เมตำดำตำ้ ทแี่ สดงในไฟล์
• ข้อมูลที่แสดงของไฟล์รูปภาพในเครื่องคอมพิวเตอร์ จะระบุข้อมูลท่ีเก่ียวกับ ขนาดของไฟล์, ตาแหน่งที่จัดเก็บไฟล์,
วนั ทม่ี กี ารเปล่ยี นแปลงข้อมูล เปน็ ต้น
ประโยชน์จำกกำรใช้
เมตำดำตำ้
• สามารถใชอ้ า่ นขอ้ มลู
• ช่วยในการจดั เรยี งขอ้ มลู
• ชว่ ยในการคน้ หาข้อมูลเฉพาะ
ขอ้ มูลท่ตี ้องการ
Key Applications 151
ควำมหมำยของฐำนขอ้ มลู
ฐานขอ้ มลู มาจาก 2 คา คือ ข้อมลู (Data) ซง่ึ หมายถงึ ตวั อกั ษร ตัวเลข หรือสัญลักษณ์ตา่ ง ๆ ท่ี
ใช้แทนข้อเท็จจริงส่ิงใดส่ิงหนึ่ง และ ฐานข้อมูล (Database) หมายถึง กลุ่มข้อมูลต่าง ๆ ท่ีมี
ความสมั พันธ์กัน และนามาเกบ็ รวบรวมไว้ในท่ีเดยี วกัน โดยมีหัวเรื่องหรือจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
เพ่ือความสะดวกในการเรียกใช้ภายหลัง เช่น การเก็บทะเบียนหนังสือ การเก็บประวัติพนักงาน ฯลฯ
ฐานข้อมูลเหล่านี้อาจจะเก็บอยู่ในรูปของแฟ้ม หรือเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ก็ได้ ซ่ึงสามารถนาไป
ประมวลผลหรอื ใช้งานตา่ ง ๆ ไดต้ ามต้องการ
Key Applications 152
ควำมหมำยของฐำนข้อมูล -ตอ่ -
ข้อมูลท่ีอยู่ในฐานข้อมูลเดียวกันภายในแฟ้มเดียวกันจะมีการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ เรียกว่า
ตาราง ซึ่งข้อมูลทุกอย่าง ที่ผู้ใช้ได้ทาการสร้างข้ึนจะต้องถูกจัดเก็บภายในตารางสามารถนาข้อมูลมา
ค้นหา ออกแบบสอบถาม สืบค้นเฉพาะข้อมูลท่ีต้องการ หรือ นามาออกรายงาน เพื่อทาการพิมพ์ลงสู่
กระดาษ หรอื นาขอ้ มูลนน้ั มาสรา้ งแบบฟอรม์ เพอ่ื ให้ผ้ใู ช้ทาการกรอกข้อมูลได้สะดวกมากข้นึ
Key Applications 153
ควำมรเู้ กี่ยวกบั โครงสรำ้ งฐำนขอ้ มลู
ไบต์ (Byte) หรอื อักขระ (Character) คือ ข้อมูลที่เล็กที่สุด ระเบียน (Record) คือ รายการข้อมูล ซึ่งประกอบไปด้วยเขต
ไดแ้ ก่ ตัวอกั ษร ตวั เลข เคร่อื งหมาย และสัญลักษณต์ ่าง ๆ แต่ ข้อมูลตั้งแต่ 1 เขตข้อมูลข้ึนไปมารวมกัน เช่น รายการที่อยู่
ละตัว ซึ่งตัวอกั ษร 1 ตัว จะหมายถึง 1 อกั ขระ ของพนกั งาน แต่ละคน หรือรายละเอียดของหนงั สอื แตล่ ะเล่ม
ไอเทม็ (Item) คอื การนาเอาตัวอกั ขระ หรือตัวอกั ษรต้ังแต่ 1 แฟ้ม (File) คอื แฟ้มหรือทีอ่ ยู่ของขอ้ มูล ซง่ึ เกิดจากการ
ตัวข้ึนไปมารวมกัน และเมื่อรวมกันแล้วต้องได้ความหมาย นาเอาระเบียน ตง้ั แต่ 1 ระเบียนข้นึ ไปมารวมกนั เชน่ แฟม้
แทนสิ่งใดส่ิงหนึง่ ประวตั ิของพนักงานในบรษิ ัท
เขตขอ้ มูล (Filed) คือ กล่มุ ของขอ้ มูล ซ่ึงประกอบดว้ ย Item ฐำนขอ้ มลู (Database) คอื หลายไฟลข์ อ้ มูลมารวมกนั เช่น
ทเ่ี ปน็ ขอ้ มลู ในกลมุ่ เดยี วกันตั้งแต่ 1 Item ขนึ้ ไปมารวมกัน เช่น ไฟล์ขอ้ มลู นกั เรียนมารวมกนั ในงานทะเบยี น แล้วรวมกับไฟล์
กลมุ่ ของรายช่ือ กลุม่ ของทอี่ ยู่ กลุ่มของเงนิ เดอื น การเงนิ
Key Applications 154
ฐำนขอ้ มูล (Database)
ตัวอย่ำงโครงสรำ้ งตำรำง
Key Applications 155
ประโยชน์ของระบบจดั กำรฐำนข้อมูล 156
• ลดความซ้าซอ้ นหรือขดั แย้งของข้อมูลได้
• การรกั ษาความถกู ตอ้ งของข้อมูลได้
• มคี วามเป็นอิสระของขอ้ มูล
• สามารถใช้ขอ้ มูลรว่ มกนั ได้
• สามารถกาหนดความเปน็ มาตรฐานเดียวกันได้
• สามารถกาหนดระบบความปลอดภยั ของข้อมูลโดยผ่านรหัส
Key Applications
ฐำนข้อมูลเชงิ สมั พนั ธ์ 157
โครงสร้างฐานข้อมูลท่ีนิยมใช้กันมากส่วนใหญ่ใช้
หลักการรวบรวมข้อมูลที่เก่ียวข้องกันเก็บไว้เป็น รีเลช่ัน ซ่ึง
มองเห็นในรูปของตารางสองมิติ ประกอบด้วย แถว และ
คอลัมน์ ที่ตัดกนั
• ข้อมลู ในแต่ละแถว เรยี กว่า ระเบียน (record) เปน็ การ
นาเสนอกลุ่มของข้อมูลท่ีมีความสัมพันธก์ นั หนงึ่ รายการ
• ข้อมูล ใ นแ ต่ ละ คอลั มน์ เรี ยกว่ า แ อต ทริบิ ว ต์
(attribute) เป็นการนาเสนอคุณสมบัติของข้อมูลหน่ึง
รายการ
Key Applications
ฐำนข้อมูลเชิงสัมพนั ธ์ 158
ในตารางหน่ึงอาจมีข้อมูลบางตัวท่ีมี
ความสัมพันธ์กับข้อมูลในตารางอ่ืน ซึ่ง
สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน ได้อย่าง
สะดวก
Key Applications
ควำมสัมพนั ธ์ของขอ้ มลู (Relationship)
Key Applications 159
ควำมสมั พันธข์ องขอ้ มูล (Relationship) 160
แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คอื
• One to One Relationship (1 – 1)
• One to Many Relationship (1 – M)
• Many to Many Relationship (M – N)
Key Applications
ประเภทของควำมสัมพนั ธ์ (1)
• One to One Relationship (1 – 1)
ควำมสัมพนั ธ์แบบหนงึ่ ต่อหนงึ่ (One to One Relationship)
เป็นความสัมพันธ์ที่อธิบายได้เห็นภาพชัดเจน โดย เป็นความสัมพันธ์ของข้อมูลใน 1
ระเบียน ของตารางหน่ึงที่มีความสัมพันธ์กับข้อมูลอย่างมากหน่ึงข้อมูลกับอีกระเบียน ในอีกตาราง
หนึง่ เทา่ นั้นในลกั ษณะทเ่ี ปน็ หน่งึ ตอ่ หนึ่ง เช่น
• คนหนึ่งคน สามารถขน้ึ รถเมลไ์ ดเ้ พยี ง 1 คัน
• นกั ศกึ ษา 1 คนเท่านน้ั ทจ่ี ะเป็นประธานนกั ศึกษา
Key Applications 161
ประเภทของควำมสัมพนั ธ์ (2)
• One to Many Relationship (1 – M)
ควำมสัมพนั ธ์แบบหนง่ึ ตอ่ กลุ่ม (One to Many Relationship)
เป็นความสัมพันธ์ท่ีพบบ่อยในฐานข้อมูล โดยเป็นความสัมพันธ์ของข้อมูลใน 1 ระเบียน
ของตารางหนึ่งมีความสัมพันธ์กับข้อมูลมากกว่าหน่ึงข้อมูลกับอีกระเบียนในอีกตารางหนึ่งเท่าน้ัน
ในลกั ษณะที่เป็นหนึ่งตอ่ หนึ่ง เชน่
• นกั ศึกษาแตล่ ะคนสามารถลงทะเบียนเรียนไดม้ ากกวา่ 1 วชิ า
Key Applications 162
ประเภทของควำมสัมพันธ์ (3)
• Many to Many Relationship (M – N)
ควำมสัมพันธ์แบบกลมุ่ ต่อกลุม่ (Many to Many Relationship)
เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยพบบ่อย โดยเป็นความสัมพันธ์ของข้อมูลในระเบียนใด ๆ ของ
ตารางหน่ึงมคี า่ ตรงกบั ขอ้ มลู ของหลายๆ ระเบียน ในตารางอน่ื ๆ เช่น
• การสัง่ ซ้ือสินคา้ ในแตล่ ะครงั้ สามารถสัง่ ซ้อื สนิ ค้าได้มากกวา่ 1 อยา่ ง
Key Applications 163
คยี ์ (Key)
ใช้เป็นตัวบ่งบอกว่าระเบียน แต่ละระเบียน มีข้อแตกต่างกันอย่างไร ใช้อ้างอิง หรือเป็นตัวแทน
ของตารางคีย์ แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่
• คยี ห์ ลัก (Primary Key)
• คียค์ ูแ่ ขง่ (Candidate Key)
• คยี ร์ ว่ ม (Composite Key)
• คียน์ อก (Foreign Key)
Key Applications 164
ข้อแตกต่ำงของคียแ์ ต่ละชนิด คีย์ร่วม (Composite Key)
จะเป็นคีย์ขอบเขตข้อมูลท่ีใช้รวมกับขอบเขตข้อมูล
คยี ์หลัก (Primary Key)
• ข้อมลู จะซา้ กันไม่ได้ อื่น ๆ ที่เป็นคีย์รวมเหมือนกันมาใช้เป็นคีย์หลักของ
• ควรเป็นขอ้ มลู ที่ส้นั ง่าย ตาราง
• จะตอ้ งมีคา่ ในทุกระเบยี น
• เป็นระเบียนทปี่ ล่อยวา่ งไม่ได้ (Null) คยี ์นอก (Foreign Key)
เป็นคีย์ที่เช่ือมตารางท่ีเก่ียวข้องเข้าด้วยกัน โดยใช้
คีย์คู่แข่ง (Candidate Key)
หมายถึง เขตข้อมูลหน่ึง หรือหลายเขตข้อมูล ท่ีมี ในการอ้างถึงขอ้ มูลในฟิลด์ทเี่ ป็นคีย์หลกั ของอกี ตาราง
คุณสมบัติเป็นคีย์หลัก และไม่ได้ใช้เป็นคีย์หลัก เช่น
รหัสสินค้า เป็นคีย์หลัก ส่วน ชื่อสินค้า ซ่ึงก็ไม่ซ้าเช่นกัน
แต่ไม่ได้เป็นคีย์หลัก จึงเปน็ คีย์ค่แู ขง่
Key Applications 165
ลักษณะระบบฐำนข้อมูลบนเวบ็ 166
ลักษณะของเว็บไซต์ทมี่ ีการใช้ระบบฐานข้อมลู
1. ส่วนของการคน้ หาข้อมูลบนเว็บ
2. ส่วนของการแสดงขอ้ มูลสินค้า
Key Applications
ภำพกรำฟกิ ทใ่ี ชใ้ นงำนคอมพิวเตอร์ เม่ือภาพถกู ขยาย หรอื พมิ พด์ ้วย
ความละเอยี ดไม่มากพอภาพจะ
มี 2 ชนดิ คือ Bitmap และ Vector สญู เสยี รายละเอยี ด และปรากฏ
เปน็ รอยหยกั อย่างชดั เจน
• บติ แมป (Bitmap) คอื อะไร?
167
ภาพแบบบิตแมป (Bitmap) หรือภาพแบบราสเตอร์ (Raster) คือ ไฟล์ภาพที่เกิดจากจุดสี
หรือ พิกเซล (Pixel) เรียงต่อกันอัดแน่นจนเป็นรูปร่างบนพื้นที่ท่ีมีลักษณะเป็นเส้นตาราง (Grid) แต่
ละพิกเซลจะมีค่าของตาแหน่ง และค่าสีของตัวเอง ภาพหนึ่งภาพจะประกอบด้วยพิกเซลหลาย ๆ
พิกเซลผสมกัน เหมาะสมตอ่ การแสดงภาพทม่ี ีเฉด และสสี ันจานวนมาก เชน่ ภาพถ่าย หรือภาพวาด
แต่เน่ืองจากพกิ เซลมีขนาดเล็กมากจึงไม่เหน็ ลักษณะของกริด ภาพท่ีข้ึนอยู่กับความละเอียด
หรือความคมชัด (Resolution) หรือภาพท่ีมีจานวนพิกเซลท่ีแน่นอนในการแสดงภาพ เม่ือมีการ
ขยายภาพจะเกดิ ปญั หาอย่างหนงึ่ แนน่ อน คอื จะเห็นเปน็ กรอบสี่เหลีย่ มเล็ก ๆ หลาย ๆ จุดประกอบ
กัน เพราะกรดิ ของภาพท่ีมีขนาดท่ีแน่นอนไม่ขยายตาม ส่วนใหญ่มักเรียกปัญหาลักษณะนั้นว่า ภาพ
แตก นน่ั เอง
Key Applications
ภำพกรำฟกิ ทใ่ี ช้ในงำนคอมพวิ เตอร์ ตวั อย่างโปรแกรมท่ใี ชใ้ นการสร้างภาพแบบเวกเตอร์
มี 2 ชนิด คอื Bitmap และ Vector 168
• เวกเตอร์ (Vector) คอื อะไร?
ภาพแบบเวกเตอร์ คือ ไฟล์ภาพที่ประกอบไปด้วยจุดและเส้น ท่ีสร้างขึ้นมาจากรูปทรง ท่ี
ถูกกาหนดโดยสมการคณิตศาสตร์ ข้อดีของไฟล์ประเภทน้ี คือ สามารถแก้ไข และปรับขนาดให้
เหมาะกับความต้องการได้อย่างมาก โดยไม่สูญเสียคุณภาพของภาพ ดังน้ัน การขยายภาพจะไม่
เป็นปัญหาท่ีทาให้เกิดภาพไม่แตกเป็นเม็ด ๆ แบบบิตแมป และยังคงมีความคมชัดเหมือนใน
ขณะท่ียังไม่ขยายภาพสูงถึง 100% ภาพเวกเตอร์จึงเหมาะกับงานจัดทาป้ายโฆษณา หรือ
โปสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ ส่วนข้อเสียนั้นมีเพียงข้อเดียว คือ ขนาดของไฟล์จะใหญ่กว่า
บติ แมปมาก
ตัวอย่างไฟล์ประเภทเวกเตอร์ เช่น AI (Adobe Illustrator Artwork), SVG (Scalable
Vector Graphics) โปรแกรมท่ีสามารถใช้สร้างงานประเภทเวกเตอร์ได้ เช่น โปรแกรม Adobe
Illustrator, Fireworks, CorelDraw เปน็ ตน้
Key Applications
เปรียบเทียบคณุ ภำพของภำพแบบบติ แมป
ท่มี ีควำมละเอยี ดทตี่ ำ่ งกัน
Key Applications 169
เปรียบเทียบคณุ ภำพ เมื่อขยำยขนำด
ระหว่ำงภำพแบบบติ แมป และเวกเตอร์
Bitmap Vector
Key Applications 170
คณุ ภำพของรปู ภำพดจิ ิทัล 171
ข้ึนอย่กู ับ
• จานวนพิกเซลในแนวต้งั และแนวนอน (Pixel Dimension)
• ความละเอียดของภาพ (Image resolution) หนว่ ยเปน็ จานวนพกิ เซลตอ่ น้ิว (ppi)
• ขนาดไฟล์ (File Size) คานวณไดจ้ ากสมการ
File Size (Byte) = (Pixel Width x Pixel Height) x (Bit Depth/8)
• จานวนสี (Color Depth) หรือจานวนบิต (Bit Depth)
Key Applications
ไฟลภ์ ำพชนดิ ต่ำง ๆ PNG (Portable Network Graphic)
ใช้วิธีการบีบอัดท่ีมีประสิทธิภาพเก็บรักษาคุณภาพเอาไว้ได้
BMP (Bitmap)
เป็นไฟล์มาตรฐานบนวินโดวส์ แสดงผลได้ 16.7 ล้านสี แสดงผลสไี ด้ 24 บติ
PICT (Picture)
คุณภาพต่ากวา่ JPEG
JPEG (Joint Photographer Expert Group) นิยมใชก้ บั แพลตฟอร์ม Macintosh แสดงสไี ด้ 16.7 ลา้ นสี
PSD (Photoshop Document)
เป็นไฟลภ์ าพทัว่ ไป รองรบั สที ั้งในโหมด CMYK, RGB
GIF (Graphic Interchange Format) ใช้ในโปรแกรม Adobe Photoshop เป็นไฟล์ภาพคุณภาพ
สูง ท่ีสามารถทาการบันทึกแยกเลเยอร์ เพื่อเก็บคุณสมบัติของ
เป็นไฟล์ภาพที่มีขนาดเล็ก แสดงสีได้ ไม่เกิน 256 สี นิยมใช้ ภาพไว้ครบทกุ รายละเอยี ด
ในงานออกแบบโลโก้ หรือไฟลร์ ูปบนเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ
TIFF (Tag Image File Format)
ใช้งานได้กับโปรแกรมด้านกราฟิกทุก ประเภท มีความ
ยดื หยนุ่ สงู รองรับโหมดสี RGB, CMYK, Lab
Key Applications 172