The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อบรมโรงน้ำFPCS-Water

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

อบรมโรงน้ำFPCS-Water

อบรมโรงน้ำFPCS-Water

คำนำ

ตามที่กระทรวงสาธารณสุขไดออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 420) พ.ศ.2563 ออกตาม
ความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใชในการผลิต และการเก็บรักษา
อาหาร ซ่ึงจะมผี ลบงั คบั ใชตั้งแตวนั ท่ี 11 เมษายน 2564 เปน? ตนไป และผอนผันใหผูรับใบอนญุ าตผลิตอาหาร หรือ
ไดรับเลขสถานทีผ่ ลติ อาหารที่ไมเขาขายโรงงานหรอื ไดรบั ใบอนุญาตนำหรือสงั่ อาหารเขามาในราชอาณาจักร กอน
วนั ท่ี 11 เมษายน 2564 ตองปฏบิ ตั ิใหถูกตองตามประกาศนภ้ี ายใน 180 วนั นบั แตวนั ที่ 11 เมษายน 2564 ซึ่งจะ
เร่มิ มผี ลบังคบั ใชสำหรบั ผปู ระกอบการกลุมท่ไี ดรับผอนผนั ตัง้ แตวนั ที่ 7 ตุลาคม 2564 เปน? ตนไป

ประกาศฉบับนี้ไดปรับปรุงขอกำหนด GMP กฎหมาย จำนวน 5 ฉบับ ไดแก GMP สุขลักษณะทั่วไป,
GMP น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนทิ , GMP นมพรอมดื่มพาสเจอไรซI, Primary GMP และ GMP อาหารใน
ภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิทชนิดที่มีความเป?นกรดต่ำและชนดิ ที่ปรับกรด และจัดทำเป?นขอกำหนด GMP ฉบับเดียวที่
สามารถใชประเมินอาหารไดทุกประเภทตามความเส่ียงของการผลิต เพื่อลดความซ้ำซอนของการนำขอกำหนดไป
ปฏิบัตริ วมทัง้ การตรวจประเมนิ และปรับปรงุ ขอกำหนดใหมคี วามเทาเทยี มเปน? มาตรฐานเดียวกนั

โดยมีขอกำหนดอยูในบัญชีแนบทายประกาศฉบับดังกลาว แบงขอกำหนดออกเป?น 2 สวน คอื สวนท่ี 1
กำหนดเปน? “ขอกำหนดพืน้ ฐาน” ซง่ึ จะนำขอกำหนดทผี่ ผู ลติ อาหารทุกประเภทตองนำไปปฏิบัติทุกแหงไวดวยกัน
พรอมกับปรับปรุงและเพิ่มเติมขอกำหนดเพื่อยกระดับมาตรฐานใหสามารถลดปญหาดานคุณภาพมาตรฐานและ
ความปลอดภยั ของผลติ ภณั ฑอ' าหารทีผ่ ลิต และยกระดบั การกำกับดแู ลอาหารเชงิ ระบบเพื่อใหเกิดการพฒั นาอย.าง
ต.อเนื่อง และทัดเทียมขอกำหนดสากล และสวนที่ 2 กำหนดเป?น “ขอกำหนดเฉพาะ” ซึ่งมี 3 รายการ ที่กำหนด
เป?นการเฉพาะสำหรับการผลิตอาหารกลุมทีม่ ีความเสี่ยงในการควบคุมกระบวนการผลิต สำหรับในคูมือฉบับนี้ขอ
เรียกขอกำหนดทัง้ สองสวนตามประกาศฉบับดังกลาวขางตนน้ีโดยยอวา “GMP 420”

สำหรับผูประกอบการผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปด" สนิท น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค เพื่อ
จำหนาย ตองปฏบิ ัติตาม GMP 420 ทง้ั ขอกำหนดพืน้ ฐาน และขอกำหนดเฉพาะ 1 สำหรับการผลติ นำ้ บริโภคใน
ภาชนะบรรจุที่ป.ดสนิท น้ำแร0ธรรมชาติ หรือน้ำแข็งบริโภค ที่ผ0านกรรมวิธีการกรอง และตามขอ 4 ของ
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 420) พ.ศ.2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 เรื่อง
วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใชในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร กำหนดใหตองมีผูควบคุมการผลิตอาหาร
(Food process control supervisor) ที่ผานการฝSกอบรมตามหลักสูตรที่ไดรับการรับรองจากสำนักงาน
คณะกรรมการอาหารและยา

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยกองอาหาร จึงไดจัดทำคูมือสำหรับผูควบคุมการผลิตน้ำ
บริโภคในภาชนะบรรจทุ ่ีป"ดสนทิ น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค ฉบับนี้ เพ่ือประกอบการฝSกอบรมในหลักสูตร
ผูควบคุมการผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค โดยนำเนื้อหาสวนใหญ
มาจาก “คูมือการควบคุมการผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท น้ำแข็ง และน้ำบริโภคที่ผลิตจากตูน้ำดื่ม
อัตโนมัติ” ที่จัดทำโดยความรวมมือระหวางสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานคณะกรรมการ
อาหารและยา มาลำดับเนื้อหาใหม และเพิ่มเติมขอมูลที่จำเป?นและครอบคลุมถึงการผลิตน้ำแรธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังไดเพิ่มเนื้อหาเกีย่ วกับการอานและแปลผลวิเคราะหIทางหองปฏิบัติการทีพ่ บปTญหาดานความรูความ
เขาใจของผูผลิตอยางตอเนื่อง และการตรวจประเมินตนเอง (Internal Quality Audit ; IQA) ซึ่งเป?นขอกำหนด
พน้ื ฐานที่เพ่ิมเติมจาก GMP กฎหมายฉบบั เดิม

คมู อื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ่ีปด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค ก

ผูจัดทำคูมือฉบับนี้ ขอขอบคุณ ศาสตราจารยI ดร.วิสิฐ จะวะสิต ที่กรุณาสนับสนุนดานความรูทาง
วิชาการและแนวทางปฏบิ ตั ิที่สามารถนำไปปฏิบัติไดจริงทั้งผูประกอบการรายใหญและรายเล็ก สำหรับจัดทำคูมือ
ฉบบั นี้ และหวังเปน? อยางยิ่งวาผปู ระกอบการ เจาหนาท่ที ่ีเกย่ี วของ และผอู านทกุ ทานจะไดรบั ประโยชนจI ากคูมือน้ี
และสามารถนำไปปฏบิ ตั ิไดอยางถกู ตองและสมั ฤทธ์ผิ ลเกดิ กับประชาชน ผบู รโิ ภคในประเทศไทยตอไป

กองอาหาร
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

เมษายน 2564

คมู อื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุท่ปี "ดสนทิ นำ้ แรธรรมชาติ และนำ้ แขง็ บริโภค ข

สารบญั

หนา้
คำนำ............................................................................................................................. ...................... ก
สารบญั ............................................................................................................................. .................. ค

บทที่ 1 อนั ตรายที่ปนเปื้อนในน้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจุทปี่ ดิ สนทิ น้ำแร่ธรรมชาติ
น้ำแขง็ บริโภค และกฎหมายท่เี ก่ียวข้อง………………………..……………………………………… 1-1
อนั ตรายที่ปนเปื้อนในน้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ่ปี ิดสนทิ นำ้ แรธ่ รรมชาติ
นำ้ แขง็ บริโภค............................................................................................................. 1-1
กฎหมายทเี่ กี่ยวข้อง.................................................................................................... 1-3

บทที่ 2 น้ำดบิ และการปรบั คุณภาพน้ำเบื้องต้น.......................................................................... 2-1
แหลง่ ของน้ำดิบ.......................................................................................................... 2-1
คณุ ภาพของน้ำดิบ...................................................................................................... 2-2
การตรวจวิเคราะห์นำ้ ดิบ............................................................................................ 2-4
การปรับคณุ ภาพน้ำดบิ เบื้องต้น (สำหรับน้ำบริโภคในภาชนะบรรจทุ ี่ปดิ สนทิ
และนำ้ แข็งบรโิ ภค)1 .................................................................................................. 2-5

บทที่ 3 การควบคุมกระบวนการปรับคณุ ภาพน้ำบรโิ ภค ดว้ ยระบบการผลิตนำ้ อ่อน

(Softener) 3-1

ระบบการผลติ นำ้ ออ่ น (Softener)............................................................................. 3-1

การปรับคณุ ภาพน้ำทางฟสิ ิกสแ์ ละเคมี....................................................................... 3-2

การปรับคณุ ภาพน้ำทางจลุ ินทรีย์ หรือกระบวนการฆ่าเช้ือโรค................................... 3-3

การทำความสะอาดและการบำรงุ รักษาสารกรอง....................................................... 3-7

บทที่ 4 การควบคมุ กระบวนการปรับคณุ ภาพน้ำบรโิ ภค ด้วยระบบการผลติ น้ำอารโ์ อ
(Reverse Osmosis ; RO)............................................................................................ 4-1
ระบบการผลิตน้ำอารโ์ อ.............................................................................................. 4-1
คณุ ภาพนำ้ ดิบก่อนเข้าเยื่อกรองอาร์โอ....................................................................... 4-2
การปรบั คณุ ภาพน้ำทางฟสิ ิกสแ์ ละเคมี โดยใชเ้ ย่อื กรอง หรอื เมมเบรน..................... 4-3
ปมั้ น้ำ.......................................................................................................................... 4-8
ปญั หาคา่ พีเอชของนำ้ อาร์โอต่ำกว่ามาตรฐานน้ำบรโิ ภค............................................. 4-8
น้ำทงิ้ .......................................................................................................................... 4-10
สารป้องกันการเกิดตะกรนั (Antiscalants หรอื Scale inhibitors).......................... 4-10
ระบบอลั ตร้าฟิลเตรชนั่ (Ultra filtration).................................................................. 4-11
การควบคุมคณุ ภาพระหวา่ งการผลิตนำ้ อารโ์ อ........................................................... 4-11
การทำความสะอาดและบำรงุ รกั ษา เยื่อกรอง............................................................ 4-12
การเกบ็ รักษาเย่ือกรอง หากระบบหยดุ ทำงาน........................................................... 4-18

1 หวั ข้อนี้ไมร่ วมการปรบั คณุ ภาพน้ำแรธ่ รรมชาติ ให้ศกึ ษาไดใ้ นบทท่ี 6 การควบคมุ การปรบั คณุ ภาพน้ำแร่ธรรมชาติ ค
คู่มือสำหรับผู้ควบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุทปี่ ิดสนทิ น้ำแร่ธรรมชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค

หน้า
การทำงานเชงิ ป้องกนั เพื่อหลีกเลีย่ งปัญหาสำหรบั ระบบอาร์โอ.................................. 4-19

บทท่ี 5 การควบคมุ กระบวนการปรับคุณภาพนำ้ ดว้ ยระบบการผลติ อน่ื

หรอื ใชร้ ว่ มกันหลายระบบ............................................................................................... 5-1

ระบบผลิตนำ้ ปราศจากไอออน (Deionization ; DI)............................. 5-1

ระบบผลิตน้ำกล่นั (Distillation)................................................................................ 5-5

การกำจัดเช้ือโรคในน้ำโดยใช้ความร้อน...................................................................... 5-6

การใชร้ ะบบการผลิตร่วมกันหลายระบบ.................................................................... 5-6

บทท่ี 6 การควบคุมกระบวนการปรับคณุ ภาพนำ้ แรธ่ รรมชาติ................................................... 6-1
แหล่งนำ้ แร่ธรรมชาติ.................................................................................................. 6-1
กระบวนการปรับคุณภาพน้ำแรธ่ รรมชาติ................................................................... 6-2
การปรับปริมาณก๊าซ................................................................................................... 6-2
การกำจดั สารประกอบที่ไม่คงตวั ................................................................................ 6-3
กรรมวธิ ีทไ่ี ม่อนญุ าตใหใ้ ชใ้ นกระบวนปรับคณุ ภาพน้ำแรธ่ รรมชาติ............................. 6-4

บทท่ี 7 การควบคุมกระบวนการผลิตนำ้ แข็งบริโภค 7-1

การเตรียมนำ้ ที่ใช้ผลติ น้ำแข็ง...................................................................................... 7-2

กระบวนการผลติ น้ำแข็งซอง....................................................................................... 7-2

กระบวนการผลติ นำ้ แขง็ ยนู ติ ...................................................................................... 7-4

สถานที่เก็บรักษาน้ำแข็งบรโิ ภคเพื่อจำหน่าย.............................................................. 7-6

บทที่ 8 การป้องกันการปนเปื้อนซ้ำ (Post-Contamination) 8-1

การปอ้ งกันการปนเปือ้ นจากพนื้ ผวิ สัมผสั อาหาร (Food contact surface)............. 8-1

การปอ้ งกันการปนเปอื้ นจากภาชนะบรรจุ.................................................................. 8-4

การป้องกนั การปนเป้ือนจากส่ิงแวดลอ้ ม.................................................................... 8-10

การป้องกันการปนเปื้อนจากพนักงาน........................................................................ 8-11

การป้องกนั การปนเปอ้ื นจากนำ้ สัมผัสอาหาร............................................................. 8-11

บทท่ี 9 หลักการพ้นื ฐานด้านสขุ ลกั ษณะทดี่ ใี นการผลิต.............................................................. 9-1
หมวดท่ี 1 สถานที่ต้ัง อาคารผลติ การทำความสะอาด และการบำรุงรักษา............. 9-1
หมวดท่ี 2 เคร่ืองมอื เครอื่ งจักร อปุ กรณก์ ารผลติ การทำความสะอาด และการ
บำรุงรกั ษา............................................................................................... 9-4
หมวดที่ 3 การควบคุมกระบวนการผลติ ................................................................... 9-6
หมวดที่ 4 การสขุ าภิบาล.......................................................................................... 9-13
หมวดที่ 5 สขุ ลกั ษณะสว่ นบุคคล.............................................................................. 9-16
ขอ้ กำหนดเฉพาะสำหรบั การผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจทุ ี่ปดิ สนิท นำ้ แรธ่ รรมชาติ 9-20
ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการผลติ น้ำแข็งบริโภค......................................................... 9-21

คมู่ ือสำหรบั ผูค้ วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจทุ ีป่ ิดสนทิ นำ้ แร่ธรรมชาติ และนำ้ แขง็ บริโภค ง

บทท่ี 10 รายงานผลการตรวจวิเคราะห์และการแปลผลตามมาตรฐานกฎหมาย........................ หน้า
การเลือกใชบ้ รกิ ารห้องปฏิบตั ิการตรวจวิเคราะห์....................................................... 10-1
กรณตี รวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบตั ิการโดยผูผ้ ลิตเอง................................................. 10-1
รายการการตรวจวเิ คราะห์คุณภาพหรือมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ เพ่ือเฝ้าระวงั ตนเอง 10-4
ประจำปี......................................................................................................................
การอา่ นรายงานผลการตรวจวิเคราะห์ผลติ ภณั ฑ์....................................................... 10-5
การควบคมุ และตรวจสอบคุณภาพผลติ ภณั ฑ์............................................................. 10-8
การสอบเทียบเคร่ืองมืออปุ กรณ์................................................................................. 10-10
10-17

บทท่ี 11 การตรวจประเมนิ ตนเอง (Internal Quality Audit: IQA)....................................... 11-1
วิธีการตรวจประเมนิ ตนเองตามหลักการสากล........................................................... 11-1
การดำเนินการตามกฎหมาย....................................................................................... 11-5

บรรณานกุ รม 12-1

ภาคผนวก
1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติ
อาหาร พ.ศ. 2522 เร่ือง วธิ ีการผลิต เครื่องมือเครอ่ื งใช้ในการผลิต และการเกบ็ รกั ษาอาหาร

2. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การตรวจประเมินสถานที่ผลิตอาหาร
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบบั ท่ี 420) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติ
อาหาร พ.ศ. 2522 เร่ือง วธิ กี ารผลิต เครอ่ื งมอื เคร่อื งใชใ้ นการผลติ และการเก็บรักษาอาหาร

คู่มือสำหรบั ผู้ควบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปดิ สนิท นำ้ แรธ่ รรมชาติ และนำ้ แข็งบรโิ ภค จ

บทท่ี 1

อันตรายทีป่ นเปอนในน้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจุทปี่ ดสนทิ น้ำแรธ! รรมชาติ
น้ำแขง็ บริโภค และกฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ, ง

อนั ตรายทีป่ นเปอนในน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุท่ีปดสนิท น้ำแร!ธรรมชาติ และน้ำแข็งบรโิ ภค

ความสำคญั

น้ำบรโิ ภค น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบรโิ ภค เปน- อาหารที่ไมมีลกั ษณะการเนาเสียและการปนเป32อนให
ผูบริโภคไดเห็นอยางชัดเจน ทำใหเป-นการยากที่จะบอกไดวาน้ำนั้นเหมาะสมและปลอดภัยตอการบริโภคหรือไม
ดังนั้น การมีความรู ความเขาใจ ถึงอันตรายที่อาจพบในน้ำบริโภครวมถึงความจำเป-นในการวิเคราะห7คณุ ภาพน้ำ
ในขน้ั ตอนตาง ๆ จงึ เปน- สงิ่ ท่ีสำคญั มากในกระบวนการผลิต

สำหรับน้ำบริโภค นำ้ แรธรรมชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค ทั้ง 3 ประเภท มอี ันตรายและแหลงท่ีมาในทำนอง
เดียวกัน จงึ ขอสรปุ ในภาพรวมดังนี้

อนั ตรายทางกายภาพ

เกิดขึน้ จากส่ิงปนเป32อนที่มลี ักษณะทางกายภาพ ซึ่งอาจกอใหเกิดการบาดเจ็บจากการทิ่ม แทง บาด จน
บาดเจ็บหรือติดขัดในชองทางเดินอาหาร จนเกิดการสำลักหรือหายใจไมออก อันตรายดานนี้ไมควรพบในน้ำ
บริโภค น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค เนื่องจากผลิตภัณฑ7มีความใส ไมมีสี ไมขัดขวางการมองเห็น ทำให
ตรวจสอบไดงาย ยกเวน น้ำบริโภค หรือน้ำแรธรรมชาติ ที่บรรจุในภาชนะบรรจุที่มีความขุน ซึ่งผูบริโภคที่ด่ืม
โดยตรงจากภาชนะบรรจไุ มสามารถมองเหน็ ได

อันตรายทางกายภาพอาจมาจากเศษวัสดุที่แตกหักจากเครื่องมือหรืออุปกรณ7การผลิต เชน ชิ้นสวนไส
กรอง เซรามิคที่แตก เศษชิ้นโลหะ หรือภาชนะบรรจุ เชน เศษแกว เศษพลาสติก เศษเสี้ยนหรือชิ้นสวนของวัสดุ
รองรับน้ำแขง็ โดยความคมและขนาดของเศษวัสดุดงั กลาวเป-นปจ> จัยที่ทำใหเกิดอันตรายทางกายภาพกบั ผูบริโภค

ทั้งนี้อนั ตรายทางกายภาพจัดเป-นอันตรายแบบเฉยี บพลัน ดังนัน้ ผูประกอบการควรเลือกชนิดของวัสดุที่
มีคณุ ภาพ ตองบำรุงรักษาอยางสม่ำเสมอ และตรวจสอบความสมบูรณ7ของวัสดุอุปกรณ7ตามระยะเวลาที่กำหนด
หรือมีการลางทำความสะอาดภาชนะบรรจุในเบื้องตนกอนการบรรจเุ พื่อลดโอกาสความเสี่ยงที่จะไดรับอันตราย
ดงั กลาว

อนั ตรายทางเคมี

มักเกิดจากแหลงน้ำธรรมชาตินั้นๆ และปนเป23อนเพิ่มเติมจากการกระทำของมนุษย7 ซึ่งสวนใหญมักพบ
ในแหลงนำ้ ดิบ แตก็อาจเกิดในระหวางกระบวนการผลิต การบรรจุ และภาชนะบรรจุไดดวย ในธรรมชาติอาจมีแร
ธาตหุ ลากหลายชนิดละลายลงสูแหลงน้ำ จนมีปรมิ าณที่สูงและเกิดอันตรายกับผูบริโภค ซง่ึ อาจมีการเปลี่ยนแปลง
จากสภาวะอากาศและภัยธรรมชาติดวย

คูมือสำหรบั ผูควบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรรจทุ ่ีปด" สนิท น้ำแรธรามชาติ และน้ำแขง็ บริโภค หนา 1 - 1

นอกจากนี้การใชประโยชน7ของแหลงน้ำเพื่อการเกษตร การทำเหมืองแร การอุตสาหกรรม และการ
อุปโภคอาจกอใหเกิดการปนเป23อนของสารเคมีที่ใชในบานเรือน วัตถุอันตรายทางการเกษตร และโลหะหนัก
เหลานี้ลวนเป-นปจ> จัยเสรมิ ที่เพ่มิ การปนเป3อ2 นดานเคมลี งในแหลงน้ำทงั้ สิน้

ผบู รโิ ภคอาจไดรับอันตรายดานเคมีทปี่ นเปอ32 นจากเคร่ืองมือเครื่องจักรที่ใชในการผลติ เชน น้ำมันเครื่อง
จารบี สารกันสนิม หรือจากการนำสารเคมีไปใชไมถกู ตองจากการจัดเก็บทไ่ี มเหมาะสม

ทั้งนี้ การปนเป23อนโลหะหนัก ธาตุ สารประกอบที่มีความเป-นพิษตาง ๆ ในน้ำบริโภค อาจกอใหเกิด
อันตรายทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังตอผูบริโภค โดยปริมาณที่ปนเป23อนจนกอใหเกิดอันตรายตอสุขภาพอาจไมสูง
เพียงพอท่ีผูบรโิ ภคสามารถรูสึกถึงความแตกตางทางประสาทสัมผสั ได ทำใหยากที่จะตรวจสอบจากการดื่มหรือชิม
ผลเรื้อรังของอันตรายดานเคมีที่เคยพบในน้ำบริโภคมิไดเกิดขึ้นเฉพาะตัวผูบริโภคแตอาจตอเนื่องถึงรุนลูกหลาน
เชน การปนเป23อนของสารปรอท ตะกั่ว และ แคดเมี่ยมท่ีประเทศญี่ปุAน รวมทัง้ การปนเป23อนฟลูออไรด7ในน้ำที่ใช
บริโภคทีอ่ ำเภอหนึง่ ในจงั หวัดลำปาง

การตรวจสอบคุณภาพทางเคมีของน้ำดิบและผลิตภัณฑ7น้ำบริโภคและน้ำแข็งตามชวงระยะเวลาที่
เหมาะสม จึงมีความสำคญั มาก อยางไรกต็ าม การตรวจวิเคราะหอ7 นั ตรายดานเคมีมีขอจำกัดและมีคาใชจายสูงทำ
ใหไมสามารถครอบคลุมอันตรายดานเคมีในทกุ ดาน ดังนั้น การเลือกแหลงน้ำดิบ การควบคุมการใชสารเคมีใน
กระบวนการผลิตและการลางภาชนะบรรจุ การเลือกใชและจัดเก็บภาชนะบรรจุที่เหมาะสม และการจัดเก็บ
สารเคมีที่เกี่ยวของกับผลติ ภัณฑ7น้ำบริโภคและน้ำแข็งที่เหมาะสม จึงเป-นป>จจัยที่สำคัญในการลดความเสี่ยงจาก
อันตรายดานเคมี

อันตรายทางชีวภาพ

อันตรายดานชีวภาพในน้ำบริโภคอาจมาจากสิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว7 และจุลินทรีย7ที่ปนเป23อนในน้ำตาม
ธรรมชาตแิ ละจากการกระทำของมนุษย7ดวย ซ่งึ การปนเปอ23 นจากจลุ ินทรีย7ในน้ำบรโิ ภคและน้ำแข็งเป-นสาเหตุหลัก
ทีก่ อใหเกิดอันตรายกับผบู ริโภคในดานน้ี

สวนใหญอนั ตรายดานชีวภาพมักกอใหเกิดการเจ็บปAวยแบบเฉียบพลนั แตบางกรณีก็อาจทำใหเกิดการ
เจ็บปAวยแบบเรื้อรัง เชน ไวรัสบางชนิด จุลินทรีย7หลายชนิดที่พบในน้ำบริโภคไมกอใหเกิดโรคแตอาจมีผลตอ
คณุ ภาพดานประสาทสัมผัส ซง่ึ มกั พบในน้ำบรโิ ภคทผ่ี ลิตจากเครื่องมือและอุปกรณ7ทีม่ ีน้ำขังเป-นเวลานานหรือไมมี
กระบวนการทำความสะอาดทเี่ พยี งพอ จึงมีความจำเป-นตองมีการดูแลมิใหปรมิ าณจลุ นิ ทรีย7สูงมากเกนิ ไปดวย

โดยทั่วไปชนิดของจุลินทรยี 7ที่พบมากในน้ำบริโภค ไดแก กลุมโคลิฟอร7มซ่ึงประกอบดวยจุลินทรียห7 ลาย
ชนิดทั้งที่กอและไมกอใหเกิดโรค โดยมักพบทั่วไปในธรรมชาติ เชน ดิน ซากพืชและสัตว7ที่เนา มูลของสัตว7และ
มนุษย7 ในทางสากลถือวาจุลินทรีย7กลุมโคลิฟอร7ม (coliform bacteria) เป-นตัวบงชี้ถึงสุขาภิบาลที่ไมดีและมี
โอกาสปนเปอ32 นของจุลินทรีย7กอโรค

นอกจากนี้ ยังมีจุลินทรีย7กอโรคที่พบบอยในน้ำ ไดแก เอสเชอริเชีย โคไล หรือ อีโคไล สายพันธ7ุ
O157:H7 (E. coli O157:H7) ซึ่งปนเป2อ3 นมาจากอุจจาระมนุษย7และสัตว7เลี้ยงลูกดวยนม อีโคไล จัดเป-นจุลนิ ทรยี 7
ในกลมุ โคลิฟอร7มเชนกัน

คูมอื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรรจทุ ีป่ "ดสนทิ นำ้ แรธรามชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค หนา 1 - 2

ดงั นน้ั การทไี่ มพบจลุ ินทรียก7 ลุมโคลิฟอร7ม และอโี คไล ในนำ้ บรโิ ภคและน้ำแข็ง ทำใหสามารถอนุมานได
วาน้ำบริโภคนั้นมีความปลอดภัยดานจุลินทรยี 7 นอกจากนี้ การปฏิบัติงานที่ไมถูกสุขลักษณะ เชน การแคะ แกะ
เกาผวิ หนัง หรือการไมสวมใสเสือ้ ระหวางการปฏบิ ัติงาน อาจทำใหเกิดการปนเป23อนของจุลนิ ทรยี 7ทีท่ ำใหเกดิ โรคสู
ผลิตภัณฑ7ได ทง้ั น้ี การเติมคลอรีนในนำ้ ดบิ กอนเขากระบวนการ หรือการติดต้ังระบบฆาเช้อื หลังกระบวนการกรอง
เชน การใชรงั สยี วู ี หรือ กาY ซโอโซน สามารถลดการปนเป2อ3 นของจุลินทรยี ใ7 นนำ้ บรโิ ภคและน้ำแข็งบรโิ ภคได

การใชคลอรีนในการฆาเชื้อที่ความเขมขนและระยะเวลาที่เหมาะสมรวมกับการติดตั้งระบบฆาเช้ือหลัง
กระบวนการกรอง เป-นวิธีการที่มีประสิทธิผลและประหยัดคาใชจายที่สุด อยางไรก็ตาม ตองระมัดระวังการ
ปนเป23อนในข้นั ตอนการบรรจุ ซงึ่ มกั มาจากผูปฏิบัติงานโดยตรง

การควบคุมอนั ตรายทั้ง 3 ด,าน ในการผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปดสนิท น้ำแร!ธรรมชาติ และน้ำแข็ง
บริโภค

ในเบื้องตน อันตรายทั้ง 3 ดานในน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็ง
บริโภคสามารถปZองกันไดโดยการควบคุมคุณภาพน้ำโดยใชหลักการในการปZองกันอันตรายในอาหารเพื่อใหเกิด
ความปลอดภัย 3 ประการ ดังนี้

1. ลดการปนเปอนเบื้องต,น โดยการคัดเลือกแหลงน้ำที่มีคุณภาพ ไมมีอันตรายที่ไมสามารถกำจัดได
ดวยระบบกรองน้ำทใ่ี ชงาน

2. ลดและขจัดอันตราย โดยติดตั้งระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับคุณภาพของแหลงน้ำ
สามารถลดหรือขจัดอันตรายที่มีอยูในน้ำดิบใหอยูในระดับที่ปลอดภัยตอการบริโภค หรือมีคุณภาพมาตรฐาน
เปน- ไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขทเ่ี ก่ียวของ

3. ป4องกันการปนเปอนซ้ำ หลังจากน้ำบริโภค น้ำแรธรรมชาติ หรือน้ำแข็งบริโภค ผานกระบวนการ
กรองและกำจดั เชื้อจุลนิ ทรีย7แลว กระบวนการหลังจากนี้ เชน ข้ันตอนการพักน้ำระหวางรอการบรรจุ ขั้นตอนการ
บรรจุ ข้ันตอนการขนสงและจำหนาย ตองระวังมิใหเกดิ การปนเป32อนซ้ำจากพื้นผิวสัมผัสอาหาร จากภาชนะบรรจุ
จากผูปฏิบตั ิงาน หรือจากส่งิ แวดลอม

กฎหมายท่ีเกยี่ วขอ, ง

ความสำคญั
รัฐธรรมนูญของประเทศ กำหนดใหประชาชนมีหนาที่ปฏิบัติตามกฎหมาย การรูกฎหมาย จึงจำเป-น

อยางยิง่ เพราะเป-นประโยชน7แกประชาชนทุกคน ทจี่ ะไดทราบถงึ ของเขตของสิทธิ และหนาที่ของตน ตลอดจนขอ
ปฏิบตั ิตาง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อรูกฎหมายก็จะไดไมทำผิดกฎหมาย และไมถูกผูอื่นเอารัดเอาเปรียบโดย
ใชกฎหมายเปน- เคร่อื งมือ

กฎหมายว!าด,วยการควบคมุ คุณภาพอาหาร
ประเทศไทยมีกฎหมายหลักท่ีเกี่ยวของกับอาหารโดยตรง คือ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 โดยมี

กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการภายใตพระราชบัญญัติดังกลาว เป-นกฎหมายวาดวยการควบคุมคุณภาพอาหาร

คมู ือสำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรรจุท่ีปด" สนิท น้ำแรธรามชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค หนา 1 - 3

โดยคำนึงถึงความปลอดภัย คุมคา สมประโยชน7 และเป-นธรรมใหกับผูบริโภคในการซื้อผลติ ภัณฑ7อาหาร และใช
เปน- เกณฑห7 ลักใหผูผลิตและผูนำเขาอาหารนำไปปฏบิ ตั ิใหเปน- ไปในทศิ ทางเดียวกนั มีสาระสำคัญสรปุ ไดดังนี้

 การกำหนดมาตรฐาน
o มกี ารกำหนดหลักเกณฑ7 วิธีการและเงือ่ นไขในการผลติ หรือนำเขาผลิตภณั ฑอ7 าหาร
o การกำหนดคณุ ภาพและมาตรฐานของอาหาร
o ขอหามเกีย่ วกบั อาหารและการโฆษณาอาหาร
o กำหนดใหมีหนวยงานที่เกีย่ วของควบคุมกำกบั

 การกำกับดแู ลกอ! นออกสู!ตลาด (Pre-Marketing)
o กอนนำผลติ ภณั ฑ7อาหารออกจำหนายสูตลาด ผผู ลิตหรือผูนำเขาอาหารตองดำเนินการขอ

อนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด ไดแก การขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตหรอื นำเขาอาหาร การขออนุญาตผลิตภัณฑ7
และการโฆษณาอาหาร

o เมื่อไดรับอนญุ าตแลวจึงจะสามารถผลติ หรอื นำเขาเพ่ือจำหนายได

 การกำกบั ดูแลหลังออกสูต! ลาด (Post-Marketing)
o เมื่อไดรับอนุญาตท้ังดานสถานที่และผลิตภัณฑ7แลว ผูผลิตผลิตภัณฑ7อาหารมีหนาที่ตอง

ดแู ลรักษาสถานทีผ่ ลติ สถานท่ีบรรจุ สถานที่เก็บรักษา ตลอดจนเครอ่ื งมอื การผลิตใหเรยี บรอยเหมาะสมกับการใช
งาน สวนผนู ำเขามหี นาท่ีตองแสดงเอกสารหรือใบรบั รองมาตรฐานระบบการผลิตที่เทียบเทา หรือไมต่ำกวาเกณฑ7
ท่กี ำหนดไวในบญั ชแี นบทายประกาศฯ

o ผูผลิตและผูนำเขามีหนาที่ผลิตหรือนำเขาอาหารท่ีมีคุณภาพและมาตรฐานเป-นไปตามที่
กฎหมายกำหนด

o โดยจะมีพนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมายอาหาร ตรวจสอบวาสถานประกอบการและ
อาหารน้นั เปน- ไปตามหลกั เกณฑแ7 ละยังคงมีคุณภาพมาตรฐานเป-นไปตามกฎหมายหรือไม

o หากไมเปน- ไปตามกฎหมายกำหนด จะถกู ดำเนนิ การตามกฎหมาย ไดแก การเปรยี บเทียบ
ปรบั จำคกุ หรือท้ังจำท้ังปรบั และอาจถกู ดำเนินการตามมาตรการทางปกครอง เชน การยกเลกิ เลขสารบบอาหาร
และอาจรนุ แรงถึงขั้นถกู พักใชหรือเพกิ ถอนใบอนญุ าต

พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 นี้มีความมุงหมายที่สำคัญที่จะควบคุมคุณภาพของอาหาร โดยมุง
คุมครองผูบริโภคเป-นสำคัญ ดังนั้นจึงไดออกหลักเกณฑ7 วิธีการ และเงื่อนไข บังคับกับผูผลิตและผูนำเขา ตอง
ดำเนินการควบคุมดูแลใหอาหารถูกสุขลักษณะและปลอดภัย มีคุณภาพหรือมาตรฐานเป-นไปตามที่กฎหมาย
กำหนด

การขออนญุ าตผลิตน้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ่ีปดสนิท น้ำแร!ธรรมชาติ และนำ้ แขง็ เพ่อื จำหนา! ย

แบงออกเปน- 2 สวน ไดแก

1. การขออนญุ าตสถานที่ผลิต
1.1 กรณสี ถานทีผ่ ลิตอาหารเข,าขา! ยโรงงาน
หมายถงึ สถานท่ผี ลิตทม่ี ีการใชเครอ่ื งจกั รมีกำลังรวมตงั้ แต 50 แรงมา หรือกำลังเทียบเทา

ตง้ั แต 50 แรงมาขน้ึ ไป หรือใชคนงานต้ังแต 50 คนข้นึ ไป โดยใชเคร่ืองจักรหรอื ไมกต็ าม
ผูผลิตจะต องยื่นคำขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหาร (แบบ อ.1) พรอมเอกสาร

ประกอบการพิจารณา เมื่อผานการประเมินตามหลักเกณฑท7 ี่กำหนดไวตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี

คูมือสำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรรจทุ ่ปี ด" สนิท น้ำแรธรามชาติ และนำ้ แข็งบริโภค หนา 1 - 4

420) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญตั ิอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมอื เครื่องใชในการ
ผลิต และการเก็บรักษาอาหารแลว จะไดรับใบอนุญาตผลิตอาหาร (แบบ อ.2) ซึ่งจะระบุ“เลขประจำสถานท่ี”
จำนวน 8 หลัก และใบอนุญาตผลติ อาหารมีอายุ 3 ปd โดยมีอายุการอนุญาตถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปdที่สามนับ
จากปd พ.ศ. ทไี่ ดรบั อนญุ าตท่ถี อื เปน- ปdแรก

1.2 กรณสี ถานทผ่ี ลติ อาหารที่ไม!เข,าขา! ยเปนJ โรงงาน
หมายถงึ สถานทีผ่ ลติ ทมี่ กี ารใชเครื่องจักรมีกำลงั รวมไมถึง 50 แรงมา และใชคนงานไมถึง

50 คน
ผูผลิตจะตองยื่นแบบคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหารที่ไมเขาขายโรงงาน (แบบ สบ.1)

พรอมเอกสารประกอบการพิจารณา และหลักฐานที่ระบุไวในแบบ สบ.1 เมื่อผานการประเมินตามหลักเกณฑ7ท่ี
กำหนดไวตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร
พ.ศ. 2522 เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใชในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารแลว ผูอนุญาตจะออก
ใบสำคญั เลขสถานที่ผลิตอาหารทีไ่ มเขาขายโรงงานตามแบบ สบ.1/1 ซง่ึ ระบุ“เลขประจำสถานที่” จำนวน 8 หลัก

2. การขออนญุ าตผลิตภณั ฑอL าหาร
เปน- ขั้นตอนการยื่นขอรับเลขสารบบอาหารภายหลังการไดรับอนุญาตผลิตอาหารแลว เมื่อผานการ

พจิ ารณาอนญุ าตผลติ ภัณฑ7 จะไดรับ “เลขลำดับผลติ ภณั ฑ7” จำนวน 5 หลกั รวมกับ “เลขประจำสถานที่” 8 หลัก
เปน- เลข 13 หลกั เรียกวา “เลขสารบบอาหาร” ซงึ่ จะเป-นขอมลู ทนี่ ำไปแสดงบนฉลากอาหาร

การขออนุญาตผลิตภัณฑ7อาหารตองเป-นไปตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาวา
ดวย การดำเนินการเกีย่ วกับเลขสารบบอาหาร โดยหลังจากไดรับใบอนุญาตผลิตอาหาร หรือใบสำคัญเลขสถานท่ี
ผลิตอาหารที่ไมเขาขายโรงงาน แลว ใหยื่นคำขอแจงรายละเอียดอาหาร ดวยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส7ผานระบบ
เครอื ขายอินเทอร7เน็ตทางเว็บไซต7 (web site) ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และเมื่อผูอนุญาตเห็น
วาถูกตองครบถวน จะออกเลขสารบบอาหาร และใบสำคัญการแจงรายละเอียดอาหาร ตามแบบ สบ.7/1 แนบ
ทายระเบียบสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาวาดวย การดำเนินการเกี่ยวกับเลขสารบบอาหาร โดยออกใน
รูปแบบอเิ ลก็ ทรอนิกส7

เอกสารหลักฐาน ข้นั ตอน และรายละเอียดที่เกย่ี วขอ, งกับการขออนุญาตสถานที่ผลิต และผลติ ภณั ฑL

การจัดเตรียมเอกสารหลกั ฐาน แบบคำขอท่ีใชในการยื่น คาธรรมเนยี ม รวมท้งั ข้ันตอน และรายละเอียด
ทเี่ กย่ี วของกบั การพิจารณาอนญุ าต ผูประกอบการสามารถศึกษาไดจากคูมือสำหรับประชาชน และแบบตรวจสอบ
คำขอ (Checklist) ในการยื่นคำขออนุญาตอาหาร ที่เผยแพรไวบนเว็บไซด7 “กองอาหาร” เมนู “คูมือสำหรับ
ประชาชน” หรือ URL: https://www.fda.moph.go.th/sites/food/SitePages/Manual.aspx

มาตรฐานที่เกี่ยวข,องกับการผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปดสนิท น้ำแร!ธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค
ท่ีผูผ, ลิตและผนู, ำเขา, พึงปฏบิ ตั ิ

ผูผลิตหรือผูนำเขาอาหาร พึงปฎิบัติใหเป-นไปตามกฎหมายที่ออกภายใตพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.
2522 เพื่อลดและขจัดอันตรายตางๆ ที่อาจปะปนหรือปนเป23อนมากับวัตถุดิบ สิ่งแวดลอม ภาชนะบรรจุ หรือการ
ควบคุมการผลิตที่ไมถูกตอง โดยมาตรฐานที่เกี่ยวของกับการผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท น้ำแร
ธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค มี 5 หวั ขอ ดังน้ี

คูมือสำหรบั ผูควบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรรจทุ ปี่ ด" สนทิ นำ้ แรธรามชาติ และนำ้ แข็งบรโิ ภค หนา 1 - 5

1. คุณภาพหรอื มาตรฐานของผลติ ภณั ฑ7
2. มาตรฐานระบบการผลติ อาหาร
3. มาตรฐานภาชนะบรรจอุ าหาร
4. มาตรฐานการแสดงฉลากอาหาร
5. บทกำหนดโทษ

1. คณุ ภาพหรอื มาตรฐานของผลิตภัณฑL

1.1 น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ป่ี ดสนทิ
น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท เป-นอาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน ตาม

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบบั ท่ี 254) พ.ศ.2547 เรอื่ ง น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุทีป่ "ดสนทิ (ฉบบั ที่ 5)
ตองมีคุณภาพหรือมาตรฐาน เป-นไปตามที่กำหนดไวในประกาศกระทรวงสาธารณสุข

(ฉบับท่ี 61) พ.ศ. 2524 เร่ือง น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจุที่ปด" สนทิ และฉบบั ทแี่ กไขเพ่ิมเตมิ ไดแก

− ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 135) พ.ศ.2534 เรื่อง น้ำบริโภคในภาชนะ
บรรจทุ ปี่ "ดสนิท (ฉบบั ที่ 2)

− ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เร่ือง นำ้ บริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท (ฉบับท่ี ๖)
คุณภาพหรือมาตรฐานเกี่ยวกับจุลินทรีย7ที่ทำใหเกิดโรค ใหเป-นไปตามประกาศกระทรวง
สาธารณสุข (ฉบับที่ 416) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง กำหนดคุณภาพ
หรือมาตรฐาน หลักเกณฑเ7 ง่ือนไข และวิธีการในการตรวจวเิ คราะห7 ของอาหารดานจลุ ินทรยี ท7 ี่ทำใหเกิดโรค

1.2 นำ้ แรธรรมชาติ
น้ำแรธรรมชาติในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท เป-นอาหารกำหนดคณุ ภาพหรือมาตรฐาน และ

ตองมีคณุ ภาพหรือมาตรฐานเป-นไปตามที่กำหนดไวในประกาศกระทรวงสาธารณสขุ (ฉบับท่ี 199) พ.ศ.2543 เร่ือง
น้ำแรธรรมชาติ

คุณภาพหรือมาตรฐานเกี่ยวกับจุลินทรีย7ที่ทำใหเกิดโรค ใหเป-นไปตามประกาศกระทรวง
สาธารณสุข (ฉบับที่ 416) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง กำหนดคุณภาพ
หรอื มาตรฐาน หลักเกณฑ7เงือ่ นไข และวิธีการในการตรวจวิเคราะห7 ของอาหารดานจุลินทรียท7 ่ที ำใหเกิดโรค

1.3 น้ำแข็ง
น้ำแข็ง เป-นอาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข

(ฉบับที่ 285) พ.ศ.2547 เรอื่ ง น้ำแขง็ (ฉบับที่ 4)
ตองมีคุณภาพหรือมาตรฐานเปน- ไปตามท่ีกำหนดไวในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับ

ท่ี 78 (พ.ศ.2527) เร่อื ง น้ำแข็ง และฉบบั ท่ีแกไขเพิ่มเติม ไดแก ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบบั ท่ี 137) พ.ศ.
2534 เร่อื ง น้ำแข็ง (ฉบบั ที่ 2)

คุณภาพหรือมาตรฐานเกี่ยวกับจุลินทรีย7ที่ทำใหเกิดโรค ใหเป-นไปตามประกาศกระทรวง
สาธารณสุข (ฉบับที่ 416) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง กำหนดคุณภาพ
หรือมาตรฐาน หลกั เกณฑ7เงื่อนไข และวธิ ีการในการตรวจวเิ คราะห7 ของอาหารดานจลุ ินทรีย7ทท่ี ำใหเกดิ โรค

คูมอื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรรจุที่ปด" สนทิ น้ำแรธรามชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค หนา 1 - 6

2. มาตรฐานระบบการผลติ อาหาร

2.1 ผ&ผู ลิตเพื่อจำหนาย
ผูผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ หรือน้ำแข็งบริโภค เพ่ือ

จำหนาย จะตองปฏบิ ตั ิตามวิธีการผลติ เครือ่ งมอื เครอ่ื งใชในการผลติ และการเก็บรกั ษาอาหารท่ีกำหนดไวในบัญชี
แนบทายประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.
2522 เรอ่ื ง วิธีการผลิต เครื่องมอื เครอื่ งใชในการผลิต และการเกบ็ รกั ษาอาหาร ซ่งึ แบงขอกำหนดเป-น 2 สวน คือ

ส!วนที่ 1 ข,อกำหนดพ้ืนฐาน บังคับใชกับผูผลิตอาหารตามทุกประเภทตองนำไปปฏิบัติ
โดยมวี ตั ถปุ ระสงคห7 ลักเพ่ือใหผผู ลติ มมี าตรการปอZ งกันการปนเปอ23 น หรือลด หรอื ขจดั อนั ตรายทง้ั ทางดานกายภาพ
เคมี และจุลินทรีย7 จากสิ่งแวดลอม อาคารผลิต เครื่องมือเครื่องจักรหรืออุปกรณ7การผลิต ภาชนะบรรจุ
ผปู ฏบิ ตั ิงาน ในกระบวนการผลติ ทกุ ขัน้ ตอน รวมทัง้ การจดั การสุขาภิบาล และสขุ ลกั ษณะสวนบุคคล

ส!วนที่ 2 ข,อกำหนดเฉพาะ 1 ซึ่งเป-นขอกำหนดเพิ่มเติมเป-นการเฉพาะสำหรับกรณีผลิต
น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ป่ี ด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแขง็ บริโภค ท่ผี านกรรมวิธีการกรอง โดยมวี ัตถุประสงค7
เพื่อกำหนดแนวทางการควบคุมกระบวนการผลิตโดยเฉพาะจุดสำคัญที่ตองควบคุมเป-นพิเศษเพื่อลดหรือขจัด
อันตรายใหอยใู นระดบั ทย่ี อมรับได และเกดิ ความปลอดภยั

การตรวจประเมิน วธิ กี ารผลิต เครื่องมอื เครอื่ งใชในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ให
เป-นไปตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาวาดวย การตรวจประเมินสถานที่ผลิตอาหารตาม
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒
เร่ือง วิธกี ารผลิต เครอ่ื งมือเครื่องใชในการผลติ และการเกบ็ รักษาอาหาร

ต,องจัดให,มผี ูค, วบคมุ การผลิตอาหาร
ทำหนาที่ ดูแลควบคุมการผลิตอยางสม่ำเสมอ ทุกรุนการผลิต ใหเป-นไปตามกฎหมาย
รวมท้ังทวนสอบบนั ทึกการควบคุมกระบวนการผลิตประจำ ณ สถานที่ผลติ อาหาร
คุณสมบัติ มีความรูเพียงพอในการควบคุมกระบวนการผลิตอาหารน้ำบริโภคในภาชนะ
บรรจุที่ป"ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค โดยมีหลักฐานการสอบผานและสำเร็จหลักสูตรผูควบคุมการ
ผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค จากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร
และยา หรือหนวยฝก| อบรมทีไ่ ดข้ึนบัญชไี วกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เง่อื นไขการปฏิบัตงิ าน

− ตองแตงตั้งบุคลากรในองค7กรอยางนอย 1 คน ทำหนาที่เป-น “ผูควบคุมการผลิต”
ประจำ ณ สถานทีผ่ ลิต เปน- ลายลกั ษณอ7 ักษร มีขอมลู ชอื่ สกุล ตำแหนง อำนาจหนาท่แี ละความรับผิดชอบ

− ผูมีอำนาจแตงตั้ง ไดแก เจาของกิจการ ผูรับอนุญาต ผูดำเนินกิจการ หรือผูไดรับ
มอบอำนาจจากบคุ คลดงั กลาวใหทำหนาทบี่ ริหารจดั การสถานประกอบการอาหาร เชน ผูจัดการโรงงาน เปน- ตน

− ผูควบคุมการผลิตอาหาร 1 คน ประจำ ณ สถานที่ผลิต ไดเพียง 1 แหงเทาน้ัน
(พจิ ารณาจากเลขทใ่ี บอนญุ าตผลติ อาหาร หรอื เลขสถานท่ผี ลิตอาหารที่ไมเขาขายโรงงาน)

− สถานท่ีผลิตอาหาร 1 แหง สามารถแตงตั้งผคู วบคมุ การผลิตอาหารไดมากกวา 1 คน
− กฎหมายมิไดกำหนดชวงเวลา “ตลอดเวลาที่มีการผลิต” ผูควบคุมการผลิตอาหาร
สามารถบริหารจัดการภาระงานของตนเองไดตามบริบทของสถานประกอบการแตละแหง ทั้งนี้ตองมิใหมีความ
บกพรองตอหนาท่ตี ามทไี่ ดรับการแตงต้งั

คูมอื สำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรรจุทป่ี ด" สนิท น้ำแรธรามชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค หนา 1 - 7

− หากพนักงานเจาหนาที่ หรือผูตรวจประเมิน ตรวจพบวาสถานประกอบการไมมี
มาตรการควบคุมคุณภาพ และความปลอดภัย อยางสมำ่ เสมอ ถึงแมจะมผี ูควบคุมการผลติ ที่มีคุณสมบัตคิ รบ ก็ถือ
วา “ไมผานเกณฑ7ตามขอกำหนดเฉพาะของประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2563 ออกตาม
ความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใชในการผลิต และการเก็บรักษา
อาหาร” เชนเดยี วกันกับกรณไี มมีผูควบคมุ การผลิต หรอื มผี ูควบคมุ การผลติ ทม่ี ีคุณสมบตั ไิ มครบตามขอกำหนด

2.2 ผู&นำเขา& เพือ่ จำหนายในประเทศ
ตองนำเขาผลิตภัณฑ7อาหารจากสถานที่ผลิตที่ผานการตรวจประเมินและมีเอกสารหรือ

ใบรับรองวาเป-นสถานท่ผี ลิตที่มีมาตรฐานระบบการผลิตเป-นไปตามวธิ กี ารผลิต เครือ่ งมอื เครื่องใชในการผลิต และ
การเก็บรักษาอาหารที่เทียบเทาหรือไมต่ำกวาเกณฑ7ที่กำหนดไวในบัญชีแนบทายประกาศกระทรวงสาธารณสุข
(ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือ
เครื่องใชในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร รายละเอียดเอกสารหรือใบรับรองมาตรฐานระบบการผลิต
ใหเป-นไปตามประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาวาดวย เอกสารหรือใบรับรองมาตรฐานระบบ
การผลติ อาหารสําหรบั การนำเขาผลติ ภณั ฑอ7 าหาร

2.3 วนั ทีม่ ีผลบังคบั ใช&
ผู,ผลิตหรอื ผู,นำเข,ารายใหม! ที่ยังไมมใี บอนุญาตผลิตอาหาร (แบบ อ.2) หรือใบสำคัญเลข

สถานทผ่ี ลติ อาหารกรณีไมเขาขายโรงงาน (แบบ สบ.1/1) หรอื ใบอนญุ าตนำหรือส่งั อาหารเขามาในราชอาณาจักร
(แบบ อ.7) ตองปฏบิ ตั ิใหเป-นไปตามประกาศฯ ต้ังแตวนั ที่ 11 เมษายน 2564 เป-นตนไป

ผู,ผลิตหรือผู,นำเข,ารายเก!า ผูรับใบอนุญาตผลิตอาหาร (แบบ อ.2) หรือคําขอรับเลข
สถานที่ผลิตอาหารที่ไมเขาขายโรงงาน (แบบ สบ.1) หรือใบสำคัญเลขสถานที่ผลิตอาหารกรณีไมเขาขายโรงงาน
(แบบ สบ.1/1) หรอื ใบอนุญาตนำหรอื สงั่ อาหารเขามาในราชอาณาจักร (แบบ อ.7) กอนวันท่ปี ระกาศนี้ใชบังคับ มี
ระยะเวลาผอนผันใหปรับปรุง แกไข สถานที่ หรือจัดใหมีเอกสารหรือใบรบั รองมาตรฐานระบบการผลิตอาหารให
เป-นไปตามหลักเกณฑ7ท่ีกำหนดน้ภี ายใน 180 วัน นับแตวนั ทีป่ ระกาศนีม้ ีผลใชบังคับ โดยตองปฏิบัติใหเป-นไปตาม
ประกาศฯ ต้งั แตวนั ที่ 7 ตลุ าคม 2564 เป-นตนไป

3. มาตรฐานภาชนะบรรจุอาหาร

3.1 ภาชนะบรรจทุ ท่ี ำจากพลาสติก
ภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติก ซึ่งใชบรรจุน้ำบริโภค น้ำแรธรรมชาติ หรือน้ำแข็งบริโภค

รวมถึงฝาหรือจุก เชน ขวด ถวย ถุง หรือกระสอบ ที่สัมผัสกับน้ำบริโภค น้ำแรธรรมชาติ หรือน้ำแข็งบริโภค
โดยตรง ตองเลือกใชภาชนะบรรจุที่มีคุณภาพหรือมาตรฐานเป-นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี
295) พ.ศ.2548 เร่ือง กำหนดคุณภาพหรอื มาตรฐานของภาชนะบรรจทุ ่ีทำจากพลาสติก ดงั นี้

(1) สะอาด
(2) ไมมีสารอื่นออกมาปนเป23อนกับอาหารในปริมาณที่อาจเป-นอันตรายตอสุขภาพ โดย
เลือกชนิดพลาสตกิ จาก 12 ชนดิ ดงั ตอไปน้ี

1) พอลไิ วนิลคลอไรด7 (PVC)
2) พอลิไวนิลิดนี คลอไรด7 (PVDC)
3) พอลิไวนิลแอลกอฮอล7 (PVOH, PVA)
4) พอลิเอทิลีน (PE)
5) พอลเิ อทิลีนเทเรฟทาลเลต (PET)
6) พอลิเมทิลเมทาครเิ ลต (PMMA)

คมู ือสำหรบั ผูควบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรรจทุ ่ีป"ดสนทิ นำ้ แรธรามชาติ และน้ำแข็งบริโภค หนา 1 - 8

7) พอลพิ รอพิลีน (PP)
8) พอลคิ ารบ7 อเนต (PC)
9) พอลเิ มทลิ เพนทีน (PMP)
10) พอลิสไตรนี (PS)
11) พอลิเอไมด7 (ไนลอน) (PA)
12) เมลามนี (Melamine)
และมคี ุณภาพหรือมาตรฐานของเน้ือพลาสติก และการแพรกระจายของสารพลาสติกลงสู
น้ำดื่ม ไมเกินตามที่กำหนดไวในบัญชีแนบทายประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 295) พ.ศ.2548 เรื่อง
กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสตกิ โดยเลือกซือ้ จากผูผลิตภาชนะบรรจอุ าหารที่ได
มาตรฐานและนาเชอ่ื ถือ มผี ลวเิ คราะหค7 ุณภาพหรือมาตรฐานเก็บไว ณ สถานทผี่ ลติ
(3) ไมมีจลุ นิ ทรยี ท7 ีท่ ำใหเกดิ โรค
(4) ไมมีสีออกมาปนเป2อ3 นกบั อาหาร

ข,อหา, มการใช,ภาชนะบรรจทุ ี่ทำจากพลาสตกิ ในกรณตี อไปนี้
(1) ภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติกมีสีบรรจุอาหาร ยกเวน พลาสติกชนิดลามิเนต
(Laminate) เฉพาะชัน้ ท่ีไมสัมผัสโดยตรงกบั อาหาร (พลาสตกิ ชั้นในสุดตองไมมีสี) หรือกรณีที่ไดรับความเห็นชอบ
จาก อย. ซึ่งจะพิจารณาเป-นรายกรณีโดยเฉพาะอาหารที่เป-นของเหลวตองมีผลวิเคราะห7คุณภาพมาตรฐานตาม
ชนิดพลาสตกิ
(2) ภาชนะบรรจุทีท่ ำขน้ึ จากพลาสตกิ ท่ีใชแลวบรรจุอาหาร (recycle plastic)
(3) ภาชนะบรรจุท่ีทำจากพลาสติกที่เคยใชบรรจหุ รือหมุ หอป…ุย วตั ถุมีพิษ หรือวัตถุที่อาจ
เปน- อนั ตรายตอสุขภาพ เปน- ภาชนะบรรจอุ าหาร
(4) ภาชนะบรรจุที่ทำจากพลาสติกที่ใชบรรจุสิ่งของอยางอื่นที่มิใชอาหาร หรือมีรูปรอย
ประดิษฐ7 หรือขอความใดทที่ ำใหเกดิ ความเขาใจผดิ ในสาระสำคญั ของอาหารที่บรรจอุ ยูในภาชนะนั้น

3.2 ภาชนะบรรจทุ ี่วสั ดชุ นิดอื่น เชน ขวดแกว ซงึ่ มีการใชบรรจนุ ำ้ บริโภค หรือ นำ้ แรธรรมชาติ
ตองเลือกใชภาชนะบรรจุที่มีคุณภาพหรือมาตรฐานเป-นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 92) พ.ศ.
2528 เรื่อง กำหนดคุณภาพหรอื มาตรฐานของภาชนะบรรจุ การใชภาชนะบรรจุ และการหามใชวัตถุใดเป-นภาชนะ
บรรจุอาหาร ดังน้ี

(1) สะอาด
(2) ไมเคยใชบรรจุหรือใสอาหารหรือวัตถุอื่นใดมากกอน เวนแตภาชนะบรรจุที่เป-น แกว
เซรามิก โลหะเคลอื บ แตทงั้ นี้ตองไมมลี กั ษณะตองหาม

ลกั ษณะตองหาม :
- เคยใชบรรจหุ รอื หมุ หอปุ…ย สารมีพษิ หรือวัตถทุ ี่อาจเปน- อันตรายตอสขุ ภาพ
- ภาชนะบรรจุที่ใชบรรจุส่ิงของอยางอนื่ ท่ไี มใชอาหาร
- ภาชนะบรรจุที่มีรูปรอยประดิษฐ7 หรือขอความใดที่ทำใหเกิดความเขาใจผิดใน

สาระสำคัญของอาหารที่บรรจอุ ยใู นภาชนะนน้ั
(3) ไมมีโลหะหนักหรือสารอื่นออกมาปนเป23อนกับอาหารในปริมาณที่อาจเป-นอันตรายตอ

สุขภาพ
(4) ไมมีจุลินทรียท7 ีท่ ำใหเกิดโรค
(5) ไมมสี ีออกมาปนเปอ23 นกบั อาหาร

คมู ือสำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรรจทุ ีป่ "ดสนทิ น้ำแรธรามชาติ และนำ้ แข็งบริโภค หนา 1 - 9

ทั้งนี้ ภาชนะบรรจุชนดิ ที่ใช,ซ้ำ ตองเลือกใชทีม่ ีลักษณะรูปแบบที่สามารถลางทำความสะอาดได
งาย เชน เป-นทรงกระบอก ไมมเี หล่ยี มมมุ ผิวเรียบ

หามใชภาชนะบรรจุทีม่ ีสีท่ขี าวหมนกวาปกติ หรอื สผี ดิ เพยี้ นไปจากเดิม หรือนำ้ หนกั ถังหรือขวดที่
เบากวาปกติ ซึ่งบงช้ีวาภาชนะบรรจุดังกลาวเร่ิมเสื่อมสภาพ

ภาชนะบรรจุน้ำบริโภค นอกจากตองปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขวาดวยเรื่อง
ภาชนะบรรจุ ที่กลาวขางตนแลว ยังมีขอกำหนดใหตองปฏบิ ตั ิตาม ขอ 4 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบบั ที่
61 (พ.ศ.2524) เรอื่ ง นำ้ บริโภคในภาชนะบรรจุท่ปี ด" สนทิ และภาชนะบรรจนุ ้ำแร!ธรรมชาติ ยงั มีขอกำหนดใหตอง
ปฏิบัติตาม ขอ 7 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 199) พ.ศ.2543 เรื่อง น้ำแรธรรมชาติ โดยมี
ขอกำหนดเดยี วกันกลาวคอื จะตองมลี กั ษณะอยางหนึง่ อยางใด ดงั ตอไปน้ีดวย

(1) เป-นภาชนะบรรจุที่ตองมีฝาหรือจุกป"ด เมื่อใชบรรจุจะตองป"ดผนึกหรือผนึกโดยรอบระหวาง
ฝาหรือจุกกบั ขวดหรือภาชนะบรรจุ

(2) เป-นภาชนะบรรจุที่ป"ดผนึกซึ่งไมใชภาชนะบรรจุตาม (1) สิ่งที่ป"ดผนึกหรือสวนที่ป"ดผนึกของ
ภาชนะบรรจตุ าม (1) และ (2) ตองมีลักษณะทเี่ มื่อเป"ดใชทำใหสิ่งท่ปี ด" ผนึกหรือสวนท่ีป"ดผนึกหรอื ภาชนะบรรจุนั้น
เสยี ไป

สำหรับภาชนะบรรจุน้ำแข็ง ตองปฏิบัติตามขอกำหนด ขอ 12 ภาชนะบรรจุทีใ่ ชบรรจุน้ำแข็ง
เพื่อจำหนาย คือ ตองมีลักษณะที่งายตอการทำความสะอาดและมีลักษณะปกป"ดที่ปZองกันมิใหสิ่งหนึ่งสิ่งใดจาก
ภายนอกปนเป32อนน้ำแขง็ ได ในกรณีท่ีใชยานพาหนะในลกั ษณะเป-นภาชนะบรรจดุ วย ยานพาหนะที่ใชเปน- ภาชนะ
บรรจนุ ั้นจะตอง

(1) สะอาดและไมมีสารออกมาปนเป32อนกบั นำ้ แข็งในปริมาณทอ่ี าจเปน- อนั ตรายตอสุขภาพ
(2) ทำดวยวสั ดุทไี่ มเปน- พิษและเป-นวสั ดพุ ื้นผิวเรียบรกั ษาความสะอาดไดงาย
(3) มีลักษณะที่งายตอการทำความสะอาดและมีลักษณะปกป"ดที่ปZองกันมิใหสิ่งหนึ่งสิ่งใดจาก
ภายนอกปนเป32อนน้ำแขง็ ได

4. มาตรฐานการแสดงฉลากอาหาร

4.1 การแสดงฉลากของน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็ง ท่ี
ผลิตเพ่อื จำหนาย

4.1.1 ตองแสดงขอความเป-นภาษาไทย และอาจแสดงภาษาตางประเทศดวยก็ได และ
อยางนอยจะตองมีขอความแสดงรายละเอียดตามขอ ๔ ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 367) พ.ศ.
2557 เร่อื ง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ ซึง่ แกไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่
383) พ.ศ. 2560 เรอ่ื ง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ (ฉบับท่ี 2) ดงั ตอไปน้ี

(1) ชอื่ อาหาร อยางหนง่ึ อยางใด ดังตอไปน้ี
 ชอื่ เฉพาะของอาหาร ชอ่ื สามญั หรอื ชื่อทใ่ี ชเรยี กอาหารตามปกติ เชน น้ำดื่ม
 ชื่อที่แสดงประเภทหรือชนิดของอาหาร เชน น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ด

สนทิ
 ชื่อทางการคา การใชชื่อนี้ตองมีขอความแสดงประเภทหรือชนิดของอาหาร

กำกับช่ืออาหารดวย โดยจะอยูในบรรทดั เดยี วกบั ช่ือทางการคาก็ได และจะมขี นาดตัวอกั ษรตางกบั ช่ือทางการคาก็
ได แตตองสามารถอานไดชัดเจน เชน เอบซี ี (นำ้ บริโภค) , น้ำด่ืมเอบซี ี, น้ำด่ืมตราเพชร

คูมือสำหรับผูควบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรรจุท่ปี ด" สนิท นำ้ แรธรามชาติ และน้ำแข็งบริโภค หนา 1 - 10

 กรณีเปJนนำ้ แรธ! รรมชาติ1 ช่อื ของน้ำแรธรรมชาติ ใหแสดงแหลงท่มี าของน้ำแร
ตามธรรมชาตินนั้ โดยอาจจะมีชื่อทางการคาประกอบช่ือดวยหรอื ไมกไ็ ด และกำกบั ดวยชือ่ ท่ีแสดงการปรับปริมาณ
กYาซของน้ำแรธรรมชาติ ตามมาตรฐานอาหาร เอฟ เอ โอ/ดับบลิว เอช โอ, โคเด็กซ7 (Joint FAO/WHO, Codex)
วาดวย น้ำแรธรรมชาติ และฉบบั ทไ่ี ดแกไขเพิ่มเตมิ ไดแก2

o มคี ารบ7 อเนต (Naturally carbonated natural mineral water) คอื
นำ้ แรธรรมชาตทิ ี่หลังการบรรจแุ ลว จะมปี ริมาณของกYาซที่ละลายอยเู ทากบั ปริมาณของกYาซทม่ี อี ยูในน้ำแร

o ไม มีคาร7บอเนต (Non-carbonated natural mineral water) คือ

นำ้ แรธรรมชาตซิ ง่ึ ไมวาจะโดยธรรมชาตหิ รือหลงั การบรรจุก็ตาม จะมีกาY ซคาร7บอนไดออกไซด7อยูในปริมาณท่ีทำให

เกลอื ไฮโดรเจนคาร7บอเนตยงั คงละลายอยูในน้ำได

o ขจัดคาร7บอเนต (Decarbonated natural mineral water) คือ
น้ำแรธรรมชาติที่หลังการบรรจุแลวจะมีปริมาณของกYาซคาร7บอนไดออกไซด7นอยกวาปริมาณที่มีอยูเดิมตาม

ธรรมชาติ

o เติมคาร7บอนไดออกไซด7จากแหลงกำเนิด (Natural mineral water
fortified with carbon dioxide) คอื น้ำแรธรรมชาตทิ ห่ี ลังการบรรจุแลวจะมปี ริมาณของกาY ซคารบ7 อนไดออกไซด7

มากกวาปริมาณทมี่ ีอยเู ดิมตามธรรมชาติ
o เติมคาร7บอเนต (Carbonated natural mineral water) คือ น้ำแร

ธรรมชาติท่หี ลงั การบรรจแุ ลวจะมีฟองกาY ซคารบ7 อนไดออกไซดซ7 ึ่งไดจากการเตมิ

 มีขนาดสมั พนั ธ7กับพ้ืนท่ฉี ลาก ดังตารางท่ี 1-1

(2) เลขสารบบอาหาร ใหแสดงเลขสารบบอาหารในเคร่ืองหมาย อย. (ภาพที่ 1-1) ดวย
ตัวเลขที่มีสตี ดั กบั สีพ้นื ของกรอบ และมีขนาดไมเล็กกวา ๒ มลิ ลเิ มตร สขี องกรอบตัดกับสพี ้ืนของฉลาก

(3) ชื่อและที่ตั้งของผู,ผลิต หรือสำนักงานใหญ!ของผู,ผลิตก็ได, โดยตองมีขอความ
ดงั ตอไปนก้ี ำกบั ไวดวย

 ขอความวา “ผูผลิต” หรือ “ผลิตโดย” สำหรับกรณเี ป-นผูผลิต
 ขอความวา “สำนักงานใหญ” สำหรบั กรณีเปน- ผผู ลิตทป่ี ระสงคจ7 ะแสดงช่ือและ
ที่ต้ังของสำนกั งานใหญ
(4) ปรมิ าณของอาหารเปนJ ระบบเมตรกิ
 ของแข็งใหแสดงน้ำหนักสุทธิ เชน กรัม (ก.) หรอื กิโลกรัม (กก.) อาจแสดงเป-น
ภาษาอังกฤษรวมดวยกไ็ ด เชน gram (g.) หรอื Kilogram (kg)
 ของเหลวใหแสดงปริมาตรสุทธิ เชน มิลลิลิตร (มล.) ลิตร (ล.) อาจแสดงเป-น
ภาษาองั กฤษรวมดวยก็ได เชน milliliter (ml) หรือ Liter (l)
 ใหแสดงไวในตำแหนงที่สามารถเห็นไดชัดเจน และตองมีขนาดความสูงของ
ตัวอักษรแลวแตกรณีดงั นี้

o ไมนอยกวา 1 มิลลิเมตร สำหรับฉลากท่มี พี ื้นที่ไมเกนิ 100 ตาราง เซนตเิ มตร
เวนแตฉลากอาหารที่มีพ้ืนท่ีทง้ั แผนนอยกวา 35 ตารางเซนติเมตร

o ไมนอยกวา 1.5 มิลลิเมตร สำหรับฉลากที่มีพื้นที่มากกวา 100 ตาราง
เซนตเิ มตร

1 ขอ 8 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี 199) พ.ศ.2543 เรือ่ ง นำ้ แรธรรมชาติ
2 STANDARD FOR NATURAL MINERAL WATERS CXS 108-1981 Adopted in 1981. Revised in 1997, 2008. Amended in 2001, 2011,

2019.

คมู อื สำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรรจทุ ป่ี ด" สนิท น้ำแรธรามชาติ และน้ำแขง็ บรโิ ภค หนา 1 - 11

ตารางที่ 1-1 ความสัมพนั ธ7ระหวางขนาดตวั อักษรและขนาดพนื้ ที่ของฉลากในการแสดงชอ่ื อาหาร

(5) แสดงวันเดือนและปd สำหรบั อาหารทีม่ อี ายุการเกบ็ ไมเกนิ 90 วนั หรอื แสดงวนั เดอื น
และปd หรือ เดือนและปd สำหรับอาหารที่มีอายุการเก็บเกิน 90 วัน โดยมีขอความวา “ควรบริโภคก!อน” หรือ
“หมดอายุ” กำกับไวดวย (โดยทั่วไปน้ำดื่มสามารถเก็บไวไดนานเกิน 90 วัน ทั้งนี้ไมควรเก็บน้ำดื่มบรรจุขวด
พลาสตกิ ไวเกนิ 2 ป( เน่อื งจากพลาสตกิ จะคอย ๆ เสือ่ มสภาพ)

 การแสดงวันเดอื นและปd หรือเดอื นและปd ใหแสดงเรียงตามลำดับ

 กรณีที่มีการแสดงไมเรยี งตามลำดบั ตองมีขอความหรือตัวอักษรที่สื่อใหผูบริโภค
เขาใจอยางชดั เจนถึงวิธกี ารแสดงขอความดังกลาวกำกับไวดวย

 ทั้งน้อี าจแสดง “เดือน” เปน- ตัวเลขหรือตัวอกั ษรก็ได

 ใหแสดงไวในตำแหนงที่สามารถเห็นไดชัดเจน และตองมีขนาดความสูงของ
ตัวอกั ษรแลวแตกรณดี ังน้ี

o ไมนอยกวา 1 มิลลิเมตร สำหรับฉลากที่มีพื้นที่ไมเกิน 100 ตาราง
เซนตเิ มตร เวนแตฉลากอาหารท่ีมพี ื้นทท่ี ั้งแผนนอยกวา 35 ตารางเซนตเิ มตร

o ไมนอยกวา 1.5 มิลลิเมตร สำหรับฉลากที่มีพื้นที่มากกวา 100 ตาราง
เซนตเิ มตร

 กรณีการแสดงไวที่ดานลางหรือสวนอื่น ตองมีขอความที่ฉลากท่ีส่ือไดชดั เจนวา
จะดู ไดที่ใด และอาจแสดงขอความกำกับ วันเดือนและปd หรือเดือนและปd ที่ผลิต หรอื หมดอายุ หรือ ควรบริโภค
กอน ไวดวยอกี หรอื ไมก็ได

 ผูผลิต หรือผูจำหนาย ตองไมจำหนายอาหารที่พนกำหนดวันหมดอายุหรือควร
บริโภคกอนตามทแี่ สดงไวในฉลาก

คมู อื สำหรบั ผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรรจุทีป่ ด" สนิท น้ำแรธรามชาติ และนำ้ แข็งบรโิ ภค หนา 1 - 12



ภาพที่ 1-1 องคป7 ระกอบของเลขสารบบอาหาร แสดงในเครือ่ งหมาย อย.

ขอบคุณภาพจาก : https://www.facebook.com/fanemouth/photos/a.110534142355370/2798627616879329/?type=3

4.1.2 ขอกำหนดทั่วไปในการแสดงฉลากอาหาร ตามขอ 8-12 ของประกาศกระทรวง
สาธารณสุข (ฉบับที่ 367) พ.ศ. 2557 เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดย
ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ (ฉบับที่ 383) พ.ศ. 2560 เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ (ฉบับท่ี
2)

 ฉลากของอาหารตองป"ด ติด หรือแสดงไวในที่เป"ดเผยที่ภาชนะบรรจุและหรือ
หบี หอของภาชนะบรรจุอาหาร และมองเหน็ ไดชัดเจน โดยมีขนาดของฉลากสัมพนั ธ7กบั พื้นที่ของภาชนะบรรจุหรือ
หบี หอนั้น ๆ

 ฉลากของอาหารตองไมทำใหเขาใจผิดไมวาโดยทางตรงหรือทางออมระหวาง
อาหารกบั ขอความ รปู รปู ภาพ รอยประดษิ ฐ7 เครอื่ งหมาย หรอื เครอ่ื งหมายการคาท่แี นะนำผลิตภณั ฑช7 นดิ อ่ืน

 ฉลากที่มีข อความ รูป รูปภาพ รอยประดิษฐ7 เครื่องหมาย ตรา หรือ
เครอื่ งหมายการคา เคร่ืองหมายการคาจดทะเบียน ไมวาจะเป-นภาษาใดท่ปี รากฏในฉลาก ตอง

คูมอื สำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรรจทุ ีป่ "ดสนิท นำ้ แรธรามชาติ และน้ำแขง็ บรโิ ภค หนา 1 - 13

1) ไมเป-นเท็จหรือหลอกลวงใหเกิดความหลงเชื่อโดยไมสมควร หรือไมทำให
เขาใจผดิ ในสาระสาคัญ

2) ไมแสดงถึงชื่ออาหาร สวนประกอบของอาหาร อัตราสวนของอาหาร
ปริมาณของอาหาร หรอื แสดงถึงสรรพคณุ ของอาหารอนั เป-นเทจ็ หรือเปน- การหลอกลวงใหเกิดความหลงเชื่อ

3) ไมทำใหเขาใจวามีวัตถุตามขอความ ชื่อ รูป รูปภาพ รอยประดิษฐ7
เครอ่ื งหมาย หรอื เครื่องหมายการคาดังกลาวผสมอยูในอาหารโดยท่ีไมมีวัตถนุ ้ันผสมอยู หรอื มผี สมอยูในปริมาณที่
ไมอาจแสดงสรรพคุณ

4) ไมพองเสียง พองรูป กับคำหรือขอความที่สื่อถึงคุณประโยชน7 คุณภาพ
สรรพคุณ อนั เป-นการโออวด หรอื เป-นเท็จ หรอื เกนิ จรงิ หรือหลอกลวงทาใหเกิดความหลงเชอ่ื โดยไมสมควร

5) ไมขัดกับวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงามของไทยหรือสอไปในทางทำลาย
คณุ คาของภาษาไทย

6) ไมสงเสริมหรืออาจกอใหเกิดความขัดแยง ความแตกแยก หรือผลกระทบ
ในเชิงลบ ทั้งทางตรงหรือทางออมตอสังคม วัฒนธรรม ศีลธรรม ประเพณี หรือพฤติกรรมที่เกี่ยวกับเพศ ภาษา
และ ความรนุ แรง

 ฉลากท่ีแสดงเครื่องหมายการคา ใหระบุคำวา “ตรา” หรือ “เครื่องหมาย
การคา” หรือ “เครื่องหมายการคาจดทะเบียน”กำกับชื่อตรา หรือชื่อเครื่องหมายการคานั้น ดวย โดยตองมี
ลกั ษณะเหน็ ไดชัดเจน และอานไดงาย ขนาดของตวั อกั ษรตองสัมพนั ธ7กับขนาดพ้นื ทีฉ่ ลาก

4.1.3 การแสดงขอความกลาวอางบนฉลากเกี่ยวกบั สารหรือสวนประกอบอื่นใดในอาหาร
ตอง

 ไมใชกับอาหารที่มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดหามใช เชน “น้ำ
บรโิ ภคไมมวี ตั ถกุ ันเสยี ”

 ไมใชกับอาหารที่โดยธรรมชาติของอาหารน้ันไมมีสารน้ัน เชน “น้ำแข็งไมมี
คอเลสเตอรอล”

 ไมใชกับอาหารที่ในกระบวนการผลิตไมมีสารนั้นเกิดข้ึน เชน “น้ำดื่มปราศจาก
ไขมันทรานส7”

 ไมเป-นวัตถุท่ีหามใชในอาหารตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เชน “น้ำแข็ง
ปลอดสารฟอรม7 าลีน”

 ไมกอใหเกิดความเขาใจผิดในผลติ ภัณฑ7 เชน “น้ำด่ืมวติ ามนิ ”

4.2 การแสดงฉลากนำ้ แรธรรมชาตทิ ่ีผลติ เพ่อื จำหนาย
นอกจากจะตองปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขวาดวย การแสดงฉลากของ

อาหารในภาชนะบรรจุ จะตองปฏิบัติตาม ขอ 8 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบบั ที่ 199) พ.ศ.2543 เร่ือง
นำ้ แรธรรมชาติ ฉลากของน้ำแรธรรมชาติ ตองแสดงขอมูลเพม่ิ เติม ดงั น้ี

(1) แสดงชนิดของแรธาตทุ ่สี ำคัญ
(2) แสดงวัตถุประสงคใ7 นการผานกรรมวิธี เชน การทำใหตกตะกอน (decantation) หรือ
การกรอง (filtration) เพื่อกำจัดสารประกอบท่ีไมคงตวั เชน สารประกอบเหลก็ แมงกานีส กำมะถัน สารหนู เป-น
ตน
(3) แสดงคำเตือนซึ่งมีขนาดความสูงไมนอยกวา 2 มิลลิเมตร เห็นไดชัดเจนในกรอบ
สี่เหลย่ี มสีแดงพื้นขาว ดังตอไปน้ี “มีฟลูออไรด7” สำหรับน้ำแรธรรมชาติที่มีปริมาณฟลอู อไรด7มากกวา 1 มิลลิกรมั

คมู ือสำหรบั ผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรรจทุ ป่ี ด" สนทิ นำ้ แรธรามชาติ และน้ำแขง็ บริโภค หนา 1 - 14

ตอน้ำแรธรรมชาติ 1 ลิตร และตองเพิ่มคำเตือน “ผลิตภัณฑ7นี้ไมเหมาะสำหรับทารกและเด็กที่อายุต่ำกวา 7 ปd”
สำหรับน้ำแรธรรมชาติทมี่ ปี ริมาณฟลูออไรดม7 ากกวา 2 มิลลกิ รัม ตอน้ำแรธรรมชาติ 1 ลิตร

(4) ตองมีขอความเป-นภาษาไทย มีลักษณะถาวรปรากฏใหเห็นชัดเจนที่ภาชนะบรรจุ ซ่ึง
มิใชฝาของภาชนะบรรจุ แตจะมีภาษาตางประเทศดวยกไ็ ด

4.3 การแสดงฉลากนำ้ แขง็ ท่ผี ลิตเพือ่ จำหนาย
นอกจากจะตองปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขวาดวย การแสดงฉลากของ

อาหารในภาชนะบรรจุ จะตองปฏิบัติตามขอ 13 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 78 (พ.ศ.2527) เรื่อง
น้ำแข็ง และแกไขเพม่ิ เติมโดยประกาศกระทรวงสาธารณสขุ (ฉบับท่ี 254) พ.ศ.2545 เร่ือง น้ำแข็ง (ฉบบั ท่ี 3)

ฉลากของน้ำแข็งที่จำหนายตอผูบริโภคใหระบุขอความเพิม่ เติมวา “น้ำแข็งใชรับประทาน
ได” ดวยตัวอกั ษรสนี ้ำเงิน

หากเป-นน้ำแข็งท่ีมิไดจำหนายตอผูบริโภค ฉลากตองมีขอความเป-นภาษาไทย เวนแต
น้ำแข็งที่นำเขาอาจแสดงขอความเป-นภาษาอังกฤษก็ได และอยางนอยตองมีขอความวา “น้ำแข็งใชรับประทาน
ได” ดวยตวั อกั ษรสนี ้ำเงนิ หรอื “น้ำแขง็ ใชรบั ประทานไมได” ดวยตัวอักษรสีแดง แลวแตกรณี

4.4 การแสดงฉลากและการกลาวอ&างสรรพคุณของน้ำดางหรอื เครื่องด่ืมอัลคาไลน6
(1) น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิทตองมีคุณภาพมาตรฐานเป-นไปตามประกาศ

กระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 61) พ.ศ. 2524 เรื่องน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุทีป่ "ดสนิท และฉบับที่แกไขเพิ่มเติม
โดยตองมีคาความเป-นกรด -ดาง (pH) อยูระหวาง 6.5-8.5

(2) น้ำบริโภคที่มีการแตงกล่ินรส หรือเติมวิตามินและแรธาตุ ไมจัดเป-นน้ำบริโภคใน
ภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท แตจัดเป-นเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุท่ีป"ดสนิท ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับท่ี
356) พ.ศ. 2556 เรอ่ื ง เคร่อื งด่ืมในภาชนะบรรจทุ ีป่ "ดสนทิ

(3) การแสดงขอความ รูป รูปภาพ รอยประดิษฐ7 เคร่ืองหมาย ตรา หรือเครื่องหมาย
การคา เครื่องหมายการคาจดทะเบียน ไมวาจะเป-นภาษาใดที่ปรากฏบนฉลากของน้ำบริโภคและเครื่องดื่มใน
ภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท ตองไมเป-นเท็จหรือหลอกลวงใหเกิดความหลงเชื่อโดยไมสมควร หรือไมทำใหเขาใจผิดใน
สาระสำคญั ตามความในขอ 10 ของประกาศกระทรวงสาธารณสขุ (ฉบบั ที่ 367) พ.ศ. 2557 เร่ือง การแสดงฉลาก
อาหารในภาชนะบรรจุ และฉบับท่ีแกไขเพิ่มเตมิ ดงั นี้

 น้ำบริโภคและเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท ที่แสดงคาความเป-นกรด-ดาง
(pH) เชน “pH 8” หรือ pH 8.5” “pH 8+” เป-นตน เมื่อตรวจวัดคา pH ทางหองปฏิบัติการ ผลิตภัณฑ7ดังกลาว
ตองมีคา pH เป-นไปตามที่ระบุไวบนฉลาก กรณีนำ้ บริโภค คา pH ตองเป-นไปตามที่แสดงบนฉลาก แตตองไมสูง
กวา 8.5

 น้ำบรโิ ภคและเคร่ืองดมื่ ในภาชนะบรรจุทีป่ "ดสนทิ ทีแ่ สดงขอความคุณสมบัติดาน
เคมี เชน “น้ำดื่มอัลคาไลน7” “นำ้ อลั คาไลน7” “น้ำดาง” “อัลคาไลน”7 หรือ “ALKALINE” เป-นตน เมอื่ ตรวจวัดคา
pH ทางหองปฏบิ ตั กิ าร ผลติ ภัณฑ7ดังกลาวตองมคี า pH มากกวา 7 กรณีนำ้ บริโภค คา pH ตองไมสงู กวา 8.5

ทัง้ น้ี การแสดงขอความดงั กลาว ตองไมส่ือใหเกดิ ความเขาใจผิดหรอื แสดงใหเขาใจวา
สามารถบำบัด บรรเทา รักษา หรอื ปZองกนั โรค ความเจ็บปวA ย หรอื อาการของโรคได

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไมอนุญาตการแสดงขอความกลางอางทางสุขภาพ
ที่สื่อหรือแสดงใหเขาใจวา น้ำบริโภคและเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิทสามารถบำบัด บรรเทา รักษา หรือ
ปอZ งกันโรค ความเจบ็ ปAวย หรืออาการของโรคได ประกอบกบั เอกสารหร่ืองหลักฐานทางวิชาการยังไมเพยี งพอที่จะ

คมู ือสำหรับผูควบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรรจุทีป่ ด" สนิท นำ้ แรธรามชาติ และนำ้ แขง็ บริโภค หนา 1 - 15

ยืนยันถึงความแตกตางของประโยชน7ของน้ำบริโภคโดยทั่วไปซึ่งมี pH 6.5-8.5 และเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุท่ีป"ด
สนทิ ซง่ึ มี pH > 7 ท่ีมตี อสุขภาพ

ทั้งนี้ รางกายมนุษย7โดยทั่วไปมีกลไกในการปรับคาความเป-นกรด-ดาง หรือที่เรียกวา
Acid-base homeostasis ซึ่งปรับคา pH ของของเหลวในรางกายใหอยูท่ี 7.0-7.4 หรือมีสภาวะเปน- ดางเล็กนอย
ได โดยไมจำเป-นตองดื่มน้ำดาง นอกจากนี้ การดื่มน้ำดางหรือเครื่องดื่มที่มีคา pH สูงกวา 7 อาจรบกวน
กระบวนการยอยอาหารในกระเพาะอาหาร เนื่องจากนำ้ ดางจะทำใหคา pH ของนำ้ ยอยเพ่ิมสงู ข้ึน ซึง่ โดยปกติการ
ยอยอาหารจะเกดิ ไดดเี มือ่ นำ้ ยอยมีสภาพเปน- กรดแก คือ มีคา pH อยรู ะหวาง 1.6-2.5

ตวั อย!างการแสดงขอ, ความกล!าวอา, งทางสุขภาพท่ียังไมได&รบั อนญุ าต :
“น้ำดื่มอัลคาไลน/ (น้ำดาง) มีสวนชวยในการป2องกันการเกิดโรคตางๆ ชวยในการดูดซึม
เขาไปจับไขมันสวนเกินและโลหะหนักในรางกายไดดีขึ้น และยังประกอบดวยแรธาตุสารอาหารตางๆ ที่รางกาย
ตองการมากมาย จงึ ชวยปรบั สมดลุ และลดความเสย่ี งในการเกิดโรคตางๆ”
“น้ำดื่มอัลคาไลน/ชวยลดสภาวะกรดเป:นพิษในเลือด (Acidosis) ปรับสมดุล กรด-ดาง ทำ
ใหเซลล/ภายในรางกาย เกิดความสมดลุ และสขุ ภาพดี”
“น้ำดื่มอัลคาไลน/ เป:นโมเลกุลน้ำดื่มมีขนาดเล็ก สามารถดูดซึมไดดี ชวยใหการดูดซึม
อาหาร การเผาผลาญของรางกายดขี น้ึ ”
“เสรมิ สรางระบบภูมิคมุ กันของรางกาย”
“ตานอนุมูลอิสระ ที่เป:นสาเหตุของการเกิดโรคหลายชนิด อาทิเชน โรคกระดูกพรุน
(Osteoporosis), โรคหัวใจ, โรคมะเรง็ ชะลอความเสื่อม (Anti-aging)”
“ลางสารพิษในรางกาย ชวยทำใหระบบขับถายดี ทำความสะอาดลำไสไดดี ลดกรดใน
กระเพาะอาหาร, ทองอดื , โรคกรดไหลยอน”
“ลดไขมนั (คอเรสเตอรอล) ในเลอื ด”
“ลดปญN หาโรคกระดกู ไขขอเส่อื มและไขขออักเสบ”
“ป2องกนั การเกดิ น่ิวในไตหรือระบบปสN สาวะ”
เปน- ตน

อยางไรก็ตาม ผูประกอบการที่มีความประสงค7จะแสดงขอความกลาวอางดังกลาวและมี
เอกสารหลักฐานตามท่ีกำหนดไวในคูมอื สำหรับประชาชนเร่ือง การขอประเมินการกลางอางทางสขุ ภาพ (เขาถึงได
ท ี ่ http/ / www.fda.moph.go.th/ sites/food/manual/9.2_M44_Health_claims.pdf) โ ด ย เ ฉ พ า ะ ก า ร
ศึกษาวิจัยในมนุษย7ซึ่งเป-นการทดลองทางคลินิกที่มีการออกแบบอยางดีสำหรับผลิตภัณฑน7 ั้น หรือการศึกษาทาง
ระบาดวิทยาที่เก่ียวเนือ่ งกับผลิตภัณฑ7ก็สามารถย่ืนเอกสารหรือหลกั ฐานดงั กลาว ณ ศูนย7ประเมินดานโภชนาการ
และการกลาวอางทางสุขภาพของผลิตภัณฑ7อาหารแหงประเทศไทย มูลนิธิพัฒนาโภชนาการ ซึ่งเป-นหนวยงาน
ประเมินทส่ี ำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยาใหการยอมรับ เพ่ือขอรบั รายงานผลการประเมนิ กอนนำมายน่ื ตอ
สำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา เพอื่ พจิ ารณาอนญุ าตตามขัน้ ตอนตอไป

5. บทกำหนดโทษ
ผูประกอบการทีไ่ มปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย มบี ทกำหนดโทษตามพระราชบญั ญัติอาหาร สรปุ ไดดงั นี้

5.1 ดา& นการขออนญุ าต

(1) กรณีเข,าข!ายโรงงาน

คมู ือสำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรรจุที่ป"ดสนทิ นำ้ แรธรามชาติ และน้ำแข็งบริโภค หนา 1 - 16

 หากสถานทีผ่ ลติ เขาขายโรงงาน มีการตั้งโรงงานผลติ อาหารโดยไมไดรับใบอนุญาต
ผลิตอาหารเขาขายฝAาฝ2นมาตรา 14 วรรคหน่งึ มโี ทษตามมาตรา 53 ตองระวางโทษจำคุกไมเกนิ 3 ปd หรือปรับไม
เกิน 30,000 บาท หรือทงั้ จำทง้ั ปรับ

 กรณีผลิตเพื่อจำหนายอาหารโดยไมไดรบั อนุญาตเลขสารบบอาหาร เขาขายฝAาฝ2น
ประกาศฯ ซงึ่ ออกตามมาตรา 6 (10) มโี ทษตามมาตรา 51 ตองระวางโทษปรับไมเกิน 30,000 บาท

(2) กรณีไมเ! ขา, ขา! ยโรงงาน
 หากสถานที่ผลิตไมเขาขายโรงงาน มีการผลิตอาหารโดยยังไมไดรับอนุญาตเลข

สารบบอาหาร เขาขายฝาA ฝ2นประกาศฯ ซงึ่ ออกตามมาตรา 6(10) มโี ทษตามมาตรา 51 ตองระวางโทษปรับไมเกิน
30,000 บาท

(3) กรณีนำหรอื สั่งอาหารเข,ามาในราชอาณาจกั ร

 หากมีการนำเขาอาหารโดยไมไดรับอนุญาต เขาขายฝAาฝ2นมาตรา 15 วรรคหน่ึงมี
โทษตามมาตรา 53 ตองระวางโทษจำคกุ ไมเกนิ 3 ปd หรือปรับไมเกิน 30,000 บาท หรอื ทั้งจำท้ังปรับ

 กรณีนำเขาเพื่อจำหนายอาหารโดยไมไดรับอนุญาตเลขสารบบอาหาร เขาขาย
ฝAาฝน2 ประกาศฯ ซึ่งออกตามมาตรา 6 (10) มีโทษตามมาตรา 51 ตองระวางโทษปรับไมเกิน 30,000 บาท

5.2 ด&านสขุ ลกั ษณะของสถานที่ผลติ
ผูผลิตท่ไี มปฏบิ ตั ิตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2563 ออกตามความ

ในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใชในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร
เขาขายฝAาฝ2นประกาศฯ ซึ่งออกตามมาตรา 6 (7) มีโทษตามมาตรา 49 ตองระวางโทษปรับไมเกิน 10,000 บาท
และขอใหงดผลิตเพ่ือจำหนาย จนกวาจะปรบั ปรงุ แกไขใหเปน- ไปตามเกณฑ7ท่กี ฎหมายกำหนด

5.3 ดา& นคุณภาพผลิตภณั ฑ6
คุณภาพผลิตภณั ฑ7ตองเปน- ไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขทีเ่ กยี่ วของ
 กรณีคุณภาพมาตรฐานไมเป-นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขทีเ่ กี่ยวของ เขาขาย

เป-นอาหารผิดมาตรฐาน ตามมาตรา 28 ฝAาฝ2นมาตรา 25 (3) โทษตามมาตรา 60 ตองระวางโทษปรับไมเกิน
50,000 บาท

 กรณีพบสิ่งที่นาจะเป-นอันตรายแกสขุ ภาพเจอื ปนอยู เขาขายเป-นอาหารไมบริสทุ ธิ์ ตาม
มาตรา 26 ฝAาฝน2 มาตรา 25 (1) โทษตามมาตรา 58 ตองระวางโทษจำคุกไมเกนิ 2 ปหd รอื ปรับไมเกนิ 20,000 บาท
หรอื ทง้ั จำทั้งปรบั ทัง้ นผี้ อู นุญาตมอี ำนาจ

o สง่ั ใหงดผลิต โดยใชอำนาจในมาตรา 30 (2)
o ประกาศผลการตรวจพิสูจน7วาอาหารรายใดไมบริสุทธิ์ ตามมาตรา 26 โดยใช
อำนาจตามมาตรา 30 (3)
o สั่งยกเลิกเลขสารบบอาหารที่มีลักษณะเป-นอาหารไมบริสุทธิ์ตามมาตรา 26
ตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาวาดวยการดำเนินการเกีย่ วกบั เลขสารบบอาหาร

5.4 ด&านภาชนะบรรจุ
ผูผลิตตองใชภาชนะบรรจุเป-นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวของ หากใช

ภาชนะบรรจุไมเป-นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดจะถือเป-นการฝAาฝ2นประกาศฯ ซึ่งออกตามมาตรา 6 (6) มีโทษตาม
มาตรา 48 ตองระวางโทษจำคกุ ไมเกิน 2 ปdหรอื ปรบั ไมเกิน 20,000 บาท หรอื ทง้ั จำทั้งปรบั

คูมอื สำหรบั ผูควบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรรจทุ ี่ปด" สนิท นำ้ แรธรามชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค หนา 1 - 17

5.5 ด&านการแสดงฉลาก
(1) กรณีฉลากไมถ! กู ต,อง
กรณีผลิตภัณฑ7แสดงฉลากไมถูกตองตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวของ

เขาขายฝAาฝน2 ประกาศฯ ซงึ่ ออกตามมาตรา 6 (10) มีโทษตามมาตรา 51 ตองระวางโทษปรับไมเกนิ 30,000 บาท

(2) กรณฉี ลากเพอ่ื ลวง
กรณีผลิตภัณฑ7แสดงฉลากเพื่อลวง เขาขายฝAาฝ2นประกาศซึ่งออกตามมาตรา 6(10)

มีโทษตามมาตรา 51 ตองระวางโทษปรับไมเกิน 30,000 บาท และเขาขายเป-นอาหารปลอม อาหารที่มีฉลากเพ่อื
ลวง หรือพยายามลวงผูซื้อใหเขาใจผิดในเรื่องคุณภาพ ปริมาณ ประโยชน7 หรือลกั ษณะพิเศษอยางอื่นหรือในเรื่อง
สถานที่และประเทศที่ผลิต ตามมาตรา 27 (4) ฝAาฝ2นมาตรา 25 (2) มีโทษตามมาตรา 59 ตองระวางโทษจำคุก
ตัง้ แต 6 เดือนถึง 10 ปd และปรบั ตง้ั แต 5,000 บาทถงึ 100,000 บาท

ทั้งนี้ผูอนุญาตมีอำนาจสั่งยกเลิกเลขสารบบอาหารที่มลี กั ษณะเป-นอาหารปลอมตาม
มาตรา 27 ตามระเบยี บสำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยาวาดวยการดำเนนิ การเก่ยี วกบั เลขสารบบอาหาร

(3) กรณีกล!าวอ,างทางสุขภาพโดยไม!ไดร, บั อนญุ าต
 กลาวอางไวที่ฉลากอาหาร เขาขายฝAาฝ2นประกาศฯ ซ่ึงออกตามมาตรา 6 (10) มี

โทษตามมาตรา 51 ตองระวางโทษปรบั ไมเกนิ 30,000 บาท
 กรณีโฆษณาขอความกลาวอางตามสื่อตางๆ โดยไมไดรบั อนุญาตเป-นการกระทำท่ี

ฝAาฝ2นมาตรา 41 ตองระวางโทษปรับไมเกิน 5,000 บาท และขอความที่แสดงนั้นสื่อใหเขาใจวาผลิตภัณฑ7อาหาร
นั้นสามารถบำบัด บรรเทา รักษา หรือปZองกันโรค ความเจ็บปAวย หรืออาการของโรค เป-นการกระทำที่ฝAาฝ2น
มาตรา 40 ตองระวางโทษจำคุกไมเกิน 3 ปd หรือปรบั ไมเกนิ 30,000 บาท หรอื ทงั้ จำท้งั ปรบั

------------------------------------------------------------------------------

คมู ือสำหรับผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรรจุทป่ี "ดสนทิ นำ้ แรธรามชาติ และน้ำแขง็ บรโิ ภค หนา 1 - 18

บทท่ี 2

น้ำดบิ และการปรับคุณภาพน้ำเบือ้ งตน

ความสําคัญ

คุณภาพของน้ำดิบมีความสําคัญตอกระบวนการผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท น้ำแร
ธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภคเป2นอยางมาก เนื่องจากเป2นขอมูลหลักที่ใชในการออกแบบระบบการกรอง และ
สามารถสะทอนถึงตนทุนการผลิตและการบํารุงรกั ษา ดังน้ัน ผูประกอบการจึงตองมผี ลการวิเคราะห7 คุณภาพน้ำ
ดบิ ทพ่ี รอมใชในการตัดสนิ เลือกระบบการปรับสภาพน้ำ นอกจากนี้ ผลการวเิ คราะห7คุณภาพน้ำดิบยังใชในการเฝ9า
ระวังการแปรเปลี่ยนคุณภาพน้ำดิบของผูประกอบการและเป2นขอมูลสําหรับเจาหนาที่ในการตรวจสอบความ
ถูกตองเหมาะสมของระบบการกรองที่โรงงานใชในการผลิต ทั้งนี้ ขอมูลคุณภาพน้ำดิบรวมกับขอมูลระบบที่ใชใน
การกรองจะสามารถทํานายไดวาน้ำที่ผลิตขึ้นมาจะผานมาตรฐานดานฟ"สิกส7 เคมี และ จุลินทรีย7 ตามประกาศ
กระทรวงสาธารณสขุ วาดวยเรอื่ ง น้ำบริโภคในภาชนะบรรจทุ ปี่ "ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแขง็

แหลง% ของน้ำดิบ

แหลงน้ำดบิ ในธรรมชาติ แบงไดเปน2 3 แหลงใหญๆ ไดแก น้ำผิวดนิ น้ำใตดิน และน้ำประปา แหลงน้ำท่ี
นํามาใช ในการผลติ น้ำดืม่ ตองมีคุณภาพดพี อสมควร หางจากแหลงโสโครก สิ่งปฏิกลู และกิจกรรมที่กอใหเกิดการ
ปนเปBAอนส่งิ ที่เป2นอนั ตรายลงไปในแหลงน้ำ เชน โรงงานอุตสาหกรรม การทาํ เกษตรท่มี ีการใชสารเคมี

น้ำผิวดิน ไดแก น้ำแมน้ำ น้ำบอ น้ำสระ น้ำในคูคลอง น้ำตก ฯลฯ มีการเปลี่ยนแปลงไดตาม
สภาพแวดลอม เชน ฤดูกาล การใชประโยชน7 ทําใหมีคุณภาพไมสม่ำเสมอ และมีผลตอผลิตภัณฑ7 ผูประกอบการ
ตองเฝ9าระวังสังเกตการเปลี่ยนแปลง เพ่อื สามารถเตรยี มการไดอยางเหมาะสม

น้ำใตดิน ไดแก น้ำบาดาล มักมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดลอมนอยมาก จึงมีคุณภาพที่สม่ำเสมอ
กวา

น้ำประปา กรณีใชน้ำประปาเป2นน้ำดิบแทบไมมีโอกาสปนเปABอนในระหวางการสง เนื่องจากภายในทอ
สงน้ำประปามีแรงดันเป2นบวก ดังนั้น หากมีการรั่วซึม น้ำจะถูกดันใหไหลออก ภายนอกทอ อยางไรก็ตาม หากมี
การปมBG น้ำโดยตรงจากทอสงน้ำสาธารณะ จะทําใหแรงดันภายในทอทเ่ี คยเปน2 บวก กลับมีความเป2นสญุ ญากาศเป2น
ชวงๆตามจังหวะการ ปGBมน้ำ ซึ่งหากทอสงน้ำเกิดการรั่วซึม จะดูดสิ่งปนเปABอนทีอ่ ยูรอบทอที่รั่วเขาสูระบบประปา
ทําใหเกดิ การปนเปBAอนในน้ำดิบ จนอาจทาํ ใหเกิดอนั ตรายตอผบู ริโภคได โดยเฉพาะ หากน้ำประปานั้นไมมีปริมาณ
คลอรีนทส่ี งู เพียงพอ ดังนั้น การตอทอนําน้ำดิบมาใชตองระวงั มิใหทอมีการรัว่ ซึม และหากใชน้ำประปา ควรตรวจ
ปรมิ าณคลอรีนคงเหลือใหมีปรมิ าณเพียงพอ และมใิ หปBGมน้ำโดยตรงจากทอสงน้ำสาธารณะ

สำหรับกรณีผลิตน้ำแร%ธรรมชาติ แหลงนำ้ แรมีตนกำเนดิ จากน้ำฝนท่ีผานการกรองและกกั เก็บในชั้นหิน
ธรรมชาติเป2นเวลานานเชนเดียวกับน้ำบาดาล ตางกันตรงที่น้ำแรธรรมชาติมีชนิดและปริมาณแรธาตุเป2น
องค7ประกอบที่มีคุณสมบัติเฉพาะตามแหลงที่มาของน้ำแรนั้นๆ เชน หินปูน ทำใหน้ำมีแคลเซียมสูง หินอัคนีเกิด
จากการปะทุของภูเขาไฟใหโซเดียมมาก กระบวนการขางตนใชเวลานานหลาย ๆ ปI ดังนั้นน้ำแรธรรมชาติจึงมี
ความสะอาดผานการกรองจากชนั้ ดินตาง ๆ มาอยางดี มีการกรองเอาสารที่แขวนลอยอยใู นน้ำและเชื้อโรคไวเกือบ

คมู ือสำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนทิ น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ บรโิ ภค หนา 2 - 1

หมด จากหลักการนี้จึงอาจกลาวไดวาน้ำแรธรรมชาติเป2นน้ำที่สามารถบริโภคไดโดยไมตองผานกระบวนการใด
การผลติ จึงตองออกแบบใหสามารถคงความบรสิ ทุ ธิ์ของนำ้ แรตามธรรมชาติตามคณุ สมบัตสิ ำหรบั แหลงน้ำแรนั้น ๆ
ดั้งนนั้ การขดุ เจาะตองมขี ั้นตอนควบคมุ ทส่ี ามารถป9องกันการปนเปABอนจากสิง่ แวดลอมได โดยมีหลักฐานดงั ตอไปนี้

1. รายงานการตรวจสอบแหลงน้ำบาดาล โดยนักธรณีวิทยาที่นาเชื่อถือ เชน ผานการอบรม และไดรับ
การรับรองจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ตรวจสอบรายชื่อไดจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล) หรือนักธรณวี ิทยาท่ี
ทำงานสังกัดภาครัฐ เชน สำนักทรพั ยากรน้ำบาดาล สำนกั งานอุตสาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมืองแร เปน2 ตน โดย
รายงานดังกลาวจะแสดงขอมูลที่เกี่ยวของ เชน ทีต่ ั้งจุดที่ตรวจสอบ ลักษณะสภาพภูมิประเทศของตำแหนงที่ตั้ง
และใกลเคียง ลักษณะทางธรณีวทิ ยา การเก็บตัวอยางและวิเคราะห7คุณภาพน้ำ ผลการตรวจวิเคราะห7ตัวอยางน้ำ
สรุปและความคิดเห็น เป2นตน ทั้งนี้ในรายงานดังกลาวตองมีการระบุเพิ่มเติมดวยวาน้ำทีข่ ุดเจาะขึ้นมานั้นเป2นนำ้
จาก “แหลงนำ้ ชื่ออะไร”

2. ใบอนุญาตขุดเจาะน้ำบาดาล จากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เนื่องจากการขุดเจาะจะมีขั้นตอนที่
สามารถป9องกันการปนเปABอนจากสิ่งแวดลอมซึ่งจะมีผลตอคุณภาพทางเคมีหรือกายภาพของน้ำแรธรรมชาติ โดย
ระดับความลกึ ของแหลงนำ้ ที่ขุดเจาะตองเพียงพอทจี่ ะไมมีสารปนเปBAอน เชน โลหะหนกั หรอื สารปนเปBAอนอนื่ ๆ

3. ใบอนุญาตใชน้ำบาดาล จากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งจะตองระบุวตั ถุประสงค7ของใชน้ำบาดาลวา
เพ่อื ธรุ กิจ (การคา) และตองแนบรายงานการตรวจสอบแหลงน้ำบาดาลตามขอ 1. เพ่ือประกอบการพจิ ารณาดวย

คุณภาพของน้ำดบิ

ปGจจัยที่เปน2 ตวั ช้ีคุณภาพของน้ำดิบที่ตรวจวดั ได ประกอบดวย 3 ดาน ไดแก ฟ"สิกส7 เคมี และ จุลินทรยี 7
สวนคณุ ภาพดานประสาทสมั ผัสสวนหน่ึงเป2นผลกระทบจากปจG จัยท้งั 3 ดาน แตอกี สวนหนง่ึ อาจเกดิ จากปจG จยั อ่ืน
ที่ตรวจวดั ไดยาก จึงยังจาํ เป2นตองใชการดมและชมิ ประกอบในการตัดสนิ คณุ ภาพดวย

ทั้งนี้ ปGจจัยคุณภาพท่ีควรมีการตรวจสอบในน้ำดิบที่น้ำมาใชผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท
และน้ำแข็งบริโภค ดังแสดงในตารางที่ 2-1 และสำหรับกรณีผลิตน้ำแรธรรมชาติ ปGจจัยคุณภาพที่ควรมีการ
ตรวจสอบในน้ำดิบ ดงั แสดงในตารางที่ 2-2

ตารางที่ 2-1 ปGจจัยคุณภาพที่ควรมีการตรวจสอบในน้ำดิบที่ใชในการผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท
และนำ้ แขง็ บรโิ ภค

ป-จจัยคุณภาพ รายการทค่ี วรตรวจสอบในนำ้ ดบิ

คณุ ภาพทางฟ"สิกส7 : สี กลิน่ อุณหภมู ิ ความขนุ คาความเป2นกรด-ดาง (คาพเี อช) เปน2 ตน

คุณภาพทางเคมี : − ปริมาณสารทงั้ หมด (Total Solid)
ความกระดางทั้งหมด (คำนวณเป2นแคลเซียมคาร7บอเนต)

− ธาตุหรือสารประกอบตาง ๆ ทม่ี ักพบในน้ำดิบ อยางนอยดงั ตอไปนี้
1. คลอไรท7 (คำนวณเป2นคลอรีน)
2. ไนเตรท (คำนวณเปน2 ไนโตรเจน)
3. ฟลอู อไรด7 (คำนวณเปน2 ฟลอู อรีน)

คมู ือสำหรบั ผูควบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปด" สนิท นำ้ แรธรรมชาติ และน้ำบรโิ ภค หนา 2 - 2

ป-จจยั คุณภาพ รายการท่ีควรตรวจสอบในนำ้ ดบิ

4. เหล็ก
5. ตะกว่ั
คุณภาพทางจลุ ินทรยี 7 : มักมีความจําเพาะตามแหลงที่มา โดยจุลินทรีย7กอโรคมักมีโอกาสพบมากในน้ำผิวดิน
ซึ่งมีความหลากหลายของชนิดจุลินทรีย7อยางมาก กฎหมายจึงกําหนดให ตรวจสอบ
จุลินทรีย7ในกลุมโคลิฟอร7มเป2นหลัก เนื่องจากเป2นกลุมจุลินทรียท7 ี่มีมากชนิด และมัก
พบในซากพืชและสัตว7ที่เนา รวมถึงอุจจาระสัตว7 ทําใหอนุมานไดวา น้ำนั้นอาจ
ปนเปABอนจุลินทรีย7กอโรค ทั้งน้ี มิใชจุลินทรีย7ทุกชนิดในกลุมโคลิฟอร7มที่สามารถกอ

โรคได นอกจากนี้ ยังใหวิเคราะห7จุลินทรีย7กอโรคประเภท อี.โคไล (ซึ่งอยูในกลุม
โคลฟิ อรม7 เชนกัน) เนื่องจากมักพบในอุจจาระมนุษย7และบางสายพันธุ7กอโรคได

ขอแนะนำ : จุลนิ ทรียในกลมุ โคลิฟอรมและอีโคไลสามารถทาํ ลายไดดวยคลอรีนท่ีเติม
ลงในกระบวนการฆาเช้ือในน้ำดิบ จึงไมจำเปน, ตองสงนำ้ ดิบเพื่อวิเคราะห
คุณภาพทางจลุ ินทรีย เพื่อลดคาใชจายในสวนนี้

ตารางท่ี 2-2 ปGจจัยคณุ ภาพทีค่ วรตรวจสอบในนำ้ ดบิ ทใี่ ชในการผลติ นำ้ แรธรรมชาติ

ปจ- จัยคุณภาพ รายการท่คี วรตรวจสอบในน้ำดิบ

แรธาตุสำคัญที่เป2นคุณสมบัติสำหรับ เชน แคลเซียม โปแตสเซียม โซเดียมไอโอดีน เกลือไบคาร7บอเนต

แหลงนำ้ น้นั ๆ ฟลูออไรด7 เปน2 ตน

ผลวิเคราะห7ที่เป2นหลักฐานชี้บงวา ดงั มีรายการตอไปนี้

หากมกี ารปนเปอBA นสารเหลานี้แลวจะ 1) ไซยาไนด7 ไมเกนิ 0.07 มิลลกิ รมั / นำ้ แรธรรมชาติ 1 ลิตร
2) ไนไตรต7 ไมเกิน 0.02 มิลลิกรมั / น้ำแรธรรมชาติ 1 ลติ ร
ไมใชแหลงนำ้ ตามธรรมชาติ
3) ไมพบสารกำจัดศตั รูพืชและสัตว7

4) ไมพบโพลคี ลอรเิ นตเดตไนพนี ีล

5) ไมพบสารลดการตงึ ผวิ

6) ไมพบนำ้ มนั แร *

7) ไมพบโพลนี ิวเคลียรอ7 ะโรแมติกไฮโดรคารบ7 อน *

หมายเหตุ : “น้ำมันแร” และ “โพลีนิวเคลียร7อะโรแมติก

ไฮโดรคาร7บอน” ยังไมมีหองปฏิบัติการสามารถตรวจ

วเิ คราะหไ7 ด ดังนัน้ จงึ ขอใหมผี ลวิเคราะห7เฉพาะรายการ

ท่ี 1-5

คณุ ภาพทางฟส" ิกส7 ตองใส ไมมตี ะกอน

คุณภาพทางเคมี กำหนดชนดิ และปริมาณของแรธาตุท่ีไมเปน2 อันตรายตอรางกาย ไดแก

− ทองแดง ไมเกนิ 1 มลิ ลกิ รัม / นำ้ แรธรรมชาติ 1 ลติ ร
− แมงกานสี ไมเกิน 2 มิลลกิ รมั / น้ำแรธรรมชาติ 1 ลิตร
− บอเรต ไมเกิน 5 มิลลกิ รัม / นำ้ แรธรรมชาติ 1 ลติ ร

คมู อื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจุท่ีปด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ บรโิ ภค หนา 2 - 3

ปจ- จัยคณุ ภาพ รายการทคี่ วรตรวจสอบในน้ำดิบ
คุณภาพทางจุลนิ ทรยี 7
− สารหนู ไมเกนิ 0.05 มลิ ลกิ รัม / นำ้ แรธรรมชาติ 1 ลติ ร
− แบเรยี ม ไมเกนิ 1 มลิ ลิกรมั / น้ำแรธรรมชาติ 1 ลติ ร
− แคดเมียม ไมเกิน 0.003 มลิ ลิกรมั / นำ้ แรธรรมชาติ 1 ลิตร
− โครเมยี ม ไมเกิน 0.05 มลิ ลิกรมั / นำ้ แรธรรมชาติ 1 ลติ ร
− ตะกวั่ ไมเกิน 0.01 มิลลิกรมั / น้ำแรธรรมชาติ 1 ลติ ร
− ปรอท ไมเกนิ 0.001 มลิ ลกิ รัม / น้ำแรธรรมชาติ 1 ลิตร
− ซิลเี นียม ไมเกิน 0.05 มิลลิกรัม / น้ำแรธรรมชาติ 1 ลติ ร
− ไนเตรต ไมเกิน 50 มลิ ลิกรัม / น้ำแรธรรมชาติ 1 ลิตร
− พลวง ไมเกนิ 0.005 มลิ ลิกรัม / นำ้ แรธรรมชาติ 1 ลิตร
− นเิ กลิ ไมเกิน 0.02 มิลลิกรมั / นำ้ แรธรรมชาติ 1 ลิตร
− แบคทเี รียชนิดโคลิฟอร7มนอยกวา 2.2 ตอนำ้ แรธรรมชาติ 100 มล.
− ไมพบแบคทเี รยี ชนดิ อี.โคไล (Escherichia coli)
− แซลโมเนลลา (Salmonella spp.)ไมพบใน 100 มลิ ลลิ ิตร (mL)
− สแตฟ"โลคอ็ กคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ไมเกนิ 100

ใน 100 มลิ ลลิ ติ ร (CFU/100 mL)

(น้ำแรธรรมชาติ มีคุณภาพและความปลอดภัยตามแหลงกำเนิด
ธรรมชาติ ปราศจากจุลินทรีย7 การตรวจวิเคราะห7จุลินทรีย7จึงมีความ
จำเป2นเพือ่ พิสูจน7ความบริสุทธิ์ของน้ำแรธรรมชาติเพื่อใชประกอบการ
เลือกแหลงน้ำดิบที่เหมาะสม และช้ีบงความเหมาะสมของกระบวนการ
นำน้ำแรจากแหลงกำเนิดมาใชผลิต เพื่อเป2นขอมูลปรับปรงุ กระบวนการ
ขดุ เจาะและลำเลียง)

การตรวจวเิ คราะห0นำ้ ดิบ

การสงตวั อยางน้ำดบิ เพอ่ื วเิ คราะหค7 ุณภาพกอนดําเนนิ กิจการจะชวยใหผูประกอบการสามารถ ออกแบบ
ระบบการผลิตบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค ไดอยางเหมาะสมและไมเสีย
คาใชจายในการบาํ รงุ รกั ษาโดยไมจําเป2น

สํานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ประสงค7ใหผูประกอบการมีการเฝ9าระวัง
คุณภาพของน้ำดิบ จึงกําหนดใหผูประกอบการที่ผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนทิ และน้ำแข็งบริโภคตอง
สงตัวอยางที่เก็บจากแหลงน้ำดิบเพื่อวิเคราะห7คุณภาพทางฟ"สิกส7 และเคมี สำหรับผูประกอบการที่ผลิตน้ำแร
ธรรมชาติตองตรวจวิเคราะหค7 ุณภาพทางจลุ ินทรีย7เพ่มิ ดวย

คมู อื สำหรบั ผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจุทีป่ ด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ บรโิ ภค หนา 2 - 4

ทั้งนี้ตองสงตัวอยางน้ำดิบตรวจวิเคราะห7อยางนอยปIละ 1 ครั้ง หรือทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแหลงน้ำ แต
หากผปู ระกอบการ (โดยเฉพาะผูท่ใี ชนำ้ ผวิ ดิน) ควรตระหนกั วาคณุ ภาพน้ำดิบมีความแปรปรวนสงู ควรสงวเิ คราะห7
ทกุ 6 เดือน

อีกทั้งควรสงตรวจวิเคราะห7โดยหองปฏิบัติการของราชการหรือเอกชนท่ีไดรับการรับรองระบบงาน
มาตรฐานหองปฏิบัติการจากหนวยรับรองระบบงาน (Accreditation Body) แลว อยางไรก็ตามผลการตรวจ
วิเคราะห7นี้เป2นผลวเิ คราะห7เบื้องตนสำหรับนำมาใชประเมินความเหมาะสมของระบบการปรับคุณภาพน้ำเทาน้ัน
จึงอนุโลมใหใชหองปฏิบตั ิการนอกเหนือจากที่กลาวขางตนได หรือบางรายการที่มีชุดทดสอบ ผูประกอบการอาจ
ใชชุดทดสอบในการตรวจวิเคราะหเ7 บอ้ื งตนได

สิง่ ทีส่ ำคัญที่สดุ ผูประกอบการตองมีผลวิเคราะห7น้ำดิบตามระยะเวลาที่กําหนดและตองเขาใจผลการ
วิเคราะหแ7 ละใชเปรยี บเทียบกบั ผลเดิมที่มีอยู เพอื่ สังเกตการเปล่ียนแปลงของปจG จัยที่อาจมีผลใหผลิตภัณฑ7ไมผาน
มาตรฐานได ซึ่งบางครง้ั ยังสามารถใชบอกปGญหาทีอ่ าจเกิดกบั ผลิตภัณฑ7ไดดวย

การปรบั คณุ ภาพน้ำดิบเบื้องตน (สำหรับบริโภคในภาชนะบรรจุทป่ี 3ดสนิท และนำ้ แขง็ บริโภค)

หวั ขอน้จี ะกลาวถึงการปรับคณุ ภาพน้ำดิบเบื้องตน ท่ีจะนำไปใชผลิตนำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจุท่ีป"ดสนิท
และน้ำแข็งบริโภค ซึ่งมีวัตถุประสงค7เพื่อลดการปนเปABอนเบื้องตน มิใหสิ่งสกปรกที่ปนเปABอนมากับน้ำดิบไปเป2น
ภาระในการดแู ลบำรุงรักษาระบบกรองในขั้นตอนตอไป ในขณะที่การผลิตนำ้ แรธรรมชาติมีวัตถปุ ระสงค7ที่ตางกนั
ออกไปกลาวคือตองการคงรักษาความเป2นธรรมชาติของน้ำแรจากแหลงกำเนิดใหมากทีส่ ุด จึงมไิ ดกลาวรวมกันใน
หวั ขอนี้ ใหศกึ ษาไดในบทที่ 6 การควบคุมการปรบั คณุ ภาพน้ำแรธรรมชาติ

กรณีผลิตน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท และน้ำแข็งบริโภค น้ำดิบที่มาจากแหลงตาง ๆ มักมี
คุณภาพและสิ่งปนเปABอนที่หลากหลาย คุณภาพบางตัวอาจปรับไดยากในกระบวนการผลิต หรือบางครั้งอาจ
เปลย่ี นไประหวางกระบวนการผลิต สวนสง่ิ ปนเปอAB นบางชนดิ อาจกอปGญหาในกระบวนการผลติ ส่ิงปนเปABอนเหลาน้ี
รวมถึงทางฟ"สิกส7 เคมี และจุลินทรีย7

ดังนั้น ผูประกอบการจึงจําเป2นตองปรับคุณภาพของน้ำดิบในเบื้องตนใหเหมาะสมกอนผานเขาสู
กระบวนการผลิต โดยใชวิธกี ารตาง ๆ ดงั นี้

การปรบั คุณภาพทางฟ3สิกส0และเคมี

1. การเติมอากาศ (Aeration) เป2นการทําใหน้ำดิบสัมผัสกับอากาศ เพื่อลดความเขมขนของ
กาp ซ สารบางชนิดท่รี ะเหยได และโลหะท่ีปนเปABอนในน้ำ เชน ธาตเุ หลก็ การเตมิ อากาศดำเนินการไดหลายวิธี เชน
การทาํ ใหน้ำเป2นแผนฟ"ลม7 หรือทาํ เป2นน้ำตก การพนน้ำใหสัมผัสอากาศ หรือการพนอากาศเขาไปในน้ำ

2. การตกตะกอนดวยสารเคมี (Coagulation) เพื่อใหสารแขวนลอยที่มีอนุภาคเล็ก ๆ รวมตัว
กันเป2นอนุภาคใหญและตกตะกอนลงมา ทําใหงายตอการกําจัดออกโดยการเติมสารเคมีที่ทําใหตกตะกอน ซึง่ มัก
เป2นสารเคมีที่ประกอบดวยโลหะที่มีคาวาเลนท7 2 หรือมากกวา เชน อลูมิเนียมซัลเฟต เฟอรัสซัลเฟต โพลี
อลูมิเนียมคลอไรด7 และสารเคมีที่ชวยในการเกิดตะกอน เชน โซเดียมคาร7บอเนต นอกจากนี้ การเติมคลอรีนเพ่ือ
ฆาเชื้อโรคในน้ำดิบ (ดังที่จะกลาวตอไป) ยังเรงปฏิกิริยาในการตกตะกอนธาตุเหล็กที่อยูในน้ำดวย จึงจําเป2นตอง
ตรวจสอบถงั น้ำดบิ ทีม่ ีการเติมคลอรนี ตามชวงเวลาท่ีเหมาะสม เพอื่ ถายตะกอนเหล็กจากกนถงั ทิ้งไป

คมู อื สำหรบั ผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจุทป่ี ด" สนิท นำ้ แรธรรมชาติ และนำ้ บรโิ ภค หนา 2 - 5

3. การตกตะกอนโดยวิธีธรรมชาติ (Sedimentation) โดยปลอยน้ำดบิ ไวเพื่อใหตะกอนตกลง
สกู นถงั โดยแรงดงึ ดดู ของโลก ทําใหปริมาณสารแขวนลอยที่เปน2 ตะกอนหนกั (Settle-able solids) ลดลง

4. การกรอง (Filtration) นิยมใชกรวดทรายกรองน้ำบาดาลเพ่ือกําจัดสิง่ เจือปนทางฟ"สกิ ส7 เชน
ตะกอน สารแขวนลอย รวมทั้งใชผงถานกัมมันต7 (Activated carbon) ที่มีลักษณะคลายถาน บดละเอียดสีดํา
กรองน้ำเพือ่ ดูดสี และกลนิ่ ทเี่ จือปนอยใู นน้ำ

5. การปรับค%าความเปLนกรด - ด%าง (ค%าพีเอช) เกณฑ7มาตรฐานของน้ำบริโภคกําหนดใหมคี า
พีเอช = 6.5 - 8.5 ซึ่งเป2นคาที่มักพบในน้ำธรรมชาติทว่ั ไป หากพบคาพีเอชของน้ำไมไดตามมาตรฐาน ควรปรับคา
พีเอช ของน้ำดบิ กอนเขาสูกระบวนการผลติ ดงั นี้

5.1 น้ำดิบมีสภาพเป2นกรด (คาพีเอช < 6.5) อาจเติมสารเคมีเพื่อปรับคาพีเอชของน้ำดิบ
ใหสูงขึ้น เชน ปูนขาว (แคลเซียมออกไซด7) โซดาแอช (โซเดียมคาร7บอเนต) ผงฟู (โซเดียมไบคาร7บอเนต) และ
โซดาไฟ (โซเดียมไฮดรอกไซด)7

5.2 น้ำดิบมีสภาพเป2นดาง (คาพีเอช > 8.5) อาจเติมสารเคมีเพื่อปรับคาพีเอชของน้ำดิบ
ใหลดลง เชน กรดกํามะถัน (กรดซัลฟรู ิก) กรดเกลือ (กรดไฮโดรคลอรกิ ) หรือกรดแกอน่ื ๆ

สารเคมีที่ใช ในการปรับค าพีเอช ควรเลือกที่ใช กับอาหาร (food grade) และ
ผูประกอบการควรมคี วามรใู นการใชสารเคมปี รบั คาพีเอชของน้ำดบิ ดวย เพื่อความปลอดภยั ของผบู ริโภค

การปรบั คณุ ภาพทางจลุ ินทรยี 0

กระบวนการปรับคุณภาพทางจลุ ินทรีย7 ที่งาย สะดวก และมีประสิทธิภาพในการฆาเชื้อโรค คือ
การใชคลอรีน ซึ่งขั้นตอนนี้จัดวามีความสําคัญมากที่สุดในการจัดการคุณภาพดานจุลินทรีย7ของผลิตภัณฑ7น้ำ
บริโภคในภาชนะบรรจุที่ป"ดสนิท และน้ำแข็งบริโภค จึงไดกําหนดแนวทางการตรวจประเมินสําหรับเจาหนาที่ให
ตรวจสอบสถานประกอบการวามีการเติมคลอรีนในปริมาณ และวิธีการที่ถูกตอง ทั้งนี้หากไมมีการเติมคลอรีน
จําเป2นตองมีการตรวจสอบวาน้ำดิบที่จะใชในผลิตมีปริมาณคลอรีนคงเหลืออยูในปริมาณที่เพียงพอในการฆาเช้ือ
โรคหรือไม

ประสิทธิภาพในการฆ%าเช้อื ของคลอรนี

การใชคลอรีนฆาเช้ือโรคอยางมีประสิทธิภาพ ข้นึ อยกู ับปGจจัยหลายประการ ดงั นี้

1. ความเขมขนของคลอรีนอิสระ คลอรีนท่เี ติมลงไปในน้ำดบิ จะแตกตวั ใหปริมาณคลอรนี อิสระ
และจะไปทำปฏิกริยากับอินทรีย7สารที่มีในน้ำดิบกอนซึ่งจะสูญเสียคลอรีนอิสระไปมากหากน้ำดิบขุน มีสาร
แขวนลอย หรอื มีอนิ ทรียส7 ารมาก คลอรนี อสิ ระทเ่ี หลอื จึงจะเขาทำลายเช้ือโรค เพอ่ื ประสทิ ธภิ าพในการฆาเช้ือควร
มีปริมาณคลอรีนอสิ ระคงเหลือในน้ำหลงั เติมและท้ิงไวใหคลอรีนทำปฏกิ ริยาและฆาเช้ือโรคในน้ำเป2นเวลา 30 นาที
อยางนอย 0.5 พีพีเอ็ม1 (สามารถลดปริมาณเชื้อ อี.โคไล และเชื้อไวรัส ในน้ำไดมากกวา 99% แตไมสามารถ
ทำลายพยาธิและโปรโตซวั ระยะแพรเชื้อได ทั้งนี้นำ้ ตองมีความขุนไมเกิน 1 NTU และมีคาพีเอชไมเกิน 8) และคง
อยใู นระหวางการเก็บในถังพกั น้ำกอนนำไปผลติ อยางนอย 0.2 พีพีเอม็ (WHO, 2011)

1 WHO Guidelines for Drinking-water Quality FOURTH EDITION, 2011 หนา 2 - 6
คูมอื สำหรบั ผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ป่ี ด" สนิท น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ บรโิ ภค

แตการเติมคลอรนี ในปริมาณที่มากเกนิ ไปจะทำใหน้ำมีกลิ่นฉุน สิ้นเปลืองคลอรีนโดยใชเหตุ
และเป2นภาระในการกำจัดออกดวยสารกรองคาร7บอนในขั้นตอนตอไป นอกจากนี้คลอรีนยังเป2นสารออกซิไดซ7มี
ฤทธก์ิ ัดกรอนเคร่ืองมือหรืออุปกรณห7 รือระบบทอน้ำได องค7การอนามยั โลกกำหนดปริมาณคลอรีนคงเหลือในน้ำไม
ควรเกิน 5 พีพีเอ็ม (ระดับที่ผูบริโภคยอมรับไดและไมมีผลตอสุขภาพ)2 ดังนั้นการเติมคลอรีนจึงตองเติมใน
ประมาณที่พอเหมาะ คอื เพยี งพอในการฆาเช้ือโรคและไมกอใหเกดิ ปGญหาอ่นื ตามมา

2. ระะยะเวลาสัมผัส (Contact time) ที่ใชในการฆาเชื้อโรค เป2นระยะเวลานับตั้งแตเติม
คลอรนี อยางทัว่ ถึงจนถงึ เวลาทน่ี ำน้ำไปใช ไมควรนอยกวา 30 นาที หากทง้ิ ไวนานข้ึนประสทิ ธิภาพในการฆาเช้ือก็
จะมากขึน้

3. ความข%ุนของนำ้ (Turbidity) ความขุนจะเป2นเกราะกำบังใหเช้ือโรค ทำใหคลอรนี ไมสามารถ
เขาไปสัมผัสและฆาเชื้อไดอยางเต็มที่ ดังนั้นกอนเติมคลอรีนจึงควรมีการปรับคุณภาพเบื้องตนทางฟ"สิกส7และเคมี
เพอ่ื ลดความขุนของนำ้ ใหมคี วามใสมาก โดยใชวิธีการสงั เกต หรือวัดคาความขนุ ตองไมเกิน 1 NTU เพอื่ ใหคลอรีน
ทเี่ ติมลงไปมีประสิทธภิ าพในการทำลายเชอ้ื โรค

4. ค%าพีเอชของน้ำ มีผลตอการฆาเชื้อโรคของคลอรีน เนื่องจากคลอรีนจะแตกตัวเป2นไฮโปร
คลอรัส (Hypochlorus : HOCl) ซึ่งมีอำนาจในการฆาเชื้อโรคไดดีเมื่อน้ำมีสภาพเป2นกรดเล็กนอย เมื่อพีเอชของ
น้ำสูงขึ้นจะทำใหการแตกตัวไดไฮโปรคลอรสั นอยลง ดังนั้นเพื่อใหมีปริมาณคลอรนี คงเหลือตามที่กำหนดจะทำให
สิ้นเปลืองคลอรีนมากขึ้น และเมื่อพีเอชของน้ำสูงกวา 9 คลอรีนจะไมแตกตัวใหไฮโปรคลอรัสเลย จึงไมมี
ประสทิ ธภิ าพเพยี งพอท่จี ะฆาเชอ้ื ในน้ำได

ประเภทของคลอรนี

ประเภทของคลอรีนที่นิยมใช ไดแก คลอรีนเหลว (โซเดียมไฮโปคลอไรท7) ผงปูนคลอรีน
(แคลเซียมไฮโปคลอไรท7) และคลอรีนกpาซ (กpาซคลอรีนไดออกไซด7) ซึ่งปริมาณคลอรีนที่ตองเติมในน้ำดิบ ให
พิจารณาจากปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือ (Free residual chlorine) หลังจากเตมิ คลอรนี และท้ิงไวเป2นเวลา 30
นาที และควบคุมปGจจัยดานคาพีเอชของนำ้ เมอ่ื น้ำมคี าพีเอชสูงข้ึนจะตองเติมคลอรีนในปริมาณที่มากข้ึนเพ่ือใหมี
ปริมาณคลอรนี อิสละคงเหลือเพยี งพอตอการฆาเช้ือจุลนิ ทรยี 7ในนำ้ ดงั ตารางท่ี 2-3

ตารางที่ 2-3 ปรมิ าณคลอรนี อสิ ระคงเหลอื ท่ีเพียพอในการฆาเชือ้ นำ้ ท่มี ีคาพีเอชระดบั ตางๆ

คา% พเี อชของน้ำ ปรมิ าณคลอรีนอิสระคงเหลือท่เี พียงพอในการฆ%าเชื้อ
≤7 0.2 – 0.5 พพี ีเอ็ม
≤8 ≥ 0.5 พีพเี อ็ม
≤9 ≥ 0.6 พพี ีเอ็ม
>9
คลอรีนจะไมมีประสิทธิภาพในการฆาเชือ้

2 WHO Guidelines for Drinking-water Quality FOURTH EDITION, 2011 หนา 2 - 7
คูมือสำหรบั ผูควบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรจุท่ีป"ดสนทิ น้ำแรธรรมชาติ และน้ำบรโิ ภค

หากการฆาเชือ้ โรคดวยคลอรนี มีความถูกตอง จะมีผลใหน้ำดิบและผลิตภัณฑ7น้ำบรโิ ภคในภาชนะ
บรรจุทปี่ "ดสนทิ รวมทัง้ น้ำแข็งบริโภค ผานมาตรฐานดานจุลินทรีย7ตามท่ีกฎหมายกาํ หนด โดยเฉพาะโคลิฟอร7มและ
อ.ี โคไล

การคาํ นวณปรมิ าณการเติมคลอรีน

ใหใชปริมาณคลอรีนในคลอรนี เหลวเป2นเกณฑ7 เพื่อใหงายตอการคํานวณ โดยใชสมมุติฐานและ
สูตรคํานวณดงั น้ี

ก. คลอรนี เหลวประกอบดวยโซเดียมไฮโปคลอไรท7เขมขน รอยละ 10

ข. โซเดยี มไฮโปคลอไรทป7 ระกอบดวยคลอรนี เขมขน รอยละ 4.8 หรอื 48,000 พีพเี อ็ม

ค. สูตรการคาํ นวณ :

ปริมาณคลอรีนเหลวที่ตองเติม (ลิตร) = ความเขมขนของคลอรีนอิสระคงเหลือท่ีตองการในน้ำดิบ (พีพีเอ็ม) x ปริมาตรน้ำดบิ (ลิตร)
48,000

หากตองการทราบปริมาณคลอรีนเหลวที่ตองเติม เป2นซีซี ใหคูณปริมาณเป2นลิตร ดวย 1,000
(1 ลติ ร เทากบั 1,000 ซซี )ี

ตัวอยา% งการคาํ นวณ

โรงงานตองการเติมคลอรีนเหลวเพื่อฆาเชื้อโรคในน้ำดิบที่มีสภาพทั่วไปปกติ โดยตองการใหมี
ปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลืออยูในปริมาณ 0.5 พีพีเอ็ม หลังจากทิ้งไว 30 นาที (ตามเกณฑท7 ี่ อย.กําหนด) โดยท่ี
โรงงานมีบอพักน้ำดิบที่มีขนาดบรรจุ 5,000 ลิตร เจาของโรงงานตดั สินใจวาจะเติมใหมากขึ้นกวาที่เกณฑ7กําหนด
อีก 0.1 พีพีเอ็ม เพื่อเผื่อคลอรีนสูญเสียไปในการทําปฏิกริยากับสารอินทรีย7อื่นๆที่มใี นน้ำตามธรรมชาติ ดังน้ัน
ความเขมขนคลอรนี ท่ีเขาตองใชคํานวณจงึ เป2น 0.5 + 0.1 = 0.6 พพี เี อม็

ปริมาณคลอรีนเหลวทต่ี องเตมิ ในน้ำดบิ ปริมาณ 5,000 ลติ ร = 0.6 พีพเี อม็ x 5,000 ลติ ร
48,000 พพี ีเอม็

= 0.0625 ลติ ร หรอื 62.5 ซซี ี

ท้งั น้ี จะเห็นวาปรมิ าณคลอรีนท่ตี องเตมิ มีนอยมากเมือ่ เปรยี บเทียบกบั ปริมาณน้ำดิบที่ตองการฆา
เชื้อ หลายโรงงานจึงมีการติดตั้งปGBมสารเคมีหรือ dosing pump ซ่ึงเป2นปGBมขนาดเล็กที่ทนทานตอสารเคมเี ขมขน
ปBGมชนิดนใี้ ชดดู ของเหลวไดในปรมิ าณนอย ๆ และมีสายลำเลียงสารเคมสี ามารถนาํ ไปตอกบั ทอสงน้ำดิบได อยางไร
ก็ตาม ผูประกอบการตองทราบอัตราไหลของปGBมสารเคมี และปGBมน้ำดิบ เพื่อใหสามารถคํานวณปริมาณคลอรีนท่ี
ตองเติมไดอยางถูกตอง ตัวอยางเชน กรณีตัวอยางขางบน หากปGBมน้ำดิบเต็ม ถึง 5,000 ลิตรไดในเวลา 65 นาที
ผปู ระกอบการตองลองจบั อตั ราไหลของปGBมสารเคมีในเวลา 65 นาทวี าไดน้ำกลี่ ติ ร ซง่ึ สมมุติวาได 10 ลติ ร ก็จะเติม
คลอรีนเหลวลงในถังเก็บสารเคมีที่ติดตั้งใตปGBมสารเคมใี นสัดสวน 62.5 ซีซี ตอ น้ำ 10 ลิตร หลังจากนั้นเป"ดปGBมน้ำ
และปGBมสารเคมีพรอมกัน น้ำดิบจะผสมกับคลอรีนในปรมิ าณที่เหมาะสมอยางทั่วถึง หลังจากนั้นจับเวลา 30 นาที
แลวตรวจสอบ ปรมิ าณคลอรนี อสิ ระคงหลอื ตองสงู กวา 0.5 พพี ีเอ็ม

คูมอื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจุท่ีป"ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ บรโิ ภค หนา 2 - 8

คลอรนี เหลว (โซเดยี มไฮโปคลอไรท)0

การเลอื กซือ้ คลอรีนเหลวมคี วามสาํ คญั มาก เพราะผซู ้ือตองทราบวาคลอรีนทซี่ ื้อมามีความเขมขน
ของสารประกอบท่ใี หสารคลอรีนอยูในความเขมขนเทาใด ท้ังน้ี พบวามีผูจําหนายที่หาผลประโยชน7โดยการนําเอา
คลอรีนเหลวที่ปกติ ประกอบดวยโซเดียมไฮโปคลอไรท7เขมขน รอยละ 10 มาเจือจางใหไดปริมาณมากขึ้น ทําให
ความเขมขนของคลอรีนลดลงมาก จนไมมีประสิทธิภาพในการฆาเชื้อโรค ผูประกอบการจึงตองระมัดระวังในการ
จัดซือ้ อานฉลากและสอบถามผูขายอยางรอบคอบ เพอ่ื ปอ9 งกนั ปGญหาในการปนเปABอนของจลุ นิ ทรีย7ท่ีทําใหเกิดโรค
ในทางปฏบิ ตั ิ ไมควรใชคลอรนี เหลวชนิดทีม่ ีการเจอื จางจากผลิตภณั ฑ7เดิม

ใน บางก ร ณี ผู จําหน ายอาจใช สา รปร ะกอบค ลอรีนชนิดอื่นที่ ไม ใช โซ เดียมไฮโ ปคลอไร ท7
ผปู ระกอบการตองสอบถามใหทราบวาสารประกอบดังกลาวมคี ลอรนี ในปริมาณรอยละเทาใด เพ่ือสามารถนํามาใช
คํานวณเป2นหนวยพีพเี อม็ แลวนาํ ไปทดแทนตัวเลข 48,000 แลวใชการคาํ นวณตอไป

ผงปูนคลอรีน (แคลเซยี มไฮโปคลอไรท0)

ผงปนู คลอรนี มสี วนทไี่ มละลายน้ำ ตองนาํ ปูนคลอรนี มาผสมกับน้ำตามสัดสวนท่ีเหมาะสม คนให
เขากัน ทิ้งใหตกตะกอน แลวจงึ นําสวนของเหลวท่ีใสดานบนมาคํานวณตามสตู รทก่ี ําหนดใน ขอ ค.

ทั้งน้ี สัดสวนของน้ำและผงปูนคลอรีนทจี่ ะนาํ มาผสมกนั สามารถคาํ นวณไดโดยใชเพียรส7 นั สแควร7
(Pearson's square) ดงั น้ี

ความเขมขนของแคลเซียมไฮโปคลอไรท7ในผงปนู คลอรีน สัดสวนปนู คลอรีนท่ีตองใช

ความเขมขนของแคลเซยี มไฮโปคลอไรท7ที่ตองการ

ความเขมขนของแคลเซยี มไฮโปคลอไรท7ในน้ำ สัดสวนของน้ำทต่ี องใช

ตัวอย%างการคาํ นวณ

ความเขมขนของแคลเซยี มไฮโปคลอไรท7ในผงปนู คลอรนี = 65%

ความเขมขนของแคลเซยี มไฮโปคลอไรท7ท่ีตองการ = 10%

การปรบั ความเขมขนใชน้ำซึ่งไมมีแคลเซยี มไฮโปคลอไรท7 = 0%

65 10 (มาจาก 10 - 0)

10

0 55 (มาจาก 65 - 10)

คูมอื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจุทป่ี "ดสนทิ น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ บรโิ ภค หนา 2 - 9

หากความเขมขนของแคลเซียมไฮโปคลอไรท7ในผงปูนคลอรีนคือรอยละ 65 ตองผสมปูนคลอรีน
1 สวนกับนำ้ 5.5 สวน (โดยน้ำหนักตอน้ำหนัก) รอจนตกตะกอน แลวจงึ นําของเหลวสวนใสไปใชตามสูตรที่ระบุใน
ขอ ค.

การเก็บรกั ษาคลอรีน คลอรีนจดั เปน2 สารเคมีอันตราย ทีต่ องมีการจัดเก็บในพ้ืนท่ีปด" มิดชิด ไมรอน ไมมี
แดดสองถึง การเตรียมคลอรีน ควรป9องกันตัวเองโดยสวมถงุ มือยางขณะเตรียมสารละลายคลอรีน และควรมีผาป"ด
ปาก ปด" จมูก และควรแตงกายใหปกป"ดรางกายอยางมิดชดิ ถาคลอรีนโดนผิวหนัง ใหลางผิวหนังบริเวณนั้นโดยใช
น้ำสะอาดไหลผานใหมากที่สุด หรือหากคลอรีนกระเด็นเขาตา ใหลางตาดวยน้ำสะอาดใหมากท่ีสุดทันที โดยเป"ด
เปลือกตาขึ้นใหน้ำไหลผานตาอยางนอย 15 นาที แลวรีบนาํ สงแพทย7

สำคญั ทีส่ ดุ น้ำดบิ ทผ่ี านการฆาเชื้อโรคดวยคลอรนี แลว ตองเก็บไวในภาชนะที่มฝี าป"ดมิดชิดเพื่อป9องกัน
การปนเปอAB นซำ้ จากภายนอก จนกวาจะป“มG ไปใชในกระบวนการผลติ ตอไป

กรณีผลติ นำ้ อาร0โอ (Reverse Osmosis ; RO)

ซึ่งมีการกรองโดยใชเยื่อกรองที่มีขนาดรูกรองเล็กกวาขนาดของจุลินทรีย7 ทำใหสามารถกรอง
จุลินทรีย7ในน้ำไดทุกชนิด จึงพออนุโลมไดวาการผลิตน้ำนั้นไมมีกระบวนการลดปริมาณจุลินทรียในน้ำดิบได หาก
ผูประกอบการเพิ่มความเขมงวดในการการตรวจสอบสภาพ การลางทำความสะอาดเยื่อกรอง และเปลี่ยนเยื่อ
กรองเม่ือหมดสภาพ

อยางไรก็ตาม การมีจุลินทรีย7สะสมที่ผิวหรือในรูกรองของเยื่อกรองอาจทำใหเกิดไบโอฟ"ล7ม
(biofilm) สงผลใหตองลางทำความสะอาดบอยขึ้น เปลี่ยนเยื่อกรองบอยขึ้น มีคาใชจายโดยรวมของกระบวนการ
เพม่ิ ขึ้น และหากบำรุงรกั ษาไมถูกวิธหี รือความถ่ีไมเหมาะสมจะทำใหเยื่อกรองตันและเนางาย ดังภาพภาพท่ี 2-1

ภาพที่ 2-1 จุลินทรยี ส7 ะสมท่ีผิวหรอื ในรกู รองของเยอื่ กรองจนเกดิ ไบโอฟ"ล7ม

ทม่ี า : https://www.wur.nl/en/show/Isolation-and-characterization-of-microorganism-involved-in-membrane-biofouling-1.htm

ผูประกอบการจงึ ควรเพ่ิมขั้นตอนการเติมคลอรนี หรอื การลดปริมาณจลุ ินทรยี ใ7 นน้ำดบิ ดวยวิธีอ่ืน
เชน กรองเซรามิค หรือ กรองไมโครฟ"วเตรชั่น เป2นตน กอนเขาเครื่องกรองอาร7โอ เพื่อลดปGญหาที่กลาวขางตน
และประหยัดตนทนุ ท้งั คาเปลยี่ นเยอ่ื กรองใหมและคาแรงในการบำรุงรกั ษา

-------------------------------------------------------------

คูมอื สำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจทุ ป่ี ด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ บรโิ ภค หนา 2 - 10

บทที่ 3

การควบคมุ กระบวนการปรับคณุ ภาพนำ้ บรโิ ภค ดวยระบบการผลติ นำ้ ออน (Softener)

ความสำคัญ

กระบวนการที่ใชในการปรับคุณภาพน้ำดิบเพื่อใหไดคุณภาพมาตรฐานเหมาะสำหรับการบริโภค ตาม
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขวาดวย น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจุทีป่ "ดสนิท และ น้ำแขง็ ควรเลือกใชกระบวนการที่
สอดคลองกับคุณภาพน้ำดิบ กลาวคือ สามารถลดอันตรายที่มีอยูในน้ำดิบทั้งอันตรายทางกายภาพ เคมี และจุล
ชีววิทยา ใหอยูในระดับที่ปลอดภัยตอการบริโภค และถูกตองตามหลักเกณฑ6วิธีการผลติ ที่ดี (จีเอ็มพี) เพื่อใหเกิด
ความคมุ คาทางเศรษฐกจิ โดยตองมีการควบคุมคุณภาพตามข้นั ตอนท่ีสาํ คัญดวยวธิ ีการท่ีเหมาะสม อันจะสงผลให
ผูประกอบการสามารถบรหิ ารจัดการคุณภาพของน้ำบริโภคไดอยางมีประสทิ ธิภาพ

การปรับคุณภาพน้ำเพื่อการบริโภคนั้นมีอยูดวยกันหลายวิธี เชน การตม การตกตะกอน และการกรอง
เป<นตน ซ่งึ การกรองเป<นกระบวนการปรบั คุณภาพน้ำท่ีใชกนั มากทส่ี ดุ

กระบวนการกรอง (Filtration) หมายถึง การกำจัด หรือชวยลดสิ่งแปลกปลอม เชื้อจุลินทรีย6 หรือ
สารเคมีที่ปนมากับน้ำ วิธีที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา คือ การกรองโดยใชวัสดุกรอง (Filter Media) เป<นตัว
สะกัดกน้ั เพื่อแยกเอาสงิ่ ท่ไี มตองการ หรือสิ่งสกปรกทีต่ ิดมากบั นำ้ ออกไป ทัง้ นีใ้ นการกรองทกุ รูปแบบ นำ้ จะตองมี
แรงดนั มากพอท่ีจะไหลผานชนั้ สารกรองได

ปจJ จุบนั มกี ารใชวสั ดุกรองหลากหลายชนิด ซ่ึงแตละชนิดก็มีประสิทธภิ าพแตกตางกัน เมือ่ เคร่ืองกรองน้ำ
ที่ผลิตออกจำหนายในทองตลาดมีมากมายใหเลือกใช ผูประกอบการจึงตองพิจารณาเลือกเครื่องกรองน้ำที่
ตอบสนองตอความตองการสูงสุด ทั้งเพ่อื กำจดั สงิ่ ปนเปLKอนทไ่ี มตองการ ตองใชงานไดสะดวก และไดคณุ ภาพดีดวย

ระบบการผลิตนำ้ ออน (Softener)

เป<นกระบวนการผลติ ท่ีมุงหมายเพ่อื ลดปรมิ าณเกลอื ชนดิ ทที่ ําใหเกดิ ความกระดางในน้ำดิบลง เชน เกลอื
แคลเซียม เกลือแมกนีเซียม ซึ่งละลายน้ำยากและมักทําใหเกิดตะกอนเมื่อนําน้ำไปตม ซึ่งเกลือเหลานี้ทําใหน้ำมี
รสชาติไมดี ในกระบวนการผลิตน้ำออนจะปรับเปลี่ยนเกลือดังกลาวไปอยใู นรูปเกลือโซเดยี ม ซ่ึงไมทําใหเกิดความ
กระดางละลายน้ำไดงายและไมตกตะกอน

กระบวนการผลิตน้ำออน มีขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นตอน เพื่อลดและขจัดอันตรายทั้ง 3 ประการ ที่มีอยูใน
นำ้ ดิบใหอยใู นระดบั ทป่ี ลอดภัยตอการบรโิ ภค ไดแก

1. การปรบั คุณภาพน้ำทางฟ"สกิ สแ6 ละเคมี

2. การปรับคณุ ภาพน้ำทางจลุ ินทรีย6 หรอื กระบวนการฆาเชอ้ื โรค

คมู ือสำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรจทุ ีป่ "ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ แข็งบริโภค หนา 3 - 1

การปรับคุณภาพนำ้ ทางฟส. ิกส/และเคมี

1. น้ำดบิ ท่ีผานการปรับสภาพเบือ้ งตน
อยางนอยตองมีคณุ สมบตั ิทีผ่ านมาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขวาดวย นำ้ บริโภคใน

ภาชนะบรรจทุ ่ีปด" สนทิ 3 ประการ ไดแก
(1) คาพเี อช = 6.5 - 8.5
(2) ปริมาณสารท้ังหมด (Total solids) ไมเกิน 500 มก.ตอลิตร (พีพเี อ็ม)
(3) สารปนเปอKL นท่ีมปี ระจุลบ มีปรมิ าณไมเกินตามท่ีกําหนดไว

2. การกรองดวยสารกรองแอนทราไซด/ (Anthracite filter)

แอนทราไซด6เป<นถานหินชนิดหนึ่ง มีความแข็งและมีความวาวสูง สามารถดักจับตะกอนไวที่ผิว
ภายนอก คือกรองสารแขวนลอย ตะกอน ความขนุ และอนุภาคตาง ๆ ไดมากกวาทราย เพราะมีรูปรางเกล้ียงกลมกวา
การลางยอน (Back wash) ใชน้ำนอยกวา ยืดอายุการใชงานของเครื่องกรองสามารถกรองไดที่อัตราการกรองสูงขึ้น
(Filter run)

3. การกรองดวยสารกรองแมงกานีสแซนด/ (Manganese sand) หรอื แมงกานีสซีโอไลท/

คือทรายหรือวัสดุซีโอไลท6เคลือบแมงกานีสออกไซด6 สามารถออกซิไดซ6เหล็ก และแมงกานีส ท่ี
ละลายอยูในน้ำใหเปลี่ยนไปอยูในรูปสนิมเหล็กที่ไมละลายน้ำและตกตะกอน จะทำหนาที่เป<นสารกรองเพื่อกรอง
ผลกึ เหล็กและแมงกานีสที่เกดิ ข้นึ ดวย

4. การกรองดวยสารกรองคารบ/ อน (ถานกมั มันต/ ; Activated carbon)

สารกรองคาร6บอน หรือถานกัมมันต6 คือ ถานที่สังเคราะห6ขึ้นมาเป<นพิเศษ เพื่อใหมีพื้นที่ผวิ มาก
ทีส่ ดุ ซง่ึ ทำไดโดยการทำใหมรี ูพรนุ หรอื โพรงภายในเนื้อคาร6บอนมากเทาท่ีจะทำได (ภาพท่ี 3-1) รูพรุน หรือโพรง
มีขนาด ตัง้ เเต 20 ถึง 20,000 การที่คาร6บอนมีพื้นที่ผิวสูงก็เพือ่ ใหสามารถดูดโมเลกุลจำนวนมาก ๆ มาเกาะติดท่ี
ผิวได จึงมีความสามารถในการดูดซับสูง มีราคาถูกและใชเนื้อที่นอย ชวยดูดซับสี กลิ่น คลอรีน และสาร
ไฮโดรคารบ6 อน ออกจากน้ำดบิ ข้ันตอนน้ีมคี วามสําคัญในการกำจัดคลอรีนทเี่ ติมในขน้ั ตอนการฆาเช้ือโรคในน้ำดิบ
ออกจนหมด ไมมีกลิ่นตกคางในน้ำบริโภคและน้ำแข็ง การกำจัดคลอรีนที่ตกคางออกจนหมดยังเป<นการปaองกัน
ไมใหคลอรีนไปทําลายสารกรองหรือเยื่อกรองบางชนิด (ในกรณีน้ำอาร6โอที่จะกลาวในบทตอไป) หลังจากน้ำผาน
สารกรองคาร6บอนแลว ปริมาณคลอรีนทตี่ รวจสอบไดควรเป<น “ศูนย6” (ซึง่ เปน< การตรวจสอบประสิทธภิ าพของสาร
กรองคาร6บอนดวย)

ภาพท่ี 3-1 การดูดซับอนภุ าคขนาดตาง ๆ ดวยสารกรองคาร6บอน หนา 3 - 2

คมู อื สำหรบั ผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจุทป่ี "ดสนทิ นำ้ แรธรรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค

5. การกรองดวยแคทไอออนเรซินแบบกรดแก (Strong acid cation resin)
เรซิน เป<นโพลิเมอร6สังเคราะห6ที่ไมละลายน้ำ ลักษณะเป<นเม็ดทรงกลมขนาดเล็กสีเหลือง มีเสน

ผานศูนย6กลางประมาณ 1 – 2 มิลลิเมตร มีโครงสรางลักษณะพิเศษชวยกรองธาตุที่มีประจุบวก โดยเฉพาะ
แคลเซียมอิออน (Ca2+) และแมกนีเซียมอิออน (Mg2+) ที่เป<นองค6ประกอบในเกลือชนิดที่กอใหเกิดความกระดาง
และละลายน้ำไดยาก โดยอาศัยการแลกเปลี่ยนประจุ (ไอออน) แคทไอออนเรซินมีพื้นผิวเป<นประจุลบจึงจับกับ
ประจบุ วกไดดี

หลงั จากถูกใชงานไประยะเวลาหน่ึง ควรตรวจสอบโดยใชชุดทดสอบความกระดาง หากพบความ
กระดางของน้ำท่ีออกมีคามากกวา 30 พพี เี อม็ แสดงวาแคทไอออนเรซินจะหมดประสิทธิภาพ ซึ่งจาํ เป<นตองฟKLนฟู
สภาพใหมดวยเกลือแกง (โซเดียมคลอไรด6) เนื่องจากน้ำที่มีความกระดางสูง (แมจะต่ำกวา 100 พีพีเอ็ม ซึ่งอยู
ในชวงท่ีกฎหมายกาํ หนด) มกั มรี สชาตไิ มดีและเกิดตะกอนระหวางการตม ผูประกอบการจึงจําเป<นตองฟLKนฟูสภาพ
(regenerate) สารกรองนนั้ กอนทคี่ วามกระดางจะถึงชวงที่กฎหมายกำหนด

อายุการใชงานของสารกรองเรซิน ขึ้นอยูกับคุณภาพของน้ำที่ใช และฟKLนฟูประสิทธิภาพ น้ำที่มี
ธาตเุ หลก็ และแมงกานีสสูงจะเกิดความสกปรกสะสมและอุดตันในสารกรองเรซิน การฟKLนฟูสภาพเพื่อคืนประจุตอง
มีประสิทธิภาพ มิฉะนัน้ อายุการใชงานของสารกรองเรซนิ จะสั้น

น้ำที่ไมสะอาดมีแบคทีเรียปนเปKLอนจะทำลายคุณภาพของสารกรองเรซินเชนเดียวกัน จึงควรมี
การฆาเชื้อในน้ำดิบกอนนำเขาสูสารกรองเรซิน ทั้งนี้กรณีใชคลอรีนตองควบคุมปริมาณคลอรีนคงเหลือไมใหเกิน
0.5 พพี เี อ็ม เพราะจะทำลายคุณภาพและประสทิ ธภิ าพของสารกรองเรซนิ เชนเดยี วกนั

ถาน้ำที่ใชมีคุณภาพดี อายุการใชงานของสารกรองเรซนิ ก็จะนานขน้ึ

การปรบั คณุ ภาพนำ้ ทางจลุ ินทรยี / หรอื กระบวนการฆาเชอ้ื โรค

การฆาเชื้อโรคในขั้นตอนนี้นับเป<นการฆาเชื้อโรคครั้งที่ 2 ในกระบวนการผลิต หลังจากที่มีการเติม
คลอรนี ในการปรับสภาพน้ำดิบเบือ้ งตน และนับเปน< ข้ันตอนสดุ ทายในกระบวนการผลติ วิธีการทีน่ ยิ มใช ไดแก

1. การใชรังสอี ัลตราไวโอเลต (Ultraviolet radiation ; UV)

รงั สีอัลตราไวโอเลต (ยวู )ี

เป<นคลื่นแมเหล็กไฟฟaาความถี่สั้น ที่มองไมเห็น ระดับควมเขมของรังสียูวี ที่นำมา
ประยุกต6ใชฆาเชื้อโรค คือ ยูวีซี (UV-C) ซึ่งมีระดับความเขมขนสูงสุด มีความยาวคลื่น 253.7 นาโนเมตร หรือ
2537 อังสตรอม ในธรรมชาติจะไมพบรังสยี ูวีซเี นื่องจากรังสีชนิดน้ีไมสามารถผานชั้นโอโซนมายังผิวโลกได การใช
รังสีชนดิ น้ีเพอื่ ทำลายเช้อื จงึ ตองใชแหลงกำเนดิ รังสี ไดแก UVC-LEDs หลอดปรอท เปน< ตน

รังสียูวซี ีเป<นรงั สที ี่เป<นอันตรายเพราะมีความสามารถในการเผาไหมสงู มีผลตอรางกายได
อยางรุนแรง เชน ผิวแดงไหมเกรยี ม (erythema) หรือ เยื่อบุตาอักเสบ (conjunctivitis) แตไมมีผลทําใหคุณภาพ
ทางประสาทสัมผัสของนำ้ เปล่ยี นแปลง นักวทิ ยาศาสตรจ6 ึงนำมาประยุกต6ใชในการฆาเชอื้ โรคท่ีเป<นอันตรายในน้ำ
ใชหลอดกำเนิดรังสียูวีซี หรือเรยี กสั้น ๆ วาหลอดยูวี แสงยูวีฆาเชื้อโรคโดยจะทะลุเขาไปใน DNA ของเชื้อโรค ทำ
ให DNA เพย้ี นไปจากปกติ เช้อื โรคไมสามารถสืบพนั ธต6ุ อได ก็จะตายในที่สดุ

คูมือสำหรับผูควบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรจทุ ่ีป"ดสนิท นำ้ แรธรรมชาติ และน้ำแขง็ บรโิ ภค หนา 3 - 3

ภาพท่ี 3-2 ภาพจำลองการทำลายจลุ ินทรีย6โดยรงั สยี ูวี

หลอดยูวี

มีลักษณะทั่วไปคลายหลอดไฟฟaาฟลูออเรสเซนต6ที่ใชตามบาน แกวที่ใชทำหลอดตองเปน<
แกวพิเศษทีย่ อมใหแสงยวู สี องผานไดตลอด เชน ทอควอทซ6 (Quartz) หรือเน้ือแกวที่มีเน้ือซลิ กิ าสงู มาก ๆ เป<นตน
ออกแบบสำหรับฆาเชื้อ โดยติดตั้งในเครื่องฆาเชื้อรูปทรงกระบอกที่บรรจุหลอดยูวีไวภายใน ใหน้ำไหลผาน โดย
หลอดยูวีมิไดสมั ผัสกับน้ำโดยตรง

วัสดุที่ใชโดยเฉพาะดานทีส่ ัมผัสกับนำ้ ตองไมทำใหน้ำเปน< พิษทั้งโดยทางตรงและทางออม
และตองมีอุปกรณ6ทำความสะอาด (ดานที่สัมผัสกับน้ำ) ของหลอดยูวี หรือมีการถอดทำความสะอาดทอควอทซ6
อยางสม่ำเสมอ เพอ่ื กำจดั สิ่งสกปรกที่ติดอยอู อกใหรงั สียูวไี ดทำงานอยางเตม็ ประสิทธภิ าพ

ประสทิ ธิภาพในการฆาเชอ้ื โรคของรงั สยี วู ี

ขึ้นอยกู ับเงือ่ นไขตอไปนี้

(1) รังสียูวีตองสัมผัสเชื้อโรคโดยตรงเทานั้น ถามีเชื้อโรคอยูในเงาของวัตถุ เชื้อโรคนนั้
จะไมตาย ดงั นนั้ นำ้ ท่ีนำมาฆาเช้ือตองสะอาด มคี วามใส ไมมตี ะกอนหรือสารแขวนลอย โดยนำ้ ทจี่ ะเขาฆาเช้ือดวย
รงั สียวู ีตองมีความขุนไมเกนิ 5 NTU หรอื มขี นาดอนุภาคของแข็งไมเกิน 10 พพี ีเอม็ ฉะนั้นหลงั จากปรบั คณุ ภาพน้ำ
ทางฟส" ิกส6และเคมีแลว จำเปน< ตองตดิ ต้งั เครอ่ื งกรอง 5-20 ไมครอน เพ่อื กรองตะกอนและจุลินทรียข6 นาดใหญออก
กอนเขาฆาเช้อื ดวยรงั สยี วู ี โดยทว่ั ไปนยิ มใชการกรองผานใสกรองหลัก ๆ 2 ชนดิ ไดแก

(1.1) ไสกรองใยสังเคราะห6 (บางคร้งั เรยี กวาไสกรองหยาบ) ผลิตจากสารโพลเิ มอรป6
ระเภทตางๆ เชน โพลีโพริลีน (Polypropylene; PP) ออกแบบเป<นทรงกระบอกมีท้ังแบบจบี แบบเชือกพัน แบบ
ธรรมดา หรือเป<นแบบถุงกรองหรือไสกรองถุงผา (Bag filter) บรรจุในเครื่องกรองกระบอก (Housing) มีขนาด
ของรู 5 - 50 ไมครอน ใชกรองตะกอนขนาดใหญที่ปนเปKLอนในน้ำ ไสกรองชนิดนี้ลาง ทําความสะอาดไดงาย จึง
ควรติดต้ังกอนที่นำ้ ไปผานไสกรองเซรามคิ ซึ่งมีขนาดรเู ลก็ ละเอียดกวามากและลางทําความสะอาดยากกวา

(1.2) ไสกรองเซรามิก (บางครั้งเรียกวาไสกรองละเอียด) มีขนาดของรู 0.3 - 1.0
ไมครอน ไสกรองชนดิ นสี้ ามารถกรองตะกอนขนาดเล็กมากและจลุ ินทรีย6ขนาดใหญบางชนดิ ได

ทั้งนี้น้ำที่จะใหแสงยูวีสองผานเขาไปฆาเชื้อโรคตองไมลึกกวา 7.5 ซม. เนื่องจาก
รังสยี วู ีมอี ำนาจทะลทุ ะลวงต่ำ

คูมือสำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรจทุ ี่ปด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค หนา 3 - 4

กอนใชเครอ่ื งยูวี ตองอุนเคร่อื งประมาณ 2 นาที ดังน้นั ตองมอี ุปกรณห6 นวงเวลามิให
น้ำไหลเขาเคร่ืองในระหวางการอุนเครื่อง หรือเป"ดทิ้งไวกอนที่จะเป"ดใหน้ำไหลเขาหลอดยวู ี ทั้งนี้เพื่อปaองกันมิให
น้ำท่ยี ังไมไดฆาเชื้อผานออกจากหลอดยวู ีในระหวางที่เครื่องยังไมทำงาน อยางไรกต็ ามรังสยี วู ีใหความรอนดวย จึง
ไมควรอนุ เคร่ืองนานเกนิ ไปโดยไมมีน้ำไหลผานเพราะทําใหเกดิ ความรอนสะสมและทําใหทอควอทซ6ซ่ึงมีราคาแพง
และเปราะบางเสยี หายได

(2) จะตองมีปรมิ าณแสงยูวีสัมผสั เชอ้ื โรคเปSนระยะเวลานานพอ

ปริมาณแสงยูวีที่สัมผัสเชื้อโรค หรือเรียก UV dose (หนวยไมโครวัตต6วินาทีตอ
ตารางเซนติเมตร; µWs/cm2) ขึ้นอยูกับ ความเขมขนของรังสี (UV intensity) ที่เปลงออกมาจากหลอดกำหนด
รังสียูวีในตำแหนงท่ีไกลท่ีสดุ ในเครอื่ งฆาเชือ้ และระยะเวลาทีเ่ ชื้อสมั ผสั รงั สี (Contact time)

ปรมิ าณแสงยูวีอยางนอย 40,000 µWs/cm2 จงึ จะเพยี งพอในการฆาเช้อื แบคทีเรีย
ไวรัส และโปรโตซัว รวมไปถึงโปรโตซัวคริปโตสปอริเดียม (Cryptosporidium spp.) และโปรโตซัวไกอาร6เดีย
(Giardia spp.) ซึ่งมคี วามทนทานสูงไมสามารถทำลายไดดวยคลอรนี

ทั้งนี้สำหรับน้ำที่ผานการลดปริมาณจุลินทรีย6มากอน ไมมีปริมาณเชื้อ อี.โคไล สูง
มากนัก หรือ มีจุลินทรียท6 ั้งหมดไมเกิน 500 CFU/1 ml สามารถใชปริมาณยวู ีซีอยางนอย 16,000 µWs/cm2 ได
1 ซึ่งหนวยงานดานสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา (U.S. Department of Health and Human Services) ใช

กำหนดเป<นมาตรฐานข้ันต่ำสำหรับการใชรังสียูวใี นการฆาเชื้อน้ำบรโิ ภค ซง่ึ ผปู ระกอบการสวนใหญมักใชหลอดยวู ี
ทใ่ี หปริมาณแสงยวู อี ยูระหวาง 30,000 - 50,000 µWs/cm2

ปริมาณแสงยูวี (UV dose) สามารถคำนวนโดยนําคาความเขมขนของรังสี (UV
intensity) หนวยไมโครวัตต6ตอตารางเซนติเมตร ; µW/cm2 คูณดวยระยะเวลาที่เชื้อสัมผัสรังสี (Contact time)
หนวยวินาที ; seconds ปริมาณแสงยูวี (UV dose) จึงมีหนวยเป<น ไมโครวัตต6วินาทีตอตารางเซนติเมตร;
µWs/cm2 หมายความวาในเวลาหนึ่งวินาที แสงยูวสี องลงในพนื้ ทีห่ นงึ่ ตารางเซนตเิ มตรดวยความเขมก่ีไมโครวัตต6
คือถาน้ำไหลผานแสงยวู ีไปไวมาก ทั้ง ๆ ที่หลอดยูวีก็แรงแคไมก่ีวัตต6 แสงยูวีจะฆาเช้ือไดนอย โดยหลักการหากใช
ความเขมขนของรังสีต่ำจำเป<นตองเพิ่มระยะเวลาที่เชื้อโรคสัมผัสรังสี หากใชความเขมขนของรังสีสูงสามารถลด
ระยะเวลาท่เี ชื้อโรคสังผสั รังสีลงได ดังนั้นการออกแบบเครือ่ งฆาเช้ือยวู ีจะตองคำนึงถึงปจJ จยั ดังกลาวดวย ดงั นี้

(2.1) ตองมีอุปกรณ6ควบคุมอัตราการไหลของน้ำที่ผานเขาเครื่อง มิใหสูงเกินกวา

อัตราทเ่ี หมาะสม

(2.2) ตองมีมาตรวดั ความเขมขนของแสงยวู ี ณ จดุ ไกลทสี่ ุดในเคร่อื งฆาเชอ้ื

(2.3) ในกรณีที่มีเหตุขัดของ ทำใหเครื่องยูวีไมทำงาน ตองมีวาล6วอัตโนมตั ิควบคมุ
มิใหนำ้ ทีย่ ังไมไดฆาเชอ้ื โรค ไหลเขาไปในระบบนำ้ ดมื่ และควรมรี ะบบสัญญาณเตอื นใหรูถงึ ความผิดปกติของเครื่อง
ฆาเชอื้ โรค

1 NSF Standard 55 หนา 3 - 5
คมู อื สำหรับผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจุที่ปด" สนทิ นำ้ แรธรรมชาติ และนำ้ แขง็ บริโภค

อยางไรก็ตามหากไมมีขอมูลหรือมีขอจำกัดในการตดิ ตั้งเครื่องมือดังกลาวขางตน
ผูประกอบการจำเป<นตองทำการทวนสอบประสิทธภิ าพในการฆาเชื้อโดยสุมตรวจสอบการปนเปKLอนจุลินทรีย6ในน้ำ
หลังผานหลอดยวู ีดวยชดุ ทดสอบเบือ้ งตน และบันทกึ ผล อยางสม่ำเสมอ

อายกุ ารใชงานของหลอดยูวี

ปกติหลอดยูวีมีประมาณ 10,000 ชม. (ระบุไวในคูมือการใชงานหรือแคตตาล็อก หรือ
สอบถามขอมูลจากบริษัทผูจำหนาย) จึงตองมีการกํากับระยะเวลาการใชงานมิใหเกิน และควรคำนวณอายุการใช
งานและระบุวันที่ที่ตองเปลี่ยนหลอดยูวีไว เนื่องจากหากเกินระยะเวลาที่ระบุไวการฆาเชื้อโรคก็จะหมด
ประสทิ ธภิ าพ สรุปขอควรปฏิบัติ ดงั น้ี

(1) สอบถามอายุการใชงาน และขอมูลจากบรษิ ัทผจู ำหนาย
(2) บนั ทกึ ชว่ั โมงการทำงาน หรือคำนวณวันหมดอายุ
(3) เปลยี่ นตามเวลาท่ีกำหนด

2. การใชกาT ซโอโซน

โอโซน (O3)

เป<นกƒาซซึ่งประกอบดวยธาตุออกซิเจนจำนวน 3 โมเลกุล เป<นตัวออกซิไดซ6ที่มีความแรง
มาก มีประสิทธิภาพสูงในการทำลายสี กลิ่น รส ทีเ่ กิดจากสารอินทรีย6ในน้ำ และจุลินทรีย6ที่อยูในน้ำ ทำใหเซลล6
เกดิ การเปลย่ี นแปลงไมสามารถซอมแซมได มีคณุ สมบัตใิ นการฆาเช้อื โรคไดดีกวาคลอรีนมาก

โอโซนสามารถแตกตัวเป<นออกซิเจนอยางงาย สลายตัวไดเอง และไมมีสารพิษตกคาง2 มี
ครึ่งชีวิตในน้ำที่อุณหภูมิหอง 20 นาที สามารถละลายในน้ำไดดีกวาแกƒส โดยการละลายจะเพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิ
ลดลง

กƒาซโอโซนมีกลิ่นคลายกลิ่นฝนตกใหม ๆ และถามีความเขมขนสูงจะมีกลิ่นฉุน มีผลตอ
คุณภาพทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑ6น้ำบริโภค ซ่ึงจะเปน< ที่ยอมรับหรือไม แลวแตความชอบของผบู รโิ ภค

เครอ่ื งกำเนิดโอโซน (Ozone generator)

ใชกระแสไฟฟaาที่มีความตางศักย6 15,000 – 20,000 โวลต6 หรือรังสีอัลตราไวโอเลท
เปลี่ยนโครงสรางทางเคมีของออกซิเจนในอากาศแหง จาก 2 อะตอม (O2) ใหเป<น 3 อะตอม (O3) ใน 1 โมเลกุล
จากน้ันกาƒ ซโอโซนจะถูกฉดี เขาไปผสมกับน้ำ

ไมควรติดตั้งเครื่องกำเนิดโอโซนในบริเวณที่มีอุณหภูมสิ ูงเนื่องจากจะสงผลตอการทำงาน
ของเครื่องโดยตรง และโอโซนเป<นเป<นตัวออกซิไดส6ที่แรง กัดกรอนพื้นผิววัสดุได จึงตองใชกับพืน้ ผิวที่ทนการกัด
กรอน เชน เหล็กปลอดสนมิ (stainless steel) หรอื พวี ซี ี (PVC) เป<นหลัก นอกจากน้โี อโซนเปน< อันตรายตอมนุษย6

2 USFDA พจิ ารณายอมรบั วากาƒ ซโอโซน (CAS no. 10028-15-6) เป<นสารทป่ี ลอดภยั สามารถใชในอาหาร (Generally
recognized as safe) ภายใต 21 CFR184.1583 เม่อื วนั ที่ 26 มถิ นุ ายน 2544

คมู อื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุทป่ี ด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และนำ้ แข็งบริโภค หนา 3 - 6

หากไดรับที่ความเขมขนเกิน 4 พีพเี อ็ม เป<นเวลาตอเนื่อง จึงตองมีระบบตรวจจับและเตือนภัย และมีระบบการ
ระบายอากาศท่ีดีในบริเวณท่ีใชงาน

ประสิทธภิ าพในการฆาเชอื้ โรคของกTาซโอโซน

กƒาซโอโซนทีม่ ปี ระสิทธิภาพในการฆาเชื้อโรคขึน้ กบั ความเขมขนและระยะเวลา เชน ความ
เขมขนของไดแก 0.2 พพี เี อม็ เปน< เวลา 1 นาที นอกจากน้ตี องมีการผสมกาƒ ซ โอโซนกบั น้ำอยางทว่ั ถงึ

การวัดคาโอโซนคงเหลือในน้ำ (Residual ozone)

การเติมกƒาซโอโซนที่มีประสิทธิภาพตองรูถึงความเขมขนของกƒาซโอโซนที่มีอยูในน้ำและ
ระยะเวลาที่กƒาซโอโซนสัมผัสกับน้ำที่นานเพียงพอ จึงตองมีมาตรวัดปริมาณกƒาซโอโซนที่อานไดชัดเจน เพื่อให
ทราบถงึ ผลลพั ธข6 องการฆาเช้ือโรคในนำ้ สามารถกระทำไดดวยวธิ ีงาย ๆ 2 วิธี คอื

1. การใชอุปกรณ6ตรวจวัดดวยหลักการเทียบสี คือการใชเม็ดทดสอบโอโซน (Ozone
tablet) ใสลงไปในนำ้ ทผี่ สมโอโซนแลว จากนั้นนำมาเทียบสีท่เี ปลีย่ นแปลงไป ซง่ึ มที ง้ั แบบเทยี บสดี วยตา และแบบ
เทียบสอี ัตโนมัตดิ วยเคร่ือง Photometer

2. การใชอุปกรณ6รีดƒอกมิเตอร6 (Redox Potential Meter) เป<นอุปกรณ6ที่ใชวัดการทำ
ปฏกิ รยิ าออƒ กซเิ ดชนั่ ซึ่งใหหนวยการวัดเปน< มลิ ลโิ วลท6 (mV) โดยสามารถวดั ปริมาณโอโซนท่ีมีอยใู นนำ้ โดยเทียบคา
ไดจากตารางขอมลู ตวั อยางเชน โอโซนในน้ำ 0.2 mg/l Redox meter จะอานคาได 800 mV

สวนในอุตสาหกรรมขนาดใหญที่มีหองปฏิบัติการมักจะนิยมวัดคาโอโซนดวยวิธีไตเตรช่ัน

(Titration)

การผสมโอโซนอยางทว่ั ถงึ

จะเกิดขึ้นไดดีเมื่ออยูในสภาวะที่เหมาะสม คือ ตองอยูภายใตความดันมากกวา 1.5 บาร6
หรือ 21.3 พีเอสไอ (psi)

จากคณุ สมบัตกิ ารเปน< ตัวออกซิไดซ6ของโอโซน หากนำ้ ไมสะอาดมีการปนเปKLอน เชน เหล็ก
แมงกานสี เปน< ตน สารดังกลาวจะถกู ออกซิไดซ6และเปล่ียนเป<นรูปสารที่ไมละลายนำ้ (ตกตะกอน) การกรองออกใน
ขั้นตอนหลังการฆาเชือ้ อาจกอใหเกิดการปนเปKLอนจุลนิ ทรีย6ซ้ำ ดังนั้นวธิ ีที่ดีที่สุดคือกำจัดสิ่งปนเปKLอนดังกลาวโดย
การกรองออกกอนการฆาเชอ้ื ดวยโอโซน

อยางไรกต็ ามการฆาเช้ือโรคผูประกอบการสามารถเลือกใชวธิ ีการใดวิธีการหนึ่ง ไมจำเป)นตองใชทั้ง
2 วิธตี ามท่ีมักมกี ารกลาวอาง

การทำความสะอาดและการบำรงุ รกั ษาสารกรอง

การดูแลรักษาสารกรองเป<นการคงสภาพหรือฟKLนฟูการใชงานของสารกรอง และทำใหเครื่องกรองน้ำ
ทำงานอยางมีประสิทธิภาพ เครื่องกรองนำ้ ทุกชนิดจะมีระบบการกรอง หรือใชวัสดุกรอง (สารกรองหรือไสกรอง)
ที่ไมเหมือนกัน ระบบการกรองสวนใหญใช คาร6บอน ทราย เซรามิค หรือวัสดุกรองแบบผสม เพื่อลดการปนเปKLอน

คูมอื สำหรบั ผคู วบคมุ การผลติ น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุทีป่ ด" สนทิ น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแขง็ บรโิ ภค หนา 3 - 7

จากสารอินทรีย6หรือเชื้อโรค ระบบกรองแบบนีจ้ ะลดการปนเปKLอนไดทางใดทางหน่ึง ในการใชงานเมื่อน้ำที่มีการ
ปนเปKLอนเขาสูผิวของวัสดุกรอง สารปนเปKLอนที่มีขนาดใหญกวาจะถูกดักไวบริเวณพื้นผิวของวัสดุกรองตาม
คณุ สมบตั ขิ องไสกรองแตละชนิด เม่ือเวลาผานไปมกี ารใชงานมากข้ึนพื้นผิวของวัสดุกรองจะเริ่มตัน ทำใหน้ำที่ผาน
ระบบกรองจะชาลงหรือนอยกวาปกติ จำเป<นตองเปลี่ยนวัสดุกรองหรือนำออกมาลาง ระยะเวลาและรอบการใช
งานของวัสดุกรองไมมีการกำหนดมาตรฐานที่เป<นสากล ขึ้นกับหลายปJจจัย เชน คุณภาพน้ำดิบ ปริมาณน้ำที่ใช
การใชงาน การบำรงุ รักษา เป<นตน

เครื่องกรองน้ำที่ไมไดลางทำความสะอาดอยางเหมาะสม กลับกลายเป<นแหลงสะสมเชื้อโรคมากขึ้น จน
คาดไมถงึ ส่ิงสำคัญท่สี ดุ ในการใชเครอื่ งกรองน้ำ คอื

 ตองมีการลางเคร่อื งกรองอยางถูกตองเหมาะสม
 มคี วามถีใ่ นการลางที่สอดคลองกับปริมาณการใชงาน
 เปลี่ยนสารกรอง เม่ือหมดอายุใชงาน

การลางยอน (Back wash)

เป<นวิธีที่ใชลางสารกรองที่มีลักษณะเป<นเม็ดเล็ก ๆ ท่ีบรรจุในถัง
ทรงกระบอกสูง ไดแก แอนทราไซต6/ แมงกานีสแซนด6 ถานกัมมันต6 (สาร
กรองคาร6บอน) เรซิน โดยการปลอยน้ำที่มีความดันเทา ๆ กับความดันที่ใช
ในกระบวนการผลิตจากทอดานลางของถังเก็บสาร เพื่อใหแรงดันของน้ำ
คลายสารที่มีการอัดตัวกันแนนออก การอัดตัวดังกลาวเกิดขึ้นในระหวาง
การผลิตจากแรงดันน้ำดิบที่ถูกสงเขามากรอง สารกรองที่อัดตัวเหลาน้ัน
กลายเปน< จดุ สะสมของตะกอนสกปรกและจุลนิ ทรีย6

การที่ใชแรงดันน้ำพนใหสารกรองเหลานั้นคลายตัวจะทําใหสาร
กรองเหลานั้นปลอยตะกอนสกปรกและจุลินทรีย6ที่สะสมไวออกมาและไหลทิ้งไปตามน้ำที่ใชลางยอน ทําใหสาร
กรองสะอาดไมเป<นที่สะสมของสิ่งสกปรกและจุลินทรีย6 หากไมมีการลางยอนสิ่งสกปรกและจุลินทรีย6จะลด
ประสิทธิภาพในการทํางานของสารกรอง โดยเฉพาะจากการเกดิ ฟ"ลม6 ครอบคลมุ พนื้ ที่ผิวของสารกรอง

การลางยอนจงึ ตองทํากอนเริ่มทําการผลิตทุกวัน หรืออีกนัยหนึ่ง คือหลังจากการผลิตท่ียาวนานของแต
ละวัน ระยะเวลาในการลางยอนขึ้นกับลักษณะทางกายภาพของผิวสารกรองที่เอื้อตอการเกาะติดของจุลินทรีย6
การลางยอนที่เหมาะสมสามารถชวยลดปริมาณจุลินทรีย6ที่สะสมไดถึงรอยละ 80 ทั้งนี้ เวลาการลางยอนที่
เหมาะสมกอนเร่มิ ผลิต โดยทว่ั ไปใชระยะเวลาดงั นี้

1) แอนทราไซต6/แมงกานสี แซนด6 เป<นเวลา 5 นาที
2) ถานกมั มนั ต6 เปน< เวลา 5 นาที
3) เรซนิ เปน< เวลา 10 นาที

ในกรณที ่มี ปี ริมาณการผลิตมาก หรือน้ำดิบกอนเขาสูสารกรองมีความตะกอนความขนุ หรือสิ่งสกปรกสูง
หรือสารกรองมีความหนาหรือปริมาณมาก หรืออายุของสารกรองนานเกินไป อาจตองใชระยะเวลาและรอบ

คมู ือสำหรบั ผูควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ่ีป"ดสนิท น้ำแรธรรมชาติ และน้ำแข็งบรโิ ภค หนา 3 - 8

ความถี่ในการลางยอนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงควรสังเกตความสะอาดของน้ำทิ้งจากการลางยอน หากยังมีสิ่งสกปรก
หลดุ ติดมาแสดงวาระยะเวลาทใี่ ชลางยอนไมเพยี งพอใหเพิ่มระยะเวลาหรือรอบความถี่ในการลางยอน

การฟ_^นฟูสภาพ (regenerate) แคทไอออนเรซิน

การฟKLนฟูสภาพแคทไอออนเรซิน ที่หมดประสิทธิภาพในการกรองความกระดางออกจากน้ำ ทํา
โดยการแชเรซินในน้ำเกลือ (โซเดียมคลอไรด6, NaCl) เขมขน ที่ปJLมผานเขาไปในถังสารกรองเรซิน เป<นเวลา
ประมาณ 30 นาที เมื่อลางน้ำเกลือออกแลว พื้นผิวของแคทไออนเรซินทีผ่ านการปรับสภาพแลว จะจับโซเดียมไว
พรอมทจ่ี ะจบั ธาตทุ ่ีทําใหนำ้ กระดางไว และทาํ ใหความกระดางของน้ำลดลง

ความเขมขนของน้ำเกลือที่ใชฟKLนฟูสภาพ ตรวจสอบไดจากผูจำหนายสารกรองเรซิน มกั ระบุใน
เอกสารคุณสมบัติของสารกรองเรซิน โดยทั่วไปหากสามารถปJ‹มน้ำเกลือเขาถังไดโดยตรงใหเตรียมน้ำเกลือที่มี
เขมขน 10 % แตถาเป<นแบบ Ejector3 ตองเตรียมน้ำเกลือเขมขนที่ 20% เนื่องจาก Ejector ที่ดีที่สุดในการดูด
นำ้ ผสมนำ้ เกลอื คอื อตั ราสวนน้ำกับน้ำเกลือท่ี 1:1 แตในความเป<นจรงิ ทำไดยากมากจึงควรมกี ารติดกƒอกสำหรับเก็บ
น้ำผสมน้ำเกลอื เพื่อตรวจสอบความเขมขนของน้ำเกลือที่ไหลเขาในถังและปรับใหน้ำเกลือที่ไหลเขาในถังมีความ
เขมขนที่ 10% (ประกจิ , 2553)

หลังจากแชน้ำเกลือทิ้งไวตามระยะเวลาที่กำหนด จะตองมีการชะลางเกลือออกจากสารกรองให
หมด โดยใชน้ำที่สะอาด ซึ่งสามารถตรวจสอบไดโดยการชิม หรือใชการตรวจวัดโดยใชรีแฟกโทมิเตอร6
(Refractometer) วัดคาความเขมขนของสารละลาย

เกลือท่ีนิยมใช คือเกลือประเภทเกล็ดหรือผง เลือกใชตองสะอาด จัดเก็บปaองกันการปนเปKLอน
เพื่อมิใหเกดิ การปนเปKอL นกลบั เขาไปในระบบกรอง

การทดสอบวาควรจะปรับสภาพเมื่อใดสามารถทําไดโดยใชชุดทดสอบความกระดางในน้ำหลัง
ผานสารกรองเรซิน หากพบมีความกระดางสูงกวา 30 พีพีเอ็ม ซึ่งทำใหระดับน้ำที่ไดมีรสชาติไมดี และทำใหเกิด
ตะกอนในน้ำระหวางการตม ใหดำเนนิ การฟKLนฟูสภาพ ทั้งนี้ควรมีการกำหนดความถีใ่ นการทดสอบทีเ่ หมาะสมกับ
สภาพการผลิตของสถานประกอบการแตละแหง ขน้ึ กับหลายปJจจัย เชน คณุ ภาพน้ำดบิ ปริมาณน้ำทใี่ ช การใชงาน
การบำรงุ รักษา เปน< ตน

ในระหวางการใชงานเรซินสวนหน่ึงจะแตกหัก และบางสวนจะสญู หายไปในระหวางการลางยอน
ดงั นั้นจึงจำเปน< ตองมีการตรวจสอบและเติมทดแทนเรซินลงไปในถังกรองเพ่ือใหมีจำนวนคงท่ี

การดูแลความสะอาดไสกรองหยาบและไสกรองเซรามกิ

 ทําความสะอาดสัปดาหล6 ะคร้ัง โดยการถอดออกมาลาง
 ไสกรองหยาบ ลางโดยการเปด" น้ำกƒอกใหไหลผานแรง ๆ สวนไสกรองเซรามิกตองนํามาขัด

เบา ๆ ดวยแผนฝอยลางจานหรอื กระดาษทรายเบอร6ละเอยี ด

3 Ejector เป<นอุปกรณ6ทีป่ ระกอบดวยขอตอ 3 ทางที่ใชดูดน้ำเกลือ โดยอาศัยการเกิดสุญญากาศในทอดูดน้ำเกลือ ซึ่งการเกดิ
สุญญากาศเกิดจากน้ำสะอาดถูกสงผาน Ejector ที่ทอหนึ่งดวยแรงดันคงที่ผาน Orifice ทำใหเกิดสุญญากาศในทอดูดน้ำเกลอื
แรงดนั สุญญากาศทำใหมีการดูดน้ำเกลือข้ึนมาผสมกบั น้ำสะอาด ทำใหน้ำเกลอื มีความเขมขนลดลง ดงั นั้นในการเตรียมน้ำเกลือ
ท่ีใชระบบ Ejector จะตองเตรยี มน้ำเกลอื ท่มี คี วามเขมขนมากกวา 10%

คมู ือสำหรับผูควบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจุท่ปี "ดสนทิ นำ้ แรธรรมชาติ และนำ้ แข็งบรโิ ภค หนา 3 - 9

 หลังจากนั้น นําไปพึ่งใหแหงในบริเวณทีส่ ะอาด และกอนใชนํามาแชในสารละลายคลอรีนท่ี
ความเขมขน 50 พีพีเอม็ เปน< เวลา 30 นาที

การเปลี่ยนเมือ่ ครบอายกุ ารใชงาน หรอื ดอยประสิทธภิ าพ

สารกรอง และไสกรองทุกชนิด มีอายุการใชงานที่จำกัด สามารถสอบถามจากผูผลิตหรือผู
จำหนายสารกรองหรือไสกรอง หากการใชงานครบกำหนดตามที่ระบุไว ควรเปล่ยี นทันที เพราะหากพนระยะเวลา
ที่กำหนด ความสามารถและประสิทธิภาพในการกรองน้ำจะหมดไป ไมสามารถกรองน้ำไดอยางสะอาดเชนเดิม
เชน สารกรองแอนทราไซด6 หรือ แมงกานีสแซนด6 โดยทั่วไปมีอายุการใชงานประมาณ 1 ปŽ ใหเปลี่ยนเมื่อใชงาน
ครบ 1 ปŽ

สำหรับสารกรองบางประเภท สามารถทดสอบประสิทธิภาพได ใหเปลี่ยนเมื่อตรวจพบวาสาร
กรองหมดประสิทธิภาพ เชน สารกรองคาร6บอนใชวิธีตรวจสอบปริมาณคลอรีน สารกรองเรซินใชวิธีตรวจสอบ
ความกระดาง ของนำ้ หลังผานสารกรอง เปน< ตน

---------------------------------------------------------

คมู อื สำหรับผคู วบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจุท่ีปด" สนทิ นำ้ แรธรรมชาติ และนำ้ แขง็ บริโภค หนา 3 - 10

บทท่ี 4

การควบคุมกระบวนการปรบั คุณภาพนำ้ บรโิ ภค
ด้วยระบบการผลิตน้ำอารโ์ อ (Reverse Osmosis ; RO)

ระบบการผลิตน้ำอาร์โอ (Reverse Osmosis ; RO)

การผลิตน้ำดื่มในระบบอาร์โออาศัยหลักการที่ให้น้ำดิบซึมผ่านเยื่อกรองที่มีขนาดรูเล็กมาก ที่ยอมให้
เฉพาะโมเลกลุ นำ้ ผ่านเข้าออกได้เท่านน้ั ต้นกำเนดิ ของระบบกรองนา้ํ อารโ์ อได้มีการคิดค้นขึ้นมาเพ่ือในกองทัพเรือ
สหรฐั เพื่อนำนํ้าทะเลมาผ่านการบำบดั และผา่ นการกรองใหเ้ ปน็ น้ําจืด

ทั้งน้ี ตามธรรมชาติหากนําเอาเย่ือกรองนี้ไปกั้นระหว่างนำ้ สะอาดกับนำ้ ที่มีส่ิงปนเป้ือน น้ำสะอาดจะซึม
ผ่านไปยังด้านของน้ำที่มีส่ิงปนเปื้อน และจะซึมผ่านเร็วขึ้นถ้านำ้ อีกดา้ นหน่ึงมคี วามเข้มขน้ ของสิ่งปนเป้ือนเขม้ ขน้
มากขึ้น ความดันที่ทําให้เกิดการซึมผ่าน เรียกว่า ความดันออสโมติก (Osmotic pressure) ปรากฏการณ์
ธรรมชาตินี้ เรียกวา่ ออสโมซสิ (Osmosis) ซงึ่ จะทําใหส้ ูญเสยี นำ้ สะอาด ไปกบั น้ำทมี่ สี ิง่ ปนเป้ือน ดังภาพที่ 4-1

ภาพที่ 4-1 กระบวนการออสโมซิส และรเี วิรส์ ออสโมซิส

ในการผลิตน้ำดื่มโดยใช้ระบบอาร์โอ ต้องมีการแยกน้ำสะอาดออกจากน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อนให้ได้มากที่สุด
จึงต้องใช้หลักการเอาชนะธรรมชาติด้วยความดันออสโมติก ซึ่งต้องเพิ่มความดนั เขา้ ในด้านน้ำท่ีมีสิ่งปนเปื้อนจนมี
ค่าสูงกว่าความดันออสโมติกที่เกิดตามธรรมชาติ จึงจะมีผลให้น้ำสะอาดที่อยู่ในน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อนซึมผ่านแยก
ออกมาได้ กระบวนการที่ใช้นี้ตรงข้ามกับปรากฏการณ์ออสโมซิสตามธรรมชาติ จึงเรียก รีเวิร์สออสโมซิส
(Reverse Osmosis) หรือเรยี กย่อว่า อารโ์ อ (RO)

ตามสาระที่กลา่ วไวข้ ้างต้น อปุ กรณ์ทเ่ี ปน็ หวั ใจสาํ คัญของการผลติ นำ้ ดื่มในระบบอารโ์ อ ไดแ้ ก่ เยื่อกรอง
หรือเมมเบรน (Membrane) และ ปั้มน้ำ แต่ก็มีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบที่ต้องพิจารณา โดยมีรายละเอียดที่ควร
ทราบดงั นี้

คมู่ อื สำหรับผูค้ วบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ่ีปดิ สนทิ น้ำแรธ่ รรมชาติ และนำ้ แข็งบรโิ ภค หนา้ 4 - 1

คณุ ภาพน้ำดบิ กอ่ นเข้าเยอื่ กรองอาร์โอ

ตอ้ งมีคณุ ภาพดี ดังนี้

▪ ไม่มีสิง่ แขวนลอยที่จะเขา้ ไปอดุ ตันเย่ือกรอง
▪ ไมม่ เี ชอื้ แบคทเี รยี เข้าไปตดิ คา้ งเจรญิ เติบโตและทำลายเยื่อกรอง
▪ ไม่มีสารเกลือแรท่ ีจ่ ะเกดิ ตะกรันเคลือบผิวหนา้ เยือ่ กรอง ทำใหเ้ กดิ การอุดตัน
▪ ไม่มีเหลก็ สงู เพอื่ ป้องกันการตกตะกอนบนเย่ือกรอง
▪ ไมม่ คี ลอรนี หลงเหลือ ซง่ึ สามารถทำลายเยอ่ื กรองดว้ ยการเกิดออกซเิ ดชนั
▪ ไม่มสี ารประเภทไขมันเขา้ ไปทำลายและอดุ ตนั เย่ือกรอง

จึงจำเป็นต้องปรบั คณุ ภาพน้ำก่อนเข้าเย่อื กรองอาร์โอ โดยวิธกี าร ดงั น้ี

▪ กำจดั ความขุ่นและสารแขวนลอยออกจากนำ้
▪ ปรับคา่ พีเอช และอณุ หภมู ิของน้ําให้เหมาะสม
▪ กำจัดสารละลายทมี่ ีโอกาสเกดิ ตะกรัน และสิ่งสกปรกอุดตันผวิ ของเยื่อกรอง
▪ กำจัดจุลนิ ทรีย์ที่อย่ใู นนำ้ ออกเพ่อื ไม่ให้เกิดการสะสมทผ่ี ิวเยื่อกรอง
▪ ควบคมุ การสะสมของซิลิกา

การติดตั้งระบบน้ำอ่อนเพื่อปรับสภาพนำ้ ดบิ ก่อนสง่ ต่อเข้าสูร่ ะบบอารโ์ อ จึงกลายเปน็ วิธีปฏิบัติทีม่ ักทํา
กันโดยไม่ทราบสาเหตุที่จริง ทั้งนี้ความเหมาะสมในการดําเนินการขึ้นกับคุณภาพน้ำดิบและสมบัติของเยื่อกรอง
เชน่

▪ การเติมคลอรีนเพ่ือฆ่าเชอ้ื มีความจําเปน็ มากหากเย่ือกรองเป็นชนิดเซลลูโลส
▪ การติดตั้งถ่านกัมมันต์ก่อนเข้าระบบอาร์โอ จําเป็นมากหากเยื่อกรองไวต่อการออกซิไดซ์จาก

คลอรนี
▪ หากน้ำดิบมีความกระด้างสูงต้องติดตั้งระบบน้ำอ่อนเพื่อเปลี่ยนเกลือชนิดที่ละลายยากให้เป็น

เกลือโซเดียมทล่ี ะลายงา่ ย เพื่อชว่ ยปอ้ งกันเย่ือกรองอุดตัน
▪ การกรองด้วยไส้กรองไมโครฟิวเตรชั่น (Microfiltration ; MF) ขนาดรูกรอง 0.1–10 µm เพ่ือ

กำจัดคอลลอยด์และแบคทีเรีย มีประโยชน์ในการลดโอกาสการเกิดคราบสกปรกที่เยื่อกรอง
อารโ์ อ

ทั้งนี้ การติดตั้งระบบผลิตน้ำอ่อนก่อนระบบอาร์โอ มักช่วยยืดอายุและระยะเวลาการล้างของเยื่อกรอง
ในกรณีท่คี ณุ ภาพนำ้ ดิบไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม หากระบบผลิตน้ำอ่อน สามารถลดและขจัดอันตรายทางด้านเคมีและจุลินทรีย์ที่มีอยู่ใน
นำ้ ดิบให้ไดม้ าตรฐานน้ำบรโิ ภค กไ็ มม่ คี วามจำเป็นต้องตดิ ตง้ั ระบบอารโ์ อเพ่ิมเตมิ

คู่มือสำหรับผูค้ วบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ่ีปิดสนิท นำ้ แรธ่ รรมชาติ และนำ้ แขง็ บรโิ ภค หนา้ 4 - 2

การปรับคณุ ภาพนำ้ ทางฟิสิกส์และเคมี โดยใช้เยื่อกรอง หรือ เมมเบรน

มีลักษณะเป็นเยื่อบาง ๆ มีรูพรุน เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.0001 ถึง 0.1 ไมครอน จึงเป็นอุปกรณ์
ที่มีความบอบบาง จำเป็นต้องระมัดระวังมิให้เกิดการอุดตันหรือฉีกขาด ปัญหาดังกล่าว สามารถป้องกันได้หาก
ผู้ประกอบการเข้าใจสมบัติของเยื่อกรองและน้ำทีจ่ ะผ่านเยื่อกรอง เยื่อกรองผลิตจากวัสดุหลายประเภทที่มีสมบัติ
แตกต่างกัน และตอ้ งการดแู ลรกั ษา รวมถงึ รองรบั สภาพนำ้ ทีจ่ ะเข้ามาผา่ นเยอื่ กรองแตกต่างกัน เช่น

เยอื่ กรองที่ทําจากเซลลูโลส (Cellulose) มคี วามคงทนต่อค่าพีเอช ไดเ้ พียงในช่วง 4 - 8 ซึ่งเป็นช่วงท่ี
ไม่ครอบคลุมสภาวะของน้ำดิบตามธรรมชาติและน้ำบริโภคตามที่กฎหมายกําหนด คือ 6.5 - 8.5 นอกจากนี้เย่ือ
กรองเซลลโู ลสเป็นวสั ดธุ รรมชาติ โครงสรา้ งมาจากเส้นใยจากพืช จึงถกู ย่อยสลายทางชวี ภาพได้งา่ ย หากหยุดผลิต
และไม่ล้างทำความสะอาดปล่อยให้น้ำที่มีปริมาณจุลินทรีย์สูงตกค้างอยู่ในเยื่อกรอง อาจทําให้จุลินทรีย์กัดกินเย่ือ
กรองจนทะลไุ ด้ ซึง่ ปญั หาดังกลา่ วจะไม่พบในเยือ่ กรองอีก 2 ชนิด

เยอ่ื กรองอะโรมาติกพอลิเอไมด์ (Aromatic polyamide) และฟิลม์ คอมโพสทิ (Film Composite)
มีปญั หาไมท่ นตอ่ สารออกซิไดซ์ เช่น คลอรีน จงึ อาจทะลุ ฉกี ขาด ได้หากน้ำท่ผี ่านเย่อื กรองมีคลอรีนปนเปือ้ น

ท้งั น้ี เยือ่ กรองทง้ั 3 ชนิด มีราคาทแี่ ตกต่างกนั ดังแสดงรายการเปรียบเทียบชนิดและคุณสมบัติของเยื่อ
กรองในตารางที่ 4-1 นอกจากนี้เยื่อกรองยังสามารถแบ่งได้ ตามขนาดของรูกรอง (pore size) ซึ่งจะสามารถ
กรองสารทเี่ จือปนในน้ำด่ืมไดแ้ ตกตา่ งกนั (ตารางท่ี 4-2)

จากความแตกต่างท่ีกลา่ วข้างตน้ ผูป้ ระกอบการจึงจำเป็นต้องทราบข้อมูลชนิดของเย่ือกรอง และขนาด
ของรูกรอง โดยตอ้ งสอบถามจากผ้ขู าย เพอื่ สามารถเลือกใชแ้ ละบำรุงรักษาได้อย่างเหมาะสม

ตารางท่ี 4-1 ชนิดและคณุ สมบัติของเย่ือกรอง

คณุ สมบัติ เซลลโู ลส อะโรมาติกพอลิเอไมด์ ฟลิ ์มคอมโพสิท

การแยกสารอนิ ทรีย์ ตำ่ กลาง สูง

การแยกสารอินทรยี ์ขนาดเลก็ (น้ำหนกั โมเลกุลต่ำ) กลาง สูง สงู

อตั ราการผลิตน้ำ กลาง ตำ่ สงู

คา่ พเี อชท่ที นได้ 4 - 8 4 - 11 2 – 11

อุณหภมู ิสูงสุดที่ทนได้ 35oซ 35oซ 45oซ

การทนต่อสารออกซิไดซ์ (เช่น คลอรนี อสิ ระ) สงู ตำ่ ตำ่

แนวโนม้ ท่ีจะเกดิ การอัดตวั สูง สงู ตำ่

การย่อยสลายทางชีวภาพ สงู ต่ำ ตำ่

ราคา ตำ่ กลาง สงู

คู่มอื สำหรับผคู้ วบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรจุทปี่ ิดสนิท น้ำแร่ธรรมชาติ และนำ้ แข็งบริโภค หนา้ 4 - 3

ตารางท่ี 4-2 ขนาดของรูกรองและประสิทธภิ าพในการกรองของเยอื่ กรองประเภทต่างๆ

เย่อื กรอง/ขนาดรกู รอง นำ้ บริสทุ ธ์ิ แร่ธาตุที่มี สารโมเลกุล ไวรัส แบคทีเรีย/ สาร
ประจเุ ดยี ว ใหญ่ หรอื แร่ สาหรา่ ย แขวนลอย
ไมโครฟวิ เตรชั่น (Micro filtration; MF) - ธาตทุ ่มี ปี ระจุ -
10 µm – 0.1 µm (100 nm) - - ✓ ✓✓
อัลตราฟิวเตรช่นั (Ultra filtration; UF) - - 2 ขึน้ ไป ✓ ✓✓
0.1 µm - 0.01 µm (10nm) - - ✓ ✓✓
นาโนฟวิ เตรช่ัน (Nano filtration; NF) -
10 nm – 1 nm ✓ ✓✓
รีเวริ ส์ ออสโมซิส (Reverse osmosis; RO) -
นอ้ ยกวา่ 1 nm

(บางส่วน)


หมายเหตุ : เครื่องหมาย ✓หมายถงึ เยื่อกรองสามารถกรองสิ่งปนเปอ้ื นไว้ได้ ไมป่ ลอ่ ยใหเ้ ลด็ ลอดออกไป

จากตารางที่ 4-2 จะเห็นไดว้ า่ เย่ือกรองอารโ์ อ มีรูพรุนขนาดเล็กมากถึง 1 นาโนเมตร (nm) หรือ 0.001
ไมครอน (µm) เรียกว่ามีขนาดเล็กมากจนทำให้เชื้อโรค สารเคมี สารพิษ สารปนเปื้อน และแร่ธาตุต่าง ๆ ไม่
สามารถเล็ดลอดผ่านเยื่อกรองนี้ได้ มีเพียงแต่น้ำเปล่าบริสุทธิ์เท่านั้น สิ่งปนเปื้อนดังกล่าวจะถูกกำจัดออกไป โดย
จะแยกคนละทางจากน้ำทผ่ี ่านการกรองได้ ดงั ภาพท่ี 4-2

ภาพที่ 4-2 การทำงานของเย่ือกรองอารโ์ อ

รปู แบบของเย่ือกรอง
เยื่อกรองที่ใช้ในการกรองน้ำนั้นจะต้องนำมาประกอบเป็น Element หรือ Module หรือ

Cartridge เพื่อความพร้อมในการใช้งาน โดยการกรองน้ำผ่านเยื่อกรองอาร์โอซึ่งมีขนาดรูกรองเล็กมาก ทำให้
อัตราการผลิตต่ำ การออกแบบเครื่องกรองจึงต้องการพื้นที่ผิวของ membrane สูง เพื่อให้ได้นํ้าปริมาณมาก
ภายในเวลาท่เี หมาะสม ซง่ึ มหี ลายประเภท และประเภททีน่ ยิ มใช้กนั มดี งั ต่อไปนี้

คู่มอื สำหรบั ผ้คู วบคมุ การผลติ น้ำบรโิ ภคในภาชนะบรรจทุ ีป่ ิดสนิท นำ้ แร่ธรรมชาติ และน้ำแข็งบรโิ ภค หน้า 4 - 4

1. แบบฮอลโลไฟเบอร์ (Hollow fiber)

มีลักษณะเป็นท่อยาวมีรูภายใน น้ำที่มีสิ่งปนเปื้อนถูกปั้มให้ไหลจากปลายท่อด้านหนึ่งไป
ยังปลายท่ออีกด้านหนึ่ง ในระหว่างนั้นน้ำสะอาดจะซึมผ่านเยื่อกรองที่เป็นผนังท่อ โดยปกติมีท่อหลาย ๆ ท่อ มัด
รวมกันคล้ายหลอดกาแฟที่มีจําหน่ายเป็นมัดในถุงพลาสติก (ภาพที่ 4-3) ท่อที่ถูกจับรวมกลุ่มเข้าด้วยกัน ปิดด้าน
หัวท้ายด้วย Epoxy แล้วประกอบดว้ ยท่อน้ำดิบ ทอ่ น้ำ R.O. Product และท่อน้ำทง้ิ และส่วนประกอบทั้งหมดถูก
ตดิ ต้งั ไว้ใน Pressure vessel หรอื Shell พ้ืนท่ีในการกรองต่อ 1 Module มากกว่า Spiral-wound

การกรองแบบนี้เป็นการกรองที่บังคับให้น้ำไหลขนานไปกับเยื่อกรอง (Cross flow) ซ่ึง
ช่วยชะลอการอุดตันของเยื่อกรอง เนื่องจากตะกอนถูกพาไปกับน้ำที่ไหลออกไปทางปลายอีกด้านหนึ่งของท่อ
(ภาพที่ 4-4) มขี ้อจำกัดเร่ืองการตดิ ต้ัง Module ได้อยา่ งมาก 2 อัน เนอื่ งจากวิธกี ารจัดท่อนำ้ เข้าและทอ่ น้ำออกไม่
เอือ้ อำนวยต่อการตดิ ต้ังหลายอนั

ภาพที่ 4-3 ฮอลโลไฟเบอร์ (Hollow fiber) ภาพท่ี 4-4 การกรองแบบขนาน

2. แบบสไปรลั -วูนด์ (Spiral-wound)

เป็นการนำเอาแผ่นเยื่อกรองมาวางซ้อนทับกันแผ่นพลาสติกรวบรวมน้ำ (Product
collection) พร้อมด้วยแผ่นนำน้ำดิบ (Feed channel spacer) และแผ่นรองรับเยื่อกรอง (Membrane
supporting backing) และม้วนติดกับท่อรับน้ำอาร์โอ (Product tube) และประกอบติดด้วยท่อน้ำดิบ (Feed
inlet) และทอ่ น้ำท้งิ (Brine outlet) เปน็ แบบท่ีนิยมใช้กนั มากทส่ี ุด เน่ืองจากมพี ้นื ทีใ่ นการกรองมาก และการไหล
ของน้ำ “Crossflow” สามารถติดตั้งไว้ใน Pressure Vessel ได้มากถึง 7 Modules ด้วยกัน ซึ่งเป็นข้อดีที่
ได้เปรียบของอารโ์ อแบบน้ี

ภาพที่ 4-5 แสดงเย่ือกรองแบบ Spiral-wound ภาพที่ 4-6 น้ำเข้าและน้ำท้ิงของไสก้ รองเย่ือกรองอารโ์ อ

คมู่ ือสำหรบั ผู้ควบคมุ การผลติ นำ้ บรโิ ภคในภาชนะบรรจุที่ปดิ สนทิ นำ้ แรธ่ รรมชาติ และน้ำแข็งบรโิ ภค หน้า 4 - 5

เยื่อกรองที่ประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมใช้งาน เรียกว่า RO Module หรือ RO Elements ซึ่งจะ
บรรจุอยู่ในท่อความดัน (Pressure vessel) ทำด้วยไฟเบอร์กลาส (Fiber glass) สแตนเลส (Stainless steel)
หรอื พวี ซี ี (PVC) มีขนาดบรรจุไดต้ ั้งแต่ 1-7 Elements

ภาพท่ี 4-7 เยอื่ กรองทป่ี ระกอบเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ พร้อมใชง้ าน เรยี กวา่ RO Elements

ภาพท่ี 4-8 RO Module หรอื RO Element จำนวน 2 ชดุ กอ่ นบรรจลุ งในท่อความดัน (Pressure vessel)

ภาพที่ 4-9 ท่อความดัน (Pressure vessel) ชนิดตา่ งๆ หน้า 4 - 6

คู่มือสำหรบั ผคู้ วบคมุ การผลติ นำ้ บริโภคในภาชนะบรรจุทีป่ ดิ สนิท นำ้ แรธ่ รรมชาติ และน้ำแข็งบริโภค


Click to View FlipBook Version