The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเสริมความรู้รายวิชาภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อัม’ ไพ, 2022-07-30 06:10:52

อ่านถ้อยร้อยความ

หนังสือเสริมความรู้รายวิชาภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน

Keywords: การอ่าน,ภาษาไทย

หนังสือเสริมความรู้รายวิชาภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน

ชั้นป๖ระถมศึกษาปีที่

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑




๔๙.-

ผังมโนทัศน์ หนังสือเสริมความรู้รายวิชาภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน อ่านถ้อยร้อยความ ป.๖
ชื่อ…….………..……………..……..นามสกุล…….………..……………..……..ชั้น……………เลขที่….... ความหมาย
ฉันทลักษณ์ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓
ตัวอย่างบทประพันธ์ สุขีกลอนสุภาพ
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ หลักการถอดคำประพันธ์
เรียงถ้อยร้อยแก้ว เจื้อยแจ้วกาพย์ยานี ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ ความหมาย
คำศัพท์ ฉันทลักษณ์
ตัวอย่างบทประพันธ์
ความหมาย แบบฝึกหัด หลักการถอดคำประพันธ์
หลักการอ่านร้อยแก้ว กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์
โวหาร คำศัพท์
แบบฝึกหัด อ่านถ้อยร้อยความ แบบฝึกหัด
กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ ป. ๖ กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔
เฮฮากลอนบทละคร เปรมปรีดิ์กลอนเสภา ซึมซาบโคลงสี่

ความหมาย ความหมาย ความหมาย
ฉันทลักษณ์ ฉันทลักษณ์ ฉันทลักษณ์
ตัวอย่างบทประพันธ์ ตัวอย่างบทประพันธ์ ตัวอย่างบทประพันธ์
หลักการถอดคำประพันธ์ หลักการถอดคำประพันธ์ หลักการถอดคำประพันธ์
ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์
คำศัพท์ คำศัพท์ คำศัพท์
แบบฝึกหัด แบบฝึกหัด แบบฝึกหัด
กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้

หนังสือเสริมความรู้รายวิชาภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน

อ่านถ้อยร้อยความ

ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑



อ่านถ้อยร้อยความ

ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

นางสาวกรกนก ไชยชนะ รหัสนิสิต ๖๒๔๑๐๐๘๑ เลขที่ ๕
นางสาวกษมาพร ยมรัตน์ รหัสนิสิต ๖๒๔๑๐๑๒๘ เลขที่ ๖
นางสาวเมลิสา จันทร์ปรุง รหัสนิสิต ๖๒๔๑๓๒๘๐ เลขที่ ๔๙
นางสาวรัตนาพร ปั้นหยา รหัสนิสิต ๖๒๔๑๓๔๖๔ เลขที่ ๕๒
นางสาววลีรัตน์ มากอยู่ รหัสนิสิต ๖๒๔๑๓๖๖๒ เลขที่ ๕๖
นางสาวพิมพ์ชญาณ์ ลอยครบุรี รหัสนิสิต ๖๒๔๑๓๙๒๑ เลขที่ ๖๐
นางสาวสุนิศา จันทร์น้ อย รหัสนิสิต ๖๒๔๑๔๔๐๙ เลขที่ ๖๓
นางสาวสุพรรษา เทียมทัน รหัสนิสิต ๖๒๔๑๔๔๑๖ เลขที่ ๖๔
นางสาวอภิสรา ดีพิจารย์ รหัสนิสิต ๖๒๔๑๔๗๙๙ เลขที่ ๗๑
นางสาวอัมไพรินทร์ กันยา รหัสนิสิต ๖๒๔๑๔๙๑๑ เลขที่ ๗๓

คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีที่ ๔ กลุ่มเรียนที่ ๑

อาจารย์ที่ปรึกษา
ผศ.ดร. ทรงภพ ขุนมธุรส

คำนำ

หนังสือเสริมความรู้รายวิชาภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน (อ่านถ้อยร้อยความ)
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เล่มนี้ จัดทำขึ้นตามหลักการ จุดมุ่งหมาย มาตรฐานการเรียนรู้
และตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑

เนื้อหาภายในเล่มมีทั้งหมด ๖ หน่วยการเรียนรู้ ประกอบด้วย หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑
เรียงถ้อยร้อยแก้ว หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เจื้อยแจ้วกาพย์ยานี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓
สุขีกลอนสุภาพ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ ซึมซาบโคลงสี่ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เปรมปรีดิ์
กลอนเสภา และหน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ เฮฮากลอนบทละคร ซึ่งมีการสอดแทรกเกร็ดความรู้
คำศัพท์ แบบฝึกหัดท้ายบท กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ รวมไปถึงแนวข้อสอบที่เกี่ยวข้อง
กับเนื้อหาภายในบท

หนังสือเล่มนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้สอนใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนรู้สำหรับผู้เรียน
เพื่อพัฒนาคุณภาพและทักษะในด้านการอ่าน รวมถึงสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับวรรณคดี
และวรรณกรรมอีกด้วย ซึ่งผู้เรียนสามารถพัฒนาสมรรถนะสำคัญทั้ง ๕ ด้าน ตลอดจน
พัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข

คณะผู้จัดทำ



สารบัญ หน้า

เนื้อหา ข
คำนำ ๑
สารบัญ ๒
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เรียงถ้อยร้อยแก้ว ๒

- ความหมายของร้อยแก้ว ๓
- หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ๓
- โวหาร ๔
- บรรยายโวหาร ๔
- พรรณนาโวหาร ๕
- เทศนาโวหาร ๕
- สาธกโวหาร ๗
- อุปมาโวหาร ๙
- กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ ๑๐
- แบบฝึกหัดท้ายบท ๑๐
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เจื้อยแจ้วกาพย์ยานี ๑๐
- ความหมายของกาพย์ยานี ๑๑ ๑๑
- ฉันทลักษณ์ของกาพย์ยานี ๑๑ ๑๒
- ลักษณะคำประพันธ์ของกาพย์ยานี ๑๑ ๑๒
- การอ่านทำนองเสนาะประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ๑๔
- ตัวอย่างของกาพย์ยานี ๑๑ ๑๕
- หลักการถอดคำประพันธ์ของกาพย์ยานี ๑๑ ๑๕
- ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ของกาพย์ยานี ๑๑ ๑๖
- ความหมายของคำศัพท์
- กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ ข
- แบบฝึกหัดท้ายบท

สารบัญ (ต่อ) หน้า
๑๙
เนื้อหา ๒๐
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ สุขีกลอนสุภาพ ๒๐
๒๐
- ความหมายของกลอนสุภาพ ๒๑
- ฉันทลักษณ์ของกลอนสุภาพ ๒๒
- ลักษณะคำประพันธ์ของกลอนสุภาพ ๒๒
- การอ่านทำนองเสนาะประเภทกลอนสุภาพ ๒๓
- ตัวอย่างของกลอนสุภาพ ๒๔
- หลักการถอดคำประพันธ์ของกลอนสุภาพ ๒๔
- ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ของกลอนสุภาพ ๒๕
- ความหมายของคำศัพท์ ๒๗
- กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ ๒๘
- แบบฝึกหัดท้ายบท ๒๘
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ ซึมซาบโคลงสี่ ๒๘
- ความหมายของโคลงสี่สุภาพ ๒๙
- ฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพ ๓๑
- ลักษณะคำประพันธ์ของโคลงสี่สุภาพ ๓๑
- การอ่านทำนองเสนาะประเภทโคลงสี่สุภาพ ๓๒
- ตัวอย่างของโคลงสี่สุภาพ ๓๔
- หลักการถอดคำประพันธ์ของโคลงสี่สุภาพ ๓๔
- ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ของโคลงสี่สุภาพ ๓๕
- ความหมายของคำศัพท์
- กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้
- แบบฝึกหัดท้ายบท



สารบัญ (ต่อ) หน้า
๓๗
เนื้อหา ๓๘
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เปรมปรีดิ์กลอนเสภา ๓๘
๓๘
- ความหมายของกลอนเสภา ๓๙
- ฉันทลักษณ์ของกลอนเสภา ๔๑
- ลักษณะคำประพันธ์ของกลอนเสภา ๔๒
- การอ่านทำนองเสนาะประเภทกลอนเสภา ๔๓
- หลักการถอดคำประพันธ์ของกลอนเสภา ๔๔
- ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ของกลอนเสภา ๔๕
- เกร็ดความรู้ ๔๖
- ความหมายของคำศัพท์ ๔๙
- กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ ๕๐
- แบบฝึกหัดท้ายบท ๕๐
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ เฮฮากลอนบทละคร ๕๐
- ความหมายของกลอนบทละคร ๕๑
- ฉันทลักษณ์ของกลอนบทละคร ๕๓
- ลักษณะคำประพันธ์ของกลอนบทละคร ๕๔
- การอ่านทำนองเสนาะประเภทกลอนบทละคร ๕๔
- หลักการถอดคำประพันธ์ของกลอนบทละคร ๕๕
- ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ของกลอนบทละคร ๕๗
- เกร็ดความรู้ ๕๘
- ความหมายของคำศัพท์ ๖๑
- กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้ ๖๓
- แบบฝึกหัดท้ายบท ๖๔
บรรณานุกรม ๗๔
ภาคผนวก
- เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท ง
- แนวข้อสอบพร้อมเฉลย

หน่วยการเรียนรู้ที่ ร้อยแก้วเป็นภาษารูปแบบหนึ่งซึ่งใช้โครงสร้างไวยากรณ์ปกติ
และการไหลของถ้อยคําอย่างเป็นธรรมชาติแทนที่จะใช้โครงสร้าง
เป็นจังหวะดังในกวีนิพนธ์ แม้จะมีการถกเถียงเชิงวิจารณ์ต่อการสร้าง
ร้อยแก้ว แต่ด้วยความเรียบง่ายทําให้ร้อยแก้วถูกนํามาใช้ในบทสนทนา
เป็นส่วนใหญ่ ตลอดจนการเขียนเฉพาะเรื่องและบันเทิงคดี และร้อยแก้ว
เป็นรูปแบบภาษาที่ใช้กันสามัญ เช่น ในวรรณกรรม หนังสือพิมพ์ นิตยสาร

๑ สารานุกรม การแพร่สัญญาณทางสื่อต่าง ๆ หนังสือทางประวัติศาสตร์
และปรัชญากฎหมาย รวมถึงการสื่อสารอีกหลายรูปแบบ

เรียงถ้อยร้อยแก้ว

ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ท ๑.๑ ป.๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว • การอ่านออกเสียงและการบอกความหมายของบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง

และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง • การอ่านบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะ

ท ๑.๑ ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ • มารยาทในการอ่าน

ประโยคและข้อความที่เป็นโวหาร • วรรณคดีแ
ละวรรณกรรม
ท ๑.๑ ป.๖/๙ มีมารยาทในการอ่าน • บทอาขยา
นและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า

ท ๕.๑ ป.๖/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและ

วรรณกรรมที่อ่าน และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

๑ ความหมายของร้อยแก้ว

ร้อยแก้ว หมายถึง ความเรียงที่สละสลวยในรูปแบบการบรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร เทศนา-
โวหาร สาธกโวหาร และอุปมาโวหาร รวมถึงบทพูด บทสัมภาษณ์ ประกาศ หรือข่าวสารต่าง ๆ
และร้อยแก้วเป็นความเรียงที่เรียบเรียงขึ้นโดยไม่มีการบังคับฉันทลักษณ์

การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว หมายถึง การอ่านถ้อยคําที่มีผู้เรียบเรียงหรือประพันธ์ไว้ โดยการ
เปล่งเสียงและวางจังหวะเสียงให้เป็นไปตามความนิยมและเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน เพื่อถ่ายทอด
อารมณ์ไปสู่ผู้ฟัง ซึ่งจะทําให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ร่วมคล้อยตามไปกับเร่ื่องราว หรือรสประพันธ์ที่อ่าน

๒ หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว

การอ่านออกเสียงร้อยแก้วมีหลักการอ่าน ดังนี้
๑. ก่อนอ่านควรศึกษาเร่ื่องที่อ่านให้เข้าใจเพื่อแบ่งวรรคตอน
๒. อ่านให้คล่องและเสียงดังพอเหมาะกับสถานที่และจํานวนผู้ฟัง
๓. อ่านให้คล่องและถูกต้องตามอักขรวิธีโดยเฉพาะ ร,ล,ว คําควบกล้ำต้องออกเสียงให้ชัดเจน
๔. เน้นเสียงและถ้อยคําตามน้ำหนักความสําคัญของใจความ ใช้เสียงและจังหวะให้เป็นไปตาม

เนื้อเรื่อง เช่น ดุ อ้อนวอน จริงจัง ฯลฯ
๕. อ่านออกเสียงให้เหมาะสมกับประเภทของเรื่อง เช่น ถ้าอ่านเรื่องที่ให้ข้อเท็จจริงทั่วไป

จะอ่านออกเสียงธรรมดาให้ชัดเจน

๓ โวหาร

โวหาร หมายถึง สํานวน ซึ่งเป็นถ้อยคําที่เรียบเรียงที่มีความหมายไม่ตรงตามตัว หรือมี
ความหมายอื่นแฝงอยู่ การใช้โวหาร คือ การแสดงข้อความในทํานองต่าง ๆ เพื่อให้ข้อความนั้น
ได้เนื้อความ หรือได้ใจความดี มีความหมายชัดเจน เหมาะสม น่าอ่าน ซ่ึงโวหารในภาษาไทยแบ่งออก
เป็น ๕ แบบ คือ

อ่านถ้อยร้ออ่ยานควถ้าอมยร้ชัอ้นยปครวะาถมมชศั้ึนกปษราะปีถทีม่ ศ๖ึกษาปีที่ ๖ ๒

๑. บรรยายโวหาร
บรรยายโวหาร เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน โดยชี้ให้เห็นถึงสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์
สาเหตุท่ี่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ สภาพแวดล้อม บุคคลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลที่เกิดจากเหตุการณ์นั้น
เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจเนื้อหาสาระอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน เนื้อหาที่บรรยายอาจเป็นเรื่องที่สมมติหรือ
เรื่องจริงก็ได้ เรื่องที่ใช้บรรยายโวหาร ได้แก่ การเขียนตํารา รายงาน บทความ เรื่องเล่า จดหมาย
บันทึก ชีวประวัติ บรรยายภาพ เหตุการณ์ ตำนาน บรรยายธรรมชาติ บรรยายบุคลิกลักษณะบุคคล
สถานที่ การอธิบายความหมายของคำ การรายงานข่าว รายงานหรือจดหมายเหตุ การอธิบาย
กระบวนการ การแนะนําวิธีปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ เป็นต้น
บรรยายโวหาร หมายถึง การเขียนเล่าเรื่อง หรืออธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ตามลําดับเหตุการณ์
มีการเขียนตรงไปตรงมา กะทัดรัด ไม่เยิ่นเย้อ และให้ความรู้ชัดเจนในเรื่องนั้น ๆ
ตัวอย่างบรรยายโวหาร
แม่เข้าไปในสวนครัวเด็ดเอาใบกะเพราได้หนึ่งกํามือ นํามาล้างและเด็ดใส่ชาม ตีไข่สองฟอง
ผสมเข้ากับใบกะเพรา เหยาะน้ำปลาและเติมผงปรุงรสโดยประมาณ เปิดเตาแก๊สด้วยไฟปานกลาง
ตั้งกระทะเทน้ำมันลงไป จนน้ำมันเริ่มเดือดจึงนําไข่ผสมใบกะเพราลงกระทะ ไม่นานนักไข่ก็เริ่ม
ฟูเหลืองกลิ่นหอมทั่วบ้าน เป็นเมนูไข่เจียวใบกะเพราที่หน้าตาน่ารับประทาน
๒. พรรณนาโวหาร
พรรณนาโวหาร มีจุดมุ่งหมายในการเขียนต่างจากบรรยายโวหาร คือ มุ่งให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์
ซาบซึ้งเพลิดเพลินไปกับข้อความนั้น การเขียนพรรณนาโวหารจึงยาวกว่าบรรยายโวหาร แต่ไม่ใช่
การเขียนอย่างเยิ่นเย้อ เพราะพรรณนาโวหารต้องมุ่งให้ภาพและอารมณ์ แม้เนื้อความที่เขียนจะน้อย
แต่เต็มไปด้วยสํานวนโวหารที่ไพเราะอ่านได้รสชาติ
พรรณนาโวหาร หมายถึง การเขียนมุ่งให้ความแจ่มแจ้ง ละเอียดลออ เพื่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์
ซาบซึ้งเพลิดเพลินไปกับข้อความนั้น มุ่งให้เห็นภาพ และแสดงอารมณ์ การเขียนพรรณนาโวหารมักใช้
การเล่นคํา เล่นเสียง และคําวิเศษณ์ ให้ภาพพจน์ เต็มไปด้วยสํานวนโวหารที่ไพเราะ
ตัวอย่างพรรณาโวหาร
ขณะพระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคีรีนครคือราชคฤห์ เป็นเวลาจวนสิ้นทิวาวาร แดดในยามเย็น
กําลังลงสู่สมัยใกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังสาลีเกษตร แลละลิ่วเห็นเป็นทางสว่างไปทั่วประเทศ
สุดสายตาดูประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อํานวยสวัสดี เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็นคลื่นซับซ้อนสลับกัน
เป็นทิวแถว ต้องแสงแดดจับเป็นสีระยับวะวับแววประหนึ่งเอาทรายทองมาโปรยปราย เลื่อนลอย
ละลิ่ว ๆ เรี่ย ๆ รายลงจดขอบฟ้า

(กามนิต : เสฐียรโกเศศและนาคะประทีป)

๓ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

๓. เทศนาโวหาร
เทศนาโวหารเป็นโวหารที่ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่อง มีความเห็นคล้อยตาม เห็นจริง
เชื่อถือ และปฏิบัติตามการใช้โวหารนี้ ผู้เขียนต้องยกข้อความที่มีเหตุผล มีหลักฐานมาอ้างอิงพร้อมทั้ง
มีอุทาหรณ์นำมาประกอบด้วย ดังนั้นผู้เขียนต้องมีความรู้มากและควรจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติพอที่ผู้อ่าน
จะเชื่อถือได้อีกด้วย ข้อความที่ใช้เทศนาโวหาร เช่น ข้อปัญหาความคิดเห็น หลักวิชา สุภาษิต เป็นต้น
เทศนาโวหาร หมายถึง สํานวนโวหารที่ใช้เขียนแสดง หรืออธิบายความ โดยเอาเหตุผลหรือ
หลักฐานมาประกอบ เพื่อให้เรื่องที่เขียนมีความหมายชัดเจนน่าเชื่อถือคล้อยตาม
ตัวอย่างเทศนาโวหาร
“...ความเมตตาปรารถนาดีต่อกันนี้ เป็นปัจจัยอย่างสําคัญ ที่จะยังความพร้อมเพรียงให้เกิดมีขึ้น
ทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง และถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมข้อนี้ประจําอยู่ในจิตใจ
ก็มีความหวังได้ว่า บ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย

และดํารงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน...”
(พระราชดํารัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม วันพุธ ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕)

๔. สาธกโวหาร
เป็นโวหารที่แทรกเข้ามาสนับสนุนโวหารอื่น ๆ เมื่อผู้เขียนเห็นว่าข้อความใดยากที่ผู้อ่าน
จะเข้าใจได้ชัดเจน ก็จะยกตัวอย่างมาประกอบเพื่อให้เข้าใจง่ายและน่าเชื่อถือมากขึ้น ตัวอย่างที่
ผู้เขียนจะยกมาอ้างควรเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและเป็นเรื่องที่ผู้อ่านโดยทั่วไปนับถือหรือเลื่อมใสอยู่แล้ว
เช่น จากประวัติศาสตร์ จากเหตุการณ์ประจํำที่เกิดขึ้น จากนิทานชาดกต่าง ๆ เป็นต้น
สาธกโวหาร หมายถึง สํานวนที่มีการยกตัวอย่างมาอ้างให้เห็นเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราว
ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างที่ยกมาอาจเป็นนิทานเรื่องราวหรือเหตุการณ์ก็ได้

ตัวอย่างสาธกโวหาร
คนเราควรมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกันเป็น

หมู่คณะ ไม่สามารถที่จะอยู่คนเดียวลําพังได้ เมื่อเราอยู่ร่วมกันจึงต้องช่วยเหลือเกื้อกูล มีมิตรไมตรี
ต่อกัน หากเรามีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเขามีปัญหา เวลาเราเกิดปัญหาผู้อื่นก็จะช่วยเหลือเรา
แต่หากเราไม่เคยหยิบยื่นน้ำใจให้กับผู้อื่น เมื่อเรามีปัญหาผู้อื่นก็จะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรา
เช่นกัน

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๔

๕. อุปมาโวหาร
อุปมาโวหารเป็นโวหารเปรียบเทียบที่ผู้เขียนใช้แทนสาธกโวหาร คือ สาธกบางเรื่องอาจจะ
ไม่เหมาะกับเนื้อความที่เขียน ผู้เขียนก็จะหาข้อเปรียบเทียบง่าย ๆ มาเปรียบเทียบให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่อง
ลักษณะ อาการ ความรู้สึกต่าง ๆ ข้อสําคัญในการใช้อุปมาโวหารนี้ คือ ผู้เขียนต้องมีความรู้ มีศิลปะ
ในการเลือกข้ออุปมาให้เหมาะแก่ข้ออุปไมยและยังต้องใช้ข้ออุปมาง่าย ๆ ถูกต้องตามกาลเทศะ
ประโยชน์ของอุปมาโวหาร คือ จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจ ศรัทธา ให้แก่ผู้อ่านอย่างดียิ่ง
อุปมาโวหาร หมายถึง โวหารเปรียบเทียบ โดยยกตัวอย่างสิ่งที่คล้ายคลึงกันมาเปรียบเพื่อให้เกิด
ความชัดเจนด้านความหมาย ด้านภาพ และเกิดอารมณ์ความรู้สึกมากยิ่งขึ้น โดยอาจเปรียบเทียบ
อย่างสั้น ๆ หรือเปรียบเทียบอย่างละเอียดก็ได้
ตัวอย่างอุปมาโวหาร
ชีวิตของเราจะผิดอะไรกับกองเพลิง ชีวิตต้องการฟืนอยู่ทุกขนาดจิต มันทําให้เรามีภาวะที่ว่าง
ไม่ได้ ถ้าจะมีผู้ซึ่งพ้นจากภาระนี้ได้ และไม่ต้องมาคอยกังวลอยู่อีก ก็เพราะเขาพบฟืนวิเศษที่ชนิดที่
ทําให้ดวงชีวิตลุกโพลงอยู่ชั่วนิรันดรได้โดยไม่ต้องคอยดูแลมันอีกนั่นเอง เขาผู้นั้นย่อมพ้นแล้ว
ซึ่งความหนัก เป็นผู้เบิกบานแล้ว ผ่องใสแล้ว และเย็นสบายเหมือนดอกไม้ที่บานไม่รู้โรย
ส่งกลิ่นหอมอยู่ชั่วกาลนานเพราะว่าเขาอยู่เหนือความทุกข์แล้วโดยสิ้นเชิงจึงยิ้มแย้มได้เป็นนิตย์

(วิลาศ มณีวัต, ๒๕๓๕, หน้า ๔๒)

กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้

ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มสืบค้นหาโวหารประเภทต่าง ๆ ที่พบจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสื่อสิ่งพิมพ์
หลังจากนั้นให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน

๕ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

เกร็ดความรู้

การอ่านตัวเลขบอกเวลา การอ่านบ้านเลขที่ การอ่านตัวเลขที่มีจุดทศนิยม

การอ่านตัวเลขบอกเวลา
๒๓.๐๐ อ่านว่า ยี่ - สิบ - สาม - นา - ลิ - กา
๑๒.๓๕ อ่านว่า สิบ - สอง - นา - ลิ - กา - สาม - สิบ - ห้า - นา - ที
๖ : ๓๐ : ๔๕ อ่านว่า หก - นา - ลิ - กา - สาม - สิบ - นา - ที - สี่ - สิบ - ห้า - วิ - นา - ที

การอ่านบ้านเลขที่
บ้านเลขที่มีตัวเลข ๒ หลัก ให้อ่านแบบจำนวนเต็ม ถ้ามี ๓ หลักขึ้นไป ให้อ่านเรียงตัวหรือ
จำนวนเต็มก็ได้ แต่ตัวเลขหลังเครื่องหมาย / ให้อ่านเรียงตัว

บ้านเลขที่ ๕๖/๓๙๒ อ่านว่า บ้าน - เลก - ที่ - ห้า - สิบ - หก - ทับ - สาม - เก้า - สอง
บ้านเลขที่ ๖๕๓/๒๑ อ่านว่า บ้าน - เลก - ที่ - หก - ห้า - สาม - ทับ - สอง - หฺนึ่ง หรือ

บ้าน - เลก - ที่ - หก - ร้อย - ห้า - สิบ - สาม - ทับ - สอง - หฺนึ่ง

การอ่านตัวเลขที่มีจุดทศนิยม
ตัวเลขหน้าจุดทศนิยมอ่านแบบจำนวนเต็ม ตัวเลขหลังจุดทศนิยมให้อ่านแบบเรียงตัว เช่น

๑.๒๓๔ อ่านว่า หฺนึ่ง - จุด - สอง - สาม - สี่
๕๙.๐๑๒ อ่านว่า ห้า - สิบ - เก้า - จุด - สูน - หฺนึ่ง - สอง

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๖

แบบฝึกหัดที่ ๑ โวหารแสนน่ารู้

คำชี้แจง : อ่านข้อความที่กำหนดให้แล้วพิจารณาและเขียนประเภทของโวหาร

๑. ฉันยืนต้นอยู่ในป่าลึก ฉันมีลำต้นสูงใหญ่กิ่งก้านใบแน่นหนาและแผ่กว้าง แสงอาทิตย์
ไม่อาจส่องลอดได้เบื้องล่างจึงร่มรื่น ลำธารน้อย ๆ ไหลผ่านใกล้ลำต้นฉันไป น้ำในลำธารใส
จนเห็นกรวดทราย ท้องธารและปลาว่ายเวียน ทุกวันจะมีสัตว์ป่านานาชนิดมากินน้ำที่ลำธาร
สายนี้ บางตัวจะอาศัยใต้ร่มใบของฉันนอนหลับอย่างเป็นสุข

ไมตรี ลิ้มปิชาติ
คือ โวหารประเภท ..............................................................................

๒. รูปร่างงามหาตำหนิมิได้ ผมดำราวกับแมลงผึ้ง หน้าเปล่งปลั่งดั่งดวงจันทร์ เนตรประหนึ่ง
ตากวาง จมูกแม้น ดอกงา ฟันเทียบไข่มุก ริมฝีปากเพียงผลตำลึงสุก เสียงหวาน ปานนกโกกิลา
ขาคือลำกล้วย เอวเหมาะเจาะไม่อ้วนเกิน เวลาย่างเดินแคล่วคล่องมีสง่าเสมอช้างทรง
เพราะฉะนั้นเจ้าจะหาทางตำหนิขัดข้องมิได้เลย

เสฐียรโกเศศ
คือ โวหารประเภท ..............................................................................

๓. รับประทานกันไปพลางปรึกษากันพลาง ถึงกระนั้นวิชัยก็มีเวลาพินิจดูหญิงสาวที่นั่งอยู่
ตรงหน้าโดยละเอียดลออ สิ่งแรกที่เห็นได้โดยง่ายและสะดวกเพราะดูได้เต็มตา คือลำแขนซ้าย
ที่ตึงรับน้ำหนักตัวอยู่นั้นขาวผ่องทั้งกลมและเรียวอ่อน มือขวาจับช้อนตักอาหารมีผิวละเอียดขาว
เช่นกันกับแขน ประกอบด้วยหลังมืออวบนูน นิ้วเล็กเรียว หลังเล็บมีสีดังกลีบบัวหลวงเมื่อแรก
บานปลายเล็บขาวสะอาดเป็นมัน

ดอกไม้สด
คือ โวหารประเภท ..............................................................................

๗ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

แบบฝึกหัดที่ ๒ โวหารน่าคิด ผิดหรือถูก

คำชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านข้อความและพิจารณาว่าข้อความนั้นถูกหรือผิด

๑. บรรยายโวหาร ต้องใช้คำที่สละสลวยเพื่อให้สื่อความหมาย ถูก ผิด
สื่อภาพ สื่ออารมณ์ เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง

๒. สาธกโวหาร คือ โวหารที่มุ่งให้ความชัดเจน โดยการยกตัวอย่าง
เพื่ออธิบายให้แจ่มแจ้ง หรือสนับสนุนความคิดเห็นที่เสนอให้หนักแน่น
น่าเชื่อถือ

๓. “ในตอนเช้าฉันได้ปั่นจักรยานไปตลาด เพื่อจะไปซื้อน้ำปลาให้กับแม่
ตลาดอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ใช้เวลาประมาณ ๕ นาทีจึงถึง ที่ตลาดมีทั้ง
ผลไม้ อาหาร และเครื่องดื่มให้เลือกซื้อมากมาย” เป็นบรรยายโวหาร

๔. “...หมอกมัวซัวทั่วทุกแห่งหน ลมหนาวกรูเกรียวมาจนร่างเขาสั่นสะท้าน
ต้นไม้ใบหญ้าที่พอมีอยู่บ้างตามริมทาง สัมผัสละอองหมอกที่พราวพร่าง
จนใบกลายเป็นสีขาวหม่น แล้วไหลตามร่องใบหยดลงดังเปาะแปะเมื่อ
กระทบใบไม้ที่เกลื่อนตามใต้ต้น...” เป็นพรรณนาโวหาร

๕. เทศนาโวหาร คือ โวหารเปรียบเทียบ โดยยกตัวอย่าง สิ่งที่คล้ายคลึงกัน
มาเปรียบเพื่อให้เกิดความชัดเจนด้านความหมาย ด้านภาพ อารมณ์
และความรู้สึกมากยิ่งขึ้น

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๘

หน่วยการเรียนรู้ที่ กาพย์ยานี ๑๑ ถือเป็นบทประพันธ์ชนิดหนึ่ง
ที่มีความสำคัญต่อการเรียนรู้ เพราะเป็นบทประพันธ์
ที่นำเสนอการประพันธ์ที่มีฉันทลักษณ์ที่เข้าใจง่าย โดยกาพย์
มีความหมายตามพจนานุกรมว่า คำร้อยกรองจำพวกหนึ่ง

๒ มีหลายชนิด เช่น กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ และกาพย์ยานี

เจื้อยแจ้วกาพย์ยานี

ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ท ๑.๑ ป.๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว • การอ่านออกเสียงและการบอกความหมายของบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง
และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง
ท ๑.๑ ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ • การอ่านบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะ
ประโยค และข้อความที่เป็นโวหาร
ท ๑.๑ ป.๖/๙ มีมารยาทในการอ่าน • มารยาทในการอ่าน
ท ๕.๑ ป.๖/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและ
วรรณกรรมที่อ่าน และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง • วบรทรอณาคขดยีแา

นลแะวลระรบณทกร้รอรยมกรองที่มีคุณค่า


๑ ความหมายกาพย์ยานี ๑๑

กาพย์เป็นบทประพันธ์ชนิดหนึ่งที่ได้มีการกำหนดคณะ พยางค์ และสัมผัส ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ
ฉันท์มากที่สุด แต่กาพย์ไม่นิยมครุ-ลหุ เหมือนกับฉันท์เท่านั้น

กาพย์ยานี ๑๑ คือ กาพย์ชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ในการเล่าเรื่อง นิยมใช้แต่งบทสั้น ๆ หรือใช้แต่ง
บทประพันธ์ร่วมกับกาพย์และฉันท์ประเภทอื่น ๆ เพื่อความไพเราะ โดยกาพย์ยานี ๑๑ จะมีลักษณะ
บังคับหรือโครงสร้างของฉันทลักษณ์ที่เข้าใจง่าย และสามารถเลือกสรรคำมาแต่งได้หลากหลาย เพียงแต่
ต้องมีเสียงที่คล้องจองกัน

๒ ฉันทลักษณ์ของกาพย์ยานี ๑๑

๓ ลักษณะคําประพันธ์ของกาพย์ยานี ๑๑

กาพย์ยานี ๑ บาท มี ๑๑ คำหรือพยางค์ โดยกาพย์ยานี ๑๑ มีลักษณะบังคับหรือโครงสร้าง
ฉันทลักษณ์ ดังนี้ กาพย์ยานี ๑ บท มี ๒ บาท โดย ๑ บาท มี ๒ วรรค กาพย์ยานี ๑ บท จึงมีทั้งหมด
๔ วรรค ซึ่งในแต่ละบาท ประกอบไปด้วย วรรคหน้า ๕ คำหรือพยางค์ และวรรคหลัง ๖ คำหรือ
พยางค์ รวมเป็น ๑๑ คำหรือพยางค์

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๑๐

สัมผัส
การสัมผัส “การสัมผัสระหว่างวรรค” คือ
ตัวสุดท้ายของวรรคที่ ๑ จะต้องสัมผัสกับตัวที่ ๓ ของวรรคที่ ๒ แต่อนุโลมให้สัมผัสกับ
ตัวที่ ๑,๒ ก็ได้
ตัวสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสกับตัวสุดท้ายของวรรคที่ ๓
การสัมผัส “การสัมผัสระหว่างบท” คือ
ตัวสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยังตัวสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ในบทถัดไป

* ข้อสังเกต ในบางครั้งสัมผัสระหว่าง
วรรคนั้น ไม่จำเป็นต้องส่งสัมผัสไป
วรรคสุดท้าย แต่ถ้าสามารถแต่งให้
ตัวสุดท้ายของวรรคที่ ๓ ส่งสัมผัส
มายังวรรคสุดท้ายก็จะเพิ่ม
ความไพเราะมากยิ่งขึ้น

๔ การอ่านทำนองเสนาะประเภทกาพย์ยานี ๑๑

๑. การอ่านกาพย์ยานี ๑๑ จะต้องแบ่งจังหวะการอ่านคำในแต่ละวรรค ดังนี้
วรรคแรกมี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ การอ่านจึงเว้นเป็นจังหวะตามวรรค คือ วรรคหน้า

เว้นจังหวะ ๒/๓ คำ ส่วนวรรคหลังเว้นจังหวะ ๓/๓ คำ
๒. กาพย์ใส่ทำนองเสนาะกาพย์ยานี ๑๑ มีดังนี้
บาทเอกออกเสียงลงต่ำ ส่วนบาทโทออกเสียงต้นวรรคขึ้นเสียงสูง
๓. อ่านออกเสียงคำให้ชัดเจนถูกต้อง โดยเฉพาะคำที่ออกเสียง ร ล และคำควบกล้ำ

๑๑ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

๕ ตัวอย่างของกาพย์ยานี ๑๑

เรื่อง เหตุใดการศึกษาจึงสำคัญ

เด็กเอ๋ยเด็กน้อยน้อย เจ้าต้องคอยหมั่นศึกษา
เพื่อให้รู้วิชา อันมีค่าติดตัวไป
หมั่นเพียรกันเถิดหนา วันข้างหน้าจะสดใส
จะได้มีกินใช้ เรื่อยเรื่อยไปตลอดกาล

เรื่อง เพื่อนแท้เป็นไฉน

เพื่อนแท้นั้นหายาก ต้องดูจากในจิตใจ
ไม่ว่าเรื่องใดใด เพื่อนไม่ทิ้งให้ทุกข์ทน
เพื่อนแท้ดูอย่างไร ให้ดูไปเป็นคนคน
เพื่อนแท้จะบรรดล ให้เป็นคนที่ดีเอย

๖ หลักการถอดคำประพันธ์ของกาพย์ยานี ๑๑

การถอดความหรือถอดคำประพันธ์ ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของคำว่า “ถอดความ” หมายถึง ก. แปลให้เข้าใจความได้ง่ายขึ้น
การถอดความจากบทร้อยกรอง คือ การอธิบายความหมายของคำและเค้าโครงเดิมของบทร้อยกรอง
โดยอาจอธิบายจากบทร้อยกรองที่เป็นบทบรรยายหรือพรรณนาโวหาร ทั้งนี้ การถอดความมีประโยชน์
คือ ทำให้เข้าใจบทร้อยกรองบทนั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๑๒

๖ หลักการถอดคำประพันธ์ของกาพยยานี ๑๑

หลักการถอดความจากบทร้อยกรองมีแนวทาง ดังนี้
๑. ต้องรู้ความหมายของคำศัพท์ในเรื่องนั้น ๆ อย่างถูกต้อง เพราะจะช่วยให้สามารถ
ถอดคำประพันธ์จากเรื่องที่อ่านได้ง่ายขึ้น
๒. ศึกษาเนื้อหาโดยรวมของเรื่องนั้น ๆ ว่าใจความสำคัญของเรื่องคืออะไร และต้อง
ทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งชัดเจน
๓. ถอดความทีละบรรทัดหรือทีละวรรคด้วยภาษาของตนเอง โดยคำนึงถึงเรื่องราวก่อนหน้านั้น
๔. ทำความเข้าใจกับประโยคที่ถอดความให้เข้าใจอย่างถูกต้องชัดเจน
๕. เรียบเรียงข้อความใหม่เหมือนการพูดเล่าเรื่องราวนั้นให้ผู้อื่นฟัง เพราะจะทำให้ได้ตรวจทาน
การถอดความได้ดีขึ้น

๑๓ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

๗ ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ของกาพย์ยานี ๑๑

วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ
นิ้วเป็นสายระยาง สองเท้าต่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไป อัชฌาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา
ปัญญาเป็นกล้องแก้ว ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา เป็นล้าต้าฟังดูลม
ขี้เกียจคือปลาร้าย จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคม ยิงระดมให้จมไป
จึงจะได้สินค้ามา คือวิชาอันพิสมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจ อย่าได้คร้านการวิชา

ถอดคำประพันธ์ได้ว่า วิชาเหมือนสินค้่าที่มีค่ามาก ต้องยากลำบากจึงจะได้สินค้านั้นมา
เปรียบได้กับร่างกายของเราที่เป็นเหมือนเรือสำเภาต้องแล่นออกทะเลใหญ่ไปเพื่อไปหาสินค้า
ต้องมีความมานะพยายาม มีความอดทนอย่างมาก และต้องมีสติตั้งมั่น หรือมีความมุ่งมั่นที่จะต้อง
ทำให้สำเร็จ และได้สินค้ามา ซึ่งความขี้เกียจนั่นคือมารร้ายที่เป็นศัตรูของความสำเร็จ

ประวัติกาพย์ยานี ๑๑ เกร็ดความรู้

กาพย์ยานี ๑๑ เป็นกาพย์ที่มีเค้าเดิมมาจากกาพย์พรหมคีติ จากคัมภีร์สารวิลาสินี
และกาพย์ตรังคนทีหรือตรังควชิรวดีจากคัมภีร์กาพย์คันถะ เพราะเหตุว่ามีรูปแบบสัมผัส
คล้ายคลึงกันแต่มีผู้เชี่ยวชาญบางท่านได้ให้ความเห็นว่า กาพย์ยานี น่าจะมาจาก
อินทรวิเชียรฉันท์ที่มีต้นบทขึ้นว่า “ยานีธ...” แต่มีท่านพระยา อุปกิตศิลปสาร
(นิ่ม กาญจนาชีวะ เปรียญธรรม) ท่านได้อธิบายไว้ว่า คำว่า กาพย์ยานี ๑๑
ได้เรียกตามอินทรวิเชียรฉันท์ ซึ่งมีตัวอย่างว่า “ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ”
กาพย์ยานีมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น กาย์ยานี กาพย์ยานีลำนำ กาพย์ยานีลำนำ ๑๑
กาพย์ยานี ๑๑ เป็นต้น แต่ที่นิยมเรียกกัน คือ กาพย์ยานี ๑๑

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๑๔

๘ ความหมายของคำศัพท์

คำศั
พท์ คำอ่
าน ความ
หมาย

สำเ
ภา สำ -
เพา ชื่อเรือเดินทะเลชนิดหนึ่งแบบ
จีน แล่นด้วยใบ
โสภ

โยธ
า โส -
พา งาม

ความ
เพียร
สายระ
ยาง โย -
ทา งานที่ต้องใช้กำลังกายเกี่ยวกับ
การก่อสร้าง มีแบก หาม
สม

อัชณ
าสัย ความ -
เพียน ความบากบั่น

เสบี
ยง
ล้าต
้า สาย - ร
ะ -ยาง สายเชือกหรือลวดที่รั้งเสากระ
โดงเรือ เป็นต้น
พิสม
ัย
สะ -
หมอ ของหนักที่ล่ามโซ่หรือเชือกอยู่กับเรือ เวลาจอดเรือใช้ทอด
ลงไปในน้ำให้เกาะพื้นเพื่อไม่ให
้เรือเคลื่อนที่ไปที่อื่น

อัด-ช
า-ไส กิริยาดี


สะ -
เบียง อาหารที่เตรียมไว้กินระหว่างเดินทางไกล กักตุนไว้บริโภค
ในเวลาอันสมควร มักใช้คู่กับค
ำว่า อาหาร

ล้า
-ต้า คนถือบัญชีเรือสำเภา


พิด-สะ
-ไหฺม ความรัก ความปลื้มใจ ความช
ื่นชม

กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้

ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ ๓-๔ คน ร่วมกันแต่งกาพย์ยานี ๑๑ จำนวน ๑ บท
ในหัวข้อ “อนาคตที่ฉันอยากเป็น” แล้วนำมาอ่านให้ครูและเพื่อน ๆ ฟังหน้าชั้นเรียน

๑๕ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

แบบฝึกหัดที่ ๑ มาเติมคำกันเถอะ

คำชี้แจง : ให้นักเรียนเติมข้อความที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์ตามลักษณะคำประพันธ์ของกาพย์ยานี ๑๑

จะร่ำคำต่อไป เจ้าพาราสาวัตถี

๑. ………………………………………. พอล่อใจกุมารา
ธรณีมีราชา ……………………………………….

มีสุดามเหสี อยู่บุลีไม่มีภัย

๒. ชื่อพระไชยสุริยา ……………………………………….
ชื่อว่าสุมาลี ……………………………………….

มัสมั่นแกงแก้วตา ชายใดได้กลืนแกง

๓. ………………………………………. หอมหยี่หร่ารสร้อนแรง
………………………………………. แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา

ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง ระฆังดังวังเวง

๔. พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ……………………………………….
………………………………………. โหง่งง่างเหง่งเก่งก่างดัง

โลภลาปบาปบ่คิด ป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง

๕. ………………………………………. โจทก์จับผิดริษยา
อุระพสุธา ……………………………………….

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๑๖

แบบฝึกหัดที่ ๒ สัมผัสคล้องของภาษา

คำชี้แจง : ให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำที่มีสัมผัสสระต่างวรรคกัน จากบทร้อยกรองต่อไปนี้
พร้อมทั้งยกคำคู่สัมผัสมาเติมลงในช่องว่าง

ตัวอย่าง

หอมดินรินเหงื่อริ้ว ลมพัดพลิ้วชื่นกายา
พ่อผิวเพลงใบหญ้า เดินนำหน้าคนสามคน

(ครอบครัวดวงตะวัน : ศิวกานท์ ปทุมสูติ)

สัมผัสสระคือ ริ้ว - พลิ้ว , ยา - หญ้า , หญ้า - หน้า

๒.๑ ปลูกวังขึ้นกลางไร่ ปลูกมิ่งไม้รายรอบวัง

ขุดบ่อเพื่อบัวหยั่ง ก้านบัวงามในน้ำใส

(ภูมิใจนะที่รัก : ศิวกานท์ ปทุมสูติ)

สัมผัสสระคือ……………………………………………………………………………………………………

๒.๒ เพราะครูผู้นำทาง ใช่เรือจ้างรับเงินตรา

พุ่มพานจึงนำมา กราบบูชาพระคุณครู

(ภาทิพ ศรีสุทธิ์)

สัมผัสสระคือ……………………………………………………………………………………………………

๑๗ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

แบบฝึกหัดที่ ๒ สัมผัสคล้องของภาษา

คำชี้แจง : ให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำที่มีสัมผัสสระต่างวรรคกัน จากบทร้อยกรองต่อไปนี้
พร้อมทั้งยกคำคู่สัมผัสมาเติมลงในช่องว่าง

๒.๓ หญ้าแพรกแทรกดอกไม้ พร้อมมาลัยอันงามหรู

เข็มดอกออกช่อชู จากจิตหนูผู้รู้คุณ

(ภาทิพ ศรีสุทธิ์)

สัมผัสสระคือ……………………………………………………………………………………………………

๒.๔ เพราะงามจึงตามฝัน จิตมุ่งมั่นมุ่งหมายมา

หลายชาติหลายภาษา ร่วมชะตาชมอ่าวงาม

(ภาทิพ ศรีสุทธิ์)

สัมผัสสระคือ…………………………………………………………………………………………………………..

๒.๕ หัวเราะระเริงรื่น แสนสดชื่นอ่าวสยาม
บ้างมองฟ้าสีคราม วิ่งไล่ตามโล้คลื่นลม

(ภาทิพ ศรีสุทธิ์)

สัมผัสสระคือ…………………………………………………………………………………………………………..

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๑๘

ร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ เป็นร้อยกรอง

ที่มีความหลากหลาย และเหมาะกับผู้เริ่มแต่งคำประพันธ์

การแต่งบทร้อยกรองแสดงให้เห็นถึงปฏิภาณไหวพริบและ

ความแตกฉานในการใช้ภาษาไทยของผู้แต่ง บทร้อยกรอง

ประเภทกลอนสุภาพเป็นกลอนที่ใช้ถ้อยคำและทำนองเรียบ ๆ โดย

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ แบ่งออกเป็น ๔ ชนิด ได้แก่ กลอนหก กลอนเจ็ด กลอนแปด และ
กลอนเก้า ซึ่งในบทเรียนนี้จะกล่าวถึงเนื้อหาของกลอนแปด

สุขีกลอนสุภาพ

ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ท ๑.๑ ป.๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว • การอ่านออกเสียงและการบอกความหมายของบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง
และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง • การอ่านบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะ
ท ๑.๑ ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ • มารยาทในการอ่าน
ประโยคและข้อความที่เป็นโวหาร • วรรณคดีแ
ละวรรณกรรม
ท ๑.๑ ป.๖/๙ มีมารยาทในการอ่าน • บทอาขย
านและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
ท ๕.๑ ป.๖/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและ

วรรณกรรมที่อ่าน และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

๑ ความหมายของกลอนสุภาพ (กลอนแปด)

กลอนแปด เป็นคำประพันธ์ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทั่วไป เพราะเป็นร้อยกรองชนิดที่มี
ความเรียบง่ายต่อการสื่อความหมาย และสามารถสื่อได้อย่างไพเราะ ซึ่งกลอนแปดมีการกำหนด
พยางค์และสัมผัส

๒ ฉันทลักษณ์ของกลอนสุภาพ (กลอนแปด)

๓ ลักษณะคําประพันธ์ของกลอนสุภาพ (กลอนแปด)

กลอนแปด ๑ บท จะประกอบด้วย ๒ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคละ ๘ คำ โดยวรรคแรก เรียกว่า
วรรคสดับ วรรคที่สอง เรียกว่า วรรครับ วรรคที่สาม เรียกว่า วรรครอง และวรรคที่สี่ เรียกว่า วรรคส่ง
ซึ่งมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

๑. เสียง การจะแต่งกลอนแปดให้ไพเราะนั้น ต้องมีข้อบังคับเรื่องเสียง ว่าวรรคใดสามารถลงด้วย
เสียงอะไรได้ และลงเสียงอะไรไม่ได้อย่างไรบ้าง

วรรคสดับ คําสุดท้ายสามารถลงได้ทุกเสียง
วรรครับ คําสุดท้ายห้ามใช้เสียงสามัญกับตรี
วรรครอง คําสุดท้ายห้ามใช้เสียงเอก โท และจัตวา
วรรคส่ง คําสุดท้ายห้ามใช้เสียงเอก โท และจัตวา

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๒๐

๒. การส่งสัมผัส การส่งสัมผัสเป็นหัวใจของบทร้อยกรองทุกประเภท ในกลอนแปด
กําหนดให้มี สัมผัสในบทหรือสัมผัสนอก ๓ แห่ง และมีสัมผัสระหว่างบท ๑ แห่ง ซึ่งก็คือ
สัมผัสระหว่างวรรคในบทนั้น ๆ

คําสุดท้ายของวรรคสดับ (วรรคที่ ๑) ต้องสัมผัสกับคําที่ ๓ หรือ ๕ ของวรรครับ
คําสุดท้ายของวรรครับ (วรรคที่ ๒) ต้องสัมผัสกับคําสุดท้ายของวรรครอง
คําสุดท้ายของวรรครอง (วรรคที่ ๓) ต้องสัมผัสกับคําที่ ๓ หรือ ๕ ของวรรคส่ง
สัมผัสระหว่างบท คือ สัมผัสบังคับที่ต้องมีระหว่างบท โดยคําสุดท้ายของบทแรกต้องสัมผัส
กับคําสุดท้ายของวรรครับในบทถัดไป

* ข้อสังเกต ในบางครั้งสัมผัสระหว่าง
วรรคนั้น ไม่จําเป็นต้องลงคําที่ ๓
หรือคําที่ ๕ เสมอไป ในกรณี
ที่ผู้แต่งไม่สามารถหาคํามาลง
ในตําแหน่งนั้น ๆ ได้ ก็อนุโลมให้
ลงสัมผัสในคําที่ ๑, ๒ หรือ ๔ ได้

๔ การอ่านทำนองเสนาะประเภทกลอนสุภาพ (กลอนแปด)

๑. การแบ่งวรรคจังหวะในการอ่านกลอนสุภาพ (กลอนแปด) จะแบ่งจังหวะ
การอ่านคำในแต่ละวรรคเป็น ๓ ช่วง ดังนี้

ถ้าวรรคละ ๖ คำ จะแบ่งอ่าน ๒-๒-๒
ถ้าวรรคละ ๗ คำ จะแบ่งอ่าน ๒-๒-๓
ถ้าวรรคละ ๘ คำ จะแบ่งอ่าน ๓-๒-๓
ถ้าวรรคละ ๙ คำ จะแบ่งอ่าน ๓-๓-๓

๒. ต้องอ่านให้ถูกต้องตามอักขระวิธี โดยเฉพาะคำควบกล้ำ ร, ล, ว

๒๑ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

๕ ตัวอย่างของกลอนสุภาพ (กลอนแปด)

เรื่อง กลอนแปด อ่านให้ถูกนะหนูจ๋า

อ่านกลอนแปดไพเราะเสนาะจิต ได้ฝึกคิดแบ่งคำให้ถูกต้อง
มีสัมผัสนอกในใช้คำคล้อง ท่วงทำนองการอ่านตามวิถี
หากอ่านไม่ถูกต้องหม่นหมองจิต จงพินิจฉันทลักษณ์รูปแบบนี้
ต้องฝึกฝนหมั่นอ่านให้จงดี มีศักดิ์ศรีและไม่ละอายใจ

๖ หลักการถอดคำประพันธ์ของกลอนสุภาพ (กลอนแปด)

การถอดความหรือถอดคำประพันธ์ ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของคำว่า “ถอดความ” หมายถึง ก. แปลให้เข้าใจความได้ง่ายขึ้น
การถอดความจากบทร้อยกรอง คือ การอธิบายความหมายของคำและเค้าโครงเดิมของบทร้อยกรอง
โดยอาจอธิบายจากบทร้อยกรองที่เป็นบทบรรยายหรือพรรณนาโวหาร ทั้งนี้การถอดความมีประโยชน์
คือ ทำให้เข้าใจบทร้อยกรองบทนั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น

หลักการถอดความจากบทร้อยกรองมีแนวทาง ดังนี้
๑. ต้องรู้ความหมายของคำศัพท์ในเรื่องนั้น ๆ อย่างถูกต้อง เพราะจะช่วยให้สามารถ
ถอดคำประพันธ์จากเรื่องที่อ่านได้ง่ายขึ้น
๒. ศึกษาเนื้อหาโดยรวมของเรื่องนั้น ๆ ว่าใจความสำคัญของเรื่องคืออะไร และต้อง
ทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งชัดเจน
๓. ถอดความทีละบรรทัดหรือทีละวรรคด้วยภาษาของตนเอง โดยคำนึงถึงเรื่องราว
ก่อนหน้านั้น
๔. ทำความเข้าใจกับประโยคที่ถอดความให้เข้าใจอย่างถูกต้องชัดเจน
๕. เรียบเรียงข้อความใหม่เหมือนการพูดเล่าเรื่องราวนั้นให้ผู้อื่นฟัง เพราะจะทำให้
ได้ตรวจทานการถอดความได้ดีขึ้น

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๒๒

๗ ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ของกลอนสุภาพ (กลอนแปด)

ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาด ค่อยเยื้องยาตรยกย่องไปกลางสนาม

อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปราม เสงี่ยมงามสงวนไว้แต่ในที

อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี

อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี เหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ

ให้กำหนดจดจำแต่คำชอบ ผิดระบอบแบบกระบวนอย่าควรถือ

อย่านุ่งผ้าพกใหญ่ใต้สะดือ เขาจะลือว่าเล่นไม่เห็นควร

อย่าลืมตัวมัวเดินให้เพลินจิต ระวังปิดปกป้องของสงวน

เป็นนารีที่อายหลายกระบวน จงสงวนศักดิ์สง่าอย่าให้อาย

(สุภาษิตสอนหญิง : ภู่ จุลละภมร)

ถอดคำประพันธ์ได้ว่า ผู้หญิงควรมีกิริยามารยาทงดงาม ขณะเดินต้องเดินช้า ๆ ค่อย ๆ ย่างเท้า

ไม่ไกวแขนแรง ไม่เดินเย้ายอก ไม่ให้ผ้านุ่งผ้าห่มสะบัดไปมา ไม่เสยผม ไม่พูดมากจนเกินงาม

การแต่งกายต้องเรียบร้อย มิดชิด และระมัดระวังตัวให้สง่างามอยู่เสมอ

เกร็ดความรู้

คุณค่าของวรรณกรรม

คุณค่าด้านวรรณศิลป์
วรรณศิลป์ คือ ความไพเราะของบทประพันธ์ ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ ความรู้สึก
และจินตนาการ ตามรสความหมายของถ้อยคำและภาษาที่ผู้แต่งเลือกใช้
คุณค่าด้านเนื้อหาสาระ
การพิจารณาคุณค่าด้านเนื้อหา มุ่งไปที่การพิจารณาองค์ประกอบของเนื้อหาเหล่านั้นว่า
มีคุณค่าหรือเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังอย่างไร
คุณค่าด้านสังคม
วรรณคดีและวรรณกรรมจะสะท้อนให้เห็นสภาพของสังคม ประเพณี ความเชื่อ
การดำเนินชีวิต และค่านิยม
การนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ผู้อ่านสามารถนำแนวคิดและประสบการณ์จากเรื่องที่อ่านไปประยุกต์ใช้หรือแก้ปัญหา
ในชีวิตประจำวันได้

๒๓ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

๘ ความหมายของคำศัพท์

คำศัพท์ คำอ่าน ความหมาย
เดินทอดแขนอย่างอ่อนงาม
ดำเนินนาด ดำ-เนิน-นาด ผู้หญิง, นาง
นารี นา-รี มีท่าทีจะเป็นเช่นนั้นแต่ไม่แสดงให้ปรากฏ
เดิน
ในที ใน-ที สาย แนว ถนน ทาง
ยาตร ยาด ถนอมรักษาไว้
สำรวมกิริยาวาจาด้วยเจียมตัว, สุภาพเรียบร้อย
วิถี วิ-ถี มีลักษณะผึ่งผายเป็นที่น่ายำเกรงหรือน่านิยมยกย่อง
สงวน สะ-หฺงวน ขอความเห็น, ปรึกษา
เรือน, บ้านเรือน, ครอบครัว, มักใช้เข้าคู่กับคำว่า
เสงี่ยม สะ-เหฺงี่ยม เรือน เป็น เหย้าเรือน
สง่า สะ-หฺง่า

หารือ หา-รือ
เหย้า เย่า

กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้

- ให้นักเรียนทุกคนร่วมกันกำหนดหัวข้อเพื่อนำมาแต่งเป็นกลอนสุภาพ (กลอนแปด)
จากนั้นให้แต่ละคนแต่งกลอนแปดต่อกันคนละหนึ่งบาท

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๒๔

แบบฝึกหัดที่ ๑ คู่กันแล้ว ไม่แคล้วกัน

คำชี้แจง : ให้นักเรียนจับคู่คำศัพท์และความหมายให้ถูกต้อง

…… ๑. ดำเนินนาด ก. เรือน, บ้านเรือน, ครอบครัว

…… ๒. นารี ข. เดิน

…… ๓. ในที ค. ถนอมรักษาไว้

…… ๔. ยาตร ง. สำรวมกิริยาวาจาด้วยเจียมตัว, สุภาพเรียบร้อย

…… ๕. วิถี จ. มีท่าทีจะเป็นเช่นนั้นแต่ไม่แสดงให้ปรากฏ

…… ๖. สงวน ฉ. ผู้หญิง, นาง

…… ๗. สง่า ช. ขอความเห็น, ปรึกษา

…… ๘. เสงี่ยม ซ. สาย แนว ถนน ทาง

…… ๙. หารือ ฌ. มีลักษณะผึ่งผายเป็นที่น่ายำเกรงหรือน่านิยมยกย่อง

…… ๑๐. เหย้า ญ. เดินทอดแขนอย่างอ่อนงาม

๒๕ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

แบบฝึกหัดที่ ๒ ถอดคำประพันธ์จากสุภาษิตสอนหญิง

คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำประพันธ์ประเภทกลอนสุภาพ (กลอนแปด) จากบทเรียนเรื่อง
สุภาษิตสอนหญิง จำนวน ๒ บท พร้อมทั้งถอดคำประพันธ์
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
.………………………………………………………………………………………………………………………………………………
.……………………………………………………………………………………………………………………..............................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๒๖

ร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เป็นร้อยกรอง

ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เนื่องจากมีการบังคับตำแหน่ง

ของคำเอกคำโท ทำให้บทร้อยกรองมีความไพเราะ และแสดงถึง

ความสามารถของผู้ประพันธ์อีกด้วย ดังนั้น การอ่านบทร้อยกรอง

ประเภทนี้จึงควรมีความรู้เกี่ยวกับฉันทลักษณ์ที่ถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่

การแต่งบทร้อยกรองได้ถูกต้องในที่สุด นอกจากนี้ การอ่าน

บทร้อยกรอง ยังทำให้ได้รับคุณค่าในด้านต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถ

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ นำข้อคิดที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

ซึมซาบโคลงสี่

ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ท ๑.๑ ป.๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว • การอ่านออกเสียงและการบอกความหมายของบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง

และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง • การอ่านบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะ
ท ๑.๑ ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ
• มารยาทในการอ่าน
ประโยคและข้อความที่เป็นโวหาร • วรรณคดีและวรรณกรรม
ท ๑.๑ ป.๖/๙ มีมารยาทในการอ่าน • บทอาขย

านและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า

ท ๕.๑ ป.๖/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖
วรรณกรรมที่อ่าน และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

๑ ความหมายของโคลงสี่สุภาพ



โคลงสี่สุภาพ เป็นโคลงชนิดหนึ่งที่กวีหรือคนส่วนใหญ่นิยมแต่งมากที่สุด เพราะมีลักษณะและ
เสน่ห์ของการบังคับตามฉันทลักษณ์ที่มีวรรณยุกต์เอก โท ที่ลงตัว ซึ่งคำว่า “สุภาพ” หมายถึง คำที่ไม่มี
รูปวรรณยุกต์ คำในภาษาไทยหลายคำไม่มีรูปวรรณยุกต์ แต่มีเสียงวรรณยุกต์ เช่น คำว่า “ตาก” ไม่มี
รูปวรรณยุกต์เอก แต่เป็นเสียงเอก, คำว่า “หนู” ไม่มีรูปวรรณยุกต์จัตวา แต่เป็นเสียงจัตวา บางคำ
มีรูปและเสียงวรรณยุกต์ไม่ตรงกัน เช่น คำว่า “ไซร้” รูปโท แต่เสียงตรี, คำว่า “ที่” รูปเอก แต่เสียงโท
ฯลฯ ดังนั้น ในการอ่านโคลงสี่สุภาพ จะพบว่ามีหลายคำที่รูปและเสียงไม่ตรงกัน

๒ ฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพ

๓ ลักษณะคําประพันธ์ของโคลงสี่สุภาพ

โคลงสี่สุภาพ ๑ บท จะมีจำนวนคำทั้งหมด ๓๐ คำ หนึ่งบทแบ่งเป็น ๔ บาท บาทหนึ่ง
มี ๒ วรรค บาทที่ ๑, ๒ และ ๓ มีจำนวนคำเท่ากัน วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๒ คำ ยกเว้น
บาทที่ ๔ วรรคหน้ามี ๕ คำ แต่วรรคหลังจะมี ๔ คำ ในบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ อาจมีคำสร้อย ๒ คำ
ซึ่งนิยมให้ลงท้ายด้วยคำดังนี้ คือ เฮย แฮ ฮา รา ฤา นา นอ พ่อ แม่ พี่ เอย ฯลฯ และมีการบังคับ
จำนวนคำเอกและคำโท โดยบังคับคำเอก ๗ แห่ง คำโท ๔ แห่ง

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๒๘

๔ การอ่านทำนองเสนาะประเภทโคลงสี่สุภาพ

โคลงสี่สุภาพมีวิธีการอ่าน ดังนี้
๑. อ่านทอดเสียงให้ตรงตามจังหวะของแต่ละวรรค วรรคหน้าของแต่ละบาทมี ๒ จังหวะ
จังหวะละ ๒ คํา และ ๓ คํา วรรคหลังของบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ มี ๑ จังหวะ เป็นจังหวะ ๒ คํา
ถ้ามีคําสร้อยก็เพิ่มอีก ๑ จังหวะ เป็นจังหวะ ๒ คํา วรรคหลังของบาทที่ ๒ มี ๑ จังหวะ
เป็นจังหวะ ๒ คํา วรรคหลังของบาทที่ ๔ มี ๒ จังหวะ จังหวะละ ๒ คํา
๒. คําท้ายวรรคที่ใช้คําเสียงจัตวา ต้องเอื้อนเสียงให้สูงเป็นพิเศษ ตามปกติโคลงสี่สุภาพ
ที่แต่งถูกต้องและไพเราะ ใช้คําเสียงจัตวาตรงคําท้ายของบาทที่ ๑ หรือคําท้ายบท
๓. เอื้อนวรรคหลังบาทที่ ๒ ให้เสียงต่ำกว่าปกติ
๔. ในกรณีที่มีคํามากพยางค์เกินแผนบังคับต้องรวบเสียงคํานั้น ๆ ให้สั้นเข้า

ตัวอย่างการแบ่งวรรคการอ่านโคลงสี่สุภาพ

เสียงลือ/เสียงเล่าอ้าง/ อันใด/พี่เอย/

เสียงย่อม/ยอยศใคร/ ทั่วหล้า/

สองเขือ/พี่หลับใหล/ ลืมตื่น/ฤๅพี่/

สองพี่/คิดเองอ้า/ อย่าได้/ถามเผือ//

การอ่านทํานองประเภทโคลงสี่สุภาพ

การใส่ทํานอง

การใส่ทํานองในการอ่านโคลงสี่สุภาพ นิยมอ่านบาทที่หนึ่ง บาทที่สอง และบาทที่สี่ ให้มี

เสียงขึ้นลง และสูงต่ำ ตามเสียงวรรณยุกต์ แล้วอ่านบาทที่สามวรรคแรกให้มีเสียงสูงขึ้นกว่าทุกบาท

โดยเฉพาะท้ายวรรค อ่านให้มีเสียงจัตวาปนอยู่ด้วย โดยทอดเสียงวรรณยุกต์

สําหรับการอ่านโคลงกระทู้ที่มีคํากระทู้อยู่ต้นวรรคทุกวรรคนั้น มีหลักการอ่านอยู่ว่า

ให้การอ่านกระทู้เรียงลงมาด้วยเสียงธรรมดาแบบอ่านร้อยแก้วเสียก่อน เพื่อให้ผู้ฟังทราบ

เกี่ยวกับกระทู้นั้นก่อนว่า กล่าวถึงอะไร แล้วจึงอ่านทํานองเช่นเดียวกับโคลงสี่สุภาพ

(นันทา ขุนภักดี ๒๕๓๖ : ๕)

การใส่อารมณ์

การใส่อารมณ์ในการอ่านโคลงสี่สุภาพควรใส่อารมณ์สอดแทรกลงไปในบทที่อ่านให้เหมาะสม

กับเนื้อเรื่องและบรรยากาศ โดยอาศัยการตีความตัวบทที่จะอ่านให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วอ่านทอด

อารมณ์ออกมาเป็นท่วงทํานองให้น่าฟัง

๒๙ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

เกร็ดความรู้

คำเอกคำโท

คำเอกคำโท คือ คำกำหนดบังคับเสียง อันเป็นลักษณะพิเศษของโคลง
คำเอก คือ คำที่กำกับด้วยรูปวรรณยุกต์เอก เช่น แก่ ค่า ใส่ เฉพาะคำเอกนี้ ในโคลงอนุญาตให้
ใช้คำตายแทนได้ ซึ่งคำตาย คือ คำที่สะกดด้วยสระเสียงสั้นและสะกดด้วยมาตราตัวสะกดแม่กก กด
กบ เช่น ปิด ฉาก นัด พบ สวัสดิ์ ศิริ
คำโท คือ คำที่กำกับด้วยรูปวรรณยุกต์โท เช่น ร้อง ไห้ ไม้ ล้ม ต้ม ข้าว กรณีที่ไม่สามารถหา
พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์ตามต้องการได้ให้ใช้เอกโทษและโทโทษ

เอกโทษ และโทโทษ คืออะไร?

คำเอกโทษ คือ การนำคำที่ปกติใช้วรรณยุกต์โทกำกับมาใช้วรรณยุกต์เอกกำกับแทน เพื่อใช้
แทนที่คำเอกในตำแหน่งบังคับของโคลง เช่น

หมั้นหมาย เขียนเป็น มั่นหมาย มั่นเป็นคำเอกโทษ
เขี้ยวคม เขียนเป็น เคี่ยวคม เคี่ยวเป็นคำเอกโทษ

คำโทโทษ คือ การนำคำที่ปกติใช้วรรณยุกต์เอกกำกับมาใช้วรรณยุกต์โทกำกับแทน เพื่อให้ใช้
แทนคำโทในตำแหน่งบังคับของโคลง เช่น

หยอกเล่น เขียนเป็น หยอกเหล้น เหล้นเป็นคำโทโทษ
มั่นคง เขียนเป็น หมั้นคง หมั้นเป็นคำโทโทษ
ชมพู่ เขียนเป็น ชมผู้ ผู้เป็นคำโทโทษ

***** ในโคลงและร่ายใช้คำตายแทนคำเอกได้
คำตาย คือ
๑. คำที่ประสมสระเสียงสั้นแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด) เช่น กะ ทิ สิ นะ ขรุ ขระ เละ

เปรี๊ยะ เลอะ ฯลฯ
๒. คำที่สะกดด้วยแม่ กก กบ กด เช่น เลข วัด สารท โจทย์ วิทย์ ศิษย์ มาก โชค ลาภ ฯลฯ

สัมผัส

๑. สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างบท อันเป็นสัมผัสบังคับคำสุดท้ายของบาทหนึ่งคือ คำที่ ๗
ส่งสัมผัสไปรับสัมผัสกับคำที่ ๕ ของบาทสองกับบาทสามคำสุดท้ายของบาทสอง คือ คำที่ ๗ ส่ง
สัมผัสไปรับกับคำที่ ๕ ของบาทสี่ (ซึ่งตกในที่บังคับคำโทจึงต้องส่ง-รับด้วยคำโททั้งคู่)

๒. สัมผัสระหว่างบท โคลงสี่สุภาพไม่เคร่งสัมผัสระหว่างบท จะมีหรือไม่มีก็ได้ หากจะมี
กำหนดให้คำสุดท้ายของบท คือ คำที่ ๗ ของบาทสี่ ส่ง-รับสัมผัสไปยังคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓
ของบาทหนึ่งในบทถัดไป

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๓๐

๕ ตัวอย่างของโคลงสี่สุภาพ

เรื่อง มารยาทเด็กดี

ทำอะไรอย่าให้ ใครว่า
ท่วงท่าและวาจา เพรียบพร้อม
ต้องรู้จักเข้าหา ผู้ใหญ่ (เป็นนิตย์)
เคารพและนอบน้อม ท่านไว้คนดี

๖ หลักการถอดคำประพันธ์ของโคลงสี่สุภาพ

การถอดความหรือถอดคำประพันธ์ ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของคำว่า “ถอดความ” หมายถึง ก. แปลให้เข้าใจความได้ง่ายขึ้น
การถอดความจากบทร้อยกรอง คือ การอธิบายความหมายของคำและเค้าโครงเดิมของ
บทร้อยกรอง โดยอาจอธิบายจากบทร้อยกรองที่เป็นบทบรรยายหรือพรรณนาโวหาร
ทั้งนี้การถอดความมีประโยชน์ คือ ทำให้เข้าใจบทร้อยกรองบทนั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น

หลักการถอดความจากบทร้อยกรองมีแนวทาง ดังนี้
๑. ต้องรู้ความหมายของคำศัพท์ในเรื่องนั้น ๆ อย่างถูกต้อง
เพราะจะช่วยให้สามารถถอดคำประพันธ์จากเรื่องที่อ่านได้ง่ายขึ้น
๒. ศึกษาเนื้อหาโดยรวมของเรื่องนั้น ๆ ว่าใจความสำคัญของเรื่องคืออะไร
และต้องทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งชัดเจน
๓. ถอดความทีละบรรทัดหรือทีละวรรคด้วยภาษาของตนเอง โดยคำนึงถึงเรื่องราวก่อนหน้านั้น
๔. ทำความเข้าใจกับประโยคที่ถอดความให้เข้าใจอย่างถูกต้องชัดเจน
๕. เรียบเรียงข้อความใหม่เหมือนการพูดเล่าเรื่องราวนั้นให้ผู้อื่นฟัง เพราะจะทำให้ได้ตรวจทาน
การถอดความได้ดีขึ้น

๓๑ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

๗ ตัวอย่างการถอดคำประพันธ์ของโคลงสี่สุภาพ

เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์

เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้

เสียรู้เร่งดำรง ความสัตย์ ไว้นา

เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรณา

(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า คนเราเมื่อยามถึงจุดที่ต้องเลือกทางเดินชีวิต ให้เลือกกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง
มีค่า มีศักดิ์ศรี หากต้องเลือกระหว่างการเสียทรัพย์สินกับการเสียศักดิ์ศรี ควรเลือกที่จะรักษา
ศักดิ์ศรีไว้ และหากต้องเลือกระหว่างเกียรติยศศักดิ์ศรีกับความรู้ ให้เลือกที่จะเอาความรู้
และวันใดหากต้องเสียรู้ให้แก่เล่ห์เหลี่ยมกลโกงของคนอื่น ก็ขอให้ยึดมั่นในสัจจะ ซึ่งถือเป็น
สิ่งสำคัญที่สุด หากต้องเสียสัตย์สู้ยอมเสียชีวิตเสียดีกว่า เพราะคนที่ไร้สัจจะ ชีวิตที่มีอยู่
ก็ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีเกียรติภูมิ ตรงกับคำที่ว่า “เสียชีพอย่าเสียสัตย์”

ความรู้ดูยิ่งล้ำ สินทรัพย์

คิดค่าควรเมืองนับ ยิ่งไซร้

เพราะเหตุจักอยู่กับ กายอาต-มานา

โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอา




(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า ความรู้เป็นสิ่งที่ความสำคัญยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทอง เนื่องจากไม่มีใครสามารถ
นำเอาความรู้ไปจากตัวเราได้ ดังนั้นควรใฝ่หาความรู้ให้ตนเองอยู่เสมอ

เว้นวิจารณ์ว่างเว้น สดับฟัง

เว้นที่ถามอันยัง ไป่รู้

เว้นเล่าลิขิตสัง- เกตุว่าง เว้นนา

เว้นดั่งกล่าวว่าผู้ ปราชญ์ได้ฤามี

(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า การเว้นที่จะพูดแสดงความคิดเห็น การเว้นที่จะรับฟังคนอื่น การเว้นที่จะ
ถามเรื่องที่ตนไม่รู้ และการไม่รู้จักสังเกต ย่อมไม่ใช่คุณสมบัติของนักปราชญ์ที่พึงมี เพราะการที่
เรากล้าที่จะพูด กล้าที่จะถามในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ และสังเกตสิ่งรอบข้างอยู่เสมอ เพื่อปรับตัวให้
เข้ากับสังคมตามความเหมาะสม ก็จะเป็นการหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ต่อตนเองด้วย

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๓๒

เกร็ดความรู้

ประวัติความเป็นมาของโคลงสี่สุภาพ

โคลงสี่สุภาพ ปรากฏในวรรณกรรมไทยตั้งแต่สมัยต้นอยุธยา ปรากฏในมหาชาติคำหลวง
เป็นเรื่องแรก และมีวรรณกรรมที่แต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ ๓ เรื่อง ได้แก่ โคลงนิราศหริภุญชัย
โคลงมังทราตีเชียงใหม่ และลิลิตพระลอ

สมัยอยุธยาตอนกลาง วรรณกรรมที่ใช้โคลงสี่สุภาพ ได้แก่ โครงเรื่องพาลีสอนน้อง โคลงทศรถ
สอนพระราม และโคลงราชสวัสดิ์ พระราชนิพนธ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โคลงเฉลิมพระเกียรติ
พระนารายณ์มหาราช โคลงนิราศนครสวรรค์ กาพย์ห่อโคลง และโคลงอักษรสามของพระศรีมโหสถ

สมัยอยุธยาตอนปลาย ได้แก่ โคลงนิราศพระบาท โคลงนิราศเจ้าฟ้าอภัย และกาพย์ห่อโคลง
พระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร

สมัยธนบุรี ได้แก่ โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี และลิลิตเพชรมงกุฎ
สมัยรัตนโกสินทร์ วรรณกรรมที่ใช้โคลงสี่สุภาพที่เด่น ๆ ได้แก่ ลิลิตตะเลงพ่าย
โคลงนิราศนรินทร์ โคลงนิราศสุพรรณ โคลงโลกนิติ สามกรุง
โคลงสี่สุภาพเป็นคำประพันธ์ที่กวีชอบแต่งและผ่านการพัฒนามายาวนาน จนมีฉันทลักษณ์ที่ลงตัว
และเป็นแบบฉบับดังที่ยึดถือกันในปัจจุบัน

๓๓ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

๘ ความหมายของคำศัพท์

คำศัพท์ คำอ่าน ความหมาย
มีค่ายิ่งอันจะประมาณมิได้
ค่าควรเมือง ค่า-ควน-เมือง เอาไปไม่ได้ เบียน คือ รบกวน
เขียน
เบียนบ่ได้ เบียน-บ่อ-ได้ ในที่นี้หมายถึง เชื้อสายกำเนิดสูง
เว้นการคิดไตร่ตรอง
ลิขิต ลิ-ขิด ในที่นี้หมายถึง ศักดิ์ศรี อันหมายถึง เกียรติ, อำนาจ
มาจากคำว่า อาตมา หมายถึง ร่างกาย, ตัวตน (อาตมา
วงศ์หงส์ วง-หง เป็นคำสรรพนามแทนตัวพระสงฆ์หรือสามเณรด้วย)

เว้นวิจารณ์ เว้น-วิ-จาน

ศักดิ์ สัก

อาต-มา อาด-ตะ-มา

กิจกรรมเสริมเพิ่มความรู้

- ให้นักเรียนจับกลุ่ม ๓-๔ คน ร่วมกันถอดคำประพันธ์และบอกคุณค่าของวรรณคดี
จากโคลงโลกนิติที่กลุ่มของตนเองสนใจ จากนั้นนำมาอ่านให้ครูและเพื่อนฟัง พร้อมทั้งร่วมกัน
อภิปรายหน้าชั้นเรียน

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๓๔

แบบฝึกหัดที่ ๑ อ่านอย่างไรให้ถูกต้อง

คำชี้แจง : ให้นักเรียนแบ่งวรรคการอ่านโคลงสี่สุภาพและนำมาเขียนใหม่ให้ถูกต้อง

โคลงสี่สุภาพพ้องสัมผัสเอกเจ็ดโทสี่ชัดช่วงเว้นสี่บาทหนึ่งบทจัดวางระเบียบสูงต่ำ
ทำนองเน้นเสนาะน้ำคำโคลงโยงคำสัมผัสทั้งนอกในวรรคเอยทีเอกคำตายไขเคลื่อนคล้อย

กำหนดบทบาทไปเป็นแบบฉะนี้นาโคลงสี่สุภาพเด่นด้อยสดับด้วยเสียงคำ


(ผู้ประพันธ์ : ภาทิพ ศรีสุทธิ์)

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..........................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

๓๕ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

แบบฝึกหัดที่ ๒ มาแต่งโคลงสี่กันเถอะ

คำชี้แจง : ให้นักเรียนแต่งโคลงสี่สุภาพตามประเด็นที่ตนเองสนใจ อย่างน้อยคนละ ๒ บท

กำหนดเรื่อง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………............

แต่งคำประพันธ์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………….....................................
.................................................................................................................................................................

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๓๖

๕หน่วยการเรียนรู้ที่ กลอนเสภา

เน้นการเล่าเรื่องจึงไม่คำนึงถึงฉันทลักษณ์
มากนัก การขับเสภา ถ้าหากขับคนเดียวจะมี
ลักษณะเป็นการเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าต้องการ
จะให้สื่ออารมณ์มากขึ้น ควรจะมีผู้ขับสองคนโต้ตอบกัน

เปรมปรีดิ์กลอนเสภา

ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

• มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว • การอ่านออกเสียงและการบอก ความหมายของบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรอง
และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง • การอ่านบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะ
• มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคำ • มารยาทในการอ่าน
ประโยค และข้อความที่โวหาร
• มาตรฐาน ท ๑.๑ ป.๖/๙ มารยาทในการอ่าน • วรรณคดีและวรรณกรรม
• บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า

• มาตรฐาน ท ๕.๑ ป.๖/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและ
วรรณกรรมที่อ่าน และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

๑ ความหมายของกลอนเสภา

เป็นคำประพันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งแต่งเพื่อใช้ขับ เพราะใช้เป็นกลอนขับ
จึงกำหนดคำไม่แน่นอน มุ่งการขับเสภาเป็นสำคัญ

๒ ฉันทลักษณ์ของกลอนเสภา

๓ ลักษณะคำประพันธ์ของกลอนเสภา

๑. ใช้คำวรรคละ ๘ ถึง ๙ คำ แล้วแต่ความเหมาะสม
๒. คำสุดท้ายของวรรคหน้าสัมผัสกับคำที่ ๑, ๒, ๓, ๔ หรือ ๕ คำใดคำหนึ่งของวรรคหลัง
และไม่มีข้อบังคับห้ามเสียงสูงต่ำ

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๓๘

๔ การอ่านทำนองเสนาะประเภทกลอนเสภา

การขับเสภา คือ การใช้เสียงเอื้อนนำก่อนเริ่มวรรคแรกของบทเมื่อเริ่มเหตุการณ์ และจะใช้
“กรับ” เป็นเครื่องประกอบจังหวะ เพื่อให้การอ่านนั้นมีความไพเราะ น่าฟังยิ่งขึ้น

๑. การแบ่งจังหวะในการอ่านกลอนเสภา จะแบ่งจังหวะการอ่านคำในแต่ละวรรคเป็น ๓ ช่วง
ดังนี้

ถ้าวรรคละ ๖ คำ จะแบ่งอ่าน ๒-๒-๒
ถ้าวรรคละ ๗ คำ จะแบ่งอ่าน ๓-๒-๒ หรือ ๒-๒-๓

ถ้าวรรคละ ๘ คำ จะแบ่งอ่าน ๓-๒-๓

ถ้าวรรคละ ๙ คำ จะแบ่งอ่าน ๓-๓-๓

๓๙ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

ตัวอย่าง ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้เหมือน
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก จะห่างเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ (เสภาขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม)

แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน

อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๔๐

๕ หลักการถอดคำประพันธ์ของกลอนเสภา

การถอดความหรือถอดคำประพันธ์ ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายของคำว่า “ถอดความ” หมายถึง ก. แปลให้เข้าใจความได้ง่ายขึ้น
การถอดความจากบทร้อยกรอง คือ การอธิบายความหมายของคำและเค้าโครงเดิมของบทร้อยกรอง
โดยอาจอธิบายจากบทร้อยกรองที่เป็นบทบรรยายหรือพรรณนาโวหาร ทั้งนี้การถอดความมีประโยชน์
คือ ทำให้เข้าใจบทร้อยกรองบทนั้นได้ง่ายยิ่งขึ้น

หลักการถอดความจากบทร้อยกรองมีแนวทาง ดังนี้

๑. ต้องรู้ความหมายของคำศัพท์ในเรื่องนั้น ๆ อย่างถูกต้อง เพราะจะช่วยให้สามารถ

ถอดคำประพันธ์จากเรื่องที่อ่านได้ง่ายขึ้น

๒. ศึกษาเนื้อหาโดยรวมของเรื่องนั้น ๆ ว่าใจความสำคัญของเรื่องคืออะไร และ

ต้องทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งชัดเจน

๓. ถอดความทีละบรรทัดหรือทีละวรรคด้วยภาษาของตนเอง โดยคำนึงถึงเรื่องราว
ก่อนหน้านั้น

๔. ทำความเข้าใจกับประโยคที่ถอดความให้เข้าใจอย่างถูกต้องชัดเจน

๕. เรียบเรียงข้อความใหม่เหมือนการพูดเล่าเรื่องราวนั้นให้ผู้อื่นฟัง เพราะจะทำให้
ได้ตรวจทานการถอดความได้ดีขึ้น

๔๑ อ่านถ้อยร้อยความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖


Click to View FlipBook Version