กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูขออาสาสมัครนักเรยี น 2-3 คน ใหออกมา ñ. ¤ÇÒÁࢌÒã¨à¡èÕÂÇ¡ºÑ ¡ÒÃÇ¨Ô Òó¼ ŧҹ·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š
วาดรปู เสน รอบนอกของวัตถุ เชน แกวนา้ํ โตะ
เกาอี้ หรือวาดภาพจากจินตนาการของตนเองกไ็ ด การวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ป์ หมายถงึ การต ิ การชม การวเิ คราะห ์ หรอื การแสดงความคดิ เหน็ บนพน้ื ฐาน
คนละ 1 ภาพ ภายในเวลาทีก่ ําหนด โดยครูกาํ หนด ของการใช้เกณฑ์ทกี่ �าหนดมาพจิ ารณาผลงานในแขนงตา่ งๆ เช่น ภาพเขียน งานปนั งานสร้างสรรคต์ ่างๆ เป็นต้น
หมายเลขผลงานเปน 1 2 และ 3 จากนั้นให การวจิ ารณเ์ พอื่ ประเมนิ งานทศั นศลิ ป ์ จะตอ้ งมหี ลกั เกณฑแ์ ละเหตผุ ล ทง้ั น ี้ เพราะการปฏบิ ตั งิ านศลิ ปะ แมจ้ ะกา� หนด
นกั เรยี นชวยกันสงั เกตวา ใหท้ า� ในสิ่งเดียวกัน แต่ผลงานท่ีได้ก็แตกตา่ งกนั ตามประสบการณ ์ ฝมี ือ และแนวคดิ ของผสู้ รา้ งสรรค์
การปฏิบัติงานศิลปะท�าให้เกิดผลงานสร้างสรรค์ด้วยรูปแบบและวิธีการต่างๆ ผลงานบางชิ้นอาจมีรูป
• ภาพท้ัง 3 ภาพมคี วามแตกตา งกนั อยา งไร แบบทแี่ ปลกไปจากธรรมชาต ิ มลี กั ษณะท่ีไมค่ ุน้ เคย หรือไม่เคยพบเหน็ ในชวี ติ ประจา� วนั ถ้าผูป้ ระเมนิ งานไม่เข้าใจ
• นักเรยี นชน่ื ชอบภาพของหมายเลขใด ก็จะวิจารณ์ไปตามความรู้สึกของตนที่มีต่อผลงานนั้น บางคร้ังก็ให้เหตุผลไม่ได้ว่าที่เป็นเช่นน้ันเพราะอะไร เช่น
ท�าไมจึงชอบ หรือไม่ชอบผลงานช้ินนี้ เป็นต้น การวิจารณ์งานศิลปะที่ดี ผู้วิจารณ์จะต้องพิจารณาอย่างมีเหตุผล
เพราะเหตุใด มีความยตุ ิธรรม ไมล่ �าเอียง การวิจารณ์ฝกใหผ้ ู้ถกู วิจารณ์เป็นผู้รบั ฟังความคิดเหน็ ของผอู้ ่ืน และฝก ความมีเหตุผล
ให้กบั ผ้ถู กู วจิ ารณ์ไปพรอ้ มๆ กัน
สา� รวจคน้ หา Explore
ใหน กั เรยี นศึกษา คน ควาเกี่ยวกับความหมาย
ของการวิจารณผลงานทัศนศลิ ปและคุณสมบัตขิ อง
ผูวิจารณผ ลงานทัศนศลิ ป จากแหลงเรยี นรูตางๆ
เชน หนังสอื เรียน หองสมดุ อินเทอรเ น็ต เปนตน
การพินิจพจิ ารณาผลงานอยา่ งละเอยี ดถี่ถ้วน จะช่วยทําใหม้ ขี อ้ มูลทส่ี ามารถนาํ มาวจิ ารณ์ผลงานทศั นศลิ ปท์ ่ีชมได้อยา่ งสร้างสรรค์
9๘
เกร็ดแนะครู บรู ณาการเช่อื มสาระ
การศึกษาเกีย่ วกับการวจิ ารณผลงานทัศนศลิ ปสามารถเช่ือมโยงกับ
ครเู นน ยาํ้ กบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั การวจิ ารณว า การวจิ ารณส งิ่ ใดกต็ ามตอ งใชค วามรู การเรยี นการสอนกลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย วิชาหลักภาษาและการใช
ความมีเหตมุ ีผล มหี ลกั เกณฑ และมคี วามรอบคอบดวย โดยปกติแลวเมอ่ื จะวจิ ารณ ภาษา เร่อื งคุณสมบัติของนักวิจารณว รรณคดี เพราะในการวิจารณผลงาน
ส่ิงใดจะตอ งผานข้ันตอนและกระบวนการของการวเิ คราะห วนิ ิจฉยั และประเมิน ไมว า จะเปนดานใด สาขาใด ผูวจิ ารณจ ะตอ งมคี วามรใู นสาขาวิชานัน้ ๆ
คุณคา ของสง่ิ ท่ีจะวิจารณใ หช ดั เจนเสียกอน แลวจงึ คอยวิจารณแสดงความคดิ เห็น อยา งกวา งขวาง ปราศจากอคติ และตอ งเปนผทู ีห่ มั่นศกึ ษาหาความรูใหมๆ
ออกมาอยา งมีเหตมุ ีผล ใหน า คดิ นาฟง และเปน คําวจิ ารณท่ีเชื่อถือได อยูเสมอ จงึ จะทาํ ใหก ารวิจารณมคี ณุ คา นาเช่ือถือ
นอกจากน้ี ครคู วรเสริมวา ในกรณที ่ีเปนการวจิ ารณโดยใชคาํ พดู การแสดงออก
ดวยกิริยาทา ทาง ทาที คาํ พดู ที่สุภาพ ดอู บอุน เปนมติ ร จะชว ยใหผูสรา งสรรค
ผลงาน ผูช มผลงานมีความรูส กึ วา ผวู จิ ารณท่ีมีใจเปนกลางชว ยชแ้ี นะขอ มลู
ใหเห็นจรงิ ๆ ไมมอี คติ
98 คมู่ ือครู
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
เสริมสาระ ครสู มุ ตวั อยางนกั เรียน 2-3 คน ใหอ อกมา
อธบิ ายความหมายของการวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ป
คณุ สมบัตขิ องผวู ิจารณผลงานทัศนศลิ ป หนา ชั้นเรยี น จากนัน้ ครูถามนกั เรยี นวา
คุณสมบัติของผู้วิจารณ์ผลงานทัศนศิลป์ที่ดีนั้นจะต้องมีพื้นฐานความรู้ในงานศิลปะแต่ละประเภทจาก • การวจิ ารณผ ลงานทัศนศลิ ปหมายถึงอะไร
การศึกษาและการพบเห็นมา หรือได้รับฟังคําวิจารณ์มามาก และต้องตระหนักอยู่อย่างหนึ่งว่า การวิจารณ์นั้นเพื่อ และการวิจารณงานศลิ ปะท่ีดีเปน อยางไร
ปรบั ปรุง แกไ้ ข และช้ีใหเ้ ห็นถึงความบกพร่องต่างๆ อย่างยตุ ิธรรม นอกจากนนั้ ยงั เป็นการเชิดชผู ลงานทัศนศิลป์ท่ดี ี (แนวตอบ การวิจารณผ ลงานทศั นศิลป
มคี ณุ ค่าอกี ดว้ ย ซึ่งคุณสมบัติของผวู้ จิ ารณ์ท่ีด ี มดี งั ตอ่ ไปน้ี หมายถงึ การตชิ ม การวเิ คราะห หรอื การ
แสดงความคิดเหน็ ตอผลงานทศั นศลิ ป
๑. ตอ้ งรหู้ ลกั การวจิ ารณต์ ามหลกั สากล 1 บนพ้ืนฐานของการใชเ กณฑท ่ีกาํ หนดมา
พิจารณาผลงานในแขนงตา งๆ เชน
๒. เป็นผู้ท่ีมีความรู้ในวิชาศิลปะอย่างกว้างขวาง มีพื้นฐานในวิชาศิลปะท่ัวไปและรู้จักผลงานประเภทใด ภาพเขยี น งานปน งานสรา งสรรคตา งๆ
ประเภทหนง่ึ เพอ่ื ทจ่ี ะไดว้ จิ ารณเ์ ฉพาะในแตล่ ะสาขา สามารถเสนอแนะและแสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื ปรบั ปรงุ ผลงานนน้ั ๆ เปน ตน การวจิ ารณง านศลิ ปะทดี่ ี ผวู จิ ารณ
ให้ดีขน้ึ ได้ จะตองพิจารณาอยา งมเี หตุผล มีความ
๓. เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ที่สามารถเชื่อมโยงวิชาความรู้อื่นๆ กับทัศนศิลป์ได้เป็นอย่างดี เพื่อจะได้ช่วย ยตุ ิธรรม ไมล าํ เอียง )
ให้ผสู้ นใจชนื่ ชมได้ตามระดับความรู้ความสามารถ
๔. เป็นผู้ที่มีความใจกว้าง ยอมรับความคิดเห็นของผู้อ่ืน แบ่งปันความคิดเห็นซ่ึงกันและกัน โดยเฉพาะ • คณุ สมบัตทิ ่ีสําคัญของผูวจิ ารณผ ลงาน
ความคดิ เหน็ จากผู้ถูกวจิ ารณ์ ทศั นศลิ ปท ี่ดีเปนอยา งไร
๕. เปน็ ผ้ทู ีม่ คี วามจริงใจ มคี วามยตุ ิธรรม ไม่มีความโนม้ เอยี งเขา้ ข้างตนเอง (แนวตอบ ผวู ิจารณผ ลงานทัศนศลิ ปที่ดี
๖. เป็นผู้ท่ีมีความซาบซ้ึงและรักในศิลปะอย่างแท้จริง สนใจต่อการเคล่ือนไหวในวงการศิลปะ ตลอดจน จะตองมพี ืน้ ฐานความรใู นงานศิลปะแตล ะ
แนวคิดใหม่ๆ ทางศิลปะ ประเภท จากการศกึ ษา จากประสบการณ
๗. เปน็ นักคดิ คน้ ควา้ สนใจในส่ิงใหมๆ่ และศกึ ษาหาความร้อู ยู่เสมอๆ ทง้ั การปฏิบตั แิ ละพบเห็นงานศลิ ปะมา
หรอื อาจไดร บั ฟงคําวิจารณม ามาก
แตทัง้ นี้ผูวิจารณที่ดีตองตระหนกั เสมอวา
การวจิ ารณน ั้นเพ่อื ปรับปรงุ แกไ ข และชีใ้ ห
เหน็ ความบกพรองตา งๆ อยางยตุ ธิ รรม
และยงั เปน การเชดิ ชูผลงานทัศนศลิ ปท ่ดี ี
และมีคุณคาดว ย)
99
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกร็ดแนะครู
การวิจารณเ พอ่ื ประเมินงานทศั นศิลป ควรคํานึงถึงเรอื่ งใดเปนสาํ คัญ ครูเนน ยํ้ากบั นักเรยี นวา การวจิ ารณงานศลิ ปะเปน การแสดงความคิดเห็น
1. หลักเกณฑแ ละแบบประเมนิ เก่ยี วกับศลิ ปะทมี่ องเห็น หรือทัศนศิลปโ ดยตรง การวจิ ารณผ ลงานทศั นศิลป
2. หลักเกณฑแ ละเหตุผล บางครงั้ สามารถชว ยใหผ ูดูรจู กั เลือกดูและเห็นบางสิง่ บางอยา งทีอ่ าจหลงตาไป
3. การวิเคราะหแ ละเหตผุ ล เพราะยังขาดความรแู ละประสบการณ สวนผูส รา งผลงานก็จะเกดิ แนวความคดิ
4. การแสดงความคดิ เหน็ กวางข้นึ สามารถนําไปปรบั ปรุงแกไขผลงานของตนเองใหเกดิ คุณคามากขึ้นได
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การวจิ ารณเ พือ่ ประเมินงานทศั นศิลปต อ ง นกั เรียนควรรู
คาํ นึงถึงการคิดวเิ คราะหผ ลงานอยางมีเหตผุ ล ท้ังน้ีการวิจารณอ ยา ง 1 มคี วามรูในวิชาศลิ ปะอยา งกวา งขวาง เปนสิ่งสําคัญและจําเปนทผ่ี วู จิ ารณ
มเี หตุผลจะทําไดก ต็ อ งอาศยั ความรู ความเขา ใจ ตามประสบการณข อง ผลงานทัศนศิลปจ ะตองมี ซ่ึงจะทําใหเกดิ ความนาเช่ือถอื ในศักยภาพทางศิลปะ
แตละบคุ คล หากขาดคณุ สมบตั ทิ ีแ่ สดงถงึ ความรอบรทู างดานศลิ ปะแลว มาเปนผวู ิจารณก อ็ าจ
จะทําใหขาดความนาเชอื่ ถอื ไป ดงั คําคมท่ีวา “นกั วจิ ารณคือคนที่ไมม ีขา แตสอน
ใหคนอื่นเขาว่งิ ”
คมู่ ือครู 99
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครนู ําภาพผลงานทศั นศลิ ปตดิ บนกระดานดํา ò. ¨´Ø »ÃÐʧ¤¢Í§¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔÅ»Š
หนา ชัน้ เรยี น จํานวน 3 ภาพ แลวใหนักเรยี นสงั เกต
ภาพผลงานทศั นศิลปท ้งั 3 ภาพ ครูถามนักเรยี นวา การประเมินงานทัศนศิลป์มจี ุดประสงค ์ ดงั น้ี
๑) การประเมินเพื่อความชื่นชม เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อผลงานศิลปะน้ันๆ โดยขั้นตอนของ
• ภาพแตล ะภาพมคี วามแตกตางกัน
ในประเด็นใดบาง การวิจารณ์จะเป็นขั้นตอนท่ีเกิดขึ้นก่อนการประเมิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการถ่ายทอดความคิดเห็นและความรู้สึก
• นกั เรียนชนื่ ชอบภาพใดมากทส่ี ดุ ใหผ้ ู้อืน่ ได้รับร้ ู หรือแลกเปลยี่ นทศั นะซง่ึ กันและกัน ช่วยใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจทดี่ ตี ่อกนั
เพราะเหตุใด ๒) การประเมนิ เพอ่ื ปรับปรงุ และพฒั นาผลงานทัศนศิลป์ เปน็ การประเมนิ ผลงานจากการพจิ ารณา
จากนนั้ ครูเชอื่ มโยงเขา สูหลักการประเมนิ และวจิ ารณง์ านในกจิ กรรมการเรยี นการสอนศลิ ปะ โดยใชเ้ กณฑห์ รอื หลกั การในการประเมนิ งาน พรอ้ มทง้ั การวจิ ารณ์
งานทัศนศลิ ป
หรือแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล เช่น ครูวิจารณ์ผลงานของนักเรียน หรือนักเรียนวิจารณ์แสดงความคิดเห็น
สา� รวจคน้ หา ผลงานของตนเองหรอื ของเพอื่ น เป็นต้น ซึง่ ถือเปน็ กระบวนการในระหว่างปฏิบัติงาน เพื่อนา� ขอ้ คิดเห็นมาปรบั ปรุง
Explore และพัฒนาผลงานใหด้ ียง่ิ ขึ้นในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานครง้ั ต่อไป 1
ใหน กั เรยี นศกึ ษา คน ควา เกย่ี วกบั จดุ ประสงคข อง ๓) การประเมนิ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจเรอ่ื งราวของผลงานทศั นศลิ ป์ การวจิ ารณเ์ พอ่ื ประเมนิ ผลเปน็ การวจิ ารณ์
การประเมินงานทศั นศลิ ป หลักเกณฑการพจิ ารณา
เพื่อประเมินผลงานทัศนศิลป และประโยชนข อง และรวบรวมขอ้ มลู ในทกุ ๆ ดา้ น ทเ่ี กยี่ วกบั ผลงานทศั นศลิ ป ์ เพอื่ นา� ขอ้ มลู มาใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจใหค้ ะแนนในการ
การประเมนิ งานทศั นศิลป จากแหลงเรยี นรูตางๆ
เชน หนงั สอื เรียน หองสมดุ อินเทอรเ น็ต เปนตน วดั และประเมินผล จงึ ต้องมหี ลักเกณฑ์และเคร่ืองมือในการประเมิน หรอื มกี ติกาที่ก�าหนดไว้อยา่ งชัดเจน
ทั้งนี้ ผู้ประเมินผลงานจะต้องพิจารณาและ
วิเคราะห์จากตัวผลงาน โดยใช้องค์ความรู้ทางศิลปะ
มาประกอบการแสดงความคดิ เหน็ ทงั้ ดา้ นรปู ทรงของงาน
และเรอื่ งราวทีถ่ ูกถา่ ยทอดออกมาจากตวั ผลงาน การฝก
ใหร้ จู้ กั วจิ ารณแ์ ละประเมนิ ผลงานทศั นศลิ ปท์ กุ ครง้ั จะชว่ ย
ใหผ้ เู้ รยี นไดร้ บั รเู้ รอื่ งราวตา่ งๆ ครอบคลมุ ทกุ ดา้ น ชว่ ยพฒั นา
สติปญั ญาและทักษะการคิดวเิ คราะห์
นอกจากน้ี การวิจารณ์เพ่ือการประเมินผล
ยงั มคี วามส�าคญั ในการตัดสนิ ผลงานการประกวด ซง่ึ การ
ประกวดผลงานทางศิลปะทั่วไป คณะกรรมการจะรว่ มกนั
คัดเลือกผลงานที่มีคุณภาพจ�านวนหนึ่ง เพื่อส่งเข้ารอบ
และร่วมกันวิจารณ์ผลงานอย่างกว้างขวาง โดยยึดตาม
หลักเกณฑ์ในการประกวดที่วางไว้ก่อนที่จะลงมติช้ีขาด
หากผลงานกลุ่มใดมีคุณภาพใกล้เคียงกัน จะต้องน�า
ผลงานกลมุ่ นน้ั มาวพิ ากษว์ จิ ารณ์โดยละเอยี ดอกี ครง้ั หนงึ่
การวจิ ารณง์ านทัศนศิลป์ ผวู้ ิจารณ์จะตอ้ งมีความร้ ู ความเขา้ ใจศิลปะ แลว้ จึงท�าการตดั สนิ
ด้านท่ีจะวิจารณ์ จึงจะทําใหก้ ารวิจารณม์ ีน้าํ หนกั นา่ เชือ่ ถือ
1๐๐
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครูควรอธบิ ายเสริมวา การไดอา น หรอื ฟงการประเมนิ หรอื วิจารณงานทัศนศิลป
สําหรับผูสรางสรรคผ ลงานเสมือนวามีกระจกสะทอนมุมมองของผูอ ่ืนออกมา จะชว ย ขอ ความในขอ ใดถือวา เปนการวจิ ารณงานศลิ ปะที่ไมถ กู ตอง
ทําใหเรามีขอมูลนําไปปรับปรุงแกไขผลงาน โดยใหนักเรียนระลึกไวเสมอวา กอนท่ี 1. ผลงานน้ีแสดงถงึ อัตชวี ประวัติบุคคล
ศลิ ปน แตล ะทา นจะเดนิ มาอยแู ถวหนา ของวงการศลิ ปะ ผลงานของทา นเปน ทยี่ อมรบั 2. ผลงานนีไ้ มม คี ณุ คา เลยแมแตน ิดเดียว
ช่ืนชมในทกุ วนั นี้นน้ั ทกุ ทานลวนผา นการขดั เกลา บมเพาะ ไดร บั คําช้ีแนะตชิ ม และ 3. ผลงานนม้ี ีการจดั องคประกอบไดอ ยางเหมาะสม
ถูกประเมิน ถกู วจิ ารณมาแลวทั้งสิน้ 4. ผลงานนีส้ ามารถกระตนุ อารมณความรสู ึกของผูชมได
นักเรยี นควรรู วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. แนวทางสรา งสรรคตวั บคุ คลและสังคม
1 การวิจารณเ พ่อื ประเมนิ ผล มไิ ดหมายความวา เปนการตดั สนิ ผลงาน ในลักษณะของการใหขอ เสนอแนะ สง เสริมใหกําลังใจ สําหรบั ตวั ผวู ิจารณ
ทัศนศิลปวาถกู หรอื ผิด เพราะในทางทศั นศิลปเปนการสรปุ การตัดสินวา ผลงาน หรอื ผูประเมนิ ผลงานศิลปะ จาํ เปนตองมีความเขาใจในเร่ืองของสนุ ทรยี ภาพ
ช้นิ นั้นมคี ุณคา มคี วามงามอยา งไร หรอื ควรปรับปรงุ แกไข โดยใชห ลักวชิ าศลิ ปะ และทศั นศิลปเฉพาะแขนงเปนอยา งดี ไมใ ชว จิ ารณด วยการตาํ หนิตเิ ตียน
ท่ปี ราศจากอคตแิ ละอารมณค วามรสู ึกสวนตวั
100 ค่มู อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ó. ËÅѡࡳ±¡ÒþԨÒóÒà¾×Íè »ÃÐàÁÔ¹¼Å§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š ใหนักเรยี นรวมกันอภิปรายเก่ียวกบั จดุ ประสงค
ของการประเมนิ ผลงานทศั นศิลปแ ละหลกั เกณฑ
ผลงานทางทัศนศลิ ปท์ กุ ช้นิ งานมีองคป์ ระกอบที่แตกต่างกัน ซ่งึ สามารถประเมินคา่ ได้ ดงั น้ี การพิจารณาเพื่อประเมนิ ผลงานทศั นศิลปต ามที่
๑) การสอื่ ความหมาย ผลงานทศั นศลิ ปจ์ ะตอ้ งมกี ารสอื่ ความหมาย หรอื สอื่ ความคดิ และขอ้ มลู ไดช้ ดั เจน ไดศึกษามา จากนนั้ ใหสรปุ ผลการอภปิ รายลงสมดุ
บันทกึ ครูถามนักเรียนวา
สอดคล้องกับหัวเรอ่ื งทกี่ �าหนด
• นกั เรียนสามารถประเมนิ คา ผลงาน
๒) ความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค พจิ ารณาการใช้ ทัศนศิลปท ่ีมอี งคป ระกอบแตกตางกัน
ไดอยา งไร จงอธิบาย
ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ในผลงานทัศนศิลป์ท่ีแสดงถึง (แนวตอบ ผลงานทัศนศิลปท ่มี อี งคป ระกอบ
แตกตางกนั แตส ามารถประเมินคา ได
ความกา้ วหนา้ ความแปลกใหม่ของลกั ษณะรูปแบบ และ ตามหลกั เกณฑพ ้ืนฐานในการพจิ ารณา
เพ่อื ประเมนิ ผลงานทัศนศิลป คือ การสื่อ
เนื้อหาสาระใหม่ที่ดีกว่าของเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็น ความหมาย ความคิดรเิ ริ่มสรา งสรรค
การแสดงออก วิธีการและเทคนคิ การจดั
ผลงานท่คี ัดลอกเลยี นแบบจากผอู้ ่ืน องคป ระกอบ และความประณีต)
๓) การแสดงออก วิธีการแสดงออกที่ช่วย
ท�าให้ผลงานมีคุณค่า และมีลักษณะเฉพาะของตนเอง
โดยไม่ลอกเลียนแบบผลงานของผู้อื่น รู้จักใช้ทักษะ การจะประเมินผลงานทัศนศิลป์ได้อย่างมีคุณภาพ จะต้องพิจารณา
ในการนา� วัสดุต่างๆมาสร้างสรรคผ์ ลงาน องค์ประกอบของผลงานใหค้ รอบคลุมทกุ ด้าน
๔) วิธีการและเทคนิค วิธีการและเทคนิค
ในการสร้างสรรคผ์ ลงานทางทัศนศลิ ป์ มคี วามเป็นอิสระ
มไี หวพรบิ ในการดดั แปลง สามารถปรบั ปรงุ แกไ้ ขผลงาน
จนไดร้ ูปแบบใหม่ๆ หรือไดเ้ ทคนิคใหม่
๕) การจดั องคป ระกอบ มหี ลกั การจดั ภาพ
ทเี่ หมาะสม สวยงาม ท้งั น ี้ ผลงานทศั นศิลปท์ ส่ี รา้ งสรรค์
ออกมาจะต้องมีองค์ประกอบท่ีมีความเป็นเอกภาพ
กลมกลืน และสมดลุ
๖) ความประณตี ความสมบรู ณข์ องผลงาน
ทัศนศิลป์นน้ั นอกจากพิจารณาในดา้ นมิติทางความงาม
และความคิดสร้างสรรค์แล้ว ในด้านความประณีตและ
ความเรียบร้อยของผลงานก็เป็นส่ิงส�าคัญที่ต้องค�านึงถึง
งานศิลปะที่ดีและสมบูรณ์แบบจะต้องแสดงออกถึง
ความสะอาด เรียบร้อย มีความประณีต เพราะเป็น
การสะท้อนให้เห็นถึงความต้ังใจ ความมุ่งมั่น ตลอดจน วิธีการและเทคนิคในการสร้างสรรค์งาน เป็นเกณฑ์ประการหน่ึง
ความมีสนุ ทรียภาพของผูส้ รา้ งงาน ทจี่ ะนาํ มาใชใ้ นการประเมินงานทัศนศิลป์
1๐1
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
คุณสมบัตขิ อ ใดไมมีความจาํ เปนสาํ หรับประเมิน หรือวจิ ารณง านทศั นศิลป ครูเพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั เทคนคิ การพจิ ารณาผลงานทัศนศิลป เพ่อื ใหผชู มเขา ใจใน
1. มคี วามรอบรใู นงานศลิ ปะ ผลงานทัศนศลิ ปเบอื้ งตน โดยเฉพาะงานจิตรกรรมและประตมิ ากรรมควรสังเกต
2. มปี ระสบการณส รางงานศลิ ปะ ดงั น้ี
3. เคยทาํ การคา เกย่ี วกับงานศิลปะ
4. มที ัศนคตทิ ่ดี ีและรักงานศลิ ปะ 1. ดกู ารด ที่ติดบนผลงาน (ถามี) เพราะบนการดจะบอกชอ่ื ผสู รางผลงาน
ช่อื ผลงาน เทคนิคผลงาน วาทําจากอะไร แบบใด อยางไร เพอ่ื ใหเ ขา ใจ
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ทกุ ขอ ท่ีกลาวมาลว นมคี วามจําเปนสาํ หรับ เนอื้ หาเร่อื งราวของผลงานเปนอนั ดบั แรก
ผทู จ่ี ะทําการประเมิน หรือวิจารณง านศลิ ปะ สว นการทําการคา เกยี่ วกับ 2. ดวู า เปน ศิลปะสาขาอะไร ทัศนศลิ ปแ ขนงใด ลักษณะใด และประเภทใด เชน
งานศลิ ปะ แมจะชวยทําใหท ราบวาสว นใหญผ ูซ ้ือผลงานศลิ ปะไปเก็บสะสม สาขาวิจติ รศลิ ป แขนงจติ รกรรม
มักจะชอบผลงานแนวไหน แตก ไ็ มใ ชคุณสมบัติท่ีจาํ เปน เน่ืองจากมผี ูรู
ศิลปน นักวิชาการ ครูอาจารยจ าํ นวนมาก สามารถจะประเมนิ และวจิ ารณ 3. ดูสิ่งที่ทาํ ใหเกดิ มิติในผลงานทัศนศลิ ป ไดแก มิตใิ นดา นรปู ภาพและรูปทรง
งานศลิ ปะไดด ี และไดแ งคดิ ทมี่ ปี ระโยชนมากมาย โดยมไิ ดทําการคาขาย 4. ดสู ว นประกอบของความงาม จุด (ถา ม)ี เสน 2 ประเภท รูปราง 3 ประเภท
เกยี่ วกับงานศิลปะแตอยางใด
(ถามี) รปู ทรง 3 ประเภท ความรสู ึกของสแี ละสีตรงขา ม แสงเงา พน้ื ผิว
จังหวะ ความกลมกลืนของเสน สี รปู ทรง และหลกั ของการจัดภาพ
5. ดูเกี่ยวกบั การจัดภาพวาเปน ลกั ษณะใด
คู่มือครู 101
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหนกั เรยี นศึกษาตัวอยางการประเมนิ ผลงาน ô. µÇÑ Í‹ҧ¡ÒûÃÐàÁ¹Ô §Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š
ทัศนศิลป ในหนงั สือเรียนหนา 102 แลว รวมกัน
แสดงความคิดเห็นวา นกั เรียนประเมินผลงาน การส่ือความหมาย
เหมอื นหรอื แตกตา งจากหนังสือเรียนอยางไร ภาพนี้มีชื่อภาพวา “สมเด็จพระเทพฯ ที่เรารัก” ผูวาดสื่อความหมายในภาพตรงตามชื่อภาพ
2. ใหน กั เรยี นแบง ออกเปน 3 กลมุ โดยใหแ ตล ะกลมุ และมีเนอ้ื หาตรงตามวตั ถปุ ระสงคทีต่ อ งการ
คัดเลอื กผลงานทศั นศลิ ป มากลุม ละ 1 ผลงาน ความคิดริเรม่ิ สรา งสรรค
จากนน้ั ติดภาพผลงานทัศนศิลปลงบน
แผน พลาสติกลูกฟกู อเนกประสงค หรือแผน ภาพน้ีไมแสดงถึงความคิดสรางสรรคมากนัก เนื่องจากมีเนื้อหาและรูปแบบที่สื่อถึงเหตุการณจริง
ฟวเจอรบ อรด แลว ประเมนิ ผลงานทศั นศลิ ป เปน ความประทับใจทเี่ กิดขน้ึ ไมใ ชภาพตามจนิ ตนาการ แตก ็สามารถใหรายละเอยี ดไดด ี
ดังกลาวโดยใชหลกั เกณฑก ารพจิ ารณาเพอื่ การแสดงออก
ประเมินผลงานทัศนศลิ ปตามท่ไี ดศกึ ษามา
ตกแตง ผลงานใหสวยงาม นาํ สงครผู ูสอน วิธีการแสดงออกท่ีทําใหผลงานมีคุณคาตามความตองการท่ีจะส่ือความหมาย โดยเนนท่ีอากัปกิริยา
ของผูคนที่มีจุดรวมความสนใจเปนหนึ่งเดียว นอกจากน้ี ยังใหเห็นพฤติกรรมของคนบางสวนท่ีเปนวิถีชีวิต
เชน คนข่คี วาย คนนั่งอยบู นบันไดบา น เด็กปนปา ยอยูบนรว้ั มีพระสงฆอยรู วมกับผคู นภายในชุมชน เปน ตน
วธิ ีการและเทคนคิ
ภาพน้ีไมแสดงวิธีการหรือเทคนิคของการใชวัสดุสรางสรรคผลงาน แตเลือกมุมมองจากท่ีคอนขางสูง
จึงเห็นภาพในมุมกวาง ซ่ึงสามารถเก็บรายละเอียดไดมาก มีการเลือกใชสีที่อยูในวรรณะสีเย็นจนเกือบเปน
สีเดยี วกัน ชว ยทําใหภาพดูเย็นตา
การจดั องคป ระกอบ
มีการจัดองคประกอบของภาพแบบกลมกลืนดวยสี รูปทรงที่เปนคนหลายๆ คนนั้นก็เกาะกลุมกันอยู
สรางความรูสึกเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยสะทอนถึงความเปนเอกภาพทางรูปทรงและเน้ือหาสาระ ภาพมี
ระยะใกล-ไกล มีสวนตางๆ ท่ีเลาเร่ืองส่ือความหมายอยูในพื้นที่เต็มภาพ เกิดความสมดุล ไมมีนํ้าหนักถวง
มากไปทางขา งใดขางหน่ึง
ความประณตี
ความประณีตของภาพจะปรากฏชัดเจนบนหลังคาบาน บันได เสา ปาย ตัวอักษรบนปายที่เก็บ
รายละเอียดไวอยางคมชัด ใบหนา รูปรางของผูคน ตลอดจนเส้ือผา มีความชัดเจน มีการระบายสีเต็มพื้นท่ี
แลดูสะอาด เรียบรอย แสดงใหเห็นวาผูสรางผลงานมีสมาธิ มีความตั้งใจ และมุงมั่น ตลอดจนมีสุนทรียภาพ
ในการสรา งสรรคผลงานทางศลิ ปะ
1๐2
เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา การวจิ ารณผ ลงานศลิ ปะมอี งคป ระกอบทสี่ มั พนั ธก นั 3 ประการ ใหน ักเรียนสรุปหลักเกณฑก ารพิจารณาเพ่ือประเมินผลงานทัศนศลิ ป
ดงั นี้ ลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน
1. ผูสรา งสรรคผลงานศิลปะ หรือศิลปนที่สรางสรรคงานศิลปะ กิจกรรมทาทาย
2. ผลงานศลิ ปะ คอื ผลงานศิลปะทีเ่ กดิ ขน้ึ จากการสรางสรรคของศิลปน
ใหน กั เรียนหาภาพงานศิลปะทตี่ นเองชนื่ ชอบมาคนละ 1 ภาพ จากนนั้
โดยผานกระบวนการของความคิดสรา งสรรคแ ละจินตนาการ ศลิ ปนสามารถ ตดิ ภาพลงบนกระดาษรายงาน แลว เขียนประเมินผลงานทัศนศลิ ป
สรางสรรคไดท้งั งานดา นวจิ ิตรศิลปและประยกุ ตศลิ ป โดยประเมนิ ตามหัวขอ ที่ครูกําหนดให ดงั น้ี
3. ผชู มผลงานศลิ ปะ คอื ผชู มทไี่ มใ ชผ สู รา งสรรคผ ลงานศลิ ปะนน้ั ๆ แตเ ปน ผรู บั รู 1. การสือ่ ความหมาย 2. ความคดิ รเิ รม่ิ สรา งสรรค
ถึงการแสดงออกของศลิ ปน ท่ีสรางสรรคผลงานศิลปะ ผูชมผลงานศลิ ปะจึงมี 3. การแสดงออก 4. วิธีการและเทคนคิ
ความสําคญั ทีท่ ําใหว งจรการแลกเปล่ียนเรยี นรูในงานศลิ ปะสมบรู ณขึ้น 5. การจัดองคป ระกอบ 6. ความประณีต
102 คูม่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
õ. »ÃÐ⪹¢ ͧ¡ÒûÃÐàÁÔ¹§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔŻРใหนักเรยี นรวมกันอภิปรายเก่ียวกับประโยชน
ของการประเมินงานทัศนศิลป โดยสรุปผลการ
การประเมินงานทัศนศิลป์ เป็นการเรียนรู้ อภิปราย ลงสมดุ บนั ทกึ จากน้นั ครถู ามนักเรียนวา
ที่ส�าคัญ เนื่องจากข้ันตอนก่อนการประเมินคุณค่าของ
ผลงาน หรอื กอ่ นการประเมนิ เพ่ือตดั สินผลงานจะตอ้ งให้ • การประเมนิ งานทศั นศลิ ปมีประโยชน
ผเู้ รยี นไดฝ้ ก การวจิ ารณผ์ ลงานกอ่ น ซง่ึ การวจิ ารณผ์ ลงาน ตอ การศึกษาวิชาศิลปะอยา งไร
ทางทัศนศิลป์เพ่ือการประเมินนั้น จะท�าให้ผู้เรียนรู้จัก (แนวตอบ เนือ่ งจากผลงานทัศนศลิ ปใน
การคิดและวิเคราะห์ผลงานอย่างมีเหตุผล ซึ่งจะท�าให้ ปจจบุ นั มรี ปู แบบทีแ่ ปลกใหม หรือเปน
เกิดความรู้ ความเข้าใจ ตามประสบการณ์ของแต่ละคน การสัมผัสรับรู้ผลงานศิลปะจากต้นแบบจริง มีส่วนช่วยให้เข้าใจ นามธรรมมากขน้ึ ซึ่งดไู ดยาก การศึกษา
ขณะเดียวกันก็มีผลงานทัศนศิลป์อีกหลากหลายประเภท รูปแบบ เนือ้ หา และเทคนคิ ในการสร้างสรรคง์ านของศิลปินได้ดขี ึ้น เกี่ยวกับการวิจารณงานทศั นศิลปจ งึ เปน
ที่สามารถน�ามาเป็นตัวอย่างในการฝกหัดวิจารณ์เพ่ือการประเมินได้ดี และง่ายต่อการท�าความเข้าใจ โดยเฉพาะ ขั้นตอนแรกทจี่ ะนาํ ไปสูความเขาใจในการ
ผลงานทศั นศลิ ป์ในปจั จบุ นั จะมรี ปู แบบทแ่ี ปลกใหม ่ หรอื เปน็ นามธรรม ซง่ึ อาจดยู ากเนอื่ งจากไม่ใชร่ ปู แบบทส่ี ามารถ ชมผลงานทัศนศลิ ปในระดบั ท่ีสงู ขน้ึ ไป)
สื่อความหมายให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ง่ายน่ันเอง ดังนั้น การได้ฝกวิจารณ์งานทัศนศิลป์ จึงเป็นขั้นตอนแรกท่ีจะน�าไปสู่
ความเข้าใจในการชมผลงานทศั นศลิ ป์ในระดบั ท่ีสูงขึ้นตอ่ ไป ขยายความเขา้ ใจ E×pand
เกรด็ ศิลป แง่คดิ ในการวจิ ารณ 1. ใหน กั เรียนรว มกันเพิ่มเตมิ หลักเกณฑก าร
การวจิ ารณ ์ เปน็ การแสดงความคดิ เหน็ ตอ่ สงิ่ หนงึ่ สงิ่ ใดตามความร ู้ ความเขา้ ใจ ประเมินงานทัศนศลิ ปนอกเหนือจากท่มี ีใน
ตลอดจนจากประสบการณ์ของผู้วิจารณ์ พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมต่อสิ่งที่ หนงั สอื เรียน พรอมอธบิ ายวธิ ีการพจิ ารณา
พบเห็น ไม่วา่ จะเป็นการชนื่ ชม หรอื กล่าวช้ีแนะต่อผลงานนัน้ ทง้ั น ี้ การวิจารณจ์ ะ ผลงานตามหลักเกณฑที่เพิ่มเตมิ ขน้ึ มา
ต้องมีเหตุผล เป็นการชว่ ยชี้แนะเพื่อปรบั ปรงุ ผลงานท่เี กดิ จากการสร้างสรรค์นั้นๆ ประกอบดว ย แลวสรุปลงสมุดบันทกึ
ใหส้ มบรู ณย์ ่งิ ขึ้นดว้ ยความสุจรติ ใจ สงครูผูส อน
ศาสตราจารย์ศิลป ์ พรี ะศรี กลา่ วว่า “การวจิ ารณท์ ถ่ี กู ต้องถ่องแท้เร่ืองศิลปะ
เปน็ สงิ่ ทย่ี ากทส่ี ดุ ถา้ จะกลา่ วโดยทวั่ ไปในการวจิ ารณ์ไมค่ วรดว่ นวนิ จิ ฉยั เมอ่ื ไดเ้ หน็ 2. ใหนกั เรียนแบงกลุม กลมุ ละ 5-6 คน
เป็นคร้งั แรก” ทาํ รายงานเกีย่ วกับการประเมนิ งานทัศนศิลป
ตามประเด็นทีค่ รกู าํ หนดให ดงั นี้
• ความหมายและจดุ ประสงคของการวจิ ารณ
ผลงานทัศนศลิ ป
• คณุ สมบตั ขิ องผูวิจารณผ ลงานทศั นศิลป
• หลกั เกณฑก ารพจิ ารณาเพื่อประเมนิ ผลงาน
ทัศนศลิ ป
• ประโยชนของการประเมนิ งานทัศนศลิ ป
ท้ังนี้ใหแตล ะกลมุ หาภาพประกอบ และ
ตกแตง รปู เลม รายงานใหส วยงาม สงครผู สู อน
1๐3
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู
การประเมินงานทัศนศลิ ปมปี ระโยชนอ ยา งไร ครแู นะนําใหน กั เรยี นศึกษาเพ่มิ เติมเก่ยี วกับศพั ททางศลิ ปะและศัพทท ีใ่ ชสําหรบั
แนวตอบ การประเมินงานทัศนศิลปม ปี ระโยชนท ัง้ ตอ ผูส รา งสรรค วิจารณง านศิลปะจากแหลงเรียนรตู างๆ เชน หนังสอื พจนานกุ รมศพั ทศ ลิ ปะ
ผลงานศิลปะ ผูช มผลงาน และตอแวดวงศลิ ปะ กลา วคอื ผูสรางสรรค ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน หรอื จากเวบ็ ไซตท างอินเทอรเ นต็ ซ่งึ รวบรวมขอ มลู เก่ยี วกบั
จะไดทราบขอ ดี จดุ ที่ควรแกไขปรับปรงุ เสมอื นมีกระจกมาชว ยสะทอน ศพั ทเ ฉพาะทางศิลปะไว เปน ตน เพ่อื ประโยชนใ นการสรางความเขา ใจและ
งานของตนวาเปนอยางไร ไดรแู นวคิด เทคนคิ วิธกี ารทจ่ี ะนาํ ไปใชใน การวิจารณงานศลิ ปะตอ ไป
การพฒั นาผลงาน ผชู มก็จะไดค วามรู ชมผลงานดวยความเขาใจ ไดเ ห็น
มมุ มองใหมๆ มโี อกาสเขา ถงึ และเกิดความซาบซึ้งในผลงานศลิ ปะได บูรณาการอาเซียน
มากข้ึน สาํ หรับแวดวงศลิ ปะจะทําใหม กี ารเคล่ือนไหว ยกระดับผลงาน
ศิลปะไดดีย่ิงๆ ข้นึ มกี ารพัฒนาข้นึ รวมทง้ั ยังชวยกระตนุ ใหผ คู นในสังคม การศกึ ษาเกี่ยวกบั หลกั การประเมนิ งานทศั นศิลปส ามารถบูรณาการอาเซยี นได
หนั มาชนื่ ชมผลงานศิลปะมากขึ้น โดยครูนําผลงานทศั นศลิ ปของศลิ ปนทม่ี ชี ่อื เสยี งในอาเซยี นมาใหนกั เรียนดู แลวฝก
ประเมินผลงานตามหลักเกณฑการประเมินงานทัศนศลิ ปท ไี่ ดศึกษามา ซง่ึ นอกจาก
นกั เรยี นจะไดฝกการประเมินผลงานทัศนศลิ ปแลว นกั เรยี นยังไดมีโอกาสศกึ ษา
ผลงานศลิ ปะของศลิ ปน ชาตติ า งๆ ในกลมุ ประเทศสมาชกิ อาเซยี นประกอบกนั ไปดว ย
ค่มู อื ครู 103
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
ครพู จิ ารณาจากรายงานการประเมนิ ผลงาน กิจกรรม ศลิ ปป์ ฏิบัติ ๘.๑
ทศั นศลิ ปข องนกั เรยี น โดยพจิ ารณาดา นความถกู ตอ ง
และความสวยงาม กจิ กรรมที่ ๑ ใ หน้ กั เรยี นหาตวั อยา่ งการวจิ ารณง์ านทศั นศลิ ป์ ๑ เรอ่ื ง ของนกั วจิ ารณท์ มี่ ชี อื่ เสยี งเปน็ ทย่ี อมรบั
แลว้ นา� มาวิเคราะห์ ประเมนิ งาน และสรปุ นา� สง่ ครผู ู้สอน โดยใหต้ วั อยา่ งแหล่งที่มาของขอ้ มลู
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ไว้ดว้ ย
รายงานการประเมินผลงานทศั นศลิ ป กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนทดลองน�าภาพของศิลปินต่างๆ มาวิจารณ์และประเมินภายในชั้นเรียน โดยอาศัย
หลกั วชิ าทางศลิ ปะท่ีได้เรยี นมา
กิจกรรมท่ี ๓ จงตอบคา� ถามต่อไปนี้
การประเมินงานทัศนศลิ ป์มคี วามสา� คญั ต่อการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทางศิลปะอยา่ งไร
สรุป การฝึกหัดวิจารณ์และประเมินผลงานทัศนศิลป์ โดยใช้หลักการสำาคัญ คือ การมี
ความคิดสร้างสรรค์ การส่ือความหมายของภาพและข้อมูล โดยอาศัยหลักการออกแบบงานทัศนศิลป์
ท่ีมีความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน ความสมดุล และเจตคติในการปฏิบัติงานเป็นแนวทางสำาคัญ
ซึ่งหลักการนี้สามารถนำาไปใช้ประเมินงานทัศนศิลป์ท้ังของตนเองและของผู้อ่ืนได้ ซ่ึงจะสามารถทำาให้
ทราบวา่ ผลงานทศั นศลิ ปน์ นั้ มสี งิ่ ใดทท่ี าำ ไดด้ แี ละมสี งิ่ ใดทคี่ วรแกไ้ ขปรบั ปรงุ บา้ ง หลกั การดงั กลา่ วจะชว่ ย
ให้สามารถพัฒนาส่ิงที่ดีให้ดีย่ิงข้ึน รวมถึงแก้ไขปรับปรุงส่ิงท่ีบกพร่องให้ดีขึ้นด้วย และเป็นการพัฒนา
ผลงานทัศนศลิ ป์ใหม้ ีคณุ ภาพดีขึ้นเรอื่ ยๆ
นอกจากน้ี ประสบการณท์ ีไ่ ด้จากการวจิ ารณแ์ ละประเมนิ งานจะเปน็ ประโยชน์อยา่ งมาก เม่ือผูเ้ รียน
ได้มีโอกาสไปชมนิทรรศการทางศิลปะที่จัดแสดงตามสถานที่ต่างๆ จะช่วยทำาให้เกิดความเข้าใจ และ
เกดิ ความรสู้ ึกชนื่ ชมในคุณค่าของผลงานศิลปะเหลา่ นนั้ มากย่งิ ข้นึ
1๐4
แนวตอบ กิจกรรมศลิ ปป์ ฏบิ ัติ 8.1 กิจกรรมท่ี 3
การประเมินงานทศั นศลิ ปมคี วามสาํ คัญอยางมากตอ การสรางสรรคผ ลงานทางศิลปะ เพราะผสู รา งสรรคงานศลิ ปะจะได
มีโอกาสแสดงแนวความคดิ ใหมๆ ของตนเอง และรับทราบแนวความคดิ ของผูอ ่ืน เพื่อนาํ ไปปรับปรุง แกไ ข พัฒนาผลงาน
ของตนเองใหด ยี งิ่ ขนึ้ เกดิ พลงั การสรา งสรรคผ ลงานศลิ ปะชน้ิ ตอ ไป จนนาํ ไปสผู ลงานทางศลิ ปะทมี่ ปี ระโยชนต อ สว นรวมมากยง่ิ ขน้ึ
104 ค่มู ือครู
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรยี นรู
1. ระบแุ ละบรรยายเกี่ยวกับลักษณะรูปแบบ
งานทัศนศลิ ปข องชาตแิ ละของทอ งถิน่ ตนเอง
จากอดตี จนถงึ ปจจบุ นั
2. ระบแุ ละเปรยี บเทียบงานทัศนศลิ ปข อง
ภาคตางๆ ในประเทศไทย
สมรรถนะของผเู รยี น
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
๙หน่วยท่ี คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ รียนรู
3. มงุ ม่นั ในการทาํ งาน
4. รักความเปนไทย
ทัศนศลิ ปข์ องชาติและท้องถ่นิ กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ตวั ช้วี ัด สังคมไทยมีพัฒนาการที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยก่อน ครใู หน ักเรยี นดูภาพวาดประเพณวี ัฒนธรรม
ศ ๑.๒ ม.๑/๑-๒ ของภาคตางๆ ในประเทศไทย แลว ใหนกั เรยี น
ประวตั ศิ าสตร์จนถงึ สมัยปัจจุบนั เห็นได้จากหลักฐานทาง ชว ยกันแสดงความคดิ เหน็ วา ภาพวาดประเพณี
■ ร ะบแุ ละบรรยายเก่ียวกบั ลักษณะรูปแบบงานทศั นศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดที ปี่ รากฏตามแหลง่ อารยธรรม ของแตล ะภาค มีความเหมือนหรือแตกตางกนั
ของชาติและของทอ้ งถิ่นตนเองจากอดตี จนถงึ ปัจจุบนั ในภูมิภาคต่างๆ ที่มีการค้นพบทรัพยากรทางวัฒนธรรม อยางไร
หรือ “ผลงานทศั นศลิ ป์” เป็นจำานวนมากทีก่ ระจายอยู่
■ ร ะบแุ ละเปรียบเทียบงานทัศนศลิ ปข์ องภาคต่างๆ ปัจจัยท่ีทำาให้งานทัศนศิลป์ของไทยมีความแตกต่างกัน (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น
ในประเทศไทย ได้แก่ สภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ ศาสนา ความเช่อื และ ไดอ ยา งอสิ ระ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา สภาพภมู ศิ าสตร
สังคมวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำาให้เกิดรูปแบบ ประวตั ิศาสตร ศาสนา ความเชื่อ ประเพณี สังคม
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ผลงานท่ีเป็นลักษณะเฉพาะของชาติและท้องถ่ินตามลำาดับ ซ่ึงเป็น และวฒั นธรรม ลว นเปน ปจ จยั ท่ที าํ ใหงานทศั นศิลป
ส่งิ ทค่ี นในท้องถิ่นและคนในชาติควรภาคภูมใิ จเปน็ อยา่ งยงิ่ ภาคตางๆ ของไทยมีความแตกตางกัน)
■ ล กั ษณะ รปู แบบงานทศั นศลิ ป์ของชาติและทอ้ งถ่นิ
■ ง านทัศนศิลปภ์ าคต่างๆ ในประเทศไทย
1๐๕
เกรด็ แนะครู
การเรยี นการสอนในหนวยการเรยี นรูน ้ี ครผู สู อนควรใหนักเรียนไดศ กึ ษางาน
ทศั นศลิ ปข องชาตแิ ละของทอ งถิ่นจากผลงานจรงิ หรอื ศึกษาจากภาพตัวอยา ง
ผลงานทศั นศลิ ปป ระเภทตา งๆ ของไทย ทง้ั จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปต ยกรรม
เพือ่ ใหนกั เรยี นไดรจู กั สังเกต เปรียบเทียบ และอธิบายลักษณะความแตกตา งของ
งานทัศนศิลปข องชาตแิ ละของทอ งถิ่นของตนไดอ ยางถกู ตองตามหลกั เกณฑ
ค่มู อื ครู 105
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครใู หนักเรียนดภู าพจติ รกรรมฝาผนงั ñ. ลกั ษณะรปู แบบงานทัศนศิลป์¢องªาµิ
เรอ่ื งรามเกียรติ์ บนระเบียงพระอโุ บสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร งานทัศนศิลป์ของชาติ หมายถึง ศิลปะที่ถูกถ่ายทอดและสร้างขึ้นโดยช่างจากราชส�านักหรือช่างหลวง
ในหนังสอื เรยี น หนา 106 แลว ใหน กั เรยี นรวมกนั
แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับลกั ษณะรูปแบบของ โดยมีรูปแบบทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปตามลักษณะของการใช้สื่อ วัสด ุ กรรมวิธี ช่วงเวลา และพฒั นาการทางศลิ ปะในแต่ละ
ผลงานดงั กลา วอยา งอิสระ
ยคุ สมยั ท่ีมลี ักษณะและรปู แบบในอุดมคต ิ ล้วนสะท้อนใหเ้ ห็นถงึ เอกลกั ษณข์ องความเป็นไทย ซึง่ สามารถวเิ คราะห์
ได้จากผลงานทัศนศลิ ปใ์ นแต่ละประเภท ดงั น้ี
๑.๑ จติ รกรรม
สา� รวจคน้ หา 1
Explore จติ รกรรม คอื การแสดงออกดว้ ยการใชส้ ี โดยทั่วไปมีลกั ษณะทางกายภาพเป็น ๒ มติ ิ การแสดงออก
ใหน ักเรยี นศึกษา คน ควาเกี่ยวกบั งานทัศนศลิ ป ของผลงานจะใช้สีหรือท�าด้วยกรรมวิธีอ่ืนๆ ให้เกิดภาพบนแผ่นวัสดุหรือบนพื้นผิวของวัสดุ อาคารสถานท่ี มิติลึก
ของชาติ ในประเด็นดานความหมายและประเภท
ของผลงานทัศนศลิ ป จากแหลงเรยี นรูตา งๆ เชน หรอื ระยะของภาพที่ปรากฏในงานจิตรกรรมมกั จะเปน็ มติ ิลวง
หนังสือเรียน หอ งสมดุ อนิ เทอรเนต็ เปน ตน
๑) ลักษณะของจิตรกรรมไทย ในสมัย
โบราณงานจิตรกรรมหรือภาพเขียนสีของไทยจะนิยม
เขียนขนึ้ เพ่อื เป็นพทุ ธบูชาตามผนงั โบสถ์ วหิ าร ศาลา-
การเปรยี ญ ในคูหาองค์พระปรางค ์ พระสถปู เจดีย ์ และ
ที่ผนังถ้�า มีจุดประสงค์เพ่ือต้องการเล่าเร่ืองพุทธประวัติ
หรอื เรือ่ งราวทางศาสนาด้วยภาพ
๒) ประเภทของจติ รกรรม
ไทย แสดงภาพดว้ ยการวาดเส้น
2
และระบายสลี งบนแผน่ ผวิ เรยี บ
จิตรกรรมฝาผนัง เรื่องรามเกียรติ์ บนระเบียงรอบพระอุโบสถ
รปู ทรงทปี่ ระกอบจากเสน้ วัดพระศรีรตั นศาสดาราม กรงุ เทพมหานคร
สีบนแผ่นผิวเรียบ ซึ่งมีเนื้อที่เพียงความกว้างและความยาว เช่น เขียนไว้บนผนัง
เรียกว่า “จิตรกรรมฝาผนัง” เขียนบนผืนผ้า เรียกว่า “พระบฏ” เขียนบนกระดาษ
ทบั ซอ้ น เรียกว่า “จติ รกรรมสมดุ ภาพ” เปน็ ต้น
๑.๒ ประตมิ ากรรม
ประติมากรรม คือ งานทัศนศิลป์ที่แสดงด้วยรูปทรงที่มีลักษณะ
ทางความงาม มีคุณสมบัติในการสะเทือนอารมณ์ หรือกระตุ้นความคิด
โดยทั่วไปเป็นภาพแบบ ๓ มิติ คือ มีความกว้าง ความยาว และ
ความหนา อาจผลิตดว้ ยวิธกี ารปนั การหลอ่ การแกะสลกั ซงึ่ รูจ้ กั กนั
ในชื่อของรูปปัน รปู หลอ่ และรปู แกะสลัก
พระพทุ ธชนิ ราช เป็นพทุ ธศลิ ป์ท่ีมีความงดงามมาก ปฏิมากรผสู้ ร้าง
ย่อมมคี วามศรัทธาในพระพทุ ธศาสนาอย่างเปยมลน้
1๐๖
นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 ลักษณะทางกายภาพ หมายถึง ลักษณะของส่งิ แวดลอมทางธรรมชาติทมี่ ีอยู
รอบตัว ไดแ ก พื้นดิน แหลงนา้ํ อากาศ ตนไม และสิ่งมชี วี ติ ตา งๆ ขอใดเปนการสรปุ ลกั ษณะผลงานทัศนศลิ ปของชาตไิ ทยไดถูกตอ งทสี่ ุด
2 จติ รกรรมฝาผนงั เปน การวาดบนฝาผนงั ของวัดหรือวงั เพอื่ ชวยทาํ ใหฝ าผนัง 1. แตละสมัยมรี ูปแบบเปน เอกลกั ษณเฉพาะ
ที่โลง วา งเปลา ดูสวยงามมีชีวติ ชีวามากขนึ้ ซ่ึงภาพท่ีนาํ มาวาดบนฝาผนงั สวนใหญ 2. ทุกสมยั มรี ูปแบบทีไ่ มแตกตางกันมาก
จะเกี่ยวขอ งกบั พุทธประวตั ิ ชาดก เหตุการณส ําคญั ทางพระพุทธศาสนา ไตรภูมิ 3. เทคนคิ และวสั ดุท่ใี ชทุกสมัยจะเหมือนกัน
รองลงมาก็จะเปน เรือ่ งราวในวรรณคดี เหตุการณส าํ คัญของบานเมอื ง 3. บางสมัยจะไมน ยิ มสรา งงานทัศนศิลป
การดําเนินชีวิตของผคู นในทองถ่ิน ลักษณะภาพทว่ี าดโดยมากกจ็ ะใชภ าพลายเสน
ลกั ษณะภาพแบน ไมเนน ภาพเหมือนจรงิ ใชส เี อกรงค มงุ สอื่ ความหมาย วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ผลงานทัศนศลิ ปข องไทยในแตละสมยั
หรือบอกเลา เรอ่ื งราวเปน หลกั
จะมคี วามแตกตา งกัน ไมว าจะเปนรปู แบบ เทคนิค วสั ดุอุปกรณท่ีใช
แนวคิด เชน สมยั สุโขทัยกับสมยั รตั นโกสนิ ทรจ ะมีความแตกตางกนั
อยางเหน็ ไดชดั ซง่ึ ความแตกตางนเ้ี อง เราไดน าํ มาใชเปน หลกั ฐาน และเปน
เกณฑในการจดั หมวดหมูและแบงแยกยคุ สมยั เพ่อื ใหเ หน็ พัฒนาการ
ของงานทัศนศลิ ปข องชาติ และเพอ่ื สะดวกแกก ารศกึ ษาทาํ ความเขา ใจ
106 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
เกร็ดศิลป 1 ใหนักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเก่ียวกับรปู แบบ
งานทัศนศิลปข องชาตติ ามทไี่ ดศ ึกษามา จากน้นั
ประตมิ ากรรมและปฏมิ ากรรม ใหนักเรยี นสรปุ ความหมายและลักษณะรูปแบบ
ค�าที่ใชเ้ รียกผลงานทศั นศิลป์ด้วยวธิ กี ารปัน การหลอ่ หรอื การแกะสลกั จนเกิด งานทัศนศลิ ปของชาติ ลงสมุดบนั ทกึ
เป็นรูปทรง ๓ มิติ มีใช้อยู่ ๒ ค�า ได้แก่ “ประติมากรรม” และ “ปฏิมากรรม” แลวถามนกั เรียนวา
ค�าทั้ง ๒ คา� มคี วามหมายและการนา� ไปใชท้ ี่ตา่ งกนั กล่าวคือ คา� แรกใช้เรยี กผลงาน
ท่ีเกย่ี วข้องกับการปนั หรือการแกะสลกั โดยท่วั ไป สว่ นคา� หลงั ใช้เรียกผลงานท่เี ป็น • งานทัศนศลิ ปของชาตหิ มายถึงงาน
พระพทุ ธรปู เทา่ นั้น ทัศนศลิ ปประเภทใดบาง จงอธบิ าย
(แนวตอบ งานทัศนศิลปของชาติ เปนงาน
๑) ลกั ษณะของประตมิ ากรรมไทย เปน็ ทศั นศลิ ปแ์ ขนงหนงึ่ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งทง้ั ทางตรงและทางออ้ มกบั งาน ศลิ ปะที่ถูกถา ยทอดและสรางขึ้นโดยชาง
จากราชสํานกั หรอื ชา งหลวง โดยรูปแบบจะ
สถาปตั ยกรรมทเี่ กยี่ วขอ้ งโดยตรง ไดแ้ ก ่ ประตมิ ากรรมทส่ี รา้ งขนึ้ เพอื่ การตกแตง่ สถาปตั ยกรรม เชน่ ลวดลายประดบั แตกตางกันไปตามลกั ษณะของการใชส อื่
วสั ดุ กรรมวิธี และพัฒนาการทางศลิ ปะใน
ต่างๆ ที่เก่ียวข้องทางอ้อม ได้แก่ ประติมากรรมท่ีมีคุณสมบัติเฉพาะท่ีมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ทั้งด้านเนื้อหา แตล ะยคุ สมยั ตลอดจนอุดมคติของ
ผูสรางสรรคผ ลงาน แตง านศิลปะทกุ ช้นิ
รูปทรง และการแสดงออก เช่น พระพุทธรูปท่ปี ระดษิ ฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ วิหาร เป็นต้น ลวนสะทอ นใหเห็นถงึ เอกลักษณข อง
๒) ประเภทของประตมิ ากรรมไทย เป็นผลงานศิลปกรรมแขนงหน่ึงที่เกิดขนึ้ จากฝมี ือ ความคดิ และ ความเปน ชาตไิ ทย ซึ่งงานทัศนศลิ ปของไทย
แบง ออกไปไดเ ปน 3 ประเภทหลักๆ คือ
ความสามารถของคนไทย สรา้ งข้ึนด้วยวตั ถุประสงคต์ า่ งๆ2 กนั เชน่ ความศรทั ธาตอ่ ศาสนา ความเช่อื ทางไสยศาสตร ์ งานจติ รกรรม งานประติมากรรม และ
ขนบธรรมเนยี ม ประเพณ ี ตลอดจนสร้างขน้ึ ตามคตนิ ยิ มของชุมช3นหรือทอ้ งถน่ิ เป็นต้น งานสถาปต ยกรรม)
ประติมากรรมแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด ตามมิติสัมผัส คือ รูปทรงนูนขึ้นจากแผ่นหลังเล็กน้อย เรียกว่า • นักเรียนช่ืนชอบหรอื สนใจงานทัศนศลิ ป
ของไทยลกั ษณะใดมากที่สดุ เพราะเหตใุ ด
“ประตมิ ากรรมนนู ต่าํ ” หากรปู ทรงนูนขนึ้ จากแผน่ หลงั มาก แต่ยังติดอยู่บนแผ่นหลงั เรยี กวา่ “ประตมิ ากรรมนนู สงู ” (แนวตอบ นกั เรียนแสดงความคดิ เหน็ ได
อยางอสิ ระ)
ชนิดสุดท้าย คือ ประติมากรรมที่ไม่ติดอยู่กับแผ่นหลัง สามารถดูประติมากรรมชนิดนี้ได้โดยรอบ เรียกว่า
“ประตมิ ากรรมแบบลอยตวั ”
๑.๓ สถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรม คอื งานทัศนศิลปก์ ารกอ่ สร้าง
ซึ่งความงามเกิดจากลักษณะรูปทรง การจัดท่ีว่างท้ัง
ภายนอกและภายในเป็นงานประเภท ๓ มิติ เช่นเดียวกบั
ประติมากรรม แต่ต่างกันตรงท่ีสถาปัตยกรรมเป็นส่ิงท่ี
สร้างข้ึนด้วยวิธีการก่อสร้าง และไม่นิยมสร้างรูปทรง
เลยี นแบบสงิ่ มชี วี ติ จดุ ประสงคใ์ นการสรา้ งเพอ่ื การใชส้ อย
เป็นหลัก สถาปัตยกรรมท่ีถึงพร้อมด้วยคุณลักษณะทาง 4
ทัศนศิลป์จะเป็นงานศิลปะแท้ท่ีสร้างความประทับใจแก่
ผู้ชมได้ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระที่น่ังจักรี- พระท่ีน่ังจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง จัดเป็น
มหาปราสาท เป็นตน้ สถาปัตยกรรมที่รับอิทธิพลของศิลปะตะวันตก ที่เข้ามาในสมัย
รัชกาลที่ ๕
1๐๗
ขอสอบ O-NET นักเรียนควรรู
ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกับลกั ษณะเดนของจติ รกรรมไทย 1 ปฏิมากรรม หมายถึง รูปเปรยี บเทียบหรอื รูปแทนองคพระพุทธเจาหรือ
ขอใดไมใชลกั ษณะเดน ของจติ รกรรมไทย พระพุทธรูป เรียกวา พระพุทธปฏมิ า หรือพระพทุ ธปฏิมากร เชน พระพทุ ธมหา-
1. เปนภาพเขียนแบบสองมิติ มณีรตั นปฏิมากร เปน ตน
2. แสดงความรสู กึ ของภาพดว ยเสน และทา ทาง 2 คตนิ ยิ ม คือ แบบอยา งความคดิ เหน็ ความเชือ่ หรือวิธีการคิดเปนลักษณะ
3. แสดงความแตกตางระหวางบุคคลดวยสี กลมุ ชน เชน คตินยิ มของกลมุ อาชีพ คตนิ ิยมทางศาสนา คตินิยมทางการเมือง
4. แสดงจุดสนใจโดยคาํ นงึ ถึงสัดสวน 3 มติ ิสัมผัส สิง่ ทบี่ อกคณุ สมบตั ขิ องวัตถุ ในเรอ่ื งความกวา ง ความยาว และ
ความสูง
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. จิตรกรรมไทยมีลกั ษณะเดน คือ 4 พระทีน่ งั่ จักรมี หาปราสาท รูปแบบของสถาปตยกรรมจะผสมผสาน
ระหวา งศิลปะไทยกบั ศลิ ปะตะวันตก โดยตวั อาคารจะสรางแบบตะวนั ตก
เปน ภาพเขยี นแบบสองมติ ิ แสดงความรสู กึ ของภาพดว ยเสน และทา ทาง แตบรเิ วณหลงั คาจะมีการประดบั ยอดมณฑปไวเบอื้ งบนตามแบบศิลปะไทย
แสดงความแตกตางระหวางบุคคลดว ยสี แสดงจดุ สนใจโดยไมค ํานงึ ถึง จึงมผี เู ปรยี บเทียบพระทีน่ ่ังองคน้วี า เปรียบเสมือน “ฝรัง่ สวมชฎา”
สดั สวน ดังนัน้ ขอ 4. จึงไมใชล กั ษณะเดน ของจิตรกรรมไทย
คมู่ ือครู 107
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพสมยั กอ นประวตั ิศาสตร ๑) ลักษณะของสถาปัตยกรรมไทย ไทยเป็นชาติท่ีมีวัฒนธรรมในการสร้างอาคารท่ีเป็นเอกลักษณ์
และสมยั ประวตั ศิ าสตรของทองถ่ินในภมู ิภาคตางๆ
ของประเทศไทย เชน ภาพเขียนสเี ลา เรือ่ งขบวน เฉพาะมาแต่โบราณ ดังจะเหน็ ไดจ้ ากสิ่งกอ่ สรา้ งต่างๆ เชน่ ปราสาท สถปู เจดีย์ พระปรางค ์ โบสถ์ วิหาร บา้ นเรอื น
แหผ ะเหวดทส่ี มิ วัดสนวนวารีพฒั นาราม จงั หวดั เปน็ ตน้ ซง่ึ อทิ ธพิ ลทที่ า� ใหเ้ กดิ ลกั ษณะเฉพาะทางสถาปตั ยกรรมไทยนน้ั ไดแ้ ก ่ อทิ ธพิ ลทางดา้ นศาสนาและวฒั นธรรม
ขอนแกน ภาพบา นเรือนของคนไทยภาคตา งๆ ตลอดจนอิทธพิ ลทางดา้ นสภาพดินฟาอากาศ และวสั ดุท่ีใชใ้ นการก่อสร้าง นอกจากน ี้ จะเหน็ ไดว้ ่าลักษณะรปู แบบ
เปนตน แลวใหนักเรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ ของสถาปัตยกรรมไทยประเภททไี่ ด้รบั อทิ ธิพลศาสนา และวฒั นธรรม เชน่ สถูป เจดยี ์ พระปรางค ์ เปน็ ต้น รูปแบบ
เกยี่ วกับลกั ษณะรูปแบบงานทัศนศิลปท องถิ่น จะมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าสถาปัตยกรรมที่สร้างให้สอดคล้องกับสภาพดินฟาอากาศ เช่น อาคาร บ้านเรือน
เปน็ ต้น ทั้งน้ ี เนอื่ งจากอิทธพิ ลทางศาสนาและวัฒนธรรม ประเทศไทยได้รบั อทิ ธิพลจากหลายแหลง่ จงึ ทา� ให้รปู แบบ
สา� รวจคน้ หา Explore สถาปตั ยกรรมทางศาสนา มีลักษณะหลากหลายตามแหล่งท่มี าดว้ ย
ใหนกั เรียนศกึ ษา คนควา เก่ยี วกับความหมาย ๒) ประเภทของสถาปตั ยกรรมไทย สามารถจา� แนกไดเ้ ปน็ ๒ ประเภท ตามลกั ษณะการใชพ้ น้ื ท ี่ ไดแ้ ก ่
และลกั ษณะรปู แบบงานทัศนศิลปทองถ่นิ จาก
แหลงเรียนรูต างๆ เชน หนังสอื เรยี น หอ งสมดุ • สถาปตั ยกรรมแบบเปิด ซึง่ หมายถงึ ส่งิ ก่อสร้างท่ใี ช้ประโยชน์จากพื้นทภ่ี ายใน สามารถเขา้ ไปอยู่
อินเทอรเนต็ เปน ตน อาศัยในตวั อาคารน้นั ๆ ได้ เชน่ โบสถ ์ วิหาร บา้ นเรอื น เปน็ ตน้
• สถาปัตยกรรมแบบปิด เป็นส่ิงก่อสร้างท่ีไม่ได้เว้นท่ีว่างภายในตัวอาคารส�าหรับเข้าไปอยู่อาศัย
สว่ นใหญ่จะมีรูปทรงเปน็ แท่ง เป็นกอ้ นทึบตนั เช่น เจดยี ์ พระปรางค ์ อนสุ าวรีย์ เป็นต้น
๒. ลกั ษณะรูปแบบงา1นทศั นศิลปท์ อ้ งถิ่น
งานทัศนศิลป์ท้องถ่ิน หมายถึง ศิลปกรรมในสาขาภูมิปัญญาไทยทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม
และสถาปัตยกรรม ที่เป็นผลงานสร้างสรรค์ของท้องถิ่นท่ีเกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน ได้คิดประดิษฐ์ข้ึนมาเป็น
เอกลักษณข์ องตนเอง ซง่ึ สามารถวิเคราะห์ได้จากผลงานทศั นศิลป์ในแตล่ ะประเภทได้ ดังนี้
๒.๑ จิตรกรรมท้องถน่ิ
จิตรกรรมท้องถิ่น คือ ผลงาน
การวาดภาพ ระบายสลี งบนพ้นื ที่ต่างๆ ตาม
ความรู้สึกนึกคิดของชาวบ้าน ท่ีมีลักษณะ
เรยี บงา่ ย ไมแ่ สดงรายละเอยี ด แตแ่ สดงออก
ถงึ ความทรงจา� ตลอดจนแรงบันดาลใจจาก
สงิ่ ทเ่ี คยพบเหน็ ในธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม
ผ่านทางภาพวาดจิตรกรรมในลักษณะต่างๆ
เช่น จิตรกรรมฝาผนัง จิตรกรรมประกอบ
เคร่ืองใช้ จติ รกรรมประเภทเคร่ืองเลน่ ต่างๆ
และจิตรกรรมที่เกิดจากความศรัทธาทาง
ศาสนา เป็นตน้ ภาพเขียนส ี (ฮูปแตม้ ) เล่าเรอื่ งราวขบวนแหผ่ ะเหวด แทรกอยใู่ นชาดกเรอ่ื งเวสสนั ดร
ท่ีสิมวัดสนวนวารพี ัฒนาราม จังหวดั ขอนแก่น
1๐๘
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครอู าจอธิบายเสรมิ วา ทศั นคตคิ วามงามของผคู นในแตละทองถ่นิ รวมถงึ ผูค น
ในทองถ่นิ เดียวกนั แตตางยุคสมยั กัน ทัศนคติเก่ียวกบั ความงามกอ็ าจจะตางกัน ขอ ใดไมใ ชลักษณะของการสรา งสรรคงานทัศนศิลปทองถ่นิ
ดงั น้นั เราจึงไมค วรสรปุ วา ผลงานของทองถนิ่ ใดงามกวา ทองถ่นิ ใด แตค วรศกึ ษาวา 1. ใชวัสดทุ ี่หาไดง า ยในทองถนิ่
ผลงานของแตล ะทองถนิ่ เปน แบบใด หรอื มลี กั ษณะเดนอยา งไร 2. รูปแบบทาํ ตามทนี่ ยิ มในทองถ่นิ
3. สวนใหญเ กยี่ วขอ งกับศาสนา
นักเรยี นควรรู 4. มักใชชางหลวงในการจัดสราง
1 งานทศั นศิลปทองถิน่ ปจจยั สาํ คัญทมี่ ผี ลตอลักษณะรปู แบบของ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. งานทศั นศลิ ปทองถิน่ ในการจัดสรา งจะใช
ทัศนศลิ ปทองถน่ิ กค็ ือ สภาพแวดลอ มทางธรรมชาติ ขนบธรรมเนยี มประเพณี
วัฒนธรรม วถิ กี ารดํารงชวี ติ ของผูคน ศาสนา ลัทธคิ วามเชอื่ อิทธิพลจากภายนอก ชา งทองถ่นิ ทง้ั น้เี พื่อตองการถายทอดรปู แบบ วิธีการ เทคนคิ ทีท่ อ งถิ่นนนั้
ยึดถือเปน แบบปฏบิ ตั ิเอาไว และเพ่ือใหเ ปนเอกลกั ษณข องทอ งถน่ิ สาํ หรับ
ชา งหลวงจะใชส รา งงานทศั นศิลปส าํ หรบั ราชธานีหรือราชสํานัก ซงึ่ จะมี
ความประณีตและรปู แบบในการสรางสรรคผ ลงานจะเปนอกี แบบหน่ึง
108 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๒.๒ ประตมิ ากรรมท้องถ่นิ 1. ใหนักเรยี นรว มกนั อภปิ รายเกีย่ วกบั รูปแบบ
งานทัศนศลิ ปทอ งถิ่นตามที่ไดศึกษามา
ประตมิ ากรรมท้องถ่นิ คอื ผลงานท่เี กิดจากการปัน การแกะสลกั การหลอ่ โดยครใู หนักเรียนสรุปความหมายและลกั ษณะ
การกลึง การดุน การทุบตี การเคาะ ซึง่ ผลงานจากการสรา้ งสรรค์ในแตล่ ะท้องถ่นิ รปู แบบงานทศั นศลิ ปข องทอ งถนิ่ ลงสมดุ บนั ทกึ
จะมคี วามแตกตา่ งกนั ดว้ ยกรรมวธิ ใี นการผลติ ซง่ึ การผลติ ผลงานสว่ นใหญจ่ ะมงุ่ ผลติ จากน้นั ครูถามนกั เรียนวา
เพอ่ื ประโยชนใ์ นการใชส้ อยเปน็ สา� คญั การจา� แนกลกั ษณะของประตมิ ากรรมทอ้ งถนิ่ • งานทศั นศลิ ปข องทอ งถนิ่ มีลกั ษณะเดน
สามารถจ�าแนกได้ตามประเภทของวตั ถแุ ละวิธกี ารสรา้ งสรรค์ ไดแ้ ก ่ งานแกะสลัก อยางไร
งานปัน งานกระดาษ และงานโลหะ หรือจ�าแนกตามประเภทของการใชส้ อย ไดแ้ ก ่ (แนวตอบ งานทศั นศลิ ปทองถิ่น เปน ผลงาน
ผลงานที่ใช้ประดับบ้านเรือน ผลงานที่ใช้ประกอบในเร่ืองความเช่ือและพิธีกรรม สรางสรรคของทองถ่ินทเ่ี กดิ จากภมู ิปญญา
ตา่ งๆ ผลงานท่ีใชป้ ระกอบการละเลน่ รวมถึงเครอื่ งประดับต่างๆ ของชาวบา นที่ไดค ิดประดิษฐขน้ึ มา เปน
เอกลักษณข องตนเอง ทง้ั งานจิตรกรรม
พระพุทธรูปแบบท้องถิ่น สมัยทวารวดี พบที่เมืองศรีมโหสถ ทองถน่ิ ประตมิ ากรรมทองถ่นิ และ
จงั หวัดปราจนี บรุ ี สถาปตยกรรมทองถิ่น )
๒.๓ สถาปตั ยกรรมทอ้ งถนิ่ 2. ใหนกั เรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 5-6 คน
ใหแ ตละกลมุ ยกตวั อยางงานทัศนศิลป
สถาปัตยกรรมท้องถ่ิน คือ ส่ิงปลูกสร้าง ในทอ งถิ่นของตนเองมา 1 ผลงาน แลว เขียน
บรรยายถึงประวตั ิความเปน มา ลกั ษณะ
ประเภทอาคารบ้านเรือนท่ีมีลักษณะและรูปแบบตาม รปู แบบของผลงาน และความงาม มาพอสงั เขป
พรอ มหาภาพประกอบ โดยทาํ ลงกระดาษ
ความนิยมในท้องถ่ินมีลักษณะเฉพาะตัวในแต่ละภูมิภาค รายงาน สงครผู สู อน
โดยมีความสอดคล้องกับประเพณีและวัฒนธรรมของ
กลมุ่ คนเหลา่ นนั้ ซง่ึ สามารถจา� แนกรปู แบบสถาปตั ยกรรม
ท้องถ่ินได้ ๒ รูปแบบ คือ สถาปัตยกรรมทางศาสนา
และสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย เช่น
บา้ นเรอื นในทอ้ งถน่ิ ประเภทเครอื่ งผกู ทใ่ี ชว้ สั ดไุ มค่ งทนใน
การสรา้ ง มวี ธิ ใี นการปลกู สรา้ งงา่ ยๆ โดยการนา� วสั ดตุ า่ งๆ สมิ วดั ปา แสงอรุณ อาํ เภอเมือง จังหวัดขอนแกน่ ภายในมคี วามวิจิตร
งดงามของภาพเขียนลายผ้าไหมมัดหมี่ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็น
มาผูกยึดเข้าด้วยกัน ประเภทเครื่องสับท่ีใช้วัสดุคงทน
โดยนา� มาประกอบกนั ด้วยวิธีการเขา้ ไม้ เป็นตน้ เอกลกั ษณข์ องทอ้ งถิ่น
กจิ กรรม ศิลปป์ ฏบิ ัติ ๙.๑
กจิ กรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนแต่ละคนหาภาพผลงานทัศนศิลป์ทางด้านจิตรกรรมไทย ประติมากรรมไทย และ
สถาปัตยกรรมไทยมาประเภทละ ๑ ภาพ พร้อมทั้งเขียนค�าอธิบายใต้ภาพด้วยว่า ผลงาน
ดงั กลา่ วเป็นงานทัศนศลิ ป์แบบใด และมีความนา่ สนใจอยา่ งไร
กจิ กรรมท่ี ๒ ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม ๕ คน ไปท�าการสา� รวจผลงานทศั นศลิ ปท์ สี่ า� คัญในทอ้ งถนิ่ มา ๓ ผลงาน
โดยให้บอกประวตั คิ วามเป็นมา ลักษณะของผลงาน ความงาม ความโดดเดน่ พร้อมถ่ายภาพ
ประกอบแล้วจดั ทา� เปน็ รายงานส่งครูผสู้ อน
1๐9
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ บรู ณาการอาเซยี น
การศกึ ษาผลงานทัศนศิลปของทองถนิ่ มีความสาํ คญั อยางไร ครใู หน กั เรยี นรวมกนั หาภาพผลงานทศั นศิลปป ระเภทจติ รกรรม ประตมิ ากรรม
แนวตอบ จะชว ยทาํ ใหเ รามีความรูความเขา ใจเก่ียวกับลกั ษณะงาน สถาปต ยกรรม ทีเ่ ปน เอกลกั ษณหรือสะทอนลักษณะเดน ทางศลิ ปะของประเทศ
ทศั นศลิ ปที่เปน ของทอ งถ่ิน สามารถนําความรูไปใชใ นการอธบิ ายรูปแบบ สมาชกิ อาเซียนในแตล ะประเทศ โดยนาํ ภาพและขอ มลู มาอภิปรายรว มกัน จากนั้น
งานทัศนศลิ ปของทองถ่นิ ตนเองได รวมท้งั เปรยี บเทียบงานทัศนศิลป ใหทาํ การเปรียบเทยี บความแตกตา งและอัตลกั ษณข องแตละประเทศ ตัวอยางเชน
ของทองถิ่น หรือในแตล ะภูมิภาคอยางสังเขปได ขณะเดียวกันก็จะชว ยทาํ ให ผลงานศิลปะของไทย ลาว เมียนมา แมจ ะมรี ากฐานมาจากพระพทุ ธศาสนา
เรามีความรอบรูและภาคภูมใิ จในทองถ่นิ ของตนเองมากขึ้น เหมอื นกัน แตกจ็ ะมีรูปแบบทแ่ี ตกตางกนั เมอ่ื เห็นแลวสามารถจะระบไุ ดทันทีวา
เปน ของประเทศใด
บูรณาการเชือ่ มสาระ
การศกึ ษาเกี่ยวกบั รปู แบบงานทัศนศลิ ปของชาตสิ ามารถบรู ณาการ
กับกลมุ สาระการเรียนรสู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม วิชาประวัตศิ าสตร
ทีเ่ นน เน้ือหาเก่ียวกับประวตั ศิ าสตรไ ทย ศลิ ปวัฒนธรรมไทยในแตล ะยุคสมัย
คมู่ อื ครู 109
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครูใหน กั เรยี นดภู าพจิตรกรรมฝาผนังแบบไทย ó. §Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Šã¹áµ‹ÅÐÀÙÁÀÔ Ò¤
แนวประเพณี ซ่ึงเปน จติ รกรรมฝาผนังท่ีวัดภูมินทร
จงั หวดั นาน ในหนังสอื เรยี น หนา 110 หรือภาพ ประเทศไทยในแต่ละภูมิภาคมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ ประวัติความเป็นมา และลักษณะทางสังคม
อื่นๆ ทเี่ ปน จิตรกรรมทองถน่ิ ภาคเหนือ จากน้นั ให วัฒนธรรมท่ีแตกต่างกัน ปัจจัยดังกล่าวล้วนมีผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเพ่ือ
นักเรียนชว ยกันหาจุดเดนในภาพท่แี สดงถึง ประโยชน์ใช้สอย หรือตอบสนองความเชื่อทางศาสนา และความพงึ พอใจของตนกต็ าม ซ่ึงงานทัศนศลิ ปภ์ าคต่างๆ
ความเปน ภาพจิตรกรรมทองถิ่นภาคเหนือ เชน ของไทย มีดงั น้ี
การแตง กาย ประเพณี วฒั นธรรม การประกอบอาชพี
เปน ตน ๓.๑ ภาคเหนอื
ทัศนศิลป์ในภาคเ1หนือ หรือทัศนศิลป์ในสมัยเชียงแสน หรือล้านนา มีศูนย์กลางของอาณาจักรอยู่ทาง
สา� รวจคน้ หา Explore
ภาคเหนือของประเทศไทย อยู่ในช่วงเวลาระหว่างพุทธศตวรรษท่ี ๑๘-๒๓ นับเป็นยุคสมัยของศิลปะไทยอย่าง
ใหน กั เรียนแบงกลมุ ออกเปน 4 กลมุ ใหแตละ แท้จริง ซึ่งปรากฏหลักฐานซากเมืองโบราณอยู่ริมฝังแม่น้�าโขงท่ีอ�าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย อ�าเภอเมือง
กลุมศึกษา คน ควาเกย่ี วกับงานทัศนศลิ ปใ นแตล ะ จงั หวัดเชียงใหม่ และในพ้ืนทีบ่ รเิ วณจังหวัดลา� พูน โดยมผี ลงานสิง่ ปลกู สรา้ งตา่ งๆ ท่ีสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความศรัทธา
ภูมภิ าค จากแหลง เรียนรตู างๆ หนังสือเรียน ในพระพุทธศาสนา ส่วนประติมากรรมท่ีพบมากจะเป็นพระพุทธรูป ซึ่งมีความร่วมสมัยกับสมัยสุโขทัยในยุคต่อมา
หองสมุด อนิ เทอรเน็ต เปน ตน ตามหวั ขอทค่ี รู นอกจากน้ี ก็มีภาพเขียนบนฝาผนังที่มีการสร้างสรรค์กันมายาวนานแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ใน
กาํ หนดให ดังน้ี ปัจจุบันมีผลงานทัศนศิลป์เป็นจ�านวนมาก ทั้งท่ีได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่าและอิทธิพลจากส่วนกลาง ซึ่งผลงาน
ทศั นศิลปท์ ส่ี �าคัญของภาคเหนอื มีดังนี้
กลมุ ที่ 1 งานทัศนศิลปภาคเหนือ
กลมุ ท่ี 2 งานทศั นศิลปภ าคกลาง ๑) จติ รกรรม เป็นผลงานท่เี กดิ ข้นึ จากการเขียนภาพระบายสีทส่ี ะทอ้ นถึงเร่ืองราวของสังคม ประเพณ ี
กลมุ ท่ี 3 งานทัศนศิลปภาคตะวันออก-
วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมในชว่ งสมัยท่ีชา่ งกา� ลงั
เฉยี งเหนอื เขียนภาพอยู่ โดยมีเรื่องราวสะท้อนถึงเหตุการณ์
กลมุ ท่ี 4 งานทศั นศลิ ปภาคใต ตา่ งๆ เชน่ การแตง่ กายของผ้คู น ประเพณวี ัฒนธรรม
การประกอบอาชีพ การใช้ชีวิตของชาวบ้านในช่วง
เวลาน้นั เปน็ ต้น
ตัวอย่างจิตรกรรมแบบล้านนาท่ีโดดเด่น
เช่น จิตรกรรมฝาผนัง วัดบวกครกหลวง จังหวัด
เชียงใหม่ วัดป่าแดด จังหวัดเชียงใหม่ วัดหนองบัว
และวดั ภูมนิ ทร ์ จังหวัดนา่ น เปน็ ต้น
๒) ประติมากรรม เป็นผลงานที่เกิดขึ้น
จากการปัน การหล่อ และการแกะสลัก ส่วนมาก
พบในบริเวณภาคเหนือตอนบน ผลงานท่ีโดดเด่น
ได้แก่ พระพุทธรูปแบบล้านนามี ๒ ลักษณะ คือ
“แบบล้านนารนุ ต้น” และ “แบบลา้ นนารนุ หลงั ”
จิตรกรรมฝาผนังแบบไทยแนวประเพณี (จากภาพ) จิตรกรรมฝาผนัง
ทีว่ ัดภมู นิ ทร ์ จังหวัดนา่ น
11๐
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 ภาคเหนอื ของประเทศไทย ประกอบดว ยพ้ืนที่ 9 จงั หวัด ไดแก เชยี งราย
เชยี งใหม แมฮ องสอน พะเยา ลําพูน ลําปาง แพร นาน และอตุ รดติ ถ ลักษณะ สวนใดของภาพทที่ ําใหผูชมสามารถจะ
ภูมปิ ระเทศเปนภเู ขาสลบั ซับซอนตอเนือ่ งกนั เปน ทวิ เขาแนวยาว ระหวา งทวิ เขา ประเมินไดวา ภาพน้ีเปนผลงานจติ รกรรมทองถนิ่
จะมีหุบเขา แอง ทีร่ าบท่ีเปน ที่ต้ังของชมุ ชน มีแมน ้าํ หลายสาย แมนา้ํ สาํ คญั เชน ภาคเหนือ
แมนํา้ ปง แมนํา้ นา น แมน้าํ ยม เปน ตน สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปรอ นแหงแลง
ในฤดรู อ น ฤดูฝนมฝี นตกชกุ และหนาวเย็นในชว งฤดูหนาว อุณหภมู เิ ฉลี่ยประมาณ 1. ลกั ษณะอาคารบานเรอื น
26.5 องศาเซสเซยี ส ซ่งึ สภาพแวดลอมทางธรรมชาตเิ หลา นเ้ี ปนอทิ ธิพลสาํ คญั 2. การแตงกายของผูค น
อยางหน่ึงตอการสรางสรรคงานทัศนศิลป 3. การจดั องคป ระกอบของภาพ
4. การใชส เี อกรงคเ ปนหลัก
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ภาพน้ีนาํ เสนอเรื่องราวท่ีเปนวถิ ีการดาํ รง
ชีวติ ของผคู น ลักษณะเดน ทด่ี แู ลวสะดดุ ตา ทาํ ใหส ามารถจะประเมนิ ไดว า
เปนเรอื่ งราวของผูคนในทอ งถ่ินภาคเหนือ ก็คือ รูปแบบของเคร่อื งแตงกาย
ทรงผม ใบหนา ของผคู น ท่ีเปน อัตลักษณท ่แี ตกตางจากทองถิ่นภาคอน่ื
110 ค่มู อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ประตมิ ากรรมแบบลา้ นนารนุ่ ตน้ จะมพี ทุ ธลกั ษณะทส่ี า� คญั คอื พระพทุ ธรปู ประทบั ใหน ักเรียนกลุมท่ี 1 สง ตัวแทน 2-3 คน ออก
มาอธบิ ายเกยี่ วกับงานทัศนศิลปภาคเหนอื ตามท่ี
ปางขดั สมาธเิ พชร และพระหตั ถแ์ สดงปางมารวชิ ยั มชี ายสงั ฆาฏทิ ส่ี น้ั อยเู่ หนอื พระถนั ไดศกึ ษามาหนาช้นั เรยี น พรอ มทัง้ ยกตวั อยา งงาน
ทัศนศลิ ปทสี่ ําคัญของภาคเหนอื มาประกอบการ
และท่ีปลายสังฆาฏิจบี เป็นรวิ้ พระอรุ ะมขี นาดค่อนขา้ งอ้วนกลม ท่พี ระเกตุมาลาเปน็ อธบิ ายความรู โดยครใู หนกั เรยี นสรุปสาระสาํ คญั
เก่ยี วกับงานทัศนศลิ ปภาคเหนอื ลงสมุดบันทึก
ทรงดอกบัวตูม ส่วนประติมากรรมล้านนารุ่นหลังจะคาบเก่ียวกับสมัยสุโขทัย จะมี จากนัน้ ครถู ามนกั เรียนวา
พุทธลักษณะท่ีส�าคัญ คือ มีพระวรกายสะโอดสะอง พระพักตร์กลมรีเป็นรูปไข ่ • ผลงานทัศนศิลปภ าคเหนอื สว นใหญส ะทอ น
ใหเ หน็ ถงึ ส่ิงใด
ชายสงั ฆาฏยิ าวลงมาจรดพระนาภี มีปลายตดั เป็นรอยเขย้ี วตะขาบ และประทบั (แนวตอบ ผลงานทศั นศลิ ปภ าคเหนือ ทงั้ งาน
จิตรกรรม ประตมิ ากรรม และสถาปตยกรรม
ปางขัดสมาธิราบเป็นส�าคัญ เช่นเดียวกับพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัย โดยสว นใหญส ะทอ นถงึ เร่ืองราวประเพณี
ความเช่ือ และวฒั นธรรมในทอ งถิน่ ลา นนา
ซึ่งสมัยสโุ ขทัยยุคแรกได้รับอิทธพิ ลจากลงั กา แตก่ ็ไดแ้ สดงความงดงามตาม นอกจากน้ี ยงั มีผลงานทศั นศลิ ปอ ีกเปน
จาํ นวนมากที่ไดร บั อทิ ธิพลจากศลิ ปะพกุ าม)
อดุ มคตแิ บบไทยใหป้ รากฏไวอ้ ยา่ งชดั เจน แบบมอี ดุ มคตสิ งู สดุ (Classic Art)
แบบอย่างของประติมากรรมที่เห็นได้ชัด คือ พระพุทธชินราช ท่ีวัดพระ-
ศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จงั หวดั พษิ ณโุ ลก
๓) สถาปัตยกรรม เป็นสิ่งก่อสร้างท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เห็นได้จากโบสถ์ วิหาร ที่สะท้อนถึงความโดดเด่นของทัศนศิลป์ประเภทน้ี
มกั นิยมสรา้ งเปน็ วิหารขนาดใหญ่ มีเสาเรยี งรายภายใน และมหี ลังคาซอ้ น
สามช้นั เปน็ สว่ นมาก
ตัวอย่างสถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่โดดเด่น ได้แก่ โบสถ์
วดั พระสงิ หว์ รวหิ าร จงั หวดั เชยี งใหม ่ ซงึ่ เปน็ โบสถโ์ บราณกอ่ ดว้ ยอฐิ ผสมไม้
“พระอัฏฐารส” เป็นพระพุทธรูปยืนปาง และวหิ ารโบราณ ไดแ้ ก ่ วหิ ารลายคา� วดั พระสงิ หว์ รวหิ าร ภายในประดษิ ฐาน
ห้ามญาติ ประดิษฐานอยู่บริเวณเนินวิหาร
เก้าห้อง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระพุทธสิหิงค์ วิหารน้�าแต้ม วัดพระธาตุล�าปางหลวง อ�าเภอเกาะคา
จงั หวัดพษิ ณโุ ลก
จังหวัดล�าปาง นอกจากน้ี ยังมีเจดีย์รูปทรงต่างๆ อีกมาก เช่น เจดีย์
ทรงเหล่ียม เจดีย์ทรงกลมหรือทรงระฆังคว�่า เป็นต้น ในระยะแรกการสร้างสถาปัตยกรรมจะได้ รับอิทธิพลจาก
ประเทศเพื่อนบ้าน ต่อมาได้มีการพัฒนารูปแบบท่ีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะล้านนามากข้ึน
เช่น เจดีย์วัดสวนดอก เจดีย์วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่ เจดีย์วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัด1ล�าพูน
เปน็ ตน้ สว่ นสถาปตั ยกรรมแบบสโุ ขทยั ทมี่ ลี กั ษณะเดน่ เปน็ เอกลกั ษณค์ อื “เจดยี ท์ รงพมุ ขา้ วบณิ ฑ”์
นอกจากน้ี ส่ิงปลูกสร้างแบบล้านนายังมีกลุ่มเรือนท้องถิ่นในเขตจังหวัดทาง
ภาคเหนอื ตอนบน ไดแ้ ก ่ จงั หวัดลา� พนู ล�าปาง แพร ่ นา่ น เชียงราย เชยี งใหม ่ และ 2
แมฮ่ อ่ งสอน ตามแบบวฒั นธรรมดง้ั เดมิ คอื การปลกู เรอื นเครอ่ื งผกู การสรา้ ง “รา้ นนา้ํ ”
ไวท้ ่หี ัวบนั ได ส�าหรบั ต้อนรบั แขก หรือคนทีส่ ัญจรผ่านไปมา วัสดุท่ใี ชท้ �าฝาบ้านจะใช้
ฝาขดั แตะจากไมไ้ ผ ่ หลงั คามงุ ดว้ ยใบตองตงึ สว่ นเรอื นเครอื่ งสบั แบบลา้ นนาจะเปน็
เรอื นชนดิ ที่มจี ว่ั สูงทางด้านหน้า ส่วนบนของจว่ั มีไม้ท่ีแกะสลกั เปน็ ลวดลาย
ต่างๆ ไขว้กันแบบเรียบงา่ ยเรียกว่า “เรอื นกาแล”
เจดีย์วัดเชียงม่ัน จังหวัดเชียงใหม่ สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจาก
ศลิ ปะพกุ าม
แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด นักเรยี นควรรู
จากภาพนกั เรยี นคดิ วาเปนพระพุทธรปู สัมฤทธิ์ 1 เจดียทรงพุม ขา วบณิ ฑ หรอื เจดยี ทรงดอกบวั ตมู เปนศลิ ปะที่เปนเอกลกั ษณ
ที่ไดร ับอิทธพิ ลจากศิลปะรูปแบบใด เฉพาะของสุโขทัย โดยชางสโุ ขทยั ไดน าํ เอาองคป ระกอบทางดา นสถาปตยกรรม
มาออกแบบใหเ ปนเจดียทรงใหม ฐานทาํ เปน ส่ีเหลยี่ ม องคเ จดียม ลี ักษณะ
1. ศลิ ปะลานนาตอนตน เปน ทรงปรางคส ูงขนึ้ ไป เพอ่ื รองรบั เรือนยอดท่ีเปน รปู ดอกบัวตมู ลกั ษณะเจดีย
2. ศิลปะลานนารุน หลัง ทรงพมุ ขา วบิณฑน ้ีนิยมสรางข้นึ ในสมยั สโุ ขทยั เทาน้นั ไมป รากฎในสมัยอืน่
3. ศลิ ปะหริภุญชัย 2 รา นนํ้า เปนหงิ้ สําหรับวางหมอนาํ้ ด่ืม พรอมทแ่ี ขวนกระบวยหง้ิ นํ้า
4. ศิลปะสุโขทัย หากหิ้งน้ําอยูที่ชานโลง แจง เจาของบา นจะทาํ หลงั คาคลุมลกั ษณะคลา ยเรือนเลก็ ๆ
เพอ่ื มใิ หแ สงแดดสอ งลงมาทีห่ มอ นา้ํ หมอ นาํ้ นี้ย่ิงเกา ยิ่งดเี พราะมกั จะมตี ะไครน ํ้า
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ศลิ ปะไทยแบบลา นนาตอนตน ชวงตน เกาะภายนอกชว ยใหนาํ้ ในหมอเยน็ กวา เดมิ ขา งๆ หมอ นา้ํ จะวางกระบวยทีใ่ สน า้ํ
ทําจากไมร ะแนง เปนรูปสามเหลยี่ มตัว V ใสกระบวยทที่ าํ จากกะลามะพรา ว
พุทธศตวรรษที่ 19 พระพุทธรูปจะมีลกั ษณะพระพกั ตรก ลม พระโอษฐอ มยิ้ม ตอ ดา มไมสกั บางทสี ลักเสลาปลายดามเปนรปู สตั วต า งๆ
พระหนเุ ปนปม ขมวดพระเกศาใหญเหนอื พระเกตมุ าลา ปรากฏพระรัศมี
เปน รปู ดอกบวั ตมู พระศอเปน ปลอ ง พระองคอ วบอว น พระอรุ ะนนู ครองจวี ร
หม เฉยี ง ชายจีวรเหนือพระองั สาซายสั้น ปลายเปน ลายเขย้ี วตะขาบ
ประทับน่งั ขดั สมาธเิ พชรแสดงปางมารวิชัยโดยวางพระหตั ถขวาอยูเหนือ
พระชานุขวา พระหตั ถซ ายวางอยูเ หนอื พระเพลา นวิ้ พระหตั ถไ มเ สมอกัน
คู่มือครู 111
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนกั เรยี นกลมุ ท่ี 2 สง ตวั แทน 2-3 คน ออก 1
มาอธิบายเก่ยี วกบั งานทัศนศิลปภาคกลางตามที่
ไดศึกษามา หนา ชน้ั เรยี น พรอมท้งั ยกตวั อยางงาน จิตรกรรมฝาผนังรอบระเบียง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เรื่องรามเกียรติ์ ตอนทศกัณฐ์ออกศึกกับพระรามครั้งแรก มีเทคนิคการเขียนภาพ
ทัศนศิลปท ่ีสาํ คัญของภาคกลางมาประกอบการ แบบ ๒ มิติ โดยเน้นความงามและเน้อื หาเป็นสําคัญ
อธิบายความรู โดยครูใหนกั เรยี นสรุปสาระสําคัญ
เกยี่ วกบั งานทัศนศลิ ปภ าคกลาง ลงสมุดบันทกึ ๓.๒ ภาคกลาง
จากนนั้ ครูถามนักเรียนวา
ทัศนศลิ ปใ์ นภาคกลางเป็นผลงานทถี่ ือก�าเนิดขนึ้ บริเวณตอนกลางของประเทศไทย ทีม่ ภี มู ิหลงั ทางศลิ ป-
• ผลงานทศั นศิลปภาคกลางสวนใหญไ ดรบั วัฒนธรรมท่ียาวนาน ต้ังแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นต้นมาจนถึงสมัยการสร้างบ้านแปลงเมืองและการสถาปนา
อิทธพิ ลจากส่ิงใด อาณาจกั รตา่ งๆ ผลงานทศั นศลิ ปส์ ว่ นมากจะสรา้ งขน้ึ ตามคตคิ วามเชอื่ ทางพระพทุ ธศาสนาและศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู
(แนวตอบ ผลงานทัศนศลิ ปภ าคกลาง และการรบั อทิ ธพิ ลทางศลิ ปวฒั นธรรมจากชาตอิ นื่ ๆ เชน่ วฒั นธรรมอนิ เดยี วฒั นธรรมเขมร เปน็ ตน้ เขา้ มาผสมผสาน
สวนใหญจะสรางข้ึนตามคติความเชือ่ ทาง กับผลงานทัศนศิลป์ของตน จนกลายเป็นรูปแบบท่ีเป็นลักษณะเฉพาะของช่างราชส�านักและแพร่หลายไปยัง
พระพทุ ธศาสนาและศาสนาพราหมณ-ฮินดู ภมู ภิ าคอนื่ ตามการแผอ่ ทิ ธิพลทางการเมอื งการปกครอง
และรับอทิ ธิพลทางศิลปวฒั นธรรมจาก ผลงานทัศนศิลป์ทีส่ �าคญั ของภาคกลาง มีดงั นี้
ชาตอิ นื่ ๆ เชน วฒั นธรรมอินเดยี วฒั นธรรม
เขมร เขามาผสมผสานกบั ผลงานทัศนศลิ ป ๑) จติ รกรรม ผลงานจิตรกรรมที่พบในภาคกลาง เปน็ ภาพเขยี นที่สร้างสรรคข์ ้นึ จากความศรัทธาทาง
ของตนเอง จนกลายเปน รปู แบบที่เปนลักษณะ
เฉพาะของชา งราชสํานกั ของภาคกลาง) ศาสนาเปน็ ส่วนใหญม่ ีลกั ษณะเด่น คอื เปน็ ภาพเลา่ เรือ่ งต่างๆ เชน่ ภาพบคุ คล สตั ว ์ ตน้ ไม ้ เป็นตน้ ที่มวี ธิ กี าร
แสดงออกท่ีชัดเจน ต่อมาเมื่อได้รับอิทธิพลจากตะวันตก จิตรกรรมไทยเริ่มมีรูปแบบและเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยรับเอาแบบอย่างเขา้ มา จนมผี ลให้จติ รกรรมไทยมกี ารเปลยี่ นแปลงในด้านรูปแบบ เนือ้ หา และวธิ ีการน�าเสนอ
มากขนึ้
จติ รกรรมไทยท่พี บในภาคกลาง นิยมสื่อความหมายด้วยการเลา่ เรอ่ื งภาพพุทธประวัติ นิทานชาดก และ
เร่ืองราวในไตรภูมิพระร่วง โดยเป็นการเล่าเรื่องผ่านภาพเขียนบนฝาผนังของพระปรางค์ พระอุโบสถ พระวิหาร
หอสวดมนต์ ซึ่งมีวิธีการเขียนภาพด้วยลายเส้น โดยใช้สีแบบสีเดียว เรียกว่า “จิตรกรรมสีเอกรงค์” ที่นิยมมา
ต้ังแตส่ มยั โบราณ และรปู แบบระบายสีหลายส ี เรยี กว่า “จิตรกรรมสพี หุรงค์” เป็นวธิ รี ะบายสีท่ใี ช้สหี ลายสี มีสสี นั
112
นักเรยี นควรรู บรู ณาการเช่อื มสาระ
การศกึ ษาเก่ียวกับภาพจติ รกรรมฝาผนงั รอบระเบียง วัดพระศรีรตั น-
1 จติ รกรรมฝาผนงั รอบระเบียง วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม เรอ่ื งรามเกยี รติ์ ศาสดาราม เรอ่ื งรามเกยี รติ์ สามารถบรู ณาการเชอื่ มโยงกบั การเรียนการ
เขยี นขน้ึ ในสมยั รชั กาลที่ 1 ตอมาชาํ รดุ เนอื่ งจากความชื้นจงึ เขียนซอ มเม่อื มี สอนของกลมุ สาระการเรยี นรภู าษาไทย วิชาวรรณคดแี ละวรรณกรรม เรอ่ื ง
การฉลองพระนครในสมัยรชั กาลท่ี 3 รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลท่ี 9 รามเกยี รต์ิ เพราะถา นกั เรยี นมคี วามรเู กย่ี วกบั วรรณคดไี ทย เรอ่ื งรามเกยี รต์ิ
ภาพชดุ รามเกยี รตเิ์ ร่มิ ตั้งแตภาพนารายณอ วตารปางตางๆ กอ นทีจ่ ะอวตารเปน มาพอสมควร จะเปนการเพมิ่ อรรถรสในการเดนิ ดภู าพมากย่งิ ขึน้ ทัง้ นีใ้ น
พระราม ปรากฏอยตู ามซมุ ประตแู ละมขุ ระเบยี ง ประมาณ 80 ภาพ แลว ตอ ดว ย หนึง่ ภาพอาจมีตวั ละครตวั เดยี วกนั อยูหลายจดุ หากนักเรยี นมคี วามรู
เรื่องรามเกียรติ์ ตัง้ แตหอ งที่ 1-178 มีคําบรรยายใตภาพและคําบรรยายเปนโคลง เรอื่ งรามเกยี รตก์ิ จ็ ะสามารถลาํ ดับภาพและเขา ใจเนือ้ เรือ่ งได
สลกั บนแผนหนิ ออ นติดอยูที่เสารอบระเบียง
มมุ IT
นกั เรยี นศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั จติ รกรรมเรอ่ื งรามเกยี รติ์ ทวี่ ดั พระศรรี ตั นศาสดาราม
ไดท ี่ www.youtube.com โดยคน หาจากคาํ วา จติ รกรรมฝาผนงั วดั พระศรรี ตั น-
ศาสดาราม เปน ตน แลว เลอื กชมคลปิ วดิ โี อเฉพาะเรอ่ื งทเี่ กย่ี วกบั ภาพจติ รกรรม
112 คูม่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
สดใส เขียนด้วยสีฝุ่น และปิดทองค�าเปลวในบางส่วนท่ีส�าคัญ ผลงานจิตรกรรมชิ้นส�าคัญ เช่น จิตรกรรมฝาผนัง ครสู มุ ตวั อยา งนกั เรียน 2-3 คน ใหยกตัวอยา ง
ภาพพระอดีตพุทธภายในพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จิตรกรรมฝาผนังโบสถ์วัดใหญ่- ผลงานทัศนศิลปภาคกลางท่โี ดดเดน ประเภท
สุวรรณาราม จงั หวัดเพชรบรุ ี จติ รกรรมฝาผนงั โบสถว์ ดั ใหญ่อนิ ทาราม จงั หวัดชลบรุ ี เปน็ ตน้ จติ รกรรมและประติมากรรม มาประเภทละ
ผลงานจิตรกรรมไทยท่ีพบในภาคกลาง นอกจากจะสะท้อนถึงเรื่องราวและเนื้อหาทางพระพุทธศาสนา 1 ผลงาน พรอ มอธบิ ายลกั ษณะของผลงาน
แลว้ ยังสะท้อนเรื่องราวเก่ยี วกบั ประเพณ ี ความเชื่อ วถิ ีชีวิต และสภาพแวดลอ้ มตา่ งๆ ในชว่ งสมยั ที่มีการเขียนภาพ ดังกลาว ครูคอยเสรมิ เพิ่มเติมเก่ยี วกบั ขอมลู ของ
อีกด้วย เช่น แม่น้�าล�าคลอง พืชพันธุ์ไม้ต่างๆ สัตว์ ชุมชนบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ริมน�้าและบนบกให้เห็นอย่าง ผลงานทน่ี ักเรียนยกตวั อยา งมา จากนน้ั ครถู าม
ชัดเจน เป็นต้น การเรียนรู้เรื่องราวบนจิตรกรรมฝาผนังผ่านภาษาภาพ โดยใช้องค์ประกอบท่ีเก่ียวข้องข้างต้น นกั เรียนวา
อย่างพินิจพิจารณาจะช่วยให้ผู้ชมมีความเข้าใจถึงประวัติศาสตร์สังคมของท้องถิ่นท่ีถูกถ่ายทอดเป็นเรื่องราว
แทรกอยูใ่ นภาพจิตรกรรมฝาผนังไดเ้ ปน็ อย่างดี • งานจิตรกรรมท่พี บในภาคกลางสว นใหญ
มีลักษณะเปนอยางไร
๒) ประติมากรรม ประติมากรรมท่ีพบในภาคกลางเป็นผลงานทัศนศิลป์ที่แสดงถึงรูปทรง ๓ มิติ ท่ี (แนวตอบ งานจิตรกรรมสวนใหญทพ่ี บ
ในภาคกลางจะเปนภาพเขยี นท่ีสรา งสรรค
ประกอบดว้ ยความสงู ความกวา้ ง ความนนู (ลกึ ) โดยตอบสนองความเชอ่ื ทางดา้ นศาสนา และตอ่ มาประตมิ ากรรมได้ ขน้ึ จากความศรัทธาทางศาสนา นยิ มสอ่ื
พฒั นารูปแบบการสรา้ งสรรคเ์ ปน็ ผลงานท่ีเหมือนจริงมากขน้ึ ผลงานในระยะแรกมีความเกย่ี วข้องกับสถาปัตยกรรม ความหมายดว ยการเลา เรือ่ งพทุ ธประวตั ิ
ทงั้ ทางตรงและทางออ้ มทเี่ กย่ี วขอ้ งโดยตรง ไดแ้ ก ่ การปนั และการแกะสลกั เพอ่ื ประดบั ตกแตง่ อาคารและศาสนสถาน นิทานชาดก และเรอื่ งราวในไตรภมู ิพระรว ง
เชน่ ลวดลายประดับตา่ งๆ สว่ นที่เกีย่ วขอ้ งทางออ้ ม ไดแ้ ก่ พระพุทธรูปทปี่ ระดษิ ฐานอยู่ในวหิ าร เป็นตน้ ผา นภาพเขียนบนฝาผนังของพระอโุ บสถ
ประติมากรรมท่ีพบในภาคกลาง สามารถแบ่งออกได้เป็น ประติมากรรมรูปเคารพ พระวิหาร หรอื หอสวดมนต ซงึ่ มวี ิธีการ
ประติมากรรมเรื่องเล่า และประติมากรรมตกแต่ง กรณีการสร้างรูปเคารพน้ันมีการสร้าง เขยี นภาพดวยลายเสน แลว ลงสีทั้งแบบ
ตามคตคิ วามเชอื่ ของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู เช่น เทวรปู พระศิวะ พระนารายณ ์ เป็นต้น หรือ สีเดียว หรือทีเ่ รยี กวา “จติ รกรรมสีเอกรงค”
และแบบระบายสหี ลายสี หรือท่เี รยี กวา
การสรา้ งรปู เคารพในพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน ไดแ้ ก ่ รูปพระโพธสิ ตั ว ์ แล1ะรูปเคารพใน “จติ รกรรมสพี หรุ งค”)
พระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาททเ่ี ป็นรปู พระพุทธเจ้าปางตา่ งๆ เช่น ปางมารวชิ ัย ซงึ่ เปน็ ปางที่
แสดงเหตกุ ารณต์ อนใกลจ้ ะตรสั รขู้ องพระพทุ ธเจา้ ซง่ึ พระพทุ ธรปู ปางนจ้ี ะนยิ มสรา้ งประดษิ ฐาน
ไว้เป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดตา่ งๆ ทั่วประเทศไทย เปน็ ต้น
นอกจากนี้ ประติมากรรมตกแต่งภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัด
พระแกว้ ) และพระบรมมหาราชวัง ทีท่ า� เป็นรูปเทวดา รูปสตั ว์หมิ พานต ์ หรอื ลวดลาย
ประดับต่างๆ ยังสามารถสื่อถึงความหมาย ความงาม และความเก่ียวขอ้ งกบั สถาบัน
กษัตริย์ของไทย เน่ืองจากพระบรมมหาราชวังเป็นท่ีประทับ ท่ีเสด็จออกว่าราชการ
และท่ีทรงงานของพระมหากษัตริย์ ดังนั้น ประติมากรรมการตกแต่งใน
บริเวณต่างๆ จึงได้รับการออกแบบการแต่งอย่างพิถีพิถันและวิจิตรงดงาม
มาทกุ ยคุ ทกุ สมยั เพอ่ื ใหพ้ ระบรมมหาราชวงั มคี วามงดงามสมกบั เปน็ ทป่ี ระทบั
ของสมมตเิ ทพตามความเชอ่ื ในศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู
เทพกินนร เป็นประติมากรรมที่เกิดจาก
จนิ ตนาการของผ้สู ร้าง
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู
ผลงานประตมิ ากรรมของไทยสวนใหญจ ะเก่ียวของกบั อะไร การจดั การเรียนการสอนเกี่ยวกบั งานจติ รกรรม ประติมากรรม สถาปต ยกรรม
1. พทุ ธประวัติ ของภาคตางๆ เพอ่ื ใหน กั เรยี นมคี วามรคู วามเขา ใจมากข้ึน ครูควรใหน กั เรียนเลอื ก
2. บุคคลสําคญั ดูภาพประกอบผลงานดังกลา วจากหนังสือตา งๆ เวบ็ ไซต โดยใหนกั เรยี นจดจํา
3. ส่ิงตางๆ ในธรรมชาติ และทําความเขา ใจลักษณะเดน ของผลงานในแตล ะประเภทของแตล ะภาค
4. ตัวละครในวรรณคดี
นักเรยี นควรรู
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. ผลงานประตมิ ากรรมของไทยสว นใหญ
1 ปางมารวชิ ยั คําวา มารวชิ ัย แปลวา ชนะมาร ลักษณะของพระพทุ ธรปู จะอยู
จะเปน การสรา งพระพุทธรปู ไวเ คารพบูชา หรือเพอ่ื แสดงออกถึงความศรทั ธา ในอิริยาบถประทับนงั่ ขัดสมาธิ พระหตั ถซา ยหงายลงบนพระเพลา (ตัก)
ในพระพทุ ธศาสนา ท้ังนใ้ี นแตละสมยั จะมลี กั ษณะของพทุ ธศลิ ปแตกตางกัน พระหตั ถข วาวางควํ่าลงท่พี ระชานุ (เขา ) นิ้วพระหตั ถช ้ีลงทพี่ นื้
ออกไป เปน การแสดงออกถงึ ความงามในเชงิ อดุ มคติ
คูม่ ือครู 113
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ครูสุมตวั อยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหย กตัวอยาง ๓) สถาปัตยกรรม เป็นผลงานทัศนศิลป์
สถาปตยกรรมภาคกลางท่มี ีความโดดเดน มาคนละ
1 ผลงาน พรอ มอธบิ ายลักษณะของสถาปตยกรรม ที่เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน โบสถ์ วิหาร
ทย่ี กมาเปนตวั อยาง ครคู อยเสรมิ เพิม่ เติมเก่ยี วกบั ปราสาทราชวัง ผลงานส่วนมากพัฒนาการมาต้ังแต่
ขอมลู ของผลงานท่ีนักเรียนยกตัวอยางมา จากนั้น สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ หลักฐานส�าคัญท่ี
ครูถามนกั เรยี นวา ปรากฏ ได้แก่ อาคาร เช่น โบสถ์ วิหาร และมณฑป
มีการปลูกสร้างให้มีขนาดท่ีใหญ่โต มีการออกแบบ
• เรือนไทยภาคกลางมีลักษณะโดดเดนอยางไร ลวดลายตกแต่งบนสถาปัตยกรรมอย่างวิจิตร เช่น
(แนวตอบ สถาปต ยกรรมเรอื นไทยภาคกลาง เครือ่ งบนของอาคารมชี ่อฟา ใบระกา หางหงส์ เป็นต้น วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม เป็นสถานทีซ่ ง่ึ ประกอบดว้ ยงานจิตรกรรม
สามารถแบง ออกไดเปน 3 ลักษณะ คอื เหน็ ไดจ้ ากสถาปตั ยกรรมภายในวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ประติมากรรม และสถาปตั ยกรรม อันทรงคณุ คา่ หลายอยา่ ง
เรอื นเครอ่ื งผูก เรือนเคร่ืองสับ และเรือนแพ
หรือเรอื นรมิ นา้ํ ตัวเรอื นไทยภาคกลาง ทีเ่ ปน็ จดุ รวมของสถาปัตยกรรมเด่นๆ สมยั รตั นโกสนิ ทร์ไว้เกอื บทั้งหมด
สวนใหญจ ะทาํ ดวยไมสกั เชน โครงหลังคา นอกจากน ี้ สถปู เจดีย์ และพระปรางค์ นับได้ว่าเปน็ ธาตุเจดยี ์ หรืออเุ ทสกิ ะเจดยี ์ (เจดีย์ส�าหรบั บรรจุอฐั )ิ
ฝา พ้ืนหอ งนอน พืน้ ระเบียง สวนเสาและ
พ้ืนชานใชไ มเ นอ้ื แข็ง เชน ไมเต็ง ไมแดง ที่นิยมสร้างกันอย่างแพร่หลาย และมีรูปแบบท่ีเป็นลักษณะเฉพาะของงานทัศนศิลป์ประเภทน้ี เช่น พระปรางค ์ 1
เปนตน)
วัดพระราม เจดีย์ทรงกลม หรือทรงระฆังคว�่า วัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระปรางค ์
วดั อรุณราชวราราม กรงุ เทพมหานคร เป็น2ตน้
ส่วนบ้านไทย หรือเรือนไทยภาคกลาง จะมีลักษณะเฉพาะของการปลูกสร้างเป็นแบบแผนที่เห็นได้
เช่น เรอื นครอบครัวเดย่ี ว เรอื นครอบครัวขยาย เรือนแพ เป็นตน้ เมอื่ พจิ ารณาถึงรูปแบบเรอื นไทยในภาคกลาง
ลักษณะเด่นจะมีหลงั คาทรงสูง ใตถ้ ุนสงู ชานกวา้ ง และไม่มฝี าเพดาน
เกร็ดศลิ ป เรอื นไทย
สถาปตั ยกรรมเรอื นไทย หรอื บ้านไทยภาคกลาง แบ่งออกได้เป็น ๓ ลักษณะ ดังน้ี
114 ๑. เรือนเคร่ืองผูก หมายถึง เรือนท่ีใช้ไม้ไผ่เป็นโครงสร้างหลักในการสร้าง
มีส่วนประกอบของเคร่ืองมุงหลังคาท�าด้วยจากหญ้าคา หรือทางมะพร้าว โดยมี
กรรมวธิ ี และขนั้ ตอนในการปลกู สรา้ งอยา่ งงา่ ยๆ โดยประกอบโครงสรา้ งเขา้ ดว้ ยกนั
ดว้ ยการใชต้ อก และหวายเป็นวัสดุในการผูกมัด
๒. เรือนเครื่องสับ หมายถึง เรือนที่มีโครงสร้าง และส่วนประกอบท�าด้วย
ไม้จริงทั้งหลัง มักพบท่ัวไปในภาคกลาง และภาคตะวันออก ข้ันตอนในการปลูก
สรา้ งเรอื นจะมีการใชเ้ ครอื่ งมือหลายชนดิ เช่น มีด ขวาน เปน็ ต้น นา� มาถาก เจาะ
สับ หรือฟันไม้ แล้วน�ามาประกอบตามโครงสร้างท่ีต้องการ ส่วนประกอบส�าคัญ
ของเรอื นเคร่อื งสบั คือ ฝาเรือนท่มี กี ารเข้าไม้อย่างประณตี เรยี กว่า “ฝาปะกน”
๓. เรือนแพ หรือเรือนริมนํ้า เป็นรูปแบบทางสถาปัตยกรรมลักษณะหนึ่งที่
ปรากฏตามบริเวณรมิ แม่น�้าต่างๆ ลักษณะทว่ั ไปของเรือนแพ มกั จะทา� เปน็ รูปแบบ
ของเรือนทรงไทย มีหลังคาปันลม ตัวเรือนท่ัวไปเป็นเรือนฝากระดาน ด้านหน้า
ของเรอื นแพเปิดโลง่ ตลอด ส่วนพ้นื ของเรอื นแพจะรองรบั ด้วย “ลกู บวบ” เรยี กวา่
“แพลูกบวบ”
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
1 พระปรางค เปน งานสถาปตยกรรมทไี่ ทยรบั เอาอทิ ธิพลการสรา งองคป ราสาท
ของขอมมาปรบั เปลยี่ นใหเ รยี วเปนทรงสูง ถอื เปนหลกั ประธานของวัด รวมถงึ สอ่ื ถงึ จากภาพเปนสถาปตยกรรมท่ีอยใู นจงั หวดั ใด และมลี กั ษณะรปู แบบ
คติความเชอื่ วาเปนสญั ลักษณของเขาพระสเุ มรุ ตามคตขิ องศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู เปน อยา งไร
ทง้ั นพี้ ระปรางคแ บง ออกเปน 4 แบบ ไดแ ก ทรงศิขร มีรปู แบบดั้งเดมิ ตามแบบขอม แนวตอบ พระปรางคส ามยอด เปนศิลปะแบบบายน ซงึ่ มอี ายรุ าว
ทรงงาเนยี ม ลกั ษณะใหญแ ตสั้น ตอนปลายโคง เรียว ทรงฝก ขาวโพด มลี กั ษณะ พทุ ธศตวรรษท่ี 18 กอ ดว ยศลิ าแลงขน้ึ ไปเปน สามยอด สงู ประมาณ 15 เมตร
ผอมบางและตรงคลายฝก ขาวโพด และทรงจอมแห มลี ักษณะคลา ยแหทีถ่ กู ยกขึน้ โดยกอ ทบั ขน้ึ ไปแลว โบกดว ยปนู ขาว พรอ มพมิ พเ ปน ลวดลายอยา งงดงาม
2 เรอื นไทย เปน ตัวอยางของงานสถาปต ยกรรมท่ีสรา งขนึ้ ใหส อดรบั กบั ทงั้ สามองคภ ายในเดนิ ตดิ ตอ กนั ไดต ลอด การประดบั ดา นนอกของพระปรางค
สภาพแวดลอ มทางธรรมชาติ ตวั อยา งเชน หลังคาสูงลาดเอยี งเพื่อใหร ะบายนาํ้ ฝน จดั ทําอยางประณีต ปจจุบันพระปรางคสามยอดถือเปนสญั ลกั ษณของ
ที่ตกชุกไดด ี ใตถ ุนสงู เพ่ือปองกนั ปญ หาอุทกภัยในฤดนู ้ําหลาก มหี นา ตา งโดยรอบ จงั หวดั ลพบุรี
เพื่อชวยระบายความรอน ตวั บา นเปนชานเรอื นกวางเพือ่ สะดวกแกก ารทาํ กิจกรรม
เนอื่ งจากในอดตี ครอบครวั ไทยเปน ครอบครวั ใหญม สี มาชกิ อาศยั อยรู วมกนั หลายคน
เปน ตน
114 คูม่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
เสริมสาระ ใหน ักเรียนศึกษางานทศั นศลิ ปในสมัย
รตั นโกสนิ ทร ในหนงั สือเรียน หนา 115 จากนัน้ ครู
งานทัศนศิลปในสมยั รตั นโกสนิ ทร ถามนักเรยี นวา
แบบอยา่ งของงานทศั นศลิ ปใ์ นสมยั รตั นโกสนิ ทรเ์ รมิ่ ตน้ ตง้ั แตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช ทรงสถาปนา • งานทศั นศลิ ปข องไทยในสมัยรัตนโกสินทร
กรงุ เทพมหานครขึ้นเป็นราชธานี ตัง้ แต ่ พ.ศ. ๒๓๒๕ ลงมาจนถงึ สมัยปัจจุบนั พอสรปุ ได้ ดังนี้ เปลี่ยนแปลงไปอยางไร
(แนวตอบ งานทัศนศิลปของไทยในสมยั
๑. จิตรกรรม สมัยรัตนโกสินทร์จิตรกรรมที่เขียนขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ ลงมาจนถึง รัตนโกสนิ ทรม กี ารเปล่ยี นแปลงไปตาม
ปัจจุบัน มีรูปแบบการเขียนตามแบบไทยแนวประเพณีและแบบร่วมสมัย โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนัง ยุคสมัย โดยงานจิตรกรรมจะมลี กั ษณะ
ทเี่ ขยี นขน้ึ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท ่ี ๓) จดั เปน็ จติ รกรรมไทยทมี่ คี ณุ คา่ เปน สากลมากขนึ้ มีความรว มสมยั กับ
ทางความงามมาก เช่น ท่ีวดั สวุ รรณาราม คลองบางกอกน้อย เปน็ ตน้ แตห่ ลงั จากรบั อิทธิพลตะวนั ตก ศลิ ปะนานาชาติอยา งชัดเจน สว นงาน
ทําให้รูปแบบจิตรกรรมไทยมีรูปลักษณะเป็นสากลเพ่ิมมากขึ้น จนถึงปัจจุบันรูปแบบจิตรกรรมไทย ประตมิ ากรรมมีการเปลยี่ นแปลงอยาง
มีความร่วมสมัยกับศิลปะนานาชาติอย่างชัดเจน ชัดเจนหลงั พ.ศ. 2475 เพราะไดเกิดการ
๒. ประตมิ ากรรม สมยั รตั นโกสนิ ทรป์ ระตมิ ากรรมในชว่ งระยะแรกมหี ลกั ฐานการสรา้ งนอ้ ย สรา งศลิ ปะสมัยใหมแ ละรวมสมัยข้ึน และ
ส่วนใหญ่มักอัญเชิญพระพุทธรูปท่ีมีอยู่แต่เดิมมาบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ หรือไม่ก็อัญเชิญมาเป็น งานสถาปต ยกรรมก็ไดปรบั ตัวตามกระแส
พระประธานอยใู่ นวดั สาํ คญั ๆ ในเขตกรงุ เทพมหานคร สว่ นใหญเ่ ปน็ แบบสโุ ขทยั สาํ หรบั ประตมิ ากรรม ตะวนั ตก มรี ูปลักษณะของการผสมผสาน
แบบรัตนโกสินทร ์ พอจะประมวลได้ ดงั น้ี หรอื รับแบบอยา งสถาปตยกรรมตะวนั ตก
๑) พระพุทธรูปทําตามแบบอย่างของเดิม เป็นรูปแบบท่ีสร้างข้ึนคล้ายกับพระพุทธรูป เขามาใชใ นสถาปตยกรรมไทย สงั เกตได
สมัยอยธุ ยาปนอทู่ อง แต่ลักษณะความมชี ีวิตจติ ใจไมเ่ ดน่ เทา่ ในสมัยรัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ ง ชดั เจนในสมัยรัชกาลท่ี 5 ไดแก การสรา ง
พระพทุ ธรปู เพม่ิ เตมิ ขน้ึ นบั รวมกบั แบบเดมิ เปน็ ๔๐ ปาง แลว้ อญั เชญิ ไปประดษิ ฐานยงั วดั วาอารามตา่ งๆ พระทน่ี ั่งจักรีมหาปราสาท
๒) พระพุทธรูปผสมผสานกับตะวันตก ในรัชกาลที่ ๔ มีการแก้ไขพุทธลักษณะให้ พระพทุ ธรปู ปางขอฝน พระทีน่ ง่ั อนันตสมาคม เปนตน)
คล้ายมนุษยส์ ามัญย่ิงขึ้น คือ ไมม่ ีพระเกตุมาลา หรอื ขมวดพระเมาลี มีจีวรเป็นร้ิว เชน่ พระนิรนั ตราย เปน็ ต้น พอถงึ สม1ยั รัชกาลท ่ี ๕-๖
มีการติดต่อกับต่างประเทศมากขึ้น จึงเกิดมีการสร้างพระพุทธรูปให้เหมือนมนุษย์ตามแบบพระพุทธรูปคันธารราฐของอินเดีย เช่น
พระพทุ ธรูปปางขอฝน พระไสยาสน์ ที่วดั ราชาธิวาส กรงุ เทพมหานคร เป็นตน้
๓) ประติมากรรมสมัยใหม ่ ภายหลัง พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลย่ี นแปลงในประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะของเมอื งไทย
โดยมีการก่อต้ังมหาวิทยาลัยศิลปากรข้ึนภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ทําให้เกิดการสร้างศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย
ขน้ึ มากมาย
๓. สถาปตยกรรม ในสมัยรัตนโกสินทร์ระยะแรกเป็นการสืบทอดแบบอยุธยาตอนปลายและต่อมามีวิวัฒนาการ
ตามลาํ ดับ คือ
๑) สถาปัตยกรรมแบบแผนอยุธยา เป็นอาคารสร้างเลียนแบบอยุธยาโดยเฉพาะอาคารประเภทเคร่ืองก่อ เช่น โบสถ์
วหิ าร ปราสาทราชมณเฑียร ลว้ นแตท่ ําฐานแอน่ โค้งรบั หลงั คา และเชิงชายกม็ แี นวเสน้ อ่อนกลางปลายเชดิ สัมพนั ธก์ บั ฐาน เปน็ ต้น
๒) สถาปตั ยกรรมแบบสมยั รชั กาลท ่ี ๓ สมยั นม้ี แี บบสถาปตั ยกรรมทเ่ี รยี กวา่ “อยา งใน” และ “อยา งนอก” คอื แบบลายไทย
กบั แบบลายจีน แบบลายไทยนน้ั ไมน่ ยิ มรูปเทพเปน็ ลายประธานและไมน่ ิยมลายกระหนก
มักใช้ลายใบเทศเป็นหลัก อาคารไม่มีตัวหวั เสา ไมต่ ิดคนั ทวย
๓) สถาปัตยกรรมยุคปรับตัวตามกระแสตะวันตก มีรูปลักษณะ
ผสมผสาน หรอื รบั แบบอยา่ งสถาปตั ยกรรมตะวนั ตกเขา้ มาใชใ้ นสถาปตั ยกรรมไทย
สังเกตได้อยา่ งชดั เจนในสมัยรัชกาลที ่ ๕ เช่น การสร้างพระที่นงั่ จกั รีมหาปราสาท
ภายในพระบรมมหาราชวัง พระท่นี ่งั อนนั ตสมาคม เป็นต้น นอกจากน้ี
ยงั มกี ารปรบั ปรุงแนวคดิ ให้เหมาะสมโดยการนํา
วัสดุใหมๆ่ เขา้ มาประกอบในงานสถาปัตยกรรม
พระทนี่ ง่ั อนันตสมาคม สถาปัตยกรรมทส่ี รา้ ง
ตามแบบตะวนั ตก
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู
ขอใดกลาวถึงผลงานทศั นศิลปใ นสมัยรัตนโกสินทรไดถ กู ตอ ง ครคู วรนาํ ภาพงานทัศนศลิ ปในสมัยรัตนโกสินทรมาใหน กั เรียนดปู ระกอบ
1. ทาํ ตามแบบอยางศลิ ปะสมัยอยธุ ยา การอธบิ าย เพอื่ ใหนักเรยี นไดเห็นความเปลี่ยนแปลงของผลงานทศั นศลิ ปจ ากอดตี
2. นิยมสรา งสรรคงานแบบอตั ลกั ษณไทย จนถึงปจ จุบัน ทัง้ นี้ครูอาจเชญิ วิทยากรในทองถิน่ ท่ีมคี วามรูเรอ่ื งงานทัศนศลิ ป
3. ไดร บั อิทธพิ ลอยา งมากจากศิลปะตะวันตก ในยุคสมยั ตางๆ ของไทย มาอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน กั เรยี นฟงแลว เปด โอกาสให
4. นาํ ศลิ ปะอินเดยี และจีนมาผนวกรวมกนั นักเรียนซักถามขอสงสยั เพือ่ ใหนักเรยี นเกิดความสนใจและภาคภมู ใิ จในศิลปะของ
ชาติไทย
วิเคราะหค ําตอบ ตอบ 3. ในสมัยรตั นโกสินทรน ับตง้ั แตรัชกาลที่ 3
นกั เรยี นควรรู
เปน ตนมา อิทธพิ ลจากศิลปะตะวันตกไดแพรหลายเขาสูสังคมไทย และเขา
มามบี ทบาทตอศิลปะไทยในการสรา งสรรคผ ลงานทุกประเภท ไมวาจะเปน 1 พระพทุ ธรูปคนั ธารราฐ เปนสมยั แรกทีม่ กี ารสรา งพระพทุ ธรูปขึน้ โดยไดร ับ
จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม ตามแบบอยางศิลปะตะวันตก อิทธพิ ลจากศิลปะกรกี เกิดขึ้นเมือ่ ราว พ.ศ. 370 ลกั ษณะเดนของพระพทุ ธรูป คือ
อยา งแพรห ลาย มีพระพักตรต ามอยา งเทพเจากรีก เสน พระเกศาหยกิ สลวย มแี ผน รศั มีอยูหลัง
พระเศียร หม ผาคลุมมีร้วิ แบบธรรมชาติ มีอณุ าโลมระหวางค้ิว พระกรรณยาว
คู่มือครู 115
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหน กั เรยี นกลมุ ที่ 3 สง ตัวแทน 2-3 คน ออกมา ๓.๓ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื (ภาคอีสาน)
อธิบายเกย่ี วกับงานทัศนศลิ ปภ าคตะวันออกเฉยี ง-
เหนือ (ภาคอสี าน) ตามท่ไี ดศ ึกษามา หนาช้นั เรียน ผลงานทัศนศิลป์มีพัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณจากหลักฐานที่ปรากฏ นักวิชาการได้สันนิษฐานว่า
พรอมท้ังยกตวั อยา งงานทัศนศลิ ปท ่ีสาํ คญั ของ เมอ่ื ประมาณ ๒,๕๐๐ ปมี าแลว้ จนถงึ หลงั พ.ศ. ๕๐๐ พระพทุ ธศาสนาและศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดจู ากอนิ เดยี ไดถ้ กู นา�
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือมาประกอบการอธบิ าย มาเผยแผ่บริเวณดินแดนสองฝังโขงและภาคอีสาน ท�าให้ศิลปวัฒนธรรมของบ้านเมืองรุ่นแรกๆ ในบริเวณนี้จึงเริ่ม
ครูคอยเสรมิ เพิ่มเติมเกี่ยวกับขอ มูลของผลงานที่ ปรากฏข้ึน และพัฒนาต่อมาจนมีรูปแบบเฉพาะตัว พร้อมกับมีการรับแบบอย่างของงานทัศนศิลป์จากดินแดนอื่น
นกั เรยี นยกตวั อยางมา เชน่ ทวารวด ี เขมร ลาว เปน็ ตน้ เขา้ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นวถิ ชี วี ติ ของตนเอง จนทา� ใหเ้ กดิ สถาปตั ยกรรมตา่ งๆ ทส่ี วยงาม
เชน่ ปราสาทหนิ เจดยี ์ โบราณสถาน โบราณวตั ถอุ น่ื ๆ ทปี่ รากฏในภาคอสี านอกี มากมาย เปน็ ตน้ ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดงั นี้
๑) จิตรกรรม ภาพเขยี นสขี องภาคอีสานมกั ปรากฏบน
ผนงั ของสิม เรยี กวา่ “ฮูปแต้ม” มีเรอื่ งราวที่เขียนบนผนงั ด้านในของ
สิมท่เี ก่ียวกับเร่ืองราวในพทุ ธประวัติ นทิ านพืน้ บ้านเรอื่ งสงั ขศ์ ิลป์ชยั
(สินไซ) และมหาเวสสันดรชาดก ซ่ึงรูปแบบการเขียนจะมีลักษณะ
ของการจัดภาพ การใช้สีสัน รูปร่างหน้าตาของภาพ
ที่มีการผสมผสานระหว่างงานทัศนศิลป์ภาคกลางและ
ภาคอสี านไดอ้ ยา่ งลงตวั อกี ทงั้ ชา่ งเขยี นยงั ไดส้ อดแทรก
เรื่องราวของวัฒนธรรมในภาคกลางและภาคอีสาน
สะท้อนออกมาในฮูปแต้มอีกด้วย โดยเฉพาะวิธีการ
เขียนภาพจะมีการใช้เทคนิคในการระบายสี ที่มี
การเน้นเส้นท่ีหนักแน่น ไม่ประณีตแบบงาน ภาพฮปู แต้มผนังสิม จังหวดั มหาสารคาม บ่งบอก
จติ รกรรมไทยในภาคกลาง สง่ิ ทเ่ี ปน็ ล1กั ษณะเดน่ เร่ืองราวสักลายขาของชายชาวอีสาน
ของการเขียนภาพแบบฮูปแต้ม คือ การเขียนภาพที่ผนังด้านในและผนังด้านนอกของ
ศาสนสถาน ซึ่งแตกตา่ งจากงานจติ รกรรมในภาคอื่นๆ ที่มกี ารเขยี นรูปเฉพาะผนงั ด้านในของ
ศาสนสถานเทา่ น้ัน
๒) ประตมิ ากรรม การสรา้ งสรรคผ์ ลงานประตมิ ากรรมจะนยิ มสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
ในรปู แบบตา่ งๆ ทคี่ ลา้ ยกบั ภาคกลางและภาคเหนอื อาจจะมสี ว่ นของลกั ษณะและลวดลาย
ในการตกแต่งท่ีแตกต่างกัน เช่น นิยมท�า2หัวบันไดเป็นรูปพญานาคบริเวณทางขึ้น
ทางเขา้ ของศาสนสถาน ศาลาการเปรียญ สิม เป็นตน้ นิยมปนั ลวดลายตกแต่งตาม
ฐานพระธาต ุ หรอื ตกแตง่ แบบรงั ผงึ้ ในบรเิ วณหนา้ บนั ของสมิ เปน็ ตน้ ความโดดเดน่
ของประตมิ ากรรมอีสานอีกลกั ษณะหนึง่ ได้แก่ พระพุทธรปู จะมีการออกแบบ
ส่วนของฐานให้มีความสูงมาก และลักษณะของใบหน้าทรวดทรงก็มีความ
เปน็ ท้องถิ่น คอื ดูเรียบงา่ ย แตใ่ นการปนั หลอ่ หรอื แกะสลัก จะไมป่ ระณีต
เรยี บรอ้ ยเหมือนผลงานของชา่ งภาคกลาง หรอื ชา่ งหลวง
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 ฮูบแตม เปน คาํ ทีค่ นอสี านใชเรยี กรูปรอยบนผนงั ถํา้ ทเี่ ปน รปู วาด นยิ มเขียน
ทงั้ ผนงั ดานในและดา นนอกของสมิ (โบสถ) โดยนิยมเขียนเรือ่ งราวเก่ยี วกับ ผลงานจิตรกรรมพน้ื บา นของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เราจะพบวา
พทุ ธประวตั ิ ทศชาตชิ าดก เวสสนั ดรชาดก พระมาลยั นิทานพ้ืนบา นตา งๆ มีการสอดแทรกเรื่องราวในขอใดมากท่ีสุด
2 ศาลาการเปรียญ ในสมัยโบราณเรียกวา “การบเุ รยี น” หมายถึง
โรงที่พระสงฆใ ชแสดงธรรมหรือศกึ ษาธรรมะ 1. การผจญภัยกลางมหาสมทุ ร
2. วถิ กี ารดาํ รงชีวติ ของชาวบา น
3. การทําสงครามระหวางยักษ- ลิง
4. การเผยแผศาสนาของสมณทตู
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. เร่ืองราวท่ีสอดแทรกลงไปในภาพเขยี น
ตางๆ ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ศลิ ปน จะนยิ มวาดเรือ่ งราว
วถิ กี ารดําเนนิ ชีวิตของชาวบา นในทองถ่นิ ในดา นตางๆ ไมว าจะเปน
ขนบธรรมเนียมประเพณี การประกอบอาชพี การแตง กาย ความเชือ่
และเร่อื งราวอื่นๆ สอดแทรกลงไปในผลงานดวย
116 ค่มู ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๓) สถาปตั ยกรรม เปน็ ศาสนสถานทใ่ี ชส้ า� หรบั ประกอบพธิ กี รรมทางพระพทุ ธศาสนา มชี อ่ื เรยี กเฉพาะวา่ ครสู มุ ตวั อยา งนกั เรยี น 2-3 คน ใหอ อกมาอธบิ าย
เกยี่ วกบั สถาปตยกรรมภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื
“สมิ ” ไดร้ บั อทิ ธพิ ลการกอ่ สรา้ งจากรปู แบบของศลิ ปะลาว (ลา้ นชา้ ง) ทไ่ี ดแ้ พรห่ ลายเขา้ มาสภู่ าคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื พรอ มทั้งยกตัวอยา งประกอบการอธิบาย ครคู อย
เสริมเพิม่ เติมขอ มูล จากนน้ั ครถู ามนกั เรยี นวา
เมอ่ื ประมาณพุทธศตวรรษที ่ ๒๔-๒๕ โดยมกี ารผสมผสานกบั ศลิ ปะด้งั เดิมและศลิ ปะสมยั รัตนโก1สนิ ทรจ์ นกลายเป็น
• สถาปตยกรรมภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
เอกลักษณข์ องสถาปัตยกรรมแบบอสี าน เช่น สมิ (โบสถ์) หอแจก (ศาลาการเปรยี ญ) หอไตร เป็นต้น ท่มี ีรูปแบบ มีความโดดเดนในดานใด
ที่แตกตา่ งไปจากภมู ภิ าคอืน่ (แนวตอบ สถาปต ยกรรมของภาคตะวันออก-
สิม เป็นสถาปัตยกรรมทางพระพุทธศาสนา มีความหมายอย่างเดียวกับโบสถ์ หรืออุโบสถของทาง เฉยี งเหนอื สวนใหญจ ะเปนศาสนสถานที่ใช
ภาคกลาง ซ่ึงกร่อนมาจากค�าว่า “สีมา” ในภาษากลาง หมายถึง ขอบเขตที่ก�าหนดขึ้นส�าหรับสงฆ์ แบ่งได้เป็น สาํ หรบั ประกอบพธิ กี รรมทางพระพทุ ธศาสนา
๓ ประเภท คือ สิมในบ้านในเมอื ง สิมในป่า และสิมกลางนา้� มีลักษณะสา� คัญ คือ มีรปู ทรงเต้ีย มขี นาดเล็ก ในอดีต ไดรบั อิทธิพลการกอสรา งจากรูปแบบของ
มีการสรา้ งทัง้ สมิ นา�้ และสมิ บก ถ้าเปน็ สมิ น้�าก็จะใชน้ ้�าเป็นขอบเขตของพทั ธสมี า (สถานทปี่ ระกอบพธิ กี รรม) ถ้าเป็น ศลิ ปะลาว (ลานชา ง) ทแี่ พรหลายเขา มาสู
สมิ บกจะใชใ้ บเสมาปกั แสดงขอบเขตของสถานท่ีที่ใช้ในการประกอบพิธกี รรมตา่ งๆ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเมือ่ ประมาณ
หอแจก (ศาลาการเปรียญ) หรอื บางท้องถ่นิ อีสานเรยี กว่า “บัวแจก” หรือ “โรงธรรม” เปน็ สถาปตั ยกรรม พุทธศตวรรษที่ 24-25 โดยมีการผสมผสาน
อีกลักษณะหน่ึงที่ใช้เป็นสถานท่ีในการปฏิบัติศาสนกิจของพระสงฆ์ มีลักษณะคล้ายศาลาการเปรียญของภาคกลาง กับศิลปะด้ังเดมิ จนกลายเปน เอกลกั ษณข อง
นอกจากน้ี ยงั ม ี “หอไตร” เป็นอาคารทเ่ี ก็บรกั ษาพระไตรปฎิ กและคัมภีร์เกยี่ วกบั ศาสนา รวมถึงพระธาต ุ หรอื “ธาตุ” สถาปต ยกรรมแบบอสี าน เชน สิม (โบสถ)
ซ่ึงมีความหมายเดียวกับเจดีย์ทางภาคกลาง ส�าหรับบรรจุอัฐิของบุคคลสา� คัญ ถือเป็นงานสถาปัตยกรรมประเภท หอแจก (ศาลาการเปรยี ญ) หอไตร เปนตน )
“อนุสาวรีย”์ ที่สรา้ งขน้ึ เพือ่ รา� ลึกถึงคุณงามความดีของผู้ทล่ี ่วงลับไปแลว้
หอไตรกลางนํ้า วดั ท่งุ ศรีเมือง จงั หวัดอบุ ลราชธาน ี เป็นสถานท่ที ่ใี ชเ้ ก็บหนงั สอื ผกู คัมภรี ์ใบลาน หรอื พระไตรปิฎก
11๗
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรียนควรรู
ใหน ักเรียนรวบรวมภาพผลงานทัศนศิลปภ าคใตท ่โี ดดเดนและแสดง 1 หอไตร คอื อาคารทใี่ ชเ ปน ทเี่ กบ็ หนงั สอื คมั ภรี ใ บลาน หรอื หนงั สอื พระไตรปฎ ก
เอกลกั ษณข องชาวใตไ ดอ ยางชัดเจน มาจดั ทําเปน สมุดภาพ “ผลงาน นยิ มสรางขน้ึ ในสวนของสงั ฆาวาส ตวั อาคารจะปลกู อยูกลางนํ้า เพอ่ื ปอ งกนั มด
ทศั นศลิ ปภ าคใต” โดยตกแตง ใหส วยงาม สง ครผู ูสอน ปลวก และแมลง มากดั กินหนังสอื หรอื ใบลาน
กจิ กรรมทา ทาย มุม IT
ใหน กั เรียนหาภาพเรอื นไทยภาคใตท่ีมีหลังคาเรอื นแตกตางกันทงั้ นักเรียนสามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกบั สถาปตยกรรมทองถ่ินภาคใต ไดท ี่
4 แบบ ไดแ ก หลังคาทรงจวั่ หลงั คาทรงปน หยา หลังคาทรงบราเนอร http://suebpong.rmutl.ac.th/Vernweb/southarch.pdf
และหลงั คาทรงมนิลา จากนนั้ ติดลงกระดาษรายงาน แลวเขยี นบรรยาย
ความแตกตางของเรือนไทยภาคใตท ้ัง 4 แบบ วาแตละแบบมลี กั ษณะ คู่มอื ครู 117
อยางไรและไดรับอทิ ธพิ ลมาจากสง่ิ ใด นําผลงานสง ครผู สู อน
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
ใหนักเรียนกลมุ ท่ี 4 สง ตวั แทนออกมาอธบิ าย ๓.๔ ภาคใต้
เกี่ยวกบั งานทศั นศิลปภ าคใตตามทไี่ ดศ ึกษามา
หนา ชนั้ เรยี น พรอ มทั้งยกตวั อยางงานทัศนศิลป ภาคใต้มีผืนแผ่นดินยื่นออกไปในทะเลขนาบด้วยอ่าวไทยและทะเลอันดามันโดยรอบ ท�าให้จังหวัดต่างๆ
ท่ีสําคัญของภาคใตม าประกอบการอธิบาย ครคู อย ในภาคใต้มีสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมือนกับภูมิภาคอ่ืนๆ คือ มีเพียงฤดูร้อนและฤดูฝน นอกจากนี้ ภาคใต้ยังมี
เสริมเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอมลู ของผลงานที่นักเรียน ทรพั ยากรธรรมชาติทอี่ ุดมสมบูรณม์ าตัง้ แต่สมยั โบราณ ชว่ ยดงึ ดดู ความสนใจของผคู้ นจากทีต่ า่ งๆ ให้อพยพเข้ามา
ยกตวั อยางมา จากนั้นครถู ามนักเรยี นวา ตั้งหลักแหลง่ อยอู่ ยา่ งตอ่ เน่อื ง พร้อมกบั การเผยแผเ่ ข้ามาของพระพทุ ธศาสนา ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู และศาสนา
อสิ ลาม ทา� ใหอ้ ทิ ธพิ ลทางศลิ ปวฒั นธรรมจากภายนอกไดเ้ ผยแผเ่ ขา้ มาและชว่ ยพฒั นาใหเ้ กดิ เปน็ อาณาจกั รสา� คญั ใน
• สถาปต ยกรรมภาคใตไ ดรบั อิทธิพลมาจาก บรเิ วณดนิ แดนคาบสมทุ รภาคใต ้ เชน่ อาณาจกั รลงั กาสุกะ อาณาจกั รตามพรลิงค์ อาณาจกั รศรีวชิ ยั เป็นต้น เหน็ ได้
สิ่งใดเปน สาํ คญั จากหลักฐานท่ีปรากฏ โดยเฉพาะโบราณสถาน โบราณวตั ถุจ�านวนมากท่ีพบตามชมุ ชน และวัดวาอารามต่างๆ
(แนวตอบ สถาปต ยกรรมในภาคใต
สวนใหญเกดิ ขนึ้ พรอมกบั การเขามาของ ๑) จิตรกรรม การเขียนภาพบนฝาผนัง
พระพุทธศาสนา นิกายมหายาน
หลกั ฐานทสี่ าํ คญั ไดแก พระบรมธาตุ หรือเขียนลงบนวัตถุอื่นๆ จะมีรูปแบบที่คล้ายกับ
เมืองนครศรีธรรมราช (องคเ ดมิ ) และ ภาคกลาง คอื นิยมน�าเรอ่ื งราวทางพทุ ธประวัติ ไตรภูม ิ
พระบรมธาตุไชยา) หรอื นทิ านชาดกมาถา่ ยทอดเปน็ เรอื่ งราวลงในภาพเขยี น
โดยเขียนลงบนผนังตามส่วนต่างๆ ของอุโบสถ วิหาร
หอไตร ภาพเขยี นบางแหง่ จะไดร้ บั อทิ ธพิ ลตามแบบอยา่ ง
ของสกุลช่างหลวงโดยตรง เช่น
วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดสงขลา
เป็นต้น บางวัดเขียนขึ้นจาก
ฝีมือของช่างในท้องถ่ินเอง ภาพชูชกพบทหารแห่งนครสีพี เป็นจิตรกรรมฝาผนังวัดคูเต่า
โดยมีการเลียนแบบ หรือรับ จังหวัดสงขลา
อิทธิพลจากจิตรกรรมของช่างหลวงมาปรับใช้ในการท�างานของตน ในระยะหลัง
การเขียนภาพลงบนฝาผนังฝีมือจะไม่ประณีตเท่าเดิม อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีการ
แสดงออกถึงเอกลักษณ์ของช่างในท้องถิ่นอยู่มาก เช่น ความจริงใจ ความกล้า
แสดงออกในการสรา้ งสรรค์ผลงาน เปน็ ตน้
๒) ประตมิ ากรรม ผลงานทเ่ี กิดจากการปนั การหลอ่ และการแกะสลักของ
ภาคใต้ในยุคแรกได้รับอิทธิพลม1าจากศิลปะอินเดีย มีการสร้างเป็นรูปพระโพธิสัตว์
ปางตา่ งๆ การทา� พระพมิ พด์ นิ ดบิ จนถงึ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
รชั กาลท ่ี ๕ เปน็ ตน้ มา สกลุ ชา่ งประตมิ ากรรมทางภาคใตเ้ รมิ่ เสอื่ มลงตามลา� ดบั การสรา้ ง
ผลงานทัศนศลิ ป์มกั นิยมนา� แบบอย่างจากช่างหลวงมาเป็นแนวทางทา� ใหแ้ บบอย่างของ
ความเปน็ ท้องถน่ิ ค่อยๆ มนี ้อยลง อยา่ งไรกต็ ามวัดวาอารามทอี่ ยนู่ อกเมืองออกไป
2 กย็ งั สามารถพบเหน็ ประตมิ ากรรมทอ้ งถนิ่ แบบภาคใตท้ ยี่ งั คงอนรุ กั ษ์
พระโพธิสัตว์อวโลกเิ ตศวร ปฏิมากรรมสมยั ศรวี ิชัย สืบสานรูปแบบของวฒั นธรรมทอ้ งถ่ินไว้อยบู่ า้ งในบางพืน้ ที่
11๘
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 พระพิมพด นิ ดบิ เหตทุ ่ที าํ เปนพระพมิ พด ินดิบ เน่อื งจากมวลสารท่ีนาํ มาสรา ง
เช่อื วา นาจะเอาเถา อฐั ิของพระเถระ หรอื บคุ คลสาํ คัญมาผสมกบั ดนิ พมิ พเ ปน แนวคดิ ในการสรา งผลงานจติ รกรรมไทยในสมยั โบราณมาจากเรอ่ื งใดมากทส่ี ดุ
พระพทุ ธรปู และดว ยเหตทุ เ่ี ถา อฐั นิ นั้ ไดผ า นการเผามาแลว จงึ ไมน าํ เอาไปเผาซาํ้ อกี 1. บุคคลสําคัญ
2 ประตมิ ากรรมสมัยศรีวิชัย ศาสนาท่มี ีอิทธพิ ลตอ ชาวศรีวชิ ัยอยา งมาก คือ 2. พุทธประวตั ิ
พระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายานและศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู โดยประตมิ ากรรมที่ 3. นิทานพ้ืนบาน
เกยี่ วเน่อื งกบั พระพุทธศาสนาทีเ่ ดนชัดที่สุดกค็ อื รูปพระโพธสิ ัตวอวโลกิเตศวร 4. เหตุการณใ นยคุ น้นั ๆ
ซึง่ จะมหี ลายอิริยาบถ โดยไดรบั อิทธพิ ลจากศลิ ปะชวาภาคกลางและศลิ ปะ
สมัยคปุ ตะของอนิ เดีย สว นประติมากรรมในศาสนาพราหมณ- ฮินดูจะเปน วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ผลงานจิตรกรรมไทยในอดตี นยิ มเขียน
รูปเทพเจาองคสําคัญๆ เชน พระนารายณ พระศวิ ะ พระพฆิ เนศวร เปน ตน
เก่ียวกับพทุ ธประวตั ิจากพระปฐมสมโพธิกถา และเร่อื งราวทางศาสนา
โดยจะนยิ มเขียนขึ้นเพอ่ื เปนพทุ ธบูชาตามผนงั โบสถ วิหาร ศาลาการเปรยี ญ
และผนังถํา้ ท้งั น้เี พ่อื ประดับตกแตง สถานท่แี ลว ยงั ถอื เปน การเผยแผศ าสนา
ในอีกทางหนง่ึ ดว ย
118 คูม่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
๓) สถาปตั ยกรรม สถาปตั ยกรรมในพน้ื ทภี่ าคใตส้ ว่ นมากเกดิ ขนึ้ พรอ้ มกบั การเขา้ มาของพระพทุ ธศาสนา 1 ใหน กั เรยี นรวบรวมขอ มลู เกย่ี วกบั งานทศั นศลิ ป
ในแตละภมู ภิ าคมารว มกนั จัดนิทรรศการในหวั ขอ
นกิ ายมหายาน หลกั ฐานทส่ี า� คญั ไดแ้ ก ่ โบราณสถานและโบราณวตั ถทุ ส่ี า� คญั ทางศาสนาหลายแหง่ เชน่ พระบรมธาต ุ “ความงามของงานศิลปะบนผืนแผน ดนิ ไทย”
เมืองนครศรีธรรมราช (องค์เดิม) พระบรมธาตุไชยา เป็นต้น รวมทั้งมีการสร้างบ้านเรือนตามแบบอย่างของ โดยหาภาพประกอบและตกแตง ใหส วยงาม
ช่างหลวงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับท้องถิ่น เช่น
เจดยี ์วดั ราษฎร์บรู ณะ (วดั ชา้ งให)้ วัดชลธาราสงิ เห วดั ถ�า้ ขวญั เมือง เปน็ ต้น ตรวจสอบผล Evaluate
กรณบี า้ นเรอื นในภาคใตจ้ ะมคี วามสอดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มทางภมู ศิ าสตรแ์ ละสภาพสงั คม วฒั นธรรม
เปน็ อยา่ งยงิ่ โดยมกี ารสรา้ งทพ่ี กั แยกออกเปน็ หลงั เมอื่ มกี ารขยายของครอบครวั และแยกครอบครวั ออกจากเรอื นนอน ครูพิจารณาจากการจัดนิทรรศการในหวั ขอ
โดยมนี อกชานเปน็ ตวั เชอ่ื ม สว่ นลกั ษณะของหลงั คาเรอื นจะนยิ มสรา้ งเปน็ สแี่ บบ คอื หลงั คาทรงจว่ั หลงั คาทรงปนั หยา “ความงามของงานศลิ ปะบนผนื แผนดินไทย”
ของนกั เรียน โดยพจิ ารณาในดา นความถกู ตอ ง
หลังคาทรงบราเนอร์ และหลังคาทรงมนลิ า ลกั ษณ2 ะเด่นของเรือนในภาคใต้จะนยิ มวางเสาไวบ้ นตนี เสา (ตอม่อ) ท่ี ความสวยงาม และความมุงม่ันในการทํางานของ
นักเรียน
ก่ออิฐและฉาบปนู เมือ่ ในกรณีท่ีตอ้ งการยา้ ยบา้ นสามารถจะหามและยา้ ยไปทตี่ ้ังใหมไ่ ดส้ ะดวก
พระบรมธาตุไชยา จงั หวดั สุราษฎรธ์ าน ี สถาปัตยกรรมท่ีมลี กั ษณะเดน่ เปน็ เอกลักษณ์ และแสดงถงึ ความงดงามของอาณาจักรศรีวชิ ยั
119
แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นักเรยี นควรรู
ผลงานทัศนศิลปภาคตา งๆ ของไทย มรี ูปแบบการสรางสรรคท แ่ี ตกตา ง 1 พระบรมธาตุ หมายถงึ สถปู เจดยี หรอื พระปรางคท บี่ รรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตุ
กนั ไปตามอิทธพิ ลของสิง่ ตา งๆ ทแ่ี วดลอมในภมู ภิ าคนนั้ แตหากวิเคราะหแลว ในวดั ท่ีสรา งขน้ึ เปนหลกั ของเมอื ง ทัง้ นีพ้ ระบรมธาตมุ ีชื่อเรยี กอีกวา พระศรีรัตน-
จะมสี งิ่ ทเี่ หมือนกนั ทกุ ภมู ิภาคคือสง่ิ ใด มหาธาตุ พระมหาธาตุ เปนตน
แนวตอบ ผลงานดา นจติ รกรรม ประติมากรรม และสถาปต ยกรรม 2 ยา ยบาน การออกแบบบานเรอื นที่วางเสาไวบ นตอมอ ตนี เสา ซึง่ จะกออฐิ
ในภาคตางๆ ของไทย มคี วามเหมอื นกันในเร่อื งของเนอ้ื หาเรอื่ งราวของ ฉาบปูนไว ถือเปน ภูมิปญ ญาทอ งถิน่ ของภาคใต เหตทุ ี่ออกแบบเชน นี้ เพื่อให
ผลงานทส่ี วนใหญจ ะสะทอนถึงการนบั ถอื พระพุทธศาสนา โดยสะทอ นเปน สอดรบั กบั สภาพภูมิอากาศท่มี ฝี นตกชุก หากมนี า้ํ หลากจะไดเ คล่อื นยายไดง าย
ภาพเขียนสเี ร่อื งราวพทุ ธประวตั ิ การปน และหลอองคพระพทุ ธรปู ปางตางๆ รวมถงึ ปอ งกันเสาผจุ ากความชื้นและการกัดกินของปลวก
การกอ สรา งเจดีย พระธาตุ สถูป พระปรางคตางๆ หรือกลา วอยา งสรปุ ได
วา ผลงานทศั นศลิ ปท ี่สรางขึน้ สว นใหญไ ดร ับอทิ ธพิ ลจากพระพุทธศาสนา
ทั้งสิน้
คูม่ อื ครู 119
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครใู หนักเรยี นดภู าพจิตรกรรมในหนังสอื เรยี น ô. à»ÃÕºà·ÂÕ º§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔÅ»ŠÀÒ¤µÒ‹ §æ ¢Í§ä·Â ภาคเหนอื
หนา 120 แลว ครูถามนกั เรียนวา ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
ทัศนศิลป์ของไทยและท้องถิ่นถือก�าเนิดข้ึน ภาคกลาง
• หากนักเรยี นไมม คี วามรเู รื่องลักษณะผลงาน ตามภมู ภิ าคตา่ งๆ ของประเทศ ทม่ี ลี กั ษณะทางภมู ศิ าสตร์
ทัศนศลิ ปใ นแตล ะภมู ภิ าคของประเทศไทย ประวัติความเป็นมา สังคมและวัฒนธรรมที่เป็นลักษณะ ภาคใต
นกั เรยี นจะสามารถระบไุ ดไ หมวา ผลงาน เฉพาะ ซ่ึงปัจจัยดังกล่าวล้วนมีอิทธิพลต่อรูปแบบและ
ชิน้ ใดเปนของภาคใด ลักษณะของงานทัศนศิลป์เป็นอย่างมาก การที่จะเข้าใจ
(แนวตอบ นกั เรียนตอบไดอยา งอสิ ระ) ถึงงานทัศนศิลป์ในภาคต่างๆ ของไทยเพ่ือให้เห็นภาพ
อยา่ งชดั เจน ผเู้ รยี นจะตอ้ งมองผลงานทศั นศลิ ปใ์ หเ้ ปน็ ไป
• นักเรยี นมีวิธีการจําแนกผลงานทศั นศลิ ปข อง ตามปจั จยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งดว้ ย ซงึ่ อาจจะมที ง้ั สว่ นทเี่ หมอื นกนั
แตละภูมิภาคอยา งไร หรือสว่ นทแ่ี ตกต่างกันตามรายละเอยี ด ดงั นี้
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ)
สา� รวจคน้ หา Explore
ใหนักเรยี นศกึ ษา คน ควาตวั อยา งการ ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ภาคกลาง ภาคใต
เปรียบเทียบงานทศั นศิลปประเภทจิตรกรรม
ประตมิ ากรรม และสถาปต ยกรรมภาคตา งๆ ของไทย
จากหนังสอื เรยี น หนา 120-121 พรอ มท้ังสืบคน
ตวั อยา งภาพงานทัศนศลิ ปภาคตา งๆ ของไทย
ทีน่ อกเหนือจากหนังสอื เรียน จากแหลงเรยี นรตู า งๆ
เชน หอ งสมดุ อนิ เทอรเนต็ เปนตน
อธบิ ายความรู้ Explain จิตรกรรมในภาคเหนอื นิยม จติ รกรรมในภาคตะวันออก- จติ รกรรมในภาคกลาง นิยม จติ รกรรมในภาคใต นิยมเขียน
1. ใหนักเรยี นรวมกันอภิปรายเกยี่ วกับความ เขียนโดยชา งพนื้ บา น มเี นอ้ื เรื่อง เฉียงเหนือ นิยมเขยี นโดยชา ง เขียนโดยชา งหลวง มีเน้ือเรื่อง โดยชา งพ้ืนบา น มีเนอ้ื เรอื่ ง
แตกตางของผลงานดานจิตรกรรมภาคตางๆ 1เกีย่ วกับพทุ ธประวัติจาก พนื้ บา น มเี นอ้ื เรอ่ื งเกย่ี วกบั พทุ ธ- เกย่ี วกบั พุทธประวตั ิจาก เก่ียวกับพุทธประวัตจิ าก
ของไทย แลวสรปุ สาระสําคญั ลงสมดุ บนั ทกึ พระปฐมสมโพธกิ ถา และ ประวตั ิจากพระปฐมสมโพธกิ ถา พระปฐมสมโพธกิ ถา ไดแ ก พระปฐมสมโพธกิ ถา และ
ตํานานพน้ื บา นตางๆ การเขยี น และวรรณกรรมพนื้ บา น เชน ทศชาตชิ าดก มารผจญ หรือ เรือ่ งราวทองถิ่นสอดแทรก
2. ครใู หนกั เรียนนําตวั อยา งผลงานจติ รกรรม ภาพจะปรากฏในพระวหิ าร หอคาํ พระศรีมโหสถ เปน ตน ภาพพระอดตี พทุ ธ และเรอื่ งราว โดยเฉพาะเรอื่ งราวในศาสนา
ภาคตา งๆ ของไทย ทีน่ ักเรยี นสบื คนมาน้ัน และศาสนสถานอืน่ ๆ การเขยี น การเขยี นภาพจะมปี รากฏภายใน ทางประวตั ศิ าสตร วรรณคดตี า งๆ พราหมณ-ฮนิ ดู ศาสนาอิสลาม
นาํ มาแปะบนกระดานดาํ โดยเรยี งลาํ ดบั ผลงาน ภาพระบายสนี ิยมใชส ีเหลอื ง โบสถทเ่ี รยี กวา “สิม” และ การเขียนภาพทปี่ รากฏบน ทป่ี รากฏผานการตกแตง ดวย
ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สีทอง และสีแดงเปน หลัก ศาลาการเปรยี ญท่เี รยี กวา ผนังอาคาร ไดแก โบสถ วิหาร รปู แบบ และลวดลายตา งๆ
และภาคใต ตามลาํ ดบั จากนัน้ ใหน ักเรียน สาํ หรบั การตกแตง ลวดลายและ “หอแจก” เทคนคิ ในการเขยี นภาพ ศาลาการเปรยี ญ รวมถึงใน อยางนาสนใจ
รว มกันวิเคราะหวา ลักษณะของผลงาน การใชสีหลายสีในการเขยี นเปน จะใชส ฝี นุ ผสมกาวจากธรรมชาติ สมุดขอย เทคนิคการเขียนจะใช
จิตรกรรมแตละภาคมีสว นใดท่ีเหมือนกัน ภาพ และเรอ่ื งราวในพทุ ธประวตั ิ ระบายแบบเรียบงาย ดูหยาบ สฝี นุ ผสมกาวจากธรรมชาติ เปน
หรือมีสว นใดที่แตกตางกนั วรรณคดีจะมีรายละเอียดที่ แตดมู ีความอิสระ และจริงใจ วัตถดุ บิ ในการสรา งสรรคผลงาน
งดงามมาก
12๐
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เก่ยี วกบั ผลงานทศั นศลิ ปภ าคตา งๆ ของไทยวา โดยทั่วไปแลว
ปจ จยั ทีเ่ ปนเครือ่ งกาํ หนดลกั ษณะของผลงานทัศนศิลปประกอบดวยดนิ ฟา อากาศ ผลงานจิตรกรรมไทยของแตละภาคมีความคลา ยคลึงกนั มากท่ีสดุ ในเรือ่ งใด
เทคนคิ วัสดอุ ปุ กรณ การคมนาคม การปกครอง เศรษฐกจิ ระบบสงั คม วฒั นธรรม 1. รปู แบบการเขียน
ความเช่ือ และรสนยิ ม ซ่งึ ปจ จยั ทเี่ ปลี่ยนแปลงงายท่ีสุด เชน ปจ จยั ดานรสนยิ ม 2. เรื่องราวทีน่ าํ เสนอ
เทคนคิ สวนปจ จัยทีเ่ ปล่ียนแปลงไดย ากหรือเปลี่ยนแปลงชา เชน ปจจัยดา นดิน 3. การจัดองคประกอบ
ฟา อากาศ วฒั นธรรม และความเชือ่ 4. สภาพของชุมชน
นกั เรียนควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. จติ รกรรมไทยถึงแมในแตละภาคจะมี
1 พระปฐมสมโพธิกถา ชอื่ คัมภีรแสดงเรอื่ งราวของพระพุทธเจา ตั้งแตป ระทบั วธิ กี ารเขยี น รูปแบบทใ่ี ช คตินิยมในการสรางทแ่ี ตกตางกนั ไป ทาํ ใหผ ลงาน
อยบู นสวรรคช ัน้ ดุสิต เทวดาอัญเชญิ ใหมาอุบัตใิ นมนุษยโลก แลว ออกบวช ตรัสรู ทแ่ี ลว เสร็จออกมามีความแตกตางกนั ดแู ลวสามารถจะบอกไดวา เปน
ประกาศพระศาสนา ปรินิพพาน จนถงึ การแจกพระธาตุ ตอ ทา ยดว ยเรื่อง ของภาคใด แตเร่อื งราวทน่ี ยิ มนํามาวาดสว นใหญจะเปนเรื่องราวพุทธประวัติ
พระเจาอโศกมหาราชยกยอ งพระศาสนา และการอันตรธานแหงศาสนาในทส่ี ดุ หรือแสดงเรือ่ งราวท่เี ก่ยี วขอ งกบั พระพทุ ธศาสนา
120 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ภาคกลาง ภาคใต 1. ใหน กั เรียนรวมกนั อภปิ รายเก่ียวกบั
ความแตกตางของผลงานประตมิ ากรรม
ปฏิมากรรมพระพุทธรูปใน ปฏิมากรรมพระพทุ ธรปู ใน ปฏิมากรรมภาคกลาง ได ปฏิมากรรมภาคใต ไดร ับ และสถาปต ยกรรมภาคตา งๆ ของไทย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื นิยม รบั อิทธิพลมาจากศิลปะลังกา แลวสรุปสาระสาํ คญั ลงสมุดบนั ทกึ
ภาคเหนอื ไดร บั อิทธพิ ลจาก ทําเปน ปางตา งๆ เชน เขมร และตะวันตก นิยมทําเปน อทิ ธิพลจากศิลปะอินเดยี
อินเดีย พมา และลังกา นิยม ปางมารวชิ ยั ปางขดั สมาธิ (ตรสั ร)ู พระพทุ ธรูปในปางตางๆ กนั ชวา และจามปา นิยมทาํ เปน 2. ครใู หน กั เรยี นนาํ ตวั อยางผลงานประตมิ ากรรม
ทาํ เปน พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ยั ปางประทบั ยืน ปางนาคปรก เชน ปางสมาธิ ปางมารวชิ ัย พระพทุ ธรปู และพระโพธิสตั ว ภาคตา งๆ ของไทย ทีน่ ักเรียนสืบคน มานั้น
เชน แบบเชียงแสน แบบสุโขทัย เปนตน มีวสั ดุทใี่ ช คือ โลหะ เปน ตน การปน พระพทุ ธรปู องคท ม่ี ชี อ่ื เสยี ง และมรี ปู ลกั ษณะ นาํ มาแปะบนกระดานดาํ โดยเรยี งลาํ ดบั ผลงาน
เปนตน โดยเฉพาะพระพุทธรปู และไม โดยเฉพาะพระพทุ ธรูป ในระยะหลงั จะนิยมทาํ ทง่ี ดงามมาก ไดแ ก พระโพธสิ ตั ว ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
สมัยสโุ ขทัยในหมวดแรกจะมี ทีแ่ กะสลักจากไม มพี ทุ ธลักษณะ พระพทุ ธรูปแบบ อวโลกเิ ตศวร หลอดวยสํารดิ และภาคใต ตามลาํ ดบั จากนัน้ ใหน ักเรยี น
พุทธลกั ษณะทงี่ ดงามมาก เชน โดดเดน เปนแบบพ้ืนบาน เหมือนจริงตาม พบทอี่ ําเภอไชยา รว มกันวิเคราะหว า ลักษณะของผลงาน
พระพทุ ธชินราช มพี ระพกั ตรแ บบกลม แบบอยา ง จังหวดั สุราษฎรธานี ประติมากรรมแตละภาคมสี วนใดท่ีเหมอื นกัน
ทป่ี ระดิษฐาน แบบเหลีย่ ม ของตะวันตก ปจจบุ ันจดั แสดงอยทู ี่ หรอื มสี ว นใดท่แี ตกตา งกนั
อยทู ี่วดั พระศรี- และพระพกั ตรร ี หองศรวี ิชัย
รัตนมหาธาตุ เปน รูปไข ประทบั พพิ ิธภณั ฑสถาน- 3. ครูใหน กั เรยี นนําตัวอยางผลงานสถาปต ยกรรม
จังหวัด นงั่ อยูบนฐาน แหง ชาติ พระนคร ภาคตางๆ ของไทย ทน่ี กั เรียนสืบคน มานั้น
พิษณุโลก นาํ มาแปะบนกระดานดาํ โดยเรยี งลาํ ดบั ผลงาน
เปนตน ทส่ี งู มาก ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
และภาคใต ตามลําดับ จากน้นั ใหนักเรียน
รวมกนั วเิ คราะหวา ลกั ษณะของผลงาน
สถาปต ยกรรมแตล ะภาคมสี ว นใดทเ่ี หมอื นกัน
หรอื มสี วนใดท่ีแตกตา งกัน
สถาปต ยกรรมในภาคเหนอื สถาปต ยกรรมในภาค สถาปตยกรรมในภาคกลาง สถาปตยกรรมในภาคใต
มีลักษณะศลิ ปะแบบลานนาทไ่ี ด ตะวันออกเฉยี งเหนือ มลี กั ษณะ
รบั อทิ ธพิ ลจากพมา และศิลปะ การกอ สรา งสถูป หรอื เรยี ก มลี กั ษณะการกอสรา ง สิง่ ปลูกสรางเปน อาคารใน
สมยั ทวารวดี มรดกทางทศั นศลิ ป วา “พระธาตุ” โบสถ หรอื เรียก สถาปตยกรรมในหลายรปู แบบ พระพทุ ธศาสนาแบบมหายาน
ทส่ี าํ คญั เชน เจดยี วัดเจด็ ยอด วา “สมิ ” กับปราสาทหนิ ใน เชน พระอโุ บสถ พระวหิ าร ลกั ษณะเดน ไดแก พระบรม-
(วดั โพธาราม) วดั พระสงิ ห- ชวงสมัยตา งๆ กนั โดยเฉพาะ พระปรางค พระสถปู เจดีย ธาตุไชยา จงั หวัดสุราษฎรธานี
วรวิหาร วดั พระธาตดุ อยสุเทพ ปราสาทหินทมี่ กี ารกอ สรางมาก เปน ตน การปลูกสราง มีการ มรี ปู แบบคลา ยกบั สถาปต ยกรรม
วัดกกู ุด (วดั จามเทว)ี เปน ตน ในบรเิ วณอีสานใต แถบจังหวดั ออกแบบตกแตงอยางวิจติ ร บนเกาะชวา สถาปต ยกรรม
สว นบานเรอื นนิยมทําแบบ บรุ รี ัมย สุรนิ ทร ศรีสะเกษ บรรจง มกี ารจดั วางแผนผงั ของ อกี ลกั ษณะหน่ึง คือ สถูปเจดยี
เรือนทรงกาแล สง่ิ กอ สรา งอยางสมบูรณแ บบ ที่ไดร ับอทิ ธิพลจากลังกา คอื
เชน วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม พระบรมธาตเุ จดยี วัดพระ-
วัดพระเชตุพนวิมลมงั คลาราม มหาธาตวุ รมหาวิหาร จังหวัด
เปนตน นครศรธี รรมราช ดัดแปลงมา
จากสถาปต ยกรรมแบบศรีวิชยั
121
บูรณาการเช่ือมสาระ เกรด็ แนะครู
การศึกษาเก่ียวกับงานทัศนศิลปใ นแตละภูมิภาคสามารถบูรณาการ ครูใหนักเรียนชวยกนั หาผลงานเดน ๆ ทงั้ ทางดา นจิตรกรรม ประตมิ ากรรม
กับการเรียนการสอนของกลุม สาระการเรียนรสู งั คมศกึ ษา ศาสนา และ และสถาปต ยกรรมของแตล ะภาค พรอ มท้ังขอ มลู จากนน้ั นําภาพและขอ มลู
วัฒนธรรม วิชาภมู ศิ าสตร เร่อื งการแบงเขตหรือภาคในทางภูมศิ าสตร มาอภิปรายเพื่อเปรยี บเทียบใหเหน็ ความแตกตา ง โดยเฉพาะดานรูปแบบ
เพราะหากนกั เรยี นมคี วามรคู วามเขา ใจและศกึ ษาขอ เทจ็ จรงิ ของแตล ะภมู ภิ าค และองคป ระกอบทางดา นเรือ่ งราวทส่ี อดแทรกอยู ซึง่ จะชวยทําใหนกั เรยี นมีความรู
ไดช ดั เจน รจู กั สภาพแวดลอ มของแตล ะภาค รวมทง้ั ปญ หาของแตล ะทอ งถน่ิ ความเขาใจเกย่ี วกบั ผลงานทัศนศิลปของแตละภาความีจดุ ใดทีค่ ลา ยคลึง
จะทาํ ใหนักเรยี นเขาใจลักษณะรูปแบบสถาปตยกรรมของภูมิภาคตางๆ หรือแตกตา งกนั บา ง ทง้ั นีค้ รคู วรเปน ผูสรุปสาระสาํ คัญ แลว ใหนกั เรยี นจดบันทึก
ของไทยไดดยี งิ่ ข้นึ สาระสาํ คัญลงสมุด
คู่มือครู 121
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
ครูใหนักเรียนแบง กลมุ ออกเปน 3 กลมุ ให กจิ กรรม ศลิ ปป์ ฏบิ ตั ิ ๙.๒
แตล ะกลมุ สืบคน ผลงานทัศนศลิ ปภาคตางๆ
ของไทย จากแหลงเรียนรูต า งๆ เชน หนังสอื เรยี น กิจกรรมที่ ๑ ค รูเชิญวิทยากรมาบรรยายในหัวข้อ ผลงานทัศนศิลป์ที่ส�าคัญของชาติและผลงานทัศนศิลป์ที่
หองสมดุ อนิ เทอรเ น็ต เปนตน ตามหวั ขอทค่ี รู สา� คญั ในทอ้ งถน่ิ จากนนั้ นา� ขอ้ มลู ที่ไดม้ าสรปุ สง่ ครผู สู้ อน และนา� ขอ้ มลู ไปจดั แสดงทปี่ า ยนเิ ทศ
กําหนดให ดงั นี้ เป็นเวลา ๑ สปั ดาห์
กลุมที่ 1 ผลงานดา นจติ รกรรม กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนแต่ละคนน�าผลงานทัศนศิลป์ในประเภทจิตรกรรม หรือประติมากรรม หรือ
กลุม ท่ี 2 ผลงานดา นประติมากรรม สถาปตั ยกรรมของภูมภิ าคตา่ งๆ มาเปรียบเทยี บกนั เลอื กทา� เพยี ง ๑ ประเภท เช่น ลกั ษณะ
กลุมที่ 3 ผลงานดา นสถาปตยกรรม อาคารบา้ นเรือนของแต่ละภาค เปน็ ต้น โดยใหน้ า� เสนอขอ้ มูลสังเขปพร้อมภาพประกอบ
แลวใหแ ตล ะกลมุ นําผลงานทัศนศลิ ปภ าคตางๆ
ของไทยมาเปรยี บเทียบกนั โดยจดั ทําเปน รายงาน กิจกรรมท่ี ๓ จงตอบค�าถามตอ่ ไปนี้
พรอมหาภาพประกอบ นาํ ผลงานสง ครผู ูส อน ๓.๑ ผลงานทศั นศิลปข์ องชาติกับทอ้ งถ่นิ มคี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
๓.๒ ปัจจัยอะไรบ้างทที่ �าใหผ้ ลงานทศั นศิลป์ในแต่ละภูมภิ าคมคี วามเหมอื น หรือแตกต่างกัน
ตรวจสอบผล Evaluate
ครพู ิจารณาจากรายงานการเปรยี บเทียบผลงาน สรปุ งานทศั นศลิ ป์ นบั เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทางภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ และภมู ปิ ญั ญาไทยทสี่ ำาคญั
ทัศนศิลปภาคตา งๆ ของไทยของนกั เรียน โดย
พจิ ารณาดา นความถกู ตองของเน้อื หาสาระและ ของชาติ ซึง่ งานทศั นศิลป์ของชาติและของทอ้ งถิน่ มรี ปู แบบทแ่ี ตกตา่ งกันไปตามภมู ภิ าค ดว้ ยปจั จยั ทาง
ความสวยงาม ภมู ศิ าสตร์ สงั คมและวฒั นธรรมในแตล่ ะพน้ื ที่ ตอ่ มาเมอื่ ความเจรญิ ทางสงั คมมมี ากขนึ้ ทำาใหร้ ปู แบบงาน
ทัศนศิลป์ของชาติได้แพร่หลายออกไปยังท้องถ่ินต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค ทำาให้ผลงานทัศนศิลป์ประเภท
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ต่างๆ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมในท้องถิ่น เริ่มรับเอาแบบอย่างและรูปแบบ
วิธีการของส่วนกลางมากข้ึนตามลำาดับ ท้ังน้ี งานทัศนศิลป์ในแต่ละภูมิภาคต่างก็มีรูปแบบของผลงาน
1. การจดั นิทรรศการในหัวขอ “ความงามของ ทั้งทม่ี คี วามเหมอื นกนั และแตกต่างกนั ขนึ้ อยูก่ บั ปัจจัยต่างๆ กนั ด้วยเหตนุ ก้ี ารศึกษาเกย่ี วกบั ทัศนศิลป์
งานศลิ ปะบนผนื แผนดินไทย” ของชาติและของท้องถิ่น จึงมีจุดประสงค์ที่จะให้คนไทยได้มีความรู้ ความเข้าใจ และภาคภูมิใจใน
ความเปน็ ไทยท่บี รรพบุรุษได้สงั่ สม จนเปน็ มรดกสืบทอดมาจนถงึ ปัจจบุ นั
2. รายงานการเปรยี บเทียบผลงานทศั นศลิ ป
ภาคตางๆ ของไทย
122
แนวตอบ กิจกรรมศลิ ป์ปฏิบตั ิ 9.2 กจิ กรรมที่ 3
1. งานทัศนศลิ ปข องชาติ หมายถงึ ศิลปะที่ถกู ถายทอดและสรา งขน้ึ โดยชางจากราชสํานกั หรอื ชางหลวง โดยมีรปู แบบที่แตกตางกนั ไปตามลักษณะของการใชส ื่อ วสั ดุ
กรรมวิธี ชวงเวลา และพัฒนาการทางศลิ ปะในแตละยคุ สมัย สะทอนใหเ ห็นถงึ เอกลกั ษณข องความเปน ไทย สวนงานทศั นศิลปทอ งถน่ิ เปน ศาสตรทางศลิ ปกรรม
ในดา นจติ รกรรม ประตมิ ากรรม และสถาปตยกรรม ทีส่ รา งสรรคจ ากภมู ิปญญาของชาวบา นท่ีไดคดิ ประดิษฐขน้ึ มาเปน เอกลักษณข องทองถ่นิ ท่ตี นอาศัยอยู
2. ปจจัยทีม่ ผี ลตองานทัศนศลิ ปของแตล ะภมู ภิ าค คอื ลักษณะทางภมู ิศาสตร ประวตั คิ วามเปนมา สงั คมและวัฒนธรรมทแ่ี ตกตา งกัน ลว นมผี ลตอการสรา งสรรคผลงาน
ทศั นศิลปใ นภูมภิ าคตา งๆ ของไทย
122 คู่มอื ครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
เปรียบเทยี บความแตกตา งของจดุ ประสงคใน
การสรา งสรรคงานทัศนศิลปข องวฒั นธรรมไทย
และสากล
สมรรถนะของผูเ รียน
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวติ
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค
1. มวี ินยั
2. ใฝเ รียนรู
3. มุงม่ันในการทาํ งาน
4. รักความเปนไทย
๑๐หนว่ ยที่ กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ทศั นศลิ ปใ์ นวฒั นธรรมไทยและสากล ครูใหน ักเรียนดูภาพหนา หนวย แลว ถาม
ผลงานทัศนศิลป์ล้วนมีปรากฏอยู่ในแต่ละวัฒนธรรม นักเรียนวา
ตัวชี้วัด
ศ ๑.๒ ม.๑/๓ ซ่ึงการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ขึ้นมาล้วนแต่ต้องการ • ภาพดังกลา วเปน งานทัศนศลิ ปท่มี ชี อ่ื วา
ตอบสนองความตอ้ งการของสงั คมทง้ั สนิ้ สาำ หรบั สงั คมไทย อะไร และมลี ักษณะรปู แบบเปน อยา งไร
■ เปรียบเทียบความแตกต่างของจุดประสงค์ในการสร้างสรรค์ (แนวตอบ โคลอสเซยี ม (Colosseum) เปน
งานทศั นศลิ ป์ของวฒั นธรรมไทยและสากล งานสถาปตยกรรมสมยั โรมนั เปน อาคาร
ประเภทอฒั จนั ทร สรางขึ้นดว ยการกอ อิฐ
ผลงานทางด้านทัศนศิลป์มีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีรปู แบบโรมันโบราณผสมผสานกับแบบ
คลาสสิก)
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง จุดประสงค์ในการสร้างสรรค์งานมีอยู่หลายปัจจัยเช่นเดียวกับ
ทัศนศิลป์สากลจะมีรูปแบบแตกต่างไปจากของไทย และมี • ผลงานทศั นศลิ ปใ นภาพปรากฏอยูทใี่ ด และ
มีความโดดเดน อยา งไร
■ ค วามแตกต่างของงานทัศนศิลปใ์ นวัฒนธรรมไทย จุดประสงค์ในการสร้างสรรค์ท่ีมีบางด้านทั้งเหมือนและแตกต่าง (แนวตอบ โคลอสเซยี มตั้งอยูท่ีกรงุ โรม
และสากล จากทศั นศลิ ปไ์ ทย การเรยี นรทู้ ำาความเขา้ ใจทศั นศลิ ปไ์ ทยและสากล ประเทศอติ าลี ถือเปนอฒั จนั ทรถ าวร
คร้ังแรกทีส่ รา งขึ้นในกรุงโรมและยังเปน
จะช่วยทำาให้เราสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของจุดประสงค์ อนุสาวรียทส่ี งางาม)
ในการสร้างสรรค์ทศั นศลิ ป์ระหวา่ งสองวัฒนธรรมได้
123
เกร็ดแนะครู
การเรยี นการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูผสู อนควรใหนักเรียนไดศ กึ ษางาน
ทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมไทยและสากลจากผลงานจริง หรอื ศกึ ษาจากภาพตวั อยาง
ผลงานทัศนศลิ ปป ระเภทตางๆ ท้งั ของไทยและสากล ซง่ึ จะเปนการชวยให
นกั เรียนสามารถเปรียบเทียบความแตกตา งของจุดประสงคในการสรา งสรรค
ผลงานทศั นศลิ ปทั้งสองวฒั นธรรมได
คมู่ อื ครู 123
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครใู หน ักเรียนดภู าพผลงานทศั นศิลปในอดีต ๑. ผลงานทศั นศลิ ป์ในวัฒนธรรมไทย
เชน ภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยธุ ยา วดั เกาะแกว
สทุ ธาราม จังหวัดเพชรบรุ ี ภาพลวดลายปูนปน งานทัศนศิลป์ของไทยเป็นการสร้างสรรค์ทางศิลปะ ที่เกิดจากการประดิษฐ์ คิดค้น และการแสดงออก
รูปกินรี สมยั สุโขทัย เปน ตน จากน้ันใหนักเรียน ของช่างศิลป์ หรือศิลปินไทยผ่านผลงานทัศนศิลป์ในรูปแบบประเภทต่างๆ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และ
รวมกันวเิ คราะหวา ภาพแตล ะภาพมีประเด็นใด สถาปัตยกรรม การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์อาจจะเป็นไปเพ่ือตอบสนองความต้องการทางจิตใจ โดยเน้นคณุ คา่
ทีส่ ัมพันธก นั ทางความคดิ ความงาม หรอื เพอ่ื ตอบสนองในเรอื่ งของประโยชน์ใชส้ อย เพอ่ื อา� นวยความสะดวกในชวี ติ ประจา� วนั
สา� รวจคน้ หา Explore ผ1ลงานทัศนศิลป์ที่สร้างข้ึนเพื่อตอบสนองความต้องการทางจิตใจ และความงาม จัดอยู่ในประเภท
ใหนกั เรยี นศึกษา คนควาเกีย่ วกบั ผลงาน “วิจติ รศลิ ป”์ (Fine Arts) หรอื “ศลิ ปะแท”้ ไดแ้ ก ่ ผลงานจติ รกรรม ประติมากรรม และสถาปตั ยกรรม สว่ นผลงาน
ทัศนศิลปในวฒั นธรรมไทย ดา นปจ จยั ทมี่ อี ิทธิพล ท่สี ร้างขนึ้ เพอ่ื เน้นประโยชน์ใชส้ อยเป็นหลกั มคี วามงามรองลงมาจัดอยู่ในประเภท “ประยุกตศ์ ลิ ป”์ (Applied Arts)
ตอ การสรางสรรคผ ลงาน จากแหลงเรียนรูตา งๆ ได้แก่ การออกแบบตกแตง่ การออกแบบเสอื้ ผา้ เปน็ ตน้
เชน หนังสอื เรยี น หองสมดุ อนิ เทอรเน็ต เปนตน ปัจจยั ทม่ี ีอทิ ธิพลตอ่ การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศลิ ปท์ ง้ั ๒ ประเภท ไดแ้ ก่
๑.๑ แนวความคดิ และปรัชญาความเชอ่ื
การแสดงออกทางความคดิ ของบคุ คล หรอื คา่ นยิ มตา่ งๆ รวมถงึ ปรชั ญาและความเชอ่ื ยอ่ มมผี ลกระทบตอ่
การสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ เชน่ แนวความคิดเกยี่ วกับศิลปะเพ่ือศิลปะ หรือแนวความคิดเก่ยี วกบั ศลิ ปะเพือ่ ชีวติ
ไดส้ รา้ งแรงบันดาลใจใหก้ ับผู้สรา้ งงานทศั นศลิ ป์ใหเ้ ห็นคลอ้ ยตามแนวความคดิ นัน้ เปน็ ตน้
จิตรกรรมฝาผนังสมัยอยธุ ยา วดั เกาะแกว้ สุทธาราม จังหวดั เพชรบรุ ี และลวดลายปนู ป้นั รูปกินรี สมยั สุโขทัย ตวั อยา่ งผลงานทศั นศิลปท์ ส่ี ะทอ้ น
ถงึ คติความเชอ่ื ของคนสมัยโบราณเกยี่ วกับศาสนา
124
นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 วิจติ รศิลป ผลงานศิลปะท่มี นุษยสรา งขึน้ ถึงขัน้ งามบริสทุ ธิ์ มกี ารแสดงออก
ถึงอารมณสะเทือนใจท่ีผชู มรับรูได เปน ผลงานสรา งสรรค มคี วามคดิ รเิ ร่ิม และ ขอ ใดเปน ปจ จยั ทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอการสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ป
แสดงเอกลักษณ ปรากฏจดุ มงุ หมายในดา นความรสู ึกและจินตนาการทางจิตใจ ในวัฒนธรรมไทยมากที่สุด
มากกวาประโยชนใชส อย
1. การทาํ มาหากิน
มุม IT 2. ศาสนาและความเชอื่
3. สภาพลมฟา อากาศ
นกั เรียนศึกษาเพม่ิ เตมิ เก่ียวกบั จิตรกรรมไทยและภาพวาดจติ รกรรมไทย ไดท่ี 4. การตอสูทาํ ศกึ สงคราม
http://www.jitdrathanee.com
วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ศาสนาและความเชื่อเปนปจจยั สําคัญ
ที่ทาํ ใหเ กิดการสรางสรรคผ ลงานทัศนศิลปป ระเภทตา งๆ โดยเฉพาะผลงาน
ที่มคี วามย่ิงใหญแ ละมคี วามประณตี สวยงาม ศิลปนและผรู วมสรางสรรค
ผลงานจะตอ งมคี วามเชื่อถอื และความศรัทธาเปน หลกั จึงจะมีพลงั กาย
และพลงั ใจท่ีจะสรางสรรคผลงานดังกลา วไวเปนมรดกของแผน ดนิ สบื ตอ ไป
124 คูม่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
๑.๒ วัสดแุ ละสง่ิ แวดล้อม ใหนกั เรยี นรว มกันอภิปรายเกยี่ วกับผลงาน
ทศั นศิลปในวัฒนธรรมไทย ดานปจจัยทม่ี ีอทิ ธพิ ล
การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์เพ่ือให้เกิดรูปทรง โครงสร้าง หรือเกิดเป็นภาพได้น้ัน การพิจารณาใน ตอการสรางสรรคผ ลงาน โดยใหน กั เรยี นสรุป
ลกั ษณะของผลงานทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทย
เรื่องของวัสดุที่ใช้ประกอบการสร้าง และเทคนิคในการออกแบบมีความจ�าเป็นอย่างย่ิง เพราะคุณสมบัติของวัสดุ และปจจัยท่มี อี ิทธิพลตอการสรา งสรรคผลงาน
เปนแผนผังความคิด (Mind Mapping)
ทแ่ี ตกตา่ งกนั จะทา� ใหเ้ กดิ คณุ คา่ ความงามและมเี นอื้ หาสาระทแ่ี ตกตา่ งกนั ทง้ั น ี้ หากผสู้ รา้ งมคี วามร ู้ และความเขา้ ใจ สง ครูผูสอน จากนั้นครถู ามนกั เรียนวา
เกยี่ วกับวัสดเุ ปน็ อย่างดี จะท�าให้การสรา้ งสรรค์ผลงานเมอ่ื สา� เร็จออกมาก็จะไดผ้ ลเป็นที่น่าพอใจ • จุดประสงคหลักของการสรางสรรคผลงาน
ทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทยคืออะไร
ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยส�าคัญต่อแนวความคิดและแรงบันดาลใจให้ผู้สร้างสรรค์ การศึกษา (แนวตอบ หลกั การสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป
ในวัฒนธรรมไทย สามารถสรปุ ไดเ ปน
ธรรมชาติกระท�าได้ทั้งมุมแคบและมุมกว้าง ซ่ึงแต่ละคนจะเห็นแง่มุมที่จะใช้ส�าหรับการสร้างสรรค์แตกต่างกันไป 6 ประการท่สี าํ คญั คือ ประการที่ 1
ทัศนศลิ ปไทยสรางสรรคข น้ึ เพ่อื ถา ยทอด
เร่ืองของศิลปะไม่มีผดิ ไมม่ ีถกู ขึ้นอย่กู บั วา่ ใครจะสามารถสร้างสรรค์ หรอื ถา่ ยทอดความงามออกมาได้มากกว่ากนั ประสบการณแ ละความรสู ึกนึกคิดตอ
การรับรูเ ร่ืองราวในสงั คมและวัฒนธรรมไทย
เทา่ นนั้ และก็ไมม่ เี ครือ่ งมอื ใดๆ จะมาวดั ผลการแสดงออกดงั กล่าวได้ด้วย ประการท่ี 2 ทศั นศลิ ปไ ทยสรา งสรรคข้ึน
เพื่อความภาคภมู ิใจของคนไทย ประการที่ 3
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งธรรมชาตแิ ละการสรา้ งสรรคท์ ศั นศลิ ปจ์ งึ เปน็ ไปในลกั ษณะทเ่ี ออ้ื ตอ่ กนั โดยธรรมชาติ ทศั นศลิ ปไทยสรา งขึ้นเพอ่ื จุดประสงค
อยา งใดอยา งหนึ่งบนพ้ืนฐานสังคมและ
จะให้บทเรยี นแกม่ นษุ ย์ในดา้ นความรสู้ กึ ใหมๆ่ เช่น ท้องทะเลทม่ี ีพ้ืนน้า� ใสเรียบราวกบั กระจก ดอกไมท้ ีม่ กี ลีบดอก วฒั นธรรมไทย ประการที่ 4 ทัศนศลิ ปไทย
สรา งสรรคข น้ึ เพอ่ื เปน แนวทางในการออกแบบ
สสี นั สวยงาม เป็นต้น ตกแตงเครอื่ งใชสอยและสภาพแวดลอ ม
ประการที่ 5 ทศั นศิลปไ ทยสรา งสรรคขน้ึ
ด้วยเหตนุ ้ี บรรดาศลิ ปนิ จงึ ไดอ้ าศยั ธรรมชาตเิ ป็นครสู �าหรับการสรา้ งสรรคท์ ศั นศิลปแ์ บบใหม่ๆ อยเู่ สมอ เพ่ือความสะดวกในการดาํ รงชวี ิต และ
ประการที่ 6 ทศั นศิลปไ ทยสรางสรรคขึ้น
ขณะเดยี วกนั ผลงานทศั นศิลปก์ ถ็ ือเปน็ แบบจา� ลองความงามทางธรรมชาติได้อยา่ งหนึง่ เพอื่ รบั ใชห รอื แสดงออกดา นความเช่อื
๑.๓ การรบั อทิ ธิพลทางศิลปะ ความศรทั ธาตอศาสนาและสถาบนั
พระมหากษตั รยิ )
มนุษยส์ ามารถด�ารงชีวิตอยู่ในสังคมได ้ ตอ้ งอาศัยปจั จัยเก้อื หนุนในหลายดา้ น ไดแ้ ก ่ ปัจจัยส่ที ป่ี ระกอบ
ด้วยอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ท่ีอยู่อาศัย และยารักษาโรค เป็นความต้องการพ้ืนฐานทั่วไป แต่มนุษย์มีความต้องการ
พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนให้ดีข้ึนใน
ทุกดา้ น ดังนั้น จงึ ได้มกี ารประดิษฐ์คิดค้น
และสร้างสรรค์ส่ิงอ�านวยความสะดวกต่างๆ
มากมายมาอยา่ งต่อเน่อื ง
การคิดค้น และการสร้างสรรค์ผลงาน
ทัศนศิลป์ นอกจากการศึกษาเรยี นรู้จากวัฒนธรรมไทย
แลว้ ยงั มกี ารเรยี นรจู้ ากวธิ กี ารจากภายนอกเพอ่ื นา� มาปรบั ปรงุ
และพัฒนาผลงานของตนให้มีความเจริญก้าวหน้าอีกด้วย เช่น
การรบั แบบอยา่ งทางศิลปะจากตะวันออก เชน่ อินเดีย จีน เปอรเ์ ซีย
เปน็ ต้น มาใช้ในการสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป ์ หรือการศึกษา
แหลง่ เรยี นรศู้ ลิ ปะตามแนวทางตะวนั ตก เปน็ ตน้ ซง่ึ อทิ ธพิ ล
ของศลิ ปะจากวฒั นธรรมภายนอกไดม้ สี ว่ นชว่ ยใหผ้ ลงาน 1
ทัศนศิลป์ของไทยมีการพัฒนาและเปล่ียนแปลงทั้งใน
“อิสรภาพ” ประติมากรรมปั้นหล่อไฟเบอร์กลาสส์ทําสี ผลงานของ
ดา้ นรปู แบบ เนอ้ื หา และการนา� เสนอมาโดยตลอด จารุพงษ ์ พลชยั เปน็ การสร้างสรรค์ผลงานตามแนวศิลปะตะวันตก
12๕
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู
ใหน กั เรยี นสรปุ ลกั ษณะของงานทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทยมาพอสงั เขป ครอู ธิบายเพ่ิมเติมเกยี่ วกบั อิทธิพลของศิลปะตะวันตกท่ีมีตอ พฒั นาการ
โดยทําลงกระดาษรายงาน สงครผู ูสอน ศิลปะไทย ผลงานศิลปะสมัยใหมของไทยนับตง้ั แต พ.ศ. 2300 เปนตน มา รปู แบบ
ของผลงานจะมลี ักษณะเปน สากลและสะทอนอตั ลักษณเ ฉพาะของศลิ ปนมากข้ึน
กิจกรรมทา ทาย มีการใชว สั ดแุ ละเทคนคิ ใหมๆ รวมทัง้ การเปลี่ยนแปลงโลกทัศนอ ยางรวดเร็ว ทาํ ให
รปู แบบของศลิ ปะมคี วามหลากหลายมากยง่ิ ขนึ้ รวมถงึ ผลงานจาํ นวนมากกเ็ นน หนกั
ทค่ี วามคดิ รเิ ร่ิมเปน สาํ คัญมากกวาจะเนน เพอื่ ความสวยงาม
ใหน ักเรยี นยกตัวอยา งงานทัศนศลิ ปท แี่ สดงถึงวัฒนธรรมไทยอยาง นักเรยี นควรรู
ชดั เจนมา 1 ผลงาน จากนั้นเขยี นอธบิ ายลักษณะของผลงานมาพอสังเขป
โดยทาํ ลงกระดาษรายงาน สง ครูผสู อน 1 ไฟเบอรก ลาส เสน ใยแกว ท่ีถูกนาํ ไปใชเปนวสั ดเุ สรมิ แรงใหกบั พลาสตกิ เรซนิ่
และขน้ึ รปู เปน ผลติ ภณั ฑตางๆ เชน หลงั คารถ ชนิ้ สว นเครื่องบนิ ขนาดเลก็ ช้ินสวน
รถแขง ผลิตภณั ฑคอนกรตี เสริมใยแกว เปน ตน
คมู่ ือครู 125
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
ใหน ักเรียนแบงกลุม กลุม ละ 6 คน นาํ ตวั อยาง ๑.๔ หนา้ ที่ใชส้ อย
ผลงานทศั นศลิ ปในวฒั นธรรมไทย มากลมุ ละ
1 ผลงาน พรอ มวเิ คราะหในประเด็นตอ ไปนี้ ทศั นศลิ ปเ์ ปน็ กจิ กรรมประเภทหนงึ่ ทมี่ นษุ ยส์ รา้ งสรรคข์ นึ้ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการ
ในด้านต่างๆ โดยการแสดงออกผ่านผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ซ่ึง
• แนวคิดในการสรา งสรรคผลงาน การสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปเ์ หลา่ นน้ั ไดม้ สี ว่ นชว่ ยใหก้ ารดา� รงชวี ติ อยขู่ องมนษุ ย์ในสงั คม
• วสั ดทุ ใ่ี ชในการสรางสรรคผลงาน ปจั จบุ ันให้มคี ณุ ภาพท่ดี มี ากข้ึน ดังน้ี
• คุณคาความงามที่ไดร บั จากผลงาน ๑. เป็นเคร่อื งยกระดบั อารมณแ์ ละความรสู้ กึ ในเร่อื งความงาม
โดยใหน ักเรียนทาํ ลงกระดาษรายงาน นาํ สง ๒. ช่วยในการออกแบบการปรงุ แตง่ สิง่ แวดลอ้ มให้มีสภาพที่เหมาะสม สวยงาม
ครูผสู อน ๓. ช่วยปรับปรุงเทคนิคในการตกแต่งเครื่องอุปโภคบริโภคให้มีความน่าสนใจ
มากขึน้
ตรวจสอบผล Evaluate จงึ อาจสรปุ ไดว้ า่ จดุ ประสงคข์ องการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปใ์ นวฒั นธรรมไทย
เมื่อพจิ ารณาจากหลักฐานทางโบราณสถาน โบราณวัตถุและศิลปวตั ถุทีป่ รากฏตาม
1. ครูพจิ ารณาจากแผนผงั ความคิดสรปุ ลักษณะ ภูมิภาคต่างๆ ส่วนใหญ่จะพบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ในเร่ืองของความเชื่อ
ของผลงานทัศนศลิ ปในวัฒนธรรมไทย และ ความศรัทธาทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นเป็นปัจจัยหลัก ซึ่ง
ปจ จยั ท่ีมีอทิ ธพิ ลตอการสรางสรรคผ ลงาน จุดประสงค์ในการสร้างสรรค์ผลงานโดยรวม มดี ังนี้
ทศั นศลิ ปในวฒั นธรรมไทยของนักเรียน ประการที่ ๑ ทศั นศิลป์ไทยสรา้ งสรรคข์ น้ึ เพอ่ื ถ่ายทอดประสบการณแ์ ละความ
รสู้ กึ นึกคิดตอ่ การรับรเู้ รื่องราวในสงั คมวัฒนธรรมไทย
2. ครูพจิ ารณาจากการวเิ คราะหผลงานทัศนศิลป ประการที่ ๒ ทศั นศลิ ป์ไทยสร้างสรรค์ข้นึ เพอื่ ความภาคภูมิใจของตนเองและหมู่คณะ หรือ
ในวฒั นธรรมไทยในประเดน็ ตา งๆ ของนักเรียน
เป็นผลงานท่แี สดงถงึ อนสุ รณแ์ ห่งคณุ งามความดีต่างๆ ที่เกดิ ข้นึ ในอดตี หรอื ปจั จบุ ัน
1 ประการท่ี ๓ ทศั นศิลป์ไทยสร้างสรรค์ขน้ึ เพือ่ ดงึ ดดู ความสนใจของ
โขนเรอื พระทนี่ ั่งนารายณ์ทรงสบุ รรณ ผพู้ บเหน็ ทจี่ ะนา� ไปสจู่ ดุ ประสงคอ์ ยา่ งใด
อยา่ งหนง่ึ บนพื้นฐานสงั คมวัฒนธรรมไทย
ประการท่ี ๔ ทัศนศิลป์ไทยสร้างสรรค์ขึ้น เพ่ือเป็นแนวทาง
ในการออกแบบ และตกแต่งเครื่องใช้สอยและสภาพแวดล้อมให้มี
ความงามทีน่ า่ พงึ พอใจ
ประการท่ี ๕ ทศั นศลิ ป์ไทยสรา้ งสรรคข์ น้ึ เพอื่ ความสะดวก
ในการดา� รงชวี ิตของผสู้ ร้างสรรคง์ านทศั นศิลป์และผู้อน่ื
ประการที่ ๖ ทัศนศลิ ป์ไทยสร้างสรรค์ข้ึน เพ่อื รบั ใช้ หรอื
แสดงออกด้านความเชื่อ ความศรัทธาต่อสถาบันกษัตริย์ และสถาบัน
ศาสนา ซง่ึ ส่วนใหญจ่ ะเปน็ ผลงานทางดา้ นพระพุทธศาสนา
ตัวหนังใหญแ่ กะเปน็ รปู พาลีข่สี งิ ห์
12๖
นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 เรอื พระทน่ี ง่ั นารายณท รงสบุ รรณ เรอื นารายณท รงสบุ รรณเปน เรอื พระทน่ี ง่ั กง่ิ
ประเภทเรอื รปู สตั ว กลาวคอื เปนเรอื ที่แกะสลกั หัวเรอื เปน รูปสัตวตา งๆ ทง้ั สตั วจ รงิ งานศิลปะประเภทใดทเี่ หมาะแกการนาํ ไปใชต กแตง สวนสาธารณะนอยที่สุด
และสตั วใ นเทพนยิ าย โขนเรอื แตเ ดมิ จาํ หลกั ไมร ปู พญาสบุ รรณหรอื พญาครฑุ ยดุ นาค 1. สถาปตยกรรม
เทานั้น มชี องกลมสาํ หรับตดิ ตงั้ ปนใหญอ ยูทหี่ ัวเรือใตตัวครุฑ จนรชั สมยั พระบาท- 2. เทคนคิ ผสม
สมเดจ็ พระจอมเกลาเจาอยหู ัว (รชั กาลท่ี 4) มพี ระราชดาํ ริใหเสรมิ รปู พระนารายณ 3. จติ รกรรม
ประทบั ยืนบนหลงั พญาสุบรรณ เพือ่ ความสงา งามของลําเรือและเพ่อื ใหถ ูกตอง 4. ประติมากรรม
ตามคตใิ นเทพปกรณมั ของศาสนาพราหมณว า พญาสุบรรณน้ันเปนเทพพาหนะ
ของพระนารายณ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนอ่ื งจากงานจติ รกรรมเปน การเขียนภาพ
ระบายสี ซึ่งผลงานอาจจะชํารุดเสยี หายได ถานาํ ไปตงั้ ไวไ มถ กู ที่ เชน
โดนน้ําฝนหรือโดนแดด ดังน้นั ผลงานจติ รกรรมทกุ ประเภทจงึ ไมเหมาะกับ
การนาํ ไปใชตกแตง สวนสาธารณะ
126 คู่มอื ครู
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ò. ผลงานทศั นศิลป์ในวฒั นธรรมÊา¡ล ครใู หน กั เรยี นดภู าพวาดสมยั กอ นประวตั ศิ าสตร
และสมยั ประวตั ิศาสตร รปู ปน พระเศยี รของ
ศิลปะสากล เป็นศิลปะท่ีมีพ้ืนฐานมาจากศิลปะตะวันตก มีวิวัฒนาการ พระนางเนเฟอรต ิติ ภาพพระราชวงั แวรซายส
มาหลายยุคหลายสมัย และแพร่หลายไปยงั ชาตติ ่างๆ ซ่งึ ผลงานทศั นศิลปท์ ีส่ ร้าง สถาปต ยกรรมที่ไดรับอิทธพิ ลจากวฒั นธรรมกรกี
กันข้ึนมาในสมัยหลังๆ ส่วนใหญ่จะใชแ้ บบแผนตามแบบอย่างของศิลปะสากล และโรมัน ประเทศฝร่ังเศส ในหนงั สอื เรียน
ศิลปะสากลเป็นศิลปะท่ีผสมผสานแนวคิด ตลอดจนรูปแบบต่างๆ หนา 127 จากนนั้ ใหน ักเรียนรว มกันวิเคราะหวา
อย่างเป็นกลางและกว้างขวาง การใช้วัสดุอุปกรณ์และวิธีการสร้างสรรค์กระท�า ผลงานทศั นศิลปแ ตล ะผลงานเกยี่ วขอ ง
ได้อย่างอิสระไม่จ�ากัดขอบเขตตายตัว ผลงานที่ส�าเร็จออกมาไม่นับว่าเป็น และสมั พนั ธกันอยา งไร
รูปแบบของชาติใดชาติหนึ่งโดยเฉพาะ ซ่ึงคนทุกชาติทุกภาษามองแล้วเข้าใจ
ผลงานนนั้ ๆ ได้ เพราะมีความเปน็ นานาชาติ สา� รวจคน้ หา Explore
การสรา้ งสรรค์ทัศนศลิ ป์ในวฒั นธรรมสากล การสรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ป์
ในระยะแรกๆ ส่วนใหญเ่ กิดจากความเชือ่ และความศรทั ธาของอ�านาจล้ีลับต่างๆ ใหน ักเรยี นศกึ ษา คนควาเกีย่ วกบั ผลงาน
ท่มี องไม่เหน็ และมีรูปแบบในการแสดงออกของผลงานเปน็ การเลียนแบบ ทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากล ดานปจ จยั ทีม่ ี
ธรรมชาตแิ ละสงิ่ ทอ่ี ยใู่ กลต้ วั รวมทง้ั มกี ารพฒั นารปู แบบตามความคดิ สรา้ งสรรค์ อิทธิพลตอ การสรา งสรรคผลงานทัศนศิลปใน
ของมนษุ ย ์ จนในที่สดุ รูปแบบเหลา่ นั้นกค็ อ่ ยคล่คี ลายเป็นรปู แบบทางศิลปะทเ่ี ป็น รูปปั้นพระเศยี รของพระนางเนเฟอร์ติติ วัฒนธรรมสากล จากแหลง เรยี นรตู า งๆ เชน
เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ในสมยั อียปิ ต์ กรกี โรมนั หนังสอื เรยี น หอ งสมดุ อินเทอรเ น็ต เปนตน
งานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมกรีกและโรมัน 1ถือได้ว่ามีบทบาทต่องานทัศนศิลป์ในระยะหลัง จนพัฒนามา
เปน็ งานทัศนศิลป์รปู แบบต่างๆ ในยคุ ศลิ ปะสมยั ใหม่ (Modern Art) และยคุ ศลิ ปะหลงั สมัยใหม่ (Postmodern Art)
ประเทศทีม่ บี ทบาทส�าคัญในการพัฒนางานทศั นศลิ ป ์ ไดแ้ ก่ ประเทศฝรง่ั เศส โดยเฉพาะในช่วงปลายครสิ ต์ศตวรรษ
ที่ ๑๙ ลงมา แ2บบอย่างงานทัศน3ศิลป์ในวัฒนธรรมสากลจะมีแนวโน้มของการแสดงออกใน ๒ แบบ คือ
แนวนโี อคลาสสิกและแนวโรแมนติก เปน็ การคน้ หาความงามสงู สุดบนพืน้ ฐานของความสมบูรณ์แบบตามธรรมชาติ
พระราชวังแวรซ์ ายส์ สถาปตั ยกรรมที่ได้รับอทิ ธิพลจากวฒั นธรรมกรีกและโรมนั สรา้ งขนึ้ ในสมัยพระเจา้ หลยุ สท์ ี่ ๑๔ แหง่ ฝรั่งเศส เป็นสถานที่
ท่ไี ด้รับการตกแต่งให้มีความวิจิตรตระการตา หรูหรา และอลงั การมาก
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู
ขอ ใดเปนลกั ษณะของศิลปะสากล 1 ศลิ ปะสมัยใหม เปนรูปแบบเฉพาะของศิลปนแตล ะกลุม เนน ความ
1. เปน รูปแบบศิลปะตะวนั ตก เปนตัวของตัวเอง มีเทคนคิ วธิ ีการท่หี ลากหลาย มักจะเรยี กวา “ศลิ ปะรว มสมยั ”
2. มลี กั ษณะเหมือนศลิ ปะยุโรป 2 แนวนีโอคลาสสกิ หมายถงึ การนาํ รปู แบบคลาสสกิ เดมิ มาถา ยทอดเปน
3. คลายคลึงกับศลิ ปะของอเมรกิ า รปู แบบใหมท ี่สมั พันธก ับสภาพสังคม
4. เปนนานาชาตไิ มส ื่อวาเปนของชาตใิ ด 3 แนวโรแมนตกิ เปน ศลิ ปะทย่ี ดึ มนั่ ในอารมณและจติ ใจมากกวาเหตุผล
และกฎเกณฑ การแสดงออกของศลิ ปะรูปแบบนีม้ กั เปนการตัดกนั ของแสงเงา
วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. ศลิ ปะสากลเปนศลิ ปะทีผ่ สมผสานแนวคดิ มเี ร่อื งราวและรูปแบบทเี่ กนิ ความจรงิ มรี อยแปรงท่แี สดงถงึ การเคลอื่ นไหว
เปน เรอื่ งราวของการผจญภัย เน้ือเร่ืองนา ตน่ื เตน ประทับใจ
รปู แบบหรือสไตลจากศิลปะสกุลตา งๆ จนออกมาเปนศลิ ปะสากลที่มี
ความเปนนานาชาติ ไมส ื่อวาเปนของชาตใิ ดหรอื ศลิ ปะสกุลใดโดยเฉพาะ
แมจ ะมรี ากฐานมาจากศิลปะตะวันตกกต็ าม ทาํ ใหผ ูค นจากทุกวัฒนธรรม
ดแู ลวมคี วามเขา ใจตรงกนั ได
คมู่ ือครู 127
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหน กั เรยี นรวมกันอภิปรายเก่ียวกบั ผลงาน เสรมิ สาระ
ทศั นศลิ ปในวฒั นธรรมสากล จากน้ันให
นักเรียนสรปุ ลกั ษณะและปจ จัยท่มี อี ทิ ธพิ ลตอ ปจจัยท่มี อี ิทธพิ ลตอการสรา งสรรคผลงานทศั นศลิ ป
การสรา งสรรคผ ลงานทัศนศิลปในวฒั นธรรม
สากลเปนแผนผงั ความคิด (Mind Mapping) ๑. อิทธิพลทางดานภูมิศาสตร สภาพส่ิงแวดล้อมเป็นปัจจัยสําคัญอย่างหน่ึงท่ีมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงาน
สง ครผู ูส อน ซึ่งผู้สร้างสรรค์จะเลือกพิจารณาภูมิประเทศ ทําเลที่ตั้งที่เหมาะสมต่อการสร้างสรรค์ส่ิงสวยงามให้กับถ่ินท่ีอยู่ของตน เช่น อาคาร
ที่พักอาศัยบริเวณชายทะเลจะมีความแตกต่างจากอาคารบ้านเรือนท่ีอยู่ในทะเลทราย ผู้คนท่ีอยู่ชายทะเลก็นิยมวาดภาพทิวทัศน์
2. ครูใหนกั เรยี นศกึ ษาปจ จัยท่มี ีอทิ ธิพลตอ การ ทางทะเลมากกว่าวาดภาพอื่นๆ ผูท้ ่อี าศัยอยูใ่ นปา ก็นิยมนําไมม้ าแกะสลกั มากกวา่ การใช้วสั ดุอ่ืนๆ เป็นตน้
สรางสรรคผลงานทศั นศิลป ในหนงั สือเรียน
หนา 128 จากนนั้ ครถู ามนกั เรยี นวา ฤดูกาลถือไดว้ า่ มีอิทธพิ ลต่อการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทัศนศิลปเ์ ช่นกัน ความแตกตา่ งของฤดกู าลจะมีอทิ ธิพล
• ผลงานเทวรปู สําริด สถูป เจดยี วดั วาอาราม ตอ่ การสร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ป ์ เชน่ เรือนไทยภาคกลางกจ็ ะมีลกั ษณะยกพืน้ เรอื นสงู ใหพ้ น้ จากระดบั นํา้ ท่วมถึง
เปนผลงานสถาปตยกรรมทีไ่ ดรบั อิทธิพลมา มหี ลังคาทรงสงู เพื่อใหเ้ กิดการถา่ ยเทความร้อนและระบายนา้ํ ฝนไดด้ ี ในขณะท่เี รือนไทยภาคเหนือจะมีหนา้ ตา่ ง
จากส่ิงใด น้อยกวา่ เพ่ือปอ งกันอากาศหนาวเยน็ ในชว่ งฤดูหนาว เป็นตน้
(แนวตอบ ผลงานสถาปต ยกรรมที่เปน ทางด้านจิตรกรรม ฤดูกาลมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ในเรื่องของการใช้สีที่สว่างสดใสตาม
เทวรปู สาํ รดิ สถปู เจดยี และวัดวาอาราม แบบประเทศทางแถบรอ้ น ซ่ึงจะตา่ งไปจากประเทศทางแถบอากาศเย็นจะใชส้ หี ม่น ทึบ สอดคลอ้ งไปตาม
เปนสถาปต ยกรรมทไี่ ดรับอิทธิพลจากการ สภาพบรรยากาศจริง
นบั ถือศาสนา เพราะศาสนาแตล ะศาสนา
ยอมมีคติธรรม พิธกี รรม ระเบียบวิธีปฏิบัติ ๒. อิทธิพลทางดานศาสนา ศาสนาแต่ละศาสนาย่อมมีคติธรรม พิธีกรรม ระเบียบวิธีการ
ทางศาสนาท่ีแตกตา งกัน ซึง่ สง่ิ เหลา นเี้ ปน ปฏิบัติทางศาสนาแตกต่างกัน ซ่ึงส่ิงเหล่าน้ีเป็นเหตุผลและมีอิทธิพลสําคัญต่อการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์
เหตผุ ลและมีอิทธพิ ลตอ การสรา งสรรคผ ลงาน ท้งั ด้านรปู แบบ ขนาด สัดส่วน และการตกแตง่ อทิ ธพิ ลนท้ี ําให้มเี ร่ืองราวเนือ้ หาสําหรับใชใ้ นทางสถาปตั ยกรรม
ทัศนศลิ ปทง้ั ดานรปู แบบ ขนาด และสดั สว น ประติมากรรม และจิตรกรรม ให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละศาสนา เช่น การสร้างรูปเคารพ รูปแบบของ
รวมทงั้ การตกแตง ) ศาสนสถานในพระพุทธศาสนากจ็ ะแตกตา่ งจากศาสนาครสิ ต์ ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู เป็นต้น
๓. อิทธิพลทางดานสังคม คนในสังคม หรือผู้คนของประเทศแต่ละแห่งย่อมมีนิสัย คติความเชื่อ
ตลอดจนการทาํ มาหาเลยี้ งชพี ทแี่ ตกตา่ งกนั ออกไปตามสภาพภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ การดาํ รงชวี ติ ในแตล่ ะสงั คม
ท่ีแตกต่างกันออกไปเช่นน้ี ได้กลายเป็นอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมทางทัศนศิลป์ เช่น คนไทย
มีวิถีชีวิตแบบเกษตรกรรม จะมีลักษณะนิสัยเป็นคนรักถิ่นฐาน มีความเป็นอยู่เรียบง่าย ผูกพันอยู่กับธรรมชาติ
การสร้างสรรค์งานทัศนศลิ ปท์ างด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรม ก็สะท้อนวิถีชีวิตการทําเกษตร
แทรกลงไปในเนอื้ หาของงานดว้ ย เป็นตน้
๔. อิทธิพลทางดานเศรษฐกิจ จะสะท้อนออกมาอย่างเด่นชัดในตัวเน้ืองาน ถ้าบ้านเมืองมีฐานะ เทวรปู สํารดิ
ทางเศรษฐกิจดี ผลงานที่สร้างออกมาก็จะมีขนาดใหญ่โต มีความหรูหรา ฟุมเฟอย เพราะมีกําลังทรัพย์ในการสร้าง แต่ถ้าบ้านเมือง
มีสภาพแรน้ แค้น ศิลปกรรมในบา้ นเมอื งนนั้ ก็จะเสอ่ื มโทรม มขี นาดเลก็ หรอื มีปรมิ าณนอ้ ย
สถูปทสี่ าญจ ี จะมลี กั ษณะแบบโอควํ่าหรอื ขันควํ่า ซ่งึ เป็นแม่แบบของ ความงดงามและอลงั การของนครวดั เมอื งเสยี มเรยี บ ประเทศกมั พชู า
การสร้างสถูปในสมยั ตอ่ มา แสดงใหเ้ ห็นถงึ อิทธิพลของศาสนาที่มีตอ่ งานทศั นศลิ ป์
12๘
เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ครอู ธบิ ายเสริมใหนักเรียนเขา ใจเก่ียวกบั อทิ ธพิ ลของศาสนาท่ีมีตอรูปแบบ ใหนกั เรยี นสรปุ ลักษณะของงานทศั นศลิ ปในวฒั นธรรมสากล
การสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป ซงึ่ การสรางสรรคผลงานทศั นศลิ ปก ค็ อื แนวคิด มาพอสังเขป โดยทําลงกระดาษรายงาน สง ครผู สู อน
ในการสรา ง ตวั อยา งทเ่ี ห็นไดเ ดนชดั ไดแ ก คตคิ วามเช่อื ของศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู
ทีว่ า ศาสนสถานนอกจากจะเปน สถานทป่ี ระกอบพิธีกรรมทางศาสนาแลว กิจกรรมทา ทาย
ยังถือเปนทีป่ ระทับของเทพองคตางๆ หรือเปน เทวาลยั ดังนั้น การออกแบบ
ศาสนสถานจึงมลี ักษณะย่งิ ใหญ สรางดว ยหิน มียอดทส่ี ่อื ถึงเขาพระสุเมรุ อนั เปน ใหน ักเรยี นยกตวั อยา งงานทัศนศิลปท ่ีแสดงถึงวัฒนธรรมสากลอยา ง
ทป่ี ระทบั ของทวยเทพและเปน ศนู ยกลางของจกั รวาล ซึ่งแตกตางจากการสรางวดั ชัดเจนมา 1 ผลงาน จากนน้ั เขยี นอธิบายลักษณะของผลงานมาพอสงั เขป
สรา งโบสถ สรางวิหารของพระพทุ ธศาสนาท่ีสรางขึน้ เพื่อเนน สําหรบั การปฏบิ ตั ิ โดยทาํ ลงกระดาษรายงาน สงครผู ูสอน
ศาสนกิจ เปนท่พี กั อาศัยของพระสงฆ เพือ่ ศกึ ษาพระธรรมคาํ ส่งั สอน และเผยแผ
หลกั ธรรม รปู แบบจึงเรียบงายกวา และมีขนาดยอมกวา สามารถใชวัสดทุ ี่หาได
ในแตละทอ งถิ่นเปน หลกั
128 คมู่ อื ครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
เม่ือเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมขึ้นในยุโรป วิทยาการ ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 6 คน นาํ ตวั อยา ง
ผลงานทัศนศิลปในวฒั นธรรมสากล มากลมุ ละ
สมยั ใหมเ่ รมิ่ มคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ มากขนึ้ ตามลา� ดบั มกี ารประดษิ ฐ์ 1 ผลงาน พรอ มวิเคราะหในประเด็นตอไปน้ี
กล้องบันทึกภาพและมีการค้นพบแสงสีในธรรมชาติ มีการพัฒนา • แนวคิดในการสรา งสรรคผลงาน
• วัสดทุ ใ่ี ชในการสรา งสรรคผลงาน
ทางเทคโนโลยีและการใช้เครื่องมือต่างๆ ท่ีทันสมัย ตลอดจน • คณุ คาความงามทีไ่ ดร บั จากผลงาน
โดยใหนกั เรียนทําลงกระดาษรายงาน นําสง
รับรู้ถึงความเป็นจริงของสีตามธรรมชาติ ซ่ึงมีบทบาทส�าคัญต่อ ครูผูส อน
ความเจริญก้าวหน้าของงานทัศนศิลป์สากลเป็นอย่างมาก มีการ
สร้างสรรค์ผลงาน1ทัศนศิลป์ตามแนวคิดหรือลัทธิต่างๆ เช่น 2
แนวประทับใจนิยม (Impressionism) แนวเหนือความเป็นจริง
(Surrealism) แนวบาศกนิยม (Cubism) และศิลปะนามธรรม ตรวจสอบผล Evaluate
(Abstract Art) เปน็ ตน้ 1. ครูพจิ ารณาจากแผนผงั ความคิด สรุปลักษณะ
ของผลงานทศั นศิลปใ นวฒั นธรรมสากลและ
จุดประสงค์ในการสรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรม ปจจัยท่มี อี ิทธพิ ลตอการสรา งสรรคผ ลงาน
ทัศนศิลปใ นวัฒนธรรมสากลของนกั เรยี น
สากลมีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์
2. ครพู จิ ารณาจากการวิเคราะหผลงานทัศนศลิ ป
เชน่ เดยี วกบั ทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทย จดุ ประสงค์ในการสรา้ งสรรค์ “ผหู้ ญงิ รอ้ งไห”้ ผลงานของ ปาโบล รยุ ซ ์ ปกิ สั โซ (Pablo ในวัฒนธรรมสากลในประเด็นตางๆ ของ
งานทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมสากลจะมีลกั ษณะ ดังน้ี Ruiz Picasso) เปน็ จติ รกรรมบาศกนยิ มแบบสงั เคราะห์ นกั เรียน
ประการที่ ๑ งานทัศนศิลป์สากลถูกสร้างสรรค์ขึ้น
เพอ่ื การคน้ ควา้ ทดลองและการแสวงหาความ3จรงิ ตามธรรมชาตแิ ละ
สิ่งแวดล้อมบนพ้ืนฐานของหลักวิชาศิลปะ (Academic Art) ที่มี
การถา่ ยทอดผลงานโดยใชท้ กั ษะฝมี อื และมแี บบแผนในการทา� งาน
อย่างเปน็ ขั้นตอน
ประการที่ ๒ งานทัศนศิลป์สากลถูกสร้างสรรค์ขึ้น
เพื่อผสมผสานแนวความคิดและรูปแบบของศิลปะในลัทธิต่างๆ
หรอื คตคิ วามเชือ่ ในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึงทส่ี ะท้อนถงึ การแสดงออก
ท่ีมีเอกลกั ษณ์ของศลิ ปนิ
ประการที่ ๓ งานทัศนศิลป์สากลถูกสร้างสรรค์ขึ้น
เพื่อการค้นหาข้อเท็จจริงเก่ียวกับแนวคิด ความหมาย ความงาม “Houses at L’ Estaque” ผลงานของ จอร์จ บราก
ในมุมมองใหม่ และอาศัยวัตถุดิบรวมท้ังวิธีในการสร้างสรรค์อย่าง (George Braque) เปน็ จติ รกรรมบาศกนยิ มแบบหนา้ ตดั
มากมาย เพ่ือให้ผลงานทศั นศลิ ปม์ ีความสมบูรณแ์ บบและลงตัวตามความต้องการมากที่สดุ
ประการท่ี ๔ งานทัศนศิลป์สากลถูกสร้างสรรค์ข้ึน เพื่อการแสดงออกทางรูปแบบศิลปะอย่างเป็นกลาง
โดยไมเ่ นน้ รปู แบบของความเปน็ ชาติใดชาตหิ นงึ่ โดยเฉพาะ เพอื่ ใหผ้ ลงานทสี่ รา้ งสรรคส์ า� เรจ็ มคี วามเปน็ สากลทมี่ นษุ ย์
ทุกคนในโลกสามารถรบั รู้ได้จากคณุ ค่าทีเ่ กดิ ขน้ึ ในตวั ของผลงาน ความหมาย และความงามไดอ้ ย่างเปน็ อิสระ
129
บรู ณาการเชื่อมสาระ นักเรียนควรรู
การศกึ ษาเก่ยี วกับลักษณะของงานทัศนศลิ ปใ นวฒั นธรรมสากล 1 แนวประทับใจนิยม ศลิ ปะลทั ธิหน่งึ ทนี่ าํ เอาความรทู างวทิ ยาศาสตรใ นเร่อื ง
สามารถบรู ณาการกับการเรยี นการสอนกลุมสาระการเรยี นรูสังคมศกึ ษา แสงและสีมาใช เพ่ือแสดงบรรยากาศธรรมชาตติ ามเวลาและฤดูกาลตา งๆ เกิดขนึ้
ศาสนา และวฒั นธรรม วิชาสงั คมศึกษา เร่ืองสงั คมอุตสาหกรรม เพราะ ในชว งคริสตศ ตวรรษที่ 19 อนั เปน ระยะแรกของกระบวนการศลิ ปะสมัยใหม
สังคมอุตสาหกรรมไดนํามาซ่งึ วิทยาการสมัยใหม มีการประดิษฐคิดคน 2 แนวเหนอื ความเปน จริง หรอื ลัทธิเหนอื จรงิ หมายถึงคตนิ ิยมทางศลิ ปะ
กลองบันทึกภาพและมีการคนพบแสงสใี นธรรมชาติ มกี ารพฒั นาเทคโนโลยี ซงึ่ พฒั นามาจากอุดมคติบางประการของคตดิ าดา โดยนําทฤษฎจี ติ วทิ ยาในเรอื่ ง
และเครอื่ งมือเคร่ืองใชตา งๆ ซง่ึ มบี ทบาทสําคัญตอความเจรญิ กาวหนาของ จติ ใตสํานกึ มาผสมผสานเปน มูลเหตุ
งานทัศนศิลปใ นวฒั นธรรมสากลอยา งมาก 3 หลกั วชิ าศลิ ปะ งานศลิ ปกรรมทสี่ รางสรรคข้ึนตามทฤษฎี โดยมมี าตรฐาน
และหลักเกณฑต ามหลกั วิชาท่ีสถาบนั หรอื สกุลศิลปะนั้นๆ ไดกาํ หนดไวว า ดีงาม
ถกู ตอ ง เปนทีน่ ยิ ม และถือเปน หลักปฏบิ ัตสิ บื ทอดกันมา
คู่มือครู 129
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
ครใู หนักเรียนดภู าพผลงานประติมากรรม กจิ กรรม ศิลป์ปฏบิ ัติ ๑๐.๑
“โลกตุ ตระ” ของชลูด นม่ิ เสมอ ในหนังสือเรยี น
หนา 130 จากน้นั ครถู ามนกั เรียนวา กจิ กรรมที่ ๑ ใหน้ ักเรยี นจัดท�าตารางแสดงจดุ ประสงค์ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลปข์ องวฒั นธรรมไทย
และสากล คดั เลือกผลงานทีจ่ ัดท�าได้ดีนา� ไปแสดงท่ีปา ยนิเทศ
• ผลงานทศั นศิลปในวฒั นธรรมไทยมคี วาม
แตกตา งกันอยางไร กิจกรรมท่ี ๒ หาภาพผลงานทัศนศิลป์ในวฒั นธรรมไทย ๑ ภาพ และวฒั นธรรมสากล ๑ ภาพ แล้วเขียน
อธบิ ายวา่ ภาพดงั กล่าวสะท้อนให้เห็นถงึ จุดประสงค์ในการสร้างสรรคผ์ ลงานอย่างไร
• เพราะเหตใุ ด ผลงานทศั นศลิ ปในวัฒนธรรม
ไทยจึงมคี วามแตกตา งกนั ó. à»ÃÕºà·ÂÕ º¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§¢Í§·ÑȹÈÅÔ »Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂáÅÐÊÒ¡Å
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ)
สา� รวจคน้ หา Explore ทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและสากล มีจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ท่ีมี
ใหนักเรียนแบง ออกเปน 4 กลุม ศกึ ษาคนควา ความเป็นมาท่ีคล้ายคลึงกัน จากปัจจัยพ้ืนฐานในการด�ารงชีวิตของมนุษย์สะท้อนถึง
เก่ยี วกับลกั ษณะรปู แบบงานทัศนศลิ ปใ นวัฒนธรรม
ไทย ตง้ั แตส มยั กอนสุโขทยั จนถึงสมยั รัตนโกสินทร ความเชือ่ และความศรัทธาทางศาสนา รวมถึงลทั ธิ ปรัชญาตา่ งๆ ซ่งึ สรุปได ้ ดงั น้ี
จากแหลง เรยี นรูตางๆ เชน หนังสอื เรยี น หอ งสมุด ๓.๑ ทศั นศิลป์ในวฒั นธรรมไทย
อนิ เทอรเนต็ เปนตน ตามหวั ขอ ทีค่ รกู ําหนดให
ดังนี้ ศลิ ปะทางดา้ นทศั นศลิ ปข์ องไทยทคี่ งไวใ้ นรปู ของขนบธรรมเนยี ม ประเพณี
กลมุ ที่ 1 ทัศนศลิ ปในวัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรม เปน็ ศิลปะประจ�าชาติท่ีเราควรภาคภูมิใจ เห็นคณุ ค่า และหวงแหน
สมยั กอ นสโุ ขทยั
รกั ษาไวเ้ ป็นสงิ่ ทเ่ี ราตอ้ งให้ความส�าคญั และใส่ใจศึกษา เพราะเป็นสภาพแวดลอ้ ม
กลุมที่ 2 ทัศนศลิ ปใ นวัฒนธรรมไทย
สมัยสโุ ขทยั ทอ่ี ยรู่ อบตวั เรา ซง่ึ ศลิ ปะไดจ้ ะแบง่ ชว่ งเวลาในการศกึ ษา
กลมุ ที่ 3 ทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทย ออกเปน็ สมยั ตา่ งๆ ได้แก ่ สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร ์
สมัยอยธุ ยา
สมยั ประวตั ิศาสตร์ (ยคุ กอ่ นสมยั สโุ ขทัย :
กลมุ ท่ี 4 ทัศนศิลปใ นวฒั นธรรมไทย
สมัยรัตนโกสินทร ศลิ ปะทวารวด ี ศรวี ิชัย ลพบุรี เชยี งแสน)
สมยั สโุ ขทัย สมยั อยุธยา สมยั รตั นโกสินทร์ และ
1 ชลูด งานทศั นศลิ ปส์ มยั ใหม่ในยคุ หลงั ) ซง่ึ ในแตล่ ะสมยั
นิ่มเสมอ จะมกี ารสรา้ งสรรคผ์ ลงานทง้ั ทางจติ รกรรม
“โลกุตตระ” ผลงานของ
เป็นประติมากรรมท่ีมีการจัดองค์ประกอบ
ท่ีแสดงความเป็นเอกภาพ และเป็น ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ท่ีมี
ประติมากรรมลอยตัวแบบร่วมสมยั ความงดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
แตกตา่ งกนั ออกไป ทง้ั นหี้ ากพจิ ารณาถงึ รปู แบบและเนอ้ื หาของงานทศั นศลิ ป์
ในวัฒนธรรมไทยจะพบว่า งานทัศนศิลป์ท่ีเกิดข้ึนในแต่ละยุคสมัยจะมี
เรอ่ื งราวเก่ียวกบั ความศรทั ธาทางศาสนา ความเช่ือ และวิถชี ีวติ
ความเปน็ อย ู่ ท�าให้เกิดความงาม และคณุ ค่าท่แี ตกตา่ งกนั ไปในแต่ละ
ช่วงเวลา เนื่องจากผลงานทัศนศิลป์เกิดจากการสร้างสรรค์ขึ้นโดย
ศิลปิน มีปัจจัยต่างๆ เป็นองค์ประกอบส�าคัญที่ท�าให้เกิดรูปแบบที่เป็น พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะทวารวดี ปัจจุบัน
จดั แสดงที่พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาต ิ พระนคร
13๐
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครอู ธิบายวา ผลงานทศั นศิลปใ นแตล ะสมยั จะมีรปู แบบ คตินิยม และการไดรับ
อทิ ธิพลจากศลิ ปะสกุลตางๆ ท่ีแตกตางกนั ออกไป ทําใหศ ลิ ปะแตละสมัยมอี ัตลักษณ เพราะเหตใุ ด งานทศั นศลิ ปท่ีเกีย่ วของกบั ศาสนาจึงมีความงดงาม ประณีต
เฉพาะ แมจะมีลักษณะรว มกันบางประการ หรอื มีความคลายคลึงกัน ซง่ึ เราสามารถ และสรา งขนึ้ อยา งยง่ิ ใหญ
จดั แบงผลงานแตล ะสมยั เพ่ือสะดวกแกการศกึ ษาทําความเขาใจและเปรียบเทยี บได
แนวตอบ ความเชอ่ื ความศรทั ธาทีม่ ีตอ ศาสนา ถอื เปน แรงผลักดนั
นกั เรียนควรรู ท่ที ําใหศ ลิ ปน ผูส รา งสรรคพ ยายามจะสรา งผลงานทศั นศลิ ปใหสดุ ฝม ือ
ของตน เพราะนอกจากจะตอ งการใหผ ลงานมีความงดงามแลว ยังถือเปน
1 โลกุตตระ เปนผลงานทีม่ คี วามงดงามและมีช่ือเสียงมากท่สี ดุ ผลงานหนึง่ การไดท าํ บุญอยา งสงู อีกดวย ขณะเดยี วกันการรวบรวมปจ จยั ทุนทรพั ย
ของ ชลดู นม่ิ เสมอ เปนประติมากรรมกลางแจงรูปเปลวรศั มขี องพระพทุ ธรปู ทจี่ ะนาํ มาสราง กส็ ามารถขอรบั บริจาคไดงายกวา เนือ่ งจากผูบรจิ าค
หรืออาจจะวาเปน รปู ดอกบัว หรอื เปนรปู พนมมือก็ได สรางขน้ึ เมือ่ พ.ศ. 2534 ก็มคี ติวาเปนการทําบญุ ทําใหตนไดร วมผลบญุ ดวย เม่ือไดฝ ม อื ชา งท่ดี ี
ทาํ ดวยไฟเบอรกลาส ตัง้ แสดงอยู ณ บริเวณศนู ยการประชมุ แหง ชาติสริ กิ ิต และมีทุนทรพั ยม ากพอท่ีจะสรา ง จึงสงผลใหผ ลงานทัศนศลิ ปท่ีเกีย่ วเนือ่ ง
กับศาสนามคี วามยิ่งใหญและมคี วามประณตี งดงามมากเปนพิเศษ
130 คูม่ ือครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ลักษณะเฉพาะของงานทัศนศิลป์ในแต่ละยุคสมัย ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นสมัยที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการประดิษฐ์ 1. ใหน กั เรยี นกลมุ ที่ 1 และกลุม ที่ 2 สง ตวั แทน
กลุม กลุมละ 2-3 คน ออกมานาํ เสนอความรู
อักษร แต่มนุษย์รวมตัวอยู่เป็นชุมชน รู้จักท�าการเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ ทอผ้า ท�าเคร่ืองปันดินเผาท่ีมีลวดลาย เกย่ี วกับทัศนศิลปใ นวัฒนธรรมไทยสมยั กอน
สุโขทัยและสมัยสโุ ขทยั ตามทไ่ี ดศึกษามา
เคร่ืองมือเครือ่ งใชใ้ นชว่ งแรกๆ มักท�าขน้ึ จากหนิ ต่อมาร้จู ักน�าเอาโลหะมาสร้างเป็นเครือ่ งมอื เคร่อื งใช้แทนหินและ หนาชัน้ เรยี น
รู้จักสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยการขีดเขียนภาพตามผนังถ้�า เช่น ภาพการล่าสัตว์ชนิดต่างๆ ท่ีผาแต้ม จังหวัด 2. ครยู กตวั อยา งผลงานทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทย
สมัยกอนสโุ ขทยั และสมยั สุโขทยั มาสมัยละ
อุบลราชธานี เป็นต้น ส่วนสมัยประวัติศาสตร์เป็นสมัยท่ีมนุษย์รู้จักคิดประดิษฐ์ตัวอักษร บันทึกเร่ืองราวต่างๆ ที่ 1 ผลงาน จากน้นั ใหน กั เรียนรวมกันอภิปราย
เกี่ยวกับลกั ษณะของผลงานทศั นศิลปท ค่ี รู
เกี่ยวกับความเชื่อ กิจกรรมต่างๆ จึงท�าให้เรารู้เร่ืองราวที่ละเอียดชัดเจนมากขึ้น ซึ่งการศึกษาเรื่องราวของงาน ยกตวั อยางมา พรอ มแสดงความคิดเหน็
เกย่ี วกบั ความแตกตางของผลงานทัศนศลิ ป
ทัศนศลิ ป์ในสมัยประวตั ิศาสตร์สามารถแบ่งออกเปน็ ๔ ชว่ งใหญๆ่ ดังนี้ ในวฒั นธรรมไทยสมัยกอนสโุ ขทัยและสมยั
๑) สมยั กอ่ นสโุ ขทยั เปน็ ชว่ งเวลาท่ีในอาณาบรเิ วณแผน่ ดนิ ไทยมชี นชาตติ า่ งๆ สโุ ขทยั
เคยต้ังถ่ินฐาน1มาก่อน และได้ท้ิงร่องรอยอารยธรรมทางด้านศิลปะไว้มากมาย ได้แก่
สมยั ทวารวด ี ศลิ ปะในสมยั ทวารดสี ว่ นใหญจ่ ะเกย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท
ซง่ึ รบั อิทธพิ ลมาจากอินเดียตอ่ มาก็น�ามาประยุกตจ์ นมีเอกลกั ษณ์เปน็ ของตนเอง
เช่น พระพุทธรูปปางลีลา พบท่ีวดั เขาสมอคอน สถาปัตยกรรมสมยั ทวารวดี
เช่น พระปฐมเจดยี ์องคเ์ ดมิ หรอื จุลประโทณเจดยี ์ จังหวดั นครปฐม เปน็ ตน้
สมยั ศรีวชิ ัย ศลิ ปะสมยั น้มี ีการคน้ พบรูปเคารพและ
พระพิมพด์ ินดิบเปน็ รูปพระโพธิสตั วอ์ วโลกิเตศวร
ทางดา้ นสถาปตั ยกรรมท่เี หน็ ชดั เจน ได้แก่
พระบรมธาตไุ ชยา จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ าน ี สมยั ลพบรุ ี
หรือละโว้ในประเทศไทย มีวัฒนธรรม พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอู่ทอง
ที่หลากหลายอันเกิดจากการผสมผสาน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอมและลพบุรี ช่วง
พุทธศตวรรษท่ี ๑๘-๑๙ นับเป็นพระพุทธรูป
ระหว่างวัฒนธรรมเดิมท่ีเป็นทวารดีกับ ขนาดใหญ่ทงี่ ดงามมาก
วัฒนธรรมขอม จะเห็นได้ว่ามีหลักฐานทางสถาปัตยกรรมท่ีเรียกว่า “ปราสาทหิน”
กระจายอยู่ท่ัวไปในบริเวณต่างๆ เช่น พระปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี ปราสาท
เมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี สมัยเชียงแสนหรือล้านนา ประติมากรรมท่ีพบจะเป็น
พระพทุ ธรปู เปน็ ต้น
๒) สมัยสุโขทัย มีความเจริญบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ศิลปะแบบสุโขทัย
จัดได้ว่าเป็นศิลปะไทยท่ีงดงามท่ีสุดและมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองมากท่ีสุด โดยเฉพาะ
ในด้านการสร้างพระพุทธรูป ในสมัยสุโขทัยได้รับพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทลัทธิ
ลังกาวงศ์มาจากลังกา ดังน้ัน อิทธิพลของศิลปะแบบลังกาจึงเข้ามามีอิทธิพลต่อศิลปะ
สุโขทัยด้วย แต่ช่างสุโขทัยก็ได้ประดิษฐ์คิดค้นและสร้างสรรค์รูปแบบงานท่ีเป็น
พระพทุ ธรปู ปางลลี า สมยั สโุ ขทยั ประดษิ ฐาน เอกลักษณ์เฉพาะของตน เช่น เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือดอกบัวตูม
อยู่ท่ีระเบียงพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร- ทีพ่ ระเจดียป์ ระธานวัดมหาธาตุ จงั หวัดสโุ ขทยั เปน็ ตน้
ดสุ ิตวนารามราชวรวหิ าร กรุงเทพมหานคร
131
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู
ผลงานทโ่ี ดดเดนของสถาปต ยกรรมแบบศิลปะขอมคอื อะไร ครคู วรใหน กั เรยี นหาภาพผลงานทศั นศลิ ปท โ่ี ดดเดน ในแตล ะประเภท แตล ะสมยั
1. ปราสาทหนิ โดยนํามาดปู ระกอบการศกึ ษา เพอ่ื ใหนักเรียนไดเ หน็ ลกั ษณะและรปู แบบวา
2. เจดยี ท รงโอควํ่า มคี วามคลา ยคลึงหรือแตกตา งกันอยา งไร โดยครูชวยอธิบายเสรมิ ความรู
3. ศาลาจตรุ มขุ
4. ปรางคกลีบมะเฟอ ง นักเรยี นควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ผลงานทางดานสถาปต ยกรรมของขอม 1 ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) เปน ชื่อของอาณาจกั รและสกลุ ศลิ ปะ ถอื เปน
อาณาจกั รแรกในดินแดนไทยทีไ่ ดรบั อทิ ธพิ ลจากพระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาท
ทโ่ี ดดเดน คอื การสรา งเทวาลยั ในลกั ษณะทเ่ี ปน ปราสาทหนิ เพอ่ื ประดษิ ฐาน ซ่ึงมกี ารสรางสรรคผลงานทัศนศิลปหลายประเภท โดยเฉพาะสถาปตยกรรม
รปู เทพองคส าํ คญั ของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู และใชเ ปน ทปี่ ระกอบพธิ กี รรม และประตมิ ากรรมทส่ี ะทอนถงึ ความเชื่อ ความศรัทธาที่มีตอ พระพทุ ธศาสนา
ทางศาสนา รปู แบบผลงานทศั นศิลปของทวารวดีไดเปนแบบอยา งใหอ าณาจกั รตา งๆ
ท่ัวดนิ แดนไทยนําไปพฒั นาเปนสกลุ ศิลปะของตนเอง
คู่มือครู 131
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหน ักเรียนกลุมท่ี 3 และกลุมท่ี 4 สงตัวแทน ๓) สมัยอยุธยา ศูนย์กลางความเจริญอยู่
กลุม กลมุ ละ 2-3 คน ออกมานําเสนอความรู
เกย่ี วกบั ทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทยสมยั อยธุ ยา บริเวณตอนกลางของไทย เน่ืองด้วยในสมัยอยุธยามี
และสมัยรตั นโกสนิ ทรตามท่ีไดศกึ ษามา ความเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องยาวนานถึง ๔๑๗ ปี จึงมี
หนาช้นั เรยี น ความเจรญิ ทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมมาก สว่ นใหญผ่ ลงาน
ทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมมกั จะเกย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนา
2. ครยู กตวั อยา งผลงานทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ ผลงานด้าน
สมัยอยุธยาและสมยั รัตนโกสินทร มาสมัยละ ศิลปวัฒนธรรมเด่นๆ ของอยธุ ยา เช่น เจดยี ์วดั พระศรี-
1 ผลงาน จากนนั้ ใหนักเรยี นรวมกนั อภปิ ราย สรรเพชญ์ เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล เจดีย์วัดภูเขาทอง
เกยี่ วกับลกั ษณะของผลงานทัศนศิลปท ่คี รู เป็นต้น
ยกตวั อยา งมา พรอ มแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั
ความแตกตางของผลงานทัศนศลิ ปใน ๔) สมยั รตั นโกสนิ ทร ภายหลงั การสถาปนา
วฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยาและสมยั รตั นโกสนิ ทร
กรงุ รตั นโกสนิ ทรข์ นึ้ เปน็ ราชธานแี หง่ ใหมข่ องไทย ผลงาน
พระประธานวัดหน้าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็น ทศั นศลิ ปด์ า้ นจติ รกรรม ประตมิ ากรรม และสถาปตั ยกรรม
พระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาตอนปลาย ที่มีลักษณะงดงาม ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างมากมาย ผลงานทัศนศิลป์ที่
มากท่ีสุดองค์หน่ึง สา� คญั เชน่ จติ รกรรมฝาผนงั ภายในพระทน่ี ง่ั พทุ ไธสวรรย ์
“ความสงบสขุ ในจิตใจ” ผลงานของ เฉลมิ ชัย โฆษติ พิพัฒน์ ผลงาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร
จิตรกรรมฝาผนังไทย มกี ารผสมผสานกบั คตินิยมใหมจ่ ากตะวนั ตก และจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม-
ราชวรวิหาร กรงุ เทพมหานคร เป็นต้น ตอ่ มาเมือ่ ได้รับ
อทิ ธพิ ลจากตะวนั ตก จิตรกรรมไทยได้รับการผสมผสาน
ใหเ้ กดิ เป็นรูปแบบใหม่เพ่ิมขึ้น กล่าวคอื มีการนา� เทคนิค
การเขียนภาพให้มีมิติตามแบบอย่างตะวันตก เช่น
จติ รกรรมของขรัวอนิ โขง่ ภายในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศ
ราชวรวหิ าร เป็นตน้ ปัจจบุ ันจิตรกรรมฝาผนังไทยมีการ
ผสมผสานกับคตินิยมจากตะวันตก ท�าให้มีลักษณะร่วม
สมัยกับนานาชาติมากขึ้น เช่น ผลงานจิตรกรรมของ
เฉลมิ ชยั โฆษติ พพิ ฒั น ์ ผลงานขององั คาร กลั ยาณพงศ ์
เป็นตน้
ภายหลงั การเปลย่ี นแปลงการปกครองใน พ.ศ.
๒๔๗๕ ทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทยมกี ารเปลยี่ นแปลงและ
พฒั นารปู แบบไปตามอทิ ธพิ ลจากปจั จยั ภายนอกและตาม
แบบอยา่ งวฒั นธรรมตะวนั ตกอยา่ งชดั เจน โดยเฉพาะดา้ น
ประติมากรรมและสถาปตั ยกรรม
132
เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
ครูอธิบายเพิม่ เตมิ เกี่ยวกบั ผลงานศลิ ปกรรมไทยสมยั อยธุ ยาวา ทศั นศลิ ปส มัย
อยุธยาถอื ตามชวงเวลาทีก่ รงุ ศรอี ยุธยาเปน ราชธานีของไทย คอื พ.ศ. 1893 - 2310 ขอใดไมใชผลงานทศั นศลิ ปท่มี ชี อื่ เสยี งสมัยอยธุ ยา
อันเปน ชวงเวลาท่ยี าวนานถงึ ประมาณ 4 ศตวรรษ สภาพบานเมอื งกม็ ที ง้ั ความเจรญิ 1. พระพทุ ธรปู ทรงเคร่ือง
รงุ เรอื ง เสอื่ มโทรม สงบสุข สงคราม โดยตลอดระยะเวลา 4 ศตวรรษนน้ั ทศั นศิลป 2. เครอ่ื งเบญจรงค
ทกุ สาขาไดพ ฒั นาไปอยางกวางขวาง จนกลายเปนแบบแผนศิลปกรรมเกือบทกุ สาขา 3. เจดยี ย อ มมุ ไมสบิ สอง
สบื ตอ กนั มาถงึ สมัยกรุงธนบรุ ีและรัตนโกสนิ ทร เชน จิตรกรรม สถาปต ยกรรม 4. เคร่ืองสงั คโลก
ประติมากรรมตกแตง ประณตี ศิลป เปน ตน โดยเฉพาะผลงานจิตรกรรมและ
จติ รกรรมตกแตงในสมัยอยุธยาไดมวี ิวัฒนาการไปสคู วามงามสูงสดุ พ้ืนท่ีท่ผี ลงาน วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. เคร่อื งสังคโลกเปน ผลงานที่มีชอื่ เสียงและ
จติ รกรรมสมยั อยธุ ยาปรากฏอยา งงดงามและโดดเดน คอื อยธุ ยา ราชบรุ ี และเพชรบรุ ี
นอกจากน้ี ผลงานจติ รกรรมสมยั อยธุ ยาจะปรากฏอยตู ามผนังโบสถแลว ยังปรากฏ โดดเดน ของสมัยสุโขทยั ซึ่งไดรับแบบอยา งมาจากการทาํ เครอื่ งปน ดนิ เผา
ตามผนงั ดานในองคพ ระปรางค สมดุ ภาพเรือ่ งไตรภมู ิ และตเู กบ็ พระไตรปฎก ของจีน ผลงานดงั กลาวจงึ ไมใชศิลปะสมัยอยุธยา
ซ่งึ เปนการสรา งจิตรกรรมลายรดน้าํ ทจี่ ดั วา วจิ ิตรทสี่ ดุ สมัยหน่งึ
132 คู่มอื ครู
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
๓.๒ ทัศนศลิ ป์ในวฒั นธรรมสากล ครูใหน ักเรยี นดภู าพพรี ะมิดแหง กเิ ซห ประเทศ
อยี ปิ ตและภาพวหิ ารพารเธนอน ประเทศกรซี
ศลิ ปะสากลมพี นื้ ฐานมาจากศลิ ปะตะวนั ตกและมวี วิ ฒั นาการมาหลายยคุ หลายสมยั จนอทิ ธพิ ลขยายไปยงั จากนนั้ ครถู ามนักเรยี นวา
ชาติต่างๆ ในโลกอย่างกว้างขวาง ค�าวา่ “สากล” ความหมายตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
หมายถึง ท้ังหมด ทั้งสิ้น ทั่วไป และระหว่างประเทศ ศิลปะสากลจึงเป็นศิลปะที่มีการผสมผสานแนวความคิด • ผลงานทัศนศลิ ปใ นวฒั นธรรมสากลท้ังสอง
ตลอดจนรูปแบบต่างๆ ไวอ้ ย่างกว้างขวาง มีการใชว้ ัสด ุ อุปกรณ์ และวิธีการสรา้ งสรรคผ์ ลงานได้โดยอิสระ ดงั นนั้ ผลงานแตกตา งกนั อยางไร
ศลิ ปะสากลจึงจา� แนกได้ตามช่วงเวลาและยคุ สมยั ไดอ้ ย่างกว้างๆ ดงั น้ี
ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นยุคแรกเริ่มของมนุษย์ที่มีสภาพความเป็นอยู่เร่ร่อน ยังมิได้ตั้งบ้านเรือน • เพราะเหตใุ ด ผลงานทัศนศลิ ปใ นวฒั นธรรม
อยู่เป็นหลักแหล่ง ยังชีพด้วยการล่าสัตว์ มีอาวุธและเครื่องมือท่ีท�าจากหิน กระดูก และเขาสัตว์อย่างหยาบๆ สากลจึงมคี วามแตกตางกัน
ผลงานด้านจิตรกรรมส่วนใหญ่จะเป็นจิตรกรรมฝาผนังในถ�้า ซ่ึงเป็นภาพเขียนเกี่ยวกับฝูงสัตว์หรือการล่าสัตว์ เช่น (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอ ยางอสิ ระ)
ภาพเขยี นในถ้�าลาส์โกซ ์ (Lascaux Cave) ประเทศฝร่งั เศส และถา้� อัลตามีรา (Altamira Cave) ประเทศสเปน เป็นตน้
ต่อการมีพัฒนาการในด้านการผลิตโลหะข้ึนใช้เอง รู้จักประดิษฐ์เครื่องประดับตกแต่งให้มีความสวยงามมากขึ้น สา� รวจคน้ หา Explore
ผลงานของยุคโลหะท่เี ด่นและน่าสนใจคือ อนสุ าวรยี ห์ ิน ซง่ึ ปรากฏอยูท่ ่วั ไปในยโุ รป ในสมัยประวตั ิศาสตร์ แบ่งออก
ไดเ้ ป็น ๓ สมัยใหญ่ๆ ดงั นี้ ใหน ักเรียนแบงออกเปน 3 กลุม ศกึ ษาคนควา
เกีย่ วกบั ลกั ษณะรูปแบบงานทศั นศิลปในวฒั นธรรม
๑) สมัยโบราณ เปน็ สมยั แห่งความเจริญรุง่ เรืองทางศลิ ปวัฒนธรรมด้านต่างๆ มากมาย งานทัศนศลิ ป์ สากล ตั้งแตส มัยโบราณจนถึงสมัยใหม จาก
แหลง เรียนรตู า งๆ เชน หนังสอื เรียน หอ งสมดุ
ในยุคแรกๆ เช่น อารยธรรมอียิปต์บริเวณลุ่มแม่น�้าไนล์ เป็นชุมชนท่ีมีความเจริญมาก มีการสร้างสรรค์ผลงานใน อนิ เทอรเน็ต เปนตน ตามหัวขอ ทค่ี รูกําหนดให
ดังน้ี
หลายๆ ดา้ น เชน่ ด้านจติ รกรรม ศลิ ปินอยี ิปต์มคี วามเขา้ ใจใน1การถา่ ยทอดรูปแบบไดด้ ี มีความมุ่งหมายสง่ เสริม
กลมุ ที่ 1 ทัศนศลิ ปในวัฒนธรรมสากล
ความเชอ่ื ความศรัทธาของฟาโรห์ เชน่ พรี ะมดิ แห่งเมืองกเิ ซห ์ สฟงิ ซ ์ เป็นตน้ ซงึ่ การสร้างสรรคผ์ ลงานทัศนศลิ ป์ สมยั โบราณ
ของอยี ปิ ต์ไดส้ ง่ อิทธพิ ลต่องานทศั นศิลป์ในยุคคลาสสิกสมัยกรกี และโรมันดว้ ย
กลุม ที่ 2 ทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมสากล
พรี ะมดิ แหง่ กเิ ซห ์ เปน็ พรี ะมดิ ทใ่ี หญท่ สี่ ดุ และมชี อ่ื เสยี งทส่ี ดุ ของอยี ปิ ต์ สมยั กลาง
กลุมที่ 3 ทัศนศิลปในวัฒนธรรมสากล
สมยั ใหม
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นกั เรียนควรรู
ภาพวาดสมัยกอนประวัตศิ าสตรในถา้ํ ที่ยโุ รปสวนใหญบอกเลาเร่ืองราวใด 1 พรี ะมิดแหงเมืองกเิ ซห สรา งข้ึนโดยฟาโรหค ูฟแู หง อยี ิปตโบราณ เมอ่ื ประมาณ
1. การถือกําเนดิ ของศาสดา 4,600 ปมาแลว ไดร บั การยกยองวา เปน 1 ใน 7 ส่งิ มหัศจรรยข องโลกยคุ โบราณ
2. ส่งิ แวดลอมใกลต ัว พีระมิดแหงนีม้ คี วามสงู 147 เมตร (เทยี บไดก บั อาคารสงู 40 ช้ัน) ฐานเปน
3. การทาํ เกษตรกรรม รูปส่เี หลยี่ มจัตรุ ัสยาวดานละ 230 เมตร โดยดานท้ัง 4 ของพีระมดิ จะหนั ไป
4. สงครามระหวา งชนเผา ในแนวทศิ เหนอื ทิศใต ทิศตะวนั ออก และทศิ ตะวนั ตก ไดอยา งถกู ตองแมน ยํา
ใชหนิ ในการกอ สรางประมาณ 2.3 ลา นกอ น
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ภาพวาดบนผนังถาํ้ หลายแหงในยุโรป
พีระมิดแหง เมืองกิเซหนมี้ ปี ระเด็นใหนักวิทยาศาสตรและนักวิชาการ
สว นใหญจ ะวาดเปนสญั ลักษณ บางภาพก็จะเปนเร่อื งราวของการลา สตั ว สาขาตางๆ พยายามหาเหตผุ ลมาอธิบายใหไ ดว า สรา งขนึ้ ดว ยวิธกี ารใด
ฝงู สตั ว เนอื้ หาโดยรวมจะสอื่ เรอื่ งราวทเ่ี ปน ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มใกลต วั ท้ังๆ ท่ีเทคโนโลยใี นการกอสรา งยงั ไมเ จริญ ตลอดจนยังเปน สถาปตยกรรมท่ีมี
ความถกู ตอ งแมน ยาํ ในการคิดคาํ นวณมาก รวมท้งั ใชแรงงานและระยะเวลา
ในการจดั สรา งเปน เวลานาน
ค่มู อื ครู 133
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหนกั เรยี นกลมุ ท่ี 1 สง ตัวแทนกลุม กลุมละ ในสมัยกรีก มีความเจริญรุ่งเรืองด้านศิลปวิทยาหลายๆ สาขา เช่น ด้านจิตรกรรม พบการเขียนสีบน
2-3 คน ออกมานําเสนอความรเู กย่ี วกับ
ทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากลสมยั โบราณตามท่ี ภาชนะเคร่ืองใช้ต่างๆ ด้านประติมากรรม พบรูปแกะสลักหินอ่อนท่ีมี
ไดศ ึกษามา หนา ชน้ั เรยี น
ชื่อเสียงปรากฏอยู่เป็นจ�านวนมาก โดยเฉพาะรูปปันนักขว้างจักร
2. ครยู กตัวอยางผลงานทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรม
สากลสมยั โบราณ มา 1 ผลงาน จากนน้ั ให ฝมี อื ของไมรอน สถาปตั ยกรรมทง่ี ดงามและมชี อ่ื เสยี ง ไดแ้ ก ่
นักเรียนรวมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับลักษณะของ
ผลงานทัศนศลิ ปที่ครูยกตวั อยา งมา วิหารพาร์เธนอน ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และ
วิหารของเทพีอะธีนา และการสร้างอาคารบ้านเรือน
ตา่ งๆ ตามแบบวิหาร เชน่ ทปี่ ระชุมสภา ตลาด ศาล
หรืออนื่ ๆ อกี มากมาย เป็นต้น
ในสมัยโรมนั ทางดา้ นวฒั นธรรมชนชาติ
โรมนั ได้รบั อิทธิพลจากกรกี ในหลายๆ ดา้ น ชาวโรมนั วิหารพาร์เธนอน ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ สร้างข้ึนตามแบบ
ได้น�าศิลปะกรีกมาปรับปรุงใหม่ให้มีความหรูหรา สถาปัตยกรรมดอรกิ
โออ่ า่ และเสรมิ ความมอี า� นาจแบบชนชาตนิ กั รบ ผลงานดา้ นจติ รกรรมทม่ี คี วามสมบรู ณส์ ว่ นใหญพ่ บทเ่ี มอื งปอมเปอ ี
นอกจากนี้ ชาวโรมันยังนิยมน�าโมเสกมาประดับตกแต่งภาพอีกด้วย ด้านประติมากรรมผลงานท่ีมีช่ือเสียงคือ
การทา� หนา้ กากขผี้ ึง้ และการปนั ภาพเหมอื น สว่ นดา้ นสถาปตั ยกรรมมกี ารสรา้ งเพดานโค้งและนิยมสร้างโรงมหรสพ
ขนาดใหญ่ สนามกฬี า 1
๒) สมัยกลาง มีรูปแบบทางศิลปะที่ส�าคัญ คือ ศิลปะแบบโรมาเนสก์
(Romanesque) เน้นเร่ืองราวเก่ียวกบั ศาสนา เช่น รูปแม่พระ พระเยซ ู นกั บุญตา่ งๆ
เป็นตน้ สถาปัตยกรรมโรมาเนสกน์ ยิ มใชแ้ นวโคง้ แบบประทุนเกวยี น และโดม
ซ่ึงถือเป็นหัวใจของการก่อสร้าง ส่วนประติมากรรมและจิตรกรรมจะมี
ลกั ษณะเปน็ ภาพแบนราบ ไมม่ มี ติ ิ เนอ่ื งจากสถาปตั ยกรรมแบบโรมาเนสก์
มีส่วนท่ีเป็นผนังหนาทึบมาก ดังน้ัน จึงมักตกแต่งตัวอาคารด้วย
ภาพเขียนสีปูนเปยี ก และศิลปะแบบกอทิก (Gothic) เป็นศิลปะ
เพื่อคริสต์ศาสนา มีรูปแบบอ่อนช้อยมีชีวิตชีวามากกว่าศิลปะ
แบบโรมาเนสก ์ การตกแตง่ โบสถว์ หิ ารทง้ั ภายในและภายนอก
ก็ท�าอย่างประณีตงดงาม เครื่องตกแต่งมีทั้งประติมากรรม
และการประดบั หน้าต่างดว้ ยกระจกสี โครงสรา้ งของโบสถ์
มีวิวัฒนาการโดยเปลี่ยนจากแนวโค้งธรรมดามาเป็น
แนวโค้งยอดแหลม ดังนั้น จะเห็นว่าอาคารต่างๆ จึงมี
รปู สลกั หินอ่อน “ปเ อตา” ผลงานประติมากรรมของไมเคิล แองเจโล ลักษณะสูงแหลมเสียดฟา แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์
(Michelangelo) ที่อาศัยความรู้ทางกายวิภาคศาสตร์เข้าช่วย ของศิลปะแบบกอทิก เช่น โบสถ์ซาเครเกอร์ โบสถ์-
ทาํ ใหผ้ ลงานมีความสมดุล กลมกลนื และสมจรงิ อยา่ งมาก นอตเตอรด์ าม กรุงปารีส ประเทศฝรงั่ เศส เปน็ ต้น
134
เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน การคิด T
O-NE
ครูอธบิ ายใหน ักเรยี นเขาใจวา ศาสนาเปน แรงผลักดันสําคญั ทีท่ าํ ใหเกดิ
การสรางสรรคผลงานศลิ ปะขึน้ มาหลายประเภท โดยศิลปน ผูสรา งสรรคจะได สถาปตยกรรมแบบศิลปะกอทิก (Gothic) มลี ักษณะเปนอยา งไร
รบั การอปุ ถมั ภจ ากกษตั รยิ ขนุ นาง และคริสตจกั ร ดว ยเหตุท่ีผคู นสว นใหญ
ในทวปี ยโุ รปนับถอื ศาสนาครสิ ต ดังนน้ั จงึ มผี ลงานศลิ ปะชิน้ เดน ๆ ของโลก แนวตอบ สถาปต ยกรรมแบบศลิ ปะกอทกิ นยิ มสรา งใหม รี ปู ทรงสงู ชะลดู
ท่เี กย่ี วเนอื่ งกับศาสนาครสิ ตอ ยูมากมายในหลายประเทศของยโุ รป มสี วนบนเปนยอดแหลม วศิ วกรตอ งคาํ นวณนาํ้ หนักโครงสรางตางๆ ใน
การสราง โดยเฉลย่ี นํ้าหนักของหลงั คาลงบนเสาและบนผนงั ตอมา
นักเรียนควรรู สถาปตยกรรมแบบนไ้ี ดแพรห ลายในยโุ รป โดยเฉพาะอยา งย่ิงในฝร่งั เศส
1 ศิลปะแบบโรมาเนสก เปนการผสมผสานระหวา งศิลปะโรมนั กับศิลปะ ศลิ ปะแบบกอทกิ นยิ มแสดงเร่อื งราวทางศาสนาในแนว
ของอนารยชนเยอรมนั ในชว งครสิ ตศตวรรษท่ี 11-12 โดยงานดานสถาปต ยกรรมจะ เหมือนจริง (Realistic Art) ไมใชสญั ลักษณเ หมอื นศลิ ปะยคุ กอน ดังนั้น
มลี ักษณะท่เี ดน คือ การสรางวิหารที่มีหลังคาเปน รปู โคง อาคารหนาทึบ มีหนา ตา ง ผลงานสถาปต ยกรรมจึงมีโครงสรา งทรงสูง มียอดหอคอยรปู ทรงแหลมอยู
แบบวงลอ เชน หอเอนปซ าในอิตาลี เปนตน สว นงานประตมิ ากรรมนยิ มสลกั หิน ดา นบน ทําใหตวั อาคารมรี ปู รา งสูงระหงขึ้นสูเ พดาน ซมุ ประตู หนา ตาง
เปน รปู คน สตั ว และลายเรขาคณติ เพอ่ื ใชต กแตง เปน สว นประกอบในสถาปต ยกรรม ชอ งลม มสี ว นโคง แปลกกวาศลิ ปะแบบใดๆ
สาํ หรับงานจิตรกรรมท่ีหลงเหลอื อยูจะเปนภาพประกอบในพระคัมภีร
134 ค่มู ือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
นบั ต้ังแต่ ค.ศ. ๑๓๐๐ เปน็ ตน้ 1มา เม่ือยุโรป 1. ใหน ักเรียนกลมุ ที่ 2 สง ตวั แทนกลุม กลมุ ละ
2-3 คน ออกมานําเสนอความรเู กี่ยวกบั
เขา้ สู่ยคุ สมัยแหง่ การฟนฟูศิลปวทิ ยาการ (The Renais- ทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากลสมัยกลางตามที่
ไดศกึ ษามา หนา ชัน้ เรียน
sance) ได้มีการร้ือฟนศิลปวัฒนธรรมของกรีก โรมัน
2. ครยู กตวั อยา งผลงานทัศนศลิ ปในวฒั นธรรม
ข้ึนมาอีกครั้งหน่ึง โดยเฉพาะมนุษยนิยม (Humanism) สากลสมัยกลาง มา 1 ผลงาน จากน้นั ให
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกย่ี วกบั ลักษณะของ
ท่ีได้รับการถ่ายทอดจากสมัยคลาสสิกและได้พัฒนาให้ ผลงานทัศนศลิ ปท คี่ รูยกตัวอยา งมา
มีระดับความเจริญถึงข้ันสุดยอด การฟนฟูศิลปวิทยา
การเกิดข้ึนในอิตาลีก่อน หลังจากน้ันจึงแพร่หลายไปยัง
ประเทศอืน่ ๆ เช่น องั กฤษ ฝร่ังเศส เยอรมนี เป็นตน้
ลักษณะของทัศนศิลป์สมัยน้ีมีลักษณะเด่น
คือ งานจิตรกรรมหรือการวาดภาพมีการใช้ท้ังสีน�้า
สนี า้� มนั และไมจ่ า� กดั เรอ่ื งราวอยกู่ บั ศาสนาเพยี งอยา่ งเดยี ว
แต่น�าเอาภาพบุคคลส�าคัญ หรือการน�าเอาต�านานสมัย
กรีกและโรมัน และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาสร้าง
เป็นภาพ หรือภาพแสดงชีวิตความเป็นอยู่ภายใน
ภาพ “โมนา ลิซา” (Mona Lisa) ผลงานของ เลโอนาร์โด ดาวินชี ครอบครัวมาเป็นแกนของเน้ือเร่ือง ซ่ึงวิธีในการ
(Leonardo da Vinci) จิตรกรชาวอิตาลี ที่ให้แสงและเงานุ่มละมุน
เขียนภาพมีการใชส้ ที ส่ี ดใส มีความกลมกลนื
เหมอื นล่องลอยอยทู่ ่ามกลางธรรมชาติ มแี สงเงา มสี ว่ นลกึ ทา� ใหด้ เู หมอื นของจรงิ ยงิ่ ขน้ึ
เชน่ เดยี วกับงานประตมิ ากรรม ที่มเี ทคนคิ การแกะสลกั และการปัน ทีแ่ สดงให้เหน็ ถงึ ความกา้ วหน้า
เป็นอย่างมาก โดยมกี ารแสดงใหเ้ หน็ โครงสร้าง สัดส่วนของรปู ทรงมนษุ ยท์ ี่สวยงาม และเป็น
แบบอย่างในการสรา้ งสรรคง์ านประตมิ ากรรมในเวลาตอ่ มา
ในทางสถาปตั ยกรรมสมยั ฟน ฟศู ลิ ปวทิ ยาการ มี
การสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปท์ ี่ไมไ่ ดม้ งุ่ ไปทก่ี าร
แสดงออกเพ่ือเทิดทูนศาสนา หรือสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ
เพียงอย่างเดียว หากเป็นการแสดงออกถึง
วถิ ชี วี ติ และความตอ้ งการของมนษุ ย์ในแงต่ า่ งๆ
ดว้ ย เชน่ การสรา้ งอาคารบา้ นเรอื น ปราสาท
ราชวัง หอสมุด หอศิลปะ สวนสาธารณะ
แม้แต่ที่ฝังศพก็นิยมสร้างกันอย่างใหญ่โต
และวิจติ รพิสดารอยา่ งยิง่ เปน็ ตน้
โบสถ์เซนตป์ เ ตอร์ ศูนย์กลางนครรฐั วาติกัน ในกรงุ โรม ประเทศ
อติ าล ี เปน็ สถาปตั ยกรรมทโี่ ดดเด่นในยคุ ฟ้นฟูศลิ ปวทิ ยาการ
แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกรด็ แนะครู
ศลิ ปะทม่ี คี วามหรูหรา ฟมุ เฟอ ย คอื ศลิ ปะในสมยั ใด ครอู ธบิ ายวา ในสมัยฟนฟูศิลปวทิ ยาการ ศลิ ปน ไดหันมาสรา งสรรคผ ลงาน
1. สมัยโรมนั ท่สี ะทอนความเปน ตัวตนของศิลปน สือ่ ความคดิ ทเี่ ปน อิสระ ไมไ ดสรา งสรรคข ึ้นมา
2. สมัยกอทิก เพือ่ ตอบสนองหรือเนน เพือ่ คริสตจักรเหมือนทีเ่ คยปฏิบตั ิกันมา
3. สมยั ฟน ฟูศิลปวิทยาการ
4. สมัยโรโกโก นักเรียนควรรู
วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ศลิ ปะสมยั โรโกโก เปนศลิ ปะตอนปลาย 1 ฟนฟูศลิ ปวทิ ยาการ อยูในชว งครสิ ตศตวรรษที่ 14-17 ถอื วา เปนยคุ สมัย
ท่ยี ุโรปไดผา นพนยุคกลางหรอื ยุคมดื ออกมา เปน การเกิดใหมเ กีย่ วกบั การศกึ ษา
สมัยฟน ฟศู ิลปวิทยาเช่ือมตอกับศลิ ปะยุคใหม มีการจดั องคประกอบศิลปท ่ี การฟน ฟอู ดุ มคติ ศลิ ปะ วรรณกรรม การแสวงหาสทิ ธเิ สรภี าพและแนวความคดิ
เนนรายละเอียดสว นยอยอยางฟุมเฟอ ย โดยเฉพาะการใชสวนโคง สวนเวา อนั เปน อสิ ระจากกรอบท่เี คยถกู จํากดั โดยกฎเกณฑแ ละขอบงั คบั ของคริสตจ กั ร
งานจิตรกรรมและประติมากรรมยังคงเนนรูปราง รปู ทรงธรรมชาติ การฟน ฟศู ิลปวทิ ยาการไดเริม่ ตน ขึน้ ทีอ่ ติ าลี กอ นจะแพรก ระจายไปยงั ดนิ แดนตา งๆ
(Realistic) แตใ ชส ีรนุ แรงข้ึน งานสถาปตยกรรมประกอบดว ยเสนโคง มน ท่ัวยโุ รป
ตกแตง โครงสรา งเดิม มีลวดลายออ นชอย งดงาม เชน โบสถเ ซนตคารโล
(Church of St. Carlo) ท่ีประเทศอิตาลี พระราชวังแวรซายส (Versailles
palace) ท่ปี ระเทศฝรั่งเศส เปน ตน
ค่มู อื ครู 135
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
อธบิ ายความรู้ Explain
1. ใหน กั เรียนกลมุ ท่ี 3 สง ตัวแทนกลุม กลุมละ เกร็ดศิลป ศิลปกรรมของอิตาลสี มัยฟน ฟศู ิลปวิทยาการ
2-3 คน ออกมานาํ เสนอความรเู กีย่ วกบั ศลิ ปกรรมของอติ าลีในสมัยฟน ฟศู ิลปวิทยาการสามารถสรุปได ้ ดงั นี้
ทัศนศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากลสมัยใหมตามทไี่ ด ๑. ด้านจิตรกรรม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนาที่ส�าคัญ เช่น ภาพก�าเนิดวีนัส
ศึกษามา หนาชั้นเรยี น (Birth of Venus) ผลงานของ ซานโดร บอตตเิ ชลล ี (Sandro Botticlli) ภาพพระกระยาหาร
มื้อสุดทา้ ย (The Last Supper) ภาพโมนา ลซิ า (Mona Lisa) ผลงานของ เลโอนาร์โด ดา วินชี
2. ครยู กตัวอยางผลงานทศั นศลิ ปในวัฒนธรรม (Leonardo da Vinci) ภาพกา� เนิดอดมั (The Creation of Adam) ผลงานของ ไมเคลิ แองเจโล
สากลสมัยใหม มา 1 ผลงาน จากน้นั ให (Michelangelo) ภาพโรงเรียนของกรงุ เอเธนส ์ (The School of Athens) ผลงานของ ราฟาเอล
นกั เรยี นรวมกนั อภปิ รายเก่ียวกับลกั ษณะของ เปเรยร์ า ดา ซิลวา (Rafael Pereira da Silva) เป็นต้น
ผลงานทัศนศลิ ปทค่ี รยู กตัวอยางมา ๒. ด้านประติมากรรม นิยมปันรูปบุคคลเหมือนจริงได้สัดส่วน เช่น รูปเดวิด (David)
ปิเอตา (Pieta) โมเสส (Moses) ผลงานของ ไมเคลิ แองเจโล (Michelangelo) เป็นต้น
๓. ด้านสถาปัตยกรรม นิยมสร้างโบสถ์ให้มีหลังคารูปโดมวงกลม เช่น โดมของโบสถ์
เซนตป์ ีเตอร ์ ในนครวาติกันผลงานของ ไมเคิล แองเจโล (Michelangelo) เปน็ ต้น
๓) สมัยใหม่ ศิลปะสากลยังมีความเจริญรุ่งเรืองมากในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๙ โดยมีฝรั่งเศสเป็น
จุดศูนย์รวม ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได1้เกิดผลงานสร้างสรรค์โดยเฉพาะทางด้านจิตรกรรมข้ึนมาหลายลัทธิหรือ
หลายแบบ เช่น ผลงานแนวจินตนิยม (Romanticism) แสดงความรู้สึกออกมาเกินความจริง หรือผลงานแนว
ประทับใจท่ีสื่อความประทับใจออกมาให้ได้แสงสีตามบรรยากาศท่ีเป็นจริง หรือเน้นความเป็นจริงตามธรรมชาต ิ
แนวบาศกนิยม (Cubism) มกี ารสรา้ งสรรค์โดยการน�ากลวิธภี าพปะตดิ ดว้ ยกระดาษและเศษผา้ หรอื การใชแ้ ผน่ โลหะ
และเศษวัสดุต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ตามแนวบาศกนิยมเป็นการบุกเบิกให้
วงการทศั นศลิ ปส์ มยั ใหมก่ ้าวรดุ หนา้ ไปจากแนวทางเดิมอยา่ งสนิ้ เชิง เป็นตน้
หลังจากนั้นความเจริญก้าวหน้าในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ก็ได้เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ จนถึงปัจจุบัน ท2�าให้เกิดลัทธิทางศิลปะแบบใหม่ขึ้นอย่างมากมาย เช่น
แนวนามธรรม (Abstract) แนวส�าแดงพลังทางอารมณ์ (Abstract Expressionism) แนวตาชิสม์ (Tachism)
แนวปอ ปอาร์ต (Pop art) เปน็ ต้น
“นาฬก าเหลว” ผลงานของ ซัลวาดอร ์ ดาล ี (Salvador Dali) เปน็ ดังน้ัน การท่ีจะเปรียบเทียบความแตกต่าง
ผลงานจติ รกรรมในลทั ธเิ หนือจริง ของงานทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทยและสากลใหเ้ หน็ ภาพ
อย่างละเอียดและมีความเด่นชัดอาจเป็นไปได้ยาก
เนอื่ งจากมเี นอื้ หาสาระและรายละเอยี ดมาก ในระดบั ชนั้ นี้
คงตอ้ งอาศยั การเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของทศั นศลิ ป์
ทั้ง ๒ เป็นภาพรวม โดยการเปรียบเทียบจากลักษณะทมี่ ี
ความโดดเดน่ ชดั เจนในแตล่ ะชว่ งเวลาของไทยและสากล
มาเปรยี บเทยี บกนั วา่ มอี ะไรเกดิ ขน้ึ ในชว่ งเวลารว่ มสมยั กนั
เพือ่ นา� มาประกอบการศึกษา ซ่งึ นักเรียนสามารถเหน็ ได้
จากตารางเปรยี บเทยี บตอ่ ไปน้ี
13๖
นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
1 ผลงานแนวจนิ ตนยิ ม การแสดงออกทางจนิ ตนาการหรอื มโนทศั นท เี่ ตม็ ไปดว ย
ความเพอฝน ความแปลกประหลาด นาพิศวง ความนาทงึ่ ตืน่ เตน เรอ่ื งราว ภาพจิตรกรรมนเี้ ปน แนวศลิ ปะแบบใด
อนั เรา ใจอยา งสดุ ขดี ความรนุ แรง ความหวาดเสยี ว นา สยดสยอง หรอื เรอื่ งราว 1. บาศกนยิ ม (Cubism)
เกย่ี วกบั อารมณภายในอนั ปนปวน 2. จนิ ตนิยม (Romanticism)
2 แนวสาํ แดงพลงั ทางอารมณ มีการแสดงออกผสมผสานกนั ระหวา งรูปทรง 3. สัจนยิ ม (Realisticism)
นามธรรมกับอารมณส ะเทือนใจทพี่ วยพุงออกมา โดยปราศจากการควบคุม 4. ประชานยิ ม (Pop Art)
ของจิตรกร ผลงานจะแสดงใหเ หน็ ถึงความกลา หาญ เดด็ ขาด และเตม็ ไปดว ยพลงั
ท่ีรุนแรง วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ผลงานดงั กลา วเปนแนวศิลปะแบบ
บาศกนิยม ทน่ี าํ เสนอผลงานใหม ีลักษณะผันแปรไปจากความเปนจริง
โดยทาํ เปน เหล่ยี มมุมอยา งลูกบาศก หรือเปนอยา งทรงเรขาคณติ เพ่ือเนน
ใหเ หน็ มิติท้งั ดานความสูง ความกวา ง และความลกึ มที ง้ั ผลงานท่เี ปน
จติ รกรรมและประติมากรรม
136 คมู่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
อธบิ ายความรู้ Explain
ตารางเปรียบเทยี บงานทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทยและสากล ครูใหนักเรยี นศกึ ษาตารางเปรียบเทยี บ
งานทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทยและสากลใน
ทศั นศิลปในวฒั นธรรมไทย ทศั นศิลปในวัฒนธรรมสากล หนังสือเรียน หนา 137-138 จากนนั้ ครอู ธบิ าย
เสริมแกนกั เรียนวา
พุทธศตวรรษท่ี ๗ ครสิ ตศักราช ๓๐๖-๓๐๗
งานทัศนศิลปอินเดียเริ่มเขามาเผยแผพรอมกับ งานทัศนศิลปในอาณาจักรออตโตมัน (Ottoman) • ศลิ ปะไทยกับสากลจัดแบง ออกเปน ประเภท
จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปต ยกรรม
การคาขายในแถบดินแดนสุวรรณภูมิ มีรูปแบบเปน เปน แบบไบแซนไทน (Byzantine) คือ มีการผสมผสาน เหมอื นกนั
ศลิ ปะแบบอนิ เดียอยา งชดั เจน แบบโรมันและแบบเอเชียกลาง (มุสลิม) เชน วิหาร
ฮาเกยี โซเฟย ที่กรงุ อสิ ตนั บูล ประเทศตุรกี เปนตน • ผลงานศิลปะของไทยและสากลลวนมี
พัฒนาการในแตล ะยุคสมัย ซึ่งตา งก็มี
ลกั ษณะเฉพาะของตนเอง
• ผลงานศิลปะของไทยในชว งสมัยหลงั
ไดรบั แบบอยาง หรอื ไดรับอิทธิพลจาก
ศลิ ปะตะวันตกอยา งมาก
• ศิลปะไทยสะทอนความศรัทธา ความเชื่อ
ทางพระพุทธศาสนาเปนหลัก ขณะที่
ศิลปะสากลสะทอนความศรัทธา ความเช่ือ
ในศาสนาครสิ ต
พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒-๑๘ คริสตศ กั ราช ๔๗๖-๑๔๙๒
งานทัศนศิลปในสมัยอาณาจักรโบราณ ไดแก งานทัศนศิลปยุคกลางในยุโรป รูปแบบทัศนศิลป
อาณาจักรทวารวดี ศรีวิชัย และละโว มีรูปแบบของ จะเปนการถายทอดผลงานทัศนศิลป โดยเนนเรื่องราว
งานทัศนศิลปแบบผสมผสานกับศิลปะอินเดียและ ทางศาสนาเปนหลัก
แบบพ้ืนเมือง ตามคติความเช่ือของพระพุทธศาสนา
และศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู
13๗
แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู
ศิลปะอินเดยี มคี วามสําคัญตอ งานทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมไทยอยางไร ครเู นนยํา้ เก่ยี วกบั คุณคา ของงานทศั นศิลปท ง้ั ในวัฒนธรรมไทยและสากลวา
แนวตอบ ศลิ ปะอนิ เดยี ถือเปน รากฐานของศิลปะไทยนบั ตง้ั แตส มัยโบราณ งานจิตรกรรมเปนศิลปะทีส่ ่ือความงามและความรสู ึกไปสูผดู หู รอื ผูชน่ื ชม
กอนทค่ี นไทยจะนาํ มาดดั แปลงประยกุ ตจ นมีลกั ษณะเฉพาะเปน ของตนเอง ไดโ ดยงา ย คุณคาเบ้ืองตน เปน คณุ คาทางดา นจติ ใจในการชมความงาม
จนภายหลงั ไดรบั อทิ ธพิ ลจากศิลปะสากลซ่ึงเขา มาแทนท่ี เหตผุ ลที่ ความละเอยี ดออ นของเสน สี แสงเงา และองคประกอบศิลปตา งๆ ชว ยผอ นคลาย
ศลิ ปะอินเดียมบี ทบาทมากในชวงเรมิ่ แรก อาจเน่ืองมาจากเปนศลิ ปะท่ีมี อารมณ ใหค ติธรรม แนวคิดในการดาํ รงชีวิต และยงั รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี
ความเจรญิ มากกวารปู แบบศิลปะของผูคนในทอ งถ่ิน รวมถึงศลิ ปะอนิ เดยี ใน วัฒนธรรม ศาสนา และประวตั ิศาสตร จากจติ รกรรมฝาผนังตา งๆ
สมยั นั้นไดผสมผสานอยูในพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ- ฮินดู งานประติมากรรม เปน ศิลปะที่สอื่ ความงามและความรสู กึ ไปสผู ดู ูหรอื ผชู ่ืนชม
การยอมรบั จึงเปน ไปโดยงาย ดงั นั้น การแสดงออกตองานทศั นศิลป ไดดว ยรปู ทรงและพน้ื ผวิ โดยมีแสงสวา งมากระทบใหเ กดิ เงาจากมติ คิ วามตนื้ ลึก
ในวัฒนธรรมไทย จึงมรี องรอยของศลิ ปะในวัฒนธรรมอนิ เดยี ปรากฏอยู ของรูปทรงนั้นๆ
โดยทั่วไป ไมว าจะเปน การสรา งผลงานประติมากรรมเปนรปู เคารพ งานสถาปต ยกรรม เปนศิลปะทเี่ นน ประโยชนใ ชส อยมากกวา เพราะเปน อาคาร
รูปแบบผลงานสถาปตยกรรมท่เี ปนศาสนสถาน เปนตน สถานที่และเปนท่อี ยูอาศยั ของมนุษยนนั่ เอง เชน พระราชวัง โบสถ ตําหนกั วดั
วหิ าร เจดีย สถูป เปน ตน
คู่มอื ครู 137
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand
ขยายความเขา้ ใจ E×pand
ใหนักเรยี นแตล ะคนนําภาพงานทศั นศิลปใน ทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมไทย ทศั นศลิ ปในวัฒนธรรมสากล
วัฒนธรรมไทยและสากล มาอยางละ 1 ภาพ
จากนนั้ นํามาวเิ คราะหจดุ ประสงคในการสรางสรรค พุทธศตวรรษท่ี ๑๘-๒๓ ครสิ ตศักราช ๑๐๙๖-๑๒๙๑
ผลงานของแตละภาพ ตามหวั ขอ ตอไปนี้ งานทัศนศิลปในสมัยอาณาจักรลานนา สุโขทัย ในชวงการทําสงครามศาสนาระหวางชาวคริสเตียน
• จดุ ประสงคใ นการสรางสรรคงานทศั นศิลป มีรูปแบบทางทัศนศิลปท่ีไดรับอิทธิพลจากศิลปะลังกา กับชาวมุสลิม เรียกวา สงครามครูเสด ทําใหการ
ของวัฒนธรรมไทย และพมา ในยุคแรกๆ ตอมาไดมีการพัฒนารูปแบบ สรา งสรรคผลงานทัศนศิลปใ นยุโรปชะลอตัวลงไป
เปน ลักษณะเฉพาะของตนเอง
• จุดประสงคใ นการสรางสรรคงานทศั นศิลป
ของวัฒนธรรมสากล
• เปรยี บเทยี บความแตกตา งของจุดประสงค
ในการสรา งสรรคง านทศั นศิลปของ
วฒั นธรรมไทยและสากล
แลว ใหนักเรียนนําผลงานสงครูผสู อน โดยครู
คัดเลือกผลงานของนกั เรียนไปติดปายนิเทศ
พทุ ธศักราช ๑๘๙๓-๒๓๙๔ ครสิ ตศกั ราช ๑๓๐๐-๑๔๙๐
งานทศั นศลิ ปใ นสมยั อยธุ ยาจนถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทร งานทัศนศิลปเริ่มตนเขาสูยุคฟนฟูศิลปวิทยาการ
ตอนตน (สมัยรัชกาลท่ี ๓) รูปแบบทางศิลปะไดรับ ในยุโรป มีการสรางสรรคผลงานตามหลักมนุษยนิยม
อิทธิพลจากเขมร จีน ตะวันตก ผลงานจิตรกรรม ศิลปวิทยาการมีความกาวหนามากขึ้น มีการเขียน
มคี วามเจรญิ รงุ เรอื งในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา - ภาพเหมือนจริงจนพัฒนามาเปนรูปแ1บบทางศิลปะที่มี
เจา อยูหัว เอกลกั ษณเ ฉพาะตวั เชน ศลิ ปะบาโรก (Baroque) ศลิ ปะ
แนวคลาสสิกใหม (Neoclassicism) ศลิ ปะแ2นวจินตนยิ ม
(Romanticism) ศิลปะแนวธรรมชาตินิยม (Naturalism)
และศิลปะแนวสัจนยิ ม (R3ealism) เปน ตน
13๘ ขแอนสวอบNเนTน การคดิ T
O-NE
นกั เรียนควรรู
ผลงานทศั นศลิ ปข องไทยกับสากลมคี วามคลายคลงึ กนั ในเรื่องใดมากท่สี ดุ
1 ศิลปะบาโรก กระบวนแบบศิลปะสมัยหนึง่ ของยุโรป เริ่มตั้งแตศตวรรษท่ี 17 1. หนาทใี่ ชส อย
สบื ตอ มาจากสมัยฟน ฟูศิลปวิทยาการ และสนิ้ สุดลงในปลายคริสตศตวรรษที่ 18 2. การรบั อิทธพิ ลศลิ ปะ
ลกั ษณะของผลงานศิลปะจะมกี ารประดบั ตกแตง อยา งอลงั การ หรูหรา ฟุมเฟอย 3. ประวตั ิความเปนมา
ลวดลายเนนความออนชอ ย สวยงาม สที นี่ ิยมนาํ มาใชจ ะเปน สที อง เพ่อื ใหตดั กบั 4. การเลอื กใชอุปกรณ
สีอื่นๆ และเพ่อื แสดงถงึ ความโออ า หรูหรา มง่ั ค่ัง
2 ศิลปะแนวธรรมชาตนิ ยิ ม คตนิ ิยมทางศิลปกรรมทม่ี งุ นาํ เสนอเร่ืองราวตาม วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. หนาทใ่ี ชสอย กลาวคอื ผลงานทัศนศลิ ป
ธรรมชาติ เน้อื หาสาระสําคัญ คือ การแสดงความขัดแยงกับความไมคอยเปน
ธรรมชาติของอดุ มคตนิ ยิ ม และไมเห็นดว ยกับการใชอารมณ และจินตนาการ ทัง้ ไทยและสากลสรางขึ้นเพอ่ื นาํ ไปใชต อบสนองเกย่ี วกับเรื่องดงั ตอ ไปนี้
อยา งฟมุ เฟอ ยจนเกนิ ไป คอื เพ่อื ชนื่ ชมหรือเพื่อแสดงออกทางความงาม ใชป ระดบั ตกแตง
3 ศิลปะแนวสัจจนยิ ม เริม่ ตนราวศตวรรษที่ 18 โดยท่ัวไปศิลปนแนวน้มี กั จะ เพ่อื เปน ทีเ่ คารพบูชา หรือเพ่อื เผยแผศาสนา
สรางสรรคผลงานข้ึนมาเพ่ือสะทอ นความจรงิ ในสงั คม ใชผลงานบอกเลา เร่อื งราว
ทีเ่ กดิ ขึ้นในสมัยน้ัน โดยเฉพาะเรื่องราวของชนช้ันกรรมาชพี ไมไดเ นน เพยี ง
เรอื่ งราวของศาสนา สถาบนั กษตั รยิ หรือชนชนั้ สูงเหมือนที่ผา นมา
138 คมู่ อื ครู