The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jurairat.saikhruetan, 2022-02-05 09:11:25

บทเรียนสำเร็จรูปคณิตศาสตร์

บทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแยกตัวประกอบของพหุนามโดยใช้สมบัติการแจกแจง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Keywords: บทเรียนสำเร็จรูป

เฉลยแบบฝกึ หัด

เรอ่ื ง วธิ กี ำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดกี รีสองในรูป 2 + +
เม่ือ = 1, และ เปน็ จำนวนเต็ม และ ≠ 0

เฉลยคำตอบขอ้ ก. ถกู ตอ้ ง

ก. (x+1)(x+14)

วิธีกำรแยกตวั ประกอบของพหนุ ำมดกี รสี องในรูป 2 + +
เมือ่ = 1, และ เป็นจำนวนเตม็ และ ≠ 0

จงแยกตัวประกอบของ 2 − 20 − 21
แยกตัวประกอบของ -21 หำผลบวกของตวั ประกอบ
1, -21 1 + (-21) = -20 (✓)
-1, 21 (-1) + 21 = 20 ()
3, -7 3 + (-7) = -4 ()
-3, 7 (-3) + 7 = 4 ()

ใส่เครอ่ื งหมำยเหมือนกัน

2 − 20 − 21 = ( − 21)( + 1)

(-21)(1) = (-21)

ตอบ 2 − 20 − 21 = ( − 21)( + 1)

แบบฝึกหดั

เลอื กคำตอบที่ถกู ตอ้ งท่สี ดุ เพียงขอ้ เดียว

ขอ้ ใดเปน็ กำรแยกตัวประกอบของ 2 − 4 − 21

ก. (x - 21)(x + 1)
ข. (x - 7)(x + 3)

เฉลยแบบฝกึ หัด

เรื่อง วิธีกำรแยกตัวประกอบของพหุนำมดีกรีสองในรปู 2 + +
เมอ่ื = 1, และ เป็นจำนวนเตม็ และ ≠ 0

เฉลยคำตอบข้อ ข. ถูกต้อง

ข. (x - 7)(x + 3)

วธิ ีกำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดีกรสี องในรปู 2 + +
เมื่อ = 1, และ เป็นจำนวนเตม็ และ ≠ 0

จงแยกตัวประกอบของ 2 − 11 + 30

แยกตัวประกอบของ 30 หำผลบวกของตวั ประกอบ

1, 30 1 + 30 = 31 ()
(-1), (-30)
(-1) + (-30) = -31 ()
2, 15
(-2), (-15) 2 + 15 = 17 ()

3, 10 (-2) + (-15) = -17 ()
(-3), (-10)
3 + 10 = 13 ()
5, 6
(-5), (-6) (-3) + (-10) = -13 ()

5 + 6 = 11 ()

(-5) + (-6) = -11 (✓)

ใส่เคร่ืองหมำยเหมือนกนั

2 − 11 + 30 = ( − 5)( − 6)
(-5)(-6) = 30

ตอบ 2 − 11 + 30 = ( − 5)( − 6)

แบบฝกึ หัด

เลือกคำตอบที่ถูกต้องทีส่ ุดเพียงขอ้ เดียว

ขอ้ ใดเปน็ กำรแยกตัวประกอบของ 2 − 11 + 30

ก. (t - 3)(t - 10)
ข. (t - 5)(t - 6)

เฉลยแบบฝกึ หัด

เรื่อง วธิ กี ำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดีกรีสองในรูป 2 + +
เมื่อ = 1, และ เปน็ จำนวนเตม็ และ ≠ 0

เฉลยคำตอบข้อ ข. ถกู ต้อง

ข. (t - 5)(t - 6)

วิธีกำรแยกตวั ประกอบของพหนุ ำมดกี รีสองในรปู 2 + +
เมื่อ = 1, และ เป็นจำนวนเต็ม และ ≠ 0

จงแยกตวั ประกอบของ 2 + 15 − 54

แยกตวั ประกอบของ -54 หำผลบวกของตวั ประกอบ

1, (-54) 1 + (-54) = (-53) ()
(-1), 54 (-1) + 54 = 53 ()
2, (-27) 2 + (-27) = (-25) ()
(-2), 27 (-2) + 27 = 25 ()
3, (-18) 3 + (-18) = (-15) ()
(-3), 18 (-3) + 18 = 15 (✓)
6, (-9) 6 + (-9) = -3 ()
(-6), 9 (-6) + 9 = 3 ()

ใสเ่ คร่ืองหมำยเหมือนกัน

2 + 15 − 54 = ( + 18)( − 3)
(18)(-3) = (-54)

ตอบ 2 + 15 − 54 = ( + 18)( − 3)

แบบฝกึ หัด

เลือกคำตอบท่ีถกู ตอ้ งที่สดุ เพยี งขอ้ เดียว

จงแยกตวั ประกอบของ 2 + 15 − 54

ก. (n + 18)(n + 3)
ข. (n + 6)(n - 9)

เฉลยแบบฝึกหดั

เรื่อง วธิ กี ำรแยกตัวประกอบของพหุนำมดีกรีสองในรปู 2 + +
เมอื่ = 1, และ เป็นจำนวนเต็ม และ ≠ 0

เฉลยคำตอบข้อ ก. ถกู ตอ้ ง

ก. (n + 18)(n + 3)

กรอบเนอ้ื หำ
กำรแยกตวั ประกอบของพหนุ ำมดีกรีสองในรูป 2 + +

เมอ่ื , , เป็นจำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

กำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดกี รีสองในรูป 2 + +
เม่ือ , , เป็นจำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

กำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดีกรสี อง
ในรูป 2 + + จะเรยี ก 2 ว่ำพจนห์ น้ำ
เรยี ก ว่ำพจน์กลำง และเรยี ก วำ่ พจนห์ ลัง

แบบฝกึ หัด

เตมิ คำตอบในแตล่ ะข้อใหถ้ กู ตอ้ ง

เรยี ก ว่ำ …………….
เรียก 2 ว่ำ …………….
เรยี ก ว่ำ ……………..

ก. พจนห์ น้ำ
ข. พจนก์ ลำง
ค. พจนห์ ลัง

เฉลยแบบฝึกหดั

เรือ่ ง กำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดกี รีสองในรูป 2 + +
เมื่อ , , เปน็ จำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบ
เรยี ก วำ่ ข. (พจน์กลำง)
เรยี ก 2 ว่ำ ก. (พจนห์ นำ้ )
เรยี ก วำ่ ค. (พจนห์ ลงั )

กำรหำพจนห์ นำ้ ของพหนุ ำมทเ่ี ปน็ ผลคูณ

กำรหำพจน์หน้ำของพหนุ ำมทีเ่ ปน็ ผลคูณ
ทำได้โดย นำพจน์หนำ้ ของพหนุ ำมในวงเลบ็ แรกคณู
กบั พจนห์ น้ำของพหุนำมวงเลบ็ หลัง
ยกตัวอยำ่ ง 6 2 − 7 − 3 = (2 − 3)(3 + 1)

2 3 = 6 2

แบบฝกึ หดั

เลือกคำตอบทีถ่ กู ต้องทส่ี ดุ เพียงข้อเดียว

ข้อใดเปน็ กำรหำพจน์หนำ้ ของพหุนำมทีเ่ ป็นผลคณู

ก. นำพจน์หลงั ของพหุนำมในวงเลบ็ แรกคณู กับ
พจน์หลงั ของพหนุ ำมวงเล็บหลงั

ข. นำพจนห์ นำ้ ของพหุนำมในวงเล็บแรกคณู กับ
พจนห์ นำ้ ของพหุนำมวงเลบ็ หลัง

เฉลยแบบฝกึ หัด

เรื่อง กำรหำพจน์หนำ้ ของพหุนำมทเี่ ปน็ ผลคณู

เฉลยคำตอบขอ้ ข. ถูกต้อง

ข. นำพจน์หน้ำของพหนุ ำมในวงเล็บแรกคูณกบั
พจนห์ น้ำของพหนุ ำมวงเล็บหลัง

พกจำนร์หทหลำังไำดขพอ้โดงจพยหนนนุ ำ์หำพมลจวนังงห์เขลล็บองั หขงอลพงังพหหุนนุ ำำมมในทวงี่เเปลบ็น็ แผรกลคคณู ณู กบั

กำรหำพจน์หลงั ของพหุนำมทเ่ี ปน็ ผลคูณ
ทำได้โดย นำพจนห์ ลงั ของพหนุ ำมในวงเล็บแรก
คูณกับพจนห์ ลงั ของพหนุ ำมในวงเล็บหลัง

ยกตัวอย่ำง 6 2 − 7 − 3 = (2 − 3)(3 + 1)

(-3)(1)=(-3)

แบบฝึกหดั

เลอื กคำตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพียงขอ้ เดยี ว

ขอ้ ใดเปน็ กำรหำพจนห์ ลงั พหุนำมท่ีเปน็ ผลคณู

ก. นำพจน์หลงั ของพหุนำมในวงเลบ็ แรกคณู กับ
พจนห์ ลังของพหุนำมวงเล็บหลัง

ข. นำพจน์หน้ำของพหนุ ำมในวงเลบ็ แรกคูณกับ
พจน์หน้ำของพหนุ ำมวงเลบ็ หลัง

เฉลยแบบฝกึ หัด

เรอ่ื ง กำรหำพจน์หลังของพหุนำมท่เี ปน็ ผลคณู

เฉลยคำตอบข้อ ก. ถกู ตอ้ ง

ก. นำพจน์หลงั ของพหนุ ำมในวงเล็บแรกคูณกับ
พจนห์ ลังของพหนุ ำมวงเลบ็ หลัง

กำรหำพจน์กลำงของพหุนำมที่เปน็ ผลคูณ

กำรหำพจนก์ ลำงของพหนุ ำมท่ีเปน็ ผลคูณ
ทำไดโ้ ดย หำผลคณู ระหวำ่ งพจน์หนำ้
ของพหุนำมในวงเล็บแรกกบั พจนห์ ลงั
ของพหนุ ำมในวงเล็บหลงั
บวกกับผลคณู ระหว่ำงพจน์หลังของพหนุ ำม
ในวงเลบ็ แรกกับพจน์หน้ำของพหุนำมในวงเลบ็ หลัง

(-3)(3x)=(-9x) (-9x)+2x =(-7x)

ยกตวั อยำ่ ง 6 2 − 7 − 3 = (2 − 3)(3 + 1)

(2x)(1)=2x

แบบฝึกหดั

เลือกคำตอบทีถ่ ูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว

ขอ้ ใดเป็นกำรหำพจน์กลำงพหุนำมที่เป็นผลคณู

ก. หำผลคูณระหว่ำงพจนห์ นำ้ ของพหนุ ำมในวงเล็บแรก
กบั พจนห์ ลังของพหนุ ำมในวงเล็บหลงั บวกกบั ผลคูณ
ระหวำ่ งพจนห์ ลงั ของพหุนำมในวงเล็บแรกกับพจนห์ นำ้
ของพหุนำมในวงเลบ็ หลัง

ข. นำพจน์หน้ำของพหุนำมในวงเลบ็ แรกคูณกับ
พจนห์ น้ำของพหุนำมวงเล็บหลงั

เฉลยแบบฝึกหัด

เร่ือง กำรหำพจนก์ ลำงของพหนุ ำมทีเ่ ปน็ ผลคณู

เฉลยคำตอบข้อ ก. ถูกตอ้ ง

ก. หำผลคูณระหวำ่ งพจน์หนำ้ ของพหุนำมในวงเล็บแรก
กบั พจน์หลังของพหนุ ำมในวงเลบ็ หลังบวกกับผลคณู
ระหว่ำงพจน์หลังของพหนุ ำมในวงเลบ็ แรกกับพจน์
หน้ำของพหนุ ำมในวงเล็บหลงั

ข้นั ตอนกำรแยกตวั ประกอบของพหุนำมดกี รสี องในรูป 2 + +
เมอื่ , , เปน็ จำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

จงแยกตัวประกอบของ 2 2 + 11 + 5

ข้นั ตอนท่ี 1 แยกตวั ประกอบของ 2 และ 6

รปู แบบท่ี 1 2 2 + 11 + 5

21 15

รปู แบบที่ 2 2 2 + 11 + 5

21 51

แบบฝึกหดั

เลอื กคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดยี ว

ขอ้ ใดคอื ข้ันตอนที่ 1 ของกำรแยกตวั ประกอบของ

2 2 + 11 + 5

ก. แยกตัวประกอบของ 2 และ 5
ข. หำรูปแบบท่เี กดิ จำกกำรแยกตัวประกอบแลว้ ผลคณู ระหวำ่ ง

พจนใ์ กลก้ ับใกล้และพจนไ์ กลกับไกลรวมกนั
ได้เทำ่ กับพจนก์ ลำง

เฉลยแบบฝกึ หัด

เรื่อง ขน้ั ตอนกำรแยกตวั ประกอบของพหนุ ำมดีกรีสองในรปู 2 + +
เมื่อ , , เป็นจำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบข้อ ก. ถูกตอ้ ง

ก. แยกตวั ประกอบของ 2 และ 5

ขั้นตอนกำรแยกตวั ประกอบของพหุนำมดีกรีสองในรปู 2 + +
เมือ่ , , เป็นจำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

ขนั้ ตอนที่ 2 หำรูปแบบท่เี กดิ จำกกำรแยกตวั ประกอบแลว้ ผลคณู ระหวำ่ ง
พจน์ใกล้กบั ใกล้ และ พจนไ์ กลกบั ไกลรวมกันไดเ้ ท่ำกบั พจนก์ ลำง

รปู แบบที่ 1 2 2 + 11 + 5 1 + 10 = 11 (✓)
2 111 5

10

รปู แบบที่ 2 2 2 + 11 + 5 5 + 2 = 7 ซงึ่ ไม่เทำ่ กบั 11 ()

2 15 5 1
2

แบบฝึกหดั

เลอื กคำตอบทถี่ กู ตอ้ งทส่ี ุดเพยี งข้อเดยี ว

ขอ้ ใดคือขัน้ ตอนที่ 2 ของกำรแยกตัวประกอบของ

2 2 + 11 + 5

ก. แยกตัวประกอบของ 2 และ 5
ข. หำรูปแบบทเ่ี กิดจำกกำรแยกตวั ประกอบแล้วผลคณู ระหว่ำง

พจน์ใกลก้ ับใกล้และพจน์ไกลกบั ไกลรวมกนั
ได้เทำ่ กบั พจน์กลำง

เฉลยแบบฝกึ หัด

เร่ือง ขั้นตอนกำรแยกตัวประกอบของพหุนำมดกี รีสองในรูป 2 + +
เมื่อ , , เป็นจำนวนเตม็ และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบข้อ ข. ถูกต้อง

ข. หำรปู แบบทเ่ี กดิ จำกกำรแยกตัวประกอบแล้วผลคูณระหว่ำง
พจนใ์ กลก้ ับใกล้ และ พจนไ์ กลกบั ไกลรวมกนั ได้เท่ำกบั พจน์
กลำง

ขน้ั ตอนกำรแยกตวั ประกอบของพหนุ ำมดกี รีสองในรูป 2 + +
เม่ือ , , เปน็ จำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

ข้นั ตอนที่ 3 ทำกำรแยกตวั ประกอบโดยใส่ตัวแปร X
ใส่เครอ่ื งหมำย และเว้นวำ่ งในส่วนของตัวเลขไว้

2 2 + 11 + 5 = … … + … … (… … + … … )

(+)(+)=(+)

แบบฝกึ หัด

เลือกคำตอบที่ถกู ต้องท่ีสดุ เพยี งข้อเดียว

ขอ้ ใดคือข้ันตอนที่ 3 ของกำรแยกตวั ประกอบของ

2 2 + 11 + 5

ก. นำตวั เลขมำใส่ในช่องว่ำง โดยให้เอำตัวเลขทมี่ ผี ลคูณท่ีมำกกวำ่
ใส่ในวงเลบ็ แรก ผลคณู ทนี่ ้อยกวำ่ ใส่วงเลบ็ หลัง

ข. ทำกำรแยกตวั ประกอบ โดย ใส่ตัวแปร X
ใสเ่ คร่อื งหมำย และเว้นวำ่ งในส่วนของตวั เลขไว้

เฉลยแบบฝึกหัด

เรอื่ ง ขัน้ ตอนกำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดีกรสี องในรปู 2 + +
เมอื่ , , เปน็ จำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบข้อ ข. ถูกตอ้ ง

ข. ทำกำรแยกตวั ประกอบ โดย ใส่ตวั แปร X
ใสเ่ ครื่องหมำย และเว้นวำ่ งในส่วนของตวั เลขไว้

ข้ันตอนกำรแยกตวั ประกอบของพหุนำมดกี รีสองในรูป 2 + +
เมอ่ื , , เปน็ จำนวนเตม็ และ a ≠ 1, ≠ 0

ขั้นตอนท่ี 4 นำตัวเลขมำใสใ่ นชอ่ งว่ำงโดยใหเ้ อำตัวเลข
ท่มี ีผลคณู ทม่ี ำกกว่ำใสใ่ นวงเลบ็ แรก
ผลคณู ทน่ี ้อยกว่ำใส่วงเล็บหลงั

2 2 + 11 + 5 = 1 + 5 (2 + 1)
2 111 5

10

1+10=11(✓)
ตอบ 2 2 + 11 + 5 = + 5 (2 + 1)

แบบฝึกหัด

เลอื กคำตอบท่ีถกู ตอ้ งท่ีสุดเพียงข้อเดียว

ข้อใดคอื ขั้นตอนท่ี 4 ของกำรแยกตวั ประกอบของ

2 2 + 11 + 5

ก. นำตัวเลขมำใสใ่ นช่องว่ำง โดยให้เอำตัวเลขทม่ี ีผลคณู
ทมี่ ำกกวำ่ ใส่ในวงเล็บแรกผลคูณทน่ี อ้ ยกว่ำใสว่ งเล็บหลงั

ข. ทำกำรแยกตัวประกอบโดยใส่ตวั แปร X
ใสเ่ ครือ่ งหมำย และเว้นวำ่ งในสว่ นของตัวเลขไว้

เฉลยแบบฝึกหัด

เรอ่ื ง ข้นั ตอนกำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดีกรีสองในรูป 2 + +
เมอ่ื , , เป็นจำนวนเตม็ และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบข้อ ก. ถกู ตอ้ ง

ก. นำตัวเลขมำใส่ในชอ่ งว่ำง โดยให้เอำตวั เลข
ที่มผี ลคูณทีม่ ำกกว่ำใสใ่ นวงเล็บแรก
ผลคณู ที่น้อยกว่ำใส่วงเลบ็ หลงั

กำรแยกตัวประกอบของพหนุ ำมดีกรีสองในรปู 2 + +
เมื่อ , , เป็นจำนวนเตม็ และ a ≠ 1, ≠ 0

จงแยกตัวประกอบของ 4 2 + 13 + 10
วธิ ที ำ เน่ืองจำก

4 2 + 13 + 10 = (1 + 2)(4 + 5)

41 52

5

8

5+8=13(✓)

ตอบ 4 2 + 13 + 10 = ( + 2)(4 + 5)

แบบฝึกหัด

เลือกคำตอบทถี่ ูกต้องท่ีสุดเพียงขอ้ เดียว

ข้อใดเป็นกำรแยกตัวประกอบของ 2 2 + 6 + 4

ก. (2 + 2)( + 2)
ข. (2 + 2)( − 2)

เฉลยแบบฝึกหดั

เรอ่ื ง กำรแยกตัวประกอบของพหุนำมดกี รสี องในรปู 2 + +
เมอ่ื , , เป็นจำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบขอ้ ก. ถกู ต้อง

ก. (2 + 2)( + 2)

กำรแยกตัวประกอบของพหุนำมดีกรสี องในรูป 2 + +
เมื่อ , , เปน็ จำนวนเตม็ และ a ≠ 1, ≠ 0

จงแยกตวั ประกอบของ 5 2 + 4 − 1
วิธีทำ เนอื่ งจำก

5 2 + 4 − 1 = (1 + 1)(5 − 1)

5 1 (-1) (-1) 1
5

(-1)+5=4(✓)

ตอบ 5 2 + 4 − 1 = ( + 1)(5 − 1)

แบบฝึกหดั

เลอื กคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งท่ีสดุ เพียงขอ้ เดียว

ข้อใดเปน็ กำรแยกตัวประกอบของ 4 2 + 16 − 9

ก. (4a +3)(a + 3)
ข. (2a + 9)(2a - 1)

เฉลยแบบฝึกหดั

เรื่อง กำรแยกตัวประกอบของพหุนำมดีกรีสองในรูป 2 + +
เมือ่ , , เปน็ จำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบขอ้ ข. ถูกตอ้ ง

ข. (2a + 9)(2a - 1)

กำรแยกตวั ประกอบของพหนุ ำมดกี รีสองในรูป 2 + +
เมือ่ , , เป็นจำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

จงแยกตวั ประกอบของ 8 2 − 26 + 15
วิธที ำ เน่อื งจำก
8 2 − 26 + 15 = (4 − 3)(2 − 5)

4 2 (-6) (-3) (-5)
(-20)

(-6)+(-20)=(-26)(✓)

ตอบ 8 2 − 26 + 15 = (4 − 3)(2 − 5)

แบบฝึกหดั

เลอื กคำตอบท่ถี ูกต้องที่สดุ เพียงขอ้ เดียว

ขอ้ ใดเปน็ กำรแยกตัวประกอบของ 9 2 − 6 + 1

ก. (3y - 1)(3y - 1)
ข. (9y + 1)(y - 1)

เฉลยแบบฝึกหดั

เรอ่ื ง กำรแยกตวั ประกอบของพหุนำมดีกรีสองในรปู 2 + +
เมื่อ , , เป็นจำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบขอ้ ก. ถูกตอ้ ง

ก. (3y - 1)(3y - 1)

กำรแยกตวั ประกอบของพหุนำมดีกรีสองในรูป 2 + +
เมือ่ , , เปน็ จำนวนเต็ม และ a ≠ 1, ≠ 0

จงแยกตัวประกอบของ 6 2 − − 12
วธิ ที ำ เนือ่ งจำก

6 2 − − 12 = (3 + 4)(2 − 3)

3 2 8 4 (-3)
(-9)

8+(-9)=(-1)(✓)

ตอบ 6 2 − − 12 = (3 + 4)(2 − 3)

แบบฝกึ หัด

เลือกคำตอบทถ่ี กู ตอ้ งทสี่ ดุ เพียงข้อเดียว

ข้อใดเปน็ กำรแยกตวั ประกอบของ 2 2 − 2 − 4

ก. (2x + 2)(x - 2)
ข. (2x - 2)(x - 2)

เฉลยแบบฝกึ หัด

เรื่อง กำรแยกตัวประกอบของพหุนำมดีกรีสองในรูป 2 + +
เม่ือ , , เป็นจำนวนเตม็ และ a ≠ 1, ≠ 0

เฉลยคำตอบข้อ ก. ถูกต้อง

ก. (2x + 2)(x - 2)

“เก่งมำกเลยครับ” เปน็ ยงั ไงกนั บำ้ งครับ นอ้ ง ๆ

เนอ้ื หำไมย่ ำกเลยใช่ไหมครับ
ตอนนเ้ี รำเรยี นเนอ้ื หำกันครบแล้วนะครับ
ดังนั้นพ่ีสมกำรขอทดสอบควำมรหู้ ลังเรยี น
ของนอ้ ง ๆ หน่อยว่ำจะผำ่ นเกณฑท์ ีก่ ำหนดหรือไม่
เรำไปทำแบบทดสอบหลงั เรียนกันเลย…

แบบทดสอบหลังเรียน

คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นทำเครื่องหมำย  คำตอบท่ีถูกที่สดุ เพยี งข้อเดียว

1. ข้อใดเปน็ กำรแยกตวั ประกอบของ 2 + 13

ก. ( + 13)
ข. ( − 13)
ค. ( + 13)

2. ขอ้ ใดเป็นกำรแยกตัวประกอบของ 9 2 2 − 6
ก. 3 (3 + 2)
ข. 3 (3 − 2)
ค. (9 + 6)

3. ขอ้ ใดเปน็ กำรแยกตัวประกอบของ 2 + 2 − 8 − 8
ก. ( + 8)( + )
ข. ( 2 + 8)( + )
ค. ( 2 − 8)( + )

4. ขอ้ ใดเป็นกำรแยกตวั ประกอบของ 10 + 4
ก. (5 + 2)
ข. 5 − 2
ค. 2(5 + 2)

5. ข้อใดเปน็ กำรแยกตวั ประกอบของ 7 − 14
ก. 7( − 2)
ข. 7( + 2)
ค. 7 − 14

ทำหนำ้ ตอ่ ไปไดเ้ ลย

6. ข้อใดเป็นกำรแยกตัวประกอบของ 2 + 10 + 24

ก. ( + 6)( + 4)
ข. ( + 6)( − 4)
ค. ( − 6)( + 4)

7. ข้อใดเปน็ กำรแยกตัวประกอบของ 2 − 9 + 20

ก. ( + 5)( + 4)
ข. + 5 − 4
ค. ( − 5)( − 4)

8. ข้อใดเปน็ กำรแยกตวั ประกอบของ 2 + 9 − 10

ก. ( + 10)( + 1)
ข. ( + 10)( − 1)
ค. ( − 10)( + 1)

9. ข้อใดเปน็ กำรแยกตัวประกอบของ 2 2 + 6 + 4

ก. (2 + 2)( + 2)
ข. (2 + 2)( − 2)
ค. (2 − 2)( + 2)

10. ข้อใดเปน็ กำรแยกตัวประกอบของ 6 2 − 38 + 56

ก. (3 + 7)(2 + 8)
ข. (3 + 7)(3 − 8)
ค. (3 − 7)(2 − 8)


Click to View FlipBook Version