-๑-
คำนำ
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน ได้ให้ควำมสำคัญกับกำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอนภำษำไทย
มำอย่ำงต่อเนื่อง ด้วยภำษำไทยเป็นเอกลักษณ์ของชำติ เป็นสมบัติทำงวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือในกำรติดต่อสื่อสำร
เพื่อสร้ำงควำมเข้ำใจและควำมสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รวมท้ังเป็นเครื่องมือในกำรแสวงหำควำมรู้ ประสบกำรณ์ รวมทั้งเป็นสื่อ
แสดงภมู ิปัญญำของบรรพบรุ ษุ ไทย ซ่งึ ควรคำ่ แก่กำรเรียนรู้ อนุรกั ษ์ และสืบสำนให้คงอยู่ตอ่ ไป ตลอดระยะเวลำหลำยปีทผ่ี ำ่ นมำ
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน ในฐำนะท่ีเป็นหน่วยงำนหลักในกำรจัดกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ได้ดำเนินกำรขับเคล่ือน
กำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอนภำษำไทยอย่ำงจริงจังและต่อเน่ือง เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีควำมรู้ควำมสำมำรถในเร่ืองของกำรอ่ำน
เพ่ือกำรสื่อสำรท้ังในระดับของกำรอ่ำนออกไปจนถึงกำรอ่ำนเชิงวิเครำะห์ วิจำรณ์อย่ำงมีเหตุผลและสร้ำงสรรค์ โดยเฉพำะกำรอ่ำน
และกำรวิเครำะห์งำนเขียนประเภทต่ำง ๆ จำกทั้งสื่อส่ิงพิมพ์ และส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงนับเป็นปัจจัยท่ีมีควำมสำคัญย่ิง
ตอ่ ควำมสำเรจ็ ในกำรเรยี น กำรศึกษำต่อ และกำรประกอบอำชีพ และยังเป็นปัจจัยสำคัญทีจ่ ะช่วยใหท้ ุกคนสำมำรถดำรงชีวิต
อยู่ในโลกปัจจุบันและอนำคตได้อย่ำงรู้เท่ำทัน และสำมำรถพัฒนำตนเองได้เต็มศักยภำพ สำมำรถมีส่วนร่วมและเป็นสมำชิก
ในสังคมแห่งกำรเรียนรู้ได้อย่ำงสมบูรณ์และนำไปสู่กำรขับเคล่ือนและพัฒนำเศรษฐกิจของตนเอง ของชุมชน ของประเทศ
และของโลกโดยรวมได้อย่ำงมีประสทิ ธภิ ำพ
สำหรับในปีกำรศึกษำ 2564 - 2565 น้ี สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน ได้ดำเนินกำร “โครงกำรพัฒนำ
สมรรถนะกำรอำ่ นขั้นสูงสำหรับนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษำตอนตน้ ” ข้ึน โดยจัดให้มีกำรพัฒนำบุคลำกรแกนนำด้ำนกำรพฒั นำสมรรถนะ
กำรอ่ำนข้ันสูงระดบั เขตพน้ื ท่กี ำรศกึ ษำ ประกอบด้วย ศึกษำนเิ ทศก์ที่รบั ผิดชอบงำนภำษำไทยและครูผู้สอนภำษำไทยช้ันมัธยมศึกษำ
ปีท่ี 3 เพ่ือเป็นวิทยำกรแกนนำในกำรทำหน้ำท่ีพัฒนำครูผู้สอนของสถำนศึกษำในสังกัดให้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจเก่ียวกับกำร
พัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูง และสำมำรถนำไปใช้ในกำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน กำรนิเทศ ติดตำมและประเมินผล
เพ่ือพัฒนำคุณภำพด้ำนสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงของผู้เรียน ท้ังน้ีเอกสำร “กำรฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูง
สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำตอนต้น” นี้ ได้จัดทำเป็น 3 เล่ม คือ 1) คู่มือฝึกอบรมพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงสำหรับนักเรียน
ช้ันมธั ยมศกึ ษำตอนต้น 2) แบบฝึกชวนคิดสำหรับพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขนั้ สงู สำหรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น (ฉบับครูผสู้ อน)
และ 3) แบบฝึกชวนคิดสำหรับพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น (ฉบับนักเรียน) หวังว่ำเอกสำร
ดังกล่ำวน้ีจะเป็นเคร่ืองมือสำคัญในกำรสนับสนุนกำรดำเนินงำนของสำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำในกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูง
ใหก้ ับนกั เรยี นไดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพต่อไป
ในโอกำสน้ี ขอขอบคุณสถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สถำบันทดสอบทำงกำรศึกษำ
แห่งชำติ (องค์กำรมหำชน) ที่กรุณำมอบข้อสอบสำหรับนำมำใช้ประกอบกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูง และคณะผู้จัดทำ
ทุกท่ำนท่ีมีส่วนช่วยให้เอกสำรชุดนี้สำเร็จได้ตำมวัตถุประสงค์ และขอเป็นกำลังใจให้ศึกษำนิเทศก์และครูผู้สอนทุกท่ำน
ในกำรดำเนนิ งำนพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนของนกั เรยี นใหป้ ระสบผลสำเรจ็ ต่อไป
(นำยอมั พร พินะสำ)
เลขำธกิ ำรคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พน้ื ฐำน
-๒-
สำรบญั
หนำ้
โครงกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอำ่ นขั้นสงู สำหรบั นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษำตอนต้น ............................................................ 1
กำรอบรมหลกั สตู รพฒั นำสมรรถนะกำรอำ่ นข้ันสูงสำหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษำตอนต้น ..........................................
กำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญตำมเทคนิคบันได 6 ขั้น ................................................................................................ 4
กำรจัดกิจกรรมกำรอบรม : ควำมร้พู ้ืนฐำนเกยี่ วกับกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั ตำมเทคนคิ บนั ได 6 ข้นั ................. 6
กำรจัดกจิ กรรมกำรอบรม : กำรทบทวนองค์ควำมรู้เร่ืองกำรอำ่ นจับใจควำมสำคญั ตำมเทคนิคบันได 6 ขัน้ ......... 28
กำรจดั กจิ กรรมอบรม : กำรจัดกำรเรียนรู้เพอ่ื พัฒนำสมรรถนะกำรอำ่ นขั้นสูงสำหรับนักเรยี น
41
ชน้ั มัธยมศกึ ษำตอนต้น .................................................................................................................................... 54
กำรนเิ ทศ ติดตำมกำรดำเนินงำนพฒั นำสมรรถนะกำรอำ่ นข้ันสงู สำหรับนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษำตอนตน้ .............
ภำคผนวก .............................................................................................................................................................. 66
77
ภำคผนวก ก เฉลยกิจกรรม .......................................................................................................................... 77
ภำคผนวก ข แบบสอบถามการอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารพฒั นาสมรรถนะการอ่านขน้ั สงู 83
สาหรบั นักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาตอนต้น ................................................................................... 85
คณะผู้จัดทำ ...........................................................................................................................................................
-๓-
โครงกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขน้ั สงู สำหรับนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษำตอนตน้
หลกั กำรและเหตุผล
กำรอ่ำนมคี วำมสำคัญและจำเป็นอยำ่ งย่ิงในสังคมปจั จุบนั เพรำะกำรอ่ำนชว่ ยเพิ่มพูนประสบกำรณ์ ควำมรู้
และควำมคิด บุคคลท่ีมีสมรรถนะกำรอ่ำนอย่ำงแท้จริงย่อมสำมำรถนำประสบกำรณ์ ควำมร้แู ละควำมคิดไปใช้
ประโยชน์ทงั้ แกต่ นเองและสังคมไดเ้ ป็นอยำ่ งดี โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงกำรอ่ำนและกำรวิเครำะห์งำนเขียนประเภทต่ำง ๆ
จำกทง้ั สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ นอกจำกเป็นปัจจัยท่ีมีควำมสำคัญอย่ำงย่ิงต่อควำมสำเร็จในกำรเรียน
กำรศึกษำต่อและกำรประกอบอำชีพของนักเรียนในอนำคตแล้ว ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะช่วยให้ทุก ๆ คน
สำมำรถดำรงชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันและอนำคตได้อย่ำงรู้เท่ำทัน และสำมำรถพัฒนำตนเองได้เต็มศักยภำพ
สำมำรถมีส่วนร่วมและเป็นสมำชิกในสังคมแห่งกำรเรียนรู้ได้อย่ำงสมบูรณ์ แต่พบว่ำจำกผลกำรทดสอบต่ำง ๆ อำทิ
กำรวัดและประเมินผลควำมสำมำรถในกำรอ่ำนและกำรเขียนของนักเรียนระดับประถมศึกษำและมัธยมศึกษำ
พบว่ำยังมีนักเรียนจำนวนหน่ึงท่ีมีผลกำรประเมินกำรรู้เรื่องกำรอ่ำนอยู่ในระดับปรับปรุง สำหรับกำรประเมินระดับนำนำชำติ
คอื กำรประเมินควำมฉลำดรู้เรื่องกำรอ่ำน (Reading Literacy) ของนักเรียนไทยในโครงกำร PISA (Programme
for International Student Assessment) พบว่ำ สมรรถนะควำมฉลำดรู้ด้ำนกำรอ่ำนของนักเรียนไทยยังอยู่ในระดับต่ำ
เมอื่ เทียบกบั กลมุ่ ประเทศ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development)
ด้วยควำมสำคัญของกำรอ่ำนที่ส่งผลต่อกำรเรียนรู้และกำรดำเนินชีวิตของผู้เรียนดังกล่ำว สำนักงำน
คณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำน โดยสถำบนั ภำษำไทย สำนักวชิ ำกำรและมำตรฐำนกำรศกึ ษำ จึงได้จัดกำรประชมุ
อำจำรยม์ หำวิทยำลยั ในสำขำที่เก่ียวข้องกบั กำรสอนภำษำไทยจำกทกุ ภมู ิภำค และนักวิชำกำรศกึ ษำ เพื่อรับฟัง
ควำมคิดเห็นเกี่ยวกับกำรพัฒนำผู้เรียนในด้ำนกำรอ่ำน ซ่ึงผลกำรประชุมได้ข้อสรุปว่ำ ควรมีกำรพัฒนำสมรรถนะ
กำรอ่ำนให้กับผู้เรียน โดยนำข้อสอบมำตรฐำนได้รับกำรเผยแพร่และนำมำเพ่ิมเติมเทคนิคกำรอ่ำนเพ่ือหำคำตอบ
ของข้อสอบดังกลำ่ ว เพอ่ื ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เทคนิคกำรอำ่ น ท้ังกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั กำรอ่ำนเพ่ือวิเครำะห์
รวมไปถึงกำรนำควำมรู้จำกกำรอ่ำนไปใช้ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ท้ังในกำรเรียนและกำรทำข้อสอบที่เกี่ยวข้องในด้ำน
กำรอ่ำนต่อไป ด้วยเหตุน้ี สถำบันภำษำไทย สำนักวิชำกำรและมำตรฐำนกำรศึกษำ จึงได้จัดทำ “โครงกำรพัฒนำ
สมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงสำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำตอนต้น” ขึ้น โดยมีกำรดำเนินงำน คือ กำรอบรมพัฒนำ
สมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรับนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษำตอนต้น ให้กับบุคลำกรแกนนำ ได้แก่ อำจำรย์สำขำวิชำภำษำไทย
จำกมหำวิทยำลัยรำชภัฏในทุกภูมิภำค ศึกษำนิเทศก์ท่ีรับผิดชอบงำนภำษำไทย และครูผู้สอนภำษำไทย
ชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 3 จำกนั้นจะเป็นกำรดำเนินกำรขับเคลื่อนในระดับสำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำร่วมกับ
เครือข่ำยมหำวิทยำลัยรำชภัฏ เพื่อนำไปสู่กำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนให้กับผู้เรียนต่อไป โดยกำรขับเคล่ือน
ดังกล่ำวจะเป็นกำรให้ครูผู้สอนนำควำมรู้ท่ีได้รับจำกกำรอบรมสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงไปใช้เป็นแนวทำงในกำรจัด
กำรเรียนกำรสอนในช้ันเรียนหรือนอกเวลำเรียนให้เหมำะสมกับสภำพและบรบิ ทของตนเอง ทั้งน้ี เพ่ือพัฒนำผู้เรียน
ให้มีสมรรถนะด้ำนกำรอ่ำนสำหรับกำรเรียนในระดับช้ันที่สูงขึ้น รวมท้ังยังรวมไปถึงกำรเตรียมควำมพร้อม
สำหรบั ผู้เรยี นในกำรประเมินตำ่ ง ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ งในดำ้ นกำรอำ่ นตอ่ ไป
-๑-
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพ่ือพัฒนำควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับเทคนิควิธีกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงสำหรับนักเรียน
ช้ันมัธยมศึกษำตอนต้นให้กับศกึ ษำนเิ ทศก์ที่รับผิดชอบงำนภำษำไทยและครูผู้สอนภำษำไทยชั้นมัธยมศกึ ษำตอนต้น
ในกำรดำเนินงำนโครงกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้นสำหรับกำรนำไป
ขยำยผลใหก้ บั ครผู สู้ อนในโรงเรียนในสังกดั
2. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษำตอนต้นได้รับกำรพฒั นำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูง
กำรดำเนนิ งำน
3.1 ระดับสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พืน้ ฐำน
1) สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำนร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิด้ำนภำษำไทยจำก
สถำบันอุดมศึกษำ ศึกษำนิเทศก์ท่ีรับผิดชอบงำนภำษำไทย ครูผู้สอนภำษำไทย และนักวิชำกำรศึกษำ จัดทำ
ชดุ ฝกึ อบรมพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขน้ั สูงสำหรบั กำรประชุมเชงิ ปฏบิ ัติกำรพฒั นำให้กบั ผ้ทู ี่มีส่วนเกยี่ วขอ้ ง
2) สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำนจัดกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำน
ขนั้ สงู สำหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษำตอนต้นให้กับคณำจำรย์คณะครุศำสตร์ มนุษยศำสตร์และสังคมศำสตร์ วทิ ยำลัย
และสำนักท่มี ีกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนสำขำภำษำไทยของมหำวิทยำลัยรำชภัฏทุกภูมิภำค ด้วยกำรอบรมผ่ำนระบบกำร
สื่อสำรสองทำง (Video Conference) ในวันท่ี 10 กันยำยน 2564 เพื่อร่วมขับเคล่ือนกำรดำเนินงำนโครงกำร
ร่วมกบั สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพน้ื ฐำน
3) สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำนจัดกำรอบรมเชิงปฏิบตั ิกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูง
สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำตอนต้น ให้กับศึกษำนิเทศก์ท่ีรับผิดชอบงำนภำษำไทยและครูผู้สอนช้ั น
มธั ยมศึกษำปีท่ี 3 ท่ีได้รับให้เปน็ วิทยำกรแกนนำในกำรขยำยผลระดับสำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำและสถำนศึกษำ
ดว้ ยกำรอบรมผำ่ นระบบกำรส่ือสำรสองทำง (Video Conference) โดยจดั กำรอบรมจำนวน 2 ครงั้ ดงั น้ี
คร้ังท่ี 1 ระหว่ำงวันท่ี 22 - 23 กันยำยน 2564 ผู้เข้ำประชุมประกอบด้วย ศึกษำนิเทศก์
ทร่ี ับผิดชอบงำนภำษำไทยและครูผสู้ อนชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 3 ในภำคเหนอื และภำคกลำง รวมจำนวน 256 คน
คร้ังที่ 2 ระหว่ำงวันท่ี 24 - 25 กันยำยน 2564 ผู้เข้ำประชุมประกอบด้วย ศึกษำนิเทศก์
ท่ีรับผิดชอบงำนภำษำไทยและครูผู้สอนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 3 ในภำคตะวันออกเฉียงเหนือและภำคใต้ รวมจำนวน
234 คน
ท้ังน้ี ศึกษำนิเทศก์ท่ีรับผิดชอบงำนภำษำไทยและครูผู้สอนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 3 ที่ได้รับให้
เป็นวิทยำกรแกนนำในกำรขยำยผลระดับสำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำสำมำรถศึกษำวีดิทัศน์กำรพัฒนำสมรรถนะ
กำรอ่ำนตำม QR Code เทคนิคกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำน เพื่อเป็นควำมรู้พื้นฐำนเบ้ืองต้นก่อนเข้ำรับกำรอบรม
เชงิ ปฏิบัติกำรพฒั นำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสงู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น
4) สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน ร่วมกับสำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำโดยควำม
รว่ มมอื กับเครือข่ำยอำจำรย์มหำวทิ ยำลยั รำชภัฏ ในกำรนิเทศ กำกับ และติดตำมกำรดำเนินงำนโครงกำร
(ลิงก์วีดิโอ เร่ือง เทคนิคกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำน โดย นำงสำวดวงใจ บุญยะภำส และนำยเสกสันต์ ผลวัฒนะ)
https://www.youtube.com/watch?v=L0RZSC-iCiM
-๒-
3.2 ระดับสำนกั งำนเขตพ้ืนท่กี ำรศึกษำ
สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำโดยควำมร่วมมือกับเครือข่ำยอำจำรย์มหำวิทยำลัยรำชภัฏ
ดำเนินกำรอบรมพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น ให้กับครูผู้สอนภำษำไทยช้ัน
มัธยมศึกษำตอนต้นของโรงเรียนในสังกัดสำนักงำนเขตพื้นท่ีศึกษำ และช่วยเหลือติดตำมกำรดำเนินงำนของ
โรงเรียนอยำ่ งใกลช้ ิด
ผลที่คำดวำ่ จะได้รบั
ศึกษำนิเทศก์ท่ีรับผดิ ชอบงำนภำษำไทยและครูผูส้ อนภำษำไทยชน้ั มัธยมศึกษำตอนต้นมีควำมรู้ควำมเข้ำใจ
ในกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น สำมำรถเช่ือมโยงควำมรู้ท่ีได้รับ
จำกกำรอบรมพัฒนำไปสู่กำรจดั กำรเรียนกำรสอนเพื่อพัฒนำสมรรถนะด้ำนกำรอำ่ นขั้นสูงให้กับนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษำ
ตอนต้นสำหรบั นำไปใชเ้ ป็นเครอื่ งมือในกำรติดต่อสอ่ื สำร กำรเรียนรู้ และกำรดำเนินชีวิตตอ่ ไป
ผูร้ บั ผิดชอบ
สถำบนั ภำษำไทย สำนกั วิชำกำรและมำตรฐำนกำรศึกษำ
สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำทกุ เขต
-๓-
กำรอบรมหลกั สูตรพัฒนำสมรรถนะกำรอำ่ นขน้ั สูงสำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษำตอนต้น
กำรอบรมหลักสูตรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำตอนต้นน้ี มีเอกสำร
ประกอบกำรอบรม ได้แก่ 1) คู่มือฝึกอบรมพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำตอนต้น
2) แบบฝึกชวนคิดสำหรับพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงสำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำตอนต้น (ฉบับครูผู้สอน)
และ 3) แบบฝึกชวนคิดสำหรับพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น (ฉบับนักเรียน)
โดยเลม่ ท่ี 1 คมู่ ือฝึกอบรมพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรบั นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษำตอนต้น ประกอบด้วย ทมี่ ำ
และควำมสำคัญของโครงกำร โครงสร้ำงเนื้อหำกำรฝกึ อบรม เนื้อหำควำมร้เู ก่ียวกับกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขัน้ สูง
แผนกำรจัดกิจกรรมฝึกอบรม แนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ และแนวทำงกำรนิเทศ ติดตำม และประเมินผล เล่มที่ 2
แบบฝึกชวนคิดสำหรับพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น (ฉบับครูผู้สอน)
ประกอบด้วยข้อสอบมำตรฐำนท่ีได้รับกำรเผยแพร่พร้อมเฉลยและคำอธิบำยกำรเฉลยในแต่ละข้อ และเล่มท่ี 3
แบบฝึกชวนคิดสำหรับพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น (ฉบับนักเรียน)
ประกอบด้วยข้อสอบมำตรฐำนที่ได้รบั กำรเผยแพร่สำหรบั นักเรียนใช้ในกำรฝกึ
ท้ังนี้ หลงั จำกกำรอบรมหลักสูตรพฒั นำสมรรถนะกำรอำ่ นขั้นสูงสำหรับนักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษำตอนต้นแล้ว
จะมีกำรนิเทศ กำกับ ติดตำมกำรดำเนินงำนโครงกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น
ทั้งจำกระดบั เขตพนื้ ท่กี ำรศึกษำและสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำนอย่ำงต่อเนอ่ื งตอ่ ไป
วัตถปุ ระสงค์
1. เพ่ือยกระดับคุณภำพกำรจัดกำรเรียนกำรสอนภำษำไทยด้ำนสมรรถนะกำรอ่ำนด้วยชุดฝึกอบรม
หลกั สตู รพัฒนำสมรรถนะกำรอำ่ นข้ันสูง
2. เพ่ือพัฒนำสมรรถนะกำรจัดกำรเรียนรู้ของครูผู้สอนภำษำไทยช้ันมัธยมศึกษำตอนต้นด้ำนกำรพัฒนำ
สมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสงู
3. เพื่อนเิ ทศ ติดตำม และประเมนิ ผลกำรจดั กำรเรียนกำรสอนภำษำไทยด้ำนกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้นั สงู
กำรดำเนินงำน
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน มีนโยบำยด้ำนกำรจัดกำรศึกษำที่ส่งเสริมกำรพัฒนำ
ครูผู้สอนให้มสี มรรถนะทำงภำษำและดิจทิ ัล ซ่ึงทักษะด้ำนกำรอ่ำนเป็นหนึ่งในสมรรถนะกำรสื่อสำรดงั กล่ำวทคี่ วร
ได้รับกำรพัฒนำเร่งด่วน สำนักงำนคณะกรรมกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน โดยสถำบันภำษำไทย สำนักวิชำกำรและมำตรฐำน
กำรศึกษำ จึงได้ดำเนินกำรจัดทำชุดฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ั นสูงขึ้นเพ่ือพัฒนำ
ควำมสำมำรถในกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญของเรือ่ งให้ถกู ต้อง โดยบูรณำกำรควำมรู้ ทักษะ และเทคนิคต่ำง ๆ
เพื่อให้ครูผู้สอนสำมำรถนำไปพัฒนำและเพิ่มศักยภำพกำรอ่ำนขั้นสูงให้นักเรียนสำมำรถจับใจควำมสำคัญ
วิเครำะห์ และแสดงควำมคิดเหน็ ในเชิงวิเครำะหว์ ิจำรณอ์ ย่ำงมเี หตุผลจำกเรือ่ งท่ีอ่ำนได้อยำ่ งมีประสทิ ธิภำพ
ขัน้ ตอนกำรทำชุดฝกึ อบรม
ชุดฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนข้ันสูง จัดทำข้ึนโดยกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำรของ
คณะทำงำน ได้แก่ อำจำรย์จำกสถำบันอุดมศึกษำ ศึกษำนิเทศก์ท่ีรับผิดชอบงำนภำษำไทย รองผู้อำนวยกำร
สถำนศึกษำ ครูผู้สอนภำษำไทย และนักวิชำกำรศึกษำ เพ่ือร่วมกันวิเครำะห์ สังเครำะห์ แนวทำงกำรจัดทำ
-๔-
เน้ือหำกำรฝึกอบรม แนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ รวมถึงแนวทำงกำรนิเทศ ติดตำมและประเมินผล เพ่ือจัดทำ
เป็นแนวทำงกำรพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูงของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำตอนต้น รวมทั้งถอดบทเรียน
จำกประสบกำรณ์กำรสอน เทคนิคและวิธีกำรของผู้ท่ีมีควำมรู้และประสบกำรณ์ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ภำษำไทยเพ่ือให้สำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนเพ่ือพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนของผู้เรียน
ได้อย่ำงถูกต้อง เหมำะสม และสอดคล้องกับสภำพบรบิ ทของผู้เรียน โดยมีกำรจัดประชุมจำนวน 2 ครั้ง ได้แก่
คร้ังที่ 1 วันท่ี 4 มีนำคม 2564 ณ ห้องประชุมอำคำร สพฐ.3 ช้ัน 5 กระทรวงศึกษำธิกำร และครั้งท่ี 2
ระหว่ำงวันท่ี 29 มนี ำคม ถึง 2 เมษำยน 2564 ณ โรงแรมบำงกอกชฎำ กรุงเทพมหำนคร
ประโยชนท์ ี่คำดว่ำจะไดร้ บั
1. สำนกั งำนเขตพืน้ ท่กี ำรศกึ ษำและสถำนศกึ ษำมแี นวทำงกำรพฒั นำสมรรถนะกำรอ่ำนขั้นสูง
2. ศึกษำนเิ ทศก์ที่รับผิดชอบงำนภำษำไทยสำมำรถแนะนำ นิเทศ กำกับ ตดิ ตำมกำรพัฒนำสมรรถนะ
กำรอ่ำนขั้นสงู เพอ่ื ยกระดับคุณภำพกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนภำษำไทย
3. ครูผู้สอนภำษำไทยสำมำรถออกแบบและจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้เพ่ือพัฒนำสมรรถนะกำรอำ่ นข้ันสูง
ของผู้เรยี นได้
4. ผเู้ รยี นมีสมรรถนะกำรอำ่ นขั้นสูงและสำมำรถนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้
โครงสรำ้ งเนอื้ หำกำรอบรม
แผนกำรจัดกจิ กรรมฝึกอบรม จำนวน
ช่ัวโมง
1. กำรอำ่ นจับใจควำมสำคัญตำมเทคนคิ บนั ได 6 ขนั้
2. กำรจดั กจิ กรรมอบรม : ควำมรู้พืน้ ฐำนเก่ียวกับกำรอำ่ นจับใจควำมสำคญั ตำมเทคนิคบนั ได 6 ข้นั 6
6
2.1 กำรอำ่ นเรอ่ื งให้จบ ตั้งคำถำม 5W1H
2.2 กำรหำคำสำคญั (Key Words) ๔
2.3 กำรตดั ส่วนขยำยใจควำมสำคญั
2.4 กำรเตมิ คำเช่อื มหำสว่ นขยำยใจควำมสำคญั ๔
2.5 กำรสังเกตคำเช่ือมแสดงควำมขดั แยง้ 4
2.6 กำรหำใจควำมสำคญั ได้ทกุ บทอำ่ น
3. กำรจดั กจิ กรรมอบรม : กำรทบทวนองคค์ วำมรูเ้ รอ่ื งกำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคัญตำมเทคนิคบนั ได 6 ขนั้
3.1 สรำ้ งควำมสนุกสนำน
3.2 อ่ำนเรื่องใหจ้ บ ค้นพบ 5W1H
3.3 เพิม่ เคล็ดลบั หำคำสำคญั
3.4 แข่งขันเรียงถอ้ ยรอ้ ยใจควำม
3.5 จับใจควำมในบทอ่ำนที่หลำกหลำย
3.6 อภิปรำยแลกเปล่ียนเรยี นรู้ PLC
4. กำรจดั กิจกรรมอบรม : กำรจดั กำรเรยี นร้เู พ่อื พฒั นำสมรรถนะกำรอ่ำนข้นั สงู สำหรับนกั เรียน
ช้ันมธั ยมศึกษำตอนต้น
5. กำรนเิ ทศ ติดตำมกำรดำเนินงำนพัฒนำสมรรถนะกำรอ่ำนขน้ั สงู สำหรับนกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษำตอนต้น
-๕-
กำรอำ่ นจับใจควำมสำคญั ตำมเทคนคิ บนั ได 6 ขัน้
เสกสันต์ ผลวฒั นะ
สาขาวิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
การจับใจความสาคัญเป็นทักษะพื้นฐานที่ผู้เรียนจาเป็นต้องมีเพื่อที่จะสามารถรับสารผ่านการอ่าน
หรอื การฟังได้อยา่ งรวดเรว็ และถกู ต้องตรงประเดน็ นอกจากนกี้ ารจบั ใจความสาคัญได้อยา่ งแม่นยายังชว่ ยให้ผ้รู บั สาร
สามารถใช้ทักษะทางภาษาข้ันสูงย่ิงขึ้น กล่าวคือ สามารถนาใจความสาคัญจากส่ิงท่ีได้อ่านหรือส่ิงที่ได้ฟัง
มาวิเคราะห์ ตีความ ประเมินค่า และนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ การจับใจความสาคัญจึงเป็นส่ิงสาคัญท่ีผู้เรียน
ควรศึกษาและหมั่นฝึกฝนใหเ้ กดิ ความชานาญเพ่อื ประโยชน์ในการศึกษาและการทางานอน่ื ๆ ต่อไป
1. ลกั ษณะของข้อความในแต่ละย่อหน้า
ธรรมชาติของการเขียนนั้น การนาเสนอความคิดหรือความรู้ในงานเขียนมักปรากฏในรูปแบบย่อหน้า
หลายย่อหน้าที่มีเน้ือความต่อเน่ืองกัน ผู้เรียนจึงควรทราบก่อนว่า ในหนึ่งย่อหน้าน้ันมีองค์ประกอบลักษณะใดบ้าง
เพอ่ื จะชว่ ยให้ค้นหาใจความสาคัญของแตล่ ะย่อหนา้ ได้งา่ ยข้นึ
ในย่อหน้าหนึ่งน้ันจะมีลักษณะข้อความที่แตกต่างกัน อาจแบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะใหญ่ ๆ คือ ใจความ
สาคญั และส่วนขยายใจความสาคญั
๑.๑ ใจความสาคัญหรือความคิดหลัก (main idea) คือ ข้อความท่ีเป็นแก่นของเนื้อหาท่ีมีสาระ
ครอบคลุมเน้ือความอื่น ๆ ในย่อหน้าหรือในเร่ืองน้ัน ๆ ใจความสาคัญน้ีอาจปรากฏเป็นประโยค เรียกว่า
ประโยคใจความสาคัญ สามารถเห็นได้ชัดเจนท่ีต้นย่อหน้า หรือท้ายย่อหน้า หรือกลางย่อหน้า หรือปรากฏ
ทีต่ น้ และท้ายยอ่ หน้า หรอื อาจไม่ปรากฏประโยคใจความสาคญั ให้เห็นชดั เจนแต่แฝงอยู่ในเนื้อความ
๑.๒ สว่ นขยายใจความสาคัญหรือพลความ อาจแบง่ ไดเ้ ป็น ๒ ประเภท คือ
๑.๒.๑ ใจความรองหรือความคิดรอง (major supporting details) คือ ข้อความท่ีเป็น
ส่วนขยายหรือสนับสนุนใจความสาคัญเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ทาให้เกิดความสมเหตุสมผล ทาให้ใจความสาคัญ
ชัดเจนขน้ึ
๑.๒.๒ รายละเอียด (minor supporting details) คือ ข้อความที่เป็นส่วนขยายใจความรอง
หรือใจความสาคัญให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รายละเอียดนั้นอาจเป็นการยกตัวอย่าง การเปรียบเทียบ สถิติตัวเลข
การอา้ งอิงคากล่าวของบคุ คล และรายละเอยี ดอ่ืน ๆ ท่ีเสริมความเขา้ มา
-๖-
ตัวอย่าง
(๑) คนไทยมีความเช่ือว่าคนเราจะฝันได้ด้วยสาเหตุใหญ่ ๔ ประการ (๒) สาเหตุฝันประการแรก คือ
บุพนิมิต (๓) หมายถงึ ฝันท่ีเชื่อกันว่าเป็นลางบอกเหตุทจี่ ะเกดิ ต่อไปข้างหน้าแก่ตัวผู้ฝันเองหรือคนใกล้ชิดท้ังเหตุดี
และเหตุร้าย (๔) สาเหตุฝันประการท่ีสองเรียกว่า จิตนิวรณ์ (๕) หมายถึง การเกิดฝันด้วยใจมีกังวลเป็นห่วง
ผูกพันกับบุคคลหรือกับส่ิงใดส่ิงหน่ึง (๖) เช่น นักเรียนกังวลเกี่ยวกับการสอบ ก็อาจฝันว่าสอบตกหรอื ไปสอบไม่ทัน
หากกังวลเก่ยี วกับการเดินทางก็อาจฝันวา่ ตกรถ (๗) สาเหตุฝันประการตอ่ มา คือ เทพสังหรณ์ (๘) ซึ่งอาจเป็น
เทวดาบอกเหตุหรือเทวดามาดลใจใหฝ้ ัน มที ้ังทีเ่ ทวดามาเข้าฝนั บอกกันตรง ๆ และบอกเปน็ นัย ๆ ให้คดิ วา่ ควร
หรือไม่ควรทาอะไร (๙) สาเหตุฝันประการสุดท้าย คือ ธาตุโขภ (๑๐) เป็นการเกิดฝันขึ้น ด้วยความผิดปรกติ
ของธาตทุ ั้งสใี่ นรา่ งกายไมอ่ ยใู่ นสภาวะสมดลุ หรอื เกิดอาการเจบ็ ปว่ ยขนึ้
จากตัวอย่างข้างต้น ใจความสาคัญของย่อหน้านี้คือ ประโยคหมายเลข (๑) “คนไทยมีความเชื่อว่า
คนเราจะฝันไดด้ ้วยสาเหตใุ หญ่ ๔ ประการ” เนื่องจากครอบคลุมสาระท้ังหมดของย่อหนา้ จึงเปน็ แกน่ ของเรอ่ื ง
ประโยคหมายเลข (๒) (๔) (๗) และ (๙) คือ ใจความรอง ซึ่งเป็นข้อความท่ีขยายแสดงรายละเอียด
ของสาเหตุที่ทาให้เกิดความฝันตามความเช่ือแบบไทยสังเกตจากการใช้คาว่า “สาเหตุฝันประการแรก”
“สาเหตุฝันประการที่สอง” “สาเหตุฝันประการต่อมา” และ “สาเหตุฝันประการสุดท้าย” เสริมความให้ประโยค
หมายเลข (๑) ชัดเจนและสมบูรณ์ขน้ึ
ส่วนประโยคหมายเลข (๓) คือ รายละเอียดที่ขยายใจความรองประโยคหมายเลข (๒) สังเกตจากการใช้
คาว่า “หมายถึง” ประโยคหมายเลข (๕) และ (๖) คือ รายละเอียดและตัวอย่างที่ขยายใจความรองประโยค
หมายเลข (๔) สังเกตจากการใชค้ าว่า “หมายถึง” และ “เช่น” ประโยคหมายเลข (๘) คอื รายละเอียดที่ขยาย
ใจความรองประโยคหมายเลข (๗) สังเกตจากการใช้คาวา่ “ซึ่ง” และประโยคหมายเลข (๑๐) คอื รายละเอียด
ท่ีขยายใจความรองประโยคหมายเลข (๙)
แบบฝึกหดั
(๑) มีเหตุผลหลายประการท่ีทาให้ฉันชอบล่างูหางกระดิ่ง (๒) ประการแรกคือเป็นสิ่งท่ีท้าทาย
น่าตื่นเต้น และมีความเสี่ยงสูง (๓) ประการท่ีสองเป็นการล่าสัตว์ท่ีไม่มีฤดูกาล (๔) เราสามารถล่างูชนิดน้ีได้
ตั้งแตฤ่ ดใู บไมผ้ ลิจนฤดใู บไม้รว่ ง (๕) นอกจากน้นั ยงั เป็นสงิ่ ท้าทายให้เราได้เรียนรลู้ ักษณะนิสัยของมนั และร้วู ิธี
ท่ีจะเอาชนะมัน (๖) มันจะซ่อนตัวลึกลับมีความระมัดระวังและเล่ห์กลมากจนทาให้จับมันได้ยาก ซ่ึงเป็นส่ิงท่ี
เราต้องเรียนรู้ว่าทาอย่างไร เราจึงจะจับมันได้ (๗) เหตุผลประการสุดท้ายเราสามารถท่ีจะช่วยลดจานวนงู
ซง่ึ เป็นสัตวท์ ่ีอนั ตรายลงไปได้
(ฐติ ริ ตั น์ ลดาวลั ย์, ๒๕๕๖, น.๔๘)
ใจความสาคัญ คือ ประโยคหมายเลข_________________________________
ใจความรอง คือ ประโยคหมายเลข_________________________________
รายละเอยี ด คอื ประโยคหมายเลข_________________________________
-๗-
2. วิธกี ารอา่ นจับใจความสาคญั
การอ่านจับใจความสาคัญเป็นทักษะเบื้องต้นของการอ่านหนังสือและเป็นหัวใจของการอ่าน (ถนอมวงศ์
ล้ายอดมรรคผล, ๒๕๖๑, น.๗๖) เพราะถ้าจับใจความสาคัญไม่ได้ก็ย่อมไม่เข้าใจเร่ืองที่อ่าน หากต้องใช้
ประโยชน์จากการอ่านน้ันกต็ ้องกลบั มาอ่านกันใหม่ ทาให้เสียเวลา การอ่านจับใจความสาคัญมีแนวทางปฏิบัติ
ดังนี้
๒.๑ อา่ นเร่อื งเพอื่ ทาความเขา้ ใจภาพรวมของเนอื้ หาท้ังหมด
ผู้อ่านต้องอ่านเร่ืองที่จะจับใจความสาคัญตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อทาความเข้าใจและได้ภาพรวม
ของเนื้อหาของเร่ืองที่อ่านอย่างคร่าว ๆ โดยในขณะท่ีอ่านควรต้ังคาถามและพิจารณาว่าผู้เขียนกาลังส่ือเร่ืองอะไร
ใคร ทาอะไร เม่ือไร ท่ีไหน ด้วยเหตุผลใด และอย่างไร หากเร่ืองน้ันมีช่ือเรื่องก็ให้พิจารณาต้ังแต่ชื่อเร่ือง
เพราะโดยทั่วไปช่ือเรื่องมักจะสอดคล้องกับใจความสาคัญหรือความคิดหลัก หรือช่วยแสดงให้เห็นถึงจุดสนใจ
ของเร่อื ง
๒.๒ พจิ ารณาหาคาสาคญั 1 (key words) ของเนอื้ หาในแตล่ ะย่อหนา้
คาสาคัญ (key words) เป็นคาท่ีกาหนดเป้าหมายเพ่ือนาไปสู่ใจความสาคัญหรือความคิด
หลักของเร่ืองท่ีอ่าน ในแตล่ ะย่อหน้าน้ันอาจมีคาสาคัญมากกว่าหนึ่งคา แต่เม่อื นาคาเหล่านั้นมาเชอ่ื มโยงสร้าง
ความสัมพนั ธ์ให้เกิดขึน้ กส็ ามารถทราบถงึ ใจความสาคัญหรอื ความคิดหลักของเรอ่ื งท่อี ่านได้
ลกั ษณะของคาสาคัญ
ธรรมชาติของการเขยี นนั้น ผเู้ ขียนมิได้มีการกาหนดตาแหนง่ ท่ีต้ังของคาสาคัญ ผู้อ่านสามารถ
จะสังเกตคาสาคัญได้โดยอาศยั หลกั ดงั น้ี
(๑) เป็นคา กลุ่มคา หรือประโยคที่เขียนเหมือนกัน ส่ือความหมายเหมือนกัน ปรากฏซ้า ๆ
ตง้ั แตต่ ้นจนจบ
(๒) เป็นคา กลุ่มคา หรือประโยคท่ีเขียนต่างกัน แต่สื่อความหมายเหมือนกัน ปรากฏซ้า ๆ
ตง้ั แต่ต้นจนจบ
ตัวอย่าง
ส่ิงท่ีชาวเรือถือกันมากก็คือ “หัวเรือ” นับถือกันว่าเป็นท่ีแม่ย่านางอยู่ พวกแม่ค้าที่ใช้เรือ
เป็นพาหนะบรรทุกของและอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นเรือเล็กหรือใหญ่ มักไม่ยอมให้ใครเหยียบหัวเรือ แม้จะข้าม
ก็ยังไม่ยอมให้ข้าม เจ้าของเรือบางคนเคร่งมากจะจุดธูปบูชาท้ังเช้าและเย็น ท่ีหัวเรือบางลามีแผ่นทองเหลือง
หมุ้ อย่างสวยงาม และมีซองทองเหลืองเล็ก ๆ ติดไวท้ ่ีทวนหัวเรือสาหรับปกั ธปู บางทีก็มีพวงมาลัยคลอ้ งหัวเรือ
ท่เี คร่งมาก ๆ ถึงกบั จดั อาหารเซ่นทุกเช้าก็มี
(ส.พลายนอ้ ย, ๒๕๖๐, น.๗๘)
จากย่อหน้าข้างต้น คาสาคัญลักษณะท่ี ๑ ที่เขียนเหมือนกัน ส่ือความหมายเหมือนกันปรากฏซ้า ๆ
ตงั้ แตต่ น้ จนจบในยอ่ หนา้ คือ คาวา่ “หวั เรอื ”
ส่วนคาสาคัญลักษณะที่ ๒ ที่เขียนต่างกัน แต่สื่อความหมายเหมือนกัน ปรากฏซ้า ๆ ตั้งแต่
ต้นจนจบในย่อหน้าน้ัน อาจพิจารณาร่วมกับการอ่านแล้วตั้งคาถามว่าผู้เขียนกาลังสื่อเรื่องอะไร ใคร ทาอะไร
เมือ่ ไร ทไ่ี หน ดว้ ยเหตุผลใด และอยา่ งไร ดังนี้
1ตำรำบำงเลม่ ใช้วำ่ “คำกุญแจ” “คำหลกั ” หรอื “คำไข”
-๘-
ย่อหน้าน้ีส่ือเร่ืองของใคร จะพบคาท่ีเขียนต่างกันท่ีเก่ียวข้องกับบุคคล ๓ คา คือ คาว่า
“ชาวเรือ” “พวกแม่ค้าท่ีใช้เรือ” และ “เจ้าของเรือ” แม้คาท้ัง ๓ คาจะเขียนต่างกัน แต่สื่อความหมาย
เหมือนกันถึงบุคคลท่ีเก่ียวข้องกับเรือ เมื่อพิจารณาแล้ว คาท่ีส่ือความหมายครอบคลุมย่อหน้าน้ีก็คือ คาว่า
“ชาวเรอื ”
ย่อหน้าน้ีสื่อเรื่องของ “ชาวเรือ” ทาอะไร จะพบข้อความที่แสดงถึงการกระทาของชาวเรือ
ท่ีแตกต่างกัน เช่น “มักไม่ยอมให้ใครเหยียบหัวเรือ แม้จะข้ามก็ยังไม่ยอมให้ข้าม” “เคร่งมากจะจุดธูปบูชา
ท้ังเช้าและเย็น” “ท่ีเคร่งมาก ๆ ถึงกับจัดอาหารเซ่นทุกเช้า” แต่การกระทาดังกล่าวนี้ต่างสื่อความหมาย
รว่ มกันแสดงให้เหน็ วา่ ชาวเรอื “นับถอื ” หรือ “ถือ” หัวเรือ นอกจากนี้จากการกระทาหลาย ๆ อยา่ งดังกล่าว
ยงั แสดงใหเ้ ห็นถงึ การนบั ถือหัวเรือของชาวเรือทมี่ มี ากด้วย
จากคาสาคัญทีไ่ ด้ สามารถสรปุ ใจความสาคัญของย่อหน้าน้ีได้วา่ “ชาวเรอื นบั ถอื หัวเรือมาก”
ซ่ึงสอ่ื ความหมายเหมอื นกบั ประโยคแรกของยอ่ หนา้ นี้ที่วา่ “ส่งิ ทีช่ าวเรอื ถือกนั มากกค็ อื ‘หวั เรอื ’”
แบบฝึกหัด
๑. ข้อใดเป็นประเด็นสาคัญของข้อความต่อไปนี้ (O-NET ม.๖)
คาพูดของพ่อแม่อาจทาให้ลูกเกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน และทาให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น พ่อแม่รัก
และเป็นห่วงลูกเรื่องการทาการบ้าน หรือการอ่านหนังสือเพ่ือเตรียมตัวสอบ แต่ถ้าคาพูดของพ่อแม่เป็นไป
ในลักษณะพร่าบ่น ลูกอาจเข้าใจผิดคิดว่าพ่อแม่เคี่ยวเข็ญและก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวมากเกินไป จึงต้องมีการอธิบาย
เพ่ือให้เกิดความเข้าใจซึง่ กันและกัน ลกู จะได้เขา้ ใจวา่ พ่อแม่หวงั ดตี อ่ ตน
๑) หนา้ ทขี่ องลูกทดี่ ี ๒) การอบรมส่งั สอนลูก ๓) โลกส่วนตัวของเด็ก
๔) ความหวงั ดีของพ่อแม่ ๕) การสอ่ื สารในครอบครวั
จากตัวอย่างขา้ งต้นจะเหน็ ไดว้ ่า ย่อหน้าน้มี ีคาสาคัญ ๔ คา คอื “คาพูด” “พอ่ แม”่ “ลกู ” และ “ความเขา้ ใจ”
คาสาคัญคาที่ ๑ “คาพูด” ปรากฏซ้า ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบในย่อหน้าท้ังลักษณะที่ ๑ คือ “คาพูด”
๒ คร้งั และลกั ษณะท่ี ๒ คอื “พรา่ บ่น” และ “การอธบิ าย” ทส่ี อ่ื ความหมายถงึ “คาพดู ”
ส่วนคาสาคัญคาท่ี ๒ “พ่อแม่” คาท่ี ๓ “ลูก” และคาท่ี ๔ “ความเข้าใจ” ปรากฏซ้า ๆ ตั้งแต่ต้นจน
จบในย่อหน้าเฉพาะลักษณะที่ ๑ คือ “พ่อแม่” ๕ ครั้ง “ลูก” ๓ ครั้ง และ “ความเข้าใจ” (หรือ “เข้าใจ”)
๓ คร้งั
คาพดู ของพอ่ แม่อาจทาให้ลกู เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน และทาให้เกิดปญั หาตามมาได้ เชน่ พ่อแม่รัก
และเป็นห่วงลูกเร่ืองการทาการบ้าน หรือการอ่านหนังสือเพ่ือเตรียมตัวสอบ แต่ถ้าคาพูดของพ่อแม่เป็นไป
ในลักษณะพร่ำบ่น ลูกอาจเข้าใจผิดคิดว่าพ่อแม่เค่ียวเข็ญและก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวมากเกินไป จึงต้องมี
กำรอธิบำยเพอื่ ใหเ้ กดิ ความเข้าใจซึ่งกนั และกัน ลกู จะได้เข้าใจวา่ พอ่ แม่หวงั ดตี อ่ ตน
จากคาสาคัญท่ีได้ ประเด็นสาคัญของย่อหน้านี้จึงตรงกับตัวเลือกที่ ๕) การส่ือสารในครอบครัว
เพราะคาว่า “การส่ือสาร” สื่อความหมายครอบคลุมคาสาคัญ “คาพูด” “พร่าบ่น” และ “การอธิบาย”
ที่เก่ียวข้องกับคาสาคัญ “ความเข้าใจ” เพราะในกระบวนการส่ือสารจะทาให้เกิดผลหรือปฏิกิริยาตอบสนอง
ซึง่ หมายถงึ ปฏกิ ิริยาของผู้รับสารอันเปน็ ผลท่เี กิดขึ้นตอ่ เนือ่ งจากการรับรูค้ วามหมายของสารทสี่ ง่ มาให้ ตรงกับ
คาว่า “ความเข้าใจ” หรือ “เข้าใจ” ส่วนคาว่า “ครอบครัว” สื่อความหมายครอบคลุมคาสาคัญ “พ่อแม่”
และ “ลกู ”
สว่ นตวั เลอื ก ๑), ๒), และ ๔) จะมีคาสาคัญไมค่ รบ และตัวเลือก ๓) คาที่ใช้ไม่ปรากฏในย่อหน้าจงึ ไม่ถูกต้อง
-๙-
๒. ข้อใดเปน็ จดุ เดน่ ของผลฟักขา้ วในข้อความต่อไปน้ี (O-NET ม.๖)
หากนาผลสุกของฟักข้าวมาผ่า จะพบไส้ในซ่ึงเป็นเยื่อหุ้มเมล็ดเหมือนวุ้นสีแดงสด จากการศึกษา
พบว่า เย่ือหุ้มเมล็ดน้ีมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงมาก กล่าวคือ มีไลโคปีนสูงกว่ามะเขือเทศ ๑๒ เท่า
และมีเบตาแคโรทีนมากกว่าแครอตถึง ๑๐ เท่า ด้วยปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในเย่ือหุ้มเมล็ด จึงมีการนา
ผลฟักข้าวมาใช้ประโยชน์โดยแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณโดดเด่น มีผู้ต้ังสมญานามผักพื้นบ้านชนิดน้ีว่า
“ผลไม้จากสวรรค์”
๑) ชื่อ ๒) สีสดใส ๓) ชนิดของพืช
๔) สารภายในผล ๕) ผลิตภัณฑ์แปรรปู
๓. ข้อใดเปน็ ประเดน็ สาคัญเก่ียวกบั เครื่องซักผ้าในขอ้ ความตอ่ ไปนี้ (O-NET ม.๖)
เครื่องซักผ้ามีท้ังชนิดฝาด้านบนและฝาด้านหน้า เม่ือใช้เคร่ืองซักผ้าแล้วจะมีความเปียกช้ืนภายในเครื่อง
การปิดฝาไว้จึงไม่เป็นผลดีต่อการระบายความช้ืนท่ีหลงเหลืออยู่ และมีโอกาสเกิดเชื้อราที่เป็นอันตราย
ตอ่ สุขภาพ นอกจากน้ีถังซักผ้าท่ีใช้ไปนาน ๆ จะมคี ราบตะกรนั เกาะติดอยู่ ในคราบตะกรันน้ีเป็นแหล่งทีเ่ ชือ้ รา
ขยายพนั ธ์ไุ ด้อยา่ งรวดเรว็ เมือ่ เปน็ เชน่ น้ีจึงควรเปิดฝาเคร่ืองซักผ้าไว้หลังใชง้ าน
๑) วธิ ใี ช้ ๒) จดุ อ่อน ๓) ประเภท
๔) วธิ ียืดอายกุ ารใช้งาน ๕) การดูแลรกั ษาไม่ให้เกิดเชือ้ รา
๔. อ่านข้อความต่อไปนี้แลว้ ตอบคาถาม (O-NET ม.๓)
คลองแสนแสบเป็นคลองขุดใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ใช้เวลา
ในการขุด ๓ ปี คือ ระหว่าง พ.ศ.๒๓๘๐ - ๒๓๘๓ คลองแสนแสบเร่ิมขุดตั้งแต่บริเวณคลองบางลาพูกับคลองโอ่งอ่าง
บรรจบกันมาถึงวังสระปทุม ผ่านเขตหนองจอก ถึงตาบลบางน้าเปร้ียว จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วเชื่อมต่อ
กับคลองบางขนากเพือ่ ออกส่แู ม่นา้ บางปะกง
การขุดคลองแสนแสบมีคณุ คา่ ด้านใดอย่างชดั เจนตามข้อความข้างต้น
๑) การอนรุ ักษ์ ๒) การเล้ยี งชีพ
๓) การคมนาคม ๔) การทอ่ งเท่ียว
-๑๐-
๒.๓ ตดั สว่ นขยายใจความสาคัญท้ิง
ธรรมชาติของการเขียนนั้น การนาเสนอความคิดหรือความรู้ในงานเขียน ผู้เขียนไม่ได้เสนอ
แต่ใจความสาคัญออกมาอย่างตรงไปตรงมา กล่าวคือ ผู้เขียนไม่ได้กล่าวตรง ๆ ว่า เร่ืองท่ีเขียนน้ันมีใจความ
สาคัญอย่างไร แต่จะถูกห้อมล้อมด้วยบริบท2 ซ่ึงในโครงสร้างของการเขียนก็คือ การขยายความ อาจแสดงอยู่
ในลักษณะการให้คาจากัดความ การอธิบายให้รายละเอียด การให้เหตุผล การยกตัวอย่าง หรือการเปรยี บเทียบก็
ได้ ดังนั้นหน้าที่ของผู้อ่านก็คือ ต้องแยกใจความสาคัญออกจากข้อความท่ีเป็นส่วนขยายใจความสาคัญออกมา
ใหไ้ ด้
ลกั ษณะการขยายความ
๒.๓.๑ การให้คาจากัดความ การขยายความลักษณะน้ีเป็นการอธิบายความหมายของคา
หรือสิ่งใดสง่ิ หน่งึ ในเนอื้ เรื่องเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจตรงกัน นอกจากน้ียังรวมถึงการอธิบายขอบเขตของความหมาย
ของเรอื่ งดว้ ย การขยายความลักษณะนีอ้ าจจะมีการยกตวั อยา่ งประกอบดว้ ย
๒.๓.๒ การอธิบายให้รายละเอียด การขยายความลักษณะนจี้ ะใช้เมื่อต้องการแจกแจงส่ิงใด
ส่ิงหน่ึง อธิบายลักษณะหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือแสดงข้ันตอน กระบวนการ
บรรยายเหตุการณ์อย่างใดอย่างหน่ึง อาจจะขยายโดยอธิบายให้รายละเอียด หรืออธิบายให้รายละเอียด
พรอ้ มยกตัวอยา่ งก็ได้
การอธิบายให้รายละเอียดนี้นิยมใช้คาเชื่อม “คือ” “กล่าวคือ” เพ่ือแสดงให้ทราบว่า
ข้อความทอี่ ย่หู ลงั คาเชือ่ มดงั กล่าวเปน็ การอธิบายใหร้ ายละเอยี ด
๒.๓.๓ การให้เหตุผล การขยายความลักษณะนี้ใช้เขียนให้ผู้อ่านเห็นคล้อยตาม การขยายความ
ด้วยวิธีนี้ทาได้หลายวิธี อาจเสนอความคิดที่เป็นข้อสรุปและตามด้วยข้อสนับสนุนต่าง ๆ ซ่ึงเป็นเหตุผล
หรือหลักฐานโดยการยกตัวอย่าง หรือเสนอผลลัพธ์เพ่ือให้ผู้อ่านตระหนักแล้วตามด้วยสาเหตุต่าง ๆ ที่ทาให้
เกดิ ผลนั้น
การขยายความด้วยการให้เหตุผลนี้มักจะปรากฏการใช้คาเชือ่ มแสดงเหตุผล “จึง” และ “เพราะ”
ซึง่ มีลกั ษณะโครงสร้างคอื เหตุ + “จงึ ” + ผล และ ผล + “เพราะ” + เหตุ ส่วนทีเ่ ป็นใจความสาคัญ คอื สว่ นทแ่ี สดงผล
๒.๓.๔ การยกตัวอย่าง การขยายความลักษณะนี้มกั จะใช้รว่ มกับวิธีอื่น เชน่ การให้คาจากัดความ
การอธิบายให้รายละเอียด หรอื จะใช้วิธีการยกตวั อย่างแต่เพียงอย่างเดยี วโดยการยกตัวอย่างหลาย ๆ ตวั อยา่ ง
แล้วจึงสรปุ ทา้ ยยอ่ หน้าด้วยประโยคใจความสาคัญ
การยกตัวอย่างน้ีนิยมใช้คาเช่ือม “เช่น” “ได้แก่” เพื่อแสดงให้ทราบว่า ข้อความที่อยู่หลัง
คาเช่อื มดงั กล่าวเปน็ การยกตัวอยา่ ง
๒.๓.๕ การเปรียบเทียบ การขยายความลักษณะน้ีจะใช้เขียนเพื่อเปรียบเทียบในลักษณะ
ข้อเท็จจริงท่ีสามารถพิสูจน์ได้ โดยอาจมีจุดมุ่งหมายเปรียบเทียบความเหมือนกันหรือความแตกต่างกัน
โดยกาหนดประเดน็ ที่เหมือนกันหรอื แตกตา่ งกันวา่ มีอะไรบ้าง แล้วจึงเปรียบเทียบไปทีละประเด็น เพือ่ ใหผ้ อู้ ่าน
เข้าใจเร่ืองท่ียกมาเปรียบเทียบได้ชัดเจนในด้านความเหมือนกันหรือความแตกต่างกัน หรืออาจใช้การยกเรื่องราว
เป็นอุทาหรณ์ขึ้นมาก่อนแล้วจึงสรุปประเด็นความคิดสาคัญท่ีจะเสนอ หรือการเขียนอุปมาเปรียบเทียบสิ่งท่ีมี
คุณสมบตั อิ ยา่ งเดียวกันเพ่ือให้ความคดิ สาคัญชดั เจนขึน้
การขยายความด้วยการเปรียบเทียบนี้จะมีลักษณะโครงสร้างคือ ตัวตั้ง + คาเช่ือมแสดง
การเปรียบเทียบ + ตวั เปรยี บ สว่ นท่เี ป็นใจความสาคัญ คือ ส่วนทแี่ สดงตวั ต้งั
2บรบิ ท คือ คำ ข้อควำม หรอื สถำนกำรณแ์ วดล้อมเพื่อช่วยให้เขำ้ ใจควำมหมำยของภำษำหรือของถ้อยคำ
-๑๑-
ตัวอย่าง
พระราชวัง หมายถงึ วังของพระมหากษัตริย์ มีระดบั ความสาคัญรองจากพระบรมมหาราชวัง
เป็นท่ีประทับของพระมหากษัตริย์ตามขัตติยราชประเพณีมาแต่โบราณ การเรียกวังว่าพระราชวังได้น้ัน
พระมหากษัตริย์จะทรงประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาวังข้ึนเป็น พระราชวัง จึงจะจัดเป็นท่ีประทับ
ของพระมหากษัตริย์ได้ เช่น พระราชวังดุสิต เมื่อแรกสร้างพระราชทานช่ือว่า สวนดุสิต ต่อมาจึงประกาศ
ยกข้นึ เป็นพระราชวงั ดสุ ิต ส่วนพระตาหนักจิตรลดารโหฐานซง่ึ เป็นท่ีประทบั ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังดุสิตเรียกว่า พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน
สวนจติ รลดา พระราชวังดสุ ติ ไมเ่ รียกว่าพระราชวังจิตรลดา ราษฎรทัว่ ไปเรยี กอย่างไม่เป็นทางการว่า สวนจติ รลดา
(รัตนา ฦๅชาฤทธิ์, ๒๕๔๖, น.๑๗๒)
จากตัวอย่างขา้ งต้น เมอื่ พจิ ารณาคาสาคญั จะพบว่า มี ๑ คา คือ คาว่า “พระราชวัง” จากน้ัน
จึงพิจารณาตัดสว่ นขยายใจความสาคัญทป่ี รากฏ ดงั น้ี
(๑) “พระราชวัง หมายถงึ วงั ของพระมหากษัตรยิ ์” เพราะเปน็ การใหค้ าจากัดความของคาว่า
“พระราชวัง” ซึง่ เปน็ คาสาคญั ของย่อหนา้ นี้
(๒) “มีระดับความสาคัญรองจากพระบรมมหาราชวัง เป็นท่ีประทับของพระมหากษัตริย์
ตามขัตติยราชประเพณีมาแต่โบราณ” เพราะเป็นการอธิบายให้รายละเอียดของคาว่า “พระราชวัง” ซ่ึงเป็นคา
สาคัญของยอ่ หน้าน้ี
(๓) “เช่น พระราชวังดุสติ เมอ่ื แรกสร้างพระราชทานชอ่ื ว่า สวนดุสิต ต่อมาจงึ ประกาศยกขึ้น
เป็นพระราชวังดสุ ติ ส่วนพระตาหนักจติ รลดารโหฐานซึ่งเปน็ ท่ปี ระทบั ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรชั กาล
ปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี ๖ เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังดุสิตเรียกว่า พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน
สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตไม่เรียกว่าพระราชวังจิตรลดา ราษฎรทั่วไปเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่าสวนจิตรลดา”
เพราะเป็นการยกตวั อยา่ งเพือ่ ชว่ ยให้คาว่า “พระราชวัง” ซ่งึ เป็นคาสาคัญของย่อหนา้ นี้ชดั เจนมากยิ่งข้ึน
เม่ือตัดส่วนขยายใจความสาคัญข้างต้นแล้ว จะพบว่าย่อหน้านี้มีใจความสาคัญเก่ียวกับเร่ือง
“ข้อกาหนดการเป็นพระราชวัง” โดยปรากฏเป็นประโยคใจความสาคัญชัดเจนท่ีกลางย่อหน้าว่า “การเรียกวัง
ว่าพระราชวังได้นั้น พระมหากษัตริย์จะทรงประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาวังขึ้นเป็นพระราชวัง
จงึ จะจัดเป็นทปี่ ระทับของพระมหากษตั รยิ ์ได้”
-๑๒-
แบบฝึกหัด
๕. ข้อความต่อไปน้ีกลา่ วถึงเร่ืองใดเปน็ สาคัญ (O-NET ม.๖)
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะกับคนท่ีต้องการลดน้าหนักหรือลดความอ้วน การกินแอปเป้ิลควรกินท้ังเปลือก
เพราะสารสาคัญคือ “โพลีฟีนอล” มักจะอยู่ตามเปลือกหรือเน้ือที่ติดอยู่กับเปลือก หากกินแต่เปลือกจะไม่ได้
สารสาคัญ คือ “เพคติน” ที่อยู่ในเนอื้ แอปเปลิ้ ซ่ึงเปน็ ใยอาหารเปรียบเสมอื นฟองน้าที่ชว่ ยซบั ไขมันและนา้ ตาล
ดังนน้ั ควรกนิ ทง้ั เปลือกและเนื้อ
๑) สารในเน้อื แอปเป้ิล ๒) วธิ กี ารกนิ แอปเปลิ้ ๓) คุณค่าของแอปเปล้ิ
๔) การลดนา้ หนกั ดว้ ยแอปเป้ิล ๕) สรรพคุณทางยาของแอปเปิล้
จากตัวอย่างข้างต้น เมื่อพิจารณาคาสาคัญจะพบว่า มี ๑ คา คือ คาว่า “แอปเป้ิล” จากนั้นจึงพิจารณา
ตดั สว่ นขยายใจความสาคญั ทีป่ รากฏ ดังนี้
(๑) “แอปเปล้ิ เป็นผลไม้ที่เหมาะกับคนท่ตี ้องการลดนา้ หนักหรือลดความอ้วน” เพราะเป็นการอธบิ าย
ใหร้ ายละเอยี ดของคาว่า “แอปเปลิ้ ” ซ่ึงเปน็ คาสาคัญของยอ่ หน้านี้
(๒) “เพราะสารสาคัญคือ ‘โพลีฟีนอล’ มักจะอยู่ตามเปลือกหรือเนื้อท่ีติดอยู่กับเปลือก” เพราะเป็น
การใหเ้ หตุผลท่สี นบั สนุนใจความสาคญั “การกินแอปเป้ิลควรกินทัง้ เปลือก”
(๓) “คือ ‘เพคติน’ ท่ีอยู่ในเนื้อแอปเปิ้ล” เพราะเป็นการอธิบายให้รายละเอียดของสาระสาคัญ
ท่กี ลา่ วถงึ ในประโยค “หากกินแตเ่ ปลือกจะไมไ่ ดส้ ารสาคัญ”
(๔) “ซึ่งเป็นใยอาหารเปรียบเสมือนฟองน้าที่ช่วยซับไขมันและน้าตาล” เพราะเป็นการเปรียบเทียบ
ขยายความประโยค “คือ ‘เพคตนิ ’ ท่ีอยใู่ นเน้ือแอปเป้ลิ ” ซึ่งเป็นส่วนขยายที่ตัดไปแล้ว
แอปเป้ิลเป็นผลไม้ท่ีเหมาะกับคนทตี่ ้องการลดน้าหนักหรือลดความอ้วน กำรกนิ แอปเป้ิลควรกินทั้งเปลอื ก
เพราะสารสาคัญคือ “โพลีฟีนอล” มักจะอยู่ตามเปลือกหรือเนื้อท่ีติดอยู่กับเปลือก หำกกินแต่เปลือกจะไม่ได้
สำรส่ำคัญคือ “เพคตนิ ” ท่ีอยู่ในเนอ้ื แอปเปล้ิ ซง่ึ เปน็ ใยอาหารเปรียบเสมือนฟองน้าที่ช่วยซับไขมันและน้าตาล
ดงั น้นั ควรกินทง้ั เปลอื กและเนอื้
เม่ือตัดส่วนขยายใจความสาคัญข้างต้นแล้ว จะเหลือประโยคท่ีต้องสนใจเป็นพิเศษ ๓ ประโยค คือ
“การกินแอปเปิ้ลควรกินทั้งเปลือก” “หากกินแต่เปลือกจะไม่ได้สารสาคัญ” และ “ดังน้ันควรกินท้ังเปลือก
และเนื้อ” ซึ่งสมั พันธก์ ับตัวเลือกขอ้ ๒) วิธีการกนิ แอปเป้ิล
๖. รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศระงับโครงการสร้างเข่ือนผลิตไฟฟ้า ๑๒ แห่ง หลังจากเข่ือนลาเกรล ๒
พังทลายลง เนื่องจากกักเก็บน้าฝนท่ีตกลงมาอย่างหนักหลายวันติดต่อกัน โดยให้เหตุผลการยกเลิก คือ
ความไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ความเส่ียงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมท้ังเป็นตัวการทาลายป่าไม้ ปัจจุบันน้ี
แมเ้ วียดนามมีเข่ือนผลิตไฟฟา้ ประมาณ ๒๘๘ แห่งและมโี ครงการจะสร้างเข่ือนขนาดเล็กเพื่อผลิตไฟฟา้ อีกมาก
แต่โครงการสร้างเข่ือน ๔๑๕ แห่งก็ได้ถูกระงับไป เพราะไม่สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานที่รัฐบาลกาหนด คือ
มั่นคงปลอดภัย มีผลกระทบน้อยต่อป่าไม้ ประชากร และสภาพแวดล้อมโลก ย่ิงเม่ือเวียดนามประสบภัย
จากแผน่ ดินไหว แผ่นดินเลื่อน ผู้เชี่ยวชาญเวยี ดนามกลุ่มหน่ึงได้สรปุ วา่ การสรา้ งเข่ือนเกบ็ นา้ ที่เพิ่มข้ึนมากมาย
ทาใหแ้ ผน่ ดินต้องรับน้าหนกั มากจงึ เปน็ เหตุของการเกดิ แผ่นดนิ ไหว แผน่ ดินเลือ่ น
สาระสาคัญของขอ้ ความข้างต้นกล่าวถงึ เรื่องใด (O-NET ม.๓)
๑) การระงบั โครงการสรา้ งเข่ือน ๒) การผลิตไฟฟา้ พลังนา้
๓) การสร้างเขือ่ นในประเทศเวียดนาม ๔) การเกิดแผน่ ดนิ ไหว แผน่ ดินเลอื่ น
-๑๓-
๗. ขอ้ ใดเป็นประเดน็ สาคญั ของข้อความต่อไปนี้ (O-NET ม.๖)
อาหารไทยมักต้ังให้ร่วมวงกันกิน ทุกคนตักกับข้าวตรงกลาง บางคนไม่ตักลงไปตรง ๆ เช่น ตักแกง
เข่ียส่วนที่ไม่ชอบกินออก ควานหาแต่ส่ิงท่ีชอบ ทาให้ผู้ร่วมวงรู้สึกว่ากาลังทิ้งของเหลือเลือกไว้ให้ผู้อื่น
เป็นการกนิ ไม่สวย และไมส่ วยอยา่ งยง่ิ ถา้ ไม่ใช้ช้อนกลาง ใครปว่ ยเป็นอะไรกจ็ ะติดกนั หมด
๑) การรบั ประทานอาหารให้ดูดี ๒) วธิ กี ารรบั ประทานอาหารที่ถูกต้อง
๓) การรบั ประทานใหถ้ ูกสุขลักษณะ ๔) ลกั ษณะการรับประทานอาหารของคนไทย
๕) ความไร้มารยาทในการรับประทานอาหารแบบไทย ๆ
๘. ขอ้ ความต่อไปนี้ผู้เขยี นต้องการเนน้ สาระเร่ืองใดเป็นสาคัญ (O-NET ม.๖)
เม่ือไฟเร่ิมไหม้บ้านเรือน คนแรก ๆ ที่เห็นรีบกดสัญญาณแจ้งเตือน เม่ือได้ยินสัญญาณพนักงานดับเพลิง
รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมรถน้า อุปกรณ์และน้ายาเคมี แล้วเริ่มปฏิบัติการดับไฟอย่างรวดเร็ว แต่โทสะ
ไม่สามารถใช้สง่ิ ใด ๆ ดบั ได้เหมือนไฟ นอกจากเจา้ ของโทสะนนั้ จะมีขันติ ความอดทนอดกล้นั และการรูอ้ ภัยตอ่ ผอู้ น่ื
๑) เหตกุ ารณ์ขณะเกดิ ไฟไหม้ ๒) ระบบทใ่ี ชเ้ ม่ือเกดิ ไฟไหม้ ๓) ขัน้ ตอนการดับเพลิง
๔) วิธีระงบั ความโกรธ ๕) คณุ ธรรมท่ที ุกคนควรมี
๙. ข้อใดเป็นสาระสาคัญของข้อความต่อไปน้ี (O–NET ม.๖)
หนังตะลุงประกอบด้วยตัวละครหลายตัวเพื่อแสดงบทบาทตามเน้ือเรื่อง ตัวตลกเป็นตัวละครท่ีขาดไม่ได้
สาหรับการแสดงหนังตะลุง เพราะเป็นตัวละครที่มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์และสีสัน นายหนัง(ผู้เชิดและพากย์)
จะสร้างความประทับใจแก่คนดูด้วยตัวตลกนี้ โดยมักหยิบยกเรื่องราวในชีวิตจริงปัจจุบันมาล้อเลียนอย่างคมคาย
คนดมู ักจดจาและนาบทบาทตลกไปเล่าขานตอ่ ไปอีกนาน
๑) นายหนงั จะต้องทาใหต้ ัวตลกมีชีวิตชีวานา่ ประทบั ใจ
๒) ตัวตลกเปน็ ตัวละครสาคัญมากในการแสดงหนงั ตะลุง
๓) คนดูมักจะประทบั ใจตัวตลกและจาไดม้ ากกวา่ ตัวละครอ่ืน ๆ
๔) หนงั ตะลุงต้องใชต้ ัวหนังหลายตวั เพ่ือแสดงบทบาทตามเนื้อเรอื่ ง
๕) นายหนงั มักนาเรื่องราวในชีวติ จริงมาล้อเลยี นอย่างสนุกสนานผ่านตัวตลก
๑๐. ขอ้ ใดเปน็ เจตนาของผู้เขียนข้อความต่อไปนี้ (O-NET ม.๖)
การบริโภคบุฟเฟ่ต์ม้ือดึกเป็นวิธีการอันแยบยลท่ีจะเร่งให้อ้วนได้ง่ายขึ้นเสียสุขภาพได้เร็วข้ึน
เพราะอดุ มการณ์ในการกนิ บฟุ เฟต่ ์คือบรรจอุ าหารเข้าไปให้มากที่สดุ จะไดค้ ุ้มคา่ กับราคาทจ่ี ่ายไป ยิง่ ถา้ อิ่มแล้ว
เข้านอนทันที นอกจากจะได้สะใจกับความรู้สึกอึดอัด แน่นท้อง ท้องอืด เสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อนแล้ว
ไขมันอันมหาศาลจะไปสะสมในอวยั วะต่าง ๆ ซึง่ หมายถงึ โรคอว้ น โรคหวั ใจ และโรคเบาหวานที่จะตามมา
๑) เตือนใหร้ ะวังอนั ตรายจากการรบั ประทานอาหารปริมาณมากกอ่ นนอน
๒) อธิบายสาเหตุทที่ าให้เป็นโรคอ้วนและโรคอันตรายอ่นื ๆ
๓) ชแ้ี จงอันตรายจากการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์
๔) แนะนาการรบั ประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ทถ่ี ูกวิธี
๕) ใหค้ นตระหนักถึงการดแู ลรกั ษาสุขภาพ
-๑๔-
๑๑. ข้อใดเป็นจดุ ประสงค์ของผู้เขียนข้อความน้ี (O-NET ม.๖)
ธูปทาจากขี้เลื่อย กาว เรซิน น้ามันหอมที่สกัดจากพืช และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ามันหอม
พอกอยบู่ นกา้ นไม้ ธปู มหี ลายขนาด ใช้เวลาเผาไหม้หมดใน ๒๐ นาที ถึง ๓ วัน ๓ คืน คาดว่าในแต่ละปีมีคนจดุ ธูป
ทั่วโลกถึงประมาณแสนตัน ผลการวิจัยชี้ว่าควันธูปเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพ จึงควรหลีกเล่ียงการจุดธูป
เพราะการสูดดมควันธูปเป็นเวลานานเส่ียงต่อการได้รับสารก่อมะเร็ง นั่นคือ ทาให้เกิดความผิดปกติของสาร
พันธุกรรมและลดศกั ยภาพในการซอ่ มแซมความผดิ ปกติของ DNA
๑) ใหข้ ้อมูลเกยี่ วกับธูปและอันตรายตอ่ สุขภาพ
๒) อธบิ ายว่าการจดุ ธปู เปน็ ผลเสียตอ่ สิ่งแวดล้อมในโลก
๓) แนะใหเ้ ลือกขนาดของธปู ใหเ้ หมาะกับชีวติ ประจาวนั
๔) เตอื นใหเ้ ลิกจดุ ธูปเพราะมีโอกาสที่รา่ งกายจะได้รบั สารก่อมะเรง็
๕) ชแ้ี จงลกั ษณะความผดิ ปกติของสารพันธกุ รรมในร่างกายมนษุ ย์
๒.๔ เติมคาเชอื่ มส่วนขยายใจความสาคัญ เพ่ือตัดส่วนขยายใจความสาคัญทิง้
แนวทางปฏิบัติของการอ่านจับใจความสาคัญในข้อ ๒.๓ ข้างต้นน้ัน ผูเ้ รียนสามารถพิจารณา
ตัดส่วนขยายใจความสาคัญในย่อหน้าได้ง่าย โดยสังเกตจากคาเชื่อมแสดงส่วนขยายใจความสาคัญ หากทว่า
ในบางครั้งผู้เขียนอาจจะเรียบเรียงข้อความในย่อหน้าโดยไม่ใช้คาเช่ือมก็ได้ ดังนั้นหากต้องการจะจับใจความสาคัญ
ผเู้ รียนจาเปน็ ต้องเตมิ คาเชอ่ื มสว่ นขยายใจความสาคญั เพอ่ื ตดั ส่วนขยายใจความสาคญั ทงิ้
คาเช่อื มท่ีนยิ มเตมิ ในข้อความในยอ่ หน้า ไดแ้ ก่ กลา่ วคือ เชน่ จึง เพราะ
แบบฝกึ หัด
๑๒. ผักและผลไม้สดจะมีเอนไซม์ท่ีเป็นตัวช่วยย่อยอาหารให้เป็นโมเลกุลท่ีเล็กที่สุดเข้าสู่กระแสเลือดไปใช้
ประโยชน์ในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และเร่งปฏิกิริยาการย่อยอาหารให้สมบูรณ์ เอนไซม์หลายชนิด
เป็นเอนไซม์ท่ีร่างกายไม่สามารถสร้างข้ึนมาได้ จึงต้องได้รับจากการรับประทานผักผลไม้เท่าน้ัน เอนไซม์บางชนิด
ยงั ช่วยเปล่ียนอนุมูลอิสระเป็นน้าและออกซิเจน บางชนิดช่วยเผาผลาญพลังงาน สลายไขมันและกาจดั สารพิษ
ในรา่ งกาย
ข้อใดเป็นใจความสาคัญของขอ้ ความข้างต้น (O-NET ม.๓)
๑) การรับประทานผกั และผลไม้สดจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์
๒) ผักและผลไมส้ ดมีเอนไซม์ชว่ ยย่อยสารอาหารไปใช้ประโยชน์ในร่างกาย
๓) เอนไซมห์ ลายชนิดเป็นเอนไซมท์ รี่ า่ งกายไมส่ ามารถสร้างข้นึ มาไดเ้ อง
๔) เอนไซม์บางชนดิ ช่วยเปล่ยี นอนุมูลอิสระบางชนดิ ช่วยเผาผลาญพลังงาน
จากตวั อย่างขา้ งต้น เมอ่ื อ่านเน้ือหาในย่อหนา้ นแ้ี ลว้
(๑) ตั้งคาถามเพ่อื ทาความเขา้ ใจภาพรวมของเน้ือหาท้ังหมด
(๑.๑) ยอ่ หนา้ นก้ี ล่าวถึงเรอ่ื งอะไร
คำ่ ตอบ คอื ผกั และผลไมส้ ด
(๑.๒) ผกั และผลไม้สดเปน็ อย่างไร
คำ่ ตอบ คือ ผกั และผลไม้สดจะมเี อนไซม์
-๑๕-
(๑.๓) เอมไซม์ดังกล่าวเปน็ อยา่ งไร
ค่ำตอบ คือ เป็นตัวช่วยย่อยอาหารให้เป็นโมเลกุลที่เล็กที่สุดเข้าสู่กระแสเลือดไปใช้
ประโยชนใ์ นร่างกายอย่างมีประสทิ ธิภาพมากทีส่ ดุ และเร่งปฏิกิริยาการย่อยอาหารใหส้ มบูรณ์
(๒) พจิ ารณาหาคาสาคัญของย่อหนา้ นี้
ย่อหน้านี้มีคาสาคัญ ๒ คา คือ “ผักและผลไม้สด” (หรือ ผักผลไม้) ซึ่งปรากฏซ้า ๒ คร้ัง
และ “เอนไซม”์ ซ่ึงปรากฏซา้ ๕ ครั้ง
(๓) เติมคาเชอ่ื มสว่ นขยายใจความสาคญั เพ่ือตดั ส่วนขยายใจความสาคัญทิง้
จากย่อหน้าข้างต้นสามารถเติมคาเช่ือม “เพราะ” หน้าข้อความ “เอนไซม์หลายชนิดเป็น
เอนไซม์ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้” ทาให้เห็นได้ว่าใจความสาคัญของย่อหน้าน้ี คือ “ผักและผลไม้สด
จะมีเอนไซม์ที่เปน็ ตวั ช่วยย่อยอาหารให้เปน็ โมเลกุลท่ีเล็กที่สุดเข้าสู่กระแสเลอื ดไปใช้ประโยชนใ์ นร่างกายอยา่ ง
มีประสิทธิภาพมากท่ีสุด และเร่งปฏิกิริยาการย่อยอาหารให้สมบูรณ์” สอดคล้องกับคาตอบที่ได้จากการตั้งคาถาม
เพือ่ ทาความเข้าใจภาพรวมของเนอื้ หาทัง้ หมด
ผักและผลไม้สดจะมีเอนไซม์ท่ีเป็นตัวช่วยย่อยอาหารให้เป็นโมเลกุลที่เล็กที่สุดเข้าสู่กระแสเลือดไปใช้
ประโยชน์ในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และเร่งปฏิกิริยาการย่อยอาหารให้สมบูรณ์ เพรำะเอนไซม์
หลายชนิดเป็นเอนไซม์ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ จึงต้องได้รับจากการรับประทานผักผลไม้เท่าน้ัน
เอนไซม์บางชนิดยังช่วยเปลี่ยนอนุมูลอิสระเป็นน้าและออกซิเจน บางชนิดช่วยเผาผลาญพลังงาน สลายไขมัน
และกาจดั สารพษิ ในร่างกาย
นอกจากนี้หากสังเกตเนื้อหาในตอนท้ายของย่อหน้าจะพบว่า เนื้อหาที่ปรากฏยังสนับสนุน
ใจความสาคัญของย่อหน้านี้ให้ชัดเจนขึ้นด้วย ดังเห็นได้จากข้อความ “เอนไซม์บางชนิดยังช่วยเปล่ียนอนุมูล
อิสระเป็นน้าและออกซิเจน บางชนิดช่วยเผาผลาญพลังงาน สลายไขมันและกาจัดสารพิษในร่างกาย”
ซ่งึ มลี ักษณะเปน็ คาสาคญั ลักษณะที่ ๒ ทเี่ ขยี นตา่ งกนั แตส่ อ่ื ความหมายเหมือนกัน ปรากฏซ้า ๆ คอื
(๑) เอนไซมบ์ างชนิดยงั ชว่ ยเปลี่ยนอนมุ ูลอสิ ระเปน็ น้าและออกซิเจน
(๒) บางชนดิ ชว่ ยเผาผลาญพลังงาน
(๓) สลายไขมัน
(๔) กาจดั สารพิษในร่างกาย
สัมพันธ์กับเน้ือหา “. . .ไปใช้ประโยชน์ในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพมากท่ีสุด และเร่งปฏิกิริยาการย่อย
อาหารใหส้ มบูรณ์” ในใจความสาคัญที่ปรากฏตอนตน้ ย่อหนา้
คาตอบของแบบฝึกหัดข้อนี้จึงตอบข้อ ๒) ผักและผลไม้สดมีเอนไซม์ช่วยย่อยสารอาหารไปใช้
ประโยชน์ในร่างกาย
๑๓. องค์การนาซากล่าวถึงการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจากการส่งยานอวกาศไปสารวจดาวเคราะห์
ท่ีมีขนาดใกล้เคียงกับโลกเม่ือปี พ.ศ.๒๕๕๒ ยานอวกาศดังกล่าวจะมองหาดาวฤกษ์และดวงดาวที่อยู่ใกล้ ๆ
กาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา การค้นพบครั้งใหม่นี้สร้างความต่ืนเต้นให้แก่นักดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจาก
บรรดาดวงดาวทค่ี ้นพบทง้ั ๑๐ ดวง ซึง่ มีขนาดและอณุ หภมู ใิ กลเ้ คยี งกับโลก เออื้ ตอ่ การอยู่อาศยั ของส่ิงมีชวี ิต
ขอ้ ใดคอื ใจความสาคญั ของข้อความขา้ งต้น (O-NET ม.๓)
๑) การค้นพบครัง้ นเ้ี ป็นการคน้ พบครั้งใหมซ่ ่ึงนา่ ตนื่ เตน้ มาก
๒) ดาวเคราะหท์ ั้ง ๑๐ ดวงนน้ี ่าจะมขี นาดและอณุ หภูมิใกลเ้ คยี งกับโลก
๓) ข้อมูลการคน้ พบดาวเคราะหไ์ ด้มาจากยานอวกาศขององค์การนาซา
๔) องค์การนาซาค้นพบดาวเคราะห์ ๑๐ ดวงนอกระบบสุริยะทีส่ ิง่ มีชีวิตอาจอยู่อาศยั ได้
-๑๖-
๑๔. ขอ้ ใดเป็นประเดน็ สาคญั ของข้อความตอ่ ไปนี้ (O-NET ม.๖)
การดับไฟป่าเป็นการต่อสู้ระหว่างคนกับไฟ ขณะที่เกิดไฟไหม้ป่าพนักงานดับไฟจะต้องพลิกแพลง
วิธีการตลอดเวลา โดยเริ่มควบคุมท่ีหัวไฟก่อน เพื่อหยุดยั้งการลุกลามของไฟแล้วจึงกระจายกาลังออกดั บไฟ
ทางปีกท้ังสองด้านเพื่อไปบรรจบกันท่ีหางไฟ แต่ถ้าแนวหัวไฟมีความร้อนมากไม่อาจเข้าถึงได้ อาจเริ่มดับไฟ
จากปีกทั้งสองด้านก่อน แล้วบีบเข้าหาหัวไฟเพื่อบังคับให้แนวหัวไฟแคบและเล็กลงเร่ือย ๆ วิธีควบคุมไฟ
คือ ใช้พล่ัวตักดินหรือทรายสาดกลบไฟ หรือใช้น้าฉีดเพ่ือลดความร้อนและความสูงของเปลวไฟ จากน้ันจึงใช้
ที่ตบไฟเข้าไปตบ และคลมุ ไฟจนดับ
๑) สถานการณ์ไฟปา่ ๒) กลยุทธใ์ นการดับไฟป่า
๓) การต่อสู้ระหวา่ งคนกบั ไฟ ๔) ความเส่ยี งของนักผจญเพลิง
๕) วสั ดอุ ุปกรณ์สาหรบั ดบั ไฟป่า
๑๕. ขอ้ ใดเป็นประเดน็ สาคญั ของขอ้ ความตอ่ ไปน้ี (O-NET ม.๖)
หลักสาคัญของแผนน้าประปาปลอดภัย เร่ิมตั้งแต่การดูแลรักษาแหล่งน้าดิบต้ังแต่ต้นทาง เม่ือน้าดิบ
เข้าสู่โรงงานผลิตน้าประปาจะต้องคุมจุดเสี่ยงทั้งระบบผลิต ระบบสูบส่งและสูบจ่ายทางท่อเพื่อดูแลรักษา
คุณภาพน้าอย่างต่อเน่ือง รวมไปถึงการควบคุมการวางท่อ การซ่อมท่อ การเปลี่ยนท่อเก่าที่หมดอายุเพื่อความสะอาด
ของน้าจนไปถงึ บ้านเรอื นประชาชน
๑) การควบคมุ คุณภาพน้าประปา ๒) กระบวนการผลิตนา้ ประปา
๓) การตรวจสอบแหล่งน้าดบิ ๔) มาตรฐานการดแู ลอุปกรณ์
๕) การจา่ ยน้าประปาสู่ชมุ ชน
๑๖. ข้อใดสรปุ ความไดถ้ ูกต้อง (O-NET ม.๖)
น้านมข้าวอุดมด้วยวิตามินและสารอาหารท่ีเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นทางเลือกสาหรับผู้บริโภค
ที่แพ้นมวัวและนมจากพืชตระกูลถั่ว การส่งเสริมให้มีการผลิตน้านมข้าวในประเทศโดยความร่วมมือระหว่าง
เกษตรกร ผู้ประกอบการ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เกษตรกรได้รับเงนิ เพ่ิมข้นึ แต่ยังช่วยให้คนไทยได้บริโภคน้านมข้าว
ทเ่ี ป็นผลผลิตของคนไทยในราคาที่เหมาะสม เนอ่ื งจากปัจจบุ ันน้านมขา้ วที่วางจาหน่ายสว่ นใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์
ทนี่ าเขา้ จากตา่ งประเทศ จงึ มีราคาสูง
๑) นา้ นมขา้ วถงึ แม้มีประโยชน์แต่มรี าคาสูงเพราะเปน็ ผลติ ภณั ฑ์ที่ต้องนาเข้าจากต่างประเทศ
๒) น้านมข้าวมีสารอาหารท่ีเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ผู้ท่ีแพ้นมวัวหรือนมจากพืชตระกูลถั่วสามารถ
บริโภคได้
๓) คนไทยควรบริโภคน้านมข้าวเป็นประจาเพื่อสุขภาพท่ีแข็งแรง การร่วมมือกันผลิตภายในประเทศ
จึงเป็นเรอื่ งจาเปน็
๔) การส่งเสริมการผลิตน้านมข้าวในประเทศจะทาให้คนไทยได้บริโภคในราคาถูกลงและเพิ่มรายได้
แก่เกษตรกร
๕) การผลิตน้านมข้าวช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ดีและส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงความสาคัญ
ของการรกั ษาสุขภาพ
-๑๗-
๒.๕ สงั เกตคาหรือกลุ่มคาแสดงความขดั แยง้ หรอื ตรงขา้ มกนั ท่ีปรากฏในยอ่ หน้า
ปกติแล้วข้อความหรือประโยคแต่ละประโยคที่เรียงต่อกันในย่อหน้านั้นจะมีเนื้อหาเกี่ยวโยง
ต่อเน่ืองสัมพันธ์กัน การลาดับความคิดและการเช่ือมโยงความคิดเป็นไปอย่างมีระเบียบ ชัดเจน “ประดุจนามะลิ
แต่ละดอกมาร้อยเป็นวงรอบจนเป็นพวงมาลัยที่เป็นระเบียบสวยงาม ทาให้ผู้อ่านสามารถติดตามเน้ือเร่ือง
ได้ง่ายไมส่ บั สนวกวน อ่านแล้วได้เนื้อความทีส่ มบูรณแ์ จ่มแจ้ง” (ราตรี ธันวารชร, ๒๕๔๒, น.๘๒)
วิธีหน่ึงที่ทาให้ย่อหน้าเกิดการเช่ือมโยง คือ การใช้คาหรือกลุ่มคาเป็นเคร่ืองเช่ือมความ
คาหรือกลุ่มคาท่ีเป็นเครื่องเช่ือมในย่อหน้าน้ันมีหลายลักษณะ แต่มีคาหรือกลุ่มคาลักษณะหนึ่งท่ีช่วยให้
จบั ใจความสาคัญได้ง่ายข้ึน คือ คาหรือกลมุ่ คาแสดงความขัดแย้งหรือตรงข้ามกัน เช่น แต่ ทว่า แต่หาก แต่ว่า
แต่ทว่า อย่างไรก็ดี ในทางตรงข้าม ในทางกลับกัน ถึงแม้...แต่ ฯลฯ เพราะใจความสาคัญท่ีผู้เขียนต้องการสื่อ
ในย่อหน้านั้นอาจอยูห่ ลงั คาหรอื กลุม่ คาดงั กล่าว
แบบฝึกหดั
๑๗. ขอ้ ใดเป็นชื่อเร่ืองทส่ี อดคลอ้ งกับขอ้ ความต่อไปนี้ (O-NET ม.๓)
กาแพงเมืองจีนสร้างข้ึนมาเพ่ือป้องกันข้าศึก แต่นักประวัติศาสตร์ต่างลงความเห็นว่ากาแพงเมืองจีนน้ัน
ไม่สามารถป้องกันข้าศึกได้ เพราะข้าศึกสามารถโอบล้อมป้อมปราการเข้ามาได้หลายคร้ัง เช่น กองทัพแมนจู
สามารถยกพลข้ามกาแพงมาพิชิตแผ่นดินจีนได้ส่วนหนึ่ง นอกจากกาแพงเมืองจีนจะไม่สามารถป้องกันข้าศึก
ทางบกได้แล้ว เม่ือกองทัพชาตยิ ุโรปยกทพั มาทางทะเล ก็ยังสามารถกดดันให้จีนยอมจานนได้สาเร็จในศตวรรษท่ี ๑๙
๑) ความลม้ เหลวของกาแพงเมอื งจนี ๒) มูลเหตุของการสรา้ งกาแพงเมอื งจีน
๓) กองทัพแมนจผู พู้ ชิ ติ กาแพงเมืองจนี ๔) กาแพงเมอื งจนี กับการปอ้ งกนั ขา้ ศึกทางนา้
จากตัวอย่างข้างต้น เม่ือพิจารณาคาสาคัญจะพบว่า มี ๒ คา คือ คาว่า “กาแพงเมืองจีน” และ “ไม่สามารถ
ป้องกันข้าศึก” ซึ่งส่ือความหมายถึง “ยอมจานน” ด้วย จากน้ันจึงพิจารณาตัดส่วนขยายใจความสาคัญ
ที่ปรากฏ ดงั นี้
(๑) “เพราะข้าศึกสามารถโอบล้อมป้อมปราการเข้ามาได้หลายคร้ัง” เพราะเป็นการให้เหตุผลท่ีสนับสนุน
ข้อความ “นักประวัตศิ าสตร์ต่างลงความเห็นวา่ กาแพงเมอื งจีนนน้ั ไม่สามารถป้องกันขา้ ศึกได้”
(๒) “เช่น กองทัพแมนจูสามารถยกพลข้ามกาแพงมาพิชติ แผ่นดินจีนได้ส่วนหน่ึง” เพราะเป็นการยกตวั อย่าง
สนับสนุนข้อความ “เพราะข้าศกึ สามารถโอบล้อมปอ้ มปราการเข้ามาไดห้ ลายคร้ัง”
กาแพงเมืองจีนสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันข้าศึก แต่นักประวัติศาสตร์ต่างลงความเห็นว่ากาแพงเมืองจีนนั้น
ไม่สำมำรถป้องกันข้ำศึกได้ เพราะข้าศึกสามารถโอบล้อมป้อมปราการเข้ามาได้หลายครั้ง เช่น กองทัพแทนจู
สามารถยกพลขา้ มกาแพงมาพิชิตแผ่นดินจีนไดส้ ่วนหน่ึง นอกจากกาแพงเมืองจนี จะไม่สำมำรถป้องกันข้ำศึก
ทางบกไดแ้ ล้ว เมือ่ กองทพั ชาตยิ โุ รปยกทพั มาทางทะเล ก็ยงั สามารถกดดันใหจ้ ีนยอมจ่ำนนได้สาเร็จในศตวรรษท่ี ๑๙
เม่ือตัดส่วนขยายใจความสาคัญแล้วจะสังเกตได้ว่า ในย่อหน้าน้ีมีการใช้คาว่า “แต่” แสดงความขัดแย้ง
หรือตรงข้ามกันในย่อหน้า ใจความสาคญั ท่ีผู้เขียนต้องการนาเสนอก็คือ “นักประวตั ิศาสตร์ตา่ งลงความเห็นว่า
กาแพงเมืองจีนนั้นไมส่ ามารถปอ้ งกนั ข้าศึกได้”
สว่ นเนื้อหาในตอนทา้ ย “เมื่อกองทัพชาตยิ ุโรปยกทัพมาทางทะเล ก็ยังสามารถกดดันใหจ้ ีนยอมจานน
ได้สาเร็จในศตวรรษที่ ๑๙” ก็เป็นส่วนขยายในลักษณะการยกตัวอย่างเพ่ือสนับสนุนใจความสาคัญให้ชัดเจนขึ้น
กล่าวคอื แสดงให้เห็นว่า กาแพงเมอื งจีนไม่สามารถปอ้ งกันขา้ ศึกท้ังทางบกและทางทะเล
คาตอบของแบบฝึกหัดขอ้ นจ้ี งึ ตอบขอ้ ๑) ความล้มเหลวของกาแพงเมอื งจนี
-๑๘-
๑๘. ขอ้ ใดเปน็ ใจความสาคัญของข้อความตอ่ ไปน้ี (O–NET ม.๓)
คนเราเกิดมาไม่มีใครสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ ต่างต้องพ่ึงพาอาศัยซึ่งกันและกันทั้งนั้น ยิ่งเรารจู้ ักคน
มากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นคนกว้างขวางและจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเราเองมากขึ้นเท่าน้ัน ความสาเร็จทุกอย่างไม่ว่า
จะเป็นทางราชการ ทางการคา้ หรอื ในกิจการส่วนตัว ล้วนข้ึนอยู่กับความกว้างขวางของตัวเราเป็นสาคญั ฉะน้ัน
การมีเพื่อนจึงจาเป็นท่สี ุด เราจะต้องพยายามรจู้ ักคนให้มากที่สดุ เท่าที่จะมากได้โดยไม่ตอ้ งเลอื กวา่ ใครเป็นใคร
แต่วา่ การคบเพือ่ นน้นั มที ง้ั คณุ และโทษ ฉะนัน้ จงึ ตอ้ งระวังใหม้ าก
๑) ทกุ คนต้องพง่ึ พาอาศยั กนั ๒) การคบเพ่อื นจะต้องรอบคอบ
๓) คนเราจะขาดการคบเพ่อื นไมไ่ ด้ ๔) การรู้จักคนมากเปน็ ประโยชน์ในการทางาน
๑๙. ขอ้ ใดเป็นประเด็นสาคญั ของขอ้ ความต่อไปน้ี (O-NET ม.๖)
ฝายชะลอน้าแม้จะไม่ใช่สิ่งก่อสร้างที่จะนาไปใช้แก้ปัญหาน้าท่วมในเมืองหรือน้าท่วมในปริมาณ
มหาศาล แต่ก็จะช่วยชะลอน้าไม่ให้ไหลเร็วเกินไปเพ่ือป้องกันน้าท่วมพ้ืนที่ปลายน้า ฝายจะช่วยเก็บกักน้าให้พื้นท่ี
มีความชุ่มช้ืนได้นาน เป็นแหล่งสารองน้าในหน้าแล้งได้ด้วย การสร้างมิได้ซับซ้อนยุ่งยาก ชาวบ้านก็ช่วยกันสร้างได้
อีกท้ังไม่ต้องตดั ตน้ ไม้ในพน้ื ทที่ ่ีจะสรา้ ง
๑) วธิ ีใชฝ้ ายแกป้ ัญหาน้าท่วม ๒) ประโยชนข์ องฝายชะลอน้า
๓) การแก้ปญั หาน้าท่วมและภยั แลง้ ๔) ฝายชะลอน้ากับการอนุรักษ์ธรรมชาติ
๕) ความร่วมมอื ในการแก้ปญั หาของชุมชน
๒๐. ขอ้ ใดเป็นประเด็นสาคัญของข้อความต่อไปนี้ (O-NET ม.๖)
ไขมันทรานส์เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งได้รับความนิยมมากในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ส่วนมาก
ไขมันทรานส์เกิดจากการปรุงแต่งของมนุษย์ โดยกระบวนการเติมไฮโดรเจนลงในกรดไขมันไม่อ่ิมตัว เช่น น้ามันพืช
เพื่อเปล่ียนสภาพของน้ามันให้แข็งข้ึน ทาให้เก็บได้นาน ไม่มีกลิ่นหืน อย่างไรก็ตามการบริโภคไขมันทรานส์
ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เส่ียงต่อการเกิดโรคหัวใจความดันโลหิตสูงและเบาหวาน องค์การอนามัยโลกประกาศ
รณรงคใ์ ห้ทวั่ โลกยตุ กิ ารใชไ้ ขมันทรานส์ภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๓ หากยตุ ไิ ด้จะช่วยชวี ติ คนไดถ้ ึง ๑๐ ล้านคน
๑) อนั ตรายของไขมันทรานส์ ๒) ปัจจยั เส่ียงการเกิดโรคหวั ใจ
๓) การผลติ อาหารดว้ ยไขมนั ทรานส์ ๔) การรณรงค์ขององค์การอนามยั โลก
๕) การลดอัตราการเสียชวี ติ ของผู้บริโภค
-๑๙-
๒.๖ หากย่อหน้านั้นไม่ปรากฏประโยคใจความสาคัญ ต้องพิจารณาเน้ือความในบริบทอื่น ๆ
โดยเฉพาะข้อความในย่อหน้าก่อนและหลัง โดยนาใจความสาคัญหรือความคิดหลักท่ีกระจายอยู่ในย่อหน้า
น้ัน นามาประมวลและเรยี บเรยี งให้เปน็ ประโยคใจความสาคัญดว้ ยสานวนภาษาของตนเอง
ตัวอย่าง
พืชท่ีคนไทยนารากมาใช้ย้อมผ้า เช่น ขมิ้น ข่า และยอป่า พืชท่ีคนไทยนาลาต้นมาใช้ย้อมผ้า ได้แก่
มะพูด หากใช้เฉพาะส่วนเปลือกน้ันมหี ลายชนิด เช่น กราย ฉาฉา กระหูด โกงกาง ปอแดง และประดู่ ส่วนพืช
ท่ีเรานาแก่นของเนื้อไม้มาใช้ย่อมผ้า คือ ขนุน ขี้เหล็ก และเข พืชท่ีเรานาผลของมันมาใช้ในการย้อมผ้า คือ
กระจาย หว้า มะเกลือ และตะโก เมล็ดจากผลก็สามารถนามาใช้ย้อมผ้าได้ด้วย เช่น คาแสด พืชท่ีเรานาดอก
มาใช้ในการย้อมผ้า คือ อัญชัน และคาฝอย พืชท่ีใบให้สีในการย้อมผ้า ได้แก่ หูกวาง และคราม ซึ่งครามนั้น
นอกจากจะใช้ใบจากตน้ ครามยอ้ มผา้ ได้แล้ว เรายงั สามารถใช้กง่ิ ของมนั ในการยอ้ มผา้ ได้ดว้ ย
(ปรับจาก ดาวรัตน์ ชทู รัพย์, ๒๕๔๗, น.๑๗๔ - ๑๗๕)
จากตวั อยา่ งข้างตน้ เมอ่ื อา่ นย่อหนา้ จบแล้ว ส่งิ ทตี่ ้องพจิ ารณาในการจบั ใจความสาคญั คอื
(๑) ยอ่ หน้าน้ีกล่าวถึงเรอ่ื งอะไร
ค่ำตอบ คือ เรือ่ งเก่ยี วกบั การใช้ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื มาย้อมผา้ ของคนไทย
(๒) พิจารณาหาคาสาคัญของย่อหน้าน้ี
คาสาคัญลักษณะท่ี ๑ ที่ปรากฏซ้า ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบในย่อหน้าคือ คาว่า “พืช” “คนไทย” ซึ่งใน
บางประโยคจะใช้คาว่า “เรา” แทนคาวา่ “คนไทย” และ “ยอ้ มผา้ ”
สว่ นคาสาคญั ลักษณะท่ี ๒ ในยอ่ หน้า คือ คาว่า “ราก” “ลาต้น” “เปลือก” “แกน่ ของเนื้อไม้” “ผล”
“เมลด็ จากผล” “ดอก” “ใบ” และ “กง่ิ ” จะเหน็ ไดว้ ่าทกุ คาน้ันส่ือถงึ ส่วนตา่ ง ๆ ของพืช
(๓) พิจารณาเนอ้ื ความทเ่ี ปน็ ส่วนประกอบคาสาคญั เพ่ือตัดส่วนขยายใจความสาคญั
เนื้อความที่เป็นส่วนประกอบคาสาคัญ คือ การอธิบายให้รายละเอียดเกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของพืช
ที่คนไทยนามาใช้ย้อมผ้า คือ ราก ลาต้น เปลือก แก่นของเนื้อไม้ ผล เมล็ดจากผล ดอก ใบ และกิ่ง ประกอบกับ
การยกตัวอย่างพืชท่ีคนไทยนาส่วนต่าง ๆ แต่ละส่วนนั้นมาใช้ย้อมผ้า สังเกตจากคาว่า “เช่น” “ได้แก่”
และ “คือ” ทัง้ หมดน้ีคือสว่ นขยายใจความสาคัญทต่ี อ้ งตัดท้ิง
(๔) นาใจความสาคัญมาเรียบเรียงเป็นประโยคใจความสาคัญด้วยสานวนภาษาของผอู้ ่าน โดยคงตาม
เน้ือความเดิม จากตัวอย่างข้างต้น ประโยคใจความสาคัญของย่อหน้าน้ีคือ “คนไทยนาส่วนต่าง ๆ ของพืช
มาใช้ย้อมผา้ ”
-๒๐-
๒๑. ฟอร์มาลินหรือสารละลายฟอร์มัลดิไฮด์ ชาวสวนชาวไร่นิยมใช้ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และเชื้อราในดิน
ใช้ทาปุ๋ยและป้องกันการเน่าเสียของพืชผักผลไม้ แต่ส่วนใหญ่เราจะรู้จักในฐานะเป็นส่วนผสมของน้ายาทาความสะอาด
น้ายาล้างจาน น้ายาปรับผ้านุ่ม น้ายาทาความสะอาดพรม แม้กระท่ังในพลาสติกและโฟมก็มีส่วนผสม
ของฟอร์มาลนิ อยู่ด้วยเช่นกัน ในโรงงานทอผ้าก็จะใช้เพ่ือให้ผ้าท่ีทอนั้นไม่ยบั ตามโรงพยาบาลจะใช้เพ่ือฆ่าเชื้อ
ดบั กลิ่น และทาให้ศพไม่เน่า
ใจความสาคัญ คือ __________________________________________________________
๒๒. ชาวอาหรับโบราณเช่ือว่าไข่มุกเป็นน้าตาของเทพเจ้า ชาวโรมันเชื่อว่าไข่มุกก่อรูปร่างมาจากผลึกของ
น้าค้างและหอยกินเข้าไป บางตานานเชื่อว่าไข่มุกมาจากหยาดหยดน้าตาของเทพธิดาองค์หน่ึงซ่ึงสงสาร
ประชาชนผู้ทุกข์ยาก ส่วนชาวอินเดียเชื่อกันว่าเกิดจากฟันของมารตนหน่ึงที่ร่วงหล่นพร่างพรายลงสู่มหาสมุทร
และกลายสภาพเปน็ ไขม่ ุกมีความงามประกายวาววามดงั่ แสงเดอื นท่ีสาดใส่ในคนื เดอื นเพ็ญ
ใจความสาคัญ คือ __________________________________________________________
๒๓. การทาน้าตาลโตนดเริ่มจากทกุ ๆ เชา้ ชาวบ้านจะเกบ็ กระบอกไม้ไผ่ท่ีรองน้าหวานมาทั้งคืนจากช่อดอก
ของต้นตาลหรือท่ีเรียกว่า งวงตาล จากนั้นนาน้าหวานมากรองเอาเปลือกไม้พะยอมออกก่อนที่จะนาไปเคี่ยว
เมื่อเคี่ยวน้าตาลจนงวดได้ท่ี ก็มาถึงขั้นตอนการกวนและตีเพ่ือให้น้าตาลขึ้นตัว แล้วจึงหยอดลงเบ้าหรือพิมพ์
เรามักเห็นกันในรูปครึ่งวงกลมคล้ายถ้วย ชาวบ้านจะเรียกรูปแบบน้ีว่าน้าตาลปึก แต่หากใส่ในภาชนะต่าง ๆ
ก็จะมชี ือ่ เรยี กตามภาชนะท่ใี ส่ เช่น น้าตาลปบ๊ี น้าตาลหมอ้ เป็นตน้
ใจความสาคญั คือ __________________________________________________________
๒๔. การคิดอยากจะมีรถเก๋งไว้ใช้สักคันก็เปรียบดังหนุ่มสาวที่รักกันกาลังคิดจะแต่งงานกัน และหลังจาก
ได้ตกลงปลงใจซื้อรถเก๋งแล้วก็ย่อมดุจหนุ่มสาวคู่น้ันได้แต่งงานแล้วเสร็จมาแรมปี พร้อมมีลูกไว้เชยชมอีกคนหน่ึง
ช่างเป็นส่ิงที่น่าชื่นชมทางใจไมน่ ้อยเลย แต่ส่วนลึกของความชื่นชมน้ัน ท่านต้องเสียค่าใช้จ่ายชนิดปฏิเสธไม่ได้
อย่างมากมายเช่นกัน จนมีคนเปรียบไว้ว่ามีรถเก๋งก็เหมือนมีลูกคนเล็กจะต้องดูแลรักษา บริการ และเอาใจใส่สารพัน
ซ่ึงก็คอื เงนิ เงนิ และกเ็ งินอย่างแนน่ อน
ใจความสาคญั คอื __________________________________________________________
-๒๑-
จำกวิธีกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ ท้ัง ๖ วิธีข้ำงต้น สำมำรถจัดทำเป็นแผนภำพเพ่ือช่วยควำมจำ
เก่ยี วกับวิธกี ำรอำ่ นจับใจควำมสำคญั โดยใชช้ อ่ื วำ่ “บนั ได 6 ขัน้ สู่ควำมสำเร็จในกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั ”
-๒๒-
ตวั อยา่ งแบบฝกึ หัดการอา่ นจบั ใจความสาคัญบทอ่านหลายย่อหน้าและบทอ่านทีม่ ีรูปภาพประกอบ
อ่านขอ้ ความตอ่ ไปนีแ้ ลว้ ตอบคาถาม (O-NET ม.๓)
(๑) สิ่งท่ีมีค่าสูงสุดในชีวิตมนุษย์ก็คือ “ตัวชีวิตเอง” คากล่าวน้ีเป็นความจริงโดยที่ใครไม่อาจปฏิเสธ
แต่ทัง้ ๆ ท่ีรู้ มนุษยก์ ็ปฏิบตั ิกับชีวิตเหมือนไมร่ ู้จักรกั ชีวิต หากจะเปรียบก็คงเป็นเช่นเสนาอมาตย์ ข้าราชบรพิ าร
ของพระมหาชนกที่ชอบรับประทานมะม่วง แต่ขณะเดียวกันกลับโค่นต้นมะม่วงทิ้ง มนุษย์รักชีวิต แต่ปฏิบัติ
ตอ่ ชวี ิตไม่ถูกต้อง ชีวิตอันเป็นสงิ่ สูงค่าย่ิงกว่าสมบตั ิบรรดามีใดทั้งหมดของตน ก็เลยพลอยมอี ันแตกหัก บ่ิน ร้าว
แหลกสลายลงไปกอ่ นวยั อนั สมควร
(๒) น่าเสียดายชีวิตที่ถูกเหว่ียงไปอย่างไร้จุดหมายวันแล้ววันเล่า ล่องลอยไปในกระแสกิน กาม เกียรติ
เหมือนขอนไม้แห้งหรือกอสวะที่ไร้อนาคต แทนที่เราจะเป็นฝ่ายกาหนดชีวิต กลับปล่อยให้ชีวิตถูกกิเลส สังคม
การงาน วัฒนธรรมความหลงผิดมาเป็นฝ่ายกาหนด แทนที่จะเป็นนายของชีวิต กลับกลายเป็นทาสของชีวิต
แทนทีจ่ ะเป็นฝ่ายเลอื กใช้ชวี ติ กลบั ถูกชีวติ ผลักไสไปตามยถากรรม
(๓) ทาไมไม่อนุญาตใหต้ ัวเองได้อยู่เงียบ ๆ คนเดยี วสักระยะหน่ึงแล้วลองไตร่ตรองมองตนดวู า่ หลายขวบปี
ท่ีผ่านมาเราได้ใช้ชีวิตไปให้คุ้มค่ามากหรือน้อยเพียงไร มีสิ่งใดที่ควรแก่ความภูมิใจและมีส่ิงใดควรแก่ความสลด
สังเวชกับการกระทาของตัวเอง พินิจตนด้วยตน สอนตนด้วยตน ดีกว่าให้ใครต่อใครมากมายมาเสี้ยมสอน
ซ่ึงแน่นอนวา่ เรารับฟงั แต่คงไม่มีผลตอ่ ความเปลยี่ นแปลงใด ๆ เหมือนกบั การสอนตนดว้ ยตนเอง
(๔) มนุษย์เกิดมาในโลกอย่างมีความหมาย ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่าหรือเกิดมาเพื่อจะถูกลืม ยกเว้นแต่คนท่ี
พยายามจะทาให้คนอ่ืนลมื ตนเอง ไม้ทกุ ต้น หญ้าทกุ ชนิด ก็เช่นเดียวกับนอตทุกตัวที่ผลิตข้นึ มาเพื่อให้เหมาะสม
กับภารกจิ ใดภารกจิ หนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเสมอ มนุษย์ก็เช่นกนั ต่างมาสโู่ ลกนี้เพื่อจะบาเพ็ญกรณีย์บางอย่าง
บางประการ ซึ่งล้วนแต่มีความสาคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน มนุษย์ทุกคนล้วนมีศักยภาพแฝงเร้นท่ีจะบรรลุ
ภารกจิ ของตนไดอ้ ยา่ งงดงามทั้งสิ้น แต่มนุษย์ตระหนกั รถู้ ึงศักยภาพพิเศษของตนตรงนห้ี รือไม่
(๕) น้าเน่าอาจระเหยกลายเป็นเมฆฝนหล่อเล้ียงผืนโลก กรวดทรายต่าต้อยอาจถูกหล่อหลอมเป็นศิลป์สถาปัตย์
ท่ีทรงคุณค่าระดับสากล ข้ำวเปลือกในนำอาจกลายเป็นสุธารสของพระมหาจักรพรรดิ ลูกกุลีอาจกลายเป็น
เศรษฐีพันล้าน ฯลฯ ขอเพียงมนุษย์ไม่ดูถูกตัวเอง ตระหนักรู้ถึงศักยภาพพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตน แล้วเพียร
เจียระไนชีวิตให้แวววาวพราวพรายด้วยการศึกษาเรียนรู้ ซึมซับเก็บรับบทเรียนจากการงานและการใช้ชีวิต
อย่างสขุ ุมกย็ อ่ มจะมีชีวติ ทคี่ ุม้ ค่า สงบ ร่มเย็น และเปน็ สุขไมย่ ากเยน็
๒๕. ใจความสาคญั ของขอ้ ความท่ีคัดมาให้อ่านคือขอ้ ใด
๑) มนษุ ย์ควรจดั สรรเวลาสว่ นหนึง่ ของชีวติ สาหรบั ตวั เองเพอ่ื ทาความเข้าใจชีวิต
๒) ชีวติ ของมนุษยท์ ุกคนมคี ุณค่าขน้ึ อยู่กับว่ามนุษย์มองเหน็ คณุ คา่ น้ันหรือไม่
๓) คนทีป่ ล่อยชวี ติ ใหเ้ ปน็ ไปตามกิเลสคอื คนทีใ่ ชช้ ีวิตอยา่ งไรจ้ ดุ หมาย
๔) ไม่มีคาสอนของผู้ใดทจ่ี ะดเี ท่าคาสอนทต่ี นเองสอนตนเองดว้ ยตนเอง
๒๖. คาวา่ “ขา้ วเปลอื กในนา” ในยอ่ หนา้ ท่ี ๕ หมายความถึงส่ิงใด
๑) ความภาคภมู ใิ จของมนุษย์ ๒) การใช้ชีวติ อยา่ งสุขมุ ของมนุษย์
๓) ความสามารถพิเศษของมนษุ ย์ ๔) การมีชวี ติ อยา่ งค้มุ คา่ ของมนุษย์
-๒๓-
๒๗. ขอ้ ความขา้ งต้นมีเนือ้ หาใกลเ้ คยี งกับสุภาษิตในข้อใดมากท่ีสดุ
๑) รกั ดหี ามจว่ั รักชว่ั หามเสา ๒) ข้างนอกสกุ ใสขา้ งในเปน็ โพรง
๓) ไมอ้ ่อนดัดงา่ ยไม้แก่ดัดยาก ๔) ช้า ๆ ไดพ้ ร้าสองเลม่ งาม
๒๘. ขอ้ ใดคือจดุ มงุ่ หมายของขอ้ ความนี้
๑) เพอ่ื ยา้ ใหเ้ ห็นความสาคญั ของมนษุ ย์ในฐานะท่ีเป็นสตั ว์สังคม
๒) เพอื่ เชญิ ชวนให้ผู้อ่านทกุ คนหันมาให้ความสาคญั กับการทางาน
๓) เพื่อแนะนาให้หันกลบั มาพจิ ารณาและพัฒนาชีวิตของตนเอง
๔) เพอ่ื สั่งสอนให้ไมล่ ุ่มหลงอยูใ่ นกิเลสและความยั่วยุท้งั ปวง
จงใชข้ อ้ ความต่อไปนีต้ อบคาถาม (O-NET ม.๓)
หินลับมดี
(๑) หนิ ลับมีดก็คลา้ ยกับยางลบ คล้ายกันตรงท่ีมีคู่กรณีจึงจะมคี วามหมาย ถ้าหินลับมีดไม่มมี ีด มันก็คงไม่รู้จะลับอะไร
อาจกลายรา่ งไปเป็นหนิ ทับกระดาษ หินยันประตู หินปาหัวสนุ ขั ไปแทน แต่เพราะโลกน้มี ีมีด จงึ มีหนิ ลับมดี เกดิ ข้ึน
(๒) หินลับมีดเป็นส่ิงของที่มีหน้าตาธรรมดา ๆ เป็นก้อนสี่เหล่ียมดา ๆ ไม่น่าพิสมัยอะไร คงไม่มีใครเอาหินลับมีด
ไปวางโชว์ในห้องรับแขกหรือแขวนไว้หน้าบ้านคู่กับกระถางคุณนายต่ืนสาย มันมักจะถูกซ่อนไว้ในพื้นท่ีท่ีไม่มีใครมองเห็น
แม้ไม่อยากให้ใครเห็น แต่ทุกบ้านที่ทาครัวย่อมมีหินลับมีด บ้านใดไม่มี มีดย่อมไม่คม เมื่อมีดไม่คม แล้วจะห่ันผักหั่นปลา
มาทาอาหารให้อร่อยได้อยา่ งไร
(๓) หากเปรียบการทางานเป็นการหัน่ การเฉอื น หนิ ลับมีดย่อมเป็นอุปกรณ์ที่คอยเตอื นเราให้หยุดพัก ไม่ใชง้ านมีด
หนักจนเกินไป มีด ที่หมายถึงสมอง ความคิด และฝีมือ เพราะถา้ ใช้มาก ๆ อาจจะทื่อเอาได้ มีดทุกเล่มย่อมมีความคม
เป็นคุณสมบัติ แต่พอตัดไปมาก ๆ แล้วอาจตัดไม่ขาด เฉือนไม่ออก ทาให้ต้องออกแรงเยอะ เวลาที่จะใช้มีดเล่มน้ัน
มิควรรอให้ถึงเวลาน้ัน พ่อครัวทด่ี คี วรลับมดี อยู่เสมอ
(๔) การใช้มีดที่ดีคือการบริหารเวลาระหว่างการใช้มีดและการลับมีดให้สมดุล ไม่เอียงไปข้างใดข้างหน่ึง หากมัวแต่
นัง่ ลับมีดจนไม่ทางานทาการก็คงจะไม่มีอาหารกินกัน แน่นอนว่า เวลาทแี่ บ่งไปใช้กับการลบั มีดให้คมข้ึนนั้นไม่ไดน้ ามา
ซ่ึงผลผลิตใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานหรือการเงิน การลับมีดย่อมมิใช่การทาอาหาร การนั่งอ่านหนังสือย่อมไม่ใช่การเขียน
การเรียนภาษาย่อมไม่ใช่การทางาน ทว่ากิจกรรมเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ทาให้มีดคมข้ึน เมื่อมีดคมก็ใช้งานได้ดี
คล่องแคล่วขนึ้ และสนุกขึน้ พอ่ ครวั ทกุ คนยอ่ มร้ดู ีวา่ การมมี ีดทือ่ ๆ อยูใ่ นมือนน้ั มนั น่าอดึ อดั ขนาดไหน
(๕) เมื่อมีดยังต้องการลับ สมองของเราย่อมต้องการการเหลาและขัดเกลาเช่นกัน ในวันที่ทางานหนัก ควรแบ่ง
เวลาพกั มาลับมดี บ้าง การลับมีดนั้นไมต่ ้องกระทาอย่างจรงิ จงั เอาเปน็ เอาตายสามารถลับแบบสบาย ๆ ลับไปผิวปากไป
ก็ยังได้ หินลับสมองมีอยู่ท่ัวไป ท้ังประสบการณ์ใหม่ แรงบันดาลใจใหม่ จากสถานที่ใหม่ ท่ียังไม่เคยไปไม่เคยเห็น
หนังสือหลายเล่มท่ีรอเราเปิดอ่าน หนังดี ๆ หลายเร่ืองที่รอเราไปดู เพลงหลายเพลงที่รอไหลเข้าสู่รูหูของเรา
พพิ ิธภัณฑ์ท่ีน่าสนใจมากมายที่ตง้ั เรียงรายท้ังในเมือง นอกเมือง และเมืองนอก กิจกรรมสมั มนาน่าสนกุ ที่เชิญวิทยากร
ผู้มีประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง รายการทีวีดี ๆ มีสาระ ดีวีดีสารคดีเกี่ยวกับเรื่องท่ีเราสนใจ เว็บไซต์คุณภาพท่ีมีเนื้อหา
น่าอา่ น รวมไปถึงบทสนทนาดี ๆ จากผู้คนรอบ ๆ ตัว
(๖) หินลับสมองก็เช่นเดียวกับหินลับมีด มันวางอยู่ข้าง ๆ ตัว วางอยู่ในครัวใกล้มือ อยู่ที่เราจะมีเวลาหยิบ
มนั ข้นึ มาลบั หรือไม่
-๒๔-
๒๙. ข้อใดคอื จุดประสงค์หลักของเรือ่ ง ๒) เสนอให้ร้จู ักการแบง่ เวลาใหเ้ หมาะสม
๑) แสดงให้เห็นความสาคัญของหินลับมีด ๔) เชิญชวนใหห้ าความบนั เทงิ ให้แก่ชีวิต
๓) แนะนาให้หาแรงบนั ดาลใจในการทางาน
๓๐. จากเนื้อเรื่องข้อใดสรุปไดถ้ ูกต้อง
๑) หินลับมีดเป็นอุปกรณก์ ารทาครัวพน้ื ฐานทีท่ ุกบ้านต้องมี
๒) การลับมีดใหม้ ีความคมอยูเ่ สมอมผี ลกับการทาอาหารให้อร่อย
๓) การพยายามพาตัวให้พน้ จากสภาพความจาเจเปน็ การลับสมอง
๔) สมองตอ้ งการการพกั ผอ่ นและผ่อนคลายจากภาวะตึงเครยี ด
จากภาพท่ีกาหนดให้ใช้ตอบคาถามข้อ ๓๑ - ๓๓ (O-NET ม.๓)
-๒๕-
๓๑. จากข้อมูลทีป่ รากฏในภาพข้อใดสรุปถูกต้อง
๑) ในบรรดาขนมไทยทุกชนดิ ลอดช่องน้ากะทิมีปรมิ าณนา้ ตาลในขนมน้อยทสี่ ดุ
๒) ระหวา่ งทองหยอดกับฝอยทอง หากเลอื กกนิ ฝอยทองจะได้รับปรมิ าณน้าตาลน้อยกว่า
๓) ขา้ วเหนยี วหน้าปลาแหง้ กับหนา้ สังขยามปี ริมาณน้าตาลที่ตา่ งกันเพราะหนา้ ขนมทใ่ี ช้
๔) ข้าวตม้ จ้มิ และขนมกลว้ ยแมจ้ ะมสี ่วนผสมคลา้ ยกัน แต่ขนมกล้วยใชน้ า้ ตาลมากกวา่
๓๒. หากจะใช้ข้อมูลท่ีได้จากภาพเพ่ือพูดสรุปว่า “คนไทยมีแนวโน้มที่จะบริโภคน้าตาลมากขึ้นเป็น ๓ เท่า”
นกั เรียนคดิ ว่าขอ้ มูลทมี่ ีเพียงพอหรอื ไม่ต่อการสรปุ
๑) เพียงพอ เพราะมตี ัวอยา่ งของขนมไทยทีห่ ลากหลายพร้อมบอกปรมิ าณน้าตาลอย่างชดั เจน
๒) เพยี งพอ เพราะเปน็ ข้อมลู ที่ได้จากการวจิ ยั และรายงานโดยหน่วยงานท่มี ีความน่าเชื่อถือ
๓) ไมเ่ พียงพอ เพราะไม่มีข้อมูลท่ีเช่ือมโยงการบรโิ ภคนา้ ตาลกบั ปรมิ าณน้าตาลในรา่ งกาย
๔) ไม่เพียงพอ เพราะเนอ้ื หาทกี่ าหนดใหม้ เี ฉพาะของหวานเทา่ นนั้ ไม่ไดก้ ลา่ วถงึ อาหารชนิดอืน่
๓๓. จากขอ้ มูลท่ไี ด้ ขอ้ ใดเปน็ การเขียนวิจารณ์พฤติกรรมการกนิ ของคนไทยไดเ้ หมาะสมท่สี ุด
๑) คนไทยมนี ิสัยกินหวานมาตั้งแต่อดตี การกนิ หวานจึงเปน็ วฒั นธรรมที่ควรยกเลกิ
๒) ส่วนผสมทช่ี ูรสขนมไทยคอื นา้ ตาล ย่งิ ใสม่ ากขนมก็ยิง่ น่ารบั ประทานและอรอ่ ยมากข้ึน
๓) ความสะดวกในการหาซ้ือขนมหวาน ทาใหก้ ารบริโภคขนมหวานงา่ ยและสะดวกขึน้
๔) ขนมไทยมคี วามหลากหลายจงึ ควรควบคุมปรมิ าณการบรโิ ภคใหเ้ หมาะสมกบั ร่างกาย
3. สงิ่ ที่ควรคำนึงในกำรจบั ใจควำมสำคัญ
การจับใจความสาคัญน้ัน แม้จะมีหลักและวิธีการดังกล่าวแล้ว แต่ทุกคร้ังที่จับใจความสาคัญ
ควรคานึงถงึ ประเดน็ ต่าง ๆ ดงั นี้ (ฐิตริ ัตน์ ลดาวัลย์, ๒๕๕๖, น.๕๖ - ๕๗)
๓.๑ วตั ถปุ ระสงค์
การจับใจความสาคัญควรวิเคราะห์ทุกคร้ังว่า ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์อย่างไรในการส่งสาร
โดยเฉพาะการจับใจความสาคัญจากการอ่านในย่อหน้าท่ีไม่ปรากฏรูปประโยคใจความสาคัญ เพราะจะทาให้
เขา้ ใจสารนน้ั มากขน้ึ ทาให้จับใจความสาคญั ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
๓.๒ ประเภทของสาร
การจับใจความสาคัญของสารแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน เช่น หากจับใจความสาคัญจากข่าว
หรือบันเทิงคดีต่าง ๆ เช่น นวนิยาย เรื่องส้ัน บทละคร การจับใจความสาคัญจะเป็นลักษณะการจับใจความ
รวมของทั้งเร่ือง ไม่จาเป็นต้องจับใจความทีละย่อหน้า หากเน้ือหาสาระมีความยาวมากก็ควรจับใจความเป็น
ตอน ๆ แลว้ จึงนามาประมวลเป็นใจความสาคัญของเร่อื ง
๓.๓ วธิ ีการเขียนของผเู้ ขยี น
ปกติแล้วในหน่ึงย่อหน้าจะมีใจความสาคัญประการเดียว แต่ผู้เขียนบางคนอาจเขียนย่อหน้า
โดยมีใจความสาคัญมากกว่าหน่ึงข้อความ หรือเขียนเป็นย่อหน้าส้ัน ๆ โดยแต่ละบรรทัดจะมีใจความสาคัญ
หรอื ไม่กไ็ ด้ การจับใจความสาคญั ลกั ษณะน้ีควรจบั ใจความสาคัญรวมทัง้ เรื่อง
การจับใจความสาคัญเป็นเรื่องที่ผู้เรียนต้องศึกษาและฝึกฝน โดยต้องเข้าใจวิธีการจับใจความสาคัญ
เข้าใจสารที่ได้รับ ตลอดจนวัตถุประสงค์ของผู้เขียน การจับใจความสาคัญจึงจะบรรลุผล ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหา
และความคิดของผเู้ ขยี น ซึง่ จะเป็นประโยชน์ในการอา่ นขัน้ สงู คอื การอ่านวเิ คราะห์และตีความตอ่ ไป
-๒๖-
บรรณานกุ รม
ฐิติรัตน์ ลดาวัลย์, ม.ล. (๒๕๕๖). “การอ่านจับใจความสาคัญ,” การใช้ภาษาไทย (พิมพ์คร้ังท่ี ๕).
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศลิ ปศาสตร์ ภาควชิ าภาษาไทย. หน้า ๔๗ - ๕๘.
ดาวรตั น์ ชูทรพั ย์. (๒๕๔๗). หนงึ่ รอ้ ยพันผสาน. กรงุ เทพมหานคร : บริษัท นิพลฟิลม์ จากดั .
ถนอมวงศ์ ลา้ ยอดมรรคผล. (๒๕๖๑). การอา่ นใหเ้ ก่ง (พมิ พ์ครงั้ ท่ี ๑๗). นนทบรุ ี: ภาพพมิ พ์.
รัตนา ชาฤทธิ์. (๒๕๔๖). “มูลสถานแห่งราชวงศ์,” ภาษาไทยวันน้ี เล่ม ๗. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภา
ลาดพรา้ ว, หนา้ ๑๗๑ - ๑๗๓.
ราตรี ธันวารชร. (๒๕๔๒). “การเขียนย่อหน้า,” การใช้ภาษาไทย ๑ (พมิ พ์คร้งั ท่ี ๓). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะศลิ ปศาสตร์ ภาควชิ าภาษาไทย. หน้า ๗๕ - ๙๕.
ส.พลายน้อย. (๒๕๖๐). เกดิ ในเรือ. กรงุ เทพมหานคร : พมิ พ์คา.
-๒๗-
กำรจดั กิจกรรมกำรอบรม : ควำมรู้พืน้ ฐำนเกยี่ วกบั กำรอำ่ นจับใจควำมสำคญั
ตำมเทคนคิ บนั ได 6 ข้ัน
-๒๘-
แผนกำรจัดกจิ ก
ควำมรู้พน้ื ฐำนเกี่ยวกับกำรอ่ำนจับใจ
สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด กิจกรรมกำรเรยี นรู้
กำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญเปน็ ทกั ษะพนื้ ฐำน กิจกรรมย่อยที่ 1
ท่ีทุกคนจำเป็นต้องมีเพอ่ื ใชส้ ำหรับรับสำรผำ่ น เทคนคิ บันไดขัน้ ท่ี 1 กำรอ่ำนเร
กำรอ่ำนได้อย่ำงรวดเร็วและถูกต้องตรงประเด็น ข้ันนำ
กำรจับใจควำมสำคัญไดอ้ ย่ำงแมน่ ยำจะช่วยให้ 1. ผู้เข้ำรบั กำรอบรมทดสอบก่อ
ผรู้ ับสำรสำมำรถใชท้ กั ษะทำงภำษำขน้ั สงู ย่งิ ขึ้น ๒. วิทยำกรใหผ้ ้เู ขำ้ รับกำรอบรม
สำมำรถนำใจควำมสำคัญจำกส่งิ ท่ไี ด้อ่ำนมำ กำรเรียนรู้ แล้วกลำ่ วเชอ่ื มโย
วเิ ครำะห์ ตีควำม ประเมนิ ค่ำและนำไปใช้ จับใจควำมสำคัญ เทคนิคบนั
ประโยชน์ในด้ำนตำ่ ง ๆ ได้ ดังนน้ั ทุกคนควรศกึ ษำ ให้จบตงั้ คำถำม 5W1H
และหมน่ั ฝึกฝนทักษะกำรอำ่ นจับใจควำมสำคญั ข้นั ฝึกอบรม
ใหเ้ กิดควำมชำนำญเพ่ือประโยชนต์ อ่ กำรศึกษำ 1. ผเู้ ข้ำรับกำรอบรมตอบคำถำม
และกำรประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจำวนั ตอ่ ไป จำกกำรฟงั เพลงตัวอยำ่ งคำถ
จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1) เพลงนี้กล่ำวถงึ บคุ คล
1. ด้ำนควำมรู้ 2) บคุ คลในเพลงนีท้ ำอะ
เพือ่ ใหผ้ เู้ ขำ้ รับกำรอบรมมีควำมรคู้ วำมเข้ำใจ 3) เหตุกำรณ์ในเพลงน้ีเก
วธิ ีกำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคญั ตำมเทคนิคบนั ได 4) เหตุกำรณ์ในเพลงน้ีเก
5) เหตุกำรณใ์ นเพลงนี้เป
6 ขน้ั 2. ผู้เขำ้ รบั กำรอบรมอำ่ นบทควำ
2. ดำ้ นทกั ษะ
แลว้ แยกส่วนประกอบข้อควำ
เพื่อให้ผูเ้ ขำ้ รบั กำรอบรมมีทักษะกำรอ่ำน 3. วิทยำกรอธบิ ำยเรอ่ื งลกั ษณะข
จบั ใจควำมสำคญั ตำมเทคนคิ บันได 6 ขั้น
-๒
กรรมกำรอบรม
จควำมสำคญั ตำมเทคนคิ บันได 6 ขน้ั
จำนวนชว่ั โมง 6 ชว่ั โมง
แหล่งเรยี นรู้
เอกสำรประกอบกำรอบรมเชิงปฏิบตั ิกำรพัฒนำ
รอ่ื งใหจ้ บ ตงั้ คำถำม 5W1H สมรรถนะกำรอำ่ นข้ันสงู สำหรับนกั เรียน
ช้ันมธั ยมศกึ ษำตอนต้น
อนกำรฝึกอบรม (Pre-Test) สอ่ื
มฟงั เพลงเพื่อกระตนุ้
ยงเข้ำสูบ่ ทเรียนเร่ืองกำรอำ่ น ๑. เพลง
นไดข้นั ท่ี 1 กำรอ่ำนเรื่อง ๒. บทอ่ำนในชดุ ฝกึ อบรม เรื่องตอ่ ไปนี้
๒.๑ งูหำงกระด่ิง
๒.๒ หวั เรือ
มพัฒนำกำรคดิ ๒.๓ พระรำชวัง
ถำม ๒.๔ ผกั และผลไม้
๒.๕ กำแพงเมืองจีน
ลใดบำ้ ง (Who)
๒.๖ หินลบั มีด
ะไร (What)
๓. แบบฝกึ หดั ในชดุ ฝกึ อบรม ขอ้ ๑, ๕, ๙, และ ๑๓
กิดข้ึนเมื่อไร (When)
กิดขึน้ ท่ีไหน (Where) ภำระงำน/ชิ้นงำน
ป็นอย่ำงไร (How) แบบฝกึ หดั ในชดุ ฝึกอบรม
ำมเร่อื ง “งหู ำงกระด่งิ ”
ำม
ของข้อควำมในแต่ละยอ่ หนำ้
๒๙-
ควำมรพู้ ืน้ ฐำนเกี่ยวกับกำรอ่ำนจบั ใจ
3. ดำ้ นควำมเป็นครู/ศึกษำนิเทศก์ 4. วิทยำกรและผเู้ ข้ำรับกำรอบร
เพอ่ื ใหผ้ เู้ ข้ำรับกำรอบรมได้สรำ้ งชุมชน สรุปคำตอบจำกบทอำ่ นเร่ือง
แหง่ กำรเรียนร้ทู ำงวชิ ำชพี (PLC) 5. วทิ ยำกรอธบิ ำยวิธีกำรอำ่ นจับ
ขน้ั ที่ 1 กำรอ่ำนเร่อื งให้จบ ต
ขน้ั สรปุ
ผู้เขำ้ รบั กำรอบรมรว่ มกันอภ
ใจควำมสำคัญ เทคนคิ บันไดขั้นท
ต้งั คำถำม 5W1H
กิจกรรมย่อยที่ 2
เทคนิคบันไดข้นั ท่ี ๒ กำรหำคำส
ขั้นนำ
1. วทิ ยำกรและผเู้ ขำ้ รบั กำรอบร
ควำมรู้เรอื่ งวธิ กี ำรอ่ำนจบั ใจค
ข้ันท่ี 1 กำรอ่ำนเรอื่ งใหจ้ บ ต
2. วทิ ยำกรกล่ำวเชอ่ื มโยงเข้ำส่บู
จับใจควำมสำคัญ เทคนิคบนั
(Key Words)
ข้นั ฝกึ อบรม
1. ผู้เขำ้ รับกำรอบรมร่วมกันอภิป
ของคำวำ่ “คำสำคัญ” (Key W
ของผู้เข้ำกำรอบรม
2. วทิ ยำกรสรุปคำตอบของผู้เขำ้
-๓
จควำมสำคัญตำมเทคนิคบันได 6 ขน้ั
จำนวนช่ัวโมง 6 ชัว่ โมง
รมรว่ มกนั อภปิ รำย กำรวัดและประเมินผล
“งูหำงกระด่ิง”
บใจควำมสำคัญ เทคนคิ บนั ได วิธีกำร เครือ่ งมือ เกณฑ์กำรผำ่ น
ตั้งคำถำม 5W1H
๑. ทดสอบ แบบทดสอบ 1.1 ผเู้ ข้ำรับ
ภปิ รำยสรปุ วิธกี ำรอ่ำนจับ ก่อน - หลงั และเฉลย กำรอบรมได้
ที่ 1 กำรอ่ำนเร่ืองให้จบ กำรอบรม คะแนนหลงั
กำรอบรมร้อยละ
60 ข้ึนไป
ของคะแนนเตม็
สำคัญ (Key Words) 1.2 ร้อยละ 100
ของผรู้ ับกำรอบรม
รมรว่ มกันอภปิ รำยทบทวน 2. สงั เกต แบบสังเกต ทง้ั หมดไดค้ ะแนน
ควำมสำคัญ เทคนิคบันได พฤติกรรม พฤติกรรม หลงั กำรฝกึ อบรม
ตั้งคำถำม 5W1H สงู กว่ำกอ่ น
บทเรียนเรอ่ื งกำรอำ่ น กำรอบรม
นไดขน้ั ที่ ๒ กำรหำคำสำคัญ
รอ้ ยละ 100
ของผรู้ บั กำรอบรม
กำรมี กำรมี ท้ังหมดมีสว่ นร่วม
ปรำยควำมหมำยและลักษณะ สว่ นร่วม สว่ นรว่ ม ในกจิ กรรม
Words) ตำมมุมมอง ในกจิ กรรม ในกิจกรรม
ำรับกำรอบรมแล้วอธิบำย
๓๐-
ควำมรพู้ นื้ ฐำนเกย่ี วกบั กำรอ่ำนจับใจ
วธิ กี ำรอำ่ นจบั ใจควำมสำคัญ
กำรหำคำสำคัญ (Key Words)
3. ผูเ้ ขำ้ รับกำรอบรมอำ่ นบทอำ่ น
แล้วรว่ มกันหำคำสำคัญ (Key
3.1 คำ กลุม่ คำ หรอื ประโยค
สือ่ ควำมหมำยเหมือนกนั
จนจบเรือ่ ง
3.๒ คำ กลมุ่ คำ หรือประโยค
ควำมหมำยเหมอื นกัน ป
จนจบเรื่อง
4. วทิ ยำกรและผู้เข้ำรับกำรอบร
คำตอบจำกกำรหำคำสำคัญ (
“หวั เรือ”
5. ผเู้ ข้ำรับกำรอบรมตอบคำถำม
“หวั เรือ”
๖. ผูเ้ ข้ำรับกำรอบรมทำแบบฝกึ ห
ขั้นสรปุ
ผูเ้ ข้ำรับกำรอบรมร่วมกนั อภ
จบั ใจควำมสำคัญ เทคนคิ บนั ไดข
(Key Words)
-๓
จควำมสำคัญตำมเทคนิคบนั ได 6 ขน้ั
เทคนิคบนั ไดข้ันที่ 2 3. ตรวจ จำนวนชว่ั โมง 6 ชว่ั โมง
) แบบฝกึ หดั
นเรื่อง “หัวเรอื ” แบบฝึกหัด ร้อยละ 80
y Words) ของเร่ือง เชน่ และเฉลย ของผู้รับ
คที่เขยี นเหมือนกนั
น ปรำกฏซำ้ ๆ ตั้งแต่ตน้ กำรอบรม
เฉลยและตรวจ
แบบฝกึ หดั รว่ มกับ
วิทยำกรได้ถกู ต้อง
คทีเ่ ขยี นตำ่ งกนั ส่ือ
ปรำกฏซำ้ ๆ ตั้งแต่ต้น
รมร่วมกันอภปิ รำยสรปุ
(Key Words) ของเร่อื ง
มพฒั นำกำรคดิ เรื่อง
หัดและเฉลยรว่ มกบั วทิ ยำกร
ภิปรำยสรุปวธิ กี ำรอำ่ น
ข้นั ที่ ๒ กำรหำคำสำคัญ
๓๑-
ควำมรูพ้ ื้นฐำนเกีย่ วกับกำรอ่ำนจบั ใจ
กจิ กรรมย่อยท่ี 3
เทคนคิ บันไดข้นั ที่ ๓ กำรตดั สว่ น
ขัน้ นำ
1. วิทยำกรและผ้เู ขำ้ รบั กำรอบร
ควำมร้เู รอ่ื งวิธกี ำรอำ่ นจับใจค
ขนั้ ที่ ๒ กำรหำคำสำคัญ (Key
2. วทิ ยำกรกล่ำวเชื่อมโยงเขำ้ สู่บ
จับใจควำมสำคัญ เทคนิคบัน
ใจควำมสำคัญ
ข้ันฝกึ อบรม
1. ผเู้ ข้ำรับกำรอบรมรว่ มกบั อภิป
ส่วนขยำยของข้อควำมหรือป
๒. วทิ ยำกรสรุปคำตอบของผู้เขำ้
วิธกี ำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ
กำรตัดสว่ นขยำยใจควำมสำค
3. วิทยำกรอธบิ ำยลกั ษณะสำคญั
ใจควำมสำคัญทีส่ ำมำรถตัดอ
ประกอบดงั นี้
๓.๑ กำรให้คำจำกัดควำม
๓.๒ กำรอธิบำยให้รำยละเอีย
๓.๓ กำรให้เหตุผล
๓.๔ กำรยกตวั อย่ำง
-๓
จควำมสำคัญตำมเทคนิคบันได 6 ขั้น จำนวนช่วั โมง 6 ชัว่ โมง
นขยำยใจควำมสำคัญ
รมร่วมกันอภิปรำยทบทวน
ควำมสำคัญ เทคนิคบันได
y Words)
บทเรียนเรื่องกำรอ่ำน
นไดข้ันที่ ๓ กำรตัดสว่ นขยำย
ปรำยเกยี่ วกับลกั ษณะ
ประโยค
ำรบั กำรอบรมแลว้ อธบิ ำย
เทคนิคบนั ไดขน้ั ท่ี 3
คญั
ญของส่วนขยำย
ออกได้ พรอ้ มยกตัวอย่ำง
ยด
๓๒-
ควำมรพู้ ืน้ ฐำนเกย่ี วกับกำรอ่ำนจับใจ
๓.๕ กำรเปรียบเทียบ
4. ผเู้ ข้ำรบั กำรอบรมอ่ำนบทอ่ำน
แลว้ ร่วมกนั พิจำรณำตัดสว่ นข
พรอ้ มท้ังอธบิ ำยเหตุผลในกำร
5. วิทยำกรและผูเ้ ข้ำรบั กำรอบร
สรุปคำตอบจำกกำรตัดสว่ นข
“พระรำชวงั ”
๖. ผเู้ ขำ้ รบั กำรอบรมตอบคำถำม
เรื่อง “พระรำชวงั ”
7. ผูเ้ ข้ำรับกำรอบรมทำแบบฝึกห
ขนั้ สรปุ
ผ้เู ขำ้ รับกำรอบรมรว่ มกนั อภปิ
จบั ใจควำมสำคัญ เทคนคิ บันไดข
ใจควำมสำคญั
กจิ กรรมย่อยท่ี 4
เทคนคิ บันไดขนั้ ท่ี 4 กำรเติมคำ
สำคัญ
ขนั้ นำ
1. วทิ ยำกรและผเู้ ข้ำรบั กำรอบร
วิธีกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ
กำรตดั ส่วนขยำยใจควำมสำค
-๓
จควำมสำคญั ตำมเทคนคิ บนั ได 6 ขั้น จำนวนช่วั โมง 6 ชั่วโมง
นเรือ่ ง “พระรำชวัง”
ขยำยใจควำมสำคัญของเรื่อง
รตดั ข้อควำมนั้น ๆ
รมรว่ มกันอภิปรำย
ขยำยใจควำมสำคญั ของเร่ือง
มพฒั นำกำรคดิ
หัดและเฉลยร่วมกับวทิ ยำกร
ปรำยสรปุ วิธกี ำรอำ่ น
ขน้ั ท่ี ๓ กำรตดั ส่วนขยำย
ำเชื่อมหำส่วนขยำยใจควำม
รมรว่ มกนั อภปิ รำยทบทวน
เทคนิคบันไดขนั้ ท่ี 3
คญั
๓๓-
ควำมรพู้ น้ื ฐำนเก่ยี วกบั กำรอ่ำนจับใจ
๒. ครอู ธิบำยเชือ่ มโยงเขำ้ สู่บทเร
จับใจควำมสำคญั เทคนิคบัน
หำส่วนขยำยใจควำมสำคัญ
ข้นั ฝกึ อบรม
1. วทิ ยำกรและผเู้ ขำ้ รับกำรอบร
และยกตวั อย่ำงคำเชื่อมประโ
2. วิทยำกรสรุปคำตอบของผู้เข้ำ
วิธีกำรอำ่ นจบั ใจควำมสำคัญ
กำรเตมิ คำเชือ่ มหำส่วนขยำย
3. ผู้เข้ำรบั กำรอบรมอำ่ นบทอำ่ น
แล้วตอบคำถำมพัฒนำกำรคดิ
3.๑ ยอ่ หน้ำนีก้ ลำ่ วถึงอะไร
3.๒ ผกั และผลไม้สดเปน็ อยำ่
3.3 เอนไซม์ดังกลำ่ วเปน็ อย่ำ
๔. ผ้เู ขำ้ รบั กำรอบรมเติมคำเช่ือม
ใจควำมสำคญั ของเรอ่ื ง “ผักแ
5. วทิ ยำกรและผู้เขำ้ รับกำรอบร
สรปุ คำตอบจำกกำรเติมคำเช
ส่วนขยำยใจควำมสำคญั ของเ
6. ผเู้ ข้ำรบั กำรอบรมทำแบบฝกึ ห
-๓
จควำมสำคัญตำมเทคนิคบนั ได 6 ขน้ั จำนวนชัว่ โมง 6 ชั่วโมง
รียนเรอ่ื งวธิ กี ำรอ่ำน
นไดขนั ท่ี 4 กำรเตมิ คำเชอื่ ม
รมร่วมกันอภปิ รำย
โยค
ำรบั กำรอบรมแลว้ อธบิ ำย
เทคนคิ บนั ไดขั้นที่ 4
ยใจควำมสำคัญ
นเรื่อง “ผกั และผลไม้”
ดดังน้ี
ำงไร
ำงไร
ม “เพรำะ” เพื่อหำส่วนขยำย
และผลไม้”
รมร่วมกนั อภิปรำย
ชอ่ื ม “เพรำะ” เพื่อหำ
เรอ่ื ง “ผกั และผลไม้”
หดั และเฉลยรว่ มกบั วทิ ยำกร
๓๔-
ควำมรู้พน้ื ฐำนเกี่ยวกบั กำรอ่ำนจบั ใจ
ขั้นสรปุ
ผเู้ ขำ้ รบั กำรอบรมรว่ มกนั อภ
จบั ใจควำมสำคัญ เทคนิคบนั ไดข
หำส่วนขยำยใจควำมสำคญั
กิจกรรมย่อยท่ี 5
เทคนคิ บนั ไดข้ันที่ ๕ กำรสงั เกต
ขน้ั นำ
1. วิทยำกรและผู้เข้ำรับกำรอบร
วธิ กี ำรอำ่ นจับใจควำมสำคัญ
กำรเติมคำเชอื่ มหำสว่ นขยำย
๒. วทิ ยำกรอธบิ ำยเชอื่ มโยงเข้ำส
จบั ใจควำมสำคัญ เทคนิคบนั
คำเชอ่ื มแสดงควำมขดั แยง้
ขน้ั ฝกึ อบรม
1. วิทยำกรและผู้เขำ้ รับกำรอบร
คำเช่ือมท่ีแสดงควำมขดั แย้ง
2. วิทยำกรสรปุ คำตอบของผู้เขำ้
วธิ กี ำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคัญ
กำรสงั เกตคำเช่ือมแสดงควำม
-๓
จควำมสำคญั ตำมเทคนิคบนั ได 6 ขนั้ จำนวนชั่วโมง 6 ชว่ั โมง
ภปิ รำยสรปุ วธิ ีกำรอำ่ น
ขัน้ ที่ ๔ กำรเติมคำเชื่อม
ตคำเชอื่ มแสดงควำมขดั แยง้
รมรว่ มกนั อภิปรำยทบทวน
เทคนคิ บนั ไดขั้นท่ี 4
ยใจควำมสำคญั
สบู่ ทเรียนเรอ่ื งวธิ กี ำรอำ่ น
นไดขน้ั ท่ี ๕ กำรสงั เกต
รมรว่ มกนั อภิปรำยถึงตัวอย่ำง
ำรับกำรอบรม แลว้ อธิบำย
เทคนคิ บนั ไดขน้ั ท่ี 5
มขัดแยง้
๓๕-
ควำมรูพ้ ้ืนฐำนเก่ยี วกับกำรอ่ำนจบั ใจ
๓. วทิ ยำกรอธิบำยเรื่องกำรใช้สัญ
ที่มีควำมหมำยตรงขำ้ มกนั ดงั
3.1 เครือ่ งหมำย + แทนขอ้ ค
3.2 เครื่องหมำย – แทนข้อค
๔. ผเู้ ขำ้ รับกำรอบรมรว่ มกนั ยกต
ที่แสดงควำมหมำยตรงกนั ข้ำ
โดยใชเ้ ครือ่ งหมำย + และ -
๕. ผู้เขำ้ รบั กำรอบรมอ่ำนบทอำ่ น
แล้วตอบคำถำมพัฒนำควำมค
5.1 บทอำ่ นดังกล่ำวกลำ่ วถึง
ขน้ั ท่ี 1 กำรอ่ำนเรอื่ งให
5.2 คำสำคัญของเรอ่ื งมคี ำวำ่
ขนั้ ที่ 2 กำรหำคำสำคัญ
5.3 ข้อควำมใดเป็นสว่ นขยำ
(เทคนิคบันไดข้นั ที่ 3 กำ
ใจควำมสำคญั )
5.4 บทอ่ำนน้ีสำมำรถเติมคำ
ของเร่อื งได้หรือไม่ ถ้ำเต
และเตมิ ลงท่ีใด (เทคนคิ
กำรเติมคำเชือ่ มหำส่วนข
๖. ผู้เข้ำรบั กำรอบรมหำคำเช่ือม
ท่ีปรำกฏในบทอำ่ นเรื่อง “กำ
-๓
จควำมสำคญั ตำมเทคนิคบนั ได 6 ข้นั จำนวนชัว่ โมง 6 ชัว่ โมง
ญลกั ษณ์กำกบั ข้อควำม
งน้ี
ควำมเชงิ บวก/ข้อควำมที่ดี
ควำมเชิงลบ/ข้อควำมทีไ่ ม่ดี
ตัวอย่ำงคำหรือขอ้ ควำม
ำมจำกบทอ่ำนทีก่ ำหนด
กำกบั ข้อควำมดังกลำ่ ว
นเร่อื ง “กำแพงเมืองจีน”
คดิ ดังนี้
งเรอื่ งใด (เทคนคิ บันได
หจ้ บ ตงั้ คำถำม 5W1H)
ำอะไรบำ้ ง (เทคนิคบนั ได
ญ (Key Words))
ำยสว่ นสำคัญของเร่ือง
ำรตัดส่วนขยำย
ำเชอื่ มเพอ่ื หำใจควำมสำคัญ
ติมได้จะเติมคำว่ำอะไร
คบนั ไดข้ันท่ี 4
ขยำยใจควำมสำคัญ)
มแสดงควำมขัดแย้ง
ำแพงเมืองจนี ”
๓๖-
ควำมรู้พืน้ ฐำนเก่ยี วกับกำรอ่ำนจบั ใจ
๗. วิทยำกรและผ้เู ข้ำรับกำรอบร
คำตอบจำกกำรหำคำเช่ือมแส
เพือ่ หำใจควำมสำคญั ของเร่อื
๘. ผเู้ ข้ำรับกำรอบรมทำแบบฝึกห
ขนั้ สรุป
ผเู้ ขำ้ รบั กำรอบรมร่วมกนั อภ
จับใจควำมสำคัญ เทคนคิ บนั ไดข
แสดงควำมขัดแย้ง
กจิ กรรมย่อยท่ี 6
บันไดข้นั ท่ี 6 กำรหำใจควำมสำ
ขน้ั นำ
1. วทิ ยำกรและผ้เู ข้ำรับกำรอบร
วธิ ีกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ
๒. วิทยำกรอธิบำยเชอ่ื มโยงเข้ำส
จับใจควำมสำคญั เทคนิคบนั
สำคัญได้ทุกบทอ่ำน
ขน้ั ฝึกอบรม
1. วิทยำกรอธบิ ำยวิธีกำรอำ่ นใจ
ขนั้ ท่ี 6 กำรหำใจควำมสำคัญ
2. ผู้เขำ้ รับกำรอบรมอำ่ นบทอำ่ น
โดยแตล่ ะยอ่ หน้ำตอบคำถำม
-๓
จควำมสำคญั ตำมเทคนคิ บันได 6 ข้ัน จำนวนช่วั โมง 6 ชว่ั โมง
รมร่วมกันอภิปรำยสรุป
สดงควำมขัดแยง้
อง
หัดและเฉลยร่วมกบั วิทยำกร
ภิปรำยสรุปวธิ กี ำรอำ่ น
ข้ันท่ี ๕ กำรสังเกตคำเช่ือม
ำคัญได้ทกุ บทอำ่ น
รมร่วมกันอภปิ รำยทบทวน
เทคนิคบนั ไดขัน้ ที่ 1 - 5
สู่บทเรียนเรอ่ื งวิธกี ำรอ่ำน
นไดข้ันที่ 6 กำรหำใจควำม
จควำมสำคัญ เทคนคิ บนั ได
ญได้ทกุ บทอ่ำน
นเร่อื ง “หินลบั มดี ”
มพัฒนำกำรคดิ ดังนี้
๓๗-
ควำมรู้พนื้ ฐำนเกี่ยวกบั กำรอ่ำนจับใจ
2.1 ย่อหนำ้ น้กี ล่ำวถงึ เร่อื งอะ
กำรอำ่ นเร่อื งให้จบ ตั้งค
2.2 คำสำคญั ของยอ่ หนำ้ นมี้
ขั้นท่ี 2 กำรหำคำสำคัญ
2.3 ขอ้ ควำมใดเป็นส่วนขยำ
(เทคนิคบันไดขั้นท่ี 3 กำ
สำคัญ)
2.4 ยอ่ หน้ำนสี้ ำมำรถเตมิ คำ
ของเร่อื งได้หรือไม่ ถ้ำเต
และเตมิ ลงที่ใด (เทคนิค
คำเชอื่ มหำส่วนขยำยใจค
3. วิทยำกรและผู้เข้ำรับกำรอบร
สรุปคำตอบจำกคำถำมพัฒนำ
ในแต่ละย่อหน้ำ แลว้ รว่ มกนั ส
ของเร่ือง
ขั้นสรุป
1. ผู้เขำ้ รับกำรอบรมรว่ มกันอภปิ
จบั ใจควำมสำคัญ เทคนิคบัน
ใจควำมสำคญั ได้ทุกบทอำ่ น
2. ผเู้ ขำ้ รบั กำรอบรมทบทวนวิธกี
ตำมเทคนิคบันได 6 ขัน้
๓. ผเู้ ข้ำรบั กำรอบรมทดสอบหล
-๓