6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการท างาน 3. รักความเป็นไทย 7.กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงาน (Committee Work Method) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน (5 นาที) 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และเนื้อหาที่จะเรียนให้ทราบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ครูทวนความรู้เดิมที่เรียนไปในคาบก่อน โดยให้นักเรียนยกมือตอบคำถาม o สมัยประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเรื่มขึ้นเมื่อใด (เริ่มเมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 12 เนื่องจาก มีการพบศิลาจารึกหลายแห่งที่มีอยู่ในช่วงเวลาเดียว เช่น ที่ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ที่ซับจำปา จ.ลพบุรี แต่จารึกที่ปรากฏศักราชชัดเจนที่สุด พบที่ปราสาทเขาน้อย จ.สระแก้ว ระบุมหา ศักราช 559 หรือตรงกับ พุทธศักราช 1180 จารึกด้วยอักษรปัสลวะ เป็นภาษาสันสกฤตและ เขมร) ขั้นที่ 2 สอน (40 นาที) 1. ครูบรรยายต่อเนื้อหาเดิม เรื่อง สมัยประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เกี่ยวกับสมัยธนบุรี และสมัย รัตนโกสินทร์โดยผ่าน Powerpoint และหนังสือเรียน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 2. ครูให้นักเรียนนั่งเป็นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 7-8 คน ตามที่จับหัวข้อที่จะนำเสนอได้ ดังนี้ o สมัยอาณาจักรโบราณ o สมัยสุโขทัย o สมัยอยุธยา o สมัยธนบุรี o สมัยรัตนโกสินทร์ 3. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาเอากระดาษกระดาษปรู๊ฟ และปากกา พร้อมกับรายละเอียดที่นักเรียน จะต้องศึกษา และเขียนลงในกระดาษปรู๊ฟ 4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเรื่อลงมือทำได้ โดยหาข้อมูลจากที่นักเรียนอ่านมา อินเทอร์เน็ต และหนังสือ เรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 เพิ่มเติมได้ ขั้นที่ 3 สรุป (5 นาที) 1. ครูแจ้งให้นักเรียนเตรียมตัวนำเสนอ หรือกลุ่มไหนที่ยังทำไม่เสร็จให้ทำต่อในชั่วโมงถัดไป 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 2. PowerPoint
9.การประเมินผลรวบยอด สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีวัด เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ นักเรียนบอกความสำคัญของ ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ได้ (K) - ซักถามความรู้เรื่อง สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในประเทศไทย - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ขึ้น ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนอธิบายการแบ่งยุคสมัย ทางประวัติศาสตร์ไทยได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ขึ้น ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์ ด้านเจตคติ นักเรียนเห็นคุณค่าและ ตระหนักในความสำคัญของยุค สมัยทางประวัติศาสตร์ไทยได้ (A) - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - แบบสังเกต พฤติกรรมการทำงาน กลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ขึ้น ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์
10.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์K P A มีการบูรณาการ คุณธรรม / การต้านการทุจริต / หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก...................................................... ผลการเรียนรู้ของนักเรียน จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………38………. คน คิดเป็นร้อยละ.......95......... จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………2………. คน คิดเป็นร้อยละ.......5......... อื่น ๆ ...................................................................................................................... . ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ........................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง .......................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ......................กัญญารัตน์....................... (นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา) ครูผู้สอน วันที่..........เดือน........................พ.ศ.............
PowerPoint
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 วิชา ประวัติศาสตร์ไทย ส31102 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยที่การเรียนรู้ที่ 1 เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย จ านวน 6 ชั่วโมง เรื่อง ตัวอย่างเวลาและยุคสมัยที่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย จ านวน 1 ชั่วโมง วันที่22 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2566 ครูผู้สอน นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา ................................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตราฐานการเรียนรู้ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.1 ม.4-6/1 ตระหนักถึงความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่แสดง ถึงการเปลี่ยนแปลงของมนุษยชาติ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกความส าคัญของยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ได้(K) 2. นักเรียนอธิบายการแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทยได้ (P) 3. นักเรียนเห็นคุณค่าและตระหนักในความส าคัญของยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทยได้ (A) 3. สาระส าคัญ ก าหนดเวลา ยุคสมัย การนับ และเทียบศักราชในประวัติศาสตร์ไทย ท าให้สามารถศึกษา และ เรียงล าดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ได้ รวมทั้งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงจากอดีตสู่ปัจจุบัน และคาดการณ์ในอนาคตเข้าด้วยกันได้ 4. สาระการเรียนรู้ 1. เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย o ความหมาย และความส าคัญของประวัติศาสตร์ไทย 2. ความส าคัญของเวลา และยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการท างาน 3. รักความเป็นไทย 7.กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนแบบร่วมมือ (Cooperative Learning)) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน (5 นาที) 1. ครูแจ้งให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมตัวนำเสนองานของแต่ละกลุ่ม ส่วนกลุ่มไหนยังทำไม่เสร็จ ให้ ออกมาเอากระดาษปรู๊ฟของกลุ่มตัวเองพร้อมปากกา 2. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างพระมหากษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญในอยุธยา (พระมหากษัตริย์ที่มีบทบาท สำคัญ เช่น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) ครองราชย์ พ.ศ.1893-1912 เป็นปฐมกษัตริย์ผ้ สถาปนาอาณาจักรอยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ครองราชย์ พ.ศ.1991-2031 กษัตริย์ผู้ปฏิรูป การปกครองของไทยที่ใช้มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น) ขั้นที่ 2 สอน (40 นาที) 1. ครูให้นักเรียนนำเสนองานกลุ่ม หน้าชั้นเรียน ตามลำดับดังต่อไปนี้ สมัยอาณาจักรโบราณ สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ 2. ครูบรรยายเกี่ยวกับตัวอย่างเวลาและยุคสมัยที่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย โดยผ่าน Powerpoint และหนังสือเรียน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 3. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างคำที่ใช้แทนยุคสมัยหรือเวลาในประวัติศาสตร์ (คำให้การกรุงเก่า เป็นหนังสือ พงศาวดารบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ไทยในสมัยอยุธยา ตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักร คือ พ.ศ.1893 จนถึงเสียกรุงแก่พม่าใน พ.ศ.2310) 4. ครูให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย เป็นการบ้านเพื่อเตรียมจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป ขั้นที่ 3 สรุป (5 นาที) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเรื่อง ตัวอย่างเวลาและยุคสมัยที่ปรากฏในหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ไทย 2. ครูแจ้งเนื้อหาที่จะเรียนในชั่วโมงถัดไปให้นักเรียนทราบ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 2. PowerPoint
9.การประเมินผลรวบยอด สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีวัด เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ นักเรียนบอกความสำคัญของ ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรม รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนอธิบายการแบ่งยุคสมัย ทางประวัติศาสตร์ไทยได้ (P) - ประเมินการทำงาน ทำงานกลุ่ม - แบบประเมินการ ทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านเจตคติ นักเรียนเห็นคุณค่าและ ตระหนักในความสำคัญของยุค สมัยทางประวัติศาสตร์ไทยได้ (A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60
10.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์K P A มีการบูรณาการ คุณธรรม / การต้านการทุจริต / หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก...................................................... ผลการเรียนรู้ของนักเรียน จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………40………. คน คิดเป็นร้อยละ.......100......... จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………………. คน คิดเป็นร้อยละ................ อื่น ๆ ...................................................................................................................... . ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ........................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง .......................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ......................กัญญารัตน์....................... (นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา) ครูผู้สอน วันที่..........เดือน........................พ.ศ.............
PowerPoint
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 วิชา ประวัติศาสตร์ไทย ส31102 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยที่การเรียนรู้ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย จ านวน 6 ชั่วโมง เรื่อง ความหมาย ความส าคัญ และประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ จ านวน 1 ชั่วโมง วันที่29 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2566 ครูผู้สอน นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา ................................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตราฐานการเรียนรู้ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.1 ม.4-6/2 สร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่าง เป็นระบบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกความหมาย ความส าคัญและประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้(K) 2. นักเรียนอธิบายขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (P) 3. นักเรียนเห็นคุณค่าและตระหนักในวิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใช้ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ (A) 3. สาระส าคัญ การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบ ย่อมท าให้ผลการศึกษานั้นมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ 4. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมาย ความส าคัญ และประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ o ความหมายของวิธีการทางประวัติศาสตร์ o ความส าคัญของวิธีการทางประวัติศาสตร์ o ประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3. ความสามารถในการใช้สื่อสาร 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการท างาน 7.กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนการจัดกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู้ 5 Es) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน (5 นาที) 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และเนื้อหาที่จะเรียนให้ทราบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ครูให้นักเรียนดูภาพหน้าหน่วย แล้วบอกความสำคัญของสถานที่ดังกล่าว 3. ครูให้นักเรียนอาสาออกมาเล่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ไทย แล้วให้เพื่อนในห้องร่วมกันแสดงความ คิดเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทยอย่างไร และเหตุการณ์ดังกล่าวมีความ น่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด เพราะเหตุใด ขั้นที่ 2 สอน (40 นาที) 1. ครูบรรยายเกี่ยวกับเรื่อง การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย โดยผ่านการสนทนากับ นักเรียน 2. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่การเรียนรู้ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทาง ประวัติศาสตร์ไทย 3. ครูให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ เพื่อเตรียมจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป ขั้นที่ 3 สรุป (5 นาที) 1. ครูแจ้งเนื้อหาที่จะเรียนในชั่วโมงถัดไปให้นักเรียนทราบ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 2. แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่การเรียนรู้ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย
9.การประเมินผลรวบยอด สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีวัด เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ นักเรียนบอกความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (K) - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียนหน่วยที่การ เรียนรู้ที่ 2 การสร้างองค์ ความรู้ใหม่ทาง ประวัติศาสตร์ไทย - แบบทดสอบก่อน เรียนหน่วยที่การ เรียนรู้ที่ 2 การสร้าง องค์ความรู้ใหม่ทาง ประวัติศาสตร์ไทย ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 70 ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนอธิบายขั้นตอนของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านเจตคติ นักเรียนเห็นคุณค่าและ ตระหนักในวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ไปใช้ในการสร้าง องค์ความรู้ใหม่ได้(A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60
10.บันทึกผลหลังการสอน 10.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์K P A มีการบูรณาการ คุณธรรม / การต้านการทุจริต / หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก...................................................... ผลการเรียนรู้ของนักเรียน จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………40………. คน คิดเป็นร้อยละ.......100......... จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………………. คน คิดเป็นร้อยละ................ อื่น ๆ ...................................................................................................................... . ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ........................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง .......................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ......................กัญญารัตน์....................... (นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา) ครูผู้สอน วันที่..........เดือน........................พ.ศ.............
แบบทดสอบก่อน ประจ าหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ค าชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงค าตอบเดียว 1. ข้อใดไม่อยู่ในวิธีการทางประวัติศาสตร์ ก. การตั้งประเด็นค าถาม ข. การปรับแต่งข้อมูล ค. การรวบรวมหลักฐาน ง. การตีความหลักฐาน 2. บุคคลในข้อใดใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในขั้นตอนการวิเคราะห์หลักฐาน ก. เอก น าเสนอเรื่องที่ศึกษาอย่างมีเหตุผล ข. โท ตอบค าถามที่ก าหนดไว้ล่วงหน้า ค. ตรี สืบค้นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ง. จัตวา ประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐาน 3. เพราะเหตุใด จึงกล่าวว่าการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลในวิธีการทางประวัติศาสตร์ เป็นสิ่ง ที่ส าคัญที่สุด ก. เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหลักฐานที่หามาได้ ข. เป็นการตรวจสอบข้อมูลว่าให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์หรือไม่ ค. เป็นการน าข้อมูลทั้งหมดมาแยกแยะ เรียบเรียงอย่างเป็นระบบ ตรงประเด็น ง. เป็นหลักฐานหรือข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ 4. ข้อใดเป็นการตั้งประเด็นที่ไม่เหมาะสมในการศึกษาประวัติศาสตร์ ก. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับการสร้างชาติไทย ข. การเลิกทาสในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ค. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา ง. วีรกรรมของท้าวสุรนารีในประวัติศาสตร์ไทย 5. ข้อใดจัดเป็นหลักฐานทางโบราณคดีทั้งหมด ก. โครงกระดูก เครื่องมือ-เครื่องใช้ ข. ศิลาจารึก ซุ้มใบเสมา ค. พงศาวดารอยุธยา ต านานท้าวแสนปม ง. วีดิทัศน์เรื่องจดหมายเหตุกรุงศรี รอยไทย 6. เพราะเหตุใดจึงต้องใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์
ก. เข้าใจขั้นตอนในการศึกษาประวัติศาสตร์ ข. หาความจริงจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ค. จัดหมวดหมู่ข้อมูลจากหลักฐานประวัติศาสตร์ ง. หาจุดประสงค์ของผู้สร้างหลักฐานประวัติศาสตร์ 7. หลักฐานลายลักษณ์อักษรมีความส าคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างไร ก. เป็นหลักฐานที่ให้ข้อมูลประวัติศาสตร์ดีที่สุด ข. เป็นหลักฐานที่ให้ข้อมูลง่ายกว่าหลักฐานอื่น ค. เป็นหลักฐานที่มีจ านวนมาก หาง่าย ง. เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด 8. การก าหนดประเด็นมีประโยชน์อย่างไรต่อวิธีการทางประวัติศาสตร์ ก. บอกความสนใจของผู้ศึกษาค้นคว้า ช. ป้องกันการศึกษาซ ้ากับผู้อื่น ค. ก าหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษา ง. ท าให้ทราบแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ 9. การก าหนดหัวข้อหรือประเด็นที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร ก. ก าหนดช่วงเวลาและพื้นที่ที่จะศึกษาให้ชัดเจน ข. ก าหนดหัวเรื่องกว้างๆ เพื่อศึกษาได้หลายประเด็น ค. น าประเด็นที่มีผู้ศึกษามาก่อนและมีการยอมรับแล้ว ง. ก าหนดหัวเรื่องให้แคบจะได้ไม่เสียเวลาศึกษา 10. วิธีการใดจะเกิดประโยชน์ในการประเมินคุณค่าของข้อมูล ก. น าข้อมูลที่ได้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ข. น าข้อมูลที่กล่าวถึงเรื่องเดียวกันมาเทียบเคียงกัน ค. ดูระยะเวลาในการสร้างหลักฐานยิ่งเก่ายิ่งน่าเชื่อถือ ง. อ้างอิงจากหลักฐานชั้นรองจ านวนมากก็น่าเชื่อถือ 11. เพราะเหตุใดจึงต้องศึกษาจากผลงานของผู้เชี่ยวชาญก่อนไปศึกษาในสถานที่จริง ก. หาความน่าเชื่อถือของผู้เชี่ยวชาญ ข. ท าความเข้าใจเบื้องต้นก่อน ค. หากเข้าใจเรื่องแล้วไม่ต้องไปสถานที่จริง ง. เปรียบเทียบผลงานจากผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน 12. หลักฐานประวัติศาสตร์มีความส าคัญต่อวิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างไร
ก. ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ข. ก าหนดวิธีการทางประวัติศาสตร์ ค. ก าหนดหัวข้อหรือประเด็นทางประวัติศาสตร์ ง. ท าให้เกิดวิธีการทางประวัติศาสตร์ 13. เพื่อประโยชน์ในการตีความข้อมูลควรปฏิบัติอย่างไร ก. รู้จักวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของข้อมูล ข. มีความอดทนในการอ่านเอกสารจ านวนมาก ค. รู้จักน าแนวคิดในปัจจุบันมาพิจารณาอดีต ง. มีจินตนาการเกี่ยวกับอดีต 14. หลักฐานชั้นต้นมีความน่าเชื่อถือกว่าหลักฐานชั้นรอง เพราะเหตุใด ก. หลักฐานชั้นรองใช้ข้อมูลจากหลักฐานชั้นต้น ข. หลักฐานชั้นต้นสร้างขึ้นปราศจากอคติ ค. หลักฐานชั้นต้นไม่สอดแทรกความคิดเห็นของผู้สร้าง ง. ผู้สร้างหลักฐานชั้นต้นทราบข้อมูลดีกว่า 15. การก าหนดหัวเรื่องให้น่าสนใจจะเกิดประโยชน์อย่างไร ก. สะดวกในการศึกษาค้นคว้า ข. ศึกษาเรื่องที่แตกต่างจากผู้อื่น ค. เกิดการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ง. มีแรงกระตุ้นในการศึกษาอย่างต่อเนื่อง 1. ข 2. ง 3. ค 4. ค 5. ก 6. ข 7. ง 8. ค 9. ก 10. ข 11. ข 12. ก 13. ก 14. ข 15. ก เฉลย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 วิชา ประวัติศาสตร์ไทย ส31102 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยที่การเรียนรู้ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย จ านวน 6 ชั่วโมง เรื่อง ความหมาย ความส าคัญ และประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ จ านวน 1 ชั่วโมง วันที่6 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2566 ครูผู้สอน นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา ................................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตราฐานการเรียนรู้ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.1 ม.4-6/2 สร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่าง เป็นระบบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกความหมาย ความส าคัญและประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้(K) 2. นักเรียนอธิบายขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (P) 3. นักเรียนเห็นคุณค่าและตระหนักในวิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใช้ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ (A) 3. สาระส าคัญ การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบ ย่อมท าให้ผลการศึกษานั้นมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ 4. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมาย ความส าคัญ และประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ o ความหมายของวิธีการทางประวัติศาสตร์ o ความส าคัญของวิธีการทางประวัติศาสตร์ o ประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3. ความสามารถในการใช้สื่อสาร 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการท างาน 7.กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนการจัดกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู้ 5 Es) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน (5 นาที) 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และเนื้อหาที่จะเรียนให้ทราบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ครูทวนความรู้เดิมที่เรียนไปในคาบก่อน โดยให้นักเรียนยกมือตอบคำถาม 3. ครูให้นักเรียนศึกษาความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์จากหนังสือ เรียนหน้า 20 เพื่ออภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน ขั้นที่ 2 สอน (40 นาที) 1. ครูบรรยายเกี่ยวกับเรื่อง ความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์โดยผ่าน PowerPoint และหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 2. ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า ทำไมต้องใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการศึกษาประวัติศาสตร์ (เพราะเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มีอยู่มากมาย แต่หลักฐานที่ใช้เป็นข้อมูลอาจมีเพียงบางส่วน ดังนั้น การใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์จึงเป็นแนวทางในการศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มี ความน่าเชื่อถือ โดยผ่านการตรวจสอบด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์) 3. ครูให้นักเรียนบอกประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ (ทำให้ได้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์จะ ทำให้เป็นคนละเอียดรอบคอบ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้) 4. ครูให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์เพื่อเตรียมจัดการเรียนรู้ในครั้ง ต่อไป ขั้นที่ 3 สรุป (5 นาที) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเรื่อง ความหมาย ความสำคัญ และประโยชน์ของวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ 2. ครูแจ้งเนื้อหาที่จะเรียนในชั่วโมงถัดไปให้นักเรียนทราบ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. PowerPoint 2. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6
9.การประเมินผลรวบยอด สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีวัด เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ นักเรียนบอกความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนอธิบายขั้นตอนของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านเจตคติ นักเรียนเห็นคุณค่าและ ตระหนักในวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ไปใช้ในการสร้าง องค์ความรู้ใหม่ได้(A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60
10.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์K P A มีการบูรณาการ คุณธรรม / การต้านการทุจริต / หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก...................................................... ผลการเรียนรู้ของนักเรียน จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………40………. คน คิดเป็นร้อยละ.......100......... จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………………. คน คิดเป็นร้อยละ................ อื่น ๆ ...................................................................................................................... . ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ........................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง .......................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ......................กัญญารัตน์....................... (นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา) ครูผู้สอน วันที่..........เดือน........................พ.ศ.............
PowerPoint
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 วิชา ประวัติศาสตร์ไทย ส31102 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยที่การเรียนรู้ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย จ านวน 6 ชั่วโมง เรื่อง ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ จ านวน 1 ชั่วโมง วันที่13 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2566 ครูผู้สอน นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา ................................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตราฐานการเรียนรู้ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.1 ม.4-6/2 สร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่าง เป็นระบบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกความหมาย ความส าคัญและประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้(K) 2. นักเรียนอธิบายขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (P) 3. นักเรียนเห็นคุณค่าและตระหนักในวิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใช้ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ (A) 3. สาระส าคัญ การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบ ย่อมท าให้ผลการศึกษานั้นมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ 4. สาระการเรียนรู้ - ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้สื่อสาร
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการท างาน 7.กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนการจัดกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู้ 5 Es) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน (5 นาที) 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และเนื้อหาที่จะเรียนให้ทราบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ครูทวนความรู้เดิมที่เรียนไปในคาบก่อน โดยสุ่มเลขที่ เช่น o วิธีการทางประวัติศาสตร์ หมายถึงอะไร (วิธีการหรือขั้นตอนต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า วิจัย เกี่ยวกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์) 3. ครูตั้งประเด็นคำถามให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น o ถ้าต้องการศึกษาประวัติของโรงเรียน นักเรียนจะมีขั้นตอนในการศึกษาได้อย่างไร ขั้นที่ 2 สอน (40 นาที) 1. ครูบรรยายเกี่ยวกับเรื่อง ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ โดยผ่าน PowerPoint และหนังสือ เรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับขั้นตอนของวิธีการประวัติศาสตร์ จากนั้นครูถามนักเรียนว่า o นักเรียนจะมีวิธีการกำหนดหัวเรื่องในการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างไร (กำหนดประเด็นที่ต้องการศึกษาไว้กว้าง ๆ ก่อน แล้วจึงค่อยจำกัดประเด็นลงให้แคบ เพื่อให้เกิดความ ชัดเจนภายหลัง เพราะบางเรื่องขอบเขตของการศึกษาอาจกว้างมากเกินไป) 3. ครูยกตัวอย่างหลักฐานทางประวัติศาสตตร์ แล้วให้นักเรียนบอกว่าเป็นหลักฐานชั้นต้น หรือหลักฐาน ชั้นรอง ตัวอย่างหลักฐาน เช่น - ศิลาจารึก เป็นหลักฐานชั้นต้น - งานวิจัย เป็นหลักฐานชั้นรอง 4. ครูให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย เพื่อเตรียมจัดการเรียนรู้ในครั้ง ต่อไป ขั้นที่ 3 สรุป (5 นาที) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเรื่อง ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ 2. ครูแจ้งเนื้อหาที่จะเรียนในชั่วโมงถัดไปให้นักเรียนทราบ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. PowerPoint 2. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6
9.การประเมินผลรวบยอด สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีวัด เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ นักเรียนบอกความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนอธิบายขั้นตอนของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านเจตคติ นักเรียนเห็นคุณค่าและ ตระหนักในวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ไปใช้ในการสร้าง องค์ความรู้ใหม่ได้(A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60
10.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์K P A มีการบูรณาการ คุณธรรม / การต้านการทุจริต / หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก...................................................... ผลการเรียนรู้ของนักเรียน จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………40………. คน คิดเป็นร้อยละ.......100......... จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………………. คน คิดเป็นร้อยละ................ อื่น ๆ ...................................................................................................................... . ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ........................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง .......................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ......................กัญญารัตน์....................... (นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา) ครูผู้สอน วันที่..........เดือน........................พ.ศ.............
PowerPoint
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 วิชา ประวัติศาสตร์ไทย ส31102 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน่วยที่การเรียนรู้ที่ 2 การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย จ านวน 6 ชั่วโมง เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย จ านวน 1 ชั่วโมง วันที่20 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2566 ครูผู้สอน นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา ................................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตราฐานการเรียนรู้ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความส าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ตัวชี้วัด ส 4.1 ม.4-6/2 สร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่าง เป็นระบบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกความหมาย ความส าคัญและประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้(K) 2. นักเรียนอธิบายขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (P) 3. นักเรียนเห็นคุณค่าและตระหนักในวิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใช้ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ (A) 3. สาระส าคัญ การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบ ย่อมท าให้ผลการศึกษานั้นมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ 4. สาระการเรียนรู้ - ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการใช้สื่อสาร
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการท างาน 7.กิจกรรมการเรียนรู้ (วิธีสอนการจัดกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู้ 5 Es) ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่บทเรียน (5 นาที) 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และเนื้อหาที่จะเรียนให้ทราบก่อนเข้าสู่บทเรียน 2. ครูทวนความรู้เดิมที่เรียนไปในคาบก่อน เช่น o ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ มีกี่ขั้นตอน ( 5 ขั้นตอน) o ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ มี 5 ขั้นตอนได้แก่อะไรบ้าง (การกำหนดหัวเรื่อง การรวบรวมหลักฐาน การประเมินคุณค่าของหลักฐาน การตีความ หลักฐาน และการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล) 3. ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบระหว่างวิธีการทางประวัติศาสตร์กับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ว่ามีความ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (วิธีการทางประวัติศาสตร์เหมือนกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จะแตกต่างกันก็เพียงวิธีการทาง วิทยาศาสตร์สามารถทดลองได้หลายครั้ง จนเกิดความแน่ใจในผลการทดลอง แต่เหตุการณ์ทาง ประวัติศาสตร์ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นใหม่ได้อีก) 4. ครูยกตัวอย่างหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แล้วให้นักเรียนบอกว่าเป็นหลักฐานประเภทใด และมี ลักษณะสำคัญอย่างไร (เช่น จารึก เป็นหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร มีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์เนื่องจากทำขึ้นใน ช่วงเวลานั้นโดยผู้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับเรื่องนั้นโดยตรง) ขั้นที่ 2 สอน (40 นาที) 1. ครูบรรยายเกี่ยวกับเรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย โดยผ่าน PowerPoint และหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย โดยครูถามนักเรียนว่า o ปัญหาในการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไทยมีอะไรบ้าง o จารึกมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างไร 3. ครูนำสนทนาถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทพงศาวดาร แล้วตั้งคำถามให้นักเรียนตอบ เช่น o พงศาวดารมีคุณค่าต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยอย่างไร o พงศาวดารมีข้อจำกัดในการนำมาใช้ศึกษาประวัติศาสตร์ไทยอย่างไร 4. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างหลักฐานลายลักษณ์อักษรในประวัติศาสตร์ไทย พร้อมบอกยุคสมัยของ หลักฐานดังกล่าว (เช่น ศิลาจารึกวัดศรีชุม สมัยสุโขทัย, จดหมายเหตุเดอ ลา ลูแบร์ หรือลาลูแบร์ สมัยอยุธยา) 5. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างหลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร (เช่น โบสถ์ วิหาร โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ) 6. ครูและนักเรียนร่วมกันบอกความแตกต่างของหลักฐานชั้นต้นกับหลักฐานชั้นรอง
7. ครูให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย เพื่อเตรียมจัดการ เรียนรู้ในครั้งต่อไป ขั้นที่ 3 สรุป (5 นาที) 1.ครูแจ้งเนื้อหาที่จะเรียนในชั่วโมงถัดไปให้นักเรียนทราบ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. PowerPoint 2. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 9.การประเมินผลรวบยอด สิ่งที่ต้องการวัด/ประเมิน วิธีวัด เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ นักเรียนบอกความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนอธิบายขั้นตอนของ วิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60 ด้านเจตคติ นักเรียนเห็นคุณค่าและ ตระหนักในวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ไปใช้ในการสร้าง องค์ความรู้ใหม่ได้(A) - สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล ผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ 60
10.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์K P A มีการบูรณาการ คุณธรรม / การต้านการทุจริต / หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก...................................................... ผลการเรียนรู้ของนักเรียน จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………40………. คน คิดเป็นร้อยละ.......100......... จ านวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน ………………. คน คิดเป็นร้อยละ................ อื่น ๆ ...................................................................................................................... . ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนท าใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามก าหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ........................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรน าแผนไปปรับปรุง เรื่อง .......................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ......................กัญญารัตน์....................... (นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์กันยา) ครูผู้สอน วันที่..........เดือน........................พ.ศ.............
PowerPoint