The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิศึกษา For Website

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Teerawat Thoangphaew, 2020-06-27 04:47:18

การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิศึกษา For Website

การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิศึกษา For Website

Keywords: ทวิศึกษา

46 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556 ๔ นก.
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กลมุ่ วิชาวิทยาศาสตร์
สาระที่ ๑ สิง่ มชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวิต หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจหน่วยพ้ืนฐานของสิง่ มีชีวติ ความสัมพนั ธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ทข่ี อง 1.บรู ณาการกระบวนการทาง - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ระบบต่างๆ ของสิง่ มชี วี ิตท่ที างานสัมพนั ธ์กัน มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สอื่ สารส่ิงทเ่ี รียนรู้ วิทยาศาสตร์เพ่อื ใชใ้ นชีวิต ในการแสวงหาความร้/ู แกป้ ญั หา
และนาความรู้ไปใช้ในการดารงชวี ติ ของตนเองและดแู ลสง่ิ มีชีวิต ประจาวัน การศึกษาและงานอาชพี - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง
๑. ทดลองและอธิบายการรกั ษาดลุ ยภาพของ - สารต่าง ๆ เคล่ือนท่ีผ่านเข้าและออกจากเซลล์ ๒.บรู ณาการความรทู้ างฟสิ ิกสเ์ พือ่ - แสดงความร้แู ละปฏบิ ัตเิ กย่ี วกบั การวดั ปรมิ าณทางฟสิ ิกส์
เซลล์ของส่ิงมีชวี ิต ตลอดเวลา เซลล์จึงต้องมีการรักษาดุลยภาพ ใช้ในชวี ติ ประจาวนั การศกึ ษา - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเร่อื งเวกเตอร์
เพ่ือให้ร่างกายของสิง่ มีชีวติ ดารงชีวติ ไดต้ ามปกติ และงานอาชีพ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเรอื่ งแรง
- แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบเรอื่ งการเคลื่อนท่ี
-เซลล์มีการลาเลียงสารผ่านเซลลโ์ ดยวิธีการแพร่ การ - แสดงความรูแ้ ละสารวจตรวจสอบเรอ่ื งงาน พลังงานและกาลัง
ออสโมซิส การลาเลียงแบบฟาซิลิเทต การลาเลียง
แบบใชพ้ ลังงาน และการลาเลยี งสารขนาดใหญ่ - แสดงความรูแ้ ละสารวจตรวจสอบเร่อื งคลืน่
- แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเร่ืองไฟฟ้า
- สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวมีการลาเลียงสารเกิดข้ึน - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบ เร่อื งความร้อน
ภายในเซลล์เพียงหนึ่งเซลล์ แต่สิ่งมีชีวิตหลาย
เซลล์ต้องอาศัยการทางานประสานกันของเซลล์ - แสดงความรู้เร่ืองนาโนเทคโนโลยี
3.บรู ณาการความรทู้ างเคมเี พ่ือใช้ - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบเรื่องสารและสมบตั ิของสาร
จานวนมาก ในชวี ิตประจาวนั การศึกษาและ - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบกรด เบสและเกลือ
๒. ทดลองและอธบิ ายกลไกการรักษาดุลยภาพ - พืชมีกลไกในการรักษาดุลยภาพของน้า โดยมี งานอาชพี - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบสารประกอบไโโดรคาร์บอน
ของน้าในพชื การควบคุมสมดลุ ระหว่างการคายน้าผ่านปากใบ - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบพอลิเมอร์
และการดูดนา้ ที่ราก - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบสารเคมี
- การเปดิ ปดิ ของปากใบเปน็ การควบคุมอัตราการ - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบสารชีวโมเลกลุ
คายนา้ ของพืช ซง่ึ ช่วยในการรักษาดลุ ยภาพของ
น้าภายในพืชใหม้ ีความช่มุ ชื้นในระดบั ท่ีพอเหมาะ 4.บรู ณาการความรทู้ างชวี วิทยา -แสดงความรูแ้ ละสารวจตรวจสอบเร่ืองหนว่ ยพ้ืนฐานของ
๓. สบื คน้ ขอ้ มูลและอธิบายกลไกการควบคมุ - ไตเป็นอวัยวะสาคญั ในการรักษาดุลยภาพของน้า เพือ่ ใช้ในชวี ิตประจาวัน การศึกษา สง่ิ มีชวี ิต
ดุลยภาพของนา้ แรธ่ าตุ และอุณหภูมขิ อง และสารต่าง ๆ ในร่างกาย ซ่ึงมีโครงสร้างและ และงานอาชพี - แสดงความรูแ้ ละสารวจตรวจสอบเรื่องระบบต่าง ๆ ของ
มนุษยแ์ ละสัตวอ์ ืน่ ๆ และนาความรู้ไปใช้ สิ่งมีชีวติ
ประโยชน์ การทางานรว่ มกบั อวยั วะอน่ื - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบเร่ืองการจาแนกสง่ิ มชี ีวติ
- ภายในไตมีหน่วยไต ของเหลวทีผ่ า่ นเขา้ สู่ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเรื่องพนั ธุกรรม
หนว่ ยไตส่วนหนง่ึ จะถกู ดดู ซมึ กลับสู่หลอดเลือด - ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้เรอ่ื งเทคโนโลยชี ีวภาพ
ส่วนท่ไี มถ่ กู ดดู ซึมกลับจะผา่ นไปยงั ท่อปสั สาวะ

46 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๔ นก.
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์
ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
- ยูเรีย โซเดียมไอออน และคลอไรด์ไอออน เป็น 5.บูรณาการความรู้ทางส่ิงแวดลอ้ ม - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบเร่อื งสงิ่ แวดลอ้ ม
ของเสียจากกระบวนการเมแทบอลิซึม จะถูกขับ และพลงั งานเพือ่ ใชใ้ น- - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบเรื่องการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน
ออกจากไตไปพร้อมกบั ปัสสาวะ ชีวติ ประจาวนั การศกึ ษาและงาน
- อะมีบาและพารามีเซียมเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว อาชีพ
ท่ีมีโครงสร้างภายในเซลล์ท่ีเรียกว่าคอนแทร็ก
ไทล์แวคิวโอลในการกาจัดน้าและของเสียออก
จากเซลล์
- ปลาน้าจดื มีเซลล์บริเวณเหงือกที่น้าเข้าสู่รา่ งกาย ได้
โดยการออสโมซิส ส่วนปลาน้าเค็มป้องกันการ
สูญเสียน้าออกจากร่างกายโดยมีผิวหนังและเกล็ดที่
ป้องกันไม่ให้แร่ธาตุจากน้าทะเลซึมเข้าสู่ร่างกาย
และที่บริเวณเหงือกมีกลุ่มเซลล์ซ่ึงขับ แร่ธาตุ
สว่ นเกนิ ออกโดยวธิ กี ารลาเลียงแบบใช้พลงั งาน
- มนุษย์มีกลไกในการควบคมุ อุณหภูมิของรา่ งกาย
ให้อยู่ในสภาวะท่ีเหมาะสม โดยศูนย์ควบคุม
อุณหภูมิจะอยู่ท่สี มองสว่ นไโโพทาลามัส
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ - สัตว์เลือดอุ่นสามารถรักษาอุณหภูมิของร่างกาย
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ให้เกือบคงท่ีได้ในสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ส่วน
สัตว์เลือดเย็น อุณหภูมิร่างกายจะแปรผันตาม
อณุ หภมู ิของสงิ่ แวดล้อม
๔. อธบิ ายเก่ียวกบั ระบบภูมคิ ุ้มกันของรา่ งกาย - ร่างกายมนุษย์ มีภูมิคุ้มกันซึ่งเป็นกลไกในการ
และนาความรไู้ ปใชใ้ นการดแู ลรกั ษาสขุ ภาพ ป้องกนั เช้อื โรคหรือสง่ิ แปลกปลอมเขา้ สู่ร่างกาย
-ผิวหนัง เซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบน้าเหลือง
เป็นส่วนสาคัญของร่างกายที่ทาหน้าที่ป้องกัน
และทาลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมท่ีเข้าสู่
ร่างกาย

47 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี 47

48 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พุทธศกั ราช 2556 ๖ นก.
กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาตางประเทศ ๖นก. กลมุ วิชาภาษาตางประเทศ
ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู กนกลาง 2000-1301 วทิ ยาศาสตรเ พื่อพฒั นาทักษะชวี ิต 1-2-2
- ระบบภูมิคุมกันมีความสําคัญย่ิงตอรางกายมนุษย (Science for Life Skills)
การรับประทานอาหารท่ถี กู สขุ ลกั ษณะการออกกําลังกาย
การดูแลสขุ อนามยั ตลอดจนการหลีกเลี่ยงสารเสพติด จุดประสงคร ายวชิ า
และพฤติกรรมที่เสี่ยงทางเพศ และการไดรับวัคซีน 1. เพื่อใหมคี วามรูความเขาใจเกี่ยวกับหนวยและการวัด แรงและการเคล่ือนที่ ไฟฟา อะตอมและ
ในการปองกันโรคตาง ๆ ครบตามกําหนดจะชวย ธาตุ สารและปฏกิ ริ ยิ าเคมี การรักษาดลุ ยภาพของสิง่ มชี วี ติ และระบบนเิ วศ
เสริมสรา งภมู คิ ุมกนั และรักษาภมู ิคมุ กนั ของรา งกายได 2. เพ่ือใหมีทักษะเก่ียวกับการใชเครื่องมือวัด ปริมาณทางฟสิกส การทดลองแหลงกําเนิดไฟฟา
มาตรฐาน ว ๑.๒ เขาใจกระบวนการและความสําคัญของการถายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม วงจรไฟฟา การคาํ นวณคาไฟฟา การทดลองปฏิกริ ยิ าเคมใี นชีวิตประจาํ วันและงานอาชพี
วิวัฒนาการของสิ่งมีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ การใชเทคโนโลยชี ีวภาพท่มี ผี ลกระทบ 3. เพอ่ื ใหม เี จตคติทด่ี ีตอ วชิ าวิทยาศาสตร และกิจนสิ ยั ที่ดใี นการทํางาน
ตอ มนุษยแ ละสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสบื เสาะหาความรแู ละจติ วทิ ยาศาสตร ส่อื สารส่ิงทเ่ี รียนรู
และนําความรไู ปใชป ระโยชน สมรรถนะรายวิชา
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรแู กนกลาง 1. แสดงความรูและปฏบิ ตั ิเกี่ยวกับปริมาณทางฟสิกส แรงและการเคล่อื นที่
๑. อธบิ ายกระบวนการถายทอดสารพันธกุ รรม - สิ่งมีชีวิตมีการถายทอดลักษณะทางพันธุกรรม 2. แสดงความรแู ละปฏบิ ตั ิเกย่ี วกบั ไฟฟาในชีวิตประจําวัน
การแปรผันทางพนั ธกุ รรม มวิ เทชนั และการ จากพอแมมาสูรุนลูกหลานไดซ่ึงสังเกตไดจาก 3. แสดงความรแู ละปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั สารเคมแี ละการเปลย่ี นแปลงทางเคมี
เกิดความหลากหลายทางชวี ภาพ ลกั ษณะทปี่ รากฏ 4. แสดงความรแู ละปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกับสิง่ มีชวี ิตและระบบนิเวศ
5. แสดงความรูเ บอื้ งตนเกย่ี วกบั นาโนเทคโนโลยี

- ดีเอ็นเอเปนนิวคลีโอไทดสายยาวสองสายพันกัน คาํ อธบิ ายรายวชิ า
เปนเกลียวคูวนขวา แตละสายประกอบดวย ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร หนวยและการวัด แรงและ
นิวคลีโอไทดนับลานหนวย ซึ่งมีโครงสราง การเคลื่อนที่ ไฟฟาในชีวิตประจําวัน นาโนเทคโนโลยี โครงสรางอะตอมและตารางธาตุ พันธะเคมี
ประกอบดวยน้ําตาลเพนโทส ไนโตรเจนเบส สารและการเปล่ียนแปลง ปฏิกิริยาเคมใี นชวี ติ ประจาํ วนั การรักษาดลุ ยภาพของสิ่งมีชีวติ และระบบนิเวศ
ส่ีชนิดและหมูฟอสเฟต โดยท่ีลําดับเบสของ
นิวคลโี อไทดจ ะมขี อ มูลทางพันธุกรรมบันทกึ อยู
- มิวเทชันเปนการเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมใน
ระดับยีนหรือโครโมโซม ซ่ึงเปนผลมาจากการ
เปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้นกับดีเอ็นเอโดยมิวเทชันท่ี
เกิดในเซลลสืบพันธุสามารถถายทอดไปสูรุนลูก
และหลานได

48 แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรว มหลกั สตู รอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศึกษา)

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556 ๖ นก.
กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ๖นก. กลมุ วิชาภาษาตางประเทศ
ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรูแกนกลาง 2000-1302 วทิ ยาศาสตรเ พอ่ื พฒั นาอาชีพชา งอุตสาหกรรม 1-2-2
- การแปรผันทางพันธุกรรมทําใหส่ิงมีชีวิตที่เกิด (Science for Industry)
ใหมมีลักษณะท่ีแตกตางกันหลากหลายชนิด
๒. สืบคน ขอมูลและอภปิ รายผลของเทคโนโลยี กอ ใหเ กดิ เปนความหลากหลายทางชีวภาพ จดุ ประสงครายวิชา
ชวี ภาพทม่ี ีตอมนษุ ยแ ละสง่ิ แวดลอ มและนํา - มนุษยนําความรูทางเทคโนโลยีชีวภาพดานพันธุ 1. เพื่อใหมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับ ปริมาณทางฟสิกส เวกเตอร แรง สมดุลของวัตถุ
ความรไู ปใชป ระโยชน วิศวกรรม การโคลนและการเพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือ การเคล่ือนที่ งาน กาํ ลงั พลงั งาน คลน่ื
มาใชในการพัฒนาใหเกิดความกาวหนาใน 2. เพือ่ ใหมที กั ษะการคํานวณ การทดลอง สามารถนําไปประยกุ ตใชใ นวิชาชพี และชีวติ ประจําวัน
ดานตา ง ๆ มากขนึ้ และแพรหลาย 3. เพอ่ื ใหมเี จตคติทด่ี ีตอ วชิ าวิทยาศาสตร และกจิ นิสยั ทีด่ ีในการทํางาน
- การใชเทคโนโลยีชีวภาพที่สรางสิ่งมีชีวิตใหม
เกิดขึ้น หรือสิ่งมีชีวิตท่ีมีการดัดแปรพันธุกรรม สมรรถนะรายวิชา
สง ผลกระทบทั้งทางดา นทีเ่ ปน ประโยชนและโทษ 1. แสดงความรูและปฏิบัติเก่ียวกับปริมาณทางฟสิกส แรง สมดุลของวัตถุและการเคล่ือนที่แบบ
ตอ สิ่งแวดลอม เศรษฐกิจและสังคม ตา ง ๆ
2. แสดงความรูและปฏบิ ตั เิ ก่ียวกับหลักการทํางานของคลน่ื และพลังงาน

๓. สืบคน ขอ มูลและอภิปรายผลของความ -โลกมีความหลากหลายของระบบนิเวศซึ่งมี คาํ อธบิ ายรายวชิ า
หลากหลายทางชวี ภาพทีม่ ีตอ มนษุ ยแ ละ ส่ิ ง มี ชี วิ ต อ า ศั ย อ ยู ม า ก ม า ย ห ล า ย ส ป ชี ส ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับ ปริมาณทางฟสิกสและเวกเตอร แรง การรวมแรงและการแยกแรง
สง่ิ แวดลอม สิ่งมีชีวิตสปชีสเดียวกันก็ยังมีความหลากหลาย การสมดุลของวัตถุ การเคลือ่ นท่แี นวเสน ตรง การเคล่อื นทีแ่ บบโปรเจคไทล การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม
ทางพนั ธุกรรม การเคลื่อนท่ีแบบฮารโมนิกอยางงาย งานกําลังและพลังงาน คลื่นและสมบัติของคลื่น
- ความหลากหลายทางชีวภาพสงผลทําใหมนุษย คลืน่ แมเหล็กไฟฟา
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ และส่ิงมีชีวิตอ่ืน ๆ ไดใชประโยชนในแงของการ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา เปนอาหาร ที่อยูอาศัย แหลงสืบพันธุและ
ขยายพันธุ ทําใหส่งิ มีชวี ติ สามารถดํารงพนั ธุอ ยูได
- สิ่งมีชีวิตท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพ มีความ
ตองการปจจัยตาง ๆ ในการดํารงชีวิตแตกตางกัน
ซึ่งจะชวยรักษาสมดลุ ของระบบนเิ วศบนโลกได
๔. อธบิ ายกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติ - ส่ิงมีชีวิตแตละสปชีสจะมีความหลากหลายท่ี
และผลของการคดั เลือกตามธรรมชาตติ อ แตกตางกัน สิ่งมีชีวิตในสปชีสเดียวกันจะผสม
ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ิต พันธุและสบื ลกู หลานตอไปได

49 แนวทางการจดั การศึกษาเรียนรว มหลกั สูตรอาชีวศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) 49

50 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๖ นก.
กลมุ สาระการเรยี นรูภ าษาตา งประเทศ ๖นก. กลมุ วิชาภาษาตา งประเทศ
ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู กนกลาง 2000-1303 วทิ ยาศาสตรเ พื่อพฒั นาอาชพี ธรุ กจิ และบรกิ าร 1-2-2
- การคดั เลือกตามธรรมชาติจะสงผลทําใหลกั ษณะ (Science for Business and Services)
พันธุกรรมของประชากรในกลุมยอยแตละกลุม
สาระที่ ๒ ชวี ติ กบั ส่ิงแวดลอ ม แตกตางกันไปจนกลายเปนสปชีสใหมทําให จดุ ประสงคร ายวชิ า
เกิดเปนความหลากหลายของส่ิงมชี วี ิต 1. เพ่ือใหมคี วามรคู วามเขาใจเกย่ี วกบั พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ เทคโนโลยีชีวภาพ
จุลินทรียในอาหาร ปโตรเลียมและผลิตภัณฑ ยางและพอลิเมอร สารชีวโมเลกุลในอาหาร
คลืน่ แมเหลก็ ไฟฟา พลงั งานนิวเคลยี ร
มาตรฐาน ว ๒.๑ เขาใจสิ่งแวดลอมในทองถิ่น ความสัมพันธระหวางสิ่งแวดลอมกับสิ่งมีชีวิต 2. เพ่ือใหมีทักษะการคํานวณหาโอกาสของลักษณะการถายทอดทางพันธุกรรม การจําแนก
ความสัมพนั ธระหวางสิ่งมีชวี ิตตาง ๆ ในระบบนเิ วศ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยา สิ่งมีชีวิต การทดลองจุลินทรียในอาหาร การเลือกใชเทคโนโลยีชีวภาพ การทดลองสมบัติของ
ศาสตร สื่อสารส่ิงท่เี รียนรแู ละนาํ ความรไู ปใชประโยชน
ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรแู กนกลาง สารไฮโดรคารบอน การทดสอบสมบัติทางกายภาพของพอลิเมอร การทดสอบสารชีวโมเลกุล
ในอาหาร การวิเคราะหผลของคลืน่ แมเหลก็ ไฟฟา ตอมนุษย และพลังงานนวิ เคลยี ร
๑. อธิบายดลุ ยภาพของระบบนิเวศ - ระบบนิเวศในธรรมชาติจะมีความสมดุลได 3. เพ่อื ใหม เี จตคตทิ ่ีดตี อ วชิ าวทิ ยาศาสตรแ ละกจิ นสิ ัยทีด่ ใี นการทาํ งาน
ก็ตอ เมอื่ มีสภาพแวดลอมตาง ๆ ท่ีเอื้ออํานวยตอ
๒. อธบิ ายกระบวนการเปลยี่ นแปลงแทนที่ของ การดํารงชวี ติ ของส่ิงมชี วี ิตชนดิ ตา ง ๆ ในระบบนิเวศ สมรรถนะรายวิชา
ส่งิ มชี วี ิต จนทําใหเกิดความหลากหลายของระบบนิเวศ 1. แสดงความรูและปฏิบัติเก่ียวกับหลักการทางพันธุกรรม เทคโนโลยีชีวภาพและจุลินทรีย
บนโลก ในอาหาร
- ระบบนิเวศในโลกท่ีมีความหลากหลาย มีการ 2. แสดงความรูแ ละปฏิบัติเกย่ี วกบั ปโ ตรเคมีและผลิตภัณฑ
เปลี่ยนแปลงตาง ๆ เกิดข้ึนอยูตลอดเวลา 3. แสดงความรูและปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั สารชีวโมเลกลุ ของอาหาร
ไมวาจะเปนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตาม 4. แสดงความรแู ละปฏิบตั ิเกี่ยวกบั คลื่นแมเหลก็ ไฟฟา
ธรรมชาติหรือการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดจากมนุษย 5. แสดงความรูและปฏิบตั เิ กยี่ วกบั หลักการของพลังงานนิวเคลยี ร

เปนผูกระทําการเปลี่ยนแปลงเหลาน้ีอาจสงผล คําอธบิ ายรายวชิ า
ทาํ ใหร ะบบนเิ วศเสยี สมดลุ ได ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับ การถายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ
- เ มื่ อ ร ะ บ บ นิ เ ว ศ เ สี ย ส ม ดุ ล จ ะ เ กิ ด ก า ร เทคโนโลยีชีวภาพ จุลินทรียในอาหาร ปโตรเลียมและผลิตภัณฑ ยางและพอลิเมอร สารชีวโมเลกุล
เปล่ียนแปลงแทนท่ีเกิดขึ้นในระบบนิเวศน้ัน ในอาหาร คลื่นแมเ หล็กไฟฟา พลงั งานนวิ เคลียรต อการดาํ รงชีวติ
การเปล่ียนแปลงสภาพทางธรรมชาติของระบบ
นิ เ ว ศ ย อ ม ส ง ผ ล ทํ า ใ ห เ กิ ด ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง
แทนท่ขี องสิง่ มชี ีวติ ในระบบนิเวศนน้ั ดวย

50 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นรว มหลกั สตู รอาชีวศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศึกษา)

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กลุม่ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง 2000-1304 วทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ พฒั นาอาชีพศลิ ปกรรม 1-2-2
๓. อธบิ ายความสาคญั ของความหลากหลายทาง - ความหลากหลายทางชีวภาพมีความสาคัญต่อ (Science for Arts)
ชีวภาพ และเสนอแนะแนวทางในการดูแล สงิ่ มชี วี ิต สิง่ มชี ีวติ ทุกชนดิ มีความสาคญั ต่อระบบ
และรกั ษา นิเวศ ถ้าสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่งถกู ทาลายหรอื จดุ ประสงค์รายวิชา
สญู หายไปกจ็ ะส่งผลกระทบต่อความหลากหลาย 1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับสารเคมีในงานอาชีพ พอลิเมอร์ แสงและการมองเห็น
ของส่งิ มีชีวิตอ่ืน ๆ ในระบบนิเวศดว้ ย ความร้อน
- ความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเ วศ 2. เพื่อให้มีทักษะเกี่ยวกับการทดลองเรื่องสารละลาย การทดสอบสมบัติทางกายภาพของ
หนึง่ ยังอาจเก้ือกูลต่อระบบนิเวศอื่น ๆ ไดด้ ้วย พอลเิ มอร์ การทดลองสมบตั ิของคลืน่ แสง และผลของความรอ้ นตอ่ วัตถุ
- ความหลากหลายทางชีวภาพมีความสาคัญต่อ 3. เพื่อใหม้ เี จตคติทด่ี ตี ่อวิชาวทิ ยาศาสตร์ และกจิ นิสัยท่ดี ใี นการทางาน
มนุษย์ มนุษย์ใช้ประโยชน์จากความหลากหลาย
ทางชีวภาพมากมาย การใช้ท่ี ขาดความ สมรรถนะรายวชิ า
ระมัดระวังอาจสง่ ผลกระทบต่อความหลากหลาย 1. แสดงความรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั สารเคมใี นงานอาชพี
2. แสดงความรแู้ ละปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั หลักการของแสงและความรอ้ น

ทางชีวภาพได้ ซึ่งทุกคนควรมีส่วนร่วมในการ คาอธบิ ายรายวชิ า
ดแู ลและรักษา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ สารละลาย คอลลอยด์อีมัลชั่น สารเคมีในงานอาชีพ พอลิเมอร์ การ
มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจความสาคัญของทรพั ยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาตใิ นระดับ เลอื กใชผ้ ลติ ภณั ฑ์พอลเิ มอร์ แสงและการมองเหน็ ความรอ้ น อุณหภูมแิ ละผลของความร้อนต่อวตั ถุ
ทอ้ งถน่ิ ประเทศ และโลกนาความรไู้ ปใชใ้ นในการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดล้อมใน
ทอ้ งถิ่นอยา่ งย่งั ยืน
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ๑. วิเคราะหส์ ภาพปัญหา สาเหตขุ องปญั หา - ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างส่ิงมีชีวิตกับ
สง่ิ แวดล้อมและทรพั ยากรธรรมชาติในระดบั สิ่งแวดล้อมหรือระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต
ท้องถ่ิน ระดบั ประเทศ และระดบั โลก ด้วยกันมีความสัมพันธ์กันหลายระดับ ตั้งแต่
ระดบั ทอ้ งถ่นิ ระดับประเทศ และระดับโลก
- การเพิ่มข้ึนของประชากรมนุษย์ส่งผลให้มีการใช้
ทรัพยากรธรรมชาติเพ่ิมขึ้น ทาให้ทรัพยากร
ธรรมชาติลดจานวนลง และเกิดปัญหามลพิษ
ทางดา้ นตา่ ง ๆ ตามมา

51 แนวทางการจัดการอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี 51

52 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กล่มุ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 2000-1305 วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม 1-2-2
- ปัญหามลพิษที่เกิดข้ึนมีด้วยกันหลายสาเหตุ (Science for Agriculture)
บางปัญหามีผลกระทบเกิดข้ึนในระดับท้องถิ่น จุดประสงคร์ ายวิชา
บางปัญหาสง่ ผลกระทบระดับประเทศ และบาง 1. เพือ่ ให้มีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับโครงสรา้ ง หน้าที่ ของเซลล์พืช เซลล์สัตว์ ระบบตา่ ง ๆ ของ
ปญั หามคี วามรนุ แรงจนเป็นปัญหาระดับโลก พืชและสัตว์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ
๒. อภิปรายแนวทางในการปอ้ งกนั แกไ้ ข ปัญหา - การใช้ทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่าง เทคโนโลยีชีวภาพ และววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี วี ิต
สิง่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ จากัดจาเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและ 2. เพ่ือให้มีทักษะเก่ียวกับ โครงสร้าง และองค์ประกอบของเซลล์พืช เซลล์สัตว์ ทดลองเกี่ยวกับ
ไมใ่ หเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สิง่ แวดล้อม โครงสรา้ ง องคป์ ระกอบ และการทางานของอวัยวะของระบบตา่ งๆ ของพชื และสัตว์ คานวณหา
- สิ่งแวดล้อมท่ีอยู่ในสภาพเส่ือมโทรม หรือเกิด โอกาสของลกั ษณะการถา่ ยทอดทางพันธุกรรม และการจาแนกสงิ่ มชี วี ติ
เป็นมลพิษทีเ่ ปน็ ผลเนื่องมาจากการใช้ทรัพยากร
3. เพื่อใหม้ ีเจตคตทิ ่ีดตี ่อวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละกิจนสิ ยั ทดี่ ีในการทางาน

ธรรมชาติ ต้องหาแนวทางในการป้องกัน แก้ไข สมรรถนะรายวชิ า
ฟ้นื ฟใู ห้กลบั มีสภาพทส่ี ามารถใช้การได้ 1. แสดงความรู้ และปฏบิ ตั เิ กยี่ วกับ เซลล์ พันธุกรรม และววิ ัฒนาการของสิง่ มีชีวิต
๓. วางแผนและดาเนินการเฝา้ ระวงั อนุรกั ษ์และ - สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติควรต้องมี 2. แสดงความรูแ้ ละปฏิบัติเกี่ยวกบั องค์ประกอบ และการทางานของอวัยวะของระบบต่าง ๆ ของ
พฒั นาสง่ิ แวดล้อมและทรพั ยากรธรรมชาติ การเฝ้าระวัง อนุรักษ์และพัฒนา ซ่ึงทุกคนควร พืชและสัตว์ คานวณหาโอกาสของลกั ษณะการถา่ ยทอดทางพันธกุ รรม และจาแนกสิ่งมีชีวิต

ร่วมกันปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่าง คาอธบิ ายรายวิชา
ยั่งยืน ศกึ ษาและปฏิบัตเิ กี่ยวกับ โครงสร้าง หนา้ ที่ องคป์ ระกอบของเซลลพ์ ชื เซลลส์ ัตว์ ระบบตา่ ง ๆ ของ
สาระที่ ๓ สารและสมบัติของสาร พืชและสัตว์และการทางาน การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจสมบัตขิ องสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบตั ิของสารกบั โครงสรา้ งและแรง เทคโนโลยีชีวภาพและววิ ัฒนาการของส่งิ มชี ีวติ
ยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าค มกี ระบวนการสบื เสาะ หาความรู้และจติ วทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารสิง่ ท่ี
เรียนรู้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
๑. สบื คน้ ข้อมูลและอธบิ ายโครงสร้างอะตอม - นักวิทยาศาสตรใ์ ช้ขอ้ มูลจากการศกึ ษาโครงสร้าง
และสญั ลกั ษณน์ ิวเคลยี ร์ของธาตุ อะตอม สรา้ งแบบจาลองอะตอมแบบต่าง ๆ ที่มี
พฒั นาการอยา่ งตอ่ เนื่อง

52 แนวทางการจดั การอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กลมุ่ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง 2000-1306 โครงงานวิทยาศาสตร์ 0-2-1
- อะตอมประกอบด้วยอนุภาคมูลฐานสาคัญ ๓ (Science Project)
ชนิด คือ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน จดุ ประสงค์รายวิชา
จานวนโปรตอนในนิวเคลียสเรียกว่า เลขอะตอม 1. เพ่ือให้มีความรู้และความเข้าใจเก่ียวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทาง
ผลรวมของจานวนโปรตอนกับนิวตรอนเรียกว่า วทิ ยาศาสตร์ และข้ันตอนการทางานโครงงานวิทยาศาสตร์
เลขมวล ตัวเลขทั้งสองนี้จะปรากฎอยู่ใน 2. เพ่ือให้มีทักษะเก่ียวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และ
สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี รข์ องไอโซโทปตา่ ง ๆ ของธาตุ ขั้นตอนการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์
๒. วเิ คราะห์และอธบิ ายการจดั เรยี งอเิ ล็กตรอน -อิเล็กตรอนในอะตอมของธาตุจะจัดเรียงอยู่ใน 3. เพ่อื ใหม้ ีเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์ และกจิ นิสยั ท่ดี ีในการทางาน
ในอะตอม ความสมั พนั ธ์ระหว่างอิเลก็ ตรอน ระดับพลังงานตา่ ง ๆ และในแต่ละระดบั พลงั งาน สมรรถนะรายวชิ า
ในระดับพลังงานนอกสดุ กับสมบัตขิ องธาตุ จะมจี านวนอเิ ลก็ ตรอนเปน็ คา่ เฉพาะ 1. แสดงความรแู้ ละปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกับหลักการ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
และการเกดิ ปฏกิ ิริยา -อิเล็กตรอนในระดับพลังงานนอกสุดจะแสดง 2. แสดงความรูแ้ ละปฏิบัติข้ันตอนการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์
สมบัติบางประการของธาตุ เช่น ความเป็นโลหะ คาอธบิ ายรายวชิ า
อโลหะ และเก่ยี วขอ้ งกบั การเกิดปฏิกิรยิ าของธาตนุ ัน้ ปฏิบัติเกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และขั้นตอนการทา
๓. อธิบายการจดั เรยี งธาตุและทานายแนวโนม้ - ตารางธาตุปัจจุบัน จัดเรียงธาตุตามเลขอะตอม โครงงานวทิ ยาศาสตร์
สมบัตขิ องธาตใุ นตารางธาตุ และอาศยั สมบัติทคี่ ลา้ ยกนั ทาใหส้ ามารถทานาย
แนวโนม้ สมบัตขิ องธาตุในตารางธาตไุ ด้
๔. วิเคราะห์และอธิบายการเกดิ พนั ธะเคมีใน - แรงยึดเหน่ียวระหว่างไอออนหรืออะตอมของ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ โครงผลึกและในโมเลกลุ ของสาร ธาตุให้อยู่รวมกันเป็นโครงผลึก หรือโมเลกุล
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา เรียกว่า พนั ธะเคมี
- พนั ธะเคมีแบ่งออกเป็น พนั ธะไอออนิก พันธะ
โคเวเลนต์ และพันธะโลหะ
๕. สบื ค้นข้อมลู และอธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ ง - จุดเดือด จุดหลอมเหลวและสถานะของสาร มี
จุดเดอื ด จดุ หลอมเหลว และสถานะของสาร ความเก่ียวข้องกับแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค
กบั แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างอนุภาคของสาร ของสารนั้น สารท่ีอนุภาคยึดเหนี่ยวกันด้วยแรง
ยึดเหน่ียวหรือพันธะเคมีที่แข็งแรง จะมีจุดเดือด
และจุดหลอมเหลวสูง สารในสถานะของแข็ง
อนุภาคยึดเหน่ียวกันด้วยแรงท่ีแข็งแรงกว่าสาร
ในสถานะของเหลวและแกส๊ ตามลาดบั

53 แนวทางการจดั การอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี 53

54 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจหลกั การและธรรมชาตขิ องการเปลยี่ นแปลงสถานะของสาร การเกดิ

สารละลาย การเกิดปฏิกิรยิ า มีกระบวนการสบื เสาะ หาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่อื สารส่งิ ท่ี
เรียนรู้ และนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์

ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
๑. ทดลอง อธิบายและเขยี นสมการของปฏกิ ิรยิ า -ในชีวิตประจาวันจะพบเห็นปฏิกิริยาเคมีจานวน
เคมีทว่ั ไปท่พี บในชีวติ ประจาวนั รวมทั้ง มาก ท้ังทเี่ กิดในธรรมชาตแิ ละมนษุ ยเ์ ป็นผกู้ ระทา
อธิบายผลของสารเคมีทม่ี ตี ่อส่งิ มชี วี ิตและ ปฏกิ ิริยาเคมีเขยี นแทนได้ดว้ ยสมการเคมี
สิ่งแวดล้อม - ม นุ ษ ย์ น า ส า ร เ ค มี ม า ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ท้ั ง ใ น บ้ า น
ในทางการเกษตรและอุตสาหกรรม แต่สารเคมี
๒. ทดลองและอธบิ ายอตั ราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี บางชนิดเปน็ อันตรายต่อสง่ิ มชี ีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม
ปจั จยั ทีม่ ีผลต่ออตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี - ป ริ ม า ณ ข อ ง ส า ร ตั้ ง ต้ น ห รื อ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่
และนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ เปลี่ยนแปลงไปต่อหน่วยเวลาเรียกว่าอัตราการ
เกิดปฏิกิริยาเคมี และปริมาณของสารท่ี
เปล่ียนแปลงไปน้ัน อาจวัดจากค่าความเข้มข้น
ปริมาตร หรือมวลของสาร ซ่ึงข้ึนอยู่กับลักษณะ
ของสาร
- ความเข้มข้น พ้ืนท่ีผิว อุณหภูมิ ตัวเร่งปฏิกิริยา
เป็นปัจจัยท่ีมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การควบคุมปัจจัยเหล่านี้เพื่อทาให้ปฏิกิริยา
เกิดขึ้นในอัตราที่เหมาะสม สามารถนามาใช้ให้
เปน็ ประโยชน์ได้
๓. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธิบายการเกดิ ปโิ ตรเลียม - การสลายตวั ของซากพืชและซากสัตว์ท่ีทับถมอยู่
กระบวนการแยกแกส๊ ธรรมชาติ และการกลัน่ ใต้ทะเลอย่างต่อเน่ืองภายใต้อุณหภูมิและความ
ลาดับส่วนน้ามันดิบ ดันสูงนานนับล้านปี จะเกิดเป็นปิโตรเลียม โดย
มีได้ทั้งสถานะของแข็ง ของเหลวหรือแก๊ส ซึ่งมี
สารประกอบไโโดรคาร์บอนหลายชนิดรวมกัน
และอาจมีสารประกอบอื่น ๆ ปะปนอย่ดู ้วย

54 แนวทางการจัดการอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 55
- การนาแก๊สธรรมชาติมาใช้ประโยชน์จะต้องผ่าน
กระบวนการแยกแก๊ส ส่วนของเหลวหรือ
นา้ มนั ดบิ จะแยกโดยการกลนั่ ลาดับส่วน
๔. สบื ค้นขอ้ มูลและอภปิ รายการนาผลติ ภณั ฑ์ - มีเทน อีเทน โพรเพนและบวิ เทน เป็นผลิตภัณฑ์
ที่ได้จากการแยกแกส๊ ธรรมชาติและการกลน่ั ท่ีได้จากการแยกแก๊สธรรมชาติและกลั่นลาดับ
ลาดับสว่ นน้ามนั ดิบไปใชป้ ระโยชน์ รวมทัง้ ผล ส่วนน้ามันดิบ นามาใช้เป็นเช้ือเพลิงและสาร
ของผลติ ภณั ฑต์ อ่ ส่ิงมชี ีวิตและส่งิ แวดล้อม ตั้งต้น ส่วนผลิตภัณฑ์อ่ืนๆ ซึ่งมีจานวนอะตอม
คารบ์ อนเพม่ิ ข้นึ นาไปใชป้ ระโยชน์แตกต่างกัน
- การสัมผัสตัวทาละลายและไโโดรคาร์บอนบาง
ชนิดในรูปของไอและของที่ใช้แล้ว อาจเป็น
อันตรายต่อสุขภาพได้ รวมถึงการกาจัดอย่าง
ไมถ่ กู วิธีกจ็ ะมีผลต่อส่ิงแวดล้อมดว้ ย
๕. ทดลองและอธบิ ายการเกดิ พอลิเมอร์ สมบตั ิ - พอลิเมอร์เปน็ สารประกอบท่ีโมเลกลุ มีขนาดใหญ่
ของพอลิเมอร์ เกิดจากมอนอเมอร์จานวนมากเช่ือมต่อกันด้วย
พันธะโคเวเลนต์ มีท้ังท่ีเกิดในธรรมชาติและ
สังเคราะหข์ น้ึ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ - ปฏิกิริยาที่มอนอเมอร์รวมกันเป็นพอลิเมอร์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา เรียกว่า ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน ซ่ึงอาจเป็น
แบบควบแน่น หรือแบบตอ่ เตมิ
- พอลิเมอร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดอาจมีสมบัติ
บางประการเหมือนกันและบางประการแตกตา่ ง
กนั
๖. อภปิ รายการนาพอลิเมอร์ไปใชป้ ระโยชน์ -พอลิเมอร์นาไปใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกัน ตาม
รวมท้งั ผลท่เี กดิ จากการผลิตและใช้พอลิเมอร์ สมบัติของพอลิเมอร์ชนิดน้ันๆ เช่น ใช้พลาสติก
ต่อสิง่ มชี วี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม ทาภาชนะ ใช้เสน้ ใยสังเคราะหท์ าเคร่ืองนุง่ ห่ม

55 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

56 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556 ๔ นก.
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กล่มุ วิชาวิทยาศาสตร์
ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่นาไปใช้ประโยชน์ใน
ชีวิตประจาวัน บางชนิดสลายตัวยาก การใช้
อย่างฟุ่มเฟือยและไม่ระมัดระวังอาจก่อให้เกิด
ปัญหาต่อส่ิงมีชวี ิตและสงิ่ แวดลอ้ มได้
๗. ทดลองและอธบิ ายองคป์ ระกอบ ประโยชน์ - คาร์โบไโเดรตจัดเปน็ แหล่งพลังงานของส่งิ มชี วี ติ
และปฏิกริ ยิ า บางชนิดของคารโ์ บไโเดรต พบได้ทั่วไปในชีวิตประจาวัน เช่น น้าตาล แป้ง
เซลลูโลสและไกลโคเจน โดยมีน้าตาลเป็นหน่วย
ย่อยสาคัญ ซึ่งประกอบด้วยธาตุ C H และ O
การตรวจสอบชนิดของน้าตาลทา ได้โดยใช้
สารละลายเบเนดกิ ต์
๘. ทดลองและอธบิ ายองคป์ ระกอบ ประโยชน์ - ไขมันและน้ามนั เป็นสารประกอบไตรกลเี ซอไรด์
และปฏกิ ริ ิยาบางชนดิ ของไขมันและนา้ มัน เกิดจากการรวมตัวของกรดไขมันกับกลีเซอรอล
กรดไขมันมีทั้งชนิดอิ่มตัวและไม่อ่ิมตัว ซึ่ง
สามารถตรวจสอบไดโ้ ดยใชส้ ารละลายไอโอดีน
- ไขมันและน้ามันนามาใช้ประโยชน์ได้ทั้งการ
บริโภคและใช้ในอตุ สาหกรรม การบริโภคไขมันที่
ขาดความระมัดระวังจะเป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพได้
๙. ทดลองและอธิบายองคป์ ระกอบ ประโยชน์ - โปรตีนเป็นสารที่ช่วยในการเจริญเติบโต
และปฏกิ ริ ิยาบางชนิดของโปรตีน และกรด เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ หน่วยย่อยของ
นวิ คลอี ิก โปรตีนคือกรดอะมิโนซ่ึงมีท้ังกรดอะมิโนจาเป็น
และไม่จาเป็น มีธาตุองค์ประกอบสาคัญคือ C
H O N ก า ร ทด ส อบ โ ป รตี นใน อา ห า รใช้
สารละลาย CuSO4 กับ NaOH

- กรดนิวคลีอิกเป็นสารโมเลกุลใหญ่คล้ายโปรตีน
ประกอบด้วย ธาตุ C H O N ท่ีพบในเซลล์
ของส่ิงมีชีวิต มี ๒ ชนิด คือ DNA และ RNA ซ่ึง
เกีย่ วข้องกบั กระบวนการถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม

56 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กล่มุ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
สาระท่ี ๔ แรงและการเคลื่อนท่ี 57
มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของแรงแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แรงโน้มถว่ ง และแรงนิวเคลยี ร์
มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สอ่ื สารส่งิ ทเ่ี รยี นรู้และนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งถูกต้องและ
มคี ุณธรรม
ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
๑. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรง - ในสนามโน้มถ่วงจะมีแรงกระทาต่อวัตถุ ทาให้
กับการเคลือ่ นท่ีของวตั ถใุ นสนามโน้มถ่วง และ วัตถุมีน้าหนัก เมื่อปล่อยวัตถุ วัตถุจะตกแบบเสรี
นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ สนามโน้มถ่วงทาให้วัตถุต่างๆ ไม่หลุดจากโลก
เชน่ การโคจรของดาวเทียมรอบโลก และอาจใช้
แรงโน้มถ่วงไปใช้ประโยชน์เพื่อหาแนวด่ิงของ
ชา่ งกอ่ สรา้ ง
๒. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างแรง - เมอ่ื อนุภาคท่ีมปี ระจุไฟฟา้ อยใู่ นสนามไฟฟ้า จะมี
กบั การเคลื่อนท่ขี องอนภุ าคในสนามไฟฟา้ แรงกระทาต่ออนุภาคน้ัน ซึ่งอาจทาใหส้ ภาพการ
และนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ เคลอ่ื นท่ขี องอนุภาคเปลีย่ นไป สามารถนาสมบัติ
น้ีไปประยกุ ตส์ รา้ งเคร่อื งมือบางชนิด เช่น เคร่ือง
กาจดั ฝุ่น ออสซลิ โลสโคป
๓. ทดลองและอธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ งแรง - เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคล่ือนที่ในสนาม
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ กบั การเคลอื่ นทีข่ องอนภุ าคในสนามแม่เหลก็ แม่เหล็ก จะมีแรงกระทาต่ออนุภาคน้ัน ซึ่งอาจ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา และนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ทาให้สภาพการเคลื่อนท่ีของอนุภาคเปลี่ยนไป
สามารถนาสมบัตินี้ไปประยุกต์สร้างหลอดภาพ
โทรทัศน์
๔. วเิ คราะห์และอธิบายแรงนวิ เคลียรแ์ ละแรง - อนภุ าคในนิวเคลยี ส เรยี กวา่ นวิ คลีออน นิวคลี-
ไฟฟ้าระหว่างอนภุ าคในนิวเคลยี ส ออนประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอน นิวคลี-
ออนในนิวเคลียสยึดเหน่ียวกันด้วยแรงนิวเคลียร์
ซ่ึ ง มี ค่ า ม า ก ก ว่ า แ ร ง ผ ลั ก ท า ง ไ ฟ ฟ้ า ร ะ ห ว่ า ง
นิวคลีออน นิวคลีออนจึงอยรู่ วมกนั ในนิวเคลยี สได้

57 แนวทางการจัดการอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

58 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ๔ นก.
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กลมุ่ วิชาวิทยาศาสตร์
มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจลักษณะการเคลอื่ นท่แี บบต่างๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการ
สบื เสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สอื่ สารสิ่งทเี่ รียนรแู้ ละนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
๑. อธิบายและทดลองความสมั พันธร์ ะหว่างการ - การเคลื่อนท่ีแนวตรงเป็นการเคล่ือนท่ีในแนวใด
กระจดั เวลา ความเรว็ ความเร่งของการ แนวหน่งึ เชน่ แนวราบหรือแนวด่งิ ทีม่ ีการกระจดั
เคล่อื นท่ีในแนวตรง ความเร็ว ความเร่ง อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
โดยความเร่งของวัตถุหาได้จากความเ ร็วที่
เปลย่ี นไปในหน่ึงหน่วยเวลา
๒. สงั เกตและอธิบายการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ - การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์เป็นการเคล่ือนที่
แบบวงกลม และแบบโาร์มอนกิ อย่างง่าย วิถีโค้งทีม่ คี วามเร็วในแนวราบคงตวั และความเร่ง
ในแนวดิง่ คงตวั
- การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลมป็นการเคลือ่ นทท่ี ่มี ี
ความเร็วในแนวเส้นสมั ผสั วงกลมและมแี รง
ในทศิ ทางเข้าสู่ศูนยก์ ลาง
- การเคลอื่ นทแ่ี บบโารม์ อนกิ อยา่ งง่ายเป็นการ
เคลอื่ นที่กลบั ไปกลับมาซา้ ทางเดมิ เช่น การ
แกว่งของลกู ตมุ้ อยา่ งง่าย โดยท่ีมมุ สงู สดุ ทีเ่ บน
จากแนวดิ่งมคี ่าคงตัวตลอด
๓. อภิปรายผลการสบื คน้ และประโยชนเ์ กี่ยวกบั - การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์สามารถนาไปใช้
การเคลือ่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ แบบวงกลม ประโยชน์ เช่น การเลน่ เทนนิส บาสเกตบอล
และแบบโารม์ อนิกอย่างงา่ ย - การเคล่ือนที่แบบวงกลมสามารถนาไปใช้
ประโยชน์ เช่น การว่ิงทางโค้งของรถยนต์ให้
ปลอดภยั
- การเคลื่อนที่แบบโาร์มอนิกอย่างง่ายสามารถ
นาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการสร้างนาฬกิ าแบบลูกตุ้ม

58 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี พทุ ธศกั ราช 2556
กลุมสาระการเรยี นรภู าษาตางประเทศ ๖นก. กลุมวิชาภาษาตา งประเทศ ๖ นก.
สาระท่ี ๕ พลงั งาน 59
มาตรฐาน ว ๕.๑ เขา ใจความสมั พันธระหวา งพลังงานกบั การดาํ รงชวี ิต การเปลี่ยนรปู พลังงาน
ปฏิสัมพนั ธร ะหวางสารและพลงั งาน ผลของการใชพลังงานตอ ชวี ิตและสงิ่ แวดลอม มีกระบวน
การสบื เสาะหาความรู ส่อื สารสงิ่ ทเ่ี รียนรูและนําความรูไปใชประโยชน
ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู กนกลาง
๑. ทดลองและอธิบายสมบตั ิของคลน่ื กล และ - คลื่ นก ลมี ส มบั ติ กา ร สะ ทอน ก าร หัก เ ห
อธิบายความสมั พันธร ะหวาง อัตราเรว็ การแทรกสอด และการเลยี้ วเบน
ความถี่และความยาวคล่ืน - อัตราเรว็ ความถี่และความยาวคลน่ื มี
ความสมั พนั ธกันดงั นี้
อัตราเร็ว = ความถ่ี × ความยาวคล่นื
๒. อธิบายการเกดิ คล่ืนเสยี งบตี สข องเสยี ง ความ - คลื่นเสียงเกิดจากการส่ันของแหลง กําเนดิ เสียง
เขมเสยี ง ระดับความเขม เสยี ง การไดย นิ เสยี ง - บตี สของเสียงเกดิ จากคลื่นเสียงจากแหลงกําเนิด
คุณภาพเสียง และนาํ ความรไู ปใชป ระโยชน สองแหลงท่ีมีความถี่ตางกันเล็กนอย มารวมกัน
ทําใหไดยินเสยี งดงั คอ ยเปนจังหวะ
- ความเขมเสียง คือ พลังงานเสียงที่ตกต้ังฉาก
บนหนง่ึ หนวยพน้ื ทใ่ี นหนง่ึ หนว ยเวลา
- ระดบั ความเขมเสยี งจะบอกความดงั คอ ยของ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ เสยี งท่ีไดยนิ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา - เครอ่ื งดนตรแี ตล ะชนดิ ที่ใชต ัวโนต เดยี วกัน จะให
รูปคลืน่ ทแ่ี ตกตา งกัน เรียกวามีคณุ ภาพเสียง
ตา งกนั
๓. อภิปรายผลการสืบคน ขอมลู เกย่ี วกบั มลพิษ - มลพษิ ทางเสยี งมีผลตอสุขภาพของมนุษย ถาฟง
ทางเสยี งทม่ี ีตอสขุ ภาพของมนษุ ย และการ เสียงที่มีระดับความเขมเสียงสูงกวามาตรฐาน
เสนอวิธปี องกัน เปนเวลานาน อาจกอใหเกิดอันตรายตอการได
ยินและสภาพจิตใจได การปองกันโดยการ
หลีกเลี่ยงหรือใชเครื่องครอบหูหรือลดการสั่น
ของแหลงกําเนดิ เสียง เชน เคร่อื งจักร

59 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นรวมหลกั สตู รอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา)

60 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๖ นก.
กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตา งประเทศ ๖นก. กลุมวิชาภาษาตา งประเทศ
ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรแู กนกลาง
๔. อธบิ ายคล่ืนแมเหลก็ ไฟฟา สเปกตรมั คลน่ื - คลื่นแมเหล็กไฟฟาประกอบดวยสนามแมเหล็ก
แมเ หล็กไฟฟา และนาํ เสนอผลการสืบคน และสนามไฟฟาที่เปล่ียนแปลงตลอดเวลา
ขอมลู เกี่ยวกับประโยชน และการปองกัน สเปกตรัมคลนื่ แมเหลก็ ไฟฟามคี วามถ่ีตอเนอ่ื งกัน
อันตรายจากคลน่ื แมเ หลก็ ไฟฟา โ ด ย ค ล่ื น แ ม เ ห ล็ ก ไ ฟ ฟ า ช ว ง ค ว า ม ถ่ี ต า ง ๆ
มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งสามารถนําไปใชประโยชน
ไดแตกตางกัน เชน การรับสงวิทยุ โทรทัศน
การปอ งกันอันตรายจากคล่ืนแมเหล็กไฟฟา เชน
ไมอยใู กลเตาไมโครเวฟขณะเตาทํางาน
๕. อธบิ ายปฏกิ ิริยานวิ เคลยี ร ฟชชัน ฟวชัน และ - ปฏกิ ิริยานิวเคลียรเปนปฏิกิรยิ าท่ีทําใหนิวเคลียส
ความสัมพันธร ะหวางมวลกับพลงั งาน เกิดการเปล่ียนแปลง ปฏิกิริยาที่นิวเคลียสของ
ธาตุท่ีมีเลขมวลมากแตกตัว เรียกวา ฟชชัน
ปฏิกิริยาที่เกิดจากการหลอมรวมนิวเคลียสของ
ธ า ตุ ท่ี มี เ ล ข ม ว ล น อ ย เ รี ย ก ว า ฟ ว ชั น
ความสัมพันธระหวางมวลและพลังงานเปนไป

ตามสมการ E = mc2
๖. สบื คน ขอมลู เกย่ี วกบั พลังงานทไี่ ดจ ากปฏิกริ ยิ า - ปฏิกิริยานิวเคลียรทําใหเกิดผลกระทบตอ
นวิ เคลยี รแ ละผลตอ สงิ่ มชี ีวิต และสงิ่ แวดลอม สิ่งมีชีวิตและสิง่ แวดลอม
๗. อภปิ รายผลการสืบคน ขอ มูลเกยี่ วกับโรงไฟฟา -โรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความ
นวิ เคลียร และนาํ ไปใชป ระโยชน รอนประเภทหนึ่ง ซ่ึงไดพลังงานความรอน
จากพลังงานนิวเคลียร
๘. อธิบายชนิดและสมบัตขิ องรังสจี ากธาตุ - รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา
กัมมนั ตรังสี บตี าและแกมมา ซึ่งมอี ํานาจทะลุผานตา งกนั
๙. อธบิ ายการเกิดกมั มนั ตภาพรังสีและบอก - กัมมันตภาพรังสีเกิดจากการสลายของไอโซโทป
วิธีการตรวจสอบรงั สีในสงิ่ แวดลอ ม การใช ของธาตุท่ีไมเสถียร สามารถตรวจจับไดโดย
ประโยชน ผลกระทบตอสิ่งมชี ีวติ และ เคร่ืองตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสีแต
ส่ิงแวดลอ ม สวนใหญอยใู นระดบั ตํ่ามาก

60 แนวทางการจัดการศกึ ษาเรียนรว มหลกั สูตรอาชีวศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวิศึกษา)

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ๖นก. กลุมวิชาภาษาตา งประเทศ ๖ นก.
ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรแู กนกลาง 61
- รังสีมีประโยชนในดานอุตสาหกรรม การเกษตร
การแพทย โบราณคดี รังสีในระดับสูงมีอันตราย
ตอสงิ่ มชี วี ติ
สาระท่ี ๖ กระบวนการเปลย่ี นแปลงของโลก
มาตรฐาน ว ๖.๑ เขา ใจกระบวนการตา ง ๆ ทเี่ กิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพนั ธของ
กระบวนการตาง ๆ ที่มีผลตอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก
มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรูและนําความรูไปใช
ประโยชน
ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู กนกลาง
๑. สบื คน และอธิบายหลกั การในการแบง -โลกเปนดาวเคราะหห ินดวงหนึ่งในระบบสุริยะ
โครงสรางโลก ภ า ย ใ น โ ล ก ยั ง ค ง มี อุ ณ ห ภู มิ สู ง ม า ก แ ล ะ มี
การเปล่ียนแปลงตลอดเวลานบั ตั้งแตโ ลกเร่ิมเกิด
จนถึงปจ จบุ นั
- นกั วทิ ยาศาสตรแบง โครงสรางโลกโดยใชขอมูลและ
หลักฐานตางๆ ทางธรณวี ทิ ยา และทางฟสกิ ส
๒. ทดลองเลยี นแบบและอธบิ ายกระบวนการ - การเปล่ียนแปลงของโลกสามารถอธิบายไดดว ย
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ เปล่ียนแปลงทางธรณภี าคของโลก ทฤษฎกี ารแปรสัณฐานแผนธรณีภาค
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา - การเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคของโลกสวนใหญ
จะเกิดในชน้ั ธรณภี าคและชั้นฐานธรณีภาค
- ช้ันธรณีภาคแตกออกเปน แผน ใหญๆ หลายแผน
เรี ยกวา แผน ธรณี ภาคซึ่ งมี การเคล่ื อนท่ี
อยูตลอดเวลาทําใหเกิดปรากฏการณต า งๆ
ทางธรณีวิทยาบนผิวโลกที่สามารถศึกษาไดจ าก
รอ งรอยหลักฐานท่ีปรากฏอยูใ นปจจุบัน เชน
รอยตอ รอยแยกของแผน ธรณีภาคเทือกเขา
ใตมหาสมทุ รและซากดึกดําบรรพ เปนตน

61 แนวทางการจดั การศึกษาเรียนรวมหลกั สูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวิศึกษา)

62 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๖ นก.
กลุมสาระการเรยี นรูภาษาตา งประเทศ ๖นก. กลมุ วิชาภาษาตา งประเทศ
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู กนกลาง
๓. ทดลองเลยี นแบบ และอธบิ ายกระบวนการ - จากการศึกษาทฤษฎีการแปรสัณฐานแผน ธรณี
เกิดภเู ขา รอยเลื่อน รอยคดโคง แผน ดินไหว ภาคและปรากฏการณทางธรณีวิทยาตั้งแต
ภเู ขาไฟระเบดิ อดีตจนถึงปจจุบัน ทําใหพ บวาแผนดินไหวและ
ภูเขาไฟสวนใหญจ ะเกิดอยูตามแนวรอยตะเข็บ
ของขอบแผนธรณีภาค ทีเ่ รียกวา วงแหวนแหงไฟ
- รอยเล่ือน เปน แนวรอยแตกของหินที่เคลื่อนท่ี
สัมพันธก ันและขนานไปกับรอยแตก ซึ่งอาจ
สัมพันธกับการเกิดแผนดินไหวและภูเขาไฟ
ระเบิด
- รอยคดโคง เปน รอยที่ปรากฏในหิน เกิดจาก
การแปรสณั ฐานแผนธรณีภาค
- กระบวนการเกิดรอยเล่ือน รอยคดโคง การแปร
สัณฐานแผน ธรณีภาค เปนสว นหนึ่งของการ
เกดิ เทือกเขาบนโลก
๔. สบื คนและอธบิ ายความสําคญั ของปรากฏ- - ปรากฏการณทางธรณีวิทยาที่สําคัญและ
การณท างธรณวี ิทยาแผน ดนิ ไหว ภเู ขาไฟ มีผลตอสิ่งมีชีวิตที่เห็นไดชัดเจน ไดแ กแ ผนดินไหว
ระเบดิ ทีส่ งผลตอส่ิงมีชวี ิตและส่งิ แวดลอ ม ภเู ขาไฟระเบดิ
- แผนดินไหวและภูเขาไฟระเบดิ เปน ปรากฏการณ
ทางธรณีวิทยาที่ทําใหเ กิดธรณีพิบัติภัย รูปแบบ
อื่นตามมา ทําใหสูญเสียชีวิตและทรัพยส ินของ
มนุษย เกดิ การเปล่ยี นแปลงลกั ษณะธรณสี ณั ฐาน
ชนดิ หนิ และสภาพแวดลอม
๕. สํารวจ วเิ คราะหและอธิบายการลาํ ดบั ช้นั หิน - สภาพเหตุการณท่ีเกิดขึ้นในอดีตของโลก
จากการวางตวั ของชั้นหิน ซากดึกดําบรรพ สามารถอธิบายไดจากรองรอยตางๆที่ปรากฏ
และโครงสรา งทางธรณีวิทยา เพ่อื อธิบาย เปนหลกั ฐานอยูบนหิน
ประวตั คิ วามเปนมาของพ้ืนท่ี

62 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นรว มหลกั สตู รอาชีวศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวิศึกษา)

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556
กลุมสาระการเรียนรูภ าษาตา งประเทศ ๖นก. กลมุ วิชาภาษาตางประเทศ ๖ นก.
ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรแู กนกลาง 63
- ขอมลู ทางธรณีวทิ ยาที่ใชอธบิ ายความเปน มาของ
โลก ไดแ ก ซากดึกดาํ บรรพ ชนิดของหนิ
โครงสรา งทางธรณวี ทิ ยา และการลําดบั ชั้นหิน
- ประวัติความเปนมาของพื้นที่ ไดจากการลําดับ
ชนั้ หินตามอายุการเกิดของหินจากอายุมากข้ึนไป
สูหนิ ทม่ี อี ายนุ อย ตามมาตราธรณกี าล
๖. สบื คน วเิ คราะห และอธบิ ายประโยชนข อง - การเปล่ียนแปลงตางๆท่ีเกิดขึ้นตั้งแตใ นอดีตจนถึง
ขอ มูลทางธรณีวทิ ยา ปจ จุบนั จะบอกถึงววิ ัฒนาการของการเปลย่ี นแปลง
ของเปลือกโลกซ่ึงจะใหป ระโยชน ท้ังทางดาน
วิวฒั นาการ และการสํารวจคนหาทรัพยากรธรณี
สาระที่ ๗ดาราศาสตรและอวกาศ
มาตรฐาน ว ๗.๑ เขา ใจวิวฒั นาการของระบบสรุ ยิ ะ กาแล็กซีและเอกภพ การปฏสิ ัมพนั ธภายใน
ระบบสุรยิ ะและผลตอ สิ่งมีชวี ติ บนโลก มกี ระบวนการสบื เสาะ หาความรแู ละจิตวิทยาศาสตร
การสื่อสารสิ่งท่เี รยี นรูและนาํ ความรูไปใชประโยชน
ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรแู กนกลาง
๑. สบื คนและอธิบายการเกิดและวิวฒั นาการของ - เอกภพกาํ เนดิ ณจดุ ท่ีเรียกวา บิกแบงเปนจดุ ที่
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ ระบบสรุ ยิ ะกาแล็กซแี ละเอกภพ พลงั งานเริ่มเปลีย่ นเปน สสาร เกดิ เปน อนุภาคควารก
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา อิเลก็ ตรอน นวิ ทรโิ น พรอมปฏิอนภุ าค เม่อื อณุ หภมู ิ
ของเอกภพ ลดต่าํ ลง ควารก จะรวมตัวกนั เปน
อนุภาคพ้ืนฐาน คอื โปรตรอนและนวิ ตรอน ตอ มา
โปรตรอนและนิวตรอนรวมตวั กนั เปน นิวเคลยี ส
ของฮเี ลยี ม และเกดิ เปนอะตอมของไฮโดรเจน
และฮเี ลยี มอะตอมของไฮโดรเจนและฮเี ลยี ม
ซึง่ เปนองคประกอบสว นใหญของเนบวิ ลาด้ังเดมิ
เนบิวลาดง้ั เดิมกระจายอยูเปนหยอ มๆกลายเปนกาแลก็ ซ่ี
ภายในกาแล็กซ่ี เกดิ เปนดาวฤกษ ระบบดาวฤกษ

63 แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรว มหลกั สูตรอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา)

64 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๖ นก.
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาตา งประเทศ ๖นก. กลุมวิชาภาษาตา งประเทศ
ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรแู กนกลาง
๒. สบื คน และอธบิ ายธรรมชาติและวฒั นาการ - ดาวฤกษ เปนกอนแกสรอนขนาดใหญ กําเนิดมา
ของดาวฤกษ จากเนบิวลาที่มีองคป ระกอบสวนใหญเปน
ธ า ตุ ไ ฮ โ ด ร เ จ น ท่ี แ ก น ก ล า ง ข อ ง ด า ว ฤ ก ษ จ ะ
เกิดปฏิกิริยาเทอรโ มนิวเคลียร หลอมนิวเคลียส
ของไฮโดรเจน เปนนิวเคลียสของฮีเลียมได
พลงั งานออกมา
- อนั ดบั ความสวา งของดาวฤกษท ี่สังเกตเห็นไดมา
จากความสวา งปรากฏท่ีขึ้นอยูกับความสวา งจริง
และระยะหา งจากโลก
- สขี องดาวฤกษมีความสัมพันธก ับอุณหภูมิผิวของ
ดาวฤกษและอายขุ องดาวฤกษ
- ดาวฤกษมีอายุยาวหรือส้ันมีจุดจบเปน หลุมดํา
หรือดาวนิวตรอนหรือดาวแคระขาวข้ึนอยูก ับ
มวลของดาวฤกษ
มาตรฐาน ว ๗.๒ เขา ใจความสําคัญของเทคโนโลยอี วกาศท่ีนํามาใชในการสาํ รวจอวกาศและ
ทรัพยากรธรรมชาติ ดา นการเกษตรและการสอ่ื สาร มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรแู ละจติ วทิ ยา
ศาสตร สอ่ื สารสง่ิ ท่ีเรียนรู และนาํ ความรไู ปใชป ระโยชนอ ยางมคี ณุ ธรรมตอ ชีวิตและส่ิงแวดลอ ม
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู กนกลาง
๑. สบื คน และอธบิ ายการสง และคํานวณความเรว็ - การสงดาวเทยี มไปโคจรรอบโลกณระดับความสงู
ในการโคจรของดาวเทียมรอบโลก จ า ก ผิ ว โ ล ก ต า ง ๆ กั น จ ร ว ด ต อ ง มี ค ว า ม เ ร็ ว ที่
แตกตา งกนั
๒. สืบคน และอธบิ ายประโยชนของดาวเทยี ม - ด า ว เ ที ย ม ถู ก นํ า ม า ใ ช ป ร ะ โ ย ช น ใ น ด า น
ในดานตางๆ อุตุนิยมวิทยาสํารวจทรัพยากรโลกการสื่อสาร
และบอกตําแหนง ของวัตถบุ นโลก

64 แนวทางการจดั การศกึ ษาเรยี นรว มหลกั สตู รอาชีวศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา)

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พุทธศกั ราช 2556
กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาตางประเทศ ๖นก. กลมุ วิชาภาษาตางประเทศ ๖ นก.
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู กนกลาง 65
๓. สืบคน และอธบิ ายการสง และสํารวจอวกาศ - ระบบยานขนสงอวกาศถูกพัฒนาข้ึนมาใชสง
โดยใชย านอวกาศและสถานีอวกาศ ดาวเทียมและยานอวกาศแทนการใชจรวดอยาง
เดียวเน่อื งจากสามารถนาํ กลับมาใชใ หมไ ด
-ในการสง ยานอวกาศไปสํารวจอวกาศจรวดที่พา
ยานอวกาศ ตองมีความเร็วมากกวา ความเร็ว
หลุดพน จงึ จะสามารถออกจากวงโคจรของโลกได
- ยานอวกาศและสถานีอวกาศมีภารกิจในการ
สํารวจโลกและวัตถุทอ งฟาอ่นื ๆ
สาระที่๘ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๘.๑ ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละจิตวทิ ยาศาสตรใ นการสืบเสาะหาความรู
การแกป ญ หา รูวาปรากฏการณท างธรรมชาติทเี่ กดิ ขึน้ สว นใหญม ีรปู แบบที่แนน อน สามารถ
อธิบายและตรวจสอบได ภายใตขอมูลและเครอื่ งมอื ทมี่ ีอยใู นชว งเวลานน้ั ๆ เขาใจวา วทิ ยาศาสตร
เทคโนโลยี สงั คม และสงิ่ แวดลอ มมีความเกี่ยวขอ งสมั พันธกนั
ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรูแ กนกลาง
๑. ตั้งคําถามทอี่ ยบู นพน้ื ฐานของความรแู ละ -
ความเขาใจทางวทิ ยาศาสตร หรือความสนใจ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ หรือจากประเดน็ ทเี่ กดิ ข้นึ ในขณะน้นั ท่ี
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา สามารถทําการสาํ รวจตรวจสอบหรือศกึ ษา
คน ควา ไดอ ยา งครอบคลมุ และเชอ่ื ถือได
๒. สรา งสมมตฐิ านทม่ี ีทฤษฎรี องรบั หรือคาดการณ -
สงิ่ ทจ่ี ะพบ หรอื สรางแบบจาํ ลอง หรือสรา ง
รปู แบบ เพื่อนําไปสกู ารสํารวจตรวจสอบ
๓. คน ควารวบรวมขอมลู ท่ตี อ งพจิ ารณา -
ปจ จยั หรอื ตวั แปรสาํ คญั ปจ จยั ท่ีมผี ลตอ
ปจ จยั อน่ื ปจ จัยทค่ี วบคมุ ไมไ ด และจํานวน
คร้งั ของการสํารวจตรวจสอบเพื่อใหไดผ ลทมี่ ี
ความเชอื่ มัน่ อยา งเพียงพอ

65 แนวทางการจัดการศกึ ษาเรียนรว มหลกั สตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศกึ ษา)

66 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ๖ นก. หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ กลมุ่ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
๔. เลือกวสั ดุ เทคนิควธิ ี อุปกรณ์ที่ใช้ในการสังเกต -
การวัด การสารวจตรวจสอบอย่างถูกตอ้ งทั้งทาง
กวา้ งและลกึ ในเชิงปริมาณและคุณภาพ
๕. รวบรวมขอ้ มลู และบันทึกผลการสารวจ -
ตรวจสอบอยา่ งเปน็ ระบบถกู ตอ้ ง ครอบคลมุ
ทัง้ ในเชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ โดยตรวจสอบ
ความเปน็ ไปได้ ความเหมาะสมหรอื ความ
ผิดพลาดของขอ้ มลู
๖. จดั กระทาข้อมลู โดยคานงึ ถงึ การรายงานผล -
เชงิ ตัวเลขทม่ี รี ะดับความถกู ต้องและนาเสนอ
ขอ้ มูลด้วยเทคนคิ วธิ ที ี่เหมาะสม
๗. วิเคราะห์ข้อมลู แปลความหมายขอ้ มูล และ -
ประเมินความสอดคล้องของข้อสรปุ หรอื สาระ
สาคัญ เพื่อตรวจสอบกบั สมมติฐานที่ต้งั ไว้
๘. พจิ ารณาความนา่ เชอ่ื ถือของวธิ กี ารและผล -
การสารวจตรวจสอบ โดยใช้หลกั ความ-
คลาดเคล่อื นของการวัดและการสงั เกต
เสนอแนะการปรบั ปรงุ วธิ ีการสารวจตรวจสอบ
๙. นาผลของการสารวจตรวจสอบทีไ่ ด้ ทัง้ วธิ กี าร -
และองค์ความรทู้ ่ีไดไ้ ปสรา้ งคาถามใหม่ นาไป
ใชแ้ ก้ปญั หาในสถานการณใ์ หม่และในชวี ติ จริง
๑๐. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ในการทจ่ี ะตอ้ งมีสว่ น -
ร่วมรบั ผดิ ชอบการอธิบาย การลงความเห็น
และการสรปุ ผลการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
ทน่ี าเสนอตอ่ สาธารณชนด้วยความถูกตอ้ ง

66 แนวทางการจัดการอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๖ นก. กลุม่ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
๑๑. บันทึกและอธิบายผลการสารวจตรวจสอบ -
อยา่ งมเี หตผุ ล ใชพ้ ยานหลักฐานอา้ งองิ หรอื
ค้นควา้ เพือ่ เตมิ เพือ่ หาหลักฐานอา้ งองิ ที่
เชอ่ื ถอื ได้ และยอมรับว่าความรูเ้ ดมิ อาจมี
การเปลย่ี นแปลงได้ เมื่อมขี อ้ มลู และประจกั ษ์
พยานใหม่เพ่ิมเตมิ หรอื โตแ้ ยง้ จากเดมิ ซึง่
ท้าทายใหม้ ีการตรวจสอบอยา่ งระมดั ระวัง
อนั จะนามาสูก่ ารยอมรับเป็นความรู้ใหม่
๑๒. จัดแสดงผลงาน เขยี นรายงาน และ/หรือ -
อธิบายเกย่ี วกบั แนวคดิ กระบวนการ และ
ผลของโครงงานหรือช้นิ งานให้ผู้อน่ื เขา้ ใจ

หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

67 แนวทางการจัดการอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี 67

68 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ๖ นก. กลมุ่ วิชาคณิตศาสตร์ ๔ นก.
สาระท่ี ๑ จานวนและการดาเนนิ การ หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจถึงความหลากหลายของการแสดงจานวนและการใช้จานวนในชีวิตจรงิ 1. แสดงจานวนและการใชจ้ านวน - ดาเนนิ การเกี่ยวกบั จานวนจริงท่เี ปน็ จานวนตรรกยะ
ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ในชวี ติ ประจาวนั - ดาเนินการเก่ียวกับอตั ราส่วน สดั สว่ นและร้อยละ
- ดาเนนิ การเกยี่ วกบั จานวนจริงทอ่ี ยูใ่ นรปู เลขยกกาลงั ทม่ี เี ลข
๑. แสดงความสัมพนั ธข์ องจานวนต่าง ๆ ในระบบ - จานวนจรงิ ชก้ี าลังเป็นจานวนตรรกยะ
จานวนจรงิ - ดาเนินการเกี่ยวกับจานวนจริงทอี่ ยู่ในรปู ลอการทิ มึ
๒. มคี วามคิดรวบยอดเกี่ยวกับคา่ สัมบรู ณข์ อง - ค่าสัมบรู ณ์ของจานวนจริง - ดาเนินการเกย่ี วกบั จานวนเชิงซ้อนในรูปพกิ ดั ฉากและพกิ ดั
จานวนจริง เชงิ ข้ัว
๓. มคี วามคดิ รวบยอดเกย่ี วกบั จานวนจริงที่อยู่ - จานวนจริงทอ่ี ยู่ในรปู เลขยกกาลงั ท่มี เี ลขชี้กาลัง - ดาเนนิ การเกี่ยวกับการแปรผนั
ในรปู เลขยกกาลังท่ีมีเลขชก้ี าลงั เปน็ จานวน เปน็ จานวนตรรกยะ และจานวนจรงิ ที่อยูใ่ นรูป - ประยุกตใ์ ชอ้ ตั ราส่วน สดั ส่วนและรอ้ ยละในงานอาชพี
ตรรกยะ และจานวนจริงทอี่ ยูใ่ นรปู กรณฑ์ กรณฑ์ 2. วเิ คราะหผ์ ลที่เกดิ ขึ้นจากการ - ประยกุ ต์การดาเนนิ การจานวนเชงิ ซอ้ นในรูปพิกัดฉากและ
มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจถึงผลทเี่ กดิ ขน้ึ จากการดาเนินการของจานวนและความสัมพนั ธ์ระหว่าง ดาเนนิ การของจานวนและ พิกัดเชิงขว้ั ในงานอาชีพ
การดาเนินการตา่ ง ๆ และใชก้ ารดาเนินการในการแกป้ ัญหา ความสมั พนั ธ์ ระหว่างการ - ประยกุ ต์ใชจ้ านวนเชิงซอ้ นทอี่ ยู่ในรปู เลขยกกาลังและรูป
ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ดาเนินการต่าง ๆ และใชใ้ นการ กรณฑใ์ นงานอาชีพ
๑. เข้าใจความหมายและหาผลลัพธ์ท่เี กดิ จาก - การบวก การลบ การคณู และการหารจานวน แกป้ ญั หา - ประยกุ ตใ์ ช้การแปรผันในงานอาชพี
- ประมาณคา่ ความยาว พ้นื ทพ่ี ื้นทผี่ วิ และปรมิ าตร ในหนว่ ย
การบวก การลบ การคณู การหารจานวนจริง จรงิ 3. วดั หนว่ ยของการวดั และ มาตราวดั ตา่ ง ๆ
จานวนจรงิ ที่อยใู่ นรปู เลขยกกาลงั ทม่ี เี ลข - การบวก การลบ การคณู และการหารจานวน คาดคะเนสง่ิ ทต่ี อ้ งการวดั - วดั และเปรียบเทยี บความยาวพ้นื ที่ พน้ื ที่ผิวและปรมิ าตรใน
ชก้ี าลังเป็นจานวนตรรกยะ และจานวนจริง จริงท่ีอยใู่ นรปู เลขยกกาลังทม่ี เี ลขช้ีกาลงั เป็น หนว่ ยมาตราวดั ตา่ ง ๆ
ทอ่ี ยู่ในรปู กรณฑ์ จานวนตรรกยะและจานวนจรงิ ท่ีอยู่ในรปู กรณฑ์ - คาดคะเนระยะทางและความสงู โดยใช้ความรเู้ ร่ืองอตั ราส่วน
มาตรฐาน ค ๑.๓ ใช้การประมาณคา่ ในการคานวณและแกป้ ัญหา ตรีโกณมติ ขิ องมมุ ที่กาหนด
ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - คาดคะเนการหาพ้ืนที่ พ้นื ที่ผวิ และปริมาตรของส่งิ ทีต่ ้องการ
๑. หาค่าประมาณของจานวนจริงท่อี ยู่ในรูป - คา่ ประมาณของจานวนจรงิ ทีอ่ ยู่ในรูปกรณฑ์ วัด ทไ่ี ม่ใช่รปู ทรงเรขาคณติ โดยใชค้ วามรเู้ รอื่ ง พ้นื ท่ี พ้นื ท่ีผิว
กรณฑ์ และจานวนจรงิ ท่อี ย่ใู นรูปเลขยกกาลัง และจานวนจรงิ ทอี่ ยู่ในรปู เลขยกกาลัง และปรมิ าตร
โดยใช้วิธกี ารคานวณท่ีเหมาะสม - ประยกุ ตก์ ารวดั โดยใช้ความรเู้ รอื่ งอัตราส่วนตรีโกณมิติ
มาตรฐาน ค ๑.๔ เข้าใจระบบจานวนและนาสมบัตเิ ก่ียวกบั จานวนไปใช้ - ใช้ความรู้เกี่ยวกบั ความยาวพนื้ ที่ พื้นที่ผิวและปรมิ าตร
4. แกป้ ัญหาเก่ยี วกบั การวัด แก้ปญั หาในสถานการณต์ ่าง ๆ
ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
๑. เขา้ ใจสมบตั ิของจานวนจรงิ เกย่ี วกบั การบวก - สมบัตขิ องจานวนจรงิ และการนาไปใช้
การคูณ การเทา่ กัน การไม่เท่ากนั และนาไปใช้ได้

68 แนวทางการจดั การอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556
กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ๖ นก. กล่มุ วิชาคณิตศาสตร์ ๔ นก.
สาระที่ ๒ การวัด หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
มาตรฐาน ค ๒.๑ เขา้ ใจพืน้ ฐานเก่ียวกับการวดั วดั และคาดคะเนขนาดของสิง่ ทต่ี ้องการวดั 5. วิเคราะหร์ ปู แบบ เรขาคณติ - แก้ปัญหาเกี่ยวกับรูปเรขาคณติ และรูปทรงเรขาคณติ
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สองมิติ และสามมิติ และใช้ - ประยกุ ตค์ วามรเู้ กีย่ วกบั เสน้ ตรงระนาบ รูปเรขาคณติ และ
๑. ใชค้ วามรู้เรอื่ ง อัตราสว่ นตรโี กณมติ ิของมมุ - อตั ราส่วนตรีโกณมติ แิ ละการนาไปใช้ แบบจาลองทางเรขาคณิต รปู ทรงเรขาคณิตในการออกแบบลวดลาย
ในการคาดคะเนระยะทางและความสูง (Geometric Model) ในการ - ดาเนนิ การเกย่ี วกบั เส้นตรงระยะหา่ งและสมการเส้นตรง
แก้ปัญหา - ดาเนนิ การเกย่ี วกบั ภาคตัดกรวย
มาตรฐาน ค ๒.๒ แก้ปัญหาเกีย่ วกบั การวดั - ดาเนนิ การเกี่ยวกับเวคเตอร์
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
๑. แก้โจทยป์ ัญหาเก่ียวกับระยะทางและความสูง - โจทย์ปญั หาเก่ียวกบั ระยะทางและความสงู - ขยายส่วนและยอ่ สว่ นของภาพ
6. วิเคราะหแ์ บบรปู (Pattern) - มคี วามคดิ รวบยอดเก่ยี วกับเซตการดาเนินการของเซต และ
โดยใช้อัตราสว่ นตรโี กณมติ ิ ความสมั พนั ธ์และฟังกช์ ันต่าง ๆ นาไปประยุกตใ์ ช้
สาระที่ ๓ เรขาคณติ
มาตรฐาน ค ๓.๑ อธิบายและวเิ คราะหร์ ูปเรขาคณิตสองมติ ิและสามมิติ - มีความคิดรวบยอดเก่ยี วกับการดาเนนิ การของเมทรกิ ซ์และ
นาไปประยุกตใ์ ช้
ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - ประยุกตใ์ ช้ความรู้เก่ียวกับเมทริกซ์ และการคานวณคา่ ดเี ทอร์
--
มาตรฐาน ค ๓.๒ ใชก้ ารนึกภาพ (visualization) ใชเ้ หตุผลเกี่ยวกบั ปริภมู ิ (spatial มแิ นนต์ของเมทรกิ ซ์
- ดาเนินการเกีย่ วกบั ความสมั พันธแ์ ละฟังก์ชันในรปู ต่าง ๆ
reasoning) และใช้แบบจาลองทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแก้ปญั หา - ดาเนนิ การเกย่ี วกับลาดบั เลขคณติ และลาดับเรขาคณติ
ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง
-- - ดาเนินการเก่ียวกบั ลมิ ติ ของฟงั กช์ ันอนุพนั ธ์ของฟังก์ชัน
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ พชี คณติ และอินทกิ รลั ฟังกช์ นั พีชคณติ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา สาระท่ี ๔ พีชคณิต - ดาเนินการเกย่ี วกบั การแยกเศษสว่ นยอ่ ย
มาตรฐาน ค ๔.๑ เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรูป (pattern) ความสัมพนั ธ์ และฟงั ก์ชนั
ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง - ดาเนนิ การและคานวณเกยี่ วกับฟงั กช์ นั ตรีโกณมติ ิ
7. ใชน้ พิ จน์ สมการ อสมการ กราฟ - นาความรเู้ กย่ี วกับแผนภาพ เวนน-์ ออยเลอร์ (Venn-Euler
๑. มคี วามคิดรวบยอดในเรอื่ งเซตและการ - เซตและการดาเนินการของเซต และแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ Diagram) ไปใชแ้ กป้ ญั หาเก่ยี วกบั การหาจานวนสมาชิกของ
ดาเนนิ การของเซต
๒. เข้าใจและสามารถใช้การใหเ้ หตผุ ลแบบอุปนัย - การให้เหตผุ ลแบบอุปนัยและนิรนยั อน่ื ๆ แทนสถานการณต์ ่าง ๆ เซตจากดั
แปลความหมายและนาไปใช้ - นาความรูเ้ กยี่ วกับสมการเชงิ เส้นตวั แปรเดียว ระบบสมการ
และนริ นยั แก้ปัญหา เชงิ เส้นสองตัวแปรไปใชใ้ นสถานการณห์ รือปัญหาท่กี าหนด
๓. มีความคดิ รวบยอดเกีย่ วกบั ความสมั พนั ธแ์ ละ - ความสมั พันธแ์ ละฟงั กช์ นั
ฟังก์ชัน เขยี นแสดงความสมั พนั ธแ์ ละฟงั ก์ชัน - กราฟของความสัมพันธ์และฟังก์ชัน - นาความรเู้ กย่ี วกับอสมการเชงิ เสน้ ไม่เกนิ สองตัวแปรไปใช้ใน
สถานการณห์ รือปญั หาทกี่ าหนด
ในรปู ตา่ ง ๆ เช่น ตาราง กราฟ และสมการ

69 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี 69

70 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556
กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ๖ นก. กลมุ่ วิชาคณิตศาสตร์ ๔ นก.
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
๔. เขา้ ใจความหมายของลาดบั และหาพจน์ทว่ั ไป - ลาดบั และการหาพจน์ทว่ั ไปของลาดับจากัด - ประยุกต์ใชค้ วามสัมพนั ธ์ หรือฟงั กช์ นั ในสถานการณ์หรือ
ของลาดบั จากัด ปญั หาที่กาหนด
๕. เข้าใจความหมายของลาดับเลขคณติ และ - ลาดับเลขคณติ และลาดบั เรขาคณติ - ใช้ความรูเ้ กยี่ วกับการหาผลบวก n พจน์แรกของอนุกรมเลข
ลาดบั เรขาคณติ หาพจน์ตา่ ง ๆ ของลาดบั คณิตและอนกุ รมเรขาคณติ โดยใชส้ ตู รและการประยุกต์
เลขคณิตและลาดับเรขาคณติ และนาไปใช้ - ประยุกต์ใชก้ ราฟของอสมการในสถานการณห์ รอื ปัญหาท่ี
มาตรฐาน ค ๔.๒ ใช้นพิ จน์ สมการ อสมการ กราฟ และตวั แบบเชงิ คณติ ศาสตร์ (mathematical กาหนด
model) อนื่ ๆ แทนสถานการณต์ า่ ง ๆ ตลอดจนแปลความหมายและนาไปใช้แก้ปญั หา - ประยกุ ต์ใชฟ้ ังกช์ นั ตรโี กณมิติในสถานการณ์หรือปญั หาท่กี าหนด
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - นาความรู้เกย่ี วกบั สมการกาลังสองตัวแปรเดียวไปใชใ้ น
๑. เขียนแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์แสดงเซต และ - แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ สถานการณห์ รอื ปญั หาท่ีกาหนด
นาไปใช้แกป้ ัญหา ๘. ใช้วิธีการทางสถติ ิและความรู้ - สารวจและจดั หมวดหม่ขู ้อมลู อยา่ งง่าย
เกีย่ วกบั ความน่าจะเป็นในการ - ใชค้ วามรเู้ กี่ยวกบั คา่ กลางกับขอ้ มลู ทกี่ าหนด
๒. ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของการให้ - การใหเ้ หตผุ ล วิเคราะหข์ อ้ มูลการคาดการณไ์ ด้ - วเิ คราะห์ขอ้ มูลเบ้อื งต้น หาตาแหนง่ ของข้อมูลและการวดั
เหตผุ ลโดยใช้แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ อยา่ งสมเหตุสมผล และการ การกระจายของข้อมลู
๓. แก้สมการและอสมการตวั แปรเดยี วดกี รีไมเ่ กนิ สอง - สมการและอสมการตัวแปรเดยี วดกี รีไมเ่ กินสอง ตัดสินใจแกป้ ญั หา - ใชค้ วามรูเ้ กย่ี วกบั แบบแผนการทดลองท่เี หมาะสมกบั
๔. สร้างความสัมพันธ์หรอื ฟังก์ชนั จากสถานการณ์ - ความสัมพันธ์หรอื ฟงั ก์ชัน สถานการณ์หรอื ปญั หาทกี่ าหนด
หรือปัญหาและนาไปใช้ในการแกป้ ญั หา - วิเคราะหข์ อ้ มูลตามขัน้ ตอนและใช้สถิติไดเ้ หมาะสมกบั แบบ
๕. ใช้กราฟของสมการ อสมการ ฟงั ก์ชันในการ - กราฟของสมการ อสมการ ฟงั กช์ ัน และการ แผนการทดลอง
นาไปใช้ - นาความรเู้ กย่ี วกบั กระบวนการทางสถติ ิไปใชใ้ นการวจิ ัย
แก้ปญั หา เบ้อื งตน้
- ดาเนินการความน่าจะเปน็ เบอื้ งตน้ และนาผลไปใช้ในการ
๖. เขา้ ใจความหมายของผลบวก n พจน์แรกของ - อนุกรมเลขคณติ และอนกุ รมเรขาคณิต คาดการณ์
อนกุ รมเลขคณติ และอนุกรมเรขาคณิต หา - ใช้ขอ้ มลู ขา่ วสาร คา่ สถติ ิ และคา่ สถิตทิ ไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะห์
ผลบวก n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณติ และ ข้อมลู ในการตดั สนิ ใจ
อนกุ รมเรขาคณติ โดยใช้สตู รและนาไปใช้ - นาความรเู้ กยี่ วกับความนา่ จะเป็น ไปใช้ในการตัดสินใจและ
แก้ปัญหา
สาระท่ี ๕ การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและความน่าจะเป็น
มาตรฐาน ค ๕.๑ เขา้ ใจและใชว้ ิธกี ารทางสถติ ใิ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู

ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
๑. เขา้ ใจวธิ กี ารสารวจความคิดเหน็ อย่างงา่ ย - การสารวจความคดิ เห็น

70 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบตั รวิชาชพี พุทธศักราช 2556
กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ๖ นก. กลุม่ วิชาคณิตศาสตร์ ๔ นก.
ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง หนว่ ยสมรรถนะ สมรรถนะยอ่ ย
๒. หาคา่ เฉลยี่ เลขคณติ มัธยฐาน ฐานนยิ ม ส่วน- - คา่ กลางของขอ้ มูล 9. สอื่ ความหมาย แก้ปญั หา - ใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสตร์เกยี่ วกบั การแกป้ ญั หาและการให้
เบี่ยงเบนมาตรฐานและเปอรเ์ ซน็ ไทลข์ องข้อมลู - การวดั การกระจายของขอ้ มลู ให้เหตผุ ลทางคณติ ศาสตร์ และ เหตุผลในสถานการณจ์ รงิ
๓. เลอื กใชค้ า่ กลางที่เหมาะสมกบั ข้อมูลและ - การหาตาแหนง่ ที่ของขอ้ มูล การนาเสนอ เชอื่ มโยงความรู้ - สื่อความหมาย แปลความ และนาเสนอขอ้ มูลทาง
วัตถปุ ระสงค์ ตา่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์ และ คณิตศาสตร์
มาตรฐาน ค ๕.๒ ใช้วธิ ีการทางสถิติและความรูเ้ กี่ยวกับความน่าจะเป็นในการคาดการณไ์ ด้ เชอื่ มโยงคณติ ศาสตร์กับศาสตร์ - ประยกุ ตค์ วามรู้และทักษะเกย่ี วกบั เซตและฟังก์ชนั ต่าง ๆ
อย่างสมเหตุสมผล อื่น ๆ มีความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ ในงานอาชพี
ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง - ประยุกตค์ วามร้แู ละทกั ษะเกย่ี วกบั จานวนเชิงซอ้ นในงาน
อาชพี
๑. นาผลทไ่ี ดจ้ ากการสารวจความคดิ เห็นไปใช้ - การสารวจความคดิ เห็น - ประยุกตค์ วามรู้และทักษะเก่ียวกบั ภาคตดั กรวยในงานอาชพี
คาดการณใ์ นสถานการณท์ ก่ี าหนดให้
๒. อธิบายการทดลองสมุ่ เหตกุ ารณ์ ความนา่ - กฎเกณฑเ์ บ้ืองตน้ เก่ียวกับการนบั - ประยุกตค์ วามรแู้ ละทักษะเกย่ี วกบั แคลคลู สั ในงานอาชีพ
- ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะเกี่ยวกบั ดเี ทอร์มแิ นนต์หาคาตอบของ
จะเป็นของเหตุการณ์ และนาผลที่ไดไ้ ปใช้ - การทดลองสมุ่ ระบบสมการเชงิ เสน้
คาดการณใ์ นสถานการณ์ที่กาหนดให้ - แซมเปิลสเปซ
- เหตุการณ์ - ใช้ความรเู้ ก่ียวกับการออกแบบคณิตศาสตร์ในชีวิตประจาวัน
คณิตศาสตรก์ บั การประกอบอาชพี ไปเชอื่ มโยงกบั วิชาชพี
- ความน่าจะเป็นของเหตกุ ารณ์ - ประยุกตก์ ระบวนการทางคณติ ศาสตร์ในการวางแผน การ
มาตรฐาน ค ๕.๓ : ใช้ความรู้เกย่ี วกบั สถติ แิ ละความน่าจะเปน็ ชว่ ยในการตดั สินใจและแก้ปญั หา
ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ออกแบบประดษิ ฐ์คิดคน้ สิง่ ใหม่ ๆ ในงานอาชีพ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ๑. ใชข้ ้อมูลขา่ วสารและคา่ สถติ ิช่วยในการตดั สนิ ใจ - สถิติและข้อมูล
๒. ใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั ความนา่ จะเปน็ ช่วยในการ - ความนา่ จะเปน็ ของเหตุการณ์
ตัดสินใจและแกป้ ญั หา
สาระท่ี ๖ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
มาตรฐาน ค ๖.๑ มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา การให้เหตผุ ล การสอื่ สาร การสือ่ ความหมาย
ทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเช่อื มโยงความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์และเชอื่ มโยง
คณติ ศาสตรก์ บั ศาสตร์อ่นื ๆ และมคี วามคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์
ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
๑. ใช้วธิ ีการทีห่ ลากหลายแก้ปญั หา -

71 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี 71

72 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ๖ นก. หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๔ นก.
กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ กลุม่ วิชาคณติ ศาสตร์
ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง 2-0-2
๒. ใชค้ วามรู้ ทกั ษะและกระบวนการทาง - 2000-1401 คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน
คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแก้ปญั หา (Basic Mathematics)

ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จุดประสงคร์ ายวชิ า
๓. ให้เหตุผลประกอบการตดั สนิ ใจ และสรุปผล - 1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับอัตราส่วน สัดส่วน ร้อยละ การแปรผัน
ได้อยา่ งเหมาะสม สถติ เิ บอื้ งต้น การวัดแนวโน้มเขา้ สู่ส่วนกลาง และการวัดการกระจายของข้อมลู
๔. ใชภ้ าษาและสญั ลกั ษณท์ างคณติ ศาสตรใ์ นการ - 2. เพ่ือให้มีทักษะกระบวนการคิดและนาวิธีการแก้ปัญหาเร่ือง อัตราส่วน สัดส่วน ร้อยละ การ
ส่ือสาร การสอื่ ความหมาย และการนาเสนอ แปรผัน สถิติเบื้องต้น การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง การวัดการกระจายของข้อมูล
ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง และชัดเจน ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั
๕. เชอ่ื มโยงความรตู้ ่าง ๆ ในคณติ ศาสตร์ และนา - 3. เพอ่ื ให้มีเจตคตทิ ดี่ ใี นการเรียนรู้ อัตราส่วน สดั สว่ น ร้อยละ การแปรผัน สถิตเิ บือ้ งตน้ การ
ความรู้ หลักการ กระบวนการทาง วัดแนวโน้มเขา้ สู่ส่วนกลาง และการวดั การกระจายของขอ้ มูล

คณิตศาสตร์ไปเชอ่ื มโยงกบั ศาสตรอ์ น่ื ๆ สมรรถนะรายวชิ า
๖. มีความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ - 1. ดาเนนิ การและประยุกตใ์ ช้เกย่ี วกบั อตั ราส่วน สัดสว่ น และร้อยละในวิชาชีพ
2. ดาเนนิ การและประยุกต์ใช้เกี่ยวกบั การแปรผนั ในวิชาชพี
3. สารวจและจดั หมวดหมขู่ อ้ มลู อย่างงา่ ย
4. เลือกใชค้ ่ากลางของขอ้ มูลท่เี หมาะสมกับขอ้ มลู ท่กี าหนด
5. วิเคราะหต์ าแหน่งของขอ้ มูล และการวดั การกระจายของขอ้ มลู จากข้อมลู ทีก่ าหนด
6. ใช้ข้อมลู ขา่ วสาร คา่ สถติ ิ และค่าสถิตทิ ่ีได้จากการวิเคราะห์ข้อมลู ในการตัดสินใจ

คาอธบิ ายรายวชิ า
ศึกษาเกี่ยวกับ ทักษะการคิดคานวณ การแก้ปัญหาเร่ืองอัตราสว่ น สดั ส่วน ร้อยละ การแปรผัน

สถิติเบ้ืองต้น การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง การวัดการกระจายของข้อมูล และฝึกปฏิบัติในการ
เลือกใช้คา่ สถติ ิที่เหมาะสมกับข้อมูล

72 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๔ นก.
กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ๖ นก. กลมุ่ วิชาคณติ ศาสตร์
2-0-2
2000-1402 คณติ ศาสตร์พน้ื ฐานอาชพี
(Basic Mathematics for Careers)

จุดประสงคร์ ายวิชา
1. เพ่ือใหม้ คี วามรูค้ วามเข้าใจ เกดิ ความคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั สมการเชงิ เสน้ ระบบสมการเชงิ เสน้
สมการกาลังสองตัวแปรเดียว เลขยกกาลัง ลอการทิ มึ พน้ื ทแ่ี ละปริมาตร
2. เพอื่ ให้มที ักษะกระบวนการคดิ และนาวธิ ีการแก้ปัญหาเร่อื งสมการเชิงเส้น ระบบสมการเชงิ เสน้
สมการกาลงั สองตัวแปรเดยี ว เลขยกกาลัง ลอการิทึม พ้นื ที่ ปรมิ าตร ประยุกต์ใช้ในงานอาชีพ
3. เพ่ือให้มีเจตคติที่ดีในการเรียนรู้สมการเชิงเส้น ระบบสมการเชิงเส้น สมการกาลังสองตัวแปร
เดยี ว เลขยกกาลัง ลอการทิ ึม พืน้ ท่ีและปรมิ าตร

หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ สมรรถนะรายวิชา
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 1. นาความรู้เก่ียวกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรไปใช้ใน
สถานการณ์จริงหรือปญั หาที่กาหนด
2. นาความรเู้ กย่ี วกับสมการกาลังสองตัวแปรเดียวไปใชใ้ นสถานการณ์หรอื ปัญหาท่ีกาหนด
3. ดาเนนิ การเก่ียวกับจานวนจริงทอี่ ยใู่ นรูปเลขยกกาลังที่มีเลขช้กี าลงั เป็นจานวนตรรกยะ
4. ดาเนนิ การเกยี่ วกบั จานวนจริงที่อยู่ในรปู ลอการิทึม
5. วัดและเปรยี บเทียบความยาว พืน้ ท่ี พนื้ ทผ่ี วิ และปริมาตรในหน่วยมาตราวดั ต่าง ๆ
6. ใชค้ วามรูเ้ กีย่ วกับความยาว พน้ื ที่ พ้นื ทผ่ี วิ และปรมิ าตร แกป้ ัญหาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ

คาอธิบายรายวิชา
ศึกษาเกี่ยวกับ ทักษะการคิดคานวณ การแก้ปัญหาเร่ืองสมการเชิงเส้น ระบบสมการเชิงเส้น

สมการกาลังสองตัวแปรเดียว เลขยกกาลัง ลอการิทมึ พื้นท่แี ละปรมิ าตร

73 แนวทางการจัดการอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี 73

74 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชพี พทุ ธศักราช 2556
กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ๖ นก. กลุ่มวิชาคณติ ศาสตร์ ๔ นก.
2000-1403 คณติ ศาสตร์พน้ื ฐานอุตสาหกรรม 1 2-0-2
(Basic Mathematics for Industry 1)
(สาหรบั ประเภทวิชาอตุ สาหกรรม ยกเว้น สาขาวชิ าไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส)์

จุดประสงคร์ ายวิชา
1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ เกิดความคิดรวบยอดเก่ียวกับมุมและการวัดมุม อัตราส่วน
ตรีโกณมิติ ตรีโกณมิติของวงกลมหนึ่งหน่วย กฎของไซน์ กฎของโคไซน์ เมทริกซ์ ดีเทอร์
มิแนนต์ไม่เกนิ อันดับสาม
2. เพ่ือให้มีทักษะกระบวนการคิดและนาวิธีการแก้ปัญหาเรื่อง มุมและการวัดมุม อัตราส่วน
ตรีโกณมิติ ตรีโกณมิติของวงกลมหน่ึงหน่วย กฎของไซน์ กฎของโคไซน์ เมทริกซ์ ดีเทอร์มิแนนต์
ไม่เกนิ อนั ดับสาม ประยุกต์ใชใ้ นงานอาชพี
3. เพอื่ ให้มีเจตคตทิ ี่ดใี นการเรียนรมู้ ุมและการวัดมุม อัตราสว่ นตรโี กณมิติ ตรีโกณมิติของวงกลม
หนง่ึ หนว่ ย กฎของไซน์ กฎของโคไซน์ เมทรกิ ซ์ ดีเทอร์มแิ นนต์ไมเ่ กนิ อันดบั สาม

สมรรถนะรายวิชา
1. คาดคะเนระยะทางและความสงู โดยใชอ้ ัตราสว่ นตรโี กณมิติของมุมที่กาหนด
2. ประยกุ ตก์ ารวดั โดยใชค้ วามรเู้ ร่อื ง อัตราส่วนตรีโกณมิติ
3. ดาเนนิ การและคานวณเกย่ี วกบั ฟงั ก์ชนั ตรีโกณมติ ิ
4. ประยุกต์ใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั เมทริกซ์ และการคานวณคา่ ดีเทอร์มแิ นนต์ของเมทรกิ ซ์
5. ใช้ความรแู้ ละทักษะเกยี่ วกับดีเทอรม์ แิ นนต์หาคาตอบของระบบสมการเชิงเส้น

คาอธิบายรายวิชา
ศึกษาเกี่ยวกับ ทักษะการคิดคานวณ การแก้ปัญหาเรื่องมุมและการวัดมมุ อัตราส่วนตรโี กณมติ ิ

ตรีโกณมิติของวงกลมหน่ึงหน่วย กฎของไซน์ กฎของโคไซน์ เมทริกซ์ ดีเทอร์มิแนนต์ไม่เกินอันดับ
สาม และประยกุ ต์ใชด้ ีเทอร์มแิ นนตห์ าผลเฉลยของระบบสมการเชงิ เสน้

74 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556 ๔ นก.
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ๖ นก. กลุ่มวิชาคณติ ศาสตร์
2000-1405 เรขาคณติ วเิ คราะหแ์ ละแคลคลู ัสเบื้องตน้ 2-0-2
(Introduction to Calculus and Analytic Geometry)
(สาหรับ ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรมส่ิงทอ และ
ประเภทวิชาเกษตรกรรม สาขางานช่างเกษตร)

จุดประสงค์รายวชิ า
1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ เกิดความคิดรวบยอดเก่ียวกับ เส้นตรง ภาคตัดกรวย
ความสมั พนั ธ์ ฟังกช์ นั ลมิ ิต อนุพันธข์ องฟังกช์ นั พชี คณติ และอนิ ทกิ รลั ฟงั กช์ นั พีชคณิต
2. เพื่อให้มีทักษะกระบวนการคิดและนาวิธีการแก้ปัญหาเร่ือง เส้นตรง ภาคตัดกรวย ความสัมพันธ์
ฟงั ก์ชนั ลมิ ิต อนุพนั ธข์ องฟังกช์ นั พีชคณิต อนิ ทิกรลั ฟงั ก์ชนั พีชคณติ ประยกุ ต์ใชใ้ นงานอาชีพ
3. เพื่อใหม้ เี จตคติท่ีดใี นการเรยี นรู้ เสน้ ตรง ภาคตัดกรวย ความสัมพันธ์ ฟงั ก์ชนั ลมิ ติ อนุพนั ธ์
ของฟงั ก์ชนั พชี คณิต และอินทกิ รลั ฟังก์ชันพชี คณติ

หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ สมรรถนะรายวชิ า
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 1. ดาเนินการเก่ยี วกบั เสน้ ตรงระยะหา่ งและสมการเสน้ ตรง
2. ดาเนินการ และประยกุ ต์ความรู้และทักษะเกย่ี วกบั ภาคตดั กรวย ภาคตดั กรวยในงานอาชีพ
3. ดาเนินการ และประยุกต์ใช้ความสัมพันธ์และฟังก์ชันในรูปต่าง ๆ ในสถานการณ์หรือปัญหา
ทีก่ าหนด
4. ดาเนนิ การเกยี่ วกบั ลิมิตของฟังกช์ ันอนุพนั ธข์ องฟังก์ชันพีชคณิต และอินทิกรลั ฟงั กช์ นั พชี คณิต
5. ประยกุ ต์ความรู้และทกั ษะเกีย่ วกับแคลคลู สั ในงานอาชีพ

คาอธิบายรายวิชา
ศึกษาเก่ียวกับ ทักษะการคิดคานวณ การแก้ปัญหาเรื่องเส้นตรง ภาคตัดกรวย ความสัมพันธ์

ฟังก์ชนั ลมิ ติ อนพุ ันธ์ของฟงั ก์ชันพีชคณติ และอนิ ทกิ รัลฟงั ก์ชนั พชี คณติ

75 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี 75

76 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ๔ นก.
กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ๖ นก. กลมุ่ วิชาคณิตศาสตร์
2-0-2
2000-1406 คณิตศาสตรพ์ าณชิ ยกรรม
(Mathematics for Commerce)

จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับ บาเหน็จ หุ้น ต๋ัวเงิน ค่าจ้าง
ค่าเส่ือมราคา ดัชนีราคา ต้ังราคาขาย การซ้ือขายในระบบผ่อนชาระ ดอกเบ้ีย และความน่า-
จะเป็นเบอื้ งตน้
2. เพ่อื ใหม้ ีทักษะกระบวนการคิดและนาวิธกี ารแกป้ ัญหาเรอ่ื งบาเหน็จ ห้นุ ต๋วั เงิน ค่าจ้าง คา่ เสือ่ ม
ราคา ดัชนีราคา ตั้งราคาขาย การซ้ือขายในระบบผ่อนชาระ ดอกเบ้ีย และความน่าจะเป็น
เบอื้ งตน้ ประยุกต์ใช้ในวิชาชพี
3. เพอื่ ใหม้ เี จตคตทิ ด่ี ีในการเรยี นรู้ บาเหนจ็ หุ้น ต๋วั เงิน ค่าจา้ ง ค่าเสอ่ื มราคา ดชั นีราคา ตั้งราคา
ขาย การซื้อขายในระบบผ่อนชาระ ดอกเบ้ีย และความน่าเป็นเบอื้ งต้น

สมรรถนะรายวิชา
1. ประยุกต์ใช้เก่ียวกับอตั ราสว่ น สัดส่วน และร้อยละ ในการคานวณ บาเหน็จ หุ้น ต๋ัวเงิน ค่าจ้าง
ค่าเสอื่ มราคา ดชั นีราคา ต้งั ราคาขาย การซอ้ื ขายในระบบผอ่ นชาระ ดอกเบ้ยี
2. ดาเนนิ การความน่าจะเป็นเบื้องต้น และนาผลไปใชใ้ นการคาดการณ์
3. นาความร้เู ก่ยี วกับความน่าจะเป็น ใช้ในการตัดสนิ ใจและแกป้ ญั หา

คาอธิบายรายวชิ า
ศึกษาเก่ียวกับ ทักษะการคิดคานวณ แก้ปัญหาเรอ่ื งบาเหน็จ หุ้น ตั๋วเงิน ค่าจ้าง ค่าเสื่อมราคา

ดชั นีราคา ตง้ั ราคาขาย การซือ้ ขายในระบบผ่อนชาระ ดอกเบยี้ และความน่าเป็นเบอื้ งตน้

76 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชพี พุทธศกั ราช 2556 ๓ นก.
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ นก. กลมุ่ วิชาสงั คมศึกษา
สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเขา้ ใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา 1. ดารงตนตามหลกั ธรรม ศีลธรรม - ประยุกต์ใช้แบบอย่างการดารงตนของศาสดาในการพฒั นาตน
หรือศาสนา ทต่ี นนับถือและศาสนาอ่ืน มีศรทั ธาท่ีถกู ตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏิบัติตามหลกั ธรรม จริยธรรม ศาสนพธิ ีของศาสนา และสังคม ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรม ศีลธรรมและจรยิ ธรรมของ
เพ่ืออยูร่ ว่ มกนั อยา่ งสันติสขุ ศาสนา ศาสนพธิ ี พิธีกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื บริหารจติ
และเจริญปญั ญาตามหลักปฏิบตั ิทางศาสนา
ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
๑. วเิ คราะหส์ ังคมชมพทู วีป และคตคิ วามเชอื่ ทาง - ลักษณะของสงั คมชมพูทวปี และคตคิ วามเชื่อ ๒. ดารงตนเป็นพลเมอื งดี - ประยุกต์ใชห้ ลกั ขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละคา่ นิยมทดี่ ขี อง
สังคมไทยมาใช้ในชีวิตประจาวนั
ศาสนาสมัยกอ่ นพระพุทธเจ้า หรอื สังคมสมยั ทางศาสนาสมยั กอ่ นพระพุทธเจ้า - ปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมอื งดภี ายใตก้ ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
ของศาสดาท่ีตนนบั ถือ
๒. วเิ คราะห์พระพทุ ธเจ้าในฐานะเป็นมนุษยผ์ ฝู้ ึก - พระพุทธเจา้ ในฐานะเป็นมนุษย์ ผฝู้ ึกตนได้ อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ และปฏิบตั ติ นตามกฎหมาย
3. ประยุกต์ใช้ขอ้ มลู ทางประวตั ิศาสตร์ - แสดงความรูแ้ ละใช้วิธีทางประวัตศิ าสตร์ในการศึกษาการเมือง
ตนไดอ้ ยา่ งสงู สุดในการตรสั รู้ การกอ่ ต้งั อย่างสูงสุด (การตรสั รู)้
วิธีการสอนและการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา - การกอ่ ต้ังพระพุทธศาสนา วิธกี ารสอน และการ การเมอื งการปกครอง การธารง การปกครอง และความเปน็ มาของชาติไทย
หรอื วิเคราะหป์ ระวัตศิ าสดาทต่ี นนบั ถือ เผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนวพุทธจริยา ความเปน็ ไทย การอยรู่ ่วมกัน - ธารงไวซ้ ่ึงความเป็นเอกลักษณข์ องชาตไิ ทย
ตามทกี่ าหนด ในสงั คมไทยและประชาคมอาเซียน - แสดงความรแู้ ละปฏิบตั ติ นพร้อมรบั การเปน็ ประชากรของ
๓. วเิ คราะห์พทุ ธประวตั ดิ ้านการบรหิ าร และการ - พุทธประวัติดา้ นการบริหารและการธารงรักษา ประชาคมอาเซยี น
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ ธารงรกั ษาศาสนา หรอื วเิ คราะหป์ ระวตั ิ พระพุทธศาสนา 4. ใช้หรือประยกุ ต์ใชข้ อ้ มูลทาง - แสดงความรแู้ ละใช้วิธกี ารทางภมู ศิ าสตร์เพ่ือการศกึ ษาและ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ศาสดาทตี่ นนบั ถอื ตามทก่ี าหนด - พระพุทธศาสนามที ฤษฎแี ละวธิ ีการท่ีเป็นสากล ภมู ิศาสตรแ์ ละเศรษฐกิจของไทย พฒั นา เศรษฐกจิ สังคม สิง่ แวดลอ้ มของไทย
และมขี อ้ ปฏบิ ัติที่ยึดทางสายกลาง และกลมุ่ ประชาคมเศรษฐกิจ - วิเคราะห์ เปรียบเทียบความแตกตา่ งของกิจกรรมทาง
๔. วเิ คราะหข์ ้อปฏิบตั ิทางสายกลางในพระพทุ ธ- - พระพุทธศาสนาเนน้ การพฒั นาศรทั ธาและ อาเซยี น เศรษฐกิจของไทยในแตล่ ะภมู ภิ าคกบั กลุม่ ประชาคมอาเซยี น
ศาสนา หรือแนวคดิ ของศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปญั ญาทถี่ ูกต้อง - แสดงความรแู้ ละใชห้ ลักการและกระบวนการสารสนเทศทาง
ตามท่ีกาหนด - ลกั ษณะประชาธิปไตยในพระพทุ ธศาสนา 5. นาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ ภมู ศิ าสตรเ์ พ่ือการพัฒนาทีย่ ่ังยนื ในประเทศไทยและกลุ่ม
พอเพยี งไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน ประชาคมอาเซยี น
๕. วิเคราะหก์ ารพัฒนาศรัทธา และปญั ญาที่ - แสดงความรู้และวิเคราะหบ์ ทบาทและความสาคญั ของความ
ถกู ตอ้ งในพระพทุ ธศาสนา หรอื แนวคิดของ ร่วมมือทางเศรษฐกิจในกลมุ่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น
ศาสนาทตี่ นนับถอื ตามที่กาหนด - แสดงความรแู้ ละประยุกต์ใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพยี งในการดาเนนิ ชวี ติ วิเคราะหห์ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจ
๖. วิเคราะหล์ ักษณะประชาธิปไตยในพระพทุ ธ- พอเพียงเพอ่ื การเป็นพลเมืองดตี ามกฎหมาย
ศาสนา หรอื แนวคดิ ของศาสนาทต่ี นนบั ถือ
ตามทีก่ าหนด

77 แนวทางการจดั การอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี 77

78 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ๓ นก. หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556
กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลุม่ วิชาสังคมศึกษา ๓ นก.
ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
๗. วิเคราะหห์ ลกั การของพระพทุ ธศาสนากบั หลัก - หลักการของพระพุทธศาสนากับหลกั วิทยาศาสตร์ 2000-1501 หน้าท่ีพลเมืองและศีลธรรม 2-0-2
(Civil Duties and Moral)
วทิ ยาศาสตร์ หรือแนวคดิ ของศาสนาทีต่ น - การคดิ ตามนัยแหง่ พระพุทธศาสนาและการคดิ
นับถือ ตามที่กาหนด แบบวิทยาศาสตร์ จดุ ประสงค์รายวิชา
๘. วเิ คราะห์การฝึกฝนและพฒั นาตนเอง การ - พระพทุ ธศาสนาเนน้ การฝกึ หัดอบรมตน การ 1. เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่ีของ
พงึ่ ตนเอง และการมุง่ อสิ รภาพในพระพทุ ธ- พง่ึ ตนเอง และการมงุ่ อสิ รภาพ พลเมืองดี และหลักธรรมของศาสนา
ศาสนา หรือแนวคดิ ของศาสนาทต่ี นนับถอื 2. เพือ่ ใหป้ ฏบิ ัตติ นเป็นพลเมอื งดีตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข
ตามท่ีกาหนด 3. เพ่ือให้ปฏิบตั ิตนเปน็ ศาสนิกชนทดี่ ีตามหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนบั ถอื
๙. วิเคราะหพ์ ระพทุ ธศาสนาว่าเปน็ ศาสตร์แหง่ - พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสตรแ์ หง่ การศึกษา 4. เพอ่ื ใหต้ ระหนกั ถึงการดารงชีวิตทถ่ี ูกต้องดงี ามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมอื งดี

การศึกษาซ่งึ เน้นความสมั พันธ์ของเหตุปัจจยั - พระพุทธศาสนาเน้นความสมั พันธข์ องเหตุปัจจยั สมรรถนะรายวิชา
กบั วิธีการแก้ปัญหา หรือแนวคิดของศาสนาท่ี และวิธีการแก้ปญั หา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าที่ของพลเมืองดี และ
ตนนับถือตามที่กาหนด หลักธรรมของศาสนา
๑๐. วิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาในการฝึกตนไมใ่ ห้ - พระพทุ ธศาสนาฝึกตนไม่ให้ประมาท 2. วิเคราะห์หลักการของวัฒนธรรม คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
ประมาท มงุ่ ประโยชนแ์ ละสนั ตภิ าพบุคคล - พระพทุ ธศาสนามุง่ ประโยชน์สุขและสนั ติภาพ พอเพยี งเพอ่ื ใช้ในการดารงชีวิต
สงั คมและโลก หรือแนวคดิ ของศาสนาท่ีตน แกบ่ คุ คล สงั คมและโลก 3. นาหลกั ศาสนา หลกั ธรรม และหลกั กฎหมาย มาประยกุ ตใ์ ชเ้ พอ่ื การเปน็ พลเมอื งดี

นบั ถือตามที่กาหนด คาอธิบายรายวชิ า
๑๑. วเิ คราะห์พระพทุ ธศาสนากบั ปรัชญาของ - พระพุทธศาสนากบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ ศึกษาเกี่ยวกับ ความสาคัญของสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม วัฒนธรรม คุณธรรม
เศรษฐกิจพอเพยี งและการพัฒนาประเทศ พอเพียงและการพัฒนาแบบยง่ั ยืน
แบบยัง่ ยนื หรอื แนวคดิ ของศาสนาทต่ี น จริยธรรม ค่านิยมและการดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สิทธิหน้าท่ีของพลเมืองดี
ตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข และหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนนับถอื

นับถอื ตามทก่ี าหนด
๑๒. วเิ คราะหค์ วามสาคัญของพระพทุ ธศาสนา - ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนากบั การศึกษา
เกี่ยวกับการศกึ ษาทสี่ มบูรณ์ การเมืองและ ท่ีสมบูรณ์
สนั ติภาพ หรือแนวคดิ ของศาสนาทต่ี นนบั ถอื - ความสาคญั ของพระพุทธศาสนากบั การเมอื ง
ตามท่ีกาหนด - ความสาคญั ของพระพุทธศาสนากบั สนั ติภาพ
๑๓. วเิ คราะหห์ ลักธรรมในกรอบอริยสจั ๔ หรอื - พระรัตนตรยั
หลกั คาสอนของศาสนาท่ตี นนับถอื - วิเคราะหค์ วามหมายและคณุ คา่ ของพุทธะ
ธรรมะ สังฆะ

78 แนวทางการจัดการอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี พทุ ธศกั ราช 2556 ๓ นก.
กลุมสาระการเรียนรูสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓นก. กลุมวิชาสังคมศกึ ษา
ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรแู กนกลาง 2-0-2
- อรยิ สจั ๔ 2000-1502 ทักษะชวี ติ และสังคม
- ทกุ ข (ธรรมท่คี วรรู) (Life Skills and Society)

- ขันธ ๕ จดุ ประสงครายวชิ า
- นามรูป 1. เพ่ือใหมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับหลักการดําเนินชีวิตในสังคมภายใตหลักปรัชญาของ
- โลกธรรม ๘ เศรษฐกิจพอเพียง
- จิต, เจตสิก 2. เพื่อใหสามารถประยุกตใชหลักมนุษยสัมพันธในงานอาชีพ มรรยาท ความเปนพลเมืองดี
- สมทุ ัย(ธรรมท่ีควรละ) เพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพชวี ติ และการอยูรวมกันในสังคม
- หลกั กรรม 3. เพ่ือใหม ีเจตคตทิ ดี่ ตี อ การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ และการอยูรว มกันในสงั คม

- นยิ าม ๕ สมรรถนะรายวชิ า
- กรรมนิยาม(กรรม ๑๒) 1. แสดงความรเู กีย่ วกบั หลักการดําเนินชวี ิตภายใตห ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
- ธรรมนิยาม (ปฏิจจสมุปบาท) 2. ตอบสนองสถานการณตาง ๆ โดยประยุกตใชหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
- วิตก ๓ หลกั มนษุ ยสมั พันธ ความมีมรรยาทและความเปนพลเมอื งดี

- มจิ ฉาวณิชชา ๕ คาํ อธิบายรายวิชา
- นิวรณ ๕ ศกึ ษาเกย่ี วกับ การมที กั ษะชีวิตในสังคมตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักมนุษยสัมพันธ
- อปุ าทาน ๔
- นิโรธ (ธรรมท่ีควรบรรลุ) ในการทาํ งาน มรรยาทไทย มรรยาทสังคม ความเปน พลเมอื งดี เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามกรอบ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ - ภาวนา ๔ แนวคิดของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง ชาติ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
- วมิ ุตติ ๕
- นพิ พาน
- มรรค (ธรรมท่ีควรเจรญิ )
- พระสทั ธรรม ๓
- ปญ ญาวฒุ ธิ รรม ๔
- พละ ๕
- อุบาสกธรรม ๕
- อปรหิ านยิ ธรรม ๗
- ปาปณกิ ธรรม ๓
- ทฏิ ฐธัมมิกัตถสงั วัตตนิกธรรม ๔

79 แนวทางการจัดการศกึ ษาเรียนรว มหลกั สตู รอาชีวศึกษาและมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) 79

80 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พทุ ธศักราช 2556
กล่มุ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓ นก. กล่มุ วิชาสังคมศึกษา ๓ นก.
ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- โภคอาทิยะ ๕ 2000-1503 ภูมศิ าสตรแ์ ละประวตั ศิ าสตรไ์ ทย 2-0-2
(Geography and Thai History)
- อริยวฑั ฒิ ๕
- อธปิ ไตย ๓ จดุ ประสงค์รายวิชา
- สาราณียธรรม ๖ 1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับภูมิศาสตร์ประเทศไทย ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
- ทศพิธราชธรรม ๑๐ วิธีการ ศึกษาประวัติศาสตรแ์ ละประวตั ิศาสตรช์ าติไทย
- วิปสั สนาญาณ ๙ 2. เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ความรู้เร่ืองภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ในงานอาชีพและการ
- มงคล ๓๘ ดารงชีวิต
- สงเคราะหบ์ ตุ ร 3. เพื่อให้ตระหนักในความสาคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เพ่ือธารงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา
- สงเคราะห์ภรรยา และพระมหากษัตริย์

- สันโดษ สมรรถนะรายวชิ า
- ถูกโลกธรรมจติ ไม่หวัน่ ไหว 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ประเทศไทย ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ วิธีการศึกษา
- จิตไมเ่ ศร้าโศก ประวตั ิศาสตรแ์ ละประวัติศาสตรช์ าตไิ ทย
- จิตไมม่ ัวหมอง 2. รวบรวมสารสนเทศทางภมู ิศาสตรแ์ ละประวัติศาสตร์ตามหลกั การและกระบวนการ
- จติ เกษม 3. นาความรู้ทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ไปประยุกต์ใช้เพ่ือการดารงตนในงานอาชีพและ
- ความเพยี รเผากเิ ลส ธารงความเป็นไทยอย่างยัง่ ยืน

- ประพฤติพรหมจรรย์ คาอธบิ ายรายวชิ า
- เหน็ อริยสจั ศึกษาเกี่ยวกับ ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจไทย ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ วิธีการศึกษา
- บรรลนุ ิพพาน
- พทุ ธศาสนสภุ าษติ ประวตั ศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตรช์ าติไทย และสถาบันสาคญั ของชาตเิ พอื่ ธารงความเปน็ ไทยอย่างยงั่ ยืน

- จิตฺต ทนตฺ สุขาวห
จติ ท่ีฝึกดแี ลว้ นาสขุ มาให้
- นอจุ ฺจาวจ ปณฺฑติ า ทสฺสยนตฺ ิ
บณั ฑติ ยอ่ มไม่แสดงอาการขน้ึ ๆ ลง ๆ
- นตฺถิ โลเก อนนิ ฺทิโต
คนทไ่ี ม่ถกู นนิ ทา ไม่มใี นโลก
- โกธ ฆตฺวา สุข เสติ
ฆา่ ความโกรธได้ยอ่ มอย่เู ป็นสุข

80 แนวทางการจดั การอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี พทุ ธศกั ราช 2556 ๓ นก.
กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓ นก. กลมุ่ วิชาสังคมศึกษา
ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1-0-1
- ปฏิรูปการี ธุรวา อุฎฐฺ าตา วนิ ฺทเต ธน 2000-1507 ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย
คนขยันเอาการเอางาน กระทาเหมาะสม (Geography and Thai History)

ยอ่ มหาทรัพยไ์ ด้ จุดประสงค์รายวชิ า
- วายเมถว ปุรโิ ส ยาว อตถฺ สสฺ นปิ ปฺ ทา 1. เพื่อใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับกระบวนการทางประวัติศาสตร์
เกดิ เปน็ คนควรจะพยายามจนกว่าจะประสบ 2. เพอ่ื ใหส้ ามารถนาความรู้ทางประวัตศิ าสตรม์ าประยุกตใ์ ชเ้ ป็นพื้นฐานในการดารงชวี ิต
ความสาเร็จ 3. เพ่ือใหต้ ระหนกั ในความสาคญั ของประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย เพื่อธารงไว้ซ่ึงสถาบันชาติ ศาสนา
- สนตฺ ฎฐฺ ี ปรม ธน และพระมหากษัตรยิ ์

ความสนั โดษเป็นทรพั ย์อยา่ งยิ่ง สมรรถนะรายวิชา
- อิณาทาน ทกุ ฺข โลเก 1. แสดงความรู้เก่ียวกบั กระบวนการทางประวัติศาสตร์
การเปน็ หน้เี ปน็ ทกุ ข์ในโลก 2. เปรยี บเทยี บการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรมของประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทย

- ราชา มุข มนุสสฺ าน คาอธิบายรายวชิ า
พระราชาเปน็ ประมุขของประชาชน ศึกษาเก่ียวกับกระบวนการทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัยสุโขทัย อยุธยา
- สติ โลกสมฺ ิ ชาคโร
สติเปน็ เครอ่ื งต่นื ในโลก รัตนโกสินทร์ ด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และพระราชกรณียกิจที่สาคัญ
- นตฺถิ สนฺตปิ ร สขุ ของพระมหากษัตรยิ อ์ งค์ปจั จบุ ัน

หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ สขุ อนื่ ยิ่งกว่าความสงบไมม่ ี
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา - นิพฺพาน ปรม สุข
นิพพานเป็นสขุ อย่างยิ่ง
๑๔. วเิ คราะหข์ ้อคิดและแบบอย่างการดาเนินชวี ิต - พทุ ธสาวก พทุ ธสาวิก
จากประวัตสิ าวก ชาดก เรื่องเลา่ และ - พระอสั สชิ
ศาสนิกชนตัวอย่าง ตามท่กี าหนด - พระกีสาโคตมเี ถรี
- พระนางมัลลกิ า
- หมอชีวก โกมารภจั
- พระอนรุ ุทธะ
- พระองคุลมิ าล
- พระธมั มทนิ นาเถรี
- จติ ตคหบดี

81 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี 81

82 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ๓ นก.
กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓ นก. กลุม่ วิชาสงั คมศึกษา
ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- พระอานนท์
- พระปฏาจาราเถรี
- จฬู สภุ ทั ทา
- สุมนมาลาการ
- ชาดก
- เวสสันดรชาดก
- มโหสธชาดก
- มหาชนกชาดก
- ชาวพุทธตวั อย่าง
- พระนาคเสน - พระยามลิ ินท์
- สมเดจ็ พระวนั รตั (เโง เขมจาร)ี
- พระอาจารยม์ ัน่ ภูริทตฺโต
- สชุ พี ปุญญานุภาพ
- สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภกิ ขุ)
- พระพรหมมงั คลาจารย์ (ปญั ญานนั ทภิกข)ุ
- ดร.เอม็ เบดการ์
- พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว
- พระโพธิญาณเถร (ชา สภุ ทฺโท)
- พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
- อนาคาริก ธรรมปาละ
๑๕. วิเคราะหค์ ณุ ค่าและความสาคญั ของการ - วิธกี ารศึกษาและคน้ ควา้ พระไตรปฏิ ก และ
สังคายนา พระไตรปิฎก หรือคัมภรี ข์ อง คมั ภีร์ของศาสนาอน่ื ๆ การสงั คายนาและการ
ศาสนาทตี่ นนับถอื และการเผยแผ่ เผยแผพ่ ระไตรปิฏก
- ความสาคญั และคณุ คา่ ของพระไตรปฏิ ก

82 แนวทางการจัดการอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556
กลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ นก. กลุ่มวิชาสงั คมศกึ ษา ๓ นก.
ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 83
๑๖. เช่อื มั่นตอ่ ผลของการทาความดี ความชว่ั - ตัวอยา่ งผลทเ่ี กดิ จากการทาความดี ความช่ัว
สามารถวเิ คราะหส์ ถานการณท์ ่ตี อ้ งเผชญิ - โยนโิ สมนสิการด้วยวธิ คี ดิ แบบอริยสัจ
และตดั สินใจเลอื กดาเนนิ การหรือปฏิบตั ติ น - หลักธรรมตามสาระการเรยี นรขู้ ้อ ๑๓
ได้อย่างมเี หตผุ ลถกู ต้องตามหลักธรรม
จริยธรรม และกาหนดเปา้ หมาย บทบาทการ
ดาเนนิ ชวี ิตเพ่ือการอยรู่ ว่ มกันอยา่ งสนั ติสขุ
และอยรู่ ่วมกนั เปน็ ชาตอิ ยา่ งสมานฉันท์
๑๗. อธิบายประวตั ศิ าสดาของศาสนาอนื่ ๆ - ประวัตพิ ระพทุ ธเจา้ มโุ ัมมดั พระเยซู
โดยสงั เขป
๑๘. ตระหนักในคณุ ค่าและความสาคญั ของ - คณุ คา่ และความสาคญั ของคา่ นิยมและจรยิ ธรรม
คา่ นิยม จรยิ ธรรมท่เี ป็นตวั กาหนดความเชือ่ - การขจัดความขัดแย้งเพ่ืออยู่ร่วมกันอย่าง
และพฤตกิ รรมที่แตกต่างกันของศาสนิกชน สันตสิ ขุ
ศาสนาตา่ งๆ เพอ่ื ขจัดความขดั แยง้ และอยู่
รว่ มกันในสงั คมอยา่ งสนั ตสิ ุข
๑๙. เหน็ คุณค่า เช่ือมั่น และม่งุ มนั่ พฒั นาชวี ิตด้วย - พฒั นาการเรยี นรู้ด้วยวธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ
การพฒั นาจติ และพฒั นาการเรยี นรดู้ ว้ ยวธิ ี ๑๐ วิธี (เน้น วธิ คี ดิ แบบแยกแยะส่วนประกอบ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ คิดแบบโยนโิ สมนสิการ หรอื การพฒั นาจติ แบบสามญั ญลักษณะ แบบเป็นอยใู่ นขณะ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ตามแนวทางของศาสนาท่ตี นนับถอื ปจั จุบัน และแบบวภิ ัชชวาท)
๑) วิธีคดิ แบบสบื สาวเหตุปัจจัย
๒) วธิ คี ดิ แบบแยกแยะสว่ นประกอบ
๓) วธิ คี ิดแบบสามัญลกั ษณะ
๔) วิธีคดิ แบบอรยิ สัจ
๕) วิธคี ิดแบบอรรถธรรมสมั พันธ์
๖) วธิ คี ดิ แบบคุณคา่ แท้- คณุ คา่ เทียม
๗) วิธีคิดแบบคณุ -โทษ และทางออก
๘) วธิ คี ดิ แบบอบุ าย ปลุกเร้าคณุ ธรรม

83 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

84 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556 ๓ นก.
กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓ นก. กลมุ่ วิชาสงั คมศึกษา
ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
๙) วิธีคดิ แบบเป็นอยูใ่ นขณะปจั จบุ ัน
๑๐) วิธคี ิดแบบวภิ ชั ชวาท
๒๐. สวดมนต์ แผเ่ มตตา และบรหิ ารจิตและเจรญิ - สวดมนต์แปล และแผเ่ มตตา
ปญั ญาตามหลกั สตปิ ฏั ฐาน หรอื ตามแนวทาง ร้แู ละเข้าใจวธิ ีปฏิบัติและประโยชนข์ องการ
ของศาสนาท่ีตนนบั ถอื บรหิ ารจติ และเจรญิ ปญั ญา
- ฝึกการบรหิ ารจติ และเจรญิ ปญั ญาตามหลัก
สติปฎั ฐาน
- นาวิธกี ารบริหารจิตและเจรญิ ปญั ญาไปใชใ้ นการ
พัฒนาการเรียนรู้ คณุ ภาพชวี ติ และสังคม
๒๑. วิเคราะหห์ ลักธรรมสาคญั ในการอยรู่ ว่ มกัน - หลกั ธรรมสาคญั ในการอยรู่ ่วมกนั อย่างสนั ติสุข
อยา่ งสนั ติสขุ ของศาสนาอื่นๆ และชกั ชวน - หลกั ธรรมในพระพุทธศาสนา เชน่ สาราณีย
ส่งเสริม สนบั สนุนให้บุคคลอ่นื เหน็ ธรรม ๖ อธปิ ไตย ๓ มจิ ฉาวณิชชา ๕
ความสาคญั ของการทาความดตี อ่ กนั อรยิ วฑั ฆิ ๕ โภคอาทยิ ะ ๕
- ครสิ ต์ศาสนา ได้แก่
- บญั ญัติ ๑๐ ประการ (เฉพาะที่เกยี่ วข้อง)
- ศาสนาอสิ ลาม ไดแ้ ก่ หลักจรยิ ธรรม (เฉพาะที่
เกี่ยวข้อง)
๒๒. เสนอแนวทางการจดั กจิ กรรม ความร่วมมอื - สภาพปัญหาในชมุ ชน และสังคม
ของทุกศาสนาในการแก้ปัญหาและพัฒนา
สงั คม
สาระท่ี ๒ หน้าทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนนิ ชวี ิตในสังคม
มาตรฐาน ส ๒.๒ เขา้ ใจระบบการเมอื งการปกครองในสงั คมปจั จบุ นั ยดึ ม่นั ศรัทธาและธารง
รกั ษาไวซ้ ึ่งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ
ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
๑. วเิ คราะหป์ ัญหาการเมืองทีส่ าคญั ในประเทศจาก - ปญั หาการเมอื งสาคญั ที่เกิดขึน้ ภายในประเทศ
แหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ พร้อมท้ังเสนอแนวทางแก้ไข

84 แนวทางการจัดการอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี

หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556
กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ นก. กลมุ่ วิชาสงั คมศกึ ษา ๓ นก.
ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 85
- สถานการณ์การเมอื งการปกครองของสงั คมไทย
และสงั คมโลก และการประสานประโยชน์
ร่วมกัน
- อิทธพิ ลของระบบการเมืองการปกครองที่มีผล
ต่อการดาเนนิ ชีวิตและความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
ประเทศ
๒. เสนอแนวทาง ทางการเมืองการปกครองท่ี - การประสานประโยชนร์ ว่ มกันระหวา่ งประเทศ
นาไปสคู่ วามเข้าใจ และการประสาน เชน่ การสร้างความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งไทยกบั
ประโยชนร์ ่วมกันระหวา่ งประเทศ ประเทศตา่ ง ๆ
- การแลกเปล่ียนเพ่ือชว่ ยเหลือ และสง่ เสริมดา้ น
วัฒนธรรม การศึกษา เศรษฐกจิ สังคม
๓. วิเคราะหค์ วามสาคญั และ ความจาเป็นท่ตี ้อง - การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี
ธารงรักษาไวซ้ ึ่งการปกครองตามระบอบ พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข
ประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น - รปู แบบของรฐั
ประมขุ - ฐานะและพระราชอานาจของพระมหากษตั รยิ ์
๔. เสนอแนวทางและมสี ่วนรว่ มในการตรวจสอบ - การตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐ ตามรฐั ธรรมนญู
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ การใช้อานาจรฐั แหง่ ราชอาณาจักรไทย ฉบับปจั จบุ ัน ท่มี ีผลตอ่
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม เช่น การตรวจสอบ
โดยองคก์ รอิสระ การตรวจสอบโดยประชาชน
สาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส ๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรพั ยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้
ทรพั ยากร ที่มีอยู่จากัดไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพและคมุ้ คา่ รวมทัง้ เข้าใจหลักการของเศรษฐกจิ
พอเพยี ง เพอ่ื การดารงชวี ิตอยา่ งมีดุลยภาพ
ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
๑. อภิปรายการกาหนดราคาและค่าจ้างในระบบ - ระบบเศรษฐกจิ ของโลกในปจั จุบนั ผลดีและ
เศรษฐกจิ ผลเสียของระบบเศรษฐกจิ แบบต่างๆ

85 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

86 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ๓ นก.
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ นก. กลุม่ วิชาสังคมศึกษา
ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- ตลาดและประเภทของตลาด ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี
ของตลาดประเภทต่าง ๆ
- การกาหนดราคาตามอุปสงค์ และอุปทาน
การกาหนดราคาในเชงิ กลยุทธ์ที่มใี นสงั คมไทย
- การกาหนดคา่ จา้ ง กฎหมายท่ีเกยี่ วขอ้ งและ
อัตราคา่ จา้ งแรงงานในสงั คมไทย
- บทบาทของรัฐในการแทรกแซงราคา และการ
ควบคุมราคาเพ่ือการแจกจา่ ย และจัดสรรในทาง
เศรษฐกจิ
๒. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของปรชั ญาของ - การประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี งในการดาเนนิ
เศรษฐกจิ พอเพียงทีม่ ีตอ่ เศรษฐกจิ สงั คมของ ชีวติ ของตนเอง และครอบครวั
ประเทศ - การประยุกตใ์ ช้เศรษฐกิจพอเพียงในภาคเกษตร
อตุ สาหกรรม การค้าและบริการ
- ปัญหาการพัฒนาประเทศทผ่ี ่านมา โดยการ
ศกึ ษาวิเคราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสังคม
ฉบบั ที่ผา่ นมา
- การพฒั นาประเทศทีน่ าปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพยี งมาใช้ ในการวางแผนพฒั นาเศรษฐกจิ
และสังคมฉบบั ปัจจบุ ัน
๓. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของระบบสหกรณ์ - ววิ ฒั นาการของสหกรณ์ในประเทศไทย
ในการพัฒนาเศรษฐกจิ ในระดับชมุ ชนและ - ความหมายความสาคัญ และหลักการของระบบ
ประเทศ สหกรณ์
- ตวั อย่างและประเภทของสหกรณ์ในประเทศไทย
- ความสาคญั ของระบบสหกรณใ์ นการพฒั นา
เศรษฐกจิ ในชุมชนและประเทศ

86 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
กลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ นก. กลุ่มวิชาสงั คมศกึ ษา ๓ นก.
ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
๔. วเิ คราะหป์ ัญหาทางเศรษฐกิจในชมุ ชนและ - ปญั หาทางเศรษฐกิจในชุมชน
เสนอแนวทางแกไ้ ข - แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจของชมุ ชน
- ตวั อยา่ งของการรวมกลมุ่ ทีป่ ระสบความสาเรจ็
ในการแกป้ ัญหาทางเศรษฐกจิ ของชมุ ชน
มาตรฐาน ส ๓.๒ เขา้ ใจระบบและสถาบันทางเศรษฐกจิ ต่าง ๆ ความสัมพันธท์ างเศรษฐกจิ และ
ความจาเป็นของการรว่ มมือกนั ทางเศรษฐกจิ ในสงั คมโลก
ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
๑. อธิบายบทบาทของรัฐบาลดา้ นนโยบาย - บทบาทของนโยบายการเงินและการคลังของ
การเงนิ การคลังในการพฒั นาเศรษฐกิจของ รัฐบาลในดา้ น
ประเทศ - การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกจิ
- การสร้างการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ
- การรักษาดลุ การค้าระหว่างประเทศ
- การแทรกแซงราคาและการควบคุมราคา
- รายรบั และรายจ่ายของรฐั ทมี่ ผี ลตอ่ งบประมาณ
หน้ีสาธารณะ การพัฒนาทางเศรษฐกิจและ
คุณภาพชวี ติ ของประชาชน
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ - นโยบายการเกบ็ ภาษปี ระเภทต่าง ๆ และการ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ใชจ้ ่ายของรฐั
- แนวทางการแก้ปญั หาการวา่ งงาน
- ความหมาย สาเหตุ และผลกระทบทีเ่ กิดจาก
ภาวะทางเศรษฐกจิ เช่น เงินเฟ้อ เงินฝดื
- ตวั ช้วี ดั ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ เช่น
GDP, GNP รายไดเ้ ฉลยี่ ต่อบคุ คล
- แนวทางการแกป้ ญั หาของนโยบายการเงินการคลัง

87 แนวทางการจดั การอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี 87

88 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556 ๓ นก.
กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓ นก. กลุ่มวิชาสังคมศึกษา
ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
๒. วิเคราะหผ์ ลกระทบของการเปดิ เสรีทาง - วิวฒั นาการของการเปิดเสรที างเศรษฐกจิ ในยุค
เศรษฐกิจในยุคโลกาภิวตั น์ท่ีมีผลตอ่ สงั คมไทย โลกาภิวตั นข์ องไทย
- ปัจจัยทางเศรษฐกิจทมี่ ผี ลต่อการเปดิ เสรีทาง
เศรษฐกจิ ของประเทศ
- ผลกระทบของการเปิดเสรที างเศรษฐกจิ ของ
ประเทศทีม่ ตี ่อภาคการเกษตร ภาคอตุ สาหกรรม
ภาคการค้าและบรกิ าร
- การคา้ และการลงทุนระหวา่ งประเทศ
- บทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวที
การเงนิ โลกทม่ี ผี ลกับประเทศไทย
๓. วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสียของความร่วมมอื ทาง - แนวคดิ พื้นฐานทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการคา้ ระหวา่ ง
เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศในรูปแบบตา่ ง ๆ ประเทศ
- บทบาทขององค์การความรว่ มมือทางเศรษฐกจิ
ทส่ี าคัญในภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก เชน่ WTO,
NAFTA, EU, IMF, ADB, OPEC, FTA, APEC
ในระดับต่าง ๆ เขตสเี่ หลยี่ มเศรษฐกิจ
- ปัจจัยตา่ ง ๆ ทีน่ าไปสู่การพง่ึ พา การแข่งขัน
การขัดแยง้ และการประสานประโยชน์ทาง
เศรษฐกจิ
- ตวั อยา่ งเหตกุ ารณ์ที่นาไปสกู่ ารพึงพาทางเศรษฐกจิ
- ผลกระทบจากการดาเนินกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ
ระหว่างประเทศ
- ปัจจัยตา่ ง ๆ ที่นาไปสูก่ ารพึ่งพาการแขง่ ขนั การ
ขัดแย้ง และการประสารประโยชนท์ างเศรษฐกิจ
วธิ ีการกีดกันทางการคา้ ในการคา้ ระหวา่ งประเทศ

88 แนวทางการจัดการอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวิชาชพี พทุ ธศกั ราช 2556
กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ นก. กลมุ่ วิชาสังคมศกึ ษา ๓ นก.
สาระที่ ๔ ประวัติศาสตร์ 89
มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจความหมาย ความสาคญั ของเวลา และยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์
สามารถใชว้ ิธกี ารทางประวัตศิ าสตรม์ าวิเคราะห์เหตุการณ์ตา่ ง ๆ อย่างเปน็ ระบบ
ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
๑. ตระหนกั ถึงความสาคัญของเวลาและยคุ สมัย - เวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ที่ปรากฏ
ทางประวตั ศิ าสตรท์ แี่ สดงถงึ การเปล่ยี นแปลง ในหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรไ์ ทยและ
ของมนษุ ยชาติ ประวตั ิศาสตรส์ ากล
- ตัวอย่างเวลาและยุคสมยั ทางประวัติศาสตรข์ อง
สงั คมมนษุ ย์ทม่ี ีปรากฏในหลักฐานทาง
ประวัตศิ าสตร์ (เชอื่ มโยงกบั มฐ. ส ๔.๓)
- ความสาคญั ของเวลาและยุคสมยั ทาง
ประวตั ศิ าสตร์
๒. สรา้ งองคค์ วามรใู้ หม่ทางประวตั ศิ าสตร์โดยใช้ - ข้นั ตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร์ โดย
วิธกี ารทางประวตั ิศาสตรอ์ ยา่ งเปน็ ระบบ นาเสนอตวั อย่างทีละข้นั ตอนอย่างชดั เจน
- คุณค่าและประโยชน์ของวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์
ทม่ี ตี อ่ การศึกษาทางประวตั ิศาสตร์
- ผลการศึกษาหรือโครงงานทางประวัติศาสตร์
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ มาตรฐาน ส ๔.๒ เขา้ ใจพฒั นาการของมนษุ ยชาตจิ ากอดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ในด้านความสมั พนั ธ์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา และการเปลี่ยนแปลงของเหตกุ ารณ์อยา่ งต่อเนอ่ื ง ตระหนักถึงความสาคัญและสามารถวเิ คราะห์
ผลกระทบท่เี กดิ ขน้ึ
๑. วิเคราะหอ์ ิทธิพลของอารยธรรรมโบราณ และ - อารยธรรมของโลกยคุ โบราณ ได้แก่ อารยธรรม
การติดตอ่ ระหวา่ งโลกตะวนั ออกกับโลก ล่มุ แมน่ า้ ไทกรสี -ยเู ฟรตีส ไนล์ โวงโห สินธุ และ
ตะวันตกทมี่ ผี ลตอ่ พัฒนาการและการ อารยธรรมกรีก-โรมัน
เปล่ยี นแปลงของโลก - การติดตอ่ ระหวา่ งโลกตะวันออกกบั โลก
๒. วิเคราะหเ์ หตุการณส์ าคญั ต่างๆท่สี ง่ ผลตอ่ การ ตะวนั ตก และอิทธิพลทางวัฒนธรรมท่มี ีต่อกัน
เปลี่ยนแปลงทางสงั คม เศรษฐกิจและ และกัน
การเมอื ง เข้าสโู่ ลกสมยั ปจั จุบนั

89 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

90 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ๓ นก. หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พุทธศักราช 2556 ๓ นก.
กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม กล่มุ วิชาสังคมศึกษา
ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- เหตุการณส์ าคญั ตา่ งๆท่ีส่งผลตอ่ การ
เปลีย่ นแปลงของโลกในปัจจบุ ัน เช่นระบอบ
ฟิวดัส การฟน้ื ฟู ศลิ ปวทิ ยาการสงครามครเู สด
การสารวจทางทะเล การปฏริ ูปศาสนา การ
ปฏวิ ัติทางการเมือง
๓. วเิ คราะหผ์ ลกระทบของการขยายอทิ ธิพลของ - วิทยาศาสตร์ การปฏวิ ัตอิ ตุ สาหกรรม จักรวรรดิ
ประเทศในยุโรปไปยงั ทวีปอเมริกา แอฟรกิ า นยิ ม ลทั ธิชาตินยิ ม เป็นต้น
และเอเชีย - ความร่วมมอื และความขัดแยง้ ของมนษุ ยชาติ
๔. วิเคราะหส์ ถานการณข์ องโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษ ในโลก
ที่ ๒๑ - สถานการณส์ าคญั ของโลกในครสิ ต์ศตวรรษท่ี
๒๑ เช่น
- เหตกุ ารณ์ ๑๑ กันยายน ๒๐๐๑ (Nine
Eleven )
- การขาดแคลนทรัพยากร
- การก่อการร้าย
- ความขดั แยง้ ทางศาสนา ฯลฯ
มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาไทย มคี วามรกั
ความภูมใิ จและธารงความเปน็ ไทย
ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
๑. วเิ คราะห์ประเด็นสาคัญของประวตั ศิ าสตร์ไทย - ประเดน็ สาคญั ของประวตั ศิ าสตรไ์ ทย เชน่
๒. วิเคราะหค์ วามสาคญั ของสถาบนั แนวคดิ เก่ยี วกบั ความเป็นมาของชาตไิ ทย
พระมหากษตั ริยต์ อ่ ชาตไิ ทย อาณาจักรโบราณในดินแดนไทย และอทิ ธิพลท่ี
๓. วเิ คราะหป์ ัจจยั ทีส่ ่งเสริมความสรา้ งสรรค์ มตี ่อสังคมไทย ปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ การสถาปนา
ภมู ิปัญญาไทย และวัฒนธรรมไทย ซึ่งมีผลต่อ อาณาจกั รไทยในชว่ งเวลาตา่ ง ๆ สาเหตแุ ละ
สงั คมไทยในยุคปจั จบุ ัน ผลของการปฏริ ูป ฯลฯ

90 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๓ นก. กลุ่มวิชาสงั คมศึกษา ๓ นก.
ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
๔. วิเคราะหผ์ ลงานของบุคคลสาคญั ทั้งชาวไทย - บทบาทของสถาบันพระมหากษตั ริยใ์ นการ
และต่างประเทศ ทีม่ สี ่วนสรา้ งสรรค์ พฒั นาชาติไทยในดา้ นตา่ งๆ เช่น การปอ้ งกัน
วฒั นธรรมไทย และประวตั ศิ าสตรไ์ ทย และรักษาเอกราชของชาติ การสรา้ งสรรค์
วัฒนธรรมไทย
- อิทธพิ ลของวัฒนธรรมตะวนั ตก และตะวนั ออก
ทีม่ ีต่อสงั คมไทย
- ผลงานของบคุ คลสาคญั ทั้งชาวไทยและ
ตา่ งประเทศ ทมี่ สี ่วนสรา้ งสรรค์ วฒั นธรรมไทย
และประวตั ิศาสตรไ์ ทย
- ปจั จัยท่สี ่งเสริมความสร้างสรรคภ์ มู ปิ ัญญาไทย
และวฒั นธรรมไทย ซงึ่ มผี ลตอ่ สังคมไทยในยคุ
ปจั จุบัน
๕. วางแผนกาหนดแนวทางและการมีสว่ นร่วม - สภาพแวดล้อมที่มผี ลตอ่ การสรา้ งสรรค์
การอนรุ กั ษ์ภูมปิ ญั ญาไทยและวฒั นธรรมไทย ภมู ิปญั ญาและวฒั นธรรมไทย
- วถิ ีชีวิตของคนไทยในสมัยต่าง ๆ
- การสบื ทอดและเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมไทย
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ - แนวทางการอนรุ กั ษภ์ ูมิปญั ญาและวัฒนธรรม
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ไทยและการมสี ่วนร่วมในการอนรุ กั ษ์
- วิธกี ารมสี ว่ นร่วมอนรุ ักษภ์ มู ิปญั ญาและ
วฒั นธรรมไทย

91 แนวทางการจดั การอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี 91

92 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ๓ นก. หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556 ๓ นก.
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม กล่มุ วิชาสังคมศกึ ษา
สาระที่ ๕ ภมู ิศาสตร์
มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพนั ธข์ องสรรพสง่ิ ซ่งึ มีผล
ต่อกันและกันในระบบของธรรมชาติ ใช้แผนที่และเคร่ืองมอื ทางภมู ิศาสตรใ์ นการคน้ หา วเิ คราะห์
สรุป และใชข้ อ้ มลู ภมู สิ ารสนเทศอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
๑. วิเคราะหส์ ถานการณ์และวกิ ฤตการณ์ดา้ น - การเปลยี่ นแปลงลกั ษณะทางกายภาพในส่วน
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มของ ตา่ ง ๆ ของโลก
ประเทศไทยและโลก - การเกิดภมู สิ ังคมใหม่ ๆ ในโลก
- วกิ ฤตการณด์ า้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
ส่ิงแวดล้อมของประเทศไทยและโลก
๒. ระบมุ าตรการป้องกนั และแก้ไขปัญหา - มาตรการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา บทบาทของ
บทบาทขององคก์ ารและการประสานความ องคก์ ารและการประสานความร่วมมอื ทงั้ ใน
ร่วมมอื ท้ังในประเทศและนอกประเทศ ประเทศและนอกประเทศ กฎหมายส่งิ แวดลอ้ ม
เกี่ยวกบั กฎหมายส่งิ แวดลอ้ ม การจดั การ การจดั การทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
๓. ระบุแนวทางการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ - การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสงิ่ แวดลอ้ มในภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ในภูมภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก
๔. อธบิ ายการใช้ประโยชนจ์ ากส่งิ แวดล้อมในการ - การใชป้ ระโยชนจ์ ากส่ิงแวดล้อมในการ
สรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม อันเปน็ เอกลักษณ์ของ สร้างสรรค์วัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของ
ท้องถิ่นทั้งในประเทศไทยและโลก ทอ้ งถน่ิ ทั้งในประเทศไทยและโลก
๕. มีส่วนรว่ มในการแก้ปญั หาและการดาเนนิ ชวี ติ - การแกป้ ัญหาและการดาเนินชีวิตตามแนวทาง
ตามแนวทางการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรและ การอนุรกั ษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพอ่ื การ
ส่ิงแวดล้อม เพ่ือการพฒั นาทย่ี ่ังยนื พฒั นาที่ยั่งยนื

92 แนวทางการจดั การอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
กลุมสาระการเรียนรูสขุ ศึกษาและพลศึกษา ๓นก. กลุมวิชาสขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๒ นก.
สาระท่ี 1 การเจริญเตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย หนวยสมรรถนะ สมรรถนะยอ ย
มาตรฐาน พ 1.1 เขา ใจธรรมชาตขิ องการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของมนษุ ย 1. ดแู ลสุขภาพ (Health Skills) - แสดงความรูเก่ียวกับปองกนั และหลกี เลย่ี งปจจัยเส่ียง
พฤติกรรมเสย่ี งท่ีสงผลตอสขุ ภาพและสุขภาวะ
ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรูแกนกลาง - แสดงความรูเก่ียวกบั การปกปองสทิ ธิของตนเองตามกฎหมาย
1. อธิบายกระบวนการสรา งเสรมิ และดํารง - กระบวนการสรา งเสรมิ และดํารงประสิทธภิ าพ ที่เกีย่ วขอ งกบั สุขภาพในการทาํ งาน
ประสิทธภิ าพการทํางานของระบบอวัยวะ การทํางานของระบบอวัยวะตา งๆ - แสดงความรูเ กย่ี วกบั การเปนผนู าํ
ตา งๆ - การทาํ งานของระบบอวยั วะตางๆ - แสดงความรูเ กย่ี วกับการบริหารจดั การเรอ่ื งการเสรมิ สรา ง
- การสรา งเสรมิ และดาํ รงประสทิ ธภิ าพของ สขุ ภาพและปกปอ งสทิ ธิของตนเองตามกฎหมายท่ีเกีย่ วขอ ง
อวยั วะตา งๆ กบั สขุ ภาพในการทาํ งาน
(อาหาร การออกกําลงั กาย นนั ทนาการ - ออกกาํ ลงั กายเพือ่ การเสรมิ สรา งสขุ ภาพ
การตรวจสุขภาพ ฯลฯ) 2. เสรมิ สรา งสมรรถภาพทางกาย - แสดงออกถึงการมนี ้าํ ใจนกั กีฬา
2. วางแผนดแู ลสขุ ภาพตามภาวะการเจรญิ เติบโต - การวางแผนดูแลสขุ ภาพของตนเองและบคุ คล (Physical Skills) - มสี มรรถภาพทางกายตามเกณฑม าตรฐานของกระทรวง
สาธารณสุข
และพัฒนาการของตนเองและบุคคลใน ในครอบครวั - บริหารจดั การโครงการเสริมสรา งสมรรถภาพทางกาย
ครอบครวั เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานได
สาระท่ี 2 ชวี ิตและครอบครัว - แสดงความรแู ละสรา งและรกั ษาสมั พันธภาพกบั ผอู น่ื ได
มาตรฐาน พ 2.1 เขา ใจและเห็นคณุ คาของตนเอง ครอบครวั เพศศกึ ษา และมที กั ษะในการดาํ เนิน - คดิ ไตรตรองในสถานการณที่ตอ งตดั สินใจ
ชีวติ - ใชชวี ติ รวมกับผอู นื่ ไดอ ยา งมีความสขุ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรูแกนกลาง 3. พฒั นาทักษะชีวติ (Life Skills) - คน หาคณุ คา ของตนเองและเลอื กดําเนินชีวิตใหส อดคลอง
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา อยา งมีความสุข
1. วเิ คราะหอ ิทธพิ ลของครอบครวั เพอื่ น สงั คม - อิทธพิ ลของครอบครัว เพอื่ น สังคม และ - มกี จิ นสิ ยั ท่คี ํานงึ ถงึ ความปลอดภยั (Safety First)
และวฒั นธรรมท่มี ผี ลตอพฤตกิ รรมทางเพศ วฒั นธรรมทมี่ ตี อ พฤตกิ รรมทางเพศและ
และการดาํ เนินชวี ติ การดําเนินชีวติ
2. วิเคราะหคา นยิ มเร่อื งเพศตามวฒั นธรรมไทย - คานยิ มในเร่อื งเพศตามวฒั นธรรมไทยและ
และวฒั นธรรมอ่ืนๆ วฒั นธรรมอื่นๆ

93 แนวทางการจัดการศกึ ษาเรยี นรว มหลกั สตู รอาชีวศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) 93

94 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ๓ นก. หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศักราช 2556 ๒ นก.
กลุ่มสาระการเรยี นรู้สขุ ศึกษาและพลศึกษา กลมุ่ วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา
ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 0-2-1
3. เลือกใชท้ ักษะทเี่ หมาะสมในการปอ้ งกัน ลด - แนวทางในการเลือกใช้ทกั ษะต่าง ๆ ในการ 2000-1603 การออกกาลงั กายเพื่อเสรมิ สร้างสมรรถภาพในการทางาน
ความขัดแย้ง และแกป้ ญั หาเรือ่ งเพศและ ปอ้ งกัน ลดความขดั แย้ง และแกป้ ญั หาเร่อื งเพศ (Physical Fitness for Work)

ครอบครวั และครอบครวั จุดประสงค์รายวิชา
- ทักษะการส่อื สารและสร้างสมั พันธภาพ 1. เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการและรูปแบบในการออกกาลังกาย และการ
- ทกั ษะการตอ่ รอง เสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกาย
- ทกั ษะการปฏเิ สธ 2. เพ่อื ใหส้ ามารถพัฒนาสมรรถภาพทางกาย ใหพ้ รอ้ มทจี่ ะประกอบอาชีพได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
- ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 3. เพ่ือให้ตระหนักถึงคุณคา่ ของการออกกาลังกายและการเล่นกีฬาเป็นประจา

- ทกั ษะการตัดสินใจและแกป้ ญั หา ฯลฯ สมรรถนะรายวชิ า
4. วิเคราะหส์ าเหตแุ ละผลของความขดั แยง้ ที่อาจ - ความขัดแยง้ ท่ีอาจเกิดขนึ้ ระหว่างนักเรียนหรอื 1. แสดงความรู้เกย่ี วกบั หลกั การและรปู แบบของการออกกาลังกาย
เกดิ ขน้ึ ระหว่างนกั เรยี นหรอื เยาวชนในชุมชน เยาวชนในชมุ ชน 2. ประยุกตก์ ารออกกาลงั กายเพื่อพัฒนาสมรรถภาพทางกาย
และเสนอแนวทางแกไ้ ขปญั หา - สาเหตุของความขดั แย้ง 3. ออกกาลงั กายเพื่อพฒั นาความสมบรู ณ์ของรา่ งกายและจิตใจ
- ผลกระทบท่เี กดิ จากความขดั แยง้ ระหว่าง 4. ปฏบิ ตั โิ ครงงานเกี่ยวกบั การออกกาลังกาย

นกั เรยี นหรือเยาวชนในชมุ ชน คาอธิบายรายวชิ า
- แนวทางในการแกป้ ญั หาท่ีอาจเกดิ จากความ ปฏิบัติเก่ียวกับ กิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการและรูปแบบการออกกาลังกาย กลไกของ
ขัดแย้งของนกั เรยี นหรอื เยาวชนในชมุ ชน
สาระท่ี 3 การเคล่ือนไหว การออกกาลังกาย การเล่นเกม กฬี าไทย และกฬี าสากล ร่างกาย การเล่นกีฬาไทย กีฬาสากล หรือกิจกรรมนันทนาการ และการเสรมิ สร้างสมรรถภาพทางกาย
มาตรฐาน พ 3.1 เขา้ ใจมีทักษะในการเคลื่อนไหว กจิ กรรมทางกาย การเล่นเกม และกฬี า ให้สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติโครงงานการออกกาลังกายด้วยกิจกรรมท่ีเหมาะสม
สาหรับตนเองเพ่ือพฒั นาสมรรถภาพทางกายให้เป็นไปตามเป้าหมายพร้อมทีจ่ ะประกอบอาชีพได้อย่างมี
ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ประสทิ ธิภาพ

1. การวิเคราะหค์ วามคดิ รวบยอดเก่ียวกับการ - ความคิดรวบยอดเก่ยี วกบั การเคลอื่ นไหว
เคล่ือนไหวรูปแบบตา่ ง ๆ ในการเลน่ กีฬา รปู แบบตา่ ง ๆ ในการเลน่ กีฬา
- การวิเคราะห์ความคิดรวบยอดเกยี่ วกับการ
เคล่อื นไหวรูปแบบตา่ ง ๆ ในการเลน่ กฬี า
2. ใช้ความสามารถของตนเพอื่ เพมิ่ ศักยภาพ - การใชค้ วามสามารถของตนในการเลน่ กีฬา เพ่อื
ของทีม คานึงถงึ ผลทเ่ี กิดต่อผู้อืน่ และสงั คม เพ่มิ ศกั ยภาพของทีมโดยคานงึ ถงึ ผลท่เี กดิ ตอ่
ผอู้ ่นื และสังคม

94 แนวทางการจัดการอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พุทธศักราช 2556
กลุม่ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ๓ นก. กล่มุ วิชาสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ๒ นก.
ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 2000-1606 การจัดระเบียบชีวติ เพ่อื ความสุข 1-0-1
3. การเลน่ กีฬาไทย กีฬาสากล ประเภทบุคคล/คู่ - กฬี าประเภทบคุ คล/คู่ ประเภททมี เช่น ฟุตซอล (Life Management for Happiness)
กฬี าประเภททีม อย่างน้อย 1 ชนิด รักบี้ ฟุตบอล ยมิ นาสติก ลลี าศ ซอฟท์บอล เทนนสิ
เซปกั ตะกร้อ มวยไทย กระบกี่ ระบอง พลอง ง้าว จุดประสงค์รายวิชา
4. แสดงการเคล่ือนไหวได้อยา่ งสรา้ งสรา้ งสรรค์ - การเคล่ือนไหวทส่ี รา้ งสรรค์ เชน่ กจิ กรรม 1. เพ่ือให้เข้าใจในหลักการ กระบวนการและวางแผนส่งเสริมสุขภาพตามพัฒนาการของตนเอง
เขา้ จงั หวะ เชยี รล์ ีดเดอร์ และครอบครวั
๕. เข้ารว่ มกิจกรรมนนั ทนาการนอกโรงเรียน และ - การนาหลักการและแนวคดิ ของกจิ กรรม 2. เพื่อให้สามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเส่ียงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ การใช้ยา
นาหลักการแนวคดิ ไปปรบั ปรงุ และพัฒนา นนั ทนาการไปปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพชวี ติ สารเสพติด ส่อื และความรุนแรง
คุณภาพชีวิตของตนและสงั คม ของตนและสงั คม 3. เพอื่ ใหส้ ามารถเลอื กใช้ระบบบริการสุขภาพ
มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกาลงั กาย การเล่นเกม และการกฬี า ปฏบิ ัตเิ ป็นประจาอยา่ ง 4. เพือ่ ให้มีทกั ษะการปฐมพยาบาล
สมา่ เสมอ มวี นิ ัย เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มีน้าใจนักกีฬา มจี ติ วญิ ญาณในการแข่งขัน และช่นื ชม 5. เพ่อื ใหต้ ระหนกั ในแนวทางการดาเนินชีวติ ทีเ่ หมาะสมและปลอดภัย
ในสนุ ทรยี ภาพของการกฬี า
ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สมรรถนะรายวชิ า
1. ออกกาลังกายและเล่นกีฬาที่เหมาะสมกบั - การออกกาลังกายดว้ ยวธิ ีทช่ี อบ เช่น ฝกึ กาย 1. แสดงความรเู้ กีย่ วกับหลกั การ กระบวนการ และวางแผนสง่ เสริมสขุ ภาพ
ตนเองอย่างสมา่ เสมอ และใชค้ วามสามารถ บริหารแบบตา่ งๆ ข่ีจักรยาน การออกกาลังกาย 2. วิเคราะห์ปจั จยั เสี่ยงต่อสขุ ภาพ
ของตนเองเพ่ิมศักยภาพของทีม ลดความเปน็ จากการทางานในชวี ติ ประจาวัน การรากระบอง 3. วางแผนปอ้ งกนั อนั ตรายจาก อุบตั เิ หตุ ภยั ธรรมชาติ การใช้ยา สารเสพตดิ สือ่ และความรุนแรง
ตัวตน คานึงถงึ ผลท่ีเกดิ ต่อสงั คม รามวยจีน 4. ปฐมพยาบาลเบื้องตน้ ตามหลักการและกระบวนการ
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ 5. ปฏบิ ตั ิโครงงานเพื่อส่งเสรมิ สุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวติ และสงิ่ แวดล้อม
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
- การเล่นกีฬาประเภทบคุ คลและทมี คาอธบิ ายรายวิชา
- การใชค้ วามสามารถของตนในการเพิม่ ศกั ยภาพ ศึกษาเก่ียวกับ สุขบัญญัติแห่งชาติเพ่ือการเสริมสร้างสุขภาพของตนเองและครอบครัวเพ่ือป้องกัน
ของทีมในการเล่นกีฬาและการเลน่ โดยคานึงถงึ ผลกระทบจากการขาดการออกกาลังกายและการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม โรคติดต่อและโรค
ผลประโยชน์ตอ่ สังคม ไมต่ ิดตอ่ พฤติกรรมทางเพศที่สง่ ผลตอ่ สุขภาวะทางเพศและโรคเอดสโ์ ดยคานึงถงึ บรบิ ทของสังคม การ
- การวางแผนกาหนดกจิ กรรมการออกกาลงั กาย หลีกเล่ียงและป้องกันอันตรายจากสิ่งเสพติดและอุบัติเหตุ ปฏิบัติการปฐมพยาบาลจากอันตรายใน
และเลน่ กฬี า ชีวิตประจาวัน การเตรียมการเพ่ือรับมือกับภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ การใช้ยา สารเสพติด สื่อและ
2. อธบิ ายและปฏบิ ตั ิเก่ียวกบั สทิ ธิ กฎ กติกา - สทิ ธิ กฎ กติกาการเลน่ กฬี า ความรุนแรง การใช้ระบบบรกิ ารสขุ ภาพเพ่ือนาไปสูก่ ารสร้างเสรมิ สขุ ภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตดว้ ย
กลวธิ ีตา่ งๆ ในระหว่างการเลน่ การแข่งขนั - กลวธิ ี หลักการรกุ การปอ้ งกันอยา่ งสร้างสรรค์ วถิ ีชีวิตทพ่ี อเพยี ง
กฬี ากับผอู้ ่ืน และนาไปสรปุ เปน็ แนวปฏบิ ตั ิ ในการเล่นและแขง่ ขันกีฬา
และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างตอ่ เนื่อง

95 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี 95


Click to View FlipBook Version