กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครนู าํ ตวั อยา งภาพวาดสนี าํ้ มนั “วฏั จกั รแหง ชวี ติ ” ๔) สีเทียน มีลักษณะเป็นแท่ง เน้ือสีผสมน้�ามันเหมือน
ผลงานของพชิ ยั นิรนั ต มาใหน กั เรยี นดู (ท้งั นคี้ รู
อาจนาํ ภาพวาดระบายสขี องศลิ ปน ทา นอืน่ ๆ มาใช เทยี นไข มหี ลายส ี บรรจไุ วเ้ ปน็ กลอ่ งๆ หลายขนาด และปรมิ าณใชร้ ะบาย
เปน ตวั อยางกไ็ ด) จากน้ันครูถามนักเรยี นวา
หรือขีดเขียนบนกระดาษ ซึ่งถ้าเป็นกระดาษที่มีเน้ือหยาบจะระบาย
• เพราะเหตใุ ด ศลิ ปน จึงวาดภาพสนี าํ้ มนั
ออกมาไดส วยงาม ตดิ ได้ดี ในการระบายอย่าระบายทับไปมาหลายครง้ั มากเกินไป เพราะ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยา งอิสระ)
สจี ะหนาไม่เท่ากัน ดแู ลว้ ไม่สวย
• นกั เรยี นคิดวา ส่ิงสาํ คญั ของการวาดภาพ
ระบายสคี อื อะไร การใชแ้ ละการเก็บรักษา
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ)
สเี ทียนมีลักษณะเปน็ แท่งใช้งานไดส้ ะดวก ในการใช้สีเทียนให้จับสีเทียนเหมือนกับจับดินสอแรเงา
จากน้ันครเู ชอ่ื มโยงเขาสแู นวทางพ้ืนฐานใน
การวาดภาพระบายสี โดยคว�า่ มือใหส้ ีเทียนอยู่ในองุ้ มอื แล้วใชน้ ้ิวชีแ้ ตะด้านบนของแทง่ สี เพ่อื กดสีให้สมั ผสั กระดาษหนกั -เบาตามต้องการ
จะวาด หรอื ระบายทบั กนั กค่ี ร้ังก็ได ้ หรือถา้ จะหักออกมาแลว้ ระบายตามแนวนอนก็ได้
เม่ือใช้สีเทียนเสร็จแล้ว ควรส�ารวจว่ามีครบตามจ�านวนหรือไม่ จากน้ันน�าสีเทียนแต่ละแท่งมา
ท�าความสะอาดเสียก่อน เพราะอาจจะมีเศษสีของแท่งอื่นมาติดอยู่ จึงต้องเอาใบมีด หรือคัตเตอร์ขูดเอาสีอื่นออก
แล้วใช้ทิชชูเช็ดอีกครั้ง แล้วจึงเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย ระวังอย่าให้สีตกหล่นลงบนพ้ืนที่แข็ง หรือถูกส่ิงอ่ืนวางทับ
สา� รวจคน้ หา Explore เพราะจะทา� ใหส้ หี กั ได้
๕) ถ่านชารโคล เป็นถ่านสีด�าแท่งกลม
ใหนกั เรยี นศกึ ษา คนควาเกย่ี วกบั องคป ระกอบ
และขัน้ ตอนในการวาดภาพ จากแหลงเรยี นรตู า งๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๔ มิลลิเมตร ยาว
เชน หนงั สือเรียน หองสมุด อนิ เทอรเนต็ เปน ตน
ประมาณ ๑๐ เซนติเมตร นิยมใชว้ าดรูปบนกระดาษปรู๊ฟ
ถา่ นชาร์โคลมลี กั ษณะคลา้ ยกบั ไสด้ นิ สอดา� แตไ่ มม่ ไี มห้ อ่ หมุ้
ภายนอก ลกั ษณะเด่นของถา่ นชาร์โคล คือ วาดติดง่าย
และลบออกงา่ ย สามารถปาด หรอื เกลยี่ ใหเ้ นอ้ื ถา่ นกระจาย
ออกได้ด ี ทา� ใหภ้ าพดมู คี วามนมุ่ นวลข้นึ
การใชแ้ ละการเก็บรักษา
ใชว้ าดรปู หรอื ระบายส ี เวลาข1ดี เขยี น หรอื ถา่ นชารโ์ คลจะมีสดี าํ เหมาะกับภาพขาวดาํ ท่ีเนน้ การแสดงแสง-เงา
แรเงาตอ้ งใช้นว้ิ มอื จับสัมผสั กบั ถา่ นโดยตรง แล้วระบายลงน้า� หนกั ตามตอ้ งการ นอกจากน ้ี ยงั สามารถสร้างน้�าหนัก
ใหก้ ลมกลืนโดยใช้นิ้วมอื หรือสา� ลถี ู หลงั ใช้งานเสร็จควรเกบ็ ใส่กล่องให้เรยี บร้อย ระวังอยา่ ใหถ้ า่ นแตกหัก
ó. á¹Ç·Ò§¾้×¹ฐҹ㹡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾ÃкÒÂÊÕ
การสร้างสรรค์งานจิตรกรรมด้วยการวาดภาพและระบายสี ประกอบไปด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย
เชน่ การขีด ขูด เขียน ลาก หยด แตม้ เท สลัด ระบาย เป็นตน้ โดยใชว้ สั ดตุ ่างๆ ในการทา� งาน คือ หมกึ ปากกา
พูก่ นั แปรง แลว้ แตค่ วามถนดั และความสนใจของแตล่ ะบุคคล รวมท้งั ความเหมาะสมในการเลือกใชว้ ิธีใดกับผลงาน
ชนิ้ นน้ั ดงั นน้ั การวาดภาพระบายสจี งึ เปน็ กจิ กรรมทแ่ี ตล่ ะบคุ คลสามารถแสดงออกไดอ้ ยา่ งเสร ี สง่ิ ทตี่ อ้ งศกึ ษาเรยี นรู้
กอ่ นการลงมอื วาดภาพน้นั ควรเรยี นรูเ้ กยี่ วกบั องคป์ ระกอบในการวาดภาพและข้ันตอนต่างๆ ในการวาดภาพก่อน
4๘
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั สีทใ่ี ชในการวาดภาพระบายสี โดยสมี อี ยหู ลายชนดิ ที่
นํามาใชไ ดท นั ที เชน สเี ทียน ดินสอสี สชี อลก และชนดิ ผสมน้าํ เชน สีน้าํ สโี ปสเตอร ทกุ ขอ เปนข้ันตอนในการดแู ลรักษาสหี ลังจากใชงานยกเวนขอใด
นอกจากนี้ ยงั มีถา นเกรยองซง่ึ มลี ักษณะเปนแทงเหล่ียม มีใหเลอื กหลายสี เชน สีดาํ 1. นาํ หลอดสใี สก ลอ งภาชนะ
แดง ขาว มีความเขมมากและไมลบเลือนงาย การเลือกใชสนี กั เรียนควรศกึ ษาไว 2. สํารวจตรวจสอบสีใหครบ
เพอื่ เปนพืน้ ฐานและแนวทางในการศกึ ษาขน้ั ท่ีสูงกวาในโอกาสตอไป 3. เปด ฝาท้งิ ไวขา มคนื
4. เชด็ ทําความสะอาดหลอดสี
นกั เรียนควรรู
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การเปด ฝาทงิ้ ไวจ ะทาํ ใหน ํ้า หรือสารผสมสี
1 ใชน ว้ิ มอื จบั สมั ผสั กบั ถา นโดยตรง ในการแรเงาหรอื ระบายสโี ดยใชถ า นชารโ คล
พงึ ระมดั ระวงั บรเิ วณสนั มอื ซง่ึ มกั จะไปโดนเนอ้ื สถี า นจากบรเิ วณทเ่ี คยระบายไปแลว ระเหยออกไป จะทาํ ใหส แี หง แขง็ ตวั ถาทิ้งไวนานจะติดแขง็ ในหลอด
โดยไมตั้งใจ จะมผี ลทําใหภาพเปรอะเปอ น วธิ แี กใหใชไ มบ รรทัดขนาดใหญว างลง หรอื ขวด ไมสามารถจะนํามาใชงานไดหรอื ใชไ มส ะดวก ดังนนั้ เมอื่ บีบสี
บนภาพเปน ทรี่ องรับสันมอื กอ น หรือตักสีขน้ึ มาจากภาชนะแลว ใหร บี ปด ฝาภาชนะท่ีบรรจสุ ีทุกครง้ั
เพอ่ื ปอ งกนั สีแหง
48 ค่มู ือครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๓.๑ องคประกอบในการวาดภาพ ครใู หน ักเรยี นรว มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับ
องคประกอบในการวาดภาพตามท่ไี ดศ ึกษามา
ผทู้ จี่ ะวาดภาพได้ดีจา� เป็นต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเร่อื งองคป์ ระกอบของการวาดภาพเสียกอ่ น เพอ่ื ท่ี แลว ใหนักเรียนสรุปองคป ระกอบในการวาดภาพ
ลงสมุดบนั ทกึ จากนั้นครูถามนกั เรยี นวา
จะได้วาดภาพให้มีความสัมพันธ์กัน เป็นการท�าให้ภาพท่ีวาดน้ันมีคุณค่า มีความสวยงาม และเกิดความน่าสนใจ
• เพราะเหตุใด ผูทจี่ ะวาดภาพระบายสีตอง
มากยง่ิ ขึน้ องคป์ ระกอบสา� คัญในการวาดภาพ มอี ยู่ ๒ ลกั ษณะ ดงั น้ี เรียนรเู กย่ี วกบั องคป ระกอบในการ
๑) องคป ระกอบของภาพ การวาดภาพประกอบ วาดภาพกอน
(แนวตอบ ผทู ่วี าดภาพไดด ีจําเปน ตอง
ต้องใช้ส่วนประกอบท่ีเป็นทัศนธาตุหลายชนิดด้วยกัน คือ จุด มีความรู ความเขา ใจในเรอื่ งองคป ระกอบ
ของการวาดภาพเสยี กอน เพอื่ ที่จะได
เสน้ รปู ร่าง รปู ทรง น้า� หนักออ่ น-แก ่ พ้ืนท่วี ่าง พนื้ ผวิ และสี วาดภาพใหมคี วามสัมพันธกนั เปนการทําให
ภาพวาดน้ันมีคณุ คา มีความสวยงาม และ
ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในเร่ืองทัศนธาตุ ในท่ีน้ีจะเน้นเฉพาะเรื่อง นาสนใจมากยิง่ ข้ึน )
รปู รา่ ง รปู ทรง และขนาด เนอื่ งจากเปน็ สว่ นทป่ี รากฏแกส่ ายตา • การวาดภาพที่เปน รูปรา งและรปู ทรง
มีกี่ลกั ษณะ แลวแตล ะลักษณะเปนแบบใด
และรบั รไู้ ดใ้ นลา� ดับแรกเม่อื มองดภู าพนั้น (แนวตอบ รูปรางและรูปทรงมี 3 ลักษณะ
ไดแก รูปรา ง รปู ทรงเรขาคณติ เชน
๑.๑) รูปรา่ ง (Shape) หมายถงึ รปู นอก หรือ รปู ทรงกลม รปู สามเหล่ียม เปนตน
รูปราง รูปทรงธรรมชาติ เชน คน สตั ว พชื
เสน้ ทเี่ ปน็ เสน้ โครงของวตั ถสุ ง่ิ ของทเ่ี หน็ เปน็ ๒ มติ ิ คอื มคี วาม กอนหนิ เปน ตน และรปู รา ง รปู ทรงอิสระ
ไดแก รูปราง รูปทรงท่เี ปน ไปตามอทิ ธพิ ล
กว้างและความยาว ภาพจะมีลักษณะแบน ไมม่ ีความหนา ของส่ิงแวดลอ ม เชน หยดนา้ํ กอนเมฆ
ควัน เปนตน )
๑.๒) รูปทรง (Form) หมายถึง โครงสร้าง “วฏั จักรแหง ชวี ติ ” ภาพวาดสนี ํา้ มัน ผลงานของ พิชยั นริ นั ต์
แสดงให้เห็นถึงการจัดองค์ประกอบภาพท้ังสีและเส้นท่ีวางได้
ของวตั ถุส่งิ ของทปี่ รากฏในลักษณะ ๓ มติ ิ คอื มคี วามกวา้ ง
ความยาว และความลึก จะเห็นภาพดูมีน�้าหนัก มีปริมาตร อย่างลงตัว
ในการวาดภาพท่ีเป็นรูปทรง การใช้แสงและเงามีส่วนเกยี่ วขอ้ งอย่างมาก
เกรด็ ศิลป การวาดภาพท่เี ปน็ รูปรา่ ง รปู ทรง
การวาดภาพท่ีเป็นรปู รา่ ง รปู ทรงมี ๓ ลักษณะ ดังนี้
๑. รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต ได้แก่ รูปร่าง รูปทรงท่ีมีลักษณะเป็นแบบ
เรขาคณิต เชน่ รูปทรงกลม รปู สามเหลย่ี ม รูปสเี่ หล่ียม รปู ทรงกระบอก เปน็ ต้น
รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต มีโครงสร้างท่ีเป็นพ้ืนฐานของรูปร่าง รูปทรงอ่ืนๆ เรา
สามารถวเิ คราะหร์ ปู รา่ ง รปู ทรงในธรรมชาตอิ อกมาเปน็ รปู รา่ ง รปู ทรงเรขาคณติ ได้
๒. รูปรา่ ง รปู ทรงธรรมชาติ ได้แก่ รูปร่าง รูปทรงธรรมชาต ิ เช่น คน สัตว ์ พืช
ก้อนหนิ เป็นต้น
๓. รูปร่าง รปู ทรงอสิ ระ เป็นรูปร่าง รูปทรงท่ีไมไ่ ด้จา� กดั อยู่ในแบบเรขาคณิต
หรือแบบธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นอย่างอิสระ ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอนของตัวเอง
เป็นไปตามอทิ ธพิ ลของส่งิ แวดลอ้ ม เชน่ หยดน้า� เมฆ ควนั เป็นตน้ มีลกั ษณะ
เล่ือนไหล หรือเคลอื่ นไหว หรอื เป็นรูปรา่ ง รปู ทรงท่ถี กู เปลย่ี นแปลง เพ่ิมเตมิ หรอื
ตัดทอนให้ดูงา่ ยขึ้น ไม่เหมือนจรงิ หรือเหนอื ความจริงของคนในยคุ สมยั น้ันแล้ว
49
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
ความงามของรูปรางเกดิ จากส่งิ ใด ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา ในการวาดภาพใหอ อกมามคี ณุ ภาพนนั้ ตอ งอาศยั
1. มคี วามหนาดแู ลว สมจริง ประสบการณแ ละจินตนาการ แตก ารวาดภาพตามประสบการณและการวาดภาพ
2. มีความลกึ ไดส ัดสวนกบั ความยาว ตามจนิ ตนาการจะมีขน้ั ตอนการวาดภาพท่แี ตกตางกนั เลก็ นอย ดังน้ี
3. มแี สงเงาเกดิ เปนภาพ 3 มิติ
4. มีความกวา งและความยาวไดสัดสว นกนั 1. การวาดภาพตามประสบการณ ซึง่ เปนภาพทมี่ เี นอื้ หาและสาระอยใู นภาพ
ดงั นน้ั จงึ เรม่ิ จากการเลือกประสบการณที่ไดพบมาในชวี ิตท่ีตอ งการจะ
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. รปู รางเปนรูปนอกหรือเสนทีเ่ ปนโครง ถายทอดเปนหวั ขอ เรอ่ื งหรือชอ่ื ภาพนั่นเอง จากน้นั จึงคอ ยๆ รา งภาพ
แลว ลงนํา้ หนักแสงเงา หรือลงสี ทัง้ นี้ผูวาดจําเปน ตองคาํ นงึ ถงึ เร่อื งการจดั วาง
ของวัตถุสิ่งของทเ่ี ห็นเปน 2 มิติ ดังน้ัน ความงามของรปู รา งจึงพิจารณาได องคป ระกอบศลิ ปดวย
จากความกวา งและความยาวทไี่ ดสัดสวนกัน
2. การวาดภาพตามจินตนาการ สวนใหญจ ะเกดิ จากแรงบันดาลใจของศลิ ปน
จนนําไปสกู ารสรางสรรคผ ลงาน เปนการแสดงออกจากภาพภายในจิตใจสู
ภายนอก ดงั นั้น ข้นั ตอนการวาดภาพจึงเปน ไปอยา งอสิ ระ ไมต อ งยึดตดิ กบั
สง่ิ ใดๆ บางคร้ังภาพทว่ี าดออกมาไมจาํ เปน จะตองสมจริงกไ็ ด
คู่มอื ครู 49
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนกั เรียนรวมกันอธิบายเก่ยี วกบั ข้นั ตอน ๒) องคประกอบทางเนอ้ื หา (Content) หรือ
ในการวาดภาพตามทีไ่ ดศ กึ ษามา จากนัน้ ครถู าม
นักเรียนวา องค์ประกอบของเรื่องราวในภาพวาด องค์ประกอบด้านนี้มี
• ขน้ั ตอนใดสาํ คญั ทส่ี ดุ ของขนั้ ตอนการวาดภาพ ความส�าคัญมากกว่าองค์ประกอบของภาพด้านรูปร่าง รูปทรง
เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบคําถามได และขนาด เพราะเมื่อมนุษย์ค้นพบศิลปะแต่ละอย่างก็จะท�าให้
อยา งอสิ ระ ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ วา ข้ันตอนการ
รา งภาพเปนขนั้ ตอนท่ีสาํ คญั ในการวาดภาพ ทราบเรื่องราวชีวติ ความเป็นอยู่ของมนษุ ย ์ และเรือ่ งอืน่ ๆ ทมี่ ี
ระบายสี เพราะการรางภาพเปนการเร่มิ ตน
โครงรา งของภาพ เปน การถายทอดความคิด ความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ เสมอ เช่น เรื่องราว
หรอื จนิ ตนาการออกมา กอ นการวาดภาพ
ทกุ ครัง้ จําเปนตอ งมีการรางภาพ เพอ่ื จัดลําดับ เกีย่ วกับความเชื่อทางสงั คม เร่ืองราวเกย่ี วกบั ศาสนา เรอ่ื งราว
เนือ้ หา จัดองคป ระกอบของทัศนธาตใุ หไ ด
ตามหลักการจดั องคประกอบศิลปท่ีสมบรู ณ เกี่ยวกับบคุ คลและประวตั ิศาสตร์ เรอื่ งราวเกย่ี วกบั นยิ าย หรือ
แลวจึงลงนํ้าหนักของเสน แสง เงา และสี
ตามภาพรา งท่ีกําหนดไว จึงจะไดผ ลงาน นิทานพน้ื บ้าน เรอ่ื งราวเกย่ี วกับตัวมนุษย ์ เป็นต้น
ที่มีคณุ ภาพ)
๓.๒ ข้ันตอนในการวาดภาพ
• สงิ่ ท่ีควรคาํ นงึ ถงึ มากทสี่ ดุ ในขั้นตอน
การแรเงา คอื ส่งิ ใด “พระอรชุน รําเพลงกลม” ภาพวาดสีน้ํามัน ผลงานของ การวาดภาพโดยทวั่ ๆ ไปจา� เปน็ จะตอ้ งรา่ งเสน้ ครา่ วๆ
(แนวตอบ ในการแรเงาผูวาดตอ งสังเกต จกั รพนั ธ ุ์ โปษยกฤต เปน็ การถา่ ยทอดภาพวาดจากวรรณคดี หรอื รา่ งเสน้ โครงนอก เพอ่ื ให้เหน็ องค์ประกอบตา่ งๆ ของภาพ
แสงเงาของตน แบบใหละเอยี ด ถา เปน ภาพ ไทย ท่ีใหท้ ้ังความงามและองค์ประกอบทางด้านเนื้อหา จากนั้นจึงวาดต่อเติมจนได้รูปลักษณะที่แน่นอน การเร่ิมต้น
วาดจากของจรงิ สิ่งสาํ คัญคือการกําหนด
ทิศทางเกีย่ วกับแสงสวา งท่สี อ งมากระทบวตั ถุ วาดภาพ ท้ังภาพเหมอื นจรงิ ของคน สัตว ์ สิ่งของ หรอื ภาพแสดงรปู ร่าง รูปทรง สสี ัน ต้องเรม่ิ ทก่ี ารรา่ งภาพก่อน
ใหถ ูกตอง เพ่อื ทผ่ี ลงานออกมาจะไดด มู มี ติ )ิ
เพอ่ื กา� หนดเค้าโครง แสงเงา และสี แล้วจงึ ลงมอื แรเงา หรือระบายสตี ามท่ีออกแบบไว้
๑) ข้นั เตรียมการ การเตรยี มตวั ทีจ่ ะวาดภาพปฏิบัติได ้ ดังน้ี
๑.๑) การเตรียมอุปกรณ ก่อนที่จะปฏิบัติการวาดภาพจะต้องเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือให้พร้อม
ท้ังนเี้ พือ่ ความสะดวกท่จี ะนา� อุปกรณ์เหล่าน้ันมาใช้
๑.๒) การเตรียมความพร้อม ในการวาดภาพผู้วาดจะต้องวางกรอบแนวคิดไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะ
วาดภาพอะไร จากนนั้ สรา้ งความรสู้ กึ ใหเ้ กดิ ความอยากวาดภาพ ทา� จติ ใจใหร้ สู้ กึ ผอ่ นคลาย จนเกดิ สมาธิในการทา� งาน
จึงจะท�าให้ภาพทวี่ าดออกมานัน้ มคี วามปร1ะณีตสวยงาม
๒) ขนั้ ร่างภาพ การรา่ งภาพเป็นส่วนสา� คัญในการวาดภาพ เพราะเป็นการเริ่มต้นวาดโครงรา่ งของภาพ
ทงั้ หมด การรา่ งภาพตอ้ งให้เหมาะสมกับหนา้ กระดาษ โดยคา� นึงถงึ โครงสร้างของรูปร่าง รปู ทรง ขนาด และสัดสว่ น
การร่างภาพของแต่ละคนจะมีวิธกี ารแตกตา่ งกัน บางคนเริ่มจากรายละเอยี ดไปหาส่วนใหญ่ บางคน
กเ็ ริม่ จากส่วนใหญ่ไปหาส่วนละเอยี ด แต่การรา่ งภาพที่ได้ผลดแี ละใช้เวลาไม่มากนัก คือ การรา่ งภาพจากส่วนใหญ่
กอ่ นแล้วจึงวาดรายละเอียดภายหลัง เมื่อรา่ งภาพได้เหมาะสมดแี ล้ว การลงน้า� หนัก หรือแรเงาก็จะทา� ไดง้ ่ายข้นึ
๓) ขัน้ ลงนํ้าหนัก การลงนา้� หนักของภาพจะม ี ๒ ลักษณะ คือ
๓.๑) วาดเสน้ หรอื แรเงา หมายถงึ การลงนา�้ หนกั เพอื่ ใหเ้ กดิ แสงเงา เรยี กอกี อยา่ งหนงึ่ วา่ “การแรเงา”
ผวู้ าดตอ้ งสงั เกตแสงเงาของตน้ แบบใหล้ ะเอยี ด ถา้ เปน็ ภาพวาดจากของจรงิ สง่ิ สา� คญั คอื การกา� หนดทศิ ทางเกยี่ วกบั
แสงสว่างทีส่ ่องมากระทบวตั ถใุ ห้ถกู ต้อง ดแู ลว้ มีมิติ
๕๐
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครูควรแนะนาํ เพิ่มเติมเก่ียวกบั เรือ่ งแสงและเงาที่ตกกระทบวตั ถุ โดยอธิบาย
เพิม่ เตมิ กับนักเรยี นวา เงาตกทอดและเงาดา นมดื ของวัตถจุ ะอยูต รงกนั ขา มกบั การเขยี นภาพระบายสี สงิ่ แรกทผี่ วู าดจะตองปฏิบัตคิ อื อะไร
ดา นที่แสงตกกระทบเสมอ และถาแสงทต่ี กกระทบทํามุมทบั เสน ระนาบแคบ คอื 1. รา งภาพ
ประมาณ 30 องศา เงาตกทอดจะมคี วามยาวกวา เงาตกทอดของวตั ถทุ แ่ี สงตกกระทบ 2. กําหนดเรอ่ื ง
ทํามมุ กับเสนระนาบกวา ง หรอื มากกวา 30 องศา หรอื ถาแสงตกกระทบสวนบน 3. ตัดเสน
ของวัตถุ หรือตง้ั ฉากกับพื้นระนาบ เงาทีต่ กทอดจะสั้นหรอื อยใู ตว ตั ถุ โดยครูอาจพา 4. แตงกรอบ
นกั เรียนออกไปสังเกตเงาตกทอดของตนไม หรือเสาไฟทถี่ กู แสงอาทิตยส อ งในเวลา
ท่ีตางกันกไ็ ด วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ในการวาดภาพ ผวู าดจะตอ งวางกรอบหรือ
นกั เรยี นควรรู กําหนดเร่อื งทีจ่ ะวาดไวก อ นลว งหนา จากนนั้ คอ ยสรางความรูสกึ ใหเ กิด
ความอยากวาด ทาํ จติ ใจใหร สู กึ ผอ นคลาย ซง่ึ จะทาํ ใหเ กดิ สมาธใิ นการทาํ งาน
1 การรางภาพ สําหรับนกั เรยี นทีย่ ังไมช ํานาญและขาดทกั ษะทางดานนี้ เพือ่ และจะทาํ ใหภ าพทว่ี าดออกมามีความสวยงามประณีต ตอ จากนน้ั จงึ คอ ย
ปอ งกันการวาดแลวลบ ซึ่งจะทําใหกระดาษเปนขยุ ควรใชว ธิ รี า งภาพบนกระดาษ เขาสขู นั้ ตอนการรา งภาพ การลงนํา้ หนัก และการระบายสีตอไป
อน่ื ๆ กอ น เมื่อไดเคา โครงแลว จงึ คอ ยรางลงบนกระดาษทจ่ี ะใชวาดจริง
50 คูม่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
1. ครูใหน ักเรยี นสรปุ สาระสาํ คัญเกี่ยวกับ
แนวทางพื้นฐานในการวาดภาพระบายสี
ดา นองคประกอบในการวาดภาพและขน้ั ตอน
ในการวาดภาพลงสมดุ บนั ทึก สง ครูผสู อน
2. ครูใหนกั เรียนวาดภาพทิวทศั นโดยใชส ีนาํ้ หรือ
สีโปสเตอร มาคนละ 1 ภาพ โดยทาํ ลง
กระดาษ 100 ปอนด พรอ มต้ังชื่อภาพและ
เขียนอธิบายแนวคดิ ของภาพมาพอสงั เขป
นาํ ผลงานสงครผู ูส อน
“ศาสตราจารยคอรราโด เฟโรชี” ผลงานของ สมพงษ์ แสงครามรุ่งโรจน์ ภาพวาดสีไม้บนผ้าใบ ศิลปินใช้สีไม้สเกตช์เป็นภาพ และแรเงา
วางนํ้าหนกั อ่อน-แก ่ สรา้ งเปน็ ผลงานทัศนศลิ ป์ที่นา่ ชมขนึ้ มา
๓.๒) ระบายสี การระบายสีเป็นกระบวนการสืบเนื่องจากการวาดภาพแรเงา โดยเปล่ียนจากการใช้
ดินสอระบายน้า� หนกั ลงบนรูปทรงทวี่ าดมาเปน็ การใช้สรี ะบายแทน เพอ่ื ให้ภาพน้ันดูเหมอื นของจรงิ หรือใหภ้ าพนัน้
มีสีต่างๆ ตามแบบท่ีร่างไว้ หากเป็นการวาดภาพของจริง สิ่งส�าคัญก็เช่นเดียวกันกับภาพแรเงา คือ การก�าหนด
ทิศทางของแสงสว่างท่ีส่องมากระทบวัตถุ เช่น ด้านสว่างของวัตถุให้ระบายสีอ่อน ส่วนด้านตรงข้าม คือ ด้านท่ี
แสงสวา่ งตรงขา้ มกับแสง หรือด้านทีแ่ สงตกไม่ถงึ ให้ระบายสีเข้ม เป็นต้น หากเป็นสีโปสเตอร์ เมือ่ ตอ้ งการสอี ่อนให้
ผสมด้วยสีขาว เมอ่ื ตอ้ งการสเี ขม้ ใหผ้ สมด้วยสีดา� หรือสีตรงขา้ ม
กิจกรรม ศลิ ป์ปฏิบัติ ๔.๑
กจิ กรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนฝกปฏิบัติวาดภาพแรเงาจากวัตถุส่ิงของท่ีมีอยู่รอบตัว โดยเลือกตามมุมมองของ
แตล่ ะคน
กิจกรรมที่ ๒ ให้นกั เรียนฝกปฏิบตั ิวาดภาพระบายส ี ภาพผัก ผลไม้ ภาพดอกไม้ หรอื ภาพทิวทศั น์ โดยใช้
สนี า้� และสโี ปสเตอร์
กจิ กรรมท่ี ๓ จงตอบค�าถามต่อไปนี้
๓.๑ น กั เรียนเหน็ ด้วยหรือไม่วา่ การวาดภาพระบายสี มีความแตกตา่ งอยา่ งมากกับ
การวาดภาพแรเงา
๓.๒ รปู ร่างและรปู ทรงมลี ักษณะแตกต่างกันอยา่ งไร
๓.๓ การจะวาดภาพระบายสีให้มีผลงานดคี วรปฏิบตั อิ ยา่ งไร
๕1
แนวตอบ กิจกรรมศิลป์ปฏิบตั ิ 4.1 กจิ กรรมท่ี 3
1. นกั เรียนสามารถตอบคาํ ถามไดอ ยางอิสระ ทงั้ นคี้ รคู วรอธิบายเพมิ่ เตมิ วา การระบายสีเปนกระบวนการสบื เน่ืองจากการวาดภาพแรเงา โดยเปลี่ยนจากการใชดินสอ
ระบายน้าํ หนักลงบนรปู ทรงทีว่ าดมาเปน การใชส รี ะบายแทน
2. รปู รา ง หมายถงึ รปู นอกหรอื เสน ทเ่ี ปน เสน โครงของวตั ถสุ ง่ิ ของทเ่ี หน็ เปน 2 มติ ิ คอื มคี วามกวา งและความยาว ภาพทม่ี ลี กั ษณะแบน ไมม คี วามหนา สว นรปู ทรง หมายถงึ
โครงสรางของวัตถสุ ิ่งของท่ีปรากฏในลักษณะ 3 มติ ิ คือมคี วามกวาง ความยาว ความลึก จะเห็นภาพดเู หมือนมนี ํา้ หนกั มีปรมิ าตร ในการวาดภาพทีเ่ ปนรูปทรง
การใชแสงและเงามีสว นเก่ยี วของอยา งมาก
3. นักเรยี นสามารถตอบคาํ ถามไดอยางอิสระ ท้งั นค้ี รูควรอธบิ ายเพิ่มเติมวา การวาดภาพระบายสีใหไ ดผลงานท่ีดี มคี ุณภาพนั้น ผูวาดจําเปน ตอ งมีความรูพ ้นื ฐานเก่ียวกบั
การวาดภาพระบายสี ทัง้ ในเรอ่ื งเครอ่ื งมอื และอปุ กรณที่ใชในการวาดภาพระบายสี แนวทางพนื้ ฐานในการวาดภาพ รวมท้งั ตอ งฝก ปฏิบตั บิ อ ยๆ จนชาํ นาญ
ค่มู ือครู 51
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
ครพู ิจารณาจากผลงานภาพวาดระบายสขี อง เกร็ดศลิ ป การเลือกกระดาษวาดภาพ
นักเรยี น โดยพจิ ารณาดา นความสวยงามและ
ความคดิ สรา งสรรค กระดาษทเ่ี หมาะกบั การใชว้ าดภาพจะเปน็ กระดาษ ๑๐๐ ปอนด ์(หนา ๒๐๐ แกรม)
กระดาษสนี า้� ทด่ี จี ะมสี ว่ นผสมของใยฝา ยมากปราศจากกรดและคลอรนี เนอ้ื กระดาษ
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู เปลี่ยนแปลงน้อย แม้เก็บไว้เป็นเวลานานๆ เหตุท่ีต้องเลือกใช้กระดาษที่มี
ความหนามาก เพราะจะไดไ้ ม่บดิ งอเสยี รูปเมอ่ื ระบายด้วยสีน�้า และทนตอ่ ความชนื้
1. การสรุปสาระสําคญั เกยี่ วกบั ความเปนมา หรอื การเปลย่ี นแปลงของอณุ หภมู ิ กระดาษทด่ี จี ะไมช่ า้� เมอ่ื แกไ้ ขงาน และไมด่ ดู ซบั
แนวทางปฏิบตั ใิ นการวาดภาพระบายสี สมี ากเกินไป
รวมทัง้ เครื่องมือและอุปกรณใ นการวาดภาพ นอกจากความหนาแล้ว ยงั ตอ้ งดูทว่ี า่ จะเลอื กใช้กระดาษทีม่ ีพื้นผวิ หยาบ หรอื
ระบายสี ผวิ เรียบดว้ ย พ้นื ผิวท่หี ยาบ หรอื ขรขุ ระจะสามารถรบั น้�า ดูดซับสีไดด้ ี สจี ะไม่ไหล
โดยท่ัวไปมักจะใช้แบบหยาบ แต่หากภาพมีขนาดเล็กและรายละเอียดมากก็ควร
2. ผลงานภาพวาดระบายสี เลือกใช้แบบท่ีมีผิวค่อนข้างเรียบ เพราะจะท�าให้สามารถใช้พู่กันเบอร์เล็กมากๆ
เขียนเส้นได้คมชัดกว่าแบบผิวหยาบ กระดาษวาดภาพสีน�้าที่ขายในท้องตลาด
มที งั้ ชนดิ แผน่ ขนาด ๕๖ × ๗๖ เซนตเิ มตร และชนดิ เลม่ ขนาด ๑๘ × ๒๔ เซนตเิ มตร
๒๔ × ๓๒ เซนตเิ มตร ๒๖ × ๓๖ เซนตเิ มตร หลากหลายยหี่ อ้ และหลายราคาใหเ้ ลอื ก
การเลอื กใชพ้ ู่กัน
ปจั จบุ นั มพี กู่ นั ทที่ า� จากวสั ดตุ า่ งๆ ใหเ้ ลอื กมากมาย ทงั้ ทที่ า� จากเสน้ ใยสงั เคราะห์
และขนสัตว์ ในการเลือกซื้อพู่กันส�าหรับระดับชั้นนี้ควรเลือกพู่กันที่ท�าจากขนสัตว์
จะเป็นขนกระรอก ขนกระตา่ ย หรือขนวัวก็ได ้ แมค้ ณุ ภาพจะไมด่ มี ากนัก แต่ก็มี
ราคาถูกและสามารถใช้งานได้ ส่วนพู่กันท่ีมีคุณภาพดีจะเป็นพู่กันเซเบิล (Sable
Brush) ซ่ึงท�าจากขนสัตว์ในเขตอากาศหนาวเย็น ขนแปรงเก็บเน้ือสีได้ดี มีอายุ
การใช้งานยาวนาน แตม่ รี าคาแพง
สรุป การวาดภาพระบายสีเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา นับตั้งแต่
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยภาพวาดระยะแรกๆ จะเป็นการถ่ายทอดความรู้สึก ความประทับใจของ
มนุษย์ที่มีต่อสิ่งต่างๆ ในวิถีของการดำารงชีวิต เป็นภาพวาดง่ายๆ ตามผนังถำ้า ซ่ึงความรู้ และวิธีการ
วาดภาพกค็ อ่ ยๆ ถ่ายทอดต่อเนื่องกนั มา จนมีลกั ษณะทีแ่ ตกตา่ งกนั ออกไป
การสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมด้วยการวาดภาพระบายสี นอกจากจะอาศัยทักษะฝมือและ
ความชำานาญของผู้สร้างสรรค์แล้ว ความรู้เก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ก็มีความสำาคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะ
เปน็ วธิ ใี ชต้ ลอดจนการเกบ็ รกั ษา ทงั้ นี้ เพอ่ื ชว่ ยอาำ นวยความสะดวกในการทาำ งาน ประหยดั เวลา คา่ ใชจ้ า่ ย
รวมทง้ั ยังช่วยทำาให้สร้างสรรคผ์ ลงานไดอ้ ย่างมคี ุณภาพด้วย
๕2
เกรด็ แนะครู บูรณาการเช่อื มสาระ
การศกึ ษาความรเู บื้องตน เกย่ี วกับการวาดภาพระบายสีสามารถเช่ือมโยง
ครอู ธิบายเสรมิ วา กระดาษวาดภาพระบายสปี จจุบนั นี้มใี หเลอื กหลายแบบ กบั การเรียนการสอนของกลุม สาระการเรยี นรูสงั คมศึกษา ศาสนา และ
ซึ่งนกั เรียนในชว งเริ่มฝก ปฏบิ ัติไมควรใชกระดาษราคาแพงมากอยางท่ีศลิ ปนใช วัฒนธรรม วิชาหนาทีพ่ ลเมือง ในเรือ่ งวฒั นธรรม เพราะการทน่ี ักเรียนมีความรู
โดยมีจําหนา ยทงั้ ท่ีเปน แผน ขนาดใหญตองนํามาตดั เองและแบบตัดแผน มาเปน เลม ความเขาใจเรือ่ งวัฒนธรรมประเพณแี ละวิถีชวี ติ ของชาวไทย นักเรียนกส็ ามารถ
นําความรดู ังกลา วมาเปนแนวคดิ ในการวาดภาพระบายสไี ด
บรู ณาการอาเซยี น
ใหนกั เรียนหาตัวอยา งภาพและเทคนิคการวาดภาพระบายสีของศิลปน ใน
ประเทศสมาชิกอาเซียนมาคนละ 1 ภาพ โดยเนน ถึงวิธีการเลือกใชว ัสดอุ ุปกรณและ
เทคนิคในการสรา งสรรคผลงาน จากน้ันนาํ ผลงานสง ครผู ูสอน เพื่อคัดเลอื กตัวอยา ง
ผลงานทีใ่ หสาระความรูท่ีดจี าํ นวนหนึง่ นําไปตดิ ทปี่ ายนิเทศ
52 คมู่ ือครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
วาดภาพทศั นียภาพแสดงใหเ หน็ ระยะไกล
ใกลเปน 3 มิติ
สมรรถนะของผเู รยี น
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค
1. มวี ินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มงุ มั่นในการทํางาน
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
๕หนว่ ยท่ี ครูใหนกั เรียนดภู าพวาดทวิ ทัศนท แี่ สดงระยะ
หลกั การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ ไกลใกล ไดแ ก ภาพวาดทิวทศั นท างบก และ
ในโลกแห่งความเป็นจริง เราสามารถมองเห็นส่ิงต่างๆ ภาพวาดทิวทัศนทางทะเล แลว ใหน ักเรียนรว มกนั
ตัวช้วี ดั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ภาพทัง้ 2 ภาพ
ศ ๑.๑ ม.๑/๓ เปน็ ภาพ ๓ มติ ิ แตเ่ มอื่ เรานำาภาพทมี่ องเหน็ นนั้ มาถา่ ยทอด
เป็นภาพวาดบนพื้นผิวระนาบ ๒ มิติ เช่น แผ่นกระดาษ • ภาพวาดท้งั 2 ภาพ แตกตางกนั อยา งไร
■ วาดภาพทัศนียภาพแสดงให้เห็นระยะไกลใกลเ้ ปน็ ๓ มิติ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยา งอสิ ระ)
ผืนผา้ ใบ ฝาผนงั เปน็ ต้น เพอื่ ใหไ้ ดภ้ าพวาดทีด่ สู มจรงิ เราจะ • ภาพวาดทงั้ 2 ภาพ ภาพใดทีแ่ สดงระยะ
ไกลใกลไ ดช ดั เจน
สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งสรา้ งความลกึ ในลกั ษณะเทยี ม หรอื ลวงตาขนึ้ เปน็ มติ ทิ สี่ าม (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอสิ ระ)
บนพืน้ ผิวระนาบ รวมถงึ การกาำ หนดความแตกต่างของตำาแหน่ง
ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับการวาดภาพท่ี
■ หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ และระยะของวัตถตุ ่างๆ จากผ้ชู ม ในมมุ ของการมองเห็นท่แี ทจ้ ริง เก่ยี วกบั ส่งิ แวดลอ ม ภูมิประเทศทพี่ บเห็น
โดยทัว่ ไป หรือท่เี รยี กกันวา “ภาพทวิ ทศั น”
การสรา้ ง “ความลกึ ลวงตา” สาำ หรบั ภาพ ๒ มติ ิ บนพนื้ ผวิ ระนาบ ซึ่งการวาดภาพทวิ ทศั นผ ูวาดจะตองมีความรู
ความเขาใจในหลกั ของทศั นียภาพใหดีเสยี กอน
ให้เกิดเป็นรูปทรงที่มีปริมาตร มีความกว้าง ความยาว ความสูง จึงจะถายทอดผลงานออกมาไดอยางถูกตอง
ความลึก รวมถึงรอยนูน รอยยุบตามที่เห็นจริงจะทำาให้ภาพที่
ถกู ถา่ ยทอดออกมามองดสู มจรงิ คลา้ ยคลงึ กบั ภาพทเี่ หน็ จรงิ ดว้ ยสายตา
๕3
เกรด็ แนะครู
การเรียนการสอนในหนว ยการเรียนรนู ้ี ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกยี่ วกับหลักการ
วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ (Perspective) วา การวาดภาพตามหลกั การวาดภาพ
แสดงทัศนียภาพ (Perspective) เปน สวนประกอบอยางหนึ่งทท่ี าํ ใหภ าพมีมติ ิ
ในเร่อื งของความลึก ระยะไกลใกลของภาพ หลกั ในการวาด คือ สิง่ ที่อยใู กลต า
จะมีขนาดใหญ สง่ิ ท่อี ยูไ กลตาจะมีขนาดเลก็ โดยอาศยั เทคนิควิธีการทางศลิ ปะ
ในการสรา งมติ ิของภาพ ไดแก เทคนคิ การสรางความลึกลวงตาแบบ 3 มิติ
เพือ่ นาํ ไปใชเปน แนวทางในการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพตอไป
คู่มอื ครู 53
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหน ักเรยี นดภู าพ “อนิ ทนลิ ” ซ่งึ เปน ภาพวาด 1
สอี ะคริลิกบนผา ใบ ผลงานของสมพล ยารังษี
จากนัน้ ใหนักเรียนชว ยกันพิจารณาวา ñ. ¤ÇÒÁÅึ¡ÅǧµÒẺ ó ÁµÔ Ô
• ภาพดังกลาวใชว ิธีการใดในการวาดภาพ การสร้างความลกึ ลวงตาแบบ ๓ มติ ิ มวี ธิ กี าร
(แนวตอบ ผวู าดใชว ิธีการวาดใหสิ่งทอี่ ยูไกล
ซ่งึ เปนภูเขามสี ีจาง ดไู มช ัดเจน และวาด ดงั น้ ี
ดอกไมซ งึ่ เปน สงิ่ ทอ่ี ยูใกลเ ขามาใหมีสีเขม ข้นึ ๑.๑ การศกึ ษาจากภาพบรรยากาศ (Atmo-
ดชู ัดเจน สามารถเหน็ รายละเอยี ดไดมากกวา spheric Perspective)
เพอื่ แสดงระยะไกลใกล และเพือ่ ใหภ าพ 2
ทว่ี าดออกมาดคู ลายของจรงิ มากขน้ึ )
ภาพบรรยากาศ หรือภาพทิวทัศน์ ก็คือ
• นักเรียนรสู กึ อยา งไรตอ ภาพวาดดงั กลา ว
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ) ทัศนียภาพท่ีเกิดขึ้นจากการมองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลออกไป
เชน่ ภเู ขา ตน้ ไม ้ เปน็ ตน้ ซง่ึ อาจดคู ลมุ เครอื และไมช่ ดั เจน “อินทนลิ ” ภาพวาดสีอะคริลิกบนผ้าใบ ผลงานของ สมพล ยารงั ษ ี
ที่ให้บรรยากาศฉากหลังซ่ึงเป็นภูเขามีสีจางไม่ชัด เพ่ือแสดงระยะที่
เน่อื งจากมีตวั กลาง เช่น เขม่า ควนั หมอก ฝนุ่ ละออง
ละอองไอน้า� ในอากาศ เป็นตน้ ซงึ่ ส่งิ เหล่าน้ีจะกัน้ ขวาง อยไู่ กลออกไป
แสงสะท้อนจากวัตถุ ท�าใหแ้ สงสะท้อนถงึ นัยนต์ าเราได้น้อย สง่ ผลให้มองเหน็ วัตถุไมช่ ัดเจน
สา� รวจคน้ หา ในการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ ผวู้ าดจะตอ้ ง
Explore วาดให้ส่ิงที่อยู่ไกลออกไปมีสีจางลง ดูไมช่ ัดเจน และต้อง
ใหน กั เรยี นศกึ ษา คนควา เกย่ี วกบั เทคนคิ วาดให้ส่ิงท่ีอยู่ใกล้เข้ามามีสีเข้มข้ึน ดูชัดเจน สามารถ
การสรา งความลึกลวงตาแบบ 3 มติ ิ จากแหลง
เรยี นรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หอ งสมดุ เห็นรายละเอยี ดไดม้ ากกว่า เพอ่ื ใหภ้ าพทวี่ าดดูคล้ายกบั
อนิ เทอรเนต็ เปนตน
ของจรงิ มากขึน้ 3
๑.๒ ใชก้ ารซอ้ นทบั (Overlapping)
วิธีการน้ีเป็นวิธีการพ้ืนฐานในการสร้างความ
ลึกลวงตา สามารถท�าได้โดยน�าวัตถุชิ้นหน่ึงไปวางไว้
ด้านหน้าวัตถุท่ีต้องการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง โดยจัดวางใน
ลกั ษณะการซอ้ นทบั หรอื วางเหลอ่ื มกนั จะทา� ใหม้ องเหน็
ภาพรูปทรงเรขาคณิตท่ีมีการซ้อนทับกัน ทําให้รู้ว่าอะไรอยู่ด้านหน้า ว่ามีวัตถุชิ้นหนึ่งวางอยู่ด้านหน้าและบังวัตถุที่ดูเหมือน
ด้านหลงั ช่วยสรา้ งความลึกลวงตาข้ึน
อยขู่ ้างหลงั บางสว่ น
๑.๓ เนน้ รายละเอียดและเส้นขอบ (Details & Edges)
เราสามารถสร้างความรู้สึกถึงความลึกของ
วัตถุ หรือระยะหา่ งของต�าแหนง่ วัตถุในภาพ โดยการเนน้
รายละเอียดของวัตถุท่อี ยู่ไกลกวา่ ให้มนี ้อยลง และท�าให้
เส้นขอบเบา หรือมีความชัดน้อยลง ส่วนวัตถุท่ีอยู่ใกล้
กเ็ พิ่มรายละเอียดและความชดั ของเส้นขอบให้มากขน้ึ ภาพระยะใกลจ้ ะมคี วามชัดเจนของรายละเอยี ดมาก
๕4
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 ความลกึ ลวงตา หมายถงึ ระยะไกลใกลข องวตั ถใุ นสิง่ แวดลอมท่เี รามองเห็น
แตเ นื่องจากการเขยี นภาพแสดงระยะไกลใกลน้นั เขียนอยบู นพ้ืนระนาบ 2 มิติ วตั ถปุ ระสงคในการสรางความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิลงในภาพเพอ่ื อะไร
จงึ ไมใชความลึกจริง เปน ความลึกจากการสรา งสรรคภ าพขึ้นมาใหเปรยี บเสมอื น 1. ทําใหเ กดิ บรรยากาศ
จริงทีเ่ รามองเหน็ ดว ยตา จงึ ใชค ําวา “ความลึกลวงตา” 2. ใหม องดูแลวสมจริง
2 ภาพทิวทัศน เปน การเขียนภาพเกยี่ วกบั สิง่ แวดลอ มรอบตวั เรา ท้ังท่มี นษุ ย 3. เกดิ สีสันสวยงามมากข้ึน
สรางขนึ้ และเกดิ เองตามธรรมชาติ ซงึ่ การเขียนภาพทวิ ทศั น คอื การบนั ทกึ 4. ชวยเนนทศั นธาตใุ หโดดเดน
ความงามจากธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอมท่มี นุษยส รางข้ึนมาเปน ภาพเขยี น
ตามหลักวชิ าศลิ ปะ วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. การเขียนภาพระบายสีโดยใชเ ทคนคิ
3 การซอ นทบั เมอื่ มองวตั ถตุ า งๆ ทที่ บั ซอ นกนั วตั ถทุ ถ่ี กู บงั จะเหน็ เพยี งบางสว น
โดยมบี างสวนหายไป โดยเราจะไมร ูสึกวา วัตถุทถ่ี กู บงั นัน้ ขาดความสมบรู ณต ามที่ การสรางความลกึ ลวงตาแบบ 3 มิติ จะชวยทาํ ใหภาพดูแลวมีความสมจรงิ
มองเห็น แตเ รากลับรูสกึ วา วตั ถุทถี่ ูกบังน้ันอยไู กลกวา หรือมีตําแหนง ในพ้นื ทีว่ า ง ไมห ลอกตา ภาพดแู ลว สอดคลองกับสงิ่ ทพี่ บเหน็ ไดจ รงิ ในธรรมชาติ
อยูหลังวัตถุทอี่ ยขู างหนา ซึง่ วิธีการซอ นทบั กันของวตั ถุนที้ ําใหเกิดการลวงตา และส่ิงแวดลอ มที่แสดงออกมา ชวยทําใหผลงานดแู ลว นา ประทับใจ
ในระนาบ 2 มติ ิ ดูมรี ะยะ มีพืน้ ท่ีวา ง และมอี ากาศลอ มรอบระหวา งวัตถเุ หลา นน้ั
54 คูม่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๑.๔ สังเกตขนาดและชอ่ งว่าง (Size & Space) ใหนักเรยี นนาํ ความรูเ กี่ยวกับการสราง
ความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิตามทไี่ ดศ ึกษามา
เราสามารถสังเกตไดว้ า่ วตั ถ ุ ๒ ชิน้ ท่มี ีขนาด มาพูดคยุ แลกเปล่ียนกันในชน้ั เรียน โดยใหนักเรียน
สรปุ สาระสําคญั ของการสรางความลกึ ลวงตา
และรูปทรงแบบเดียวกนั จะมีขนาดเท่ากนั เม่อื ต้ังอยู่หา่ ง แบบ 3 มิติ ลงสมุดบันทึก สงครูผสู อน จากนน้ั ครู
ถามนกั เรยี นวา
จากเราเท่ากัน แต่เม่ือเล่ือนช้ินใดชิ้นหน่ึงให้ไกลออกไป
• การสรางความลึกลวงตาแบบ 3 มิติ ทาํ ได
เรากจ็ ะพบวา่ วตั ถชุ น้ิ นน้ั มขี นาดเลก็ ลง ดงั นนั้ เมอื่ เราเหน็ อยา งไร
(แนวตอบ การสรา งความลกึ ลวงตาแบบ
วัตถุ ๓ ชิ้น ทม่ี รี ูปทรงเหมือนกัน แตม่ ีขนาดแตกต่างกัน 3 มิติ มีหลากหลายวิธี เชน การกําหนด
ขนาดและตําแหนงในแนวด่ิง (size and
ช้ินที่ใหญ่กว่าจะดูเหมือนวางอยู่ใกล้กว่าช้ินท่ีเล็ก ซ่ึงอยู่ vertical location) การทับซอ นกัน
(overlapping) การสรา งรายละเอียดและ
ห่างออกไป วตั ถ ุ ๒ ชน้ิ ทมี่ ขี นาดและรปู ทรงแบบเดยี วกนั จะมขี นาดเทา่ กนั เมอื่ ตง้ั บรรยากาศ (detail and atmosphere)
อยู่หา่ งจากเราเท่ากัน แตเ่ มื่อเล่อื นชน้ิ ใดชิน้ หน่งึ ให้ไกลออกไป วตั ถุ การใชทัศนียภาพ (perspective) การใช
น้นั จะมีขนาดเล็กลง สีและนํ้าหนักออ นแก (color and value)
เปน ตน )
๑.๕ เลน่ กบั โครงสรา้ ง (Modeling)
• เพราะเหตใุ ด รูปทรงทอี่ ยูใกลเ ม่อื มองใน
การเล่นกับแสงเงาผ่านทางหุ่นจ�าลอง หรือ แนวดิง่ จะดใู หญก วา รูปทรงทีอ่ ยูไกลออกไป
(แนวตอบ เพราะผวู าดใชวธิ กี ารกําหนด
โครงสร้าง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นรูปทรง ขนาดและตําแหนงในแนวด่งิ ในการจดั
องคป ระกอบของภาพ เพราะไมวา จะเปน
ของวัตถุน้นั ๆ ไดช้ ดั เจนข้นึ โดยจะสงั เกตได้จากเงาทท่ี อด ภาพเหมอื นหรือรปู ทรงตา งๆ การลดหรือ
เพมิ่ ขนาดและวางตําแหนง ในแนวด่ิง
ผ่านโครงสร้างหรือหุ่นจ�าลอง ซึ่งเงาจะทอดผ่านไปบน จะทําใหร ูส ึกวา วตั ถุท่อี ยใู กลม ีขนาดใหญ
สว นวตั ถุทอ่ี ยไู กลจะมขี นาดเลก็ )
พื้นผิวของวัตถุตามความลึก ความนูน ท่ีปรากฏให้เห็น
แสงเงาทีท่ อดผ่านทางหุน่ จาํ ลองช่วยทําใหเ้ กิดมิติต่างๆ ในการมอง ด้วยสายตา เช่น เงาที่ทาบลงบนกล่องท่ีวางซ้อนกันจะ
ท�าให้จินตนาการถึงรูปทรง ความลึกต้ืน และความลาด
เอยี งของกล่องนนั้ ๆ ได้
๑.๖ ใชก้ ารมองตาํ แหนง่ ในแนวดง่ิ (Vertical
Locations)
เมอื่ เราจนิ ตนาการวา่ กา� ลงั ยนื อยบู่ นพน้ื ทร่ี าบและ
มองไปตามพื้นเบื้องหน้าในระยะที่ไกลสุดขอบฟา เราจะ
พบว่าวัตถุที่วางอยู่บนพ้ืนที่ท่ีอยู่ห่างออกไป จะดูเหมือนค่อยๆ
เล่ือนข้ึนสู่เส้นขอบฟา ดังน้ัน ถ้าเราต้องการให้วัตถุที่มีขนาดเท่ากัน
ดูเหมือนกับว่าอยู่ห่างออกไป เราท�าได้โดยจัดวางให้วัตถุเล่ือนข้ึนไป
ให้อยู่สูงจากระดับพื้นระนาบตามสัดส่วน ยิ่งภาพวัตถุอยู่สูงขึ้นไป
จากแนวระนาบมาก วัตถุนั้นก็จะดูห่างออกไปมาก
ท้ังน้ีภาพที่สร้างขึ้นให้เห็นระยะใกล้-ไกล
ด้วยวิธีการนี้ส่วนใหญ่ก็จะเห็นการซ้อนทับ
ลักษณะตําแหนง่ ของวตั ถเุ มอื่ เรามองลงไปในแนวดงิ่ กับตา� แหน่งในแนวดิง่ อยู่ร่วมกนั ด้วย
๕๕
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู
เพราะเหตใุ ด การวาดภาพแสดงความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ จงึ เนน ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เกีย่ วกับชอ งวาง (space) ในทางทศั นศิลปวา งานทัศนศิลป
รายละเอยี ดของวัตถุที่อยูใกล โดยใชเสนขอบทเี่ ขม คมชัด สว นวตั ถทุ ่ีอยูไ กล แตละประเภท จะใชท ีว่ างแตกตางกนั ไป เชน ประติมากรรมและสถาปตยกรรม
จะไมเนนรายละเอียด และใชเ สนขอบใหบ างเบา จะใชทวี่ างแบบ 3 มิติ สวนจิตรกรรมจะใชทวี่ า งแบบ 2 มิติ คอื เปนทีว่ างท่กี ําหนด
แนวตอบ เทคนคิ การวาดภาพแสดงความลกึ ลวงตาแบบ 3 มิติ ผวู าด ดวยความกวางและความยาวเทา นนั้ แตบ างครั้งจติ รกรรมก็สามารถสรา งมติ ทิ ี่ 3
ตอ งอาศัยการสงั เกตจากการมองวตั ถตุ ามความเปนจริงในธรรมชาติ ใหเ กิดขนึ้ บนพนื้ ผิวระนาบ 2 มิตไิ ด บรเิ วณวา งทเ่ี กิดขน้ึ ลักษณะนี้ เรียกวา บรเิ วณ
หรือส่ิงแวดลอ ม เพราะโดยปกติเราจะเห็นรายละเอียดและเสน ขอบตา งๆ วางลวงตา (Illusion Space) หรอื บริเวณวา ง 2 มติ ิ (Two Dimension Space)
ของวตั ถทุ ่ีอยใู กลช ดั เจนกวาวัตถุที่อยไู กล ยิง่ วัตถุอยูไ กลยงิ่ เลอื นราง
ซึง่ จะชว ยทําใหเ มื่อมองดภู าพ เกดิ ความสมจรงิ ไมข ัดแยง กัน มมุ IT
นักเรียนสามารถศกึ ษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั แนวทางการสรางท่ีวาง 2 มิติ ใหด แู ลว
เปน ทว่ี าง 3 มิติ ไดจ าก http://watkadarin.com/
คู่มือครู 55
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูเชิญวทิ ยากรท่มี คี วามชํานาญดา นการ ò. ËÅ¡Ñ ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾áÊ´§·ÈÑ ¹ÕÂÀÒ¾
วาดภาพแสดงทัศนียภาพมาพดู คยุ แลกเปลย่ี น
ความคิดเห็นกับนกั เรียนเกยี่ วกับหลักการวาดภาพ การวาดภาพแสดงทัศนียภาพมีหลักการส�าคัญในการสร้างสรรค์ผลงาน
แสดงทศั นียภาพ โดยใหวทิ ยากรสาธติ การรางภาพ
แสดงความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิใหนกั เรียนดู คือ การใช้เทคนคิ การวาดภาพทม่ี ีความลึกลวงตา เพื่อสร้างภาพแบบ
จากนัน้ ใหนกั เรยี นรวมกันแสดงความคดิ เห็น
เก่ยี วกับภาพดงั กลาว ๓ มติ ิ บนพืน้ ผวิ ระนาบ ๒ มิติ เชน่ แผ่นกระดาษ ผนื ผา้ ใบ
ฝาผนงั เปน็ ต้น เพ่อื ใหภ้ าพท่ถี า่ ยทอดออกมาจาก
มุมมองของเราดูสมจริงคล้ายคลึงกับภาพท่ีเห็นจริง
สา� รวจคน้ หา ด้วยสายตา
Explore การวาดภาพที่แสด1งทัศนียภาพเป็นเรื่อง
ใหนกั เรียนศึกษา คน ควา เกี่ยวกับหลักการ ของการเลียนแบบความจริง เมื่อเรามองออกไปใน
วาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ จากแหลง เรยี นรตู างๆ
เชน หนังสือเรียน หองสมุด อนิ เทอรเ นต็ เปนตน โลกแหง่ ความเปน็ จรงิ เราจะพบวา่ วตั ถมุ ขี นาดเลก็ ลง
เมอื่ อยหู่ า่ งไกลออกไป และมรี ะยะหา่ งสมา่� เสมอ เชน่
เสารว้ั จะสงั เกตไดว้ า่ เสาแตล่ ะตน้ จะอย่ใู กลก้ นั มากขนึ้
เม่อื แนวร้ัวอยหู่ า่ งออกไป เปน็ ต้น ขนาด ความชัด สีของวัตถุ และตําแหน่งในการวาง จะช่วยทําให้เกิด
ในการวาดภาพระบายสีแสดงทัศนียภาพ ความลกึ ลวงตาขึน้
แบบบรรยากาศ การพัฒนารูปแบบจะมีมากขึ้น ถ้าหากได้สังเกตสภาพจริงของอากาศและธรรมชาติ โดยเฉพาะ
แสงสวา่ งและส ี กล่าวคอื บรรยากาศและสีจะมีผลตอ่ การมองเหน็ วัตถ ุ โดยวัตถุทีอ่ ยู่ใกลจ้ ะมกี ารตัดกนั ของสแี ละค่า
ของความเขม้ มากกว่าวัตถทุ ี่อย่ไู กลออกไป ซ่งึ สง่ิ ทอี่ ยู่ไกลสายตาส่วนใหญ่จะเหน็ เป็นสขี าวอมน�า้ เงนิ ขณะเดยี วกนั
วัตถุทอี่ ยู่ใกลก้ ว่าจะเหน็ รายละเอียดของเส้น ขอบ รูปร่าง รูปทรงของวตั ถุทชี่ ัดเจน นอกจากน ้ี วตั ถุสเี ดยี วกนั เมื่อ
อยหู่ า่ งกัน วัตถทุ อ่ี ย่ไู กลสายตาจะมีสเี ยน็ และใหค้ วามรู้สึกท่เี บาลง สว่ นวตั ถุท่ีอยู่ใกลเ้ ขา้ มาจะดอู ุน่ และแน่นข้ึน
ภาพแบนราบเป็น ๒ มติ ิ มีความลกึ ลวงตาเปน็ ๓ มิติ
๕๖
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครูควรสรุปทบทวนเกย่ี วกบั แนวทางการสรา งบริเวณวา ง 2 มิติ ใหดูเปน ขอใดเปน หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพท่ีถกู ตอง
บริเวณวา ง 3 มติ ิ หรอื บริเวณวางลวงตา มีแนวทางทสี่ าํ คัญ ดงั นี้ 1. วัตถทุ กุ ระยะมขี นาดเทากัน
1. การกาํ หนดขนาดและตําแหนงในแนวดงิ่ 4. การเหลื่อมซอ นกัน 2. สิ่งท่ีอยูไกลใหมรี ายละเอยี ดท่ีชดั เจน
2. การใชทฤษฎีทศั นียภาพเชิงเสน 5. การใชสกี บั บริเวณวา ง 3. วัตถทุ ี่อยูใกลต อ งใหเบาบางลง
3. การสรา งรายละเอยี ดและบรรยากาศ 4. วตั ถทุ ี่อยใู กลชัดกวาวัตถทุ ี่อยูไกล
นักเรียนควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. การวาดภาพแสดงทัศนียภาพ เพอ่ื ให
1 การเลยี นแบบความจรงิ เปรยี บไดก บั การทน่ี กั เรยี นนงั่ รถยนตแ ลว มองไปขา งหนา เกดิ ความสมจรงิ ตอ งวาดใหวตั ถุหรือส่งิ ของท่อี ยูใกลม คี วามคมชัด
นกั เรยี นจะเหน็ ถนนทอดยาวสดุ สายตา ดงั นน้ั หากนักเรยี นจะวาดภาพถนน มขี นาดใหญกวา และมีสีสนั ท่เี หน็ ไดชัดเจนกวาวัตถุ หรือส่ิงของท่อี ยไู กล
ก็ใหใชว ิธวี าดเสน ถนนทอดยาวขึน้ สูงและปลายคอยๆ แคบลงจนตบี สดุ ลูกหูลกู ตา โดยส่งิ ทอี่ ยไู กลสุดจะมลี ักษณะเปน เพียงแคจุดรวมสายตาเทานัน้
ก็จะทําใหภาพวาดถนนท่อี อกมาดูสมจรงิ มากย่ิงขึ้น
56 คู่มอื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
การวาดภาพที่แสดงทัศนยี ภาพ คือ การวาดภาพทีส่ ร้างความลึกลวงตาที่มที งั้ ระยะใกลแ้ ละไกลบนพ้ืนผวิ ใหน กั เรยี นรว มกนั อธบิ ายเกี่ยวกับหลกั การ
วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพตามท่ีไดศกึ ษามา
ระนาบ ๒ มิต ิ โดยสามารถเรียนรจู้ ากการสังเกต เพื่อทา� ความเขา้ ใจในหลกั การได้ 1 โดยครใู หน กั เรียนสรุปสาระสาํ คัญเก่ยี วกบั หลักการ
วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ ลงสมุดบนั ทึก ครถู าม
วัตถุที่เราต้องการวาดให้มีความลึกลวงตาแบบ ๓ มิติ จะต้องอาศัยจินตนาการมองให้เป็นรูปทรงท่ีมี นักเรียนวา
ความโปร่งใส สามารถเหน็ สัดส่วนทอ่ี ยู่ภายในวัตถไุ ด ้ แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นรูปทรงทม่ี ีความสมบรู ณ์ เชน่ กล่อง • หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ
มคี วามสําคญั อยา งไร
รปู ทรงกรวย รูปทรงกระบอก เปน็ ตน้ ซึง่ ถ้าเราจนิ ตนาการว่ารูปทรงน้ันโปรง่ ใส เรากส็ ามารถจะถ่ายภาพออกมาได้ (แนวตอบ การวาดภาพตามหลกั การ
วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพจะทาํ ใหภ าพวาด
อย่างสมจรงิ ทงั้ ขนาด รปู ร่าง และที่ว่างภายใน ทวิ ทศั นดูสมจรงิ และคลายคลงึ กบั ภาพที่
เห็นจรงิ ดวยสายตา ทง้ั ดานรูปราง รปู ทรง
ส่ิงท่ีควรค�านึงถึงในการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ คือ ไม่ต้องเคร่งครัดในเร่ืองของการใช้จินตนาการใน ตาํ แหนง ระยะ ความลกึ สดั สว นของพนื้ ที่
ตลอดจนความสัมพนั ธก บั สวนตา งๆ
การถา่ ยทอดผลงาน และหลกั การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพให้มากจนเกินไป เพราะจะท�าให้ภาพที่ได้แม้ว่าจะดูสวย ภายในภาพ)
แตอ่ าจดูแขง็ ท่ือและไมม่ ีชวี ติ ชีวาได้ • การวาดภาพแสดงทศั นียภาพแบบ
บรรยากาศ หมายถงึ การวาดภาพรูปแบบใด
การเรยี นรเู้ กยี่ วกบั หลกั การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ จะทา� ใหก้ ารวาดภาพ หรอื ระบายสวี ตั ถ ุ หรอื ทวิ ทศั น์ (แนวตอบ การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ
แบบบรรยากาศ หมายถึง การวาดภาพ
ดสู มจริง และคล้ายคลึงกบั ภาพท่เี หน็ จรงิ ดว้ ยสายตา ทัง้ ดา้ นรปู ร่าง รปู ทรง ต�าแหน่ง ระยะ ความลึก สัดสว่ นของ แสดงส่ิงของที่เหน็ อยใู นระยะไกลใกล
ตามที่ปรากฏจากบรรยากาศ กลาวคอื
พ้นื ท่ี ตลอดจนความสัมพนั ธ์กบั ส่วนตา่ งๆ ภายในภาพ โดยธรรมชาตเิ ราจะเห็นสิ่งของท่อี ยูใกล
ชดั เจนกวา สงิ่ ของทอี่ ยไู กล เชน หากเรา
“เรือ่ งราวของตลาด ๕ (ปากคลองตลาด)” ภาพเขยี นสีนา้ํ ผลงานของ สมโภชน ์ สงิ หท์ อง ท่ีถ่ายทอดทัศนยี ภาพออกมาได้อยา่ งมชี วี ิตชีวา มองดูภูเขาทสี่ ลบั ซบั ซอนออกไปขา งหลงั
ภเู ขาท่อี ยูใ กลก ็จะเหน็ ไดช ดั สวนภเู ขา
๕๗ ลูกท่ีอยหู า งออกไปก็จะเห็นลางเลือนกวา
เปน ตน ซ่ึงความชัดเจนหรอื ความลางเลือน
ของสง่ิ ของในระยะตางๆ เหลานี้ เกดิ จาก
บรรยากาศทาํ ใหแ สงท่ีสะทอ นมาจาก
ระยะไกลหกั เหไปทางอืน่ สว นจะหักเห
มากหรอื นอยน้ันแลวแตร ะยะทางไกลใกล
นกั เรียนสามารถนาํ ความรูน้ีมาใชใ นการ
แสดงแบบสถาปตยกรรมไดโ ดยใชสอี อ น-แก
ระบายลงบนรูปดานทเ่ี ขียนขึ้นกอ็ าจทาํ ให
เหน็ ระยะไกลใกลไ ดต ามสมควร)
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู
ใหน กั เรียนฝกวาดภาพลายเสน เกา อ้ีแบบ 1 จดุ รวมสายตา โดยทําลง ครคู วรแนะนาํ ใหนักเรยี นดภู าพเขยี นแสดงทัศนยี ภาพ ซึ่งหลายภาพไมจ ําเปน
กระดาษวาดเขยี น สงครูผสู อน ตอ งลงรายละเอียดมาก หรอื ไมจาํ เปนตอ งคํานงึ ถึงหลกั การสรางภาพลวงตา
แบบ 3 มิติ มากนกั ภาพก็ยงั ดูมคี วามสมจริง มบี รรยากาศ และอารมณข องภาพ
กิจกรรมทาทาย ท่ีนาประทบั ใจ
นกั เรยี นควรรู
ใหน กั เรียนฝก วาดหอ งตางๆ ภายในบาน เชน หองนอน หอ งครวั 1 จนิ ตนาการ การเขียนภาพตามจินตนาการจะทําไดด ี กต็ อ เมอ่ื ผูเ ขียนภาพ
หองน่ังเลน แบบ 1 จดุ รวมสายตา ทั้งนีน้ ักเรยี นจะวาดเปน ภาพลายเสน เปน คนชา งสงั เกต รจู กั คดิ วเิ คราะห แยกแยะสง่ิ ตา งๆ ทต่ี อ งการนาํ เสนอ โดยนาํ มา
หรือภาพวาดระบายสีกไ็ ด โดยทําลงกระดาษวาดเขยี น สง ครูผสู อน เชอ่ื มโยงกับประสบการณทางศลิ ปะซ่ึงหมายถึงประสบการณดานการฝกปฏบิ ตั แิ ละ
ประสบการณจ ากการศึกษาผลงานศิลปะท่ัวๆ ไป จงึ จะสามารถสรางผลงานศลิ ปะ
ใหแ ปลกแตกตางไปจากท่เี คยพบเห็นได ดังน้นั การสรา งสรรคผ ลงานศิลปะทเี่ กดิ
จากพ้ืนฐานประสบการณเมื่อนําไปเชื่อมโยงกบั ความนึกคิดและจนิ ตนาการก็จะ
เกดิ เปนผลงานในรูปแบบใหมๆ ทีน่ าสนใจ
คูม่ ือครู 57
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครถู ามนักเรยี นวา ๓. วธิ วี าดภาพแสดงทศั นียภาพ
• นักเรียนคนใดเคยมปี ระสบการณวาดภาพ
การวาดภาพทแี่ สดงทศั นยี ภาพมวี ธิ กี ารวาดหลายแบบ สา� หรบั ในระดบั ชนั้ นเ้ี ปน็ การเรยี นรวู้ ธิ กี ารเบอื้ งตน้
แสดงทศั นียภาพบาง เพ่ือจะไดน้ �าไปใชป้ ระโยชน์ในการวาดภาพระบายสภี าพวัตถุ หรอื ภาพทิวทัศนต์ อ่ ไป ดังน้ี
• นักเรยี นคดิ วา ทัศนธาตใุ ดมคี วามสาํ คญั
๓.๑ การวาดภาพทัศนียภาพแบบจุดเ1ดียว
ตอการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอ ยา งอสิ ระ วธิ ีน้ีใชว้ ิธกี ารมองแบบจดุ รวมสายตา หรอื จุดลบั ตาเพยี งจดุ เดยี วในการวาดภาพ โดยมีขน้ั ตอนในการวาด
ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมวา ทัศนธาตุทกุ ชนดิ มี ดังตอ่ ไปนี้
ความสําคญั ตอ การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ
ทง้ั เสน จดุ นา้ํ หนกั ออ น-แกข องแสงเงา และส)ี
ถามีครอู าจใหน กั เรียนที่มปี ระสบการณ
ในการวาดภาพออกมาสาธิตการรา งภาพใหเ พ่อื นๆ
ในช้ันเรยี นดู
สา� รวจคน้ หา Explore
ใหนักเรียนศกึ ษา คนควาเกยี่ วกับวธิ ีวาดภาพ ขน้ั ที่ ๑ ขน้ั ที่ ๒
แสดงทัศนียภาพ จากแหลง เรยี นรูต า งๆ เชน ลากเสนตรงจากมมุ บนทง้ั ๒ ของภาพใหท ํามุมกับ
หนงั สือเรียน หองสมุด อนิ เทอรเ นต็ เปน ตน รางรูป2ทรงทั่วไปของดานหนากลองสี่เหลี่ยม เสนขอบบน โดยใหเสนตรงทั้ง ๒ ไปตัดกันจนเกิด
จดุ ตดั เหนือบริเวณภาพ
ลูกบาศก
ขั้นที่ ๓ ข้ันที่ ๔
ลากเสน ขนานกับขอบบนผา นจุดตัดนัน้ โดยสมมติ ลากเสนขนานระหวางเสนระดับสายตาและขอบ
ใหเปนเสน ระดบั สายตาและจุดตดั คือ จดุ รวมสายตา ดา นบนของลูกบาศก จะเห็นพน้ื ผิวดา นบนของกลอง
ถาตัดเสนขอบทุกเสนของกลองใหชัดเจน เราจะได
ภาพแสดงทศั นยี ภาพแบบจุดเดยี วที่สมบูรณ
๕๘
นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 จุดรวมสายตา การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพแบบกําหนดจุดรวมสายตา
เปน พืน้ ฐานของการศึกษางานออกแบบตกแตง ภายใน และเปนพ้ืนฐานของ ภาพทวิ ทัศนท แ่ี สดงความลกึ ของภาพควรเขยี นเสน ทศั นียภาพใหมี
การเขียนแบบสถาปตยกรรมดวย เชน ลกั ษณะของหองในอาคาร เครอ่ื งเรอื น จดุ รวมสายตาก่จี ุด
ตู โตะ เกา อี้ เตียง เปน ตน
2 สเี่ หลยี่ มลกู บาศก ทรงลูกบาศกส ามารถเรียกไดในชือ่ อนื่ ๆ เชน ทรงสีเ่ หลี่ยม 1. 1 จดุ
จัตุรัส ปริซมึ ส่ีเหลยี่ มจัตุรัส เปนตน โดยลกู บาศกจะเปนทรงส่เี หลี่ยมมุมฉาก 2. 2 จดุ
ทีส่ ามารถคํานวณหาปริมาตรได ดังนี้ ลกู บาศกท่ีมีความกวาง 1 เซนติเมตร 3. 3 จุด
ความยาว 1 เซนติเมตร และความสงู (หนา) 1 เซนติเมตร จะมปี รมิ าตรเทา กับ 4. 4 จดุ
1 ลูกบาศกเซนติเมตร
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การวาดภาพทวิ ทศั นท แี่ สดงความลกึ ของภาพ
ควรเขยี นเสน ทัศนียภาพใหมีจดุ รวมสายตาเพียง 1 จุด เพราะการวาดภาพ
ทศั นยี ภาพแบบ 1 จดุ รวมสายตา จะแสดงภาพท่มี องเหน็ ดา นหนา วตั ถุ
วางขนานกับเสนระดับตาหรอื เสนขอบฟา โดยวตั ถทุ ไ่ี กลออกไปจะคอ ยๆ
เลก็ และลึกลงไปรวมกนั ทจ่ี ดุ รวมสายตา เชน ภาพถนนและตนไม ภาพถนน
และตกึ รามบา นชอ ง เปนตน
58 ค่มู อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ขัน้ ตอนการวาดภาพภายในกลอ่ งทา� ต่อเน่ืองจากข้ันท่ ี ๓ ดงั น้ี ครสู มุ ตวั อยางนักเรยี น 2-3 คน ใหอ อกมา
อธิบายวธิ วี าดภาพแสดงทศั นยี ภาพตามทีไ่ ดศกึ ษา
ขัน้ ท่ี ๑ ขัน้ ท่ี ๒ ข้นั ท่ี ๓ มา หนาช้ันเรยี น จากน้ันครถู ามนกั เรยี นวา
ใหลากเสนรางจากมุมลาง ลากเสนด่ิงจากมุมบนท้ัง ๒ ลากเสนนอนเชื่อมมุมดานลาง
ทงั้ ๒ ของภาพไปยงั จดุ รวมสายตา ด า น ห ลั ง ใ ห ตั ด กั บ เ ส น ท่ี ล า ก ทางซายและขวาของพ้ืนท่ีดาน • การวาดภาพตามหลักทศั นียภาพมกี ีแ่ บบ
ดา นบน ในขั้นที่ ๑ จะเห็นภาพดานกวาง หลงั จะไดพื้นของผนังกลองดาน อะไรบา ง
ของผนงั กลองดา นหลัง ลาง และไดภาพทัศนียภาพแบบ (แนวตอบ การวาดภาพตามหลกั ทศั นยี ภาพ
จดุ เดียวภายในกลอ งท่ีสมบูรณ (Perspective) มี 3 แบบ คอื
• แบบจดุ เดยี ว (One Point Perspective)
๓.๒ การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพแบบ ๒ จุด หรือแบบจดุ รวมสายตา ภาพแสดง
ทัศนียภาพทีม่ แี นวเสนระดับดา นหนา
ในการวาดภาพทัศนียภาพแบบจุดเดียว ความสูงและความกว้างของวัตถุที่วาดจะขนานไปกับระนาบ ขนานกบั เสน ระดับตา สว นดา นลกึ จะไป
รวมกนั ท่จี ุดรวมสายตา ซง่ึ ตงั้ อยูบ นเสน
ของภาพ สว่ นการวาดภาพทศั นยี ภาพแบบ ๒ จดุ จะมเี ฉพาะความสงู เทา่ นน้ั ทข่ี นานไปกบั ระนาบของภาพ ส1ว่ นบรเิ วณ ระดับตา
ด้านข้างของภาพจะมองเห2็นลึกเข้าไปในภาพ ซ่ึงในการวาดภาพจะต้องเพ่ิมเส้นต่อ และจุดรวมสายตาอีกชุดหน่ึง • แบบ 2 จดุ (Two Point Perspective)
คอื ภาพแสดงทศั นียภาพท่ีมีเสนแนว
ให้อยู่บนเส้นระดับสายตาเดียวกัน การเล่ือนให้ใกล้กันหรือห่างออกของจุดรวมสายตาทั้ง ๒ จะส่งผลให้มองเห็น ระดบั ทั้งดานหนา และดา นขา งไปรวมตรง
ดา้ นข้างน้อยลง หรือมากขึ้นตามล�าดับ ซ่ึงบริเวณด้านข้างท้งั ๒ อาจไมจ่ �าเปน็ ต้องมองเห็นองค์ประกอบของภาพ จดุ รวมสายตา ซึ่งอยดู านซายและขวา
เท่ากันก็ได ้ ทง้ั นี้ กอ่ นจะลงมอื วาดภาพจรงิ ตอ้ งใช้วธิ ีทดลองร่างภาพ เพ่ือสงั เกตวา่ ด้านขา้ งตา� แหน่งใดทีเ่ รามองเห็น • แบบ 3 จดุ (Three Point Perspective)
องคป์ ระกอบของภาพได้ดีทสี่ ุด คือ ภาพแสดงทศั นียภาพทค่ี ลา ยกบั แบบ
ในกรณีทมี่ ีการกา� หนดให้เสน้ ระดับสายตาอยู่สงู กวา่ กล่อง กจ็ ะได้ทัศนียภาพของกลอ่ งอกี แบบหนึง่ จุดรวมสายตา 2 จุด แตเ พ่ิมการมอง
จดุ รวมสายตาจากจดุ ท่ี 3 ตรงตามแนวดง่ิ
● เสน้ ระดบั สายตา ● จุดรวมสายตาท่ี 3 ดูภาพไดเ มอ่ื อยูท้งั
ดานบนและดา นลางของเสน ระดับตา
จดุ รวมสายตา จดุ รวมสายตา ทง้ั น้ใี นระดับชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 1 นี้
นักเรยี นจะไดเรยี นรเู ก่ียวกับวิธวี าดภาพ
๕9 แสดงทศั นียภาพเพยี ง 2 แบบ คอื
แบบจุดเดียวและแบบสองจุด)
• วธิ วี าดภาพแบบจุดเดียวกบั แบบสองจดุ
แตกตางกันอยางไร
(แนวตอบ การวาดภาพทัศนยี ภาพแบบ
จดุ เดยี ว ความสูงและความกวา งของวตั ถทุ ี่
วาดจะขนานไปกบั ระนาบของภาพ สวนการ
วาดภาพทัศนียภาพแบบสองจดุ จะมเี ฉพาะ
ความสงู เทา นน้ั ทข่ี นานไปกบั ระนาบของภาพ)
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู
การวาดแบบ 2 จุดรวมสายตา คอื การมองวตั ถอุ ยา งไร ครูอธิบายเพิม่ เติมเก่ยี วกับ “ววิ ตานก” (bird’s eye view) เปน การสรา งภาพลวง
1. มองวัตถุที่มุมใดมุมหน่งึ ที่อยใู กลท ่ีสดุ ใหรสู กึ หนาหรอื ลกึ ดวยวิธีทัศนมติ เิ ชงิ เสน จากมุมมองดานบนลงสูดานลาง ภาพท่ี
2. มองวตั ถทุ ่ีดา นหนา ของวตั ถทุ ่ีอยูใกลที่สุด ปรากฏประหนง่ึ วา ผูดูกม มองจากทสี่ ูงในลักษณะทีเ่ หน็ กวา งไกล และ “ววิ ตาหนอน”
3. มองวตั ถุจากดานบนของวัตถุ (worm’s eye view) เปน การสรางภาพลวงใหร ูสกึ หนาหรอื ลกึ โดยใชวิธีทัศนมติ ิ
4. มองวตั ถุท่ดี า นขางดา นใดก็ได เชิงเสนจากมุมมองดา นลา งข้ึนสูด านบน ภาพทีป่ รากฏประหน่ึงวาผดู ูแหงนมอง
อาคารหรือรปู ทรงตางๆ จากพนื้ ขน้ึ สเู บ้อื งบน
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการวาดภาพแสดงทัศนียภาพแบบ
นักเรียนควรรู
2 จดุ เปนการมองเหน็ วัตถทุ ี่มุมของวัตถเุ พียงดา นใดดา นหน่ึง ซึง่ ดานทอี่ ยู
ใกลส ายตา วตั ถจุ ะมีขนาดใหญกวา แลว คอ ยๆ เรยี วแคบลงไปทางดานขาง 1 จดุ รวมสายตา คือ จดุ ทเ่ี สนขนานบนระนาบเดยี วกัน ขนานกนั ตอ ออกไปทาง
ท้งั 2 ดาน ทาํ ใหเมอ่ื มองแลว วัตถจุ ะมมี ิตทิ ใี่ กลเคยี งกับความเปน จริงตาม ดานหนึง่ แลว ไปบรรจบกนั เปนจุดแหงใดแหง หนึง่ บนเสนระดบั สายตา
ธรรมชาติ 2 เสน ระดับสายตา คอื เสนนอนท่ขี นานไปกบั พน้ื ดนิ และตง้ั ฉากกบั แผนภาพ
เสน ระดบั สายตานจ้ี ะสูงต่ําจากระดับพืน้ เทา ใดขึ้นอยูก ับระดบั สายตาของผูดูวา
ตงั้ อยู ณ ตําแหนง ใด
คู่มอื ครู 59
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูนาํ ภาพวาดทิวทศั นแ สดงทัศนยี ภาพ เชน ô. ¡ÒÃÇÒ´ÀÒ¾·ÇÔ ·ÈÑ ¹áÅÐÀÒ¾¤¹·Õáè Ê´§·ÈÑ ¹ÕÂÀÒ¾
ภาพวาดตน ไมร มิ ทาง ภาพวาดทอ งถนนทม่ี เี สาไฟฟา
โยงไปมา ภาพวาดคนที่แสดงทศั นียภาพ เปนตน ๔.๑ การวาดภาพทิวทัศนท แ่ี สดงทัศนียภาพ
มาใหนักเรยี นดู จากนนั้ ครถู ามนกั เรยี นวา
การวาดภาพทิวทศั น์ของส่ิงทีม่ ีขนาดเท่ากันและมรี ะยะหา่ งเทา่ ๆ กัน เช่น เสาไฟฟา เสาร้วั ต้นไม้รมิ ทาง
• ภาพวาดทงั้ สองแบบมีหลักการวาดที่เหมอื น หมอนรองรางรถไฟ เป็นต้น จะใชห้ ลักในการวาด ดงั น้ี
หรือแตกตางกัน
(แนวตอบ นกั เรียนตอบไดอยางอิสระ ขน้ั ที่ ๑ ใหเร่ิมจากการลากเสนนอนเปนเสน เส้นระดบั สายตา
ครูอธิบายเพิม่ เตมิ เกีย่ วกบั วิธกี ารวาดภาพ ระดับสายตา กําหนดจุดรวมสายตาบนเสนน้ัน จดุ รวมสายตา
ทิวทัศนท ี่แสดงทัศนียภาพและวธิ กี าร ทางขวามือ ซึ่งมองดูแลวบรรดาเสาทั้งหมดจะ
วาดภาพคนท่แี สดงทศั นียภาพ) วิ่งไปหา จากนั้นลากเสนดิ่งโดยสมมติใหเปน
เสาตนแรกไวในตําแหนง ทต่ี องการ
สา� รวจคน้ หา Explore ข้นั ท่ี ๒ ลากเสนรางจากโคนเสาและยอดเสา
ตนแรกไปยังจุดรวมสายตา โดยใชเสนรางท้ัง ๒
ใหน ักเรียนศึกษา คนควาเก่ยี วกับการวาด เปนแนวความสูงของเสาทุกตนที่จะวาดตอไป เสน้ ระดบั สายตา
ภาพทิวทัศนแ ละภาพคนท่แี สดงทศั นียภาพ ใชการวัดดวยสายตา คาดคะเนระยะหางของ จุดรวมสายตา
จากแหลงเรยี นรตู า งๆ เชน หนงั สือเรียน หองสมุด เสาตนที่ ๒ กับเสาตนแรก แลว ลากเสนด่ิงแทน
อินเทอรเนต็ เปน ตน เสาตนที่ ๒ ณ ตําแหนง ท่คี าดคะเนไว เสน้ ระดับสายตา
ขนั้ ท่ี ๓ หาจดุ ก่ึงกลางของเสาตน แรก ลากเสน จุดรวมสายตา
รางจากจุดนั้นไปยังจุดรวมสายตา ซึ่งเสนนี้
จะตัดเสาตน ที่ ๒ ท่ีจดุ ก่งึ กลางเสา เชน เดยี วกนั
ขนั้ ที่ ๔ ลากเสนรางจากยอดเสาตนแรกผาน เส้นระดับสายตา
จดุ กงึ่ กลางของเสาตน ที่ ๒ มาตดั เสน ฐานดา นลา ง จดุ รวมสายตา
ซ่ึงจุดตัดน้ีจะเปนตําแหนงของโคนเสาตนถัดไป
ลากเสนด่ิงจากฐานเสาน้ันข้ึนไปตัดเสนยอดเสา เส้นระดับสายตา
จะไดเปน เสาตน ที่ ๓ จุดรวมสายตา
ข้ันท่ี ๕ ใชวิธีการเดียวกันนี้ซํ้าๆ จนกวาจะได
เสาท่ีเหลือท้ังหมด
๖๐
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครูเนน ยํ้าเกี่ยวกบั ข้นั ตอนของการวาดภาพทิวทัศนว า มีขั้นตอน ดงั น้ี
1. สรางความประทบั ใจในธรรมชาติ กอนวาดภาพทิวทัศนควรเลือกทศั นยี ภาพ วัตถุที่อยใู กลจ ุดรวมสายตาควรมลี กั ษณะอยางไร
ทเี่ ราชอบ เพราะความชอบจะสรา งแรงบันดาลใจเปนพลังที่ทาํ ใหเ รา แนวตอบ จุดรวมสายตาถือเปนจุดที่อยหู างจากมมุ มองทเี่ รากาํ หนด
สรา งสรรคง านไดด กี วาการวาดภาพทไ่ี มช อบ มากท่สี ดุ หรอื ไกลสุด ดังนัน้ วัตถุ คน ส่งิ ของทีอ่ ยใู กลจ ดุ รวมสายตา
2. วิเคราะหภ าพทิวทศั น โดยใชส ายตามอง คิด และวิเคราะหร ายละเอยี ด จึงมขี นาดเลก็ มรี ายละเอียดไมช ดั เจน หรือถาเขยี นบรรยากาศก็จะมสี ภาพ
ของภาพทิวทัศนท จี่ ะวาด วามรี ูปรา ง สัดสว น ลักษณะผิว แสง สี เบาบาง ไมช ัด มัวๆ ตัวอยางเชน รถยนตท่ีอยูใกลจ ดุ รวมสายตา เราอาจจะ
และชอ งวา งเชน ไร ซ่ึงภาพท่ีเหมาะแกการวาดควรจะมีรายละเอียดที่ชัดเจน รูเพยี งวาเปนรถยนต แตค งไมร ูวา เปนรถแบบใด มสี อี ะไร หรือมลี ักษณะ
เม่ือวเิ คราะหแ ลว กฝ็ กวาดแบบรา งกอ นหลายๆ คร้งั อยางไร ซ่งึ ในการวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ ส่งิ ท่อี ยใู กลส ายตาของเรา
3. เลอื กมมุ มองและจดั ภาพ การเลือกมมุ มองของภาพสําคญั มาก ซ่งึ เรา จะมขี นาดใหญ คมชัด เห็นรายละเอยี ดมาก ซ่งึ จะมลี ักษณะตรงกนั ขา มกบั
สามารถหามมุ ทด่ี ไี ด โดยการสรา งกรอบสนามภาพดว ยกระดาษแข็ง สิ่งท่อี ยใู กลจ ดุ รวมสายตา
ตัดเปนชอ งสี่เหล่ยี มตรงกลาง กวาง 2 น้ิว x ยาว 3 นวิ้ หรือปรับขนาด
ตามความเหมาะสม เพ่ือกําหนดกรอบบรเิ วณท่จี ะเขยี นภาพ
จะไดไมเขียนภาพทกี่ วางใหญเกนิ ไป
60 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
เกร็ดศิลป การวาดภาพตามแบบ หรอื เหมอื นจรงิ ครใู หน ักเรยี นเขยี นสรุปวธิ ีวาดภาพทวิ ทัศน
ทแ่ี สดงทศั นียภาพและวธิ วี าดภาพคนทแี่ สดง
การวาดภาพตามแบบหรอื เหมือนจรงิ หมายถึง การวาดภาพจากสงิ่ ต่างๆ ท่มี ี ทัศนยี ภาพ ลงสมุดบนั ทึก สงครผู ูส อน จากนน้ั ครู
อยู่ในธรรมชาติรอบตวั เรา ตามทสี่ ายตามองเหน็ น�ามาเปน็ แบบหรอื หนุ่ สิง่ ต่างๆ ถามนักเรียนวา
ที่มองเห็นน้นั จะประกอบไปดว้ ยรูปรา่ ง รปู ทรง ขนาด สัดส่วน แสงเงา และสพี นื้
ส่วนประกอบดังกล่าวมีความส�าคัญในการวาดภาพให้เหมือนจริง เพราะภาพท่ี • การวาดภาพทิวทศั นแ บบเหมือนจรงิ
วาดจะแสดงขนาด ปรมิ าตร และแสดงระยะใกล้-ไกลได ้ ภาพจะดมู คี วามลึก เชน่ สงิ่ สําคัญทีค่ วรคํานงึ ถึงคอื ส่ิงใด
การวาดภาพตน้ ไมใ้ นระยะใกลย้ อ่ มมขี นาดใหญก่ วา่ มนี า้� หนกั ส ี หรอื แสงเงาเขม้ กวา่ (แนวตอบ การวาดภาพทวิ ทศั นแ บบเหมอื นจรงิ
มรี ายละเอยี ดชัดเจนกว่าภาพต้นไมใ้ นระยะไกลออกไป เปน็ ตน้ ตามส่งิ ท่มี อี ยูในธรรมชาติรอบตวั เราตามที่
การวาดภาพตามแบบ หรอื เหมือนจริง นอกจากส่ิงท่ีต้องคา� นึงถึงด้านรปู รา่ ง สายตามองเห็น จะตอ งคาํ นงึ ถงึ องคป ระกอบ
รูปทรง ขนาด สัดส่วน สีสันตามท่ีสังเกตเห็นแล้ว สิ่งส�าคัญอีกประการหน่ึงคือ ดา นรปู ราง รูปทรง ขนาด สัดสวน แสงเงา
ต้องวาดภาพแสดงน�้าหนักของแสงเงาให้ถูกต้องด้วย น้�าหนักของแสงเงาบนวัตถุ และสพี น้ื ซงึ่ มคี วามสําคญั อยางมาก
เกดิ จากการทแ่ี สงเงามาตกกระทบ แสงอาจสอ่ งมาจากดา้ นใดดา้ นหนง่ึ หรอื พรอ้ มกนั ในการวาดภาพใหเ หมือนจรงิ เพราะภาพ
หลายด้านก็ได้ ถ้าแสงที่ตกกระทบวัตถุมีความสว่างมากก็จะเกิดเงามืดเข้มมาก ท่ีวาดออกมาจะเห็นขนาด ปรมิ าตร และ
จะเห็นวัตถุเด่นชัด ถ้าแสงท่ีตกกระทบวัตถุมีความสว่างน้อย เงาของวัตถุก็จะ แสดงระยะไกลใกลไ ด ภาพจะดูมคี วามลึก
ไม่เขม้ วตั ถจุ ะไมเ่ ดน่ ชดั นัก แสงและเงาในภาพจะแสดงให้เหน็ ความลึก ความนูน และมีรายละเอยี ดที่ชดั เจน)
และลกั ษณะของวตั ถชุ ่วยท�าใหด้ ูคลา้ ยของจรงิ
“ล่นั ทมบนเขาวัง” ภาพวาดทวิ ทัศน์ธรรมชาตแิ บบเหมือนจริง เทคนิคการวาดภาพด้วยสอี ะคริลิกบนผ้าใบ ผลงานของ ไพรวลั ย ์ ดาเกลย้ี ง
๖1
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด บูรณาการอาเซียน
ขอใดเปนสงิ่ ท่พี งึ ปฏิบัตใิ นการวาดภาพเหมือนจรงิ จากการศกึ ษาเกี่ยวกับการวาดภาพทวิ ทศั นท แ่ี สดงทศั นียภาพและการวาดภาพ
1. กําหนดสดั สว นวตั ถขุ นึ้ ใหม คนท่แี สดงทัศนยี ภาพสามารถบรู ณาการความรกู ับเรือ่ งราวของอาเซยี นได โดยครู
2. ระบายสใี หสดใสเทาของจริง นําภาพสถานทีส่ าํ คญั ๆ ของประเทศกลมุ สมาชิกอาเซียนมาเปน แบบใหน ักเรียน
3. แสดงแสงเงาใหถ กู ตอ งตามจริง วาดภาพตามแบบ เชน นครวัดของกมั พชู า เจดียชะเวดากองของเมียนมา
4. ใสรายละเอยี ดทกุ อยางลงในภาพ สถปู บุโรพทุ โธของอินโดนีเซยี เปน ตน นอกจากจะเปน การฝก ฝมือของนักเรียนแลว
ยังทําใหน ักเรยี นไดเรียนรูโ บราณสถาน หรือสถานทีส่ าํ คญั ๆ ของประเทศเพื่อนบา น
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การวาดภาพตามแบบหรอื เหมือนจริง อกี ดวย
ผวู าดตอ งคาํ นงึ ถงึ แสงเงาและแสดงใหถ กู ตอ งตามจริง เพ่ือใหว ตั ถมุ ีมิติ มมุ IT
ความตืน้ ความลึก ความนูน ทําใหภาพดูแลว เกดิ ความนาประทับใจ
นักเรียนสามารถดูตัวอยา งการวาดภาพทวิ ทัศน ไดจ าก www.youtube.com
โดยคนหาจากคําวา การระบายสนี า้ํ มนั ภาพทิวทศั น หรอื สาธิตการเขียนภาพ
ทวิ ทศั น
คมู่ อื ครู 61
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ครูสาธติ การวาดภาพทิวทศั นท ีแ่ สดงทศั นียภาพ ๔.๒ การวาดภาพคนทแี่ สดงทัศนียภาพ
และภาพคนท่ีแสดงทัศนียภาพใหน ักเรียนดู แลวให
นักเรยี นปฏบิ ัติตาม โดยทาํ ลงกระดาษ 100 ปอนด ภาพของคนเม่ืออยู่ในระยะท่ีห่างออกมาจะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าภาพนั้นมีคนหลายคนยืนอยู่
จากนน้ั นําผลงานสงครูผูสอน ในพื้นระนาบของภาพตามต�าแหนง่ ต่างๆ ผวู้ าดจะตอ้ งจดั สดั สว่ นใหถ้ กู ตอ้ งเมื่อเทยี บกบั จา� นวนคนในภาพ เพ่อื ใหด้ ู
สอดคลอ้ งกัน ซึ่งมีวิธีในการวาด ดงั นี้
ขั้นท่ี ๑ ลากเสนนอนเปนเสนระดับสายตา กําหนดจุดรวมสายตาใหอยูทางดานซายมือ ใชเสนด่ิงเปน
ตวั กําหนดความสงู ของคนภาพแรก จากนนั้ รา งภาพคนเบาๆ
จุดรวมสายตา เสน้ ระดับสายตา
ขน้ั ที่ ๒ ลากเสนจากสว นบนสดุ และลางสดุ ของเสน แทนความสงู ของคนกลับไปยงั จดุ รวมสายตา
จุดรวมสายตา เสน้ ระดบั สายตา
ขนั้ ท่ี ๓ ใชภาพของคนแรกและเสนระดับสายตาเปนแนวทางในการวาดภาพคนอื่นๆ ที่ยืนอยูในตําแหนง
ตางๆ กัน โดยมีระยะหางระหวางเสนแนวบนและลางเปนตัวกําหนดความสูงของภาพคนอ่ืนๆ
ทเ่ี หลอื
จุดรวมสายตา เสน้ ระดบั สายตา
๖2
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครสู รุปเกยี่ วกบั ลกั ษณะของภาพวาดแสดงทัศนียภาพวา มีลกั ษณะทส่ี าํ คญั ดังน้ี
1. วตั ถุ หรือส่ิงของท่มี ขี นาดเทากนั เมื่ออยไู กลตัวออกไปจะมีขนาดเลก็ ลง ขอใดบอกหลกั การวาดภาพคนทแี่ สดงทัศนยี ภาพไดถูกตอง
2. ระยะท่ีเทา กันเมอื่ อยไู กลตวั ออกไปจะมรี ะยะที่ถ่ขี น้ึ เรอื่ ยๆ จนรวมเปน 1. คนท่ีอยูใ กลต องวาดใหชดั
2. ใหมีจดุ นาํ สายตาหลายจุด
จดุ เดียวกัน 3. บรรยากาศทอ่ี ยูไกลใหมสี ีสดใส
3. เสน หรอื สิง่ ของทค่ี ขู นานกันเมอ่ื ไกลออกไปจะพงุ เขาหากัน 4. สัดสวนไมจําเปนตอ งเหมือนจริง
4. วัตถุ หรอื สงิ่ ของตา งๆ เมอ่ื อยไู กลตวั ออกไป จะมรี ายละเอยี ดและ
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การวาดภาพคนท่ีแสดงทัศนยี ภาพ ไมว า
ความชดั เจนลดลงไปตามลาํ ดับ
คน วัตถุ ระยะ แสงเงา รปู ราง รูปทรง จะตอ งใหใกลเ คยี ง มขี นาดสดั สว น
ถูกตองตามความเปน จริง เชน คนท่อี ยใู กลต องมีขนาดใหญก วา คนทอ่ี ยไู กล
และลดหลน่ั กนั ลงไป จนถงึ จดุ รวมสายตาท่ีมีขนาดเลก็ จนมองเหน็ เปนจดุ
62 คมู่ ือครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
1 ครูใหน ักเรียนดูภาพ “แสงสุวรรณภมู ิ
(วดั ระฆงั โฆษิตาราม) และแสงสวุ รรณภมู ิ
õ. ¡ÒáÓ˹´à§Ò¢Í§Çѵ¶Ø (วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม)” ผลงานภาพพมิ พของ
ปรีชา เถาทอง หรือภาพงานทัศนศลิ ปทเี่ นน
เมอื่ มแี หลง่ กา� เนดิ แสง กจ็ ะทา� ใหเ้ กดิ เงาของวตั ถทุ เี่ กดิ จากจดุ รวมสายตาเดยี วกนั โดยจดุ รวมสายตาจะอยู่ ความสาํ คญั ของแสงเงาของวตั ถุ จากนนั้ ให
นักเรียนรว มกันแสดงความรสู กึ ที่มตี อ ผลงาน
ใต้แหล่งก�าเนดิ แสงในแนวด่ิงบนพนื้ ผิวทว่ี ตั ถวุ างอยู่พอด ี โดยแสงจะเดนิ ทางเป็นเสน้ ตรงไปกระทบกบั วัตถุท่ขี วางกนั้ ทัง้ สองอยา งอิสระ โดยครเู นนยํ้าเกยี่ วกบั การใช
แสงเงาของศลิ ปน
อย ู่ วัตถุจะขวางแสงไม่ให้เดินทางตอ่ ไปได ้ ท�าให้เกดิ เงาข้นึ ซงึ่ เงาแตล่ ะเงาจะมรี ปู ร่างตามวตั ถุนนั้ ๆ โดยความยาว
ของเงา วัตถุที่ตกทอดบนพ้ืนผิวจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับต�าแหน่งของแหล่งก�าเนิดแสง ถ้าแหล่งก�าเนิดแสงอยู่
เหนอื วัตถุมาก เงากจ็ ะยิง่ หดส้นั มาก แหลง่ กาํ เนิดแสง
สา� รวจคน้ หา Explore
ใหน ักเรียนศกึ ษา คน ควา เกย่ี วกบั การกําหนด
เงาของวัตถุ จากแหลงเรยี นรูต างๆ เชน
หนังสือเรยี น หองสมดุ อินเทอรเ นต็ เปนตน
อธบิ ายความรู้ Explain
เสน้ ระดับสายตา ใหน กั เรียนรวมกันอภปิ รายเกีย่ วกับ
การกาํ หนดเงาของวัตถุ แลว สรุปผลการอภิปราย
ลงสมุดบนั ทกึ จากนัน้ ครูถามนกั เรยี นวา
• เงาในทางศลิ ปะมีความสําคัญอยางไร
(แนวตอบ เงาเปน สว นหนง่ึ ท่ที ําใหภ าพวาด
มีความสมบูรณ ทําใหภาพคลา ยของจรงิ คอื
มคี วามหนา ความลกึ ในระดบั ตางๆ)
๖3
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู
คา นา้ํ หนักของเงา มีความสาํ คัญอยา งไร ครูอธิบายเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั แสงและเงา โดยครอู ธิบายวาเมือ่ แสงสองกระทบกับ
แนวตอบ คานํ้าหนกั ของเงา มีความสําคญั ดงั น้ี วัตถุจะทาํ ใหเกดิ เงา แสงและเงาเปนตัวกําหนดระดับของคานํ้าหนกั ความเขม
ของเงาจะข้นึ อยกู บั ความเขม ของแสง ในทท่ี ่มี ีแสงสวางมากเงาจะเขม ข้ึนและ
1. ใหความแตกตา งระหวา งรปู และพื้น หรอื รูปทรงกบั ทว่ี าง ในทีท่ ่มี ีแสงสวางนอ ย เงาจะไมชดั เจน และในท่ีทไ่ี มม แี สงสวางจะไมม เี งา โดยเงา
2. ใหค วามรูส กึ เคลอ่ื นไหว จะอยูใ นทางตรงขามกับแสงเสมอ การศึกษาเกยี่ วกับเงาของวตั ถุ ครูอาจพานกั เรียน
3. ใหค วามรูส ึกเปน 2 มติ ิ แกร ูปราง และความเปน 3 มติ ิ ไปดูเงาของเสาธงหรอื วัตถุอื่นๆ ที่สงั เกตเงาไดง าย แลวใหนกั เรยี นเปรียบเทยี บเงา
ที่เกดิ ข้ึนชวงเชากบั ตอนเทยี่ งวนั วา แตกตา งกันอยางไร
แกรปู ทรง
4. ทาํ ใหเกดิ ระยะความตนื้ - ลกึ และระยะไกล-ใกลของภาพ นักเรียนควรรู
5. ทําใหเ กิดความกลมกลืนประสานกนั ของภาพ
1 เงาของวตั ถุ บริเวณทเี่ งาของวตั ถุนัน้ ๆ ทอดไปตามพ้นื หรือวัตถุอืน่ ทีร่ องรบั
ซึง่ จะมนี า้ํ หนักแกก วา บริเวณแสงสะทอ น เงาตกทอดที่จัดวา สวยงามในแงของศิลปะ
คือ เงาตกทอดท่เี กิดจากตน กาํ เนิดของแสง ทาํ มุมกับพน้ื ราบประมาณ 45 องศา
คูม่ อื ครู 63
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา้ า้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
1. ใหน กั เรยี นจับคกู นั วาดภาพแสดงทศั นียภาพ กจิ กรรม ศิลปป์ ฏบิ ตั ิ ๕.๑
โดยอาจเปนภาพทวิ ทัศน หรือภาพคนกไ็ ด
จากนั้นนาํ ผลงานสง ครูผูสอน กจิ กรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนฝกปฏิบัติการวาดภาพแสดงทัศนียภาพจากสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่รอบตัว โดยเลือก
ตามมมุ มองของแตล่ ะคน
2. ใหนักเรียนนําขอมูลเก่ยี วกับหลักการวาดภาพ
แสดงทัศนียภาพมารวมกนั จัดปายนิเทศ กิจกรรมท่ี ๒ ให้นักเรียนทดลองหาเศษวัสดุท่ีมีในโรงเรียน เช่น ท่อนไม้ ก้อนหิน กะลามะพร้าว เป็นต้น
โดยครูนาํ ผลงานภาพวาดแสดงทศั นยี ภาพของ มาวางกลางแดดแล้วสังเกตเงาที่เกิดบนตัววัตถุ และลักษณะของแสงเงาที่ตกทอดบนพื้น
นกั เรียนแตล ะคูม าจัดแสดงทีป่ า ยนเิ ทศดว ย จากนัน้ ทดลองรา่ งภาพลงน�้าหนักแสงเงาตามทมี่ องเหน็
ตรวจสอบผล Evaluate กจิ กรรมท่ี ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี
๓.๑ เพราะเหตุใดเราจงึ ต้องสร้างความลกึ ลวงตาขึ้นในภาพทีเ่ ราวาด และใหบ้ อกเทคนคิ ที่ใช้
1. ครูพจิ ารณาจากผลงานภาพวาดแสดง
ทัศนียภาพของนกั เรียน ในการสรา้ งความลึกลวงตามา ๒ วธิ ี
๓.๒ จงอธิบายหลกั การวาดภาพแสดงทศั นียภาพมาพอสังเขป
2. ครูพิจารณาจากการจัดปายนิเทศเกยี่ วกบั ๓.๓ การจะวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพใหม้ ีผลงานดี ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร
หลักการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพของนักเรยี น
โดยพิจารณาจากความถูกตองและ สรปุ การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ เป็นวิธกี ารสรา้ งภาพให้มรี ะยะใกล้-ไกลเปน็ ๓ มติ ิ ให้ได้ภาพ
ความสวยงาม
ออกมาคล้ายคลงึ กบั สงิ่ ท่ีตามองเห็น ทป่ี รากฏจรงิ ในโลก ๓ มิตทิ ี่เราอาศยั อยู่ การนำาหลักการวาดภาพ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู แสดงทัศนียภาพด้วยวิธีกำาหนดจุดรวมสายตา หรือใช้วิธีการทางศิลปะสร้างความลึกลวงตา มาใช้กับ
การวาดภาพระบายสีวัตถุ หรือทิวทัศน์ จะทำาให้ภาพมีบรรยากาศของความใกล้-ไกล ต้ืนลึก เป็นมิติ
1. ผลงานภาพวาดทวิ ทัศนแ ละคนแสดงทัศนยี ภาพ ที่ให้ความรู้สึกและอารมณ์ทางสุนทรียะได้ดี โดยเฉพาะการวาดภาพเหมือนจริงด้วยแล้ว หลักการของ
2. ผลงานการจดั ปายนเิ ทศเกีย่ วกับหลกั การวาด การวาดภาพแบบทศั นียภาพนับว่ามคี วามเกย่ี วข้องและจำาเป็นอยา่ งมาก
ภาพแสดงทัศนียภาพ
๖4
แนวตอบ กจิ กรรมศิลปป์ ฏบิ ัติ 5.1 กิจกรรมที่ 3
1. การสรางความลึกลวงตาแบบ 3 มติ ิ คือการทาํ ใหภาพวาดแสดงทัศนยี ภาพท่ไี ดออกมามีความคลา ยคลึงกับส่ิงท่ตี ามองเห็น ท่ีปรากฏจรงิ ตามธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอม
มากท่ีสุด โดยใชท ศั นธาตแุ ละลกั ษณะทัศนธาตเุ ขาชวย เชน เสน ระนาบ น้าํ หนัก สี ขนาด ทศิ ทาง จังหวะ เปน ตน สวนเทคนิคของการสรา งความลกึ ลวงตาแบบ 3 มิติ
มีอยูดวยกันหลากหลายเทคนคิ เชน การกําหนดขนาดและตําแหนง ในแนวดิ่ง การทับซอ นกนั เปนตน
2. หลกั การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ คือ การใชเ ทคนคิ การวาดภาพที่มีความลึกลวงตา เพือ่ สรางภาพแบบ 3 มิติ บนพื้นผวิ ระนาบ 2 มติ ิ เชน แผน กระดาษ ผนื ผาใบ
ฝาผนัง เปนตน เพื่อใหภ าพที่ถา ยทอดออกมาจากมุมมองของเราดูสมจรงิ คลา ยคลึงกบั ภาพที่เหน็ จรงิ ดว ยสายตา
3. การวาดภาพแสดงทศั นียภาพใหไดผ ลงานท่ดี ี ผูวาดควรมคี วามรูเกีย่ วกับเทคนิคตา งๆ ทใ่ี ชในการวาดภาพ โดยเฉพาะวิธกี ารสรา งความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ
คือ การสรางภาพใหม ีระยะไกลใกลเ ปน 3 มิติ ซึ่งจะทาํ ใหภาพออกมาคลา ยคลึงกับทตี่ ามองเหน็
64 คู่มอื ครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
รวบรวมงานปนหรือส่ือผสมมาสรางเปน
เรอ่ื งราว 3 มิติ โดยเนน ความเปน เอกภาพ
ความกลมกลืน และการสื่อถึงเร่อื งราวของงาน
สมรรถนะของผเู รยี น
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค
1. มวี ินยั
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ มนั่ ในการทํางาน
๖หน่วยที่ กระตนุ้ ความสนใจ Engage
งานปัน และงานสอ่ื ผสม ครใู หนกั เรยี นดูตวั อยา งผลงานปน และงาน
ผลงานปันและงานสื่อผสม เป็นผลงานทัศนศิลป์ที่มี สือ่ ผสม แลวใหน กั เรยี นรวมกนั แสดงความคิดเหน็
ตวั ช้วี ัด เก่ยี วกบั ลักษณะของงานปน และงานสอ่ื ผสมวา
ศ ๑.๑ ม.๑/๔ รปู รา่ ง หรอื รปู ทรงแตกตา่ งไปจากผลงานประเภทจติ รกรรม
การวาดภาพระบายสี และงานภาพพิมพ์ เน่ืองจากผลงาน • ผลงานทัศนศลิ ปท ัง้ สองแบบมลี กั ษณะ
■ ร วบรวมงานปน้ั หรือสือ่ ผสมมาสรา้ งเป็นเร่ืองราว ๓ มิต ิ ทง้ั ๒ ประเภทนี้จะมีลักษณะของรูปทรงเป็นแบบ ๓ มิติ คอื แตกตางกนั อยางไร
โดยเน้นความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และการสอื่ มีความกวา้ ง ความยาว และความสูง (หนา) ซงึ่ ผ้ชู มสามารถ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น
ถงึ เร่อื งราวของงาน จบั ตอ้ งและสมั ผสั ได้ มกี ารใชส้ อ่ื วสั ดุ รวมทง้ั เทคนคิ วธิ กี ารตา่ งๆ ไดอ ยา งอสิ ระ ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมวา งานปน
มาใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานอีกด้วย จากลักษณะ หมายถงึ การนาํ เอาวสั ดทุ มี่ เี นอื้ ออ นทสี่ ามารถ
สาระการเรียนร้แู กนกลาง ดังกล่าวทำาให้ผลงานปันและงานส่ือผสมมีรูปแบบเฉพาะตัวท่ี รวมกันได หรือแบงแยกออกจากกนั ได
แตกตา่ งจากผลงานทศั นศิลปป์ ระเภทอนื่ ๆ เชน ดนิ เหนยี ว ดินนํา้ มนั ขผ้ี ึง้ มาตกแตง
■ เ อกภาพ ความกลมกลืนของเรื่องราวในงานปั้น หรือ ทําเปนรปู ทรงตางๆ ตามตองการ โดยใช
งานส่อื ผสม วิธีขยํา บีบ นวด ตัด ขัด ขดู ปะ เปนตน
สว นงานสือ่ ผสม หมายถงึ ศิลปะทม่ี ี
๖๕ การผสมผสานสื่อทางศิลปะทมี่ ลี ักษณะ
แตกตางกนั เชน การผสมกนั ระหวาง
งานจิตรกรรม งานประตมิ ากรรม
และงานภาพพมิ พ เปน ตน)
เกรด็ แนะครู
การเรยี นการสอนในหนว ยการเรยี นรูนี้ ครูควรนําผลงานประตมิ ากรรมและ
ผลงานสอื่ ผสมมาใหนักเรยี นดูเปนตวั อยาง แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเก่ยี วกบั
ลกั ษณะของผลงาน ความแตกตา งของผลงานทง้ั สองประเภท และการสอ่ื ถงึ เรอ่ื งราว
ของผลงานแตละชิน้ เพอ่ื ใหน กั เรียนสามารถจําแนกผลงานทัศนศลิ ปประเภท
งานปน และงานสอ่ื ผสมไดและทาํ ใหเกดิ การรับรทู ด่ี มี ากย่ิงขนึ้
คู่มอื ครู 65
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหนกั เรยี นดภู าพงานประติมากรรม 1
แบบนูนตํ่า “สมเดจ็ พระพนั วสาอัยยกิ าเจา” ผลงาน
ของศาสตราจารยศ ลิ ป พรี ะศรี และภาพผลงานส่อื ñ. ÅѡɳТͧ¼Å§Ò¹»¹œ˜ áÅЧҹÊ×èͼÊÁ
ผสมจากวัสดุเหลอื ใช จากนนั้ ครถู ามนักเรยี นวา
ผลงานปันและงานสอ่ื ผสมมีลักษณะทสี่ า� คญั ดงั ต่อไปนี้
• นักเรียนชื่นชอบหรือสนใจผลงานลักษณะใด
มากกวากนั เพราะเหตใุ ด ๑.๑ ลกั ษณะของผลงานปัน
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอยางอสิ ระ)
ผลงานปัน หมายถึง ผลงานทัศนศิลป์ที่เกิดขึ้นจาก
ทั้งนค้ี รสู ามารถนําภาพตัวอยา งงาน การนา� เอาวัสดทุ มี่ เี นอื้ อ่อน เชน่ ขี้ผง้ึ ดินเหนยี ว ดินนา�้ มัน เปน็ ตน้
ประตมิ ากรรมและงานสื่อผสมอ่นื ๆ มาใชเปนสือ่
ประกอบการเรยี นการสอนไดตามความเหมาะสม ทส่ี ามารถเปลย่ี นรปู ไดม้ าผา่ นกระบวนการเพอ่ื ใหเ้ กดิ เปน็ รปู ทรง
ชนิดต่างๆ ตามตอ้ งการ ได้แก ่ รปู ลอยตัว (Round Sculpture)
สา� รวจคน้ หา Explore รปู นนู สงู (High Relief) และรปู นนู ตา�่ (Base Relief)
ผลงานปัน ทั้ง ๓ ชนดิ จะมีมิต ิ คอื ความกวา้ ง ความยาว
ใหนกั เรยี นศึกษา คน ควา เกี่ยวกับลักษณะของ และความหนาท่ีแตกตา่ งกนั อันท่ีจะท�าให้ผลงานปนั มีลกั ษณะ
งานปน และงานสือ่ ผสม จากแหลงเรยี นรูต า งๆ เชน ทงี่ ดงาม นา่ สนใจ และมคี วามหลากหลาย โดยลักษณะดังกล่าว
หนงั สอื เรยี น หองสมุด อินเทอรเนต็ เปน ตน
ล้วนเป็นผลมาจากโครงสร้าง สัดส่วน พื้นผิว รวมท้ัง
แสงเงาท่ตี กกระทบบนงานปนั นนั้ ดว้ ย
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหนักเรยี นสรุปลกั ษณะของงานปนและ
งานส่ือผสม ลงสมุดบนั ทกึ สงครผู สู อน
2. ใหนกั เรยี นชว ยกันยกตวั อยา งงาน
ประตมิ ากรรมแบบนนู ตํ่า แบบนนู สงู
แบบลอยตัว ทนี่ ักเรยี นพบเหน็ อยใู น
ชีวติ ประจําวนั มา 2-3 ผลงาน จากน้ันให
นักเรียนรวมกนั อภปิ รายเกย่ี วกับลกั ษณะของ
ผลงานท่ียกตวั อยา งมา
“อนุสาวรยี แ มมา ยเมอื งลับแล” ผลงานประตมิ ากรรมลอยตวั ต้งั อยู่บริเวณประตูเมืองลับแล อําเภอลบั แล จงั หวดั อตุ รดติ ถ์
๖๖
นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 ผลงานปน เปน งานที่ศิลปน สามารถควบคุมไดท ้ังผวิ นอกและผวิ ใน
ของผลงาน ซ่งึ ถาศิลปน ไมพอใจกส็ ามารถปรับแกแลว เรมิ่ กรรมวิธใี หมไ ดอกี ขอใดคอื ลกั ษณะสาํ คญั ของงานปน
โดยงาย จึงเปน งานทอี่ ิสระจากขอจํากดั ตางๆ มากกวา งานแกะสลัก และเม่ือได 1. การใชด ินเหนียวทาํ ใหเ กดิ รปู ทรง
รูปทรงท่พี อใจแลว กอ็ าจนําไปหลอใหแ ขง็ แรงตามกรรมวธิ ีของงานหลอ ตอ ไปไดอ ีก 2. การใชด ินนา้ํ มนั กดในแมพ มิ พ
3. การเทของเหลวลงในแมพ ิมพ
มมุ IT 4. การเปลีย่ นรปู ทรงใหม ีลกั ษณะลอยตวั
นกั เรยี นสามารถชมวิธีการสรางสรรคงานปน แนวตา งๆ ไดจ าก วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. งานปน เปนผลงานทศั นศลิ ปท ีเ่ กิดขึน้
www.youtube.com โดยคนหาจากคาํ วา งานปน
จากการนําวัสดุทมี่ เี นอื้ ออนอยางดนิ เหนยี วมาผา นกระบวนตางๆ เชน
บีบ นวด พอก ตดั ขูด ปะ จนทาํ ใหเ กดิ รปู ทรงตางๆ ซ่งึ ผลงานปนจะทาํ ให
เราเหน็ ผลงานมีลักษณะเปน 3 มิติ
66 ค่มู ือครู
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
1 ครูเชญิ วทิ ยากรในทอ งถิน่ ท่ีมีความเชี่ยวชาญ
๑.๒ ลกั ษณะของงานสอื่ ผสม(MixedMedia) ดานงานปน หรืองานสือ่ ผสมมาสาธติ การปน
แบบตางๆ หรืองานสอ่ื ผสมใหนักเรยี นดู เชน
งานสือ่ ผสม หมายถงึ ผลงานทัศนศิลป์ท่ีเกดิ งานปน แบบลอยตัว งานปนแบบนูนสงู
งานภาพพมิ พ เปน ตน โดยครูเปดโอกาสให
จากการน�าผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ ์ นกั เรยี นพดู คยุ ซกั ถามวทิ ยากรเกยี่ วกบั แรงบนั ดาลใจ
ในการสรางสรรคผ ลงานของวทิ ยากรอยางอสิ ระ
หรอื จากการวาดเสน้ โดยใชว้ สั ดหุ ลายๆ แบบ เชน่ กระดาษ ใหนักเรยี นทดลองสรางสรรคงานศิลปะตาม
กระบวนการและคาํ แนะนาํ ของวทิ ยากร จากนนั้
ไม ้โลหะ วสั ดตุ า่ งๆ เปน็ ตน้ มาสรา้ งความผสมกลมกลนื ดว้ ย ครูถามนกั เรียนวา
การสร้างสรรค์ จนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นงานอย่างใด • นกั เรียนคดิ วา งานปน กบั งานสื่อผสม
แตกตา งกันอยางไร
อย่างหน่ึงโดยเฉพาะได้ หรือหมายถึงผลงานทัศนศิลป์ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอ ยางอิสระ
ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมวา งานปน เปนผลงาน
ท่ีมีการผสมผสานกับส่ือท่ีเก่ียวกับดนตรี ลีลาในการ ทศั นศลิ ปท ี่เกิดขนึ้ จากการนําวสั ดุทีม่ ี
เนอ้ื ออ น เชน ดนิ เหนยี ว ดนิ น้าํ มนั มาผาน
เคล่ือนไหว และสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยสามารถรับรู้ กระบวนการตา งๆ จนเกิดเปนรปู ทรง
ตามทตี่ องการ สว นงานส่อื ผสม เปน ผลงาน
ความงามไดจ้ ากประสาทสมั ผสั ท้ัง ๕ ของมนษุ ย์ ทัศนศิลปท เ่ี กดิ ขน้ึ จากการนาํ วัสดุ
หลากหลายแบบ เชน กระดาษ ไม โลหะ
ผลงานปันและงานส่ือผสมเป็นผลงานทัศน- ตา งๆ มาผสมผสานดว ยความคดิ สรา งสรรค
จนไมสามารถระบไุ ดวาเปนผลงานทัศนศลิ ป
ศิลป์ที่เราสามารถน�าเอาคุณสมบัติท่ีเป็นลักษณะเฉพาะ อยา งใดอยา งหน่ึงโดยเฉพาะ)
ของผลงานมาใช้ในการสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นรูปทรงใหม่
เทคนคิ วธิ กี ารใหมๆ่ ทมี่ คี วามหลากหลายมากขน้ึ ประการ
ส�าคัญคือ ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานต้องรู้จักใช้ความคิด
สร้างสรรค์ และกล้าแสดงออกในการสร้างสรรค์ผลงาน งานสื่อผสมจากวัสดุเหลือใช้ ผลงานของนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา
จงั หวัดชลบุรี
อยา่ งมนั่ ใจในฝีมอื และความสามารถของตนเอง
ò. ËÅ¡Ñ ¡ÒèѴ·íҼŧҹ»œ¹˜
áÅЧҹÊè×ͼÊÁ
ในระดับชั้นน้ีนักเรียนควรจะได้ศึกษาตัวอย่าง
ของการสรา้ งสรรค์ผลงานปนั และงานส่ือผสม เพ่อื สรา้ ง
ความเข้าใจเปน็ เบ้ืองตน้ ดงั น้ี
๒.๑ ผลงานปนั
สา� รวจคน้ หา Explore
วิธีการปนั คือ การน�าเอาส่วนย่อยเพม่ิ เขา้ ไป
เพื่อให้ได้รูปทรงท่ีมีความละเอียดมากขึ้น โดยใช้วัสดุท่ี ใหนกั เรยี นศกึ ษา คน ควาเกีย่ วกบั หลกั การ
จัดทาํ ผลงานปน และงานสอื่ ผสม จากแหลง เรียนรู
มีคุณสมบัติเปลี่ยนสภาพได้ เช่น ดินเหนียว ดินน�้ามัน ตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมดุ อินเทอรเน็ต
เปนตน
ข้ีผ้ึง เป็นตน้ วสั ดุบางชนดิ เม่ือปนั เสร็จแลว้ มกั จะน�าไป
หลอ่ หรือเผาตามคณุ สมบัติของวสั ดนุ ้นั ๆ ดงั นนั้ ผู้ปัน
งานสื่อผสมแบบลอยตัว โดยใช้โลหะ ตะปู ประกอบลงบนรูปทรง จะต้องมคี วามรู้เกีย่ วกบั วสั ดุและกรรมวธิ ปี ฏบิ ัตงิ านจึงจะ
ผลงานของนิสิตมหาวิทยาลัยบรู พา จงั หวัดชลบรุ ี สามารถลงมือปฏบิ ัติได ้ ซึ่งมขี ั้นตอนทสี่ �าคญั ดงั น้ี
๖๗
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นกั เรยี นควรรู
ลกั ษณะเดน ของผลงานสอื่ ผสมคือขอใด 1 งานสอื่ ผสม เปนผลงานท่ที าํ ข้นึ ดวยการใชว สั ดุตางๆ หลายอยา งมา
1. ใชเ ฉพาะวัสดทุ ห่ี าไดง าย ผสมผสานกนั ในการสรา งงาน เชน ภาพปะตดิ จะใชวสั ดุพวกกระดาษ ผา
2. เสนอแนวคิดทแ่ี ปลกใหม เศษวสั ดธุ รรมชาติ ปะตดิ บนแผน ภาพดว ยกาว หรอื แปง เปย ก โครงสรา งเคลอ่ื นไหว
3. ใชว สั ดุหลายอยางผสมกัน เปน งานประติมากรรมท่มี โี ครงสรางบอบบาง จัดสมดุลดว ยเสน ลวดแข็งบางๆ
4. มสี ีสนั สดใสสะดุดตา ทมี่ ีวัตถรุ ูปรา ง รปู ทรงตางๆ ที่ออกแบบเช่ือมตดิ กบั เสนลวด เปน เคร่อื งแขวน
ท่ีเคลือ่ นไหวไดด ว ยกระแสลมเพยี งเบาๆ เปน ตน
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การสรางสรรคผ ลงานส่ือผสม
มุม IT
(Mixed Media) เปนการนําวัสดหุ ลากหลายชนดิ มาผสมผสานกัน โดยใช
จินตนาการ การออกแบบ สรางสรรคเปน ผลงานศิลปะรูปแบบใหมข้ึนมา นักเรยี นสามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกับงานสอื่ ผสม ไดจ าก
ซ่ึงวัสดุทนี่ ํามาใชไ มมขี อจํากัดแนนอนตายตัววาตอ งใชอะไรบาง http://www.nfi earts.cmu.ac.th/อันเน่ืองมาจาก-mixed-media
หรอื ไมม ีขอ จํากดั วา ผลงานจะตองมรี ปู ลกั ษณแบบใด รวมถงึ ขนาดดว ย
ทง้ั นีผ้ ลงานสอ่ื ผสมมงุ นําเสนอแนวคิดของศิลปน มากกวาจะมุงเนน ที่
ความสวยงาม
คู่มอื ครู 67
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนกั เรยี นสรุปหลกั การจัดทาํ งานปน และงาน ข้นั ท่ี ๑ ก่อนท่ีจะด�าเนินการปันให้เกิดเป็น
สอ่ื ผสม เปนแผนผงั ความคดิ (mind mapping)
ลงกระดาษรายงาน สงครผู สู อน จากนนั้ ครใู ห รปู ทรง ในเบือ้ งตน้ ควรออกแบบเปน็ ภาพรา่ งง่ายๆ โดย
นักเรียนศึกษาข้นั ตอนการสรางสรรคง านปน
ในหนังสือเรยี น หนา 68-69 จากนัน้ ถามนักเรยี นวา พยายามออกแบบภาพหลายๆ แบบ เพอื่ นา� มาคดั เลอื กวา่
• วัสดุท่ีสามารถนาํ มาใชใ นงานปนมีอะไรบา ง แบบร่างใดท่ีเราชอบมากที่สุด หลังจากน้ันจึงค่อยน�าไป
ยกตวั อยางมา 2-3 ชนดิ
(แนวตอบ วัสดทุ ีส่ ามารถนาํ มาใชในงานปนได สรา้ งสรรค์เปน็ ผลงานจรงิ ต่อไป
เชน ดนิ เหนียว ดินนาํ้ มัน ข้ีผง้ึ เปน ตน )
ข้นั ท1่ี ๒ จะต้องเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
• หากนักเรยี นตอ งการใหด ินเหนยี วคงสภาพ
ออนนุมไวไดน าน นักเรยี นควรทาํ อยางไร ส�าหรับการปัน และต้องเตรียมให้สอดคล้องกับภาพร่าง
(แนวตอบ นกั เรยี นควรใชน้าํ พนลงบนผลงาน
ปน และใชผา หมาดๆ คลมุ ไวอ ีกชน้ั เพือ่ ให ที่ออกแบบไว้ โดยในขั้นท่ีหนึ่งเม่ือออกแบบภาพร่าง
เนือ้ ดนิ คงสภาพความออ นนมุ เปนวธิ ีหน่ึงที่
ปอ งกนั ไมใ หเนือ้ ดนิ แขง็ ตวั เรว็ ) จะต้องรวู้ า่ ในการปันจะใชว้ ธิ ีการใด เชน่ ปันแบบธรรมดา
• เพราะเหตใุ ด จึงตอ งแยกวัสดุทีแ่ ปลกปลอม ออกแบบภาพร่างงานปั้นบนกระดาษ และกําหนดรูปทรงสําหรับ หรือปนั ดว้ ยการใชเ้ ทคนิคอยา่ งใดอย่างหนึ่ง เป็นตน้
ออกจากดนิ กอ นทําการปน ขึน้ รปู ดนิ ดังนัน้ วัสดุ อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมือต้องเตรยี ม
(แนวตอบ หากใชดินเหนยี วเปนวสั ดใุ นงานปน
เราจะตองนําดินเหนยี วมานวดใหเ ขากนั ไว้ให้สอดคล้องกับผลงานปัน เช่น ในขั้นตอนการปัน
ดงั นน้ั เราตองเลือกเศษวสั ดุแปลกปลอม
ท่ปี ะปนมากบั ดินออกเสียกอ น เชน หนิ กรวด รูปทรงเหลี่ยมโดยการขึ้นรูปทรงด้วยแผ่นดินแบนๆ
ไม โลหะ เพราะเศษวัสดุเหลานอ้ี าจทําให
เกิดอนั ตรายในระหวางการปน ได ที่สําคญั คือ ต่อและประกอบเข้าด้วยกัน วัสดุ อุปกรณ์ท่ีใช้จะต้องมี 2
เศษวสั ดุท่ีหลงเหลอื อยูจะทาํ ใหพื้นผวิ ของ
ผลงานขรุขระ ดูไมส วยงาม และทําใหทํางาน ดินเหนียว หรือดินน้�ามัน (อย่างใดอย่างหน่ึง) ลูกกล้ิง
ไดไมสะดวก)
หรือวัสดุทรงกระบอกส�าหรับคลึงดินให้เป็นเน้ือเดียวกัน
ชุดเครื่องมือปัน กระดานรองปัน กรณีที่ใช้ดินเหนียว
เมื่อเตรียมวัสดุ อุปกรณ์เสร็จแล้ว ให้น�าดินที่จะใช้ใน
วสั ด ุ อุปกรณ์ และเคร่อื งมอื สาํ หรบั การสร้างสรรคผ์ ลงานปน้ั การปันมานวดให้เข้ากัน โดยเลือกเศษวัสดุแปลกปลอม
ท่ีปะปนมากับดิน เช่น หิน กรวด ไม้ โลหะ เป็นต้น
ออกเสียก่อน เพราะเศษวัสดุเหล่าน้ีอาจท�าให้เกิดอันตรายในระหว่างการปันได้ ที่ส�าคัญคือเศษวัสดุที่หลงเหลืออยู่
จะท�าใหพ้ ้นื ผวิ ขรขุ ระดูไมส่ วยงาม และทา� ให้ท�างานได้ไม่สะดวก
ในการปัน ดนิ เหนยี ว ถ้าต้องใช้เวลานานขา้ มคืน ควรใช้นา้� พน่ ลงบนผลงานปนั และใช้ผา้ หมาดๆ คลุมไว้
อีกชั้น เพือ่ ใหเ้ น้อื ดนิ คงสภาพความออ่ นนุ่มดังเดมิ และเป็นวธิ กี ารหนึ่งที่ปองกันไม่ให้เนื้อดนิ แข็งตวั เร็วอกี ด้วย
ขัน้ ที่ ๓ น�าดินท่ีคลึงและนวดจนเข้าเป็นเน้ือเดียวกันดีแล้วมาวางลงบนแผ่นไม้กระดานท่ีเตรียมไว้
ส�าหรับเป็นพื้นรองรับตามขนาดท่ีต้องการ โดยปกติขนาดของพ้ืนกระดานรองรับควรมีขนาดใหญ่กว่ารูปท่ีจะท�า
การปัน แล้วใช้ไม้กลมหน้าเรียบ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๓-๔ เซนติเมตร กลิ้งไปมาบนก้อนดิน เวลากลิ้ง
ต้องกดน้�าหนักมือลงบนไม้กลมให้สม่�าเสมอกัน เพ่ือให้ผิวหน้าดินมีความเรียบเท่ากัน ต่อจากน้ีจึงน�ากระดาษที่ตัด
เป็นแบบไว้มาวางทาบลงบนแผ่นของดินให้พอดี แล้วใช้คัตเตอร์ หรือเครื่องมือในการปันชนิดหน้าเหลี่ยมตัดตาม
เส้นขอบนอกของแบบท่ีเป็นแผ่นกระดาษ พึงระวังไว้เสมอว่า อย่าตัดเกินเข้าไปภายในเน้ือกระดาษ เพราะอาจ
ทา� ให้ผลงานเสยี รปู ทรงได้
๖๘
นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 อปุ กรณทใี่ ชสาํ หรับการปน การปน วสั ดุตา งๆ ใหเ ปนรูปตามความตอ งการ
เพือ่ ใหไดง านทดี่ ี ประณตี และสวยงามนัน้ เราตองรูจักเลือกใชอ ปุ กรณส าํ หรบั ใช ชา งปน นยิ มใชดนิ เหนยี วในการปนดวยเหตุผลใด
ในงานปน ดังนี้ 1. จัดหาไดง าย ราคาถกู
2. ชว ยอนรุ ักษส งิ่ แวดลอม
1. แผนกระดาษรองปน มีไวสําหรบั รองเวลาปน และเวลานวดดนิ ใหเขา กัน 3. นาํ มาสรางผลงานไดประณีต
2. ถุงพลาสติก มีไวส าํ หรับใสด นิ หรอื คลมุ ดินที่นวดแลว หรอื คลมุ งานปนท่ี 4. เหมาะสมกับอากาศเมอื งไทย
ยงั ไมเสร็จ เพอ่ื ไมใหดินแหง วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ในการสรางสรรคง านประติมากรรม หรือ
3. ปากกา มีไวส าํ หรบั กดใหเ ปน รอยหรือลวดลาย
4. มดี คัตเตอร หรอื กรรไกร มไี วส ําหรับกดใหเ ปนรอย หรอื ลวดลาย งานปน วัสดพุ นื้ ฐานทป่ี ระตมิ ากรนาํ มาใช คอื ดินเหนยี ว เนื่องจากจดั หา
5. เกลยี วนอต มีไวส ําหรบั กดใหเปน รอย หรือลวดลาย ไดง าย เพราะมอี ยใู นทุกพ้ืนที่ ราคาถกู ไมตอ งกงั วลเร่อื งการขาดแคลนวสั ดุ
2 ลูกกลิง้ หากวางลกู กลง้ิ ไมท ง้ิ ไวบ นพนื้ ผวิ ใดๆ นานเกนิ ไป ผวิ โคง ของลกู กลง้ิ ไม สวนขออื่นๆ เชน ชว ยอนุรักษส ่ิงแวดลอ ม ถือเปน ผลพลอยได แตไมใช
ก็จะผดิ รูปเดิมไดงาย ดงั น้นั วิธที ่ดี ีทส่ี ดุ ในการระวังรักษาผวิ โคง ของลกู กลง้ิ ไม เหตผุ ลหลัก
ก็คือเม่อื เลกิ ใชล กู กลง้ิ แลว ควรแขวนไว
68 คู่มอื ครู
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
คลึงดินให้เป็นแผ่นเรยี บเสมอกนั ด้วยลกู กล้งิ ตดั กระดาษเปน็ รปู รา่ งสําหรบั ใชเ้ ป็นแบบ ครสู ุมตัวอยา งนกั เรียน 2-3 คน ใหต อบคําถาม
ตอ ไปน้ี
ขน้ั ท่ี ๔ เมื่อตัดดินตามแบบจนได้รูปทรงตามท่ีต้องการแล้วให้น�าไม้บรรทัด หรือแผ่นโลหะขนาดยาว
มาสอดใต้แผ่นของดินแล้วค่อยๆ งัดแผ่นของดินที่ตัดไว้ออกจากแผ่นกระดาน ท�าเช่นน้ีไปจนครบตามแบบทุกด้าน • นักเรยี นคดิ วา ข้ันตอนใดสาํ คญั ทีส่ ุด
หลังจากนั้นจึงน�าแผ่นของดินท่ีตัดไว้มาติดเข้าด้วยกันตามรูปทรงอย่างช้าๆ โดยใช้เครื่องมือปันตกแต่งรายละเอียด ในการทาํ งานปน เพราะเหตุใด
ตามส่วนของรูปทรง จนเกิดความเรยี บร้อย สวยงาม (แนวตอบ ขนั้ ตอนการออกแบบ เพราะเปน
ขนั้ ตอนแรกกอนทจ่ี ะดาํ เนนิ การปน ใหเปน
ข้ันที่ ๕ เมอื่ ประกอบแผ่นของดนิ ตามรปู ทรงที่ออกแบบไวแ้ ลว้ จงึ นา� ดนิ ที่เหลือมาพอกเพิ่มบนรูปทรง รูปทรง หากเราออกแบบเปนภาพรา งงา ยๆ
ตามที่ได้ออกแบบไว้ เพ่ือให้เกิดความหนาและนูน เช่น ส่วนของจมูก ปาก คิ้ว ตา เป็นต้น หรือบางส่วนใช้ ไวกอ น หลงั จากน้ันจงึ คอยหาวสั ดอุ ปุ กรณ
เครอ่ื งมือปันตัดเจาะเข้าไปในรปู ทรง เพอื่ ใหเ้ กิดเป็นช่องวา่ งภายใน เชน่ ดวงตา ริมฝีปาก เปน็ ตน้ ซง่ึ ขนั้ ตอนน้ี ใหต รงตามแบบ แลวคอยสรางสรรคผลงาน
ต้องอาศยั ความละเอียดรอบคอบ ทา� งานอย่างคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป จนผลงานสา� เร็จ ใหไ ดรปู ทรงตามแบบที่รางไว กจ็ ะทาํ ให
ผลงานปนท่อี อกมาไดตามจนิ ตนาการหรือ
ความปรารถนาของเรา)
• ข้ันตอนการตกแตง มีความสาํ คญั อยา งไร
(แนวตอบ ขน้ั ตอนตกแตง เปน ขน้ั ตอนในการ
ตกแตงและเพิ่มรายละเอยี ดผลงาน เพื่อให
ผลงานเกดิ ความสวยงามและนาสนใจ
โดยใชวิธกี ารตางๆ เชน การตัด การขดู ขีด
การปมใหเ กดิ รอ งรอย ทั้งน้คี วรพิจารณา
กอนวา ส่งิ ทป่ี น มสี วนสูง-ตํ่าอยา งไร สวนใด
ควรเพิ่ม สวนใดควรลด แลวคอ ยตกแตง
จนผลงานมคี วามเรยี บรอยสมบรู ณ)
นาํ แบบกระดาษมาทาบลงบนแผ่นของดิน แซะดินทต่ี ดั เรียบรอ้ ยแลว้ ขึน้ มาจากกระดาน
1
ข้นั ที่ ๖ เป็นขั้นตอนในการตกแต่งและเพ่ิมเติมรายละเอียด เพ่ือให้เกิดความสวยงามและน่าสนใจ
โดยใชว้ ธิ ตี า่ งๆ เชน่ การตัด การแปะ การขูด ขีด เปน็ ต้น การปมั ใหเ้ กิดร่องรอย และการสรา้ งพน้ื ผิวในผลงานปนั
ท�าได้โดยน�าดินไปทาบและกดลงบนผิววัตถุน้ันๆ ก็จะได้พ้ืนผิวแปลกตาท่ีสามารถน�าไปใช้ในการสร้างสรรค์
งานทัศนศลิ ปอ์ ยา่ งมากมาย ท้ังน้ี ควรพิจารณาดกู ่อนวา่ ส่งิ ที่ปนั มีส่วนสูง-ต่�าเป็นอย่างไร สว่ นใดควรเพ่ิม ส่วนใด
ควรลด แลว้ คอ่ ยๆ เสรมิ แต่งจนผลงานมีความเรยี บร้อยสมบูรณ์
๖9
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด นักเรยี นควรรู
รปู ปน ดินเหนียวถา ตองการเกบ็ ไวขา มคืน ควรปฏบิ ตั อิ ยางไร 1 ขั้นตอนในการตกแตงและเพมิ่ เติมรายละเอยี ด การเกบ็ รายละเอียด
1. ใชผา ชบุ นํา้ คลมุ ไว เปน กระบวนการปนขัน้ สดุ ทา ย โดยจะทาํ การปน ตกแตงสวนทล่ี ะเอยี ดใหชัดเจน
2. ใชผ า หมาดๆ คลมุ ไว เนนหรอื เพิ่มเติมสวนทต่ี อ งการใหเดน หรอื ทําใหผลงานดเู รยี บรอ ย ประณีต ซง่ึ ใน
3. ใชน ํา้ พน ลงบนงานปน ขั้นตอนนจ้ี ะตองใชความพถิ พี ถิ นั ใจเย็น หลังจากนบ้ี างชิน้ อาจนําไปทาํ ตนแบบ
4. พน นาํ้ ลงบนงานปน คลุมผาหมาดๆ ไว ในการหลอ หรือนาํ ไปต้งั แสดง แลวแตค วามเหมาะสม ซงึ่ อาจมกี ารเขียนสี
ระบายสกี ็ได
วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ในการปน ดินเหนียวถาตองใชเวลานาน
มมุ IT
ขา มคนื ควรใชน้าํ พน ลงบนผลงานปนและใชผา หมาดๆ คลุมไวอ กี ชั้นหนงึ่
เพ่อื ใหดนิ คงสภาพความชมุ ชืน้ เอาไว จะไดม คี วามออ นนมุ ไมแหง แตก นกั เรยี นสามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ประวตั ศิ าสตรง านประตมิ ากรรมของไทย
จนทําใหผ ลงานเกิดความเสียหาย ไดจาก http://www.prc.ac.th/newart/webart/history08.html
คู่มือครู 69
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain • เตรยี มอุปกรณ์
ใหนกั เรียนดภู าพตวั อยา งขั้นตอนการปน ตวั อยางแสดงข้ันตอนการปน้
ในหนงั สือเรยี น หนา 70 จากนั้นใหนักเรียน
สรางสรรคผลงานปน มาคนละ 1 ผลงาน • คลงึ ดินใหเ้ รยี บเป็นแผ่น • ตดั กระดาษเปน็ รปู รา่ ง เพอื่ ใชเ้ ปน็ แบบ
โดยครูเตรียมวสั ดุอปุ กรณสาํ หรบั ใชใ นงานปน ไวให
นกั เรยี นอยา งครบถว น
ท้ังน้ีครูอาจตัง้ หัวขอ ใหนกั เรยี นดว ยก็ได เชน
ปนหนา คน ปน รูปสตั ว เปนตน จากนัน้ ใหนกั เรยี น
นําผลงานปนที่เสรจ็ สมบูรณแ ลว สงครผู ูส อน
• ท าบกระดาษวางบนแผน่ ดนิ แลว้ ตดั ดนิ • แซะแบบดนิ ทต่ี ัดออกจากกระดาน • ประกอบแบบดนิ แตล่ ะชน้ิ เข้าหากนั
ตามขอบของแบบ
• ปรบั แตง่ แบบดนิ แต่ละดา้ น • เจาะลูกนยั น์ตาตามภาพร่าง • เจาะปากตามภาพร่าง
• ทําช้ินส่วนเพ่ือตกแต่งเพมิ่ เตมิ
• ผ ลงานทเ่ี สรจ็ สมบรู ณ์
๗๐
เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพียง ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ผลงานปน เปน ผลงานทเี่ กดิ ขนึ้ จากการนาํ วสั ดเุ นอื้ ออ น เชน ดนิ เหนยี ว ดนิ นาํ้ มนั
ขผ้ี ง้ึ เปน ตน มาสรา งสรรคใ หเ กดิ รปู ทรงชนดิ ตา งๆ เชน รปู ลอยตวั รปู นนู สงู รปู นนู ตาํ่ ขอใดเปนวิธกี ารเกบ็ รกั ษาดินน้ํามนั ท่จี ะใชกับงานปน
เปนตน ปจจุบันงานปนไดรับความนิยมเปนอยางมาก เพราะมีความสวยงามและมี 1. พรมน้าํ ใหชมุ แลว เก็บ
ความหลากหลายของรูปทรง เพ่ือเปนการฝกทักษะใหนักเรียนไดเรียนรูข้ันตอนและ 2. แยกสเี กบ็ ในถงุ พลาสตกิ
วิธกี ารปน ครใู หนักเรียนแบง กลุม กลุมละ 3 - 4 คน ใหน กั เรียนแตละกลุม ออกแบบ 3. ใชผา เปยกหมาดๆ คลมุ ไว
และปน รปู ปนขนึ้ มา 1 ช้ิน ทั้งนี้ ครใู หน กั เรียนใชด ินเหนียวในการปน เพ่ือไมใ หส ง 4. ใสกลองแลว นาํ ไปตากแดด
ผลกระทบตอส่ิงแวดลอมและเพื่อประหยัดคาใชจายของนักเรียนตามหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง พรอมทั้งต้ังชื่อผลงาน และออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ดินนา้ํ มันถือเปนวสั ดสุ ังเคราะห ออ นนุม
หนาชัน้ เรียน
งา ยเมอ่ื โดนความรอน หลงั จากใชงานเสรจ็ ใหแยกสดี นิ นํ้ามนั เปน สีๆ
แลวทาํ เปน แผนสีเ่ หลย่ี มใหมขี นาดพอเหมาะ จากนั้นใหแยกใสถ งุ พลาสตกิ
เปน สีๆ ทั้งนีก้ ารเกบ็ รวบรวมอยา ใหด นิ น้าํ มนั แตล ะสีมาผสมรวมกัน
เพราะจะทําใหสผี ิดเพ้ยี นไปจากสเี ดมิ
70 คู่มอื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
เสริมสาระ ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั วสั ดอุ ปุ กรณ
ทีใ่ ชในงานปน และยกตัวอยางผลงานท่ใี ชว สั ดุ
วัสดแุ ละอุปกรณท่ีใชในงานป้น อุปกรณดงั กลาวในการสรา งสรรคผลงานมา
คนละ 1-2 ตัวอยาง จากนัน้ ครูถามนักเรียนวา
๑. วัสดุท่ีใชกับงานป้น งานป้ันเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะท่ีต้องใช้วัสดุท่ีมีความเหนียวและน่ิม วัสดุ
ที่นํามาปั้นจะต้องสามารถยึดจับกันเป็นก้อนหรือเกาะตัวเป็นแท่ง และทรงตัวอยู่ได้ตลอดเวลาที่ป้ัน รวมท้ังต้อง • วสั ดุทจ่ี ะนํามาใชใ นงานปน ควรมคี ณุ สมบตั ิ
ท่ีสําคญั อยา งไร
มีความคงทน ไม่แตกสลายได้ง1่ายท้ังในขณะป้ันและเมื่อป้ันเสร็จแล้ว ส่ือ หรือวัสดุท่ีใช้ในการปั้นม2ีหลายชนิด เช่น (แนวตอบ งานปน เปน การสรา งสรรคง านศลิ ปะ
ทตี่ องใชว สั ดทุ ีม่ คี วามเหนยี วและน่ิม
ดินเหนยี ว ดนิ น้ํามัน ดนิ ญป่ี ุน ขี้ผ้ึง ข้เี ลื่อยผสมกาว กระดาษแช่นํ้าจนเปอ ยยยุ่ ผสมกาว แปงขนมปัง เปน็ ตน้ แต่วัสดุ วสั ดุท่นี าํ มาปนจะตองสามารถยึดจับกนั เปน
ที่หาง่ายและราคาถูกเหมาะสมกับนักเรยี น มีดังตอ่ ไปน้ี กอ นหรอื เกาะตวั เปน แทง และทรงตวั อยไู ด
ตลอดเวลาที่ปน รวมทง้ั ตองมคี วามคงทน
• ดินเหนียว เป็นวัตถุดิบตามธรรมชาติมีอยู่แทบ ไมแ ตกสลายงาย ทงั้ ในขณะปน และเมอื่ ปน
จะทุกท้องถิ่นและมนุษย์ก็เร่ิมรู้จักนําดินเหนียวมาใช้ทําผลิตภัณฑ์ เสรจ็ แลว)
ต่างๆ ต้ังแต่สมัยโบราณ ท้ังนี้ เพราะดินเหนียวมีคุณสมบัติ
เหมาะสมกับการนํามาปั้นให้เกิดรูปทรงใหม่ๆ ได้ตามต้องการ ดนิ เหนียวเป็นวสั ดทุ ่ีเหมาะกบั งานปนั้ เพราะหาได้ง่ายจาก
มีความเหนียว มีการอ่อนตัวเม่ือถูกนํ้าและมีความแข็งเม่ือแห้ง ทอ้ งถิ่น
ซึ่งการจะนําดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปนั้นจะต้องมีการเตรียมดิน ดินนา้ํ มันตอ้ งระวงั อย่าใหถ้ กู ความรอ้ น
โดยเร่ิมจากการคัดส่ิงท่ีปะปนมากับดินออกให้หมดเสียก่อน
ถ้าดินแห้งเป็นก้อนแข็งก็ต้องนําไปแช่น้ําให้ชุ่มแล้วนวด แต่ต้อง
ระวังอย่าผสมนํ้าให้มากจนเหลว ดินเหนียวท่ีใช้ป้ันรูปได้ดีต้อง
มเี นื้อดินท่ีหมาดและนิ่ม
• ดนิ นาำ้ มนั หรอื ขผ้ี ง้ึ การนาํ วสั ดปุ ระเภทดนิ นาํ้ มนั
หรือข้ีผ้ึงมาใช้กับงานป้ัน ไม่ต้องมีการเตรียมล่วงหน้า เพราะ
วัสดุท้ัง ๒ นี้ได้ผ่านการผสมและการเตรียมมาดีแล้ว แต่หาก
ดินนํ้ามัน หรือข้ีผ้ึงอยู่ในสภาพแข็งเกินไปก็ให้นําไปตากแดด
หรอื นวดสักเลก็ นอ้ ยจะมคี วามน่ิมพอดี
๒. อปุ กรณทใี่ ชก ับงานปน้ อปุ กรณท์ ใี่ ชเ้ ปน็ เครอ่ื งมือ
ในการป้ัน โดยท่ัวไปจะมลี ักษณะ ดงั น้ี
• แบบลวดเหล็กหรือทองเหลือง จะมีลักษณะ
เป็นห่วงกลมๆ หรือโค้งมนอยู่ท่ีปลายด้ามไม้ท้ัง ๒ ข้าง
มีหลายขนาด เคร่ืองมือชนิดน้ีใช้สําหรับการข้ึนรูป ขูด เกลา
ควัก และตกแต่งรายละเอียดต่างๆ บางชนิดมีลวดเหล็ก หรือ
ลวดทองเหลอื งอยทู่ ปี่ ลายไมเ้ พยี งขา้ งเดยี ว สว่ นอกี ขา้ งหนงึ่ เปน็ ไม้
หนา้ แบนตดั เฉียงประมาณ ๔๕ องศา หรอื หน้าตดั กวา้ ง ๓๐ องศา
แบบทําด้วยไม้ท้ังด้าม มีหลายลักษณะและมีหลายขนาด
๗1
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู
วสั ดุทนี่ ิยมนาํ มาใชใ นงานปน ควรมคี ณุ สมบตั สิ าํ คัญตามขอ ใด 1 ดินญ่ีปนุ หมายถึง ดนิ สังเคราะห มีขายเปนกอนเหมือนดินนา้ํ มนั ดินญี่ปนุ
1. เหนียวและออ นตัวสูง จะมสี ขี าว เมอ่ื ขน้ึ รปู และปลอ ยใหแ หง จะแขง็ ตวั โดยไมต อ งอบ จากนน้ั สามารถลงสี
2. แข็งตัวเมอ่ื ถูกความรอน และเคลือบเงาไดเ ลย
3. สลายตัวเมอื่ โดนนาํ้ 2 แปง ขนมปง หรือแปงสาลี สาเหตทุ ่ีเลอื กนาํ เอาแปง ขนมปง มาใชในงานปน
4. รวมตวั กบั วตั ถอุ ่นื ได เพราะแปงขนมปง สามารถแผทําใหบางไดโดยไมแ ตกราว หากผสมกบั วสั ดุอ่นื
ใหไดสัดสว นแลว กส็ ามารถนํามาประดษิ ฐเ ปนสง่ิ ของ วสั ดตุ กแตง เคร่อื งประดบั
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. วสั ดทุ น่ี ยิ มนาํ มาใชใ นงานปน ไมว า จะเปน ดอกไม ของชํารวย ของขวัญ ของฝากได ท้งั นก้ี อนการปน ควรนวดแปง กอน เพือ่
ใหแ ปงขนมปง มีความสวยงาม แขง็ แรงและทนทาน อยูไดน าน เคล็ดลบั สําคญั ใน
ดินเหนียว ดนิ นํ้ามนั ดนิ ญ่ปี ุน แปงขนมปง ข้ผี ึ้ง หรอื วัสดอุ ื่นๆ ก็คอื การนวด คอื นวดดว ยมือท้ังสองประมาณ 20 นาที ใสค รีมถนอมผวิ แลวนวดตอ
มคี วามเหนยี วแตอ อ นตวั จงึ นาํ มาพอก แปะ ตดิ ขนึ้ รปู เคา โครงเปน รปู ทรง ไปอกี 5 นาที ขณะที่นวดถา แข็งไปใหเติมครมี หรอื โลชัน่ ถนอมผวิ ถาเหลวไปให
ตางๆ ไดง าย รวมทั้งมคี ณุ สมบัติท่ีมีความแขง็ แรงในตัว กลาวคือ สามารถ เติมแปงขา วโพด นวดจนแปง แหงไมต ดิ มอื เนื้อแปงจะเนยี นเปนเนือ้ เดยี วกนั
รักษารปู ทรงอยไู ด ไมหลอมละลายงา ย จบั ตัว เกาะตัวกันอยูไดน าน
คู่มือครู 71
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
จากการศกึ ษาเกยี่ วกบั วัสดอุ ปุ กรณท ่ใี ชใ น ซ่ึงจะมีปลายด้านหน่ึงเป็นไม้หน้าแบนตัดเฉียง
งานปน ใหนกั เรยี นรว มกันอธิบายวิธีการเกบ็ รกั ษา
อปุ กรณทีใ่ ชในงานปน จากน้ันสรุปสาระสําคญั ประมาณ ๔๕ องศา หรอื หนา้ ตัดตรง ๙๐ องศา
เก่ียวกับวสั ดอุ ปุ กรณทใ่ี ชใ นงานปน และวิธกี ารเกบ็
รกั ษาอุปกรณ ลงสมุดบนั ทกึ ครถู ามนักเรยี นวา สว่ นอกี ดา้ นหนง่ึ จะมปี ลายขนาดเลก็ กวา่ มลี กั ษณะ
• นกั เรยี นมวี ธิ กี ารเก็บรักษาเคร่อื งมือที่ใช กลมมน เครอ่ื งมือชนิดน้ีใช้สําหรับตัด เฉอื น ปาด
ในงานปน อยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดอยางอสิ ระ ผิวดินให้เรียบ หรือทําให้เกิดเป็นลักษณะพ้ืนผิว
ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมวา เครอ่ื งมอื ที่ใชส ําหรับ
งานปน มรี ปู รา งหลากหลายลักษณะและ ต่างๆ ตลอดจนใช้ตกแต่งรายละเอียดในตวั ผลงาน แบบลวดเหล็ก หรือทองเหลือง แบบท่ที ําดว้ ยไมท้ ้ังด้าม
มีวิธีการนําไปใชแ ตกตา งกนั เครื่องมือ ๓. การเกบ็ รักษาเครอื่ งมอื
บางชนดิ ทาํ ดว ยโลหะ เครือ่ งมือบางชนดิ
ทําดว ยไม แตท้งั นห้ี ลงั จากการใชง าน เครอื่ งมอื ปน้ั จะมขี นาด รปู รา่ งหลายๆ ลกั ษณะ และมวี ธิ กี ารนาํ ไปใชต้ า่ งกนั เครอื่ งมอื บางชนดิ ทาํ ดว้ ยไม ้ บางชนดิ ทาํ ดว้ ย
ควรลางทาํ ความสะอาด เอาเศษดนิ และ
สิ่งสกปรกที่ติดอยูออก ถาเปนเคร่ืองมือแบบ โลหะผสมกัน บางครั้งจะมีความเปราะบางไม่แข็งแรง ดังนั้น การเก็บรักษาหลังจากใช้งานเสร็จแล้ว สามารถทําได้
ลวดเหลก็ หรอื ทองเหลืองจะตองดูแลรักษา
อยา ใหข ้ึนสนิมดวยการใชนา้ํ มันทากอนเก็บ โดยการนําเครื่องมือมาล้างทําความสะอาด เอาเศษดินและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ออก ถ้าเป็นเครื่องมือแบบลวดเหล็ก
จากนั้นควรเกบ็ ใสก ลอ งใหเ รยี บรอ ย)
หรอื ทองเหลืองจะตอ้ งดูแลรักษา อยา่ ให้ข้นึ สนิมดว้ ยการใช้น้ํามนั ทาก่อนเกบ็
เครื่องมือหลังจากปฏิบัติงานแล้วควรเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อยหรือจะแขวนไว้ข้างฝาให้เป็นระเบียบก็ได้
ที่สําคญั ไมค่ วรนาํ เครอ่ื งมอื ปั้นไปใช้กบั งานทีผ่ ดิ ประเภทเพราะจะทาํ ให้เครือ่ งมือเกิดความชํารดุ เสยี หายได้
ผลงานปน้ั ฝพ ระหตั ถใ์ นสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ขณะดาํ รงพระยศสมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา วชริ าลงกรณ
๗2
เกรด็ แนะครู บูรณาการเช่อื มสาระ
จากการศกึ ษาเกย่ี วกับวสั ดุ อปุ กรณแ ละการเก็บรักษาเครื่องมือท่ีใชใน
จากการศกึ ษาเกย่ี วกบั งานปน ครูควรเสริมความรเู กยี่ วกับงานปูนปนของไทย งานปนสามารถบรู ณาการเชื่อมโยงกบั การเรียนการสอนของกลมุ สาระ
โดยปูนปน เปน กรรมวิธกี ารสรางสรรคง านศิลปะอยา งหนง่ึ ทีม่ มี าแตโบราณ โดยใช การเรยี นรูก ารงานอาชพี และเทคโนโลยี วิชางานชาง เร่อื งการดแู ลรักษา
ปนู ท่ที าํ มาจากเปลอื กหอยเผาไฟผสมนํ้าออย หรือส่งิ อื่นๆ ซึ่งปนู เมอ่ื ผสมกบั น้ําออ ย อปุ กรณเ ครื่องมอื เครือ่ งใช เพราะวสั ดุอปุ กรณแ ตละชนดิ ที่ใชในงานปน
ก็จะมคี วามเหนียว สามารถปนเปน รปู ตา งๆ ได และเม่อื แหงแลว จะแข็งตัว ทนแดด ทําจากวสั ดทุ แี่ ตกตา งกัน ดงั นั้น นกั เรียนจึงควรเรียนรูเกย่ี วกบั วิธกี ารเก็บ
ทนฝนไดดี ปนู ปน น้ีสว นมากใชปน เปน เครอื่ งตกแตง ประดับอาคารสงิ่ กอสรางทาง รักษาเครื่องมอื แตละชนิดใหถ กู วิธดี ว ย
สถาปต ยกรรม ซง่ึ มที ง้ั เปน ลวดลาย รปู คน รปู สตั วต า งๆ ไปจนถงึ พระพทุ ธรปู
ดังปรากฏอยตู ามโบราณวตั ถุ โบราณสถานของไทยมากมายหลายแหง งานศิลปะ
ปูนปนสว นใหญท พ่ี บจะเปน งานทีเ่ กย่ี วกับพระพุทธศาสนา จงึ ทําใหเกดิ กลมุ
ชา งปูนปน ขึ้นตามวัดตางๆ เชน กลุมชางวัดใหญส ุวรรณาราม กลุมชางวัดเกาะ
(วดั เกาะแกว สุทธาราม) กลุมชางวัดพระทรง กลมุ ชา งวดั ยาง ในจงั หวัดเพชรบุรี
เปน ตน
72 ค่มู อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๒.๒ งานสือ่ ผสม ครูสมุ ตวั อยา งนักเรยี น 2-3 คน ใหต อบคาํ ถาม
ตอไปนี้
งานส่อื ผสม เปน็ ผลงานทเี่ กิดจากการนา� ผลงานจติ รกรรม ประติมากรรม ภาพพมิ พ์ การวาดเสน้ หรือ
• ส่ิงสําคญั ของการสรา งสรรคงานสือ่ ผสม
มีการใช้วิธีต่างๆ ไปผสม จนเกิดเป็นผลงานสร้างสรรค์แบบใหม่ขึ้นมา ในระดับช้ันนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เรียน คอื อะไร
(แนวตอบ แนวคิดเปนสิ่งสาํ คัญในการ
ได้เรียนรู้เพ่ือน�าไปสู่การน�าเสนอผลงาน ดังน้ัน ผู้เรียนจะต้องมีความเข้าใจเก่ียวกับการเตรียมวัสดุและกรรมวิธี สรางสรรคง านสอ่ื ผสม เพราะงานสื่อผสม
เปน การสรา งสรรคผ ลงานรปู แบบใหม
ปฏิบัตงิ าน จงึ จะสามารถลงมอื ปฏิบัตไิ ด้อยา่ งถูกต้อง ซ่งึ ขัน้ ตอนทส่ี �าคญั มีดังน้ี ดังน้นั กอนลงมอื ปฏิบตั ิผเู รยี นจะตองมี
แนวคดิ ในการทาํ งานวา จะทาํ งานส่ือผสม
ขน้ั ที่ ๑ ก่อนลงมือปฏิบัติ ผู้เรียนจะต้องมี ในลกั ษณะใด จะใชว ัสดุอุปกรณแ ละ
เคร่อื งมืออะไรบางในการสรา งสรรคงาน)
แนวคิดในการจะท�างานก่อนว่าจะท�าเป็นงานสื่อผสมใน
• นักเรยี นคดิ วา ปจจุบนั งานสื่อผสมเกดิ ขึน้
ลกั ษณะใด จะใชว้ สั ดอุ ปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมอื อะไรบา้ ง จากนนั้ จากวสั ดุชนดิ ใดมากที่สดุ
(แนวตอบ นกั เรยี นตอบไดอยางอิสระ
ควรจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ให้พร้อมเพ่ือสะดวกในการน�าไป ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมวา จากการแสดง
ศิลปกรรมแหง ชาติ ศิลปนผูท ีไ่ ดร บั รางวัล
ใช้ได้อย่างเหมาะสม เช่น อาจจัดเตรียมวัสดุเหลือใช้ สว นใหญนาํ เสนอผลงานโดยใชว สั ดุ
สงั เคราะหมากกวาวัสดุธรรมชาติ ทง้ั นี้
ท่ีเห็นว่ามีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อการใช้งาน เช่น เนอ่ื งจากวัสดุสังเคราะหส ามารถหาได
โดยทัว่ ไป ทัง้ ทเ่ี ปนขาวของเครือ่ งใชใน
เศษกระดาษทม่ี ลี วดลายสสี นั แปลกตา เปลอื กไมท้ ม่ี ลี วดลาย ชวี ติ ประจาํ วนั รวมทง้ั วสั ดุในการผลติ จาก
ระบบอตุ สาหกรรม ซ่งึ สัมพนั ธกับสภาพชีวิต
และพน้ื ผวิ แปลกๆ แผน่ พลาสตกิ ใสเหลอื ใช ้ เปน็ ตน้ ทงั้ น้ี ของคนในปจ จุบนั )
ต้องระมดั ระวงั ไมน่ �าเศษวสั ดทุ ี่มีอนั ตรายต่อตนเอง ผชู้ ม
หรอื วสั ดทุ ท่ี า� ลายสง่ิ แวดลอ้ ม วสั ดทุ ่ีไมเ่ หมาะสมกบั จารตี การเตรียมวัสดอุ ปุ กรณช์ นดิ ต่างๆ เพื่อนํามาใช้ในการทาํ งานสื่อผสม
ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมของสงั คมมาใช้
สิง่ ท่ีสา� คญั ในการจัดเตรียมวัสดุจะต้องพิจารณาว่า วัสดนุ น้ั มีความหมาย หรือคณุ ค่าอยา่ งไร และสามารถ
น�าไปใช้แสดงออกเกี่ยวกับผลงานได้อย่างไร เพราะเป็นการช่วยท�าให้วัสดุที่หามาได้มีคุณค่า สอดคล้องกับการ
น�าเสนอผลงานมากข้ึน
ขน้ั ท่ี ๒ ทดลองนา� วสั ดทุ ไ่ี ดจ้ ากการจดั เตรยี ม
มาวางประกอบบนกระดาษ หรือแผ่นกระดานในวิธีการ
ตา่ งๆ เชน่ วางซอ้ นกนั วางตอ่ กนั วางเหลอื่ มกนั เปน็ ตน้
โดยใช้วัสดแุ บบเดียวกนั หรือตา่ งชนิดกัน แล้วพิจารณา
ว่าในการทดลองนั้น วิธีการใดจะส่ือถึงเรื่องราวภายใน
ตัวผลงานได้บ้าง เช่น มีกระดาษ หรือกล่องบางชนิด
เม่ือลอกผิวหน้าออกไปแล้ว ภายในจะมีพ้ืนผิวเป็น นาํ กระดาษกล่องลอกฝาออกมาตัดเป็นรูปทรงโขดหนิ
เสน้ ลอน มคี วามหนาเพยี งพอท่ีจะน�ามาตดั ให้เป็นรูปทรงต่างๆ ได้ ก็ให้นา� กระดาษ หรือกลอ่ งทลี่ อกผิวหน้าออกแล้ว
มาทาบลงบนพนื้ ที่เตรียมไว ้ ตดั กระดาษให้ไดร้ ปู ทรงตามตอ้ งการ เช่น หากต้งั ช่ืองานสอื่ ผสมทส่ี ร้างสรรค์ในครง้ั นี้วา่
“ทอ้ งทะเลกวา้ ง” มภี เู ขา โขดหนิ เรือใบ เป็นตน้ ก็ให้เร่มิ จากการนา� สว่ นทีเ่ ป็นโขดหินติดไวด้ ้านหนา้ ใหเ้ ห็นเส้นลอน
ของผิวกล่องเป็นเส้นแนวยาวไปตามแนวนอนของท้องทะเลท่ีดูกลมกลืนกัน หลังจากนั้นจึงติดกระดาษ หรือกล่อง
ลงบนพื้นท่ีเตรียมไว้ แล้วจงึ ระบายสว่ นพนื้ ทะเลด้านหนา้ โขดหินทมี่ ีลวดลายเปน็ เส้นนอนไปตามพนื้ ผวิ กล่อง
๗3
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู
ขอ ใดแสดงใหเ ห็นถงึ ลักษณะของงานสื่อผสม ครูควรนาํ ผลงานสอ่ื ผสมท่มี คี วามสรางสรรค ใชว ัสดแุ ละองคป ระกอบ
1. การนําผลงานจิตรกรรมและประตมิ ากรรมมาสรา งสรรคใหม ท่ีหลากหลายในการสรา งสรรคผ ลงาน โดยเฉพาะผลงานของศลิ ปน แหง ชาติทไ่ี ดรบั
2. การนําผลงานจติ รกรรมและภาพพิมพมาสรางสรรคใหม รางวลั ดานผลงานสื่อผสมมาใหนักเรียนดู เพอ่ื ใหนกั เรียนไดเกิดมุมมองแปลกใหม
3. การนาํ ผลงานจิตรกรรมและการวาดเสน มาสรา งสรรคใหม และนาํ ไปสกู ารคดิ สรา งสรรคผลงานดวยตนเองตอไปได ตัวอยางเชน ผลงาน
4. การนําผลงานทัศนศลิ ปทุกประเภทและวิธกี ารตางๆ มาสรางสรรคใหม “พระพทุ ธบาท” ของนายกมล ทัศนาญชลี ซึ่งใชเทคนิคจติ รกรรมสื่อผสมบนผาใบ
และไม แผน ทองคําเปลว แผนเงนิ หนิ และไม แนวคิดในการสรา งสรรคผ ลงาน
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. งานสอื่ ผสมเปน ผลงานทศั นศิลปที่เกดิ ข้ึน คือ จากจุดเริ่มตน พระพทุ ธเจา ประสตู เิ ดินยา ง 7 กา วบนดอกบัวและกา วยา งเดนิ
เช่ือมโลกตะวันออกและตะวนั ตก กระจายออกไปทว่ั ทศิ ทว่ั โลก จากจดุ เรม่ิ ตน
จากการนาํ ผลงานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพิมพ หรือการวาดเสน ถงึ ปจ จบุ นั เปน เวลาผา นพน ไป 2554 ป “พระพทุ ธเจา ” ยังคงเปน สัญลักษณข อง
มาผสมกลมกลนื ดว ยการสรา งสรรคจนเกิดเปนผลงานรปู แบบใหม โดยมงุ กาลเวลา และการเช่อื มโยงโลกตะวันออกเขา ไวก บั โลกตะวนั ตก เปนตน
เนน การนําเสนอแนวคิดของศิลปนเปนหลักมากกวาความงามในตวั ผลงาน
คมู่ ือครู 73
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
ครูใหนกั เรียนสรางสรรคผ ลงานทัศนศิลปมา ข้นั ที่ ๓ ระบายสีตกแต่งในบริเวณส่วนอื่นๆ ของผลงาน เช่น ท้องทะเล ท้องฟา ภูเขา เป็นต้น
1 ผลงาน โดยเลอื กทําระหวางงานปนหรือ ขั้นตอนนี้การระบายสีควรพิจารณาน้�าหนักอ่อน-แก่ของสี และลักษณะของสีว่าควรใช้สีอะไร โดยก่อนระบายสี
งานสอื่ ผสม จากนั้นใหน าํ ผลงานที่เสรจ็ สมบรู ณ จะต้องผสมสีให้เรียบร้อยก่อนระบายลงไปบนพื้น และเพ่ือความสะดวกขณะท�างานควรวางอุปกรณ์และเคร่ืองมือ
สง ครผู ูส อน ในการทา� งานไวใ้ กลๆ้ ตวั เพอื่ ใหส้ ามารถหยบิ ใชไ้ ด้ง่าย
ตรวจสอบผล Evaluate
ครพู ิจารณาจากการสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป
ประเภทงานปน และงานสื่อผสมของนักเรยี น โดย
พิจารณาจากความคิดสรางสรรคแ ละความสวยงาม
นํากระดาษกล่องท่ีตัดเป็นรูปทรงเรียบร้อยแล้ว ทากาวลาเท็กซ์ ระบายสีไปตามแนวนอน ขนานกับเส้นผิวลายของโขดหินให้เป็น
ดา้ นหลงั แล้วตดิ ลงบนพ้ืน ท้องทะเลด้านหน้า
ขั้นที่ ๔ นา� วสั ดุอื่นๆ มาตกแต่งและประกอบ เช่น นา� แผ่นพลาสติกใสสีฟามาตดั ใหเ้ ปน็ รปู รา่ งกอ้ นเมฆ
บนทอ้ งฟา ตัดเป็นรูปเส้นนอนเหมือนแนวคลื่นในท้องทะเล และน�าไปติดยงั บริเวณท่ตี อ้ งการ จากความโปร่งใสของ
แผน่ พลาสติกจะท�าใหเ้ กิดน�้าหนกั ของสีใหมข่ ้ึนตรงบรเิ วณท่ีตดิ ดูแล้วทา� ใหเ้ กิดความสวยงามเพิม่ มากข้ึน เปน็ ตน้
ขนั้ ท่ี ๕ ตกแตง่ เพม่ิ เตมิ โดยนา� วสั ดแุ ละสว่ นประกอบอน่ื ๆ ไปวางลงบนทอ้ งทะเลและทอ้ งฟา เชน่ เรอื ใบ
พระอาทิตย์ นก เป็นต้น รวมถึงการเลือกใช้รูปทรงส�าเร็จรูปมาท�าเป็นรูปสัตว์ รูปส่ิงของอ่ืนๆ ที่ลอยบนผิวน�้ามา
ติดประกอบ เพื่อให้ได้งานสื่อผสมทมี่ ีความสมจรงิ มากขนึ้ โดยทดลองวางตามจุดต่างๆ ว่า มคี วามเหมาะสมหรอื ไม่
โดยเนน้ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน ไม่ควรติดลงไปทันที เพราะถ้าจะแกไ้ ขอาจจะท�าให้แก้ไขงานไดย้ าก
ขั้นท่ี ๖ ตกแตง่ รายละเอยี ดในสงิ่ ทตี่ อ้ งการจะเพ่มิ ลด หรือแก้ไข จนผลงานมคี วามสวยงาม และลงตวั
มีเอกภาพกลมกลืนกนั ตลอดท้ังชนิ้ จากนั้นน�าไปติดต้ัง หรอื จดั แสดง
ระบายสีในสว่ นของท้องฟา พื้นทะเลดา้ นบนและในสว่ นของภเู ขา นําพลาสติกใสสีฟา มาตดั เปน็ กอ้ นเมฆและเสน้ คลน่ื
๗4
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั งานสอื่ ผสมทม่ี คี วามสมจรงิ วา หมายถงึ ผลงานทม่ี นษุ ย
สรา งสรรคข ึ้น โดยใชเ ทคนิคและวิธีการของศลิ ปะทางดา นทัศนศิลปห ลายๆ แขนง ขอใดเปนศิลปะสื่อผสม (Mixed Media Art)
มาผสมผสานทําใหเกิดผลงานทอ่ี ยใู นชิ้นเดียวกนั เนนหลักการจัดองคป ระกอบศลิ ป 1. สมชาย นาํ โทรทศั นไ ปตัง้ ซอนกนั 3 เครอ่ื ง แสดงภาพของสมหมาย
แสดงออกถงึ อารมณสะเทอื นใจของผสู รา ง ซงึ่ วัสดทุ ่ใี ชในการสรา งผลงานสื่อผสม
สามารถหาไดจ ากวัสดุธรรมชาติ เชน วัสดจุ ากพชื สัตว แร เปน ตน และ สมหญิง และสมควรกาํ ลังทํางานศิลปะ
วัสดสุ ังเคราะห เชน กระดาษ โลหะ เปน ตน 2. สุนิตยใชสอี ะคริลิก สีนํา้ มัน สีนํา้ และสีเทียน ระบายลงบนแผนไมอดั
3. รตานําเอาภาพถาย หนงั สอื พิมพ นิตยสาร มาปะตดิ บนกระดาษ
มมุ IT 4. วิวฒั นท าหนา ตนเองสขี าว เพ่อื ไปรว มแสดงละครใบ
นักเรียนสามารถศึกษา คนควา เพิ่มเติมเกี่ยวกับงานสอ่ื ผสม ไดจ าก วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. งานสอ่ื ผสมเปน งานศลิ ปะทีเ่ กิดขนึ้ จาก
http://www.culture.go.th/art_auction/index.php?
การนาํ วัสดุหลายๆ แบบ มาสรา งผสมกลมกลนื ดวยการสรา งสรรค
จนไมส ามารถระบุไดว าเปน งานอยางใดอยางหน่ึงโดยเฉพาะได ซึ่งการท่รี ตา
นาํ วสั ดุตางๆ ท่ีเปนกระดาษมาปะติดลงบนกระดาษก็ถือเปนงานศิลปะ
แบบสือ่ ผสมไดอยางหนงึ่
74 คมู่ อื ครู
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
นาํ แผ่นพลาสตกิ ท่ีตัดตามแบบไปติดเปน็ ทอ้ งฟาและทอ้ งทะเล ครูถามนักเรยี นวา
• นักเรียนคนใดเคยชมนทิ รรศการทีจ่ ัดแสดง
งานปน และงานส่อื ผสมมาแลว บา ง ถา เคย
นักเรียนเคยชมท่ีใด
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอ ยา งอิสระ)
• นักเรียนคิดวา การจดั แสดงงานปนและงาน
ส่ือผสมมีขนั้ ตอนอยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยางอสิ ระ)
ครเู ชอ่ื มโยงเขา สหู วั ขอ การแสดงผลงานการปน
หรือส่อื ผสมเปนเร่อื งราว 3 มติ ิ
สา� รวจคน้ หา Explore
นําแผ่นพลาสติกใสสฟี า มาตัดเปน็ รปู นกและตดิ ลงบนทอ้ งฟา ผลงานสื่อผสมเรอ่ื ง “ทอ้ งทะเลกวา้ ง” เม่อื ทาํ เสรจ็ สมบูรณแ์ ล้ว ใหนกั เรียนศกึ ษา คนควาเกี่ยวกบั แนวทาง
การจัดแสดงผลงานการปน หรอื งานสื่อผสมเปน
การแสดงผลงานปันและงานส่ือผสมท่ีนักเรียนจะท�าการศึกษาในช้ันน้ีเป็นการแสดงผลงานเป็นเรื่องราว เรอ่ื งราว 3 มิติ จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน
หนงั สอื เรียน หองสมุด อนิ เทอรเนต็ เปน ตน
๓ มิติ ท้งั ๒ แบบ ไดแ้ ก่ ผลงานปันแบบลอยตวั (Round Sculpture) และงานสอื่ ผสมแบบนูนสงู (High Relief)
ผลงานทก่ี ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ มีการแสดงให้เห็นถงึ รูปทรง ปรมิ าตร และความกลมกลืนกันของทศั นธาตทุ เ่ี ลือกใช้
อย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะผลงานปันที่แสดงเร่ืองราวเก่ียวกับรูปทรงใบหน้าของมนุษย์ หรืองานสื่อผสมที่แสดง
เร่ืองราวเก่ียวกับบรรยากาศของท้องทะเลกว้าง ซ่ึงสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนแรงบันดาลใจใน
การสร้างสรรค์ได้อย่างนา่ สนใจ 1
ó. ¡ÒÃáÊ´§¼Å§Ò¹¡Òû˜œ¹ ËÃ×ÍÊÍè× ¼ÊÁ໚¹àÃè×ͧÃÒÇ ó ÁÔµÔ
ผลงานสร้างสรรค์ที่เสร็จเรียบร้อยแล้วของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นผลงานปัน หรืองานส่ือผสมในลักษณะ
ต่างๆ ท่ีไดจ้ ดั ทา� มาต้งั แต่ตน้ สามารถน�ามาจัดแสดงเปน็ เร่อื งราวต่างๆ ได ้ ซ่งึ จะช่วยท�าให้ผลงานมีคุณคา่ มากข้นึ
เน่ืองจากผลงานช้ินหน่ึงๆ สามารถน�าไปผูกเป็นเร่ืองราวแสดงออกมาได้อีกมาก ยิ่งถ้ามีผลงานมากชิ้นก็จะยิ่งมี
ความหลากหลายในการน�ามาจัดแสดงได้หลายเรื่อง ซึ่งผลงานท่ีจะน�ามาแสดงเป็นเรื่องราวต่างๆ นั้น สามารถใช้
ผลงานปัน เพียงอย่างเดยี ว หรอื นา� ไปจดั แสดงรวมกบั ผลงานสื่อผสมก็ได้
เรอ่ื งราวทีน่ า� มาจดั แสดงใหเ้ ปน็ เร่อื งราว ๓ มิติ หมายความวา่ เมื่อสร้างสรรค์ผลงานเสร็จแลว้ สามารถ
มองเห็นได้รอบด้าน มีมิติความกว้าง ความยาว ความหนา (สูง) อย่างที่นักเรียนเคยชมแบบจ�าลอง หรือโมเดล
ของหมู่บ้านจัดสรร การสร้างสรรค์เป็นเร่ืองราวที่ท�าได้โดยไม่มีขีดจ�ากัด ข้ึนอยู่กับจินตนาการและการออกแบบ
๗๕
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
สุนทรยี ะของผลงานศิลปะประเภทสือ่ ผสม ผชู มควรเนน พจิ ารณาในเรอื่ งใด ใหน ักเรยี นชวยกนั หาภาพตวั อยางผลงานศลิ ปะแบบสื่อผสมของศลิ ปน ไทย
1. ลกั ษณะวสั ดุทน่ี าํ มาใช โดยใหร ะบุชอ่ื ผลงาน แนวคดิ แลว นาํ ไปจดั นิทรรศการ ทัง้ น้ีครคู วรคัดเลอื กนักเรียน
2. แนวคิดของผสู รา งสรรค 2-3 คนท่ีชอบ หรือรกั ในการสรางสรรคผ ลงานส่ือผสมมารวมกันแสดงทัศนะวา
3. ความประณตี ของผลงาน ชอบผลงานศิลปะประเภทน้เี พราะอะไร
4. ความหลากหลายของวัสดุ
นกั เรียนควรรู
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ผลงานสือ่ ผสมตองการจะส่ือความหมาย
1 การแสดงผลงานการปนหรอื สอ่ื ผสม การแสดงผลงานปนและงานสื่อผสม
หรอื เรือ่ งราวเปน หลกั ดังนั้น ในการพจิ ารณาผลงาน ส่ิงทผี่ ูชมควรจะตอง เปน การรวบรวมผลงานทีส่ รางสรรคต ามความชอบ และจนิ ตนาการของตนเอง
พิจารณาเปน หลัก ก็คือผสู รางสรรคผลงานตองการจะส่ือความหมายอะไร นํามาจดั แสดงเปนเรอื่ งราว 3 มติ ิ มีความเปน เอกภาพ ความกลมกลืน ไดอ ยา ง
หรือบอกความหมายอะไร จะชว ยทาํ ใหเ ขาใจวิธกี ารนําเสนอและเรือ่ งราว สมบูรณ นอกจากน้ี การจดั แสดงผลงานการปน หรอื งานส่ือผสมควรคาํ นงึ ถึงพ้นื ท่ี
ของผลงานไดด ขี ึ้น เน่ืองจากผลงานสอ่ื ผสมจํานวนมากจะมนี ัยซอนอยู ในการจัดแสดงดว ย เชน จัดแสดงทีห่ องประชมุ โรงเรยี น หอศลิ ปป ระจาํ จงั หวัด
อาจมไิ ดสือ่ ออกมาตรงๆ เมอื่ พิจารณาอยา งละเอยี ดจึงจะเหน็ และเขา ใจได เปนตน
คูม่ อื ครู 75
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนกั เรยี นชว ยกันอธิบายแนวทางการจดั แสดง ของผู้ออกแบบ รวมทั้งข้ึนอยู่จ�านวนช้ินของผลงานท่ีมีอยู่ในมือ เรื่องราวที่น�ามาแสดงอาจจะเป็นเร่ืองท่ีผู้เรียน
ผลงานการปน หรืองานสื่อผสมเปน เรอื่ งราว 3 มิติ
ครคู อยชว ยเสรมิ เพิ่มเติมขอ มูล จากนัน้ ครถู าม คุ้นเคยกันดี เช่น หมาปา่ กบั ลูกแกะ ไกไ่ ด้พลอย ชาวนากบั งเู หา่ เป็นต้น เรื่องราวที่เปน็ ชวี ติ จรงิ เช่น การละเล่น
นักเรียนวา
ของเด็กไทย การท�านาของชาวนา การจราจรในเมือง ฟารม์ ของฉนั เปน็ ต้น หรอื เรอ่ื งทผ่ี เู้ รยี นจนิ ตนาการขน้ึ เช่น
• การจดั แสดงเรอื่ งราว 3 มติ ิ หมายถงึ อะไร
(แนวตอบ การจัดแสดงเรอ่ื งราว 3 มติ ิ ฝูงไดโนเสาร์ในปา่ ใหญ่ การสา� รวจอวกาศ เปน็ ต้น
หมายถึง ผลงานทสี่ รางสรรคเสร็จแลว
สามารถมองเหน็ ไดรอบดาน มีมิตกิ วา ง ยาว ผลงานการปันหรือส่ือผสมท่ีจะน�ามาแสดงเป็นเรื่องราว ๓ มิติ ได้อย่างสมบูรณ์ สร้างความประทับใจ
หนา (สูง) อยางทีเ่ ราชมแบบจาํ ลองหรอื
โมเดลหมูบ า นจัดสรร เรื่องราวทีน่ าํ มา ให้กับผู้ชม สามารถสื่อเป็นเรื่องราวได้ตรงตามจินตนาการนั้น มีแนวทางปฏิบัติท่ีผู้เรียนสามารถน�าไปประยุกต์
จดั แสดงอาจเปน เรือ่ งท่เี ราคุน เคยกนั ดี เชน
การจราจรในเมือง การละเลนของเดก็ ไทย ใชไ้ ด ้ ดังนี้ ๑) กําหนดกรอบแนวคิด เป็นการวางแนวคิดว่าจะน�าเสนอ หรือแสดงเรื่องราวอะไรที่ตนสนใจ หรือ
ชาวนากับการทาํ นา เปน ตน)
น่าสนใจ หรือจะน�าเสนออย่างไรให้น่าชม โดยพิจารณาจากชิ้นงานที่มีอยู่ทั้งงานปันและงานสื่อผสม โดยรวมแล้ว
• ผลงานการปน หรอื งานสอ่ื ผสมทีจ่ ะนาํ มา
จดั แสดงควรเปน อยา งไร เป็นงานทมี่ ลี ักษณะรปู แบบใด จ�าเป็นต้องสรา้ งสรรค์เพิ่มเติมอีกหรือไม ่ มากน้อยเพียงใด หรอื เม่อื มาจัดรวมกนั แลว้
(แนวตอบ ผลงานการปน หรืองานสอ่ื ผสม
ที่จะนาํ มาจดั แสดงเปนเรื่องราว 3 มิติ มีความกลมกลืน มีเอกภาพหรือไม่ หรือสามารถจะส่ือออกมาได้อย่างท่ีคิดไว้หรือไม่ เป็นต้นว่า ถ้ามีผลงานปัน
ไดอยางสมบรู ณนนั้ ผลงานดังกลา วตองสรา ง
ความประทบั ใจใหก บั ผูชม สามารถสอื่ เปน เปน็ รปู สตั วต์ ่างๆ หลายชนิด ก็อาจก�าหนดกรอบแนวคิดว่าจะผูกเรอ่ื งราวเป็นชีวิตสัตว์ในป่าใหญ ่ หรือสวนสัตว์ หรอื
เร่อื งราวไดต รงตามจินตนาการ)
ผจญภัยป่าดงดิบ ท้ังน้ี กรอบแนวคิดควรมีแนวคิดเดียว ไม่ควรก�าหนดซ�้าซ้อนหลายแนวคิด เพราะจะสื่อออกมา
• นกั เรยี นเคยเหน็ ผลงานการปน หรอื งานสอ่ื ผสม
ทแี่ สดงเปนเร่อื งราว 3 มิติ หรือไม หากเคย ไดย้ าก อาจท�าให้ผลงานทเ่ี สรจ็ แล้วดูไม่นา่ สนใจ รวมทั้งจะตอ้ งเป็นเรือ่ งท่ีเป็นรูปธรรม ดูแล้วสามารถเขา้ ใจเรือ่ งราว
นักเรยี นรูส ึกอยา งไรตอ ผลงานดงั กลา ว
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอยา งอสิ ระ) ได้ทันที ไมต่ อ้ งอาศัยการตีความ
๒) ออกแบบภาพรา่ ง ใหน้ า� แนวคิดมาทา� เปน็ ภาพร่างบนกระดาษก่อน เพือ่ สอื่ ความคิดให้ออกมาเปน็
รปู ธรรม โดยกา� หนดขนาดพนื้ ท ่ี จดุ ทจี่ ะวางรปู ปนั แตล่ ะชน้ิ การเสรมิ ตกแตง่ ดว้ ยสอ่ื ผสม หรอื การใชอ้ งคป์ ระกอบอน่ื ๆ
เช่น ส ี เส้น เขา้ มาชว่ ยตกแต่งใหเ้ ร่ืองราวมีความสมบูรณแ์ ละสอดคล้องกนั เป็นตน้ การออกแบบภาพรา่ งไว้ก่อนจะ
ชว่ ยท�าให้การสรา้ งสรรค์งานดา� เนนิ งานได้อย่างเป็นระบบ และเมอื่ ลงมอื ปฏิบัติจะทา� งานได้เร็ว
ขณะเดียวกันแนวคิดท่ีผู้เรียนจินตนาการไว ้
เมื่อสื่อออกมาเป็นภาพร่างแล้ว ยังอาจไม่ลงตัว ต้องมี
การปรับเปลี่ยนอีก ถ้าไปปรับแก้ที่ผลงานจริงอาจแก้ไข
ล�าบาก ผลงานบางส่วนอาจบอบช้�า หรือช�ารุดเสียหาย
จากการแก้ไขได ้ อีกท้งั แบบภาพร่างยงั ช่วยท�าใหผ้ ูเ้ รยี น
สามารถพิจารณาสัดส่วนโดยรวมว่า มีความสมดุลกัน
หรือไม่ เพราะผลงานเม่ือพิจารณาโดยรวมแล้วจะต้อง
กลมกลืนกนั ดี สอดคลอ้ งกบั ความเปน็ จรงิ ตามธรรมชาติ
เชน่ ชา้ งตอ้ งใหญก่ ว่าสุนัข บ้านต้องใหญก่ ว่าคน เป็นต้น
นอกจากน้ ี ภาพร่างยังจะช่วยทา� ใหเ้ ข้าใจถงึ วัสดอุ ุปกรณ ์
“พลังสามัคคี...ความดีแหงแผนดิน” จิตรกรรมส่ือผสม ผลงานของ ตลอดจนจ�านวนผลงานท่ีจะต้องรวบรวมน�ามาใช้
พิราวรรณ เกดิ จร เพื่อน�าเสนอเป็นเรอ่ื งราวดว้ ย
๗๖
บูรณาการอาเซียน ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
การประชมุ ปฏิบตั กิ ารประตมิ ากรรมอาเซียน (ASEAN Sculpture Symposium)
เปน โครงการในความเหน็ ชอบของคณะกรรมการอาเซียนวาดวยวัฒนธรรมและสาร- ข้ันตอนแรกสุดในการสรางสรรคงานศิลปะแบบส่ือผสมคอื ข้นั ตอนใด
สนเทศ (ASEAN Committee on Culture and Information หรอื ASEAN-COCI) 1. ออกแบบภาพราง
จดั ขน้ึ ครงั้ แรกใน พ.ศ. 2524 ณ ประเทศสงิ คโปร ในการจดั แตล ะครงั้ ใหแ ตล ะประเทศ 2. ลงมอื ปฏบิ ัติงาน
หมนุ เวยี นกนั เปน เจา ภาพ โดยแตล ะประเทศจะคดั เลอื กประตมิ ากรในประเทศของตน 3. เสาะหาวัสดทุ ่จี ะใช
จากศิลปนแหง ชาตหิ รือศลิ ปนท่ีไดร ับรางวลั ในระดับสูงสุด ซงึ่ ประตมิ ากรจะตอ ง 4. กาํ หนดกรอบแนวคิด
เตรียมแบบรางตามหัวขอ ที่กําหนดในแตล ะครงั้ แลว นาํ ไปสรางเปนประตมิ ากรรม
ขนาดใหญดวยการปฏิบัตงิ านรว มกนั เพื่อใหเ กิดความใกลช ิดและการแลกเปล่ียน วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. การกําหนดกรอบแนวคดิ จะชว ยทาํ ให
ความคดิ ประสบการณ อนั จะกอ ใหเ กดิ เครอื ขา ยประตมิ ากรในกลมุ ประเทศอาเซยี น
ประติมากรรมท่สี รา งข้นึ จะถกู นําไปติดตง้ั ไวใ นชมุ ชนทเ่ี ปน สาธารณะ เพื่อเปน วางกรอบผลงานใหแคบลง วา มีวัตถุประสงคจ ะนําเสนอเรื่องราวอะไร
สญั ลกั ษณแหงความสามคั คีของอาเซียน ประเทศไทยเคยเปนเจาภาพจดั งาน หรอื อยากบอกเลา เร่ืองราวอะไร เม่อื กรอบแนวคิดตกผลึกแลว จึงออกแบบ
เมือ่ พ.ศ. 2526 โดยใชอาคารปฏิบัติการของคณะศลิ ปกรรมศาสตร จฬุ าลงกรณ- ภาพรา งตามกรอบแนวคิด หลงั จากน้ันจึงคอ ยจัดหาวสั ดทุ จี่ ะนํามาใช
มหาวทิ ยาลยั เปนสถานท่ีสรา งสรรคผ ลงาน จากนน้ั นาํ ผลงานมาตดิ ตัง้ ในพนื้ ท่ี ในการสรางสรรคผ ลงาน ซงึ่ อาจจะเปนเศษวัสดุ ผลงานการประดิษฐ
สวนจตุจกั ร กรงุ เทพมหานคร หรือผลงานทัศนศิลปประเภทตางๆ นํามาผสมผสานกนั กไ็ ด
76 ค่มู อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 5-6 คน
ใหแตล ะกลมุ ชว ยกันเขียนแผนการสรา งสรรคแ ละ
การจัดแสดงผลงานปนและงานสือ่ ผสม ตามหวั ขอ
ที่ครกู าํ หนดให ดังนี้
• การสรางสรรคผ ลงานปนและงานส่อื ผสม
• การรวบรวมผลงานปน และงานสอ่ื ผสม
• การจัดแสดงผลงานปน และงานส่ือผสม
โดยใหแตละกลมุ จัดทําเปน รายงาน พรอ มหา
ภาพประกอบ ตกแตง ใหสวยงาม สงครูผสู อน
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
หอ้ งแสดงผลงานประติมากรรมแกะสลกั หินของอซิ ามุ โนกูช ิ ศิลปินชาวญีป่ นุ ที่เมืองไอร์แลนด์ รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ใหน ักเรยี นแตละกลุมสง ตวั แทนออกมา
นาํ เสนอแผนการสรา งสรรคแ ละการจดั แสดง
๓) เตรียมผลงานท่ีจะใช้นําเสนอ ทั้งนี้ การเตรียมผลงานในบางอย่างอาจจ�าเป็นต้องให้มีลักษณะ ผลงานปนและงานสือ่ ผสม หนา ชนั้ เรียน ครูคอย
ช้ีแนะขอ บกพรอง เพ่ือใหนกั เรยี นนาํ ไปปรับปรงุ
ใกล้เคียง หรือมีความเหมือนจริงตามธรรมชาติ จะช่วยเสริมท�าให้เรื่องราวที่ผู้เรียนน�าเสนอมีความน่าสนใจย่ิงข้ึน แกไ ข
เช่น การแสดงผลงานวิถีชีวิตชาวนา นอกจากใช้ผลงานปันเป็นรูปชาวนา รูปควาย และอ่ืนๆ แล้ว ถ้าใช้ส่ือผสม
เข้ามาช่วย ด้วยการน�าเศษฟางข้าวตัดเป็นชิ้นเล็กๆ โปรยปูพ้ืน หรือท�าเป็นลอมฟาง ก็จะย่ิงช่วยสื่อความเข้าใจ
ท�าให้ผลงานดูแลว้ มลี กั ษณะใกลเ้ คยี งความจริง น่าดู น่าชมมากข้นึ เป็นต้น
โดยผลงานทีจ่ ัดเตรยี มไวน้ ้นั ตอ้ งคา� นึงถงึ สัดสว่ น ส ี องค์ประกอบอื่นๆ ท่เี มอ่ื น�าจดั แสดงเปน็ เรอ่ื งราวแลว้
ต้องมีความเปน็ เอกภาพ กลมกลืนกนั สามารถช่วยส่ือเร่ืองราวทตี่ ้องการจะนา� เสนอได้
๔) สร้างสรรคผ ลงาน ตามแบบทร่ี า่ งเอาไว ้ ทงั้ น้ีในการปฏิบัติงานสรา้ งสรรคค์ วรจะต้องวางแผนเรยี ง
ล�าดบั ข้ันตอนไวด้ ว้ ยว่าจะตอ้ งท�าอะไรก่อน-หลัง จะช่วยท�าให้เพ่ิมประสิทธภิ าพในการท�างานไดร้ วดเรว็ และไมต่ อ้ ง
เสยี เวลามาแกไ้ ขงาน ในระหวา่ งการปฏบิ ตั งิ านผเู้ รยี นอาจเกดิ ความคดิ ตอ้ งการแกไ้ ข ตดั ทอน หรอื เพม่ิ เตมิ จากแบบ
ท่ีร่างเอาไว้ก็สามารถกระท�าได้ แต่พึงระมัดระวังควรแก้ไขเฉพาะในส่วนปลีกย่อยที่ไม่ส�าคัญเท่านั้น อย่าไปแก้ไข
ให้กระทบกับโครงสร้างใหญ่ หรือเปล่ียนแนวคิดไปจากเดิม เพราะอาจจะท�าให้ผลงานไม่มีเอกภาพ ไม่สามารถสื่อ
เรือ่ งราวอยา่ งท่ตี อ้ งการได้ ไมค่ วรปฏิบัตงิ านแบบแก้ไข หลังจากทจ่ี ัดทา� โครงสรา้ งใหญ ่ องคป์ ระกอบหลักๆ เสรจ็
เรียบรอ้ ยแลว้ ขั้นตอนสุดทา้ ยจึงค่อยมาตกแตง่ เกบ็ รายละเอยี ดใหผ้ ลงานมคี วามเปน็ เอกภาพ กลมกลืนกัน
สา� หรับการแสดงผลงานการปัน หรอื สอื่ ผสมเป็นเร่อื งราว ๓ มติ ิ นนั้ ในการแสดงถา้ เพ่มิ มติ ิดา้ นอื่นๆ
เข้าไปด้วย ได้แก่ แสงไฟ (ถ้าใช้ไฟสปอร์ตไลท์ที่มีความร้อนมากต้องระมัดระวังในการใช้ อย่าส่องไปท่ีชิ้นงาน
โดยตรง เพราะอาจท�าให้ช้ินงานท่ีอ่อนนุ่ม เช่น ดินน้�ามันเกิดความเสียหายได้ เป็นต้น) ระบบเสียงที่สอดคล้อง
กับผลงาน เช่น เร่ืองราวท่เี ก่ียวกับท้องทะเล หากมเี สยี งคลนื่ เสยี งนกทะเลประกอบกจ็ ะชว่ ยสรา้ งบรรยากาศ ทา� ให้
การแสดงผลงานมคี วามน่าประทบั ใจมากยง่ิ ข้นึ เป็นต้น
๗๗
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู
การเพิ่มมิตใิ นขอใดทีจ่ ะชว ยทาํ ใหผ ลงานสอ่ื ผสมดูเสมือนจรงิ มากข้นึ ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา การสรางสรรคง านสอื่ ผสมสามารถนาํ มาประยกุ ตใ ช
1. วาดภาพจติ รกรรมเขาไปเสรมิ ประกอบการเลาเร่ืองตา งๆ ไดอยางเปน รปู ธรรม สมจรงิ ไปกบั เนอ้ื หา ซ่งึ ใช
2. ใชคนจริงแสดงรว มกบั ผลงาน บูรณาการกับสาระการเรยี นรูอ ่ืนๆ ไดอยา งดี และยังสามารถนาํ มาประยกุ ตใ ชใน
3. เลือกสรรวสั ดทุ เ่ี ปนธรรมชาติ ชวี ิตประจาํ วันไดด ว ย เชน การนําวัสดุเหลือใชม าทําเปน ของตกแตงบาน เปน ตน
4. ใสแสงไฟและเสยี งประกอบ
มมุ IT
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การใสแ สงไฟเพือ่ เพ่มิ บรรยากาศ
นกั เรยี นสามารถตดิ ตามขา วการจดั แสดงผลงานทศั นศิลป ไดจาก
และมีเสยี งประกอบท่ีสอดคลอ งกบั เรอื่ งราวของผลงานที่นําเสนอ จะชว ย http://www.icidea.com/box/portfolios_web/ocac/event_fastart.html
สรางความรูสกึ และบรรยากาศโดยรวม ทําใหผ ลงานดเู สมอื นจริงมากข้นึ
คู่มือครู 77
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
ครูพจิ ารณาจากแผนการสรา งสรรคแ ละ เกร็ดศลิ ป การปันผลงานที่เปน็ ประติมากรรมลอยตวั
การจดั แสดงผลงานปนและงานสื่อผสมของนักเรียน ในการปันผลงานท่ีเป็นประติมากรรมลอยตัวนิยมใช้
โดยพจิ ารณาดานความถกู ตอ ง เน้ือหาสาระ และ วัสดุท่ีอ่อนนุ่มน�ามาปัน เช่น ดินเหนียว ดินน้�ามัน ข้ีผ้ึง
ความสวยงาม เป็นต้น จึงจ�าเป็นจะต้องมีแกนสอดใส่ไว้ด้านใน เพื่อท�า
หน้าท่ีเป็นโครงสร้างหลักช่วยพยุงให้ผลงานสามารถต้ังอยู่ได้
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ซ่ึงแกนในมักจะมีรูปร่างตามลักษณะของงาน แกนในของ
ผลงานประติมากรรมส่วนใหญ่นิยมใช้โลหะ เพราะดัดโค้งงอ
1. ผลงานทศั นศลิ ปป ระเภทงานปนและ ไปตามแบบได้ง่าย ส่วนมากมักจะใช้ลวดขนาดใหญ่ เพราะ
งานสอื่ ผสม มีความแข็งแรงพอประมาณ ไม่นิยมใช้ไม้มาท�าเป็นแกนใน เพราะไม้จะขยายตัว
เม่ือโดนความช้ืน อาจท�าให้รูปร่างของงานปันผิดเพ้ียนไปได้และเพ่ือให้เน้ือวัสดุ
2. แผนการสรา งสรรคและการจัดแสดงผลงานปน กบั แกนยดึ ตดิ กนั ได้ด ี จึงมักเพ่มิ ความขรขุ ระใหก้ บั แกนใน ดว้ ยการนา� ขดลวดเล็ก
และงานสื่อผสม มาพันรอบๆ แกน
อกี ช้นั หนงึ่ ด้วย
กิจกรรม ศลิ ปป์ ฏิบตั ิ ๖.๑
กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนแต่ละคนเลือกสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ท่ีเป็นงานปัน หรืองานส่ือผสมตาม
จินตนาการของผ้เู รยี นมาคนละ ๑ ชิน้
กจิ กรรมที่ ๒ ใหผ้ เู้ รยี นจดั กลมุ่ ๕ คน นา� ผลงานปนั และสอ่ื ผสมทสี่ มาชกิ ในกลมุ่ สรา้ งสรรคข์ น้ึ รวบรวม แลว้
นา� มาแสดงเปน็ เรือ่ งราว ๓ มติ ิ โดยเนน้ ถงึ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลนื สามารถจะส่ือ
เร่อื งราวท่ีตอ้ งการจะน�าเสนอได้
กิจกรรมที่ ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี
๓.๑ ผลงานทเ่ี ป็นการปนั กบั ผลงานที่เป็นสอ่ื ผสม มีความเหมอื นหรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไร
๓.๒ จ งอธิบายแนวทางในการนา� ผลงานภาพปัน หรอื สอ่ื ผสมไปแสดงเปน็ เร่อื งราว ๓ มิติ
ว่าควรปฏบิ ัติอย่างไร
สรุป การสร้างสรรค์ผลงานท่ีเป็นประติมากรรม คือ งานปันและงานสื่อผสม เป็นการแสดงออก
อย่างหน่งึ ทางดา้ นศลิ ปะ สาขาทศั นศลิ ป์ ทผ่ี ูเ้ รยี นสามารถจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ตามความชอบ
และจนิ ตนาการของตน ซง่ึ ผลงานประเภทนจ้ี ะมคี วามงาม ความน่าประทบั ใจ สร้างสุนทรียะทางอารมณ์
ช่วยพัฒนาผู้เรียนได้เช่นเดียวกับผลงานศิลปะในแขนงอื่นๆ และผลงานทั้งหมดที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น
หากได้รวบรวมนาำ มาจัดแสดงเป็นเรอ่ื งราว ๓ มิติ ตามจินตนาการกส็ ามารถจะนาำ ไปแสดงได้หลากหลาย
เรื่องราว ยิ่งชว่ ยเพม่ิ คุณคา่ และพัฒนาความคิดใหม้ คี วามหลากหลายมากย่ิงข้นึ ไปอกี
๗๘
แนวตอบ กจิ กรรมศลิ ปป์ ฏิบัติ 6.1 กิจกรรมที่ 3
1. งานปน และงานส่อื ผสมเปนผลงานทศั นศลิ ปเ หมือนกนั เพียงแตแตกตางกันท่ีลกั ษณะของผลงาน โดยงานปนจะเปนการนาํ เอาวัสดุที่มเี นอ้ื ออนที่สามารถรวมกนั ได
หรือแบงแยกออกจากกนั ได เชน ดนิ เหนยี ว ดนิ นํ้ามัน ขีผ้ ึง้ มาตกแตง ทําเปน รูปทรงตางๆ เรยี กวา “งานประตมิ ากรรม” สว นงานส่อื ผสมเปนผลงานศลิ ปะทเ่ี กดิ จาก
การผสมผสานส่อื ทางศลิ ปะทมี่ ลี กั ษณะแตกตา งกัน เชน การผสมกันระหวา งงานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม และภาพพมิ พ เปนตน แลวนํามาจดั วางผสมผสานกัน
จนกลายเปน ผลงานศลิ ปะช้นิ ใหม
2. แนวทางในการนําผลงานการปนหรืองานสือ่ ผสมไปจดั แสดงเรือ่ งราวเปน 3 มติ ิ มดี ังน้ี
1. กําหนดกรอบแนวคดิ ของผลงาน
2. ออกแบบหรือรางแบบ
3. เตรียมผลงานทจี่ ะใชน ําเสนอ
4. สรา งสรรคผลงาน
ท้งั น้ีผลงานท่เี ตรยี มไวจดั แสดงตองคาํ นงึ ถึงสัดสว น สี องคป ระกอบอื่นๆ ทเ่ี มือ่ นํามาจัดแสดงเปน เรอื่ งราวแลวตองมีความเปน เอกภาพ กลมกลืนกัน สามารถชวยส่อื ถงึ
เรื่องราวที่ตองการจะนาํ เสนอได
78 คมู่ อื ครู
กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
ออกแบบรปู ภาพ สัญลักษณ หรือ
กราฟก อน่ื ๆ ในการนําเสนอความคิดและขอ มลู
สมรรถนะของผูเรยี น
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ติ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค
1. มีวินยั
2. ใฝเรยี นรู
3. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
๗หน่วยท่ี ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย ในหนังสอื เรยี น
การออกแบบรูปภาพ สัญลกั ษณ และงานกราฟิก หนา 79 แลวใหนกั เรียนชว ยกนั พิจารณาวา
การออกแบบ คือ การสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหม่ หรือปรับปรุง
ตัวชีว้ ัด • ภาพดังกลาวใชเ ทคนิคใดในการออกแบบ
ศ ๑.๑ ม.๑/๕ เปล่ียนแปลงส่ิงท่ีมีอยู่เดิมให้ดีย่ิงข้ึน ในทางทัศนศิลป์ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็
การออกแบบ คอื การนาำ เอาองคป์ ระกอบศลิ ป์ หรอื ทศั นธาตุ ไดอ ยา งอสิ ระ)
■ ออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ ์ หรอื กราฟกิ อน่ื ๆ ในการนาํ เสนอ
ความคิดและขอ้ มูล จากนนั้ ใหน ักเรียนชวยกันยกตัวอยางของใช
ในชวี ติ ประจาํ วนั ท่นี ักเรียนเห็นวามีการออกแบบ
มาจัดเป็นภาพตามหลักของการจัดองค์ประกอบศิลป์ ไวอยา งสวยงาม มาประมาณ 2-3 ชิ้น
สาระการเรียนรู้แกนกลาง โดยสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ตามจินตนาการของ
ผู้ออกแบบ การออกแบบมบี ทบาทมากในสังคมปัจจุบนั เพราะ
■ ก ารออกแบบรูปภาพ สญั ลกั ษณ ์ หรืองานกราฟกิ ชวี ติ มนษุ ยม์ คี วามเกย่ี วขอ้ งกบั การสอ่ื สาร เพอ่ื การรบั รขู้ อ้ มลู ตา่ งๆ
ซ่ึงการสื่อสารด้วยส่ิงพิมพ์ที่แสดงออกเป็นรูปภาพ สัญลักษณ์
และงานกราฟิก นบั เปน็ วธิ ีท่แี พร่หลายและเขา้ ถึงผู้คนได้ง่าย
๗9
เกรด็ แนะครู
การเรยี นการสอนในหนวยการเรยี นรนู ้ี ครคู วรอธบิ ายเก่ียวกบั การแสดงออก
ทางดา นการออกแบบวา เปน การสรา งสรรคง านศลิ ปะในรูปแบบใหมๆ ขนึ้ มา
ซงึ่ จะมคี วามแตกตา งกนั ตามกระบวนการคิดและสติปญ ญาของแตละบุคคล ทั้งน้ี
ข้ึนอยกู ับความประทบั ใจท่ีจะชวยสรา งแรงบันดาลใจตอผูอ อกแบบ โดยคํานึงถงึ
ความตอ งการ ความสวยงาม ความกลมกลืนของรปู ทรง สี รวมทงั้ สะทอนใหเหน็
ถงึ รสนิยมอันทนั สมัยและความกาวหนา ซง่ึ การศึกษาในระดบั ช้ันน้ีจะกลาวถงึ การ
ออกแบบในชีวติ ประจําวนั โดยอาศัยหลกั การจัดองคป ระกอบศิลปมาประยกุ ตใช
ใหเ หมาะสมกบั งานออกแบบรปู ภาพ สัญลกั ษณ และงานกราฟกอ่ืนๆ
ค่มู อื ครู 79
กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรยี นดภู าพผลงานการออกแบบ เชน ñ. ¡ÒÃÍ͡ẺÃÙ»ÀÒ¾
ผลงานการออกแบบโฆษณา ผลงานการออกแบบ
สญั ลักษณ ผลงานการออกแบบปกนิตยสาร ผลงาน การออกแบบรูปภาพ เป็นกระบวนการฝกให้รู้จักสังเกต รู้จักการแก้ปัญหาและการวางแผน เพื่อเลือก
การออกแบบปกหนงั สอื เรยี น แลว ใหนกั เรียน
รว มกนั แสดงความคดิ เหน็ เร่อื งความแตกตา งของ ทศั นธาตุมาใช้ในการออกแบบ เช่น จ�านวนจุด ลักษณะของเส้น ขนาดของแบบ และสที ่ีใช ้ เป็นตน้ ซง่ึ ธรรมชาติท่ี
ผลงานท้งั 4 ภาพวา เทคนคิ การออกแบบแตกตาง
กนั อยางไร อยูร่ อบตัวจะเป็นแหล่งความรทู้ ่ีกว้างใหญอ่ นั จะเป็นที่มาของแนวคดิ รปู แบบ สา� หรบั นา� มาดดั แปลง ตัดทอน ใหเ้ กดิ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ได รปู แบบใหมๆ่ ตามท่ตี อ้ งการบนพ้ืนฐานเดมิ ท่ีตอ้ งการจะสือ่ ความหมาย
อยางอิสระ)
ผู้สร้างงานควรศึกษาองค์ประกอบในการออกแบบรูปภาพให้เข้าใจ เพื่อจะได้น�ามาประยุกต์ใช้ใน
จากน้นั ครเู กร่นิ นําเขา สหู วั ขอ การออกแบบ
รูปภาพ การสร้างผลงานให้มีความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน
และความสมดลุ 1
๑.๑ การออกแบบรูปภาพดว้ ยจุด
จุด เป็นองค์ประกอบหน่ึงของทัศนธาตุที่
สา� รวจคน้ หา สามารถน�ามาสร้างภาพได้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
Explore ภาพคน สิ่งของ ทิวทัศน์ หรอื เป็นภาพจากจนิ ตนาการ
ใหนกั เรยี นศึกษา คนควาเกี่ยวกบั การออกแบบ วิธกี ารสรา้ งภาพดว้ ยจุดแบบงา่ ยๆ คือ
รปู ภาพ จากแหลง เรยี นรตู า งๆ เชน หนังสอื เรยี น
หองสมดุ อนิ เทอรเ นต็ เปน ตน ตามหวั ขอ ท่ีครู ๑. ออกแบบชิ้นงานที่ต้องการจะสร้าง โดย
กําหนดให คอื การออกแบบรูปภาพดว ยจุดและ
การออกแบบรูปภาพดว ยเสน การรา่ งภาพกอ่ น
๒. กา� หนดแสงเงา 2 มนุษย์ได้มีพัฒนาการออกแบบรูปภาพ โดยใช้จุดมาสร้างสรรค์เป็น
ภาพโมเสก ซึ่งจิตรกรรมในสมัยโรมันนิยมนํากระเบื้องโมเสกมา
๓. ใช้ปากกาปลายสักหลาด หรือปากกา ประดับตกแตง่ ใหเ้ กิดความสวยงามเปน็ เรอื่ งราวตา่ งๆ
เขยี นแบบจดุ ลงบนภาพทร่ี า่ งไว ้ สว่ นใดมดื หรอื มนี า�้ หนกั
ความเข้มมากก็จุดทับซ้อนกันหลายคร้ัง ถ้าต้องการให้
มีแสงมากก็จุดห่างๆ ถ้าแสงสว่างจัดๆ ให้ปล่อยขาวได้
ส่วนที่เป็นน�้าหนักขนาดกลางให้จุดพอประมาณ เพื่อให้
เกิดความลึกต้นื หรือมืดสวา่ งตามที่ต้องการ
การสร้างภาพด้วยจุดสามารถที่จะน�าไปสร้าง
ผลงานได้หลายรูปแบบไม่วา่ จะเปน็ ภาพคน สัตว์ สิ่งของ
หรอื ภาพจากจินตนาการ
๑.๒ การออกแบบรปู ภาพดว้ ยเสน้
เส้น มีหลายลักษณะและท�าให้เกิดความรู้สึก
ที่หลากหลายต่อผู้พบเห็น การขีดเขียนเส้นออกมาใน
ลกั ษณะตา่ งๆ เมอ่ื นา� ไปสรา้ งอยใู่ นองคป์ ระกอบทเ่ี หมาะสม
เสน้ ในลกั ษณะต่างๆ ท่ีสามารถนํามาใชอ้ อกแบบเป็นรูปภาพได้ แลว้ จะกอ่ เกิดจินตนาการได้ไม่มีที่สนิ้ สุด
๘๐
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 จดุ ในทางทศั นศิลปเ ปน สิ่งทป่ี รากฏบนพ้นื ระนาบทม่ี ีขนาดเลก็ ทส่ี ดุ
ไมม คี วามกวาง ความยาว ความสงู ความหนา หรอื ความลกึ แตบางคร้งั การจุด การออกแบบมคี วามสําคญั อยางไรตอการสรา งสรรคผลงานทัศนศลิ ป
ดว ยอปุ กรณท ี่มขี นาดของหัวสัมผัสใหญ เชน สเี มจกิ พกู ัน ก็จะทาํ ใหจ ุดมีขนาด
ใหญแ ละเกิดความกวา ง ความยาวขึ้นได แนวตอบ การออกแบบถอื เปนการถา ยทอดความคดิ จินตนาการของ
2 ปากกาปลายสกั หลาด นยิ มเรียกวา ปากกาเมจิก ปากทําดวยสักหลาดแข็ง ผูส รา งสรรคอ อกมาเปนภาพทีเ่ ปน รูปธรรม ซ่ึงจะชว ยทําใหเ หน็ ภาพรวม
มีท้ังชนดิ ปากกลมและปากตดั ปากกาชนดิ นใ้ี ชประโยชนในงานหลายๆ อยาง ของผลงานขั้นสดุ ทา ย ซึง่ สามารถจะปรับปรงุ เพิ่มเตมิ แกไขไดก อนลงมือ
เชน ปากกาปากตดั ใชเขียนตัวอกั ษรหวั ตดั หรือตัวริบบิ้น ปากกลมเหมาะสาํ หรบั ปฏบิ ตั ิจรงิ ขณะเดียวกนั กจ็ ะชว ยสอื่ สารกับผอู ืน่ ใหเขาใจไดตรงกนั เพราะ
เขียนตัวอกั ษรประดษิ ฐห รอื ระบายสี มที ง้ั ชนิดลบไดแ ละลบไมได บางชนดิ เหน็ เปนภาพเดียวกนั นอกจากน้ี การออกแบบจะชวยใหส ามารถกําหนด
มลี กั ษณะโปรง ใส สามารถเขยี นบนแผน ใสได และบางชนิดทีม่ ีสีสะทอนแสง ขั้นตอนการปฏิบัตงิ านไดอ ยางถกู ตอ ง เหมาะสม และมปี ระสทิ ธภิ าพ
เหมาะสําหรับขีดทบั ตัวอักษรเพอื่ ใชเ นนคาํ ดังนนั้ การสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปท ดี่ จี งึ ตองมกี ารออกแบบไวก อน
80 คู่มอื ครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
เส้นมีความส�าคัญอย่างมากในการสร้างภาพ ในการลากเส้นผู้สร้างจะต้องใช้สมาธิในการสร้างงาน 1. ใหนกั เรียนรว มกันอภปิ รายเกย่ี วกับ
อย่างมาก จงึ จะทา� ให้งานนั้นมีคุณคา่ ทางสุนทรียภาพ และความหมายท่ตี อ้ งการสือ่ ออกมา การออกแบบรปู ภาพ ในประเด็นการออกแบบ
การเริ่มต้นงานออกแบบรูปภาพด้วยเส้นลักษณะต่างๆ ควรมีการฝกฝน เพื่อให้เกิดความเคยชินของ รปู ภาพดว ยจดุ และการออกแบบรปู ภาพดว ย
กลา้ มเน้ือ โดยการฝกทักษะในการเคลื่อนไหวนิ้วมือและส่วนของข้อมือ เม่ือสามารถรา่ งเสน้ จนชา� นาญแลว้ จะพบวา่ เสน ครคู อยเสรมิ เพม่ิ เติมขอ มลู จากน้ัน
การร่างเส้นเพียงเส้นเดียวก็สามารถสอ่ื ความหมายตา่ งๆ ไดม้ ากมาย ครูถามนักเรียนวา
การสร้างภาพด้วยเส้นควรเลือกใช้เส้นตรงแนวต้ังและแนวนอน น�ามาจัดวางให้มีช่องว่างถ่ีและห่างท่ีดู • การออกแบบรูปภาพหมายถงึ การออกแบบ
เหมาะสม ก็จะท�าให้เกิดมิติของการเคลื่อนไหว โดยอาจใช้การระบายสีแบบตาหมากรุก คือ ระบายช่องเว้นช่อง ลกั ษณะใด และมคี วามสาํ คัญอยางไร
(แนวตอบ การออกแบบรปู ภาพเปน กระบวนการ
สลับกันด้วยสีขา1วกับสีด�า หรือเลือกสีคู่ตรงข้ามคู่ใดคู่หน่ึงก็ได้ ซึ่งการระบายสีลงในช่องดังกล่าวจะเป็นตัวเสริม ฝกใหร จู กั การสังเกต รูจกั การแกป ญ หา
และการวางแผน เพ่อื เลอื กทศั นธาตมุ าใชใ น
ใหเ้ กิดภาพลวงตาได้ ดงั ตัวอยา่ ง การออกแบบ เชน จดุ เสน ขนาด สี เปนตน
การออกแบบรูปภาพเปนองคป ระกอบหลัก
ขนั้ ที่ ๑ ลากเสนตั้ง จัดระยะ ข้นั ท่ี ๒ ลากเสนนอน จดั ระยะ ขัน้ ที่ ๓ ระบายสสี ลบั ขาวและดาํ ของงานออกแบบโฆษณา เชน การออกแบบ
ของเสนใหมีความถ่ีและหางตาม ของเสนใหม ีความถี่ และหา งตาม (คูสีตรงขามอื่นๆ) จนผลงาน สอื่ สิ่งพิมพ ปา ยโฆษณา โปสเตอร เปน ตน )
ความเหมาะสม ความเหมาะสม สําเรจ็ • การออกแบบรปู ภาพดวยจดุ และการ
ออกแบบรูปภาพดวยเสน มลี ักษณะเดน
นอกจากการใชเ้ ส้นแนวตง้ั และแนวนอนแล้ว ยังสามารถใช้เสน้ ลักษณะอน่ื ๆ มาสร้างภาพได้ด้วยเทคนิค อยา งไร
ที่หลากหลาย ดังภาพ (แนวตอบ การออกแบบรปู ภาพดวยจดุ
สามารถทจ่ี ะนาํ ไปสรา งผลงานไดหลาย
เส้นแต่ละแบบจะให้ความรู้สึกท่ีแตกต่างกันออกไปตามจินตนาการของผู้ออกแบบว่าจะน�าเส้นแต่ละแบบ รปู แบบ ไมว าจะเปนภาพคน สัตว ส่งิ ของ
มาประกอบกันเป็นองค์ประกอบที่ให้ความรู้สึกลักษณะใด เป็นต้นว่าให้ความรู้สึกที่อ่อนไหว เศร้า แข็งกร้าว หรือภาพจากจนิ ตนาการ สวนการออกแบบ
สนุกสนาน หรือต่ืนเต้น ซึ่งจะข้ึนอยู่กับจินตนาการของผู้สร้างภาพ นอกจากนั้นเส้นยังสามารถน�ามาประกอบกัน รปู ภาพดว ยเสน จะใหความรสู ึกแตกตา งกนั
เปน็ รปู รา่ ง รปู ทรง ประเภททรงกลม สามเหลยี่ ม สเี่ หลยี่ ม หรอื รูปรา่ ง รูปทรงอสิ ระ และเสริมภาพท่สี รา้ งขึน้ ด้วย ออกไปตามจินตนาการของผูอ อกแบบวา
การใชท้ ศั นธาตุ เช่น จุด เส้น ส ี แสง เงา เปน็ ตน้ ใหม้ คี วามสมบรู ณม์ ากยิ่งขึน้ จะนําเสนแบบใดมาประกอบกนั เพราะเสน
แตล ะแบบจะใหค วามรูสึกแตกตางกนั )
๘1
2. ใหน ักเรยี นฝก ออกแบบรปู ภาพดว ยเสน
ตามตวั อยา งขั้นตอนการสรา งภาพดว ยเสน
ในหนงั สอื เรยี นหนา 81 โดยทาํ ลงกระดาษ
วาดเขยี น นําผลงานสงครผู ูสอน
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู
กระบวนการออกแบบรูปภาพคอื ขอ ใด การศกึ ษาเกี่ยวกบั การออกแบบรูปภาพดวยจุดและเสน ครูอาจใหน กั เรียนใช
1. จาํ นวนจดุ ลกั ษณะของเสน ดนิ สอดาํ ลากเสนใหเ ปนภาพหลายๆ ลักษณะ ตามจินตนาการ แลว นําเสนอให
2. ขนาดของแบบ สีทใี่ ช เพอ่ื นๆ ฟงถึงแนวคดิ และจนิ ตนาการของตนเอง เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดฝกการออกแบบ
3. การสงั เกต การแกปญ หา การวางแผน รูปภาพและฝกใชความคดิ สรา งสรรค
4. ศกึ ษาคนควา ลงมือปฏบิ ตั ิ
นักเรยี นควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การออกแบบรปู ภาพเปน กระบวนการ
1 ภาพลวงตา (optical illusion) คอื ภาพท่หี ลอกประสาทตาของเราใหมองเห็น
ฝก ใหรจู ักสงั เกต รจู ักแกปญ หา และวางแผน เพ่อื จะไดเ ลือกทัศนธาตมุ าใช และรบั รภู าพน้ันๆ คลาดเคลอ่ื นไปจากความจริง หรอื ทําใหม องเหน็ เปนอกี แบบหนึ่ง
ในการออกแบบไดถ ูกตอ งและมีประสทิ ธภิ าพมากที่สุด
ค่มู ือครู 81
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหน กั เรยี นศึกษาขน้ั ตอนการออกแบบภาพ ส�าหรับการออกแบบรูปภาพนั้น เป็นองค์ประกอบหลัก1ของงานออกแบบโฆษณา เช่น การโฆษณาทาง
ตน ไม ในหนังสือเรยี นหนา 82 จากนั้นใหน กั เรียน
ฝกออกแบบภาพตนไมตามตัวอยางข้ันตอนใน หนงั สือพมิ พ์ ปา ยประกาศ โปสเตอร ์ และงานออกแบบส่ือสิ่งพมิ พ ์ โดยเฉพาะรูปแบบของปกหนงั สือ รูปภาพธนบัตร
หนังสือเรียน โดยทาํ ลงกระดาษวาดเขียนเสรจ็ แลว
จึงใสร ายละเอียดตามความตองการ นําผลงานสง ชนิดต่างๆ ตลอดจนงานออกแบบสัญลักษณ์ท่ีสื่อ2ความหมาย เช่น เคร่ืองหมายจราจร เคร่ืองหมายของสมาคม
ครูผูส อน
เครือ่ งหมายบรษิ ทั เครอื่ งหมายสนิ ค้า ผลติ ภัณฑต์ ่างๆ เปน็ ตน้ งานออกแบบประเภทต่างๆ ส่วนหนงึ่ ตอ้ งประกอบ
ไปด้วยรูปภาพที่เป็นส่วนหน่ึงที่นักออกแบบจะต้องคิดให้มีความสร้างสรรค์ลงในตัวผลงาน เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้
และพัฒนาฝีมือขั้นพื้นฐานของการออกแบบ ในระดับช้ันน้ีจะน�าเสนอตัวอย่างการออกแบบรูปภาพต้นไม้ ส่ิงของ
คน และสตั ว์อย่างงา่ ยๆ ดังน้ี
การออกแบบภาพตน้ ไม้
ในล�าดับแรกต้องวาดรูปร่างพื้นฐานและเส้นประกอบขึ้นเป็นเค้าโครงง่ายๆ ก่อน เพ่ือเป็นการก�าหนด
รปู แบบเบ้อื งตน้ เสรจ็ แลว้ จึงใส่รายละเอียดทต่ี ้องการ
ขน้ั ท่ี ๑ ใช้วงกลมเป็นตัวกา� หนดภาพต้นไม้
ขัน้ ท่ี ๒ จากวงกลมเรียบๆ ธรรมดา กเ็ พ่มิ ในส่วนท่ีตอ้ งการ เช่น
• ใช้เส้นโค้งมาเป็นตัวก�าหนดลกั ษณะพมุ่ ของตน้ ไม้
• สรา้ งทรงพมุ่ ใหม้ ีใบละเอยี ดซบั ซอ้ น โดยใชร้ ปู ใบทม่ี ลี กั ษณะเปน็ รปู หอกมาจดั วางทบั ซอ้ นกนั
• สร้างทรงพุ่มดว้ ยวงกลมขนาดเลก็ และใหญพ่ อประมาณมาวางทับซอ้ นกัน
• สร้างลักษณะพุ่มเป็นรูปทรงอิสระ ตกแต่งเสริมด้วยจุดและองค์ประกอบศิลป์อื่นๆ เพื่อ
ความสวยงาม
3
วธิ กี ารขา้ งตน้ เปน็ การออกแบบชนดิ เลยี นแบบธรรมชาต ิ คอื การนา� เอารปู ทวิ ทศั นแ์ ละรปู ทรงของธรรมชาติ
เป็นต้นแบบ แล้ววาดออกมาเป็นภาพด้วยการใช้เส้นลักษณะต่างๆ โดยตัดรายละเอียดออกเหลือไว้แต่ลักษณะเด่น
ของโครงสรา้ ง
๘2
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 งานออกแบบส่ือส่งิ พมิ พ เปนการออกแบบเพอื่ ผลติ งานสง่ิ พิมพชนิดตา งๆ
ไดแก หนังสอื หนังสอื พมิ พ โปสเตอร นามบตั ร บตั รตางๆ งานพิมพล วดลายผา การออกแบบภาพท่ดี คี วรคํานงึ ถงึ หลกั การขอ ใด
งานพิมพภาพลงบนสิ่งของเครอื่ งใชต า งๆ งานออกแบบรูปสัญลกั ษณ 1. มีลวดลายซบั ซอน
เคร่อื งหมายการคา 2. ส่อื ความหมายงา ย
2 ผลิตภณั ฑ (Product) หมายถึง สง่ิ ใดๆ ที่สามารถนาํ เสนอขายใหแกตลาด 3. มองเหน็ ไดแ ตไ กล
เพือ่ ใหเกดิ ความพอใจ ความตอ งการเปน ของเจา ของ เรียกใหม ีการซ้ือ การใช หรือ 4. เปนภาพในจินตนาการ
การบริโภค ซึ่งเปนส่ิงทีต่ อบสนองความตอ งการและความจําเปนของผซู ือ้ ใหไดรับ
ความพอใจ วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การออกแบบภาพที่ดีจะตองดงู า ย ชัดเจน
3 ทิวทัศน คือ ลักษณะภมู ิประเทศทีป่ รากฏใหเ ห็นตามธรรมชาติ เชน ทวิ ทัศน
ทุง นา ทวิ ทศั นปาเขา ทวิ ทัศนท างทะเล เราจะเรยี กภาพเขยี น หรือภาพถายจาก สามารถสอ่ื ความหมายไดงายวา เปนภาพอะไร หรอื ตอ งการจะสอ่ื
ทิวทัศนวา “ภาพทิวทศั น” ความหมายเกยี่ วกบั อะไร ดังน้นั ภาพทสี่ รางสรรคข้นึ มาจะตอ ง
ไมม คี วามซบั ซอ นมาก หรือเนน รายละเอยี ดมาก จนองคประกอบสว นยอยๆ
ของภาพไปดงึ ความสนใจจากภาพหลกั ท่ตี องการจะสอื่
82 คมู่ ือครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
1 ใหนักเรียนศกึ ษาขัน้ ตอนการออกแบบภาพคน
การออกแบบภาพคน และการออกแบบภาพสตั ว ในหนงั สอื เรียนหนา
83 จากน้ันใหน กั เรียนฝกออกแบบภาพคนและ
การออกแบบภาพคนใหเ้ ปน็ ลกั ษณะงานออกแบบนน้ั สามารถใชห้ ลกั การเดยี วกนั ได ้ คอื สงั เกตจากลกั ษณะ ออกแบบภาพสตั วต ามตวั อยา งขนั้ ตอนที่ระบไุ ว
จรงิ ตามธรรมชาตแิ ล้วน�ามาตดั ทอนรายละเอยี ดตา่ งๆ ตกแตง่ เพ่มิ เติมและจัดองค์ประกอบให้เกิดความงาม ในหนงั สือเรยี น โดยทําลงกระดาษวาดเขียน
การวาดภาพและออกแบบภาพคน โดยใช้วิธีตัดทอนนั้น คือ การน�าส่วนท่ีไม่จ�าเป็นต้องใช้ออกให้หมด เสร็จแลวจงึ ใสร ายละเอยี ดตามความตอ งการ
เหลือไวแ้ ตส่ ่วนทตี่ ้องการสื่อความหมายเทา่ น้นั เชน่ การสอ่ื ความหมายเรอ่ื งการแตง่ กายของแตล่ ะเพศ ดังภาพ นําผลงานสง ครูผูส อน
การออกแบบภาพสัตว
ตัวอย่างขน้ั ตอนการออกแบบภาพนก มีดังน้ี
ขั้นที่ ๑ ใชเ้ สน้ โค้งเปน็ เส้นหลกั
ขั้นท่ี ๒ ใ ช้เส้นโค้งรูปวงกลมเป็นหัวนก ใช้รูปร่างสามเหล่ียมเป็นปีกและใช้รูปร่างส่ีเหล่ียมด้านไม่เท่า
เปน็ หาง
ข้นั ท่ี ๓ ตกแตง่ รายละเอียดดว้ ยเสน้ ลักษณะตา่ งๆ และจดุ
ขั้นที่ ๑ ขั้นท่ี ๒ ข้นั ท่ี ๓
ในกรณีเดียวกันการออกแบบรูปภาพสัตว์ชนิดอื่นๆ ก็สามารถใช้วิธีการดัดแปลง ตัดทอนรายละเอียด
ท่ีเหมือนจริงตามธรรมชาติออก และพัฒนาให้ได้รูปร่าง รูปทรงท่ีสวยงาม และสามารถสื่อให้รู้ได้ว่าเป็นภาพอะไร
ดังภาพ
๘3
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
การออกแบบภาพวาดคนอยางงา ยๆ ควรปฏบิ ัตติ ามขอ ใด การสรา งบรรยากาศการเรยี นการสอนเก่ียวกับการออกแบบรูปภาพ ครอู าจให
1. ตเี สนแบงเปน ตารางกรดิ นกั เรยี นแตละคนออกแบบภาพปลา พรอ มเขยี นขนั้ ตอนการออกแบบเปนขอ ๆ ให
2. ใชเสน โคงวาดรูปทรงหลกั ชัดเจน ซง่ึ ภาพปลาท่ไี ดข องแตล ะคนอาจจะเหมอื นกัน หรือแตกตางกันเล็กนอ ย
3. กาํ หนดรูปรางใหเปนสี่เหลยี่ ม จากนั้นใหนักเรียนนาํ ผลงานมาแสดงและรว มกันแสดงความคดิ เหน็
4. ไมม ีกฎเกณฑแลว แตความถนัด
นักเรยี นควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การวาดเสน โคงทาํ เปน วงกลมซอ นกัน
1 การออกแบบภาพคน หากตอ งการใหภาพท่อี อกแบบมคี วามสวยงามย่ิงข้ึน
เพอื่ กาํ หนดสดั สวน รปู รา งและทาทางของคน คอื การเนนการรา งเคาโครง ผอู อกแบบควรศกึ ษาความรเู กย่ี วกบั สดั สว นและโครงสรา งของมนษุ ย เพอ่ื เปน แนวทาง
อยางงา ยๆ ซ่งึ ถาไมส อดคลอ งกับแนวคิดท่ตี อ งการนาํ เสนอจะไดแ กไ ข ในการออกแบบ ซ่ึงจะทาํ ใหไดภาพที่ถูกตอง เพราะถาไมถ กู ตอง หรือผดิ สดั สวน
ไดง าย หลงั จากนั้นจงึ เพม่ิ เตมิ รายละเอียดเขา ไป ก็จะไดภาพคน ก็จะมองหรอื รไู ดท นั ทีเพราะเปน สงิ่ ใกลต ัวอยแู ลว การออกแบบภาพคนมีสง่ิ ตอ งคาํ นงึ
อยา งงา ยๆ ตามวตั ถุประสงค ถงึ คอ นขางมาก เพราะมนุษยม ที ้ังเพศหญิง เพศชาย และมีอิรยิ าบถตา งๆ
ซึ่งในแตละทา ทางของการเคล่อื นไหวจะใหความรสู ึกและความสวยงามตางกนั
คู่มอื ครู 83
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนักเรียนศกึ ษาขน้ั ตอนการออกแบบภาพ การออกแบบภาพส่งิ ของ
ส่ิงของ ในหนงั สือเรียนหนา 84 จากนั้นใหน กั เรียน
ฝก ออกแบบภาพสิง่ ของตามตัวอยา งขนั้ ตอนใน การออกแบบภาพสิ่งของต่างๆ คือ การน�าเส้น จุด รูปร่าง รูปทรงต่างๆ มาใช้อย่างเหมาะสม
หนังสือเรียน โดยทําลงกระดาษวาดเขยี น เสรจ็ แลว โดยสังเกตจากรูปร่าง รูปทรงที่น�ามาใช้ว่ามีความสอดคล้องและใกล้เคียงกับส่ิงท่ีต้องการจะวาดหรือไม่ เช่น
จงึ ใสรายละเอยี ดตามความตองการ นาํ ผลงาน การออกแบบวัตถุส่ิงของท่ีเริ่มจากการน�ารูปร่างแบบเรขาคณิตมาวางทับซ้อนกัน โดยให้สังเกตว่ารูปทรงของวัตถุ
สง ครูผสู อน สง่ิ ของทต่ี นจะวาดนั้นมรี ูปทรงอย่างไร แลว้ จงึ นา� รปู รา่ งรูปทรงทเ่ี หมือนกนั มาทา� เป็นโครงสร้างข้างต้น และตอ่ เติม
รายละเอียดตามความต้องการ เป็นต้น
ขยายความเขา้ ใจ E×pand ตวั อย่างขัน้ ตอนการออกแบบภาพรถยนต์ มีดังน้ี
ใหน กั เรยี นออกแบบรปู ภาพ มาคนละ 1 รปู ภาพ ขัน้ ที่ ๑ เรมิ่ จากใช้รปู รา่ งเรขาคณติ จดั วางใหไ้ ดร้ ปู แบบท่ตี อ้ งการ
โดยใชความรเู กีย่ วกับการออกแบบรูปภาพดวยจุด ข้นั ท่ี ๒ ใส่รายละเอียดตา่ งๆ ของรถให้ชัดเจน
และการออกแบบรปู ภาพดว ยเสน ตามทไ่ี ดศ กึ ษามา
หรอื อาจจะใชว ิธีเลียนแบบจากส่งิ ของทเ่ี ปนจรงิ ในท�านองเดียวกัน เราสามารถใช้วิธีเลียนแบบจากสิ่งของที่เป็นจริง แล้วน�ามาตัดทอนรายละเอียด
แลวนํามาตัดทอนรายละเอยี ดใหเ หลือแตโครงสราง ใหเ้ หลอื แตโ่ ครงสร้างโดยรวมก็ได ้ ก็นับเป็นการออกแบบอีกวิธหี นึง่ ดงั ภาพ
โดยรวมก็ได โดยใหนกั เรยี นทาํ ลงกระดาษวาดเขยี น
นาํ ผลงานสง ครูผสู อน
ตรวจสอบผล Evaluate
ครูพจิ ารณาจากผลงานการออกแบบรูปภาพ
โดยใชค วามรเู ก่ยี วกบั การออกแบบรปู ภาพดวยจุด
และการออกแบบรปู ภาพดวยเสน ของนักเรียน
๘4 กจิ กรรมสรา งเสรมิ
เกรด็ แนะครู ใหน กั เรยี นออกแบบภาพสตั วท ่นี กั เรยี นชื่นชอบ มาคนละ 1 ภาพ
ตามจนิ ตนาการ โดยไมด ูขนั้ ตอนในหนังสอื เรยี น จากนัน้ ใหนกั เรยี น
ครูเนน ย้ําเก่ยี วกบั การออกแบบภาพสัญลกั ษณวา ภาพสัญลักษณสามารถ ออกมานําเสนอผลงานของตนเอง หนา ช้ันเรยี น
ออกแบบไดจ ากองคป ระกอบพน้ื ฐาน คอื จดุ เสน ระนาบ แลว นาํ องคป ระกอบเหลา น้ี
มาจัดวางตามหลกั การจัดองคป ระกอบศิลปใหมีความสมั พนั ธก นั อยางเรียบงา ย กจิ กรรมทาทาย
และส่ือความหมายชัดเจน โดยไมต องมีคาํ อธบิ ายเปน ภาษาเขยี นหรอื ภาษาพูด
ใหน ักเรียนออกแบบภาพคน สตั ว หรือส่งิ ของ ประกอบกันเปน
บรู ณาการอาเซยี น เรอื่ งราว คนละ 1 เรือ่ ง จากนั้นใหนักเรียนออกมาเลาเรอ่ื งประกอบภาพ
ของตนเอง หนาช้นั เรยี น
ใหนักเรียนชวยกนั คนหาการออกแบบภาพทีส่ อ่ื ความหมายถงึ ประเทศสมาชกิ
อาเซยี น โดยอาจจดั แยกเปนชุด หรอื หมวดหมู เชน ชุดดอกไมป ระจําชาตอิ าเซียน
ชดุ สถานทีส่ ําคัญของอาเซียน ชุดประชากรของประเทศสมาชิกอาเซยี น เปนตน
โดยเนนถงึ การสือ่ ความหมายวา ภาพการออกแบบนน้ั ๆ สามารถจะบอกไดว า
เปน ของประเทศสมาชกิ อาเซียนประเทศใด โดยใหรวบรวมใหหลากหลาย แลว นํา
ไปจดั นทิ รรศการ
84 คู่มอื ครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ò. ¡ÒÃÍ͡ẺÊÞÑ Åѡɳ ครูนาํ ภาพสญั ลักษณท ี่นกั เรียนสามารถ
พบเหน็ ไดในชวี ิตประจําวนั มาใหนักเรียนดู เชน
ในสมัยก่อนมนุษย์สร้างสัญลักษณ์ด้วยการใช้เส้นลาก ขีด และเขียน เป็นเคร่ืองหมายโดยใช้เส้นตรง ภาพเคร่ืองหมายจราจร เคร่ืองหมายสนิ คา หรอื
เส้นโค้งแสดงรูปทรงต่างๆ ต่อมาเม่ือมนุษย์ได้พัฒนาเคร่ืองหมายให้มีรูปแบบที่ใกล้เคียงกับส่ิงท่ีมนุษย์พบเห็น ผลิตภัณฑตา งๆ เคร่ืองหมายสถานที่ เปนตน
ในชวี ติ และเขา้ ใจงา่ ยข้นึ จึงกลายเป็นสญั ลกั ษณท์ ส่ี ร้างความเขา้ ใจโดยทว่ั กนั จากนัน้ ใหนกั เรยี นแบง ออกเปน 2 กลมุ แขง กนั
การพัฒนาในเร่ืองภาพสัญลักษณ์นั้น นอกจากพัฒนาทางด้านรูปแบบแล้วยังมีการพัฒนาในด้าน บอกวาแตละภาพเปน สญั ลกั ษณป ระเภทใด
กระบวนการสร้างสรรค์ทีม่ เี ทคโนโลยีสมยั ใหมเ่ ข้ามาเกีย่ วข้อง ท�าให้มวี ิธกี ารออกแบบทซ่ี ับซอ้ นหลากหลายข้ึน
สา� รวจคน้ หา Explore
๒.๑ ความหมายของสัญลกั ษณ
ใหนกั เรยี นศึกษา คน ควาเกยี่ วกับการออกแบบ
สัญลักษณ หมายถึง สิ่งที่นักออกแบบได้ออกแบบข้ึนมา เพ่ือส่ือความหมายให้มนุษย์เข้าใจร่วมกัน สญั ลกั ษณ จากแหลง เรยี นรตู างๆ เชน
ในสังคม เพื่อการปฏิบัติร่วมกัน เพ่ือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันในการท�า หนังสือเรยี น หอ งสมุด อินเทอรเ น็ต เปนตน
ความเข้าใจ การออกแบบจะถูกสร้างขน้ึ ในลักษณะตา่ งๆ ซงึ่ รปู แบบอาจจะไดม้ าจากธรรมชาติ หรือรูปแบบของสง่ิ ท่ี ตามหัวขอท่คี รูกําหนดให ดงั น้ี
มนษุ ยส์ ร้างข้นึ มาใหม่ ประการส�าคัญ คอื สามารถท�าใหผ้ ทู้ พี่ บเห็นไดเ้ ข้าใจตรงกัน โดยไม่จ�าเป็นตอ้ งมีค�าบรรยาย
ประกอบ • ความหมายของสัญลกั ษณ
สญั ลกั ษณ์ไดม้ ีบทบาทเกยี่ วขอ้ งกบั วถิ ีชวี ิตมนุษย์ เชน่ เคร่ืองหมายการจราจร เครือ่ งหมายของสถาบัน • ประเภทของสญั ลักษณ
สมาคม เคร่อื งหมายบรษิ ทั เคร่ืองหมายสินค้าผลิตภัณฑต์ ่างๆ เคร่อื งหมายหอ้ งน้า� • แนวทางการออกแบบสญั ลักษณ
หญงิ -ชาย และเครอ่ื งหมายสัญลกั ษณ์อืน่ ๆ เปน็ ตน้ ซึ่งเราจะพบเหน็ อยูท่ ัว่ ไป • แนวทางปฏบิ ัตอิ ยา งงา ยในการออกแบบ
๒.๒ ประเภทของสัญลักษณ สัญลักษณ
• วธิ ีการออกแบบสัญลกั ษณ
สัญลกั ษณ ์ แบง่ ออกเปน็ ประเภทตา่ งๆ ได ้ ดงั นี้
๑) เคร่ืองหมายจราจร เป็นสัญลักษณ์ที่ออกแบบข้ึนมาเพื่อเป็นกฎ
หรือกติกาในสังคมท่ีเป็นสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ร่วมกันท่ัวโลก เพ่ือความสะดวกและ
ปลอดภยั ในการใช้รถใชถ้ นน
๒) เคร่อื งหมายของสถาบัน สมาคม มลู นธิ ิ หรอื กลุ่มกิจกรรม เครอ่ื งหมายของสถาบนั สมาคม
มูลนิธิ และกลุ่มกิจกรรมต่างๆ ในสังคม เป็นการสื่อความหมายเพื่อให้รับรู้ว่ากิจกรรมหรือสิ่งที่ปรากฏน้ันเป็น
ของหน่วยงานหรือองค์กรใด โดยใช้สัญลักษณ์ที่มีรูปแบบชัดเจนและมีการออกแบบให้ง่ายต่อการจดจ�าและท�า
ความเข้าใจไดง้ ่าย
๘๕
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู
ขอใดไมใ ชหลักการในการออกแบบสญั ลกั ษณทถี่ ูกตอ ง การเรียนการสอนเก่ียวกบั การออกแบบสญั ลักษณ ครูอาจใหน ักเรยี นหาภาพ
1. สื่อสารเขาใจงาย สัญลกั ษณประเภทตา งๆ จากวารสาร นติ ยสาร หนงั สอื พมิ พ โบชวั ร หรือแผนพบั
2. สามารถจดจําไดงา ย โฆษณาสินคา ตางๆ มารว มกันอภปิ รายถงึ หลักการออกแบบและจุดประสงคของ
3. ผูอน่ื นําไปใชไดงาย การสอ่ื ความหมายของสัญลักษณน น้ั ๆ จากน้ันครอู ธิบายสรุปเกย่ี วกับการออกแบบ
4. เปน สัญลักษณทด่ี ูงา ย สัญลกั ษณว า นักออกแบบสญั ลักษณตองออกแบบสญั ลกั ษณข้นึ มาใหค นในสังคม
ทกุ คนส่ือความหมายเขา ใจรว มกันได ปฏิบัติรว มกนั ได สรางความเปน ระเบยี บ
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การออกแบบสัญลักษณม ีจุดมงุ หมาย เรียบรอยในสงั คม และสรา งความเปน อนั หน่ึงอนั เดียวกัน หรือส่อื ความหมายอื่นๆ
ตามวตั ถุประสงค โดยไมจ าํ เปน ตองมคี าํ บรรยายประกอบ
เพอ่ื ตองการสอื่ สารใหผอู ่นื ไดเ ขาใจ ดังนัน้ จึงตอ งมรี ูปแบบงา ยๆ
เปนสากล ผอู น่ื ดแู ลว สามารถเขาใจความหมายไดทันที จึงไมเ กี่ยวของกับ
การทีจ่ ะทาํ ใหผ อู นื่ นาํ ไปทาํ ซ้าํ หรอื เอาไปใชไดง า ยๆ
ค่มู อื ครู 85
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับการ ๓) เคร่ืองหมายบริษัท เคร่ืองหมายสินค้า
ออกแบบสัญลกั ษณตามท่ไี ดศ กึ ษามา ครคู อย
อธิบายเสริมเพม่ิ เตมิ ขอ มูล จากนั้นใหน ักเรียน หรอื ผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ ในดา้ นธรุ กจิ ทเี่ ปน็ บรษิ ทั ผลติ ภณั ฑ์
สรุปสาระสําคญั เกย่ี วกบั การออกแบบสัญลักษณ
ลงสมดุ บันทึก เพ่ือการอุปโภคบริโภคต่างๆ จ�าเป็นต้องมีสัญลักษณ์
2. ใหนกั เรยี นหาสัญลักษณประเภทตา งๆ จาก เพื่อให้ผู้บริโภคจดจ�าและเกิดความมั่นใจในส่ิงของน้ันๆ
สอื่ ตางๆ เชน วารสาร นติ ยสาร หนังสือพมิ พ
โบชัวรส ินคา แผน พบั เปนตน แลวมารว มกนั ว่ามีหลักประกันคุณภาพตรงกับความต้องการของตน
อภิปรายถึงการออกแบบและจดุ ประสงคของ
การสื่อความหมายของสัญลกั ษณนัน้ ไม่ปลอมแปลง มตี ราเคร่อื งหมายยืนยัน มีผรู้ ับผดิ ชอบ
ที่ชัดเจนตามกฎหมาย ๔) เคร่ืองหมายสถานท่ี เป็นสัญลักษณ์
แสดงสถานทตี่ า่ งๆ เชน่ โรงเรยี น โรงพยาบาล หอ้ งอาหาร
สุขา เป็นต้น ใช้ในการสื่อความหมายแทนให้ผู้พบเห็น
เกดิ ความเขา้ ใจร่วมกัน เพ่ือใหผ้ ู้พบเห็นภาพสัญลักษณร์ ู้
และเขา้ ใจไดท้ นั ท ี โดยไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งเขยี นขอ้ ความอธบิ าย
๕) เครื่องหมายแสดงกิจกรรม เป็น
สัญลักษณ์ท่ีแสดงให้เห็นว่าขณะที่เราก�าลังอยู่หรือก�าลัง
เดินทางผ่านมีกิจกรรมอะไร ซึ่งอาจจะต้องระมัดระวัง
อันตราย หรือเขา้ ร่วมเขา้ ชมกจิ กรรมน้นั ๆ เช่น การเลน่
กีฬา การก่อสร้าง ก�าลังประชุม เป็นต้น ให้ผู้พบเห็น
ได้เข้าใจร่วมกันและปฏิบัติตน หรือด�าเนินการใดๆ ได้อย่างเหมาะสม เช่น เห็นสัญลักษณ์ก�าลังมีการปรับปรุง
ทางบนรมิ ถนน จะได้หลีกเลย่ี งไม่ใชท้ างนนั้ หรือใชท้ างนัน้ ด้วยความระมัดระวังเพิ่มขึ้น เปน็ ตน้
๒.๓ แนวทางการออกแบบสัญลักษณ
การออกแบบสญั ลกั ษณ เรม่ิ ตน้ จากการทา� ความเขา้ ใจวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ทตี่ อ้ งการสอ่ื ความหมายใหเ้ ขา้ ใจ
รว่ มกัน แลว้ แปรออกมาเป็นแบบสญั ลกั ษณ์ท่สี มบรู ณ์ เม่ือทกุ คนดแู ลว้ เกิดความเข้าใจได้ตรงกนั
รูปร่าง รูปทรงที่แสดงเน้ือหาในสัญลักษณ์ส่วนมากจะใช้เค้าโครงจากส่ิงท่ีต้องการส่ือความหมาย เช่น
เครื่องหมายการกีฬาต่างๆ ก็ใช้อุปกรณ์การเล่นกีฬาน้ัน
สญั ลกั ษณ์ใหร้ ะวงั อันตรายก็ใชร้ ปู หัวกะโหลก สัญลกั ษณ์
ให้ระวงั การเปยี กน้�าก็ใชร้ ปู ร่มกางกันฝน เป็นตน้
การออกแบบสัญลักษณ์ นิยมใช้รูปทรงท่ีดู
เรยี บงา่ ย ใชส้ ที เ่ี หน็ เดน่ ชดั สอื่ ความหมายไดท้ นั ท ี รปู แบบ
พ้ืนฐานท่ีมักจะน�ามาใช้ในการออกแบบสัญลักษณ์ม ี
๓ รูปแบบ คอื
๘๖
บรู ณาการอาเซยี น ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
การศึกษาเกย่ี วกับการออกแบบสญั ลักษณส ามารถบูรณาการอาเซียนในเรือ่ ง
การออกแบบธงชาตอิ าเซยี น โดยครูควรนําตัวอยา งภาพธงชาตอิ าเซียนมาให การออกแบบสัญลักษณ ผอู อกแบบควรคาํ นงึ ถึงสิง่ ใดมากท่สี ดุ
นักเรยี นดู แลว ใหน กั เรียนรว มกนั พจิ ารณาถึงภาพสัญลักษณท ่ีนาํ มาใชอ อกแบบวา 1. ความสวยงามของสัญลักษณ
มีความหมายและสามารถสื่อสารใหท ุกคนเกิดความเขา ใจรว มกันไดอ ยางไร 2. ความโดดเดนและนา สนใจ
โดยธงชาตอิ าเซียนจะใชภ าพสัญลกั ษณ คือ ตนขาวสีเหลือง 10 ตน มัดรวมกนั ไว 3. เหมาะสมกับยุคสมยั
หมายถงึ การรวมกนั ของประเทศสมาชกิ เพอ่ื มติ รภาพและความเปน นา้ํ หนง่ึ ใจเดยี วกนั 4. การสอ่ื ความหมาย
• สีนาํ้ เงิน หมายถงึ สันตภิ าพและความมั่นคง วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เน่อื งจากเปา หมายหลกั ของการสรา ง
• สแี ดง หมายถึง ความกลา หาญและความกาวหนา
• สีขาว หมายถึง ความบริสทุ ธ์ิ สัญลกั ษณต างๆ น้ัน เพอ่ื การสอ่ื สารความหมายใหม นุษยเขาใจรว มกนั
• สีเหลอื ง หมายถงึ ความเจริญรุงเรือง ปฏบิ ัตริ วมกันไดอยา งถกู ตอ ง ดังนน้ั ในการออกแบบสญั ลกั ษณผอู อกแบบ
ควรคาํ นงึ ถงึ การสื่อความหมายของสญั ลักษณม ากทสี่ ุด โดยสญั ลกั ษณน นั้
ตองสามารถสอ่ื ความหมายไดอยางชดั เจนใหผูที่พบเหน็ ไดเ ขา ใจตรงกัน
86 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๑) รปู แบบจากธรรมชาติ เชน่ คน สตั ว ์ พชื สิ่งของ ครสู ุม ตัวอยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหต อบคําถาม
ตอไปน้ี
ตา่ งๆ เปน็ ตน้ ที่น�ามาดัดแปลงให้เป็นรูปแบบทดี่ ูง่ายขน้ึ
• สัญลักษณมีกป่ี ระเภท อะไรบา ง
๒) รปู แบบเรขาคณติ เชน่ วงกลม สามเหลย่ี ม สเี่ หลยี่ ม (แนวตอบ สญั ลักษณมี 5 ประเภท ไดแ ก
• เครื่องหมายจราจร
เป็นต้น ท่ีผู้ออกแบบน�ามาดัดแปลง หรือจัดองค์ประกอบให้เป็น • เครือ่ งหมายของสถาบัน สมาคม มลู นธิ ิ
สญั ลกั ษณ์ทสี่ ่ือความหมายตามทตี่ อ้ งการ หรอื กลุมกจิ กรรมตา งๆ ในสงั คม
• เครอ่ื งหมายบริษัท
๓) รูปแบบตัวอักษรและตัวเลข สัญลักษณ์จ�านวน • เครื่องหมายสถานท่ี
• เครื่องหมายแสดงกิจกรรมตา งๆ)
ไม่น้อยท่ีใช้ตัวอักษรหรือตัวเลขมาออกแบบให้เกิดเป็นรูปทรงใหม ่
โดยไม่มีรูปแบบจากธรรมชาติ หรือรูปแบบเรขาคณิตที่เก่ียวข้อง • รปู แบบพืน้ ฐานท่ีนยิ มนํามาใชในการ
กส็ ามารถทา� ไดอ้ ยา่ งสวยงามและสอ่ื ความหมายไดส้ มบูรณ์เช่นกัน ออกแบบสัญลกั ษณมีก่รี ูปแบบ อะไรบาง
(แนวตอบ มี 3 รูปแบบ คือ รูปแบบจาก
๒.๔ แนวทางปฏบิ ตั ิอยา่ งง่ายในการออกแบบสัญลกั ษณ ธรรมชาติ เชน คน สัตว พชื เปนตน
รูปแบบเรขาคณิต เชน วงกลม สามเหลยี่ ม
๑. น�าส่ิงท่ีเป็นต้นแบบมาดัดแปลงและตัดทอนรายละเอียดสร้างรูปแบบใหม่ให้ดูเรียบง่าย สามารถสื่อ สเ่ี หลีย่ ม เปน ตน และรปู แบบตัวอกั ษร
ความหมายไดต้ รงตามวัตถุประสงคท์ ต่ี ้องการ และตัวเลข)
๒. การดดั แปลงรูปแบบใหเ้ รียบง่ายนั้น ตอ้ งคงไว้ซึ่งโครงสร้างของตน้ แบบในสว่ นท่สี า� คัญ
๓. การใช้สีในสญั ลกั ษณ์ไม่ควรใชเ้ กนิ ๓ สี • สง่ิ สาํ คญั ของการออกแบบสญั ลกั ษณค อื อะไร
(แนวตอบ การกาํ หนดแนวคดิ ในการออกแบบ
๒.๕ วธิ ีการออกแบบสญั ลักษณ สญั ลกั ษณเ ปน ส่ิงสําคัญอนั ดบั แรก
๑) เลือกแนวคดิ การก�าหนดแนวคดิ ในการออกแบบสัญลกั ษณเ์ ป็นสง่ิ ส�าคญั อนั ดับแรก โดยมีประเดน็ โดยควรคํานึงถงึ จุดมงุ หมายในการออกแบบ
สญั ลักษณ ประเภทของสัญลักษณ
ค�าถามเพ่ือหาค�าตอบใหไ้ ด ้ ดังน้ี และรปู แบบการนําเสนอ)
๑. จดุ มุ่งหมายในการออกแบบสญั ลักษณ์
๒. ประเภทของสญั ลักษณ์
๓. จะน�าเสนอสงิ่ ใด
๒) ร่างรปู แบบ
๑. คดิ รปู ร่างทีจ่ ะน�ามาใชใ้ นการออกแบบ
๒. ร่างภาพลงในรปู รา่ งท่ีเลอื ก เช่น ออกแบบตวั อักษร ตัว “V” และ “Z”
๓. ลงสี
กจิ กรรม ศิลป์ปฏบิ ัติ ๗.๑
กิจกรรมท่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนออกแบบรปู ภาพเป็นสง่ิ ใดก็ได้ ๑ ชิ้น ครูผู้สอนคัดเลือกผลงานท่จี ดั ท�าได้ด ี
๑๐ ช้ิน นา� ไปตดิ แสดงที่ปา ยนิเทศ
กจิ กรรมที่ ๒ นักเรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ ๓ คน ใหอ้ อกแบบสัญลกั ษณต์ ามทคี่ รผู สู้ อนกา� หนด ๑ ช้นิ โดยให้
อธบิ ายแนวคดิ และความหมายท่ีปรากฏอยู่ในสัญลกั ษณด์ ้วย
๘๗
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู
สญั ลกั ษณม ีความเกี่ยวขอ งกบั กติกาของสังคมในเรอื่ งใด ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั ประโยชนของสัญลักษณวา มปี ระโยชน ดังตอไปน้ี
1. ทาํ ใหผ พู บเห็นเขาใจไดต รงกนั 1. สามารถใชสื่อสารขอมลู ขา วสารในชวงเวลาทีส่ นั้ ทั้งน้เี น่อื งจากมคี วามชดั เจน
2. มีการออกแบบซับซอ นเขาใจยาก
3. รปู แบบแตกตางจากธรรมชาติ มากกวาใชขอความ
4. มคี าํ บรรยายประกอบภาพ 2. ใชพ ้ืนทีน่ อ ยกวาการใชขอความหรอื วลี ขนาดของสญั ลักษณสามารถยอ
วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. สญั ลักษณท ่นี กั ออกแบบไดออกแบบขึ้นมา หรอื ขยายไดตามขนาดที่ตอ งการ
3. สญั ลักษณมกี ารนาํ ไปใชอ ยางสากล ท้งั นี้เน่อื งจากสามารถทีจ่ ะสอื่ ความหมาย
มีจดุ หมายเพอ่ื ใหค นในสงั คมเขา ใจรว มกัน เพื่อการปฏบิ ัตริ วมกนั สราง
ความเปนระเบยี บเรียบรอ ย และสรางความเปน อนั เปน อันหนึง่ อันเดียวกัน ใหผ มู าเยอื นที่ไมเขาใจภาษาทอ งถนิ่ เขา ใจได
ในสังคม เชน เครื่องหมายการจราจร ทดี่ แู ลวผคู นโดยทัว่ ไปในสงั คม 4. สัญลักษณสามารถถา ยทอดวัตถปุ ระสงคไ ดสองทาง ท้ังทางอนญุ าต
ไมวาจะเปน เพศ วัย เชื้อชาติใด สามารถเขา ใจไดต รงกนั วาหมายถึงอะไร
และไมอ นุญาต เชน ถาคาดพืน้ เปนเสน ตรงจากมมุ ซา ยบนไปยงั มมุ ขวาลาง
สัญลกั ษณนั้นก็จะหมายถึงหามทาํ กจิ กรรมนนั้ ๆ
คูม่ ือครู 87
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหนกั เรียนดหู นาปกหนงั สือเรียน ทัศนศลิ ป ó. ¡ÒÃÍ͡Ẻ§Ò¹¡ÃÒฟ¡ิ
ม.1 แลว ถามนักเรยี นวา
การดา� เนนิ ชีวิตในแต่ละวัน เราจะตอ้ งสัมผสั และพบเห็นสิ่งตา่ งๆ ผ่านเขา้ มามากมาย ศลิ ปะทางสิ่งพิมพ ์
• นกั เรยี นรูสกึ อยา งไรกับภาพหนา ปก
• นกั เรยี นคดิ วา ภาพหนา ปกตอ งการสอื่ ถงึ สงิ่ ใด (Graphic Art) เป็นอีกส่ิงหนึ่งท่ีเข้ามาเก่ียวข้องกับชีวิตของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก เม่ือเรามองเห็นสิ่งพิมพ์ช้ินใด
• นักเรียนคิดวา ภาพหนา ปกเปน การออกแบบ
ชิน้ หน่ึงเปน็ ครั้งแรก แลว้ เกิดความประทบั ใจ หรอื เกิดความสนใจนัน้ ก็เกิดจากความงามทางศิลปะของสิ่งพมิ พ์ท่ีได้
กราฟก ใชห รือไม
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยา งอสิ ระ) รับการออกแบบมาแล้ว ผลงานทางศิลปะเก่ียวกับส่ิงพิมพ์ที่มีความสมบูรณ์นั้นจะต้องเริ่มจากการสร้างแนวคิดและ
ร่างแนวคิดออกมาเป็นภาพ หรือเป็นตัวอักษรต่างๆ พร้อมทั้งออกแบบการจัดวางให้ถูกต้องตามหลักการออกแบบ
สา� รวจคน้ หา Explore ทางศิลปะ เพ่อื ใหเ้ กิดการลงตวั อย่างสรา้ งสรรค์ สามารถน�าไปใชป้ ระโยชน์ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์
๓.๑ ความหมายของกราฟกิ
ครขู ออาสาสมคั รนกั เรยี น 4 กลมุ กลมุ ละ 3 คน คา� วา่ กราฟกิ (Graphic) ตรงกบั คา� วา่ “สง่ิ พมิ พ”์
ใหแตละกลุมไปศกึ ษาคนควา เก่ยี วกบั การออกแบบ
งานกราฟก จากแหลง เรยี นรตู า งๆ เชน หนงั สอื เรยี น หมายถึง งานท่ีรวบรวมกระบวนการพิมพ์ทุกแขนง
หอ งสมุด อินเทอรเ นต็ เปน ตน ตามหวั ขอทคี่ รู
กําหนดให ดังนี้ ทงั้ ทเี่ ปน็ การพมิ พข์ องสอ่ื สง่ิ พมิ พท์ ่ีใชใ้ นดา้ นการพาณชิ ย ์
กลุมท่ี 1 ความหมายของกราฟก และยงั รวมถงึ การพมิ พ์ทางดา้ นวิจิตรศลิ ป ์ และการพมิ พ์
กลมุ ท่ี 2 ความสําคญั ของการออกแบบกราฟก
ที่ใช้ในการผลติ หนงั สือ และผลงานศิลปะต่างๆ
เบ้ืองตน
กลุมท่ี 3 สวนประกอบการออกแบบกราฟก การออกแบบงานกราฟิก เป็นการออกแบบ
เบอ้ื งตน เพ่ือการเผยแพร่ ชักชวน เรียกร้อง หรือเสนอแนวคิด
กลมุ ท่ี 4 การออกแบบกราฟก ดว ยคอมพวิ เตอร
ต่างๆ เป็นการออกแบบในลักษณะของหนังสือ สื่อ
ตัวอยา่ งการออกแบบงานกราฟิกโฆษณาของการบินไทย โฆษณา เครือ่ งหมาย สญั ลกั ษณ์ บรรจภุ ัณฑ ์ ซ่งึ เปน็ งาน
ออกแบบเกีย่ วกบั การพิมพต์ ่างๆ ในลักษณะของสิ่งพมิ พ ์
และในปจั จบุ นั วิทยาการทางดา้ นเทคโนโลยี มคี วามก้าวหน้าไปถงึ การออกแบบด้วยคอมพิวเตอร ์ หรอื คอมพวิ เตอร์
อธบิ ายความรู้ กราฟิกดว้ ย
Explain จากความหมายของการออกแบบกราฟิก หรือการออกแบบสิ่งพิมพ์ จึงรวมถึงการออกแบบตัวอักษร
ใหน กั เรยี นกลมุ ท่ี 1 สงตวั แทนออกมาอธบิ าย เครอ่ื งหมาย สญั ลกั ษณ ์ รปู ภาพ และสงิ่ พมิ พต์ า่ งๆ อกี หลายประเภท เมอ่ื ผลงานการออกแบบผา่ นกระบวนการพมิ พ์
ความหมายของกราฟก หนา ชัน้ เรยี น ครคู อยเสริม
เพิ่มเตมิ ขอ มูล จากนั้นครถู ามนักเรยี นวา เกดิ เปน็ สิ่งพิมพ์ เรยี กว่า “การออกแบบงานกราฟิก” สงิ่ ท่ีควรคา� นึงสา� หรับผู้ออกแบบ คือ ผู้ออกแบบจะต้องมีทกั ษะ
• การออกแบบงานกราฟกเปน การออกแบบ ในการท�างาน มีแนวคดิ ทท่ี ันสมยั และก้าวหน้า มีความร ู้ ประสบการณ ์ รวมทัง้ เทคนคิ ตา่ งๆ ในการท�างาน
ลักษณะใด ๓.๒ ความสาํ คญั ของการออกแบบกราฟกิ เบื้องตน้
(แนวตอบ การออกแบบงานกราฟก เปน การ
ออกแบบเพอ่ื การเผยแพร ชกั ชวน เรยี กรอ ง การออกแบบกราฟิกเพื่อการผลิตสื่อที่เป็นสิ่งพิมพ์ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการรับรู้ การสื่อสาร
หรือเสนอแนวคดิ ตางๆ เปนการออกแบบใน
ลกั ษณะของหนังสือ สื่อโฆษณา เคร่อื งหมาย ของมนุษย์ ในการส่ือความหมาย การเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้สึกนึกคิดด้วยลายเส้น สี ภาพวาด และตัวอักษร
สญั ลักษณ สิง่ สําคญั ของการออกแบบงาน
กราฟก คือ ผูออกแบบจะตองมที กั ษะในการ มคี วามสา� คญั ท่ีพอจะสรปุ ได ้ ดังนี้
ทาํ งาน มีแนวคดิ ที่ทนั สมยั และกาวหนา) ๑) เปน็ สญั ลักษณของข้อตกลงในสังคม เชน่ เครือ่ งหมายจราจร รปู สญั ลกั ษณ์แสดงขอ้ หา้ มตา่ งๆ
เป็นต้น เพอ่ื ให้ผู้พบเห็นสามารถรบั ร้เู ข้าใจและปฏิบตั ิไดถ้ ูกต้องตามกติกาของสงั คมน้ันๆ
๘๘
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครอู าจตดิ ตอ เชิญวิทยากร หรอื นกั เรียนทม่ี ีทักษะและประสบการณใ นเรอ่ื ง การออกแบบงานกราฟกมวี ัตถปุ ระสงคห ลักเพื่ออะไร
การใชค อมพิวเตอรใ นการออกแบบผลงานกราฟก มาสาธิตวิธีการสรา งสรรค แนวตอบ การออกแบบงานกราฟกมวี ตั ถปุ ระสงคห ลกั เพ่อื ใหผลงาน
ผลงานกราฟกในรปู แบบตา งๆ หรือครอู าจใหนักเรยี นหาผลงานทสี่ รา งสรรคข ้นึ จาก มคี วามสวยงาม สะดดุ ตา มคี วามแปลกใหม ชวยดงึ ดูดความสนใจ
คอมพิวเตอรก ราฟก จากเว็บไซตตา งๆ รวมถึงงานโบชัวร แผนพับโฆษณา จากน้ัน ทางสายตาของผูพบเห็น ขณะเดียวกันกย็ งั มงุ หวงั ท่จี ะชว ยสงเสรมิ ในเร่อื ง
นําภาพและขอมูลมาอภปิ รายรวมกนั วา การออกแบบงานกราฟก มคี วามสาํ คัญ การรบั รู คือ สามารถทาํ ความเขา ใจในเร่ืองราวทจ่ี ะบอก หรือสือ่ สารได
ตอสงั คมในยุคปจ จบุ นั อยางไร อยา งงา ยๆ หรือทาํ เรอื่ งยากใหสามารถเขาใจไดง า ย
88 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๒) ช่วยเสริมสร้างจุดเด่น จุดสนใจของ ใหน กั เรยี นกลมุ ท่ี 1 และกลมุ ที่ 2 สงตวั แทน
ออกมาอธิบายเกี่ยวกับความสาํ คัญของการ
ข่าวสารข้อมูล เชน่ การพาดหวั ข่าวในหนงั สือพิมพ ์ ดว้ ย ออกแบบกราฟกและสวนประกอบของการ
ออกแบบกราฟกเบอื้ งตน หนา ชน้ั เรียน ครคู อย
ตัวหนงั สอื ท่ีมขี นาดใหญ ่ หรอื ในหนงั สือประเภทตา่ งๆ ท่ี เสรมิ เพิ่มเติมขอมูล จากน้นั ครถู ามนักเรียนวา
มกี ารจดั รปู แบบตวั อกั ษรประกอบรปู ภาพอยา่ งเหมาะสม • งานกราฟก มคี วามสัมพนั ธก ับสังคมปจจบุ ัน
อยางไร
มสี ีสันสะดุดตา สรา้ งความนา่ สนใจใหแ้ กผ่ พู้ บเห็น ช่วย (แนวตอบ ในปจจบุ ันโลกไดววิ ฒั นาการไป
อยางรวดเรว็ มกี ารใชร ะบบการตดิ ตอ ส่อื สาร
ท�าให้การส่ือสารเกิดความชัดเจนมากขึ้น ท�าให้ผู้อ่าน ทม่ี ีประสทิ ธิภาพมากขน้ึ มีการกระจาย
ขอ มลู ไปอยางรวดเรว็ โดยอาจจะเปน การ
เกดิ ความสนใจที่จะอา่ นเนื้อหาข้างใน เป็นต้น กระจายขอ มูลจากท่ีหนึ่งไปยังอีกทีห่ น่ึง
ซง่ึ การเขา ใจความหมายรวมกันเปนเร่ืองท่ีไม
๓) ช่วยทําให้ธุรกิจส่ือส่ิงพิมพขยายตัว งา ยนัก เน่ืองจากความแตกตางกัน
ทง้ั ทางดานสงั คม วฒั นธรรม ความเช่อื
ปจั จบุ นั มหี นว่ ยงาน บรษิ ทั เอกชน บคุ คลทม่ี อี าชพี รบั จา้ ง ดงั นัน้ การใชงานกราฟกทีด่ ี สามารถสอื่
ความหมายไดช ดั เจนถกู ตอ ง จะชวยให
สร้างสรรค์ผลงานการออกแบบกราฟิกในลักษณะต่างๆ มนษุ ยส ามารถสื่อสารและเขาใจกันได
ทําใหเกดิ จินตนาการรวมกนั )
เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบโฆษณาทาง
• นักเรียนคิดวา งานกราฟก ทดี่ คี วรเปน
โทรทัศน์ นิตยสาร โปสเตอร์ ตลอดจนในส่ิงพิมพ์อ่ืนๆ อยา งไร
(แนวตอบ งานกราฟก ทด่ี จี ะทาํ ใหเ ห็นถึง
ทา� ให้เกดิ ธรุ กจิ ทเ่ี กี่ยวเนือ่ งตดิ ตามมาอีกมาก เป็นต้น การออกแบบงานกราฟิก ช่วยทาํ ใหส้ ่ิงพมิ พม์ ีความสวยงาม นา่ สนใจ ความคิดในการออกแบบทเี่ ปนเลิศ มอี ทิ ธพิ ล
มากข้ึน โดยตรงทจ่ี ะโนม นาวผูรับขอ มลู ใหเ กดิ
๓.๓ สว่ นประกอบการออกแบบกราฟกิ ความสนใจ เกดิ การยอมรับ ในขณะเดียวกนั
เบอ้ื งต้น ยังเปน สอื่ กลางในการส่อื ความหมายให
เกิดการเขาใจตรงกนั สามารถทาํ หนาท่ีเปน
ส่วนประกอบส�าคญั ในงานออกแบบงานกราฟกิ หรอื สื่อส่ิงพิมพ์เบ้ืองตน้ ทีจ่ า� เปน็ ประกอบด้วยตัวอกั ษร สอื่ เพื่อใหเ กดิ การเรียนรู เกิดการศกึ ษา
กับกลุมเปา หมายได ชว ยใหง านเกิด
และภาพทีน่ า� มาประกอบ ซง่ึ เป็นส่วนทต่ี ้องใช้ในการออกแบบจดั วางใหม้ คี วามสมบรู ณ์ลงตวั ในด้านความงาม และ ความนา สนใจ ประทบั ใจแกผ ูพ บเห็น
ชวยใหเกิดการกระตุนทางความคิดและ
สามารถสรา้ งความเข้าใจให้กับผพู้ บเห็นไดช้ ัดเจนมากยงิ่ ข้นึ การตดั สนิ ใจไดอ ยางรวดเรว็ )
๑) ตวั อกั ษร ตวั อกั ษรหรอื ตวั พมิ พต์ อ้ งเลอื ก
หรือออกแบบให้ดึงดูดสายตา ในส่วนท่ีต้องการให้เด่น
ควรใช้ขนาด (Font) ที่ใหญ่ มีสีสันสะดุดตา และใช้
ตวั ขนาดใหญ่ที่รองลงมาในสว่ นหัวขอ้ ยอ่ ย และใช้ขนาด
เลก็ ในสว่ นทตี่ ้องการบรรยายเน้ือหา หรือรายละเอยี ด
๒) ภาพประกอบ ควรเป็นภาพท่ีชัดเจน
สวยงามและสะดุดตา เพ่ือช่วยอธิบายเนื้อหาให้มี
ความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นภาพ
ประกอบท่ีดียังช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อีกด้วย
โดยภาพประกอบอาจเปน็ ภาพถา่ ย หรอื ภาพวาด รวมทงั้
ภาพท่ีได้จากการสบื คน้ ทางอินเทอร์เนต็
คอมพิวเตอร์ช่วยทําให้การออกแบบจัดหน้าเอกสารมีความสะดวก
รวดเรว็ และสวยงาม
๘9
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู
เพราะเหตุใด ผูคนท่ัวไปจงึ มกั เขา ใจวา งานออกแบบกราฟกคอื งาน ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เก่ยี วกบั ขอดขี องการใชคอมพิวเตอรช วยออกแบบ มดี งั น้ี
ที่สรางสรรคดวยเคร่อื งคอมพวิ เตอร 1. การออกแบบทําไดอ ยางรวดเร็ว เนือ่ งจากการปอนขอ มลู ทาํ ไดง าย
แนวตอบ คําวา “กราฟก ” ในทางศลิ ปะหมายถงึ การนําเสนอตวั อกั ษร 2. ผูใชสามารถมองเหน็ งานทอี่ อกแบบไดโ ดยไมต องสรางตน แบบจรงิ ทําให
ขอ ความตางๆ เพอ่ื ส่ือความหมายใหเ ขาใจ อาจมีการผา นกระบวนการพมิ พ
เปนส่ิงพิมพ ไมไ ดหมายความวา ตองสรางงานดว ยคอมพวิ เตอร ประหยัดเวลาและคาใชจ า ย
สวนการสรา งงานโดยใชคอมพวิ เตอรเ ปน เครอื่ งมอื ในการสรางงานกราฟก 3. ลดจํานวนการสรา งตน แบบเพ่อื การทดสอบลง เนื่องจากผใู ชส ามารถจาํ ลอง
เปรียบเสมอื นปากกา ดินสอ พกู ัน จะเรยี กงานลกั ษณะน้ันวา “คอมพวิ เตอร
กราฟก ” สภาวะการทํางานตางๆ เพื่อการทดสอบชน้ิ งานได
4. ชวยใหสามารถออกแบบงานที่มีความซับซอนสูงมาก ซงึ่ มนษุ ยไ มสามารถ
เหตุผลทท่ี ําใหผ ูคนสวนใหญมกั เขา ใจวา การออกแบบกราฟก
คือ การออกแบบโดยใชเครื่องคอมพวิ เตอร เนือ่ งจากการใชคอมพวิ เตอร ทําไดโดยปราศจากคอมพวิ เตอร
เขามาชว ยจะทาํ ใหออกแบบไดร วดเรว็ มคี วามแปลกตา สามารถปรับเปลย่ี น
การออกแบบไดงายๆ รวมทง้ั ผลงานทเ่ี สร็จเรียบรอยยังดูนา สนใจ ทําให คมู่ ือครู 89
การออกแบบที่ไมใชเ ทคโนโลยสี มัยใหมแ ทบจะไมมใี หเ ห็น
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนกั เรียนกลุมท่ี 3 สง ตัวแทนออกมาอธิบาย ๓.๔ การออกแบบกราฟิกดว้ ยคอมพวิ เตอร
เก่ียวกับการออกแบบกราฟกดวยคอมพวิ เตอร
หนา ชนั้ เรยี น ครคู อยเสรมิ เพ่ิมเตมิ ขอ มูล จากน้นั ในปัจจุบันบทบาทของการออกแบบกราฟิกตามวัตถุประสงค์ต่างๆ มีความก้าวหน้าและพัฒนาไปได้ไกล
ครถู ามนกั เรียนวา มาก มรี ะบบการพมิ พ์โดยใชเ้ ทคนคิ ทมี่ ศี กั ยภาพสงู ซงึ่ จะทา� ใหผ้ ลงานออกมามคี วามประณตี และสามารถสรา้ งสรรค์
รูปแบบอย่างไร้ขดี จ�ากดั เชน่ การพมิ พร์ ะบบออฟเซท โดยใช้เคร่อื งจักร การพมิ พ์ซลิ ก์สกรีน การพิมพแ์ บบองิ ค์เจต็
• คอมพวิ เตอรมคี วามสาํ คญั ตอ การออกแบบ เปน็ ตน้ ซงึ่ ลว้ นเปน็ เทคนคิ ทมี่ ขี น้ั ตอนสลบั ซบั ซอ้ น แต่ในระดบั ชนั้ นผี้ เู้ รยี นควรไดเ้ รยี นรเู้ กยี่ วกบั การใช ้ “คอมพวิ เตอร”์
งานกราฟกอยางไร เป็นพื้นฐานในการออกแบบกราฟิก เน่ืองจากคอมพิวเตอร์เป็นเคร่ืองมือทางเทคโนโลยีท่ีสามารถพบเห็นได้
(แนวตอบ การสรางงานดา นศิลปะนับเปน ในชีวติ ประจ�าวนั และเปน็ เครือ่ งมอื ซึง่ บคุ คลทกุ เพศทุกวัยสามารถเรียนรูอ้ ยา่ งง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง
สง่ิ สําคญั ศิลปนสามารถใชส ่อื ตางๆ ในการ
ถายทอดจินตนาการ อารมณ ความรสู กึ ตวั อย่างโปรแกรม Photoshop ทใ่ี ช้ในการสร้างภาพ ตัวอย่างโปรแกรมลายเสน้ สาํ หรบั ใชใ้ นการออกแบบ
สผู ชู มงานศลิ ปะ ซึ่งคอมพวิ เตอรนบั เปน
อุปกรณท่ีมีประสิทธิภาพในการสรางภาพ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หรือเคร่ืองมือส�าคัญของการท�างานประเภทต่างๆ ในโลกปัจจุบัน รวมทั้งการ
กราฟก เพ่อื สื่อความหมาย เน่ืองจากมี ออกแบบสื่อส่ิงพิมพ์ด้วย การน�าคอมพิวเตอร์มาใช้นั้นต้องรู้จักการเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับประเภทของงาน
ความยืดหยนุ ในการนําเสนอไดม าก การสรา ง มาติดตั้งใส่ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะงานออกแบบกราฟิก นักออกแบบจะต้องเลือกโปรแกรมการท�างาน
งานศลิ ปะดวยคอมพวิ เตอรอาจทาํ ไดต้ังแต ที่ช่วยให้งานด�าเนินไปได้รวดเร็ว สวยงาม ประณีต และสามารถเก็บข้อมูลเดิม เพื่อเรียกกลับมาแก้ไข ปรับปรุง
การวาดภาพโดยใชโปรแกรมวาดภาพท่ีมี หรือเพ่ิมเติมได้ทุกคร้ังที่ต้องการ นอกจากน้ี ต้องมีความเข้าใจเก่ียวกับหลักของการออกแบบมาประยุกต์ใช้ให้เกิด
เคร่ืองมือใหสามารถใชเ มาสแทนการใชพูกัน ความสวยงามทางศลิ ปะ และนา� ไปสูผ่ ลงานการออกแบบท่สี ามารถส่อื สารได้ตามวตั ถุประสงค ์ การนา� คอมพวิ เตอร์
และสี ในบางโปรแกรมสามารถปรับความ มาใชใ้ นการออกแบบกราฟกิ ตอ้ งคา� นงึ ถงึ สว่ นสา� คญั ดังน้ี
หนกั -เบาของเสน มาชว ยทาํ ใหการวาดภาพ
เปนธรรมชาตขิ ้ึน บางโปรแกรมสามารถปรับ ๑) โปรแกรมสรา้ งกราฟกิ หมายถงึ โป1รแกรม หรอื ซอฟตแ์ วรส์ �าเรจ็ รปู ทมี่ หี ลายประเภท เชน่ โปรแกรม
แตงภาพถายมาเปน ภาพวาดสนี ํ้า สีน้าํ มนั
หรือแบบอ่นื ๆ ได และยงั รวมความสามารถ Photoshop โปรแกรม Illustrator โปรแกรม Paint เปน็ ต้น
ในการเลอื กพื้นผวิ สาํ หรับวาดภาพดวย)
๒) วิธีสร้างภาพ เป็นวิธีที่ผู้ออกแบบน�าภาพจากแหล่งต่างๆ เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพสไลด ์
• การท่ีจะออกแบบงานกราฟกดว ย
คอมพวิ เตอรไดดนี ัน้ ตองมคี วามรคู วาม ภาพจากกล้องถ่ายภาพดิจิทัล ภาพท่ีมีการถ่ายโอนข้อมูล (Download) จากเว็บไซต์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว
เขา ใจในเรื่องใดบา ง มาปรบั ใช ้ หรอื ประกอบกนั เกดิ เปน็ รปู แบบใหม ่ หรอื ใชโ้ ปรแกรมสรา้ งและตกแตง่ ภาพทา� ใหเ้ กดิ เปน็ ผลงานใหม ่ เปน็ ตน้
(แนวตอบ การออกแบบงานกราฟก ดวย
คอมพิวเตอรใหไดดนี ้ัน ผูออกแบบตองสราง ๓) แบบตวั อักษร ในคอมพวิ เตอร์จะมีโปรแกรมเก่ียวกับตัวอักษรตดิ ต้ังไว้อยู่แล้ว ซึง่ จะมแี บบตวั อกั ษร
และจัดการกบั ภาพกราฟก โดยใชคอมพิวเตอร
ซึง่ ในปจ จุบนั มีการใชภาพกราฟก กับงาน หลายรูปแบบ ตลอดจนปรับเลือกขนาดได้ตามต้องการ ดังนั้น ผู้ออกแบบจะตอ้ งเลอื กใชล้ ักษณะตวั อกั ษร และขนาด
ส่อื สิ่งพมิ พหลายๆ ประเภท ซ่ึงสิ่งสําคัญ ตวั อกั ษรใหเ้ หมาะสมกับงานทส่ี ร้างสรรค์
ทจี่ ะทาํ ใหการออกแบบงานกราฟก ดว ย
คอมพวิ เตอรเ ปนไปอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพคอื 9๐
ผูอ อกแบบจะตองมคี วามเขาใจกบั ชนดิ ของ
ภาพในงานคอมพวิ เตอรก ราฟก และรปู แบบ
ของไฟลก ราฟกทีใ่ ชกับงานออกแบบส่ิงพิมพ)
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 โปรแกรม Paint เปนโปรแกรมทจี่ ัดอยูใ นกลุม ของโปรแกรมวาดภาพ ซึ่งเปน
โปรแกรมทีส่ นบั สนนุ เพิ่มเติมของระบบปฏิบัตกิ ารวินโดวสท ุกรุน เปน โปรแกรม ขอใดเปน จดุ เดนที่ทําใหการออกแบบงานกราฟก ดว ยคอมพิวเตอร
สําหรับวาดภาพท่ที ําใหผ ใู ชสามารถวาดภาพงายๆ หรอื นาํ ภาพที่มีอยแู ลว ไดรับความนิยมทวั่ ไป
มาตกแตง ใหมใ หส วยงาม โดยใชเ ครอ่ื งมอื วาดและการระบายสตี างๆ ที่โปรแกรม
เตรยี มไวใ ห รวมทง้ั การวาดรปู ทรงเรขาคณติ ตา งๆ ภาพทว่ี าดหรอื ตกแตง เสรจ็ แลว แนวตอบ ปจจุบันผคู นสว นใหญน าํ คอมพวิ เตอรมาใชใ นการออกแบบ
สามารถนาํ ไปประกอบเอกสารอืน่ ๆ ได เชน Word Excel Power Point และยัง สรางสรรคงานกราฟก เนอ่ื งจากมคี วามสะดวก รวดเร็ว ใชง านงา ย
สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ ชก บั การสรา งงานศลิ ปะอนื่ ๆ ถอื ไดว า เปน โปรแกรมพนื้ ฐาน แกไ ขงานตามทตี่ องการไดงา ย มีความหลากหลายในการสรา งสรรคผลงาน
สาํ หรบั การวาดภาพ หรอื การออกแบบงานกราฟกบนคอมพวิ เตอรท ีผ่ ูเ ร่มิ ใช รวมทง้ั ผลงานทเ่ี สรจ็ เรียบรอยกม็ คี วามประณีต กลมกลืนกบั สภาพแวดลอม
คอมพวิ เตอรค วรจะศึกษาทําความเขาใจและฝก ใชง านใหเปนเบื้องตน และมีตน ทุนตํ่ากวาเมื่อใชใ นเชิงพาณิชย นอกจากนี้ ผทู ่มี ีทกั ษะทางดา น
วาดเขยี นรปู นอยก็สามารถสรา งสรรคผ ลงานใหม คี วามสวยงามได
90 ค่มู อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๓.๕ ประเภทของงานออกแบบกราฟกิ ใหนักเรยี นกลมุ ที่ 4 สงตัวแทนออกมาอธิบาย
เก่ยี วกับประเภทของการออกแบบงานกราฟก
งานออกแบบกราฟิก หรือออกแบบสิ่งพิมพ์ หนาช้นั เรยี น ครคู อยเสรมิ เพิ่มเติมขอ มูล จากนน้ั
ครถู ามนักเรียนวา
ท่ีต้องผ่านกระบวนการพิมพ์หลังจากการออกแบบ เป็น
• การออกแบบปกหนังสือมีความสาํ คัญ
ผลงานท่ีเราสามารถพบเหน็ ได้มากมายในชีวิตประจา� วัน อยา งไร
(แนวตอบ ปกหนา ของหนงั สอื เปน สว นทส่ี าํ คญั
ดงั นี้ ๑) การออกแบบปกหนังสอื 1 เชนเดยี วกันกบั หนา แรกของหนังสอื พิมพ
และปกหนาของนติ ยสาร โดยปกหนาจะตอ ง
หนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นเคร่ืองมือ ทําหนาทีด่ ึงดูดความสนใจของผูพบเหน็
ในขณะเดียวกนั ปกหนาของหนงั สอื ตอ งส่อื
ส่ือสารชนิดหน่ึงท่ีมีรูปแบบหลากหลาย ท้ังเนื้อหาและ ใหเห็นถงึ เนอ้ื เรือ่ งของหนงั สอื ดว ย)
การออกแบบปกหนังสือท่ีดีจะตอ้ งทําใหผ้ ูอ้ ่านเขา้ ใจว่า หนงั สอื เลม่ น้ี รูปเล่ม เช่น หนังสือแบบเรียน หนังสือท่ีให้ความรู้ • การออกแบบปกหนงั สอื ตองคํานงึ ถงึ
มีเนื้อเรอ่ื งเก่ียวกับอะไร หลกั การใดบา ง
ความบันเทิง นวนยิ าย นติ ยสาร วารสารต่างๆ เปน็ ตน้ (แนวตอบ การออกแบบปกหนงั สือตองคาํ นึง
ถึงความสอดคลอ งกับประเภทของหนงั สอื
ปกหนังสือเป็นส่วนส�าคัญของสื่อสิ่งพิมพ์ท่ีมีผลต่อการดึงดูดความสนใจเม่ือแรกเห็น ชวนให้หยิบจับ เสริมสรางลักษณะเดนของหนังสือ และตอง
สรางสรรค)
หนังสือ เพ่ือมาพิจารณาเน้ือหาภายในและตัดสินใจเลือกซ้ือหรือไม่ซื้อ ส่ิงท่ีปรากฏบนปกหนังสือนอกเหนือจาก
ชอื่ หนังสอื ชื่อผแู้ ต่ง ผูเ้ รยี บเรียง และผู้แปลแล้ว รปู ภาพทน่ี า� มาประกอบจะตอ้ งเก่ียวข้องกับเนื้อหาภายในเล่มดว้ ย
โดยหลักการเบอ้ื งตน้ ในการออกแบบปกหนงั สอื มีดงั นี้
๑.๑) สอดคล้องกับประเภทของหนังสือ หนังสือท่ีเราได้พบเห็นในปัจจุบันมีหลายประเภท แต่ละ
ประเภทมีลักษณะและวัตถุประสงค์เฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น หนังสือแบบเรียน หนังสืออ้างอิง หนังสือวิชาการ
หนงั สอื อา่ นเสรมิ ทกั ษะดา้ นตา่ งๆ ของนกั เรยี น หนงั สอื นทิ านสา� หรบั เดก็ หนงั สอื ภาพ หนงั สอื กฬี า หนงั สอื นวนยิ าย หนงั สอื
บนั เทงิ ตา่ งๆ เปน็ ตน้ การทหี่ นงั สอื มหี ลากหลายประเภท ทา� ใหแ้ นวทางในการออกแบบปกหนงั สอื จงึ ตอ้ งแตกตา่ งกนั ไป
เชน่ หนงั สอื วชิ าการ จะใชต้ วั อกั ษรและรปู ภาพทดี่ เู ปน็ ทางการ ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งแปลกตา การจดั วางองคป์ ระกอบจะตอ้ ง
จดั วางอย่างเป็นระเบยี บ รวมทง้ั การใช้สจี ะไม่เน้นสีฉูดฉาด เพื่อดึงดดู ความสนใจ ในขณะท่ีหนงั สอื ประเภทบันเทิง
หรอื นวนยิ ายจะใชแ้ นวทางในการออกแบบทมี่ อี สิ ระมากขนึ้
โดยเนน้ ความสวยงาม ความแปลก ความสะดดุ ตา เปน็ ตน้
๑.๒) เสริมสร้างลักษณะเด่นของหนังสือ
ในปจั จบุ นั ผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภค หรอื การบรกิ าร
ประเภทต่างๆ มีการแข่งขนั สูง เพ่ือเอาชนะค่แู ข่งในทาง
การค้า ดังนั้น จึงมีความจ�าเป็นต้องท�าให้สินค้าของตน
มีลักษณะเด่นให้มากทส่ี ุด
หนังสือก็เช่นเดียวกัน เพราะในปัจจุบันมี
หนังสือทมี่ เี นอ้ื หาประเภทเดียวกนั จ�านวนมาก การสรา้ ง ในการออกแบบปกหนังสอื จะต้องคาํ นงึ ถงึ ความเหมาะสม โดยการ
ลกั ษณะเดน่ ของหนงั สอื จงึ เปน็ เรอ่ื งสา� คญั ซง่ึ การออกแบบ เลือกใช้สีท่ีไม่ฉูดฉาดมากนัก และการวางตัวหนังสือ ชื่อเรื่องก็ต้อง
ปกหนงั สอื เปน็ อกี วธิ กี ารหนงึ่ ทจ่ี ะทา� ใหห้ นงั สอื เปน็ ทสี่ นใจ โดดเด่น สะดดุ ตา
91
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ใหน ักเรยี นนําหนังสอื ทตี่ นเองชนื่ ชอบ มาคนละ 1 เลม จากน้ันให 1 สอื่ ส่ิงพิมพต างๆ เชน หนงั สือ ปกหนงั สอื ปกรายงาน หนงั สือพิมพ
นกั เรียนเขียนอธิบายความประทับใจและจดุ เดนของแบบปกดังกลา ว โปสเตอร นามบัตร การด อวยพร หัวกระดาษจดหมาย แผนพบั แผน ปลวิ
แลวนําสง ครูผสู อน ใบโฆษณา เปน ตน
กิจกรรมทาทาย มุม IT
ใหน ักเรียนจดั ทาํ หนงั สอื คนละ 1 เลม โดยใหน ักเรยี นออกแบบปก นักเรียนสามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกับสิง่ พิมพแ ละการออกแบบส่อื สิง่ พมิ พ
จัดทํารูปเลมใหม ีความสวยงามและนา สนใจ ตามหลกั การท่ีนักเรียนได ไดที่ http://www.dra.go.th/download/Org_dra/Person_dra/CM260-54-
ศึกษามา Book2.pdf
คมู่ ือครู 91
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหน ักเรียนรวมกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับ ทงั้ น้ีการออกแบบปกใหส้ วยงาม สะดุดตา นอกจากจะทา� ให้หนงั สอื มีลักษณะเดน่ แลว้ ยงั เปน็ การสง่ เสรมิ
การเลอื กแบบตัวอกั ษรและขนาดทจ่ี ะใชก บั คุณค่าทางความงามและความน่าเชือ่ ถอื ให้แก่ผจู้ ดั พมิ พ์ดว้ ย
ส่อื สิง่ พมิ พ จากนน้ั ใหนักเรยี นจดสาระสาํ คญั ลง
สมุดบันทึก ๑.๓) สร้างสรรคงานออกแบบ การออกแบบปกหนังสอื นน้ั มหี ลักส�าคญั อยู่ ๓ ประการ คือ หลกั การ
จดั องคป์ ระกอบศลิ ป ์ เพอื่ สรา้ งคณุ คา่ ทางความงาม หลกั การกา� หนดลักษณะของภาพบนปก และหลกั การกา� หนด
ตวั อักษร ซงึ่ ท้ัง ๓ ประการต้องน�ามาใช้ใหส้ อดคล้อง กลมกลืน และท่ีสา� คญั ตอ้ งเหมาะสมกับประเภทของหนังสอื
ทงั้ นี้ในการออกแบบปกหนงั สอื บางเลม่ จะมกี ารออกแบบทงั้ ปกนอกและปกหลงั พรอ้ มกนั ไปดว้ ย ซงึ่ ขนึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะ
และวัตถุประสงค์ของหนงั สือเลม่ ดงั กล่าว
เกร็ดศิลป 1
การเลอื กแบบตัวอกั ษรและขนาด
การเลือกแบบตัวอักษรและขนาดตัวอักษรท่ีจะใช้กับส่ือส่ิงพิมพ์ มีหลักใน
การเลอื กง่ายๆ ดงั น้ี
๑. เหมาะสมกับประเภทงาน โดยให้พิจารณาดูลักษณะงานว่าเป็นงาน
ประเภทใด หากเป็นเอกสารของหน่วยงานราชการ หรือเป็นงานวิชาการก็ใช้
ตัวอักษรทเี่ รียบง่าย ดแู ล้วนา่ เชื่อถอื ไมแ่ ปลกแหวกแนว มคี วามเรียบรอ้ ย
๒. เหมาะสมกับกลุ่มเปาหมาย ขนาดของตัวอักษรจะมีผลโดยตรงกับผลงาน
ดังน้ัน จึงต้องค�านึงว่า สื่อสิ่งพิมพ์นั้นกลุ่มเปาหมายที่เป็นหลักคือใคร ถ้าเป็น
วัยรุน่ อาจจะใช้ตัวอกั ษรทม่ี ีขนาดเลก็ ได ้ แต่ถ้ากลุ่มเปา หมายเปน็ ผใู้ หญว่ ัยท�างาน
ก็ควรใชต้ ัวอักษรทม่ี ีขนาดใหญ่
๓. ใช้แบบตัวอักษรท่ีอ่านง่าย แบบตัวอักษรในเคร่ืองคอมพิวเตอร์จะมี
หลายลักษณะ ท้ังชนิดตัวมีหัว ไม่มีหัว ตัวหนา ตัวบาง หรือบางแบบก็เป็น
ลักษณะลายมือเขียน ในการเลือกใช้ต้องพิจารณาให้เหมาะสม ค�านึงถึงความรู้
ความเรยี บรอ้ ยด้วย ถา้ ไม่แน่ใจใหใ้ ชแ้ บบอักษรทอี่ ่านงา่ ยและมหี ัว
๔. ไมค่ วรใชแ้ บบอกั ษรมากชดุ เพราะการใชแ้ บบตวั อกั ษรมากชดุ มาผสมผสาน
จะรบกวนการอ่าน อาจท�าให้ผลงานดูไม่น่าเช่ือถือ ดูแล้วไม่เป็นระเบียบ แม้จะ
ดงึ ดดู ความสนใจไดบ้ า้ ง แต่ก็จะมเี พยี งช่วงสัน้ ๆ
นอกจากนี้ ในการก�าหนดก็จะตอ้ งพิจารณาการเรียงลา� ดับให้เหมาะสม โดยใช้
ตวั อกั ษรขนาดใหญ่ในสว่ นทเ่ี ปน็ หวั ขอ้ ใหญส่ ดุ แลว้ ลดหลน่ั ขนาดลงมา สว่ นเนอ้ื หา
ก็ใช้แบบอักษรที่เป็นตวั พน้ื
92
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกับแบบและขนาดของตวั อักษร ปกตแิ ลว ตวั อักษรทีใ่ ช
ในหนังสอื หนงึ่ เลม จะไมม ีความหลากหลายมากมายนกั แตอาจแตกตางกนั เพราะเหตุใด จึงตอ งใหค วามสําคัญกับการออกแบบปกหนังสอื
ระหวา งตวั ที่เปนหัวเร่ืองหรือพาดหวั กบั ตวั ทีเ่ ปน เนอื้ เร่อื งเทา นัน้ อยางไรกต็ าม
ขนาดของตัวอักษรในเนอ้ื หาตองพิจารณาใหเ หมาะสมกบั กลุมเปา หมาย หากเปน แนวตอบ เพอื่ เปนการดงึ ดูดความสนใจของผพู บเหน็ ใหอ ยากอา นหนังสอื
เด็กหรอื ผูสงู อายตุ อ งเลือกตัวอักษรทีม่ ีขนาดใหญกวาตัวอกั ษรทใี่ ชกบั วัยรนุ เลมนน้ั ในขณะเดียวกันยังเปนการส่ือใหเห็นถึงลกั ษณะของเนอ้ื เรื่องภายใน
หนงั สือน้ันดว ย ปกหนาคอื สวนหนงึ่ ของหนงั สอื ซ่ึงผูด ูจะเหน็ เปนสง่ิ แรก
นกั เรียนควรรู ดงั นนั้ นกั ออกแบบจะตอ งตระหนกั วา ความหวงั ของผทู เ่ี กย่ี วขอ งกบั การจดั ทาํ
หนงั สือขนึ้ อยูกับปกหนา โดยปกหนาจะตองทาํ หนา ท่รี ะบเุ อกลกั ษณข อง
1 แบบตวั อักษร หรือทีเ่ รียกกันติดปากวา “ฟอนต” (Font) มีพฒั นาการมาอยา ง หนงั สือใหโดดเดน กวา หนังสืออน่ื ๆ ปกหนาของหนังสอื จะตองสามารถดงึ ดูด
ตอเนอื่ ง จากการจดั ทําดว ยไม โลหะ จนเปนระบบดจิ ิตอลอยา งทใ่ี ชก นั อยใู น ความสนใจจากผทู ่พี บเห็นไดใ นทันที นอกจากนี้ ยงั ตอ งทาํ หนา ที่กระตนุ
เคร่อื งคอมพิวเตอร ปจ จบุ ันความกาวหนาของเทคโนโลยีทาํ ใหก ารประดษิ ฐฟ อนต หรอื เรา อารมณท่ีเหมาะสมกับหนังสอื เลม น้นั ใหผ อู านรสู ึกได
ทาํ ไดง ายและมีรูปแบบใหเลอื กใชมากมาย แตไมวา ฟอนตจ ะมมี ากแคไหน แตหลกั
ในการเลอื กใชฟอนตก ย็ งั ตอ งใหดูอานงาย สบายตา เปนหลกั อยเู หมอื นเดิม
92 ค่มู ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
1 1. ครสู มุ ตัวอยางนกั เรียน 2-3 คน ใหอ อกมา
๒) การออกแบบโปสเตอร ภาพโปสเตอร์ หมายถึง ภาพศิลปะที่สามารถสื่อสารบอกรายละเอียดให้ อธิบายเกย่ี วกับการออกแบบโปสเตอร ใน
ประเด็นลักษณะของโปสเตอรท ีม่ ีคุณภาพ
ผู้พบเห็นเข้าใจความหมายได้ในระยะเวลาสั้นๆ เปรียบเทียบได้กับภาพโฆษณาชนิดหน่ึงท่ีมีอิทธิพลต่อผู้พบเห็นได้ และสวนประกอบสาํ คญั ของภาพโปสเตอร
บริโภคความรู้ ความหมาย และความสวยงามของโปสเตอร์ได้ครบ โดยภาพโปสเตอร์ท่ีพบเห็นอยู่ทั่วไป เช่น หนาชัน้ เรยี น
โปสเตอร์โฆษณาสินคา้ โปสเตอร์โฆษณาภาพยนตร์ โปสเตอรร์ ณรงคต์ ่อตา้ น หรอื เชญิ ชวน โปสเตอร์ประชาสมั พันธ์
ในเรือ่ งตา่ งๆ เป็นต้น เรามกั จะพบเห็นโปสเตอร์ไดจ้ ากสถานทที่ ัว่ ๆ ไป เช่น ตามปา ยโฆษณา ปายรถเมล ์ ตามผนงั 2. ใหนักเรยี นแตละคนหาภาพโปสเตอรท ต่ี นเอง
อาคารตา่ งๆ ตามบอร์ด หรือสถานทที่ ่มี ผี คู้ นชมุ นมุ พลุกพลา่ น เปน็ ต้น ชืน่ ชอบ มาคนละ 1 ภาพ จากน้นั ใหนักเรยี น
นาํ ภาพโปสเตอรไปตดิ บนกระดานดาํ แลว
๒.๑) ลักษณะของโปสเตอรท ี่มีคณุ ภาพ โปสเตอรท์ จ่ี ัดไดว้ ่ามคี ณุ ภาพ ควรมลี ักษณะดงั น้ี รว มกนั พจิ ารณาวา ภาพโปสเตอรแตละภาพ
๑. คุณภาพของการออกแบบ งานออกแบบท่ีดีจะแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ ใช้หลักการ มีการออกแบบแตกตางกนั อยา งไร
จดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ มขี นาดของภาพทเ่ี หมาะสม
๒. ตวั อักษรทีอ่ อกแบบจัดวาง มขี อ้ ความที่ถกู ตอ้ ง อา่ นชดั เจน และเขา้ ใจง่าย มคี วามหมายดี
ใชถ้ อ้ ยค�ากระชบั น่าสนใจ สามารถสอ่ื ความหมายไดส้ มบูรณ์
๓. การออกแบบสี มีสีสันท่ีสะดุดตาและมีหลักจิตวิทยาทางด้านอิทธิพลของสีและทฤษฎีส ี
ซ่งึ สรา้ งความนา่ สนใจใหผ้ พู้ บเห็น
นอกจากน ี้ การน�าเสนอขอ้ ความ หรอื รูปภาพในโปสเตอร์ควรนา� เสนอในทางทีส่ ร้างสรรค์ ไม่ควรน�าเสนอ
ในสิ่งท่ีท�าให้เกิดความรู้สึกในทางลบหรือไม่ดี เพราะผู้ดูโปสเตอร์เป็นบุคคลทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
จึงต้องระมัดระวังในการออกแบบภาพ ไม่ใช้ภาพที่สร้างความรู้สึกที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือปลูกฝังความรู้สึก
ในทางเลวรา้ ย เชน่ ภาพหวาดเสียว สยองขวัญ ภาพอนาจารทางเพศ เปน็ ต้น ดังนนั้ แง่มมุ ต่างๆ ของการออกแบบ
จึงเปน็ สิง่ ทผี่ อู้ อกแบบจะต้องตระหนกั ถึงความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมดว้ ย
๒.๒) สว่ นประกอบสําคัญของภาพโปสเตอร
๑. ชือ่ เรอ่ื งหรือหัวขอ้ เร่อื ง
๒. ส่วนขยายช่ือเร่ือง เพราะบางคร้ังช่ือเรื่อง
หรือหัวข้อเรื่องอาจไม่ชัดเจนพอในการส่ือความหมาย ส่วนขยายน้ี
จะชว่ ยเสรมิ เร่อื งราวให้เขา้ ใจย่งิ ข้นึ วา่ ใคร ท�าอะไร ที่ไหน และเมือ่ ไร
๓. การออกแบบภาพจะชว่ ยใหโ้ ปสเตอรม์ คี วาม
ชดั เจนและสวยงามยง่ิ ขน้ึ อาจจะไมต่ อ้ งอา่ นคา� บรรยายภาพกส็ ามารถ
เข้าใจได้
๔. สมี สี ว่ นชว่ ยดงึ ดดู ความสนใจไดม้ าก เพราะสี
จะกระทบสายตาเป็นอันดับแรก ทา� ให้ไปกระต้นุ หรอื เร้าใจสิ่งท่ีอา่ น
๕. บอกชอ่ื หน่วยงานทีเ่ ปน็ ผู้จัดท�าโปสเตอร์
ตัวอย่างการออกแบบโปสเตอร์ชนดิ ตา่ งๆ
93
บูรณาการเชื่อมสาระ เกรด็ แนะครู
การศกึ ษาเกีย่ วกบั เร่ืองการออกแบบโปสเตอร สามารถบรู ณาการ ครคู วรอธบิ ายเพมิ่ เติมวา ผคู นจะใชเ วลาอา นโปสเตอรไมน านและยนื อยูหางๆ
กบั การเรยี นการสอนของกลมุ สาระการเรียนรูภาษาไทย วิชาหลักภาษา ดงั นนั้ ในการออกแบบจะตอ งหลกี เลย่ี งไมใ หมรี ายละเอียดมาก ไมใชข อความยาว
และการใชภ าษา เรื่องการเขยี นคาํ ขวัญหรือคาํ คมได โดยครูใหนักเรยี น ตวั อักษรเล็ก หรอื ขอ ความกํากวม อยางนอ ยตองทําใหผ คู นสะดดุ ตาเม่อื แรกเห็น
ออกแบบโปสเตอรร ณรงคในโอกาสตา งๆ และใหนกั เรียนแตงคําขวัญหรอื แลวรูขอ มูลโดยทนั ทวี า ตองการส่ือสารเก่ยี วกับอะไร หรือมีวตั ถุประสงคอ ยากจะ
คาํ คมประกอบการออกแบบโปสเตอรน้นั ๆ เพ่ือใหน กั เรียนไดใ ชค วามคิด บอกอะไร
สรา งสรรคในการออกแบบ นําความรูและทกั ษะในการใชภ าษาไทย
เพ่ือการเชญิ ชวนและรณรงคมาปรบั ใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ได
นักเรียนควรรู
1 การออกแบบโปสเตอร ในปจจบุ นั ดวยความกา วหนา ทางเทคโนโลยี
การออกแบบโปสเตอรก า วหนา ไปถงึ เทคนิคท่ีเรยี กวา “อิงคเจ็ท” ซ่งึ สามารถ
นํางานทอ่ี อกแบบไปทาํ ใหม ขี นาดใหญขึ้นได วสั ดทุ ร่ี องรับอาจจะเปนแผน ไม
แผนพลาสติก หรอื ท่นี ิยมมากทีส่ ดุ คือ แผน ไวนิล
ค่มู อื ครู 93
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหน กั เรยี นชว ยกันรวบรวมแผน พบั เสริมสาระ
ประชาสมั พันธส ถานทท่ี องเท่ยี วหรือแผน พบั
โฆษณาสินคาใหไดม ากที่สดุ จากนนั้ นาํ การออกแบบโบรชัวร
แผน พบั ตา งๆ เหลา นนั้ มาเปน ตวั อยา งประกอบ
การอภิปรายเกี่ยวกบั หลักการออกแบบโบชัวร โบรชวั ร์ หรือแผ่นพับนบั เป็นสง่ิ พิมพ์ทส่ี ามารถ
ใชเ้ ป็นสอ่ื ในการโฆษณาประชาสมั พนั ธไ์ ดโ้ ดยตรงกับผอู้ ่าน
2. ใหนักเรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 5-6 คน โดยให หรอื ผพู้ บเห็น สามารถออกแบบจดั ทําผา่ นระบบคอมพิวเตอร ์
แตล ะกลุมออกแบบโบชัวรประชาสัมพันธ
สถานท่ีทองเทย่ี วภายในทองถนิ่ ของตนเอง แลว้ พิมพ์ (Print) ออกมาเป็นจาํ นวนมาก 1
มากลุม ละ 1 แผน พับ เสรจ็ แลวนําผลงาน
สงครผู ูสอน ลักษณะท่ีน่าสนใจของแผ่นพับ คือ เป็น
ส่ือส่ิงพิมพ์ท่ีเข้าถึงกลุ่มเปาหมายได้ตามต้องการ
เนื่องจากเป็นส่ิงพิมพ์ท่ีมีขนาดเล็ก น้ําหนักเบา
พกพาสะดวก เสียค่าใช้จ่ายในการจัดทําน้อย และ การออกแบบโบรชวั ร ์ ตอ้ งระมดั ระวงั มใิ หต้ วั หนงั สอื อยตู่ รงกบั แนวทพี่ บั
สามารถบรรจุขอ้ มูลรายละเอยี ดได้มากพอสมควร
ในการออกแบบแผ่นพับนั้นต้องพิจารณาลักษณะการพับที่จะต้องไม่ทําให้ข้อมูล และภาพเกิดรอยทับ
จนอ่านข้อความ หรือภาพไม่ชัดเจน แผ่นพับท่ีพบเห็นโดยท่ัวไป เช่น แผ่นพับประชาสัมพันธ์สถานท่ี แหล่งท่องเท่ียว
แผ่นพบั โฆษณาสนิ คา้ แผ่นพับแนะนาํ ตัวบคุ คล เปน็ ตน้
หลักการออกแบบโบรชัวร
๑. ออกแบบลักษณะการพับเป็นหลัก โดยยึดหลักการวางแผน การใส่เน้ือหาและรูปภาพในตําแหน่งท่ี
ไม่ถูกพับ จะทําให้เน้ือหาและภาพครบสมบูรณ์ การพับน้อยท่ีสุด คือ ๔ พับ (ด้านหน้า ๒ หน้า ด้านหลัง ๒ หน้า
รวม ๔ หน้า) แผน่ พบั โดยทวั่ ไปไมน่ ยิ มใส่เลขหน้า
๒. การออกแบบหน้าปกแผ่นพับ ซ่ึงเป็นส่วนสําคัญของแผ่นพับ ควรเน้นให้มีจุดเด่นด้วยอักษรข้ึน
ข้อความชัดเจน หรือใช้ภาพประกอบท่ีค่อนข้างใหญ่ และชัดเจน มีสีสันสะดุดตา สดใส น่าสนใจ
สร้างความแตกต่างจากหน้าอื่นๆ ที่สําคัญจะต้องสื่อถึงหน่วยงาน ตัวบุคคลที่จัดทําขึ้นมา เช่น
แผ่นพับโฆษณารีสอร์ต ควรมีรูปแบบท่ีเป็นเอกลักษณ์ของรีสอร์ต ชื่อรีสอร์ตและสถานที่
ติดต่อที่ชัดเจน ทําให้ผู้อ่านเพียงดูแผ่นพับหน้าแรกก็สามารถจะรับรู้ได้ว่า
ใครเป็นผจู้ ัดทาํ และตอ้ งการบง่ บอกอะไร เปน็ ตน้
๓. การใส่เน้ือหาและรูปภาพในหน้าพับต่อๆ ไป
จาํ นวนข้อมลู ตอ้ งชัดเจน เพอ่ื การจัดวางในพน้ื ท่ที ่ถี กู กําหนด
ดว้ ยการพับ
๔. แต่ละหน้าควรแสดงลักษณะเฉพาะ เพื่อ
ปองกนั การสับสนในการอา่ น
โบรชวั รบ์ างประเภทใหค้ วามรู้แกผ่ ู้อ่านอยา่ งมาก
94
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 แผนพบั มลี กั ษณะคลายใบปลวิ แตมขี นาดใหญก วา และมีข้ันตอนการทาํ
ที่ซับซอนกวา เนื่องจากถูกออกแบบใหบรรจรุ ายละเอียดไดม ากกวาใบปลวิ ขอใดเปน องคประกอบของการออกแบบสรา งสรรคโ ปสเตอรท่มี ีคณุ ภาพ
มีไดต งั้ แต 2-5 ทบ หรอื มากกวานน้ั 1. ใสขอ มลู ลงไปใหม าก
2. ไมควรใชสมี ากกวา 2 สี
มมุ IT 3. ภาพสะดุดตา ขอ ความกระชับ
4. ใชต วั อักษรเลก็ และหลากหลาย
นกั เรยี นสามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เก่ยี วกับการออกแบบโบชัวร ไดท่ี
http://www2.udru.ac.th/~samaw_t/Folders1.pdf วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ดวยเหตุทีผ่ ูชมจะใชเ วลาดูโปสเตอรไมนาน
และอยูหา งจากโปสเตอร ดังน้นั การออกแบบโปสเตอรท ่ดี จี งึ ตองทาํ ให
โปสเตอรดูสะดุดตา ไมกลมกลนื ไปกบั สภาพแวดลอมทต่ี ดิ ภาพจึงตอ งใช
ภาพขนาดใหญ คมชัด สะดดุ ตา รวมทง้ั ขอ ความตอ งกระชบั เปนขอ ความ
สัน้ ๆ หรือใชค ํานอ ยแตไ ดใจความ
94 คมู่ ือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๒.๓) วธิ ีสรา้ งสรรคโปสเตอร ครูสมุ ตวั อยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหอ อกมา
อธบิ ายเกี่ยวกับหลกั การออกแบบปกรายงานและ
๑. ศึกษาหัวข้อของภาพโปสเตอร์ท่ีก�าหนด และวิเคราะห์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ เพ่ือ ภาพประกอบ หนา ชนั้ เรยี น จากนนั้ ครถู าม
นักเรียนวา
จับประเด็นส�าคัญของเร่ืองและนา� ไปวาดภาพประกอบ เช่น โปสเตอร์ต่อต้านโรคเอดส์ โปสเตอร์ต่อต้านยาเสพติด
• เพราะเหตุใด การออกแบบปกรายงานกับ
โปสเตอร์เชิญชวนการเลกิ อบายมุข โปสเตอร์โฆษณาสนิ ค้าตา่ งๆ เปน็ ต้น ปกหนังสอื จงึ ใชหลกั การเดียวกนั
(แนวตอบ เพราะปกรายงานและปกหนงั สอื
๒. คิดคา� หรอื ข้อความประกอบภาพโปสเตอร์น้นั ๆ เพอ่ื สอ่ื สารให้ชดั เจนตามจุดประสงค์ของ เปนสวนหนา ทด่ี ึงดดู ความสนใจตอ การ
หยิบจับมาอาน ดังนนั้ หลักการออกแบบ
โปสเตอร์ โดยใชข้ ้อความสน้ั ๆ กระชับ และกระต้นุ ความคิด หนาปกรายงานจึงคลายคลึงกบั การ
ออกแบบหนาปกหนังสอื โดยใชห ลกั การ
๓. ออกแบบต�าแหน่งการจดั วางภาพตามเนื้อหา โดยอาจจดั องคป์ ระกอบของภาพเปน็ แนวตัง้ จดั องคประกอบศลิ ป เพ่อื สรางคณุ คา
ความงามดา นการจัดวางตวั อกั ษรและ
หรือแนวนอนขนึ้ อย่กู ับผูอ้ อกแบบ ทั้งน้ีต้องค�านงึ ถงึ ความเปน็ เอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดุล ภาพประกอบ)
๔. ร่างภาพตามหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ โดยมีจุดเด่นที่มีท้ังภาพประกอบ มีสัญลักษณ์
และตัวอกั ษรแสดงข้อความประกอบตัวอักษรทีเ่ ปน็ หัวขอ้ ของภาพ
๕. เตรียมสีให้พรอ้ ม ใช้สีตามความถนดั ระบายส ี ตกแต่งภาพใหด้ สู วยงาม มีสีสนั สะดุดตา
๖. เมอ่ื ระบายสเี สรจ็ และสแี หง้ แลว้ ใหใ้ ชส้ เปรยเ์ คลอื บเงาพน่ เคลอื บบนภาพบางๆ เพอ่ื ใหภ้ าพ
ดูสดใส และมคี วามทนทานมากขึ้น
๓) การออกแบบปกรายงานและภาพประกอบ ในการเรียนการสอนแต่ละวิชามักจะต้องมีการท�า
รายงานเปน็ ชน้ิ งานในการนา� เสนอเพอ่ื เปน็ หลกั ฐานของการแสดงถงึ ความรคู้ วามเขา้ ใจในการเรยี นตามรายวชิ านน้ั ๆ ขยายความเขา้ ใจ E×pand
การทา� รายงานในหลายรปู แบบมคี วามจา� เปน็ ตอ้ งใชก้ ารออกแบบ โดยใชเ้ ทคโนโลยคี อมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาชว่ ย สง่ิ สา� คญั 1. ใหนกั เรียนสรปุ หลักการออกแบบรปู ภาพ
สัญลักษณ และงานกราฟก เปนแผนผงั
ของรายงานท่ีจะทา� ใหร้ ายงานนัน้ สมบรู ณ ์ นา่ สนใจ และตรงตามจดุ มุ่งหมายของการจัดทา� นอกจากเน้อื หาภายใน ความคิด (mind mapping) ทําลงกระดาษ
รายงาน สง ครูผสู อน
เลม่ แล้ว หนา้ ปกของรายงานและภาพประกอบภายในเลม่ กม็ ีส่วนส�าคัญเชน่ กัน
2. ใหน กั เรียนทํากจิ กรรมศลิ ปปฏบิ ตั ิ 7.2
๓.๑) หลักการออกแบบปกรายงานและ กจิ กรรมท่ี 1 หนา 96 จากนนั้ นําผลงาน
สง ครผู ูสอน
ภาพประกอบ
๑. ปกรายงานเป็นส่วนหน้าของ
รายงานที่ดงึ ดูดความสนใจต่อการหยิบจบั ดังน้ัน จึงควร
เลือกใช้กระดาษ หรือวัสดุท�าปกท่ีแข็งแรงกว่าส่วนของ
เน้อื ใน
๒. การออกแบบปกรายงานควร
สื่อความหมายให้สอดคล้องกับเน้ือหาภายในเล่ม เช่น
ถ้าเป็นรายงานวิชาการ ก็ควรมีความเป็นมาตรฐาน
ดเู รยี บงา่ ยชดั เจน ใชส้ สี นั ไดบ้ า้ ง แตไ่ มจ่ �าเปน็ ตอ้ งฉดู ฉาด
และสะดุดตามากจนเกินไป อาจมีภาพประกอบของ
หนา้ ปก หรอื มเี พยี งขอ้ ความเปน็ ตวั อกั ษรอยา่ งเดยี วก็ได้ โปรแกรมทอี่ ยใู่ นคอมพวิ เตอรแ์ ละภาพประกอบในเวบ็ ไซตส์ ามารถนาํ
มาใช้สร้างสรรค์ปกรายงานให้สวยงามได้
ตามความเหมาะสม เป็นต้น
9๕
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด บเศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง
การทาํ ปกรายงานดวยการวาดภาพจากฝมอื ตนเอง มกี ารจัดวางตวั อักษร งานกราฟก เปน สอ่ื ทน่ี ยิ มอยา งมากในการประชาสมั พนั ธป ระเภทตา งๆ และเปน
และภาพตามหลกั การจดั องคป ระกอบศลิ ป นกั เรยี นคดิ วา เปน งานกราฟก หรอื ไม ส่ือท่ีไดรับความสนใจจากผูบริโภคอยางกวางขวาง ดวยมีรูปแบบท่ีสะดุดตา ดังน้ัน
แนวตอบ เปนงานกราฟก เพราะคําวา “กราฟก” มคี วามหมายรวมถงึ ผูที่จะทําการออกแบบงานกราฟกไดดี จึงตองเปนผูที่มีความคิดสรางสรรคและมี
การวาด การเขยี นตวั อกั ษร หรอื การหาภาพประกอบตางๆ มาจัดวาง ความรเู รอ่ื งการออกแบบงานกราฟก เพอื่ เปน การฝก ทกั ษะในการออกแบบงานกราฟก
เพ่อื สือ่ ความหมายในเร่อื งที่ตองการนําเสนอ ไมวา จะเปน งานตนแบบ ครใู หน กั เรียนออกแบบและสรางงานกราฟกขึ้นมาคนละ 1 ช้ิน ภายใตหัวขอ “การใช
หรอื งานผา นกระบวนการพิมพด ว ยเครือ่ งมอื หรือเครื่องพิมพใดๆ กต็ าม ชวี ติ อยา งพอเพยี ง” พรอ มทง้ั ตงั้ ชอื่ ผลงาน จากนนั้ รวบรวมผลงานทงั้ หมดจดั แสดงไว
ในมุมศิลปะภายในช้นั เรยี น
คมู่ ือครู 95
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ครูพจิ ารณาจากแผนผังความคิด (Mind ๓. หลักการจัดวางการออกแบบหน้าปกรายงานจะคล้ายคลึงกับการออกแบบปกหนังสือ
Mapping) สรุปหลักการออกแบบรูปภาพ โดยใช้หลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ เพื่อสร้างคุณค่าความงามด้านการจัดวางตัวอักษรและภาพประกอบ และ
สญั ลักษณ และงานกราฟกของนักเรียน กา� หนดตวั อักษรให้สอดคลอ้ งกลมกลนื กบั ช่ือรายงานและเนือ้ หาภายในเล่ม
๔. การสรา้ งภาพประกอบของหน้าปกรายงาน รวมท้งั ภาพประกอบภายในเล่ม สามารถท�าได้
2. ครูพจิ ารณาจากการออกแบบผลงานโดยใช หลายวธิ ี เช่น ใช้ภาพวาดจากฝีมอื ของตนเอง ภาพวาดผลงานของศิลปินไทย หรอื ของศิลปนิ ต่างประเทศ ภาพถา่ ย
คอมพวิ เตอรข องนักเรยี น โปสการ์ด ภาพท่ีถา่ ยโอนข้อมลู (Download) มาจากอินเทอร์เนต็ หรอื ภาพ Clip Art จากแผ่นซอฟตแ์ วร ์ เปน็ ต้น
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู กจิ กรรม ศลิ ป์ปฏบิ ตั ิ ๗.๒
1. ผลงานการออกแบบรปู ภาพโดยใชความรู กจิ กรรมท่ี ๑ ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม ๕ คน เลอื กออกแบบผลงานดงั ตอ่ ไปนีเ้ พยี ง ๑ ชิน้ โดยใช้
เกยี่ วกับการออกแบบรูปภาพดวยจดุ และ เครื่องคอมพิวเตอร์
การออกแบบรปู ภาพดว ยเสน
• โปสเตอรร์ ณรงค์ต่อต้านยาเสพติด
2. แผนผงั ความคิด (mind mapping) สรปุ • ปกรายงานวิชาทัศนศิลป์
หลักการออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ
และงานกราฟก กิจกรรมที่ ๒ จงตอบค�าถามต่อไปนี้
๒.๑ การออกแบบมคี วามส�าคญั อย่างไรกับสังคมปจั จบุ นั จงอธิบาย
3. ผลงานการออกแบบโดยใชค อมพวิ เตอร ๒.๒ การออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ ์ หรอื งานกราฟิก ต้องค�านงึ ถงึ หลักการอะไรบ้าง
สรปุ การออกแบบเป็นงานสรา้ งสรรคท์ ีต่ ้องใช้ความคิดและจนิ ตนาการ เพอ่ื ให้เกิดสงิ่ ทีแ่ ปลกใหม่
หรอื ปรับปรุงดัดแปลงสง่ิ ทีม่ อี ย่เู ดิมใหด้ ยี งิ่ ขึ้น ดว้ ยเทคนคิ วิธีการท่หี ลากหลาย การออกแบบท่ีดตี อ้ งนำา
ความรดู้ า้ นการจดั องคป์ ระกอบศลิ ปเ์ ขา้ มาใชใ้ นงานดว้ ย เพอื่ ใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพสมบรู ณ์ ทงั้ ดา้ นประโยชน์
ใช้สอยตามวัตถปุ ระสงคแ์ ละความงามทางศลิ ปะ
การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ และงานกราฟิก (สิ่งพิมพ์) เป็นงานศิลปะที่มีความเชื่อมโยงกัน
หรืออาจประกอบอยู่ร่วมกันในชิ้นงาน โดยหลักพ้ืนฐานทั้งหมดจะใช้หลักของการจัดองค์ประกอบศิลป์
การจัดวางทางศิลปะ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุล มาเป็นส่วนสำาคัญในการ
สร้างสรรค์ผลงาน ซ่ึงการท่ีจะก้าวสู่ความเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบ
ที่มีคุณภาพน้ัน ผู้ศึกษาจะต้องหม่ันฝึกฝนและเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง เพ่ือจะได้เกิดทักษะและ
ความชำานาญมากยงิ่ ขนึ้
9๖
แนวตอบ กจิ กรรมศิลป์ปฏิบตั ิ 7.2 กิจกรรมท่ี 2
1. การออกแบบมบี ทบาทมากในสงั คมปจจบุ ัน เพราะวิถีชีวติ มนุษยมคี วามเก่ียวขอ งกบั การสื่อสารเพ่อื การรบั รูข อ มูลตางๆ ซ่ึงการสอื่ สารดว ยสิ่งพมิ พท แ่ี สดงออก
เปน รูปภาพ สัญลกั ษณ และงานกราฟก ก็นับเปน วิธีท่แี พรหลายและเขา ถงึ ผคู นไดง าย ทงั้ น้ีการสอื่ ความหมายดังกลา วตอ งผานกระบวนการในการออกแบบ
โดยอาศยั หลกั การจัดองคป ระกอบศิลปใ หเหมาะสม
2. การออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ และงานกราฟก เปน งานศิลปะทีม่ คี วามเช่อื มโยงกนั หรืออาจประกอบอยูรว มกันในชิน้ งาน โดยใชห ลักของการจัดองคป ระกอบศิลป
การจัดวางทางศลิ ปะ ความเปนเอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดุล มาเปน สว นสาํ คญั ในการสรา งสรรคผลงาน
96 คมู่ อื ครู
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
ประเมนิ งานทศั นศลิ ป และบรรยายถึงวิธกี าร
ปรบั ปรุงงานของตนเอง และผูอน่ื โดยใชเ กณฑท ี่
กาํ หนดให
สมรรถนะของผเู รยี น
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ติ
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค
1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ รียนรู
3. มุง ม่นั ในการทาํ งาน
øหน่วยท่ี กระตนุ้ ความสนใจ Engage
หลักการประเมินงานทศั นศลิ ป์ ครูพานักเรยี นไปชมนิทรรศการแสดงผลงาน
ก ารเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะน้ัน ทศั นศลิ ปท จ่ี ัดแสดงตามสถานทใ่ี นทองถนิ่ เชน
ตวั ช้วี ัด หอศลิ ปส มเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ
ศ ๑.๑ ม.๑/๖ นอกจากให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติด้านการเขียนภาพ การปัน กรุงเทพมหานคร หอศลิ ปร มิ นาน จงั หวัดนาน
การออกแบบ หรืองานสร้างสรรค์อื่นๆ แล้ว ยังต้องได้ เปน ตน ครใู หน กั เรียนแสดงความรสู ึกหลงั จาก
■ ประเมินงานทศั นศิลป ์ และบรรยายถงึ วิธีการปรับปรงุ งาน เรียนรู้เก่ียวกับการประเมินผลงาน เพ่ือเป็นการฝึกให้ผู้เรียน การเดินชมผลงานทัศนศิลป แลวถามนกั เรยี นวา
ของตนเองและผอู้ ่ืนโดยใชเ้ กณฑ์ท่กี าํ หนดให้ สามารถแสดงความคิดเห็น และมีสมรรถนะทางการส่ือสาร
โดยสามารถวิจารณ์ผลงานที่พบเห็นได้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ • การท่ีมีผลงานทัศนศลิ ปจํานวนมาก
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ผู้เรียนได้เรียนรู้แนวคิดและวิธีการใหม่ๆ มีทักษะในการคิด หลากหลายรปู แบบมาจัดแสดงในพื้นที่
วิเคราะห์ และรู้จักปรับปรุงผลงานของตนให้เหมาะสมในทางที่ เดียวกนั นักเรียนเลือกชมผลงานจากสิง่ ใด
■ ก ารประเมินงานทศั นศลิ ป์ ถูกตอ้ งดีงามตามเกณฑ์ที่กำาหนด (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น
ไดอยา งอสิ ระ)
9๗
เกรด็ แนะครู
การเรยี นการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครคู วรอธบิ ายใหนกั เรยี นเขา ใจวา
การเรยี นรูศลิ ปะนอกจากการเรียนรเู กีย่ วกับเน้ือหาสาระควบคกู บั การฝก ปฏิบตั ิ
สรา งสรรคง านศิลปะแลว นกั เรียนควรมพี ื้นฐานความรูค วามเขา ใจเกี่ยวกับหลกั การ
ประเมินงานทัศนศิลป เพ่อื ใหน กั เรียนสามารถประเมนิ งานทัศนศิลป
และบรรยายถงึ วธิ ีการปรับปรงุ งานทั้งของตนเองและผูอื่นไดตามเกณฑท กี่ าํ หนด
เพราะการประเมินงานทศั นศิลปเ ปน ข้ันตอนสาํ คญั ทผี่ เู รยี นควรฝกปฏบิ ตั แิ ละเปน
ข้ันตอนของการสรปุ รวบยอดทางความคดิ และรูปแบบของผลงานหลงั จากทไี่ ดผ า น
กระบวนการออกแบบและสรางสรรคผลงานมาแลว
คู่มือครู 97