The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระพุทธศาสนา ป.6 หน่วยที่ 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yatayai2013, 2022-10-11 11:36:09

พระพุทธศาสนา ป.6 หน่วยที่ 3

พระพุทธศาสนา ป.6 หน่วยที่ 3

พระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงแสดง
ธรรมเก่ยี วกับหลกั คําสอน เรอื่ ง
กฎแห่งกรรมไว้วา่ “ทาํ ดีได้ดี ทาํ
ชวั่ ไดช้ วั่ ”

หมายความวา่ เมื่อผใู้ ดกระทํา
การใด ๆ โดยมีเจตนาอยา่ งชดั
แจ้ง จะต้องมีผลของการกระทาํ
เกิดข้ึนกบั ผกู้ ระทาํ อยา่ งใดอย่าง
หน่ึ งเสมอ

ถ้าผนู้ ั้ นกระทําความดีกจ็ ะ
บงั เกิดส่ิงท่ดี ีงามน่ าพึง
ปรารถนา แต่ถ้าผนู้ ั้ นกระทาํ
ความชวั่ ก็จะบังเกดิ ส่ิงทเ่ี ลวรา้ ย
ไมพ่ ึงปรารถนาเป็นผลตอบแทน

กรรม หมายถึง การ

กระทาํ ทางกาย วาจา ใจ ท่ี
ประกอบดว้ ยเจตนา คือ
ความตัง้ ใจทาํ ในส่ิงท่ดี แี ละ
ไม่ดี

ผลของกรรม หรอื ผลจาก
การกระทาํ จะเกดิ ข้ึนกับผกู้ ระทํา
ในลกั ษณะทเ่ี ป็นเหตเุ ป็นผลกัน
ตามธรรมชาติ ผลของการกระทํา
จะเกิดกับผกู้ ระทาํ ๒ ขัน้ ตอน
ไดแ้ ก่

๑. ได้รบั ผลทนั ทเี ม่อื กระทํา
เชน่ นั กเรยี นทาํ ดดี ้วยการตัง้ ใจ
เรยี น ผลคือสอบได้คะแนนดี
เรยี นเกง่ ถ้านั กเรยี นเกเร รงั แก
เพ่ือน ผลคือ ถูกครูทาํ โทษถูก
พ่อแมต่ ําหนิ

๒. ได้รบั ผลภายหลงั กฎ
แห่งกรรมเป็นส่ิงทม่ี อี ย่จู รงิ ใน
ธรรมชาติ การทาํ ดีได้ดี ทําชวั่ ได้
ชวั่ จึงเป็นสัจธรรมเท่ยี งแท้ แม้
การกระทาํ นั้ นจะผา่ นไปนาน
แลว้ เชน่ แดงลักทรพั ย์ผอู้ ื่น ไม่
ชา้ ก็มคี นรูแ้ ละถูกจบั ได้

การกระทําทางกายเรยี กวา่

กายกรรม จําแนกได้ ๒

ประเภท คือ

๑. กายสจุ ริต (การทาํ ดที างกาย)

- เวน้ จากการฆา่ สัตว์
- เวน้ จากการลกั ทรพั ย์
- เว้นจากการประพฤตผิ ดิ ในกาม

๒. กายทจุ รติ (การทําชวั่ ทางกาย)

- การฆา่ สัตว์
- การลักทรพั ย์
- การประพฤติผดิ ในกาม

การกระทําทางวาจาเรยี กว่า

วจีกรรม จําแนกได้ ๒

ประเภท คือ

๑. วจสี จุ รติ (การทําดีทางวาจา)

- เวน้ จากการพดู เทจ็ พูด
หลอกลวง

- เว้นจากการพดู ส่อเสียด
- เวน้ จากการพดู คําหยาบ
- เว้นจากการพดู เพ้อเจอ้

๒. วจที ุจรติ (การทาํ ชวั่ ทางวาจา)

- การพดู เทจ็ พดู หลอกลวง
- การพูดส่อเสียด
- การพูดคําหยาบ
- การพดู เพ้อเจ้อ

การกระทําทางใจ เรยี กวา่

มโนกรรม จําแนกได้ ๒

ประเภท คือ

๑. มโนสุจริต (การคิดดี)

- ไมโ่ ลภอยากได้ของ ของผอู้ ืน่
- ไมค่ ิดมงุ่ รา้ ยผอู้ ่ืน
- ไมเ่ ห็นผดิ ทาํ นองคลองธรรม

๒. มโนทุจริต (การคิดชวั่ )

- โลภอยากไดข้ อง ของผอู้ ่นื
- คิดมงุ่ รา้ ยผอู้ ื่น
- เห็นผดิ ทาํ นองคลองธรรม

พระสงฆ์

พระสงฆ์ เป็นองค์ประกอบ
หน่ึ งในพระรตั นตรยั หมายถงึ
ชายทอ่ี ุปสมบทเป็นพระภกิ ษุใน
พระพทุ ธศาสนา และปฏิบัตติ าม
หลกั ธรรมคําสอนของพระพุทธเจา้

ความสํ าคัญของพระสงฆ์
พระสงฆเ์ ป็นผปู้ ฏบิ ตั ิดี เป็น
แบบอยา่ งท่ดี ใี ห้บุคคลนํ าไป
ปฏบิ ตั ติ าม เป็นผเู้ ผยแผ่
พระพุทธศาสนา และสืบทอด
พระพทุ ธศาสนาให้คงอย่ตู ่อไป



ไตรสิ กขา

ไตรสิกขา เป็นหลักธรรม
เพื่อพัฒนากาย วาจา ใจ ของ
นั กเรยี นให้ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิแตส่ ่ิง
ดงี าม ไตรสิกขาเป็นหลกั ธรรมท่ี
ต้องศึกษาและฝึกปฏบิ ัติมี ๓
ประการ

๑. ศีล (สีลสิกขา) คือ การ
สํารวมกายและวาจาให้เรยี บรอ้ ย
ไมท่ าํ ผดิ กฎหรอื ข้อห้ามตา่ ง ๆ เชน่
ศีล ๕ ถา้ ฝึกรกั ษากฎหรอื ศีลอยู่
เสมอ จะทําให้นั กเรยี นมีเจตนา
บรสิ ทุ ธ์ิ ประพฤติแตส่ ่ิงดีงาม

๒. สมาธิ (จติ ตสิกขา) คือ
การควบคุมจิตใจของตนให้สงบ
มงุ่ มนั่ โดยมีสตริ ูส้ ึกตวั อย่เู สมอว่า
กําลงั ทาํ อะไรอยู่

๓. ปัญญา (ปัญญาสิกขา)
คือ การรูจ้ รงิ ตามส่ิงทท่ี ํา ปัญญา
เกิดจากการพิจารณาไตรต่ รอง
ของจิตทบ่ี รสิ ุทธแ์ิ ละมสี มาธิ
การได้รูเ้ ห็นความจรงิ ทท่ี าํ นั้ น
ดว้ ยปัญญา จะทําให้การปฏิบัติ
ส่ิงนั้ น ๆ สําเรจ็ ด้วยดี



โอวาท ๓

โอวาท ๓ เป็นหลักธรรมซง่ึ เป็น
หัวใจหลักของพระพุทธศาสนา
คือการไม่ทาํ ความชวั่ การทาํ ความดี
และการทาํ จิตใจให้ผอ่ งใสบรสิ ุทธ์ิ

การไมท่ ําความชั่ว

การไมท่ าํ ความชั่ว คือ การ

ปฏบิ ัตทิ ง่ี ดเวน้ จากความชวั่ ทงั้ ทาง
กายวาจาและใจ หลกั ธรรมท่ี
เก่ยี วกับการไมท่ ําความชวั่ มีดงั น้ี

เบญจศี ล

เบญจศี ล หรอื ศีล ๕

คือ ข้อห้ามเพื่อไมใ่ ห้ทําความชวั่
มี ๕ ประการ

๑) งดเว้นจากการฆา่ สัตว์
๒) งดเว้นจากการลักทรพั ย์
๓) งดเวน้ จากการประพฤติผดิ ในกาม
๔) งดเว้นจากการพูดเทจ็
๕) งดเว้นจากการเสพของมึนเมา
หรอื สารเสพติด

อบายมขุ ๖

อบายมขุ หมายถึง เหตุทจ่ี ะ

นํ าไปสู่ความเส่ือมเสียเกียรติยศ
และชอื่ เสียง เป็นส่ิงไม่ควรทาํ มี ๖
ประการ คือ

อบายมุขไม่ดี
ไม่ควรทํา

๑) ตดิ สุราและสารเสพติด
๒) เทย่ี วกลางคืน
๓) เทย่ี วดกู ารละเลน่
๔) เล่นการพนั น
๕) คบคนชวั่ เป็นมิตร
๖) เกยี จครา้ นการทาํ งาน

ลกั ษณะท่จี ัดเป็น
อบายมุข

๑) บหุ ร่ี เหล้า และสารเสพตดิ
๒) แหลง่ มัว่ สมุ ยามค่าํ คืน
๓) สถานบนั ทงิ ต่างๆ
๔) ไพ่ หวย การพนั นทกุ ชนิ ด
๕) นั กเลง นั กพนั น
๖) ข้ีเกยี จทาํ งานมขี ้ออา้ งต่างๆ นาๆ

โทษและผลเสี ย

๑) ทะเลาะวิวาท เสียทรพั ย์
๒) โรคภยั ไขเ้ จบ็ รา่ งกายถดถอย
๓) เสียเวลา เสียเงนิ
๔) เสียเงนิ เสียชอื่ เสียง
๕) ไม่มเี พ่ือน เสียชอื่ เสียง
๖) ทรพั ยส์ ินหมดไป

อกศุ ลมลู ๓

อกศุ ลมูล ๓ หมายถึง

รากเหงา้ ของความชวั่ ตน้ เหตุท่ี
จะนํ าไปสู่การทาํ ความชวั่ มี ๓
ประการ

๑) โลภะ คือ ความโลภ

ความอยากได้ของคนอ่นื มาเป็น
ของตนเอง เมือ่ ไมม่ กี ารควบคุมก็
อาจนํ าไปสู่การลกั ขโมย ปลน้
หรอื ฉ้อโกงได้

วิธีแก้ไขความโลภ คือ การ

ใชส้ ติ ระลกึ รูต้ ลอดเวลาวา่ ไมใ่ ช่
ของเราเป็นของผอู้ ่นื ควรยินดี
เทา่ ท่มี ีอยู่

๒) โทสะ คือ ความโกรธ

ความพยาบาท ความคิด
ประทษุ รา้ ยตอ่ ผอู้ น่ื เชน่ การ
อยากทาํ ลายผอู้ ื่น ถ้าปล่อยให้มี
โทสะมาก ผนู้ ั้ นจะเป็นคนชวั่ คน
พาลและเป็นภัยตอ่ สังคม

วิธแี กไ้ ขโทสะ คือ ให้มี

สติระงบั ความโกรธ ฝึกตนให้
เป็นผไู้ มโ่ กรธและมเี หตผุ ล

๓) โมหะ คือ ความลมุ่ หลง

ความมัวเมา ความประมาท เป็น
เหตุให้เกิดกิเลสตา่ ง ๆ เชน่ ไม่
รูค้ ุณคน ตตี นเสมอ ประมาทมัว
เมาทาํ ให้ขาดสติ

วธิ ีแกไ้ ขโมหะ คือ ใส่ใจศึกษา

หาความรู้ ทําตนให้มสี ติ มปี ัญญา
เมอ่ื เกดิ ปัญญาแล้วโมหะย่อมดบั
ไป

ความโลภ ความโกรธ ความ
ล่มุ หลง จะนํ าไปสู่การทาํ ความ
ชวั่ การควบคุมความโลภ ความ
โกรธ ความล่มุ หลง โดยใช้
สตปิ ัญญาจะชว่ ยให้เกดิ ความสุข
ในการดําเนิ นชวี ติ


Click to View FlipBook Version