คมู่ อื ครู อจท. แจกฟรีเฉพาะครผู ูส้ อน
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสอื เรียน ถนาษอปอชนมดว ส มยาาตยรฐาตา
เพิม่ วิธีการสอนเพือ่ ยกผลสัมฤทธิ์ Educare
ผา่ นกระบวนการเรียนรู้ 5Es
เพ่ิม ข้อสอบเนน้ การคิดเพื่อพฒั นา
การเรียนรอู้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ
เพมิ่ กิจกรรมสรา้ งเสรมิ ทักษะ
การเรยี นรูต้ ามศักยภาพผ้เู รียน
ใหม่ กจิ กรรมบูรณาการทกั ษะชวี ิต
และการทำงานตามแนวคิด
เศรษฐกจิ พอเพียง
พร้อม กิจกรรมเสริมสรา้ งประสบการณ์
การเรียนรูส้ อู่ าเซียน
กระด นใหม
ภาพปกนม้ี ขี นาดเทา่ กบั หนงั สอื เรยี นฉบบั จรงิ ของนกั เรยี น
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ñ ÊÒúÑÞ
˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ·èÕ ¤ÇÒÁÃàÙŒ ºÍé× §µ¹Œ à¡ÕèÂǡѺ·ÑȹÈÔŻРñ-ñô
● ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧÈÅÔ »ÐáÅзÈÑ ¹ÈÅÔ »Š ò
● ¤ÇÒÁÊÁÑ ¾Ñ¹¸Ã ÐËNjҧÈÅÔ »Ð¡ºÑ Á¹ÉØ Â ó
● »ÃÐàÀ·¢Í§§Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Š ô
● Êè§Ô áÇ´ÅÍŒ ÁáÅЧҹ·ÑȹÈÅÔ »Š ø
● ·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š¡ÑºÊ¹Ø ·ÃÕÂÀÒ¾ ù
● ¤Ø³¤‹Ò¢Í§·ÑȹÈÔŻРñò
● Çѵ¶Ø»ÃÐʧ¤ã¹¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒÊÒÃзÑȹÈÅÔ »Š ñó
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ Õè ò ·ÈÑ ¹¸ÒµØ ñõ-óð
● ¤ÇÒÁËÁÒ ¤ÇÒÁÊÒí ¤Ñޢͧ·Ñȹ¸ÒµØ
● ͧ¤»ÃСͺ¢Í§·ÈÑ ¹¸ÒµØ ñö
● ·Ñȹ¸ÒµØ¡ºÑ ¡Òè´Ñ ͧ¤»ÃСͺÈÔŻРñö
● ·Ñȹ¸ÒµØã¹ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ òó
● ¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§áÅФÇÒÁ¤ÅÒŒ ¤ÅÖ§¢Í§·ÈÑ ¹¸ÒµØ òö
ã¹§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔÅ»ŠáÅÐʧèÔ áÇ´ÅÍŒ Á
òù
˹Nj ¡ÒÃàÃչ̷٠Õè ó ¡ÒÃÍ͡Ẻ§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š
● ¤ÇÒÁËÁÒÂáÅФÇÒÁÊÒí ¤Ñޢͧ¡ÒÃÍ͡Ẻ óñ-óø
● ËÅ¡Ñ ÊÒí ¤Ñޢͧ¡ÒÃÍ͡Ẻ
óò
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙ·Œ Õè ô ¤ÇÒÁÃŒÙàº×éͧµ¹Œ à¡ÕÂè Ç¡ºÑ ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ
● ¤ÇÒÁ໹š ÁÒáÅÐá¹Ç·Ò§»¯ÔºÑµÔ óó
● à¤Ã×èͧÁ×ÍáÅÐÍØ»¡Ã³ã ¹¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ
● á¹Ç·Ò§¾é×¹°Ò¹ã¹¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ óù-õò
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ٌ èÕ õ ËÅ¡Ñ ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÈÑ ¹ÂÕ ÀÒ¾ ôð
● ¤ÇÒÁÅ¡Ö ÅǧµÒẺ ó ÁµÔ Ô ôñ
● ËÅÑ¡¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÑȹÕÂÀÒ¾ ôø
● Ç¸Ô ÇÕ Ò´ÀÒ¾áÊ´§·ÑȹÂÕ ÀÒ¾
● ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾·ÔÇ·Ñȹá ÅÐÀÒ¾¤¹·ÕèáÊ´§·ÈÑ ¹ÕÂÀÒ¾ õó-öô
● ¡ÒáíÒ˹´à§Ò¢Í§ÇµÑ ¶Ø
õô
õö
õø
öð
öó
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ö §Ò¹»˜¹œ áÅЧҹÊ×èͼÊÁ öõ-÷ø
● Å¡Ñ É³Ð¢Í§¼Å§Ò¹»˜¹œ áÅЧҹÊ×Íè ¼ÊÁ
● ËÅ¡Ñ ¡ÒèѴ·Òí ¼Å§Ò¹»œ˜¹áÅЧҹÊÍè× ¼ÊÁ öö
● ¡ÒÃáÊ´§¼Å§Ò¹¡Òû˜¹œ ËÃÍ× ÊÍ×è ¼ÊÁ໹š àÃ×Íè §ÃÒÇ ó ÁµÔ Ô ö÷
÷õ
˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ÷ ¡ÒÃÍ͡Ẻû٠ÀÒ¾ ÊÑÞÅѡɳ ÷ù-ùö
áÅЧҹ¡ÃÒ¿¡
øð
● ¡ÒÃÍ͡ẺÃÙ»ÀÒ¾ øõ
● ¡ÒÃÍ͡ẺÊÑÞÅ¡Ñ É³ øø
● ¡ÒÃÍ͡Ẻ§Ò¹¡ÃÒ¿¡
˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ Õè ø ËÅÑ¡¡ÒûÃÐàÁ¹Ô §Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Š ù÷-ñðô
● ¤ÇÒÁࢌÒã¨à¡ÂÕè ǡѺ¡ÒÃÇÔ¨Òó¼Å§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š
● ¨´Ø »ÃÐʧ¤¢Í§¡ÒûÃÐàÁ¹Ô §Ò¹·ÑȹÈÔŻРùø
● ËÅѡࡳ±¡Òþ¨Ô ÒóÒà¾Íè× »ÃÐàÁ¹Ô ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Š ñðð
● µÇÑ ÍÂÒ‹ §¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔŻРñðñ
● »ÃÐ⪹¢ ͧ¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÑȹÈÔŻРñðò
ñðó
˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ·èÕ ù ·ÑȹÈÅÔ »Š¢Í§ªÒµÔáÅзŒÍ§¶Ôè¹ ñðõ-ñòò
● ÅѡɳÐû٠Ẻ§Ò¹·ÑȹÈÅÔ »¢Š ͧªÒµÔ
● Å¡Ñ É³ÐÃٻẺ§Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Š·ÍŒ §¶¹Ôè ñðö
● §Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Šã¹áµÅ‹ ÐÀÁÙ ÔÀÒ¤ ñðø
● à»ÃÂÕ ºà·ÂÕ º§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »ÀŠ Ò¤µÒ‹ §æ ¢Í§ä·Â ññð
ñòð
ñð˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ÙŒ èÕ ·ÑȹÈÅÔ »Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂáÅÐÊÒ¡Å ñòó-ñóù
● ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â ñòô
● ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔŻ㊠¹Ç²Ñ ¹¸ÃÃÁÊÒ¡Å ñò÷
● à»ÃÕºà·ÂÕ º¤ÇÒÁᵡµÒ‹ §¢Í§·ÑȹÈÔŻ㊠¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂáÅÐÊÒ¡Å ñóð
ºÃóҹءÃÁ ñôð
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
มคี วามรคู วามเขาใจเบื้องตน เกยี่ วกับ
ทัศนศลิ ป
สมรรถนะของผูเ รียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค
1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ รยี นรู
3. มุงม่นั ในการทํางาน
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
๑ ครูใหนกั เรยี นดภู าพหนา หนว ย แลวถาม
นกั เรยี นวา
หนว่ ยที่
• นกั เรียนทราบหรือไมว า สถานทใี่ นภาพ
ความรู้เบื้องตน้ เกีย่ วกบั ทศั นศลิ ป์ คือท่ีใด
(แนวตอบ ภาพดังกลา วเปนสวนของ
สิ่งจำาเป็นต่อการดำารงชีวิตของมนุษย์ นอกเหนือจาก พระราชวงั แวรซ ายส (Park of Versailles)
ต้งั อยูท่ีเมอื งแวรซายส กรงุ ปารสี
ปจั จยั ส่ีคอื อาหารเครอ่ื งนงุ่ หม่ ทอ่ี ยอู่ าศยั และยารกั ษาโรคแลว้ ประเทศฝรั่งเศส)
อารมณ์ ความพงึ พอใจกม็ คี วามสาำ คญั ดว้ ยเชน่ กนั ซงึ่ ผลงาน
ศิลปะทางด้านทัศนศิลป์นับว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วย จากนั้นครใู หนกั เรียนชวยกนั ยกตวั อยาง
พัฒนาตัวเราให้มีความสุขสมบูรณ์พร้อมท้ังทางร่างกาย จิตใจ สถานทีส่ าํ คญั ๆ ในประเทศไทย ทีน่ ักเรียนเห็นวา
อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ทง้ั น้ี งานทศั นศลิ ป์จะเป็นผลงาน ออกแบบไวไดอ ยางสวยงาม
ท่ีเราสัมผัสซึ่งความงามได้จากการมองเห็น โดยงานทัศนศิลป์
จะจำาแนกแยกย่อยได้อีกหลายประเภท ดังนั้น ก่อนที่จะเรียนรู้
เทคนคิ วธิ แี ละลงมอื สรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปแ์ ตล่ ะประเภท จงึ ควร
ศึกษาเรอ่ื งราวเบ้ืองต้นเกยี่ วกับทศั นศลิ ปเ์ ปน็ การปพู ืน้ ฐานไว้กอ่ น
1
เกรด็ แนะครู
การเรยี นการสอนในหนว ยการเรยี นรนู ้ี ครูควรอธบิ ายใหนักเรียนเขาใจวา
งานทัศนศลิ ป คอื ผลงานศิลปะทนี่ ักเรียนสามารถสัมผสั รบั รูค วามงามไดจากการ
มองเห็น ซึง่ สามารถจําแนกผลงานทศั นศลิ ปไ ดตามลักษณะของเน้อื งานเปน งาน
จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตยกรรม และภาพพิมพ โดยผลงานทัศนศิลป
เปนการแสดงออกทางศิลปะแขนงหนง่ึ ทีช่ ว ยพฒั นาอารมณข องคนเราใหม ี
ความเปน มนุษยท่สี มบรู ณ ท้ังน้ีการศึกษางานทัศนศิลปในระดับช้ันน้ี มไิ ดมุงหมาย
เพอ่ื ทีจ่ ะใหนกั เรยี นสรา งสรรคง านศลิ ปะชน้ั เยย่ี ม หรอื ตองการจะใหเปนศิลปน
แตอยา งใด แตมงุ หวังทีจ่ ะสง เสริมใหนกั เรียนเปนผูมีความคดิ ริเริ่มสรา งสรรค
มีจนิ ตนาการทางศลิ ปะ รสู ึกชน่ื ชมความงาม ความมีคณุ คาของผลงานทัศนศลิ ป
ทม่ี นุษยไดสรา งสรรคขึน้
คู่มอื ครู 1
กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครถู ามนักเรียนวา ñ. ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧÈÅÔ »ÐáÅзÑȹÈÔÅ1»Š
• ศิลปะและทัศนศลิ ปแ ตกตา งกันอยา งไร
ศิลป2ะ หมายถึง ผลแห่งความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่แสดงออกมาในรูปลักษณ์ต่างๆ ให้ปรากฏ
(แนวตอบ ผลงานทถี่ อื วา เปนงานศลิ ปะ
จะตอ งเปนงานที่มนุษยส รางสรรคข้ึน มิใชเ กิด ซ่งึ สุนทรียภาพ ความประทบั ใจ หรอื ความสะเทอื นอารมณ์ ตามประสบการณ ์ รสนิยม และทกั ษะของบคุ คลแตล่ ะคน
ข้ึนมาเองตามธรรมชาติ ซง่ึ จะแสดงออกมาใน นอกจากนี ้ ยงั มนี กั ปราชญ ์ นกั การศกึ ษา ทา่ นผู้ร ู้ ไดใ้ ห้คา� นิยามความหมายของศิลปะแตกตา่ งกนั ออกไป เช่น
รูปลักษณตา งๆ เชน ภาพเขียน บทเพลง ระบํา
ราํ ฟอน เปนตน สว นทัศนศลิ ปเปนศัพทท ี่ ศลิ ปะ คือ 3
บญั ญัตขิ ้นึ มาเพอ่ื ใชจาํ แนกผลงานที่มนุษย
สามารถสมั ผัสความงามไดจ ากการ ● การเลียนแบบธรรมชาติ
มองเหน็ แบง ออกไดเ ปน 4 ประเภทหลักๆ ● การแสดงออกของบคุ ลกิ ภาพทางอารมณของมนษุ ย
คือ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตยกรรม ● การสื่อสารอยางหนึ่งระหวางมนษุ ย
และภาพพมิ พ) ● การระบายความปรารถนาในใจของศิลปินออกมา
ครูเช่อื มโยงเขา สเู นอ้ื หาเกย่ี วกบั ความหมายของ ● การแสดงออกของผลงานดา นตา งๆ ท่สี รา งสรรค
ศลิ ปะและทศั นศลิ ป
สา� รวจคน้ หา Explore จากความหมายและคา� นยิ ามทางศลิ ปะที่ไดน้ า� มากลา่ วอา้ งไวข้ า้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ ผลงานทเ่ี รยี กกนั วา่ เปน็
ใหน กั เรียนสบื คน เกี่ยวกับความหมายของศิลปะ “ศลิ ปะ” จะมที ศั นะทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป ยากทจ่ี ะหาขอ้ สรปุ ทแี่ นน่ อน หรอื กา� หนดลกั ษณะของงานศลิ ปะได ้ โดยในแตล่ ะ
และทศั นศิลป จากแหลงเรยี นรูต า งๆ เชน
หนังสือเรียน หองสมดุ อินเทอรเ น็ต เปนตน ยคุ สมยั ทา่ นผรู้ ไู้ ดก้ า� หนดความหมายของศลิ ปะไปตามบรบิ ทของตนเอง ซง่ึ ยอ่ มจะมคี วามแตกตา่ ง หรอื เปลย่ี นแปลง
ไปตามสภาพของสังคม สง่ิ แวดล้อม และความเจรญิ กา้ วหนา้ ของเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม ก็เป็นท่ียอมรับกันในประการ
อธบิ ายความรู้ หน่ึงว่า ผลงานที่ถือว่าเป็นงานศิลปะจะต้องเป็นงานที่มี
Explain การสร้างสรรค์ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเอง กล่าวคือ “จะต้องมี
ครสู ุมตัวอยา งนักเรยี น 2-3 คน ใหออกมา มนุษย์เปนผูส้ ร้างสรรค”์ ผลงานนั้นๆ
อธิบายความหมายของศลิ ปะและทศั นศลิ ปท ไี่ ด
ไปสบื คน มา หนา ช้ันเรียน ครอู ธิบายเสรมิ เพ่มิ เตมิ สว่ นคา� วา่ “ทศั นศลิ ป”์ (Visual Art) เปน็ ศพั ทท์ ี่
ความรู จากน้นั ใหนักเรียนจดสาระสําคญั ลงสมุด
บันทกึ ไดร้ บั การบญั ญัติขน้ึ ใช้ในวงการศลิ ปะเมอ่ื ประมาณ ๓๐ ปี
ที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายท่บี ัญญัตศิ ัพท์ “ทศั นศลิ ป”์ ขึน้ มา
กเ็ พอ่ื จา� แนกความแตกตา่ ง หรอื แยกลกั ษณะการรบั รขู้ อง
มนษุ ยท์ างดา้ นศลิ ปะใหม้ คี วามชดั เจนมากขน้ึ ทงั้ น ้ี เพราะ
แตเ่ ดิมนัน้ ผลงานทางดา้ นทัศนศิลปจ์ ะถูกผนวกรวมเขา้
และถือเป็นส่วนหน่ึงของงาน “วิจิตรศิลป์” จึงท�าให้เกิด
ความเขา้ ใจวา่ งานทศั นศิลปจ์ ะต้องเป็นผลงานทมี่ คี วาม จิตรกรรมไทย เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของช่างเขียนไทย นับเป็น
ผลงานศลิ ปะทม่ี ีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ท่โี ดดเด่นไม่ซา้ํ แบบใคร
ละเอียด ประณีตบรรจง และมคี วามงดงามเท่าน้นั
2
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 สรา งสรรค หมายถงึ การประดิษฐค ดิ คนสง่ิ ใหมใหเ กิดขนึ้ โดยอาศยั
พน้ื ฐานของสิง่ ทม่ี อี ยูเดมิ เชน ธรรมชาติ ความรู วัสดุ เทคโนโลยี เปนตน เปน “ศิลปะ คอื ส่ิงทม่ี นษุ ยส รางสรรคขน้ึ เพอ่ื แสดงออกซง่ึ อารมณ ความรสู กึ
ขอมูลสําคัญในการคิดคน มนุษยสามารถพัฒนาการสรา งสรรคใหม ปี ระสทิ ธภิ าพ สตปิ ญ ญา ความคิด และ/หรือความงาม” เปนคํากลา วของบุคคลใด
มากข้นึ โดยเพิม่ พูนองคประกอบของความคิดสรา งสรรค อันไดแก การเหน็ และ
รบั รู ประสบการณ การเรียน และจนิ ตนาการ ใหเจริญงอกงาม 1. เลโอนาโด ดา วินชี (Leonardo da Vinci)
2 สุนทรียภาพ หมายถึง ความซาบซงึ้ ในคุณคา ของสิ่งท่งี าม ไพเราะ หรอื 2. อรสิ โตเติล (Aristotle)
รืน่ รมย ไมวา จะเปนธรรมชาตหิ รือศลิ ปะ 3. ชลูด นิ่มเสมอ
3 การเลยี นแบบธรรมชาติ ในทนี่ หี้ มายถงึ ผลงานศลิ ปะทถ่ี า ยทอดจากตน แบบ 4. ศาสตราจารยศลิ ป พีระศรี
ที่เปนจรงิ ตามธรรมชาติ เชน รปู รางมนุษย ทิวทัศนท างทะเล ตน ไม ภูเขา เปนตน
ศิลปนอาจนําเสนอโดยปราศจากการแตงเตมิ หรอื ตัดทอนใดๆ หรอื ศลิ ปน อาจนํา วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. “ศลิ ปะ คอื ส่ิงท่ีมนษุ ยสรางสรรคขึ้น เพอื่
มาดัดแปลง จดั วางทัศนธาตใุ หม โดยอาศัยเคา โครงเดมิ จากธรรมชาติก็ได
แสดงออกซงึ่ อารมณ ความรสู กึ สตปิ ญญา ความคดิ และ/หรอื ความงาม”
เปน คาํ กลา วของชลูด นมิ่ เสมอ ซงึ่ ไดก ลาวไวใ นหนงั สือองคประกอบของ
ศิลปะ (พ.ศ. 2534)
2 ค่มู อื ครู
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ò. ¤ÇÒÁÊÁÑ ¾Ñ¹¸Ã ÐËÇÒ‹ §ÈÅÔ »Ð¡ÑºÁ¹ÉØ Â ครใู หน ักเรียนยกตวั อยางผลงานทศั นศลิ ปท่ี
พบเหน็ ในสงั คมไทย มาคนละ 1 ตวั อยา ง พรอ มทง้ั
การสรา้ งสรรคท างศลิ ปะ เปน็ กจิ กรรมพฒั นาสตปิ ญั ญาและอารมณ ์ ซง่ึ จะเกดิ ขนึ้ ไดเ้ ฉพาะในสงั คมมนษุ ย์ ระบแุ หลง ทม่ี าและรปู แบบของผลงาน จากน้ันครู
เท่านั้น ถงึ แม้ว่าในหมสู่ ัตวบ์ างชนดิ ก็อาจจะมีกิจกรรมในลกั ษณะท�านองเดียวกบั ทีม่ นุษยก์ ระทา� ขน้ึ แตเ่ ราก็ไมอ่ าจ ถามนักเรียนวา
นบั วา่ เปน็ งานศลิ ปะได ้ เนอ่ื งจากกจิ กรรมเหลา่ นน้ั มกั ถกู สรา้ งขน้ึ มาโดยความบงั เอญิ หรอื เกดิ จากสญั ชาตญาณของ
สตั ว์เอง ซง่ึ มกั จะมเี ปา หมายเพ่อื ปอ งกันภยันตราย ด�ารงเผา่ พันธ์ุ หรือเพ่ือการด�ารงชีวิตรอดเป็นหลกั • ศิลปะมคี วามสัมพันธก บั ชวี ติ มนุษยอ ยา งไร
การสร้างสรรค์ทางศิลปะของมนุษย์เช่ือว่าเกิดข้ึนมาตั้งแต่สมัยโบราณตั้งแต่ยุคหิน หรือเมื่อประมาณ (แนวตอบ ศิลปะสัมพนั ธก บั ชีวิตมนษุ ย
๕๐๐,๐๐๐-๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว นับต้ังแต่เม่ือคร้ังที่บรรพบุรุษของมนุษย์ยังเป็นพวกเร่ร่อนอาศัยอยู่ตามถ�้า เพิงผา ในแงข องอารมณ ความรสู กึ เพราะงานศลิ ปะ
ดา� รงชีพด้วยการลา่ สัตว ์ และหาของป่ามาเป็นอาหาร โดยผลงานศลิ ปะถ้าไมน่ ับพวกเครือ่ งมอื เครอ่ื งใช้ ล�าดับแรกๆ โดยสวนใหญเกดิ ขน้ึ เพ่อื ตอบสนองอารมณ
จะเป็นภาพวาด ซึ่งปรากฏอยู่ตามผนังถ�้าในท่ีต่างๆ เช่น ภาพวัวไบซัน ที่ถ�้าอัลตามีรา ประเทศสเปน ภาพสัตว์ ความรูสึกของมนุษย ซง่ึ อาจจะเปน
ชนดิ ตา่ งๆ เชน่ ม้า กวาง เปน็ ตน้ ที่ถา�้ ลาส์โกซ ์ ประเทศฝรง่ั เศส ส�าหรบั ในประเทศไทยก็ส�ารวจพบภาพวาดในที่ ความประทบั ใจ ความซาบซงึ้ ความศรัทธา
หลายแหง่ เช่น ภาพชา้ ง ภาพเต่า ทผ่ี าแตม้ อ�าเภอโขงเจยี ม จงั หวัดอบุ ลราชธานี ภาพนก ภาพจระเข้ ทถ่ี �้าผีหัวโต หรอื ความเหงา โดยเช่อื กันวางานศลิ ปะ
อา� เภออ่าวลกึ จังหวัดกระบ่ี เป็นต้น ในยุคแรกๆ เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจ
ที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าศิลปะมีความเกี่ยวพันกับมนุษย์ในแง่ที่เป็นผลงาน หรือวิธีการแสดงออกมา ของมนุษยทม่ี ีตอ ความงามของธรรมชาติ
เพ่ือตอบสนองอารมณ์ของตนเอง อาจจะเป็นความประทับใจ ความซาบซึ้ง ผ่อนคลายความตึงเครียด หรือเพื่อ และสภาพแวดลอ มกอน จากนั้นจงึ ถายทอด
ความชื่นชม และศรัทธา โดยผลงานศิลปะแรกๆ ของมนุษย์ เช่ือว่าน่าจะเกิดจากแรงบันดาลใจของมนุษย์ที่มีต่อ ออกมาเปนผลงานศิลปะ และแตกแขนง
ความงามทางธรรมชาติ หรือสภาพแวดล้อม จากน้ันจงึ คอ่ ยๆ ถ่ายทอดความประทบั ใจน้ันออกมาเปน็ ผลงานศลิ ปะ เปน สาขาตา งๆ ดงั ทพี่ บเห็นไดในปจจบุ ัน
โดยอาจจะเปน็ งานประเภทจติ รกรรม และประตมิ ากรรมอย่างง่ายๆ เชน สาขาจติ รกรรม สาขาประตมิ ากรรม
เปนตน)
สา� รวจคน้ หา Explore
ใหน กั เรียนสืบคนเก่ียวกับความสัมพันธ
ระหวา งศลิ ปะกับมนษุ ย จากแหลงเรียนรตู า งๆ
เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปน ตน
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ครสู มุ ตวั อยา งนักเรยี น 2-3 คน ใหออกมา
1 อธบิ ายความสมั พนั ธระหวางศลิ ปะกับมนุษย
จากทนี่ กั เรยี นไดไ ปสบื คน มา หนา ชัน้ เรียน
(ภาพซา้ ย) ภาพเขยี นสี สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์ รปู สตั วช์ นดิ ตา่ งๆ พบท่ถี าํ้ ลาส์โกซ์ (Lascaux) ประเทศฝร่ังเศส 2. ครนู าํ ภาพวาดของมนุษยในยุคโบราณท่ี
(ภาพขวา) ภาพเขยี นสี สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์ รูปคนและสัตว์ชนิดต่างๆ พบทผี่ าแต้ม อําเภอโขงเจยี ม จงั หวัดอบุ ลราชธานี
ปรากฏอยูตามผนังถํา้ เนนิ เขา หรือหนา ผาใน
ประเทศไทย มาใหน ักเรยี นชม แลว ใหนักเรียน
3 เขียนอธบิ ายเก่ียวกับลกั ษณะของภาพวาด
ดังกลา วมาพอสังเขป สง ครูผูส อน
บูรณาการเชอ่ื มสาระ นกั เรยี นควรรู
การศึกษาเกีย่ วกับความสัมพนั ธร ะหวา งศิลปะกับมนษุ ย สามารถ 1 ภาพเขียนสี คอื รปู ภาพทสี่ รา งขึ้นบนพืน้ หนิ ดวยสีท่ีไดจากธรรมชาติ
บรู ณาการเชอื่ มโยงกับการเรยี นการสอนของกลมุ สาระการเรียนรูส งั คมศึกษา โดยการวาดดวยสแี หง (Drawing) ระบายสี (Painting) พนสี (Stenciling)
ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าประวตั ิศาสตร เรอื่ งหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร ทาบหรอื ประทับ (Imprinting) และการสะบัดสี (Paint Splattering)
เพราะหลกั ฐานทางประวัติศาสตรที่คน พบในสมัยกอ นประวตั ิศาสตรส วนใหญ
จะเปน ผลงานศิลปะ ไมว า จะเปนงานศิลปะประเภทจติ รกรรม เชน ภาพวาด ภาพทเี่ กิดจากการเขยี นสมี ักแสดงใหเ หน็ เปน รูปคน รูปสัตว รูปตนไม ใบไม
ท่ีปรากฏตามผนังถํ้า เนนิ เขา หรือหนา ผาในประเทศตา งๆ และงานศิลปะ และดอกไม รูปวัตถแุ ละสง่ิ ของ รูปสัญลกั ษณต า งๆ รวมทง้ั รูปมอื และเทาดวย
ประเภทประติมากรรม เชน เคร่ืองปน ดนิ เผาตา งๆ ซึ่งงานศลิ ปะเหลา นี้ ภาพเหลาน้อี าจแสดงโดดๆ มีเนือ้ ความเลาเรือ่ งในตัวเอง หรอื เปนภาพที่ประกอบ
สามารถสะทอ นวถิ ชี วี ิตความเปนอยขู องคนในยุคสมัยนนั้ ๆ ไดเ ปนอยา งดี กันเปนเรอื่ งราว โดยแสดงใหเ ห็นถึงเรอื่ งราวการลาสัตว การทําเกษตรกรรม
และยงั เปนหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรช นิ้ สาํ คญั ทเ่ี หลือไวใ หคนรุนหลงั การละเลน รื่นเรงิ การประกอบพิธีกรรม
ไดศกึ ษาคนควา ตอไป
ภาพเขียนสี เปนงานศิลปะท่ีเรยี กกันโดยทว่ั ไปวา “ศลิ ปะถา้ํ ” (Cave Art)
หรือ “ศิลปะบนหนิ ” (Rock Art) เนอื่ งจากภาพเหลาน้นั ปรากฏใหเ ห็นบนผนงั
ภายในถํา้ หรอื หนา ถํ้า หรอื ตามผนงั ของกอนหินใหญ หรอื เพิงหินและเพิงผาใหญ
คูม่ ือครู 3
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหน ักเรยี นดูแผนผังประเภทของผลงาน ó. »ÃÐàÀ·¢Í§§Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Š
ทศั นศิลป ในหนงั สอื เรียน หนา 4 จากน้ันครูถาม
นกั เรียนวา หากพิจารณาผลงานทัศนศลิ ปจ าก ผลงานศิลปะด้านทศั นศิลป ์ สามารถจา� แนกออกได้เป็น ๔ ประเภท คอื
แผนผัง นกั เรยี นชนื่ ชอบผลงานทศั นศิลปประเภทใด
มากทส่ี ุด เพราะเหตุใด จติ รกรรม สถาปต ยกรรม
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอยา งอสิ ระ) ภาพวาด ภาพเขยี น แบบเปิด แบบปดิ
สา� รวจคน้ หา Explore ประเภทงานทัศนศลิ ป
ใหน กั เรยี นสบื คน เกยี่ วกบั รปู แบบของงานทศั นศลิ ป ประตมิ ากรรม ภาพพมิ พ
ประเภทจิตรกรรม จากแหลงเรยี นรูต า งๆ เชน
หนังสอื เรียน หองสมุด อินเทอรเ นต็ เปนตน แบบนูนตํ่า แบบนูนสงู พมิ พผ วิ นูน พิมพร อ งลึก
แบบลอยตวั พิมพพน้ื ราบ พมิ พฉากพมิ พ
อธบิ ายความรู้ Explain ๓.๑ จิตรกรรม (Painting)
1. ใหน ักเรยี นรว มกันอธบิ ายและยกตวั อยา ง จติ รกรรม หมายถงึ การสร้างสรรค์ผลงานทศั นศลิ ป์บนพื้นระนาบดว้ ยวิธกี ารลาก การขดี เขยี น หรอื การ
ผลงานทัศนศิลป ประเภทจติ รกรรม แลวสรุป
สาระสําคญั ลงสมุดบันทึก ครคู อยชว ยเสรมิ ระบายสฝี นุ่ สีน้า� สีน้า� มัน ลงบนพนื้ ผวิ วัสดุทมี่ ีความราบเรียบ เชน่ กระดาษ ผ้าใบ ผนัง แผ่นไม ้ เพดาน ผวิ หนา้
เพิม่ เติมความรู
ของวตั ถอุ นื่ ๆ เปน็ ตน้ เพอื่ ใหเ้ กดิ เรอ่ื งราวและความงามตามความนกึ คดิ และจนิ ตนาการของผวู้ าด จติ รกรรมสามารถ
2. ใหน กั เรยี นดภู าพผลงานทศั นศิลปตอไปน้ี
แลว ตอบคาํ ถามวา ภาพแตล ะภาพเปน ผลงาน จ�าแนกได้เป็น ๒ ลกั ษณะ ดงั นี้
ทัศนศลิ ปประเภทใด
๑) ภาพวาด (Drawing) เป็นศพั ท์ทางทัศนศิลป์ที่ใชเ้ รียกภาพวาดเขยี น ภาพวาดเส้น แบบเป็น ๒ มิติ
คือ มีเพียงความกวา้ ง และความยาว โดยใช้วสั ดุตา่ งๆ เช่น ดินสอด�า สีชอลก์ สีเทยี น ถา่ นเกรยอง เปน็ ตน้
๒) ภาพเขียน (Painting) เป็นการสรา้ งงาน ๒ มติ ิ บนพน้ื ระนาบด้วยสีหลายส ี การเรยี กช่อื ลักษณะ
ของภาพเขยี นจะเรยี กตามวสั ดทุ ี่ใชเ้ ปน็ สา� คญั เชน่ การเขยี นภาพดว้ ยสนี า้� การเขยี นภาพดว้ ยสนี า�้ มนั การเขยี นภาพ
ดว้ ยสอี ะครลิ กิ เป็นต้น
ภาพท่ี 1 ภาพท่ี 2
ภาพที่ 3 ภาพท่ี 4
(แนวตอบ ภาพท่ี 1 คือ ภาพวาดลายเสน “ทาเรอื ประมง” ภาพเขียนสีนา้ํ ผลงานของ สุชาติ เถาทอง “ดอกไมช้ ชู อรบั แสง” ภาพเขยี นสนี า้ํ มันบนผ้าใบ ผลงานของ
ภาพท่ี 2 คอื ภาพผลงานสถาปต ยกรรม กมลรตั น์ เพช็ รชู
(พระทน่ี ่ังอนันตสมาคม) ภาพที่ 3 คือ 4
ภาพพมิ พรองลึก และภาพที่ 4 คอื
ผลงานประตมิ ากรรมฝาผนงั ) การคิด
O-NE
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน T
ครคู วรอธบิ ายเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั คาํ วา “Drawing” และ “Painting” ใหนักเรยี น ใครสรางงานทัศนศลิ ป ประเภทจติ รกรรม ทีส่ ะทอนถงึ คุณคา ของ
เขาใจไดงา ยขึ้นวา Drawing คอื การลากเสน บนพนื้ ระนาบดว ยเครือ่ งมือตา งๆ วฒั นธรรมไทย
เชน ดนิ สอ ปากกา เปนตน ซ่ึงอาจจะมกี ารระบายสีในข้ันตอนตอ ไป หรอื อาจจะ
แคแ รเงาบางสว นกไ็ ด ซง่ึ คนท่วั ไปจะคนุ เคยกับคําวา “การวาดลายเสน ” 1. แอมแกะสลักรูปคณุ ปู
สวน Painting เปนการสรางสรรคผลงานศิลปะดว ยการระบายสีลงบนพื้นผวิ ของ 2. เอพ ิมพภาพดวยเศษวสั ดุ
วัตถุ โดยใชแปรง หรือพูกัน ซงึ่ คนท่ัวไปจะคุน เคยกับคําวา “ภาพวาดระบายสี” 3. เดนปนตกุ ตาตวั การต ูนท่ีชน่ื ชอบ
4. กอ ยวาดภาพประเพณกี ารแหเ ทยี นพรรษา
มมุ IT
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะประเพณีการแหเทยี นพรรษาเปน
นกั เรยี นสามารถชมตวั อยา ง Drawing ไดจ าก http://drawsketch.about.com/
หรอื จาก http://www.youtube.com/ โดยคนหาจากคําวา Drawing ประเพณไี ทยทีค่ วรอนรุ ักษแ ละสบื ทอด ดงั นั้น การทีก่ อยวาดภาพประเพณี
การแหเทยี นพรรษาจึงถือเปนการสรา งงานทศั นศิลปประเภทจติ รกรรมท่ี
สะทอนคณุ คา ของวฒั นธรรมไทย
4 คมู่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๓.๒ ประติมากรรม (Sculpture) 1. ใหน ักเรียนรว มกนั อธบิ ายและยกตัวอยา ง
ผลงานประติมากรรมแบบนูนตํ่า แบบนูนสูง
ประติมากรรม หมายถงึ การสรา้ งงานทศั นศลิ ปท์ เี่ กดิ จากกลวิธีการปนั การแกะสลัก การหล่อ การเช่อื ม และแบบลอยตัว แลว สรปุ สาระสําคัญ
ลงสมดุ บันทกึ ครูคอยชว ยเสรมิ เพ่ิมเติมความรู
หรือกระบวนการอ่นื ใดทส่ี ร้างใหเ้ กดิ รปู ร่าง รูปทรง มลี ักษณะเปน็ ๓ มติ ิ คอื มคี วามกวา้ ง ความยาว และความหนา
2. ครใู หน กั เรยี นตอบคําถามตอไปนี้
เช่น รูปคน รูปสัตว์ รปู สิง่ ของ เปน็ ตน้ ประติมากรรมสามารถจ�าแนกไดเ้ ป็น ๓ ลักษณะ ดงั น้ี • ข้ันตอนสําคญั ของการสรา งงาน
ประตมิ ากรรมนูนต่าํ และประติมากรรม
แบบนนู ต่�า (Bas-Relief) แบบนนู สูง (High-Relief) แบบลอยตัว (Round-Relief) นนู สูงคอื ขน้ั ตอนใด
การปน หรือสลักโดยใหภาพที่เกิด การปน หรือสลกั ใหร ูปทต่ี อ งการนนู การปน หรือสลักท่ีสามารถมองเห็น (แนวตอบ สิง่ สําคัญของการสรา งผลงาน
นนู ข้ึนจากพื้นเพยี งเล็กนอยเทา น้นั โดย ข้ึนจากพ้ืนหลังมากกวาคร่ึง เปนรูปท่ี และสัมผัสชื่นชมความงามของผลงานได ประติมากรรมคอื รูปตนแบบ โดยรูปตนแบบ
อาศัยแสงเงาชวยทําใหเกิดความรูสึก สามารถแสดงความตน้ื ลกึ ตามความเปน ทุกดาน หรือรอบดา น ซ่งึ ประตมิ ากรรม อาจจะเปน ผลงานประตมิ ากรรมลอยตวั
ลกึ ตนื้ ในการมองเหน็ เชน รปู บนเหรยี ญ จริง เชน ประติมากรรมท่ีฐานอนสุ าวรีย แบบลอยตัวนี้อาจจะวาง หรือตั้งอยูบน (งานจรงิ ) งานประติมากรรมทบี่ นั ทกึ เปน
ตางๆ เปน ตน ประติมากรรมบนบานประตูไมแกะสลัก ฐานก็ได เชน พระพุทธรูป พระบรมรูป ภาพถาย หรือรปู ถา ยบคุ คลสําคัญ
เปน ตน ทรงมา เปน ตน ทีป่ ระตมิ ากรพจิ ารณาวามคี วามสวยงาม
เหมาะสมตอ การสรางสรรคผลงาน
๓.๓ สถาปัตยกรรม (Architecture) ประตมิ ากรรมใหออกมาเปน รูปธรรม
จากรปู ตน แบบดังกลาว)
สถาปัตยกรรม หมายถึง ศิลปะและวิทยาการแห่งการก่อสร้างท่ีท�าขึ้นมาเพื่อสนอง • พระพุทธรปู ศรีศากยะทศพลญาณ ประธาน
พทุ ธมณฑลสุทรรศน จังหวัดนครปฐม
ความต้องการในดา้ นวตั ถุและจติ ใจ มีลักษณะเป็นสิ่งกอ่ สร้างที่สร้างขึน้ อย่างงดงามถูกต้องตาม เปนผลงานประตมิ ากรรมลกั ษณะใด
(แนวตอบ ประตมิ ากรรมลอยตวั โดยเปน
หลักวิชาการ ผ่านกระบวนการออกแบบ เขยี นแบบ กอ่ สรา้ ง มีความเหมาะสมสะดวกใน พระพทุ ธรูปปางลลี าไดรบั แนวคดิ มาจาก
ศลิ ปะสมยั สโุ ขทัย)
การใชง้ าน มคี วามมนั่ คง แขง็ แรง สถาปตั ยกรรมสามารถจา� แนกไดเ้ ปน็ ๒ ลกั ษณะ ดงั น้ี
๑) แบบเปดิ หมายถงึ สถาปตั ยกรรมทมี่ นษุ ยส์ ามารถเขา้ ไปใชส้ อยได ้
เชน่ สถานท่ีประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ท่พี ักอาศัย อาคารเรียน เป็นตน้
สถาปตั ยกรรมเปน็ ปัจจัยส�าคัญในการด�าเนนิ ชวี ติ ของมนษุ ย์ ลกั ษณะ
ของสถาปตั ยกรรมมกั จะขึน้ อยู่กับเงอื่ นไขด้านสภาพทางภมู ศิ าสตร์
๒) แบบปดิ หมายถงึ สถาปัตยกรรมท่ีมนุษย์
ไมส่ ามารถเขา้ ไปใช้สอยได ้ สถาปัตยกรรมแบบนี้สว่ นใหญ่
จะสร้างข้นึ เพ่อื ตอบสนองความเช่อื เป็นส�าคัญ เช่น พีระมิด
ของอยี ิปต์ สถปู เจดีย์ เทวสถาน เป็นตน้
ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู
ขอ สอบป ’53 ออกเกี่ยวกบั การแบง ประเภทของงานประติมากรรม ครูเพ่มิ เตมิ ความรูเก่ยี วกับประตมิ ากรรมวา การสรา งสรรคง านประติมากรรม
การแบงประเภทของประติมากรรมใชเ กณฑในขอ ใด นนู ตา่ํ หรอื ประตมิ ากรรมนนู สงู นน้ั สงิ่ สาํ คญั ของการสรา งงานประตมิ ากรรมดงั กลา ว
1. ปรมิ าตรของรูปทรง กค็ อื ความคดิ สรา งสรรคว า จะสรา งผลงานใหอ อกมาในลกั ษณะใด มรี ูปรางอยา งไร
2. ความลกึ ของสวนท่ถี กู แกะออกไป ทั้งน้ปี ระตมิ ากรจาํ เปนตอ งใชจ นิ ตนาการเขา ชว ยเปน อยางมาก เพ่อื ใหผ ลงานท่ี
3. วัสดทุ ่ีนาํ มาข้นึ รปู ออกมาน้นั ดูแลวมสี นุ ทรยี ภาพ สรา งความประทับใจใหกบั ผูพบเหน็
4. ความสงู ของสวนทีน่ นู ขึน้ มา
มุม IT
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ประตมิ ากรรมจะแบง ออกไดเ ปน 3 ประเภท
นักเรยี นสามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ผลงานประติมากรรม ไดจาก
โดยอาศัยความสูงของสวนทนี่ ูนขึ้นมาเปน เกณฑ ดงั นี้ ประติมากรรมแบบ http://www.m-culture.go.th/cknfi der/userfiles/files/art/mold.pdf
นนู ต่ํา เปนรปู ทน่ี ูนข้นึ มาจากพน้ื หลงั มองเห็นไดช ดั เจนเพยี งดานเดียวคือ
ดานหนา มคี วามสูงจากพืน้ ไมถ ึงครง่ึ หนึง่ ของรูปจริง ประตมิ ากรรมแบบ คมู่ อื ครู 5
นนู สงู เปน รปู ตา งๆ ในลกั ษณะเชนเดียวกบั แบบนนู ตํ่า แตมีความสงู จาก
พนื้ หลงั ตง้ั แตค รึ่งหนึง่ ของรปู จริงขึน้ ไป ทาํ ใหเหน็ ลวดลายท่ลี กึ ชดั เจน และ
เหมอื นจรงิ มากกวา แบบนูนตํา่ สว นประติมากรรมแบบลอยตวั เปนรูปตางๆ
ท่มี องเหน็ ไดร อบดา น เชน ภาชนะตางๆ รูปเคารพตา งๆ พระพทุ ธรปู เทวรูป
เปนตน
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหนักเรียนรวมกันอธบิ ายและยกตัวอยาง ๓.๔ ภาพพมิ พ (Printing)
ผลงานสถาปตยกรรมและผลงานภาพพิมพ
แลว สรปุ สาระสําคญั ลงสมดุ บันทกึ ครูคอยชวย ภาพพิมพ หมายถึง ผลงานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการกดแม่พิมพ์ให้ติดเป็นภาพบนกระดาษ
เสรมิ เพ่ิมเติมความรู โดยใช้แม่พิมพ์ชนิดต่างๆ เช่น แม่พิมพ์ไม้ แม่พิมพ์โลหะ แม่พิมพ์อื่นๆ เป็นต้น ซึ่งแม่พิมพ์เหล่านั้นศิลปินได้
ออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นมา
2. ครูถามนักเรียนวา ทั้งน้ีการพิมพ์ภาพน้ันจะต้องมีแม่พิมพ์ที่ใช้เป็นแบบอย่างในการพิมพ์ ซึ่งเราสามารถเลือกใช้วัสดุต่างๆ
• สภาพทางภูมศิ าสตรมีความสัมพนั ธต อ นา� มาทา� เปน็ แม่พมิ พ์ได้ เช่น ใบไม ้ ก่ิงไม้ กระดาษ ไม้ก๊อก กระดุม ขวด เปน็ ตน้ โดยวัสดทุ ี่จะน�ามาเป็นแม่พิมพ์
การสรางสรรคง านสถาปตยกรรมอยางไร ไดด้ นี นั้ จะตอ้ งมรี อ่ งมรี อยจะเปน็ รอ่ งลกึ มาก หรอื ลกึ นอ้ ย รอยนนู มาก หรอื รอยนนู นอ้ ยกข็ นึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะแบบอยา่ ง
(แนวตอบ สภาพทางภูมศิ าสตรมีความสาํ คัญ หรือรปู แบบในการพิมพ์
อยา งมากตอ รูปแบบของสถาปตยกรรม ภาพพิมพ์ถ้าจ�าแนกตามชนิดของแม่พิมพ์ สามารถจ�าแนกได้เป็น ๔ ลักษณะ คือ ภาพพิมพ์ผิวนูน
โดยเฉพาะสถาปต ยกรรมท่สี รา งสรรคขนึ้ ภาพพมิ พ์รอ่ งลกึ ภาพพิมพพ์ ื้นราบ และภาพพิมพ์ฉากพมิ พ์
เพอ่ื ประโยชนใชส อยของมนุษย เชน
สถาปต ยกรรมประเภททีอ่ ยอู าศยั จะมคี วาม ผลงานภาพพิมพแ์ กะไมใ้ นลกั ษณะตา่ งๆ (ภาพซา้ ย) ภาพพมิ พแ์ กะไม้ ผลงานของ ประสงค ์ สรุ งค์เลิศ (ภาพขวา) ภาพพิมพแ์ กะไม้ ผลงานของ
สมั พันธกับสภาพภมู ิประเทศ ดินฟา อากาศ วีรพงษ์ ศรตี ระกลู กิจการ
ทรัพยากรทห่ี าไดในทองถ่ิน ภมู ปิ ญ ญา
คตคิ วามเชอื่ พน้ื ฐาน และประโยชนใชส อย ๖
ของแตละชมุ ชน เปนตน ดังนั้น ผสู รา งสรรค
งานสถาปตยกรรมจําเปน ตอ งมีขอมูลและ
ความรดู านสภาพภมู ิศาสตรเปน อยางด)ี
• นักเรยี นคดิ วา ภาพพิมพม ีวิวฒั นาการมาจาก
งานศลิ ปะรปู แบบใด
(แนวตอบ ภาพพมิ พ เปน งานทัศนศิลป
ทีพ่ ฒั นาตอเนื่องมาจากการวาดภาพ ซึ่งการ
วาดภาพไมส ามารถสรา งผลงาน 2 ชิน้
ท่มี ลี กั ษณะเหมือนกนั ทุกประการได จึงมีการ
พัฒนาการพิมพขึน้ มา จีนถอื วา เปน ชาตแิ รก
ท่นี ําเอาวธิ ีการพิมพมาใชอยางแพรห ลายมา
นานนับพนั ป จากน้ันจึงไดแ พรห ลายออกไป
ในภมู ภิ าคตางๆ ของโลก ตอ มาชาตติ ะวนั ตก
ไดพัฒนาการพิมพภาพขนึ้ มาอยางมากมาย
โดยมกี ารนาํ เอาเคร่ืองจกั รกลตางๆ เขามา
ใชใ นการพมิ พ ทาํ ใหการพิมพมกี ารพฒั นาไป
อยา งรวดเรว็ ในปจ จบุ ัน)
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครเู พมิ่ เตมิ เก่ยี วกับสถาปตยกรรมไทยวา จําแนกออกไดเ ปน 4 ประเภท คอื
1. สถาปต ยกรรมทางพระพทุ ธศาสนา จัดเปน สถาปต ยกรรมที่สรา งขึน้ เพือ่ สถาปต ยกรรม สมั พนั ธกับขอ ใด
1. ผลงานท่ีเกย่ี วของกบั ส่งิ กอสรา ง
ประโยชนทางพระพทุ ธศาสนา เชน เจดีย พระอโุ บสถ พระวิหาร เปนตน 2. ผลงานดา นการละคร
2. สถาปตยกรรมประเภทปชู นยี สถาน เปน สถาปต ยกรรมทสี่ รางขนึ้ เพอื่ เปน 3. ผลงานศลิ ปะทมี่ ีรูปทรง 3 มติ ิ
4. ผลงานทีเ่ กิดจากการวาดภาพและการระบายสี
อนสุ รณสถาน อนั ควรแกก ารสักการบูชาของพุทธศาสนิกชนทัง้ หลาย
3. สถาปตยกรรมประเภทอาคารสถาน เปนสถาปตยกรรมทีส่ รา งข้ึนเพื่อใชเปน วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. สถาปตยกรรมมีลักษณะเปนสง่ิ กอสรา ง
ท่ีประดิษฐานปูชนยี วัตถุ มรี ูปแบบเปนเรือนอนั เปน ทีอ่ ยอู าศัยประจํา ที่สรา งข้ึนอยา งงดงามผา นกระบวนการออกแบบ เขียนแบบ วางแผน
เปน ทปี่ ระชมุ คณะสงฆห รือพทุ ธศาสนิกชนใชป ระกอบพธิ กี รรม เชน และกอสรา ง มีความมั่นคงแข็งแรง โดยสรา งขนึ้ เพื่อประโยชนใชส อย
สถานทป่ี ระกอบพิธีอปุ สมบท สถานท่ีเก็บพระธรรม เปนตน ในดา นตา งๆ ทง้ั ประดับตกแตง หรอื เพอื่ เปน ศาสนสถาน
4. สถาปต ยกรรมประเภทท่ีอยอู าศัย หรือสถาปตยกรรมพื้นบานของไทย
เปนศลิ ปะท่ีชาวบานกอ สรา งเพื่อมุง ประโยชนใชสอยของส่ิงกอสราง ลักษณะ
ของสถาปตยกรรมพ้ืนบานจะมคี วามสัมพนั ธก ับสภาพทางภูมิศาสตร
6 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
เกร็ดศิลป ประเภทของงานศลิ ปะ จากการทน่ี ักเรยี นไดศึกษาเกยี่ วกับการจัดแบง
ประเภทของงานศลิ ปะ ครใู หน กั เรยี นสรุปประเภท
ผลงานศิลปะที่พบเห็นอยู่รายรอบน้ัน ได้มีผู้พยายามจัดแบ่งให้เป็นหมวดหมู่ ของงานทัศนศลิ ปเ ปน แผนผงั ความคิด (Mind
เพื่อสะดวกแก่การศึกษา และท�าความเข้าใจ แต่เนื่องจากผลงานศิลปะมีความ Mapping) ลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน
หลากหลายมาก การจัดแบ่งประเภทจึงมีอยู่หลายแบบแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่ จากนั้นครถู ามนกั เรยี นวา
กับทัศนะว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง แต่โดยส่วนใหญ่มักจัดแบ่งออกเป็น
๒ แขนง ดังนี้ • งานศลิ ปะแขนงวิจิตรศิลปและประยกุ ตศลิ ป
แตกตางกนั อยา งไร
๑. วจิ ติ รศลิ ป์ (Fine Art) (แนวตอบ ผลงานศิลปะแขนงวิจิตรศิลป เปน
ผลงานศลิ ปะทมี่ ุงเนนคุณคาดานความงาม
ผลงานศิลปะในแขนงน้ีแต่เดิมเรียกว่า “ประณีตศิลป์” หมายถึง ผลงาน เปนสําคัญ กลา วคือมุงตอบสนองอารมณ
ศิลปะที่มุ่งเนน้ คุณค่าทางความงามเปน็ ส�าคัญ กลา่ วคือ ม่งุ ตอบสนองอารมณแ์ ละ ความรสู กึ ทางดา นจิตใจเปน หลกั แบงสาขา
ความรู้สึกทางด้านจิตใจเป็นหลักมากกว่าค�านึงถึงประโยชน์ใช้สอย แบ่งสาขา ยอยออกเปน ทศั นศลิ ป ดุรยิ างคศิลป
ยอ่ ยออกเปน็ ทัศนศิลป์ (Visual Art) ดุรยิ างคศิลป ์ (Music) นาฏยศิลป์ (Dance) นาฏยศลิ ป สถาปต ยกรรม และวรรณกรรม
สถาปตั ยกรรม (Architecture) และวรรณกรรม (Literature) สว นผลงานศิลปะแขนงประยุกตศ ลิ ปจ ะเปน
ผลงานที่สรางสรรคข ึ้น เพือ่ เนนประโยชน
๒.ประยกุ ตศิลป์ (Applied Art) ใชสอยเปนหลกั แบง ยอ ยไดเ ปน มัณฑนศลิ ป
อตุ สาหกรรมศลิ ป พาณชิ ยศิลป หัตถศิลป
ผลงานทางศิลปะที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อมุ่งประโยชน์ใช้สอยเป็น และการออกแบบ)
ส�าคัญ โดยใช้หลักการทางศิลปะ หรือสุนทรียภาพเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์
แบ่งย่อยเป็นมัณฑนศิลป์ (Decorative Art) อุตสาหกรรมศิลป์ (Industrail Art) • งานหัตถศลิ ปเ ปนงานศิลปะแบบใด
พาณชิ ยศ์ ิลป ์ (Commercial art) หตั ถศลิ ป์ (Crafts) และการออกแบบ (Design) (แนวตอบ งานหตั ถศลิ ป เปน งานศิลปะแบบ
ประยกุ ตศ ิลปท่ีนําไปใชใ นงานหตั ถกรรม
กจิ กรรม ศลิ ป์ปฏิบตั ิ ๑.๑ โดยใชม อื ทาํ เปน สวนใหญ มมี าตัง้ แต
ยุคกอ นประวตั ิศาสตร เชน เคร่อื งปน ดนิ เผา
กิจกรรมที่ ๑ ใ หน้ กั เรยี นแตล่ ะคนออกแบบแผนผงั ความคดิ (Mind Mapping) แสดงประเภทของงานทศั นศลิ ป์ งานแกะสลักไม งานถักทอ งานหวาย
แลว้ น�าสง่ ครูผสู้ อน งานชาง 10 หมู เปนตน )
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนจัดกลุ่มแบ่งกันไปส�ารวจแหล่งข้อมูลในท้องถิ่นที่โรงเรียนตั้งอยู่ว่ามีผลงานด้าน
ทัศนศิลป์อะไรบา้ ง ไมว่ า่ จะเป็นผลงานจิตรกรรม ประตมิ ากรรม หรอื สถาปัตยกรรมทม่ี ีคุณคา่
และความส�าคัญต่อท้องถ่ิน ให้ถ่ายภาพสถานท่ีพร้อมรายละเอียดพอสังเขปของแหล่งข้อมูล
แล้วผลัดเปล่ยี นกันนา� ไปแสดงท่ีปายนิเทศ
๗
กจิ กรรมสรา งเสรมิ บูรณาการอาเซียน
ใหนกั เรียนเขยี นสรปุ ประเภทของงานทศั นศลิ ป อธบิ ายความแตกตา ง ครแู นะนําใหน ักเรียนไปศกึ ษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานทศั นศิลปข อง
ของงานทัศนศิลปแตล ะประเภทใหช ัดเจนลงกระดาษรายงาน สงครผู สู อน ประเทศสมาชิกอาเซียน เชน เวียดนาม ลาว เมยี นมา เปนตน เพ่ือใหน ักเรียน
ไดเ หน็ ความแตกตางของงานทศั นศิลป เพราะถึงแมจะจัดแบงประเภทของงาน
กจิ กรรมทาทาย ทศั นศลิ ปเ หมือนกันตามหลักสากล แตรูปแบบและลักษณะของผลงานท่ศี ิลปน
สรา งสรรคข ้ึนมานนั้ กอ็ าจจะไมเ หมอื นกันในดา นการวาดเสน หรือการลงสี เนือ่ ง
ใหนักเรียนเลือกประเภทของงานทศั นศิลปท ่ตี นเองสนใจ มา 1 ประเภท มาจากปจ จัยแวดลอ มตา งๆ ท่แี ตกตา งกนั เชน ปจ จัยดา นสงั คมและวัฒนธรรม
แลวใหอธบิ ายเหตุผล ยกตัวอยา งผลงานทศั นศลิ ปช นิ้ ดังกลาว โดยใหทํา การศกึ ษา ความเชอ่ื สภาพทางภูมศิ าสตร เปน ตน ทัง้ น้กี ารเรยี นรูงานทัศนศลิ ปจ ะ
ลงกระดาษรายงาน สง ครูผูสอน ชวยใหน ักเรียนเขา ใจศิลปวฒั นธรรมของประเทศเพือ่ นบา นในอาเซยี นไดด ียง่ิ ขึน้
คมู่ ือครู 7
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูพานักเรยี นออกไปศึกษาธรรมชาตแิ ละ
ส่ิงแวดลอ มนอกหองเรียน เพ่อื ใหนักเรยี นไดร ับรถู งึ
ความงามของธรรมชาติและสิ่งแวดลอ ม จากนนั้
ครูใหนกั เรียนชวยกนั คน หาสงิ่ นาสนใจทีม่ อี ยูใ น
ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอมทเี่ ปนงานทศั นศิลป เชน
อาคารบา นเรือน สวนสาธารณะ ถนน เปนตน
จากน้ันครูเชือ่ มโยงเขา สูเน้อื หาสงิ่ แวดลอ มและ
งานทศั นศิลป
สา� รวจคน้ หา Explore
ใหนักเรียนแบง เปน 2 กลมุ เลอื กศึกษาคนควา ธรรมชาตเิ ปน็ ปรากฏการณอ์ ยา่ งหนงึ่ ทท่ี าํ ใหเ้ กดิ การสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปใ์ นรปู แบบตา่ งๆ ทม่ี นษุ ยส์ ามารถเลอื กแงม่ มุ บางดา้ นจากธรรมชาติ
ในประเดน็ ทค่ี รูกาํ หนด ดังน้ี มาเป็นแบบอยา่ งในการสรา้ งสรรค์ผลงานทศั นศลิ ปไ์ ด้
• สง่ิ แวดลอมทเี่ กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ ô. ʧèÔ áÇ´ÅÍŒ ÁáÅЧҹ·ÑȹÈÔÅ»Š
• สิ่งแวดลอมทเ่ี กิดขึน้ จากฝมือของมนษุ ย
จากแหลง เรียนรตู า งๆ เชน หองสมดุ สง่ิ แวดลอ้ ม คอื ปรากฏการณต์ า่ งๆ หรอื สรรพสง่ิ ตา่ งๆ ทอ่ี ยลู่ อ้ มรอบตวั เรา ซง่ึ สามารถจดั แบง่ ออกไดเ้ ปน็
อินเทอรเนต็ เปน ตน ๒ ประเภท คือ ส่งิ แวดลอ้ มทีเ่ กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ เชน่ ป่าไม ้ ทะเล ดอกไม้ สายหมอก ภเู ขา น้�าตก เป็นตน้
และสิ่งแวดลอ้ มทีเ่ กดิ ข้ึนจากการประดษิ ฐ์คิดคน้ สร้างสรรค์โดยฝีมอื ของมนษุ ย์ เชน่ อาคารบ้านเรอื น สวนสาธารณะ
อธบิ ายความรู้ Explain ถนน แสงไฟ เป็นต้น ถ้าพิจารณาถึงลักษณะทางกายภาพของส่ิงแวดล้อมท้ัง ๒ แบบนี้ เราจะมองเห็นได้ถึง
ความหมาย ความงาม ความน่าต่ืนตาตื่นใจที่สายตาของเรามองเห็นเป็นภาพผ่านสิ่งแวดล้อมนั้นๆ เช่น เห็นเป็น
ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมานําเสนอความรู เส้นสาย เป็นสี เป็นผวิ เป็นแสงเงา เป็นตน้ ซงึ่ สิ่งแวดลอ้ มทีเ่ ราพบเหน็ ลว้ นมปี ระโยชน์ในด้านการเปน็ ต้นแบบ
ที่ไดไ ปศึกษามา หนา ช้ันเรียน ครูคอยชว ยเสริม ให้มนษุ ย์ได้น�ามาใชใ้ นการสร้างสรรค์ผลงานทางทศั นศิลป์ซึง่ จะกอ่ ใหเ้ กดิ สนุ ทรียภาพได้
เพม่ิ เตมิ ความรู จากนัน้ ครูถามนกั เรียนวา ความส�าคญั ของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติในทางศิลปะถือวา่ มคี วามส�าคญั ท่ีพอจะสรุปได ้ ดังนี้
• ส่งิ แวดลอมและงานทศั นศลิ ปมีความสัมพันธ ๑) เปน็ แหล่งกาํ เนดิ สรรพสิ่ง ธรรมชาติเปน็ แหล่งก�าเนิดอนั ย่งิ ใหญข่ องสิง่ ต่างๆ มากมาย กอ่ ให้เกิด
กันอยางไร
(แนวตอบ สงิ่ แวดลอ มมอี ทิ ธพิ ลตอ แรงบนั ดาลใจ การก่อรูปของส่ิงมีชีวิตและไม่มีชีวิตท่ีมีรูปทรง สีสันต่างๆ นานา อย่างน่าอัศจรรย์ สร้างความต่ืนตาต่ืนใจให้กับ
ของศิลปน ในการสรา งสรรคผลงานทาง ผ้พู บเห็น
ทัศนศิลปร ูปแบบตางๆ ไมว า จะเปน ภาพวาด
ภาพพมิ พ ผลงานแกะสลกั ผลงานปน ) ๒) เป็นแหล่งสร้างระบบระเบียบ ธรรมชาตินอกจากให้ก�าเนิดสรรพส่ิงบนพ้ืนโลกให้เกิดข้ึนแล้ว
กลไกตามธรรมชาตบิ างอยา่ งยงั ช1ว่ ยจดั แบบแผนของสงิ่ ตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ ใหม้ รี ะบบ ระเบยี บ มคี วามสมั พนั ธก์ ลมกลนื กนั
หรือมคี วามแตกต่างขดั แย้งกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดลุ มเี อกภาพ และงดงาม
๓) เปน็ แหลง่ ทาํ ใหเ้ กดิ ความสนใจ ปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ เี่ กดิ ขน้ึ ในแตล่ ะชว่ งเวลาและในแตล่ ะ
โอกาสจะปรากฏด้วยรูปทรง สีสัน พ้ืนผิว เส้นสายอย่างน่าสนใจและมีความหมายด้วยตัวของมันเอง รูปลักษณะ
ที่มองเห็นได้ทั้งหลายข้างต้นได้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้มนุษย์เกิดความรู้สึกช่ืนชม ความพึงพอใจ ตลอดจนเกิด
๘
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครูควรใหนักเรยี นไดออกไปศกึ ษาธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมนอกหอ งเรยี น แลว
ใหนกั เรียนอธบิ ายหรือบรรยายถึงธรรมชาตหิ รอื ส่ิงแวดลอ มที่พบเห็นวา มที ัศนธาตุ ขอ ใดเปน ความสาํ คัญของสิง่ แวดลอ มตอ การสรา งสรรคงานทัศนศลิ ป
สว นใดที่กลมกลนื กัน หรือสว นใดท่ขี ัดแยงกนั แตส ามารถอยูร ว มกนั ได เพราะการ 1. ชวยในเรอ่ื งการจดั วางองคประกอบศลิ ป
ศกึ ษาจากธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ มรอบตัวจะมปี ระโยชนใ นดา นการเปน ตนแบบให 2. เปน แบบอยา งใหงานทศั นศลิ ปท ําตาม
นักเรยี นนาํ มาเปนพ้นื ฐานในการสรางสรรคผ ลงานทางทัศนศิลปใ หเ กดิ สนุ ทรียภาพ 3. ทําใหเกิดการใชแสงเงาในตัวผลงาน
ตอไปได 4. เปนแหลงวตั ถดุ บิ เพือ่ สรางงานศิลป
นักเรยี นควรรู วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. การสรางผลงานทัศนศลิ ป ไมวา จะเปน
1 ความแตกตา งขดั แยง กนั ในทนี่ จ้ี ะหมายถงึ ความขดั แยง เชงิ องคป ระกอบศลิ ป รูปแบบใดกต็ าม ผูสรางสรรคลว นไดรบั อทิ ธพิ ลหรือแบบอยางมาจาก
และทศั นธาตุตา งๆ สิง่ แวดลอมตามธรรมชาติ เชน การใชสีเขียวในการวาดใบไม การวาดรปู
พระอาทติ ยเ ปนวงกลมมีแสงสสี ม เปน ตน
8 คมู่ อื ครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ความรู้สึกต่างๆ ทั้งน้ีสิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์ โดยท�าให้เกิด ครูใหนกั เรียนดูภาพผลงานทศั นศิลปทมี่ ี
แรงบันดาลใจ หรือเกิดความประทับใจให้แก่ผู้คน เช่น ดอกไม้ผลิดอกบานหลากสีสัน ดวงอาทิตย์สาดแสงสีทอง ความโดดเดนดา นการใชส สี ันทส่ี ดใส สวยงาม
ตอนใกล้ลับขอบฟา ท้องทุ่งนาท่ีมีต้นข้าวเขียวขจี เรือประมงริมชายฝังทะเล เป็นต้น ความประทับใจนี้จะเป็น ลวดลายแปลกตา เชน ภาพวาดดวยสีอะคริลกิ
แรงผลกั ดนั หรอื กระตุ้นใหผ้ ู้คนพยายามถา่ ยทอดสิ่งท่ีตนพบเห็น และมที ศั นะว่ามีความงามตามสายตาตามมมุ มอง “รอ งรอยของรูปทรง” ผลงานของอาจารยสชุ าติ
ของตน สร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานทัศนศิลป์แขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ภาพพิมพ์ ผลงานแกะสลัก เถาทอง หรอื ภาพจติ รกรรม “กลางคนื (Nocturne)”
ผลงานปัน ผลงานของชอู นั มีโร อี เฟรรา หรือภาพผลงาน
ของศลิ ปนทา นอ่นื ๆ แลว ครูถามนักเรยี นวา
• เม่ือนักเรยี นดภู าพดังกลาวแลว รสู ึกอยา งไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอสิ ระ)
• นักเรยี นคิดวา ภาพทัศนศลิ ปท่มี ีสสี นั สดใส
สวยงาม มีผลตอ ผชู มอยางไร
(แนวตอบ ผลงานทศั นศลิ ปท สี่ วยงามจะชวย
ทําใหผ ูช มเกิดสนุ ทรยี ะ ซง่ึ สนุ ทรยี ะจะชวย
ลดความกระดา งภายในจิตใจของมนษุ ยลง)
พระอุโบสถจตรุ มขุ วัดภมู ินทร ์ อําเภอเมอื ง จงั หวัดน่าน รูปแบบศลิ ปะ ภาพพิมพ์บนกระดาษ ผลงานของ ปรชี า เถาทอง ทถี่ ่ายทอดแสงเงา สา� รวจคน้ หา Explore
ไทยลา้ นนา ที่ฉายทาบพระอโุ บสถวัดภูมนิ ทร์
õ. ·ÈÑ ¹ÈÔŻСºÑ Ê¹Ø ·ÃÂÕ ÀÒ¾ ใหนกั เรยี นแบงกลุม ออกเปน 4 กลุม ศกึ ษา
เก่ียวกับผลงานทศั นศิลปใ นลกั ษณะตางๆ จาก
สุนทรียภาพ หมายถึง ความเข้าใจและความรู้สึกของแต่ละบุคคลที่มีต่อความงามในธรรมชาติ หรือใน แหลงเรียนรูต างๆ เชน หอ งสมดุ หนังสอื เรียน
งานศลิ ปะ สา� หรบั ผลงานทางทศั นศลิ ปก์ จ็ ะเปน็ ผลงานทที่ า� ใหเ้ กดิ สนุ ทรยี ภาพ หรอื สมั ผสั ความงามไดด้ ว้ ยการมองเหน็ อนิ เทอรเน็ต เปน ตน จากนนั้ ใหน ักเรยี นเลอื ก
ซึ่งมนษุ ยเ์ ราแต่ละคนจะเกดิ สนุ ทรียภาพตอ่ งานทัศนศลิ ป์แตกต่างกนั ออกไป ทัง้ นี้ ข้ึนอยกู่ ับประสบการณ์ รสนยิ ม ผลงานทัศนศลิ ปม า 1 ผลงาน ทพ่ี จิ ารณาแลว วา
สติปัญญา และความรู้สึกนกึ คดิ เปน ผลงานทด่ี ชี ว ยใหผ ชู มผลงานเกดิ สนุ ทรยี ภาพได
ส�าหรับนักเรยี นถ้าจะพฒั นาตนเองใหร้ สู้ ึกซาบซ้งึ หรือสมั ผัสความงามทางทัศนศลิ ป์ไดอ้ ย่างดีนน้ั จะตอ้ ง
หมนั่ สงั เกต จดจา� บม่ เพาะประสบการณ์ไปทลี ะเลก็ ละนอ้ ย ทง้ั น ้ี หลกั เกณฑท์ จี่ ะทา� ใหม้ สี นุ ทรยี ภาพตอ่ งานทศั นศลิ ป ์ อธบิ ายความรู้ Explain
เร่ิมแรกเมื่อเรามองดูผลงานทัศนศิลป์ให้พิจารณาดูส่วนที่เป็นจุดเด่นก่อน แล้วค่อยพิจารณาองค์ประกอบโดยรวม
จากน้นั จงึ ค่อยดลู ึกลงไปในรายละเอียด เช่น ขนาด รูปร่าง สสี ัน ลวดลาย ชนิดของวสั ดุ เป็นต้น ใหนกั เรยี นแตล ะกลมุ สงตัวแทนออกมา
เม่อื เรามที กั ษะในการพิจารณางานทัศนศลิ ปแ์ ลว้ จะชว่ ยท�าใหเ้ รามีความรู้ ความเขา้ ใจถึงความงาม หรอื นําเสนอผลงานทัศนศลิ ปทใ่ี นกลุม คดั เลือกมา
เกิดสุนทรียภาพต่อสิ่งต่างๆ ท่ีอยู่รอบตัวตามไปด้วย รวมทั้งเห็นคุณค่าของประดิษฐกรรมต่างๆ ท่ีมนุษย์สร้างขึ้น หนา ช้ันเรยี น พรอมทั้งอธบิ ายถึงเหตุผลท่ีเลือก
เห็นถึงโครงสรา้ งทเ่ี ปน็ ระเบยี บแบบแผนและความสัมพนั ธ์ของสรรพสง่ิ อันจะมผี ลชว่ ยกล่อมเกลาจติ ใจของเราให้มี ผลงานช้นิ นี้ และอธิบายประกอบดว ยวา ผลงาน
ความออ่ นโยน มีความสุข และเกิดความดงี ามขน้ึ ภายในใจ หรืออาจจะกล่าวอยา่ งง่ายๆ ไดว้ า่ ผลงานทศั นศลิ ป์ช่วย ดงั กลาวทําใหเกดิ สุนทรยี ะทางอารมณอยา งไร
ทา� ให้เกดิ อารมณ ์ สนุ ทรียภาพและการท่ีมีสนุ ทรียภาพก็จะช่วยลดความแข็งกระด้างภายในจิตใจของมนษุ ย์
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็
9 ไดอ ยา งอสิ ระ)
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู
ครนู าํ ภาพธรรมชาตมิ า 1 ภาพ ใหน ักเรียนดูแลวเขยี นพรรณนาถึง ครเู นนย้าํ กบั นกั เรยี นในเรือ่ งของสนุ ทรียภาพวา สุนทรียภาพคอื ความซาบซึง้
ความประทบั ใจในภาพธรรมชาตทิ ่เี ห็นดว ยถอยคําทสี่ ละสลวย ทั้งน้ภี าพ ในคณุ คา ของสิ่งที่มคี วามงาม ความไพเราะ ซ่งึ ความรสู กึ ซาบซึ้งในคณุ คา ของ
ทีค่ รูนาํ มาอาจจะเปนภาพวาดสนี าํ้ สอี ะคริลิก หรือสีน้าํ มนั กไ็ ด แลว นาํ สง ความงามจะกอ ใหเ กดิ ประสบการณแ ละถา ไดผ านการศกึ ษาอบรมจนเปนนสิ ัย
ครผู สู อน จะกลายเปน รสนยิ ม (Taste) ซ่งึ เปน ผลทเ่ี กิดจากปฏิกริ ยิ าของการรบั รทู างการเห็น
การฟง และเปนทีม่ าของการรับรคู วามงามทางดานทศั นศลิ ป ดนตรแี ละนาฏศิลป
กจิ กรรมทา ทาย โดยการรับรทู ท่ี ําใหเกิดการเรียนรจู ะมอี ยู 3 แบบ คือ แบบต้งั ใจ แบบไมต ้งั ใจ หรือ
แบบทีเ่ ลือกสรรตามความพอใจทีจ่ ะรับรู โดยอาศยั องคป ระกอบของสนุ ทรียวตั ถุ
ใหนักเรียนวาดภาพทวิ ทัศนหรอื ภาพธรรมชาติในมมุ ท่นี กั เรียนชืน่ ชอบ คอื วตั ถุทางธรรมชาติ วตั ถุทางศิลปกรรม และองคประกอบของประสบการณ
มาคนละ 1 ภาพ โดยใชดนิ สอดาํ รางภาพ ทงั้ น้จี ะระบายสีหรอื ไมระบายสี ทางสนุ ทรียภาพ แตก็ตอ งประกอบดวยคุณคาทางความงามและตัวของผูรับรูดวย
กไ็ ด จากน้นั ใหน กั เรยี นตง้ั ชือ่ ภาพ แลว นําผลงานสงครูผูสอน
คูม่ ือครู 9
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหน กั เรียนศึกษาบทเรยี นจากหนา 11-12 เสรมิ สาระ
ครตู ั้งประเด็นใหนกั เรยี นรว มกนั แสดง
ความคิดเห็นวา เพราะเหตใุ ด นกั เรียนจงึ ควร การศึกษาสาระทัศนศิลป์ให้ได้ผลดีน้ัน นักเรียนจําเป็นจะต้องมีประสบการณ์ตรงให้มาก ต้องรู้มาก
ศึกษาทศั นศิลปจากแหลงเรียนรูต า งๆ เพมิ่ เติม และพบเห็นผลงานทัศนศิลป์ต่างๆ ให้มาก องค์ความรู้ท่ีได้จากช้ันเรียนถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่าน้ัน ซ่ึงแหล่งเรียนรู้
นอกหองเรียน ท่ีอยู่ใกล้ตวั นกั เรียนและสามารถไปศกึ ษาคน้ ควา้ เพม่ิ เติมไดส้ ะดวก เช่น
(แนวตอบ การศึกษาทศั นศลิ ปใ หไ ดผลดี
นอกจากการศึกษาในหองเรยี นและพรสวรรคท ่ีมี ๑. ขอมูลจากเว็บไซต โดยการสืบค้นผ่านทางเครือข่าย
ของนักเรยี นเองแลว นักเรยี นทสี่ นใจทศั นศลิ ป อินเทอร์เน็ต ซ่ึงปัจจุบันมีเว็บไซต์ท่ีนําเสนอข้อมูล และผลงานทาง
ยังจาํ เปน ตอ งอาศัยประสบการณตรงจาก ทัศนศิลป์จํานวนมากมาย ที่เป็นภาษาไทยก็มีนับเป็นร้อยเว็บไซต์
แหลงเรยี นรูต า งๆ ใหม ากทีส่ ดุ ซึง่ แหลง เรยี นรู มีท้ังทจ่ี ดั ทําข้ึนโดยบคุ คล องคก์ รภาครฐั และภาคเอกชน ซงึ่ หลาย
ท่ีเขาถึงไดงายท่ีสุดกค็ อื สง่ิ แวดลอมรอบๆ ตวั
ของนักเรียนเอง) เว็บไซต์ก็ได้นําเสนอผลงานของศิลปินมีชื่อเสียงให้เราได้เข้าไป
แวะชม รวมท้ังมีเว็บบอร์ดให้สนทนาเก่ียวกับเร่ืองราวทางด้าน
2. ใหน กั เรียนสืบคน ขอ มูลดานทศั นศิลปจ าก ศิลปะอกี ดว้ ย
เวบ็ ไซตต า งๆ ในอนิ เทอรเนต็ แลวมาพดู คยุ
แลกเปล่ยี นกับเพ่อื นๆ ในหอ งเรียนวาเวบ็ ไซต ตัวอย่างเว็บไซต์ของสํานักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวง
ดังกลาวสืบคนอยา งไร แลวขอ มลู ทไ่ี ดมาจาก วัฒนธรรม เป็นเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปะไทย และศิลปะ
เว็บไซตดังกลาวเปน ประโยชนตอการศึกษา ร่วมสมัย
ทัศนศิลปม ากนอยเพยี งใด จากน้ันครใู ห
นักเรยี นยกตัวอยางเว็บไซตที่ใชในการศึกษา ๒. ส่ือส่ิงพิมพ ปัจจุบันมีสื่อสิ่งพิมพ์ที่ให้
ทศั นศลิ ปม า 2-3 เว็บไซต พรอมอธบิ าย ความรู้ทางด้านทัศนศิลป์อยู่มากมายหลายลักษณะ ท้ังท่ี
พอสังเขปเกย่ี วกับเวบ็ ไซตด ังกลาววาใหค วามรู เป็นหนังสือ วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ แมกกาซีน
ดานทัศนศลิ ปอยางไร ทั้งน้ีนกั เรยี นสามารถ มีท้ังท่ีเป็นเพียงคอลัมน์แทรกในเล่ม และว่าด้วย
ยกตัวอยางเว็บไซตไดอ ยา งอสิ ระ ศิลปะโดยตรง การใช้ส่ือส่ิงพิมพ์ควรอ่าน
ประกอบจากหลายๆ เล่ม เพื่อจะได้มุมมองที่
หลากหลาย
๓. ส่ือสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็น ปัจจุบันเราสามารถหาความรู้เกี่ยวกับทัศนศิลป์ เพิ่มเติมได้จาก
โทรทัศน์ วิทยุ จะมีรายการท่ีกล่าวถึงผลงานการ นติ ยสารต่างๆ
สร้างสรรคท์ างด้านทัศนศิลปไ์ ว้ ซึง่ เราสามารถตดิ ตามชม
ได้ตามกาลเทศะ บางรายการสามารถติดตามชมรายการ
ย้อนหลังได้ด้วยทางอินเทอร์เน็ต แหล่งเรียนรู้ประเภทน้ี
มีข้อดี คือ มีความทันสมัย มีวิธีการนําเสนอทําให้เข้าใจ
เร่ืองราวไดง้ ่ายและชวนใหต้ ิดตาม
1๐
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครคู วรยกตวั อยา งเว็บไซตท เ่ี กย่ี วของกับงานทัศนศลิ ป หรือมปี ระโยชนก บั
นักเรียนในการศกึ ษาทศั นศิลป ตัวอยางเชน การรบั รูความงามในงานทศั นศิลปข องมนุษยน ้นั สามารถรับรูไ ดอ ยางไร
• http://krookong.net/homepage.html เปนแหลง เรียนรูเ กี่ยวกบั งานศลิ ปะ แนวตอบ การรบั รคู วามงามในงานทศั นศลิ ปข องมนษุ ยนน้ั สามารถรับรู
ทั่วไป โดยจะมเี ร่ืองราวเกยี่ วกบั ทศั นศลิ ปแขนงตา งๆ พรอมทง้ั ตัวอยา ง ไดทางสายตาจากการมองเหน็ เพราะทัศนศลิ ป (Visual Art) เปน งานศลิ ปะ
วิธีการสรางสรรคง านศิลปะ ท่สี ัมผสั ความงามไดดว ยสายตาจากการมองเหน็ ซ่งึ งานศลิ ปะสว นใหญ
จะเปน งานทศั นศลิ ปท ั้งส้นิ ไดแ ก จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปต ยกรรม
• http://art.culture.go.th/ เว็บไซตของกระทรวงวฒั นธรรมทีม่ ีขอมูลเก่ียวกับ มัณฑนศิลป อุตสาหกรรมศิลป และพาณชิ ยศิลป หรอื กลา วไดวาจะใช
ศิลปน แหงชาติสาขาทศั นศลิ ปไวใ หนกั เรยี นสบื คน ประสาทสมั ผสั ดวยการมองเห็นเปนอันดบั แรก
• http://www.prc.ac.th/newart/webart/visual_audioart.html เปน เวบ็ ไซต
ทเ่ี กี่ยวกบั การรับรคู วามงามดานศิลปะโดยเฉพาะ
ทงั้ น้คี รคู วรแนะนําใหน ักเรียนสบื คนขอมลู จากเวบ็ ไซตของตางประเทศดวย
เพ่อื เปนการเพิ่มพนู ความรแู ละเปดโลกทัศนดา นงานศิลปะ
10 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ E×plain
๔. พิพิธภัณฑ หอศิลป ศาสนสถาน ใหน กั เรยี นสรุปความสําคญั ของแหลงเรยี นรู
โบราณสถาน เป็นแหล่งเรียนรู้ท่ีส่ังสมภูมิปัญญาไทย ดา นทัศนศลิ ป พรอมทั้งยกตวั อยา งแหลงเรยี นรู
สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน แต่ละแห่งจะมีผลงาน ผลงานทศั นศลิ ปท นี่ อกเหนือจากหนังสือเรยี น
ทัศนศิลป์ให้เราศึกษาหลายอย่าง แตก่ ่อนท่เี ราไปจะเขา้ ไป โดยบันทกึ ขอมูลของแหลง เรยี นรูน น้ั ๆ ลงสมุด
ใช้แหล่งเรียนรู้ประเภทน้ี ควรต้องมีการเตรียมตัวศึกษา สงครูผูสอน จากนนั้ ครูถามนักเรยี นวา
ข้อมูลพ้ืนฐานท่ีเก่ียวข้อง โดยอ่านจากเอกสารแนะนํา
สอบถามจากผรู้ ู้ จะชว่ ยใหเ้ ราไดร้ ับความร้อู ย่างพร้อมมูล • การจัดแสดงนิทรรศการศิลปะมกี ่ีแบบ และ
แบบใดที่นยิ มจดั มากที่สดุ ในประเทศไทย
หอศิลป์แต่ละแห่งจะมกี ารแสดงผลงานทศั นศิลปบ์ อ่ ยครง้ั ซึง่ เราควร (แนวตอบ การแสดงนทิ รรศการศลิ ปะแบง
หาโอกาสเข้าไปเยีย่ มชม รปู แบบการจัดไดเ ปน 3 แบบ ท่นี ิยมจัดกนั
โดยท่วั ไป คอื นิทรรศการช่วั คราว ซงึ่ เปน
๕. ผลงานทศั นศิลป์ ตวั อยา่ งผลงานทศั น- นทิ รรศการทจ่ี ดั แสดงเร่ืองราวเฉพาะกจิ
ศิลป์ท่ีมีผู้สร้างสรรค์ไว้แล้ว เม่ือได้ชมจะได้เห็นแบบอย่าง ในโอกาสพิเศษบางโอกาส จะใชเ วลาสน้ั ๆ
ท่ีเป็นรูปธรรม ได้รับความรู้หลายอย่างในคราวเดียวกัน เพอื่ เผยแพรค วามรู ขา วสาร หรอื
ไม่ว่าจะเป็นสุนทรียภาพ ฝมือ เทคนิค วิธีการสร้างสรรค์ ประชาสัมพันธเ รือ่ งตางๆ ของหนว ยงาน
ผลงาน ซึ่งเราสามารถที่จะนําเอามาเป็นต้นแบบและ ราชการ บริษทั และสถานศึกษา)
1 ประยุกตใ์ ช้ในการปฏิบตั ิงานของเราได้เป็นอย่างดี
การแสดงนิทรรศการศลิ ปะ เราควรหาโอกาสไปรว่ มชม เพราะจะได้
ท้ังสุนทรยี ภาพและความรู้ตดิ ตวั
2
๖. บุคลากรที่มีความรู บุคคลที่ถือได้ว่า
เปน็ ผู้รู้ทางด้านทัศนศิลป์ มอี ยู่มากมายบนผืนแผน่ ดนิ ไทย
หรือแทบจะทกุ ท้องถน่ิ บคุ คลเหลา่ นี้ถอื วา่ เปน็ “ครู” ของ
เราได้ เพราะท่านมีประสบการณ์ตรง หรือประกอบอาชีพ
ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์มาตลอดชีวิต
สามารถจะแนะนําและถ่ายทอดความรู้ให้แก่เราได้เป็น
อย่างดี จนอาจเรยี กได้วา่ เปน็ แหล่งเรียนรทู้ ีด่ ีทสี่ ุดกว็ า่ ได้
บคุ ลากรผทู้ รงภูมิรูท้ างทัศนศลิ ป ์ มีอยู่ทกุ ท้องถน่ิ ท่ัวแผ่นดนิ ไทย
ตลาดนํ้า เป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ีศิลปินหลายท่านนําไปใช้ ๗. ส่ิงแวดลอม ส่ิงแวดล้อมท่ีอยู่ล้อมรอบตัวเรา
เปน็ แบบในการสรา้ งผลงาน ไม่ว่าจะเป็นส่ิงแวดล้อมตามธรรมชาติ หรือส่ิงแวดล้อมท่ีมนุษย์
สร้างขึ้น ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ทางอ้อมของเราอีกด้วย โดยเฉพาะ
การเป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
เช่น เราจะวาดภาพตลาดน้ําได้ดีก็ต่อเมื่อเราได้มีโอกาสแวะเข้าไป
เยย่ี มชม เหน็ ภาพวิถีชวี ติ ของตลาดนํา้ แหง่ นั้น เป็นต้น
11
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรียนควรรู
การจัดแบง นทิ รรศการศลิ ปะควรจดั แบง โดยใชหลกั เกณฑตามขอใด 1 การแสดงนิทรรศการศิลปะ ท่ีนิยมจัดกนั โดยท่ัวไป แบง รูปแบบการจดั ได
1. นิทรรศการถาวร นิทรรศการกลางแจง นทิ รรศการในรม เปน 3 แบบ คอื นิทรรศการถาวร เปน นทิ รรศการทจ่ี ัดแสดงไวเ พ่ือใหป ระโยชน
2. นทิ รรศการถาวร นทิ รรศการชัว่ คราว นิทรรศการเคลือ่ นท่ี ตอ ผเู ขาชมไดใ นเวลายาวนาน ติดตงั้ จัดแสดงไวอ ยา งมัน่ คง เพือ่ ใหประชาชน
3. นทิ รรศการถาวร นทิ รรศการชว่ั คราว นิทรรศการกลางแจง ศึกษาไดต ลอดไป นิทรรศการชั่วคราว เปน นิทรรศการทจ่ี ดั แสดงเร่อื งราวเฉพาะกิจ
4. นิทรรศการถาวร นิทรรศการกลางแจง นทิ รรศการเคลอื่ นท่ี ในโอกาสพเิ ศษบางโอกาส จะใชเวลาสนั้ ๆ เพื่อเผยแพรค วามรู ขา วสาร หรือ
ประชาสมั พันธเ รื่องตา งๆ นิทรรศการเคลื่อนที่ เปน นทิ รรศการทม่ี ีวตั ถปุ ระสงคใ น
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. การแสดงนิทรรศการศลิ ปะแบง ออก การจัดคลายกับนทิ รรศการช่วั คราว หรอื บางคราวกน็ าํ นทิ รรศการช่ัวคราวไปแสดง
เคล่ือนท่ยี ังสถานท่ตี า งๆ เพอื่ ใหเกิดประโยชนตอผูสนใจ
ไดเ ปน นิทรรศการถาวร นิทรรศการชั่วคราว และนิทรรศการเคลอื่ นที่ 2 บคุ ลากรที่มีความรู หมายถงึ บคุ คลท่ีมคี วามรู ความสามารถทางทัศนศลิ ป
เพราะสามารถสื่อสารทําความเขาใจเก่ียวกบั ลักษณะของงานไดด ีกวา จากประสบการณตรง มีอาชพี เกยี่ วกบั การสรา งสรรคง านทศั นศิลปม า
การจดั แบง แบบอ่นื เปน เวลานาน สามารถแนะนําและถายทอดความรทู างดา นทศั นศิลปใหนกั เรยี นได
โดยบุคคลเหลาน้อี าจจะมิใชบุคคลทเ่ี รยี นจบมาทางดา นสาขาทัศนศลิ ปก ็เปน ได
แตฝ กฝมอื มานานจนมปี ระสบการณในการสรางสรรคผลงาน
คู่มอื ครู 11
กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครเู ชิญวทิ ยากรหรอื ศิลปน ในชุมชนทีม่ ี õ. ¤³Ø ¤‹Ò¢Í§·ÈÑ ¹ÈÔÅ»Š
ความรู ความสามารถดานการวาดภาพ มาเลา
ประสบการณการสรา งสรรคผลงานทัศนศิลปของ ทัศนศิลปมคี ุณค่าต่อมนษุ ยม ากมายหลายประการ ดังต่อไปน้ี
ตนเองใหนักเรียนฟง จากนั้นใหวทิ ยากรสาธติ การ ๑) ดานที่อยู่อาศัย ทัศนศิลปชวยทําใหที่อยูอาศัยของมนุษยมีความ
วาดภาพใหน ักเรยี นดู ครูเปด โอกาสใหนกั เรียน สวยงามและสะดวกสบายตอการพํานักอาศัยมากข้ึน จากเดิมท่ีเคยอาศัย
ซกั ถามขอ สงสยั อยูตามถ้าํ เพงิ ผา กอ็ าศยั ความรทู างทัศนศิลปมาเปน ปจ จัยหนงึ่ ในการสราง
ที่พักอาศัยอยางงายๆ โดยใชวัสดุจากธรรมชาติ จนพัฒนามาเปนอาคาร
สา� รวจคน้ หา Explore บา นเรือน รูปแบบตางๆ ดังทีเ่ ห็นในปจจุบนั
๒) การพัฒนาเครื่องมือเคร่ืองใช ทัศนศิลปมีสวนชวยในการพัฒนา
ใหน ักเรียนศึกษาคน ควาเก่ยี วกบั คณุ คา ของงาน เครื่องมือเครื่องใชของมนุษยใหมีรูปแบบที่สวยงาม สะดวกตอการใชสอย
ทัศนศลิ ป จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนงั สือเรยี น และมีความคงทนมากขึ้น ไมวาสิ่งของเครื่องใชนั้นจะเปนผลผลิตจาก
หอ งสมุด อนิ เทอรเนต็ เปน ตน งานหัตถกรรม หรืออุตสาหกรรมก็ตาม เชน ขวานหิน ก็พัฒนามาเปน
ขวานโลหะ หรือเปนคอ นในรปู แบบตางๆ เปน ตน
อธบิ ายความรู้ Explain ๓) สรางความพึงพอใจใหกับอารมณของมนุษย ทัศนศิลปชวย
โนมนําใหจิตใจของคนเราใหมีความรักตอความงดงาม สงผลทําใหจิตใจและ
1. ครูสุมตัวอยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหอ อกมา อารมณผ อ นคลาย เกดิ อารมณส นุ ทรยี ะ ชว ยทาํ ใหเ กดิ การสรา งสรรคส งิ่ ตา งๆ
อธิบายความรทู ีไ่ ดศ กึ ษามาหนาชัน้ เรียน ใหก ับสังคม ไมว าจะเปนขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วัฒนธรรม และทําใหค น
จากนั้นใหส รปุ สาระสาํ คญั เกยี่ วกับคณุ คาของ ในสงั คมสามารถอยูรว มกันไดอ ยา งสงบสุข
ทศั นศิลปล งสมุดบันทึก ๔) ช่วยอนุรักษธรรมชาติ ธรรมชาติสวนใหญจะมีความงดงามอยู
ในตวั เอง ถา มนษุ ยม คี วามรกั ตอ ความงามตามธรรมชาติ มนษุ ยก จ็ ะหวงแหน
2. ใหนกั เรียนแบงเปน 3 กลมุ เขียนอธบิ ายคณุ คา ปกปอง และอนุรักษธ รรมชาติเหลา นัน้ เอาไว
ในงานทศั นศลิ ปที่มตี อ ผูสรา งสรรคต ามหวั ขอ ๕) ถ่ายทอดความรูสึกท่ีเปนสากล ทัศนศิลปชวยถายทอดอารมณ
ตอไปน้ี ความรสู กึ ความซาบซงึ้ ประทบั ใจใหก บั ผคู น ทแี่ มจ ะเปน คนตา งชาติ ตา งภาษา
• งานจติ รกรรม ตางเผาพันธุ ใหรับรูรวมกันได เพราะทัศนศิลปเปรียบเสมือนภาษาสากล
• งานประติมากรรม ท่ผี ูคนทุกสว นของโลกสามารถส่อื ความหมายใหเขา ใจตรงกนั ได
• งานสถาปต ยกรรม
โดยทําลงกระดาษรายงาน สง ครผู ูส อน ๖) น�าไปประยุกตใชกับวิทยาการและชีวิตประจ�าวัน มนุษยไดนํา
ความรูทางทัศนศิลปไปประยุกตใชกับศาสตร หรือสหวิทยาการแขนงตางๆ
เพอื่ ชว ยทาํ ใหเ กดิ ความงาม หรอื เพอ่ื ชว ยถา ยทอดความรใู นศาสตรแ ขนงนน้ั ๆ
ทาํ ใหเ ขา ใจไดง า ยขน้ึ ตลอดจนนาํ มาประยกุ ตใ ชก บั ชวี ติ ประจาํ วนั ของตนเองได
เชน การเลอื กซ้อื เสื้อผา การตกแตงบาน การจัดสวน เปนตน
12
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครูอธบิ ายเสริมเก่ียวกับการดูงานทัศนศิลปใหเ กดิ คณุ คา วาการทจี่ ะเขา ใจใน
คุณคาของผลงานทัศนศิลปไดดนี นั้ ผูดูควรมคี ณุ สมบตั ิ ดงั นี้ ขอใดเปน ตัวอยางของการนําผลงานทัศนศลิ ปมาสรา งสรรค
ใหเ กิดประโยชนใ นชวี ติ ประจําวัน
1. เปนผทู ีม่ ีจติ ใจชอบงานทศั นศลิ ปอ ยา งลึกซ้ึง ไมว า จะเปน ผสู รางงานหรือ
ผดู ูผลงาน 1. แตงกายชดุ นกั เรยี นมาโรงเรียน
2. เขยี นหนงั สอื ดวยลายมือทอ่ี า นงา ย
2. ศึกษาคน ควา เร่ืองราวของทศั นศิลปอยา งถอ งแท และหมั่นคน ควาความรู 3. นําภาพวาดมาตกแตงบา นเรอื น
เพมิ่ เติมอยเู สมอ 4. ใชแสงไฟหลากสใี นงานรนื่ เรงิ
3. มปี ระสบการณในการมองเห็นเปนอยางดี วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การนําภาพวาดซ่งึ เปน ผลงานจติ รกรรม
4. รับฟง แนวคดิ ใหมๆ ของศลิ ปน
5. รอบรใู นวิชาตา งๆ หลากหลายดาน และสามารถนาํ ความรเู หลาน้ันมา อันเปนงานประเภทหนงึ่ ของงานทัศนศิลปม าใชประดบั ตกแตงบานใหนาดู
ใหมสี สี ัน ชว ยดึงดดู สายตา ถอื เปนการนําเอาผลงานทัศนศิลปม าใช
เชอ่ื มโยงกบั งานทศั นศลิ ปท่ีกาํ ลังดอู ยูได ประโยชนในชีวิตประจําวัน สว นการใชแสงไฟหลากสีไมถอื เปน ผลงาน
6. มีรสนิยมทางทศั นศลิ ปอยา งแทจ ริง ทศั นศิลป
12 คู่มือครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ E×plain
÷. Çѵ¶Ø»ÃÐʧ¤ã ¹¡ÒÃÈึ¡ÉÒÊÒÃзÈÑ ¹ÈÔŻРใหนักเรยี นรว มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับ
วตั ถุประสงคใ นการศกึ ษาวิชาทัศนศิลป จากน้ัน
การศึกษาสาระการเรียนรู้แกนกลางทัศนศิลป์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มิได้มีจุดมุ่งหมายท่ีจะให้ ครูใหนักเรยี นชว ยกันยกตัวอยางการนําความรู
ทางทศั นศลิ ปท ่นี กั เรยี นสนใจไปประยกุ ตใ ชกับ
นกั เรยี นมุ่งสร้างสรรค์งานศลิ ปะชนั้ เยี่ยม หรือตอ้ งการจะใหเ้ ปน็ ศลิ ปนิ แต่อย่างใด แต่มงุ่ หวงั ทีจ่ ะส่งเสรมิ ใหน้ ักเรยี น วิชาอนื่ ๆ เชน การนาํ ความรทู างทัศนศิลปไ ปใชใ น
การออกแบบโครงงานวทิ ยาศาสตร การนาํ ความรู
เปน็ ผมู้ คี วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค ์ มจี นิ ตนาการทางศลิ ปะ รจู้ กั ชนื่ ชมความงาม ความมคี ณุ คา่1ของผลงานตา่ งๆ ทมี่ นษุ ย์ ทางทศั นศิลปไปใชก ับการจัดนทิ รรศการดาน
ศิลปวฒั นธรรม เปนตน
ไดส้ รา้ งสรรคข์ ึน้ ซึ่งจะช่วยท�าใหน้ กั เรยี นเปน็ ผู้มีจติ ใจงดงาม มคี วามฉลาดทางอารมณ ์ (Emotional Intelligence)
มีสมาธิ มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี มีคุณภาพสมดุลกัน ซึ่งสามารถสรุปวัตถุประสงค์โดยรวมในการศึกษาได้
ดังน้ี
๑. ให้รู้วธิ สี ่ือความคดิ จนิ ตนาการ ความประทับใจของนักเรียนใหอ้ อกมาเป็นผลงานทางด้านทัศนศลิ ป์ ขยายความเขา้ ใจ
ตามประเภททีน่ กั เรียนถนัด หรือสนใจ โดยใช้วัสดุ อปุ กรณ์ เทคนิค วธิ ีการต่างๆ ทง้ั นี้ ผลงานทส่ี ร้างสรรคอ์ อกมา Expand
จะตอ้ งสอื่ ความหมายให้ผู้อ่ืนรบั รอู้ ย่างที่ตนต้องการได้ จากการศึกษาเกี่ยวกบั ความรูพนื้ ฐานทาง
ทัศนศิลป ครูใหนักเรียนรวมกันจัดนทิ รรศการใน
๒. ใหร้ ู้จักคิดรเิ ร่ิม ใช้เทคนิค วิธีการรปู แบบใหมๆ่ ในการสร้างสรรคผ์ ลงานทัศนศิลปท์ ตี่ นถนัดและสนใจ หัวขอ “ทศั นศิลปกบั ชวี ิตมนุษย”
ด้วยการนา� ความรู้เกยี่ วกับทัศนธาตุและองค์ประกอบศลิ ป์เข้ามาประยุกต์ใช้
๓. ให้รจู้ กั ใชก้ ระบวนการสรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลป ์
โดยสามารถประยกุ ต์ใช้สื่อ วัสด ุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีตา่ งๆ
ได้อยา่ งเหมาะสมและมคี วามรับผดิ ชอบท้ังตอ่ ตนเอง ชุมชน
สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม
๔. สามารถแสดงออกถงึ ความร้สู กึ ในการรับรูค้ วามงาม
ทางทัศนศิลป์จากประสบการณ ์ จนิ ตนาการของตน โดยใชแ้ นวทางการพจิ ารณา
ความงามทางศิลปะในแขนงท่นี กั เรียนมคี วามถนดั หรอื สนใจ
๕. สามารถแสดงความคิดเห็น อธิบายความหมาย และจ�าแนก
ความแตกต่างของงานทศั นศิลป์ทีต่ นชื่นชอบได ้ โดยตง้ั อยบู่ นพน้ื ฐานของ
องค์ความรูท้ างทัศนศลิ ป ์ มิใชเ่ กดิ จากอารมณค์ วามร้สู กึ สว่ นตน
๖. นา� ความรู้ทางทศั นศิลป์ที่นักเรยี นถนัด หรือสนใจไปประยกุ ต์ใช้กบั วชิ าอน่ื ๆ
เชน่ วทิ ยาศาสตร ์ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ภาษาไทย การงานอาชพี และเทคโนโลย ี
เป็นตน้ รวมทั้งน�าไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจา� วนั ได้ด้วย
๗. มคี วามรู้ความเขา้ ใจวา่ ความเชื่อทางวฒั นธรรมมอี ิทธิพลตอ่
การสร้างสรรค์งานทศั นศิลป์ประเภทต่างๆ ของมนุษย์
๘. ท�าให้เกิดความซาบซ้งึ เล็งเหน็ คุณคา่ ของศิลปวัฒนธรรมไทย และ
ภมู ปิ ญั ญาไทยทีบ่ รรพบุรษุ ไดส้ รา้ งไว ้ รวมทง้ั มสี ว่ นรว่ ม ประติมากรรมลอยตัว ผลงานของ เขียน ย้ิมศิริ ท่ีส่ือความคิด
จินตนาการได้อยา่ งนา่ ประทบั ใจ
ในการสรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ป์
13
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกรด็ แนะครู
การศกึ ษาสาระทศั นศลิ ปม ีวัตถปุ ระสงคสําคัญตามขอใด ครูสรุปภาพรวมใหนักเรียนเขา ใจวา วัตถุประสงคของการศึกษาวิชาทศั นศิลป
1. รเู ทคนิคการสรา งงานทศั นศลิ ป มไิ ดม งุ หวงั ใหน กั เรยี นสรางสรรคง านศิลปะช้ันเยยี่ ม หรอื มิไดต อ งการใหน ักเรยี น
2. นําไปใชประกอบอาชพี ในภายหนา เปน ศลิ ปน แตอ ยา งใด เพยี งแตม งุ หวงั ใหน กั เรยี นมคี วามคดิ สรา งสรรค มจี นิ ตนาการ
3. รจู กั ชืน่ ชมความงาม มสี นุ ทรยี ศิลป ทางศิลปะ เหน็ คุณคา และความงามของงานศลิ ปะ โดยเฉพาะผลงานศลิ ปะตางๆ
4. ทราบประวัติความเปนมาของศลิ ปน ทอี่ ยรู ายรอบตัวนกั เรยี น
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การเรียนรสู าระทศั นศลิ ปม ีเปาหมาย นกั เรยี นควรรู
เพ่ือกระตุนใหน ักเรียนไดรจู ัก เห็นคณุ คา ชนื่ ชมความงามของผลงาน 1 ความฉลาดทางอารมณ (emotional intelligence) ความสามารถใน
ทัศนศลิ ปตางๆ หรอื เปน ผมู ีสนุ ทรยี ศ ิลป การดําเนินชวี ติ อยา งสรางสรรคแ ละมีความสขุ ในการรบั รแู ละเขาใจในอารมณข อง
ตนเองและผูอ่นื รวมทง้ั สามารถที่จะจดั การอารมณเพ่ือเปน แนวทางในการสรา ง
สัมพนั ธภาพกบั ผูอืน่ ไดอยา งมปี ระสิทธิภาพ และชวยใหป ระสบความสําเร็จ
ในการดาํ รงชวี ติ
ค่มู ือครู 13
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
ครพู ิจารณาจากผลงานการจัดนิทรรศการ กิจกรรม ศลิ ปป์ ฏบิ ัติ ๑.๒
“ทัศนศลิ ปก บั ชีวติ มนุษย” ของนักเรียนใน
ดา นเน้อื หาสาระ ความสวยงาม และความคิด กิจกรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนค้นหาภาพจิตรกรรมที่ศิลปินผู้สร้างสรรค์ได้รับแรงบันดาลใจ หรือใช้สิ่งแวดล้อม
สรางสรรค เป็นต้นแบบ โดยให้ระบุชื่อภาพ ชื่อศิลปินผู้สร้าง และอธิบายลักษณะเด่นของผลงานชิ้นนั้น
แล้วน�าสง่ ครูผ้สู อน
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู
กิจกรรมที่ ๒ ในท้องถ่ินของนักเรียนมีบุคคลท่านใดที่เป็นปราชญ์ทางด้านศิลปะบ้าง ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม
ผลงานการจดั นิทรรศการในหวั ขอ “ทัศนศิลป ๕-๗ คน ไปสมั ภาษณช์ วี ประวัติ ผลงาน ตลอดจนเทคนคิ ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศลิ ป ์
กับชวี ติ มนุษย” แลว้ จดั ทา� เปน็ รายงานส่งครผู สู้ อน
สรุป ทัศนศิลป์เป็นการแสดงออกทางศิลปะแขนงหนึ่ง ที่จะมีส่วนช่วยพัฒนาอารมณ์ของคนเรา
ให้มีความเปน็ มนษุ ยท์ ส่ี มบูรณ์ นับเป็นศาสตร์ที่มนษุ ยไ์ ด้นำามาใช้ชว่ ยในการสร้างสรรค์ส่งิ แวดล้อมตา่ งๆ
ใหม้ คี วามงดงามนอกเหนอื จากการมปี ระโยชนใ์ ชส้ อย ซง่ึ ผลงานทศั นศลิ ปส์ ามารถจาำ แนกไดต้ ามลกั ษณะ
ของเนื้องาน ออกไดเ้ ปน็ งานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และภาพพิมพ์ ทงั้ นี้ จุดมุ่งหมาย
สำาคัญของการศึกษาวิชาทัศนศิลป์ เพ่ือให้นักเรียนได้รู้จักสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ
และความคดิ สรา้ งสรรคข์ องตนเองดว้ ยเทคนคิ วธิ กี ารตา่ งๆ ตามความถนดั และความสนใจ รวมทง้ั สามารถ
นำาความรู้ท่ีไดจ้ ากการศกึ ษาไปประยุกตใ์ ช้ในการดาำ เนนิ ชีวิตประจาำ วันได้อกี ด้วย
14
บูรณาการอาเซียน บูรณาการเช่ือมสาระ
การศกึ ษาสาระทศั นศลิ ปส ามารถบรู ณาการเชอื่ มโยงกบั การเรยี นการสอน
ใหนักเรยี นชว ยกนั หาภาพตัวอยางผลงานทศั นศลิ ปข องประเทศสมาชกิ อาเซยี น ของกลมุ สาระการเรยี นรตู า งๆ ไดท กุ กลมุ สาระฯ โดยเฉพาะกลมุ สาระการเรยี นรู
แลว นํามาจัดแบง ตามประเภท ไดแก งานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปต ยกรรม ภาษาไทย วิชาหลักภาษาและการใชภาษา เรื่องการเขียนอธิบายและเขียน
ภาพพมิ พ และสอื่ ผสม แลว นาํ มาจดั นิทรรศการเพอ่ื ใหเห็นถึงความงดงาม บรรยาย เพราะการศึกษาสาระทัศนศลิ ปน อกจากการฝก ปฏิบัติแลว นกั เรียน
ความหลากหลาย ในหัวขอ “อาเซียนกบั ผลงานทัศนศิลป” โดยสือ่ ถงึ แนวความคดิ ยังตองสามารถเขียนอธิบายความหมายของผลงาน เขียนบรรยายความรูสึก
ท่วี า แตละประเทศสมาชิกอาเซียนลว นมีผลงานทัศนศลิ ปท ่ีงดงามอยดู ว ยกันทง้ั สิน้ ที่มีตอผลงาน โดยการเขียนตองต้ังอยูบนพื้นฐานองคความรูทางภาษาไทย
ซง่ึ ผลงานเหลา นีม้ ีทง้ั ทแ่ี ตกตาง เหมอื นหรอื คลา ยคลึงกัน ท้ังนีผ้ ลงานบางชิ้น และทัศนศิลปผ สมผสานกัน มใิ ชเ ขียนตามอารมณค วามรูส ึกเพยี งอยา งเดียว
กถ็ อื เปนมรดกทางวฒั นธรรมท่พี ลเมืองอาเซยี นไมว า จะอยูใ นประเทศใด กค็ วรมี
ความภาคภูมใิ จรว มกัน
14 คมู่ ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage
Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
บรรยายความแตกตา งและความคลายคลงึ
ของงานทศั นศิลปแ ละสิง่ แวดลอม โดยใชค วามรู
เร่ืองทศั นธาตุ
สมรรถนะของผูเ รยี น
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ มนั่ ในการทํางาน
๒หน่วยท่ี กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ทศั นธาตุ ผลงานทัศนศิลป์ที่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ ครนู ําภาพถายสถาปต ยกรรมที่สาํ คัญๆ
ในทองถิน่ มาใหน ักเรียนดูเปนตัวอยา ง เชน
ตวั ชวี้ ัด เป็นผลงานภาพรวมที่เกิดจากการผสมรวมกันเข้าของ วดั มัสยดิ โบสถ เปนตน แลว ใหน กั เรียนรว มกนั
ศ ๑.๑ ม.๑/๑ องคป์ ระกอบยอ่ ยๆ หลายสว่ น ซง่ึ องคป์ ระกอบยอ่ ยๆ เหลา่ นน้ั แสดงความคิดเห็นวา สถาปตยกรรมดังกลา ว
มคี วามแตกตางกนั อยา งไร
■ บรรยายความแตกตา่ งและความคลา้ ยคลงึ กนั ของงานทศั นศลิ ป์
และสิ่งแวดลอ้ มโดยใชค้ วามรู้เรือ่ งทศั นธาตุ (แนวตอบ นกั เรียนแสดงความคดิ เห็นได
อยางอิสระ)
ตา่ งมคี ุณสมบตั ทิ างกายภาพและคณุ สมบตั ิในการให้อารมณ์
ความรู้สึกแก่ผู้ชมแตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงจำาเป็นที่จะต้อง
เรียนรู้ ทำาความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบย่อยๆ เหล่าน้ัน
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง เพ่ือจะได้นำาไปใช้สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ให้มีความงดงาม
ตามที่ได้จินตนาการ หรอื ออกแบบไว้
■ ค วามแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของทัศนธาตุ องค์ประกอบศิลป์ที่เป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์
ในงานทัศนศลิ ปแ์ ละสงิ่ แวดล้อม
โดยท่ัวไปเรียกว่า “ทัศนธาตุ” ซ่ึงจะว่าด้วยลักษณะ คุณสมบัติของ
ทศั นธาตุแตล่ ะอยา่ ง รวมท้งั ทศั นธาตใุ นส่ิงแวดล้อม
1๕
เกร็ดแนะครู
การเรยี นการสอนในหนว ยการเรยี นรนู จ้ี ะเกย่ี วขอ งกบั เรอ่ื งขององคป ระกอบศลิ ป
ทเ่ี รยี กวา “ทัศนธาต”ุ ดังนั้น ครูผูสอนจึงควรนําผลงานทัศนศิลปท ่ีมรี ูปแบบการ
สรางสรรคท ีแ่ ตกตางกันมาใหนักเรียนดู เพอ่ื ใหน ักเรียนฝกการพิจารณาสงั เกต
ความแตกตา งดา นองคประกอบศลิ ปของผลงานแตล ะประเภท ไดแ ก จุด เสน
รูปรางและรปู ทรง นา้ํ หนกั ออน-แกข องแสงเงาและสี พน้ื ท่วี า ง และสี รวมทั้งจะตอ ง
ใหน กั เรียนพจิ ารณาความแตกตา งของทัศนธาตุในงานทัศนศิลปแ ละทัศนธาตุ
ในส่ิงแวดลอมไดดวย เพือ่ เปน พืน้ ฐานที่สาํ คญั ในการสรางสรรคง านทศั นศลิ ปตอ ไป
ค่มู อื ครู 15
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครนู ําภาพจิตรกรรม “โมนาลิซา ” (Mona Lisa) ñ. ¤ÇÒÁËÁÒ ¤ÇÒÁÊÓ¤Ñޢͧ·Ñȹ¸ÒµØ
ผลงานของ เลโอนาโด ดา วนิ ชี (Leonardo Da
Vinci) มาใหน กั เรยี นดู ครูถามนกั เรยี นวา ทัศนธาตุ (Visual Element) หมายถึง ส่วนประกอบของการมองเห็น หรือส่ิงท่ีเป็นปัจจัยของการเห็น
ในงานทศั นศิลป ์ อนั ประกอบดว้ ยจุด เส้น รูปรา่ งและรปู ทรง น้�าหนักออ่ น-แก ่ พนื้ ท่วี ่าง พืน้ ผวิ และสี
• ผลงานชิน้ นี้เปน ผลงานทศั นศิลปป ระเภทใด ในการสร้างสรรค์งานของศิลปินแขนงต่างๆ เราจะเห็นได้ว่า นักประพันธ์จะใช้ถ้อยค�าร้อยเรียงแสดง
(แนวตอบ ผลงานทศั นศิลป ประเภทจิตรกรรม) ความคิด นักดนตรีใช้เสียงถ่ายทอดอารมณ์ส่ือให้รับรู้ ส่วนทัศนศิลปินก็จะใช้ทัศนธาตุสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดเป็น
ภาพท่ีส่ืออารมณ์ หรือความคดิ สู่ผู้ชม
• นกั เรยี นทราบหรอื ไมวา ผลงานชน้ิ นเี้ ปน ฝมือ พื้นฐานของความงามในผลงานทัศนศิลป์ท่ีถูกสร้างสรรค์ข้ึนน้ัน สามารถท�าให้ผู้สัมผัสเกิดอารมณ์และ
ของศลิ ปน ทา นใด
(แนวตอบ ผลงานดังกลาว มีช่ือวา “โมนาลซิ า ” ความรสู้ กึ ประทบั ใจได ้ กเ็ ปน็ ผลมาจากการประกอบกนั ของอ1งคป์ ระกอบยอ่ ยๆ ทเี่ รยี กวา่ “ทศั นธาต”ุ นา� มาจดั รวมกนั
(Mona Lisa) เปน ผลงานของ เลโอนาโด
ดา วินชี (Leonardo Da Vinci) ศลิ ปน ชาว ให้ปรากฏแกส่ ายตาด้วยหลกั ของการจัดองค์ประกอบศลิ ป์ แตก่ ารจะนา� เอาส่วนประกอบดังกลา่ วมาจดั ให้เกิดคุณคา่
อิตาเลียน) ทางศิลปะได้นั้น จา� เป็นตอ้ งมีความรู้ความเข้าใจให้ถ่องแท้ทงั้ คุณลกั ษณะ ความหมาย ความสา� คญั และการนา� ไปใช้
ซง่ึ ทัศนธาตุแตล่ ะอยา่ งจะใหค้ ณุ สมบัต ิ และความรสู้ กึ แตกต่างกันไป
• นักเรียนคิดวา ผลงานชิน้ นี้มีความโดดเดน
ในเร่ืองใด ò. ͧ¤» ÃСͺ¢Í§·Ñȹ¸ÒµØ
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอ ยา งอิสระ
ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา ผลงานชนิ้ นม้ี ีเสนห ทัศนธาตุมอี งคป์ ระกอบทีส่ า� คัญ ดังต่อไปนี้
ทีด่ แู ลวมีความลกึ ลับ นบั ต้ังแตบุคคลในภาพ
มีตัวตนจริงหรือไม ภาพตองการสอ่ื อะไร ๒.๑ จุด (Dot, Point)
นอกเหนอื ไปจากการใชเสน และสที ที่ ําให
ภาพดูไดนาน ไมน า เบอ่ื ) จดุ เป็นทัศนธาตอุ ันดับแรกของงานทัศนศลิ ป ์ จดุ เปน็ ส่วนทีม่ ขี นาดเล็กท่สี ดุ ของงานศิลปะ เมื่อนา� เอาจุด
จา� นวนมากๆ มาเรยี งตอ่ เนอ่ื งกนั และทา� ซา�้ ๆ กนั กจ็ ะทา� ใหเ้ กดิ เปน็ เสน้ ถา้ จดั รวมกลมุ่ กนั จะกลายเปน็ รปู รา่ ง รปู ทรง
ลักษณะผิว น้�าหนักอ่อน-แก่ แสง-เงา จุดจึงเป็นทัศนธาตุท่ีสามารถน�ามาสร้างสรรค์งานศิลปะได้ ซ่ึงเราสามารถ
พบเหน็ จุดในลักษณะตา่ งๆ ปรากฏอยู่ในผลงานจติ รกรรมอยเู่ สมอ
สา� รวจคน้ หา Explore
ครูขออาสาสมัครนกั เรยี น 7 คน ใหศ กึ ษา ผลงานของ ชอร์ช ปแิ ยร์ เซอราต์ (Georges Pierre Seurat) มลี กั ษณะเด่น โดยจะใช้จดุ สหี ลายสี จดุ แต้มบนผืนผ้าจนกลายเป็นภาพขน้ึ มา
คน ควาขอ มลู เพ่มิ เตมิ เก่ียวกับทัศนธาตแุ ละตวั อยา ง
ผลงานประกอบใหเ หน็ ชดั เจน จากแหลง เรยี นรู 1๖
ตางๆ เชน หนงั สอื เรียน หองสมุด อนิ เทอรเน็ต
เปนตน โดยจบั สลากเลอื กหัวขอ ดงั น้ี
คนท่ี 1 เรื่องจดุ
คนท่ี 2 เรอ่ื งเสน
คนท่ี 3 เรื่องรูปรา งและรูปทรง
คนที่ 4 เรอ่ื งนา้ํ หนักออน-แก
คนที่ 5 เรื่องพื้นทวี่ า ง
คนที่ 6 เรอ่ื งพืน้ ผวิ
คนท่ี 7 เรือ่ งสี
นักเรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 การจัดองคป ระกอบศลิ ป หมายถงึ การจัดองคป ระกอบของงานศลิ ปะ ใหน กั เรียนแตละคนสรา งสรรคผ ลงานจติ รกรรม โดยใหนักเรียนใช
ประเภทตางๆ เชน จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปต ยกรรม เปน ตน เพอื่ ใหเ กดิ ดนิ สอสหี รอื สีเมจิกลากเสน เชื่อมตอ จุดใหเปน ภาพที่มีความหมายและ
ความสมบรู ณส วยงามตามหลักเกณฑก ารสรางสรรคผ ลงาน คอื เอกภาพ (Unity) สวยงาม ตามจนิ ตนาการและแนวคดิ ของตนเอง พรอ มตงั้ ชอื่ ภาพ
ความสมดลุ (Balance) สดั สว น (Proportion) จังหวะ (Rhythm) ความขดั แยง แลว นาํ ผลงานสง ครูผูสอน
(Contrast) ความกลมกลนื (Harmony) และการเนน (Emphasis)
กิจกรรมทา ทาย
มมุ IT
นักเรียนสามารถศกึ ษา คนควา เพมิ่ เติมเก่ยี วกบั หลักการจัดองคประกอบศลิ ป ใหน ักเรยี นเขยี นเสน รางภาพและเขยี นรายละเอยี ดของภาพดวย
ไดท ี่ http://www.ssru.ac.th/linkssru/Subject_New/Subject_Art_Life/unit7-3.swf ดินสอ HB หรอื 2B ลงกระดาษ 100 ปอนด จากนน้ั ใหน กั เรียนสรา งสรรค
งานจิตรกรรมรอยจุดทน่ี ักเรยี นสนใจตามความคดิ ริเรม่ิ สรา งสรรคและ
16 คู่มือครู จนิ ตนาการ พรอมตัง้ ชอ่ื ภาพ โดยใชส ีเมจกิ หรือดินสอ แลวนาํ ผลงาน
สง ครผู ูสอน
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain
Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๒.๒ เสน้ (Line) 1. ใหน กั เรียนคนท่ี 1 และคนที่ 2 ออกมา
นาํ เสนอเกย่ี วกบั เร่ืองจุดและเสน ตามทไ่ี ดไ ป
เส้น เป็นทัศนธาตุที่ส�าคัญในทางศิลปะ กล่าวได้ว่าเส้นเป็นจุดเร่ิมต้นของการออกแบบทางทัศนศิลป์ ศึกษาคน ควา เพิม่ เติมมา พรอ มแสดงตัวอยา ง
ทกุ ชนดิ เชน่ จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปตั ยกรรม เปน็ ตน้ เส้นแสดงความรสู้ กึ ได้ดว้ ยตัวเอง และดว้ ยการสรา้ ง ประกอบ หนาช้นั เรยี น ครคู อยเสรมิ เพิม่ เตมิ
เปน็ รปู ทรงตา่ งๆ ข้ึน งานจติ รกรรมของไทย จีน และญี่ปนุ่ ล้วนมีเส้นเปน็ หัวใจของการแสดงออก ซ่งึ จะให้อารมณ์ ขอมูล
ความรสู้ ึกทางจติ ใจแก่ผชู้ มผลงาน
เสน้ ทเี่ ปน็ พ้นื ฐานม ี ๒ ลักษณะ คือ เส้นตรงกบั เส้นโค้ง ส่วนเส้นลกั ษณะอื่นเกิดจากการประกอบกนั เข้า 2. ใหนักเรยี นชวยกนั ยกตวั อยางวตั ถสุ ่ิงของท่ี
ของเสน้ ตรงและเสน้ โคง้ เชน่ เสน้ หยกั ฟนั ปลา เกดิ จากเสน้ ตรงมาประกอบกนั เสน้ ลกู คลน่ื เกดิ จากเสน้ โคง้ มาประกอบ พบเหน็ ในชวี ติ ประจําวันหรือผลงาน
เข้าด้วยกนั เส้นจะมขี นาดแตกตา่ งกนั ตามขนาดของวัสดุท่ีน�ามาขดี เขยี น เช่น เขยี นดว้ ยดินสอ ปากกา พู่กนั แปรง ทศั นศิลปทมี่ ีลักษณะของเสนแตล ะแบบเปน
เครอ่ื งมอื อืน่ ๆ ที่สามารถท�าให้เกิดเปน็ เสน้ ได้ เป็นตน้ องคป ระกอบหลกั และแสดงออกมาอยาง
ลกั ษณะของเส้นมหี ลายแบบ ซึง่ แต่ละแบบจะแสดงคณุ คา่ และใหค้ วามรู้สกึ แตกต่างกัน ดังน้ี ชัดเจน
เสน ตง้ั เสน นอน หรอื เสน ระดับ เสน ตรงเฉียง
จะใหความรสู ึกมน่ั คง แข็งแรง จะใหความรูสึกราบเรียบ สงบนิ่ง จะใหความรูสึกเอียง ไมตรง สื่อถึง
สงา งาม เปน ระเบียบ เชน เสาไฟฟา ปลอดภยั เชน ผวิ นาํ้ ทเี่ รยี บไมม คี ลนื่ ทางเดินของแสง เชน แสงสวางของ
ตึกสูง เปนตน ถนนราบเรยี บ เปน ตน ดวงอาทิตย เปน ตน
เสน โคง ของวงกลม เสนโคงอิสระ เสน โคง คด หรือกนหอย
จะใหความรูสกึ ออนโยน ออ นชอย จะใหความรสู ึกโคง ขน้ึ สงู แสดงความ จะใหความรูสึกเคลื่อนไหว คลี่คลาย
นุมนวล เศรา ซมึ เชน ภาพวาด เจรญิ เตบิ โตกา วหนา เชน การเจริญ ขยายตวั ไปไมม ที สี่ นิ้ สดุ เชน กงั หนั หมนุ
จิตรกรรมไทย เปนตน เตบิ โตของตน ไม เปนตน พายหุ มุน เปน ตน
เสน คด เสน ฟน ปลา เสนประ หรือเสน ขาด
จะใหความรูสึกเคล่ือนไหวตอเนื่อง จะใหความรูสึกถึงการเปลี่ยนแปลง จะใหค วามรสู กึ ไมเ ปน ระเบยี บ สบั สน
ไมส้ินสุด เชน ทางท่ีคดเค้ียว แมน้ํา ทิศทางอยางรวดเรว็ รนุ แรง ตนื่ เตน วนุ วาย ไมมน่ั คง เกา เส่ือมโทรม เชน
ลาํ ธาร เปนตน เชน ฟาผา เปน ตน รอยรา วของวตั ถุ เปน ตน
1๗
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
ถาตองการสรางผลงานท่ีสอ่ื ถึงความแขง็ แรง มัน่ คง ควรใชเสนลกั ษณะใด ครอู าจใหนักเรยี นรว มกันพิจารณาถึงความสําคญั ของเสนในทางทัศนศิลป
เปนหลักในผลงาน โดยอาจอธิบายในแนวทาง ดงั น้ี
1. เสน แนวนอน 1. เสน ใชใ นการแบง ทว่ี า งออกเปน สว นๆ
2. เสน แนวต้ัง 2. เสนชวยกําหนดขอบเขตของท่วี าง หมายถงึ ทําใหเ กิดเปนรูปราง (Shape)
3. เสน โคง คด
4. เสนฟนปลา ขึ้นมา
3. เสนชวยกาํ หนดเสน รอบนอกของรปู ทรง ทําใหม องเหน็ รูปทรง (Form) ชัดขึ้น
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เนือ่ งจากเสน แนวต้งั หรอื เสน ตัง้ ดงั เชน 4. เสน ทําหนาทเ่ี ปน นา้ํ หนักออ นแกของแสงและเงา หมายถึง การแรเงาดว ยเสน
5. เสน ใหค วามรสู กึ ดว ยการเปน แกนหรอื โครงสรา งของรปู และโครงสรา งของภาพ
รูปทรงของวตั ถทุ ี่เปน แนวต้ัง เชน ตกึ ทรงสงู เสาไฟฟา จะใหความรสู กึ
ในการมองวา มคี วามม่นั คง ต้ังมัน่ แขง็ แรง สงา งาม เปน ระเบียบ
ค่มู ือครู 17
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Explain
Engage Explore
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหน กั เรยี นคนท่ี 3 และคนที่ 4 ออกมานําเสนอ 1
เกยี่ วกบั เรือ่ งรปู รา งและรปู ทรง นํ้าหนกั ออน-แก ๒.๓ รปู ร่าง (Shape) และรปู ทรง (Form)
ทไี่ ดไ ปศึกษาคน ควา เพิ่มเติมมา พรอ มแสดง
ตวั อยางประกอบ หนาช้ันเรยี น ครูคอยเสรมิ รูปร่างและรูปทรง เป็นทัศนธาตุท่ีเกิดจากการน�าเอาเส้นลักษณะต่างๆ มาประกอบกัน
เพิม่ เตมิ ขอมลู
ใหเ้ ปน็ เนอื้ หาสาระ หรอื เรอ่ื งราวทางทศั นศลิ ป ์ ตามความเขา้ ใจโดยทวั่ ไป รปู รา่ ง รปู ทรงจะมี
2. ใหน ักเรยี นศกึ ษาตวั อยา งรปู ทรงของวตั ถุ
ชนดิ ตางๆ เพม่ิ เติม เชน รปู ทรงของเพชร ลกั ษณะใกลเ้ คยี งกนั แต่ในทางทศั นศลิ ป ์ ทศั นธาตทุ ง้ั ๒ แบบ จะมคี วามแตกตา่ งกนั ดงั น้ี
รูปทรงของครสิ ตัล เปนตน แลว ใหนักเรียน ๑) รูปร่าง หมายถึง เสน้ ทเ่ี ปน็ เสน้ โครงของวตั ถสุ ิ่งของทป่ี รากฏใหเ้ ห็นเปน็
รว มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา
• วตั ถชุ นิดเดียวกนั แตม ีรูปทรงแตกตางกัน ๒ มติ ิ คอื มคี วามกวา้ งและความยาว ภาพทป่ี รากฏนนั้ มลี กั ษณะแบนไมม่ คี วามหนา หรอื
มีผลตอ ความรูสกึ ของมนษุ ยอยางไร
• ความแตกตา งทางดานรูปทรงสามารถนํามา ความลกึ เชน่ รูปของเสน้ ท่ีประกอบกันเป็นรูปส่เี หล่ียม สามเหล่ยี ม
ใชในการออกแบบหรอื สรา งสรรคผ ลงานทาง
ทัศนศลิ ปไ ดอ ยา งไรบา ง วงกลม หรือภาพรูปร่างของคนก็แสดงให้เห็นเฉพาะเส้นรอบนอก
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น
ไดอยางอสิ ระ) ของรา่ งกายเพยี งสว่ นโคง้ สว่ นเวา้ ไมแ่ สดงสว่ นนนู ตัวอย่างภาพรูปร่างของคนที่แสดงให้เห็นเฉพาะ
เสน้ รอบนอกของรา่ งกายเพียงส่วนโค้งและสว่ นเว้า
3. จากการศกึ ษาเกยี่ วกบั นํ้าหนักออน-แกของสี หรอื ปรมิ าตร เปน็ ตน้
และแสงเงา ครถู ามนักเรียนวา นํ้าหนักของ ๒) รูปทรง หมายถึง โครงสร้างของวตั ถุสง่ิ ของที่ปรากฏในลกั ษณะ ๓ มติ ิ คอื
สีและแสงเงามีความสาํ คญั อยางไรตอผลงาน
ทัศนศลิ ป มสี ว่ นกวา้ ง สว่ นยาว และสว่ นลกึ หรอื สว่ นหนา ภาพทปี่ รากฏจะเปน็ ลกั ษณะของวตั ถุ
(แนวตอบ คา นํ้าหนักของสแี ละแสงเงา
มคี วามสาํ คัญตอ ผลงานทัศนศลิ ป คอื ที่มีนา้� หนัก มีปริมาตร เปน็ กอ้ นหรือเปน็ แท่ง เชน่ รปู ทรงของมนุษย์ซ่ึงรวมทงั้ หมด
ใหค วามแตกตา งระหวางรูปและพ้ืน หรอื รปู ทรง
กับที่วาง ใหค วามรสู ึกเคลือ่ นไหว ใหค วามรูส ึก ของรา่ งกายท้ังส่วนสูง สว่ นโคง้ ส่วนเว้า และสว่ นนนู หรอื รปู กล่องท่ีมีท้งั ความกวา้ ง
เปน 2 มิติ แกรูปรา ง และความเปน 3 มิติ
แกร ปู ทรง ทําใหเกดิ ระยะความตน้ื -ลกึ “ขลุยทิพย” ผลงานของ เขียน ย้ิมศิริ เป็นประติมากรรมร่วมสมัย ความยาว และความลกึ เปน็ ต้น
และระยะใกล-ไกลของภาพ และทาํ ใหเกดิ
ความกลมกลนื ประสานกนั ของภาพ) แบบลอยตวั ทแ่ี สดงใหเ้ ห็นทั้งรูปร่างและรูปทรงไดช้ ดั เจน
๒.๔ น้ําหนักอ่อน-แก่ (Tone)
นา้ํ หนักอ่อน-แก ่ หมายถึง จา� นวนความเข้ม
ความออ่ นของสีต่างๆ และแสงเงาตามทป่ี ระสาทตารบั รู้
เมือ่ เทยี บกับนา้� หนักของสีขาว-ด�า ถ้าวัตถมุ ีส ี สว่ นท่ถี กู
แสงสวา่ งมากจะเปน็ สอี อ่ นหรอื ใส สว่ นทถ่ี กู แสงนอ้ ยหรอื
เปน็ เงากจ็ ะมีสเี ข้มหรือมดื
คุณค่าของแสงและเงาหรือน�้าหนักอ่อน-แก ่
หากน�าไปสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์บนพ้ืนผิวระนาบ
เดยี วกนั เมอ่ื ใชน้ า�้ หนกั ทต่ี า่ งกนั ของสแี ละแสงเงาจะทา� ให้
เกิดเป็นรูปลักษณะต่างๆ บนระนาบน้ัน เช่น เห็นเป็น
ภาพระยะใกล-้ ไกลซอ้ นทบั กนั มคี วามกลมกลนื หรอื ตดั กนั
ท�าให้เกิดภาพ ๓ มิติ มีความเหมือนจริงและงดงาม “แสงสวุ รรณภูมิ (วดั ระฆังโฆสิตาราม)” ผลงานของ ปรชี า เถาทอง
สมบรู ณย์ ่งิ ขนึ้ เปน็ ตน้ แสดงให้เห็นน้ําหนักอ่อน-แก่ได้เป็นอย่างดี แสงท่ีส่องลงมากระทบ
บางสว่ นของวัตถุทาํ ใหภ้ าพออกมามมี ิติน่าสนใจ
1๘
นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 รูปราง ในทางศลิ ปะอาจแบง ได 3 ประเภท คอื
1. รูปรางธรรมชาติ หมายถึง รูปรา งทีถ่ ายทอดแบบมาจากธรรมชาตทิ ี่ ขอ ใดไมใชความหมายของรปู รา ง
พบเหน็ อยทู ว่ั ไป เชน คน สัตว พชื เปนตน 1. เสน ภายในผลงาน
2. รูปรางเรขาคณติ หมายถงึ รูปรา งทม่ี นษุ ยส รางขึน้ มีโครงสรา งแนนอน 2. เสน รอบนอกของคน
ไดแ ก รปู รางวงกลม สามเหลยี่ ม สี่เหล่ยี ม หาเหลีย่ ม วงรี เปน ตน 3. เสน รอบนอกของวัตถุ
3. รูปรางอิสระ หมายถึง รูปรางทม่ี ีลักษณะไมแนน อน ไมสามารถคาดเดาได 4. เสน รอบนอกของผลงาน
วา รูปรา งจะเปลีย่ นแปลงหรอื เคล่ือนไหวไปในรปู แบบใดหรือทิศทางใด
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. รปู รา งหมายถึงเสน ท่ีเปนเสน โครงของวตั ถุ
มมุ IT
สง่ิ ของที่ปรากฏใหเ ห็นเปน 2 มติ ิ คือ มคี วามกวางและความยาว เชน
นักเรียนสามารถศกึ ษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับเรอ่ื งรูปทรง ไดท ่ี รูปรา งของสเ่ี หลย่ี ม สามเหล่ียม วงกลม หรือภาพ สวนรูปรา งของคนกจ็ ะ
http://www.prc.ac.th/newart/webart/element04.html แสดงใหเห็นเฉพาะเสนรอบนอกของรางกายเพียงสวนโคง สว นเวา ดังน้ัน
เสนภายในของผลงานจงึ ไมใชความหมายของรูปรางในทางทศั นศลิ ป
18 คูม่ ือครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain
Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๒.๕ พน้ื ทีว่ ่าง (Space) 1. ใหนกั เรียนคนท่ี 5 และคนท่ี 6 ออกมา
นําเสนอเกี่ยวกับเร่อื งพื้นที่วา งและพน้ื ผิว
ชอ่ ง หรอื บรเิ วณทล่ี อ้ มรอบรปู รา่ ง รปู ทรง ไมใ่ ช่ ทไ่ี ดไปศกึ ษาคน ควา เพ่มิ เตมิ มา พรอมแสดง
ตวั อยา งประกอบ หนา ช้นั เรียน ครูคอยเสรมิ
ส่วนท่ีเป็นรูปทรง หรือเนื้อหา การจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ เพม่ิ เติมขอ มลู
ถ้าปล่อยให้มีพื้นที่ว่างมากและให้มีรูปร่าง รูปทรงน้อย 2. ใหน ักเรยี นนาํ กระดาษรายงานมา 2 แผน
พรอมเมลด็ ถ่ัวเขียวจาํ นวนหนึ่ง
ภาพนน้ั จะใหค้ วามรสู้ กึ อา้ งวา้ ง โดดเดยี่ ว ในทางตรงขา้ ม • ใหน กั เรียนนาํ เมล็ดถว่ั เขียววางลงไปบน
กระดาษแผน แรก โดยวางลงไปเพยี งจุดใด
ถา้ ใหม้ รี ปู รา่ ง รปู ทรงมาก หรอื มเี นอ้ื หามาก โดยไมเ่ วน้ ให้ จดุ หนง่ึ ของกระดาษ จนเหน็ วา เมลด็ ถว่ั เขยี ว
เกดิ เปนรูปทรง สว นกระดาษรายงานจะเกดิ
มีพืน้ ทว่ี า่ ง หรือมีพน้ื ท่ีว่างน้อย ก็จะทา� ใหเ้ กดิ ความรูส้ กึ พน้ื ทีว่ า ง
• สว นกระดาษแผน ท่ี 2 ใหนักเรยี นนํา
อดึ อดั คบั แคบ ดงั นนั้ การจดั วางในอตั ราสว่ นทพ่ี อเหมาะ เมลด็ ถ่วั เขยี ววางแผเ กือบเตม็ เนอื้ ท่กี ระดาษ
จากนัน้ ครูถามนักเรยี นวา ชนิ้ งานทงั้ สองให
ก็จะท�าให้เกิดความรู้สึกที่พอดี ซ่ึงจะช่วยท�าให้ผลงาน “Christina’s World” ผลงานของ Andrew Wyeth ใช้พนื้ ทวี่ ่างแสดง ความรสู ึกแตกตา งกันอยา งไร
ระยะทางทหี่ ่างไกลออกไป (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอ ยางอสิ ระ
ทศั นศิลปน์ ้นั มสี ัดส่วนท่ีลงตวั โดยใหอ ยูในดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู อน)
อย่างไรกต็ าม การก�าหนดพน้ื ทว่ี า่ งในผลงานแต่ละอยา่ งมีหลักการและวิธีการน�าไปใช้ในรปู ลักษณ์ตา่ งกนั 3. ใหนกั เรียนรวมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับส่ิงแวดลอม
ที่พบเห็นในชีวิตประจาํ วัน เชน ตนไม ถนน
ออกไป ไมส่ ามารถกา� หนดกฎเกณฑ์ไดแ้ นช่ ดั ขนึ้ อยกู่ บั การรจู้ กั สงั เกต และทดลองฝก หดั บอ่ ยๆ กจ็ ะเกดิ ประสบการณ์ บานเรือน เปนตน มีพน้ื ผิวแตกตางกนั อยา งไร
และพื้นผวิ แตละลักษณะใหความรูสึก
ในการแบ่งพ้นื ที่ว่างให้เหมาะสมกับเนอื้ หา หรอื รปู รา่ ง รูปทรงในผลงานทศั นศิลป์แตล่ ะช้นิ ได้ เหมอื นกันหรือแตกตางกนั อยา งไร
๒.๖ พนื้ ผิว (Texture)
พ้นื ผวิ หมายถึง สว่ นนอกของวตั ถุตา่ งๆ ที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษย์สรา้ งสรรค์ขนึ้ จะมีหลายลกั ษณะ
ไดแ้ ก ่ หยาบ ละเอยี ด ดา้ น มนั ขรุขระ ราบเรยี บ ซึ่งพืน้ ผิวของวตั ถทุ ี่แตกตา่ งกันกจ็ ะให้ความรู้สึกทีแ่ ตกตา่ งกันตาม
ไปด้วย เช่น พื้นผวิ ท่ีออ่ นน่มุ ของทนี่ อน ยอ่ มกระต้นุ ให้เกิดความรสู้ ึกอยากสมั ผัส เกิดความรสู้ กึ ผอ่ นคลายอารมณ ์
สว่ นพนื้ ผวิ ทข่ี รขุ ระ หยาบแขง็ กระดา้ ง ใหค้ วามรสู้ กึ ไมช่ วนสมั ผสั แต่ใหค้ วามรสู้ กึ หนกั แนน่
คงทน แข็งแรง เป็นตน้ ด้วยคุณสมบตั ิพ้นื ผิวทตี่ า่ งกนั จะใหค้ วามรูส้ ึกท่แี ตกต่างกนั
ศิลปินจงึ ได้น�าพ้นื ผิวมาชว่ ยสรา้ งสรรค์ผลงานทางทศั นศิลป ์ ท้ังนพ้ี ืน้ ผวิ ในงานศลิ ปะ
เปน็ ไดท้ งั้ พน้ื ผวิ ของวสั ดทุ น่ี า� มาใชง้ าน เชน่ พน้ื ผวิ ของส ี เนอื้ ส ี เนอ้ื กระดาษ หรอื
เน้ือผ้าใบ หรือเกิดจากประดิษฐ์ออกแบบปรุงแต่งข้ึนของทัศนศิลปิน
เช่น การน�าแผ่นพ้ืนไม้มาแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ การน�าก้อนหิน
มาแกะสลกั แสดงใหม้ ีลกั ษณะลวดลายบนเนอ้ื หนิ เป็นตน้
โดยเทคนิคการสร้างพ้ืนผิว สามารถท�าได้ทั้งแบบ ๒ มิติ และ
แบบ ๓ มติ ิ รวมท้งั อาจเขียนเปน็ ลวดลาย หรอื แสดงรายละเอยี ดของ
พนื้ ผวิ เลยี นแบบธรรมชาติก็ได ้ เชน่ การเขยี นลายเนื้อไม้
บนวัสดุต่างๆ เพ่ือให้ดูเสมือนว่าสิ่งน้ันท�ามาจากเน้ือไม้
จริงๆ เปน็ ต้น
ผลงานเทคนคิ ผสม ผลงานของ ญาณ ี วิภาศรนี ิมติ เป็นตวั อยา่ งผลงาน
ท่มี ีการออกแบบให้คลา้ ยคลึงกับพ้ืนผิวจริงของวตั ถุตามธรรมชาติ
19
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู
ลักษณะสวนนอกสดุ ของวัตถุที่เรามองเห็นและสมั ผัสได คอื ทัศนธาตอุ ะไร ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมเกีย่ วกบั พืน้ ที่วา งในงานทศั นศิลปห รืองานออกแบบทั้ง 2 มติ ิ
1. เสน และ 3 มิติ “ทีว่ า ง” เปน สว นประกอบสาํ คัญท่ีทาํ ใหผลงานเกดิ ความงาม
2. พน้ื ผิว ความนาสนใจ โดยธรรมชาติแลว ท่วี า งเปนส่ิงทค่ี อนขางซบั ซอน เพราะเรา
3. พืน้ ท่วี า ง ไมส ามารถกําหนดท่วี างใหเปน รูปทรงไดเ องดวยตาเปลา บทบาทของท่ีวา งจะปรากฏ
4. รูปรางและรูปทรง กต็ อเมอื่ มีทศั นธาตอุ ่นื ๆ มาแสดงหรอื แทนท่ี ทัศนศิลปแตละประเภท
ใชท ่วี า งตางกนั ไปตามลักษณะของงาน
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะพน้ื ผวิ ในทางทศั นศลิ ปเ ปน ไดท งั้ พนื้ ผวิ
มมุ IT
ของวัสดุทนี่ ํามาใชง าน เชน พืน้ ผิวของเนือ้ กระดาษ เนอ้ื ผาใบ หรือพื้นผิวที่
เกิดจากการประดิษฐอ อกแบบตกแตงของศิลปน เชน การนําแผนพน้ื ไมมา นกั เรียนสามารถศกึ ษาเพ่ิมเติมเกีย่ วกบั เร่อื งทวี่ างในงานทัศนศลิ ป ไดจ าก
แกะสลักเปน ลวดลายตา งๆ เปนตน ท้ังนี้พน้ื ผิวกย็ งั คงเปนสว นนอกสดุ ของ http://ahph9thi.gotoknow.org/assets/media/files/000/084/771/
วตั ถหุ รอื ผลงานทัศนศลิ ปท เี่ ราจะมองเห็นหรอื สัมผสั ได original_05Space.pdf?1285883778
คมู่ อื ครู 19
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Explain
Engage Explore
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหน กั เรียนคนท่ี 7 ออกมานาํ เสนอเกี่ยวกบั สี ๒.๗ สี (Color) 1
ที่ไดไ ปศึกษาคนควา เพมิ่ เตมิ มา พรอ มแสดง
ตัวอยา งประกอบ หนา ชั้นเรียน ครูคอยเสริม 2สี เปน ทัศนธาตทุ ่ีเปน สวนประกอบสําคัญในงานศลิ ปะ สปี รากฏอยทู ว่ั ไปรอบๆ ตัวเรา ไมวา จะเปนสีท่เี กดิ ขนึ้ เองในธรรมชาติ
เพิ่มเตมิ ขอ มลู
หรอื สที มี่ นษุ ยส รา งขึน้ เชน สใี นจอคอมพวิ เตอร เปน ตน สมี อี ิทธพิ ลอยางมากตอจิตใจของเรา เพราะทําใหเ กิดอารมณความรูสึก
2. ใหน ักเรียนดปู กหนังสือเรียนวิชาทศั นศลิ ป
ม.1 จากน้นั ใหร ว มกนั อภิปรายวา ภาพทอี่ ยู ตางกัน เชน ทําใหรูสึกสดใส ราเริง ตื่นเตน หมนหมอง เศราซึม เปนตน ดังน้ัน จึงมีความจําเปนท่ีนักเรียนควรทําความเขาใจ
บนปกหนงั สือประกอบดว ยสอี ะไรบาง แลวให
นักเรียนชวยกนั จาํ แนกสโี ทนรอ นและสีโทนเย็น อยางถองแทเก่ียวกับเร่ืองสี เพ่ือประโยชนในการนําไปประยุกตใชกับชีวิตประจําวัน และเพ่ือการสรางสรรคผลงานทัศนศิลป
โดยทําลงสมดุ บนั ทกึ
ใหมีความงดงาม เพราะสีมีสวนเก่ียวพันกับองคประกอบทุกอยางที่ประกอบขึ้นเปนภาพ รายละเอียดในเรื่องที่เกี่ยวของกับสีเพื่อ
การนาํ ไปใชใ นการสรา งสรรคผ ลงานทศั นศิลปประกอบดวย
วรรณะสี (Tone) ในทางศลิ ปะไดม กี ารแบง วรรณะของ ทฤษฎีสี (Color Theory)
สจี ากวงสธี รรมชาติออกเปน ๒ วรรณะ คือ วรรณะสีอนุ เขียวเหลอื ง เหลอื ง สม เหลอื ง
(Warm Tone) และวรรณะสีเยน็ (Cool Tone)
วงส3ธี รรมชาติ
วรรณะสีอุน่ น�้าเ ิงนเ ีขยว
แบง วงสธี รรมชาติซกี ทางขวามือ เ ีขยว
ซ่งึ มสี เี หลือง (ครึ่งหน่ึง) สสี ม เหลอื ง
สีสม สสี มแดง สแี ดง สีมว งแดง และ แดง
สมี วง (ครึง่ หนงึ่ ) จะเปนสที ่อี ยูใน สม แดง
สม
วรรณะสีอนุ
วรรณะสเี ยน็ น้า� เงนิ
แบง วงสีธรรมชาติซกี ทางซา ยมอื คือ วงกลมสี ซึ่งจัดระบบสีในแสงสรี ุง
ซง่ึ มีสีเหลือง (ครึง่ หนงึ่ ) สีเขยี วเหลอื ง ทเ่ี รยี งกนั อยูในธรรมชาติ เม่ือนํามาจัดวาง
สีเขียว สีน้ําเงินเขยี ว สนี า้ํ เงนิ เรียงกนั เปนวงกลม จะไดสี ๑๒ สี
สมี ว งน้าํ เงนิ และสีมว ง (คร่ึงหนึ่ง) เรียกวา วงสีธรรมชาติ
จะอยใู นวรรณะสีเย็น ทง้ั น้ี เพอ่ื ชว ย สกี ลาง ทาํ ใหเ กดิ
ดงั นน้ั สมี ว งและสเี หลอื งจงึ เปนสีที่อยู ความเขา ใจ และสะดวก
ในวรรณะกลางๆ กลาวคอื ถา ไปอยู ในการเลือกสสี ําหรับนาํ ไปใชใน
รวมในกลุมของสีอุนกจ็ ะอุนดวย ถา อยู กิจกรรมตา งๆ ทางศลิ ปะ เชน
ในกลมุ สเี ย็นกจ็ ะเย็นดวย ซงึ่ ในการวัด การเขียนภาพ การระบายสี
อณุ หภูมิของแถบสที เ่ี กิดจากการหกั เห การออกแบบตกแตง เปน ตน
ของแสง ปรากฏวาทางดา นทีเ่ ปนสแี ดง
จะมอี ุณหภูมสิ ูงกวา ดานท่ีเปนสีน้าํ เงิน ม่วงน�้าเงนิ มว่ ง มว่ งแดง
สคี ตู่ รงขา ม (Complementary
Color) เปนสที ีอ่ ยูตรงขา มกนั ของ
สีธรรมชาติ เปนคูสีกัน คือ สีคูที่
ตัดกันหรือตางจากกันมากที่สุด
บางคร้ังก็เรียกวา สีตรงขาม หรือ
สีตัดกัน (Contrast) ซึ่งมีทั้งหมด
๖ คูส ี ดังน้ี
2๐ กจิ กรรมสรา งเสรมิ
นกั เรียนควรรู ใหน ักเรยี นหาตัวอยา งวงกลมสคี นละ 1 ชน้ิ จะมขี นาดและรปู แบบ
อยางไรก็ได ปดลงบนกระดาษขาว พรอ มเขียนอธบิ ายประโยชน
1 สีที่เกิดข้ึนเองในธรรมชาติ เปนสีทไี่ ดจ ากสว นตางๆ ของพืช เชน ดอก ใบ ของวงกลมสี แลว นําสงครผู ูสอน
ผล หรือไดจากหนิ ที่มีแรธาตสุ ีตางๆ เปนตน
2 สที ีม่ นษุ ยส รางขึน้ หมายถงึ สีทางเคมที ใี่ ชกนั อยใู นปจ จบุ นั เชน สีโปสเตอร กิจกรรมทา ทาย
สนี ํ้ามัน สอี ะคริลกิ เปน ตน
ใหน กั เรียนสรา งสรรคผ ลงานจิตรกรรมโดยใชส ีทไ่ี ดจ ากธรรมชาติ เชน
มมุ IT สีจากดอกอญั ชัน กระเจยี๊ บแดง ฟก ทอง ขมิ้น เขมา ดิน ถานไม เปน ตน
แลวเขยี นอธิบายขอดีและขอ เสยี ของการใชสีทไี่ ดจากธรรมชาตแิ ละ
นักเรยี นสามารถศกึ ษาความรูเบอื้ งตนเกี่ยวกบั สี ไดท่ี http://www.prc.ac.th/ สีสงั เคราะหในงานทัศนศลิ ป โดยทําลงกระดาษ 100 ปอนด สง ครผู สู อน
newart/webart/colour01.html
20 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain
Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ลกั ษณะและคณุ สมบัตขิ องสี สามารถจาํ แนกไดเ ปน ๓ ประเภท ดงั นี้ ใหน กั เรยี นศกึ ษาเกย่ี วกับลักษณะและ
คณุ สมบัตขิ องสีและระบบของสี จากนั้นใหน ักเรยี น
๑. สีเขม (Shade) ไดแก สีท่ีผสมกับสีดํา ปฏิบตั ิ ดงั น้ี
หรือสีท่ีเขมกวาสีแท เพ่ือเพ่ิมน้ําหนักของสี 1. ใหนกั เรียนทดลองผสมแมสีขน้ั ที่ 2 ตาม
ใหเ ขม ขน้ึ ตวั อยางในบทเรียน หรือสรางสรรคภ าพ
จติ รกรรมทใี่ ชเฉพาะสีขนั้ ที่ 2
๒. สีแท (Hue) ไดแก สีท่ีมีความเขม ซึ่งเปน
2. ใหน ักเรยี นทดลองผสมแมสขี ้ันท่ี 3 ตาม
คุณสมบัติแทๆ โดยตัวของมันเอง ไมถูกผสม ตัวอยางในบทเรียน หรือสรางสรรคภ าพ
ดว ยสีขาว หรอื สดี ํา จติ รกรรมท่ใี ชเฉพาะสขี ัน้ ท่ี 3
๓. สีอ่อน (Tint) ไดแก สีที่ผสมกับสีขาว
เพื่อลดความเขม ทําใหน้ําหนักของสีออนลง
กวาสีแท
ระบบของสี สามารถแบง ออกเปน ๓ กลุม ดังน้ี สขี นั้ ที่ ๒ (Secondary Color) +=
สขี ัน้ ที่ ๑ (Primary Color)
สีท่ีเกิดจากการผสมกันของ
สีท่ีมเี นื้อสแี ทอยูในตัว สขี นั้ ท่ี ๑ แตล ะสใี นอตั ราสว นท่ี
ซ่งึ มี ๓ สี ไดแก สีแดง สเี หลอื ง และ เทากัน ทําใหเกดิ สีผสมเพ่ิมข้นึ
มาอกี ๓ สี ไดแก สสี ม สีเขยี ว
1สีน้ําเงิน ซ่งึ ไมสามารถจะนาํ สอี ืน่ ๆ และสีมวง
มาผสม เพือ่ ทาํ ใหเ กดิ สที งั้ สามขนึ้ ได
บางครงั้ กเ็ รยี กสีขัน้ ท่ี ๑ นี้วา “แมส ”ี
+=
+=
สีข้ันที่ ๓ (Tertiary Color) เปนสีที่เกิดจากการผสมกนั ของสีขนั้ ที่ ๑ กับสขี นั้ ที่ ๒ ในอัตราสว นทเ่ี ทา กนั ทาํ ใหเกิดสผี สมเพ่มิ ขน้ึ มาอกี ๖ สี
21
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นกั เรียนควรรู
ตามระบบทฤษฎสี ีสากล ขอใดตอไปนค้ี ือความหมายของคาํ วา HUE 1 แมสี มีอยู 2 ชนิด คือ
1. สีแทท ผ่ี สมดว ยสีขาว 1. แมสีของแสง เกิดจากการหกั เหของแสงผา นแทงแกวปริซึม มี 3 สี คือ
2. สีแทท่ีผสมดว ยสีกลาง สแี ดง สเี ขียว และสนี า้ํ เงนิ อยูใ นรปู ของแสงรังสี ซึง่ เปนพลงั งาน
3. สแี ทที่ยงั ไมไ ดผสมดว ยสอี น่ื ชนดิ เดยี วทมี่ สี ี คณุ สมบตั ิของแสงสามารถนาํ มาใชใ นการถายภาพ
4. สีแททผี่ สมดวยสดี าํ การจดั แสงสีในการแสดงตางๆ เปน ตน
2. แมสวี ัตถธุ าตุ เปน สที ไี่ ดม าจากธรรมชาติ และจากการสังเคราะห
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. ตามระบบทฤษฎสี ีสากล HUE คอื สแี ท โดยกระบวนทางเคมี มี 3 สี คือ สแี ดง สเี หลือง และสนี ํ้าเงนิ
แมส ีวตั ถุธาตุเปน แมสีทีน่ าํ มาใชงานกันอยางกวางขวาง ในวงการศิลปะ
หมายถึง สีทีม่ คี วามเขม ซึง่ เปน คุณสมบัติแทๆ โดยตวั ของมนั เอง ไมถูกผสม วงการอตุ สาหกรรม แมสวี ตั ถุธาตุ เมือ่ นํามาผสมกันตามหลกั เกณฑ
ดว ยสขี าวหรือสดี ํา จะทาํ ใหเ กดิ วงจรสี ซ่ึงเปนวงสธี รรมชาติ เกดิ จากการผสมกนั ของ
แมสีวัตถธุ าตุ เปนสีหลักที่ใชง านกันทัว่ ไป
ค่มู ือครู 21
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Explain
Engage Explore
อธบิ ายความรู้ Explain
ครูสมุ ตวั อยา งนกั เรยี น 2-3 คน ใหออกมา จิตวทิ ยาการใชส้ ี (Psychology of Color) นกั วทิ ยาศาสตร์พบว่าสมี ีอทิ ธิพลต่อจิตใจและอารมณข์ อง
อธบิ ายเกีย่ วกบั สคี ตู รงขามและวรรณะสี
หนาชัน้ เรียน จากน้ันใหส รุปสาระสําคัญลงสมุด มนษุ ยเ์ ปน็ อยา่ งมาก ซงึ่ ในการออกแบบสรา้ งสรรคส์ งิ่ ตา่ งๆ เพอ่ื ใหผ้ ลงานมคี ณุ คา่ ตามวตั ถปุ ระสงค ์ ผอู้ อกแบบจา� เปน็
บันทกึ ครูคอยเสรมิ เพ่มิ เตมิ ขอ มูล ครูถามนักเรยี น ที่จะต้องเขา้ ใจในเรอ่ื งของสีเป็นอยา่ งด ี จงึ สามารถน�าไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ได้อย่างแท้จรงิ
วา การพจิ ารณาเลอื กใชส้ ีในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป ์ เราจะตอ้ งพจิ ารณาถงึ สภาพสโี ดยรวม (Tonality)
ของงานด้วย กล่าวคือเม่ือพิจารณาภาพรวมของผลงานแล้ว สภาพสีโดยรวมหรือโทนสีจะออกมาในลักษณะใด
• สีมีอทิ ธพิ ลตอ การออกแบบอยางไร สภาพสีโดยรวมนี้จะช่วยท�าให้เกิดความงาม ช่วยให้งานสร้างสรรค์มีความกลมกลืนอย่างสวยงามและเป็นเอกภาพ
(แนวตอบ สมี ีอทิ ธิพลตอการออกแบบ ดงั นี้ เช่น การเขยี นภาพทิวทศั นท์ ่ีในภาพประกอบด้วยทอ้ งฟา ภเู ขา ต้นไม้ ดอกไม ้ พน้ื ดนิ พ้นื หญ้า ซงึ่ เม่อื มองดูแลว้
1. สรา งความรูส ึก สีใหค วามรูสกึ ตอ ผพู บเห็น ปรากฏสีส่วนรวมเป็นสเี ขยี ว สีน้า� เงิน ใหค้ วามรูส้ กึ กลมกลืนเป็นเอกภาพ เปน็ ตน้
แตกตางกันไป ท้งั น้ีข้นึ อยูก ับประสบการณ
และภมู ิหลังของแตล ะคน สีบางสสี ามารถ เกร็ดศลิ ป สีกับอารมณค วามรู้สกึ
รักษาบาํ บัดโรคจติ บางชนดิ ได การใชส ี
ภายใน หรือภายนอกอาคาร จะมผี ลตอ สีแตล่ ะสีลว้ นมอี ทิ ธพิ ลตอ่ อารมณค์ วามรู้สึกของมนุษย ์ ดงั นัน้ จึงมกี ารนา� สมี า
การสมั ผัสและสรา งบรรยากาศได ใชเ้ พอ่ื สรา้ งบรรยากาศ ความรสู้ กึ ของผชู้ มใหม้ อี ารมณอ์ ยา่ งทศี่ ลิ ปนิ หรอื ผอู้ อกแบบ
2. สรา งความนาสนใจ สีมอี ทิ ธพิ ลตองาน ตอ้ งการ ซง่ึ แต่ละสีใหค้ วามร้สู กึ แตกต่างกัน ดังน้ี
ศลิ ปะดานการออกแบบ เพราะจะชวย
สรางความประทับใจและความนาสนใจ เหลอื ง สวา่ ง สดใส รา่ เรงิ ศรัทธา มง่ั คงั่
เปนอนั ดบั แรกท่ีพบเห็น
3. สบี อกสญั ลักษณของวัตถุ ซ่งึ เกิดจาก แดง ร้อนแรง ตื่นเต้น เร้าใจ อนั ตราย
ประสบการณห รือภูมิหลงั เชน สแี ดง
สญั ลกั ษณข องไฟ หรอื อนั ตราย สเี ขียว น้า� เงนิ หนกั แนน่ เยือกเยน็ สงบ
สญั ลักษณแทนพชื หรือความปลอดภยั
เปนตน เขยี ว สดชน่ื เจริญเตบิ โต ปลอดภัย
4. สีชว ยใหเ กิดการรบั รแู ละจดจํา งานศลิ ปะ
ดา นการออกแบบตองการใหผ พู บเหน็ เกดิ ชมพอู ่อน น่มุ นวล อ่อนโยน
การจดจาํ ในรูปแบบและผลงาน หรือเกดิ
ความประทบั ใจ ดังนนั้ การใชสจี ะตอง ม่วง เยอื กเย็น มีเสน่ห ์ ลกึ ลับ เศร้าโศก
สะดดุ ตาและมเี อกภาพ)
น�้าตาล อบอนุ่ แห้งแล้ง
ดา� เศรา้ โศก หวาดกลวั เหงา
ขาว สะอาด เรียบร้อย บรสิ ุทธ์ ิ กวา้ ง
เทา ใจเย็น สงา่ ฉลาด สุขมุ
กิจกรรม ศลิ ปป์ ฏบิ ตั ิ ๒.๑
กจิ กรรมที่ ๑ ให้นกั เรยี นหาภาพวาด หรือภาพถ่าย เช่น ภาพทิวทัศน ์ ภาพสถานที่ ภาพคน ภาพสตั ว์เล้ียง
เปน็ ตน้ มาคนละ ๒ ภาพ จากนน้ั ใหส้ งั เกตและบรรยายถงึ ความแตกตา่ ง หรอื ความคลา้ ยคลงึ
กนั ของทัศนธาตทุ ่มี ีอยู่ในภาพดงั กลา่ ว
กจิ กรรมท่ี ๒ ให้นักเรียนแต่ละคนถ่ายภาพสถานที่ ๑ ภาพ ท่ีมีการน�าสีมาใช้เพ่ือช่วยสร้างบรรยากาศ
และอารมณ์ความรู้สึก โดยให้ระบุช่ือของสถานท่ี แนวคิดในการออกแบบเก่ียวกับสี และ
ความรสู้ ึกของนักเรยี นว่ามีความรู้สึกต่อสถานทน่ี ้นั อย่างทม่ี กี ารวางแนวคดิ ไวห้ รือไม่
22
เบศูรณรากษารฐกิจพอเพียง กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ทัศนธาตุ เปนองคประกอบพ้ืนฐานและมีความสําคัญสําหรับงานทัศนศิลป ใหนกั เรยี นสรุปสาระสาํ คญั ของสีทมี่ อี ิทธพิ ลตอ จิตใจและอารมณของ
อันประกอบไปดวยจุด เสน รูปรา ง รปู ทรง นํา้ หนกั ออ น - แก พ้ืนท่ีวา ง พื้นผวิ และสี มนุษย พรอมท้ังยกตวั อยา งสีท่ีนักเรียนชื่นชอบมากทสี่ ดุ มา 1 สี และบอก
ซงึ่ การนาํ ทศั นธาตเุ หลา นมี้ าจดั รวมกนั ใหเ กดิ สวยงามนน้ั ผสู รา งสรรคจ ะตอ งมคี วามรู เหตุผลที่ชน่ื ชอบสดี งั กลาวมาพอสังเขป โดยทาํ ลงกระดาษรายงาน
เรื่องการจัดองคประกอบศลิ ปดว ย เพ่อื เปน การฝก ทักษะของนักเรยี น ครูใหนักเรยี น สงครูผูสอน
สรางสรรคผลงานจากวัสดเุ หลอื ใชท ส่ี ามารถพบไดในทองถ่ิน 1 ชิ้น พรอ มท้ังตกแตง
ชิ้นงานใหส วยงาม จากสง่ิ ท่หี าไดในครัวเรือนเพอ่ื ความประหยดั ของนักเรยี น โดยใช กิจกรรมทาทาย
ความรูเร่ืององคประกอบของทัศนธาตุ พรอมทั้งต้ังช่ือผลงาน และออกมานําเสนอ
ผลงานใหเ พ่อื นชมหนาชัน้ เรยี น ใหน กั เรียนสรางสรรคภาพจิตรกรรมทีใ่ ชเ ฉพาะสีวรรณะอุนและ
สรา งสรรคภ าพจิตรกรรมทีใ่ ชเฉพาะสวี รรณะเย็น มาอยา งละ 1 ภาพ
โดยทาํ ลงกระดาษ 100 ปอนด สง ครผู สู อน
22 ค่มู อื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ó. ·Ñȹ¸ÒµØ¡Ñº¡Òè´Ñ ͧ¤»ÃСͺÈÅÔ »Š ครูสมุ ตัวอยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหออกมา
อธิบายเก่ียวกับจติ วิทยาการใชส ี หนาช้ันเรยี น ครู
องคประกอบศิลป์ เป็นวิชาหรือทฤษฎีที่เก่ียวกับการสร้างรูปทรงในงาน การจัดองค์ประกอบศิลป์เป็น คอยเสริมเพม่ิ เติมขอมูล จากนั้นใหน ักเรยี นรวมกนั
การน�าเอาทศั นธาต ุ ไดแ้ ก่ จดุ เส้น รูปรา่ ง รปู ทรง น�้าหนักอ่อน-แก่ พ้ืนท่วี ่าง พน้ื ผิว และสี มาจัดวางสรา้ งรูปแบบ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการนําความรูเ รอ่ื งสไี ป
ตา่ งๆ อยา่ งลงตวั เหมาะสม กลมกลืน งดงาม มีชีวิตชวี า ถูกตอ้ งตามหลกั เกณฑ์ของการจัดองค์ประกอบศิลป์ ปรบั ใชใ หเ ปน ประโยชนใ นชวี ิตประจาํ วนั ได
การจัดองค์ประกอบศิลป์นั้น ถือว่าเป็นทฤษฎีเบ้ืองต้นของการสร้างสรรค์งานศิลปะ เพราะเป็นแนวทาง อยางเหมาะสม
ที่ศิลปินใช้เป็นหลักในการสร้างสรรค์งานและพิจารณาคุณค่าของงานศิลปะ หลักในการจัดองค์ประกอบศิลป์จะต้อง
ค�านึงถงึ หลักเกณฑเ์ บอ้ื งต้นในการจัดวาง ดังนี้ ขยายความเขา้ ใจ E×pand
๓.๑ เอกภาพ (Unity) 1. ใหน กั เรียนสรปุ สาระสาํ คญั ของทัศนธาตุ ลง
กระดาษรายงาน สง ครูผูสอน
เอกภาพ หมายถึง ความเป็นหน่วย หรือเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน มีความกลมกลืนเข้ากันได้ เอกภาพ
ในทางศลิ ปะ คือ การจัดภาพใหเ้ กิดความสัมพันธ์อยู่ในกลุม่ เดยี วกัน ไมก่ ระจดั กระจาย หรอื ก่อใหเ้ กิดความสับสน 2. ใหนกั เรยี นสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ป
มีความสัมพันธ์เช่ือมโยงกัน แม้จะมีส่วนแตกแยกไปบ้างก็เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น แต่ดูผลรวมแล้วไม่เป็น โดยนาํ ความรเู รอื่ งทัศนธาตุเขา มาใชเปน
ลกั ษณะแบ่งแยก สง่ิ ทค่ี วรค�านงึ คือ ใหม้ เี พียงหนว่ ยเดียวเท่าน้ัน จึงจะเกดิ เอกภาพการจดั อย่างถกู ต้อง องคป ระกอบในการสรางสรรคผ ลงาน พรอม
ตั้งชอื่ ผลงานและบรรยายถงึ ทัศนธาตทุ ่นี าํ มา
ใชใ นการสรา งสรรคผ ลงานของนกั เรียน
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ครูพจิ ารณาจากการสรุปสาระสําคญั เกย่ี วกับ
ทัศนธาตุของนักเรยี น
2. ครูพจิ ารณาจากผลงานทัศนศิลปและ
การบรรยายถงึ ทัศนธาตุที่นาํ มาใชใน
การสรา งสรรคผลงานของนกั เรยี น
“พลังแหงสีเหลือง” ผลงานของ สมโภชน์ สิงห์ทอง ภาพน้ีแสดงถึงความเป็นเอกภาพ โดยการใช้สีเหลืองเป็นจุดเด่น เพ่ือสื่อถึงความรักและ
ความเป็นอันหน่ึงอนั เดียวกันที่ประชาชนมตี ่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช
23
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
สที ีม่ ีความบางเบามักจะระบายระยะใด ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมวา สีมอี ยทู ุกแหงในการดําเนนิ ชีวิต สีชวยใหเรารสู ึก
1. ระยะตื้น มีชวี ิตชวี า กอใหเ กิดอารมณส ง ผลตอพฤตกิ รรมและความรูส ึกทีม่ ีตอ ตนเองและผอู นื่
2. ระยะใกล สมี อี ทิ ธิพลตอความคิด ทัศนคติ ท้ังในหว งจติ สาํ นกึ และจิตใตสํานึก การใชส ี
3. ระยะไกล อยา งมีประสทิ ธิภาพจงึ ตองเขาใจถึงผลกระทบทางจิตวทิ ยาที่วา สีสามารถเขามา
4. ระยะใดกไ็ ด เปน สวนหนงึ่ ในชวี ิตเราในดา นจิตใจ การตัดสนิ ใจ ไมว า เราจะเลือกเครอ่ื งแตงกาย
เครอ่ื งประดับ และการจดั สภาพแวดลอม
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ในทางทศั นศิลปการระบายสมี ีหลกั การท่ี
มมุ IT
สําคัญประการหน่งึ คอื สบี อกระยะใกล-ไกล คือ สเี ขม บอกระยะใกล
สีออน บอกระยะไกล ซึง่ จะทําใหภ าพเกดิ ความสวยงาม เกิดความสมจริง นกั เรียนสามารถชมตัวอยา งการใชสใี นการสรางสรรคผลงานทัศนศิลป ไดจ าก
และมองเห็นเปน มิตริ ะยะใกล- ไกล http://www.youtube.com โดยคน หาจากคาํ วา สีกับอารมณ
คู่มอื ครู 23
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครใู หน ักเรียนดูภาพตัวอยางผลงานทัศนศิลปท ่ี ๓.๒ ความสมดุล (Balance)
สรางสรรคดว ยองคป ระกอบศลิ ปท เี่ นน ดา นเอกภาพ
แลวรว มแสดงความคิดเหน็ วา ผลงานดังกลา ว ความสมดลุ เป็นคุณสมบัตทิ ส่ี �าคญั อย่างหนึง่ ในการจัดภาพ ซึ่งการจัดภาพใหเ้ กดิ ความสมดลุ น้นั จะต้อง
มกี ารจัดองคป ระกอบศิลปะแบบใด (ทงั้ นี้ครู ยึดเอาจดุ ศนู ย์กลางของภาพ หรือเสน้ แบง่ กึ่งกลางภาพเปน็ หลกั ในการแบง่ เพราะปกติผลงานศิลปะจะมีส่วนทเี่ ปน็
สามารถนําตัวอยา งภาพอน่ื ๆ มาใหน ักเรยี นดู แกนกลาง หรือมศี ูนยก์ ลางท�าให้แบ่งออกได้เปน็ ด้านซ้าย ดา้ นขวา ดา้ นบน ด้านล่าง จงึ มีความจ�าเปน็ อย่างย่งิ ทจ่ี ะ
เปนตัวอยางได แตภาพที่นาํ มาควรมีความสมบรู ณ ตอ้ งใหท้ ั้ง ๒ ด้าน โดยเฉพาะดา้ นซ้ายและด้านขวามคี วามสมดลุ กนั การจดั ความสมดลุ แบง่ ออกเปน็ ๒ แบบ คอื
ดา นการจัดองคประกอบศลิ ป) ๑. ความสมดลุ กนั โดยจัดภาพใหม้ รี ูปรา่ ง รูปทรง หรือสีสันเหมอื นกนั ทงั้ ซ้ายและขวา
๒. ความสมดลุ กนั โดยจดั ภาพทม่ี รี ปู รา่ ง รปู ทรง หรอื สสี นั ดา้ นซา้ ยและขวาไมเ่ หมอื นกนั แต่ใหค้ วามรสู้ กึ
สา� รวจคน้ หา Explore ในการถว่ งน้�าหนกั ให้สมดลุ กันได้
ครูขออาสาสมัครนกั เรยี น 10 คน แบง ออกเปน “โรงเรยี นของกรุงเอเธนส” ภาพวาดสนี ้าํ มัน ผลงานของ ราฟาเอลโล ซานซโิ อ ดา อูรบ์ โี น (Raffaello Sanzio da Urbino) สมัยครสิ ตศ์ ตวรรษท ่ี ๑๖
5 กลมุ กลุมละ 3-5 คน ใหศกึ ษาคนควาขอ มลู เปน็ การจดั องคป์ ระกอบของภาพในลกั ษณะของภาพใหเ้ กดิ ความสมดุลทเ่ี หมอื นกนั ท้งั ซา้ ยและขวา
เพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับหลักในการจดั องคป ระกอบศิลป
จากแหลงการเรียนรตู า งๆ เชน หนงั สอื เรยี น ๓.๓ ความกลมกลนื และความขัดแยง้ (Harmony and Contrast)
หอ งสมดุ อนิ เทอรเน็ต เปน ตน โดยจับสลากเลอื ก
หวั ขอ ดังนี้ ความกลมกลืน หมายถึง การน�าทัศนธาตุต่างๆ ท่ีต้องการสร้างสรรค์มาจัดองค์ประกอบให้ประสาน
กลมกลืนสอดคล้องสัมพันธ์เข้ากันได้ ความกลมกลืนมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นความกลมกลืนของเส้น รูปร่าง
กลุมที่ 1 เอกภาพ รปู ทรง ลักษณะพืน้ ผิว สี นา�้ หนกั ออ่ น-แก่ และความกลมกลนื ของเน้ือหาสาระทั้งหมด
กลมุ ท่ี 2 ความสมดุล
กลมุ ท่ี 3 จังหวะและจุดสนใจ ความขดั แย้ง หมายถงึ ความผดิ แผกแตกตา่ งออกไปจากกลุม่ หรอื สว่ นรวม ในลักษณะท่ีไมเ่ หมอื นกนั
กลุมท่ี 4 ความกลมกลืนและความขัดแยง ไม่วา่ จะเปน็ รูปทรง หรอื เนอ้ื หากต็ าม
กลมุ ที่ 5 สัดสวน การจดั องค์ประกอบศลิ ป ์ บางครง้ั ความขัดแย้งกบั ความกลมกลืนก็มีความเกี่ยวข้องกัน เช่น ถา้ สว่ นมาก
หรอื ทงั้ หมดมคี วามกลมกลนื กนั อาจทา� ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ซา�้ ซาก ไมน่ า่ สนใจ ฉะนนั้ จงึ อาจออกแบบใหม้ คี วามแตกตา่ ง
หรอื ขัดแย้งกนั บ้างก็จะช่วยดึงดดู ทา� ให้ผลงานเดน่ สะดุดตา น่าสนใจ
24
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับการจดั องคประกอบศิลปว า การจดั องคประกอบศลิ ป
เปน หลกั สําคัญสาํ หรับผูส รางสรรคแ ละผูศ กึ ษางานศิลปะ เนอ่ื งจากผลงาน ถานักเรยี นตอ งการใหผลงานไมก ระจดั กระจายจะตองใชห ลกั การออกแบบ
ศิลปะใดๆ ก็ตาม ลวนมีคุณคา อยู 2 ประการ คอื ในขอใด
1. คุณคาทางดา นรปู ทรง เกดิ จากการนาํ เอาองคป ระกอบตางๆ ของศลิ ปะ 1. ความสมดลุ
อนั ไดแก เสน สี แสงและเงา รปู รา ง รูปทรง พ้นื ผิว มาจดั เขาดวยกัน 2. ความขดั แยง
เพื่อใหเกดิ ความงาม ซงึ่ แนวทางในการนําองคป ระกอบตา งๆ มาจดั 3. ความเปนเอกภาพ
รวมกันนนั้ เรียกวา “การจดั องคประกอบศิลป” (Art Composition) 4. ความสมํ่าเสมอ
2. คุณคาทางดา นเรอื่ งราว หรือสาระของผลงานท่ีศิลปนผูส รา งสรรคต อ งการ วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะความเปน เอกภาพในทางศลิ ปะ
ทจ่ี ะแสดงออกมาใหผชู มไดส ัมผัส รบั รู โดยอาศยั รูปลกั ษณะทีเ่ กดิ จาก
การจัดองคป ระกอบศลิ ปนั่นเอง ถาองคประกอบทีจ่ ัดข้นึ ไมส มั พันธก บั เน้ือหา คือ การจัดภาพใหเ กดิ ความสัมพันธอยใู นกลุมเดยี วกัน มีความสัมพนั ธ
เร่อื งราวทนี่ าํ เสนอ งานศลิ ปะน้นั ก็จะขาดคณุ คา ทางความงามไป เชอ่ื มโยงกัน ไมกระจดั กระจายหรอื กอ ใหเ กิดความสับสน แมจ ะมี
สว นแตกแยกไปบางกเ็ ปนเพียงสวนประกอบยอยเทา น้นั
24 คมู่ ือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
๓.๔ จงั หวะและจดุ สนใจ ใหแ ตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมาอธบิ ายเกี่ยวกับ
(Rhythm and Emphasis) หลกั ในการจดั องคประกอบศลิ ปท กี่ ลมุ ของตนเอง
ไดไปศกึ ษาคน ควาเพม่ิ เตมิ มา หนาช้นั เรยี น ครู
ในการจัดภาพควรจัดให้เกิดจังหวะ และ คอยเสริมเพ่ิมเตมิ ขอมลู จากนัน้ ใหนักเรยี นสรุป
สาระสําคัญลงสมดุ บันทึก สง ครผู ูส อน
จุดสนใจประกอบกันไปด้วย การจัดภาพให้มีจังหวะที่
เหมาะสมกลมกลืนสวยงามน้ันจะต้องค�านึงถึงพ้ืนที่ว่าง ขยายความเขา้ ใจ
ด้วย จังหวะจึงเป็นการจัดภาพในลักษณะของการซ�้าท่ี E×pand
เป็นระเบียบ ได้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวต่อเน่ืองของเส้น ใหน กั เรียนวาดภาพคน สตั ว ทวิ ทัศน หรือ
สิง่ ของทแี่ สดงถึงความมีเอกภาพ ความสมดลุ
นา�้ หนกั ส ี รปู รา่ ง รปู ทรง จนเกดิ เปน็ จดุ สนใจ เชน่ จงั หวะ และแสดงจุดเดนท่ีชัดเจน มาคนละ 1 ภาพ
โดยใหนกั เรียนวาดภาพลงกระดาษ 100 ปอนด
ของรปู ร่าง รูปทรงท่ีเรียงกันแบบธรรมดา จงั หวะทีเ่ รยี ง “จินตนาการจากสถาปตยกรรม ๒” ภาพวาดจิตรกรรมไทยแบบ พรอ มต้งั ชอื่ ภาพและระบายสใี หสวยงาม
เชอ่ื มโยง จังหวะของรูปรา่ ง รปู ทรงท่เี รียงสลับ เป็นตน้ ภมู ทิ ัศน์ ผลงานของ ฉลองเดช คูภานุมาต แสดงให้เหน็ ถงึ การจัดภาพ สงครผู ูส อน
ส่วนการจดั ภาพให้เกดิ จุดสนใจ หรอื จดุ เด่นของภาพน้ัน ใหเ้ กิดจุดสนใจ
หมายถงึ การจดั องคป์ ระกอบภาพเพอื่ สรา้ งความเปน็ หนว่ ยเดยี วทเี่ ดน่ และนา่ สนใจ ซง่ึ จะตอ้ ง
มกี ารเนน้ จดุ เดน่ หรอื จดุ สนใจใหเ้ หน็ ชดั เจนกวา่ สว่ นยอ่ ยทเี่ ปน็ จดุ รองลงไป โดยคา� นงึ
ถึงขนาดท่ีใหญ่กว่า รวมท้ังความเข้มของสีท่ีเมื่อมองดูภาพแล้วจะ1ท�าให้สะอาดตา ตรวจสอบผล
ทั้งนตี้ า� แหน่งของจดุ สนใจ หรอื จดุ เด่นควรอยู่บรเิ วณศนู ยก์ ลางของภาพ Evaluate
๓.๕ สัดสว่ น (Proportion) 1. ครูพิจารณาจากการสรปุ สาระสําคัญของหลัก
ในการจดั องคประกอบศิลปข องนักเรียน
สัดส่วน หมายถึง การน�าเอา
2. ครูพจิ ารณาจากผลงานภาพวาดของนักเรียน
ส่วนประกอบต่างๆ มาจดั ให้ไดส้ ดั สว่ น ที่แสดงถงึ ความมีเอกภาพ ความสมดลุ
และแสดงจุดเดน ที่ชัดเจน
ทเ่ี หมาะสม ซง่ึ แสดงความสมั พนั ธก์ นั
ของจา� นวน ความกวา้ ง ยาว ลกึ นา้� หนกั
ขนาดของรปู ทรงต่างๆ
สัดส่วนนับเป็นหลักส�าคัญของ
การจัดภาพ ท�าให้ชิ้นงานนั้นมีความสมบูรณ์และ
สัมพันธ์กลมกลืนกันอย่างงดงาม เช่น สัดส่วน
ของมนษุ ยก์ บั ทอี่ ยอู่ าศยั เครอื่ งใชส้ อยและเสอื้ ผา้
สัดส่วนในทางศิลปะเป็นเรื่องของความรู้สึกทาง
สุนทรียภาพ การสมสัดส่วนนี้หมายรวมไปถึง
ความสมั พันธก์ ันอยา่ งเหมาะสมกลมกลืนของ
สี แสง เงา และทศั นธาตอุ น่ื ๆ ดว้ ย
“ม้าเจ้าเสนห” ผลงานของ ญาณพล วิเชียรเขตต์ ประติมากรรม
ร่วมสมัยแบบลอยตวั แสดงลักษณะความกลมกลืนของสดั ส่วน
2๕
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู
ความกลมกลืนจะชวยใหผลงานดแู ลวมคี วามรสู ึกเปน อยางไร ครอู ธิบายเสรมิ เกีย่ วกบั การกําหนดสัดสว นวา นอกจากจะตอ งคํานงึ ถึงสัดสวน
1. เปนอันหนึ่งอนั เดยี วกัน ความถูกตอ งในผลงานแลวยงั ตองพจิ ารณาถงึ ความเหมาะสมกับสภาพแวดลอ ม
2. เกิดความขดั แยงกนั ในผลงาน ที่อยูรอบๆ ผลงานดว ย ตวั อยา งเชน การจัดทํารูปปน ขนาดเล็กไปตง้ั ไวก ลางสวน
3. เกดิ การกระตนุ และเรา ความรสู กึ ที่มพี ืน้ ท่ีกวาง รปู ปน จะกลืนหายไปกบั สภาพแวดลอ ม ไมโ ดดเดน สะดดุ ตา ทาํ ให
4. สรา งความแตกตางจากผลงานอน่ื ผลงานไมน า สนใจ
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ความกลมกลนื ชว ยใหก ารจดั องคป ระกอบศลิ ป นกั เรยี นควรรู
เกิดการประสานกลมกลืนสอดคลอ งสัมพันธเ ขากนั ไดจ นกลายเปน 1 จดุ เดน ควรอยูบรเิ วณศนู ยกลางของภาพ ในท่ีน้ีเปนหลกั พืน้ ฐานของ
อนั หน่งึ อันเดียวกนั ซึง่ ความกลมกลืนมที ้งั ความกลมกลนื ของทศั นธาตุ การจัดจุดสนใจของภาพใหอยูในตําแหนงท่ีสะดุดตาหรอื เหน็ ชัดเจนกวาสว นอ่นื
และความกลมกลืนของเน้อื หาสาระท้ังหมด มิไดแปลวาจะตอ งอยตู รงจุดกง่ึ กลางของภาพ แตหมายถึงใหอยูแ นวกลางของภาพ
ซึ่งอาจอยแู นวกลางที่เย้ืองไปทางซา ยหรือขวาเลก็ นอยก็ได
คู่มือครู 25
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูพานักเรียนออกไปดูธรรมชาตแิ ละ ô. ·ÈÑ ¹¸ÒµãØ ¹ÊèÔ§áÇ´ÅÍŒ Á
สิง่ แวดลอ มภายในโรงเรยี น เชน สนามของโรงเรยี น
หอประชุมของโรงเรยี น สวนหยอ มภายในโรงเรียน สิง่ แวดลอ้ มที่อยรู่ อบๆ ตวั เรา จา� แนกได้เป็น
เปนตน จากนั้นครถู ามนกั เรยี นวา
สง่ิ แวดลอ้ มทางธรรมชาต ิ เปน็ ปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ขนึ้ เอง
• สิง่ ใดเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ
และสิ่งใดทม่ี นษุ ยส รา งข้ึน มมี า ดา� รงอย ู่ และเปลย่ี นแปลงไปตามกาลเวลา ซงึ่ ลกั ษณะ
• ทัศนธาตุทีป่ รากฏอยูในธรรมชาติ การเกิดจะเป็นเช่นน้ันตลอดไป ไม่มีการจัดระเบียบท่ี
และสงิ่ แวดลอมที่นกั เรียนเห็นมอี ะไรบาง
แน่นอน แตม่ ีความงามท่ีมนษุ ย์ไม่สามารถจะสร้างสรรค์
ครูอธิบายใหนักเรยี นเขาใจวา ธรรมชาตแิ ละ
ส่งิ แวดลอมตางมที ศั นธาตปุ รากฏอยดู วยกนั ท้งั สน้ิ ใหท้ ัดเทียมได ้ เชน่ ดอกไม้บานกลางหบุ เขา ดวงอาทติ ย์
แตอ าจปรากฏอยูในลกั ษณะทีแ่ ตกตา งกนั ออกไป
เชน ถนนท่ีมองเหน็ เปน เสน ตรง สขี องอาคาร ค่อยๆ ตกกลางมหาสมุทร ปุยเมฆสีขาวลอยเคลื่อนตัว
สถานท่ี เปนตน
อยบู่ นท้องฟา ทุ่งหญา้ เขยี วขจ ี เป็นตน้
นอกจากน้ี ยังมีสิ่งแวดล้อมท่ีมนุษย์สร้างขึ้น
ท่ีมกี ารจัดระเบียบ มกี ารก�าหนดไวก้ ่อน ลักษณะการเกิด
จะแปรเปลี่ยนไปตามความคิดของผู้สร้าง เช่น น้�าพุอยู่
สา� รวจคน้ หา กลางสวนสาธารณะ สวนดอกไมห้ ลากส ี สะพานขา้ มแมน่ า้�
Explore หอคอยสงู กลางเมอื ง อาคารบ้านเรือน เป็นตน้
ใหนกั เรียนแบง เปน 4 กลุม ศกึ ษาคน ควา แต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมลักษณะใด ถ้าเรา
เพิ่มเตมิ เกี่ยวกับทัศนธาตทุ ่ปี รากฏในผลงาน
ทศั นศิลป จากแหลงการเรยี นรูตา งๆ เชน มองอย่างพิจารณาจะพบว่าส่ิงแวดล้อมท้ังหมดท่ีเห็นน้ัน
หนังสอื เรยี น หองสมดุ อินเทอรเ น็ต เปนตน พรอ ม
ยกตัวอยางประกอบใหชดั เจน โดยแบง ตามหัวขอ ตา่ งลว้ นม ี “ทศั นธาต”ุ ปรากฏอยดู่ ว้ ยกนั ทง้ั สนิ้ ในลกั ษณะ
ทีค่ รูกาํ หนด ดังน้ี
ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ความขรุขระของผิวเปลือก
กลมุ ท่ี 1 ทศั นธาตุที่ปรากฏในผลงาน
จติ รกรรม ต้นไม้ ดวงดาวท่ีเห็นเป็นจุดบนท้องฟา ถนนท่ีมองเห็น 1
เป็นเส้นตรงสุดสายตา ทรงกลมของดวงอาทิตย ์ อาคาร
กลุมท่ี 2 ทัศนธาตทุ ปี่ รากฏในผลงาน ทรงสเ่ี หลี่ยม สขี องยานพาหนะบนทอ้ งถนน เปน็ ตน้ หอไอเฟล กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นการนําทัศนธาตุมา
ประตมิ ากรรม สรา้ งสรรค์เป็นผลงาน สรา้ งความโดดเด่นและชว่ ยเสริมสงิ่ แวดลอ้ ม
กลมุ ท่ี 3 ทัศนธาตทุ ่ปี รากฏในผลงาน ซ่ึงมนุษย์ได้เรียนรู้ว่า ถ้าน�าเอาทัศนธาตุแต่ละอย่างท่ีพบเห็นน้ัน มาจัดวางให้เป็นระบบตามหลักการ
ภาพพิมพ
จัดองค์ประกอบศลิ ปแ์ ลว้ กส็ ามารถจะสร้างสรรค์เป็นผลงานทัศนศิลปท์ ม่ี คี วามงดงามขึ้นมาได ้ ซงึ่ มนษุ ย์ไดน้ �าเอา
กลุมท่ี 4 ทศั นธาตุทปี่ รากฏในผลงานสอ่ื ผสม
ทัศนธาตุมาจดั สรา้ งเป็นผลงานทศั นศลิ ป์ในแตล่ ะด้าน ดังนี้
๔.๑ ผลงานจิตรกรรม (Painting)
ผลงานจิตรกรรม หมายถึง ผลงานการวาดภาพระบายสี หรือการแสดงออก ถ่ายทอดผลงานด้วยสี
ผา่ นวัสด ุ และวิธีการตา่ งๆ ไดแ้ ก ่ การระบาย การปา ย การผา่ น และการซอ้ นทบั ดังนัน้ ทัศนธาตใุ นผลงานจิตรกรรม
ท่ีเหน็ ไดเ้ ดน่ ชดั จะเปน็ เรอ่ื งของสี วธิ ีการใช้สีใหเ้ กดิ ความหมาย คุณคา่ และความสวยงาม ถอื ไดว้ า่ เปน็ ปจั จยั สา� คญั
ตอ่ การสรา้ งสรรคผ์ ลงานจติ รกรรม
2๖ ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
เกรด็ แนะครู
งานจิตรกรรมไทยนิยมสรางสรรคไ วท่ีบริเวณใด
ครใู หน ักเรยี นดูสง่ิ แวดลอมรอบๆ หอ งเรยี น แลว ใหนกั เรยี นชวยกันบอกวา 1. บา นเรือนทัว่ ไป
มีทัศนธาตุอะไรบา ง จากน้ันครอู ธิบายสรุปวา ทัศนธาตุในสงิ่ แวดลอ มเปน 2. สง่ิ กอสรางทรงสูง
แรงบนั ดาลใจใหม นุษยนาํ มาใชส รา งสรรคเ ปนผลงานศลิ ปะประเภทตางๆ 3. ฝาผนังในพระอุโบสถ
4. กําแพงพระนคร
นกั เรียนควรรู
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. จิตรกรรมไทย เปนงานศลิ ปะสาขาหนึ่ง
1 หอไอเฟล (Eiffel Tower) เปน สถาปตยกรรมทไี่ ดร ับการยกยอ งวา
เปน สถาปต ยกรรมท่มี คี วามแปลกใหมและทนั สมยั มีความงดงาม ท่ีมคี วามงดงามอยา งยิง่ แสดงถงึ เอกลักษณทางวัฒนธรรมของชาติ
และเปนสถาปต ยกรรมทเ่ี ตม็ ไปดว ยความคดิ สรางสรรค หอไอเฟลเปนหอคอย โดยทัว่ ไปแลวการเขยี นภาพจติ รกรรมไทย นยิ มเขียนบนผนงั อาคารทาง
ทีส่ รางขนึ้ จากโครงเหลก็ ตงั้ อยูบนชองป เดอ มารส บริเวณแมน ้าํ แซน กรงุ ปารีส พุทธศาสนา เชน โบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ หอพระไตรปฎก ผนังกรุ
ประเทศฝร่ังเศส หอไอเฟลถือเปน สัญลกั ษณของประเทศฝรัง่ เศสที่เปน ท่รี ูจกั พระปรางคหรือเจดีย จึงมกี ารเรียกจติ รกรรมเหลา นี้วา “จิตรกรรมฝาผนัง”
ไปทวั่ โลก มจี ุดมุงหมายเพือ่ ประดบั ตกแตง พ้นื ผนังใหสวยงามถวายเปนพุทธบชู า
โดยนยิ มนาํ เรอ่ื งราวในพระพุทธศาสนามาถายทอดเปน ภาพ เชน
26 คู่มอื ครู พุทธประวตั ิ ชาดก ปรศิ นาธรรม เปนตน
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain
Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ E×plain
ศิลปินคนส�าคัญระดับโลก เช่น ฟินเซนต์ ใหแ ตละกลมุ สงตัวแทนออกมานาํ เสนอ
ฟาน กอ็ ก (Vincent van Gogh) ชอรช์ ปแิ ยร ์ เซอราต ์ เกยี่ วกบั ทัศนธาตใุ นงานทศั นศลิ ปท ี่ไดไปศกึ ษา
(Georges Pierre Seurat) ไดใ้ ช้สีเพ่ือการแสดงออกถงึ คนควาเพ่ิมเติมมา หนา ช้ันเรียน จากนน้ั ให
ความหมายและอารมณค์ วามรสู้ กึ สว่ นตวั ไดอ้ ยา่ งนา่ สนใจ แตล ะกลมุ นําผลงานดงั กลาวไปจดั ปายนเิ ทศ
มรี ูปลักษณ์ไม่ซา�้ แบบใคร เปน็ ตน้
โดยฟานก็อกใช้สีสดใสด้วยสีแท้ไม่มีการผสม
ปา ยลงบนผนื ผา้ ใบอยา่ งหนกั แนน่ รนุ แรง เกดิ เปน็ รว้ิ รอย
ในทิศทางต่างๆ กัน มีลักษณะเป็นเส้นต้ัง เส้นนอน
เส้นโค้ง เส้นคด สลับซับซ้อนกันไปมา ซ่ึงช่วยให้
ภาพเขยี นของฟานกอ็ ก มกี ารเลอื กใช้ทัศนธาตุ ๒ แบบ ผลงานภาพเขียนของฟานก็อก แสดงออกถึงฝแปรงและการปายสีที่
ด้วยกัน ได้แก่ สีและเส้น แต่เซอราต์มีการใช้สีด้วย สอื่ ถงึ อารมณไ์ ดอ้ ย่างโดดเดน่
ลกั ษณะพิเศษดว้ ยการระบายสีเป็นจดุ ทวั่ ท้งั ภาพ โดยใช้จุดสีหลายสผี สมผสานกนั เป็นภาพทีม่ ีความงดงาม
เกร็ดศลิ ป วาดภาพพน้ื ผิวต้นไม้
ในการวาดภาพสีน้�า เพ่ือถ่ายทอดลักษณะของพ้ืนผิวต้นไม้ให้ดูเสมือนจริง
หรือมีลักษณะใกล้เคียงกับธรรมชาติท่ีสามารถรับรู้และสัมผัสได้ เทคนิควิธีในการ
วาดภาพง่ายๆ ใหใ้ ช้ปลายพู่กันแต้มกบั เน้ือสหี มาดๆ ปายไปท่ภี าพไดเ้ ลย ไมต่ ้อง
ผสมน้�า ก็จะเกิดริ้วรอยเป็นผิวขรุขระไปตามทิศทางการปายของพู่กัน ดูแล้ว
เสมอื นผวิ ของตน้ ไม ้ แตท่ ง้ั นจี้ า� เปน็ ตอ้ งปา ยดว้ ยความมน่ั ใจ ซงึ่ การจะทา� ใหไ้ ดด้ นี น้ั
จา� เป็นต้องหมน่ั ฝก ฝนอยเู่ สมอ
๔.๒ ผลงานประติมากรรม (Sculpture) 1
ผลงานประติมากรรม หมายถงึ ผลงานการปัน การหล่อ การแกะสลกั ให้
เกิดเป็นรูปร่าง รูปทรงในรูปลักษณะต่างๆ และมีรูปแบบเฉพาะตามเทคนิควิธีการ
สร้างสรรค์โดยผา่ นวัตถ ุ ไดแ้ ก่ หิน ไม ้ โลหะ ดนิ แกว้ และวัสดสุ ังเคราะหต์ ่างๆ
ทัศนธาตุส�าหรับผลงานประติมากรรมจะปรากฏผ่านรูปร่าง (Shape) และรูปทรง
(Form) มลี กั ษณะเปน็ ภาพแบบ ๓ มติ ิ คอื มคี วามกวา้ ง ความยาว ความหนา หรอื ลกึ
เปน็ คณุ สมบตั สิ า� คญั ตา่ งไปจากผลงานจติ รกรรมทมี่ ลี กั ษณะภาพเปน็ ๒ มติ เิ ทา่ นน้ั
นอกจากจะใชท้ ัศนธาตทุ เี่ ปน็ รูปรา่ ง รปู ทรงเปน็ หลักส�าคญั แล้ว ยงั มี
การใช้พ้ืนผิว พื้นที่ว่าง และเส้น เพื่อให้ผลงานทัศนศิลป์
มคี วามสมบรู ณ ์ เหน็ แลว้ ไมเ่ รยี บงา่ ย มคี วามนา่ ด ู แปลกตา “รปู แบบของปริมาตร” ประตมิ ากรรมลอยตวั ผลงานของ
มากข้ึนดว้ ย นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน
2๗
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู
ขัน้ ตอนสําคัญของการสรา งสรรคผลงานประตมิ ากรรมคือขอ ใด ครอู าจใหน ักเรียนดูคลิปวดิ โี อ หรือไปชมเทคนคิ การหลอ จากแหลง เรยี นรูจริง
1. จดั ทําแมพ มิ พท ่ที นทาน ในทองถน่ิ เพ่ือใหน ักเรียนเขาใจถงึ กรรมวธิ ใี นการสรา งสรรคผลงานประติมากรรม
2. ปน รปู ผลงานตน แบบ
3. หาวัสดทุ ี่หลอมเหลวไดดี นกั เรียนควรรู
4. นําปนู ปลาสเตอรม าแกะสลกั
1 การหลอ โดยทว่ั ไปจะหมายถงึ การทําแมพ มิ พ แลวนาํ โลหะทีห่ ลอมละลาย
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ข้ันตอนสําคญั ทด่ี าํ เนนิ การตอ เนอื่ งจาก เทลงในแมพ ิมพใหเ ปน รปู และลวดลายตามแมพ มิ พน้ัน สว นงานหลอ ท่ีเปน งาน
ของชา งในจาํ พวกชา งสิบหมขู องไทย ก็จะหมายถงึ การสรา งงานประติมากรรม
การออกแบบผลงาน ก็คอื การลงมอื สรา งสรรคผ ลงานตน แบบ โดยใช หรือรูปปฎมิ ากรรมข้ึนมาดว ยวธิ กี ารหลอมโลหะใหล ะลายเปน ของเหลว แลวเท
ดินเหนียวหรือวสั ดทุ ่เี หมาะสม นํามาปน รูปผลงานตน แบบ ซ่ึงเม่ือไดผลงาน กรอกเขาไปในแมพิมพท่ไี ดจ ดั ทาํ ข้ึน บงั คับใหโลหะเหลวขงั อยูในน้นั เม่อื โลหะ
ตนแบบที่พงึ พอใจแลว ก็จะไดนาํ ไปจดั ทาํ เปนแมพิมพ แลวหลอ ออกมา คลายความรอน และคืนตัวแขง็ ดงั เดมิ ก็จะเปนรปู ทรงตามแมพ ิมพ พอแกะ
เปน ผลงานประติมากรรมตอไป หรอื ทําลายแมพ ิมพออกหมดจะไดรูปโลหะหลอ ตามรปู ตน แบบ
คู่มอื ครู 27
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
ครนู าํ ตวั อยา งภาพผลงานทศั นศลิ ปป ระเภทตา งๆ ๔.๓ ผลงานภาพพิมพ (Printmaking) ผลงานภาพพิมพ หมายถึง ผลงานการพิมพ์
ทง้ั ผลงานจิตรกรรม ผลงานประตมิ ากรรม ผลงาน
ภาพพมิ พ และผลงานสื่อผสม ของศิลปนไทย มา ภาพด้วยเทคนิควิธีการต่างๆ ได้แก่ การพิมพ์ไม ้
ใหน กั เรียนดู แลว ใหนักเรียนรวมกันอภปิ รายถงึ
ทัศนธาตทุ ่ีปรากฏในผลงานและวัสดทุ ศ่ี ิลปน การพิมพ์โลหะ การพิมพ์ตะแกรงไหมหรือซิลก์สกรีน
นาํ มาใชใ นการสรา งสรรคผ ลงานดงั กลาว เชน
ภาพจติ รกรรม “กระทงิ ” ของอาจารยถวัลย ดชั นี และการพมิ พ์หิน โดยผลงานภาพพมิ พ์มกี ารน�าทัศนธาตุ
ภาพถา ยผลงานประตมิ ากรรม “ขลยุ ทิพย” ของ
อาจารยเ ขียน ย้มิ ศิริ เปน ตน มาใชเ้ ปน็ องคป์ ระกอบของภาพเชน่ กนั เชน่ ภาพพมิ พ์ไม้
จะใช้เครื่องมือแกะสลักชนิดต่างๆ สร้างภาพ สร้างเส้น
หลายแบบ หลายขนาด ไปตามทิศทางต่างๆ บนพนื้ ไม้
เป็นต้นแบบ จากน้ันจึงน�าต้นแบบมาทาด้วยสีพิมพ์
ตรวจสอบผล Evaluate ลงบนกระดาษขาว เม่ือผลงานส�าเร็จจะแสดงให้เห็นถึง
ครูพจิ ารณาจากผลงานการนาํ เสนอเกีย่ วกับ ภาพพิมพ์บนกระดาษ ผลงานของ ประหยดั พงษ์ดาํ คุณลักษณะของเส้นท่ีเกิดข้ึนจากเคร่ืองมือแกะสลักได้
ทัศนธาตุในงานทัศนศลิ ปของนักเรยี น
1 อย่างงดงามน่าสนใจ เป็นต้น
ภาพพิมพ์ตะแกรงไหม หรือซิลก์สกรีน มีการน�าทัศนธาตุมาใช้หลายลักษณะ ได้แก่ รูปร่าง รูปทรง
พน้ื ผิว สี น้�าหนกั แสงเงา เพอ่ื ใหผ้ ลงานมคี วามสมบูรณ์ไปตามแนวความคิดของศิลปนิ โดยเฉพาะวิธีการพมิ พ์ภาพ
ดว้ ยวธิ ีการพิมพ์แบบซอ้ นทับลงไปบนผลงานหลายๆ ครั้ง ท�าใหเ้ กดิ ภาพท่ีมีนา้� หนักอ่อน-แกข่ องคา่ สีใหม่ หรือเกดิ
รปู ร่างแปลกตาไปจากรูปรา่ งเดมิ หรอื เส้นทซ่ี ้อนทับเหลอื่ มกันท่นี า่ ชม
๔.๔ ผลงานเทคนิคผสมและสอ่ื ผสม (Mixed Media)
ผลงานเทคนิคผสมและสื่อผสม หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่เกิดขึ้นจากการใช้เทคนิคในการวาดภาพ
เขยี นภาพ ดว้ ยเทคนคิ วิธหี ลายลกั ษณะผสมผสานกนั เพอ่ื สร้างสรรคเ์ ปน็
ผลงานออกมา เชน่ เทคนคิ การวาดสนี า�้ มนั ผสมกบั เทคนคิ การพมิ พ์
เทคนิคการปะติดด้วยวัสดุหลายชนิด เป็นต้น ผลงานจึงมี
ลักษณะแปลกตา น่าสนใจ และมีทัศนธาตุเกิดขึ้นจากการ
เลือกใช้ของศิลปิน ไดแ้ ก ่ รูปรา่ ง รปู ทรง พื้นผิว และสี
สว่ นงานสอ่ื ผสม มกี ารใชว้ สั ด ุ หรอื กรรมวธิ ตี า่ งๆ
เข้าไปผสมด้วยอย่างมาก จนบางคร้ังไม่อาจเรียกเป็น
งานอย่างใดอย่างหน่ึงโดยเฉพาะได้ เช่น ทัศนศิลป์ท่ี
ผสมผสานระหวา่ งผลงานประตมิ ากรรม ลลี าการเคลอ่ื นไหว
และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เมื่อพิจารณาการใช้ทัศนธาตุของ
ผลงานส่ือผสมจึงมีคุณลักษณะพิเศษท่ีแตกต่างไปจากงาน
ทศั นศลิ ป์ประเภทอ่นื ๆ
“Water No. ๑/๒๐๐๗” เทคนคิ ผสมบนไมอ้ ดั ผลงานของ เดชา วราชนุ
2๘
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 ภาพพมิ พตะแกรงไหมหรือซิลกส กรนี เปนเทคนิคการพมิ พลายฉลุวธิ ีหนงึ่
ซงึ่ สามารถนาํ ไปสรางผลงานทางทศั นศลิ ปใ หม คี วามสวยงาม หรือนาํ ไปพมิ พล งบน ลักษณะเดน ของงานสือ่ ผสมสอดคลอ งกับขอใด
วสั ดุอื่นๆ เพอื่ ใชประโยชน เชน เส้ือผา เครอื่ งหนงั เปน ตน 1. สรางข้ึนโดยศิลปนท่ีมชี อื่ เสยี ง
2. นาํ วัสดุราคาถกู มาสรางงานศิลป
มมุ IT 3. มีการใชเทคโนโลยสี มยั ใหมใ นการสรา งงาน
4. ใชเทคนคิ และวสั ดหุ ลากหลายชนดิ มาผสมผสานกัน
นักเรียนสามารถศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เก่ียวกบั หลักการจัดองคประกอบศลิ ป ไดท ี่
http://www.ssru.ac.th/linkssru/Subject_New/Subject_Art_Life/unit7-3.swf วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. งานสอื่ ผสมเปน ผลงานทศั นศิลปท ่ีเกิดขนึ้
จากการนําเทคนิควธิ ีการทห่ี ลากหลายมาผสมผสานกัน เพื่อสรางสรรค
เปนผลงานออกมา ซ่ึงผลงานที่ออกมานน้ั ก็จะมคี วามแปลกตาและนาสนใจ
แตกตางไปจากงานทัศนศิลปป ระเภทอ่ืนๆ
28 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
õ. ¤ÇÒÁᵡµÒ‹ §áÅФÇÒÁ¤ÅÒŒ ¤ŧึ ¢Í§·Ñȹ¸ÒµãØ ¹§Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Š ครูใหนักเรยี นดภู าพอาทิตยกาํ ลงั ลับขอบฟาใน
áÅÐʧÔè áÇ´ÅŒÍÁ หนงั สอื เรยี น หนา 29 จากน้นั ครถู ามนกั เรยี นวา
ทศั นธาตตุ ามทอี่ ธบิ ายมาแลว้ เราจะเหน็ วา่ ไมว่ า่ จะเปน็ สง่ิ แวดลอ้ ม หรอื ผลงานทศั นศลิ ป ์ ลว้ นมที ศั นธาตุ • ภาพซา ยและภาพขวาแตกตา งกนั อยางไร
ปรากฏอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทัศนธาตุในส่ิงแวดล้อมจะมีความแตกต่างจากทัศนธาตุในผลงานทัศนศิลป์ท่ีมนุษย์ (แนวตอบ ภาพซายเปนภาพถา ยจาก
สร้างขึน้ ธรรมชาติทพ่ี บเหน็ ยามเมอื่ ดวงอาทิตยก ําลงั
ส่วนความคล้ายคลึงกันระหว่างทัศนธาตุในสิ่งแวดล้อมกับทัศนธาตุในผลงานทัศนศิลป์ที่มนุษย์สร้างขึ้น จะลับขอบฟา สว นภาพขวาเปนภาพที่ศิลปน
ไดแ้ ก ่ รปู ลักษณะของเส้น สี รปู รา่ ง และรูปทรง บางอยา่ งจะมรี ูปแบบคลา้ ยกันโดยบังเอญิ พร้อมกบั มคี วามงาม นําแรงบันดาลใจในการสรางสรรคผ ลงานมา
จากธรรมชาติ)
ความแปลกตา นา่ ท่ึง ความน่าสนใจด้วยต1วั เองของทัศนธาตทุ ั้ง ๒ แบบ
• นกั เรยี นชอบภาพใดมากกวา กนั เพราะเหตใุ ด
การเปรียบเทยี บทัศนธาตใุ นงานทัศนศิลปและสิ่งแวดลอ ม (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอิสระ)
ทศั นธาตใุ นสิง่ แวดลอม สา� รวจคน้ หา Explore
๑. เกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ ใหนกั เรียนศึกษาคนควา เกี่ยวกบั ความ
๒. รปู ลกั ษณะทปี่ รากฏจะเปน ไปอยา งอสิ ระ ไมอ าจ แตกตางและความคลายคลงึ ของทศั นธาตใุ นงาน
ทศั นศลิ ปและสิง่ แวดลอม จากแหลง การเรยี นรู
ควบคุมใหมีลกั ษณะเฉพาะเจาะจงได ตา งๆ เชน หนงั สอื เรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต
๓. รปู ลกั ษณะทเี่ กดิ เปน มาอยา งไรกเ็ ปน ไปอยา งนนั้ เปนตน
๔. รปู ลกั ษณะและความงามมปี รากฏอยเู ฉพาะบาง
อธบิ ายความรู้ Explain
พนื้ ท่ี บางเวลาเปน ไปตามเงอ่ื นไขของธรรมชาติ
ครูสมุ ตัวอยางนักเรยี นใหอ อกมาอธบิ าย
ทัศนธาตใุ นงานทศั นศลิ ป ความแตกตา งและความคลายคลึงของทศั นธาตุ
ในงานทศั นศลิ ปและสงิ่ แวดลอ ม หนา ชั้นเรยี น
๑. เกิดมาจากการสรางสรรคข องศิลปนิ จากนั้นใหนักเรียนสรุปสาระสาํ คัญ ลงสมุดบันทึก
๒. รูปลักษณะท่ีปรากฏจะเปนไปตามจินตนาการ
ของศิลปิน มีการควบคุมใหเปน ไปตามแนวคดิ
๓. รูปลกั ษณะที่เกิดมีการพัฒนาเปน รปู ใหมๆ
แปลกๆ ไดอยา งตอ เนื่อง ตามความคิดและ
จินตนาการของศลิ ปนิ
๔. รูปลกั ษณะและความงามมปี รากฏไดท ุกเวลา
ทุกสถานที่ เปนไปตามความคิดสรางสรรค
อยา งอสิ ระ
ดังน้ัน เราจะเห็นได้ว่าส่ิงแวดล้อมตามธรรมชาติ หรือส่ิงแวดล้อมท่ีมนุษย์สร้างขึ้น ล้วนมีทัศนธาตุ
แต่ละอย่างปรากฏอยู่ แต่ทัศนธาตุในสิ่งแวดล้อมเราไม่สามารถควบคุมได้ เกิดขึ้นและเป็นไปเองตามธรรมชาติ
ซึ่งศิลปินได้น�าเอาทัศนธาตุตามที่สายตาพบเห็นและมีความรู้สึกท่ีเป็นความงามน�ามาถ่ายทอดเป็นผลงานทางด้าน
ทศั นศิลป ์ ซงึ่ อาจจะมที ั้งแบบเหมอื นจรงิ และไม่เหมอื นจริง แต่ดแู ลว้ สามารถเกิดความเข้าใจได้ โดยใช้วธิ ีการต่างๆ
ทางศลิ ปะในการส่อื ออกมาเปน็ ผลงาน
29
บรู ณาการเช่อื มสาระ เกรด็ แนะครู
การศึกษาเก่ียวกับทศั นธาตใุ นงานทศั นศลิ ปส ามารถบรู ณาการกับ ครอู ธิบายเพม่ิ เติมเก่ียวกบั ทัศนธาตใุ นงานทศั นศิลปและส่งิ แวดลอ มวา
การเรยี นการสอนของกลุมสาระการเรียนรกู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี มสี ว นสมั พันธกนั อยางแยกกนั ไมออก เพราะมธี รรมชาติและส่ิงแวดลอม มนุษยเ รา
เรอ่ื งการเลือกใชวสั ดอุ ปุ กรณใ นการประดิษฐของใชและของเลน เพราะ จงึ สรางสรรคงานศิลปเ ลยี นแบบธรรมชาตทิ ไี่ ดมองเห็นจนเกดิ ความซาบซึ้ง
ผูท่จี ะประดษิ ฐข องใชแ ละของเลน ไดส วยงามและมีประสิทธิภาพ ตองมี ในความงาม กอ ใหเ กิดสุนทรยี ภาพ สรางสรรคออกมาเปนงานศิลปะทีง่ ดงาม
ความรูพนื้ ฐานในดา นการนําทัศนธาตมุ าใช ไมว า จะเปนเรอื่ งรปู รางและ เพ่อื ประโยชนทางดา นจติ ใจและประโยชนใชส อย
รปู ทรง พืน้ ผวิ หรือแมก ระทง่ั เรอื่ งสี ซงึ่ มคี วามสาํ คญั อยา งมากตอ
การประดิษฐข องใชแ ละของเลน ใหม สี ีสนั สะดุดตา สวยงาม และจดจาํ ได
นักเรยี นควรรู
1 การเปรียบเทยี บ จะชวยทําใหนักเรียนเกดิ ความเขา ใจไดงายข้นึ ถึง
ความแตกตางระหวางทศั นธาตใุ นสิ่งแวดลอมกับทัศนธาตุในงานทัศนศิลป
เน่อื งจากผลงานท้งั 2 รูปแบบ ตางกม็ ที ัศนธาตปุ รากฏอยูดว ยกนั ทั้งนน้ั
ค่มู ือครู 29
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
จากการศึกษาเกยี่ วกับความแตกตา งและ กจิ กรรม ศิลป์ปฏิบัติ ๒.๒
ความคลายคลงึ ของทศั นธาตใุ นงานทัศนศลิ ปแ ละ
สงิ่ แวดลอม ครใู หน กั เรียนหาภาพทวิ ทัศน กจิ กรรมที่ ๑ ให้นักเรยี นสังเกตส่ิงแวดลอ้ มรอบโรงเรียน แลว้ ให้บอกว่าบริเวณนน้ั มีทัศนธาตอุ ะไรบ้าง เช่น
ภาพสถานที่ หรือภาพสัตวเลยี้ ง ทีเ่ ปน ท้งั ภาพวาด พื้นผวิ ของทางเดนิ รปู รา่ งประต ู เป็นตน้ โดยให้รา่ งภาพ หรือสเกตชภ์ าพประกอบด้วย
และภาพถาย มาอยางละ 1 ภาพ ตดิ ภาพลง
กระดาษรายงาน จากนน้ั ใหน กั เรยี นเขียนบรรยาย กิจกรรมที่ ๒ ให้เลือกทศั นธาตุ ๓ อย่าง มาออกแบบเป็นผลงานทัศนศิลป ์ จา� นวน ๑ ผลงาน โดยให้ตั้งชอ่ื
ถึงความแตกตา งและความคลา ยคลึงกนั ของงาน ผลงาน พร้อมเขียนบรรยายดว้ ยว่ามที ศั นธาตอุ ะไรบ้าง
ทัศนศิลปส งิ่ แวดลอม โดยใชความรูเรอ่ื งทัศนธาตุ
สงครผู ูส อน กจิ กรรมที่ ๓ จงตอบค�าถามต่อไปน้ี
๓.๑ ทัศนธาตมุ ีความส�าคญั อย่างไรตอ่ การสร้างสรรค์ผลงานทศั นศลิ ป์
ตรวจสอบผล Evaluate ๓.๒ ส มี ีอทิ ธพิ ลตอ่ จิตใจของมนุษย์อยา่ งไร เพราะเหตุใดในการออกแบบผลงานทศั นศลิ ป์
ครูพจิ ารณาจากการบรรยายความแตกตางและ ผอู้ อกแบบจึงจ�าเป็นต้องให้ความสา� คัญกบั การใช้สี
ความคลา ยคลงึ ของงานทศั นศลิ ปแ ละสงิ่ แวดลอ ม ๓.๓ ท ัศนธาตใุ นงานทศั นศิลปแ์ ละทศั นธาตใุ นสิง่ แวดล้อม มีความเหมอื นและความ
โดยใชค วามรูเรอ่ื งทัศนธาตุของนกั เรยี น
แตกต่างกันอยา่ งไร
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู
สรุป การออกแบบสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะให้มีความสมบูรณ์สวยงาม ผู้สร้างสรรค์จะต้อง
1. การสรปุ สาระสาํ คญั เก่ยี วกับทัศนธาตุ
2. ผลงานทัศนศลิ ปแ ละการบรรยายเกี่ยวกบั รู้จักเลือกสรรเอาส่วนประกอบต่างๆ ท่ีเป็นทัศนธาตุ ได้แก่ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง พ้ืนท่ีว่าง
นำ้าหนักอ่อน-แก่ พ้นื ผวิ และสี นาำ มารวมเข้าด้วยกัน โดยอาศัยพนื้ ฐานทางดา้ นการจดั องค์ประกอบศิลป์
ทัศนธาตุท่ีนาํ มาใชใ นผลงาน เป็นแนวทางในการจดั วางให้มคี วามเปน็ เอกภาพ มคี วามสมดุล
3. การสรปุ สาระสาํ คญั ของหลกั การจดั
ซ่ึงทัศนธาตุน้ัน จะมีปรากฏอยู่ในส่ิงแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา ทั้งนี้ การจะนำาทัศนธาตุมาสร้างสรรค์
องคประกอบศิลป ผลงานให้มีคุณภาพ มีความงดงามได้มากน้อยเพียงใดน้ัน ข้ึนอยู่กับประสบการณ์ของผู้สร้างสรรค์
4. ผลงานภาพวาดทแี่ สดงถงึ ความมีเอกภาพ โดยเฉพาะการได้มีโอกาสชม หรอื ศกึ ษาผลงานของศิลปนิ ต่างๆ ท่ไี ดร้ ับการยกยอ่ ง เพือ่ ดเู ปน็ แบบอยา่ ง
และการเป็นคนช่างสังเกตสิ่งแวดล้อม ที่สำาคัญเหนืออื่นใดต้องหมั่นฝึกฝนสร้างทักษะความชำานาญ
ความสมดุล และแสดงจดุ เดนท่ีชัดเจน ดว้ ยการลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ อยเู่ ปน็ ประจาำ จนเกดิ ความเชยี่ วชาญชาำ นาญ กจ็ ะเปน็ พนื้ ฐานในการสรา้ งสรรค์
5. ผลงานการนาํ เสนอเก่ยี วกับทศั นธาตุ ผลงานได้เปน็ อยา่ งดี
ในงานทศั นศลิ ป
6. การบรรยายความแตกตา งและความคลายคลึง
ของงานทศั นศลิ ปและสิง่ แวดลอ ม โดยใชค วามรู
เร่ืองทศั นธาตุ
3๐
แนวตอบ กจิ กรรมศิลป์ปฏบิ ัติ 2.2 กจิ กรรมที่ 3
1. การสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปใ หมีความสมบรู ณ สวยงาม ผสู รา งสรรคจ ําเปนตอ งมคี วามรู ความเขา ใจอยางถอ งแทเ ก่ยี วกับทศั นธาตุ อันประกอบดวย จดุ เสน รูปราง
และรปู ทรง นํ้าหนักออน-แกข องสแี ละแสงเงา พนื้ ทีว่ าง พ้ืนผวิ และสี หากวา ผูสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ปนําทัศนธาตมุ าจัดวางตามหลักของการจดั องคป ระกอบศลิ ป
ก็จะทําใหผ ลงานทัศนศลิ ปท ีอ่ อกมานั้น มีความสวยงาม นา ประทบั ใจผูชม
2. สี เปน องคป ระกอบสําคญั อยา งหน่ึงของงานศิลปะ และเปน องคป ระกอบทมี่ ีอิทธพิ ลตอความรสู กึ อารมณ และจติ ใจ ไดม ากกวา องคป ระกอบอนื่ ๆ ในชีวติ ของมนษุ ยม ี
ความเกี่ยวของสัมพนั ธก ับสตี า งๆ อยา งแยกไมอ อก โดยท่ีสีจะใหป ระโยชนในดานตางๆ เชน ใชใ นการจาํ แนกส่งิ ตา งๆ เพื่อใหเหน็ ชัดเจน ใชในการส่ือความหมาย เปน
สัญลกั ษณ หรือใชบ อกเลา เรอื่ งราว ใชใ นการสรางสรรคงานศิลปะ เพอื่ ใหเกดิ ความสวยงาม สรา งบรรยากาศสมจรงิ และนาสนใจ เปน ตน นอกจากน้ี สยี งั มอี ทิ ธิพล
อยา งมากตอ การออกแบบ เพราะสีชว ยใหเ กิดการรับรแู ละจดจํา งานศลิ ปะดา นการออกแบบตอ งการใหผูพบเห็นเกิดการจดจาํ ในรปู แบบและผลงาน หรอื เกิดความ
ประทับใจ การใชสจี ะตองสะดุดตาและมีเอกภาพ
3. ทัศนธาตใุ นงานทัศนศลิ ปแ ละส่ิงแวดลอมมีความคลา ยคลงึ กัน เพราะตา งประกอบดวยจดุ เสน รูปรางและรูปทรง นาํ้ หนกั ออ น-แกของสีและแสงเงา พนื้ ที่วาง พืน้ ผวิ
และสี แตแ ตกตางกนั ที่ทัศนธาตใุ นสง่ิ แวดลอ มจะเปน สิง่ ท่ีเกดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ ลกั ษณะที่ปรากฏจะเปนไปอยางอสิ ระ แตท ศั นธาตใุ นงานทัศนศิลปจ ะเกิดขึ้นจาก
การสรา งสรรคของมนษุ ย รูปลักษณะจะเปนไปตามจินตนาการของศิลปน หรอื เกิดจากการที่มนษุ ยเ ปนผูออกแบบ
30 ค่มู ือครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
ระบุและบรรยายหลักการออกแบบทัศนศิลป
โดยเนน ความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน
ความสมดลุ
สมรรถนะของผเู รยี น
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค
1. มีวินยั
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมั่นในการทํางาน
๓หน่วยที่ กระตนุ้ ความสนใจ Engage
การออกแบบงานทศั นศิลป์ ครนู าํ ตวั อยา งใบไมห รอื ดอกไมท ม่ี สี สี นั สวยงาม
การออกแบบเปน็ สว่ นสาำ คญั อนั ดบั แรกในการสรา้ งสรรค์ มลี ักษณะรูปรา งแตกตา งกนั มาใหนกั เรียนดู
ตัวชว้ี ัด ครูถามนักเรยี นวา
ศ ๑.๑ ม.๑/๒ งานทศั นศลิ ป์ ซงึ่ การออกแบบไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลง
ต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการอยากรู้ อยากเห็น • ใบไมและดอกไมเ หลา นสี้ ามารถออกแบบ
■ ระบ ุ และบรรยายหลักการออกแบบทศั นศลิ ป ์ โดยเนน้ อยากแสวงหาความรู้ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ของมนุษย์ และสรางสรรคเปนผลงานทศั นศลิ ปได
ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลนื ความสมดลุ โดยเฉพาะในปัจจุบันท่ีมีความหลากหลายและมีการใช้เทคนิค อยา งไร
ทที่ นั สมยั ตา่ งๆ เขา้ มาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งมากมาย เชน่ การออกแบบ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอ ยา งอสิ ระ
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง งานทัศนศิลป์โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ครอู ธิบายเสรมิ วา ใบไมแ ละดอกไมท ม่ี ี
ก่อนที่เราจะลงมือออกแบบงานทัศนศิลป์ ผู้เรียนจำาเป็นจะต้อง รปู รา งลกั ษณะและลวดลายทเี่ ปนเอกลกั ษณ
■ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน ความสมดุล เรียนรู้หลักการออกแบบงานทัศนศิลป์ โดยเน้นในเรื่องของ มีสีสันและขนาดแตกตา งกัน สามารถนาํ มา
ความเปน็ เอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดลุ เพอ่ื จะไดอ้ อกแบบ ใชเปนแมพ มิ พเ พื่อพิมพเปนภาพบนพืน้ ผิว
งานทศั นศิลปไ์ ดอ้ ย่างงดงามตามท่ีเรามงุ่ หวงั ไว้ ของวัสดุตางๆ ใหสวยงามตามความคดิ
สรางสรรคของศลิ ปนได โดยเรียกผลงาน
31 ทัศนศลิ ปประเภทน้ีวา “ภาพพมิ พ” )
เกรด็ แนะครู
การเรียนการสอนในหนว ยการเรยี นรูน ้ี ครคู วรใหน ักเรียนทําโครงงานทน่ี าํ
หลักการออกแบบไปประยกุ ตใ ชใ นชวี ิตประจําวัน เชน การนาํ ความรูเรอื่ งหลักการ
ออกแบบไปใชในการจัดหอ งตา งๆ ภายในบา นหรอื ที่พักอาศัย การนาํ ความรู
เรอื่ งหลักการออกแบบไปใชใ นการจัดสวนขนาดเล็ก การจดั โตะ อาหาร
การประดษิ ฐของตกแตง บาน เปน ตน เพือ่ ใหน กั เรียนตระหนกั และเหน็ ความสาํ คญั
ของการออกแบบผลงานทัศนศลิ ป
คมู่ ือครู 31
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหน กั เรยี นชวยกันยกตวั อยางของใช ñ. ¤ÇÒÁËÁÒÂáÅФÇÒÁÊÓ¤ÞÑ ¢Í§¡ÒÃÍ͡Ẻ
ในชีวิตประจําวันท่ีนกั เรียนคิดวามกี ารออกแบบ
ไวอ ยา งสวยงามและสามารถใชป ระโยชนไดจ รงิ การออกแบบ หมายถึง การท่ีมน1ุษย์รู้จักที่จะใช้
มา 3-5 ตัวอยาง จากนนั้ ครูถามนักเรยี นวา
ความคิดริเริ่มและสติปัญญาในการสร้างสรรค์ส่ิงต่างๆ เพื่อให้
• การออกแบบทางทัศนศิลปม ีบทบาทสําคัญ
ตอ ชวี ิตประจาํ วันของนกั เรียนอยา งไร เกิดรูปแบบที่ทันสมัยและแปลกใหม่แตกต่างไปจากเดิม โดย
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยา งอสิ ระ)
สามารถน�าผลงานมาประดบั ตกแตง่ เพอ่ื ความสวยงามและน�า
มาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้
สา� รวจคน้ หา การออกแบบมคี วามหมายทแี่ ตกตา่ งกนั ในแตล่ ะสาขา
Explore อาชพี เชน่ ตามความเข้าใจของสถาปนิก หมายถึง การจดั วาง
ใหน ักเรียนศึกษาคน ควาเก่ยี วกับความหมาย แผนผงั ในการกอ่ สร้าง การร้จู ักเลอื กใช้วสั ดใุ ห้ตรงกับงาน เพือ่
และความสาํ คญั ของการออกแบบ จากแหลง
เรียนรตู า งๆ เชน หนงั สอื เรยี น หองสมุด ให้ได้รูปแบบตรงตามความต้องการ มีความสวยงาม และเกิด
อินเทอรเนต็ เปน ตน
ประโยชนม์ ากทส่ี ดุ ในทางศลิ ปะสาขาทศั นศลิ ป ์ การออกแบบ
คือ การน�าเอาทัศนธาตุหรือองค์ประกอบศิลป์ ได้แก่ เส้น
รปู รา่ ง รปู ทรง พนื้ ผวิ พน้ื ทวี่ า่ ง ส ี แสง และเงา นา� มาจดั วางใหเ้ กดิ
อธบิ ายความรู้ Explain รปู แบบตามหลกั ของการจดั องคป์ ระกอบศลิ ป ์ โดยใหม้ คี วามงาม
ครูสุม ตวั อยางนักเรียน 2-3 คน ใหอ อกมา เพอ่ื ตอบสนองทางดา้ นอารมณ์และจิตใจเป็นสา� คัญ เปน็ ต้น “เวียนวายตายเกิด” ผลงานของ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน ์
อธิบายความหมายและความสาํ คญั ของการ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบในสาขา เปน็ การนาํ เอาทศั นธาตมุ าออกแบบจดั วางไดอ้ ยา่ งงดงามลงตวั
ออกแบบ หนาช้ันเรยี น แลว ใหน กั เรยี นสรุป
สาระสําคญั ลงสมดุ บันทึก สง ครผู สู อน จากน้นั ครู อาชีพใด ก็จะต้องอาศัยหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์มาพิจารณา เพื่อเป็น
ถามนกั เรียนวา
แนวทางในการด�าเนินงานสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ให้ออกมามีคุณภาพ และ
• หลกั การออกแบบมีความคลายคลงึ กบั
หลักการจัดองคป ระกอบศลิ ปอยางไร สมบูรณ์แบบมากทส่ี ดุ
(แนวตอบ หลกั การออกแบบมคี วามคลายคลงึ
กบั หลักการจัดองคป ระกอบศลิ ป เพราะ ดังนั้น การออกแบบจึงมีความส�าคัญต่อการ
หลกั การทัง้ สองตองคํานึงถงึ ความงามควบคู
ไปกับประโยชนใชสอยเชนเดยี วกนั ) สรา้ งสรรคผ์ ลงานทกุ ชน้ิ โดยเฉพาะในสงั คมปจั จบุ นั ท่ีไดช้ อ่ื วา่
เปน็ สงั คมแหง่ การแขง่ ขนั ในทกุ ๆ ดา้ น ดว้ ยเหตนุ ผี้ ลงานตา่ งๆ
จึงมีการพัฒนารูปแบบอยู่ตลอดเวลา
ซงึ่ เราสามารถพบเหน็ ไดจ้ ากรปู แบบ
ทห่ี ลากหลายของอปุ กรณ ์ เครอ่ื งมอื
เครื่องใช้ และสิ่งของต่างๆ ใน
ชีวิตประจ�าวัน เช่น เครื่องแต่งกาย
เสอ้ื ผา้ รองเท้า เครื่องประดับ นาฬกิ า
ปากกา รถยนต์ โทรศัพท์เคล่ือนที่ เป็นต้น
การออกแบบทางทัศนศิลป์ ช่วยทําให้ส่ิงของที่มีรูปทรงต่างๆ มีความ กล็ ้วนแต่ได้รบั การออกแบบมาแลว้ ทง้ั สิ้น
งดงาม แปลกตา ชวนมองมากขนึ้
32
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 การสรางสรรค ในทางศลิ ปะหมายถงึ การนาํ เสนอสง่ิ แปลกใหมท ี่ไมเ คย
มมี ากอ น ซึง่ ในทางศลิ ปะสามารถกระทาํ โดยการนาํ วธิ ีจัดรปู แบบองคป ระกอบศิลป การนําวสั ดธุ รรมชาตมิ าออกแบบผลงานทศั นศลิ ปต องคํานงึ ถึงสง่ิ ใด
มาใชในการสรางสรรค โดยใชท ศั นธาตุ เชน เสน สี น้าํ หนัก พน้ื ผวิ รปู ราง รูปทรง เปน สาํ คญั
เปนส่ือในการถายทอด และการแสดงออกผานเทคนคิ ตา งๆ
แนวตอบ การนําวสั ดธุ รรมชาตมิ าใชอ อกแบบผลงานทัศนศิลปควรคํานึง
มมุ IT ถึงการจัดวางวสั ดใุ หไ ดค วามงามตามหลักการจัดองคป ระกอบศิลป คอื
ตองมคี วามเปน เอกภาพ มีความสมดลุ มคี วามกลมกลืน และมีการสรา ง
นักเรยี นสามารถชมตัวอยางการนําหลกั การออกแบบไปปรับใชใ นชวี ิตประจําวัน จุดเดน ของผลงานใหนา สนใจ ทง้ั นว้ี สั ดทุ น่ี ํามาใชค วรเปน วัสดทุ มี่ ี
เพิ่มเตมิ ไดที่ http://www.waengyai.ac.th/art/index.php?option=com_ ความปลอดภยั และหาไดงายภายในทอ งถน่ิ ดว ย
content&view=article&id=17&Itemid=27
32 คู่มือครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเข้าใา้ จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
เกรด็ ศลิ ป คุณสมบตั ิของผู้ทีม่ คี วามคดิ สรา้ งสรรค ครใู หนกั เรียนรวมกนั อภปิ รายเก่ียวกับหลักการ
ออกแบบเครอื่ งอปุ โภค บรโิ ภค ท่ีนกั เรยี นพบเหน็
คณุ สมบตั ขิ องผทู้ ม่ี คี วามคดิ สรา้ งสรรค์ในการออกแบบงานทศั นศลิ ปท์ ด่ี ี มดี งั นี้ ในชวี ติ ประจาํ วันวา มคี วามสวยงามอยา งไร
๑. เปน็ ผูม้ คี วามคิดริเร่มิ ชอบทา� ในสง่ิ แปลกใหมแ่ ละคน้ คว้าทดลองอยู่เสมอ และการจดั องคประกอบศิลปเ ปน อยางไร โดยให
๒. ม ีใจกวา้ งและเปน็ ผยู้ อมรับฟงั ความคดิ เหน็ ใหม่ๆ เสมอ เมือ่ มคี วามเขา้ ใจ นกั เรียนยกตวั อยางประกอบการอภปิ รายใหชดั เจน
ก็จะพยายามเลือกเก็บความคิดท่ีเห็นว่าดีและเหมาะสม น�ามาใช้ปรับปรุง ตรวจสอบผล Evaluate
ความคิดของตน
๓. เ ป็นผู้พยายามส่ังสมความรู้อยู่เสมอ หม่ันค้นคว้า สืบค้นหาความจริง ครูพิจารณาจากการสรปุ สาระสําคญั เกี่ยวกับ
ในสง่ิ ต่างๆ โดยตระหนักอยู่เสมอว่าความสามารถทางสมองน้นั ย่งิ ใชม้ าก ความหมายและความสาํ คัญของการออกแบบของ
กย็ ิ่งเจริญงอกงามมาก นกั เรยี น
๔. เปน็ ผูท้ ชี่ อบจดบันทึก จดความคิดทน่ี ึกข้ึนมาได้ทนั ท ี เพราะความคิดท่ีได้
จากหนงั สอื ตา� ราตา่ งๆ หรอื แหลง่ เรยี นร ู้ ถา้ ไมร่ บี จดบนั ทกึ กจ็ ะทา� ใหล้ มื งา่ ย
๕. เ ป็นผู้ท่ีมีความคิดละเอียดลออ รู้จักคิดวางแผนเป็นล�าดับข้ัน ไม่สับสน
และร้ขู ้นั ตอนในการปฏิบตั งิ าน
ปจั จบุ ันการออกแบบทางทัศนศิลปม์ บี ทบาทและความสําคญั อย่างมากในการผลติ ส่งิ ของเคร่ืองใชต้ ่างๆ
ò. ËÅ¡Ñ ÊÓ¤Ñޢͧ¡ÒÃÍ͡Ẻ
ในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ จะตอ้ งค�านึงถึงความสวยงามของชิน้ งาน โดยอาศยั การสังเกตจากสายตา
ใชอ้ ารมณแ์ ละความรสู้ ึกประกอบกนั ซ่ึงในการออกแบบท่ดี ี ผอู้ อกแบบจะต้องค�านงึ ถึงหลักส�าคัญของการออกแบบ
ถ้าหากผู้ออกแบบมีความพิถีพิถัน รอบคอบ และเอาใจใส่ จะท�าให้ได้ผลงานท่ีมีความสวยงาม สะท้อนความคิด
สรา้ งสรรคข์ องผ้อู อกแบบ ซงึ่ หลกั ในการออกแบบท่ีดนี ้ันจะตอ้ งค�านงึ ถึงหลักการสา� คญั ๓ ประการ ดังต่อไปน้ี
33
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู
ใหน ักเรียนยกตัวอยางการออกแบบทมี่ ีความสาํ คัญตอ ชวี ติ ประจาํ วัน ครอู ธิบายเพิม่ เติมวา ในปจ จุบันการออกแบบนอกจากจะตอ งอาศัยความคดิ
ของตนเองและครอบครัว มา 1 ตัวอยาง พรอ มเขียนอธิบายความสาํ คัญ สรางสรรคเ ปน ตัวกาํ หนดแนวทางและรปู แบบแลว ยังตองอาศัยความสามารถ
ของการออกแบบดงั กลา วทม่ี ีผลตอตนเองและครอบครวั มาพอสงั เขป ของศลิ ปน ซึ่งเปนความสามารถเฉพาะตนของศิลปน เปน ความชํานาญท่ีเกิด
โดยทําลงกระดาษรายงาน สง ครผู สู อน จากการฝกฝนและความพยายาม รวมทัง้ ยังตอ งอาศัยวัสดอุ ปุ กรณต างๆ ในการ
สรางสรรคงานออกแบบดวย โดยวสั ดอุ ปุ กรณในการสรางสรรคแบง ออกเปน วตั ถดุ ิบ
กิจกรรมทา ทาย ท่ีใชเปน ส่ือในการแสดงออก และเครือ่ งมือทใ่ี ชส รา งสรรคใหเกดิ ผลงานตาม
ความชํานาญของศิลปน แตละคน แนวทางในการสรางสรรคง านศิลปะของศิลปน
ใหน กั เรยี นออกแบบผลงานประดษิ ฐท สี่ ามารถนาํ มาใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั แตล ะคนอาจแตกตา งกนั เพราะบางคนอาจไดร บั แรงบันดาลใจจากความงาม
ไดม า 1 ช้ิน โดยใหต ง้ั ชือ่ ผลงาน แนวคิดในการออกแบบ และประโยชนใ น ความคดิ ความรูส กึ ความประทบั ใจ แลวสรา งสรรคผลงานการออกแบบออกมา
การนาํ ไปใช จากนนั้ ครรู วบรวมผลงานทอ่ี อกแบบไดด ี นาํ ไปตดิ ทป่ี า ยนเิ ทศ อยา งสวยงามและสามารถใชประโยชนไ ด แตบางคนอาจสรางสรรคงานออกแบบ
เพ่ือแสดงออกถงึ ฝม อื ของตนเอง โดยไมเ นน รปู แบบและแนวคดิ ใดๆ เลยกไ็ ด
ค่มู อื ครู 33
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหน กั เรียนดูภาพวาดทวิ ทศั น ภาพจิตรกรรม ๒.๑ ความเปน็ เอกภาพ (Unity)
หรือภาพผลงานทัศนศลิ ปอน่ื ๆ แลวใหน ักเรียน
ชว ยกันวเิ คราะหความแตกตางของภาพแตละภาพ ความเปน็ เอกภาพ หมายถึง การจัดระเบียบ
จากนน้ั ครูถามนกั เรยี นวา
ขององคป์ ระกอบศลิ ป์ (ทศั นธาตุ) เพือ่ ใหเ้ กดิ เปน็ รปู ทรง
• การออกแบบมคี วามสาํ คญั ตอการสรางสรรค
ผลงานทศั นศลิ ปอ ยา งไร ทรี่ วมกลมุ่ กนั ไมแ่ ตกแยก ในระดบั ชน้ั นจ้ี ะใหค้ วามสา� คญั
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอยางอสิ ระ)
กบั ความเปน็ เอกภาพของรปู ทรง ซง่ึ นบั วา่ เปน็ สง่ิ ทส่ี า� คญั
สา� รวจคน้ หา ท่สี ดุ เนื่อ1งจากผลงานศลิ ปะทกุ2ประเภทไมว่ า่ จะเป็นแบบ
รปู ธรรม หรือแบบนามธรรม ล้วนแสดงออกดว้ ยรปู ทรง
Explore ทมี่ คี วามเปน็ เอกภาพทง้ั สน้ิ รปู แบบงา่ ยๆ ของความเปน็ “กายบรหิ าร” ผลงานของ วันเพ็ญ ลือเกยี รตคิ าํ หล้า เปน็ เอกภาพ
ด้วยรูปคนขนาดเท่ากัน และแสดงท่าเหมือนกัน เป็นทัศนธาตุท่ี
ใหน กั เรียนแบงออกเปน 3 กลมุ ศึกษาคน ควา เอกภาพ คือ การน�าเอารปู ร่างและรปู ทรงตา่ งๆ มาท�าให้
เกย่ี วกับหลักการออกแบบ จากแหลง เรยี นรูต า งๆ เกดิ ความเปน็ เอกภาพข้ึน เชน่ รูปทรงกลมทีเ่ หมอื นกัน เกาะกลุ่มกนั
เชน หนงั สือเรยี น หองสมุด อินเทอรเนต็ เปน ตน
พรอมหาตวั อยา งประกอบ โดยแบงกลมุ ตาม รูปทรงเหลย่ี มทเ่ี หมือนกนั มารวมกลุ่มกนั เปน็ ต้น
ประเดน็ ตอ ไปน้ี
การออกแบบงานจะมปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ หากผอู้ อกแบบนา� เอารปู รา่ ง รปู ทรงทเ่ี หมอื นกนั หรอื คลา้ ยกนั
กลมุ ที่ 1 ความเปน เอกภาพ
กลุมท่ี 2 ความกลมกลนื มาจดั กลมุ่ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธอ์ ย่ใู นกลมุ่ เดยี วกนั และมคี วามเชอื่ มโยงตอ่ เนอื่ งกนั แมอ้ าจจะมบี างสว่ นทแี่ ตกแยก
กลมุ ที่ 3 ความสมดลุ
ออกไปบ้าง แต่โดยภาพรวมแลว้ ผลงานจะมีความเป็นเอกภาพ มองดแู ล้วเปน็ หน่วยเดยี วกัน เน่อื งจากใหค้ วามรู้สึก
เหมอื นถูกดึงดูดเขา้ หากนั
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการง่ายๆ ในการสร้างผลงานให้มีความเป็นเอกภาพ คือ การน�าเอารูปร่าง รูปทรง
มาสมั ผัสกัน หรอื ทบั ซ้อนกัน ซงึ่ หลักของการสัมผสั กนั หรือทับซ้อนกนั ของรูปร่าง รปู ทรงน ี้ สามารถน�ามาใช้เป็น
อธบิ ายความรู้ Explain แนวทางในการวาดภาพใหม้ อี งค์ประกอบท่เี ป็นเอกภาพได้
ใหน ักเรียนกลมุ ท่ี 1 ออกมาอธิบายเกย่ี วกับ การทบั ซ้อนกัน การสมั ผสั กนั
ความเปน เอกภาพตามหลักการออกแบบ พรอ มทงั้
ยกตวั อยา งประกอบ หนา ช้นั เรยี น โดยครคู อยเสริม 34
เพิม่ เติมความรูเ ก่ยี วกับผลงานทน่ี ํามาเปน ตัวอยาง
จากนัน้ ครูถามนักเรยี นวา ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
• ความเปนเอกภาพมีความสาํ คัญตอ
งานทัศนศลิ ปอ ยางไร
(แนวตอบ ความเปน เอกภาพนบั วา เปน สง่ิ สาํ คญั
อยา งหนง่ึ ในการสรา งสรรคผลงานทัศนศลิ ป
เพราะความเปนเอกภาพ หมายถึง การจัด
ระเบียบองคป ระกอบดา นทศั นธาตุ เพือ่ ให
เกดิ เปน รูปทรงทรี่ วมกลมุ กัน ไมแตกแยก
ถา ผลงานทศั นศิลปมคี วามกลมกลืนกนั มี
ความเปน อนั หนึง่ อนั เดียวกัน จะทําใหผ ลงาน
มีความสมบรู ณ ดูแลว เกดิ ความประทบั ใจ)
เกร็ดแนะครู
ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมเกี่ยวกบั การสรางความเปนเอกภาพในการออกแบบวา ความเปนเอกภาพ (Unity) ในงานทัศนศลิ ปคอื อะไรและมีความสําคัญ
เอกภาพในดา นรปู แบบและแนวคิด (Style & Concept) ก็เปนสิ่งท่ศี ิลปนนิยมนํา อยา งไร
มาใชในการออกแบบงาน โดยเอกภาพในดานรูปแบบและแนวคิด คอื เอกภาพของ แนวตอบ ความเปนเอกภาพ คือ ความกลมกลืนเปน อนั หนึ่งอนั เดียวกนั
สิ่งท่ีเปนนามธรรมทผ่ี สู ัมผสั งานมีความเขา ใจ เกดิ อารมณคลอ ยตามแนวคิด หรอื เปน ระเบียบ ไมแ ตกแยก ถอื เปน องคป ระกอบหน่ึงของทัศนธาตุ ความเปน
จดุ มงุ หมายท่ตี ั้งไว เอกภาพมีความสาํ คญั ที่จะทาํ ใหผลงานดูแลวสอดคลองกลมกลนื กนั ท้ังช้ิน
ไมแตกแยก ไมกอ ใหเ กิดความสับสน ชว ยทําใหผ ลงานดแู ลว นาประทบั ใจ
นักเรียนควรรู ตัวอยา งเชน ภาพวาดชายทะเล ถามีรูปเรือปรากฎอยู อยางนก้ี ็ถอื วา
มคี วามกลมกลนื เปน เอกภาพโดยรวมกบั เรอ่ื งราวในผลงาน เปน ตน
1 แบบรปู ธรรม เปน ศิลปะท่ีแสดงลักษณะของรูปราง รปู ทรงอยา งชดั เจน เชน
รปู ลกั ษณะของมนุษย สัตว และสง่ิ แวดลอมทพ่ี บเหน็ ในธรรมชาติ โดยเปน
รปู ลกั ษณท ไี่ มม ีการเปลยี่ นแปลง หรือบดิ เบอื นจากความเปน จรงิ
2 แบบนามธรรม เปน ศลิ ปะทีแ่ สดงออกทางสนุ ทรียภาพ ไมเ นน ความเปนจรงิ
ของรูปราง รูปทรงตามธรรมชาติ แตเนนท่อี ารมณความรสู ึก
34 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๒.๒ ความกลมกลนื (Harmony) ใหนักเรยี นกลมุ ที่ 2 ออกมาอธบิ ายความรู
เกย่ี วกบั ความกลมกลืนตามหลกั การออกแบบ
ความกลมกลืน หมายถึง การจัดภาพ หรือการจัดองค์ประกอบของภาพให้มีความรู้สึกสอดคล้องและ ตามทีไ่ ดศึกษามา พรอมท้ังยกตวั อยา งประกอบ
หนาชั้นเรียน โดยครคู อยเสริมเพ่มิ เตมิ ความรู
เข้ากันได้ ซ่ึงความกลมกลืนที่ปรากฏในผลงานศิลปะจะมีหลายลักษณะ โดยในท่ีน้ีจะยกตัวอย่างความกลมกลืนใน เกย่ี วกับผลงานทน่ี ักเรียนนาํ มาเปน ตวั อยาง
จากน้ันครถู ามนักเรยี นวา
งานศิลปะมาให้เห็นเพียงบางลักษณะเท่าน้นั เชน่
• ความกลมกลืนมีความสําคญั ตองาน
๑) ความกลมกลืนด้วยเส้น หมายถึง การน�าผลงานท่ีแสดงออกด้วยเส้นท่ีมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ทศั นศิลปอ ยางไร
(แนวตอบ ความกลมกลนื จะทําใหผ ลงาน
และมีขนาดท่ีใกลเ้ คียงกนั มาประกอบกันเปน็ ภาพ เพราะเสน้ ท่ีมีลกั ษณะและทศิ ทางเหมอื นกันยอ่ มกลมกลนื กัน ทศั นศิลปป ระสานเขากันไดอ ยา งสนทิ
โดยไมมีความขดั แยง ทําใหผลงาน
๒) ความกลมกลืนด้วยสี หมายถึง การเลือกใช้สีในวรรณะเดียวกัน หรือการเลือกใช้สีเพียงสีเดียว การออกแบบมีความเปน อันหนงึ่ อนั เดยี วกนั
หรอื มคี วามเปนเอกภาพ นอกจากนี้
เช่น สีน้�าตาลสีเดียว สีน�้าเงินสีเดียว โดยระบายสีให้มีน�้าหนักอ่อน-แก่ และมีแสงเงาตามลักษณะท่ีออกแบบไว้ ความกลมกลืนยังเปนตวั กลางหรอื
ตัวประสาน (Transition) ทําสง่ิ ทมี่ ี
ย่อมสรา้ งความกลมกลนื ใหเ้ กิดขึ้นได ้ เปน็ ต้น ความขดั แยงกนั หรอื สงิ่ ทมี่ ีความแตกตา งกนั
ใหสามารถมาอยรู วมกนั ได)
“คลื่นยักษนอกฝงคะนะงะวะ”(The great “เชยี ร” ผลงานของ โยธนิ ศภุ รมย์ แสดงถึง “แหบ้ังไฟ” ผลงานของ เด็กชายทิวทัศน์
wave off Kanagawa) ผลงานของ คะสชึ กิ ะ ความกลมกลืนด้านการใชส้ ี คะนะมะ แสดงถึงเน้ือหาท่ีกลมกลืนของ • ความกลมกลืนในงานทศั นศิลปมีก่ีลักษณะ
โฮะกุไซ (Katsushika Hokusai) แสดง ประชาชนทม่ี าร่วมประเพณี อธิบายพอสงั เขป
ความกลมกลนื ดว้ ยการใช้เสน้ ทด่ี ูเคลอ่ื นไหว (แนวตอบ ความกลมกลืนท่ปี รากฏในงาน
ทัศนศลิ ปมอี ยดู วยกนั หลายลกั ษณะ
๓) ความกลมกลนื ดว้ ยรปู รา่ ง รปู ทรง หมายถงึ การนา� เอารปู รา่ ง รปู ทรง ทมี่ ลี กั ษณะเหมอื นกนั หรอื แตล ักษณะทีพ่ บเห็นไดช ดั เจนคอื
ความกลมกลืนดว ยเสน ความกลมกลนื
คล้ายคลึงกัน มาจัดวางรวมกันให้เกิดความกลมกลนื นอกจากการออกแบบ ดวยสี และความกลมกลนื ดวยรูปราง
รูปทรง นอกจากนี้ ยังมคี วามกลมกลนื ดวย
ผลงานให้มีองค์ประกอบท่ีกลมกลืนกันแล้ว ยังมีวิธีการสร้างความ พื้นผวิ และความกลมกลนื ดว ยเนอ้ื หาสาระ
ในผลงานน้นั ๆ ดว ย)
กลมกลืนได้อีกหลายวิธี เช่น ความกลมกลืนด้วยลักษณะพื้นผิว
ความกลมกลนื ด้วยขนาดของรปู ร่าง และรปู ทรงท่ีเท่ากัน หรือ
ใกล้เคยี งกนั และความกลมกลืนด้วยเนอ้ื หาสาระท่สี ่อื
ในผลงานนั้น เป็นต้น
๔) ความกลมกลืนด้วยรูปแบบและ
ความคิด หมายถึง ความกลมกลืนที่เกิดขึ้นมา
จากเร่ืองราวเนอ้ื หาทีป่ รากฏในผลงาน ซึง่ มี
ความสมั พันธเ์ ปน็ อนั หนงึ่ อันเดยี วกันอยา่ ง
เดน่ ชัด รวมถงึ รปู แบบแนวคิดท่เี ป็นแบบ “ความคิดสยาม” ผลงานของ ชาติชาย ปยุ เปย แสดงลักษณะกลมกลนื ด้วยรูปรา่ ง รูปทรง
อยา่ งเฉพาะของศลิ ปิน
3๕
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู
นารีสรา งผลงานโดยนาํ ความขดั แยงมาใชใ นภาพ นักเรียนคดิ วาผลงานของ ครอู ธิบายเพมิ่ เติมเกย่ี วกับประโยชนของความกลมกลนื ทมี่ ตี อ งานออกแบบ
นารจี ะเปนอยา งไร ท่ีชว ยใหผ ลงานทศั นศิลปออกมานา สนใจ คือ การใชค วามกลมกลืนเปน ตวั กลาง
หรือตวั ประสานทาํ สง่ิ ทม่ี ีความขดั แยง กนั หรือสง่ิ ที่มคี วามแตกตางกนั ใหส ามารถ
1. ผลงานมีความนาสนใจ อยูร ว มกันได เชน สดี ํากับสีขาว เปน นา้ํ หนักท่ีตดั กันอยา งรุนแรง มคี วามขดั แยงกนั
2. ผลงานจะเกดิ ความแปลกใหม อยา งส้ินเชิง หากใชน้าํ หนกั เบา หรือน้ําหนักออ น-แกร ะหวา งสขี าวกับสดี าํ มาเปน
3. ชวยใหอ งคประกอบของผลงานมีความกลมกลืน ตัวประสาน กจ็ ะทาํ ใหส ีดําและสขี าวมคี วามกลมกลืนกัน โดยครูอาจเสรมิ ความรู
4. ผลงานสามารถกระตุนอารมณค วามรสู ึกของผชู มไดนอ ย เกย่ี วกบั ความกลมกลนื ดวยการใหน ักเรียนศกึ ษาความกลมกลนื ทปี่ รากฏ
ในงานออกแบบท่แี สดงออกถงึ ความกลมกลืนอยา งเดน ชดั เชน ภาพวาดลายเสน
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. การออกแบบผลงานทศั นศิลป บางครั้ง หรอื ภาพระบายสี สือ่ สิง่ พิมพป ระเภทตางๆ เปนตน
ความขดั แยง กับความกลมกลนื กม็ ีความเก่ียวของกัน เพราะถาสว นมาก
มีความกลมกลืนมากเกนิ ไป อาจทาํ ใหผูช มเกดิ ความรสู ึกซา้ํ ซาก ไมนา สนใจ
ดงั นั้น การออกแบบโดยการนําความขัดแยง มาใชในภาพกจ็ ะชว ยทําให
ผลงานเดนสะดุดตา นาสนใจมากยิ่งข้ึน
คู่มือครู 35
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหน ักเรยี นกลมุ ท่ี 3 ออกมาอธบิ ายเก่ยี วกับ ๒.๓ ความสมดลุ (Balance)
ความสมดลุ ตามหลักการออกแบบทไ่ี ดศกึ ษามา
พรอ มทัง้ ยกตวั อยา งประกอบ หนาชน้ั เรียน โดยครู ความสมดุล หมายถึง ความเท่ากนั ความเสมอกัน มนี �า้ หนกั และแรงถว่ งทสี่ มา่� เสมอเทา่ กัน การจัดภาพ
คอยเสริมเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกับผลงานท่นี กั เรียนนํามา
เปน ตัวอยาง จากนั้นครูถามนกั เรียนวา หรือผลงานศิลปะให้มีน้�าหนักท่ีสมดุลกันท้ังด้านซ้ายและด้านขวานั้น ส่วนใหญ่จะมีแกน หรือศูนย์กลางในการ
• ความสมดุลมีความสาํ คญั ตอ งานทศั นศลิ ป จัดองค์ประกอบ ซึ่งจะให้ความรู้สึกได้ว่าด้านท้ัง ๒ คือ ด้านซ้ายและขวามีแรงถ่วงที่เท่าๆ กัน โดยสามารถแบ่ง
อยา งไร
(แนวตอบ ความสมดุลจะทาํ ใหผลงาน การจัดภาพตามสมดลุ ได ้ ๒ แบบ คอื 1
ทศั นศิลปม คี วามลงตวั เหมาะสม และเกดิ
ความพอดีในแตละสดั สว น) ๑) ความสมดุลแบบทัง้ ๒ ขา้ งเหมือนกัน (Symmetry) การจัดองค์ประกอบตา่ งๆ ทั้ง ๒ ข้างของ
• ความสมดุลในทางทัศนศลิ ปห มายถึง แกนให้มรี ูปร่าง รูปทรง หรือสสี ันเหมอื นกันท้ังด้านซา้ ยและดา้ นขวา
(แนวตอบ ความสมดุลในทางทศั นศลิ ป
หมายถงึ ความเทากัน ความเสมอกัน ดา นซา ย ดานขวา
มีนํา้ หนกั และแรงถว งทส่ี มํ่าเสมอกันในการ
จดั ภาพ ซึ่งสว นใหญจะมีแกนหรอื ศนู ยก ลาง
เปน หลักในการจดั องคประกอบ)
• ความสมดุลแบงตามการจัดภาพไดเปน ก่แี บบ
อธบิ ายพอสังเขป
(แนวตอบ การจัดภาพตามความสมดลุ แบงได
2 แบบ คอื ความสมดลุ แบบทัง้ 2 ขา ง
เหมือนกัน ไดแ ก การจดั ภาพทอี่ งคประกอบ
ทง้ั สองขา งมรี ปู รา ง รปู ทรง หรอื สสี นั เหมอื นกนั
และความสมดลุ แบบท้งั 2 ขา งไมเ หมอื นกนั
ไดแ ก การจดั องคป ระกอบตา งๆ ของภาพ
ท้ังสองขางใหมีรปู ราง รปู ทรง ขนาด และ
สดั สว นไมเ ทากนั แตดูแลว ใหความรสู ึกวา
เทา กนั )
(ซ้าย) “พระอรหันตที่เขาพระสุเมรุ” (ขวา) “เส้นทางสูนิพพาน ๑” ซ่ึงท้ัง ๒ ภาพ เป็นผลงานของ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ท่ีแสดงถึง
การจดั ภาพทีม่ ีความสมดลุ ทั้ง ๒ ขา้ งเหมอื นกัน
3๖
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 ความสมดุลแบบท้ัง 2 ขางเหมอื นกัน เรยี กอีกอยางหนง่ึ วา ความสมดลุ แบบ
เปน ปกติ หรือแบบเปน ทางการ (Formal Balance) เพราะความสมดลุ แบบนี้ ผลงานภาพวาดสนี ํ้ามันของนภา เมอื่ พจิ ารณาดแู ลวปรากฏวา นาํ้ หนกั
มีกฎเกณฑท่แี นนอน คอื จะมเี สน แกนสมมตุ ิแนวตง้ั หรือแกนแนวนอน สองขา งทง้ั ซา ยและขวาเทา กนั นกั เรยี นคดิ วา นภาใชห ลกั การออกแบบในขอ ใด
อยตู รงกลาง และส่ิงอน่ื จะมีอยเู ทา กนั ท้งั สองดานของแกนกลางเสมอเชน เดยี วกับ
ตาช่ัง ซง่ึ ความสมดุลแบบสองขา งเทากันจะเปน การเนนและสรางความสนใจให 1. ความสมดุล
ผชู มมุงเขา สูแกนกลางไดอยางรวดเร็ว ถอื เปนการสรา งความรูสึกสมดุลไดโดยงา ย 2. ความขดั แยง
ผลงานทศั นศิลปท มี่ ีลักษณะของความสมดุลแบบซา ย-ขวา เหมือนกนั จะให 3. ความเปนเอกภาพ
ความรูสึกมนั่ คง สงางาม 4. ความกลมกลืน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. นภาใชหลกั ความสมดุลแบบท้งั 2 ขา ง
เหมือนกันทงั้ รูปรา ง รูปทรง หรือสสี นั ทาํ ใหอ งคประกอบของภาพทัง้ ซา ย
และขวาเหมือนกนั
36 คมู่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเข้าใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
๒) ความสมดุลแบบทัง้ ๒ ขา้ งไม่เหมือนกัน (Asymmetry) การจดั องค์ประกอบตา่ งๆ ทง้ั ๒ ขา้ ง จากการศกึ ษาหลกั การออกแบบทป่ี รากฏใน
งานทศั นศลิ ป ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 5-6 คน
ของแกนให้มีรูปร่าง รูปทรง ขนาด และสัดส่วนไม่เหมือนกัน แต่ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเท่ากัน ซ่ึงความสมดุลใน จดั ทาํ รายงานหวั ขอ หลกั การออกแบบงานทศั นศลิ ป
โดยเนนหลกั ความเปน เอกภาพ ความกลมกลนื
ลักษณะน้ีนิยมใช้กันมาก เพราะท�าให้ผู้ชมเกิดอารมณ์และความรู้สึกว่าเคลื่อนไหว ท�าให้องค์ประกอบของภาพ และความสมดลุ พรอ มยกตวั อยา งผลงานทศั นศลิ ป
ของศลิ ปนทีน่ ักเรียนชื่นชอบ และมคี วามเดน ชดั
โดยรวมดูแลว้ เกิดความสมดลุ ตามหลักการออกแบบมาประกอบในรายงานดวย
โดยตกแตง รายงานใหส วยงาม แลว นาํ สง ครูผสู อน
(ซา้ ย) “ทรงพระเยาว” ผลงานของ สมศกั ด ์ิ รกั ษ์สวุ รรณ (ขวา) “พระชนั ษาสูง” ผลงานของ ธรี ะวัฒน์ คะนะมะ ทงั้ ๒ ภาพ จดั องค์ประกอบ
ของภาพท้งั ๒ ข้างไมเ่ หมอื นกนั แตด่ ูแลว้ มีความรู้สกึ วา่ มีความสมดลุ กันอย่างลงตัว
3๗
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู
ใหน ักเรียนศึกษาคน ควา ขอ มลู และรูปภาพการออกแบบตกแตง การศึกษาเก่ยี วกับหลักการออกแบบ ครคู วรนาํ ตวั อยางผลงานทัศนศิลป
หองตา งๆ หรือทพี่ ักอาศยั ที่นกั เรยี นชน่ื ชอบ แลว เขยี นอธบิ ายเหตผุ ล ท่ีมีความเดน ชัดดานเอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดลุ มาใหน กั เรียนดู
หรอื สงิ่ ทีน่ าประทบั ใจของการออกแบบดังกลา ว ลงกระดาษรายงาน แลว ชใี้ หน ักเรียนเห็นถึงหลกั การออกแบบท่ปี รากฏในตัวอยางผลงานดังกลา ว
สงครผู สู อน
บรู ณาการอาเซียน
กจิ กรรมทา ทาย
ใหนกั เรยี นชว ยกันหาภาพตัวอยา งผลงานการออกแบบงานศิลปะของศลิ ปน
ใหนกั เรยี นออกแบบตกแตงหอ งนอน หอ งนาํ้ หรอื หองตางๆ ภายใน อาเซยี นมาคนละ 1 ภาพ โดยใหร ะบชุ อื่ ผลงาน ช่ือศิลปน ชอ่ื ประเทศ พรอ มอธบิ าย
บาน ครูกาํ หนดวสั ดุอปุ กรณท ี่ใชใ นการตกแตง เชน เครื่องเรอื น ภาพวาด เหตุผลวาการออกแบบผลงานดงั กลาวมคี วามนาประทับใจอยา งไร จากน้นั รวบรวม
โคมไฟ ตนไม หรืออน่ื ๆ ประกอบในการออกแบบ โดยใหนักเรียนทาํ ลง ผลงานทั้งหมด นาํ ไปจัดนิทรรศการในหัวขอ “ผลงานการออกแบบของศิลปน
กระดาษ 100 ปอนด สงครูผสู อน อาเซยี น”
คมู่ ือครู 37
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
ครพู ิจารณาจากรายงานหวั ขอหลกั การออกแบบ กจิ กรรม ศิลปป์ ฏบิ ตั ิ ๓.๑
งานทศั นศิลปข องนักเรยี น โดยพิจารณาในดา น
ความถกู ตอ ง ความสวยงาม และความคดิ สรา งสรรค กจิ กรรมท่ี ๑ ใหน้ า� ผลงานทศั นศลิ ป ์ ๒-๓ ชนิ้ แลว้ นา� มาอภปิ รายรว่ มกนั วา่ ผลงานชนิ้ นนั้ มคี วามเปน็ เอกภาพ
ความกลมกลนื และความสมดลุ อยา่ งไร
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู
กจิ กรรมท่ี ๒ ให้ผู้เรียนแต่ละคนออกแบบงานทัศนศิลป์ท่ีเน้นถึงความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และ
1. การสรปุ สาระสาํ คัญเก่ียวกบั ความหมายและ ความสมดุล คนละ ๑ ชิน้ โดยไมจ่ า� กัดประเภทของผลงาน
ความสําคญั ของการออกแบบ
กิจกรรมท่ี ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี
2. รายงานหัวขอ หลักการออกแบบงานทศั นศลิ ป ๓.๑ การออกแบบมคี วามส�าคญั กบั การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลปอ์ ย่างไร
๓.๒ หลักการออกแบบงานทัศนศลิ ปท์ ่ีดีจะต้องค�านึงถงึ หลกั การอะไรบา้ ง จงอธิบาย
สรุป มนุษย์ได้มีการพัฒนาทักษะในเรื่องของความคิด สติปัญญา และจินตนาการ จนนำามาสู่
การสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ โดยอาศัยกระบวนการค้นคว้าอย่างมีระบบ มีหลักเกณฑ์ และมีข้ันตอนใน
การทาำ งาน จนผลงานสำาเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยมีสว่ นสำาคัญอนั ดับแรก คอื “การออกแบบ” ซ่งึ เป็น
การนำาองคป์ ระกอบศิลป์หรอื ทัศนธาตุ ได้แก่ เสน้ รูปรา่ ง รปู ทรง พ้ืนผิว สี นาำ้ หนักออ่ น-แก่ แสง-เงา
และพื้นที่ว่างมาจัดเป็นภาพ หรือนำามาประกอบกันตามหลักของการออกแบบงานทัศนศิลป์ ได้แก่
ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุล เพือ่ ให้เกดิ ความสวยงาม สะท้อนให้เห็นถงึ ความคดิ
สรา้ งสรรค์ของผู้ออกแบบและสามารถนำาผลงานไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจำาวนั ได้
3๘
แนวตอบ กิจกรรมศิลปป์ ฏิบัติ 3.1 กิจกรรมท่ี 3
1. การออกแบบงานทัศนศลิ ป คอื การนําเอาทศั นธาตุมาจดั วางตามหลกั การจดั องคป ระกอบศลิ ป เพอื่ ใหผ ลงานเกิดความสวยงาม สามารถตอบสนองความตอ งการ
ทางดา นอารมณและจติ ใจของผชู มได การออกแบบถอื เปน สวนสาํ คัญในการสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ป เพราะจะทําใหเหน็ ภาพรวมและลักษณะของงานเมอื่ แลวเสร็จ
ขณะเดียวกนั กจ็ ะชวยทาํ ใหกําหนดกรรมวิธีในการสรา งสรรคง านไดอยา งมปี ระสิทธิภาพมากขน้ึ ดว ย
2. หลักการออกแบบงานทัศนศิลปท่ดี จี ะตอ งคํานึงถงึ หลกั การสําคญั หลายประการดว ยกัน แตห ลกั การพน้ื ฐานที่ผูออกแบบจะตองมกี ารเขา ใจ ก็คอื
ผลงานดังกลาวน้นั เมอื่ ดแู ลวจะตอ งสือ่ ถงึ ความเปน เอกภาพ (Unity) มคี วามกลมกลนื (Harmony) และมคี วามสมดุล (Balance) ในตัวเน้อื งาน
38 คู่มือครู
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
อธบิ ายหลักการวาดภาพระบายสเี บื้องตน ได
สมรรถนะของผูเรยี น
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต
คุณลักษณะอนั พึงประสงค
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเรียนรู
3. มงุ ม่ันในการทํางาน
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
๔หนว่ ยที่ ครูใหนักเรยี นดผู ลงานภาพวาดทิวทศั นท ี่
ใชส นี ้าํ มัน ภาพวาดทวิ ทัศนท่ีใชส ีนํ้า ภาพวาด
ความรูเ้ บือ้ งตน้ เกี่ยวกับการวาดภาพระบายสี จติ รกรรมฝาผนัง แลวใหน ักเรยี นชวยกัน
แสดงความคิดเหน็ วา ภาพวาดทั้ง 3 ภาพ
การวาดภาพระบายสีเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะ มีความแตกตา งกนั อยา งไร
แขนงจิตรกรรม ท่ีจัดเป็นพ้ืนฐานของการศึกษาศิลปะ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ
แขนงต่างๆ การวาดภาพระบายสีจะช่วยปลูกฝังสุนทรียะ ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ วา การวาดภาพระบายสี
ให้ติดตัวผู้เรียน ที่สำาคัญคือเป็นกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนา ใหมคี ณุ คา มคี วามสวยงาม และนาสนใจ
ผู้เรียนทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สติปัญญา และ ควรคํานงึ ถึงหลกั การจดั วางองคประกอบศลิ ปแ ละ
ความคิดสร้างสรรคต์ ั้งแต่เยาว์วยั และยังนาำ ไปสกู่ ารสนใจศึกษา ข้นั ตอนในการวาดภาพ เชน การกําหนดแสงเงา
วิชาทางศิลปะอย่างมีทิศทาง มีเป้าหมายท่ีถูกต้อง ตามลำาดับ ดว ยการระบายสี จะทาํ ใหภ าพวาดแสดงระยะ
ขน้ั ตอนทางการเรยี นรทู้ ส่ี อดคลอ้ งกบั พฒั นาการของผเู้ รยี นอกี ดว้ ย ไกลใกล และมีความเปน 3 มติ )ิ
39
เกร็ดแนะครู
การเรยี นการสอนในหนว ยการเรียนรนู ้ี ครคู วรอธิบายความรเู บื้องตน เกีย่ วกับ
ความเปนมา เคร่อื งมือและอุปกรณในการวาดภาพระบายสี และแนวทางปฏบิ ตั ิ
พ้ืนฐานในการวาดภาพระบายสี และครคู วรอธิบายเก่ียวกบั การวาดภาพระบายสี
วา เปนการถายทอดความรสู ึกนกึ คดิ ความประทบั ใจ ดว ยเทคนคิ และวิธกี ารตา งๆ
ตามความถนัดและความสนใจ เพือ่ สรา งผลงานที่แสดงถงึ ลักษณะไกลใกล
และความเปน 3 มติ ิ เพอื่ สอื่ ความหมายใหผอู ่นื รับรแู ละชืน่ ชมความงาม
คูม่ อื ครู 39
กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูยกตัวอยางภาพวาดทคี่ น พบในถ้าํ หรือ ñ. ¤ÇÒÁ໹š ÁÒáÅÐá¹Ç·Ò§»ฏºÔ µÑ Ô
หนาผาในประเทศไทย เชน ภาพเขียนสี
บนผนังหินสมยั กอ นประวัตศิ าสตรท เ่ี ขาวังกลุ า ๑.๑ ความเปน็ มา
จงั หวดั กาญจนบรุ ี ภาพเขียนสีทผ่ี าแตม
จังหวดั อบุ ลราชธานี เปนตน แลวใหน ักเรยี นรว มกนั การวาดภาพเป็นส่ิงซ่ึงแสดงออกถึงความ
แสดงความคิดเห็นวา ภาพดังกลา วใชสชี นดิ ใด สามารถในการสร้างสรรค์ทางศิลปะของมนุษย์ เป็นสิ่ง
ท่ถี า่ ยทอดความคดิ ความรู้สึกในจิตใจของตัวเอง ส่อื สาร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได ออกมาเป็นรูปผลงานทางศิลปะ มนุษย์ท�าการวาดภาพ
อยา งอสิ ระ ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ วา ภาพเขยี นสี กันมาหลายยุคหลายสมัย นับต้ังแต่สมัยดึกด�าบรรพ์
สมัยกอ นประวตั ศิ าสตรส วนใหญจ ะวาดโดยใชส ี ซ่ึงเป็นเวลายาวนานนับหมื่นปีมาแล้ว ดังจะเห็นได้จาก
จากธรรมชาติ เชน หนิ แรธ าตุ ดนิ พืช เปน ตน) ภาพบนผนังถ�้าท่ีมนุษย์ยุคนั้นเคยอยู่อาศัย ส่วนใหญ่
จะเป็นภาพที่เกย่ี วกับสัตวท์ ่ีมนษุ ยพ์ บเห็นอยู่บ่อยๆ หรอื “ววั ไบซนั ” ภาพเขยี นยคุ หนิ เก่า พบทถี่ ้ําอลั ตามีรา ประเทศสเปน
สา� รวจคน้ หา Explore
สัตวท์ ่มี นุษย์ลา่ เป็นอาหาร เชน่ ภาพววั กวาง ม้า ปลา สนุ ัข เปน็ ต้น ภาพทีว่ าดจงึ เปน็ ภาพท่ีมนุษยถ์ า่ ยทอดจาก
ใหนกั เรียนศกึ ษา คน ควา เก่ียวกับความเปน มา ความทรงจ�า เช่น ภาพวาดยุคหินเก่าท่ีถ�้าลาส์โกซ์ (Lascaux) ประเทศฝร่ังเศส ภาพวาดยุคหินเก่าท่ีถ้�าผีหัวโต
ของการวาดภาพระบายสีและแนวทางปฏบิ ตั ิ จงั หวดั กระบี่ เป็นตน้
จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสอื เรียน หองสมุด ภาพวาดสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร ์ นอกจากจะชว่ ยบอกเรอ่ื งราวบางดา้ นของมนษุ ยส์ มยั โบราณ ไมว่ า่ จะเปน็
อินเทอรเนต็ เปนตน ความเชื่อ วิถีการด�ารงชีวิต พัฒนาการของอารยธรรมแล้ว ยังท�าให้เราเห็นพัฒนาการของงานจิตรกรรม หรือ
การแสดงออกทางศลิ ปะของมนษุ ยอ์ กี ดว้ ย ซง่ึ ความรเู้ รอื่ งการวาดภาพจะถกู ถา่ ยทอดจากชนรนุ่ หนงึ่ ไปสชู่ นอกี รนุ่ หนงึ่
อธบิ ายความรู้ Explain หรอื จากชมุ ชนหนงึ่ สงั คมหนง่ึ ไปสชู่ มุ ชน สงั คมอกี แหง่ หนง่ึ ทา� ใหเ้ กดิ การคดิ คน้ ดดั แปลง แกไ้ ขกนั เรอ่ื ยมา จนทา� ให้
แตล่ ะชนชาตมิ แี บบอยา่ งทางดา้ นจติ รกรรมทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะของตน เปน็ ศลิ ปะประจา� ชนชาต ิ ถา้ งานจติ รกรรม
ใหนกั เรยี นรวมกันอธิบายเกี่ยวกบั ความเปนมา แบบน้ันๆ ไดร้ บั ความนยิ มกันอยา่ งแพรห่ ลายในหลายๆ ชนชาต ิ ก็จะกลายเป็นศลิ ปะสากลข้ึนมา
ของการวาดภาพระบายสแี ละแนวทางปฏบิ ัติ
จากน้นั ครูคอยชวยเสริมเพ่ิมเตมิ ขอ มูล แลว ให ๑.๒ แนวทางปฏบิ ัติ
นกั เรยี นสรุปสาระสําคญั ลงสมุดบันทึก
การวาดภาพระบายสีเป็นส่วนหน่ึงของสาระทัศนศิลป์ท่ีสามารถรับรู้และมองเห็นได้ด้วยประสาทสัมผัส
ทางตา การแสดงออกนนั้ กระทา� ไดโ้ ดยผา่ นวสั ดนุ านาชนดิ
โดยท่ัวไปแบง่ ออกเปน็ ๒ ลกั ษณะ ดงั นี้ 1
๑) การวาดภาพ ไดแ้ ก ่ การวาดภาพลายเสน้
ด้วยวัสดุประเภทปากกา ดินสอ หรือวัสดุในลักษณะ
คลา้ ยคลงึ กนั กระท�าโดยการขูด ขดี เขยี น ลาก บนพนื้
ระนาบ เพื่อให้เกดิ รปู รอยตามตอ้ งการ
๒) การระบายสี ได้แก ่ การทา ระบาย หยด
ปาย แตม้ สลัด ดว้ ยการใชพ้ ู่กนั นว้ิ มือ หรอื เครื่องมือ “สะพานบรูคลิน ในทาเรือนิวยอรก” ผลงานฝพระหัตถ์ในสมเด็จ
พระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นผลงาน
อื่นๆ เพือ่ ใหเ้ กดิ สีสนั และคา่ ของสีตามความต้องการ จติ รกรรมลายเสน้ โดยใชด้ นิ สอ
4๐
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 การวาดภาพลายเสน เปนพ้นื ฐานของงานทัศนศิลปแ ละการออกแบบ
เปน วธิ กี ารสรางภาพ 2 มิติ ดว ยวิธที ่งี ายและรวดเรว็ โดยใชด ินสอ ปากกา ดนิ สอสี ภาพทงุ นาที่เตม็ ไปดวยตนขาว จะตอ งใชส ใี ดตอ ไปนร้ี ะบายมากทีส่ ดุ
ดินสอถา น ชอลก ชอลก สี ซ่งึ โดยมากจะเขยี นลงบนกระดาษ หรือวัสดอุ ่นื ๆ เชน 1. สีแดง
พลาสตกิ หนัง ผา กระดาน เปน ตน การวาดเสนเปน พ้นื ฐานของงานทัศนศลิ ป 2. สเี ทา
และออกแบบ เชน จิตรกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพิมพ สถาปต ยกรรม ออกแบบ 3. สเี ขียว
ตกแตง ศิลปะไทยลายรดนาํ้ เปน ตน ดังนัน้ กอ นที่เราจะสรา งสรรคงานศิลปะ 4. สีนํ้าเงิน
แขนงตางๆ จําเปนจะตองมีความชาํ นาญทางการวาดเสนเสียกอ น เม่อื มี
ความชํานาญทางการวาดเสนแลว กจ็ ะทําใหการทํางานศิลปะตา งๆ งา ยขึน้ วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ภาพทุง นาทเ่ี ตม็ ไปดว ยตน ขา วจะตอง
มุม IT ระบายดวยสีเขยี ว เพ่อื แสดงใหผ ูช มเห็นถงึ ทอ งทงุ นาทกี่ วางขวางเตม็ ไปดว ย
ตน ขา วเขียวขจีกําลงั เจริญเตบิ โต ซึง่ แมในการวาดภาพจะตอ งใชสหี ลายสี
นกั เรียนสามารถศึกษาเพ่มิ เติมเกี่ยวกับการวาดเสน ไดจ าก แตส ีท่ีเนน และตองใชระบายซงึ่ จะกินพน้ื ที่ภาพมากท่ีสุดก็จะเปน สีเขยี ว
http://www.bspwit.ac.th
40 คมู่ อื ครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครแู ละนักเรยี นรวมกันสนทนาแลกเปล่ยี น
ความคดิ เห็นกนั เกีย่ วกับผลงานทัศนศิลปท ่ี
นกั เรียนพบเห็นในชีวิตประจําวนั โดยครูถาม
นักเรยี นวา
• นกั เรยี นเคยวาดภาพอะไรกันบา ง
• นักเรียนเคยใชว สั ดุอุปกรณอ ะไรบา ง
ในการวาดภาพ
จากนน้ั ครใู หนกั เรียนชวยกนั ยกตวั อยา งวสั ดุ
ธรรมชาติท่สี ามารถนํามาวาดภาพหรอื ระบายสีได
ภาพวาดสีนาํ้ มัน ผลงานของ จักรพนั ธุ์ โปษยกฤต ท่จี ินตนาการวาดภาพนางในวรรณคดอี อกมาได้อย่างอ่อนหวาน นุ่มนวล งดงาม ซ่งึ ถือเปน็ สา� รวจคน้ หา Explore
เอกลกั ษณ์อย่างหน่ึงในผลงานจิตรกรรมของศลิ ปินทา่ นน้ี
ครูขออาสาสมัครนักเรียน 10 คน โดยให
ท้ังนี้ ภาพวาดท่ีแสดงออกมาอาจเลือกวิธีการวาดภาพลายเส้น หรือวิธีการระบายสีอย่างใดอย่างหนึ่ง นกั เรียนจับคกู ัน จากนน้ั ใหแ ตละคูศึกษาคน ควา
หรอื ใช้ทง้ั ๒ วธิ ีการพร้อมกันในผลงานช้นิ เดียวกัน ตลอดจนแสดงออกทางการสรา้ งสรรค์ ซ่ึงเป็นเอกลกั ษณ์หรอื เกี่ยวกบั เคร่ืองมอื และอปุ กรณใ นการวาดภาพ
รปู แบบเฉพาะของแตล่ ะบุคคล ระบายสี จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน
หอ งสมุด อนิ เทอรเนต็ เปนตน โดยครูกาํ หนด
ò. à¤ÃèÍ× §ÁÍ× áÅÐÍØ»¡Ã³ã ¹¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ หัวขอ ให ดงั นี้
เคร่ืองมือและอุปกรณ์ในการวาดภาพระบายสี เป็นสื่อการสร้างสรรค์ให้เกิดผลงานทางศิลปะทุกประเภท คทู ี่ 1 ดนิ สอและปากกา
และทกุ แขนง สงิ่ ส�าคญั เบือ้ งตน้ ท่จี ะต้องเรียนร้กู ่อนการปฏิบัติงานวาดภาพระบายส ี คอื ต้องท�าความเข้าใจเกี่ยวกบั คูท่ี 2 ยางลบและเครื่องมอื ชวยตเี สน
การจดั เตรยี มเครือ่ งมือและอุปกรณ์ในการวาดภาพ รู้จักคุณสมบตั ิของวัสดอุ ุปกรณแ์ ต่ละชนิด รวมท้ังร้จู กั วธิ ีใช้และ คทู ่ี 3 กระดาษและแผน รองเขยี น
วิธเี ก็บรักษาด้วย คูท่ี 4 พกู ันและจานผสมสี
เครื่องมอื และอปุ กรณท์ ่ีจ�าเป็นส�าหรับการวาดภาพระบายสีทตี่ อ้ งใชอ้ ยู่เสมอ มีดังต่อไปนี้ คทู ี่ 5 สปี ระเภทตา งๆ
๒.๑ ดินสอและปา1กกา
๑) ดินสอดํา เป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ประโยชน์ได้หลายทาง โดยเฉพาะใช้ร่างภาพก่อนการลงมือระบายส ี
ปกตแิ ลว้ ดินสอดา� มไี ส้อยู ่ ๓ ชนิด ดว้ ยกัน คอื ชนิดแข็ง (H) เหมาะสา� หรับใชใ้ นงานเขียนแบบ ชนิดปานกลาง (HB)
ใชส้ �าหรบั งานเขียนทวั่ ไป ชนดิ อ่อน (B) ใชส้ า� หรับร่างภาพและแรเงา หรือลงลายเสน้ ซึง่ มคี วามออ่ น-แก่ไม่เทา่ กนั
คือ ๑B ๒B ๓B ๔B ๕B ๖B โดยเบอร์มากจะมีความเข้มมาก การวาดภาพระบายสีในระดบั ชัน้ นี้อย่างนอ้ ยควรใช้
ดนิ สอ ๒ ชนดิ ดังนี้
ดินสอ ๒B ไส้ดินสอมีความอ่อนปานกลาง
เหมาะแก่การใช้รา่ งภาพ
41
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
ดินสอดําชนิดไสออน เบอร B-6B เหมาะสําหรับใชท ําสิ่งใด ครเู นน ยํา้ กบั นักเรียนถึงส่งิ สาํ คญั ทจ่ี ะตอ งเรยี นรกู อนการวาดภาพระบายสี
1. แรเงา คือ การทําความเขาใจเกย่ี วกบั เครื่องมือและอุปกรณในดา นคุณสมบตั ขิ องเครอื่ งมือ
2. ขดี เสน และอุปกรณแตละชนดิ และวธิ ีการจดั เตรยี มเคร่อื งมือและอปุ กรณกอ นท่ีจะวาดภาพ
3. เขียนตวั อักษร ทง้ั นีเ้ พือ่ ความสะดวกในการทํางานและประสิทธภิ าพของผลงานท่ีออกมา
4. รางภาพ
นกั เรยี นควรรู
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ดนิ สอดําชนิดไสอ อน เบอร B - 6B
1 ดินสอดํา มหี ลายชนิดตามระดบั ความออนแข็งของไสด นิ สอ คอื
เหมาะสาํ หรับใชแรเงาภาพหรือวาดเสนเพื่อลงน้าํ หนกั ภาพ โดยเฉพาะ
การเนนแสงเงาใหภาพมมี ติ ิ
• ไสแ ข็ง H - 6H เหมาะในการเขยี นแบบ
• ไสปานกลาง HB เหมาะในการรา งภาพ
• ไสอ อ น B - 6B และ EE เหมาะในการแรเงา
คมู่ ือครู 41
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหน ักเรยี นกลมุ ท่ี 1 สงตวั แทนออกมาอธิบาย ๑. ชนดิ ๒B เปน็ ชนดิ ทอ่ี อ่ นปานกลาง ลบงา่ ย ไมด่ า� จนเกนิ ไป เหมาะสา� หรบั การวาดภาพในขนั้ ตอน
ความรูเ กยี่ วกบั ดนิ สอและปากกาสาํ หรบั วาดภาพ การรา่ ง
ระบายสีตามท่ไี ดศ กึ ษามา หนา ชนั้ เรยี น จากนนั้ ครู ๒. ชนิด ๔B ๖B เปน็ ชนิดทอี่ อ่ นกวา่ ชนิด ๒B เหมาะสา� หรบั การแรเงาภาพ หรอื วาดเสน้ เพื่อลง
ถามนักเรียนวา นา้� หนกั ภาพ
• ดนิ สอและปากกามีความสําคญั การใชแ้ ละการเกบ็ รักษา
ตอการวาดภาพระบายสอี ยา งไร ดนิ สอดา� ชนดิ ๒B ใชส้ า� หรบั รา่ งภาพทเี่ ราตอ้ งการมองเหน็ รปู ลกั ษณะโครงรา่ งของภาพ เพอื่ จะระบายสี
(แนวตอบ ดินสอดาํ เปนเครอ่ื งมือท่ใี ชใน หรือวาดเส้นแรเงา ดินสอที่ใช้ส�าหรับร่างภาพต้องเหลาปลายดินสอให้เรียวแหลมสม�่าเสมอ เวลาร่างภาพควร
การรา งภาพกอนการลงมือระบายสี ร่างเบาๆ ก่อน เพราะจะลบออกไดง้ ่ายและไมเ่ กิดรอยสกปรก
ซึง่ ดนิ สอดําจะมคี วามออน-แกไมเ ทา กนั ดนิ สอด�าชนิด ๔B และ ๖B ใชส้ �าหรับแรเงา หรอื วาดเสน้ เม่อื ภาพน้ันไม่ตอ้ งการใช้สีระบาย จะแรเงา
สว นปากกา โดยปกติเราจะนยิ มใชปากกา หรอื ลงน�า้ หนักออ่ น-แก ่ หรือมเี งาดา� มากน้อยเพียงใดก็ไดแ้ ลว้ แตค่ วามตอ้ งการ
ในการเขียนตัวอกั ษรมากกวาการนํามาใช ดินสอแต่ละแท่งเม่ือเลิกใช้งานแล้วควรเหลาใหม่ เพ่ือเตรียมไว้ให้พร้อมท่ีจะใช้งานในคราวต่อไป
วาดภาพลายเสน แตทงั้ นีก้ ารใชป ากกา
วาดภาพลายเสนก็จะดแู ปลกตาแตกตา ง ทั้งน ี้ ควรเกบ็ ใสก่ ล่องให1้เรยี บร้อย โดยเอาปลายดินสอข้นึ เพ่ือไม่ใหป้ ลายดินสอหกั
ออกไป หรอื เราอาจใชดนิ สอรา งภาพใหได ๒) ปากกา โดยปกตเิ ราจะนยิ มใชป้ ากกาในการเขยี นตวั อกั ษร หรอื ทพ่ี ดู กนั วา่ ใชเ้ ขยี นหนงั สอื แตเ่ มอ่ื นา�
เคา โครงและลกั ษณะตามท่ตี องการกอน
แลวคอ ยใชป ากกาลงเสน ตามแบบรางก็ได) มาใช้วาดภาพลายเส้น ปากกาก็เป็นเครื่องมือท่ีสามารถถ่ายทอดความคิด จินตนาการ และรายละเอียดได้ดีไม่แพ้
เครื่องมือชนิดอื่น การใช้ปากกาวาดภาพลายเส้นจะดูแปลกตาแตกต่างจากการใช้ดินสอด�า นอกจากแตกต่างแล้ว
• สงิ่ สําคัญหลงั จากการใชดนิ สอและปากกา ยังมีความหลากหลายของลายเสน้ ด้วย ปากกามีให้เลือกหลายแบบ เชน่ ปากกาคอแร้ง ซง่ึ มขี นาดปลายทีเ่ ขียนเปน็
ในการวาดภาพระบายสีคอื สิง่ ใด เสน้ เลก็ จนถงึ เสน้ หนา ปากกาปลายสกั หลาด จะมปี ลายทเ่ี ลก็ แหลมจนกระทง่ั ขนาดปลายเปน็ เสน้ ใหญ ่ มที ง้ั ปลายกลม
(แนวตอบ สิง่ สาํ คัญหลงั จากใชด นิ สอและ และปลายตดั เปน็ ตน้
ปากกา คอื การเกบ็ รักษาใหถูกวธิ ี
โดยดนิ สอดาํ แตละแทงเม่ือเลิกใชง าน ปากกาคอแรง้ หลายขนาด ปากกาปลายสักหลาด
ควรเหลาใหม เพอ่ื เตรียมพรอมไวใ ชง านใน
คราวหนา ทัง้ น้คี วรเก็บใสกลองใหเ รียบรอย
โดยหนั ปลายดนิ สอขนึ้ เพอ่ื ไมใ หป ลายดนิ สอหกั
สว นปากกาทกุ ชนิดเมื่อใชเ สร็จแลว ใหปดฝา
ทกุ คร้ัง หวั ปากกาที่ใชง านแลว ใหล า งดว ย
การแชในน้ําอุนหรือน้าํ ยาทาํ ความสะอาด
และใชเศษผาเช็ดใหแ หง กอ นเกบ็ ใสก ลอง
ใหเรยี บรอย อยา ทง้ิ ไวจ นหมึกแหงตดิ ปากกา
นานเกนิ ไป เพราะจะทําใหล างออกยาก)
ภาพวาดลายเสน้ จากปากกาคอแร้ง ภาพวาดลายเส้นจากปากกาปลายสกั หลาด
42
เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET
ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา การวางตาํ แหนง ของปลายดนิ สอบนพน้ื กระดาษขณะรา งภาพ ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกบั ดนิ สอท่ใี ชในการรา งภาพ
จะสง ผลตอ ขนาดของเสนทร่ี า งออกมา เชน ถาจบั ดนิ สอวาดในแนวด่งิ จะไดเสนเล็ก ดินสอท่ีใชใ นการรา งภาพไดแ กด ินสอประเภทใด
ถา เอยี งมมุ ลง เสน จะโตขนึ้ หรอื ถา ตอ งการใหไ ดพ น้ื ทมี่ ากแบบระบายกต็ อ งจบั ดนิ สอ 1. ดนิ สอ 2B
ใหเ อยี งมากขน้ึ เปนตน ทงั้ นี้ผูเขยี นภาพสวนมากจะใชวธิ ีพลิกเลอ่ื นมือ หมุนดนิ สอ 2. ดินสอ 3B
หรือเปลยี่ นมุมไสด ินสอหามมุ ทีแ่ หลมทุกครั้งทตี่ อ งการใหเ สนเล็ก และถา ตอ งการให 3. ดนิ สอ 4B
เสน ใหญหรือแรเงาเรียบๆ ก็จะหามุมท่ที ื่อกวาอกี ดานหนง่ึ เสมอ 4. ดนิ สอ 5B
นักเรียนควรรู วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ดนิ สอดําชนดิ 2B เปนดินสอชนดิ ออน
1 ปากกา ปจจบุ ันมผี ใู ชปากกาลูกลื่นวาดภาพลายเสน (Drawing) ซ่งึ สามารถ ปานกลาง ลบงาย ไมด ําจนเกนิ ไป เหมาะสาํ หรบั การรางภาพ ซง่ึ แมจ ะ
สรางลวดลาย แสงเงา หรอื นาํ้ หนกั ไดอ ยา งสวยงามเชนกัน โดยใชเทคนิค ไมลบออก แตก จ็ ะไมมผี ลตอ การระบายสี รวมท้ังไมท ิ้งรองรอยไวมาก
ทห่ี ลากหลาย เชน ใชจดุ จํานวนมาก ใชก ารหมนุ วน ใชข ดี เปนเสนตดั กัน เปนตน เมื่อผลงานเสรจ็ เรยี บรอ ยแลว
42 คู่มือครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
การใช้และการเกบ็ รกั ษา ใหนกั เรียนกลมุ ท่ี 2 สงตัวแทนออกมาอธบิ าย
ความรูเ กี่ยวกับยางลบและเครอ่ื งมอื ชว ยตีเสน
เม่ือใช้ดินสอร่างภาพให้ได้เค้าโครงและลักษณะตามท่ีต้องการแล้วก็ใช้ปากกาลงเส้นตามแบบร่าง ตามที่ไดศกึ ษามา หนา ชนั้ เรยี น จากนัน้ ครูถาม
นักเรยี นวา
ถ้าเป็นปากกาคอแรง้ ตอ้ งจุ่มหมกึ แล้วเขยี นบนเศษกระดาษกอ่ น เพ่อื ไม่ใหห้ มึกเยมิ้ เกินไป สังเกตจากเสน้ ท่ขี ีดเขยี น
• การเรยี นรูเกี่ยวกับการใชแ ละดแู ลรกั ษา
บนเศษกระดาษนน้ั ไม่มหี มึกไหลเยิม้ เลอะเทอะ จากน้นั จึงน�ามาวาดภาพลงเสน้ ลงนา�้ หนักตามต้องการ เคร่อื งมอื และอุปกรณต ีเสนมคี วามสําคัญ
อยางไร
ปากกาทุกชนิดเม่ือใช้เสร็จแล้วให้ปิดฝาทุกคร้ัง หัวปากกาท่ีใช้งานแล้วให้ล้างด้วยการแช่ในน้�าอุ่น (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยางอสิ ระ
ครูอธิบายเพิม่ เติมวา การเรียนรใู นเรอ่ื ง
หรือน�้ายาท�าความสะอาดและใช้เศษผ้าเช็ดให้แห้งก่อนเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย อย่าทิ้งไว้จนหมึกแห้งติดปากกา การใชแ ละดูแลรกั ษาเครื่องมือและอปุ กรณ
ทุกชนดิ ท่ีใชใ นการวาดภาพระบายสี
นานเกินไป เพราะจะท�าให้ลา้ งออกยาก มคี วามจําเปนอยางย่ิง เพราะการเรียนรู
๒.๒ ยางลบและเครื่องมอื ช่วยตเี ส้น ในดานการปฏบิ ตั ิงานทางทศั นศลิ ปจําเปน
๑) ยางลบ ควรใช้ยางลบท่ีใช้ส�าหรับดินสอด�าโดยเฉพาะ ซ่ึงเป็นยางลบชนิดอ่อน มีขนาดและรูปทรง ตองมคี วามรูเ รื่อง การใชแ ละการเกบ็ รักษา
เคร่ืองมือและอปุ กรณ เพือ่ เปนการถนอม
ทแ่ี ตกตา่ งกนั ไมค่ วรใชย้ างลบชนดิ แขง็ เพราะจะทา� ใหก้ ระดาษเปน็ ขยุ เมอ่ื ระบายสจี ะทา� ใหส้ ซี มึ ตามรอยขยุ กระดาษ เครือ่ งมอื และอุปกรณใหส ามารถใชไดน านๆ
และที่สําคญั คอื เปน การฝก ความมีวินัย
ทีเ่ กิดจากการลบ หรอื ขณะแรเงากจ็ ะท�าใหภ้ าพไมเ่ รียบ เกิดการสะดดุ ไม่สวยงาม ความสะอาด เรียบรอ ย ท้ังผลงานและ
เคร่อื งมือ)
การใช้และการเก็บรกั ษา
กอ่ นใชค้ วรตรวจดวู า่ ยางลบนน้ั สะอาดหรอื ไม ่ เพราะถา้ ยางลบไมส่ ะอาด
เวลาลบจะท�าให้ภาพสกปรก เมื่อยางลบสกปรกให้ถูบนกระดาษขาว
หรือเศษผ้าที่สะอาดเสียก่อน เพื่อให้คราบสกปรกที่ติดอยู่หลุดออกไป
แล้วจึงน�าไปลบภาพ วิธีการใช้ยางลบให้ถูเพียงเบาๆ ไปในทิศทาง
เดียวกัน แต่ถ้าลบไม่ออกจึงค่อยถูแรงข้ึน เมื่อลบเสร็จแล้วให้ใช้เศษผ้าสะอาด
หรอื แปรงปัดเศษยางลบออก อย่าเอามอื ลูบ หรอื ปดั เพราะอาจทา� ให้ภาพสกปรกได ้ หลังจาก
เลิกใช้งานควรเอาเศษผ้า หรอื กระดาษทชิ ชูเช็ดใหส้ ะอาดท่ัวทกุ ด้าน
แล้วเก็บใสก่ ล่องใหเ้ รียบรอ้ ย
๒) เคร่ืองมือช่วยตีเส้น ได้แก ่
ไม้บรรทัด และไม้ฉากสามเหลี่ยม ส�าหรับ
ไม้บรรทัดนั้นมีมากมายหลายชนิดด้วยกัน
บางชนดิ แบนราบทั้ง ๒ ดา้ น บางชนิด
ดา้ นหน้าแบน ด้านหลังลาดลงไปทัง้ ๒ ขา้ ง
มที ง้ั ชนดิ ไม ้ พลาสตกิ และเหลก็ ควรเลอื กไมบ้ รรทดั
ทแ่ี บง่ ความยาวเป็นมาตราสว่ นนิ้วและเซนตเิ มตร
อย่างชัดเจน ส่วนไม้ฉาก ไม้สามเหล่ียม อาจจะเป็น
เซลลูลอยด ์ พลาสติก หรือชนดิ ไมก้ ็ได้ แตค่ วรใช้ชนิดใส 12
จะดกี ว่า เพราะสะดวกในการวดั ไมแ่ ตก หรือหักงา่ ย ไม้บรรทดั ไม้ฉากสามเหลี่ยม และเทมเพลตแบบต่างๆ จะชว่ ยทําให้
การตเี สน้ สะดวกขน้ึ
43
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นักเรยี นควรรู
เหตุใดจึงไมค วรใชยางลบชนดิ แข็งลบเสน รางภาพ 1 ไมฉากสามเหลี่ยม ใชส าํ หรับขีดเสนตรงในแนวดง่ิ ขดี เสนเอียง และ
1. เพราะจะทาํ ใหพื้นผิวกระดาษเปน ขุย ทาํ มมุ ตา งๆ เวลาเขยี นเสน ดง่ิ ใหล ากดินสอข้นึ ไปตามแนวดง่ิ จบั ดนิ สอใหเ อน
2. เพราะจะทาํ ใหลงสีตามเสน รางไมถกู ไปในทศิ ทางของการลากเสน ทํามุม 60 องศากบั กระดานเขยี นแบบ และใหด นิ สอ
3. เพราะตองการเนน เสน ดนิ สอไว เอนออกจากตัวฉากสามเหลย่ี มเลก็ นอย
4. เพราะเปน เทคนคิ การระบายสี 2 เทมเพลท เปน เครอ่ื งมอื ชว ยในการเขยี นแบบ ลกั ษณะเปนแผน พลาสติก
เจาะรูเปนรูปรา งตางๆ กัน ข้นึ อยกู บั ลกั ษณะของงานที่จําเปนตองใช มที ั้งแบบ
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. โดยทว่ั ไปจะไมน ิยมใชย างลบชนิดแขง็ ทใ่ี ชวาดภาพและแบบตัวอักษร
ลบเสนรางภาพ เพราะจะทาํ ใหก ระดาษเปน ขยุ เม่อื ระบายสกี ็จะทาํ ใหส ซี มึ มุม IT
ตามรอยขุยกระดาษท่เี กดิ จากการลบ หรือขณะแรเงากจ็ ะทําใหภาพไมเ รยี บ
เกดิ การสะดดุ ไมสวยงาม นักเรยี นสามารถศึกษาเพ่มิ เติมเกย่ี วกบั เครือ่ งมือชวยตเี สน ไดที่
http://app.eng.ubu.ac.th/~edocs/f20100607enpraysm0.pdf
43
คูม่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหน ักเรียนกลมุ ท่ี 3 สงตัวแทนออกมาอธบิ าย การใชแ้ ละการเกบ็ รักษา
ความรเู กยี่ วกับกระดาษและแผนรองเขยี นตามทไ่ี ด การใช้ไม้บรรทัดถ้าเป็นไม้บรรทัดชนิดแบนราบท้ัง ๒ ด้านควรใช้กับดินสอธรรมดา ถ้าจะขีดด้วย
ศึกษามา หนาชน้ั เรยี น จากนั้นครูถามนักเรียนวา หมกึ ด�า หรือปากกาสีนา้� กบั ไม้บรรทัดที่มีด้านหลงั ลาดลงไปท้งั ๒ ข้าง ให้หงายดา้ นหน้าข้นึ เพ่ือไม่ให้ส ี หรอื หมกึ
ไปเปอ นกระดาษ หรือจะใชก้ บั ไมบ้ รรทัดชนิดลาดทั้งดา้ นหนา้ และดา้ นหลังก็ได้ วธิ ขี ดี ควรกดดนิ สอ หรอื ปากกาให้
• กระดาษชนิดใดเหมาะแกก ารวาดภาพ สมา่� เสมอและชดิ กบั ไม้บรรทดั พร้อมกับกดไมบ้ รรทดั ให้แนบสนิทกับกระดาษทกุ ครงั้ การลากเส้นต้องลากจากด้าน
ระบายสี ซ้ายไปด้านขวา และลากจากบนลงล่างเสมอ ส�าหรับไม้ฉากสามเหลี่ยมมีไว้เพ่ือใช้สร้างมุม โดยก�าหนดองศาของ
(แนวตอบ กระดาษปอนดห รอื กระดาษวาดเขยี น มมุ ตามตอ้ งการ เมอ่ื ใชไ้ มบ้ รรทดั และไมฉ้ ากสามเหลย่ี มเสรจ็ แลว้ กอ่ นเกบ็ ควรเอาเศษผา้ ชบุ นา�้ เชด็ สหี รอื หมกึ ทอี่ าจ
ทมี่ คี วามหนา 100 แกรม เหมาะกบั การ หลงเหลอื ตดิ อยตู่ ามด้านขา้ งของเครอ่ื งมอื ออกให้หมดเสยี ก่อน
วาดภาพระบายสมี ากกวากระดาษปรฟู
เพราะเน้อื กระดาษมีความหนากวา และจะ ๒.๓ กระดาษและแผ่นรองเขียน
ทาํ ใหภาพสวยงามกวา เน้อื กระดาษไมโ ปรง ๑) กระดาษวาดภาพ สา� หรบั ผเู้ รมิ่ ตน้ ศกึ ษา
หรอื พองงายเม่ือถูกนํ้า)
กระดาษทเี่ หมาะในการวาดภาพจะม1อี ยู่ ๒ ชนดิ คอื
๑.๑) กระดาษปรฟู เหมาะสา� หรบั การวาด
ภาพด้วยดนิ สอ หรอื ถา่ นชาร์โคล เพราะเน้อื กระดาษนุ่ม
ท�าให้สามารถเกล่ียน�้าหนักให้นุ่มนวลได้ง่าย และเส้นจะ
ดา� ชดั เจน สามารถเกลยี่ น�า้ หนักออ่ น-แก่ได้ดี
๑.๒) กระดาษปอนด2 หรือกระดาษวาด
เขียน ควรใช้กระดาษท่ีมีความหนาระหว่าง ๖๐ แกรม
ถึง ๑๐๐ แกรม เพราะจะเหมาะส�าหรับการวาดภาพทง้ั ท่ี ในการวาดภาพระบายส ี ผสู้ รา้ งสรรคค์ วรเลอื กใชก้ ระดาษใหเ้ หมาะสม
ใช้ดินสอหรือระบายสี เน้ือกระดาษมีความหนามากกว่า กับประเภทของผลงาน
กระดาษปรฟู๊ เนอื้ กระดาษมที งั้ ชนดิ ผวิ เรยี บและผวิ หยาบ ถา้ ตอ้ งการจะระบายส ี ควรเลอื กใชก้ ระดาษชนดิ ๑๐๐ แกรม
จะท�าให้ภาพสวยงามกวา่ เนอื้ กระดาษไม่โปรง่ หรอื พองงา่ ยเม่อื ถกู น้�า
การใชแ้ ละการเก็บรกั ษา
ก่อนจะร่างภาพบนกระดาษวาดเขียนควรมีความม่ันใจและตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะวาดภาพอะไร
ด้วยเทคนิคแบบใด ไม่ควรน�ากระดาษวาดเขียนมาทดลองร่างภาพเล่นๆ หากไม่แน่ใจควรร่างภาพบนกระดาษ
ชนดิ อืน่ กอ่ น เพอื่ จะไดเ้ ปน็ การประหยัด ทัง้ น้ี ก่อนจะหยบิ จบั กระดาษควรล้างมือให้สะอาดก่อน รอยคราบสกปรก
จะได้ไมต่ ดิ ไปบนกระดาษ เพราะความสะอาดทป่ี รากฏบนแผ่นภาพถอื เปน็ ส่วนหนง่ึ ในคณุ ค่าของผลงานด้วย
สา� หรับการเกบ็ รักษา พยายามอยา่ ใหก้ ระดาษพับ หรือมีรอยยับ เพราะจะทา� ใหไ้ มส่ ามารถวาดภาพ
ตามที่ต้องการได้ ถ้าเป็นกระดาษชนิดแผ่นไม่ใช่เป็นเล่ม ควรจัดเก็บด้วยการห่อหุ้มให้เรียบร้อยเป็นปกเดียวกัน
อยา่ เก็บโดยวธิ มี ว้ นกระดาษ เพราะเวลาคลีอ่ อกมาใช้งานกระดาษจะงอเสยี รปู ทรง และพ้นื ผวิ กระดาษจะมีรอยยับย่น
หรือโคง้ งอ ท�าใหน้ �ามาวาดไดไ้ ม่สะดวก
44
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครูควรสาธติ วธิ กี ารขึงกระดาษบนแผน กระดานรองเขยี น แลว สรุปถึงเหตผุ ลท่ี
ตองทาํ การขงึ กระดาษกอ นระบายสนี ้ํา จากนน้ั ใหนกั เรียนแตล ะคนทดลองปฏบิ ตั ิ ในการวาดภาพระบายสี ขั้นตอนแรกทคี่ วรปฏิบตั คิ อื อะไร
โดยครชู ว ยตรวจสอบความเรยี บรอย 1. ใชนํา้ ระบายลงบนกระดาษ
2. ระบายสอี อ นกอ นสีเขม
นกั เรยี นควรรู 3. รา งภาพทีจ่ นิ ตนาการไว
4. ขงึ กระดาษบนแผน กระดานรองเขียน
1 กระดาษปรฟู (Newsprint) เปน กระดาษทมี่ สี ว นผสมของเยอ่ื บด ทม่ี เี สน ใยสนั้
โดยมักนําเย่อื จากกระดาษใชแลว มาผสมดวย กระดาษปรูฟมีนํ้าหนกั เพยี ง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ขั้นตอนแรกท่ีตอ งปฏิบัติหลงั จากเตรยี ม
40 - 52 กรัม/ตารางเมตร มสี ีอมเหลอื ง ราคาไมแ พง แตความแข็งแรงนอ ย
2 กระดาษปอนด (Bond Paper) เปน กระดาษทีท่ ําจากเยื่อเคมีท่ีผานการฟอก วสั ดอุ ุปกรณแ ลว กค็ ือการขงึ กระดาษทว่ี าดลงบนแผนกระดาน หลังแผนรอง
และอาจมสี วนผสมของเยอ่ื ทีม่ าจากเศษผา มสี ีขาว ผิวไมเรียบ นํ้าหนักอยรู ะหวาง เขียน โดยใชกระดาษผนกึ ทั้ง 4 ดา น ซ่งึ จะชวยปองกนั มใิ หก ระดาษงอตัว
60 - 100 กรมั /ตารางเมตร ถาเปนกระดาษเนื้อดี จะไมด ูดซับสีมาก ไมพ องตวั เมอ่ื เม่ือโดนนา้ํ รวมถึงเมือ่ ลอกกระดาษกาวออกจะทําใหเ กดิ เสน กรอบทีต่ รง
โดนนํ้า เปนระเบยี บ รวมถึงชวยกนั สที ่ีเกนิ ล้าํ ออกมาตอนระบายดว ย
44 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๒) แผ่นรองเขยี น มไี วส้ �าหรับรองรบั กระดาษ มลี ักษณะเป็นวัสดุผวิ เรียบ อาจจะเป็นแผ่นไม้อัดดา้ นบน ใหน กั เรยี นกลมุ ที่ 4 สง ตวั แทนออกมาอธิบาย
ความรเู กย่ี วกับพูกนั และจานผสมสีตามท่ีได
ตดิ ตัวหนีบ เพื่อใชส้ �าหรบั หนบี กระดาษให้ตดิ อย่กู บั แผน่ รองเขยี น ศึกษามา หนาชน้ั เรียน จากน้ันครถู ามนักเรยี นวา
การใชแ้ ละการเกบ็ รกั ษา • หากนกั เรียนตองการระบายสใี นพื้นทีแ่ คบๆ
เพือ่ เกบ็ รายละเอียด นกั เรยี นจะเลือกใช
ก่อนจะใชง้ านควรตรวจดูว่ามคี ราบสกปรกติดอยบู่ นแผ่นรองเขยี นหรือไม่ ถา้ ไม่มีจึงค่อยนา� กระดาษ พูก ันชนดิ ใด
(แนวตอบ พกู ันชนิดกลม เพราะเปนพูก ัน
มาวางทาบ ไมค่ วรนา� ดนิ สอ ปากกา หรอื สี มาขดี ทบั ลงบนแผน่ รองเขียนและไมค่ วรน�าไปรองรบั ใบมดี หรือคตั เตอร ์ ทมี่ ที ้ังขนาดใหญและขนาดเล็ก โดยพูกนั
ขนาดใหญจ ะใชส าํ หรบั ระบายสบี นพืน้ ท่ี
เพราะจะท�าให้เกิดเป็นรอย เวลาวาดภาพจะสะดุด หลังเสร็จการใช้งานควรท�าความสะอาดโดยการใช้เศษผ้า หรือ กวางๆ สว นพูกันขนาดเล็กจะใชส าํ หรบั
ระบายสีบนพ้นื ท่ีแคบๆ เพอ่ื เก็บรายละเอยี ด
กระดาษทิชชเู ชด็ ใ1หเ้ รียบรอ้ ย และเนน ความสมบูรณ)
๒.๔ พู่กันและจานผสมสี
๑) พู่กนั มหี ลายขนาดต้งั แตเ่ บอรเ์ ล็กถึงเบอร์ใหญ ่ และมี ๒ แบบ คือ
๑.๑) ชนดิ กลม มขี นแปรงออ่ น เหมาะสา� หรบั ใชก้ บั สนี า้� หรอื สโี ปสเตอร์ พูก่ ันชนดิ แบน
๑.๒) ชนิดแบน มีท้งั ขนแปรงออ่ นและขนแปรงแขง็
ชนิดแปรงขนอ่อนใช้กบั สนี ้า� หรอื สีโปสเตอร ์ สว่ นชนิดขนแปรงแขง็
เหมาะสา� หรบั ใช้กับสีนา้� มัน
ในการระบายสคี วรจะมพี กู่ นั ทง้ั ๒ ชนิด คือ ท้งั ชนดิ กลม พ่กู ันชนดิ กลม
และชนิดแบน ให้เลอื กซอื้ เฉพาะเบอร์ท่เี ห็นว่าจา� เป็นในการใชเ้ ทา่ นนั้
อย่างนอ้ ยควรมเี บอร์ ๓ เบอร์ ๘ และเบอร ์ ๑๒ ไว้ส�าหรับระบายสีในขนาด
พื้นทต่ี ่างๆ กนั
การใชแ้ ละการเกบ็ รกั ษา
ถา้ เปน็ พกู่ นั ทซี่ อื้ มาใหมจ่ ะตอ้ งลา้ งนา�้ ใหก้ าวทต่ี ดิ อยตู่ รงปลายพกู่ นั
ละลายออกใหห้ มดเสยี กอ่ น จากนนั้ ควรแตง่ ปลายพ่กู ันใหเ้ รยี ว อยา่ ใหป้ ลายแตก
พู่กันเบอร์เล็กใช้ระบายในเน้ือท่ีเล็ก พู่กันเบอร์ใหญ่ใช้ระบายในเนื้อท่ีบริเวณกว้าง
การระบายสีให้ระบายจากด้านบนลงมาด้านล่าง ระบายจากซ้ายไปขวา เม่ือใช้พู่กัน
กับสีหน่ึงแล้ว ก่อนน�าไปใช้กับสีอื่นจะต้องล้างสีเดิมออกให้หมดเสียก่อน เพ่ือมิให้สี
ผสมกนั กลายเปน็ สที เ่ี ราไมต่ อ้ งการ อยา่ แชพ่ กู่ นั ไวใ้ นแกว้ นา�้ เพราะจะทา� ใหป้ ลายพกู่ นั
งอและแตก
หลงั ใชพ้ กู่ นั เสรจ็ แลว้ ควรลา้ งสอี อกจากพกู่ นั ใหห้ มดและสลดั นา้� ออกจาก
พู่กนั ใหแ้ ห้งเสยี กอ่ น แลว้ จึงเอาผา้ เชด็ หรอื ซบั น้า� จากปลายพกู่ ันอีกคร้ังหน่ึง ถ้าปลาย
พู่กันไม่เรียบร้อยควรเอาน้ิวลูบท่ีปลายพู่กันให้เรียบเหมือนทรงเดิม ถ้าขนพู่กันยัง
แตกปลายให้เอากาวเพียงเลก็ น้อยลูบปลายให้เข้ารูปทรงอกี ครั้ง เสรจ็ แลว้ เกบ็ ใส่กล่อง การเก็บพู่กันควรเก็บใส่ภาชนะ
เครื่องมือท่เี ป็นรปู ทรงกลม หรือทรงกระบอกโดยเอาทางด้ามลง อยา่ เอาปลายพู่กันลง กระบอก โดยต้ังให้ปลายพู่กัน
เพราะจะทา� ใหป้ ลายพกู่ นั เสยี รปู ทรง และจะทา� ใหใ้ ชง้ านไมส่ ะดวก เมอ่ื ระบายสคี ราวตอ่ ไป ชข้ี ึ้น
4๕
ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู
ขอสอบป ’52 ออกเก่ยี วกบั จานสี ครูควรสาธติ วิธีการใชจานผสมสี โดยเนนยํา้ กบั นักเรยี นเก่ยี วกับภาชนะใสน าํ้ วา
จานผสมสีมหี ลายขนาด สว นมากจานผสมสจี ะมีสีอะไร ในการวาดภาพระบายสีนํ้าจําเปน ตอ งมภี าชนะใสนํา้ สาํ หรับลา งพูกนั อยเู คยี งขาง
1. สแี ดง เพอ่ื ไวชําระลางพูกันใหสะอาดกอนนาํ ไปแตมสอี นื่ รวมถงึ เนน ยํ้าเร่อื งวธิ กี ารเลือกใช
2. สีเหลือง พูกันแตละเบอรวา เบอรน้ันๆ เหมาะกบั การระบายในพื้นท่ีแบบใด
3. สีขาว
4. สดี าํ นกั เรียนควรรู
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. จานผสมสี เปน ภาชนะสําหรับใสสีและ 1 พูกัน มีขนาดเลก็ และใหญตามเบอรท ี่ติดอยบู นดา มพกู นั หากตวั เลขมาก
แสดงวา มขี นาดใหญกวา ตัวเลขนอ ย ซ่ึงปจ จุบันในประเทศไทยมกั จะใช
ผสมสี จานสคี วรเปน สขี าว ทึบแสง เพราะถา ใชจานผสมสีทีเ่ ปนสจี ะทาํ ให ขนใยสงั เคราะหม าทําขนแปรง ซ่ึงไมคอ ยอมุ นา้ํ เทาที่ควร หากเปนพูกนั ทใ่ี ชขนสตั ว
มองเหน็ สใี นจานผสมสหี ลอกตา ทําขนแปรงจะไดคณุ ภาพทด่ี กี วา ทั้งน้รี าคาของพกู ันก็จะแตกตางกนั ไปตามวสั ดุ
คูม่ ือครู 45
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนักเรียนกลุม ท่ี 5 สง ตวั แทนออกมาอธบิ าย ๒) จานผสมสี มีหลายขนาด หลายแบบ อาจท�าด้วยกระเบ้ืองหรือ
ความรูเกี่ยวกบั สีประเภทตา งๆ ตามทไี่ ดศ กึ ษามา
หนา ชนั้ เรยี น จากนน้ั ครถู ามนกั เรยี นวา พลาสติกก็ได้ มีช่องส�าหรับผสมสีหลายช่อง โดยทั่วไปจานผสมสีจะมีสีขาว
เพราะทา� ให้มองเห็นสีท่ีอยู่ในจานผสมสไี ด้อย่างชัดเจน
• เพราะเหตใุ ด จงึ ไมค วรระบายสีนํ้า
ซา้ํ หลายๆ คร้ัง การใชแ้ ละการเก็บรักษา
(แนวตอบ สนี า้ํ เปน สที ใ่ี ชน าํ้ ผสมในการระบายสี เราจะใชจ้ านผสมส ี เพื่อจะผสมสีน้า� สีฝนุ่ หรอื สโี ปสเตอร์ แตถ่ า้
มคี ุณสมบัติโปรง ใส การลดนา้ํ หนกั ของสใี ห มีกล่องสีจะใช้กล่องสีแทนจานสีก็ได้ หลังการใช้งานเสร็จแล้วควรล้างให้สะอาด
ใชวิธผี สมนาํ้ ใหเจอื จาง แตไมค วรระบายสที บั จานผสมสโี ดยทว่ั ไปจะเปน็ สขี าว เพราะเมอ่ื และเช็ดให้แหง้ กอ่ นเกบ็ ในทท่ี ีจ่ ัดไว้
กนั หลายๆ ครัง้ จะทาํ ใหส ีหมน ไมส ดใส)
เวลาผสมสีจะได้เหน็ สีชดั เจน
๒.๕ สปี ระเภทต่างๆ
๑) สีนํ้า แบ่งเปน็ ๒ ชนิด ดังนี้
๑.๑) สนี ํ้าชนิดบรรจกุ ล่อง ภายในกลอ่ ง
จะแบ่งเป็นช่องสี่เหล่ียมหลายช่องส�าหรับบรรจุสีแต่ละ
ช่องสี เน้ือสีมีลักษณะแข็ง ซึ่งสีชนิดนี้จะไม่แบ่งขาย
ถ้าจะซื้อต้องซื้อเป็นกล่องมีทั้งสีที่ผลิตภายในประเทศ สนี า้ํ ชนดิ บรรจกุ ลอ่ ง ในการใชง้ านตอ้ งระมดั ระวงั อยา่ ใหส้ มี าผสมกนั
และน�าเข้าจากตา่ งประเทศ ๑.๒) สีน้ําบรรจุหลอด ในหน่ึงหลอดจะ
บรรจเุ พยี งสเี ดียว มีหลายขนาด เนือ้ สจี ะมีลกั ษณะเหลว
เหมอื นยาสฟี นั สีชนดิ นีแ้ บง่ ขายเปน็ หลอดได ้ ส่วนมาก
จะเลอื กซื้อเฉพาะแมส่ ี ๓ ส ี เทา่ นนั้ คือ สแี ดง สเี หลอื ง
และสีน�้าเงิน เพราะท้ัง ๓ สีนี้ สามารถน�าไปผสมกัน
เป็นสอี ่ืนไดต้ ามตอ้ งการ
สีนํ้าชนิดบรรจหุ ลอด เวลาใช้ค่อยๆ บบี ทด่ี ้านล่างของหลอด การใช้และการเก็บรักษา
ก่อนท่ีจะลงมือระบายสีน้�าน้ันควรใช้พู่กัน
ชุบน�้าเปล่าทา หรือลูบบริเวณภาพท่ีจะระบายแล้วท้ิงไว้ให้หมาด เวลาระบายสีสีจะติดดแี ละซึมซับสวยงาม ในการ
ใชส้ ีถ้าเป็นสชี นิดบรรจกุ ลอ่ งให้ใชพ้ ู่กนั จุ่มน�้าพอประมาณ จากน้นั จงึ ละเลงน�า้ ลงบนสที ีต่ ้องการ สีกจ็ ะละลายออกมา
ถ้าเป็นสีหลอดให้บีบสีใส่จานผสมสีเสียก่อน แล้วใช้พู่กันจุ่มน�้ามาละลายสีให้ได้สีเข้ม หรือสีอ่อนตามต้องการ
ก่อนจะระบายลงบนภาพจริงควรระบายลงบนกระดาษอ่นื กอ่ น เมื่อไดส้ ีเข้ม หรือออ่ นตามตอ้ งการแลว้ จึงใชร้ ะบาย
ลงบนภาพจรงิ ทง้ั นี้ ควรระบายสเี พยี งครง้ั เดียว อยา่ ระบายทบั กันหลายๆ คร้ัง จะทา� ให้สดี ่างไมส่ ม่�าเสมอ
ในการเก็บรักษาน้ัน ถ้าเป็นสีชนิดบรรจุกล่องจะต้องท�าความสะอาดบริเวณขอบของช่องสีแต่ละสี
และฝากล่องให้สะอาดเสียก่อนแล้วจึงเก็บ แต่ถ้าเป็นสีชนิดบรรจุหลอดควรเช็ดสีท่ีติดอยู่ตามหลอดออกให้หมด
ปิดฝาให้แนน่ แลว้ จงึ เกบ็ ใส่กลอ่ ง
4๖
เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET
ครูอธิบายเพิม่ เตมิ เก่ยี วกบั เทคนิคการใชสนี ้ําวามีอยูด ว ยกนั หลากหลายเทคนคิ ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกับคุณสมบัติของสนี ํ้า
เชน ขอ ใดไมใ ชคุณสมบตั ขิ องสีนา้ํ
1. สนี ํ้าเปน สที ม่ี คี วามโปรง ใส
• การระบายแบบเปยกบนเปย ก (Wet on Wet) คอื สเี ปย ก (สีผสมนาํ้ แลว ) 2. เนือ้ สีของสีนา้ํ บางเบาเม่ือระบายสบี นกระดาษจะเห็นความใสของสี
ระบายบนกระดาษเปยก เทคนิคน้ีนําไปใชร ะบายทอ งฟา หรอื นาํ้ ทะเลได บนผวิ กระดาษ
3. เวลาระบายตอ งรจู กั คอยจงั หวะเวลา เพอื่ กาํ หนดความชุม เปย ก
• การระบายแบบเปยกบนแหง (Wet on Dry) เปน ลักษณะการระบายเรียบ ของกระดาษ
โดยใชส ี (ผสมน้ําแลว ) ระบายบนกระดาษแหง 4. ใชส ขี าวผสมใหอ อ นหรือสวางขึ้นแลว ใชส ีดําผสมสีใหเขม หรอื มดื ลง
• การระบายแบบแหงบนแหง (Dry on Dry) เปนการระบายสขี นๆ วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เพราะสีน้าํ มคี วามโปรงใส ดงั นนั้
บนกระดาษแหง ในลักษณะตางๆ เชน แตะ แตม ขดี เขยี น ลากเสน
อยางรวดเร็วประกอบกับการใชส ว นตางๆ ของพกู ัน เชน ปลายพกู ัน เพื่อให ในการใชสีนํา้ จงึ ไมนยิ มใชส ขี าวผสมเพือ่ ใหม ีนาํ้ หนกั ออ นลง และไมนยิ มใช
เกิดเปนลักษณะตา งๆ เทคนิคน้ีนาํ ไปใชเ นน เพ่อื เพม่ิ รายละเอยี ดของภาพ สดี ําผสมใหมนี าํ้ หนกั เขม ขนึ้ เพราะจะทําใหเกดิ นา้ํ หนกั มดื เกินไป แตจะใช
สีกลางหรือสีตรงขา มผสมแทน
• การระบายเคลือบ (Glazing) เปน การระบายทับซา้ํ สีท่ีแหง สนทิ แลวดว ยสีเดมิ
ทเ่ี ขมกวา โดยสที ร่ี ะบายเคลอื บควรเปน สีโปรง แสง เพ่ือนําไปใชสรางรูปทรง
ลดความจัดจา นของสีบรรยากาศหรือใหเ กิดเปนเหล่ยี มเปนสัน
46 คมู่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเข้าใา้ จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
1 ครใู หน กั เรยี นสรปุ สาระสาํ คญั เกย่ี วกบั เครอ่ื งมอื
และอุปกรณท ใ่ี ชใ นการวาดภาพระบายสี ระบุ
๒) สโี ปสเตอร เป็นสที บ่ี รรจไุ ว้ในขวด มหี ลายขนาด เน้ือสคี ่อนขา้ งเหลว มีนา�้ หล่อเลยี้ งไว ้ เพ่อื ปองกนั เกีย่ วกบั คณุ สมบัติ วิธีการใชและดแู ลรักษา
พรอมหาภาพประกอบใหสวยงาม โดยทําลง
ไม่ให้สแี ห้ง สีโปสเตอร์ใชง้ า่ ย มีความเหนยี ว และระบายตดิ กระดาษได้ด ี กระดาษรายงาน สง ครผู สู อน
สามารถระบายทับไปมาไดห้ ลายครั้ง
การใช้และการเกบ็ รักษา
ในการใชส้ โี ปสเตอร์ต้องใช้ไม้ หรือ
ด้ามพู่กนั คนสีใหเ้ ข้าเปน็ เนอื้ เดียวกนั กอ่ น ถา้ สีข้น ตรวจสอบผล Evaluate
เกนิ ไปให้ใชน้ า้� ผสมเพื่อให้สจี างลง หรือถา้ ต้องการ ครูพจิ ารณาจากการสรุปสาระสําคัญเก่ยี วกับ
เครื่องมือและอปุ กรณใ นการวาดภาพระบายสีของ
ให้ได้สีอ่อนก็ให้ใช้สีขาวผสม แต่ถ้าต้องการสีเข้ม นักเรียน
ใหใ้ ชส้ ีดา� หรอื สคี ู่ตรงข้ามผสมก็จะไดส้ ีเข้มตาม
ต้องการ ถ้าสียังมีรอยต่อผสมไม่กลมกลืนกันดี
ใหใ้ ชพ้ กู่ นั เปลา่ ๆ จมุ่ นา�้ แลว้ เกลยี่ รอยตอ่ ใหก้ ลมกลนื กนั
เมื่อใชส้ ีโปสเตอรเ์ สร็จแล้วควรทา�
ความสะอาดขวดแล้วปิดฝาใหส้ นิท ถา้ ขวดใดน�้าแห้ง สโี ปสเตอรบ์ รรจอุ ยใู่ นขวด เมอ่ื เปดิ แลว้ ควรรบี ปดิ ฝาขวด เพอื่ ปอ งกนั
ใหเ้ ตมิ น้�าลงไปเพื่อกนั สีแห้ง ไม่ใหส้ ีแห้ง
๓) สีฝนุ มีลักษณะเปน็ ผง มหี ลายสดี ้วยกัน แบง่ ขายเปน็ กโิ ลกรมั หรอื มากนอ้ ยตามความตอ้ งการของ
ผซู้ อื้ ปจั จบุ นั นยิ มใชส้ ฝี นุ่ ในการวาดภาพขนาดใหญ ่ เชน่ ฉากละคร ภาพโฆษณา ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ใชร้ ะบายพนื้ ที่
ขนาดกวา้ งๆ เปน็ ตน้
การใชแ้ ละการเก็บรักษา
ในการใช้สีฝุ่นจะต้องผสมสีฝุ่นกับน้�ากับกาวกระถิน
หรือกาวอื่นๆ เพ่ือให้สีติดแน่นกับกระดาษหรือวัสดุที่
ตอ้ งการวาด เมื่อผสมสีเขา้ กนั ดีแล้วสามารถนา�
ไปใช้งานได้เลย ซึ่งจะระบายทับกันก่ีครั้งก็ได ้
แตถ่ า้ ต้องการสหี นกั หรือเบาก็ให้ใชส้ ดี �า หรือ
สขี าวผสมลงไปเชน่ เดยี วกับสีโปสเตอร์
เม่อื ใช้สฝี ุ่นเสร็จแลว้ ควรเกบ็ ใส่ภาชนะ
หลังใช้ทุกครั้งควรปิดฝาให้มิดชิด เพ่ือไม่ให้
สถี ูกความชื้นจากอากาศ จะทา� ให้สเี กาะตัว
กนั เป็นกอ้ น
สฝี นุ มกั นยิ มใชก้ ับการเขยี นภาพขนาดใหญ่
4๗
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ใหนักเรยี นผสมสโี ปสเตอรสีตางๆ กบั สีขาวหรอื สดี าํ แลว ระบาย 1 สีโปสเตอร เปนสชี นดิ สีฝนุ (Tempera) ที่ผสมกาวนา้ํ บรรจุเสร็จเปน ขวด
ลงกระดาษ 100 ปอนด เพ่อื ทดลองไลน า้ํ หนกั สี เสรจ็ แลว นาํ ผลงาน การใชง านเหมอื นกับสนี ้าํ คอื ใชน ํา้ เปน ตัวผสมใหเจอื จาง สีโปสเตอรเปน สที บึ แสง
สง ครูผสู อน มเี นือ้ สขี น สามารถระบายใหม เี น้ือเรียบได และผสมสขี าวใหม ีนํ้าหนักออ นลงได
เหมือนกบั สีนา้ํ มนั หรอื สอี ะครลิ ิก สามารถระบายสที บั กนั ได มกั ใชใ นการวาดภาพ
กิจกรรมทา ทาย ภาพประกอบเรือ่ ง ในงานออกแบบตา งๆ ในขวดสโี ปสเตอรม ีสวนผสมของ
กลีเซอรนี ซ่ึงเปน สารทช่ี วยทําใหสแี หงเรว็
ใหน ักเรียนวาดภาพแลว ระบายสโี ปสเตอร โดยกาํ หนดใหน กั เรยี นใชส ใี ด มุม IT
สหี น่ึงไดเพยี งสีเดียวผสมกบั สขี าวหรอื สดี ํา เพื่อพจิ ารณาเทคนคิ
การไลนาํ้ หนักสี ทําลงกระดาษ 100 ปอนด นาํ สง ครูผูสอน นักเรยี นสามารถศึกษาเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับเทคนิคการระบายสโี ปสเตอร ไดท่ี
http://krookong.net/painting_technigue/postercolor_technique.html
คู่มือครู 47