43
44
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 12 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4
รหัสวชิ า ว31241
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 27 ชวั่ โมง
รายวชิ า ชีววทิ ยา 1 เวลา 3 ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เซลล์และการทำงานของเซลล์
เรื่อง โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องเซลล์ ภาคเรียนท่ี 1/2565
ครผู ูส้ อน นายชานน โทอิง้
1. สาระการเรียนรูเ้ พิ่มเติมและผลการเรยี นรู้
สาระชวี วทิ ยา
1. เข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์
สารทีเ่ ปน็ องคป์ ระกอบของส่งิ มีชวี ติ ปฏกิ ิริยาเคมใี นเซลล์ของสิง่ มชี วี ิต กล้องจุลทรรศนโ์ ครงสร้างและ
หนา้ ที่ของเซลล์ การลำเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์และการหายใจระดบั เซลล์
ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายโครงสร้างและหนา้ ทีข่ องสว่ นที่ห่อหมุ้ เซลล์ของเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์
2. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ าย และระบุชนดิ และหน้าที่ของออรแ์ กเนลล์
3. อธิบายโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของนวิ เคลยี ส
2. สาระสำคัญ
เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต โครงสร้างพื้นฐานของเซลล์ประกอบด้วยส่วนที่
ห่อหุม้ เซลล์ ไซโทพลาซึมและนิวเคลยี ส เซลล์ท่ัว ๆ ไปมีขนาดและรูปร่างต่างกัน ส่วนมากมีขนาดเล็ก
มากมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ช่วยในการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ
ของโครงสร้างของเซลล์ท่ที ำหนา้ ที่แตกต่างกนั
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. อธบิ ายโครงสร้าง และบอกหนา้ ท่ีสว่ นท่ีห่อหุม้ เซลลข์ องเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์
2. อธบิ าย ระบชุ นดิ และบอกหน้าท่ขี องออร์แกเนลล์
3. อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องนิวเคลยี ส
45
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
1. สืบคน้ ข้อมูลในการศกึ ษาโครงสร้างและหนา้ ท่ีของเซลล์
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
1. มุง่ มน่ั ในการทำงานและรับผดิ ชอบตอ่ งานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
4. สาระการเรียนรู้
1) สว่ นท่หี อ่ หมุ้ เซลล์
2) ไซโทพลาซึม
3) นิวเคลียส
5. การจดั กิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบ 5E
5.1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)
5.1.1 ครูนำเขา้ สู่บทเรียนโดยใช้คำถาม ดงั น้ี
- เมอ่ื ศกึ ษาเซลลข์ องสงิ่ มีชีวิตด้วยกล้องจลุ ทรรศน์ใช้แสง นกั เรียนเห็นโครงสร้างใดของ
เซลล์บา้ ง
(แนวตอบ: ผนังเซลล์ เยอ่ื หมุ้ เซลล์ แวคิวโอล ไซโทพลาซมึ นิวเคลยี ส คลอโรพลาสต์)
- นักเรียนคิดว่าการใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน ศึกษาเซลล์ของ
สิ่งมีชวี ติ ผลการศึกษาเปน็ อย่างไร
(แนวตอบ: พบโครงสร้างอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากที่สังเกตได้จากล้องจุลทรรศน์ใช้แสง และเห็น
รายละเอยี ดของโครงสร้างตา่ ง ๆ ได้มากข้ึน)
5.1.2 ครูนำเสนอภาพเซลล์ประสาท เซลล์เม็ดเลือดขาว และพารามีเซียม ซึ่งเป็นตัวอย่าง
ของเซลล์ยูแคริโอต ใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับ สง่ิ มีชวี ติ ยูแครโิ อต (eukaryote)
(แนวตอบ: คือสิ่งมีชีวิตที่ประกอบไปด้วยโครงสร้างพื้นฐาน คือ ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม
และนวิ เคลยี ส ทำให้มกี ารแบง่ แตล่ ะสว่ นของเซลล์ไปทำหน้าที่เฉพาะอย่าง)
46
5.1.3 จากนั้นครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อให้นักเรียนสรุปให้ได้ว่า เซลล์เป็นหน่วย
พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เพราะเซลล์เป็นหนว่ ยทีเ่ ลก็ ที่สุดของสิง่ มีชีวิตซึง่ ประกอบด้วยโครงสรา้ ง
ภายในเซลล์ที่ทำางานร่วมกัน โดยเซลล์มีโครงสร้างพื้นฐานแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ห่อหุ้ม
เซลล์ ไซโทพลาซมึ และนิวเคลียส
5.2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration)
5.2.1 นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน
5.2.2 ครใู หน้ ักเรียนศึกษาภาพแสดงรปู รา่ ง ลักษณะ และโครงสรา้ งของเซลล์สาหรา่ ยสไปโร
ไจรา แลว้ ใหน้ ักเรยี น ร่วมกันอภปิ ราย โดยมีแนวคำถาม ดังน้ี
- จากภาพส่วนใดบา้ งทเ่ี ปน็ สว่ นห่อหุม้ เซลล์
47
(จากการอภิปรายนักเรียนควรสรุปได้ว่า ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์ คือ ส่วนของผนังเซลล์ และเยื่อหุ้ม
เซลล์)
5.2.3 ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเซลล์ โดยนำเสนอวิดีโอ เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เพ่อื ศึกษาโครงสร้างและหน้าท่ขี องเซลล์
5.2.4 ครใู หน้ กั เรยี นสืบค้นในอนิ เทอรเ์ น็ตหรือในหนังสอื เรียนเกี่ยวกบั องค์ประกอบของ
เซลลโ์ พรคาริโอตและเซลลย์ ูคาริโอต จากนัน้ ใหน้ ักเรียนศกึ ษาองค์ประกอบของเซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์
5.2.5 ครูให้นักเรยี นทำใบงาน เรือ่ ง เซลล์
5.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
5.3.1 ครอู ธิบายเพมิ่ เติมและนำสรปุ องค์ความรู้ ดงั นี้
1) Cell (เซลล์)
- Cell คอื หน่วยของสิง่ มีชวี ติ ซ่งึ จะมรี ปู รา่ งและขนาดแตกตา่ งกนั ออกไป
- ทฤษฎีของเซลล์ตั้งโดยTheodor Schwann และ Matthias Jakob Schleiden มีใจความ
ว่า “ส่ิงมีชวี ติ ท้งั หลาย ประกอบข้นึ ด้วยเซลล์ และเซลล์คือหน่วยพ้นื ฐานของชวี ติ ทุกชนดิ ”
- สาระสำคัญ 3 ประการจากทฤษฎเี ซลล์
1. ส่ิงมชี ีวติ ทงั้ หลายอาจมีเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ และภายในเซลลม์ ีสารพันธุกรรมและ
มกี ระบวนการเมแทบอลิซึมทำให้สิง่ มีชีวติ น้นั ดำรงอยู่ได้
2. เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตที่มีการจัดระบบการทำงานภายใจเซลล์
และโครงสร้างของเซลล์
48
3. เซลลต์ ่าง ๆ มีกำเนิดมาจากเซลลเ์ ร่ิมแรกโดยการแบ่งเซลลข์ องเซลล์เดิม
- การแบ่งประเภทของเซลล์ ตามลักษณะของนิวเคลยี ส
แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1) เซลล์โพรคาริโอต (Prokaryotic Cell) 2) เซลล์ยูคาริโอต (Eukaryotic
Cell)
1) เซลล์โพรคารโิ อต (Prokaryotic Cell)
• พบในเซลลข์ องสิ่งมีชีวิตชนั้ ต่ำได้แก่
• แบคทเี รยี
• สาหรา่ ยสเี ขียวแกมนา้ เงนิ
• ไมโครพลาสมา (Mycoplasma)
• มีเย่ือหุ้มเซลล์
• ไม่มเี ย่ือห้มุ นวิ เคลียส
• สารพนั ธุกรรมภายในเซลลอ์ ยู่ในสภาพทเี่ รยี กวา่ นิวคลอี อยด์ (Nucleoid)
• ภายในไซโตพลาซึมมีออร์แกเนลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้ม คือ ไรโบโซม ซึ่งเป็นก้อนเล็ก ๆ
ทำหน้าท่ีสังเคราะหโ์ ปรตีน
2) เซลล์ยคู ารโิ อต (Eukaryotic Cell)
• พบในส่งิ มชี วี ิตชน้ั สูงทว่ั ไป เชน่ เห็ด รา พืช และสตั ว์
• มสี ว่ นทีห่ ่อหุ้มเซลล์
• มีเยือ่ หมุ้ นวิ เคลยี ส
• ภายในนิวเคลยี สมี Chromosome หลายอัน
• มีออรแ์ กเนลล์หลายชนิด
ขอ้ แตกต่างของเซลล์พืชกบั เซลล์สตั ว์
• เซลล์พืชมักมี vacuole (ชอ่ งว่างในไซโตพลาซึม)
• เซลลพ์ ชื บางเซลลจ์ ะมี Chloroplast ซงึ่ มหี น้าทสี่ งั เคราะหแ์ สง
• เซลล์พืชมีผนังเซลล์หนา ภายในมีเซลลโู ลสและลิกนินทำให้ลำต้นพืชแขง็ แรง
49
2) โครงสร้าง ลกั ษณะ และหนา้ ทข่ี องเซลล์
โครงสร้างของเซลล์ ลกั ษณะ หนา้ ท่ี
ส่วนทห่ี อ่ ห้มุ เซลล์
ผนงั เซลล์ ประกอบดว้ ยเซลลโู ลสไมโครไฟบริล เพิ่มความแข็งแรง และทำให้เซลล์
และสารอื่นๆ มีช่องเล็กๆ เรียกว่า คงรปู ร่างได้
พลาสโม- เดสมาตา
เยือ่ หุ้มเซลล์ เย่ือบางๆ ประกอบด้วยฟอสโฟลิพิด ห่อห้มุ ไซโทพลาซึม ควบคมุ การผา่ น
เปน็ ส่วนใหญ่ เข้า-ออกของสาร
ไซโทพลาซมึ
ร่างแหเอนโดพลาซมึ ท่อแบนที่มีบางส่วนโป่งออกเป็นถุง สงั เคราะหโ์ ปรตนี ไขมนั และ
แต่ละท่อเรียงขนานซ้อนกันเป็นชั้น สเตอรอยด์ฮอร์โมน
และเชอื่ มต่อกนั
ไรโบโซม มขี นาดเลก็ ไม่มเี ยอ่ื หุ้ม สรา้ งโปรตนี และเอนไซมบ์ างชนดิ
ไลโซโซม เป็นเวสิเคิลท่ีสรา้ งมาจากกอลจิคอม ย่อยสารและสลายโครงสรา้ งเซลลเ์ ม่ือ
เพลก็ ซ์ เซลลต์ าย
ไมโทคอนเดรยี มีรูปร่างหลายแบบ อาจรูปร่างกลม เป็นแหลง่ สรา้ งพลังงานภายในเซลล์
เป็นแท่งสน้ั ๆ หรอื คอ่ นข้างยาว
กอลจคิ อมเพลก็ ซ์ ถุงกลมแบนที่บริเวณขอบโป่งพอง จัดจำแนกสารท่ีผลิตจากร่างแหเอน
ออก แตล่ ะถุงเรยี งซ้อนกนั เป็นชน้ั โด-พลาซึม แล้วส่งไปบริเวณต่างๆ
ของเซลล์
พลาสทิด เป็นออร์แกเนลที่มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น มี เ ป ็ น แ ห ล ่ ง ส ร ้ า ง อ า ห า ร แ ล ะ
DNA และไรโบโซม พบในเซลล์พืช ออกซิเจนให้กับสิ่งมีชีวิต ละมีสี
และโพรทิสตบ์ างชนดิ ตา่ งกนั
แวคิวโอล เป็นถุงที่มีเยื่อหุ้มชั้นเดียว ภายในมี สะสมสารต่างๆ เช่น สารสี ไอออน
สารตา่ งๆ บรรจุอยู่ รกั ษาสมดุลนำ้ เก็บสะสมอาหาร
เพอร็อกซิโซม เป็นถงุ ทมี่ เี ยื่อหมุ้ 1 ชนั้ รปู รา่ งกลม รวบรวมสารที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยา
ที่ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และ
เอนไซมต์ ่าง ๆ
เซนทริโอล คล้ายท่อทรงกระบอก 2 อัน วางตั้ง แยกโครมทิดออกจากกันในระหวา่ ง
ฉากกัน แต่ละอันประกอบด้วยไม การแบ่งเซลล์
โครทบู ูล 9 ชุด ชุดละ 3 ทอ่
50
ไซโทสเกเลตอน เส้นใยโปรตีนที่เชื่อมโยงกันเป็น ค้ำจุนเซลล์ เป็นที่ยึดเกาะของออร์
รา่ งแห แกเนลล์ และลำเลียงออร์แกเนลล์
ไซโทซอล เป็นส่วนของไซโทพลาสซืมมี เป็นท่อี ย่ขู องออรแ์ กเนลตา่ ง ๆ
ลกั ษณะเปน็ สารกงึ่ แขง็ ก่ึงเหลว
นิวเคลียส
นวิ เคลยี ส ทรงกลมอยู่บริเวณกลางเซลล์ หรือ ค ว บ ค ุ ม ก า ร แ บ ่ ง เ ซ ล ล ์ แ ล ะ
เยื่อหมุ้ นวิ เคลยี ส คอ่ นไปขา้ งใดขา้ งหนึง่ กระบวนการเมแทบอลซิ ึมของเซลล์
นวิ คลโี อลัส เย่ือหุม้ 2 ช้นั และมีชอ่ งเลก็ ๆ เป็นทางผ่านของสารระหว่าง
โครมาทิน
นิวเคลียสและไซโทพลาสซมึ
ไมม่ ีเย่ือหุ้ม เก่ยี วข้องกับการสงั เคราะห์โปรตีน
ประกอบด้วยโปรตีนและ DNAที่ขด ควบคุมการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันกนั ไปมาในนิวเคลยี ส พันธุกรรม
5.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครนู ำเสนอวิดีโอเรื่อง ไซโคลซิสในสาหรา่ ยหางกระรอก
5.4.2 ครูอธิบายเกี่ยวกับวิดีโอดังกล่าว (ไซโคลซิส (cyclosis) คือการเคลื่อนที่ของโปรโตพ
ลาสตใ์ นเซลล์ ชว่ ยในการลำเลยี งสารอาหาร สารเมตาโบไลต์ สารพันธุกรรม และอื่นๆ ไปใหท้ ั่วถงึ สว่ น
ต่างๆ ภายในเซลล์ การศึกษาไซโคลซิสในเซลล์พืช นิยมใช้สาหร่ายหางกระรอก ( Hydrilla
verticillata (L.f.) Royle พืชน้ำในวงศ์ HYDROCHARITACEAE เพราะมีใบบางขนาดเล็ก สามารถ
51
มองเซลล์ใบท่ียังมชี วี ติ และเห็นคลอโรพลาสต์เคลื่อนท่ีผ่านกล้องจลุ ทรรศน์ได้ง่าย สภาพทางกายภาพ
ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดไซโคลซิส เช่น ความเข้มแสง อุณหภูมิ และ ค่าความเป็นกรด-ด่างภายในเซลล์
ไซโคลซสิ อาจเกิดขึ้นเม่ือแสงมีความเข้มข้นมากทางด้านใดด้านหน่ึงของเซลล์ จงึ เกิดการเคลื่อนที่ของ
สารตา่ ง ๆ รวมทงั้ คลอโรพลาสตไ์ ปเพอ่ื เพิ่มการสังเคราะห์แสง)
5.5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
5.5.1 สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งเรียนของนกั เรยี น
5.5.2 สงั เกตการตอบคำถาม
5.5.3 สังเกตการทำงานรว่ มกนั ภายในกล่มุ
5.5.4 ตรวจใบงาน เรื่อง เซลล์
6. ส่ือ/อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้
6.1 หนงั สอื เรียนรายวชิ าเพิ่มเตมิ ชีววิทยา 1
6.2 ภาพเซลล์ประสาท เซลล์เม็ดเลอื ดขาว พารามเี ซยี ม และสาหรา่ ยสไปโรไจรา
6.3 Power Point เร่อื ง เซลล์
6.4 วดิ โี อ เร่ือง เซลลข์ องสิง่ มีชีวติ
(https://www.youtube.com/watch?v=LTjMC7yJY-s)
วดิ โี อ เรือ่ ง ไซโคลซสิ ในสาหรา่ ยหางกระรอก
(https://www.youtube.com/watch?v=ozWeuyQFBxs)
6.5 ใบงาน เร่อื ง เซลล์
52
53
แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คลชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/4
เร่ือง โครงสรา้ งและหน้าที่ของเซลล์
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผ้เู รียนมีพฤติกรรมในระดบั พอใช้
ชอ่ื -สกุล รายการประเมิน คะแนน รอ้ ยละ สรุปผลการ
รวม ประเมนิ
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรบั
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอน่ื
ทำงาน คิดเห็น
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่ผา่ น
1 นายมารุต มุกดามว่ ง
2 นายภวู เนศวร์ ทองเพ็ง
3 นายนิธกิ ร จนั ทรเสนา
4 นายวีระชยั บญุ ทนั เสน
5 นายสุวรรณภมู ิ พมิ พา
6 นายวิศรตุ สุขเกษม
7 นายกฤษฎา เทพศิลา
8 นายชนิ กร หาญธงชัย
9 นายพทุ ธินันท์ วันโน
10 นายศภุ ชยั ตยิ บุตร
11 นางสาวน้ำทพิ ย์ ศรสี ธุ รรม
12 นางสาววชิรญาณ์ สำคัญควร
13 นางสาวศุภัชญา องั คนิตย์
14 นางสาวอมรรัตน์ จงใจเทศ
15 นางสาวผกาพร กญั ญาเถอื่ น
16 นางสาวภาวิณี ปลกู ฝัง
17 นางสาวอรัญญา หาญธงชยั
18 นางสาวกนกพร ศรีหาวงษ์
19 นางสาววยุธดิ า วิเศษทอง
20 นางสาววรนิ ทร์ญา โพธ์ใิ บงาม
21 นางสาวชลธิชา กินารกั ษ์
22 นางสาวเทียนหอม พันธย์ าง
54
ช่อื -สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมนิ
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรบั
ในการ ความ ในการทำงาน ฟงั คนอ่นื
ทำงาน คดิ เห็น
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไมผ่ า่ น
23 นางสาวอรัญญา อาจเจริญ
24 นางสาววิญาดา สมิ มาแก้ว
25 นางสาวสภุ าพชิ ญ์ ปัญจะสลี า
26 นางสาวกัญญาพชั ร อาจจำปา
27 นางสาวศศธิ ร สงวนนาม
28 นางสาวชนนิพา อนิ ทกลุ
29 นางสาวธญั ญารตั น์ จันทร์ธานี
30 นางสาวอภิญญา ทอนศรี
31 นางสาวภษู ิตา วปิ ระทมุ
32 นางสาวธญั รดา พานเมอื ง
33 นางสาวจดิ าภา ไทยสทิ ธิพงษ์
34 นางสาวชนสิ รา อัตะวิชา
35 นางสาวพรนภา อนุ่ อก
36 นางสาวเยาวเรศ เสนคำ
37 นางสาวสิริภรณพ์ นั ธ์ บุญภา
38 นางสาวอรจริ า กาแกว้ มิตมาน
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขนึ้ ไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกวา่ ร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอ่ื .........................................ผู้สอน
(นายชานน โทอง้ิ )
วันที.่ ...........เดือน........................พ.ศ..............
55
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นท่ีประเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว นใหญ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยเู่ สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเป็นบางครง้ั
คำตอบ
การเสนอความคิดเหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพดู กล้าแสดงออกที่จะพดู
แสดงออกที่จะพูดใน ในสิ่งที่ถูกห ร ื อ ดี ในส่งิ ทถี่ กู หรือดี
สง่ิ ที่ถกู หรอื ดี บางคร้ัง
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมือในการ ส่วนใหญ่ให้ คว าม ให้ความร่วมมือในการ
ทำงาน ทำงานกล่มุ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลมุ่ และ
ปฏิบัติงานท่ีสมาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบัติงานทีส่ มาชิกใน
กลมุ่ มอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทุกครั้ง มอบหมายได้ บางครง้ั
การยอมรับฟังคนอน่ื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แ ต ่ บ า ง ค ร ั ้ ง จ ะ ยึด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเหน็ ของตน ตนแตฝ่ ่ายเดียว
เดียว
56
แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคลชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4/6
เร่อื ง โครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของเซลล์
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดับพอใช้
ชอื่ -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ยละ สรปุ ผลการ
รวม ประเมนิ
ความใส่ใจ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟงั คนอ่นื
ทำงาน คดิ เหน็
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่ผ่าน
1 นายเชิดเกยี รติ เพ็ชรนาดี
2 นายอภิสทิ ธ์ิ บุตรวงศ์
3 นายวรภพ คณู เทกอง
4 นายกสวิ ัฒน์ คำวันดี
5 นายภรู ิพฒั น์ ศิรธิ ร
6 นายวรี ะพล นามลาย
7 นายสกุ ฤษฎิ์ เทภาศกั ดิ์
8 นายกติ ติพงศ์ ศรลี าลดั
9 นายณฎั ฐชัย สวุ รรณขาว
10 นางสาวสภุ ัสสรา แช่มชอ้ ย
11 นางสาวธันยรัตน์ ผดั แสน
12 นางสาวชลมาศ หาญณรงค์
13 นางสาวณัฐธิดา ปสั บนั
14 นางสาวพชั ปรยี า ทองสุทธิ
15 นางสาวอาทิตยา จนั ทร์สทิ ธิ์
16 นางสาวพชิ ญาภา แกน่ ประชา
17 นางสาวศริ ิประภา ใหมค่ ามิ
18 นางสาวเมษา พลเสนา
19 นางสาววาทยิ า รวมวงศ์
20 นางสาวศวิ พร ชมชยั รัตน์
21 นางสาวอาภสั รา โสภาดี
22 นางสาวกุลธดิ า โพธิท์ รพั ย์
57
ช่อื -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
ความใส่ใจ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรบั
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอน่ื
ทำงาน คิดเห็น
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไมผ่ ่าน
23 นางสาวญดาพร จนั ทจร
24 นางสาวนภสั วรรณ พูลทวี
25 นางสาวหทั ยา พรมขาว
26 นางสาวอธิตมิ า ใตช้ มภู
27 นางสาวอรุณี ขาวกุญชร
28 นางสาวรัตติกาล นึกชอบ
29 นางสาวอจั จิมาภรณ์ รตั นโกเมศ
30 นางสาวณัฐติกานต์ จันทรเสนา
31 นางสาวนรศิ รา นามทวย
32 นางสาวพรภริ มย์ บญุ ภาตระกูล
33 นางสาวไพรนิ ทร์ เสนานชุ
34 นางสาวภารุจีร์ เสาแคน
35 นางสาวสุตาภทั ร เพชรทองเกลีย้ ง
เกณฑก์ ารประเมิน
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชื่อ.......................................ผู้สอน
(นายชานน โทอง้ิ )
วันท.ี่ ...........เดอื น........................พ.ศ..............
58
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเดน็ ที่ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน
321
ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว นใหญ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอย่เู สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครงั้
คำตอบ
การเสนอความคิดเหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกทีจ่ ะพดู กล้าแสดงออกทีจ่ ะพดู
แสดงออกที่จะพูดใน ในสิ่งที่ถูกห ร ื อ ดี ในสง่ิ ทถ่ี ูกหรอื ดี
ส่งิ ที่ถูกหรือดี บางครงั้
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมือในการ ส่วนใหญ่ให้ คว าม ให้ความร่วมมือในการ
ทำงาน ทำงานกลุ่มและ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ตั ิงานทีส่ มาชกิ ใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏิบัติงานที่สมาชิกใน
กล่มุ มอบหมายด้วย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอื่น ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แ ต ่ บ า ง ค ร ั ้ ง จ ะ ยึด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคดิ เห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดยี ว
เดียว
59
60
61
62
63
64
65
66
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
รหสั วชิ า ว31241
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 27 ช่วั โมง
รายวชิ า ชวี วิทยา 1 เวลา 3 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เซลลแ์ ละการทำงานของเซลล์
เรอ่ื ง การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ 1 ภาคเรียนท่ี 1/2565
ครผู ้สู อน นายชานน โทอิ้ง
1. สาระการเรียนรู้เพิม่ เตมิ และผลการเรยี นรู้
สาระชีววทิ ยา
เข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ สารที่เป็น
องค์ประกอบของสิง่ มชี วี ิต ปฏิกริ ยิ าเคมใี นเซลลข์ องส่งิ มชี ีวิต กลอ้ งจุลทรรศน์โครงสร้างและหน้าที่ของ
เซลล์ การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ การแบง่ เซลลแ์ ละการหายใจระดับเซลล์
ผลการเรยี นรู้
อธิบายและเปรียบเทียบการแพร่ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทตและแอกทีฟทราน
สปอร์ต
2. สาระสำคญั
เซลล์มีการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ โดยมีการควบคุมทั้งชนิดและปริมาณสารที่ผ่าน
เข้าออก เยื่อหุ้มเซลล์ทำาหน้าท่ีเป็นเย่ือเลือกผา่ นในการลำาเลียงสารดังกล่าว โดยสมบัติของสารและ
สมบัติของโครงสร้างต่างๆ ของเยื่อหุ้มเซลล์มีความสัมพันธ์กับวิธีการลำเลียงสาร เช่น การแพร่แบบ
ธรรมดา ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซิลิเทต แอกทฟี ทรานสปอร์ต เอกโซไซโทซสิ เอนโดไซโทซสิ
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1. อธิบายและเปรียบเทียบการแพร่ ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทตและแอกทีฟทราน
สปอร์ต
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
1. สบื ค้นข้อมลู การแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซลิ ิเทตและแอกทีฟทรานสปอรต์
3.3 ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. มุ่งมั่นในการทำงานและรบั ผิดชอบตอ่ งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
67
4. สาระการเรียนรู้
1) การแพรแ่ บบธรรมดา
2) ออสโมซสิ
3) การแพร่แบบฟาซลิ ิเทต
4) แอกทีฟทรานสปอรต์
5. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบ 5E
5.1 ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement)
5.1.1 ครนู ำเสนอภาพดอกไม้ทถ่ี ูกแช่ไว้ในแจกัน พร้อมกับตงั้ คำถามนักเรียนวา่
- ทำไมเราต้องแช่ดอกไม้ในน้ำหลังจากที่ตดั แลว้ (แนวคำตอบ: เพราะวา่ จะช่วยยืดอายุ
และการบานของดอกไม้)
- ถ้าหากเราไม่แช่ดอกไม้จะเกิดอะไรขึ้น (แนวคำตอบ: ดอกไม้จะเหี่ยวเฉาเพราะไม่มี
การลำเลยี งน้ำและสารอาหาร)
5.1.2 หลังจากนั้น ครูฉีดน้ำหอมพรมบริเวณร่างกาย หลังจากนั้นครูตั้งคำถามว่า นักเรียนได้
กลิ่นน้ำหอมที่ครูฉีดหรือไม่ (แนวคำตอบ: ได้กลิ่น) ครูถามอีกว่า ครูฉีดน้ำหอมอยู่ตรงหน้าห้อง ทำไม
กลิ่นน้ำหอมถึงกระจายไปทั่วบริเวณห้องเรียน (แนวคำตอบ: เพราะมีการกระจายตัวของอนุภาค
ภายในสสาร จากบริเวณทม่ี คี วามเข้มข้นสูงไปยังบรเิ วณท่ีมีความเข้มข้นตำ่ ทำให้กล่ินนำ้ หอมกระจาย
ทว่ั ห้อง แต่วา่ จะไดก้ ล่ินความหอมที่แตกตา่ งกนั ตามการกระจายของกลนิ่ )
68
5.2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
5.2.1 นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 7-8 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน
5.2.2 ครแู บ่งหวั ข้อใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ ศึกษาข้อมลู ดงั ต่อไปน้ี โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มจับ
สลากหวั ขอ้ ท่ีแตล่ ะกลุ่มจะได้รับมอบหมาย
กล่มุ ท่ี 1 ศกึ ษาเก่ียวกับการแพร่
กลุ่มที่ 2 ศกึ ษาเกี่ยวกับออสโมซิส
กล่มุ ท่ี 3 ศกึ ษาเกย่ี วกบั การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต
กลุ่มที่ 4 ศกึ ษาเกี่ยวกับแอกทฟี ทรานสปอร์ต
5.2.3 ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาลงในกระดาษบรู๊ฟ และ
ออกแบบวธิ ีการนำเสนอข้อมูล
5.3 ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
5.3.1 ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอองค์ความรูท้ ไี่ ด้จากการศกึ ษา หนา้ ช้นั เรยี น
5.3.2 ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมและนำสรปุ องคค์ วามรู้ ดงั นี้
1) การแพร่แบบธรรมดา (simple diffusion) เป็นการเคลื่อนที่ของอนุภาคของ
สารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นสูงไปยังบรเิ วณที่มีความเขม้ ข้นต่ำ ซึ่งการเคลือ่ นที่ของอนุภาคน้ันเกดิ
จากพลังงานจลน์ในอนุภาค ทำให้อนุภาคเคลื่อนที่ชนกันโดยบังเอิญและกระจายไปทุกทิศทุกทาง
จนทำให้ทุกบริเวณมีความเข้มข้นของอนุภาคเท่ากัน เรียกว่า ภาวะสมดุลของการแพร่ (diffusion
equilibrium) สารที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ละลายในไขมันได้ดี และไม่มีขั้ว จะเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์โดย
การกระบวนการแพร่ไดด้ ี และมอี ัตราการแพร่ผ่านเยือ่ ห้มุ เซลลไ์ ด้ดีด้วย
การแพร่ของสารที่พบในชีวิตประจำวัน เช่น การแพร่ของน้ำหอมในอากาศ การแพร่ของควัน
ธูป การเติมน้ำตาลลงในกาแฟ เป็นต้น
69
2) ออสโมซิส (osmosis) เป็นการแพร่ของโมเลกุลน้ำจากบริเวณที่มีน้ำมาก (ความ
เข้มขน้ ของสารต่ำ) ไปบริเวณทีม่ ีน้ำน้อยกวา่ (ความเข้มข้นสูง) โดยผา่ นเยอ่ื บาง ๆ ท่ีเรียกว่าเย่ือเลือก
ผา่ น
3) การแพรแ่ บบฟาซิลเิ ทต (facilitate diffusion) เปน็ การเคล่ือนที่ของสารผ่านเย่ือ
ห้มุ เซลลโ์ ดยอาศัยโปรตีนเป็นตวั นำพา มที ิศทางการเคล่ือนที่ของสารจากบรเิ วณท่มี ีความเข้มข้นสูงไป
ยังบริเวณที่มีความเข้มข้นต่ำ โดยไม่อาศัยพลังงาน ซึ่งมีอัตราการแพร่เร็วกว่าการแพร่แบบธรรมดา
เช่น การลำเลียงไอออนบางชนิด การแพร่ของกลูโคสเข้าไปยังเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งปกติกลูโคสซึม
ผ่านเยื่อห้มุ เซลล์ได้ยาก เนอ่ื งจากมีโมเลกุลขนาดใหญ่ และไมล่ ะลายในไขมนั
4) การลำเลียงแบบใช้พลังงาน หรือ แอกทีฟทรานสปอร์ต (active transport) เป็น
การลำเลียงสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นต่ำไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นสูง โดยใช้พลังงานในรูป
ATP ที่ได้จากกระบวนการเมแทบอลิซึม และอาศัยโปรตีนตัวพาเช่นเดียวกับการแพร่แบบฟาซิลิเทต
เช่น การดดู ซมึ อาหาร การดดู กลับสารท่ที ่อหนว่ ยไต และป๊ัมโซเดยี ม โพแทสเซียม
70
5.4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนเคยนอนโรงพยาบาลแล้วเคยได้รับน้ำเกลือหรือไม่
(แนวคำตอบ: นักเรียนบางส่วนอาจจะตอบว่าเคย ส่วนหนึ่งอาจจะไม่เคย) แล้วนักเรียนเคยสังเกต
หรือไม่ว่า ทำไมคนที่ให้น้ำเกลือถึงมีลักษณะบวม (แนวคำตอบ: นักเรียนส่วนใหญ่จะตอบว่าน้ำเกลือ
จะทำใหเ้ ซลลใ์ นรา่ งกายบวมและมนี ำ้ หนกั เพิม่ มากข้ึน)
5.4.2 หลังจากที่ครูได้ฟังและรวบรวมคำตอบจากนักเรียน ครูจึงเฉลยเรื่องข้อเท็จจริงการให้
น้ำเกลือแก่เด็กใหม่ เพื่อเป็นการปรับองค์ความรู้ใหม่แก่นักเรียน (แนวคำตอบ: ผู้ที่นอนป่วยจนถึงขัน้
ต้องให้น้ำเกลือทำไมถึงมีอาการบวมที่ร่างกายและใบหน้า ซึ่งมีคำตอบอยู่ว่าคือ เนื่องจากขณะที่เรา
ป่วยเราอาจไม่สามารถรับประทานอาหารได้เป็นจำนวนมากด้วยสาเหตุจากมักมีอาการที่ทำให้ทาน
อาหารได้น้อยลง หรือลำบากมากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งระบบการย่อยอาหารและหากอวัยวะที่ทำ
หน้าที่ขับน้ำออกจากร่างกายทำงานได้ไม่ปกติ อาจทำให้ผู้ป่วยท่านนั้นมีอาการบวมน้ำได้นั่นเอง
และจริง ๆ ภาวะนก้ี จ็ ะหายไปในไมน่ าน)
5.5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
5.5.1 สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งเรียนของนักเรยี น
5.5.2 สังเกตการตอบคำถาม
5.5.3 สงั เกตการทำงานรว่ มกันภายในกลมุ่
5.5.4 ครูให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง เปรียบเทียบการแพร่ธรรมดา ออสโมซิส การแพร่
แบบฟาซลิ เิ ทตและแอกทีฟทรานสปอร์ต
71
6. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้
6.1 หนังสอื เรยี นรายวิชาเพม่ิ เติม ชวี วิทยา 1 ม.4
6.2 ภาพดอกไม้ในแจกัน
6.3 Power Point เรื่อง การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ 1
6.4 กระดาษบรฟู๊
6.5 ใบงาน เรอื่ ง เปรียบเทียบการแพร่ธรรมดา ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซลิ เิ ทตและ
แอกทีฟทรานสปอร์ต
72
73
แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคลชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4/4
เรอื่ ง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ 1
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดบั พอใช้
ช่ือ-สกุล รายการประเมิน คะแนน รอ้ ยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมอื การยอมรบั
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอนื่
ทำงาน คดิ เหน็
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่ผ่าน
1 นายมารุต มุกดามว่ ง
2 นายภวู เนศวร์ ทองเพ็ง
3 นายนิธกิ ร จันทรเสนา
4 นายวรี ะชยั บุญทนั เสน
5 นายสุวรรณภูมิ พิมพา
6 นายวศิ รตุ สุขเกษม
7 นายกฤษฎา เทพศลิ า
8 นายชนิ กร หาญธงชยั
9 นายพุทธินันท์ วันโน
10 นายศภุ ชยั ตยิ บตุ ร
11 นางสาวนำ้ ทพิ ย์ ศรีสุธรรม
12 นางสาววชิรญาณ์ สำคญั ควร
13 นางสาวศุภชั ญา อังคนติ ย์
14 นางสาวอมรรัตน์ จงใจเทศ
15 นางสาวผกาพร กัญญาเถอ่ื น
16 นางสาวภาวณิ ี ปลูกฝัง
17 นางสาวอรญั ญา หาญธงชยั
18 นางสาวกนกพร ศรีหาวงษ์
19 นางสาววยธุ ดิ า วิเศษทอง
20 นางสาววรินทร์ญา โพธิ์ใบงาม
21 นางสาวชลธชิ า กนิ ารักษ์
22 นางสาวเทียนหอม พนั ธย์ าง
74
ช่อื -สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมนิ
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอ่นื
ทำงาน คดิ เห็น
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไมผ่ า่ น
23 นางสาวอรัญญา อาจเจริญ
24 นางสาววิญาดา สมิ มาแก้ว
25 นางสาวสภุ าพชิ ญ์ ปัญจะสลี า
26 นางสาวกัญญาพชั ร อาจจำปา
27 นางสาวศศธิ ร สงวนนาม
28 นางสาวชนนิพา อนิ ทกลุ
29 นางสาวธญั ญารตั น์ จันทร์ธานี
30 นางสาวอภิญญา ทอนศรี
31 นางสาวภษู ิตา วปิ ระทมุ
32 นางสาวธญั รดา พานเมอื ง
33 นางสาวจดิ าภา ไทยสทิ ธิพงษ์
34 นางสาวชนสิ รา อัตะวิชา
35 นางสาวพรนภา อนุ่ อก
36 นางสาวเยาวเรศ เสนคำ
37 นางสาวสิริภรณพ์ นั ธ์ บุญภา
38 นางสาวอรจริ า กาแกว้ มิตมาน
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขนึ้ ไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกวา่ ร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอ่ื .........................................ผู้สอน
(นายชานน โทอง้ิ )
วันที.่ ...........เดอื น........................พ.ศ..............
75
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ประเด็นท่ปี ระเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
ความใสใ่ จในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว นใหญ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอย่เู สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเป็นบางครง้ั
คำตอบ
การเสนอความคิดเหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพดู กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ในสิ่งที่ถูกห ร ื อ ดี ในส่งิ ทถี่ กู หรือดี
สิง่ ที่ถูกหรือดี บางครง้ั
ความรว่ มมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ส่วนใหญ่ให้ คว าม ให้ความร่วมมือในการ
ทำงาน ทำงานกล่มุ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลมุ่ และ
ปฏบิ ัตงิ านทส่ี มาชกิ ใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบัติงานทีส่ มาชิกใน
กลุ่มมอบหมายดว้ ย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเตม็ ใจทกุ คร้ัง มอบหมายได้ บางครง้ั
การยอมรับฟงั คนอืน่ ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แ ต ่ บ า ง ค ร ั ้ ง จ ะ ยึด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคดิ เหน็ ของตน ตนแตฝ่ ่ายเดียว
เดียว
76
แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คลชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4/6
เร่อื ง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ 1
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถึง ผ้เู รียนมีพฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดับพอใช้
ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน รอ้ ยละ สรปุ ผลการ
รวม ประเมิน
ความใส่ใจ การเสนอ ความร่วมมอื การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟงั คนอืน่
ทำงาน คิดเหน็
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่ผ่าน
1 นายเชิดเกยี รติ เพช็ รนาดี
2 นายอภิสิทธิ์ บตุ รวงศ์
3 นายวรภพ คูณเทกอง
4 นายกสวิ ัฒน์ คำวนั ดี
5 นายภูริพฒั น์ ศริ ธิ ร
6 นายวรี ะพล นามลาย
7 นายสกุ ฤษฎ์ิ เทภาศกั ดิ์
8 นายกติ ตพิ งศ์ ศรีลาลัด
9 นายณัฎฐชัย สุวรรณขาว
10 นางสาวสุภสั สรา แชม่ ชอ้ ย
11 นางสาวธนั ยรตั น์ ผดั แสน
12 นางสาวชลมาศ หาญณรงค์
13 นางสาวณัฐธิดา ปสั บนั
14 นางสาวพชั ปรยี า ทองสทุ ธิ
15 นางสาวอาทิตยา จันทรส์ ิทธ์ิ
16 นางสาวพชิ ญาภา แก่นประชา
17 นางสาวศริ ิประภา ใหม่คามิ
18 นางสาวเมษา พลเสนา
19 นางสาววาทยิ า รวมวงศ์
20 นางสาวศวิ พร ชมชัยรตั น์
21 นางสาวอาภสั รา โสภาดี
22 นางสาวกลุ ธิดา โพธ์ิทรพั ย์
77
ช่อื -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
ความใส่ใจ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอนื่
ทำงาน คิดเห็น
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไมผ่ ่าน
23 นางสาวญดาพร จนั ทจร
24 นางสาวนภสั วรรณ พูลทวี
25 นางสาวหทั ยา พรมขาว
26 นางสาวอธิตมิ า ใตช้ มภู
27 นางสาวอรุณี ขาวกุญชร
28 นางสาวรัตติกาล นึกชอบ
29 นางสาวอจั จิมาภรณ์ รตั นโกเมศ
30 นางสาวณัฐติกานต์ จันทรเสนา
31 นางสาวนรศิ รา นามทวย
32 นางสาวพรภริ มย์ บญุ ภาตระกูล
33 นางสาวไพรนิ ทร์ เสนานชุ
34 นางสาวภารุจีร์ เสาแคน
35 นางสาวสุตาภทั ร เพชรทองเกลีย้ ง
เกณฑก์ ารประเมิน
รอ้ ยละ 75 ข้ึนไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกวา่ รอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชื่อ.......................................ผู้สอน
(นายชานน โทอง้ิ )
วันท.ี่ ...........เดอื น........................พ.ศ..............
78
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเดน็ ที่ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน
321
ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว นใหญ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอย่เู สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครงั้
คำตอบ
การเสนอความคิดเหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกทีจ่ ะพดู กล้าแสดงออกทีจ่ ะพดู
แสดงออกที่จะพูดใน ในสิ่งที่ถูกห ร ื อ ดี ในสง่ิ ทถ่ี ูกหรอื ดี
ส่งิ ที่ถูกหรือดี บางครงั้
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามร่วมมือในการ ส่วนใหญ่ให้ คว าม ให้ความร่วมมือในการ
ทำงาน ทำงานกลุ่มและ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏบิ ตั ิงานทีส่ มาชกิ ใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏิบัติงานที่สมาชิกใน
กล่มุ มอบหมายด้วย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางคร้ัง
การยอมรับฟังคนอื่น ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แ ต ่ บ า ง ค ร ั ้ ง จ ะ ยึด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคดิ เห็นของตน ตนแต่ฝ่ายเดยี ว
เดียว
79
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
ชอ่ื กลุ่ม...............................................................................................................ชนั้ ............................
รายชือ่ สมาชกิ 1. .............................................................................................เลขท่ี...........................
2. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขท่ี...........................
5. .............................................................................................เลขที่...........................
6. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
7. .............................................................................................เลขท.ี่ ..........................
8. .............................................................................................เลขท่ี...........................
คำชี้แจง จงทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั รายการประเมิน โดยจำแนกระดับคะแนนไวเ้ ป็น
3 ระดบั คะแนน ดังนี้
3 คะแนน หมายถงึ ดี
2 คะแนน หมายถงึ ปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ พอใช้
ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น
32 1
1 การเตรียมความพร้อม
2 เนื้อหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน
3 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา
4 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุม่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 75 ขนึ้ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชือ่ ........................................ผสู้ อน
(นายชานน โทอ้ิง)
วันที่............เดือน........................พ.ศ.............
80
81
82
ใบงาน
เรือ่ ง เปรยี บเทยี บการแพร่ธรรมดา ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทตและแอกทฟี ทรานสปอร์ต
จดุ ประสงค์: เปรียบเทียบการแพร่แบบธรรมดา ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต และแอก
ทฟี ทรานสปอรต์ เหมือนหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร
ประเด็น การแพร่แบบ ออสโมซิส การแพร่ แอกทฟี ทรานส
ธรรมดา แบบฟาซิลิเทต ปอรต์
กลไกการลำเลียง
ทศิ ทางการลำเลยี ง
พลังงานจาก ATP
ชื่อ....................................................................................................เลขท.่ี .............. ....หอ้ ง...................
83
เฉลยใบงาน
เรอ่ื ง เปรียบเทยี บการแพร่ธรรมดา ออสโมซิส การแพร่แบบฟาซลิ เิ ทตและแอกทีฟทรานสปอรต์
จุดประสงค์: เปรยี บเทยี บการแพร่แบบธรรมดา ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซลิ ิเทต และแอก
ทีฟทรานสปอร์ตเหมือนหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร
ประเดน็ การแพร่แบบ ออสโมซิส การแพร่ แอกทฟี ทรานส
ธรรมดา แบบฟาซิลิเทต ปอร์ต
กลไกการลำเลยี ง เคลือ่ นผ่าน ผา่ นเยื่อบาง ๆ ที่ ใช้โปรตีน ใช้โปรตีน
ระหว่าง เรยี กวา่ เยอ่ื เลอื ก ลำเลยี ง ลำเลียง
โมเลกลุ ในชัน้ ลพิ ิด ผ่าน
ทศิ ทางการลำเลยี ง จากบรเิ วณทม่ี ี การแพร่ของ จากบรเิ วณทม่ี ี จากบริเวณที่มี
ความเข้มข้นของ โมเลกลุ นำ้ จาก ความเข้มขน้ ความเข้มขน้
สารสูงไปยงั บริเวณทมี่ นี ำ้ มาก ของสารสูงไป ของสารต่ำไป
บริเวณที่มีความ (ความเข้มขน้ ของ ยังบรเิ วณทม่ี ี ยังบรเิ วณทม่ี ี
เขม้ ขน้ ของสารต่ำ สารตำ่ ) ไปบรเิ วณ ความเขม้ ขน้ ความเขม้ ขน้
ทม่ี นี ำ้ นอ้ ยกว่า ของสารตำ่ ของสารสูง
(ความเข้มขน้ สงู )
พลงั งานจาก ATP ไมใ่ ช้ ไม่ใช้ ไม่ใช้ ใช้
84
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 14 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4
รหัสวชิ า ว31241
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 27 ชวั่ โมง
รายวิชา ชีววิทยา 1 เวลา 3 ชวั่ โมง
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เซลล์และการทำงานของเซลล์
เร่ือง การลำเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์ 2 ภาคเรยี นที่ 1/2565
ครผู ู้สอน นายชานน โทอง้ิ
1. สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เตมิ และผลการเรยี นรู้
สาระชวี วิทยา
1. เข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์
สารทเี่ ปน็ องคป์ ระกอบของสิง่ มชี ีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลลข์ องสง่ิ มชี วี ิต กล้องจลุ ทรรศน์โครงสร้างและ
หนา้ ทขี่ องเซลล์ การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์และการหายใจระดับเซลล์
ผลการเรยี นรู้
สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนภาพการลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่ออกจากเซลล์ด้วย
กระบวนการเอกโซไซโทซิสและการลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่เข้าสู่เซลล์ด้วยกระบวนการ
เอนโดไซโทซสิ
2. สาระสำคัญ
เซลล์มีการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ โดยมีการควบคุมทั้งชนิดและปริมาณสารที่ผ่าน
เข้าออก เยื่อหุ้มเซลล์ทำาหน้าที่เป็นเยื่อเลือกผา่ นในการลำาเลียงสารดังกล่าว โดยสมบัติของสารและ
สมบัติของโครงสร้างต่างๆ ของเยื่อหุ้มเซลล์มีความสัมพันธ์กับวิธีการลำเลียงสาร เช่น การแพร่แบบ
ธรรมดา ออสโมซสิ การแพรแ่ บบฟาซลิ ิเทต แอกทฟี ทรานสปอรต์ เอกโซไซโทซสิ เอนโดไซโทซิส
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1. อธิบายการลำเลียงสารโมเลกุลใหญอ่ อกจากเซลล์ด้วย กระบวนการเอกโซไซโทซิสและการ
ลำ เลยี งสารโมเลกลุ ใหญ่เข้าส่เู ซลล์ด้วยกระบวนการ เอนโดไซโทซสิ
3.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
1. เขยี นแผนภาพการลำเลยี งสารโมเลกลุ ใหญ่ออกจากเซลล์ด้วย กระบวนการเอกโซไซโทซิส
และการลำเลียงสารโมเลกลุ ใหญเ่ ขา้ สู่เซลล์ดว้ ยกระบวนการ เอนโดไซโทซิส
85
3.3 ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. มงุ่ มั่นในการทำงานและรบั ผิดชอบต่องานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
4. สาระการเรียนรู้
1) การลำเลยี งสารโดยการสร้างเวสิเคลิ
2) เอกโซไซโทซสิ
3) เอนโดไซโทซสิ
5. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบ 5E
5.1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
5.1.1 ครูกล่าวทบทวนเกี่ยวกับเรื่องการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์จากเรื่องที่แล้วว่า
สารทสี่ ามารถผา่ นเยื่อหุ้มเซลลไ์ ด้ มกั จะมีขนาดเล็ก เชน่ น้ำ กลโู คส ไอออนบางชนิด เป็นตน้
5.1.2 ครูตั้งคำถามกับนักเรียนว่า สารขนาดใหญ่สามารถลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์
อย่างไร (แนวคำตอบ: เซลล์สามารถนำสารขนาดใหญ่เข้าหรือออกจากเซลล์โดยการสร้างถุงหรือเวสิ
เคลิ จากเยอ่ื หมุ้ เซลล์เพื่อล้อมรอบสารทีต่ อ้ งการลำเลยี ง)
5.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
5.2.1 นกั เรียนแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 4-5 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน
5.2.2 ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาเรือ่ ง การลำเลียงสารโดยการสร้างเวสิเคิล จากหนังสือ
เรยี นรายวชิ าเพิม่ เติม ชวี วิทยา 1 การลำเลียงสารโดยการสรา้ งเวสิเคลิ ประกอบด้วย (1) การนำสาร
เขา้ สูเ่ ซลล์ (Endocytosis) (2) การนำสารออกสู่นอกเซลล์ (Exocytosis)
5.2.3 ครูให้นักเรียนออกแบบเขียนแผนภาพการลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่ออกจากเซลล์ด้วย
กระบวนการเอกโซไซโทซิสและการลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่เข้าสู่เซลล์ด้วยกระบวนการเอนโด
ไซโทซิสลงในกระดาษท่ีครูแจกให้ เพอ่ื นำเสนอหนา้ ช้นั เรียน
5.3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
5.3.1 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอแผนภาพการลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่ออกจาก
เซลล์ด้วยกระบวนการเอกโซไซโทซิสและการลำเลียงสารโมเลกุลใหญ่เข้าสู่เซลล์ด้วยกระบวนการ
เอนโดไซโทซิส หนา้ ชัน้ เรียน
86
5.3.2 ครอู ธิบายเพิม่ เตมิ และนำสรุปองค์ความรู้ ดงั นี้
สารบางชนิดมีโมเลกุลใหญ่และไม่สามารถสร้างผ่านเยื่อหุ้มเซลล์โดยวิธีการแพร่หรือ
การลำเลียงแบบใช้พลังงานได้ แต่จะมีการเคลื่อนไหวโดยการสร้างเวสิเคิลจากเยื่อหุ้มเซลล์
การลำเลียงโดยวธิ ีนมี้ ี 2 แบบ คือ เอกโซไซโทซิส (Exocytosis) และเอนโดไซโทซสิ (Endocytosis)
1) เอกโซไซโทซิส (Exocytosis) เป็นกระบวนการเคลื่อนที่ของสารที่มีขนาดใหญ่
หรือของเหลวภายในเซลล์ ที่อยู่ในรูปของเวสิเคิล (vesicle) ส่งออกนอกเซลล์ อาจจะเป็นเวสิเคิลที่มี
โปรตีนหรือเอนไซม์อยู่ภายในเพื่อนำออกไปใช้นอกเซลล์ หรือเวสิเคิลที่เป็นของเสียหรือสิ่งที่ไม่มี
ประโยชน์ต่อเซลล์เพื่อขับออกนอกเซลล์ ซึ่งของเสียเหล่านี้เกิดจากการย่อยของไลโซโซม เช่น กาก
อาหารทเี่ หลือจากการยอ่ ยของเซลล์
2) เอนโดไซโทซิส (Endocytosis) เป็นการเคล่ือนท่ีของสารขนาดใหญจ่ ากภายนอก
เซลล์เข้าไปภายในเซลล์โดยที่เยื่อหุ้มเซลล์จะมีลักษณะเว้าเข้าไป มี 3 รูปแบบ คือ พิโนไซโทซิส
ฟาโกไซโทซสิ และการนำสารเข้าสเู่ ซลล์โดยอาศัยตัวรับ
พิโนไซโทซิส (pinocytosis) ลักษณะของเยื่อหุ้มเซลล์จะเป็นถุงเว้า
(pinocytotic vesicle) เข้าไปในเซลลจ์ ำนวนมาก สารจากภายนอกเซลล์จะเขา้ ไปอยู่ในถุง แลว้ ถงุ น้ัน
จะโอบลอ้ มสารนนั้ ไวจ้ นคอดหลุดเขา้ ไปในเซลล์เรยี กส่วนน้ีว่า เวสิเคลิ (vesicle) เชน่ เซลลท์ ี่หนว่ ยไต
ฟาโกไซโทซิส (phagocytosis) เป็นการลำเลียงอนุภาคของสารโมเลกุลใหญ่ที่
เข้าสู่เซลล์ โดยเยื่อหุ้มเซลล์จะสร้างซูโดโพเดียม (pseudopodium) หรือเท้าเทียม ลักษณะเป็นถุง
ขนาดใหญ่ จะเกดิ ขน้ึ เม่ือเซลล์สิ่งมีชวี ิตน้ันใช้เท้าเทียมโอบล้อมสารโมเลกุลใหญน่ ้ันจนคอดหลุดเข้าไป
87
ในไซโทพลาซึมของเซลลแ์ ละเกิดเวสเิ คลิ ขนาดใหญ่ ซ่งึ เรยี กว่า ฟูด้ แวคิวโอล (food vacuole) จากนัน้
เอนไซมใ์ นไลโซโซมกจ็ ะออกมาย่อยสลายสารน้ัน เชน่ การจับเชอ้ื โรคพวกแบคทีเรยี ของเม็ดเลือดขาว
การนำสารเข้าสู่เซลล์โดยอาศัยตัวรับ (receptor-mediated endocytosis)
เป็นเอนโดไซโทซิสที่ใช้ตัวรับ (receptor) เฉพาะที่ผิวของเยื่อหุ้มเซลล์ ตัวรับทำหน้าที่จับสารก่อน
จากนั้นจึงเกิดการเว้าของเยื่อหุ้มเซลล์ แล้วเกิดเป็นถุง vesicle ซึ่งใช้พลังงานในรูป ATP จากเซลล์
โดยสารท่ลี ำเลยี งตอ้ งมีความจำเพาะจับกับตวั รับ เชน่ การนำฮอร์โมนบางชนดิ เขา้ สเู่ ซลล์
3) ครูนำเสนอวิดีโอ เรื่อง คิดนอกจอ : คลิปเม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรค
เพือ่ ให้นักเรียนเข้าใจในองคค์ วามร้มู ากยง่ิ ขึน้
88
5.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการลำเลียงสารของเซลล์ต้องขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ
ดงั นี้
1) ขนาดของสาร สารที่มีโมเลกุลขนาดเล็กจะสามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ดีกว่าสารที่
โมเลกุลใหญ่
2) ความสามารถในการละลายในไขมัน สารที่ละลายในไขมันได้ดีจะผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
ไดง้ า่ ยกวา่ สารทไ่ี มล่ ะลายในไขมนั
3) สภาพขั้วของสาร สารที่ไม่มีขั้วจะผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ได้ดีกว่าสารท่ีมีข้ัว เพราะสารที่
ไมม่ ขี ัว้ จะละลายไดด้ ใี นไขมันท่เี ป็นองคป์ ระกอบของเย่ือหมุ้ เซลล์
4) สารอิเล็กโทรไลต์ สารละลายที่เป็นอิเล็กโทรไลต์จะแพรผ่ ่านเย่อื หมุ้ เซลล์ไดช้ า้ กกว่า
สารท่ีไมเ่ ปน็ อิเล็กโทรไลต์
5) จำนวนโปรตีนตัวพาและพลังงานในเซลล์ หากเยื่อหุ้มเซลล์มีโปรตีนตัวพาจำนวน
มากและมีพลังงานในเซลล์สูง เซลลน์ ้นั จะสามารถลำเลยี งผ่านเย่อื หมุ้ เซลล์ได้ดี
5.5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation)
5.5.1 ครตู ง้ั คำถามกับนักเรยี น ดังน้ี
- การลำเลียงสารขนาดใหญ่ออกจากเซลล์ ทำได้โดยใช้สมบัติใดของเยื่อหุ้มเซลล์
(แนวคำตอบ: สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ กระบวนการลำเลียงสารขนาดใหญ่ออกจากเซลล์ เรียกว่า
เอกโซไซโทซิส โดยสารจะถูกบรรจุในถุงเวสิเคิล ซึ่งถุงนี้จะเคลื่อนที่ไปรวมตัวกับเยื่อหุ้มเซลล์
แล้วเย่ือหุ้มเซลล์จะแยกตัวเปิดเป็นช่องสู่ภายนอกเซลล์ ซึ่งเป็นสมบัติหนึง่ ของเยื่อหุ้มเซลล์ที่สามารถ
เปลีย่ นแปลงรปู รา่ งได้)
- หากรา่ งกายได้รบั เช้อื โรคชนิดหนึ่งทางผวิ หนงั ร่างกายจะใช้เซลล์ใดและกระบวนการ
ใดในการจำกัดเชื้อโรคดังกล่าว (แนวคำตอบ: เม็ดเลือดขาว โดยกระบวนการฟาโกไซโทซิส เซลล์เม็ด
เลือดขาวจะทำหน้าท่ีจำกัดเชื้อโรคนัน้ ด้วยการยื่นไซโทพลาสซึมออกไปล้อมรอบเชื้อโรคอล้วนำเขา้ สู่
เซลลเ์ พ่อื ให้เกดิ การย่อยสลายภายในเซลล์)
89
6. สือ่ /อุปกรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้
6.1 หนงั สือเรียนรายวชิ าเพม่ิ เติม ชีววทิ ยา 1 ม.4
6.2 กระดาษบรู๊ฟ
6.3 Power Point เรือ่ ง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ 2
6.4 วดิ โี อ เร่อื ง คิดนอกจอ : คลิปเม็ดเลอื ดขาวทำหนา้ ท่ที ำลายเชอื้ โรค
https://www.youtube.com/watch?v=RndN3Ni7LXo
90
91
แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคลชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4/4
เรอื่ ง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ 2
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤติกรรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมในระดบั พอใช้
ช่ือ-สกุล รายการประเมิน คะแนน รอ้ ยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมอื การยอมรบั
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอนื่
ทำงาน คดิ เหน็
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่ผ่าน
1 นายมารุต มุกดามว่ ง
2 นายภวู เนศวร์ ทองเพ็ง
3 นายนิธกิ ร จันทรเสนา
4 นายวรี ะชยั บุญทนั เสน
5 นายสุวรรณภูมิ พิมพา
6 นายวศิ รตุ สุขเกษม
7 นายกฤษฎา เทพศลิ า
8 นายชนิ กร หาญธงชยั
9 นายพุทธินันท์ วันโน
10 นายศภุ ชยั ตยิ บตุ ร
11 นางสาวนำ้ ทพิ ย์ ศรีสุธรรม
12 นางสาววชิรญาณ์ สำคญั ควร
13 นางสาวศุภชั ญา อังคนติ ย์
14 นางสาวอมรรัตน์ จงใจเทศ
15 นางสาวผกาพร กัญญาเถอ่ื น
16 นางสาวภาวณิ ี ปลูกฝัง
17 นางสาวอรญั ญา หาญธงชยั
18 นางสาวกนกพร ศรีหาวงษ์
19 นางสาววยธุ ดิ า วิเศษทอง
20 นางสาววรินทร์ญา โพธิ์ใบงาม
21 นางสาวชลธชิ า กนิ ารักษ์
22 นางสาวเทียนหอม พนั ธย์ าง
92
ช่อื -สกลุ รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมนิ
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอ่นื
ทำงาน คดิ เห็น
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไมผ่ า่ น
23 นางสาวอรัญญา อาจเจริญ
24 นางสาววิญาดา สมิ มาแก้ว
25 นางสาวสภุ าพชิ ญ์ ปัญจะสลี า
26 นางสาวกัญญาพชั ร อาจจำปา
27 นางสาวศศธิ ร สงวนนาม
28 นางสาวชนนิพา อนิ ทกลุ
29 นางสาวธญั ญารตั น์ จันทร์ธานี
30 นางสาวอภิญญา ทอนศรี
31 นางสาวภษู ิตา วปิ ระทมุ
32 นางสาวธญั รดา พานเมอื ง
33 นางสาวจดิ าภา ไทยสทิ ธิพงษ์
34 นางสาวชนสิ รา อัตะวิชา
35 นางสาวพรนภา อนุ่ อก
36 นางสาวเยาวเรศ เสนคำ
37 นางสาวสิริภรณพ์ นั ธ์ บุญภา
38 นางสาวอรจริ า กาแกว้ มิตมาน
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขนึ้ ไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกวา่ ร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชอ่ื .........................................ผู้สอน
(นายชานน โทอง้ิ )
วันที.่ ...........เดอื น........................พ.ศ..............