ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 98
1) สุ่มชงั่ น้าหนกั ไก่ประมาณ 2 - 16 % ของฝงู แลว้ คานวณหาค่าเฉล่ียของฝงู
โดยทวั่ ไปใช้ 10 % ของฝงู
2) ใหย้ ดึ น้าหนกั เฉล่ียของฝงู เป็นจุดก่ึงกลาง แลว้ ชง่ั ไก่ท้งั ฝงู โดยชง่ั ทีละตวั เม่ือพบวา่
น้าหนกั ไก่แตกต่างจากค่าเฉลี่ยของฝงู ทุกๆ 100 กรัม ท้งั มากกวา่ และนอ้ ยกวา่ ใหแ้ ยกขงั ไวแ้ ตล่ ะ
หอ้ ง เช่น น้าหนกั ไก่เฉลี่ยของฝงู 1,000 กรัม ควรจดั แบ่งดงั น้ี
จานวนไก่ท่ีชง่ั ท่ีมีน้าหนกั สูงกวา่ หรือต่ากวา่ น้าหนกั เฉลี่ยภายใน 100
10% จานวนไก่ท่ีชงั่ ท้งั หมด
3) จากภาพจะแบง่ ไก่ออกไดเ้ ป็น 4 กลุ่ม แต่ถา้ น้าหนกั ต่างกนั มากกวา่ น้ี อาจจะแยก
กลุ่มเพ่ิมอีกได้
4) เม่ือพบวา่ ไก่พิการ แคระแกร็น ผดิ ปกติ กค็ ดั ตวั ท่ีไมด่ ีออกจากฝงู ในขณะที่ชงั่
น้าหนกั
2.2.4 การหาความสมา่ เสมอของฝูง การทาใหฝ้ งู ไก่มีความสม่าเสมอ มีจุดประสงคเ์ พ่ือ ให้
ฝงู ไก่ใหผ้ ลผลิตพร้อมกนั ทาใหไ้ ดผ้ ลผลิตสูงสุด ขนาดฟองไขส่ ม่าเสมอ ปริมาณการใชอ้ าหารต่อ
ไข่ 1 โหลต่า และผลผลิตเป็นไปตามมาตรฐาน
ความสม่าเสมอ คานวณไดจ้ ากน้าหนกั ตวั เฉล่ียของฝงู ไก่เพิม่ ข้ึนหรือลดลง 10 % มาหา
ความสม่าเสมอของฝงู ซ่ึงคานวณจาก
ความสม่าเสมอของฝงู (%)
=
กลุ่มท่ี 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มท่ี 3 กลุ่มท่ี 4
800 ก. 900 ก. น้าหนกั เฉลี่ย 1,000 1,000 ก. 1,100 ก.
ก. กรัม
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 99
ระดบั ความสม่าเสมอของฝงู ไก่ไข่ มากกวา่ 71 % อยใู่ นเกณฑด์ ีถึงดีเยยี่ ม 64 - 70 % อยใู่ น
ระดบั ปานกลาง 60 - 63 % พอใช้ ต่ากวา่ 59 % ถือวา่ ใชไ้ มไ่ ด้
กรณีท่ีความสม่าเสมอของฝงู ต่า ใหพ้ ิจารณาดงั ต่อไปน้ี
1. อุปกรณ์ให้น้าและอาหารพอเพยี งหรือไม่ ถา้ ไม่พอตอ้ งรีบจดั การเพ่ิมอุปกรณ์
การเล้ียงทนั ที
2. การใหอ้ าหารตอ้ งรวดเร็วและสม่าเสมอ (ช่วงไก่รุ่น) กรณีที่ใชร้ างอาหาร
อตั โนมตั ิ ตอ้ งเปิ ดเดินเครื่องรางอาหารก่อนการเปิ ดไฟให้แสงสวา่ ง
3. จานวนไก่ต่อพ้นื ที่การเล้ียงไก่รุ่นตอ้ งไมเ่ กิน 7.5 ตวั ต่อตารางเมตร โดยคิดเฉลี่ย
จากพ้ืนหอ้ งเป็นหลกั หา้ มคิดเฉลี่ยท้งั โรงเรือน
4. ตอ้ งตรวจดูสุขภาพไก่ หากพบวา่ ไก่มีปัญหาสุขภาพ ใหร้ ีบหาสาเหตุและ
ดาเนินการแกไ้ ขทนั ที
5. ในกรณีท่ีฝงู ไก่มีน้าหนกั แตกต่างกนั (ต้งั แต่ 200 กรัม ข้ึนไป) ตอ้ งคดั แยกไก่
ออกเป็ นกลุ่ม ๆ โดยการชง่ั ไก่ 100 % และแยกไก่แตล่ ะหอ้ งท่ีมีน้าหนกั ตา่ งกนั เกิน 100 กรัม
2.2.5 การป้องกนั และกาจัดพยาธิ
การเกิดพยาธิ ทาใหเ้ กิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่ผเู้ ล้ียง เนื่องจากพยาธิไปรบกวนไก่โดย
การดูดเลือด ทาใหไ้ ก่โตชา้ เป็นโรคโลหิตจาง ไก่เกิดความเครียด มีผลต่อการเจริญเติบโต และ
ใหผ้ ลผลิตไข่ลดลง ซ่ึงพยาธิมีท้งั พยาธิภายนอกและพยาธิภายใน (รายละเอียดในบทที่ 6)
2.2.6 การจัดการอ่ืน ๆ ได้แก่
1) การตดั ปาก หลงั จากที่มีการตดั ปากในช่วงไก่เลก็ แลว้ จะมีการตดั ปากอีกคร้ังหน่ึง
ในช่วงอายุ 6 - 12 สัปดาห์ เมื่อสังเกตเห็นวา่ มีไก่ปากยาวเกินไป ควรมีการตดั หรือแตง่ ปากไก่บางตวั
ที่เห็นวา่ ควรแกไ้ ข เพราะไก่ช่วงน้ีเป็นช่วงที่จากดั อาหาร ทาใหไ้ ก่เครียดมากและมีปัญหาจิกกนั
มาก ส่วนในระยะใกลไ้ ข่ไมค่ วรมีการตดั หรือแตง่ ปากอีก
2) การใหก้ รวด จะเร่ิมเมื่อไก่อายไุ ด้ ประมาณ 8 สปั ดาห์ โดยใหอ้ ตั ราส่วน 0.5 กก.
ต่อไก่ 100 ตวั ตอ่ สัปดาห์ โดยใส่ถงั แขวนใหไ้ ก่กิน เพราะกรวดจะช่วยยอ่ ยอาหารในกระเพาะบด
3) การขนยา้ ยไก่ ถา้ มีการยา้ ยไก่ไม่วา่ จะเป็นการยา้ ยไก่ไปสู่โรงเรือนไก่ไข่ หรือข้ึน
กรงตบั ควรยา้ ยเม่ืออายรุ ะหวา่ ง 16 - 18 สัปดาห์ เพ่ือให้ไก่ไดป้ รับตวั ก่อนการไข่ การขนยา้ ย มีขอ้
ควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี
(1) เมื่อยา้ ยไก่เขา้ สู่เลา้ ใหม่ ใหใ้ ชโ้ ปรแกรมการใหแ้ สงสวา่ งเหมือนเดิมอยา่ งนอ้ ย
2 - 3 วนั จึงเร่ิมเปล่ียนโปรแกรมการใหแ้ สงสวา่ ง
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 100
(2) อยา่ เปลี่ยนอาหารโดยทนั ที ใหอ้ าหารสูตรเดิม ลกั ษณะอาหารเหมือนเดิมไปสัก
ระยะหน่ึงก่อน
(3) เลา้ ที่รับไก่ใหม่ตอ้ งสะอาด แหง้ สนิท และปราศจากเช้ือโรค
(4) ถา้ ยา้ ยไปที่ท่ีมีอากาศเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากๆ เช่น ยา้ ยขา้ มจงั หวดั ตอ้ ง
ระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษ ถา้ เป็นไปไดค้ วรขนยา้ ยในเวลากลางคืน
(5) ก่อนและหลงั ขนยา้ ย อาจจะป้องกนั ความเครียดโดยใหว้ ติ ามินแก่ไก่ 2 - 3 วนั
4) การทาวคั ซีน ใหด้ ูรายละเอียดในบทที่ 6 เรื่องการสุขาภิบาลและการป้องกนั
ควบคุมโรค
3. การจัดการเลยี้ งดูไก่ระยะวางไข่
ปกติไก่จะเร่ิมไขเ่ มื่ออายุ 20 - 21 สปั ดาห์ เม่ืออตั ราการไขป่ ระมาณ 5 % ของฝงู ระยะเวลา
การใหไ้ ขจ่ ะเร่ิมนบั จากเมื่อไก่ไข่ไดป้ ระมาณ 5 % ไปจนถึงไก่ปลดขาย ระยะเวลาการใหไ้ ข่จะส้นั
หรือยาวข้ึนอยกู่ บั ระบบการเล้ียง และการจดั การตา่ ง ๆ
3.1 ระบบการเลยี้ งและพืน้ ที่การเลยี้ ง
3.1.1 ระบบการเลยี้ ง การเล้ียงไก่ไข่มี 2 ระบบ คือ การเล้ียงแบบปล่อยพ้นื และการเล้ียงแบบ
กรงตบั ซ่ึงมีท้งั ขอ้ ดีและขอ้ เสีย ดงั ต่อไปน้ี
ข้อดีของการเลยี้ งแบบกรงตับ
1. ง่ายต่อการจดั การและดูแลไก่
2. ไข่สะอาด
3. ใชอ้ าหารตอ่ การผลิตไข่ 1 โหล นอ้ ย
4. การคดั ไก่ท่ีไม่ไขห่ รือไก่ป่ วยง่าย
5. ลดปัญหาการฟักไขข่ องแมไ่ ก่
6. ประหยดั พ้นื ที่ในการเล้ียง
7. ลดปัญหาการเกิดพยาธิในไก่
8. อายกุ ารใหไ้ ขใ่ นฝงู จะนานกวา่
ข้อเสียของการเลีย้ งแบบกรงตบั
1. ปัญหาเร่ืองการเกิดกล่ินและการจดั การมูลไก่
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 101
2. ปัญหาเรื่องแมลงวนั และหนอนรบกวน
3. การลงทุนตอ่ ไก่ 1 ตวั จะสูงกวา่ การเล้ียงแบบปล่อยพ้นื
4. กระดูกไก่ค่อนขา้ งเปราะ หกั ง่าย และราคาไก่ปลดจะถูกกวา่ ไก่ท่ีเล้ียงแบบปล่อยพ้นื
3.1.2 พืน้ ทกี่ ารเลยี้ ง
1) เล้ียงแบบปล่อยพ้ืนท้งั หมด 5 - 5.5 ตวั ตอ่ ตารางเมตร
2) มียกพ้นื 2 ใน 3 ส่วน 8 - 8.5 ตวั ตอ่ ตารางเมตร
3) เล้ียงในกรงตบั 75 - 128 ตารางนิ้วต่อตวั
3.2 อปุ กรณ์สาหรับไก่ไข่
3.2.1 อุปกรณ์การใหอ้ าหารและพ้ืนท่ี เหมือนกบั ไก่รุ่น แตพ่ ้ืนที่และจานวนจะแตกตา่ งกนั
ไป ระดบั ของรางหรือถงั แขวนควรปรับใหส้ ูงข้ึนตามขนาดตวั ไก่ คือใหอ้ ยใู่ นระดบั หลงั ไก่
1) เล้ียงแบบปล่อยพ้ืน
ถงั อาหารแบบแขวน (เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 16 นิ้ว) 5 - 6 ถงั ต่อไก่ 100 ตวั
รางอาหาร 3 นิ้วต่อไก่ 1 ตวั
2) เล้ียงบนกรงตบั ใชร้ างอาหาร 3 นิ้วต่อตวั
3.2.2 อุปกรณ์การใหน้ ้าและพ้นื ท่ี
1) เล้ียงแบบปล่อยพ้นื
แบบรางน้า 1 นิ้วต่อไก่ 1 ตวั
แบบขวดขนาด 1 แกลลอน 3 อนั ต่อไก่ 100 ตวั
แบบขวดขนาด 2 แกลลอน 2 อนั ต่อไก่ 100 ตวั
แบบขวดอตั โนมตั ิ 2 อนั ต่อไก่ 100 ตวั
2) เล้ียงบนกรงตบั
รางน้า 1.5 นิ้วต่อไก่ 1 ตวั
แบบถว้ ยใหน้ ้าอตั โนมตั ิ 1 ถว้ ยตอ่ ไก่ 3 ตวั
3.2.3 กรงไข่หรือรังไข่ กรงไขน่ บั เป็นอุปกรณ์ท่ีจาเป็นอยา่ งยงิ่ สาหรับการเล้ียงไก่ไขแ่ บบ
ปล่อยรวมฝงู เพราะไก่มีนิสยั ชอบไขใ่ นรังที่ปลอดภยั เงียบ สงบ ไข่ที่ไดก้ จ็ ะสะอาด เปลือกไข่
ไม่แตกและง่ายต่อการเกบ็ พ้ืนกรงตอ้ งปูดว้ ยวสั ดุรองพ้ืนใหห้ นาพอสมควร กรงไข่มีหลายแบบ
เช่น
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 102
1) กรงไขเ่ ดี่ยว เป็นกรงไขม่ าตรฐาน เป็นสังกะสีหรือไมก้ ็ได้ มีขนาด กวา้ ง X ยาว
X สูง เทา่ กบั 30 X 35 X 40 เซนติเมตร ปิ ดสามดา้ นและอาจเจาะรูดา้ นขา้ งใหม้ ีการระบายอากาศได้
ดี ส่วนดา้ นหนา้ เปิ ดใหไ้ ก่เขา้ ไปวางไข่ได้ กรงไข่หน่ึงชุดมี 2 ช้นั แตล่ ะช้นั มี 6 ช่องและอาจมีท้งั
2 ขา้ ง รวมแลว้ เป็ น 24 ช่องใชเ้ ล้ียงไก่ได้ 4 ตวั ต่อ 1 ช่อง
2) กรงไขร่ วม เป็นกรงไข่ขนาดใหญส่ าหรับไก่หลายๆ ตวั เขา้ ไปไขพ่ ร้อมกนั พ้นื
กรงอาจเป็นตาขา่ ยถี่และแขง็ หรือไมก้ ระดานปูดว้ ยวสั ดุรองพ้ืนใหน้ ุ่ม ขนาดกรงกวา้ ง 60
เซนติเมตร ยาว 150 เซนติเมตร แต่ละกรงจะใชก้ บั จานวนไก่ 50 - 70 ตวั
การจดั การกรงไข่ ในตอนเชา้ ประมาณ 07.00 น. ควรเปิ ดกรงเพ่อื ใหไ้ ก่เขา้ ไปไข่ และ
ตอนเยน็ ก่อนเลิกงานประมาณ 17.00 - 18.00 น. ควรปิ ดกรงเพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหไ้ ก่เขา้ ไปนอนในกรง
ในตอนกลางคืน และถ่ายมูลในกรงทาใหพ้ ้ืนกรงสกปรก การปิ ดกรงในตอนเยน็ เป็ นการฝึกใหไ้ ก่
เคยชินไม่ใหไ้ ก่เขา้ ไปนอน ซ่ึงจะทาในช่วง 8 สัปดาห์แรกของการไข่
3.3 อาหารและการให้อาหาร
การใหอ้ าหารไก่ใหเ้ ปลี่ยนสูตรอาหารจากอาหารไก่รุ่นเป็ นสูตรอาหารไก่ไข่ เมื่อไก่เร่ิมมี
อายุ 19 สัปดาห์ และมีการควบคุมอาหารต่อจากระยะไก่รุ่นจนไก่อายคุ รบ 20 สปั ดาห์ และเม่ือ
ไก่มีอายุ 21 สัปดาห์หรือไก่เร่ิมไขไ่ ดป้ ระมาณ 5 % ใหห้ ยดุ การควบคุมอาหาร โดยใหเ้ ปล่ียนเป็นการ
ใหอ้ าหารทุกวนั (รายละเอียดดูในบทท่ี 4 เร่ืองอาหารและการใหอ้ าหาร)
3.4 การให้แสงสว่าง
การใหแ้ สงสวา่ งในไก่ไข่น้นั เป็นสิ่งจาเป็นมาก เพราะความเขม้ และความยาวของแสงต่อ
วนั ท่ีสตั วป์ ี กไดร้ ับ จะมีผลต่อระบบสืบพนั ธุ์ของสัตวป์ ี ก กล่าวคือ แสงเม่ือกระทบนยั นต์ าสัตวป์ ี ก
จะไปมีผลกระตุน้ ต่อมใตส้ มองส่วนหนา้ ให้ผลิตฮอร์โมน FSH ไปกระตุน้ การเจริญเติบโตของไข่ที่
รังไข่ และเม่ือถึงวยั เจริญพนั ธุ์ กจ็ ะผลิตฮอร์โมน LH ช่วยในการตกไข่ โดยกระตุน้ ไขท่ ่ีแก่ให้
เกิดการตกไข่ ส่วนในไก่เพศผู้ ต่อมใตส้ มองจะผลิตฮอร์โมนเหมือนแม่ไก่ (FSH และ LH) ไป
กระตุน้ ใหอ้ ณั ฑะผลิตอสุจิ และฮอร์โมนเพศผู้ (androgen) ที่ทาใหแ้ สดงลกั ษณะของเพศผขู้ ้ึน
เช่น ลกั ษณะหงอน พฤติกรรมกา้ วร้าว การผสมพนั ธุ์ เป็นตน้
การให้แสงสวา่ ง เป็ นการให้แสงไฟฟ้าเพิ่มจากแสงสวา่ งธรรมชาติ ความยาวของแสง
สว่างธรรมชาติ คือ ต้งั แต่ดวงอาทิตยข์ ้ึนถึงดวงอาทิตยต์ ก ซ่ึงจะส้ันที่สุดในช่วงฤดูหนาว การให้
แสงสวา่ งแก่ฝงู ไก่ผดิ พลาดในระยะไก่รุ่น จะทาใหไ้ ก่ไข่เร็วหรือชา้ ได้ (ถึงวยั เจริญพนั ธุ์เร็วหรือชา้
กวา่ กาหนด) แสดงในรูปที่ 16
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 103
รูปที่ 5.1 แสดงโปรแกรมการใหแ้ สงสวา่ งในไก่ไข่
3.5 การคัดไก่ไม่ไข่
ในการเล้ียงไก่ไข่ ไมว่ า่ จะเล้ียงแบบกรงตบั หรือปล่อยพ้นื กต็ าม จะตอ้ งมีการคดั ไก่ท่ีมี
ลกั ษณะเลวและไก่ไมไ่ ขห่ รือไข่นอ้ ยออก เพราะถา้ เล้ียงไก่ที่ไมไ่ ข่หรือไข่ไม่ดี จะเป็นการเสียเวลา
เปลืองอาหาร ทาใหต้ น้ ทุนคา่ อาหารสูง การคดั ไก่เหล่าน้ี จะเร่ิมทาเม่ือไก่เร่ิมใหไ้ ขแ่ ลว้ ประมาณ 4
- 6 เดือน จะทาทุก 1 - 2 เดือนตอ่ คร้ัง ในทางปฏิบตั ิอาจจะไมม่ ีการกาหนดเวลาตายตวั แน่นอน แต่
จะทาการคดั เม่ือเห็นวา่ อตั ราการไข่ต่าและถา้ พบไก่ท่ีผดิ ปกติ ก็สามารถคดั ออกไดท้ นั ที
การคดั ไก่ท่ีไมไ่ ข่ออก ถา้ เป็นกรงตบั สามารถดูจากบนั ทึกสถิติการไข่ประกอบ และไม่มี
ปัญหาต่อการคดั ออกมากนกั แต่ในกรณีที่เล้ียงแบบปล่อยพ้ืนรวมฝงู จะไม่สามารถดูจากบนั ทึกการ
ใหไ้ ขข่ องไก่แตล่ ะตวั ได้ จึงจาเป็นตอ้ งอาศยั การสงั เกตจากลกั ษณะตา่ งๆ ของไก่ โดยมีหลกั ใน
การพจิ ารณา ดงั ต่อไปน้ี
3.5.1 การเกดิ สีและการซีดจางของสี โดยสงั เกตสีเหลืองท่ีผวิ หนงั และส่วนตา่ งๆ ของไก่
โดยทวั่ ไปปริมาณความเขม้ ของสีจะซีดจางเม่ือไก่เริ่มใหไ้ ข่ โดยจะเริ่มจากทวาร ขอบตา ติ่งหู ปาก
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 104
แขง้ และเทา้ ตามลาดบั การซีดจางของแขง้ และเทา้ จะเร่ิมจากฝ่ าเทา้ แขง้ ส่วนหนา้ ดา้ นขา้ ง
ของแขง้ และขอ้ เข่า และส่วนโคนของนิ้วเทา้
3.5.2 การตรวจสภาพไก่ ช่องท้อง และกระดูกเชิงกราน การจบั ไก่ มาตรวจ ดูช่องทอ้ ง และ
กระดูกเชิงกราน จะสามารถทาใหท้ ราบไดแ้ น่ชดั เช่น ความอ่อนนุ่มและหยนุ่ ของหนงั ความผอม
ความกวา้ งของกระดูกเชิงกราน และความอ่อนนุ่มของช่องทอ้ ง
การวดั กระดูกเชิงกราน ถา้ ห่าง 3 นิ้วฝ่ ามือ แสดงวา่ ไข่ดี ไขด่ ก ถา้ หากแคบ แสดงวา่ ไข่
ไมด่ ี และถา้ วดั ความห่างระหวา่ งกระดูกเชิงกรานกบั กระดูกหนา้ อก ตอ้ งห่าง 4 นิ้วมือข้ึนไป จึง
แสดงวา่ ไข่ดี
ช่องทอ้ งของไก่ที่ไขด่ กจะตอ้ งกวา้ ง ออ่ นนุ่ม และขยายกวา้ ง ส่วนไก่ที่ไมไ่ ข่หรือไข่ไมด่ ก
ช่องทอ้ งจะแคบ กระดา้ ง หดยน่
3.5.3 สภาพของขนและการผลดั ขน ไก่ท่ีไขด่ ีขนจะหลุดลุ่ย สกปรกและไมส่ ดใส ส่วน
ไก่ท่ีไข่ไม่ดีขนจะเรียบเป็ นมนั เงา ไมส่ ึกหรอ ไก่ท่ีไข่ดีและทนจะผลดั ขนชา้ และใชร้ ะยะเวลา
ในการผลดั ขนส้ัน ไก่ที่ไข่ไม่ดีจะใชเ้ วลาในการผลดั ขนนาน อาจถึง 18 สัปดาห์ ในช่วงที่ผลดั ขนไก่
จะไม่ไขต่ ิดต่อกนั
การผลดั ขนของไก่ จะผลดั ขนจากส่วนของหวั คอ ลาตวั ขนปี กสาหรับบิน ขนหาง และ
ขนปี กดา้ นใน ตามลาดบั
3.5.4 สภาพความแขง็ แรงและความกระปรี้กระเปร่าของไก่ แมไ่ ก่ท่ีไขด่ ี จะตอ้ งมีสุขภาพดี
และใหไ้ ขไ่ ดจ้ านวนมากและไข่ทนนาน มีลกั ษณะแขง็ แรง กระตือรือร้นและเคล่ือนไหวเร็ว
3.5.5 หวั และส่วนของหวั ไก่ หวั ไก่ที่เหมาะสม ควรจะส้นั แขง็ แรง และปากโคง้ เล็กนอ้ ย ตา
นูนเด่นและสุกใส หวั กะโหลกจะตอ้ งตรงจากขา้ งหน่ึงไปขา้ งหน่ึง หงอนและเหนียงจะตอ้ งใหญ่
และจบั ดูจะรู้สึกนุ่มและอุ่น
3.6 การจัดการด้านอ่ืนๆ
3.6.1 การให้กรวดหรือหินเกลด็ ในอตั รา 0.5 กก. ต่อไก่ 100 ตวั ต่อสัปดาห์ โดยใส่ในถงั
แขวนในอตั รา 1 - 2 ใบตอ่ ไก่ 250 ตวั
3.6.2 การทาวคั ซีน รายละเอียดบทที่ 6 เรื่องการสุขาภิบาลและการป้องกนั ควบคุมโรค
3.6.3 การบงั คบั ให้ไก่ผลดั ขน เป็นการทาใหไ้ ก่หยดุ พกั เมื่อสิ้นสุดระยะการใหไ้ ข่ท่ียาวนาน
เพือ่ ใหไ้ ก่ไดซ้ ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และสามารถใหไ้ ขใ่ นรอบสองไดต้ ่อไป จะกระทา
เม่ือพจิ ารณาจากการคาดคะเนแลว้ เห็นวา่ ราคาไขจ่ ะสูงข้ึนในระยะเวลาใกลๆ้ และไม่สามารถที่
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 105
จะหาไก่ไขม่ าทดแทนไดท้ นั เวลา เพราะการเล้ียงลูกไก่มาจนใหไ้ ข่ จะตอ้ งใชเ้ วลานานประมาณ 6
เดือน แต่การใชว้ ธิ ีการบงั คบั ไก่ใหผ้ ลดั ขนใชร้ ะยะเวลาส้ันเพยี งประมาณ 2 เดือนเท่าน้นั
วธิ ีการบงั คบั ใหไ้ ก่ผลดั ขน มีหลายวธิ ี ในทางปฏิบตั ิ ควรเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมของแตล่ ะ
สภาพของฝงู ไก่และผเู้ ล้ียง วธิ ีการบงั คบั ใหไ้ ก่ผลดั ขนท่ีดี ตอ้ งคานึงถึงความสะดวก ง่ายในการ
ปฏิบตั ิ ประหยดั สามารถทาใหไ้ ก่หยดุ ไขใ่ นเวลาอนั รวดเร็ว ฝงู ไก่มีเวลาพกั อยา่ งเพียงพอใน
ช่วงเวลาท่ีเหมาะสม และทาใหไ้ ก่กลบั มาใหผ้ ลผลิตอยา่ งรวดเร็ว หลงั จากผา่ นระยะพกั แลว้
อตั ราการตายต่า และใหผ้ ลตอบแทนสูงสุดดว้ ย วธิ ีการบงั คบั ใหไ้ ก่ผลดั ขน เป็นการทาใหไ้ ก่
เกิดความเครียดแลว้ จึงผลดั ขน มีหลายวธิ ีดงั ต่อไปน้ี
1) การอดนา้ โดยทาการอดน้า 1 - 2 วนั (ส่วนใหญ่ 2 วนั ) และหลงั จากน้นั ก็รีบใหน้ ้า
ทนั ที วธิ ีการอดน้าน้ียงั ทาใหไ้ ก่เพมิ่ ขนาดของไข่ เมื่อไก่ใหไ้ ข่ในรอบที่สอง ขอ้ ควรระวงั กค็ ือ
ในช่วงอากาศร้อนไก่จะระบายความร้อนออกจากร่างกายไดน้ อ้ ยมาก การหอบจะมากข้ึนและการ
สูญเสียน้าจะมากข้ึน และทาใหอ้ ตั ราการตายมากข้ึน
2) การอดอาหาร เป็นวธิ ีที่ทาไดง้ ่าย โดยการอดอาหารหลายวนั ติดต่อกนั ในขณะที่
อดอาหารมีการหวา่ นเมลด็ ธญั พชื ใหก้ ินบา้ ง ซ่ึงไก่จะเกิดความเครียดเน่ืองจากความไม่สมดุลของ
สารอาหาร เป็นเหตุใหไ้ ก่ผลดั ขน
3) การลดแสง โดยการลดแสงสวา่ งใหน้ อ้ ยกวา่ วนั ละ 11 - 12 ชว่ั โมง วธิ ีน้ีสะดวกใน
โรงเรือนปิ ด ส่วนในโรงเรือนเปิ ดทาไดโ้ ดยใหเ้ พิ่มแสงสวา่ งแก่ไก่เป็น 24 ชว่ั โมงต่อวนั เป็นเวลา 7
วนั ติดต่อกนั ก่อนที่จะลดใหเ้ หลือแตแ่ สงสวา่ งตามธรรมชาติ จะทาใหไ้ ก่ผลดั ขนไดด้ ี
4) การใช้สารเคมีและแร่ธาตุบางชนิด มีการใชย้ าหรือสารเคมีบางชนิด ผสมใน
อาหารไก่ เพ่อื ทาใหไ้ ก่ผลดั ขน เช่น
(1) การใหธ้ าตุสงั กะสี
(2) การใหอ้ าหารท่ีมีระดบั โซเดียมในอาหารต่าและลดแสงสวา่ งใหเ้ หลือ 8 ชวั่ โมง
ต่อวนั ในโรงเรือนปิ ด หรืองดการใหแ้ สงเพิม่ จากธรรมชาติ
3.6.4 การควบคุมป้องกนั หนูและแมลงวนั ในคอกไก่ไข่ หนูเป็นสตั วท์ ่ีคอยแยง่ และทาลาย
อาหาร และอุปกรณ์ใส่อาหาร ทาความสกปรกในโรงเรือน อีกท้งั เป็นตวั แพร่เช้ือและสร้างความ
ราคาญ ส่วนแมลงวนั จะมีปัญหามากในระบบการเล้ียงกรงตบั เพราะมูลไก่ท่ีอยใู่ ตก้ รงตบั เป็น
แหล่งเพาะพนั ธุ์ จึงมีความจาเป็ นอยา่ งยง่ิ ท่ีจะตอ้ งมีการควบคุมและป้องกนั
1) การกาจัดหนู กระทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น กบั ดกั การวางยาพษิ โดยใชย้ าเบื่อ วธิ ีการท่ี
นิยมโดยทว่ั ไป คือ การใชย้ าพิษเพราะสะดวกและง่ายตอ่ การปฏิบตั ิ แต่ผใู้ ชต้ อ้ งระมดั ระวงั เพราะ
อาจอนั ตรายถึงคนได้ ถา้ จะใหด้ ีควรใส่ถุงมือยางก่อนการผสมในขณะวางเหยื่อพิษควรจะจดั หาน้า
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 106
สะอาดวางไวใ้ กลเ้ หยอ่ื พษิ ดว้ ย เพ่ือป้องกนั หนูไปกินน้าในรางสาหรับไก่ ซ่ึงอาจเป็นพิษตอ่ ไก่ได้
จุดที่วางยาพิษ ควรห่างจากจุดใหน้ ้าและอาหารไก่ และเป็นที่ที่หนูชอบเดินทางเป็นประจา เช่น ท่ี
ใกลผ้ นงั โพรงหรือมุมแคบๆ ที่รกรุงรัง ในช่วงท่ีไมม่ ีไก่ในโรงเรือน หรือช่วงที่พกั โรงเรือน เป็น
ช่วงที่วางยาได้ เหยอื่ ที่จะนามาผสมยาพษิ ตอ้ งเป็นเหยอ่ื ท่ีหนูชอบกิน ใหม่และสด เช่น ขา้ วโพด
บด น้าตาล ขา้ วสาร อาหารไก่และอาหารท่ีหนูชอบอื่นๆ อาจตอ้ งเปลี่ยนสลบั เหยอ่ื ท่ีใชเ้ พราะถา้
วางนาน ๆ หนูอาจไม่ชอบเหยอ่ื น้นั ส่วนยาพิษท่ีนิยมใช้ เช่น วาฟาริน (Warfarin) สงั กะสี
ฟอสไฟด์ (Zinc phosphide) อลั ฟ่ า-คลอไฮดริน (Alpha-chlorhydrin) และโบรดิฟาโคอมั
(Brodifacoum) เป็นตน้
นอกจากการใชเ้ หยอ่ื พษิ กาจดั หนูแลว้ อาจป้องกนั ไดท้ างอื่น เช่น ปรับบริเวณรอบๆ
โรงเรือนใหส้ ะอาด ไมค่ วรมีส่ิงของกองรวมกนั อยู่ หญา้ และตน้ ไม้ รอบๆ ฟาร์มควรตดั และถาง
ใหเ้ รียบร้อย
2) การควบคุมป้องกนั แมลงวนั แมลงวนั สามารถเจริญเติบโต และเพมิ่ จานวนได้
ในสภาพที่เหมาะสม แมจ้ ะไมม่ ีผลต่อไก่โดยตรง แต่สามารถนาเช้ือโรคมาติดได้ อีกท้งั รบกวนและ
ทาใหเ้ กิดความราคาญท้งั แก่คนในฟาร์มและบริเวณใกลเ้ คียงดว้ ย การป้องกนั ควบคุมแมลงวนั
คอ่ นขา้ งจะทาไดย้ าก มีโปรแกรมการป้องกนั ควบคุม ดงั น้ี
(1) การสุขาภิบาลที่ดีในฟาร์ม เป็นการควบคุมป้องกนั ท่ีทาไดส้ ะดวกและเสีย
ค่าใชจ้ า่ ยที่นอ้ ยที่สุด ไดแ้ ก่ การรักษาความสะอาดเรียบร้อยของภายในและภายนอกโรงเรือน หอ้ ง
ไข่ ถงั บรรจุอาหาร และอุปกรณ์ที่เกี่ยวขอ้ ง ตลอดจนอาคารตา่ ง ๆ นอกจากน้ีตอ้ งเอาใจใส่เป็น
พเิ ศษในเรื่องตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่
ก. การกาจดั แหล่งอาหารและการเปล่ียนแปลงสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสม ตอ่ การ
ขยายพนั ธุ์ของแมลงวนั เช่น หลุมน้ารอบๆ โรงเรือน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ถา้ มีมูลไก่อยดู่ ว้ ย อาหาร
ไก่ท่ีหกเร่ียราดรอบๆ ถงั อาหารไก่ ไก่ตายภายในและภายนอกโรงเรือน น้าลา้ งไข่ท่ีเทลงบนพ้นื ไข่
แตก ใส่ภาชนะเปิ ด บริเวณที่เก็บมูลไก่เปี ยกช้ืน แมลงวนั ส่วนใหญจ่ ะผสมพนั ธุ์และวางไข่ใน
บริเวณท่ีมีความช้ืนของมูลไก่ ฟักเป็นตวั อ่อนภายในเวลา 2 - 3 ชว่ั โมง แลว้ จะฝังหรือมุดเขา้ ไป
ในมูลไก่อยา่ งรวดเร็ว เพ่อื หลบแสงสวา่ ง ตวั อ่อนแมลงวนั จะค่อยเจริญเติบโตข้ึนและลอกคราบ
ตอ่ เนื่องกนั หลายหน ภายในช่วงไม่เกิน 3 - 4 วนั และกลายเป็นดกั แด้ ซ่ึงจะฟักเป็นตวั แมลงวนั ที่
เจริญเตม็ ที่ แมลงวนั จะมีชีวิตอยนู่ านไม่เกิน 2 - 3 สัปดาห์ และตวั เมีย 1 ตวั สามารถวางไข่ไดเ้ กิน
600 ฟองข้ึนไป
ข. นาไก่ตายออกไปทิ้งโดยเร็ว และกาจดั ซากดว้ ยวธิ ีการที่เหมาะสม อยา่ ปล่อยไว้
หรือทิง้ ในถงั ขยะเด็ดขาด
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 107
ค. เกบ็ ไขท่ ่ีมีเปลือกไขน่ ่ิมไปทาลายพร้อมๆ กบั ไก่ตาย อยา่ ขวา้ งลงในมูลไก่เป็น
อนั ขาด
ง. จดั การเอาอาหารท่ีเปี ยกช้ืน และหรืออาหารที่คา้ งออกจากถงั อาหาร หรือ
อุปกรณ์ให้อาหารอตั โนมตั ิ
จ. จดั การระบบน้าประปา อยา่ ใหร้ ั่วไหลหยดลงใส่มูลโดยไม่จาเป็น และ
ตรวจสอบการระบายน้าท่ีลน้ ออกจากโรงเรือนใหอ้ ยใู่ นสภาพท่ีใชก้ ารไดต้ ลอดเวลา
2) การควบคุมแมลงวนั ดว้ ยการอาศยั สตั วอ์ ่ืนมาทาลาย เช่น แมลงปี กแขง็ จะกินไข่
และตวั ออ่ นของแมลงวนั เป็ นอาหาร ตวั ต่อ หมาร่า และมดตะนอย จะวางไข่บนตวั อ่อนแมลงวนั
หรือดกั แด้ แลว้ จะใชส้ ิ่งท่ีมนั อาศยั เป็นอาหาร สัตวเ์ หล่าน้ีจะอาศยั และมีชีวติ อยไู่ ดเ้ ฉพาะในที่ซ่ึง
คอ่ นขา้ งแหง้ เท่าน้นั (ความช้ืนต่ากวา่ 70 % ) วธิ ีน้ีพิจารณาเลือกใช้ ก่อนการใชส้ ารเคมี
3) การใชอ้ ุปกรณ์สาหรับกาจดั แมลงวนั โดยเฉพาะ นิยมใชใ้ นโรงเรือนปิ ด เป็นการ
ฆ่าแมลงวนั โดยใชก้ ระแสไฟฟ้า โดยอาศยั แสงสีดาจากหลอดเรืองแสงอุลตร้าไวโอเลตเป็นตวั ล่อ
4) การใชส้ ารเคมี ซ่ึงมีอยหู่ ลายชนิด ไดแ้ ก่
(1) การพน่ ดว้ ยยาท่ีถูกตวั แมลงตาย เช่น ไดบรอน(Dibron) ไพรีทริน
(Pyretrins) และวาโปนา (Vapona) เป็นตน้ พน่ ใหถ้ ูกตวั แมลงวนั โดยตรง ระวงั อยา่ ฉีดพน่
ใหถ้ ูกตวั ไก่ อาหาร ไข่ หรือน้าท่ีไก่กิน
(2) การใชย้ าผสมในเหยอ่ื ที่ทาจากน้าตาล ตวั ยาที่ใช้ เช่น ไดบรอน ดิพเทอร์เรกซ์
โรยไวต้ ามบริเวณท่ีมีแมลงวนั ชุกชุม ระวงั อยา่ ให้อยใู่ กลไ้ ก่ อาหารและน้ากินของไก่เป็นอนั ขาด
ในการกาจดั แมลงวนั ใหห้ มดสิ้นไปน้นั จาเป็นตอ้ งดาเนินการทางดา้ นสุขาภิบาลควบคู่กนั
ไปดว้ ย จึงจะเกิดผลดี
3.7 ปัญหาบางประการสาหรับไก่ไข่ในระยะไข่
3.7.1 ปัญหาของไก่เริ่มไข่ ไก่ไมค่ ่อยเขา้ ไปไขใ่ นกรงไข่ สาเหตุอาจเกิดจาก
1) เอากรงไข่เขา้ โรงเรือนชา้ เกินไป แกไ้ ขโดยการต้งั กรงไข่หรือรังไขก่ ่อนท่ีไก่จะ
เริ่มไข่อยา่ งนอ้ ย 2 สปั ดาห์ และเอาไข่หลอกไปไวใ้ นกรงไข่ก่อน เพือ่ ใหไ้ ก่รู้วา่ ที่ตรงน้นั เป็นท่ี
สาหรับไข่ เน่ืองจากไก่สาวชอบไขใ่ นรังไขท่ ี่มีไข่อยกู่ ่อนแลว้ หรือวางไข่ทิง้ ไวใ้ นรังไข่ทุกๆ วนั
วนั ละ 1 - 2 ฟอง โดยเฉพาะในสัปดาห์แรก และคอยเก็บไข่ที่อยตู่ ามพ้ืนเลา้ ออกใหเ้ ร็วที่สุด
2) ท่ีต้งั กรงไข่แสงสวา่ งมากเกินไป ควรลดแสงสวา่ งลง หรือวางกรงใหห้ ่างจากผนงั
ดา้ นขา้ ง หรือวางไวใ้ นมุมมืด ไก่จะชอบไข่ในท่ีมืดมากกวา่ ท่ีสวา่ งมากๆ
3) กรงไขม่ ืดและร้อนอบอา้ ว ควรมีช่องระบายอากาศดา้ นขา้ ง
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 108
4) กรงไขไ่ ม่พอกบั จานวนไก่ ไก่แยง่ กนั ไข่
5) จดั วางกรงไขห่ ่างกนั มากเกินไป ไม่ควรวางห่างกนั มากเกิน 4 เมตร
6) ตรวจดูเหา ไร ในกรงไข่วา่ มีหรือไม่ ถา้ มีก็กาจดั ใหห้ มด
3.7.2 ปัญหาไข่แตกร้าว เกิดจากหลายสาเหตุ
1) เปลือกไขไ่ มด่ ี ไขจ่ ะแตกร้าวในขณะท่ีกาลงั สร้างเปลือกไขใ่ นท่อนาไข่ หรืออาจ
เกิดจากการตอ่ สู้กนั โภชนะไม่สมดุล ความเครียด โรคและปัญหาไก่อายมุ าก
2) แตกร้าวระหวา่ งการไข่ เช่น ทา่ ยนื ไข่ทาใหไ้ ข่ห่างจากพ้ืนมากเม่ือตกลงมา และ
ยง่ิ ทาใหไ้ ข่แตกร้าวมากข้ึน เมื่อวสั ดุรองพ้นื บางหรือแขง็ ไมอ่ อ่ นนุ่ม แกป้ ัญหาโดยใชว้ สั ดุรองพ้ืน
หนาๆ และออ่ นนุ่ม
3) การแตกร้าวในระหวา่ งขบวนการต่างๆ เช่น การขนยา้ ย การลา้ ง การคดั ขนาด
และการบรรจุลงในถาดหรือกล่องกระดาษ
4) ฤดูกาลและอายขุ องฝงู ไก่ ไข่จะแตกมากในช่วงฤดูร้อน เน่ืองจากไข่เปลือกบาง
ไขจ่ ะแตกเป็น 2 เท่าจากแม่ไก่ท่ีมีอายมุ ากกวา่ 40 สปั ดาห์ เมื่อเปรียบเทียบกบั ไก่อายนุ อ้ ย
เน่ืองจากเปลือกไข่บางและเปราะ
5) ปัญหาไข่เปลือกบาง โดยปกติ ไมค่ วรเกิน 2 - 3 % ของฝงู ถา้ พบวา่ ไขเ่ ปลือกบาง
ใหเ้ ติมแคลเซียมในรูปของเปลือกหอยลงในอาหาร โดยใส่ในรางอาหารใหไ้ ก่กินตา่ งหาก
6) ถา้ หากไขแ่ ตกหรือบุบจากการกระแทก เราตอ้ งพิจารณาถึงช่วงการเกบ็ ไข่ อาจ
ตอ้ งเกบ็ ไขบ่ ่อยข้ึน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในช่วงท่ีไก่ใหไ้ ขส่ ูงสุด ถา้ เป็นกรงตบั ใหพ้ ิจารณาถึงความ
ลาดเทของพ้นื กรงดว้ ย เพราะถา้ ลาดเทนอ้ ยไข่จะไมก่ ลิ้งออกมาขา้ งหนา้ กรง อาจทาให้ไก่เหยยี บไข่
แตกได้ หรือถา้ ความลาดเทมากเกินไป ไข่จะกลิ้งลงมาเร็ว อาจทาใหไ้ ข่แตกร้าวได้ อาจใชค้ วามลาด
เท 8 - 10 องศา
3.7.3 ไข่สกปรก อาจเนื่องจาก
1) ขงั ไก่แน่นเกินไป โดยเฉพาะการเล้ียงระบบปล่อยพ้ืน อาจเป็นสาเหตุทาใหว้ สั ดุ
รองพ้นื สกปรก เปี ยกช้ืน ควรใชเ้ ล้ียงในอตั ราส่วน 5 - 5.5 ตวั /ตารางเมตร
2) วสั ดุรองพ้ืนมีความช้ืนมากเกินไป ควรแกไ้ ขโดยเปล่ียนวสั ดุรองพ้ืนเก่าออก และ
ปูวสั ดุรองพ้ืนใหม่แทน และควรพลิกกลบั วสั ดุรองพ้ืนบ่อยๆ สัปดาห์ละ 2 - 3 คร้ัง แลว้ แตค่ วาม
เหมาะสม
3.7.4 ไก่เร่ิมให้ไข่ช้า อาจเกิดจาก การจดั การในช่วงไก่รุ่นไมด่ ี ฝงู ไก่เป็นโรค จานวน
ชวั่ โมงการให้แสงสวา่ งลดลง การพฒั นาการทางดา้ นสรีระของไก่ไม่ดีพอ
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 109
3.7.5 การให้ผลผลติ ไข่ไม่สูง อาจเกิดจากความไม่สม่าเสมอของฝงู การเริ่มใหไ้ ข่ชา้ มาก ฝงู
ไก่เป็นโรค คุณภาพอาหารไม่ดี โดยปกติแลว้ ไก่ควรจะไข่ไดส้ ูงสุดไม่ต่ากวา่ 80 % และจะยนื อยู่
ประมาณไมเ่ กินสัปดาห์ แลว้ หลงั จากน้นั จะค่อย ๆ ลดลงเดือนละ 2 - 4 % ซ่ึงปัญหาอตั ราการใหไ้ ข่
ต่าน้ี อาจจะเกิดตอ่ เน่ืองมาจากการเล้ียงดูในระยะไก่สาว และ ในระยะการเล้ียงไก่ไข่
3.7.6 อตั ราการตายสูง อาจเกิดจาก การตดั ปากไม่ดี เล้ียงไก่แน่นเกินไป ฝงู ไก่เป็นโรค
3.7.7 ไก่กนิ อาหารมาก อาจเกิดจาก คุณภาพอาหารไมด่ ี อาหารหกหล่นสูญเสียมาก หรือ
อาจชง่ั อาหารผิดพลาด
3.7.8 ไข่บุบ แตกร้าว หรือมีไข่ผดิ ปกติมาก ซ่ึงจะเกิดข้ึนมากในช่วงเริ่มไข่และช่วงท่ีไก่
กาลงั จะปลด ตลอดระยะเวลาการไข่ จานวนไขท่ ี่ไมป่ กติไม่ควรเกิน 3 - 5 % ปัญหาไขไ่ ม่ปกติ
อาจเกิดจาก เก็บไขน่ อ้ ยคร้ังเกินไป กรงไขไ่ มด่ ีหรือไม่เพียงพอ ไก่ขาดแคลเซียม ไก่อายมุ าก
อุณหภูมิสูง
3.7.9 ปัญหาไก่ไข่ลดลงอย่างกะทนั หัน สาเหตุสาคญั เน่ืองจาก 2 ประการ คือ ไก่เป็นโรค
และเกิดจากความบกพร่องในการจดั การเล้ียงดูและการเปล่ียนแปลงของอากาศ โรคที่สาคญั ที่ทา
ใหไ้ ข่ลดลงกะทนั หนั หรือหยุดไข่หมดท้งั ฝงู คือ โรคหลอดลมอกั เสบ และนิวคาสเซิล ส่วนโรค
อ่ืนๆ เช่น โรคบิดมีตวั โรคอหิวาต์ โรคสมองอกั เสบ อาจทาใหไ้ ขล่ ดลงถึง 30 %
3.7.10 ปัญหาเร่ืองไก่จิกขน จะเกิดกบั ไก่ที่เล้ียงปล่อยฝงู สาเหตุที่ทาใหไ้ ก่จิกขนกนั คือ
การขาดธาตุอาหาร หรืออาจเกิดจากท่ีกินอาหารไมเ่ พยี งพอ อากาศในคอกอบั ทึบถ่ายเทไมส่ ะดวก
ไก่อาจมีเหา ไร ทาใหค้ นั ราคาญ หรือ อาจเนื่องจากใหแ้ สงสวา่ งมากเกินไป กท็ าใหไ้ ก่จิกขนกนั ได้
3.8 ความเครียดและการลดความเครียดในไก่ไข่
ความเครียด อาจเกิดข้ึนไดเ้ สมอ แมอ้ ยใู่ นสภาพการเล้ียงดูท่ีปกติกต็ าม สาเหตุท่ีทาใหเ้ กิด
ความเครียดบางอยา่ งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ลมหนาว เป็นตน้ แต่ผเู้ ล้ียงตอ้ งหาทางลดให้
เหลือนอ้ ยท่ีสุด ความเครียดท่ีมีผลตอ่ การใหผ้ ลผลิตน้นั ไม่ไดเ้ กิดข้ึนจากสาเหตุเดียว แต่อาจเกิด
จากหลาย ๆ ปัจจยั เขา้ มารุมเร้าพร้อมกนั การละเลยหรือเมินเฉยอาจก่อใหเ้ กิดปัญหาต่างๆ ตามมา
มีปัจจยั ตา่ งๆ ท่ีเป็นสาเหตุทาใหไ้ ก่เกิดความเครียด
3.8.1 การต่อสู้เพื่อจดั ลาดบั สังคมในไก่ ฝงู ไก่ที่มีการตอ่ สู้กนั เพือ่ จดั ระเบียบในสังคมเป็น
เวลายาวนาน จะยง่ิ ก่อใหเ้ กิดความเครียดในไก่ฝงู น้นั มาก ทาใหไ้ ก่ในฝงู กินอาหารลดลง น้าหนกั ตวั
ลดลง และใหไ้ ขน่ อ้ ย ดงั น้นั ในการยา้ ยไก่ จึงควรยา้ ยไก่สาวเขา้ คอกพร้อมกนั ก่อนท่ีมนั จะเริ่มไข่
ประมาณ 2 เดือน ไมค่ วรยา้ ยไก่ท่ีกาลงั ไข่ หรือไม่นาไก่ใหม่เขา้ ฝงู
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 110
3.8.2 ความเครียดอนั เนื่องจากโภชนาการ ในระยะที่ไก่ใหไ้ ข่ดกน้นั ไก่มีความตอ้ งการ
ธาตุอาหารเพ่อื ใชผ้ ลิตไข่ในปริมาณสูงเป็นพเิ ศษ ถา้ หากไก่ไดร้ ับอาหารไม่เพียงพอสาหรับการ
ผลิตไข่ ไก่จะตอ้ งดึงเอาอาหารท่ีสะสมไวใ้ นร่างกาย ออกมาใช้ ทาใหไ้ ก่น้าหนกั ตวั ลดลง หรือผอม
ลง ยงิ่ ถา้ ไก่เกิดความเครียดเนื่องจากสาเหตุอ่ืน ดว้ ย เช่น ถูกรังแก อาจทาใหไ้ ก่น้นั หยดุ ไข่ได้ ที่ตอ้ ง
ระมดั ระวงั มากก็คือ ไก่พนั ธุ์ที่ใหไ้ ขด่ กมกั จะไม่หยดุ ไข่ แตม่ นั จะดึงเอาอาหารจากร่างกายมาสร้าง
ไข่ ถา้ เกิดข้ึนเป็นระยะเวลานาน อาจก่อใหเ้ กิดผลเสียหายต่อตวั ไก่ได้ ผเู้ ล้ียงจึงตอ้ งตรวจสอบ
น้าหนกั ตวั ไก่อยเู่ สมอ เพ่อื ใชใ้ นการคานวณปริมาณอาหารท่ีให้ อีกท้งั ตรวจสอบประสิทธิภาพการ
ใชอ้ าหารดว้ ย
3.8.3 ความเครียดเนื่องจากโรค และปัจจยั อ่ืนๆ ฟาร์มที่มีการจดั การดี จะเกิดผลเสียหาย
นอ้ ยกวา่ ฟาร์มที่มีการจดั การท่ีเลว การจดั การฟาร์มที่ทาใหส้ ่ิงแวดลอ้ มสกปรกไมถ่ ูกสุขลกั ษณะ
เช่น เล้ียงไก่แน่นจนเกินไป เล้ียงหลายขนาด หลายอายใุ นคอกเดียวกนั ใหน้ ้าที่สกปรกไมไ่ ดท้ า
ความสะอาดที่ใหน้ ้า อาหารทุกวนั เป็นตน้
การจดั การที่ทาใหไ้ ก่เกิดความเครียด ไดแ้ ก่
1. ระบบการถ่ายเทอากาศในโรงเรือนไม่ดี หรือระบบระบายอากาศใชไ้ มไ่ ด้ ส่งผลใหไ้ ก่
ไดร้ ับผลกระทบ เนื่องจากการเปล่ียนแปลงของอุณหภูมิหรือความช้ืน ที่อาจเกิดข้ึนอยา่ งกระทนั หนั
ทาใหม้ ีปัญหาเร่ืองโรคระบบทางเดินหายใจ
2. การขนยา้ ยไก่ไปอยทู่ ่ีใหม่ ทาใหไ้ ก่เกิดความเครียด ในกรณีที่จาเป็ นตอ้ งขนยา้ ยไก่ที่
กาลงั ไข่ เพอ่ื ไม่ใหไ้ ก่เกิดความเครียดมากเกินไปทาไดโ้ ดย
(1) เคล่ือนยา้ ยในเวลากลางคืน
(2) ก่อนยา้ ยไก่ตอ้ งมีท่ีใหน้ ้าและอาหารใหพ้ ร้อม และใหม้ ากกวา่ ปกติเป็นพเิ ศษ เม่ือ
ไก่ไปถึงจะไดม้ ีส่ิงที่ตอ้ งการอยา่ งเพียงพอและสะดวกสบาย
(3) ใหไ้ ก่กินอาหารไดเ้ ตม็ ท่ีในระยะ 7 วนั หลงั จากยา้ ยไก่เขา้ และอาจตอ้ งเสริมอาหาร
ท่ีมีโปรตีนและอาหารเสริมยาและวติ ามินในปริมาณสูง
3. การเปลี่ยนแปลงการเล้ียงดูโดยกะทนั หนั เช่น การเปล่ียนแปลงเวลาการเกบ็ ไข่ การ
เปล่ียนอาหาร การเปล่ียนโปรแกรมการใหแ้ สงสวา่ ง เป็ นตน้ หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ กต็ าม ท่ี
เป็นไปอยา่ งรวดเร็ว เช่น การเดินหรือเคล่ือนไหวในขณะทางานภายในคอก การทาใหเ้ กิดเสียงดงั
ข้ึนมาอยา่ งกะทนั หนั อาจทาใหไ้ ก่ตื่นตกใจ และเกิดความเครียดข้ึนได้
4. การตดั ปากไก่
5. การบาดเจบ็ และการจบั ไก่เนื่องสาเหตุต่างๆ มีผลทาใหไ้ ก่เกิดความเครียดได้ ดงั น้นั ถา้
จาเป็นจะตอ้ งทาดว้ ยความระมดั ระวงั เพ่อื ใหเ้ กิดผลเสียนอ้ ยท่ีสุด
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 111
4. การปฏบิ ตั ิทางการเกษตรทด่ี ี สาหรับฟาร์มไก่ไข่
เจา้ ของธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ ตอ้ งปฏิบตั ิตามแนวปฏิบตั ิในการใชม้ าตรฐานสินคา้ เกษตรตามที่
สานกั งานมาตรฐานสินคา้ เกษตรและอาหารแห่งชาติ (2562) ไดก้ าหนดการปฏิบตั ิทางการเกษตรท่ี
ดีสาหรับฟาร์มไก่ไข่ (มกษ. 6909-2562) มาตรฐานฉบบั น้ีไม่ครอบคลุมฟาร์มไก่ไขท่ ี่ไดร้ ับการ
รับรองมาตรฐานการเล้ียงระบบอ่ืน ท่ีรับรอง โดยกรมปศุสตั ว์ อาทิเช่น มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เล่ม
2 : ปศุสัตวอ์ ินทรีย์ (มกษ. 9000 เล่ม 2) และฟาร์มสัตวป์ ี กแบบเล้ียงปล่อยอิสระเน่ืองจากมีลกั ษณะ
การเล้ียงและแนวปฏิบตั ิท่ีแตกตา่ งกนั และมีการกาหนดมาตรฐานและระเบียบเฉพาะไวแ้ ลว้
มาตรฐานสินคา้ เกษตรน้ี กาหนดการปฏิบตั ิทางการเกษตรที่ดีสาหรับฟาร์มไก่ไข่ที่เล้ียงไก่
ไขเ่ พือ่ การคา้ จานวนต้งั แต่ 1,000 ตวั ข้ึนไป ครอบคลุมองคป์ ระกอบฟาร์ม การจดั การฟาร์ม อาหาร
น้า การจดั การ บุคลากร การจดั การสุขภาพสัตว์ การจดั การดา้ นสวสั ดิภาพสัตว์ การจดั การไก่รุ่น ไก่
ระยะไข่และไขไ่ ก่ การจดั การส่ิงแวดลอ้ ม การบนั ทึกขอ้ มูล โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ ใหไ้ ดไ้ ขไ่ ก่ท่ี
ปลอดภยั มีคุณภาพเหมาะสม ในการนาไปบริโภคเป็นอาหาร
ข้อกาหนด และแนวทางปฏบิ ัติตามมาตรฐานสินค้าเกษตร
1. องค์ประกอบฟาร์ม
1.1 สถานที่ต้งั
1.1.1 ต้ังอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีไม่เส่ียงจากการปนเป้ื อนของอันตรายทาง
กายภาพ เคมี และชีวภาพ หรือมีมาตรการป้องกนั ที่เหมาะสม
ฟาร์มไก่ไข่มีทาเลท่ีต้งั อยูใ่ นสภาพแวดล้อมที่ไม่เส่ียงจากการปนเป้ื อนของอนั ตราย
ทางกายภาพ เคมี และชีวภาพที่อาจเป็ นอนั ตรายต่อสุขอนามยั ของไก่ เช่น ไม่ต้งั อยู่ใกลโ้ รงงาน
อุตสาหกรรม สถานที่รวบรวม และกาจดั ขยะ และแหล่งรวมสัตวป์ ี ก หรือมีมาตรการป้องกนั ที่
เหมาะสม ฟาร์มไก่ไข่ควรต้งั อยู่ห่างจากแหล่งรวมสัตวป์ ี ก เช่น ตลาดคา้ สัตวป์ ี ก โรงฆ่าสัตวป์ ี ก
อย่างน้อย 5 กิโลเมตร เวน้ แต่มีมาตรการป้องกนั โรคที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกนั การแพร่ระบาด
ของโรคเขา้ สู่ฟาร์ม
นอกจากน้ีฟาร์มไก่ไข่ควรต้งั อยใู่ นพ้นื ท่ีท่ีเหมาะสาหรับการจดั การเล้ียงไก่ไข่ เช่น การ
คมนาคมสะดวก ไม่มีน้าท่วมขงั มีแหล่งน้าสะอาดเพียงพอต่อการเล้ียงสัตว์ เป็ นบริเวณที่อากาศ
สามารถถ่ายเทไดด้ ี ควรอยู่ ห่างจากแหล่งชุมชน
1.2 ผงั และลกั ษณะฟาร์ม
1.2.1 ฟาร์มมีขนาดพ้นื ท่ีเหมาะสมไม่หนาแน่นจนก่อใหเ้ กิดปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 112
ฟาร์มไก่ไข่ตอ้ งมีพ้ืนที่เหมาะสมกบั จานวนโรงเรือน ไม่หนาแน่นจนก่อใหเ้ กิดปัญหา
สิ่งแวดลอ้ ม เช่น เกิดกล่ินไม่พึงประสงค์ ท้งั น้ี ขนาดพ้ืนที่ที่เหมาะสมควรคานึงถึงพ้ืนท่ีปฏิบตั ิงาน
อื่นๆ ท่ีจาเป็นดว้ ย เพอ่ื ให้ ดาเนินการจดั การฟาร์มไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
1.2.2 มีการวางผงั ฟาร์มที่เอ้ือตอ่ การปฏิบตั ิอยา่ งถูกสุขลกั ษณะและสุขอนามยั
สตั ว์ และแยกพ้ืนท่ีปฏิบตั ิงานเป็นสดั ส่วน
ฟาร์มตอ้ งมีการวางผงั ฟาร์มท่ีดี สาหรับการจดั แบง่ การก่อสร้างโรงเรือนอยา่ งมีระเบียบ
สอดคลอ้ งกบั การปฏิบตั ิงาน จดั แบ่งพ้ืนท่ีให้เป็ นสัดส่วนและมีผงั แสดงการจดั วางท่ีแน่นอน เช่น
บริเวณพ้ืนท่ีเล้ียงสัตว์ ตาแหน่งที่ต้งั ของโรงเรือน สถานที่รวบรวมไข่ โรงเก็บอาหารสัตว์ โรงเก็บ
อุปกรณ์ พ้นื ท่ีทาลายซากสัตว์ อาคารต่างๆ สานกั งาน ทางเขา้ -ออก พ้ืนท่ีรวบรวมขยะและของเสีย มี
ร้ัวหรือแนวก้นั ธรรมชาติรอบบริเวณ พ้ืนท่ีเล้ียงไก่ไข่ที่สามารถควบคุมการเขา้ -ออกของคนและ
สัตวต์ ่างๆ เช่น สุนขั แมว ถนนภายในฟาร์ม มีสภาพเหมาะสม มีความกวา้ งที่เหมาะในการขนส่ง
ลาเลียงอุปกรณ์ อาหารสัตว์ รวมท้งั ผลิตผลท่ีเขา้ -ออกฟาร์ม อาคารสานกั งาน ท่ีพกั อาศยั ตอ้ งแยก
เป็ นสัดส่วน อยู่ห่างและอยู่นอกบริเวณเล้ียงสัตว์ เพื่อให้สะดวก ในการปฏิบัติงานอย่างถูก
สุขลกั ษณะ สามารถป้องกนั และควบคุมโรคภายในฟาร์มได้
1.2.3 มีบริเวณหรือสถานท่ีเก็บรวบรวมไขไ่ ก่ก่อนเคล่ือนยา้ ยออกนอกฟาร์ม
มีบริเวณรวบรวมและเก็บรักษาไข่ไก่เป็ นสัดส่วน อาจเป็ นพ้ืนท่ี หรือห้อง หรือ
โรงเรือน ที่เหมาะสม กบั การปฎิบตั ิงานตามสภาพของฟาร์ม มีการดูแลสถานท่ีให้สะอาดถูก
สุขลกั ษณะ โดยใช้ภาชนะเก็บไข่ ที่เหมาะสมในการรวบรวม สะดวกในการปฏิบตั ิงานอย่างถูก
สุขลกั ษณะและลดการปนเป้ื อน
1.3 โรงเรือน
1.3.1 มีการวางผงั ที่แสดงตาแหน่งอุปกรณ์ซ่ึงเอ้ือต่อการเล้ียงไก่ไข่
มีการวางผงั โรงเรือนท่ีแสดงตาแหน่งอุปกรณ์ที่ใชเ้ ล้ียงไก่ไข่ เช่น ตาแหน่งที่ให้อาหาร
น้า ซ่ึงเอ้ือต่อ การเข้าถึงอาหารและน้าของไก่ไข่โรงเรือนต้องมีลักษณะและขนาดที่เพียงพอ
เหมาะสมกบั จานวนไก่ไข่ ท่ีเล้ียง ใหไ้ ก่เคล่ือนไหวไดอ้ ยา่ งอิสระ และไม่หนาแน่นเกินไป เพ่ือให้
เอ้ือต่อการเล้ียงไก่ไดอ้ ยา่ ง ถูกสุขลกั ษณะ และเป็นไปตามหลกั สวสั ดิภาพสตั ว์
1.3.2 มีพ้ืนที่เพยี งพอในการเล้ียงไก่ไข่โดยคานึงถึงหลกั สวสั ดิภาพสตั ว์
ฟาร์มไก่ไขค่ วรมีระยะห่างระหวา่ งโรงเรือนที่เหมาะสมต่อการจดั การฟาร์ม บริเวณ
หนา้ ประตูของโรงเรือน ตอ้ งมีระบบป้องกนั เช้ือเขา้ -ออกจากโรงเรือน เช่น อ่างน้ายาฆ่าเช้ือสาหรับ
จุม่ เทา้ เปลี่ยนหรือหุม้ รองเทา้ ก่อนเขา้ -ออกโรงเรือน และตอ้ งป้องกนั สัตวป์ ี กหรือสัตวพ์ าหะนาเช้ือ
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 113
ชนิดอื่นเขา้ มาในโรงเรือน เช่น มีตาขา่ ย นอกจากน้ีในโรงเรือนระบบปิ ดควรควบคุมสภาพแวดลอ้ ม
ของโรงเรือนใหเ้ หมาะสม ไมใ่ หเ้ กิดอนั ตราย ต่อไก่ไข่ได้ ดงั น้ี
1) ควบคุมการหมุนเวยี นอากาศใหเ้ หมาะสมกบั อายแุ ละฤดูกาล
2) ควบคุมอุณหภูมิ ความช้ืนสัมพทั ธ์ ความเร็วลม และฝ่ นุ ละอองใหเ้ หมาะสม
โดยใหไ้ ก่อยอู่ ยา่ งสบาย
3) ควบคุมปริมาณแกส๊ (ตรวจวดั ท่ีระดบั หวั ไก่) โดยมีปริมาณแกส็ แอมโมเนียใน
โรงเรือน ไมเ่ กิน 20 พพี เี อม็ และมีปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ไมเ่ กิน 3,000 พีพีเอม็
1.3.3 มีความแขง็ แรง ถูกสุขลกั ษณะ ระบายอากาศไดด้ ี ง่ายตอ่ การบารุงรักษา
ทาความสะอาดและฆา่ เช้ือ รวมท้งั มีลกั ษณะท่ีเหมาะสมตอ่ การวางไข่และการเก็บไข่
โรงเรือนควรมีโครงสร้างแข็งแรง สร้างดว้ ยวสั ดุคงทน ง่ายตอ่ การทาความสะอาดและ
บารุงรักษาและ มีการระบายอากาศที่ดี วสั ดุที่ใชใ้ นการสร้างโรงเรือนไม่ควรมีส่วนยน่ื ที่แหลมคมซ่ึง
ทาใหไ้ ก่ไดร้ ับอนั ตราย และควรเป็ นชนิดที่สามารถทาความสะอาดและฆา่ เช้ือได้ ในช่วงไก่ระยะไข่
ควรมีโรงเรือน และ/หรือ อุปกรณ์ รองรับไข่ที่เอ้ือต่อการวางไข่และเกบ็ ไขไ่ ดง้ ่าย ถูกสุขลกั ษณะ
2. การจัดการฟาร์ม
2.1 คูม่ ือการจดั การฟาร์ม
2.1.1 มีคู่มือการจดั การฟาร์มที่แสดงให้เห็นรายละเอียดการปฏิบตั ิงานที่สาคญั
ภายในฟาร์ม ไดแ้ ก่ ระบบการเล้ียง การจดั การอาหารและน้า การจดั การดา้ นสุขภาพ และการจดั การ
ดา้ นสวสั ดิภาพสตั วป์ ี ก
ฟาร์มไก่ไข่ตอ้ งมีคู่มือการจดั การฟาร์มแสดงใหเ้ ห็นระบบการเล้ียง อาหารและน้า การ
จดั การดา้ นสุขภาพ การจดั การดา้ นสวสั ดิภาพสัตวป์ ี ก ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ดงั ตอ่ ไปน้ี
- ระบบการเล้ียง เช่น การเตรียมโรงเรือน การกกลูกไก่ การเล้ียงไก่รุ่น การเล้ียงไก่ระยะ
ไข่ หรือตามระยะ การเล้ียงของการจดั การแตล่ ะฟาร์ม การปลดระวางไก่ การเก็บผลผลิต เช่น การ
เกบ็ ไข่ การคดั ไขแ่ ละ การทาความสะอาด การเก็บรักษาไข่ และการทาลายไขท่ ่ีเสียหาย การจดั การ
เรื่องสุขาภิบาลและสิ่งแวดลอ้ ม เช่น แสงสวา่ ง อุณหภูมิ ความช้ืน การระบายอากาศ และการกาจดั
ของเสีย
- การจดั การอาหารและน้า เช่น อาหารสาหรับไก่ไข่ และน้า
- การจดั การดา้ นสุขภาพ เช่น การควบคุม กาจดั สัตวพ์ าหะนาโรคและการจดั การดา้ น
สุขภาพสัตว์ เช่น โปรแกรมการใชว้ คั ซีนป้องกนั โรค การสุ่มตรวจสภาวะโรคและระดบั ภูมิคุม้ กนั
โรค การจดั การไก่ป่ วย ไก่ตาย การใชย้ าสตั ว์ และการจดั การดา้ นสวสั ดิภาพสัตวป์ ี ก
2.2 การจดั การอาหารและน้าที่ใชเ้ ล้ียงไก่
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 114
2.2.1 อาหารไก่ไข่สาเร็จรูปและหวั อาหารสัตวต์ อ้ งมีคุณภาพและมาตรฐานตาม
กฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ เพื่อให้มนั่ ใจว่าไดอ้ าหารไก่ไข่ที่มีคุณภาพและมี
ความปลอดภยั ตอ้ งซ้ือจากผูท้ ่ีไดร้ ับใบอนุญาตตามพระราชบญั ญตั ิควบคุม คุณภาพอาหารสัตว์
พ.ศ. 2558 และฉบบั แกไ้ ขเพ่มิ เติม
อาหารไก่ไข่ท่ีใชค้ วรเหมาะสมกบั ความตอ้ งการทางโภชนาการในแต่ละช่วงอายุและ
สายพนั ธุ์ ขนส่งอาหารไก่ไข่ดว้ ยพาหนะท่ีเหมาะสม ส่วนท่ีใชบ้ รรทุกควรแหง้ และสะอาด เหมาะ
ต่อการขนส่งอาหาร ไก่ไข่
ในการตรวจรับอาหารไก่ไข่ควรมีการตรวจสอบอาหารสัตวท์ างกายภาพเบ้ืองตน้
อยา่ งสม่าเสมอ เช่น สุ่มตรวจ อาหารไก่ไข่วา่ ไม่มีลกั ษณะ สี กล่ินท่ีผิดปกติ หรือรวมตวั เป็ นกอ้ น
กรณีอาหารไก่ไข่บรรจุถุงให้ตรวจภาชนะ บรรจุว่าไม่ฉีกขาด แตก ชารุด และควรมีฉลากหรือ
เอกสารกากบั สินคา้ ท่ีถูกตอ้ ง
2.2.2 ในกรณีท่ีผสมอาหารไก่ไข่เอง หรือนาอาหารจากขอ้ 2.2.1 มาผสม หา้ มใช้
สารตอ้ งหา้ มตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคุมคุณภาพอาหารสตั ว์
2.2.3 ตรวจสอบคุณภาพอาหารไก่ไขท่ างกายภาพในเบ้ืองตน้ และเก็บตวั อยา่ งไว้
เพื่อใช้ วเิ คราะห์กรณีมีปัญหา เก็บตวั อยา่ งอาหารไก่ไข่ท่ีใชใ้ นฟาร์ม เพื่อเป็ นตวั อยา่ งสาหรับการ
ส่งตรวจยืนยนั ทางห้องปฏิบตั ิการ กรณีเกิดปัญหาสุขภาพที่สงสัยว่าอาจมีสาเหตุจากอาหารข้ึน
ภายหลงั
2.2.4 มีสถานท่ีเก็บอาหารไก่ไข่โดยแยกต่างหาก และเก็บอาหารในสภาพท่ี
ป้องกันการเสื่อมสภาพและปนเป้ื อน ฟาร์มไก่ไข่ตอ้ งจดั ให้มีสถานท่ีเฉพาะเพื่อแยกเก็บรักษา
วตั ถุดิบและอาหารไก่ไข่ท่ีผสมแลว้ โดยตอ้ งเป็ น สถานที่ท่ีสะอาด แห้ง ระบายอากาศไดด้ ี ปลอด
จากแมลงและสัตวพ์ าหะนาโรคต่างๆ สามารถป้องกนั การปนเป้ื อนและรักษาคุณภาพของอาหาร
ไม่ให้เสื่อมสภาพ โดยอาหารไก่ไข่ท่ีบรรจุในถุงตอ้ งวางอยู่บน วสั ดุรองพ้ืน เช่น พาเลท (pallet)
เพือ่ ใหอ้ ากาศถ่ายเทและป้องกนั ความช้ืนได้
2.2.5 มีการจดั การใหไ้ ก่ไข่ทุกตวั ไดร้ ับอาหารและน้าอยา่ งเพยี งพอ ภาชนะบรรจุ
อาหารไก่ไข่ควรสะอาด แหง้ กนั ความช้ืนได้ ไม่เคยใชบ้ รรจุวตั ถุมีพิษ ป๋ ุย หรือวตั ถุอ่ืนใดที่อาจ เป็น
อนั ตรายตอ่ ไก่ไข่ ไม่มีสารที่อาจปนเป้ื อนกบั อาหารไก่ไข่ และถา้ ถูกเคลือบดว้ ยสารอื่น สารดงั กล่าว
ตอ้ งไม่เป็ นอนั ตรายต่อไก่ไข่ การให้อาหารและน้าควรใชภ้ าชนะที่เหมาะสม ปริมาณเพียงพอและ
วางไวใ้ นตาแหน่งที่เหมาะสมเพือ่ ใหไ้ ก่ ไดร้ ับอาหารและน้าอยา่ งทว่ั ถึง
ภาชนะใหอ้ าหาร
- ไก่รุ่น ความยาวของภาชนะใหอ้ าหารไม่นอ้ ยกวา่ 5 cm (เซนติเมตร) ต่อไก่ 1 ตวั
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 115
- ไก่ระยะไข่ ความยาวของภาชนะใหอ้ าหารไมน่ อ้ ยกวา่ 10 cm ตอ่ ไก่ 1 ตวั
ภาชนะใหน้ ้า
- ไก่รุ่นและไก่ระยะไข่ ความยาวของภาชนะใหน้ ้าหรือรางน้าอยา่ งนอ้ ย 2.5 cm ต่อไก่
1 ตวั หวั จา่ ยน้าอตั โนมตั ิ หรือ nipple 1 หวั ต่อไก่ ไมเ่ กิน 15 ตวั
หรือ ใหจ้ ดั การตามคูม่ ือการเล้ียงไก่ไข่ของแต่ละสายพนั ธุ์
2.2.6 น้าท่ีใชเ้ ล้ียงไก่ไข่ตอ้ งสะอาดและมีผลตรวจวิเคราะห์คุณภาพ น้าที่ใหไ้ ก่
ไขก่ ินมีปริมาณเพียงพอ เป็นน้าสะอาด โดยมีปริมาณโลหะหนกั และจุลินทรียเ์ ป็นไปตามเกณฑ์
2.3 การจดั การโรงเรือนและอุปกรณ์
2.3.1 โรงเรื อน อุปกรณ์ และบริ เวณโดยรอบโรงเรื อนต้องสะอาด และ
บารุงรักษาให้อยู่ในสภาพดีและถูกสุขลักษณะ โรงเรือนและอุปกรณ์ท่ีใช้เล้ียงไก่ไข่ต้องมีการ
ซ่อมแซมบารุงรักษาใหอ้ ยูใ่ นสภาพดี มีความปลอดภยั ต่อไก่ และผูป้ ฏิบตั ิงาน มีการตรวจสอบการ
ทางานของเคร่ืองมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่สาคญั อย่างน้อยวนั ละคร้ัง เช่น อุปกรณ์การเล้ียงแบบ
อตั โนมตั ิท่ีจาเป็ นต่อสวสั ดิภาพสัตว์ ควรมีการตรวจสภาพการทางานทุกวนั ถ้าพบวา่ ชารุดตอ้ ง
ดาเนินการแกไ้ ขทนั ที หรือมีข้นั ตอนที่เหมาะสมในการปกป้องสุขภาพสัตว์ และมีระบบ ระบาย
อากาศท่ีดีเพ่ือให้สัตวไ์ ดร้ ับอากาศเพียงพอ มีอุปกรณ์สารองเม่ือเกิดเสียหาย และมีสัญญาณเตือน
กรณีระบบขดั ขอ้ งโดยมีการตรวจสอบระบบสญั ญาณเตือนอยา่ งสม่าเสมอ
2.3.2 ใหท้ าความสะอาด ฆ่าเช้ือโรงเรือน และอุปกรณ์ หลงั จากยา้ ยไก่ไข่รุ่นเก่า
ออก และปิ ดพกั โรงเรือนในระยะเวลาที่เพียงพอต่อการตดั วงจรเช้ือโรคไม่ให้สะสมในโรงเรือน
เวน้ แต่กรมปศุสัตวก์ าหนดเป็ นอยา่ งอ่ืนในแต่ละพ้นื ท่ี ฟาร์มไก่ไข่ตอ้ งมีระบบการทาความสะอาด
และฆ่าเช้ือโรงเรือน อุปกรณ์และบริเวณโดยรอบอยา่ งมีประสิทธิภาพ ถูกสุขลกั ษณะ โดยพ้ืนที่รอบ
โรงเรือนอยา่ งนอ้ ย 3 เมตร ควรสะอาด และไม่มีขยะ โรงเรือนและอุปกรณ์ ที่เก่ียวขอ้ งกบั การเล้ียง
ไก่ไข่ เช่น ภาชนะให้อาหารและน้า จะตอ้ งทาความสะอาดอย่างทวั่ ถึง ก่อนนาไก่เขา้ เล้ียง ให้ถูก
สุขลกั ษณะและสะดวกในการปฏิบตั ิงาน
วสั ดุรองพ้ืนท่ีใช้ภายในต้องมีลักษณะแห้งสะอาดและอยู่ในสภาพดี ฆ่าเช้ือก่อน
นามาใช้ หรือก่อนนาไก่เขา้ เล้ียง ในกรณีที่พบวสั ดุรองพ้ืนท่ีเปี ยก หรือจบั เป็ นกอ้ น ให้ตกั ออกจาก
โรงเรือนทนั ที กรณีการเล้ียงในกรงตบั มีการนามูลไก่ออกจากโรงเรือนอยา่ งสม่าเสมอ เพอื่ ป้องกนั
กล่ินและการสะสมเช้ือโรค
นอกจากน้ีฟาร์มไก่ไข่ตอ้ งมีการพกั โรงเรือนหลงั จากยา้ ยไก่รุ่นเก่าออก โดยทาความ
สะอาดและฆ่าเช้ือ โรงเรือนและอุปกรณ์ให้เรียบร้อยและปิ ดพกั โรงเรือนก่อนนาไก่ชุดใหม่เขา้ เล้ียง
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 116
ในระยะเวลาที่เพียงพอ ต่อการตดั วงจรเช้ือโรคไม่ใหส้ ะสมในโรงเรือน เวน้ แต่กรมปศุสัตวก์ าหนด
ระยะเวลาปิ ดพกั โรงเรือนเฉพาะ ในแตล่ ะพ้ืนที่
2.3.3 ภาชนะเก็บไข่ เช่น ถาดไข่ เหมาะสมและถูกสุขลกั ษณะ
2.3.4 ใหท้ าความสะอาดและฆา่ เช้ือภาชนะเกบ็ ไข่ ก่อนนาเขา้ ในบริเวณพ้ืนท่ี
เล้ียงไก่ไข่ และก่อนการนาไปใชง้ านทุกคร้ัง
3. บุคลากร
3.1 มีการจดั แบ่งหน้าท่ีและความรับผิดชอบของบุคลากรอย่างชัดเจน ฟาร์มไก่ไข่
ตอ้ งมีจานวนบุคลากรอยา่ งเพียงพอ เหมาะสมกบั จานวนไก่ไข่ที่เล้ียง มีการจดั แบง่ หนา้ ท่ี และความ
รับผดิ ชอบในแต่ละตาแหน่งอยา่ งชดั เจน
3.2 มีบุคลากรผูเ้ ล้ียงไก่ไข่ สัตวบาลหรือบุคลากรท่ีไดร้ ับการอบรมหลกั สูตรดา้ นสัตว
บาล เป็นผคู้ วบคุมดูแลการเล้ียงไก่ไข่ และสตั วแพทยท์ ี่มีใบรับรองเป็ นสัตวแพทยผ์ คู้ วบคุม ฟาร์ม
สัตวป์ ี ก จานวนพอเหมาะกบั จานวนไก่ไข่ท่ีเล้ียง
3.3 บุคลากรที่ทาหน้าที่เล้ียงไก่ไข่ต้องมีความรู้ โดยได้รับการฝึ กอบรมหรือการ
ฝึกอบรม ในขณะปฏิบตั ิงานในการเล้ียงไก่ไขเ่ พอื่ ใหจ้ ดั การฟาร์มได้ บุคลากรที่ดูแลเล้ียงไก่ ตอ้ งมี
ความรู้ ความชานาญในการดูแลไก่เป็ นอยา่ งดี โดยไดร้ ับการฝึ กอบรม หรือการฝึ กอบรมในขณะ
ปฏิบตั ิงาน เพื่อพฒั นาทกั ษะอยา่ งต่อเนื่อง และควรบนั ทึกขอ้ มูลการฝึ กอบรม หรือการฝึ กอบรม
ในขณะปฏิบตั ิงานในประวตั ิบุคลากร
3.4 มีการดูแลสุขลกั ษณะส่วนบุคคลท่ีดีเพอื่ ป้องกนั ไม่ใหเ้ กิดการปนเป้ื อนและแพร่เช้ือ
ฟาร์มตอ้ งมีการดูแลสุขลกั ษณะส่วนบุคคล โดยห้ามผูท้ ี่มีอาการเจบ็ ป่ วย หรือบาดเจ็บ เช่น อาการ
ทอ้ งร่วง อาเจียน เจบ็ คอ มีไข้ เขา้ ปฏิบตั ิงานในโรงเรือน ท้งั น้ีควรแจง้ ผปู้ ระกอบการ/ผจู้ ดั การฟาร์ม
ใหท้ ราบดว้ ย และควรไดร้ ับการตรวจสุขภาพ เป็นประจาทุกปี อยา่ งนอ้ ยปี ละ 1 คร้ัง
4. สุขภาพสตั ว์
4.1 การป้องกนั และควบคุมโรค
4.1.1 มีหลกั ฐานหรือเอกสารระบุแหล่งท่ีมาของไก่ไข่ ไก่ไข่ท่ีนามาเล้ียง ตอ้ งมี
หลกั ฐานระบุแหล่งที่มาได้ เช่น ใบอนุญาตเคลื่อนยา้ ยที่แสดงแหล่งท่ีมาของไก่ไข่ ฟาร์มไก่ไข่ตอ้ งมี
มาตรการป้องกนั ควบคุม และกาจดั เช้ือโรคเขา้ สู่ฟาร์มจากบุคคล ยานพาหนะ และอุปกรณ์ รวมท้งั
มีมาตรการควบคุมสัตวพ์ าหะนาเช้ือ ท่ีแสดงให้เห็นวา่ เหมาะสมกบั การป้องกนั หรือลดความเส่ียง
ในการนาเช้ือโรคเขา้ สู่หรือออกจากฟาร์ม
4.1.2 มีมาตรการป้องกัน ควบคุม และกาจัดเช้ือโรคเข้าสู่ฟาร์มจากบุคคล
ยานพาหนะ วสั ดุและอุปกรณ์ รวมท้งั สตั วพ์ าหะนาเช้ือ การใชส้ ารเคมี ยาฆา่ เช้ือ หรือวตั ถุอนั ตราย
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 117
ที่ใชใ้ นฟาร์มปศุสัตวใ์ หใ้ ชต้ ามคาแนะนาในฉลากผลิตภณั ฑ์ ท่ีข้ึนทะเบียนกบั กรมปศุสัตว์ หรือตาม
คาแนะนาของสัตวแพทย์
4.1.3 มีแผนเฝ้าระวงั และป้องกนั โรคโดยสัตวแพทยผ์ ูค้ วบคุมฟาร์ม สัตวแพทย์
ผคู้ วบคุมฟาร์มตอ้ งกาหนดแผนเฝ้าระวงั และป้องกนั โรคในฟาร์มท่ีสอดคลอ้ งกบั แผนของกรมปศุ
สัตว์ เช่น การทาวคั ซีนในไก่ทุกตวั เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค ท้งั น้ีฟาร์มควรมีมาตรการ ที่
เหมาะสมกบั สภาพฟาร์ม เพอ่ื ป้องกนั ความเส่ียงในการนาเช้ือโรคเขา้ สู่ฟาร์ม ที่มาจาก
1. บุคคล
1.1 มีมาตรการป้องกนั การเขา้ -ออกฟาร์ม ของบุคคลภายนอกหรือผูไ้ ม่ได้รับ
อนุญาต
1.2 มีการบนั ทึกการผา่ นเขา้ -ออก และเวลาที่เขา้ -ออกจากฟาร์มของบุคคลเพื่อให้
ตรวจสอบได้
1.3 ใหฆ้ า่ เช้ือรองเทา้ และมือของบุคคลท่ีจะเขา้ เขตฟาร์ม ท่ีทางเขา้ ฟาร์ม
1.4 ก่อนเข้าพ้ืนท่ีเล้ียงไก่ ให้อาบน้าฆ่าเช้ือ เปลี่ยนชุดและรองเท้าท่ีฟาร์ม
จดั เตรียมไวใ้ ห้ หอ้ งอาบน้าฆ่าเช้ือ ประกอบดว้ ย - บริเวณเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อนเขา้ บริเวณฉีด
พน่ น้ายาฆา่ เช้ือ - บริเวณฉีดพน่ น้ายาฆา่ เช้ือมีระยะทางพอประมาณ พ้ืนไม่ล่ืน - บริเวณอาบน้าหลงั
ผา่ นน้ายาฆ่าเช้ือ - บริเวณเปลี่ยนเคร่ืองแต่งกาย รองเทา้ ก่อนเขา้ พ้นื ท่ีเล้ียงไก่
1.5 แยกผปู้ ฏิบตั ิงานในการดาเนินกิจกรรมแต่ละโรงเรือนอยา่ งชดั เจน กรณีที่ไม่
สามารถแยกผปู้ ฏิบตั ิงาน ไดต้ อ้ งมีมาตรการท่ีเหมาะสมในการป้องกนั การปนเป้ื อนขา้ ม
2. ยานพาหนะ
2.1 มีมาตรการป้องกนั การเขา้ -ออกฟาร์มของยานพาหนะ
2.2 มีการทาความสะอาดและฆ่าเช้ือยานพาหนะที่เขา้ -ออกฟาร์มหรือเขตพ้ืนที่
เล้ียงไก่อยา่ งเขม้ งวด ยานพาหนะตอ้ งผา่ นการฉีดพ่นดว้ ยน้ายาฆ่าเช้ือ หรือผา่ นโรงพน่ และบ่อน้ายา
ฆ่าเช้ือโรค (ผสมน้ายาฆ่าเช้ือ ในอตั ราส่วนที่ระบุตามเอกสารกากบั หรือตามคาแนะนาของสัตว
แพทย)์
2.3 มีการบนั ทึกการผา่ นเขา้ -ออก และเวลาท่ีเขา้ -ออกจากฟาร์มของยานพาหนะ
ทุกชนิดเพื่อใหต้ รวจสอบได้
2.4 ยานพาหนะท่ีใชใ้ นฟาร์มและนอกฟาร์ม ไม่ควรใชร้ ่วมกนั
2.5 พ้ืนท่ีที่ใช้ในการฆ่าเช้ือยานพาหนะตอ้ งเป็ นพ้ืนคอนกรีต หรือวสั ดุชนิดท่ี
ทนทาน ง่ายตอ่ การทาความสะอาด
3. วสั ดุและอุปกรณ์
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 118
3.1 ให้แยกอุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละโรงเรือน เช่น ภาชนะเก็บไข่ ถาดไข่ เพื่อ
ป้องกนั การปนเป้ื อนข้าม ในกรณี ที่มีการใช้อุปกรณ์ร่วมกนั ตอ้ งมีมาตรการที่เหมาะสมในการ
ป้องกนั การปนเป้ื อนขา้ ม มีการรักษาความสะอาด อยา่ งสม่าเสมอ ฆ่าเช้ือทุกคร้ังหลงั ใชง้ านเสร็จ
3.2 มีวิธีการฆ่าเช้ือและมีมาตรการการควบคุมวสั ดุ อุปกรณ์เขา้ -ออกฟาร์ม เพ่ือ
ป้องกนั การปนเป้ื อน ของเช้ือโรคจากวสั ดุ อุปกรณ์ต่างๆ
4. อ่ืนๆ
4.1 บริเวณประตูเขา้ ฟาร์มตอ้ งมีมาตรการท่ีเขม้ งวด ประตูตอ้ งปิ ดตลอดเวลา จะ
เปิ ดใหเ้ ขา้ ไดเ้ มื่อไดร้ ับ อนุญาตจากผรู้ ับผดิ ชอบ
4.2 มีร้ัวรอบบริเวณพ้ืนที่เล้ียงไก่
4.3 มีมาตรการป้องกนั การสะสมของเช้ือโรคในเขตพ้ืนที่เล้ียงไก่ เช่น มีเครื่อง
พน่ น้ายาฆา่ เช้ือโรคท่ีเหมาะสม กบั ขนาดของฟาร์มและสามารถใชง้ านไดเ้ ป็นอยา่ งดี
4.4 มีการป้องกนั ควบคุมสัตวพ์ าหะนาเช้ือไม่ใหเ้ ป็ นแหล่งของเช้ือโรคท่ีมี
ผลกระทบตอ่ สุขภาพและสุขลกั ษณะ
4.1.4 ตรวจติดตามสุขภาพไก่ไข่ประจาวนั และมีการจดั การซากสตั วท์ ่ีเหมาะสม
การติดตามสุขภาพไก่ไข่ประจาวนั ควรทาอย่างน้อยวนั ละคร้ัง ซ่ึงตอ้ งระบุฝูงสัตว์ เช่น
ระบุโรงเรือน รหสั ฝงู เพื่อตรวจสอบสุขภาพไก่จากผลผลิตประจาวนั เช่น ปริมาณไข่ คุณภาพ ขนาด
ลกั ษณะและสีผิวเปลือกไข่ ร่วมกบั การสังเกตความผดิ ปกติของไก่ ในกรณีท่ีพบอตั ราการป่ วยหรือ
ตายผดิ ปกติ ตอ้ งแจง้ สตั วแพทย์ ผคู้ วบคุมฟาร์ม
ทุกคร้ังท่ีมีการตรวจสอบและพบซากสัตวใ์ ห้เก็บออกจากโรงเรือนทนั ที โดยนาใส่ในวสั ดุ
หรือภาชนะกนั น้า ท่ีปิ ดมิดชิด
ในภาวะปกติ ใหท้ าลายซากสัตว์ โดยมีพ้นื ที่และวธิ ีการท่ีเหมาะสมดงั ตอ่ ไปน้ี
1) การทาลายโดยการฝัง มีเน้ือที่เพียงพอ และอยูใ่ นบริเวณน้าท่วมไม่ถึง ฝังซากสัตว์
โดยให้ส่วนบนสุด ของซากสัตวอ์ ยู่ใตร้ ะดบั ผิวดินไม่น้อยกว่า 50 cm และใช้สารเคมีท่ีสามารถ
ทาลายเช้ือจุลินทรียห์ รือ เช้ือโรคต่างๆ โดยการแช่ ราด หรือโรยที่ส่วนต่างๆ ของซากน้นั จนทวั่
รวมถึงบริเวณปากหลุมที่ฝังซากน้นั ดว้ ย กรณีเป็ นหลุมฝังถาวร ควรมีฝาปิ ดมิดชิดไม่ใหส้ ัตวไ์ ปคุย้
เขี่ย
2) การทาลายโดยการเผา มีสถานที่เผา หรือเตาเผา อยูใ่ นบริเวณท่ีเหมาะสม และกาจดั
ซากสตั วใ์ หห้ มด
3) การทาลายโดยการกลบทบั และยอ่ ยสลาย (composting) มีพ้ืนที่สาหรับการกลบทบั
และหมกั ซากสัตว์ ท่ีเหมาะสมและมนั่ ใจได้ว่าอุณหภูมิในการหมกั ทาให้เกิดการย่อยสลายอย่าง
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 119
สมบูรณ์ ไม่มีความเส่ียง ต่อการเป็ นแหล่งแพร่เช้ือหรือพาหะนาเช้ือ และมีข้นั ตอนปฏิบตั ิถูกตอ้ ง
ตามหลกั ความปลอดภยั ทางชีวภาพ
4) การทาลายซากสัตวด์ ว้ ยวิธีอ่ืน ให้ปฏิบตั ิตามแนวทางปฏิบตั ิการนาซากสัตวท์ ี่ตาย
ปกติหรือคดั ทิ้ง ออกจากฟาร์ม ซ่ึงกรมปศุสตั วก์ าหนด
5) กรณีไข่เสียและไข่คดั ทิ้งที่ไม่เหมาะสมกบั การบริโภคให้บรรจุในภาชนะที่มิดชิด
เพ่อื นาไปจดั การดว้ ยวธิ ี ที่เหมาะสมต่อไป
4.1.5 กรณีเกิดโรคระบาดหรือสงสัยวา่ เกิดโรคระบาดให้ปฏิบตั ิตามกฎหมายวา่
ด้วยโรคระบาดสัตว์ ในกรณีเกิดโรคระบาดหรื อสงสัยว่าเกิดโรคระบาดต้องปฏิบัติตาม
พระราชบญั ญตั ิโรคระบาดสตั ว์ พ.ศ. 2558 และฉบบั แกไ้ ขเพม่ิ เติม
4.2 การบาบดั รักษาโรค
4.2.1 การบาบดั รักษาโรคสัตว์ ตอ้ งอยู่ภายใต้ความดูแลของสัตวแพทย์ โดย
ปฏิบตั ิตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวชิ าชีพการสตั วแพทย์ และตามกฎหมายที่เก่ียวขอ้ ง การบาบดั รักษาโรค
สัตว์ การใช้ยาสัตวร์ วมถึงวตั ถุอนั ตรายท่ีใชใ้ นฟาร์ม ให้อยูภ่ ายใตก้ ารกากบั ดูแลของ สัตวแพทยผ์ ู้
ควบคุมฟาร์ม หา้ มใชส้ ารตอ้ งหา้ มตามที่กฎหมายกาหนด และตอ้ งบนั ทึกขอ้ มูลการบาบดั รักษาโรค
การใชย้ าสตั วร์ วมถึงวตั ถุอนั ตรายท่ีใชใ้ นฟาร์ม
5. สวสั ดิภาพสตั ว์
5.1 ดูแลไก่ไข่ใหม้ ีความเป็นอยตู่ ามหลกั สวสั ดิภาพสัตว์ ฟาร์มไก่ไข่ตอ้ งมีการจดั การ
ดา้ นสวสั ดิภาพสัตว์ เคล่ือนยา้ ยไก่ไข่อยา่ งระมดั ระวงั ไม่ใหไ้ ดร้ ับบาดเจบ็ มีการตรวจสอบสุขภาพ
ไก่ไข่อยา่ งสม่าเสมอ ในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม สาหรับไก่ไขท่ ี่ป่ วย บาดเจบ็ ควรมีการ
ดาเนินการอยา่ งเหมาะสมโดยเร็ว เพ่ือไม่ใหเ้ ป็นการทรมานสตั ว์
6. การจดั การไก่รุ่น ไก่ระยะไขแ่ ละไข่ไก่
6.1 ไก่รุ่นและไก่ระยะไข่
6.1.1 สุ่มตรวจสุขภาพ ขนาดและน้าหนกั ไก่ สุ่มตรวจสุขภาพไก่รุ่น ความสม่า
เสมอของขนาด และน้าหนกั เฉล่ียเป็ นระยะ ใหส้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐาน ของสายพนั ธุ์ เพ่ือใหไ้ ดไ้ ก่
ระยะไขท่ ี่มีสุขภาพดี ลกั ษณะเหมาะสม และมีความพร้อมในการผลิตไขไ่ ก่
6.1.2 คัดแยกไก่ไข่ที่มีลักษณะผิดปกติ ไม่สมบูรณ์ มีขนาดและน้าหนักไม่
ใกลเ้ คียงกบั รุ่น หรือไมเ่ หมาะสมตอ่ การใหผ้ ลผลิตออก คดั แยกไก่ท่ีมีลกั ษณะผดิ ปกติ ไม่สมบูรณ์
ขนาดหรือน้าหนักไม่ใกล้เคียงกับรุ่นหรือไม่เหมาะสมต่อการให้ ผลผลิตออกเพ่ือจดั การอย่าง
เหมาะสม เช่น แยกเล้ียงเป็นการเฉพาะ หรือทาลาย
6.2 ไข่ไก่
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 120
6.2.1 เก็บไข่และคดั แยกไข่ที่ผิดปกติ มีรอยร้าวหรือแตกออก และคดั แยกไข่ท่ี
สกปรก มีมูลไก่ติด เพ่ือแยกทาความสะอาด ควรเก็บไข่หลายคร้ังในแต่ละวนั เพื่อช่วยลดปัญหา
ไขส่ กปรกและเสียหาย รวมถึงป้องกนั ไม่ใหไ้ ก่จิกไข่ และเก็บไขอ่ ยา่ งระมดั ระวงั เพอ่ื ลดโอกาสการ
แตกร้าวของฟองไข่ การคดั ไขใ่ หด้ าเนินการโดยเร็ว คดั แยกไขท่ ่ีมีรูปทรงหรือขนาดท่ีผดิ ปกติ แตก
หรือมีรอยร้าว เปลือกบาง หรือขรุขระ นาไปดาเนินการด้วยวิธีท่ีเหมาะสม คดั แยกไข่ท่ีเปลือก
สกปรก และมีมูลไก่ออก เพื่อแยกทาความสะอาดก่อนส่งจาหน่าย และป้องกนั การปนเป้ื อน
6.2.2 เก็บรักษาไข่ไก่ไวใ้ นท่ีร่มมีอากาศถ่ายเทได้สะดวกหรือท่ีมีการควบคุม
อุณหภูมิ เกบ็ รักษาไข่ไก่ไวใ้ นท่ีที่เหมาะสม ไม่ควรวางไขไ่ วก้ ลางแจง้ หรือเก็บในหอ้ งที่อุณหภูมิสูง
เกบ็ ไข่ไวใ้ นที่ร่ม มีการระบายอากาศท่ีดี หากเป็นไปไดค้ วรเก็บในหอ้ งเยน็ เพ่อื ช่วยใหไ้ ขค่ งคุณภาพ
ความสดไดน้ านข้ึน
6.2.3 การขนส่งไข่ใชพ้ าหนะท่ีสะอาด ระบายอากาศไดด้ ีหรือควบคุมอุณหภูมิ
ได้ กรณีทาการขนส่งไข่ไก่ไปยงั ศูนยร์ วบรวมไข่ ใชพ้ าหนะขนส่งท่ีสะอาด แหง้ ปลอดจากแมลง
และสัตว์พาหะ นาโรคต่างๆ ระบายอากาศได้ดีหรือมีการควบคุมอุณหภูมิ มีการป้องกันการ
ปนเป้ื อน รักษาคุณภาพไม่ให้ เส่ือมสภาพ
7. สิ่งแวดลอ้ ม
ฟาร์มตอ้ งมีการกาจดั ขยะและของเสียอื่นๆ เพอื่ ไม่ใหส้ ะสมเป็นแหล่งของกล่ินและเช้ือ
โรคแพร่ออกสู่ภายนอก สาหรับซากซ่ึงเป็นพาหะนาเช้ือ เช่น นก หนู ใหท้ าลายโดยการฝังหรือเผา
ควรจดั การน้าเสีย ท่ีเกิดจากการลา้ งโรงเรือนและอุปกรณ์ในช่วงเตรียมโรงเรือนก่อนปล่อยลงใน
แหล่งน้าสาธารณะ วสั ดุรองพ้นื ท่ีใชแ้ ลว้ หลงั การปลดไก่ตอ้ งพ่นดว้ ยยาฆ่าเช้ือโรค เพื่อป้องกนั การ
ฟุ้งกระจายก่อนเคล่ือนยา้ ย และห้ามนาวสั ดุรองพ้ืนเก่ากลบั มาใช้อีก มีผา้ ใบคลุมรถบรรทุกเพื่อ
ป้องกนั การตกหล่น
8. การบนั ทึกขอ้ มูล
ฟาร์มตอ้ งมีระบบการบนั ทึกและเก็บบนั ทึกขอ้ มูลที่สาคญั โดยตอ้ งเก็บรักษาไวอ้ ยา่ ง
น้อย 3 ปี เพ่ือสามารถตามสอบได้ ท้งั น้ีครอบคลุม ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การจดั การด้านสุขภาพ การ
ควบคุมโรคและผลิตผล เช่น จานวนไก่ไข่ น้าหนกั ไก่ไข่ในช่วงการเล้ียง จานวนไข่รวม อตั รา
การไข่ และจานวนไข่ผดิ ปกติหรือคดั ทิ้ง การขนส่ง การจดั เก็บ (storage) ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตวั สัตว์
อาหารและน้าสาหรับไก่ไข่ การจดั การฟาร์ม สุขภาพไก่ไข่ การป้องกนั และควบคุมโรค การ
กาจดั ของเสีย การควบคุมสตั วพ์ าหะ และขอ้ มูลเก่ียวกบั การตรวจสอบยอ้ นกลบั
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 121
นอกจากน้ี ควรบนั ทึกขอ้ มูลเก่ียวกบั การบริหารฟาร์ม เช่น การจดั แบ่งโครงสร้างการ
ทางานของฟาร์ม ขอ้ มูลดา้ นสุขภาพ ประวตั ิและการฝึ กอบรมของบุคลากร การแบ่งหนา้ ท่ีความ
รับผดิ ชอบ ผเู้ ขา้ เยยี่ มฟาร์ม การผลิต การจดั ซ้ือ
เอกสารประกอบการเรียบเรียง
ธารงศกั ด์ิ พลบารุง. 2535. การเลยี้ งไก่พนั ธ์ุไข่. พมิ พค์ ร้ังที่ 4. กรุงเทพมหานคร:
ไทยวฒั นาพานิช.
บุญลอ้ ม ชีวะอิสระกุล. 2532. โภชนศาสตร์สัตว์. เชียงใหม่ : ภาควชิ าสตั วบาล
คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่
บริษทั ซี พีเอฟ (ประเทศไทย) จากดั . มปป. คู่มือการเลยี้ งไก่ไข่ ซี พี บราวน์.
URL : www.cpffeed.com. [คน้ เม่ือ 1 ตุลาคม 2562].
ประภากร ธาราฉาย. 2560. การเลยี้ งไก่ไข่ ปรับปรุง 2560. URL : www.as.mju.ac.th › E-Book .
[คน้ เม่ือ 1 ตุลาคม 2562].
ปรีชา พรามณีโชติ. 2543. เอกสารประกอบการสอนวชิ า การผลติ ไก่ไข่. คณะวชิ าสัตวศาสตร์
วทิ ยาลเั กษตรและเทคโนโลยสี งขลา
มานิตย์ เทวรักษพ์ ทิ กั ษ.์ 2536. การจัดการฟาร์มสัตว์ปี ก. เชียงใหม่ : ภาควชิ าเทคโนโลยที างสตั ว์
คณะผลิตกรรมการเกษตร สถาบนั เทคโนโลยกี ารเกษตรแม่โจ.้
สานกั งานมาตรฐานสินคา้ เกษตรและอาหารแห่งชาติ. 2562. การปฏิบตั ิทางการเกษตรที่ดีสาหรับ
ฟาร์มไก่ไข่. มกษ. 6909-2562.
บทท่ี 6
การสุขาภบิ าลและการป้องกนั ควบคุมโรคไก่
1. การจัดการสุขาภบิ าลป้องกนั โรคในฟาร์มไก่ไข่
การเล้ียงไก่ไขใ่ หป้ ลอดภยั จากโรค หรือลดความเส่ียงเน่ืองจากการระบาดของโรคน้นั ผู้
เล้ียงจะตอ้ งจดั ระบบการป้องกนั โรค ที่ใชห้ ลกั การสุขาภิบาลพ้ืนฐาน นอกเหนือจากการใชพ้ นั ธุ์
ไก่ท่ีปลอดโรค ใชอ้ าหารที่ดีมีคุณภาพ ในโรงเรือนท่ีถูกสุขลกั ษณะ ภายใตก้ ารจดั การที่ถูกหลกั
วชิ าการ การจดั การสุขาภิบาลส่วนใหญเ่ นน้ เกี่ยวกบั การจดั การ ซ่ึงเปรียบเสมือนเป็นกาแพงช้นั แรก
ซ่ึงมีระบบการจดั การสุขาภิบาล ดงั น้ี
1.1 กาหนดขอบเขตและบริเวณเลยี้ งสัตว์ทแี่ น่นอน
1.1.1 กาหนดเขตเล้ียงสัตว์ ท่ีพกั อาศยั และเขตนอกฟาร์มใหเ้ ห็นเด่นชดั
1.1.2 หา้ มเล้ียงสตั วอ์ ื่นๆ ท่ีมีโอกาสเป็นพาหะนาโรคในเขตเล้ียงสัตว์ และท่ีพกั อาศยั เช่น
สุนขั แมว เป็นตน้
1.1.3 ประตูฟาร์ม เขตเล้ียงสตั วแ์ ละประตูโรงเรือนตอ้ งปิ ดเสมอ
1.2 จัดระบบการฆ่าเชื้อท่ีมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะระบบสเปรย์ ตอ้ งใชง้ านได้
ตลอดเวลา มีการจดั การเก่ียวกบั
1.2.1 ระบบการฆา่ เช้ือท่ีมีประสิทธิภาพตอ่ ยานพาหนะ สิ่งของ และอุปกรณ์ ก่อนนาเขา้
บริเวณฟาร์ม ในเขตเล้ียงสัตว์ และระหวา่ งหน่วยงาน
1.2.2 บุคคลใดก็ตามท่ีเขา้ เขตเล้ียงสัตว์ ตอ้ งผา่ นน้ายาฆ่าเช้ือ อาบน้า สระผม
เปลี่ยนเส้ือผา้ และรองเทา้ ของฟาร์ม
1.2.3 อุปกรณ์ท่ีถูกน้ายาฆ่าเช้ือไม่ได้ อาจฆ่าเช้ือโดยการรมควนั หรือใชแ้ สงอุลตร้าไวโอเลต
1.2.4 น้ายาฆ่าเช้ือท่ีใช้ ตอ้ งใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามคาแนะนาของบริษทั ผผู้ ลิต
1.3 มรี ะบบกาจัดของเสีย ซากสัตว์ ขยะมูลฝอย และส่ิงปฏิกูล
1.3.1 การกาจดั ซากสตั วท์ ่ีตายโดยการเผา ฝัง หรือทิ้งในบอ่ ทิ้งซากท่ีถูกสุขลกั ษณะ
หา้ มขายหรือนาไปบริโภค
1.3.2 การกาจดั ของเสีย วสั ดุรองพ้นื และขยะ ตอ้ งทาอยา่ งถูกสุขลกั ษณะ
1.3.3 ภาชนะท่ีใชบ้ รรจุชีวภณั ฑท์ ี่ใชแ้ ลว้ เช่น ขวดวคั ซีน จะตอ้ งทาลายดว้ ยการเผา
หรือตม้ ในน้าเดือดแลว้ อยา่ งนอ้ ย 30 นาที
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 123
1.4 ป้องกนั และกาจัดสัตว์ทเ่ี ป็ นพาหะนาโรค เช่น สุนขั แมว นก หนู แมลง ฯลฯ ในฟาร์ม
เล้ียงสตั ว์
1.5 มรี ะบบการเตรียมโรงเรือนทดี่ ี มีประสิทธิภาพในการลดเช้ือโรค ที่เป็นสาเหตุของ
ปัญหาในการเล้ียงสตั ว์
1.6 ใช้ระบบเข้าเลยี้ งพร้อมกันและนาไก่ออกพร้อมกันหมด (all in- all out) ในการเล้ียง
สตั วเ์ พือ่ ลดปัญหาการระบาดของเช้ือโรค ไม่เล้ียงสตั วต์ า่ งอายไุ วด้ ว้ ยกนั
1.7 ควบคุมการปฏิบัตงิ านของผู้ทเ่ี กีย่ วข้องอย่างเคร่งครัด
1.7.1 คนงานประจาแตล่ ะหน่วย ควรแยกกนั อยา่ งเด็ดขาด
1.7.2 การเคล่ือนยา้ ยส่ิงของ หรืออุปกรณ์ จากหน่วยงานหน่ึงไปยงั หน่วยงานหน่ึงตอ้ งมีการ
ฆ่าเช้ืออยา่ งถูกตอ้ ง เสียก่อน
1.7.3 การเขา้ ตรวจงาน หรือดูงานในแต่ละหน่วยงาน ตอ้ งปฏิบตั ิตามหลกั การสุขาภิบาล
อยา่ งเคร่งครัด
1.7.4 ในกรณีเกิดโรคระบาด ณ หน่วยงานใด หา้ มเคลื่อนยา้ ยส่ิงของ อุปกรณ์รวมท้งั
บุคคลในหน่วยงานน้นั ไปยงั หน่วยงานเล้ียงสัตวอ์ ่ืน อยา่ งเดด็ ขาด
1.7.5 ก่อนเขา้ -ออกจากโรงเรือนทุกคร้ัง ตอ้ งจุม่ เทา้ ฆ่าเช้ือ
การจดั การสุขาภิบาลที่ดี คือ การกระทาที่มีผลทาใหส้ ิ่งแวดลอ้ มปลอดภยั หรือปราศจากเช้ือ
โรค พยาธิ และการติดเช้ือโรคอ่ืนๆ ซ่ึงประกอบดว้ ย การทาความสะอาด การฆา่ เช้ือโรค และ
การกาจดั แหล่งท่ีอยอู่ าศยั ของแมลงตา่ งๆ การสุขาภิบาลในการเล้ียงไก่ ครอบคลุมถึงการ
สุขาภิบาลฝงู ไก่ การสุขาภิบาลโรงเรือน โรงฟัก ไขฟ่ ัก ซ่ึงความสาเร็จจะเกิดข้ึนได้ เมื่อผเู้ ล้ียง
หรือเจา้ ของ ที่จะจดั โปรแกรมใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ ม การระบาดของโรค และสามารถ
ปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องติดต่อกนั ไป แต่ละฟาร์มจึงมีการจดั โปรแกรมเพื่อการสุขาภิบาลอาจจะ
แตกต่างกนั บา้ ง ข้ึนกบั ปัจจยั ต่างๆ ท่ีมีผลตอ่ การจดั โปรแกรมการสุขาภิบาล ดงั น้ี
1) ชนิดของกิจการเล้ียงไก่ วธิ ีการจดั การโปรแกรมสุขาภิบาลในฝงู ไก่พอ่ แมพ่ นั ธุ์
แตกตา่ งกบั ฝงู ไก่ไข่ ความเขม้ งวดจะมากกวา่
2) สภาพแวดลอ้ ม โปรแกรมการจดั การสุขาภิบาลจะเปล่ียนแปลงตามวธิ ีการเล้ียง
ท้งั น้ีข้ึนกบั สภาพแวดลอ้ ม เช่น อุณหภูมิ ความช้ืน มีอิทธิพลต่อชนิดของโรงเรือน
3) การระบาดติดต่อและการควบคุมโรคระบาด โปรแกรมการสุขาภิบาลถูกกาหนด
ข้ึน เพ่อื การป้องกนั การแพร่ระบาดของโรค รวมถึงโปรแกรมการทาวคั ซีน เช่น การแยกกกั ไก่ฝงู
ใหมท่ ี่จะเขา้ สู่ฝงู การหา้ มบุคคลภายนอก การฆ่าเช้ือรถบรรทุกและยานพาหนะโรงเรือน อุปกรณ์
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 124
และเครื่องมืออื่นๆ หรือบริเวณท่ีเคยมีโรคระบาด อาจใชโ้ ปรแกรมการสุขาภิบาลท่ีพเิ ศษเพิม่ เติม
ข้ึนได้
4) โรงเรือนและการวางผงั โรงเรือน และบริเวณการเขา้ ออกฟาร์ม
5) น้าที่ใชเ้ ล้ียงหรือแหล่งน้า ความสะอาดของน้า และปริมาณ
6) อาหารและวธิ ีการใหอ้ าหาร แหล่งท่ีมาของอาหาร สูตรอาหารท่ีมีโภชนะครบถว้ น
2. โรคและสาเหตุของโรค
2.1 ความหมายของโรค
โรค (disease) หมายถึง ความเจบ็ ป่ วยท่ีเป็นผลมาจากการสูญเสียหนา้ ท่ีของอวยั วะบาง
อวยั วะ หรือหลายอวยั วะ หรือของเน้ือเยอ่ื หรือของเซลลต์ า่ งๆ ของร่างกาย ทาใหร้ ะบบตา่ ง ๆ ของ
ร่างกายทางานผดิ ปกติ เช่น ระบบการยอ่ ยอาหาร ระบบหายใจ ระบบหมุนเวยี นโลหิต เป็นตน้
ปัญหาเร่ืองโรคในไก่ไข่ก่อใหเ้ กิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ เพราะทุกคร้ังที่มีการ ระบาดของ
โรคติดต่อเกิดข้ึนกบั ฝงู ไก่ มกั ทาใหม้ ี อตั ราการเกิดโรค (morbidity) และอตั ราการตาย
(mortality) เกิดข้ึนดว้ ยทุกคร้ัง ซ่ึงจะเกิดข้ึนมากหรือนอ้ ย ข้ึนกบั ชนิดของโรคติดต่อที่เกิดข้ึน
อายขุ องไก่ท่ีเป็นโรค ภาวะเครียดต่างๆ ท่ีอาจเกิดร่วมดว้ ย รวมท้งั การจดั การที่ลม้ เหลว เป็นตน้
2.2 สาเหตุและส่ิงโน้มนาทีท่ าให้เกดิ โรค โรคในไก่ แบง่ เป็นสองลกั ษณะใหญ่ ๆ คือ
2.2.1 โรคทเ่ี กดิ จากส่ิงไม่มชี ีวติ เป็นโรคที่เกิดกบั สัตวต์ วั ใดตวั หน่ึงและไม่ระบาดติดต่อไป
ยงั สัตวต์ วั อ่ืนๆ ไดแ้ ก่โรคที่เกี่ยวกบั
1) อาหาร เกิดจากการขาดความสมดุล ในสูตรอาหาร ไดร้ ับสารอาหารไม่เพียงพอ ทา
ใหไ้ ก่แสดงอาการผดิ ปกติตา่ งๆ เช่น ซูบผอม กระดูกออ่ น แคระแกร็น เน่ืองจากไดร้ ับวติ ามินหรือ
แร่ธาตุไม่เพียงพอ
2) พนั ธุกรรม เกิดจากยนี ที่ถ่ายทอดลกั ษณะตา่ ง ๆ ที่ผดิ ปกติ หรือเป็นโรคบางอยา่ ง
มกั เกิดในกรณีผสมพนั ธุ์สัตวท์ ี่มีสายเลือดชิดมากเกินไป เช่น โรคเทา้ หงิกงอ
3) สารพษิ ทอี่ าจปะปนมากบั อาหารและนา้ ไดแ้ ก่ ยาฆ่าแมลงที่อาจปนเป้ื อนในวตั ถุดิบ
อาหารสัตว์ หรือการใชส้ ารเคมีบางอยา่ งท่ีขาดความระมดั ระวงั ทาใหป้ นเป้ื อนในน้าท่ีใชเ้ ล้ียงสัตว์
เช่น โรคบวมน้า สารพษิ ที่เช้ือราสร้างข้ึน เช่น โรคไมโคทอ๊ กซิโคซิส อฟั ฟลาทอ๊ กซิน เป็นตน้
4) เกดิ จากความผดิ พลาดเนื่องจากการจัดการต่างๆ ในฟาร์ม เช่น การควบคุม
อุณหภูมิท่ีไมด่ ีพอ ทาใหห้ นาวหรือร้อนเกินไป เล้ียงแน่นเกินไป การถ่ายเทของอากาศภายใน
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 125
โรงเรือนไมด่ ี การมีแก๊สแอมโมเนียและฝ่ นุ ละอองมากในโรงเรือน การตดั ปากไมถ่ ูกวธิ ี หรือ
วสั ดุรองพ้ืนเปี ยกช้ืน เป็นตน้
2.2.2 โรคทเ่ี กดิ จากส่ิงทมี่ ชี ีวติ เป็นโรคท่ีเกิดข้ึนกบั ไก่ตวั ใดตวั หน่ึง และสามารถแพร่
ระบาดติดตอ่ ไปยงั ไก่ตวั อ่ืนๆ ได้ ส่ิงมีชีวติ ที่ทาใหเ้ กิดโรค ไดแ้ ก่ เช้ือแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซวั
เช้ือรา และพยาธิตา่ งๆ
สาเหตุของโรคตดิ ต่อทส่ี าคัญ
1) เชื้อแบคทเี รีย (bacteria) เป็นเช้ือโรคท่ีมีขนาดเล็กมาก กลุ่มท่ีทาใหเ้ กิดโรคใน
ไก่ ไดแ้ ก่ พวกซาลโมเนลล่า (salmonella) อีรีซิเพลโลทริกซ์ (erysipellotrix) คลอสท
ริเดียม (clostridium) พาสเจอร์เรลล่า (pasturella) วบิ ริโอ (vibrio) สตาฟฟิ ลโลค๊
อกคสั (staphillococcus) สเตรพโตคอ๊ กคสั (streptococcus) ไมโคพลาสมา่
(mycoplasma) สไปโรคีท (spirochete) เฮโมฟิ ลลสั (haemophillus) ไมโคแบคทีเรียม
(mycobacterium) เป็นตน้ โรคที่เกิดจากเช้ือแบคทีเรีย โดยส่วนใหญ่รักษาได้ และการวนิ ิจฉยั ทา
ไดไ้ มย่ าก
2) เชื้อไวรัส (virus) เป็นจุลินทรียท์ ่ีมีขนาดเล็กที่สุด สามารถดารงชีวิตและสืบพนั ธุ์
ไดเ้ ม่ืออยใู่ นเซลลใ์ นร่างกายของสตั ว์ หรือสิ่งมีชีวติ ไมส่ ามารถมองเห็นได้ ดว้ ยกลอ้ งจุลทรรศน์
ธรรมดา แต่สามารถมองเห็นไดโ้ ดยใชก้ ลอ้ งจุลทรรศนอ์ ิเล็คตรอนไมโคสโคป ปกติแลว้ ไมม่ ียา
หรือสารเคมีชนิดใดท่ีใชใ้ นการรักษาหรือฆา่ ไดผ้ ล โรคท่ีเกิดจากเช้ือไวรัส ไดแ้ ก่ โรคนิวคาสเซิล
โรคหลอดลมอกั เสบติดต่อ โรคกล่องเสียงอกั เสบ โรคฝีดาษไก่ โรคกมั โบโร โรคมาเร็กซ์ โรค
สมองและไขสนั หลงั อกั เสบ เป็นตน้
3) เชื้อโปรโตซัว (protozoa) ปกติมีรูปร่างหนา้ ตาคลา้ ยแบคทีเรีย แต่ใหญ่กวา่ มาก
ไดแ้ ก่ พวกเช้ือบิด (coccidiosis) เช้ือฮีสโตโมนาส (histomonas) เช้ือพลาสโมเดียม
(plasmodium) และเช้ือทอ๊ กโซพลาสม่า (toxoplasma) เป็นตน้
4) เชื้อรา(fungi) โรคท่ีเกิดข้ึนในไก่ท่ีเกิดจากเช้ือรา ไดแ้ ก่ โรคแอสเปอร์-จิลโล
ซีส (aspergillosis) เกิดจากเช้ือ Aspergiilus fumigatus ทาใหเ้ กิดอุดตนั ในท่อหายใจลูกไก่
โรคเช้ือราในกระเพาะอาหาร (trush) โรคกลาก (favus) และโรคของกลุ่มอาการ ท่ีเกิดจาก
สารพิษจากเช้ือราชนิดตา่ งๆ (Mycotoxicosis) เช่น อฟั ฟลาทอ๊ กซิน ท่ีเกิดจากเช้ือ A. Flavus
5) พยาธิ (parasite) ไดแ้ ก่ พยาธิภายในตา่ งๆ เช่น พยาธิไส้ตนั พยาธิตวั ตืด พยาธิ
เส้นดา้ ย เป็นตน้ และพยาธิภายนอก ไดแ้ ก่ ปรสิตท่ีอาศยั อยภู่ ายนอกตวั ไก่ เช่น ไร เหา เห็บ หมดั
แมลง ตวั ริ้น ยงุ และอื่นๆ
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 126
การแพร่ระบาดของโรค มีปัจจยั ต่างๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การแพร่ระบาดของโรคจากไก่ตวั หน่ึง
หรือฝงู หน่ึงไปยงั ไก่อีกตวั หน่ึงหรือฝงู หน่ึง ตวั เช้ือโรคออกจากตวั ไก่ป่ วยไดโ้ ดยทางส่ิงขบั ถ่ายออก
จากร่างกาย เช่น อุจจาระ สิ่งขบั ออกจากร่างกาย เช่น น้ามูก น้าตา น้าลาย หรืออาศยั แมลงดูด
เลือดพาไป ทาใหแ้ พร่ระบาดเขา้ สู่ร่างกาย ซ่ึงเกิดข้ึนไดห้ ลายทาง ไดแ้ ก่
(1) ทางไข่ ตวั อ่อนในไข่ หรือการดาเนินการฟักไข่ ทาใหล้ ูกไก่ที่ฟักออกมาเป็นโรค
ไดแ้ ก่ โรคซี.อาร์.ดี. โรคสมองและไขสันหลงั อกั เสบ โรคข้ีขาว
(2) ทางอากาศหายใจ ส่วนใหญเ่ ช้ือโรคมกั ปนอยใู่ นอากาศที่หายใจเขา้ ไป อาจแพร่
ระบาดอยา่ งรวดเร็วในไก่ฝงู เดียวกนั ไดแ้ ก่ โรคที่เกิดกบั ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคนิวคาสเซิล
โรคกล่องเสียงอกั เสบ โรคหลอดลมอกั เสบ โรคซี.อาร์.ดี. เป็นตน้
(3) ติดต่อทางอาหาร ไดแ้ ก่ โรคอาหารเป็นพษิ เน่ืองจากเช้ือรา เช่น แอสเปอร์จิลโลซีส
อฟั ฟลาทอ๊ กซิน
(4) ติดต่อทางน้า ไดแ้ ก่ โรคอหิวาต์ โรคหวดั มีเช้ือ
(5) วสั ดุรองพ้นื และมูลไก่ ไดแ้ ก่โรคท่ีเกิดจากเช้ือแบคทีเรีย เช่น อหิวาตไ์ ก่ เช้ือโปรโต
ซวั เช่น เช้ือบิด และพวกพยาธิภายในตา่ งๆ
(6) พาหะนาโรคตา่ งๆ ตวั นาเช้ือท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ยงุ แมลง แมลงวนั หนู และ นก เป็นตน้
(7) ทางกล เช้ืออาจติดไปกบั มือ เส้ือผา้ และรองเทา้ ของคน ถุงอาหาร กรงไก่ท่ีใชข้ นยา้ ย
ไก่ ถาดไข่ รางน้า รางอาหาร อุปกรณ์ใหว้ คั ซีน และเครื่องมือเครื่องใชอ้ ่ืนๆ
2.2.3 สาเหตุโน้มนาทาให้เกดิ โรค เนื่องจากสภาพการจดั การต่าง ๆ ท่ีไมเ่ หมาะสมทาใหไ้ ก่
เกิดความเครียด รวมท้งั สิ่งแวดลอ้ มอ่ืน ๆ ที่ส่งผลโดยทางออ้ ม แต่มีผลต่อสุขภาพของสัตว์ ทา
ใหร้ ่างกายออ่ นแอลง หรือทาใหภ้ ูมิตา้ นทานโรคของไก่ลดลง เป็นสาเหตุใหไ้ ก่ติดเช้ือและเป็นโรค
ไดง้ ่ายข้ึน ไก่ท่ีมี พยาธิรบกวนท้งั ภายนอกและภายใน หรือไก่ท่ีใหผ้ ลผลิตสูง มกั จะไดร้ ับ
ผลกระทบกระเทือนจากสภาพแวดลอ้ ม ที่เปลี่ยนแปลงหรือผดิ ปกติไดง้ ่าย
3. หลกั การทวั่ ไปในการป้องกนั และควบคุมโรค
การป้องกนั โรค หมายถึง การจดั การดว้ ยวธิ ีการต่างๆ ท่ีจะมิใหส้ ัตวท์ ี่ไม่ป่ วยเกิดการติดเช้ือ
และเกิดโรคข้ึน ส่วนการควบคุมโรค หมายถึง การจดั การมิใหส้ ตั วป์ ่ วยแพร่เช้ือติดตอ่ ไปยงั สตั วต์ วั
อื่นๆ หรือการจดั การมิใหส้ ัตวท์ ่ีเคยป่ วยและรักษาจนหายดีแลว้ เกิดติดเช้ือแลว้ กลบั มาเป็นโรคได้
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 127
อีก ดงั น้นั ท้งั การป้องกนั และควบคุมโรค มีจุดประสงคเ์ ดียวกนั คือ ทาใหส้ ัตวเ์ ล้ียงไวป้ ราศจากโรค
ซ่ึงมีหลกั การดงั น้ี
ป้องกนั มิใหโ้ รคจากภายนอกเขา้ สู่ตวั ไก่
การสร้างภูมิคุม้ กนั โรคใหเ้ กิดข้ึนในตวั ไก่เอง
การรักษาสัตวป์ ่ วยใหห้ ายจากโรคและสร้างความตา้ นทานโรค
3.1 หลกั การป้องกนั โรคมิให้เข้าสู่ตัวไก่
ในการเล้ียงไก่ การป้องกนั มิใหเ้ กิดโรคข้ึนในฝงู น้นั สามารถทาไดห้ ลายทาง โดยทวั่ ไปใน
การป้องกนั โรค อาศยั หลกั การจดั การและวธิ ีการเล้ียงท่ีเหมาะสม เพ่ือทาใหไ้ ก่มีสุขภาพดี และมี
ความตา้ นทานโรคทาไดด้ งั น้ี
3.1.1 การจัดการเลยี้ งดูทดี่ ี ในการจดั การดา้ นต่างๆ ท่ีดี ทาใหฝ้ งู ไก่ปราศจากโรค ไดผ้ ลผลิต
สูง และใหไ้ ดก้ าไรจากการเล้ียง สามารถทาไดด้ งั น้ี
1) ลกั ษณะและโครงสร้างของโรงเรือน รวมท้งั อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเล้ียงดู ตอ้ งอยใู่ น
สภาพท่ีดี และเหมาะสมกบั การเล้ียง
2) ตอ้ งแยกเล้ียงไก่คนละอายอุ อกจากกนั หรือแยกเล้ียงไก่ออกตามขนาดอายุ เช่น ไก่
เล็ก ไก่รุ่น ไก่ไข่และไก่พนั ธุ์ ไมค่ วรเล้ียงปนกนั การนาไก่เขา้ หรือออกจากคอก ควรทาใหพ้ ร้อม
กนั เพยี งคร้ังเดียวในแต่ละหลงั (all in all out)
3) ใหก้ ารดูแลเล้ียงไก่ท่ีดี เช่น การใหค้ วามอบอุ่น และแสงสวา่ งแก่ลูกไก่อยา่ ง
เพยี งพอ รางอาหารและน้า ควรมีปริมาณเพียงพอกบั จานวนไก่ สภาพการระบายอากาศท้งั
โรงเรือนกกและโรงเรือนเล้ียงตอ้ งดี
4) การควบคุมสิ่งแวดลอ้ มที่มีอิทธิพลตอ่ สตั วอ์ ยา่ งถูกหลกั วชิ า เช่น การออกแบบ
ลกั ษณะและรูปแบบของโรงเรือน มีอิทธิพลตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มตา่ งๆ รอบตวั สตั ว์ เช่น การระบาย
อากาศภายในโรงเรือน อุณหภูมิภายในโรงเรือน แก๊สแอมโมเนียท่ีเกิดข้ึนจากการหมกั ของวสั ดุ
รองพ้นื และมูล ที่อาจทาอนั ตรายตอ่ สัตวภ์ ายในโรงเรือนได้
5) อาหารที่ใหไ้ ก่กินตอ้ งเหมาะสมและมีคุณค่าทางอาหาร ในปริมาณเพยี งพอกบั
ความตอ้ งการ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ โปรตีน กรดอมิโน วติ ามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ควรใหอ้ าหารเป็น
เวลา อาหารตอ้ งใหม่เสมอ ไมม่ ีเช้ือราหรือสารพษิ เจือปน ป้องกนั มิใหส้ ตั วป์ ี กชนิดอื่น หรือสัตว์
แทะมากินอาหาร เพราะอาจนาโรคได้
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 128
6) จดั หาน้าท่ีมีคุณภาพใหไ้ ก่กินตลอดเวลาและปริมาณเพียงพอ น้าในธรรมชาติมกั มี
เกลือของธาตุ Ca, Mg, NaCl, Na2So4, Na(CO3)2 ละลายปนอยู่ ซ่ึงถา้ มีความเขม้ ขน้ สูง
อาจเกิดอนั ตรายต่อไก่ได้ ดงั น้นั น้าท่ีใชเ้ ล้ียงไก่ตอ้ งเป็นน้าที่ไมม่ ีเกลือของธาตุดงั กล่าวอยู่
7) การปฏิบตั ิงานต่อลูกไก่หลงั จากออกจากตูเ้ กิดในโรงพกั ไดแ้ ก่ การตดั ปาก การตดั
หงอน การฉีดวคั ซีน จะตอ้ งทาดว้ ยความระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษ เพราะอาจทาใหล้ ูกไก่อ่อนแอ หรือ
ติดโรคไดง้ ่าย
8) เร่ิมตน้ เล้ียงไก่ดว้ ยไก่ที่แขง็ แรงและมีสุขภาพดี ดงั น้นั ลูกไก่ท่ีนามาเล้ียงตอ้ งมา
จากแหล่งผลิต ที่ปลอดจากโรคท่ีติดต่อผา่ นทางไข่ เช่น โรคซี.อาร์.ดี. โรคข้ีขาว โรคสมองและ
ไขสนั หลงั อกั เสบ เป็นตน้
3.1.2 การจัดการด้านสุขาภบิ าลสิ่งแวดล้อม ตอ้ งทาใหส้ ่ิงแวดลอ้ มรอบ ๆ ตวั ไก่ ปราศจาก
เช้ือโรค ไดแ้ ก่ การจดั การดงั ต่อไปน้ี
1) การจดั การเก่ียวกบั วสั ดุปูพ้ืน ควรเป็ นวสั ดุปูพ้นื ท่ีใหม่เสมอ ใหต้ กั ส่วนท่ีเปี ยกช้ืน
ออกจากโรงเรือนแลว้ ปูดว้ ยวสั ดุปูพ้ืนใหมท่ บั ลงแทนที่ และหลงั จากเล้ียงหมดแตล่ ะรุ่น หรือแตล่ ะ
คร้ัง ตอ้ งเอาวสั ดุปูพ้ืนออกใหห้ มด และลา้ งทาความสะอาด ฆา่ เช้ือโรคบริเวณโรงเรือนและ
อุปกรณ์ท่ีใชเ้ ล้ียงต่าง ๆ
2) การป้องกนั และควบคุมสัตวแ์ ทะ ในบริเวณโรงเรือนและฟาร์มเล้ียงไก่อยา่ ใหม้ ี
เศษกองขยะหรือเครื่องมือเคร่ืองใชท้ ี่ไม่ใชแ้ ลว้ กองอยใู่ นบริเวณโรงเรือน เพราะอาจเป็ นที่หลบซ่อน
อาศยั และสืบพนั ธุ์ของสตั วพ์ วกน้ีได้ อาหารที่เหลือไม่ควรทิ้งคา้ งคืนไว้ ใชว้ ธิ ีกาจดั ท่ีเหมาะสม
3) การควบคุมแมลงตา่ ง ๆ แมลงหลายชนิดที่เป็นตวั นาโรคไปยงั ไก่ อาจเป็ นพาหะ
กลาง เช่น พยาธิตวั ตืดมีแมลงปี กแขง็ หลายชนิดเป็นพาหะกลาง ในการควบคุมหรือกาจดั แมลง ทา
ไดโ้ ดยการฉีดพน่ ยาฆา่ แมลงบริเวณรอบ ๆ โรงเรือน จะทาหลงั จากการลา้ งทาความสะอาด
โรงเรือนแลว้ หรือหลงั จากการเล้ียงแตล่ ะคร้ัง หลงั จากเอาไก่ออกหมดแลว้ ใหฉ้ ีดพน่ ยาฆ่าแมลง
บนพ้นื ดิน วสั ดุปูพ้ืนและบริเวณโรงเรือนใหต้ ลอดโดยทนั ทีทนั ใด แลว้ ปล่อยทิ้งไว้ 2 - 3 วนั เพื่อ
รอใหแ้ มลงตายหมดเสียก่อน ก่อนที่จะตกั เอาวสั ดุรองพ้ืนออกไป และลา้ งฆ่าเช้ือโรคต่อไป เพ่ือให้
แน่ใจวา่ ทาการฆ่าแมลงใหต้ ายหมด หลงั จากลา้ งทาความสะอาดแลว้ ควรใชย้ าฆ่าแมลงฉีดพน่ อีก
คร้ังหน่ึง ก่อนที่จะใชย้ าฆา่ เช้ือโรคต่อไป
4) การทาลายซากไก่ท่ีเป็นโรค มีหลายวธิ ี ท้งั น้ีข้ึนอยูก่ บั ทอ้ งที่ท่ีเล้ียงไก่ขนาดของ
กิจการ รวมถึงนโยบายดา้ นสุขภาพและอนามยั ของประชาชนในชุมชน การกาจดั ซากเป็นการ
ป้องกนั มิใหม้ ีการแพร่ระบาดของเช้ือโรคอนั เนื่องมาจากซากไก่ท่ีตายแลว้ ใหพ้ ยายามเกบ็ ซากไก่ท่ี
ตายท้งั หมด ออกจากกรงหรือคอกและโรงเรือนท่ีเล้ียงไก่เป็นประจาแลว้ รีบทาลายทนั ที ภาชนะท่ี
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 129
ใส่ซากไก่ตาย ใหป้ ิ ดอยา่ งมิดชิดตลอดเวลา บริเวณท่ีใชก้ าจดั ซาก ควรอยหู่ ่างจากฝงู ไก่และ
โรงเรือนไก่ ทุกคร้ังท่ีผเู้ ล้ียงจบั ซากไก่ตายใหร้ ีบลา้ งมือ ทาความสะอาดฆา่ เช้ืออุปกรณ์ท่ีเล้ียงและ
เปลี่ยนเส้ือผา้ ชุดใหมท่ นั ที
วธิ ีการกาจัดซาก ทาไดด้ งั น้ี
(1) การเผา ใชก้ บั ซากไก่ที่ตายเน่ืองจากโรคติดตอ่ เผาในเตาเผาซากท่ีออกแบบมา
เป็นพิเศษ สิ่งท่ีตอ้ งพิจารณา คือ กล่ิน และควนั จากเตาเผา ควรป้องกนั ไม่ใหฟ้ ุ้งกระจายและเกิด
ก๊าซพษิ ข้ึนในบริเวณขา้ งเคียง
(2) การใชถ้ งั หลุมกาจดั อาจใชถ้ งั เหลก็ กลา้ หรืออลูมิเนียมฝังดินไว้ เพื่อใชใ้ ส่ซาก
ไก่ลงไป ทาใหเ้ กิดการยอ่ ยสลายโดยแบคทีเรีย ถงั ตอ้ งมีฝาปิ ดแขง็ แรงป้องกนั การขุดคุย้ ของสัตว์
ป้องกนั แมลงวนั และแมลงอ่ืน ๆ ลงไปในหลุมได้
(3) การฝังดิน ทาไดโ้ ดยการผงั ลึกอยา่ งนอ้ ยประมาณ 50 เซนติเมตร โดยวดั จากผวิ
ดินถึงส่วนบนของตวั สตั ว์ แลว้ ใชด้ ินกลบทบั แลว้ ปลูกหญา้ ทบั ไว้ เพอ่ื ป้องกนั ดินพงั ทลายหรือ
สุนขั ขดุ
(4) การเปล่ียนซากไก่เป็นป๋ ุยหรืออาหารสัตว์ โดยการเก็บรวบรวมซากไก่แลว้ ให้
โรงงานเอาไปทาตามกระบวนการ
(5) การยอ่ ยซากไก่ดว้ ยสารเคมี ทาไดโ้ ดยการบดซากไก่แลว้ นาไปยอ่ ยดว้ ยกรด
ฟอสฟอริค ใหผ้ สมเขา้ กนั เป็นเน้ือเดียว อาศยั น้าและความร้อนสูง ทาใหเ้ ปล่ียนส่วนของเน้ือเยอ่ื
ใหเ้ ป็น high-protein feed supplement นบั เป็ นวธิ ีการท่ีดีมากกวา่ วธิ ีการอื่นๆ เพราะใชค้ วาม
ร้อนสูงในการยอ่ ยซาก ทาใหเ้ ช้ือโรคตายหมด และสามารถไดอ้ าหารเสริมท่ีมีโปรตีนสูงเล้ียงสตั ว์
และลดตน้ ทุนในการผลิตได้
5) การลา้ งทาความสะอาดและการฆ่าเช้ือโรค เพอื่ ลดการปนเป้ื อนของเช้ือจุลินทรียท์ ี่
ทาใหเ้ กิดโรค ใหท้ าทนั ทีหลงั จากที่เอาวสั ดุรองพ้ืนออกหมด โดยการลา้ งทาความสะอาด และ
ฆ่าเช้ือโรค เครื่องมือตา่ งๆ ที่ใหอ้ าหาร ที่ใหน้ ้า เครื่องมือเก็บไข่ ฝาผนงั โรงเรือน คอนนอน กรง
พ้นื คอนกรีตภายในโรงเรือน ตลอดจนตวั โรงเรือนจนทว่ั การลา้ งควรใชเ้ คร่ืองฉีดพน่ น้าแรงดนั
สูง ก่อนใชย้ าฆา่ เช้ือโรคตอ้ งลา้ งทาความสะอาด อยา่ ใหม้ ีสิ่งปฏิกูลติดหลงเหลืออยู่ หลงั จากใช้
ยาฆา่ เช้ือแลว้ ควรทิ้งโรงเรือนไว้ 2 - 4 สัปดาห์ ก่อนเอาไก่ฝงู ใหมเ่ ขา้ มาเล้ียง การทาความสะอาด
เพ่อื ฆ่าเช้ือ ควรทาเป็นประจา จะช่วยป้องกนั การเกิดโรคระบาดไดเ้ ป็นอยา่ งดี
3.1.3 การควบคุมบุคคลทเี่ ข้าออกระหว่างฝูงไก่ บุคคลที่เก่ียวขอ้ งกบั การเล้ียงไก่ ทาใหเ้ กิด
การแพร่ระบาดของโรคได้ 2 ทาง คือ ทางรองเทา้ และติดไปกบั เส้ือผา้ มือ และบริเวณใบหนา้
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 130
เช้ือโรคท่ีติดไปกบั รองเทา้ มกั จะติดอยใู่ นมูลไก่ หรือวสั ดุรองพ้นื เช่น อหิวาต์ พาราไทฟอยด์ โรค
บิด เช้ือโรคท่ีเก่ียวกบั ระบบทางเดินหายใจมกั พบอยใู่ นอากาศ และจะติดไปกบั มือและเส้ือผา้ ส่วน
บุคคลที่เขา้ - ออกระหวา่ งฝงู ไก่ ทาใหเ้ กิดการแพร่ระบาดของโรค ซี.อาร์.ดี. นิวคาสเซิล หลอดลม
อกั เสบ กล่องเสียงอกั เสบ บุคคลที่จาเป็นตอ้ งเขา้ - ออกระหวา่ งฟาร์ม จะตอ้ งชาระร่างกายโดย
การอาบน้า แลว้ เปล่ียนเส้ือผา้ ที่ฆา่ เช้ือโดยเฉพาะ รวมท้งั รองเทา้ ยาง
3.1.4 การแยกกกั กนั โรค การต้งั ด่านกกั กนั สตั ว์ หรือการทาลายสัตวท์ ี่เป็นโรคเป็นวธิ ีการที่
ไดผ้ ลในการกาจดั การระบาดของโรคชนิดรุนแรง และโรคที่ทาใหเ้ กิดการระบาดลม้ ตาย ในกรณีท่ี
จาเป็นตอ้ งนาไก่เขา้ รวมฝงู ควรตรวจสุขภาพและกกั เล้ียงไวท้ ี่อื่นก่อน อยา่ งนอ้ ย 2 สัปดาห์ ก่อน
นาเขา้ มาเล้ียงในฟาร์ม
3.1.5 การควบคุมโรคบิดและปรสิตต่างๆ
1) การควบคุมโรคบิด ทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น การใชย้ าระงบั การเจริญของเช้ือ
บิด (coccidiostatic) ใส่ลงในอาหารใหไ้ ก่กิน หรือการใชว้ ธิ ีทางชีววทิ ยาโดยใชว้ คั ซีนเช้ือ
บิด หรือทาใหไ้ ก่เกิดความคุม้ โรคโดยการไดร้ ับเช้ือบิดตามธรรมชาติ
2) การควบคุมพยาธิภายในของไก่ ถือเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
ตา่ งๆ ไดห้ ลายโรค รวมท้งั สามารถควบคุมโรคท่ีเกิดจากพยาธิท่ีเป็นเหตุใหส้ ุขภาพของไก่เลวลง
การควบคุมพยาธิภายใน เช่น พยาธิตวั กลม พยาธิไส้ตนั และพยาธิตวั ตืดทาไดโ้ ดยการใหย้ า
piperazine ใหก้ ิน 2 คร้ังห่างกนั 4 สัปดาห์ในไก่โต และอีก 2 คร้ังห่างกนั 3 สปั ดาห์ เพื่อตดั วงจร
ชีวติ พยาธิ
3) การควบคุมพยาธิภายนอก เช่น เหา ไร ใชย้ าพวก organophosphate เช่น มาลาไธ
ออน หรือเซฟวนิ พน่ ท้งั พ้ืนคอก และใชฉ้ ีดพน่ เป็นละอองโดยตรงบนตวั ไก่ไดด้ ว้ ย ควรทาในระยะ
พกั โรงเรือน
3.1.6 การป้องกนั ความเครียด ไก่ไขเ่ ป็นสตั วท์ ่ีมีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของ
ส่ิงแวดลอ้ มภายนอก เช่น การเปล่ียนแปลงของอุณหภูมิโดยทนั ทีทนั ใดในโรงเรือน เสียงดงั ผดิ ปกติ
การเปลี่ยนแปลงสูตรอาหาร การเล้ียงในพ้ืนท่ีแน่นเกินไป การยา้ ยไก่ข้ึนกรงตบั การเปลี่ยนแปลง
ต่าง ๆ เหล่าน้ี จะเป็นสาเหตุทาใหไ้ ก่เกิดความเครียด มีผลทาใหไ้ ก่กินอาหารลดลง การใหไ้ ข่ลดลง
และความตา้ นทานโรคลดลงดว้ ย
3.1.7 ระมดั ระวงั พาหะชนิดต่างๆ พาหะเป็ นตัวกลาง ที่ทาใหเ้ กิดการแพร่ระบาดของโรค
ได้ เช่น สตั วแ์ ทะตา่ งๆ สุนขั และแมว นกป่ า แมลง และมนุษย์ การควบคุมแมลงและหนู อาจใชย้ า
ฆา่ แมลง พวกนกอาจใชต้ าขา่ ยหรือมา่ นก้นั โดยตรง
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 131
3.1.8 การเลยี้ งไก่ให้มีสุขภาพดีไม่อ้วนจุ การใหอ้ าหารมากเกินไป อาจทาใหไ้ ก่อว้ นฉุ และ
เป็นโรคทางระบบสืบพนั ธุ์ และไขมนั สะสมในตบั ควรใหอ้ าหารท่ีมีอตั ราส่วนของสารอาหาร
ถูกตอ้ ง ตรงตามความตอ้ งการของไก่แตล่ ะอายุ และควรสังเกตการกินอาหารของไก่วา่ กิน
อาหารไดด้ ีหรือไม่ หรือไดร้ ับสารอาหารครบถว้ นตามความตอ้ งการของร่างกายหรือไม่
3.1.9 ต้องวนิ ิจฉัยโรคได้แน่นอนในระยะเร่ิมแรกของการระบาดของโรค นบั ไดว้ า่ เป็ นหวั ใจ
ของการป้องกนั และยบั ย้งั การแพร่ระบาดของโรคได้ การรักษาโรคจะไดผ้ ลและหายจากโรคได้ ก็
ตอ่ เม่ือไดม้ ีการวนิ ิจฉยั โรคท่ีถูกตอ้ ง ร่วมกบั การใชย้ ารักษาที่ไดผ้ ลแน่นอนเท่าน้นั
3.1.10 ต้องมีการจดบันทกึ รายละเอยี ดต่างๆ ในการเลยี้ ง เช่น อตั ราการตาย การใหผ้ ล
ผลิตไข่ การกินอาหาร การบนั ทึกเหล่าน้ี นบั วา่ มีประโยชน์อยา่ งมากในการวินิจฉยั โรค เช่น
อตั ราการตาย การกินอาหารท่ีลดลงหรือผิดปกติ อาจจะบง่ ช้ีไดว้ า่ ไก่เริ่มจะป่ วย กาลงั ป่ วย หรือไก่
อยใู่ นภาวะเครียด
3.2 การสร้างความต้านทานโรคให้เกดิ ขึน้ ในตวั ไก่เอง
เป็นวธิ ีการท่ีนิยมกนั มากที่สุด ควบคู่ไปกบั การจดั การวธิ ีแรก การสร้างภูมิคุม้ กนั โรคใน
ร่างกายไก่ คือ การใหว้ คั ซีนป้องกนั โรคชนิดตา่ งๆ ตามอายขุ องไก่ และชนิดของวคั ซีน เพื่อใหเ้ กิด
ความคุม้ โรคสูงสุด
3.2.1 ภูมิคุ้มกนั โรค (imunity) ลกั ษณะของภูมิคุม้ กนั โรคที่เกิดข้ึนในไก่ หรือสตั วป์ ี ก
ทวั่ ไป เกิดข้ึนไดห้ ลายแบบ ดงั น้ี
1) การสร้างภูมิคุม้ กนั โรคโดยธรรมชาติ เกิดข้ึนโดยท่ีไก่ไดร้ ับเช้ือโรคจาก
ธรรมชาติ และไก่ตวั น้นั มีความตา้ นทานโรค ไมเ่ ป็นโรคน้นั และสร้างภูมิคุม้ กนั เฉพาะโรคน้นั
2) การสร้างภูมิคุม้ กนั โดยมนุษยท์ าให้ เกิดข้ึนจากมนุษยน์ าเอาแอนติเจน (antigen) เขา้
ไปในตวั ไก่ เช่น การทาวคั ซีนชนิดตา่ งๆ ใหก้ บั ไก่ เพ่ือใหไ้ ก่ไดส้ ร้างภูมิคุม้ กนั มาต่อตา้ นเช้ือโรค
ชนิดน้นั ๆ
3) การที่ลูกไก่ไดร้ ับภูมิคุม้ กนั โรคจากแม่ คือ การที่ลูกไก่ไดร้ ับภูมิคุม้ กนั โรคจากแม่
โดยตรงผา่ นทางไขแ่ ดง ซ่ึงภูมิคุม้ กนั โรคน้ี จะอยใู่ นตวั ไก่ไดป้ ระมาณ 2 - 3 สัปดาห์เทา่ น้นั และ
ปลายสัปดาห์ที่ 4 ความคุม้ โรคจากแม่จะหมดอยา่ งสมบูรณ์ ไก่ก็จะติดโรคไดง้ ่ายเหมือนเดิม
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 132
แอนติเจน แอนตบิ อดี และเซลล์ความจา
แอนติเจน (antigen or immunogen) คือ สารท่ีเขา้ ไปในร่างกายสตั วแ์ ลว้ จะทาให้
ร่างกายสร้างแอนติบอดี หรือมีปฏิกริยาจากเซลลข์ ้ึน และท้งั แอนติเจนและปฏิกริยาจากเซลลน์ ้นั
จะมีปฏิกริยาจาเพาะต่อแอนติเจนน้นั วคั ซีนคือแอนติเจนอยา่ งหน่ึง
แอนติบอดี (antibody) คือ ซีรั่มโปรตีนส่วนหน่ึง ซ่ึงเกิดจากการตอบโตข้ องร่างกายตอ่
แอนติเจน โปรตีนน้ีจะตอ้ งมีปฏิกริยาจาเพาะตอ่ แอนติเจนชนิดน้นั ดว้ ย แอนติบอดีท้งั หมดอยใู่ น
ส่วนของซีรั่มโปรตีนที่เรียกวา่ อิมมูโนโกลบูลิน (immunoglobulins = Ig)
เซลลค์ วามจา (memory cell) คือ การจาไดข้ องเซลลท์ ี่เกิดข้ึนหลงั จากแอนติเจนเขา้ มา
ในร่างกายเป็นคร้ังที่ 2 ซ่ึงมที ้งั บี - เซลล์ (B-cell) และ ที - เซลล์ (T-cell) เซลลพ์ วกน้ีสามารถ
จดจาแอนติเจนที่เคยเขา้ สู่ร่างกายได้ และเมื่อมีแอนติเจนชนิดน้นั เขา้ สู่ร่างกายเป็นคร้ังท่ี 2 เซลล์
ความจาน้ี จะแบ่งตวั มากมาย และจะช่วยใหม้ ีการสร้างแอนติบอดีไดเ้ ร็วข้ึน
ระบบการสร้างภูมคิ ุ้มกนั โรคในไก่
ระบบการสร้างภูมิคุม้ กนั ของไก่ ไดม้ ีการเปลี่ยนแปลงต้งั แต่ลูกไก่ยงั อยใู่ นเป็นคพั ภะ ยงั ไม่
ฟักออกจากไข่ โดยเร่ิมจากเซลลไ์ ข่แดง (yolk sac cell ) และไดย้ า้ ยจากไข่แดงเขา้ ไป
เปล่ียนแปลงในอวยั วะตา่ งๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ต่อมสาคญั 2 ต่อม คือ ตอ่ มไธมสั และตอ่ มเบอร์ซ่า
เม่ือคพั ภะอายปุ ระมาณ 1 - 2 สัปดาห์
1) ระบบภูมิคุม้ กนั ท่ีอาศยั ต่อมเบอร์ซ่า ระบบน้ีพฒั นาจากเซลลท์ ี่เคลื่อนยา้ ยจากไขแ่ ดง
เขา้ ไปเจริญพฒั นาในต่อมเบอร์ซ่า ซ่ึงเรียกวา่ บี - เซลล์ เซลลเ์ หล่าน้ีจะพฒั นาไปรับผดิ ชอบ
เก่ียวกบั การสร้างภูมิคุม้ กนั ในน้าเหลือง ระบบน้ีจึงมีชื่อเรียกอีกอยา่ งวา่ ระบบภูมิคุม้ กนั ดว้ ยสาร
น้า (humeral immunity or humeral mediated cells = HMI) ซ่ึงประกอบดว้ ยกลุ่ม
โปรตีนที่เรียกวา่ อิมมูโนโกลบูลิน หรือ แอนติบอดีซ่ึงมีหนา้ ที่จบั แอนติเจน พวกแบคทีเรีย ไวรัส
แอนติบอดีท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ไอจีจี (IgG) พบมากที่สุดในซีร่ัม สามารถถ่ายทอดผา่ นไปยงั ลูกได้
ทางไขแ่ ดง ไอจีเอม็ (IgM) พบมากในหลอดเลือด และไอจีเอ (IgA) พบในซีร่ัมและน้าคดั
หลงั่ เช่น น้าตา น้าลาย น้าเมือกในกล่องเสียงและหลอดลม รวมท้งั ตอ่ มตา่ งๆ ในทางเดินอาหาร
2) ระบบภูมิคุม้ กนั ที่อาศยั ต่อมไธมสั ระบบน้ีพฒั นาจากเซลลท์ ่ีเคลื่อนยา้ ยจากไข่แดง
เขา้ ไปเจริญในต่อมไธมสั (thymus) เรียกกลุ่มเซลลน์ ้ีวา่ ที - เซลล์ เซลลเ์ หล่าน้ีจะไปทาหนา้ ท่ีใน
การป้องกนั โรค โดยท่ีตวั มนั เองจะตอ้ งเขา้ ไปร่วมปฏิบตั ิการดว้ ย ระบบน้ีจึงเรียกอีกอยา่ ง
วา่ ระบบภูมิคุม้ กนั ดว้ ยเซลล์ (cellular immunity or cell mediated immu nity = CMI)
เป็นภูมิคุม้ กนั เฉพาะที่ ซ่ึงอยตู่ ามเยอื่ บุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ถา้ เช้ือโรคเขา้ ไปในเน้ือเยอ่ื
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 133
เหล่าน้ี กจ็ ะถูกทาลาย นอกจากน้ียงั มีเซลลค์ วามจาที่ทาใหส้ ามารถต่อตา้ นเช้ือโรคไดเ้ ร็วข้ึน หากมี
แอนติเจน หรือเช้ือโรคชนิดเดิมเขา้ ไปในร่างกายไก่อีก
นอกจากระบบภูมิคุม้ กนั โรคท้งั สองน้ีแลว้ ยงั มีมาโครเฟก (macrophages) ซ่ึงเกิดจาก
เซลลไ์ ขกระดูก และกเ็ ปลี่ยนแปลงเป็นเซลลโ์ มโนไซท์ (monocytes) ในกระแสเลือดมีหนา้ ท่ี
ช่วยเสริมทาให้ บี-เซลล์ และที-เซลล์ มีประสิทธิภาพในการสร้างแอนติบอดี
อวยั วะที่ใหก้ าเนิดเซลลท์ ่ีทาหนา้ ที่ผลิตแอนติบอดี ไดแ้ ก่ ต่อมน้าเหลือง (lymphoid)
มา้ ม (spleen) ไขกระดูก (bone marrow) ตอ่ มไธมสั (thymus) และตอ่ มเบอร์ซ่า (bursa of
fabricius)
ภาวะการสร้างภูมิคุม้ กนั โรคไมไ่ ดผ้ ล ในบางคร้ังการทาวคั ซีนซ้าแลว้ ซ้าอีกกไ็ ม่
ไดผ้ ล ท้งั น้ีเพราะอาจมีสาเหตุอ่ืน ๆ ท่ีขดั ขวางการทางานของระบบภูมิคุม้ กนั หรือเกิดการ
ตอบสนองของภูมิคุม้ กนั นอ้ ยลงกวา่ เดิม สาเหตุเหล่าน้ี ไดแ้ ก่
1) โรคกมั โบโร ถา้ โรคกมั โบโรไปทาลายตอ่ มเบอร์ซ่าต้งั แตไ่ ก่ยงั เลก็ ระบบภูมิคุม้ กนั
โรคก็จะเสียไป ทาใหร้ ะดบั ภูมิคุม้ โรคที่ไดจ้ ากการทาวคั ซีนต่ากวา่ ปกติ แตถ่ า้ มีโรคกมั โบโร
หลงั จากไก่อายุ 2 - 3 สัปดาห์ไปแลว้ อนั ตรายก็จะลดนอ้ ยลง เพราะเซลลท์ ี่จะสร้างภูมิคุม้ โรคดว้ ย
สารน้า ไดเ้ คล่ือนยา้ ยไปยงั อวยั วะส่วนอ่ืนๆ แลว้
2) โรคมาเร็กซ์ โรคมาเร็กซ์จะทาลายระบบภูมิคุม้ กนั ดว้ ยเซลล์ เพราะเช้ือไวรัสของ
โรคน้ี ไปทาลายเซลลใ์ นต่อมไธมสั แต่เม่ือไก่โตข้ึนเซลลท์ ่ีไธมสั ไดแ้ ยกยา้ ยไปสร้างภูมิคุม้ กนั
ดว้ ยเซลลใ์ นอวยั วะอ่ืนๆ ถึงแมต้ ่อมไธมสั ถูกทาลายเพราะโรคมาเร็กซ์ระบบภูมิคุม้ กนั ก็ไมถ่ ูก
ทาลายมากเหมือนเมื่อไก่ยงั เล็กอยู่
3) ปฏิกริยาร่วม เนื่องจากระบบภูมิคุม้ กนั ดว้ ยสารน้า กบั ระบบภูมิคุม้ กนั ดว้ ยเซลล์
หากมีระบบใดระบบหน่ึงเสียไป การสร้างภูมิคุม้ กนั ท้งั ระบบก็จะไม่ไดผ้ ลเตม็ ท่ี ตอ้ งป้องกนั
เช้ือกมั โบโรและมาเร็กซ์ใหไ้ ดผ้ ลอยา่ งแทจ้ ริง
4) ปัจจยั อ่ืน ๆ ท่ีสามารถรบกวนการสร้างภูมิคุม้ กนั โรค ไดแ้ ก่
- พนั ธุกรรมของไก่เอง
- สารอาหารและวติ ามินไม่เพียงพอต่อความตอ้ งการของร่างกาย
- ความเครียด
- สารพษิ จากเช้ือราบางชนิด โดยเฉพาะสารพษิ จากอฟลาทอ็ กซิน ยา และ
สารเคมีหลายชนิด สามารถระงบั การสร้างภูมิคุม้ โรค หรือไปทาอนั ตรายตอ่ ตอ่ มเบอร์ซ่า และต่อม
ไธมสั ได้
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 134
5) แกส๊ แอมโมเนียในโรงเรือนไก่ ถา้ มีแกส๊ มากและการระบายอากาศไมด่ ีพอ ก็มีผล
ทาใหภ้ ูมิคุม้ กนั ของไก่ถูกกดหา้ มไปดว้ ย
3.2.2 วคั ซีนและการให้วคั ซีนในไก่ไข่
วคั ซีน คือชีวภณั ฑท์ ี่เตรียมข้ึนจากส่วนของเช้ือโรค หรือเช้ือท่ีทาใหเ้ กิดโรค ซ่ึงถูกทาให้
หมดความสามารถท่ีจะทาใหเ้ กิดโรคไดแ้ ลว้ แต่ยงั คงมีความสามารถท่ีจะกระตุน้ ใหส้ ตั วส์ ร้างภูมิ
คุม้ โรคตอ่ เช้ือน้นั ๆ ได้ ซ่ึงเม่ือฉีดเขา้ ไปในร่างกายสตั วก์ ็สามารถทาใหส้ ตั วส์ ร้างภูมิคุม้ กนั โรค
และป้องกนั สตั วไ์ มใ่ หป้ ่ วยเป็ นโรคน้นั น้นั
1) ชนิดของวคั ซีน วคั ซีนที่ใชใ้ นไก่ไข่ สามารถแบง่ ตามขบวนการผลิตได้ 2 ชนิด
ใหญ่ ๆ คือ
(1) วคั ซีนเชื้อเป็ น (live or attenuated vaccines) เตรียมไดจ้ ากเช้ือที่มี
ความรุนแรง ถูกทาใหอ้ อ่ นแรงลง หรือถูกทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเช้ือที่ไมม่ ีความ
รุนแรง และไมส่ ามารถทาใหเ้ กิดโรคได้ การทาใหอ้ ่อนแรงน้นั อาจทาไดโ้ ดยการใชส้ ารเคมี
บางอยา่ ง หรือโดยอาศยั ทางฟิ สิกส์ต่อเช้ือจุลินทรียท์ ่ีรุนแรง หรือโดยการผา่ นเขา้ ไปในไข่ฟัก หรือ
เซลลเ์ พาะเล้ียง (tissue culture) หลายๆ คร้ัง ซ่ึงจุลชีพในวคั ซีนน้ี ยงั สามารถเพ่มิ จานวนไดใ้ น
ตวั ไก่
(2) วคั ซีนเชื้อตาย (killed or inactivated vaccines) เตรียมไดจ้ ากเช้ือท่ีมี
ความรุนแรง แต่ถูกทาใหต้ ายโดยสารเคมีหรือขบวนการทางฟิ สิกส์บางอยา่ ง หรือไดจ้ ากสารที่ผลิต
จากเช้ือโรคอีกทีหน่ึง ซ่ึงเรียกวา่ ทอ็ กซอย (toxoid) เช้ือที่ไดจ้ ากวคั ซีนชนิดน้ีไมส่ ามารถเพิ่ม
จานวนได้ ส่วนใหญส่ ารที่ผสมกบั วคั ซีนเช้ือตายมกั ไดแ้ ก่ พวกน้ามนั และอลูมินมั ไฮดรอกไซด์ ซ่ึง
ทาใหว้ คั ซีนมีความคงตวั ไดน้ าน ดูดซึมและแพร่กระจายไดด้ ี และป้องกนั โปรตีนของเช้ือโรค
ในวคั ซีนถูกยอ่ ยโดยเอนไซมใ์ นตวั สัตว์ เม่ือฉีดวคั ซีนเขา้ ร่างกาย จึงสามารถกระตุน้ ระบบ
ภูมิคุม้ กนั โรคใหอ้ ยไู่ ดน้ าน
2) วคั ซีนทใ่ี ช้ในวงการเลยี้ งไก่ มีหลายชนิด ไดแ้ ก่
(1) วคั ซีนท่ีไดจ้ ากเช้ือไวรัส ถา้ สตั วไ์ ดร้ ับเช้ือไวรัสอยา่ งอ่อน อาจจะเกิดโรค
แลว้ หาย สัตวจ์ ะมีภูมิคุม้ โรคไดส้ ูงมาก ตวั อยา่ งวคั ซีนที่ใชป้ ้องกนั โรคที่เกิดจากเช้ือไวรัส
ไดแ้ ก่ วคั ซีนป้องกนั โรคกล่องเสียงอกั เสบ โรคนิวคาสเซิล โรคหลอดลมอกั เสบติดตอ่ โรคฝี ดาษ
ไก่ โรคสมองและไขสันหลงั อกั เสบ โรคกมั โบโร และโรคมาเร็กซ์ เป็นตน้
(2) วคั ซีนท่ีป้องกนั โรคที่เกิดจากเช้ือแบคทีเรีย ริกเกต็ เซีย และไมโคพลาสมา่ ไม่
ค่อยนิยมใชว้ คั ซีน ที่ทาจากแอนติเจนท่ียงั มีชีวิตอยู่ เพราะแบคทีเรียสามารถเพ่มิ จานวนไดเ้ ร็ว อาจ
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 135
ทาใหเ้ กิดโรคไดง้ ่าย ตวั อยา่ งวคั ซีนกลุ่มน้ี ไดแ้ ก่ วคั ซีนป้องกนั โรคอหิวาตไ์ ก่ โรคหวดั มีเช้ือ
โรคอิริซิพิเลส และโรคไทฟอยด์ เป็นตน้
(3) วคั ซีนป้องกนั โรคที่เกิดจากเช้ือโปรโตซวั ไดแ้ ก่ วคั ซีนป้องกนั โรคบิด แต่ไม่
นิยมใช้ เพราะมียาควบคุมโรคแทน
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 136
ตารางท่ี 6.1 เปรียบเทียบระหวา่ งวคั ซีนเช้ือเป็นและวคั ซีนเช้ือตาย
วคั ซีนเช้ือเป็น วคั ซีนเช้ือตาย
1. ปริมาณของเช้ือโรคนอ้ ยแต่จะเพิ่มจานวน 1. ปริมาณของเช้ือโรคมากแต่ไม่เพิ่มจานวน
ได้ ภายหลงั การฉีดเขา้ ร่างกายแลว้ ภายหลงั การฉีดเขา้ ร่างกายแลว้
2. ใชไ้ ดห้ ลายวธิ ี เช่น การฉีด สเปรย์ ละลาย 2. โดยวธิ ีการฉีดเทา่ น้นั (ฉีดเขา้ กลา้ มเน้ือใต้
น้า หยอดตาหรือจมูก ผวิ หนงั หรือช่องทอ้ ง)
3. ไม่มีสารกระตุน้ ภูมิคุม้ กนั โรค 3. มีสารกระตุน้ ภูมิคุม้ กนั โรค (adjuvant)
4. ถูกทาลายไดง้ ่ายโดยภูมิคุม้ กนั จากแม่ 4. ไม่ถูกทาลายโดยภูมิคุม้ กนั ท่ีถ่ายทอดจาก
แม่
5. สามารถขบั ถ่ายเช้ือโรค (ไวรัส) ในวคั ซีน 5. ไม่เกิดการขบั ถ่ายเช้ือโรค (ไวรัส) ในวคั ซีน
ออกนอกร่างกายได้ ออกนอกร่างกาย
6. การใหว้ คั ซีนกระตุน้ ซ้า (booster) ไมค่ อ่ ยมี 6. การใหว้ คั ซีนกระตุน้ ซ้า มีประสิทธิภาพ และ
ประสิทธิภาพเท่าใดนกั หรือใหป้ ระสิทธิภาพ ระยะเวลาการตอบสนองยาวนานไดด้ ีกวา่
เพยี งระยะเวลาส้นั ๆ
7. ก่อใหเ้ กิดภูมิคุม้ กนั เฉพาะเซลล์ หรือเฉพาะ 7. ก่อใหเ้ กิดภูมิคุม้ กนั เฉพาะเซลลห์ รือเฉพาะ
แห่งไดด้ ี เช่นที่หลอดลม ลาไส้ แห่งไดช้ า้ ในบางโรคตอ้ งใชต้ ามหลงั
วคั ซีนเช้ือเป็น
8. อาจทาใหเ้ กิดการแพว้ คั ซีนจาเป็นตอ้ งใหย้ า 8. ไม่ทาใหเ้ กิดการแพว้ คั ซีน แต่ทาใหส้ ตั วซ์ ึม
ปฏิชีวนะและอีเล็คโตรไลทล์ ะลายน้าใหก้ ิน เบื่ออาหารและชงกั การเจริญเติบโตใน
ระยะส้นั ๆ ได้ ถา้ คุณภาพของสื่อน้ามนั
ละลายในวคั ซีนไมด่ ี
9. ทาการผสมวคั ซีนหลาย ๆ ชนิดเขา้ ดว้ ยกนั 9. สามารถผสมวคั ซีนหลายชนิดเขา้ ดว้ ยกนั ได้
ไดย้ าก
10. ราคาถูก 10. ราคาแพง
11. วธิ ีการใชย้ งุ่ ยากเพราะตอ้ งนาไปละลายใน 11. สะดวกในการใช้
น้ายาละลายหรือน้ากลน่ั ก่อนใช้
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 137
3) วธิ ีการให้วคั ซีน (vaccination) การใหว้ คั ซีนไก่ สามารถใหไ้ ดห้ ลายวธิ ี แตล่ ะวธิ ี
ใหผ้ ลแตกต่างกนั ข้ึนกบั ชนิดของวคั ซีน อายไุ ก่ท่ีใหว้ คั ซีนและส่ิงแวดลอ้ มรอบ ๆ ตวั ไก่ แต่สามารถ
แบง่ การใหว้ คั ซีนออกไดเ้ ป็ น 2 แบบใหญ่ๆ คือ การใหว้ คั ซีนเป็นรายตวั และการใหว้ คั ซีนเป็นฝงู
(1) การให้วคั ซีนเป็ นรายตัว มีวธิ ีการใหท้ ่ีแตกต่างกนั หลายวธิ ี ไดแ้ ก่
ก. การหยอดจมูกหรือหยอดตา (intranasal or intraocular = I/N or I/O)
วคั ซีนท่ีใหโ้ ดยวธิ ีน้ี จะไปกระตุน้ การสร้างภูมิคุม้ กนั โรค ท่ีเกิดจากเช้ือไวรัสของระบบทางเดิน
หายใจ เป็นภูมิคุม้ กนั เฉพาะที่ ไดแ้ ก่ การทาวคั ซีนป้องกนั โรคนิวคาสเซิลและ โรคหลอดลม
อกั เสบติดต่อ
ข. การแทงปี ก (wing web = W/W) เป็นการใหว้ คั ซีนที่ผา่ นทางผวิ หนงั โดยใช้
เขม็ คู่ที่มีรูตรงปลาย แทงผา่ นผวิ หนงั ที่พงั ผืดท่ีขอ้ ปี ก บริเวณที่เป็ นส่วนของผวิ หนงั สองช้นั ไดแ้ ก่
การทาวคั ซีนป้องกนั โรคฝีดาษ นิวคาสเซิล สเตรนเอม็ .พ.ี ของกรมปศุสตั ว์
ค. การฉีดเข้าใต้ผวิ หนัง (subcutaneous = S/C) ส่วนใหญ่เป็นบริเวณคอต่ากวา่
ทา้ ยทอยเลก็ นอ้ ย เพ่ือใหด้ ูดซึมชา้ ๆ และกระตุน้ การสร้างภูมิคุม้ กนั อยา่ งชา้ ๆ แตใ่ หค้ วามคุม้ โรค
ไดน้ าน เช่น วคั ซีนป้องกนั โรคมาเร็กซ์
ง. การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (intramuscular = I/M) การฉีดเขา้ กลา้ มเน้ือ จะกระตุน้
การสร้างภูมิคุม้ กนั ไดด้ ีกวา่ การหยอดตาหรือหยอดจมูก เพราะจะไปกระตุน้ ระบบภูมิคุม้ กนั ดว้ ย
ระบบสารน้า ข้ึนในกระแสเลือด และเกิดการหมุนเวยี นไปทวั่ ร่างกาย และจะไดผ้ ลกระตุน้ อยา่ ง
รวดเร็วไปทว่ั ร่างกาย
จ. การถอนขนป้าย (feather follicle) จะถอนขนท่ีตน้ ขาออกประมาณ 4 - 5
ขน แลว้ ใชว้ คั ซีนป้ายท่ีรูขนท่ีถอนออกมา วธิ ีน้ีไม่คอ่ ยนิยม
ฉ. การป้ายก้น (vent) เป็นการป้ายวคั ซีนตรงส่วนเยอื่ เมือกของส้วงทวาร ซ่ึงอยู่
ทางดา้ นบนของต่อมเบอร์ซ่า ทาไดโ้ ดยการจบั ไก่ห้อยหวั ลงและใชน้ ิ้วมือปลิ้นทวารออกมาดา้ น
นอก เพอื่ ใหเ้ ยอ่ื บุผวิ ภายในของส้วงทวารเปิ ดออก แลว้ ใชว้ คั ซีนป้ายลงไป ไดแ้ ก่ การใหว้ คั ซีน
กล่องเสียงอกั เสบติดต่อ ซ่ึงทาในไก่อายุ 6 - 12 สปั ดาห์ข้ึนไป
(2) การให้วคั ซีนไก่เป็ นฝูง มีวธิ ีการใหแ้ ตกต่างกนั ดงั น้ี
ก. การฉีดพ่นเป็ นละออง (spray) ทาไดโ้ ดยการผสมวคั ซีนชนิดท่ีหยอดจมูก ลง
ในเครื่องฉีดพน่ แลว้ ฉีดเป็ นฝอยละออง ใหก้ ระจายอยเู่ หนือตวั ไก่ กระทาภายในโรงเรือนปิ ด ไก่จะ
ไดร้ ับวคั ซีนจากการสูดเขา้ โดยการหายใจเอาอากาศท่ีมีวคั ซีนเขา้ ไป ใชท้ าวคั ซีนป้องกนั โรค
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 138
นิวคาสเซิล และหลอดลมอกั เสบติดต่อ นิยมทาทุก ๆ 60 - 90 วนั ในไก่ไข่ ช่วยลดปัญหาไก่เครียด
และช่วยประหยดั แรงงานดว้ ย
ข. การละลายนา้ ให้ด่ืม (drinking water = D/W) โดยการละลายวคั ซีนลงใน
น้าดื่มท่ีมีนมผงละลายน้า ความคุม้ โรคท่ีไดจ้ ะนอ้ ยกวา่ วธิ ีอ่ืนๆ แต่เพอ่ื เป็นการหลีกเลี่ยงการจบั ไก่
ไม่ใหไ้ ก่เครียด และมีแรงงานนอ้ ย
4) ข้อควรระวงั ในการใช้วคั ซีน
(1) ทาวคั ซีนเฉพาะไก่ที่แขง็ แรงเทา่ น้นั เพราะถา้ มีโรคแอบแฝงอยู่ แมจ้ ะไม่ แสดง
อาการ เช่น โรคซี.อาร์.ดี. โรคบิด เป็นตน้ โรคเหล่าน้ีจะทาใหก้ ารสร้างภูมิคุม้ กนั โรคไม่ดีเท่าที่ควร
(2) ไก่ในโรงเรือนเดียวกนั ตอ้ งทาวคั ซีนในวนั เดียวกนั เสมอ
(3) ในกรณีที่มีโรคระบาด ใหท้ าวคั ซีนแก่ไก่ท่ีมีสุขภาพดีก่อน แลว้ จึงมาทาวคั ซีนไก่ที่
ป่ วย หรือโรงเรือนที่ป่ วยทีหลงั
(4) ผสมวคั ซีนในขวดผสมที่มีฝาปิ ดหรือจุกปิ ด เมื่อผสมแลว้ ควรแช่ในน้าแขง็ ทนั ที
(5) วคั ซีนท่ีผสมแลว้ ระวงั อยา่ ใหถ้ ูกความร้อนหรือแสงแดด และหลงั จากผสมแลว้ ตอ้ ง
ใชใ้ หห้ มดภายใน 1 - 2 ชวั่ โมง
(6) เผาขวดและวคั ซีนท่ีเหลือใชท้ ุกคร้ัง หา้ มเกบ็ วคั ซีนท่ีเหลือ เพอื่ นามาใชใ้ นตอนหลงั
(7) หลงั จากทาวคั ซีนใหล้ า้ งมือใหส้ ะอาด และใชย้ าฆา่ เช้ือทาความสะอาดมือเสมอ
(8) ใชว้ คั ซีนตามคาแนะนาของผผู้ ลิตวคั ซีนอยา่ งเคร่งครัด อยา่ เจือจางวคั ซีนหรือใช้
นอ้ ยกวา่ ท่ีผผู้ ลิตกาหนด
(9) ใหจ้ ดบนั ทึกวนั หมดอายขุ องวคั ซีน รุ่นที่ผลิต บริษทั ผผู้ ลิต วนั ที่ใหว้ คั ซีนและ
รายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวกบั วคั ซีน เพ่ือเกบ็ ไวเ้ ป็นหลกั ฐาน หากเกิดขอ้ ผิดพลาด จะไดต้ รวจสอบได้
(10) วคั ซีนโดยทว่ั ไปเกบ็ ในท่ีมืดและเยน็ ท่ีอุณหภูมิ 2 – 4 ๐ ซ.
(11) ไม่ควรทาวคั ซีนภายใน 21 วนั ก่อนส่งโรงฆา่
5) สาเหตุบางประการท่ีทาวคั ซีนไปแล้ว แต่ไม่สามารถป้องกนั โรคได้
(1) ยงั คงมีภูมิคุม้ กนั โรคจากแม่ถ่ายทอดมาสูง จะทาลายวคั ซีนที่ให้ หากใหว้ คั ซีนกบั ไก่
ท่ีอายนุ อ้ ยเกินไป จึงจาเป็ นตอ้ งใหว้ คั ซีนเป็ นคร้ังที่สอง (booster) ในเวลาตอ่ มา
(2) ความเครียด การจดั การสุขาภิบาลไมด่ ี สภาพส่ิงแวดลอ้ มที่ไมด่ ี ไก่มีพยาธิหรือขาด
อาหาร กท็ าใหค้ วามสามารถในการสร้างภูมิคุม้ โรคของลูกไก่ลดลง
(3) การตายของวคั ซีนเช้ือเป็ นเน่ืองจากการเก็บหรือการใหท้ ี่ไม่ถูกวธิ ี การขนส่งไมด่ ีจะ
ทาใหป้ ระสิทธิภาพของวคั ซีนเช้ือเป็นลดลง
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 139
(4) สเตรนหรือซีโรไทพไ์ ม่ถูกตอ้ ง วคั ซีนอาจมีแอนติเจน ที่ไมต่ รงกบั สเตรนที่เกิดโรค
ในขณะน้นั จึงไมส่ ามารถป้องกนั โรคท่ีเกิดได้
(5) วธิ ีการใหว้ คั ซีนไม่ดี เช่น การใหโ้ ดยการสเปรยห์ รือละลายน้า ทาใหไ้ ก่บางส่วน
ไม่ไดร้ ับวคั ซีนหรือไดร้ ับนอ้ ย ซ่ึงพวกหลงั น้ีมีโอกาสติดเช้ือและเป็นโรคไดง้ ่าย
(6) ไก่ติดเช้ือโรคมาก่อน และมีเช้ือโรคอยใู่ นร่างกายแลว้ ก่อนทาวคั ซีน อาจทาใหไ้ ก่
ป่ วยได้ แมจ้ ะใหว้ คั ซีนถูกตอ้ งก็ตาม
(7) การถูกระงบั การสร้างภูมิคุม้ กนั เนื่องจากโรคกมั โบโร โรคมาเร็กซ์ หรือโรคอื่น ๆ ก็
เป็นตวั ระงบั การสร้างภูมิคุม้ โรคได้
6) โปรแกรมการทาวคั ซีนไก่ไข่
แต่ละฟาร์มอาจมีโปรแกรมวคั ซีนแตกต่างกนั เน่ืองจากสภาพการจดั การที่ตา่ งกนั ต่าง
พ้ืนท่ีกนั มีปัญหาเร่ืองโรคต่างกนั ดงั น้นั โปรแกรมวคั ซีนไก่ไขท่ ี่แสดงในตารางท่ี 6.2 และ 6.3 จึง
เป็นเพยี งแนวทางกวา้ งๆ เทา่ น้นั ซ่ึงแตล่ ะฟาร์มอาจปรับเปล่ียนไดต้ ามความเหมาะสม
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 140
ตารางที่ 6.2 แสดงตวั อยา่ งโปรแกรมวคั ซีนสาหรับไก่ไข่
อายไุ ก่ วคั ซีนป้องกนั โรค วธิ ีการใหว้ คั ซีน
1 วนั มาเร็กซ์
7 วนั นิวคาสเซิล(บี1)+หลอดลม ฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั คอ
14 วนั กมั โบโร หยอดตาหรือจมูก
3 สปั ดาห์ นิวคาสเซิล(ลาโซตา้ ) + หลอดลม ละลายน้าหรือหยอดปาก
เช้ือตายนิวคาสเซิล หยอดตาหรือจมูก 1/2 โดส๊
5 สปั ดาห์ กมั โบโร
8 สปั ดาห์ ฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ที่คอหรือกลา้ มเน้ืออก
10 สปั ดาห์ ฝี ดาษ
12 สัปดาห์ กล่องเสียงอกั เสบติดต่อ ละลายน้าหรือหยอดปาก
นิวคาสเซิล(ลาโซตา้ )+หลอดลม แทงปี ก
14 สปั ดาห์ หวดั หนา้ บวม หยอดตาหรือจมูก
15 สปั ดาห์ หยอดตาหรือจมูก
16 สปั ดาห์ นิวคาสเซิล(ลาโซตา้ )+หลอดลม ฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ท่ีคอหรือกลา้ มเน้ืออกหรือ
นิวคาสเซิล + ไขน่ ่ิม กลา้ มเน้ือขา
หวดั หนา้ บวม หยอดตาหรือจมูก
ฉีดเขา้ กลา้ มเน้ืออกหรือใตผ้ วิ หนงั ที่คอ
ฉีดเขา้ กลา้ มเน้ืออกหรือใตผ้ วิ หนงั
ท่ีคอ หรือกลา้ มเน้ือที่ขา
ที่มา : จิโรจน์ (2535)
*วคั ซีนป้องกนั โรคติดเช้ือ เอม็ .จี. อาจใหเ้ มื่อไก่อายุ 10 สปั ดาห์ โดยการฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ที่คอ
หรือฉีดเขา้ กลา้ มเน้ือที่อก
*ใหว้ คั ซีนนิวคาสเซิลซ้าหลงั เปอร์เซ็นตก์ ารไข่สูงสุด และใหซ้ ้าทุกๆ 2 เดือน ซ่ึงอาจใหโ้ ดยการ
ละลายน้า หยอดตาหรือหยอดจมูกดว้ ยวคั ซีนเช้ือเป็น (ลาโซตา้ ) อยา่ งเดียว หรือใหว้ คั ซีน
เช้ือ เป็ น(ลาโซตา้ )ร่วมกบั การฉีดวคั ซีนเช้ือตายดว้ ย ข้ึนกบั ความจาเป็นของแตล่ ะฟาร์ม
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 141
ตารางที่ 6.3 แสดงตวั อยา่ งโปรแกรมวคั ซีนสาหรับไก่พนั ธุ์ สายพนั ธุ์ไก่ไข่
อายไุ ก่ วคั ซีนป้องกนั โรค วธิ ีการใหว้ คั ซีน
1 วนั มาเร็กซ์
7 วนั นิวคาสเซิล(บี1)+หลอดลม ฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ท่ีคอ
10 วนั กมั โบโร หยอดตา / จมูก
12 วนั บิด ละลายน้าหรือหยอดปาก
3 สัปดาห์ นิวคาสเซิล(ลาโซตา้ )+หลอดลม ละลายน้าหรือหยอดปาก
เช้ือตายนิวคาสเซิล หยอดตา / จมูก
5 สปั ดาห์ 1/2 โด๊ส ฉีดเขา้ ใตผ้ ิวหนงั ท่ีคอหรือ
8 สปั ดาห์ กมั โบโร กลา้ มเน้ืออก
10 สัปดาห์ ฝี ดาษ ละลายน้าหรือหยอดปาก
กล่องเสียงอกั เสบติดต่อ แทงปี ก
12 สปั ดาห์ นิวคาสเซิล(ลาโซตา้ )+หลอดลม หยอดตา / จมูก
14 สปั ดาห์ หวดั หนา้ บวม หยอดตา /จมูก
ฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ท่ีคอ /กลา้ มเน้ืออก
16 สัปดาห์ เอ.อี. + ฝีดาษ หรือกลา้ มเน้ือขา
ไขน่ ิ่ม แทงปี ก
หวดั หนา้ บวม ฉีด เขา้ กลา้ มเน้ืออก /ใตผ้ วิ หนงั ท่ีคอ
ฉีด เขา้ กลา้ มเน้ืออก /ใตผ้ วิ หนงั ท่ีคอ
นิวคาสเซิล(ลาโซตา้ ) หรือกลา้ มเน้ือท่ีขา
นิวคาสเซิล +หลอดลม +กมั โบโร หยอดตา /จมูก
ฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ที่คอ /กลา้ มเน้ืออก
ที่มา : จิโรจน์ (2535)
*วคั ซีนป้องกนั โรคติดเช้ือ เอม็ .จี. อาจใหเ้ ม่ือไก่อายุ 10 สปั ดาห์ โดยการฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ท่ีคอ
หรือฉีดเขา้ กลา้ มเน้ือท่ีอก
*ใหว้ คั ซีนนิวคาสเซิลในช่วงไก่ไข่ ใหท้ าเหมือนโปรแกรมในตารางท่ี 18
*ภายหลงั เปอร์เซ็นตก์ ารไข่สูงสุด หากพบวา่ ระดบั แอนติบอดีต่อโรคกมั โบโรต่ามาก อาจ
พิจารณาใหว้ คั ซีนกมั โบโรเช้ือตาย ซ้าอีก 1 คร้ัง
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 142
3.3 การรักษาสัตว์ป่ วยให้หายจากโรคและสร้างความต้านทานโรค
การกาจดั โรค เป็นการทาใหเ้ ช้ือโรคท่ีเป็นสาเหตุของโรคหมดไปจากร่างกายสัตวแ์ ละจาก
ส่ิงแวดลอ้ มที่อยรู่ อบ ๆ ตวั สัตว์ เป็นวธิ ีหน่ึงในการควบคุมโรคไก่ การใชย้ าในการรักษาสัตวป์ ่ วย
ใหห้ ายจากโรค เป็นการกาจดั เช้ือโรควธิ ีหน่ึง นอกเหนือจากตอ้ งอาศยั การจดั การสุขาภิบาลท่ีได้
กล่าวไปแลว้
3.3.1 ชนิดของยา ยาท่ีใชใ้ นไก่ไข่หรือสตั วป์ ี ก พอจาแนกไดด้ งั ต่อน้ี
1) ยาถ่ายพยาธิ ใชใ้ นการกาจดั พยาธิภายในชนิดต่าง ๆ กลุ่มของยาพวกถ่ายพยาธิ
จาเพาะ เช่น พยาธิตวั กลม หรือกลุ่มยาที่ใชถ้ ่ายพยาธิโดยทว่ั ไป ไดแ้ ก่ ฟี โนไดอาซีน ปิ ปเปอร์
ราซิน ไฮโกรมยั ซิน ลีวาไมโซล เป็นตน้
2) ยาปฏิชีวนะ ใชใ้ นการกาจดั จุลินทรีย์ พวกแบคทีเรียชนิดตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ คลอเต
ตราไซคลิน เพนนิซิลิน สเตรปโตมยั ซิน แอมพิซิลิน นีโอมยั ซิน ออกซี่เตตราซยั คลิน ลินโคมยั
ซิน และสะเปคติโนมยั ซิน เป็นตน้
3) ยากนั บิด มีท้งั ชนิดผงท่ีใชล้ ะลายน้า เช่น แอมโพรเลี่ยม 20 % ซลั ฟาควนิ อกซา
ลีน ซลั ฟาโมโนเมททอกซิน และชนิดผสมอาหาร เช่น ซาลิโนมยั ซิน โรเบนนิคีน ลาซาโลซิค
แอมพรอลพลสั เป็นตน้
4) ยาซลั โฟนาไมด์ เป็นยาในกลุ่มซลั ฟาชนิดต่าง ๆ เช่น ซลั ฟาไดเมททอกซิน ซลั ฟา
ไธอาโซล ซลั ฟาควนิ ๊อกซาลีน เป็นตน้
5) ยาฆา่ เช้ือ ใชฆ้ า่ เช้ือโรคในฟาร์ม ไดแ้ ก่ ควอเทอร์นารีแอมโมเนียมคอมปาวด์
แอลกอฮอล์ ฟี นอล คลอรีน เป็นตน้
6) หมวดยาชนิดอื่นๆ ไดแ้ ก่ วติ ามิน อีเลก็ โตรไลท์ ฟูราโซลิโดน
3.3.2 วธิ ีการใช้ยา
การใชย้ า เป็นส่ิงจาเป็ นในการควบคุมโรค เพราะยาสามารถทาลายเช้ือจุลินทรียท์ ี่ทาใหเ้ กิด
โรคได้ แต่พงึ ตระหนกั ไวว้ า่ การใชย้ าจะไมส่ ามารถทดแทนการจดั การที่ดีได้ การใชย้ าท่ีไดผ้ ลดี
น้นั จะตอ้ งมีการตรวจวนิ ิจฉยั โรคที่ถูกตอ้ งก่อน แลว้ จึงใชย้ าอยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม ตาม
คาแนะนาของผผู้ ลิต วธิ ีการใชย้ ามีหลายวธิ ีไดแ้ ก่
1) โดยการผสมอาหาร จะใชใ้ นกรณีที่ตอ้ งใชใ้ นการรักษาเป็นเวลานาน และยาน้นั
ละลายน้าไดไ้ มด่ ี และมีรสขมเม่ือละลายน้า ใชไ้ ดก้ บั ไกท่ ้งั ฝงู แต่พงึ ระลึกดว้ ยวา่ ไก่ป่ วยจะกิน
อาหารไดน้ อ้ ยลง ดงั น้นั ปริมาณยาที่ใช้ จึงตอ้ งใชม้ ากพอสมควร และตอ้ งใชว้ ธิ ีการกระตุน้ ใหไ้ ก่
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 143
กินอาหาร ไดม้ ากข้ึนดว้ ยวธิ ีการท่ีเหมาะสม ขนาดของยาท่ีใชผ้ สมอาหาร มกั ใชเ้ ป็นกรัมต่อตนั
อาหาร หรือส่วนในลา้ นส่วน
2) โดยการละลายผสมน้าด่ืม เป็นวธิ ีท่ีง่าย รวดเร็ว และสะดวกท่ีสุดสาหรับการรักษา
ในระยะส้ัน แมว้ า่ ไก่ป่ วยจะเบื่ออาหาร แต่ยงั คงกินน้าอยู่ การใหย้ าโดยการละลายในน้าดื่ม จะทา
ในกรณี เพ่ือการรักษาโรค ลดความเครียดและในภาวะขาดอาหาร การรักษาจะใชร้ ะยะเวลา 2 - 5
วนั เพื่อใหไ้ ดป้ ริมาณยาอยา่ งเพียงพอ น้าที่ใชต้ อ้ งเป็นน้าอ่อน และไม่มีสิ่งปลอมปน
3) โดยการฉีด ใชใ้ นกรณีรักษาแบบฉุกเฉิน เฉพาะตวั ยาท่ีไมส่ ามารถละลายน้าด่ืมหรือ
ผสมอาหารได้ เป็นวธิ ีที่สิ้นเปลืองแรงงานและเวลา และยงั ก่อใหเ้ กิดความเครียดต่อตวั ไก่
เน่ืองจากการจบั ทาใหไ้ ก่ต่ืนตกใจ การฉีดทาไดโ้ ดยการฉีดเขา้ ใตผ้ วิ หนงั ฉีด เขา้ กลา้ มเน้ือ ข้ึนกบั
ชนิดของยาและโรค
4) โดยวธิ ีอ่ืน ๆ หมายถึง วธิ ีการอ่ืนๆ ท่ีใชใ้ นการรักษาโรค ไดแ้ ก่ การสเปรยใ์ น
การกาจดั พยาธิภายนอก การรมควนั การจุ่มไข่ และการกรอกปาก เป็นตน้
3.3.3 หลกั การใช้ยาชนิดต่างๆ
1) การใช้ยาปฏชิ ีวนะ มีหลกั การใหญๆ่ อยู่ 5 ขอ้ ไดแ้ ก่
(1) เลือกใชย้ าปฏิชีวนะชนิดใดชนิดหน่ึงเพยี งชนิดเดียว ใหต้ รงกบั เช้ือจุลินทรียท์ ี่
เกิดข้ึนเพราะการใชย้ าปฏิชีวนะหลายชนิดในเวลาเดียวกนั อาจทาใหเ้ กิดฤทธ์ิขดั แยง้ กนั ทาให้
ประสิทธิภาพของการใชย้ าลดลงได้
(2) ขนาดยาที่ใชจ้ ะตอ้ งเป็นไปอยา่ งถูกตอ้ งไม่ควรใหต้ ่ากวา่ ขนาด เพราะอาจทาให้
การใชย้ าไม่ไดผ้ ลและเป็นสาเหตุของการด้ือยาได้
(3) ระยะเวลาที่ใชจ้ ะตอ้ งเพียงพอต่อการทาลายเช้ือจุลินทรีย์ จนเช้ือจุลินทรีย์
หมดประสิทธิภาพไป
(4) ในกรณีท่ีเกิดโรคแทรกซอ้ น ควรใชย้ าชนิดอื่นท่ีไมใ่ ช่ยาปฏิชีวนะช่วยดว้ ย
เช่น ยาปฏิชีวนะชนิดเดียว ไมเ่ พยี งพอต่อการทาลายจุลินทรียม์ ากกวา่ 1 ชนิด อาจใชย้ าประเภท
ซลั โฟนาไมด์ ช่วยดว้ ยเพื่อเสริมฤทธ์ิกนั จะทาใหห้ ายดียงิ่ ข้ึน หรือถา้ สุขภาพของไก่ทรุดโทรมมาก
กจ็ าเป็นตอ้ งใชว้ ติ ามิน อีเลค็ โตรไลท์ ช่วยดว้ ยตามความเหมาะสม
(5) การใชย้ าปฏิชีวนะเพอ่ื รักษาโรค ควรใชป้ ระมาณ 3 - 5 วนั ถา้ ผลไม่ดีข้ึน
จะตอ้ งพิจารณายาตวั ใหม่
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 144
2) การใช้อเี ลค็ โทรไลท์ อีเล็คโทรไลทท์ ี่ใชใ้ นไก่มกั อยใู่ นรูปละลายน้าและมกั รวมอยู่
กบั วติ ามินตา่ งๆ โดยมีจุดประสงคเ์ พือ่ ลดความเครียด ป้องกนั การสูญเสียน้าในร่างกาย ทาใหย้ า
ปฏิชีวนะและซลั โฟนาไมดอ์ อกฤทธ์ิดีข้ึน ทาใหก้ ารทางานของร่างกายเป็นปกติ และช่วยใหไ้ ก่ให้
ผลผลิตไขเ่ พม่ิ ข้ึน ดงั น้นั การใชส้ ารอีเลค็ โทรไลทใ์ นไก่จะใชใ้ นกรณีต่างๆ ดงั ต่อไปน้ี
(1) ในขณะที่ไก่เกิดความเครียดเนื่องจากสาเหตุต่างๆ เช่น โรงเรือนไม่ถูก
สุขลกั ษณะ การขนส่ง การทาวคั ซีน การตดั ปาก การเป็นโรคตา่ งๆ และอากาศร้อนหรือหนาวมาก
เกินไป โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ อากาศร้อนทาใหไ้ ก่กินอาหารไดน้ อ้ ยลง ไก่ไขใ่ ชเ้ วลาในการสร้างไข่
ยาวนานข้ึน ทาใหเ้ ปลือกไขบ่ าง เปอร์เซ็นตก์ ารไขล่ ดลง การใหส้ ารพวกอีเล็คโทรไลท์ และเพ่มิ
แคลเซียมจะช่วยลดความเครียดท่ีเกิดข้ึนได้
(2) ใชป้ ้องกนั การสูญเสียน้าในร่างกาย ที่เกิดข้ึนเนื่องจาก โรคทอ้ งร่วง ไก่เกิด
ความเครียด หรืออีเลค็ โทรไลทไ์ ม่สมดุล การสูญเสียน้าในช่วงหนา้ ร้อน เพือ่ ช่วยระบายความร้อน
ออกจากร่างกาย
(3) ใชร้ ่วมกบั การใชย้ าปฏิชีวนะและยาซลั โฟนาไมด์ ทาใหต้ วั ยาออกฤทธ์ิไดด้ ี
ยง่ิ ข้ึนและคงทนอยใู่ นกระแสเลือด ทาใหก้ ารรักษาโรคเป็ นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพมากยง่ิ ข้ึน
(4) ใชใ้ นไก่ไข่ทาใหผ้ ลผลิตไขเ่ พ่มิ ข้ึน เน่ืองจากสารอีเลค็ โทรไลทท์ ี่อยใู่ น
ของเหลวในท่อนาไข่และรังไข่ เป็นตวั เช่ือมในการทางานของระบบตอ่ มตา่ งๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั
การสร้างไข่ ใหท้ างานอยา่ งมีประสิทธิภาพ
3) การใช้ยาฆ่าเชื้อโรค จะกระทาหลงั จากการใชน้ ้าทาความสะอาด ชะลา้ งส่ิงสกปรก
และสิ่งปฏิกลู ออกหมดแลว้ ในขบวนการฆา่ เช้ือโรค เพ่อื ลดหรือกาจดั เช้ือโรค ทาไดห้ ลายวธิ ี ท้งั
ทางฟิ สิกซ์และทางเคมี การใชย้ าฆ่าเช้ือโรคนิยมใชก้ นั มากในฟาร์มไก่ไข่ เพราะสะดวกและใชง้ ่าย
กวา่ วธิ ีการทางฟิ สิกซ์ สารเคมีท่ีนิยมใช้ เช่น ฟี นอล ไอโอโดฟอร์คลอรีน ฟอร์มาลดีไฮด์
ควอเทอนารี่แอมโมเนียมคอมปาวด์ และ แอลกอฮอล์ เป็นตน้ เพ่อื ใหก้ ารใชย้ าฆ่าเช้ือมี
ประสิทธิภาพในการฆา่ เช้ือโรค มีขอ้ ควรพิจารณาดงั ต่อไปน้ี
(1) ควรทาความสะอาดชะลา้ งส่ิงสกปรก หรือสิ่งปฏิกลู ตา่ งๆ ใหท้ วั่ ทุกซอกมุม
ของบริเวณท่ีจะใชย้ าฆา่ เช้ือใหเ้ รียบร้อยก่อนทุกคร้ัง ก่อนท่ีจะใชย้ าฆ่าเช้ือ
(2) ควรใชย้ าฆา่ เช้ือตามขอ้ บ่งใชท้ ี่ระบุจากผผู้ ลิตอยา่ งเคร่งครัด
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลติ ไกไ่ ข่ 145
เอกสารอ้างองิ
เกรียงศกั ด์ิ พนู สุข. 2536. โรคตดิ เชื้อในไก่. พมิ พค์ ร้ังท่ี 1. กรุงเทพฯ : คณะสตั วแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
จิโรจน์ ศศิปรียจนั ทร์. 2535. คู่มือโรคไก่. กรุงเทพฯ : ภาควชิ าอายรุ ศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
วโิ รจน์ จนั ทรัตน์. 2526. โรคและการสุขาภิบาลสัตว์ปี ก. พมิ พค์ ร้ังที่ 1. เชียงใหม่ : ภาควชิ า
เทคโนโลยที างสตั ว.์ คณะผลิตกรรมการเกษตร สถาบนั เทคโนโลยกี ารเกษตรแม่โจ.้
สุรพล ชลดารงคก์ ลุ . 2526. โรคสัตว์เศรษฐกจิ . สงขลา. ภาควชิ าสตั วศาสตร์ คณะทรัพยากร-
ธรรมชาติ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์.
ปรชี า พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 146
บทที่ 7
การควบคุมคุณภาพและการตลาดไข่ไก่
1. ส่วนประกอบของไข่ไก่
1.1 โครงสร้างของฟองไข่
ไข่ไก่ท้งั ฟอง แบง่ ออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ไขแ่ ดง ไขข่ าว และเปลือกไข่ จะมีปริมาณ
ที่แตกต่างกนั ตามขนาดของไข่ หรืออาจประมาณไดว้ า่ ไขไ่ ก่ฟองหน่ึง ๆ จะมีไขข่ าว 6 ส่วน และ
ไขแ่ ดง 3 ส่วน และเปลือกไข่ 1 ส่วน แสดงในตารางที่ 7.1
ตารางที่ 7.1 แสดงสัดส่วนของโครงสร้างของฟองไขข่ องสตั วป์ ี กชนิดตา่ งๆ
ชนิดสัตวป์ ี ก น้าหนกั (กรัม) ไข่ขาว(%) ไข่แดง(%) เปลือกไข่(%)
ไขห่ ่าน 200 52.5 35.1 12.4
ไข่เป็ ด 80 52.6 35.4 12.0
ไขไ่ ก่ 58 55.8 31.9 12.3
ไข่นกพิราบ 17 74.0 17.9 8.1
ที่มา : สุวรรณ (2522)
โครงสร้างของฟองไข่ แยกออกเป็นส่วนประกอบยอ่ ยๆ ได้ 5 ส่วน คือ
1.1.1 จุดเจริญ (germinal disc หรือ blastoderm) ตรงจุดน้ี ไข่ที่มีเช้ือตวั ผผู้ สมแลว้ จะ
เป็นจุดเริ่มตน้ ของไซโกต ท่ีจะเจริญเป็นตวั ออ่ น
1.1.2 ไข่แดง (yolk) เป็นส่วนประกอบที่สาคญั ของไข่ เป็นแหล่งสะสมอาหารต่างๆ
สาหรับหล่อเล้ียงชีวิตใหมแ่ ละเป็นที่ประคบั ประคองเช้ือลูกไก่ ไขแ่ ดงมีรูปทรงกลม ตามปกติไข่
ใหม่ไข่แดงจะลอยอยกู่ ลางไข่
1.1.3 ไข่ขาว (albumen) มีลกั ษณะก่ึงเหลวห่อหุม้ ไข่แดง องคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็น
โปรตีน มีกรดอมิโนท่ีจาเป็นตอ่ ร่างกายของคนเราทุกอยา่ ง สาหรับไข่ฟัก ท้งั ไข่แดงและไข่ขาวเป็น
อาหารสารองหล่อเล้ียงตวั อ่อนและป้องกนั การ กระทบกระเทือนและอนั ตรายจากการเปลี่ยนแปลง
ของอุณหภูมิภายนอกไข่ เพอื่ ใหช้ ีวติ ใหมไ่ ดเ้ จริญเติบโตโดยสมบูรณ์
ปรีชา พรามณโี ชติ การผลิตไกไ่ ข่ 147
1.1.4 เย่ือหุ้มฟองไข่ (shell membrane) เป็นสารประกอบไนโตรเจนเช่นเดียวกบั เล็บเทา้
และขน มีลกั ษณะเป็นเส้น ๆ ประสานกนั คลา้ ยผา้ ท่ีถกั เป็นผนื มี 2 ช้นั กระชบั ติดกบั เปลือกไข่
ทางดา้ นป้านของฟองไขเ่ ย่ือหุม้ ไข่ 2 ช้นั แยกออกจากกนั กลายเป็นช่องอากาศ (air cell)
1.1.5 เปลือกไข่ (shell) ดา้ นนอกของเปลือกไข่เป็นผวิ ไข่มีองคป์ ระกอบคลา้ ยเยอ่ื หุม้ ไข่ ถดั
จากผวิ ไขจ่ ะเป็นเปลือกแขง็ ช้นั นอก และเปลือกช้นั ใน เปลือกไขเ่ ป็นเสมือนเกราะป้องกนั การ
กระทบกระเทือนแก่ลูกไก่ เป็นที่อากาศถ่ายเทระหวา่ งภายนอกกบั ภายในไข่ และช่วยเกบ็ รักษา
น้ากบั อาหารสาหรับลูกไก่ที่กาลงั ฟักอยู่ ส่วนต่าง ๆ ของฟองไข่แสดงในรูปที่ 19
รูปที่ 7.1 แสดงส่วนตา่ งๆ ของฟองไขท่ ่ีสมบูรณ์ (ปฐม ,2540)
1.2 คุณค่าทางโภชนาการของไข่
ไข่ใชเ้ ป็นอาหารของมนุษย์ ทุกเพศทุกวยั และคนป่ วยไข้ ไข่ใหโ้ ภชนะที่ยอ่ ยง่าย และมี
ประโยชนก์ วา่ อาหารอื่นๆ สาหรับผสู้ ูงอายดุ ว้ ย โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ไข่ใหป้ ระโยชน์มากในการเป็น
อาหารสาหรับเดก็ อ่อน คนเพิง่ ฟ้ื นไข้ ทาใหเ้ ดก็ อ่อนเจริญเติบโตสมบูรณ์ข้ึน คนไขจ้ ะฟ้ื นตวั ไดเ้ ร็ว
ไขไ่ ก่ขนาดกลาง หน่ึงฟอง ให้ พลงั งานประมาณ 7.7 แคลอรี โปรตีน 6 กรัม มีกรดไขมนั ชนิดอิ่มตวั
2 กรัม กรดไขมนั ชนิดไมอ่ ิ่มตวั 3.6 กรัม วติ ามินในไข่ ไดแ้ ก่ วติ ามินเอ ดี อี เค และวติ ามินบีรวม
ตา่ งๆ นอกจากน้ึยงั มีธาตุเหล็กมาก