมูลดงั นี้
๑.ชอ่ื แบบเรยี น: ภาษาพาที
๒.ระดับชัน้ : ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔
๓.กลมุ่ สาระการเรยี นร:ู้ ภาษาไทย
๔.หลักสูตร: หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๕.ชอ่ื ผถู้ อื ลิขสิทธ:์ิ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาชน้ั พื้นฐาน
๖.ทอ่ี ยู่ผถู้ ือลิขสิทธ:์ิ กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนินนอก เขตดุสิต กรุงเทพมหานาร ๑๐๓๐๐
๗.เบอร์โทรศพั ทแ์ ละโทรสารผ้ถู ือลิขสทิ ธิ์: ๐ ๒๕๓๘ ๓๐๓๓ และ ๐ ๒๕๓๙ ๙๙๕๖
๘.ตวั เลขประจำหนงั สือสากล: ISBN ๙๗๘-๖๑๖-๓๑๗-๙๘๘-๓
๙.จำนวนครั้งทพ่ี มิ พ์: พิมพ์คร้งั ทส่ี บิ สาม พ.ศ. ๒๕๖๑
๑๐.จำนวนเล่มที่พิมพ์: จำนวน ๕๙๐,๐๐๐ เลม่
๑๑.ชือ่ สำนกั พมิ พ์: องค์การค้าของสกสค. โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว
๑๒.ทตี่ ้งั สำนักพิมพ:์ ๒๒๔๙ ถนนลาดพรา้ ว แขวงสะพานสอง เขตวงั ทองหลาง กรุงเทพมหานคร
๑๓.เบอรโ์ ทรศัพทส์ ำนกั พมิ พ์: ๐ ๒๕๓๘ ๓๐๓๓ และ - ๒๕๓ ๔๔๐๓๓
๑๔.เบอรโ์ ทรสารสำนกั พิมพ:์ ๐ ๒๕๓๙ ๙๕๕๖
๑๕.แหลง่ ขอ้ มูลอิเล็กทรอนกิ ส์: www.suksapan.or.th
๖
๑.๒.๕) ปกรองด้านหลัง
ประกอบด้วยคณะผู้จดั ทำหนังสอื เรียน และอกี หนา้ หนงึ่ เป็นใบอนุญาตใหใ้ ชส้ ื่อการเรยี นรปู
ในสถานศกึ ษา ซ่งึ เปน็ องค์ประกอบทีจ่ ำเป็นต้องมีสำหรับหนังสอื เรียน
จึงจะสามารถนำมาใชใ้ นโรงเรียนไดโ้ ดย แสดงเน้อื หา ในใบอนญุ าตไวอ้ ย่างขัดเจน
ทำให้แบบเรยี นเล่มนน้ี ่าเชื่อถือ
๗
๑.๒.๖) ปกหลงั ดา้ นใน บอกรายช่อื หนังสอื แบบเรยี นรายวิชาฟื้นฐานภาษาไทยของระดับชั้น
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ดงั นี้
๑. หนงั สือเรียน ชดุ ภาษาเพ่ือชวี ิต ภาษาพาที
๒. หนงั สือเรียน ชดุ ภาษาเพื่อชีวิต วรรณคดลี ำนำ
๓. แบบฝึกหดั ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวิต ทักษะภาษา
๔. คู่มอื ครู รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย เลม่ ๑
๕. คู่มือครู รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย เล่ม ๒
๖. ซีดีเพลง จากเน้ือร้องในหนงั สือเรยี น ภาษาพาที และ วรรณคดลี ำนำ สำหรบั ใชป้ ระกอบ
การเรยี นการสอน
๗. หนงั สือเรยี น ชุด ภาษาเพือ่ ชวี ติ วรรณกรรมปฏิสมั พนั ธ์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ - ๖
๘. แบบฝึกหดั ชดุ ภาษาเพื่อชวี ิต ทกั ษะปฏิสมั พันธ์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ . ๖ (รายการท่ี ๓ - ๘
เป็นหนังสอื สำหรับนกั เรียนท่ีตอ้ งการพัฒนาความสามารถทางภายา และวรรณกรรมเป็นพเิ ศษ
มไิ ดบ้ ังคับสำหรับนักเรียนทว่ั ไป)
๘
๑.๒.๗) ปกหลงั ใชก้ ระดาษอาร์ตมนั ชนิดเดียวกันกับปกหน้า พมิ พ์สีชมพเู ต็มแผน่
ประกอบดว้ ยข้อมลู ดังน้ี
๑. รหสั ราคา และตวั เลขแสดงจำนวนราคากำกับ: รหัสราคา และราคา ๘๐ บาท
๒. ช่ือและท่ีอยู่สำนักพมิ พ์: ศึกษาภัณฑ์พาณชิ ย์ โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว
๓ . ชื่อผพู้ ิมพ์และผูโ้ ฆษณา: นายพนิ จิ ศกั ด์ิ สุวรรณรังค์
๔. ตราสำนกั พิมพ์
๕. ตราสำนกั พิมพเ์ ว็บไซตส์ ำนกั พมิ พ์: www.suksapan.or.th
๙
บทที่ ๒
องคป์ ระกอบภายในของแบบเรยี น
๒. องคป์ ระกอบภายในของแบบเรยี น
๒.๑ การวเิ คราะหเ์ นอื้ หาแบบเรียน และการวิเคราะห์รูปแบบการจดั แบ่งเน้อื หาแบบเรยี น
๑) ดา้ นเน้อื หา
เน้ือหาทป่ี รากฎในหนงั สือเรยี น รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย ชุด ภาษาเพ่อื ชีวิต ภาษาพาที
ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ ประกอบด้วยเนอ้ื หาดังนี้
๑.๑ คำแนะนำสำหรับครู
การวางแผนจัดการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๔
ครจู ำเป็นตอ้ ง
(๑) ศึกษาหลักสตู รและเอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับหลักสตู ร เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจมาตรฐาน
การเรียนรแู้ ละตวั ชีว้ ัด หรือสงิ่ อันพึงประสงคท์ ี่ควรจะเกิดแก่นักเรียน
(๒) ศกึ ษาหนังสือเรียน ภาษาพาที หนงั สือเรียน วรรณคดีลำนำ แล้ววางแผน
จัดการเรียนรู้ โดยใช้เนื้อหาแต่ละบทของหนังสือเรียนทั้ง ๒ เล่ม สลับบทกันตามความเหมาะสม เพื่อให้
นักเรียนได้เรียนรู้จากหนังสือเรียน ภาษาพาที ตลอดปีการศึกษาและเรียนรจู้ ากหนงั สอื เรียน
วรรณคดลี ำนำ ตลอดปกี ารศกึ ษาเช่นเดยี วกัน
(๓) ศกึ ษาหนังสอื เรียน ภาษาพาที หนงั สอื เรียน วรรณคดลี ำนำ และแบบฝกึ หัด
ทกั ษะภาษา ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ทกุ เลม่ ทกุ บทอย่างละเอยี ด เพอ่ื ใช้เป็นสอ่ื หลกั ใน
การจดั การเรียนการสอนภาษาไทย รวมท้งั หนงั สือเรียน วรรณกรรมปฏสิ มั พันธ์ แบบฝกึ หดั
ทกั ษะปฏสิ ัมพนั ธ์ หนงั สือหรือส่งิ อืน่ ๆ เพอื่ ใช้เปน็ สอ่ื เสริมในการจัดการเรียนการสอน
ภาษาไทย แล้วจดั หน่วยการเรียนรูแ้ ละแผนการจัดการเรยี นรู้ตามความเหมาะสม
(๔) ศึกษาพน้ื ฐานความรคู้ วามสามารถดา้ นภาษาไทยและต้านอื่นๆ ของนักเรียน
โดยใชว้ ธิ ปี ฏบิ ตั ิกจิ กรรม ทดสอบ สัมภาษณ์ ฯลฯ และก่อนเริม่ บทเรียนควรเตรียมความพร้อม
อยา่ งนอ้ ย ๑-๒ สัปดาห์
การจัดกิจกรรมการเรยี นร้ภู าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ โดยใชห้ นังสอื เรยี น
ภาษาพาที
๑๐
ครูจำเปน็ ตอ้ งเขา้ ใจแนวการนำเสนอเน้อื หาแตล่ ะบทของหนังสือเรยี น ภาษาพาที
ซง่ึ ประกอบด้วย
บทอา่ น นำเสนอโดยผูกเป็นเรื่องที่น่าสนใจ มีตัวละคร เพื่อให้นักเรียนสนุกสนานเพลิดเพลิน
ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน รู้จักใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง ไพเราะสละสลวย และแทรกเนื้อหา
ความคิดที่บูรณาการความเข้าใจวิถีความเป็นไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่นส่งเสริมคุณธรรม
จรยิ ธรรม ค่านิยมท่พี งึ ประสงค์
และร้จู กั เท่าทนั โลกตามวยั ประสบการณแ์ ละชั้นปี
อ่านเสริม จัดไว้เพ่ิมเตมิ จากบทอ่าน เรยี บเรียงขน้ึ ให้สอดคลอ้ งกับแก่นของเร่ืองแตล่ ะบท
บางบทเรียบเรียงเปน็ รอ้ ยแกว้ และบางบทเรยี บเรยี งเปน็ รอ้ ยกรอง
อา่ นเพมิ่ เตมิ ความหมาย เสนอความรู้ และความหมายของคำศพั ทท์ น่ี ักเรียนควรศึกษา มบี างคำ
ที่นำไปแตง่ ประโยค เพื่อให้นกั เรียนได้เข้าใจความหมายชัดเจนยิ่งข้ึน
อธิบายเพม่ิ เตมิ ความรู้ เสนอเนื้อหาให้ความเข้าใจด้านหลักภาษาและการใช้ภาษาที่นักเรียน
ในชน้ั นต้ี ้องเรยี นรู้
กิจกรรม เป็นสว่ นเสนอแนะให้นักเรยี นไดฝ้ กึ ทักษะภาษาและการคิดในแต่ละบท ครูสามารถต่อ
ยอดความคิด หรือปรบั กิจกรรมได้อย่างอิสระ และสร้างสรรค์ใหส้ อดคล้องกบั นักเรียน
สภาพแวดล้อมของแต่ละสถานศึกษา ไม่จำเปน็ ต้องทำทุกกิจกรรมใหเ้ ลือกตามความ
เหมาะสม
นกั เรยี นจำเปน็ ตอ้ งใชแ้ บบฝกึ หัด รายวชิ าพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพือ่ ชีวิต
ทกั ษะภาษา ควบคู่กับการใชห้ นังสอื เรยี น ภาษาพาที หนงั สือเรยี น วรรณคดีลำนำ เพือ่
ฝกึ ทักษะทางภาษาและศึกษาวรรณคดี ดว้ ยกระบวนการเรียนรทู้ ่ีเหมาะสม ตามสาระและ
มาตรฐานการเรยี นร้ขู องหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาชน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ โดย
ครูผูส้ อนต้องดแู ลเอาใจใส่ ให้ความรู้ความเข้าใจอย่างใกลช้ ดิ
ขณะเดยี วกัน หากนักเรยี นมีศักยภาพพร้อมกส็ ามารถเลอื กศึกษาบทเรยี นบางบท
๑๑
จากหนงั สือเรียน วรรณกรรมปฏิสมั พนั ธ์ และแบบฝึกหดั ทกั ษะปฏสิ มั พนั ธ์ ซ่งึ จดั ทำ
สำหรบั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔-- กจ็ ะสามารถพัฒนาตนเองไดส้ งู สดุ เต็มตามศกั ยภาพ เป็น
"นักเรียนไทยในอุดมคตแิ ละความหวังยิ่งของส่ังคมไทย"
๒) เนือ้ หา แบง่ ออกเป็น ๑๖ บท ดงั น้ี
บทท่ี ๑ ขนมไทยไร้เทยี มทาน
มีจุดประสงค์เพื่อเข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ
พลังของภาษา ภมู ปิ ัญญาของภาษาและรกั ภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ
โดยในบทท่ี ๑ น้ี ได้มี บทอ่านเสริม “ขนมแม่เอ๊ย” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบายเพิ่มเติมความรู้
กจิ กรรมเสรมิ ทา้ ยบท หลกั และการใชภ้ าษา คอื การอา่ นในใจและการอา่ นจบั ใจความ ดังน้ี
๑) การอ่านในใจ มีความจำเป็นมากและใช้อยู่เสมอในชีวิตประจำวัน ผู้มีความสามารถในการ
อ่านในใจจะเข้าใจและเรียนรู้เรื่องราวที่อ่านได้รวดเร็วมากกว่าอ่านออกเสียง เพราะไม่ต้องกังวลกับการ
เปล่งเสยี งใหถ้ ูกต้องตามอกั ขระวธิ ี
๑.๑) การปฏบิ ัติในการอา่ นในใจ มีขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
๑.๑.๑) ไม่ชี้ตามตัวอักษร
๑.๑.๒) กวาดสายตาอยา่ งรวดเรว็ ไม่อ่านย่อหนา้ ย้อนหลัง
๑.๑.๓) ไม่ออกเสยี งหรอื ทำปากขมกุ ขมิบ
๑.๑.๔) มสี มาธทิ ำจติ ใจใหจ้ ดจ่ออยูก่ ับสงิ่ ท่ีอ่าน
๑.๑.๕) จับใจความสำคัญของเร่ืองท่อี ่านให้ได้
๒) การอ่านจับใจความ ในการอ่านผู้อ่านควรพยายามจับใจความสำคัญของเรื่องให้ได้ เพื่อให้
เกิดความเขา้ ใจสง่ิ ทอี่ ่านอยา่ งแจ่มชดั อาจทำได้โดย
๒.๑) ตั้งเป็นคำถาม และนำคำตอบท่ีไดท้ ัง้ หมดมาประมวลเปน็ ใจความสำคัญ
คำถาม ประโยคคำถาม คำตอบ
ใคร ตัวละครมีใครบา้ ง ยาย, กลุ่มเดก็ หลานๆ ของยาย
ทำอะไร เกดิ เหตุการณ์อะไรขนึ้ เดก็ ๆ เลน่ กันจนหิว พากันมาขอขนม
ทไี่ หน เหตุการณเ์ กิดข้นึ ทไ่ี หน ยายกิน แล้วซกั ถามวิธที ำขนมนั้นๆ
หนา้ ครัวหลงั บ้านยาย
๑๒
คำตอบของคำถามข้างตัน อาจประมวลและเรียบเรยี งเปน็ ใจความสำคัญได้ ดงั น้ี
กลุ่มเด็กหลาน ๆ ของยายเล่นกันจนหิว จึงพากันมาขอขนมยายกินที่หน้าครัวหลังบ้าน แล้ว
ซักถามวธิ ที ำขนมนั้นๆ เด็ก ๆ ซกั ถามและยายตอบด้วยบรรยากาศสนุกสนานคร้นื เครง
๒.๒) จัดทำแผนภาพความคิด นอกจากการตั้งคำถามเพื่อจับใจความสำคัญ แล้วการนำ
รายละเอยี ดของเรื่องมาจัดทำเป็นแผนภาพความคิด และประมวลแตล่ ะประเด็นเป็นใจความสำคัญ ก็เป็น
อกี วธิ ีหน่ึงท่จี ะชว่ ยให้จับใจความสำคญั ของเรือ่ งได้
บทที่ ๒ ออมไว้กำไรชีวติ
มีจุดประสงค์เพื่อเข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ
พลังของภาษา ภูมิปญั ญาของภาษาและรักภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ
โดยในบทที่ ๒ นี้ ได้มี บทอ่านเสริม “เงินตราน่ารู้” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบายเพิ่มเติมความรู้
กจิ กรรมเสรมิ ท้าย บทหลักและการใชภ้ าษา คือ สำนวนตา่ งๆ ดงั นี้
๑) สำนวน
อ่านและสังเกตขอ้ ความต่อไปน้ี
•เกบ็ หอมรอมรบิ •เกบ็ เลก็ ผสมนอ้ ย
•เก็บเบ้ยี ใต้ถนุ รา้ น •ตำข้าวสารกรอกหม้อ
•นกน้อยทำรงั แตพ่ อตัว •ตำนำ้ พริกละลายแมน่ ้ำ
ขอ้ ความขา้ งตันเปน็ ถ้อยคำทผ่ี ูกข้ึนอยา่ งกะทัดรัด เพอื่ เปน็ ข้อคิดสะกดิ ใจ
ผฟู้ ังหรือผ้อู ่านให้ระมดั ระวังการใช้จา่ ย รู้จักประหยดั และอดออม บางขอ้ ความมี
สัมผัสคล้องจอง และบางข้อความไม่มสี ัมผสั คล้องจอง
การนำข้อความลกั ษณะนห้ี รือท่ีเรียกว่า สำนวน ไปใชใ้ นการพูดหรอื เขยี น
จะช่วยใหก้ ารใชภ้ าษากระชับกนิ ใจ และไพเราะ แสดงถึงความเปน็ ผู้มีศลิ ปะ
ที่ดีในการสอื่ สาร คนไทยนยิ มใช้สำนวนโวหารมาแต่โบราณเพือ่ กลา่ วเปรียบเปรย
ทว้ งติง สะกติ ใจ ให้ขอ้ คิดแกผ่ ฟู้ งั หรือผอู้ า่ น
สำนวนมีที่มาหลากหลายและใหแ้ งค่ ดิ ในเร่อื งตา่ งๆ เชน่ ความประหยดั
ซื่อสัตย์ มานะอดทน กตญั ญรู คู้ ุณ ฯลฯ
สำนวนมหี ลายลักษณะ เชน่
๑.๑) สำนวนทใ่ี ช้เปรียบเทียบเพื่อให้เขา้ ใจเรอื่ งท่พี ูดถึง แฝงด้วยขอ้ คดิ เรียกว่า คำพงั เพย เช่น
เงยหนา้ อา้ ปาก หมายถงึ มีฐานะดีขึน้ กวา่ เดิมพอทัดเทียมเพ่ือน
๑๓
นำ้ พึง่ เรอื เสือพ่ึงป่า หมายถึง การพ่ึงพาอาศยั ซงึ่ กันและกนั
เอาหไู ปนา เอาตาไปไร่ หมายถงึ แสร้งทำเปน็ ไม่ร้ไู มเ่ หน็ ไมส่ นใจ
๑.๒) สำนวนท่ใี ชเ้ ปรยี บเทียบเพือ่ สอนให้ทำหรอื เวน้ ไมใ่ หท้ ำ เรียกว่า ภาษติ หรือ สุภาษติ เชน่
ตามใจปากมากหนี้ หมายถึง เหน็ แก่กนิ ยอ่ มสิ้นเปลอื งมาก
รไู้ ว้ใชว่ ่าใสบ่ า่ แบกหาม หมายถงึ เรยี นร้ไู ว้ไม่หนักเรยี่ วหนกั แรงหรอื เสยี หายอะไร
นำ้ ขุ่นไว้ในนำ้ ใสไ่ วน้ อก หมายถงึ แมจ้ ะไม่พอใจกย็ งั แสดงสหี น้า
๑.๓) สำนวนทเ่ี ป็นความหมายเปรยี บเทียบหรือความหมายแฝง ไมไ่ ด้มคี วามหมายตรงตาม
ความหมายเดมิ เชน่
ชกั ใย แมงมมุ ชักใย (ความหมายตรง)
กลุ่มผ้ปู ระทว้ งมีคนซักใยอยเู่ บอื้ งหลัง (ความหมายแฝงหมายถึง มผี ู้บงการหรอื กำกับอยเู่ บือ้ งหลงั )
ใตด้ ิน กรุงเทพฯ มีรถไฟฟา้ ใตด้ ิน (ความหมายตรง)
เขาทำอาชีพใต้ดนิ (ความหมายแฝง หมายถึง ลบั ไม่เปดิ เผยไม่ถกู กฎหมาย)
ทางออก ประตูทางออกอยู่ทางโน้นครับ (ความหมายตรง)
เขาเปน็ คนฉลาด ตอ้ งหาทางออกจนได้ (ความหมายแฝงหมายถงึ มีวิธีแกป้ ญั หา)
๑.๔) สำนวนที่เป็นปริศนาคำทาย ซึ่งเป็นการเล่นแบบหนึ่งของไทย ใช้ทายเพื่อให้เกิดความสนกุ
เพลดิ เพลนิ และฝึกเชาวนป์ ัญญา เชน่
อะไรเอ่ย สงู เยี่ยมเทยี มฟา้ ดไู ปดูมา ต่ำกว่าหญา้ นิดเดียว (ภูเขา)
อะไรเอย่ เชยี วชอมุ่ พุ่มไสว ไม่มใี บ มแี ตเ่ ม็ด (ฝน)
อะไรเอย่ ข้างนอกประตูไม้ ขา้ งในประตเู หลก็
ผา้ แดงผืนเลก็ ตากไมร่ จู้ กั แทง้ (ปาก ฟนั ล้นิ )
๑.๕) สำนวนที่เป็นคำขวัญ ซึ่งเป็นถอ้ ยคำท่ีแต่งข้ึนสัน้ ๆ มีสัมผัสคล้องจอง มีความหมายทีด่ ี เพ่ือ
จงู ใจใหข้ อ้ คิดเร่อื งใดเรอ่ื งหน่งึ เชน่
เดก็ ดีเปน็ ศรีแก่ชาติ เดก็ ฉลาดชาติเจริญ
(คำขวัญวันเดก็ แหง่ ชาติ ปี ๒๕๑๖ ของนายกรฐั มนตรี นายสัญญา ธรรมศกั ดิ์)
รู้จักอดออมถนอมใช้ อนาคตสดใสไม่อับจน
(คำขวัญรณรงค์ให้ประหยัด)
๑๔
บทที่ ๓ ผกั สมุนไพรใบหญ้ามคี ุณคา่ ทง้ั น้ัน
มีจุดประสงค์เพื่อเข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ
พลังของภาษา ภูมิปญั ญาของภาษาและรักภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ
โดยในบทท่ี ๓ น้ี ได้มี บทอ่านเสริม “ชีวกโกมารภัจจ์” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบายเพิ่มเติมความรู้
กิจกรรมเสริมท้ายบท หลักและการใช้ภาษา คือ มาตราตัวสะกด คำที่ประวิสรรชนีย์และไม่ประ
วสิ รรชนีย์ คำที่ใช้ไม้ยมก ( ๆ) ดังนี้
๑) มาตราตวั สะกด
มาตราตวั สะกด เขากำหนดไว้แปดแม่
ควรรใู้ หแ้ มน่ แท้ ท้งั แปดแมเ่ รียงลำดับ
แม่กง จงจำไว้ ลิงวอ่ งไวยา่ งสำทบั
เกง่ รอ้ ง กลอง กำกับ ตวั สะกดน้นั คือ ง งู
แม่กม ชม ความ งาม คุม คำถาม ตามทรี่ ู้
จำไว้นะหนูหนู ม น้ันอยู่ในแม่กม
แม่เกย เฉลย ถอ้ ย สวย กล้วย อ้อย อร่อยสม
ย สะกดอย่าหลงลม เอาไปปนกบั สระเอีย
แม่เกอว แกว้ แมว เหมียว มะนาว เปร้ียว เที่ยว จนเพลยี
ว สะกดอยา่ ลืมเสยี จดจำไวไ้ ม่อับอาย
ยงั มอี ีกส่แี ม่ ตัวสะกดแปรได้หลากหลาย
แต่อา่ นคำลงท้าย เสียงตามแมแ่ น่นอนจรงิ
แม่กน คน บ้าน นั้น จำใหม้ นั่ ทัง้ ชายหญงิ
ญ ณ ร ล ลิง อกี ฬ จุฬา อยู่แม่กน
แมก่ ก ตก ทกุ นัก สุข เมฆ พรรค อย่าฉงน
ข ค ฆ อย่าสับสน สะกดเหมือน ก ดใู หด้ ี
แม่กด รด หยาด หยด บทบาท กฎ คำเหลา่ นี้
ตัวสะกดต่างกนั มี อยู่แม่กดแน่แท้หนอ
จชซฎฏ ฐ ฑ ฒ ต และ ถ
ทธศษส ล้วนอยใู่ นคำแมก่ ด
แม่กบ ครบ คำตอบ กรอบแกรบ ครอบ จำให้หมด
ป พ ฟ ภ สะกด อยู่แม่กบแนน่ อนน่นั
๑๕
สว่ นคำทแ่ี ปลกไป เพราะวา่ ไร้ตัวสะกดนน้ั
เขาเรยี กเปน็ สำคัญแม่ ก กา อย่าลืมเลอื น
ถ้าใครท่องจำได้ เกง่ เหลือใจหาใครเหมอื น
ครถู ามตอบก่อนเพื่อน เป็นเดก็ ดที ี่ควรชม
๒.) คำที่ประวสิ รรชนียแ์ ละไม่ประวิสรรชนยี ์
๒.๑) อ่านและสังเกตคำทปี่ ระวิสรรชนยี ์
นะคะ ใชค่ ะ่ นะจ๊ะ ใช่จะ้
มะกรูด ประโยชน์ มะนาว ระฆัง
มะละกอ สะระแหน่ โหระพา ทะมัดทะแมง
ศลิ ปะ สมั ภาระ มะระ อตุ สาหะ
๒.๒) อา่ นและสงั เกตคำท่ีไมป่ ระวสิ รรชนยี ์
เกษตร ขนดั ขบวน ขยอ้ น
เฉลย ชนิด สกดั เฉลย
สมคั ร ตลอด อรอ่ ย สถานี
ข้อสังเกต คำที่มีมากกว่า ๑ พยางค์ พยางค์ ทอี่ อกเสียง อะ ไมว่ ่าจะประวสิ รรชนีย์
หรอื ไมป่ ระวสิ รรชนยี ์ ใหอ้ อกเสยี ง อะ ครึง่ เสียง ยกเวน้ พยางคท์ า้ ยท่ปี ระวสิ รรชนยี ์ ให้ออก
เสยี ง อะ เต็มเสียง
๓.) คำที่ใช้ไมย้ มก ( ๆ )
อ่านและสังเกตคำหรอื กล่มุ คำที่ใช้ไมย้ มก ( ๆ)
อ่านซ้ำคำ เช่น
แก๊งๆ อ่านว่า แก๊ง - แก๊ง ตา่ งๆ อา่ นว่า ตา่ ง - ตา่ ง
คอ่ ยๆ อา่ นวา่ ค่อย – ค่อย ใหญ่ๆ อา่ นวา่ ใหญ่ - ใหญ่
อ่านซ้ำกล่มุ คำ เชน่
คนหนึง่ ๆ อ่านว่า คนหนึง่ - คนหนึง่
ย่อหน้าหนึ่งๆ อา่ นว่า ย่อหนา้ หนึ่ง - ยอ่ หน้าหนึง่
อา่ นซำ้ ประโยค เชน่ ไฟไหม้ - ไฟไหมั
ไฟไหม้ๆ อา่ นวา่ รถมาแลว้ – รถมาแลว้
รถมาแล้วๆ อา่ นวา่
๑๖
บทท่ี ๔ ภูมิใจมรดกโลก
มีจุดประสงค์เพื่อเข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ
พลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาของภาษาและรกั ภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ
โดยในบทท่ี ๔ นี้ ได้มี บทอ่านเสริม “รู้เรื่องมรดกโลก” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบายเพิ่มเติมความรู้
กิจกรรมเสริมท้ายบท หลักและการใช้ภาษา คือ คำที่มีอักษรควบ คำที่มีอักษรนำ คำที่มีไม้ทัณฑฆาต
กำกบั ผันอกั ษรกลาง สูง ต่ำ ทเ่ี ป็นคำเปน็ และคำตาย
๑.) คำท่ีมีอักษรควบ คำที่มีอกั ษรนำ
คำทมี่ อี ักษรควบ ร ล ว
กลา่ วยำ้ ควำ่ ขนั ครบครนั ขว้างขวาน
พร่ำพลอด ลา้ งผลาญ สงกรานต์ บาดแผล
กวัดแกว่ง แผลงศร สัน่ คลอน เปลี่ยนแปร
เครง่ เครียด นงั่ แคร่ ตรากตรำ คร่ำครวญ
คำที่มพี ยญั ชนะตัน ด ตวั พยัญชนะตัวหนา้ เป็น ก ข ค ด ป ผ พ พยญั ชนะตัวหลัง
เป็น ร ล หรอื ว ประสมสระเดยี วกัน ออกเสยี งควบกล้ำกันสนทิ เรยี กว่า คำควบแท้
๑.๑)คำที่มีอกั ษร ช ศ ส ควบ ร
ศักด์ิศรี เสริมศรทั ธา เศรษฐีมา เสสรวลกัน
สร่างเศรา้ เสร็จสร้างสรรค์ สรงนำ้ ไซร้ สระสร้อยสรวง
คำที่มีพยัญชนะตัน " ตัว พยัญชนะตัวหน้าเป็น ซ ศ ส พยัญชนะตัวหลังเป็น ร หรือพยัญชนะตัวหน้าเปน็
จ พยัญชนะตวั หลังเป็น ร ในคำวา่ จริง ออกเสยี งแตต่ วั หนา้ เรยี กคำลักษณะน้ีว่า คำควบไมแ่ ท้
๑.๒) คำทม่ี อี กั ษร ท ควบ ร
เม็ดทราย ต้นไทร ทรงไว้ สนิ ทรพั ย์
แทรกซึม ทราบชับ พทุ รา ปลาอินทรี
ทับทรวง ทรวดทรง ทรดุ โทรม เหลือที่
ทร แปลกดี อ่านเสียงเป็น ช
คำทมี่ ีพยัญชนะต้น ๒ ตวั พยัญชนะตวั หน้าเป็น ท พยญั ชนะตัวหลงั เป็น ร
ออกเสียง ทร เป็น ซ เป็น คำควบไม่แท้ อีกลักษณะหน่งึ
๑๗
๑.๓) คำทม่ี ีอกั ษรสงู นำ
ขณะ ขนบ ขนม ขนาด
เฉลียว ฉลาด ไฉน ฉงน
ถลำ ถวาย ถนัด ถลน
สรุป สนน สลับ สนอง
๑.๔)คำทม่ี ีอักษรกลางนำ
จมน่ื จมกู เจว็ด จรสั
ตนุ ตวัด ตลก ตลาด
อร่าม อร่อย อเนก อนาถ
ตลอด ตวาด จรวด จรติ
ข้อสงั เกตคำท่ีมีอักษรสูงนำและคำที่มีอกั ษรกลางนำ
๑. คำข้างต้น พยางค์ท่ี ๑ ออกเสยี งพยญั ชนะตัวหนา้ ประสมกบั สระอะ (ออกเสียง
อะ เพยี งครง่ึ เสยี ง) พยางค์ที่ ๒ ออกเสียงพยัญชนะตวั ท่ี ๒ ประสมกบั สระและพยญั ชนะ
สะกดตามทป่ี รากฏ โดยออกเสียงวรรณยกุ ตต์ ามเสียงพยญั ชนะตัวหน้า คลา้ ยมี ห นำ
๒. นอกจากคำขา้ งตันแล้ว ยงั มอี ีกหลายคำท่ีมอี ักษรนำซ่ึงพยัญชนะตัวหนา้ เป็น
อักษรสงู หรือเปน็ อักษรกลางนำพยญั ชนะตัวหลัง เปน็ อกั ษรต่ำ คือ ง ณ น ม ย ร ล ว
และออกเสีย่ งพยางศท์ ี่ ๒ คล้ายมี ห นำ เชน่
อา่ นว่า
ผลติ ผะ - หลิด
ฝรงั่ ฝะ - หรั่ง
เศวต สะ - เหวด
สยาม สะ - หยาม
สวสั ด์ิ สะ - หวัด
กนก กะ - หนก
ตงิด ตะ - หงิด
๑๘
๓. คำบางคำแม่มีลกั ษณะเชน่ ข้อ ๑และขอ้ ๒ แต่ไม่นิยมอ่านพยางค์ท่ี ๒ เหมือน
มี ห นำเชน่
อ่านว่า
ขนิษฐา ขะ - นดิ - ถา
ขมา ขะ ~ มา
ศรัณยู สะ - รนั - ยู
สมัญญา สะ - มัน - ยา
สมาทาน สะ - มา - ทาน
สมาธิ สะ - มา - ทิ
กนิษฐา กะ - นดิ - ถา
อนัตตา อะ - นดั - ตา
๑.๕) คำที่มี ห นำ
หยุมหยิม หนกั หนา หรูหรา หญิงใหญ่
แหงนหงาย หลังไหล่ หวั่นไหว หมักหมม
คำทีม่ ีพยัญชนะตัวหนา้ เปน็ ห นำพยญั ชนะตวั หลัง คือ ง ญ น ม ย ร อ ร
ไมอ่ อกเสยี งตวั ห แต่ออกเสยี งพยญั ชนะตวั หลงั ให้มเี สยี งวรรณยุกต์ตามตวั ห
๑.๖) คำทีม่ ี อ นำ
อย่า อยู่อย่างอยากได้ ของเขา
อยู่ อย่างคนตวั เบา สุขลำ้
อย่าง อยากอย่อู ยา่ เอา แต่ได้
อยาก อยูอ่ ยา่ งอย่ายำ้ เหลา่ นี้ อ นำ
คำที่มีพยญั ชนะตัวหน้าเปน็ อ นำ ย ไม่ออกเสยี งตวั อ แต่เสยี งวรรณยกุ ตข์ อง
พยางค์ออกเสียงตามพยัญชนะ อ มเี พียง ๔ คำ ได้แก่ อย่า อยู่ อย่าง อยาก
๒.) คำท่ีมไี ม้ทณั ฑฆาตกบั
เจดีย์ เดียดฉนั ท์ ประจักษ์ ประดษิ ฐ์
พระองค์ พทิ กั ษ์ พระอาทติ ย์ มัคคุเทศก์
รถยนต์ เล่หก์ ล วันเสาร์ สวดมนต์
อนงค์ ประชาราษฎร์ ประวตั ิศาสตร์ พระจนั ทร์
พระลกั ษณ์ พระลกั ษมณ์ ภาพยนตร์ ไมจ้ นั ทน์
๑๙
์ เรยี กว่า ไมท้ ัณฑฆาต ใชว้ างบนพยัญชนะทไ่ี ม่ต้องการออกเสยี ง ตัวอย่างข้างตน้
วางบนพยญั ชนะซึ่งอยู่ท้ายพยางค์ และบางคำมพี ยัญชนะที่ไมใ่ ชต่ วั สะกดอยู่ขา้ งหน้าพยัญชนะ
ทีม่ ีไม้ทณั ฑฆาตดว้ ย ก็ไม่ออกเสยี งพยัญชนะตวั น้ันเชน่ กัน
ชอล์ก สาส์น ใบเฟิรน์ คอนเสิรต์
ฟลิ ์ม กอล์ฟ เสิรฟ์ แบบฟอรม์
ไม่ออกเสยี งพยญั ชนะทมี่ ีเคร่ืองหมายทัณฑฆาตกำกับ แม้พยัญชนะตัวนั้นไม่ใต้อยู่
ทา้ ยพยางค์
ชลาสินธ์ุ เผ่าพันธ์ุ ศกั ด์ิศรี อทิ ธฤิ ทธ์ิ
ไม่ออกเสยี งพยัญชนะท้ายพยางคท์ มี่ ีเครื่องหมายทัณฑฆาตกำกบั แม้พยญั ชนะ
ตวั น้นั จะมีสระประสมอยู่
๓.) อ่านและสงั เกตการผันอักษรกลาง สงู ตำ่ ที่เป็นคำเปน็ และคำตาย
การผันอกั ษรให้ถูกต้อง จะต้องรู้จักอกั ษร ๆ หมู่ และคำเป็นคำตาย
อกั ษร ๓ หมู่ หรือ ไตรยางศ์ ได้แก่
อักษรกลาง พืน้ เสยี งเปน็ เสียงสามัญ มี ๙ ตวั คือ ก จ ฏ ฏ ด ต บ ป อ
อักษรสูง พ้นื เสียงเป็นเสียงจัตวา มี ๑๑ ตวั คอื ข (ข) ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
อักษรตำ่ พื้นเสยี งเป็นเสียงสามญั มี ๒๔ ตวั คือ ค (ต) ฆ ง ช ช ฌ ญ ฑ ฒ ณ ท
ธนพฟภมยรลวฬยฮ
คำเปน็ และคำตาย มีลักษณะอย่างใดอยา่ งหน่ึง ดังนี้
คำเปน็ คำตาย
ㆍ คำท่ปี ระสมดว้ ยสระเสียงยาวไม่มี ㆍ คำทปี่ ระสมดว้ ยสระเสยี งสั้น ไมม่ ี
ตัวสะกด เชน่ แม่ ปู ตาดี สซี อ ตัวสะกด เช่น ตุ โปะ กะทิ เฉอะแฉะ
ㆍ คำท่ีมีตัวสะกดแม่กง กน กม เกย ㆍ คำท่ีมีตัวสะกดแม่กก กด กบ เช่น
เกอว เชน่ เสียง เวียน คณุ นก มดั ภพ อดึ อัด ซบุ ซิบ ผักกาด
โครมคราม บ่ายคล้อย เขยี วขาว
ㆍ คำท่ีประสมดว้ ยสระ อำ ไอ ใอ เอา
เพราะมีเสยี งตัวสะกดแม่กม เกย
เกอว เช่น ใจ ดำ นำ้ ไหล เกาเหลา
๒๐
บทที่ ๕ ชีวิตที่ถกู เมิน
มีจุดประสงค์เพื่อเข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ
พลงั ของภาษา ภูมิปัญญาของภาษาและรกั ภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ
โดยในบทที่ ๕ น้ี ได้มี บทอ่านเสริม “ตัวเล็กนิดเดียว มีพิษเหลือใจ” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบาย
เพิ่มเติมความรู้ กิจกรรมเสริมท้ายบท หลักและการใช้ภาษา คือ ชนิดของคำ ( คำนาม สรรพนาม
คำกริยา คำวิเศษณ์ ) ประโยคสือ่ สาร ( บอกเล่า ปฏิเสธ คำถามแสดงความตอ้ งการ คำส่ัง ขอร้อง)
๑.) ชนดิ ของคำ
คำในภาษาไทยมีหลายชนิด สำหรับระดับชั้นนี้มีคำที่ควรรู้จัก เพื่อนำมาใช้ให้ถูกต้องตาม
หนา้ ทีข่ องคำ คือ คำนาม คำสรรพนาม คำรยิ า และคำวเิ ศษณ์
๒๑
๑.๑) คำนาม
อ่านและสังเกตประโยคตอ่ ไปน้ี
ลุงเรียกเด็กๆ
สนุ ขั แทะกระดูก
แม่ค้าขายผลไม้
โต๊ะและเกา้ อต้ี งั้ อยูท่ ส่ี นาม
คำท่ีพมิ พ์ตวั เน้นในประโยคข้างตันเป็นคำนาม คำนาม คือ คำทใ่ี ชเ้ รียกสง่ิ ต่างๆ ทงั้ ท่เี ป็นสงิ่ มีชีวิต
และไมม่ ีชวี ติ เชน่ คน สตั ว์ พชื สิง่ ของ สถานท่ี ถา้ เป็นคำนามทั่วไป เรียกวา่ คำนามสามัญ
อ่านและสังเกตประโยคตอ่ ไปนี้
ลงุ บุญเป็นชาวจังหวดั อดุ รธานี
ฟา้ ครามยนื ดูงเู ขยี ว
ใบหมอ่ นกลัวจง้ิ จก ตุ๊กแก
แมน่ ้ำเจ้าพระยาไหลผา่ นกรุงเทพฯ
คำที่พิมพ์ตัวเน้นในประโยคข้างตันเป็นคำนามที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นชื่อเฉพาะของคำนามสามัญ
เรยี กวา่ คำนามวสิ ามญั
๑.๒) คำสรรพนาม
อ่านและสังเกตประโยคต่อไปนี้
ฉันชอบอา่ นหนังสือในห้องสมุด (ฉนั แทนผูพ้ ดู )
วนั นี้เธอจะไปขายของไหม (เธอ แทนผู้ฟงั )
พอใจไมส่ บาย เขาจึงไมไ่ ด้มาโรงเรียน (เขา แทนผู้ท่ถี กู กลา่ วถงึ )
คำที่พิมพ์ตัวเน้นในประโยคข้างต้นเป็นคำสรรพนาม คำสรรพนาม คือ คำที่ใช้แทนคำนาม ใน
ตวั อย่างเป็นคำสรรพนามแทนบุคคล ใช้แทนผพู้ ดู ผฟู้ งั และผ้ทู ถี่ ูกกล่าวถงึ
๑.๓) คำกรยิ า
อ่านและสังเกตประโยคตอ่ ไปน้ี
เจ้าแก่นคาบกระดกู
ตุ๊กแกกนิ แมลงศตั รพู ชื
เจา้ ทุยของลุงบญุ ฉลาด
งเู ขียวอ้วนมาก
๒๒
คำที่พิมพ์ตัวเน้นในประโยคข้างตันเรียกว่า คำกริยา ค่ำกริยา คือ คำที่ใช้บอกอาการ หรือบอก
สภาพของคน สัตว์ พืช สงิ่ ของ เชน่
คาบ กิน เป็นคำกริยาบอกอาการ
ฉลาด อว้ น เปน็ คำกรยิ าบอกสภาพ
๑.๔) คำวิเศษณ์
อ่านและสังเกตประโยคต่อไปน้ี
ลงุ บุญมีเรอื่ งสนกุ ๆ มาเล่าให้เด็กๆฟงั
เจา้ แก่นกับเจา้ ทยุ เป็นสตั ว์น่ารัก
งูเขยี วรดั ตุก๊ แกไว้แนน่
สุนัขตำรวจฉลาดมาก
คำที่พิมพ์ตัวเน้นในประโยคข้างต้นเรียกว่า คำวิเศษณ์ คำวิเศษณ์ คือ คำที่ใช้ขยายคำนามและ
คำกริยาเพื่อให้ใจความของประโยคชดั เจนย่ิงข้นึ คำท่ีพิมพ์ตวั เอนใน 2 ประโยคแรกเป็นคำนาม และคำที่
พมิ พต์ ัวเอนใน ๒ ประโยคหลงั เป็นคำกริยา
๒.) ประโยคสอื่ สาร
ในการสื่อสาร เพือ่ ให้ผพู้ ดู และผู้ฟงั มีความเขา้ ใจตรงกัน ตอ้ งเลือกใชป้ ระโยคให้ตรงตาม
จดุ ประสงค์ ประโยคที่ใช้ในการส่ือสารมีหลายชนิด ไดแ้ ก่
๒.๑) ประโยคบอกเลา่ ใชบ้ อกเรื่องราวต่างๆ ให้ผอู้ ่นื รเู้ ร่ือง เช่น
เดก็ กลุม่ หนง่ึ ยืนอยรู่ มิ รวั้
ลุงบุญเลานทิ านให้เด็กๆ ฟัง
๒.๒) ประโยคปฏิเสธ ใช้บอกว่าเรื่องราวนั้นๆ ไม่ใช่ ไม่ต้องการ หรือไม่จริง มักมีคำว่า
ไม่ ไมใ่ ช่ ไม่ได้ ฯลฯ อยใู่ นประโยค เชน่
ใบหม่อนไมก่ ลัวจิ้งจก ตุ๊กแก อกี แลว้
ลงุ บุญไมไ่ ดไ้ ปทีต่ ลาด
๒.๓) ประโยดคำถาม ใช้ถามผู้อื่นเมื่อต้องการคำตอบ มักมีคำถามว่า ใคร อะไร ที่ไหน
เม่อื ไร ทำไม ฯลฯ เชน่
เด็กๆ ยนื มงุ ดูอะไร
ใครร้จู กั งูเขียวบ้าง
๒๓
๒.๔) ประโยดแสดงความต้องการ ใชบ้ อกความต้องการของตนเองให้ผู้อน่ื รับรู้ มักมีคำ
วา่ อยาก ต้องการ ประสงค์ ฯลฯ อย่ดู ว้ ย เชน่
ผมอยากไปอ่านหนงั สือในห้องสมุด
แตงออ่ นต้องการสมุดบนั ทกึ
๒.๕) ประโยคคำสง่ั ใชส้ ั่งให้ผู้อน่ื ทำอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ หรอื หา้ มมใิ หท้ ำก็ได้
เช่น
อย่าแหยร่ งั ผึ้ง
ห้ามรังแกสัตว์
๒.๖) ประโยคขอร้อง ใช้ขอร้องผู้อื่นให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง มักมีคำว่า กรุณา โปรด
ชว่ ย ฯลฯ อย่ดู ว้ ย เช่น
ลงุ บญุ กรุณาเลา่ เร่ืองสัตวม์ ีพิษหนอ่ ยนะคะ
พอใจช่วยหยิบหนงั สือไห้ผมหน่อย
บทท่ี ๖ โอม! พนิ ิจมหาพิจารณา
มีจุดประสงค์เพื่อสามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและผู้แสดงความรู้ความคิดและ
ความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆอยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์
โดยในบทที่ ๖ น้ี ได้มี บทอ่านเสริม “ก่อนจะเชื่อสิ่งใดให้ยั้งคิด” อ่านเพิ่มเติมความหมาย
อธิบายเพิ่มเติมความรู้ กิจกรรมเสริมท้ายบท หลักและการใช้ภาษา คือ การแสดงความคิดเห็นเชิง
วิจารณ์ การแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น การสรุปเรื่อง การเว้นวรรค เครื่องหมายวรรคตอน การ
เขยี นยอ่ หน้า
๑.) การแสดงความคดิ เห็นเชิงวจิ ารณ์
การแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยการพูดหรือการเขียนควรพิจารณาอย่าง
รอบคอบและมีเหตผุ ลสนบั สนนุ อย่างหนกั แนน่ ข้อคำนงึ ในการแสดงความคดิ เหน็ เชิงวจิ ารณ์ มดี งั น้ี
๑.๑) มีความรเู้ ร่อื งทจ่ี ะวจิ ารณน์ นั้ เป็นอยา่ งดี
๑.๒) หาเหตุผล และข้อจำกดั ตา่ ง ๆ มาประกอบการวิจารณ์ โดยไม่ลำเอียง
๑.๓) คดิ ให้ดกี ่อนพูดหรือเขยี นวจิ ารณ์
๑.๔) ลำดับขั้นตอนในการพดู ให้ดี ไม่วกวนสบั สน
๑.๕) ใช้ถอ้ ยคำและเนือ้ ความเป็นไปในทางสรา้ งสรรค์
๒๔
๑.๖) หลกี เล่ยี งเรอ่ื งสว่ นตัวท้ังของตนเองและผู้อืน่
การแสดงความคิดเห็นเชิงวีจารณ์ในเรื่องเดียวกนั แต่ละคนอาจมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่
กับวา่ ความคดิ เหน็ ของใครจะมีเหตผุ ลนา่ เชือ่ ถอื มากทวา่ กนั
ตวั อยา่ ง การแสดงความคดิ เห็นเชิงวิจารณ์ตัวละครจากเรื่อง โอม! พินจิ มหาพิจารณา
จติ งามเป็นคนหัวออ่ น กลวั คำขู่ เม่ือได้รับจดหมายลกู โซก่ ร็ ีบปฏิบตั ิตาม
ทนั ที ท้ังๆ ท่ใี กลส้ อบไม่มเี วลา แมพ้ ี่ชายพยายามทัดทานก็ยงั ไม่เชอ่ื จนกระทงั่ แม่
เล่าให้ฟงั วา่ เคยไดร้ บั จดหมายอย่างนี้เช่นกันแต่แมไ่ มไ่ ด้ทำตามก็ไม่มีอะไรเกิดขึน้
พรอ้ มกบั ใหข้ อ้ คดิ ว่า จะเช่ืออะไรต้องคดิ ให้รอบคอบ หาเหตผุ ลเสียก่อน จติ งาม
เช่อื และปฏบิ ัติตาม จึงกลา่ วไดว้ ่า จิตงามเปน็ เดก็ ทีอ่ ยใู่ นโอวาทของพ่อแม่
๒.) การแยกขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เห็น
ข้อความที่ใช้ส่ือสารกันนัน้ ประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ ข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็น การรู้จักแยกได้
ว่าอะไรเป็นข้อเท็จจริง อะไรเป็นข้อคิดเห็น จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาบางอย่างได้
ขอ้ คิดเหน็ จะถกู ต้อง นา่ เชื่อถอื เพยี งใดข้ึนอยูก่ บั ขอ้ มูลหรือเหตผุ ลท่ีนำมาใช้ประกอบ
ข้อเท็จจรงิ ขอ้ คิดเหน็
๑. จิตงามคัดลอกจดหมายสง่ ต่อ ๑. จติ งามไม่นา่ จะคดั ลอกจดหมายสง่ ตอ่
๒. เพ่ือนของปองสิทธิ์เช่ือข่าวลือ และไม่ควรเช่ือคำขู่ที่ไมม่ เี หตุผล
๒. เพื่อนของปองสิทธ์ไิ มค่ วรเชอ่ื ข่าวน้ี
เพราะเป็นขา่ วลือ
๓.) การสรุปเร่อื ง
การสรปุ เร่ืองเปน็ การนำความคิดหลกั หรือประเด็นสำคญั ของเร่อื งมากลา่ วใหเ้ ห็นเดน่ ชัด พดู
หรอื เขยี นเปน็ ประโยคสนั้ ๆ ท่ีได้ความชัดเจน
ตัวอยา่ ง การสรุปเร่ือง โอม! พนิ ิจมหาพจิ ารณา
จติ งามไดร้ บั จดหมายลกู โซแ่ ล้วรบี ปฏบิ ตั ติ ามคำสั่งในจดหมาย ซง่ึ ตอ้ ง
คดั ลอกจดหมายถึง ๒๕ ฉบับ สง่ ทางไปรษณียภ์ ายใน ๗ วัน เม่อื ปองสิทธิ์มาพบ
เข้าก็ห้ามปราม แต่จติ งามไม่เช่ือ แม่จึงเลา่ ประสบการณว์ ่าเคยได้รับจดหมาย
๒๕
ลูกโซม่ าแล้ว และท้ิงไปก็ไม่มีอะไรเกดิ ขน้ึ พ่อและแม่ใหส้ ติจิตงามวา่ การจะเช่ือ
อะไรต้องคิดใหร้ อบคอบและมเี หตุผล ตามท่ปี ู่เคยสอนให้มีสติ โดยทอ่ งวา่ โอม!
พนิ ิจมหาพิจารณา สติมา ปัญญามี
๔.) การเว้นวรรค
การเว้นวรรค เป็นการเว้นระยะช่วงคำ กลุ่มคำ หรือประโยค เพื่อให้สะดวกในการอ่าน
และเข้าใจเรื่องได้ง่าย
ตัวอย่าง กระทรวงศกึ ษาธิการต้ังอย่ทู ่ีถนนราชดำเนนิ นอกเขตดสุ ิต
กรุงเทพมหานครรหัสไปรษณีย์๑๐๓๐๐
ตอ้ งเว้นวรรคเป็น กระทงศึกษาธิการ ต้ังอยทู่ ี่ถนนราชดำเนินนอก
เขตคลุ ิต กรงุ เทพมหานคร รหสั ไปรษณยี ์ ๑0๓๐๐
๕.) เคร่อื งหมายวรรคตอน
เครื่องหมายวรรคตอน เป็นเครื่องหมายที่ใช้เขียนกำกับข้อความต่างๆทำให้ขอ้ ความนัน้
เดน่ ชดั ข้ึน และอา่ นได้ถูกตอ้ งชัดเจน
อ่านและสังเกตการใชเ้ ครือ่ งหมายวรรคตอน
‘ ’ เรียกว่า อัญประกาศเดี่ยว ใช้ช้อนในข้อความที่มีอัญประกาศอยู่แล้วเพื่อเน้นคำหรือ
ขอ้ ความท่ีตอ้ งการ
ตัวอย่าง “จิตงามจำไมไ่ ด้หรอื แมส่ อนเราวา่ อย่าไว้ใจทาง
อย่าวางใจคน จะจนใจเอง' ทอ่ งไว้ใหข้ ึ้นใจ” ปองสทิ ธ์ิกล่าว
หมายเหตุ เครื่องหมายวรรคตอนท่ีเรยี นมาแลว้ และควรทบทวนการใช้ ไดแ้ ก่
“ ” อัญประกาศ — สัญประกาศ ! อศั เจรีย์
( ) นขลิขติ • มหัพภาค - ยตั ภิ ังค์
ฯลฯ ไปยาลใหญ่ ฯ ไปยาลน้อย / ทบั
๒๖
๖.) การเขียนยอ่ หนา้
ข้อความใน ๑ ย่อหน้า เป็นข้อความตอนหนึ่งของเรื่องที่เขียน ถ้าเราเขียนย่อหน้าให้ถูกต้อง จะ
ทำใหเ้ ร่ืองทั้งเรือ่ งมีความชดั เจน อ่านเขา้ ใจงา่ ย
ในย่อหน้าหนึ่ง ๆ ประกอบด้วยประโยคใจความสำคัญ และประโยคอื่นๆ ที่ขยายความให้ชัดเจน
ขึน้ การเขียนย่อหน้าที่ดีควรปฏบิ ัติดงั นี้
๖.๑) มีใจความสำคญั เพียงเรื่องเดียว ประโยคใจความสำคัญจะอยสู่ ว่ นใดของย่อหน้า
ใดกไ็ ด้ ส่วนท่มี าขยายประโยคสำคัญต้องมีเนอื้ ความสมั พันธ์เปน็ เรื่องเดยี วกนั
๖.๒) ข้อความในแต่ละยอ่ หน้าตอ้ งเรียบเรียงประโยคให้ตอ่ เนื่องเป็นเรื่องเดยี วกัน
ตวั อย่าง
“ดีแล้วลูก คนเราไม่ควรหลงเชือ่ อะไรง่าย ๆ ถ้าเราทำแต่
ความดี สงิ่ ดี ๆ ก็จะเกิดขน้ึ แก่เราเสมอ การไปหวังอะไรลมๆ แลง้ ๆ
หรอื หลงเชอื่ อะไรงา่ ย ๆ ทำใหเ้ ราขาดความเช่อื มน่ั ในตนเองนะลกู
ผลทเี่ ราได้รับยอ่ มเกดิ จากการกระทำทงั้ น้นั ถา้ ลูกต้ังใจเรียน หม่นั
ทบทวนบทเรียนตา่ งๆ ใหเ้ ข้าใจ เวลาสอบ ลกู กจ็ ะสอบได้ แตถ่ ้าลูก
มัวไปเล่นหรอื ทำอย่างอ่ืน ไม่สนใจบทเรียน ลกู จะสอบได้อยา่ งไร”
ข้อสังเกต
๑. ประโยคท่พี มิ พต์ ัวเนน้ เปน็ ประโยคใจความสำคัญ ประโยคอนื่ ๆ เป็นประโยคขยาย
๒. ข้อความในยอ่ หน้าขา้ งต้นมีเน้ือความเดียวคอื ไมใ่ หห้ ลงเชอื่ อะไรง่าย ๆให้ทำแต่ความดี ส่งิ ดี
ๆ ก็จะเกิดขึน้ และมีสว่ นขยายความคอื ใหต้ ัง้ ใจเรียนและหมั่นทบทวนบทเรยี น จงึ จะสอบได้
๒๗
บทท่ี ๗ แรงพโิ รธจากฟ้าดิน
มีจุดประสงค์เพื่อใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเร่ืองราว
ในรปู แบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
โดยในบทท่ี ๗ น้ี ได้มี บทอ่านเสริม “คำเตือนจากฟ้าดิน” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบายเพิ่มเติม
ความรู้ กจิ กรรมเสรมิ ทา้ ยบท หลกั และการใชภ้ าษา คอื คัดลายมือตัวบรรจง คำพ้อง
๑.) การคดั ลายมือตวั บรรจง
การฝึกคัดลายมือในระดับประถมศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับเริ่มเรียนจำเป็นต้องมีแบบ มี
หลกั เกณฑ์การคัด ขณะน้มี แี บบตวั อักษรใหฝ้ ึกคัดลายมืออยู่หลายแบบ ตอ้ งพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสม
ตามปรกติการเขียนพยัญชนะไทยใช้เส้นตรง แต่จะใช้เส้นมนบ้าง หักมุมบ้าง แหลมบ้าง เมื่อลากเส้น
เปลีย่ นทศิ ในการคัดลาะมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทดั และครง่ึ บรรทัดมีหลกั เกณฑค์ ดั ดังน้ี
๑.๑) ตวั อักษรไม่ว่าจะเปน็ พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ เครื่องหมายต่างๆถา้ มหี ัวให้เขียนหัวก่อน
แลว้ ลากเสน้ ต่อไปจนส้นิ สดุ ตวั อักษรโดยไมต่ ้องยกมอื
๑.๒) ตัวอกั ษรทัง้ พยัญชนะ สระ วรรณยกุ ต์ เขียนตามสัดสว่ นท่ีถูกต้อง และวางสระ วรรณยุกต์
ใหถ้ กู ท่ีตามหลกั การเขยี นภาษาไทย
๑.๓) การเขยี นตวั บรรจงเตม็ บรรทัด ใหเ้ ส้นพยัญชนะจรดบรรทัดบนและล่าง
๑.๔) เส้นตวั อกั ษรเรยี บสม่ำเสมอ ไม่หนกั บา้ งเบาบ้าง
๑.๕) เวน้ ช่องไฟระหวา่ งตัวอักษรให้เทา่ กัน
๒๘
๑.๖) คำในภาษาไทยเขียนติดตอ่ กันและเว้นวรรคตามหลักการเขยี นภาษาไทย
จากแบบเรียนเรว็ ใหม่ เล่ม ๑ ตอนกลาง กลา่ วถงึ การเขียนภาษาไทยและการคดั ลายมือ ไว้ดงั น้ี
๒๙
๒.) คำพอ้ ง การ กาล กาฬ
อา่ นทบทวนและสงั เกตคำพ้องเสียง จันทร์
เทา่
กฎ กด บาท
พันธ์ุ
ขั้ว คั่ว จนั จนั ทน์ มล
รส
โจทก์ โจทย์ เฒา่ เถา้ วฒั น์
สตั ว์
ทกุ ทกุ ข์ บาด บาตร
พาน พาล พรรณ พนั
พู ภู มน มนต์
ยนต์ ยล รด รถ
ลาบ ลาภ วดั วตั ร
สมุด สมุทร สดั สตั ย์
ว่า หวา้ โอด โอษฐ์
แตงอ่อนนตั กับเพื่อนวา่ วนั พุธหน้าจะร้อยพวงมาลัยดอกพดุ ไปกราบ
พระพุทธรปู ท่วี ัดใกลบ้ ้าน
เมื่อวนั ศุกร์พ่อพาลูก ๆ ไปเก็บมะมว่ งสกุ ในสวนอยา่ งมคี วามสขุ
ชาวบา้ นเห็นคุณคา่ ของเวลา ในระหว่างทร่ี อลงุ ผใู้ หญ่ ก็น่ังอา่ นหนงั สือ
ฆ่าเวลาเรอื่ ง "ขา้ ของแผน่ ดนิ "
อา่ นทบทวนและสงั เกตคำพ้องรปู
แขม เปน็ คำทค่ี นไทยแต่ก่อนเรียกชาวเขมร (แขม อา่ นว่า ชะ - แม)
พงหญา้ กอแขมรกมากท่ปี ลายทุ่ง (แซม อา่ นว่า แขม)
เปน็ ครูต้องทำงานหนักดว้ ยใจรักในอาชีพ คำวา่ ครู มาจากคำว่า ครุ
๓๐
ทีแ่ ปลว่า หนกั (ครุ อา่ นว่า คะ - ร)ุ
แม่ยงั คงใช้ครตุ กั น้ำจากบ่อนำ้ ไมน่ ยิ มใช้ภาชนะอืน่ (ครุ อา่ นวา่ ครุ)
อ่านและสงั เกตคำพ้องความ (คำทมี่ ีความหมายเหมอื นกัน ใช้ในโอกาสตา่ งกนั )
ดวงอาทติ ย์ ตะวนั สุริยะ สุรยิ า สรุ ิยนั
น้ำ ชล คงคา นที วารี
ป่า วนา อรัญ พนาลี ไพร
ฝน พรรษ (พัด) พริ ุณ วสั สะ
ฟา้ นภา นภดล เวหา เวหน ทฆิ มั พร
ไฟ เพลงิ อคั คี อคั นี (อัก - คะ - น)ี
ภเู ขา ดอย บรรพต สงิ ขร พนม
ลม มารตุ วาตะ วาโย วายุ
โกรธคือความโง่ โมโหคือความบ้า (ใช้ในรอ้ ยแก้ว)
แล้วพโิ รธโกรธกริ้วกระทืบบาท (ใช้ในรอ้ ยกรอง)
แมวเป็นสตั วเ์ ลย้ี งในบ้าน (ใช้ในรอ้ ยแก้ว)
แมวเอ๋ยแมวเหมียว รปู รา่ งประเปรียวเป็นนกั หนา (ใช้ในรอ้ ยกรอง)
วิฬาร์มาช่วยพระลูกรกั (ใช้ในรอ้ ยกรอง)
การเลย้ี งปลาสวยงามช่วยให้เพลดิ เพลิน (ใชใ้ นรอ้ ยแก้ว)
นำ้ ใส่ไหลเย็นเห็นตวั ปลา วา่ ยแหวกปทมุ าอยู่ไหวไหว (ใชใ้ นร้อยกรอง)
มัจฉาเลน่ น้ำอยรู่ ำ่ ไร ใบบัวบงั ซอ่ นไวใ้ นกลางบึง (ใช้ในรอ้ ยกรอง)
บทท่ี ๘ ไวรัสวายร้าย
มีจดุ ประสงคเ์ พื่อใช้กระบวนการเขียน เขียนส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความและเขยี นเร่ืองราว
ในรปู แบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานศกึ ษาค้นคว้าอย่างมปี ระสิทธิภาพ
โดยในบทท่ี ๘ นี้ ไดม้ ี บทอ่านเสริม “ทำความเข้าใจกับโรคเอดส์” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบาย
เพิ่มเติมความรู้ กิจกรรมเสรมิ ทา้ ยบท หลักและการใช้ภาษา คือ การเขียนเรยี งความ
๓๑
๑.)การเขยี นเรียงความ
การเขยี นเรยี งความเป็นการนำเรื่องราว ข้อเท็จจริง ข้อคดิ เหน็ หรือความรสู้ ึกมาเรียบเรียงดว้ ย
ภาษาที่ถูกต้อง ชัดเจน สละสลวย เพื่อส่อื ใหผ้ ยู้ ่านเข้าใจได้ตามทผี่ เู้ ขียนต้องการ
การเขียนเรยี งความมีหลายรูปแบบ เชน่ เขียนเร่อื งราวจากชีวติ จริงประสบการณ์ หรือ
จินตนาการ
ข้ันตอนการเขยี นเรยี งความ
๑.๑) เตรยี มการเขียน
◉ เลอื กเรือ่ งทีจ่ ะเขียน ควรเลอื กเร่ืองทผ่ี ้เู ขยี นสนใจ มีความร้หู รือสามารถไป
ค้นควา้ หาความรู้ได้
◉ หาความร้เู กย่ี วกับเร่ืองที่จะเขียน รวบรวมความรู้ไวเ้ ป็นรายละเอยี ดของ
เร่ือง ทำเป็นหัวข้อย่อย แล้วจดั ลำดับหวั ข้อย่อย
ตวั อย่าง
เร่อื ง บ้านของเรา
หัวขอ้ ย่อย
๑) ความสำคัญของบ้าน
๒) ขนาดและลักษณะของบา้ น
๓) การทำบ้านใหน้ ่าอยู่
การจัดทำหัวข้อยอ่ ยและรายละเอียดของเรื่อง อาจทำเป็นแผนภาพความคิด เช่น
๓๒
๒.) ยกร่างการเขียน
✿ นำแต่ละหัวข้อย่อยมาเขียนขยายรายละเอียดเรียบเรียงเป็นประโยคและข้อความ โดยใช้
ถ้อยคำใหส้ ละสลวย เขยี นหวั ข้อยอ่ ยละ ๑ ยอ่ หน้า
✿ จัดเขา้ รูปแบบการเขยี นเรยี งความ ประกอบด้วย ๓ สว่ น คือ
๒.๑ ) คำนำ เป็นส่วนที่นำเข้าสู่เรื่อง เป็นการเปิดเรื่อง มีความยาวไม่มากนัก ประมาณ
ย่อหน้า คำนำเรื่อง บ้านของเรา คอื เรียงความในยอ่ หนา้ แรก
๒.๒) เนื้อเรื่อง คือตัวเรื่องที่เตรียมไว้จากการขยายรายละเอียดของหัวข้อย่อย ตังใน
เรยี งความเรอ่ื ง บ้านของเรา ในยอ่ หนา้ ที่ ๒ -๔
๒.๓) สรปุ เปน็ การเขียนส่งทา้ ย หรือปดิ เร่ือง ฝากข้อคิดให้ผอู้ ่านเกดิ ความประทับใจ ดัง
เรียงความเรื่อง บา้ นของเรา ในย่อหนา้ สดุ ท้าย
๓. ปรับปรงุ การเขยี น
นำเรยี งความทีเ่ ขยี นยกรา่ งแลว้ มาอา่ นทบทวน เพอื่ ตรวจสอบและเพ่ิมเติมหรือปรบั ลดเนื้อหาให้
เหมาะสม รวมทั้งตรวจสอบการใช้ภาษา ตัวสะกดการันต์การเว้นวรรคตอน และปรับแก้ไขให้ถูกต้อง
สมบรู ณ์
เรอ่ื ง บ้านของเรา
ชีวิตแต่ละวันของเราต้องเดินทางไปที่ต่างๆ เช่น ไปโรงเรียน ไปซื้อของไปติดต่อสถานที่ราชการ
ไปเยี่ยมญาติตา่ งจงั หวัด ฯลฯ ทกุ ครง้ั เม่ือเรากลบั ถึงบ้านเรามกั ร้สู กึ สบายใจ
บ้านเป็นสถานที่ที่เรากินอยู่ พักผ่อน หลับนอน เก็บข้าวของเครื่องใช้เป็นสถานที่ที่เราได้พบพ่อ
แม่ ญาติ พนี่ อ้ ง คนที่เรารกั ไมว่ า่ จะสุขหรือทกุ ข์หรอื เจ็บปว่ ย เม่ืออยู่ที่บา้ น เราจะมคี วามร้สู กึ ทดี่ ีเสมอ
บ้านของแต่ละครอบครัวมีลักษณะที่แตกต่างกัน บางบ้านมีขนาดใหญ่โตสวยงามและราคาแพง
มาก บางบา้ นเล็กกะทัดรตั นา่ อยู่ บางบ้านเล็กมาก เพียงอาศยั หลับนอนได้ ในเมอื งใหญ่ ๆ จะมบี ้านหลาย
ประเภท เช่น บ้านเดียว ตึกแถวอาคารชุดซึ่งเป็นตึกหลายชั้นจัดแบ่งเป็นสัตส่วนอยู่กันหลายครอบครัว
ตึกบางหลังอาศยั อยู่ไต้เกนิ กวา่ ๒๐ ครอบครวั ข้นึ ไป
๓๓
เราอาจมบี า้ นท่ีซ้ือเป็นกรรมสิทธิข์ องเราเอง หรือเป็นมรดกตกทอด หรืออาจเชา่ บ้านเขาอยู่ ย่าง
ไรก็ตาม กเ็ ป็นบา้ นของเรา เราต้องทำบา้ นของเราให้นา่ อยู่ สะอาด เปน็ ระเบียบ คอยดูแลบำรงุ รกั ษาไม่ให้
ทรดุ โทรม
ทกุ คนไมว่ ่าจะร่ำรยหรือยากนก็ต้ออาศัยอยู่ในบ้าน เราควรทำใหบ้ ้านเป็นศนู ยร์ วมของครอบครัว
เป็นที่พักพิงให้ความสุขทั้งกายและใจ เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น ความชื่นบานสดใส สมกับเนื้อ
เพลงในบทเพลงหนงึ่ ที่กลา่ วว่า "บา้ นคอื วมิ านของเรา"
บทที่ ๙ สนุกสนานกับการเลน่
มีจุดประสงค์เพื่อใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสารเขียน เรียงความ ย่อความและเขียนเรื่องราว
ในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
โดยในบทที่ ๙ น้ี ได้มี บทอ่านเสริม “การเล่นงูกินหาง” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบายเพิ่มเตมิ ความรู้
กจิ กรรมเสรมิ ท้ายบท หลักและการใช้ภาษา คอื ประโยค การเขียนจดหมาย
๑.)ประโยค
ประโยค คือ คำหรือกลุ่มคำที่นำมาเรียงกันสามารถสื่อความได้ โดยทั่วไปประโยคประกอด้วย
สว่ นสำคญั - ส่วน คือ สว่ นทีเ่ ป็นประถาน กบั สว่ นท่เี ปน็ ภาคแสดง
อา่ นและสังเกตประโยคต่อไปนี้
ประโยคข้างตนั น้ีเรยี กว่า ประโยคสามญั ทป่ี ระกอบด้วยประธานและภาคแสดง ประธานอาจ
เป็นคำนามหรือคำสรรพนามก็ได้
๓๔
ประโยคขา้ งต้นนเี้ ป็นประโยคสามัญท่ีภาคแสดงมคี ำนาม หรอื คำสรรพนามตามหลงั คำกริยาบาง
คำ ได้แก่ อา่ น ดู เลน่
ประโยคสามัญขา้ งต้นนี้ มโี ครงสร้างท่ีชับซ้อนขนึ้ คือ มสี ว่ นขยายคำนามหรือคำสรรพนาม
และส่วนขยายคำกรยิ าเพ่ิมเข้ามาอีก
ประโยคสามัญข้างต้นน้ี ส่วนขยายคำริยาบางคำ อาจอยหู่ ลังคำนามหรอื คำสรรพนาม
ทต่ี ามหลังคำกริยานน้ั ๆ ก็ได้
๓๕
๒.)การเขียนจดหมาย
การเขยี นจดหมายเปน็ การสื่อสารวิธหี นงึ่ จดหมายที่เขียนถงึ บุคคลตา่ งๆย่อมใช้ภาษาที่
แตกต่างกัน และใชภ้ าษาสภุ าพ เขยี นดว้ ยลายมือทอ่ี ่านงา่ ยสะอาด เรยี บรอ้ ย จ่าหน้าซองใหถ้ ูกต้องชัดเจน
ถ้าสง่ ทางไปรษณีย์จำเปน็ ตอ้ งปิดดวงตราไปรษณยี ากรใหค้ รบตามราคาที่กำหนด
จดหมายทนี่ ักเรยี นควรรจู้ ัก ไดแ้ ก่
๒.๑) จดหมายส่วนตัว นกั เรยี นเซียนถงึ พ่อแม่ เพือ่ น หรอื ญาติพีน่ ้อง
๒.๒) จดหมายกิจธุระ นกั เรยี นเขียนถงึ ครูเพ่ือลาปว่ ย หรือลากิจ
ตวั อย่างและรายละเอยี ดการเขยี นจดหมาย ได้แสดงในหนังสือเรียนภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓
แลว้ อย่างไรก็ตามในช้นั นี้ นกั เรยี นควรฝึกเขยี นจดหมายสว่ นตวั และจดหมายกิจธรุ ะอกี เพือ่ ให้เกดิ ความ
เขา้ ใจและความ ชำนาญยิง่ ขึน้
บทท่ี ๑๐ หนูเอยจะบอกให้
มีจุดประสงค์เพื่อใช้กระบวนการเขยี น เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเร่ืองราว
ในรปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมีประสิทธภิ าพ
โดยในบทที่ ๑๐ น้ี ได้มี บทอ่านเสริม “เจ้าสีทอง” อ่านเพิ่มเติมความหมาย อธิบายเพิ่มเติมความรู้
กิจกรรมเสริมทา้ ยบท หลักและการใชภ้ าษา คือ การบนั ทึกความรู้ การเขียนย่อความ การเลือกหนังสือ
อา่ น
๑.)การบนั ทึกความรู้
การฝึกเขียน นักเรียนทำได้หลายวิธี เช่น เขียนบันทึกเหตุการณ์ประจำวันบันทึกส่วนตัว บันทึกความรู้
บันทึกจากการอ่านหนังสือหรือเอกสารต่างๆ การฟังคำบรรยาย การอภิปราย หรือการศึกษานอกสถานท่ี
การเขียนบันทึกความรู้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การเขียนของนักเรียนพัฒนาขึ้นตามลำดับ อีกท้ัง
ประโยชนข์ องการบันทกึ จะเป็นข้อมูลเก็บไว้ใช้อ้างอิงในโอกาสต่อไป การบันทกึ ความรู้ มดี งั น้ี
๑.๑) การบันทึกสิ่งที่อ่านให้บันทึกหัวข้อเรื่อง ชื่อหนังสือ ผู้เขียน หมายเลขหน้าของหนังสือ
และแหล่งท่มี า ถา้ เปน็ การฟังหรอื ดู ให้บันทกึ วนั ท่ี หวั ขอ้ เรือ่ งชอ่ื ผบู้ รรยาย สถานทีจากการฟงั หรอื ดู
๑.๒) การบันทึกสาระสำคัญท่เี ป็นความรู้ มีขน้ั ตอนดังต่อไปนี้
★ ทำความเข้าใจเรื่องท่ีจดบนั ทึกใหถ้ ่องแทก้ ่อน
★ บนั ทกึ เฉพาะสว่ นสำคญั เช่น ใคร ทำอะไร ท่ไี หน เม่ือไรอยา่ งไร ฯลฯ
★ เรยี บเรยี งความคิด ลำดับเรอ่ื งหรือเหตุการณก์ ่อนหลัง เพ่อื ไมใ่ หส้ บั สน
๓๖
★ ใช้อกั ษรย่อในการบันทึกเพ่ือความรวดเร็ว เชน่ ช่ัวโมง - ช.ม. โรงเรียน - ร.ร. ฯลฯ
★ ใช้สำนวนของตนเอง เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย กระชบั
ตัวอยา่ งการบันทกึ ความรู้
หัวข้อเรื่อง ทำความเข้าใจกับโรคเอดส์ จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชุด ภาษา
เพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของ กระทรวงศึกษาธิการ
หนา้ ๑ต๓ - หน้า ๑๓๔
วนั ทีบ่ ันทึก ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๐
เมอื่ เชอื้ ไวรัสเอดส์ (H I V) เข้าส่รู ่างกายจะฟักตวั นาน ๑ ปี - ๑๐ ปี หรือมากกว่า ระยะแรกทีเ่ ป็น
จะไมป่ รากฏอาการ เมือ่ เป็นมากๆ ภูมิคมุ้ กันร่างกายจะเสือ่ มลงๆ ติดเช้ือโรคง่าย โรคทมี่ ักเป็น เชน่ เช้อื รา
ในปากโรคปอดอกั เสบ ฯลฯ
เราไม่ควรรังเกียจผู้ป่วยโรคน้ี แต่ควรดูแลตัว.องให้ปลอดภัย ไม่ให้ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ทาง
เลือด การตรวจเลือดจะทำให้ทราบวา่ เป็นโรคนีห้ รอื ไม่
๒. ) การเขยี นย่อความ
การเขยี นยอ่ ความเปน็ การสรุปใจความสำคัญของเรื่อง มีวิธีปฏิบตั ิตังน้ี
๒.๑) อา่ นเรื่องทจ่ี ะย่อใหเ้ ขา้ ใจอย่างถอ่ งแท้
๒.๒) หาคำ กลุม่ คำ หรือประโยคสำคญั ในเร่ือง เพอ่ื จับใจความสำคัญ
๒.๓) ใช้ภาษาง่ายๆ กะทัดรัด เปน็ สำนวนของตนเองเยียนให้ไดใ้ จความครบถว้ น
๒.๔) บอกท่ีมาของเรื่องท่ยี อ่
ตัวอย่าง คำ กลมุ่ คำ หรอื ประโยคสำคัญในเรอ่ื ง ทำความเข้าใจกบั โรคเอดส์
-โรคเอดส์
-สาเหตเุ กดิ จากเชอื้ ไวรัส
-ระยะฟักตวั ของโรค
-เมือ่ จำนวนไวรสั เพิ่ม ภูมคิ ุ้มกันของร่างกายจะเส่ือมลงๆ
-อาการของโรค
-การปฏิบัติตนให้ปลอดภัย และการตดิ ตอ่ ของโรค
-วธิ ีการตรวจโรค
๓๗
ตวั อยา่ งยอ่ ความ
ย่อบทอ่านเสริม เรื่อง ทำความเข้าใจกับโรคเอดส์ จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาบีท่ี ๕' กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร หนา้ ๑๓๓ - หนา้ ๑๓๔ ความว่า
โรคเอดสเ์ กิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนง่ึ เมื่อเชอ้ื ไวรสั ชนดิ นี้เขา้ สรู่ า่ งกาย จะมี
ระยะการฟักตัวเป็นปีหรือมากกว่า ๑๑ ปี ผู้รับเชื้อไวรัสเอดส์ระยะแรกๆ จะไม่มีอาการผิดปรกติใดๆ แต่
เมื่อไวรัสเพิ่มจำนวนมากขึ้น ภูมิคุ้มกันร่างกายของผู้ป่วยจะเสื่อมลงเร่ือย ๆ ทำให้ติดเชื้อโรคได้ง่าย และ
เสยี ชวี ิตในทสี่ ุด
อาการของโรคเอดส์ที่ปรากฏ เชน่ ตอ่ มนำ้ เหลืองโตท่ัวตัว เป็นเชื้อราในปากปอดอักเสบ
รุนแรง ฯลฯ เมื่อพบผู้เปน็ โรคเอดส์ เราไม่ควรรังเกียจ แต่ควรระวัง ปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ได้แก่
ไม่มเี พศสัมพนั ธ์ หรือรบั เลอื ดจากคนทเ่ี ป็นโรค ดงั กล่าว การตรวจเลอื ดเปน็ วธิ ที ต่ี รวจโรคน้ีได้
๓.) การเลอื กหนังสอื อา่ น
ปัจจุบันในทอ้ งตลาดมีหนงั สือให้เลือกซื้อหลายประเภท ท้งั เรอื่ งส้ันนทิ าน นยิ าย สารคดี
บทความ คำประพันธต์ า่ ง ๆ หรือในหอ้ งสมุดทุกแหง่ กม็ หี นังสอื ให้อา่ นใหค้ น้ ควา้ มากมาย ผมู้ ีนสิ ยั
รักการอ่านและอ่านหนังสืออยู่เสมอจะเป็นผู้มีความรู้ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ยิ่งรู้จักเลือก
หนังสืออ่านที่ใหค้ วามรู้ใหค้ วามสนกุ และเพลิดเหลินด้วยแลว้ จะทำให้มีความรอบรู้ มีสติปัญญา
ทเี ฉลียวฉลาดย่ิงข้นึ และนำสง่ิ ทมี่ ีคณุ คา่ จากการอา่ นมาปรบั ใชใ้ นชีวิตได้ หลกั การ
เลือกหนงั สอื อ่านควรพิจารณาหนงั สือทีม่ ลี กั ษณะดงั นี้
๓.๑) สง่ เสริมความรูแ้ ละเปน็ ประโยชนใ์ นการดำเนนิ ชีวิต ให้มคี วามเจรญิ ในด้านต่างๆ
๓.๒) สง่ เสรมิ สติปัญญา ให้พฒั นาตนเอง ใหร้ จู้ ักคิด สงั เกต มีเหตผุ ลสามารถนำความรู้
จากการอา่ นมาใช้ประโยชน์ทั้งแกต่ นเองและสว่ นรวม รวมท้งั แกป้ ัญหาตา่ งๆ ได้
๓.๓) ส่งเสริมความเข้าใจทางภาษาและใช้ภาษาที่ถูกต้อง เหมาะสมตามวัยและ
สตปิ ญั ญา
๓.๔) ส่งเสริมการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ช่วยให้เกิดความสนใจที่จะอ่านและ
เรยี นรู้
๓๘
บทที่ ๑๑ คนดศี รโี รงเรยี น
มจี ุดประสงคเ์ พื่อสามารถเลือกฟงั และดูอย่างมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ
และความร้สู กึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
โดยในบทที่ ๑๑ นี้ ได้มี บทอ่านเสริม “เด็กที่มีความต้องการพิเศษ” อ่านเพิ่มเติม
ความหมาย อธิบายเพิ่มเติมความรู้ กิจกรรมเสริมท้ายบท หลักและการใช้ภาษา คือ การพูด
( แนะนำตัว สนทนา โนม้ นา้ วใจ โต้แยง้ )
๑.) การพูด
๑.๑) การพูดแนะนำตัว
การแนะนำตัวต่อบุคคลอื่นหรือต่อที่ประชุม ควรเริ่มกล่าวคำ สวัสดี แล้วบอกชื่อ
นามสกลุ อาจเพ่ิมเติมว่าเป็นใคร อยูท่ ไ่ี หน และบอกหนา้ ท่ที ไ่ี ดร้ บั มอบหมายดว้ ย เชน่
“สวัสดคี ่ะ ฉนั ช่อื มานี มทุ ติ าจิต จากอำเภอวังทอง จังหวัดพษิ ณโุ ลกคะ่ ”
“สวัสดีครับ ผมช่ือ มนัส จิตเป็นสุข นักเรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๘
โรงเรียนอุดมวิทยาการ เป็นผู้รว่ มอภิปรายครบั ”
๑.๒) การพูดสนทนา
การสนทนา หรือพูดคุย มักใช้มากในชีวิตประจำวัน เช่น สนทนาในครอบครัวกับญาติพ่ี
น้อง สนทนากบั เพือ่ น สนทนากับบคุ คลอืน่ ในสถานท่ตี า่ งๆ
การสนทนาจะราบรน่ื มขี ้อควรปฏบิ ัติดงั น้ี
๓๙
๑.๓) การพูดโนม้ นา้ วใจ
การพดู โน้มน้าวใจเปน็ การพูดให้ผู้อนื่ เชอ่ื ถือ หรือมีความเห็นคลอ้ ยตามในแต่ละ
วันเราต้องใช้การพูดประเรทนี้มาก เช่น พูดเชิญชวนให้ร่วมมือทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง พูดโฆษณา
สง่ิ ของ เครือ่ งใช้ หรือกิจกรรมทดี่ ีๆ ฯลฯ
การพูดโน้มน้าวใจจะบังเกิดผลดี มขี ้อควรปฏิบัติดงั น้ี
๑.๓.๑) ใช้ภาษาเชิงเสนอแนะ ขอร้อง วงิ วอน และเร้าใจ ไม่ยังคับขู่เขญ็
๑.๓.๒) แสดงเหตุผลประกอบทหี่ นักแน่น เห็นจรงิ ทำให้เกดิ ความเชือ่ ถือ
๑.๓.๓) เสนอทางเลอื กใหเ้ หน็ ทั้งด้านดแี ละดา้ นเสีย
๑.๓.๔) สร้างบรรยากาศให้สนุกเพลดิ เพลิน ผอ่ นคลาย สบายๆ ไม่เคร่งเครียด
๑.๓.๕) พูดใหเ้ กดิ ความรสู้ ึกเหน็ ดว้ ยอยา่ งแรงกลา้ และเร้าใจใหป้ ฏิบัติทนั ที
ตัวอย่าง อา่ นและพจิ ารณาคำพดู ต่อไปน้ี
๑.๔) การพดู โต้แยง้
ความคิดเห็นของคน.ราที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มักจะมี : ประเภท คือ เห็นด้วยและไม่เห็น
ดว้ ย ไนการพูดโตแ้ ยง้ แสดงความไมเ่ หน็ ดว้ ย มขี ้อควรปฏบิ ัตทิ ไี่ มก่ ่อ ใหเ้ กดิ ผลรา้ ยตามมาภายหลงั ดงั น้ี
๑.๔.๑) พดู สุภาพ ใช้นำ้ เสยี งนุ่มนวล
๑.๔.๒) ใช้เหตผุ ลสนับสนุน เพอ่ื แสดงว่าไม่ได้ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัว
อาจยกตวั อยา่ งเปรยี บเทยี บแสดงใหเ้ ห็นจริง
๔๐
๑.๔.๓) รจู้ ักเลอื กแสดงการโต้แย้งในเรือ่ งที่สรา้ งสรรค์ เร่อื งใดท่โี ตแ้ ย้งแล้วไม่
เกดิ ประโยชน์ควรหลกี เล่ยี ง
๑.๔.๔) ไม่พูดสอ่ เสียด พดู สอด หรือแสดงกริ ยิ าอาการทไี่ มเ่ หมาะสม
ตวั อย่าง อา่ นและพิจารณาคำพูดต่อไปนี้
บทที่ ๑๒ สารพิษในชีวติ ประจำวัน
มีจุดประสงคเ์ พื่อสามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด
และความร้สู ึกในโอกาสตา่ งๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์
โดยในบทที่ ๑๒ น้ี ได้มี บทอ่านเสริม “รูเ้ ร่อื งเคร่ืองปรงุ รส” อ่านเพ่ิมเตมิ ความหมาย อธิบายเพ่มิ เติม
ความรู้ กิจกรรมเสริมท้ายบท หลักและการใชภ้ าษา คือ การโฆษณา
๑.) การโฆษณา
การโฆษณาเป็นการประชาสมั พันธ์ เพอ่ื เผยแพรส่ นิ คา้ หรอื การบริการอยา่ งใดอยา่ งหนึ่งแก่
คนทวั่ ไป ข้อความในโฆษณาจะเชญิ ชวน ชกั จูง โน้มน้าวใจผู้อา่ นหรือผู้ฟงั ใหเ้ หน็ คล้อยตาม หรือให้เชอ่ื
และปฏบิ ัติตามดังนั้น เมือ่ อ่านขอ้ ความโฆษณาจากที่ต่างๆ เชน่ โทรทศั น์ วิทยุ หนังสอื พิมพแ์ ผน่ ปา้ ย
โฆษณา หรือฟงั การพดู โฆษณา ควรพจิ ารณาดังน้ี
๔๑
๑.๑) ใหข้ ้อมลู ครบถ้วนหรอื ไม่
๑.๒) คณุ สมบตั ขิ องสนิ ค้าหรือการบรกิ ารนั้นเปน็ อยา่ งไร
๑.๓) สนิ คา้ หรอื การบรกิ ารนัน้ ๆ โฆษณาเกินความเป็นจริงหรอื ไม่
๑.๔) มคี วามน่าเชื่อถอื เพียงใด เพราะเหตใุ ด
ตวั อย่าง
๔๒
บทท่ี ๑๓ อยา่ งน้ีดีควรทำ
มีจุดประสงคเ์ พ่ือสามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด
และความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
โดยในบทที่ ๑๓ นี้ ได้มี บทอ่านเสริม “เมตตาธรรมนำสุข” อา่ นเพ่ิมเตมิ ความหมาย อธิบายเพม่ิ เติม
ความรู้ กจิ กรรมเสริมท้ายบท หลกั และการใช้ภาษา คอื การฟังและการดู
๑.) การฟงั และการดู
การติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน เดิมเราใช้ทักษะการฟังมากกว่าทักษะอื่นๆ แต่ปัจจุบัน
เทคโนโลยกี ้าวหน้ามาก ทำใหเ้ กดิ มีสื่อใหม่ๆ เชน่ ภาพนิง่ โทรทัศน์ วีดีทัศน์ ภาพเคลือ่ นไหวประกอบเสียง
ทางโทรศัพทเ์ คลอ่ื นที การแสดงตา่ งๆ ฯลฯ ทำให้รบั เรอื่ งราวข่าวสารไดท้ ง้ั การฟงั และการดู
ข้อควรปฏบิ ตั ใิ นการฟงั และการดู
๑.๑) เลือกฟังและดูตามจุดมุ่งหมายที่ต้องการ คือ เพื่อหาความรู้ หรือเพ่ือ
ทำความบนั เทิง
๑.๒) ถ้าเลือกได้ ควรเลือกชังผู้พดู ที่เปน็ นักพูด ดี หรือเลือกฟังแสะดูส่อื ที่
มีคุณภาพดี หรือการแสดงที่มีมาตรฐาน
๑.๓) ตงั้ ใจ มจี ิตใจจดจอ่ อย่กู ับการฟงั หรือการดูในทณะน้ัน
๑.๔) พยายามติดตามเรื่องราว คิดพิจารณา ไตร่ตรองเรื่องที่ฟังหรือดูว่า
สมเหตสุ มผล น่าเชือ่ ถือเพยี งใด
๑.๕) พจิ ารณวา่ ผู้พดู มจี ดุ ประสงค์หรอื ตัง้ ใจบอกผู้ฟังวา่ อะไร เพราะเหตุใด
๑.๖) พยายามหาข้อคิดที่เป็นประโยชน์จากการฟังและดู เพื่อนำไปใช่ใน
ชวี ิตประจำวัน สว่ นทีเ่ ป็นขอ้ บกพรอ่ งกน็ ำไปเปน็ บทเรียนสอนใจ
๑.๗) จดบนั ทกึ สาระสำคัญไวเ้ พ่ือใชป้ ระโยชน์ตอ่ ไป
๒.)มารยาทการฟังและการตูในท่สี าธารณะ
๒.๑) แตง่ กายสภุ าพเรยี บรอ้ ย เพื่อใหเ้ กียรตแิ ขผ่ พู้ ูด ผแู้ สดง หรอื สถานที่
๒.๒) ไม่ทำอะไรที่เป็นการรบกวนผพู้ ูด เชน่ คยุ กนั โห่ ฮา รบั โทรศัพท์หลับ
รับประทานสงิ่ ของต่างๆ ฯลฯ ขณะฟงั หรอื ดู
๒.๓) ถ้าต้องการถามควรยกมือขึ้นหรือขออนุญาตผู้พูดก่อน และถาม
เมอ่ื ผู้พูดพดู จบแลว้
๔๓
๒.๔) ไม่ควรเดินเข้าออกขณะที่ผู้พูดกำลังพูด ถ้าจำเป็นควรทำความ
เคารพเสียกอ่ น
๒.๕) เมือ่ ผู้พดู พูดจบ ควรปรบมือใหเ้ กียรติ
การอา่ นกราฟ
กราฟมีหลายชนิด เชน่ กราฟรูปภาพ กราฟเส้น กราฟแท่ง ฯลฯ ใช้แสดง
เปรียบเทยี บข้อมูลทน่ี ำเสนอใหเ้ ห็นอย่างชัดเจน
สรุปขอ้ มลู
เดือนกันยายนจำหน่ายมะพร้าวน้ำหอมไต้มากที่สุด และเดือนมิถุนายนจำหน่ายมะพร้าวน้ำหอม
ได้น้อยทีส่ ดุ ทิตยอดจำหน่ายมะพร้าวน้ำหอมแตล่ ะเดือนอยู่ระหวา่ ง ๔๐๐-๘๐๐ ผล
ฯลฯ
๔๔
บทที่ ๑๔ กระดาษน้มี ีท่ีมา
มีจดุ ประสงคเ์ พื่อใชก้ ระบวนการเขียน เขียนส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความและเขยี นเรื่องราว
ในรปู แบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
โดยในบทท่ี ๑๔ น้ี ได้มี อา่ นเพ่มิ เติมความหมาย อธบิ ายเพ่ิมเติมความรู้ กจิ กรรมเสรมิ ทา้ ยบท หลักและ
การใช้ภาษา คอื การเขียนรายงาน การพูดรายงาน
๑.) การเขยี นรายงาน
การเขยี นรายงานเปน็ การเสนอผลงานศึกษาคน้ ควา้ ผลการทดลอง หรือผลการปฏบิ ัตงิ านต่าง ๆ
เสนอตอ่ ครู เพ่ือนนักเรยี นหรือผู้อื่น เพื่อให้มีความรู้กว้างขวางยิ่งขึ้นหรือใหผ้ ู้อื่นทราบผลการปฏบิ ตั ิงาน
ของเรา
การเขียนรายงานที่ดีควรปฏิบัติดงั น้ี
๑.๑) กำหนดหวั ขอ้ เร่อื ง
ควรกำหนดเรื่องที่ผู้รายงานสนใจต้องการจะรู้ หรือคาดว่าคนส่วนใหญ่สนใจเช่น สารพิษ
ในชวี ติ ประจำวัน กระดายน้มี ีท่มี า ฯลฯ
นอกจากกำหนดหวั ข้อเรอ่ื งใด้แลว้ ควรกำหนดหัวข้อยอ่ ย ๆ ดว้ ย เพือ่ ความ
สะดวกในการคน้ ควา้ เช่น เรื่อง กระดาษนีม้ ที มี่ า
☞ ท่มี าของกระดาษ
☞ คณุ คา่ ของกระดาษ
๔๕
☞ การทำกระดาษ
☞ การใชก้ ระดาษ
ฯลฯ
๑.๒) วางแผนเขยี นรายงาน
☞กำหนดระยะเวลาปฏบิ ัติงาน เชน่ จะเขียนใหเ้ สรจ็ ภายใน ๒ สปั ดาห์ ฯลฯ
รวมทัง้ กำหนดเวลาในการทำงานแตล่ ะขนั้ ตอน
☞กำหนดสถานที่ทีจ่ ะไปค้นควา้ เชน่ ห้องสมุด อนิ เทอร์เน็ต
สถานประกอบการ หน่วยงานตา่ ง ๆ ฯลฯ
☞กำหนดผรู้ ว่ มงาน (ถ้าทำงานกลุม่ ) และแบ่งหน้าท่ีกันให้ชัดเจน
☞กำหนดวนั เขียนรายงาน วันตรวจทาน ปรบั ปรงุ แก้ไข
☞กำหนดวนั สง่ งาน
ฯลฯ
๑.๓) รวบรวมข้อมลู
คันคว้าหาข้อมูลจากแหล่งความรูต้ า่ ง ๆ แล้วรวบรวมข้อมูลอยา่ งเปน็ หมวดหมู่
หรือตามหวั ขอ้ ย่อยท่กี ำหนด
๑.๔ เขียนรายงาน
๑.๔.๑) นำข้อมูลที่รวบรวมได้มาเขียนเรียบเรียงเป็นภายาของตนเองให้อ่าน
เข้าใจงา่ ย ประกอบดว้ ย ๓ สว่ น คอื ความนำ เนื้อเรื่อง และสรุป มีการลำดับความสำคญั มีสาระความรู้ มี
ขอ้ คดิ เหน็ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ ละมเี หตผุ ลประกอบ ฯลฯ ขอ้ สำคญั ไม่ควรลอกข้อความจากหนงั สอื อื่น หรอื ตดั
ต่อข้อความจนดูเสมือนเป็นสำนวนของตนเอง แต่ถ้าจำเป็นต้องลอกข้อความสำคัญ ต้องบอกว่ามาจาก
หนังสอื อะไร และถือเปน็ มาวยาทที่จะต้องระบุชอื่ ผแู้ ต่งเสมอ
๑.๔.๒) ทำรูปเล่มรายงานใหส้ มบรู ณ์ ซง่ึ มสี ว่ นประกอบ ดังนี้
หน้าปก ควรมรี ายละเอยี ด ดงั ตวั อยา่ ง
๔๖
- คำนำ การเขียนคำนำอาจกล่าวถึงสาระต่างๆ เช่น ที่มาจุดประสงค์ของการเขียน
รายงาน วิธีการค้นคว้า ผู้ร่วมงาน ผู้มีอุปการะคุณประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจาก
รายงาน ฯลฯ
- สารบญั ระบุเร่อื งแต่ละเรือ่ งที่เสนอและเลขหน้าของเร่ืองน้นั ๆ
- เนื้อเรื่อง คอื ส่วนทค่ี ันคว้าเร่ืองมาเรยี บเรยี งซึ่งเปน็ สว่ นสำคัญของเรือ่ ง
- รายชอ่ื หนังสือท่ีใช้คันควา้ หรอื บรรณานกุ รม มวี ธิ ีเขียน
ดังตัวอยา่ ง
ศกึ ษาธิการ, กระทรวง. หนังสอื เรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชวี ติ
ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย.
กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว, ๒๕๕๓.
๑.๕) ตรวจทานและปรับปรุงแกไ้ ขให้สมบรู ณ์
นำรายงานมาตรวจทานอีกครง้ั พจิ ารณาความตอ่ เนื่องและตรวจการเขียน
ตัวสะกดการนั ต์ แล้วแก้ไขใหถ้ กู ต้อง
๒.) การพูดรายงาน
เมื่อจัดทำรายงานเสร็จแล้ว หากมีการเสนอรายงานนั้นต้องพยายามใช้คำพูดตึงดูดให้
ผ้ฟู งั สนใจ ติดตามเรอื่ งจนจบและพยายามใหผ้ ฟู้ ังมสี ว่ นรว่ ม
การพดู รายงานท่ดี มี ขี อ้ ควรปฏิบัตดิ ังน้ี
๒.๑) แบ่งเวลารายงานแต่ละหัวข้อให้พอเหมาะกับความสำคัญ และใช้เวลารายงาน
ทัง้ หมดให้เหมาะสม