The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Panisara Singhapong, 2021-08-29 20:50:37

Best Practice ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมปทุมธานี

Keywords: Best Practice,วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ,ปาณิสรา สิงหพงษ์,Panisara Singhapong,สายปัญญารังสิต

30

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
8.1 ขน้ั นำ
1. สนทนาทบทวนเนือ้ หากับนักเรียนเรอ่ื งการขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศ ด้วยการซักถาม โดยการ

สุม่ นกั เรยี น ผา่ นโปรแกรมการสอนออนไลน์ Microsoft Team
- การตอนกิ่งทนี่ ิยมใชม้ ากที่สดุ คอื วิธีใด
- การตอนกง่ิ นิยมใช้กับพืชชนดิ ใด
- ไมด้ อกประดับชนิดใดบ้างที่นยิ มขยายพันธุด์ ว้ ยการตอนกง่ิ

2. ใหค้ าชมเชยในการตอบปัญหาของนักเรียนและใหข้ ้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ
3. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ให้นักเรยี นจดบนั ทึกไว้
8.2 ขน้ั สอน
1. แบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม ให้เลือกหัวหน้า รองหัวหน้าฯ ของแต่ละกลุ่ม ดงั นี้

- ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนผ่าน QR Code
- เสนอบทเรียนใหม่โดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาจากใบความรูเ้ รอื่ งการขยายพันธ์ุพืชแบบไมอ่ าศยั เพศ
- ครูอธบิ าย ซกั ถามและนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรุป ความหมาย วิธีการ ขอ้ ดี-ขอ้ เสยี
- นักเรียนศึกษาวิธีการตอนก่ิง จากส่ือการสอนเรื่องการขยายพันธ์ุพืชแบบไม่อาศัยเพศ โดยเรียนรู้
ผ่าน Clip VDO
- ครูสาธิตการตอนก่ิงให้นักเรียนสังเกต โดยอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างละเอียดและให้
นักเรียนฝึกปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนรายบคุ คล โดยเรียนรผู้ ่าน Clip VDO
- นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามใบงานเร่ืองการตอนกิ่ง โดยให้ศึกษารายละเอียดจากใบความรู้
และสื่อการสอนเรื่องการขยายพันธ์ุพืชแบบไม่อาศัยเพศ
8.3 ขน้ั สรปุ
- ครตู ัง้ คาถามและกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันอภิปรายสรุปการปฏิบัติงาน และข้อดี-ข้อเสีย ของการ
ขยายพนั ธ์ุด้วยวธิ ีต่างๆ
- ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนผ่าน QR Code

31

9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
9.1 ส่อื การเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี นรายวิชาการงานอาชีพฯ
2. ใบความรู้เร่อื งการขยายพันธุ์พชื (การตอนกิ่ง)
3. ใบงานเรอ่ื งการตอนกงิ่
4. คลิปวิดีโอการตอนกง่ิ
5. ภาพประกอบการขยายพนั ธุ์พืชด้วยวิธกี ารตอนกง่ิ
6. พันธไ์ุ มข้ องจริงท่ีได้ตอนก่ิงไวแ้ ลว้ เช่น มะมว่ ง เปน็ ตน้
7. อุปกรณท์ ่ีใช้ในการตอนกิ่ง เช่น มดี ,คัตเตอร์,พลาสติกใสหรอื ทบึ แสง
9.2 แหล่งการเรียนรู้
1. ห้องสมุดโรงเรยี น
2. โรงเรือนเกษตร
3. ศนู ยเ์ รียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียง
4. มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (ศูนย์รงั สติ )

32

ใบความรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การขยายพันธพุ์ ชื แบบไม่อาศัยเพศ
เรอ่ื งการตอนก่งิ รหัสวิชา ง23101 รายวิชา การงานอาชีพ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
********************************************************************************
การตอนกงิ่ เป็นวิธีการขยายพนั ธุ์พืชท่ีใช้กันมานาน และเป็นท่ีรู้จักกันดีในหมู่ชาวสวนท่ัวๆ ไป วิธีการ
ตอนกิ่งท่ีเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นวิธีการที่ได้นามาจากประเทศจีน แต่ได้ดัดแปลงไปบ้าง เพ่ือความสะดวกใน
การปฏิบตั ิ ในยุโรป และอเมรกิ า กม็ ีวิธีขยายพันธ์ุพืชด้วยการตอนกิ่งเช่นเดียวกันแต่วิธีการในการตอนกิ่งผิดไป
จากวิธีที่รู้จักกันดีในบ้านเรา และเรามักเรียกวิธีการตอนกิ่งแบบยุโรปว่า "การตอนทับก่ิง" ในท่ีนี้จะขอกล่าว
เฉพาะการตอนกงิ่ แบบ ชาวจนี หรือการตอนกิ่งแบบตอนหุ้มก่ิง ซึ่งมวี ิธกี ารตอนหุ้มก่ิงหลายแบบ
ไม่ว่าจะเปน็ การตอนก่ิงแบบชาวจีน หรือการตอนทับกิ่งแบบชาวยุโรป โดยหลักการในการตอนต้นพืช
แลว้ กค็ อื การทาใหต้ น้ หรือกงิ่ พชื ออก รากขณะทีย่ ังติดอยูก่ ับต้นแม่ หลังจากต้นหรือก่ิงพืชออกรากดีแล้ว จึงตัด
ไปปลูกภายหลัง ฉะน้ัน โอกาสของการที่ก่ิงพืชจะมีชีวิตอยู่รอด จึงดีกว่าการขยายพันธ์ุด้วยการตัดชา แต่ก็มี
ข้อเสียอยู่ที่ว่า ขยายได้ช้ากว่า ด้วยเหตุน้ี ถ้าต้องการต้นพืชจานวนมากๆ แล้ว มักจะไม่ใช้การขยายพันธุ์ด้วย
การตอนก่ิง เว้นแต่ต้นพืชน้ัน จะขยายพันธุ์ไม่ได้ด้วยการตัดชา หรือออกรากยากกว่าการตอนกิ่งเท่าน้ัน การ
ตอนกิ่งแบบชาวจีน หรือแบบท่ีเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นวิธีที่ใช้ในการตอนกิ่งพืชพวกไม้พุ่ม และไม้ยืนต้นเป็น
ส่วนใหญ่ รวมทั้งพืชพวกไม้ผล และไม้ประดับ เช่น ลาไย ล้ินจี่ ละมุด ส้มเขียวหวาน ส้มโอ กระท้อน กุหลาบ
มะลิ ดอนย่า เปน็ ตน้ ส่วนวธิ กี ารตอนนัน้ ปฏิบตั เิ ป็นขั้นๆ ดังน้ี
ก. การเลือกก่ิง กิ่งหรือต้นพืชที่จะตอนจะต้องเป็นกิ่งไม่อ่อนและไม่แก่เกินไป ใบงาม ไม่มีโรคหรือ
แมลงทาลาย ได้รับแสงแดดสม่าเสมอ โดยปกติ มักจะเลือกก่ิงกระโดง ซึ่งอาจจะเป็นกิ่งกระโดงตั้ง 1 หรือ
กระโดงครบี 2

ขนั้ ตอนในการตอนกง่ิ ละมุด : การเลือกกิง่ ตอน

33

ข. การทาแผลบนกงิ่ การทาแผลบนก่ิงจะขึ้นอยู่กับชนิดของพืช และความยากง่ายในการงอกราก ซึ่ง
บางพืชอาจไม่ตอ้ งทาแผลเลย กส็ ามารถออกรากได้ ส่วนใหญ่มักเป็นพืชใบเล้ียงเดี่ยว เช่น ต้นสาวน้อยประแป้ง
พลูด่าง และพลูฉีก พืชบางชนดิ อาจใชว้ ิธีกรดี เปลือกตามยาวของกิง่ เชน่ กุหลาบ ย่ีโถ หรอื พชื บางชนิดอาจปาด
ท้องกง่ิ เช่น ตน้ ชวนชม แตม่ บี างชนิดทีต่ ้องคว่นั ก่งิ โดยเฉพาะพืชท่อี อกรากยาก มีความจาเป็นที่จะต้องทาแผล
โดยการคว่นั ก่งิ เพราะการควั่น นอกจากจะทาใหเ้ กิดบริเวณออกรากแล้ว ยังมีผลเก่ียวกับการสะสมธาตุอาหาร
รวมท้ังสารฮอร์โมน ให้เกิดขึ้นภายในก่ิง ซึ่งจะมีผลดีในการออกรากด้วย ดังนั้น เพ่ือความแน่นอนในเรื่องการ
ออกราก ชาวสวนทัว่ ไปจึงใช้วธิ ีการทาแผล ดว้ ยการคว่ันก่ิงแทบท้งั ส้นิ

ข้นั ตอนในการตอนกง่ิ ละมุด : การทาแผลบนกง่ิ
ค. การทาฮอรโ์ มน การใช้ฮอรโ์ มนเรง่ รากทาบรเิ วณทท่ี าแผล หรือบรเิ วณท่ีกิ่งจะเกิดราก จะช่วยให้ก่ิง
พืชเกิดรากดีข้ึน คือ มีรากมากขึ้น รากเจริญเร็วข้ึน และอาจออกรากเร็วขึ้น การทาฮอร์โมนปกติจะทาเฉพาะ
บริเวณที่จะเกิดรากเท่านัน้ เชน่ บรเิ วณทเ่ี ปน็ รอยกรีด หรอื รอยปาด หรือรอยคว่ันตอนบนเท่านั้น และการท่ีจะ
ใชฮ้ อรโ์ มนตอนตน้ พืชชนิดใดน้ัน ควรจะได้ศึกษา หรือทดลองมาก่อน เพราะต้นพืชแต่ละชนิดออกรากยากง่าย
ต่างกนั โดยปกติ ต้นพืชท่ีออกรากไม่ยาก อาจใช้ฮอร์โมนชนิดอ่อน หรือท่ีมีความเข้มข้นน้อยๆ ก็เพียงพอ ส่วน
ต้นพชื ที่ออกรากยากๆ จาเป็นตอ้ งใชฮ้ อร์โมนแรงๆ หรือท่ีเข้มข้นมากๆ ตามลาดับ การใช้ฮอร์โมนที่ตรงกันข้าม
กับทีก่ ล่าวน้ี นอกจากจะไมไ่ ด้ผลดขี ้ึนแลว้ ยังเป็นการทาลายกิ่งพชื ทตี่ อน และทาใหค้ ่าใช้จา่ ยเพ่ิมขึ้นอีกดว้ ย

ขัน้ ตอนในการตอนกิง่ ละมดุ : การทาฮอร์โมน

34

ง. การหุ้มก่ิงตอน วัตถุท่ีจะใช้หุ้มกิ่งตอน อาจใช้วัตถุต่างๆ ได้หลายอย่าง ข้อสาคัญก็คือ วัตถุนั้นๆ
ตอ้ งอมความชืน้ ได้พอ ไม่เปน็ พิษกบั ก่ิงพืช มีราคาถูก และหาได้ง่าย เช่น หญ้ามอสส์ (sphagnum moss) กาบ
มะพรา้ วชบุ น้า ปุยมะพร้าว ผา้ กระสอบป่าน หรือรากผักตบชวา แมก้ ระท่ังดนิ ธรรมดาๆ ทวั่ ๆ ไปใช้ก็ได้ แต่วัตถุ
ที่นิยมใช้จะต้องสะดวกต่อการหุ้ม เช่น ใช้กาบมะพร้าวชุ่มน้า ทุบให้แผ่ ตัดเป็นท่อนให้พอเหมาะกับขนาดก่ิง
ตอน ซึ่งเมื่อจะหุ้ม ก็จะสามารถหุ้มกิ่งได้ง่าย ส่วนการหุ้มอาจใช้วัตถุชนิดเดียว เช่น หญ้ามอสส์ล้วนๆ หรือกาบ
มะพร้าวล้วนๆ หรืออาจใช้ดินหุ้มก่อนแล้วหุ้มหญ้ามอสส์ หรือกาบมะพร้าวอีกช้ันหน่ึงก็ได้ ข้อสาคัญก็คือ ต้อง
พันหรือหุ้มวัตถุหุ้มก่ิงให้แน่นพอสมควร อย่าให้หมุนหรือคลอนไปมาได้ง่าย และพยายามหุ้มให้กลางกระเปาะ
วตั ถทุ ีห่ มุ้ อยู่ตรงกับบริเวณที่ออกรากด้วย

การหุม้ ก่ิงตอน

จ. การรักษาความชื้น หลังจากตอนก่ิงแล้ว โดยเฉพาะราว 3-5 วัน จากท่ีหุ้มกิ่ง จะต้องรดน้า
กระเปาะตอน หรือมัดวัตถุหุ้มกิ่งที่ตอนนั้นให้ช้ืนสม่าเสมอ ในการรักษาความช้ืนน้ี อาจใช้วิธีรดน้ากระเปาะท่ี
ตอนทุกวัน หรือใช้วิธีรดทั้งต้นแบบฝนตก แต่ท่ีสะดวกก็คือใช้ผ้าพลาสติกหุ้มให้มิด ท้ังน้ี เพื่อมิให้น้าจาก
กระเปาะวตั ถุนนั้ ระเหยออกมาได้ การหุ้มผ้าพลาสติกกระเปาะท่ีตอนแล้ว ควรจะได้หุ้มเสียแต่ตอนแรก ขณะท่ี
วัตถุนั้นยังชื้นอยู่ ซ่ึงการหุ้มพลาสติกในทานองน้ีจะช่วยให้กระเปาะก่ิงตอนช้ืนอยู่ตลอดเวลา จนกระท่ังกิ่งออก
ราก อย่างไรกต็ ามในระหวา่ งรอการออกราก ควรจะได้ตรวจดกู ระเปาะตอนบ้าง เพราะอาจมีมดกัดผ้าพลาสติก
ให้เป็นรู ทาให้กระเปาะตอนแห้งได้ การแก้ไขก็คือ ใช้เข็มฉีดยา ฉีดน้าเข้าไปในกระเปาะตอนราว 5-7 วันต่อ
คร้งั จนกว่ากง่ิ จะออกรากมากพอและตัดมาปลูกได้

ฉ. การตดั กงิ่ ตอน เมอ่ื ถงึ เวลาอันควร ก่ิงพชื ท่ตี อนไวก้ ็จะเกิดราก เวลาของการออกรากนี้จะมากน้อย
ต่างกัน พวกไม้ประดับทั่วๆ ไป จะออกรากเร็วกว่าพวกไม้ผล แต่ไม้ผลแต่ละชนิดก็จะใช้เวลาในการออกราก
แตกต่างกัน เชน่ ชมพจู่ ะออกรากเรว็ กวา่ สม้ สม้ เรว็ กวา่ ละมดุ เปน็ ต้น แต่สว่ นใหญ่จะใช้เวลาไมเ่ กนิ 3 เดือน ใน
การตัดก่ิงตอนจะต้องดูจานวนรากว่ามีรากมากพอหรือยัง และควรจะรอให้รากมีจานวนมากพอได้สัดส่วนกับ
ขนาดของกิ่งและใบ ซ่ึงถ้าก่ิงยิ่งโตมีใบมากก็ต้องเป็นก่ิงที่มีรากมาก มิฉะนั้น รากจะดูดน้าไปเลี้ยงใบไม่ทันกิ่งก็
จะแห้งเห่ียวตายไปในท่ีสุด หรือมิฉะนั้นก็จะ ต้องตัดกิ่งและใบทิ้งเสียบ้าง อย่างไรก็ตาม พวกไม้ดอก หรือไม้
ประดับ ซ่ึงรากมักเจริญได้เร็วหลัง จากตัดกิ่งแล้ว เช่น กุหลาบ ดอนย่า ฯลฯ อาจตัดกิ่งได้ เมื่อรากยังมีไม่มาก
นกั เพราะตน้ พืชจะสรา้ งรากไดไ้ ว หลังจากตดั มาปลกู แล้ว ส่วนพชื พวกไม้ผล จะตอ้ งรอให้ก่ิงมีรากมากพอ หรือ

35

อย่างน้อย จะต้องรอให้มีแขนงรากเกิดข้ึนให้มากพอ ฉะนั้น การตัดกิ่งตอนพวกไม้ผล จึงจาเป็นต้องใช้เวลา
ยาวนานกว่าไมป้ ระดับโดยท่วั ไป

กงิ่ ตอนที่ออกรากแล้ว

ซ. การปลูกกิ่งตอน กิ่งตอนท่ีตัดได้อาจมีจานวนรากมากน้อยต่างกัน เพ่ือป้องกันการเสียหายซึ่ง
อาจจะเกิดข้ึน ควรจะได้คัดกิ่งตอนออกเป็นพวกๆ ตามความมากน้อยของรากเสียก่อน คือ คัด กิ่งท่ีมีรากมาก
และรากน้อยออกคนละพวก พวกท่ีมีรากมากอาจปลูกลงกระถาง หรือลงถุงปลูกได้ทันที ส่วนพวกที่รากยังไม่
มากพอ ควรจะไดต้ ดั แต่งก่งิ และใบออกเสียบ้าง แล้วนาไปชารวมกันไว้ในกระบะ หรือภาชนะที่เหมาะสม เพ่ือ
รอให้รากเกิดมากข้ึน จึงจะนาไปปลูกภายหลัง ข้อสาคัญในการปลูกก่ิงตอน คือ อย่าปลูกให้ลึก โดยเฉพาะใน
การใช้วัตถุปลูกที่ทึบ หรืออับอากาศ เช่น ดินเหนียว เป็นต้น เพราะจะทาให้รากเจริญช้า ควรจะปลูกให้
กระเปาะตอนโผล่พ้นดินปลูกเล็กน้อย ประมาณหน่ึงในส่ีของกระเปาะตอน จากนั้น จึงนากระถางปลูกไปต้ังไว้
ในท่ีร่มราไร คือ ท่ีท่ีมีแสงแดดส่องเล็กน้อย คอยพรมน้าให้ใบก่ิงตอนชื้นอยู่เสมอๆ แต่ไม่ควรรดน้าจนดินปลูก
แฉะ และหลังจากยอดเร่ิมเจริญ หรอื แตกยอดใหม่จึงเพ่มิ แสงแดดใหม้ ากข้นึ

36

แบบทดสอบก่อน – หลงั เรียน

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 การขยายพนั ธุ์พชื แบบไม่อาศัยเพศ

เรอ่ื งการตอนก่ิง รหสั วิชา ง23101 รายวิชาการงานอาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

********************************************************************************

ตอนที่ 1 : ใหน้ ักเรยี นเลอื กคาตอบทีถ่ ูกตอ้ งที่สดุ เพยี งขอ้ เดยี ว

1. เครอื่ งมอื ท่ีใช้การขยายพันธพุ์ ชื ในการตอนก่งิ มอี ะไรบา้ ง

ก. มดี ขยายพันธแ์ุ ละกรรไกรตัดกง่ิ ข. ถุงพลาสตกิ ใสและขุยมะพรา้ ว

ค. ฮอรโ์ มนเรง่ รากออกราก+เชอื กฟาง ง. ถกู ทง้ั ขอ้ ก. ข้อ ข. และ ขอ้ ค.

2. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ ง

ก. การห้มุ ผ้าพลาสติกกระเปาะท่ีตอนแลว้ ควรจะหมุ้ ตอนไหนกไ็ ด้

ข. การหุม้ ผ้าพลาสติกกระเปาะท่ีตอนแล้ว ไม่ควรจะได้หุม้ เพราะทาใหพ้ ชื หายใจไมอ่ อก

ค. การหมุ้ ผ้าพลาสตกิ กระเปาะที่ตอนแล้ว ควรจะได้หมุ้ เสยี แตต่ อนแรก

ง. การหุม้ ผ้าพลาสตกิ กระเปาะทีต่ อนแล้ว ควรจะได้หุ้มเสยี แต่ตอนสุดท้าย

3. ขอ้ ใดจาเปน็ ตอ้ งใชใ้ นการขยายพนั ธุพ์ ชื โดยวิธีการตอนกิง่

ก. กระถาง ข. กรรไกรตัดกิ่ง ค. ถุงกระดาษ ง. ผา้ ขาดเก่าๆ

4. ขอ้ ใดเปน็ เครอื่ งมอื ที่ใช้ในการขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยวธิ กี ารตอนกง่ิ

ก. ถงุ พลาสตกิ ข. เลอื่ ย ค. เศษผา้ ง. กาว

5. พชื ชนดิ ใดท่ีนยิ มทาการขยายพนั ธุโ์ ดยการตอนก่ิง

ก. พชื ใบเลยี้ งเด่ยี ว ข. พืชใบเล้ยี งคู่ ค. พืชทั่วไป ง. พชื ใบเลี้ยงเดย่ี วและคู่

6. ถา้ นักเรียนจะขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยวิธีการตอนกิง่ ไม่ควรเลอื กก่ิงที่มลี ักษณะใด

ก. เป็นกิง่ กระโดงต้ัง หรอื กระโดงครบี ข. เปน็ ก่งิ ท่มี ีความแข็งแรงสมบูรณ์

ค. เป็นก่งิ อ่อนทพี่ ึง่ งอกมาใหม่ ง. กลา่ วมาทง้ั 3 ขอ้ ไมม่ ีขอ้ ถกู

7. เมอื่ มมี ดกดั ถุงพลาสติกท่หี มุ้ กิ่งตอน ควรแก้ไขอย่างไร

ก. รดน้าใส่ต้นพชื ทท่ี าการหุ้มกง่ิ ตอนนั้น ข. นาก่งิ ตอนทหี่ ุ้มไวแ้ ลว้ น้ันไปแช่นา้ ไลม่ ด

ค. ใชเ้ ข็มฉีดยาฉดี นา้ เขา้ กระเปาะตอน ราว 5-7 วนั ตอ่ ครัง้ ง. ก่งิ ตอนน้นั ใชไ้ มไ่ ดแ้ ลว้ นาไปทง้ิ

8. กระโดงต้ัง คือกง่ิ ทเี่ ปน็ ลักษณะอย่างไร

ก. กงิ่ ทเ่ี จริญต้ังตรง เป็นก่งิ ทีเ่ จรญิ แขง็ แรง การจดั กง่ิ ย่อยภายในก่ิงเจริญสม่าเสมอทกุ ดา้ น

ข. กิง่ ที่คดนดิ ๆ พอเปน็ รูปทรงท่ดี ดู แี ขง็ แรง

ค. กง่ิ ทไ่ี ม่ใช้ย่ืนออกมาจากต้นมากเกนิ ไป

ง. กล่าวมาท้ัง 3 ขอ้ ดา้ นบนไม่ถกู สกั ขอ้

9. กระโดงครีบ คือกิ่งทเี่ ป็นลกั ษณะอยา่ งไร

ก. กิ่งท่คี ดนดิ ๆ พอเป็นรปู ทรงทดี่ ูดแี ขง็ แรง ข. เป็นกง่ิ ท่ีเจริญดา้ นเดยี ว มกั เป็นกงิ่ เอน และมกั เปน็ กง่ิ ยอ่ ยของกิ่งกระโดงต้งั

ค. กิ่งที่แยกออกมาหลายๆ ก่ิงในก้านเดยี วกัน ง. กลา่ วมาทัง้ 3 ข้อดา้ นบนถกู ทง้ั หมด

10. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ ประโยชนข์ องการขยายพันธุ์พชื โดยวิธกี ารตอนกิ่ง

ก. สามารถขยายพนั ธุ์ไดเ้ ปน็ จานวนมาก ข. ทาให้พชื มีผลหรอื ดอกหลายๆชนิดบนต้นเดียวกัน

ค. ช่วยให้ผลผลติ เร็วขึน้ ง. ทาให้พชื ที่ออกรากยากนามาขยายพนั ธไุ์ ด้

37

ใบงานที่ 3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การขยายพนั ธุพ์ ืชแบบไม่อาศยั เพศ
เรื่องการตอนกิง่ รหสั วิชา ง23101 รายวชิ า การงานอาชพี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3
**********************************************************************************
ชื่อ-สกลุ .................................................เลขที่..............ระดับชนั้ ......................คะแนนรวม..........................
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. ร้จู ักและเข้าใจการตอนก่งิ ได้อย่างถกู ต้อง K
2. สามารถตอนกิง่ ตามขั้นตอนได้อย่างถูกตอ้ ง P

คาช้แี จง ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี
1. จงบอกความหมายของการตอนกิง่ มาพอเข้าใจ
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
2. เราใช้อะไรแทนดินในการตอน
...............................................................................................................................................................................
3. ก่งิ ที่ใชใ้ นการตอนควรมลี ักษณะอยา่ งไร
...............................................................................................................................................................................
4. ในการตอนกง่ิ ถา้ ตอ้ งการให้รากงอกเรว็ ข้นึ ควรทาอย่างไร
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
5. ใหน้ กั เรียนอธิบายขั้นตอนการตอนกิง่ พรอ้ มวาดภาพประกอบมาใหถ้ ูกต้อง
......................................................................................................................................... ......................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................

38

แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบคุ คล
คาชีแ้ จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในช่องที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลาดับ ช่ือ-สกลุ ความมวี นิ ัย ความมนี า้ ใจ การรับฟงั การแสดง การตรงตอ่ รวม
ที่ ของผู้รับการ เอ้ือเฟ้อื ความคดิ เห็น ความคิดเหน็ เวลา 20
เสยี สละ คะแนน
ประเมิน
43214321432143214321

ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน
............../.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ตา่ กวา่ 10 ปรบั ปรุง

39

แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

คาช้แี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนแล้วขีด ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ รวม

ชอื่ -สกลุ

ท่ี ของผรู้ บั การ มีวนิ ยั ใฝเุ รยี นรู้ ม่งุ มั่นในการทางาน 12 คะแนน
ประเมนิ

43 2 1 4 32 1 4321

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../...............
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12 -11 ดมี าก

10 -9 ดี

8- 7 พอใช้

ตา่ กวา่ 7 ปรบั ปรงุ



รายงานนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนด้วยวธิ ปี ฏิบัติท่เี ปน็ เลิศ
(Best Practice)

ระดับเหรียญทอง รองชนะเลิศอันดับ 1

ช่อื ผลงาน : การจัดการเรียนการสอนออนไลน์
เรอ่ื ง ทกั ษะการเดาะลกู เทเบิลเทนนิส ผา่ นโปรแกรม Microsoft Teams

รายวิชาพลศกึ ษา 2 รหสั วิชา พ31102 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4

เจา้ ของผลงาน : ว่าที่ ร.ต.หญิง สุกากรณ์ นากอ้ นทอง
ตำแหนง่ ครู

กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา

โรงเรียนสายปญั ญารังสิต อำเภอธญั บุรี จงั หวัดปทุมธานี
สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 4
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน

คำนำ

ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้มีประกาศเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2563 เรื่อง การป้องกันและ
ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) และสำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้มีหนังสือแจ้งแนวทางเฝ้าระวัง และดำเนินการตามมาตรการป้องกัน
และควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) สำหรับสถานศึกษา
สงั กดั สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ในการพิจารณาปิดเรียนในช่วงการระบาดของเชื้อไวรสั 28
จังหวัด รวมทั้งจังหวัดปทุมธานีด้วย ทั้งนี้โรงเรียนสายปัญญารังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงได้มีประกาศ ของ
โรงเรียนให้หยดุ ทำการ และใหน้ กั เรียนเรียนออนไลน์ตามคาบเรียนปกติที่บา้ นเพ่อื ป้องกันการแพร่ ระบาดของ
โรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา่ 2019 (Covid-19) ดังกล่าวมาแล้วนนั้

ข้าพเจ้าซึ่งได้รับผิดชอบสอนในรายวิชาพลศึกษา 2 รหัสวิชา พ31102 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
และพลศึกษา จึงได้นำนวัตกรรมกรรมห้องเรียนพลศึกษาออนไลน์โดยใช้โปรแกรม Microsoft Teams มาใช้
ในการจัดการเรียนการสอน และ นำโปรแกรมเสริมอื่น ๆ มาประกอบเพื่อช่วยในการติดต่อสื่อสาร บัดนี้การ
ดำเนินการจัดการเรียนการสอนได้ พัฒนามาเป็นลำดับ และมีทิศทางที่ดีขึ้น จึงขอรายงานนวัตกรรมการ
จัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เพื่อเผยแพร่นวัตกรรมให้ท่ีผู้สนใจนำไป
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจัดการเรียนการสอนตอ่ ไป

ว่าท่ี ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นากอ้ นทอง

สารบัญ หน้า
เรอ่ื ง 1
- รปู แบบนวตั กรรม 1
- ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา 2
- จดุ ประสงค์และเปา้ หมายของการดำเนนิ งาน 3
- กระบวนการผลิตผลงาน หรอื ขั้นตอนการดำเนนิ งาน 7
- ผลการดำเนนิ การ/ผลสมั ฤทธ/์ิ ประโยชน์ท่ีไดร้ ับ 9
- แนวทางการพฒั นาในอนาคต 10
- ปัจจัยความสำเรจ็ 11
- ภาคผนวก

รูปแบบนวัตกรรม

ชือ่ นวตั กรรม : นวัตกรรมหอ้ งเรยี นพลศึกษาออนไลน์ โดยใช้โปรแกรม Microsoft Teams
เรอื่ ง ทักษะการเดาะลูกเทเบิลเทนนิส ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4

นวัตกรรมที่ใช้ในการเรียนการสอน ได้แก่ การเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และสื่อ
เทคโนโลยี โดยการใช้เว็ปไซต์ แอปพลิเคชัน และโปรแกรมพฒั นาส่ือเทคโนโลยี ดังนี้

Microsoft Teams LINE VDO Google Forms

ข้าพเจ้าได้ศึกษาค้นหาวิธีการและนวัตกรรมจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการพัฒนา
เทคโนโลยีนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ท่ีทำให้นักเรียนมีบทบาทในการเรียนรู้และได้ลงมือปฏิบัติจริง (active
learning)

1. ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ที่มีการแพร่ระบาดมายังประเทศ
ไทยและกระจายไปยังหลายจังหวัด ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน รวมถึงสถานศึกษาด้วย
กระทรวงศึกษาธิการไดป้ ระกาศใหส้ ถานศกึ ษาในสงั กัดและในกาํ กบั ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ปดิ เรยี นด้วยเหตุ
พิเศษ ทำให้แต่ละโรงเรียนมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบใหม่ เช่น การเรียนแบบ
ออนไลน์ แบบออนแอร์ และอื่นๆ ครู นักเรียน รวมถึงผู้ปกครองต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และจัดหา
วัสดุอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
และเกิดประสิทธิภาพสูงสดุ

ถึงแม้จะมีวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบใหม่ก็ตาม แต่ในธรรมชาติของวิชาพลศึกษา
ซึ่งการเรียนการสอนส่วนใหญ่จะเป็นการฝึกปฏิบัติ จึงเป็นความท้าทายในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่จะต้อง
หาวิธีการในรปู แบบต่างๆเพือ่ ดงึ ดูดความสนใจของผู้เรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม และการฝึกปฏิบตั ิ

รายงานนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนดว้ ยวธิ ีการปฏบิ ัติท่ีเป็นเลศิ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญิง สกุ ากรณ์ นาก้อนทอง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 1

จากความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าในฐานะครูผู้สอนจึงได้ศึกษาหา
ความรู้ รวมถึงวิธีการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และได้เข้าร่วมอบรมการสร้างห้องเรียนออนไลน์
Microsoft Teams ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 4 จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำความรู้ที่ได้มา
สร้างนวัตกรรมห้องเรียนพลศึกษาออนไลน์โดยใช้โปรแกรม Microsoft Teams เป็นสื่อในการจัดการเรียน
การสอน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทั้งนี้ข้าพเจ้าได้ใช้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาย
ปัญญารังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เป็นกลุ่มตัวอย่างในการใช้นวัตกรรมชุดนี้ และนำผลที่ได้จากการ
ใชน้ วัตกรรมในคร้ังน้มี าประยกุ ต์ใช้ และพฒั นาการจดั การเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพเพ่ิมมากข้นึ ตอ่ ไป
2. จดุ ประสงคแ์ ละเปา้ หมายของการดำเนนิ งาน

2.1 จุดประสงค์
1. เพอื่ พัฒนาการจดั การเรียนการสอนพลศกึ ษาแบบออนไลน์ ด้วยโปรแกรม Microsoft

Teams สำหรบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ใหม้ ีประสิทธภิ าพ
2. เพ่อื ศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ตอ่ การจดั การเรียนการสอน

พลศึกษาแบบออนไลน์ ดว้ ยโปรแกรม Microsoft Teams เร่ือง ทกั ษะการเดาะลูกเทเบลิ เทนนสิ
2.2 เปา้ หมาย
เปา้ หมายประชากรทีใ่ ช้ในการจดั การเรยี นการสอนในครง้ั นี้เป็นนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4

ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 จำนวน 4 ห้อง ได้แก่ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/5,4/6,4/7 และ 4/8 จำนวน
138 คน

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรยี นการสอนดว้ ยวิธกี ารปฏบิ ตั ิท่เี ป็นเลิศ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นาก้อนทอง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรยี นสายปญั ญารังสติ 2

3. กระบวนการผลิตผลงาน หรือข้นั ตอนการดำเนนิ งาน
3.1 การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม

ใช้การบวนการ PDCA
1) P = Plan (ขั้นตอนการวางแผน) ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแบบฝึกทักษะกีฬาเทเบิล

เทนนสิ และสำรวจความพร้อมของนักเรียน เชน่ อปุ กรณ์กีฬา (ไมแ้ ละลกู เทเบลิ เทนนิส) รวมถงึ อุปกรณ์ในการ
เรียนออนไลน์และสัญญาณอินเตอร์เน็ต สร้างไลน์กลุ่มห้อง เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารอีกช่องทาง และจัดทำ
แผนการจัดการเรียนรู้ เรือ่ ง ทักษะการเดาะลกู เทเบลิ เทนนิส

2) D = Do (ขั้นตอนการปฏิบัติ) สร้างนวัตกรรมห้องเรียนพลศึกษาออนไลน์ โดยใช้
โปรแกรม Microsoft Teams จากนั้นส่งลิ้งค์ห้องเรียนออนไลน์ ให้กับนักเรียนผ่านไลน์กลุ่มห้อง และผลิตส่ือ
VDO เรือ่ งทักษะการเดาะลูกเทเบลิ เทนนิส เพอ่ื ใชใ้ นกิจกรรมการเรยี นการสอน

3) C = Check (ขั้นตอนการตรวจสอบ) ทดลองเข้าใช้งานห้องเรียนพลศึกษา
ออนไลน์เพือ่ สำรวจปญั หาท่จี ะเกดิ ขึ้น

4) A = Action ปรบั ปรงุ แกไ้ ขและพัฒนานวตั กรรมใหด้ ียงิ่ ขึน้

3.2 การสร้างชน้ั เรยี นด้วย Microsoft Teams
Microsoft Teams (ต่อไปจะขอเรยี กวา่ Teams) เป็นเครอ่ื งมือทถ่ี ูกออกแบบมาเพอื่ เปน็

สอ่ื กลางในการทำงาน ในดา้ นต่างๆ เชน่ การตดิ ต่อสื่อสาร การนดั หมาย การประชมุ รวมถึงการมอบหมาย
งาน โดยเป็นเหมอื นศูนย์กลางในการ เข้าถงึ บรกิ ารต่างๆ ของ Office 365 เชน่ จัดการการสนทนา ไฟล์และ
เครอ่ื งมอื ท้งั หมดในพืน้ ท่ที ำงานของ Teams ทีเ่ ดียว
ขนั้ ตอนการสร้างช้ันเรยี น
1. คลกิ ทป่ี ุ่ม
2. จากน้นั กด Create a team

รายงานนวตั กรรมการจัดการเรยี นการสอนด้วยวิธกี ารปฏบิ ัติท่ีเปน็ เลิศ (Best Practice) วา่ ท่ี ร.ต. หญิง สุกากรณ์ นากอ้ นทอง กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 3

3. จากนัน้ เลอื ก Class ซึง่ จะมีประเภทการสร้าง Team ใหเ้ ลอื ก 4 ประเภท
4. กรอกข้อมลู ของชนั้ เรียน

• Name : ชือ่ ช้นั เรยี นและ Section เช่น หอ้ งเรียนพลศึกษา ม.4/5
• Description : รายละเอยี ด
• เม่ือกรอกเรยี บรอ้ ยคลิกปุม่ Next

ห้องเรยี นพลศกึ ษาออนไลน์ Microsoft Teams

รายงานนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนด้วยวธิ ีการปฏบิ ตั ทิ เี่ ป็นเลศิ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญิง สุกากรณ์ นากอ้ นทอง กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 4

ภาพขณะทำการเรยี นการสอน

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรยี นการสอนดว้ ยวธิ กี ารปฏิบตั ทิ เ่ี ปน็ เลิศ (Best Practice) ว่าที่ ร.ต. หญิง สกุ ากรณ์ นาก้อนทอง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 5

VDO สอ่ื การสอนทักษะการเดาะลกู เทเบลิ เทนนิส

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรยี นการสอนดว้ ยวธิ กี ารปฏบิ ตั ิทีเ่ ป็นเลศิ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นาก้อนทอง กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรยี นสายปญั ญารังสติ 6

4. ผลการดำเนนิ การ/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชนท์ ่ไี ด้รับ
หลงั จากการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน พบวา่ นักเรยี นให้ความร่วมมอื ในการทำกิจกรรมทุกคน

คิดเป็นร้อยละ 100
แบบบนั ทกึ คะแนน

การฝกึ ทักษะการเดาะลกู เทเบิลเทนนสิ

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรียนการสอนดว้ ยวธิ ีการปฏิบตั ทิ เี่ ป็นเลศิ (Best Practice) วา่ ท่ี ร.ต. หญิงสุกากรณ์ นากอ้ นทอง กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 7

การส่งคลิป VDO ผา่ นแอปพลเิ คชนั LINE

รายงานนวตั กรรมการจัดการเรยี นการสอนด้วยวิธกี ารปฏบิ ตั ิท่เี ปน็ เลิศ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญิง สุกากรณ์ นากอ้ นทอง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 8

2) ความพงึ พอใจของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ทม่ี ีตอ่ การจดั การเรียนการสอนพลศกึ ษา
แบบออนไลน์ ด้วยโปรแกรม Microsoft Teams เร่อื ง ทกั ษะการเดาะลกู เทเบลิ เทนนสิ

หลงั จากจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเสร็จ ผสู้ อนไดใ้ หน้ กั เรยี นทำแบบประเมินความพงึ
พอใจผ่าน Google Form โดยมีนักเรียนตอบแบบประเมนิ จำนวน 72 คน คิดเปน็ ร้อยละ 52.17
โดยนกั เรยี นส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในระดับ มากทส่ี ุด ร้อยละ 82.54

ประเดน็ คำถาม ความพึงพอใจ คดิ เปน็ รอ้ ยละ
1. เป็นสือ่ ทน่ี ำมาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม มากท่ีสุด 82.22
2. เสริมสร้างบรรยากาศท่ีดตี ่อการจัดการเรียนรู้ มากท่สี ดุ 81.66
3. สรา้ งแรงจูงใจในการฝึกทกั ษะ มากทส่ี ุด 81.11
4. สง่ เสริมปฏิสัมพนั ธท์ างสังคมระหวา่ งครูผู้สอนกบั นกั เรียน มากทสี่ ดุ 84.44
5. สามารถถ่ายทอดทักษะปฏิบัตใิ ห้เขา้ ใจงา่ ยขึน้ มากทีส่ ดุ 81.38
6. มคี วามสอดคล้องกบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ มากท่สี ุด 83.33
7. เพิ่มพูนประสบการณต์ รงตอ่ ผู้เรียน มากที่สุด 83.61

แบบประเมินความพึงพอใจผ่าน Google Form

แนวทางการพฒั นาในอนาคต
- นำนวัตกรรมทไ่ี ดไ้ ปเผยแพร่ใหก้ ับครใู นกลุ่มสาระการเรียนร้สู ุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ผ้ทู ่สี นใจ

และผ่านส่ือออนไลน์ เช่น YouTube , Facebook ต่อไป

รายงานนวัตกรรมการจดั การเรยี นการสอนดว้ ยวิธีการปฏิบัติที่เปน็ เลิศ (Best Practice) ว่าที่ ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นากอ้ นทอง กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรยี นสายปญั ญารังสติ 9

5. ปัจจัยความสำเรจ็
1) คณะทา่ นผบู้ ริหารใหค้ วามสำคญั สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ในการพัฒนาการส่อื การเรยี นการสอน
2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 4 ท่ีจัดอบรมการสร้างห้องเรียนออนไลน์โดยใช้

โปรแกรม Microsoft Teams
3) ครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ที่ให้คำแนะนำในการพัฒนาการสื่อและการเรียน

การสอน
4) ครูกลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี คุณครภู ทั รวรรธน์ ปิจจวงค์ และคณุ ครูนภาพร จันทราช

ที่ให้ความอนเุ คราะห์แนะนำวิธกี ารใชส้ ื่อ Microsoft Teams และการสรา้ งนวัตกรรม
5) นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ ท่ีให้ความรว่ มมือร่วมใจในการจัดกิจกรรม

การเรยี นการสอนเปน็ อยา่ งดี

รายงานนวตั กรรมการจัดการเรียนการสอนด้วยวธิ ีการปฏบิ ตั ิทีเ่ ป็นเลิศ (Best Practice) วา่ ท่ี ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นากอ้ นทอง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 10

ภาคผนวก

รายงานนวตั กรรมการจัดการเรียนการสอนด้วยวธิ ีการปฏบิ ตั ิท่เี ปน็ เลศิ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นาก้อนทอง กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรยี นสายปญั ญารังสติ 11

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรียนการสอนด้วยวธิ ีการปฏิบตั ทิ ี่เปน็ เลศิ (Best Practice) วา่ ท่ี ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นากอ้ นทอง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา โรงเรยี นสายปญั ญารังสติ 12

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6

เรอื่ ง ทักษะการเดาะลกู เทเบลิ เทนนสิ

รายวิชา พลศึกษา 2 รหัสวิชา พ31102 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษา

ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่ือง ทักษะพน้ื ฐานกฬี าเทเบิลเทนนิส เวลา 3 ชว่ั โมง

ผ้สู อน วา่ ที่ ร.ต. หญิง สกุ ากรณ์ นาก้อนทอง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้

1) พ3.1 เขา้ ใจ มที กั ษะในการเคลอื่ นไหว กจิ กรรมทางกาย การเลน่ เกม และกีฬา
2) พ3.2 รกั การออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกฬี า ปฏิบตั เิ ป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มีวินยั
เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มนี ำ้ ใจนกั กฬี า มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชนื่ ชมในสุนทรยี ภาพของการกฬี า

2. ตวั ชี้วดั
1) พ3.1ม4-6/1 วิเคราะห์ความคดิ รวบยอดเกย่ี วกับการเคล่อื นไหวรูปแบบตา่ งๆ ในการเล่นกีฬา
2) พ3.1ม4-6/3 เล่นกีฬาไทย กีฬาสากลประเภทบคุ คล / คู่ กฬี าประเภททีมไดอ้ ยา่ งน้อย 1 ชนดิ
3) พ3.2ม4-6/2 อธิบายและปฏิบตั ิเกยี่ วกบั สิทธิ กฎ กตกิ า กลวิธีต่างๆ ในระหวา่ งการเลน่ การ

แขง่ ขนั กีฬากบั ผอู้ ่นื และนำไปสรุปเป็นแนวปฏบิ ตั แิ ละใชใ้ นชีวติ ประจำวนั อย่างต่อเนือ่ ง
4) พ3.2ม4-6/3 แสดงออกถึงการมีมารยาทในการดู การเล่นและการแข่งขันกฬี า ด้วยความมนี ้ำใจ

นกั กีฬา และนำไปใช้ปฏบิ ตั ทิ ุกโอกาส จนเปน็ บุคลิกภาพท่ีดี
5) พ3.2ม4-6/5 ร่วมกจิ กรรมทางกายและเล่นกฬี าอยา่ งมคี วามสขุ ชืน่ ชมในคณุ ค่าและความงามของ

การกีฬา

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1) นกั เรียนสามารถอธบิ ายวิธีการเดาะลูกเทเบิลเทนนสิ ได้ถูกตอ้ ง (K)
2) นกั เรยี นสามารถเดาะลูกหน้ามอื หลังมอื และแบบสลับได้ถกู ตอ้ งติดตอ่ กนั 50 คร้งั (P)
3) แสดงพฤตกิ รรมความตั้งใจและกระตือรอื รน้ ในการเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ (A)

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ทักษะการเดาะลูกหน้ามือถือเป็นทักษะพื้นฐานในการฝึกเล่นกีฬาเทเบิลเทนนิส ช่วยให้เกิด

ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประสาทตากับมอื ซึ่งจำนำไปส่ทู กั ษะการตโี ต้
5. สาระการเรียนรู้

1) ทักษะการเดาะลูกหน้ามือ
2) ทักษะการเดาะลกู หลังมอื
3) ทักษะการเดาะลูกแบบสลบั

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรยี นการสอนด้วยวธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ ี่เปน็ เลิศ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญิง สกุ ากรณ์ นากอ้ นทอง กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารังสติ 13

6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน

1) ความสารถในการคดิ
2) ความสามารถในการแก้ปญั หา
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
7. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1) มวี ินยั
2) ใฝ่เรียนรู้
3) ม่งุ มัน่ ในการทำงาน
8. ช้นิ งาน/ภาระงาน

ทดสอบการเดาะลูกหนา้ มอื (50 คร้ัง) หลังมือ (50 ครั้ง) และแบบสลบั (20 ครง้ั ) สง่ เปน็ คลิป VDO

ผ่านแอปพลเิ คชนั LINE

9. การวัดและประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์การ ช้นิ งาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมนิ เครอ่ื งมือ ผปู้ ระเมิน เกณฑ์
เรยี นรู้ การประเมนิ ประเมนิ
แบบประเมนิ ครู/ ผ่านเกณฑ์
ขอ้ 1 การตอบคำถาม สังเกต พฤติกรรม นกั เรยี น รอ้ ยละ 50

พฤตกิ รรม

ข้อ 2 คลปิ VDO การ ตรวจช้ินงาน/ แบบบนั ทกึ ครู/ ผ่านเกณฑ์

เดาะลูกเทเบิล สังเกต คะแนน/แบบ นกั เรยี น ร้อยละ 50

เทนนิส พฤตกิ รรม/ให้ ประเมนิ

คะแนน พฤติกรรม

ขอ้ 3 การส่งงาน สงั เกต แบบบันทึก ครู ผา่ นเกณฑ์

พฤตกิ รรม/ให้ คะแนน/แบบ ร้อยละ 50

คะแนน ประเมิน

พฤตกิ รรม

รายงานนวตั กรรมการจัดการเรยี นการสอนดว้ ยวธิ ีการปฏบิ ตั ทิ เ่ี ปน็ เลิศ (Best Practice) ว่าที่ ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นาก้อนทอง กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 14

10. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ข้นั นำ
1.1 เปิดห้องเรยี นออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Microsoft Teams
1.2 เชค็ ชื่อนกั เรยี น
1.3 สำรวจความพร้อมของนักเรยี น
1.4 ครแู จ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ
1.5 ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั กำหนดเกณฑ์การวดั ผลและประเมนิ ผล
2. ขั้นสอน
2.1 ครอู ธบิ ายความสำคญั ของการฝกึ ทกั ษะการเดาะลกู
2.2 ครูอธิบายประกอบการสาธิตการเดาะลกู หนา้ มอื หลงั มอื และแบบสลับใหน้ ักเรียนดู
2.3 ครเู ปดิ VDO การฝกึ ทกั ษะการเดาะลกู เทเบลิ เทนนสิ ใหน้ กั เรียนดู
3. ขน้ั ฝกึ ปฏบิ ตั ิ
3.1 ครูใหน้ กั เรียนฝึกเดาะลกู หน้ามอื หลังมือ และแบบสลับ จากงา่ ยไปหายาก
3.2 ครสู งั เกตการจับไม้และการเดาะลกู ของนักเรยี นและแนะนำสำหรับคนท่ียังทำไมถ่ ูก
4. ขน้ั นำไปใช้
4.1 ให้นกั เรียนทดสอบการเดาะลูกหนา้ มือติดตอ่ กนั 50 คร้ัง เดาะลูกหลงั มอื ติดต่อกนั

50 คร้งั และเดาะลกู แบบสลบั ตดิ ตอ่ กัน 20 คร้ัง โดยทำคลิป VDO สง่ ครรู ายบคุ คล
5. ขั้นสรปุ
5.1 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปเนอื้ หาในการเรียน
5.2 ครแู ละนกั เรยี นสรุปประโยชนท์ ี่ได้รบั จากการทำกิจกรรม
5.3 นัดหมายการเรยี นครั้งต่อไป

11. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
ส่ือการเรยี นร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้
1. ไมเ้ ทเบิลเทนนิส
2. ลกู เทเบลิ เทนนิส
3. คลปิ VDO ทกั ษะการเดาะลกู เทเบลิ เทนนิส

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรยี นการสอนดว้ ยวธิ ีการปฏบิ ตั ิท่ีเป็นเลศิ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญงิ สกุ ากรณ์ นากอ้ นทอง กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 15

แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน

1. ผลทเ่ี กิดขน้ึ แกน่ ักเรียน คน
1.1 นกั เรยี นทบ่ี รรลตุ ามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ คน ไดแ้ ก่
1.2 นกั เรยี นทไ่ี มบ่ รรลตุ ามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1.3 พฤติกรรมการเรียน การรว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้
แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ขพัฒนา

2. ผลทเี่ กดิ ขน้ึ แก่ครูผูส้ อน
2.1 ดา้ นกจิ กรรมการเรียนรู้
2.2 ดา้ นส่ือการเรยี นรู้
2.3 ด้านการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
2.4 ด้านเวลาในการจดั การเรยี นรู้

3. ด้านอนื่ ๆ ทเ่ี หน็ สมควร

ผู้สอน
(ว่าที่ ร.ต.หญงิ สุกากรณ์ นากอ้ นทอง)

ความเห็นของผตู้ รวจ
เหมาะสม ใชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
ไมเ่ หมาะสม ปรับปรงุ ประเด็นต่อไปนี้

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

ลงชอื่ .......................................................
()

ตำแหนง่

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรยี นการสอนด้วยวธิ กี ารปฏิบตั ทิ ี่เปน็ เลิศ (Best Practice) วา่ ที่ ร.ต. หญงิ สุกากรณ์ นาก้อนทอง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารังสติ 16

แบบบนั ทึกคะแนน

เรอ่ื ง ทกั ษะการเดาะลกู เทเบลิ เทนนิส

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4

เลขท่ี ช่อื -สกลุ คะแนน ผา่ นเกณฑเ์ ม่อื ได้

(20) 10 คะแนนขนึ้ ไป

ผ่าน ไมผ่ ่าน

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

ลงชอ่ื .......................................................
()
ครผู ู้สอน

รายงานนวัตกรรมการจดั การเรียนการสอนดว้ ยวิธีการปฏิบตั ิท่ีเปน็ เลิศ (Best Practice) ว่าท่ี ร.ต. หญิง สกุ ากรณ์ นาก้อนทอง กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ 17

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรียนการสอนด้วยวิธกี ารปฏบิ ัติทเี่ ป็นเลิศ (Best Practice)

ผลงาน : ส่ือวีดิทัศน์ เรอื่ ง ทักษะสรา้ งสรรคภ์ าพพมิ พ์

ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3
รายวิชา ศลิ ปะ 6 รหัสวชิ า ศ23102

ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563

รางวัลเหรยี ญทอง รองชนะเลิศอนั ดบั 2

โดย
นางสาวนภาพร จนั ทราช

ตำแหน่ง ครู
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ศิลปะ

โรงเรยี นสายปญั ญารงั สติ จงั หวดั ปทมุ ธานี
สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาปทุมธานี

รายงานนวตั กรรมการจดั การเรียนการสอนดว้ ยวธิ กี ารปฏิบตั ทิ ่เี ป็นเลิศ (Best Practice)

ผลงาน : สอื่ วดี ิทศั น์ เรอื่ ง ทกั ษะสรา้ งสรรคภ์ าพพิมพ์ ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
รายวชิ า ศิลปะ 6 รหัสวิชา ศ23102 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563
โรงเรียนสายปญั ญารังสติ จงั หวัดปทุมธานี

***********************************************************************************
1. ความสำคญั ของผลงานหรอื นวัตกรรมท่นี ำเสนอ
1.1 ความเปน็ มาและสภาพปญั หา
เนื่องด้วยประเทศไทยเกิดโรคระบาด ไวรัส COVID-19 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 จนมาถึง

ปัจจุบัน ซึ่งเช้ือโรคนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ทำให้กิจกรรมบางอย่างเกิดการหยุดชะงัก มีการรณรงค์ให้
ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยและประจำอยู่ท่ีพักอาศัย โดยออกจากที่พักเม่ือจำเป็นเท่านั้น เพื่อเป็นการหยุด
การแพร่เช้ือในช่วงท่ีมีการระบาดหนัก งดเว้นการเดินทางออกนอกประเทศ หยุดเดินทางไปในพื้นที่เส่ียง ปิด
สถานที่บางแห่งท่ีอาจเป็นพื้นท่ีแพร่เชื้อได้ และหยุดการจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ครู
ต้องคิดค้นวิธีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ การออกแบบส่ือการสอนและวีธีวัดผลประเมินผล
เพ่ือให้ผู้เรียนไดเ้ รียนอยู่ท่ีบ้านไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนต้องได้รับความรู้อย่างเต็มท่ีและมีคุณภาพเสมือน
การเรียนที่โรงเรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เช่น การเรียนรู้ที่ต่างกัน ความพร้อมในเร่ือง
อปุ กรณ์การเรียนออนไลน์ท่ียงั คงมปี ัญหาอยู่

ในส่วนของเน้ือหารายวิชาศิลปะ 6 รหัสวิชา ศ23102 สาระทัศนศิลป์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3
เร่ือง ทักษะสร้างสรรค์ (ภาพพิมพ์) มีเนื้อหามากเพราะการสร้างงานภาพพิมพ์มีวัสดุ อุปกรณ์ ท่ีหลากหลาย มี
รูปแบบ เทคนิค วธิ ีการสร้างงานหลายวิธี จึงมีความจำเป็นต้องคิดค้นหาวิธีการนำเสนอบทเรียนในรูปแบบการ
เรยี นออนไลน์ที่เข้าใจง่าย ไมย่ งุ่ ยาก เขา้ ถึงง่ายและผูเ้ รยี นสามารถปฏบิ ัติตามได้ ตอ้ งทำให้ผเู้ รยี นเกิดความรแู้ ละ
ผลงานท่อี อกมามคี ณุ ภาพผ่านเกณฑ์

1.2 แนวทางการแกป้ ัญหาและพัฒนา
1.2.1 วิเคราะหส์ ภาพปญั หาปจั จบุ นั ผลกระทบทเ่ี กิดขึน้ แก่ผเู้ รียน เพ่ือนำมาเปน็ โจทยใ์ นการ

แกป้ ัญหา
1.2.2 วเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้วี ัด บทเรยี น เนอื้ หา กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้

เพอ่ื ให้การจดั การเรยี นรู้ออกมาอยา่ งมคี ุณภาพ แกป้ ัญหาท่ีเกิดขนึ้ ได้
1.2.3 คิดคน้ วิธีการนำเสนอบทเรยี น สร้างบทเรยี น สอื่ การสอน วิธีการสอน และการวดั

ประเมนิ ผล ใหผ้ ูเ้ รียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ นำความร้ไู ปปฏบิ ัติงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
1.2.4 วางแผนจดั การเรียนรู้ วางแผนการสรา้ งสอื่ การสอน และการวัดผลประเมนิ ผล โดย

ศกึ ษาคน้ ควา้ ถงึ วธิ ีการต่าง ๆ ในการจดั การสอนออนไลน์ จากผเู้ ช่ียวชาญหรอื ศกึ ษาจากโลกออนไลนท์ ีม่ ีเพื่อน
ครูตา่ ง ๆ นำมาเผยแพร่ไว้ เพ่อื นำความรู้มาใช้ในการสร้างสอื่ การสอนออนไลน์

1.2.5 จดั สรา้ งสื่อการสอน สร้างแบบประเมินผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น สร้างแบบประเมนิ ผล
งาน และสรา้ งแบบประเมนิ ความพึงพอใจท่ีมตี อ่ สอ่ื การสอน

1.2.6 นำสอ่ื การสอนและแบบประเมนิ ต่าง ๆ ไปปรกึ ษาให้ผู้เชยี่ วชาญตรวจสอบ แนะนำ
เพม่ิ เตมิ ในส่วนที่ขาดหาย นำไปปรับปรงุ

1.2.7 เรม่ิ การจดั การเรียนการสอนโดยสร้างหอ้ งเรยี นออนไลน์ Google Classroom จัดการ
ทดสอบก่อน-หลังเรยี นดว้ ยขอ้ สอบออนไลน์ Google Forms นำสอ่ื ลงในระบบในห้องเรียนออนไลนด์ ้วย
Google Classroom เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนไดศ้ ึกษาไดต้ ลอดเวลาทส่ี ะดวก ยอ้ นกลับไปดเู นอ้ื หาหรือทบทวนเนอื้ หาได้
สามารถส่งงานในระบบได้ และตรวจสอบคะแนนได้

1.2.8 เมอื่ นำสอื่ การเรียนรู้ไปใช้แล้ว ผลการเรียนรู้ของผ้เู รยี นตอ้ งมีคะแนนหลงั เรียนเพมิ่ ขน้ึ
โดยเฉล่ยี รอ้ ยละ 80 ขึน้ ไป และสามารถปฏบิ ตั ิสร้างงานภาพพมิ พโ์ ดยคุณภาพงานต้องมีคะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 80
ขน้ึ ไป เชน่ กัน อีกทงั้ มคี วามพึงพอใจที่มตี อ่ สอื่ อย่ใู นระดับ มาก ขึ้นไป

1.2.9 นำผลการจดั การเรียนการรู้ เชน่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน คุณภาพผลงาน และผลการ
ประเมินส่ือการสอนมาวิเคราะหเ์ พ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนาการจดั การเรียนรู้ ปรับปรุงเนอ้ื หาใหล้ ะเอียด
เขา้ ใจง่ายมากข้ึน ดัดแปลงใหส้ ่อื มคี วามทนั สมยั ตกแตง่ ภาพทใี่ ชใ้ ห้มีความสว่าง ชดั เจน สรา้ งแรงดงึ ดูดใจให้
เกิดความอยากรู้ อยากเรยี นแก่ผเู้ รยี นต่อไปให้ดยี ง่ิ ข้นึ ตอ่ ไป

1.2.10 นำสื่อการสอนไปเผยแพร่บนโลกออนไลนเ์ พื่อเป็นประโยชน์ตอ่ ผูท้ ่ีพบเหน็ และนำ
ความรู้ไปประยุกตใ์ ชไ้ ดใ้ นโอกาสต่อไป

2. จุดประสงคแ์ ละเปา้ หมายของการดำเนนิ งาน
2.1 เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นเกิดความรู้ ความเข้าใจ เกย่ี วกับทักษะการสร้างงานภาพพิมพด์ ว้ ยเทคนิคและวสั ดุ

อย่างง่าย มผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรียน เร่อื ง ทกั ษะสร้างสรรค์ภาพพิมพ์ รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป หรอื มีผลการเรียนเฉล่ีย
8 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเตม็ 10 คะแนน

2.2 เพ่อื พัฒนาทักษะการสรา้ งงานภาพพมิ พข์ องนักเรยี นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรยี นสาย
ปัญญารงั สติ ผลงานภาพพมิ พ์จากสำลกี ้านต้องมคี ุณภาพได้คะแนน ร้อยละ 80 ข้ึนไป หรอื คะแนนเฉลีย่ 8
คะแนน ข้ึนไป จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน

2.3 เพื่อให้ผเู้ รียนเกดิ ความกระตือรือรน้ ในบทเรยี นเพม่ิ มากขน้ึ
2.4 เพ่ือให้ผเู้ รยี นรู้มีความสะดวกในการเรยี นรู้ด้วยตนเองจากสื่อวีดิทัศน์บนโลกออนไลน์
2.5 เพอ่ื พัฒนาการจัดทำสอื่ การเรียนรปู้ ระเภทสื่อวีดทิ ัศน์ โดยมีคะแนนความพึงพอใจทม่ี ตี อ่ ส่ือวดี ิ

ทัศน์ เร่ือง ทกั ษะสร้างสรรค์ภาพพิมพ์ โดยรวมอยู่ในระดบั มาก ขึน้ ไป
2.6 เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นเห็นความสำคัญของการสร้างงานภาพพิมพแ์ ละนำความรู้ ความสามารถ ไปใช้ใน
ชวี ติ ประจำวนั ตอ่ ไป

3 กระบวนการผลติ ผลงาน หรอื ข้นั ตอนการดำเนนิ งาน

3.1 การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม

3.1.1 ขนั้ ตอนการพฒั นาส่อื เพ่อื การเรยี นรู้ ขนั้ วเิ คราะห์ (Analysis) วเิ คราะห์หลกั สูตร

เน้อื หา ตวั ชว้ี ดั ขอบเขตของเน้อื หา จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวดั และประเมนิ ผล
3.1.2 ขัน้ ตอนการพัฒนาส่ือเพ่ือการเรียนรู้ ขนั้ ออกแบบ (Design) กาหนดวิธีการ

นาเสนอและวตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม กาหนดวตั ถุประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมท่เี หมาะสม ใหเ้ ป็นระเบยี บ
ชดั เจน ตอ้ งเขยี นสงิ่ ทว่ี ดั ได้ อธบิ าย บอก เขยี น ทา วาด คาเหล่าน้ีแสดงถงึ การแสดงออก จา คดิ เขา้ ใจ
รสู้ กึ คาเหล่าน้วี ดั ไมไ่ ดว้ า่ จรงิ หรอื ไม่

3.1.3 ขัน้ ตอนการพัฒนาส่ือเพ่ือการเรียนรู้ ขัน้ การพัฒนา (Development) ระบุ
รายละเอียดเน้ือหา จดั ทาลาดบั ดบั เน้ือหา กรอบการสอน นากรอบการสอนมาตรวจสอบลาดบั การ
นาเสนอตามท่ไี ดว้ างแผนไว้ ตรวจสอบความถูกต้องของเน้ือหา โดย ผูเ้ ชย่ี วชาญดา้ นเน้ือหา นากรอบ
การสอนไปทดลองกบั กลุ่มเป้าหมาย ขนั้ ตอนน้ี มคี วามสาคญั มาก เพราะเป็นการ ตรวจสอบลาดบั
เน้อื หาของกรอบทไ่ี ด้ เขยี นไว้

3.1.4 ขนั้ ตอนการพฒั นาส่อื เพ่อื การเรยี นรู้ ขนั้ นาเสนอเน้ือหา (Implementation) เลอื ก
โปรแกรมทใ่ี ชน้ าเสนอส่อื การพฒั นาและจดั เตรยี มส่อื ทจ่ี ะใชป้ ระกอบส่อื เป็นการจดั เตรยี มส่อื ต่างๆ ท่ี
จาเป็นตอ้ งใชใ้ นการผลติ สอ่ื ต่างๆ จะตอ้ งเตรยี ม ไดแ้ ก่ ภาพน่ิง ภาพเคล่อื นไหว เสยี ง กราฟิกต่างๆ เช่น
กราฟิกของหวั ขอ้ เร่อื ง พน้ื หลงั หรอื ปุ่มต่างๆ เป็นตน้ โดยบนั ทกึ เป็นไฟล์ และจดั เกบ็ แยกเป็นโฟลเดอร์
ไว้ เพ่อื ให้สามารถเรยี กใชไ้ ด้สะดวก การนาเสนอเน้ือหาลงโปรแกรม นาส่อื ต่างๆ ท่ไี ด้จดั เตรยี มไวล้ ง
โปรแกรม ระหว่างทาควรตรวจสอบส่อื ต่างๆ และ ลาดบั การนาเสนอเน้ือหาว่าถูกตอ้ งตามกรอบการสอน
ท่ไี ด้ออกแบบไว้ รวมทงั้ ลาดบั การเช่อื มโยงของเน้ือหา เม่อื ลงโปรแกรมเสรจ็ แลว้ กจ็ ะได้ส่อื การเรยี นรู้
ตามทต่ี อ้ งการ

3.1.5 ขนั้ ตอนการพฒั นาส่อื เพ่อื การเรยี นรู้ ขนั้ ประเมนิ ผล (Evaluation) การตรวจสอบ
คุณภาพมลั ติมเี ดยี ของส่อื โดยผู้เช่ยี วชาญ ตรวจสอบคุณภาพทางด้านเน้ือหาบนหน้าจอ ด้านเน้ือหา
โครงสรา้ งของสอ่ื ความถูกตอ้ งของการนาเสนอเน้ือหาบนหน้าจอ ความถูกตอ้ งของเน้ือหาทน่ี าเสนอโดย
ส่อื ท่เี หมาะสม ความถูกต้องของวธิ กี ารปรากฏส่อื โครงสรา้ งของส่อื เป็นไปตามท่อี อกแบบไว้ วธิ กี าร
เขา้ ถงึ เน้ือหาง่ายและสะดวก การเช่อื มโยงเน้ือหาเหมาะสม เขา้ ใจงา่ ย ความสมบูรณ์ของการเช่อื มโยง
และการเปลย่ี นหน้าจอเหมาะสมกบั การเรยี น การออกจากโปรแกรมสะดวก นาขอ้ มูลจากการตรวจสอบ
ไปปรบั ปรุงแกไ้ ขใหก้ ระบวนการต่าง ๆ ถูกตอ้ ง

ทาการทดสอบหาประสิทธิภาพของส่ือและประสิทธิผลทางการเรียน การหาค่า
ประสทิ ธภิ าพของนวตั กรรม (สอ่ื การเรยี นร)ู้ ประสทิ ธภิ าพของนวตั กรรมหาไดโ้ ดยค่า E1/E2 โดยการตงั้
เกณฑ์ 80/80 หมายความวา่ เมอ่ื เรยี นจบ จากสอ่ื น้ีแลว้ ผใู้ ชส้ ามารถทาแบบทดสอบแต่ละหน่วยการเรยี น
เฉลย่ี ไดเ้ ทา่ กบั 80 และทาแบบทดสอบหลงั เรยี น ได้ 80 เชน่ กนั

จดั ทาคู่มอื หรอื ขนั้ ตอนการใชส้ ่อื การเรยี นรู้ เพ่อื ใชป้ ระกอบการเรยี น หรอื หากมปี ัญหา
สงสยั กส็ ามารถทจ่ี ะเปิดดูไดจ้ ากค่มู อื น้ี ทัง้ น้ีสอ่ื การเรยี นรู้ เป็นส่อื สาเรจ็ รูปทผ่ี ใู้ ชจ้ ะตอ้ งพง่ึ ตวั เองและตวั
สอ่ื เทา่ นนั้ ดงั นนั้ คมู่ อื จะเป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ทท่ี าใหผ้ ใู้ ชเ้ ขา้ หาสอ่ื การเรยี นรไู้ ดส้ ะดวกและถูกตอ้ ง

4 ผลการดำเนนิ การ/ผลสมั ฤทธ์/ิ ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับ
4.1 ผลท่เี กิดตามจุดประสงค์
4.1.1 ผู้เรยี นเกดิ ความรู้ ความเข้าใจ เกยี่ วกบั ทักษะการสรา้ งงานภาพพิมพ์ดว้ ยเทคนคิ และ

วัสดุอย่างงา่ ยได้อยา่ งรวดเร็ว
4.1.2 ผู้เรยี นมที ักษะการสร้างงานภาพพิมพ์จากการปฏบิ ตั ิดว้ ยตนเอง
4.1.3 ผู้เรยี นเกดิ ความกระตอื รอื รน้ ในการเรยี น และอยากปฏบิ ัตสิ รา้ งงานทศั นศลิ ป์

เพ่ิมมากขึน้
4.1.4 ผเู้ รยี นมคี วามสะดวกในการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองจากสื่อวีดทิ ัศนบ์ นโลกออนไลน์
4.1.5 ไดท้ ราบถึงแนวทางในการพฒั นาการจดั ทำส่อื การเรียนรู้ประเภทสื่อวีดิทศั นม์ ากขึน้
4.1.6 ผ้เู รยี นเห็นแนวทางและสามารถนำความรู้ ความสามารถ ไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้

4.2 ผลสัมฤทธข์ิ องผลงาน
จากการใช้สื่อ วีดิทัศน์ เร่ือง ทักษะสร้างสรรค์ภาพพิมพ์ วิชา ศิลปะ 6 เร่ือง / หน่วย เรื่อง
ภาพพิมพ/์ ชือ่ หน่วย ทักษะสร้างสรรค์ ของนักเรียนกลุ่มตวั อย่าง ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3/8 ปีการศึกษา
2563 โรงเรียนสายปัญญารังสิต สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จำนวน 34 คน
ปรากฏผลดังน้ี

4.2.1 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนจากการใชส้ อ่ื วดี ทิ ศั น์ เรอ่ื ง ทกั ษะสรา้ งสรรค์ภาพพมิ พ์ วิชา
ศิลปะ 6 หน่วยการเรียนรู้ เร่ือง ทักษะสร้างสรรค์ (ภาพพิมพ์) พบว่าก่อนเรียนมีค่าคะแนนเฉลี่ย 4.62
คะแนน หลังเรยี นมีค่าคะแนนเฉล่ีย 8.67 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน และการประเมินผลงานภาพพมิ พ์จาก
สำลกี ้านมคี า่ คะแนนเฉล่ีย 8.82 คะแนน จากคะแนนเตม็ 10 คะแนน

4.2.2 เม่ือเปรียบเทียบผลการจัดการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนพบว่า ก่อน
เรียนใชค้ วามรู้พ้ืนฐานของตนเองในการทำแบบทดสอบ คะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำกว่าเกณฑ์ แต่เม่ือ
จัดการเรียนการสอนด้วยการใช้ส่ือปรากฏว่าคะแนนเฉล่ียอยู่ในเกณฑ์ 8.67 คะแนน จากคะแนน 10 คะแนน
และคะแนนการประเมินผลงานภาพพิมพ์จากสำลีก้านมีค่าคะแนนเฉลี่ย 8.82 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10
คะแนนอยู่ในระดับดี แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากข้ึน เพราะได้รับความรู้ ความเข้าใจ จาก
สอื่ การเรยี นการสอนท่ีจัดทำขึน้

4.2.3 ผลการประเมินความพึงพอใจท่ีมตี อ่ สือ่ วดี ิทศั น์ เรอ่ื ง ทกั ษะสร้างสรรค์ภาพพมิ พ์
ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 รายวิชา ศิลปะ 6 รหัสวชิ า ศ23102 ของนักเรียนระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3/8 ภาค
เรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนสายปญั ญารังสิต จงั หวัดปทุมธานี โดยรวมอย่ใู นระดบั มาก 58.1 %

4.3 ประโยชนท์ ่ีได้รับ
4.3.1 ผู้เรยี นไดป้ ระสบการณก์ ารเรียนรดู้ ว้ ยตนเองบนโลกออนไลน์ เกิดความรู้ ความเขา้ ใจ

และลงมือปฏบิ ัติสรา้ งงานภาพพมิ พด์ ว้ ยตนเองได้
4.3.2 ผู้เรียนเหน็ แนวทางในการนำความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้และสามารถนำความรู้ ไปพัฒนา

สร้างรายได้เป็นอาชีพได้ เชน่ การนำภาพพมิ พ์มาพิมพบ์ นเสอื้ กระเปา๋ ผ้า เป็นตน้
4.3.3 เม่ือนำสื่อไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ทำให้ผู้ชมหรือผู้พบเห็นสื่อเกิดความรู้และนำ

ความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ เช่น วิธีการผสมสี การสร้างงานภาพพิมพ์ในแบบต่างๆ การนำความรู้ไปประยุกต์เพื่อ
สรา้ งรายได้ เปน็ ต้น

4.3.4 ผ้สู อนได้เหน็ แนวทางในการพัฒนาการจดั ทำสื่อการเรยี นร้มู ากขน้ึ

5. ปจั จัยความสำเรจ็
5.1 ขอขอบพระคุณคณะผบู้ ริหารโรงเรียนสายปัญญารังสติ จงั หวดั ปทุมธานี ทสี่ นบั สนนุ การพฒั นาการ

จัดการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ อย่างต่อเน่ือง เช่น พัฒนาสถานที่
ห้องปฏิบัติการศิลปะ ชุดคอมพิวเตอร์ เคร่ืองพิมพ์ เครื่องฉาย วัสดุ อุปกรณ์ในการสร้างงานทัศนศิลป์ เป็นต้น
ทำใหก้ ารทำงาน การจัดการเรยี นการสอนเป็นไปอย่างสะดวก ตอ่ เนือ่ งและยง่ั ยืน

5.2 ขอขอบคุณฝ่ายบริหารงานวิชาการ ท่ีสนับสนุน ประสานงานในการจัดกิจกรรมประกวดแผนการ
สอน สื่อการสอน วิจัยทางการศึกษาให้แก่ครูผู้สอนเพ่ือเป็นการสร้างแรงจูงใจ แรงบันดาลใจ ผลักดันให้
ครูผู้สอนมีการพัฒนาตนเอง พัฒนาการสอน การจัดทำสื่อการสอน และเป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ มาโดย
ตลอด

5.3 ขอขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญในการสอนสาระทัศนศิลป์ นางาสาวสุวรรณ์ หอมจันทร์ ตำแหน่ง ครู
วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ โรงเรียนสายปัญญารังสิต จังหวัดปทุมธานี ท่ีให้คำปรึกษาด้านเน้ือหา การสอน
และการนำเสนอบทเรียน

ภาคผนวก

ข้นั ตอนการวางแผนหรอื ออกแบบสื่อการสอน

ขั้นตอนการวางแผนหรอื ออกแบบสอื่ การสอน

1. วเิ คราะหห์ ลักสตู ร มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชี้วดั เน้อื หาในบทเรียนเพอื่ วางแผนกำหนดเนือ้ หาเพื่อ
ใช้ในการนำเสนอให้อยใู่ นขอบเขตของเนือ้ หา และตรงตามจดุ ประสงคท์ กี่ ำหนดไว้

2. ปรกึ ษาผู้เชย่ี วชาญเกยี่ วกับเนือ้ หาและวิธีการนำเสนอเน้อื หาท่สี ามารถสร้างจุดสนใจใหผ้ ้เู รียนได้
3. วางโครงสร้างของสื่อ วา่ จะให้ออกมาในรูปแบบใด นำเสนอสิ่งใดเปน็ อันดับแรก ใชส้ ื่อประเภทใดใน
การนำเสนอ
4. ศึกษาหารปู แบบสื่อต่าง ๆ ทใ่ี ชใ้ นการนำเสนอเนอ้ื หา รวมถึงศึกษาวธิ กี ารสรา้ งและกระบวนการผลิต
สือ่
5. ออกแบบจดั เรยี งลำดับเนื้อหาท่ใี ช้ในการบรรยายในสอื่
6. ออกแบบภาพทีใ่ ชป้ ระกอบในสอ่ื
7. ออกแบบวาดเป็นโครงร่างภาพและเน้ือหาเปน็ ฉาก เปน็ ตอนเพ่อื ง่ายต่อการผลิต
8. ตรวจสอบการออกแบบเนื้อหา แล้วจึงนำไปผลิต

ข้นั ตอนการผลติ

ขั้นตอนการผลติ สอื่
1. วเิ คราะหห์ ลักสตู ร มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั เนือ้ หาในบทเรียนเพือ่ วางแผนการนำเสนอให้
อยใู่ นขอบเขตของเน้อื หา และตรงตามจุดประสงคท์ ่ีกำหนดไว้
2. ศึกษาคน้ คว้าวธิ กี ารนำเสนอเน้อื หาด้วยวธิ ีการใชส้ ือ่ วีดิทัศน์ ศึกษาการสรา้ งส่อื วดี ิทศั น์ด้วย
โปรแกรม Microsoft PowerPoint การตดั ตอ่ ภาพเคลื่อนไหวด้วยมือถอื การใชเ้ สยี งดนตรปี ระกอบส่ือ
การใส่คำบรรยายประกอบสือ่

3. รวบรวมข้อมลู เนอ้ื หา รูปภาพ ภาพเคลอื่ นไหวทจ่ี ัดทำขนึ้ เองโดยการสาธติ การวาดภาพแล้ว

บนั ทึกเปน็ ภาพเคล่อื นไหว เพื่อนำไปจดั ทำส่อื

4. นำข้อมลู เนอื้ หา รูปภาพ ภาพเคลอื่ นไหว เสยี งประกอบสอื่ มาจัดเรียงโดยใชโ้ ปรแกรม
Microsoft PowerPoint โดยการจดั ทำจะต้องออกแบบสิ่งที่จะนำเสนอใหน้ า่ สนใจโดยคำนึงถงึ ความถูกต้อง
ของเนอื้ หา ภาพนา่ สนใจ สสี นั ดแู ล้วสบายตา มีการเคลอ่ื นไหวเพ่ือสรา้ งความตนื่ เตน้ ระหวา่ งการชมสื่อ

5. เม่อื สรา้ งส่ือวีดทิ ศั นเ์ สรจ็ แลว้ ใหผ้ เู้ ช่ียวชาญในการตรวจสอบความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา และความเหมาะสมใน
เรอ่ื งตา่ งๆ เช่น ขนาดตวั อักษร ขนาดภาพ เสียง และสี เมอ่ื ผเู้ ช่ียวชาญตรวจสอบแล้วพบวา่ ต้องแกไ้ ข จงึ ต้อง
นำมาปรับปรุงและตรวจสอบอีกครงั้ จงึ นำไปใช้

6. จดั สร้างแบบทดสอบออนไลน์เพอื่ วัดความรู้กอ่ นเรียนและหลงั เรยี น เรอ่ื ง ทกั ษะสร้างสรรคภ์ าพพมิ พ์ โดย
ศึกษาค้นควา้ วิธกี ารสรา้ งแบบทดสอบออนไลนด์ ้วย Google form จากสอ่ื ออนไลน์บน You Tube

ข้นั ตอนการใชส้ ื่อ / คู่มอื /วธิ กี ารใชส้ ่อื

ข้นั ตอนการใชส้ อื่ และวธิ กี ารใชส้ ือ่ มีขน้ั ตอนดังนี้
1. ผูเ้ รยี นเข้าระบบ Google form เพอ่ื ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง ทักษะสร้างสรรค์ภาพพิมพ์
ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 10 ขอ้ คะแนนเตม็ 10 คะแนน เวลาในการทำ 20 นาที เพ่ือเปน็ การวดั
ความรู้พ้นื ฐานของผ้เู รียน

2. ผสู้ อนนำส่ือวีดทิ ัศน์ เรอื่ ง ทกั ษะสรา้ งสรรคภ์ าพพมิ พ์ ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 รวมเวลาจำนวน
17.41 นาที และภาพตัวอย่าง แนบลงบนห้องเรียนออนไลน์ Google classroom

3. ผู้เรียนเข้าระบบห้องเรยี นออนไลน์ Google classroom กดเปดิ สื่อวดี ิทัศน์ เร่ือง ทักษะสร้างสรรค์
ภาพพิมพ์ ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อศกึ ษาเน้ือหาและขน้ั ตอนการปฏบิ ัตงิ านการสรา้ งสรรคภ์ าพพมิ พจ์ าก
สำลีก้าน

4.ผู้เรยี นลงมือปฏิบตั สิ รา้ งสรรค์งานภาพพมิ พ์ด้วยเทคนคิ จากสำลีก้านตามข้นั ตอนจากสอ่ื วดี ทิ ศั น์ เมอ่ื
ปฏบิ ตั ชิ ิ้นงานเรยี บรอ้ ยแล้วใหส้ ง่ ผลงานในหอ้ งเรยี นออนไลน์ Google classroom เพ่อื รบั การประเมนิ ช้ินงาน

5. ผเู้ รียนเขา้ ระบบ Google form เพ่ือทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง ทักษะสรา้ งสรรคภ์ าพพิมพ์
ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน 10 ขอ้ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลาในการทำ 20 นาที เพอื่ เปน็ การวดั
ความรูห้ ลังเรยี นจากสอ่ื วีดทิ ัศน์

6. ผู้สอนประเมินผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนและประเมนิ ชนิ้ งานภาพพมิ พ์

เคร่อื งมือท่ใี ชใ้ นการวัดและประเมินผลหนว่ ยการเรียน
ท่ใี ช้สอ่ื การสอนหรอื นวตั กรรมในการจัดการเรยี นรู้


Click to View FlipBook Version