The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาอาวุธและการใช้อาวุธ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by preparation, 2022-07-11 00:11:45

วิชาอาวุธและการใช้อาวุธ

วิชาอาวุธและการใช้อาวุธ

- 143 -

หวั ข้อการที่ปืนไม่ทำงานเกดิ การตดิ ขัดและวธิ ีแก้ไข

ปืนไมท่ ำงานหรือเหตุติดขัด เนอ่ื งมาจากสาเหตุ วธิ ีแก้ไข

ไม่ป้อนกระสุน - แรงดนั ของแก๊สไมเ่ พยี งพอ - ทำความสะอาดชดุ กรวยจัดแก๊ส

- ช้ินส่วนของเคร่อื งป้อนกระสุนหกั - สง่ ซ่อม

หรือชำรุด

- กระสุนในสายกระสนุ ไม่ตรง - ปรับจัดสายกระสนุ ใหม่

ตำแหน่ง

- ข้อต่อสายกระสนุ ชำรดุ - นำข้อต่อนัน้ ออก

- กระสนุ ผดิ รปู - สง่ ซอ่ ม

- แผ่นเหล็กรองกระสนุ ผดิ รูป - ส่งซอ่ ม

- กลอนฝาปิดห้องลูกเลอื่ นชำรุด - ส่งซอ่ ม

- แหนบคันเล่อื นสายกระสุนชำรดุ - สง่ ซอ่ ม

- ลกู เบ้ียวชำรุด - สง่ ซ่อม

- การหลอ่ ลืน่ ไม่เพยี งพอ - ให้การหลอ่ ลืน่

- บรรจกุ ระสนุ ผิดทาง - กลับสายกระสุนใหม่

- แหนบก้านสูบชำรดุ หรอื ล้า - เปลย่ี นแหนบใหม่

- มสี ่ิงกีดขวางในโครงลูกเล่ือน - นำสงิ่ ทกี่ ดี ขวางออก

ไม่นำกระสุนเข้ารังเพลิง - ปลอกกระสนุ บวมผิดรูป - ถอดสายกระสนุ นัดนั้นออก

- กระบอกสูบมีเขม่ามาก - ทำความสาอาด

- โครงลกู เลื่อนมีเขม่ามาก - ทำความสะอาด

- กระสุนชำรุด - เปลย่ี นกระสุนนดั ใหม่

ปนื ไมล่ ัน่ - เข็มแทงชนวนชำรุดหรอื หัก - เปลย่ี นใหม่

- กระสนุ ผิดรูป - เปลีย่ นใหม่

- รงั เพลิงสกปรก - ทำความสกปรก

- แหนบก้านสูบชำรุดหรอื ล้าปืนไมข่ ัด - เปลี่ยนแหนบใหม่

กลอน - เปล่ียนใหม่

ไม่รัง้ ปลอกกระสนุ - ขอรัง้ หรือแหนบหัก - ปรับกรวยจดั แกส๊

ไม่ขึ้นนก - ถอยมาข้างหลังน้อย - ทำความสะอาด

- รังเพลิงสกปรก - เปลี่ยนใหม่

- กระเด่ืองไกสกึ - เปลี่ยนใหม่

- 144 -

หัวข้อการทีป่ ืนไม่ทำงานเกิดการติดขัดและวิธแี ก้ไข

ปนื ไมท่ ำงานหรอื เหตุตดิ ขัด เนื่องมาจากสาเหตุ วธิ ีแกไ้ ข

- บากกา้ นสบู สกึ - สง่ ซ่อม

- แกนและแหนบแกนกระเดื่องไกหัก - ทำความสะอาด

หรือชำรดุ - จดั ปรบั กรวยจัดแก๊ส

- มสี งิ่ กดี ขวางในโครงลูกเลอ่ื นถอยมา

ข้างหลังน้อย

- ถอยมาข้างหลงั น้อย

การปรนนบิ ัติบำรงุ
การปรนนบิ ัติบำรงุ และรักษาทำความสะอาด
ปก.38จะต้องได้รบั การทำความสะอาดทุกชิ้นส่วนตามหลักการคือ
1. การทำความสะอาดก่อนทำการยิง
2. การทำความสะอาดหลงั การยิง
3. การทำความสะอาดเม่ือเก็บในคลงั

การทำความสะอาดกอ่ นทำการยงิ
1. ลำกล้องปืนใช้เครื่องมือทำความสะอาดลำกล้องให้แห้งท้ัง 2 ลำกล้อง
2. ชุดกรวยจัดแก๊สเชด็ แหง้
3. ส่วนเคลื่อนที่ตา่ งๆให้ทาน้ำมนั หล่อลนื่ เล็กน้อยแหนบและแกนแหนบกา้ นสูบ, ข้อต่อคันขน้ึ นกและ
กลอนลูกเลือ่ น, โครงนำลกู เลื่อน, ตวั ลูกเลื่อนเว้นหน้าลูกเล่อื น, เข็มแทงชนวนและแหนบ, ร่องต่างๆของโครงลกู เลื่อน,
แท่งขัดกลอน, ช้ินส่วนเคลื่อนท่ีของโครงเครื่องล่ันไกและด้ามปืน, ร่องคันร้ังลูกเล่ือน, ช้ินส่วนเคล่ือนที่ของฝาปิดห้อง
ลูกเลื่อน, ลูกเบ้ียวอย่าชโลมนำ้ มันให้มากนักฝนุ่ และทรายจะมาจบั ติดได้
การทำความสะอาดภายหลังการยงิ
หลงั จากทำการยิงด้วยกระสุนแล้วต้องทำความสะอาดติดต่อกันอย่างน้อย 3 วนั
1. ใช้แสท้ ำความสะอาดลำกล้อง OREA 87, OREA 83 ใหส้ ะอาดแลว้ ชโลมน้ำมันไว้
2. ชุดกรวยจดั แกส๊ ใชเ้ คร่อื งมือ OREA 97, OREA 71, OREA 37, OREA 78, OREA 77
ทำความสะอาดเขมา่ อกใหส้ ะอาด
3. กระบอกสูบใช้เครื่องมือ OREA 78ทำความสะอาด

- 145 -

4.ลูกสูบและลกู เล่อื นใชเ้ คร่ืองมอื OREA 78 ทำความสะอาดส่วนท่ไี ดร้ บั การเสยี ดสหี ลังจากทำความ
สะอาดแลว้ ตอ้ งชโลมหลอ่ ลน่ื ไว้

5. ฝาปิดหอ้ งลูกเลอ่ื น
6. ชดุ โครงเครอื่ งลน่ั ไกและด้ามปืนใหม้ ีการหล่อลน่ื ช้นิ สว่ นทต่ี อ้ งหล่อล่ืนชนิ้ สว่ นที่ต้องเช็ดแห้ง

- ชุดเคลื่อนทแ่ี หนบและแกนแหนบกา้ นสบู - ภายในลำกลอ้ ง
- ชดุ โครงลกู เลื่อน - หนา้ ลูกเลอ่ื น
- ชุดก้านสบู - ลูกสบู
- ผวิ ภายในที่เสียดสี - ชุดกรวยจัดแกส๊
- ชดุ เครื่องปอ้ นกระสุน - กระบอกสบู แก๊ส
- ชดุ เครือ่ งลั่นไก - ศนู ยห์ น้า, ศนู ยห์ ลงั
- ชุดรับแรงถอยที่พานท้าย - ผวภายนอกตวั ปนื
การทำความสะอาดอาวุธ
ภายหลงั จากทำความสะอาดหลังจากการยิงปืนมาแล้วหลังจากนั้นควรทำความสะอาดทุกๆสัปดาห์
โดยเชด็ แหง้ แล้วชโลมน้ำมนั ใหม่
หมายเหตุ ภายหลังจากปืนทำการยิงด้วยกระสนุ ซ้อมรบมาแล้วตอ้ งทำความสะอาดอาวุธเป็นพิเศษ
ทกุ ชนิ้ สว่ นทีส่ มั ผัสกับการเผาไหม้ของดินปืนโดยใช้นำ้ มนั ทำความสะอาดชโลมทิ้งไว้แลว้ ทำความสะอาดภายใน เวลา
12 ชม.

- 146 -

ชุดเครือ่ งปรนนบิ ตั บิ ำรงุ ลำดับ รหัส/ช่ือเรียก ชุดอุปกรณ์และเครื่องมอื ทำความสะอาด
ประจำปืน (ถงุ สีมะกอก)
1. 511 ชดุ อุปกรณ์และเคร่ืองมอื ทำความสะอาด
2. 511/1 ประจำปืน (ถงุ สีทราย)
3. ACCE 895 ชุดถงุ ผ้าใบสเี ขียวมะกอก
4. ACCE 895/1 ชุดถงุ ผา้ ใบสีทราย
5. 601 ปลอกทวคี วามถอย
6. OREA 19 เคร่ืองมือถอดขอร้งั ปลอกกระสุน
7. OREA 34 เครื่องมือปรับศูนยห์ น้า
กญุ แจยดึ ปลอกเกลียวกรวยจัดแกส๊
8. OREA 37 กุญแจถอดประกอบปลอกป้องกันแสง/
9. OREA 46 ปลอกทวีความถอย
10. OREA 71 เครื่องมือขดู ทำความสะอาดปลอกเกลยี ว
11 OREA 77 กรวยจัดแก๊ส
12. OREA 78 เครื่องมือขูดทำความสะอาดกรวยจดั แก๊ส
13. OREA 81 เครอื่ งมือควบและขูดเขมา่ กระบอกสูบ
14. OREA 82 และหัวลูกสบู
15. OREA 83 ดา้ มแส้
16. OREA 87 แส้ทำความสะอาด
17. OREA 93 หวั แส้ทำความสะอาด
18. OREA 94 ดอกแส้ทองเหลือง
19. OREA 96 ดอกแส้แปรงทำความสะอาดกระบอกสูบ
20. OREA 97 กระป๋องน้ำมนั หล่อลืน่
21. OREA 98 จำปาถอนปลอก
22. OREA 271 ชุดทำความสะอาดรูแกส๊ กรวยจัดแกส๊ ท่ี
เรือนกรวยจัดแก๊ส
ปลอกเคร่ืองมือขูดเขม่า
ชดุ เครอ่ื งมือทำความสะอาด OREA
81และ82

- 147 -

คำถามท้ายบท

1. ปก.แบบ38 เป็นอาวุธประจำหนว่ ยระดับใด
2. ถา้ มีต้องการใชท้ ่ายิงทำนองรบในระยะประชดิ หรอื ตะลุมบอนขา้ ศกึ จะใชท้ ่ายงิ ใดบ้าง
3. ระยะยงิ ไกลสุดของ ปก.แบบ 38 มีระยะยิงไกลสุดเท่าไร
4. ศูนย์หลงั ของ ปก.แบบ38 มมี าตราระยะยงิ ท เริ่มตง้ั แต่ 200 เมตร ถงึ ระยะเท่าไร
5. วงรอบการทำงานของ ปก.แบบ38 มี 8 ข้ัน ในขนั้ ตอนที่ 4 คือ
6. คณุ ลักษณะทัว่ ไปของ ปก.แบบ 38 คือ
7. หลักการทำงานของ ปก.แบบ 38 คอื
8. สว่ นประกอบที่ผูใ้ ชส้ ามารถถอดได้ตามปกติมีกี่ชิน้ ส่วน อะไรบา้ ง
9. กระสุนท่สี ามารถใชไ้ ด้กับ ปก.38 แบบ 38 มีกชี่ นิด อะไรบา้ ง
10. ให้อธบิ ายวธิ กี ารทำลายอาวุธเพ่ือปอ้ งกันข้าศึกนำไปใช้

*****************************

- 148 -

บทที่ 8

หลักการยงิ ปืนเลก็ และการยิงเป็นหมู่

ในการศึกษาหลกั การยิงปืนเล็กและการยิงเปน็ หมู่ ผู้เข้ารับการศกึ ษาจะต้องได้รบั การศึกษา และการ
ฝึกยิงอาวุธภายในหมู่ปืนเล็กเป็นพ้ืนฐานมาแล้ว ในบทเรียนต่อไปน้ีเป็นการนำเร่ืองท่ีมีความสัมพันธ์ท่ีจะประกอบ
หลักการยิง ใหเ้ ป็นประโยชนอ์ ยา่ งสูงสดุ ในการยงิ เปา้ หมายในเวลากลางวันและกลางคนื

ตอนที่ 1 การหาระยะยงิ
1. กล่าวทัว่ ไป
การหาระยะยิงเป็นการหาระยะจากท่ีต้ังยิงถึงเป้าหมาย ทหารทุกคนภายในหมู่ปืนเล็กจะต้อง
สามารถหาระยะได้อย่างถูกต้อง ท้ังน้ีเพื่อให้สามารถระบุที่ตั้งเป้าหมายปรับตำบลเล็งได้อย่างถูกต้องเม่ือใช้ศูนย์รบ
ตลอดจนสามารถจดั มาตราระยะยิงของอาวธุ ประเภทเคร่ืองยิงลกู ระเบดิ ได้อยา่ งถกู ต้อง
2. วธิ หี าระยะยงิ
หาได้จากการวดั ระยะในแผนที่ เครือ่ งมอื วัดระยะ จากการตรวจผลการยงิ สามารถกระทำได้อีกหลาย
วิธี วิธีที่ใช้เพ่ือให้ทันกับสถานการณ์ทางยุทธวิธีนั้นใช้การกะระยะด้วยสายตา ทหารในหมู่ปืนเล็กจำเป็นต้องได้รับการ
ฝกึ ในสนามภมู ิประเทศ แสงสวา่ งและสภาพของอากาศที่แตกตา่ งกนั ไป วิธีกะระยะด้วยตาทำได้ 2 วิธี คือ

2.1 วธิ ีกำหนดหน่วยหลัก 100 เมตร
1) ทหารภายในหมู่ปืนเล็กจะต้องมีความสามารถในการจดจำ ระยะ 100 เมตร และกะว่า

ระหว่างท่ตี ัง้ ยงิ ถึงเป้าหมายน้ีแบ่งเปน็ ระยะหลัก 100 เมตร ไดเ้ ท่าใด
การฝึกการกะระยะของทหาร ทดสอบได้ด้วยการนับก้าว ก้าวเฉลี่ยของทหารประมาณ 130 ก้าว ต่อ

100 เมตร การฝึกให้ทหารจดจำระยะหน่วยหลัก 100 เมตร น้ี ต้องกระทำบ่อยๆเพื่อให้สามารถหาระยะได้ถูกต้อง
จนถึงระยะ 500 เมตร

2) สำหรับระยะตั้งแต่ 500 เมตร ถงึ 1,000 เมตร ให้ทหารเลือกจุดกึง่ กลางระหว่างระยะของ
เป้าหมาย การกะระยะไปจุดกง่ึ กลางด้วยวิธีใช้หน่วยหลัก 100 เมตร เม่ือได้ระยะเท่าใดแล้วให้เอา 2 คณู การหาระยะ
ยิงดว้ ยวธิ นี ้ีจะไมม่ ่ีความแนน่ อนแม่นยำในระยะท่เี กิน 1,000 เมตร

3) ภูมิประเทศบางแห่ง จะมีผลกระทบกระเทือนต่อการกะระยะด้วยการใช้หน่วยหลัก 100
เมตร เช่น ภูมิประเทศลาดขนึ้ ระยะ 100 เมตร จะเห็นได้วา่ ยาวกว่าพื้นระดับ บนพื้นที่ซ่ึงลาดลงจะเห็นใกล้กว่าบน
พืน้ ระดบั

2.2 ลกั ษณะที่ปรากฏของเป้าหมาย
1) มักจะปรากฏเสมอที่ทหารไม่สามารถเห็นภูมิประเทศได้ตลอด ในกรณีเช่นน้ีไม่สามารถใช้

หน่วยหลกั 100 เมตร ได้ จำต้องหาระยะดว้ ยการจดจำลักษณะปรากฏของเป้าหมายในระยะต่างๆ เช่น รูปร่างคนยืน

- 149 -

ที่ปรากฏในระยะ 100 เมตร โดยจำขนาดและรายละเอียดของเคร่ืองแต่งกายและยุทโธปกรณ์ ต่อไปต้องศึกษาจดจำ
ในท่านง่ั คุกเข่าและท่านอน กระทำเช่นนห้ี ลายๆระยะ จนถึง 500 เมตร การฝกึ ให้เปรียบเทียบลกั ษณะปรากฏของคน
ในท่าต่างๆกันในสนามท่ีทราบระยะ จะช่วยให้ทหารได้นึกภาพแล้วนำมาหาระยะยิงในภูมิประเทศท่ีไม่มีความคุ้นเคย
ได้ จนถึงระยะ 500 เมตร

2) การฝึกยิงควรดำเนินการให้ทหารมีความคุ้นเคย กับการปรากฏของลักษณะเป้าหมาย
ทหารจำเป็นตอ้ งทำความเขา้ ใจอน่ื ๆ เช่น อาวุธและยานพาหนะ ฯลฯ

3) ปัจจัยท่ีทำให้การกะระยะด้วยตาคลาดเคลือ่ น การกะระยะด้วยตา จำเป็นต้องพิจารณา
ถงึ แสงสวา่ ง อากาศ และภูมปิ ระเทศ ดว้ ยตารางต่อไปนี้ แสดงถึงปจั จัยทช่ี ่วยให้กะระยะไดแ้ มน่ ยำข้นึ
ตารางแสดงปจั จยั ทที่ ำให้การกะระยะดว้ ยตาคลาดเคลอื่ นไปจากความจรงิ

ปัจจยั ที่พงึ ระลึกในการกะระยะด้วย เป้าหมายท่ปี รากฏใกลก้ วา่ เปา้ หมายทป่ี รากฏไกลกว่า
ตา ความเปน็ จรงิ และการกะระยะ ความเป็นจริง และจะกะระยะ
น้อยกวา่ ความเปน็ จรงิ มากกว่าความเป็นจริง

1.ท่ีหมายเหน็ เดน่ ชัดตลอดจน - เม่อื แลเห็นเป้าหมายทั้งหมดไดช้ ดั - เมือ่ เหน็ เป้าหมายแต่เพยี งบางส่วน

ขอบเขตและรายละเอยี ด และแสดงขอบเขตอยา่ งชดั เจน หรอื ขอบเปา้ หมายรอบๆได้เพียง
เลก็ นอ้ ย

2. ธรรมชาติของภูมิประเทศ หรือ - เมือ่ มองเห็นเห็นทล่ี ุม่ เป้าหมาย - เมอ่ื มองเหน็ ท่ีลุ่ม เป้าหมายทัง้ หมด

ทีต่ งั้ ของผตู้ รวจการณ์ ส่วนมากอยใู่ นทอี่ ับสายตา เหน็ ได้ชัดเจน

- เมื่อมองจากที่สงู ลงมาท่ีตำ่ - เมอ่ื มองจากท่ีต่ำขนึ้ ไปยงั ท่สี ูง

- เม่อื มองตรงๆไปยงั ถนนสวา่ ง หรือ - เมอ่ื มองไปยงั ชอ่ งทางแคบๆจำกัด

ทางรถไฟ เชน่ ถนน ตามซอก หรือทางเดิน

- เมอ่ื มองขา้ มพนื้ ทร่ี าบเรียบ เช่น ในป่า

พื้นน้ำ หิมะ ทะเลทราย หรือนา

ข้าว

3. แสงสวา่ งและบรรยากาศ - ในแสงสวา่ งแจม่ ใส หรอื เมอ่ื - ในขณะแสงสว่างมดื มัว เชน่ รงุ่ สาง

พระอาทติ ยส์ ่องอย่ขู ้างหลังของ หรอื ยำ่ ค่ำในขณะฝนตก หรอื

ผู้ตรวจการณ์ พระอาทติ ย์ส่องนยั น์ตาของ ผต.

- เม่ือมที ี่หมายตดั ฉากกบั ฉากหลัง - เมอ่ื ทห่ี มายกลมกลนื กบั ฉากหลงั

หรือแตกตา่ งกนั ท่ีรูปรา่ งขนาดหรอื หรือภูมปิ ระเทศ

สีท่ีมองเห็นในบรรยากาศที่แจม่ ใส

ของบรรยากาศทีร่ ะดับสงู

- 150 -

ตอนที่ 2 ลกั ษณะการยงิ
1. กล่าวทั่วไป ก่อนที่จะใช้หลักการยิงของอาวุธภายในหมู่ให้บังเกิดผลคุ้มค่าท่ีสุดน้ัน จำเป็นต้อง
เข้าใจพื้นฐานเบ้ืองตน้ ที่ถูกตอ้ ง และวธิ นี ำไปใช้เสยี กอ่ น เรื่องตา่ งเหล่าน้ี หมายรวมลกั ษณะการยิง ประเภทการยงิ
2. คำจำกัดความท่เี ก่ยี วกับลักษณะการยิง

2.1 กระสุนวิถี คือ ทางเดินของลูกกระสุนท่ีแล่นออกไปจากปากลำกล้องงปืน จนถึงเป้าหมาย
หรือตำบลกระสนุ ตก

1) ปืนเล็กและอาวุธกล วิถีกระสุนจากปากลำกลอ้ งเกือบจะราบในระยะ 300 เมตร ในระยะ
ท่ีมากกวา่ น้ี ผู้ยิงจำเป็นต้องเพ่ิมมุมสูงให้กับปืน ซึง่ ทำให้กระสนุ วิถีมีความสงู ข้นึ และความโคง้ ของกระสนุ วิถจี ะมากขึ้น
ตามระยะทไ่ี กลขึ้น

2) เคร่ืองยิงลูกระเบิด ลักษณะการยิงเป็นการให้กระสุนหรือวิถีกระสุนที่มีความสูง วิถี
กระสุนจึงมีลักษณะแตกต่างกับปืนเล็ก หรือปืนกลเป็นอย่างมาก และเม่ือเปรียบเทียบความเร็วต้นของกระสุนแล้ว
เคร่ืองยิงลูกระเบิดจัดว่ามีความเร็วต้นน้อยมาก วิถีกระสุนของเคร่ืองยิงลูกระเบิดเกือบจะราบเม่ือยิงออกไปในระยะ
150 เมตร ในการยิงหวังผลสูงสุดของเคร่ืองยิงลูกระเบิด 350 เมตร มุมสูงท่ีให้กับปืนประมาณ 20 องศา จากพ้ืน
ระดบั เมื่อทำการยิงในระยะไกล ความเรว็ ตน้ น้อยและวิถีกระสุนมคี วามโค้งมาก จงึ จำเป็นต้องพิจารณากระแสลมที่จะ
มีผลกระทบกระเทือนตอ่ วถิ กี ระสนุ ด้วย

2.2 ย่านอันตราย คือ พ้ืนที่ระหว่างปืนถึงเป้าหมาย เม่ือวิถีกระสุนไม่สูงเกินความสูงเฉลี่ยของคน
ยนื (180 ซม.) รวมท้งั พน้ื ทขี่ องอาการกระจายด้วย

1) การยิงจากท่านอนยิงบนพ้ืนระดับ หรือภูมิประเทศที่เป็นลาดเสมอ ในระยะเป้าหมายที่
ต่ำกว่า 700 เมตร วิถีกระสุนจะไม่สูงเกินกว่าความสูงเฉล่ียของคนยืน ทุกคนที่อยู่ในแนวท่ีทำการยิงน้ีจะต้องถูกลูก
กระสนุ ดงั นั้น ระยะทงั้ หมดจึงเรยี กวา่ “ย่านอันตราย”

2) เม่ือทำการยิงในระยะท่ีมากกว่า 700 เมตร วิถีกระสุนบางส่วนจะสูงเกินความสูงเฉล่ีย
ของคนยนื ดังน้ัน ระยะระหว่างผู้ยิงถึงเปา้ หมายจงึ ไมเ่ ปน็ ย่านอันตรายท้งั หมด

2.3 กรวยกระสุนวิถี เมื่อทำการยิงหลายๆนัดจากปืนกระบอกเดียวกันซ้ำๆต่อเป้าหมายเดิม ลูก
กระสุนที่แล่นออกไปในอากาศจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย เกิดจากการเล็ง, ท่ายิง, สภาพกระสุนและบรรยากาศ
วิถีกระสนุ ท่ียิงออกไปเกดิ มลี ักษณะเปน็ กรวย ซง่ึ เรียกวา่ “กรวยกระสุนวถิ ี”

2.4 รูปอาการกระจายลูกกระสุนจากกรวยการยิง เม่ือตกลงพ้ืนหรือเป้าหมาย เรียกว่า “รูป
อาการกระจาย” บนลาดเสมอหรอื พื้นระดับ รปู อาการกระจายจะเป็นวงรีรูปไข่ เม่ือพนื้ ท่ีลดลง รูปอาการกระจายทาง
ยาวจะมีความยาวมากข้ึน และถ้ายิงไปยังพ้ืนท่ีลาดข้ึน รูปอาการกระจายทางยาวจะสั้นเข้า ระยะของเป้าหมายเป็น
เหตุหนงึ่ ที่รูปอาการกระจายเปลี่ยนแปลงใหม่ ทั้งทางยาวและทางกว้าง ความเขา้ ใจเก่ียวกับรปู อาการกระจายจะช่วย
ให้ทหารในหมู่ใช้ประโยชนจ์ ากการยงิ ให้บังเกิดผลดีทสี่ ดุ

- 151 -

2.5 รัศมีอันตราย อันตรายจากการระเบิดของลูกระเบิด ซ่ึงสาดสะเก็ดระเบิดและอำนาจการ
ผลักดันไปรอบๆตัว จากตำบลท่ีลูกระเบิดตก มีผลในการสังหารบุคคลหรือทำให้เกิดการบาดเจ็บ เรียกว่า “รัศมี
อันตราย” สำหรับลูกเครื่องยงิ ลกู ระเบดิ เอม็ 79 มีรัศมอี ันตราย 5 เมตร

3. ประเภทการยงิ
การยิงของปืนเล็กและอาวธุ กล แบง่ ประเภทการยิงออกเปน็ เก่ยี วกับเปา้ หมายและเก่ียวกบั พื้นที่ ดังนี้

3.1 ประเภทการยิงเกี่ยวกับเปา้ หมาย
1) การยงิ ตรงหน้า คือ การยงิ เมื่อแกนทางยาวของรูปอาการกระจายตง้ั ฉากกบั ดา้ นหนา้ ของ

เป้าหมาย
2) การยงิ ทางปีก คอื การยิงท่กี ระทำทางปกี ของเป้าหมาย
3) การยิงทางเฉียง คือ การยิงเม่ือแกนทางยาวของรูปอาการกระจาย ทำมุมไม่ตั้งฉากกับ

เปา้ หมาย
4) การยิงตามแนว คือ เม่ือแกนทางยาวของรูปอาการกระจายทับ หรือเกือบทับแกนทาง

ยาวของเป้าหมาย การยิงประเภทนอี้ าจจะกระทำตรงหน้าหรือทางปกี ก็ได้ ย่อมให้ผลตอ่ การทำลายเป้าหมายมากท่ีสุด
จากประโยชนข์ องรปู อาการกระจาย

3.2 ประเภทการยงิ เกยี่ วกับพน้ื ที่
1) การยิงกวาด คือ การยิงท่ีมีความสูงวิถีกระสุนไม่สูงเกินระดับเอวของคนยืน (1 เมตร)

ภูมิประเทศท่ีเป็นลาดเสมอหรือพื้นระดับ การยิงกวาดจะมีถึงระยะ 600 เมตร จากการยิงของปืนเล็กและอาวุธกล
ลักษณะภูมิประเทศยอ่ มทำให้ความสูงของวิถีกระสนุ เปลี่ยนแปลงไป ดงั น้นั การยงิ กวาดจึงเปลี่ยนแปลงไปด้วย

2) การยิงมุมกระสุนตกใหญ่ ย่อมข้ึนอยู่กับความลาดของพ้ืนที่ เม่ือทำการยิงในระยะไกลๆ,
เมือ่ ทำการยงิ จากที่สูงไปยงั ท่ตี ำ่ กว่า และยิงไปยังพื้นทสี่ ูงลาดชัน

ตอนที่ 3 การใช้อำนาจการยิง
1. กล่าวทว่ั ไป
การใช้อำนาจการยิงประกอบด้วยวิธีการท่ีหมู่ใช้ให้บังเกิดผลอย่างสูงสุดต่อเป้าหมายที่ปรากฏ รวมทั้ง
พื้นท่ีที่สงสัยว่าจะมีข้าศึกอยู่ ในการที่จะใช้อำนาจการยิงให้เกิดประโยชน์ทหารทุกคนจะต้องศึกษา และสนใจต่อแบบ
ต่างๆของเป้าหมายท่ีจะเผชิญในการรบ จะต้องมีความเข้าใจถึงพ้ืนฐานหลักการรบของข้าศึก ต้องรู้จักการใช้อำนาจ
การยิงของหมู่ในการรวมหรือกระจายการยิง จะต้องมีการฝึกในสนามเพื่อใช้อำนาจการยิงตามคำส่ัง ผบ.หมู่ ได้อย่าง
ถกู ตอ้ ง

- 152 -

2. การจัดกำลังของหมู่ ปล.
2.1 การจัดกำลังของ ทบ.ไทย หมู่ปืนเล็กประกอบด้วยผู้บังคับหมู่ละสองชุดยิง คือ ชุดยิง ก.

และชุดยิง ข. สำหรับชุดยิง ก. ประกอบด้วยหัวหน้าชุดยิง, พลยิงอาวุธกล 1 นาย, พลยิงเคร่ืองยิงลูกระเบิด 1 นาย
และพลปนื เลก็ 2 นาย สว่ นชุดยิง ข. คงจัดเช่นเดยี วกับชุดยงิ ก.

2.2 หน้าที่ของทหารภายในหมู่ปืนเล็ก ทหารภายในหมู่ปืนเล็กแต่ละคนจะต้องมีประสิทธิภาพใน
การปฏิบัติหน้าท่ีเฉพาะต่างๆ เช่น มีจิตใจในการปฏิบัติงานเป็นชุด มีความเช่ือมั่นซ่ึงกันและกัน ทำให้เกิดความกลม
เกลียวภายในชุดยงิ และหมู่ เป็นการเพ่ิมพูนขวัญและเสริมสร้างความกล้าหาญ จะทำให้ประสทิ ธภิ าพการรบสูงขนึ้ ดว้ ย
ต้องรู้และเข้าใจหน้าท่ีต่างๆและความรับผิดชอบของบุคคลอ่ืนๆในชุดยิงด้วย ท่ีจะต้องเตรียมตัวไว้เพื่อทำหน้าที่และ
รับผดิ ชอบแทนเม่อื มคี วามจำเปน็ ในทำนองเดยี วกันหัวหนา้ ชุดยงิ จะต้องรแู้ ละเข้าใจหน้าท่ีของผู้บงั คับหมู่ดว้ ย

2.3 ผู้บังคับหมู่รับผิดชอบในเรื่องวนิ ัย การฝึก การบังคับบัญชาและการปฎบิ ัตขิ องหมขู่ องตน หมู่
ย่อมได้รับการฝึกให้ใช้ และปรนนิบัติบำรุงอาวุธ และเคร่ืองใช้ของหมู่อำนวยการเคล่ือนที่ และต่อสู่เป็นบุคคล และ
เปน็ พวกตามหนา้ ท่ี

2.4 หัวหน้าชุดยิงปฏิบัติตามคำส่ังของ ผบ.หมู่ เก่ียวกับการใชช้ ุดยิง รวมทั้งวินัยการยิงภายในชุด
ยิง หัวหน้าชุดยิงจะอยู่ ณ ท่ีซึ่งสามารถปฏิบัติตามคำส่ังของ ผบ.หมู่ได้ดที ่ีสุด เช่น ควรอยู่ใกล้กับพลยิงอาวุธกล และ
พลยิงเครื่องยิงลูกระเบิดพอสมควร เพื่อจะได้ควบคมุ การยิงได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากหน้าท่ีหลักของตน
แลว้ ต้องทำหน้าท่เี พ่ิมเติมเป็นพลปืนเลก็ ด้วย หัวหน้าชดุ ยิงอาวุโสจะตอ้ งทำหน้าท่ีบังคับบัญชาหมแู่ ทนขณะที่ ผบ.หมู่
ไม่อยู่

2.5 พลยิงอาวุธกล (พลยิงเครื่องยิงลูกระเบิด) พลปืนเล็ก รับผิดชอบต่อเป้าหมายท่ีเกิดขึ้นตาม
ระเบียบปฏิบัติประจำของหมู่ โดยใช้หลักการยิงอย่างถูกต้อง เฝ้าตรวจเป้าหมายที่เกิดข้ึนใหม่และช้ีเป้าหมายให้ผู้
บังคับหมู่ทราบ ทุกคนจะต้องตื่นตัวพร้อมที่จะรับคำสั่งจาก ผบ.หมู่ เสมอ พลปืนเล็กช่วยเหลือพลยิงอาวุธกล (พลยิง
เครอ่ื งยิงลกู ระเบดิ ) ในการปรบั การยงิ เม่อื สถานการณ์อำนวยให้

3. การฝึกยิงปนื เลก็
พลยิงปืนเล็กจะต้องเรียนรู้ถึงวิธีท่ีจะทำอย่างไรท่ีจะทำให้การยิงได้ผลดีท่ีสุด จะต้องจำและใช้
หลักการจากการฝึกในสนามมาใช้ ในสนามรบเป้าหมายจะปรากฏข้ึนอย่างมากมาย บางครง้ั เหน็ ได้ท้ังหมด เหน็ เพียง
บางส่วน หรือไม่สามารถเห็นได้เลย เป้าหมายเคล่ือนที่ หยุดอยู่กับที่ ดังน้ัน การเล็งต่อเป้าหมายของพลปืนเล็กจึงมี
ความสำคญั ย่ิง

3.1 การเล็งเป้าหมายเป็นจุด ทหารมักจะไม่สามารถจัดศูนย์เพื่อต้ังมาตราระยะยิงได้ทันในสนาม
รบ จึงใช้การตั้งศูนย์รบ ดังนั้น การปรับตำบลเล็งต่อเป้าหมาย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการยิงเป้าหมาย คนยืนใน
ระยะ 300 เมตร ทำการเล็งกลางลำตัว (ระดับเข็มขดั ถงึ หัวใจ) สามารถใช้กับเป้าหมายทีเ่ คล่ือนท่ีเข้ามาหรือออกไปได้

- 153 -

ด้วย เป้าหมายระยะท่ีเกินกว่า 300 เมตร มักปรากฏได้ยาก ดังน้ัน การจัดศูนย์ท่ีเหมาะกับระยะการเล็งต่อเป้าหมาย
อย่างถกู ต้อง จงึ จำเปน็ ทีจ่ ะต้องฝกึ ในสนามเพือ่ ใหเ้ กดิ ความคุ้นเคย

3.2 การเล็งดัก เมอ่ื เปา้ หมายเคลื่อนท่ีผา่ น ผยู้ งิ จะรู้วิธเี ลง็ ดกั หน้าขา้ งหน้าก่งึ กลางเป้าหมาย
1) เป้าหมายเคลื่อนท่ีผ่านในทิศทางต้ังฉากกับแนวยิง ในระยะ 75 - 175 เมตร ทำการเล็งท่ี

ขอบหน้าของเป้าหมายทหารข้าศึก ในแนวระดับหัวเข่า ระยะ 175 - 250 เมตร ทำการเล็งข้างหน้าเพ่ิมการเล็งดัก 1
เท่า ของความกวา้ งของเป้าหมาย การเล็งในแนวลำคอ เปา้ หมายทีเ่ คลอ่ื นทีด่ ้วยการวิ่ง ทำการเล็งดักหน้า 1 เท่า ของ
ความกวา้ งของเป้าหมาย ท้ังน้ี การเล็งดกั จะขน้ึ อย่กู ับสภาพของเป้าหมายแตล่ ะสถานการณร์ บดว้ ย

2) พลยิงสามารถทำการยิงเป้าหมายยานยนต์ ท่ีปรากฏในสนามรบโดยทำการเล็งต่อส่วน
หนา้ ของยานยนต์

4. ประเภทของเป้าหมาย
เป้าหมายท่ีปรากฏในเขตรับผิดชอบของหมู่ปืนเล็ก ประกอบด้วยข้าศึกเป็นบุคคลในสถานการณ์
ตา่ งๆ ซง่ึ มที ง้ั ความกวา้ งและความลกึ หมู่ปนื เล็กจะต้องทำการยิงใหค้ รอบคลมุ พนื้ ทท่ี ่ปี รากฏขา้ ศึกหรือทสี่ งสยั

4.1 เป้าหมายเป็นแนว เป็นเป้าหมายที่มีความกว้างมากกว่าความลึก เช่น เป้าหมายข้าศึก 2 คน
ข้ึนไป เคลื่อนท่ีเข้ามาตรงหน้าเคียงคกู่ นั

4.2 เป้าหมายเป็นตอนทางลึก เป้าหมายมีความลึกมากกว่าความกว้าง เช่น ทหารเคล่ือนท่ี
เปน็ แนวในทางลึกจากหน้าไปหลัง

4.3 เป้าหมายเป็นจุด เป้าหมายเป็นจุดเดียวมีพื้นท่ีขนาดเล็ก เช่น หลุมปืน ท่ีตั้งอาวุธ ท่ีตรวจ
การณ์ รถยนต์ และกลุม่ ทหารขนาดเลก็

4.4 เป้าหมายเป็นพื้นท่ี เป้าหมายท่ีมีขนาดความกว้างและความลึกเกือบเท่ากัน หรือพ้ืนท่ีข้าศึก
ยดึ อยแู่ ตไ่ มท่ ราบทีต่ ง้ั ที่แน่นอน

5. การกระจายการยงิ , การระดมยงิ และจงั หวะการยงิ
ในสนามรบ ขนาดและลักษณะของเป้าหมาย จะเป็นเครื่องกำหนดให้ต้องใช้อำนาจการยิงท้ังหมู่ปืน
เล็ก ใช้เพียงแตบ่ างส่วน เพ่ือใหบ้ งั เกิดผลการยงิ ตามทกี่ ำหนดหรือภายใตก้ ารควบคุม

5.1 การกระจายการยิง เป็นการยิงทั้งทางกว้างและทางลึก เป็นแนวในทางลึก, เป็นตอนหรือ
พ้นื ท่ี ซง่ึ มีผลครอบคลมุ เปา้ หมาย

5.2 การระดมยิง เป็นการยิงตรงไปยงั เป้าหมายท่ีเป็นจุด เช่น การยิงของอาวธุ อตั โนมัติ การยิงนี้
อาจกระทำทงั้ หมู่ หรือเพียงบางสว่ นกไ็ ด้

5.3 จังหวะการยิง การกำหนดอตั ราการยิงน้ัน ข้ึนอยู่กับปัจจัยหลายประการท่ีต้องนำมาพจิ ารณา
อตั ราการยิงหวังผลสูงสุด หมู่ปืนเล็กจะสามารถทำได้น้ันขึ้นอยู่กบั การเล็ง การควบคุม การลั่นไก จำนวนกระสุน และ
อัตราการยิงท่ีไม่เป็นอันตรายต่อผู้ยิง และต่อการเสียหายของอาวุธพลปืนเล็ก ทำการยิงคร้ังแรกด้วยจำนวนกระสุน

- 154 -

2 - 3 นัด ติดต่อกันเพ่ือเป็นการเปิดการยิงอย่างจู่โจม และเพื่อให้มีอำนาจการยิงท่ีเหนือข้าศึก หลังจากน้ันอัตราการ
ยิงจะลดลง แต่จะต้องทรงอำนาจการยิงท่ีเหนือกว่าข้าศึก จังหวะการยิงดังกล่าวเป็นการประหยัดกระสุน และมีเวลา
พอท่ีผบู้ ังคบั หมจู่ ะสามารถปรับการยิงของหมู่ และเปน็ การประหยัดกระสุนไวด้ ว้ ย

6. การยงิ เปา้ หมายเป็นแนว
ผบ.หมู่ จะชี้จุดก่ึงกลางเขตซ้ายและขวาของเป้าหมาย พลปืนเล็กทำการยิงเป้าหมายในเขต
รับผดิ ชอบ ซึง่ จะต้องมีขอบเขตคาบทับกัน พลยิงอาวุธกลทำการยิงใหค้ รอบคลมุ เป้าหมายในเขตรบั ผิดชอบของหมู่ ใน
การยิงเป้าหมายของพลยิงอาวุธกลในระยะ 460 เมตร หรือต่ำกว่า คงทำการยิงเป็นชุดสั้น 2 - 3 นัด ท่ัวเขตการยิง
เคร่ืองยิงลกู ระเบดิ ทำการยงิ ในเขตการยิงทีร่ ับมอบ หรือตลอดทงั้ เขตรบั ผิดชอบของหมู่
7. การยงิ เปา้ หมายเปน็ ตอนทางลึก
ผบ.หมู่ จะชี้ขอบเขตของเป้าหมายให้ทหารภายในหมู่ทราบ หรือให้มอบหมายตามระเบียบปฏิบัติ
ประจำ พลยิงอาวุธกลทำการยิงก่ึงกลางของเป้าหมายเป็นชุด 2 - 4 นัด รูปอาการกระจายจะมีผลในการทำลาย
เป้าหมายได้ด้วย เคร่ืองยิงลูกระเบิดคงทำการยิงตามจุดกึ่งกลางเป้าหมายเช่นเดียวกัน ความคลาดเคล่ือนจากการยิง
จะมผี ลในการทำลายตอ่ เปา้ หมายไดด้ ว้ ย
8. การยงิ เปา้ หมายเปน็ จุด
ทำการยิงโดยการรวมอำนาจการยิงจากอาวุธท้ังหมดของหมู่เพียงบางส่วน หรือตามสถานการณ์ที่ผู้
บังคบั หม่เู ป็นผ้กู ำหนด
9. การยิงเปา้ หมายเป็นพ้ืนท่ี
ผู้บังคับหมู่จะชี้พื้นท่ีของเป้าหมาย โดยการแบ่งการยิงให้กับแต่ละอาวธุ ในทางกว้าง และทางลึกของ
เปา้ หมาย แต่ละชนิดอาวุธทำการยิง โดยการกระจายการยิงตลอดจนพื้นที่ท่ีสงสัย ซึ่งอยใู่ นพืน้ ทรี่ ับผดิ ชอบของหมู่ พล
ยงิ อาวธุ กลทำการกระจายการยิงโดยใชก้ ารยงิ เปา้ หมายหลายๆระยะ
10. การยิงตะลมุ บอน
เป็นการยิงท่ีรุนแรงของหมู่ปืนเล็กระหว่างการเข้าตีขั้นสุดท้าย ทหารภายในหมู่ทำการยิงเร็วและ
ต่อเน่ือง เพ่ือให้สามารถใช้ผลการยิงต่อเป้าหมายได้อย่างเต็มที่ พลปืนเล็กทำการยิงเร็วในระยะมากกว่า 50 เมตร ใน
ระยะใกล้กว่านี้ ใช้หลักการยิงเร็วทำการยิงเป้าหมายที่ปรากฏ หรือสงสัยในทิศทางตรงหน้า พลยิงอาวุธกลทำการยิง
จังหวะส้ันๆในท่ายิงใต้รักแร้ต่อเป้าหมายท่ีปรากฏหรือสงสัยในเขตของหมู่ เคร่ืองยิงลูกระเบิดทำการยิงเป้าหมายท่ี
ปรากฏก่อนที่หมู่ปืนเล็กจะเข้าใกล้เป้าหมาย ซ่ึงอาจได้รับอันตรายจากสะเก็ดระเบิด (ถ้าใกล้กว่า 31 เมตร หรืออาจ
ใชก้ ารยิงดว้ ยกระสนุ ลกู ปรายตอ่ เปา้ หมายในระยะใกล)้
ตอนที่ 4 การควบคุมการยิง
1. กล่าวท่ัวไป เพื่อหวังผลในการทำลายข้าศึก การยิงของหมู่จะต้องกระทำอย่างถูกต้อง และได้รับ
ประโยชน์อย่างสูงสุด มีการควบคุมการยิงที่ดี ทั้งนี้อยู่ที่ความสามารถของผู้บังคับหมู่ ท่ีจะเคล่ือนจากท่ีตั้งแห่งหนึ่งไป

- 155 -

ยังทีต่ ั้งแห่งอนื่ ๆ การเปิดการยิง การย้ายยงิ และการหยดุ ยงิ ผบ.หมู่ จะต้องกำหนดไว้ในการฝกึ วิธีควบคมุ และการ
ปฏบิ ตั ิเป็นชุดภายในหมู่

2. วิธีใช้ในการควบคุมการยิง ความยุ่งยากต่างๆในสนามรบจะเป็นเครื่องจำกัดในการใช้วิธีการ
ควบคมุ การยงิ ฉะนั้น ผบ.หมู่จะต้องเลอื กวธิ ีหนงึ่ วิธใี ดหรอื หลายๆวธิ ี เพ่ือใหภ้ ารกจิ สำเรจ็ ไปดว้ ยดีทีส่ ุด

2.1 คำสั่งด้วยวาจา เป็นการควบคุมวิธีหนึ่ง แต่เวลาและระยะห่างระหว่างตัว ผบ.หมู่ กับทหาร
ภายในหมู่ เสยี งในสนามรบจะเปน็ เครอ่ื งจำกดั การสั่งการดว้ ยวาจา

2.2 แขนและมือสัญญาณ เป็นวิธีหนึ่งเม่ือทหารภายในหมู่สามารถมองเห็นตัว ผบ.หมู่ ทหาร
ภายในหมู่จะตอ้ งมคี วามเข้าใจสัญญาณน้ันๆเปน็ อยา่ งดี

2.3 สัญญาณที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จะเป็นทัศนสัญญาณหรือเสียงสัญญาณ เช่น พลุ หรือเสียง
นกหวีด ซึ่งควรจะรวมอยใู่ น รปจ.ของหน่วย

2.5 โดยการส่ือคำส่ัง คำส่ังง่ายๆอาจส่งผ่านคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ไม่ควรใช้คำส่ังที่มีข้อความ
ยาว อาจทำให้สับสนหรอื เกดิ ความไมเ่ ข้าใจ เปน็ การสิ้นเปลืองเวลามาก

2.6 ถึงตัวผู้รับคำส่ัง ผบ.หมู่ เคลอื่ นท่ีไปยังผู้รบั คำส่ังโดยตรง เป็นวิธีการควบคุมท่ีดปี ระการหนึ่ง
แต่ ผบ.หมู่ จะต้องอาศัยส่ิงปกปิดกำบังเป็นอย่างดี และจะต้องไม่ใชเ้ วลามากตอ่ คนหนึง่ ๆ ซ่ึงทำให้การควบคุมทางอื่น
ตอ้ งหยุดชะงกั ไป

2.7 โดยการใช้ หน.ชุด ผบ.หมู่ อาจมอบอำนาจในการปฏบิ ัติให้กับ หน.ชุด ก่อนการรบ พร้อมทั้ง
ให้คำแนะนำล่วงหนา้

2.8 การใช้ระเบียบการปฏิบัติประจำ ระเบียบปฏิบัติประจำเป็นการพัฒนาจากการฝึกในสนาม
ของหน่วยระดับหมู่ปืนเล็ก ทหารภายในหมู่สามารถปฏิบัติได้ด้วยความริเร่ิมของตนเองได้อย่างถูกต้องสมความมุ่ง
หมาย

3. คำส่ังยิง เมื่อ ผบ.หมู่ ตกลงใจที่จะทำการยิงทำลายต่อเป้าหมาย ซ่ึงทหารภายในหมู่ยังไม่ทราบ
ผบ.หมู่ จำเป็นจะต้องให้คำสั่งเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จต่อการยิงทำลายเป้าหมายน้ัน ผบ.หมู่ จะต้องทำให้ทหารภายใน
หมู่ตนื่ ตวั และสนใจคอยรับฟงั คำส่ัง อะไรคือเปา้ หมายท่ีไหน ตลอดจนจำนวนกระสุนทีจ่ ะใช้ยิง การเรมิ่ ยิง การใหค้ ำสั่ง
ต้องกระทำด้วยความรวดเร็ว เขา้ ใจง่ายไมส่ ับสน เสยี งและความสบั สนในสนามรบ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศและท่ีต้งั ยงิ ของ
ทหารภายในหมู่เป็นอปุ สรรคในการให้คำสั่ง โดยเฉพาะคำส่งั ดว้ ยวาจา ดังนี้ คำสั่งจึงกำหนดเป็นแบบขึ้นเพื่อให้ทุกคน
เขา้ ใจในแนวเดียวกัน

4. หัวขอ้ คำสงั่ ยิง คำส่ังยงิ ของอาวุธอนื่ ๆ มีหัวข้อทำนองเดียวกัน หัวขอ้ คำส่ังทั้ง 6 ข้อน้ี เป็นหัวข้อ
ทสี่ ำคญั และจำเปน็ ในการให้คำส่ังยงิ ทงั้ สน้ิ หัวขอ้ คำสัง่ ยงิ มดี งั น้ี

4.1 คำสง่ั เตือน (นามหน่วย, พวก หรือบคุ คล)
4.2 ทิศทาง

- 156 -

4.3 ลกั ษณะเปา้ หมาย
4.4 ระยะยิง
4.5 มอบท่ีหมายยิง
4.6 การควบคุมการยิง (คำสง่ั เร่ิมยงิ )

1) คำสั่งเตือน เป็นคำส่ังเตือนให้หน่วยอยู่ในอาการพร้อมท่ีจะรับคำสั่งต่อไป อาจเป็นการ
บอกให้รู้ว่าใครเป็นผู้ที่จะยิง มักให้คำส่ังว่า “หมู่” หรือ “อาวุธกล” หรือ “พลปืนเล็ก” อย่างไรก็ตาม ผบ.หมู่ อาจให้
คำส่ังเตือนแก่ทหารเพยี งคนเดยี วหรอื หลายคนได้ โดยการเรยี กชอ่ื หมายเลข

2) ทิศทาง การบอกทิศทางอาศัยทิศทางของที่ต้ังของหมเู่ ปน็ หลกั
ก. การบอกทศิ ทางด้วยวาจา การบอกทิศทางบอกเฉพาะที่หมายท่ีหน่วยน้ันเผชิญหน้าอยู่

ทิศทางท่ัวๆไปกำหนดขึ้นได้ ดังนี้ ข้างหน้า, ข้างหน้าทางขวา, ข้างหน้าทางซ้าย, ทางขวา, ทางซ้าย, ข้างหลังทางขวา,
ขา้ งหลังทางซ้าย, ขา้ งหลงั

ข. การบอกด้วยการช้ี กระทำโดยการชี้ด้วยนิ้วมือ การพาดปืนเล็งไปยังเป้าหมายแล้วให้
ผ้รู ับคำส่ังเล็งตาม การทำเคร่ืองหมาย เช่น การใช้ดาบปลายปืนหรอื กิ่งไม้ปักเป็นรูปตัว V ผู้รับคำส่ังเล็งผ่านช่องตัว V
ด้วยการวัดนิ้วมือจากตำบลเล็ง (การวัดระยะทางข้าง)

ค. การใช้กระสุนส่องวิถี การยิงกระสุนส่องวิถีไปยังเป้าหมายนั้น เป็นวิธีชี้เป้าหมายได้
รวดเร็วและแน่นอนวิธีหนึ่ง สำหรับช้ีทิศทางของเป้าหมายท่ีไม่ชัดเจน และสามารถชี้ปกี ที่หมายท่ีอยู่ในที่กำบงั ได้อย่าง
ถูกต้องด้วย การใช้กระสุนส่องวิถีมีข้อเสียในกรณีที่ต้องการให้หมู่ทำการยิงด้วยการจู่โจม เพราะเป็นการแสดงที่ตั้งให้
ฝา่ ยตรงข้ามรู้กอ่ น ดงั ตวั อย่างคำส่ัง

- หมู่
- ข้างหนา้
- ทหารเป็นแนว
- สามรอ้ ย
- คอยดูกระสุนส่องวถิ ี
- นัดแรกกึ่งกลางเป้าหมาย
- นัดท่สี องปกี ขวาของเป้าหมาย
- นัดทส่ี ามปีกซ้ายของเป้าหมาย

ง. ด้วยการใช้ตำบลหลัก เพ่ือให้ทหารเห็นเป้าหมายที่เห็นได้ยาก จึงจำเป็นต้องใช้ตำบล
หลกั ท่เี ป็นท่หี มายเด่น หรือจุดเด่นในภูมปิ ระเทศใกลก้ ับเปา้ หมายท่ีตอ้ งการใหท้ หารภายในหมู่เห็น เช่น สะพาน, บา้ น,
ถนนตัดกัน, ชุมทาง, ทางแยก, ต้นไม้เด่น เม่ือใช้ตำบลหลักให้บอกคำว่า “ตำบลหลัก” นำหน้าก่อนที่จะบอกลักษณะ

- 157 -

ของตำบลหลักน้ันๆ และใช้คำว่า “เป้าหมาย” นำหน้าก่อนท่ีจะบอกลักษณะของเป้าหมาย ทั้งน้ีเพื่อให้เกิดความ
แตกต่างของท้ังสอง และเปน็ การป้องกันความเขา้ ใจผิด เชน่

ตวั อย่างท่ี 1
- อาวุธกล
- ข้างหนา้ ตำบลหลกั ตน้ ไมต้ ายในนา
- เป้าหมาย พลซมุ่ ยิง
- สามร้อย
ในบางกรณเี ป้าหมายทีเ่ ห็นได้ยาก จำเปน็ ตอ้ งใช้ตำบลหลกั หลายๆแห่ง ตัวอย่าง เชน่
ตัวอยา่ งที่ 2 - ข้างหนา้ ตำบลหลักหลังคาแดง, ทางขวาถึงโรงนา, ทางขวาถึงกองฟาง
การใชก้ ารวดั ระยะทางซ้ายดว้ ยการวดั น้วิ มอื เช่น
ตวั อยา่ งที่ 3 - ข้างหน้า ตำบลหลักตน้ สนเดี่ยว ทางขวา 2 น้ิวมอื

3) ลักษณะของเปา้ หมาย คอื การบอกลักษณะของเป้าหมายท่ีปรากฏอย่างถกู ต้องชัดเจน ซึ่งท่ี
หมายอาจมีลักษณะ เป็นจุด เป็นแนว หรือเป็นพ้ืนที่ เช่น พลซุ่มยิงปืนกล แนวทหารราบ รถบรรทุกทหาร ที่ต้ังของ
เคร่อื งยงิ ลกู ระเบดิ

4) ระยะยิง เป็นการบอกระยะเป็นเมตร ช่วยให้ทหารทราบว่าจะต้องมองเป้าหมายในระยะใด
ทั้งเป็นการให้ทราบรายละเอียดในการตงั้ มาตราระยะยิง หรือปรบั ตำบลเล็งให้ถูกต้องเม่ือใช้ศูนย์รบ ในการให้คำส่ังไม่
ตอ้ งบอกคำว่า “ระยะ” คงบอกแตจ่ ำนวนหน่วยเป็นร้อย ถ้าเป็นเศษให้บอกเปน็ ตัวเลข เช่น หนึ่งร้อย เจ็ดร้อย ห้าร้อย
สามห้าศนู ย์ หรือสร่ี ้อย ฯลฯ

5) การมอบที่หมาย เป็นการกำหนดให้ผู้ใดทำการยิง และด้วยจำนวนกระสุนเท่าใด ในบางกรณี
อาจไดส้ ัง่ ในคำส่งั เตอื นแลว้ เช่น

- หมู่
- ข้างหน้า
- สามรอ้ ย
- อาวุธกล
- สองซอง
6) คำสั่งเริ่มยิง กระทำโดยการใช้คำส่ังด้วยวาจาหรือให้สัญญาณเพื่อเปิดการยิง ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้
การจู่โจมกส็ ั่งเริ่มยิงไดท้ ันที ถ้า ผบ.หมู่ ต้องการให้เกิดการจู่โจมอย่างมาก และไดผ้ ลในการข่มขวัญ แลว้ กำหนดเร่ิมยิง
เมอ่ื รับคำสัง่ หรอื สญั ญาณ เมื่อทุกคนพร้อมท่จี ะทำการยิงแล้ว “เริม่ ยิงเม่ือสง่ั ” หรือ “เริ่มยิงเมื่อให้สญั ญาณ” จากน้ัน
จงึ ส่ังหรือใชส้ ัญญาณเร่มิ ยิง

- 158 -

ตอนท่ี 5 การยงิ ปนื กลางคืนเปน็ บุคคล
1. กลา่ วทวั่ ไป
การรบในปัจจุบันมักจะปรากฏในเวลากลางคืน เช่น การรบในเวียดนาม ลาว แม้แต้ในอดีต เช่น
เกาหลี ท้ังนี้เพราะการปฏิบัติในเวลากลางคนื จะช่วยใหล้ ดความเสียหายเพอื่ หวงั ผลในการจโู่ จม ทำให้ฝ่ายตรงขา้ มเสีย
ขวัญ ดงั นน้ั เราจึงจำเป็นตอ้ งศกึ ษาหลกั การตา่ งๆ เพือ่ ให้มขี ดี ความสามารถเหนือฝ่ายขา้ ศึก
2. การเหน็ ในเวลากลางคืน

2.1 การเห็นภาพในเวลากลางวันและกลางคืนของดวงตา ภายในดวงตาจะประกอบด้วยเย่ือบุที่
ทำหน้าท่ีรับภาพ ในเย่ือบุน้ีจะประกอบด้วยโคนเซลส์ และรอกเซลส์ ส่วนท่ีเป็นโคนเซลส์สามารถรับภาพที่มีความ
สว่างมากพอจะสามารถเห็นภาพ สี รูปร่าง ความชัดเจนและรายละเอียดของภาพได้ แต่จะไม่สามารถเห็นในเวลา
กลางคืน หรือในท่ีๆมีความสว่างไม่เพียงพอ โคนเซลส์จะอยู่รวมกันในส่วนโคนรีเยียน ประมาณกลางเย่ือบุด้านหลัง
ของดวงตา รอกเซลส์จะสร้างน้ำเลี้ยงสีม่วงซึ่งสามารถเห็นได้ชัดในเวลากลางคืนหรือแสงสว่างน้อย การเห็นภาพจะ
เห็นภาพเฉพาะ ขาว, ดำ เทา่ นั้น สามารถเหน็ รูปร่างและความแตกต่างท่ัวๆของขอบนอกวตั ถทุ ีป่ รากฏ

2.2 การเหน็ ภาพในเวลากลางคืน
1) การปรบั สายตาให้คุ้นกับความมดื 98 % ต้องใช้เวลานานถงึ 30 นาที การช่วยให้สามารถ

ปรบั สายตาให้คุ้นกบั ความมืดเร็วข้นึ จะตอ้ งอยู่ในห้องท่ีมีแสงสีแดง 20 นาที การปรบั สายตาให้คุ้นเคยกบั ความมืดจะ
ใช้เวลาเพียง 10 นาที เท่าน้นั

2) การมองทางข้างของวัตถุ จะช่วยให้การเห็นเป้าหมายไดด้ ีข้ึน ทั้งนี้ส่วนที่เป็นหลอดรีเยียน
จะรับภาพ การมองเป้าหมายให้ทำการมองเฉียง โดยให้เส้นสายตาอยู่สูง ต่ำ ซ้าย หรือขวา ของเป้าหมายเป็นมุม
6 - 10 องศา

3) ดว้ ยการกวาดสายตา โดยการอาศัยหลกั การมองทางข้าง เพ่ือใหส้ ามารถตรวจการณ์ตลอด
พน้ื ที่รับผิดชอบได้ดขี ึน้ การเลอื่ นสายตาให้กระทำในระยะเวลา 2 - 3 วินาที ในการตรวจการณ์แต่ละจดุ

2.3 ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเห็นในเวลากลางคนื คือ ร่างกายขาดวติ ามนิ เอ, สภาพอากาศหนาวเย็น,
ปวดศีรษะ, ความเมื่อยหล้า, สูบบุหรี่จัด,ความมึนเมา, การอยู่ในพ้ืนที่ท่ีมีแสงสว่างจัดเป็นเวลานาน เหล่านี้ทำให้
ประสทิ ธิภาพในการมองเห็นในเวลากลางคนื ได้ผลน้อยลง

2.4 การรักษาสภาพการเห็นในเวลากลางคืน แสงสว่างจะทำใหก้ ารมองเหน็ ในเวลากลางคนื เสีย
ไปอย่างรวดเร็ว ในสนามรบเราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ให้ทำการหลับหรือปิดตาข้างหนึ่งเม่ือแสงสว่างที่ปรากฏ
หายไปแล้ว หรือเอาออกไปจากพ้ืนที่ท่ีมีแสงสว่างแล้ว ตาข้างที่ปิดไว้ก็คงสามารถใช้ในการเห็นกลางคืนได้ ตาอีกข้าง
หนึง่ ก็จะปรบั เข้ากบั ความมดื ต่อไป

2.5 ความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นเครื่องช่วยประการหน่ึง ท่ีจะทำให้การเห็นในเวลากลางคืนดีข้ึน
“ทา่ นตอ้ งเช่อื ว่าท่านสามารถมองเหน็ ”

- 159 -

3. การยิงปืนกลางคืน หลักการยิงปืนในเวลากลางคืน มีข้อแตกต่างกับในเวลากลาวันท่ีสำคัญคือ
เราไม่สามารถที่จะทำการเล็งเป้าหมายจากศูนย์ปืนได้ นอกจากนี้การเห็นเป้าหมายก็อยใู่ นสภาพจำกัด หลักการยิงปืน
กลางคนื มดี งั น้ี

3.1 ยกศีรษะขึ้นสูงเหนือลำกล้องปืน เพ่ือปืนจะไม่กีดขวางการเห็น จากการยกศีรษะขึ้นสูงนี้ก็
ช่วยใหก้ ารวางแนวปืนตรงไปยงั เปา้ หมาย โดยการวางคางบนสว่ นของพานท้ายปนื

3.2 ผูย้ ิงลมื ตาท้งั สองขา้ ง และนำเอาหลักการเห็นในเวลากลางคนื มาใช้ในการมองเป้าหมาย
3.3 การวางแนวปืน การวางแนวปืนให้ตรงเป้าหมายอาศัยการสังเกตและความคุ้นเคยการสัมผัส
ของคางกับพานทา้ ยปืน แต่เพราะการลมื ตาท้ังสองข้างเหนือลำกล้องจึงทำให้ผยู้ ิงมีความรู้สึกวา่ ต้องยกลำกล้องตามไป
ด้วยจึงจะถูกเป้าหมาย วิธีแก้ไขจะต้องลดลำกล้องลงเล็กน้อยโดยการเลื่อนมือซ้ายไปข้างหน้า นอกจากนี้แล้วความ
โน้มเอียงของลำกล้องเมื่อผู้ยงิ ประทับปืนไหล่ขวา ให้แก้ไขโดยเบนลำกล้องไปทางขวาเล็กน้อย และในทำนองเดียวกัน
ถา้ ผู้ยิงประทับไหลซ่ ้ายใหแ้ ก้ไขโดยเบนลำกล้องไปทางซ้ายเล็กนอ้ ย
3.4 การลั่นไกคงเช่นเดียวกับการยิงในเวลากลางวัน เพ่ือให้บังเกิดผลในการยิงในเวลากลางคืน
อย่างแท้จริง จะต้องทำการฝึกและหาข้อมูลในการแก้ไขให้ถูกเป้าหมาย ซ่ึงแต่ละคนมีหลักฐานในการแก้ไขไม่
เหมอื นกัน
ตอนที่ 6 การยงิ กลางคืนของหม่ปู นื เล็กในการตงั้ รับ
1. กลา่ วทัว่ ไป
การตั้งรับในเวลากลางคืน ซ่ึงมีเฉพาะแสงดาวเท่าน้ัน ข้าศึกอาจเข้าตีได้ทุกขณะ แม้แต่การ
เตรยี มการกอ่ นค่ำมืดก็จำเป็นต้องกระทำดว้ ยความยากลำบาก เพราะภายใตก้ ารตรวจการณข์ องขา้ ศกึ ผบ.หมู่ จะเห็น
ทหารภายในหมู่เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะแต่ละคนต้องอาศัยการปกปิดกำบังเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้แหล่ะเป็นความ
ยุ่งยากต่อการควบคุมการยิงของ ผบ.หมู่ ตัว ผบ.หมู่ มักจะมีคำถามเกิดขึ้นแก่ตัวเองมากมาย แต่ละคำถามต้องการ
คำตอบทั้งสิ้น เช่น จะเริ่มทำการยิงเมื่อไร ใครเป็นคนเห็นข้าศึกเป็นคนแรก และถ้าหาก ผบ.หมู่ เป็นผู้เห็นก่อนจะ
กระจายข่าวให้ทหารภายในหมู่ทราบท่ัวถึงกันอย่างไร การใช้ท่าสัญญาณกระทำไม่ได้เลยเพราะความมืด เสียง
สัญญาณข้าศึกอาจได้ยนิ ผบ.หมู่ จะกระจายการยงิ , ย้ายการยงิ , หยดุ ยงิ การสิ้นเปลืองกระสุนเหล่านี้ ผบ.หมู่ สามารถ
ทำได้ในเวลากลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนจะไม่สามารถทำได้เลย อย่างไรก็ตามภารกิจเหล่าน้ี ผบ.หมู่ จะหลีกเล่ียง
ไม่ได้ ผบ.หมู่ ต้องพยายามปฏิบัติให้ได้ ให้เหมือนกับการปฏิบัติในเวลากลางวันให้มากที่สุด การแก้ไขปัญหาและข้อ
ยงุ่ ยากดังกล่าว จำเปน็ ต้องมกี ารฝึกเป็นระดับหมู่ในสนามในเวลากลางคืนอย่างหนัก และการกำหนดระเบียบปฏิบัติ
ประจำ ใหท้ กุ คนสามารถปฏิบัตไิ ด้อยา่ งจริงจงั
2. พืน้ ฐานของหมปู่ นื เล็กในการตัง้ รบั เวลากลางคืน
ในการท่ีจะขจัดข้อยุ่งยากที่ประสบในเวลากลางคืน หรือในสภาพทัศนวิสัยจำกัด จะต้องพัฒนา
หลักการพเิ ศษต่างๆเพือ่ ให้บงั เกดิ ผลในการยิงต่อเปา้ หมายทปี่ รากฏ และใช้การยงิ ท่ีมแี ผนล่วงหน้า ดังน้ี.-

- 160 -

2.1 ดแู ลสว่ นต่างๆในเขตรบั ผิดชอบของหม่ทู ีเ่ ปา้ หมายอาจปรากฏขน้ึ ดว้ ยการเฝ้าตรวจ
2.2 ในการยงิ ใหเ้ ป็นประโยชนต์ ่อเป้าหมายท่ปี รากฏ ในเขตรบั ผดิ ชอบของหมู่ตามความสัมพันธ์
อยา่ งเหมาะสมกับอาวธุ
2.3 การควบคุมการยิง หมู่ปืนเล็กสามารถปฏิบัติการเร่ิมยิง, กระจายการยิง, ย้ายการยิง, การ
ระดมยิงและการหยดุ ยิง กระทำตามกำหนดเวลาอยา่ งถูกต้องและอาศยั การควบคุมเพยี งเลก็ น้อยจาก ผบ.หมู่
2.4 มกี ารประหยดั กระสุน ทำการยิงเฉพาะเป้าหมายทีป่ รากฏหรือเมื่อไดร้ บั คำส่ัง
3. การระวงั ป้องกันพื้นทีร่ บั ผดิ ชอบของปนื เล็ก
เป้าหมายที่ปรากฏจะอยู่ในสภาพทัศนวิสัยจำกัด ดังน้ัน ผบ.หมู่จะต้องแบ่งพ้ืนที่ให้กับทหารภายใน
หมู่แต่ละคนเพื่อทำการเฝ้าตรวจ และทำการยิงต่อเป้าหมายที่ปรากฏ พื้นท่ีท่ีแบ่งมอบนี้จะต้องมีการควบทับกันโดย
ตลอด เพื่อปอ้ งกนั ช่องวา่ งทจี่ ะเกดิ ข้ึน
3.1 หัวหน้าพวกและพลปืนเลก็ ทำการเฝ้าตรวจในทิศทางตรงหน้า และจะต้องร่วมมือกันมากกว่า
ในเวลากลางวัน การแบ่งมอบพื้นที่อาจทำเคร่ืองหมายปักหลักไว้ในเขตซ้ายและขวา ให้มีความเชื่อมต่อกันแต่ละคน
ซง่ึ อยขู่ า้ งเคยี ง
3.2 อาวุธกลและพลยิงเคร่ืองยิงลูกระเบิด รับผิดชอบต่อเป้าหมายที่ปรากฏขึ้นตลอดเขต
รบั ผิดชอบของหมู่ แต่เมอ่ื มีความจำเป็นอาจมอบเขตรับผดิ ชอบ เชน่ พลยิงปืนเลก็ ได้
4. ลักษณะการยิงเปา้ หมายในเวลากลางคนื
เป้าหมายที่ปรากฏจะมี 2 แบบ คือ ข้าศึกเคลื่อนท่ีเขา้ มาเป็นบุคคล และเป้าหมายที่สนับสนุนด้วย
การยิง เป้าหมายท่มี คี วามเรง่ ดว่ นสงู สุด คอื เปา้ หมายทปี่ รากฏขา้ งหนา้ เขตรบั ผิดชอบของหมู่
*** เป้าหมายที่มองเห็น เพื่อป้องกันความสับสนและหวังผลในการทำลายเป้าหมายอย่างสูงสุด จึง
กำหนดให้ทำการยิงโดยความรเิ รมิ่ ของทหารแต่ละคน
1) หัวหนา้ พวกและพลปืนเล็ก ยิงเป้าหมายท่ีเห็นโดยใช้หลักการยิงในเวลากลางคืนสังหารข้าศึกเป็น
บุคคล ในเขตรับผิดชอบของแต่ละคน จะไม่ทำการยิงเปลวไฟซ่ึงเกิดจากการยิงของอาวุธอัตโนมัติของข้าศึก นอกจาก
ไดร้ บั คำส่งั
2) อาวุธกล เป้าหมายอันดับแรก คือ อาวุธกลของข้าศึกในเขตรับผิดชอบของหมู่ และท่ีมีผลกระทบ
กระเทือนต่อการตัง้ รบั ของหมแู่ ละหนว่ ยข้างเคยี ง เพอ่ื ให้ผลในการยงิ ดีข้นึ ใช้แผ่นเรืองแสงติดท่ีศูนยห์ นา้ ทำการเล็งยิง
ไปยังแสงอาวุธกลข้าศึก 3 - 5 นัด หรืออาจทำการยิงด้วยจำนวนกระสุนที่มากกว่าน้ีได้ เม่ือใช้ศูนย์ติดแผ่นเรืองแสง
จะสามารถยิงเป้าหมาย (เม่ือต้ังศูนย์หลังรูเล็ก) ได้ในระยะ 250 เมตร ซ่ึงมักจะเป็นระยะตั้งยิงของอาวุธยิงสนับสนุน
และทำการยิงข้าศกึ ทเ่ี คล่ือนทีท่ เี่ ห็นเป็นจำนวนมาก หน้าพ้ืนท่ีทีร่ ับผิดชอบของหมู่ ซ่ึงมคี วามเรง่ ด่วนมากกว่าอาวธุ กล
ของขา้ ศกึ ในขณะนัน้
3) เครอ่ื งยิงลกู ระเบดิ เปา้ หมายแรก คือ อาวธุ กลขา้ ศึก การปฏิบตั กิ ารยงิ เชน่ เดียวกับอาวธุ กล

- 161 -

5. การเตรยี มการยิง
5.1 ปืนเล็กและอาวุธกล เตรียมการโดยอาศัยไม้ง่ามที่หาในภูมิประเทศ หรือจากการเตรียม

นำไปของหมู่ โดยพิจารณาขอบเขตความรับผิดชอบ (ตามสภาพ)
5.2 เคร่อื งยิงลูกระเบดิ มีหลักการเตรยี มการยิงเช่นปืนเล็ก มีข้อแตกตา่ งกันอยู่ที่การกำหนดมมุ สูง

ใหก้ ับตวั ปนื ทัง้ น้ีข้นึ อยู่กับการพิจารณาระยะของเปา้ หมายทีจ่ ะเกิดขน้ึ ในทางระยะ
6. การควบคุมการยิง
มคี วามยงุ่ ยากอย่างมากตามท่ีทราบมาแลว้ การแก้ไข คือ การกำหนดระเบยี บปฏบิ ัติประจำ และการ

ฝึกในสนาม
6.1 การเร่ิมยิงอาวุธปืนเล็ก ยิงเป้าหมายบุคคลที่เห็นในเขตรับผิดชอบทันที อาวุธกลและเครื่อง

ยิงลูกระเบิด เรมิ่ ยงิ เมอ่ื ปรากฏแสงไฟจากอาวุธของข้าศึก
6.2 การกระจายการยิง อาวุธทุกชนดิ ทำการยิงต่อเปา้ หมายเข้าตเี ต็มกวา้ งด้านหน้าของหมู่ ดว้ ย

กระสุนจำนวนมาก หรือเมือ่ ได้รบั คำส่งั จากผู้บงั คับหมู่
6.3 การย้ายการยิงและการระดมยิง เม่ือข้าศึกเข้าตีตรงส่วนใดส่วนหน่ึง โดยเฉพาะทหารในส่วน

อ่ืนย้ายการยิงการยิงช่วย และทำการระดมยิงเป้าหมายดังกล่าว การยิงทำการยิง 2 - 3 นัด แล้วตรวจดูพื้นท่ี
รับผิดชอบของตน ถ้าไม่มเี หตกุ ารณก์ ็กลบั มาทำการยิงช่วยตอ่ ไป

6.4 การหยดุ ยงิ เมอ่ื ไม่ปรากฏเปา้ หมาย
ตอนท่ี 7 การยิงกลางคนื ของหม่ปู ืนเลก็ ในการเข้าตี
1. อปุ สรรคของความมืดและการแกไ้ ข

1.1 ความมืดทำให้ไม่สามารถใช้ศูนย์ทำการเล็งยิงต่อเป้าหมายได้ แก้ไขด้วยการฝึกหลักการยิงใน
เวลากลางคืน

1.2 ไม่สามารถเคล่ือนที่ได้รวดเร็ว เพราะจะต้องรักษารูปขบวนของการเข้าตี แก้ไขจากการฝึกใน
สนาม

1.3 อุปสรรคต่อการลำเลียงอาวุธกระสุนเข้าไปด้วย การเตรียมโดยพิจารณาสถานการณ์ล่วงหน้า
และนำไปเฉพาะสิ่งทจี่ ำเป็นเท่าน้ัน

1.4 ความโน้มเอียงในการยิงเป้าหมายทำให้การยิงผิดพลาด อาศัยหลักการยิงในเวลากลางคืน
และการฝกึ ในสนาม

1.5 หลงทิศทางไดง้ ่าย และทำใหร้ ูปขบวนเสีย แก้ไขโดยการกำหนดบคุ คลหลัก ซ่งึ มกั จะเป็นคนที่อยู่
ก่งึ กลางผู้ท่ีอยทู่ างซา้ ย, ขวา ของคนหลกั ต้องพยายามรกั ษารูปขบวน โดยจดั จากคนหลกั เสมอ

1.6 ใชป้ ระโยชน์จากการยงิ นอกจากการเคลื่อนท่ี แก้ไขด้วยการฝกึ ในสนาม

- 162 -

2. การใชท้ ่ายิงทีเ่ หมาะสม
ปืนเล็กและอาวุธกลใช้ท่ายิงใต้รักแร้ ในการฝกึ กำหนดใหท้ ำการยงิ เมื่อกา้ วเท้าซา้ ยถึงพ้ืน (สำหรับ
อาวุธกลทำการยงิ 2 - 3 นดั ) ในสนามรบอาจจะไม่สามารถทำไดแ้ ต่ควรยดึ ถอื เป็นแนวทางปฏบิ ตั ิ
เครื่องยิงลูกระเบิด ทำการยิงด้วยกระสุนจำนวนมาก หยุดยิงเม่ืออยู่ในระยะท่ีอาจเป็นอันตรายจาก
สะเกด็ ระเบดิ ร่วมกัน
3. การเคลื่อนท่ีและรกั ษารูปขบวน
อาศยั หลักตามที่กล่าวไว้แล้วโดยการอาศยั คนหลกั ของหมู่
4. การปฏบิ ตั กิ ารยิงต่อเปา้ หมาย
อาศัยหลักการยิงในเวลากลางคืน การแกไ้ ขทิศทางยิงในการสังเกตกระสุนวถิ ีจากกระสุนส่องแสง จะ
ชว่ ยใหบ้ ังเกดิ ผลดยี ่งิ ขน้ึ

- 163 -

คำถามท้ายบท

1. จะต้องรวู้ ่าตาของตนเพ่ง ณ จดุ ใด ขอ้ ความใดถูกต้องท่ีสดุ ?
2. “ จะต้องรู้วา่ ตาของตน เพง่ ณ จดุ ใด” ในการยงิ ปืน จะปรากฏภาพอยา่ งไร จะทำใหย้ ิงปืนแมน่ ?
3. “ จะตอ้ งรวู้ า่ ตาของตน เพง่ ณ จุดใด” พลยงิ ควรเห็นภาพการเล็งอยา่ งไร ?
4. ทา่ ยงิ ท่ีมนั่ คงพลยงิ จะตรวจสอบเม่อื ใด ?
5. การตรวจสอบท่ามั่นคงโดยพลยิง นายทหารควบคุมการยิงจะทราบได้อย่างไร ว่าพลยงิ ตรวจสอบท่ามัน่ คงเสร็จ
เรียบร้อยแล้วทกุ คน ?
6. การควบคมุ ลมหายใจเพือ่ ทำการยงิ ปืนมีกี่วิธี ?
7. การยงิ ปรบั ปนื ควรใชเ้ ทคนิคการควบคุมลมหายใจอย่างไร ?
8. การยิงปืนหลายนดั ไมจ่ ำกดั เวลาควรใชเ้ ทคนคิ การควบคมุ ลมหายใจอย่างไร ?
9. ปลย.เอ็ม 16 เอ 1 เม่ือทำการปรับศูนยร์ บแลว้ “ศูนยร์ บ” คือระยะเท่าใด ?
10. การยิงปรบั ปืนควรใช้การเลง็ ตอ่ เปา้ หมายแบบใด ?

*************************

- 164 -

บทที่ 9

หลกั ยิงปนื กล

หลักการยิงในระหว่างทัศนวิสยั ดี
พ้นื ฐานเบอ้ื งต้น
1. ลกั ษณะการยิง

1.1 กระสนุ วิถี คือ ทางเดินของลกู กระสนุ ที่แลน่ ออกไปในอากาศ ซึ่งเกอื บจะราบในระยะ 300
เมตรแรก หรือน้อยกวา่ หลังจากระยะ 300 เมตร ไปแล้ว กระสุนวิถจี ะเริ่มโค้ง และความโคง้ กระสุนวิถีจะมากขึ้น
ตามระยะที่ไกลขึน้ (รูปที่ 9-1)

รปู ท่ี 9-1 กระสุนวิถีและยอดกระสุนวถิ ี

- 165 -

1.2 ยอดกระสุนวถิ ี คือ จุดที่สูงสดุ ของกระสุนวิถีซึ่งจะเกิดข้นึ ณ จดุ ประมาณ 2 ใน 3 ของระยะ
ทต่ี ง้ั ปนื กับเป้าหมาย ยอดกระสนุ วิถจี ะสูงข้ึนตามระยะท่เี พ่ิมขน้ึ (รปู ท่ี 9-1)

รปู ท่ี 9-2 กรวยกระสนุ วิถีและรูปอาการกระจาย
1.3 กรวยกระสุนวถิ ี เม่ือทำการยิงกระสุนออกไปหลายๆนดั ย่อมเกิดการส่ันสะเทือนของตัวปืน
และขาหยั่ง การเปลี่ยนแปลงของกระสุนและสภาพอากาศย่อมทำให้กระสุนวิถีแต่ละนัดท่ียิงออกไปแตกต่างกัน
เลก็ น้อย จงึ เกดิ เป็นรูปร่างขน้ึ มาเรียกว่า “กรวยกระสุนวิถี” (รูปท่ี 2)
1.4 รูปอาการกระจาย และก่ึงกลางกลุ่มกระสุนตก พื้นท่ีซ่ึงกรวยการยิงไปตกยังพ้ืนดินหรือบน
เปา้ หมาย เรียกว่า “รปู อาการกระจาย” (รปู ท่ี 2) รปู อาการกระจายจะมรี ูปร่างเปน็ รูปยาวรีเสมอ รูปอาการกระจายนี้
ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามระยะ เมื่อทำการยิงปืนในระยะไกล รูปอาการกระจายทางยาวน้อย รูปอาการกระจายทาง
กว้างมาก เมอ่ื ทำการยิงปืนในระยะใกล้ รูปอาการกระจายทางยาวมาก รูปอาการกระจายทางกว้างน้อย (รปู ท่ี 3) รูป
อาการกระจายยอ่ มเปลย่ี นแปลงไปตามลักษณะภูมปิ ระเทศ เม่ือทำการยิงลงบนพน้ื ที่ลาดต่ำ รูปอาการกระจายจะยาว
เม่ือทำการยิงไปบนพื้นที่ลาดขึ้น รูปอาการกระจายทางยาวจะส้ัน ส่วนความกว้างของรูปอาการกระจาย ลักษณะภูมิ
ประเทศไม่ค่อยมีผลกระทบกระเทือนมากนัก
ก่ึงกลางรูปอาการกระจาย เรียกว่า “กึ่งกลางกลุ่มกระสุนตก” (จุดปานกลางมณฑล) กึ่งกลางกลุ่ม
กระสุนตกอยู่ ณ ตำบลเลง็ ในเมอ่ื ปืนไดท้ ำการปรับศูนยถ์ ูกต้องแลว้

- 166 -

รปู ที่ 9-3 ขนาดและรูปร่างของอาการกระจาย

- 167 -

1.5 ย่านอนั ตราย คอื พื้นที่ระหวา่ งปืนและเปา้ หมาย ซึง่ กระสนุ วถิ ีจะสูงไมเ่ กินความสูงเฉลยี่
ของคนยนื (1.8 เมตร) ทั้งนร้ี วมท้งั พ้ืนท่ีรูปอาการกระจายเอาไวด้ ว้ ย (รูปที่ 9-4)

รูปที่ 9-4 ยา่ นอันตราย
2. ประเภทการยิง
การยงิ ของปนื กล แบ่งประเภทออกได้ 3 ประเภท คือ

2.1 การยงิ เกย่ี วกับพืน้ ท่ี ได้แก่ (รปู ท่ี 9-5)
1) การยงิ กวาด คือ ก่ึงกลางกรวยกระสนุ วถิ ไี ม่เกิน 1 เมตร ในเม่อื ทที่ ำการยงิ บนพนื้ ระดบั

หรือพ้ืนท่ลี าดเสมอ ระยะ 600 เมตร เป็นระยะไกลสดุ ทจ่ี ะทำการยงิ กวาด
2) การยิงมมุ กระสนุ ตกใหญ่ การยงิ มุมกระสนุ ตกใหญจ่ ะเกิดขน้ึ เมื่อทำการยิงระยะไกลๆ เม่ือ

ยิงจากที่สงู ไปยังพน้ื ที่ต่ำ และเมอ่ื ยงิ ไปยังพื้นท่สี งู ลาดชัน

- 168 -

รูปท่ี 9-5 การยิงกวาดและมุมกระสนุ ตกใหญ่
2.2 การยิงเก่ียวกับเปา้ หมาย ได้แก่ (รูปที่ 9-6)

1) การยิงตรงหนา้ คือ แกนทางยาวของรูปอาการกระจายต้ังฉากกับด้านหน้าของเป้าหมาย
2) การยิงทางปีก คอื การยิงท่ีกระทำทางปีกของเป้าหมาย
3) การยงิ เฉียง คือ แกนทางยาวของรูปอาการกระจาย ทำมมุ ที่ไมต่ ั้งฉากกับเปา้ หมาย
4) การยิงตามแนว คอื แกนทางยาวของรูปอาการกระจาย ทับหรือเกอื บทับแกนทางยาวของ
เป้าหมาย การยิงประเภทนี้อาจจะกระทำได้ทั้งทางตรงและทางปีก การยิงประเภทน้ีย่อมได้ผลมากที่สุด เพราะได้
ประโยชนข์ องรปู อาการกระจายมากทสี่ ดุ
2.3 การยงิ เกยี่ วกบั ปืนมี 6 ประเภท คอื (รปู ที่ 9-7)
1) การยิงเฉพาะตำบล คือ การยิงท่ีจะกระทำต่อเป้าหมายซี่งเป็นตำบลเล็งอันโดดเด่ียว
อนั หนง่ึ
2) การยิงกราดทางข้าง คือ การยิงกระจายออกทางกวา้ ง โดยการเปลี่ยนมุมทิศเมื่อปืนติดตั้ง
บนขาหย่ัง จะเปล่ียนดว้ ยควงมมุ ส่ายคร้ังละ 4 - 6 มลิ เลยี ม ถา้ ปืนต้ังยิงดว้ ยขาหย่ังกระทำโดยการขยบั ไหล่ไปทางขวา
หรือซา้ ย เพอ่ื ให้แนใ่ จวา่ เป้าหมายถูกยิงครอบคลุมอยา่ งเพียงพอต้องยิงออกไปหน่ึงชุด หลงั จากแกท้ ิศทางแล้วทุกคร้ัง

- 169 -

3) การยิงกราดทางลึก คือ การยิงกระจายออกไปในทางลึกโดยการเปล่ียนมุมสูง เมื่อปืน
ติดต้ังบนขาหยั่ง และทำการยิงบนพ้ืนระดับ จะเปลี่ยนมุมสูงคร้ังละ 2 มิลเลียม เม่ือทำการยิงต่อพื้นที่ลาดชันจะต้อง
แก้มุมสูงมากกว่า 2 มิลเลียม และถ้าทำการยิงไปยังพ้ืนท่ีต่ำจะต้องแก้มุมสูงน้อยกว่า 2 มิเลียม ทุกๆคร้งั ที่เปล่ียนมุม
สงู แลว้ ตอ้ งยิงออกไปหนงึ่ ชดุ แต่ถา้ ปืนตงั้ ยงิ ดว้ ยขาทรายปฏบิ ัติโดยการขยบั ศอก

รูปที่ 9-6 ประเภทการยงิ เกยี่ วกับเป้าหมาย

- 170 -

รูปท่ี 9-7 ประเภทการยิงเก่ียวกบั ปนื
4) การยิงกราดผสม คอื การกระจายการยิงออกไปทัง้ ทางกว้างและทางลึก เมื่อปนื ต้งั ยงิ บนขา
หย่ังจะทำการเปล่ียนด้วยควงมุมส่ายครั้งละ 4 - 6 มิลเลียม ส่วนจำนวนควงมุมสูงย่อมขึ้นกับความยาวลาดของภูมิ
ประเทศ ทุกครั้งท่เี ปล่ียนมุมส่ายและมุมสูงแล้วต้องทำการยิงกระสนุ ออกไปหนึ่งชุด แต่ถ้าปืนตั้งยิงด้วยขาทรายปฏิบัติ
โดยการขยับไหล่และศอก
5) การยิงกราดตลอด คือ การยิงที่กระทำต่อเป้าหมายที่มีความกว้างมาก และกำลัง
เคล่ือนท่ีอย่างรวดเรว็ ผ่านข้างหน้าพลยิง ซึ่งพลยิงไม่สามารถที่จะยิงอย่างไดผ้ ลเม่ือใช้มุมส่าย การยิงประเภทน้ีพลยิง
ตอ้ งปลดคนั ยดึ เลอื่ นราวส่ายปนื ใหห้ ลวมพอทีค่ วงมุมส่าย และควงมุมสูงเลือ่ นไปมาได้โดยอิสระบนราวส่ายปืน การแก้
ทศิ ทางของปนื กระทำโดยใช้แรงดันทที่ ้ายของปนื การแกม้ มุ สูงเลก็ น้อยใหใ้ ช้มอื หมุนควงมมุ สูง
6) การยิงกราดคลายปืน คือ การยิงขณะที่ปืนติดต้ังบนขาหยั่งกระทำต่อเป้าหมายท่ีต้องการ
ความเร็ว ในการยิงประเภทน้ีพลยิงต้องปลดคันยึดเลื่อนราวสา่ ยปืน ปล่อยให้เคล่ือนท่ีได้อย่างอิสระทุกทิศทาง การยิง
วธิ ีนพี้ ลยงิ จะต้องใช้แรงกดท่ีด้านท้ายของปืนเป็นการเปล่ียนทางทิศและทางระยะ

- 171 -

3. การหาระยะยงิ และวัดระยะทางขา้ ง
3.1 การหาระยะยิง เป็นการปฏิบัติเพ่ือหาระยะระหว่างที่ต้ังปืนกับเป้าหมาย ในการยิงถูก

เป้าหมายอยา่ งแม่นยำน้ันขึ้นอยูก่ ับความสามารถในการหาระยะยิงเป้าหมาย การหาระยะมหี ลายวิธี เช่น การกะระยะ
ดว้ ยสายตา จากการยิงปืน จากการวัดระยะในแผนท่ีหรือภาพถ่ายทางอากาศ การหาระยะด้วยวิธีนับก้าว และหาโดย
ใช้หลกั ฐานจากหน่วยอน่ื ๆ การหาระยะยิงของปืนกลควรให้ใกล้เคียง 100 เมตร มากท่ีสดุ วิธีการใช้อย่างธรรมดามาก
ที่สุดในขณะทำการรบ คือ

1) การกะระยะด้วยสายตา
2) การยงิ จากปืน
3.2 การวัดระยะทางข้าง เพื่อให้การหาระยะด้วยการยิงได้แน่นอน พลยิงต้องสามารถใช้วิธีหา
ระยะทางขา้ งท่ีรวดเร็ว ด้วยการวดั ระยะทางขา้ ง ทางขวาหรอื ทางซ้ายของตำบลหลกั ไปยังเป้าหมาย
4. การควบคุมการยงิ หมายถงึ การกระทำทง้ั มวลของ ผบ.หมู่ และพลประจำปนื ซง่ึ เป็นการ
เชอื่ มต่อในการเตรียมการ และการปฏิบตั ิการยงิ อย่างไดผ้ ลไปยงั เปา้ หมาย ความสามารถในการควบคุมการยิงนั้น
ขน้ึ อย่กู ับความสามารถชั้นต้นของ ผบ.หมู่
5. วิธีควบคุมการยิง การควบคุมการยิงมีวิธีการควบคุมอยู่หลายวิธี เพราะฉะนั้น ผบ.หมู่ จะต้อง
เลือกวธิ ีทีด่ ีที่สุด หรอื ใช้วธิ กี ารผสมเพ่ือใหส้ ำเรจ็ ตามความมุ่งหมายดที ี่สุด
5.1 ดว้ ยวาจา
5.2 ดว้ ยสญั ญาณแขนและมอื
5.3 ดว้ ยสัญญาณทเ่ี ตรยี มไว้ลว่ งหน้า
5.4 การตดิ ตอ่ เป็นบคุ คล
5.5 ระเบยี บปฏิบัติประจำ
6. คำสงั่ ยงิ คือ แนะนำทางหลักการสัง่ ออกไป เพือ่ ให้พลประจำปนื ปฏิบตั ิตามต้องการ คำสัง่ ยงิ ที่
ให้ตอ้ งตามลำดบั โดยรวดเรว็ ปราศจากข้อสงสยั คำส่ังยงิ มี 2 ชนิด คอื
6.1 คำส่ังยิงเร่ิมแรก เป็นคำสั่งยิงตอ่ เป้าหมายหนึ่งคร้ังแรก
6.2 คำส่ังยิงตอ่ มา เปน็ คำสั่งยงิ ท่ีใช้ปรับการยิง การเปลี่ยนจงั หวะการยงิ การยา้ ยยิง การหยุดยิง
7. หัวขอ้ คำส่งั ยิง คำสง่ั สำหรบั ยิงด้วยวธิ ีเล็งตรง ย่อมมีแบบของหวั ข้อคำส่ังตา่ งๆคล้ายคลึงกนั
เพอ่ื ให้พลประจำปนื มคี วามเคยชนิ และมีการปฏิบัติตามคำส่ังได้ถูกต้อง จึงกำหนดหวั ข้อคำสงั่ ยงิ ของปืนกลไว้ 6
หัวข้อ ดงั น้ี
- คำส่ังเตือน
- ทศิ ทาง
- ลกั ษณะเปา้ หมาย

- 172 -

- ระยะยงิ
- วธิ กี ารยงิ
- คำส่ังเริ่มยงิ
7.1 คำส่ังเตือน เพ่ือเตือนให้พลประจำปืนทุกคนพร้อมที่จะรับคำสั่งต่อไป คำสั่งเตือนด้วย
วาจาประกอบด้วย “ภารกิจยงิ ” คำสั่งน้ีแบง่ ออกเป็น.-

1) ถา้ ใหป้ นื ทง้ั สองกระบอกทำการยิง ผบ.หน่วย จะสั่งว่า “ภารกจิ ยิง”
2) ถ้าต้องการให้ปืนกระบอกใดกระบอกหน่ึงทำการยิงจะส่ังว่า “ปืนหมายเลขหน่ึง (สอง)
ภารกิจยิง”
3) ถ้าต้องการให้ท้ังสองกระบอกเตรียมตัว แต่ทำการยิงกระบอกเดียว จะสั่งว่า “ภารกิจยิง
ปนื หมายเลขหนึ่ง(สอง)”
7.2 ทิศทาง บง่ ถึงทิศทางทว่ั ๆไปของเปา้ หมาย และอาจบอกวธิ ีเดยี ว หรือบอกผสมก็ไดด้ ังนี้
1) บอกด้วยวาจา
2) บอกดว้ ยการช้ี
3) บอกด้วยการใช้กระสนุ ส่องวิถี
4) บอกด้วยตำบลหลักในเม่ือใช้ตำบลหลัก คำว่า “ตำบลหลัก” จะต้องบอกในคำสั่งแล้วจึง
บอกลักษณะของตำบลหลกั และใชค้ ำว่า “เป้าหมาย” กอ่ นบอกลกั ษณะเปา้ หมาย
7.3 ลักษณะเป้าหมาย ผบ.หมู่ ควรจะอธิบายส้ันๆแต่แน่นอน เพื่อให้พลประจำปืนเกิดมโนภาพ
ตอ่ เปา้ หมายนนั้ ๆ
7.4 ระยะยิง ควรจะบอกเป็นเมตร ระยะยิงท่ีหาได้จะส่ังเป็นจำนวนร้อย หัวข้อคำส่ังยิงนี้อาจจะ
ขา้ มไปเม่ือพลยิงสามารถหาระยะยงิ เองได้
7.5 วธิ กี ารยิง หมายถึง
1) การปฏบิ ตั ิตอ่ ปนื
2) จงั หวะการยงิ
7.6 คำส่ังเร่ิมยิง ถือเป็นข้อสำคัญอย่างยิ่ง พลยิงจะต้องปฏิบัติโดยรวดเร็วและแน่นอนถ้าหวัง
ผลในการจู่โจม คำส่ังเร่ิมยิงจะต้องส่ังออกไปเลยไม่ต้องหยุดชะงัก แต่ถ้าจะรวมอำนาจการยิงอาจจะใช้คำว่า “คอยฟัง
คำสั่งขา้ พเจา้ เมอ่ื ปืนพรอ้ มแลว้ จงึ “เร่มิ ยงิ ”
8. คำสงั่ ยิงต่อมา
8.1 การปรบั แก้ทางทิศจะต้องกระทำกอ่ นเสมอ การปรับแก้ทางระยะจะกระทำต่อมา
8.2 การแกใ้ นเร่อื งจงั หวะการยิงของปนื จะสัง่ ดว้ ยวาจา หรอื ด้วยสัญญาณแขนและมือ
8.3 ในการให้ปืนหยุดยงิ จะสั่ง “หยุดยงิ ” หรือใช้สัญญาณก็ได้

- 173 -

หลักการของการปฏบิ ตั กิ ารยิง
9. แบบของเปา้ หมาย

9.1 เป้าหมายเป็นจดุ ได้แก้ขา้ ศึกในหลมุ ปิด ท่ีต้งั อาวธุ กลุ่มทหารขนาดยอ่ มๆ
9.2 เป้าหมายเป็นแนว มีความกว้างเพียงพอที่จะทำการยิงส่าย และความลึกต้องไม่เกินกว่ารูป
อาการกระจาย
9.3 เปา้ หมายมคี วามลกึ มีความลึกแต่มีความกว้างเพยี งเลก็ นอ้ ย
9.4 เปา้ หมายเป็นแนวมีความลึก เป้าหมายท่มี คี วามกว้างและมีความลึก ซึ่งรปู อาการกระจายไม่
สามารถจะคลมุ ได้
9.5 เป้าหมายเป็นพื้นท่ี หมายถึงเป็นพ้ืนที่ที่มีความกว้างและความลึก และต้องใช้การยิงกราด
ผสมมากข้ึน เป้าหมายนี้จะเกิดขึ้นเมื่อข้าศึกอยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่งแต่ไม่ทราบแน่นอน เช่น ท่ีหมายท่ีเป็นยอดเขา ย่อม
เป็นเปา้ หมายพื้นท่ี
10. การกระจายการยงิ การรวมกำลังยิงและจังหวะการยงิ
10.1 การกระจายการยงิ และการรวมกำลังยงิ

1) การกระจายการยิงเปน็ การปฏิบัติการยิงในทางกว้างและทางลึก หรือรวมทงั้ สองอย่างเข้า
ด้วยกนั

ก) จดุ เร่มิ แรกของการวางปนื และปรับทางปืน พลยิงจะต้องปรบั ทางปืน ณ ตำบลหนึง่ ที่
แน่นอนในพน้ื ทเ่ี ป้าหมาย พลยงิ ต้องมนั่ ใจวา่ การยงิ ของตนน้ันก่ีงกลางกลมุ่ กระสนุ ตกอยู่ตรงฐานของเป้าหมาย

ข) ทศิ ทางที่จะสา่ ยปืน ยอ่ มข้ึนอยู่กับแบบของเปา้ หมาย และกำหนดใหป้ นื ทั้งคู่หรอื
กระบอกเดยี วยงิ เป้าหมายนน้ั

2) การยิงเป้าหมายเฉพาะตำบล หรือยิงเฉพาะพ้ืนท่ีหนึ่งของเป้าหมายอื่นๆ ในภูมิประเทศ
เราเรียกวา่ “การระดมยงิ ”

10.2 จงั หวะการยงิ
จังหวะการยิงของปนื กลน้ันมีอยู่ 3 จังหวะดว้ ยกนั ไดแ้ ก่

1) การยิงต่อเนื่อง คือการยิงกระสุน 100 นัดต่อนาที โดยทำการยิงเป็นชุด ชุดละ 6 - 9
นัด มเี วลาพักระหวา่ งชุด 4 - 5 นาที (เปลี่ยนลำกลอ้ งทกุ 10 นาท)ี

2) การยิงเร็ว คือการยิงกระสุน 200 นัดต่อนาที โดยทำการยิงเป็นชุด ชุดละ 6 - 9 นัด มี
เวลาพกั ระหว่างชดุ 2 - 3 นาที (เปล่ยี นลำกล้องทกุ 2 นาท)ี

3) การยิงเร็วสูงสุด คือ การยิงอัตราสูงสุดของปืน ประมาณ 550 นัดต่อนาที (เปล่ียนลำ
กลอ้ งทกุ 1 นาที)

- 174 -

การปฏิบตั ิการยงิ ต่อเปา้ หมายเล็งตรง
11. เปา้ หมายเปน็ จดุ เปา้ หมายเป็นจดุ ตอ้ งทำการยงิ โดยปนื อยกู่ ับที่ ถา้ เป้าหมายเคลื่อนที่หลังจาก
ชุดแรกไปแลว้ พลประจำปืนต้องดำรงการยงิ ตอ่ เปา้ หมายน้ันไว้โดยเลื่อนปนื ตาม
12. เปา้ หมายเป็นแนว เป้าหมายที่เป็นแนวตอ้ งทำการยงิ กราดทางขา้ ง (รปู ท่ี 9)

12.1 ปนื วางสองกระบอก
1) การแบ่งตามปกติ จะแบ่งออกท่ีกึ่งกลางเป้าหมาย ปืนหมายเลขหนึ่งจะทำการยิงคร่ึง

ทางขวา ปนื หมายเลขสองจะทำการยิงคร่งึ ทางซ้าย สำหรับจุดเร่ิมต้นในการยงิ จะอยู่กง่ึ กลางของเป้าหมาย
2) การแบ่งพิเศษ ถ้าส่วนหนึ่งของพื้นท่ีแบ่งให้มีอันตรายมากกว่าอีกส่วนหนึ่ง จะต้องมุ่ง

การยิงลงไปในส่วนนั้น โดยแบ่งเป้าหมายให้ไม่เท่ากัน ในชั้นต้นพลยิงจะเล็งไปยังจุดกึ่งกลางโดยไม่คำนึงว่าเป็นการ
แบง่ พิเศษ

12.2 ปืนวางกระบอกเดียว จะต้องทำการยิงตลอดความกว้างของเป้าหมายท่ีเป็นแนว ตำบล
เรมิ่ แรกจะอย่ทู จี่ ุดก่ึงกลาง หรืออยทู่ เี่ ปา้ หมายส่วนที่เป็นอันตรายมากกว่า

12.3 เป้าหมายท่ีเป็นแนวเห็นได้ยาก ถ้าเป้าหมายเป็นแนวพลยิงไม่สามารถทราบได้โดยง่าย ผบ.
หมู่ อาจจะมอบเป้าหมายใหโ้ ดยใช้ตำบลอ้าง โดยบอกเป็นมิลเลียมหรอื วดั ด้วยนวิ้ มือจากตำบลอ้าง ซง่ึ พลยงิ ของปนื แต่
ละกระบอกจะไดว้ างลงบนก่ีงกลางของเขตการยิง

13. เป้าหมายทางลึก เป้าหมายมีความลึกต้องยิงด้วยวิธียิงกราดทางลึก เม่ือบอกระยะยิงควรจะ
บอกจดุ กงึ่ กลางเปา้ หมายให้ดว้ ย

13.1 ปืนวางสองกระบอก ตำบลเล็งเร่ิมแรกของปืนทั้งสองอยู่ตรงจุดกึ่งกลางเป้าหมาย ปืน
หมายเลขหน่ึงจะยิงกราดมาทางปลายใกล้ ปืนหมายเลขสองจะยงิ กราดไปทางปลายไกล

13.2 ปืนวางกระบอกเดียว ตำบลเล็งเริ่มแรกอยู่ท่ีจุดกึ่งกลางเป้าหมาย เว้นแต่ส่วนหน่ึงของ
เปา้ หมายจะมคี วามสำคัญมากกว่า พลยงิ ยงิ กราดจากจุดก่ึงกลางมาหาปลายใกล้แล้วกราดกลับไปหาปลายไกล

13.3 เป้าหมายทางลึกเห็นได้ยาก ก่ึงกลางเขตการยิงอาจมอบให้ด้วยการใช้ตำบลหลัก ส่วนเขต
การยงิ กราดทางลึกนนั้ จะบอกเป็นเมตรในคำสัง่ ยงิ ดว้ ยเสมอ

14. เปา้ หมายเป็นแนวมคี วามลึก ใช้หลกั การยิงกราดผสมเม่อื สงั่ ระยะยิงแล้วต้องบอกกึ่งกลาง
เปา้ หมายด้วย

14.1 ปืนวางสองกระบอก วิธีการปฏิบัตคิ งเชน่ เดยี วกับข้อ 12 และ 13 ก.
14.2 ปืนวางกระบอกเดยี ว วิธกี ารปฏิบัติคงเช่นเดยี วกบั ข้อ 12 และ 13 ข.
14.3 เปา้ หมายเปน็ แนวซงึ่ มีความลกึ เห็นได้ยาก ตอ้ งกำหนดปืนและจดุ ก่ึงกลางของเป้าหมายเป็น
แนว วิธีใช้ตำบลหลักจะนำมาใชไ้ มไ่ ด้ เพราะวา่ ตอ้ งใชต้ ำบลหลักอยา่ งนอ้ ยท่สี ดุ 2 แห่ง เพื่อแสดงมมุ ของเปา้ หมาย

- 175 -

15. เปา้ หมายเปน็ พ้นื ที่ ใช้หลกั การยิงกราดผสม และจะต้องกำหนดความกว้าง ความลึกของ
เปา้ หมายใหพ้ ลประจำปืน

15.1 ปืนวางสองกระบอก ปืนทั้งสองกระบอกจะทำการปรับต่อจุดกึ่งกลางเขตการยิง ปืน
หมายเลขหนึ่งทำการยิงกราดผสมไปทางขวา ปืนหมายเลขสองทำการยิงกราดผสมไปทางซา้ ย

15.2 ปนื วางกระบอกเดยี ว ตำบลเล็งอยู่ ณ จุดกึ่งกลางเขตการยิง แล้วยงิ กราดผสมไปทั้งสองปกี
16. เป้าหมายในอากาศ การยงิ เปา้ หมายในอากาศ ใชท้ ่ายิงประทับตะโพกหรือทา่ ยงิ กราดคลายปืน
ควรใช้กระสุนส่องวิถีล้วน เพื่อให้ความง่ายในการตรวจการณ์และปรับการยิง พลยิงจะต้องทำการเล็งข้างหน้า
เป้าหมาย ณ จดุ หนึ่งๆซึง่ เป้าหมายและกระสนุ วิถีจะมาพบกนั ในเวลาเดียวกัน และควรจะยิงด้วยอัตราการยงิ สูงสุด
การยิงตะลุมบอน
17. กล่าวท่ัวไป บทบาทของปืนกลนั้นมักไม่มีข้อจำกัดในการยิงสนับสนุน และบ่อยครั้งปืนกลถูก
กำหนดให้อยใู่ นแนวตะลุมบอนดว้ ย เพื่อให้การตะลุมบอนสำเร็จพลประจำปนื ต้องเรียนรู้สิ่งต่อไปน้ี

17.1 ท่ายิง ท่ายิงในการตะลุมบอนนั้นมี 3 ท่า แต่ละท่ายิงนั้นพลยิงจะเลือกใช้ ณ โอกาสท่ี
เหมาะสม พลยิงจะทำการยิงอย่างแม่นยำลงที่ข้าศึกอยู่โดยปราศจากการเล็งศูนย์ปืนปรับการยิง โดยตรวจกระสุน
วถิ แี ละกลุ่มการยิงของกระสนุ ณ เป้าหมาย

1) ท่ายิงประทับตะโพก การยิงด้วยทา่ ยงิ นีจ้ ะใชต้ ่อเมื่อต้องการปรมิ าตรการยงิ อยา่ ง
แน่นอนลง ณ พ้นื ทเ่ี ปา้ หมาย มกี ารทรงตัวดีแตช่ ักชา้ ในเวลาเคลือ่ นท่ี การยงิ แต่ละชุดต้องไมน่ ้อยกวา่ 9 นดั

2) ทา่ ยิงประทับบ่า จะใช้เมอ่ื พลยงิ ตอ้ งการยงิ ใหถ้ ูกเฉพาะตำบลอันหน่ึงในพื้นที่เป้าหมาย
แต่ชกั ช้าในเวลาเคล่อื นที่ ท่ายิงน้ีมีความแมน่ ยำมากท่ีสุด เมื่อเดินไป 3 หรอื 2 กา้ วพลยงิ จะหยดุ แล้วทำการยิงออกไป
หนง่ึ ชดุ ชดุ หนึ่งจะใชก้ ระสุนอยา่ งมาก 6 นดั

3) ท่ายิงใต้แขน จะใช้เมื่ออยู่ในระยะใกล้กับข้าศึกเพ่ือต้องการปริมาตรการยิงอย่าง
หนาแน่น และความรวดเร็วในการเคลื่อนท่ีด้วย การเคล่ือนท่ีของพลยงิ คงติดต่อกันเร่ือยไป ในระหว่างท่ีทัศนวิสัย
จำกัดต้องใช้ท่ายิงน้ี ชุดหนึ่งใช้กระสุนอย่างมาก 6 นดั

17.2 ความรวดเร็วในการเคล่ือนที่และการรักษาแนวรูปขบวน พลยิงต้องเคลื่อนท่ีอย่างรวดเร็ว
และรักษาแนวรปู ขบวน โดยติดตามทหารท่ถี ูกกำหนดใหเ้ ป็นคนหลัก พลยิงต้องไมห่ ยุดเคล่ือนทโ่ี ดยไม่จำเป็น

17.3 การบรรจุกระสนุ ใหม่
1) การเข้าตะลมุ บอน
ก. พลยิงทำการตรวจดูเคร่ืองรองกระเปา๋ กระสุน
ข. พลยงิ ผ้ชู ่วยตอ้ งถอดกระดาษแข็งทปี่ ดิ ดา้ นบนของกระสุนออกเสยี ก่อน
2) ในขณะทเ่ี ขา้ ตะลมุ บอน

- 176 -

ก. พลยงิ ให้พลยิงผู้ชว่ ย ช่วยเหลือในการบรรจกุ ระสนุ ใหมเ่ ข้ากับปืน แต่อย่างไรก็ดีถา้ พล
ยิงผชู้ ่วยถกู ยงิ พลยงิ จะต้องช่วยตนเองในการบรรจกุ ระสุนใหม่อยา่ งรวดเรว็

ข. พลยิงผชู้ ่วยนำกระสุนต่อเข้ากบั สายกระสนุ ซึ่งบรรจอุ ยกู่ ับปืน ก่อนทกี่ ระสุนจะหมดสาย
แต่ถ้าพลยิงถูกยิงพลยงิ ผชู้ ว่ ยจะตอ้ งเขา้ ใช้ปนื แทนและเขา้ ตะลมุ บอนตอ่ ไป

ค. การรักษาระดับการยิงให้ต่ำลง ในการตะลุมบอนขณะทำการยิงจะต้องกดปากลำกล้อง
แลว้ คอ่ ยๆปรบั ยกปนื ขึน้ โดยตรวจกระสนุ สอ่ งวิถี ในเวลากลางคนื ควรใชก้ ระสุนสอ่ งวิถีลว้ น

ง. การกระจายการยิง พลยิงจะต้องทำการยิงและปรับการยิงอย่างรวดเร็ว และต่อเนอื่ งลง
บนพื้นท่เี ป้าหมายใหม้ ากที่สดุ เทา่ ท่ีสามารถจะทำได้ ลำดบั ความเรง่ ด่วนในการยิง คอื อาวธุ อัตโนมตั ของขา้ ศกึ

การยงิ ข้าม
18. การยิงขา้ ม คือ การปฏิบตั กิ ารยิงข้ามศีรษะทหารฝา่ ยเดยี วกัน การยงิ ข้ามท่ปี ลอดภัยน้นั
ย่อมขนึ้ อยกู่ ับภูมิประเทศ ทศั นวิสยั และระยะยิง การยงิ ขา้ มจะไม่มีความปลอดภยั ถา้ เป้าหมายอยใู่ นระยะเกนิ กว่า
850 เมตร จากท่ตี งั้ ปนื และจะไม่ทำการยงิ ในพน้ื ระดับหรือในประเทศลาดเสมอ
19. การปฏิบตั ิการยิงข้าม

19.1 การยิงข้ามจะกระทำเมือ่ ปนื ตั้งยิงบนขาหย่ัง
19.2 การยิงข้ามจะกระทำเม่ือภูมิประเทศท่ีเป็นแอ่งต่ำอยู่ระหว่างที่ต้ังปืนกับเป้าหมาย ท่ีแอ่ง
ต่ำนนั้ ควรจะมคี วามต่ำซง่ึ เส้นเล็งของปนื สงู เกนิ ศรี ษะของทหารฝ่ายเดียวกนั
19.3 ตามปกติ ผบ.หมู่ จะต้องเล่ือนหรือย้ายการยิงเม่ือทหารในหน่วยท่ีได้รับการสนับสนุน
เคลื่อนที่มาถงึ “จดุ จำกัดการยงิ ”

รปู ที่ 9-8 การปฏิบัติการยิงขา้ ม

- 177 -

20. วิธีหาจดุ จำกดั การยิง
20.1 การหาจุดจำกัดการยิงด้วยการตรวจการณ์ ผบ.หมู่ ใช้กล้องส่องสองตาตรวจผลการยิงโดย

ใหส้ ัมพนั ธก์ บั การเคลอ่ื นท่ขี องหนว่ ยทหารฝ่ายเดยี วกัน
20.2 จุดจำกัดการยิงท่ีเลือกไว้ก่อนพลยิงโดยใช้กฏของพลยิง ความแม่นยำแน่นอนและความ

ปลอดภัยย่อมข้ึนอยู่กับการปรับศูนย์ปืนไว้อย่างแน่นอนแล้ว กฏของพลยิงจะใช้ได้ในเมื่อเป้าหมายอยู่ห่างจากปืนใน
ระหว่าง 350 ถึง 850 เมตร กฏของพลยงิ มีดังนี้

1) หาระยะยงิ จากปืนถึงเป้าหมาย
2) วางปนื ใหต้ รงกับเป้าหมาย
3) ต้งั ระยะยงิ ท่ี 1100 เมตร
4) ลดปากลำกลอ้ งปืนลง 10 มลิ เลยี ม โดยใช้ควงมุมสงู
5) มองผ่านศนู ย์หลังแล้วกำหนดจดุ ตรงท่เี ส้นเลง็ ใหมไ่ ปตดั กับพืน้ ดนิ จะเป็น “จุดจำกดั การ
ยิง”
6) กลับมาตง้ั ศูนยป์ ืนตามระยะยิงจากปืนถึงท่ีหมายแลว้ เตรียมทำการยงิ
21. ข้อระมดั ระวังในการยงิ ข้าม ในการปฏบิ ตั ิการยงิ ขา้ มจะต้องพจิ ารณาถึงความปลอดภยั
ดังต่อไปน้ี
21.1 ขาหยง่ั ปนื อยู่ในลกั ษณะยึดแน่น
21.2 ใช้เครอื่ งบังคบั มิให้ลำกล้องลดตำ่ ลง
21.3 อยา่ ทำการยิงขา้ มโดยผา่ นต้นไม้
21.4 แจ้ง ผบ.หนว่ ย ท่รี ับการสนับสนนุ ในการยิงขา้ มทราบ
21.5 พลยิงทกุ คนต้องทราบ “จดุ จำกดั การยงิ ”
21.6 อย่าทำการยิงขา้ ม ถา้ ระยะจากทต่ี ้งั ปืนถึงเปา้ หมายน้อยกวา่ 350 เมตร หรือมากกว่า 850
เมตร
21.7 อย่าใช้ลำกล้องปนื ซึ่งใช้ทำการยิงกระสุนมากเกนิ ไปหรือลำกล้องท่สี กึ หรอมาก ทำการยงิ
21.8 ในระหวา่ งการฝึกปฏบิ ตั อิ ยา่ ตงั้ ปืนกลยงิ ขา้ มจดุ หน่ึงจดุ ใดเหนอื ศรี ษะทหารฝา่ ยเดียวกัน
ทตี่ งั้ ยิงกำบัง
22. ที่ตั้งยิงกำบัง ปืนกลจะอยู่ในที่ตั้งยิงกำบังได้ก็ต่อเมื่อปืนและพลประจำปืนอยู่พ้นจากการตรวจ
การณ์ทางพ้ืนดินของข้าศึก และใช้อาวุธขนาดย่อมยิงด้วยการเล็งตรง โดยใช้ความกำบังจากภูมิประเทศเป็นส่วนใหญ่
ปืนกลท่ีทำการยงิ ด้วยขาทรายกำบังไมไ่ ด้
22.1 ข้อดี
1) พลประจำปืนได้รับความกำบังและซ่อนพรางจากอาวธุ เล็งขนาดย่อม

- 178 -

2) พลประจำปนื มีเสรใี นการเคลื่อนท่ภี ายในบรเิ วณทีต่ งั้ ยิง
3) การควบคุมและการส่งกำลงั ควบคุมไดส้ ะดวก
4) ควนั และแสงไฟของปนื ขา้ ศึกตรวจการณเ์ หน็ ได้ยาก
22.2 ข้อเสยี
1) ทำการยิงเป้าหมายเคลอ่ื นทเี่ รว็ ได้ยาก เพราะผู้ตรวจการณเ์ ปน็ ผู้ปรบั การยงิ
2) เป้าหมายท่อี ยใู่ กล้ทก่ี ำบังย่อมไม่สามารถยงิ ถูก
3) เปน็ การยากท่จี ะหาแนวปอ้ งกันขัน้ สุดท้ายได้
23. แบบของทีต่ งั้ ยงิ กำบัง (รูปที่ 9-9)
23.1 ที่ตั้งยิงกำบังมาก ปืนจะตั้งอยู่ ณ จุดต่ำของลาดเนินที่สามารถยิงไปยังเป้าหมายได้ ท่ีต้ัง
ยงิ นี้มีความปกปิดกำบังดี แต่ขาดการออ่ นตัวในการยงิ ตอ่ เปา้ หมายใหม่
23.2 ท่ตี ั้งยิงกำบงั นอ้ ย ปืนจะต้งั อยู่ ณ จุดสงู สดุ ของลาดเนิน ซึง่ สามารถได้รับความปกปิดกำบงั
23.3 ที่ต้ังยิงกำบังบางส่วน ปืนจะต้องอย่โู ดยมีท่ีกำบังให้กับปืนและพลประจำปืนอย่บู ้าง ในการ
ป้องกนั อนั ตรายจากอาวธุ เล็งตรงของขา้ ศึก และพลยงิ สามารถยิงตอ่ เป้าหมายโดยการเล็งตรงได้

รปู ท่ี 9-9 แบบของทต่ี ั้งยิงกำบัง

- 179 -

24. การยิงต่อเป้าหมาย หลักพืน้ ฐานอันเป็นสาระสำคัญในการยิงเปา้ หมายจากที่ตั้งยงิ กำบังจะ
ประกอบด้วย

24.1 การกำหนดพ้นื ท่ีกำบัง
1) พื้นที่ต้ังยิงอยู่ห่างจากที่กำบังในระยะ 300 เมตร หรือน้อยกว่าให้ตั้งศูนย์ปืนหลังระยะ

300 เมตร แลว้ เล็งไปที่ยอดของท่กี ำบัง หมนุ ควงสงู ข้ึนอกี 3 มลิ เลียม
2) ถ้าท่ีตั้งยิงอยู่ห่างจากที่กำบังเกิน 300 เมตร ให้ต้ังศูนย์ปืนตามระยะที่ห่างกันอยู่แล้วเล็ง

ไปทย่ี อดของทก่ี ำบัง หมุนมมุ สงู ข้ึนอกี 2 มิลเลียม
3) มุมสงู ทีอ่ ่านได้ในขอ้ 1), 2) จะเป็นมมุ ยิงต่ำสดุ ของเขตการยิง มมุ สงู ควรจะไดบ้ ันทกึ ไว้

24.2 การวางปืนในทางทิศ ผู้ตรวจการณ์จะวางตัวอยู่ข้างหลังปืนในแนวปืนเป้าหมาย หรืออยู่
ในที่ๆผู้ตรวจการณ์มองเห็นมองเห็นปืนและเป้าหมายได้ ผู้ตรวจการณ์บอกให้พลยิงวางแนวปืนตรงไปยังเปา้ หมาย พล
ยิงเลอื กภมู ปิ ระเทศท่ีสดดุ ตาท่ีเห็นได้ในศูนยป์ ืนเป็นตำบลเล็ง และมรี ะยะไกล, มุมสูง มากกวา่ เปา้ หมาย

1) ถ้าตำบลเลง็ อยใู่ นแนวปนื เป้าหมาย ควรวางปนื ไปยังตำบลเลง็ เสมอ
2) ถ้าตำบลเล็งไม่ได้อยู่ในแนวปืนเป้าหมาย ต้องหาระยะห่างทางระดับเป็นมิลเลียม
แล้วบอกไปยังพลประจำปืนเพ่ือแกไ้ ขท่ีควงสา่ ย (รปู ที่ 19) จะต้องแกไ้ ขไปทางซา้ ย 14 มลิ เลยี ม
24.3 การวางปืนทางระยะมุมสูง ผู้ตรวจการณ์ระยะห่างทางดิ่งจากตำบลเล็งถึงฐานของ
เป้าหมายเป็นมุมมิลเลียม แล้วบอกไปยังพลประจำปืนให้ลดปากลำกล้องลงตามจำนวนที่หาได้ บัดน้ีปืนจะวางตรง
เปา้ หมายแลว้ จะต้องลดควงสูง 12 มิลเลียม
24.4 การควบคมุ กระทำโดยผู้ตรวจการณซ์ ่ึงเปน็ ผเู้ หน็ เป้าหมาย การปรบั การยงิ จะกระทำโดย
ผบ.หมู่ หรือพลประจำปนื คนใดคนหนึง่ ปฏิบตั ิหน้าท่ีเปน็ ผูต้ รวจการณ์
หลักการยิงในระหว่างทัศนวิสยั จำกัด
25. กล่าวท่วั ไป
ในระหว่างทัศนวิสัยจำกัดทำให้ยากแก่การตรวจการณ์ และการควบคมุ การยิงเป้าหมายส่วนมาก
ยากแก่การค้นหา ในเวลากลางคืนพลยิงมักจะทำการยิงไปยังเสียงท่ีได้ยิน และยิงไปยังที่ต้ังข้าศึกท่ีสงสัยมากกว่าการ
ยงิ ไปยังพื้นที่เป้าหมายที่วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว ในการที่จะขจัดข้อยุ่งยากทีป่ ระสบในระหว่างทัศนวิสัยจำกัด จะต้อง
ปรับปรุงพัฒนาหลักการยิงต่างๆต่อเป้าหมายที่ปรากฏข้ึน และใช้การยิงที่วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วโดยการทำแผ่นจด
ระยะ
26. ศัพท์เฉพาะ ศัพท์เฉพาะท่ีใช้บอ่ ยๆในหลักการยิงในระหว่างทศั นวิสัยจำกดั ได้แก่
26.1 เขตการยิง คือ พื้นท่ีที่มอบหมายให้บุคคลหรือหน่วย ตามปกติปืนกลจะได้รับมอบเขต
การยงิ 2 เขต คอื เขตการยงิ หลักและเขตการยงิ รอง

- 180 -

26.2 แนวป้องกันขั้นสุดท้าย เป็นแนวท่ีกำหนดไวล้ ่วงหน้าซึ่งการยิงกวาดจะอยู่ในแนวน้ี เพ่ือ
หยุดยั้งการเข้าตะลุมบอนของข้าศกึ แนวป้องกันขั้นสุดท้ายปนื จะต้องสามารถยิงไดโ้ ดยไม่คำนึงถึงสภาพของทัศนวิสัย
และอยู่ภายในเขตจำกดั ของเขตการยิงหลักเสมอ

26.3 เขตการยิงกวาด คือ พื้นท่ีรูปล่ิมจากปากลำกล้องถึงพ้ืนท่ีที่ได้รับมอบเฉพาะพื้นที่หน่ึง
ซ่ึงจะต้องมีการยิงกวาด เขตการยิงกวาดจะทำการยิงโดยใช้การยงิ กวาดตลอดในเขตการยิงหลัก และสามารถที่จะทำ
การยิงในเขตการยิงรองได้ด้วย โดยถ้าปนื ต้ังยิงด้วยขาหยง่ั จะไมใ่ ช้เรือนควงสูงควงส่ายแต่จะใช้ขาหยง่ั เป็นจดุ หมนุ แทน
เขตการยงิ กวาดต้องปฏบิ ัตกิ ารยงิ ไดโ้ ดยไมค่ ำนงึ ถงึ สภาพของทศั นวสิ ยั

26.4 ทิศทางยิงหลัก คือ ทิศทางยิงเร่งด่วนอันดับหน่ึงของปืนจะต้องได้รับมอบ ซึ่งจะอยู่
กึ่งกลางของพื้นที่สำคัญเฉพาะแห่งหน่ึง พ้ืนท่ีแห่งนี้อาจจะตั้งอยู่ต้ังแต่ปืนจนถึงระยะยิงหวังผลสูงสุด เป้าหมายท่ี
ปรากฏให้เห็นในทิศทางยิงหลักย่อมมีความเร่งด่วนมากกว่าท่ีหมายอ่ืนๆท่ีเกิดข้ึนในเขตการยิง ทิศทางยิงหลักจะ
ประกอบไปดว้ ยทิศทางยิงหลกั ในเวลากลางวนั และทศิ ทางยงิ หลักในเวลากลางคืน

26.5 พ้ืนที่ยิงกวาด คือ พ้ืนท่ีอันหน่ึงซ่ึงอยู่นอกเขตการยิงกวาด แต่อยู่ภายในเขตการยิงซ่ึง
จะต้องค้มุ ครองด้วยการยิงกวาด พ้ืนทก่ี ารยิงกวาดไม่จำเป็นต้องเป็นพืน้ ท่ีที่ทำการยงิ ต้ังแต่ปากลำกล้องปืนจนถึงพื้นที่
ซึ่งต้องการยงิ กวาด ตามปกตจิ ะเป็นพืน้ ที่สำคัญทางยุทธวิธี

หลกั การยิงเป้าหมายที่เหน็ ในระหว่างทัศนวิสัยจำกดั
27. กลา่ วทั่วไป ความสามารถของพลยิงในการค้นหาเป้าหมายและพิสูจน์ทราบในระหว่างทศั นวิสัย
จำกัด ย่อมขน้ึ กับจำนวนแสงสว่างทางธรรมชาตแิ ละแสงสว่างเทยี ม ขนาดท่ีแทจ้ ริงและปีกของเป้าหมาย ย่อมจะเป็น
ปญั หาได้ในทกุ ๆกรณี
28. แบบของเป้าหมาย ตามธรรมดาเป้าหมายท่ีปรากฏข้ึนในเขตการยิงของปืนกล ในระหว่าง
ทศั นวิสยั จำกัด มี 2 แบบ

28.1 ขา้ ศึกมขี นาดหมวดหรือหมใู่ นรปู ขบวน เปา้ หมายเปน็ แนวมคี วามลึกหรือเปา้ หมายทางลกึ
28.2 อาวุธอัตโนมัติท่ียิงสนับสนุน และข้าศึกท่ีเข้าตะลุมบอนเป็นบุคคล ซึ่งจะเป็นเป้าหมาย
เฉพาะตำบล
29. การควบคมุ การยิง ขณะเม่ือ ผบ.หมู่ ไมส่ ามารถจะควบคุมการยิงได้ในระหว่างทัศนวสิ ัยจำกัด
พลยิงต้องใช้ความริเริ่มของตนยิงไปยังเป้าหมายท่ีปรากฏให้เห็นในเขตของตนโดยไม่ต้องมีคำส่ังจนกว่าจะถูกทำลาย
ส่วนพลประจำปืนอืน่ ๆจะยงิ เปา้ หมายเมือ่ เขาพิจารณาแล้วเทา่ นั้น เวน้ แต่จะได้รบั คำสัง่ ใหท้ ำอย่างอ่นื
30. การยิงเปา้ หมาย
30.1 การใช้กระสุนส่องวิถีล้วนๆ จะเป็นการเพิ่มผลให้พลยิงตรวจเป้าหมายท่ีมองเห็นได้ผล
มากยิ่งขึ้น และพลยงิ ต้องไดร้ ับการฝึกใหย้ งิ ต่ำในคร้ังแรกแลว้ ค่อยๆปรบั ให้สูงขน้ึ เพ่ือให้ถกู เป้าหมาย

- 181 -

30.2 เมือ่ ทำการยิงเป็นแนว เปา้ หมายเป็นแนวทไี่ ม่มคี วามลึกไม่พยายามแบ่งเป้าหมายเหล่าน้ี
ออกเหมือนอย่างปฏบิ ัติการในระหว่างทศั นวิสยั ดี การยิงอย่างได้ผลนน้ั คอื

1) เปา้ หมายเป็นแนว พลยิงจะต้องเล็งตรงบนกงึ่ กลางส่วนใหญ่ของเป้าหมาย ตามท่ีตน
ได้พิจารณาและพยายามรักษารปู อาการกระจายให้อยูต่ รงฐานของเป้าหมาย เมอ่ื ปืนตง้ั ยิงบนขาหยั่งให้ใช้การยิงกราด
ตลอด ถ้าปนื ตั้งยงิ ดว้ ยขาทรายตอ้ งยงิ กราดอยา่ งรวดเรว็ และกราดกลบั ทันทเี มอื่ คร่อมเปา้ หมายแล้ว (รูปที่ 21)

2) เป้าหมายเป็นแนวมีความลึก พลยิงจะต้องเล็งตรงบนกึ่งกลางส่วนใหญ่ของเป้าหมาย
ตามที่ตนได้พิจารณาแล้วทำการยิงกราดผสม ข้ึนแรกยิงกราดผสมให้คลุมด้านใกล้ที่ต้ังยงิ กอ่ นแล้วจึงกราดกลับไปด้าน
ไกลตามภาพ

3) เป้าหมายมีความลึก พลยิงจะต้องเล็งตรงกึ่งกลางส่วนใหญ่ของเป้าหมาย ตามท่ีตน
พิจารณาแล้วทำการยิงกราดทางลึกมายังปลายเป้าหมายด้านใกล้ก่อน จึงกราดกลับไปยังปลายเป้าหมายด้านไกล
ในขณะทำการยงิ กราดทางลกึ พลยงิ จะต้องกราดไปทางขา้ งท้ังสองข้าง ข้างละ 1 ถึง 3 มิลเลยี ม

หลักการยิงตามหลักฐานท่ีเตรียมการยิงไวล้ ่วงหน้า
31. กล่าวท่ัวไป ปืนกลนอกจากจะทำการยิงเป้าหมายท่ีปรากฏให้เห็นได้อย่างเหมาะสมแล้ว ยัง
สามารถทำการยิงตามแผนที่วางไว้แล้วล่วงหน้าได้ด้วย ในระหว่างทัศนวิสัยจำกัดการยิงเหล่าน้ีใช้เพื่อคุ้มครอง
เป้าหมายทางยุทธวิธี เช่น เส้นทาง, ที่ตั้งอาวุธสนับสนุนของข้าศึกท่ีคาดล่วงหน้าไว้, ที่ปรับขบวนตะลุมบอนท่ีคาดไว้
และภายในเขตการยิงกวาด และแนวปอ้ งกันขัน้ สุดทา้ ย
32. การให้ได้ผลสำเร็จของการยิงกวาด เพื่อให้บังเกิดผลมากที่สุดในพ้ืนที่เป้าหมายทุกแห่ง ท่ี
วางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว เม่ือสามารถทำได้ควรจะมีการยิงกวาด การยิงกวาดอาจจะจัดให้มีในเขตการยิงทุกๆของ
สภาพภูมปิ ระเทศ

32.1 เพ่ือให้ได้ผลอย่างกว้างขวางมากท่ีสุดในการยิงกวาดของปืนกล ในภูมิประเทศพ้ืนระดับ
หรือลาดเสมอ พลยิงต้ังศูนย์หลังท่ีระยะ 600 เมตร เลือกตำบลเล็งบนพ้ืนดินแล้วทำการยิงปรับ ณ จุดนี้ อย่าให้
ก่งึ กลางของกรวยกระสนุ วถิ สี ูงจากพน้ื ดินเกนิ 1 เมตร

32.2 ถา้ ภูมิประเทศไมส่ ม่ำเสมอไม่สามารถทำการยิงกวาดในระยะ 600 เมตรได้ เนอ่ื งจากความ
แตกต่างเปลย่ี นแปลงของพื้นดิน ณ ระยะที่น้อยกว่า 600 เมตร พลยิงตั้งศูนยห์ ลงั ตามระยะทีส่ ามารถทำการยิงกวาด
ได้ แล้วทำการยิงปรับการยิง ณ จุดน้อี ย่าให้กึง่ กลางกรวยกระสนุ วถิ ีเกนิ 1 เมตร

32.3 การกำหนดการยิงกวาดลงบนแนวป้องกันขนั้ สุดท้าย กำหนดได้ตามข้อ ก. และ ข. ข้างบน
ที่อับกระสุนใดๆซึ่งอยู่ระหว่างกลางของภูมิประเทศตามแนวนี้ ซึ่งการยิงกราดไม่สามารถจะกระทำได้จากปืนที่ต้ังยิง
ในแนวน้ี เรยี กว่า “พน้ื ทอ่ี ับกระสุน” พ้นื ท่อี ับกระสนุ อาจจะกำหนดให้สองทางคือ

- 182 -

รปู ท่ี 9-10 พืน้ ทีอ่ บั กระสุน
1) ภายหลังจากท่ีได้วางปืนทั้งทางทิศและทางระยะแล้ว พลประจำปืนคนหนึ่งเดินไปยัง
แนวป้องกันข้ันสุดท้าย พลยิงเล็งผ่านศูนย์ออกไป ขณะใดที่เอวของทหารท่ีเดินลดต่ำลงกว่าแนวเส้นเล็ง พ้ืนท่ีน้ันจะ
เป้นพ้นื ท่อี บั กระสุน
2) ด้วยการตรวจการแล่นของกระสุนวิธีทางด้านหลังหรือทางปีกของท่ีต้ังยิง อาจจะ
กำหนดพ้นื ที่อับกระสุนได้
33. การควบคุม พ้ืนทเี่ ปา้ หมายทีไ่ ด้กำหนดไวล้ ่วงหนา้ จะทำการยงิ ตามคำสง่ั ของ ผบ.หมู่ หรอื
รปจ.ท่มี ีไว้
33.1 การยงิ ปอ้ งกนั ขนั้ สุดท้าย ตามธรรมดาสัญญาณท่ีใช้ในการยงิ ป้องกนั ขน้ั สดุ ทา้ ย จะบง่ อยู่ใน
คำสงั่ การปฏบิ ัตขิ องกองร้อย ผบ.หมวด ปืนเลก็ ในแนวหน้าจะไดร้ บั มอบอำนาจใหเ้ ป็นผูร้ ้องขอการยิงเหลา่ น้ี การยิง
ป้องกันขน้ั สดุ ท้ายจะหยุดยิงไปตามคำส่งั หรือสัญญาณ
1) สญั ญาณอาจใชแ้ ขนหรือมือ คำสั่งดว้ ยเสียงหรือพลุสญั ญาณ เพ่ือร้องขอการยงิ น้ี
2) จังหวะการยงิ เม่ือทำการยิงป้องกนั ขั้นสุดท้ายต้องใช้จงั หวะยงิ เรว็ เวน้ แต่ว่าจำเปน็ ต้อง
ใช้จงั หวะการยงิ สูงกว่า เพอื่ ให้ภารกิจสำเรจ็
33.2 การยิงเป้าหมายที่เลอื กไวแ้ ล้วอืน่ ๆ ต้องใช้จงั หวะการยงิ เรว็ จนกวา่ จะได้รบั คำสั่งหยดุ ยงิ
34. วิธีวางปนื เพ่ือยงิ เทคนิคในการวางปืนเพื่อทำการยิงไปยงั เปา้ หมายทเ่ี ลือกไว้แล้ว ในระหวา่ ง
ทศั นวสิ ยั จำกดั จะไดผ้ ลเมื่อหลกั ฐานถกู ต้องเท่าน้นั หลักฐานการยงิ เหล่านจี้ ะหาได้จากการวางปืนไปยงั เปา้ หมาย ถา้
สามารถทำไดค้ วรจะปรบั การยิงไปยังเป้าหมายทเ่ี ลือกไว้แลว้ เหลา่ นเ้ี พอื่ ให้ได้หลักฐานที่ถูกต้อง การหาหลกั ฐานการยงิ
มี 2 วิธคี อื การอ่านหลกั ฐานจากมาตราราวส่ายปืน, เรอื นควงสา่ ยควงสงู และการใช้การแสวงเครอื่ ง
34.1 วธิ หี าหลักฐานทม่ี าตราราวส่ายปนื เรอื นควงส่ายควงสูง
1) ลำดับขนั้ การปฏิบตั เิ พ่ือหาหลกั ฐานทางทศิ และทางระยะ

ก) ตงั้ มาตราควงสา่ ยและควงสูงท่ี “0”

- 183 -

ข) การวางปืนในทางทศิ
(1) เมื่อได้รับมอบแนวปอ้ งกนั ขั้นสดุ ทา้ ย กระทำโดยยดึ คันเลื่อนราวสา่ ยปืน ใหอ้ ยู่

ขา้ งใดขา้ งหน่ึงของราวส่ายปืน ซ่งึ ขึ้นอยู่กับแนวปอ้ งกนั ข้ันสดุ ทา้ ยทไ่ี ดร้ บั มอบว่าอยู่ทางขวาหรอื ซ้าย แลว้ ขยับขาหยงั่
ไปจนกว่าปากลำกล้องปืนตรงไปยงั แนวปอ้ งกนั ข้ันสุดทา้ ย

(2) เม่อื ไม่ได้รับมอบแนวป้องกันขัน้ สุดทา้ ย จัดใหข้ อบซ้ายของเลื่อนราวส่ายปนื อยูท่ ี่
ขีด “0” แลว้ ขยบั ขาหย่งั ไปจนปากลำกลอ้ งปนื ตรงไปยังก่ึงกลางเขตการยิง

ค) เมื่อปนื ได้วางตรงทศิ เรยี บร้อยแล้ว ต้องทำขาหย่งั ใหแ้ นน่ โดยกดพลั่วขาหยั่งฝังดนิ หรือ
ใชก้ ระสอบทรายทบั เพื่อให้ปืนมคี วามมนั่ คง

2) การอ่านทางทศิ หลักฐานทางทิศทีไ่ ดร้ บั จะต้องบันทกึ ไวท้ ุกเปา้ หมายในเขตการยิงหลัก
เว้นแตห่ ลักฐานของแนวป้องกนั ข้นั สดุ ท้าย เพราะแนวปอ้ งกนั ขั้นสุดท้ายไมต่ ้องมีหลักฐานทางทศิ เพราะราวส่ายปืน
ตอ้ งตง้ั อยู่ที่ขวาหรือซา้ ยสุดของราวสา่ ยปืน การอา่ นหลักฐานทางทิศน้ัน ใช้มาตราราวส่ายปืนโดยใช้ขดี “0” เปน็ หลัก
มุมทศิ จะบันทึกวา่ ขวา เม่อื เล่อื นราวสา่ ยปืนไปอยู่ทางซ้ายของขีด “0” (ปากลำกล้องไปทางขวา) มุมทศิ จะบนั ทึกวา่
ซา้ ย เมอื่ เล่ือนราวสา่ ยปืนไปอยู่ทางขวาของขดี “0” (ปากลำกลอ้ งปนื ไปทางซา้ ย)

3) การอ่านทางระยะ
ก) หลังจากอ่านมุมทศิ ของเป้าหมายได้แล้ว ก่อนจะเลื่อนไปวดั เป้าหมายอน่ื ต่อไปต้องหา

มุมสูงของเป้าหมายน้ันก่อน การที่จะได้มุมสูงมาน้ีปืนต้องวางเล็งตรงฐานของเป้าหมายเสียก่อน มุมสูงท่ีอ่านได้จะได้
จากมาตรา 2 มาตรา ส่วนแรกจะไดจ้ ากมาตราทสี่ ลักไว้บนแกนเกลียวแกนมมุ สูงตอนบนและลา่ ง จากขดี “0” ขนึ้ บน
มคี ่าเป็นบวก แบ่งไว้ขีดละ 50 มิลเลียม จนถึงบวก 200 จากขีด “0” ลงล่าง มีค่าเป็นลบ แบ่งไว้ขดี ละ 50 มิลเลียม
จนถึงลบ 200 ส่วนที่สองได้จากมาตราที่สลักไว้ท่ีควงมุมสูงแบ่งเป็นขีดขีดละ 1 มิลเลียม รวมทั้งหมด 50 มิลเลียม
โดยใช้เขม็ เป็นเครื่องชี้บอกการบันทึกมมุ สูง ท้ังสองส่วนน้ีแยกกันโดยใช้เส้นแบง่ (/) เช่น ลบ 50/3 แสดงวา่ มมุ สูงมีค่า
ลบ 53 มิล.

ข) ควงมุมสูงที่อ่านได้ จะใช้ได้เฉพาะควงมุมสูงอันหน่ึงอันใดเท่าน้ัน จะใช้ทดแทนกัน
ไมไ่ ด้ เวน้ แตค่ วงมมุ สูงทไี่ ด้ทดลองปฏิบตั แิ ลว้ ว่ามมี ุมสูงเทา่ กนั จึงจะใช้ทดแทนกนั ได้

4) เพ่ือให้แน่ใจว่ามุมสูงท่ีอ่านได้ถูกต้องกับเป้าหมาย ควรจะทำการยิงปรับลงบนเป้าหมาย
ด้วย แต่ถ้าเป็นการเปิดเผยท่ีตั้งยิงก็ไม่จำเป็นต้องทำการยิงปรับ หลักฐานท่ีได้จะต้องใช้วิธีกะระยะด้วยตา แล้วนำมา
ตั้งทศ่ี นู ย์ปืน จดั ให้ปืนวางเล็งตรงก่งึ กลางฐานของเปา้ หมาย แลว้ จะไดม้ ุมทิศและมมุ สูงของเป้าหมายนนั้ ๆ

34.2 การวางปืนกลโดยวิธีการแสวงเครอ่ื ง การแสวงเคร่ือง หมายถึง การใช้หลักและเคร่ืองช่วย
อ่ืนๆเพื่อให้ปืนยิงไปยังพ้ืนที่เป้าหมายท่ีเลือกไว้ล่วงหน้าแล้ว การแสวงเคร่ืองเป็นหนทางขั้นต้นของการปฏิบัติการยิง
ตอ่ เป้าหมายท่ีเลือกไว้ลว่ งหน้า ในเขตการยงิ หลักและเขตการยิงรองในระหว่างทัศนวิสัยจำกัด จนกว่าเวลาหรือสภาพ

- 184 -

ของทัศนวสิ ัยจะอำนวยให้ใช้หลักฐานการยิงที่บันทึกจากราวส่ายปนื ได้ ถ้าพลประจำปืนต้องสับเปลี่ยนกัน การใช้การ
แสวงเคร่อื งตอ้ งอธบิ ายให้พลประจำปืนทมี่ าผลัดเปลี่ยนทราบด้วย

1) เทคนคิ การใชห้ ลักเลง็ คุณประโยชนท์ ีส่ ำคญั สว่ นใหญ่ของเทคนิคน้ีคือ ไม่ต้องใช้แสง
สว่าง ณ ทีต่ ้งั ปืนในเวลากลางคนื เทคนิคน้จี ะไม่ไดผ้ ลในเมื่อทัศนวสิ ัยจำกัดมาก เพราะไมส่ ามารถตรวจหลกั เล็งได้ การ
ใชเ้ ทคนคิ นีป้ ืนจะต้องวางตรงไปยงั เปา้ หมาย และปฏบิ ัตดิ งั ต่อไปน้ี

ก) โครงเล่ือนศนู ยห์ ลังตอ้ งยกให้สงู โดยให้ใบศูนย์หลงั อยู่ในตำแหน่งสงู สดุ
ข) เอาเทปเรืองแสงหรือสีเรืองแสงติดท่ีโครงศูนย์หน้าด้านหลัง อย่างน้อยท่ีสุดอยู่ที่
กึง่ กลางด้านบนของโครงศนู ย์
ค) หลักเล็งทำเครื่องหมายด้วยแผ่นเทปเรืองแสงหรือสีเรืองแสง โดยนำไปปักข้างหน้า
ของทต่ี ง้ั ยงิ ห่าง 1 หรอื 2 เมตร
ง) พลยิงค่อยๆเล่ือนศีรษะไปทางซ้ายช้าๆ จะแลเห็นยอดศูนย์หน้าอยู่ที่มุมด้านซ้ายของ
กรอบส่เี หลี่ยมผืนผ้าของโครงเล่ือน ศูนยห์ ลงั และใบศนู ย์หลังวางแนวหลักทางทิศแลว้ ตอกลงกับพ้ืนดินโดยให้วสั ดุเรือง
แสง 2 แห่ง อย่เู รียวเคียงกัน และให้ขอบด้านบนของวัตถุท้ังสองอยู่ได้ระดับเดียวกนั จัดภาพศูนย์เล็งให้เหมือนกันกับ
รูปท่ี 25 พลยิงจะต้องรักษาท่ายิงให้ถูกต้องและจับด้ามปืนไว้ตลอดเวลาในการปฏิบัติ และเม่ือจะทำการยิงเป้าหมาย
จะต้องให้ยอดศนู ยห์ นา้ ปรากฏใหเ้ ห็นทางด้านซา้ ยโครงเลือ่ นศูนยห์ ลงั โดยคอ่ ยๆเล่อื นศีรษะไปทางขวาชา้ ๆ
2) เทคนิคการใช้หลักปัก เทคนิคอันน้ีเพื่อใช้กำหนดเขตจำกัดและอาจจะจัดให้วางปืนเล็ง
ไปยังแนวป้องกันขั้นสุดท้าย หรือเป้าหมายอื่นๆที่เลือกไว้ล่วงหน้าซ่ึงอยู่ภายในเขตจำกัดของเขตการยิงหลักหรือเขต
การยงิ รอง วธิ ีใชห้ ลกั ปกั ยอ่ มได้ผลในทุกๆสภาพทัศนวสิ ัย และตอ้ งการวัสดเุ พมิ่ เตมิ เล็กนอ้ ยเมอ่ื ใชป้ ฏบิ ตั ิดงั นี้
ก) การกำหนดจุดจำกัดเขต วางปืนตรงไปยังทิศของจดุ จำกัดเขตดา้ นหนง่ึ แลว้ ปกั หลัก
ลงตรงขอบด้านนอกขาทราย สำหรับจดุ จำกัดเขตดา้ นตรงข้ามคงปฏบิ ัตเิ ชน่ เดยี วกัน
ข) การวางปืนเพ่ือยิงในแนวป้องกันขั้นสุดท้าย เลื่อนปากลำกล้องปืนไปยังจุดจำกัดเขต
จัดทางระยะโดยตอกหลังลงไปในพ้ืนดิน โดยให้ท่อต่อกระบอกสูบอยู่บนหลัก และกดให้ต่ำไว้ 2 - 3 มิลเลียม เพ่ือ
สะดวกในการยงิ ในภูมิประเทศที่ไมส่ ม่ำเสมอ
ค) การวางปืนยิงเปา้ หมายอื่นๆในจดุ จำกดั เขตในเขตการยิงหลัก ปฏบิ ัติเช่นเดียวกับข้อ
(ข) ข้างบน แตกต่างกันเพียงว่าไม่ต้องเผ่ือไว้สำหรับภูมิประเทศท่ีไม่สม่ำเสมอในเขตการยิงรองเม่ือปืนวางตั้งบนขา
หย่ัง และได้ปลดเรือนควงสูงควงส่ายให้หลวมแล้วปฏิบัติตามข้อ (ก) ข้างบนแล้ว ตอกหลักเพิ่มให้อยู่ข้างใต้ท่อต่อ
กระบอกสูบเพ่อื กำหนดมมุ สูงใหค้ งที่
3) เทคนิคในการใช้หลักบากเป็นร่องหรือไม้ง่าม เทคนิคการใช้หลักบากเป็นร่องหรือไม้ง่าม
ใช้กับปืนที่ติดขาทราย เพื่อยิงต่อพ้ืนที่เป้าหมายที่เลือกไว้ล่วงหน้าภายในเขตหรือจุดจำกัดเขต วิธีน้ีย่อมได้ผลในทุก
สภาพทัศนวิสยั และตอ้ งการวสั ดเุ พ่ิมเพยี งเล็กน้อยเมื่อใชป้ ฏิบัติดงั นี้

- 185 -

ก) ให้พานท้ายปืนวางพาดอยู่บนหลักบากเป็นร่องหรือง่าม หลังจากปรับการยิงไปยัง
เปา้ หมายทตี่ อ้ งการหรอื จดุ จำกัดแล้ว

ข) ขุดหลมุ ต้ืนๆหรอื ทำร่องสำหรับพลั่วขาทราย หลุมหรือร่องจะทำหนา้ ท่ีคลา้ ยจดุ หมุน
ของปนื เพื่อปลอ่ ยให้พลว่ั ขาทรายหมนุ ไปได้ในขณะท่ีพานทา้ ยเลอ่ื นไปจากรอยบากหรือหลักไปอกี หลักหน่ึง

ค) การจับถอื และการยิงปืนคงใชท้ า่ ยิงและการจบั ปืนตามท่าที่ใชใ้ นการยงิ ด้วยขาทราย
4) เทคนิคการใช้ขอนไม้หรือกระดานวางทางขวาง เทคนิคน้ีใช้กับปืนที่ติดต้ังขาทรายหรือ
ขาหย่ัง เพื่อหมายจุดจำกัดเขตหรือต้ังเขตการยิงกวาด เทคนิคการใช้ขอนไม้หรือกระดานวางขวางย่อมได้ผลในทุกๆ
สภาพทัศนวิสัยเมื่อใชป้ ฏิบตั ิดังนี้

ก) เม่ือปืนติดตั้งขาทรายวางขอนไม้หรือกระดานข้างใต้พานท้ายปืน ตรงที่พานท้ายปืน
สามารถเลื่อนข้ามได้อย่างอิสระแล้วขุดร่องตื้นๆ หรือทำเป็นร่องเพื่อให้พลั่วขาทรายหมุนได้ ในขณะท่ีพานท้ายปืน
เลื่อนในทางระดับไปตามขอนไม้หรือกระดาน ปรบั ขาทรายตามมุมสูงที่ต้องการ จุดจำกัดเขตอาจจะทำเครื่องหมายไว้
เป็นรอยบาก หรอื ทำที่หยดุ ไวบ้ นขอนไมห้ รอื กระดานทวี่ างขวาง ต้องใช้ทา่ ยงิ ดว้ ยขาทรายและกำดา้ มปนื

ข) เมื่อติดต้ังขาหยั่งวางขอนไม้หรือกระดานข้างใต้ลำกล้องปืน เพ่ือให้ได้มุมสูงท่ีถูกต้อง
ของเขตการยงิ กวาด เครื่องหมายจดุ จำกัดเขตเม่ือต้องการ ทำตามทีก่ ล่าวไวใ้ นข้อ (ก) ข้างบน

การทำแผ่นจดระยะ
35. กลา่ วท่ัวไป

35.1 แผ่นจดระยะ คือ บันทึกหลักฐานการยิงท่ีจำเป็นในการยิงเป้าหมายท่ีเลือกไว้ล่วงหน้า
ภายในเขตการยิงในระหว่างทัศนวิสัยจำกัด เช่นพื้นที่สำคัญทางยุทธวิธีและยังเป็นเครื่องช่วยให้ ผบ.หมวด เตรียม
แผนการยิงของหมวดอีกด้วย และยังอาจจะใช้เปน็ หลักฐานการยิงเป้าหมายในระหว่างทศั นวิสยั ดีได้อีกดว้ ย

35.2 หลักฐานของพ้ืนท่ีภายในเขตการยิงหลัก ต้องนำมาพิจารณาเป็นอันดับแรก ปืนที่ติดตั้ง
ขาหย่ังย่อมใช้เป็นหลักในการยิงครอบคลุมเขตการยิงหลักน้ี ส่วนเป้าหมายท่ีเลือกไว้ล่วงหน้าในเขตการยิงรองจะทำ
การยิงในระหวา่ งทัศนวิสยั จำกดั โดยใชว้ ิธีการแสวงเครื่อง

35.3 แผน่ จดระยะประกอบดว้ ย 2 ส่วน คือ ภาพรา่ งของเขตการยงิ และตอนของหลกั ฐานการยิง
ซ่ึงมีหลักฐานท่ีจำเป็นในการยิงเป้าหมายเหล่าน้ีในระหว่างทัศนวิสัยจำกัด ภาพร่างนี้ไม่ต้องให้ถูกมาตราส่วน แต่
หลกั ฐานเก่ยี วข้องของพนื้ ที่นั้นต้องแนน่ อนตามความเป็นจรงิ

แผ่นจดระยะจะทำขึ้น 2 แผ่น แผ่นหน่ึงอยู่ ณ ที่ตั้งยิง อีกแผ่นหน่ึงจะส่งไปให้ ผบ.หมวด แผ่นจด
ระยะท่สี มบูรณ์เตรียมไว้ ณ ทต่ี ้ังยิงจริง สว่ นแผ่นจดระยะท่ีสมบูรณ์เป็นบางส่วนเตรยี มไว้ ณ ทตี่ ั้งยิงสำรองและท่ีตั้งยิง
เพ่ิมเติม แผ่นจดระยะจะต้องเตรียมจัดทำทันทีเมื่อปืนเข้าที่ตั้งยิงโดยไม่คำนึงถึงระยะเวลาท่ีอยู่ ณ ท่ีต้ังนั้น แผ่นจด
ระยะตอ้ งแกไ้ ขปรับปรงุ อยู่เสมอในระหวา่ งท่ยี ึดที่ตั้งยงิ อยู่ ลำดับช้นั ในการเตรียมจดั ทำแผน่ จดระยะประกอบดว้ ย

1. จดั ตั้งเรือนควงสา่ ยควงสงู (ขอ้ 34 วธิ ีวางปืนเพอื่ ยงิ )

- 186 -

2. ตั้งปืนโดยให้ปากลำกล้องปืนหันไปยังแนวป้องกันข้ันสุดท้าย ถ้าแนวป้องกันข้ันสุดท้ายไม่ได้รับ
มอบปากลำกลอ้ งปืนควรจะหนั ไปยังกึ่งกลางเขตการยิงตง้ั วางขาหยั่ง (ตามข้อ 34 วธิ วี างปนื เพ่ือยงิ )

3. เขียนสญั ลักษณ์ของปืนกล โดยใหป้ ลายชี้ไปยงั ทศิ ทางแนวป้องกนั ข้นั สดุ ท้าย หรือกงึ่ กลางเขตการ
ยิง (รปู ท่ี 9-11)

4. ถา้ ไดร้ บั มอบแนวป้องกนั ขั้นสุดทา้ ย ใหล้ ากเส้นไปยังแนวป้องกนั ข้ันสุดท้าย
5. ลากเส้นเขตจำกดั ของการยิงหลกั อีกดา้ นหนง่ึ และไม่จำเป็นตอ้ งบนั ทึกหลกั ฐานของจดุ จำกดั เขต
นี้ ลงในตารางบนั ทึกหลักฐาน

รูปท่ี 9-11 เครื่องหมายและสัญลักษณ์ทางทหารใชก้ บั ปืนกล เอม็ 60
6. ลากเสน้ จดุ จำกดั เขตของเขตการยิงรอง
ช. ลากเส้นและทำเคร่ืองหมายท่ีตั้งหนว่ ยทหารฝา่ ยเดียวกัน ซง่ึ ต้งั อยขู่ า้ งหน้าของขอบหนา้ ที่มน่ั และ
อยู่บริเวณของการยงิ ของปนื กล (รูปที่ 9-12)
7. ลากเส้นลูกศรแสดงทิศเหนือแม่เหล็ก จากฐานของเครื่องหมายปืนกลช้ีไปในทิศทางทิศเหนือ
แมเ่ หลก็

- 187 -

8. จากที่ต้งั ปืน วัดมุมภาคทิศเหนือแม่เหล็กไปยังลักษณะท่ีสะดุดตาท่ีสำคัญในภูมิประเทศซึ่งมีอยู่ใน
แผนท่ี หาระยะเป็นเมตรระหว่างจุดท้ังสองนี้ (รูปที่ 9-12) ทำเป็นมมุ ภาคทศิ เหนือแม่เหล็กกลับ ใสเ่ คร่ืองหมายลกู ศร
ลงบนเสน้ น้ี ถา้ ลกั ษณะภมู ิประเทศไม่สามารถหาได้ในแผนท่ีแล้วท่ีต้งั ยิงอาจจะกำหนดเปน็ พิกดั เลข 8 ตวั

9. หลักฐานทข่ี อบมมุ ให้บันทึกหมายเลขปืน หน่วย และวัน เดือน ปี ไว้ท่ีมุมหนึ่งของภาพร่างแผ่นจด
ระยะ อยา่ บนั ทกึ หนว่ ยสังกดั ใหส้ งู กว่ากองรอ้ ย (รูปที่ 9-12)

10. การบนั ทกึ หลักฐานพืน้ ท่ีเป้าหมาย
1) เม่ือได้รับมอบแนวป้องกันข้ันสุดท้าย ให้หาระยะการยิงกวาดสูงสุดของแนวนี้ แล้วลากเส้น

ทึบต่อจากเคร่ืองหมายของปืน ปลายเส้นทำเป็นหัวลูกศรจะระบายเงาให้หนาลงด้านในของแนวป้องกันข้ันสุดท้าย
เพอ่ื เป็นเคร่ืองหมายแทนการขยายการยิงกวาด ถ้ามีพ้ืนท่ีอบั กระสนุ ในแนวป้องกันข้ันสุดทา้ ยใหเ้ ว้นว่างไว้ ไม่ต้องมเี งา
เป็นเคร่ืองหมายแทนพื้นที่อับกระสุน บันทึกระยะจากขอบใกล้และขอบไกลของพื้นที่อับกระสุน หาระยะไกลของการ
ยิงกวาดที่จะทำได้บนแนวป้องกันข้ันสุดท้าย หามุมภาคทิศเหนือแม่เหล็กของแนวป้องกันข้ันสุดท้าย บันทึกมุมภาค
ของทิศลงที่แนวป้องกันข้ันสุดท้าย ต่อไปจึงบันทึกมุมสูง, แนวป้องกันขั้นสุดท้าย และกรอกหลกั ฐานท่ีจำเป็นในช่องท่ี
ถกู ตอ้ งในตอนบันทึกหลกั ฐาน (รปู ที่ 27)

2) เลอื กทิศทางยิงหลกั ในการยงิ เวลากลางวันและกลางคนื แลว้ หมายกึง่ กลางของพืน้ ที่เหลา่ น้ี
ลงบนแผน่ จดระยะด้วยตวั เลขตามข้อ (6) ขา้ งลา่ ง หามุมทิศทอ่ี ่านได้ของพน้ื ทเ่ี ป้าหมายไว้ และกรอกหลกั ฐานลงใน
ชอ่ งที่ถูกต้องในตอนบนั ทึกหลักฐาน

3) ถ้าไดร้ ับเขตการยิงกวาด ใหห้ ามุมสูงที่จะต้องต้ังซง่ึ จะทำการยิงกวาดกระทำได้มากทสี่ ดุ
ระหวา่ งปากลำกล้องปนื ถึงพื้นท่ีเปลย่ี นแปลงอันแรกในภมู ิประเทศ ในระหว่างจุดจำกัดเขตบนั ทึกมมุ สงู ที่อา่ นได้ และ
การยงิ กวาดในตอนบนั ทึกหลักฐาน

4) ภายหลงั ทไ่ี ด้วางปนื ไปยังเปา้ หมายอ่ืนๆในเขตการยิงหลัก แล้วหามมุ ทิศ และมมุ สูงทีอ่ า่ นได้
ของเป้าหมายเหลา่ นัน้ แล้วบันทกึ ลงในตอนบนั ทึกหลักฐาน

5) พืน้ ที่ยิงกวาดคงปฏิบัติเชน่ เดียวกบั ข้อ (4) ขา้ งบน แล้วเขียนพื้นทีย่ ิงกวาดลงในตอนบันทึก
หลักฐาน

6) พ้ืนที่เป้าหมายในเขตการยิงกวาด ต้องทำเคร่ืองหมายลงบนแผ่นจดระยะ โดยเขียนตัวเลข
ลงในวงกลม เมื่อได้รับมอบแนวป้องกันขั้นสุดท้ายจะเป็นเป้าหมายเลข 1 ทิศทางยิงหลักในเวลากลางวันเป็นเป้า
หมายเลข 2 ทิศทางยิงหลักในเวลากลางคืนเป็นเป้าหมายเลข 3 ในเม่ือไม่ได้รับมอบแนวป้องกันข้ันสุดท้ายทิศทางยิง
หลักเวลากลางวันจะเปน็ เป้าหมายเลข 1 และทิศทางยงิ หลกั ในเวลากลางคืนเป็นเปา้ หมายเลข 2 เป้าหมายที่เหลืออยู่
จะไดร้ ับหมายเลขต่อๆมาตามลำดับความเรง่ ด่วนของเป้าหมาย ทศิ ทางยิงหลักในเวลากลางวันและกลางคืนจะเขียนลง
ในตอนบนั ทกึ หลกั ฐานตามลำดบั

- 188 -

7) ในเม่ือต้องใช้วิธีการแสวงเครื่องเพ่ือใช้ยิงต่อเป้าหมาย ต้องเขียนรูปจำลองแสวงเครื่อง ลง
บนแผ่นจดระยะท่ีด้านบนของเป้าหมาย แล้วใช้คำว่า “หลักเล็ง” แล้วต่อด้วยตัวเลขบันทึกไว้เป็นหลักฐาน (รูปที่ 9-
12)

8) เป้าหมายที่เลือกไว้ล่วงหน้าในเขตการยิงรอง ให้เขียนอยู่ในแผ่นจดระยะท่ีด้านบนเป้าหมาย
เหลา่ น้ี ไมต่ ้องบนั ทึกลงไวใ้ นตอนบนั ทกึ หลักฐาน

- 189 -

- 190 -

ตอนบนั ทึกหลักฐาน

ลำดับ ทิศทาง มมุ ยงิ ระยะ ลักษณะทหี่ มาย หมายเหตุ
-
1- +50/15 300 - แนวปอ้ งกนั ขั้นสุดทา้ ย -

2 ขวา - - - ทิศทางยิงหลกั ในเวลากลางวนั -

200 -
ขวา 25
3 ซา้ ย - - - ทศิ ทางยงิ หลักในเวลากลางคืน
+5
100
ขวา 3+2
4- -50/10 - - เขตยิงกวาด ขวา 100

5 ซ้าย +50/41 300 - รว้ั ต้นไม้เตีย้ ขวา 50

305

6 ซ้าย +100/10 600 - ชมุ ทางถนน

270

7 ขวา 65 +100/15 500 - บา้ น

8 ซ้าย +50/8 200 - พ้ืนทย่ี ิงกวาด

400

9 ขวา +50/43 200 - พ้นื ทย่ี ิงกวาด

125

รปู ท่ี 9-12 แผน่ จดระยะพร้อมแนวปอ้ งกันขั้นสุดท้าย

- 191 -

ตอนบันทึกหลักฐาน

ลำดบั ทศิ ทาง มุมยงิ ระยะ ลักษณะทีห่ มาย หมายเหตุ
-
1 ขวา - - - ทศิ ทางยิงหลักในเวลากลางวัน
-
200
-
2 ซ้าย - - - ทศิ ทางยิงหลกั ในเวลากลางคืน ขวา 30
หลกั เล็ง
150 หลักเลง็
ขวา 50
3- -100/25 - - เขตยงิ กวาด

4- +50/47 300 - ร้วั ตน้ ไมเ้ ต้ยี

5- - 600 - ชมุ ทางถนน

6- - 500 - บ้าน

7 ขวา 75 0/26 300 - พน้ื ที่ยิงกวาด

รปู ที่ 9-13 แผ่นจดระยะไมม่ ีแนวป้องกันขัน้ สุดทา้ ย

- 192 -

คำถามทา้ ยบท

1. พ้ืนฐานเบือ้ งต้นและหลักการยิง ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง
2. ลักษณะของการยงิ มีก่ีประเภท อะไรบา้ ง
3. ประเภทของการยงิ มีก่ีอย่างอะไรบ้าง
4. การยงิ เกี่ยวกับพื้นท่ี มีกปี่ ระเภทอะไรบ้าง
5. การยิงเก่ียวกับเปา้ หมาย มีกี่ประเภทอะไรบา้ ง
6. การยงิ เกีย่ วกับปนื มีก่ปี ระเภทอะไรบ้าง
7. การปฏิบัตกิ ารยงิ ต่อเปา้ หมาย มกี ี่ประเภทอะไรบา้ ง
8. ปัจจยั ท่ีมผี ลกระทบกระเทือน การหาระยะยงิ มีอะไรบ้าง
9. การยิงปนื กลวสิ ยั ทศั นจ์ ำกัด แบง่ ได้กปี่ ระเภทอะไรบ้าง
10. วตั ถปุ ระสงค์ของการทำแผ่นจดระยะคือ

*******************************


Click to View FlipBook Version