The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aust10thammarong.pon25, 2022-03-10 02:48:11

หนังสือแบบเรียน ทัศนศิลป์ ม.1

ทัศนศิลป์ ม.1

Keywords: ทัศนศิลป์ ม.1

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครนู าํ ตวั อยา งภาพวาดสนี าํ้ มนั “วฏั จกั รแหง ชวี ติ ” ๔) สีเทียน มีลักษณะเป็นแท่ง เน้ือสีผสมน้�ามันเหมือน
ผลงานของพชิ ยั นิรนั ต มาใหน กั เรยี นดู (ท้งั นคี้ รู
อาจนาํ ภาพวาดระบายสขี องศลิ ปน ทา นอืน่ ๆ มาใช เทยี นไข มหี ลายส ี บรรจไุ วเ้ ปน็ กลอ่ งๆ หลายขนาด และปรมิ าณใชร้ ะบาย
เปน ตวั อยางกไ็ ด) จากน้ันครูถามนักเรยี นวา
หรือขีดเขียนบนกระดาษ ซึ่งถ้าเป็นกระดาษที่มีเน้ือหยาบจะระบาย
• เพราะเหตใุ ด ศลิ ปน จึงวาดภาพสนี าํ้ มนั
ออกมาไดส วยงาม ตดิ ได้ดี ในการระบายอย่าระบายทับไปมาหลายครง้ั มากเกินไป เพราะ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยา งอิสระ)
สจี ะหนาไม่เท่ากัน ดแู ลว้ ไม่สวย
• นกั เรยี นคิดวา ส่ิงสาํ คญั ของการวาดภาพ
ระบายสคี อื อะไร การใชแ้ ละการเก็บรักษา
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ)
สเี ทียนมีลักษณะเปน็ แท่งใช้งานไดส้ ะดวก ในการใช้สีเทียนให้จับสีเทียนเหมือนกับจับดินสอแรเงา
จากน้ันครเู ชอ่ื มโยงเขาสแู นวทางพ้ืนฐานใน
การวาดภาพระบายสี โดยคว�า่ มือใหส้ ีเทียนอยู่ในองุ้ มอื แล้วใชน้ ้ิวชีแ้ ตะด้านบนของแทง่ สี เพ่อื กดสีให้สมั ผสั กระดาษหนกั -เบาตามต้องการ

จะวาด หรอื ระบายทบั กนั กค่ี ร้ังก็ได ้ หรือถา้ จะหักออกมาแลว้ ระบายตามแนวนอนก็ได้

เม่ือใช้สีเทียนเสร็จแล้ว ควรส�ารวจว่ามีครบตามจ�านวนหรือไม่ จากน้ันน�าสีเทียนแต่ละแท่งมา

ท�าความสะอาดเสียก่อน เพราะอาจจะมีเศษสีของแท่งอื่นมาติดอยู่ จึงต้องเอาใบมีด หรือคัตเตอร์ขูดเอาสีอื่นออก

แล้วใช้ทิชชูเช็ดอีกครั้ง แล้วจึงเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย ระวังอย่าให้สีตกหล่นลงบนพ้ืนที่แข็ง หรือถูกส่ิงอ่ืนวางทับ

สา� รวจคน้ หา Explore เพราะจะทา� ใหส้ หี กั ได้
๕) ถ่านชารโคล เป็นถ่านสีด�าแท่งกลม
ใหนกั เรยี นศกึ ษา คนควาเกย่ี วกบั องคป ระกอบ
และขัน้ ตอนในการวาดภาพ จากแหลงเรยี นรตู า งๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๔ มิลลิเมตร ยาว
เชน หนงั สือเรียน หองสมุด อนิ เทอรเนต็ เปน ตน
ประมาณ ๑๐ เซนติเมตร นิยมใชว้ าดรูปบนกระดาษปรู๊ฟ

ถา่ นชาร์โคลมลี กั ษณะคลา้ ยกบั ไสด้ นิ สอดา� แตไ่ มม่ ไี มห้ อ่ หมุ้

ภายนอก ลกั ษณะเด่นของถา่ นชาร์โคล คือ วาดติดง่าย

และลบออกงา่ ย สามารถปาด หรอื เกลยี่ ใหเ้ นอ้ื ถา่ นกระจาย

ออกได้ด ี ทา� ใหภ้ าพดมู คี วามนมุ่ นวลข้นึ

การใชแ้ ละการเก็บรักษา
ใชว้ าดรปู หรอื ระบายส ี เวลาข1ดี เขยี น หรอื ถา่ นชารโ์ คลจะมีสดี าํ เหมาะกับภาพขาวดาํ ท่ีเนน้ การแสดงแสง-เงา

แรเงาตอ้ งใช้นว้ิ มอื จับสัมผสั กบั ถา่ นโดยตรง แล้วระบายลงน้า� หนกั ตามตอ้ งการ นอกจากน ้ี ยงั สามารถสร้างน้�าหนัก

ใหก้ ลมกลืนโดยใช้นิ้วมอื หรือสา� ลถี ู หลงั ใช้งานเสร็จควรเกบ็ ใส่กล่องให้เรยี บร้อย ระวังอยา่ ใหถ้ า่ นแตกหัก

ó. á¹Ç·Ò§¾้×¹ฐҹ㹡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ

การสร้างสรรค์งานจิตรกรรมด้วยการวาดภาพและระบายสี ประกอบไปด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย
เชน่ การขีด ขูด เขียน ลาก หยด แตม้ เท สลัด ระบาย เป็นตน้ โดยใชว้ สั ดตุ ่างๆ ในการทา� งาน คือ หมกึ ปากกา
พูก่ นั แปรง แลว้ แตค่ วามถนดั และความสนใจของแตล่ ะบุคคล รวมท้งั ความเหมาะสมในการเลือกใชว้ ิธีใดกับผลงาน
ชนิ้ นน้ั ดงั นน้ั การวาดภาพระบายสจี งึ เปน็ กจิ กรรมทแ่ี ตล่ ะบคุ คลสามารถแสดงออกไดอ้ ยา่ งเสร ี สง่ิ ทตี่ อ้ งศกึ ษาเรยี นรู้
กอ่ นการลงมอื วาดภาพน้นั ควรเรยี นรูเ้ กยี่ วกบั องคป์ ระกอบในการวาดภาพและข้ันตอนต่างๆ ในการวาดภาพก่อน

4๘

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั สีทใ่ี ชในการวาดภาพระบายสี โดยสมี อี ยหู ลายชนดิ ที่
นํามาใชไ ดท นั ที เชน สเี ทียน ดินสอสี สชี อลก และชนดิ ผสมน้าํ เชน สีน้าํ สโี ปสเตอร ทกุ ขอ เปนข้ันตอนในการดแู ลรักษาสหี ลังจากใชงานยกเวนขอใด
นอกจากนี้ ยงั มีถา นเกรยองซง่ึ มลี ักษณะเปนแทงเหล่ียม มีใหเลอื กหลายสี เชน สีดาํ 1. นาํ หลอดสใี สก ลอ งภาชนะ
แดง ขาว มีความเขมมากและไมลบเลือนงาย การเลือกใชสนี กั เรียนควรศกึ ษาไว 2. สํารวจตรวจสอบสีใหครบ
เพอื่ เปนพืน้ ฐานและแนวทางในการศกึ ษาขน้ั ท่ีสูงกวาในโอกาสตอไป 3. เปด ฝาท้งิ ไวขา มคนื
4. เชด็ ทําความสะอาดหลอดสี
นกั เรียนควรรู
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การเปด ฝาทงิ้ ไวจ ะทาํ ใหน ํ้า หรือสารผสมสี
1 ใชน ว้ิ มอื จบั สมั ผสั กบั ถา นโดยตรง ในการแรเงาหรอื ระบายสโี ดยใชถ า นชารโ คล
พงึ ระมดั ระวงั บรเิ วณสนั มอื ซง่ึ มกั จะไปโดนเนอ้ื สถี า นจากบรเิ วณทเ่ี คยระบายไปแลว ระเหยออกไป จะทาํ ใหส แี หง แขง็ ตวั ถาทิ้งไวนานจะติดแขง็ ในหลอด
โดยไมตั้งใจ จะมผี ลทําใหภาพเปรอะเปอ น วธิ แี กใหใชไ มบ รรทัดขนาดใหญว างลง หรอื ขวด ไมสามารถจะนํามาใชงานไดหรอื ใชไ มส ะดวก ดังนนั้ เมอื่ บีบสี
บนภาพเปน ทรี่ องรับสันมอื กอ น หรือตักสีขน้ึ มาจากภาชนะแลว ใหร บี ปด ฝาภาชนะท่ีบรรจสุ ีทุกครง้ั
เพอ่ื ปอ งกนั สีแหง

48 ค่มู ือครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

๓.๑ องคประกอบในการวาดภาพ ครใู หน ักเรยี นรว มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับ
องคประกอบในการวาดภาพตามท่ไี ดศ ึกษามา
ผทู้ จี่ ะวาดภาพได้ดีจา� เป็นต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเร่อื งองคป์ ระกอบของการวาดภาพเสียกอ่ น เพอ่ื ท่ี แลว ใหนักเรียนสรุปองคป ระกอบในการวาดภาพ
ลงสมุดบนั ทกึ จากนั้นครูถามนกั เรยี นวา
จะได้วาดภาพให้มีความสัมพันธ์กัน เป็นการท�าให้ภาพท่ีวาดน้ันมีคุณค่า มีความสวยงาม และเกิดความน่าสนใจ
• เพราะเหตุใด ผูทจี่ ะวาดภาพระบายสีตอง
มากยง่ิ ขึน้ องคป์ ระกอบสา� คัญในการวาดภาพ มอี ยู่ ๒ ลกั ษณะ ดงั น้ี เรียนรเู กย่ี วกบั องคป ระกอบในการ
๑) องคป ระกอบของภาพ การวาดภาพประกอบ วาดภาพกอน
(แนวตอบ ผทู ่วี าดภาพไดด ีจําเปน ตอง
ต้องใช้ส่วนประกอบท่ีเป็นทัศนธาตุหลายชนิดด้วยกัน คือ จุด มีความรู ความเขา ใจในเรอื่ งองคป ระกอบ
ของการวาดภาพเสยี กอน เพอื่ ที่จะได
เสน้ รปู ร่าง รปู ทรง น้า� หนักออ่ น-แก ่ พ้ืนท่วี ่าง พนื้ ผวิ และสี วาดภาพใหมคี วามสัมพันธกนั เปนการทําให
ภาพวาดน้ันมีคณุ คา มีความสวยงาม และ
ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในเร่ืองทัศนธาตุ ในท่ีน้ีจะเน้นเฉพาะเรื่อง นาสนใจมากยิง่ ข้ึน )

รปู รา่ ง รปู ทรง และขนาด เนอื่ งจากเปน็ สว่ นทป่ี รากฏแกส่ ายตา • การวาดภาพที่เปน รูปรา งและรปู ทรง
มีกี่ลกั ษณะ แลวแตล ะลักษณะเปนแบบใด
และรบั รไู้ ดใ้ นลา� ดับแรกเม่อื มองดภู าพนั้น (แนวตอบ รูปรางและรูปทรงมี 3 ลักษณะ
ไดแก รูปรา ง รปู ทรงเรขาคณติ เชน
๑.๑) รูปรา่ ง (Shape) หมายถงึ รปู นอก หรือ รปู ทรงกลม รปู สามเหล่ียม เปนตน
รูปราง รูปทรงธรรมชาติ เชน คน สตั ว พชื
เสน้ ทเี่ ปน็ เสน้ โครงของวตั ถสุ ง่ิ ของทเ่ี หน็ เปน็ ๒ มติ ิ คอื มคี วาม กอนหนิ เปน ตน และรปู รา ง รปู ทรงอิสระ
ไดแก รูปราง รูปทรงท่เี ปน ไปตามอทิ ธพิ ล
กว้างและความยาว ภาพจะมีลักษณะแบน ไมม่ ีความหนา ของส่ิงแวดลอ ม เชน หยดนา้ํ กอนเมฆ
ควัน เปนตน )
๑.๒) รูปทรง (Form) หมายถึง โครงสร้าง “วฏั จักรแหง ชวี ติ ” ภาพวาดสนี ํา้ มัน ผลงานของ พิชยั นริ นั ต์
แสดงให้เห็นถึงการจัดองค์ประกอบภาพท้ังสีและเส้นท่ีวางได้
ของวตั ถุส่งิ ของทปี่ รากฏในลักษณะ ๓ มติ ิ คอื มคี วามกวา้ ง
ความยาว และความลึก จะเห็นภาพดูมีน�้าหนัก มีปริมาตร อย่างลงตัว

ในการวาดภาพท่ีเป็นรูปทรง การใช้แสงและเงามีส่วนเกยี่ วขอ้ งอย่างมาก

เกรด็ ศิลป การวาดภาพท่เี ปน็ รูปรา่ ง รปู ทรง

การวาดภาพท่ีเป็นรปู รา่ ง รปู ทรงมี ๓ ลักษณะ ดังนี้
๑. รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต ได้แก่ รูปร่าง รูปทรงท่ีมีลักษณะเป็นแบบ

เรขาคณิต เชน่ รูปทรงกลม รปู สามเหลย่ี ม รูปสเี่ หล่ียม รปู ทรงกระบอก เปน็ ต้น
รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต มีโครงสร้างท่ีเป็นพ้ืนฐานของรูปร่าง รูปทรงอ่ืนๆ เรา
สามารถวเิ คราะหร์ ปู รา่ ง รปู ทรงในธรรมชาตอิ อกมาเปน็ รปู รา่ ง รปู ทรงเรขาคณติ ได้

๒. รูปรา่ ง รปู ทรงธรรมชาติ ได้แก่ รูปร่าง รูปทรงธรรมชาต ิ เช่น คน สัตว ์ พืช
ก้อนหนิ เป็นต้น

๓. รูปร่าง รปู ทรงอสิ ระ เป็นรูปร่าง รูปทรงท่ีไมไ่ ด้จา� กดั อยู่ในแบบเรขาคณิต
หรือแบบธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นอย่างอิสระ ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอนของตัวเอง
เป็นไปตามอทิ ธพิ ลของส่งิ แวดลอ้ ม เชน่ หยดน้า� เมฆ ควนั เป็นตน้ มีลกั ษณะ
เล่ือนไหล หรือเคลอื่ นไหว หรอื เป็นรูปรา่ ง รปู ทรงท่ถี กู เปลย่ี นแปลง เพ่ิมเตมิ หรอื
ตัดทอนให้ดูงา่ ยขึ้น ไม่เหมือนจรงิ หรือเหนอื ความจริงของคนในยคุ สมยั น้ันแล้ว

49

แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู

ความงามของรูปรางเกดิ จากส่งิ ใด ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา ในการวาดภาพใหอ อกมามคี ณุ ภาพนนั้ ตอ งอาศยั
1. มคี วามหนาดแู ลว สมจริง ประสบการณแ ละจินตนาการ แตก ารวาดภาพตามประสบการณและการวาดภาพ
2. มีความลกึ ไดส ัดสวนกบั ความยาว ตามจนิ ตนาการจะมีขน้ั ตอนการวาดภาพท่แี ตกตางกนั เลก็ นอย ดังน้ี
3. มแี สงเงาเกดิ เปนภาพ 3 มิติ
4. มีความกวา งและความยาวไดสัดสว นกนั 1. การวาดภาพตามประสบการณ ซึง่ เปนภาพทมี่ เี นอื้ หาและสาระอยใู นภาพ
ดงั นน้ั จงึ เรม่ิ จากการเลือกประสบการณที่ไดพบมาในชวี ิตท่ีตอ งการจะ
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. รปู รางเปนรูปนอกหรือเสนทีเ่ ปนโครง ถายทอดเปนหวั ขอ เรอ่ื งหรือชอ่ื ภาพนั่นเอง จากน้นั จึงคอ ยๆ รา งภาพ
แลว ลงนํา้ หนักแสงเงา หรือลงสี ทัง้ นี้ผูวาดจําเปน ตองคาํ นงึ ถงึ เร่อื งการจดั วาง
ของวัตถุสิ่งของทเ่ี ห็นเปน 2 มิติ ดังน้ัน ความงามของรปู รา งจึงพิจารณาได องคป ระกอบศลิ ปดวย
จากความกวา งและความยาวทไี่ ดสัดสวนกัน
2. การวาดภาพตามจินตนาการ สวนใหญจ ะเกดิ จากแรงบันดาลใจของศลิ ปน
จนนําไปสกู ารสรางสรรคผ ลงาน เปนการแสดงออกจากภาพภายในจิตใจสู
ภายนอก ดงั นั้น ข้นั ตอนการวาดภาพจึงเปน ไปอยา งอสิ ระ ไมต อ งยึดตดิ กบั
สง่ิ ใดๆ บางคร้ังภาพทว่ี าดออกมาไมจาํ เปน จะตองสมจริงกไ็ ด

คู่มอื ครู 49

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

ใหนกั เรียนรวมกันอธิบายเก่ยี วกบั ข้นั ตอน ๒) องคประกอบทางเนอ้ื หา (Content) หรือ
ในการวาดภาพตามทีไ่ ดศ กึ ษามา จากนัน้ ครถู าม
นักเรียนวา องค์ประกอบของเรื่องราวในภาพวาด องค์ประกอบด้านนี้มี

• ขน้ั ตอนใดสาํ คญั ทส่ี ดุ ของขนั้ ตอนการวาดภาพ ความส�าคัญมากกว่าองค์ประกอบของภาพด้านรูปร่าง รูปทรง
เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบคําถามได และขนาด เพราะเมื่อมนุษย์ค้นพบศิลปะแต่ละอย่างก็จะท�าให้
อยา งอสิ ระ ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ วา ข้ันตอนการ
รา งภาพเปนขนั้ ตอนท่ีสาํ คญั ในการวาดภาพ ทราบเรื่องราวชีวติ ความเป็นอยู่ของมนษุ ย ์ และเรือ่ งอืน่ ๆ ทมี่ ี
ระบายสี เพราะการรางภาพเปนการเร่มิ ตน
โครงรา งของภาพ เปน การถายทอดความคิด ความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ เสมอ เช่น เรื่องราว
หรอื จนิ ตนาการออกมา กอ นการวาดภาพ
ทกุ ครัง้ จําเปนตอ งมีการรางภาพ เพอ่ื จัดลําดับ เกีย่ วกับความเชื่อทางสงั คม เร่ืองราวเกย่ี วกบั ศาสนา เรอ่ื งราว
เนือ้ หา จัดองคป ระกอบของทัศนธาตใุ หไ ด
ตามหลักการจดั องคประกอบศิลปท่ีสมบรู ณ เกี่ยวกับบคุ คลและประวตั ิศาสตร์ เรอื่ งราวเกย่ี วกบั นยิ าย หรือ
แลวจึงลงนํ้าหนักของเสน แสง เงา และสี
ตามภาพรา งท่ีกําหนดไว จึงจะไดผ ลงาน นิทานพน้ื บ้าน เรอ่ื งราวเกย่ี วกับตัวมนุษย ์ เป็นต้น
ที่มีคณุ ภาพ)
๓.๒ ข้ันตอนในการวาดภาพ
• สงิ่ ท่ีควรคาํ นงึ ถงึ มากทสี่ ดุ ในขั้นตอน
การแรเงา คอื ส่งิ ใด “พระอรชุน รําเพลงกลม” ภาพวาดสีน้ํามัน ผลงานของ การวาดภาพโดยทวั่ ๆ ไปจา� เปน็ จะตอ้ งรา่ งเสน้ ครา่ วๆ
(แนวตอบ ในการแรเงาผูวาดตอ งสังเกต จกั รพนั ธ ุ์ โปษยกฤต เปน็ การถา่ ยทอดภาพวาดจากวรรณคดี หรอื รา่ งเสน้ โครงนอก เพอ่ื ให้เหน็ องค์ประกอบตา่ งๆ ของภาพ
แสงเงาของตน แบบใหละเอยี ด ถา เปน ภาพ ไทย ท่ีใหท้ ้ังความงามและองค์ประกอบทางด้านเนื้อหา จากนั้นจึงวาดต่อเติมจนได้รูปลักษณะที่แน่นอน การเร่ิมต้น
วาดจากของจรงิ สิ่งสาํ คัญคือการกําหนด
ทิศทางเกีย่ วกับแสงสวา งท่สี อ งมากระทบวตั ถุ วาดภาพ ท้ังภาพเหมอื นจรงิ ของคน สัตว ์ สิ่งของ หรอื ภาพแสดงรปู ร่าง รูปทรง สสี ัน ต้องเรม่ิ ทก่ี ารรา่ งภาพก่อน
ใหถ ูกตอง เพ่อื ทผ่ี ลงานออกมาจะไดด มู มี ติ )ิ
เพอ่ื กา� หนดเค้าโครง แสงเงา และสี แล้วจงึ ลงมอื แรเงา หรือระบายสตี ามท่ีออกแบบไว้
๑) ข้นั เตรียมการ การเตรยี มตวั ทีจ่ ะวาดภาพปฏิบัติได ้ ดังน้ี

๑.๑) การเตรียมอุปกรณ ก่อนที่จะปฏิบัติการวาดภาพจะต้องเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือให้พร้อม

ท้ังนเี้ พือ่ ความสะดวกท่จี ะนา� อุปกรณ์เหล่าน้ันมาใช้

๑.๒) การเตรียมความพร้อม ในการวาดภาพผู้วาดจะต้องวางกรอบแนวคิดไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะ

วาดภาพอะไร จากนนั้ สรา้ งความรสู้ กึ ใหเ้ กดิ ความอยากวาดภาพ ทา� จติ ใจใหร้ สู้ กึ ผอ่ นคลาย จนเกดิ สมาธิในการทา� งาน

จึงจะท�าให้ภาพทวี่ าดออกมานัน้ มคี วามปร1ะณีตสวยงาม
๒) ขนั้ ร่างภาพ การรา่ งภาพเป็นส่วนสา� คัญในการวาดภาพ เพราะเป็นการเริ่มต้นวาดโครงรา่ งของภาพ

ทงั้ หมด การรา่ งภาพตอ้ งให้เหมาะสมกับหนา้ กระดาษ โดยคา� นึงถงึ โครงสร้างของรูปร่าง รปู ทรง ขนาด และสัดสว่ น

การร่างภาพของแต่ละคนจะมีวิธกี ารแตกตา่ งกัน บางคนเริ่มจากรายละเอยี ดไปหาส่วนใหญ่ บางคน

กเ็ ริม่ จากส่วนใหญ่ไปหาส่วนละเอยี ด แต่การรา่ งภาพที่ได้ผลดแี ละใช้เวลาไม่มากนัก คือ การรา่ งภาพจากส่วนใหญ่

กอ่ นแล้วจึงวาดรายละเอียดภายหลัง เมื่อรา่ งภาพได้เหมาะสมดแี ล้ว การลงน้า� หนัก หรือแรเงาก็จะทา� ไดง้ ่ายข้นึ
๓) ขัน้ ลงนํ้าหนัก การลงนา้� หนักของภาพจะม ี ๒ ลักษณะ คือ

๓.๑) วาดเสน้ หรอื แรเงา หมายถงึ การลงนา�้ หนกั เพอื่ ใหเ้ กดิ แสงเงา เรยี กอกี อยา่ งหนงึ่ วา่ “การแรเงา”

ผวู้ าดตอ้ งสงั เกตแสงเงาของตน้ แบบใหล้ ะเอยี ด ถา้ เปน็ ภาพวาดจากของจรงิ สง่ิ สา� คญั คอื การกา� หนดทศิ ทางเกยี่ วกบั

แสงสว่างทีส่ ่องมากระทบวตั ถใุ ห้ถกู ต้อง ดแู ลว้ มีมิติ

๕๐

เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครูควรแนะนาํ เพิ่มเติมเก่ียวกบั เรือ่ งแสงและเงาที่ตกกระทบวตั ถุ โดยอธิบาย
เพิม่ เตมิ กับนักเรยี นวา เงาตกทอดและเงาดา นมดื ของวัตถจุ ะอยูต รงกนั ขา มกบั การเขยี นภาพระบายสี สงิ่ แรกทผี่ วู าดจะตองปฏิบัตคิ อื อะไร
ดา นที่แสงตกกระทบเสมอ และถาแสงทต่ี กกระทบทํามุมทบั เสน ระนาบแคบ คอื 1. รา งภาพ
ประมาณ 30 องศา เงาตกทอดจะมคี วามยาวกวา เงาตกทอดของวตั ถทุ แ่ี สงตกกระทบ 2. กําหนดเรอ่ื ง
ทํามมุ กับเสนระนาบกวา ง หรอื มากกวา 30 องศา หรอื ถาแสงตกกระทบสวนบน 3. ตัดเสน
ของวัตถุ หรือตง้ั ฉากกับพื้นระนาบ เงาทีต่ กทอดจะสั้นหรอื อยใู ตว ตั ถุ โดยครูอาจพา 4. แตงกรอบ
นกั เรียนออกไปสังเกตเงาตกทอดของตนไม หรือเสาไฟทถี่ กู แสงอาทิตยส อ งในเวลา
ท่ีตางกันกไ็ ด วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ในการวาดภาพ ผวู าดจะตอ งวางกรอบหรือ

นกั เรยี นควรรู กําหนดเร่อื งทีจ่ ะวาดไวก อ นลว งหนา จากนนั้ คอ ยสรางความรูสกึ ใหเ กิด
ความอยากวาด ทาํ จติ ใจใหร สู กึ ผอ นคลาย ซง่ึ จะทาํ ใหเ กดิ สมาธใิ นการทาํ งาน
1 การรางภาพ สําหรับนกั เรยี นทีย่ ังไมช ํานาญและขาดทกั ษะทางดานนี้ เพือ่ และจะทาํ ใหภ าพทว่ี าดออกมามีความสวยงามประณีต ตอ จากนน้ั จงึ คอ ย
ปอ งกันการวาดแลวลบ ซึ่งจะทําใหกระดาษเปนขยุ ควรใชว ธิ รี า งภาพบนกระดาษ เขาสขู นั้ ตอนการรา งภาพ การลงนํา้ หนัก และการระบายสีตอไป
อน่ื ๆ กอ น เมื่อไดเคา โครงแลว จงึ คอ ยรางลงบนกระดาษทจ่ี ะใชวาดจริง

50 คูม่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate

ขยายความเขา้ ใจ E×pand

1. ครูใหน ักเรยี นสรปุ สาระสาํ คัญเกี่ยวกับ
แนวทางพื้นฐานในการวาดภาพระบายสี
ดา นองคประกอบในการวาดภาพและขน้ั ตอน
ในการวาดภาพลงสมดุ บนั ทึก สง ครูผสู อน

2. ครูใหนกั เรียนวาดภาพทิวทศั นโดยใชส ีนาํ้ หรือ
สีโปสเตอร มาคนละ 1 ภาพ โดยทาํ ลง
กระดาษ 100 ปอนด พรอ มต้ังชื่อภาพและ
เขียนอธิบายแนวคดิ ของภาพมาพอสงั เขป
นาํ ผลงานสงครผู ูส อน

“ศาสตราจารยคอรราโด เฟโรชี” ผลงานของ สมพงษ์ แสงครามรุ่งโรจน์ ภาพวาดสีไม้บนผ้าใบ ศิลปินใช้สีไม้สเกตช์เป็นภาพ และแรเงา
วางนํ้าหนกั อ่อน-แก ่ สรา้ งเปน็ ผลงานทัศนศลิ ป์ที่นา่ ชมขนึ้ มา

๓.๒) ระบายสี การระบายสีเป็นกระบวนการสืบเนื่องจากการวาดภาพแรเงา โดยเปล่ียนจากการใช้
ดินสอระบายน้า� หนกั ลงบนรูปทรงทวี่ าดมาเปน็ การใช้สรี ะบายแทน เพอ่ื ให้ภาพน้ันดูเหมอื นของจรงิ หรือใหภ้ าพนัน้
มีสีต่างๆ ตามแบบท่ีร่างไว้ หากเป็นการวาดภาพของจริง สิ่งส�าคัญก็เช่นเดียวกันกับภาพแรเงา คือ การก�าหนด
ทิศทางของแสงสว่างท่ีส่องมากระทบวัตถุ เช่น ด้านสว่างของวัตถุให้ระบายสีอ่อน ส่วนด้านตรงข้าม คือ ด้านท่ี
แสงสวา่ งตรงขา้ มกับแสง หรือด้านทีแ่ สงตกไม่ถงึ ให้ระบายสีเข้ม เป็นต้น หากเป็นสีโปสเตอร์ เมือ่ ตอ้ งการสอี ่อนให้
ผสมด้วยสีขาว เมอ่ื ตอ้ งการสเี ขม้ ใหผ้ สมด้วยสีดา� หรือสีตรงขา้ ม

กิจกรรม ศลิ ป์ปฏิบัติ ๔.๑

กจิ กรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนฝกปฏิบัติวาดภาพแรเงาจากวัตถุส่ิงของท่ีมีอยู่รอบตัว โดยเลือกตามมุมมองของ
แตล่ ะคน

กิจกรรมที่ ๒ ให้นกั เรียนฝกปฏิบตั ิวาดภาพระบายส ี ภาพผัก ผลไม้ ภาพดอกไม้ หรอื ภาพทิวทศั น์ โดยใช้
สนี า้� และสโี ปสเตอร์

กจิ กรรมท่ี ๓ จงตอบค�าถามต่อไปนี้
๓.๑ น กั เรียนเหน็ ด้วยหรือไม่วา่ การวาดภาพระบายสี มีความแตกตา่ งอยา่ งมากกับ

การวาดภาพแรเงา
๓.๒ รปู ร่างและรปู ทรงมลี ักษณะแตกต่างกันอยา่ งไร
๓.๓ การจะวาดภาพระบายสีให้มีผลงานดคี วรปฏิบตั อิ ยา่ งไร

๕1

แนวตอบ กิจกรรมศิลป์ปฏิบตั ิ 4.1 กจิ กรรมท่ี 3
1. นกั เรียนสามารถตอบคาํ ถามไดอ ยางอิสระ ทงั้ นคี้ รคู วรอธิบายเพมิ่ เตมิ วา การระบายสีเปนกระบวนการสบื เน่ืองจากการวาดภาพแรเงา โดยเปลี่ยนจากการใชดินสอ

ระบายน้าํ หนักลงบนรปู ทรงทีว่ าดมาเปน การใชส รี ะบายแทน
2. รปู รา ง หมายถงึ รปู นอกหรอื เสน ทเ่ี ปน เสน โครงของวตั ถสุ ง่ิ ของทเ่ี หน็ เปน 2 มติ ิ คอื มคี วามกวา งและความยาว ภาพทม่ี ลี กั ษณะแบน ไมม คี วามหนา สว นรปู ทรง หมายถงึ

โครงสรางของวัตถสุ ิ่งของท่ีปรากฏในลักษณะ 3 มติ ิ คือมคี วามกวาง ความยาว ความลึก จะเห็นภาพดเู หมือนมนี ํา้ หนกั มีปรมิ าตร ในการวาดภาพทีเ่ ปนรูปทรง
การใชแสงและเงามีสว นเก่ยี วของอยา งมาก
3. นักเรยี นสามารถตอบคาํ ถามไดอยางอิสระ ท้งั นค้ี รูควรอธบิ ายเพิ่มเติมวา การวาดภาพระบายสีใหไ ดผลงานท่ีดี มคี ุณภาพนั้น ผูวาดจําเปน ตอ งมีความรูพ ้นื ฐานเก่ียวกบั
การวาดภาพระบายสี ทัง้ ในเรอ่ื งเครอ่ื งมอื และอปุ กรณที่ใชในการวาดภาพระบายสี แนวทางพนื้ ฐานในการวาดภาพ รวมท้งั ตอ งฝก ปฏิบตั บิ อ ยๆ จนชาํ นาญ

ค่มู ือครู 51

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate

ตรวจสอบผล Evaluate

ครพู ิจารณาจากผลงานภาพวาดระบายสขี อง เกร็ดศลิ ป การเลือกกระดาษวาดภาพ
นักเรยี น โดยพจิ ารณาดา นความสวยงามและ
ความคดิ สรา งสรรค กระดาษทเ่ี หมาะกบั การใชว้ าดภาพจะเปน็ กระดาษ ๑๐๐ ปอนด ์(หนา ๒๐๐ แกรม)
กระดาษสนี า้� ทด่ี จี ะมสี ว่ นผสมของใยฝา ยมากปราศจากกรดและคลอรนี เนอ้ื กระดาษ
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู เปลี่ยนแปลงน้อย แม้เก็บไว้เป็นเวลานานๆ เหตุท่ีต้องเลือกใช้กระดาษที่มี
ความหนามาก เพราะจะไดไ้ ม่บดิ งอเสยี รูปเมอ่ื ระบายด้วยสีน�้า และทนตอ่ ความชนื้
1. การสรุปสาระสําคญั เกยี่ วกบั ความเปนมา หรอื การเปลย่ี นแปลงของอณุ หภมู ิ กระดาษทด่ี จี ะไมช่ า้� เมอ่ื แกไ้ ขงาน และไมด่ ดู ซบั
แนวทางปฏิบตั ใิ นการวาดภาพระบายสี สมี ากเกินไป
รวมทัง้ เครื่องมือและอุปกรณใ นการวาดภาพ นอกจากความหนาแล้ว ยงั ตอ้ งดูทว่ี า่ จะเลอื กใช้กระดาษทีม่ ีพื้นผวิ หยาบ หรอื
ระบายสี ผวิ เรียบดว้ ย พ้นื ผิวท่หี ยาบ หรอื ขรขุ ระจะสามารถรบั น้�า ดูดซับสีไดด้ ี สจี ะไม่ไหล
โดยท่ัวไปมักจะใช้แบบหยาบ แต่หากภาพมีขนาดเล็กและรายละเอียดมากก็ควร
2. ผลงานภาพวาดระบายสี เลือกใช้แบบท่ีมีผิวค่อนข้างเรียบ เพราะจะท�าให้สามารถใช้พู่กันเบอร์เล็กมากๆ
เขียนเส้นได้คมชัดกว่าแบบผิวหยาบ กระดาษวาดภาพสีน�้าที่ขายในท้องตลาด
มที งั้ ชนดิ แผน่ ขนาด ๕๖ × ๗๖ เซนตเิ มตร และชนดิ เลม่ ขนาด ๑๘ × ๒๔ เซนตเิ มตร
๒๔ × ๓๒ เซนตเิ มตร ๒๖ × ๓๖ เซนตเิ มตร หลากหลายยหี่ อ้ และหลายราคาใหเ้ ลอื ก

การเลอื กใชพ้ ู่กัน

ปจั จบุ นั มพี กู่ นั ทที่ า� จากวสั ดตุ า่ งๆ ใหเ้ ลอื กมากมาย ทงั้ ทที่ า� จากเสน้ ใยสงั เคราะห์
และขนสัตว์ ในการเลือกซื้อพู่กันส�าหรับระดับชั้นนี้ควรเลือกพู่กันที่ท�าจากขนสัตว์
จะเป็นขนกระรอก ขนกระตา่ ย หรือขนวัวก็ได ้ แมค้ ณุ ภาพจะไมด่ มี ากนัก แต่ก็มี
ราคาถูกและสามารถใช้งานได้ ส่วนพู่กันท่ีมีคุณภาพดีจะเป็นพู่กันเซเบิล (Sable
Brush) ซ่ึงท�าจากขนสัตว์ในเขตอากาศหนาวเย็น ขนแปรงเก็บเน้ือสีได้ดี มีอายุ
การใช้งานยาวนาน แตม่ รี าคาแพง

สรุป การวาดภาพระบายสีเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา นับตั้งแต่

สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยภาพวาดระยะแรกๆ จะเป็นการถ่ายทอดความรู้สึก ความประทับใจของ
มนุษย์ที่มีต่อสิ่งต่างๆ ในวิถีของการดำารงชีวิต เป็นภาพวาดง่ายๆ ตามผนังถำ้า ซ่ึงความรู้ และวิธีการ
วาดภาพกค็ อ่ ยๆ ถ่ายทอดต่อเนื่องกนั มา จนมีลกั ษณะทีแ่ ตกตา่ งกนั ออกไป

การสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมด้วยการวาดภาพระบายสี นอกจากจะอาศัยทักษะฝมือและ
ความชำานาญของผู้สร้างสรรค์แล้ว ความรู้เก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ก็มีความสำาคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะ
เปน็ วธิ ใี ชต้ ลอดจนการเกบ็ รกั ษา ทงั้ นี้ เพอ่ื ชว่ ยอาำ นวยความสะดวกในการทาำ งาน ประหยดั เวลา คา่ ใชจ้ า่ ย
รวมทง้ั ยังช่วยทำาให้สร้างสรรคผ์ ลงานไดอ้ ย่างมคี ุณภาพด้วย

๕2

เกรด็ แนะครู บูรณาการเช่อื มสาระ
การศกึ ษาความรเู บื้องตน เกย่ี วกับการวาดภาพระบายสีสามารถเช่ือมโยง
ครอู ธิบายเสรมิ วา กระดาษวาดภาพระบายสปี จจุบนั นี้มใี หเลอื กหลายแบบ กบั การเรียนการสอนของกลุม สาระการเรยี นรูสงั คมศึกษา ศาสนา และ
ซึ่งนกั เรียนในชว งเริ่มฝก ปฏบิ ัติไมควรใชกระดาษราคาแพงมากอยางท่ีศลิ ปนใช วัฒนธรรม วิชาหนาทีพ่ ลเมือง ในเรือ่ งวฒั นธรรม เพราะการทน่ี ักเรียนมีความรู
โดยมีจําหนา ยทงั้ ท่ีเปน แผน ขนาดใหญตองนํามาตดั เองและแบบตัดแผน มาเปน เลม ความเขาใจเรือ่ งวัฒนธรรมประเพณแี ละวิถีชวี ติ ของชาวไทย นักเรียนกส็ ามารถ
นําความรดู ังกลา วมาเปนแนวคดิ ในการวาดภาพระบายสไี ด
บรู ณาการอาเซยี น

ใหนกั เรียนหาตัวอยา งภาพและเทคนิคการวาดภาพระบายสีของศิลปน ใน
ประเทศสมาชิกอาเซียนมาคนละ 1 ภาพ โดยเนน ถึงวิธีการเลือกใชว ัสดอุ ุปกรณและ
เทคนิคในการสรา งสรรคผลงาน จากน้ันนาํ ผลงานสง ครผู ูสอน เพื่อคัดเลอื กตัวอยา ง
ผลงานทีใ่ หสาระความรูท่ีดจี าํ นวนหนึง่ นําไปตดิ ทปี่ ายนิเทศ

52 คมู่ ือครู

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรยี นรู

วาดภาพทศั นียภาพแสดงใหเ หน็ ระยะไกล
ใกลเปน 3 มิติ

สมรรถนะของผเู รยี น

1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ

คุณลกั ษณะอันพึงประสงค

1. มวี ินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มงุ มั่นในการทํางาน

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

๕หนว่ ยท่ี ครูใหนกั เรียนดภู าพวาดทวิ ทัศนท แี่ สดงระยะ
หลกั การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ ไกลใกล ไดแ ก ภาพวาดทิวทศั นท างบก และ
ในโลกแห่งความเป็นจริง เราสามารถมองเห็นส่ิงต่างๆ ภาพวาดทิวทัศนทางทะเล แลว ใหน ักเรียนรว มกนั
ตัวช้วี ดั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ภาพทัง้ 2 ภาพ
ศ ๑.๑ ม.๑/๓ เปน็ ภาพ ๓ มติ ิ แตเ่ มอื่ เรานำาภาพทมี่ องเหน็ นนั้ มาถา่ ยทอด
เป็นภาพวาดบนพื้นผิวระนาบ ๒ มิติ เช่น แผ่นกระดาษ • ภาพวาดท้งั 2 ภาพ แตกตางกนั อยา งไร
■ วาดภาพทัศนียภาพแสดงให้เห็นระยะไกลใกลเ้ ปน็ ๓ มิติ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยา งอสิ ระ)

ผืนผา้ ใบ ฝาผนงั เปน็ ต้น เพอื่ ใหไ้ ดภ้ าพวาดทีด่ สู มจรงิ เราจะ • ภาพวาดทงั้ 2 ภาพ ภาพใดทีแ่ สดงระยะ
ไกลใกลไ ดช ดั เจน
สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งสรา้ งความลกึ ในลกั ษณะเทยี ม หรอื ลวงตาขนึ้ เปน็ มติ ทิ สี่ าม (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอสิ ระ)
บนพืน้ ผิวระนาบ รวมถงึ การกาำ หนดความแตกต่างของตำาแหน่ง
ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับการวาดภาพท่ี
■ หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ และระยะของวัตถตุ ่างๆ จากผ้ชู ม ในมมุ ของการมองเห็นท่แี ทจ้ ริง เก่ยี วกบั ส่งิ แวดลอ ม ภูมิประเทศทพี่ บเห็น
โดยทัว่ ไป หรือท่เี รยี กกันวา “ภาพทวิ ทศั น”
การสรา้ ง “ความลกึ ลวงตา” สาำ หรบั ภาพ ๒ มติ ิ บนพนื้ ผวิ ระนาบ ซึ่งการวาดภาพทวิ ทศั นผ ูวาดจะตองมีความรู
ความเขาใจในหลกั ของทศั นียภาพใหดีเสยี กอน
ให้เกิดเป็นรูปทรงที่มีปริมาตร มีความกว้าง ความยาว ความสูง จึงจะถายทอดผลงานออกมาไดอยางถูกตอง

ความลึก รวมถึงรอยนูน รอยยุบตามที่เห็นจริงจะทำาให้ภาพที่

ถกู ถา่ ยทอดออกมามองดสู มจรงิ คลา้ ยคลงึ กบั ภาพทเี่ หน็ จรงิ ดว้ ยสายตา

๕3

เกรด็ แนะครู

การเรียนการสอนในหนว ยการเรียนรนู ้ี ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกยี่ วกับหลักการ
วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ (Perspective) วา การวาดภาพตามหลกั การวาดภาพ
แสดงทัศนียภาพ (Perspective) เปน สวนประกอบอยางหนึ่งทท่ี าํ ใหภ าพมีมติ ิ
ในเร่อื งของความลึก ระยะไกลใกลของภาพ หลกั ในการวาด คือ สิง่ ที่อยใู กลต า
จะมีขนาดใหญ สง่ิ ท่อี ยูไ กลตาจะมีขนาดเลก็ โดยอาศยั เทคนิควิธีการทางศลิ ปะ
ในการสรา งมติ ิของภาพ ไดแก เทคนคิ การสรางความลึกลวงตาแบบ 3 มิติ
เพือ่ นาํ ไปใชเปน แนวทางในการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพตอไป

คู่มอื ครู 53

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครูใหน ักเรยี นดภู าพ “อนิ ทนลิ ” ซ่งึ เปน ภาพวาด 1
สอี ะคริลิกบนผา ใบ ผลงานของสมพล ยารังษี
จากนัน้ ใหนักเรียนชว ยกันพิจารณาวา ñ. ¤ÇÒÁÅึ¡ÅǧµÒẺ ó ÁµÔ Ô

• ภาพดังกลาวใชว ิธีการใดในการวาดภาพ การสร้างความลกึ ลวงตาแบบ ๓ มติ ิ มวี ธิ กี าร
(แนวตอบ ผวู าดใชว ิธีการวาดใหสิ่งทอี่ ยูไกล
ซ่งึ เปนภูเขามสี ีจาง ดไู มช ัดเจน และวาด ดงั น้ ี
ดอกไมซ งึ่ เปน สงิ่ ทอ่ี ยูใกลเ ขามาใหมีสีเขม ข้นึ ๑.๑ การศกึ ษาจากภาพบรรยากาศ (Atmo-
ดชู ัดเจน สามารถเหน็ รายละเอยี ดไดมากกวา spheric Perspective)
เพอื่ แสดงระยะไกลใกล และเพือ่ ใหภ าพ 2
ทว่ี าดออกมาดคู ลายของจรงิ มากขน้ึ )
ภาพบรรยากาศ หรือภาพทิวทัศน์ ก็คือ
• นักเรียนรสู กึ อยา งไรตอ ภาพวาดดงั กลา ว
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ) ทัศนียภาพท่ีเกิดขึ้นจากการมองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลออกไป

เชน่ ภเู ขา ตน้ ไม ้ เปน็ ตน้ ซง่ึ อาจดคู ลมุ เครอื และไมช่ ดั เจน “อินทนลิ ” ภาพวาดสีอะคริลิกบนผ้าใบ ผลงานของ สมพล ยารงั ษ ี
ที่ให้บรรยากาศฉากหลังซ่ึงเป็นภูเขามีสีจางไม่ชัด เพ่ือแสดงระยะที่
เน่อื งจากมีตวั กลาง เช่น เขม่า ควนั หมอก ฝนุ่ ละออง
ละอองไอน้า� ในอากาศ เป็นตน้ ซงึ่ ส่งิ เหล่าน้ีจะกัน้ ขวาง อยไู่ กลออกไป

แสงสะท้อนจากวัตถุ ท�าใหแ้ สงสะท้อนถงึ นัยนต์ าเราได้น้อย สง่ ผลให้มองเหน็ วัตถุไมช่ ัดเจน

สา� รวจคน้ หา ในการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ ผวู้ าดจะตอ้ ง

Explore วาดให้ส่ิงที่อยู่ไกลออกไปมีสีจางลง ดูไมช่ ัดเจน และต้อง

ใหน กั เรยี นศกึ ษา คนควา เกย่ี วกบั เทคนคิ วาดให้ส่ิงท่ีอยู่ใกล้เข้ามามีสีเข้มข้ึน ดูชัดเจน สามารถ
การสรา งความลึกลวงตาแบบ 3 มติ ิ จากแหลง
เรยี นรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หอ งสมดุ เห็นรายละเอยี ดไดม้ ากกว่า เพอ่ื ใหภ้ าพทวี่ าดดูคล้ายกบั
อนิ เทอรเนต็ เปนตน
ของจรงิ มากขึน้ 3

๑.๒ ใชก้ ารซอ้ นทบั (Overlapping)

วิธีการน้ีเป็นวิธีการพ้ืนฐานในการสร้างความ

ลึกลวงตา สามารถท�าได้โดยน�าวัตถุชิ้นหน่ึงไปวางไว้

ด้านหน้าวัตถุท่ีต้องการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง โดยจัดวางใน

ลกั ษณะการซอ้ นทบั หรอื วางเหลอ่ื มกนั จะทา� ใหม้ องเหน็

ภาพรูปทรงเรขาคณิตท่ีมีการซ้อนทับกัน ทําให้รู้ว่าอะไรอยู่ด้านหน้า ว่ามีวัตถุชิ้นหนึ่งวางอยู่ด้านหน้าและบังวัตถุที่ดูเหมือน
ด้านหลงั ช่วยสรา้ งความลึกลวงตาข้ึน
อยขู่ ้างหลงั บางสว่ น

๑.๓ เนน้ รายละเอียดและเส้นขอบ (Details & Edges)

เราสามารถสร้างความรู้สึกถึงความลึกของ
วัตถุ หรือระยะหา่ งของต�าแหนง่ วัตถุในภาพ โดยการเนน้
รายละเอียดของวัตถุท่อี ยู่ไกลกวา่ ให้มนี ้อยลง และท�าให้
เส้นขอบเบา หรือมีความชัดน้อยลง ส่วนวัตถุท่ีอยู่ใกล้
กเ็ พิ่มรายละเอียดและความชดั ของเส้นขอบให้มากขน้ึ ภาพระยะใกลจ้ ะมคี วามชัดเจนของรายละเอยี ดมาก

๕4

นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 ความลกึ ลวงตา หมายถงึ ระยะไกลใกลข องวตั ถใุ นสิง่ แวดลอมท่เี รามองเห็น
แตเ นื่องจากการเขยี นภาพแสดงระยะไกลใกลน้นั เขียนอยบู นพ้ืนระนาบ 2 มิติ วตั ถปุ ระสงคในการสรางความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิลงในภาพเพอ่ื อะไร
จงึ ไมใชความลึกจริง เปน ความลึกจากการสรา งสรรคภ าพขึ้นมาใหเปรยี บเสมอื น 1. ทําใหเ กดิ บรรยากาศ
จริงทีเ่ รามองเหน็ ดว ยตา จงึ ใชค ําวา “ความลึกลวงตา” 2. ใหม องดูแลวสมจริง
2 ภาพทิวทัศน เปน การเขียนภาพเกยี่ วกบั สิง่ แวดลอ มรอบตวั เรา ท้ังท่มี นษุ ย 3. เกดิ สีสันสวยงามมากข้ึน
สรางขนึ้ และเกดิ เองตามธรรมชาติ ซงึ่ การเขียนภาพทวิ ทศั น คอื การบนั ทกึ 4. ชวยเนนทศั นธาตใุ หโดดเดน
ความงามจากธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมท่มี นุษยส รางข้ึนมาเปน ภาพเขยี น
ตามหลักวชิ าศลิ ปะ วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. การเขียนภาพระบายสีโดยใชเ ทคนคิ
3 การซอ นทบั เมอื่ มองวตั ถตุ า งๆ ทที่ บั ซอ นกนั วตั ถทุ ถ่ี กู บงั จะเหน็ เพยี งบางสว น
โดยมบี างสวนหายไป โดยเราจะไมร ูสึกวา วัตถุทถ่ี กู บงั นัน้ ขาดความสมบรู ณต ามที่ การสรางความลกึ ลวงตาแบบ 3 มิติ จะชวยทาํ ใหภาพดูแลวมีความสมจรงิ
มองเห็น แตเ รากลับรูสกึ วา วตั ถุทถี่ ูกบังน้ันอยไู กลกวา หรือมีตําแหนง ในพ้นื ทีว่ า ง ไมห ลอกตา ภาพดแู ลว สอดคลองกับสงิ่ ทพี่ บเหน็ ไดจ รงิ ในธรรมชาติ
อยูหลังวัตถุทอี่ ยขู างหนา ซึง่ วิธีการซอ นทบั กันของวตั ถุนที้ ําใหเกิดการลวงตา และส่ิงแวดลอ มที่แสดงออกมา ชวยทําใหผลงานดแู ลว นา ประทับใจ
ในระนาบ 2 มติ ิ ดูมรี ะยะ มีพืน้ ท่ีวา ง และมอี ากาศลอ มรอบระหวา งวัตถเุ หลา นน้ั

54 คูม่ ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

๑.๔ สังเกตขนาดและชอ่ งว่าง (Size & Space) ใหนักเรยี นนาํ ความรูเ กี่ยวกับการสราง
ความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิตามทไี่ ดศ ึกษามา
เราสามารถสังเกตไดว้ า่ วตั ถ ุ ๒ ชิน้ ท่มี ีขนาด มาพูดคยุ แลกเปล่ียนกันในชน้ั เรียน โดยใหนักเรียน
สรปุ สาระสําคญั ของการสรางความลกึ ลวงตา
และรูปทรงแบบเดียวกนั จะมีขนาดเท่ากนั เม่อื ต้ังอยู่หา่ ง แบบ 3 มิติ ลงสมุดบันทึก สงครูผสู อน จากนน้ั ครู
ถามนกั เรยี นวา
จากเราเท่ากัน แต่เม่ือเล่ือนช้ินใดชิ้นหน่ึงให้ไกลออกไป
• การสรางความลึกลวงตาแบบ 3 มิติ ทาํ ได
เรากจ็ ะพบวา่ วตั ถชุ น้ิ นน้ั มขี นาดเลก็ ลง ดงั นนั้ เมอื่ เราเหน็ อยา งไร
(แนวตอบ การสรา งความลกึ ลวงตาแบบ
วัตถุ ๓ ชิ้น ทม่ี รี ูปทรงเหมือนกัน แตม่ ีขนาดแตกต่างกัน 3 มิติ มีหลากหลายวิธี เชน การกําหนด
ขนาดและตําแหนงในแนวด่ิง (size and
ช้ินที่ใหญ่กว่าจะดูเหมือนวางอยู่ใกล้กว่าช้ินท่ีเล็ก ซ่ึงอยู่ vertical location) การทับซอ นกัน
(overlapping) การสรา งรายละเอียดและ
ห่างออกไป วตั ถ ุ ๒ ชน้ิ ทมี่ ขี นาดและรปู ทรงแบบเดยี วกนั จะมขี นาดเทา่ กนั เมอื่ ตง้ั บรรยากาศ (detail and atmosphere)
อยู่หา่ งจากเราเท่ากัน แตเ่ มื่อเล่อื นชน้ิ ใดชิน้ หน่งึ ให้ไกลออกไป วตั ถุ การใชทัศนียภาพ (perspective) การใช
น้นั จะมีขนาดเล็กลง สีและนํ้าหนักออ นแก (color and value)
เปน ตน )
๑.๕ เลน่ กบั โครงสรา้ ง (Modeling)
• เพราะเหตใุ ด รูปทรงทอี่ ยูใกลเ ม่อื มองใน
การเล่นกับแสงเงาผ่านทางหุ่นจ�าลอง หรือ แนวดิง่ จะดใู หญก วา รูปทรงทีอ่ ยูไกลออกไป
(แนวตอบ เพราะผวู าดใชวธิ กี ารกําหนด
โครงสร้าง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นรูปทรง ขนาดและตําแหนงในแนวด่งิ ในการจดั
องคป ระกอบของภาพ เพราะไมวา จะเปน
ของวัตถุน้นั ๆ ไดช้ ดั เจนข้นึ โดยจะสงั เกตได้จากเงาทท่ี อด ภาพเหมอื นหรือรปู ทรงตา งๆ การลดหรือ
เพมิ่ ขนาดและวางตําแหนง ในแนวด่ิง
ผ่านโครงสร้างหรือหุ่นจ�าลอง ซึ่งเงาจะทอดผ่านไปบน จะทําใหร ูส ึกวา วตั ถุท่อี ยใู กลม ีขนาดใหญ
สว นวตั ถุทอ่ี ยไู กลจะมขี นาดเลก็ )
พื้นผิวของวัตถุตามความลึก ความนูน ท่ีปรากฏให้เห็น
แสงเงาทีท่ อดผ่านทางหุน่ จาํ ลองช่วยทําใหเ้ กิดมิติต่างๆ ในการมอง ด้วยสายตา เช่น เงาที่ทาบลงบนกล่องท่ีวางซ้อนกันจะ

ท�าให้จินตนาการถึงรูปทรง ความลึกต้ืน และความลาด

เอยี งของกล่องนนั้ ๆ ได้
๑.๖ ใชก้ ารมองตาํ แหนง่ ในแนวดง่ิ (Vertical
Locations)

เมอื่ เราจนิ ตนาการวา่ กา� ลงั ยนื อยบู่ นพน้ื ทร่ี าบและ

มองไปตามพื้นเบื้องหน้าในระยะที่ไกลสุดขอบฟา เราจะ

พบว่าวัตถุที่วางอยู่บนพ้ืนที่ท่ีอยู่ห่างออกไป จะดูเหมือนค่อยๆ

เล่ือนข้ึนสู่เส้นขอบฟา ดังน้ัน ถ้าเราต้องการให้วัตถุที่มีขนาดเท่ากัน

ดูเหมือนกับว่าอยู่ห่างออกไป เราท�าได้โดยจัดวางให้วัตถุเล่ือนข้ึนไป

ให้อยู่สูงจากระดับพื้นระนาบตามสัดส่วน ยิ่งภาพวัตถุอยู่สูงขึ้นไป

จากแนวระนาบมาก วัตถุนั้นก็จะดูห่างออกไปมาก

ท้ังน้ีภาพที่สร้างขึ้นให้เห็นระยะใกล้-ไกล

ด้วยวิธีการนี้ส่วนใหญ่ก็จะเห็นการซ้อนทับ

ลักษณะตําแหนง่ ของวตั ถเุ มอื่ เรามองลงไปในแนวดงิ่ กับตา� แหน่งในแนวดิง่ อยู่ร่วมกนั ด้วย

๕๕

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู

เพราะเหตใุ ด การวาดภาพแสดงความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ จงึ เนน ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เกีย่ วกับชอ งวาง (space) ในทางทศั นศิลปวา งานทัศนศิลป
รายละเอยี ดของวัตถุที่อยูใกล โดยใชเสนขอบทเี่ ขม คมชัด สว นวตั ถทุ ่ีอยูไ กล แตละประเภท จะใชท ีว่ างแตกตางกนั ไป เชน ประติมากรรมและสถาปตยกรรม
จะไมเนนรายละเอียด และใชเ สนขอบใหบ างเบา จะใชทวี่ างแบบ 3 มิติ สวนจิตรกรรมจะใชทวี่ า งแบบ 2 มิติ คอื เปนทีว่ างท่กี ําหนด
แนวตอบ เทคนคิ การวาดภาพแสดงความลกึ ลวงตาแบบ 3 มิติ ผวู าด ดวยความกวางและความยาวเทา นนั้ แตบ างครั้งจติ รกรรมก็สามารถสรา งมติ ทิ ี่ 3
ตอ งอาศัยการสงั เกตจากการมองวตั ถตุ ามความเปนจริงในธรรมชาติ ใหเ กิดขนึ้ บนพนื้ ผิวระนาบ 2 มิตไิ ด บรเิ วณวา งทเ่ี กิดขน้ึ ลักษณะนี้ เรียกวา บรเิ วณ
หรือส่ิงแวดลอ ม เพราะโดยปกติเราจะเห็นรายละเอียดและเสน ขอบตา งๆ วางลวงตา (Illusion Space) หรอื บริเวณวา ง 2 มติ ิ (Two Dimension Space)
ของวตั ถทุ ่ีอยใู กลช ดั เจนกวาวัตถุที่อยไู กล ยิง่ วัตถุอยูไ กลยงิ่ เลอื นราง
ซึง่ จะชว ยทําใหเ มื่อมองดภู าพ เกดิ ความสมจรงิ ไมข ัดแยง กัน มมุ IT

นักเรียนสามารถศกึ ษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั แนวทางการสรางท่ีวาง 2 มิติ ใหด แู ลว
เปน ทว่ี าง 3 มิติ ไดจ าก http://watkadarin.com/

คู่มือครู 55

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครูเชิญวทิ ยากรท่มี คี วามชํานาญดา นการ ò. ËÅ¡Ñ ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÈÑ ¹ÕÂÀÒ¾
วาดภาพแสดงทัศนียภาพมาพดู คยุ แลกเปลย่ี น
ความคิดเห็นกับนกั เรียนเกยี่ วกับหลักการวาดภาพ การวาดภาพแสดงทัศนียภาพมีหลักการส�าคัญในการสร้างสรรค์ผลงาน
แสดงทศั นียภาพ โดยใหวทิ ยากรสาธติ การรางภาพ
แสดงความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิใหนกั เรียนดู คือ การใช้เทคนคิ การวาดภาพทม่ี ีความลึกลวงตา เพื่อสร้างภาพแบบ
จากนัน้ ใหนกั เรยี นรวมกันแสดงความคดิ เห็น
เก่ยี วกับภาพดงั กลาว ๓ มติ ิ บนพืน้ ผวิ ระนาบ ๒ มิติ เชน่ แผ่นกระดาษ ผนื ผา้ ใบ

ฝาผนงั เปน็ ต้น เพ่อื ใหภ้ าพท่ถี า่ ยทอดออกมาจาก

มุมมองของเราดูสมจริงคล้ายคลึงกับภาพท่ีเห็นจริง

สา� รวจคน้ หา ด้วยสายตา

Explore การวาดภาพที่แสด1งทัศนียภาพเป็นเรื่อง

ใหนกั เรียนศึกษา คน ควา เกี่ยวกับหลักการ ของการเลียนแบบความจริง เมื่อเรามองออกไปใน
วาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ จากแหลง เรยี นรตู างๆ
เชน หนังสือเรียน หองสมุด อนิ เทอรเ นต็ เปนตน โลกแหง่ ความเปน็ จรงิ เราจะพบวา่ วตั ถมุ ขี นาดเลก็ ลง

เมอื่ อยหู่ า่ งไกลออกไป และมรี ะยะหา่ งสมา่� เสมอ เชน่

เสารว้ั จะสงั เกตไดว้ า่ เสาแตล่ ะตน้ จะอย่ใู กลก้ นั มากขนึ้

เม่อื แนวร้ัวอยหู่ า่ งออกไป เปน็ ต้น ขนาด ความชัด สีของวัตถุ และตําแหน่งในการวาง จะช่วยทําให้เกิด
ในการวาดภาพระบายสีแสดงทัศนียภาพ ความลกึ ลวงตาขึน้

แบบบรรยากาศ การพัฒนารูปแบบจะมีมากขึ้น ถ้าหากได้สังเกตสภาพจริงของอากาศและธรรมชาติ โดยเฉพาะ

แสงสวา่ งและส ี กล่าวคอื บรรยากาศและสีจะมีผลตอ่ การมองเหน็ วัตถ ุ โดยวัตถุทีอ่ ยู่ใกลจ้ ะมกี ารตัดกนั ของสแี ละค่า

ของความเขม้ มากกว่าวัตถทุ ี่อย่ไู กลออกไป ซ่งึ สง่ิ ทอี่ ยู่ไกลสายตาส่วนใหญ่จะเหน็ เป็นสขี าวอมน�า้ เงนิ ขณะเดยี วกนั

วัตถุทอี่ ยู่ใกลก้ ว่าจะเหน็ รายละเอียดของเส้น ขอบ รูปร่าง รูปทรงของวตั ถุทชี่ ัดเจน นอกจากน ้ี วตั ถุสเี ดยี วกนั เมื่อ

อยหู่ า่ งกัน วัตถทุ อ่ี ย่ไู กลสายตาจะมีสเี ยน็ และใหค้ วามรู้สึกท่เี บาลง สว่ นวตั ถุท่ีอยู่ใกลเ้ ขา้ มาจะดอู ุน่ และแน่นข้ึน

ภาพแบนราบเป็น ๒ มติ ิ มีความลกึ ลวงตาเปน็ ๓ มิติ

๕๖

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE

ครูควรสรุปทบทวนเกย่ี วกบั แนวทางการสรา งบริเวณวา ง 2 มิติ ใหดูเปน ขอใดเปน หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพท่ีถกู ตอง
บริเวณวา ง 3 มติ ิ หรอื บริเวณวางลวงตา มีแนวทางทสี่ าํ คัญ ดงั นี้ 1. วัตถทุ กุ ระยะมขี นาดเทากัน
1. การกาํ หนดขนาดและตําแหนงในแนวดงิ่ 4. การเหลื่อมซอ นกัน 2. สิ่งท่ีอยูไกลใหมรี ายละเอยี ดท่ีชดั เจน
2. การใชทฤษฎีทศั นียภาพเชิงเสน 5. การใชสกี บั บริเวณวา ง 3. วัตถทุ ี่อยูใกลต อ งใหเบาบางลง
3. การสรา งรายละเอยี ดและบรรยากาศ 4. วตั ถทุ ี่อยใู กลชัดกวาวัตถทุ ี่อยูไกล

นักเรียนควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. การวาดภาพแสดงทัศนียภาพ เพอ่ื ให

1 การเลยี นแบบความจรงิ เปรยี บไดก บั การทน่ี กั เรยี นนงั่ รถยนตแ ลว มองไปขา งหนา เกดิ ความสมจรงิ ตอ งวาดใหวตั ถุหรือส่งิ ของท่อี ยูใกลม คี วามคมชัด
นกั เรยี นจะเหน็ ถนนทอดยาวสดุ สายตา ดงั นน้ั หากนักเรยี นจะวาดภาพถนน มขี นาดใหญกวา และมีสีสนั ท่เี หน็ ไดชัดเจนกวาวัตถุ หรือส่ิงของท่อี ยไู กล
ก็ใหใชว ิธวี าดเสน ถนนทอดยาวขึน้ สูงและปลายคอยๆ แคบลงจนตบี สดุ ลูกหูลกู ตา โดยส่งิ ทอี่ ยไู กลสุดจะมลี ักษณะเปน เพียงแคจุดรวมสายตาเทานัน้
ก็จะทําใหภาพวาดถนนท่อี อกมาดูสมจรงิ มากย่ิงขึ้น

56 คู่มอื ครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล

Engage Explore Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

การวาดภาพที่แสดงทัศนยี ภาพ คือ การวาดภาพทีส่ ร้างความลึกลวงตาที่มที งั้ ระยะใกลแ้ ละไกลบนพ้ืนผวิ ใหน กั เรยี นรว มกนั อธบิ ายเกี่ยวกับหลกั การ
วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพตามท่ีไดศกึ ษามา
ระนาบ ๒ มิต ิ โดยสามารถเรียนรจู้ ากการสังเกต เพื่อทา� ความเขา้ ใจในหลกั การได้ 1 โดยครใู หน กั เรียนสรุปสาระสาํ คัญเก่ยี วกบั หลักการ
วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ ลงสมุดบนั ทึก ครถู าม
วัตถุที่เราต้องการวาดให้มีความลึกลวงตาแบบ ๓ มิติ จะต้องอาศัยจินตนาการมองให้เป็นรูปทรงท่ีมี นักเรียนวา

ความโปร่งใส สามารถเหน็ สัดส่วนทอ่ี ยู่ภายในวัตถไุ ด ้ แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นรูปทรงทม่ี ีความสมบรู ณ์ เชน่ กล่อง • หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ
มคี วามสําคญั อยา งไร
รปู ทรงกรวย รูปทรงกระบอก เปน็ ตน้ ซึง่ ถ้าเราจนิ ตนาการว่ารูปทรงน้ันโปรง่ ใส เรากส็ ามารถจะถ่ายภาพออกมาได้ (แนวตอบ การวาดภาพตามหลกั การ
วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพจะทาํ ใหภ าพวาด
อย่างสมจรงิ ทงั้ ขนาด รปู ร่าง และที่ว่างภายใน ทวิ ทศั นดูสมจรงิ และคลายคลงึ กบั ภาพที่
เห็นจรงิ ดวยสายตา ทง้ั ดานรูปราง รปู ทรง
ส่ิงท่ีควรค�านึงถึงในการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ คือ ไม่ต้องเคร่งครัดในเร่ืองของการใช้จินตนาการใน ตาํ แหนง ระยะ ความลกึ สดั สว นของพนื้ ที่
ตลอดจนความสัมพนั ธก บั สวนตา งๆ
การถา่ ยทอดผลงาน และหลกั การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพให้มากจนเกินไป เพราะจะท�าให้ภาพที่ได้แม้ว่าจะดูสวย ภายในภาพ)

แตอ่ าจดูแขง็ ท่ือและไมม่ ีชวี ติ ชีวาได้ • การวาดภาพแสดงทศั นียภาพแบบ
บรรยากาศ หมายถงึ การวาดภาพรูปแบบใด
การเรยี นรเู้ กยี่ วกบั หลกั การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ จะทา� ใหก้ ารวาดภาพ หรอื ระบายสวี ตั ถ ุ หรอื ทวิ ทศั น์ (แนวตอบ การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ
แบบบรรยากาศ หมายถึง การวาดภาพ
ดสู มจริง และคล้ายคลึงกบั ภาพท่เี หน็ จรงิ ดว้ ยสายตา ทัง้ ดา้ นรปู ร่าง รปู ทรง ต�าแหน่ง ระยะ ความลึก สัดสว่ นของ แสดงส่ิงของที่เหน็ อยใู นระยะไกลใกล
ตามที่ปรากฏจากบรรยากาศ กลาวคอื
พ้นื ท่ี ตลอดจนความสัมพนั ธ์กบั ส่วนตา่ งๆ ภายในภาพ โดยธรรมชาตเิ ราจะเห็นสิ่งของท่อี ยูใกล
ชดั เจนกวา สงิ่ ของทอี่ ยไู กล เชน หากเรา
“เรือ่ งราวของตลาด ๕ (ปากคลองตลาด)” ภาพเขยี นสีนา้ํ ผลงานของ สมโภชน ์ สงิ หท์ อง ท่ีถ่ายทอดทัศนยี ภาพออกมาได้อยา่ งมชี วี ิตชีวา มองดูภูเขาทสี่ ลบั ซบั ซอนออกไปขา งหลงั
ภเู ขาท่อี ยูใ กลก ็จะเหน็ ไดช ดั สวนภเู ขา
๕๗ ลูกท่ีอยหู า งออกไปก็จะเห็นลางเลือนกวา
เปน ตน ซ่ึงความชัดเจนหรอื ความลางเลือน
ของสง่ิ ของในระยะตางๆ เหลานี้ เกดิ จาก
บรรยากาศทาํ ใหแ สงท่ีสะทอ นมาจาก
ระยะไกลหกั เหไปทางอืน่ สว นจะหักเห
มากหรอื นอยน้ันแลวแตร ะยะทางไกลใกล
นกั เรียนสามารถนาํ ความรูน้ีมาใชใ นการ
แสดงแบบสถาปตยกรรมไดโ ดยใชสอี อ น-แก
ระบายลงบนรูปดานทเ่ี ขียนขึ้นกอ็ าจทาํ ให
เหน็ ระยะไกลใกลไ ดต ามสมควร)

กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู

ใหน กั เรียนฝกวาดภาพลายเสน เกา อ้ีแบบ 1 จดุ รวมสายตา โดยทําลง ครคู วรแนะนาํ ใหนักเรยี นดภู าพเขยี นแสดงทัศนยี ภาพ ซึ่งหลายภาพไมจ ําเปน
กระดาษวาดเขยี น สงครูผสู อน ตอ งลงรายละเอียดมาก หรอื ไมจาํ เปนตอ งคํานงึ ถึงหลกั การสรางภาพลวงตา
แบบ 3 มิติ มากนกั ภาพก็ยงั ดูมคี วามสมจริง มบี รรยากาศ และอารมณข องภาพ
กิจกรรมทาทาย ท่ีนาประทบั ใจ

นกั เรยี นควรรู

ใหน กั เรียนฝก วาดหอ งตางๆ ภายในบาน เชน หองนอน หอ งครวั 1 จนิ ตนาการ การเขียนภาพตามจินตนาการจะทําไดด ี กต็ อ เมอ่ื ผูเ ขียนภาพ
หองน่ังเลน แบบ 1 จดุ รวมสายตา ทั้งนีน้ ักเรยี นจะวาดเปน ภาพลายเสน เปน คนชา งสงั เกต รจู กั คดิ วเิ คราะห แยกแยะสง่ิ ตา งๆ ทต่ี อ งการนาํ เสนอ โดยนาํ มา
หรือภาพวาดระบายสีกไ็ ด โดยทําลงกระดาษวาดเขยี น สง ครูผสู อน เชอ่ื มโยงกับประสบการณทางศลิ ปะซ่ึงหมายถึงประสบการณดานการฝกปฏบิ ตั แิ ละ
ประสบการณจ ากการศึกษาผลงานศิลปะท่ัวๆ ไป จงึ จะสามารถสรางผลงานศลิ ปะ
ใหแ ปลกแตกตางไปจากท่เี คยพบเห็นได ดังน้นั การสรา งสรรคผ ลงานศิลปะทเี่ กดิ
จากพ้ืนฐานประสบการณเมื่อนําไปเชื่อมโยงกบั ความนึกคิดและจนิ ตนาการก็จะ
เกดิ เปนผลงานในรูปแบบใหมๆ ทีน่ าสนใจ
คูม่ ือครู 57

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครถู ามนักเรยี นวา ๓. วธิ วี าดภาพแสดงทศั นียภาพ
• นักเรียนคนใดเคยมปี ระสบการณวาดภาพ
การวาดภาพทแี่ สดงทศั นยี ภาพมวี ธิ กี ารวาดหลายแบบ สา� หรบั ในระดบั ชนั้ นเ้ี ปน็ การเรยี นรวู้ ธิ กี ารเบอื้ งตน้
แสดงทศั นียภาพบาง เพ่ือจะไดน้ �าไปใชป้ ระโยชน์ในการวาดภาพระบายสภี าพวัตถุ หรอื ภาพทิวทัศนต์ อ่ ไป ดังน้ี
• นักเรยี นคดิ วา ทัศนธาตใุ ดมคี วามสาํ คญั
๓.๑ การวาดภาพทัศนียภาพแบบจุดเ1ดียว
ตอการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอ ยา งอสิ ระ วธิ ีน้ีใชว้ ิธกี ารมองแบบจดุ รวมสายตา หรอื จุดลบั ตาเพยี งจดุ เดยี วในการวาดภาพ โดยมีขน้ั ตอนในการวาด
ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมวา ทัศนธาตุทกุ ชนดิ มี ดังตอ่ ไปนี้
ความสําคญั ตอ การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ
ทง้ั เสน จดุ นา้ํ หนกั ออ น-แกข องแสงเงา และส)ี
ถามีครอู าจใหน กั เรียนที่มปี ระสบการณ
ในการวาดภาพออกมาสาธิตการรา งภาพใหเ พ่อื นๆ
ในช้ันเรยี นดู

สา� รวจคน้ หา Explore

ใหนักเรียนศกึ ษา คนควาเกยี่ วกับวธิ ีวาดภาพ ขน้ั ที่ ๑ ขน้ั ที่ ๒
แสดงทัศนียภาพ จากแหลง เรยี นรูต า งๆ เชน ลากเสนตรงจากมมุ บนทง้ั ๒ ของภาพใหท ํามุมกับ
หนงั สือเรียน หองสมุด อนิ เทอรเ นต็ เปน ตน รางรูป2ทรงทั่วไปของดานหนากลองสี่เหลี่ยม เสนขอบบน โดยใหเสนตรงทั้ง ๒ ไปตัดกันจนเกิด
จดุ ตดั เหนือบริเวณภาพ
ลูกบาศก

ขั้นที่ ๓ ข้ันที่ ๔
ลากเสน ขนานกับขอบบนผา นจุดตัดนัน้ โดยสมมติ ลากเสนขนานระหวางเสนระดับสายตาและขอบ
ใหเปนเสน ระดบั สายตาและจุดตดั คือ จดุ รวมสายตา ดา นบนของลูกบาศก จะเห็นพน้ื ผิวดา นบนของกลอง
ถาตัดเสนขอบทุกเสนของกลองใหชัดเจน เราจะได
ภาพแสดงทศั นยี ภาพแบบจุดเดยี วที่สมบูรณ

๕๘

นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 จุดรวมสายตา การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพแบบกําหนดจุดรวมสายตา
เปน พืน้ ฐานของการศึกษางานออกแบบตกแตง ภายใน และเปนพ้ืนฐานของ ภาพทวิ ทัศนท แ่ี สดงความลกึ ของภาพควรเขยี นเสน ทศั นียภาพใหมี
การเขียนแบบสถาปตยกรรมดวย เชน ลกั ษณะของหองในอาคาร เครอ่ื งเรอื น จดุ รวมสายตาก่จี ุด
ตู โตะ เกา อี้ เตียง เปน ตน
2 สเี่ หลยี่ มลกู บาศก ทรงลูกบาศกส ามารถเรียกไดในชือ่ อนื่ ๆ เชน ทรงสีเ่ หลี่ยม 1. 1 จดุ
จัตุรัส ปริซมึ ส่ีเหลยี่ มจัตุรัส เปนตน โดยลกู บาศกจะเปนทรงส่เี หลี่ยมมุมฉาก 2. 2 จดุ
ทีส่ ามารถคํานวณหาปริมาตรได ดังนี้ ลกู บาศกท่ีมีความกวาง 1 เซนติเมตร 3. 3 จุด
ความยาว 1 เซนติเมตร และความสงู (หนา) 1 เซนติเมตร จะมปี รมิ าตรเทา กับ 4. 4 จดุ
1 ลูกบาศกเซนติเมตร
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การวาดภาพทวิ ทศั นท แี่ สดงความลกึ ของภาพ

ควรเขยี นเสน ทัศนียภาพใหมีจดุ รวมสายตาเพียง 1 จุด เพราะการวาดภาพ
ทศั นยี ภาพแบบ 1 จดุ รวมสายตา จะแสดงภาพท่มี องเหน็ ดา นหนา วตั ถุ
วางขนานกับเสนระดับตาหรอื เสนขอบฟา โดยวตั ถทุ ไ่ี กลออกไปจะคอ ยๆ
เลก็ และลึกลงไปรวมกนั ทจ่ี ดุ รวมสายตา เชน ภาพถนนและตนไม ภาพถนน
และตกึ รามบา นชอ ง เปนตน

58 ค่มู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล

Engage Explore Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

ขัน้ ตอนการวาดภาพภายในกลอ่ งทา� ต่อเน่ืองจากข้ันท่ ี ๓ ดงั น้ี ครสู มุ ตวั อยางนักเรยี น 2-3 คน ใหอ อกมา
อธิบายวธิ วี าดภาพแสดงทศั นยี ภาพตามทีไ่ ดศกึ ษา
ขัน้ ท่ี ๑ ขัน้ ท่ี ๒ ข้นั ท่ี ๓ มา หนาช้ันเรยี น จากน้ันครถู ามนกั เรยี นวา
ใหลากเสนรางจากมุมลาง ลากเสนด่ิงจากมุมบนท้ัง ๒ ลากเสนนอนเชื่อมมุมดานลาง
ทงั้ ๒ ของภาพไปยงั จดุ รวมสายตา ด  า น ห ลั ง ใ ห  ตั ด กั บ เ ส  น ท่ี ล า ก ทางซายและขวาของพ้ืนท่ีดาน • การวาดภาพตามหลักทศั นียภาพมกี ีแ่ บบ
ดา นบน ในขั้นที่ ๑ จะเห็นภาพดานกวาง หลงั จะไดพื้นของผนังกลองดาน อะไรบา ง
ของผนงั กลองดา นหลัง ลาง และไดภาพทัศนียภาพแบบ (แนวตอบ การวาดภาพตามหลกั ทศั นยี ภาพ
จดุ เดียวภายในกลอ งท่ีสมบูรณ (Perspective) มี 3 แบบ คอื
• แบบจดุ เดยี ว (One Point Perspective)
๓.๒ การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพแบบ ๒ จุด หรือแบบจดุ รวมสายตา ภาพแสดง
ทัศนียภาพทีม่ แี นวเสนระดับดา นหนา
ในการวาดภาพทัศนียภาพแบบจุดเดียว ความสูงและความกว้างของวัตถุที่วาดจะขนานไปกับระนาบ ขนานกบั เสน ระดับตา สว นดา นลกึ จะไป
รวมกนั ท่จี ุดรวมสายตา ซง่ึ ตงั้ อยูบ นเสน
ของภาพ สว่ นการวาดภาพทศั นยี ภาพแบบ ๒ จดุ จะมเี ฉพาะความสงู เทา่ นน้ั ทข่ี นานไปกบั ระนาบของภาพ ส1ว่ นบรเิ วณ ระดับตา
ด้านข้างของภาพจะมองเห2็นลึกเข้าไปในภาพ ซ่ึงในการวาดภาพจะต้องเพ่ิมเส้นต่อ และจุดรวมสายตาอีกชุดหน่ึง • แบบ 2 จดุ (Two Point Perspective)
คอื ภาพแสดงทศั นียภาพท่ีมีเสนแนว
ให้อยู่บนเส้นระดับสายตาเดียวกัน การเล่ือนให้ใกล้กันหรือห่างออกของจุดรวมสายตาทั้ง ๒ จะส่งผลให้มองเห็น ระดบั ทั้งดานหนา และดา นขา งไปรวมตรง
ดา้ นข้างน้อยลง หรือมากขึ้นตามล�าดับ ซ่ึงบริเวณด้านข้างท้งั ๒ อาจไมจ่ �าเปน็ ต้องมองเห็นองค์ประกอบของภาพ จดุ รวมสายตา ซึ่งอยดู านซายและขวา
เท่ากันก็ได ้ ทง้ั นี้ กอ่ นจะลงมอื วาดภาพจรงิ ตอ้ งใช้วธิ ีทดลองร่างภาพ เพ่ือสงั เกตวา่ ด้านขา้ งตา� แหน่งใดทีเ่ รามองเห็น • แบบ 3 จดุ (Three Point Perspective)
องคป์ ระกอบของภาพได้ดีทสี่ ุด คือ ภาพแสดงทศั นียภาพทค่ี ลา ยกบั แบบ
ในกรณีทมี่ ีการกา� หนดให้เสน้ ระดับสายตาอยู่สงู กวา่ กล่อง กจ็ ะได้ทัศนียภาพของกลอ่ งอกี แบบหนึง่ จุดรวมสายตา 2 จุด แตเ พ่ิมการมอง
จดุ รวมสายตาจากจดุ ท่ี 3 ตรงตามแนวดง่ิ
● เสน้ ระดบั สายตา ● จุดรวมสายตาท่ี 3 ดูภาพไดเ มอ่ื อยูท้งั
ดานบนและดา นลางของเสน ระดับตา
จดุ รวมสายตา จดุ รวมสายตา ทง้ั น้ใี นระดับชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 1 นี้
นักเรยี นจะไดเรยี นรเู ก่ียวกับวิธวี าดภาพ
๕9 แสดงทศั นียภาพเพยี ง 2 แบบ คอื
แบบจุดเดียวและแบบสองจุด)

• วธิ วี าดภาพแบบจุดเดียวกบั แบบสองจดุ
แตกตางกันอยางไร
(แนวตอบ การวาดภาพทัศนยี ภาพแบบ
จดุ เดยี ว ความสูงและความกวา งของวตั ถทุ ี่
วาดจะขนานไปกบั ระนาบของภาพ สวนการ
วาดภาพทัศนียภาพแบบสองจดุ จะมเี ฉพาะ
ความสงู เทา นน้ั ทข่ี นานไปกบั ระนาบของภาพ)

แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู

การวาดแบบ 2 จุดรวมสายตา คอื การมองวตั ถอุ ยา งไร ครูอธิบายเพิม่ เติมเก่ยี วกับ “ววิ ตานก” (bird’s eye view) เปน การสรา งภาพลวง
1. มองวัตถุที่มุมใดมุมหน่งึ ที่อยใู กลท ่ีสดุ ใหรสู กึ หนาหรอื ลกึ ดวยวิธีทัศนมติ เิ ชงิ เสน จากมุมมองดานบนลงสูดานลาง ภาพท่ี
2. มองวตั ถทุ ่ีดา นหนา ของวตั ถทุ ่ีอยูใกลที่สุด ปรากฏประหนง่ึ วา ผูดูกม มองจากทสี่ ูงในลักษณะทีเ่ หน็ กวา งไกล และ “ววิ ตาหนอน”
3. มองวตั ถุจากดานบนของวัตถุ (worm’s eye view) เปน การสรางภาพลวงใหร ูสกึ หนาหรอื ลกึ โดยใชวิธีทัศนมติ ิ
4. มองวตั ถุท่ดี า นขางดา นใดก็ได เชิงเสนจากมุมมองดา นลา งข้ึนสูด านบน ภาพทีป่ รากฏประหน่ึงวาผดู ูแหงนมอง
อาคารหรือรปู ทรงตางๆ จากพนื้ ขน้ึ สเู บ้อื งบน
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการวาดภาพแสดงทัศนียภาพแบบ
นักเรียนควรรู
2 จดุ เปนการมองเหน็ วัตถทุ ี่มุมของวัตถเุ พียงดา นใดดา นหน่ึง ซึง่ ดานทอี่ ยู
ใกลส ายตา วตั ถจุ ะมีขนาดใหญกวา แลว คอ ยๆ เรยี วแคบลงไปทางดานขาง 1 จดุ รวมสายตา คือ จดุ ทเ่ี สนขนานบนระนาบเดยี วกัน ขนานกนั ตอ ออกไปทาง
ท้งั 2 ดาน ทาํ ใหเมอ่ื มองแลว วัตถจุ ะมมี ิตทิ ใี่ กลเคยี งกับความเปน จริงตาม ดานหนึง่ แลว ไปบรรจบกนั เปนจุดแหงใดแหง หนึง่ บนเสนระดบั สายตา
ธรรมชาติ 2 เสน ระดับสายตา คอื เสนนอนท่ขี นานไปกบั พน้ื ดนิ และตง้ั ฉากกบั แผนภาพ
เสน ระดบั สายตานจ้ี ะสูงต่ําจากระดับพืน้ เทา ใดขึ้นอยูก ับระดบั สายตาของผูดูวา
ตงั้ อยู ณ ตําแหนง ใด

คู่มอื ครู 59

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครูนาํ ภาพวาดทิวทศั นแ สดงทัศนยี ภาพ เชน ô. ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾·ÇÔ ·ÈÑ ¹áÅÐÀÒ¾¤¹·Õáè Ê´§·ÈÑ ¹ÕÂÀÒ¾
ภาพวาดตน ไมร มิ ทาง ภาพวาดทอ งถนนทม่ี เี สาไฟฟา
โยงไปมา ภาพวาดคนที่แสดงทศั นียภาพ เปนตน ๔.๑ การวาดภาพทิวทัศนท แ่ี สดงทัศนียภาพ
มาใหนักเรยี นดู จากนนั้ ครถู ามนกั เรยี นวา
การวาดภาพทิวทศั น์ของส่ิงทีม่ ีขนาดเท่ากันและมรี ะยะหา่ งเทา่ ๆ กัน เช่น เสาไฟฟา เสาร้วั ต้นไม้รมิ ทาง
• ภาพวาดทงั้ สองแบบมีหลักการวาดที่เหมอื น หมอนรองรางรถไฟ เป็นต้น จะใชห้ ลักในการวาด ดงั น้ี
หรือแตกตางกัน
(แนวตอบ นกั เรียนตอบไดอยางอิสระ ขน้ั ที่ ๑ ใหเร่ิมจากการลากเสนนอนเปนเสน เส้นระดบั สายตา
ครูอธิบายเพิม่ เตมิ เกีย่ วกบั วิธกี ารวาดภาพ ระดับสายตา กําหนดจุดรวมสายตาบนเสนน้ัน จดุ รวมสายตา
ทิวทัศนท ี่แสดงทัศนียภาพและวธิ กี าร ทางขวามือ ซึ่งมองดูแลวบรรดาเสาทั้งหมดจะ
วาดภาพคนท่แี สดงทศั นียภาพ) วิ่งไปหา จากนั้นลากเสนดิ่งโดยสมมติใหเปน
เสาตนแรกไวในตําแหนง ทต่ี องการ

สา� รวจคน้ หา Explore ข้นั ท่ี ๒ ลากเสนรางจากโคนเสาและยอดเสา
ตนแรกไปยังจุดรวมสายตา โดยใชเสนรางท้ัง ๒
ใหน ักเรียนศึกษา คนควาเก่ยี วกับการวาด เปนแนวความสูงของเสาทุกตนที่จะวาดตอไป เสน้ ระดบั สายตา
ภาพทิวทัศนแ ละภาพคนท่แี สดงทศั นียภาพ ใชการวัดดวยสายตา คาดคะเนระยะหางของ จุดรวมสายตา
จากแหลงเรยี นรตู า งๆ เชน หนงั สือเรียน หองสมุด เสาตนที่ ๒ กับเสาตนแรก แลว ลากเสนด่ิงแทน
อินเทอรเนต็ เปน ตน เสาตนที่ ๒ ณ ตําแหนง ท่คี าดคะเนไว เสน้ ระดับสายตา
ขนั้ ท่ี ๓ หาจดุ ก่ึงกลางของเสาตน แรก ลากเสน จุดรวมสายตา
รางจากจุดนั้นไปยังจุดรวมสายตา ซึ่งเสนนี้
จะตัดเสาตน ที่ ๒ ท่ีจดุ ก่งึ กลางเสา เชน เดยี วกนั

ขนั้ ที่ ๔ ลากเสนรางจากยอดเสาตนแรกผาน เส้นระดับสายตา
จดุ กงึ่ กลางของเสาตน ที่ ๒ มาตดั เสน ฐานดา นลา ง จดุ รวมสายตา
ซ่ึงจุดตัดน้ีจะเปนตําแหนงของโคนเสาตนถัดไป
ลากเสนด่ิงจากฐานเสาน้ันข้ึนไปตัดเสนยอดเสา เส้นระดับสายตา
จะไดเปน เสาตน ที่ ๓ จุดรวมสายตา
ข้ันท่ี ๕ ใชวิธีการเดียวกันนี้ซํ้าๆ จนกวาจะได
เสาท่ีเหลือท้ังหมด

๖๐

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครูเนน ยํ้าเกี่ยวกบั ข้นั ตอนของการวาดภาพทิวทัศนว า มีขั้นตอน ดงั น้ี
1. สรางความประทบั ใจในธรรมชาติ กอนวาดภาพทิวทัศนควรเลือกทศั นยี ภาพ วัตถุที่อยใู กลจ ุดรวมสายตาควรมลี กั ษณะอยางไร

ทเี่ ราชอบ เพราะความชอบจะสรา งแรงบันดาลใจเปนพลังที่ทาํ ใหเ รา แนวตอบ จุดรวมสายตาถือเปนจุดที่อยหู างจากมมุ มองทเี่ รากาํ หนด
สรา งสรรคง านไดด กี วาการวาดภาพทไ่ี มช อบ มากท่สี ดุ หรอื ไกลสุด ดังนัน้ วัตถุ คน ส่งิ ของทีอ่ ยใู กลจ ดุ รวมสายตา
2. วิเคราะหภ าพทิวทศั น โดยใชส ายตามอง คิด และวิเคราะหร ายละเอยี ด จึงมขี นาดเลก็ มรี ายละเอียดไมช ดั เจน หรือถาเขยี นบรรยากาศก็จะมสี ภาพ
ของภาพทิวทัศนท จี่ ะวาด วามรี ูปรา ง สัดสว น ลักษณะผิว แสง สี เบาบาง ไมช ัด มัวๆ ตัวอยางเชน รถยนตท่ีอยูใกลจ ดุ รวมสายตา เราอาจจะ
และชอ งวา งเชน ไร ซ่ึงภาพท่ีเหมาะแกการวาดควรจะมีรายละเอียดที่ชัดเจน รูเพยี งวาเปนรถยนต แตค งไมร ูวา เปนรถแบบใด มสี อี ะไร หรือมลี ักษณะ
เม่ือวเิ คราะหแ ลว กฝ็ กวาดแบบรา งกอ นหลายๆ คร้งั อยางไร ซ่งึ ในการวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ ส่งิ ท่อี ยใู กลส ายตาของเรา
3. เลอื กมมุ มองและจดั ภาพ การเลือกมมุ มองของภาพสําคญั มาก ซ่งึ เรา จะมขี นาดใหญ คมชัด เห็นรายละเอยี ดมาก ซ่งึ จะมลี ักษณะตรงกนั ขา มกบั
สามารถหามมุ ทด่ี ไี ด โดยการสรา งกรอบสนามภาพดว ยกระดาษแข็ง สิ่งท่อี ยใู กลจ ดุ รวมสายตา
ตัดเปนชอ งสี่เหล่ยี มตรงกลาง กวาง 2 น้ิว x ยาว 3 นวิ้ หรือปรับขนาด
ตามความเหมาะสม เพ่ือกําหนดกรอบบรเิ วณท่จี ะเขยี นภาพ
จะไดไมเขียนภาพทกี่ วางใหญเกนิ ไป

60 คู่มือครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

เกร็ดศิลป การวาดภาพตามแบบ หรอื เหมอื นจรงิ ครใู หน ักเรยี นเขยี นสรุปวธิ ีวาดภาพทวิ ทัศน
ทแ่ี สดงทศั นียภาพและวธิ วี าดภาพคนทแี่ สดง
การวาดภาพตามแบบหรอื เหมือนจรงิ หมายถึง การวาดภาพจากสงิ่ ต่างๆ ท่มี ี ทัศนยี ภาพ ลงสมุดบนั ทึก สงครผู ูส อน จากนน้ั ครู
อยู่ในธรรมชาติรอบตวั เรา ตามทสี่ ายตามองเหน็ น�ามาเปน็ แบบหรอื หนุ่ สิง่ ต่างๆ ถามนักเรียนวา
ที่มองเห็นน้นั จะประกอบไปดว้ ยรูปรา่ ง รปู ทรง ขนาด สัดส่วน แสงเงา และสพี นื้
ส่วนประกอบดังกล่าวมีความส�าคัญในการวาดภาพให้เหมือนจริง เพราะภาพท่ี • การวาดภาพทิวทศั นแ บบเหมือนจรงิ
วาดจะแสดงขนาด ปรมิ าตร และแสดงระยะใกล้-ไกลได ้ ภาพจะดมู คี วามลึก เชน่ สงิ่ สําคัญทีค่ วรคํานงึ ถึงคอื ส่ิงใด
การวาดภาพตน้ ไมใ้ นระยะใกลย้ อ่ มมขี นาดใหญก่ วา่ มนี า้� หนกั ส ี หรอื แสงเงาเขม้ กวา่ (แนวตอบ การวาดภาพทวิ ทศั นแ บบเหมอื นจรงิ
มรี ายละเอยี ดชัดเจนกว่าภาพต้นไมใ้ นระยะไกลออกไป เปน็ ตน้ ตามส่งิ ท่มี อี ยูในธรรมชาติรอบตวั เราตามที่
การวาดภาพตามแบบ หรอื เหมือนจริง นอกจากส่ิงท่ีต้องคา� นึงถึงด้านรปู รา่ ง สายตามองเห็น จะตอ งคาํ นงึ ถงึ องคป ระกอบ
รูปทรง ขนาด สัดส่วน สีสันตามท่ีสังเกตเห็นแล้ว สิ่งส�าคัญอีกประการหน่ึงคือ ดา นรปู ราง รูปทรง ขนาด สัดสวน แสงเงา
ต้องวาดภาพแสดงน�้าหนักของแสงเงาให้ถูกต้องด้วย น้�าหนักของแสงเงาบนวัตถุ และสพี น้ื ซงึ่ มคี วามสําคญั อยางมาก
เกดิ จากการทแ่ี สงเงามาตกกระทบ แสงอาจสอ่ งมาจากดา้ นใดดา้ นหนง่ึ หรอื พรอ้ มกนั ในการวาดภาพใหเ หมือนจรงิ เพราะภาพ
หลายด้านก็ได้ ถ้าแสงที่ตกกระทบวัตถุมีความสว่างมากก็จะเกิดเงามืดเข้มมาก ท่ีวาดออกมาจะเห็นขนาด ปรมิ าตร และ
จะเห็นวัตถุเด่นชัด ถ้าแสงท่ีตกกระทบวัตถุมีความสว่างน้อย เงาของวัตถุก็จะ แสดงระยะไกลใกลไ ด ภาพจะดูมคี วามลึก
ไม่เขม้ วตั ถจุ ะไมเ่ ดน่ ชดั นัก แสงและเงาในภาพจะแสดงให้เหน็ ความลึก ความนูน และมีรายละเอยี ดที่ชดั เจน)
และลกั ษณะของวตั ถชุ ่วยท�าใหด้ ูคลา้ ยของจรงิ

“ล่นั ทมบนเขาวัง” ภาพวาดทวิ ทัศน์ธรรมชาตแิ บบเหมือนจริง เทคนิคการวาดภาพด้วยสอี ะคริลิกบนผ้าใบ ผลงานของ ไพรวลั ย ์ ดาเกลย้ี ง

๖1

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด บูรณาการอาเซียน

ขอใดเปนสงิ่ ท่พี งึ ปฏิบัตใิ นการวาดภาพเหมือนจรงิ จากการศกึ ษาเกี่ยวกับการวาดภาพทวิ ทศั นท แ่ี สดงทศั นียภาพและการวาดภาพ
1. กําหนดสดั สว นวตั ถขุ นึ้ ใหม คนท่แี สดงทัศนยี ภาพสามารถบรู ณาการความรกู ับเรือ่ งราวของอาเซยี นได โดยครู
2. ระบายสใี หสดใสเทาของจริง นําภาพสถานทีส่ าํ คญั ๆ ของประเทศกลมุ สมาชิกอาเซียนมาเปน แบบใหน ักเรียน
3. แสดงแสงเงาใหถ กู ตอ งตามจริง วาดภาพตามแบบ เชน นครวัดของกมั พชู า เจดียชะเวดากองของเมียนมา
4. ใสรายละเอยี ดทกุ อยางลงในภาพ สถปู บุโรพทุ โธของอินโดนีเซยี เปน ตน นอกจากจะเปน การฝก ฝมือของนักเรียนแลว
ยังทําใหน ักเรยี นไดเรียนรูโ บราณสถาน หรือสถานทีส่ าํ คญั ๆ ของประเทศเพื่อนบา น
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การวาดภาพตามแบบหรอื เหมือนจริง อกี ดวย

ผวู าดตอ งคาํ นงึ ถงึ แสงเงาและแสดงใหถ กู ตอ งตามจริง เพ่ือใหว ตั ถมุ ีมิติ มมุ IT
ความตืน้ ความลึก ความนูน ทําใหภาพดูแลว เกดิ ความนาประทับใจ
นักเรียนสามารถดูตัวอยา งการวาดภาพทวิ ทัศน ไดจ าก www.youtube.com
โดยคนหาจากคําวา การระบายสนี า้ํ มนั ภาพทิวทศั น หรอื สาธิตการเขียนภาพ
ทวิ ทศั น

คมู่ อื ครู 61

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

ครูสาธติ การวาดภาพทิวทศั นท ีแ่ สดงทศั นียภาพ ๔.๒ การวาดภาพคนทแี่ สดงทัศนียภาพ
และภาพคนท่ีแสดงทัศนียภาพใหน ักเรียนดู แลวให
นักเรยี นปฏบิ ัติตาม โดยทาํ ลงกระดาษ 100 ปอนด ภาพของคนเม่ืออยู่ในระยะท่ีห่างออกมาจะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าภาพนั้นมีคนหลายคนยืนอยู่
จากนน้ั นําผลงานสงครูผูสอน ในพื้นระนาบของภาพตามต�าแหนง่ ต่างๆ ผวู้ าดจะตอ้ งจดั สดั สว่ นใหถ้ กู ตอ้ งเมื่อเทยี บกบั จา� นวนคนในภาพ เพ่อื ใหด้ ู
สอดคลอ้ งกัน ซึ่งมีวิธีในการวาด ดงั นี้

ขั้นท่ี ๑ ลากเสนนอนเปนเสนระดับสายตา กําหนดจุดรวมสายตาใหอยูทางดานซายมือ ใชเสนด่ิงเปน
ตวั กําหนดความสงู ของคนภาพแรก จากนนั้ รา งภาพคนเบาๆ

จุดรวมสายตา เสน้ ระดับสายตา

ขน้ั ที่ ๒ ลากเสนจากสว นบนสดุ และลางสดุ ของเสน แทนความสงู ของคนกลับไปยงั จดุ รวมสายตา

จุดรวมสายตา เสน้ ระดบั สายตา

ขนั้ ท่ี ๓ ใชภาพของคนแรกและเสนระดับสายตาเปนแนวทางในการวาดภาพคนอื่นๆ ที่ยืนอยูในตําแหนง
ตางๆ กัน โดยมีระยะหางระหวางเสนแนวบนและลางเปนตัวกําหนดความสูงของภาพคนอ่ืนๆ
ทเ่ี หลอื

จุดรวมสายตา เสน้ ระดบั สายตา

๖2

เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครสู รุปเกยี่ วกบั ลกั ษณะของภาพวาดแสดงทัศนียภาพวา มีลกั ษณะทส่ี าํ คญั ดังน้ี
1. วตั ถุ หรือส่ิงของท่มี ขี นาดเทากนั เมื่ออยไู กลตัวออกไปจะมีขนาดเลก็ ลง ขอใดบอกหลกั การวาดภาพคนทแี่ สดงทัศนยี ภาพไดถูกตอง
2. ระยะท่ีเทา กันเมอื่ อยไู กลตวั ออกไปจะมรี ะยะที่ถ่ขี น้ึ เรอื่ ยๆ จนรวมเปน 1. คนท่ีอยูใ กลต องวาดใหชดั
2. ใหมีจดุ นาํ สายตาหลายจุด
จดุ เดียวกัน 3. บรรยากาศทอ่ี ยูไกลใหมสี ีสดใส
3. เสน หรอื สิง่ ของทค่ี ขู นานกันเมอ่ื ไกลออกไปจะพงุ เขาหากัน 4. สัดสวนไมจําเปนตอ งเหมือนจริง
4. วัตถุ หรอื สงิ่ ของตา งๆ เมอ่ื อยไู กลตวั ออกไป จะมรี ายละเอยี ดและ
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การวาดภาพคนท่ีแสดงทัศนยี ภาพ ไมว า
ความชดั เจนลดลงไปตามลาํ ดับ
คน วัตถุ ระยะ แสงเงา รปู ราง รูปทรง จะตอ งใหใกลเ คยี ง มขี นาดสดั สว น
ถูกตองตามความเปน จริง เชน คนท่อี ยใู กลต องมีขนาดใหญก วา คนทอ่ี ยไู กล
และลดหลน่ั กนั ลงไป จนถงึ จดุ รวมสายตาท่ีมีขนาดเลก็ จนมองเหน็ เปนจดุ

62 คมู่ ือครู

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล

Engage Explore Explain Expand Evaluate

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

1 ครูใหน ักเรียนดูภาพ “แสงสุวรรณภมู ิ
(วดั ระฆงั โฆษิตาราม) และแสงสวุ รรณภมู ิ
õ. ¡ÒáÓ˹´à§Ò¢Í§Çѵ¶Ø (วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม)” ผลงานภาพพมิ พของ
ปรีชา เถาทอง หรือภาพงานทัศนศลิ ปทเี่ นน
เมอื่ มแี หลง่ กา� เนดิ แสง กจ็ ะทา� ใหเ้ กดิ เงาของวตั ถทุ เี่ กดิ จากจดุ รวมสายตาเดยี วกนั โดยจดุ รวมสายตาจะอยู่ ความสาํ คญั ของแสงเงาของวตั ถุ จากนนั้ ให
นักเรียนรว มกันแสดงความรสู กึ ที่มตี อ ผลงาน
ใต้แหล่งก�าเนดิ แสงในแนวด่ิงบนพนื้ ผิวทว่ี ตั ถวุ างอยู่พอด ี โดยแสงจะเดนิ ทางเป็นเสน้ ตรงไปกระทบกบั วัตถุท่ขี วางกนั้ ทัง้ สองอยา งอิสระ โดยครเู นนยํ้าเกยี่ วกบั การใช
แสงเงาของศลิ ปน
อย ู่ วัตถุจะขวางแสงไม่ให้เดินทางตอ่ ไปได ้ ท�าให้เกดิ เงาข้นึ ซงึ่ เงาแตล่ ะเงาจะมรี ปู ร่างตามวตั ถุนนั้ ๆ โดยความยาว

ของเงา วัตถุที่ตกทอดบนพ้ืนผิวจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับต�าแหน่งของแหล่งก�าเนิดแสง ถ้าแหล่งก�าเนิดแสงอยู่

เหนอื วัตถุมาก เงากจ็ ะยิง่ หดส้นั มาก แหลง่ กาํ เนิดแสง

สา� รวจคน้ หา Explore

ใหน ักเรียนศกึ ษา คน ควา เกย่ี วกบั การกําหนด
เงาของวัตถุ จากแหลงเรยี นรูต างๆ เชน
หนังสือเรยี น หองสมดุ อินเทอรเ นต็ เปนตน

อธบิ ายความรู้ Explain

เสน้ ระดับสายตา ใหน กั เรียนรวมกันอภปิ รายเกีย่ วกับ
การกาํ หนดเงาของวัตถุ แลว สรุปผลการอภิปราย
ลงสมุดบนั ทกึ จากนัน้ ครูถามนกั เรยี นวา

• เงาในทางศลิ ปะมีความสําคัญอยางไร
(แนวตอบ เงาเปน สว นหนง่ึ ท่ที ําใหภ าพวาด
มีความสมบูรณ ทําใหภาพคลา ยของจรงิ คอื
มคี วามหนา ความลกึ ในระดบั ตางๆ)

๖3

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู

คา นา้ํ หนักของเงา มีความสาํ คัญอยา งไร ครูอธิบายเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั แสงและเงา โดยครอู ธิบายวาเมือ่ แสงสองกระทบกับ
แนวตอบ คานํ้าหนกั ของเงา มีความสําคญั ดงั น้ี วัตถุจะทาํ ใหเกดิ เงา แสงและเงาเปนตัวกําหนดระดับของคานํ้าหนกั ความเขม
ของเงาจะข้นึ อยกู บั ความเขม ของแสง ในทท่ี ่มี ีแสงสวางมากเงาจะเขม ข้ึนและ
1. ใหความแตกตา งระหวา งรปู และพื้น หรอื รูปทรงกบั ทว่ี าง ในทีท่ ่มี ีแสงสวางนอ ย เงาจะไมชดั เจน และในท่ีทไ่ี มม แี สงสวางจะไมม เี งา โดยเงา
2. ใหค วามรูส กึ เคลอ่ื นไหว จะอยูใ นทางตรงขามกับแสงเสมอ การศึกษาเกยี่ วกับเงาของวตั ถุ ครูอาจพานกั เรียน
3. ใหค วามรูส ึกเปน 2 มติ ิ แกร ูปราง และความเปน 3 มติ ิ ไปดูเงาของเสาธงหรอื วัตถุอื่นๆ ที่สงั เกตเงาไดง าย แลวใหนกั เรยี นเปรียบเทยี บเงา
ที่เกดิ ข้ึนชวงเชากบั ตอนเทยี่ งวนั วา แตกตา งกันอยางไร
แกรปู ทรง
4. ทาํ ใหเกดิ ระยะความตนื้ - ลกึ และระยะไกล-ใกลของภาพ นักเรียนควรรู
5. ทําใหเ กิดความกลมกลืนประสานกนั ของภาพ
1 เงาของวตั ถุ บริเวณทเี่ งาของวตั ถุนัน้ ๆ ทอดไปตามพ้นื หรือวัตถุอืน่ ทีร่ องรบั
ซึง่ จะมนี า้ํ หนักแกก วา บริเวณแสงสะทอ น เงาตกทอดที่จัดวา สวยงามในแงของศิลปะ
คือ เงาตกทอดท่เี กิดจากตน กาํ เนิดของแสง ทาํ มุมกับพน้ื ราบประมาณ 45 องศา

คูม่ อื ครู 63

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา้ า้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate

ขยายความเขา้ ใจ E×pand

1. ใหน กั เรยี นจับคกู นั วาดภาพแสดงทศั นียภาพ กจิ กรรม ศิลปป์ ฏบิ ตั ิ ๕.๑
โดยอาจเปนภาพทวิ ทัศน หรือภาพคนกไ็ ด
จากนั้นนาํ ผลงานสง ครูผูสอน กจิ กรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนฝกปฏิบัติการวาดภาพแสดงทัศนียภาพจากสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่รอบตัว โดยเลือก
ตามมมุ มองของแตล่ ะคน
2. ใหนักเรียนนําขอมูลเก่ยี วกับหลักการวาดภาพ
แสดงทัศนียภาพมารวมกนั จัดปายนิเทศ กิจกรรมท่ี ๒ ให้นักเรียนทดลองหาเศษวัสดุท่ีมีในโรงเรียน เช่น ท่อนไม้ ก้อนหิน กะลามะพร้าว เป็นต้น
โดยครูนาํ ผลงานภาพวาดแสดงทศั นยี ภาพของ มาวางกลางแดดแล้วสังเกตเงาที่เกิดบนตัววัตถุ และลักษณะของแสงเงาที่ตกทอดบนพื้น
นกั เรียนแตล ะคูม าจัดแสดงทีป่ า ยนเิ ทศดว ย จากนัน้ ทดลองรา่ งภาพลงน�้าหนักแสงเงาตามทมี่ องเหน็

ตรวจสอบผล Evaluate กจิ กรรมท่ี ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี
๓.๑ เพราะเหตุใดเราจงึ ต้องสร้างความลกึ ลวงตาขึ้นในภาพทีเ่ ราวาด และใหบ้ อกเทคนคิ ที่ใช้
1. ครูพจิ ารณาจากผลงานภาพวาดแสดง
ทัศนียภาพของนกั เรียน ในการสรา้ งความลึกลวงตามา ๒ วธิ ี
๓.๒ จงอธิบายหลกั การวาดภาพแสดงทศั นียภาพมาพอสังเขป
2. ครูพิจารณาจากการจัดปายนิเทศเกยี่ วกบั ๓.๓ การจะวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพใหม้ ีผลงานดี ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร
หลักการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพของนักเรยี น
โดยพิจารณาจากความถูกตองและ สรปุ การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ เป็นวิธกี ารสรา้ งภาพให้มรี ะยะใกล้-ไกลเปน็ ๓ มติ ิ ให้ได้ภาพ
ความสวยงาม
ออกมาคล้ายคลงึ กบั สงิ่ ท่ีตามองเห็น ทป่ี รากฏจรงิ ในโลก ๓ มิตทิ ี่เราอาศยั อยู่ การนำาหลักการวาดภาพ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู แสดงทัศนียภาพด้วยวิธีกำาหนดจุดรวมสายตา หรือใช้วิธีการทางศิลปะสร้างความลึกลวงตา มาใช้กับ
การวาดภาพระบายสีวัตถุ หรือทิวทัศน์ จะทำาให้ภาพมีบรรยากาศของความใกล้-ไกล ต้ืนลึก เป็นมิติ
1. ผลงานภาพวาดทวิ ทัศนแ ละคนแสดงทัศนยี ภาพ ที่ให้ความรู้สึกและอารมณ์ทางสุนทรียะได้ดี โดยเฉพาะการวาดภาพเหมือนจริงด้วยแล้ว หลักการของ
2. ผลงานการจดั ปายนเิ ทศเกีย่ วกับหลกั การวาด การวาดภาพแบบทศั นียภาพนับว่ามคี วามเกย่ี วข้องและจำาเป็นอยา่ งมาก

ภาพแสดงทัศนียภาพ

๖4
แนวตอบ กจิ กรรมศิลปป์ ฏบิ ัติ 5.1 กิจกรรมที่ 3

1. การสรางความลึกลวงตาแบบ 3 มติ ิ คือการทาํ ใหภาพวาดแสดงทัศนยี ภาพท่ไี ดออกมามีความคลา ยคลึงกับส่ิงท่ตี ามองเห็น ท่ีปรากฏจรงิ ตามธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอม
มากท่ีสุด โดยใชท ศั นธาตแุ ละลกั ษณะทัศนธาตเุ ขาชวย เชน เสน ระนาบ น้าํ หนัก สี ขนาด ทศิ ทาง จังหวะ เปน ตน สวนเทคนิคของการสรา งความลกึ ลวงตาแบบ 3 มิติ
มีอยูดวยกันหลากหลายเทคนคิ เชน การกําหนดขนาดและตําแหนง ในแนวดิ่ง การทับซอ นกนั เปนตน

2. หลกั การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ คือ การใชเ ทคนคิ การวาดภาพที่มีความลึกลวงตา เพือ่ สรางภาพแบบ 3 มิติ บนพื้นผวิ ระนาบ 2 มติ ิ เชน แผน กระดาษ ผนื ผาใบ
ฝาผนัง เปนตน เพื่อใหภ าพที่ถา ยทอดออกมาจากมุมมองของเราดูสมจรงิ คลา ยคลึงกบั ภาพที่เหน็ จรงิ ดว ยสายตา

3. การวาดภาพแสดงทศั นียภาพใหไดผ ลงานท่ดี ี ผูวาดควรมคี วามรูเกีย่ วกับเทคนิคตา งๆ ทใ่ี ชในการวาดภาพ โดยเฉพาะวิธกี ารสรา งความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ
คือ การสรางภาพใหม ีระยะไกลใกลเ ปน 3 มิติ ซึ่งจะทาํ ใหภาพออกมาคลา ยคลึงกับทตี่ ามองเหน็

64 คู่มอื ครู

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

รวบรวมงานปนหรือส่ือผสมมาสรางเปน
เรอ่ื งราว 3 มิติ โดยเนน ความเปน เอกภาพ
ความกลมกลืน และการสื่อถึงเร่อื งราวของงาน

สมรรถนะของผเู รยี น

1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค

1. มวี ินยั
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ มนั่ ในการทํางาน

๖หน่วยที่ กระตนุ้ ความสนใจ Engage

งานปัน และงานสอ่ื ผสม ครใู หนกั เรยี นดูตวั อยา งผลงานปน และงาน
ผลงานปันและงานสื่อผสม เป็นผลงานทัศนศิลป์ที่มี สือ่ ผสม แลวใหน กั เรยี นรวมกนั แสดงความคิดเหน็
ตวั ช้วี ัด เก่ยี วกบั ลักษณะของงานปน และงานสอ่ื ผสมวา
ศ ๑.๑ ม.๑/๔ รปู รา่ ง หรอื รปู ทรงแตกตา่ งไปจากผลงานประเภทจติ รกรรม
การวาดภาพระบายสี และงานภาพพิมพ์ เน่ืองจากผลงาน • ผลงานทัศนศลิ ปท ัง้ สองแบบมลี กั ษณะ
■ ร วบรวมงานปน้ั หรือสือ่ ผสมมาสรา้ งเป็นเร่ืองราว ๓ มิต ิ ทง้ั ๒ ประเภทนี้จะมีลักษณะของรูปทรงเป็นแบบ ๓ มิติ คอื แตกตางกนั อยางไร
โดยเน้นความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และการสอื่ มีความกวา้ ง ความยาว และความสูง (หนา) ซงึ่ ผ้ชู มสามารถ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น
ถงึ เร่อื งราวของงาน จบั ตอ้ งและสมั ผสั ได้ มกี ารใชส้ อ่ื วสั ดุ รวมทง้ั เทคนคิ วธิ กี ารตา่ งๆ ไดอ ยา งอสิ ระ ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมวา งานปน
มาใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานอีกด้วย จากลักษณะ หมายถงึ การนาํ เอาวสั ดทุ มี่ เี นอื้ ออ นทสี่ ามารถ
สาระการเรียนร้แู กนกลาง ดังกล่าวทำาให้ผลงานปันและงานส่ือผสมมีรูปแบบเฉพาะตัวท่ี รวมกันได หรือแบงแยกออกจากกนั ได
แตกตา่ งจากผลงานทศั นศิลปป์ ระเภทอนื่ ๆ เชน ดนิ เหนยี ว ดินนํา้ มนั ขผ้ี ึง้ มาตกแตง
■ เ อกภาพ ความกลมกลืนของเรื่องราวในงานปั้น หรือ ทําเปนรปู ทรงตางๆ ตามตองการ โดยใช
งานส่อื ผสม วิธีขยํา บีบ นวด ตัด ขัด ขดู ปะ เปนตน
สว นงานสือ่ ผสม หมายถงึ ศิลปะทม่ี ี
๖๕ การผสมผสานสื่อทางศิลปะทมี่ ลี ักษณะ
แตกตางกนั เชน การผสมกนั ระหวาง
งานจิตรกรรม งานประตมิ ากรรม
และงานภาพพมิ พ เปน ตน)

เกรด็ แนะครู

การเรยี นการสอนในหนว ยการเรยี นรูนี้ ครูควรนําผลงานประตมิ ากรรมและ
ผลงานสอื่ ผสมมาใหนักเรยี นดูเปนตวั อยาง แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเก่ยี วกบั
ลกั ษณะของผลงาน ความแตกตา งของผลงานทง้ั สองประเภท และการสอ่ื ถงึ เรอ่ื งราว
ของผลงานแตละชิน้ เพอ่ื ใหน กั เรียนสามารถจําแนกผลงานทัศนศลิ ปประเภท
งานปน และงานสอ่ื ผสมไดและทาํ ใหเกดิ การรับรทู ด่ี มี ากย่ิงขนึ้

คู่มอื ครู 65

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครูใหนกั เรยี นดภู าพงานประติมากรรม 1
แบบนูนตํ่า “สมเดจ็ พระพนั วสาอัยยกิ าเจา” ผลงาน
ของศาสตราจารยศ ลิ ป พรี ะศรี และภาพผลงานส่อื ñ. ÅѡɳТͧ¼Å§Ò¹»¹œ˜ áÅЧҹÊ×èͼÊÁ
ผสมจากวัสดุเหลอื ใช จากนนั้ ครถู ามนักเรยี นวา
ผลงานปันและงานสอ่ื ผสมมีลักษณะทสี่ า� คญั ดงั ต่อไปนี้
• นักเรียนชื่นชอบหรือสนใจผลงานลักษณะใด
มากกวากนั เพราะเหตใุ ด ๑.๑ ลกั ษณะของผลงานปัน
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอยางอสิ ระ)
ผลงานปัน หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่เกิดขึ้นจาก
ทั้งนค้ี รสู ามารถนําภาพตัวอยา งงาน การนา� เอาวัสดทุ มี่ เี นอื้ อ่อน เชน่ ขี้ผง้ึ ดินเหนยี ว ดินนา�้ มัน เปน็ ตน้
ประตมิ ากรรมและงานสื่อผสมอ่นื ๆ มาใชเปนสือ่
ประกอบการเรยี นการสอนไดตามความเหมาะสม ทส่ี ามารถเปลย่ี นรปู ไดม้ าผา่ นกระบวนการเพอ่ื ใหเ้ กดิ เปน็ รปู ทรง
ชนิดต่างๆ ตามตอ้ งการ ได้แก ่ รปู ลอยตัว (Round Sculpture)
สา� รวจคน้ หา Explore รปู นนู สงู (High Relief) และรปู นนู ตา�่ (Base Relief)
ผลงานปัน ทั้ง ๓ ชนดิ จะมีมิต ิ คอื ความกวา้ ง ความยาว
ใหนกั เรยี นศึกษา คน ควา เกี่ยวกับลักษณะของ และความหนาท่ีแตกตา่ งกนั อันท่ีจะท�าให้ผลงานปนั มีลกั ษณะ
งานปน และงานสือ่ ผสม จากแหลงเรยี นรูต า งๆ เชน ทงี่ ดงาม นา่ สนใจ และมคี วามหลากหลาย โดยลักษณะดังกล่าว
หนงั สอื เรยี น หองสมุด อินเทอรเนต็ เปน ตน
ล้วนเป็นผลมาจากโครงสร้าง สัดส่วน พื้นผิว รวมท้ัง
แสงเงาท่ตี กกระทบบนงานปนั นนั้ ดว้ ย

อธบิ ายความรู้ Explain

1. ใหนักเรยี นสรุปลกั ษณะของงานปนและ
งานส่ือผสม ลงสมุดบนั ทกึ สงครผู สู อน

2. ใหนกั เรยี นชว ยกันยกตวั อยา งงาน
ประตมิ ากรรมแบบนนู ตํ่า แบบนนู สงู
แบบลอยตัว ทนี่ ักเรยี นพบเหน็ อยใู น
ชีวติ ประจําวนั มา 2-3 ผลงาน จากน้ันให
นักเรียนรวมกนั อภปิ รายเกย่ี วกับลกั ษณะของ
ผลงานท่ียกตวั อยา งมา

“อนุสาวรยี แ มมา ยเมอื งลับแล” ผลงานประตมิ ากรรมลอยตวั ต้งั อยู่บริเวณประตูเมืองลับแล อําเภอลบั แล จงั หวดั อตุ รดติ ถ์

๖๖

นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 ผลงานปน เปน งานที่ศิลปน สามารถควบคุมไดท ้ังผวิ นอกและผวิ ใน
ของผลงาน ซ่งึ ถาศิลปน ไมพอใจกส็ ามารถปรับแกแลว เรมิ่ กรรมวิธใี หมไ ดอกี ขอใดคอื ลกั ษณะสาํ คญั ของงานปน
โดยงาย จึงเปน งานทอี่ ิสระจากขอจํากดั ตางๆ มากกวา งานแกะสลัก และเม่ือได 1. การใชด ินเหนียวทาํ ใหเ กดิ รปู ทรง
รูปทรงท่พี อใจแลว กอ็ าจนําไปหลอใหแ ขง็ แรงตามกรรมวธิ ีของงานหลอ ตอ ไปไดอ ีก 2. การใชด ินนา้ํ มนั กดในแมพ มิ พ
3. การเทของเหลวลงในแมพ ิมพ
มมุ IT 4. การเปลีย่ นรปู ทรงใหม ีลกั ษณะลอยตวั

นกั เรยี นสามารถชมวิธีการสรางสรรคงานปน แนวตา งๆ ไดจ าก วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. งานปน เปนผลงานทศั นศลิ ปท ีเ่ กิดขึน้
www.youtube.com โดยคนหาจากคาํ วา งานปน
จากการนําวัสดุทมี่ เี นอื้ ออนอยางดนิ เหนยี วมาผา นกระบวนตางๆ เชน
บีบ นวด พอก ตดั ขูด ปะ จนทาํ ใหเ กดิ รปู ทรงตางๆ ซ่งึ ผลงานปนจะทาํ ให
เราเหน็ ผลงานมีลักษณะเปน 3 มิติ

66 ค่มู ือครู

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

1 ครูเชญิ วทิ ยากรในทอ งถิน่ ท่ีมีความเชี่ยวชาญ
๑.๒ ลกั ษณะของงานสอื่ ผสม(MixedMedia) ดานงานปน หรืองานสือ่ ผสมมาสาธติ การปน
แบบตางๆ หรืองานสอ่ื ผสมใหนักเรยี นดู เชน
งานสือ่ ผสม หมายถงึ ผลงานทัศนศิลป์ท่ีเกดิ งานปน แบบลอยตัว งานปนแบบนูนสงู
งานภาพพมิ พ เปน ตน โดยครูเปดโอกาสให
จากการน�าผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ ์ นกั เรยี นพดู คยุ ซกั ถามวทิ ยากรเกยี่ วกบั แรงบนั ดาลใจ
ในการสรางสรรคผ ลงานของวทิ ยากรอยางอสิ ระ
หรอื จากการวาดเสน้ โดยใชว้ สั ดหุ ลายๆ แบบ เชน่ กระดาษ ใหนักเรยี นทดลองสรางสรรคงานศิลปะตาม
กระบวนการและคาํ แนะนาํ ของวทิ ยากร จากนนั้
ไม ้โลหะ วสั ดตุ า่ งๆ เปน็ ตน้ มาสรา้ งความผสมกลมกลนื ดว้ ย ครูถามนกั เรียนวา

การสร้างสรรค์ จนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นงานอย่างใด • นกั เรียนคดิ วา งานปน กบั งานสื่อผสม
แตกตา งกันอยางไร
อย่างหน่ึงโดยเฉพาะได้ หรือหมายถึงผลงานทัศนศิลป์ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอ ยางอิสระ
ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมวา งานปน เปนผลงาน
ท่ีมีการผสมผสานกับส่ือท่ีเก่ียวกับดนตรี ลีลาในการ ทศั นศลิ ปท ี่เกิดขนึ้ จากการนําวสั ดุทีม่ ี
เนอ้ื ออ น เชน ดนิ เหนยี ว ดนิ น้าํ มนั มาผาน
เคล่ือนไหว และสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยสามารถรับรู้ กระบวนการตา งๆ จนเกิดเปนรปู ทรง
ตามทตี่ องการ สว นงานส่อื ผสม เปน ผลงาน
ความงามไดจ้ ากประสาทสมั ผสั ท้ัง ๕ ของมนษุ ย์ ทัศนศิลปท เ่ี กดิ ขน้ึ จากการนาํ วัสดุ
หลากหลายแบบ เชน กระดาษ ไม โลหะ
ผลงานปันและงานส่ือผสมเป็นผลงานทัศน- ตา งๆ มาผสมผสานดว ยความคดิ สรา งสรรค
จนไมสามารถระบไุ ดวาเปนผลงานทัศนศลิ ป
ศิลป์ที่เราสามารถน�าเอาคุณสมบัติท่ีเป็นลักษณะเฉพาะ อยา งใดอยา งหน่ึงโดยเฉพาะ)

ของผลงานมาใช้ในการสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นรูปทรงใหม่

เทคนคิ วธิ กี ารใหมๆ่ ทมี่ คี วามหลากหลายมากขน้ึ ประการ

ส�าคัญคือ ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานต้องรู้จักใช้ความคิด

สร้างสรรค์ และกล้าแสดงออกในการสร้างสรรค์ผลงาน งานสื่อผสมจากวัสดุเหลือใช้ ผลงานของนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา
จงั หวัดชลบุรี
อยา่ งมนั่ ใจในฝีมอื และความสามารถของตนเอง

ò. ËÅ¡Ñ ¡ÒèѴ·íҼŧҹ»œ¹˜

áÅЧҹÊè×ͼÊÁ

ในระดับชั้นน้ีนักเรียนควรจะได้ศึกษาตัวอย่าง

ของการสรา้ งสรรค์ผลงานปนั และงานส่ือผสม เพ่อื สรา้ ง

ความเข้าใจเปน็ เบ้ืองตน้ ดงั น้ี
๒.๑ ผลงานปนั
สา� รวจคน้ หา Explore
วิธีการปนั คือ การน�าเอาส่วนย่อยเพม่ิ เขา้ ไป

เพื่อให้ได้รูปทรงท่ีมีความละเอียดมากขึ้น โดยใช้วัสดุท่ี ใหนกั เรยี นศกึ ษา คน ควาเกีย่ วกบั หลกั การ
จัดทาํ ผลงานปน และงานสอื่ ผสม จากแหลง เรียนรู
มีคุณสมบัติเปลี่ยนสภาพได้ เช่น ดินเหนียว ดินน�้ามัน ตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมดุ อินเทอรเน็ต
เปนตน
ข้ีผ้ึง เป็นตน้ วสั ดุบางชนดิ เม่ือปนั เสร็จแลว้ มกั จะน�าไป

หลอ่ หรือเผาตามคณุ สมบัติของวสั ดนุ ้นั ๆ ดงั นนั้ ผู้ปัน

งานสื่อผสมแบบลอยตัว โดยใช้โลหะ ตะปู ประกอบลงบนรูปทรง จะต้องมคี วามรู้เกีย่ วกบั วสั ดุและกรรมวธิ ปี ฏบิ ัตงิ านจึงจะ
ผลงานของนิสิตมหาวิทยาลัยบรู พา จงั หวัดชลบรุ ี สามารถลงมือปฏบิ ัติได ้ ซึ่งมขี ั้นตอนทสี่ �าคญั ดงั น้ี

๖๗

แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นกั เรยี นควรรู

ลกั ษณะเดน ของผลงานสอื่ ผสมคือขอใด 1 งานสอื่ ผสม เปนผลงานท่ที าํ ข้นึ ดวยการใชว สั ดุตางๆ หลายอยา งมา
1. ใชเ ฉพาะวัสดทุ ห่ี าไดง าย ผสมผสานกนั ในการสรา งงาน เชน ภาพปะตดิ จะใชวสั ดุพวกกระดาษ ผา
2. เสนอแนวคิดทแ่ี ปลกใหม เศษวสั ดธุ รรมชาติ ปะตดิ บนแผน ภาพดว ยกาว หรอื แปง เปย ก โครงสรา งเคลอ่ื นไหว
3. ใชว สั ดุหลายอยางผสมกัน เปน งานประติมากรรมท่มี โี ครงสรางบอบบาง จัดสมดุลดว ยเสน ลวดแข็งบางๆ
4. มสี ีสนั สดใสสะดุดตา ทมี่ ีวัตถรุ ูปรา ง รปู ทรงตางๆ ที่ออกแบบเช่ือมตดิ กบั เสนลวด เปน เคร่อื งแขวน
ท่ีเคลือ่ นไหวไดด ว ยกระแสลมเพยี งเบาๆ เปน ตน
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การสรางสรรคผ ลงานส่ือผสม
มุม IT
(Mixed Media) เปนการนําวัสดหุ ลากหลายชนดิ มาผสมผสานกัน โดยใช
จินตนาการ การออกแบบ สรางสรรคเปน ผลงานศิลปะรูปแบบใหมข้ึนมา นักเรยี นสามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกับงานสอื่ ผสม ไดจ าก
ซ่ึงวัสดุทนี่ ํามาใชไ มมขี อจํากัดแนนอนตายตัววาตอ งใชอะไรบาง http://www.nfi earts.cmu.ac.th/อันเน่ืองมาจาก-mixed-media
หรอื ไมม ีขอ จํากดั วา ผลงานจะตองมรี ปู ลกั ษณแบบใด รวมถงึ ขนาดดว ย
ทง้ั นีผ้ ลงานสอ่ื ผสมมงุ นําเสนอแนวคิดของศิลปน มากกวาจะมุงเนน ที่
ความสวยงาม

คู่มอื ครู 67

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

ใหนกั เรยี นสรุปหลกั การจัดทาํ งานปน และงาน ข้นั ท่ี ๑ ก่อนท่ีจะด�าเนินการปันให้เกิดเป็น
สอ่ื ผสม เปนแผนผงั ความคดิ (mind mapping)
ลงกระดาษรายงาน สงครผู สู อน จากนนั้ ครใู ห รปู ทรง ในเบือ้ งตน้ ควรออกแบบเปน็ ภาพรา่ งง่ายๆ โดย
นักเรียนศึกษาข้นั ตอนการสรางสรรคง านปน
ในหนังสือเรยี น หนา 68-69 จากนัน้ ถามนักเรยี นวา พยายามออกแบบภาพหลายๆ แบบ เพอื่ นา� มาคดั เลอื กวา่

• วัสดุท่ีสามารถนาํ มาใชใ นงานปนมีอะไรบา ง แบบร่างใดท่ีเราชอบมากที่สุด หลังจากน้ันจึงค่อยน�าไป
ยกตวั อยางมา 2-3 ชนดิ
(แนวตอบ วัสดทุ ีส่ ามารถนาํ มาใชในงานปนได สรา้ งสรรค์เปน็ ผลงานจรงิ ต่อไป
เชน ดนิ เหนียว ดินนาํ้ มัน ข้ีผง้ึ เปน ตน )
ข้นั ท1่ี ๒ จะต้องเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
• หากนักเรยี นตอ งการใหด ินเหนยี วคงสภาพ
ออนนุมไวไดน าน นักเรยี นควรทาํ อยางไร ส�าหรับการปัน และต้องเตรียมให้สอดคล้องกับภาพร่าง
(แนวตอบ นกั เรยี นควรใชน้าํ พนลงบนผลงาน
ปน และใชผา หมาดๆ คลมุ ไวอ ีกชน้ั เพือ่ ให ที่ออกแบบไว้ โดยในขั้นท่ีหนึ่งเม่ือออกแบบภาพร่าง
เนือ้ ดนิ คงสภาพความออ นนมุ เปนวธิ ีหน่ึงที่
ปอ งกนั ไมใ หเนือ้ ดนิ แขง็ ตวั เรว็ ) จะต้องรวู้ า่ ในการปันจะใชว้ ธิ ีการใด เชน่ ปันแบบธรรมดา

• เพราะเหตใุ ด จึงตอ งแยกวัสดุทีแ่ ปลกปลอม ออกแบบภาพร่างงานปั้นบนกระดาษ และกําหนดรูปทรงสําหรับ หรือปนั ดว้ ยการใชเ้ ทคนิคอยา่ งใดอย่างหนึ่ง เป็นตน้
ออกจากดนิ กอ นทําการปน ขึน้ รปู ดนิ ดังนัน้ วัสดุ อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมือต้องเตรยี ม
(แนวตอบ หากใชดินเหนยี วเปนวสั ดใุ นงานปน
เราจะตองนําดินเหนยี วมานวดใหเ ขากนั ไว้ให้สอดคล้องกับผลงานปัน เช่น ในขั้นตอนการปัน
ดงั นน้ั เราตองเลือกเศษวสั ดุแปลกปลอม
ท่ปี ะปนมากบั ดินออกเสียกอ น เชน หนิ กรวด รูปทรงเหลี่ยมโดยการขึ้นรูปทรงด้วยแผ่นดินแบนๆ
ไม โลหะ เพราะเศษวัสดุเหลานอ้ี าจทําให
เกิดอนั ตรายในระหวางการปน ได ที่สําคญั คือ ต่อและประกอบเข้าด้วยกัน วัสดุ อุปกรณ์ท่ีใช้จะต้องมี 2
เศษวสั ดุท่ีหลงเหลอื อยูจะทาํ ใหพื้นผวิ ของ
ผลงานขรุขระ ดูไมส วยงาม และทําใหทํางาน ดินเหนียว หรือดินน้�ามัน (อย่างใดอย่างหน่ึง) ลูกกล้ิง
ไดไมสะดวก)
หรือวัสดุทรงกระบอกส�าหรับคลึงดินให้เป็นเน้ือเดียวกัน

ชุดเครื่องมือปัน กระดานรองปัน กรณีที่ใช้ดินเหนียว

เมื่อเตรียมวัสดุ อุปกรณ์เสร็จแล้ว ให้น�าดินที่จะใช้ใน

วสั ด ุ อุปกรณ์ และเคร่อื งมอื สาํ หรบั การสร้างสรรคผ์ ลงานปน้ั การปันมานวดให้เข้ากัน โดยเลือกเศษวัสดุแปลกปลอม

ท่ีปะปนมากับดิน เช่น หิน กรวด ไม้ โลหะ เป็นต้น

ออกเสียก่อน เพราะเศษวัสดุเหล่าน้ีอาจท�าให้เกิดอันตรายในระหว่างการปันได้ ที่ส�าคัญคือเศษวัสดุที่หลงเหลืออยู่

จะท�าใหพ้ ้นื ผวิ ขรขุ ระดูไมส่ วยงาม และทา� ให้ท�างานได้ไม่สะดวก

ในการปัน ดนิ เหนยี ว ถ้าต้องใช้เวลานานขา้ มคืน ควรใช้นา้� พน่ ลงบนผลงานปนั และใช้ผา้ หมาดๆ คลุมไว้

อีกชั้น เพือ่ ใหเ้ น้อื ดนิ คงสภาพความออ่ นนุ่มดังเดมิ และเป็นวธิ กี ารหนึ่งที่ปองกันไม่ให้เนื้อดนิ แข็งตวั เร็วอกี ด้วย

ขัน้ ที่ ๓ น�าดินท่ีคลึงและนวดจนเข้าเป็นเน้ือเดียวกันดีแล้วมาวางลงบนแผ่นไม้กระดานท่ีเตรียมไว้

ส�าหรับเป็นพื้นรองรับตามขนาดท่ีต้องการ โดยปกติขนาดของพ้ืนกระดานรองรับควรมีขนาดใหญ่กว่ารูปท่ีจะท�า

การปัน แล้วใช้ไม้กลมหน้าเรียบ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๓-๔ เซนติเมตร กลิ้งไปมาบนก้อนดิน เวลากลิ้ง

ต้องกดน้�าหนักมือลงบนไม้กลมให้สม่�าเสมอกัน เพ่ือให้ผิวหน้าดินมีความเรียบเท่ากัน ต่อจากน้ีจึงน�ากระดาษที่ตัด

เป็นแบบไว้มาวางทาบลงบนแผ่นของดินให้พอดี แล้วใช้คัตเตอร์ หรือเครื่องมือในการปันชนิดหน้าเหลี่ยมตัดตาม

เส้นขอบนอกของแบบท่ีเป็นแผ่นกระดาษ พึงระวังไว้เสมอว่า อย่าตัดเกินเข้าไปภายในเน้ือกระดาษ เพราะอาจ

ทา� ให้ผลงานเสยี รปู ทรงได้

๖๘

นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 อปุ กรณทใี่ ชสาํ หรับการปน การปน วสั ดุตา งๆ ใหเ ปนรูปตามความตอ งการ
เพือ่ ใหไดง านทดี่ ี ประณตี และสวยงามนัน้ เราตองรูจักเลือกใชอ ปุ กรณส าํ หรบั ใช ชา งปน นยิ มใชดนิ เหนยี วในการปนดวยเหตุผลใด
ในงานปน ดังนี้ 1. จัดหาไดง าย ราคาถกู
2. ชว ยอนรุ ักษส งิ่ แวดลอม
1. แผนกระดาษรองปน มีไวสําหรบั รองเวลาปน และเวลานวดดนิ ใหเขา กัน 3. นาํ มาสรางผลงานไดประณีต
2. ถุงพลาสติก มีไวส าํ หรับใสด นิ หรอื คลมุ ดินที่นวดแลว หรอื คลมุ งานปนท่ี 4. เหมาะสมกับอากาศเมอื งไทย

ยงั ไมเสร็จ เพอ่ื ไมใหดินแหง วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ในการสรางสรรคง านประติมากรรม หรือ
3. ปากกา มีไวส าํ หรบั กดใหเ ปน รอยหรือลวดลาย
4. มดี คัตเตอร หรอื กรรไกร มไี วส ําหรับกดใหเ ปนรอย หรอื ลวดลาย งานปน วัสดพุ นื้ ฐานทป่ี ระตมิ ากรนาํ มาใช คอื ดินเหนยี ว เนื่องจากจดั หา
5. เกลยี วนอต มีไวส ําหรบั กดใหเปน รอย หรือลวดลาย ไดง าย เพราะมอี ยใู นทุกพ้ืนที่ ราคาถกู ไมตอ งกงั วลเร่อื งการขาดแคลนวสั ดุ
2 ลูกกลิง้ หากวางลกู กลง้ิ ไมท ง้ิ ไวบ นพนื้ ผวิ ใดๆ นานเกนิ ไป ผวิ โคง ของลกู กลง้ิ ไม สวนขออื่นๆ เชน ชว ยอนุรักษส ่ิงแวดลอ ม ถือเปน ผลพลอยได แตไมใช
ก็จะผดิ รูปเดิมไดงาย ดงั น้นั วิธที ่ดี ีทส่ี ดุ ในการระวังรักษาผวิ โคง ของลกู กลง้ิ ไม เหตผุ ลหลัก
ก็คือเม่อื เลกิ ใชล กู กลง้ิ แลว ควรแขวนไว

68 คู่มอื ครู

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

คลึงดินให้เป็นแผ่นเรยี บเสมอกนั ด้วยลกู กล้งิ ตดั กระดาษเปน็ รปู รา่ งสําหรบั ใชเ้ ป็นแบบ ครสู ุมตัวอยา งนกั เรียน 2-3 คน ใหต อบคําถาม
ตอ ไปน้ี
ขน้ั ท่ี ๔ เมื่อตัดดินตามแบบจนได้รูปทรงตามท่ีต้องการแล้วให้น�าไม้บรรทัด หรือแผ่นโลหะขนาดยาว
มาสอดใต้แผ่นของดินแล้วค่อยๆ งัดแผ่นของดินที่ตัดไว้ออกจากแผ่นกระดาน ท�าเช่นน้ีไปจนครบตามแบบทุกด้าน • นักเรยี นคดิ วา ข้ันตอนใดสาํ คญั ทีส่ ุด
หลังจากนั้นจึงน�าแผ่นของดินท่ีตัดไว้มาติดเข้าด้วยกันตามรูปทรงอย่างช้าๆ โดยใช้เครื่องมือปันตกแต่งรายละเอียด ในการทาํ งานปน เพราะเหตุใด
ตามส่วนของรูปทรง จนเกิดความเรยี บร้อย สวยงาม (แนวตอบ ขนั้ ตอนการออกแบบ เพราะเปน
ขนั้ ตอนแรกกอนทจ่ี ะดาํ เนนิ การปน ใหเปน
ข้ันที่ ๕ เมอื่ ประกอบแผ่นของดนิ ตามรปู ทรงที่ออกแบบไวแ้ ลว้ จงึ นา� ดนิ ที่เหลือมาพอกเพิ่มบนรูปทรง รูปทรง หากเราออกแบบเปนภาพรา งงา ยๆ
ตามที่ได้ออกแบบไว้ เพ่ือให้เกิดความหนาและนูน เช่น ส่วนของจมูก ปาก คิ้ว ตา เป็นต้น หรือบางส่วนใช้ ไวกอ น หลงั จากน้ันจงึ คอยหาวสั ดอุ ปุ กรณ
เครอ่ื งมือปันตัดเจาะเข้าไปในรปู ทรง เพอื่ ใหเ้ กิดเป็นช่องวา่ งภายใน เชน่ ดวงตา ริมฝีปาก เปน็ ตน้ ซง่ึ ขนั้ ตอนน้ี ใหต รงตามแบบ แลวคอยสรางสรรคผลงาน
ต้องอาศยั ความละเอียดรอบคอบ ทา� งานอย่างคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป จนผลงานสา� เร็จ ใหไ ดรปู ทรงตามแบบที่รางไว กจ็ ะทาํ ให
ผลงานปนท่อี อกมาไดตามจนิ ตนาการหรือ
ความปรารถนาของเรา)

• ข้ันตอนการตกแตง มีความสาํ คญั อยา งไร
(แนวตอบ ขน้ั ตอนตกแตง เปน ขน้ั ตอนในการ
ตกแตงและเพิ่มรายละเอยี ดผลงาน เพื่อให
ผลงานเกดิ ความสวยงามและนาสนใจ
โดยใชวิธกี ารตางๆ เชน การตัด การขดู ขีด
การปมใหเ กดิ รอ งรอย ทั้งน้คี วรพิจารณา
กอนวา ส่งิ ทป่ี น มสี วนสูง-ตํ่าอยา งไร สวนใด
ควรเพิ่ม สวนใดควรลด แลวคอ ยตกแตง
จนผลงานมคี วามเรยี บรอยสมบรู ณ)

นาํ แบบกระดาษมาทาบลงบนแผ่นของดิน แซะดินทต่ี ดั เรียบรอ้ ยแลว้ ขึน้ มาจากกระดาน

1

ข้นั ที่ ๖ เป็นขั้นตอนในการตกแต่งและเพ่ิมเติมรายละเอียด เพ่ือให้เกิดความสวยงามและน่าสนใจ

โดยใชว้ ธิ ตี า่ งๆ เชน่ การตัด การแปะ การขูด ขีด เปน็ ต้น การปมั ใหเ้ กิดร่องรอย และการสรา้ งพน้ื ผิวในผลงานปนั

ท�าได้โดยน�าดินไปทาบและกดลงบนผิววัตถุน้ันๆ ก็จะได้พ้ืนผิวแปลกตาท่ีสามารถน�าไปใช้ในการสร้างสรรค์

งานทัศนศลิ ปอ์ ยา่ งมากมาย ท้ังน้ี ควรพิจารณาดกู ่อนวา่ ส่งิ ที่ปนั มีส่วนสูง-ต่�าเป็นอย่างไร สว่ นใดควรเพ่ิม ส่วนใด

ควรลด แลว้ คอ่ ยๆ เสรมิ แต่งจนผลงานมีความเรยี บร้อยสมบูรณ์

๖9

แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นักเรยี นควรรู

รปู ปน ดินเหนียวถา ตองการเกบ็ ไวขา มคืน ควรปฏบิ ตั อิ ยางไร 1 ขั้นตอนในการตกแตงและเพมิ่ เติมรายละเอยี ด การเกบ็ รายละเอียด
1. ใชผา ชบุ นํา้ คลมุ ไว เปน กระบวนการปนขัน้ สดุ ทา ย โดยจะทาํ การปน ตกแตงสวนทล่ี ะเอยี ดใหชัดเจน
2. ใชผ า หมาดๆ คลมุ ไว เนนหรอื เพิ่มเติมสวนทต่ี อ งการใหเดน หรอื ทําใหผลงานดเู รยี บรอ ย ประณีต ซง่ึ ใน
3. ใชน ํา้ พน ลงบนงานปน ขั้นตอนนจ้ี ะตองใชความพถิ พี ถิ นั ใจเย็น หลังจากนบ้ี างชิน้ อาจนําไปทาํ ตนแบบ
4. พน นาํ้ ลงบนงานปน คลุมผาหมาดๆ ไว ในการหลอ หรือนาํ ไปต้งั แสดง แลวแตค วามเหมาะสม ซงึ่ อาจมกี ารเขียนสี
ระบายสกี ็ได
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ในการปน ดินเหนียวถาตองใชเวลานาน
มมุ IT
ขา มคนื ควรใชน้าํ พน ลงบนผลงานปนและใชผา หมาดๆ คลุมไวอ กี ชั้นหนงึ่
เพ่อื ใหดนิ คงสภาพความชมุ ชืน้ เอาไว จะไดม คี วามออ นนมุ ไมแหง แตก นกั เรยี นสามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ประวตั ศิ าสตรง านประตมิ ากรรมของไทย
จนทําใหผ ลงานเกิดความเสียหาย ไดจาก http://www.prc.ac.th/newart/webart/history08.html

คู่มือครู 69

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain • เตรยี มอุปกรณ์

ใหนกั เรียนดภู าพตวั อยา งขั้นตอนการปน ตวั อยางแสดงข้ันตอนการปน้
ในหนงั สือเรยี น หนา 70 จากนั้นใหนักเรียน
สรางสรรคผลงานปน มาคนละ 1 ผลงาน • คลงึ ดินใหเ้ รยี บเป็นแผ่น • ตดั กระดาษเปน็ รปู รา่ ง เพอื่ ใชเ้ ปน็ แบบ
โดยครูเตรียมวสั ดุอปุ กรณสาํ หรบั ใชใ นงานปน ไวให
นกั เรยี นอยา งครบถว น

ท้ังน้ีครูอาจตัง้ หัวขอ ใหนกั เรยี นดว ยก็ได เชน
ปนหนา คน ปน รูปสตั ว เปนตน จากนัน้ ใหนกั เรยี น
นําผลงานปนที่เสรจ็ สมบูรณแ ลว สงครผู ูส อน

• ท าบกระดาษวางบนแผน่ ดนิ แลว้ ตดั ดนิ • แซะแบบดนิ ทต่ี ัดออกจากกระดาน • ประกอบแบบดนิ แตล่ ะชน้ิ เข้าหากนั
ตามขอบของแบบ

• ปรบั แตง่ แบบดนิ แต่ละดา้ น • เจาะลูกนยั น์ตาตามภาพร่าง • เจาะปากตามภาพร่าง

• ทําช้ินส่วนเพ่ือตกแต่งเพมิ่ เตมิ

• ผ ลงานทเ่ี สรจ็ สมบรู ณ์

๗๐

เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพียง ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ผลงานปน เปน ผลงานทเี่ กดิ ขนึ้ จากการนาํ วสั ดเุ นอื้ ออ น เชน ดนิ เหนยี ว ดนิ นาํ้ มนั
ขผ้ี ง้ึ เปน ตน มาสรา งสรรคใ หเ กดิ รปู ทรงชนดิ ตา งๆ เชน รปู ลอยตวั รปู นนู สงู รปู นนู ตาํ่ ขอใดเปนวิธกี ารเกบ็ รกั ษาดินน้ํามนั ท่จี ะใชกับงานปน
เปนตน ปจจุบันงานปนไดรับความนิยมเปนอยางมาก เพราะมีความสวยงามและมี 1. พรมน้าํ ใหชมุ แลว เก็บ
ความหลากหลายของรูปทรง เพ่ือเปนการฝกทักษะใหนักเรียนไดเรียนรูข้ันตอนและ 2. แยกสเี กบ็ ในถงุ พลาสตกิ
วิธกี ารปน ครใู หนักเรียนแบง กลุม กลุมละ 3 - 4 คน ใหน กั เรียนแตละกลุม ออกแบบ 3. ใชผา เปยกหมาดๆ คลมุ ไว
และปน รปู ปนขนึ้ มา 1 ช้ิน ทั้งนี้ ครใู หน กั เรียนใชด ินเหนียวในการปน เพ่ือไมใ หส ง 4. ใสกลองแลว นาํ ไปตากแดด
ผลกระทบตอส่ิงแวดลอมและเพื่อประหยัดคาใชจายของนักเรียนตามหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง พรอมทั้งต้ังชื่อผลงาน และออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ดินนา้ํ มันถือเปนวสั ดสุ ังเคราะห ออ นนุม
หนาชัน้ เรียน
งา ยเมอ่ื โดนความรอน หลงั จากใชงานเสรจ็ ใหแยกสดี นิ นํ้ามนั เปน สีๆ
แลวทาํ เปน แผนสีเ่ หลย่ี มใหมขี นาดพอเหมาะ จากนั้นใหแยกใสถ งุ พลาสตกิ
เปน สีๆ ทั้งนีก้ ารเกบ็ รวบรวมอยา ใหด นิ น้าํ มนั แตล ะสีมาผสมรวมกัน
เพราะจะทําใหสผี ิดเพ้ยี นไปจากสเี ดมิ

70 คู่มอื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

เสริมสาระ ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั วสั ดอุ ปุ กรณ
ทีใ่ ชในงานปน และยกตัวอยางผลงานท่ใี ชว สั ดุ
วัสดแุ ละอุปกรณท่ีใชในงานป้น อุปกรณดงั กลาวในการสรา งสรรคผลงานมา
คนละ 1-2 ตัวอยาง จากนัน้ ครูถามนักเรียนวา
๑. วัสดุท่ีใชกับงานป้น งานป้ันเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะท่ีต้องใช้วัสดุท่ีมีความเหนียวและน่ิม วัสดุ
ที่นํามาปั้นจะต้องสามารถยึดจับกันเป็นก้อนหรือเกาะตัวเป็นแท่ง และทรงตัวอยู่ได้ตลอดเวลาที่ป้ัน รวมท้ังต้อง • วสั ดุทจ่ี ะนํามาใชใ นงานปน ควรมคี ณุ สมบตั ิ
ท่ีสําคญั อยา งไร
มีความคงทน ไม่แตกสลายได้ง1่ายท้ังในขณะป้ันและเมื่อป้ันเสร็จแล้ว ส่ือ หรือวัสดุท่ีใช้ในการปั้นม2ีหลายชนิด เช่น (แนวตอบ งานปน เปน การสรา งสรรคง านศลิ ปะ
ทตี่ องใชว สั ดทุ ีม่ คี วามเหนยี วและน่ิม
ดินเหนยี ว ดนิ น้ํามัน ดนิ ญป่ี ุน ขี้ผ้ึง ข้เี ลื่อยผสมกาว กระดาษแช่นํ้าจนเปอ ยยยุ่ ผสมกาว แปงขนมปัง เปน็ ตน้ แต่วัสดุ วสั ดุท่นี าํ มาปนจะตองสามารถยึดจับกนั เปน
ที่หาง่ายและราคาถูกเหมาะสมกับนักเรยี น มีดังตอ่ ไปน้ี กอ นหรอื เกาะตวั เปน แทง และทรงตวั อยไู ด
ตลอดเวลาที่ปน รวมทง้ั ตองมคี วามคงทน
• ดินเหนียว เป็นวัตถุดิบตามธรรมชาติมีอยู่แทบ ไมแ ตกสลายงาย ทงั้ ในขณะปน และเมอื่ ปน
จะทุกท้องถิ่นและมนุษย์ก็เร่ิมรู้จักนําดินเหนียวมาใช้ทําผลิตภัณฑ์ เสรจ็ แลว)
ต่างๆ ต้ังแต่สมัยโบราณ ท้ังนี้ เพราะดินเหนียวมีคุณสมบัติ
เหมาะสมกับการนํามาปั้นให้เกิดรูปทรงใหม่ๆ ได้ตามต้องการ ดนิ เหนียวเป็นวสั ดทุ ่ีเหมาะกบั งานปนั้ เพราะหาได้ง่ายจาก
มีความเหนียว มีการอ่อนตัวเม่ือถูกนํ้าและมีความแข็งเม่ือแห้ง ทอ้ งถิ่น
ซึ่งการจะนําดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปนั้นจะต้องมีการเตรียมดิน ดินนา้ํ มันตอ้ งระวงั อย่าใหถ้ กู ความรอ้ น
โดยเร่ิมจากการคัดส่ิงท่ีปะปนมากับดินออกให้หมดเสียก่อน
ถ้าดินแห้งเป็นก้อนแข็งก็ต้องนําไปแช่น้ําให้ชุ่มแล้วนวด แต่ต้อง
ระวังอย่าผสมนํ้าให้มากจนเหลว ดินเหนียวท่ีใช้ป้ันรูปได้ดีต้อง
มเี นื้อดินท่ีหมาดและนิ่ม
• ดนิ นาำ้ มนั หรอื ขผ้ี ง้ึ การนาํ วสั ดปุ ระเภทดนิ นาํ้ มนั
หรือข้ีผ้ึงมาใช้กับงานป้ัน ไม่ต้องมีการเตรียมล่วงหน้า เพราะ
วัสดุท้ัง ๒ นี้ได้ผ่านการผสมและการเตรียมมาดีแล้ว แต่หาก
ดินนํ้ามัน หรือข้ีผ้ึงอยู่ในสภาพแข็งเกินไปก็ให้นําไปตากแดด
หรอื นวดสักเลก็ นอ้ ยจะมคี วามน่ิมพอดี

๒. อปุ กรณทใี่ ชก ับงานปน้ อปุ กรณท์ ใี่ ชเ้ ปน็ เครอ่ื งมือ
ในการป้ัน โดยท่ัวไปจะมลี ักษณะ ดงั น้ี
• แบบลวดเหล็กหรือทองเหลือง จะมีลักษณะ
เป็นห่วงกลมๆ หรือโค้งมนอยู่ท่ีปลายด้ามไม้ท้ัง ๒ ข้าง
มีหลายขนาด เคร่ืองมือชนิดน้ีใช้สําหรับการข้ึนรูป ขูด เกลา
ควัก และตกแต่งรายละเอียดต่างๆ บางชนิดมีลวดเหล็ก หรือ
ลวดทองเหลอื งอยทู่ ปี่ ลายไมเ้ พยี งขา้ งเดยี ว สว่ นอกี ขา้ งหนงึ่ เปน็ ไม้
หนา้ แบนตดั เฉียงประมาณ ๔๕ องศา หรอื หน้าตดั กวา้ ง ๓๐ องศา
แบบทําด้วยไม้ท้ังด้าม มีหลายลักษณะและมีหลายขนาด

๗1

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู

วสั ดุทนี่ ิยมนาํ มาใชใ นงานปน ควรมคี ณุ สมบตั สิ าํ คัญตามขอ ใด 1 ดินญ่ีปนุ หมายถึง ดนิ สังเคราะห มีขายเปนกอนเหมือนดินนา้ํ มนั ดินญี่ปนุ
1. เหนียวและออ นตัวสูง จะมสี ขี าว เมอ่ื ขน้ึ รปู และปลอ ยใหแ หง จะแขง็ ตวั โดยไมต อ งอบ จากนน้ั สามารถลงสี
2. แข็งตัวเมอ่ื ถูกความรอน และเคลือบเงาไดเ ลย
3. สลายตัวเมอื่ โดนนาํ้ 2 แปง ขนมปง หรือแปงสาลี สาเหตทุ ่ีเลอื กนาํ เอาแปง ขนมปง มาใชในงานปน
4. รวมตวั กบั วตั ถอุ ่นื ได เพราะแปงขนมปง สามารถแผทําใหบางไดโดยไมแ ตกราว หากผสมกบั วสั ดุอ่นื
ใหไดสัดสว นแลว กส็ ามารถนํามาประดษิ ฐเ ปนสง่ิ ของ วสั ดตุ กแตง เคร่อื งประดบั
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. วสั ดทุ น่ี ยิ มนาํ มาใชใ นงานปน ไมว า จะเปน ดอกไม ของชํารวย ของขวัญ ของฝากได ท้งั นก้ี อนการปน ควรนวดแปง กอน เพือ่
ใหแ ปงขนมปง มีความสวยงาม แขง็ แรงและทนทาน อยูไดน าน เคล็ดลบั สําคญั ใน
ดินเหนียว ดนิ นํ้ามนั ดนิ ญ่ปี ุน แปงขนมปง ข้ผี ึ้ง หรอื วัสดอุ ื่นๆ ก็คอื การนวด คอื นวดดว ยมือท้ังสองประมาณ 20 นาที ใสค รีมถนอมผวิ แลวนวดตอ
มคี วามเหนยี วแตอ อ นตวั จงึ นาํ มาพอก แปะ ตดิ ขนึ้ รปู เคา โครงเปน รปู ทรง ไปอกี 5 นาที ขณะที่นวดถา แข็งไปใหเติมครมี หรอื โลชัน่ ถนอมผวิ ถาเหลวไปให
ตางๆ ไดง าย รวมทั้งมคี ณุ สมบัติท่ีมีความแขง็ แรงในตัว กลาวคือ สามารถ เติมแปงขา วโพด นวดจนแปง แหงไมต ดิ มอื เนื้อแปงจะเนยี นเปนเนือ้ เดยี วกนั
รักษารปู ทรงอยไู ด ไมหลอมละลายงา ย จบั ตัว เกาะตัวกันอยูไดน าน

คู่มือครู 71

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

จากการศกึ ษาเกยี่ วกบั วัสดอุ ปุ กรณท ่ใี ชใ น ซ่ึงจะมีปลายด้านหน่ึงเป็นไม้หน้าแบนตัดเฉียง
งานปน ใหนกั เรยี นรว มกันอธิบายวิธีการเกบ็ รกั ษา
อปุ กรณทีใ่ ชในงานปน จากน้ันสรุปสาระสําคญั ประมาณ ๔๕ องศา หรอื หนา้ ตัดตรง ๙๐ องศา
เก่ียวกับวสั ดอุ ปุ กรณทใ่ี ชใ นงานปน และวิธกี ารเกบ็
รกั ษาอุปกรณ ลงสมุดบนั ทกึ ครถู ามนักเรยี นวา สว่ นอกี ดา้ นหนง่ึ จะมปี ลายขนาดเลก็ กวา่ มลี กั ษณะ

• นกั เรยี นมวี ธิ กี ารเก็บรักษาเคร่อื งมือที่ใช กลมมน เครอ่ื งมือชนิดน้ีใช้สําหรับตัด เฉอื น ปาด
ในงานปน อยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดอยางอสิ ระ ผิวดินให้เรียบ หรือทําให้เกิดเป็นลักษณะพ้ืนผิว
ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมวา เครอ่ื งมอื ที่ใชส ําหรับ
งานปน มรี ปู รา งหลากหลายลักษณะและ ต่างๆ ตลอดจนใช้ตกแต่งรายละเอียดในตวั ผลงาน แบบลวดเหล็ก หรือทองเหลือง แบบท่ที ําดว้ ยไมท้ ้ังด้าม
มีวิธีการนําไปใชแ ตกตา งกนั เครื่องมือ ๓. การเกบ็ รักษาเครอื่ งมอื
บางชนดิ ทาํ ดว ยโลหะ เครือ่ งมือบางชนดิ
ทําดว ยไม แตท้งั นห้ี ลงั จากการใชง าน เครอื่ งมอื ปน้ั จะมขี นาด รปู รา่ งหลายๆ ลกั ษณะ และมวี ธิ กี ารนาํ ไปใชต้ า่ งกนั เครอื่ งมอื บางชนดิ ทาํ ดว้ ยไม ้ บางชนดิ ทาํ ดว้ ย
ควรลางทาํ ความสะอาด เอาเศษดนิ และ
สิ่งสกปรกที่ติดอยูออก ถาเปนเคร่ืองมือแบบ โลหะผสมกัน บางครั้งจะมีความเปราะบางไม่แข็งแรง ดังนั้น การเก็บรักษาหลังจากใช้งานเสร็จแล้ว สามารถทําได้
ลวดเหลก็ หรอื ทองเหลืองจะตองดูแลรักษา
อยา ใหข ้ึนสนิมดวยการใชนา้ํ มันทากอนเก็บ โดยการนําเครื่องมือมาล้างทําความสะอาด เอาเศษดินและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ออก ถ้าเป็นเครื่องมือแบบลวดเหล็ก
จากนั้นควรเกบ็ ใสก ลอ งใหเ รยี บรอ ย)
หรอื ทองเหลืองจะตอ้ งดูแลรักษา อยา่ ให้ข้นึ สนิมดว้ ยการใช้น้ํามนั ทาก่อนเกบ็

เครื่องมือหลังจากปฏิบัติงานแล้วควรเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อยหรือจะแขวนไว้ข้างฝาให้เป็นระเบียบก็ได้

ที่สําคญั ไมค่ วรนาํ เครอ่ื งมอื ปั้นไปใช้กบั งานทีผ่ ดิ ประเภทเพราะจะทาํ ให้เครือ่ งมือเกิดความชํารดุ เสยี หายได้

ผลงานปน้ั ฝพ ระหตั ถใ์ นสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ขณะดาํ รงพระยศสมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา วชริ าลงกรณ

๗2

เกรด็ แนะครู บูรณาการเช่อื มสาระ
จากการศกึ ษาเกย่ี วกับวสั ดุ อปุ กรณแ ละการเก็บรักษาเครื่องมือท่ีใชใน
จากการศกึ ษาเกย่ี วกบั งานปน ครูควรเสริมความรเู กยี่ วกับงานปูนปนของไทย งานปนสามารถบรู ณาการเชื่อมโยงกบั การเรียนการสอนของกลมุ สาระ
โดยปูนปน เปน กรรมวิธกี ารสรางสรรคง านศิลปะอยา งหนง่ึ ทีม่ มี าแตโบราณ โดยใช การเรยี นรูก ารงานอาชพี และเทคโนโลยี วิชางานชาง เร่อื งการดแู ลรักษา
ปนู ท่ที าํ มาจากเปลอื กหอยเผาไฟผสมนํ้าออย หรือส่งิ อื่นๆ ซึ่งปนู เมอ่ื ผสมกบั น้ําออ ย อปุ กรณเ ครื่องมอื เครือ่ งใช เพราะวสั ดุอปุ กรณแ ตละชนดิ ที่ใชในงานปน
ก็จะมคี วามเหนียว สามารถปนเปน รปู ตา งๆ ได และเม่อื แหงแลว จะแข็งตัว ทนแดด ทําจากวสั ดทุ แี่ ตกตา งกัน ดงั นั้น นกั เรียนจึงควรเรียนรูเกย่ี วกบั วิธกี ารเก็บ
ทนฝนไดดี ปนู ปน น้ีสว นมากใชปน เปน เครอื่ งตกแตง ประดับอาคารสงิ่ กอสรางทาง รักษาเครื่องมอื แตละชนิดใหถ กู วิธดี ว ย
สถาปต ยกรรม ซง่ึ มที ง้ั เปน ลวดลาย รปู คน รปู สตั วต า งๆ ไปจนถงึ พระพทุ ธรปู
ดังปรากฏอยตู ามโบราณวตั ถุ โบราณสถานของไทยมากมายหลายแหง งานศิลปะ
ปูนปนสว นใหญท พ่ี บจะเปน งานทีเ่ กย่ี วกับพระพุทธศาสนา จงึ ทําใหเกดิ กลมุ
ชา งปูนปน ขึ้นตามวัดตางๆ เชน กลุมชางวัดใหญส ุวรรณาราม กลุมชางวัดเกาะ
(วดั เกาะแกว สุทธาราม) กลุมชางวัดพระทรง กลมุ ชา งวดั ยาง ในจงั หวัดเพชรบุรี
เปน ตน

72 ค่มู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

๒.๒ งานสือ่ ผสม ครูสมุ ตวั อยา งนักเรยี น 2-3 คน ใหต อบคาํ ถาม
ตอไปนี้
งานส่อื ผสม เปน็ ผลงานทเี่ กิดจากการนา� ผลงานจติ รกรรม ประติมากรรม ภาพพมิ พ์ การวาดเสน้ หรือ
• ส่ิงสําคญั ของการสรา งสรรคงานสือ่ ผสม
มีการใช้วิธีต่างๆ ไปผสม จนเกิดเป็นผลงานสร้างสรรค์แบบใหม่ขึ้นมา ในระดับช้ันนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เรียน คอื อะไร
(แนวตอบ แนวคิดเปนสิ่งสาํ คัญในการ
ได้เรียนรู้เพ่ือน�าไปสู่การน�าเสนอผลงาน ดังน้ัน ผู้เรียนจะต้องมีความเข้าใจเก่ียวกับการเตรียมวัสดุและกรรมวิธี สรางสรรคง านสอ่ื ผสม เพราะงานสื่อผสม
เปน การสรา งสรรคผ ลงานรปู แบบใหม
ปฏิบัตงิ าน จงึ จะสามารถลงมอื ปฏิบัตไิ ด้อยา่ งถูกต้อง ซ่งึ ขัน้ ตอนทส่ี �าคญั มีดังน้ี ดังน้นั กอนลงมอื ปฏิบตั ิผเู รยี นจะตองมี
แนวคดิ ในการทาํ งานวา จะทาํ งานส่ือผสม
ขน้ั ที่ ๑ ก่อนลงมือปฏิบัติ ผู้เรียนจะต้องมี ในลกั ษณะใด จะใชว ัสดุอุปกรณแ ละ
เคร่อื งมืออะไรบางในการสรา งสรรคงาน)
แนวคิดในการจะท�างานก่อนว่าจะท�าเป็นงานสื่อผสมใน
• นักเรยี นคดิ วา ปจจุบนั งานสื่อผสมเกดิ ขึน้
ลกั ษณะใด จะใชว้ สั ดอุ ปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมอื อะไรบา้ ง จากนนั้ จากวสั ดุชนดิ ใดมากที่สดุ
(แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดอยางอิสระ
ควรจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ให้พร้อมเพ่ือสะดวกในการน�าไป ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมวา จากการแสดง
ศิลปกรรมแหง ชาติ ศิลปนผูท ีไ่ ดร บั รางวัล
ใช้ได้อย่างเหมาะสม เช่น อาจจัดเตรียมวัสดุเหลือใช้ สว นใหญนาํ เสนอผลงานโดยใชว สั ดุ
สงั เคราะหมากกวาวัสดุธรรมชาติ ทง้ั นี้
ท่ีเห็นว่ามีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อการใช้งาน เช่น เนอ่ื งจากวัสดุสังเคราะหส ามารถหาได
โดยทัว่ ไป ทัง้ ทเ่ี ปนขาวของเครือ่ งใชใน
เศษกระดาษทม่ี ลี วดลายสสี นั แปลกตา เปลอื กไมท้ ม่ี ลี วดลาย ชวี ติ ประจาํ วนั รวมทง้ั วสั ดุในการผลติ จาก
ระบบอตุ สาหกรรม ซ่งึ สัมพนั ธกับสภาพชีวิต
และพน้ื ผวิ แปลกๆ แผน่ พลาสตกิ ใสเหลอื ใช ้ เปน็ ตน้ ทงั้ น้ี ของคนในปจ จุบนั )

ต้องระมดั ระวงั ไมน่ �าเศษวสั ดทุ ี่มีอนั ตรายต่อตนเอง ผชู้ ม

หรอื วสั ดทุ ท่ี า� ลายสง่ิ แวดลอ้ ม วสั ดทุ ่ีไมเ่ หมาะสมกบั จารตี การเตรียมวัสดอุ ปุ กรณช์ นดิ ต่างๆ เพื่อนํามาใช้ในการทาํ งานสื่อผสม

ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมของสงั คมมาใช้

สิง่ ท่ีสา� คญั ในการจัดเตรียมวัสดุจะต้องพิจารณาว่า วัสดนุ น้ั มีความหมาย หรือคณุ ค่าอยา่ งไร และสามารถ

น�าไปใช้แสดงออกเกี่ยวกับผลงานได้อย่างไร เพราะเป็นการช่วยท�าให้วัสดุที่หามาได้มีคุณค่า สอดคล้องกับการ

น�าเสนอผลงานมากข้ึน

ขน้ั ท่ี ๒ ทดลองนา� วสั ดทุ ไ่ี ดจ้ ากการจดั เตรยี ม

มาวางประกอบบนกระดาษ หรือแผ่นกระดานในวิธีการ

ตา่ งๆ เชน่ วางซอ้ นกนั วางตอ่ กนั วางเหลอื่ มกนั เปน็ ตน้

โดยใช้วัสดแุ บบเดียวกนั หรือตา่ งชนิดกัน แล้วพิจารณา

ว่าในการทดลองนั้น วิธีการใดจะส่ือถึงเรื่องราวภายใน

ตัวผลงานได้บ้าง เช่น มีกระดาษ หรือกล่องบางชนิด

เม่ือลอกผิวหน้าออกไปแล้ว ภายในจะมีพ้ืนผิวเป็น นาํ กระดาษกล่องลอกฝาออกมาตัดเป็นรูปทรงโขดหนิ

เสน้ ลอน มคี วามหนาเพยี งพอท่ีจะน�ามาตดั ให้เป็นรูปทรงต่างๆ ได้ ก็ให้นา� กระดาษ หรือกลอ่ งทลี่ อกผิวหน้าออกแล้ว

มาทาบลงบนพนื้ ที่เตรียมไว ้ ตดั กระดาษให้ไดร้ ปู ทรงตามตอ้ งการ เช่น หากต้งั ช่ืองานสอื่ ผสมทส่ี ร้างสรรค์ในครง้ั นี้วา่

“ทอ้ งทะเลกวา้ ง” มภี เู ขา โขดหนิ เรือใบ เป็นตน้ ก็ให้เร่มิ จากการนา� สว่ นทีเ่ ป็นโขดหินติดไวด้ ้านหนา้ ใหเ้ ห็นเส้นลอน

ของผิวกล่องเป็นเส้นแนวยาวไปตามแนวนอนของท้องทะเลท่ีดูกลมกลืนกัน หลังจากนั้นจึงติดกระดาษ หรือกล่อง

ลงบนพื้นท่ีเตรียมไว้ แล้วจงึ ระบายสว่ นพนื้ ทะเลด้านหนา้ โขดหินทมี่ ีลวดลายเปน็ เส้นนอนไปตามพนื้ ผวิ กล่อง

๗3

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู

ขอ ใดแสดงใหเ ห็นถงึ ลักษณะของงานสื่อผสม ครูควรนาํ ผลงานสอ่ื ผสมท่มี คี วามสรางสรรค ใชว ัสดแุ ละองคป ระกอบ
1. การนําผลงานจิตรกรรมและประตมิ ากรรมมาสรา งสรรคใหม ท่ีหลากหลายในการสรา งสรรคผ ลงาน โดยเฉพาะผลงานของศลิ ปน แหง ชาติทไ่ี ดรบั
2. การนําผลงานจติ รกรรมและภาพพิมพมาสรางสรรคใหม รางวลั ดานผลงานสื่อผสมมาใหนักเรียนดู เพอ่ื ใหนกั เรียนไดเกิดมุมมองแปลกใหม
3. การนาํ ผลงานจิตรกรรมและการวาดเสน มาสรา งสรรคใหม และนาํ ไปสกู ารคดิ สรา งสรรคผลงานดวยตนเองตอไปได ตัวอยางเชน ผลงาน
4. การนําผลงานทัศนศลิ ปทุกประเภทและวิธกี ารตางๆ มาสรางสรรคใหม “พระพทุ ธบาท” ของนายกมล ทัศนาญชลี ซึ่งใชเทคนิคจติ รกรรมสื่อผสมบนผาใบ
และไม แผน ทองคําเปลว แผนเงนิ หนิ และไม แนวคิดในการสรา งสรรคผ ลงาน
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. งานสอื่ ผสมเปน ผลงานทศั นศิลปที่เกดิ ข้ึน คือ จากจุดเริ่มตน พระพทุ ธเจา ประสตู เิ ดินยา ง 7 กา วบนดอกบัวและกา วยา งเดนิ
เช่ือมโลกตะวันออกและตะวนั ตก กระจายออกไปทว่ั ทศิ ทว่ั โลก จากจดุ เรม่ิ ตน
จากการนาํ ผลงานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพิมพ หรือการวาดเสน ถงึ ปจ จบุ นั เปน เวลาผา นพน ไป 2554 ป “พระพทุ ธเจา ” ยังคงเปน สัญลักษณข อง
มาผสมกลมกลนื ดว ยการสรา งสรรคจนเกิดเปนผลงานรปู แบบใหม โดยมงุ กาลเวลา และการเช่อื มโยงโลกตะวันออกเขา ไวก บั โลกตะวนั ตก เปนตน
เนน การนําเสนอแนวคิดของศิลปนเปนหลักมากกวาความงามในตวั ผลงาน

คมู่ ือครู 73

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate

ขยายความเขา้ ใจ E×pand

ครูใหนกั เรียนสรางสรรคผ ลงานทัศนศิลปมา ข้นั ที่ ๓ ระบายสีตกแต่งในบริเวณส่วนอื่นๆ ของผลงาน เช่น ท้องทะเล ท้องฟา ภูเขา เป็นต้น
1 ผลงาน โดยเลอื กทําระหวางงานปนหรือ ขั้นตอนนี้การระบายสีควรพิจารณาน้�าหนักอ่อน-แก่ของสี และลักษณะของสีว่าควรใช้สีอะไร โดยก่อนระบายสี
งานสอื่ ผสม จากนั้นใหน าํ ผลงานที่เสรจ็ สมบรู ณ จะต้องผสมสีให้เรียบร้อยก่อนระบายลงไปบนพื้น และเพ่ือความสะดวกขณะท�างานควรวางอุปกรณ์และเคร่ืองมือ
สง ครผู ูส อน ในการทา� งานไวใ้ กลๆ้ ตวั เพอื่ ใหส้ ามารถหยบิ ใชไ้ ด้ง่าย

ตรวจสอบผล Evaluate

ครพู ิจารณาจากการสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป
ประเภทงานปน และงานสื่อผสมของนักเรยี น โดย
พิจารณาจากความคิดสรางสรรคแ ละความสวยงาม

นํากระดาษกล่องท่ีตัดเป็นรูปทรงเรียบร้อยแล้ว ทากาวลาเท็กซ์ ระบายสีไปตามแนวนอน ขนานกับเส้นผิวลายของโขดหินให้เป็น
ดา้ นหลงั แล้วตดิ ลงบนพ้ืน ท้องทะเลด้านหน้า

ขั้นที่ ๔ นา� วสั ดุอื่นๆ มาตกแต่งและประกอบ เช่น นา� แผ่นพลาสติกใสสีฟามาตดั ใหเ้ ปน็ รปู รา่ งกอ้ นเมฆ
บนทอ้ งฟา ตัดเป็นรูปเส้นนอนเหมือนแนวคลื่นในท้องทะเล และน�าไปติดยงั บริเวณท่ตี อ้ งการ จากความโปร่งใสของ
แผน่ พลาสติกจะท�าใหเ้ กิดน�้าหนกั ของสีใหมข่ ้ึนตรงบรเิ วณท่ีตดิ ดูแล้วทา� ใหเ้ กิดความสวยงามเพิม่ มากข้ึน เปน็ ตน้

ขนั้ ท่ี ๕ ตกแตง่ เพม่ิ เตมิ โดยนา� วสั ดแุ ละสว่ นประกอบอน่ื ๆ ไปวางลงบนทอ้ งทะเลและทอ้ งฟา เชน่ เรอื ใบ
พระอาทิตย์ นก เป็นต้น รวมถึงการเลือกใช้รูปทรงส�าเร็จรูปมาท�าเป็นรูปสัตว์ รูปส่ิงของอ่ืนๆ ที่ลอยบนผิวน�้ามา
ติดประกอบ เพื่อให้ได้งานสื่อผสมทมี่ ีความสมจรงิ มากขนึ้ โดยทดลองวางตามจุดต่างๆ ว่า มคี วามเหมาะสมหรอื ไม่
โดยเนน้ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน ไม่ควรติดลงไปทันที เพราะถ้าจะแกไ้ ขอาจจะท�าให้แก้ไขงานไดย้ าก

ขั้นท่ี ๖ ตกแตง่ รายละเอยี ดในสงิ่ ทตี่ อ้ งการจะเพ่มิ ลด หรือแก้ไข จนผลงานมคี วามสวยงาม และลงตวั
มีเอกภาพกลมกลืนกนั ตลอดท้ังชนิ้ จากนั้นน�าไปติดต้ัง หรอื จดั แสดง

ระบายสีในสว่ นของท้องฟา พื้นทะเลดา้ นบนและในสว่ นของภเู ขา นําพลาสติกใสสีฟา มาตดั เปน็ กอ้ นเมฆและเสน้ คลน่ื

๗4

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั งานสอื่ ผสมทม่ี คี วามสมจรงิ วา หมายถงึ ผลงานทม่ี นษุ ย
สรา งสรรคข ึ้น โดยใชเ ทคนิคและวิธีการของศลิ ปะทางดา นทัศนศิลปห ลายๆ แขนง ขอใดเปนศิลปะสื่อผสม (Mixed Media Art)
มาผสมผสานทําใหเกิดผลงานทอ่ี ยใู นชิ้นเดียวกนั เนนหลักการจัดองคป ระกอบศลิ ป 1. สมชาย นาํ โทรทศั นไ ปตัง้ ซอนกนั 3 เครอ่ื ง แสดงภาพของสมหมาย
แสดงออกถงึ อารมณสะเทอื นใจของผสู รา ง ซงึ่ วัสดทุ ่ใี ชในการสรา งผลงานสื่อผสม
สามารถหาไดจ ากวัสดุธรรมชาติ เชน วัสดจุ ากพชื สัตว แร เปน ตน และ สมหญิง และสมควรกาํ ลังทํางานศิลปะ
วัสดสุ ังเคราะห เชน กระดาษ โลหะ เปน ตน 2. สุนิตยใชสอี ะคริลิก สีนํา้ มัน สีนํา้ และสีเทียน ระบายลงบนแผนไมอดั
3. รตานําเอาภาพถาย หนงั สอื พิมพ นิตยสาร มาปะตดิ บนกระดาษ
มมุ IT 4. วิวฒั นท าหนา ตนเองสขี าว เพ่อื ไปรว มแสดงละครใบ

นักเรียนสามารถศึกษา คนควา เพิ่มเติมเกี่ยวกับงานสอ่ื ผสม ไดจ าก วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. งานสอ่ื ผสมเปน งานศลิ ปะทีเ่ กิดขนึ้ จาก
http://www.culture.go.th/art_auction/index.php?
การนาํ วัสดุหลายๆ แบบ มาสรา งผสมกลมกลนื ดวยการสรา งสรรค
จนไมส ามารถระบุไดว าเปน งานอยางใดอยางหน่ึงโดยเฉพาะได ซึ่งการท่รี ตา
นาํ วสั ดุตางๆ ท่ีเปนกระดาษมาปะติดลงบนกระดาษก็ถือเปนงานศิลปะ
แบบสือ่ ผสมไดอยางหนงึ่

74 คมู่ อื ครู

กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

นาํ แผ่นพลาสตกิ ท่ีตัดตามแบบไปติดเปน็ ทอ้ งฟาและทอ้ งทะเล ครูถามนักเรยี นวา
• นักเรียนคนใดเคยชมนทิ รรศการทีจ่ ัดแสดง

งานปน และงานส่อื ผสมมาแลว บา ง ถา เคย
นักเรียนเคยชมท่ีใด
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอ ยา งอิสระ)
• นักเรียนคิดวา การจดั แสดงงานปนและงาน
ส่ือผสมมีขนั้ ตอนอยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยางอสิ ระ)
ครเู ชอ่ื มโยงเขา สหู วั ขอ การแสดงผลงานการปน
หรือส่อื ผสมเปนเร่อื งราว 3 มติ ิ

สา� รวจคน้ หา Explore

นําแผ่นพลาสติกใสสฟี า มาตัดเปน็ รปู นกและตดิ ลงบนทอ้ งฟา ผลงานสื่อผสมเรอ่ื ง “ทอ้ งทะเลกวา้ ง” เม่อื ทาํ เสรจ็ สมบูรณแ์ ล้ว ใหนกั เรียนศกึ ษา คนควาเกี่ยวกบั แนวทาง
การจัดแสดงผลงานการปน หรอื งานสื่อผสมเปน
การแสดงผลงานปันและงานส่ือผสมท่ีนักเรียนจะท�าการศึกษาในช้ันน้ีเป็นการแสดงผลงานเป็นเรื่องราว เรอ่ื งราว 3 มิติ จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน
หนงั สอื เรียน หองสมุด อนิ เทอรเนต็ เปน ตน

๓ มิติ ท้งั ๒ แบบ ไดแ้ ก่ ผลงานปันแบบลอยตวั (Round Sculpture) และงานสอื่ ผสมแบบนูนสงู (High Relief)

ผลงานทก่ี ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ มีการแสดงให้เห็นถงึ รูปทรง ปรมิ าตร และความกลมกลืนกันของทศั นธาตทุ เ่ี ลือกใช้

อย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะผลงานปันที่แสดงเร่ืองราวเก่ียวกับรูปทรงใบหน้าของมนุษย์ หรืองานสื่อผสมที่แสดง

เร่ืองราวเก่ียวกับบรรยากาศของท้องทะเลกว้าง ซ่ึงสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนแรงบันดาลใจใน

การสร้างสรรค์ได้อย่างนา่ สนใจ 1

ó. ¡ÒÃáÊ´§¼Å§Ò¹¡Òû˜œ¹ ËÃ×ÍÊÍè× ¼ÊÁ໚¹àÃè×ͧÃÒÇ ó ÁÔµÔ

ผลงานสร้างสรรค์ที่เสร็จเรียบร้อยแล้วของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นผลงานปัน หรืองานส่ือผสมในลักษณะ
ต่างๆ ท่ีไดจ้ ดั ทา� มาต้งั แต่ตน้ สามารถน�ามาจัดแสดงเปน็ เร่อื งราวต่างๆ ได ้ ซ่งึ จะช่วยท�าให้ผลงานมีคุณคา่ มากข้นึ
เน่ืองจากผลงานช้ินหน่ึงๆ สามารถน�าไปผูกเป็นเร่ืองราวแสดงออกมาได้อีกมาก ยิ่งถ้ามีผลงานมากชิ้นก็จะยิ่งมี
ความหลากหลายในการน�ามาจัดแสดงได้หลายเรื่อง ซึ่งผลงานท่ีจะน�ามาแสดงเป็นเรื่องราวต่างๆ นั้น สามารถใช้
ผลงานปัน เพียงอย่างเดยี ว หรอื นา� ไปจดั แสดงรวมกบั ผลงานสื่อผสมก็ได้
เรอ่ื งราวทีน่ า� มาจดั แสดงใหเ้ ปน็ เร่อื งราว ๓ มิติ หมายความวา่ เมื่อสร้างสรรค์ผลงานเสร็จแลว้ สามารถ
มองเห็นได้รอบด้าน มีมิติความกว้าง ความยาว ความหนา (สูง) อย่างที่นักเรียนเคยชมแบบจ�าลอง หรือโมเดล
ของหมู่บ้านจัดสรร การสร้างสรรค์เป็นเร่ืองราวที่ท�าได้โดยไม่มีขีดจ�ากัด ข้ึนอยู่กับจินตนาการและการออกแบบ

๗๕

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู

สุนทรยี ะของผลงานศิลปะประเภทสือ่ ผสม ผชู มควรเนน พจิ ารณาในเรอื่ งใด ใหน ักเรยี นชวยกนั หาภาพตวั อยางผลงานศลิ ปะแบบสื่อผสมของศลิ ปน ไทย
1. ลกั ษณะวสั ดุทน่ี าํ มาใช โดยใหร ะบุชอ่ื ผลงาน แนวคดิ แลว นาํ ไปจดั นิทรรศการ ทัง้ น้ีครคู วรคัดเลอื กนักเรียน
2. แนวคิดของผสู รา งสรรค 2-3 คนท่ีชอบ หรือรกั ในการสรางสรรคผ ลงานส่ือผสมมารวมกันแสดงทัศนะวา
3. ความประณตี ของผลงาน ชอบผลงานศิลปะประเภทน้เี พราะอะไร
4. ความหลากหลายของวัสดุ
นกั เรียนควรรู
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ผลงานสือ่ ผสมตองการจะส่ือความหมาย
1 การแสดงผลงานการปนหรอื สอ่ื ผสม การแสดงผลงานปนและงานสื่อผสม
หรอื เรือ่ งราวเปน หลกั ดังนั้น ในการพจิ ารณาผลงาน ส่ิงทผี่ ูชมควรจะตอง เปน การรวบรวมผลงานทีส่ รางสรรคต ามความชอบ และจนิ ตนาการของตนเอง
พิจารณาเปน หลัก ก็คือผสู รางสรรคผลงานตองการจะส่ือความหมายอะไร นํามาจดั แสดงเปนเรอื่ งราว 3 มติ ิ มีความเปน เอกภาพ ความกลมกลืน ไดอ ยา ง
หรือบอกความหมายอะไร จะชว ยทาํ ใหเ ขาใจวิธกี ารนําเสนอและเรือ่ งราว สมบูรณ นอกจากน้ี การจดั แสดงผลงานการปน หรอื งานส่ือผสมควรคาํ นงึ ถึงพ้นื ท่ี
ของผลงานไดด ขี ึ้น เน่ืองจากผลงานสอ่ื ผสมจํานวนมากจะมนี ัยซอนอยู ในการจัดแสดงดว ย เชน จัดแสดงทีห่ องประชมุ โรงเรยี น หอศลิ ปป ระจาํ จงั หวัด
อาจมไิ ดสือ่ ออกมาตรงๆ เมอื่ พิจารณาอยา งละเอยี ดจึงจะเหน็ และเขา ใจได เปนตน

คูม่ อื ครู 75

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

ใหนกั เรยี นชว ยกันอธิบายแนวทางการจดั แสดง ของผู้ออกแบบ รวมทั้งข้ึนอยู่จ�านวนช้ินของผลงานท่ีมีอยู่ในมือ เรื่องราวที่น�ามาแสดงอาจจะเป็นเร่ืองท่ีผู้เรียน
ผลงานการปน หรืองานสื่อผสมเปน เรอื่ งราว 3 มิติ
ครคู อยชว ยเสรมิ เพิ่มเติมขอ มูล จากนัน้ ครถู าม คุ้นเคยกันดี เช่น หมาปา่ กบั ลูกแกะ ไกไ่ ด้พลอย ชาวนากบั งเู หา่ เป็นต้น เรื่องราวที่เปน็ ชวี ติ จรงิ เช่น การละเล่น
นักเรียนวา
ของเด็กไทย การท�านาของชาวนา การจราจรในเมือง ฟารม์ ของฉนั เปน็ ต้น หรอื เรอ่ื งทผ่ี เู้ รยี นจนิ ตนาการขน้ึ เช่น
• การจดั แสดงเรอื่ งราว 3 มติ ิ หมายถงึ อะไร
(แนวตอบ การจัดแสดงเรอ่ื งราว 3 มติ ิ ฝูงไดโนเสาร์ในปา่ ใหญ่ การสา� รวจอวกาศ เปน็ ต้น
หมายถึง ผลงานทสี่ รางสรรคเสร็จแลว
สามารถมองเหน็ ไดรอบดาน มีมิตกิ วา ง ยาว ผลงานการปันหรือส่ือผสมท่ีจะน�ามาแสดงเป็นเรื่องราว ๓ มิติ ได้อย่างสมบูรณ์ สร้างความประทับใจ
หนา (สูง) อยางทีเ่ ราชมแบบจาํ ลองหรอื
โมเดลหมูบ า นจัดสรร เรื่องราวทีน่ าํ มา ให้กับผู้ชม สามารถสื่อเป็นเรื่องราวได้ตรงตามจินตนาการนั้น มีแนวทางปฏิบัติท่ีผู้เรียนสามารถน�าไปประยุกต์
จดั แสดงอาจเปน เรือ่ งท่เี ราคุน เคยกนั ดี เชน
การจราจรในเมือง การละเลนของเดก็ ไทย ใชไ้ ด ้ ดังนี้ ๑) กําหนดกรอบแนวคิด เป็นการวางแนวคิดว่าจะน�าเสนอ หรือแสดงเรื่องราวอะไรที่ตนสนใจ หรือ
ชาวนากับการทาํ นา เปน ตน)
น่าสนใจ หรือจะน�าเสนออย่างไรให้น่าชม โดยพิจารณาจากชิ้นงานที่มีอยู่ทั้งงานปันและงานสื่อผสม โดยรวมแล้ว
• ผลงานการปน หรอื งานสอ่ื ผสมทีจ่ ะนาํ มา
จดั แสดงควรเปน อยา งไร เป็นงานทมี่ ลี ักษณะรปู แบบใด จ�าเป็นต้องสรา้ งสรรค์เพิ่มเติมอีกหรือไม ่ มากน้อยเพียงใด หรอื เม่อื มาจัดรวมกนั แลว้
(แนวตอบ ผลงานการปน หรืองานสอ่ื ผสม
ที่จะนาํ มาจดั แสดงเปนเรื่องราว 3 มิติ มีความกลมกลืน มีเอกภาพหรือไม่ หรือสามารถจะส่ือออกมาได้อย่างท่ีคิดไว้หรือไม่ เป็นต้นว่า ถ้ามีผลงานปัน
ไดอยางสมบรู ณนนั้ ผลงานดังกลา วตองสรา ง
ความประทบั ใจใหก บั ผูชม สามารถสอื่ เปน เปน็ รปู สตั วต์ ่างๆ หลายชนิด ก็อาจก�าหนดกรอบแนวคิดว่าจะผูกเรอ่ื งราวเป็นชีวิตสัตว์ในป่าใหญ ่ หรือสวนสัตว์ หรอื
เร่อื งราวไดต รงตามจินตนาการ)
ผจญภัยป่าดงดิบ ท้ังน้ี กรอบแนวคิดควรมีแนวคิดเดียว ไม่ควรก�าหนดซ�้าซ้อนหลายแนวคิด เพราะจะสื่อออกมา
• นกั เรยี นเคยเหน็ ผลงานการปน หรอื งานสอ่ื ผสม
ทแี่ สดงเปนเร่อื งราว 3 มิติ หรือไม หากเคย ไดย้ าก อาจท�าให้ผลงานทเ่ี สรจ็ แล้วดูไม่นา่ สนใจ รวมทั้งจะตอ้ งเป็นเรือ่ งท่ีเป็นรูปธรรม ดูแล้วสามารถเขา้ ใจเรือ่ งราว
นักเรยี นรูส ึกอยา งไรตอ ผลงานดงั กลา ว
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอยา งอสิ ระ) ได้ทันที ไมต่ อ้ งอาศัยการตีความ
๒) ออกแบบภาพรา่ ง ใหน้ า� แนวคิดมาทา� เปน็ ภาพร่างบนกระดาษก่อน เพือ่ สอื่ ความคิดให้ออกมาเปน็

รปู ธรรม โดยกา� หนดขนาดพนื้ ท ่ี จดุ ทจี่ ะวางรปู ปนั แตล่ ะชน้ิ การเสรมิ ตกแตง่ ดว้ ยสอ่ื ผสม หรอื การใชอ้ งคป์ ระกอบอน่ื ๆ

เช่น ส ี เส้น เขา้ มาชว่ ยตกแต่งใหเ้ ร่ืองราวมีความสมบูรณแ์ ละสอดคล้องกนั เป็นตน้ การออกแบบภาพรา่ งไว้ก่อนจะ

ชว่ ยท�าให้การสรา้ งสรรค์งานดา� เนนิ งานได้อย่างเป็นระบบ และเมอื่ ลงมอื ปฏิบัติจะทา� งานได้เร็ว

ขณะเดียวกันแนวคิดท่ีผู้เรียนจินตนาการไว ้

เมื่อสื่อออกมาเป็นภาพร่างแล้ว ยังอาจไม่ลงตัว ต้องมี

การปรับเปลี่ยนอีก ถ้าไปปรับแก้ที่ผลงานจริงอาจแก้ไข

ล�าบาก ผลงานบางส่วนอาจบอบช้�า หรือช�ารุดเสียหาย

จากการแก้ไขได ้ อีกท้งั แบบภาพร่างยงั ช่วยท�าใหผ้ ูเ้ รยี น

สามารถพิจารณาสัดส่วนโดยรวมว่า มีความสมดุลกัน

หรือไม่ เพราะผลงานเม่ือพิจารณาโดยรวมแล้วจะต้อง

กลมกลืนกนั ดี สอดคลอ้ งกบั ความเปน็ จรงิ ตามธรรมชาติ

เชน่ ชา้ งตอ้ งใหญก่ ว่าสุนัข บ้านต้องใหญก่ ว่าคน เป็นต้น

นอกจากน้ ี ภาพร่างยังจะช่วยทา� ใหเ้ ข้าใจถงึ วัสดอุ ุปกรณ ์

“พลังสามัคคี...ความดีแหงแผนดิน” จิตรกรรมส่ือผสม ผลงานของ ตลอดจนจ�านวนผลงานท่ีจะต้องรวบรวมน�ามาใช้
พิราวรรณ เกดิ จร เพื่อน�าเสนอเป็นเรอ่ื งราวดว้ ย

๗๖

บูรณาการอาเซียน ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
การประชมุ ปฏิบตั กิ ารประตมิ ากรรมอาเซียน (ASEAN Sculpture Symposium)
เปน โครงการในความเหน็ ชอบของคณะกรรมการอาเซียนวาดวยวัฒนธรรมและสาร- ข้ันตอนแรกสุดในการสรางสรรคงานศิลปะแบบส่ือผสมคอื ข้นั ตอนใด
สนเทศ (ASEAN Committee on Culture and Information หรอื ASEAN-COCI) 1. ออกแบบภาพราง
จดั ขน้ึ ครงั้ แรกใน พ.ศ. 2524 ณ ประเทศสงิ คโปร ในการจดั แตล ะครงั้ ใหแ ตล ะประเทศ 2. ลงมอื ปฏบิ ัติงาน
หมนุ เวยี นกนั เปน เจา ภาพ โดยแตล ะประเทศจะคดั เลอื กประตมิ ากรในประเทศของตน 3. เสาะหาวัสดทุ ่จี ะใช
จากศิลปนแหง ชาตหิ รือศลิ ปนท่ีไดร ับรางวลั ในระดับสูงสุด ซงึ่ ประตมิ ากรจะตอ ง 4. กาํ หนดกรอบแนวคิด
เตรียมแบบรางตามหัวขอ ที่กําหนดในแตล ะครงั้ แลว นาํ ไปสรางเปนประตมิ ากรรม
ขนาดใหญดวยการปฏิบัตงิ านรว มกนั เพื่อใหเ กิดความใกลช ิดและการแลกเปล่ียน วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. การกําหนดกรอบแนวคดิ จะชว ยทาํ ให
ความคดิ ประสบการณ อนั จะกอ ใหเ กดิ เครอื ขา ยประตมิ ากรในกลมุ ประเทศอาเซยี น
ประติมากรรมท่สี รา งข้นึ จะถกู นําไปติดตง้ั ไวใ นชมุ ชนทเ่ี ปน สาธารณะ เพื่อเปน วางกรอบผลงานใหแคบลง วา มีวัตถุประสงคจ ะนําเสนอเรื่องราวอะไร
สญั ลกั ษณแหงความสามคั คีของอาเซียน ประเทศไทยเคยเปนเจาภาพจดั งาน หรอื อยากบอกเลา เร่ืองราวอะไร เม่อื กรอบแนวคิดตกผลึกแลว จึงออกแบบ
เมือ่ พ.ศ. 2526 โดยใชอาคารปฏิบัติการของคณะศลิ ปกรรมศาสตร จฬุ าลงกรณ- ภาพรา งตามกรอบแนวคิด หลงั จากน้ันจึงคอ ยจัดหาวสั ดทุ จี่ ะนํามาใช
มหาวทิ ยาลยั เปนสถานท่ีสรา งสรรคผ ลงาน จากนน้ั นาํ ผลงานมาตดิ ตัง้ ในพนื้ ท่ี ในการสรางสรรคผ ลงาน ซงึ่ อาจจะเปนเศษวัสดุ ผลงานการประดิษฐ
สวนจตุจกั ร กรงุ เทพมหานคร หรือผลงานทัศนศิลปประเภทตางๆ นํามาผสมผสานกนั กไ็ ด

76 ค่มู อื ครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

ใหนกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 5-6 คน
ใหแตล ะกลมุ ชว ยกันเขียนแผนการสรา งสรรคแ ละ
การจัดแสดงผลงานปนและงานสือ่ ผสม ตามหวั ขอ
ที่ครกู าํ หนดให ดังนี้

• การสรางสรรคผ ลงานปนและงานส่อื ผสม
• การรวบรวมผลงานปน และงานสอ่ื ผสม
• การจัดแสดงผลงานปน และงานส่ือผสม
โดยใหแตละกลมุ จัดทําเปน รายงาน พรอ มหา
ภาพประกอบ ตกแตง ใหสวยงาม สงครูผสู อน

ขยายความเขา้ ใจ E×pand

หอ้ งแสดงผลงานประติมากรรมแกะสลกั หินของอซิ ามุ โนกูช ิ ศิลปินชาวญีป่ นุ ที่เมืองไอร์แลนด์ รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ใหน ักเรยี นแตละกลุมสง ตวั แทนออกมา
นาํ เสนอแผนการสรา งสรรคแ ละการจดั แสดง
๓) เตรียมผลงานท่ีจะใช้นําเสนอ ทั้งนี้ การเตรียมผลงานในบางอย่างอาจจ�าเป็นต้องให้มีลักษณะ ผลงานปนและงานสือ่ ผสม หนา ชนั้ เรียน ครูคอย
ช้ีแนะขอ บกพรอง เพ่ือใหนกั เรยี นนาํ ไปปรับปรงุ
ใกล้เคียง หรือมีความเหมือนจริงตามธรรมชาติ จะช่วยเสริมท�าให้เรื่องราวที่ผู้เรียนน�าเสนอมีความน่าสนใจย่ิงข้ึน แกไ ข
เช่น การแสดงผลงานวิถีชีวิตชาวนา นอกจากใช้ผลงานปันเป็นรูปชาวนา รูปควาย และอ่ืนๆ แล้ว ถ้าใช้ส่ือผสม
เข้ามาช่วย ด้วยการน�าเศษฟางข้าวตัดเป็นชิ้นเล็กๆ โปรยปูพ้ืน หรือท�าเป็นลอมฟาง ก็จะย่ิงช่วยสื่อความเข้าใจ
ท�าให้ผลงานดูแลว้ มลี กั ษณะใกลเ้ คยี งความจริง น่าดู น่าชมมากข้นึ เป็นต้น
โดยผลงานทีจ่ ัดเตรยี มไวน้ ้นั ตอ้ งคา� นึงถงึ สัดสว่ น ส ี องค์ประกอบอื่นๆ ท่เี มอ่ื น�าจดั แสดงเปน็ เรอ่ื งราวแลว้
ต้องมีความเปน็ เอกภาพ กลมกลืนกนั สามารถช่วยส่ือเร่ืองราวทตี่ ้องการจะนา� เสนอได้

๔) สร้างสรรคผ ลงาน ตามแบบทร่ี า่ งเอาไว ้ ทงั้ น้ีในการปฏิบัติงานสรา้ งสรรคค์ วรจะต้องวางแผนเรยี ง

ล�าดบั ข้ันตอนไวด้ ว้ ยว่าจะตอ้ งท�าอะไรก่อน-หลัง จะช่วยท�าให้เพ่ิมประสิทธภิ าพในการท�างานไดร้ วดเรว็ และไมต่ อ้ ง
เสยี เวลามาแกไ้ ขงาน ในระหวา่ งการปฏบิ ตั งิ านผเู้ รยี นอาจเกดิ ความคดิ ตอ้ งการแกไ้ ข ตดั ทอน หรอื เพม่ิ เตมิ จากแบบ
ท่ีร่างเอาไว้ก็สามารถกระท�าได้ แต่พึงระมัดระวังควรแก้ไขเฉพาะในส่วนปลีกย่อยที่ไม่ส�าคัญเท่านั้น อย่าไปแก้ไข
ให้กระทบกับโครงสร้างใหญ่ หรือเปล่ียนแนวคิดไปจากเดิม เพราะอาจจะท�าให้ผลงานไม่มีเอกภาพ ไม่สามารถสื่อ
เรือ่ งราวอยา่ งท่ตี อ้ งการได้ ไมค่ วรปฏิบัตงิ านแบบแก้ไข หลังจากทจ่ี ัดทา� โครงสรา้ งใหญ ่ องคป์ ระกอบหลักๆ เสรจ็
เรียบรอ้ ยแลว้ ขั้นตอนสุดทา้ ยจึงค่อยมาตกแตง่ เกบ็ รายละเอยี ดใหผ้ ลงานมคี วามเปน็ เอกภาพ กลมกลืนกัน
สา� หรับการแสดงผลงานการปัน หรอื สอื่ ผสมเป็นเร่อื งราว ๓ มติ ิ นนั้ ในการแสดงถา้ เพ่มิ มติ ิดา้ นอื่นๆ
เข้าไปด้วย ได้แก่ แสงไฟ (ถ้าใช้ไฟสปอร์ตไลท์ที่มีความร้อนมากต้องระมัดระวังในการใช้ อย่าส่องไปท่ีชิ้นงาน
โดยตรง เพราะอาจท�าให้ช้ินงานท่ีอ่อนนุ่ม เช่น ดินน้�ามันเกิดความเสียหายได้ เป็นต้น) ระบบเสียงที่สอดคล้อง
กับผลงาน เช่น เร่ืองราวท่เี ก่ียวกับท้องทะเล หากมเี สยี งคลนื่ เสยี งนกทะเลประกอบกจ็ ะชว่ ยสรา้ งบรรยากาศ ทา� ให้
การแสดงผลงานมคี วามน่าประทบั ใจมากยง่ิ ข้นึ เป็นต้น

๗๗

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู

การเพิ่มมิตใิ นขอใดทีจ่ ะชว ยทาํ ใหผ ลงานสอ่ื ผสมดูเสมือนจรงิ มากข้นึ ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา การสรางสรรคง านสอื่ ผสมสามารถนาํ มาประยกุ ตใ ช
1. วาดภาพจติ รกรรมเขาไปเสรมิ ประกอบการเลาเร่ืองตา งๆ ไดอยางเปน รปู ธรรม สมจรงิ ไปกบั เนอ้ื หา ซ่งึ ใช
2. ใชคนจริงแสดงรว มกบั ผลงาน บูรณาการกับสาระการเรยี นรูอ ่ืนๆ ไดอยา งดี และยังสามารถนาํ มาประยกุ ตใ ชใน
3. เลือกสรรวสั ดทุ เ่ี ปนธรรมชาติ ชวี ิตประจาํ วันไดด ว ย เชน การนําวัสดุเหลือใชม าทําเปน ของตกแตงบาน เปน ตน
4. ใสแสงไฟและเสยี งประกอบ
มมุ IT
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การใสแ สงไฟเพือ่ เพ่มิ บรรยากาศ
นกั เรยี นสามารถตดิ ตามขา วการจดั แสดงผลงานทศั นศิลป ไดจาก
และมีเสยี งประกอบท่ีสอดคลอ งกบั เรอื่ งราวของผลงานที่นําเสนอ จะชว ย http://www.icidea.com/box/portfolios_web/ocac/event_fastart.html
สรางความรูสกึ และบรรยากาศโดยรวม ทําใหผ ลงานดเู สมอื นจริงมากข้นึ

คู่มือครู 77

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate

ตรวจสอบผล Evaluate

ครูพจิ ารณาจากแผนการสรา งสรรคแ ละ เกร็ดศลิ ป การปันผลงานที่เปน็ ประติมากรรมลอยตวั
การจดั แสดงผลงานปนและงานสื่อผสมของนักเรียน ในการปันผลงานท่ีเป็นประติมากรรมลอยตัวนิยมใช้
โดยพจิ ารณาดานความถกู ตอ ง เน้ือหาสาระ และ วัสดุท่ีอ่อนนุ่มน�ามาปัน เช่น ดินเหนียว ดินน้�ามัน ข้ีผ้ึง
ความสวยงาม เป็นต้น จึงจ�าเป็นจะต้องมีแกนสอดใส่ไว้ด้านใน เพื่อท�า
หน้าท่ีเป็นโครงสร้างหลักช่วยพยุงให้ผลงานสามารถต้ังอยู่ได้
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ซ่ึงแกนในมักจะมีรูปร่างตามลักษณะของงาน แกนในของ
ผลงานประติมากรรมส่วนใหญ่นิยมใช้โลหะ เพราะดัดโค้งงอ
1. ผลงานทศั นศลิ ปป ระเภทงานปนและ ไปตามแบบได้ง่าย ส่วนมากมักจะใช้ลวดขนาดใหญ่ เพราะ
งานสอื่ ผสม มีความแข็งแรงพอประมาณ ไม่นิยมใช้ไม้มาท�าเป็นแกนใน เพราะไม้จะขยายตัว
เม่ือโดนความช้ืน อาจท�าให้รูปร่างของงานปันผิดเพ้ียนไปได้และเพ่ือให้เน้ือวัสดุ
2. แผนการสรา งสรรคและการจัดแสดงผลงานปน กบั แกนยดึ ตดิ กนั ได้ด ี จึงมักเพ่มิ ความขรขุ ระใหก้ บั แกนใน ดว้ ยการนา� ขดลวดเล็ก
และงานสื่อผสม มาพันรอบๆ แกน
อกี ช้นั หนงึ่ ด้วย

กิจกรรม ศลิ ปป์ ฏิบตั ิ ๖.๑

กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนแต่ละคนเลือกสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ท่ีเป็นงานปัน หรืองานส่ือผสมตาม
จินตนาการของผ้เู รยี นมาคนละ ๑ ชิน้

กจิ กรรมที่ ๒ ใหผ้ เู้ รยี นจดั กลมุ่ ๕ คน นา� ผลงานปนั และสอ่ื ผสมทสี่ มาชกิ ในกลมุ่ สรา้ งสรรคข์ น้ึ รวบรวม แลว้
นา� มาแสดงเปน็ เรือ่ งราว ๓ มติ ิ โดยเนน้ ถงึ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลนื สามารถจะส่ือ
เร่อื งราวท่ีตอ้ งการจะน�าเสนอได้

กิจกรรมที่ ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี
๓.๑ ผลงานทเ่ี ป็นการปนั กบั ผลงานที่เป็นสอ่ื ผสม มีความเหมอื นหรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไร
๓.๒ จ งอธิบายแนวทางในการนา� ผลงานภาพปัน หรอื สอ่ื ผสมไปแสดงเปน็ เร่อื งราว ๓ มิติ

ว่าควรปฏบิ ัติอย่างไร

สรุป การสร้างสรรค์ผลงานท่ีเป็นประติมากรรม คือ งานปันและงานสื่อผสม เป็นการแสดงออก

อย่างหน่งึ ทางดา้ นศลิ ปะ สาขาทศั นศลิ ป์ ทผ่ี ูเ้ รยี นสามารถจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ตามความชอบ
และจนิ ตนาการของตน ซง่ึ ผลงานประเภทนจ้ี ะมคี วามงาม ความน่าประทบั ใจ สร้างสุนทรียะทางอารมณ์
ช่วยพัฒนาผู้เรียนได้เช่นเดียวกับผลงานศิลปะในแขนงอื่นๆ และผลงานทั้งหมดที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น
หากได้รวบรวมนาำ มาจัดแสดงเป็นเรอ่ื งราว ๓ มิติ ตามจินตนาการกส็ ามารถจะนาำ ไปแสดงได้หลากหลาย
เรื่องราว ยิ่งชว่ ยเพม่ิ คุณคา่ และพัฒนาความคิดใหม้ คี วามหลากหลายมากย่ิงข้นึ ไปอกี

๗๘

แนวตอบ กจิ กรรมศลิ ปป์ ฏิบัติ 6.1 กิจกรรมที่ 3
1. งานปน และงานส่อื ผสมเปนผลงานทศั นศลิ ปเ หมือนกนั เพียงแตแตกตางกันท่ีลกั ษณะของผลงาน โดยงานปนจะเปนการนาํ เอาวัสดุที่มเี นอ้ื ออนที่สามารถรวมกนั ได

หรือแบงแยกออกจากกนั ได เชน ดนิ เหนยี ว ดนิ นํ้ามัน ขีผ้ ึง้ มาตกแตง ทําเปน รูปทรงตางๆ เรยี กวา “งานประตมิ ากรรม” สว นงานส่อื ผสมเปนผลงานศลิ ปะทเ่ี กดิ จาก
การผสมผสานส่อื ทางศลิ ปะทมี่ ลี กั ษณะแตกตา งกัน เชน การผสมกันระหวา งงานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม และภาพพมิ พ เปนตน แลวนํามาจดั วางผสมผสานกัน
จนกลายเปน ผลงานศลิ ปะช้นิ ใหม
2. แนวทางในการนําผลงานการปนหรืองานสือ่ ผสมไปจดั แสดงเรือ่ งราวเปน 3 มติ ิ มดี ังน้ี
1. กําหนดกรอบแนวคดิ ของผลงาน
2. ออกแบบหรือรางแบบ
3. เตรียมผลงานทจี่ ะใชน ําเสนอ
4. สรา งสรรคผลงาน
ท้งั น้ีผลงานท่เี ตรยี มไวจดั แสดงตองคาํ นงึ ถึงสัดสว น สี องคป ระกอบอื่นๆ ทเ่ี มือ่ นํามาจัดแสดงเปน เรอื่ งราวแลวตองมีความเปน เอกภาพ กลมกลืนกัน สามารถชวยส่อื ถงึ
เรื่องราวที่ตองการจะนาํ เสนอได

78 คมู่ อื ครู

กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

ออกแบบรปู ภาพ สัญลักษณ หรือ
กราฟก อน่ื ๆ ในการนําเสนอความคิดและขอ มลู

สมรรถนะของผูเรยี น

1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ติ

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค

1. มีวินยั
2. ใฝเรยี นรู
3. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

๗หน่วยท่ี ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย ในหนังสอื เรยี น
การออกแบบรูปภาพ สัญลกั ษณ และงานกราฟิก หนา 79 แลวใหนกั เรียนชว ยกนั พิจารณาวา
การออกแบบ คือ การสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหม่ หรือปรับปรุง
ตัวชีว้ ัด • ภาพดังกลาวใชเ ทคนิคใดในการออกแบบ
ศ ๑.๑ ม.๑/๕ เปล่ียนแปลงส่ิงท่ีมีอยู่เดิมให้ดีย่ิงข้ึน ในทางทัศนศิลป์ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็
การออกแบบ คอื การนาำ เอาองคป์ ระกอบศลิ ป์ หรอื ทศั นธาตุ ไดอ ยา งอสิ ระ)
■ ออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ ์ หรอื กราฟกิ อน่ื ๆ ในการนาํ เสนอ
ความคิดและขอ้ มูล จากนนั้ ใหน ักเรียนชวยกันยกตัวอยางของใช
ในชวี ติ ประจาํ วนั ท่นี ักเรียนเห็นวามีการออกแบบ
มาจัดเป็นภาพตามหลักของการจัดองค์ประกอบศิลป์ ไวอยา งสวยงาม มาประมาณ 2-3 ชิ้น

สาระการเรียนรู้แกนกลาง โดยสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ตามจินตนาการของ
ผู้ออกแบบ การออกแบบมบี ทบาทมากในสังคมปัจจุบนั เพราะ

■ ก ารออกแบบรูปภาพ สญั ลกั ษณ ์ หรืองานกราฟกิ ชวี ติ มนษุ ยม์ คี วามเกย่ี วขอ้ งกบั การสอ่ื สาร เพอ่ื การรบั รขู้ อ้ มลู ตา่ งๆ

ซ่ึงการสื่อสารด้วยส่ิงพิมพ์ที่แสดงออกเป็นรูปภาพ สัญลักษณ์

และงานกราฟิก นบั เปน็ วธิ ีท่แี พร่หลายและเขา้ ถึงผู้คนได้ง่าย

๗9

เกรด็ แนะครู

การเรยี นการสอนในหนวยการเรยี นรนู ้ี ครคู วรอธบิ ายเก่ียวกบั การแสดงออก
ทางดา นการออกแบบวา เปน การสรา งสรรคง านศลิ ปะในรูปแบบใหมๆ ขนึ้ มา
ซงึ่ จะมคี วามแตกตา งกนั ตามกระบวนการคิดและสติปญ ญาของแตละบุคคล ทั้งน้ี
ข้ึนอยกู ับความประทบั ใจท่ีจะชวยสรา งแรงบันดาลใจตอผูอ อกแบบ โดยคํานึงถงึ
ความตอ งการ ความสวยงาม ความกลมกลืนของรปู ทรง สี รวมทงั้ สะทอนใหเหน็
ถงึ รสนิยมอันทนั สมัยและความกาวหนา ซง่ึ การศึกษาในระดบั ช้ันน้ีจะกลาวถงึ การ
ออกแบบในชีวติ ประจําวนั โดยอาศัยหลกั การจัดองคป ระกอบศิลปมาประยกุ ตใช
ใหเ หมาะสมกบั งานออกแบบรปู ภาพ สัญลกั ษณ และงานกราฟกอ่ืนๆ

ค่มู อื ครู 79

กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครูใหนักเรยี นดภู าพผลงานการออกแบบ เชน ñ. ¡ÒÃÍ͡ẺÃÙ»ÀÒ¾
ผลงานการออกแบบโฆษณา ผลงานการออกแบบ
สญั ลักษณ ผลงานการออกแบบปกนิตยสาร ผลงาน การออกแบบรูปภาพ เป็นกระบวนการฝกให้รู้จักสังเกต รู้จักการแก้ปัญหาและการวางแผน เพื่อเลือก
การออกแบบปกหนงั สอื เรยี น แลว ใหนกั เรียน
รว มกนั แสดงความคดิ เหน็ เร่อื งความแตกตา งของ ทศั นธาตุมาใช้ในการออกแบบ เช่น จ�านวนจุด ลักษณะของเส้น ขนาดของแบบ และสที ่ีใช ้ เป็นตน้ ซง่ึ ธรรมชาติท่ี
ผลงานท้งั 4 ภาพวา เทคนคิ การออกแบบแตกตาง
กนั อยางไร อยูร่ อบตัวจะเป็นแหล่งความรทู้ ่ีกว้างใหญอ่ นั จะเป็นที่มาของแนวคดิ รปู แบบ สา� หรบั นา� มาดดั แปลง ตัดทอน ใหเ้ กดิ

(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ได รปู แบบใหมๆ่ ตามท่ตี อ้ งการบนพ้ืนฐานเดมิ ท่ีตอ้ งการจะสือ่ ความหมาย
อยางอิสระ)
ผู้สร้างงานควรศึกษาองค์ประกอบในการออกแบบรูปภาพให้เข้าใจ เพื่อจะได้น�ามาประยุกต์ใช้ใน
จากน้นั ครเู กร่นิ นําเขา สหู วั ขอ การออกแบบ
รูปภาพ การสร้างผลงานให้มีความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน

และความสมดลุ 1
๑.๑ การออกแบบรูปภาพดว้ ยจุด

จุด เป็นองค์ประกอบหน่ึงของทัศนธาตุที่

สา� รวจคน้ หา สามารถน�ามาสร้างภาพได้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

Explore ภาพคน สิ่งของ ทิวทัศน์ หรอื เป็นภาพจากจนิ ตนาการ

ใหนกั เรยี นศึกษา คนควาเกี่ยวกบั การออกแบบ วิธกี ารสรา้ งภาพดว้ ยจุดแบบงา่ ยๆ คือ
รปู ภาพ จากแหลง เรยี นรตู า งๆ เชน หนังสอื เรยี น
หองสมดุ อนิ เทอรเ นต็ เปน ตน ตามหวั ขอ ท่ีครู ๑. ออกแบบชิ้นงานที่ต้องการจะสร้าง โดย
กําหนดให คอื การออกแบบรูปภาพดว ยจุดและ
การออกแบบรูปภาพดว ยเสน การรา่ งภาพกอ่ น

๒. กา� หนดแสงเงา 2 มนุษย์ได้มีพัฒนาการออกแบบรูปภาพ โดยใช้จุดมาสร้างสรรค์เป็น
ภาพโมเสก ซึ่งจิตรกรรมในสมัยโรมันนิยมนํากระเบื้องโมเสกมา
๓. ใช้ปากกาปลายสักหลาด หรือปากกา ประดับตกแตง่ ใหเ้ กิดความสวยงามเปน็ เรอื่ งราวตา่ งๆ

เขยี นแบบจดุ ลงบนภาพทร่ี า่ งไว ้ สว่ นใดมดื หรอื มนี า�้ หนกั

ความเข้มมากก็จุดทับซ้อนกันหลายคร้ัง ถ้าต้องการให้

มีแสงมากก็จุดห่างๆ ถ้าแสงสว่างจัดๆ ให้ปล่อยขาวได้

ส่วนที่เป็นน�้าหนักขนาดกลางให้จุดพอประมาณ เพื่อให้

เกิดความลึกต้นื หรือมืดสวา่ งตามที่ต้องการ

การสร้างภาพด้วยจุดสามารถที่จะน�าไปสร้าง

ผลงานได้หลายรูปแบบไม่วา่ จะเปน็ ภาพคน สัตว์ สิ่งของ

หรอื ภาพจากจินตนาการ
๑.๒ การออกแบบรปู ภาพดว้ ยเสน้

เส้น มีหลายลักษณะและท�าให้เกิดความรู้สึก

ที่หลากหลายต่อผู้พบเห็น การขีดเขียนเส้นออกมาใน

ลกั ษณะตา่ งๆ เมอ่ื นา� ไปสรา้ งอยใู่ นองคป์ ระกอบทเ่ี หมาะสม

เสน้ ในลกั ษณะต่างๆ ท่ีสามารถนํามาใชอ้ อกแบบเป็นรูปภาพได้ แลว้ จะกอ่ เกิดจินตนาการได้ไม่มีที่สนิ้ สุด

๘๐

นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 จดุ ในทางทศั นศิลปเ ปน สิ่งทป่ี รากฏบนพ้นื ระนาบทม่ี ีขนาดเลก็ ทส่ี ดุ
ไมม คี วามกวาง ความยาว ความสงู ความหนา หรอื ความลกึ แตบางคร้งั การจุด การออกแบบมคี วามสําคญั อยางไรตอการสรา งสรรคผลงานทัศนศลิ ป
ดว ยอปุ กรณท ี่มขี นาดของหัวสัมผัสใหญ เชน สเี มจกิ พกู ัน ก็จะทาํ ใหจ ุดมีขนาด
ใหญแ ละเกิดความกวา ง ความยาวขึ้นได แนวตอบ การออกแบบถอื เปนการถา ยทอดความคดิ จินตนาการของ
2 ปากกาปลายสกั หลาด นยิ มเรียกวา ปากกาเมจิก ปากทําดวยสักหลาดแข็ง ผูส รา งสรรคอ อกมาเปนภาพทีเ่ ปน รูปธรรม ซ่ึงจะชว ยทําใหเ หน็ ภาพรวม
มีท้ังชนดิ ปากกลมและปากตดั ปากกาชนดิ นใ้ี ชประโยชนในงานหลายๆ อยาง ของผลงานขั้นสดุ ทา ย ซึง่ สามารถจะปรับปรงุ เพิ่มเตมิ แกไขไดก อนลงมือ
เชน ปากกาปากตดั ใชเขียนตัวอกั ษรหวั ตดั หรือตัวริบบิ้น ปากกลมเหมาะสาํ หรบั ปฏบิ ตั ิจรงิ ขณะเดียวกนั กจ็ ะชว ยสอื่ สารกับผอู ืน่ ใหเขาใจไดตรงกนั เพราะ
เขียนตัวอกั ษรประดษิ ฐห รอื ระบายสี มที ง้ั ชนิดลบไดแ ละลบไมได บางชนดิ เหน็ เปนภาพเดียวกนั นอกจากน้ี การออกแบบจะชวยใหส ามารถกําหนด
มลี กั ษณะโปรง ใส สามารถเขยี นบนแผน ใสได และบางชนิดทีม่ ีสีสะทอนแสง ขั้นตอนการปฏิบัตงิ านไดอ ยางถกู ตอ ง เหมาะสม และมปี ระสทิ ธภิ าพ
เหมาะสําหรับขีดทบั ตัวอักษรเพอื่ ใชเ นนคาํ ดังนนั้ การสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปท ดี่ จี งึ ตองมกี ารออกแบบไวก อน

80 คู่มอื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

เส้นมีความส�าคัญอย่างมากในการสร้างภาพ ในการลากเส้นผู้สร้างจะต้องใช้สมาธิในการสร้างงาน 1. ใหนกั เรียนรว มกันอภปิ รายเกย่ี วกับ
อย่างมาก จงึ จะทา� ให้งานนั้นมีคุณคา่ ทางสุนทรียภาพ และความหมายท่ตี อ้ งการสือ่ ออกมา การออกแบบรปู ภาพ ในประเด็นการออกแบบ
การเริ่มต้นงานออกแบบรูปภาพด้วยเส้นลักษณะต่างๆ ควรมีการฝกฝน เพื่อให้เกิดความเคยชินของ รปู ภาพดว ยจดุ และการออกแบบรปู ภาพดว ย
กลา้ มเน้ือ โดยการฝกทักษะในการเคลื่อนไหวนิ้วมือและส่วนของข้อมือ เม่ือสามารถรา่ งเสน้ จนชา� นาญแลว้ จะพบวา่ เสน ครคู อยเสรมิ เพม่ิ เติมขอ มลู จากน้ัน
การร่างเส้นเพียงเส้นเดียวก็สามารถสอ่ื ความหมายตา่ งๆ ไดม้ ากมาย ครูถามนักเรียนวา
การสร้างภาพด้วยเส้นควรเลือกใช้เส้นตรงแนวต้ังและแนวนอน น�ามาจัดวางให้มีช่องว่างถ่ีและห่างท่ีดู • การออกแบบรูปภาพหมายถงึ การออกแบบ
เหมาะสม ก็จะท�าให้เกิดมิติของการเคลื่อนไหว โดยอาจใช้การระบายสีแบบตาหมากรุก คือ ระบายช่องเว้นช่อง ลกั ษณะใด และมคี วามสาํ คัญอยางไร
(แนวตอบ การออกแบบรปู ภาพเปน กระบวนการ
สลับกันด้วยสีขา1วกับสีด�า หรือเลือกสีคู่ตรงข้ามคู่ใดคู่หน่ึงก็ได้ ซึ่งการระบายสีลงในช่องดังกล่าวจะเป็นตัวเสริม ฝกใหร จู กั การสังเกต รูจกั การแกป ญ หา
และการวางแผน เพ่อื เลอื กทศั นธาตมุ าใชใ น
ใหเ้ กิดภาพลวงตาได้ ดงั ตัวอยา่ ง การออกแบบ เชน จดุ เสน ขนาด สี เปนตน
การออกแบบรูปภาพเปนองคป ระกอบหลัก
ขนั้ ที่ ๑ ลากเสนตั้ง จัดระยะ ข้นั ท่ี ๒ ลากเสนนอน จดั ระยะ ขัน้ ที่ ๓ ระบายสสี ลบั ขาวและดาํ ของงานออกแบบโฆษณา เชน การออกแบบ
ของเสนใหมีความถ่ีและหางตาม ของเสนใหม ีความถี่ และหา งตาม (คูสีตรงขามอื่นๆ) จนผลงาน สอื่ สิ่งพิมพ ปา ยโฆษณา โปสเตอร เปน ตน )
ความเหมาะสม ความเหมาะสม สําเรจ็ • การออกแบบรปู ภาพดวยจดุ และการ
ออกแบบรูปภาพดวยเสน มลี ักษณะเดน
นอกจากการใชเ้ ส้นแนวตง้ั และแนวนอนแล้ว ยังสามารถใช้เสน้ ลักษณะอน่ื ๆ มาสร้างภาพได้ด้วยเทคนิค อยา งไร
ที่หลากหลาย ดังภาพ (แนวตอบ การออกแบบรปู ภาพดวยจดุ
สามารถทจ่ี ะนาํ ไปสรา งผลงานไดหลาย
เส้นแต่ละแบบจะให้ความรู้สึกท่ีแตกต่างกันออกไปตามจินตนาการของผู้ออกแบบว่าจะน�าเส้นแต่ละแบบ รปู แบบ ไมว าจะเปนภาพคน สัตว ส่งิ ของ
มาประกอบกันเป็นองค์ประกอบที่ให้ความรู้สึกลักษณะใด เป็นต้นว่าให้ความรู้สึกที่อ่อนไหว เศร้า แข็งกร้าว หรือภาพจากจนิ ตนาการ สวนการออกแบบ
สนุกสนาน หรือต่ืนเต้น ซึ่งจะข้ึนอยู่กับจินตนาการของผู้สร้างภาพ นอกจากนั้นเส้นยังสามารถน�ามาประกอบกัน รปู ภาพดว ยเสน จะใหความรสู ึกแตกตา งกนั
เปน็ รปู รา่ ง รปู ทรง ประเภททรงกลม สามเหลยี่ ม สเี่ หลยี่ ม หรอื รูปรา่ ง รูปทรงอสิ ระ และเสริมภาพท่สี รา้ งขึน้ ด้วย ออกไปตามจินตนาการของผูอ อกแบบวา
การใชท้ ศั นธาตุ เช่น จุด เส้น ส ี แสง เงา เปน็ ตน้ ใหม้ คี วามสมบรู ณม์ ากยิ่งขึน้ จะนําเสนแบบใดมาประกอบกนั เพราะเสน
แตล ะแบบจะใหค วามรูสึกแตกตางกนั )
๘1
2. ใหน ักเรยี นฝก ออกแบบรปู ภาพดว ยเสน
ตามตวั อยา งขั้นตอนการสรา งภาพดว ยเสน
ในหนงั สอื เรยี นหนา 81 โดยทาํ ลงกระดาษ
วาดเขยี น นําผลงานสงครผู ูสอน

แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู

กระบวนการออกแบบรูปภาพคอื ขอ ใด การศกึ ษาเกี่ยวกบั การออกแบบรูปภาพดวยจุดและเสน ครูอาจใหน กั เรียนใช
1. จาํ นวนจดุ ลกั ษณะของเสน ดนิ สอดาํ ลากเสนใหเ ปนภาพหลายๆ ลักษณะ ตามจินตนาการ แลว นําเสนอให
2. ขนาดของแบบ สีทใี่ ช เพอ่ื นๆ ฟงถึงแนวคดิ และจนิ ตนาการของตนเอง เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดฝกการออกแบบ
3. การสงั เกต การแกปญ หา การวางแผน รูปภาพและฝกใชความคดิ สรา งสรรค
4. ศกึ ษาคนควา ลงมือปฏบิ ตั ิ
นักเรยี นควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การออกแบบรปู ภาพเปน กระบวนการ
1 ภาพลวงตา (optical illusion) คอื ภาพท่หี ลอกประสาทตาของเราใหมองเห็น
ฝก ใหรจู ักสงั เกต รจู ักแกปญ หา และวางแผน เพ่อื จะไดเ ลือกทัศนธาตมุ าใช และรบั รภู าพน้ันๆ คลาดเคลอ่ื นไปจากความจริง หรอื ทําใหม องเหน็ เปนอกี แบบหนึ่ง
ในการออกแบบไดถ ูกตอ งและมีประสทิ ธภิ าพมากที่สุด

ค่มู ือครู 81

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

ใหน กั เรยี นศึกษาขน้ั ตอนการออกแบบภาพ ส�าหรับการออกแบบรูปภาพนั้น เป็นองค์ประกอบหลัก1ของงานออกแบบโฆษณา เช่น การโฆษณาทาง
ตน ไม ในหนังสือเรยี นหนา 82 จากนั้นใหน กั เรียน
ฝกออกแบบภาพตนไมตามตัวอยางข้ันตอนใน หนงั สือพมิ พ์ ปา ยประกาศ โปสเตอร ์ และงานออกแบบส่ือสิ่งพมิ พ ์ โดยเฉพาะรูปแบบของปกหนงั สือ รูปภาพธนบัตร
หนังสือเรียน โดยทาํ ลงกระดาษวาดเขียนเสรจ็ แลว
จึงใสร ายละเอียดตามความตองการ นําผลงานสง ชนิดต่างๆ ตลอดจนงานออกแบบสัญลักษณ์ท่ีสื่อ2ความหมาย เช่น เคร่ืองหมายจราจร เคร่ืองหมายของสมาคม
ครูผูส อน
เครือ่ งหมายบรษิ ทั เครอื่ งหมายสนิ ค้า ผลติ ภัณฑต์ ่างๆ เปน็ ตน้ งานออกแบบประเภทต่างๆ ส่วนหนงึ่ ตอ้ งประกอบ
ไปด้วยรูปภาพที่เป็นส่วนหน่ึงที่นักออกแบบจะต้องคิดให้มีความสร้างสรรค์ลงในตัวผลงาน เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้
และพัฒนาฝีมือขั้นพื้นฐานของการออกแบบ ในระดับช้ันน้ีจะน�าเสนอตัวอย่างการออกแบบรูปภาพต้นไม้ ส่ิงของ
คน และสตั ว์อย่างงา่ ยๆ ดังน้ี

การออกแบบภาพตน้ ไม้

ในล�าดับแรกต้องวาดรูปร่างพื้นฐานและเส้นประกอบขึ้นเป็นเค้าโครงง่ายๆ ก่อน เพ่ือเป็นการก�าหนด
รปู แบบเบ้อื งตน้ เสรจ็ แลว้ จึงใส่รายละเอียดทต่ี ้องการ

ขน้ั ท่ี ๑ ใช้วงกลมเป็นตัวกา� หนดภาพต้นไม้
ขัน้ ท่ี ๒ จากวงกลมเรียบๆ ธรรมดา กเ็ พ่มิ ในส่วนท่ีตอ้ งการ เช่น
• ใช้เส้นโค้งมาเป็นตัวก�าหนดลกั ษณะพมุ่ ของตน้ ไม้
• สรา้ งทรงพมุ่ ใหม้ ีใบละเอยี ดซบั ซอ้ น โดยใชร้ ปู ใบทม่ี ลี กั ษณะเปน็ รปู หอกมาจดั วางทบั ซอ้ นกนั
• สร้างทรงพุ่มดว้ ยวงกลมขนาดเลก็ และใหญพ่ อประมาณมาวางทับซอ้ นกัน
• สร้างลักษณะพุ่มเป็นรูปทรงอิสระ ตกแต่งเสริมด้วยจุดและองค์ประกอบศิลป์อื่นๆ เพื่อ
ความสวยงาม

3

วธิ กี ารขา้ งตน้ เปน็ การออกแบบชนดิ เลยี นแบบธรรมชาต ิ คอื การนา� เอารปู ทวิ ทศั นแ์ ละรปู ทรงของธรรมชาติ
เป็นต้นแบบ แล้ววาดออกมาเป็นภาพด้วยการใช้เส้นลักษณะต่างๆ โดยตัดรายละเอียดออกเหลือไว้แต่ลักษณะเด่น
ของโครงสรา้ ง

๘2

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 งานออกแบบส่ือส่งิ พมิ พ เปนการออกแบบเพอื่ ผลติ งานสง่ิ พิมพชนิดตา งๆ
ไดแก หนังสอื หนังสอื พมิ พ โปสเตอร นามบตั ร บตั รตางๆ งานพิมพล วดลายผา การออกแบบภาพท่ดี คี วรคํานงึ ถงึ หลกั การขอ ใด
งานพิมพภาพลงบนสิ่งของเครอื่ งใชต า งๆ งานออกแบบรูปสัญลกั ษณ 1. มีลวดลายซบั ซอน
เคร่อื งหมายการคา 2. ส่อื ความหมายงา ย
2 ผลิตภณั ฑ (Product) หมายถึง สง่ิ ใดๆ ที่สามารถนาํ เสนอขายใหแกตลาด 3. มองเหน็ ไดแ ตไ กล
เพือ่ ใหเกดิ ความพอใจ ความตอ งการเปน ของเจา ของ เรียกใหม ีการซ้ือ การใช หรือ 4. เปนภาพในจินตนาการ
การบริโภค ซึ่งเปนส่ิงทีต่ อบสนองความตอ งการและความจําเปนของผซู ือ้ ใหไดรับ
ความพอใจ วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การออกแบบภาพที่ดีจะตองดงู า ย ชัดเจน
3 ทิวทัศน คือ ลักษณะภมู ิประเทศทีป่ รากฏใหเ ห็นตามธรรมชาติ เชน ทวิ ทัศน
ทุง นา ทวิ ทศั นปาเขา ทวิ ทัศนท างทะเล เราจะเรยี กภาพเขยี น หรือภาพถายจาก สามารถสอ่ื ความหมายไดงายวา เปนภาพอะไร หรอื ตอ งการจะสอ่ื
ทิวทัศนวา “ภาพทิวทศั น” ความหมายเกยี่ วกบั อะไร ดังน้นั ภาพทสี่ รางสรรคข้นึ มาจะตอ ง
ไมม คี วามซบั ซอ นมาก หรือเนน รายละเอยี ดมาก จนองคประกอบสว นยอยๆ
ของภาพไปดงึ ความสนใจจากภาพหลกั ท่ตี องการจะสอื่

82 คมู่ ือครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

1 ใหนักเรียนศกึ ษาขัน้ ตอนการออกแบบภาพคน
การออกแบบภาพคน และการออกแบบภาพสตั ว ในหนงั สอื เรียนหนา
83 จากน้ันใหน กั เรียนฝกออกแบบภาพคนและ
การออกแบบภาพคนใหเ้ ปน็ ลกั ษณะงานออกแบบนน้ั สามารถใชห้ ลกั การเดยี วกนั ได ้ คอื สงั เกตจากลกั ษณะ ออกแบบภาพสตั วต ามตวั อยา งขนั้ ตอนที่ระบไุ ว
จรงิ ตามธรรมชาตแิ ล้วน�ามาตดั ทอนรายละเอยี ดตา่ งๆ ตกแตง่ เพ่มิ เติมและจัดองค์ประกอบให้เกิดความงาม ในหนงั สือเรยี น โดยทําลงกระดาษวาดเขียน
การวาดภาพและออกแบบภาพคน โดยใช้วิธีตัดทอนนั้น คือ การน�าส่วนท่ีไม่จ�าเป็นต้องใช้ออกให้หมด เสร็จแลวจงึ ใสร ายละเอยี ดตามความตอ งการ
เหลือไวแ้ ตส่ ่วนทตี่ ้องการสื่อความหมายเทา่ น้นั เชน่ การสอ่ื ความหมายเรอ่ื งการแตง่ กายของแตล่ ะเพศ ดังภาพ นําผลงานสง ครูผูส อน

การออกแบบภาพสัตว

ตัวอย่างขน้ั ตอนการออกแบบภาพนก มีดังน้ี
ขั้นที่ ๑ ใชเ้ สน้ โค้งเปน็ เส้นหลกั
ขั้นท่ี ๒ ใ ช้เส้นโค้งรูปวงกลมเป็นหัวนก ใช้รูปร่างสามเหล่ียมเป็นปีกและใช้รูปร่างส่ีเหล่ียมด้านไม่เท่า
เปน็ หาง
ข้นั ท่ี ๓ ตกแตง่ รายละเอียดดว้ ยเสน้ ลักษณะตา่ งๆ และจดุ

ขั้นที่ ๑ ขั้นท่ี ๒ ข้นั ท่ี ๓

ในกรณีเดียวกันการออกแบบรูปภาพสัตว์ชนิดอื่นๆ ก็สามารถใช้วิธีการดัดแปลง ตัดทอนรายละเอียด
ท่ีเหมือนจริงตามธรรมชาติออก และพัฒนาให้ได้รูปร่าง รูปทรงท่ีสวยงาม และสามารถสื่อให้รู้ได้ว่าเป็นภาพอะไร
ดังภาพ

๘3

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู

การออกแบบภาพวาดคนอยางงา ยๆ ควรปฏบิ ัตติ ามขอ ใด การสรา งบรรยากาศการเรยี นการสอนเก่ียวกับการออกแบบรูปภาพ ครอู าจให
1. ตเี สนแบงเปน ตารางกรดิ นกั เรยี นแตละคนออกแบบภาพปลา พรอ มเขยี นขนั้ ตอนการออกแบบเปนขอ ๆ ให
2. ใชเสน โคงวาดรูปทรงหลกั ชัดเจน ซง่ึ ภาพปลาท่ไี ดข องแตล ะคนอาจจะเหมอื นกัน หรือแตกตางกันเล็กนอ ย
3. กาํ หนดรูปรางใหเปนสี่เหลยี่ ม จากนั้นใหนักเรียนนาํ ผลงานมาแสดงและรว มกันแสดงความคดิ เหน็
4. ไมม ีกฎเกณฑแลว แตความถนัด
นักเรยี นควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การวาดเสน โคงทาํ เปน วงกลมซอ นกัน
1 การออกแบบภาพคน หากตอ งการใหภาพท่อี อกแบบมคี วามสวยงามย่ิงข้ึน
เพอื่ กาํ หนดสดั สวน รปู รา งและทาทางของคน คอื การเนนการรา งเคาโครง ผอู อกแบบควรศกึ ษาความรเู กย่ี วกบั สดั สว นและโครงสรา งของมนษุ ย เพอ่ื เปน แนวทาง
อยางงา ยๆ ซ่งึ ถาไมส อดคลอ งกับแนวคิดท่ตี อ งการนาํ เสนอจะไดแ กไ ข ในการออกแบบ ซ่ึงจะทาํ ใหไดภาพที่ถูกตอง เพราะถาไมถ กู ตอง หรือผดิ สดั สวน
ไดง าย หลงั จากนั้นจงึ เพม่ิ เตมิ รายละเอียดเขา ไป ก็จะไดภาพคน ก็จะมองหรอื รไู ดท นั ทีเพราะเปน สงิ่ ใกลต ัวอยแู ลว การออกแบบภาพคนมีสง่ิ ตอ งคาํ นงึ
อยา งงา ยๆ ตามวตั ถุประสงค ถงึ คอ นขางมาก เพราะมนุษยม ที ้ังเพศหญิง เพศชาย และมีอิรยิ าบถตา งๆ
ซึ่งในแตละทา ทางของการเคล่อื นไหวจะใหความรสู ึกและความสวยงามตางกนั

คู่มอื ครู 83

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล

Engage Explore Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

ใหนักเรียนศกึ ษาขน้ั ตอนการออกแบบภาพ การออกแบบภาพส่งิ ของ
ส่ิงของ ในหนงั สือเรียนหนา 84 จากนั้นใหน กั เรียน
ฝก ออกแบบภาพสิง่ ของตามตัวอยา งขนั้ ตอนใน การออกแบบภาพสิ่งของต่างๆ คือ การน�าเส้น จุด รูปร่าง รูปทรงต่างๆ มาใช้อย่างเหมาะสม
หนังสือเรียน โดยทําลงกระดาษวาดเขยี น เสรจ็ แลว โดยสังเกตจากรูปร่าง รูปทรงที่น�ามาใช้ว่ามีความสอดคล้องและใกล้เคียงกับส่ิงท่ีต้องการจะวาดหรือไม่ เช่น
จงึ ใสรายละเอยี ดตามความตองการ นาํ ผลงาน การออกแบบวัตถุส่ิงของท่ีเริ่มจากการน�ารูปร่างแบบเรขาคณิตมาวางทับซ้อนกัน โดยให้สังเกตว่ารูปทรงของวัตถุ
สง ครูผสู อน สง่ิ ของทต่ี นจะวาดนั้นมรี ูปทรงอย่างไร แลว้ จงึ นา� รปู รา่ งรูปทรงทเ่ี หมือนกนั มาทา� เป็นโครงสร้างข้างต้น และตอ่ เติม
รายละเอียดตามความต้องการ เป็นต้น
ขยายความเขา้ ใจ E×pand ตวั อย่างขัน้ ตอนการออกแบบภาพรถยนต์ มีดังน้ี

ใหน กั เรยี นออกแบบรปู ภาพ มาคนละ 1 รปู ภาพ ขัน้ ที่ ๑ เรมิ่ จากใช้รปู รา่ งเรขาคณติ จดั วางใหไ้ ดร้ ปู แบบท่ตี อ้ งการ
โดยใชความรเู กีย่ วกับการออกแบบรูปภาพดวยจุด ข้นั ท่ี ๒ ใส่รายละเอียดตา่ งๆ ของรถให้ชัดเจน
และการออกแบบรปู ภาพดว ยเสน ตามทไ่ี ดศ กึ ษามา
หรอื อาจจะใชว ิธีเลียนแบบจากส่งิ ของทเ่ี ปนจรงิ ในท�านองเดียวกัน เราสามารถใช้วิธีเลียนแบบจากสิ่งของที่เป็นจริง แล้วน�ามาตัดทอนรายละเอียด
แลวนํามาตัดทอนรายละเอยี ดใหเ หลือแตโครงสราง ใหเ้ หลอื แตโ่ ครงสร้างโดยรวมก็ได ้ ก็นับเป็นการออกแบบอีกวิธหี นึง่ ดงั ภาพ
โดยรวมก็ได โดยใหนกั เรยี นทาํ ลงกระดาษวาดเขยี น
นาํ ผลงานสง ครูผสู อน

ตรวจสอบผล Evaluate

ครูพจิ ารณาจากผลงานการออกแบบรูปภาพ
โดยใชค วามรเู ก่ยี วกบั การออกแบบรปู ภาพดวยจุด
และการออกแบบรปู ภาพดวยเสน ของนักเรียน

๘4 กจิ กรรมสรา งเสรมิ

เกรด็ แนะครู ใหน กั เรยี นออกแบบภาพสตั วท ่นี กั เรยี นชื่นชอบ มาคนละ 1 ภาพ
ตามจนิ ตนาการ โดยไมด ูขนั้ ตอนในหนังสอื เรยี น จากนัน้ ใหนกั เรยี น
ครูเนน ย้ําเก่ยี วกบั การออกแบบภาพสัญลกั ษณวา ภาพสัญลักษณสามารถ ออกมานําเสนอผลงานของตนเอง หนา ช้ันเรยี น
ออกแบบไดจ ากองคป ระกอบพน้ื ฐาน คอื จดุ เสน ระนาบ แลว นาํ องคป ระกอบเหลา น้ี
มาจัดวางตามหลกั การจัดองคป ระกอบศิลปใหมีความสมั พนั ธก นั อยางเรียบงา ย กจิ กรรมทาทาย
และส่ือความหมายชัดเจน โดยไมต องมีคาํ อธบิ ายเปน ภาษาเขยี นหรอื ภาษาพูด
ใหน ักเรียนออกแบบภาพคน สตั ว หรือส่งิ ของ ประกอบกันเปน
บรู ณาการอาเซยี น เรอื่ งราว คนละ 1 เรือ่ ง จากนั้นใหนักเรียนออกมาเลาเรอ่ื งประกอบภาพ
ของตนเอง หนาช้นั เรยี น
ใหนักเรียนชวยกนั คนหาการออกแบบภาพทีส่ อ่ื ความหมายถงึ ประเทศสมาชกิ
อาเซยี น โดยอาจจดั แยกเปนชุด หรอื หมวดหมู เชน ชุดดอกไมป ระจําชาตอิ าเซียน
ชดุ สถานทีส่ ําคัญของอาเซียน ชุดประชากรของประเทศสมาชิกอาเซยี น เปนตน
โดยเนนถงึ การสือ่ ความหมายวา ภาพการออกแบบนน้ั ๆ สามารถจะบอกไดว า
เปน ของประเทศสมาชกิ อาเซียนประเทศใด โดยใหรวบรวมใหหลากหลาย แลว นํา
ไปจดั นทิ รรศการ

84 คู่มอื ครู

กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ò. ¡ÒÃÍ͡ẺÊÞÑ Åѡɳ ครูนาํ ภาพสญั ลักษณท ี่นกั เรียนสามารถ
พบเหน็ ไดในชวี ิตประจําวนั มาใหนักเรียนดู เชน
ในสมัยก่อนมนุษย์สร้างสัญลักษณ์ด้วยการใช้เส้นลาก ขีด และเขียน เป็นเคร่ืองหมายโดยใช้เส้นตรง ภาพเคร่ืองหมายจราจร เคร่ืองหมายสนิ คา หรอื
เส้นโค้งแสดงรูปทรงต่างๆ ต่อมาเม่ือมนุษย์ได้พัฒนาเคร่ืองหมายให้มีรูปแบบที่ใกล้เคียงกับส่ิงท่ีมนุษย์พบเห็น ผลิตภัณฑตา งๆ เคร่ืองหมายสถานที่ เปนตน
ในชวี ติ และเขา้ ใจงา่ ยข้นึ จึงกลายเป็นสญั ลกั ษณท์ ส่ี ร้างความเขา้ ใจโดยทว่ั กนั จากนัน้ ใหนกั เรยี นแบง ออกเปน 2 กลมุ แขง กนั
การพัฒนาในเร่ืองภาพสัญลักษณ์นั้น นอกจากพัฒนาทางด้านรูปแบบแล้วยังมีการพัฒนาในด้าน บอกวาแตละภาพเปน สญั ลกั ษณป ระเภทใด
กระบวนการสร้างสรรค์ทีม่ เี ทคโนโลยีสมยั ใหมเ่ ข้ามาเกีย่ วข้อง ท�าให้มวี ิธกี ารออกแบบทซ่ี ับซอ้ นหลากหลายข้ึน
สา� รวจคน้ หา Explore
๒.๑ ความหมายของสัญลกั ษณ
ใหนกั เรยี นศึกษา คน ควาเกยี่ วกับการออกแบบ
สัญลักษณ หมายถึง สิ่งที่นักออกแบบได้ออกแบบข้ึนมา เพ่ือส่ือความหมายให้มนุษย์เข้าใจร่วมกัน สญั ลกั ษณ จากแหลง เรยี นรตู างๆ เชน
ในสังคม เพื่อการปฏิบัติร่วมกัน เพ่ือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันในการท�า หนังสือเรยี น หอ งสมุด อินเทอรเ น็ต เปนตน
ความเข้าใจ การออกแบบจะถูกสร้างขน้ึ ในลักษณะตา่ งๆ ซงึ่ รปู แบบอาจจะไดม้ าจากธรรมชาติ หรือรูปแบบของสง่ิ ท่ี ตามหัวขอท่คี รูกําหนดให ดงั น้ี
มนษุ ยส์ ร้างข้นึ มาใหม่ ประการส�าคัญ คอื สามารถท�าใหผ้ ทู้ พี่ บเห็นไดเ้ ข้าใจตรงกัน โดยไม่จ�าเป็นตอ้ งมีค�าบรรยาย
ประกอบ • ความหมายของสัญลกั ษณ
สญั ลกั ษณ์ไดม้ ีบทบาทเกยี่ วขอ้ งกบั วถิ ีชวี ิตมนุษย์ เชน่ เคร่ืองหมายการจราจร เครือ่ งหมายของสถาบัน • ประเภทของสญั ลักษณ
สมาคม เคร่อื งหมายบรษิ ทั เคร่ืองหมายสินค้าผลิตภัณฑต์ ่างๆ เคร่อื งหมายหอ้ งน้า� • แนวทางการออกแบบสญั ลักษณ
หญงิ -ชาย และเครอ่ื งหมายสัญลกั ษณ์อืน่ ๆ เปน็ ตน้ ซึ่งเราจะพบเหน็ อยูท่ ัว่ ไป • แนวทางปฏบิ ัตอิ ยา งงา ยในการออกแบบ

๒.๒ ประเภทของสัญลักษณ สัญลักษณ
• วธิ ีการออกแบบสัญลกั ษณ
สัญลกั ษณ ์ แบง่ ออกเปน็ ประเภทตา่ งๆ ได ้ ดงั นี้

๑) เคร่ืองหมายจราจร เป็นสัญลักษณ์ที่ออกแบบข้ึนมาเพื่อเป็นกฎ

หรือกติกาในสังคมท่ีเป็นสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ร่วมกันท่ัวโลก เพ่ือความสะดวกและ
ปลอดภยั ในการใช้รถใชถ้ นน

๒) เคร่อื งหมายของสถาบัน สมาคม มลู นธิ ิ หรอื กลุ่มกิจกรรม เครอ่ื งหมายของสถาบนั สมาคม

มูลนิธิ และกลุ่มกิจกรรมต่างๆ ในสังคม เป็นการสื่อความหมายเพื่อให้รับรู้ว่ากิจกรรมหรือสิ่งที่ปรากฏน้ันเป็น
ของหน่วยงานหรือองค์กรใด โดยใช้สัญลักษณ์ที่มีรูปแบบชัดเจนและมีการออกแบบให้ง่ายต่อการจดจ�าและท�า
ความเข้าใจไดง้ ่าย

๘๕

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู

ขอใดไมใ ชหลักการในการออกแบบสญั ลกั ษณทถี่ ูกตอ ง การเรียนการสอนเก่ียวกบั การออกแบบสญั ลักษณ ครูอาจใหน ักเรยี นหาภาพ
1. สื่อสารเขาใจงาย สัญลกั ษณประเภทตา งๆ จากวารสาร นติ ยสาร หนงั สอื พมิ พ โบชวั ร หรือแผนพบั
2. สามารถจดจําไดงา ย โฆษณาสินคา ตางๆ มารว มกันอภปิ รายถงึ หลักการออกแบบและจุดประสงคของ
3. ผูอน่ื นําไปใชไดงาย การสอ่ื ความหมายของสัญลักษณน น้ั ๆ จากน้ันครอู ธิบายสรุปเกย่ี วกับการออกแบบ
4. เปน สัญลักษณทด่ี ูงา ย สัญลกั ษณว า นักออกแบบสญั ลักษณตองออกแบบสญั ลกั ษณข้นึ มาใหค นในสังคม
ทกุ คนส่ือความหมายเขา ใจรว มกันได ปฏิบัติรว มกนั ได สรางความเปน ระเบยี บ
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การออกแบบสัญลักษณม ีจุดมงุ หมาย เรียบรอยในสงั คม และสรา งความเปน อนั หน่ึงอนั เดียวกัน หรือส่อื ความหมายอื่นๆ
ตามวตั ถุประสงค โดยไมจ าํ เปน ตองมคี าํ บรรยายประกอบ
เพอ่ื ตองการสอื่ สารใหผอู ่นื ไดเ ขาใจ ดังนัน้ จึงตอ งมรี ูปแบบงา ยๆ
เปนสากล ผอู น่ื ดแู ลว สามารถเขาใจความหมายไดทันที จึงไมเ กี่ยวของกับ
การทีจ่ ะทาํ ใหผ อู นื่ นาํ ไปทาํ ซ้าํ หรอื เอาไปใชไดง า ยๆ

ค่มู อื ครู 85

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

1. ใหนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับการ ๓) เคร่ืองหมายบริษัท เคร่ืองหมายสินค้า
ออกแบบสัญลกั ษณตามท่ไี ดศ กึ ษามา ครคู อย
อธิบายเสริมเพม่ิ เตมิ ขอ มูล จากนั้นใหน ักเรียน หรอื ผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ ในดา้ นธรุ กจิ ทเี่ ปน็ บรษิ ทั ผลติ ภณั ฑ์
สรุปสาระสําคญั เกย่ี วกบั การออกแบบสัญลักษณ
ลงสมดุ บันทึก เพ่ือการอุปโภคบริโภคต่างๆ จ�าเป็นต้องมีสัญลักษณ์

2. ใหนกั เรยี นหาสัญลักษณประเภทตา งๆ จาก เพื่อให้ผู้บริโภคจดจ�าและเกิดความมั่นใจในส่ิงของน้ันๆ
สอื่ ตางๆ เชน วารสาร นติ ยสาร หนังสือพมิ พ
โบชัวรส ินคา แผน พบั เปนตน แลวมารว มกนั ว่ามีหลักประกันคุณภาพตรงกับความต้องการของตน
อภิปรายถึงการออกแบบและจดุ ประสงคของ
การสื่อความหมายของสัญลกั ษณนัน้ ไม่ปลอมแปลง มตี ราเคร่อื งหมายยืนยัน มีผรู้ ับผดิ ชอบ

ที่ชัดเจนตามกฎหมาย ๔) เคร่ืองหมายสถานท่ี เป็นสัญลักษณ์

แสดงสถานทตี่ า่ งๆ เชน่ โรงเรยี น โรงพยาบาล หอ้ งอาหาร

สุขา เป็นต้น ใช้ในการสื่อความหมายแทนให้ผู้พบเห็น

เกดิ ความเขา้ ใจร่วมกัน เพ่ือใหผ้ ู้พบเห็นภาพสัญลักษณร์ ู้

และเขา้ ใจไดท้ นั ท ี โดยไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งเขยี นขอ้ ความอธบิ าย

๕) เครื่องหมายแสดงกิจกรรม เป็น

สัญลักษณ์ท่ีแสดงให้เห็นว่าขณะที่เราก�าลังอยู่หรือก�าลัง

เดินทางผ่านมีกิจกรรมอะไร ซึ่งอาจจะต้องระมัดระวัง

อันตราย หรือเขา้ ร่วมเขา้ ชมกจิ กรรมน้นั ๆ เช่น การเลน่

กีฬา การก่อสร้าง ก�าลังประชุม เป็นต้น ให้ผู้พบเห็น

ได้เข้าใจร่วมกันและปฏิบัติตน หรือด�าเนินการใดๆ ได้อย่างเหมาะสม เช่น เห็นสัญลักษณ์ก�าลังมีการปรับปรุง

ทางบนรมิ ถนน จะได้หลีกเลย่ี งไม่ใชท้ างนนั้ หรือใชท้ างนัน้ ด้วยความระมัดระวังเพิ่มขึ้น เปน็ ตน้

๒.๓ แนวทางการออกแบบสัญลักษณ

การออกแบบสญั ลกั ษณ เรม่ิ ตน้ จากการทา� ความเขา้ ใจวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ทตี่ อ้ งการสอ่ื ความหมายใหเ้ ขา้ ใจ

รว่ มกัน แลว้ แปรออกมาเป็นแบบสญั ลกั ษณ์ท่สี มบรู ณ์ เม่ือทกุ คนดแู ลว้ เกิดความเข้าใจได้ตรงกนั

รูปร่าง รูปทรงที่แสดงเน้ือหาในสัญลักษณ์ส่วนมากจะใช้เค้าโครงจากส่ิงท่ีต้องการส่ือความหมาย เช่น

เครื่องหมายการกีฬาต่างๆ ก็ใช้อุปกรณ์การเล่นกีฬาน้ัน

สญั ลกั ษณ์ใหร้ ะวงั อันตรายก็ใชร้ ปู หัวกะโหลก สัญลกั ษณ์

ให้ระวงั การเปยี กน้�าก็ใชร้ ปู ร่มกางกันฝน เป็นตน้

การออกแบบสัญลักษณ์ นิยมใช้รูปทรงท่ีดู

เรยี บงา่ ย ใชส้ ที เ่ี หน็ เดน่ ชดั สอื่ ความหมายไดท้ นั ท ี รปู แบบ

พ้ืนฐานท่ีมักจะน�ามาใช้ในการออกแบบสัญลักษณ์ม ี

๓ รูปแบบ คอื

๘๖

บรู ณาการอาเซยี น ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
การศึกษาเกย่ี วกับการออกแบบสญั ลักษณส ามารถบูรณาการอาเซียนในเรือ่ ง
การออกแบบธงชาตอิ าเซยี น โดยครูควรนําตัวอยา งภาพธงชาตอิ าเซียนมาให การออกแบบสัญลักษณ ผอู อกแบบควรคาํ นงึ ถึงสิง่ ใดมากท่สี ดุ
นักเรยี นดู แลว ใหน กั เรียนรว มกนั พจิ ารณาถึงภาพสัญลักษณท ่ีนาํ มาใชอ อกแบบวา 1. ความสวยงามของสัญลักษณ
มีความหมายและสามารถสื่อสารใหท ุกคนเกิดความเขา ใจรว มกันไดอ ยางไร 2. ความโดดเดนและนา สนใจ
โดยธงชาตอิ าเซียนจะใชภ าพสัญลกั ษณ คือ ตนขาวสีเหลือง 10 ตน มัดรวมกนั ไว 3. เหมาะสมกับยุคสมยั
หมายถงึ การรวมกนั ของประเทศสมาชกิ เพอ่ื มติ รภาพและความเปน นา้ํ หนง่ึ ใจเดยี วกนั 4. การสอ่ื ความหมาย

• สีนาํ้ เงิน หมายถงึ สันตภิ าพและความมั่นคง วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เน่อื งจากเปา หมายหลกั ของการสรา ง
• สแี ดง หมายถึง ความกลา หาญและความกาวหนา
• สีขาว หมายถึง ความบริสทุ ธ์ิ สัญลกั ษณต างๆ น้ัน เพอ่ื การสอ่ื สารความหมายใหม นุษยเขาใจรว มกนั
• สีเหลอื ง หมายถงึ ความเจริญรุงเรือง ปฏบิ ัตริ วมกันไดอยา งถกู ตอ ง ดังนน้ั ในการออกแบบสญั ลกั ษณผอู อกแบบ
ควรคาํ นงึ ถงึ การสื่อความหมายของสญั ลักษณม ากทสี่ ุด โดยสญั ลกั ษณน นั้
ตองสามารถสอ่ื ความหมายไดอยางชดั เจนใหผูที่พบเหน็ ไดเ ขา ใจตรงกัน

86 คู่มือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

๑) รปู แบบจากธรรมชาติ เชน่ คน สตั ว ์ พชื สิ่งของ ครสู ุม ตัวอยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหต อบคําถาม
ตอไปน้ี
ตา่ งๆ เปน็ ตน้ ที่น�ามาดัดแปลงให้เป็นรูปแบบทดี่ ูง่ายขน้ึ
• สัญลักษณมีกป่ี ระเภท อะไรบา ง
๒) รปู แบบเรขาคณติ เชน่ วงกลม สามเหลย่ี ม สเี่ หลยี่ ม (แนวตอบ สญั ลักษณมี 5 ประเภท ไดแ ก
• เครื่องหมายจราจร
เป็นต้น ท่ีผู้ออกแบบน�ามาดัดแปลง หรือจัดองค์ประกอบให้เป็น • เครือ่ งหมายของสถาบัน สมาคม มลู นธิ ิ
สญั ลกั ษณ์ทสี่ ่ือความหมายตามทตี่ อ้ งการ หรอื กลุมกจิ กรรมตา งๆ ในสงั คม
• เครอ่ื งหมายบริษัท
๓) รูปแบบตัวอักษรและตัวเลข สัญลักษณ์จ�านวน • เครื่องหมายสถานท่ี
• เครื่องหมายแสดงกิจกรรมตา งๆ)
ไม่น้อยท่ีใช้ตัวอักษรหรือตัวเลขมาออกแบบให้เกิดเป็นรูปทรงใหม ่
โดยไม่มีรูปแบบจากธรรมชาติ หรือรูปแบบเรขาคณิตที่เก่ียวข้อง • รปู แบบพืน้ ฐานท่ีนยิ มนํามาใชในการ
กส็ ามารถทา� ไดอ้ ยา่ งสวยงามและสอ่ื ความหมายไดส้ มบูรณ์เช่นกัน ออกแบบสัญลกั ษณมีก่รี ูปแบบ อะไรบาง
(แนวตอบ มี 3 รูปแบบ คือ รูปแบบจาก
๒.๔ แนวทางปฏบิ ตั ิอยา่ งง่ายในการออกแบบสัญลกั ษณ ธรรมชาติ เชน คน สัตว พชื เปนตน
รูปแบบเรขาคณิต เชน วงกลม สามเหลยี่ ม
๑. น�าส่ิงท่ีเป็นต้นแบบมาดัดแปลงและตัดทอนรายละเอียดสร้างรูปแบบใหม่ให้ดูเรียบง่าย สามารถสื่อ สเ่ี หลีย่ ม เปน ตน และรปู แบบตัวอกั ษร
ความหมายไดต้ รงตามวัตถุประสงคท์ ต่ี ้องการ และตัวเลข)
๒. การดดั แปลงรูปแบบใหเ้ รียบง่ายนั้น ตอ้ งคงไว้ซึ่งโครงสร้างของตน้ แบบในสว่ นท่สี า� คัญ
๓. การใช้สีในสญั ลกั ษณ์ไม่ควรใชเ้ กนิ ๓ สี • สง่ิ สาํ คญั ของการออกแบบสญั ลกั ษณค อื อะไร
(แนวตอบ การกาํ หนดแนวคดิ ในการออกแบบ
๒.๕ วธิ ีการออกแบบสญั ลักษณ สญั ลกั ษณเ ปน ส่ิงสําคัญอนั ดบั แรก
๑) เลือกแนวคดิ การก�าหนดแนวคดิ ในการออกแบบสัญลกั ษณเ์ ป็นสง่ิ ส�าคญั อนั ดับแรก โดยมีประเดน็ โดยควรคํานึงถงึ จุดมงุ หมายในการออกแบบ
สญั ลักษณ ประเภทของสัญลักษณ
ค�าถามเพ่ือหาค�าตอบใหไ้ ด ้ ดังน้ี และรปู แบบการนําเสนอ)
๑. จดุ มุ่งหมายในการออกแบบสญั ลักษณ์
๒. ประเภทของสญั ลักษณ์
๓. จะน�าเสนอสงิ่ ใด

๒) ร่างรปู แบบ

๑. คดิ รปู ร่างทีจ่ ะน�ามาใชใ้ นการออกแบบ
๒. ร่างภาพลงในรปู รา่ งท่ีเลอื ก เช่น ออกแบบตวั อักษร ตัว “V” และ “Z”
๓. ลงสี

กจิ กรรม ศิลป์ปฏบิ ัติ ๗.๑

กิจกรรมท่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนออกแบบรปู ภาพเป็นสง่ิ ใดก็ได้ ๑ ชิ้น ครูผู้สอนคัดเลือกผลงานท่จี ดั ท�าได้ด ี
๑๐ ช้ิน นา� ไปตดิ แสดงที่ปา ยนิเทศ

กจิ กรรมที่ ๒ นักเรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ ๓ คน ใหอ้ อกแบบสัญลกั ษณต์ ามทคี่ รผู สู้ อนกา� หนด ๑ ช้นิ โดยให้
อธบิ ายแนวคดิ และความหมายท่ีปรากฏอยู่ในสัญลกั ษณด์ ้วย

๘๗

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู

สญั ลกั ษณม ีความเกี่ยวขอ งกบั กติกาของสังคมในเรอื่ งใด ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั ประโยชนของสัญลักษณวา มปี ระโยชน ดังตอไปน้ี
1. ทาํ ใหผ พู บเห็นเขาใจไดต รงกนั 1. สามารถใชสื่อสารขอมลู ขา วสารในชวงเวลาทีส่ นั้ ทั้งน้เี น่อื งจากมคี วามชดั เจน
2. มีการออกแบบซับซอ นเขาใจยาก
3. รปู แบบแตกตางจากธรรมชาติ มากกวาใชขอความ
4. มคี าํ บรรยายประกอบภาพ 2. ใชพ ้ืนทีน่ อ ยกวาการใชขอความหรอื วลี ขนาดของสญั ลักษณสามารถยอ

วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. สญั ลักษณท ่นี กั ออกแบบไดออกแบบขึ้นมา หรอื ขยายไดตามขนาดที่ตอ งการ
3. สญั ลักษณมกี ารนาํ ไปใชอ ยางสากล ท้งั นี้เน่อื งจากสามารถทีจ่ ะสอื่ ความหมาย
มีจดุ หมายเพอ่ื ใหค นในสงั คมเขา ใจรว มกัน เพื่อการปฏบิ ัตริ วมกนั สราง
ความเปนระเบยี บเรียบรอ ย และสรางความเปน อนั เปน อันหนึง่ อันเดียวกัน ใหผ มู าเยอื นที่ไมเขาใจภาษาทอ งถนิ่ เขา ใจได
ในสังคม เชน เครื่องหมายการจราจร ทดี่ แู ลวผคู นโดยทัว่ ไปในสงั คม 4. สัญลักษณสามารถถา ยทอดวัตถปุ ระสงคไ ดสองทาง ท้ังทางอนญุ าต
ไมวาจะเปน เพศ วัย เชื้อชาติใด สามารถเขา ใจไดต รงกนั วาหมายถึงอะไร
และไมอ นุญาต เชน ถาคาดพืน้ เปนเสน ตรงจากมมุ ซา ยบนไปยงั มมุ ขวาลาง
สัญลกั ษณนั้นก็จะหมายถึงหามทาํ กจิ กรรมนนั้ ๆ

คูม่ ือครู 87

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล

Engage Explore Explain Expand Evaluate

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครูใหนกั เรียนดหู นาปกหนงั สือเรียน ทัศนศลิ ป ó. ¡ÒÃÍ͡Ẻ§Ò¹¡ÃÒฟ¡ิ
ม.1 แลว ถามนักเรยี นวา
การดา� เนนิ ชีวิตในแต่ละวัน เราจะตอ้ งสัมผสั และพบเห็นสิ่งตา่ งๆ ผ่านเขา้ มามากมาย ศลิ ปะทางสิ่งพิมพ ์
• นกั เรยี นรูสกึ อยา งไรกับภาพหนา ปก
• นกั เรยี นคดิ วา ภาพหนา ปกตอ งการสอื่ ถงึ สงิ่ ใด (Graphic Art) เป็นอีกส่ิงหนึ่งท่ีเข้ามาเก่ียวข้องกับชีวิตของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก เม่ือเรามองเห็นสิ่งพิมพ์ช้ินใด
• นักเรียนคิดวา ภาพหนา ปกเปน การออกแบบ
ชิน้ หน่ึงเปน็ ครั้งแรก แลว้ เกิดความประทบั ใจ หรอื เกิดความสนใจนัน้ ก็เกิดจากความงามทางศิลปะของสิ่งพมิ พ์ท่ีได้
กราฟก ใชห รือไม
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยา งอสิ ระ) รับการออกแบบมาแล้ว ผลงานทางศิลปะเก่ียวกับส่ิงพิมพ์ที่มีความสมบูรณ์นั้นจะต้องเริ่มจากการสร้างแนวคิดและ

ร่างแนวคิดออกมาเป็นภาพ หรือเป็นตัวอักษรต่างๆ พร้อมทั้งออกแบบการจัดวางให้ถูกต้องตามหลักการออกแบบ

สา� รวจคน้ หา Explore ทางศิลปะ เพ่อื ใหเ้ กิดการลงตวั อย่างสรา้ งสรรค์ สามารถน�าไปใชป้ ระโยชน์ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์
๓.๑ ความหมายของกราฟกิ

ครขู ออาสาสมคั รนกั เรยี น 4 กลมุ กลมุ ละ 3 คน คา� วา่ กราฟกิ (Graphic) ตรงกบั คา� วา่ “สง่ิ พมิ พ”์
ใหแตละกลุมไปศกึ ษาคนควา เก่ยี วกบั การออกแบบ
งานกราฟก จากแหลง เรยี นรตู า งๆ เชน หนงั สอื เรยี น หมายถึง งานท่ีรวบรวมกระบวนการพิมพ์ทุกแขนง
หอ งสมุด อินเทอรเ นต็ เปน ตน ตามหวั ขอทคี่ รู
กําหนดให ดังนี้ ทงั้ ทเี่ ปน็ การพมิ พข์ องสอ่ื สง่ิ พมิ พท์ ่ีใชใ้ นดา้ นการพาณชิ ย ์

กลุมท่ี 1 ความหมายของกราฟก และยงั รวมถงึ การพมิ พ์ทางดา้ นวิจิตรศลิ ป ์ และการพมิ พ์
กลมุ ท่ี 2 ความสําคญั ของการออกแบบกราฟก
ที่ใช้ในการผลติ หนงั สือ และผลงานศิลปะต่างๆ
เบ้ืองตน
กลุมท่ี 3 สวนประกอบการออกแบบกราฟก การออกแบบงานกราฟิก เป็นการออกแบบ

เบอ้ื งตน เพ่ือการเผยแพร่ ชักชวน เรียกร้อง หรือเสนอแนวคิด
กลมุ ท่ี 4 การออกแบบกราฟก ดว ยคอมพวิ เตอร
ต่างๆ เป็นการออกแบบในลักษณะของหนังสือ สื่อ

ตัวอยา่ งการออกแบบงานกราฟิกโฆษณาของการบินไทย โฆษณา เครือ่ งหมาย สญั ลกั ษณ์ บรรจภุ ัณฑ ์ ซ่งึ เปน็ งาน
ออกแบบเกีย่ วกบั การพิมพต์ ่างๆ ในลักษณะของสิ่งพมิ พ ์

และในปจั จบุ นั วิทยาการทางดา้ นเทคโนโลยี มคี วามก้าวหน้าไปถงึ การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร ์ หรอื คอมพวิ เตอร์

อธบิ ายความรู้ กราฟิกดว้ ย

Explain จากความหมายของการออกแบบกราฟิก หรือการออกแบบสิ่งพิมพ์ จึงรวมถึงการออกแบบตัวอักษร

ใหน กั เรยี นกลมุ ท่ี 1 สงตวั แทนออกมาอธบิ าย เครอ่ื งหมาย สญั ลกั ษณ ์ รปู ภาพ และสงิ่ พมิ พต์ า่ งๆ อกี หลายประเภท เมอ่ื ผลงานการออกแบบผา่ นกระบวนการพมิ พ์
ความหมายของกราฟก หนา ชัน้ เรยี น ครคู อยเสริม
เพิ่มเตมิ ขอ มูล จากนั้นครถู ามนักเรยี นวา เกดิ เปน็ สิ่งพิมพ์ เรยี กว่า “การออกแบบงานกราฟิก” สงิ่ ท่ีควรคา� นึงสา� หรับผู้ออกแบบ คือ ผู้ออกแบบจะต้องมีทกั ษะ

• การออกแบบงานกราฟกเปน การออกแบบ ในการท�างาน มีแนวคดิ ทท่ี ันสมยั และก้าวหน้า มีความร ู้ ประสบการณ ์ รวมทัง้ เทคนคิ ตา่ งๆ ในการท�างาน
ลักษณะใด ๓.๒ ความสาํ คญั ของการออกแบบกราฟกิ เบื้องตน้
(แนวตอบ การออกแบบงานกราฟก เปน การ
ออกแบบเพอ่ื การเผยแพร ชกั ชวน เรยี กรอ ง การออกแบบกราฟิกเพื่อการผลิตสื่อที่เป็นสิ่งพิมพ์ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการรับรู้ การสื่อสาร
หรือเสนอแนวคดิ ตางๆ เปนการออกแบบใน
ลกั ษณะของหนังสือ สื่อโฆษณา เคร่อื งหมาย ของมนุษย์ ในการส่ือความหมาย การเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้สึกนึกคิดด้วยลายเส้น สี ภาพวาด และตัวอักษร
สญั ลักษณ สิง่ สําคญั ของการออกแบบงาน
กราฟก คือ ผูออกแบบจะตองมที กั ษะในการ มคี วามสา� คญั ท่ีพอจะสรปุ ได ้ ดังนี้
ทาํ งาน มีแนวคดิ ที่ทนั สมยั และกาวหนา) ๑) เปน็ สญั ลักษณของข้อตกลงในสังคม เชน่ เครือ่ งหมายจราจร รปู สญั ลกั ษณ์แสดงขอ้ หา้ มตา่ งๆ

เป็นต้น เพอ่ื ให้ผู้พบเห็นสามารถรบั ร้เู ข้าใจและปฏิบตั ิไดถ้ ูกต้องตามกติกาของสงั คมน้ันๆ

๘๘

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE

ครอู าจตดิ ตอ เชิญวิทยากร หรอื นกั เรียนทม่ี ีทักษะและประสบการณใ นเรอ่ื ง การออกแบบงานกราฟกมวี ัตถปุ ระสงคห ลักเพื่ออะไร
การใชค อมพิวเตอรใ นการออกแบบผลงานกราฟก มาสาธิตวิธีการสรา งสรรค แนวตอบ การออกแบบงานกราฟกมวี ตั ถปุ ระสงคห ลกั เพ่อื ใหผลงาน
ผลงานกราฟกในรปู แบบตา งๆ หรือครอู าจใหนักเรยี นหาผลงานทสี่ รา งสรรคข ้นึ จาก มคี วามสวยงาม สะดดุ ตา มคี วามแปลกใหม ชวยดงึ ดูดความสนใจ
คอมพิวเตอรก ราฟก จากเว็บไซตตา งๆ รวมถึงงานโบชัวร แผนพับโฆษณา จากน้ัน ทางสายตาของผูพบเห็น ขณะเดียวกันกย็ งั มงุ หวงั ท่จี ะชว ยสงเสรมิ ในเร่อื ง
นําภาพและขอมูลมาอภปิ รายรวมกนั วา การออกแบบงานกราฟก มคี วามสาํ คัญ การรบั รู คือ สามารถทาํ ความเขา ใจในเร่ืองราวทจ่ี ะบอก หรือสือ่ สารได
ตอสงั คมในยุคปจ จบุ นั อยางไร อยา งงา ยๆ หรือทาํ เรอื่ งยากใหสามารถเขาใจไดง า ย

88 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

๒) ช่วยเสริมสร้างจุดเด่น จุดสนใจของ ใหน กั เรยี นกลมุ ท่ี 1 และกลมุ ที่ 2 สงตวั แทน
ออกมาอธิบายเกี่ยวกับความสาํ คัญของการ
ข่าวสารข้อมูล เชน่ การพาดหวั ข่าวในหนงั สือพิมพ ์ ดว้ ย ออกแบบกราฟกและสวนประกอบของการ
ออกแบบกราฟกเบอื้ งตน หนา ชน้ั เรียน ครคู อย
ตัวหนงั สอื ท่ีมขี นาดใหญ ่ หรอื ในหนงั สือประเภทตา่ งๆ ท่ี เสรมิ เพิ่มเติมขอมูล จากน้นั ครถู ามนักเรียนวา

มกี ารจดั รปู แบบตวั อกั ษรประกอบรปู ภาพอยา่ งเหมาะสม • งานกราฟก มคี วามสัมพนั ธก ับสังคมปจจบุ ัน
อยางไร
มสี ีสันสะดุดตา สรา้ งความนา่ สนใจใหแ้ กผ่ พู้ บเห็น ช่วย (แนวตอบ ในปจจบุ ันโลกไดววิ ฒั นาการไป
อยางรวดเรว็ มกี ารใชร ะบบการตดิ ตอ ส่อื สาร
ท�าให้การส่ือสารเกิดความชัดเจนมากขึ้น ท�าให้ผู้อ่าน ทม่ี ีประสทิ ธิภาพมากขน้ึ มีการกระจาย
ขอ มลู ไปอยางรวดเรว็ โดยอาจจะเปน การ
เกดิ ความสนใจที่จะอา่ นเนื้อหาข้างใน เป็นต้น กระจายขอ มูลจากท่ีหนึ่งไปยังอีกทีห่ น่ึง
ซง่ึ การเขา ใจความหมายรวมกันเปนเร่ืองท่ีไม
๓) ช่วยทําให้ธุรกิจส่ือส่ิงพิมพขยายตัว งา ยนัก เน่ืองจากความแตกตางกัน
ทง้ั ทางดานสงั คม วฒั นธรรม ความเช่อื
ปจั จบุ นั มหี นว่ ยงาน บรษิ ทั เอกชน บคุ คลทม่ี อี าชพี รบั จา้ ง ดงั นัน้ การใชงานกราฟกทีด่ ี สามารถสอื่
ความหมายไดช ดั เจนถกู ตอ ง จะชวยให
สร้างสรรค์ผลงานการออกแบบกราฟิกในลักษณะต่างๆ มนษุ ยส ามารถสื่อสารและเขาใจกันได
ทําใหเกดิ จินตนาการรวมกนั )
เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบโฆษณาทาง
• นักเรียนคิดวา งานกราฟก ทดี่ คี วรเปน
โทรทัศน์ นิตยสาร โปสเตอร์ ตลอดจนในส่ิงพิมพ์อ่ืนๆ อยา งไร
(แนวตอบ งานกราฟก ทด่ี จี ะทาํ ใหเ ห็นถึง
ทา� ให้เกดิ ธรุ กจิ ทเ่ี กี่ยวเนือ่ งตดิ ตามมาอีกมาก เป็นต้น การออกแบบงานกราฟิก ช่วยทาํ ใหส้ ่ิงพมิ พม์ ีความสวยงาม นา่ สนใจ ความคิดในการออกแบบทเี่ ปนเลิศ มอี ทิ ธพิ ล
มากข้ึน โดยตรงทจ่ี ะโนม นาวผูรับขอ มลู ใหเ กดิ
๓.๓ สว่ นประกอบการออกแบบกราฟกิ ความสนใจ เกดิ การยอมรับ ในขณะเดียวกนั
เบอ้ื งต้น ยังเปน สอื่ กลางในการส่อื ความหมายให
เกิดการเขาใจตรงกนั สามารถทาํ หนาท่ีเปน
ส่วนประกอบส�าคญั ในงานออกแบบงานกราฟกิ หรอื สื่อส่ิงพิมพ์เบ้ืองตน้ ทีจ่ า� เปน็ ประกอบด้วยตัวอกั ษร สอื่ เพื่อใหเ กดิ การเรียนรู เกิดการศกึ ษา
กับกลุมเปา หมายได ชว ยใหง านเกิด
และภาพทีน่ า� มาประกอบ ซง่ึ เป็นส่วนทต่ี ้องใช้ในการออกแบบจดั วางใหม้ คี วามสมบรู ณ์ลงตวั ในด้านความงาม และ ความนา สนใจ ประทบั ใจแกผ ูพ บเห็น
ชวยใหเกิดการกระตุนทางความคิดและ
สามารถสรา้ งความเข้าใจให้กับผพู้ บเห็นไดช้ ัดเจนมากยงิ่ ข้นึ การตดั สนิ ใจไดอ ยางรวดเรว็ )

๑) ตวั อกั ษร ตวั อกั ษรหรอื ตวั พมิ พต์ อ้ งเลอื ก

หรือออกแบบให้ดึงดูดสายตา ในส่วนท่ีต้องการให้เด่น

ควรใช้ขนาด (Font) ที่ใหญ่ มีสีสันสะดุดตา และใช้

ตวั ขนาดใหญ่ที่รองลงมาในสว่ นหัวขอ้ ยอ่ ย และใช้ขนาด

เลก็ ในสว่ นทตี่ ้องการบรรยายเน้ือหา หรือรายละเอยี ด

๒) ภาพประกอบ ควรเป็นภาพท่ีชัดเจน

สวยงามและสะดุดตา เพ่ือช่วยอธิบายเนื้อหาให้มี

ความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นภาพ

ประกอบท่ีดียังช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อีกด้วย

โดยภาพประกอบอาจเปน็ ภาพถา่ ย หรอื ภาพวาด รวมทงั้

ภาพท่ีได้จากการสบื คน้ ทางอินเทอร์เนต็

คอมพิวเตอร์ช่วยทําให้การออกแบบจัดหน้าเอกสารมีความสะดวก
รวดเรว็ และสวยงาม

๘9

แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู

เพราะเหตุใด ผูคนท่ัวไปจงึ มกั เขา ใจวา งานออกแบบกราฟกคอื งาน ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เก่ยี วกบั ขอดขี องการใชคอมพิวเตอรช วยออกแบบ มดี งั น้ี
ที่สรางสรรคดวยเคร่อื งคอมพวิ เตอร 1. การออกแบบทําไดอ ยางรวดเร็ว เนือ่ งจากการปอนขอ มลู ทาํ ไดง าย
แนวตอบ คําวา “กราฟก ” ในทางศลิ ปะหมายถงึ การนําเสนอตวั อกั ษร 2. ผูใชสามารถมองเหน็ งานทอี่ อกแบบไดโ ดยไมต องสรางตน แบบจรงิ ทําให
ขอ ความตางๆ เพอ่ื ส่ือความหมายใหเ ขาใจ อาจมีการผา นกระบวนการพมิ พ
เปนส่ิงพิมพ ไมไ ดหมายความวา ตองสรางงานดว ยคอมพวิ เตอร ประหยัดเวลาและคาใชจ า ย
สวนการสรา งงานโดยใชคอมพวิ เตอรเ ปน เครอื่ งมอื ในการสรางงานกราฟก 3. ลดจํานวนการสรา งตน แบบเพ่อื การทดสอบลง เนื่องจากผใู ชส ามารถจาํ ลอง
เปรียบเสมอื นปากกา ดินสอ พกู ัน จะเรยี กงานลกั ษณะน้ันวา “คอมพวิ เตอร
กราฟก ” สภาวะการทํางานตางๆ เพื่อการทดสอบชน้ิ งานได
4. ชวยใหสามารถออกแบบงานที่มีความซับซอนสูงมาก ซงึ่ มนษุ ยไ มสามารถ
เหตุผลทท่ี ําใหผ ูคนสวนใหญมกั เขา ใจวา การออกแบบกราฟก
คือ การออกแบบโดยใชเครื่องคอมพวิ เตอร เนือ่ งจากการใชคอมพวิ เตอร ทําไดโดยปราศจากคอมพวิ เตอร
เขามาชว ยจะทาํ ใหออกแบบไดร วดเรว็ มคี วามแปลกตา สามารถปรับเปลย่ี น
การออกแบบไดงายๆ รวมทง้ั ผลงานทเ่ี สร็จเรียบรอยยังดูนา สนใจ ทําให คมู่ ือครู 89
การออกแบบที่ไมใชเ ทคโนโลยสี มัยใหมแ ทบจะไมมใี หเ ห็น

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล

Engage Explore Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

ใหนกั เรียนกลุมท่ี 3 สง ตัวแทนออกมาอธิบาย ๓.๔ การออกแบบกราฟิกดว้ ยคอมพวิ เตอร
เก่ียวกับการออกแบบกราฟกดวยคอมพวิ เตอร
หนา ชนั้ เรยี น ครคู อยเสรมิ เพ่ิมเตมิ ขอ มูล จากน้นั ในปัจจุบันบทบาทของการออกแบบกราฟิกตามวัตถุประสงค์ต่างๆ มีความก้าวหน้าและพัฒนาไปได้ไกล
ครถู ามนกั เรียนวา มาก มรี ะบบการพมิ พ์โดยใชเ้ ทคนคิ ทมี่ ศี กั ยภาพสงู ซงึ่ จะทา� ใหผ้ ลงานออกมามคี วามประณตี และสามารถสรา้ งสรรค์
รูปแบบอย่างไร้ขดี จ�ากดั เชน่ การพมิ พร์ ะบบออฟเซท โดยใช้เคร่อื งจักร การพมิ พ์ซลิ ก์สกรีน การพิมพแ์ บบองิ ค์เจต็
• คอมพวิ เตอรมคี วามสาํ คญั ตอ การออกแบบ เปน็ ตน้ ซงึ่ ลว้ นเปน็ เทคนคิ ทมี่ ขี น้ั ตอนสลบั ซบั ซอ้ น แต่ในระดบั ชนั้ นผี้ เู้ รยี นควรไดเ้ รยี นรเู้ กยี่ วกบั การใช ้ “คอมพวิ เตอร”์
งานกราฟกอยางไร เป็นพื้นฐานในการออกแบบกราฟิก เน่ืองจากคอมพิวเตอร์เป็นเคร่ืองมือทางเทคโนโลยีท่ีสามารถพบเห็นได้
(แนวตอบ การสรางงานดา นศิลปะนับเปน ในชีวติ ประจ�าวนั และเปน็ เครือ่ งมอื ซึง่ บคุ คลทกุ เพศทุกวัยสามารถเรียนรูอ้ ยา่ งง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง
สง่ิ สําคญั ศิลปนสามารถใชส ่อื ตางๆ ในการ
ถายทอดจินตนาการ อารมณ ความรสู กึ ตวั อย่างโปรแกรม Photoshop ทใ่ี ช้ในการสร้างภาพ ตัวอย่างโปรแกรมลายเสน้ สาํ หรบั ใชใ้ นการออกแบบ
สผู ชู มงานศลิ ปะ ซึ่งคอมพวิ เตอรนบั เปน
อุปกรณท่ีมีประสิทธิภาพในการสรางภาพ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หรือเคร่ืองมือส�าคัญของการท�างานประเภทต่างๆ ในโลกปัจจุบัน รวมทั้งการ
กราฟก เพ่อื สื่อความหมาย เน่ืองจากมี ออกแบบสื่อส่ิงพิมพ์ด้วย การน�าคอมพิวเตอร์มาใช้นั้นต้องรู้จักการเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับประเภทของงาน
ความยืดหยนุ ในการนําเสนอไดม าก การสรา ง มาติดตั้งใส่ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะงานออกแบบกราฟิก นักออกแบบจะต้องเลือกโปรแกรมการท�างาน
งานศลิ ปะดวยคอมพวิ เตอรอาจทาํ ไดต้ังแต ที่ช่วยให้งานด�าเนินไปได้รวดเร็ว สวยงาม ประณีต และสามารถเก็บข้อมูลเดิม เพื่อเรียกกลับมาแก้ไข ปรับปรุง
การวาดภาพโดยใชโปรแกรมวาดภาพท่ีมี หรือเพ่ิมเติมได้ทุกคร้ังที่ต้องการ นอกจากน้ี ต้องมีความเข้าใจเก่ียวกับหลักของการออกแบบมาประยุกต์ใช้ให้เกิด
เคร่ืองมือใหสามารถใชเ มาสแทนการใชพูกัน ความสวยงามทางศลิ ปะ และนา� ไปสูผ่ ลงานการออกแบบท่สี ามารถส่อื สารได้ตามวตั ถุประสงค ์ การนา� คอมพวิ เตอร์
และสี ในบางโปรแกรมสามารถปรับความ มาใชใ้ นการออกแบบกราฟกิ ตอ้ งคา� นงึ ถงึ สว่ นสา� คญั ดังน้ี
หนกั -เบาของเสน มาชว ยทาํ ใหการวาดภาพ
เปนธรรมชาตขิ ้ึน บางโปรแกรมสามารถปรับ ๑) โปรแกรมสรา้ งกราฟกิ หมายถงึ โป1รแกรม หรอื ซอฟตแ์ วรส์ �าเรจ็ รปู ทมี่ หี ลายประเภท เชน่ โปรแกรม
แตงภาพถายมาเปน ภาพวาดสนี ํ้า สีน้าํ มนั
หรือแบบอ่นื ๆ ได และยงั รวมความสามารถ Photoshop โปรแกรม Illustrator โปรแกรม Paint เปน็ ต้น
ในการเลอื กพื้นผวิ สาํ หรับวาดภาพดวย)
๒) วิธีสร้างภาพ เป็นวิธีที่ผู้ออกแบบน�าภาพจากแหล่งต่างๆ เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพสไลด ์
• การท่ีจะออกแบบงานกราฟกดว ย
คอมพวิ เตอรไดดนี ัน้ ตองมคี วามรคู วาม ภาพจากกล้องถ่ายภาพดิจิทัล ภาพท่ีมีการถ่ายโอนข้อมูล (Download) จากเว็บไซต์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว
เขา ใจในเรื่องใดบา ง มาปรบั ใช ้ หรอื ประกอบกนั เกดิ เปน็ รปู แบบใหม ่ หรอื ใชโ้ ปรแกรมสรา้ งและตกแตง่ ภาพทา� ใหเ้ กดิ เปน็ ผลงานใหม ่ เปน็ ตน้
(แนวตอบ การออกแบบงานกราฟก ดวย
คอมพิวเตอรใหไดดนี ้ัน ผูออกแบบตองสราง ๓) แบบตวั อักษร ในคอมพวิ เตอร์จะมีโปรแกรมเก่ียวกับตัวอักษรตดิ ต้ังไว้อยู่แล้ว ซึง่ จะมแี บบตวั อกั ษร
และจัดการกบั ภาพกราฟก โดยใชคอมพิวเตอร
ซึง่ ในปจ จุบนั มีการใชภาพกราฟก กับงาน หลายรูปแบบ ตลอดจนปรับเลือกขนาดได้ตามต้องการ ดังนั้น ผู้ออกแบบจะตอ้ งเลอื กใชล้ ักษณะตวั อกั ษร และขนาด
ส่อื สิ่งพมิ พหลายๆ ประเภท ซ่ึงสิ่งสําคัญ ตวั อกั ษรใหเ้ หมาะสมกับงานทส่ี ร้างสรรค์
ทจี่ ะทาํ ใหการออกแบบงานกราฟก ดว ย
คอมพวิ เตอรเ ปนไปอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพคอื 9๐
ผูอ อกแบบจะตองมคี วามเขาใจกบั ชนดิ ของ
ภาพในงานคอมพวิ เตอรก ราฟก และรปู แบบ
ของไฟลก ราฟกทีใ่ ชกับงานออกแบบส่ิงพิมพ)

นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 โปรแกรม Paint เปนโปรแกรมทจี่ ัดอยูใ นกลุม ของโปรแกรมวาดภาพ ซึ่งเปน
โปรแกรมทีส่ นบั สนนุ เพิ่มเติมของระบบปฏิบัตกิ ารวินโดวสท ุกรุน เปน โปรแกรม ขอใดเปน จดุ เดนที่ทําใหการออกแบบงานกราฟก ดว ยคอมพิวเตอร
สําหรับวาดภาพท่ที ําใหผ ใู ชสามารถวาดภาพงายๆ หรอื นาํ ภาพที่มีอยแู ลว ไดรับความนิยมทวั่ ไป
มาตกแตง ใหมใ หส วยงาม โดยใชเ ครอ่ื งมอื วาดและการระบายสตี างๆ ที่โปรแกรม
เตรยี มไวใ ห รวมทง้ั การวาดรปู ทรงเรขาคณติ ตา งๆ ภาพทว่ี าดหรอื ตกแตง เสรจ็ แลว แนวตอบ ปจจุบันผคู นสว นใหญน าํ คอมพวิ เตอรมาใชใ นการออกแบบ
สามารถนาํ ไปประกอบเอกสารอืน่ ๆ ได เชน Word Excel Power Point และยัง สรางสรรคงานกราฟก เนอ่ื งจากมคี วามสะดวก รวดเร็ว ใชง านงา ย
สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ ชก บั การสรา งงานศลิ ปะอนื่ ๆ ถอื ไดว า เปน โปรแกรมพนื้ ฐาน แกไ ขงานตามทตี่ องการไดงา ย มีความหลากหลายในการสรา งสรรคผลงาน
สาํ หรบั การวาดภาพ หรอื การออกแบบงานกราฟกบนคอมพวิ เตอรท ีผ่ ูเ ร่มิ ใช รวมทง้ั ผลงานทเ่ี สรจ็ เรียบรอยกม็ คี วามประณีต กลมกลืนกบั สภาพแวดลอม
คอมพวิ เตอรค วรจะศึกษาทําความเขาใจและฝก ใชง านใหเปนเบื้องตน และมีตน ทุนตํ่ากวาเมื่อใชใ นเชิงพาณิชย นอกจากนี้ ผทู ่มี ีทกั ษะทางดา น
วาดเขยี นรปู นอยก็สามารถสรา งสรรคผ ลงานใหม คี วามสวยงามได

90 ค่มู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

๓.๕ ประเภทของงานออกแบบกราฟกิ ใหนักเรยี นกลมุ ที่ 4 สงตัวแทนออกมาอธิบาย
เก่ยี วกับประเภทของการออกแบบงานกราฟก
งานออกแบบกราฟิก หรือออกแบบสิ่งพิมพ์ หนาช้นั เรยี น ครคู อยเสรมิ เพิ่มเติมขอ มูล จากนน้ั
ครถู ามนักเรียนวา
ท่ีต้องผ่านกระบวนการพิมพ์หลังจากการออกแบบ เป็น
• การออกแบบปกหนังสือมีความสาํ คัญ
ผลงานท่ีเราสามารถพบเหน็ ได้มากมายในชีวิตประจา� วัน อยา งไร
(แนวตอบ ปกหนา ของหนงั สอื เปน สว นทส่ี าํ คญั
ดงั นี้ ๑) การออกแบบปกหนังสอื 1 เชนเดยี วกันกบั หนา แรกของหนังสอื พิมพ
และปกหนาของนติ ยสาร โดยปกหนาจะตอ ง
หนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นเคร่ืองมือ ทําหนาทีด่ ึงดูดความสนใจของผูพบเหน็
ในขณะเดียวกนั ปกหนาของหนงั สอื ตอ งส่อื
ส่ือสารชนิดหน่ึงท่ีมีรูปแบบหลากหลาย ท้ังเนื้อหาและ ใหเห็นถงึ เนอ้ื เรือ่ งของหนงั สอื ดว ย)

การออกแบบปกหนังสือท่ีดีจะตอ้ งทําใหผ้ ูอ้ ่านเขา้ ใจว่า หนงั สอื เลม่ น้ี รูปเล่ม เช่น หนังสือแบบเรียน หนังสือท่ีให้ความรู้ • การออกแบบปกหนงั สอื ตองคํานงึ ถงึ
มีเนื้อเรอ่ื งเก่ียวกับอะไร หลกั การใดบา ง
ความบันเทิง นวนยิ าย นติ ยสาร วารสารต่างๆ เปน็ ตน้ (แนวตอบ การออกแบบปกหนงั สือตองคาํ นึง
ถึงความสอดคลอ งกับประเภทของหนงั สอื
ปกหนังสือเป็นส่วนส�าคัญของสื่อสิ่งพิมพ์ท่ีมีผลต่อการดึงดูดความสนใจเม่ือแรกเห็น ชวนให้หยิบจับ เสริมสรางลักษณะเดนของหนังสือ และตอง
สรางสรรค)
หนังสือ เพ่ือมาพิจารณาเน้ือหาภายในและตัดสินใจเลือกซ้ือหรือไม่ซื้อ ส่ิงท่ีปรากฏบนปกหนังสือนอกเหนือจาก

ชอื่ หนังสอื ชื่อผแู้ ต่ง ผูเ้ รยี บเรียง และผู้แปลแล้ว รปู ภาพทน่ี า� มาประกอบจะตอ้ งเก่ียวข้องกับเนื้อหาภายในเล่มดว้ ย

โดยหลักการเบอ้ื งตน้ ในการออกแบบปกหนงั สอื มีดงั นี้

๑.๑) สอดคล้องกับประเภทของหนังสือ หนังสือท่ีเราได้พบเห็นในปัจจุบันมีหลายประเภท แต่ละ

ประเภทมีลักษณะและวัตถุประสงค์เฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น หนังสือแบบเรียน หนังสืออ้างอิง หนังสือวิชาการ

หนงั สอื อา่ นเสรมิ ทกั ษะดา้ นตา่ งๆ ของนกั เรยี น หนงั สอื นทิ านสา� หรบั เดก็ หนงั สอื ภาพ หนงั สอื กฬี า หนงั สอื นวนยิ าย หนงั สอื

บนั เทงิ ตา่ งๆ เปน็ ตน้ การทหี่ นงั สอื มหี ลากหลายประเภท ทา� ใหแ้ นวทางในการออกแบบปกหนงั สอื จงึ ตอ้ งแตกตา่ งกนั ไป

เชน่ หนงั สอื วชิ าการ จะใชต้ วั อกั ษรและรปู ภาพทดี่ เู ปน็ ทางการ ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งแปลกตา การจดั วางองคป์ ระกอบจะตอ้ ง

จดั วางอย่างเป็นระเบยี บ รวมทง้ั การใช้สจี ะไม่เน้นสีฉูดฉาด เพื่อดึงดดู ความสนใจ ในขณะท่ีหนงั สอื ประเภทบันเทิง

หรอื นวนยิ ายจะใชแ้ นวทางในการออกแบบทมี่ อี สิ ระมากขนึ้

โดยเนน้ ความสวยงาม ความแปลก ความสะดดุ ตา เปน็ ตน้

๑.๒) เสริมสร้างลักษณะเด่นของหนังสือ

ในปจั จบุ นั ผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภค หรอื การบรกิ าร

ประเภทต่างๆ มีการแข่งขนั สูง เพ่ือเอาชนะค่แู ข่งในทาง

การค้า ดังนั้น จึงมีความจ�าเป็นต้องท�าให้สินค้าของตน

มีลักษณะเด่นให้มากทส่ี ุด

หนังสือก็เช่นเดียวกัน เพราะในปัจจุบันมี

หนังสือทมี่ เี นอ้ื หาประเภทเดียวกนั จ�านวนมาก การสรา้ ง ในการออกแบบปกหนังสอื จะต้องคาํ นงึ ถงึ ความเหมาะสม โดยการ
ลกั ษณะเดน่ ของหนงั สอื จงึ เปน็ เรอ่ื งสา� คญั ซง่ึ การออกแบบ เลือกใช้สีท่ีไม่ฉูดฉาดมากนัก และการวางตัวหนังสือ ชื่อเรื่องก็ต้อง
ปกหนงั สอื เปน็ อกี วธิ กี ารหนงึ่ ทจ่ี ะทา� ใหห้ นงั สอื เปน็ ทสี่ นใจ โดดเด่น สะดดุ ตา

91

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ใหน ักเรยี นนําหนังสอื ทตี่ นเองชนื่ ชอบ มาคนละ 1 เลม จากน้ันให 1 สอื่ ส่ิงพิมพต างๆ เชน หนงั สือ ปกหนงั สอื ปกรายงาน หนงั สือพิมพ
นกั เรียนเขียนอธิบายความประทับใจและจดุ เดนของแบบปกดังกลา ว โปสเตอร นามบัตร การด อวยพร หัวกระดาษจดหมาย แผนพบั แผน ปลวิ
แลวนําสง ครูผสู อน ใบโฆษณา เปน ตน

กิจกรรมทาทาย มุม IT

ใหน ักเรียนจดั ทาํ หนงั สอื คนละ 1 เลม โดยใหน ักเรยี นออกแบบปก นักเรียนสามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกับสิง่ พิมพแ ละการออกแบบส่อื สิง่ พมิ พ
จัดทํารูปเลมใหม ีความสวยงามและนา สนใจ ตามหลกั การท่ีนักเรียนได ไดที่ http://www.dra.go.th/download/Org_dra/Person_dra/CM260-54-
ศึกษามา Book2.pdf

คมู่ ือครู 91

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

ใหน ักเรียนรวมกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับ ทงั้ น้ีการออกแบบปกใหส้ วยงาม สะดุดตา นอกจากจะทา� ให้หนงั สอื มีลักษณะเดน่ แลว้ ยงั เปน็ การสง่ เสรมิ
การเลอื กแบบตัวอกั ษรและขนาดทจ่ี ะใชก บั คุณค่าทางความงามและความน่าเชือ่ ถอื ให้แก่ผจู้ ดั พมิ พ์ดว้ ย
ส่อื สิง่ พมิ พ จากนน้ั ใหนักเรยี นจดสาระสาํ คญั ลง
สมุดบันทึก ๑.๓) สร้างสรรคงานออกแบบ การออกแบบปกหนังสอื นน้ั มหี ลักส�าคญั อยู่ ๓ ประการ คือ หลกั การ
จดั องคป์ ระกอบศลิ ป ์ เพอื่ สรา้ งคณุ คา่ ทางความงาม หลกั การกา� หนดลักษณะของภาพบนปก และหลกั การกา� หนด
ตวั อักษร ซงึ่ ท้ัง ๓ ประการต้องน�ามาใช้ใหส้ อดคล้อง กลมกลืน และท่ีสา� คญั ตอ้ งเหมาะสมกับประเภทของหนังสอื
ทงั้ นี้ในการออกแบบปกหนงั สอื บางเลม่ จะมกี ารออกแบบทงั้ ปกนอกและปกหลงั พรอ้ มกนั ไปดว้ ย ซงึ่ ขนึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะ
และวัตถุประสงค์ของหนงั สือเลม่ ดงั กล่าว

เกร็ดศิลป 1

การเลอื กแบบตัวอกั ษรและขนาด

การเลือกแบบตัวอักษรและขนาดตัวอักษรท่ีจะใช้กับส่ือส่ิงพิมพ์ มีหลักใน
การเลอื กง่ายๆ ดงั น้ี
๑. เหมาะสมกับประเภทงาน โดยให้พิจารณาดูลักษณะงานว่าเป็นงาน
ประเภทใด หากเป็นเอกสารของหน่วยงานราชการ หรือเป็นงานวิชาการก็ใช้
ตัวอักษรทเี่ รียบง่าย ดแู ล้วนา่ เชื่อถอื ไมแ่ ปลกแหวกแนว มคี วามเรียบรอ้ ย
๒. เหมาะสมกับกลุ่มเปาหมาย ขนาดของตัวอักษรจะมีผลโดยตรงกับผลงาน
ดังน้ัน จึงต้องค�านึงว่า สื่อสิ่งพิมพ์นั้นกลุ่มเปาหมายที่เป็นหลักคือใคร ถ้าเป็น
วัยรุน่ อาจจะใช้ตัวอกั ษรทม่ี ีขนาดเลก็ ได ้ แต่ถ้ากลุ่มเปา หมายเปน็ ผใู้ หญว่ ัยท�างาน
ก็ควรใชต้ ัวอักษรทม่ี ีขนาดใหญ่
๓. ใช้แบบตัวอักษรท่ีอ่านง่าย แบบตัวอักษรในเคร่ืองคอมพิวเตอร์จะมี
หลายลักษณะ ท้ังชนิดตัวมีหัว ไม่มีหัว ตัวหนา ตัวบาง หรือบางแบบก็เป็น
ลักษณะลายมือเขียน ในการเลือกใช้ต้องพิจารณาให้เหมาะสม ค�านึงถึงความรู้
ความเรยี บรอ้ ยด้วย ถา้ ไม่แน่ใจใหใ้ ชแ้ บบอักษรทอี่ ่านงา่ ยและมหี ัว
๔. ไมค่ วรใชแ้ บบอกั ษรมากชดุ เพราะการใชแ้ บบตวั อกั ษรมากชดุ มาผสมผสาน
จะรบกวนการอ่าน อาจท�าให้ผลงานดูไม่น่าเช่ือถือ ดูแล้วไม่เป็นระเบียบ แม้จะ
ดงึ ดดู ความสนใจไดบ้ า้ ง แต่ก็จะมเี พยี งช่วงสัน้ ๆ
นอกจากนี้ ในการก�าหนดก็จะตอ้ งพิจารณาการเรียงลา� ดับให้เหมาะสม โดยใช้
ตวั อกั ษรขนาดใหญ่ในสว่ นทเ่ี ปน็ หวั ขอ้ ใหญส่ ดุ แลว้ ลดหลน่ั ขนาดลงมา สว่ นเนอ้ื หา
ก็ใช้แบบอักษรที่เป็นตวั พน้ื

92

เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกับแบบและขนาดของตวั อักษร ปกตแิ ลว ตวั อักษรทีใ่ ช
ในหนังสอื หนงึ่ เลม จะไมม ีความหลากหลายมากมายนกั แตอาจแตกตางกนั เพราะเหตุใด จึงตอ งใหค วามสําคัญกับการออกแบบปกหนังสอื
ระหวา งตวั ที่เปนหัวเร่ืองหรือพาดหวั กบั ตวั ทีเ่ ปน เนอื้ เร่อื งเทา นัน้ อยางไรกต็ าม
ขนาดของตัวอักษรในเนอ้ื หาตองพิจารณาใหเ หมาะสมกบั กลุมเปา หมาย หากเปน แนวตอบ เพอื่ เปนการดงึ ดูดความสนใจของผพู บเหน็ ใหอ ยากอา นหนังสอื
เด็กหรอื ผูสงู อายตุ อ งเลือกตัวอักษรทีม่ ีขนาดใหญกวาตัวอกั ษรทใี่ ชกบั วัยรนุ เลมนน้ั ในขณะเดียวกันยังเปนการส่ือใหเห็นถึงลกั ษณะของเนอ้ื เรื่องภายใน
หนงั สือน้ันดว ย ปกหนาคอื สวนหนงึ่ ของหนงั สอื ซ่ึงผูด ูจะเหน็ เปนสง่ิ แรก
นกั เรียนควรรู ดงั นนั้ นกั ออกแบบจะตอ งตระหนกั วา ความหวงั ของผทู เ่ี กย่ี วขอ งกบั การจดั ทาํ
หนงั สือขนึ้ อยูกับปกหนา โดยปกหนาจะตองทาํ หนา ท่รี ะบเุ อกลกั ษณข อง
1 แบบตวั อักษร หรือทีเ่ รียกกันติดปากวา “ฟอนต” (Font) มีพฒั นาการมาอยา ง หนงั สือใหโดดเดน กวา หนังสืออน่ื ๆ ปกหนาของหนังสอื จะตองสามารถดงึ ดูด
ตอเนอื่ ง จากการจดั ทําดว ยไม โลหะ จนเปนระบบดจิ ิตอลอยา งทใ่ี ชก นั อยใู น ความสนใจจากผทู ่พี บเห็นไดใ นทันที นอกจากนี้ ยงั ตอ งทาํ หนา ที่กระตนุ
เคร่อื งคอมพิวเตอร ปจ จบุ ันความกาวหนาของเทคโนโลยีทาํ ใหก ารประดษิ ฐฟ อนต หรอื เรา อารมณท่ีเหมาะสมกับหนังสอื เลม น้นั ใหผ อู านรสู ึกได
ทาํ ไดง ายและมีรูปแบบใหเลอื กใชมากมาย แตไมวา ฟอนตจ ะมมี ากแคไหน แตหลกั
ในการเลอื กใชฟอนตก ย็ งั ตอ งใหดูอานงาย สบายตา เปนหลกั อยเู หมอื นเดิม

92 ค่มู ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

1 1. ครสู มุ ตัวอยางนกั เรียน 2-3 คน ใหอ อกมา
๒) การออกแบบโปสเตอร ภาพโปสเตอร์ หมายถึง ภาพศิลปะที่สามารถสื่อสารบอกรายละเอียดให้ อธิบายเกย่ี วกับการออกแบบโปสเตอร ใน
ประเด็นลักษณะของโปสเตอรท ีม่ ีคุณภาพ
ผู้พบเห็นเข้าใจความหมายได้ในระยะเวลาสั้นๆ เปรียบเทียบได้กับภาพโฆษณาชนิดหน่ึงท่ีมีอิทธิพลต่อผู้พบเห็นได้ และสวนประกอบสาํ คญั ของภาพโปสเตอร
บริโภคความรู้ ความหมาย และความสวยงามของโปสเตอร์ได้ครบ โดยภาพโปสเตอร์ท่ีพบเห็นอยู่ทั่วไป เช่น หนาชัน้ เรยี น
โปสเตอร์โฆษณาสินคา้ โปสเตอร์โฆษณาภาพยนตร์ โปสเตอรร์ ณรงคต์ ่อตา้ น หรอื เชญิ ชวน โปสเตอร์ประชาสมั พันธ์
ในเรือ่ งตา่ งๆ เป็นต้น เรามกั จะพบเห็นโปสเตอร์ไดจ้ ากสถานทที่ ัว่ ๆ ไป เช่น ตามปา ยโฆษณา ปายรถเมล ์ ตามผนงั 2. ใหนักเรยี นแตละคนหาภาพโปสเตอรท ต่ี นเอง
อาคารตา่ งๆ ตามบอร์ด หรือสถานทที่ ่มี ผี คู้ นชมุ นมุ พลุกพลา่ น เปน็ ต้น ชืน่ ชอบ มาคนละ 1 ภาพ จากน้นั ใหนักเรยี น
นาํ ภาพโปสเตอรไปตดิ บนกระดานดาํ แลว
๒.๑) ลักษณะของโปสเตอรท ี่มีคณุ ภาพ โปสเตอรท์ จ่ี ัดไดว้ ่ามคี ณุ ภาพ ควรมลี ักษณะดงั น้ี รว มกนั พจิ ารณาวา ภาพโปสเตอรแตละภาพ
๑. คุณภาพของการออกแบบ งานออกแบบท่ีดีจะแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ ใช้หลักการ มีการออกแบบแตกตางกนั อยา งไร
จดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ มขี นาดของภาพทเ่ี หมาะสม
๒. ตวั อักษรทีอ่ อกแบบจัดวาง มขี อ้ ความที่ถกู ตอ้ ง อา่ นชดั เจน และเขา้ ใจง่าย มคี วามหมายดี
ใชถ้ อ้ ยค�ากระชบั น่าสนใจ สามารถสอ่ื ความหมายไดส้ มบูรณ์
๓. การออกแบบสี มีสีสันท่ีสะดุดตาและมีหลักจิตวิทยาทางด้านอิทธิพลของสีและทฤษฎีส ี
ซ่งึ สรา้ งความนา่ สนใจใหผ้ พู้ บเห็น
นอกจากน ี้ การน�าเสนอขอ้ ความ หรอื รูปภาพในโปสเตอร์ควรนา� เสนอในทางทีส่ ร้างสรรค์ ไม่ควรน�าเสนอ
ในสิ่งท่ีท�าให้เกิดความรู้สึกในทางลบหรือไม่ดี เพราะผู้ดูโปสเตอร์เป็นบุคคลทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
จึงต้องระมัดระวังในการออกแบบภาพ ไม่ใช้ภาพที่สร้างความรู้สึกที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือปลูกฝังความรู้สึก
ในทางเลวรา้ ย เชน่ ภาพหวาดเสียว สยองขวัญ ภาพอนาจารทางเพศ เปน็ ต้น ดังนนั้ แง่มมุ ต่างๆ ของการออกแบบ
จึงเปน็ สิง่ ทผี่ อู้ อกแบบจะต้องตระหนกั ถึงความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมดว้ ย

๒.๒) สว่ นประกอบสําคัญของภาพโปสเตอร
๑. ชือ่ เรอ่ื งหรือหัวขอ้ เร่อื ง
๒. ส่วนขยายช่ือเร่ือง เพราะบางคร้ังช่ือเรื่อง
หรือหัวข้อเรื่องอาจไม่ชัดเจนพอในการส่ือความหมาย ส่วนขยายน้ี
จะชว่ ยเสรมิ เร่อื งราวให้เขา้ ใจย่งิ ข้นึ วา่ ใคร ท�าอะไร ที่ไหน และเมือ่ ไร
๓. การออกแบบภาพจะชว่ ยใหโ้ ปสเตอรม์ คี วาม
ชดั เจนและสวยงามยง่ิ ขน้ึ อาจจะไมต่ อ้ งอา่ นคา� บรรยายภาพกส็ ามารถ
เข้าใจได้
๔. สมี สี ว่ นชว่ ยดงึ ดดู ความสนใจไดม้ าก เพราะสี
จะกระทบสายตาเป็นอันดับแรก ทา� ให้ไปกระต้นุ หรอื เร้าใจสิ่งท่ีอา่ น
๕. บอกชอ่ื หน่วยงานทีเ่ ปน็ ผู้จัดท�าโปสเตอร์

ตัวอย่างการออกแบบโปสเตอร์ชนดิ ตา่ งๆ

93

บูรณาการเชื่อมสาระ เกรด็ แนะครู

การศกึ ษาเกีย่ วกบั เร่ืองการออกแบบโปสเตอร สามารถบรู ณาการ ครคู วรอธบิ ายเพมิ่ เติมวา ผคู นจะใชเ วลาอา นโปสเตอรไมน านและยนื อยูหางๆ
กบั การเรยี นการสอนของกลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย วิชาหลักภาษา ดงั นนั้ ในการออกแบบจะตอ งหลกี เลย่ี งไมใ หมรี ายละเอียดมาก ไมใชข อความยาว
และการใชภ าษา เรื่องการเขยี นคาํ ขวัญหรือคาํ คมได โดยครูใหนักเรยี น ตวั อักษรเล็ก หรอื ขอ ความกํากวม อยางนอ ยตองทําใหผ คู นสะดดุ ตาเม่อื แรกเห็น
ออกแบบโปสเตอรร ณรงคในโอกาสตา งๆ และใหนกั เรียนแตงคําขวัญหรอื แลวรูขอ มูลโดยทนั ทวี า ตองการส่ือสารเก่ยี วกับอะไร หรือมีวตั ถุประสงคอ ยากจะ
คาํ คมประกอบการออกแบบโปสเตอรน้นั ๆ เพ่ือใหน กั เรียนไดใ ชค วามคิด บอกอะไร
สรา งสรรคในการออกแบบ นําความรูและทกั ษะในการใชภ าษาไทย
เพ่ือการเชญิ ชวนและรณรงคมาปรบั ใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ได

นักเรียนควรรู

1 การออกแบบโปสเตอร ในปจจบุ นั ดวยความกา วหนา ทางเทคโนโลยี
การออกแบบโปสเตอรก า วหนา ไปถงึ เทคนิคท่ีเรยี กวา “อิงคเจ็ท” ซ่งึ สามารถ
นํางานทอ่ี อกแบบไปทาํ ใหม ขี นาดใหญขึ้นได วสั ดทุ ร่ี องรับอาจจะเปนแผน ไม
แผนพลาสติก หรอื ท่นี ิยมมากทีส่ ดุ คือ แผน ไวนิล

ค่มู อื ครู 93

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

อธบิ ายความรู้ Explain

1. ใหน กั เรยี นชว ยกันรวบรวมแผน พบั เสริมสาระ
ประชาสมั พันธส ถานทท่ี องเท่ยี วหรือแผน พบั
โฆษณาสินคาใหไดม ากที่สดุ จากนนั้ นาํ การออกแบบโบรชัวร
แผน พบั ตา งๆ เหลา นนั้ มาเปน ตวั อยา งประกอบ
การอภิปรายเกี่ยวกบั หลักการออกแบบโบชัวร โบรชวั ร์ หรือแผ่นพับนบั เป็นสง่ิ พิมพ์ทส่ี ามารถ
ใชเ้ ป็นสอ่ื ในการโฆษณาประชาสมั พนั ธไ์ ดโ้ ดยตรงกับผอู้ ่าน
2. ใหนักเรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 5-6 คน โดยให หรอื ผพู้ บเห็น สามารถออกแบบจดั ทําผา่ นระบบคอมพิวเตอร ์
แตล ะกลุมออกแบบโบชัวรประชาสัมพันธ
สถานท่ีทองเทย่ี วภายในทองถนิ่ ของตนเอง แลว้ พิมพ์ (Print) ออกมาเป็นจาํ นวนมาก 1
มากลุม ละ 1 แผน พับ เสรจ็ แลวนําผลงาน
สงครผู ูสอน ลักษณะท่ีน่าสนใจของแผ่นพับ คือ เป็น
ส่ือส่ิงพิมพ์ท่ีเข้าถึงกลุ่มเปาหมายได้ตามต้องการ
เนื่องจากเป็นส่ิงพิมพ์ท่ีมีขนาดเล็ก น้ําหนักเบา
พกพาสะดวก เสียค่าใช้จ่ายในการจัดทําน้อย และ การออกแบบโบรชวั ร ์ ตอ้ งระมดั ระวงั มใิ หต้ วั หนงั สอื อยตู่ รงกบั แนวทพี่ บั
สามารถบรรจุขอ้ มูลรายละเอยี ดได้มากพอสมควร
ในการออกแบบแผ่นพับนั้นต้องพิจารณาลักษณะการพับที่จะต้องไม่ทําให้ข้อมูล และภาพเกิดรอยทับ
จนอ่านข้อความ หรือภาพไม่ชัดเจน แผ่นพับท่ีพบเห็นโดยท่ัวไป เช่น แผ่นพับประชาสัมพันธ์สถานท่ี แหล่งท่องเท่ียว
แผ่นพบั โฆษณาสนิ คา้ แผ่นพับแนะนาํ ตัวบคุ คล เปน็ ตน้

หลักการออกแบบโบรชัวร
๑. ออกแบบลักษณะการพับเป็นหลัก โดยยึดหลักการวางแผน การใส่เน้ือหาและรูปภาพในตําแหน่งท่ี
ไม่ถูกพับ จะทําให้เน้ือหาและภาพครบสมบูรณ์ การพับน้อยท่ีสุด คือ ๔ พับ (ด้านหน้า ๒ หน้า ด้านหลัง ๒ หน้า
รวม ๔ หน้า) แผน่ พบั โดยทวั่ ไปไมน่ ยิ มใส่เลขหน้า
๒. การออกแบบหน้าปกแผ่นพับ ซ่ึงเป็นส่วนสําคัญของแผ่นพับ ควรเน้นให้มีจุดเด่นด้วยอักษรข้ึน

ข้อความชัดเจน หรือใช้ภาพประกอบท่ีค่อนข้างใหญ่ และชัดเจน มีสีสันสะดุดตา สดใส น่าสนใจ
สร้างความแตกต่างจากหน้าอื่นๆ ที่สําคัญจะต้องสื่อถึงหน่วยงาน ตัวบุคคลที่จัดทําขึ้นมา เช่น

แผ่นพับโฆษณารีสอร์ต ควรมีรูปแบบท่ีเป็นเอกลักษณ์ของรีสอร์ต ชื่อรีสอร์ตและสถานที่
ติดต่อที่ชัดเจน ทําให้ผู้อ่านเพียงดูแผ่นพับหน้าแรกก็สามารถจะรับรู้ได้ว่า
ใครเป็นผจู้ ัดทาํ และตอ้ งการบง่ บอกอะไร เปน็ ตน้
๓. การใส่เน้ือหาและรูปภาพในหน้าพับต่อๆ ไป
จาํ นวนข้อมลู ตอ้ งชัดเจน เพอ่ื การจัดวางในพน้ื ท่ที ่ถี กู กําหนด
ดว้ ยการพับ
๔. แต่ละหน้าควรแสดงลักษณะเฉพาะ เพื่อ
ปองกนั การสับสนในการอา่ น

โบรชวั รบ์ างประเภทใหค้ วามรู้แกผ่ ู้อ่านอยา่ งมาก

94

นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 แผนพบั มลี กั ษณะคลายใบปลวิ แตมขี นาดใหญก วา และมีข้ันตอนการทาํ
ที่ซับซอนกวา เนื่องจากถูกออกแบบใหบรรจรุ ายละเอียดไดม ากกวาใบปลวิ ขอใดเปน องคประกอบของการออกแบบสรา งสรรคโ ปสเตอรท่มี ีคณุ ภาพ
มีไดต งั้ แต 2-5 ทบ หรอื มากกวานน้ั 1. ใสขอ มลู ลงไปใหม าก
2. ไมควรใชสมี ากกวา 2 สี
มมุ IT 3. ภาพสะดุดตา ขอ ความกระชับ
4. ใชต วั อักษรเลก็ และหลากหลาย
นกั เรยี นสามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เก่ยี วกับการออกแบบโบชัวร ไดท่ี
http://www2.udru.ac.th/~samaw_t/Folders1.pdf วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ดวยเหตุทีผ่ ูชมจะใชเ วลาดูโปสเตอรไมนาน

และอยูหา งจากโปสเตอร ดังน้นั การออกแบบโปสเตอรท ่ดี จี งึ ตองทาํ ให
โปสเตอรดูสะดุดตา ไมกลมกลนื ไปกบั สภาพแวดลอมทต่ี ดิ ภาพจึงตอ งใช
ภาพขนาดใหญ คมชัด สะดดุ ตา รวมทง้ั ขอ ความตอ งกระชบั เปนขอ ความ
สัน้ ๆ หรือใชค ํานอ ยแตไ ดใจความ

94 คมู่ ือครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate

อธบิ ายความรู้ Explain

๒.๓) วธิ ีสรา้ งสรรคโปสเตอร ครูสมุ ตวั อยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหอ อกมา
อธบิ ายเกี่ยวกับหลกั การออกแบบปกรายงานและ
๑. ศึกษาหัวข้อของภาพโปสเตอร์ท่ีก�าหนด และวิเคราะห์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ เพ่ือ ภาพประกอบ หนา ชนั้ เรยี น จากนนั้ ครถู าม
นักเรียนวา
จับประเด็นส�าคัญของเร่ืองและนา� ไปวาดภาพประกอบ เช่น โปสเตอร์ต่อต้านโรคเอดส์ โปสเตอร์ต่อต้านยาเสพติด
• เพราะเหตุใด การออกแบบปกรายงานกับ
โปสเตอร์เชิญชวนการเลกิ อบายมุข โปสเตอร์โฆษณาสนิ ค้าตา่ งๆ เปน็ ต้น ปกหนังสอื จงึ ใชหลกั การเดียวกนั
(แนวตอบ เพราะปกรายงานและปกหนงั สอื
๒. คิดคา� หรอื ข้อความประกอบภาพโปสเตอร์น้นั ๆ เพอ่ื สอ่ื สารให้ชดั เจนตามจุดประสงค์ของ เปนสวนหนา ทด่ี ึงดดู ความสนใจตอ การ
หยิบจับมาอาน ดังนนั้ หลักการออกแบบ
โปสเตอร์ โดยใชข้ ้อความสน้ั ๆ กระชับ และกระต้นุ ความคิด หนาปกรายงานจึงคลายคลึงกบั การ
ออกแบบหนาปกหนังสอื โดยใชห ลกั การ
๓. ออกแบบต�าแหน่งการจดั วางภาพตามเนื้อหา โดยอาจจดั องคป์ ระกอบของภาพเปน็ แนวตัง้ จดั องคประกอบศลิ ป เพ่อื สรางคณุ คา
ความงามดา นการจัดวางตวั อกั ษรและ
หรือแนวนอนขนึ้ อย่กู ับผูอ้ อกแบบ ทั้งน้ีต้องค�านงึ ถงึ ความเปน็ เอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดุล ภาพประกอบ)

๔. ร่างภาพตามหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ โดยมีจุดเด่นที่มีท้ังภาพประกอบ มีสัญลักษณ์

และตัวอกั ษรแสดงข้อความประกอบตัวอักษรทีเ่ ปน็ หัวขอ้ ของภาพ

๕. เตรียมสีให้พรอ้ ม ใช้สีตามความถนดั ระบายส ี ตกแต่งภาพใหด้ สู วยงาม มีสีสนั สะดุดตา

๖. เมอ่ื ระบายสเี สรจ็ และสแี หง้ แลว้ ใหใ้ ชส้ เปรยเ์ คลอื บเงาพน่ เคลอื บบนภาพบางๆ เพอ่ื ใหภ้ าพ

ดูสดใส และมคี วามทนทานมากขึ้น
๓) การออกแบบปกรายงานและภาพประกอบ ในการเรียนการสอนแต่ละวิชามักจะต้องมีการท�า

รายงานเปน็ ชน้ิ งานในการนา� เสนอเพอ่ื เปน็ หลกั ฐานของการแสดงถงึ ความรคู้ วามเขา้ ใจในการเรยี นตามรายวชิ านน้ั ๆ ขยายความเขา้ ใจ E×pand

การทา� รายงานในหลายรปู แบบมคี วามจา� เปน็ ตอ้ งใชก้ ารออกแบบ โดยใชเ้ ทคโนโลยคี อมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาชว่ ย สง่ิ สา� คญั 1. ใหนกั เรียนสรปุ หลักการออกแบบรปู ภาพ
สัญลักษณ และงานกราฟก เปนแผนผงั
ของรายงานท่ีจะทา� ใหร้ ายงานนัน้ สมบรู ณ ์ นา่ สนใจ และตรงตามจดุ มุ่งหมายของการจัดทา� นอกจากเน้อื หาภายใน ความคิด (mind mapping) ทําลงกระดาษ
รายงาน สง ครูผสู อน
เลม่ แล้ว หนา้ ปกของรายงานและภาพประกอบภายในเลม่ กม็ ีส่วนส�าคัญเชน่ กัน
2. ใหน กั เรียนทํากจิ กรรมศลิ ปปฏบิ ตั ิ 7.2
๓.๑) หลักการออกแบบปกรายงานและ กจิ กรรมท่ี 1 หนา 96 จากนนั้ นําผลงาน
สง ครผู ูสอน
ภาพประกอบ

๑. ปกรายงานเป็นส่วนหน้าของ

รายงานที่ดงึ ดูดความสนใจต่อการหยิบจบั ดังน้ัน จึงควร

เลือกใช้กระดาษ หรือวัสดุท�าปกท่ีแข็งแรงกว่าส่วนของ

เน้อื ใน

๒. การออกแบบปกรายงานควร

สื่อความหมายให้สอดคล้องกับเน้ือหาภายในเล่ม เช่น

ถ้าเป็นรายงานวิชาการ ก็ควรมีความเป็นมาตรฐาน

ดเู รยี บงา่ ยชดั เจน ใชส้ สี นั ไดบ้ า้ ง แตไ่ มจ่ �าเปน็ ตอ้ งฉดู ฉาด

และสะดุดตามากจนเกินไป อาจมีภาพประกอบของ

หนา้ ปก หรอื มเี พยี งขอ้ ความเปน็ ตวั อกั ษรอยา่ งเดยี วก็ได้ โปรแกรมทอี่ ยใู่ นคอมพวิ เตอรแ์ ละภาพประกอบในเวบ็ ไซตส์ ามารถนาํ
มาใช้สร้างสรรค์ปกรายงานให้สวยงามได้
ตามความเหมาะสม เป็นต้น

9๕

แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด บเศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง

การทาํ ปกรายงานดวยการวาดภาพจากฝมอื ตนเอง มกี ารจัดวางตวั อักษร งานกราฟก เปน สอ่ื ทน่ี ยิ มอยา งมากในการประชาสมั พนั ธป ระเภทตา งๆ และเปน
และภาพตามหลกั การจดั องคป ระกอบศลิ ป นกั เรยี นคดิ วา เปน งานกราฟก หรอื ไม ส่ือท่ีไดรับความสนใจจากผูบริโภคอยางกวางขวาง ดวยมีรูปแบบท่ีสะดุดตา ดังน้ัน
แนวตอบ เปนงานกราฟก เพราะคําวา “กราฟก” มคี วามหมายรวมถงึ ผูที่จะทําการออกแบบงานกราฟกไดดี จึงตองเปนผูที่มีความคิดสรางสรรคและมี
การวาด การเขยี นตวั อกั ษร หรอื การหาภาพประกอบตางๆ มาจัดวาง ความรเู รอ่ื งการออกแบบงานกราฟก เพอื่ เปน การฝก ทกั ษะในการออกแบบงานกราฟก
เพ่อื สือ่ ความหมายในเร่อื งที่ตองการนําเสนอ ไมวา จะเปน งานตนแบบ ครใู หน กั เรียนออกแบบและสรางงานกราฟกขึ้นมาคนละ 1 ช้ิน ภายใตหัวขอ “การใช
หรอื งานผา นกระบวนการพิมพด ว ยเครือ่ งมอื หรือเครื่องพิมพใดๆ กต็ าม ชวี ติ อยา งพอเพยี ง” พรอ มทง้ั ตงั้ ชอื่ ผลงาน จากนนั้ รวบรวมผลงานทงั้ หมดจดั แสดงไว
ในมุมศิลปะภายในช้นั เรยี น

คมู่ ือครู 95

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate

ตรวจสอบผล Evaluate

1. ครูพจิ ารณาจากแผนผังความคิด (Mind ๓. หลักการจัดวางการออกแบบหน้าปกรายงานจะคล้ายคลึงกับการออกแบบปกหนังสือ
Mapping) สรุปหลักการออกแบบรูปภาพ โดยใช้หลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ เพื่อสร้างคุณค่าความงามด้านการจัดวางตัวอักษรและภาพประกอบ และ
สญั ลักษณ และงานกราฟกของนักเรียน กา� หนดตวั อักษรให้สอดคลอ้ งกลมกลนื กบั ช่ือรายงานและเนือ้ หาภายในเล่ม
๔. การสรา้ งภาพประกอบของหน้าปกรายงาน รวมท้งั ภาพประกอบภายในเล่ม สามารถท�าได้
2. ครูพจิ ารณาจากการออกแบบผลงานโดยใช หลายวธิ ี เช่น ใช้ภาพวาดจากฝีมอื ของตนเอง ภาพวาดผลงานของศิลปินไทย หรอื ของศิลปนิ ต่างประเทศ ภาพถา่ ย
คอมพวิ เตอรข องนักเรยี น โปสการ์ด ภาพท่ีถา่ ยโอนข้อมลู (Download) มาจากอินเทอร์เนต็ หรอื ภาพ Clip Art จากแผ่นซอฟตแ์ วร ์ เปน็ ต้น

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู กจิ กรรม ศลิ ป์ปฏบิ ตั ิ ๗.๒

1. ผลงานการออกแบบรปู ภาพโดยใชความรู กจิ กรรมท่ี ๑ ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม ๕ คน เลอื กออกแบบผลงานดงั ตอ่ ไปนีเ้ พยี ง ๑ ชิน้ โดยใช้
เกยี่ วกับการออกแบบรูปภาพดวยจดุ และ เครื่องคอมพิวเตอร์
การออกแบบรปู ภาพดว ยเสน
• โปสเตอรร์ ณรงค์ต่อต้านยาเสพติด
2. แผนผงั ความคิด (mind mapping) สรปุ • ปกรายงานวิชาทัศนศิลป์
หลักการออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ
และงานกราฟก กิจกรรมที่ ๒ จงตอบค�าถามต่อไปนี้
๒.๑ การออกแบบมคี วามส�าคญั อย่างไรกับสังคมปจั จบุ นั จงอธิบาย
3. ผลงานการออกแบบโดยใชค อมพวิ เตอร ๒.๒ การออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ ์ หรอื งานกราฟิก ต้องค�านงึ ถงึ หลักการอะไรบ้าง

สรปุ การออกแบบเป็นงานสรา้ งสรรคท์ ีต่ ้องใช้ความคิดและจนิ ตนาการ เพอ่ื ให้เกิดสงิ่ ทีแ่ ปลกใหม่

หรอื ปรับปรุงดัดแปลงสง่ิ ทีม่ อี ย่เู ดิมใหด้ ยี งิ่ ขึ้น ดว้ ยเทคนคิ วิธีการท่หี ลากหลาย การออกแบบท่ีดตี อ้ งนำา
ความรดู้ า้ นการจดั องคป์ ระกอบศลิ ปเ์ ขา้ มาใชใ้ นงานดว้ ย เพอื่ ใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพสมบรู ณ์ ทงั้ ดา้ นประโยชน์
ใช้สอยตามวัตถปุ ระสงคแ์ ละความงามทางศลิ ปะ

การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ และงานกราฟิก (สิ่งพิมพ์) เป็นงานศิลปะที่มีความเชื่อมโยงกัน
หรืออาจประกอบอยู่ร่วมกันในชิ้นงาน โดยหลักพ้ืนฐานทั้งหมดจะใช้หลักของการจัดองค์ประกอบศิลป์
การจัดวางทางศิลปะ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุล มาเป็นส่วนสำาคัญในการ
สร้างสรรค์ผลงาน ซ่ึงการท่ีจะก้าวสู่ความเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบ
ที่มีคุณภาพน้ัน ผู้ศึกษาจะต้องหม่ันฝึกฝนและเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง เพ่ือจะได้เกิดทักษะและ
ความชำานาญมากยงิ่ ขนึ้

9๖

แนวตอบ กจิ กรรมศิลป์ปฏิบตั ิ 7.2 กิจกรรมท่ี 2
1. การออกแบบมบี ทบาทมากในสงั คมปจจบุ ัน เพราะวิถีชีวติ มนุษยมคี วามเก่ียวขอ งกบั การสื่อสารเพ่อื การรบั รูข อ มูลตางๆ ซ่ึงการสอื่ สารดว ยสิ่งพมิ พท แ่ี สดงออก

เปน รูปภาพ สัญลกั ษณ และงานกราฟก ก็นับเปน วิธีท่แี พรหลายและเขา ถงึ ผคู นไดง าย ทงั้ น้ีการสอื่ ความหมายดังกลา วตอ งผานกระบวนการในการออกแบบ
โดยอาศยั หลกั การจัดองคป ระกอบศิลปใ หเหมาะสม
2. การออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ และงานกราฟก เปน งานศิลปะทีม่ คี วามเช่อื มโยงกนั หรืออาจประกอบอยูรว มกันในชิน้ งาน โดยใชห ลักของการจัดองคป ระกอบศิลป
การจัดวางทางศลิ ปะ ความเปนเอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดุล มาเปน สว นสาํ คญั ในการสรา งสรรคผลงาน

96 คมู่ อื ครู

กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

ประเมนิ งานทศั นศลิ ป และบรรยายถึงวิธกี าร
ปรบั ปรุงงานของตนเอง และผูอน่ื โดยใชเ กณฑท ี่
กาํ หนดให

สมรรถนะของผเู รยี น

1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ติ

คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค

1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ รียนรู
3. มุง ม่นั ในการทาํ งาน

øหน่วยท่ี กระตนุ้ ความสนใจ Engage

หลักการประเมินงานทศั นศลิ ป์ ครูพานักเรยี นไปชมนิทรรศการแสดงผลงาน
ก ารเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะน้ัน ทศั นศลิ ปท จ่ี ัดแสดงตามสถานทใ่ี นทองถนิ่ เชน
ตวั ช้วี ัด หอศลิ ปส มเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ
ศ ๑.๑ ม.๑/๖ นอกจากให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติด้านการเขียนภาพ การปัน กรุงเทพมหานคร หอศลิ ปร มิ นาน จงั หวัดนาน
การออกแบบ หรืองานสร้างสรรค์อื่นๆ แล้ว ยังต้องได้ เปน ตน ครใู หน กั เรียนแสดงความรสู ึกหลงั จาก
■ ประเมินงานทศั นศิลป ์ และบรรยายถงึ วิธีการปรับปรงุ งาน เรียนรู้เก่ียวกับการประเมินผลงาน เพ่ือเป็นการฝึกให้ผู้เรียน การเดินชมผลงานทัศนศิลป แลวถามนกั เรยี นวา
ของตนเองและผอู้ ่ืนโดยใชเ้ กณฑ์ท่กี าํ หนดให้ สามารถแสดงความคิดเห็น และมีสมรรถนะทางการส่ือสาร
โดยสามารถวิจารณ์ผลงานที่พบเห็นได้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ • การท่ีมีผลงานทัศนศลิ ปจํานวนมาก
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ผู้เรียนได้เรียนรู้แนวคิดและวิธีการใหม่ๆ มีทักษะในการคิด หลากหลายรปู แบบมาจัดแสดงในพื้นที่
วิเคราะห์ และรู้จักปรับปรุงผลงานของตนให้เหมาะสมในทางที่ เดียวกนั นักเรียนเลือกชมผลงานจากสิง่ ใด
■ ก ารประเมินงานทศั นศลิ ป์ ถูกตอ้ งดีงามตามเกณฑ์ที่กำาหนด (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น
ไดอยา งอสิ ระ)

9๗

เกรด็ แนะครู

การเรยี นการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครคู วรอธบิ ายใหนกั เรยี นเขา ใจวา
การเรยี นรูศลิ ปะนอกจากการเรียนรเู กีย่ วกับเน้ือหาสาระควบคกู บั การฝก ปฏิบตั ิ
สรา งสรรคง านศิลปะแลว นกั เรียนควรมพี ื้นฐานความรูค วามเขา ใจเกี่ยวกับหลกั การ
ประเมินงานทัศนศิลป เพ่อื ใหน กั เรียนสามารถประเมนิ งานทัศนศิลป
และบรรยายถงึ วธิ ีการปรับปรงุ งานทั้งของตนเองและผูอื่นไดตามเกณฑท กี่ าํ หนด
เพราะการประเมินงานทศั นศิลปเ ปน ข้ันตอนสาํ คญั ทผี่ เู รยี นควรฝกปฏบิ ตั แิ ละเปน
ข้ันตอนของการสรปุ รวบยอดทางความคดิ และรูปแบบของผลงานหลงั จากทไี่ ดผ า น
กระบวนการออกแบบและสรางสรรคผลงานมาแลว

คู่มือครู 97


Click to View FlipBook Version