พระพุทธศาสนา
ป.6
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
พระรัตนตรยั
พระรัตนตรยั หมายถงึ
แกว้ อันประเสรฐิ ๓ ประการ
ไดแ้ ก่
พระพทุ ธ คือ พระพุทธเจา้
ศาสดาของพระพุทธศาสนา
เป็นผคู้ ้นพบหลกั ธรรมและเผย
แผใ่ ห้ผอู้ น่ื รูต้ าม
พระธรรม คือ หลักธรรม
คําสอนของพระพุทธเจ้า
พระสงฆ์ คือ ผอู้ ุปสมบท
เป็นพระภิกใู นพระพทุ ธศาสนา
ปฏิบัตติ ามคําสอนของ
พระพุทธเจา้ มีหน้ าท่เี ผยแผ่
และสื บทอดพระพุทธศาสนา
หลกั ธรรม
ศรทั ธา ๔
ศรัทธา หมายถงึ ความ
เชอ่ื ทป่ี ระกอบดว้ ยเหตุผล โดย
ผา่ นการไตรต่ รองแล้วด้วย
ปัญญา ประกอบดว้ ย
๑. กมั มสั ทธา คือ เชอื่
กรรมและกฎแห่งกรรม เชอ่ื วา่
ทาํ ดไี ด้ดี ทําชวั่ ไดช้ วั่
๒. วิปากสั ทธา คือ เชอื่ ผล
ของกรรม เชอ่ื วา่ ส่ิงท่ที าํ ให้ผล
จรงิ เชน่ นั กเรยี นตงั้ ใจเรยี นผล
ท่เี กดิ ข้นึ ทาํ ให้นั กเรยี นเข้าใจ
เน้ื อหาในบทเรยี น
๓. กัมมสั สกตาสั ทธา
คือ เชอื่ ว่าสัตวโลกยอ่ มมกี รรม
เป็นของตน หมายถึง ผกู้ ระทาํ
ส่ิงใดไวจ้ ะไดร้ บั ผลนั้ น เชน่
แดงขโมยของ จงึ ถกู ตํารวจจับ
๔. ตถาคตโพธิสั ทธา คือ
เชอื่ การตรสั รูข้ องพระพุทธเจ้าว่า
มจี รงิ เชอ่ื คําสั่งสอนว่าปฏบิ ัติ
แล้วไดผ้ ลจรงิ
พระพทุ ธ
พระพุทธ เป็นองค์ประกอบ
หน่ึ งในพระรตั นตรยั หมายถึง
พระพุทธเจา้ ซง่ึ เป็นศาสดาขอ
พระพทุ ธศาสนาและนํ าคําสั่งสอน
มาเผยแผ่
พทุ ธกจิ หมายถงึ กจิ วตั ร
ท่พี ระพทุ ธเจ้าทรงบําเพ็ญในแต่
ละวันม๕ี ประการ ดังน้ี
๑. เวลาเช้า ทรงบณิ ฑบาต
โปรดมนษุ ยแ์ ละสัตวโลก
๒. เวลาเย็น ทรงแสดง
ธรรมแกป่ ระชาชน
๓. เวลาค่ํา ทรงแสดง
โอวาทแกพ่ ระภกิ ษุ
๔. เวลาเท่ียงคืน ทรง
ตอบปัญหาเทวดา
๕. เวลาก่อนสวา่ ง ทรง
พิจารณาดว้ ยญาณเลือกผทู้ ่ี
สามารถบรรลธุ รรมได้เพื่อเสดจ็
ไปแสดงธรรมโปรดในขณะ
บิณฑบาต
พระธรรม
พระธรรม เป็นองค์ประกอบ
หน่ึ งของพระรตั นตรยั หมายถึง คําสั่ง
สอนของพระพุทธเจา้ ทม่ี ีเป้าหมายให้ผู้
ปฏิบัตดิ ํารงชวี ติ อย่อู ยา่ งสงบสุข
หลักธรรมท่สี ําคัญมีดงั น้ี
อรยิ สัจ ๔
อริยสั จ ๔ หมายถงึ
ความจรงิ อันประเสรฐิ ท่ี
พระพุทธเจ้าทรงตรสั รูค้ วามเป็น
จรงิ ในการแกป้ ัญหาของชวี ติ
เพ่ือให้พ้นจากความทกุ ข์ มี ๔
ประการ
ทกุ ข์
หมายถึง ความไมส่ บายกาย
ไมส่ บายใจ สภาพท่ที นได้ยาก
แบ่งออกเป็น ๒ ประการ ไดแ้ ก่
๑. สภาวทกุ ข์หรอื ทุกข์
ประจาํ ได้แก่ การเกิด การแก่
การเจ็บและการตายเป็นส่ิงทท่ี กุ
คนต้องพบเจอ ไมม่ ใี ครหลีกพ้น
ได้
๒. ปกิณณกทกุ ข์หรือ
ทุกข์จร ได้แก่ ความเสียใจ
ความเศรา้ โศกเพราะพลดั พราก
จากส่ิงอันเป็นทร่ี กั และความไม่
สมปรารถนาในส่ิงทม่ี ุ่งหวังไว้
สมทุ ยั
หมายถงึ สาเหตทุ ท่ี าํ ให้เกดิ
ทกุ ข์ ซง่ึ สาเหตุทแ่ี ทจ้ รงิ เกิดจาก
ตณั หาหรอื ความอยาก มี ๓
ประการ ไดแ้ ก่
๑. กามตณั หา คือ ความ
อยากได้ เชน่ อยากมเี งนิ อยากมี
บ้าน อยากมีรถ
๒. ภวตณั หา คือ ความ
อยากเป็น เชน่ อยากเป็นเศรษฐี
อยากเป็นคนมีชอื่ เสียง
๓. วิภวตณั หา คือ ความ
อยากทจ่ี ะไมเ่ ป็น เชน่ ไม่อยาก
เป็นคนจน ไม่อยากทาํ งานท่ที ํา
อยู่
นิ โรธ
หมายถึง ความดับทกุ ข์
ไดแ้ ก่ ภาวะทท่ี กุ ข์หมดส้ินไป
ทกุ ขท์ ่เี กิดข้ึนมสี าเหตมุ าจาก
ตัณหา ถ้าเรากําจัดตัณหาได้
หมดส้ินไปกจ็ ะหมดทกุ ข์
มรรค
หมายถึง หนทางทจ่ี ะ
นํ าไปสู่ความดบั ทกุ ข์ มอี งค์ ๘
ประการ
๑. ความเห็นชอบ ไดแ้ ก่
ความเห็นตามความเป็นจรงิ
และรูว้ ่าอะไรดี อะไรไม่ดี เชน่ รู้
ว่าการขโมยของของผอู้ ื่นเป็นส่ิง
ทไ่ี มด่ ี ไมถ่ ูกตอ้ ง
๒. ความดําริชอบ ไดแ้ ก่
คิดในส่ิงทด่ี ี ทถ่ี กู ตอ้ ง ตลอดจน
ไม่เบียดเบียนผอู้ น่ื
๓. การเจรจาชอบ ได้แก่
การพูดในส่ิงทด่ี ี ไม่พูดโกหก
หลอกลวง ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูด
คําหยาบคาย และไม่พูดเพ้อเจ้อ
๔. การกระทาํ ชอบ ไดแ้ ก่
การกระทําส่ิงท่ดี ี เชน่ ไม่ฆา่ สัตว์
ไมล่ ักทรพั ย์ไมป่ ระพฤตผิ ดิ ใน
กาม
๕. การเล้ยี งชีพชอบ ไดแ้ ก่
การประกอบอาชพี สจุ รติ ซอ่ื สัตย์
ไมห่ ลอกลวง และไม่ทาํ ในส่ิงทเ่ี ป็น
ผลรา้ ยต่อผอู้ ่ืน
๖. ความเพียรชอบ ไดแ้ ก่
ความพยายามท่จี ะป้องกันไมใ่ ห้
ทําความชวั่ เพียรละความชวั่ ทม่ี ี
พยายามสรา้ งความดใี ห้เกดิ ข้ึน
และรกั ษาความดีท่มี อี ยู่
๗. ความระลกึ ชอบ
ไดแ้ ก่ ระลกึ อย่เู สมอว่า ส่ิงทร่ี ู้
เห็นนั้ นเป็นไปตามความเป็น
จรงิ
๘. ความตงั้ ใจชอบ
ได้แก่ สามารถตงั้ จิตใจจดจอ่ อยู่
กับส่ิงใดส่ิงหน่ึ งได้นาน
หลกั กรรม