-- 94 --
References
-- 95 --
Conclusion and discussion
The session leader will summarize and discuss the following topics
1. Dry granulation tabletting process
2. The essential property of API for manufacturing via Dry granulation tabletting
3. Components and function of excipients in the Aspirin tablet
4. The effect of adding disintegrants extragranular, intragranular and combination of both
method
5. Components and working principle of a single-punch tablet press.
6. Instruments for tablets quality control
7. Factors that affect weight variation of tablets
8. Factors that affect tablets disintegration
9. Relationship of tablets disintegration time friability and hardness
Exercises
1. What are the steps in the dry granulation tabletting?
2. Which proportion of the disintegrant offers the quickest disintegration time?
3. What are factors that influence the tablet disintegration?
4. What are the properties of the materials used for the dry granulation tabletting?
5. In this formula, is there any incompatibility issue and Why?
6. What are the criteria for selecting the sieve size for the size reduction of the slugs?
7. What are the functions of each excipient in the aspirin tablet?
8. Describe how to assemble the single punch tablet press
9. If your aspirin tablets weight exceeds the acceptable range of weight variation. What would you
do to solve this problem?
-- 96 --
Rubric score for Lab report scoring
Group……..Section……….
CATEGORY 321 0
Flow chart Needed flow charts
Clear, accurate flow Flow charts are Flow charts are are missing OR are
Batch record missing important
Calculations chart are included included and are included and are labels.
Exercise
Summary and make the labeled neatly and labeled.
Many data are
experiment easier accurately. described
inaccurately OR are
to understand. missing.
Diagrams are
No calculations are
labeled neatly and shown OR results
are inaccurate or
accurately. mislabeled.
Did not answer any
All data used in the Almost all data Most of the data exercise
lab are clearly and used in the lab are used in the lab are
No summary is
accurately clearly and accurately written.
described. accurately described.
described.
All calculations are Some calculations Some calculations
shown and the are shown and the are shown and the
results are correct results are correct results labeled
and labeled and labeled appropriately.
appropriately. appropriately.
Answer all exercises Answer all exercises Answer some
correctly with few mistakes exercises with few
mistakes
Summary describes Summary describes Summary describes
the skills learned, the information the information
the information learned and a learned.
learned and some possible application
future applications to a higher year
to a higher year pharmacy study.
pharmacy study.
Total score (12) /12
-- 97 --
ปฏบิ ัติการท่ี 9
เรอื่ ง การผลติ ยาเมด็ วติ ามนิ ซี
วตั ถปุ ระสงค
1. เพือ่ ศกึ ษาการเตรยี มยาเมด็ ที่ประกอบดว ยตัวยาสาํ คญั สลายตวั งาย
2. เพือ่ ศึกษาข้ันตอนและกระบวนการเตรียมยาเมด็ โดยวธิ ีการทาํ แกรนลู เปยกทีไ่ มใ ชนํ้าเปนตวั ทําละลาย
3. เพอ่ื ศกึ ษาสวนประกอบของตํารบั ยาเมด็ ท่เี ตรียมยาเมด็ โดยวิธีการทาํ แกรนูลเปยก
4. เพื่อฝกทักษะการใชเ คร่ืองตอกเมด็ ยาแบบหมนุ รอบ
5. เพื่อฝกทกั ษะในการตรวจสอบและประเมินผลคุณภาพของเมด็ ยา
บทนํา
การเตรียมยาเม็ดโดยการทําแกรนูลเปยก เปนกระบวนการทีส่ ําคัญอกี กระบวนการหนึ่งท่ีสามารถใชใ นการผลิต
ยาเม็ด ซ่ึงกระทําโดยการเติมของเหลวลงไปในผงยาในภาชนะที่สามารถทําใหเกิดการเขยาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
เพื่อใหเกิดการเกาะรวมกันเปนกอน (agglomeration) หรือเกิดแกรนูล การทําแกรนูลเปยกเปนวิธีการผลิตยาเม็ดท่ี
เกา แกแ ละมาตรฐานทส่ี ดุ ถงึ แมว า จะมีการใชแรงงานและคา ใชจ า ยสูงสดุ เมื่อเปรียบเทียบกบั วิธีการผลติ ยาเมด็ อ่ืน ๆ ก็
ตาม แตกย็ ังเปน วิธีการที่ใชกันอยางกวา งขวางเน่ืองจากความยืดหยุนและหลากหลายของวิธีการ อาทิ การทําใหผงยา
เปยกสามารถเลือกใชของเหลวไดหลายชนิด ทําใหสามารถเลือกชนิดท่ีเหมาะสมเพื่อควบคุมลักษณะของแกรนูลท่ีได
ใหเปนไปตามที่ตองการได ซ่ึงจะมีขอไดเปรียบกวาการเตรียมแกรนูลโดยการอัดแหงท่ีมีขอจํากัดมากมายและไม
สามารถใชไ ดก ับยาเมด็ ทกุ ตาํ รบั เนื่องจากการเตรียมดวยวิธกี ารนี้จะขน้ึ อยูกับสมบตั ิการจบั ตัวกันของผงแหงที่เตมิ ลงไป
เปนสารชวยพา (carrier) ซึ่งทําใหเม็ดยามีขนาดใหญขึ้น ในวิธีการเตรียมแกรนูลเปยก สมบัติการจับตัวของสารยึด
เกาะของเหลวทม่ี ีมักจะเพยี งพอในการทําใหเ กิดการเกาะยึดกันโดยใชส ารเติมแตงนอ ยที่สุด ดว ยเหตุน้ีกระบวนการทํา
แกรนูลเปยกจึงเปนกระบวนการทมี่ ีความหลากหลาย ยดื หยนุ และไมมขี อ จาํ กัดในการประยกุ ตใ ชใ นการทาํ ยาเมด็
ขัน้ ตอนการเตรยี มยาเมด็ โดยการทําแกรนูล ประกอบดว ย (รูปที่ 8-1)
1. ลดขนาดของผงยาและสารชวยตาง ๆ ท่เี ปนสว นประกอบของตํารบั
2. ขั้นตอนการผสมของผงยาทผ่ี านการลดขนาดแลว
3. เตรยี มสารละลายยดึ เกาะ
4. ผสมสารละลายยึดเกาะเขา กับผงยาผสมเพือ่ ใหไ ดกอนเปย ก (wet mass)
5. นาํ กอ นเปยกมาผานแรง แบบหยาบ (coarse screening) โดยใชแรง ขนาด 6 –12 mesh
6. นาํ แกรนูลเปยกมาทําใหแหง
7. ลดขนาดแกรนลู ที่แหง แลว โดยการผานแรง
8. ผสมแกรนลู ทผี่ า นการแรง แลวเขากับสารหลอลืน่ และสารชว ยแตกตวั
9. ตอกอัดเปนเม็ดยา
-- 98 --
รูปที่ 9-1. แผนภูมแิ สดงการผลติ ยาโดยวธิ กี ารทําแกรนูลเปยก (Wet Granulation)
เครอ่ื งมือทีใ่ ช
1. เครื่องชัง่ ไฟฟา ชนดิ จานเดี่ยว
2. แรงเบอร 12, 40
3. เคร่ืองทําแกรนลู แบบแกวงกลบั ไปกลบั มา
4. โกรง และสาก
5. เครื่องตอกเม็ดยาแบบหมนุ รอบ
6. เคร่อื งชัง่ ชนิดวเิ คราะห
7. เคร่อื งวัดความหนาของเม็ดยา
8. เครื่องวัดความกรอนของเม็ดยา
9. เคร่อื งวดั ความแขง็ ของเม็ดยา
ตาํ รับ
ปริมาณตอหนึ่งเมด็ (มก.) 500 เมด็
Ascorbic acid 55 _________________
Sucrose (fine powder) 250 _________________
Lactose 30 _________________
PVP 5% in isopropyl alcohol q.s. _________________
Tartrazine 0.2 _________________
Saccharin sodium 0.2 _________________
Orange flavor 0.2% _________________
Magnesium stearate 1% _________________
Purified talcum 2% _________________
-- 99 --
วิธเี ตรยี ม
1. นาํ ascorbic acid, sucrose และ lactose มาผานแรงเบอร 40
2. เตรียม 5% PVP ใน isopropyl alcohol จาํ นวน 100 กรมั
3. ช่งั นํา้ หนักตวั ยาและสวนประกอบอ่นื ๆ สาํ หรบั การเตรียมเม็ดยา จาํ นวน 500 เมด็
4. ผสม tartrazine, saccharin sodium และ lactose โดยการเจือจางแบบเรขาคณิตในโกรง จากนน้ั จึงคอย ๆ
เติม ascorbic acid และ sucrose ตามลาํ ดบั
5. คอย ๆ เท 5% PVP solution ลงในโกรงเปนระยะ ๆ แลวนวดใหเขากันจนไดกอนเปยกท่ีเหมาะสม ซ่ึง
ทดสอบโดยการนําสวนผสมมาบีบดวยอุงมือ ถาสวนผสมสามารถเกาะกันได ขณะบีบและไมแตกออกจาก
กันเมอ่ื คลายมอื ก็แสดงวาถึงจุดสดุ ทายของการผสมแลว
6. นาํ สว นผสมทีไ่ ดไปลดขนาดโดยการใชมือกดผานแรงเบอร 12
7. ท้ิงแกรนูลใหแหงเองในอากาศ
8. นําแกรนลู ทแ่ี หง แลวมาลดขนาดโดยใชเ ครือ่ งทาํ แกรนลู แบบแกวงกลับไปกลบั มาและแรงเบอร 20
9. ช่ังนํา้ หนกั ของแกรนลู ท่ไี ดเพอื่ ใชในการคํานวณหาปริมาณของสารแตง กล่ินและสารหลอลื่นที่ใช
10. นําแกรนูลมาพน ดว ยสารแตง กลิ่นสมในปริมาณท่ีคํานวณไดและจะตองพนใหทั่วถึง
11. เตมิ สารหลอลน่ื ลงในแกรนูลแลวผสมกันในถงุ พลาสตกิ นาน 2 นาที
12. นาํ แกรนลู ทไ่ี ดมาตอกเปนเม็ดยาโดยมีคา สภาวะของเครื่องมือและคา กําหนดทดสอบ ดงั นี้
12.1. น้าํ หนักเม็ดยา : ตามสูตร
12.2. สาก-เบา ขนาด : 13/32” flat face bevel
12.3. ความแข็งของเม็ดยา : > 6 กก.
12.4. เปอรเซน็ ตความกรอน : <1
12.5. ความหนา : ± 5%
13. สุมตวั อยางเมด็ ยาทผ่ี ลติ ไดมาเพอ่ื ประเมนิ คุณภาพในหวั ขอตา ง ๆ ดังน้ี
13.1. ความแปรปรวนของนํ้าหนัก 20 เมด็
13.2. ความหนาของเม็ดยา 10 เมด็
13.3. ความแขง็ 10 เมด็
13.4. ความกรอ น ยาเม็ดนํ้าหนักรวมมากกวา 6.5 กรัม
14. นําเม็ดยาทเ่ี หลอื มาบรรจุลงภาชนะบรรจทุ ี่เหมาะสม แลวปดฉลากใหถ ูกตอ ง สงพรอมรายงาน
-- 100 --
รายงานปฏบิ ตั กิ ารเภสัชภัณฑ 3
เรอ่ื ง การผลิตยาเมด็ วิตามนิ ซี
โดย กลมุ ท่ี รายช่อื ผรู วมงาน ตําแหนง
ตอนที่ GM
PM
1. CM
2. W
3. W
4. W
5. W
6.
7.
-- 101 --
Flow diagram ของการผลิตยาเมด็ วติ ามนิ ซี
-- 102 --
บันทึกการผลิต
ชอื่ ผลติ ภัณฑ : ยาเมด็ วติ ามนิ ซี
ปริมาณการผลิต : 500 เม็ด
:
เลขทผี่ ลติ :
:
วนั เริ่มผลติ
วนั ผลิตเสรจ็
รายละเอียดของตํารบั
จํานวน จํานวน การชง่ั
อันดบั ชื่อสวนประกอบ บรษิ ัท เลขที่ ที่ ท่ี
ท่ี
ผผู ลิต ผลิต ตองการ ช่งั จริง ผูช ัง่ ผเู ช็ค ว.ด.ป.
(กรมั ) (กรมั )
1 Ascorbic acid
2 Sucrose
3 Lactose
4 5% PVP in isopropyl
5 alcohol
6 Tartrazine
7 Saccharin sodium
8 Orange flavor
9 Magnesium stearate
Purified Talcum
เคร่อื งมือทใ่ี ชในการผลิตและควบคุมคณุ ภาพ หมายเลขประจาํ เคร่ือง
1. เคร่ืองทําแกรนลู แบบแกวง กลับไป-กลบั มา
2. เครอ่ื งตอกเม็ดยาแบบหมุนรอบ
3. เครอื่ งชัง่ ชนิดวเิ คราะห
4. เครื่องวดั ความแข็ง
5. เครอ่ื งวัดความกรอ น
6. Micrometer
-- 103 --
วิธีการผลติ
ช่ือผลติ ภัณฑ : ยาเม็ดวิตามนิ ซี
เลขทผ่ี ลติ :
:
วันเรม่ิ ผลติ
คาํ อธบิ าย ผดู าํ เนินการ ผูตรวจสอบ ว.ด.ป.
ก. การตรวจสอบเคร่อื งมอื
1. เครือ่ งทาํ แกรนูล
2. เคร่ืองตอกเม็ดยา
ข. ข้ันตอนในการผลติ
1. แรง ascorbic acid ผา นแรงเบอร 40
2. แรง sucrose ผานแรง เบอร 40
3. แรง lactose ผานแรงเบอร 40
4. เตรยี ม 5% PVP ใน isopropyl alcohol จาํ นวน 100 กรมั
5. ชั่ง ascorbic acid หนกั _________________________กรัม
6. ชงั่ sucrose หนกั _____________________________กรมั
7. ช่งั lactose หนัก_____________________________กรัม
8. ชง่ั Tartrazine หนกั ___________________________กรัม
9. ช่งั saccharine sodium หนัก____________________กรัม
10. ผสม Tartrazine, saccharin sodium และ lactose โดยวิธี
geometric dilution จากนัน้ จงึ เตมิ ascorbic acid และ
sucrose ตามลาํ ดับ
11. คอ ย ๆ เตมิ 5% PVP ชา ๆ เปน ระยะ ๆ พรอมกับนวดใหเขา กัน
เมือ่ ถึงจุดสุดทายจดปริมาณของ 5% PVP ที่ใชไป
น้ําหนัก 5% PVP + บีกเกอรกอนเติม_____________กรมั
นํ้าหนัก 5% PVP + บกี เกอรหลงั เตมิ _____________กรมั
น้าํ หนกั ของ 5% PVP ท่ใี ชไ ป___________________กรมั
12. นํา wet mass ท่ีไดไปกดผานแรง เบอร 12
13. นาํ ถาดแกรนลู ไปวางใหแหง เองในหองปฏิบัติการ
14. นาํ แกรนูลทแี่ หง แลวมาผา นเคร่อื งทําแกรนูลโดยใชแ รงเบอร 20
15. ชั่งน้ําหนกั ของแกรนูลทไี่ ดห นัก_____________________กรัม
16. จากนา้ํ หนักของแกรนูลทีไ่ ดนาํ มาคาํ นวณหานาํ้ หนักของ flavor
และสารหลอ ลื่นท่ีจะใชแลวชัง่ ดังนี้
-- 104 --
คาํ อธบิ าย ผูด ําเนินการ ผตู รวจสอบ ว.ด.ป.
ชัง่ orange flavor หนัก_______________________กรมั
ช่ัง Magnesium stearate หนัก_________________กรัม
ช่ัง purified talcum หนกั _____________________กรมั
17. พน แกรนลู ดวย Orange flavor
18. ผสมแกรนลู กับสารหลอล่นื ทง้ั สองในถงุ พลาสติกนาน 2 นาที
19. นําแกรนลู ทไ่ี ดไปตอกเปน เมด็ ยาโดยมขี อกาํ หนด ดงั นี้
19.1 นํ้าหนักเม็ดยา : ตามสตู ร
19.2 ขนาดของเบา : 13/32”
19.3 ลักษณะของสากบน : concave
19.4 ลักษณะของสากลา ง : concave
19.5 ความแข็ง : > 6 กก.
19.6 เปอรเ ซน็ ตความกรอน : < 1
19.7 ความหนาของเม็ดยา : ± 5%
20. การควบคมุ คุณภาพเมด็ ยา
20.1 ความแปรปรวนของน้ําหนัก
20.2 ความหนาของเม็ดยา
20.3 ความแข็งของเม็ดยา
20.4 ความกรอนของเม็ดยา
21. การหาเปอรเซน็ ตความสูญเสีย
จาํ นวนเม็ดยาท่ตี องการ 500 เม็ด
จาํ นวนเมด็ ยาท่ตี อกได _______ เมด็
สญู เสีย _______ %
-- 105 --
บนั ทึกขอ มูลการควบคุมคุณภาพ
ช่ือผลติ ภัณฑ : ยาเม็ดวิตามินซี
เลขทผี่ ลติ :
:
วันทคี่ วบคุมคณุ ภาพ
1. การหาความแปรปรวนของน้ําหนกั เม็ดยา
เม็ดท่ี นํา้ หนัก (มก.) เม็ดท่ี นํา้ หนัก (มก.)
1 11
2 12
3 13
4 14
5 15
6 16
7 17
8 18
9 19
10 20
นา้ํ หนกั เฉลี่ยของเม็ดยา ______________ มก.
ชว งกาํ หนดของน้ําหนกั เม็ดยาตามมาตรฐาน ______________ มก. (ตาํ่ ท่ีสุด - สูงทสี่ ุด)
ผลการประเมนิ ผา น
ไมผา น
2. การหาสมั ประสิทธิ์ของความแปรปรวนของนาํ้ หนักเม็ดยา
สวนเบีย่ งเบนมาตรฐาน x 100 =
นา้ํ หนักเฉลีย่ ของเม็ดยา
-- 106 --
3. ความหนาของเมด็ ยา
เม็ดท่ี ความหนา (มม.)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ความหนาเฉล่ียของความหนา _____________ มม.
สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความหนา _____________
4. ความแข็งของเมด็ ยา
เม็ดท่ี ความแข็ง (กก.)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ความแข็งเฉล่ียของเมด็ ยา _____________ กก.
สว นเบยี่ งเบนมาตรฐานของความแข็ง_____________
5. การหาเปอรเซ็นตความกรอ น -- 107 --
น้ําหนักเมด็ ยา ____ เมด็ กอ นทดสอบ
นํา้ หนักเม็ดยา ____ เมด็ หลังทดสอบ ___________ กรมั
นา้ํ หนักเมด็ ยาท่ีหายไป ___________ กรมั
___________ กรมั
ความกรอนของเม็ดยา ___________ %
ผลการประเมนิ ผาน
ไมผา น
การคํานวณ
วจิ ารณผ ลการทดลอง
สรปุ ผลการทดลอง
เอกสารอา งอิง
-- 108 --
การสรปุ ผลการทดลองและถกแถลง
อาจารยผ ูรับผิดชอบจะสรปุ ผลการทดลองและถกแถลงกับนักศกึ ษาในหวั ขอตา ง ๆ ดังนี้
1. ขนั้ ตอนของกระบวนการผลิตยาเม็ดโดยการทาํ แกรนลู เปยก
2. คุณสมบัติของตัวยาทีส่ ามารถนํามาผลติ ยาเมด็ โดยการทําแกรนลู เปย กได
3. สว นประกอบของตํารบั ยาเม็ดทีผ่ ลติ โดยการทําแกรนูลเปย กและหนาทขี่ องสารแตละตวั ในตาํ รับ
4. เทคนิคการเตรยี มตํารับยาเม็ดท่ีมีตวั ยาทสี่ ลายตวั งาย
5. การใชเทคนิคการผสมตัวโดยการเจือจางแบบเรขาคณติ
6. การหาจุดสุดทายของการผสมระหวา งของแข็งกับของเหลว
7. สว นประกอบและหลกั การทาํ งานของเครื่องตอกเม็ดยาแบบหมุนรอบ
8. การใชเครอื่ งมือตาง ๆ ในการควบคุมคุณภาพยาเมด็ และการประเมินผล
9. การคํานวณหานาํ้ หนักของเม็ดยาเพื่อนาํ ไปตอก
10. เทคนคิ การเติมสารปรุงแตงกลิ่นในการผลิตยาเม็ด
การประเมินผล
นกั ศกึ ษาจะตองสามารถอธบิ ายและดําเนินการในหัวขอตาง ๆ ดงั ตอ ไปนี้ได
1. ข้นั ตอนการผลิตยาเม็ดโดยการทาํ แกรนลู เปยกแบบไมใชน้ํา
2. สวนประกอบของตาํ รับและหนา ทีข่ องสารตาง ๆ ในตาํ รับ
3. การทํางานของเครื่องตอกเม็ดยาแบบหมนุ รอบ
4. การใชเครือ่ งมือตาง ๆ ในการควบคุมคุณภาพและประเมินผลของยาเม็ด
5. เทคนคิ การเตรยี มตํารบั ยาเม็ดท่มี ตี วั ยาที่สลายตวั งา ย
6. เทคนคิ การเติมสารปรงุ แตง กล่ินในการผลิตยาเมด็
7. การคาํ นวณหานํ้าหนักของเม็ดยาเพื่อนาํ ไปตอก
8. การคนควาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอบงใชในการรักษา ขนาดการใหยา การเก็บรักษา การเลือกใชภาชนะ
บรรจแุ ละขอ ควรระวงั ในการใชของยาเมด็ วติ ามนิ ซี
-- 109 --
คาํ ถามทา ยบท
1. จงอธิบายขนั้ ตอนการเตรียมยาเม็ดโดยการทาํ แกรนลู เปยก
2. เทคนิคในการเตรยี มตํารบั ยาเมด็ ท่ีตัวยาสําคัญสลายตัวไดงายมีอะไรบา ง
3. การทําแกรนลู เปยกโดยไมใชนาํ้ มีขอ ดอี ยา งไร
4. นา้ํ ตาลทําหนา ที่อะไรในตาํ รบั
5. ตํารบั นม้ี สี ารชว ยในการแตกตัวหรือไม เพราะอะไร
6. ขนาดอนภุ าคของวิตามินทนี่ าํ มาใชม ผี ลตอการตั้งตาํ รบั หรือไม เพราะอะไร
7. ทานคดิ วา ตาํ รบั ยาเมด็ วิตามนิ ซที ่เี ตรียมน้ี มีเหมาะสมในทุกดานดีแลว หรือไม อยางไร
8. การเตมิ สารปรงุ แตงกล่ินในการผลติ ยาเม็ดจะตองเติมในข้ันตอนใดของกระบวนการผลติ เพราะเหตุใด
9. ในขณะตอกเมด็ ยาตํารับน้ี ปรากฎวา เกิด picking กับเม็ดยา ทา นคดิ วา ปญ หานเ้ี กิดจากอะไร และจะแกไ ขปญหาน้ี
ไดอ ยา งไร
10. ทานคิดวาบรรจุภณั ฑมีผลตอยาเม็ดวิตามินซีอยา งไร และควรบรรจุในภาชนะบรรจแุ บบใด
-- 110 --
ปฏิบตั ิการที่ 10
เรื่อง การผลติ ยาเม็ดวติ ามนิ บี
วัตถปุ ระสงค
1. เพอ่ื ศึกษาการเตรียมตํารบั ยาเม็ดที่มปี รมิ าณตัวยาสาํ คัญอยูนอย
2. เพอ่ื ศกึ ษาการผลิตยาเมด็ โดยวิธกี ารทาํ แกรนลู เปยก
3. เพ่ือเตรียมเม็ดยาท่ีมีคุณสมบัติเหมาะสมสาํ หรับนําไปเคลือบน้าํ ตาล
4. เพ่อื ศกึ ษาการใชเคร่อื งมือชนิดตา ง ๆ ในการผลิตยาเมด็ ระดบั อุตสาหกรรม
5. เพือ่ ฝกทักษะในการตรวจสอบและประเมนิ ผลคุณภาพของเม็ดยาที่ได
บทนาํ
ในการผลิตยาเม็ดโดยท่ัวไป ปจจัยท่ีควรคํานึงถึงในการพัฒนาสูตรตํารับ การเลือกวิธีการผลิตและเทคนิคการ
ผลิต นอกเหนือจากสมบัติพ้ืนฐานของผงยาที่ไดทําการศึกษาไปแลว ปริมาณตัวยาสําคัญในตํารับ สมบัติทางเคมี
กายภาพของตัวยา และลักษณะของผลิตภัณฑท่ีตองการก็เปนสิ่งสําคัญที่ตองคํานึงถึงดวย กลาวคือ หากตัวยาสําคัญ
ในตํารับมีปริมาณนอย ควรใหความสําคัญกับข้ันตอนของการผสม โดยเลือกวิธีการที่ทําใหตัวยามีการกระจายตัวใน
ตํารบั อยา งสม่ําเสมอ ซง่ึ โดยท่วั ไปนยิ มใชเทคนิคการผสมเจอื จางแบบเรขาคณิต (geometric dilution) ทําการผสมใน
ภาชนะขนาดเล็กกอน แลวจงึ ถา ยโอนสเู คร่ืองผสมขนาดใหญข ้ึนเพื่อผสมสารชว ยปริมาณมากอน่ื ๆ ตอ ไป หรือหากตัว
ยาสําคัญท่ีไมใชยาอันตรายแตมีความไมคงตัว เส่ือมสลายไดงาย ก็อาจใชการเพ่ิมปริมาณตัวยาสําคัญอีกรอยละ 10
เชนที่นิยมใชกับตัวยาวิตามินชนิดท่ีละลายนํ้าได ในสวนของลักษณะผลิตภัณฑที่ตองการ หากมีการนําไปผาน
กระบวนการอ่ืนตอก็ตองเตรียมเม็ดยาใหมีลักษณะท่ีเหมาะสมตอกระบวนการนั้น ๆ เชน การนําไปเคลือบ จะตอง
เตรียมเมด็ ยาใหมคี วามแขง็ ลักษณะผวิ และขอบของเมด็ ยา ที่เอือ้ ตอกระบวนการการเคลือบของเมด็ ยาดว ย
เคร่อื งมือทใ่ี ช
1. เครอื่ งผสมชนดิ High shear
2. เคร่ืองทําแกรนูลแบบแกวง กลับไปกลับมา
3. ตูอบแกรนลู
4. เครือ่ งผสมแหงรูปตวั วี
5. เครื่องตอกเมด็ ยาแบบหมุนรอบ
6. เครื่องชง่ั ไฟฟาชนิดจานเด่ยี ว
7. เคร่อื งชั่งชนดิ วิเคราะห
8. Micrometer
9. เคร่อื งวดั ความกรอนของเมด็ ยา
10. เครอื่ งวดั ความแข็งของเม็ดยา
11. เคร่อื งวัดระยะเวลาในการแตกตวั ของเม็ดยา
-- 111 --
ตาํ รับ
ปริมาณตอ หนึ่งเม็ด (มก.) 15,000 เมด็
1.Riboflavin 10.00 _________________
2.Lactose 147.20 _________________
3.Corn starch 50.00 _________________
4.Corn starch : Gelatin (5 : 2) 2.30 _________________
5.Purified talcum 3% 6.29 _________________
6.Magnesium stearate 0.5% 1.05 _________________
รวม 216.84
วิธีเตรยี ม
1. นําตัวยาและสว นประกอบในตํารับในขอ 1-3 มาแรง ผานแรงเบอร 40
2. ช่งั ตัวยาและสว นประกอบในตาํ รับในขอ 1-3 สําหรับเตรียมเม็ดยา 15,000 เมด็
3. ผสมตัวยาที่มปี รมิ าณนอยในโกรง กอน โดยการเจือจางแบบเรขาคณิต
4. ช่ัง corn starch หนัก 24.5 กรัม เติมนํ้าลงไปใหมีปริมาตรเปน 500 มล. แลวนําไปตมพรอมกับคน
ตลอดเวลาจนสารละลายเริม่ หนืดแตยงั มีสีขาวขนุ ใหย กลงจากเตา
5. ช่ังเจลาตินหนัก 10 กรัม แลวเติมนํ้าลงไปใหมีปริมาตรเปน 250 มล. แลวนําไปตมพรอมกับคนตลอดเวลา
จนไดส ารละลายเจลาตินใสแลว ยกลงจากเตา
6. นํา corn starch paste และสารละลายเจลาตินมาเทรวมกนั แลวปรับปรมิ าตรดว ยนาํ้ รอ นใหเ ปน 750 มล.
7. นําผงยาท่ีผสมเขากันดีแลวจากขอ 3 มาใสในเคร่ืองผสมชนิด High shear แลวเติม lactose ลงไป เปดให
เคร่ืองทํางานนาน 5 นาที โดยเปดใหใบมีดใหญ (blade/agitator) หมุนกอน แลวจึงเปดสวิตชใหใบมดี เล็ก
(chopper) หมนุ ตาม
8. เติมสารละลายยึดเกาะจากขอ 6 ลงไปทัง้ หมดทางชองเติมขณะทีเ่ ครื่องทํางานอยู และผสมตอ ไปอีก 5 นาที
9. นําแกรนูลออกจากเคร่อื งผสม แลวไปอบใหแหงในตูอบที่อณุ หภูมิ 50°C นาน 18 ช่วั โมง
10. นําแกรนลู ทแ่ี หงแลวมาลดขนาดโดยใชเ คร่ืองทาํ แกรนลู แบบแกวง กลบั ไปกลับมาโดยใชแ รงเบอร 20
11. ช่ังน้ําหนักแกรนูลทไี่ ดท ง้ั หมดเพ่ือคํานวณหานํ้าหนักของ purified talcum และ magnesium stearate ท่ี
จะใช
12. ชั่ง purified talcum และ magnesium stearate ตามน้ําหนักที่คํานวณได แลวนําไปผสมกับแกรนูล
ท้ังหมดในเครื่องผสมแหงแบบรปู ตวั วี นาน 5 นาที
13. นําแกรนลู ทไ่ี ดม าตอกเปนเม็ดยาโดยมีขอ กาํ หนดดังน้ี
13.1. น้ําหนักเมด็ ยา : 216.84 มก.
13.2. สาก-เบา : 11/32” ชนิดโคง
13.3. ความแข็งของเม็ดยา : > 4 กก.
13.4. ความกรอนของเมด็ ยา : <1%
-- 112 --
14. สุม ตวั อยางเม็ดยาทีผ่ ลิตได เพอื่ นาํ มาประเมินคณุ ภาพในหัวขอ ตา ง ๆ ดังนี้
14.1. ความแปรปรวนของนาํ้ หนัก 20 เมด็
14.2. ความหนาของเม็ดยา 10 เม็ด
14.3. ความแข็ง 10 เม็ด
14.4. ความกรอน ยาเม็ดน้ําหนักรวมมากกวา 6.5 กรัม
14.5. ระยะเวลาในการแตกตัว 6 เม็ด
15. นําเม็ดยาท่ีเหลือใสใ นถุงพลาสตกิ ชนิดหนา 2 ชัน้ เกบ็ ไวสาํ หรับการนาํ ไปเคลือบน้ําตาลตอ ไป
-- 113 --
รายงานปฏบิ ตั กิ ารเภสัชภัณฑ 3
เรอ่ื ง การผลิตยาเมด็ วิตามนิ บี
โดย กลมุ ท่ี รายช่อื ผรู วมงาน ตําแหนง
ตอนที่ GM
PM
1. CM
2. W
3. W
4. W
5. W
6.
7.
-- 114 --
Flow diagram ของการผลิตยาเมด็ วติ ามนิ บี
-- 115 --
บันทกึ การผลติ
ช่ือผลิตภัณฑ : ยาเมด็ วิตามนิ บี
ปริมาณการผลติ : 15,000 เมด็
:
เลขท่ผี ลติ :
:
วนั เริ่มผลติ
วนั ผลิตเสรจ็
รายละเอียดของตํารับ
อันดับ ชื่อสวนประกอบ บริษทั เลขท่ี จาํ นวนท่ี จาํ นวนที่ ผชู ่งั การช่ัง ว.ด.ป.
ท่ี ผผู ลติ ผลติ ตองการ ช่ังจรงิ ผเู ช็ค
(กรมั ) (กรัม)
1 Riboflavin
2 Lactose
3 Corn starch
4 Corn starch (สาํ หรับสารยดึ เกาะ)
5 Gelatin
6 Purified talcum
7 Magnesium stearate
เครื่องมอื ทใ่ี ชในการผลติ และควบคุมคุณภาพ
หมายเลขประจําเครื่อง
-- 116 --
วิธีการผลิต
ชื่อผลิตภณั ฑ : ยาเม็ดวิตามนิ บี
เลขท่ีผลิต :
:
วนั เริ่มผลิต
คําอธิบาย ผดู ําเนินการ ผูตรวจสอบ ว.ด.ป.
ก. การตรวจสอบเคร่อื งมือ
1. เครอ่ื งผสมชนดิ High shear
2. เครอ่ื งทําแกรนูล
3. ตูอ บ
4. เครือ่ งผสมแหง รปู ตัววี
5. เครือ่ งตอกเม็ดยา
ข. ขน้ั ตอนในการผลติ
1. นําตัวยาในตาํ รับขอ 1-3 มาแรง ผา นแรงเบอร 40
2. ชั่งตัวยาในขอ 1-3 สําหรับเตรียม 15,000 เม็ด
3. ผสมตวั ยาในขอ 1-3 โดยวิธเี จอื จางแบบเรขาคณิตในโกรง
4. นําสว นผสมในขอ 3 มาผสมกบั lactose ในเคร่ืองผสมชนดิ
High shear นาน 5 นาที
เร่ิมเวลา : ______________
เสรจ็ เวลา : ______________
5. เตรยี มสารละลายยดึ เกาะ จาํ นวน 750 มล.
6. เตมิ สารละลายยดึ เกาะในขอ 5 ท้ังหมดลงในสวนผสมทอี่ ยูใน
เครอื่ งผสมชนิด High shear แลวผสมตอ ไปนาน 5 นาที
เร่มิ เวลา : ______________
เสร็จเวลา : ______________
7. นําแกรนลู ที่ไดไปอบใหแหง ท่ี 50°C นาน 18 ช่ัวโมง
เริม่ เวลา : ______________
เสรจ็ เวลา : ______________
8. นําแกรนูลที่แหงแลว มาลดขนาดโดยเคร่ืองทาํ แกรนูล ใชแ รง
เบอร 20
9. นาํ้ หนักแกรนูลท่ีไดท้ังหมด _________________ กรัม
10. ปริมาณ purified talc ทใี่ ช __________________ กรมั
11. ปริมาณ magnesium stearate ทีใ่ ช ___________ กรมั
-- 117 --
คําอธบิ าย ผูดําเนินการ ผูตรวจสอบ ว.ด.ป.
12. ผสมแกรนลู กบั purified talc และ magnesium stearate
ในเคร่ืองผสมแหง แบบรูปตวั วี นาน 5 นาที
เริ่มเวลา : ______________
เสร็จเวลา : ______________
13. นาํ แกรนลู มาตอกเปนเม็ดยาโดยมีขอกาํ หนดดังน้ี
13.1 น้ําหนักเมด็ ยา : 216.84 มก.
13.2 ขนาดของเบา : 13/32”
13.3 ลกั ษณะของสากบน : โคง
13.4 ลกั ษณะของสากลา ง : โคง
13.5 ความแข็ง : > 4 กก.
13.6 ระยะเวลาในการแตกตวั : < 15 นาที
13.7 เปอรเ ซ็นตค วามกรอน : < 1
13.8 ความหนาของเมด็ ยา : ______________
14. การควบคมุ คุณภาพเม็ดยา
14.1 ความแปรปรวนของน้าํ หนัก
14.2 ความหนาของเม็ดยา
14.3 ความแข็งของเม็ดยา
14.4 ความกรอ นของเม็ดยา
14.5 ระยะเวลาในการแตกตัว
15. การหาเปอรเซน็ ตความสญู เสยี
จํานวนเมด็ ยาทเ่ี ตรียม 15,000 เมด็
จาํ นวนเม็ดยาทตี่ อกได ______ เม็ด
สญู เสีย ______ %
-- 118 --
บันทึกขอมลู การควบคมุ คณุ ภาพ
ช่ือผลิตภณั ฑ : ยาเมด็ วติ ามนิ บี
เลขทีผ่ ลิต :
วนั ทค่ี วบคุมคุณภาพ :
1. การหาความแปรปรวนของนํ้าหนักเม็ดยา
เมด็ ที่ น้ําหนกั (มก.) เม็ดท่ี นํา้ หนัก (มก.)
1 11
2 12
3 13
4 14
5 15
6 16
7 17
8 18
9 19
10 20
นาํ้ หนักเฉล่ยี ของเม็ดยา _____________ มก.
ชว งกําหนดของนํ้าหนกั เม็ดยาตามมาตรฐาน _____________ มก. (ตา่ํ ทีส่ ดุ - สูงทีส่ ดุ )
ผลการประเมิน ผา น
ไมผาน
2. การหาสมั ประสทิ ธ์ิของความแปรปรวนของนํ้าหนกั เมด็ ยา
สว นเบี่ยงเบนมาตรฐาน x 100 =
นํ้าหนกั เฉล่ยี ของเมด็ ยา
-- 119 --
3. ความหนาของเมด็ ยา
เมด็ ที่ ความหนา (มม.)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ความหนาเฉลย่ี ของความหนา _____________ มม.
สว นเบ่ยี งเบนมาตรฐานของความหนา _____________
4. ความแขง็ ของเมด็ ยา
เม็ดที่ ความแข็ง (กก.)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ความแขง็ เฉล่ียของเม็ดยา _____________ กก.
สวนเบย่ี งเบนมาตรฐานของความแข็ง_____________
5. การหาเปอรเ ซ็นตความกรอน -- 120 --
นาํ้ หนกั เมด็ ยา ____ เม็ดกอ นทดสอบ
น้าํ หนกั เมด็ ยา ____ เมด็ หลงั ทดสอบ ___________ กรัม
นํา้ หนักเม็ดยาท่ีหายไป ___________ กรมั
___________ กรัม
ความกรอนของเม็ดยา ___________ %
ผลการประเมิน ผาน
ไมผา น
6. การหาระยะเวลาในการแตกตัวของเม็ดยา ___________ นาที
ระยะเวลาในการแตกตวั ของเม็ดยา ผาน
ไมผ าน
ผลการประเมนิ
การคํานวณ
วจิ ารณผลการทดลอง
-- 121 --
สรปุ ผลการทดลอง
เอกสารอา งองิ
-- 122 --
ปฏิบัตกิ ารที่ 11
เรือ่ ง การเคลอื บน้าํ ตาลยาเมด็ วติ ามนิ บีรวม
วัตถปุ ระสงค
1. เพอื่ ศกึ ษาขั้นตอน เทคนิค และวธิ ีการเคลอื บน้ําตาลยาเม็ดวิตามินบรี วม
2. เพ่ือศกึ ษาปญ หาที่เกดิ ข้นึ ระหวา งการเคลือบยาและแนวทางแกไข
3. เพอ่ื ศึกษาการควบคุมคณุ ภาพทั้งระหวางการผลติ และเมื่อเปน ผลิตภัณฑสดุ ทายของยาเม็ดเคลือบน้ําตาล
เครอ่ื งมือท่ีใช
1. เคร่ืองชัง่ ไฟฟา ชนิดจานเด่ียว
2. เตาไฟฟา
3. เครื่องปน ผสม
4. ตอู บ
5. หมอเคลือบ
6. หมอ ขดั
7. เครอื่ งชงั่ ชนดิ วิเคราะห
8. เครอื่ งวัดความหนาของเม็ดยา
9. เคร่อื งวัดความกรอนของเม็ดยา
10. เครื่องวัดระยะเวลาในการแตกตัวของเม็ดยา
น้าํ ยาและสารท่ีใชเ คลอื บ 75 parts
1. Protective coating solution 16 parts
4 parts
Shellac Solution 5 parts
Ethyl Alcohol 95 %
Shellac (Arsenic free) 5 parts
Glycerol Monostearate 44 parts
Castor Oil 29 parts
22 parts
2. Subcoat solution and dusting powder
Coating Solution
Acacia
Sucrose
Purified talc
Deionized Water
Dusting Powder -- 123 --
Acacia
2 parts
Purified talc 98 parts
3. Smooth coat solution 5 parts
Acacia 35 parts
Purified talc 40 parts
20 parts
Sugar 0.4 %
Deionized Water
Certified dye
4. Syrup Coat Solution 66 parts
Syrup 66 % 34 parts
Sugar 0.4 %
Deionized Water
Certified dye
5. Polishing solution 4.5 parts
Carnauba wax 0.5 parts
94.5 parts
White wax
Hexane
วิธเี ตรียม
1. นํายาเม็ดวิตามินบีรวมท่ีตอกไดจากปฏิบัติการที่ 12 ช่ังใหมีน้ําหนักท้ังหมด 3 กิโลกรัม แลวนํามาแรงผาน
แรงเบอร 8 เพ่ือกําจดั เอาฝนุ ท่ีติด และคดั เอาเมด็ ที่แตกหักออกไป หานํา้ หนักเฉลีย่ ของเมด็ ยาตอหนงึ่ เม็ด
2. นําเม็ดยามาทํา protective coat เพ่ือปองกันความช้ืนซึมเขาเม็ดยาไปทําปฏิกิริยากับตัวยาขณะเคลือบ
และเพอ่ื เพิม่ ความแข็งของผวิ เมด็ ยา ดังนี้
2.1 อบเม็ดยาท่ีอุณหภูมิ 30°C กอนแลวจึงนํามาใสหมอเคลือบเปดเครื่องใหหมอเคลือบหมุน จากนั้นจึง
เติม protective coat solution โดยใหเม็ดยาเปยกจนท่ัว ท้ิงไว 2-3 นาที ใหตัวทําละลายระเหยไป
พอเม็ดยาเริ่มติดกันก็เติม Dusting powder ลงไปคลุกใหท่ัว แลวเปาดวยลมรอน 25°C นาน 20-30
นาที
2.2 เตมิ protective coat solution อีกครง้ั หนึ่งแลว ดําเนินการเหมือนขอ 2.1
-- 124 --
2.3 เมื่อเม็ดยาแหงนําออกมาจากหมอเคลือบ แลวใสในตูอบที่อุณหภูมิ 25-30°C คางคืนเพ่ือกําจัดตัวทํา
ละลายออกใหหมด
2.4 นําเม็ดยามา 10 เมด็ ช่งั หาน้าํ หนกั เฉลี่ยตอหน่ึงเมด็ ในข้ันตอนการทํา protective coat น้ี นํา้ หนกั เมด็
ยาไมควรเพิ่มขน้ึ มากกวา 5 %
3. การทํา Sub coat เพ่ือเสริมสรางโครงรางของเม็ดยาใหอยูในลักษณะกลมโดยการใช Sub coat solution
และ dusting powder ซ่งึ มีขั้นตอนการทาํ ดงั นี้
3.1 นาํ เมด็ ยาจากตูอบมาใสหมอ เคลอื บแลว เปดเครอ่ื ง
3.2 ใส coating solution ลงบนเมด็ ยาทีก่ ําลังหมุนกลง้ิ อยใู นหมอเคลอื บ
3.3 ใชม อื คลกุ เคลา จนเมด็ ยาเปยกทว่ั กนั
3.4 ใส Dusting powder เม่ือเม็ดยาเร่มิ มีการยึดตดิ กนั แลวใชม ือคลกุ เคลาใหผ งกระจายทัว่ เมด็ ยา
3.5 เม่ือเม็ดยาหมุนกล้ิงไดเองโดยอิสระ จึงใชลมรอนเปาใหแหง ซึ่งเราจะสังเกตวาเม็ดยาแหงไดที่หรือไม
โดยการใชเ ลบ็ ขดู ผิวเมด็ ยาดู
3.6 ทําซํ้าต้ังแตขอ 3.2-3.5 ใหม จนไดขนาดและน้ําหนักของเม็ดยาท่ีตองการ ซ่ึงปรกติ ในการทํา Sub
coat น้ําหนักเม็ดยาไมควรเพ่ิมขึ้นเกิน 45 % ของนํ้าหนักกอนเคลือบ ขอสําคัญในการทําซ้ําจะตองใช
ปริมาณของ coating solution, dusting powder ระยะเวลาในการคลุกเคลา และระยะเวลาในการ
เปา ใหแหง จะตอ งเทา กนั ทุกครั้งเพ่ือใหไดยาเมด็ เคลอื บท่ีดี
4. Smooth Coat ขั้นน้ีกระทําเหมือนข้ัน Subcoat โดยใช Smooth Coat Solution แตมิไดใส Dusting
Powder ตามลงไปเทานั้น เม่ือลง Solution แลวใชมือคลุกเคลาใหทั่วกอนและปลอยใหเม็ดยากล้ิงหมุนได
เองแลวจึงใชลมรอนเปาจนแหงดีกระทําเชนนี้ไปสมํ่าเสมอจนไดเ ม็ดทีม่ ีลักษณะกลมผวิ เรียบดีมีน้ําหนักและ
ขนาดตามตอ งการแลว จึงหยุดในขั้นน้ีอาจผสมสลี งไปใน Solution ไดห ากตอ งการ น้ําหนกั เม็ดยาในขนั้ น้ีไม
ควรเพม่ิ ขนึ้ เกนิ 35 % ของน้าํ เมด็ ยากอนเคลอื บ
5. Syrup Coat กระทําเชนเดียวกับการเคลือบข้ัน Smooth Coat โดยใชนํ้าเช่ือมใสลงไปบนเม็ดยาประมาณ
เกือบๆ จะไมคอยพอ แลวรีบใชมือคลุกเคลา อยาพยายามใหเม็ดยาลื่น (Slide) ไปกับหมอเคลือบหาก
เกดิ ข้ึน รบี ใชมอื และลมรอนชว ย อยาปลอยใหยาหมุนอยนู านเกนิ ไปเม่ือแหงแลว หรืออยารบี ลงนาํ้ เชอื่ มเร็ว
จนเกนิ ไป เมอ่ื เม็ดยายังไมแหงดี ทําการเคลือบไปจนกระทั่งเม็ดยาไดขนาดและนาํ้ หนักแลว จึงหยุด น้าํ หนัก
เม็ดยาในขั้นนี้ไมค วรเพม่ิ ขึ้นเกิน 15 % ของน้าํ หนกั เมด็ ยากอนเคลอื บ
6. กระทาํ Finish Coat
เม่ือทาํ Syrup coat จนไดขนาดแลว สิง่ ที่ตองจดั เตรียมคือ.-
1. เตรียมลางหมอเคลอื บใหสะอาด (ลา งดว ยนา้ํ รอนจะสะดวกมาก)
2. เตรยี มผาไวป ดปากหมอ เคลอื บ
3. เตรียมน้ําเชื่อมไวโ ดยลดปริมาตรลง 1/3
4. จัดหมอเคลือบใหห มนุ ชา ๆ โดยใชค วามเร็วเพยี ง 1/3 เทา นน้ั (ลดลง 2/3)
5. หามใชล มรอนเปาเด็ดขาด
-- 125 --
เมอ่ื ทุกอยางเรยี บรอยแลว ใหป ฏบิ ตั ิดงั นี้.-
1. ตักยาใสห มอเคลือบ อยา งถนอมทส่ี ุดอยาพยายามใหผวิ ถลอกหรือซา้ํ ได
2. เปดหมอ เคลือบหมุน และรบี เทนาํ้ เชื่อมลง ใชม ือคลุกเคลาจนท่วั เบา ๆ
3. คอยสงั เกตดหู ากผวิ เม็ดยาเร่ิมเปน ฝา รบี หยุดหมอเคลือบและใชผาคลมุ ทันที
4. คอ ย ๆ เปดใหห มอ เคลอื บหมุนเปนจงั หวะตา งกนั ออกไปติดตอกนั ประมาณ 2 ชัว่ โมง คือ
1. ใหหมุน 1 รอบ ทุก 10 วนิ าที 6 คร้ัง
2. ใหหมนุ 1 รอบ ทุก 15 วนิ าที 8 คร้ัง
3. ใหห มุน 1 รอบ ทุก 30 วินาที 4 คร้ัง
4. ใหหมนุ 1 รอบ ทุก 1 นาที 2 ครั้ง
5. ใหหมนุ 1 รอบ ทุก 2 นาที 6 คร้ัง
6. ใหหมนุ 1 รอบ ทุก 3 นาที 8 ครั้ง
7. ใหหมุน 1 รอบ ทุก 5 นาที 4 ครั้ง
8. ใหห มุน 1 รอบ ทุก 10 นาที 4 คร้ัง
9. ใหห มุน 1 รอบ ทุก 15 นาที 2 คร้งั
5. เกบ็ ใสถาดและตากไวในตูอบ
7. การขดั เมด็ ยา (Polishing)
ในปจจุบันมักใชเตรียมเปน Polishing Solution เทใสลงในเม็ดยาท่ีตองการขัดซ่ึงอยูในหมอขัด แลวใชมือ
คลุกเคลาใหทั่วเชนกัน การนํายาใสในหมอขัด ตองระมัดระวังเปนพิเศษ และอยาเปดใหหมอขัดหมุน จนกวาจะได
จัดเตรียม Polishing Solution ไวพรอมแลว ระยะเวลาของ การขัดควรมีมากพอควร และจะตองระวังเม็ดยาใหมาก
ทสี่ ดุ ภายหลังการขัดแลว
-- 126 --
ขอพึงปฏบิ ัติในขณะเคลือบยาเมด็ ใหไ ดดี
1. บันทึกเวลาเร่ิมตน และเสรจ็
2. บนั ทกึ น้าํ หนักเม็ดกอนเคลอื บ แตล ะเม็ดและนาํ้ หนกั รวม
3. บันทึกจํานวนเม็ด
4. บันทึกความหนาของเมด็
5. บนั ทกึ เสนผา ศูนยกลางของเม็ด
6. ทราบความแขง็ ของเมด็
7. ดเู ศษผงและฝนุ
8. ดูสขี องเมด็
9. ดคู วามสะอาดและความเร็วของหมอเคลือบ
10. ดูอุณหภมู ขิ องเม็ดยา
11. ดูอุณหภมู ขิ องน้ํายาทจ่ี ะเทลง
12. บนั ทกึ จาํ นวนนาํ้ ยาทจ่ี ะเทลง และดูลักษณะ
13. บนั ทกึ จาํ นวนครั้งท่ีจะเทลง
14. บันทกึ เวลาคลกุ เคลา ดว ยมอื
15. บนั ทึกเวลาท่ปี ลอยใหเมด็ ยาหมนุ เอง
16. บันทึกอุณหภูมิลมเปา
17. บนั ทกึ เวลานานท่ีใชล มเปา
18. บันทกึ จํานวนผงทลี่ งแตล ะครั้ง
19. บนั ทกึ นํ้าหนักของเม็ดยาเมอ่ื จะเปลีย่ นข้นั ตอน
20. บันทกึ สภาพแวดลอมของหองทาํ งาน และตูอบ
21. บนั ทกึ วนั ที่ และเวลาท่ีทาํ แตละขบวนการ
22. บนั ทึกเวลาทําการเคลือบข้ันสุดทาย
23. บันทึกเวลาการขัดมนั
24. บนั ทึกนํ้าหนักขนั้ สดุ ทายของแตละเมด็ และนา้ํ หนกั รวม
25. บนั ทกึ สรุปความบกพรอง สิง่ ควรแกไขปรับปรงุ ในความนึกคิดของเรา
-- 127 --
การตรวจสอบและเกบ็ รักษายาเคลอื บเมด็
1. การตรวจสอบ
1. หาน้ําหนกั ถวั เฉลยี่ ชง่ั 20 เม็ด คร้งั ละเมด็ (X)
2. สงั เกตความกวา ง (Range) ของนํา้ หนกั เมด็ ยา 20 เม็ด (R)
3. ความหนาถวั เฉลี่ยของ 20 เม็ด
4. เสนผา ศูนยก ลางถัวเฉลี่ยของ 20 เม็ด
5. ความแขง็ ถัวเฉลย่ี ของ 20 เม็ด
6. การกระจายตวั ตามเภสชั ตํารบั
7. ดคู วามเขม ของสเี ทยี บกับของเดิม
8. ดคู วามบกพรองของเมด็ ยา เชน เปน ฝา , เปนจุด
2. การเกบ็ รกั ษา
1. ควรจับตอ งอยางทะนุถนอมโดยหลีกเลีย่ งการสัมผัสดวยมือ หรือภาชนะที่มคี วามชื้นหรือนํา้ เปย กอยู
2. อยาใหเมด็ ยาตกกระทบกันแรงเกนิ ควร หรือสูงมากเกินควร
3. หากเก็บยาไวจ ํานวนมาก ๆ ควรใสในถุงพลาสติก 2 ช้ัน ปดสนทิ กนถังควรรองดวยฟองนํา้ ในถุงควรมสี ารดูด
ความช้นื อยดู ว ย
4. เก็บยาไวในหอ งที่เย็นพอสมควร และมีความชนื้ ตา่ํ พยายามอยา ใหภาชนะท่ใี สสมั ผัสกบั พื้นโดยตรง
5. อยาลืมเขียนชื่อยา เลขที่ ผลิตวนั ท่ี จาํ นวน ไวบ นภาชนะที่เก็บใหชดั เจน
3. การบรรจุ
หากใชข วดแกว ควรเปนขวดแกวปากกวาง ปากเรียบสนิท ไมมีรอยราว ฝาควรมวี สั ดทุ ่ี เปน ประเกน็ ยืดหยุนกัน
ความชื้นจากภายนอกเขาได ควรใสตัวยากันช้ืนไวดวย ขวดแกวควรเปนขวดสีชา สะอาดและแหง ขวดพลาสติกไม
สมควรใชกับยาเคลอื บ สาํ ลีทีใ่ ชควรผา นการอบแหงเสียกอ นใช
การบรรจุในอะลูมิเนียมฟอยด ตองมีความหนาของแผนอะลูมิเนียมมากพอสมควร (20-30 ไมครอน) และหลัง
บรรจแุ ลว ควรตรวจหาความรัว่ ดว ย
การเกบ็ ยาเคลอื บทบี่ รรจุแลว ควรคาํ นึงถงึ แสง ความรอน ความชื้น ใหม ากเปน พิเศษ ยาเคลือบเม็ดจึงจะอยใู นสภาพที่
สวยงามตลอดไป
-- 128 --
รายงานปฏิบัตกิ ารเทคโนโลยเี ภสัชกรรม 3
เรื่อง การเคลอื บน้ําตาลยาเมด็ วติ ามนิ บีรวม
โดย กลมุ ที่ รายชือ่ ผูร วมงาน
ตอนท่ี
ตําแหนง
1. GM
2. PM
3. CM
4. W
5. W
6. W
7. W
-- 129 --
บันทกึ การผลิต
ชื่อผลิตภัณฑ : ยาเม็ดวติ ามินบีรวมเคลอื บน้ําตาล
เลขทผ่ี ลิต :
:
วันเรมิ่ ผลิต :
วันผลติ เสรจ็
ขอมูลพนื้ ฐานของเม็ดยากอนทาํ การเคลือบน้าํ ตาล
1. น้ําหนกั เมด็ ยาท่นี าํ มาเคลอื บ ..…………..……........ กก.
2. นํา้ หนกั เฉลี่ยตอ หนึ่งเมด็ ..…………..……........ มก.
3. ความหนาของเม็ดยา ...…………………………….. มม.
4. เสน ผา ศูนยก ลางเมด็ ยา .………………….………... มม.
5. ความแข็งของเม็ดยา ..……………………………… กก.
6. เปอรเ ซน็ ตความกรอน .…………………………......
7. ความเรว็ ของการหมนุ ของหมอเคลือบ .………….....รอบ/นาที
เครื่องมือท่ีใช
หมายเลขประจาํ เคร่อื ง
1. หมอ เคลือบ
2. ตูอบ
3. หมอ ขดั
-- 130 --
วธิ ีการผลิต
ชอื่ ผลิตภัณฑ : ยาเม็ดวติ ามินบรี วมเคลือบน้ําตาล
เลขทผี่ ลติ :
คาํ อธิบาย ผดู ําเนนิ การ ผตู รวจสอบ วนั ท่ี
ก. การตรวจสอบเครื่องมอื
1. หมอ เคลือบ
2. ตอู บ
3. หมอ ขัด
ข. ข้นั ตอนการผลติ
1. การทาํ protective coat
1.1 ปริมาตรของ protective coat solution
ที่ใชครง้ั ละ ................. มล.
1.2 ปรมิ าณของ dusting powder ทใ่ี ชค รงั้ ละ..............กรมั
1.3 น.น. เฉล่ียของเม็ดยา ............. มก.
2. การทํา sub coat
2.1 ปรมิ าตรของ subcoat solution ทีใ่ ชคร้งั ละ.............มล.
2.2 ระยะเวลาในการคลุกเคลา ............. นาที
2.3 นา้ํ หนกั ของ dusting powder ท่ีใชค รง้ั ละ ............... กรัม
2.4 ระยะเวลาในการคลกุ เคลา ............นาที
2.5 อุณหภูมิของลมเปา ............. ºC.
2.6 ระยะเวลาในการเปา ............. นาที
2.7 จาํ นวนครงั้ ในการทาํ sub coat .......... ครัง้
2.8 น.น. เฉลีย่ ของเม็ดยา ............. มก.
3. การทํา Smooth coat
3.1 ปรมิ าตรของ coat solution ทีใ่ ชค ร้ังละ ................. มล.
3.2 ระยะเวลาในการคลกุ เคลา ............นาที
3.3 อุณหภูมิของลมเปา ............. ºC.
3.4 ระยะเวลาในการเปา ............. นาที
3.5 จาํ นวนครงั้ ในการทาํ smooth coat .......... ครง้ั
3.6 น.น. เฉลี่ยของเม็ดยา ............. มก.
4. การทาํ Syrup coat
4.1 ปรมิ าตรของ syrup ท่ใี ชค รั้งละ ........... มล.
-- 131 --
คาํ อธบิ าย ผดู าํ เนนิ การ ผตู รวจสอบ วนั ที่
4.2 ระยะเวลาในการคลุกเคลา ............นาที
4.3 อุณหภูมขิ องลมเปา ...............ºC.
4.4 ระยะเวลาในการเปา ............. นาที
4.5 จํานวนครง้ั ในการทํา syrup coat ........... ครง้ั
5. การทํา finish coat
5.1 ปริมาตรของ syrup ท่ีใช ............ มล.
5.2 ระยะเวลาทใี่ ชท ั้งหมด ............ นาที
6. การขดั เมด็ ยา
6.1 ปริมาตรของ polishing solution ท่ีใช ................. มล.
6.2 ระยะเวลาในการขัด ............ นาที
-- 132 --
บนั ทกึ ขอ มูลการควบคมุ คุณภาพ
ช่ือผลิตภณั ฑ :
เลขท่ีผลติ :
1. การหาความแปรปรวนของน้ําหนักเมด็ ยา
เม็ดที่ น้ําหนัก (มก.) เมด็ ท่ี นา้ํ หนกั (มก.)
1 11
2 12
3 13
4 14
5 15
6 16
7 17
8 18
9 19
10 20
นํ้าหนกั เฉลยี่ ของเม็ดยา มก.
ชวงกําหนดของน้ําหนักเม็ดยาตามมาตรฐาน มก.
ผลการประเมิน ผา น
ไมผ าน
2. การหาสัมประสิทธ์ิของความแปรปรวนของน้าํ หนักเม็ดยา
คา เบ่ยี งเบนมาตรฐาน X 100
น.น. เฉลี่ยของเม็ดยา
-- 133 --
3. ความหนาของเม็ดยาและเสน ผานศนู ยกลาง
เมด็ ท่ี ความหนา (มม.) เสนผา นศนู ยก ลาง (มม.)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ความหนาเฉลย่ี ของเม็ดยา มม.
เสนผานศนู ยก ลางเฉลยี่ ของเม็ดยา มม.
4. ความแขง็ ของเมด็ ยา
เม็ดท่ี ความแข็ง (กก.)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ความแข็งเฉล่ียของเมด็ ยา กก.
-- 134 --
5. การหาระยะเวลาในการแตกตัวของเมด็ ยา
ระยะเวลาในการแตกตวั ของเม็ดยา นาที
ผลการประเมนิ ผาน
ไมผาน
การคํานวณ
วิจารณผ ลการทดลอง
สรปุ ผลการทดลอง
เอกสารอางองิ
-- 135 --
การสรปุ ผลการทดลองและถกแถลง
อาจารยผ รู บั ผิดชอบจะสรปุ ผลการทดลองและถกแถลงกับนกั ศึกษาในหวั ขอตาง ๆ ดังน้ี
1. ข้ันตอนการเคลือบนา้ํ ตาลยาเม็ดวติ ามินบีรวม
2. เทคนคิ การเคลือบน้ําตาลยาเมด็ ในแตละขั้นตอน
3. ปญ หาทีเ่ กิดขนึ้ ในการเคลือบน้าํ ตาลยาเม็ดในแตละข้นั ตอน และแนวทางการแกไข
4. สว นประกอบของนํ้ายาและสารผสมท่ีใชในการเคลือบนํ้าตาลยาเมด็
5. เครอื่ งมือตาง ๆ ทีใ่ ชใ นการเคลือบน้ําตาลยาเมด็ และการปรับแตง
6. การเก็บรักษายาเมด็ เคลือบนํ้าตาลขณะดําเนินการผลติ และเม่ือผลติ เสร็จแลว
7. การควบคุมคุณภาพยาเมด็ เคลอื บนํา้ ตาลและการประเมนิ ผล
การประเมินผล
นักศึกษาจะตอ งสามารถอธิบายและดาํ เนนิ การในหวั ขอตา ง ๆ ดงั ตอไปนีไ้ ด
1. ขั้นตอนการเคลือบนาํ้ ตาลยาเมด็ วติ ามินบีรวม
2. เทคนคิ การเคลือบนา้ํ ตาลยาเมด็ ในแตละขน้ั ตอน
3. ปญหาท่เี กดิ ขึ้นในการเคลือบนา้ํ ตาลยาเมด็ ในแตละขน้ั ตอน และแนวทางการแกไข
4. สว นประกอบของนํ้ายาและสารผสมท่ีใชในการเคลอื บนาํ้ ตาลยาเมด็
5. เคร่ืองมือตาง ๆ ทีใ่ ชใ นการเคลอื บนํ้าตาลยาเมด็ และการปรับแตง
6. การเกบ็ รักษายาเมด็ เคลือบนํ้าตาลขณะดําเนนิ การผลิต และเม่ือผลติ เสรจ็ แลว
7. การควบคมุ คณุ ภาพยาเมด็ เคลือบน้ําตาลและการประเมนิ ผล
8. การคน ควา ความรเู พิ่มเตมิ เก่ยี วกับการเคลือบนํ้าตาลยาเม็ดในดานตาง ๆ
คาํ ถามทา ยบท
1. เหตผุ ลทเ่ี รานาํ ยาเมด็ ไปเคลือบน้ําตาลมอี ะไรบาง
2. ขัน้ ตอนทสี่ ําคญั ในการทาํ การเคลือบนาํ้ ตาลเม็ดยามีอะไรบาง
3. ในข้ันตอนใดทม่ี ีการเติมสีลงไป
4. เราจะทราบวา ปริมาณ Dusting powder และ Coating solution ทเี่ ติมลงไปพอดีหรือไม ไดอยา งไร
5. ในขั้นตอนการทํา syrup coat เราจะรูไดอยางไรวาเม็ดยาทเ่ี คลือบนาํ้ ตาลอยแู หงหรือยัง
6. เทคนิคทจ่ี ะทําใหไ ดเมด็ เคลือบที่สวยงามมีอะไรบาง
7. เวลาในการแตกตวั ของยาเม็ดเคลอื บนํ้าตาลโดยท่ัวไปควรแตกตวั ภายในเวลาไมเกินก่ีนาที
8. ทําไมจึงนิยมใชน ้าํ ตาลมาเคลือบเม็ดยา
-- 136 --
ปฏบิ ัตกิ ารท่ี 12
เร่ือง การเคลอื บฟลม ยาเม็ดวติ ามนิ บีรวม
วตั ถปุ ระสงค
1. เพ่อื ศกึ ษา ขน้ั ตอน เทคนิค และวิธกี ารเคลือบฟลมยาเมด็ วิตามินบีรวม
2. เพ่อื ศึกษาตาํ รับนา้ํ ยาทใี่ ชใ นการเคลือบฟลม ยาเม็ด
3. เพ่ือศึกษาปญหาท่ีเกดิ ขึ้นระหวางการเคลอื บยาเม็ด และแนวทางแกไข
4. เพือ่ ศกึ ษาการควบคมุ คณุ ภาพทัง้ ระหวางการผลติ และเม่ือเปนผลิตภณั ฑสุดทายของยาเมด็ เคลอื บฟลม
เคร่ืองมอื ทใ่ี ช
1. เครื่องชั่งไฟฟาชนิดจานเดีย่ ว
2. เครอ่ื งปนผสม (homogenizer)
3. หมอเคลือบฟล ม
4. หัวพน นํา้ ยา
5. ปมสง นาํ้ ยา
6. เคร่อื งชั่งชนิดวิเคราะห
7. เคร่ืองวัดความหนาของเม็ดยา
8. เครื่องหาระยะเวลาในการแตกตัวของเม็ดยา
-- 137 --
สตู ร film coating
Spray system 30 g.
Eudragit L100 687 g.
Isopropanol
Dibutylphthalate 3 g.
Pigment suspension 300 g.
Acetone 480 g.
Total 1,500 g.
Pigment suspension 42 g.
Purified talc 6 g.
Magnesium stearate 18 g.
Titanium dioxide 18 g.
Color 6 g.
PEG 6000 (Polywax 6000) 198 g.
Isopropranol 12 g
Deionized water
300 g.
Total
วิธีเตรยี มนํา้ ยา
การเตรียม Pigment Suspension
1. ผสม polywax 6000 กบั นา้ํ
2. เติม talc, magnesium stearate, titanium dioxide, color ลงใน isopropranol คนใหเปนสารแขวน
ตะกอน
3. นาํ สารในขอ 1 และ 2 มาผสมกนั แลวผานเขาเคร่ือง homogenizer
การเตรยี มน้ํายาเคลอื บฟล ม
1. ละลาย Eudragit L100 ลงใน isopropanol 207 g.
2. เติม dibutylphthalate และ pigment suspension
3. เติม isopropanol และ acetone ท่ีเหลือลงไป
4. นําสารแขวนตะกอนทีไ่ ดไปผา นเคร่ือง homogenizer
-- 138 --
วิธีการเคลือบ
1. นําเม็ดยาที่มีปริมาณมากกวาครึ่งหน่ึงของความจุหมอเคลือบมากําจัดฝุน และคัดเอาเม็ดท่ีแตกหักออกไป
หาคา เฉล่ยี ของนํ้าหนกั เมด็ ยาตอหน่งึ เม็ดแลวใสล งในหมอเคลือบ
2. ตงั้ ความเรว็ ในการหมุนของหมอ เคลอื บใหเ หมาะสม ประมาณ 10 rpm
3. ตดิ ตั้งหัวฉดี พน นํา้ ยา และระบบนาํ สง น้ํายาใหเรียบรอ ย
4. ตงั้ คาความดันของอากาศทใ่ี ชฉ ดี พน ประมาณ 2 bar
5. หัวฉดี พน ตอ งปรับตาํ แหนงพน น้าํ ยา และระยะหางระหวา งหวั ฉีดพนกบั กองเมด็ ยาใหเ หมาะสม
6. ตรวจเช็คระบบลมเปา -ดดู ใหเ รยี บรอ ย ตงั้ ปุมควบคมุ อุณหภูมขิ องลมเขาใหไ ดป ระมาณ 50°ซ
7. ระบบนําสงน้ํายาใช peristaltic pump ต้ังความเร็วของการปอนน้ํายาที่เขาสูหัวฉีดพนประมาณ 3-4 rpm
และนา้ํ ยาเคลือบจะตองมีการคนอยตู ลอดเวลาดว ย magnetic stirrer
8. ทําการเคลือบฟลมโดยพนนํ้ายาในสภาพแวดลอมที่กําหนดนี้ และเก็บตัวอยางเม่ือใชน้ํายาเคลือบเพ่ิมข้ึน
ทกุ ๆ 200 มล. บันทึกนา้ํ หนกั เม็ดยาและปริมาณนาํ้ ยาท่ีใช
9. เมื่อไดสีตามตองการหรือน้ําหนักตามตองการแลวใหหยุดพนน้ํายา แลวเดินเคร่ืองตอไปจนคาของอุณหภูมิ
ของลมเขาเทา กับหรือใกลเคยี งกับลมออก จึงปดเครอื่ ง
10. นาํ เมด็ ยาทไ่ี ดอ อกจากหมอเคลือบ แลวใสภาชนะบรรจุท่ีเหมาะสมปดฉลากใหถูกตอ ง
หัวขอการควบคุมคณุ ภาพยาเมด็ เคลือบฟล ม
1. การหาความแปรปรวนของนา้ํ หนักเมด็ ยา
2. การหาความหนาของเมด็ ยา
3. การหาเสนผา ศูนยกลางของเมด็ ยา
4. การหาความแข็งของเม็ดยา
5. การแตกตวั ของเมด็ ยาตามเภสัชตํารับ
6. การตรวจสอบลักษณะภายนอกของเม็ดยา
วธิ ที ดสอบการแตกตัวของยาเมด็ เคลือบฟล มแบบธรรมดา
1. ใชเม็ดยา 1 เมด็ ตอชองของ basket รวม 6 เมด็
2. ถา ชัน้ เคลอื บภายนอกละลายได ใหน าํ basket ไปจมุ นา้ํ ท่ีอณุ หภูมหิ องเปนเวลา 5 นาที กอน
3. ใส disk ลงในแตละชองของ basket นําไปหาระยะเวลาในการแตกตัว โดยใช simulated gastric fluid
TS. ทมี่ ีอุณหภมู ิเทากับ 37 + 2ºC
4. หลังจากครบ 30 นาที ใหดึง basket ขึ้นมาตรวจดูวาเม็ดยาแตกตัวหมดหรือไมถาแตกตัวหมดใหนับเวลา
เปน 30 นาที บวกเวลาที่จมุ ในน้ําอีก 5 นาที
5. ถาแตกตัวไมหมดให เปล่ียนนํ้ายาเปน simulated intestinal fluid TS ท่ีอุณหภูมิ 37 + 2ºC ทําตอไปจน
ครบเวลาที่กําหนดใน monograph บวกอีก 30 นาที (เวลานี้รวมเวลาที่จุมน้ํากับเวลาท่ีทําใน simulated
gastric fluid TS ดวย) แลว ใหย ก basket ข้ึนมาตรวจสอบ
6. ถายังเหลือเม็ดยา 1 หรือ 2 เม็ด ใหทดลองซ้ําอีก 12 เม็ด แลวเก็บผล ตองแตกตัวหมดไมนอยกวา 16 เม็ด
จาก 18 เม็ดทีน่ ํามาทดสอบ
-- 139 --
รายงานปฏบิ ตั กิ ารเทคโนโลยเี ภสัชกรรม 3
เรื่อง การผลติ ยาเมด็ วติ ามินบรี วมเคลือบฟล ม
โดย กลุมที่ รายชื่อผรู วมงาน
ตอนท่ี
ตําแหนง
1. GM
2. PM
3. CM
4. W
5. W
6. W
7. W
-- 140 --
บันทึกการผลิต
ชอ่ื ผลติ ภัณฑ : ยาเม็ดวิตามินบีรวมเคลือบฟลม
ปรมิ าณการผลติ :
:
เลขที่ผลติ :
:
วนั เริ่มผลติ
วันผลติ เสร็จ
ขอมูลการผลติ ....…………… กก.
1. นํ้าหนักเม็ดยาวิตามนิ บีรวมทีใ่ ชท้งั หมด .……………... มก.
2. น้ําหนกั ของเม็ดยากอนการเคลอื บเฉลยี่ หน่ึงเม็ด ..………......... มก.
3. นาํ้ หนกั ของเม็ดยาภายหลงั การเคลอื บเฉลี่ยหนง่ึ เมด็ ...………….... รอบ/นาที
4. ความเรว็ ของหมอ เคลือบ ....…………... bar
5. ความดนั ของลม .…………….. รอบ/นาที
6. อัตราการพนนํา้ ยา .......…........... ซม.
7. ระยะหา งของหวั ฉดี กบั เม็ดยา .......……....... องศา
8. มมุ ของการพนของหัวฉีด ....…………… ºC
9. อณุ หภูมิของลมเปา ...………........ มล.
10. ปรมิ าณนา้ํ ยาทใ่ี ชทงั้ หมด
-- 141 --
บนั ทึกขอ มูลการควบคมุ คณุ ภาพ
ชือ่ ผลิตภณั ฑ : ยาเม็ดวติ ามินบรี วมเคลอื บฟล ม
เลขที่ผลิต :
1. การหาความแปรปรวนของนํ้าหนกั เมด็ ยา
เม็ดท่ี นาํ้ หนัก (มก.) เมด็ ท่ี น้ําหนกั (มก.)
1 11
2 12
3 13
4 14
5 15
6 16
7 17
8 18
9 19
10 20
น้ําหนกั เฉล่ียของเม็ดยา มก.
ชวงกําหนดของนํ้าหนกั เม็ดยาตามมาตรฐาน มก.
ผลการประเมนิ ผา น
ไมผา น
2. การหาสมั ประสิทธ์ขิ องความแปรปรวนของนาํ้ หนักเมด็ ยา
คาเบ่ียงเบนมาตรฐาน X 100
น.น. เฉลีย่ ของเมด็ ยา
-- 142 --
3. ความหนาของเม็ดยาและเสน ผา นศูนยกลาง
เมด็ ท่ี ความหนา (มม.) เสนผา นศนู ยก ลาง (มม.)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ความหนาเฉล่ยี ของเมด็ ยา มม.
เสน ผา นศูนยก ลางเฉลี่ยของเมด็ ยา มม.
4. ความแขง็ ของเม็ดยา
เม็ดที่ ความแข็ง (กก.)
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ความแข็งเฉลี่ยของเมด็ ยา กก.
-- 143 --
5. การหาระยะเวลาในการแตกตัวของเมด็ ยา
ระยะเวลาในการแตกตวั ของเม็ดยา นาที
ผลการประเมนิ ผาน
ไมผาน
การคํานวณ
วิจารณผ ลการทดลอง
สรปุ ผลการทดลอง
เอกสารอางองิ