143
3.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
1. ทดลองการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสของปลายรากหอม
3.3 ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
1. มงุ่ มนั่ ในการทำงานและรบั ผดิ ชอบต่องานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย
4. สาระการเรียนรู้
1) ความหมายของฮอมอโลกสั โครโมโซม เซลลด์ ิพลอยด์ เซลลแ์ ฮพลอยด์
2) วัฏจกั รเซลล์
3) การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ
5. การจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบ 5E
5.1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)
5.1.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนศึกษารูปเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตหรือ
วดี ิทศั นเ์ กี่ยวกบั การแบ่งเซลล์ของสงิ่ มชี ีวิตเซลล์เดียว แลว้ ต้งั คำถามเพื่อใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็น
ดังนี้
การเจรญิ เติบโตของส่ิงมชี ีวติ
144
การแบ่งเซลลข์ องสงิ่ มีชวี ติ เซลลเ์ ดียว
การแบ่งเซลลข์ องสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเกดิ ขึน้ เพ่ืออะไร ในสง่ิ มีชวี ิตหลายเซลล์มีการ
แบ่งเซลล์เหมือนกับสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ: สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวมีการแบ่ง
เซลล์เพื่อการสืบพันธุ์เพิ่มจำนวนประชากร ในขณะที่สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์มีการแบ่งเซลล์มีการแบ่ง
เซลล์เพอ่ื การเจริญเติบโตทดแทนเซลล์ทีต่ ายหรือเสยี หาย นอกจากน้ยี งั มีการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์
สบื พนั ธด์ุ ้วย)
5.1.2 ครเู ชื่อมโยงคำตอบทไ่ี ดจ้ ากการแสดงความคดิ เห็นของนักเรียนเข้าสเู่ รอ่ื งการแบ่งเซลล์
โดยใชค้ ำถามเพมิ่ เติม ดังน้ี
เซลล์มีวิธีการเพิ่มจำนวนได้อย่างไร (แนวคำตอบ: เซลล์ของสิ่งมีชีวิตมีการเพ่ิม
จำนวนโดยการแบ่งเซลล์ ทำให้สิ่งมีชีวิตมกี ารเติบโต ทำให้มีรูปร่างหรอื ขนาดใหญข่ ึน้ ทดแทนเซลลท์ ่ี
ตายหรือเซลล์ทีเ่ สียหาย)
ในร่างกายของมนุษย์มีเซลล์ใดบ้างที่สามารถเพิ่มจำนวนได้ และเซลล์ใดบ้างที่ไม่
สามารถเพิ่มจำนวนได้ (แนวคำตอบ: เซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์ผิวหนังเป็นเซลล์ร่างกายมนุษย์ที่
สามารถเพิ่มจำนวนได้ ในขณะที่เซลล์ร่างกายบางเซลล์ไมส่ ามารถเพิ่มจำนวนได้ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ
เซลลป์ ระสาท)
145
เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว การแบ่งเซลลข์ องสง่ิ มีชวี ติ เซลลเ์ ดียว
เซลลป์ ระสาท เซลลก์ ลา้ มเนอื้
5.2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
5.2.1 นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน คละความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน
5.2.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกจิ กรรมการทดลอง เร่ือง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสของ
ปลายรากหอม
กิจกรรมการทดลอง เรือ่ ง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ ของปลายรากหอม
วสั ดุและอปุ กรณ์ วธิ ที ำการทดลอง
1. หอมแดงหรือหอมใหญ่ 1. ตัดลำต้นที่แห้งและแข็งของหอมแดงหรือ
2. กรดไฮโดรคลอริก หอมใหญ่ออก จากนั้นนำไปวางบนปากขวด
3. สอี ะซีโทคารม์ ีน ความเขม้ ขน้ 0.5% ปากกว้างหรอื วางบนบีกเกอร์ หรอื ขวดนำ้ ท่ีมีน้ำ
4. นำ้ กลัน่ อยู่จนรากงอกประมาณ 2-3 เซนตเิ มตร
5. ขวดปากกวา้ งหรือบีกเกอรข์ นาด 50 ml 2. ตัดปลายรากหอมยาวประมาณ 1 -2
6. กระดาษเยอ่ื เซนติเมตร นำมาวางบนสไลด์แล้วหยดกรด
7. หลอดหยด ไฮโดรคลอริกความเข้มข้น 10% ให้ท่วม ผ่าน
8. ใบมีดโกน สไลด์ไปมาบนเปลวไฟ 3-4 ครั้ง ระวังอย่าให้
146 กรดไฮโดรคลอริกแห้ง แล้วล้างกรดไฮโดรคลอ
9. ดนิ สอ ริกออกโดยหยดน้ำกลั่นลงบนสไลด์และเทออก
10. สไลด์และกระจกปิดสไลด์ 2-3 ครัง้
11. ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 3. ซับน้ำให้แห้งแล้วหยดสีอะซีโทคาร์มิน ความ
12. กล้องจลุ ทรรศน์ เข้มข้น 0.5% ให้พอท่วตัวอย่าง ผ่านสไลด์บน
เปลวไฟอย่างรวดเร็ว ระวังอย่าให้สีเดือดและ
ผลของกจิ กรรมการทดลอง แหง้ แลว้ ปดิ ด้วยกระจกปิดสไลดใ์ หแ้ หง้
ระยะ Interphase 4. ใช้ดินสอด้านที่มียางลบติดอยู่กดและปล่อย
เบา ๆ บนกระจกปิดสไลด์เพื่อให้เซลล์กระจาย
แล้วใช้กระดาษเยื่อซับบริเวณข้างกระจกปิด
สไลด์ใหแ้ หง้
5. ตรวจดูเซลล์รากหอมด้วยกล้องจุลทรรศน์
โดยใช้เลนส์ใกล้วัตถุกำลังขยายต่ำสุด เลือก
บริเวณที่เห็นนิวเคลียสลักษณะต่าง ๆ กัน แล้ว
เปลี่ยนใช้เลนส์ใกล้วัตถุกำลังขยายสูงจนเห็น
ภาพชัด สังเกตความแตกต่างของแต่ละเซลล์
บันทึกภาพพร้อมระบุกำลังขยาย เปรียบเทียบ
กับรูปในใบความรู้ เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไม
โทซสิ
คำอธบิ ายจากภาพ
ระยะ Prophase คำอธบิ ายจากภาพ
147
ระยะ Metaphase คำอธบิ ายจากภาพ
ระยะ Anaaphase คำอธิบายจากภาพ
ระยะ Telophase คำอธิบายจากภาพ
5.3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)
5.3.1 ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายผลของกจิ กรรม และนำสรุปองคค์ วามรู้ ดังน้ี
1) ความหมายของฮอมอโลกัสโครโมโซม ดิพลอยด์ แฮพลอยด์ ออโตโซม และ
โครโมโซมเพศ
ฮอมอโลกสั โครโมโซม ➢ โครโมโซมทเี่ ปน็ คู่กนั มขี นาดและรปู ร่างภายนอกเหมือนกัน
ดพิ ลอยด์ ➢ จำนวนโครโมโซมของเซลลร์ ่างกาย มีลักษณะเหมอื นกนั 2 ชุด เขยี นแทนด้วย
2n
แฮพลอยด์ ➢ เซลลส์ บื พนั ธุ์จำนวนโครโมโซมจะมเี พียงครึ่งหนงึ่ ของเซลลร์ ่างกาย เขยี นแทน
ดว้ ย n
ออโตโซม ➢ โครโมโซม 22 คู่ ทีเ่ หมอื นกันทั้งเพศชายและเพศหญงิ
148
โครโมโซมเพศ ➢ โครโมโซมค่ทู ่ี 23 เป็นตวั กำหนดเพศ
2) โครโมโซม
โครโมโซม (Chromosome) เป็นที่อยู่ของสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ (DNA) รวมถึงหน่วย
พันธุกรรมหรือยีน (gene) ซึ่งทำหนา้ ทีค่ วบคุมและถ่ายทอดข้อมูลเกีย่ วกบั ลักษณะทางพันธุกรรมตา่ ง
ๆ ของสง่ิ มีชวี ิต เช่น ลกั ษณะของเส้นผม ลกั ษณะดวงตา เพศ และผวิ
โครโมโซม(Chromosome) แปลว่าสง่ิ ย้อมสตี ิด เพราะโครโมโซม (Chromosome) สามารถ
ย้อมสีให้ติดได้เมื่อใช้กล้องจุลทรรศน์มองโครโมโซม (Chromosome) จะเห็นมีลักษณะคล้าย ๆ
เส้นด้ายบาง ๆ เรียกว่า “โครมาติน (chromatin) หรือ เส้นใยโครมาติน (chromatin fiber)” ขดตัว
อยู่ในนวิ เคลยี สของเซลล์ เม่อื มกี ารแบ่งเซลล์จะมีการแบ่งโครโมโซม (Chromosome) เกดิ ขึน้ ซึ่งเม่ือ
เซลล์เริ่มมีการแบ่งตัว เส้นใยโครมาติน(chromatin fiber) จะหดและขดตัวจนมีลักษณะเป็นแท่ง
เรยี กวา่ “โครโมโซม (Chromosome)” แตล่ ะโครโมโซม (Chromosome) ประกอบดว้ ยแขนสองข้าง
ที่เรียกว่า “โครมาทิด (chromatid)” ซึ่งแขนทั้งสองข้างจะมีจุดเชื่อมกัน เรียกว่า “เซนโทรเมียร์
(Centromere)”
สงิ่ มชี วี ิตชนดิ เดียวกนั จะมจี ำนวนโครโมโซม(Chromosome)เทา่ กนั เสมอ ยกเว้นกรณีเกิด
การผดิ ปกตบิ างอย่าง เชน่ ผดิ ปกติในขณะการแบ่งเซลล์
3) วัฏจักรเซลล์
การแบง่ เซลล์ในยูแครโิ อตประกอบด้วยขัน้ ตอนพื้นฐาน 2 ขั้นตอน ไดแ้ ก่
1) การแบ่งนวิ เคลียสของเซลล์ (Karyokinesis) ซ่ึงมี 2 รปู แบบ คือ
- การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (Mitosis) เป็นการแบ่งซึ่งทำให้นิวเคลยี สที่ได้ทั้งหมดมีคุณภาพ
และปริมาณเหมือนกัน โครโมโซมหรือหน่วยพันธุกรรมภายในก็เท่าเดิมและเหมือนกันทุกประการ
ส่วนเซลลท์ ี่ได้ในตอนท้ายของการแบง่ คือ 2 เซลล์ ซึ่งการแบ่งแบบนี้เป็นการแบ่งแบบพื้นฐานทีส่ ุดใน
ส่ิงมีชวี ิตทุกชนดิ การเติบโตของร่างกายเรากเ็ ป็นการแบง่ ในรปู แบบนี้
- การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส (Meiosis) เป็นการแบ่งเซลล์ที่มีความซับซ้อนและมีขั้นตอน
มากกว่าการแบ่งแบบไมโทซสิ สิ่งที่ได้คือนิวเคลียสทีม่ ีหน่วยพันธุกรรมลดลงครึ่งหนึ่ง แต่เซลล์ที่ไดใ้ น
ตอนท้ายของการแบ่งคือ 4 เซลล์ โดยการแบ่งแบบนี้ใช้ในการแบ่งเพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์อย่างไข่ใน
เพศหญิง และอสจุ ิในเพศชาย
2) การแบ่งไซโทพลาซึม (Cytokinesis) โดยการแบ่งเซลล์เกิดขึ้นตลอดเวลา
และแม้ว่าเราจะมีกล้องจุลทรรศน์คุณภาพสูงซึ่งสามารถมองเห็นเซลล์และนิวเคลียสของมันได้ชดั เจน
แตเ่ ราก็ไม่อาจเหน็ การทำงานหรอื วัฏจักรของเซลล์ได้แนช่ ัด
149
วัฏจักรของเซลล์ (Cell Cycle) คือ ช่วงเวลาที่เซลล์มีการเตรียมความพร้อมก่อนการแบ่ง
เซลล์ไปจนถึงการแบ่งเซลล์เสร็จสิน้ ประกอบด้วยระยะอินเทอร์เฟส (Interphase) และระยะที่มีการ
แบ่งแบบไมโทซิสหรือ M phrase ซึ่งเซลล์ที่ได้จะเจริญเติบโตต่อไปและสามารถแบ่งเซลล์ต่อไปเรื่อย
ๆ ได้อีก เช่น เซลล์ร่างกาย ดังนั้น การแบ่งแบบไมโทซิสจึงมีลกั ษณะเป็นวัฏจักรของเซลล์ ขณะที่การ
แบ่งแบบไมโอซิสนั้นไม่เป็นวฏั จักรของเซลล์ เนื่องจากการแบ่งนิวเคลยี สของเซลลแ์ บบไมโอซิสจะทำ
ให้ได้เซลล์สืบพันธุ์ซ่ึงไมส่ ามารถเจริญเตบิ โตหรือแบ่งต่อไปได้ หากไม่ได้รับการผสมพนั ธุเ์ ซลล์นั้นกจ็ ะ
หมดความหมายและตายลงในท่ีสุด
150
1. ระยะอินเทอร์เฟส (Interphase) เป็นระยะแรกของการแบ่งเซลล์ ซึ่งเรียกได้อีกอย่างว่า
Resting phase เซลล์ในระยะน้ีจะมขี นาดใหญ่ มเี มทาบอลิซมึ สูง เพ่ือเตรียมพรอ้ มท่ีจะแบ่งนิวเคลียส
และไซโทพลาซึม โดยมีช่วงการเตรียมสารอาหารให้พร้อมต่อการแบ่งหน่วยพันธุกรรม เพื่อการ
สังเคราะหก์ รดอะมิโน เอนไซม์ ตลอดจนแหลง่ พลงั งานต่าง ๆ ภายในเซลล์ เรยี กขั้นย่อยในการเตรียม
ตัวนี้ว่า First Growth phase (G1 phase) ซึ่งโครโมโซมยังเป็นสายยาวพันเกี่ยวไปมาเมื่อสารตั้งต้น
พร้อมแล้วก็จะเริ่มการสังเคราะห์โครโมโซม เรียกว่า Synthetic phase (S phase) ในระยะนี้หาก
สังเกตดี ๆ หรือมีการย้อมสีโครโมโซมจะเห็นโครมาติด (Chromatid) เพิ่มขึ้น จำนวนโครโมโซม
เพิ่มขึ้นและพร้อมจะแยกตัว ก่อนที่จะเข้าระยะ Second Growth phase (G2 phase) ซึ่งเป็นการ
ตรวจสอบความถกู ต้องของโครโมโซมทีแ่ ยกตัวออกและพร้อมทีจ่ ะแบ่งนวิ เคลียสตอ่ ไป
2. ระยะที่มีการแบ่งแบบไมโทซิสหรือ M phrase ระยะนี้มีการแบ่งนิวเคลียสเกิดขึ้น ตาม
ด้วยการแบง่ ไซโทพลาซมึ โดยแบง่ เป็นระยะย่อย ๆ ได้ 4 ระยะ คอื
2.1 ระยะโพรเฟส (Prophase) ในระยะนี้เส้นใยโครมาตินในนิวเคลียสเริ่มหดสั้นลง
โครโมโซมจะเข้าคู่กันและมีโครงสร้างเป็นรูปตัว x สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อดูผ่านกล้อง
จุลทรรศน์ นิวคลีโอลัสซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิวเคลียสจะเริ่มหายไป ส่วนเซนโทรโซม (Centrosome)
ซึ่งเป็นออร์แกเนลล์ในไซโทพลาซึมจะเริ่มสร้างเส้นใยสปินเดิล (Spindle Fiber) ที่มีความแข็งแรง
เนื่องจากส่วนนี้จะเป็นส่วนโครงสร้างของเซลล์ โดยจะประกอบไปด้วยไมโครทูบูล (Microtubules)
และโปรตีนอื่น ๆ จากนน้ั เเซนโทรโซมจะค่อย ๆ เคล่ือนไปยงั ขัว้ ทั้งสองของเซลล์ ทำใหเ้ ส้นใยสปินเดิล
ยดื ออก
151
2.2 ระยะเมทาเฟส (Metaphase) ในระยะนี้ไมโครทูบูลในเส้นใยสปินเดิลจะจับกับ
โครโมโซมทั้งหมดที่ไคนีโทคอร์ (Kinetochore) ซึ่งเป็นโปรตีนที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งของเซนโทรเมียร์
และดงึ ใหโ้ ครโมโซมเรียงตัวอยใู่ นแนวเดียวกันบริเวณกลางเซลล์ เรียกระนาบที่โครโมโซมเรียงตัวกันนี้
ว่า เมทาเฟสเพลท (Metaphase Plate) ในระยะเมทาเฟสน้ีเปน็ ระยะทเ่ี ห็นโครโมโซมได้ชัดเจนทส่ี ุด
2.3 ระยะแอนาเฟส (Anaphase) คูโ่ ครโมโซมจะถกู เสน้ ใยสปนิ เดลิ ทห่ี ดส้ันลงดงึ ใหโ้ ครมา
ทิดแต่ละอันแยกออกจากกัน โดยโครมาทิดจะถูกดึงเข้าหาขั้วเซลล์คนละด้าน เป็นกระบวนการแบ่ง
เพ่ือใหเ้ กดิ เซลลใ์ หม่ 2 เซลล์
2.4 ระยะเทโลเฟส (Telophase) โครมาทิดถูกดึงมายังบริเวณขั้วเซลล์และเกาะกลุ่มกัน
เส้นใยสปนิ เดิลสลายตวั ไป มีการสร้างเย่ือหุ้มนิวเคลียส นวิ คลโี อลสั กลับมาใหเ้ หน็ ในนิวเคลียสใหม่อีก
คร้ัง โครโมโซมเริม่ ยดื ยาวออกทำให้เสน้ บางลงและเห็นไดไ้ มช่ ัดเจน
152
เมื่อนิวเคลียสได้รับการแบ่งแล้วไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม จะตามมาด้วยการ
แบ่งไซโตพลาสซึมหรือการแบ่งส่วนอื่น ๆ ของเซลล์เพื่อแยกเซลล์ออกจากกัน (Cytokinesis หรือ
Cytoplasmic division) ก็มี 2 แบบเช่นกันคือ การแยกแบบ Furrow type ซึ่งเยื่อหุ้มเซลล์จะคอด
กิว่ จากสองขา้ งเขา้ ส่ใู จกลางเซลล์ซ่ึงเป็นการแบ่งไซโทพลาซมึ ของเซลลส์ ัตว์ และแบบทม่ี กี ารสร้างผนัง
กั้นเซลล์ ที่เรียกว่าเซลล์เพลท Cell plate ขึ้นตรงกลางและแยกนิวเคลียสออกจากกัน เรียกว่า Cell
plate type โดยพบไดใ้ นพืช
5.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครูตั้งคำถามว่า ถ้าเซลล์มีการแบ่งอย่างไม่มีที่สิ้นจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย (แนว
คำตอบ: เน้อื งอกหรือมะเร็ง)
5.4.2 หลังจากการอภิปรายร่วมกันของนักเรียนครูอาจสรุปเป็นแผนภาพเพื่อให้นักเรียน
เขา้ ใจไดง้ ่ายขนึ้ ดงั น้ี
5.4.3 ครใู หน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั
เนื้องอก (tumor) คืออะไร (แนวคำตอบ: ก้อนเนื้อที่เกิดจากการแบ่งเซลล์ที่ผดิ ปกติ
ถ้าเป็นก้อนใหญ่จะไปกดทบั เนือ้ เย่ือท่ีอยรู่ อบ ๆ ไม่ลุกลามหรือแพรก่ ระจายไปสเู่ น้อื เย่ือหรอื อวัยวะอ่ืน
ๆ แตเ่ นอ้ื งอกก็มโี อกาสกลายเปน็ มะเร็ง)
มะเร็ง (cancer) คืออะไร (แนวคำตอบ: ก้อนเนื้อที่เกิดจากการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติ
ลุกลามหรือแพร่กระจายไปสู่เนื้อเยื่อหรืออวัยวะอื่น ๆ ทั้งเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้ ๆ เซลล์มะเร็ง ผ่านระบบ
หมุนเวยี นเลอื ด มีการแบ่งเซลล์เพมิ่ จำนวนขน้ึ ทำใหแ้ พรก่ ระจายไปได้ท่วั รา่ งกาย)
153
5.5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation)
5.5.1 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้
นกั เรียนเกดิ ความเข้าใจท่ถี ูกต้อง ในประเด็นต่าง ๆ ตอ่ ไปน้ี
1. เกิดขนึ้ กบั เซลล์ร่างกายของส่งิ มชี ีวติ
2. ได้เซลล์ลูก 2 เซลล์ แต่ละเซลล์มีจำนวนโครโมโซมและข้อมูลทางพันธุกรรม
เหมอื นกับเซลล์แม่
3. วัฏจกั รเซลล์ประกอบดว้ ย 2 ขน้ั ตอน คือ ระยะอนิ เตอรเ์ ฟสและระยะ M phase ท่ี
รวมไปถึงการแบง่ ไซโทพลาซึม
4. ระยะอินเตอร์เฟสเป็นระยะทใ่ี ช้เวลานานทสี่ ดุ ในวฏั จักรเซลล์ประกอบดว้ ย 3 ระยะ
คือ ระยะ G1 ระยะ S และระยะ G2 ซึ่งเป็นช่วงที่เซลล์มีกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับแบ่ง
เซลลต์ อ่ ไป
5. ระยะ M phase เปน็ ระยะการแบ่งเซลล์จนไดเ้ ซลล์ใหม่ 2 เซลล์ ประกอบด้วยการ
แบง่ นิวเคลียส 4 ระยะคือ ระยะโพรเฟส เมทาเฟส แอนาเฟส และเทโลเฟส รวมไปถงึ ระยะทม่ี ีการ
แบ่งไซโทพลาซมึ
6. การแบ่งไซโทพลาซึม เซลล์พืชจะมีการสร้างแผ่นกั้นเซลล์ขึ้นมาแบ่งไซโทพลาซึม
โดยนำเวสิเคิลที่สร้างจากกอลจิบอดีที่มีสารที่เป็นองค์ประกอบของผนังเซลล์ ซึ่งจะเริ่มสร้างจาก
บรเิ วณตรงกลางก่อนแลว้ จงึ ขยายไปสูผ่ นังเซลล์เดมิ ทั้งสองข้าง ตอ่ มามกี ารสร้างสารเซลลโู ลสมาสะสม
ท่แี ผ่นกั้นเซลลเ์ กิดเป็นผนังเซลล์ใหม่ก้ันเซลล์เดิมออกเป็น 2 เซลล์ สว่ นเซลลส์ ตั ว์เย่ือหุ้มเซลล์จะคอด
เข้าหากันโดยเกดิ จากการทำงานของไมโครฟลิ าเมนท์แบง่ ไซโทพลาซึมไดเ้ ปน็ 2 เซลล์
6. สือ่ /อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้
6.1 หนังสอื เรยี นรายวชิ าเพิ่มเติม ชีววิทยา 1 ม.4
6.2 ภาพการเจริญเตบิ โตของสง่ิ มีชวี ิต การแบ่งเซลลข์ องสง่ิ มีชีวติ เซลลเ์ ดียว เซลล์เมด็ เลอื ดขาว
เซลล์ประสาท เซลลก์ ลา้ มเนอ้ื
6.3 Power Point เรอ่ื ง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ
6.4 ใบกิจกรรมการทดลอง เรื่อง การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสของปลายรากหอม
6.5 หอมแดงหรือหอมใหญ่
6.6 กรดไฮโดรคลอรกิ
6.7 สีอะซีโทคาร์มีน ความเขม้ จน้ 0.5%
154
6.8 น้ำกลัน่
6.9 ขวดปากกว้างหรอื บกี เกอร์ขนาด 50 ml
6.10 กระดาษเย่อื
6.11 หลอดหยด
6.12 ใบมดี โกน
6.13 ดินสอ
6.14 สไลดแ์ ละกระจกปดิ สไลด์
6.15 ตะเกยี งแอลกอฮอล์
6.16 กลอ้ งจลุ ทรรศน์
155
156
แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคลชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4/4
เรือ่ ง การแบง่ เซลล์แบบไมโทซิส
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไวเ้ ปน็ 3 คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดับพอใช้
ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมอื การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอนื่
ทำงาน คดิ เหน็
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไมผ่ ่าน
1 นายมารตุ มกุ ดามว่ ง
2 นายภวู เนศวร์ ทองเพง็
3 นายนธิ กิ ร จนั ทรเสนา
4 นายวรี ะชยั บุญทนั เสน
5 นายสุวรรณภมู ิ พิมพา
6 นายวิศรตุ สขุ เกษม
7 นายกฤษฎา เทพศิลา
8 นายชนิ กร หาญธงชยั
9 นายพุทธินันท์ วันโน
10 นายศภุ ชยั ตยิ บตุ ร
11 นางสาวน้ำทพิ ย์ ศรีสุธรรม
12 นางสาววชริ ญาณ์ สำคัญควร
13 นางสาวศภุ ชั ญา อังคนิตย์
14 นางสาวอมรรัตน์ จงใจเทศ
15 นางสาวผกาพร กัญญาเถอ่ื น
16 นางสาวภาวิณี ปลูกฝงั
17 นางสาวอรัญญา หาญธงชัย
18 นางสาวกนกพร ศรีหาวงษ์
19 นางสาววยธุ ิดา วเิ ศษทอง
20 นางสาววรนิ ทรญ์ า โพธ์ใิ บงาม
21 นางสาวชลธชิ า กนิ ารกั ษ์
22 นางสาวเทียนหอม พนั ธย์ าง
157
ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรปุ ผลการ
รวม ประเมิน
ความใส่ใจ การเสนอ ความร่วมมอื การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟงั คนอืน่
ทำงาน คดิ เห็น
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่ผ่าน
23 นางสาวอรญั ญา อาจเจรญิ
24 นางสาววญิ าดา สิมมาแกว้
25 นางสาวสุภาพชิ ญ์ ปญั จะสีลา
26 นางสาวกัญญาพชั ร อาจจำปา
27 นางสาวศศิธร สงวนนาม
28 นางสาวชนนพิ า อินทกุล
29 นางสาวธญั ญารตั น์ จนั ทรธ์ านี
30 นางสาวอภญิ ญา ทอนศรี
31 นางสาวภูษติ า วิประทมุ
32 นางสาวธญั รดา พานเมอื ง
33 นางสาวจดิ าภา ไทยสทิ ธพิ งษ์
34 นางสาวชนสิ รา อัตะวิชา
35 นางสาวพรนภา อุน่ อก
36 นางสาวเยาวเรศ เสนคำ
37 นางสาวสิริภรณพ์ ันธ์ บญุ ภา
38 นางสาวอรจิรา กาแกว้ มิตมาน
เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 75 ขน้ึ ไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์
ลงช่อื .........................................ผู้สอน
(นายชานน โทอ้งิ )
วนั ที.่ ...........เดอื น........................พ.ศ..............
158
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นท่ีประเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว นใหญ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยเู่ สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครง้ั
คำตอบ
การเสนอความคดิ เห็น ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ในสิ่งที่ถูกห ร ื อ ดี ในสิ่งทถี่ กู หรือดี
สิง่ ทถ่ี ูกหรือดี บางคร้งั
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามรว่ มมือในการ ส่วนใหญ่ให้ คว าม ให้ความร่วมมือในการ
ทำงาน ทำงานกลุม่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลมุ่ และ
ปฏิบตั ิงานท่ีสมาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏิบัติงานทีส่ มาชิกใน
กลุม่ มอบหมายด้วย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเตม็ ใจทุกครั้ง มอบหมายได้ บางครั้ง
การยอมรับฟงั คนอื่น ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แ ต ่ บ า ง ค ร ั ้ ง จ ะ ยึด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝา่ ยเดียว
เดียว
159
ประเมนิ ทกั ษะการปฏบิ ตั ิการทดลองช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/4
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับทักษะปฏิบัติการทดลอง โดยจำแนกทักษะ
ปฏิบัติการทดลองเป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีทักษะการปฏิบัติการทดลองในระดับดี
2 คะแนน หมายถงึ ผู้เรยี นมีทกั ษะการปฏบิ ัติการทดลองในระดับปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีทักษะการปฏิบัติการทดลองในระดับพอใช้
ช่ือ-สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ยละ สรปุ ผลการ
รวม ประเมิน
1.นายมารตุ มกุ ดามว่ ง การทดลองตาม การใชอ้ ุปกรณ์ การบันทึกผล การสรุปผลการ
2.นายภวู เนศวร์ ทองเพ็ง แผนทีก่ ำหนด ทดลอง 12 100 ผา่ น ไม่ผา่ น
3.นายนธิ ิกร จันทรเสนา และ/หรอื การทดลอง
4.นายวรี ะชยั บญุ ทันเสน 321 3 21
5.นายสวุ รรณภูมิ พิมพา เครอื่ งมอื
6.นายวิศรุต สขุ เกษม
7.นายกฤษฎา เทพศิลา 3213 2 1
8.นายชนิ กร หาญธงชยั
9.นายพุทธนิ ันท์ วันโน
10.นายศุภชยั ติยบุตร
11.นางสาวน้ำทพิ ย์ ศรสี ธุ รรม
12.นางสาววชริ ญาณ์ สำคัญควร
13.นางสาวศุภชั ญา อังคนิตย์
14.นางสาวอมรรัตน์ จงใจเทศ
15.นางสาวผกาพร กญั ญาเถอ่ื น
16.นางสาวภาวิณี ปลกู ฝงั
17.นางสาวอรัญญา หาญธงชยั
18.นางสาวกนกพร ศรีหาวงษ์
19.นางสาววยธุ ดิ า วิเศษทอง
20.นางสาววรินทรญ์ า โพธใ์ิ บงาม
21.นางสาวชลธชิ า กนิ ารกั ษ์
22.นางสาวเทยี นหอม พนั ธ์ยาง
23.นางสาวอรัญญา อาจเจริญ
24.นางสาววญิ าดา สิมมาแกว้
25.นางสาวสุภาพิชญ์ ปัญจะสลี า
26.นางสาวกัญญาพัชร อาจจำปา
27.นางสาวศศิธร สงวนนาม
160
ชอื่ -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
28.นางสาวชนนพิ า อินทกุล การทดลองตาม การใช้อปุ กรณ์ การบนั ทึกผล การสรุปผลการ
29.นางสาวธัญญารตั น์ จันทรธ์ านี แผนทีก่ ำหนด ทดลอง 12 100 ผ่าน ไมผ่ ่าน
30.นางสาวอภญิ ญา ทอนศรี และ/หรือ การทดลอง
31.นางสาวภูษติ า วปิ ระทุม 321 3 21
32.นางสาวธญั รดา พานเมอื ง เคร่อื งมอื
33.นางสาวจิดาภา ไทยสิทธิพงษ์
34.นางสาวชนสิ รา อตั ะวิชา 3213 2 1
35.นางสาวพรนภา อนุ่ อก
36.นางสาวเยาวเรศ เสนคำ
37.นางสาวสริ ภิ รณพ์ ันธ์ บุญภา
38.นางสาวอรจิรา กาแกว้ มิตมาน
เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 75 ขนึ้ ไป ( 9 - 12 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
นอ้ ยกว่าร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอื่ .........................................ผู้สอน
(นายชานน โทอง้ิ )
วันท่ี............เดอื น........................พ.ศ..............
161
เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเดน็ ทีป่ ระเมิน
การทดลองตาม 321
แผนทีก่ ำหนด
ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ
การใช้อปุ กรณ์
และ/หรอื เครื่องมือ และขั้นตอนที่กำหนด และขั้นตอนที่กำหนด และขั้นตอนที่กำหนด
การบันทึกผลการ ไว้อย่างถูกต้อง มีการ ไว้โดยครูเป็นผู้แนะนำ ไว้หรือดำเนินการข้าม
ทดลอง
ปรับ-ปรุงแก้ไขเป็น ในบางส่วน มีการ ขั้น-ตอนที่กำหนดไว้
ระยะ ปรับปรงุ แกไ้ ขบา้ ง ไมม่ กี ารปรบั ปรงุ แกไ้ ข
ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ
เครื่องมือ ในการ เครื่องมือ ในการ เคร่ืองมอื ไม่ถูกตอ้ ง
ท ด ล อ ง ไ ด ้ อ ย ่ า ง ทดลองได้อยา่ งถูกต้อง
ค ล ่ อ ง แ ค ล ่ ว แ ล ะ ตามหลักการปฏิบัติ
ถูกต้องตามหลักการ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ปฏบิ ตั ิ
บันทึกผลเปน็ ระยะ บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ ไม่ บันทึกผลไม่ครบ ไม่มี
อย่างถูกต้อง มี ระบุหน่วย ไม่เป็น การระบหุ น่วย และไม่
ระเบยี บ และเป็นไป ระเบียบ และเป็นไป เ ป ็ น ไ ป ต า ม ก า ร
ตามการทดลอง ตามการทดลอง ทดลอง
การสรปุ ผลการ สรุปผลการทดลองได้ สรุปผลการทดลองได้ สรุปผลการทดลองได้
ทดลอง อย่างถูกต้อง กระชับ ถูกต้อง แต่ย ั ง ไ ม่ ตามความเห็น โดยไม่
ชดั เจน และครอบคลุม ครอบคลุมข้อมูลจาก ใ ช ้ ข ้ อ ม ู ล จ า ก ก า ร
ข ้ อ ม ู ล จ า ก ก า ร การวเิ คราะหท์ ง้ั หมด ทดลอง
วเิ คราะห์ทงั้ หมด
162
แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คลชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4/6
เรือ่ ง การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิส
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไวเ้ ปน็ 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั พอใช้
ช่อื -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
ความใสใ่ จ การเสนอ ความร่วมมือ การยอมรบั
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอืน่
ทำงาน คิดเหน็
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่ผา่ น
1 นายเชดิ เกยี รติ เพช็ รนาดี
2 นายอภสิ ิทธิ์ บตุ รวงศ์
3 นายวรภพ คูณเทกอง
4 นายกสวิ ัฒน์ คำวันดี
5 นายภรู พิ ัฒน์ ศริ ธิ ร
6 นายวรี ะพล นามลาย
7 นายสกุ ฤษฎ์ิ เทภาศกั ดิ์
8 นายกติ ติพงศ์ ศรลี าลัด
9 นายณฎั ฐชยั สวุ รรณขาว
10 นางสาวสุภัสสรา แช่มชอ้ ย
11 นางสาวธนั ยรัตน์ ผดั แสน
12 นางสาวชลมาศ หาญณรงค์
13 นางสาวณฐั ธิดา ปัสบนั
14 นางสาวพัชปรยี า ทองสทุ ธิ
15 นางสาวอาทิตยา จนั ทรส์ ทิ ธิ์
16 นางสาวพชิ ญาภา แกน่ ประชา
17 นางสาวศริ ปิ ระภา ใหมค่ ามิ
18 นางสาวเมษา พลเสนา
19 นางสาววาทิยา รวมวงศ์
20 นางสาวศวิ พร ชมชยั รัตน์
21 นางสาวอาภสั รา โสภาดี
22 นางสาวกลุ ธดิ า โพธิ์ทรพั ย์
163
ช่อื -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ยละ สรปุ ผลการ
รวม ประเมิน
ความใส่ใจ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรบั
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอน่ื
ทำงาน คดิ เหน็
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่ผ่าน
23 นางสาวญดาพร จนั ทจร
24 นางสาวนภัสวรรณ พูลทวี
25 นางสาวหทั ยา พรมขาว
26 นางสาวอธิติมา ใตช้ มภู
27 นางสาวอรุณี ขาวกญุ ชร
28 นางสาวรตั ติกาล นึกชอบ
29 นางสาวอจั จมิ าภรณ์ รัตนโกเมศ
30 นางสาวณฐั ตกิ านต์ จันทรเสนา
31 นางสาวนริศรา นามทวย
32 นางสาวพรภิรมย์ บญุ ภาตระกลู
33 นางสาวไพรินทร์ เสนานุช
34 นางสาวภารจุ รี ์ เสาแคน
35 นางสาวสุตาภทั ร เพชรทองเกลีย้ ง
เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 75 ขน้ึ ไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์
ลงชือ่ .......................................ผู้สอน
(นายชานน โทอ้งิ )
วันท่.ี ...........เดอื น........................พ.ศ..............
164
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นท่ีประเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว นใหญ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยเู่ สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครง้ั
คำตอบ
การเสนอความคดิ เห็น ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ในสิ่งที่ถูกห ร ื อ ดี ในสิ่งทถี่ กู หรือดี
สิง่ ทถ่ี ูกหรือดี บางคร้งั
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามรว่ มมือในการ ส่วนใหญ่ให้ คว าม ให้ความร่วมมือในการ
ทำงาน ทำงานกลุม่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลมุ่ และ
ปฏิบตั ิงานท่ีสมาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏิบัติงานทีส่ มาชิกใน
กลุม่ มอบหมายด้วย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเตม็ ใจทุกครั้ง มอบหมายได้ บางครั้ง
การยอมรับฟงั คนอื่น ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แ ต ่ บ า ง ค ร ั ้ ง จ ะ ยึด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝา่ ยเดียว
เดียว
165
ประเมินทักษะการปฏบิ ัติการทดลองชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4/6
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับทักษะปฏิบัติการทดลอง โดยจำแนกทักษะ
ปฏิบตั ิการทดลองเปน็ 3 คะแนน ดังน้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผูเ้ รียนมีทักษะการปฏบิ ัติการทดลองในระดบั ดี
2 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รยี นมีทกั ษะการปฏิบตั ิการทดลองในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รยี นมีทักษะการปฏิบตั ิการทดลองในระดบั พอใช้
ชือ่ -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมนิ
1.นายเชดิ เกียรติ เพ็ชรนาดี การทดลองตาม การใช้อุปกรณ์ การบนั ทึกผล การสรปุ ผลการ
2.นายอภิสิทธ์ิ บตุ รวงศ์ แผนที่กำหนด ทดลอง 12 100 ผ่าน ไม่ผ่าน
3.นายวรภพ คณู เทกอง และ/หรือ การทดลอง
4.นายกสวิ ฒั น์ คำวันดี 321 3 21
5.นายภรู พิ ฒั น์ ศิริธร เครอ่ื งมือ
6.นายวีระพล นามลาย
7.นายสกุ ฤษฎิ์ เทภาศักดิ์ 32 13 2 1
8.นายกิตตพิ งศ์ ศรีลาลดั
9.นายณัฎฐชัย สุวรรณขาว
10.นางสาวสภุ ัสสรา แชม่ ช้อย
1.นางสาวธันยรัตน์ ผัดแสน
12.นางสาวชลมาศ หาญณรงค์
13.นางสาวณฐั ธิดา ปสั บนั
14.นางสาวพชั ปรียา ทองสุทธิ
15.นางสาวอาทิตยา จันทรส์ ทิ ธิ์
16.นางสาวพชิ ญาภา แก่นประชา
17.นางสาวศริ ปิ ระภา ใหม่คามิ
18.นางสาวเมษา พลเสนา
19.นางสาววาทยิ า รวมวงศ์
20.นางสาวศิวพร ชมชยั รตั น์
21.นางสาวอาภสั รา โสภาดี
22.นางสาวกุลธดิ า โพธ์ิทรัพย์
23.นางสาวญดาพร จนั ทจร
24.นางสาวนภัสวรรณ พูลทวี
25.นางสาวหัทยา พรมขาว
26.นางสาวอธติ ิมา ใตช้ มภู
27.นางสาวอรุณี ขาวกญุ ชร
166
ชอื่ -สกุล รายการประเมนิ คะแนน รอ้ ยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
28.นางสาวรตั ติกาล นกึ ชอบ การทดลองตาม การใชอ้ ุปกรณ์ การบันทกึ ผล การสรปุ ผลการ
29.นางสาวอจั จมิ าภรณ์ รตั นโกเมศ แผนที่กำหนด ทดลอง
30.นางสาวณัฐติกานต์ จนั ทรเสนา และ/หรือ การทดลอง
31.นางสาวนรศิ รา นามทวย 321
32.นางสาวพรภิรมย์ บุญภาตระกลู เครอ่ื งมอื
33.นางสาวไพรนิ ทร์ เสนานชุ
34.นางสาวภารุจีร์ เสาแคน 32 13 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่ผ่าน
35.นางสาวสุตาภัทร เพชรทอง
เกล้ยี ง
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึ้นไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์
ลงชือ่ ........................................ผู้สอน
(นายชานน โทอิง้ )
วันท่.ี ...........เดอื น........................พ.ศ..............
167
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมิน
การทดลองตาม 321
แผนทก่ี ำหนด
ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ
การใชอ้ ปุ กรณ์
และ/หรอื เคร่ืองมือ และขั้นตอนที่กำหนด และขั้นตอนที่กำหนด และขั้นตอนที่กำหนด
การบนั ทึกผลการ ไว้อย่างถูกต้อง มีการ ไว้โดยครูเป็นผู้แนะนำ ไว้หรือดำเนินการข้าม
ทดลอง
ปรับ-ปรุงแก้ไขเป็น ในบางส่วน มีการ ขั้น-ตอนที่กำหนดไว้
การสรุปผลการ
ทดลอง ระยะ ปรับปรงุ แกไ้ ขบา้ ง ไมม่ กี ารปรบั ปรงุ แก้ไข
ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ
เครื่องมือ ในการ เครื่องมือ ในการ เคร่ืองมอื ไม่ถูกตอ้ ง
ท ด ล อ ง ไ ด ้ อ ย ่ า ง ทดลองได้อยา่ งถูกต้อง
ค ล ่ อ ง แ ค ล ่ ว แ ล ะ ตามหลักการปฏิบัติ
ถูกต้องตามหลักการ แต่ไมค่ ล่องแคล่ว
ปฏบิ ตั ิ
บันทึกผลเปน็ ระยะ บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ ไม่ บันทึกผลไม่ครบ ไม่มี
อย่างถูกต้อง มี ระบุหน่วย ไม่เป็น การระบหุ น่วย และไม่
ระเบยี บ และเป็นไป ระเบียบ และเป็นไป เ ป ็ น ไ ป ต า ม ก า ร
ตามการทดลอง ตามการทดลอง ทดลอง
สรุปผลการทดลองได้ สรุปผลการทดลองได้ สรุปผลการทดลองได้
อย่างถูกต้อง กระชับ ถูกต้อง แต่ย ั ง ไ ม่ ตามความเห็น โดยไม่
ชดั เจน และครอบคลุม ครอบคลุมข้อมูลจาก ใ ช ้ ข ้ อ ม ู ล จ า ก ก า ร
ข ้ อ ม ู ล จ า ก ก า ร การวเิ คราะหท์ ง้ั หมด ทดลอง
วเิ คราะห์ทงั้ หมด
168
169
170
ใบกจิ กรรมการทดลอง เร่ือง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสของปลายรากหอม
ชื่อกลุ่ม............................................................................................................ชน้ั ..................................
รายช่ือสมาชกิ 1. .........................................................................................เลขท.ี่ .................................
2. .........................................................................................เลขท่…ี …............................
3. .........................................................................................เลขท่ี……….........................
4. .........................................................................................เลขท่…ี …….........................
5. .........................................................................................เลขที่……............................
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเตรียมอุปกรณ์ตามท่ีกำหนดให้ และศึกษาวิธที ำการทดลอง จากนั้นให้วาดภาพ
หรือติดภาพผลการทดลอง และเขียนคำอธิบายของแต่ละระยะ
กจิ กรรมการทดลอง เรือ่ ง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ ของปลายรากหอม
วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ วธิ ีทำการทดลอง
1. หอมแดงหรือหอมใหญ่ 1. ตัดลำต้นที่แห้งและแข็งของหอมแดง
2. กรดไฮโดรคลอริก หรือหอมใหญอ่ อก จากน้นั นำไปวางบนปาก
3. สีอะซีโทคารม์ นี ความเข้มจน้ 0.5% หรอื น้ำสจี าก ขวด ปากกว้างหรือวางบนบีกเกอร์ หรือ
การต้มข้าวเหนยี วดำ ขวดน้ำที่มีน้ำอยู่จนรากงอกประมาณ 2-3
4. น้ำกลนั่ เซนตเิ มตร
5. ขวดปากกว้างหรือบกี เกอร์ขนาด 50 ml 2. ตัดปลายรากหอมยาวประมาณ 1-2
6. กระดาษเยอ่ื เซนติเมตร นำมาวางบนสไลด์แล้วหยดกรด
7. หลอดหยด ไฮโดรคลอริกความเข้มข้น 10% ให้ท่วม
8. ใบมดี โกน ผ่านสไลด์ไปมาบนเปลวไฟ 3-4 ครั้ง ระวัง
9. ดินสอ อย่าให้กรดไฮโดรคลอริกแห้ง แล้วล้างกรด
10. สไลดแ์ ละกระจกปดิ สไลด์ ไฮโดรคลอริกออกโดยหยดน้ำกลั่นลงบน
11. ตะเกียงแอลกอฮอล์ สไลด์และเทออก 2-3 ครง้ั
12. กล้องจุลทรรศน์ 3. ซับน้ำให้แห้งแล้วหยดสีอะซีโทคาร์มิน
ความเข้มข้น 0.5% ให้พอท่วตัวอย่าง ผ่าน
สไลด์บนเปลวไฟอย่างรวดเร็ว ระวังอย่าให้
171
สีเดือดและแห้ง แล้วปิดด้วยกระจกปิด
สไลด์ใหแ้ ห้ง
4. ใช้ดินสอด้านที่มียางลบติดอยู่กดและ
ปล่อยเบา ๆ บนกระจกปิดสไลด์เพื่อให้
เซลล์กระจาย แล้วใช้กระดาษเยื่อซับ
บรเิ วณข้างกระจกปดิ สไลด์ใหแ้ หง้
5. ตรวจดูเซลล์รากหอมด้วยกล้อง
จุลทรรศน์ โดยใช้เลนส์ใกล้วัตถุกำลังขยาย
ต่ำสุด เลือกบริเวณที่เห็นนิวเคลยี สลักษณะ
ต่าง ๆ กัน แล้วเปลี่ยนใช้เลนส์ใกล้วัตถุ
กำลังขยายสูงจนเห็นภาพชัด สังเกตความ
แตกต่างของแต่ละเซลล์ บันทึกภาพพร้อม
ระบุกำลังขยาย เปรียบเทียบกับรูปในใบ
ความรู้ เร่ือง การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิส
172 คำอธบิ ายจากภาพ
ผลของกจิ กรรมการทดลอง คำอธบิ ายจากภาพ
ระยะ Interphase
ระยะ Prophase
ระยะ Metaphase คำอธิบายจากภาพ
ระยะ Anaaphase คำอธิบายจากภาพ
ระยะ Telophase คำอธิบายจากภาพ
173
ใบกจิ กรรมการทดลอง เรื่อง การแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสของปลายรากหอม
ชื่อกลุ่ม............................................................................................................ช้นั ..................................
รายช่ือสมาชิก 1. .........................................................................................เลขที.่ .................................
2. .........................................................................................เลขท…่ี …............................
3. .........................................................................................เลขที่……….........................
4. .........................................................................................เลขที่……….........................
5. .........................................................................................เลขท…่ี …............................
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเตรยี มอุปกรณต์ ามท่กี ำหนดให้ และศึกษาวธิ ีทำการทดลอง จากนั้นใหว้ าดภาพ
หรอื ติดภาพผลการทดลอง และเขยี นคำอธบิ ายของแตล่ ะระยะ
กิจกรรมการทดลอง เร่อื ง การแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิสของปลายรากหอม
วัสดุและอุปกรณ์ วธิ ที ำการทดลอง
1. หอมแดงหรอื หอมใหญ่ 1. ตัดลำต้นที่แห้งและแข็งของหอมแดง
2. กรดไฮโดรคลอริก หรอื หอมใหญอ่ อก จากน้ันนำไปวางบนปาก
3. สอี ะซีโทคารม์ ีน ความเข้มจ้น 0.5% หรือน้ำสีจาก ขวด ปากกว้างหรือวางบนบีกเกอร์ หรือ
การต้มข้าวเหนยี วดำ ขวดน้ำที่มีน้ำอยู่จนรากงอกประมาณ 2-3
4. นำ้ กล่ัน เซนตเิ มตร
5. ขวดปากกว้างหรือบีกเกอร์ขนาด 50 ml 2. ตัดปลายรากหอมยาวประมาณ 1-2
6. กระดาษเยอ่ื เซนติเมตร นำมาวางบนสไลด์แล้วหยดกรด
7. หลอดหยด ไฮโดรคลอริกความเข้มข้น 10% ให้ท่วม
8. ใบมีดโกน ผ่านสไลด์ไปมาบนเปลวไฟ 3-4 ครั้ง ระวัง
9. ดินสอ อย่าให้กรดไฮโดรคลอริกแห้ง แล้วล้างกรด
10. สไลด์และกระจกปดิ สไลด์ ไฮโดรคลอริกออกโดยหยดน้ำกลั่นลงบน
11. ตะเกยี งแอลกอฮอล์ สไลด์และเทออก 2-3 ครั้ง
12. กล้องจลุ ทรรศน์ 3. ซับน้ำให้แห้งแล้วหยดสีอะซีโทคาร์มิน
ความเข้มข้น 0.5% ให้พอท่วตัวอย่าง ผ่าน
สไลด์บนเปลวไฟอย่างรวดเร็ว ระวังอย่าให้
174
สีเดือดและแห้ง แล้วปิดด้วยกระจกปิด
สไลดใ์ ห้แห้ง
4. ใช้ดินสอด้านที่มียางลบติดอยู่กดและ
ปล่อยเบา ๆ บนกระจกปิดสไลด์เพื่อให้
เซลล์กระจาย แล้วใช้กระดาษเยื่อซับ
บรเิ วณข้างกระจกปิดสไลด์ใหแ้ ห้ง
5. ตรวจดูเซลล์รากหอมด้วยกล้อง
จุลทรรศน์ โดยใช้เลนส์ใกล้วัตถุกำลังขยาย
ต่ำสุด เลือกบริเวณที่เห็นนิวเคลียสลักษณะ
ต่าง ๆ กัน แล้วเปลี่ยนใช้เลนส์ใกล้วัตถุ
กำลังขยายสูงจนเห็นภาพชัด สังเกตความ
แตกต่างของแต่ละเซลล์ บันทึกภาพพร้อม
ระบุกำลังขยาย เปรียบเทียบกับรูปในใบ
ความรู้ เรือ่ ง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ
175
ผลของกิจกรรมการทดลอง คำอธบิ ายจากภาพ
ระยะ Interphase
เป็นระยะที่เซลล์เตรียมความพร้อมก่อนที่จะ
ระยะ Prophase แบ่งนิวเคลียสและไซโทพลาซึม เซลล์ในระยะนี้มี
นิวเคลียสขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจนและเป็นระยะที่ใช้
เวลานานทสี่ ุด
คำอธิบายจากภาพ
เป็นระยะที่เห็นนิวเคลียสชัดเจน นิวคลีโอลัส
สลายไป เห็นโครมาทินขดตัวเห็นโครโมโซมสั้นลง มีการ
สรา้ งเส้นใยสปินเดิล
ระยะ Metaphase คำอธบิ ายจากภาพ
ระยะ Anaaphase
เป็นระยะที่เยื่อหุม้ นิวเคลยี สสลายตวั ไป เส้นใยสปินเดิล
จับโครโมโซมที่ไคนีโทคอร์ การสั้นลงของเส้นใยสปินเดิล ทำให้
โครโมโซมถูกดึงจากสองข้างเท่า ๆ กัน มาเรียงอยู่กึ่งกลางเซลล์
ระยะนโี้ ครโมโซมมขี นาดใหญแ่ ละสน้ั ลงเห็นได้ชัดเจนท่ีสดุ
คำอธิบายจากภาพ
ระยะที่เกิดการแยกของซิสเตอร์โครมาทิดในทิศ
ทางตรงข้าม ทำให้โครโมโซมแยกกันเป็น 2 กลุ่ม แต่ละ
กลุม่ ดึงไปสขู่ ว้ั ของเซลลท์ ีอ่ ยู่ตรงขา้ ม
ระยะ Telophase คำอธบิ ายจากภาพ
ระยะนเี้ สน้ ใยสปนิ เดิลสลายตัว มกี ารสร้างเย่อื หุ้ม
นวิ เคลียสและนิวคลโี อลสั ขนึ้ มาใหม่ โครโมโซมคลายตัว
ยืดออกเปน็ เส้นใยโครมาทิน เหน็ เปน็ 2 นิวเคลียส
176
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 18 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
รหัสวิชา ว31241
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 27 ชัว่ โมง
รายวชิ า ชวี วทิ ยา 1 เวลา 3 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เซลล์และการทำงานของเซลล์
เรือ่ ง การแบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ ภาคเรยี นท่ี 1/2565
ครูผสู้ อน นายชานน โทองิ้
1. สาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ และผลการเรยี นรู้
สาระชวี วิทยา
1. เข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์
สารทเี่ ป็นองค์ประกอบของส่ิงมีชีวติ ปฏกิ ิรยิ าเคมีในเซลลข์ องสิง่ มชี วี ิต กล้องจุลทรรศนโ์ ครงสร้างและ
หน้าที่ของเซลล์ การลำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์และการหายใจระดบั เซลล์
ผลการเรยี นรู้
สังเกตการแบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซสิ จากตัวอย่างภายใต้กล้องจุลทรรศน์
พร้อมทั้งอธิบายและเปรียบเทียบการแบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซสิ
2. สาระสำคัญ
การแบ่งเซลล์คือการเพิ่มจำนวนเซลล์ในสิ่งมีชีวิต มีบทบาทสำคัญ 3 อย่างคือ การสืบพันธ์ุ
การเติบโต การซอ่ มแซมหรือทดแทนเซลล์ท่ีสึกหรอ วฏั จกั รของเซลล์ หมายถงึ ชว่ งระยะเวลาท้ังหมด
ท่เี ซลลใ์ ช้ในการเพม่ิ จำนวนจาก 1 เซลล์ เปน็ 2 เซลล์ แบง่ ออกเป็นสองส่วน คอื การแบ่งนวิ เคลียสซ่ึง
ประกอบด้วยสองระยะ คือ อินตอร์เฟส เป็นระยะเตรียมพร้อมก่อนการแบ่งเซลล์ และระยะ
M (M-phase) ระยะท่ีเซลลเ์ กิดการเปลี่ยนแปลงและเกดิ การแบ่งนวิ เคลียสขนึ้ โดยการแบ่งนิวเคลียส
สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือการแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส พบในเซลล์ร่างกาย
จำนวนโครโมโซมของเซลล์ลูกเท่าเดิม และการแบ่งนิวเคลียสแบบไมโอซิสพบในการสร้างเซลล์
สืบพนั ธ์ขุ องสัตว์ และเซลลส์ ร้างสปอร์ของพชื จำนวนโครโมโซมของเซลลล์ กู ลดลงครงึ่ หนึง่
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของนวิ เคลยี สในการแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิส
2. อธบิ าย และเปรียบเทียบเซลล์ทไี่ ดจ้ ากการแบง่ แบบไมโทซสิ และแบบไมโอซิส
177
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
1. เขียนแผนภาพข้นั ตอนการแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซสิ
3.3 ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
1. มุง่ มนั่ ในการทำงานและรบั ผิดชอบตอ่ งานทไี่ ด้รับมอบหมาย
4. สาระการเรียนรู้
1) การแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส
5. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบ 5E
5.1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
5.1.1 ครูนำเข้าสูบ่ ทเรียนโดยใชค้ ำถามใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ ดงั นี้
เซลล์สืบพันธ์มุ กี ารแบง่ นวิ เคลียสเหมือนเซลล์ร่างกายหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ: ความคิดเห็นอาจมีแตกต่างกันไปขึ้นกับประสบการณ์ความรู้เดิมของนักเรียน ครูจะไม่
เฉลย)
5.2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
5.2.1 นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน
5.2.2 ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาจากหนังสือเรยี นและอินเทอร์เนต็ เรื่อง การแบง่ เซลล์
แบบไมโอซสิ
5.2.3 ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มเขยี นแผนภาพข้นั ตอนการการแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซสิ ลงใน
กระดาษบรฟู๊ ท่คี รูแจกให้ และร่วมกันอภปิ รายขอ้ มลู ที่ได้ เพือ่ นำเสนอหน้าชนั้ เรยี น
5.3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
5.3.1 ให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอผลของกจิ กรรมและองคค์ วามรูท้ ีส่ รุปได้ หน้าชัน้
เรียน
5.3.2 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายผลของกจิ กรรม และนำสรุปองค์ความรู้ ดงั นี้
การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส ( Meiosis) การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส เป็นการแบ่งเซลล์
เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธ์ุของสัตว์ ซึ่งเกิดในวัยเจริญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยพบในอัณฑะ (Testes) รังไข่
(Ovary) และเป็นการแบ่งเพื่อสร้างสปอร์ (Spore) ในพืช ซึ่งพบในอับละอองเรณู (Pollen sac)
และอับสปอร์ (Sporangium) หรือโคน (Cone) หรือในออวุล (Ovule) มีการลดจำนวนชดุ โครโมโซม
178
จาก 2n เป็น n ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยให้จำนวนชุด โครโมโซมคงที่ในแต่ละสปีชีส์ไม่ว่าจะเป็น
โครโมโซม ในรุ่นพ่อ – แม่หรือรุน่ ลกู – หลานก็ตาม
การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส มี 2 ขน้ั ตอน คือ
1. ไมโอซิส I (Meiosis - I)
ไมโอซิส I (Meiosis - I) หรือ Reductional division ขั้นตอนน้ีจะมีการแยก homologous
chromosome ออกจากกัน มี 5 ระยะย่อย คอื
• Interphase- I
• Prophase - I
• Metaphase - I
• Anaphase - I
• Telophase - I
2. ไมโอซสิ II (Meiosis - II)
ไมโอซิส II (Meiosis - II) หรือ Equational division ขั้นตอนนี้จะมีการแยกโครมาทิด ออก
จากกันมี 5 ระยะย่อย คือ
• Interphase - II
• Prophase - II
• Metaphase - II
• Anaphase - II
• Telophase - II
เม่อื สน้ิ สดุ การแบ่งจะได้ 4 เซลล์ท่ีมโี ครโมโซมเซลล์ละ n (Haploid) ซง่ึ เป็นครง่ึ หน่งึ ของเซลล์
ต้ังตน้ และเซลลท์ ไ่ี ด้เป็นผลลพั ธไ์ มจ่ ำเปน็ ต้องมขี นาดเทา่ กนั
ข้นั ตอนในการแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซสิ
Meiosis - I มีขั้นตอน ดังน้ี
179
Interphase- I
• มกี ารสงั เคราะห์ DNA อีก 1 เท่าตวั หรอื มกี ารจำลองโครโมโซม อกี 1 ชดุ และยังติดกัน
อย่ทู ่ปี มเซนโทรเมียร์ดังนั้น โครโมโซม 1 ทอ่ น จงึ มี 2 โครมาทดิ
Prophase - I
• เปน็ ระยะที่ใช้เวลานานที่สุด
• มคี วามสำคัญต่อการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตมากทส่ี ุด เนื่องจากมีการแปรผันของ
ยีนเกิดข้ึน
• โครโมโซมที่เป็นคู่กัน (Homologous Chromosome) จะมาเข้าคู่และแนบชิดติดกัน
เรียกว่า เกิดไซแนปซิส (Synapsis) ซ่ึงคู่ของโฮโมโลกัสโครโมโซม ที่เกิดไซแนปซิสกันอยู่นั้น เรียกวา่
ไบแวเลนท์ (Bivalent) ซ่ึงแต่ละไบแวเลนท์มี 4 โครมาทิดเรียกว่า เทแทรด (Tetrad) ในคนมี
โครโมโซม 23 คู่ จึงมี 23 ไบแวเลนท์
• โฮโมโลกัส โครโมโซม ที่ไซแนปซิสกัน จะผละออกจากกัน บริเวณกลาง ๆ แต่ตอน
ปลายยงั ไขว้ กันอยูเ่ รยี กว่า เกิดไคแอสมา (Chiasma)
• มีการเปลี่ยนแปลงช้ินสว่ นโครมาทิด ระหว่างโครโมโซมทเี่ ป็นโฮโมโลกัสกัน กับบริเวณ
ทเ่ี กิดไคแอสมา เรียกวา่ ครอสซ่งิ โอเวอร์ (Crossing over) หรืออาจมกี ารเปลี่ยนแปลง ชน้ิ ส่วนของโคร
มาทิดระหวา่ งโครโมโซม ทีไ่ มเ่ ปน็ โฮโมโลกัสกัน (Nonhomhlogous chromosome) เรยี กว่าทรานส-
โลเคชัน (Translocation) กรณีทั้งสอง ทำให้เกิดการผันแปรของยีน (Geng variation) ซ่ึงทำให้เกิด
การแปรผันของ ลักษณะสง่ิ มชี วี ิต (Variation)
Metaphase - I
• ไบแวเลนทจะ์ มาเรยี งตัวกันอยู่ในแนวกึ่งกลางเซลล์ (โฮโมโลกัส โครโมโซมยังอยู่กัน
เป็นคู่ ๆ)
Anaphase - I
• ไมโทติก สปินเดลิ จะหดตัวดึงให้โฮโมโลกัส โครโมโซม ผละแยกออกจากกัน
• จำนวนชดุ โครโมโซมในเซลลร์ ะยะนี้ยังคงเป็น 2n เหมือนเดมิ (2n เป็น 2n)
Telophase - I
• โครโมโซมจะไปรวมอยูแ่ ต่ละข้ัวของเซลลแ์ ละในเซลลบ์ างชนดิ ในระยะน้ีจะมกี ารสร้าง
เยื่อหุ้ม นิวเคลียส มาล้อมรอบโครโมโซม และแบ่งไซโทพลาสซึม ออกเป็น 2 เซลล์ เซลล์ละ n แต่ใน
เซลล์บางชนิดจะไม่แบ่งไซโทพลาสซึม โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงของโครโมโซม เข้าสู่ระยะโพรเฟส II
เลย
180
Meiosis - II มีขนั้ ตอน ดังนี้
Interphase - II
• เปน็ ระยะพักตวั ซ่ึงมีหรือไม่กไ็ ด้ข้ึนอยู่กับชนดิ ของเซลล์
• ไม่มกี ารสังเคราะห์ DNA หรือจำลองโครโมโซมแตอ่ ย่างใด
Prophase - II
• โครมาทิดจะหดส้ันมากข้ึน
• ไมม่ ีการเกิดไซแนปซสิ ไคแอสมา ครอสซิง่ โอเวอร์แตอ่ ย่างใด
Metaphase - II
• โครมาทดิ มาเรยี งตัวอยูใ่ นแนวกง่ึ กลางเซลล์
Anaphase - II
• มกี ารแยกโครมาทดิ ออกจากกัน ทำให้จำนวนชุดโครโมโซมเพ่มิ จาก n เป็น 2n
ช่ัวขณะ
Telophase - II
• มกี ารแบ่งไซโทพลาสซึม จนได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ ซ่งึ แต่ละเซลล์มีโครโมโซม เป็น n
• ใน 4 เซลล์ที่เกิดขึ้นนั้น จะมียีนเหมือนกันอย่างละ 2 เซลล์ ถ้าไม่เกิดครอสซิ่งโอเวอร์
หรืออาจจะมี ยีนต่างกันท้ัง 4 เซลล์ ถ้าเกิดครอสซิ่งโอเวอร์หรืออาจมียีนต่างกัน ท้ัง 4 เซลล์ ถ้าเกิด
ครอสซ่งิ โอเวอร์
181
5.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครูต้ังคำถามว่า เซลล์ลกู ทไ่ี ดจ้ ากการแบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ มีความเหมือนหรือแตกต่าง
จากการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ: เซลล์ลูกที่ได้แตกต่างกัน โดยการแบ่งเซลล์แบ่งไมโทซิส ได้เซลล์ลูก 2 เซลล์ ส่วนการ
แบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ ไดเ้ ซลลล์ ูก 4 เซลล์)
5.4.2 ครใู ห้นกั เรยี นเปรยี บเทยี บการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิส และไมโอซสิ โดยครเู ขียนคำตอบ
ของนกั เรยี นแตล่ ะคนลงกระดานเพ่ือเปรยี บเทยี บ
ข้อเปรียบเทียบการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโทซิส
ไมโทซสิ ไมโอซสิ
1. โดยทั่วไปเป็นการแบ่งเซลล์ของร่างกาย เพ่ือ 1. โดยท่ัวไปเกิดกับเซลล์ทจ่ี ะทำหนา้ ทใ่ี ห้กำเนิด
เพิ่ม จำนวนเซลล์ เพื่อการเจริญเติบโตหรือการ เซลล์สืบพันธุ์ จึงเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้าง
สืบพนั ธ์ุ ในสง่ิ มชี ีวิตเซลล์เดียว เซลล์ สบื พนั ธุ์
2. เริ่มจาก 1 เซลลแ์ บ่งคร้ังเดียวได้เป็น 2 เซลล์ 2. เริ่มจาก 1 เซลล์ แบ่ง 2 คร้ัง ได้เป็น 4 เซลล์
ใหม่ ใหม่
3. เซลล์ใหมท่ เ่ี กดิ ขึ้น 2 เซลล์สามารถแบง่ ตวั 3. เซลล์ใหม่ที่เกิดข้ึน 4 เซลล์ไม่สามารถแบ่งตัว
แบบ แบบไมโอซิสได้อกี แต่อาจแบง่ ตัวแบบไมโทซิสได้
ไมโทซิสได้อีก
4. การแบง่ แบบไมโทซสิ จะเร่ิมเกิดขึ้นตั้งแต่ 4. ส่วนใหญ่จะแบ่งไมโอซิส เมื่ออวัยวะสืบพันธ์ุ
ระยะ ไซโกต และสืบเน่ืองกันไปตลอดชีวติ เจริญเต็มที่แล้ว หรือเกิดในไซโกตของสาหร่าย
และราบางชนดิ
5. จำนวนโครโมโซม หลังการแบง่ จะเท่าเดมิ 5. จำนวนโครโมโซมจะลดลงคร่ึงหนึ่งในระยะไม
(2n) เพราะไม่มีการแยกคู่ของโฮโมโลกัส โอซิส เนื่องจากการแยกคู่ของโฮโมโลกัส
โครโมโซม โครโมโซม ทำ ให้เซลล์ใหม่มีจำนวนโครโมโซม
ครง่ึ หน่ึงของเซลลเ์ ดมิ (n)
6. ไมม่ ีไซแนปซิส ไมม่ ีไคแอสมา และไมม่ ีครอส 6. เกดิ ไซแนปซิส ไคแอสมา และมักเกิดครอสซิง
ซิงโอเวอร์ โอเวอร์
7. ลักษณะของสารพันธุ์กรรม (DNA) และ 7. ลักษณะของสารพันธุกรรม และโครโมโซม
โครโมโซมในเซลล์ใหม่ ท้ังสองจะเหมือนกันทุก ในเซลล์ใหม่อาจเปลี่ยนแปลง และแตกต่างกัน
ประการ ถ้าเกดิ
ครอสซงิ โอเวอร์
182
5.5 ขัน้ ประเมนิ (Evaluation)
5.5.1 สังเกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียนของนกั เรียน
5.5.2 สงั เกตการตอบคำถาม
5.5.3 สงั เกตการทำงานรว่ มกันภายในกลุ่ม
5.5.4 สังเกตการนำเสนอ
5.5.5 นักเรียนทำใบงาน เร่ือง การแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิส
6. สอ่ื /อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้
6.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาเพม่ิ เตมิ ชีววทิ ยา 1 ม.4
6.2 Power Point เร่ือง การแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซสิ
6.3 ใบงาน เรือ่ ง การแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซสิ
6.5 กระดาษบรูฟ๊
183
184
แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคลช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/4
เรือ่ ง การแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤตกิ รรมการแสดงออกไวเ้ ปน็ 3 คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมีพฤติกรรมในระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดับพอใช้
ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟงั คนอนื่
ทำงาน คิดเห็น
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไมผ่ ่าน
1 นายมารตุ มกุ ดามว่ ง
2 นายภวู เนศวร์ ทองเพง็
3 นายนธิ กิ ร จนั ทรเสนา
4 นายวรี ะชยั บุญทนั เสน
5 นายสุวรรณภมู ิ พิมพา
6 นายวิศรตุ สขุ เกษม
7 นายกฤษฎา เทพศิลา
8 นายชนิ กร หาญธงชยั
9 นายพุทธินันท์ วันโน
10 นายศภุ ชยั ตยิ บตุ ร
11 นางสาวน้ำทพิ ย์ ศรีสุธรรม
12 นางสาววชริ ญาณ์ สำคัญควร
13 นางสาวศภุ ชั ญา อังคนิตย์
14 นางสาวอมรรัตน์ จงใจเทศ
15 นางสาวผกาพร กัญญาเถอ่ื น
16 นางสาวภาวิณี ปลูกฝงั
17 นางสาวอรัญญา หาญธงชัย
18 นางสาวกนกพร ศรีหาวงษ์
19 นางสาววยธุ ิดา วเิ ศษทอง
20 นางสาววรนิ ทรญ์ า โพธ์ใิ บงาม
21 นางสาวชลธชิ า กนิ ารกั ษ์
22 นางสาวเทียนหอม พนั ธย์ าง
185
ช่อื -สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรปุ ผลการ
รวม ประเมิน
ความใส่ใจ การเสนอ ความร่วมมอื การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟงั คนอืน่
ทำงาน คดิ เห็น
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่ผ่าน
23 นางสาวอรญั ญา อาจเจรญิ
24 นางสาววญิ าดา สิมมาแกว้
25 นางสาวสุภาพชิ ญ์ ปญั จะสีลา
26 นางสาวกัญญาพชั ร อาจจำปา
27 นางสาวศศิธร สงวนนาม
28 นางสาวชนนพิ า อินทกุล
29 นางสาวธญั ญารตั น์ จนั ทรธ์ านี
30 นางสาวอภญิ ญา ทอนศรี
31 นางสาวภูษติ า วิประทมุ
32 นางสาวธญั รดา พานเมอื ง
33 นางสาวจดิ าภา ไทยสทิ ธพิ งษ์
34 นางสาวชนสิ รา อัตะวิชา
35 นางสาวพรนภา อุน่ อก
36 นางสาวเยาวเรศ เสนคำ
37 นางสาวสิริภรณพ์ ันธ์ บญุ ภา
38 นางสาวอรจิรา กาแกว้ มิตมาน
เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 75 ขน้ึ ไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไม่ผ่านเกณฑ์
ลงช่อื .........................................ผู้สอน
(นายชานน โทอ้งิ )
วนั ที.่ ...........เดอื น........................พ.ศ..............
186
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นท่ีประเมนิ เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321
ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว นใหญ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยเู่ สมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครง้ั
คำตอบ
การเสนอความคดิ เห็น ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกที่จะพูด
แสดงออกที่จะพูดใน ในสิ่งที่ถูกห ร ื อ ดี ในสิ่งทถี่ กู หรือดี
สิง่ ทถ่ี ูกหรือดี บางคร้งั
ความรว่ มมือในการ ใหค้ วามรว่ มมือในการ ส่วนใหญ่ให้ คว าม ให้ความร่วมมือในการ
ทำงาน ทำงานกลุม่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลมุ่ และ
ปฏิบตั ิงานท่ีสมาชิกใน กลุ่มและปฏิบัติงานท่ี ปฏิบัติงานทีส่ มาชิกใน
กลุม่ มอบหมายด้วย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเตม็ ใจทุกครั้ง มอบหมายได้ บางครั้ง
การยอมรับฟงั คนอื่น ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แ ต ่ บ า ง ค ร ั ้ ง จ ะ ยึด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเห็นของตน ตนแต่ฝา่ ยเดียว
เดียว
187
แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คลชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/6
เร่ือง การแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ
คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ลงในช่องที่ตรงกับพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก โดยจำแนกระดับ
พฤติกรรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรยี นมีพฤติกรรมในระดับดี
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดับปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมในระดบั พอใช้
ชื่อ-สกุล รายการประเมิน คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมนิ
ความใส่ใจ การเสนอ ความรว่ มมือ การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟังคนอน่ื
ทำงาน คดิ เหน็
เลข ่ที
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผ่าน ไม่ผ่าน
1 นายเชดิ เกียรติ เพช็ รนาดี
2 นายอภิสิทธิ์ บตุ รวงศ์
3 นายวรภพ คณู เทกอง
4 นายกสวิ ฒั น์ คำวนั ดี
5 นายภรู ิพฒั น์ ศิริธร
6 นายวีระพล นามลาย
7 นายสกุ ฤษฎิ์ เทภาศกั ด์ิ
8 นายกติ ตพิ งศ์ ศรลี าลดั
9 นายณัฎฐชัย สวุ รรณขาว
10 นางสาวสุภัสสรา แช่มชอ้ ย
11 นางสาวธนั ยรัตน์ ผดั แสน
12 นางสาวชลมาศ หาญณรงค์
13 นางสาวณฐั ธิดา ปัสบนั
14 นางสาวพัชปรยี า ทองสทุ ธิ
15 นางสาวอาทิตยา จันทรส์ ทิ ธิ์
16 นางสาวพิชญาภา แกน่ ประชา
17 นางสาวศริ ิประภา ใหม่คามิ
18 นางสาวเมษา พลเสนา
19 นางสาววาทยิ า รวมวงศ์
20 นางสาวศิวพร ชมชัยรัตน์
21 นางสาวอาภัสรา โสภาดี
22 นางสาวกุลธดิ า โพธิท์ รพั ย์
188
ชอ่ื -สกลุ รายการประเมนิ คะแนน ร้อยละ สรุปผลการ
รวม ประเมิน
ความใสใ่ จ การเสนอ ความรว่ มมอื การยอมรับ
ในการ ความ ในการทำงาน ฟงั คนอน่ื
ทำงาน คิดเหน็
เลข ่ีท
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 100 ผา่ น ไม่ผ่าน
23 นางสาวญดาพร จนั ทจร
24 นางสาวนภัสวรรณ พลู ทวี
25 นางสาวหัทยา พรมขาว
26 นางสาวอธติ มิ า ใตช้ มภู
27 นางสาวอรุณี ขาวกุญชร
28 นางสาวรัตติกาล นกึ ชอบ
29 นางสาวอจั จมิ าภรณ์ รัตนโกเมศ
30 นางสาวณฐั ติกานต์ จันทรเสนา
31 นางสาวนรศิ รา นามทวย
32 นางสาวพรภิรมย์ บญุ ภาตระกลู
33 นางสาวไพรนิ ทร์ เสนานุช
34 นางสาวภารุจีร์ เสาแคน
35 นางสาวสุตาภทั ร เพชรทองเกลย้ี ง
เกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ข้นึ ไป ( 9 - 12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 8 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงช่อื .......................................ผู้สอน
(นายชานน โทอ้ิง)
วนั ที่............เดือน........................พ.ศ..............
189
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นท่ีประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน
321
ความใส่ใจในการ เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่ ส่ว นใหญ่เมื่อเกิด เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่
ทำงาน เข้าใจบทเรียนทุกคร้ัง ปัญหาหรือไม่เข้าใจ เข้าใจบทเรียนทุกครั้ง
มักซักถามและมีความ บทเรียนทุกครั้งมัก มักซักถามและมีความ
พยายามในการค้นหา ซักถามและมีความ พยายามในการค้นหา
คำตอบอยู่เสมอ พยายามในการค้นหา คำตอบเปน็ บางครงั้
คำตอบ
การเสนอความคดิ เหน็ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ส น อ เสนอความคิดเห็น ไม่เสนอความคิดเห็น
ความคิดเห็น กล้า กล้าแสดงออกที่จะพูด กล้าแสดงออกทีจ่ ะพดู
แสดงออกที่จะพูดใน ในสิ่งที่ถูกห ร ื อ ดี ในส่งิ ที่ถกู หรอื ดี
ส่ิงทีถ่ ูกหรือดี บางคร้งั
ความร่วมมือในการ ให้ความร่วมมือในการ ส่วนใหญ่ให้ คว าม ให้ความร่วมมือในการ
ทำงาน ทำงานกลมุ่ และ ร่วมมือในการทำงาน ทำงานกลุ่มและ
ปฏิบตั งิ านทีส่ มาชกิ ใน กลุ่มและปฏิบัติงานที่ ปฏิบัติงานที่สมาชิกใน
กล่มุ มอบหมายด้วย ส ม า ช ิ ก ใ น ก ลุ่ ม กลุ่มมอบหมายได้เป็น
ความเต็มใจทกุ ครั้ง มอบหมายได้ บางครง้ั
การยอมรับฟังคนอ่นื ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ย อ ม ร ั บ ฟ ั ง ค ว า ม ไม่ยอมรับฟังความ
คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี คิดเห็นที่ดีแ ล ะ มี
เหตุผลของผู้อื่นทุก เหตุผลของผู้อื่นบ้าง เหตุผลของผู้อื่น มัก
ค ร ั ้ ง ไ ม ่ ย ึ ด ค ว า ม แ ต ่ บ า ง ค ร ั ้ ง จ ะ ยึด ยึดความคิดเห็นของ
คิดเห็นของตนแต่ฝ่าย ความคิดเหน็ ของตน ตนแตฝ่ า่ ยเดยี ว
เดยี ว
190
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
ชอ่ื กลุ่ม...............................................................................................................ชน้ั ............................
รายชือ่ สมาชกิ 1. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
2. .............................................................................................เลขท่ี...........................
3. .............................................................................................เลขที่...........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งทต่ี รงกับรายการประเมิน โดยจำแนกระดบั คะแนนไว้เปน็
3 ระดบั คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถึง ดี
2 คะแนน หมายถึง ปานกลาง
1 คะแนน หมายถงึ พอใช้
ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคดิ เหน็
32 1
1 การเตรยี มความพร้อม
2 เนอ้ื หาสาระครอบคลุมชัดเจน
3 ความถูกต้องของเนื้อหา
4 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่
5 รูปแบบการนำเสนอ
รวม
เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 75 ขึน้ ไป ( 11 - 15 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 ( 0 – 10 คะแนน ) ไมผ่ า่ นเกณฑ์
ลงชอ่ื ........................................ผสู้ อน
(นายชานน โทอิ้ง)
วนั ที่............เดือน........................พ.ศ.............
191
แบบประเมินชนิ้ งาน
ชอื่ กลุ่ม...............................................................................................................ชน้ั ............................
รายชอื่ สมาชิก 1. .............................................................................................เลขท.่ี ..........................
2. .............................................................................................เลขที.่ ..........................
3. .............................................................................................เลขท่.ี ..........................
4. .............................................................................................เลขที่...........................
5. .............................................................................................เลขที่...........................
คำชี้แจง จงทำเครือ่ งหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกับรายการประเมนิ โดยจำแนกระดบั ลักษณะไวเ้ ปน็ 3
คะแนน ดงั นี้
3 คะแนน หมายถงึ ชิน้ งานมีคณุ ภาพระดับดี
2 คะแนน หมายถึง ชน้ิ งานมีคุณภาพระดบั ปานกลาง
1 คะแนน หมายถึง ชิ้นงานมีคุณภาพระดบั พอใช้
ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคดิ เหน็
32 1
1 มีความคดิ สรา้ งสรรค์
2 ความสวยงาม
3 ความถกู ต้องของชน้ิ งาน
รวม
เกณฑก์ ารประเมิน
รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป ( 7-9 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ( 0 – 6 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์
ลงชื่อ........................................ผู้สอน
(นายชานน โทองิ้ )
วันที่............เดือน........................พ.ศ..............
192
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเดน็ ทีป่ ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน
321
มีความคิดสรา้ งสรรค์ ผ ล ง า น ม ี ร ู ป แ บ บ ผลงานมีความสัมพันธ์ ผลงานมีความสัมพันธ์
น ่ า ส น ใ จ มี กับหัวข้อที่กำหนด แต่ กับหัวข้อที่กำหนด
ความสมั พันธ์กบั หวั ข้อ ไมด่ งึ ดดู ความสนใจ นอ้ ยมาก
ที่กำหนด ระบายสีได้
สวยงาม
ความสวยงาม มีขนาดเหมาะสม สีสัน มีขนาดเหมาะสม สสี ัน สสี ันไมน่ า่ สนใจ
นา่ สนใจ สวยงาม สวยงาม
ความถูกตอ้ งของ ชิ้นงานถกู ต้อง ส ่ ว น ใ ห ญ ่ ช ิ ้ น ง า น ชิ้นงานไม่ถกู ต้อง
ชิ้นงาน ครบถว้ น ถกู ตอ้ ง