The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิศึกษา For Website

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Teerawat Thoangphaew, 2020-06-27 04:47:18

การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิศึกษา For Website

การจัดการอาชีวศึกษาแบบทวิศึกษา For Website

Keywords: ทวิศึกษา

96 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี พทุ ธศักราช 2556
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๓ นก. กลุม่ วิชาสขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๒ นก.
ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง
- การนาประสบการณ์จากการเล่นกฬี าไปใชใ้ น
ชีวิตประจาวัน
3. แสดงออกถงึ การมมี ารยาทในการดู การเลน่ - การปฏบิ ตั ติ นในเรื่องมารยาทในการดู การเลน่
และการแข่งขนั ของกฬี า ด้วยความมีนา้ ใน การแข่งขัน ความมีน้าใจนกั กฬี า
นักกีฬา และนาไปใช้ปฏิบัติทุกโอกาสจนเป็น - บุคลิกภาพที่ดี
บุคลิกภาพทดี่ ี
๔. รว่ มกิจกรรมทางกายและเลน่ กฬี าอยา่ งมี - ความสุขทีไ่ ด้จากการเขา้ ร่วมกจิ กรรมทางกาย
ความสขุ ช่ืนชมในคณุ ค่า และความงามของ และเลน่ กีฬา
การกฬี า - คุณค่าและความงามของการกีฬา
สาระท่ี 4 การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพ และการป้องกนั โรค
มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คุณค่าและมที ักษะในการสร้างเสรมิ สขุ ภาพ การดารงสุขภาพ การป้องกัน
โรค แลการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพ่อื สุขภาพ
ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. วเิ คราะห์บทบาทและความรบั ผดิ ชอบของ - บทบาทและความรับผดิ ชอบของบุคคลท่ีมีต่อ
บคุ คลที่มีตอ่ การสร้างเสริมสุขภาพและการ การสร้างเสรมิ สุขภาพและการปอ้ งกนั โรคใน
ปอ้ งกันโรคในชมุ ชน ชุมชน
๒. วเิ คราะหอ์ ทิ ธพิ ลของส่อื โฆษณาเกย่ี วกับ - อิทธิพลของสอื่ โฆษณาเก่ียวกบั สขุ ภาพ
สขุ ภาพเพ่อื การเลอื กบรโิ ภค - แนวทางการเลอื กบรโิ ภคอย่างฉลาดและปลอดภัย
๓. ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธิของผู้บรโิ ภค - สิทธพิ นื้ ฐานของผบู้ รโิ ภคและกฎหมายที่
เก่ียวข้องกับการคุม้ ครองผู้บรโิ ภค
๔. วิเคราะหส์ าเหตุและเสนอแนวทางการป้องกัน - สาเหตขุ องการเจบ็ ป่วยและการตายของคนไทย
การเจบ็ ป่วยและการตายของคนไทย เชน่ โรคจากการประกอบอาชีพ โรคทาง
พันธกุ รรม
- แนวทางการป้องกนั การเจ็บป่วย
๕. วางแผนและปฏบิ ตั ิตามแผนการพฒั นา - การวางแผนการพัฒนาสุขภาพของตนเองและ
สุขภาพของตนเองและครอบครัว ครอบครัว

96 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556
กล่มุ สาระการเรยี นรู้สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๓ นก. กล่มุ วิชาสุขศึกษาและพลศกึ ษา ๒ นก.
ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง 97
๖. มีสว่ นร่วมในการสง่ เสริมและพฒั นาสขุ ภาพ - การมสี ว่ นรว่ มในการส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพ
ของบคุ คลในชุมชน ของบุคคลในชมุ ชน
๗. วางแผนและปฏบิ ัตติ ามแผนการพฒั นา - การวางแผนพฒั นาสมรรถภาพทางกายและ
สมรรถภาพกายและสมรรถภาพกลไก สมรรถภาพกลไก
สาระท่ี 5 ความปลอดภัยในชวี ิต
มาตรฐาน พ. 5.1 ป้องกนั และหลกี เลี่ยงปจั จยั เสย่ี ง พฤตกิ รรมเสย่ี งตอ่ สุขภาพ อบุ ัตเิ หตุ การใช้ยา
สารเสพตดิ และความรนุ แรง
ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง
๑. มีสว่ นร่วมในการป้องกนั ความเส่ยี งตอ่ การ - การจัดกิจกรรมปอ้ งกนั ความเสยี่ งตอ่ การใช้ยา
ใช้ยา การใช้สารเสพติดและความรนุ แรง สารเสพตดิ และความรนุ แรง
เพื่อสขุ ภาพของตนเอง ครอบครัวและสังคม
๒. วเิ คราะหผ์ ลกระทบทเ่ี กดิ จากการครอบครอง - การวิเคราะหผ์ ลกระทบที่เกดิ จากการ
การใชแ้ ละการจาหน่ายสารเสพตดิ ครอบครอง การใชแ้ ละการจาหนา่ ยสารเสพติด
(ตนเอง ครอบครัว เศรษฐกจิ สงั คม)
- โทษทางกฎหมายที่เกดิ จากการครอบครอง
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ การใช้และการจาหน่ายสารเสพตดิ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ๓. วเิ คราะหป์ จั จยั ท่มี ผี ลต่อสุขภาพ หรอื ความ - ปัจจัยท่ีมผี ลตอ่ สขุ ภาพของคนไทยและเสนอ
รุนแรงของคนไทยและเสนอแนวทางปอ้ งกนั แนวทางป้องกัน
๔. วางแผน กาหนดแนวทางลดอบุ ตั เิ หตุ และ - การวางแผน กาหนดแนวทางลดอบุ ัตเิ หตุ และ
สรา้ งเสรมิ ความปลอดภยั ในชุมชน สร้างเสรมิ ความปลอดภัยในชมุ ชน
๕. มีส่วนรว่ มในการสรา้ งเสรมิ ความปลอดภยั - กิจกรรมการสรา้ งเสริมความปลอดภยั ในชุมชน
ในชมุ ชน
๖. ใชท้ ักษะการตดั สินใจแก้ปญั หาในสถานการณ์ - ทักษะการตัดสนิ ใจแก้ปัญหาในสถานการณท์ ี่
ทีเ่ สี่ยงตอ่ สขุ ภาพและความรุนแรง เสย่ี งตอ่ สุขภาพ
๗. แสดงวธิ ีการชว่ ยฟื้นคนื ชีพอยา่ งถูกวธิ ี - วธิ ีการชว่ ยฟน้ื คนื ชพี อย่างถูกวธิ ี

97 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

98 แนวทางการจดั การศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) แนวทางการเทียบมาตรฐานการเรียนรู้รายวชิ าหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย รายวิชาบงั คบั

กบั รายวิชาในหลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี พุทธศักราช 2556 หมวดวชิ าทกั ษะชวี ิตและหมวดวชิ าเลอื กเสรี

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556
พท3100๑ ภาษาไทย ๕ นก. กล่มุ วิชาภาษาไทย ๓ นก.
มาตรฐานการเรียนรู้-ตวั ช้ีวัด เนอ้ื หา หนว่ ยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
การฟัง การดู 1. ฟังและดสู ารในชีวติ ประจาวัน - ฟังและดขู า่ ว สารคดีหรือบนั เทิงคดี ฟังคาสงั่ หรือขอ้ แนะนา
1. เหน็ คุณคา่ ของส่ือในการฟงั และดู 1. หลักการฟงั และดู และในงานอาชีพ การปฏิบัติ งาน ฟงั และดสู ารในงานอาชีพจากสอื่ บุคคล สื่อ
2. วิจารณ์ความสมเหตสุ มผล การลาดบั ความ 2. สรปุ ความ จับประเด็นใจความสาคญั ของเรือ่ ง ส่งิ พิมพ์ ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส์ และแหลง่ เรียนรู้ในชุมชน
และความเปน็ ไปไดข้ องเรื่องที่ฟังและดู ท่ีฟงั และดู 2. พดู ในชีวิตประจาวัน และในงาน - พูดสื่อสารในสถานการณต์ ่าง ๆ ที่กาหนด นาเสนอผลงานหรือ
3. นาเสนอความรู้ ความคิดเห็นทไ่ี ดจ้ ากการฟัง 3. การวเิ คราะหข์ อ้ เท็จจริง ขอ้ คิดเหน็ และ อาชพี บรรยายสรปุ พดู แนะนาการใชเ้ ครอ่ื งมือ อปุ กรณ์ ผลงานหรือ
และดู สรปุ ความ ผลติ ภณั ฑ์ พดู สาธติ ข้ันตอนการปฏบิ ตั งิ าน การใช้ผลิตภณั ฑ์
4. ปฏิบัติตนเป็นผมู้ ีมารยาทในการฟงั และดู 4. มารยาทในการฟงั และดู หรอื กระบวนการผลิตชนิ้ งาน พูดเสนอขายสินคา้ และบริการ
การพดู พดู ติดต่อ กิจธรุ ะ ขอความอนเุ คราะห์ สนทนาทางโทรศัพท์
1. ใชศ้ ิลปะการพูดทเ่ี ป็นทางการและไม่เป็น 1. หลกั การแสดงความคดิ เห็น สัมภาษณง์ าน
3. อ่านสารในชวี ิตประจาวนั และ - อา่ นข่าว บทความ หรือสารคดจี ากสือ่ สงิ่ พิมพ์หรือสื่อ
ทางการไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั โอกาสและบุคคล 2. การพูดเป็นทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ
2. วิเคราะห์ ประเมินคา่ การใช้ภาษาพดู จากสอื่ 3. ศลิ ปะการพูดประเภทต่าง ๆ เช่น ในงานอาชีพ อิเลก็ ทรอนิกส์ อ่านวรรณกรรมหรือภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ ดา้ น
ต่าง ๆ - พูดแนะนาตนเอง ภาษาทสี่ ่งเสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นิยม
3. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผมู้ ีมารยาทในการพูด - พดู กลา่ วตอ้ นรบั - อ่านคมู่ ือการปฏิบตั งิ าน คู่มือการใช้อุปกรณ์ หรือรายละเอยี ด
- พดู กล่าวขอบคุณ ของผลิตภณั ฑ์ อา่ นประกาศรับสมคั รงาน ข้อความโฆษณาจาก
- พดู โนม้ นา้ วใจ/ปฏเิ สธ สื่อสิง่ พิมพห์ รอื ส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์
- พูดเจรจาตอ่ รอง 4. เขียนเชิงวชิ าการ - เขียนย่อความ เขียนเรียงความ เขียนโครงการ เขยี น
- พดู แสดงความคดิ เหน็ รายงานวิชาการ
- พูดอธบิ าย 5. เขียนเชงิ กิจธุระ - เขยี นจดหมายสมัครงาน เขียนบนั ทกึ ข้อความในหนว่ ยงาน
- พดู สนุ ทรพจน์/โต้วาที เขยี นรายงานการประชุม กรอกแบบ- ฟอรม์ เอกสารประเภท
4. มารยาทในการพดู ต่างๆ เขียนแสดงความรูส้ ึกในโอกาสตา่ งๆ
6. เขยี นเชงิ ธุรกจิ - เขยี นประชาสมั พนั ธ์ในงานอาชีพ

98 แนวทางการจัดการอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556 ๓ นก.
พท3100๑ ภาษาไทย ๕ นก. กลุ่มวิชาภาษาไทย
มาตรฐานการเรยี นรู้-ตัวชวี้ ดั เน้อื หา 2000-1101 ภาษาไทยพ้นื ฐาน ๒-๐-๒
การอา่ น (Basic Thai)
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ 1. ตีความ แปลความ และขยายความเรือ่ งท่ีอ่าน 1. หลักการตคี วาม แปลความและขยายความ จดุ ประสงค์รายวชิ า
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศกึ ษา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 2. วิเคราะห์ วจิ ารณค์ วามสมเหตสุ มผล การ 2. การอา่ นบทประพันธท์ ่ไี พเราะท้งั รอ้ ยแกว้
1. เพื่อให้มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในการใชภ้ าษาไทย
ลาดับความคดิ และความเปน็ ไปไดข้ องเร่ือง รอ้ ยกรอง 2. เพื่อให้สามารถเลือกใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาเหมาะสมกับบุคคล กาลเทศะ
ท่อี ่าน 3. การอ่านวรรคตอนในวรรณคดี จากเร่อื ง
3. อธิบายความหมายของภาษาถน่ิ สานวน โอกาส และสถานการณ์
สภุ าษติ ทปี่ รากฏในวรรณคดี วรรณกรรม ขุนช้างขนุ แผน พระอภัยมณี อเิ หนา นทิ าน- 3. เพ่ือให้สามารถนาความรแู้ ละทักษะการฟัง การดู การพูด การอ่าน และการเขียนไปใชส้ ่ือสารใน
ปจั จุบัน วรรณกรรมท้องถิน่ เวตาล นริ าศพระบาท นริ าศภเู ขาทอง
4. วเิ คราะห์ วิจารณป์ ระเมินค่าวรรณคดี รา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก มทั นพาธา ชวี ิตประจาวันถูกตอ้ งตามหลักการ
วรรณกรรมปจั จบุ ัน วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ใน พระมหาชนก (ทศชาติชาดก) 4. เพือ่ ให้เห็นคุณคา่ และความสาคัญของการใชภ้ าษาไทย
ฐานะท่ีเป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ แลว้ 4. หลักการวิเคราะห์ วิจารณ์และประเมนิ คา่ สมรรถนะรายวชิ า
นาไปประยกุ ตใ์ ช้ในการดาเนินชีวติ วรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบนั และวรรณกรรม 1. แสดงความรู้เก่ยี วกับหลักการใชภ้ าษาไทยในการฟัง การดู การพดู การอา่ น และการเขยี น
5. เลือกใชส้ อ่ื ในการค้นคว้าหาความร้ทู ่ี ท้องถิ่น เช่น 2. วิเคราะห์ ประเมินค่าสารจากการฟัง การดู การอา่ นตามหลกั การ
หลากหลาย วรรณกรรมปจั จบุ นั ไดแ้ ก่ บทละครโทรทัศน์ 3. พดู ติดต่อกิจธุระ พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ตามหลกั การและมารยาทของสังคม
6. มมี ารยาทในการอ่านและมนี สิ ยั รกั การอ่าน นวนิยาย เร่อื งสั้น บทเพลงต่าง ๆ 4. เขียนข้อความตดิ ต่อกจิ ธุระ เขียนรายงานเชงิ วิชาการ และเขยี นโครงการตามหลกั การ
การเขียน วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ได้แก่ ไกรทอง นาง- คาอธิบายรายวชิ า
1. เขียนแผนภาพความคดิ เขียนยอ่ ความ สิบสอง ปลาบทู่ อง ผาแดงนางไอ่คา ละคร ศึกษาเกี่ยวกับ การรับสารและการส่งสารด้วยภาษาไทย การใช้ถ้อยคา สานวน ระดับภาษา การฟัง
เรยี งความ จดหมาย เขียนอธิบาย ช้ีแจง จักร ๆ วงศ์ ๆ ฯลฯ การดูและการอ่านข่าว บทความ สารคดี โฆษณา บันเทิงคดี วรรณกรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นด้าน
โน้มนา้ วใจ แสดงทศั นะและการเขยี นเชงิ 5. การมีมารยาทในการอา่ น ภาษาจากสื่อสิ่งพิมพ์และส่ืออิเล็กทรอนิกส์ การพูดในโอกาสต่างๆ ตามมารยาทของสังคม การกล่าว
สร้างสรรค์ โดยใช้หลกั การเขยี นและโวหาร 1. การเขียนแผนภาพความคดิ ทักทาย แนะนาตนเองและผู้อ่ืน ตอบรับและปฏิเสธ แสดงความยินดี แสดงความเสียใจ การพูดติดต่อ
ต่าง ๆ ไดถ้ กู ต้องตามอกั ขระวิธแี ละระดบั 2. การเขียนย่อความ กิจธุระ พูดสรุปความ พูดแสดงความคิดเห็น การเขียนขอ้ ความติดตอ่ กิจธุระ เขียนสะกดคา สรุปความ
ภาษา 3. การเขียนเรียงความ อธบิ าย บรรยาย การกรอกแบบฟอรม์ เขียนประวตั ยิ ่อ เขียนรายงานเชงิ วชิ าการและเขยี นโครงการ
4. การเขียนจดหมาย
5. การเขยี นอธิบาย
6. การเขียนชแ้ี จง โน้มน้าวใจ
7. การเขียนแสดงทศั นะ
8. การเขียนคาขวญั

99 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี 99

100 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556 ๓ นก.
พท3100๑ ภาษาไทย ๕ นก. กล่มุ วิชาภาษาไทย
มาตรฐานการเรียนรู้-ตัวช้ีวดั เน้อื หา 1-0-1
2. แต่งคาประพันธป์ ระเภทรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ ง 9. การเขียนคาโฆษณา 2000-1102 ภาษาไทยเพ่อื อาชพี
ตามฉันทลักษณแ์ ละใช้ถอ้ ยคาทไี่ พเราะ 10. หลกั การเขียนโวหารแบบตา่ ง ๆ (Thai for Careers)
3. การกรอกแบบพมิ พ์ประเภทตา่ ง ๆ ได้ถูกต้อง 11. การเขยี นพรรณนาและการเขยี นบรรยาย วิชาบงั คบั กอ่ น : ภาษาไทยพื้นฐาน

4. ปฏบิ ัติตนเป็นผมู้ มี ารยาทในการเขียนและมี เหตุการณ์ จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
การจดบันทกึ อย่างสม่าเสมอ 12. หลักการเขียนรายงานทางวิชาการ 1. เพื่อใหม้ ีความร้คู วามเขา้ ใจในการใชภ้ าษาไทย
13. หลกั การเขยี นอา้ งอิง 2. เพอื่ ให้สามารถใช้ภาษาไทยสือ่ สารในงานอาชพี อย่างถกู ต้องตามหลกั การใช้ภาษา
14. การกรอกแบบพมิ พ์ประเภทตา่ ง ๆ เช่น 3. เพอ่ื ให้สามารถนาทักษะทางภาษาไทยไปใช้พฒั นาตนเองและงานอาชีพ
กรอกใบสมัครงาน กรอกใบสมคั รเรียน 4. เพ่อื ให้เห็นคณุ คา่ และความสาคญั ของการใช้ภาษาไทย

กรอกใบคารอ้ งตา่ ง ๆ สมรรถนะรายวชิ า
15. การปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้มู มี ารยาทในการเขียน 1. แสดงความรู้เก่ียวกับหลักการใชภ้ าษาไทยในงานอาชพี
และมีนสิ ัยรักการเขยี น 2. วิเคราะห์ สังเคราะหแ์ ละประเมินค่าสารในงานอาชีพ จากการฟัง การดู การอา่ นตามหลกั การ
หลักการใช้ภาษา 3. พดู ติดต่อกิจธรุ ะและพดู ในงานอาชีพตามหลักการ
1. อธิบายธรรมชาตขิ องภาษาและใชป้ ระโยคตาม 1. ธรรมชาตขิ องภาษา 4. เขยี นเอกสารในงานอาชพี ตามหลกั การ

เจตนาของการสือ่ สาร - การเปลีย่ นแปลงของภาษา คาอธิบายรายวชิ า
2. เลอื กใช้ถอ้ ยคา สานวน สภุ าษติ คาพังเพยให้ - ลักษณะของภาษา ศกึ ษาเกย่ี วกับ การใช้ภาษาไทยในงานอาชพี การฟังคาสั่งหรือข้อแนะนาการปฏบิ ตั ิงาน ฟังและดูสาร
ตรงความหมาย - พลังของภาษา
3. ใชป้ ระโยคได้ถูกต้องตามเจตนาของผสู้ ่งสาร 2. การใช้ถอ้ ยคา สานวน สุภาษิต คาพังเพย ในงานอาชพี จากส่อื บคุ คล สอ่ื สิ่งพมิ พ์ ส่ืออเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละแหล่งเรยี นรู้ในชมุ ชน การอ่านคมู่ ือการ
4. ใช้คาสภุ าพ และคาราชาศัพท์ให้ถกู ตอ้ งตาม 3. โครงสร้างของประโยค รปู ประโยค และชนิด ปฏิบัตงิ าน คมู่ ือการใชอ้ ุปกรณห์ รอื รายละเอียดของผลติ ภณั ฑ์ การนาเสนอผลงาน สาธติ ข้นั ตอนการ
ปฏบิ ตั ิงานหรือกระบวนการผลิตชนิ้ งาน การพดู ติดต่อกิจธุระ สนทนา กจิ ธุระทางโทรศพั ท์ สัมภาษณ์
ฐานะและบคุ คล ของประโยค งาน พูดเสนอความเหน็ ในที่ประชมุ การเขยี นรายงานการปฏบิ ัตงิ าน เขยี นจดหมายกจิ ธุระ และเขยี น
5. แต่งคาประพนั ธ์ประเภทร้อยกรอง 4. ระดับภาษา โฆษณา ประชาสมั พันธ์ในงานอาชีพ
5. คาสุภาพ
6. คาราชาศพั ท์
7. การแต่งคาประพันธป์ ระเภทรอ้ ยกรอง

100 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี พุทธศกั ราช 2556
พท3100๑ ภาษาไทย ๕ นก. กลุมวิชาภาษาไทย ๓ นก.
วรรณคดี วรรณกรรม
อธิบายคุณคา วรรณคดีวรรณกรรมปจ จบุ นั 1. ความหมายของวรรณคดีวรรณกรรมปจ จบุ นั (Speaking for Careers)
และวรรณกรรมทองถน่ิ และวรรณกรรมทอ งถิ่น วิชาบงั คบั กอ น : ภาษาไทยพื้นฐาน

2. คุณคา ของวรรณคดี และวรรณกรรม จดุ ประสงคร ายวิชา
ดา นวรรณศลิ ป และดานสงั คม 1. เพื่อใหมีความรูความเขาใจในหลกั การพดู และศลิ ปะการพดู
3. แนวคิดและคา นยิ ม ท่ีปรากฏในวรรณคดี 2. เพือ่ ใหม ีทักษะการพูดในโอกาสตา ง ๆ ตามหลกั การพดู
และวรรณกรรม 3. เพ่ือใหสามารถใชท ักษะการพดู พฒั นาบุคลกิ ภาพและงานอาชพี
ภาษาไทยกับการประกอบอาชพี 4. เพ่ือใหเ หน็ คณุ คา และความสาํ คญั ของการพดู

1. ใชความรูการพดู ภาษาไทยเปน ชอ งทางในการ 1. ภาษาไทยดานการพูดกับชองทาง สมรรถนะรายวชิ า
ประกอบอาชพี การประกอบอาชพี 1. แสดงความรูเ กยี่ วกับหลักการพดู และศลิ ปะการพูด
2. ใชค วามรูการเขยี นภาษาไทยเปนชอ งทางการ 2. ภาษาไทยดา นการเขยี นกับชองทาง 2. พูดตดิ ตอ กิจธรุ ะและธุรกิจตามหลกั การ
ประกอบอาชีพ การประกอบอาชีพ 3. พูดในทป่ี ระชุมชนในโอกาสตาง ๆ ตามขัน้ ตอน
4. แสดงบุคลกิ ภาพเหมาะสมตามโอกาสและสถานการณ

หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ คาํ อธิบายรายวชิ า
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ศึกษาเก่ยี วกบั การพดู ในชีวิตประจาํ วันและงานอาชพี พดู ตดิ ตอ กิจธรุ ะในโอกาสตาง ๆ พูดแสดง

ความคดิ เห็น นาํ เสนอผลงาน บรรยายสรุป พูดเสนอขายสินคาหรือบริการ พดู ในท่ีประชุมชนในหนาท่ี
โฆษกและพิธกี ร กลา วตอ นรบั กลาวขอบคณุ กลา วรายงาน กลา วอําลาอาลัย กลา วสนุ ทรพจนและ
อวยพรในโอกาสตาง ๆ

101 แนวทางการจดั การศกึ ษาเรียนรวมหลกั สูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศกึ ษา) 101

102 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556
พท3100๑ ภาษาไทย ๕ นก. กลุ่มวิชาภาษาไทย ๓ นก.

2000-1105 การเขียนในงานอาชีพ 1-0-1
(Writing for Careers)
วชิ าบังคบั ก่อน : ภาษาไทยพื้นฐาน

จดุ ประสงคร์ ายวิชา
1. เพ่ือให้มีความรคู้ วามเขา้ ใจในหลกั การเขียน
2. เพอ่ื ให้สามารถเรียบเรยี งถ้อยคาํ ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การเขียน
3. เพื่อใหส้ ามารถใชท้ กั ษะการเขียนพฒั นาตนเองและงานอาชพี
4. เพ่ือให้เห็นคุณคา่ ความสําคัญของการเขยี น

สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรูเ้ กีย่ วกับหลกั การใช้และหลกั การเขียนถอ้ ยคํา สาํ นวน โวหาร
2. เขียนคาํ ทบั ศพั ท์ ศัพทเ์ ฉพาะวชิ าชีพถูกตอ้ งตามหลักการเขียน
3. เขียนขอ้ ความติดต่อกจิ ธรุ ะและธรุ กิจตามรปู แบบและหลกั การ

คาํ อธิบายรายวิชา
ศึกษาเกี่ยวกบั การเขยี นในงานอาชพี การเรยี บเรยี งถอ้ ยคํา สํานวน โวหารทใ่ี ช้ในชวี ิตประจําวันและ

งานอาชีพ เขียนสะกดคํา เขียนคําทับศัพท์และศัพท์เฉพาะวิชาชีพ เขียนแสดงความคิดเห็นและแสดง
ความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ เขียนรายงานการประชุม บันทึกข้อความ จดหมายกิจธุระและธุรกิจ และ
เขยี นบทรอ้ ยกรอง โฆษณาประชาสมั พนั ธใ์ นงานอาชีพ

102 แนวทางการจดั การศึกษาเรียนรว่ มหลกั สูตรอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ กึ ษา)

หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556
พต๓๑๐๐๑ ภาษาองั กฤษเพือ่ ชวี ติ และสงั คม ๕ นก. กลุ่มวชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๖นก.
มาตรฐานการเรียนร-ู้ ตวั ช้ีวัด เนอ้ื หา หนว่ ยสมรรถนะ สมรรถนะยอ่ ย
๑. EverydayEnglish 1. ฟงั –ดู ข้อความ/เรอ่ื งในชวี ิต- - ฟงั บทสนทนาในสถานการณต์ า่ ง ๆ ฟงั ข่าวสน้ั ๆ ฟงั เพลง
ตีความหมายจากน้ําเสียงของผู้อ่นื และรู้จักใช้ 1. การออกเสียงพยญั ชนะต้นคาํ -ท้ายคํา ประจาํ วันและในงานอาชีพ - ดูภาพยนตร์ สารคดีสั้น ๆ จากสอ่ื โสตทัศน์
นา้ํ เสียงในการแสดงความรู้สึกระหว่างการ 1.1 ทบทวนการออกเสยี ง พยัญชนะต้นคาํ ท่ี - ฟงั คําสงั่ คําขอรอ้ ง คําแนะนํา คําบอกตาํ แหนง่ /ท่ตี ้งั คําบอก
สนทนา ไดแ้ ก่ ดใี จ เสยี ใจ พึงพอใจ ไม่พึง- ยาก เช่น เสียง s z ch sh ทิศทางคาํ อธบิ ายในสถานการณท์ ่ีใชใ้ นชวี ติ ประจําวัน
พอใจ ซาบซง้ึ ผิดหวงั ปรารถนาดี ชืน่ ชมและ 1.2 การอา่ นออกเสียงท้ายคาํ ท่ถี ูกต้องเช่น - ฟงั -ดกู ารอธิบาย การใหข้ ้อมลู เก่ียวกบั งานธรุ กิจบรกิ าร การ
เหน็ ใจ เสียง [d] , [t] , หรอื [id] เม่อื เปน็ กรยิ า นําเสนอ สาธิตขั้นตอนการปฏบิ ตั ิงานของสถานการณใ์ นงาน
ชอ่ ง 2 และ past participle อาชพี
2. การออกเสียงหนกั -เบา (Stress) วธิ กี าร 2. พดู สอ่ื สารในสถานการณต์ ่าง ๆ - สนทนาโตต้ อบ แลกเปลย่ี นข้อมูลได้ตามวตั ถุประสงคข์ องการ
ออกเสียง หนกั -เบา ของคําในลกั ษณะตา่ ง ๆ ในชีวิตประจําวันและงานอาชีพ สือ่ สารในสถานการณ์ที่กําหนด ใชภ้ าษาในการให้คําสั่ง/
เช่น คําเดี่ยว คําประสมในลกั ษณะตา่ ง ๆ คําแนะนาํ
เปน็ ต้น ว่าคําประเภทใดจะต้องออกเสยี งเนน้ - สาธติ เก่ยี วกบั ผลิตภณั ฑ์ สง่ิ ประดิษฐ์ การบริการในงานอาชีพ
ท่พี ยางคแ์ รก พยางคก์ ลางหรอื พยางคห์ ลัง นาํ เสนอ (Presentation) ผลงานโครงงาน สงิ่ ประดษิ ฐ์ รายงาน
3. การออกเสียงตามระดับเสียงสูง-ตาํ่ เร่ืองทกี่ ําหนด สินคา้ บรกิ ารในงานอาชพี /ในชุมชน
(Intonation) วิธีการออกเสียงของประโยค 3. อา่ นเรอ่ื งทั่วไปในชีวิตประจําวัน - อา่ นคาํ สง่ั ประโยค ขอ้ ความ เร่ืองตา่ ง ๆ ทพ่ี บใน
ลักษณะต่าง ๆ ซงึ่ จะตอ้ งออกเสียงสูง-ตํา่ ให้ และในงานอาชีพ ชีวิตประจําวัน
ถกู ตอ้ งเพ่อื ให้ส่ือความหมายทีผ่ ู้พูดต้องการ - อ่านขอ้ มลู ข่าวสารบทความในงานอาชพี ตา่ ง ๆ อ่านคมู่ อื การ-
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ ประโยคประเภทเดยี วกัน ถา้ ออกเสยี งสงู -ต่าํ ปฏบิ ัตงิ านกฎระเบียบแบบฟอรม์ ต่าง ๆ ตารางแผนภาพ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ตา่ งกนั จะใหค้ วามรสู้ ึกท่ตี า่ งกนั แผนภมู ิ
4. การออกเสียงเชื่อมโยง (Linking Sound) - อ่านค่มู อื ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิ ข้ันตอนการทํางานอ่านข้อมูล
วธิ ีการอา่ นออกเสียงเชื่อมโยงระหวา่ งคาํ ใน คณุ สมบตั เิ ฉพาะทางเทคนิคของสินค้า เครอ่ื งมอื อุปกรณ์ในงาน
ภาษาอังกฤษทถี่ ูกตอ้ งตามกฎเกณฑ์ของ อาชีพ ใชค้ ําศัพทเ์ ทคนิคในงานอาชพี
ภาษาองั กฤษ

103 แนวทางการจดั การศึกษาเรียนรว่ มหลกั สตู รอาชีวศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวิศึกษา) 103

104 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556
พต๓๑๐๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื ชีวติ และสงั คม ๕ นก. กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๖นก.
5. การแสดงความดใี จ/เสียใจ 4. เขยี นใหข้ ้อมลู ในชีวิตประจําวัน - เขียนโตต้ อบทางสงั คมเขียนใหข้ ้อมูลบคุ คล เขยี นจดหมาย
การใชค้ ํา วลีและรปู ประโยคท่ีจะนํามาใช้ และในงานอาชพี สว่ นตัว เขียนจดหมายอิเลก็ ทรอนิกสเ์ ขียนบนั ทกึ ย่อ /
ในการแสดงความดีใจและเสียใจในโอกาส ข้อความสัน้ ๆในโอกาสตา่ ง ๆ
ตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ต้อง เช่น แสดงความดใี จทไี่ ด้
พบกนั อกี คร้งั หรือแสดงความเสียใจท่ที าํ ผิด
เป็นต้น
6. วลี และรูปประโยคทจ่ี ะทจี่ ะนาํ มาใช้ในการ
แสดงความพอใจ/ไม่พอใจในโอกาสตา่ ง ๆ - กรอกให้ข้อมลู ในแบบฟอร์มตา่ ง ๆใบสมัครงานใบสมัครสมาชิก
ได้ถกู ต้อง เชน่ แสดงความพอใจ/ไม่พอใจใน ตา่ ง ๆ ใบขอรบั ทุน ใบสมคั รเขา้ ศกึ ษา ใบสมัครสอบ ฯลฯ
การรับบรกิ าร เป็นต้นการแสดงความพอใจ/ - เขยี นให้ข้อมูลในเอกสารการปฏบิ ัติงานในงานอาชพี ต่าง ๆ
ไม่พอใจ ใหร้ ูจ้ ักคํา - เขยี นบนั ทกึ ย่อ รายงานสนั้ ๆ เขียนจดหมายธุรกิจประเภท
7. การแสดงความปรารถนา/ เห็นใจและ 5. ใช้ภาษาส่ือสารระหวา่ ง ตา่ ง ๆ
การตอบรับ การใช้คํา วลี และรปู ประโยค วัฒนธรรมของไทยและของ - ใชภ้ าษาไดเ้ หมาะสมตามมารยาททางสังคมและวัฒนธรรม
ทจี่ ะนาํ มาใช้ในการแสดงความปรารถนาดี/ เจา้ ของภาษา ของเจ้าของภาษา
เห็นใจในโอกาสต่าง ๆ ได้ถูกต้อง เชน่ 6. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนา - ใช้ ICT เปน็ แหลง่ การเรียนรดู้ ว้ ยตนเองหรอื ฝกึ ฝนกับเพ่อื น
การแสดงความระลกึ ถึง การแสดงความ
เหน็ ใจเม่ือผู้อนื่ ประสบปัญหา เป็นต้น ทกั ษะทางภาษา

104 แนวทางการจัดการศึกษาเรียนรว่ มหลกั สูตรอาชีวศกึ ษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศกึ ษา)

หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556
พต๓๑๐๐๑ ภาษาองั กฤษเพื่อชีวติ และสงั คม ๕ นก. กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๖นก.
มาตรฐานการเรียนรู้-ตวั ชี้วัด เนือ้ หา หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะยอ่ ย
8. การแสดงความต้องการการเสนอ/ให้ความ 7. ใชท้ กั ษะกระบวนการเรียนรแู้ ละ - ใช้กลยุทธก์ ารเรียนรู้ สบื ค้นขอ้ มูลจากแหล่งการเรยี นร้ทู ี่
ช่วยเหลอื /บรกิ าร รวมทง้ั การตอบรับ/ การแสวงหาความรู้ เพื่อการ หลากหลายเพอื่ พัฒนาทักษะการส่ือสารและการประกอบ
ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ/บริการ การ เรียนรู้ตลอดชีวิต อาชพี
ใชค้ าํ วลี และรูปประโยคเพื่อแสดงความ
ต้องการ การเสนอ/ให้ความชว่ ยเหลอื /
บรกิ าร รวมทง้ั การตอบรบั /ปฏเิ สธในการให้
ความชว่ ยเหลือ/บริการในโอกาสและสถานที่
ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ได้แก่ การซอ้ื สินค้า/
บรกิ ารในรา้ น การสง่ั จองต๋ัวเครอ่ื งบิน/รถไฟ/
ภาพยนตร์/การบรกิ ารในบริษทั ทวั ร์ การจอง
โรงแรม/ ท่ีพัก การใช้บรกิ ารในท่ีทาํ การ
ไปรษณยี ์/ธนาคาร/ร้านอนิ เตอรเ์ นต็

หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

105 แนวทางการจัดการศกึ ษาเรียนร่วมหลกั สูตรอาชวี ศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) 105

106 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556 ๖ นก.
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่อื ชีวติ และสงั คม ๕ นก. กลมุ่ วิชาภาษาตา่ งประเทศ
มาตรฐานการเรียนร้-ู ตวั ช้ีวัด เนือ้ หา 2000-1201 ภาษาองั กฤษในชวี ิตจริง 1 2-0-2
๒. What shouldyou do? 1. การใชพ้ จนานกุ รม (Dictionary) (Real Life English 1)
อ่านและทําตามคาํ แนะนาํ ในการใชค้ มู่ อื 1.1 ทบทวนการคา้ หาความหมายของคาํ ศพั ท์
ป้าย คําแนะนาํ วิธกี ารปรงุ ข้อควรระวงั โดยเรยี งตามตวั อกั ษรของคําศัพท์ท่ีค้นหา จดุ ประสงคร์ ายวิชา
และป้ายประกาศ จาก a ถงึ z 1. เพ่ือให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษฟัง ดู พูด อ่านและเขียนตามสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
ชวี ิตประจาํ วัน
1.2 ให้อา่ นวิธกี ารใช้พจนานุกรมและข้อมูล 2. เพอ่ื ใหม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจในวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาและใช้ภาษาตามมารยาทสังคม
ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยใู่ นส่วนหน้า (คาํ ช้ีแจง 3. เพือ่ ใหต้ ระหนักและเห็นประโยชนข์ องการใชภ้ าษาอังกฤษในชีวติ ประจาํ วัน และการศึกษาตอ่
ในการใช้) ของ Dictionary ให้เข้าใจ
เมือ่ ค้นหาคาํ ศพั ทพ์ บแล้ว ใหศ้ กึ ษาวธิ ีการอา่ น สมรรถนะรายวิชา
ออกเสยี งหน้าท่ขี องคํา ความหมายและ 1. ฟัง ดู บทสนทนา เร่อื งราว คาํ สัง่ ตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาํ วนั จากสอื่ โสตทศั น์
ตวั อย่างในการใช้ (ซึ่งคาํ บางคําอาจจะทํา 2. สนทนาโต้ตอบไดต้ รงตามวัตถุประสงค์ของการส่อื สารตามสถานการณต์ า่ งๆในชีวิตประจําวัน
หน้าท่ีได้หลายอยา่ ง) และคาํ ที่มี 3. อา่ นเรอื่ งท่วั ไปในชีวิตประจาํ วนั
4. เขยี นให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองในชวี ติ ประจาํ วนั
ความหมายใกล้เคยี งกัน 5. ใชภ้ าษาตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาในสถานการณต์ ่าง ๆ
2. การวเิ คราะห์ศัพท์และรูปประโยคที่ใชใ้ น
สญั ลกั ษณ์ ปา้ ยประกาศ/คําแนะนาํ 6. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสืบค้นและฝึกฝนการฟัง พูด อ่านและเขียน พร้อมแสดงหลักฐานการ
เรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง
ในการใช/้ คําแนะนาํ /คําเตือนต่าง ๆ
๒.๑ การวเิ คราะห์ศพั ท์โดยการรจู้ กั สว่ นท่ีเปน็ คําอธิบายรายวิชา
รากศัพท์(Root) อุปสรรค หรอื ท่ีคําเติม ศึกษาเก่ียวกับ การฟัง-ดู พูด อ่าน เขียน การฟังคําส่ัง เร่ืองราว การสนทนาโต้ตอบในสถานการณ์
ไปขา้ งหน้า (Prefix) และปัจจัยหรอื คําท่ี ต่างๆ หรือที่กําหนดเกี่ยวกับครอบครัว การศึกษา งานอดิเรก สุขภาพ การสนทนาเรื่องในอดีต ปัจจุบัน
เติมขา้ งหลงั (Suffix) โดยทราบ และอนาคต เทศกาลทางวัฒนธรรม การอ่านเรื่องท่ัวไป ข้อความสั้น ๆ ที่พบในชีวิตประจําวันจากส่ือ
ความหมายของส่วนประกอบของคาํ ศพั ท์ ส่งิ พมิ พ์และสือ่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การเขยี นขอ้ ความสนั้ ๆ การใช้พจนานุกรม และ online dictionary การใช้
ตา่ ง ๆ เหล่านัน้ ก็จะทราบความหมาย ภาษาตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแหล่งเรียนรู้
ของศัพท์ได้ หรือฝึกฝนกับเพ่ือนเพ่ือพัฒนาทักษะทางภาษาด้วยตนเอง การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ที่

หลากหลาย

106 แนวทางการจดั การศกึ ษาเรยี นร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ทวศิ กึ ษา)

หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556
พต๓๑๐๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื ชวี ติ และสงั คม ๕ นก. กลุม่ วิชาภาษาตา่ งประเทศ ๖ นก.
มาตรฐานการเรียนรู้-ตวั ชว้ี ัด เนอ้ื หา
๒.๒ รูปประโยคที่ใชใ้ นสญั ลกั ษณ์/ป้าย 2000-1202 ภาษาอังกฤษในชวี ิตจริง 2 2-0-2
(Real Life English 2)
ประกาศ/คําแนะนาํ ในการใช้/ วชิ าบังคับก่อน : ภาษาอังกฤษในชวี ติ จรงิ 1
คําแนะนาํ /คําเตอื นต่าง ๆ ซ่ึงจะใชร้ ปู
ประโยคคาํ สัง่ (Imperative Sentence) จดุ ประสงคร์ ายวิชา
ท้ังในลักษณะบอกเล่าและปฏเิ สธ 1. เพื่อให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษฟัง ดู พูด อ่านและเขียน ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ใน
1. สญั ลักษณ์และป้ายประกาศต่าง ๆ (Signs ชวี ติ ประจาํ วนั
& Notices) รจู้ ักความหมายของสญั ลักษณ์ 2. เพ่ือให้มีความรคู้ วามเขา้ ใจในวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษาและใช้ภาษาตามมารยาทสังคม
และป้ายประกาศท่พี บในชวี ิตประจําวันและ 3. เพ่อื ให้ตระหนกั และเหน็ ประโยชน์ของการใชภ้ าษาองั กฤษในชวี ติ ประจําวนั และการศกึ ษาต่อ

การประกอบอาชพี เช่น การปฏิบัติตนใน สมรรถนะรายวิชา
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว โรงแรมพพิ ิธภัณฑ์ โรงงาน 1. ฟัง – ดู เร่ืองราว บันเทงิ คดี ข่าวส้ัน ๆ ในชวี ติ ประจาํ วนั จากสือ่ โสตทัศน์
สาํ นกั งาน ยานพาหนะ เป็นต้น 2. สนทนาโตต้ อบสถานการณต์ ่างๆในชีวติ ประจําวนั และสถานประกอบการ
2. สลากยาและคมู่ ือในการใชอ้ ปุ กรณต์ ่าง ๆ 3. อ่านเรอื่ งทัว่ ไป กาํ หนดการ ป้ายตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจาํ วันจากสื่อสงิ่ พิมพ์และส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์
(Instructions) การอา่ น ทาํ ความเขา้ ใจ 4. เขียนให้ข้อมลู กรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ในชวี ิตประจําวัน
และปฏิบตั ติ ามคาํ แนะนําในการใชย้ าและ 5. ใชภ้ าษาตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ
อุปกรณต์ ่าง ๆ ที่ใช้ในชวี ิตประจําวัน เช่น 6. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสืบค้นและฝึกฝนการฟัง พูด อ่านและเขียน พร้อมแสดงหลักฐานการ
หมอ้ หงุ ข้าวไฟฟ้า เคร่อื งซักผา้ คอมพิวเตอร์ เรยี นรู้ดว้ ยตนเอง
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา โทรศัพท์มือถอื เปน็ ต้น คําอธิบายรายวิชา
3. คําแนะนาํ และคําเตอื นตา่ ง ๆ (Tips and ศกึ ษาเกย่ี วกบั การฟงั -ดู พดู อ่าน เขยี น การฟงั -ดเู ร่อื งราวต่าง ๆ บันเทงิ คดีจากสอื่ โสตทัศน์ การ
Warning) รู้จกั วธิ กี ารอ่านและตีความ
คาํ แนะนาํ คําชแ้ี จง และคาํ อธิบายตา่ ง ๆ สนทนาโตต้ อบในสถานการณ์ต่างๆที่กาํ หนดเก่ียวกบั การเดินทาง ท่องเทยี่ ว การบอกทิศทาง การบอก
เชน่ พยากรณ์อากาศประกาศเตือนภยั ตําแหนง่ ท่ตี ัง้ สงิ่ บนั เทงิ การซ้อื ขาย การตอ้ นรบั การสนทนาทางโทรศพั ท์ การปฏิบัติตามคาํ ส่ังขั้นตอน
คาํ แนะนาํ ในการเข้าไปในสถานท่ีต่าง ๆ การปฏิบัติ การอ่านเร่ืองทว่ั ไปขอ้ ความ กาํ หนดการป้ายประกาศต่างๆ ที่พบในชวี ิตประจาํ วันจากส่อื
คําอธบิ ายสินคา้ และสว่ นประกอบหรอื สง่ิ พมิ พแ์ ละส่อื อิเล็กทรอนกิ ส์ จดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์ การกรอกแบบฟอรม์ ต่างๆ การใชภ้ าษาตาม
เคร่อื งปรงุ วธิ ีการปรุงอาหาร เป็นต้น มารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแหล่งเรยี นร้หู รือฝกึ ฝน
กบั เพือ่ นเพอ่ื พัฒนาทักษะทางภาษาด้วยตนเอง การสบื คน้ ข้อมูลจากแหล่งการเรียนร้ทู ห่ี ลากหลาย

107 แนวทางการจดั การศกึ ษาเรยี นร่วมหลักสูตรอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศึกษา) 107

108 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พุทธศักราช 2556
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อชวี ติ และสังคม ๕ นก. กลุมวิชาภาษาตางประเทศ ๖ นก.
มาตรฐานการเรียนร-ู ตัวชีว้ ดั เนอื้ หา
2000-1205 การอา นสื่อสิง่ พิมพในชีวติ ประจาํ วนั 0-2-1
(Reading Authentic Materials)
๓. Hello, could youtell me.............? 1. การติดตอ ทางโทรศพั ทกบั ผูท่ีคนุ เคย
ตดิ ตอ ส่อื สารทางโทรศัพทไ ดค ลองแคลว รจู กั วิธีการพูดโตตอบทางโทรศัพทกับเพือ่ น จดุ ประสงคร ายวิชา
ญาติ พนี่ อง และผูท่คี นุ เคยในเรอื่ งตา ง ๆ 1. เพ่ือใหสามารถอา นสอ่ื สิ่งพมิ พชนดิ ตาง ๆ ในชวี ติ ประจาํ วนั
โดยใชสาํ นวนและภาษาทเี่ หมาะสม 2. เพอื่ ใหต ระหนักและเหน็ ประโยชนข องการอานภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาํ วนั และ
การศกึ ษาตอ
2. การตดิ ตอ ทางโทรศพั ทเ พอื่ สอบถามขอมูล
ตาง ๆการใชสํานวนภาษาท่ีใชพ ดู ทาง สมรรถนะรายวิชา
โทรศพั ทเพือ่ สอบถามขอมลู ตาง ๆ ที่ตองการ 1. อานหนงั สอื พิมพ แผน พบั แผน ปลิว โฆษณา โปสการด จากส่ือสิง่ พมิ พตาง ๆ ใน
ทราบโดยใชรูปประโยคขอรอ ง /ขอรอ ง ชีวิตประจาํ วนั
อยางสภุ าพ (request, polite, request) 2. อานประกาศ ฉลาก ปา ยประกาศ ปายเตอื น เครื่องหมาย สญั ลักษณจากสถานทต่ี าง ๆ
ประโยค direct/ indirect speech ประโยค 3. อา นตาราง แผนภาพ แผนภมู ิ
คําถามลกั ษณะตา ง ๆประโยคแสดงความ 4. อานเอกสารทางการคา
คิดเห็นและการขอบคณุ เชน การสอบถาม 5. อา นประกาศรบั สมคั รงานระเบยี บการ
เสนทางการเดนิ ทางไปทต่ี าง ๆ สอบถาม 6. อานกําหนดการบันทึกส้นั ๆ
ตารางรถไฟ เครื่องบนิ สอบถามขอ มลู 7. ใชเทคโนโลยสี ารสนเทศสบื คน และฝก ฝนการอา นพรอมแสดงหลกั ฐานการเรยี นรดู วย
ดานการคมุ ครองผูบรโิ ภค/ สขุ ภาพอนามยั / ตนเอง
พยากรณอ ากาศ เปน ตน
คาํ อธบิ ายรายวชิ า
3. การติดตอทางโทรศพั ทเ พ่ือการประกอบ ปฏิบตั ิเกยี่ วกับ การอานเรื่องตาง ๆ ท่ีพบในชวี ติ ประจาํ วันจากสอ่ื สงิ่ พิมพ สารคดี บนั เทิงคดี
อาชีพวธิ กี ารพดู โตต อบทางโทรศพั ท เพอื่
ถาม-ใหขอมูลเก่ยี วกบั การประกอบอาชีพ หนังสอื พมิ พ โฆษณา แผน พบั แผน ปลิว โปสการด ประกาศ ฉลาก ปา ยประกาศ ปายเตอื น
โดยใชสาํ นวนและภาษาทเี่ หมาะสมในการ เคร่ืองหมาย สัญลกั ษณ ตาราง แผนภาพ แผนภูมิ รายการสนิ คา ประกาศรบั สมคั รงาน
สอบถามขอมูลเกีย่ วการสมัครงาน การซอื้ - กาํ หนดการ ระเบียบการ บันทึกสน้ั ๆ การเลอื กใชสอื่ เทคโนโลยีเปน แหลง การเรียนรดู ว ยตนเอง
ขายสนิ คา การใหขอมลู เกย่ี วกบั คณุ ภาพ การสบื คนขอ มลู จากแหลง การเรยี นรทู หี่ ลากหลาย
และราคาของสนิ คา การสง เสรมิ การขาย
การตอ รองราคา การรับและสง ของ

108

หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พุทธศักราช 2556
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ือชวี ิตและสังคม ๕ นก. กลุมวิชาภาษาตางประเทศ ๖ นก.
มาตรฐานการเรียนร-ู ตวั ช้ีวดั เนือ้ หา

๔. Cultural Difference 1. การใชภาษาในการสื่อสารไดเหมาะสมตาม
1. ปฏิบตั ิตนตามมารยาท วัฒนธรรม ม า ร ย า ท ท า ง สั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม ข อ ง
และประเพณีตาง ๆ ไดอยางถกู ตอ ง เจาของภาษาการใชภาษา นํ้าเสียงและ
2. เปรียบเทียบความแตกตางระหวา ง ภาษาทาทางไดอยางเหมาะสมกับบุคคล
วฒั นธรรมอังกฤษกบั วัฒนธรรมไทย เวลา สถานที่และโอกาส เชน การสัมผัสมือ
การโบกมือ การใชสีหนาทาทาง และนํ้าเสียง
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ ประกอบการพูด การแนะนําตัวเอง การ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา แสดงความรูส ึกในโอกาสตาง ๆ การแตงกาย
การรับประทานอาหาร รวมงานงานเล้ียง
งานสงั สรรค และกจิ กรรมทางสงั คมตา งๆ

2. ความเชอ่ื และขนบธรรมเนียม ประเพณขี อง
เจา ของภาษาความเปน มาของความเชอ่ื
ขนบธรรมเนยี มและประเพณตี า ง ๆ ในสังคม
ของเจา ของภาษา การทํากจิ กรรมตาม
ความเชื่อ ขนบธรรมเนยี มและประเพณตี างๆ
ในดานบทเพลง การแตงกาย อาหาร
เครอ่ื งด่ืมและการประกอบพิธีกรรมทเี่ กีย่ วของ
ไดแ ก วนั คริสตมาส วันขอบคณุ พระเจา
วันวาเลน-ไทน และวนั พอ

3. การเปรียบเทียบโครงสรางภาษาไทยกับ
ภาษาอังกฤษเปรียบเทียบลักษณะคําที่มา
ของคําความหมายและการประยุกตคําใน
ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ใ ช ใ น ภ า ษ า ไ ท ย แ ล ะ คํ า ใ น
ภาษาไทยท่ีนําไปในภาษาอังกฤษโครงสราง
ของประโยคตา งๆ

109 109

110 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศักราช 2556 ๖ นก.
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพือ่ ชวี ติ และสังคม ๕ นก. กลุมวิชาภาษาตางประเทศ
มาตรฐานการเรียนร-ู ตัวช้ีวัด เน้ือหา
- ประโยคความเดยี ว (Simple Sentence)
- ประโยคความรวม (Compound
Sentence)
- ประโยคความซอน (Complex Sentence)
- ประโยคความผสม (Compound-
ComplexSentence)
4. เปรยี บเทียบ สํานวน คําพงั เพย สภุ าษิต บท
กลอนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
๔.๑ คาํ และสาํ นวนทไี่ ดร บั อทิ ธิพลจาก
ศาสนา
๔.๒ คําพังเพย สุภาษิตท่มี ักจะใชใน
ชีวิตประจําวนั

๕. News &NewsHeadline 1. เสยี ง คาํ ศพั ท วลี สํานวนทีม่ ักใชบอย ๆ ในขา ว
1. เขา ใจและใชประโยคทีซ่ ับซอ นใน 2. องคประกอบของขาวประกอบดว ย Headline,
สถานการณต าง ๆ
2. ใช Tenses ท่ยี ุง ยากและซับซอ น Sub headline, Lead และ Detail
3. ศึกษาคนควา ความรูแ ละขอ มลู จากสือ่ 3. ประเภทของขาวเชน ขา วการเมอื ง ขา ว -
หนังสอื พมิ พ
4. แลกเปลีย่ นขอ มลู ขา วสารความรูอยางเปน การศกึ ษา ขาวกีฬา ขา วสังคม ขาวเศรษฐกจิ
ทางการ เปน ตน
5. สบื คนขอ มลู ในดา นตาง ๆ 4. โครงสรา งของการเขียนพาดหัวขา ว
จาก Internet (News Headline)

๖. Self –SufficiencyEconomy 1. บทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงจาก
1. ศึกษาคน ควา ความรูและขอ มูลจากส่ือตาง ๆ ห นั ง สื อ ห นั ง สื อ พิ ม พ ห รื อ Website
2. สืบคน ขอ มลู ในดานตา ง ๆ จาก Internet ทีเ่ กยี่ วของ

110

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม ๕ นก. กลุมวิชาภาษาตางประเทศ ๖ นก.
มาตรฐานการเรยี นร-ู ตวั ชวี้ ัด เนอ้ื หา
3. เขา ใจและใชป ระโยคซบั ซอ นใน 2. คาํ ศพั ท วลี สํานวน ทเ่ี กี่ยวของกบั เศรษฐกิจ
สถานการณต า ง ๆ พอเพยี ง เชน moral , moderation,
4. การแลกเปลีย่ นขอมลู ขา วสารความรู reasonable, knowledge, savingเปนตน
3. โครงสรา ง Conditional sentence (If-
clause)
4. โครงสราง Imperative
5. การนาํ เสนอการนาํ เศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ น
รูปแบบตา ง ๆ
6. การเลน เกม Cross word
๗. Have youexercisedtoday? 1. แบบสอบถาม (Questionnaire) เกี่ยวกับการ
1. ศกึ ษาคน ควา ความรูแ ละขอ มูลจากส่ือ ดแู ลสขุ ภาพจากหนงั สือหรอื Website
ตางๆ เกยี่ วของ
2. สืบคน ขอ มูลในดานตา ง ๆ จาก Internet 2. การอานออกเสยี ง คําศัพท สํานวน วลีท่ี
3. เขา ใจและใชป ระโยคซับซอ นใน เกย่ี วของกับสขุ ภาพ
สถานการณตา ง ๆ 3. ประโยคท่เี ขียนดวย Modal Verb เชน
4. ใช Tense ทยี่ งุ ยากและซบั ซอ น should, must, ought to, had better,
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ 5. แลกเปล่ยี นขอ มลู ขา วสารความรู will เปน ตน
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทง้ั อยางเปน ทางการและไมเ ปน ทางการ 4. Present PerfectTense
การสาํ รวจแบบสอบถามเกี่ยวกับสขุ ภาพ
บคุ คลใกลช ิด แลวนําเสนอขอ มลู เปนรูปกราฟ
หรือแผนภูมิ
๘. Shall we savethe energy? 1. บทความเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน
1. ศึกษาคนควา ความรูและขอ มูลจากสื่อตางๆ (Energy Saving) จากหนังสือ หนังสือพิมพ
2. สืบคน ขอ มลู ในดานตาง ๆ จาก Internet หรือ Website ทเี่ กย่ี วของ
3. เขาใจและใชป ระโยคซบั ซอนใน
สถานการณตาง ๆ ไดอ ยา งถูกตอ ง

111 111

112 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๖ นก.
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ือชวี ิตและสังคม ๕ นก. กลุมวิชาภาษาตางประเทศ
มาตรฐานการเรียนร-ู ตัวชีว้ ัด เนื้อหา
4. ใช Tense ทย่ี ุงยากและซบั ซอ นไดอยาง 2. เสยี ง คาํ ศพั ท วลี สํานวนทเ่ี กยี่ วขอ งกับการ

ถูกตอ ง ประหยดั พลงั งาน เชน reuse, recycle, plug

5. แลกเปลย่ี นขอมลู ขา วสารความรทู ้งั อยา ง in, unplug, turn on, turn off, reduce

เปน ทางการและไมเ ปนทางการ เปน ตน

3. โครงสราง เร่ือง Imperative + V1_____

๙. What have Idone? 1. บทสนทนาเก่ียวกบั การไปตดั เส้อื

1. ศึกษาคนควา ความรูและขอ มูลจากสื่อตางๆ 2. การอา นออกเสยี ง คําศพั ท วลี สํานวน

2. อานออกเสียงคาํ ศัพท วลี สํานวน ไดอยา ง ท่เี กี่ยวของกบั การไปตดั เส้อื เชน measure,

ถูกตอ ง sleeves, seam, shorten เปน ตน

3. เขาใจและใชประโยคซับซอนใน 3. โครงสราง have something done

สถานการณตาง ๆ 4. โครงสราง Reported Speech

4. ใช Tense ท่ยี ุงยากและซบั ซอน 5. การเลาเรอ่ื ง (สถานการณ)

5. แลกเปลย่ี นขอ มูลขาวสารความรู

๑๐. What is youre-mailaddress? 1. การขอมี e-mail

1. การสบื คน ขอ มูลดา นตา ง ๆ จาก 2. การเปด /ปด e-mail

Internet และรับสง e-mail 3. ภาษา e-mail

2. ศึกษาคน ควา ความรูและขอมูลจากสอ่ื 4. บทอานแนะนําตนเองทพ่ี มิ พมาจาก e-mail

ตาง ๆ 5. การสรางประโยคคําถามจากคําตอบที่ใหมา

3. เขาใจและใชประโยคซับซอนใน 6. การถามและการตอบขอมูลการเปรียบเทียบ

สถานการณตา ง ๆ 7. การเขียนแนะนําตนเองถึง Pen pal โดยสง

4. แลกเปลย่ี นขอมลู ขาวสารความรู ทาง e-mail

ทั้งอยา งเปนทางการและไมเ ปนทางการ

112

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม ๕ นก. กลุมวิชาภาษาตางประเทศ ๖ นก.
มาตรฐานการเรยี นร-ู ตัวชว้ี ัด เนือ้ หา
๑๑. Natural Disaster 1. บทอานเกี่ยว Earthquake, Tornado หรือ
1. ศกึ ษาคนควาความรูและขอ มลู จาก Flood จากหนังสือพิมพ หรือ Website ของ
สอ่ื ตางๆ หนังสือพิมพ The Nation หรือ Bangkok
2. สืบคน ขอมลู ในดา นตา ง ๆ จาก Internet Post
3. เขา ใจและใชป ระโยคที่ซบั ซอ นใน 2. คําศัพท วลี สํานวนท่ีเก่ียวของเชน kill,
สถานการณตาง ๆ ไดอ ยา งถกู ตอ ง injured, die, homeless, help, shelter,
4. การใช Tense ทย่ี ุงยากและซับซอ น landslide เปนตน
5. แลกเปลยี่ นขอมลู ขาวสารความรู ทัง้ เปน 3. Past Simple Tense, PastContinuous
ทางการและไมเปนทางการ Tenseและ Past Perfect Tense
4. Compound Sentence และ Complex
Sentence
5. การถามและการตอบคาํ ถามจากบทอาน
6. การแสดงบทบาทสมมตุ ิ (Role Play)เปน
ผูส่อื ขาว นาํ เสนอขาวทเี่ กย่ี วกบั Natural
Disaster
๑๒. Let’s Travel 1. ตารางเวลาของ Bus, Train, Airplane, Boat
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ 1. ศึกษาคนควา ความรแู ละขอมลู จาก หรือ Subway จากส่ือตาง ๆ เชน แผนพับ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา สอื่ ตา งๆ หนงั สอื พมิ พ หรือ Website ทเ่ี กีย่ วขอ ง
2. สบื คน ขอ มลู ในดานตาง ๆ จาก Internet 2. Asking & giving Information
และรบั สง E-mail 3. การบอกทศิ ทาง (Direction)
3. เขาใจและใชป ระโยคที่ซบั ซอนใน 4. Past Simple Tense และ Past Simple
สถานการณต าง ๆ Tense
4. ใช Tense ทยี่ งุ ยากและซบั ซอ นได 5. การเขียนเลาเรื่องหรือประสบการณในการ
5. แลกเปล่ียนขอ มูลขาวสารความรู ทองเท่ียว
6. การวางแผนการเดนิ ทางทองเทยี่ ว

113 113

114 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556 ๖ นก.
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพือ่ ชีวิตและสังคม ๕ นก. กลุมวิชาภาษาตางประเทศ
มาตรฐานการเรยี นร-ู ตัวชีว้ ัด เนื้อหา
๑๓. Will it rain tomorrow? 1. บทอา นการพยากรณอ ากาศ (Weather

1. ศึกษาคน ควา ความรแู ละขอ มลู จากสื่อ Forecast) ทง้ั ในประเทศและตา งประเทศ

ตา งๆ เชน หนงั สอื พมิ พภ าษาอังกฤษและ 2. การถาม-ตอบ คาํ ถามจากบทอา น

Website การพยากรณอากาศ (Weather Forecast)

2. แลกเปลยี่ นขอมูลขาวสารความรทู งั้ อยาง 3. การถามและการขอขอมูล (Asking & Giving

เปนทางการและไมเ ปน ทางการ Information)

3. เขา ใจและใชประโยคทซี่ ับซอ นใน 4. Parts of Speech การทาํ คํานาม Nounให

สถานการณตา ง ๆ ไดอยางถกู ตอง เปน Adjective

4. สบื คนขอ มลู ในดา นตาง ๆ จาก Internet 5. Website ทเี่ ก่ียวกับการพยากรณอากาศ Role

play เปน ผูประกาศขาวการพยากรณอากาศ

๑๔. Global Warming 1. บทความเกี่ยวกับภาวะโลกรอน (Global

1. ศึกษาคนควาความรูและขอมูลจาก Warming) สาเหตุของภาวะโลกรอนหรือ

สื่อตางๆ ผลกระทบของภาวะโลกรอนจากหนังสือหรือ

2. สบื คน ขอ มลู ในดานตางๆ จาก Internet หนงั สอื พมิ พหรือWebsite ทีเ่ ก่ยี วของ

3. เ ข า ใ จแ ละ ใ ช ปร ะ โ ยค ซั บซ อน ใ น 2. การอานออกเสียงคําศัพท วลี สํานวน

สถานการณต าง ๆ ที่เก่ียวของ เชน temperature, increase,

4. ใช Tense ทยี่ ุงยากและซบั ซอ น melt, burn, earth, hot เปนตน

5. แลกเปลี่ยนขอ มูลขา วสารความรูทง้ั อยา ง 3. โครงสราง Passive Voice

เปนทางการและไมเ ปนทางการ 4. บทสนทนาที่เก่ียวกับการปองกันหรือลดภาวะ

โลกรอน

5. Mind map แสดงเหตุผลและผลกระทบของ

ภาวะโลกรอน

114

หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556 ๖ นก.
พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพือ่ ชีวติ และสังคม ๕ นก. กลุมวิชาภาษาตางประเทศ
มาตรฐานการเรียนร-ู ตัวชวี้ ดั เนอื้ หา
๑๕. Urgently Wanted 1. โฆษณาตําแหนงงาน (Job Advertisement)

1. ศึกษาคนควา ความรแู ละขอ มูลจาก จากหนังสือ หนังสือพิมพ หรือ Website

สือ่ ตา ง ๆ เกี่ยวขอ ง

2. สบื คน ขอ มลู ในดานตา ง ๆ จาก Internet 2. คําศพั ท สํานวน วลี โครงสรางที่เกีย่ วของ เชน

และรับสง e-mail qualification, salary, graduation, age,

3. เขาใจและใชประโยคซับซอ นใน photo, apple เปนตน

สถานการณตาง ๆ 3. การเขียนประวตั ิ (Resume) เพือ่ สมคั รงาน

4. การแลกเปล่ยี นขอ มูลขาวสารความรู การสง e-mail สมคั รงาน

ทง้ั อยางเปนทางการและไมเปน ทางการ

๑๖. ภาษาอังกฤษสาํ หรบั งานอาชีพ 1. คําศพั ทเกี่ยวกบั งานอาชีพ

๑. ใชคําศพั ทเก่ียวกับงานอาชีพไดถ ูกตอ ง 2. สํานวนภาษาในการตดิ ตอ สอื่ สาร

๒. ใชถอ ยคาํ สาํ นวนและประโยคตอบโตใ น 3. การฝก สนทนาในสถานการณทกี่ าํ หนด

หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ การบอกขอมลู ในสถานการณตาง ๆ ของ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
งานอาชพี ได

115 115

116 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556 ๔นก.
พค๓๑๐๐๑ คณิตศาสตร ๕นก. กลมุ วิชาคณติ ศาสตร
มาตรฐานการเรียนรูระดับ เนอ้ื หา หนว ยสมรรถนะ สมรรถนะยอย
1. จํานวนและการดําเนินการ 1. แสดงจํานวนและการใชจ าํ นวน - ดาํ เนนิ การเกยี่ วกับจาํ นวนจริงทเ่ี ปนจํานวนตรรกยะ
๑. แสดงความสมั พนั ธของจาํ นวนตา งๆใน 1. ความสมั พันธของระบบจาํ นวนจริง ในชีวติ ประจาํ วนั - ดาํ เนนิ การเกย่ี วกบั อตั ราสว น สดั สว นและรอยละ
ระบบจาํ นวนจรงิ 2. สมบัตขิ องการบวก การลบ การคูณ และการ - ดาํ เนินการเกย่ี วกับจาํ นวนจริงที่อยใู นรปู เลขยกกาํ ลังท่มี ีเลขชี้
2. อธบิ ายความหมายและหาผลลพั ธท ีเ่ กดิ หาร จํานวนจรงิ กําลังเปน จาํ นวนตรรกยะ
จากการบวกการลบการคูณและการหาร 3. สมบัติการเทา กันและการไมเทา กัน - ดําเนนิ การเกีย่ วกับจํานวนจรงิ ท่อี ยูในรูปลอการทิ มึ
จาํ นวนจรงิ 4. คาสมั บูรณ - ดําเนนิ การเกย่ี วกบั จาํ นวนเชิงซอนในรปู พิกดั ฉากและพกิ ดั เชิง
3. อธบิ ายสมบตั ขิ องจํานวนจริงที่เก่ยี วกับ ขัว้
การบวกการคณู การเทากนั และการไม - ดาํ เนนิ การเกย่ี วกบั การแปรผัน
เทา กนั และนําไปใช 2. วิเคราะหผ ลทีเ่ กดิ ขนึ้ จากการ - ประยกุ ตใชอ ัตราสว น สดั สวนและรอยละในงานอาชพี
4. อธิบายเก่ียวกบั คา สมั บรู ณข องจํานวน ดาํ เนนิ การของจํานวนและ - ประยุกตการดาํ เนนิ การจาํ นวนเชงิ ซอ นในรปู พิกดั ฉากและ
จริงและหาคาสมั บรู ณของจาํ นวนจรงิ ความสมั พันธ ระหวา งการ พิกดั เชงิ ขวั้ ในงานอาชพี
2. เลขยกกาํ ลงั ทีม่ ีเลขชก้ี าํ ลังเปน จาํ นวนตรรก ดาํ เนินการตางๆ และใชในการ - ประยกุ ตใชจ ํานวนเชิงซอนท่ีอยใู นรปู เลขยกกําลงั และรูป
ยะ แกป ญ หา กรณฑใ นงานอาชีพ
1. อธิบายความหมายและบอกความแตกตา ง 1. จํานวนตรรกยะ และอตรรกยะ 3. วัด หนว ยของการวัด และ - ประยุกตใชก ารแปรผันในงานอาชพี
2. เลขยกกาํ ลังทีม่ เี ลขชก้ี ําลังเปน จาํ นวนตรรกยะ - ประมาณคา ความยาว พืน้ ทพี่ ้นื ทผ่ี วิ และปริมาตร ในหนว ย
ของจํานวนตรรกยะและอตรรกยะ คาดคะเนส่ิงที่ตองการวดั มาตราวดั ตา งๆ
2. อธิบายเก่ียวกบั จาํ นวนจรงิ ที่อยูในรปู เลข และจํานวนจรงิ ในรปู กรณฑ - วดั และเปรียบเทียบความยาวพน้ื ที่ พน้ื ที่ผิวและปรมิ าตรใน
3. การบวก การลบ การคูณ การหาร จํานวนที่ หนวยมาตราวดั ตา งๆ
ยกกาํ ลงั ที่มีเลขชี้กาํ ลังเปนจาํ นวนตรรกยะ - คาดคะเนระยะทางและความสูงโดยใชค วามรเู รอ่ื งอัตราสวน
และจํานวนจริงในรปู กรณฑ มเี ลขชี้กําลงั เปน จาํ นวนตรรกยะ และจาํ นวน ตรีโกณมิติของมมุ ทก่ี ําหนด
3. อธบิ ายความหมายและหาผลลัพธท ีเ่ กิดจาก จริงในรูปกรณฑ

การบวกการลบการคณู การหารจาํ นวนจริงที่ - คาดคะเนการหาพน้ื ที่ พ้นื ทีผ่ ิวและปริมาตรของสิ่งที่ตองการ
อยใู นรปู เลขยกกําลงั ที่มเี ลขชกี้ ําลงั เปน
จํานวนตรรกยะและจาํ นวนจรงิ ในรปู กรณฑ วัดท่ีไมใชร ปู ทรงเรขาคณติ โดยใชค วามรูเรอื่ ง พื้นท่ี พน้ื ท่ีผวิ
3. เซต และปรมิ าตร
1. อธิบายความหมายเก่ียวกบั เซต 1. เซต 4. แกป ญ หาเก่ยี วกบั การวดั - ประยกุ ตก ารวัด โดยใชค วามรเู ร่อื งอัตราสว นตรีโกณมิติ
2. สามารถหายูเนย่ี นอินเตอรเ ซกช่นั 2. การดาํ เนินการของเซต - ใชค วามรเู กยี่ วกับความยาวพน้ื ท่ี พืน้ ที่ผิวและปรมิ าตร
คอมพลเี มนตและผลตางของเซต 3. แผนภาพเวนน- ออยเลอร และการแกป ญหา แกป ญ หาในสถานการณต า งๆ

116 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นรวมหลกั สูตรอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา)

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี พุทธศกั ราช 2556

พค๓๑๐๐๑ คณติ ศาสตร เน้ือหา ๕ นก. กลุมวิชาคณิตศาสตร สมรรถนะยอย ๔ นก.
มาตรฐานการเรียนรูระดบั
3. เขียนแผนภาพแทนเซตและนาํ ไปใชแกปญ หา หนว ยสมรรถนะ

ทเ่ี กย่ี วกับการหาสมาชิกของเซต - แกปญ หาเกีย่ วกบั รูปเรขาคณติ และรปู ทรงเรขาคณิต
4. การใหเ หตุผล - ประยกุ ตค วามรูเกี่ยวกับเสนตรงระนาบรปู เรขาคณติ และ
1. อธบิ ายและใชก ารใหเหตุผลแบบอุปนยั และนิรนัย 1. การใหเ หตุผลแบบอปุ นยั และนริ นยั รปู ทรงเรขาคณิตในการออกแบบลวดลาย
2. บอกไดวาการอา งเหตุผลสมเหตสุ มผลหรือไม 2. การอางเหตุผลโดยใชแ ผนภาพเวนน-ออยเลอร 5. วิเคราะหร ปู แบบ เรขาคณติ สองมติ ิ - ดาํ เนินการเก่ียวกบั เสน ตรงระยะหางและสมการเสน ตรง
โดยใชแผนภาพเวนน-ออยเลอร และสามมิติ และใชแ บบจําลองทาง - ดาํ เนินการเกย่ี วกับภาคตดั กรวย
5. อัตราสว นตรโี กณมติ แิ ละการนาํ ไปใช เรขาคณติ (Geometric Model) - ดาํ เนินการเก่ียวกบั เวคเตอร
1. อธิบายการหาคาอตั ราสวนตรโี กณมติ ิ 1. อตั ราสว นตรีโกณมติ ิ ในการแกป ญ หา - ขยายสวนและยอสว นของภาพ
2. หาคา อัตราสว นตรีโกณมิติของมุม 30°,45° 2. อัตราสวนตรีโกณมติ ิ ของมมุ 30°,45° - มีความคิดรวบยอดเก่ียวกบั เซตการดําเนินการของเซต
และ 60° และ 60° 6. วเิ คราะหแ บบรูป (Pattern) และนําไปประยกุ ตใ ช
3. นําอัตราสวนตรโี กณมติ ไิ ปใชแกป ญ หาเก่ียวกับ 3. การนําอตั ราสวนตรโี กณมติ ิไปใชแกปญหา ความสมั พนั ธแ ละฟงกช นั ตางๆ - มคี วามคิดรวบยอดเก่ียวกับการดําเนินการของเมทรกิ ซ
ระยะทางความสูงและการวัด เกยี่ วกับระยะทาง ความสงู และการวัด และนําไปประยกุ ตใ ช
6. การใชเ ครอื่ งมอื และการออกแบบผลิตภัณฑ 7. ใชนิพจนสมการ อสมการ กราฟ - ประยุกตใ ชความรูเกยี่ วกับเมทริกซ และการคํานวณคา ดี
1. สรา งรูปทางเรขาคณิตโดยใชเคร่อื งมือ 1. การสรางรปู ทางเรขาคณติ โดยใชเครอ่ื งมอื และแบบจําลองทางคณติ ศาสตรอ น่ื ๆ เทอรม แิ นนตของเมทรกิ ซ
2. วเิ คราะหแ ละอธบิ ายความสัมพนั ธร ะหวางรูป 2. การแปลงทางเรขาคณติ แทนสถานการณต างๆแปลความหมาย - ดําเนินการเก่ียวกับความสมั พันธแ ละฟงกช นั ในรปู ตางๆ
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ ตน แบบและรปู ท่ีไดจ ากการเลอ่ื นขนานการ - การเล่ือนขนาน และนาํ ไปใชแ กปญ หา - ดาํ เนินการเกี่ยวกับลําดับเลขคณิตและลําดบั เรขาคณติ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา สะทอ นและการหมุน - การหมุน - ดําเนินการเกย่ี วกบั ลิมติ ของฟงกช นั อนพุ นั ธข องฟงกช ัน
3. นําสมบตั เิ กยี่ วกบั การเลอ่ื นขนานการหมุนและ - การสะทอ น พีชคณติ และอินทกิ รัลฟงกชนั พชี คณิต
การสะทอนจากการแปลงทางคณติ -ศาสตรและ 3. การออกแบบสรางสรรค งานศลิ ปะจาก - ดาํ เนินการเกยี่ วกับการแยกเศษสว นยอย
ทางเรขาคณติ ไปใชใ นการออกแบบงานศลิ ปะ การแปลงทางคณติ ศาสตรและทางเรขาคณติ - ดําเนินการและคาํ นวณเกี่ยวกับฟงกชันตรโี กณมิติ
7. สถติ ิเบื้องตน - นาํ ความรเู ก่ียวกบั แผนภาพ เวนน-ออยเลอร (Venn-
1. อธิบายขั้นตอนการวิเคราะหขอ มูลเบอ้ื งตนและ 1. การวเิ คราะหข อมลู เบอื้ งตน Euler Diagram) ไปใชแ กปญ หาเกี่ยวกับการหาจํานวน
สามารถนําผลจากการวิเคราะหขอ มลู เบ้อื งตน 2. การหาคากลางของขอ มูลโดยใชค า เฉลี่ย สมาชกิ ของเซตจาํ กัด
ไปใชใ นการตัดสินใจ - นาํ ความรเู ก่ียวกับสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว ระบบสมการ
เลขคณติ มัธยฐาน และฐานนิยม เชงิ เสนสองตัวแปรไปใชใ นสถานการณหรือปญหาท่กี ําหนด
3. การนําเสนอขอมูล - นาํ ความรูเ ก่ยี วกบั อสมการเชงิ เสนไมเ กินสองตวั แปรไป
ใชใ นสถานการณหรอื ปญหาท่ีกาํ หนด

117 117

118 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556

พค๓๑๐๐๑ คณิตศาสตร ๕ นก. กลุมวิชาคณิตศาสตร ๔ นก.
มาตรฐานการเรยี นรูระดับ เนอ้ื หา หนวยสมรรถนะ สมรรถนะยอ ย
2. เลือกใชคากลางทเ่ี หมาะสมกับขอ มูลทีก่ ําหนด - ประยุกตใ ชความสัมพันธ หรือฟง กชันในสถานการณหรอื
และวัตถปุ ระสงคท ีต่ องการ ปญหาทีก่ าํ หนด
3. นาํ เสนอขอมลู ในรปู แบบตางๆรวมทง้ั การอา น - ใชความรูเ กย่ี วกับการหาผลบวก n พจนแ รกของอนกุ รม
และตคี วามหมายจากการนําเสนอขอ มลู เลขคณิตและอนุกรมเรขาคณิตโดยใชสูตรและการประยุกต
8. ความนาจะเปน - ประยกุ ตใ ชกราฟของอสมการในสถานการณห รือปญ หา
1. หาจํานวนผลลพั ธท ่ีอาจเกิดขึน้ ของเหตุการณ 1. กฎเกณฑเบื้องตนเกี่ยวกับการนับและ ท่กี าํ หนด
โดยใชก ฎเกณฑเบื้องตนเกีย่ วกบั การนับและ แผนภาพตนไม - ประยุกตใ ชฟ ง กชันตรีโกณมิติในสถานการณหรอื ปญหาทก่ี ําหนด
แผนภาพตน ไมอ ยางงา ย 2. ความนา จะเปน ของเหตกุ ารณ - นาํ ความรเู กี่ยวกบั สมการกาํ ลังสองตัวแปรเดียวไปใชใ น
2. อธบิ ายการทดลองสมุ เหตุการณค วามนาจะ 3. การนําความนา จะเปนไปใช สถานการณห รอื ปญหาที่กําหนด
เปน ของเหตกุ ารณและหาความนาจะเปน ของ - สาํ รวจและจดั หมวดหมูข อ มูลอยางงาย
เหตุการณท ก่ี ําหนดให ๘. ใชวิธีการทางสถิติและความรู - ใชความรูเกี่ยวกับคา กลางกบั ขอ มลู ที่กาํ หนด
3. นาํ ความรูเ กย่ี วกับความนา จะเปนไปใชใ นการ เกีย่ วกับความนา จะเปน ในการ - วเิ คราะหขอมลู เบือ้ งตน หาตําแหนงของขอ มูลและการ
คาดการณแ ละชว ยในการตดั สินใจ วเิ คราะหขอ มลู การคาดการณไ ด วัดการกระจายของขอ มูล
9. การใชทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตรในงาน อยางสมเหตสุ มผล และการ - ใชค วามรูเ ก่ยี วกับแบบแผนการทดลองทเ่ี หมาะสมกับ
อาชพี 1. ลักษณะประเภทของงานอาชีพท่ใี ชทกั ษะ ตัดสินใจแกปญ หา สถานการณหรอื ปญ หาที่กําหนด
- วเิ คราะหข อ มูลตามข้ันตอนและใชส ถติ ิไดเ หมาะสมกับ
1. วเิ คราะหง านอาชพี ในสงั คมและประชาคม ทางคณติ ศาสตร แบบแผนการทดลอง
อาเซยี นที่ใชท ักษะทางคณติ ศาสตร 2. การนําความรูท างคณิตศาสตรไปเชื่อมโยง - นําความรูเกี่ยวกับกระบวนการทางสถิติไปใชใ นการวจิ ัย
2. มคี วามสามารถในการเชื่อมโยงความรูต า งๆ กับงานอาชพี ในสังคมและประชาคม เบอ้ื งตน
ทางคณติ ศาสตรก บั งานอาชีพได อาเซยี น - ดําเนินการความนาจะเปนเบอ้ื งตน และนาํ ผลไปใชในการ
คาดการณ
- ใชขอมูลขา วสาร คาสถิตแิ ละคา สถิติท่ไี ดจากการ
วิเคราะหข อมลู ในการตัดสินใจ
- นําความรูเ ก่ียวกบั ความนาจะเปน ไปใชในการตดั สินใจ
และแกป ญหา

118

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พุทธศักราช 2556
พค๓๑๐๐๑ คณิตศาสตร์ ๕ นก. กล่มุ วิชาคณติ ศาสตร์ ๔ นก.
หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
9. ส่ือความหมาย แกป้ ญั หา - ใช้ความรู้ทางคณติ ศาสตร์เก่ียวกบั การแกป้ ญั หาและการให้
ให้เหตผุ ลทางคณติ ศาสตร์ และ เหตุผลในสถานการณจ์ ริง
การนาเสนอ เช่ือมโยงความรู้ - สื่อความหมาย แปลความ และนาเสนอข้อมลู ทาง
ต่าง ๆ ทางคณติ ศาสตร์ และ คณติ ศาสตร์
เชอ่ื มโยงคณติ ศาสตรก์ บั ศาสตร์ - ประยกุ ตค์ วามรแู้ ละทกั ษะเกย่ี วกบั เซตและฟงั ก์ชนั ตา่ ง ๆ
อนื่ ๆ มีความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ในงานอาชพี
- ประยุกตค์ วามรู้และทักษะเก่ยี วกบั จานวนเชิงซ้อนในงาน
อาชีพ
- ประยุกตค์ วามรแู้ ละทกั ษะเก่ยี วกบั ภาคตดั กรวยในงานอาชพี
- ประยกุ ตค์ วามรู้และทกั ษะเกย่ี วกบั แคลคลู สั ในงานอาชีพ
- ใชค้ วามรู้และทกั ษะเกีย่ วกบั ดเี ทอรม์ แิ นนต์หาคาตอบของ
ระบบสมการเชงิ เส้น
- ใชค้ วามรู้เกีย่ วกับการออกแบบคณิตศาสตร์ในชวี ติ ประจาวัน
คณิตศาสตรก์ ับการประกอบอาชพี ไปเชือ่ มโยงกับวชิ าชีพ
- ประยุกตก์ ระบวนการทางคณติ ศาสตรใ์ นการวางแผน การ
ออกแบบประดิษฐค์ ิดค้นสิง่ ใหม่ ๆ ในงานอาชีพ
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

119 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี 119

120 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พุทธศกั ราช 2556
พค๓๑๐๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕ นก. กลมุ่ วิชาคณติ ศาสตร์ ๔ นก.

2000-1401 คณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน 2-0-2
(Basic Mathematics)

จดุ ประสงค์รายวชิ า
1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับอัตราส่วน สัดส่วน ร้อยละ การแปรผัน
สถติ ิเบอ้ื งต้น การวัดแนวโนม้ เข้าสสู่ ว่ นกลาง และการวัดการกระจายของขอ้ มลู
2. เพ่ือให้มีทักษะกระบวนการคิดและนาวิธีการแก้ปัญหาเรื่อง อัตราส่วน สัดส่วน ร้อยละ การ แปร
ผัน สถิติเบ้ืองต้น การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง การวัดการกระจายของข้อมูล ประยุกต์ใช้ใน
ชีวติ ประจาวนั
3. เพ่อื ให้มเี จตคตทิ ่ีดีในการเรียนรู้ อตั ราสว่ น สัดส่วน ร้อยละ การแปรผัน สถติ เิ บอื้ งตน้ การ
วดั แนวโนม้ เข้าสู่สว่ นกลาง และการวดั การกระจายของข้อมูล

สมรรถนะรายวชิ า
1. ดาเนนิ การและประยกุ ตใ์ ช้เก่ียวกบั อัตราส่วน สัดส่วน และรอ้ ยละในวิชาชพี
2. ดาเนินการและประยุกตใ์ ชเ้ กยี่ วกบั การแปรผนั ในวชิ าชพี
3. สารวจและจดั หมวดหม่ขู อ้ มลู อยา่ งงา่ ย
4. เลอื กใชค้ า่ กลางของข้อมูลทเ่ี หมาะสมกบั ขอ้ มลู ทีก่ าหนด
5. วิเคราะหต์ าแหนง่ ของขอ้ มูล และการวัดการกระจายของข้อมูลจากข้อมูลทกี่ าหนด
6. ใชข้ อ้ มูลข่าวสาร ค่าสถิติ และค่าสถติ ทิ ไี่ ดจ้ ากการวิเคราะหข์ ้อมลู ในการตดั สนิ ใจ

คาอธิบายรายวิชา
ศึกษาเกี่ยวกับ ทักษะการคิดคานวณ การแก้ปัญหาเรื่องอัตราสว่ น สดั สว่ น ร้อยละ การแปรผัน

สถิติเบ้ืองต้น การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง การวัดการกระจายของข้อมูล และฝึกปฏิบัติในการ
เลือกใชค้ ่าสถติ ิท่ีเหมาะสมกับข้อมูล

120 แนวทางการจดั การอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
พค๓๑๐๐๑ คณิตศาสตร ๕ นก. กลมุ วิชาคณติ ศาสตร ๔ นก.

2000-1402 คณิตศาสตรพน้ื ฐานอาชีพ 2-0-2
(Basic Mathematics for Careers)

จดุ ประสงคร ายวิชา
1. เพื่อใหมีความรูความเขาใจ เกิดความคิดรวบยอดเก่ียวกับสมการเชิงเสน ระบบสมการ
เชิงเสน สมการกําลงั สองตัวแปรเดียวเลขยกกาํ ลัง ลอการิทึม พ้ืนท่ีและปริมาตร
2. เพื่อใหมีทักษะกระบวนการคิดและนําวิธีการแกปญหาเร่ืองสมการเชิงเสน ระบบสมการ
เชิงเสน สมการกําลังสองตัวแปรเดียวเลขยกกําลัง ลอการิทึม พื้นท่ี ปริมาตร ประยุกตใชใน
งานอาชีพ
3. เพ่ือใหมีเจตคติที่ดีในการเรียนรูสมการเชิงเสน ระบบสมการเชิงเสน สมการกําลังสองตัวแปร
เดยี วเลขยกกาํ ลงั ลอการทิ มึ พ้ืนที่และปรมิ าตร

หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ สมรรถนะรายวิชา
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 1. นําความรูเก่ียวกับสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว ระบบสมการเชิงเสนสองตัวแปรไปใชใน
สถานการณจริงหรือปญหาทกี่ ําหนด
2. นําความรเู กี่ยวกบั สมการกาํ ลงั สองตวั แปรเดียวไปใชในสถานการณห รือปญหาท่ีกําหนด
3. ดาํ เนนิ การเกยี่ วกับจาํ นวนจริงท่ีอยูใ นรปู เลขยกกาํ ลงั ท่มี เี ลขชกี้ ําลังเปน จํานวนตรรกยะ
4. ดําเนนิ การเก่ยี วกับจาํ นวนจรงิ ทอี่ ยใู นรูปลอการทิ มึ
5. วดั และเปรียบเทียบความยาว พืน้ ที่ พื้นท่ผี ิว และปรมิ าตรในหนว ยมาตราวัดตา งๆ
6. ใชค วามรเู กย่ี วกบั ความยาว พ้ืนที่ พืน้ ท่ีผวิ และปรมิ าตร แกปญ หาในสถานการณต า งๆ

คําอธบิ ายรายวิชา
ศึกษาเกี่ยวกับ ทักษะการคิดคํานวณ การแกปญหาเร่ืองสมการเชิงเสน ระบบสมการเชิงเสน

สมการกําลงั สองตัวแปรเดียวเลขยกกําลัง ลอการิทึม พื้นทแ่ี ละปริมาตร

121 121

122 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบตั รวิชาชพี พทุ ธศกั ราช 2556
พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ นก. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ เน้ือหา หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และ 1.บูรณาการกระบวนการทาง - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ ใชใ้ นชีวติ ในการแสวงหาความรู้/แกป้ ญั หา
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และ 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ประจาวนั การศกึ ษาและงานอาชพี - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี 1.1 ความหมายและความสาคญั ของ ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
1. อธบิ ายธรรมชาตแิ ละความสาคญั ของ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๒.บูรณาการความรูท้ างฟิสิกสเ์ พอื่ - แสดงความรู้และปฏิบัตเิ กีย่ วกับการวดั ปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1.2 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ใช้ในชีวติ ประจาวัน การศึกษา - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบเรอื่ งเวกเตอร์
2. อธิบายกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1.2.1 วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ 5 ขั้น และงานอาชีพ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเร่ืองแรง
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะ 1.2.2 ทักษะกระบวนการทาง - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเรอ่ื งการเคลอ่ื นท่ี
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเจตคติ วิทยาศาสตร์ 13 ทกั ษะ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเร่ืองงาน พลงั งานและกาลัง
ทางวิทยาศาสตร์ 1.2.3 เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 6 - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบเร่ืองคลื่น
3. นาความรแู้ ละกระบวนการทาง ลกั ษณะ - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบเร่ืองไฟฟา้
วทิ ยาศาสตรไ์ ปใช้แก้ปญั หาตา่ ง ๆ 1.2.4 จติ วิทยาศาสตร์ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบ เร่ืองความร้อน
4. เกดิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. เทคโนโลยี - แสดงความรู้เรอื่ งนาโนเทคโนโลยี
5. มีจิตวิทยาศาสตร์ 2.1 ความหมาย และความสาคญั ของ 3.บรู ณาการความร้ทู างเคมเี พ่อื ใช้ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเรอื่ งสารและสมบตั ิของสาร
6. อธบิ ายความหมาย ความสาคัญ และ เทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม ในชวี ิตประจาวัน การศึกษาและ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบกรด เบสและเกลือ
ความสัมพนั ธ์ของเทคโนโลยตี อ่ ชีวติ และ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องวทิ ยาศาสตร์ และ งานอาชีพ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบสารประกอบไโโดรคาร์บอน
สงั คม เทคโนโลยีตอ่ ชวี ติ และสงั คม - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบพอลิเมอร์
7. นาความรู้ และเลือกใชเ้ ทคโนโลยีได้อยา่ ง 2.3 ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยใี นปจั จบุ นั - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบสารเคมี
เหมาะสม 2.4 เทคโนโลยกี บั การประกอบอาชพี และ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบสารชวี โมเลกลุ
การนาเทคโนโลยไี ปใช้ในชีวติ 4.บรู ณาการความรู้ทางชีววทิ ยา - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบเร่ืองหนว่ ยพน้ื ฐานของ
2.5 การเลือกใช้เทคโนโลยที เี่ หมาะสมในการ เพอ่ื ใช้ในชวี ติ ประจาวนั การศึกษา ส่ิงมชี ีวิต
ประกอบอาชพี กับการดารงชวี ติ และงานอาชพี - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบเรอื่ งระบบตา่ ง ๆ ของ
2.6 เทคโนโลยีพน้ื บา้ น ส่ิงมชี ีวติ
3. การใช้วสั ดุ อุปกรณส์ ารเคมีและหอ้ ง - แสดงความร้แู ละสารวจตรวจสอบเรื่องการจาแนกสง่ิ มีชวี ติ
ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเร่อื งพนั ธุกรรม
- ประยุกต์ใช้ความรเู้ ร่อื งเทคโนโลยชี วี ภาพ

122 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี พทุ ธศักราช 2556
พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ นก. กลุม่ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั เน้อื หา หนว่ ยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย
โครงงานวิทยาศาสตร์ 5.บูรณาการความรู้ทางสิ่งแวดล้อม - แสดงความรู้และสารวจตรวจสอบเร่อื งสง่ิ แวดล้อม
1. อธบิ ายประเภท เลอื กหวั ขอ้ วางแผน 1. ประเภทของโครงงาน และพลงั งานเพือ่ ใชใ้ น- - แสดงความรแู้ ละสารวจตรวจสอบเรือ่ งการอนุรกั ษ์พลงั งาน
วิธีทา นาเสนอและประโยชน์ของโครงงาน 2. การเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน ชีวิตประจาวัน การศึกษาและงาน
2. นาความร้เู กยี่ วกับวทิ ยาศาสตร์ 3. การวางแผนการกระทาโครงงาน อาชพี
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ 4. การนาเสนอโครงงาน
โครงงานไปใช้ 5. ประโยชน์ของโครงงานเพือ่ การพฒั นาคณุ ภาพ
3. วางแผนการทาโครงงาน ชวี ิต
4. ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์
5. อธิบายและบอกแนวไดใ้ นการนาผลจาก
โครงงานไปใช้
6. นาความร้เู กยี่ วกับวิทยาศาสตร์
กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ
โครงงานไปใช้
2. สง่ิ มชี วี ิตและส่งิ แวดล้อม
เซลล์ 1. เซลล์
1. อธบิ ายรูปร่าง สว่ นประกอบ ความ 1.1 ระบบการทางานของเซลล์พืชและเซลล์
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ แตกตา่ ง ระบบการทางาน การรกั ษา สตั ว์ และการรักษาดุลยภาพ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ดุลยภาพของเซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์ 1.2 กลไกและการรกั ษาดลุ ยภาพของพืช สตั ว์
2. อธิบายการรกั ษาดุลยภาพของพืชและสัตว์ และมนุษย์
และมนษุ ย์ และการนาความร้ไู ปใช้ 1.3 การปอ้ งกันดูแลรักษาภูมิคมุ้ กนั รา่ งกาย
3. ศกึ ษา สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบาย และการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
กระบวนการแบ่งเซลล์ แบบไมโทซลิ และ 2. กระบวนการแบง่ เซลล์
ไมโอซลิ 2.1 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ
2.2 การแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซสิ

123 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี 123

124 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๔ นก.
พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ นก. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์
มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ เนื้อหา 2000-1301 วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาทักษะชวี ติ 1-2-2
พันธุกรรมและความหลากหลายทางชีวภาพ (Science for Life Skills)
1. อธิบายกระบวนการถา่ ยทอดทางพนั ธกุ รรม 1. พันธุกรรม การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม การ
การแปรผนั ทางพนั ธกุ รรม การผ่าเหล่า แปรผนั ทางพันธุกรรม และการผา่ เหลา่ จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
และการเกิดความหลากหลายทางชวี ภาพ 1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหน่วยและการวัด แรงและการเคลื่อนท่ี ไฟฟ้า อะตอมและ
2. ความหลากหลายทางชีวภาพ ธาตุ สารและปฏกิ ริ ิยาเคมี การรกั ษาดุลยภาพของสิง่ มชี ีวิตและระบบนเิ วศ
2. อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมของบุคคล 2.1 กระบวนการถา่ ยทอดทางพันธุกรรม 2. เพื่อให้มีทักษะเก่ียวกับการใช้เครื่องมือวัด ปริมาณทางฟิสิกส์ การทดลองแหล่งกาเนิดไฟฟ้า
3. อธบิ ายปจั จัยทท่ี าให้สงิ่ แวดล้อมเกดิ การ 2.2 การเกดิ การผา่ เหลา่ วงจรไฟฟ้า การคานวณค่าไฟฟ้า การทดลองปฏิกิรยิ าเคมีในชีวิตประจาวันและงานอาชีพ
2.3 การเกิดความหลากหลายทางชีวภาพ 3. เพ่ือให้มีเจตคติทด่ี ตี อ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ และกิจนสิ ัยทด่ี ใี นการทางาน
เปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยชี ีวภาพ 3. โรคทเี่ กดิ จากการถ่ายทอดทางพันธกุ รรม และ สมรรถนะรายวิชา
1. อธิบายเกย่ี วกับเทคโนโลยชี ีวภาพ การนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน 1. แสดงความรแู้ ละปฏิบตั ิเกย่ี วกบั ปรมิ าณทางฟสิ ิกส์ แรงและการเคลอ่ื นที่
2. แสดงความรแู้ ละปฏิบัตเิ กยี่ วกับไฟฟ้าในชวี ิตประจาวนั
ประโยชน์ 4. ชนดิ พันธต์ุ า่ งถ่ินทีส่ ง่ ผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศ 3. แสดงความรแู้ ละปฏบิ ัตเิ กี่ยวกับสารเคมแี ละการเปลย่ี นแปลงทางเคมี
2. อธิบายผลของเทคโนโลยชี ีวภาพตอ่ ชีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม

และส่ิงแวดลอ้ ม 1. ความหมายและลกั ษณะของเทคโนโลยีชวี ภาพ 4. แสดงความรแู้ ละปฏิบัติเกยี่ วกับสิ่งมชี วี ติ และระบบนเิ วศ
3. อธิบายบทบาทของภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ 2. ปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ เทคโนโลยชี ีวภาพ 5. แสดงความร้เู บอ้ื งตน้ เกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี

เกย่ี วกบั เทคโนโลยีชวี ภาพ 3. เทคโนโลยชี ีวภาพในชีวติ ประจาวัน คาอธิบายรายวชิ า
4. ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ เก่ยี วกับเทคโนโลยชี วี ภาพ
5. ประโยชน์และผลกระทบของ ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หน่วยและการวัด แรงและการ
เคลอื่ นที่ ไฟฟ้าในชีวติ ประจาวนั นาโนเทคโนโลยี โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ พันธะเคมี สาร
5.1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ และการเปลย่ี นแปลง ปฏกิ ริ ิยาเคมีในชีวิตประจาวัน การรักษาดลุ ยภาพของสง่ิ มชี วี ิตและระบบนิเวศ
5.2 ชวี ติ และส่งิ แวดล้อม
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม
1. อธิบายกระบวนการเปลย่ี นแปลงแทนที่ 1. กระบวนการเปลย่ี นแปลงแทนที่ของสงิ่ มชี ีวติ
ของส่ิงมีชวี ติ และสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน
2. อธิบายการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ สภาพ 2. การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตริ ะดบั ท้องถ่นิ
ปัญหาส่งิ แวดล้อมในระดบั ทอ้ งถนิ่ ระดับ ประเทศและระดบั โลก
ประเทศและระดับโลก 3. ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาทม่ี ีผลกระทบต่อ
3. อธบิ ายสาเหตุของปัญหา วางแผน และ ชีวติ และสงิ่ แวดลอ้ ม
ลงมอื ปฏบิ ตั ิ

124 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พุทธศักราช 2556
พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ นก. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั เนื้อหา
4. อธบิ ายปอ้ งกนั แก้ไข เฝา้ ระวงั อนุรกั ษ์ 4. ปัญหาและผลกระทบของระบบนเิ วศและสภาพ 2000-1302 วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอตุ สาหกรรม 1-2-2
(Science for Industry)
และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ สิ่งแวดล้อมในชมุ ชน ทอ้ งถ่นิ ประเทศและโลก
สงิ่ แวดลอ้ ม 5. แนวทางการแก้ไขปญั หาทรพั ยากรธรรมชาติและ จุดประสงคร์ ายวชิ า
5. อธิบายปรากฏการณ์ของธรณีวทิ ยาท่มี ี สง่ิ แวดล้อมในชมุ ชน 1. เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ปริมาณทางฟิสิกส์ เวกเตอร์ แรง สมดุลของวัตถุ การ
ผลกระทบต่อชวี ิตและสิ่งแวดล้อม 6. การวางแผนพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ เคลือ่ นท่ี งาน กาลงั พลงั งาน คลืน่
6. อธิบายปรากฏการณ์ สภาวะโลกร้อน ส่งิ แวดล้อม 2. เพื่อให้มีทกั ษะการคานวณ การทดลอง สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในวชิ าชีพและชวี ิตประจาวัน
สาเหตแุ ละผลกระทบตอ่ ชวี ิตมนษุ ย์ 7. การปฏิบัตติ น หรือการร่วมมอื กับชุมชนในการ 3. เพื่อใหม้ เี จตคติท่ดี ตี อ่ วชิ าวิทยาศาสตร์ และกจิ นิสยั ที่ดีในการทางาน

ป้องกนั พฒั นาหรือแกไ้ ขปญั หา ทรพั ยากร สมรรถนะรายวชิ า
ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม 1. แสดงความรู้และปฏบิ ัตเิ กยี่ วกบั ปริมาณทางฟิสิกส์ แรง สมดลุ ของวตั ถแุ ละการเคลื่อนทแ่ี บบ
8. สภาวะโลกร้อน สาเหตุและผลกระทบ การ ต่าง ๆ
ปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาโลกรอ้ น 2. แสดงความรู้และปฏบิ ัตเิ ก่ียวกับหลกั การทางานของคล่ืน และพลงั งาน

3. สารเพื่อชวี ติ คาอธบิ ายรายวชิ า
ธาตุ สมบตั ขิ องธาตุ และธาตุกมั มันตรงั สี ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ ปริมาณทางฟิสิกส์และเวกเตอร์ แรง การรวมแรงและการแยกแรง
๑. อธิบายทฤษฏี โครงสรา้ งและการจดั เรยี ง 1. โครงสร้างอะตอมและทฤษฏอี ะตอม
อเิ ลก็ ตรอนในอะตอม 2. การจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนในอะตอม การสมดุลของวัตถุ การเคล่อื นท่ีแนวเสน้ ตรง การเคล่อื นท่แี บบโปรเจคไทล์ การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม
2. อธิบายสมบตั ิของธาตตุ ามตารางธาตุ 3. การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ การเคลื่อนที่แบบโาร์โมนิกอย่างง่าย งาน กาลังและพลังงาน คลื่นและสมบัติของคลื่น คล่ืน
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ 3. บอกประโยชนข์ องตารางธาตุ 4. สมบตั ขิ องธาตุตามตารางธาตุ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
4. อธิบายสมบตั ิธาตุกมั มันตรงั สแี ละ 5. ประโยชน์ของตารางธาตุ
กมั มนั ตภาพรังสี 6. ความหมายและการเกดิ กัมมันตภาพรงั สี
5. บอกประโยชน์ และผลกระทบจาก 7. ประโยชนแ์ ละโทษของกมั มันตภาพรงั สี
กัมมันตภาพรงั สี 8. ผลกระทบของสารกัมมนั ตรังสี ตอ่ สิ่งมีชวี ติ
และส่งิ แวดล้อม
สมการเคมีและปฏกิ ริ ิยาเคมี
1. อธิบายการเกดิ สมการเคมแี ละปฏิกิรยิ าเคมี 1. ความหมายของสมการเคมี ปฏกิ ิริยาเคมี และ
และดลุ สมการเคมี สญั ลักษณใ์ นสมการเคมี
2. อธบิ ายปัจจยั ท่มี ีผลตอ่ ปฏิกริ ิยาเคมี 2. การเขยี นและการอ่านสมการเคมี
3. ปจั จยั ทม่ี ผี ลต่อปฏิกริ ยิ าเคมี
125
แนวทางการจัดการอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี 125

126 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๔ นก.
พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ นก. กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์
มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดับ เนือ้ หา 1-2-2
3. อธิบายผลท่ีเกิดจากปฏิกริ ยิ าเคมีตอ่ ชวี ิต 4. ปฏิกริ ยิ าเคมีในชวี ิตประจาวัน และผลของ 2000-1303 วิทยาศาสตรเ์ พื่อพฒั นาอาชีพธรุ กจิ และบรกิ าร
และส่ิงแวดลอ้ ม ปฏิกิรยิ าเคมีต่อชวี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม (Science for Business and Services)

โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมนั จุดประสงคร์ ายวชิ า
1. อธิบายสมบตั ิ ชนิด ประเภท การเกิด และ 1. สมบัติ ชนดิ ประเภท การเกดิ และประโยชน์ 1. เพอ่ื ใหม้ ีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับพันธุกรรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ เทคโนโลยีชีวภาพ
ประโยชน์ของโปรตนี ของโปรตีน จุลนิ ทรยี ์ในอาหาร ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ ยางและพอลิเมอร์ สารชวี โมเลกุลในอาหาร คลืน่
2. อธิบายสมบตั ิ ชนดิ ประเภท การเกิด และ 2. สมบัติ ชนิด ประเภท การเกิด และประโยชน์ แม่เหล็กไฟฟา้ พลงั งานนิวเคลียร์
ประโยชน์ของคารโ์ บไโเดรต ของคารโ์ บไโเดรต 2. เพื่อให้มีทักษะการคานวณหาโอกาสของลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การจาแนก
3. อธบิ ายสมบัติ ชนิด ประเภท การเกิด และ 3. สมบตั ิ ชนดิ ประเภท การเกดิ และประโยชน์ สิ่งมีชีวิต การทดลองจุลินทรีย์ในอาหาร การเลือกใช้เทคโนโลยีชีวภาพ การทดลองสมบัติของ
ประโยชนข์ องไขมัน ของไขมัน สารไโโดรคาร์บอน การทดสอบสมบัติทางกายภาพของพอลิเมอร์ การทดสอบสารชีวโมเลกุล
ปโิ ตรเลียม และพอลเิ มอร์ ในอาหาร การวเิ คราะห์ผลของคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟา้ ตอ่ มนษุ ย์ และพลงั งานนวิ เคลียร์
1. อธบิ ายหลักการกลนั่ ลาดบั สว่ น 1. ปิโตรเลียม 3. เพอื่ ใหม้ ีเจตคติท่ีดตี อ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์และกจิ นิสยั ที่ดีในการทางาน

2. บอกผลติ ภัณฑแ์ ละประโยชน์ของ 1.1 การกลน่ั ลาดบั ส่วน สมรรถนะรายวชิ า
ผลติ ภณั ฑ์ปิโตรเลียม 1.2 ผลติ ภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากการกลน่ั ปโิ ตรเลยี ม 1. แสดงความรู้และปฏิบัติเก่ียวกับหลักการทางพันธุกรรม เทคโนโลยีชีวภาพและจุลินทรีย์ใน
3. อธิบายผลกระทบท่ีเกดิ จากการใช้ 1.3 ผลกระทบของการใช้ปโิ ตรเลยี ม อาหาร
ผลิตภณั ฑ์ปิโตรเลียมได้ 2. พอลเิ มอร์ 2. แสดงความรู้และปฏิบัตเิ กีย่ วกบั ปโิ ตรเคมีและผลติ ภัณฑ์
4. อธิบายความหมายประเภท ชนดิ การเกดิ 2.1 ความหมาย ประเภท ชนดิ การเกดิ และ 3. แสดงความรู้และปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับสารชวี โมเลกลุ ของอาหาร
และสมบัตขิ องพอลเิ มอร์ สมบตั ิของพอลเิ มอร์ 4. แสดงความรู้และปฏบิ ตั ิเก่ียวกับคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า
5. อธบิ ายสมบตั ิการเกดิ และผลกระทบทีเ่ กิด 2.2 พอลเิ มอร์ในชวี ิตประจาวนั 5. แสดงความรู้และปฏิบตั เิ กย่ี วกับหลักการของพลงั งานนิวเคลียร์

จากการใช้พลาสตกิ ยาง ยางสังเคราะห์ 1.2.1 พลาสติก คาอธิบายรายวิชา
เส้นและเส้นใยสังเคราะห์ 1.2.2 ยางและยางสังเคราะห์ ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ
1.2.3 เส้นใยธรรมชาติและใยสังเคราะห์
2.3 ผลกระทบของการใชพ้ อลิเมอร์ เทคโนโลยีชีวภาพ จุลินทรีย์ในอาหาร ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ ยางและพอลิเมอร์ สารชีวโมเลกุล
สารเคมีกบั ชวี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม ในอาหาร คล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ พลงั งานนวิ เคลียรต์ ่อการดารงชีวติ

1. อธบิ ายความสาคญั และความจาเปน็ ทีต่ อ้ ง 1.ความสาคญั ของสารกบั ชวี ติ และสง่ิ แวดล้อม
ใช้สารเคมี 2. ความจาเป็นที่ตอ้ งใชส้ ารเคมี
2. อธิบายวิธกี ารใช้สารเคมบี างชนิดไดถ้ ูกต้อง 3. การใชส้ ารเคมที ่ถี ูกต้อง

126 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
พว๓๑๐๐๑ วทิ ยาศาสตร ๕ นก. กลุมวิชาวิทยาศาสตร ๔ นก.
มาตรฐานการเรียนรรู ะดบั เนอ้ื หา
3. อธิบายผลกระทบที่เกิดจากการใชส ารเคมี 4. ผลกระทบทเ่ี กดิ จากการใชส ารเคมี 2000-1304 วิทยาศาสตรเพื่อพัฒนาอาชีพศลิ ปกรรม 1-2-2
(Science for Arts)
ได
4. แรงและพลังงานเพื่อชวี ติ แรงและการ จุดประสงคร ายวิชา
เคลื่อนที่ 1. เพ่ือใหมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับสารเคมีในงานอาชีพ พอลิเมอร แสงและการมองเห็น
1. อธิบายความสมั พนั ธระหวา งแรงกับการ 1. แรงและความสัมพนั ธร ะหวางแรงกับ ความรอ น
การเคล่อื นทขี่ องอนุภาค 2. เพ่ือใหม ีทกั ษะเกยี่ วกับการทดลองเร่อื งสารละลาย การทดสอบสมบัติทางกายภาพของพอลเิ มอร
เคลอ่ื นท่ีในสนามโนมถวงสนามแมเ หล็ก การทดลองสมบตั ิของคล่นื แสง และผลของความรอ นตอ วัตถุ
และสนามไฟฟา 2. ความสัมพนั ธร ะหวา งแรงและการเคล่อื นท่ี 3. เพ่ือใหม ีเจตคตทิ ่ีดตี อวิชาวิทยาศาสตร และกจิ นิสัยท่ดี ใี นการทาํ งาน
2. ระบแุ ละอธิบายการเคลอ่ื นทีข่ องแรงแบบ ของอนุภาคในสนามโนมถวงสนามแมเ หล็กไป
ตางๆและการนําไปใชป ระโยชน ใชป ระโยชนใ นชีวติ ประจาํ วนั สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรูและปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั สารเคมใี นงานอาชีพ
5. ดาราศาสตรเพ่อื ชวี ติ เทคโนโลยีอวกาศ 2. แสดงความรแู ละปฏิบตั เิ ก่ียวกับหลักการของแสงและความรอน
1. บอกความหมายความสําคญั และความ 1. ความหมายความสําคญั และความเปนมาของ
เปน มาของเทคโนโลยีอวกาศ เทคโนโลยอี วกาศ คาํ อธบิ ายรายวิชา
2. อธบิ ายและระบปุ ระเภทของเทคโนโลยี 2. ประเภทของเทคโนโลยีอวกาศ ศึกษาและปฏบิ ัติเกีย่ วกบั สารละลาย คอลลอยดอ ีมลั ชั่น สารเคมใี นงานอาชีพ พอลเิ มอร
อวกาศ 2.1 ดาวเทยี ม
3. อธิบายการนําเทคโนโลยอี วกาศมาใช 2.2 ยานสํารวจอวกาศ การเลือกใชผลติ ภณั ฑพอลเิ มอร แสงและการมองเห็น ความรอ น อุณหภูมิและผลของความรอ น
ประโยชน 2.3 ยานขนสงอวกาศ ตอ วตั ถุ

หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ 4. บอกโครงการสาํ รวจอวกาศทีส่ าํ คัญใน 2.4 สถานีทดลองอวกาศ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ปจ จุบนั 3. ประโยชนของการใชเทคโนโลยอี วกาศ
3.1 ปรากฏการณบ นโลก
3.2 ปรากฏการณใ นอวกาศ
4. โครงการสํารวจอวกาศทสี่ ําคญั ในปจ จุบนั
6. วทิ ยาศาสตรกบั ชองทางในการประกอบ
อาชีพ

127 127

128 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี พุทธศักราช 2556
พว๓๑๐๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๕ นก. กลมุ่ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
2000-1305 วิทยาศาสตรเ์ พื่อพฒั นาอาชพี เกษตรกรรม 1-2-2
(Science for Agriculture)

จุดประสงคร์ ายวชิ า
1. เพื่อให้มคี วามร้คู วามเข้าใจเก่ียวกับโครงสร้าง หน้าท่ี ของเซลล์พืช เซลล์สตั ว์ ระบบต่าง ๆ ของ
พืชและสัตว์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ
เทคโนโลยชี วี ภาพ และววิ ัฒนาการของสง่ิ มีชีวิต
2. เพื่อให้มีทักษะเกี่ยวกับ โครงสร้าง และองค์ประกอบของเซลล์พืช เซลล์สัตว์ ทดลองเก่ียวกับ
โครงสรา้ ง องค์ประกอบ และการทางานของอวัยวะของระบบต่างๆ ของพชื และสตั ว์ คานวณหา
โอกาสของลกั ษณะการถา่ ยทอดทางพันธกุ รรม และการจาแนกสิง่ มีชีวิต
3. เพ่ือให้มีเจตคตทิ ดี่ ตี ่อวิชาวทิ ยาศาสตร์และกจิ นิสัยที่ดใี นการทางาน

สมรรถนะรายวชิ า
1. แสดงความรู้ และปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกับ เซลล์ พนั ธุกรรม และวิวัฒนาการของส่ิงมีชวี ิต
2. แสดงความร้แู ละปฏิบัติเกี่ยวกับองค์ประกอบ และการทางานของอวยั วะของระบบตา่ ง ๆ ของ
พชื และสัตว์ คานวณหาโอกาสของลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และจาแนกสิ่งมชี วี ติ

คาอธบิ ายรายวิชา
ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกย่ี วกบั โครงสร้าง หนา้ ที่ องค์ประกอบของเซลล์พชื เซลล์สัตว์ ระบบตา่ ง ๆ ของ
พืชและสัตว์และการทางาน การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ
เทคโนโลยชี วี ภาพและวิวัฒนาการของสิง่ มชี วี ติ

128 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศกั ราช 2556
พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ นก. กลมุ่ วิชาวิทยาศาสตร์ ๔ นก.
2000-1306 โครงงานวิทยาศาสตร์ 0-2-1
(Science Project)

จุดประสงค์รายวชิ า
1. เพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจเก่ียวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทาง
วิทยาศาสตร์ และข้ันตอนการทางานโครงงานวิทยาศาสตร์
2. เพื่อให้มีทักษะเก่ียวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และ
ขน้ั ตอนการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์
3. เพอ่ื ใหม้ ีเจตคติทดี่ ตี ่อวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และกจิ นสิ ัยที่ดีในการทางาน

สมรรถนะรายวชิ า
1. แสดงความรู้และปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับหลกั การ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. แสดงความรู้และปฏบิ ัติขัน้ ตอนการทาโครงงานวิทยาศาสตร์

คาอธบิ ายรายวิชา
ปฏิบัติเก่ียวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และขั้นตอนการทา
โครงงานวทิ ยาศาสตร์

หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

129 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี 129

130 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี พทุ ธศกั ราช 2556 ๒ นก.
ทช๓๑๐๐๒ สุขศึกษา พลศึกษา ๒ นก. กลมุ วิชาสุขศึกษาและพลศกึ ษา
มาตรฐานการเรียนรรู ะดบั เนอื้ หา หนว ยสมรรถนะ สมรรถนะยอ ย
๑. ระบบตา งๆของรางกาย 1. ดูแลสขุ ภาพ (Health Skills) - แสดงความรเู กีย่ วกับปอ งกนั และหลกี เลี่ยงปจจยั เสีย่ ง
1. อธิบายกระบวนการทํางานของระบบ 1. โครงสรา ง หนา ที่ การทํางานและการดูรักษา พฤตกิ รรมเส่ียงทส่ี ง ผลตอ สขุ ภาพและสขุ ภาวะ
อวยั วะในรางกายท่สี าํ คญั 5ระบบไดอ ยา ง ระบบอวัยวะทสี่ าํ คัญของรา งกาย 5 ระบบ - แสดงความรูเ กย่ี วกับการปกปองสทิ ธขิ องตนเองตามกฎหมาย
ถกู ตอง - ระบบหายใจ ทีเ่ กย่ี วขอ งกับสุขภาพในการทาํ งาน
2. บอกวธิ ีการดูแลปองกันความผดิ ปกตขิ อง - ระบบยอ ยอาหาร - แสดงความรเู กี่ยวกบั การเปนผนู าํ
ระบบในรางกาย 5 ระบบ - ระบบขบั ถาย - แสดงความรเู กี่ยวกับการบรหิ ารจดั การเรอ่ื งการเสรมิ สราง
- ระบบสบื พนั ธุ สขุ ภาพและปกปอ งสทิ ธิของตนเองตามกฎหมายทีเ่ กี่ยวของกับ
3. วางแผน และปฏบิ ัตติ นตามแผนเพ่อื สราง - ระบบตอ มไรท อ สขุ ภาพในการทาํ งาน
เสรมิ พฒั นาการของตนเองและครอบครวั - ระบบประสาท - ออกกําลังกายเพอ่ื การเสรมิ สรา งสขุ ภาพ
2. การวางแผนและปฏิบตั ติ นเพ่ือการเสริมสรา ง 2. เสรมิ สรา งสมรรถภาพทางกาย - แสดงออกถงึ การมีนํ้าใจนกั กีฬา
พัฒนาการ (Physical Skills) - มสี มรรถภาพทางกายตามเกณฑม าตรฐานของกระทรวง

๒. ปญหาเพศศึกษา 1. การสอื่ สาร/การตอ รองและการขอความ 3. พฒั นาทกั ษะชีวติ (Life Skills) สาธารณสขุ
1. อธิบายขน้ั ตอนการส่ือสารเพ่ือขอความ ชว ยเหลอื เกีย่ วกบั ปญ หาทางเพศ - บริหารจดั การโครงการเสริมสรางสมรรถภาพทางกายเพ่อื เพมิ่
ชว ยเหลือเกยี่ วกบั ปญ หาทางเพศ ประสทิ ธภิ าพในการทาํ งานได
2. อธิบายวิธีการจัดการกับอารมณและความ 2. การจดั การกบั อารมณและความตอ งการ - แสดงความรแู ละสรา งและรกั ษาสมั พนั ธภาพกับผอู ่นื ได
ตอ งการทางเพศไดอยา งเหมาะสม ทางเพศ - คิดไตรตรองในสถานการณท ่ตี อ งตดั สินใจ
3. วเิ คราะหค วามเชื่อผดิ ๆ เรือ่ งเพศทส่ี งผล - ใชชวี ติ รวมกบั ผอู ่ืนไดอ ยา งมีความสุข
ตอสุขภาพทางเพศ 3. ความเช่ือผดิ ๆ เร่อื งเพศที่สง ผลตอ สุขภาพ - คน หาคุณคา ของตนเองและเลอื กดาํ เนนิ ชวี ติ ใหส อดคลอง
4. วิเคราะหก ารนําเสนอส่ือทสี่ ง ผลใหเ กิด ทางเพศ อยา งมีความสขุ
ปญ หาทางเพศ - มีกจิ นสิ ัยที่คํานงึ ถึงความปลอดภยั (Safety First)
5. ระบกุ ฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ งกบั การลว งละเมดิ 4. อิทธพิ ลของส่ือตาง ๆ ที่สงผลใหเ กดิ ปญ หา
ทางเพศ และกฎหมายคมุ ครองเดก็ และสตรี ทางเพศ
๓. อาหารและโภชนาการ
1. อธบิ ายปญหา สาเหตุ อาการ และการ 5. กฎหมายท่ีเก่ยี วของกับการลวงละเมิดทางเพศ
ปอ งกันโรคขาดสารอาหาร และกฎหมายคุมครองเด็กและสต

1. โรคขาดสารอาหารไดแก โรคลักปด ลักเปด โรค
คอหอยพอก โรคเออโรคตาฟาง โรคโลหิตจาง
ฯลฯ

130

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556
ทช๓๑๐๐๒ สุขศกึ ษา พลศึกษา ๒ นก. กลุ่มวิชาสขุ ศึกษาและพลศึกษา ๒ นก.
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั เนอ้ื หา 2000-1603 การออกกาลงั กายเพื่อเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพในการทางาน 0-2-1
2. บอกหลักการ และปฏิบตั ิตนตามหลกั 2. หลักการสุขาภิบาลอาหาร (Physical Fitness for Work)
สขุ าภิบาลอาหารได้อยา่ งเหมาะสม - การปนเปือ้ น
3. จดั โปรแกรมอาหารทเ่ี หมาะสมสาหรบั - การปรงุ และจาหนา่ ย จดุ ประสงค์รายวิชา
- ผปู้ ระกอบการ จาหนา่ ยอาหาร 1. เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับหลักการและรูปแบบในการออกกาลังกาย และการ
ครอบครัว ผสู้ ูงอายุ และผู้ป่วย - สุขลกั ษณะทวั่ ไปบรเิ วณแผงจาหนา่ ย เสรมิ สร้างสมรรถภาพทางกาย
- สุขลักษณะอาหารถุง 2. เพ่อื ให้สามารถพฒั นาสมรรถภาพทางกาย ให้พร้อมท่ีจะประกอบอาชพี ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ฯลฯ 3. เพื่อให้ตระหนกั ถึงคุณคา่ ของการออกกาลงั กายและการเล่นกฬี าเปน็ ประจา
3. การจัดโปรแกรมอาหารทเ่ี หมาะสมสาหรบั
บุคคลกลมุ่ ต่าง ๆ สมรรถนะรายวชิ า
- ตนเองและครอบครวั 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกับหลกั การและรปู แบบของการออกกาลงั กาย
- ผู้สูงอายุ 2. ประยกุ ต์การออกกาลังกายเพอ่ื พัฒนาสมรรถภาพทางกาย
- ผ้ปู ่วย 3. ออกกาลงั กายเพอ่ื พฒั นาความสมบรู ณ์ของร่างกายและจติ ใจ
4. ปฏิบัติโครงงานเก่ียวกบั การออกกาลังกาย

ฯลฯ คาอธิบายรายวิชา
๔. เสริมสรา้ งสขุ ภาพ ปฏิบัติเกี่ยวกับ กิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการและรูปแบบการออกกาลังกาย กลไกของ
1. มีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างเสรมิ สขุ ภาพ 1. การรวมกลมุ่ เพือ่ สร้างเสริมสขุ ภาพ เชน่ กลมุ่ ร่างกาย การเล่นกีฬาไทย กีฬาสากล หรอื กจิ กรรมนันทนาการ และการเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพทางกาย
ของชุมชนอย่างสม่าเสมอ ออกกาลงั กาย เล่นกฬี า บาเพ็ญประโยชน์และ ให้สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติโครงงานการออกกาลังกายด้วยกิจกรรมที่เหมาะสม
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ 2. อธบิ ายวิธกี ารของการออกกาลงั กายเพอ่ื นันทนาการ เป็นตน้ สาหรับตนเองเพ่ือพัฒนาสมรรถภาพทางกายให้เป็นไปตามเป้าหมายพร้อมท่จี ะประกอบอาชีพได้อย่างมี
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา สขุ ภาพไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. การออกกาลงั กายทีเ่ หมาะสมกับบุคคลและ วัย ประสิทธิภาพ
ตา่ ง ๆ
๕. โรคที่ถ่ายทอดทางพนั ธุรกรรม
1. อธิบายโรคที่ถา่ ยทอดทางพันธุกรรม 1. โรคทถ่ี า่ ยทอดทางพนั ธุกรรม สาเหตุ อาการ
2. ปฏบิ ัติตนในการป้องกนั โรคตดิ ต่อ โรคท่ี การป้องกันและการรักษา
เป็นปัญหาตอ่ สขุ ภาพและโรคทีเ่ ปน็ ปญั หา - โรคทลั ลสั ซเี มีย
สาธารณสขุ - โรคภมู ิแพ้
3. วเิ คราะหผ์ ลกระทบของพฤติกรรมสุขภาพ - โรคขาดสารไอโอดีน
ทีม่ ีต่อการป้องกันโรค ฯลฯ

131 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี 131

132 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๒ นก.
ทช๓๑๐๐๒ สุขศึกษา พลศึกษา ๒ นก. กลมุ วิชาสุขศึกษาและพลศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรรู ะดบั เนอื้ หา 2000-1606 การจัดระเบียบชีวติ เพื่อความสขุ 1-0-1
4. แนะนาํ ขอ มลู ขาวสาร และแหลงบริการ 2. การวางแผนรวมกบั ชมุ ชนเพ่อื ปอ งกนั และ (Life Management for Happiness)
เพอื่ ปองกันโรคแกครอบครวั และชมุ ชน หลกี เลยี่ งโรคตดิ ตอ และโรคทีเ่ ปนปญหา
๖. ปลอดภยั จากการใชย า สาธารณสุข จุดประสงครายวชิ า
3. ผลกระทบของพฤตกิ รรมสุขภาพทม่ี ีตอ 1. เพ่ือใหเขาใจในหลักการ กระบวนการและวางแผนสงเสริมสุขภาพตามพัฒนาการของตนเอง
1. อธบิ ายหลักการ และวิธีการใชย าทถ่ี กู ตอ ง การปอ งกันโรค และครอบครัว
2. วเิ คราะหผ ลกระทบจากความเช่อื ทผ่ี ดิ 4. ขอ มลู ขา วสาร และแหลง บรกิ าร 2. เพ่ือใหสามารถปองกันและหลีกเล่ียงปจจัยเส่ียงตอสุขภาพ อุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ การใชยา
เพื่อการปอ งกันโรค สารเสพตดิ สือ่ และความรุนแรง
เกยี่ วกับการใชย า 1. หลกั การและวธิ ใี ชย า เชน การใชโดยไมจ ําเปน 3. เพ่ือใหส ามารถเลือกใชร ะบบบรกิ ารสขุ ภาพ
3. จําแนกอันตรายที่เกดิ จากการใชย า 2. ความเช่อื เกีย่ วกับการใชยา 4. เพอื่ ใหม ที ักษะการปฐมพยาบาล
- ยาบํารงุ กําลงั 5. เพอ่ื ใหตระหนักในแนวทางการดาํ เนินชวี ติ ที่เหมาะสมและปลอดภัย
การปองกนั และการชว ยเหลือไดอยาง - ยาที่ทาํ จากอวัยวะสตั ว เชน องุ ตนี หมี ดงี ู
ถูกตอง สมองลงิ ยาดองงเู หา สมรรถนะรายวิชา
4. แนะนาํ ขอมูลขาวสาร และความรทู ถ่ี กู ตอง 3. การวิเคราะหอ นั ตรายจากการใชย า 1. แสดงความรเู ก่ียวกบั หลักการ กระบวนการ และวางแผนสงเสริมสขุ ภาพ
เก่ยี วกับการใชยาแกครอบครัว และชุมชน การปอ งกัน และการชวยเหลือ 2. วเิ คราะหป จ จัยเสย่ี งตอสขุ ภาพ
4. การแนะนาํ ในการเลือกใชขอมูลขา วสาร 3. วางแผนปองกนั อันตรายจาก อบุ ัติเหตุ ภยั ธรรมชาติ การใชย า สารเสพตดิ สือ่ และความรุนแรง
เกีย่ วกับการใชย า 4. ปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน ตามหลกั การและกระบวนการ
5. ปฏิบตั ิโครงงานเพื่อสงเสริมสุขภาพและพฒั นาคุณภาพชวี ติ และสง่ิ แวดลอม

๗. ผลกระทบจากสารเสพติด 1. การวิเคราะหปญ หา สาเหตุ ผลกระทบ และ คําอธบิ ายรายวิชา
1. วเิ คราะหป ญหา สาเหตุและการแพร การแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ศึกษาเก่ียวกับ สุขบัญญัติแหงชาติเพื่อการเสริมสรางสุขภาพของตนเองและครอบครัวเพ่ือปองกัน
ระบาดของสารเสพตดิ
2. วเิ คราะหผ ลกระทบของสารเสพตดิ ทม่ี ี 2. การมสี วนรว มในการปอ งกันส่งิ เสพตดิ ใน ผลกระทบจากการขาดการออกกําลังกายและการรับประทานอาหารท่ีไมเหมาะสม โรคติดตอและ
ตอ ตนเอง ครอบครวั ชุมชนและประเทศ ชมุ ชน โรคไมติดตอ พฤติกรรมทางเพศท่ีสงผลตอสุขภาวะทางเพศและโรคเอดสโดยคํานึงถึงบริบทของสังคม
3. มสี วนรวมรณรงคป อ งกนั สิ่งเสพตดิ ใน การหลีกเลี่ยงและปองกันอันตรายจากสิ่งเสพติดและอุบัติเหตุ ปฏิบัติการปฐมพยาบาลจากอันตราย
ชมุ ชนอยา งสม่าํ เสมอ 3. กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ งกบั สิ่งเสพตดิ ในชีวิตประจําวัน การเตรียมการเพ่ือรับมือกับภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ การใชยา สารเสพติด สื่อและ
ความรุนแรง การใชระบบบริการสุขภาพเพื่อนําไปสูการสรางเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต
4. แนะนาํ สาระสาํ คญั ของกฎหมายท่ี ดวยวถิ ชี วี ิตท่พี อเพียง
เกยี่ วของกับส่ิงเสพตดิ แกครอบครวั
และผูอ่ืน

132

หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
ทช๓๑๐๐๒ สุขศึกษา พลศึกษา ๒ นก. กลมุ่ วิชาสขุ ศึกษาและพลศึกษา ๒ นก.
มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ เนือ้ หา
๘. ทักษะชีวติ เพือ่ สขุ ภาพจติ
1. บอกความหมายและความสาคญั ของ 1. ความหมาย ความสาคญั ของทักษะชีวติ 10
ทักษะชีวติ ได้ทง้ั 10 ประการ ประการ
2. บอกทักษะชีวิตท่ีจาเปน็ ได้อยา่ งนอ้ ย 3 2. ทักษะชวี ิตท่ีจาเป็น 3 ประการ
ประการ - ทักษะการตระหนักรใู้ นตน
3. ประยุกตใ์ ชท้ กั ษะชวี ติ ในการทางาน การ - ทกั ษะการจัดการกับอารมณ์
ปรบั ตัวและการแกป้ ญั หาชีวิตครอบครวั ได้ - ทักษะการจดั การกับความเครียด
อย่างเหมาะสม 3. การประยุกตใ์ ชท้ ักษะชีวิตในการทางาน การ
4. แนะนากระบวนการทักษะชวี ิตในการ ปรบั ตวั และการแก้ปญั หาชวี ติ
แก้ปัญหาแกค่ รอบครัว เพ่ือนและผอู้ ื่น 4. การแนะนากระบวนการทักษะชวี ติ ในการ
แก้ปญั หากบั ผอู้ นื่

หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

133 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี 133

134 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พุทธศักราช 2556
สค๓๑๐๐๑ สังคมศกึ ษา ๓ นก. กลมุ่ วิชาสังคมศึกษา ๓ นก.
มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดบั เนอ้ื หา หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะยอ่ ย
๑. ภูมิศาสตร์กายภาพ 1. ดารงตนตามหลกั ธรรม ศลี ธรรม - ประยกุ ตใ์ ชแ้ บบอย่างการดารงตนของศาสดาในการพฒั นาตน
1. มคี วามรู้ ความเข้าใจ เกีย่ วกับสภาพทาง 1. สภาพภูมิศาสตรก์ ายภาพของประเทศไทยกบั จริยธรรม ศาสนพธิ ขี องศาสนา และสงั คม ปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรม ศีลธรรมและจรยิ ธรรมของ
ภมู ิศาสตรก์ ายภาพของประเทศไทยกับ ทวปี เอเชีย ทวปี ยโุ รป ทวปี ออสเตรเลยี ทวปี ศาสนา ศาสนพธิ ี พธิ กี รรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถือ บริหารจิต
ทวีปตา่ ง ๆ แอฟริกา ทวีปอเมริกา และเจรญิ ปญั ญาตามหลกั ปฏิบตั ทิ างศาสนา
2. เปรยี บเทยี บสภาพภูมิศาสตรก์ ายภาพของ 2. การเปรยี บเทียบสภาพภมู ิศาสตรก์ ายภาพของ ๒. ดารงตนเปน็ พลเมืองดี - ประยุกตใ์ ช้หลักขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละค่านิยมทด่ี ขี อง
ประเทศไทยกบั ทวปี ตา่ ง ๆ ประเทศไทยกับประเทศตา่ งในในทวีปตา่ ง ๆ สังคมไทยมาใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั
3. มคี วามร้คู วามเข้าใจในปรากฏการณ์ทาง 3. สาเหตุและลักษณะการเกดิ ปรากฏการณ์ทาง - ปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมอื งดภี ายใตก้ ารปกครองระบอบ
ธรรมชาติทีเ่ กดิ ขน้ึ ในโลก ธรรมชาติทส่ี าคัญ ๆ รวมท้งั การปอ้ งกนั ประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุขและปฏบิ ัติ
4. มีทกั ษะการใชเ้ ครอ่ื งมือทางภูมศิ าสตรท์ ี่ อนั ตรายเม่ือเกดิ ตนตามกฎหมาย
สาคญั ๆ - พายุชนิดต่างๆ 3. ประยุกตใ์ ชข้ ้อมลู ทางประวตั ศิ าสตร์ - แสดงความรแู้ ละใชว้ ธิ ที างประวัตศิ าสตรใ์ นการศึกษาการเมอื ง
5. ร้วู ิธีปอ้ งกนั ตนเองให้ปลอดภยั เม่อื เกดิ ภัย - นา้ ท่วม การเมืองการปกครอง การธารง การปกครอง และความเปน็ มาของชาติไทย
จากปรากฏการณธ์ รรมชาติ - แผ่นดินไหว ความเป็นไทย การอยรู่ ว่ มกันใน - ธารงไว้ซง่ึ ความเป็นเอกลักษณ์ของชาตไิ ทย
6. สามารถวเิ คราะห์ แนวโน้ม และวกิ ฤต - ภูเขาไฟระเบิด สงั คมไทยและประชาคมอาเซยี น - แสดงความรู้และปฏิบัตติ นพรอ้ มรบั การเปน็ ประชากรของ
สิ่งแวดล้อมท่ีเกดิ จากการกระทาของ - ภาวะโลกร้อน ปรากฏการณ์เรือนกระจก ประชาคมอาเซยี น
มนุษย์ - อื่น ๆ - แสดงความรู้และใชว้ ิธกี ารทางภูมศิ าสตรเ์ พือ่ การศึกษาและ
7. มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้นวัตกรรม 4. วิธีใชเ้ ครอื่ งมือทางภมู ศิ าสตร์ 4. ใช้หรอื ประยุกต์ใช้ขอ้ มลู ทาง พฒั นา เศรษฐกิจ สงั คม สิ่งแวดลอ้ มของไทย
และเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนา - แผนที่ ภมู ศิ าสตรแ์ ละเศรษฐกิจของไทย - วิเคราะห์ เปรียบเทียบความแตกตา่ งของกจิ กรรมทาง
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท่ี - ลกู โลก และกลมุ่ ประชาคมเศรษฐกจิ เศรษฐกจิ ของไทยในแตล่ ะภมู ภิ าคกับกลมุ่ ประชาคมอาเซยี น
ยง่ั ยนื - Website และอ่ืน ๆ อาเซยี น - แสดงความรู้และใช้หลักการและกระบวนการสารสนเทศทาง
5. วิธปี อ้ งกันตนเองจากภัยธรรมชาติ
6. ปญั หาการทาลายทรัพยากรธรรมชาติ และ ภมู ิศาสตรเ์ พอ่ื การพฒั นาทยี่ ั่งยนื ในประเทศไทยและกลุ่ม
ประชาคมอาเซยี น
ส่งิ แวดลอ้ ม - แสดงความรู้และวเิ คราะหบ์ ทบาทและความสาคญั ของความ
7. การวิเคราะหส์ าเหตกุ ารเกิดปญั หา และสภาพ รว่ มมอื ทางเศรษฐกิจในกล่มุ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
การทาลายทรัพยากรธรรมชาติ และ 5. นาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ - แสดงความร้แู ละประยุกต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ
สิง่ แวดลอ้ มทเี่ กดิ จากการกระทาของมนุษย์ พอเพยี งไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั พอเพียงในการดาเนินชวี ติ วิเคราะห์หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ
ในสภาพปัจจุบนั และแนวโนม้ ในอนาคต พอเพียงเพอ่ื การเปน็ พลเมืองดีตามกฎหมาย

134 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556
สค๓๑๐๐๑ สังคมศกึ ษา ๓ นก. กลมุ วิชาสังคมศกึ ษา ๓ นก.
มาตรฐานการเรยี นรูระดบั เน้อื หา
- ปาไม 2000-1502 ทกั ษะชวี ติ และสงั คม 2-0-2
(Life Skills and Society)
- ภูเขา
- แมน ้ํา ลําคลอง หนอง บงึ ทะเล จุดประสงคร ายวิชา
- ดิน 1. เพ่ือใหมีความรูความเขาใจเก่ียวกับหลักการดําเนินชีวิตในสังคมภายใตหลักปรัชญาของ
- สัตวปา สตั วน ํ้า เศรษฐกิจพอเพยี ง
- แรธ าตุ 2. เพ่ือใหสามารถประยุกตใชหลักมนุษยสัมพันธในงานอาชีพ มรรยาท ความเปนพลเมืองดี
- มลพษิ ทางอากาศ เพอ่ื พฒั นาคุณภาพชีวิต และการอยูรวมกันในสังคม
- ปรากฏการณเ รือนกระจก 3. เพอื่ ใหม ีเจตคติท่ีดตี อ การพฒั นาคุณภาพชีวิตและการอยรู วมกันในสงั คม

- การปองกนั การพงั ทลายของดนิ สมรรถนะรายวิชา
- การพฒั นาดินใหอ ดุ มสมบูรณ เชน การปลูก 1. แสดงความรูเกี่ยวกับหลักการดําเนนิ ชวี ติ ภายใตห ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ปา การปลกู หญาแฝก ฯลฯ 2. ตอบสนองสถานการณต าง ๆ โดยประยุกตใชห ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
4. ความเขมแข็งของภาคประชาชนในการ หลกั มนษุ ยสมั พันธ ความมมี รรยาทและความเปนพลเมอื งดี

แกปญหาการทําลายทรัพยากรธรรมชาติและ คําอธิบายรายวิชา
สง่ิ แวดลอม (กรณตี วั อยา ง) ศึกษาเกยี่ วกบั การมีทกั ษะชีวติ ในสงั คมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักมนุษยสัมพันธ
๒. ประวตั ิศาสตรช าตไิ ทยและประวัตศิ าสตรโ ลก 1. การแบงชวงเวลา และยุคสมยั ทาง
1. อธิบายเหตุการณส ําคญั ทางประวตั ศิ าสตร ประวตั ศิ าสตร ในการทํางาน มรรยาทไทย มรรยาทสงั คม ความเปนพลเมืองดี เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามกรอบ
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ ของประเทศตา งๆ ในโลกได 2. แหลงอารยธรรมโลก แนวคดิ ของแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
2. วเิ คราะห และเปรียบเทยี บเหตกุ ารณ - จีน
สาํ คญั ทางประวตั ิศาสตรข องแตละ - อินเดีย
ประเทศในโลก ทม่ี ีผลกระทบตอความ - อยี ิปต
เปลี่ยนแปลงของประเทศตา งๆ ในโลก - เมโสโปเตเมยี
3. วิเคราะหเ หตุการณโ ลกปจ จบุ นั และ - กรกี
คาดคะเนเหตกุ ารณทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ กับ - โรมนั
ประเทศตา งๆในอนาคตไดแ ละวเิ คราะห 3. ประวตั ิชาติไทย
ความขดั แยงดา นการเมืองในบทบาท - ธนบุรี
ตา งประเทศของโลกปจ จุบัน -รตั นโกสินทร

135 135

136 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๓ นก.
สค๓๑๐๐๑ สังคมศกึ ษา ๓ นก. กล่มุ วิชาสงั คมศึกษา
มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั เนอ้ื หา 2000-1507 ประวัติศาสตรช์ าตไิ ทย 1-0-1
4. วเิ คราะห์ความสาคญั ของสถาบัน - ลกั ษณะการเปลยี่ นแปลงการปกครอง (Geography and Thai History)
พระมหากษตั รยิ ต์ อ่ ชาตไิ ทย - เหตุการณ์ปัจจุบันที่มีผลต่อเนื่องมาจาก
๓. เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย และประเทศต่างๆ ใน จดุ ประสงค์รายวชิ า
โลกที่ส่งผลถึงอนาคต 1. เพอื่ ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั กระบวนการทางประวัติศาสตร์
1. วเิ คราะหป์ ญั หาและแนวโนม้ ทางเศรษฐกิจ 4. บทบาทของสถาบนั พระมหากษตั รยิ ใ์ นการพฒั นา 2. เพอื่ ให้สามารถนาความรทู้ างประวตั ศิ าสตรม์ าประยกุ ตใ์ ช้เป็นพื้นฐานในการดารงชวี ิต
ของประเทศไทยได้ ชาตไิ ทยในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ การปอ้ งกนั และรักษา 3. เพ่อื ใหต้ ระหนักในความสาคญั ของประวัติศาสตรช์ าตไิ ทย เพอ่ื ธารงไวซ้ ง่ึ สถาบนั ชาติ ศาสนา
เอกราชของชาติ การสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทย และพระมหากษตั ริย์
๑. ปัญหาและแนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศ
ไทย สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความร้เู กย่ี วกบั กระบวนการทางประวัตศิ าสตร์
2. เปรียบเทยี บการเมือง การปกครอง เศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรมของประวตั ิศาสตร์ชาติไทย

2. เสนอแนวทางการแก้ปญั หาทางเศรษฐกจิ 1.1 ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย คาอธิบายรายวิชา
ของประเทศไทยในปจั จบุ ัน 1.2 แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ศึกษาเก่ียวกับกระบวนการทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัยสุโขทัย อยุธยา
3. รูแ้ ละเข้าใจ ตระหนักในความสาคญั ของ 2. ปัญหาเศรษฐกจิ ของไทยในปจั จุบนั รัตนโกสินทร์ ด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และพระราชกรณียกิจที่สาคัญ
การร่วมกลมุ่ เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ 3. ความสาคัญและความจาเปน็ ในการร่วมมอื ของพระมหากษตั ริย์องค์ปัจจบุ ัน
และประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ
4. ร้แู ละเขา้ ใจในระบบเศรษฐกจิ แบบตา่ ง ๆ 4. ระบบเศรษฐกจิ ในโลก
ในโลก 5. ความสัมพันธ์และผลกระทบทางเศรษฐกิจ
5. รูแ้ ละเข้าใจความสมั พันธแ์ ละผลกระทบ ระหวา่ งประเทศ กบั ภูมภิ าคตา่ ง ๆ ท่ัวโลก
ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศของประเทศ 6. รปู แบบของระบบเศรษฐกจิ และวิธีการเลอื ก
ไทยกบั กลุ่มเศรษฐกจิ ของประเทศตา่ ง ๆ จัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ในภมู ิภาค ในโลก ๗. กลไกราคา
6. วเิ คราะหค์ วามสาคญั ของระบบเศรษฐกิจ 7.1 กลไกราคากบั ระบบเศรษฐกจิ ในปัจจุบนั
และการเลือกจดั กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ 7.2 การแทรกแซงกลไกราคาของรฐั บาลใน
ของประเทศตา่ งๆ ในโลก และผลกระทบ การสง่ เสริม และแกไ้ ขระบบเศรษฐกจิ
7. เขา้ ใจในเรื่องกลไกราคากบั ระบบ 8. ความหมาย ความสาคญั ของเงินประเภท
เศรษฐกจิ สถาบนั การเงิน และสถาบนั ทางการเงิน

136 แนวทางการจดั การอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชพี พุทธศกั ราช 2556
สค๓๑๐๐๑ สังคมศึกษา ๓ นก. กลมุ วิชาสังคมศึกษา ๓ นก.
มาตรฐานการเรียนรูระดบั เน้อื หา 137
8. รูและเขาใจในเร่ืองการเงนิ การคลงั 9. การธนาคาร
และการธนาคาร - ระบบของธนาคาร
9. รแู ละเขา ใจในระบบของการธนาคาร - ประเภทของธนาคาร
10. ตระหนกั ในความสําคญั ของเงิน - บทบาทหนา ทีข่ องธนาคารแหงประเทศไทย
และสถาบันการเงิน (ธนาคารกลาง)
11. วเิ คราะหผ ลกระทบจากปญหา 10. การคลัง รายไดป ระชาชาติ
ทางเศรษฐกิจในเรอ่ื งการเงนิ การคลงั - รายไดข องรัฐบาล และการจดั ทาํ
ของประเทศไทย และสังคมโลก งบประมาณแผนดิน
12. รูแ ละเขา ใจเร่อื งแผนพัฒนาเศรษฐกิจ - ภาษีกับการพัฒนาประเทศ
และสังคมแหงชาติ - ดุลการคา
- ดลุ การชาํ ระเงิน
11. ปญ หาเศรษฐกิจในประเทศไทย ประเทศ
ตา งๆในภมู ภิ าคตางๆ ของโลก
๑๒. แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแหงชาติ
12.1 แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสงั คม
แหง ชาติ ฉบับปจจุบัน
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ 12.2 ผลของการใชแผนพฒั นาเศรษฐกจิ
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา และสังคมแหงชาติ
๔. การเมอื งการปกครอง
1. รูและเขา ใจระบอบการเมืองการปกครอง 1. ระบอบการเมืองการปกครอง
ตางๆ ทใี่ ชอ ยปู จ จบุ ัน ๒. การปกครองระบอบประชาธิปไตย
2. ตระหนกั และเห็นคณุ คาการปกครอง 2.1 การปกครองระบอบเผด็จการ
ระบอบประชาธปิ ไตย 2.2 พัฒนาการของระบอบประชาธปิ ไตย
3. รแู ละเขา ใจผลท่เี กดิ จากการเปลี่ยนแปลง ของประเทศตา งๆ ในโลก
ทางการเมืองการปกครองของประเทศไทย 3. เหตกุ ารณส ําคญั ทางการเมืองการปกครอง
จากอดตี ของประเทศไทย

137

138 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556 ๓ นก.
สค๓๑๐๐๑ สังคมศกึ ษา ๓ นก. กล่มุ วิชาสังคมศกึ ษา
มาตรฐานการเรียนร้รู ะดบั เนื้อหา
4. รู้และเข้าใจผลที่เกดิ จากการเปลี่ยนแปลง 4. เหตกุ ารณส์ าคญั ทางการเมืองการปกครอง
การเมืองการปกครองของโลก ของโลกที่สง่ ผลกระทบตอ่ ประเทศไทย
5. ตระหนักและเห็นคณุ ค่าของหลกั ธรรมา- ๕. หลักธรรมาภิบาล
ภบิ าล และนาไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ิตจรงิ 5.1 หลักธรรมาภิบาลทีเ่ กีย่ วข้องกับชวี ิต
- นิตธิ รรม
- คณุ ธรรม
- ความโปรง่ ใส
- ความคุ้มค่า
- รบั ผดิ ชอบ
- ความร่วมมือ
5.2 แนวทางปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมาภบิ าล

138 แนวทางการจัดการอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี พุทธศักราช 2556
สค3100๒ ศาสนาและหน้าทพ่ี ลเมอื ง ๒ นก. กลุม่ วิชาสังคมศกึ ษา ๓ นก.
มาตรฐานการเรียนรู้-ตวั ชว้ี ดั เนอื้ หา
๑. ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี 2000-1501 หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม 2-0-2
(Civil Duties and Moral)
1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ศาสนาท่สี าคัญๆ ใน 1. ศาสนาต่าง ๆ
โลก - กาเนิดศาสนาต่าง ๆ จุดประสงค์รายวชิ า
2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในหลกั ธรรมสาคญั - ศาสดาของศาสนาต่าง ๆ 1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าท่ีของ
ของแตล่ ะศาสนา 2. หลักธรรมสาคญั ของศาสนาตา่ ง ๆ พลเมอื งดี และหลักธรรมของศาสนา
3. เหน็ ความสาคญั ในการอย่รู ่วมกับศาสนา - การเผยแพรศ่ าสนาตา่ ง ๆ 2. เพอื่ ให้ปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมืองดีตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข
อ่นื อยา่ งสันตสิ ขุ - ความขัดแยง้ ในศาสนาต่าง ๆ ซึง่ กอ่ ให้เกิด 3. เพ่อื ให้ปฏบิ ตั ติ นเป็นศาสนกิ ชนทดี่ ีตามหลกั ธรรมของศาสนาทตี่ นนับถือ
4. ประพฤติปฏบิ ตั ติ นทสี่ ่งผลใหส้ ามารถอยู่ ผลเสียในสังคม (กรณตี วั อย่าง) 4. เพ่ือใหต้ ระหนักถงึ การดารงชวี ิตที่ถกู ตอ้ งดงี ามในฐานะศาสนกิ ชนและพลเมอื งดี

ร่วมกับศาสนาอืน่ อยา่ งสันตสิ ขุ 3. การปฏบิ ัตติ นให้อยรู่ ว่ มกันอยา่ งสนั ติสุข สมรรถนะรายวชิ า
5. ฝกึ ปฏบิ ัติพฒั นาจติ เพ่ือให้สามารถพัฒนา 4. วธิ ฝี ึกปฏบิ ัติพฒั นาจติ ในแตล่ ะศาสนา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม สิทธิหน้าที่ของพลเมืองดี และ
ตนเองใหม้ ีสตปิ ญั ญาในการแก้ปัญหาต่างๆ 5. การพัฒนาสตปิ ญั ญาในการ แก้ปญั หาตา่ ง ๆ หลกั ธรรมของศาสนา
และพัฒนาตนเองครอบครวั สังคม ชมุ ชน และการพฒั นาตนเองครอบครวั ชุมชน สังคม 2. วิเคราะห์หลักการของวัฒนธรรม คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
6. มคี วามรู้ ความเข้าใจในวฒั นธรรมประเพณี (กรณตี วั อย่าง) พอเพยี งเพื่อใชใ้ นการดารงชีวติ
ของประเทศไทยและประเทศตา่ ง ๆ ในโลก 6. วฒั นธรรมประเพณใี นประเทศไทยและ 3. นาหลักศาสนา หลักธรรม และหลกั กฎหมาย มาประยุกต์ใชเ้ พื่อการเป็นพลเมืองดี

7. ตระหนักถึงความสาคญั ในวัฒนธรรม ประเทศต่าง ๆ ในโลก คาอธบิ ายรายวิชา
ประเพณขี องประเทศไทย และประเทศ - ภาษา ศึกษาเก่ียวกับ ความสาคัญของสถาบันครอบครัวและสถาบันทางสังคม วัฒนธรรม คุณธรรม
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ ต่าง ๆ ในโลก - การแต่งกาย
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 8. มสี ว่ นร่วมสบื ทอดวฒั นธรรมประเพณไี ทย - อาหาร จริยธรรม ค่านิยมและการดารงชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สิทธิหน้าที่ของพลเมืองดี
ตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ และหลักธรรมของศาสนาท่ีตนนับถือ

9. ประพฤติตนเป็นแบบอยา่ งของผ้ทู มี่ ี - ประเพณีทส่ี าคญั ๆ
วฒั นธรรมประเพณีอนั ดงี ามของสงั คมไทย ฯลฯ
และเลือกรบั ปรบั ใชว้ ัฒนธรรมจาก 7. การอนรุ กั ษ์ และสืบทอดวัฒนธรรมประเพณี
ต่างชาติไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับตนเองและ (กรณตี ัวอย่าง)
สังคมไทย 8. ข้อปฏิบตั ิในการมสี ่วนร่วม สืบทอด ประพฤติ
10. ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตามคา่ นยิ มที่พึงประสงค์ ปฏิบตั ติ นเป็นแบบอย่างในการอนรุ ักษ์
ของสังคมโลก วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของสงั คมไทย

139 แนวทางการจัดการอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี 139

140 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556 ๓ นก.
สค3100๒ ศาสนาและหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง ๒ นก. กลุม่ วิชาสังคมศึกษา
มาตรฐานการเรียนรู้-ตวั ชวี้ ดั เนื้อหา
11. เป็นผนู้ าในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหา ๙. การประพฤตติ นเปน็ แบบอยา่ งของผ้ทู ่มี ี
พฤตกิ รรมตามค่านยิ มที่ไมพ่ ึงประสงค์ วฒั นธรรมประเพณีอันดงี าม
ของสังคมไทย ๙.๑ แนวทางในการเลือกรับ ปรบั ใช้
วฒั นธรรมตา่ งชาตไิ ด้อย่างเหมาะสมกับ
ตนเองและสงั คมไทย (กรณตี ัวอยา่ ง)
9.2 คา่ นยิ มท่ีพงึ ประสงคข์ องสังคมไทย
- ความเอ้ือเฟอื้ เผอื่ แผ่
- การย้มิ แยม้ แจม่ ใส
- การใหอ้ ภยั
ฯลฯ
10. คา่ นยิ มทพี่ งึ ประสงคข์ องประเทศต่าง ๆ ใน
โลก การตรงตอ่ เวลา ความมรี ะเบยี บ ฯลฯ
11. วิธีปฏบิ ตั ใิ นการประพฤตติ นเป็นผู้นาร่วม
ในการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาพฤติกรรม
ท่ีไมพ่ งึ ประสงค์ในสงั คมไทย

๒. หนา้ ท่พี ลเมอื ง 1. บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู ที่มีผลตอ่ การ
๑. รแู้ ละเข้าใจบทบัญญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู เปลี่ยนแปลงทางสังคม และมผี ลตอ่ ฐานะของ
2. ร้แู ละเขา้ ใจบทบาทหน้าที่ขององคก์ รตาม ประเทศในสงั คมโลก
รฐั ธรรมนญู และการตรวจสอบอานาจรฐั
3. อธบิ ายความเป็นมา และการเปลย่ี นแปลง 2. บทบาทหนา้ ท่ีองคก์ รตามรฐั ธรรมนูญและการ
ของรัฐธรรมนญู ตรวจสอบการใช้อานาจรฐั
4. บอกวธิ ีปฏบิ ตั ติ นตามรัฐธรรมนญู และ
กฎหมาย 3. ความเปน็ มา และการเปลี่ยนแปลงของ
5. รแู้ ละเข้าใจหลกั สทิ ธิมนุษยชน รฐั ธรรมนญู
6. อธิบายหลักสิทธมิ นษุ ยชนใหผ้ ้อู นื่ ได้
4. วิธีปฏิบตั ติ นตามรัฐธรรมนญู และกฎหมาย
4.1 รัฐธรรมนูญและกฎหมายอ่ืน ๆ

140 แนวทางการจดั การอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี

หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
สค3100๒ ศาสนาและหนา้ ที่พลเมอื ง ๒ นก. กลุม่ วิชาสังคมศึกษา ๓ นก.
มาตรฐานการเรียนรู้-ตัวชวี้ ัด เนื้อหา
7. ปฏบิ ัตติ นตามหลักสิทธมิ นษุ ยชน 4.2 การปฏิบตั ิตนใหส้ อดคล้องตาม
8. มสี ่วนร่วมในการปอ้ งกันและปราบปราม บทบญั ญตั ขิ องรัฐธรรมนญู และการ
การทุจรติ สนบั สนนุ สง่ เสรมิ ใหผ้ อู้ ืน่ ปฏบิ ัติ
5. หลกั สิทธิมนษุ ยชนและบทบาทหนา้ ทค่ี วาม
รับผดิ ชอบของคณะกรรมการสิทธ์ิ
6. กฎหมายระหว่างประเทศท่วี ่าดว้ ยการ
คมุ้ ครองสทิ ธดิ ้านบคุ คล
7. การปฏบิ ตั ติ ามหลกั สิทธิมนษุ ยชน
8. การมสี ว่ นร่วมในการป้องกนั และปราบปราม
การทุจรติ
8.1 วธิ สี รา้ งความตระหนักในการป้องกนั และ
ปราบปรามการทจุ ริต
8.2 กฎหมายทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั การปอ้ งกนั และ
ปราบปรามการทจุ ริต
8.3 การกระต้นุ จติ สานึกในการปอ้ งกันและ
ปราบปรามการทุจรติ
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

141 แนวทางการจัดการอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี 141

142 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พุทธศกั ราช 2556
ทร3100๑ ทักษะการเรยี นรู้ ๕ นก. วชิ าเลือกเสรี
มาตรฐานการเรยี นรู้-ตวั ชีว้ ัด เน้อื หา 2000*๙๓01 ทักษะการเรียนรู้ 2-0-2
๑. การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (Learning Skill)
1. อธิบายความหมาย ความสาคญั และ 1. ความหมาย ความสาคัญ และกระบวนการ
กระบวนการของการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ของการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง จุดประสงค์รายวชิ า
2. ปฏิบตั กิ ารฝึกทกั ษะพ้นื ฐานทางการศึกษา 2. ทกั ษะพืน้ ฐานทางการศกึ ษาหาความรู้ ทักษะ 1. เพอื่ ให้มีความร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั หลักการและกระบวนการเรียนร้ดู ้วยตนเอง
2. เพ่ือให้สามารถใช้แหล่งการเรียนรู้ จัดการความรู้และสรุปองค์ความรู้ คิดวิเคราะห์เพื่อการ
หาความรู้ ทกั ษะการแก้ปัญหาและเทคนิค การแก้ปัญหาและเทคนิคในการเรยี นรดู้ ้วย แก้ปัญหา และการวิจัยอยา่ งง่าย
ในการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองได้ และการวาง ตนเอง รวมทง้ั การวางแผนการเรยี นรู้ และ
แผนการเรยี นรู้ และการประเมินผลการ การประเมนิ ผลการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง 3. เพื่อให้มีเจตคติและกิจนิสัยท่ีดีในการศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง ด้วยความขยัน อดทน
และมคี วามรับผดิ ชอบ
เรยี นรดู้ ้วยตนเอง 3. ทักษะการพดู และการทาแผนผงั ความคดิ
3. ฝกึ ปฏิบตั ิทักษะการพูดและการทาแผนผัง 4. ปจั จยั ที่ทาให้การเรยี นรดู้ ้วยตนเองประสบ สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการและกระบวนการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองจากแหล่งการเรียนรู้
ความคดิ ความสาเรจ็ และกระบวนการวจิ ยั
4. อธบิ ายปจั จัยที่ทาใหก้ ารเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง 1. ความหมาย ความสาคัญ ประเภทแหล่งเรียนรู้ 2. แสวงหาความรู้จากแหล่งการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ ด้วยตนเอง
3. วางแผนและดาเนนิ การวจิ ัยเพอื่ แก้ปัญหาหรอื พัฒนางานตามหลักการและกระบวนการ
ประสบความสาเรจ็ เข้าถึงสารสนเทศ แหลง่ เรยี นรอู้ ืน่ ๆ ทสี่ าคัญ 4. จัดการความรู้และสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งการเรียนรู้ และ
๒. การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ รวมทง้ั การใชอ้ ินเตอร์เนต็ เพื่อการเรยี นร้ขู อง กระบวนการวิจัยตามหลักการและกระบวนการ
ตนเอง
1. อธบิ ายความหมาย ความสาคญั ประเภท 2. ข้อควรคานงึ ในการศึกษาเรยี นรกู้ บั แหล่ง คาอธบิ ายรายวิชา
แหล่งเรียนรู้ การใช้หอ้ งสมดุ และแหล่ง ข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยี ศึกษาเกี่ยวกับ ความหมาย ความสาคัญและกระบวนการของการเรียนรู้ด้วยตนเอง การใช้แหล่ง
เรยี นรอู้ ่นื ๆ ท่สี าคัญ รวมท้ังการใช้
อนิ เตอร์เนต็ เพ่อื การเรยี นรู้ของตนเอง การเรยี นรู้ กระบวนการจัดการความรู้และสรุปองค์ความรู้ การคดิ วิเคราะหเ์ พอ่ื กาหนดทางเลือกในการ
แกป้ ัญหา และการวจิ ัยอยา่ งงา่ ย
2. บ่งช้ีขอ้ ดีข้อเสียของแหลง่ เรยี นรู้
3. ปฏิบตั ิการเรยี นรกู้ บั แหลง่ เรยี นร้ตู า่ ง ๆ ได้
เหมาะสม
๓. การจัดการความรู้
1. อธบิ ายความหมาย ความสาคัญ หลกั การ 1. ความหมาย ความสาคญั หลกั การ กระบวน
กระบวนการจดั การความรู้ การรวมกลุ่ม การจัดการความรู้ การรวมกลุ่มเพอ่ื ต่อยอด
เพื่อต่อยอดความรู้ การพฒั นาขอบข่าย ความรู้ การพัฒนาขอบข่ายความรขู้ องกลุ่ม
ความรขู้ องกลุม่ การจัดทาสารสนเทศ การจัดทาสารสนเทศเผยแพรค่ วามรู้
เผยแพรค่ วามรู้

142 แนวทางการจดั การอาชีวศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พทุ ธศักราช 2556
ทร3100๑ ทักษะการเรียนรู้ ๕ นก. วิชาเลือกเสรี
มาตรฐานการเรียนรู้-ตัวชวี้ ดั เน้ือหา
2. ปฏบิ ตั กิ ารดา้ นทักษะกระบวนการจดั การ 2. ทกั ษะกระบวนการจัดการความรดู้ ว้ ยตนเอง
ความรู้ดว้ ยตนเองและด้วยการรวมกลุ่ม และด้วยการรวมกลมุ่ ปฏิบตั กิ าร
ปฏบิ ัตกิ าร 3. สรปุ องคค์ วามรขู้ องกลมุ่ จดั ทาสารสนเทศ
3. สรปุ องค์ความรู้ของกลุ่ม จดั ทาสารสนเทศ องค์ความรู้ในการพัฒนาตนเอง ครอบครวั
องค์ความรใู้ นการพัฒนาตนเอง ครอบครวั
๔. การคดิ เป็น
1. อธิบายความหมาย ความสาคญั ของการ 1. ความเชอื่ พืน้ ฐานทางการศึกษาผ้ใู หญ่/
คิดเปน็ การศกึ ษานอกระบบ ที่เช่อื มโยงมาสปู่ รัชญา
2. รวบรวมและวเิ คราะหส์ ภาพปัญหาของ คิดเป็น
ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และคดิ วเิ คราะห์ 2. ความหมาย ความสาคญั ของการคดิ เปน็
โดยใชข้ ้อมูลดา้ นตนเอง ดา้ นวชิ าการ 3. การรวบรวมและวเิ คราะหส์ ภาพปญั หา ของ
และด้านสังคมส่ิงแวดลอ้ ม ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และคดิ วเิ คราะห์
3. กาหนดแนวทางทางเลอื กทหี่ ลากหลายใน โดยใช้ขอ้ มูลดา้ นตนเอง ดา้ นวิชาการ และ
การแกป้ ญั หาอยา่ งมเี หตผุ ล มีคุณธรรม ด้านสงั คมสิ่งแวดลอ้ ม
จริยธรรม และมีความสขุ การประยุกต์ใช้ 4. กระบวนการและเทคนิคการเกบ็ ขอ้ มูล การ
อยา่ งมีเหตผุ ลเหมาะสมกบั ตนเอง วเิ คราะห์ และสงั เคราะหข์ อ้ มลู ทัง้ 3 ประการ
หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ ครอบครัว และชมุ ชน/สังคม ของบุคคล ครอบครวั และชมุ ชน เพ่อื
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ประกอบการคดิ การตดั สินใจ
5. การกาหนดแนวทางทางเลอื กทห่ี ลากหลาย
ในการแกป้ ญั หาอย่างมเี หตผุ ล มคี ณุ ธรรม
จรยิ ธรรม และมีความสขุ อย่างย่งั ยืน การ
ประยกุ ต์ใช้อย่างมีเหตผุ ลเหมาะสมกบั ตนเอง
ครอบครัว และชุมชน/สังคม

143 แนวทางการจัดการอาชีวศึกษาแบบทวภิ าคี 143

144 แนวทางการจัดการศึกษาเรยี นร่วมหลักสตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2556
ทร3100๑ ทักษะการเรียนรู้ ๕ นก. วิชาเลอื กเสรี
มาตรฐานการเรยี นรู้-ตวั ชว้ี ดั เน้ือหา
๕. การวิจัยอยา่ งง่าย
1. อธบิ ายความหมาย ความสาคญั การวิจยั 1. ความหมาย ความสาคญั การวิจยั อยา่ งง่าย
อยา่ งงา่ ย กระบวนการและขั้นตอนของ กระบวนการและขั้นตอนของการดาเนินงาน
การดาเนินงาน 2. สถติ ิง่าย ๆ เพื่อการวจิ ยั
2. อธบิ าย และฝกึ ปฏิบตั เิ ก่ียวกบั สถติ ิงา่ ย ๆ 3. การสร้างเคร่ืองมอื การวจิ ัย
เพื่อการวจิ ยั 4. การเขยี นโครงการวิจัยอย่างง่าย ๆ
3. สร้างเครือ่ งมือการวจิ ยั อยา่ งง่าย ๆ 5. ทักษะการวิจัยในอาชพี การเขยี นรายงานวจิ ยั
4. ปฏิบตั กิ ารเขยี นโครงการวิจยั อยา่ งง่าย ๆ การนาเสนอและเผยแพร่งานวิจยั
และมีทกั ษะการวจิ ัยในอาชีพ การเขยี น
รายงานวจิ ัย การนาเสนอและเผยแพร่
งานวจิ ัย
๖. ทกั ษะการเรียนรู้และศกั ยภาพหลกั ของพน้ื ที่
ในการพัฒนาอาชีพ
1. อธบิ ายความหมาย ความสาคญั ของทกั ษะ 1. ความหมาย ความสาคญั ของศกั ยภาพหลกั
การเรยี นรู้ และศกั ยภาพหลักของพ้นื ท่ี ท่ี ของพ้ืนที่
แตกต่างกนั 2. กลมุ่ อาชพี ใหม่ 5 ดา้ น และศกั ยภาพหลักของ
2. ยกตวั อยา่ งเก่ียวกับศกั ยภาพหลกั ของพ้ืนที่ พน้ื ท่ี 5 ประการ
หลกั ทแี่ ตกตา่ งกนั กลมุ่ อาชีพใหม่
3. สามารถบอกหรือยกตวั อยา่ งเกี่ยวกบั 1. กลมุ่ อาชีพด้านเกษตรกรรม
ศักยภาพหลักของพื้นทขี่ องตนเอง 2. กลุ่มอาชีพดา้ นอุตสาหกรรม
4. ยกตวั อย่างอาชีพทใ่ี ชห้ ลักการพนื้ ฐานของ 3. กล่มุ อาชีพดา้ นพาณิชยกรรม
ศักยภาพหลักในการประกอบอาชพี ใน 4. กลุ่มอาชพี ด้านความคิดสรา้ งสรรค์
กล่มุ อาชพี ใหม่เช่น กลุ่มอาชีพดา้ น 5. กลุ่มอาชีพด้านการบรหิ ารจดั การและการ
เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม พาณชิ ยกรรม บริการ
ความคดิ สรา้ งสรรค์ การบริหารจดั การ
และการบรกิ าร

144 แนวทางการจดั การอาชวี ศกึ ษาแบบทวภิ าคี

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พุทธศักราช 2556
ทร3100๑ ทกั ษะการเรยี นรู้ ๕ นก. วชิ าเลอื กเสรี
มาตรฐานการเรยี นรู้-ตวั ชีว้ ัด เนอ้ื หา
ศกั ยภาพหลกั ของพืน้ ที่
1. ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาตใิ นแตล่ ะ
พ้ืนท่ี
2. ศกั ยภาพของพืน้ ทต่ี ามลกั ษณะภูมอิ ากาศ
3. ศักยภาพของภูมปิ ระเทศ และทาเลทต่ี ั้ง
ของแตล่ ะพน้ื ท่ศี ักยภาพของศลิ ปะ
วัฒนธรรม ประเพณี และวถิ ชี ีวติ ของแต่
ละพ้ืนที่
4. ศักยภาพของทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นแต่ละ
พืน้ ท่ี
3. ตัวอยา่ งการวิเคราะห์ศกั ยภาพหลกั ของพน้ื ท่ี
ทั้ง 5 ประการในกลมุ่ อาชพี ใหม่ ดา้ นการ
เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม พาณชิ ยกรรม
ความคิดสร้างสรรค์ บรหิ ารจัดการและการ
บรกิ าร

หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์
และสำ�นกั นโยบายและแผนการอาชวี ศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

145 แนวทางการจดั การอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี 145


Click to View FlipBook Version