The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมเล่มรายงาน ETP510 วิชาปรัชญาการศึกษา คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณความเป็นครู

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by parnwad.kaew, 2022-11-19 00:54:45

รวมเล่มรายงาน ETP 510

รวมเล่มรายงาน ETP510 วิชาปรัชญาการศึกษา คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณความเป็นครู

การขนึ้ ทะเบียนผูบ้ รหิ ารโรงเรยี นและครู (Education Act)
Education Act (Chapter 87) ก าหนดให้มีการขน้ึ ทะเบยี นผูบ้ รหิ าร (manager) โรงเรยี น และยงั หา้ มไมใ่ ห้
บุคคลใดสอน หรือถกู จา้ งเป็นครใู นโรงเรียนหากไม่ไดข้ ้ึนทะเบียนเป็นครหู รอื ไดร้ ับอนญุ าตใหส้ อนภายใต้รัฐบัญญัตนิ ้ี
ก) คณุ สมบตั ิของผทู้ ่สี ามารถขน้ึ ทะเบยี นผู้บริหารโรงเรียนและครู
ผูท้ ต่ี อ้ งการข้นึ ทะเบยี นเป็นผบู้ รหิ ารโรงเรียนจะตอ้ งไมเ่ ข้าขา่ ยคุณสมบตั ิต้องหา้ มตามมาตรา 33
แห่ง Education Act (Chapter 87) ซึ่งให้อธิบดีมอี ำนาจในการปฏิเสธการขึ้นทะเบียนผบู้ รหิ ารโรงเรยี น บนฐาน
ดังต่อไปน้ี
(1) เป็นบุคคลที่กระทำผดิ ในเขตอ านาจศาลสงิ คโปร์ หรอื มาเลเซีย หรือประเทศในเครอื สหราช
อาณาจักร และเปน็ การกระท าผิดทล่ี งโทษด้วยการจำคุก โดยการกระทำผดิ น้ันเก่ยี วกบั การศกึ ษา หรอื การขนึ้
ทะเบียนโรงเรียน หรอื ภายใต้กฎหมายท่ใี กลเ้ คียงกันของมาเลเซยี
(2) เปน็ บุคคลทเ่ี คยไดร้ ับการปฏิเสธการขนึ้ ทะเบียนเปน็ ผบู้ ริหารของโรงเรียน หรอื ถูกยกเลกิ การขึน้ ทะเบยี น
ไม่ว่าจะภายใตร้ ฐั บัญญัตนิ ี้ หรอื กฎหมายก่อนหนา้ ทถี่ กู ยกเลกิ ไปแลว้ ที่เก่ยี วกบั การศกึ ษา หรอื การขนึ้ ทะเบยี น
โรงเรยี น หรอื กฎหมายใดของมาเลเซียทีม่ ีบทบญั ญตั ิท่ใี กลเ้ คยี ง
(3) เปน็ บคุ คลท่ีมีลักษณะไม่เหมาะสมทีจ่ ะเป็นผู้บรหิ ารโรงเรียน
(4) เปน็ บคุ คลที่ไม่มีประสบการณ์ ความรู้ ความเชีย่ วชาญที่จะจดั การโรงเรียน
(5) เปน็ บุคคลทเ่ี คยใหข้ อ้ มูลเท็จในการขอขึน้ ทะเบียนเปน็ ผู้บริหารโรงเรยี น หรือครู
(6) การข้ึนทะเบยี นบคุ คลดงั กล่าวจะกระทบตอ่ ผลประโยชน์ของสาธารณะ หรอื ของนักเรียน
สำหรับคุณสมบัติต้องห้ามของบุคคลที่ต้องการขึ้นทะเบียนเป็นครูในสิงคโปร์อยู่ภายใต้มาตรา ๓๘
แหง่ Education Act (Chapter 87) กำหนดใหอ้ ธิบดมี ีอำนาจในการปฏเิ สธการขึน้ ทะเบยี นครู หากพจิ ารณาแล้วเหน็
ว่า
(1) เปน็ บุคคลทม่ี ลี ักษณะไมเ่ หมาะสม
(2) เป็นบุคคลท่ีกระทำผิดในเขตอ านาจศาลสิงคโปร์ หรือมาเลเซีย หรือประเทศในเครือสหราชอาณาจกั ร
และเป็นการกระทำผิดทล่ี งโทษด้วยการจำคุก โดยการกระทำผิดนั้นเกี่ยวกับการศกึ ษา หรอื การขน้ึ ทะเบียนโรงเรียน
หรอื ภายใต้กฎหมายใกลเ้ คียงกนั ของมาเลเซีย
(3) เป็นบคุ คลทเ่ี คยได้รับการปฏิเสธการขน้ึ ทะเบียนเปน็ ครู หรอื ถกู ยกเลกิ การขนึ้ ทะเบียนไม่ว่าจะภายใต้รัฐ
บัญญัตินี้ หรอื กฎหมายก่อนหน้าท่ียกเลกิ ไปแลว้ ท่ีเกยี่ วกับการศึกษาหรอื การขน้ึ ทะเบยี นโรงเรยี น หรอื กฎหมายใดของ
มาเลเซยี ท่ีมบี ทบัญญตั ทิ ี่ใกลเ้ คยี ง
(4) เป็นบุคคลท่เี คยถูกยกเลกิ การข้นึ ทะเบยี น ไม่วา่ จะภายใตร้ ัฐบัญญัตินี้ หรอื กฎหมายกอ่ นหน้าที่ยกเลิกไป
แลว้ ที่เกย่ี วกับการศึกษาหรอื การขึ้นทะเบยี นโรงเรยี น หรอื กฎหมายใดของมาเลเซียทม่ี บี ทบญั ญัตทิ ่ใี กล้เคียง เว้นแต่
การยกเลิกการขึ้นทะเบียนนน้ั จะเปน็ ผลจากการลาออกหรือโรงเรียนปิดตัวลง
(5) เปน็ บคุ คลที่ไมผ่ ่านการตรวจร่างกายโดยแพทย์ประจำโรงเรียน

97

(6) เป็นบคุ คลทเ่ี คยใหข้ ้อมลู เทจ็ ในการขอขน้ึ ทะเบียนเป็นครู
(7) เป็นบคุ คลที่มีแนวโนม้ ท่จี ะมีอทิ ธิพลที่ไมด่ ีตอ่ นกั เรยี น หรือท่ขี ัดตอ่ ผลประโยชน์สาธารณะ
(8) เปน็ บุคคลท่ีไมม่ ีคณุ สมบตั ิขนั้ ต่ำตามที่กฎหมายกำหนด

ข) การอทุ ธรณ์ต่อคำตัดสนิ
เหมือนกับกรณีการอทุ ธรณค์ ำตัดสินของอธิบดศี ึกษาธิการ ตอ่ การขอขน้ึ ทะเบยี นโรงเรยี น จะเหน็ ได้ว่า การ
ขนึ้ ทะเบยี นเป็นผู้บรหิ ารโรงเรียน และการข้นึ ทะเบียนครใู นสิงคโปร์นั้นมคี วามเข้มงวดเป็นอย่างมาก โดยกำหนดห้าม
บุคคลที่เคยกระท าผดิ กฎหมาย หรือเคยถูกปฏิเสธการขอข้ึนทะเบยี นในประเทศมาเลเซยี มาขึ้นทะเบียนเป็นผ้บู รหิ าร
โรงเรยี น หรอื ครูในสิงคโปรด์ ้วยซง่ึ น่าจะเป็นผลมาจากการทีร่ ะบบการศึกษาของท้ังสองประเทศล้วนได้รับอิทธิพลมา
จากอังกฤษจึงมีมาตรฐานที่คล้ายกัน การที่บุคคลใดถูกปฏิเสธการขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้บริหารโรงเรียน หรือครูใน
มาเลเซีย จึงมแี นวโนม้ ที่จะมีคณุ สมบัติไม่เหมาะสมทจี่ ะเปน็ ผบู้ ริหารโรงเรยี น หรือครใู นสงิ คโปร์เช่นเดยี วกนั

ดงั นั้น การศกึ ษาเป็นรากฐานสำคญั ในการพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ รัฐบาลสงิ คโปร์ได้กำหนดแผนและนโยบาย
ในการพฒั นาประเทศผา่ นการพฒั นาประชากรทม่ี คี ุณภาพ ทั้งการส่งเสรมิ ให้พลเมอื งสงิ คโปร์มีความสามารถดา้ น
ภาษามากกว่าหนึ่งภาษาต้งั แตช่ ั้นประถมศกึ ษา และใหโ้ อกาสเดก็ นกั เรียนได้เลอื กเรียนสง่ิ ที่ตนถนัด เพอื่ ใหเ้ ด็กแตล่ ะ
คนเติบโตมาเป็นประชากรทส่ี ามารถทำงานของตนไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพมากทสี่ ดุ

กฎหมายครขู องสาธารณรฐั ประชาชนจนี
กฎหมายครูของสาธารณรัฐประชาชนจีนไดร้ ับความเห็นชอบในการประชุมวาระท่ี 4 (Fourth Session) ของ
คณะกรรมการถาวร ในการประชมุ สภาประชาชนแห่งชาติ คร้ังที่ 8 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมือ่ วนั ที่ 31 ตลุ าคม
2536 และได้รับความเห็นชอบของสภาให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2537 ประกอบไปด้วย 9 หมวด 43
มาตรา ในที่นีจ้ ะขอยกมาเพยี งมางหมวดและบางมาตราเทา่ น้นั
หมวด 1 หลักการทว่ั ไป
มาตรา 1 กฎหมายฉบบั น้ไี ดถ้ ูกตราขน้ึ เพอื่ รักษาผลประโยชน์และสทิ ธิตามกฎหมายของครู เพอ่ื สรา้ งคณะครู
ผมู้ จี ริยธรรมและทักษะวิชาชพี สงู และสง่ เสรมิ การพฒั นาการศกึ ษาตามเจตนารมณ์ของหลกั การสงั คมนิยม
มาตรา 2 กฎหมายฉบับนี้ใช้บังคับกับครูที่ให้การศึกษาและสอนในโรงเรียนทุกประเภททุกระดับ และ
สถาบันการศึกษาอน่ื ๆ
หมวด 2 สิทธแิ ละหน้าที่
มาตรา 8 ครตู ้องปฏิบัตภิ ารกจิ ดงั ต่อไปน้ี
(1) ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู กฎหมายอน่ื ๆ และจรรยาบรรณวชิ าชีพและเปน็ บุคคลตัวอย่างแห่งคุณ
งามความดแี ละการเรียนรู้

98

(2) นํานโยบายการศึกษาของรัฐไปปฏิบัติ ปฏิบัติตามกฎและระเบียบปฏิบัติตามแผนการสอนของโรงเรยี น
ดำเนนิ การตามสัญญาการสอนและปฏบิ ัติงานการสอนและการศึกษาอยา่ งสมบรู ณ์

(3) ดําเนินงานให้การศึกษาตามที่บญั ญัติไว้ในหลักการเบื้องต้น ในกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ให้การศึกษาเพอ่ื
ความรักชาติ การศึกษาเพื่อความมั่นคงของชาติ การศึกษาด้านกฎหมายและอุดมการณ์ ศีลธรรม วัฒนธรรม
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมทงั้ จัดและนาํ นักศกึ ษาเข้าร่วมในกจิ กรรมทีม่ ปี ระโยชน์ของสงั คม

(4) เอื้ออาทรต่อนกั เรียนทุกคน ยอมรับในศักดิ์ศรีของนักเรียน ส่งเสริมการพัฒนาทางจริยธรรม สติปัญญา
และรา่ งกายของนักเรยี น

(5) ยุตกิ ารกระทำที่เปน็ อนั ตรายต่อนกั เรยี นหรือละเมิดสิทธแิ ละผลประโยชน์ของนักเรยี นตามกฎหมาย ทำ
การวิพากษ์วจิ ารณแ์ ละต่อตา้ นการกระทำใด ๆ ทมี่ ีผลเสยี ต่อการเจริญเตบิ โตของนกั เรยี น

(6) ต้องเพม่ิ พูนความตระหนกั ในอุดมการณแ์ ละการเมอื ง การศึกษาและทักษะการสอนของตนอยา่ งต่อเน่อื ง
หมวด 8 ภาระตามกฎหมาย
มาตรา 35 บุคคลที่เหยียดหยามและทำร้ายครูจะถูกลงโทษตามกฎหมายหรือปรับตามสภาพจริงของคดี
บคุ คลท่สี ร้างความเสียหายใหก้ ับครจู ะถูกส่งั ให้จา่ ยคา่ เสียหายชดเชย ในคดที ม่ี คี วามรนุ แรงหรือเข้าขา่ ยการทำผดิ ทาง
อาญา ตอ้ งรบั ผิดชอบทางอาญาตามกฎหมายด้วย
มาตรา 36 บคุ คลทีท่ ำรา้ ยครูผู้ซ่ึงทำการรอ้ งเรยี นและกล่าวหา และรายงานการกระทำาผิดต้อทางการตาม
กรอบของกฎหมายจะได้รับคำส่ังจากต้นสงั กดั หรือหน่วยงานท่ีสูงขึ้นไปให้ชดเชยความผิดนั้น ๆ ในกรณีท่ีคดีมีความ
รุนแรงจะถูกทำโทษตามกฎหมายตามสภาพความเปน็ จริงของเหตุการณ์ด้วยเจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐทที่ ำร้ายครู และเขา้ ข่าย
ความผดิ ทางอาญาตอ้ งรับผิดชอบทางอาญาตามที่ระบไุ ว้ในมาตรา 146 แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 37 ครทู เี่ กี่ยวข้องกบั กรณีใดกรณีหนงึ่ ต่อไปน้ี จะได้รับโทษตามกฎหมาย หรือถกู ไล่ออกจากโรงเรียน
จากสถาบันการศึกษาอน่ื ๆ หรอื กรมการบรหิ ารการศึกษา
(1) ไมท่ ำหน้าท่ีให้การศกึ ษาและไมส่ อนโดยเจตนา และเกดิ ความเสยี หายต่องานการศึกษาและงานสอน
(2) ทำโทษนกั เรียนอยา่ งรุนแรง และไมด่ ำเนนิ การแก่ไขหลงั จากได้รับการวิพากษว์ ิจารณาแลว้
(3) มคี วามประพฤติไม่เหมาะสม ดูถกู นักเรียนและเกิดผลเสียตามมาครทู เี่ กีย่ วข้องกบั กรณีตามวรรค (2) และ
(3) ขา้ งต้น และเป็นกรณีรนุ แรง เขา้ ขา่ ยการกระทำผดิ ทางอาญาตอ้ งรับผดิ ชอบทางอาญาดว้ ย
มาตรา 38 บุคคลที่กระทำผิดบทบัญญัติแห่งกฎหมายนี้ เบียดบังเงินเดือนครูหรือละเมิดสิทธิและ
ผลประโยชน์ตามกฎหมายของครู รัฐบาลท้องถิ่นของประชาชนจะสั่งให้บุคคลนั้นดำเนินการชดเชยภายในเวลาที่
กำหนด
บคุ คลท่ีกระทำาผดิ ตอ่ กฎและระเบยี บการเงนิ และการบญั ชีของรฐั ยกั ยอกเงนิ งบประมาณเพอื่ การศกึ ษาของ
รฐั มีผลทำใหเ้ กดิ ความเสือ่ มถอยต่องานด้านการศกึ ษาและการสอน เบยี ดบังการจา่ ยเงนิ เดือนครู และละเมดิ สิทธแิ ละ
ผลประโยชน์ตามกฎหมายของครู จะถูกสั่งโดยผู้มีอำนาจระดับสูงให้จ่ายเงินที่เบียดบังไปคืนภายในเวลาที่กำหนด

99

บุคคลที่รับผิดชอบโดยตรงจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย ในกรณีที่คดีมีความรุนแรงและเข้าข่ ายอาญาจะต้อง
รบั ผดิ ชอบทางอาญาด้วย

มาตรา 39 ครูที่สทิ ธิและผลประโยชน์ตามกฎหมายถูกละเมิดโดยโรงเรียนหรือสถาบันการศกึ ษาอืน่ ๆ หรือ
ครูที่ไมเ่ หน็ ชอบตามข้อตกลงเสนอโดยโรงเรียนหรือสถาบันการศกึ ษาอื่น ๆ สามารถจะร้องเรยี นต่อกรมการบริหาร
การศกึ ษาได้ คาํ ร้องเรียนจะไดร้ บั การดำเนนิ การภายในเวลา 30 วนั นบั จากวนั ที่กรมการบริหารการศกึ ษาไดร้ ับเรอ่ื ง

ครูที่เหน็ วา่ กรมการบริหารการศึกษาภายใต้รัฐบาลทอ้ งถ่ินของประชาชนละเมิดสิทธิและผลประโยชนต์ าม
กฎหมายของตน ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายฉบับนี้ สามารถร้องเรียนต่อกรมที่เกี่ยวข้องภายใต้รัฐบาลท้องถิ่ นของ
ประชาชนในระดับเดียวกนั หรือสูงกว่า กรมท่ีเกี่ยวข้องภายใต้รัฐบาลท้องถิ่นของประชาชนในระดับเดียวกนั หรือสูง
กวา่ จะดำาเนนิ การตามคาํ ร้องเรียนนัน้ ๆ

หมวด 9 มาตราเพ่มิ เติม
มาตรา 41 บทบัญญัตทิ ่ีตราไว้ในกฎหมายฉบับน้ี สามารถใชไ้ ด้ตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ กบั
บคุ ลากรเสรมิ และผู้ชว่ ยครูของโรงเรยี น และสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ตลอดท้ังครแู ละบุคลากรเสรมิ และผู้ชว่ ยสอนใน
โรงเรียนประเภทอื่น ๆ ดว้ ยคณะกรรมการกลางดา้ นการทหารดำเนนิ การตามกรอบแห่งกฎหมายฉบบั น้ีใหม้ กี ฎและ
ระเบยี บทเ่ี กี่ยวข้องกบั ครู และบคุ ลากรเสริมและผ้ชู ว่ ยสอนในโรงเรยี นทหาร

จีนบังคับใช้ ‘กฎหมายคุ้มครองเด็ก’ ฉบบั แกไ้ ข ครอบคลมุ บ้าน-โรงเรียน-โลกออนไลน์
ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2564 จีนเตรียมบังคับใช้กฎหมายด้านสวัสดิภาพเด็กที่ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติม 2
ฉบบั ได้แก่ กฎหมายว่าดว้ ยการค้มุ ครองผเู้ ยาว์ และกฎหมายว่าดว้ ยการป้องกันการกระทำผดิ ของเด็กและเยาวชนใน
วันท่ี 1 มิถนุ ายนนี้ ซงึ่ ตรงกบั วันเด็กนานาชาติ (International Children’s Day) เพื่อยกระดับการค้มุ ครองเดก็ ท้ังใน
บ้านและโรงเรยี น รวมถงึ ในสังคมและโลกออนไลน์
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้เยาว์ ซึ่งประกาศใช้เป็นคร้ังแรกเมื่อปี 1991 และได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมใน
เดือนตุลาคม 2020 กำหนดให้มีการจัดตั้งกลไกป้องกนั การกลั่นแกล้งรังแกและการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน
รวมถึงกลไกการตรวจคัดกรองสขุ ภาพจติ และการป้องกันลว่ งหนา้ ดว้ ย โรงเรียนและสถานอนบุ าลตอ้ งรายงานการกลน่ั
แกล้งรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือการก่อกวนคุกคามต่อตำรวจและหน่วยงานการศึกษา ทั้งยังต้องใช้
มาตรการค้มุ ครองเหยอ่ื การลว่ งละเมดิ ทางเพศอย่างทันทว่ งที
นายจา้ งตอ้ งตรวจสอบประวัติผู้สมัครงานตำแหน่งที่ต้องใกล้ชดิ ผ้เู ยาว์ร่วมกับตำรวจและอยั การ โดยหา้ มรบั สมคั รผู้ที่
มีประวัติล่วงละเมิดทางเพศ ทำร้ายร่างกาย ค้ามนุษย์ หรือใช้ความรุนแรง ผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตห้ามเสนอ
ผลิตภัณฑ์และบริการที่ทำให้เกิดการหมกมุ่นแก่ผู้ใช้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยจะมีการจำกัดการเข้าถึงบริการ
อนิ เทอรเ์ น็ต ระยะเวลาและปริมาณการใชง้ านอินเทอร์เนต็ สำหรบั ผเู้ ยาว์ทใี่ ชบ้ ริการตา่ งๆ เชน่ เกม ไลฟส์ ตรีมมิง ส่ือ
สังคม เพลง และคลปิ วิดีโอ สว่ นกฎหมายวา่ ด้วยการป้องกันการกระทำผิดของเดก็ และเยาวชน ซ่งึ ประกาศใชเ้ ป็นครงั้
แรกเมื่อปี 1999 และได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม 2020 ระบุว่าเยาวชนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดี

100

อาชญากรรมแต่ได้รับยกเว้นโทษเนื่องจากมีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ผู้รับผิดทางอาญา สามารถรับการศึกษาพิเศษจาก
หนว่ ยงานราชทณั ฑ์ หลังไดร้ บั การประเมนิ จากคณะกรรมการผูเ้ ชี่ยวชาญ นอกจากนน้ั โรงเรยี นต้องจา้ งเจา้ หนา้ ทดี่ ้าน
สุขภาพจิตเป็นพนกั งานประจำหรือช่วั คราว รวมถงึ เสรมิ สร้างการสอื่ สารและความรว่ มมอื กบั ผปู้ กครองดา้ นสขุ ภาพจติ
ของนักเรียน

จนี ประกาศ“ข้อกำหนดการสง่ั สอนลงโทษนกั เรยี นสำหรับครูชั้นมัธยมและชัน้ ประถม”
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 กระทรวงศึกษาธิการของจีนได้ประกาศ “ข้อกำหนดการสั่งสอนลงโทษ
นกั เรียนสำหรับครูในโรงเรียนชน้ั มัธยมและช้ันประถม” ถือเป็นเร่อื งสำคญั มากสำหรบั ทัง้ ครู ผ้ปู กครองและนักเรียน
เอกสารดงั กลา่ วระบุวา่ ในระหว่างการเรียนการสอนในหอ้ งเรยี น หรอื การดแู ลนกั เรียนประจำวนั หากนกั เรยี นละเมดิ
กฎเกณฑ์และระเบียบวินัย ครูสามารถส่ังสอนและลงโทษนกั เรยี นในรปู แบบการตกั เตอื นนักเรยี นโดยระบชุ ่ือ ใหอ้ อก
กำลังกายมากขึน้ ปรบั ใหย้ ืนในหอ้ งเรียนภายในไม่เกินเวลาหนึ่งช่ัวโมงเรียน เพอื่ สง่ั สอนใหน้ กั เรยี นรู้ สำนึกความผิด
และแก้ไขในอนาคตความจรงิ “กฎหมายวา่ ดว้ ยการศกึ ษา” ไดก้ ำหนดไว้อย่างชดั เจนแล้วว่า ครู “สามารถสง่ั สอนและ
วจิ ารณ์นักเรียนในรูปแบบท่ีเหมาะสม” “สามารถยกย่องหรอื ลงโทษผู้ที่ถูกสั่งสอน” แตไ่ มม่ ีข้อบงั คับรายละเอียด

จีนมีสภาษิตว่า “子不教,父之过;教不严,师之惰。” แปลว่า เลี้ยงดูแต่ไม่สั่งสอน คือความผิด
ของพ่อแม่ สอนหนงั สือแตไ่ มก่ วดขัน คอื ความเกยี จคร้านของครู แต่ในสงั คมจนี เนอ่ื งจากครอบครวั สว่ นใหญ่มีลูกคน
เดยี ว จงึ ทะนถุ นอนมากเกนิ ไป ทั้งพอ่ แม่ ปู่ยา่ ตายาย รวมกันมารกั เดก็ คนเดียว จึงทำใหก้ ารศึกษาหรือการสงั่ สอนเปน็
แบบ “ว่าไม่ได้” ไม่ว่าเด็กจะซนอย่างไร ก็จะไม่ว่าไม่สั่งสอน จะเน้นการตามใจ แต่ไม่ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองหรือครู
ตลอดจนทั่วท้ังสังคม กร็ ูม้ ากขน้ึ ว่า การศกึ ษาการสัง่ สอน ไมใ่ ช่เพียงชืน่ ชม เอาใจ และตามใจ ยังจะตอ้ งมกี ารส่งั สอน
ท่คี ่อนขา้ งเข้มงวดด้วย เพอื่ ใหเ้ ด็กร้ผู ดิ ถกู รคู้ วามเคารพนับถือ และรคู้ วามไมเ่ ห็นแก่ตัว แตต่ อ้ งยอมรับวา่ ปหี ลังๆ นี้ มี
ครูลงโทษนกั เรยี นหนกั เกนิ ควร บางคร้ังกระทงั่ นกั เรียนหนึง่ คนทำผิด ให้ท้งั ชน้ั รบั โทษด้วยกนั ดังนน้ั ความเหมาะสม
จึงเป็นปัญหาทีส่ ำคัญอย่างยงิ่

เมื่อเดือนพฤศจกิ ายน 2562 ในโรงเรยี นอนุบาลแหง่ หนึ่งของมณฑลเจียงซู ก็เกิดเหตุการณ์ลงโทษนักเรียน
เกินความเหมาะสม คือเด็ก 4 คนไม่ยอมนอนกลางวัน วิ่งเล่นกัน จนก่อกวนคนอื่นไมไ่ ด้นอน ครูเตือนหลายครั้งไม่
เปน็ ผล จงึ ลงโทษโดยการใหเ้ ดก็ 4 คนนตี้ บหน้าตวั เองประมาณ 10 ครัง้ เมือ่ วนั ท่ี 21 พฤศจิกายน กรมการศึกษาใน
ท้องถิ่นมกี ารจดั การคาดโทษโรงเรียนอย่างเปดิ เผย บงั คับให้โรงเรียนปลดครคู นนน้ั แตว่ า่ ผลทเี่ กดิ มาเป็นที่น่าสนใจ
มาก คอื ทางสงั คม รวมทัง้ ผปู้ กครองของเดก็ ที่ถกู ลงโทษ ลว้ นเหน็ ว่า การลงโทษครหู นักไป เพราะครูคนน้ีทำงานมา
หลายปี เป็นครูใจดี รักนักเรียน เด็กๆ ชอบเขามาก เมื่อครูไปแล้ว เด็กทั้งชั้นร้องไห้ทั้งวัน เหตุการณ์นี้แสดงว่า
ถึงแมว้ ่าครลู งโทษนักเรยี นอยา่ งไม่คอ่ ยเหมาะสม แต่สำหรบั การส่ังสอนนักเรียน บรรดาผปู้ กครองก็เข้าใจและให้อภัย
ได้

กระทรวงศกึ ษาธิการจีนกำหนดอย่างชัดเจนว่า นักเรยี นท่ีละเมดิ ข้อกำหนดของโรงเรียน จะต้องเป็นกรณีท่ี
ร้ายแรง หรือสั่งสอนในสถานที่เกิดเหตุแล้วปฏิเสธแก้ไข ครูมีสิทธิ์สั่งสอนและลงโทษตามความเหมาะสม ขณะท่ี

101

เรียกรอ้ งให้ผูป้ กครองร่วมกนั สัง่ สอนด้วย แต่ห้ามลงโทษทางร่างกายและจิตใจ เช่นห้ามตีเตะ ห้ามลงโทษให้ยนื เป็น
เวลานาน หรอื เขียนหนงั สอื หลายสบิ รอบ เพราะเป้าหมายของการลงโทษคือ ส่งั สอนให้นักเรียนแกไ้ ขความผิด และไม่
ทำผิดอีก ดังนั้นทางกระทรวงจึงมีหลักการของการลงโทษนักเรียน คือ จุดประสงค์เพื่อการสั่งสอนให้ปฏิบัติตาม
ระเบียบวนิ ยั แก้ไขความผิด ถกู ตอ้ งตามกฎหมายและข้อบังคบั เวลาลงโทษจะต้องปฏิบัตโิ ดยดจู ากอายุ เพศ นสิ ัยใจ
คอ และลกั ษณะร่างกายของนกั เรยี นทีท่ ำผดิ และตอ้ งรกั ษาความปลอดภัย ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกิดความเสี่ยง

การลงโทษจะมี 3 ระดับ คอื การลงโทษทว่ั ไป ครสู ามารถเรียกชื่อนักเรียนและตำหนิในชัน้ เรียน หรือที่เกิด
เหตุ บงั คับใหน้ ักเรียนขอโทษและสำนกึ ผิด ใหย้ นื ในชั้นเรยี นไมเ่ กิน 1 ชัว่ โมงเรียน ยดึ สิง่ ของทีน่ กั เรยี นใชใ้ นการทำผิด
หลังเลิกเรียนแล้วให้อยู่ต่อเพื่อรับการสัง่ สอน ระดับท่ี 2 คือ ถ้ามีการกระทำผิดที่คอ่ นข้างร้ายแรง จะไม่อนุมัติให้
นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน เช่นทัศนศึกษา รับหน้าที่การบริการสาธารณะภายในโรงเรียน มีครู
รับผิดชอบเฉพาะด้านมาส่ังสอนโดยเฉพาะ เรยี กร้องใหผ้ ้ปู กครองไปเขา้ เรยี นดว้ ยกนั ส่วนนักเรยี นทท่ี ำผดิ รา้ ยแรง เช่น
ทำรา้ ยคนอ่นื รวมถงึ นกั เรียนและครู ทางโรงเรยี นและครูมีสทิ ธลิ งโทษอยา่ งหนกั บงั คับใหห้ ยุดเรยี นไม่เกิน 1 สัปดาห์
เรยี กร้องใหผ้ ู้ปกครองรว่ มกนั สั่งสอน ใหค้ รผู ู้รับผดิ ชอบทางกฎหมายสงั่ สอนในสถานท่พี เิ ศษ กำหนดเวลาให้ย้ายไป
โรงเรยี นอนื่ เป็นตน้

สรุปกฎหมายการศกึ ษาในตา่ งประเทศ
1.ประเทศสงิ คโปร์
กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการศึกษาในประเทศสิงคโปร์เน้นในเรื่องการศกึ ษาเพ่ือความอยูร่ อดโดยมีกฎหมาย
สำคัญ 3 ฉบับคอื
(1) พระราชบญั ญตั ิการศึกษาภาคบงั คับมีระยะเวลา 10 ปี ถา้ เทียบกับประเทศไทยกค็ ือป. 1 ถงึ ม 4 หรือม.
5 ซ่งึ ระดับมธั ยมจะเปน็ หลักสตู ร 4-5 ปีโดยขึ้นอย่กู ับหลักสูตรท่ีเลอื ก
(2) พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาเกี่ยวกบั การขนึ้ ทะเบียนโรงเรียน
(3) พระราชบญั ญัติการศกึ ษาเอกชนเพื่อจัดระเบยี บสถาบันการศกึ ษาเอกชน
2. สาธารณรฐั ประชาชนจนี
กฎหมายการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี(ประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนต้น)
เพราะมกี ารออกกฎหมายครูเพื่อ
(1 )รักษาผลประโยชน์และสทิ ธติ ามกฎหมายของครู
(2) เพ่อื สรา้ งคณะครทู ่มี ีจริยธรรมและทกั ษะวิชาชีพข้ันสงู
(3) ส่งเสริมการพัฒนาการศกึ ษาตามเจตนารมณข์ องหลักการ

102

สรุป
กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับครแู ละวิชาชพี ครู

กฎหมายการศึกษาหมายถึงกฎเกณฑท์ ร่ี ัฐหรอื ผมู้ อี ำนาจกำหนดข้ึนเป็นกฎข้อบังคับการปฏิบตั ิเกี่ยวกบั การ
บรหิ ารและการจดั การศกึ ษา โดยมีรปู แบบทง้ั ทเ่ี ป็นพระราชบญั ญตั ิ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง รวมทัง้ ขอ้ บังคบั
ระเบียบ คำสงั่ ที่ใชบ้ งั คบั ในการดำเนินงานเก่ียวกบั การศึกษา รวมถึงกฎหมายมหาชนในสาขากฎหมายปกครองด้วย
เพราะวา่ ส่วนใหญจ่ ะมคี วามเกี่ยวขอ้ งกนั ระหว่างรัฐกบั เอกชน หรอื รฐั กบั รัฐด้วยกนั

ประเทศไทยในระยะหลังจาการเปลีย่ นแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 รัฐบาลไดจ้ ัดให้มีการปฏิรปู การศึกษา
เพื่อใหก้ ้าวทนั กบั การเปลีย่ นแปลงทงั้ ในประชาคมโลกและภายในประเทศถึง 4 ครั้ง แต่การนำผลการปฏริ ปู ไปสู่การ
ปฏิบัติยังไม่บรรลุเป้าหมาย การศึกษายังไม่สามารถพัฒนาคนไทยและ ช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยแข่งขันได้ใน
ประชาคมโลก การปฏิรูปการศึกษา ครัง้ ที่ 4 ทก่ี ำลังดำเนินการอยู่ ในปจั จบุ ันจงึ เปน็ ส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ถือเป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งสำคัญที่จะมี ผลผูกพัน
ต่อเนือ่ งตั้งแตป่ ี พ.ศ.2560-2579 ตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ร.บ. การศึกษาแหง่ ชาตแิ ละกฎหมายอนื่ ๆ
ทจ่ี ะออกมารองรบั การปฏริ ปู การศึกษา

จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ สามารถสรุปรปู แบบในการลาและมาสายของคณุ ครู ต่อรอบการประเมนิ เปน็ 2 กรณดี งั นี้
ปฏิบตั ิงานในโรงเรียน
1. คุณครทู ่ี ลาไมเ่ กนิ 6 ครัง้ โดยมวี ันลารวมกันแล้ว ไม่เกิน 23 วัน และ มาสายไมเ่ กนิ 8 ครงั้ สามารถเล่ือน
เงนิ เดอื นได้
2. คณุ ครูที่ ลาเกิน 6 ครง้ั โดยมวี ันลารวมกันแลว้ ไมเ่ กนิ 15 วัน และ มาสายไมเ่ กิน 8 ครงั้ และ มผี ลการ
ปฏบิ ัติงานดเี ดน่ อาจผอ่ นผนั ใหเ้ ลอื่ นเงนิ เดอื นได้
ปฏิบัติงานในสำนักงาน
1. คุณครทู ี่ ลาไมเ่ กนิ 8 ครงั้ โดยมีวันลารวมกนั แล้ว ไม่เกิน 23 วัน และ มาสายไม่เกนิ 9 ครัง้ สามารถเล่ือน
เงนิ เดอื นได้
2. คณุ ครูที่ ลาเกิน 8 ครง้ั โดยมวี นั ลารวมกนั แล้วไม่เกิน 15 วัน และ มาสายไมเ่ กิน 9 ครง้ั และ มีผลการ
ปฏบิ ัตงิ านดีเดน่ อาจผ่อนผันใหเ้ ลอ่ื นเงนิ เดอื นได้
อย่างไรกต็ ามในกฎ ก.ค.ศ. ขอ้ ที่ 19 ก็ยงั มกี ารเปิดโอกาสใหส้ ามารถเล่ือนเงนิ เดือนไดเ้ ป็นกรณีพเิ ศษ โดย เสนอผา่ น
กศจ. (รอ้ ยละ2) หรือ เสนอไปยงั กคศ. เพ่อื พจิ ารณาเปน็ รายกรณี
บทลงโทษ
1) โทษทางวินัย มี 5 สถาน ได้แก่ ภาคทณั ฑ์ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงนิ เดือน ปลดออก และ
ไลอ่ อก

103

2) โทษอาญา กำหนดโทษไว้ 5 สถาน ได้แก่ ประหารชีวติ จำคุก กกั ขงั ปรับ และริบทรัพยส์ นิ
3) โทษทางแพง่ ไมม่ โี ทษจำคกุ แตจ่ ะเปน็ การคืนทรพั ยส์ นิ หรอื ชดใชค้ า่ เสียหาย หรอื ให้กระ
ทำการ/งดเวน้ กระทำการและใช้เงนิ คา่ ธรรมเนียมต่างๆ หรอื ยึดทรัพยส์ นิ
4) โทษผิดจรรยาบรรณวชิ าชีพครู 5 สถาน ได้แก่ ยกข้อกลา่ วหา ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช
ใบอนญุ าต และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี
5) บทลงโทษนกั เรยี นหรอื นักศกึ ษาท่กี ระทำผดิ มี 4 สถาน ไดแ้ ก่ วา่ กลา่ วตกั เตือน ทำทณั ฑบ์ น
ตัดคะแนนประพฤติ และทำกิจกรรมเพ่อื ใหป้ รบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม
ผ้บู รหิ ารและครตู ้องเลอื กใช้การลงโทษ ใหเ้ หมาะสม และตอ้ งตระหนักอยเู่ สมอวา่ การลงโทษนักเรยี น ควรใช้เฉพาะ
เมื่อสามารถหาสาเหตทุ ่ีแนน่ อนและสามารถแก้ไขสาเหตนุ น้ั ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพแล้วเท่านั้น
กฎหมายการศกึ ษาในตา่ งประเทศ
1.ประเทศสิงคโปร์
กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกับการศึกษาในประเทศสงิ คโปรเ์ น้นในเรือ่ งการศกึ ษาเพื่อความอยรู่ อดโดยมกี ฎหมายสำคัญ
3 ฉบบั คือ
(1) พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาภาคบงั คบั มรี ะยะเวลา 10 ปี ถา้ เทยี บกบั ประเทศไทยก็คอื ป. 1 ถึงม 4 หรือม.
5 ซึง่ ระดับมัธยมจะเปน็ หลกั สูตร 4-5 ปีโดยขึน้ อย่กู บั หลักสตู รทีเ่ ลือก
(2) พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาเก่ยี วกบั การข้นึ ทะเบยี นโรงเรยี น
(3) พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาเอกชนเพ่อื จดั ระเบยี บสถาบันการศกึ ษาเอกชน
2. สาธารณรัฐประชาชนจนี
กฎหมายการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี (ประถมศึกษา-มัธยมศึกษา
ตอนต้น) เพราะมีการออกกฎหมายครเู พอื่
(1 )รกั ษาผลประโยชน์และสทิ ธิตามกฎหมายของครู
(2) เพอื่ สรา้ งคณะครูทม่ี จี ริยธรรมและทกั ษะวชิ าชพี ข้ันสงู
(3) สง่ เสรมิ การพัฒนาการศกึ ษาตามเจตนารมณข์ องหลักการ

104

อา้ งองิ

หอสมดุ ครุ สุ ภา. (ม.ป.ป.). กฎหมายการศึกษา. สบื คน้ เมื่อวันท่ี 5 กันยายน 2565 จาก
https://elibrary.ksp.or.th/index.php?lvl=cmspage&pageid=4&id_article=170

นายวชญิ ์ รัตนสุทธิกลุ และนางสาวสิรินทรา ขวัญสงา่ . (2557) กฎหมายดา้ นการศึกษาและทเี่ ก่ียวข้อง. สำนกั งาน
เลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร. สืบคน้ เม่อื วันที่ 5 กนั ยายน 2565 จาก https://www.parliament.go.th/
ewtcommittee/ewt/edu/download/article/article_20141126092444.pdf

ลำดับศกั ดิข์ องกฎหมาย. (26 สงิ หาคม 2565). ในวกิ พิ เิ ดีย. สืบคน้ เมอ่ื วันที่ 5 กนั ยายน 2565 จาก
https://shorturl.asia/jpbah

บมจ. ธรรมนิต.ิ (25 สงิ หาคม 2563). สบื ค้นเมอื่ วนั ท่ี 5 กนั ยายน 2565 จาก
https://www.blockdit.com/posts/5f44b0baa6b4b90ca7f08ef9

กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2557). รา่ ง Roadmap การปฏริ ปู การศึกษา (2558-2564) สบื ค้น 5 กันยายน 2565 จาก
http://www.edreform.moe.go.th/home/doc/roadmap_draft_K_A3.pdf

มหาวทิ ยาลยั สโขทยั ธรรมาธริ าช (2557). พระบาทสมเดจ็ พระจลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว กับการปฏริ ปู การศกึ ษา. สบื คน้
6 กัยายน 2565 จาก http://library.stou.ac.th/KingRamaVEducation.

ราชกิจจานเุ บกษา. (22 กรกฎาคม 2557). เลม่ 131 ตอนที่ 55 ก รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย (ฉบับชว่ั คราว)
พุทธศักราช 2557.

สาํ นกั งบประมาณ สาํ นกั นายกรฐั มนตรี (2557). งบประมาณโดยสังเขป ประจําปงี บประมาณ พ.ศ. 2551 และ
งบประมาณโดยสงั เขปประจาํ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2551 สืบค้น 6 พฤศจกิ ายน 2557 จาก
http://www.bb.go.th/?page_id=6039.

สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาต.ิ (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติพ.ศ. 2542 และแก้ไขเพมิ่ เตมิ
(ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545. กรงุ เทพฯ : พรกิ หวานกราฟฟิค.

สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (ม.ป.ป.). สรุปสาระสำคัญแผนพัฒนา เศรษฐกิจและ
สังคมแหง่ ชาติฉบบั ท่ีสบิ เอด็ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙. กรงเทพฯ : ม.ป.ท.

สํานักงานปลัดกระทรวงกลาโหม. (2557).กรอบความเห็นรว่ มปฏริ ูปประเทศไทยด้านการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : ม.ป.ท.
สํานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (2551). กรอบทิศทางการพฒั นาการศึกษาในชว่ งแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และ

สังคมแหง่ ชาตฉิ บับท่ี 10 (พ.ศ. 2550-2554) ท่สี อดคล้องกบั แผนการศกึ ษา แหง่ ชาติ (พ.ศ. 2545-2559).
กรุงเทพฯ : ม.ป.ท.
___________________ (2552). ขอ้ เสนอการปฏริ ปู การศกึ ษาในทศวรรษทสี่ อง (พ.ศ. 2552-2561). พมิ พค์ รง้ั ท่ี 2.
กรุงเทพฯ : https://www.bantalohhalo.thai.ac.

105

กฎ ก.ค.ศ. การเลอ่ื นเงนิ เดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2561 และ หนงั สอื สพฐ.
อา้ งองิ สำนกั งาน ก.ค.ศ.การศกึ ษาสภาพการดำเนินการทางวนิ ยั ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

สุรศักดิ์ หลาบมาลา. (2543). สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาต.ิ กรงุ เทพฯ : สำนกั พิมพ์ บริษทั ภาพ
พิมพ์ จำกัด.

สำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา. (2551). พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการครู
และบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และแก้ไขเพิม่ เตมิ ฉบบั ที่ 2 พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพค์ รุ ุสภา
ลาดพรา้ ว.

นางสาวจันทพร ศรโี พน. (23 ตลุ าคม 2560). กฎหมายเกยี่ วกับการศกึ ษาของประเทศสงิ คโปร์. LAW of ASEAN.
สืบค้นเม่ือวนั ที่ 3 กนั ยายน 2565 จาก https://lawforasean.krisdika.go.th/Content/View?Id
=316&Type=1

ดร.สรุ ศักด์ิ หลาบมาลา. (2541). TEACHER LAW OF THE PEOPLE’S REPUBLIC OF CHINA [กฎหมายครขู องสา
ธารณประชาชนจีน]. สำนกั งานโครงการพเิ ศษเพ่ือการปฏริ ปู การฝึกหัดครฯู (สปค.). สบื ค้นเมอื่ วนั ท่ี 3
กนั ยายน 2565 จาก https://shorturl.asia/fXgK0

THE STANDARD TEAM. (30 พฤษภาคม 2564). จีนบงั คบั ใช้ ‘กฎหมายคุ้มครองเดก็ ’ ฉบบั แก้ไข ครอบคลมุ บ้าน-
โรงเรยี น-โลกออนไลน์. THE STANDARD. สบื คน้ เม่ือวันท่ี 3 กันยายน 2565 จาก
https://thestandard.co/china-child-protection-law/

ไชนา่ มเี ดียกรุป๊ . (16 มกราคม 2563). จนี ประกาศ“ขอ้ กำหนดการสง่ั สอนลงโทษนักเรียนสำหรบั ครชู ั้นมัธยมและชนั้
ประถม”. China Radio International. สบื ค้นเม่ือวนั ที่ 3 กนั ยายน 2565 จาก
http://thai.cri.cn/20200116/c21fea63-5564-dd2c-f5be-ca25fff54d6b.htm

106

บทที่ 4
มาตรฐานวิชาชีพ บุคลากรทางการศึกษา

มาตรฐานวิชาชีพ บคุ ลากรทางการศกึ ษา นน้ั จะกล่าวถงึ แตล่ ะเรอื่ งแยกออกไปได้ 5 หัวขอ้ คือ
1. บุคลากรทางการศกึ ษา
2. มาตรฐานบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.2546 2556 และ 2562
3. มาตรฐานบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2562
4. ใบประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา
5. มาตรฐานวชิ าชีพต่างประเทศ

จากการศกึ ษาทัง้ หมดมเี น้อื หาดงั ตอ่ ไปน้ี

1. บคุ ลากรทางการศึกษา

ผบู้ ริหารการศกึ ษา ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ครู รวมทงั้ ผสู้ นับสนุนการศกึ ษาซึง่ เปน็ ผทู้ ำหน้าที่ใหบ้ รกิ าร หรือ
ปฏิบตั งิ านเก่ยี วเน่อื งกบั การจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ การบรหิ ารการศึกษา และปฏบิ ตั ิงานอ่ืนใน
หน่วยงานการศึกษา

ผ้บู ริหารการศกึ ษา
ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผดิ ชอบการบรหิ ารการศึกษานอกสถานศกึ ษาตงั้ แต่
ระดับเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาขน้ึ ไป
บทบาทหน้าที่
1. บทบาทหน้าทีต่ ามพรบ.ระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธิการ มาตรา 37 วรรค 2
ได้กาํ หนดอาํ นาจหนา้ ที่ของผอู้ าํ นวยการสํานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา ดังน้ี

1) เปน็ ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในเขตพน้ื ที่การศกึ ษา
2) รับผิดชอบ ในการปฏิบตั ิราชการของสาํ นักงานให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และ แ ผ น ก า ร
ปฏบิ ตั ิราชการของกระทรวง
3) ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ในกรณีทีม่ กี ฎหมายอื่นกําหนดอํานาจหน้าที่ของผู้อาํ นวยการไว้
เป็นการเฉพาะการใช้อํานาจ และการปฏบิ ัตหิ น้าทต่ี ามกฎหมายดังกล่าวให้คํานึงถงึ นโยบาย ท่ีคณะรัฐมนตรีกําหนด
หรอื อนุมตั แิ นวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวงดว้ ย
2. บทบาทหนา้ ท่ีตามพรบ.ระเบยี บขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา มาตรา ๒๔ ของ พรบ.ระเบยี บ
ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา กําหนดใหผ้ อู้ ํานวยการสาํ นักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาเปน็ ผู้บริหารราชการใน

107

สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน เขตพื้นท่ี
การศกึ ษา และมอี าํ นาจหน้าท่ีดังต่อไปน้ี

1) รับผิดชอบในการปฏบิ ัตงิ านราชการที่เปน็ อํานาจและหน้าท่ีของ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา และตามที่
อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามอบหมาย

2) เสนอแนะการบรรจแุ ละแต่งตง้ั และการบรหิ ารงานบุคคลในเรื่องอื่นท่ีอยใู่ นอาํ นาจและหน้าท่ขี อง อ.ก.ค.
ศ. เขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา

3) พิจารณาเสนอความดีความชอบของผบู้ ริหารสถานศึกษา ผูบ้ รหิ ารการศึกษาในหน่วยงานการศกึ ษาในเขต
พืน้ ท่กี ารศึกษา และขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาในสํานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา

4) จัดทําแผนและส่งเสริมการพฒั นาข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในหน่วยงานการศกึ ษาในเขต
พน้ื ทก่ี ารศึกษา

5) จัดทาํ ทะเบยี นประวัตขิ ้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาในเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา
6) จดั ทํามาตรฐานคุณภาพงาน กาํ หนดภาระงานข้ันต่ำ และเกณฑ์การประเมนิ ผลงาน สําหรับข้าราชการ
ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาของสาํ นักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา
7) ประเมินคุณภาพการบริหารงานบุคคลและจัดทํารายงานการบริหารงานบคุ คลเสนอ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่
การศกึ ษาเพื่อเสนอ ก.ค.ศ. ต่อไป
8) ปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ นื่ ตามท่ีบัญญัติไวใ้ นพระราชบญั ญัติน้ี กฎหมายอน่ื หรอื ตามท่ี ก.ค.ศ. มอบหมายหน้าที่
เป็นคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ เลขานุการในคณะกรรมการตา่ ง ๆ อํานาจหนา้ ทตี่ ามทีไ่ ดม้ อบอาํ นาจ (คาํ สั่งให้
ปฏิบัติราชการแทน) และตามกฎหมายอื่น
ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
“ผ้บู ริหารสถานศึกษา” หมายความวา่ บุคลากรวชิ าชพี ทรี่ บั ผดิ ชอบการบริหารสถานศกึ ษาแต่ละแหง่ ท้ังของ
รัฐและเอกชน (1)
หนา้ ทแ่ี ละความรับผดิ ชอบ
ปฏิบัติหน้าทผี่ ู้อำนวยการศกึ ษาสถานศกึ ษา บังคบั บญั ชาพนกั งานครูและบุลากรทางการศึกษาในสถานศกึ ษา
บริหารกิจการของสถานศึกษา การวางแผนการปฏิบัติ การควบคุม กำกับ ดูแลเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการ
งบประมาณ การบริหารงานบคุ คล การบริหารงานทัว่ ไป ความสัมพันธก์ ับชมุ ชนและงานอืน่ ที่เกี่ยวข้องหรือที่ไดร้ บั
มอบหมาย
ลกั ษณะงานท่ปี ฏบิ ตั ิ
1.ผู้บงั คบั บญั ชาครแู ละบคุ ลากรในสถานศึกษา มอี ำนาจหน้าที่ บรหิ ารกจิ การของสถานศึกษาใหเ้ ปน็ ไป ตาม
กฎหมาย ระเบยี บ ขอ้ บังคบั นโยบายและวตั ถปุ ระสงค์ของสถานศกึ ษา
2. วางแผนพฒั นาการศกึ ษา ประเมินและจดั ทำรายงานเกี่ยวกับกิจการของสถานศึกษา

108

3. จัดทำและพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา การจดั กระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาสอื่ นวัตกรรมและเทคโนโลยี
ทางการศกึ ษา การนิเทศ และการวดั ผลประเมนิ ผล

4. ส่งเสริมและจดั การศกึ ษาให้กบั ผเู้ รยี นทกุ กลมุ่ เป้าหมายท้ังในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย
5. จัดทำระบบประกนั คณุ ภาพทางการศึกษา
6. บรหิ ารงบประมาณ การเงนิ และทรพั ย์สนิ
7. วางแผนการบรหิ ารงานบุคล การสรรหา การบรรจุแตง่ ตัง้ การเสริมสร้างประสทิ ธภิ าพในการปฏิบตั งิ าน
วนิ ยั และการรกั ษาวินยั การดำเนินการทางวนิ ัย การออกจากราชการ การอุทธรณแ์ ละการรอ้ งทกุ ข์
8. จัดทำมาตรฐานและภาระงานของครูและบุคลากรในการศึกษา ประเมินผลในการปฏิบัติงาน ตาม
มาตรฐานของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา
9. สง่ เสรมิ สนบั สนุนให้ครูและบุคลากรในสถานศกึ ษา ใหม้ กี ารพัฒนาอยา่ งตอ่ เน่อื ง
10. ประสานความร่วมมือกับชุมชนและท้องถิ่น ในการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษาและให้บริการด้าน
วิชาการ ชมุ ชน
11. จดั ระบบควบคุมภายในสถานศกึ ษา
12. จดั ระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น
13. เปน็ ผ้แู ทนของสถานศกึ ษาในกิจการทว่ั ไป
14. ปฏบิ ตั งิ านอืน่ ที่เกี่ยวขอ้ งหรือท่ไี ด้รบั มอบหมาย
ภาระหน้าทก่ี ารบรหิ ารงานในโรงเรียน 4 ฝา่ ย
1. ด้านการบรหิ ารงานวชิ าการ มภี าระหนา้ ท่ี 17 อย่าง คอื

1.1 การพฒั นาหรือการดำเนินการเกยี่ วกับการให้ความเหน็ การพัฒนาสาระหลกั สูตรทอ้ งถ่ิน
1.2 การวางแผนงานดา้ นวิชาการ
1.3 การจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา
1.4 การพัฒนาหลักสตู รของสถานศึกษา
1.5 การพัฒนากระบวนการเรยี นรู้
1.6 การวดั ผล ประเมินผล และดำเนนิ การเทยี บโอนผลการเรียน
1.7 การวจิ ยั เพือ่ พัฒนาคุณภาพการศกึ ษาในสถานศึกษา
1.8 การพฒั นาและสง่ เสรมิ ใหม้ แี หลง่ เรยี นรู้
1.9 การนิเทศการศกึ ษา
1.10 การแนะแนว
1.11 การพฒั นาระบบประกนั คุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา
1.12 การสง่ เสริมชุมชนใหม้ ีความเขม้ แข็งทางวชิ าการ
1.13 การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวชิ าการกบั สถานศกึ ษาและองคก์ รอนื่

109

1.14 การสง่ เสริมและสนบั สนนุ งานวชิ าการแก่บคุ คล ครอบครวั องค์กร หนว่ ยงานสถาน
ประกอบการและสถาบนั อ่ืนทจี่ ัดการศึกษา

1.15 การจดั ทำระเบยี บและแนวปฏิบัติเกยี่ วกับงานดา้ นวชิ าการของสถานศกึ ษา
1.16 การคัดเลือกหนงั สอื แบบเรียนเพอ่ื ใช้ในสถานศกึ ษา
1.17 การพัฒนาและใช้สือ่ เทคโนโลยีเพ่อื การศึกษา
2. ดา้ นการบรหิ ารงานงประมาณ มภี าระหน้าท่ี 22 อยา่ ง คือ
2.1 การจัดทำแผนงบประมาณและคำขอตง้ั งบประมาณเพอ่ื เสนอตอ่ ปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ หรอื
เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน แล้วแตก่ รณี
2.2 การจดั ทำแผนปฏบิ ตั กิ ารใช้จ่ายเงนิ ตามท่ไี ด้รบั จัดสรรงบประมาณจากสำนกั งานคณะกรรมการ
การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานโดยตรง
2.3 การอนมุ ัติการใช้จา่ ยงบประมาณท่ไี ดร้ บั จดั สรร
2.4 การขอโอนและการขอเปล่ยี นแปลงงบประมาณ
2.5 การรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ
2.6 การตรวจสอบตดิ ตามและรายงานการใชง้ บประมาณ
2.7 การตรวจสอบติดตามและรายงานการใชผ้ ลผลติ จากงบประมาณ
2.8 การระดมทรัพยากรและการลงทนุ เพ่ือการศึกษา
2.9 การปฏบิ ัติงานอื่นใดตามท่ไี ด้รับมอบหมายเก่ียวกบั กองทนุ เพือ่ การศกึ ษา
2.10 การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรเพื่อการศกึ ษา
2.11 การวางแผนพสั ดุ
2.12 การกำหนดรปู แบบรายการ หรอื คณุ ลักษณะเฉพาะของครภุ ณั ฑ์ หรอื สงิ่ กอ่ สร้างทีใ่ ช้เงนิ
งบประมาณเพ่อื เสนอต่อปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารหรอื เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐานแล้วแตก่ รณี
2.13 การพฒั นาระบบขอ้ มูลและสารสนเทศเพ่อื การจัดทำและจัดหาพสั ดุ
2.14 การจดั หาพสั ดุ
2.15 การควบคมุ ดแู ล บำรงุ รักษาและจำหน่ายพสั ดุ
2.16 การจัดหาผลประโยชน์จากทรัพยส์ ิน
2.17 การเบกิ เงนิ จากคลงั
2.18 การรับเงนิ การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการจา่ ยเงนิ
2.19 การนำเงินส่งคลงั
2.20 การจดั ทำบญั ชีการเงนิ
2.21 การจัดทำรายงานทางการเงนิ และงบการเงิน
2.22 การจัดทำหรือจดั หาแบบพมิ พบ์ ญั ชี ทะเบียน และรายงาน

110

3. ด้านการบรหิ ารงานบุคคล มภี าระหน้าท่ี 20 อย่าง คอื
3.1 การวางแผนอตั รากำลงั
3.2 การจดั สรรอตั รากำลงั ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา
3.3 การสรรหาและบรรจแุ ตง่ ตง้ั
3.4 การเปลี่ยนตำแหนง่ ใหส้ งู ขน้ึ การยา้ ยขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา
3.5 การดำเนินการเก่ยี วกบั การเลอ่ื นข้นั เงนิ เดอื น
3.6 การลาทกุ ประเภท
3.7 การประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน
3.8 การดำเนนิ การทางวินยั และการลงโทษ
3.9 การสัง่ พกั ราชการและการส่งั ใหอ้ อกจากราชการไว้ก่อน
3.10 การรายงานการดำเนินการทางวนิ ยั และการลงโทษ
3.11 การอทุ ธรณ์และการรอ้ งทุกข์
3.12 การออกจากราชการ
3.13 การจัดระบบและการจัดทำทะเบยี นประวัติ
3.14 การจดั ทำบญั ชรี ายชือ่ และให้ความเห็นเก่ียวกบั การเสนอขอพระราชทานเครอื่ งราชอิสริยาภรณ์
3.15 การสง่ เสริมการประเมนิ วิทยฐานะข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
3.16 การสง่ เสรมิ และยกยอ่ งเชิดชูเกียรติ
3.17 การส่งเสริมมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณวิชาชีพ
3.18 การส่งเสรมิ วินัย คุณธรรมและจรยิ ธรรมสำหรบั ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา
3.19 การริเร่มิ ส่งเสรมิ การขอรบั ใบอนญุ าต
3.20 การพัฒนาข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา การดำเนินการทเี่ กี่ยวกบั การบรหิ ารงาน

บุคคลใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการนน้ั
4. ด้านการบรหิ ารงานทวั่ ไป มีภาระหนา้ ท่ี 21 อยา่ ง คอื
4.1 การพฒั นาระบบและเครือข่ายข้อมลู สารสนเทศ
4.2 การประสานงานและพฒั นาเครอื ข่ายการศกึ ษา
4.3 การวางแผนการบริหารงานการศกึ ษา
4.4 งานวิจัยเพ่ือพฒั นานโยบายและแผน
4.5 การจดั ระบบการบรหิ ารและพฒั นาองค์กร
4.6 การพัฒนามาตรฐานการปฏบิ ตั งิ าน
4.7 งานเทคโนโลยีเพ่อื การศึกษา
4.8 การดำเนนิ งานธุรการ

111

4.9 การดูแลอาคารสถานท่แี ละสภาพแวดลอ้ ม
4.10 การจดั ทำสำมะโนผเู้ รยี น
4.11 การรบั นกั เรียน
4.12 การเสนอความเหน็ เกยี่ วกบั เรอื่ งการจัดตง้ั ยุบ รวมหรอื เลกิ สถานศกึ ษา
4.13 การประสานการจดั การศกึ ษาในระบบ นอกระบบและตามอธั ยาศัย
4.14 การระดมทรัพยากรเพอื่ การศกึ ษา
4.15 การทัศนศึกษา
4.16 งานกิจการนกั เรยี น
4.17 การประชาสัมพนั ธ์งานการศกึ ษา
4.18 การส่งเสรมิ สนบั สนุนและประสานการจัดการศึกษาของบคุ คล ชุมชน องคก์ ร หนว่ ยงานและ
สถาบนั สงั คมอ่นื ท่ีจัดการศกึ ษา
4.19 งานประสานราชการกับส่วนภมู ภิ าคและส่วนท้องถนิ่ (ท) การรายงานผลการปฏบิ ัตงิ าน
4.20 การจัดระบบการควบคุมภายในหนว่ ยงาน
4.21 แนวทางการจดั กจิ กรรมเพอื่ ปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมในการลงโทษนกั เรยี น
ครู
“ครู” หมายความว่า บุคคลซ่ึงประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการ ส่งเสริมการเรียนรู้
ของผเู้ รยี นด้วยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ในสถานศกึ ษาปฐมวัย ขนั้ พ้นื ฐาน และอดุ มศกึ ษาทตี่ ่ำกว่า ปริญญาท้งั ของรัฐและเอกชน
บทบาทครูหนา้ ทขี่ องครใู นศตวรรษที่ 21 สามารถสรุปไดด้ ังนี้
1. ครูตอ้ งร้คู วามต้องการของผเู้ รยี นและผเู้ รียนก็ตอ้ งเขา้ ใจจดุ ประสงค์ของครู
2. ครตู ้องใหผ้ ูเ้ รยี นรจู้ กั แสวงหาความรรู้ จู้ กั ใชข้ อ้ มูลทเี่ ป็นประโยชน์
3. ครูตอ้ งใหผ้ เู้ รยี นใช้อนิ เทอรเ์ นต็ และใหผ้ ้ปู กครองชว่ ยสอดส่องดแู ลครูให้คำแนะนำในการใช้เครอื่ งมอื
สือ่ สารและการใช้ Social Media
4. ครูตอ้ งใหค้ ำปรกึ ษาแกผ่ ปู้ กครองนักเรยี นครูเป็นผอู้ ำนวยการจดั กระบวนการเรยี นรู้ให้กบั ผเู้ รยี นอยา่ ง
ถกู ต้อง
5. การเรยี นรตู้ อ้ งสร้างสรรค์สิ่งใหมๆ่ ตดิ ตามขา่ วสารนวัตกรรมใหมๆ่ อยเู่ สมอ
6. ครูต้องสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเรียนรู้ตลอดชีวิตสามารถพงึ่ พาตนเองได้
7. ครูตอ้ งทำการวิจยั วจิ ยั ในชน้ั เรยี นเพ่อื แก้ปญั หาผู้เรยี น
8. ครตู อ้ งมีบทบาทร่วมกบั สถานศึกษาและชุมชนในการจดั การความรู้ของผเู้ รียน
9. ครตู ้องรกั ษาวินัยมจี รรยาบรรณ
10. ครูต้องพัฒนาตนเองอยเู่ สมอ

112

ครูมีบทบาทหน้าท่ีสำคญั อยา่ งยิ่งต่อการพัฒนาของผู้เรียนต้องเป็นคนดคี นเก่งคนทันโลกครูมืออาชพี ต้องมี

บทบาทในการจัดความรู้และพฒั นาตนเองอยเู่ สมอจงึ จะเหมาะสมกับการเป็นครใู นศตวรรษที่ 21

หนา้ ทแี่ ละความรับผดิ ชอบของครู

1. หมัน่ อบรมเดก็ อยเู่ สมอ 2. ตั้งใจสอน รกั การสอน

3. จัดการปกครองให้เป็นทเ่ี รยี บรอ้ ย 4. เตรียมการสอน และทำบนั ทึกการสอน

5. หมนั้ วดั ผลและตดิ ตามผลการเรียน 6.รับผิดชอบในหนา้ ท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมาย

7. ช่วยใหค้ ำแนะนำแก่เด็กด้วยความเตม็ ใจ 8. สอนใหเ้ ดก็ เป็นประชาธิปไตย

9.ทำบัญชเี รยี กชือ่ และสมดุ ประจำชน้ั 10. ดแู ลบำรงุ รกั ษาหอ้ งเรยี นและอาคารสถานที่

11. เกีย่ วกับการสอน การอบรม การวัดผล 12. เกยี่ วกบั ธุรการและระเบยี บวินัย

13.ค้นคว้าเพม่ิ เตมิ และหาความรใู้ หมๆ่ มาสอน 14. สอนให้เดก็ เปน็ คนดี

15. หม่นั หาความรแู้ ละวธิ ีการหาความรู้ 16. เป็นตวั อยา่ งแก่เด็ก

17. จดั การแนะแนวท่ีดแี กเ่ ดก็ 18. ช่วยงานสารบรรณและธรุ การโรงเรยี น

19. เอาใจใสเ่ ดก็ 20. บริการโรงเรยี น

21. เป็นครูประจำช้นั 22. ทำระเบียบและสมดุ รายงานนกั เรียน

23. มมี นุษยส์ ัมพันธท์ ี่ดี 24. ร่วมกจิ กรรมชุมชน

25. สอนให้เข้าใจแจม่ แจง้ 26 .ชว่ ยประชาสมั พันธก์ จิ การของโรงเรยี นได้ดี

27. เอาใจใส่และพยายามเข้าใจปญั หาและความต้องการของเด็ก

บคุ ลากรทางการศึกษาอน่ื
“บคุ ลากรทางการศึกษาอื่น” หมายความวา่ บคุ คลซ่งึ ทำหน้าทส่ี นับสนนุ การศึกษาใหบ้ ริการหรอื ปฏบิ ตั งิ าน
เกยี่ วเนอื่ งกบั การจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบรหิ ารการศึกษาในหนว่ ยงานการศึกษาต่าง ๆ ซ่ึง
หนว่ ยงานการศกึ ษากำหนดตำแหนง่ ให้ต้องมีคุณวุฒทิ างการศกึ ษา
ความสำคญั ศกึ ษานิเทศก์
การนิเทศทางการศึกษา มีความสำคัญมากทีส่ ุด โดยศึกษานเิ ทศกเ์ ป็นกลุม่ กำลังสำคัญ คือ พัฒนาคณุ ภาพ
มาตรฐานการศกึ ษาและการเรยี นรู้ของคนไทย เพิ่มโอกาสทางการศกึ ษาใหเ้ กดิ การ เรยี นรูอ้ ย่างทัว่ ถึง มีคุณภาพและ
ส่งเสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของทุกภาคสว่ นในการบริหารและการจดั การศึกษา
บทบาทหนา้ ทขี่ องศกึ ษานิเทศก์
1.งานตามหน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบตามมาตรฐานตำแหนง่ ศกึ ษานเิ ทศกท์ กุ คน ในสำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษา ปฏิบัติ
หนา้ ท่ี เก่ยี วกบั งานวิชาการและงานนเิ ทศการศกึ ษา เพอื่ ปรบั ปรงุ การเรยี นการสอนให้ได้มาตรฐาน ดังน้ี

113

1. งานนเิ ทศการศึกษา โดยสง่ เสริมใหส้ ถานศกึ ษาบรหิ ารหลกั สตู รสถานศึกษาจดั กระบวนการ เรยี นรู้ มี
ระบบการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาตามมาตรฐานการศกึ ษา พัฒนาการวัดและประเมินผลการศกึ ษา พัฒนา
ส่ือนวัตกรรมและเทคโนโลยที างการศึกษาไดอ้ ยา่ งมีคุณภาพ

2. การศึกษา คน้ คว้าทางวชิ าการ เพ่ือจัดทำเป็นเอกสาร คู่มอื และสอ่ื ใชใ้ นการปฏิบตั งิ านและเผยแพร่ให้ครูได้
ใช้ในการพัฒนาการจัดกระบวนการเรยี นการสอน

3. การวิเคราะห์ วิจัยเกย่ี วกบั การพฒั นาหลกั สตู รและกระบวนการเรียนรู้ ส่ือนวตั กรรมและ เทคโนโลยี
ทางการศกึ ษา พัฒนาระบบการบรหิ ารงานวิชาการ พฒั นามาตรฐานและการประกนั คณุ ภาพ การศึกษา เพอ่ื ใช้ในการ
ปฏบิ ตั ิงานและเผยแพร่แกผ่ ู้บรหิ ารสถานศึกษา ครแู ละผสู้ นใจทวั่ ไป

4. การติดตาม ตรวจสอบและประเมนิ ผล เพ่อื เปน็ ข้อมูลและสารสนเทศในการวางแผนการนเิ ทศและการ
พัฒนางานวชิ าการ

5. ปฏิบัติงานอน่ื ๆ ทผ่ี บู้ ังคบั บญั ชามอบหมายงานตามขอบข่าย ภารกจิ ของกลุ่มนเิ ทศ ติดตาม และ
ประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา

ลักษณะของศึกษานิเทศก์ ควรมีลักษณะสำคญั ดังนี้
1. ทกั ษะเชิงมนษุ ย์
1.1 เจตคตทิ ่ีดี รกั และศรทั ธาในวชิ าชพี ศึกษานเิ ทศก์
1.2 คุณธรรม จริยธรรมและมี EQ สูง มองโลกในแง่ดี มีความ โปร่งใส และตรวจสอบได้ มีความกล้าทาง
จรยิ ธรรมท่ีจะยนื อยู่บนหลกั วชิ า
1.3 ม่งุ มั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอเปน็ คนทนั สมัย ขยันหมนั่ เพียร รกั การเรยี นรู้ ใฝ่ร้ใู ฝเ่ รียน มสี ปิริต (Spirit)
1.4 เปน็ ผูน้ ำทางวชิ าการ เปน็ ผนู้ ำการเปลยี่ นแปลง โดยใช้พลงั ทางวชิ าการ ทำใหเ้ กิด การเปลีย่ นแปลงการ
บริหารจัดการ การจัดการเรียนการสอนและระบบการสนบั สนุนต่าง ๆ เป็นตน้
1.5 มีมนุษยสมั พนั ธท์ ่ีดี มคี วามจรงิ ใจ ประสานสัมพันธ์ สามารถทำงานร่วมกับคนอื่น ได้อย่างสร้างส รรค์
และ มีความสามารถในการทำงานเปน็ ทีม
2. ทกั ษะทางวชิ าการ ศกึ ษานิเทศกเ์ ปน็ ผมู้ ีความร้คู วามสามารถในด้านวิชาการ โดยคณุ ลักษณะ ดงั น้ี
2.1 มวี สิ ัยทศั น์
2.2 มีทักษะการวิจัย เป็นผูน้ ำทางวิชาการ จึงตอ้ งมคี วามคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ค้นคว้าองค์ ความรู้ สร้างและ
พฒั นานวตั กรรมทางการศึกษา เพ่อื นำไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ
3. ทกั ษะการนเิ ทศศกึ ษานเิ ทศกม์ ืออาชีพ ควรมีความร้คู วามสามารถในด้านการนิเทศ ดงั นี้ มคี วามรู้
ความสามารถในการำแนวคดิ ทฤษฎีและกฎหมาย ระเบยี บ นโยบายของหนว่ ยงานตน้ สงั กดั ลงสกู่ ารปฏิบัติไดอ้ ย่างมี
ประสิทธิภาพ คือรู้และทำได้ด้วย

4. การจดั องค์กรและการบริหารจดั การศึกษานเิ ทศก์ ทัง้ นอี้ งค์ประกอบของ ศกึ ษานิเทศทส่ี ำคัญ ควรมีดังนี้

114

4.1 มาตรฐานวิชาชีพ
4.2 จรรยาบรรณ
4.3 ใบประกอบวชิ าชพี
4.4 การประกนั คณุ ภาพการนิเทศการศึกษา

สรุป บุคลากรทางการศกึ ษา

ด้วยการเปลี่ยนแปลงในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา ซ่ึง
จำเปน็ ต้องอาศัยผูน้ ำที่มีวิสยั ทัศน์ มีความรู้ ความสามารถ และมีคุณธรรมในการดำเนินการ จึงทำใหอ้ งค์กรประสบ
ความสำเร็จตามความมุ่งหมายท่ีคาดไว้ ดัง้ น้ัน ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาจึงเป็นบุคคลท่มี ีความสำคัญทั้งทางตรง
และทางอ้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ ความสามารถให้แก่ศิษย์ รวมทั้งพัฒนาศิษย์ให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพและ
ประสิทธิภาพ โดยเน้นกระบวนการ 4 ด้าน คือ ด้านความรู้ ความคิด หรือพุทธพิสัย ด้านความรู้สึก อารมณ์ สังคม
หรือดา้ นจติ พิสัย ดา้ นทักษะปฏบิ ตั หิ รือทกั ษะพสิ ยั และดา้ นทกั ษะการจัดการหรือทักษะกระบวนการ

2. มาตรฐานบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 2556 และ 2562

ตารางเปรยี บเทียบมาตรฐานบุคลากรทางศึกษา ปี พ.ศ.2546 2556 และ 2562 มีดงั น้ี

มาตรฐานความรแู้ ละประสบการณข์ องครู

พระราชบัญญัติการศกึ ษา พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษา พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษา

พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

มาตรฐานความรู้ มาตรฐานความรู้ มาตรฐานความรู้

1. ภาษาและเทคโนโลยีสําหรับครู 1.ความเป็นครู 1.การเปล่ียนแปลงบรบิ ทของโลก

2. การพฒั นาหลกั สูตร 2.ปรชั ญาการศกึ ษา สงั คม และแนวคิดของปรัชญา

3. การจดั การเรียนรู้ 3.ภาษาและวฒั นธรรม เศรษฐกจิ พอเพียง

4. จิตวิทยาสําหรบั ครู 4.จติ วทิ ยาสำหรบั ครู 2.จติ วิทยาพัฒนาการ จิตวทิ ยา

5. การวดั และประเมินผล 4.หลักสูตร การศกึ ษา และจิตวิทยาให้คำปรกึ ษา

การศกึ ษา 5.การจัดการเรียนรู้และการจัดการ ในการวเิ คราะห์ และพฒั นาผเู้ รียนตาม

6. การบริหารจดการในห้องเรียน ชนั้ เรยี น ศักยภาพ

7. การวจิ ัยทางการศกึ ษา 6.การวจิ ยั เพือ่ พฒั นาการเรยี นรู้ 3.เนื้อหาวิชาที่สอน หลักสูตร ศาสตร์

8. นวัตกรรมและเทคโนโลยี 7.นวตั กรรมและเทคโนโลยี การสอน และเทคโนโลยีดิจิทัลในการ

สารสนเทศทางการศกึ ษา 8.สารสนเทศทางการศึกษา จัดการเรียนรุ้

9. ความเปนครู

115

มาตรฐานประสบการณ์ 9.การดั และการประเมนิ ผลการ 4.การวัดและประเมินผลการเรียนผล

1. การฝกปฏิบัติวิชาชีพระหวาง เรยี นรู้ การเรยี นรู้ของผู้เรียน และการวจิ ยั เพ่ือ

เรยี น 10.การประกนั คุณภาพการศึกษา แก้ไขปัญหา และพัฒนาผเู้ รียน

2. การปฏิบัตกิ ารสอนใน 11.คุณธรรม จริยธรรมและ 5.การใช้ภาษา ภาษาอังกฤษเพื่อการ

สถานศกึ ษาในสาขาวิชาเฉพาะ จรรยาบรรณ สื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

มาตรฐานประสบการณ์ เพอ่ื การศึกษา

1. การฝกปฏิบตั ิวิชาชีพระหวางเรียน 6.การออกแบบ และการดำเนินการ

2. การปฏบิ ัตกิ ารสอนในสถานศึกษา เกย่ี วกบั งานประกันคณุ ภาพการศึกษา

ในสาขาวชิ าเฉพาะ มาตฐานประสบการณว์ ชิ าชีพ

มาตรฐานประสบการณ์

1. การฝกปฏิบตั วิ ชิ าชีพระหวางเรียน

2. การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา

ในสาขาวชิ าเฉพาะ

มาตรฐานปฎบิ ตั ิงานของครู

พระราชบัญญัตกิ ารศึกษา พ.ศ. พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษา พ.ศ. พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษา พ.ศ.

2546 2556 2562

1. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางวชิ าการ 1. ปฏิบัตกิ ิจกรรมทางวชิ าการ 1.การปฏบิ ตั หิ นา้ ทีค่ รู

เกยี่ วกับการพฒั นาวิชาชีพครอู ยู เกี่ยวกับการพฒั นาวชิ าชีพครูอยู (1)มงุ่ มน่ั พฒั นาผเู้ รยี น ดว้ ยจิต

เสมอ เสมอ วิญญาณความเปน็ ครู

2. ตัดสินใจปฎิบัติกิจกรรมตางๆ 2. ตดั สินใจปฎบิ ตั กิ จิ กรรมตางๆ โดย (2)ประพฤตตนเป็นแบบอย่างทดี่ ี มี

โดยคาํ นึงถึงผลทจะเกิดแกผเู รยี น คาํ นงึ ถงึ ผลทจะเกดิ แกผเู รียน คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมีความเป็น

3. มุงมั่นพัฒนาผูเรยี นใหเต็มตาม 3. มุงมั่นพัฒนาผูเรียนใหเต็มตาม พลเมืองท่ีเข้มแข็ง

ศกั ยภาพ ศักยภาพ (3) ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ เอาใจใส่ และ

4. พฒั นาแผนการสอนใหสามารถ 4. พัฒนาแผนการสอนใหสามารถ ยอมรบั ความแตกตา่ งของผู้เรยี นแตล่ ะ

ปฏบิ ตั ไิ ดเกดิ ผลจรงิ ปฏบิ ตั ไิ ดเกดิ ผลจรงิ บุคคล

5. พฒั นาสอ่ื การเรยี นการสอนให 5. พัฒนาสื่อการเรียนการสอนใหมป (4) สร้างแรงบนั ดาลใจผเู้ รยี นให้เป็นผู้

มประสทิ ธิภาพอยูเสมอ ระสทิ ธิภาพอยูเสมอ ใฝเ่ รยี นรู้ และผสู้ ร้างนวัตกรรม

6. จัดกิจกรรมการเรียนการสอน 6. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดย (5) พัฒนาตนเองใหม้ ีความรอบรู้

โดยเนนผลถาวรทีเ่ กดิ แกผเู รยี น เนนผลถาวรที่เกดิ แกผูเรียน ทนั สมยั และทนั ตอ่ การเปล่ยี นแปลง

7. รายงานผลการพัฒนาคุณภาพ 7. รายงานผลการพฒั นาคุณภาพของ 2.การจดั การเรยี นรู้

ของผูเรียนไดอยางมระบบ ผเู รยี นไดอยางมระบบ

116

8. ปฏบิ ตั ิตนเปนแบบอยางที่ดีแก 8. ปฏิบัติตนเปนแบบอยางที่ดีแกผู (1) พัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา การ

ผเู รยี น เรยี น จัดการเรียนรู้ สอ่ื การวัดและ

9. รวมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษา 9. รวมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษา ประเมนิ ผลการเรียนรู้

อยางสรางสรรค์ อยา่ งสรางสรรค์ (2) บรู ณาการความรู้ และศาสตร์การ

10. รวมมือกบั ผูน้ ำในชมุ ชนอยาง 10. รวมมือกับผู้นำในชุมชนอย าง สอน ในการวางแผนและจัดการเรยี นรู้

สรางสรรค สร้างสรรค ที่สามารถพัฒนาผเู้ รียนใหม้ ปี ญั ญารูค้ ิด

11. แสวงหาและใชขอมูลขาวสาร 11. แสวงหาและใชขอมลู ขาวสารใน และมคี วามเป็นนวัตกรรม

ในการพฒั นา การพฒั นา (3) ดูแล ชว่ ยเหลือ และพัฒนาผ้เู รยี น

12. สรางโอกาสใหผเู รียนไดเรียน 12. สรางโอกาสใหผเู รียนไดเรยี นรูใน เป็นรายบคุ คลตามศกั ยภาพ สามารถ

รูในทุกสถานการณ์ ทกุ สถานการณ์ รายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น

ได้อยา่ งเปน็ ระบบ(4) จัดกจิ กรรมและ

สรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้ ใหผ้ ู้เรยี นมี

ความสุขในการเรียน โดยตระหนกั ถงึ

สุขภาวะของผเู้ รียน

(5) วจิ ัย สรา้ งนวตั กรรม และ

ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ดิจิทลั ให้เกดิ

ประโยชนต์ อ่ การเรียนรขู้ องผู้เรยี น

(6) ปฏบิ ตั ิงานรว่ มกับผ้อู ื่นอยา่ ง

สรา้ งสรรคแ์ ละมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรม

การพฒั นาวิชาชพี

3. ความสมั พันธ์กบั ผปู้ กครองและ

ชุมชน

(1)รว่ มมอื กบั ผู้ปกครองในการพฒั นา

และแกป้ ญั หาผ้เู รยี นใหม้ คี ณุ ลกั ษณะที่

พงึ ประสงค์

(2)สรา้ งเครือขา่ ยความรว่ มมอื กับ

ผู้ปกครองและชุมชน เพือ่ สนับสนนุ

การเรยี นรทู้ ่ีมีคุณภาพของผเู้ รยี น

(3) ศึกษา เข้าถึงบริบทของชมุ ชน และ

สามารถอยรู่ ่วมกันบนพ้นื ฐานความ

แตกต่างทางวัฒนธรรม

117

(4) สง่ เสริม อนุรกั ษว์ ฒั นธรรม และภมู ิ

ปัญญาท้องถ่นิ

มาตรฐานปฎิบตั ิตนของครู

พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษา พ.ศ. พระราชบญั ญัติการศกึ ษา พ.ศ. พระราชบญั ญตั ิการศึกษา พ.ศ.

2546 2556 2562

5 กลมุ่ 9 ประการ 5 หมวด 9 ขอ้ 5 ดา้ น 9 ข้อ

จรรยาบรรณตอตนเอง หมวดท่ี 1 จรรยาบรรณต่อตนเอง 1.จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง

• ผู ป ร ะ ก อ บ ว ิ ช า ชี พ • ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการ ผูป้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ตอ้ ง

ทางการศกึ ษาต้องมวี นิ ัยในตนเอง ศกึ ษา ต้องมวี ินยั ในตนเองพฒั นา มวี นิ ยั ในตนเอง พัฒนาตนเองดา้ น

พ ั ฒ น า ต น เ อ ง ด ้ า น ว ิ ชา ชี พ ตอนเองด้านวิชาชพี บุคลิกภาพ และ วิชาชพี บคุ ลกิ ภาพ และวิสัยทัศน์ ให้

บคุ ลิกภาพ และวิสัยทศั น ใหทนั ต วสิ ัยทัศน์ใหท้ ันต่อการพฒั นาทาง ทันตอ่ การพฒั นาทางวิทยาการ

อ ก า ร พ ั ฒ น า ท า ง วิ ท ย าการ วทิ ยาการ เศรษฐกจิ สังคมและ เศรษฐกจิ สงั คมและการเมืองอยเู่ สมอ

เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอยู การเมืองอยเู่ สมอ 2.จรรยาบรรณตอ่ วิชาชี

เสมอ หมวดท่ี 2 จรรยาบรรณต่อวชิ าชีพ • ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการ

จรรยาบรรณตอวชิ าชพี • ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการ ศกึ ษา ต้องรัก ศรทั ธา ซื่อสตั ยส์ จุ รติ

• ผู ป ร ะ ก อ บ ว ิ ช า ชี พ ศกึ ษา ต้องรัก ศรทั ธา ซ่ือสัตยส์ จุ รติ และรบั ผิดชอบต่อวชิ าชีพ เป็นสมาชกิ

ทางการศึกษา ตอ้ งรัก ศรทั ธา ซ่อื รบั ผดิ ชอบต่อวชิ าชีพและเปน็ สา ทีด่ ีขององค์กรวชิ าชพี

สัตย สุจริต และ รับผิดชอบต มาชกิ ทีด่ ขี ององค์กรวชิ าชีพ 3.จรรยาบรรณตอ่ ผู้รบั บรกิ าร

อวิชาชีพ เป็นสมาชิกที่ดีขององค หมวดที่ 3 จรรยาบรรณต่อ • ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ

กรวิชาชีพ ผู้รบั บรกิ าร ศึกษา ต้องรกั เมตตา เอาใจใส่

จรรยาบรรณตอผูรบั บรกิ าร • ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพทางการ ช่วยเหลือ สง่ เสรมิ ให้กำลงั ใจแกศ่ ษิ ย์
• ผู ป ร ะ ก อ บ ว ิ ช า ชี พ ศึกษา ตอ้ งรกั เมตตา เอาใจใส่ และผรู้ บั บรกิ ารตามบทบาทหน้าที่โดย
ทางการศึกษาต้อองรัก เมตตา ช่วยเหลือ สง่ เสรมิ ให้กำลังใจแก่ เสมอหนา้

เอาใจใสชวยเหลือ สงเสริม ให ศิษย์ และผรู้ บั บริการตามบทบาท • ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ

กําลังใจแกศิษย และผูรับบริการ หน้าทโี่ ดยเสมอหน้า ศกึ ษา ต้องสง่ เสริมใหเ้ กิดการเรียนรู้

ตามบทบาทหนา้ ทโี่ ดยเสมอหนา้ • ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการ ทกั ษะ และนสิ ัยท่ถี ูกตอ้ งดงี ามแกศิษย์

• ผู ป ร ะ ก อ บ ว ิ ช า ชี พ ศกึ ษา ต้องส่งเสริมใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ และผรู้ บั บรกิ าร ตามหนา้ ท่อี ย่างเตม็

ทางการศกึ ษา ต้องสงเสริมใหเกดิ ทกั ษะ และนสิ ยั ที่ถกู ต้องดงี ามแก่ ความสามารถด้วยความบรสิ ทุ ธ์ิใจ

การเรียนรู ทักษะ และนิสัยที่ ศิษย์ และผู้รบั บรกิ าร ตามบทบาท • ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการ

ถูกต้องดีงามแกศิษยและผู รับ ศึกษา ต้องประพฤตปิ ฏิบตั ติ นเป็น

118

บริการตามบทบาทหน้าที่อยาง หน้าท่อี ยา่ งเต็มความสามารถดว้ ย แบบอยา่ งทีด่ ี ทงั้ ทางกาย วาจาและ

เต็มความสามารถด้วยความ ความบริสทุ ธ์ใิ จ จติ ใจ

บริสุทธใ์ิ จ • ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ทางการ • ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ทางการ

• ผูประกอบวชาชีพพทาง ศกึ ษา ต้องประพฤตปิ ฎบิ ตั ิตนเปน็ ศกึ ษา ต้องไมก่ ระทำตนเปน็ ปฏปิ ักษ์

การศึกษาตองประพฤติปฏิบัติ แบบอย่างท่ดี ี ท้งั กาย วาจา และ ตอ่ ความเจรญิ ทางกาย สตปิ ญั ญา

ตนเปนแบบอยางที่ดีทั้งทางกาย จติ ใจ จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษยแ์ ละ

วาจาและจิตใจ • ผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการ ผู้รบั บริการ

• ผปู ระกอบวชิ าชพี ศึกษา ตอ้ งไม่กระทำตอนเป็น • ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพทางการ

ทางการศกึ ษาต้องไมกระทํา ปฎิปกั ษต์ อ่ ความเจรญิ ทางกาย ศกึ ษา ตอ้ งให้บรกิ ารด้วยความจรงิ ใจ

ตนเปนปฏปิ กษตอความเจริญ สตปิ ัญญา จิตใจอารมณ์ และสงั คม และเสมอภาค โดยไม่เรยี กรบั หรือ

ทางกาย สตปิ ญญา จติ ใจ อา ของศิษย์ และผรู้ บั บริการ ยอมรบั ผลประโยชนจ์ ากการใช้

รมณและสงั คมของศษิ ยและผรู บั • ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการ ตำแหนง่ หนา้ ทโี่ ดยมิชอบ

บรกิ าร ศึกษา ตอ้ งให้บรกิ ารดว้ ยความจรงิ ใจ 4.จรรยาบรรณต่อผูร้ ว่ มประกอบ

• ผปู ระกอบวิชาชีพ และเสมอภาค โดยไม่เรยี กรบั หรือ วิชาชพี

ทางการศกึ ษาต้องให บรกิ ารดว้ ย ยอมรบั ผลประโยชน์จากการใชต้ ำเห • ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการ

ความจรงิ ใจและเสมอภาค โดยไม เน่งหน้าที่โดยมิชอบ ศกึ ษาพึงชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู ซึง่ กนั และ

เรียกรบั หรอื ยอมรับผลประโยชน หมวดที่ 4 จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ ่วม กันอย่างสรา้ งสรรค์ โดยยึดมัน่ ใน

จากการใชตาํ แหนงหน้าท่โี ดยมิ ประกอบวิชาชพี ระบบคุณธรรม สรา้ งความสามัคคีใน

ชอบ • ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการ หมคู่ ณะ

จรรยาบรรณตอผูรวมประกอบ ศึกษา พึงชว่ ยเหลือเกอ้ื กลู ซงึ่ กนั และ 5.จรรยาบรรณต่อสงั คม

วชิ าชพี กันอย่างสรา้ งสรรค์โดยยดื ม่ันใน • ผู้ประกอบวิชาชีพทางการ

• ผปู ระกอบวชิ าชพี ระบบคณุ ธรรมสร้างความสามคั คีใน ศึกษา พึงประพฤตปิ ฏิบตั ติ น เปน็ ผนู้ ำ

ทางการศกึ ษาพงึ ชวยเหลือเก้อื กลู หม่คู ณะ ในการอนรุ กั ษ์ และพฒั นาเศรษฐกจิ

ซึง่ กนั และกนั อยางสร้างสรรคโดย หมวดท่ี 5 จรรยาบรรณต่อสังคม สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิ

ยึดมน่ั ในระบบคุณธรรม สรา้ ง • ผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการ ปัญญา สงิ่ แวดล้อมรักษาผลประโยชน์

ความสามคั คใี นหมคู ณะ ศึกษา พงึ ประพฤตปิ ฎบิ ตั ติ นเปน็ ของสว่ นรวมและยึดม่นั ในการปกครอง

จรรยาบรรณตอสงั คม ผนู้ ำในการอนรุ ักษ์ และพฒั นา ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี

• ผปู ระกอบวชิ าชีพ เศรษฐกจิ สังคม ศาสนา พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ

ทางการศกึ ษา พงประพฤติปฏิบัติ ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญา

ตน เปนผนู าํ ในการอนุรกั ษ และ ส่งิ แวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของ

119

พัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม ศาสนา ส่วนรวม และยดิ มั่นในการปกครอง

ศลิ ปวัฒนธรรม ภูมิปญญา ระบอบประชาธิปไตยอนั มี

สิ่งแวดลอ้ มรกั ษาผลประโยชน พระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข

ของสวนรวมและยึดม่นั ในการ

ปกครองระบอบประชาธปิ ไตย

อนั มีพระมหากษตั รยิ ทรงเป

นประมุข

มาตรฐานความรู้และประสบการณข์ องผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา

พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษา พระราชบญั ญัติการศกึ ษา พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษา

พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

มาตรฐานความรู้ มาตรฐานความรู้ มาตรฐานความรู้

1.หลักและกระบวนการบรหิ าร 1.การพฒั นาวิชาชีพ 1.การพฒั นาวชิ าชีพ

การศกึ ษา 2.ความเป็นผู้นำทางวชิ าการ 2.ความเปน็ ผนู้ ำทางวชิ าการ

2.นโยบายและการวางแผน 3.การบรหิ ารสถานศกึ ษา 3.การบรหิ ารสถานศึกษา

การศึกษา 4.หลักสูตร การสอน การวัดและ 4.หลักสูตร การสอน การวัดและ

3.การบริหารด้านวิชาการ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ ประเมนิ ผลการเรียนรู้

4.การบริหารดา้ นธุรการ การเงนิ 5.กจิ การและกิจกรรมนักเรียน 5.กจิ การและกิจกรรมนักเรียน

พสั ดแุ ละอาคารสถานที่ 6.การประกนั คุณภาพ 6.การประกันคณุ ภาพ

5.การบริหารงานบคุ คล 7.คุณธรรม จริยธรรมและ 7.คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณ

6.การบรหิ ารกิจการนกั เรยี น จรรยาบรรณ มาตรฐานประสบการณ์

7.การประกนั คุณภาพการศกึ ษา มาตรฐานประสบการณ์ 1.มีประสบการณ์ดา้ นปฏบิ ตั ิการสอน

8.การบริหารจัดการเทคโนโลยี 1.มปี ระสบการณ์ด้านปฏบิ ตั ิการสอน มาแล้วไมน่ ้อยกวา่ ห้าปี หรอื มี

สารสนเทศ มาแลว้ ไม่น้อยกวา่ ห้าปี หรอื มี ประสบการณด์ า้ นปฏบิ ตั กิ ารสอนและ

9.การบริหารการประชาสัมพันธ ประสบการณ์ด้านปฏบิ ัตกิ ารสอน มปี ระสบการณใ์ นตำแหนง่ ผบู้ รหิ าร

และความสมั พันธชุมชน และมปี ระสบการณ์ในตำแหน่ง สถานศึกษา หรอื ผบู้ ริหารการศกึ ษา

มาตรฐานประสบการณ์ ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา หรอื ผบู้ รหิ าร รวมกันมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี

1. มีประสบการณด้านปฏิบัติการ การศกึ ษารวมกันมาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 2.มีผลงานทางวิชาการทมี่ คี ณุ ภาพและ

สอนมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา 5 ป หรอื ห้าปี มีการเผยแพร่

2. มปี ระสบการณด้านปฏิบัติการ 2.มีผลงานทางวชิ าการท่มี ีคุณภาพ

สอนและตอ้ งมีประสบการณในตาํ และมกี ารเผยแพร่

แหนงหัวหน้าหมวด / หัวหน้า

120

สาย /หัวหน้างาน / ตําแหนงบริ

หารอื่นๆ ในสถานศึกษามาแล้วไม่

นอ้ ยกวา 2 ปี

มาตรฐานปฎบิ ัตงิ านของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา

พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษา พระราชบญั ญัติการศกึ ษา พระราชบญั ญัติการศึกษา

พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

1. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมทางวิชาการ 1.ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเพื่อ 1.ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเพ่ือ

เกี่ยวกับการพฒั นาวิชาชพี การ พัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษา พัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาให้

บรหิ ารการศึกษา ใหก้ า้ วหน้าอยเู่ สมอ ก้าวหน้าอยู่เสมอ

2. ตดั สนิ ใจปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตางๆ 2.ตดั สนิ ใจปฏิบตั กิ ิจกรรมต่าง ๆโดย 2.ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆโดย

โดยคาํ นงึ ถึงผลทจี่ ะเกดิ ขึน้ กับ คำนึงถงึ ผลทจี่ ะเกดิ ข้ึนกับการพัฒนา คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับการพัฒนา

การพฒั นาของบุคลากร ผเู รยี น ของผู้เรียน บุคลากร และชุมชน 3) ของผู้เรียน บุคลากร และชุมชน 3)

และชุมชน มุ่งมั่นพัฒนาผู้ร่วมงานให้สามารถ มุ่งมั่นพัฒนาผู้ร่วมงานให้สามารถ

3. มุงมน่ั พฒั นาผรู วมงานให ปฏบิ ัติงานไดเ้ ต็มศักยภาพ ปฏบิ ตั งิ านไดเ้ ต็มศกั ยภาพ

สามารถปฏบิ ัตงิ านไดเต็ม 4.พัฒนาแผนงานขององค์การให้มี 4.พัฒนาแผนงานขององค์การให้มี

ศักยภาพ คุณภาพสูง สามารถปฏิบัตใิ ห้เกิดผล คณุ ภาพสงู สามารถปฏบิ ตั ิใหเ้ กิดผลได้

4. พัฒนาแผนงานขององคก์ รให ไดจ้ รงิ จริง

สามารถปฏิบัติไดเกดิ ผลจรงิ 5.พัฒนาและใช้นวตั กรรมการบริหาร 5.พัฒนาและใช้นวัตกรรมการบริหาร

5. พัฒนาและใชนวัตกรรมการ จนเกิดผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้นเปน็ จนเกิดผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้นเป็น

บรหิ ารจนเกิดผลงานที่มี ลำดับ ลำดบั

คณุ ภาพสงู ข้ึนเปนลําดบั 6.ปฏบิ ัติงานขององค์การโดยเน้นผล 6.ปฏิบัติงานขององค์การโดยเน้นผล

6. ปฏิบตั ิงานขององค์กรโดยเน ถาวร ถาวร

นผลถาวร 7.ดำเนินการและรายงานผลการ 7.ดำเนินการและรายงานผลการ

7. รายงานผลการพฒั นาคุณภาพ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาได้อยา่ งเปน็ พัฒนาคุณภาพการศึกษาไดอ้ ยา่ งเปน็

การศกึ ษาไดอยางเปน็ ระบบ ระบบ ระบบ

8. ปฏบิ ตั ติ นเปนแบบอยางทีด่ ี 8.ปฏิบตั ติ นเปน็ แบบอย่างทีด่ ี 8.ปฏบิ ตั ติ นเปน็ แบบอย่างท่ดี ี

9. รวมมอื กบั ชมุ ชนและหนง่ ย 9.ร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานอื่น 9.ร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานอื่น

งานอน่ื อยางสร้างสรรค์ อย่างสร้างสรรค์ อย่างสร้างสรรค์

10. แสวงหาและใชขอมลู ขาวสาร 10.แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารใน 10.แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารใน

ในการพัฒนา การพัฒนา การพัฒนา

11. เปนผนู ําและสรางผนู ํา

121

12. สรางโอกาสในการพฒั นาได 11.เป็นผู้นำและสร้างผู้นำทาง 11.เปน็ ผูน้ ำและสร้างผนู้ ำทางวชิ าการ

ทุกสถานการณ วชิ าการในหน่วยงานของตนได้ ในหน่วยงานของตนได้

12.สร้างโอกาสในการพัฒนาได้ทุก 12.สร้างโอกาสในการพัฒนาได้ทุก

สถานการณ์ สถานการณ์

มาตรฐานปฎิบัตติ นของผู้บรหิ ารสถานศึกษา

พระราชบัญญตั กิ ารศึกษา พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษา พระราชบัญญตั ิการศึกษา

พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

จรรยาบรรณตอตนเอง หมวดท่ี 1 จรรยาบรรณต่อตนเอง จรรยาบรรณตอตนเอง

• ผปู ระกอบวิชาชพี • ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

ทางการศกึ ษา ต้องมวี ินัยใน ศึกษา ต้องมวี ินัยในตนเองพฒั นา ศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนา

ตนเอง พฒั นาตนเองด้านวิชาชีพ ตอนเองดา้ นวชิ าชีพ บคุ ลิกภาพ และ ตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และ

บคุ ลิกภาพ และวสิ ยั ทัศน ให วิสัยทศั น์ให้ทนั ต่อการพฒั นาทาง วิสัยทัศน ใหทันตอการพัฒนาทาง

ทันตอการพฒั นาทางวทิ ยาการ วิทยาการ เศรษฐกจิ สงั คมและ วิทยาการ เศรษฐกิจ สังคมและ

เศรษฐกจิ สงั คมและการเมืองอยู การเมอื งอยเู่ สมอ การเมอื งอยูเสมอ

เสมอ หมวดท่ี 2 จรรยาบรรณต่อวชิ าชีพ จรรยาบรรณตอวิชาชพี

จรรยาบรรณตอวชิ าชพี • ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

• ผปู ระกอบวชิ าชีพ ศึกษา ต้องรกั ศรทั ธา ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ ศึกษา ต้องรักศรัทธา ซื่อสัตยสุจริต

ทางการศกึ ษา ต้องรกั ศรัทธา ซ่ือ รับผิดชอบต่อวชิ าชีพและเปน็ สา และ รับผิดชอบตอวิชาชีพ และเป

สัตยสุจรติ และ รับผดิ ชอบต มาชิกท่ดี ขี ององคก์ รวชิ าชพี นสมาชิกที่ดีขององคกรวิชาชพี

อวชิ าชีพ และเปนสมาชกิ ท่ีดีของ หมวดที่ 3 จรรยาบรรณต่อ จรรยาบรรณตอผูรบั บรกิ าร

องคกรวิชาชีพ ผู้รบั บริการ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ
จรรยาบรรณตอผูรับบริการ
• ผปู้ ระกอบวิชาชพี ทางการ ศึกษาต้องรัก เมตตา เอาใจใส ชวย

• ผู ป ร ะ ก อ บ ว ิ ช า ชี พ ศกึ ษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ เหลือ ส งเสริม ให กําลังใจแกศิษย

ทางการศกึ ษาต้องรัก เมตตา เอา ช่วยเหลอื สง่ เสรมิ ใหก้ ำลังใจแก่ และผูรบั บริการตามบทบาทหน้าทโ่ี ดย

ใจใส ช วยเหลือ ส งเสริม ให ศิษย์ และผู้รบั บริการตามบทบาท เสมอหนา้

กําลังใจแกศิษย และผูรับบรกิ าร หน้าท่ีโดยเสมอหนา้ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

ตามบทบาทหนา้ ที่โดยเสมอหนา้ • ผ้ปู ระกอบวชิ าชพี ทางการ ศึกษาต้องสงเสริมให เกิดการเรียนรู

• ผปู ระกอบวชิ าชพี ศกึ ษา ตอ้ งสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ทักษะ และนิสัย ที่ถูกต้องดีงามแก

ทางการศกึ ษาตอ้ งสงเสรมิ ให เกิด ทกั ษะ และนสิ ยั ทีถ่ ูกต้องดงี ามแก่ ศิษยและผูรับบริการ ตามบทบาท

การเรียนรู ทกั ษะ และนิสัย ท่ี ศษิ ย์ และผรู้ บั บรกิ าร ตามบทบาท

122

ถกู ตอ้ งดีงามแกศษิ ยและผรู บั หนา้ ทอ่ี ยา่ งเตม็ ความสามารถดว้ ย หน้าที่อยางเต็มความสามารถด้วย

บรกิ าร ตามบทบาทหน้าท่ีอยาง ความบริสทุ ธิ์ใจ ความบริสทุ ธใ์ิ จ

เต็มความสามารถด้วยความ • ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

บรสิ ทุ ธิ์ใจ ศกึ ษา ต้องประพฤตปิ ฎิบตั ิตนเปน็ ศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตนเปนแบ

• ผปู ระกอบวิชาชีพ แบบอยา่ งที่ดี ทง้ั กาย วาจา และ บอยางท่ดี ี ท้ังทางกาย วาจาและจิตใจ

ทางการศกึ ษาตอ้ งประพฤติ จติ ใจ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

ปฏบิ ัตติ นเปนแบบอยางท่ดี ี ทงั้ • ผูป้ ระกอบวชิ าชพี ทางการ ศึกษาต้องไมกระทําตนเปนปฏิปกษต

ทางกาย วาจาและจิตใจ ศกึ ษา ตอ้ งไม่กระทำตอนเป็น อความเจรญิ ทางกาย สติปญญา จติ ใจ

• ผปู ระกอบวิชาชีพ ปฎปิ กั ษ์ตอ่ ความเจรญิ ทางกาย อารมณและสังคมของศิษยและผูรับ

ทางการศกึ ษาต้องไมกระทาํ สติปญั ญา จติ ใจอารมณ์ และสังคม บริการ

ตนเปนปฏปิ กษตอความเจรญิ ของศษิ ย์ และผู้รบั บริการ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

ทางกาย สตปิ ญญา จิตใจ อา • ผปู้ ระกอบวิชาชพี ทางการ ศึกษาตองให บริการด้วยความจริงใจ

รมณและสังคมของศษิ ยและผรู บั ศึกษา ต้องใหบ้ รกิ ารด้วยความจริงใจ และเสมอภาค โดยไม เรียกรับหรือ

บริการ และเสมอภาค โดยไมเ่ รียกรบั หรอื ยอมรับผลประโยชนจากการใชตาํ แหน

• ผปู ระกอบวิชาชพี ยอมรบั ผลประโยชน์จากการใชต้ ำเห งหน้าท่ีโดยมิชอบ

ทางการศกึ ษาตองให บรกิ ารดว้ ย เนง่ หน้าที่โดยมิชอบ จรรยาบรรณต อผู ร วมประกอบ

ความจริงใจและเสมอภาค โดยไม หมวดท่ี 4 จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ ว่ ม วิชาชพี

เรยี กรับหรอื ยอมรับผลประโยชน ประกอบวชิ าชพี • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

จากการใชตําแหนงหนา้ ที่โดยมิ • ผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการ ศึกษาพึงชวยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและ

ชอบ ศกึ ษา พงึ ช่วยเหลือเกื้อกลู ซง่ึ กันและ กันอยางสร้างสรรค โดยยึดมั่นใน

จรรยาบรรณตอผูรวมประกอบ กันอย่างสร้างสรรคโ์ ดยยืดมั่นใน ระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีใน

วชิ าชพี ระบบคณุ ธรรมสร้างความสามัคคีใน หมูคณะ

• ผปู ระกอบวชิ าชีพ หมูค่ ณะ จรรยาบรรณตอสงั คม

ทางการศกึ ษาพึงชวยเหลือเก้ือกลู หมวดท่ี 5 จรรยาบรรณต่อสงั คม • ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการ

ซงึ่ กันและกนั อยางสรา้ งสรรค • ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพทางการ ศึกษา พงึ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนเปนผูนาํ

โดยยึดมนั่ ในระบบคุณธรรม ศกึ ษา พึงประพฤตปิ ฎบิ ัตติ นเป็น ในการอนรุ กั ษ และพฒั นาเศรษฐกจิ

สร้างความสามคั คใี นหมคู ณะ ผู้นำในการอนรุ ักษ์ และพฒั นา สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิ

จรรยาบรรณตอสังคม เศรษฐกจิ สังคม ศาสนา ปญั ญา สงิ่ แวดลอ้ ม รกั ษาผลประโย

• ผปู ระกอบวชิ าชีพ ศิลปวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญา ชน ของสวนรวมและยึดม่นั ในการ

ทางการศกึ ษา พึงประพฤติปฏบิ ตั ิ ส่ิงแวดล้อม รกั ษาผลประโยชน์ของ

123

ตนเปนผูนาํ ในการอนรุ ักษ และ ส่วนรวม และยดิ ม่นั ในการปกครอง ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมี

พฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม ศาสนา ระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษัตริยท์ รงเปนประมขุ

ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิปญญา พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข

ส่งิ แวดล้อม รักษาผลประโยชน

ของสวนรวมและยึดมน่ั ในการ

ปกครองระบอบประชาธิปไตย

อันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเป

นประมขุ

มาตรฐานความรู้และประสบการณ์ของผูบ้ ริหารการศกึ ษา

พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษา พระราชบัญญตั ิการศึกษา พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษา

พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

มาตรฐานความรู้ มาตรฐานความรู้ มาตรฐานความรู้

1.หลักและกระบวนการบริหาร 1.การพฒั นาวชิ า 1.การพฒั นาวชิ า

การศกึ ษา 2.ความเปน็ ผู้นำทางวิชาการ 2.ความเปน็ ผนู้ ำทางวิชาการ

2.นโยบายและการวางแผน 3.การบรหิ ารสถานศึกษา 3.การบริหารสถานศึกษา

การศกึ ษา 4.การสง่ เสรมิ คุณภาพการศกึ ษา 4.การสง่ เสรมิ คณุ ภาพการศกึ ษา

3.การบรหิ ารจดั การการศกึ ษา 5.การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 5.การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา

4.การบริหารทรัพยากร 6.คุณธรรม จรยิ ธรรมและ 6.คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและจรรยาบรรณ

5.การประกนั คุณภาพการศึกษา จรรยาบรรณ มาตรฐานประสบการณ์

6.การนเิ ทศการศึกษา มาตรฐานประสบการณ์ 1.มปี ระสบการณด์ า้ นปฎบิ ัติการสอน

7.การพัฒนาหลกั สูตร 1.มปี ระสบการณ์ดา้ นปฎบิ ตั กิ ารสอน มาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 8 ปี

8.การบริหารจัดการเทคโนโลยี มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 8 ปี 2.มีประสบการณ์ในตำแหนง่ ผบู้ รหิ าร

สารสนเทศ 2.มีประสบการณ์ในตำแหนง่ ผบู้ รหิ าร สถานศกึ ษามาแล้วไมน่ ้อยกว่า 3 ปี

9.การวจิ ัยทางการศึกษา สถานศึกษามาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 3 ปี หรือ

10.คุ ณธร ร ม แ ล ะ จ ร ิ ย ธร ร ม หรือ 3.มีประสบการในตำแหน่งบคุ ลากร

สำหรับผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา 3.มปี ระสบการในตำแหน่งบุคลากร ทางการศกึ ษาอ่ืนตามท่ีกำหนดใน

มาตรฐานประสบการณ์ ทางการศกึ ษาอน่ื ตามทีก่ ำหนดใน กฎกระทรวงมาแล้วไมน่ อ้ ยหวา่ 3 ปี

1. มปี ระสบการณด านปฏบิ ัตกิ าร กฎกระทรวงมาแล้วไมน่ ้อยหวา่ 3 ปี หรือ

สอนมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา 8 ปี หรอื หรอื 4.มปี ระสบการณใ์ นตำแหนง่ บุคลากร

4.มีประสบการณใ์ นตำแหนง่ ทางการศกึ ษาอื่นท่มี ปี ระสบการณ์การ

บคุ ลากรทางการศึกษาอน่ื ทมี่ ี

124

2. มีประสบการณในตำแหนงผู ประสบการณ์การบรหิ ารไม่ต่ำกวา่ บรหิ ารไม่ต่ำกวา่ หัวหนา้ กลมุ่ หรอื

บริหารสถานศึกษามาแล้วไมน้อย หวั หนา้ กล่มุ หรอื เทียบเทา่ มาแลว้ ไม่ เทยี บเทา่ มาแล้วไม่นอ้ ยกวา่ 5 ปี หรอื

กวา่ 5 ป หรือ นอ้ ยกวา่ 5 ปี หรือ 5.มปี ระสบการณด์ า้ นปฎบิ ัตกิ ารสอน

3. มีประสบการณในตำแหนงผู 5.มปี ระสบการณด์ ้านปฎิบัติการสอน และมีประสบการณใ์ นตำแหน่ง

บรหิ ารนอกสถานศกึ ษาท่ไี มตาํ่ กว และมีประสบการณใ์ นตำแหน่ง ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา หรอื บคุ ลากรทาง

าระดับกองหรือ เทียบเทากอง ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา หรอื บคุ ลากร การศึกษาอ่ืน ตามทกี่ ำหนด

มาแลว้ ไมน้อยกวา 5 ป หรือ ทางการศกึ ษาอน่ื ตามท่ีกำหนด กฎกระทรวงหรือบคุ ลากรทาง

4. มปี ระสบการณในตาํ แหนงบุ กฎกระทรวงหรอื บุคลากรทาง การศึกษาอ่ืนทีม่ ปี ระสบการณบ์ รหิ าร

คลากรทางการศึกษาอ่ืนที่ การศึกษาอน่ื ที่มปี ระสบการณบ์ รหิ าร ไมต่ ่ำกวา่ หัวหน้ากลมุ่ หรอื

ปฏบิ ตั งิ านเก่ยี วเนอ่ื งกับ การจดั ไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากลมุ่ หรอื ผ้อู ำนวยการกลมุ่ หรอื เทียบเทา่

กระบวนการเรียนการสอน การ ผอู้ ำนวยการกล่มุ หรอื เทียบเท่า รวมกันมาแล้วไมน่ อ้ ยกว่า 8 ปี

นเิ ทศ และการบริหารการศึกษา รวมกันมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 8 ปี

มาแลวไมนอ้ ยกวา 5 ป หรือ

5. มปี ระสบการณดานปฏบิ ตั ิการ

สอนและมปี ระสบการณใน

ตาํ แหนง่ ผู้ บรหิ ารสถานศึกษา

หรือ ผบู้ รหิ ารการศึกษา หรอื

บุคลากรทางการศึกษาอน่ื ท่ี

ปฏิบตั ิงานเกย่ี วเนื่อง กบั การจดั

กระบวนการเรียนการสอน การ

นิเทศและการบรหิ ารการศกึ ษา

รวมกันมาแลว้ ไม่น้อยกวา 10 ปี

มาตรฐานการปฏิบัติงานผูบ้ ริหารการศกึ ษา

พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษา พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษา พระราชบญั ญัติการศกึ ษา

พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

1.ปฏิบัติกจิ กรรมทางวชิ าการ 1.ปฎบิ ตั ิกิจกรรมทางวิชาการเพอ่ื 1. ปฏิบัติกจิ กรรมทางวิชาการเกี่ยวกบั

เกีย่ วกบั การพฒั นาวิชาชีพการ พฒั นาวิชาชพี การบริหารการศึกษา การพฒั นาวชิ าชพี การ บรหิ าร

บรหิ ารการศึกษา ให้กา้ วหน้าอยเู่ สมอ การศึกษา

2 ตัดสินใจปฏิบตั กิ จิ กรรมตางๆ 2.ตดั สินใจปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ โดย 2. ตัดสินใจปฏิบัติกจิ กรรมตางๆ โดย

โดยคํานึงถึงผลทจ่ี ะเกิดขึ้นกับ คำนึงถึงผลทจ่ี ะเกดิ ข้ึนกบั การพัมนา คํานงึ ถึงผลทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ กบั การพัฒนา

ของผเู้ รียนบคุ ลากรและชมุ ชน ของบคุ ลากร ผเู รียน และชมุ ชน

125

การ พัฒนาของบุคลากร ผเู รยี น 3.มุง่ มนั่ พฒั นาผรู้ ่วมงนให้สามารถ 3. มุงมัน่ พฒั นาผรู วมงานใหสามารถ
และชมุ ชน
3. มุงมั่นพฒั นาผรู วมงานให ปฏบิ ตั งิ านไดเ้ ตม็ ศักยภาพ ปฏิบัติงานไดเตม็ ศกั ยภาพ
สามารถปฏิบตั ิงานไดเตม็
ศกั ยภาพ 4.พฒั นาแผนงานขององค์การใหม้ ี 4. พฒั นาแผนงานขององค์กรให
4.พฒั นาแผนงานขององคก์ รให
สามารถปฏบิ ตั ไิ ดเกิดผลจรงิ คณุ ภาพสูงสามารถปฏิบตั ิใหเ้ กดิ ผล สามารถปฏบิ ตั ิไดเกิดผลจรงิ
พฒั นาและใชนวตั กรรมการ
บรหิ ารจนเกิดผลงานทมี่ ี ได้จรงิ 5. พฒั นาและใชนวัตกรรมการบริหาร
คุณภาพสูง ขึน้ เปนลําดบั
6. ปฏิบัติงานขององค กรโดยเน 5.พฒั นาและใช้นวัตกรรมการบรหิ าร จนเกิดผลงานที่มคี ณุ ภาพสงู ขึ้นเปนลาํ
นผลถาวร
7. รายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพ จนเกดิ ผลงานทม่ี ีคณุ ภาพสงู ขึ้นเปน็ ดับ
การศึกษาไดอยางเปนระบบ
8. ปฎิบตั ติ นเปนแบบอยางท่ดี ี ลำดับ 6. ปฏิบัติงานขององคก์ รโดยเนนผล
9. ร่วมมอื กบั ชมุ และอยา่ ง
หนว่ ยงานอน่ื อย่างสรา้ งสรรค์ 6.ปฎบิ ัตงิ านขององค์การโดยเน้นผล ถาวร
10.แสวงหาและใชขอมูลขาวสาร
ในการพฒนา ถาวร 7. รายงานผลการพัฒนาคุณภาพ
11.เปนผูนาํ และสรางผนู าํ
12. สร้างโอกาสในการพฒั นาได้ 7.ดำเนนิ การและรายงานผลการ การศกึ ษาไดอยางเปน็ ระบบ
ทกุ สถานการณ์
พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาได้อยา่ งเปน็ 8. ปฏิบตั ติ นเปนแบบอยางทด่ี ี
พระราชบญั ญัติการศึกษา
พ.ศ. 2546 ระบบ 9. รวมมือกบั ชมุ ชนและหนง่ ยงานอื่นอ

1. ปฏบิ ัติกจิ กรรมทางวชิ าการ 8.ปฎบิ ตั ติ นเปน็ แบบอย่างที่ดี ยางสร้างสรรค์
เกยี่ วกบั การพฒั นาวิชาชีพการ
บรหิ ารการศึกษา 9.รว่ มมือกบั ชุมชนและหน่วยงานอนื่ 10. แสวงหาและใชขอมลู ขาวสารใน
2. ตดั สินใจปฏิบตั กิ จิ กรรมตางๆ
โดยคาํ นงึ ถึงผลทจี่ ะเกิดขน้ึ กบั อยา่ งสร้างสรรค์ การพัฒนา

10.แสวงหาและใชข้ อ้ มลู ขา่ วสารใน 11. เปนผนู ําและสรางผนู ํา

การพัฒนา 12. สรางโอกาสในการพฒั นาไดทกุ

11.เป็นผู้นำและสรา้ งผ้นู ำทาง สถานการณ

วชิ าการในหน่วยงานของตนได้

12.สร้างโอกาศในการพฒั นาได้ทกุ

สถานการณ์

มาตรฐานปฏิบตั งิ านผู้บริหารการศกึ ษา

พระราชบญั ญตั ิการศึกษา พระราชบัญญตั ิการศึกษา

พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

1. ปฏิบตั ิกิจกรรมทางวิชาการ 1. ปฏบิ ัติกิจกรรมทางวชิ าการเกี่ยวกบั

เกีย่ วกับการพฒั นาวชิ าชีพการ การพัฒนาวชิ าชพี การ บรหิ าร

บรหิ ารการศกึ ษา การศกึ ษา

2. ตดั สินใจปฏิบตั กิ จิ กรรมตางๆ โดย 2. ตัดสนิ ใจปฏิบัติกจิ กรรมตางๆ โดย

คาํ นงึ ถึงผลที่จะเกิดขน้ึ กบั การพัฒนา คํานงึ ถึงผลท่ีจะเกดิ ขึน้ กบั การพฒั นา

ของบุคลากร ผเู รียน และชมุ ชน ของบคุ ลากร ผเู รียน และชุมชน

126

การพฒั นาของบคุ ลากร ผเู รียน 3. มุงมั่นพฒั นาผรู วมงานใหสามารถ 3. มุงมนั่ พฒั นาผรู วมงานใหสามารถ

และชุมชน ปฏบิ ัติงานไดเตม็ ศกั ยภาพ ปฏบิ ัติงานไดเตม็ ศักยภาพ

3. มุงมั่นพฒั นาผรู วมงานให 4. พัฒนาแผนงานขององค์กรให 4. พฒั นาแผนงานขององค์กรให

สามารถปฏิบัตงิ านไดเตม็ สามารถปฏิบตั ไิ ดเกดิ ผลจรงิ สามารถปฏบิ ัตไิ ดเกดิ ผลจรงิ

ศกั ยภาพ 5. พฒั นาและใชนวตั กรรมการ 5. พัฒนาและใชนวัตกรรมการบริหาร

4. พฒั นาแผนงานขององคก์ รให บรหิ ารจนเกดิ ผลงานทีม่ ีคณุ ภาพสงู จนเกดิ ผลงานท่มี คี ณุ ภาพสงู ข้นึ เปนลํา

สามารถปฏบิ ัตไิ ดเกิดผลจรงิ ข้นึ เปนลําดบั ดับ

5. พฒั นาและใชนวตั กรรมการ 6. ปฏบิ ตั งิ านขององค์กรโดยเนนผล 6. ปฏิบัตงิ านขององคก์ รโดยเนนผล

บรหิ ารจนเกิดผลงานท่มี ี ถาวร ถาวร

คุณภาพสงู ข้ึนเปนลําดบั 7. รายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพ 7. รายงานผลการพัฒนาคุณภาพ

6. ปฏิบตั ิงานขององคก์ รโดยเน การศึกษาไดอยางเปน็ ระบบ การศกึ ษาไดอยางเป็นระบบ

นผลถาวร 8. ปฏิบตั ติ นเปนแบบอยางท่ดี ี 8. ปฏิบัติตนเปนแบบอยางทดี่ ี

7. รายงานผลการพัฒนาคุณภาพ 9. รวมมอื กบั ชุมชนและหนง่ ยงาน 9. รวมมือกบั ชุมชนและหนง่ ยงานอน่ื อ

การศึกษาไดอยางเป็นระบบ อ่นื อยางสรา้ งสรรค์ ยางสร้างสรรค์

8. ปฏิบัตติ นเปนแบบอยางทีด่ ี 10. แสวงหาและใชขอมูลขาวสารใน 10. แสวงหาและใชขอมลู ขาวสารใน

9. รวมมอื กบั ชมุ ชนและหนง่ ย การพัฒนา การพัฒนา

งานอ่นื อยางสรา้ งสรรค์ 11. เปนผนู ําและสรางผนู ํา 11. เปนผนู ําและสรางผนู าํ

10. แสวงหาและใชขอมลู ขาวสาร 12. สรางโอกาสในการพฒั นาไดทกุ 12. สรางโอกาสในการพฒั นาไดทุก

ในการพฒั นา สถานการณ สถานการณ

11. เปนผนู ําและสรางผนู ํา

12. สรางโอกาสในการพฒั นาได

ทกุ สถานการณ

มาตรฐานปฎบิ ัติตนผ้บู ริหารการศกึ ษา

พระราชบัญญัตกิ ารศึกษา พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษา พระราชบัญญัติการศึกษา

พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

จรรยาบรรณตอตนเอง หมวดที่ 1 จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง จรรยาบรรณตอตนเอง

• ผปู ระกอบวชิ าชีพ • ผูป้ ระกอบวิชาชพี ทางการ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

ทางการศกึ ษา ตอ้ งมีวนิ ยั ใน ศึกษา ต้องมีวนิ ยั ในตนเองพฒั นา ศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนา

ตนเอง พฒั นาตนเองด้านวชิ าชีพ ตอนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และ ตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และ

บุคลิกภาพ และวสิ ัยทศั น ให วสิ ยั ทัศน์ให้ทนั ตอ่ การพฒั นาทาง วิสัยทัศน ให ทันตอการพัฒนาทาง

127

ทนั ตอการพฒั นาทางวิทยาการ วิทยาการ เศรษฐกจิ สังคมและ วิทยาการ เศรษฐกิจ สังคมและ
เศรษฐกจิ สังคมและการเมอื งอยู การเมอื งอยเู่ สมอ การเมืองอยู เสมอ จรรยาบรรณต
เสมอ จรรยาบรรณตอวิชาชีพ หมวดท่ี 2 จรรยาบรรณต่อวชิ าชพี อวชิ าชพี

• ผปู ระกอบวชิ าชีพ • ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ทางการ • ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการ
ทางการศกึ ษา ตอ้ งรกั ศรทั ธา ซือ่ ศกึ ษา ต้องรกั ศรทั ธา ซื่อสตั ยส์ จุ รติ ศกึ ษา ตอ้ งรกั ศรัทธา ซื่อสตั ยสจุ ริต
สัตยสุจรติ และ รับผดิ ชอบต รับผดิ ชอบตอ่ วิชาชพี และเป็นสา และ รบั ผดิ ชอบตอวิชาชีพ และเป
อวิชาชีพ และเปนสมาชกิ ที่ดีของ มาชกิ ทด่ี ขี ององคก์ รวชิ าชีพ นสมาชิกทด่ี ขี ององคกรวชิ าชีพ
องคกรวชิ าชพี หมวดที่ 3 จรรยาบรรณตอ่ จรรยาบรรณตอผูรบั บรกิ าร
จรรยาบรรณตอผูรับบรกิ าร ผู้รับบรกิ าร
• ผู ประกอบวิชาชีพทางการ
• ผปู ระกอบวชิ าชีพ • ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ ศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส ชวย
ทางการศกึ ษา ต้องรกั เมตตา ศกึ ษา ต้องรกั เมตตา เอาใจใส่ เหลือ สงเสริมให กําลังใจแกศิษย
เอาใจใส ชวยเหลอื สงเสรมิ ให ช่วยเหลือ สง่ เสรมิ ให้กำลงั ใจแก่ และผูรับบรกิ ารตามบทบาทหน้าที่โดย
กาํ ลังใจแกศษิ ย และผูรบั บรกิ าร ศิษย์ และผูร้ บั บรกิ ารตามบทบาท เสมอหนา้
ตามบทบาทหน้าทโ่ี ดยเสมอหน้า หนา้ ท่โี ดยเสมอหน้า
• ผู ประกอบวิชาชีพทางการ
• ผปู ระกอบวชิ าชพี • ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการ ศึกษา ต้องสงเสริมให เกิดการเรียนรู
ทางการศกึ ษา ตอ้ งสงเสรมิ ให ศกึ ษา ต้องสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรียนรู้ ทักษะ และนิสยั ที่ถกู ต้องดีงามแกศิษย
เกิดการเรยี นรู ทักษะ และนสิ ยั ที่ ทักษะ และนสิ ยั ทถ่ี ูกตอ้ งดงี ามแก่ และผู รับบรกิ าร ตามบทบาทหนา้ ทีอ่ ย
ถูกต้องดีงามแกศษิ ยและผู รบั ศษิ ย์ และผูร้ บั บริการ ตามบทบาท างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์
บริการ ตามบทบาทหน้าท่อี ยาง หน้าท่อี ยา่ งเตม็ ความสามารถด้วย ใจ
เต็มความสามารถด้วยความ ความบรสิ ทุ ธใิ์ จ
บรสิ ทุ ธิ์ ใจ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ
• ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการ ศึกษา ต้องประพฤติปฏิบัติตนเปนแบ
• ผปู ระกอบวิชาชพี ศึกษา ต้องประพฤตปิ ฎิบัตติ นเปน็ บอยงทีด่ ี ทั้งทางกาย วาจาและจติ ใจ
ทางการศกึ ษา ต้องประพฤติ แบบอยา่ งที่ดี ท้ังกาย วาจา และ
ปฏบิ ัตติ นเปนแบบอยงท่ดี ี ทั้งทาง จิตใจ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ
กาย วาจาและจติ ใจ ศึกษา ต้องไมกระทําตนเปนปฏปิ กษต
• ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ทางการ อความเจรญิ ทางกาย สติปญญา จิตใจ
• ผปู ระกอบวชิ าชพี ศกึ ษา ตอ้ งไม่กระทำตอนเปน็ อารมณและสังคมของศิษยและผู รับ
ทางการศกึ ษา ตอ้ งไมกระทํา ปฎิปักษต์ ่อความเจรญิ าทางกาย บริการ
ตนเปนปฏปิ กษตอความเจรญิ สติปญั ญา จิตใจอารมณ์ และสงั คม
ทางกาย สตปิ ญญา จติ ใจ อา ของศิษย์ และผรู้ บั บริการ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ
ศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจ
และเสมอภาค โดยไม เรียกรับหรือ

128

รมณและสงั คมของศษิ ยและผู รับ • ผปู้ ระกอบวิชาชพี ทางการ ยอมรับผลประโยชน จากการใช ตํา

บรกิ าร ศกึ ษา ตอ้ งให้บรกิ ารด้วยความจริงใจ แหนงหน้าทโ่ี ดยมชิ อบ

• ผปู ระกอบวชิ าชพี และเสมอภาค โดยไม่เรยี กรบั หรอื จรรยาบรรณต อผู ร วมประกอบ

ทางการศกึ ษา ต้องใหบ้ ริการดว้ ย ยอมรบั ผลประโยชนจ์ ากการใช้ วชิ าชพี

ความจริงใจและเสมอภาค โดยไม ตำแหน่งหนา้ ทีโ่ ดยมชิ อบ • ผู ประกอบวิชาชีพทางการ

เรยี กรับหรอื ยอมรับผลประโยชน หมวดที่ 4 จรรยาบรรณต่อผรู้ ่วม ศึกษาพงึ ชวยเหลอื เกื้อกลู ซึ่งกนั และกนั

จากการใช ตําแหนงหนา้ ทีโ่ ดยมิ ประกอบวิชาชพี อย่างสร้างสรรค โดยยึดมั่นในระบบ

ชอบ • ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการ คุณธรรม สร้างความสามคั คใี นหมูคณะ

จรรยาบรรณตอผูรวมประกอบ ศึกษา พงึ ชว่ ยเหลอื เก้ือกลู ซง่ึ กนั และ จรรยาบรรณตอสังคม

วิชาชีพ กนั อย่างสรา้ งสรรค์โดยยดื มัน่ ใน • ผปู ระกอบวิชาชพี ทางการ

• ผู ป ร ะ ก อ บ ว ิ ช า ชี พ ระบบคุณธรรมสร้างความสามัคคีใน ศึกษา พงประพฤตปิ ฎิบัตติ นเปน็ ผู้นาํ

ทางการศึกษาพึงช วยเหลือ หมคู่ ณะ ในการอนรุ กั ษ และพัฒนาเศรษฐกจิ

เกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่าง หมวดท่ี 5 จรรยาบรรณตอ่ สงั คม สงั คม ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิ

สร้างสรรค โดยยึดมั่นในระบบ • ผ้ปู ระกอบวชิ าชพี ทางการ ปญั ญา สง่ิ แวดลอ้ ม รกั ษาผลประโยชน

คุณธรรม สร้างความสามัคคีใน ศึกษา พงึ ประพฤตปิ ฎิบัติตนเป็น ของสวนรวมและยึดม่ันในการปกครอง

หมูคณะ ผู้นำในการอนรุ ักษ์ และพฒั นา ระบอบประชาธิปไตยอันมี

จรรยาบรรณตอสังคม เศรษฐกจิ สงั คม ศาสนา พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข

• ผปู ระกอบวิชาชพี ศิลปวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญา

ทางการศกึ ษา พงประพฤติ ส่ิงแวดล้อม รกั ษาผลประโยชนข์ อง

ปฎิบตั ติ นเปน็ ผู้นาํ ในการอนรุ กั ษ ส่วนรวม และยิดมน่ั ในการปกครอง

และพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม ระบอบประชาธปิ ไตยอันมี

ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิ พระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข

ปัญญา สง่ิ แวดลอ้ ม รักษาผลประ

โยชน ของสวนรวมและยึดม่นั ใน

การปกครองระบอบ

ประชาธิปไตยอนั มี

พระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข

มาตรฐานความร้แู ละประสบการณ์ศกึ ษานิเทศก์

พระราชบัญญตั ิการศึกษา พ.ศ. พระราชบญั ญตั ิการศึกษา พระราชบัญญัตกิ ารศึกษา

2546 พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

129

มาตรฐานประสบการณ์ มาตรฐานความรู้ 1.การนิเทศการศึกษา
1. มีประสบการณด้านปฏิบัตกิ าร
สอนมาแลว้ ไม่น้อยยกวา 10 ป 1.การพฒั นาวชิ าชพี 2.นโยบายและการวางแผนการศกึ ษา
หรือมปี ระสบการณ ด้านการ
ปฏบิ ตั ิการสอนและมปี ระสบกา 2.ความเปน็ ผู้นำทางวชิ าการ 3.การพัฒนาหลักสตู รและการสอน
รณในตําแหนงผบู ริหาร
สถานศกึ ษาและหรือผู บรหิ าร 3.แผนและกจิ กรรมการนเิ ทศ 4.การประกันคุณภาพการศึกษา
การศึกษารวมกันมาแลว้ ไม่
น้อยกวา 10 ป 4.การพฒั นาหลักสูตรและการจดั การ 5.การบริหารจัดการศึกษา
2. มีผลงานทางวิชาการทม่ี ี
คณุ ภาพและมีการเผยแพร่ เรยี นรู้ 6.การวิจยั ทางการศึกษา

พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษา 5.การวิจยั ทางการศกึ ษา 7.กลวิธีการถายทอดความรู แนวคิด
พ.ศ. 2546
6.นวตั กรรมและเทคโนโลยี ทฤษฎีและผลงานทางวิชาการ

สารสนเทศทางการศกึ ษา 8.การบริหารจดการเทคโ น โ ล ยี

7.การประกนั คุณภาพทางการศกึ ษา สารสนเทศ

8.คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ 9.คณุ ธรรม

จรรยาบรรณ มาตรฐานประสบการณ์

มาตรฐานประสบการณ์ 1.ประสบการณด์ า้ นปฏิบัตกิ ารสอน

1.ประสบการณ์ด้านปฏบิ ัตกิ ารสอน มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี หรอื มปี ระสบ

มาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 5 ปี หรือมี การรด์ า้ นปฏบั ติ ิการสอนและมี

ประสบการรด์ า้ นปฏบั ติ กิ ารสอนและ ประสบการณใ์ นตำแหน่งผู้บรหิ าร

มีประสบการณใ์ นตำแหนง่ ผบู้ รหิ าร สถานศกึ ษา หรือผบู้ รหิ ารการศกึ ษา

สถานศึกษา หรือผ้บู ริหารการศกึ ษา รวมกนั มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 5 ปี

รวมกันมาแลว้ ไม่น้อยกวา่ 5 ปี 2.มีผลงานทางวิชาการท่ีมีคณุ ภาพ

2.มีผลงานทางวชิ าการทีม่ ีคุณภาพ

และมีการเผยแพร่

มาตรฐานการปฏบิ ตั ิงานศกึ ษานเิ ทศก์

พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษา พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษา

พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2562

1.ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมทางวิชาการ 1.ปฏิบัติกจิ กรรมทางวิชาการเกี่ยวกับ

เก่ียวกับการพฒั นาการนเิ ทศ การพัฒนาการนเิ ทศการศึกษา เพื่อให

การศกึ ษา เพื่อใหเกิดการพฒั นา เกดิ การพฒั นาวชิ าชีพทางการศกึ ษา

วชิ าชีพทางการศึกษา 2. ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมการนิเทศ

2. ตัดสินใจปฏิบตั ิกจิ กรรมการนิเทศ การศึกษาโดยคํานึงถึงผลที่จะเกิดแกผู

การศึกษาโดยคาํ นึงถึงผลที่จะเกิดแก รับการนเิ ทศ

ผรู บั การนิเทศ

130

3. มุงมั่นพัฒนาผูรับการนิเทศใหลง 3. มุงม่ันพฒั นาผูรับการนิเทศใหลงมือ

มือปฏิบัติกิจกรรมจนเกิดผลตอการ ปฏิบัติกิจกรรมจนเกิดผลต อการ

พัฒนาอยางเต็มศกั ยภาพ พฒั นาอยางเตม็ ศักยภาพ

4. พัฒนาแผนการนิเทศใหสามารถ 4. พัฒนาแผนการนิเทศใหสามารถ

ปฏิบัตไิ ดเกิดผลจรงิ ปฏิบัติไดเกิดผลจริง

5. พัฒนาและใชนวตั กรรมการนเิ ทศ 5. พัฒนาและใชนวัตกรรมการนิเทศ

ก า ร ศึ ก ษา จ น เ ก ิ ด ผ ล ง า น ท ี ่ มี การศึกษาจนเกิดผลงานทีม่ ีคุณภาพสูง

คณุ ภาพสงู ขนึ้ เปนลาํ ดับ ขึน้ เปนลําดับ

6. จัดกิจกรรมการนิเทศการศึกษา 6. จัดกิจกรรมการนเิ ทศการศึกษาโดย

โดยเนนผลถาวรที่เกิดแกผูรับ การ เนนผลถาวรท่เี กิดแกผรู ับ การนิเทศ

นิเทศ 7. รายงานผลการนิเทศการศึกษาได

7. รายงานผลการนิเทศการศกึ ษาได อยา่ งเปนระบบ

อยางเปนระบบ 8. ปฏิบตั ติ นเปนแบบอยางที่ดี

8. ปฏบิ ตั ิตนเปนแบบอยางทดี่ ี 9. รวมพัฒนางานกับผูอื่นอยางสราง

9. รวมพัฒนางานกับผูอืน่ อยางสราง สรรค์

สรรค์ 10. แสวงหาและใชขอมูลขาวสารในกา

10. แสวงหาและใชขอมูลขาวสารใน รพฒนา

การพฒนา 11. เปนผูนาํ และสรางผนู าํ ทางวิชาการ

11. เป นผู นําและสร างผู นําทาง 12. สรางโอกาสในการพัฒนางานได

วิชาการ ทกุ สถานการณ์

12. สรางโอกาสในการพัฒนางานได

ทกุ สถานการณ์

มาตรฐานปฏิบัติตนศกึ ษานเิ ทศก์

พระราชบญั ญัติการศึกษา พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษา พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษา พ.ศ.

พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2556 2562

1.ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางวชิ าการเพอื หมวดที่ 1 จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง • ปฏิบตั ิกิจกรรมทางวิชาการ

พัฒนาการนเิ ทศการศึกษา • ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการ เพือพฒั นาการนเิ ทศการศึกษา เพือ่ ให้

เพือ่ ใหเ้ กิดการพัฒนาวิชาชีพทาง ศึกษา ต้องมีวนิ ยั ในตนเองพฒั นา เกิดการพัฒนาวชิ าชพี ทางการศกึ ษา

การศกึ ษาอย่างสมำ่ เสมอ ตอนเองด้านวชิ าชพี บคุ ลกิ ภาพ และ อยา่ งสมำ่ เสมอ

วสิ ยั ทัศน์ใหท้ นั ตอ่ การพฒั นาทาง

131

2.ตกั สนิ ใจปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการ วทิ ยาการ เศรษฐกจิ สังคมและ • ตักสินใจปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการ
นเิ ทศการศึกษาโดยคำนงึ ผลทจ่ี ะเกิด
นิเทศการศึกษาโดยคำนึงผลทจ่ี ะ การเมอื งอยเู่ สมอ แก่ผ้รู บั การนเิ ทศ

เกิดแกผ่ รู้ บั การนเิ ทศ หมวดที่ 2 จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ • มุ่งมน่ั พฒั นาการนิเทศให้ลง
มือปฎบิ ัติกจิ กรรมจนเกิดผลตอ่ การ
3.มุ่งม่ันพฒั นาการนิเทศใหล้ งมอื • ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการ พฒั นาอย่างมีคณุ ภาพเต็มศักยภาพ

ปฎิบัติกิจกรรมจนเกดิ ผลตอ่ การ ศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซอื่ สตั ยส์ จุ ริต • พฒั นาแผนการนิเทศใหม้ ี
คุณภาพสูง สามารถปฏิบตั ใิ หเ้ กิดผลได้
พฒั นาอย่างมีคณุ ภาพเต็ม รบั ผดิ ชอบตอ่ วชิ าชีพและเป็นสา จริง

ศกั ยภาพ มาชกิ ทด่ี ขี ององคก์ รวิชาชีพ • พฒั นาและใชน้ วตั กรรมการ
นิเทศการศกึ ษาจรเกิดผลทม่ี ี
4.พัฒนาแผนการนเิ ทศใหม้ ี หมวดท่ี 3 จรรยาบรรณตอ่ คุณภาพสูงข้ึนเปน็ ลำดบั

คณุ ภาพสูง สามารถปฏบิ ตั ใิ ห้ ผู้รับบรกิ าร • จดั กิจกรรมการนิเทศ
การศึกษาโดยเนน้ ผลถาวรทีเ่ กดิ แก่
เกิดผลได้จริง • ผูป้ ระกอบวชิ าชีพทางการ ผรู้ บั การนเิ ทศ

5.พฒั นาและใช้นวัตกรรมการ ศึกษา ต้องรกั เมตตา เอาใจใส่ • ดำเนินการและรายงานผล
นเิ ทศการศกึ ษาจรเกดิ ผลทมี่ ี ชว่ ยเหลือ สง่ เสรมิ ใหก้ ำลงั ใจแก่ การนเิ ทศการศกึ ษาใหม้ คี ุณภาพสูงได้
คุณภาพสูงขน้ึ เปน็ ลำดบั อยา่ งเปน็ ระบบ
ศิษย์ และผรู้ บั บรกิ ารตามบทบาท
6.จัดกิจกรรมการนิเทศการศกึ ษา หน้าท่ีโดยเสมอหนา้ • ปฎบิ ตั ิตนเป็นแบบอย่างท่ีดี
โดยเนน้ ผลถาวรทเ่ี กดิ แกผ่ ู้รบั การ • ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการ
นเิ ทศ ศึกษา ต้องสง่ เสริมใหเ้ กดิ การเรียนรู้ • ร่วมพัฒนางานกบั ผ้อู ่นื อย่าง
7.ดำเนินการและรายงานผลการ ทกั ษะ และนสิ ัยท่ีถกู ต้องดงี ามแก่ สรา้ งสรรค์
นเิ ทศการศึกษาใหม้ ีคณุ ภาพสงู ได้ ศษิ ย์ และผรู้ บั บรกิ าร ตามบทบาท
อยา่ งเป็นระบบ • แสวงหาและใช้ขอ้ มูลขา่ วสาร
หนา้ ทอ่ี ย่างเต็มความสามารถดว้ ย ในการพัฒนา
8.ปฎิบัตติ นเป็นแบบอย่างทีด่ ี ความบรสิ ทุ ธใ์ิ จ
9.รว่ มพัฒนางานกบั ผ้อู ื่นอย่าง • เป็นผนู้ ำและสร้างผนู้ ำทาง
สร้างสรรค์ • ผปู้ ระกอบวิชาชพี ทางการ วิชาการ
10.แสวงหาและใช้ข้อมูลขา่ วสาร ศึกษา ตอ้ งประพฤตปิ ฎบิ ัติตนเปน็
ในการพฒั นา แบบอยา่ งทด่ี ี ท้งั กาย วาจา และ • สร้างโอกาสในการพัฒนางาน
11.เปน็ ผ้นู ำและสรา้ งผูน้ ำทาง จติ ใจ ได้ทุกสถานการณ์
วิชาการ
12.สร้างโอกาสในการพฒั นางาน • ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ
ได้ทกุ สถานการณ์ ศกึ ษา ตอ้ งไม่กระทำตอนเปน็
ปฎปิ กั ษต์ อ่ ความเจรญิ าทางกาย
สติปญั ญา จติ ใจอารมณ์ และสังคม

ของศษิ ย์ และผู้รบั บรกิ าร

132

• ผู้ประกอบวิชาชีพทางการ
ศกึ ษา ตอ้ งใหบ้ รกิ ารด้วยความจริงใจ
และเสมอภาค โดยไมเ่ รียกรบั หรือ
ยอมรบั ผลประโยชนจ์ ากการใชต้ ำเห
เน่งหนา้ ทโ่ี ดยมิชอบ
หมวดที่ 4 จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ ่วม
ประกอบวิชาชีพ
• ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการ
ศกึ ษา พงึ ชว่ ยเหลอื เกื้อกลู ซง่ึ กันและ
กนั อยา่ งสร้างสรรค์โดยยืดมัน่ ใน
ระบบคุณธรรมสร้างความสามคั คีใน
หมู่คณะ
หมวดที่ 5 จรรยาบรรณต่อสงั คม
• ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการ
ศกึ ษา พงึ ประพฤตปิ ฎบิ ัตติ นเป็นผนู้ ำ
ในการอนุรกั ษ์ และพฒั นาเศรษฐกจิ
สังคม ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิ
ปัญญา สง่ิ แวดล้อม รักษา
ผลประโยชน์ของส่วนรวม และยดิ ม่นั
ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข

ที่มา : สมารท์ ดอทคอม และครูอาชีพดอทคอม

สรปุ มาตรฐานบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 2556 และ 2562
มาตรฐานวิชาชีพบุคลากรทางการศึกษาแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหาร
การศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น (ศึกษานิเทศก์) ซึ่งผู้ที่จะประกอบอาชีพทางการศึกษานั้นจะต้องมี
มาตรฐานตามท่ีครุ ุสภาไดก้ ำหนดในขอ้ บงั คบั ประกอบด้วย มาตรฐานความรแู้ ละประสบการณ์วิชาชพี มาตรฐานการ
ปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติตนเพื่อเป็นแนวทางการถือคติหน้าที่ในการเป็นบุคลากรทางการศึกษาที่มี
มาตรฐาน และมคี ุณภาพ

133

3. มาตรฐานบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2562

ตารางเปรยี บเทยี บมาตรฐานความรแู้ ละประสบการณ์บคุ ลากรทางการศึกษาปี พ.ศ. 2562 มดี ังนี้

มาตรฐานความรแู้ ละประสบการณ์บุคลากรทางการศกึ ษาปี พ.ศ. 2562

ครู ผบู้ ริหารสถานศึกษา ผู้บรหิ ารการศกึ ษา ศึกษานิเทศก์

มาตรฐานความรู้

1. การเปลย่ี นแปลงบรบิ ท 1. การพฒั นาวิชาชพี 1) การพัฒนาวชิ า 1) การนเิ ทศการศกึ ษา

ของโลก สงั คม และ 2. ความเป็นผนู้ ำทาง 2) ความเปน็ ผนู้ ำทาง 2) นโยบายและการ

แนวคดิ ของปรัชญา วิชาการ วชิ าการ วางแผนการศึกษา

เศรษฐกจิ พอเพยี ง 3. การบรหิ าร 3) การบริหารสถานศกึ ษา 3) การพัฒนาหลักสูตร

2. จติ วทิ ยาพฒั นาการ สถานศกึ ษา 4) การสง่ เสรมิ คุณภาพ และการสอน

จติ วิทยาการศึกษา และ 4. หลักสูตร การสอน การศกึ ษา 4) การประกันคณุ ภาพ

จติ วิทยาให้คำปรกึ ษาใน การวัดและประเมนิ ผล 5) การประกนั คณุ ภาพ การศึกษา

การวิเคราะห์ และพฒั นา การเรยี นรู้ การศึกษา 5) การบริหารจดั

ผเู้ รยี นตามศักยภาพ 5. กิจการและกจิ กรรม 6) คุณธรรม จรยิ ธรรมและ การศึกษา

3. เน้อื หาวชิ าท่สี อน นกั เรียน จรรยาบรรณ 6) การวจิ ยั ทางการศกึ ษา

หลกั สตู ร ศาสตรก์ ารสอน 6. การประกนั คุณภาพ 7) กลวิธีการถายทอด

และเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ใน 7. คุณธรรม จรยิ ธรรม ความรู แนวคดิ ทฤษฎี

การจัดการเรยี นรู้ และจรรยาบรรณ และผลงานทางวชิ าการ

4. การวัดและประเมินผล 8) การบริหารจดการ

การเรยี นผลการเรียนรู้ของ เทคโนโลยสี ารสนเทศ

ผูเ้ รียน และการวจิ ัยเพื่อ 9) คณุ ธรรม

แก้ไขปัญหา และพัฒนา

ผู้เรยี น

5. การใชภ้ าษา

ภาษาองั กฤษเพ่ือการ

สือ่ สาร และการใช้

เทคโนโลยีดจิ ิทลั เพอ่ื

การศกึ ษา

134

6. การออกแบบ และการ 1. มีประสบการณด์ า้ น 1. มปี ระสบการณด์ ้าน 1. ประสบการณด์ ้าน
ดำเนนิ การเกย่ี วกบั งาน ปฏิบตั กิ ารสอนมาแลว้ ไม่
ประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา ปฏิบตั ิการสอนมาแลว้ ไม่ ปฎบิ ัตกิ ารสอนมาแล้วไม่ นอ้ ยกวา่ 5 ปี หรอื มี
มาตรฐานประสบการณ์ ประสบการณด์ า้ น
1. การฝกปฏิบัตวิ ิชาชีพ น้อยกวา่ 5 ปี หรือมี นอ้ ยกว่า 8 ปี ปฏับตั ิการสอนและมี
ระหวางเรยี น ประสบการณใ์ นตำแหน่ง
2. การปฏบิ ตั กิ ารสอนใน ประสบการณ์ดา้ นปฎบิ ัติ 2. มปี ระสบการณ์ใน ผ้บู ริหาร
สถานศึกษาในสาขาวิชา
เฉพาะ การสอนและต้อง ตำแหน่งผบู้ รหิ าร

2. มปี ระสบการณ์ใน สถานศึกษามาแลว้ ไม่นอ้ ย

ตำแหนง่ หัวหนา้ หมวด กวา่ 3 ปี หรอื

หรอื หัวหน้าสาย หรอื 3. มปี ระสบการในตำแหนง่

หัวหน้างาน หรอื บุคลากรทางการศกึ ษาอื่น

ตำแหนง่ บริหารอนื่ ๆ ใน ตามท่ีกำหนดใน

สถานศกึ ษามาแลว้ ไม่ กฎกระทรวงมาแลว้ ไมน่ ้อย

นอ้ ยกว่า 2 ปี หวา่ 3 ปี หรอื

4. มีประสบการณใ์ น

ตำแหน่งบุคลากรทาง

การศึกษาอ่นื ทม่ี ี

ประสบการณ์การบริหารไม่

ตำ่ กว่าหวั หน้ากลมุ่ หรอื

เทียบเท่ามาแล้วไมน่ ้อยกว่า

5 ปี หรือ

5. มปี ระสบการณด์ า้ น

ปฎบิ ตั ิการสอน และมี

ประสบการณ์ในตำแหน่ง

ผู้บรหิ ารสถานศึกษา หรอื

บคุ ลากรทางการศึกษาอน่ื

ตามท่ีกำหนดกฎกระทรวง

หรือบุคลากรทางการศึกษา

อ่นื ที่มปี ระสบการณ์บริหาร

135

ไม่ต่ำกวา่ หัวหน้ากลมุ่ หรอื
ผ้อู ำนวยการกลมุ่ หรอื
เทยี บเทา่ รวมกนั มาแล้วไม่
นอ้ ยกว่า 8 ปี

ตารางเปรียบเทียบมาตรฐานปฏิบตั งิ านบุคลากรทางการศึกษาปี พ.ศ. 2562 มดี ังน้ี

มาตรฐานปฏบิ ัติงานบคุ ลากรทางการศกึ ษาปี พ.ศ. 2562

ครู ผู้บรหิ ารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ศกึ ษานิเทศก์

1. การปฏิบตั หิ นา้ ทคี่ รู 1) ปฏิบัตกิ ิจกรรมทาง 1. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมทาง 1.ปฏิบัตกิ จิ กรรมทาง

(1) มงุ่ มัน่ พฒั นาผเู้ รยี น วิชาการเพือ่ พฒั นา วชิ าการเกยี่ วกับการพฒั นา วชิ าการเก่ยี วกบั การ

ดว้ ยจิตวญิ ญาณความเปน็ วิชาชีพการบริหาร วิชาชีพการ บรหิ าร พฒั นาการนเิ ทศ

ครู การศึกษาให้ก้าวหน้าอยู่ การศกึ ษา การศกึ ษา เพอ่ื ใหเกิด

(2) ประพฤตตนเป็น เสมอ 2. ตัดสนิ ใจปฏบิ ัติกจิ กรรม การพฒั นาวิชาชพี ทาง

แบบอย่างท่ดี ี มคี ุณธรรม 2) ตดั สนิ ใจปฏบิ ตั ิ ต่างๆ โดยคํานึงถงึ ผลทจ่ี ะ การศึกษา

จรยิ ธรรม และมีความเปน็ กจิ กรรมต่าง ๆโดย เกิดขึน้ กับการพฒั นาของ 2. ตดั สนิ ใจปฏบิ ตั ิ

พลเมืองทเ่ี ข้มแข็ง คำนึงถงึ ผลท่ีจะเกดิ บคุ ลากร ผเู รยี น และชุมชน กิจกรรมการนเิ ทศ

(3) สง่ เสรมิ การเรียนรู้ เอา ขึ้นกบั การพัฒนาของ 3. มุงมั่นพฒั นาผรู วมงานให การศกึ ษาโดยคํานงึ ถึงผล

ใจใส่ และยอมรบั ความ ผูเ้ รียน บุคลากร และ สามารถปฏิบตั ิงานไดเตม็ ทจ่ี ะเกิดแกผรู บั การ

แตกต่างของผเู้ รยี นแตล่ ะ ชมุ ชน 3) มุง่ ม่ันพฒั นา ศกั ยภาพ นเิ ทศ

บคุ คล ผรู้ ว่ มงานใหส้ ามารถ 4. พฒั นาแผนงานของ 3. มุงมัน่ พฒั นาผรู ับการ

(4) สรา้ งแรงบันดาลใจ ปฏิบัติงานได้เตม็ องค์กรใหสามารถปฏิบตั ิได นเิ ทศใหลงมอื ปฏิบัติ

ผู้เรียนให้เปน็ ผู้ใฝเ่ รียนรู้ ศักยภาพ เกดิ ผลจรงิ กจิ กรรมจนเกดิ ผลต

และผสู้ รา้ งนวตั กรรม 4) พัฒนาแผนงานของ 5. พฒั นาและใชนวตั กรรม อการพฒั นาอยางเต็ม

(5) พฒั นาตนเองใหม้ ี องค์การให้มีคุณภาพสูง การบริหารจนเกิดผลงานท่มี ี ศกั ยภาพ

ความรอบรู้ ทันสมัย และ สามารถปฏิบัตใิ ห้เกดิ ผล คณุ ภาพสงู ขน้ึ เปนลําดบั 4. พฒั นาแผนการ

ทันตอ่ การเปล่ยี นแปลง ได้จรงิ 6. ปฏบิ ัตงิ านขององค์กรโดย นิเทศใหสามารถปฏิบัติ

2.การจัดการเรียนรู้ 5) พฒั นาและใช้ เนนผลถาวร ไดเกดิ ผลจริง

(1) พฒั นาหลกั สตู ร นวตั กรรมการบรหิ ารจน 7. รายงานผลการพัฒนา 5. พัฒนาและใช

สถานศกึ ษา การจดั การ เกดิ ผลงานท่ีมีคณุ ภาพสงู คุณภาพการศึกษาไดอยาง นวตั กรรมการนเิ ทศ

เรยี นรู้ สอ่ื การวัดและ ขึน้ เปน็ ลำดบั เป็นระบบ การศกึ ษาจนเกิดผลงาน

136

ประเมินผลการเรยี นรู้ 6) ปฏบิ ัตงิ านของ 8. ปฏิบัตติ นเปนแบบอยาง ทม่ี คี ุณภาพสูงข้นึ เปนลํา
ดบั
(2) บูรณาการความรู้ และ องค์การโดยเน้นผลถาวร ทด่ี ี 6. จัดกิจกรรมการนิเทศ
การศึกษาโดยเน นผล
ศาสตร์การสอน ในการ 7) ดำเนนิ การและ 9. รวมมอื กบั ชมุ ชน ถาวรที่เกิดแกผูรับ การ
นเิ ทศ
วางแผนและจดั การเรยี นรู้ รายงานผลการพฒั นา และหนง่ ยงานอืน่ อยาง 7. รายงานผลการนิเทศ
การศึกษาได อย างเ ป็น
ทส่ี ามารถพฒั นาผเู้ รยี นให้ คุณภาพการศกึ ษาได้ สรา้ งสรรค์ ระบบ
8. ปฏิบตั ิตนเป็น
มีปัญญารูค้ ิด และมคี วาม อยา่ งเป็นระบบ 10. แสวงหาและใชขอมลู ข แบบอยา่ งท่ีดี
9. รวมพัฒนางานกับผู
เปน็ นวตั กร 8) ปฏบิ ตั ติ นเปน็ วสารในการพัฒนา อ่ืนอยางสรางสรรค์
10. แสวงหาและใชข
(3) ดูแล ชว่ ยเหลือ และ แบบอยา่ งทดี่ ี 11. เปนผนู ําและสรางผนู าํ อมลู ขาวสารในการพฒ
นา
พัฒนาผเู้ รียนเปน็ 9) ร่วมมอื กับชมุ ชนและ 12. สรางโอกาสในการ 11. เปนผูนําและสรางผู
นําทางวิชาการ
รายบคุ คลตามศักยภาพ หน่วยงานอน่ื อยา่ ง พัฒนาไดทกุ สถานการณ 12. สรางโอกาสในการ
พัฒนางานไดทุก
สามารถรายงานผลการ สร้างสรรค์ สถานการณ์

พัฒนาคุณภาพผูเ้ รียนได้ 10) แสวงหาและใช้

อย่างเปน็ ระบบ ข้อมูลขา่ วสารในการ

(4) จัดกจิ กรรมและสร้าง พฒั นา

บรรยากาศการเรียนรู้ ให้ 11) เปน็ ผ้นู ำและสรา้ ง

ผู้เรียนมคี วามสุขในการ ผนู้ ำทางวชิ าการใน

เรียน โดยตระหนักถึงสุข หนว่ ยงานของตนได้

ภาวะของผเู้ รยี น 12) สร้างโอกาสในการ

(5) วจิ ัย สร้างนวัตกรรม พัฒนาได้ทกุ สถานการณ์

และประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี

ดิจิทลั ให้เกิดประโยชนต์ อ่

การเรียนรขู้ องผเู้ รียน

(6) ปฏิบัตงิ านร่วมกับผอู้ นื่

อยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละมีสว่ น

รว่ มในกิจกรรมการพฒั นา

วิชาชพี

3. ความสมั พนั ธ์กบั

ผปู้ กครองและชมุ ชน

(1) รว่ มมอื กับผ้ปู กครอง

ในการพัฒนาและ

137

แกป้ ัญหาผเู้ รียนใหม้ ี
คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
(2) สร้างเครอื ขา่ ยความ
รว่ มมอื กบั ผปู้ กครองและ
ชมุ ชน เพ่ือสนบั สนนุ การ
เรียนร้ทู ่มี ีคุณภาพของ
ผูเ้ รียน
(3) ศึกษา เข้าถึงบริบท
ของชุมชน และสามารถอยู่
รว่ มกนั บนพน้ื ฐานความ
แตกตา่ งทางวัฒนธรรม
(4) ส่งเสรมิ อนรุ กั ษ์
วฒั นธรรม และภูมปิ ญั ญา
ทอ้ งถ่นิ

ตารางเปรยี บเทยี บมาตรฐานปฏบิ ัติตนบุคลากรทางการศกึ ษาปี พ.ศ. 2562 มีดังน้ี

มาตรฐานปฏบิ ัตติ นบุคลากรทางการศึกษาปี พ.ศ. 2562

ครู ผู้บรหิ ารสถานศึกษา ผบู้ ริหารการศกึ ษา ศกึ ษานิเทศก์
- ปฏบิ ัติกิจกรรมทาง
5 ดา้ น 9 ข้อ จรรยาบรรณตอตนเอง จรรยาบรรณตอตนเอง วชิ าการเพือ
พัฒนาการนเิ ทศ
(1) จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง - ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการ - ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการ การศกึ ษา เพอื่ ให้
เกดิ การพัฒนา
-ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการ ศึกษา ต้องมีวนิ ัยในตนเอง ศกึ ษา ต้องมีวนิ ยั ในตนเอง วิชาชีพทาง
การศึกษาอย่าง
ศกึ ษา ต้องมวี นิ ัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวชิ าชพี พฒั นาตนเองดา้ นวิชาชีพ สมำ่ เสมอ
- ตกั สนิ ใจปฏิบตั ิ
พัฒนาตนเองดา้ นวชิ าชพี บคุ ลิกภาพ และวสิ ยั ทัศน บคุ ลิกภาพ และวสิ ยั ทศั น กิจกรรมการนเิ ทศ
การศกึ ษาโดยคำนึง
บคุ ลกิ ภาพ และวสิ ยั ทัศน์ ให้ ใหทันตอการพัฒนาทาง ให ทนั ตอการพฒั นาทาง

ทันตอ่ การพฒั นาทาง วทิ ยาการ เศรษฐกจิ สงั คม วิทยาการ เศรษฐกจิ สังคม

วทิ ยาการ เศรษฐกจิ สังคม และการเมืองอยเู สมอ และการเมืองอยเู สมอ

และการเมอื งอยเู่ สมอ จรรยาบรรณตอวิชาชพี จรรยาบรรณตอวิชาชพี

(2) จรรยาบรรณตอ่ วชิ าชพี -ผปู ระกอบวิชาชีพทางการ -ผปู ระกอบวชิ าชพี ทางการ

-ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการ ศึกษา ต้องรักศรทั ธา ซอื่ ศกึ ษา ตอ้ งรกั ศรัทธา ซ่ือ

138

ศึกษา ต้องรัก ศรทั ธา ซ่ือสัตย์ สัตยสุจริต และ รบั ผดิ ชอบต สตั ยสจุ รติ และ รบั ผิดชอบต ผลทจ่ี ะเกดิ แกผ่ ูร้ บั

สจุ ริต และรบั ผดิ ชอบต่อ อวิชาชีพ และเปนสมาชิกท่ี อวชิ าชพี และเปนสมาชกิ ท่ี การนเิ ทศ

วิชาชีพ เปน็ สมาชิกทด่ี ขี อง ดีขององคกรวิชาชพี ดีขององคกรวชิ าชพี - มุง่ ม่ันพฒั นาการ

องคก์ รวิชาชพี จรรยาบรรณตอผูรบั บริการ จรรยาบรรณตอผูรับบรกิ าร นิเทศใหล้ งมอื ปฎบิ ัติ

(3) จรรยาบรรณตอ่ -ผปู ระกอบวิชาชพี ทางการ -ผปู ระกอบวิชาชพี ทางการ กิจกรรมจนเกิดผล

ผู้รบั บริการ ศึกษาตอ้ งรกั เมตตา เอาใจ ศกึ ษา ตอ้ งรัก เมตตา เอาใจ ตอ่ การพฒั นาอย่างมี

– ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ ใส ชวยเหลือ สงเสรมิ ให ใส ชวยเหลือ สงเสรมิ ให คณุ ภาพเตม็

ศกึ ษา ตอ้ งรัก เมตตา เอาใจ กําลงั ใจแกศษิ ย และผูรบั กําลังใจแกศษิ ย และผูรบั ศักยภาพ

ใส่ ชว่ ยเหลือ สง่ เสรมิ ให้ บรกิ ารตามบทบาทหน้าท่ี บรกิ ารตามบทบาทหนา้ ท่ี - พฒั นาแผนการ

กำลังใจแก่ศษิ ย์ และ โดยเสมอหน้า โดยเสมอหน้า นเิ ทศให้มคี ณุ ภาพสงู

ผูร้ บั บริการตามบทบาทหน้าที่ -ผปู ระกอบวิชาชพี ทางการ -ผปู ระกอบวิชาชีพทางการ สามารถปฏิบตั ิให้

โดยเสมอหน้า ศกึ ษาต้องสงเสรมิ ให เกิด ศึกษา ตอ้ งสงเสรมิ ให เกิด เกิดผลได้จริง

– ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ การเรยี นรู ทักษะ และนิสยั การเรียนรู ทักษะ และนสิ ยั - พัฒนาและใช้

ศกึ ษา ต้องส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ การ ที่ถูกตอ้ งดีงามแกศษิ ยและผู ทีถ่ กู ตอ้ งดงี ามแกศษิ ยและผู นวตั กรรมการนเิ ทศ

เรียนรู้ ทกั ษะ และนสิ ยั ท่ี รบั บรกิ าร ตามบทบาท รบั บรกิ าร ตามบทบาท การศกึ ษาจรเกดิ ผล

ถูกต้องดงี ามแกศิษยแ์ ละ หน้าที่อยางเตม็ หนา้ ท่ีอยางเต็ม ท่ีมคี ุณภาพสูงข้นึ

ผู้รบั บรกิ าร ตามหน้าทอ่ี ยา่ ง ความสามารถด้วยความ ความสามารถดว้ ยความ เปน็ ลำดับ

เตม็ ความสามารถด้วยความ บรสิ ทุ ธใิ์ จ บรสิ ทุ ธิ์ ใจ - จัดกิจกรรมการ

บรสิ ุทธิ์ใจ -ผปู ระกอบวิชาชพี ทางการ -ผปู ระกอบวิชาชีพทางการ นเิ ทศการศึกษาโดย

– ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ ศกึ ษาตอ้ งประพฤติปฏบิ ัติ ศึกษา ต้องประพฤตปิ ฏิบตั ิ เนน้ ผลถาวรที่เกิดแก่

ศกึ ษา ต้องประพฤตปิ ฏบิ ัติตน ตนเปนแบบอยางที่ดี ทงั้ ทาง ตนเปนแบบอยงทด่ี ี ทั้งทาง ผ้รู บั การนเิ ทศ

เป็นแบบอยา่ งท่ีดี ทง้ั ทางกาย กาย วาจาและจติ ใจ กาย วาจาและจติ ใจ - ดำเนนิ การและ

วาจาและจติ ใจ -ผูประกอบวิชาชีพทางการ -ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการ รายงานผลการนเิ ทศ

– ผปู้ ระกอบวิชาชพี ทางการ ศึกษาต้องไมกระทําตนเป ศึกษา ต้องไมกระทําตนเป การศกึ ษาใหม้ ี

ศกึ ษา ตอ้ งไม่กระทำตนเปน็ นปฏิป กษ ต อความเจริญ นปฏปิ กษตอความเจรญิ คณุ ภาพสูงได้อย่าง

ปฏปิ ักษต์ ่อความเจรญิ ทาง ทางกาย สติป ญญา จิตใจ ทางกาย สตปิ ญญา จิตใจ เป็นระบบ

กาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ อารมณและสังคมของศิษย อารมณและสงั คมของศษิ ย - ปฎบิ ัติตนเป็น

และสงั คมของศิษยแ์ ละ และผูรับบริการ และผู รบั บรกิ าร แบบอย่างท่ีดี

ผูร้ บั บรกิ าร -ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการ -ผปู ระกอบวชิ าชพี ทางการ - ร่วมพฒั นางานกบั

– ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการ ศกึ ษาตองให บรกิ ารดว้ ย ศกึ ษา ตอ้ งให้บรกิ ารดว้ ย ผอู้ ื่นอย่างสร้างสรรค์

139

ศกึ ษา ต้องใหบ้ รกิ ารด้วย ความจริงใจและเสมอภาค ความจรงิ ใจและเสมอภาค - แสวงหาและใช้
ความจรงิ ใจและเสมอภาค
โดยไมเ่ รียกรบั หรอื ยอมรบั โดยไมเรยี กรบั หรือยอมรบั โดยไม เรียกรบั หรอื ยอมรบั ข้อมลู ข่าวสารในการ
ผลประโยชนจ์ ากการใช้
ตำแหนง่ หน้าทโี่ ดยมชิ อบ ผลประโยชนจากการใชตํา ผลประโยชนจากการใช ตาํ พฒั นา
(4) จรรยาบรรณต่อผรู้ ่วม
ประกอบวิชาชพี แหนงหน้าที่โดยมิชอบ แหนงหนา้ ที่โดยมชิ อบ - เปน็ ผ้นู ำและสรา้ ง
-ผปู้ ระกอบวิชาชพี ทางการ
ศกึ ษาพงึ ชว่ ยเหลอื เกอื้ กูลซงึ่ จรรยาบรรณตอผูรวม จรรยาบรรณตอผูรวม ผนู้ ำทางวิชาการ
กนั และกันอย่างสร้างสรรค์
โดยยึดมน่ั ในระบบคณุ ธรรม ประกอบวิชาชพี ประกอบวชิ าชพี สรา้ งโอกาสในการ
สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
(5) จรรยาบรรณต่อสังคม -ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการ - ผปู ระกอบวิชาชพี ทางการ พัฒนางานได้ทกุ
-ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการ
ศกึ ษา พึงประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตน ศึกษาพึงชวยเหลอื เกอื้ กูลซง่ึ ศกึ ษาพึงชวยเหลอื เกอ้ื กลู ซง่ึ สถานการณ์
เปน็ ผนู้ ำในการอนรุ ักษ์ และ
พฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม กันและกันอยางสรา้ งสรรค กันและกนั อย่างสร้างสรรค
ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิ
ปญั ญา สง่ิ แวดล้อมรักษา โดยยึดมนั่ ในระบบคณุ ธรรม โดยยึดม่นั ในระบบคุณธรรม
ผลประโยชน์ ของสว่ นรวม
และยึดมัน่ ในการปกครอง สรา้ งความสามัคคีในหมู สร้างความสามคั คีในหมู
ระบอบประชาธิปไตยอนั มี
พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็น คณะ คณะ
ประมุข
จรรยาบรรณตอสงั คม จรรยาบรรณตอสงั คม

ผปู ระกอบวิชาชีพทางการ - ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการ

ศกึ ษา พงึ ประพฤตปิ ฏิบัติ ศึกษา พงประพฤตปิ ฎิบตั ิตน

ตนเปนผูนาํ ในการอนรุ กั ษ เปน็ ผนู้ าํ ในการอนรุ ักษ และ

และพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม พัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม

ศาสนา ศิลปวฒั นธรรม ภู ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภู

มปิ ญญา ส่ิงแวดล้อม รักษา มิปญญา สิ่งแวดล้อม รกั ษา

ผลประโยชน ของสวนรวม ผลประโยชน ของสวนรวม

และยดึ มัน่ ในการปกครอง และยดึ ม่ันในการปกครอง

ระบอบประชาธิปไตยอันมี ระบอบประชาธิปไตยอันมี

พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป พระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็

นประมุข ประมขุ

ท่ีมา : สรปุ มาตรฐานวิชาชีพครู ฉบบั แกไ้ ข ราชกจิ จานเุ บกษา 2562 - ครูอาชพี ดอทคอม (kruachieve.com)

สรุป มาตรฐานบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2562
ข้อบงั คบั ครุ สุ ภา พ.ศ. 2562 เรอื่ งมาตรฐานวชิ าชพี บคุ ลากรทางการศึกษา ไดถ้ กู แก้ไขปรับปรุงข้นึ เพือ่ ความ
เหมาะสมของยคุ สมัย เพอ่ื ให้มีความเปน็ ปจั จุบันและความเหมาะสม บคุ ลากรทางการศกึ ษาจึงต้องปรบั ตัว และยึดถือ

140

เป็นหลักปฏิบัติเพื่อสะท้อนถึงการเป็นบุคลากรทีม่ ีคุณภาพและมีมาตรฐาน สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงใน
อนาคตได้

4. ใบประกอบวิชาชพี ทางการศึกษา

พระราชบัญญตั ิสภาครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2546 ให้ความหมายของ วชิ าชีพไว้วา่
“วิชาชีพทางการศึกษา ที่ทำหน้าท่ีหลักทางด้านการเรียนการสอนส่งเสริมการเรียนการสอน ส่งเสริมการเรียนรูข้ อง
ผู้เรียน รับผิดชอบบริหารสถานศึกษาในสถานศกึ ษา และการบริหารการศกึ ษานอกสถานศึกษา การนิเทศ ตลอดจน
การสนับสนนุ การศกึ ษา”

ความหมายของใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา คือ หลักฐานการอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุมตาม
มาตรา ๔๓ แหง่ พระราชบัญญัติสภาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔๖ มีสทิ ธปิ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ได้ ซึ่งออกให้แก่ ผู้ประกอบวิชาชพี ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศกึ ษา และศึกษานิเทศก์ทั้งนี้ เป็นไปตาม
มาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๖ ที่กำหนดให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหาร
การศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐและเอกชน ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ยกเว้น ผู้มิได้
ประกอบวชิ าชีพหลักด้านการเรียนการสอน บุคลากรทางการศกึ ษาที่จัดการศกึ ษาตามอัธยาศัย การจัดการศึกษาใน
ศูนยก์ ารเรยี น ผูบ้ รหิ ารการศึกษาในระดับอดุ มศึกษาระดบั ปริญญา ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุมดังกล่าวโดยไม่ได้
รับใบอนญุ าต หรอื แสดงด้วยวธิ กี ารใด ๆ ใหผ้ ูอ้ ่นื เขา้ ใจวา่ ตนมีสทิ ธหิ รอื พร้อมที่จะประกอบวชิ าชพี รวมท้ังสถานศกึ ษา
ที่รับผู้มิได้รับใบอนุญาตเข้าประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษา จะต้องได้รับโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗๘
และ ๗๙ แห่งพระราชบญั ญตั สิ ภาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๖
ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา
ผู้ที่ตอ้ งมีใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ทางการศึกษา ไดแ้ ก่ ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพครู ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ผบู้ รหิ าร
การศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งของรัฐและเอกชนทีจ่ ดั การศึกษาปฐมวัย
การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญา โดยจัดการศึกษา ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
โรงเรียน วทิ ยาลยั สถาบนั มหาวิทยาลยั หนว่ ยงานการศกึ ษา หรอื หนว่ ยงานอื่นของรัฐ หรือเอกชนทีม่ ีอำนาจหน้าท่ี
หรือมวี ตั ถปุ ระสงค์ในการจดั การศกึ ษารวมท้ังหนว่ ยการศึกษาในระดับเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา ดังน้ี
1. ผ้บู ริหารการศกึ ษา ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ครู และใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ผูบ้ รหิ ารการศกึ ษา
ครู ตอ้ งมใี บอนญุ าตประกอบวชิ าชีพครู
2. ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหาร
สถานศึกษา
3. ครู ต้องมใี บอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ครู

141

4. บุคลากรทางการศึกษาอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมอื่น ซึ่งได้มีการออกกฎกระทรวงการประกอบวิชาชีพควบคุม พ.ศ.๒๕๔๙
กำหนดให้วิชาชีพศึกษานเิ ทศก์เป็นวชิ าชพี ควบคุม

ผทู้ ไี่ ด้รับการยกเว้นไม่ตอ้ งมใี บอนญุ าตประกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา
1. ผทู้ ่ีเขา้ มาให้ความรู้แก่ผูเ้ รยี นในสถานศกึ ษาเปน็ ครงั้ คราวในฐานะวิทยากรพเิ ศษทางการศึกษา
2. ผู้ท่ไี มไ่ ดป้ ระกอบวชิ าชพี หลักทางดา้ นการเรียนการสอนแต่ในบางครง้ั ต้องทำหน้าทส่ี อนดว้ ย
3. นักเรียนนักศึกษา หรอื ผูร้ ับการฝึกอบรม หรอื ผไู้ ด้รับใบอนญุ าตปฏิบตั ิการสอน ซึ่งทำการฝึกหัดหรอื อบรม
ในความควบคมุ ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา ซงึ่ เปน็ ผใู้ หก้ ารศกึ ษาหรือฝกึ อบรม ทงั้ นี้ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขท่ีคณะกรรมการครุ ุสภากำหนด
4. ผู้ทจ่ี ัดการศึกษาตามอัธยาศัย
5. ผู้ท่ีทำหนา้ ที่สอนในศูนยก์ ารเรยี นตามกฎหมายวา่ ด้วยการศึกษาแห่งชาติ หรอื สถานทเี่ รียนทหี่ น่วยงานจัด
การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นองค์กร
เอกชน องคก์ รวิชาชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และ
สถาบนั สงั คมอื่นเป็นผจู้ ดั
6. คณาจารย์ ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา ผูบ้ รหิ ารการศึกษาในระดับอดุ มศึกษาระดบั ปรญิ ญาท้ังของรัฐและเอกชน
7. ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นท่ีการศึกษา
8. บคุ คลอื่นตามทีค่ ณะกรรมการครุ ุสภากำหนด ดังน้ี

(1) พระภกิ ษุทท่ี ำหนา้ ทสี่ อนหรอื บรหิ ารการศกึ ษา
(2) ผสู้ อนศาสนาทที่ ำหนา้ ทส่ี อนในสถานศึกษา
(3) ผ้สู อนตามโครงการแลกเปล่ียนระหวา่ งประเทศ หรอื องค์กรระหว่างประเทศ
(4) ข้าราชการตำรวจตะเวนชายแดนทท่ี ำหน้าท่สี อนหรือบรหิ ารโรงเรยี นตำรวจตระเวนชายแดน
(5) ขา้ ราชการสังกดั กระทรวงกลาโหม ผู้ทำหนา้ ท่สี อนหรอื บรหิ ารโรงเรียนในสังกดั กระทรวงกลาโหมทจี่ ัด
การศึกษาปฐมวัย ขน้ั พืน้ ฐาน และอดุ มศกึ ษาท่ตี ำ่ กว่าปรญิ ญา

ประเภทของใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา
ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา มี 4 ประเภท คือ
1. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หมายถงึ ใบอนุญาตที่ออกให้แกค่ รซู ง่ึ เป็นผู้ประกอบวชิ าชีพหลักทางด้าน
การเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาปฐมวัยขั้นพื้นฐาน และ
อดุ มศกึ ษาทตี่ ่ำกวา่ ปริญญา ทั้งของรัฐและเอกชน ทง้ั นี้ ไม่วา่ จะเปน็ ผดู้ ำรงตำแหนง่ ครูอยูก่ อ่ นแลว้ ตามพระราชบญั ญตั ิ
ครู พุทธศักราช ๒๔๘๘ ผู้ที่ประกอบวิชาชีพครู หรือจะประกอบวิชาชีพครูตามพระราชบัญญัติสภาครแู ละบุคลากร
ทางการศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔๖

142

2. ใบอนุญาตประกอบวชิ าชีพผบู้ ริหารสถานศกึ ษา หมายถึง ใบอนุญาตทอี่ อกใหแ้ กผ่ บู้ รหิ าร
สถานศึกษาซึง่ เป็นผูป้ ฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาภายในเขตพื้นทีก่ ารศึกษา และสถานศึกษาอ่นื ที่จดั
การศึกษาปฐมวัย ขั้นพน้ื ฐาน และอดุ มศกึ ษาท่ีตำ่ กวา่ ปรญิ ญา ท้ังของรฐั และเอกชน เชน่ ผู้ชว่ ยครใู หญ่ ผ้ชู ่วยอาจารย์
ใหญ่ อาจารย์ใหญ่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือตำแหน่งที่เรีย กชื่ออย่างอื่นใน
หน่วยงานทางการศึกษา

3. ใบอนุญาตประกอบวชิ าชีพผ้บู ริหารการศกึ ษา หมายถงึ ใบอนุญาตท่อี อกใหแ้ ก่
ผู้บริหารการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารนอกสถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา เช่น รอง
ผ้อู ำนวยการสำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา ผ้อู ำนวยการสำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา และตำแหน่งทเ่ี รียกช่ืออย่างอื่น
ซงึ่ ปฏิบัตงิ านในตำแหนง่ เทยี บเทา่ ผูบ้ ริหารสถานศึกษาในระดบั เขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา

4. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพบุคลากรทางการศึกษาอื่น หมายถึง ใบอนุญาตที่ออกให้แก่บุคลากรทาง
การศกึ ษาอน่ื ตามทกี่ ำหนดในกฎกระทรวง ซงึ่ เป็นผูท้ ำหน้าที่สนบั สนุนการศกึ ษา ให้บริการหรือปฏิบตั งิ านเก่ียวเนื่อง
กับการจัดกระบวนการเรยี นการสอน การนเิ ทศ และการบรหิ ารการศึกษาในหนว่ ยงานการศึกษาต่าง ๆ ซ่งึ หน่วยงาน
การศึกษากำหนดตำแหน่งให้ต้องมีคุณวุฒิทางการศึกษา โดยในปี พ.ศ.2549 กำหนดให้วิชาชีพศึกษานิเทศก์เป็น
วิชาชีพควบคมุ

ใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา
มาตรา 53 แห่งพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2546 กำหนดให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษาผ้บู ริหาร
การศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐและเอกชน ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ยกเว้น ผู้มิได้
ประกอบวิชาชพี หลักด้านการเรียนการสอน บุคลากรทางการศกึ ษาท่ีจดั การศึกษาตามอัธยาศัย การจดั การศึกษาใน
ศูนยก์ ารเรียน ผ้บู ริหารการศึกษาในระดบั อุดมศึกษาระดบั ปรญิ ญา ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจึงเป็น
หลกั ฐานการอนุญาตให้สามารถประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษาได้
บทกำหนดโทษ
1. หากประกอบวชิ าชีพ โดยไม่ได้รบั ใบอนญุ าตตามพระราชบญั ญัติตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินหนึ่งปี หรือ
ปรับไมเ่ กนิ สองหม่นื บาทหรอื ท้ังจำทง้ั ปรบั
2. หากแสดงตนให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสทิ ธิหรือพรอ้ มจะประกอบวิชาชีพ โดยไม่ได้รับใบอนญุ าตจากครุ ุสภา
และหากสถานศึกษารบั ผ้ไู ม่ได้รับใบอนญุ าตเข้าประกอบวิชาชีพใยสถานศึกษาต้องระวางโทษจำคกุ ไม่เกินสามปีหรือ
ปรับไมเ่ กินหกหมืน่ บาท หรอื ทัง้ จำท้ังปรับ
คุณสมบัติและลักษณะตอ้ งหา้ มของผขู้ อขึน้ ทะเบยี นรับใบอนุญาตทางการศกึ ษา
1. มีอายไุ มต่ ่ำกวา่ 20 ปบี รบิ ูรณ์
2. วฒุ กิ ารศึกษา ในประเทศไทย ต้องมีคุณสมบตั ิข้อใดข้อหน่งึ

- วุฒไิ ม่ต่ำกว่าปรญิ ญาทางการศึกษาหรือเทียบเท่าทคี่ รุ สุ ภารบั รอง

143

- วุฒไิ มต่ ่ำกว่าปรญิ ญาตรอี ื่นทค่ี ุรสุ ภารบั รอง
- วุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีอื่นและผ่านการรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพความรู้วิชาชีพ
ของคุรสุ ภา
3. วฒุ กิ ารศึกษาจากตา่ งประเทศ ข้อใดข้อหน่งึ
- วุฒิปริญญาทางการศกึ ษาหรอื เทยี บเทา่
- วุฒิปริญญาอน่ื และมีใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี ครูจากตา่ งประเทศ
- วุฒิปริญญาตรอี ่ืนและมคี ณุ วุฒปิ ระกาศณียบตั รวิชาชีพครทู ่ใี ช้เวลาศกึ ษาไมน่ อ้ ยกวา่ หน่ึงปี
- วฒุ ปิ ริญญาตรีอื่นและผา่ นการรับรองความรู้ตามมาตรฐานวชิ าชพี ความรวู้ ชิ าชพี ของคุรุสภา
4.ผา่ นการปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศึกษาตามหลักสตู รปริญญาทางการศึกษาเปน็ เวลาไม่น้อยกว่า
1 ปี และผ่านเกณฑ์การประเมนิ ปฏิบตั กิ ารสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงือ่ นไขท่ีคณะกรรมการกำหนด
ลักษณะตอ้ งหา้ ม
1. เป็นผูม้ คี วามประพฤติเสือ่ มเสยี หรือบกพร่องในศลี ธรรมอันดี
2. เป็นคนไรค้ วามสามาถหรอื คนเสมือนไร้ความสามารถ
3. เคยต้องโทษจำคกุ ในคดที ค่ี รุ ุสภาเห็นว่าอาจนำมาซงึ่ ความเสอื่ มเสยี เกียรตศิ ักดิแ์ ห่งวชิ าชพี
ผขู้ อรบั ใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี ครู ตอ้ งผา่ นหลักเกณฑด์ งั น้ี
1.ผา่ นการรบั รองประสบการณว์ ชิ าชีพครูตามทคี่ ณะกรรมการกำหนด
2.ผ่านการทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวิชาชพี ครูตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารที่คณะกรรมการกำหนด
ผู้ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพผู้บรหิ ารสถานศึกษา ผ้บู รหิ ารการศกึ ษา หรอื ศกึ ษานเิ ทศก์
ต้องผ่านหลกั เกณฑ์ดังนี้
1. มีใบประกอบวชิ าชีพครู
2. มีความรู้และประสบการณ์วชิ าชพี ตามท่ีกำหนดในขอ้ บงั คับวา่ ด้วยมาตรฐานวชิ าชีพ
3. ประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชพี

ชาวต่างชาติท่ีไมม่ ีสัญชาติไทย หรือผู้มีสัญชาตไิ ทยทีใ่ ชค้ ณุ วฒุ ิทส่ี ำเร็จการศึกษาจากตา่ งประเทศ
1. ผา่ นการรบั รองประสบการณ์วชิ าชพี ครตู ามที่คณะกรรมการกำหนด
2. มใี บอนุญาตใหท้ ำงานในประเทศไทย (Work Permit)
3. มหี ลักฐานการให้พำนกั อยใู่ นประเทศไทย
4. ผ่านการทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวิชาชีพครู ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารที่คณะกรรมการกำหนด
สถานศึกษาที่รับครูชาวต่างประเทศเข้าประกอบวิชาชีพครู ต้องให้ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการเป็นครูใน
ประเทศไทยอย่างนอ้ ยในเรอ่ื งภาษาไทย วฒั นธรรมไทย และกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา

144

การขอข้ึนทะเบียนรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต
ผู้ขอขึ้นทะเบียนใบรับอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ให้ยื่นคำขอต่อเลขาธิการตามแบบที่กำหนด พร้อม
เอกสารและหลักฐานดงั นี้
1. สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาวฒุ ปิ ริญญาทางการศึกษาหรือเทยี บเท่าที่คุรสุ ภากำหนด พรอ้ มสำเนาใบรายงานผลการศกึ ษา
3. รปู ถ่ายหนา้ ตรงคร่งึ ตวั
4. หลกั ฐานการชำระเงินค่าธรรมเนียมการข้นึ ทะเบียนรับใบอนญุ าต
5. เอกสารอนื่ ๆ (ถา้ มี)
ชาวตา่ งชาติ
1. สำเนาหนังสอื เดินทางหนา้ ทมี่ รี ูปถ่ายและหน้าทต่ี รวจลงตราประเภทคนอยูช่ ่วั คราวเพ่อื ทำงาน
2. สำเนาใบอนญุ าตให้ทำงานในประเทศไทย (Work Permit)
3. สำเนาวุฒกิ ารศกึ ษา
4. สำเนาใบรายงานผลการศึกษา (ถ้ามี)
5. ตน้ ฉบับหนงั สอื รบั รองการสำเร็จการศึกษาของสถาบนั การศึกษาในต่างประเทศ หรือตน้ ฉบับ ห น ั ง สื อ
รับรองสถานะใบอนญุ าตประกอบวิชพี ครู
6. แบบประเมินการปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศึกษาเปน็ เวลาไมน่ ้อยกวา่ หนึ่งปี
7. รปู ถ่ายหน้าตรงครง่ึ ตัว
8. หลักฐานการชำระเงินค่าธรรมเนยี มการขึ้นทะเบยี นรบั ใบอนุญาต
9. เอกสารอ่ืนๆ (ถา้ มี)
ผู้ขอข้นึ ทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาผบู้ ริหารการศึกษาและศึกษานเิ ทศก์
ให้ยืน่ คำขอต่อเลขาธิการตามแบบท่กี ำหนด พรอ้ มเอกสารและหลักฐานดังนี้
1. สำเนาทะเบียนบา้ น สำเนาบตั รประชาชน หรอื สำเนาบัตรประจำตวั เจ้าหน้าทข่ี องรัฐ
2. สำเนาเอกสารแสดงความการมีความรูแ้ ละประสบการณ์วชิ าชีพตามทีก่ ำหนดในข้อบังคับดว้ ยมาตรฐาน
วิชาชีพ
3. รปู ถา่ ยหนา้ ตรงคร่งึ ตวั
4. หลักฐานการชำระเงนิ คา่ ธรรมเนียมการขึ้นทะเบยี นรบั ใบอนญุ าต
5. หลักฐานการการรับรองการประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ จากผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้า
หน่วยงาน
6. เอกสารอ่ืนๆ (ถา้ มี)

145

เมอ่ื ตรวจสอบแบบคำขอพร้อมเอกสารหลกั ฐาน ครบถ้วนและถูกตอ้ งแลว้ ใหเ้ ลขาธกิ ารเสนอคณะกรรมการ
มาตรฐานวิชาชีพหรือไม่อนุมตั ิให้ขึ้นทะเบียนรบั ใบอนุญาต หรือออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนใบอนุญาตตาม
ประเภทของใบอนญุ าตโดยวนั ท่ีออกใบอนญุ าตใหน้ บั วนั ตัง้ แตว่ นั ท่ีผยู้ ืน่ คำขอมคี ณุ สมบัติครบถ้วน

ทั้งนี้ ให้ใช้หลักฐานการชำระเงินเป็นหลักฐานการแสดงการยื่นคำขอและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ
เบอื้ งต้นแลว้ ผู้ยนื่ คำขอจะไดร้ บั ใบอนญุ าตเมื่อผ่านการอนุมตั ิจากคณะกรรมการมาตรฐานมาตรฐานวชิ าชีพ

กรณีคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพไม่อนุมัติให้ขึ้นทะเบียนใบรับอนุญาต หรือออกหนังสือรับรองการขน้ึ
ทะเบียนใบอนุญาต ใหจ้ ัดทำเปน็ คำสั่งและแจง้ ให้ผยู้ ่นื คำขอรับทราบ

การกำหนดอายุและการต่ออายุใบอนุญาตอายใุ บอนุญาตประกอบวิชาชีพ ใบอนุญาตใหม้ ีอายุใช้ได้เปน็
เวลา 5 ปี นับตั้งแต่วนั ท่ีออกใบอนุญาต

การตอ่ ใบอนุญาตประกอบวชิ าชีพ
1. ผู้ขอต่อใบอนุญาต ต้องมีคุณสมบัตติ ามที่คณะกรรมการกำหนด และประพฤติตนตามจรรยาบรรณของ
วิชาชีพ ต้องยื่นคำขอต่อเลขาธกิ ารภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวัน ก่อนท่ีใบอนุญาตจะหมดอายุ พร้อมดว้ ยเอกสารและ
หลกั ฐานดังนี้

1) สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบตั รประชาชน หรอื สำเนาบตั รประจำตัวเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั
2) สำเนาใบอนุญาตฉบับที่ขอตอ่ อายุ
3) เอกสารและหลักฐานแสดงคุณสมบตั ติ ามที่คณะกรรมการกำหนด
4) คำรบั รองการประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพจากผ้บู งั คับบัญชา
5) รูปถา่ ยหนา้ ตรงครงึ่ ตัว
6) หลกั ฐานการชำระเงนิ คา่ ธรรมเนียมการข้นึ ทะเบยี นรับใบอนุญาต
7) เอกสารอ่นื ๆ (ถา้ มี)
เมื่อตรวจสอบแบบคำขอพร้อมเอกสารหลักฐานถูกต้องและครบถ้วน ให้เลขาธิการเสนอคณะกรรมการ
มาตรฐานวิชาชีพพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติใหต้ ่ออายุใบอนุญาตตามประเภทของใบอนุญาตโดยกำหนดวันออก
ใบอนญุ าตเป็นวนั ท่ตี อ่ เน่ืองจากใบอนุญาตฉบับเดมิ
ใหใ้ ชห้ ลักฐานการชำระเงนิ เปน็ หลักฐานการแสดงการยื่นคำขอและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัตเิ บอ้ื งตน้ แลว้
ผยู้ ่นื คำขอจะไดร้ บั ใบอนญุ าตเมอ่ื ผ่านการอนมุ ตั จิ ากคณะกรรมการมาตรฐานมาตรฐานวชิ าชีพ
กรณี คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชพี ไมอ่ นมุ ตั ิให้ต่ออายุใบอนญุ าต ใหจ้ ัดทำเปน็ คำสงั่ และแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอ
รับทราบ
2. ผู้ย่ืนคำขอต่ออายุใบอนุญาตหลังจากวันที่ใบอนุญาตหมดอายุแล้ว และมีคุณสมบัติครบถ้วน ให้ชี้แจง
เหตุผลกรณีที่ยื่นคำขอต่อใบอนุญาตหลังจากวันที่ใบอนุญาตหมดอายุพร้อมเอกสารหลักฐาน และให้ชำระค่า

146


Click to View FlipBook Version