The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่ออาชีพ 63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นิกร สระครบุรี, 2021-04-06 19:32:06

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่ออาชีพ 63

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่ออาชีพ 63

54

12.2 ขณะเรยี น
1. แบบทดสอบผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรู้ความเข้าใจ.

12.3 หลงั เรยี น
1. ครูให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเข้าใจ

13. รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรยี น

จุดประสงคข์ ้อท่ี 1 อธิบายกระบวนการสื่อสาร
1. วธิ กี ารประเมิน : แบบทดสอบเกีย่ วกบั องคป์ ระกอบของการสื่อสาร.
2. เครื่องการประเมิน : ใบงานแบบทดสอบ.
3. เกณฑก์ ารประเมิน : อยใู่ นระดบั 60 % ขนึ้ ไป ผา่ น
4. เกณฑก์ ารผ่าน : เกณฑ์การพูดของผ้เู รยี นต้องอยใู่ นระดับ 60 % ข้ึนไป

จุดประสงคข์ ้อที่ 2 วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
1. วิธกี ารประเมนิ : ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เพื่อวดั ความรู้ความเขา้ ใจ
2. เครื่องการประเมนิ : แบบทดสอบ
3. เกณฑก์ ารประเมนิ : อยูใ่ นระดบั 60 % ขึ้นไป ผ่าน
4. เกณฑ์การผา่ น :

14. แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หนว่ ยการสอนที่ 2 ช่ือหนว่ ยการสอน การฟังและดูสารในงานอาชพี
วัตถุประสงค์ เพ่อื อธิบายกระบวนการสื่อสารได้ บอกความสาคญั ของการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพได้
ข้อคาถาม
1. จงอธบิ ายการอา่ นเพอ่ื จับประเดน็ สาคัญ พรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จงอธิบายการอ่านสารในงานอาชพี โดยสังเขป
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การอ่านคมู่ อื การปฏบิ ตั ิงานมหี ลักอยา่ งไร จงอธบิ ายพรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. การอ่านรายละเอยี ดของผลิตภณั ฑ์มวี ตั ถุประสงคแ์ ละหลกั การอยา่ งไร จงอธิบายพรอ้ มยกตวั อยา่ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

55

5. จงอธบิ ายความแตกตา่ งระหวา่ งคมู่ ือการปฏิบตั งิ านและคู่มอื การใช้อปุ กรณ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น

1. จงอธบิ ายการอ่านเพ่อื จับประเดน็ สาคัญ พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ
จบั ใจความของสารว่าใคร ทาอะไร ทีไ่ หน เมื่อไร อยา่ งไร เชน่ เจา้ หนา้ ทีอ่ ่านคาสั่งมอบหมายงาน

2. จงอธบิ ายการอา่ นสารในงานอาชีพโดยสังเขป
ค่มุ ือการปฏบิ ตั งิ าน คูม่ ือการใช้อุปกรณห์ รือผลติ ภัณฑ์

3. การอา่ นคู่มอื การปฏิบตั งิ านมหี ลักอย่างไร จงอธิบายพรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ

เพื่อใหผ้ ปู้ ฏบิ ัติ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้อยา่ งมีประสิทธิภาพ เชน่ ระเบยี บ คูม่ อื การปฏิบัติงาน

4. การอ่านรายละเอียดของผลิตภัณฑม์ วี ตั ถุประสงค์และหลกั การอยา่ งไร จงอธบิ ายพรอ้ มยกตวั อยา่ ง
ปัจจบุ นั คู่มือการใชอ้ ุปกรณแ์ ละรายละเอียดของผลิตภณั ฑ์ต่าง ๆ ไดเ้ ข้ามามีบทบาทมีชวี ติ และการ

ทางานมากขน้ึ

5. จงอธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งค่มู อื การปฏิบัตงิ านและคมู่ อื การใชอ้ ปุ กรณ์
คมู่ ือการปฏิบตั ิงาน คอื สงิ่ ทใ่ี ชอ้ ธบิ ายทศิ ทาง
ค่มู อื การใชอ้ ุปกรณ์ คอื ศกึ ษารายละเอยี ดคู่มืออปุ กรณ์

15. แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยการสอนท่ี 2 ช่อื หน่วยการฟงั และดสู ารในงานอาชพี

วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือ อธิบายกระบวนการส่อื สารได้ บอกความสาคญั ของการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพได้

ข้อคาถาม

1. ความสาเร็จของการส่ือสารขน้ึ อยกู่ ับองค์ประกอบใดสาคัญที่สดุ

1. ผู้สอ่ื สาร 2. สาร

3. สื่อ 4. ผรู้ บั สาร

5. ถูกทุกข้อ

2. ตวั บ่งชีว้ า่ สารประสบความสาเร็จคอื ขอ้ ใด

1. ผู้ส่งสารนาเสนอสารไดอ้ ย่างชดั เจน

2. มสี ือ่ หรือช่องทางการสอ่ื สารทหี่ ลากหลาย

3. ผู้รับสารตอบสนองได้ตรงตามความตอ้ งการของผู้ส่งสาร

4. ผรู้ บั สารมปี ฏิกริ ยิ าต่อสาร

56

5. เนอ้ื หาสาระของสารเป็นประโยชน์ทงั้ ต่อบุคคล องคก์ ร สงั คม

3. ตัวอยา่ งการสอ่ื สารในขอ้ ใดทีส่ ะท้อนความสมั พนั ธ์ของการใช้วจั นภาษา และอวจั นภาษาไดช้ ดั เจนมากท่สี ุด

1. รายการข่าวประจาวัน

2. รายการสารคดี

3. โฆษณา

4. รายการวิทยุ

5. นกั การเมือง

4. อาชีพใดทภ่ี าษาทา่ ทางมีอิทธิพลต่อความสาเรจ็ มากท่ีสดุ

1. นกั พดู 2. นกั รอ้ ง

3. นักสืบ 4. นักแสดง

5. นกั การเมอื ง

5. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง

1. การสื่อสารผ่านอนิ เตอร์เน็ตทาให้การใช้ภาษาไทยในงานอาชีพลดลง

2. เคร่ืองมือสอ่ื สารระดับบุคคลทแี่ พรห่ ลายมากทสี่ ุดในปจั จุบนั คอื ส่ือออนไลน์

3. การสอื่ สารผ่านโทรทศั น์ไม่จาเป็นต้องใช้อวจั นภาษา เพราะใช้วาจาสื่อสารเท่าน้นั

4. การสอ่ื สารจาเป็นตอ้ งใช้อวัจนภาษาควบคไู่ ปกับวัจนภาษา เพราะช่วยให้การสอ่ื สารมคี วามชัดเจน

ยิ่งขึน้

5. ขอ้ 1 และข้อ 3 ถกู ตอ้ ง

6. สายชลกาลงั แสดงวสิ ยั ทัศนห์ าเสยี งเปน็ นายกองคก์ ารวชิ าชพี โดยใช้ไมโครโฟนที่มเี สยี งขาด ๆ หาย ๆ ฟงั ไม่

รู้เรอ่ื งชดั เจน ปัญหาอุปสรรคของกระบวนการสอื่ สารนคี้ อื ข้อใด

๑. สอื่ คอื ไมโครโฟน ๒. สาร คอื วสิ ยั ทศั น์ในการหาเสียง

๓. ผู้สง่ สาร คือสายชล ๔. ผู้รับสาร คอื ผู้เรียนฟงั ไม่รู้เรอื่ ง

๕. ขอ้ ๑ และ ขอ้ ๒ ถูก

๗. ขอ้ ใดจัดเปน็ การพฒั นาทกั ษะการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพท่ีมีประสทิ ธิภาพทส่ี ดุ

๑. สังเกต-จดจา-เลียนแบบ-พฒั นา

๒. สังเกต-จดจา-ค้นควา้ -ปฏบิ ตั -ิ ปรบั ปรุง-พัฒนา

๓. คน้ คว้า-สงั เกต-จดจา-ปฏบิ ตั -ิ ประเมินตนเอง-พฒั นา

๔. คน้ คว้า-จดจา-สงั เกต-ประเมนิ ตนเอง-ปรับปรงุ -พัฒนา

๕. สงั เกต-จดจา-เลียนแบบ-ปฏบิ ตั ิ-ประเมนิ ตนเอง-ปรบั ปรงุ -พัฒนา

๘. บคุ คลในข้อใดท่มี ีความสามารถในการพัฒนาการใชภ้ าษาไทยของตนเองได้ดีที่สุด

๑. ปัทมนนั ต์ชมละครโทรทัศนท์ กวนั อย่างนอ้ ยวันละ ๒ ชว่ั โมง เพ่ือพฒั นาการเป็นผ้ฟู ังผ้ชู มท่ดี ี

๒. กิตตชิ มรายการโทรทัศนต์ ง้ั แตเ่ วลาหนง่ึ ทุ่มถงึ เทย่ี งคนื ทุกคืน ทัง้ รายการ ข่าว ละคร เพลง

ภาพยนตรโ์ ฆษณา พรอ้ มบันทึกประเด็นท่นี า่ สนใจ

๓. สมศกั ดเ์ิ ลอื กสถานวี ทิ ยุทม่ี คี ณุ ภาพและเปดิ ฟงั ตลอดทง้ั วันขณะทางาน ทาให้เรียนรลู้ กั ษณะของผู้

จัดรายการวทิ ยุที่มปี ระสิทธภิ าพ

๔. ไตรภพเอาใจใสบ่ คุ คลรอบข้างเสมอและเป็นนักฟงั ทด่ี ี หลกี เล่ยี งการโตแ้ ย้ง พรอ้ มท้งั พยายาม

ประนปี ระนอมเม่อื เพ่อื นร่วมงานมขี ้อขดั แยง้ กัน

57

๕. ปญั ญาอา่ นขา้ วทกุ วันและอ่านออกเสยี งกอ่ นนอนทกุ คืน โดยต้งั ใจอ่านใหเ้ หมือนผู้ประกาศขา่ วใน
วิทยกุ ระจายเสยี งและโทรทศั น์
๙. ข้อใดกล่าวสมเหตสุ มผลมากที่สุด

๑. ทักษะการใช้ภาษาไทยในชีวติ และการทางานมากท่ีสุดคอื ทักษะการรบั สาร ดังน้ันต้องฝกึ ฝนการฟงั
และการอ่านใหม้ ากกวา่ การพูดและการเขียน

๒. ทักษะการใชภ้ าษาไทยท่ีมีอทิ ธิพลต่อการโนม้ น้าวใจมากที่สดุ คอื ทักษะการส่งสาร ดังน้ันต้องฝกึ ฝน
การพดู และการเขยี นใหม้ ากกว่าการฟังและการอ่าน

๓. ควรฝกึ ฝนทกั ษะการใช้ภาษาไทย ทัง้ การฟัง และการพดู การอ่านและการเขยี นไปพรอ้ ม ๆ กัน
เพราะการสง่ สารทีด่ ียอ่ มมาจากการรบั สารท่ดี ี

๔. นกั พูดทดี่ ีมาจากการเปน็ นักฟงั ทด่ี ี และนกั เขียนท่ดี มี าจากการเปน็ นกั อา่ นท่ดี ี ดังนั้นความเป็นนัก
ฟังและนกั อ่านท่ดี จี งึ มผี ลตอ่ งานอาชพี มากท่ีสดุ

๕. ขอ้ ๑. และข้อ ๒. ถกู ต้อง
๑๐. บคุ คลในขอ้ ใดสามารถสร้างความประทบั ใจต่อผ้พู บเห็นได้มากทส่ี ดุ

๑. แต่งกายภมู ิฐาน เครื่องประดบั ราคาแพง ท่าทางสง่า พดู น้อย ยมิ้ ยาก
๒. แตง่ กายประณีต ย้มิ แย้มแจม่ ใส ไหว้ ทักทายผ้พู บเหน็ ดว้ ยถอ้ ยคาสภุ าพ
๓. แตง่ กายสะอาดเรียบร้อย อ่อนน้อมถอ่ มตน เปน็ ผฟู้ งั ที่ดี แสดงความคิดเหน็ น้อย เพราะเกรงใจ
ผู้อื่น
๔. แต่งกายตามสบาย พูดตลกขบขันตลอดเวลา ยิม้ แย้มแจ่มใส่ทักทายผคู้ นทพี่ บเหน็ อยา่ งเปน็ กนั เอง
แมจ้ ะไมร่ ู้จักกต็ าม
๕. แตง่ กายชดุ ไทยภูมิฐาน มมี ารยาทในการฟงั ทีด่ ี สังเกตผ้พู ูดและมองตาผพู้ ดู ตลอดเวลา

58

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น

1. ความสาเร็จของการสื่อสารขึ้นอยู่กบั องคป์ ระกอบใดสาคัญที่สุด

2. ผูส้ ่อื สาร 2. สาร

3. สอ่ื 4. ผู้รับสาร

5. ถูกทุกข้อ

2. ตัวบง่ ชีว้ า่ สารประสบความสาเรจ็ คอื ขอ้ ใด

1. ผสู้ ง่ สารนาเสนอสารไดอ้ ยา่ งชัดเจน

2. มสี ่อื หรอื ชอ่ งทางการสอื่ สารทีห่ ลากหลาย

3. ผรู้ บั สารตอบสนองได้ตรงตามความตอ้ งการของผสู้ ง่ สาร

4. ผู้รบั สารมปี ฏกิ ริ ิยาต่อสาร

5. เนื้อหาสาระของสารเป็นประโยชน์ท้งั ต่อบุคคล องคก์ ร สงั คม

3. ตัวอย่างการส่ือสารในขอ้ ใดที่สะท้อนความสมั พันธข์ องการใชว้ จั นภาษา และอวจั นภาษาไดช้ ัดเจนมากท่สี ดุ

1. รายการข่าวประจาวนั

2. รายการสารคดี

3. โฆษณา

4. รายการวทิ ยุ

5. นักการเมือง

4. อาชีพใดทภ่ี าษาท่าทางมอี ิทธพิ ลตอ่ ความสาเรจ็ มากทสี่ ดุ

2. นักพูด 2. นักร้อง

3. นกั สบื 4. นกั แสดง

5. นกั การเมอื ง

5. ขอ้ ใดกล่าวถูกต้อง

1. การสอ่ื สารผา่ นอินเตอร์เนต็ ทาใหก้ ารใช้ภาษาไทยในงานอาชีพลดลง

2. เคร่ืองมอื สอื่ สารระดับบคุ คลท่แี พรห่ ลายมากทส่ี ดุ ในปจั จบุ ันคอื สอื่ ออนไลน์

3. การสอ่ื สารผา่ นโทรทัศน์ไมจ่ าเป็นตอ้ งใช้อวจั นภาษา เพราะใชว้ าจาส่ือสารเทา่ นั้น

4. การส่ือสารจาเปน็ ตอ้ งใชอ้ วจั นภาษาควบคไู่ ปกบั วจั นภาษา เพราะช่วยใหก้ ารสอื่ สารมคี วามชดั เจน

ย่ิงขึ้น

5. ขอ้ 1 และขอ้ 3 ถูกต้อง

6. สายชลกาลังแสดงวิสัยทศั น์หาเสยี งเป็นนายกองคก์ ารวชิ าชีพ โดยใช้ไมโครโฟนทม่ี เี สียงขาด ๆ หาย ๆ ฟงั ไม่

ร้เู รอ่ื งชัดเจน ปัญหาอุปสรรคของกระบวนการสอ่ื สารนคี้ อื ข้อใด

๑. ส่ือ คอื ไมโครโฟน ๒. สาร คอื วิสยั ทัศน์ในการหาเสยี ง

๓. ผู้ส่งสาร คอื สายชล ๔. ผ้รู บั สาร คอื ผเู้ รยี นฟังไม่รเู้ ร่อื ง

๕. ขอ้ ๑ และ ขอ้ ๒ ถูก

๗. ขอ้ ใดจดั เปน็ การพัฒนาทกั ษะการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพทมี่ ีประสทิ ธิภาพท่ีสุด

๑. สงั เกต-จดจา-เลยี นแบบ-พฒั นา

๒. สังเกต-จดจา-คน้ ควา้ -ปฏบิ ตั -ิ ปรบั ปรงุ -พัฒนา

59

๓. ค้นคว้า-สงั เกต-จดจา-ปฏิบัต-ิ ประเมนิ ตนเอง-พฒั นา
๔. ค้นควา้ -จดจา-สังเกต-ประเมนิ ตนเอง-ปรบั ปรุง-พัฒนา
๕. สังเกต-จดจา-เลยี นแบบ-ปฏบิ ตั ิ-ประเมนิ ตนเอง-ปรับปรงุ -พฒั นา
๘. บุคคลในข้อใดทมี่ ีความสามารถในการพฒั นาการใช้ภาษาไทยของตนเองไดด้ ที สี่ ดุ
๑. ปทั มนนั ตช์ มละครโทรทศั นท์ กวนั อย่างนอ้ ยวันละ ๒ ชั่วโมง เพ่ือพฒั นาการเปน็ ผฟู้ งั ผูช้ มที่ดี
๒. กิตติชมรายการโทรทัศน์ตงั้ แตเ่ วลาหนง่ึ ทุม่ ถึงเท่ยี งคืนทกุ คืน ทัง้ รายการ ขา่ ว ละคร เพลง
ภาพยนตรโ์ ฆษณา พร้อมบันทึกประเด็นท่นี ่าสนใจ
๓. สมศกั ดเ์ิ ลือกสถานวี ิทยุท่มี ีคณุ ภาพและเปิดฟังตลอดท้ังวันขณะทางาน ทาให้เรยี นรลู้ ักษณะของผู้
จดั รายการวทิ ยทุ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ
๔. ไตรภพเอาใจใสบ่ คุ คลรอบข้างเสมอและเป็นนักฟังท่ีดี หลีกเลยี่ งการโตแ้ ยง้ พรอ้ มทงั้ พยายาม
ประนปี ระนอมเม่อื เพอื่ นรว่ มงานมีขอ้ ขดั แยง้ กนั
๕. ปญั ญาอา่ นข้าวทุกวันและอ่านออกเสียงก่อนนอนทกุ คนื โดยตงั้ ใจอ่านให้เหมือนผปู้ ระกาศข่าวใน
วทิ ยุกระจายเสียงและโทรทศั น์
๙. ข้อใดกลา่ วสมเหตสุ มผลมากทส่ี ุด
๑. ทกั ษะการใช้ภาษาไทยในชวี ติ และการทางานมากที่สดุ คอื ทกั ษะการรบั สาร ดังน้ันต้องฝกึ ฝนการฟงั
และการอา่ นใหม้ ากกว่าการพูดและการเขยี น
๒. ทกั ษะการใชภ้ าษาไทยที่มอี ิทธิพลต่อการโน้มน้าวใจมากทส่ี ดุ คือทกั ษะการส่งสาร ดงั นนั้ ต้องฝกึ ฝน
การพูดและการเขียนให้มากกว่าการฟงั และการอ่าน
๓. ควรฝึกฝนทกั ษะการใช้ภาษาไทย ทง้ั การฟงั และการพูด การอ่านและการเขยี นไปพรอ้ ม ๆ กนั
เพราะการสง่ สารทด่ี ยี อ่ มมาจากการรับสารท่ีดี
๔. นกั พูดทด่ี ีมาจากการเป็นนักฟังท่ีดี และนกั เขยี นที่ดมี าจากการเป็นนักอ่านทีด่ ี ดังน้ันความเปน็ นัก
ฟงั และนักอา่ นท่ีดีจงึ มผี ลตอ่ งานอาชพี มากท่สี ดุ
๕. ขอ้ ๑. และขอ้ ๒. ถูกตอ้ ง
๑๐. บุคคลในขอ้ ใดสามารถสรา้ งความประทับใจตอ่ ผพู้ บเห็นไดม้ ากทีส่ ุด
๑. แตง่ กายภูมฐิ าน เครือ่ งประดบั ราคาแพง ทา่ ทางสง่า พูดนอ้ ย ยมิ้ ยาก
๒. แต่งกายประณตี ยิ้มแยม้ แจ่มใส ไหว้ ทักทายผู้พบเห็นดว้ ยถ้อยคาสุภาพ
๓. แตง่ กายสะอาดเรยี บร้อย ออ่ นน้อมถอ่ มตน เป็นผ้ฟู ังทด่ี ี แสดงความคิดเห็นน้อย เพราะเกรงใจ
ผู้อ่นื
๔. แตง่ กายตามสบาย พดู ตลกขบขนั ตลอดเวลา ย้มิ แยม้ แจ่มใสท่ กั ทายผคู้ นทพี่ บเหน็ อย่างเป็นกนั เอง
แมจ้ ะไม่รู้จกั กต็ าม
๕. แต่งกายชดุ ไทยภมู ิฐาน มมี ารยาทในการฟงั ท่ดี ี สงั เกตผ้พู ูดและมองตาผพู้ ดู ตลอดเวลา

60

16. ใบความรทู้ ี่ ๑

หน่วยการสอนที่ ๓ ชอ่ื หนว่ ยการสอน การอ่านสารในงานอาชพี
ช่ือหวั ขอ้ เร่ือง การอ่านสารในงานอาชีพ

๑ ความสาคญั
การอ่าน คอื การแปลความหมายของตัวอกั ษรทอ่ี ่านออกมาเป็นความรู้ ความคิด และเกดิ ความเขา้ ใจเรือ่ งราว
ทอ่ี า่ น

๑.๑ ความสาคัญของการอ่าน
๑. เปน็ เครือ่ งมอื ในการแสวงหาความรู้
๒. เป็นเครอ่ื งมอื ในการประสบความสาเร็จ
๓. เป็นวิธีการส่งเสรมิ มคี วามฉลาดรอบรู้
๔. ก่อใหเ้ กดิ ความเพลิดเพลนิ
๑.๒ ประเภทของการอา่ นสารในงานอาชีพ
การอา่ นสารในงานอาชีพ แบง่ เปน็ สองประเภท คอื การอา่ นคู่มือการปฏบิ ัตงิ านและการอ่านค่มุ อื การใช้
อปุ กรณ์
๓. แนวปฏบิ ัติเก่ยี วกบั การใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพ
การใชภ้ าษาไทยในการอาชีพปรากฏทงั้ ในรูปแบบวัจนภาษาและอวัจนภาษา ดา้ นการฟัง การอา่ น
การพูดและการเขยี น เชน่ การแสดงมารยาท บคุ ลกิ ภาพไมเ่ หมาะสม ยอ่ มสง่ ผลใหก้ ารสือ่ สารไม่มี
ประสิทธิภาพ
แนวทางในการพัฒนาตนเอง
๑. การพฒั นาดา้ นการฟังและการดู
- ควรสังเกตการณ์ใชภ้ าษาในชวี ิตประจาวัน
-ฝกึ การฟังอยา่ งมีสตมิ ีสมาธิ
-ศึกษาเก่ยี วกับการใช้ภาษาให้ถูกต้อง
๒. การพฒั นาด้านการอ่าน
-ชมและสงั เกตการณอ์ ่านข่าวสารคดี
-พัฒนาตนเองให้เป็นนักอ่านอยา่ งตอ่ เน่อื ง
-อา่ นออกเสียงอยา่ งต่อเนื่อง อ่ายอย่างนอ้ ย ๒ ชวั่ โมง
-อา่ นออกเสียงทุกวัน
-จับประเดน็ เรื่องทีอ่ า่ น
-เลอื กเนอ้ื หาสาระที่อ่านอยา่ งเหมาะสม
-ศึกษารูปแบบการเขยี นและวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ
๓. การพฒั นาดา้ นการพดู
-ควรสังเกตการณ์พดู ในชีวิตประจาวนั
-ควรศกึ ษาเกีย่ วกับการพดู ท่ีถกู ต้อง
๔. การพฒั นาทักษะการเขยี น
-ควรเขยี นอยา่ งตัง้ ใจ
-มีความรอบคอบระมัดระวังในการเขียน
-ฝึกเขยี นในวิถชี วี ิต

61

17. ใบงานท่ี ๒

หนว่ ยการสอนที่ ๑ ช่อื หน่วยการสอน การใชภ้ าษาไทยในการส่ือสาร
ช่อื หวั ข้อเรอ่ื ง กระบวนการส่อื สาร ความสาคยั ของภาษาไทย และแนวปฏิบัติเก่ยี วกับการใชภ้ าษาไทย
ในงานอาชีพ
จดุ ประสงค์
1 จุดประสงคท์ ่วั ไป

1. อธบิ ายการส่อื สารได้
2. บอกความสาคญั ของการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพได้
2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
1. แสดงบคุ ลกิ ภาพในการใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม
2. มเี จตคตทิ ่ีดใี นการเรียนเร่ืองการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพ และรักษ์คา่ นิยมหลัก 12 ประการ

ลาดบั กจิ กรรม/ลาดับการปฏิบตั ิ

1. นกั เรยี นรบั ฟงั คาอธบิ ายบรรยายในชน้ั เรยี นเกีย่ วกบั การสอ่ื สารในงานอาชพี พรอ้ มทง้ั การยกตวั อยา่ ง
แลกเปล่ยี นความรู้กับนกั เรยี น
2. นกั เรยี นรว่ มกจิ กรรมทจ่ี ดั ขน้ึ ในคาบการจดั การเรยี นการสอนของครผู สู้ อน
3. ครูผู้สอนสรุปผลการจัดการเรยี นการสอน นกั เรียนทางานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจากครูผสู้ อนเก่ียวกับการส่ือสาร
ในงานอาชพี

เกณฑ์การพจิ ารณา

1. การมีส่วนร่วมในช้ันเรียนของนกั เรียน
2. สง่ งานท่ีได้รบั มอบหมายปฏิบตั ติ ามทค่ี รผู สู้ อนไดแ้ นะนา
3. มีพฤติกรรมทเี่ รยี บรอ้ ยระหว่างเรียน

18. แบบประเมนิ ผล
1 กอ่ นเรียน

62

1.1 ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน
2 ขณะเรียน

2.1 การถาม – ตอบ ฝกึ ปฏบิ ัติ และนาเสนอ
3 หลังเรียน

3.1 ตรวจสอบแบบทดสอบหลังเรียน
19. แบบฝกึ หัด

๑.แบบทดสอบท้ายบท กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
๒. แบบทดสอบท้ายบท(ปรนยั )

๓. ใบงานสรา้ งความเขา้ ใจระหวา่ งการเรยี น

20. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรแู้ บบมุ่งเนน้ สมรรถนะอาชพี และบูรณาการตามหลัก

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

20.1 สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้

รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ
5432 1

ด้านการเตรียมการสอน

1. จดั หนว่ ยการเรยี นรไู้ ดส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑก์ ารประเมินครอบคลุมท้ังดา้ นความรู้ ด้านทักษะ และด้านจติ พิสยั

3. เตรยี มวัสดุ-อุปกรณ์ สอ่ื นวตั กรรม กจิ กรรมตามแผนการจัดการเรยี นรกู้ ่อนเขา้

สอน

ดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

63

4. มวี ิธกี ารนาเขา้ สูบ่ ทเรียนทนี่ า่ สนใจ

5. มีกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ ความเขา้ ใจ

6. จดั กจิ กรรมทสี่ ่งเสรมิ ให้ผู้เรียนคน้ คว้าเพอ่ื หาคาตอบด้วยตนเอง

7. นกั เรียนมสี ว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

8. จัดกิจกรรมท่ีเน้นกระบวนการคดิ ( คิดวเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ คดิ สร้างสรรค์ )

9. กระต้นุ ให้ผเู้ รียนแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งเสรี

10. จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ทเ่ี ชอ่ื มโยงกบั ชวี ติ จรงิ โดยนาภูมิปัญญา/บรู ณาการเข้ามามีส่วนร่วม

11. จัดกจิ กรรมโดยสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม

12. มกี ารเสรมิ แรงเมอ่ื นักเรียนปฏิบัติ หรอื ตอบถูกตอ้ ง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศกั ยภาพของผูเ้ รยี น

14. เอาใจใสด่ แู ลผู้เรยี น อยา่ งท่ัวถึง

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาทีก่ าหนด

ดา้ นส่ือ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้

16. ใชส้ ื่อที่เหมาะสมกบั กิจกรรมและศักยภาพของผู้เรยี น

17. ใชส้ ื่อ แหลง่ การเรยี นร้อู ยา่ งหลากหลาย เชน่ บคุ คล สถานที่ ของจรงิ เอกสาร

สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์ และอนิ เทอรเ์ น็ต เป็นต้น

ดา้ นการวัดและประเมินผล

18. ผู้เรียนมีส่วนรว่ มในการกาหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผล

19. ประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลายและครบทง้ั ดา้ นความรู้ ทกั ษะ และจิตพสิ ยั

20. ครู ผ้เู รียน ผูป้ กครอง หรอื ผูท้ ี่เก่ียวข้องมีส่วนร่วม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ตั ิ 5 = ปฏิบัตดิ เี ยย่ี ม 4 = ปฏิบัตดิ ี 3 = ปฏิบตั ิ รวม
พอใช้ คา่ เฉลีย่

2 = ควรปรบั ปรุง 1 = ไม่มีการปฏิบัติ

20.2 ปญั หาทีพ่ บ และแนวทางแกป้ ญั หา

ปญั หาท่พี บ แนวทางแก้ปญั หา

ด้านการเตรยี มการสอน

................................................................................. .................................................................................

.... ....

................................................................................. .................................................................................

.... ....

64

................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ด้านส่อื นวัตกรรม แหลง่ การเรยี นรู้
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ดา้ นการวดั และประเมนิ ผล
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

65

ดา้ นอื่นๆ (โปรดระบเุ ป็นข้อๆ)
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ลงช่ือ ........................................................................ ครผู ูส้ อน
(....................................................................)

ตาแหนง่ .......................................................................
............../.................................../....................

21. บนั ทึกการนเิ ทศและติดตาม

วนั -เดอื น- เวลา รายการนเิ ทศและตดิ ตาม ชอื่ -สกุล ผูน้ ิเทศ ตาแหน่ง

ปี

66

50

แผนการจดั การเรยี นรู้ แบบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชพี
และบูรณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

รหสั วิชา 20000 1102 วชิ า ภาษาไทยเพ่อื อาชพี
หน่วยที่ 3 ชื่อหน่วย การอา่ นสารในงานอาชพี
ช่ือเรอื่ ง การใช้ภาษาไทยในงานอาชีพ จานวน 2 ชั่วโมง

1. สาระสาคัญ

การอ่านมีความสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งในการประกอบอาชีพ เพราะจะช่วยให้ประสบความสาเร็จ
และ มีความเจริญก้าวหน้า การอา่ นสารท่ีสาคัญในการทางาน ได้แก่ การอ่านคู่มือการปฏิบัติงาน คู่มือการ
ใช้อุปกรณ์หรือรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ เพ่ือให้สามารถดาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความ
ผิดพลาดและความเสยี หายท่อี าจจะเกิดข้นึ

2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้

๑. แสดงความร้เู กีย่ วกบั หลักการอา่ นสารในงานอาชพี
๒. ประยุกต์การอา่ นสารในงานอาชพี ไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 จดุ ประสงคท์ ั่วไป
๑. จบั ประเด็นสาคญั จากการอ่านสารในงานอาชพี ไดถ้ ูกต้อง
๒. วิเคราะหข์ นั้ ตอนการปฏิบัตงิ านจากการอา่ นสารในงานอาชพี ไดเ้ หมาะสม

3.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
๓. เลอื กอา่ นสารในงานอาชพี ท่ีเหมาะสมได้
๔. เห็นคุณค่าของการอ่านสารในงานอาชีพและปฏิบตั ิอย่างสมา่ เสมอ
๕. มเี จตคติทดี่ ีในการเรยี นเรื่องการอ่านสารในงานอาชีพ และรักษ์ค่านยิ มหลัก ๑๒ ประการของ

ไทย

4. เน้ือหาสาระการสอน/การเรยี นรู้

4.1 ดา้ นความรู้
๑. แบ่งกลุ่มผู้เรียน เลือกประธานและกาหนดหน้าท่ีสมาชิกคนอื่นๆ ให้ปฏิบัติงานในกลุ่ม ร่วมกัน
ศึกษาเอกสารหนังสือเรียนเรื่องความสาคัญและประเภทของการอ่านในงานอาชีพ หลักการอ่านสารในงาน
อาชพี การอ่านคู่มือในการปฏิบตั งิ าน และการอา่ นค่มู อื การใช้อุปกรณห์ รอื รายละเอียดของผลติ ภณั ฑ์
๒. ต้ังคาถามใหผ้ ้เู รียนเสนอข้อมูลจากประสบการณท์ ี่รบั รดู้ งั ตัวอยา่ งนี้

๒.๑ ความสาคญั และประเภทของการอ่านในงานอาชพี
- ความสาคัญของการอ่านมอี ะไรบ้าง
- การอ่านสารในงานอาชพี มีอะไรบ้าง

๒.๒ หลกั การอา่ นสารในงานอาชีพ
- การอ่านสารในงานอาชพี โดยทว่ั ไปมีหลักสาคญั อยา่ งไร

51

๒.๓ การอ่านคู่มือในการปฏบิ ัตงิ าน
- แนวปฏิบตั เิ กย่ี วกับการอ่านคมู่ อื ในการปฏบิ ัติงานได้แกอ่ ะไรบา้ ง

๒.๔ การอา่ นคู่มือการใช้อุปกรณ์หรือรายละเอียดของผลติ ภัณฑ์
- แนวปฏบิ ตั เิ กีย่ วกบั การอา่ นคู่มอื การใช้อุปกรณห์ รอื รายละเอยี ดของผลิตภัณฑ์ได้แก่

4.2 ด้านทักษะหรอื การประยกุ ต์ใช้
จากการที่ไดศ้ กึ ษาเรียนรเู้ ก่ียวกับ กระบวนการสอื่ สาร ความสาคัญของภาษาไทยในงานอาชพี และ
แนวทางเกยี่ วกับการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพ นกั เรยี นสามารถนาทกั ษะจากการเรยี น เชน่ องคป์ ระกอบของผู้
สง่ สารและรบั สาร เพ่ือการส่อื สารที่มีประสทิ ธิภาพ และแนวทางการพัฒนาทักษะการใชภ้ าษา เช่น การพฒั นา
การอ่าน การฟัง การดุ และการเขียน เป็นต้น

4.3 ด้านคุณธรรม/ จริยธรรม/ และคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงคแ์ ละบรู ณาการตามหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง

นกั เรยี นเรยี นมคี วามรอบคอบ มีระเบยี บวนิ ยั ในการสือ่ สาร ใชท้ กั ษะแยกองคป์ ระกอบของการสอ่ื สาร
ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสิทธิผล สามารถนาความรู้ทเี่ รียนไปประกอบใช้ในชวี ิตประจาวันบริหาร
เวลาเรียนและการทางานได้

5. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื การเรียนรู้

ขน้ั ตอนการสอนหรอื กิจกรรมครู ขั้นตอนการเรียนหรอื กิจกรรมของผู้เรียน

ข้ันเตรยี ม(จานวน.10.นาที)
1.สครูให้ผู้เรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการ 1. นกั เรยี นศึกษาจดั เตรยี มขอ้ มลู เก่ียวกบั
การส่ือสาร องค์ประกอบของการส่ือสาร การใช้ กระบวนการสอ่ื สาร องคป์ ระกอบของการสอ่ื สาร
ภาษาเพ่ือการสื่อสาร โดยต้องทราบเกี่ยวกับ ตรวจสอบวา่ ข้อมูลทศ่ี กึ ษาครบสมบรู ณต์ อ่ รายวิชา
ความหมายและหน้าที่ท้ัง 4 องค์ประกอบ ท้ังน้ี จริง
นั ก เ รี ย น ต้ อ ง ศึ ก ษ า เ ก่ี ย ว กั บ แ น ว ท า ง ใ น ก า ร
พัฒนาการใช้ภาษา และจัดเตรียมเน้ือหาให้พร้อม
ตอ่ การเรียน

ข้ันการสอน(จานวน 40 นาท)ี
2. นักเรียนน่ังฟังคาบรรยายพร้อมทั้งแลกเปล่ียน 2. นกั เรยี นศึกษาเกย่ี วกบั กระบวนการสอ่ื สาร
การเรียนการสอนกับครู อธิบายเน้ือหา พร้อม การใช้ภาษา และแนวทางในการปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั
ยกตัวอย่างสถานการณ์ของ เรื่อง แลกเปลี่ยน การใชภ้ าษา
เรียนรู้ระหว่างครุกับนักเรียน ในเร่ืองของนักเรียน
สามารถนาทักษะจากการเรียน เช่น องค์ประกอบ
ของผู้ส่งสารและรับสาร เพื่อการส่ือสารท่ีมี
ประสิทธิภาพ และแนวทางการพัฒนาทักษะการใช้
ภาษา เช่น การพฒั นา การอ่าน การฟงั การดุ และ
การเขยี น เปน็ ตน้

52

ขัน้ สรปุ (จานวน 10 นาท)ี 3.นกั เรยี นบนั ทกึ เนอ้ื หาทค่ี รอุ ธบิ าย และทาความ
เขา้ ใจ อันจะนาไปทาแบบทดสอบตอ่ การเรียนรใู้ น
3. อธบิ ายขอ้ ความสาคัญเกย่ี วกับองคป์ ระกอบ รายวิชาตอ่ ไป
ของผู้ ส่งสารและรบั สาร เพื่อการ
สือ่ สารทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ และแนวทางการพัฒนา
ทักษะการใชภ้ าษา เช่น การพัฒนา การอา่ น การ
ฟงั การดุ และการเขียน เปน็ ตน้
ทาแบบทดสอบวัดความรู้

6. สอ่ื การเรียนการสอน/การเรียนรู้

6.1 สื่อสง่ิ พิมพ์
1. หนังสือรายวิชาภาษาไทย วิชา ภาษาไทยเพอ่ื อาชพี
2. ใบงานและแบบทดสอบทา้ ยบท

6.2 สอ่ื โสตทัศน์
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
........................
..............................................................................................................................................................................
......

6.3 ส่ือของจรงิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
........................
..............................................................................................................................................................................
......

7. แหล่งการเรียนการสอน/การเรยี นรู้

7.1 ภายในสถานศึกษา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

53

7.2 ภายนอกสถานศึกษา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

8. งานที่มอบหมาย

8.1 ก่อนเรียน
1. ให้นักเรยี นศึกษาข้อมูลเกี่ยวกบั การฟงั และดสู ารในงานอาชพี องคป์ ระกอบการฟงั และดูสารในงานอาชพี
2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาขอ้ มลู เกย่ี วกบั ความสาคัญของภาษาไทยในงานอาชีพ
3. ให้นักเรียนศกึ ษาขอ้ มูลเกย่ี วกบั แนวทางในการพัฒนาการใช้ภาษาไทยในงานอาชพี

8.2 ขณะเรียน
1. นกั เรยี นจดบนั ทกึ พร้อมฟงั คาอธบิ ายเกยี่ วกับหัวขอ้ ทค่ี รูอธิบาย
2. นกั เรยี นตอ้ งยกตวั อยา่ งสถานการณเ์ กย่ี วกบั หวั ขอ้ ทเ่ี รยี นพรอ้ มทง้ั อธบิ ายแลกเปลย่ี นความรกู้ บั ครผู สู้ อน

8.3 หลังเรยี น
1. นกั เรยี นนาความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั รายวชิ าทเ่ี รียน เชน่ การสอ่ื สาร องคป์ ระกอบของการสอ่ื สาร การใช้
ภาษา แนวทางการพฒั นาแนวทางในการใชภ้ าษา
2. ทาแบบทดสอบทา้ ยบท

9. ผลงาน/ชิ้นงาน ทเี่ กดิ จากการเรยี นรู้ของผู้เรยี น

1 มีตัวอยา่ งสถานการณ์ ให้จาแนกสถานการณ์ลงในองคป์ ระกอบของการส่อื สาร
ครูเล็กสอนในรายวชิ าภาษาไทย โดยเรมิ่ สอนจากบทท่ี 1 เร่อื งกระบวนการสอื่ สาร มเี นอ้ื หาสาระ

เกี่ยวกับการสอ่ื สาร ความหมายของการสอื่ สาร รูปแบบการส่อื สาร ความสาคญั ของการใช้ภาษาในการสื่อสาร
ภายหลงั จากทเ่ี รียนนกั เรยี นมกี ารแลกเปลยี่ นความรกู้ บั ครผู ุ้สอนเกย่ี วกับเร่ือสาระการเรยี นรทู้ ีเ่ รยี น

10. เอกสารอา้ งองิ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

11. การบรู ณาการ/ความสัมพันธ์กับรายวิชาอ่นื

นาทักษะการเรยี นเกยี่ วกับรายวชิ าเก่ยี วกับกระบวนการสื่อสาร สามารถนาไปใชส้ ือ่ สารในรายวิชาอ่นื
รวมทั้งนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั

12. หลักการประเมนิ ผลการเรียน

12.1 กอ่ นเรยี น
1. สังเกตพฤตกิ รรมของผ้เู รยี นในการศกึ ษาและสนใจในการจดั เตรียมเนอ้ื หาและศกึ ษาเนอื้ หาที่มอบหมาย
2. เตรียมอปุ กรณ์การเรยี นการสอนในรายวชิ าภาษาไทย

54

12.2 ขณะเรยี น
1. แบบทดสอบผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น เพอ่ื วดั ความรู้ความเข้าใจ.

12.3 หลงั เรยี น
1. ครูให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบเพอ่ื ประเมนิ ความรคู้ วามเข้าใจ

13. รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรยี น

จุดประสงคข์ ้อท่ี 1 อธิบายกระบวนการสื่อสาร
1. วธิ กี ารประเมิน : แบบทดสอบเกีย่ วกบั องคป์ ระกอบของการสื่อสาร.
2. เครื่องการประเมิน : ใบงานแบบทดสอบ.
3. เกณฑก์ ารประเมิน : อยใู่ นระดบั 60 % ขนึ้ ไป ผา่ น
4. เกณฑก์ ารผ่าน : เกณฑ์การพูดของผ้เู รยี นต้องอยใู่ นระดับ 60 % ข้ึนไป

จุดประสงคข์ ้อที่ 2 วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ
1. วิธกี ารประเมนิ : ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เพื่อวดั ความรู้ความเขา้ ใจ
2. เครื่องการประเมนิ : แบบทดสอบ
3. เกณฑก์ ารประเมนิ : อยูใ่ นระดบั 60 % ขึ้นไป ผ่าน
4. เกณฑ์การผา่ น :

14. แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หนว่ ยการสอนที่ 2 ช่ือหนว่ ยการสอน การฟังและดูสารในงานอาชพี
วัตถุประสงค์ เพ่อื อธิบายกระบวนการสื่อสารได้ บอกความสาคญั ของการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพได้
ข้อคาถาม
1. จงอธบิ ายการอา่ นเพอ่ื จับประเดน็ สาคัญ พรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จงอธิบายการอ่านสารในงานอาชพี โดยสังเขป
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การอ่านคมู่ อื การปฏบิ ตั ิงานมหี ลักอยา่ งไร จงอธบิ ายพรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. การอ่านรายละเอยี ดของผลิตภณั ฑ์มวี ตั ถุประสงคแ์ ละหลกั การอยา่ งไร จงอธิบายพรอ้ มยกตวั อยา่ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

55

5. จงอธบิ ายความแตกตา่ งระหวา่ งคมู่ ือการปฏิบตั งิ านและคู่มอื การใช้อปุ กรณ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น

1. จงอธบิ ายการอ่านเพ่อื จับประเดน็ สาคัญ พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ
จบั ใจความของสารว่าใคร ทาอะไร ทีไ่ หน เมื่อไร อยา่ งไร เชน่ เจา้ หนา้ ทีอ่ ่านคาสั่งมอบหมายงาน

2. จงอธบิ ายการอา่ นสารในงานอาชีพโดยสังเขป
ค่มุ ือการปฏบิ ตั งิ าน คูม่ ือการใช้อุปกรณห์ รือผลติ ภัณฑ์

3. การอา่ นคู่มอื การปฏิบตั งิ านมหี ลักอย่างไร จงอธิบายพรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ

เพื่อใหผ้ ปู้ ฏบิ ัติ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้อยา่ งมีประสิทธิภาพ เชน่ ระเบยี บ คูม่ อื การปฏิบัติงาน

4. การอ่านรายละเอียดของผลิตภัณฑม์ วี ตั ถุประสงค์และหลกั การอยา่ งไร จงอธบิ ายพรอ้ มยกตวั อยา่ ง
ปัจจบุ นั คู่มือการใชอ้ ุปกรณแ์ ละรายละเอียดของผลิตภณั ฑ์ต่าง ๆ ไดเ้ ข้ามามีบทบาทมีชวี ติ และการ

ทางานมากขน้ึ

5. จงอธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งค่มู อื การปฏิบัตงิ านและคมู่ อื การใชอ้ ปุ กรณ์
คมู่ ือการปฏิบตั ิงาน คอื สงิ่ ทใ่ี ชอ้ ธบิ ายทศิ ทาง
ค่มู อื การใชอ้ ุปกรณ์ คอื ศกึ ษารายละเอยี ดคู่มืออปุ กรณ์

15. แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยการสอนท่ี 2 ช่อื หน่วยการฟงั และดสู ารในงานอาชพี

วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือ อธิบายกระบวนการส่อื สารได้ บอกความสาคญั ของการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพได้

ข้อคาถาม

1. ความสาเร็จของการส่ือสารขน้ึ อยกู่ ับองค์ประกอบใดสาคัญที่สดุ

1. ผู้สอ่ื สาร 2. สาร

3. สื่อ 4. ผรู้ บั สาร

5. ถูกทุกข้อ

2. ตวั บ่งชีว้ า่ สารประสบความสาเร็จคอื ขอ้ ใด

1. ผู้ส่งสารนาเสนอสารไดอ้ ย่างชดั เจน

2. มสี ือ่ หรือช่องทางการสอ่ื สารทหี่ ลากหลาย

3. ผู้รับสารตอบสนองได้ตรงตามความตอ้ งการของผู้ส่งสาร

4. ผรู้ บั สารมปี ฏิกริ ยิ าต่อสาร

56

5. เนอ้ื หาสาระของสารเป็นประโยชน์ทงั้ ต่อบุคคล องคก์ ร สงั คม

3. ตัวอยา่ งการสอ่ื สารในขอ้ ใดทีส่ ะท้อนความสมั พนั ธ์ของการใช้วจั นภาษา และอวจั นภาษาไดช้ ดั เจนมากท่สี ุด

1. รายการข่าวประจาวัน

2. รายการสารคดี

3. โฆษณา

4. รายการวิทยุ

5. นกั การเมือง

4. อาชีพใดทภ่ี าษาทา่ ทางมีอิทธิพลต่อความสาเรจ็ มากท่ีสดุ

1. นกั พดู 2. นกั รอ้ ง

3. นักสืบ 4. นักแสดง

5. นกั การเมอื ง

5. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง

1. การสื่อสารผ่านอนิ เตอร์เน็ตทาให้การใช้ภาษาไทยในงานอาชีพลดลง

2. เคร่ืองมือสอ่ื สารระดับบุคคลทแี่ พรห่ ลายมากทสี่ ุดในปจั จุบนั คอื ส่ือออนไลน์

3. การสอื่ สารผ่านโทรทศั น์ไม่จาเป็นต้องใช้อวจั นภาษา เพราะใช้วาจาสื่อสารเท่าน้นั

4. การสอ่ื สารจาเป็นตอ้ งใช้อวัจนภาษาควบคไู่ ปกับวัจนภาษา เพราะช่วยให้การสอ่ื สารมคี วามชัดเจน

ยิ่งขึน้

5. ขอ้ 1 และข้อ 3 ถกู ตอ้ ง

6. สายชลกาลงั แสดงวสิ ยั ทัศนห์ าเสยี งเปน็ นายกองคก์ ารวชิ าชพี โดยใช้ไมโครโฟนที่มเี สยี งขาด ๆ หาย ๆ ฟงั ไม่

รู้เรอ่ื งชดั เจน ปัญหาอุปสรรคของกระบวนการสอื่ สารนคี้ อื ข้อใด

๑. สอื่ คอื ไมโครโฟน ๒. สาร คอื วสิ ยั ทศั น์ในการหาเสียง

๓. ผู้สง่ สาร คือสายชล ๔. ผู้รับสาร คอื ผู้เรียนฟงั ไม่รู้เรอื่ ง

๕. ขอ้ ๑ และ ขอ้ ๒ ถูก

๗. ขอ้ ใดจัดเปน็ การพฒั นาทกั ษะการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพท่ีมีประสทิ ธิภาพทส่ี ดุ

๑. สังเกต-จดจา-เลียนแบบ-พฒั นา

๒. สังเกต-จดจา-ค้นควา้ -ปฏบิ ตั -ิ ปรบั ปรุง-พัฒนา

๓. คน้ คว้า-สงั เกต-จดจา-ปฏบิ ตั -ิ ประเมินตนเอง-พฒั นา

๔. คน้ คว้า-จดจา-สงั เกต-ประเมนิ ตนเอง-ปรับปรงุ -พัฒนา

๕. สงั เกต-จดจา-เลียนแบบ-ปฏบิ ตั ิ-ประเมนิ ตนเอง-ปรบั ปรงุ -พัฒนา

๘. บคุ คลในข้อใดท่มี ีความสามารถในการพัฒนาการใชภ้ าษาไทยของตนเองได้ดีที่สุด

๑. ปัทมนนั ต์ชมละครโทรทัศนท์ กวนั อย่างนอ้ ยวันละ ๒ ชว่ั โมง เพ่ือพฒั นาการเป็นผ้ฟู ังผ้ชู มท่ดี ี

๒. กิตตชิ มรายการโทรทัศนต์ ง้ั แตเ่ วลาหนง่ึ ทุ่มถงึ เทย่ี งคนื ทุกคืน ทัง้ รายการ ข่าว ละคร เพลง

ภาพยนตรโ์ ฆษณา พรอ้ มบันทึกประเด็นท่นี า่ สนใจ

๓. สมศกั ดเ์ิ ลอื กสถานวี ทิ ยุทม่ี คี ณุ ภาพและเปดิ ฟงั ตลอดทง้ั วันขณะทางาน ทาให้เรียนรลู้ กั ษณะของผู้

จัดรายการวทิ ยุที่มปี ระสิทธภิ าพ

๔. ไตรภพเอาใจใสบ่ คุ คลรอบข้างเสมอและเป็นนักฟงั ทด่ี ี หลกี เล่ยี งการโตแ้ ย้ง พรอ้ มท้งั พยายาม

ประนปี ระนอมเม่อื เพ่อื นร่วมงานมขี ้อขดั แยง้ กัน

57

๕. ปญั ญาอา่ นขา้ วทกุ วันและอ่านออกเสยี งกอ่ นนอนทกุ คืน โดยต้งั ใจอ่านใหเ้ หมือนผู้ประกาศขา่ วใน
วิทยกุ ระจายเสยี งและโทรทศั น์
๙. ข้อใดกล่าวสมเหตสุ มผลมากที่สุด

๑. ทักษะการใช้ภาษาไทยในชีวติ และการทางานมากท่ีสุดคอื ทักษะการรบั สาร ดังน้ันต้องฝกึ ฝนการฟงั
และการอ่านใหม้ ากกวา่ การพูดและการเขียน

๒. ทักษะการใชภ้ าษาไทยท่ีมีอทิ ธิพลต่อการโนม้ น้าวใจมากที่สดุ คอื ทักษะการส่งสาร ดังน้ันต้องฝกึ ฝน
การพดู และการเขยี นใหม้ ากกว่าการฟังและการอ่าน

๓. ควรฝกึ ฝนทกั ษะการใช้ภาษาไทย ทัง้ การฟัง และการพดู การอ่านและการเขยี นไปพรอ้ ม ๆ กัน
เพราะการสง่ สารทีด่ ียอ่ มมาจากการรบั สารท่ดี ี

๔. นกั พูดทดี่ ีมาจากการเปน็ นักฟงั ทด่ี ี และนกั เขียนท่ดี มี าจากการเปน็ นกั อา่ นท่ดี ี ดังนั้นความเป็นนัก
ฟังและนกั อ่านท่ดี จี งึ มผี ลตอ่ งานอาชพี มากท่ีสดุ

๕. ขอ้ ๑. และข้อ ๒. ถกู ต้อง
๑๐. บคุ คลในขอ้ ใดสามารถสร้างความประทบั ใจต่อผ้พู บเห็นได้มากทส่ี ดุ

๑. แต่งกายภมู ิฐาน เครื่องประดบั ราคาแพง ท่าทางสง่า พดู น้อย ยมิ้ ยาก
๒. แตง่ กายประณีต ย้มิ แย้มแจม่ ใส ไหว้ ทักทายผ้พู บเหน็ ดว้ ยถอ้ ยคาสภุ าพ
๓. แตง่ กายสะอาดเรียบร้อย อ่อนน้อมถอ่ มตน เปน็ ผฟู้ งั ที่ดี แสดงความคิดเหน็ น้อย เพราะเกรงใจ
ผู้อื่น
๔. แต่งกายตามสบาย พูดตลกขบขันตลอดเวลา ยิม้ แย้มแจ่มใส่ทักทายผคู้ นทพี่ บเหน็ อยา่ งเปน็ กนั เอง
แมจ้ ะไมร่ ู้จักกต็ าม
๕. แตง่ กายชดุ ไทยภูมิฐาน มมี ารยาทในการฟงั ทีด่ ี สังเกตผ้พู ูดและมองตาผพู้ ดู ตลอดเวลา

58

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น

1. ความสาเร็จของการสื่อสารขึ้นอยู่กบั องคป์ ระกอบใดสาคัญที่สุด

2. ผูส้ ่อื สาร 2. สาร

3. สอ่ื 4. ผู้รับสาร

5. ถูกทุกข้อ

2. ตัวบง่ ชีว้ า่ สารประสบความสาเรจ็ คอื ขอ้ ใด

1. ผสู้ ง่ สารนาเสนอสารไดอ้ ยา่ งชัดเจน

2. มสี ่อื หรอื ชอ่ งทางการสอื่ สารทีห่ ลากหลาย

3. ผรู้ บั สารตอบสนองได้ตรงตามความตอ้ งการของผสู้ ง่ สาร

4. ผู้รบั สารมปี ฏกิ ริ ิยาต่อสาร

5. เนื้อหาสาระของสารเป็นประโยชน์ท้งั ต่อบุคคล องคก์ ร สงั คม

3. ตัวอย่างการส่ือสารในขอ้ ใดที่สะท้อนความสมั พันธข์ องการใชว้ จั นภาษา และอวจั นภาษาไดช้ ัดเจนมากท่สี ดุ

1. รายการข่าวประจาวนั

2. รายการสารคดี

3. โฆษณา

4. รายการวทิ ยุ

5. นักการเมือง

4. อาชีพใดทภ่ี าษาท่าทางมอี ิทธพิ ลตอ่ ความสาเรจ็ มากทสี่ ดุ

2. นักพูด 2. นักร้อง

3. นกั สบื 4. นกั แสดง

5. นกั การเมอื ง

5. ขอ้ ใดกล่าวถูกต้อง

1. การสอ่ื สารผา่ นอินเตอร์เนต็ ทาใหก้ ารใช้ภาษาไทยในงานอาชีพลดลง

2. เคร่ืองมอื สอื่ สารระดับบคุ คลท่แี พรห่ ลายมากทส่ี ดุ ในปจั จบุ ันคอื สอื่ ออนไลน์

3. การสอ่ื สารผา่ นโทรทัศน์ไมจ่ าเป็นตอ้ งใช้อวจั นภาษา เพราะใชว้ าจาส่ือสารเทา่ นั้น

4. การส่ือสารจาเปน็ ตอ้ งใชอ้ วจั นภาษาควบคไู่ ปกบั วจั นภาษา เพราะช่วยใหก้ ารสอื่ สารมคี วามชดั เจน

ย่ิงขึ้น

5. ขอ้ 1 และขอ้ 3 ถูกต้อง

6. สายชลกาลังแสดงวิสัยทศั น์หาเสยี งเป็นนายกองคก์ ารวชิ าชีพ โดยใช้ไมโครโฟนทม่ี เี สียงขาด ๆ หาย ๆ ฟงั ไม่

ร้เู รอ่ื งชัดเจน ปัญหาอุปสรรคของกระบวนการสอ่ื สารนคี้ อื ข้อใด

๑. ส่ือ คอื ไมโครโฟน ๒. สาร คอื วิสยั ทัศน์ในการหาเสยี ง

๓. ผู้ส่งสาร คอื สายชล ๔. ผ้รู บั สาร คอื ผเู้ รยี นฟังไม่รเู้ ร่อื ง

๕. ขอ้ ๑ และ ขอ้ ๒ ถูก

๗. ขอ้ ใดจดั เปน็ การพัฒนาทกั ษะการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพทมี่ ีประสทิ ธิภาพท่ีสุด

๑. สงั เกต-จดจา-เลยี นแบบ-พฒั นา

๒. สังเกต-จดจา-คน้ ควา้ -ปฏบิ ตั -ิ ปรบั ปรงุ -พัฒนา

59

๓. ค้นคว้า-สงั เกต-จดจา-ปฏิบัต-ิ ประเมนิ ตนเอง-พฒั นา
๔. ค้นควา้ -จดจา-สังเกต-ประเมนิ ตนเอง-ปรบั ปรุง-พัฒนา
๕. สังเกต-จดจา-เลยี นแบบ-ปฏบิ ตั ิ-ประเมนิ ตนเอง-ปรับปรงุ -พฒั นา
๘. บุคคลในข้อใดทมี่ ีความสามารถในการพฒั นาการใช้ภาษาไทยของตนเองไดด้ ที สี่ ดุ
๑. ปทั มนนั ตช์ มละครโทรทศั นท์ กวนั อย่างนอ้ ยวันละ ๒ ชั่วโมง เพ่ือพฒั นาการเปน็ ผฟู้ งั ผูช้ มที่ดี
๒. กิตติชมรายการโทรทัศน์ตงั้ แตเ่ วลาหนง่ึ ทุม่ ถึงเท่ยี งคืนทกุ คืน ทัง้ รายการ ขา่ ว ละคร เพลง
ภาพยนตรโ์ ฆษณา พร้อมบันทึกประเด็นท่นี ่าสนใจ
๓. สมศกั ดเ์ิ ลือกสถานวี ิทยุท่มี ีคณุ ภาพและเปิดฟังตลอดท้ังวันขณะทางาน ทาให้เรยี นรลู้ ักษณะของผู้
จดั รายการวทิ ยทุ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ
๔. ไตรภพเอาใจใสบ่ คุ คลรอบข้างเสมอและเป็นนักฟังท่ีดี หลีกเลยี่ งการโตแ้ ยง้ พรอ้ มทงั้ พยายาม
ประนปี ระนอมเม่อื เพอื่ นรว่ มงานมีขอ้ ขดั แยง้ กนั
๕. ปญั ญาอา่ นข้าวทุกวันและอ่านออกเสียงก่อนนอนทกุ คนื โดยตงั้ ใจอ่านให้เหมือนผปู้ ระกาศข่าวใน
วทิ ยุกระจายเสียงและโทรทศั น์
๙. ข้อใดกลา่ วสมเหตสุ มผลมากทส่ี ุด
๑. ทกั ษะการใช้ภาษาไทยในชวี ติ และการทางานมากที่สดุ คอื ทกั ษะการรบั สาร ดังน้ันต้องฝกึ ฝนการฟงั
และการอา่ นใหม้ ากกว่าการพูดและการเขยี น
๒. ทกั ษะการใชภ้ าษาไทยที่มอี ิทธิพลต่อการโน้มน้าวใจมากทส่ี ดุ คือทกั ษะการส่งสาร ดงั นนั้ ต้องฝกึ ฝน
การพูดและการเขียนให้มากกว่าการฟงั และการอ่าน
๓. ควรฝึกฝนทกั ษะการใช้ภาษาไทย ทง้ั การฟงั และการพูด การอ่านและการเขยี นไปพรอ้ ม ๆ กนั
เพราะการสง่ สารทด่ี ยี อ่ มมาจากการรับสารท่ีดี
๔. นกั พูดทด่ี ีมาจากการเป็นนักฟังท่ีดี และนกั เขยี นที่ดมี าจากการเป็นนักอ่านทีด่ ี ดังน้ันความเปน็ นัก
ฟงั และนักอา่ นท่ีดีจงึ มผี ลตอ่ งานอาชพี มากท่สี ดุ
๕. ขอ้ ๑. และขอ้ ๒. ถูกตอ้ ง
๑๐. บุคคลในขอ้ ใดสามารถสรา้ งความประทับใจตอ่ ผพู้ บเห็นไดม้ ากทีส่ ุด
๑. แตง่ กายภูมฐิ าน เครือ่ งประดบั ราคาแพง ทา่ ทางสง่า พูดนอ้ ย ยมิ้ ยาก
๒. แต่งกายประณตี ยิ้มแยม้ แจ่มใส ไหว้ ทักทายผู้พบเห็นดว้ ยถ้อยคาสุภาพ
๓. แตง่ กายสะอาดเรยี บร้อย ออ่ นน้อมถอ่ มตน เป็นผ้ฟู ังทด่ี ี แสดงความคิดเห็นน้อย เพราะเกรงใจ
ผู้อ่นื
๔. แตง่ กายตามสบาย พดู ตลกขบขนั ตลอดเวลา ย้มิ แยม้ แจ่มใสท่ กั ทายผคู้ นทพี่ บเหน็ อย่างเป็นกนั เอง
แมจ้ ะไม่รู้จกั กต็ าม
๕. แต่งกายชดุ ไทยภมู ิฐาน มมี ารยาทในการฟงั ท่ดี ี สงั เกตผ้พู ูดและมองตาผพู้ ดู ตลอดเวลา

60

16. ใบความรทู้ ี่ ๑

หน่วยการสอนที่ ๓ ชอ่ื หนว่ ยการสอน การอ่านสารในงานอาชพี
ช่ือหวั ขอ้ เร่ือง การอ่านสารในงานอาชีพ

๑ ความสาคญั
การอ่าน คอื การแปลความหมายของตัวอกั ษรทอ่ี ่านออกมาเป็นความรู้ ความคิด และเกดิ ความเขา้ ใจเรือ่ งราว
ทอ่ี า่ น

๑.๑ ความสาคัญของการอ่าน
๑. เปน็ เครือ่ งมอื ในการแสวงหาความรู้
๒. เป็นเครอ่ื งมอื ในการประสบความสาเร็จ
๓. เป็นวิธีการส่งเสรมิ มคี วามฉลาดรอบรู้
๔. ก่อใหเ้ กดิ ความเพลิดเพลนิ
๑.๒ ประเภทของการอา่ นสารในงานอาชีพ
การอา่ นสารในงานอาชีพ แบง่ เปน็ สองประเภท คอื การอา่ นคู่มือการปฏบิ ัตงิ านและการอ่านค่มุ อื การใช้
อปุ กรณ์
๓. แนวปฏบิ ัติเก่ยี วกบั การใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพ
การใชภ้ าษาไทยในการอาชีพปรากฏทงั้ ในรูปแบบวัจนภาษาและอวัจนภาษา ดา้ นการฟัง การอา่ น
การพูดและการเขยี น เชน่ การแสดงมารยาท บคุ ลกิ ภาพไมเ่ หมาะสม ยอ่ มสง่ ผลใหก้ ารสือ่ สารไม่มี
ประสิทธิภาพ
แนวทางในการพัฒนาตนเอง
๑. การพฒั นาดา้ นการฟังและการดู
- ควรสังเกตการณ์ใชภ้ าษาในชวี ิตประจาวัน
-ฝกึ การฟังอยา่ งมีสตมิ ีสมาธิ
-ศึกษาเก่ยี วกับการใช้ภาษาให้ถูกต้อง
๒. การพฒั นาด้านการอ่าน
-ชมและสงั เกตการณอ์ ่านข่าวสารคดี
-พัฒนาตนเองให้เป็นนักอ่านอยา่ งตอ่ เน่อื ง
-อา่ นออกเสียงอยา่ งต่อเนื่อง อ่ายอย่างนอ้ ย ๒ ชวั่ โมง
-อา่ นออกเสียงทุกวัน
-จับประเดน็ เรื่องทีอ่ า่ น
-เลอื กเนอ้ื หาสาระที่อ่านอยา่ งเหมาะสม
-ศึกษารูปแบบการเขยี นและวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ
๓. การพฒั นาดา้ นการพดู
-ควรสังเกตการณ์พดู ในชีวิตประจาวนั
-ควรศกึ ษาเกีย่ วกับการพดู ท่ีถกู ต้อง
๔. การพฒั นาทักษะการเขยี น
-ควรเขยี นอยา่ งตัง้ ใจ
-มีความรอบคอบระมัดระวังในการเขียน
-ฝึกเขยี นในวิถชี วี ิต

61

17. ใบงานท่ี ๒

หนว่ ยการสอนที่ ๑ ช่อื หน่วยการสอน การใชภ้ าษาไทยในการส่ือสาร
ช่อื หวั ข้อเรอ่ื ง กระบวนการส่อื สาร ความสาคยั ของภาษาไทย และแนวปฏิบัติเก่ยี วกับการใชภ้ าษาไทย
ในงานอาชีพ
จดุ ประสงค์
1 จุดประสงคท์ ่วั ไป

1. อธบิ ายการส่อื สารได้
2. บอกความสาคญั ของการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพได้
2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
1. แสดงบคุ ลกิ ภาพในการใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม
2. มเี จตคตทิ ่ีดใี นการเรียนเร่ืองการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพ และรักษ์คา่ นิยมหลัก 12 ประการ

ลาดบั กจิ กรรม/ลาดับการปฏิบตั ิ

1. นกั เรยี นรบั ฟงั คาอธบิ ายบรรยายในชน้ั เรยี นเกีย่ วกบั การสอ่ื สารในงานอาชพี พรอ้ มทง้ั การยกตวั อยา่ ง
แลกเปล่ยี นความรู้กับนกั เรยี น
2. นกั เรยี นรว่ มกจิ กรรมทจ่ี ดั ขน้ึ ในคาบการจดั การเรยี นการสอนของครผู สู้ อน
3. ครูผู้สอนสรุปผลการจัดการเรยี นการสอน นกั เรียนทางานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจากครูผสู้ อนเก่ียวกับการส่ือสาร
ในงานอาชพี

เกณฑ์การพจิ ารณา

1. การมีส่วนร่วมในช้ันเรียนของนกั เรียน
2. สง่ งานท่ีได้รบั มอบหมายปฏิบตั ติ ามทค่ี รผู สู้ อนไดแ้ นะนา
3. มีพฤติกรรมทเี่ รยี บรอ้ ยระหว่างเรียน

18. แบบประเมนิ ผล
1 กอ่ นเรียน

62

1.1 ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน
2 ขณะเรียน

2.1 การถาม – ตอบ ฝกึ ปฏบิ ัติ และนาเสนอ
3 หลังเรียน

3.1 ตรวจสอบแบบทดสอบหลังเรียน
19. แบบฝกึ หัด

๑.แบบทดสอบท้ายบท กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
๒. แบบทดสอบท้ายบท(ปรนยั )

๓. ใบงานสรา้ งความเขา้ ใจระหวา่ งการเรยี น

20. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรแู้ บบมุ่งเนน้ สมรรถนะอาชพี และบูรณาการตามหลัก

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

20.1 สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้

รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ
5432 1

ด้านการเตรียมการสอน

1. จดั หนว่ ยการเรยี นรไู้ ดส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑก์ ารประเมินครอบคลุมท้ังดา้ นความรู้ ด้านทักษะ และด้านจติ พิสยั

3. เตรยี มวัสดุ-อุปกรณ์ สอ่ื นวตั กรรม กจิ กรรมตามแผนการจัดการเรยี นรกู้ ่อนเขา้

สอน

ดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

63

4. มวี ิธกี ารนาเขา้ สูบ่ ทเรียนทนี่ า่ สนใจ

5. มีกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ ความเขา้ ใจ

6. จดั กจิ กรรมทสี่ ่งเสรมิ ให้ผู้เรียนคน้ คว้าเพอ่ื หาคาตอบด้วยตนเอง

7. นกั เรียนมสี ว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

8. จัดกิจกรรมท่ีเน้นกระบวนการคดิ ( คิดวเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ คดิ สร้างสรรค์ )

9. กระต้นุ ให้ผเู้ รียนแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งเสรี

10. จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ทเ่ี ชอ่ื มโยงกบั ชวี ติ จรงิ โดยนาภูมิปัญญา/บรู ณาการเข้ามามีส่วนร่วม

11. จัดกจิ กรรมโดยสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม

12. มกี ารเสรมิ แรงเมอ่ื นักเรียนปฏิบัติ หรอื ตอบถูกตอ้ ง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศกั ยภาพของผูเ้ รยี น

14. เอาใจใสด่ แู ลผู้เรยี น อยา่ งท่ัวถึง

15. ใชเ้ วลาสอนเหมาะสมกบั เวลาทีก่ าหนด

ดา้ นส่ือ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้

16. ใชส้ ื่อที่เหมาะสมกบั กิจกรรมและศักยภาพของผู้เรยี น

17. ใชส้ ื่อ แหลง่ การเรยี นร้อู ยา่ งหลากหลาย เชน่ บคุ คล สถานที่ ของจรงิ เอกสาร

สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์ และอนิ เทอรเ์ น็ต เป็นต้น

ดา้ นการวัดและประเมินผล

18. ผู้เรียนมีส่วนรว่ มในการกาหนดเกณฑ์การวัดและประเมินผล

19. ประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลายและครบทง้ั ดา้ นความรู้ ทกั ษะ และจิตพสิ ยั

20. ครู ผ้เู รียน ผูป้ กครอง หรอื ผูท้ ี่เก่ียวข้องมีส่วนร่วม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดบั การปฏบิ ตั ิ 5 = ปฏิบัตดิ เี ยย่ี ม 4 = ปฏิบัตดิ ี 3 = ปฏิบตั ิ รวม
พอใช้ คา่ เฉลีย่

2 = ควรปรบั ปรุง 1 = ไม่มีการปฏิบัติ

20.2 ปญั หาทีพ่ บ และแนวทางแกป้ ญั หา

ปญั หาท่พี บ แนวทางแก้ปญั หา

ด้านการเตรยี มการสอน

................................................................................. .................................................................................

.... ....

................................................................................. .................................................................................

.... ....

64

................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ดา้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ด้านส่อื นวัตกรรม แหลง่ การเรยี นรู้
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ดา้ นการวดั และประเมนิ ผล
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

65

ดา้ นอื่นๆ (โปรดระบเุ ป็นข้อๆ)
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ลงช่ือ ........................................................................ ครผู ูส้ อน
(....................................................................)

ตาแหนง่ .......................................................................
............../.................................../....................

21. บนั ทึกการนเิ ทศและติดตาม

วนั -เดอื น- เวลา รายการนเิ ทศและตดิ ตาม ชอื่ -สกุล ผูน้ ิเทศ ตาแหน่ง

ปี

66

67

แผนการจดั การเรียนรู้ แบบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชพี
และบรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รหัสวชิ า 20000 1102 วชิ า ภาษาไทยเพ่ืออาชีพ
หน่วยท่ี 4 ชือ่ หน่วย การพดู ในงานอาชีพ
ชอ่ื เร่ือง การใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพ จานวน 2 ชั่วโมง

1. สาระสาคญั

การพูดในงานอาชีพมีความสาคัญอย่างย่ิง เพราะทุกอาชีพย่อมต้องใช้ภาษาในการสื่อสารเพ่ือสร้าง
ความเข้าใจ ความไว้วางใจ และประกอบการตดั สินใจ ดังนั้นผู้ที่ต้องการความสาเร็จในงานอาชีพจึงต้องศึกษา
เรียนรกู้ ระบวนการส่ือสารและฝกึ ฝนทักษะการใช้ภาษาอยา่ งมีประสิทธิภาพ ทัง้ การฟัง การดู การพูด การอา่ น
และการเขียน

2. สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้

๑. แสดงความรูเ้ ก่ียวกบั การพูดในงานอาชีพ
๒. ประยุกตก์ ารพูดในงานอาชพี ได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 จดุ ประสงค์ทัว่ ไป
๑. อธิบายความสาคัญของการพดู ในงานอาชีพได้

3.2 จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม
๒. พดู ทางโทรศพั ทไ์ ด้
๓. พดู ติดต่อกิจธรุ ะได้
๔. พูดสาธติ ได้
๕. สมั ภาษณง์ านได้
๖. พดู นาเสนอผลงานได้
๗. พดู เสนอความคดิ เหน็ ในทป่ี ระชมุ ได้
๘. มเี จตคติที่ดีในการเรยี นเรอ่ื งการพดู ในงานอาชพี และรกั ษ์คา่ นิยมหลกั ๑๒ ประการของไทย

4. เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้

4.1 ด้านความรู้
๑. แบ่งกลุ่มผู้เรียน เลือกประธานและกาหนดหน้าท่ีสมาชกิ คนอื่นๆ ให้ปฏบิ ัติงานในกลุ่ม ร่วมกัน
ศึกษาเอกสารหนังสือเรียนเร่ืองความสาคัญและประเภทของการอ่านในงานอาชีพ หลักการอ่านสารในงาน
อาชีพ การอา่ นค่มู อื ในการปฏบิ ตั ิงาน และการอา่ นคู่มือการใชอ้ ปุ กรณห์ รอื รายละเอยี ดของผลติ ภัณฑ์
๒. ตง้ั คาถามใหผ้ เู้ รียนเสนอข้อมูลจากประสบการณ์ทร่ี บั ร้ดู งั ตวั อยา่ งนี้

๒.๑ ความสาคัญและประเภทของการอ่านในงานอาชพี
- ความสาคัญของการอา่ นมอี ะไรบ้าง
- การอ่านสารในงานอาชีพ มอี ะไรบ้าง

68

๒.๒ หลักการอา่ นสารในงานอาชพี
- การอา่ นสารในงานอาชีพโดยทวั่ ไปมหี ลกั สาคัญอยา่ งไร

๒.๓ การอ่านคมู่ อื ในการปฏบิ ัติงาน
- แนวปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั การอา่ นคูม่ ือในการปฏบิ ตั งิ านไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง

๒.๔ การอ่านคมู่ อื การใช้อปุ กรณ์หรือรายละเอียดของผลติ ภณั ฑ์
- แนวปฏบิ ตั เิ กีย่ วกับการอ่านค่มู ือการใชอ้ ปุ กรณห์ รอื รายละเอยี ดของผลิตภณั ฑ์ได้แก่

4.2 ดา้ นทกั ษะหรอื การประยุกต์ใช้
จากการทไ่ี ดศ้ ึกษาเรียนรู้เกย่ี วกบั กระบวนการสอื่ สาร ความสาคัญของภาษาไทยในงานอาชีพ และ
แนวทางเก่ยี วกับการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพ นกั เรยี นสามารถนาทกั ษะจากการเรยี น เชน่ องคป์ ระกอบของผู้
สง่ สารและรบั สาร เพ่ือการสือ่ สารทีม่ ีประสทิ ธภิ าพ และแนวทางการพัฒนาทักษะการใช้ภาษา เช่น การพัฒนา
การอา่ น การฟงั การดุ และการเขยี น เป็นต้น

4.3 ดา้ นคณุ ธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์และบรู ณาการตามหลกั ปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพยี ง

นกั เรยี นเรยี นมคี วามรอบคอบ มีระเบยี บวนิ ยั ในการสือ่ สาร ใชท้ กั ษะแยกองคป์ ระกอบของการสอ่ื สาร
ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพและเกิดประสิทธผิ ล สามารถนาความรทู้ เี่ รยี นไปประกอบใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั บริหาร
เวลาเรยี นและการทางานได้

5. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้

ข้ันตอนการสอนหรือกิจกรรมครู ขัน้ ตอนการเรียนหรอื กิจกรรมของผูเ้ รียน

ขั้นเตรียม(จานวน.10.นาท)ี
1.สครูให้ผู้เรียนศึกษาข้อมูลเก่ียวกับกระบวนการ 1. นกั เรยี นศึกษาจดั เตรยี มขอ้ มลู เก่ียวกบั
การส่ือสาร องค์ประกอบของการสื่อสาร การใช้ กระบวนการสอื่ สาร องคป์ ระกอบของการส่อื สาร
ภาษาเพื่อการสื่อสาร โดยต้องทราบเกี่ยวกับ ตรวจสอบว่าข้อมลู ทีศ่ ึกษาครบสมบูรณต์ อ่ รายวชิ า
ความหมายและหน้าที่ท้ัง 4 องค์ประกอบ ท้ังนี้ จริง
นั ก เ รี ย น ต้ อ ง ศึ ก ษ า เ ก่ี ย ว กั บ แ น ว ท า ง ใ น ก า ร
พัฒนาการใช้ภาษา และจัดเตรียมเน้ือหาให้พร้อม
ต่อการเรียน

ขัน้ การสอน(จานวน 40 นาที)
2. นักเรียนน่ังฟังคาบรรยายพร้อมทั้งแลกเปลี่ยน 2. นกั เรยี นศึกษาเกย่ี วกบั กระบวนการสอ่ื สาร
การเรียนการสอนกับครู อธิบายเน้ือหา พร้อม การใช้ภาษา และแนวทางในการปฏบิ ตั เิ กีย่ วกับ
ยกตัวอย่างสถานการณ์ของ เรื่อง แลกเปลี่ยน การใช้ภาษา
เรียนรู้ระหว่างครุกับนักเรียน ในเรื่องของนักเรียน
สามารถนาทักษะจากการเรียน เช่น องค์ประกอบ
ของผู้ส่งสารและรับสาร เพ่ือการสื่อสารท่ีมี
ประสิทธภิ าพ และแนวทางการพัฒนาทักษะการใช้

69

ภาษา เช่น การพัฒนา การอ่าน การฟัง การดุ และ
การเขยี น เป็นตน้
ขน้ั สรุป (จานวน 10 นาที)
3. อธบิ ายข้อความสาคัญเกย่ี วกับองค์ประกอบ 3.นกั เรยี นบนั ทกึ เนอ้ื หาทค่ี รอุ ธบิ าย และทาความ
ของผู้ ส่งสารและรบั สาร เพ่ือการ เข้าใจ อันจะนาไปทาแบบทดสอบต่อการเรยี นรใู้ น
ส่อื สารทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ และแนวทางการพัฒนา รายวิชาต่อไป
ทกั ษะการใช้ภาษา เชน่ การพฒั นา การอา่ น การ
ฟัง การดุ และการเขียน เปน็ ตน้
ทาแบบทดสอบวดั ความรู้

6. สือ่ การเรยี นการสอน/การเรยี นรู้

6.1 สื่อสิ่งพมิ พ์
1. หนังสอื รายวิชาภาษาไทย วิชา ภาษาไทยเพ่อื อาชพี
2. ใบงานและแบบทดสอบทา้ ยบท

6.2 ส่อื โสตทัศน์
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

6.3 สื่อของจรงิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

7. แหล่งการเรยี นการสอน/การเรียนรู้

7.1 ภายในสถานศึกษา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

7.2 ภายนอกสถานศึกษา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

70

8. งานทม่ี อบหมาย

8.1 กอ่ นเรยี น
1. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาข้อมูลเกยี่ วกับการฟังและดูสารในงานอาชีพองค์ประกอบการฟังและดูสารในงานอาชีพ
2. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาข้อมลู เก่ยี วกับความสาคัญของภาษาไทยในงานอาชีพ
3. ให้นกั เรียนศกึ ษาขอ้ มูลเกี่ยวกบั แนวทางในการพฒั นาการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพ

8.2 ขณะเรียน
1. นกั เรยี นจดบนั ทึก พรอ้ มฟงั คาอธบิ ายเกีย่ วกบั หวั ขอ้ ทค่ี รอู ธบิ าย
2. นกั เรยี นตอ้ งยกตวั อยา่ งสถานการณเ์ กย่ี วกบั หวั ขอ้ ทเ่ี รยี นพรอ้ มทง้ั อธบิ ายแลกเปลย่ี นความรกู้ บั ครผู สู้ อน

8.3 หลังเรียน
1. นกั เรยี นนาความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั รายวชิ าทเ่ี รียน เชน่ การสอ่ื สาร องคป์ ระกอบของการสื่อสาร การใช้
ภาษา แนวทางการพัฒนาแนวทางในการใชภ้ าษา
2. ทาแบบทดสอบทา้ ยบท

9. ผลงาน/ชิ้นงาน ทีเ่ กดิ จากการเรยี นรขู้ องผู้เรียน

1 มีตวั อย่างสถานการณ์ ใหจ้ าแนกสถานการณ์ลงในองคป์ ระกอบของการสอื่ สาร
ครูเลก็ สอนในรายวชิ าภาษาไทย โดยเริ่มสอนจากบทท่ี 1 เรอ่ื งกระบวนการส่อื สาร มีเนอ้ื หาสาระ

เก่ยี วกบั การสอื่ สาร ความหมายของการสอ่ื สาร รูปแบบการสือ่ สาร ความสาคญั ของการใช้ภาษาในการสือ่ สาร
ภายหลงั จากท่ีเรียนนกั เรียนมกี ารแลกเปล่ยี นความรกู้ บั ครผู ุ้สอนเกีย่ วกับเรอ่ื สาระการเรียนรูท้ เ่ี รียน

10. เอกสารอา้ งองิ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

11. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กบั รายวิชาอน่ื

นาทักษะการเรยี นเกี่ยวกบั รายวชิ าเก่ยี วกบั กระบวนการสือ่ สาร สามารถนาไปใชส้ ่ือสารในรายวิชาอนื่
รวมทงั้ นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั

12. หลกั การประเมนิ ผลการเรยี น

12.1 กอ่ นเรียน
1. สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนในการศกึ ษาและสนใจในการจัดเตรยี มเนอื้ หาและศกึ ษาเนอ้ื หาทมี่ อบหมาย
2. เตรียมอุปกรณ์การเรียนการสอนในรายวิชาภาษาไทย

12.2 ขณะเรียน
1. แบบทดสอบผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน เพ่ือวดั ความร้คู วามเขา้ ใจ.

71

12.3 หลังเรียน
1. ครใู ห้ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบเพ่ือประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ

13. รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรยี น

จุดประสงคข์ ้อที่ 1 อธิบายกระบวนการสือ่ สาร
1. วธิ กี ารประเมนิ : แบบทดสอบเกีย่ วกบั องค์ประกอบของการส่อื สาร.
2. เครอื่ งการประเมนิ : ใบงานแบบทดสอบ.
3. เกณฑ์การประเมิน : อยู่ในระดับ 60 % ขึน้ ไป ผา่ น
4. เกณฑ์การผา่ น : เกณฑ์การพดู ของผู้เรยี นตอ้ งอย่ใู นระดับ 60 % ข้นึ ไป

จดุ ประสงคข์ ้อท่ี 2 วัดความรู้ความเขา้ ใจ
1. วิธีการประเมิน : ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพอื่ วัดความรู้ความเขา้ ใจ
2. เคร่อื งการประเมิน : แบบทดสอบ
3. เกณฑ์การประเมิน : อยใู่ นระดบั 60 % ขน้ึ ไป ผ่าน
4. เกณฑก์ ารผ่าน :

14. แบบทดสอบก่อนเรยี น

หนว่ ยการสอนที่ 2 ช่อื หน่วยการสอน การฟงั และดสู ารในงานอาชีพ
วตั ถุประสงค์ เพอื่ อธบิ ายกระบวนการสอื่ สารได้ บอกความสาคญั ของการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพได้
ขอ้ คาถาม
1. จงอธิบายการอา่ นเพอ่ื จับประเดน็ สาคัญ พรอ้ มยกตัวอย่างประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จงอธิบายการอา่ นสารในงานอาชพี โดยสังเขป
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การอ่านค่มู อื การปฏิบตั ิงานมีหลักอย่างไร จงอธบิ ายพรอ้ มยกตัวอย่างประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. การอา่ นรายละเอยี ดของผลิตภัณฑ์มวี ตั ถปุ ระสงคแ์ ละหลักการอยา่ งไร จงอธิบายพรอ้ มยกตวั อยา่ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จงอธิบายความแตกต่างระหวา่ งค่มู ือการปฏิบตั ิงานและคู่มือการใชอ้ ปุ กรณ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

72

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น

1. จงอธิบายการอา่ นเพ่ือจับประเดน็ สาคญั พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
จับใจความของสารว่าใคร ทาอะไร ที่ไหน เมือ่ ไร อยา่ งไร เช่น เจา้ หน้าท่ีอ่านคาสั่งมอบหมายงาน

2. จงอธิบายการอา่ นสารในงานอาชพี โดยสงั เขป
คมุ่ อื การปฏิบัติงาน ค่มู ือการใชอ้ ปุ กรณ์หรือผลติ ภัณฑ์

3. การอา่ นคมู่ อื การปฏบิ ตั ิงานมหี ลกั อยา่ งไร จงอธบิ ายพรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ

เพอื่ ใหผ้ ปู้ ฏิบัติ สามารถปฏบิ ัติได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เช่น ระเบยี บ คู่มอื การปฏิบัติงาน

4. การอา่ นรายละเอยี ดของผลติ ภัณฑ์มีวตั ถุประสงค์และหลกั การอยา่ งไร จงอธบิ ายพรอ้ มยกตัวอยา่ ง
ปจั จบุ นั ค่มู ือการใช้อุปกรณแ์ ละรายละเอยี ดของผลิตภณั ฑต์ า่ ง ๆ ไดเ้ ข้ามามบี ทบาทมชี วี ติ และการ

ทางานมากขน้ึ

5. จงอธบิ ายความแตกตา่ งระหว่างคมู่ ือการปฏิบตั งิ านและคู่มอื การใชอ้ ปุ กรณ์
คูม่ ือการปฏบิ ตั งิ าน คือ สงิ่ ท่ีใชอ้ ธิบายทศิ ทาง
คมู่ ือการใช้อปุ กรณ์ คือ ศกึ ษารายละเอียดคู่มอื อุปกรณ์

15. แบบทดสอบหลงั เรียน

หน่วยการสอนท่ี 2 ช่ือหน่วยการฟงั และดสู ารในงานอาชีพ

วตั ถุประสงค์ เพอื่ อธิบายกระบวนการส่อื สารได้ บอกความสาคัญของการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพได้

ขอ้ คาถาม

1. ความสาเรจ็ ของการส่อื สารขึ้นอยกู่ บั องคป์ ระกอบใดสาคญั ทส่ี ดุ

1. ผ้สู ่อื สาร 2. สาร

3. สอ่ื 4. ผู้รับสาร

5. ถูกทุกข้อ

2. ตวั บง่ ชี้วา่ สารประสบความสาเรจ็ คือขอ้ ใด

1. ผู้ส่งสารนาเสนอสารไดอ้ ยา่ งชัดเจน

2. มสี ่อื หรอื ชอ่ งทางการส่อื สารทหี่ ลากหลาย

3. ผู้รบั สารตอบสนองได้ตรงตามความต้องการของผสู้ ง่ สาร

4. ผรู้ ับสารมปี ฏกิ ริ ยิ าตอ่ สาร

5. เนอื้ หาสาระของสารเปน็ ประโยชน์ท้ังต่อบุคคล องค์กร สังคม

3. ตัวอยา่ งการสอ่ื สารในขอ้ ใดท่ีสะท้อนความสมั พันธข์ องการใชว้ จั นภาษา และอวจั นภาษาไดช้ ดั เจนมากทส่ี ดุ

1. รายการข่าวประจาวัน

2. รายการสารคดี

3. โฆษณา

73

4. รายการวิทยุ

5. นกั การเมอื ง

4. อาชพี ใดทภ่ี าษาทา่ ทางมีอทิ ธิพลตอ่ ความสาเร็จมากที่สดุ

1. นักพูด 2. นกั รอ้ ง

3. นกั สบื 4. นักแสดง

5. นกั การเมอื ง

5. ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ ง

1. การสือ่ สารผ่านอนิ เตอร์เนต็ ทาให้การใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพลดลง

2. เครอื่ งมอื สอ่ื สารระดบั บุคคลทแ่ี พรห่ ลายมากทส่ี ดุ ในปจั จุบนั คอื สอื่ ออนไลน์

3. การสื่อสารผา่ นโทรทัศน์ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งใช้อวัจนภาษา เพราะใชว้ าจาส่ือสารเทา่ น้นั

4. การส่อื สารจาเปน็ ต้องใช้อวัจนภาษาควบคูไ่ ปกบั วจั นภาษา เพราะชว่ ยให้การสอ่ื สารมคี วามชดั เจน

ยิง่ ข้นึ

5. ขอ้ 1 และข้อ 3 ถูกต้อง

6. สายชลกาลังแสดงวิสยั ทัศน์หาเสยี งเป็นนายกองคก์ ารวชิ าชีพ โดยใช้ไมโครโฟนทมี่ ีเสยี งขาด ๆ หาย ๆ ฟงั ไม่

รู้เรอื่ งชดั เจน ปัญหาอุปสรรคของกระบวนการสอื่ สารนคี้ อื ขอ้ ใด

๑. สือ่ คือไมโครโฟน ๒. สาร คอื วสิ ยั ทศั น์ในการหาเสียง

๓. ผู้สง่ สาร คือสายชล ๔. ผู้รับสาร คือ ผเู้ รียนฟงั ไมร่ เู้ รือ่ ง

๕. ข้อ ๑ และ ขอ้ ๒ ถูก

๗. ข้อใดจัดเป็นการพัฒนาทกั ษะการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพทม่ี ีประสิทธิภาพที่สุด

๑. สงั เกต-จดจา-เลียนแบบ-พฒั นา

๒. สังเกต-จดจา-ค้นควา้ -ปฏบิ ัต-ิ ปรับปรุง-พัฒนา

๓. คน้ คว้า-สังเกต-จดจา-ปฏบิ ตั -ิ ประเมินตนเอง-พัฒนา

๔. คน้ คว้า-จดจา-สงั เกต-ประเมนิ ตนเอง-ปรับปรุง-พัฒนา

๕. สังเกต-จดจา-เลียนแบบ-ปฏิบตั ิ-ประเมนิ ตนเอง-ปรับปรงุ -พัฒนา

๘. บุคคลในขอ้ ใดท่ีมคี วามสามารถในการพฒั นาการใช้ภาษาไทยของตนเองได้ดีท่ีสุด

๑. ปัทมนันต์ชมละครโทรทัศน์ทกวนั อยา่ งน้อยวนั ละ ๒ ช่วั โมง เพอ่ื พฒั นาการเปน็ ผฟู้ งั ผู้ชมที่ดี

๒. กิตติชมรายการโทรทัศน์ตงั้ แตเ่ วลาหน่ึงท่มุ ถงึ เทีย่ งคืนทุกคนื ท้ังรายการ ขา่ ว ละคร เพลง

ภาพยนตร์โฆษณา พร้อมบนั ทึกประเด็นท่ีนา่ สนใจ

๓. สมศกั ดิเ์ ลือกสถานีวิทยุทมี่ คี ณุ ภาพและเปดิ ฟงั ตลอดทั้งวันขณะทางาน ทาให้เรียนรลู้ กั ษณะของผู้

จดั รายการวิทยุท่มี ปี ระสิทธภิ าพ

๔. ไตรภพเอาใจใส่บคุ คลรอบข้างเสมอและเปน็ นักฟงั ทีด่ ี หลกี เล่ียงการโตแ้ ย้ง พรอ้ มทง้ั พยายาม

ประนีประนอมเมื่อเพ่ือนร่วมงานมีขอ้ ขัดแย้งกัน

๕. ปัญญาอา่ นขา้ วทกุ วันและอา่ นออกเสียงกอ่ นนอนทกุ คนื โดยต้ังใจอ่านใหเ้ หมอื นผปู้ ระกาศข่าวใน

วิทยุกระจายเสียงและโทรทศั น์

๙. ข้อใดกลา่ วสมเหตสุ มผลมากท่ีสดุ

๑. ทกั ษะการใชภ้ าษาไทยในชวี ติ และการทางานมากทส่ี ุดคือทกั ษะการรบั สาร ดังนนั้ ตอ้ งฝึกฝนการฟัง

และการอา่ นใหม้ ากกวา่ การพูดและการเขียน

74

๒. ทกั ษะการใชภ้ าษาไทยท่ีมอี ิทธพิ ลต่อการโน้มน้าวใจมากท่ีสดุ คือทกั ษะการส่งสาร ดังน้ันต้องฝึกฝน
การพดู และการเขียนให้มากกว่าการฟังและการอา่ น

๓. ควรฝึกฝนทกั ษะการใชภ้ าษาไทย ทั้งการฟงั และการพดู การอ่านและการเขียนไปพรอ้ ม ๆ กนั
เพราะการสง่ สารทด่ี ียอ่ มมาจากการรับสารทด่ี ี

๔. นกั พดู ที่ดมี าจากการเป็นนักฟังที่ดี และนกั เขยี นท่ีดมี าจากการเป็นนักอ่านท่ดี ี ดังน้ันความเป็นนัก
ฟงั และนักอา่ นทีด่ จี งึ มผี ลตอ่ งานอาชีพมากทีส่ ดุ

๕. ขอ้ ๑. และขอ้ ๒. ถกู ตอ้ ง
๑๐. บคุ คลในขอ้ ใดสามารถสร้างความประทบั ใจตอ่ ผพู้ บเหน็ ไดม้ ากที่สดุ

๑. แต่งกายภมู ฐิ าน เคร่อื งประดบั ราคาแพง ทา่ ทางสง่า พดู น้อย ยมิ้ ยาก
๒. แต่งกายประณีต ยม้ิ แย้มแจม่ ใส ไหว้ ทกั ทายผู้พบเห็นดว้ ยถ้อยคาสุภาพ
๓. แตง่ กายสะอาดเรยี บร้อย อ่อนนอ้ มถอ่ มตน เปน็ ผู้ฟงั ท่ดี ี แสดงความคดิ เหน็ น้อย เพราะเกรงใจ
ผู้อ่ืน
๔. แตง่ กายตามสบาย พูดตลกขบขนั ตลอดเวลา ยม้ิ แยม้ แจม่ ใสท่ กั ทายผคู้ นท่พี บเห็นอย่างเป็นกันเอง
แมจ้ ะไม่รจู้ กั กต็ าม
๕. แต่งกายชดุ ไทยภูมฐิ าน มมี ารยาทในการฟังที่ดี สังเกตผู้พูดและมองตาผู้พูดตลอดเวลา

75

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น

1. ความสาเรจ็ ของการส่อื สารขนึ้ อยกู่ บั องค์ประกอบใดสาคัญที่สดุ

2. ผสู้ ่ือสาร 2. สาร

3. สอ่ื 4. ผูร้ ับสาร

5. ถูกทุกข้อ

2. ตวั บ่งช้วี ่าสารประสบความสาเร็จคือขอ้ ใด

1. ผสู้ ่งสารนาเสนอสารไดอ้ ย่างชดั เจน

2. มสี ือ่ หรือช่องทางการสอ่ื สารทีห่ ลากหลาย

3. ผู้รบั สารตอบสนองได้ตรงตามความต้องการของผู้สง่ สาร

4. ผ้รู บั สารมีปฏกิ ริ ิยาตอ่ สาร

5. เน้อื หาสาระของสารเป็นประโยชน์ทง้ั ต่อบุคคล องคก์ ร สังคม

3. ตัวอยา่ งการสื่อสารในข้อใดที่สะทอ้ นความสมั พันธ์ของการใช้วัจนภาษา และอวจั นภาษาได้ชดั เจนมากทส่ี ดุ

1. รายการขา่ วประจาวนั

2. รายการสารคดี

3. โฆษณา

4. รายการวทิ ยุ

5. นกั การเมือง

4. อาชพี ใดท่ภี าษาทา่ ทางมอี ิทธิพลต่อความสาเรจ็ มากท่ีสดุ

2. นกั พูด 2. นกั รอ้ ง

3. นักสืบ 4. นักแสดง

5. นักการเมือง

5. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง

1. การสื่อสารผา่ นอินเตอร์เนต็ ทาใหก้ ารใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพลดลง

2. เครื่องมือสอื่ สารระดบั บุคคลทแ่ี พรห่ ลายมากท่สี ดุ ในปจั จุบนั คอื สื่อออนไลน์

3. การสอื่ สารผ่านโทรทัศนไ์ มจ่ าเปน็ ต้องใช้อวัจนภาษา เพราะใชว้ าจาส่ือสารเทา่ นั้น

4. การสื่อสารจาเปน็ ตอ้ งใชอ้ วัจนภาษาควบคูไ่ ปกบั วจั นภาษา เพราะชว่ ยให้การส่ือสารมคี วามชดั เจน

ยิ่งข้ึน

5. ขอ้ 1 และขอ้ 3 ถกู ตอ้ ง

6. สายชลกาลังแสดงวิสัยทศั น์หาเสียงเปน็ นายกองค์การวชิ าชพี โดยใช้ไมโครโฟนทม่ี เี สียงขาด ๆ หาย ๆ ฟงั ไม่

ร้เู ร่ืองชดั เจน ปัญหาอุปสรรคของกระบวนการส่อื สารน้คี อื ข้อใด

๑. ส่ือ คือไมโครโฟน ๒. สาร คอื วสิ ยั ทศั น์ในการหาเสยี ง

๓. ผู้สง่ สาร คือสายชล ๔. ผู้รับสาร คือ ผูเ้ รียนฟังไม่รเู้ รื่อง

๕. ข้อ ๑ และ ขอ้ ๒ ถูก

๗. ข้อใดจดั เปน็ การพัฒนาทกั ษะการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพทมี่ ีประสิทธิภาพที่สดุ

๑. สังเกต-จดจา-เลียนแบบ-พฒั นา

๒. สังเกต-จดจา-คน้ ควา้ -ปฏิบัต-ิ ปรับปรุง-พัฒนา

๓. ค้นควา้ -สงั เกต-จดจา-ปฏบิ ัต-ิ ประเมินตนเอง-พัฒนา

๔. คน้ ควา้ -จดจา-สงั เกต-ประเมินตนเอง-ปรับปรุง-พฒั นา

76

๕. สงั เกต-จดจา-เลียนแบบ-ปฏิบัติ-ประเมนิ ตนเอง-ปรบั ปรุง-พฒั นา
๘. บุคคลในข้อใดท่ีมคี วามสามารถในการพฒั นาการใชภ้ าษาไทยของตนเองไดด้ ที ส่ี ุด

๑. ปัทมนันต์ชมละครโทรทศั น์ทกวัน อย่างนอ้ ยวนั ละ ๒ ชวั่ โมง เพอ่ื พฒั นาการเปน็ ผฟู้ ังผชู้ มทด่ี ี
๒. กติ ตชิ มรายการโทรทศั น์ตง้ั แตเ่ วลาหน่งึ ทุ่มถึงเท่ยี งคนื ทกุ คนื ท้ังรายการ ขา่ ว ละคร เพลง
ภาพยนตร์โฆษณา พร้อมบันทึกประเดน็ ทน่ี า่ สนใจ
๓. สมศกั ด์ิเลอื กสถานวี ิทยทุ ี่มคี ณุ ภาพและเปดิ ฟังตลอดทั้งวนั ขณะทางาน ทาให้เรยี นรลู้ กั ษณะของผู้
จัดรายการวิทยทุ มี่ ีประสทิ ธภิ าพ
๔. ไตรภพเอาใจใส่บคุ คลรอบขา้ งเสมอและเปน็ นักฟังท่ีดี หลีกเลี่ยงการโตแ้ ย้ง พร้อมท้งั พยายาม
ประนีประนอมเม่อื เพือ่ นร่วมงานมีข้อขดั แย้งกนั
๕. ปัญญาอา่ นขา้ วทกุ วันและอ่านออกเสียงก่อนนอนทกุ คนื โดยตงั้ ใจอ่านใหเ้ หมือนผปู้ ระกาศขา่ วใน
วทิ ยุกระจายเสียงและโทรทศั น์
๙. ข้อใดกลา่ วสมเหตุสมผลมากทส่ี ดุ
๑. ทกั ษะการใชภ้ าษาไทยในชวี ิตและการทางานมากท่ีสุดคือทักษะการรบั สาร ดงั นัน้ ตอ้ งฝกึ ฝนการฟงั
และการอ่านใหม้ ากกวา่ การพดู และการเขียน
๒. ทักษะการใช้ภาษาไทยทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การโนม้ น้าวใจมากทสี่ ดุ คอื ทักษะการส่งสาร ดังนน้ั ต้องฝกึ ฝน
การพดู และการเขียนใหม้ ากกวา่ การฟงั และการอ่าน
๓. ควรฝึกฝนทักษะการใชภ้ าษาไทย ทง้ั การฟัง และการพดู การอ่านและการเขยี นไปพร้อม ๆ กนั
เพราะการส่งสารท่ดี ีย่อมมาจากการรบั สารทดี่ ี
๔. นักพดู ทีด่ ีมาจากการเป็นนักฟงั ท่ดี ี และนกั เขียนท่ีดีมาจากการเปน็ นักอ่านทดี่ ี ดังน้ันความเป็นนกั
ฟงั และนักอ่านที่ดีจึงมีผลตอ่ งานอาชีพมากท่ีสดุ
๕. ข้อ ๑. และข้อ ๒. ถกู ต้อง
๑๐. บุคคลในข้อใดสามารถสรา้ งความประทบั ใจตอ่ ผพู้ บเห็นได้มากทีส่ ดุ
๑. แตง่ กายภูมิฐาน เครอื่ งประดบั ราคาแพง ทา่ ทางสง่า พดู นอ้ ย ย้ิมยาก
๒. แตง่ กายประณตี ยมิ้ แย้มแจ่มใส ไหว้ ทกั ทายผพู้ บเห็นด้วยถอ้ ยคาสภุ าพ
๓. แต่งกายสะอาดเรยี บร้อย อ่อนน้อมถอ่ มตน เปน็ ผูฟ้ งั ท่ดี ี แสดงความคดิ เหน็ น้อย เพราะเกรงใจ
ผอู้ ื่น
๔. แตง่ กายตามสบาย พูดตลกขบขันตลอดเวลา ยมิ้ แย้มแจ่มใส่ทกั ทายผคู้ นทพ่ี บเหน็ อย่างเป็นกันเอง
แมจ้ ะไม่รจู้ กั กต็ าม
๕. แตง่ กายชดุ ไทยภมู ฐิ าน มมี ารยาทในการฟังท่ีดี สังเกตผ้พู ดู และมองตาผพู้ ูดตลอดเวลา

77

16. ใบความรทู้ ่ี ๑

หนว่ ยการสอนที่ ๔ ช่อื หนว่ ยการสอน การพดู ในงานอาชพี
ช่ือหัวขอ้ เรอ่ื ง การพูดในงานอาชีพ

๑ ความสาคญั
๑.๑ ความสาคัญของการอ่าน

๑. เปน็ การใหข้ ่าวสาร
๒. เปน็ การสร้างความสนใจ
๓. เปน็ การสรา้ งความไวว้ างใจ
๔. เป็นการสรา้ งสรรค์จรรโลงสงั คมให้ดงี าม
๑.๒ ประเภทของการพูดในงานอาชีพ
การอา่ นสารในงานอาชีพ แบ่งเปน็ สองประเภท คือ การอ่านคมู่ อื การปฏบิ ัตงิ านและการอ่านคมู่ อื การใช้
อปุ กรณ์
๓. แนวปฏิบัตเิ กยี่ วกับการพูดในงานอาชพี
การใชภ้ าษาไทยในการอาชพี ปรากฏทัง้ ในรปู แบบวัจนภาษาและอวัจนภาษา ด้านการฟงั การอ่าน
การพดู และการเขยี น เชน่ การแสดงมารยาท บุคลกิ ภาพไมเ่ หมาะสม ยอ่ มสง่ ผลใหก้ ารส่อื สารไม่มี
ประสิทธภิ าพ
แนวทางในการพัฒนาตนเอง
๑. การพัฒนาดา้ นการฟงั และการดู
- ควรสงั เกตการณใ์ ช้ภาษาในชีวิตประจาวัน
-ฝึกการฟงั อยา่ งมีสติมีสมาธิ
-ศกึ ษาเกย่ี วกับการใชภ้ าษาให้ถกู ต้อง
๒. การพฒั นาด้านการอ่าน
-ชมและสงั เกตการณ์อ่านข่าวสารคดี
-พัฒนาตนเองให้เป็นนักอ่านอยา่ งต่อเนอ่ื ง
-อ่านออกเสยี งอย่างต่อเนื่อง อ่ายอยา่ งน้อย ๒ ชัว่ โมง
-อา่ นออกเสยี งทุกวัน
-จบั ประเดน็ เร่อื งทีอ่ า่ น
-เลือกเนื้อหาสาระท่ีอ่านอยา่ งเหมาะสม
-ศึกษารูปแบบการเขียนและวรรณกรรมประเภทตา่ ง ๆ
๓. การพฒั นาดา้ นการพูด
-ควรสงั เกตการณพ์ ดู ในชวี ิตประจาวนั
-ควรศึกษาเก่ียวกับการพูดทถี่ ูกต้อง
๔. การพัฒนาทกั ษะการเขยี น
-ควรเขียนอย่างตั้งใจ
-มีความรอบคอบระมัดระวังในการเขยี น
-ฝกึ เขยี นในวิถชี วี ติ

78

17. ใบงานท่ี ๒

หน่วยการสอนท่ี ๔ ชอ่ื หนว่ ยการสอน การพูดในงานอาชพี
ชือ่ หัวขอ้ เรือ่ ง การพดู ในงานอาชีพ
จุดประสงค์
1 จดุ ประสงค์ท่วั ไป

1. อธิบายการสอ่ื สารได้
2. บอกความสาคญั ของการใช้ภาษาไทยในงานอาชพี ได้
2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1. แสดงบคุ ลิกภาพในการใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
2. มเี จตคติที่ดใี นการเรียนเรอื่ งการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพ และรักษ์ค่านิยมหลัก 12 ประการ

ลาดบั กิจกรรม/ลาดบั การปฏบิ ัติ

1. นกั เรยี นรบั ฟงั คาอธบิ ายบรรยายในชน้ั เรยี นเกีย่ วกบั การสอ่ื สารในงานอาชพี พรอ้ มทง้ั การยกตวั อยา่ ง
แลกเปลย่ี นความรูก้ ับนกั เรียน
2. นกั เรยี นรว่ มกจิ กรรมทจ่ี ดั ขน้ึ ในคาบการจดั การเรยี นการสอนของครผู สู้ อน
3. ครผู สู้ อนสรุปผลการจดั การเรียนการสอน นักเรียนทางานทไี่ ด้รับมอบหมายจากครผู สู้ อนเกี่ยวกับการสื่อสาร
ในงานอาชีพ

เกณฑ์การพิจารณา

1. การมีสว่ นรว่ มในชัน้ เรยี นของนักเรียน
2. สง่ งานทไี่ ดร้ ับมอบหมายปฏิบตั ิตามทคี่ รูผู้สอนได้แนะนา
3. มพี ฤติกรรมทเี่ รียบร้อยระหว่างเรยี น

18. แบบประเมินผล
1 ก่อนเรยี น
1.1 ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
2 ขณะเรียน
2.1 การถาม – ตอบ ฝกึ ปฏิบัติ และนาเสนอ
3 หลงั เรียน
3.1 ตรวจสอบแบบทดสอบหลังเรยี น

19. แบบฝกึ หัด

๑.แบบทดสอบท้ายบท กจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ
๒. แบบทดสอบทา้ ยบท(ปรนยั )

๓. ใบงานสร้างความเข้าใจระหวา่ งการเรียน

79

20. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้แบบมุ่งเนน้ สมรรถนะอาชพี และบรู ณาการตามหลกั

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

20.1 สรุปผลการจดั การเรยี นรู้

รายการ ระดับการปฏบิ ตั ิ
5432 1

ด้านการเตรยี มการสอน

1. จัดหนว่ ยการเรยี นรู้ได้สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์การเรยี นรู้

2. กาหนดเกณฑ์การประเมนิ ครอบคลุมทั้งดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ และดา้ นจิตพสิ ยั

3. เตรียมวสั ดุ-อปุ กรณ์ ส่อื นวัตกรรม กิจกรรมตามแผนการจดั การเรยี นรู้กอ่ นเขา้

สอน

ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

4. มีวธิ กี ารนาเขา้ สบู่ ทเรยี นทนี่ ่าสนใจ

5. มกี ิจกรรมท่ีหลากหลาย เพื่อช่วยให้ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ ความเขา้ ใจ

6. จัดกิจกรรมท่ีส่งเสรมิ ให้ผูเ้ รียนค้นคว้าเพื่อหาคาตอบด้วยตนเอง

7. นกั เรียนมสี ว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้

8. จัดกิจกรรมทีเ่ น้นกระบวนการคดิ ( คดิ วิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ คิดสร้างสรรค์ )

9. กระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นแสดงความคิดเหน็ อยา่ งเสรี

10. จดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ีเ่ ชอื่ มโยงกับชวี ติ จรงิ โดยนาภูมปิ ญั ญา/บูรณาการเข้ามามสี ว่ นรว่ ม

11. จดั กิจกรรมโดยสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม

12. มีการเสริมแรงเมื่อนักเรยี นปฏบิ ัติ หรือตอบถูกต้อง

13. มอบหมายงานให้เหมาะสมตามศกั ยภาพของผู้เรยี น

14. เอาใจใส่ดแู ลผู้เรยี น อยา่ งท่วั ถึง

15. ใช้เวลาสอนเหมาะสมกับเวลาทก่ี าหนด

ดา้ นสือ่ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้

16. ใช้สื่อทีเ่ หมาะสมกับกิจกรรมและศักยภาพของผู้เรยี น

17. ใชส้ อื่ แหลง่ การเรยี นรูอ้ ย่างหลากหลาย เช่น บุคคล สถานท่ี ของจริง เอกสาร

สอื่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และอนิ เทอร์เน็ต เปน็ ตน้

ด้านการวดั และประเมนิ ผล

18. ผเู้ รยี นมสี ว่ นรว่ มในการกาหนดเกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล

19. ประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลายและครบทงั้ ด้านความรู้ ทกั ษะ และจติ พสิ ัย

20. ครู ผ้เู รียน ผปู้ กครอง หรือ ผ้ทู ่เี ก่ียวขอ้ งมีส่วนรว่ ม ในการประเมิน

หมายเหตุ ระดับการปฏิบัติ 5 = ปฏิบัติดีเยีย่ ม 4 = ปฏบิ ัติดี 3 = ปฏบิ ัติ รวม
พอใช้ ค่าเฉล่ีย

2 = ควรปรบั ปรุง 1 = ไมม่ กี ารปฏิบตั ิ

80

20.2 ปญั หาท่ีพบ และแนวทางแก้ปัญหา

ปญั หาที่พบ แนวทางแก้ปญั หา

ด้านการเตรยี มการสอน

................................................................................. .................................................................................

.... ....

................................................................................. .................................................................................

.... ....

................................................................................. .................................................................................

.... ....

................................................................................. .................................................................................

.... ....

ดา้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ดา้ นส่ือ นวัตกรรม แหล่งการเรียนรู้
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ดา้ นการวัดและประเมินผล
................................................................................. .................................................................................
.... ....

81

................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ด้านอื่นๆ (โปรดระบุเป็นข้อๆ)
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....
................................................................................. .................................................................................
.... ....

ลงช่ือ ........................................................................ ครผู ู้สอน
(....................................................................)

ตาแหน่ง .......................................................................
............../.................................../....................

21. บนั ทกึ การนิเทศและติดตาม

วัน-เดอื น- เวลา รายการนิเทศและตดิ ตาม ช่ือ-สกลุ ผู้นิเทศ ตาแหน่ง

ปี

82

67

แผนการจดั การเรียนรู้ แบบมงุ่ เน้นสมรรถนะอาชพี
และบรู ณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รหัสวชิ า 20000 1102 วชิ า ภาษาไทยเพ่ืออาชีพ
หน่วยท่ี 4 ชือ่ หน่วย การพดู ในงานอาชีพ
ชอ่ื เร่ือง การใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพ จานวน 2 ชั่วโมง

1. สาระสาคญั

การพูดในงานอาชีพมีความสาคัญอย่างย่ิง เพราะทุกอาชีพย่อมต้องใช้ภาษาในการสื่อสารเพ่ือสร้าง
ความเข้าใจ ความไว้วางใจ และประกอบการตดั สินใจ ดังนั้นผู้ที่ต้องการความสาเร็จในงานอาชีพจึงต้องศึกษา
เรียนรกู้ ระบวนการส่ือสารและฝกึ ฝนทักษะการใช้ภาษาอยา่ งมีประสิทธิภาพ ทัง้ การฟัง การดู การพูด การอา่ น
และการเขียน

2. สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้

๑. แสดงความรูเ้ ก่ียวกบั การพูดในงานอาชีพ
๒. ประยุกตก์ ารพูดในงานอาชพี ได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 จดุ ประสงค์ทัว่ ไป
๑. อธิบายความสาคัญของการพดู ในงานอาชีพได้

3.2 จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม
๒. พดู ทางโทรศพั ทไ์ ด้
๓. พดู ติดต่อกิจธรุ ะได้
๔. พูดสาธติ ได้
๕. สมั ภาษณง์ านได้
๖. พดู นาเสนอผลงานได้
๗. พดู เสนอความคดิ เหน็ ในทป่ี ระชมุ ได้
๘. มเี จตคติที่ดีในการเรยี นเรอ่ื งการพดู ในงานอาชพี และรกั ษ์คา่ นิยมหลกั ๑๒ ประการของไทย

4. เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้

4.1 ด้านความรู้
๑. แบ่งกลุ่มผู้เรียน เลือกประธานและกาหนดหน้าท่ีสมาชกิ คนอื่นๆ ให้ปฏบิ ัติงานในกลุ่ม ร่วมกัน
ศึกษาเอกสารหนังสือเรียนเร่ืองความสาคัญและประเภทของการอ่านในงานอาชีพ หลักการอ่านสารในงาน
อาชีพ การอา่ นค่มู อื ในการปฏบิ ตั ิงาน และการอา่ นคู่มือการใชอ้ ปุ กรณห์ รอื รายละเอยี ดของผลติ ภัณฑ์
๒. ตง้ั คาถามใหผ้ เู้ รียนเสนอข้อมูลจากประสบการณ์ทร่ี บั ร้ดู งั ตวั อยา่ งนี้

๒.๑ ความสาคัญและประเภทของการอ่านในงานอาชพี
- ความสาคัญของการอา่ นมอี ะไรบ้าง
- การอ่านสารในงานอาชีพ มอี ะไรบ้าง

68

๒.๒ หลักการอา่ นสารในงานอาชพี
- การอา่ นสารในงานอาชีพโดยทวั่ ไปมหี ลกั สาคัญอยา่ งไร

๒.๓ การอ่านคมู่ อื ในการปฏบิ ัติงาน
- แนวปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั การอา่ นคูม่ ือในการปฏบิ ตั งิ านไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง

๒.๔ การอ่านคมู่ อื การใช้อปุ กรณ์หรือรายละเอียดของผลติ ภณั ฑ์
- แนวปฏบิ ตั เิ กีย่ วกับการอ่านค่มู ือการใชอ้ ปุ กรณห์ รอื รายละเอยี ดของผลิตภณั ฑ์ได้แก่

4.2 ดา้ นทกั ษะหรอื การประยุกต์ใช้
จากการทไ่ี ดศ้ ึกษาเรียนรู้เกย่ี วกบั กระบวนการสอื่ สาร ความสาคัญของภาษาไทยในงานอาชีพ และ
แนวทางเก่ยี วกับการใชภ้ าษาไทยในงานอาชีพ นกั เรยี นสามารถนาทกั ษะจากการเรยี น เชน่ องคป์ ระกอบของผู้
สง่ สารและรบั สาร เพ่ือการสือ่ สารทีม่ ีประสทิ ธภิ าพ และแนวทางการพัฒนาทักษะการใช้ภาษา เช่น การพัฒนา
การอา่ น การฟงั การดุ และการเขยี น เป็นต้น

4.3 ดา้ นคณุ ธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์และบรู ณาการตามหลกั ปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพยี ง

นกั เรยี นเรยี นมคี วามรอบคอบ มีระเบยี บวนิ ยั ในการสือ่ สาร ใชท้ กั ษะแยกองคป์ ระกอบของการสอ่ื สาร
ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพและเกิดประสิทธผิ ล สามารถนาความรทู้ เี่ รยี นไปประกอบใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั บริหาร
เวลาเรยี นและการทางานได้

5. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้

ข้ันตอนการสอนหรือกิจกรรมครู ขัน้ ตอนการเรียนหรอื กิจกรรมของผูเ้ รียน

ขั้นเตรียม(จานวน.10.นาท)ี
1.สครูให้ผู้เรียนศึกษาข้อมูลเก่ียวกับกระบวนการ 1. นกั เรยี นศึกษาจดั เตรยี มขอ้ มลู เก่ียวกบั
การส่ือสาร องค์ประกอบของการสื่อสาร การใช้ กระบวนการสอื่ สาร องคป์ ระกอบของการส่อื สาร
ภาษาเพื่อการสื่อสาร โดยต้องทราบเกี่ยวกับ ตรวจสอบว่าข้อมลู ทีศ่ ึกษาครบสมบูรณต์ อ่ รายวชิ า
ความหมายและหน้าที่ท้ัง 4 องค์ประกอบ ท้ังนี้ จริง
นั ก เ รี ย น ต้ อ ง ศึ ก ษ า เ ก่ี ย ว กั บ แ น ว ท า ง ใ น ก า ร
พัฒนาการใช้ภาษา และจัดเตรียมเน้ือหาให้พร้อม
ต่อการเรียน

ขัน้ การสอน(จานวน 40 นาที)
2. นักเรียนน่ังฟังคาบรรยายพร้อมทั้งแลกเปลี่ยน 2. นกั เรยี นศึกษาเกย่ี วกบั กระบวนการสอ่ื สาร
การเรียนการสอนกับครู อธิบายเน้ือหา พร้อม การใช้ภาษา และแนวทางในการปฏบิ ตั เิ กีย่ วกับ
ยกตัวอย่างสถานการณ์ของ เรื่อง แลกเปลี่ยน การใช้ภาษา
เรียนรู้ระหว่างครุกับนักเรียน ในเรื่องของนักเรียน
สามารถนาทักษะจากการเรียน เช่น องค์ประกอบ
ของผู้ส่งสารและรับสาร เพ่ือการสื่อสารท่ีมี
ประสิทธภิ าพ และแนวทางการพัฒนาทักษะการใช้

69

ภาษา เช่น การพัฒนา การอ่าน การฟัง การดุ และ
การเขยี น เป็นตน้
ขน้ั สรุป (จานวน 10 นาที)
3. อธบิ ายข้อความสาคัญเกย่ี วกับองค์ประกอบ 3.นกั เรยี นบนั ทกึ เนอ้ื หาทค่ี รอุ ธบิ าย และทาความ
ของผู้ ส่งสารและรบั สาร เพ่ือการ เข้าใจ อันจะนาไปทาแบบทดสอบต่อการเรยี นรใู้ น
ส่อื สารทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ และแนวทางการพัฒนา รายวิชาต่อไป
ทกั ษะการใช้ภาษา เชน่ การพฒั นา การอา่ น การ
ฟัง การดุ และการเขียน เปน็ ตน้
ทาแบบทดสอบวดั ความรู้

6. สือ่ การเรยี นการสอน/การเรยี นรู้

6.1 สื่อสิ่งพมิ พ์
1. หนังสอื รายวิชาภาษาไทย วิชา ภาษาไทยเพ่อื อาชพี
2. ใบงานและแบบทดสอบทา้ ยบท

6.2 ส่อื โสตทัศน์
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

6.3 สื่อของจรงิ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

7. แหล่งการเรยี นการสอน/การเรียนรู้

7.1 ภายในสถานศึกษา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

7.2 ภายนอกสถานศึกษา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

70

8. งานทม่ี อบหมาย

8.1 กอ่ นเรยี น
1. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาข้อมูลเกยี่ วกับการฟังและดูสารในงานอาชีพองค์ประกอบการฟังและดูสารในงานอาชีพ
2. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาข้อมลู เก่ยี วกับความสาคัญของภาษาไทยในงานอาชีพ
3. ให้นกั เรียนศกึ ษาขอ้ มูลเกี่ยวกบั แนวทางในการพฒั นาการใช้ภาษาไทยในงานอาชีพ

8.2 ขณะเรียน
1. นกั เรยี นจดบนั ทึก พรอ้ มฟงั คาอธบิ ายเกีย่ วกบั หวั ขอ้ ทค่ี รอู ธบิ าย
2. นกั เรยี นตอ้ งยกตวั อยา่ งสถานการณเ์ กย่ี วกบั หวั ขอ้ ทเ่ี รยี นพรอ้ มทง้ั อธบิ ายแลกเปลย่ี นความรกู้ บั ครผู สู้ อน

8.3 หลังเรียน
1. นกั เรยี นนาความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั รายวชิ าทเ่ี รียน เชน่ การสอ่ื สาร องคป์ ระกอบของการสื่อสาร การใช้
ภาษา แนวทางการพัฒนาแนวทางในการใชภ้ าษา
2. ทาแบบทดสอบทา้ ยบท

9. ผลงาน/ชิ้นงาน ทีเ่ กดิ จากการเรยี นรขู้ องผู้เรียน

1 มีตวั อย่างสถานการณ์ ใหจ้ าแนกสถานการณ์ลงในองคป์ ระกอบของการสอื่ สาร
ครูเลก็ สอนในรายวชิ าภาษาไทย โดยเริ่มสอนจากบทท่ี 1 เรอ่ื งกระบวนการส่อื สาร มีเนอ้ื หาสาระ

เก่ยี วกบั การสอื่ สาร ความหมายของการสอ่ื สาร รูปแบบการสือ่ สาร ความสาคญั ของการใช้ภาษาในการสือ่ สาร
ภายหลงั จากท่ีเรียนนกั เรียนมกี ารแลกเปล่ยี นความรกู้ บั ครผู ุ้สอนเกีย่ วกับเรอ่ื สาระการเรียนรูท้ เ่ี รียน

10. เอกสารอา้ งองิ

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

11. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กบั รายวิชาอน่ื

นาทักษะการเรยี นเกี่ยวกบั รายวชิ าเก่ยี วกบั กระบวนการสือ่ สาร สามารถนาไปใชส้ ่ือสารในรายวิชาอนื่
รวมทงั้ นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั

12. หลกั การประเมนิ ผลการเรยี น

12.1 กอ่ นเรียน
1. สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนในการศกึ ษาและสนใจในการจัดเตรยี มเนอื้ หาและศกึ ษาเนอ้ื หาทมี่ อบหมาย
2. เตรียมอุปกรณ์การเรียนการสอนในรายวิชาภาษาไทย

12.2 ขณะเรียน
1. แบบทดสอบผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน เพ่ือวดั ความร้คู วามเขา้ ใจ.


Click to View FlipBook Version