The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย จัดทําขึ้นโดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเป็นช่องทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของบุคลากรและเครือข่ายที่ทํางานด้านการสร้างเสริมสุขภาพในหลากหลายมิติ โดยเป็นสื่อกลางเพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านสุขภาพกับภาคี องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ALLRIGHTCORP, 2021-11-03 03:17:22

THAI HEALTH PROMOTION JOURNAL วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย จัดทําขึ้นโดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเป็นช่องทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของบุคลากรและเครือข่ายที่ทํางานด้านการสร้างเสริมสุขภาพในหลากหลายมิติ โดยเป็นสื่อกลางเพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านสุขภาพกับภาคี องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีท่ี 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

สารบญั หนา้ ที่ Contents
Page
สารจากผู้บริหาร
สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 1 Message from the CEO of
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์
บทบรรณาธิการ Thai Health Promotion Foundation
วิวัฒน์ โรจนพิทยากร Dr.Supreda Adulyanon
นิพนธ์ตน้ ฉบับ
การขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีความ 2 Editorial
ละเอียดอ่อนต่อมิติเพศภาวะ และความเป็น
ชาติพันธุ์ของผู้หญิงชาติพันธุ์ในพื้นที่เชียงใหม่ Wiwat Rojanapithayakorn
เชียงราย และแม่ฮ่องสอน
รณภูมิ สามัคคีคารมย์ และคณะ Original Article
การประเมินผลตอบแทนทางสังคม
จากการลงทุนตําบลสุขภาวะ 3 Driving Access to Health Services with
ศิวาพร ฟองทอง, วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์
ดัชนีชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง Gender and Ethnicity Sensitivity
พงษ์เทพ สันติกุล for Ethnic Women in Chiang Mai,
Chiang Rai, and Mae Hong Son
รายงานกรณศี กึ ษา Ronnapoom Samakkeekarom, et al.
เมืองสื่อสร้างสรรค์: กรณีศึกษาการพัฒนา
ท้องถิ่นบนฐานทุนชุมชน 15 Assessment of Social Return on
เกศินี ประทุมสุวรรณ, พีรพัฒน์ พันศิริ
กรณีศึกษา “พื้นที่นี้..ดีจัง” นวัตกรรม Investment for Healthy Community
ทางสังคมเพื่อความสุขของเด็กและเยาวชน Siwaporn Fongthong, Worawan Chandoevwit
สุพงศ์ จิตต์เมือง, เยาวเรศ กตัญญูเสริมพงศ์
30 Community-Strength Index
สถานการณ์การสร้างเสริมสุขภาวะ
คนไร้บ้านในประเทศไทยปัจจุบัน Pongthep Suntigul
อนรรฆ พิทักษ์ธานิน, อนุสรณ์ อําพันธ์ศรี
Case Report
บทความพิเศษ
การออกแบบโรงพยาบาลสร้างสุข(ภาวะ) 38 Creative Media City: a Case Study of Local
ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม
สรนาถ สินอุไรพันธ์ Development Based on Community Capital
Kesinee Pratumsuwan, Phiraphath Phansiri

46 Case Report of Djung Creative Space:

Social Innovation for Children and
Youth Happiness
Supong Jitmuang,
Yaowaret Katanyoosermpong

54 Situation of Health Promotion for

the Homeless People in Thailand
Anuk Pitukthanin, Anusorn Amphansri

Special Article

65 Designing (Well-being) Hospital through

the Participatory Design
Soranart Sinuraibhan

วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีที่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

หนา้ ที่

สารบญั Page Contents
พัฒนาการการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
ของประเทศไทย 76 Development of Palliative Care in
ฐากูร กาญจโนภาศ
ศักยภาพของประเทศไทยในการขับเคลื่อน Thailand
วาระด้านสุขภาพในเวทีระดับโลก Thagoon Kanjanopas
วริศา พานิชเกรียงไกร และคณะ
ศนู ย์วชิ าการเพอ่ื ความปลอดภยั ทางถนน 90 Thailand’s Capacity in Driving Health
ในทศวรรษที่ 2 แห่งความปลอดภัยทางถนน
ธนะพงศ์ จินวงษ์ และคณะ Agenda at Global Level
Warisa Panichkriangkrai, et al.
บทบาทศูนย์วิจัยปัญหาสรุ ากบั นโยบาย
แอลกอฮอล์ในประเทศไทย 100 Road Safety Academic Center’s Roadmap
อดุ มศกั ด์ิ แซโ่ งว้ และคณะ
การบรู ณาการการรเู้ ทา่ ทันสอื่ สารสนเทศ for the Second Decade of Action for
และดจิ ิทลั ในหลกั สตู รระดับอุดมศึกษา Road Safety
เพอ่ื สร้างความเป็นพลเมอื งดจิ ิทลั แก่เยาวชน Thanapong Jinvong, et al.
ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ประเทศไทย
อังคณา พรมรักษา 110 Roles of the Center for Alcohol Studies

แนะนำ�บรรณาธิการวารสาร on Alcohol Policy in Thailand
การสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย: Udomsak Saengow, et al.
นายแพทยว์ วิ ัฒน์ โรจนพิทยากร
121 Integration of Media Information Digital

Literacy into the Higher Education
Curriculum to Develop Digital Citizenship
of Youth in the Northeastern Region of
Thailand
Angkana Promruksa

126

วารสารการสรา้ งเสริมสุขภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ี่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย จัดทําข้ึนโดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพ่ือเป็น
ช่องทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของบุคลากรและเครือข่ายท่ีทํางานด้านการสร้างเสริมสุขภาพในหลากหลายมิติ
โดยเป็นสือ่ กลางเพอื่ เชอ่ื มโยงองค์ความรู้ดา้ นสุขภาพกับภาคี องคก์ ร และหนว่ ยงานที่เก่ยี วขอ้ ง

วัตถุประสงค์
1. เพ่อื เสรมิ สร้างความเข้มแขง็ เชงิ วชิ าการดา้ นการสรา้ งเสริมสุขภาพของไทย
2. เพือ่ ยกระดบั และเผยแพรบ่ ทความข้อมูลวชิ าการทางสุขภาพในมติ ิท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ
3. เพ่อื เปน็ แหลง่ รวบรวมผลงานทางวิชาการของบคุ ลากรและเครอื ขา่ ยท่ที ํางานด้านสร้างเสรมิ สุขภาพในหลากหลายมติ ิ
4. เพ่ือจดั ใหม้ วี ารสารวิชาการดา้ นสรา้ งเสริมสขุ ภาพ โดยมุง่ พฒั นาสู่มาตรฐานวารสารวิชาการระดับสากล

รูปแบบของวารสาร
1. รปู ลกั ษณะวารสารวชิ าการทัว่ ไป แตส่ อดแทรกรูปภาพบ้างในส่วนทีไ่ ม่ใช้เนือ้ หาวิชาการโดยตรง
2. จัดทําปีละ 4 ฉบับเป็นราย 3 เดือน โดยมีกําหนดออก คือ ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน

ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน และฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม ของทุกปี
3. มขี นาดเลม่ 21.0 x 29.7 ชม. ความหนา 120 หนา้ โดยเผยแพรใ่ นรปู แบบวารสารรปู เลม่ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-journal)

วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทยเปดิ รบั บทความจากนกั วชิ าการสาขาตา่ งๆ ในทกุ เนอ้ื หาทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การสรา้ งเสรมิ -
สุขภาพ ทั้งนี้การเตรียมต้นฉบับจะเป็นไปตามคําแนะนําสําหรับผู้นิพนธ์ และต้นฉบับที่ต้องการเผยแพร่ต้องไม่เคยพิมพ์
เผยแพร่มากอ่ น

ตน้ ฉบบั ทส่ี าํ นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไดร้ บั จะผา่ นกระบวนการคดั กรองและสง่ ไปยงั reviewers
อย่างนอ้ ย 2 คน เพอื่ ประเมินคณุ ภาพและให้คาํ แนะนาํ ต่อบรรณาธกิ าร ซึง่ จะรวบรวมข้อคิดเหน็ ข้อเสนอแนะและประสาน
กับเจ้าของบทความ เพื่อแจ้งผลการพิจารณา หากเห็นสมควรก็จะดําเนินการปรับแก้ให้สมบูรณ์เพื่อนําไปพิมพ์เผยแพร่
ตอ่ ไป

ผู้สนใจสามารถศกึ ษารปู แบบบทความและแนวทางการสง่ บทความไดท้ ี่ สาํ นกั งานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสรมิ -
สุขภาพ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เลขที่ 99/8 ซอยงามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
โทรศพั ท์ 02-343-1500 โทรสาร 02-343-1501 อเี มล [email protected] เวบ็ ไซต์ www.thaihealth.or.th/THPJournal

ความคิดเห็น ข้อมูล และบทสรุปต่างๆ ที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย เป็นของผู้เขียนบทความ
และมไิ ด้แสดงวา่ สํานกั งานกองทนุ สนับสนุนการสรา้ งเสริมสุขภาพ และคณะผูจ้ ัดทาํ เหน็ พ้องด้วย
Unless otherwise stated, the views and opinions expressed in Thai Health Promotion Journal
are those of authors of the papers, and do not represent those of Thai Health Promotion
Foundation and the management team.

วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีที่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

คณะกรรมการ
วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ

คณะกรรมการที่ปรึกษา

ศ. นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ อนุกรรมการที่ปรึกษากองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
รศ. นพ.สรนิต ศิลธรรม กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ศ. นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม อนุกรรมการที่ปรึกษากองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

บรรณาธิการ

บรรณาธิการ
นพ.วิวัฒน์ โรจนพิทยากร
รองบรรณาธิการ
ศ. ดร.ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล

กองบรรณาธิการ

ดร.ณฐั พันธ์ุ ศภุ กา ผอ.สํานกั พฒั นาภาคสี ัมพนั ธแ์ ละวเิ ทศสัมพนั ธ์ และรักษาการ ผอ.สาํ นกั วชิ าการและนวตั กรรม สสส.
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
นายประยงค์ โพธิ์ศรีประเสริฐ ประธานสาขาวิชาทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันอาศรมศิลป์
นพ. ดร.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส.
นพ. ดร.ระพีพงศ์ สุพรรณไชยมาตย์ นักวิจัยสํานักงานพัฒนาสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข
ผศ. ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย คณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและจัดการความความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)
ศ. พญ. ดร.สาวิตรี อัษณางค์กรชัย ผอ.ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.)

ฝ่ายบริหารจัดการ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นายรังสรร มั่นคง ผู้เชี่ยวชาญวิเทศสัมพันธ์
นางสาวนลินี เรืองฤทธิศักดิ์ นักวิชาการสนับสนุนงานนวัตกรรมชํานาญการ

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ี่ 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

คำ�แนะน�ำ สำ�หรบั ผ้นู พิ นธ์

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทยจัดท�ำโดยส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเผยแพร่บทความ
ข้อมูลวิชาการทางสขุ ภาพในมิติท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการสร้างเสริมสขุ ภาพ โดยรับบทความทางวิชาการท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

1. ประเภทบทความ
วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย เปดิ รบั บทความประเภทตา่ งๆ ดังนี้

• นิพนธ์ต้นฉบับ (Original Article)
เป็นรายงานผลการค้นคว้าวิจัยของผู้เขียน ซึ่งไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารอ่ืน เป็นบทความที่ให้ความรู้ใหม่ สิ่งตรวจพบใหม่ หรือเร่ืองท่ี
น่าสนใจท่ีผ้อู ่านนำ� ไปประยกุ ตไ์ ด้ รูปแบบของบทความมเี น้ือหาตามลำ� ดบั ดังน้ี ชอ่ื บทความ ช่อื ผนู้ ิพนธ์ ชอ่ื หนว่ ยงาน บทคัดยอ่ คำ� ส�ำคญั
บทนำ� (และวัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย) วธิ ีการศึกษา ผลการศกึ ษา วจิ ารณ์ กติ ติกรรมประกาศ และเอกสารอา้ งอิง ความยาวของบทความ
ไมค่ วรเกนิ 10 หนา้ พิมพ์ ทั้งน้ี ในสว่ นของชือ่ บทความ ชอ่ื ผนู้ ิพนธ์ ชื่อหนว่ ยงาน บทคัดยอ่ คำ� สำ� คญั ให้มีทง้ั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ
• บทความฟนื้ วิชา (Review Article)
ควรเป็นบทความท่ีรวบรวมความรู้เรื่องใดเรื่องหน่ึงจากวารสารหรือหนังสือต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ โดยเป็นเรื่องที่ค้นพบใหม่หรือ
น่าสนใจ รูปแบบของบทความ ประกอบด้วย ชื่อบทความ ชื่อผู้นิพนธ์ ช่ือหน่วยงาน บทคัดย่อ ค�ำส�ำคัญ บทน�ำ (และวัตถุประสงค์ของ
บทความ) ความรู้หรอื ข้อมูลท่ีทันสมัยเก่ยี วกบั เร่ืองทน่ี ำ� มาเขยี น วจิ ารณ์หรือวเิ คราะห์ (รวมบทสรุป) เอกสารอ้างอิง ความยาวของเรื่อง
ไม่ควรเกนิ 10 หน้าพิมพ์ ทงั้ นี้ ในสว่ นของชือ่ บทความ ชอ่ื ผู้นิพนธ์ ชอ่ื หนว่ ยงาน บทคัดยอ่ คำ� ส�ำคัญ ให้มที ้ังภาษาไทยและภาษาองั กฤษ
• บทความพเิ ศษ (Special Article หรือ Commentary)
เป็นบทความแสดงข้อคิดเห็นเก่ียวกับเรื่องใดเรื่องหน่ึงท่ีอยู่ในความสนใจเป็นพิเศษหรือเป็นบทความเกี่ยวกับงานหรือนโยบายด้านการ
สร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งอาจรวมข้อคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญและบทวิจารณ์ที่เกี่ยวข้อง บทความเสนอความรู้ท่ัวไป รูปแบบของบทความ
ประกอบด้วย ชื่อบทความ ชอื่ ผนู้ ิพนธ์ ชอ่ื หนว่ ยงาน บทคดั ยอ่ คำ� สำ� คญั บทนำ� (และวัตถปุ ระสงค์ของบทความ) ประเด็นรายละเอยี ดของ
เรื่องทีน่ ำ� มาเขยี น วจิ ารณห์ รือวิเคราะห์ (รวมบทสรุป) เอกสารอา้ งอิง ทง้ั นี้ ในส่วนของช่ือบทความ ชอื่ ผนู้ พิ นธ์ ช่อื หน่วยงาน บทคดั ยอ่
ค�ำสำ� คญั ให้มีท้งั ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ความยาวของเรอ่ื งไม่ควรเกนิ 10 หน้าพมิ พ์
• กรณีศึกษา (Case Report)
เป็นรายงานกรณีศึกษาด้านสุขภาพในด้านต่างๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยรายงานมาก่อน เป็นกรณีตัวอย่าง หรือกรณีที่น่าสนใจ
รูปแบบของบทความ ประกอบด้วย ชื่อบทความ ช่ือผู้นิพนธ์ ชื่อหน่วยงานบทคัดย่อ ค�ำส�ำคัญ บทน�ำ (และวัตถุประสงค์ของบทความ)
ประเด็นรายละเอียดของกรณีศึกษาที่น�ำมาเขียน วิจารณ์หรือวิเคราะห์ (รวมบทสรุป) เอกสารอ้างอิง ท้ังนี้ ในส่วนของช่ือบทความ
ช่อื ผนู้ ิพนธ์ ชือ่ หนว่ ยงาน บทคัดย่อ ค�ำสำ� คญั ให้มีทงั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ความยาวของเร่อื งไมค่ วรเกิน 10 หน้าพมิ พ์
• ปกณิ กะ (Miscellaneous)
เป็นบทความสั้น ที่เกี่ยวข้องกับด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (ท้ังด้านพฤติกรรมและส่ิงแวดล้อม) ที่เป็นประโยชน์หรือบทความที่ส่งเสริม
ความเขา้ ใจอนั ดแี กผ่ ปู้ ฏบิ ตั งิ านในวงการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ รปู แบบของบทความ ประกอบดว้ ย ชอ่ื บทความ ชอ่ื ผนู้ พิ นธ์ ชอื่ หนว่ ยงาน
ประเดน็ รายละเอยี ดท่ีนำ� มาเขียน และเอกสารอ้างองิ ทงั้ น้ี ในส่วนของชอื่ บทความ ชื่อผ้นู ิพนธ์ ช่ือหน่วยงาน บทคดั ย่อ ค�ำส�ำคัญ ให้มีท้ัง
ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ความยาวของเรอ่ื งไม่เกนิ 3 หน้าพิมพ์
• จดหมายถงึ บรรณาธิการ (Letter to the editor หรอื Correspondence)
เป็นจดหมายท่ีเขียนวิจารณ์เก่ียวข้องกับบทความที่ได้ลงตีพิมพ์ไปแล้ว หรือแสดงผลงานทางวิชาการที่ต้องการเผยแพร่อย่างย่อๆ
ความยาวไมเ่ กิน 2 หน้ากระดาษพมิ พ์ และมีเอกสารอา้ งอิงประกอบ

2. การเตรยี มตน้ ฉบบั
ค�ำแนะน�ำต่อไปนี้ ใช้ส�ำหรับการเตรียมบทความทางวิชาการท่ีเป็นนิพนธ์ต้นฉบับ แต่หลายหัวข้อก็ใช้ส�ำหรับ บทความประเภทอื่นๆ

ดว้ ยเชน่ กนั ผู้สนใจสามารถศึกษารูปแบบจากบทความแตล่ ะประเภทในวารสารฉบบั ทพ่ี ิมพเ์ ผยแพร่ไปแลว้
• ชือ่ เรอ่ื ง
ควรสนั้ กะทดั รดั และสอ่ื ถงึ เปา้ หมายหลกั ของการศกึ ษา ไมใ่ ชค้ ำ� ยอ่ ความยาวไมเ่ กนิ 100 ตวั อกั ษร ควรตอ้ งมภี าษาไทยและภาษาองั กฤษ
• ชอ่ื ผู้นิพนธ์
ชอ่ื ผนู้ พิ นธใ์ หม้ ที ง้ั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ไมร่ ะบตุ ำ� แหนง่ หนา้ ทกี่ ารงานหรอื ตำ� แหนง่ ทางวชิ าการ ไมใ่ ชค้ ำ� ยอ่ ระบหุ นว่ ยงานหรอื สถานท่ี

วารสารการสรา้ งเสริมสุขภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

ผู้นพิ นธท์ �ำงาน ระบุชอ่ื ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพทส์ ำ� นักงาน และโทรศัพทม์ อื ถอื รวมทงั้ e-mail ของผู้นิพนธ์ทีใ่ ชต้ ดิ ตอ่ (Corresponding

author) ผ้นู ิพนธ์ทีม่ ที ที่ ำ� งานหลายแห่งกใ็ หร้ ะบทุ ที่ ำ� งานหลกั เพยี งแห่งเดยี ว
• บทคดั ยอ่ (Abstract)
เป็นเนื้อความย่อตามล�ำดับโครงการสร้างของบทความโดยมีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยสรุปให้ส้ันกะทัดรัด หรือไม่เกิน 300-

350 ค�ำ ใช้ภาษารัดกุมเป็นประโยคสมบูรณ์ มีความหมายในตัวเองไม่ต้องหาความหมายต่อ ไม่ควรมีค�ำย่อ รูปแบบของบทคัดย่อเป็น

แบบย่อหนา้ เดยี ว
• ค�ำส�ำคัญ หรือคำ� หลัก (Keywords)
ใส่ไว้ท้ายบทคัดยอ่ มที ้ังภาษาไทยและองั กฤษ ไม่ควรตำ่� กวา่ 3 ค�ำ แตล่ ะค�ำค่ันด้วยเครื่องหมายอัฒภาค (semicolon “;”) อาจเปน็ หวั ขอ้

เรื่องหรือประเด็นส�ำหรับช่วยในการค้นหาบทความ โดยอาจใช้ Medical Subject Headings (MeSH) terms ของ U.S National

Library of Medicine เป็นแนวทางการให้คำ� ส�ำคญั หรอื ค�ำหลัก คำ� สำ� คัญภาษาอังกฤษทุกค�ำเปน็ อักษรตัวเลก็ ยกเวน้ เป็นค�ำนามเฉพาะ
• บทนำ� (Introduction)
เปน็ ส่วนหน่ึงของบทความท่บี อกเหตุผล นำ� ไปส่กู ารศกึ ษา เป็นสว่ นทอี่ ธบิ ายใหร้ ู้ปัญหา ลักษณะ และขนาด เป็นการนำ� ไปสูค่ วามจำ� เป็น

ในการศึกษาวิจัยให้ได้ผลเพื่อแก้ปัญหาหรือตอบค�ำถามท่ีตั้งไว้ หากมีทฤษฎีที่จ�ำเป็นต้องใช้ในการศึกษา อาจวางพื้นฐานไว้ในส่วนน้ีได้

แต่ไม่ต้องทบทวนวรรณกรรมที่ไม่เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของการศึกษา และให้รวมวัตถุประสงค์ของการศึกษาอยู่ในย่อหน้าสุดท้ายหรือ

เป็นย่อหน้าสดุ ทา้ ยของบทน�ำ
• วธิ ีการศกึ ษา (Methods)
ประกอบด้วยเนือ้ หาตา่ งๆ คือ (1) รปู แบบแผนการศึกษา (study design, protocol) เช่น randomized double blind, descriptive

หรอื quasi-experiment (2) กลุ่มตัวอย่าง ขนาดตวั อยา่ ง วิธีการส่มุ ตวั อย่าง เช่น การสุ่มตวั อย่างแบบง่าย แบบหลายขั้นตอน (3) วธิ ี

หรือมาตรการทศ่ี กึ ษา (interventions) เช่น กระบวนการศกึ ษา การดำ� เนินงาน แนวทางและวธิ ีการ ถ้าเปน็ มาตรการที่รจู้ กั ทวั่ ไป ใหร้ ะบุ

ชอื่ ของมาตรการพร้อมระบุเอกสารอ้างองิ ถา้ เปน็ วิธีใหมอ่ ธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจแลว้ น�ำไปใช้ตอ่ ได้ (4) ระบวุ ิธกี ารหรือเครอ่ื งมือในการเก็บ

ข้อมูล เช่น การใชแ้ บบสำ� รวจ การใช้แบบสัมภาษณ์ การประชุมกลุ่ม หรอื ใชแ้ บบสอบถาม การทดสอบความเชอ่ื ถือ (5) วธิ กี ารวิเคราะห์

ข้อมูล และสถิติที่ใช้ และ (6) การได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัย ทั้งนี้ หากกระบวนการวิจัยมีการ

ก�ำหนดนิยามเฉพาะสำ� หรบั การวิจัยน้นั ๆ ก็ระบุค�ำนยิ ามทีใ่ ชด้ ้วยก็ได้
• ผลการศึกษา (Results)
แสดงผลทพี่ บตามลำ� ดบั หวั ขอ้ ของแผนการศกึ ษาอยา่ งชดั เจน ดงู า่ ย ถา้ ผลไมซ่ บั ซอ้ นไมม่ ตี วั เลขมาก แตถ่ า้ ตวั เลขมาก ตวั แปรมาก ควรใช้

ตารางหรือแผนภมู โิ ดยไม่ต้องอธิบายตัวเลขในตารางซ้�ำในเน้อื เร่อื ง ยกเว้นขอ้ มลู ส�ำคญั ๆ แปลความหมายของผลท่ีคน้ พบ
• วจิ ารณ์ (Discussion)
แสดงบทวจิ ารณ์ ผลการศึกษาว่าเกิดความรใู้ หม่ในประเดน็ ใด สิ่งทค่ี น้ พบตรงกับวัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั หรอื แตกตา่ งไปจากผลงานที่

มีผู้รายงานไว้ก่อนหรือไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด วิจารณ์ผลการศึกษาอย่างไม่ปิดบัง อาจแสดงความเห็นเบ้ืองต้นตามประสบการณ์หรือ

ข้อมูลที่มีเพ่ืออธิบายส่วนท่ีโดดเด่นแตกต่างเป็นพิเศษหรือข้อจ�ำกัดของการวิจัยได้ ควรมีข้อสรุปว่า ผลท่ีได้ตรงกับวัตถุประสงค์การวิจัย

หรือไม่ และให้ขอ้ เสนอแนะท่ีน�ำผลการวจิ ัยไปใชป้ ระโยชน์หรอื ใหป้ ระเด็นค�ำถามที่ควรมกี ารวิจยั ต่อไป
• ตารางและภาพ
บทความเรือ่ งหนงึ่ ๆ ไมค่ วรมีตารางหรือภาพมากเกินไป จ�ำนวนทเ่ี หมาะสมคอื 1–5 ตารางหรือภาพ โดยมลี �ำดบั ที่และช่อื ของตารางหรือ

ภาพอยดู่ า้ นบน ภาพทใี่ ชค้ วรเปน็ ภาพทม่ี คี วามชดั เจนสงู อาจเปน็ ไดอะแกรม ภาพวาด ภาพถา่ ย หรอื กราฟทท่ี ำ� จากโปรแกรมคอมพวิ เตอร์

แมจ้ ะใสภ่ าพในบทความแลว้ กค็ วรสง่ แยกเปน็ ไฟลต์ า่ งหากรว่ มดว้ ย ภาพทใี่ ชท้ กุ ภาพตอ้ งไมแ่ สดงใบหนา้ ของบคุ คล และปลอดจากการมี

ลขิ สทิ ธ์ิทีไ่ มใ่ ชเ่ ป็นของผู้เขยี น ทัง้ น้ี แต่ละตารางหรือภาพทใ่ี ชจ้ ะต้องมกี ารอ้างถงึ ในเนอื้ เรอ่ื ง
• กติ ติกรรมประกาศ (Acknowledgement)
ในกรณีที่ต้องการระบุค�ำขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลือ ให้จัดท�ำเป็นย่อหน้าเดียว แจ้งให้ทราบว่ามีการช่วยเหลือที่ส�ำคัญจากผู้ใด เช่น

ผ้บู รหิ าร ผู้ชว่ ยเหลอื ทางเทคนคิ บางอยา่ ง และสนับสนุนทุนการวจิ ัยเท่าทจี่ �ำเป็น
• เอกสารอ้างอิง (References)
เป็นการรวบรวมรายชื่อเอกสารที่ใช้อ้างอิงข้อความในเนื้อเร่ือง โดยการอ้างอิงจะใช้เป็นตัวเลขในวงเล็บวางบนไหล่บรรทัดท้ายประโยคท่ี

ถูกอ้าง ในการเขียนเอกสารอ้างอิง ให้ใช้ระบบ Vancouver เรียงล�ำดับก่อนหลังตามที่ปรากฏในเนื้อเร่ือง ส่วนรายชื่อของเอกสารท่ีใช้

อา้ งอิงน้นั จะนำ� มาเรียงในส่วนของเอกสารอ้างองิ ท้ายเรื่อง ท้ังนีต้ วั เลขทก่ี �ำกบั ในเนื้อเร่อื งจะตอ้ งสอดคล้องกับล�ำดับที่ในรายการอ้างองิ

ท้ายบทความ

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีที่ 1 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

3. แนวทางการเขยี นเอกสารอา้ งอิง
การเขยี นเอกสารอา้ งองิ ในวารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทยปรบั ปรงุ จากระบบแวนคเู วอร์(Vancouversystem)มหี ลกั เกณฑก์ ารเขยี น

ดังนี้

A. การอ้างองิ บทความจากวารสาร
• รปู แบบพืน้ ฐาน
ลำ� ดับท่ีอา้ งอิง. ชอ่ื ผ้แู ตง่ . ช่ือบทความ. ชื่อวารสาร ปี พิมพ์; ปีท่ี (Volume) วารสาร: หนา้ แรก-หน้าสดุ ท้าย. ตวั อย่าง เชน่
1. Lohan M. How might we understand men’s health better? Integrating explanations from critical studies on men
and inequalities in health. Soc Sci Med 2007;65:493–504.
2. สถาพร เปาอินทร์. ปัจจยั เสย่ี งตอ่ อาการเสยี ชีวติ ของผปู้ ่วยสูงอายุ ใน 2 ปี แรกหลักผ่าตดั กระดูกต้นขาหักบริเวณสว่ นคอทั้งในกลุม่ ท่ี
ใชซ้ เี มนตแ์ ละกล่มุ ทไ่ี มใ่ ชซ้ ีเมนต.์ วารสารวิชาการสาธารณสุข 2554;20:548-55.
โปรดสังเกตเครือ่ งหมายวรรคตอนทีใ่ ช้ เพราะเอกสารอ้างองิ ทกุ รายการจะใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนเป็นแบบมาตรฐานเดยี วกัน
• ค�ำอธิบายขอ้ มลู ในรปู แบบพื้นฐาน
1. ชื่อผแู้ ต่ง อาจจะหมายถงึ ผู้เขยี น ผแู้ ปล ผูร้ วบรวม บรรณาธิการ หรือหนว่ ยงาน

- ผแู้ ต่งทีเ่ ป็นชาวต่างประเทศให้เขยี นช่อื สกุลข้ึนก่อนตามดว้ ยอกั ษรยอ่ ของชอื่ ตน้ และชอ่ื กลางโดยไม่ตอ้ งมเี คร่ืองหมายใดๆ คั่น
- ชือ่ ผูแ้ ต่งเปน็ คนไทย ใหเ้ ขยี นแบบภาษาไทย โดยการเขยี นชอ่ื และนามสกุลเป็นคำ� เต็ม แตถ่ า้ เป็นบทความภาษาอังกฤษ กใ็ ชแ้ บบเดยี ว
กบั เอกสารที่ผแู้ ต่งเป็นชาวต่างประเทศ
- ถ้าผู้แต่งมีหลายคนแต่ไม่เกิน 6 คน ให้ใส่ชื่อทุกคน โดยใช้เคร่ืองหมายจุลภาค (comma – “,”) ค่ันระหว่างแต่ละคน และหลังช่ือ
สุดท้ายใช้เคร่อื งหมายมหัพภาค (full stop หรอื dot – “.”) กรณีผ้แู ต่งเกิน 6 คน ให้ใส่ชอ่ื ผแู้ ต่ง 6 คนแรก ค่ันด้วยเคร่อื งหมายจุลภาค
(comma- “,”) และตามดว้ ย et al. สำ� หรับบทความภาษาองั กฤษ หรือ “และคณะ” สำ� หรับบทความภาษาไทย
2. ชอ่ื บทความ
- บทความเปน็ ภาษาองั กฤษ ชือ่ บทความใชอ้ กั ษรตัวใหญเ่ ฉพาะตวั แรก นอกจากน้ันใชอ้ ักษรตัวเล็กท้ังหมด ยกเวน้ คำ� นามเฉพาะ เช่น
ช่อื คน ชอ่ื หนว่ ยงาน หรือชอ่ื สถานที่ เมอื่ จบชื่อบทความใหใ้ ชเ้ ครือ่ งหมายมหพั ภาค (full stop - “.”)
- บทความภาษาไทย ให้เขียนแบบคำ� ไทย
3. ช่ือวารสารทน่ี ำ� มาอ้างอิง
- ใช้ช่ือย่อตามมาตรฐานสากลท่ีก�ำหนดไว้ใน Index Medicus โดยตรวจสอบได้จาก Journals in NCBI Databases จัดท�ำโดย
National Library of Medicine (NLM) ซ่ึงค�ำย่อเหล่านี้ได้ยึดตามกฎการเขียนค�ำย่อของ American National Standard for
Information Sciences-Abbreviation of Titles of Publications. แตถ่ า้ ไม่ทราบ กใ็ ช้ชอ่ื เตม็ ของวารสาร
- สำ� หรบั วารสารภาษาไทยยงั ไมม่ ีชือ่ ยอ่ อยา่ งเป็นทางการ ให้ใช้ชื่อเต็มท่ปี รากฏทหี่ น้าปก เช่น วารสารวชิ าการสาธารณสขุ พุทธชนิ ราช
เวชสาร จดหมายเหตทุ างการแพทย์ จุฬาลงกรณเ์ วชสาร เชยี งใหมเ่ วชสาร สารศริ ิราช ฯลฯ
4. ใช้ปี พ.ศ. ส�ำหรับวารสารภาษาไทย หรือ ค.ศ. ส�ำหรับวารสารภาษาองั กฤษ และปีทพ่ี ิมพ์ หรือ volume และฉบบั ท่ี (number/issue)
ไม่ต้องใส่เดือนหรือวนั ทพี่ มิ พ์
5. เลขหน้า (Page) ใหใ้ สเ่ ลขหนา้ แรก-หน้าสดุ ท้าย โดยใช้ตัวเลขเตม็ สำ� หรับหน้าแรก และตัวเลขซ้ำ� ออกส�ำหรบั เลขหน้าสดุ ท้าย เชน่
หน้า 10-18 ใช้ 10-8.
หน้า S104-S111 ใช้ S104-11.
หนา้ 198-201 ใช้ 198-201.
หน้า 104S-111S ใช้ 104S-11S.

B. การอา้ งองิ เอกสารทีเ่ ปน็ หนงั สือหรอื ต�ำราแบง่ เป็น 2 ลกั ษณะ
1) การอ้างอิงทง้ั หมด
รูปแบบพืน้ ฐาน: ลำ� ดับทอ่ี า้ งอิง. ช่ือผแู้ ต่ง. ช่ือหนงั สือ. ครงั้ ทพ่ี ิมพ์ (edition). เมืองทพี่ มิ พ:์ สำ� นกั พิมพ์; ปีท่พี มิ พ์. ตัวอยา่ งเชน่
1. World Health Organization. Policy approaches to engaging men and boys in achieving gender equality and health
equity. Geneva: World Health Organization; 2010.
2. รังสรรค์ ปญั ญาธัญญะ. โรคตดิ เชอ้ื ของระบบประสาทกลางในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: เรือนแกว้ การพมิ พ์; 2536.
โปรดสงั เกตเครือ่ งหมายวรรคตอนท่ีใช้ เพราะเอกสารอ้างอิงทุกรายการจะใช้เครื่องหมายวรรคตอนเปน็ แบบมาตรฐานเดยี วกัน

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ่ี 1 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

• ค�ำอธบิ ายขอ้ มูลในรปู แบบพนื้ ฐาน
1. ชอื่ ผแู้ ตง่ อาจจะเป็นบคุ คล หนว่ ยงาน บรรณาธกิ าร (editor) หรือคณะบรรณาธิการ (editors) ให้ใชข้ ้อก�ำหนดเดียวกนั กบั ช่อื ผแู้ ต่ง
ในการอา้ งองิ บทความจากวารสาร
2. ชอื่ หนงั สอื ใหใ้ ช้ตัวอกั ษรตวั ใหญเ่ ฉพาะอกั ษรตวั แรกของชื่อหนงั สือ
3. คร้ังที่พิมพ์ (Edition) ถา้ เป็นการพมิ พค์ รั้งที่ 1 ไม่ตอ้ งใส่ส่วนนี้
4. เมืองทพ่ี มิ พ์หรือสถานทพ่ี ิมพ์ (Place of publication) ใหใ้ ส่ชื่อเมอื งทีส่ ำ� นกั พมิ พ์ต้ังอยู่ ถา้ มหี ลายเมืองให้ใช้เมืองแรก ถา้ เมืองไม่เปน็
ทรี่ จู้ กั ใหใ้ สช่ อ่ื ยอ่ ของรฐั หรอื ประเทศ ถา้ หากไมป่ รากฏเมอื งทพี่ มิ พใ์ หใ้ ชค้ ำ� วา่ n.p. ซง่ึ ยอ่ มาจาก no place of publication และภาษาไทย
ใช้ ค�ำวา่ ม.ป.ท. ยอ่ มาจากค�ำวา่ ไม่ปรากฏสถานทพี่ ิมพ์
5. สำ� นักพมิ พ์ ใหใ้ ส่เฉพาะชื่อส�ำนกั พิมพต์ ามทีป่ รากฏในหนังสอื แลว้ ตามด้วยเครอื่ งหมายอัฒภาค (semicolon - ;)
6. ปพี มิ พ์ (Year) ใหใ้ สเ่ ฉพาะตวั เลข ปี พ.ศ. ถา้ เปน็ หนงั สอื ภาษาไทย หรอื ค.ศ. ถา้ เปน็ หนงั สอื ภาษาตา่ งประเทศ แลว้ จบดว้ ยเครอ่ื งหมาย
มหัพภาพ หรอื full stop (.)
2) การอ้างอิงบทหนงั สือทม่ี ีผูเ้ ขยี นเฉพาะบท
รูปแบบพื้นฐาน: ล�ำดับท่ีอ้างอิง. ช่ือผู้เขียน. ชื่อบท. ใน หรือ In: ช่ือบรรณาธิการ/editor(s). ช่ือหนังสือ. คร้ังที่พิมพ์. เมืองท่ีพิมพ์:
สำ� นักพมิ พ์; ปีพิมพ์. หน้า/P. หนา้ แรก-หน้าสดุ ทา้ ย. ตวั อยา่ ง เช่น
1. Smith J, Richardson N, Robertson S. Applying a gender lens to public health discourses on men’s health. In: J
Gideon, editor. Handbook on gender and health. Cheltenham: Edward Elgar Publishers; 2016. p. 117–33.
2. เกรยี งศกั ด์ิ จรี ะแพทย.์ การใหส้ ารนำ�้ และเกลอื แร.่ ใน: มนตรี ตจู้ นิ ดา, วนิ ยั สวุ ตั ถ,ี อรณุ วงษจ์ ริ าษฎร,์ ประอร ชวลติ ธำ� รง, พภิ พ จริ ภญิ โญ,
บรรณาธกิ าร. กุมารเวชศาสตร.์ พิมพ์คร้งั ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร: เรือนแกว้ การพิมพ;์ 2540. หนา้ 424-78.
โปรดสงั เกตเครื่องหมายวรรคตอนทใี่ ช้ เพราะเอกสารอ้างองิ ทุกรายการจะใชเ้ ครอื่ งหมายวรรคตอนเปน็ แบบมาตรฐานเดียวกนั

C. เอกสารอา้ งองิ ทีเ่ ป็นหนังสือประกอบการ ประชมุ /รายงานการประชุม (Conference proceeding)
• รปู แบบพ้นื ฐาน
ลำ� ดบั ทอี่ า้ งองิ . ชอ่ื หนว่ ยงานจัดประชมุ หรอื ช่อื บรรณาธิการ. ชอ่ื เรอื่ ง. ชื่อการประชมุ ; วนั เดอื น ปที ีป่ ระชมุ ; สถานทีจ่ ดั ประชมุ . เมอื งที่
พมิ พ:์ ส�ำนักพิมพ;์ ปีพมิ พ์. ตัวอย่าง เชน่
1. Kimura J, Shibasaki H, editors. Recent advances in clinical neurophysiology. Proceedings of the 10th International
Congress of EMG and Clinical Neurophysiology; 1995 Oct 15-19; Kyoto, Japan. Amsterdam: Elsevier; 1996.
โปรดสังเกตเครอ่ื งหมายวรรคตอนที่ใช้ เพราะเอกสารอ้างอิงทุกรายการจะใช้เคร่ืองหมายวรรคตอนเป็นแบบมาตรฐานเดียวกนั

D. การอา้ งอิงบทความท่นี ำ� เสนอในการประชุม หรือสรปุ ผลการประชุม (Conference paper)
• รูปแบบพน้ื ฐาน
ล�ำดับท่ีอ้างอิง. ช่ือผู้เขียน. ช่ือเรื่อง. ใน/In: ช่ือ บรรณาธิการ, บรรณาธิการ/editor. ช่ือการประชุม; วัน เดือนปีที่ประชุม; สถานที่จัด
ประชุม, เมอื งทป่ี ระชมุ . เมือง ทพ่ี ิมพ:์ ปที ี่พมิ พ.์ หน้า/p. หนา้ แรก-หนา้ สุดทา้ ย. ตวั อยา่ ง เช่น
1. Bengtsson S, Solheim BG. Enforcement of data protection, privacy and security in medical informatics. In: Lun
KC, Degoulet P, Piemme TE, Rienhoff O, editors. MEDINFO 92. Proceedings of the 7th World Congress on Medical
Informatics; 1992 Sep 6-10; Geneva, Switzerland. Amsterdam: North-Holland; 1992. p. 1561-5.
โปรดสังเกตเคร่ืองหมายวรรคตอนทใ่ี ช้ เพราะเอกสารอ้างองิ ทุกรายการจะใชเ้ คร่อื งหมายวรรคตอนเป็นแบบมาตรฐานเดียวกนั

E. เอกสารอ้างองิ ทีเ่ ปน็ วิทยานิพนธ์ ให้เขยี นรายการ อา้ งองิ ดังน้ี
• รปู แบบพน้ื ฐาน
ล�ำดับท่ีอา้ งองิ . ชอื่ ผู้นิพนธ.์ เร่ือง [ประเภท/ระดับปรญิ ญา]. เมอื งท่ีพิมพ์: มหาวิทยาลยั ; ปีท่ีได้รับปริญญา. จ�ำนวนหนา้ . ตัวอยา่ ง เช่น
1. Kaplan SJ. Post-hospital home health care: the elderly’s access and utilization [dissertation]. St. Louis, MO:
Washington University; 1995. 111 p.
2. องั คาร ศรชี ัยรตั รชนกลู . การศกึ ษาเปรียบเทยี บคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคซมึ เศรา้ ชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรือ้ รงั
[วิทยานพิ นธป์ รญิ ญาวทิ ยาศาสตร-์ มหาบณั ฑติ ]. กรงุ เทพมหานคร: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ; 2543. 80 หน้า.
โปรดสังเกตเคร่อื งหมายวรรคตอนทีใ่ ช้ เพราะเอกสารอ้างองิ ทกุ รายการจะใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอนเปน็ แบบมาตรฐานเดียวกนั

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ี่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

F. เอกสารท่ีเป็นกฎหมาย
• รูปแบบพน้ื ฐาน
- กรณีท่ีเป็นพระราชบัญญัติให้ระบุช่ือของพระราชบัญญัตินั้น. ระบุรายละเอียดของแหล่งเผยแพร่ ซึ่งก็คือสารราชกิจจานุเบกษา
ตามตวั อยา่ ง
- กรณีที่เป็นกฎกระทรวง ให้ใส่ช่ือกระทรวงท่ีออกกฎน้ันและระบุช่ือของกฎหมายท่ีออก. ระบุรายละเอียดของแหล่งเผยแพร่ ซ่ึงก็คือ
ราชกิจจานุเบกษา ตามตวั อยา่ ง
1. พระราชบัญญตั ิผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546. ราชกิจจานุเบกษา เล่มท่ี 120, ตอนที่ 130 ก (ลงวันท่ี 22 ธันวาคม 2546).
2. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. กฎกระทรวงกำ� หนด ประเภทของสถานศกึ ษาและการดำ� เนนิ การของสถานศกึ ษาในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา
การตั้งครรภ์ในวยั รุน่ พ.ศ. 2561. ราชกจิ จานุเบกษา เล่มท่ี 135, ตอนท่ี 81 ก (ลงวนั ที่ 12 ตลุ าคม 2561).

G. สทิ ธิบัตร (Patent)
ให้เขียนรูปแบบตามตวั อยา่ ง
1. Pagedas AC, inventor; Ancel Surgical R@D Inc., assignee. Flexible endoscopic grasping and cutting device and
positioning tool assembly. United States patent US 20020103498. 2002 Aug 1.

H. บทความในหนงั สือพมิ พ์
• รปู แบบพื้นฐาน
ล�ำดบั ท่ีอา้ งองิ . ชอ่ื ผเู้ ขียน. ช่ือเร่อื ง. ชอื่ หนงั สอื พมิ พ.์ ปี เดอื น วันท่ี; เลขหน้า (เลขคอลัมน)์ . ตวั อยา่ ง เชน่
1. Lee G. Hospitalizations tied to ozone pollution; study estimates 50,000 admissions annually. The Washington
Post. 1996 Jun 21; Sect. A: 3 (col. 5).
2. ซี 12. ตลุ าการศาล ปค, เขา้ รอบ. ไทยรฐั . 2543 พ.ย. 20; ขา่ วการศึกษา ศาสนา-สาธารณสุ ข: 12 (คอลมั น์ 2).

I. การอ้างองิ เอกสารทย่ี งั ไม่ได้ตีพิมพห์ รอื ก�ำลงั รอตพี ิมพ์
• รปู แบบพน้ื ฐาน
ใช้รูปแบบการอ้างอิงตามประเภทของเอกสารดังกล่าวข้างต้น (เช่น บทความในวารสาร หรือหนังสือ) และระบุว่า In press หรือ
รอตพี ิมพ์ เชน่
1. Leshner AL. Molecular mechanisms of cocine addiction. N Eng J Med. In press 1996.
อาจใชค้ ำ� ว่า “forthcoming’ ถ้าไมแ่ นว่ ่าเอกสารนัน้ ๆ จะไดร้ บั การตีพิมพห์ รอื ไม่

J. การอ้างองิ เอกสารอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (Electronic Material)
1) วารสารอิเลก็ ทรอนิกส์
• รปู แบบพ้นื ฐาน
ล�ำดับท่ีอ้างอิง. ชื่อผู้แต่ง. ช่ือบทความ. ชื่อวารสาร [ประเภทของสื่อ]. ปีท่ีพิมพ์ [สืบค้นเม่ือ/cited ปี เดือน วันที่]; เล่มท่ี(volume):
[หน้า]. แหลง่ ขอ้ มลู /Available from: http://........................... ตวั อยา่ ง เช่น
1. Annas GJ. Resurrection of a stem-cell funding barrier—Dickey-Wicker in court. N Engl J Med [Internet]. 2010 [สบื คน้
เมอ่ื /cited 2011 Jun 15];363:1687-9. แหลง่ ขอ้ มลู /Available from: http://www.nejm.org/doi/pdf/10.1056/NEJMp1010466
2. ราม รังสินธ์, ปิยทัศน์ ทัศนาวิวัฒน์. การประเมินผลการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูงของโรงพยาบาล
ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ประจ�ำปี 2555 [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 20 ก.ย. 2559].
แหลง่ ขอ้ มลู : http://www.tima.or.th/index.php/component/attachments/downloads/24
โปรดสังเกตเครอ่ื งหมายวรรคตอนท่ีใช้ เพราะเอกสารอ้างองิ ทกุ รายการจะใช้เครือ่ งหมายวรรคตอนเปน็ แบบมาตรฐานเดียวกัน
2) หนังสอื หรอื บทความอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
• รูปแบบพน้ื ฐาน
ลำ� ดบั ท่อี ้างองิ . ช่ือผูแ้ ตง่ . ชือ่ เร่ือง [ประเภทของสอ่ื ]. เมืองทพี่ ิมพ:์ สำ� นักพมิ พ์; ปที ีพ่ ิมพ์ [สืบค้นเมื่อ/cited ปี เดอื น วนั ท]่ี . แหล่งข้อมลู /
Available from: http://........................... ตวั อย่าง เชน่

วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

1. Merlis M, Gould D, Mahato B. Rising out-of-pocket spending for medical care: a growing strain on family budgets
[Internet]. New York: Commonwealth Fund; 2006 [cited 2006 Oct 2]. Available from: http://www.cmwf.org/usr_doc/
Merlis_risingoopspending_887.pdf
2. Foley KM, Gelband H, editors. Improving palliative care for cancer [Internet]. Washington: National Academy
Press; 2001 [cited 2002 Jul 9]. Available from: http://www.nap.edu/books/ 0309074029/html/
3. Wikipedia. Genertion Y [Internet]. 2011 [cited 2011 Jul 5]. Available from: http://en.wikipedia. org/wiki/Generation_Y
4. จริ าภรณ์ จันทร์จร. การเขยี นรายการอ้างองิ ในเอกสารวชิ าการทางการแพทย์ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. กรุงเทพมหานคร: คณะแพทยศาสตร์
จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ; 2551 [สบื คน้ เมอื่ 18 ต.ค. 2554]. แหลง่ ขอ้ มลู : http://liblog.dpu.ac.th/analyresource/wp-content/
uploads/2010/06/reference08.pdf
โปรดสงั เกตเครื่องหมายวรรคตอนท่ใี ช้ เพราะเอกสารอ้างองิ ทุกรายการจะใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนเปน็ แบบมาตรฐานเดยี วกนั

4. การส่งตน้ ฉบับ
ขอใหส้ ่งบทความก�ำหนดส่งที่ [email protected] ทัง้ นไ้ี ฟลข์ องบทความใหใ้ ชโ้ ปรแกรม Word เท่านนั้ และกรณีทม่ี ีภาพประกอบ
ขอให้ส่งเป็นไฟล์ภาพแยกต่างหาก โดยใช้โปรแกรมไฟลภ์ าพ เช่นประเภท jpg หรอื ai

เมอื่ บรรณาธกิ ารไดร้ บั ตน้ ฉบบั ไว้ จะแจง้ ใหผ้ นู้ พิ นธท์ ราบวา่ ใหแ้ กไ้ ขกอ่ นตพี มิ พ์ รบั ตพี มิ พโ์ ดยไมแ่ กไ้ ข หรอื ไมร่ บั พจิ ารณาตพี มิ พ์ บทความ
ทไ่ี ม่ได้รบั พจิ ารณาตีพมิ พ์ ทางส�ำนักวิชาการฯ จะไม่สง่ คนื ใหเ้ จา้ ของบทความ บทความท่ีได้รบั การตพี ิมพ์ ผู้นิพนธส์ ามารถ download ได้
จาก website สำ� นักงานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสริมสุขภาพ (สสส.)

5. ก�ำหนดการพมิ พบ์ ทความ
ส�ำนักวิชาการและนวัตกรรมจะด�ำเนินการตีพิมพ์ บทความตามล�ำดับท่ีได้รับ โดยมีการใช้เวลาทบทวนจาก reviewers ท้ัง 2 ท่าน ท้ังน้ี
หากบทความจ�ำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ก�ำหนดการตีพิมพ์อาจจะเร็วหรือช้าข้ึนกับระยะเวลาท่ีเจ้าของบทความใช้ในการปรับปรุงแก้ไข
บทความ

ขอข้อมลู เพม่ิ เตมิ ได้ที่
สำ� นกั วชิ าการและนวตั กรรม ส�ำนักงานกองทนุ สนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (สสส.)
อาคารศนู ยเ์ รียนร้สู ุขภาวะ เลขท่ี 99/8 ซอยงามดูพลี แขวงทงุ่ มหาเมฆ เขตสาทร กรงุ เทพมหานคร 10120
โทรศพั ท์ 02-343-1500 โทรสาร 02-343-1501 อเี มล์ [email protected] เว็บไซต์ www.thaihealth.or.th

วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

สารจากผบู้ ริหาร
ส�ำ นักงานกองทนุ สนับสนนุ
การสร้างเสรมิ สุขภาพ

ในยุทธศาสตร์การสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ท่ีใช้ “ไตรพลัง” ใน
การขับเคลื่อนงาน การพัฒนาและการสร้างองค์ความรู้เพ่ือเป็นฐานในการสร้างนโยบายและการขับเคล่ือนสังคมจึงเป็นหนึ่งใน
ภารกิจท่ีไดด้ �ำเนินการมาอยา่ งต่อเนอื่ ง ในหลายเป้าหมายทางสุขภาพที่ส�ำคัญ สสส. ถึงกบั พัฒนาให้เกดิ ศูนย์วิชาการเฉพาะด้านข้นึ
พรอ้ มกบั การสรา้ งเครอื ขา่ ยวชิ าการทมี่ จี ดุ เดน่ ในการสรา้ งวชิ าการทถี่ กู นำ� มาใชต้ รงในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพในหนา้ งานจรงิ ของสงั คมไทย

ในวาระครบรอบปีที่ยี่สิบของการเกิด สสส. น�ำมาซึ่งแนวคิดในการจัดท�ำวารสารวิชาการสร้างเสริมสุขภาพ เพ่ือใช้เผยแพร่
และอ้างอิง อันจะสร้างความเติบโตทางวิชาการและการใช้ประโยชน์วิชาการเพื่อพัฒนางานการสร้างเสริมสุขภาพของภาคีเครือข่าย
และบคุ ลากรทเี่ กีย่ วข้อง

วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทย หรอื Thai Health Promotion Journal ฉบบั ปฐมฤกษป์ ระจำ� เดอื นมกราคม-มนี าคม 2565 น้ี
จึงไดอ้ อกมาสู่บรรณพภิ พด้วยความร่วมแรง รวมใจ และรวมปญั ญาของบรรณาธกิ าร กองบรรณาธิการ ทมี งานผจู้ ัดท�ำ และผูร้ ว่ ม
เสนอผลงานวิชาการเข้ามา

ผมขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องข้างต้นทุกท่านที่ได้เพียรสร้างความเติบโตก้าวส�ำคัญให้วงการวิชาการ และหวังว่าวารสารน้ี
จะถกู พัฒนาเตบิ โตเปน็ ฐานสำ� คัญในการเสรมิ พลงั ปัญญานำ� การขับเคลอ่ื นสสู่ งั คมสุขภาวะอย่างต่อเนอ่ื งตอ่ ไป

ดร.สุปรดี า อดุลยานนท์
ผจู้ ัดการกองทนุ สนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ

1

วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีที่ 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

บทบรรณาธิการ

การสร้างเสริมสุขภาพเป็นกระบวนการสร้างเสริมสนับสนุนให้บุคคลมีการปฏิบัติและมีพฤติกรรมสุขภาพ ตลอดจนจัดการกับ
สง่ิ แวดลอ้ มและปจั จยั ทมี่ ผี ลต่อสขุ ภาพ เพือ่ ท�ำให้ตนเองมีความสมบรู ณแ์ ข็งแรง ปราศจากความเจบ็ ปว่ ย ทัง้ ทางรา่ งกายและจิตใจ
สามารถด�ำเนนิ ชีวิตอยู่ในสังคมไดอ้ ย่างปกตสิ ุข การสรา้ งเสรมิ สุขภาพเปน็ หวั ใจสำ� คญั ของงานสาธารณสุขของประเทศ ทัดเทียมกบั
งานดา้ นการปอ้ งกันโรค และงานรักษาพยาบาลผู้เจบ็ ปว่ ย

เม่ือเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติได้รับรองวาระการพัฒนาอย่างย่ังยืน พ.ศ. 2573 ซ่ึง
ประกอบดว้ ย 17 เป้าหมายการพฒั นาอยา่ งยัง่ ยนื โดยการมีสขุ ภาพและความเปน็ อยู่ทด่ี ีเป็นเปา้ หมายที่ 3 ซึง่ ประกอบดว้ ยเป้าหมาย
ย่อย 13 ประการ และเมื่อวเิ คราะห์ถึงความเป็นไปได้ทป่ี ระเทศใดประเทศหน่งึ จะประสบผลส�ำเรจ็ ตามเป้าหมายด้านสขุ ภาพนนั้ ก็จะ
พบวา่ งานสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพเปน็ แนวทางหลกั ทน่ี ำ� ไปสคู่ วามสำ� เรจ็ ดงั กลา่ ว ตวั อยา่ งทเ่ี หน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน คอื ปญั หาการเสยี ชวี ติ จาก
อุบัติเหตุจราจร (เป้าหมายโลกข้อ 3.6) หากปราศจากงานสร้างเสริมสุขภาพท่ีมุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับข่ียานยนต์ จ�ำนวน
การเกิดอุบัติเหตุก็คงไม่ลดลง ไม่ว่างานด้านการรักษาพยาบาลจะดีเลิศเพียงใด ก็ยากที่จะลดการเสียชีวิตลงได้ ในปัจจุบันแม้ว่างาน
ด้านสาธารณสุขจะช่วยให้แม่วัยรุ่นคลอดปลอดภัย แม่และลูกมีสุขภาพดี แต่หากปราศจากงานสร้างเสริมสุขภาพท่ีลดการต้ังครรภ์
ในวัยรุ่นลง ปัญหาที่เกิดจากท้องวัยรุ่น (เป้าหมายโลกข้อ 3.7) ก็คงลดลงไม่ได้ จากตัวอย่างที่ระบุมา ทำ� ให้เห็นบทบาทของงาน
สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพในการพฒั นาประเทศไดอ้ ย่างชดั เจน

ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ไดท้ ำ� หนา้ ทรี่ ิเรมิ่ ผลกั ดนั กระตนุ้ สนบั สนนุ และร่วมกับหนว่ ยงาน
ตา่ งๆ ในสงั คมในการขบั เคลอื่ นกระบวนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพมาตลอดเวลา 20 ปี นบั วา่ มสี ว่ นสำ� คญั ในการสรา้ งเสรมิ และผลกั ดนั งาน
สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของประเทศ ผลงานทผี่ ่านมา มที งั้ การสรา้ งความตระหนักในการสร้างเสรมิ สขุ ภาพในชวี ิตประจ�ำวันของประชาชน
ผ่านทางส่ือต่างๆ การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและองค์กรต่างๆ การสนับสนุนงานพัฒนารูปแบบและนวัตกรรมใหม่ๆ ในงาน
สร้างเสริมสุขภาพ การร่วมผลักดันนโยบายสร้างเสริมสุขภาพของประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมสนับสนุนงานวิจัยที่เก่ียวกับการ
สร้างเสริมสุขภาพ ผลงานต่างๆ เหล่าน้ี นอกจากจะทรงคุณค่าในตัวเองแล้ว ยังเป็นพื้นฐานทางวิชาการที่ส�ำคัญท่ีควรมีการบันทึก
ไวอ้ ้างอิงและใชป้ ระโยชน์ต่อๆ ไป เครือ่ งมอื ชนิ้ หนงึ่ ในการบันทึกผลงานทางวชิ าการ คอื “วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย”

เท่าท่ีผ่านมา สสส. และภาคีต่างๆ ได้ท�ำหน้าท่ีเผยแพร่ข้อมูลผลการด�ำเนินงานผ่านส่ือรูปแบบต่างๆ อย่างมากมาย แต่ส่ิงท่ี
ยงั ขาด คอื การมวี ารสารวชิ าการมาเปน็ สว่ นประกอบในการพฒั นามาตรฐานการเผยแพรผ่ ลงาน วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทยไดร้ บั
การจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลของวารสารทางวิชาการ มกี องบรรณาธิการและผู้ประเมนิ ผลงานทเี่ ข้มแข็งจากหลากหลาย
สถาบนั มกี ารกำ� หนดรปู แบบบทความทไี่ ดม้ าตรฐาน มรี ะบบการทบทวนบทความแตล่ ะเรอ่ื งโดยผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างวชิ าการดา้ นตา่ งๆ
รวมถงึ กระบวนการคดั กรองเพอ่ื ปรบั ปรงุ ใหผ้ ลงานทพี่ มิ พเ์ ผยแพรเ่ ปน็ ไปตามมาตรฐานสากล มคี วามนา่ เชอื่ ถอื สามารถนำ� ไปอา้ งองิ
ศกึ ษาต่อยอด ประยุกต์ใช้ในเชิงนโยบาย หรอื น�ำสกู่ ารขยายผล ตามบทบาทของวารสารวิชาการชน้ั น�ำทั่วไป

ผลงานการสร้างเสริมสุขภาพไม่ได้จ�ำกัดอยู่เพียง สสส. และหน่วยงานท่ีเป็นภาคี ท้ังนี้เพราะงานสร้างเสริมสุขภาพเป็นหน้าท่ี
ของประชาชนทุกคน เป็นของทุกองค์กร และทุกพืน้ ที่ วารสารการสรา้ งเสริมสุขภาพไทยจงึ ได้กำ� หนดบทบาททีจ่ ะเปน็ แหลง่ รวบรวม
ผลงานวชิ าการ และผลงานวิจัยดา้ นการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพจากทกุ แหลง่ เพื่อเป็นเวทใี นการแลกเปล่ียนเรียนรูข้ องผทู้ ีส่ นใจงานดา้ น
สร้างเสริมสุขภาพ จึงขอเชิญชวนให้นักวิชาการต่างๆ ส่งผลงานมาเผยแพร่ในวารสารฉบับนี้ เพื่อให้วารสารฯ เป็นเคร่ืองมือส�ำคัญ
ช้ินหน่ึงในการพัฒนางานดา้ นการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของประเทศไทย

นพ.ววิ ัฒน์ โรจนพิทยากร
บรรณาธิการ

2

วารสารการสรา้ งเสริมสุขภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีที่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

นิพนธต์ น้ ฉบับ Original Article

การขับเคล่อื นการเข้าถึงบริการสขุ ภาพ
ทม่ี คี วามละเอียดออ่ นตอ่ มติ ิเพศภาวะ
และความเป็นชาติพันธ์ขุ องผู้หญิงชาตพิ ันธ์ุ
ในพน้ื ทีเ่ ชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน

รณภูมิ สามคั คคี ารมย1์ , อนสุ รณ์ อำ�พันธ์ศร2ี , วิวัฒน์ ตาม3่ี
1 คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ จงั หวดั ปทมุ ธานี
2 สำ�นักงานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสรมิ สุขภาพ กรุงเทพมหานคร
3 มูลนธิ พิ ฒั นาชนกล่มุ น้อยและชาติพนั ธุ์ จังหวัดเชยี งราย

บทคัดยอ่

ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธท์ุ อี่ ยอู่ าศยั ในพนื้ ทปี่ ระเทศไทย ทง้ั ทม่ี สี ถานะเปน็ พลเมอื งของประเทศไทย และกลมุ่ ทยี่ งั มปี ญั หาสถานะ
ทางทะเบียนอยู่ต่างพบกับปัญหาและอุปสรรคในการมีสุขภาวะท่ีดี โดยเฉพาะการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพท่ีเป็นปัจจัย
ส�ำคัญอย่างยิ่งในการมีสุขภาวะท่ีดี ปัจจัยทางสังคมท่ีเป็นอุปสรรคและกีดกันผู้หญิงชาติพันธุ์ในการเข้าถึงบริการสุขภาพ
มหี ลายปจั จยั ดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ ความเปน็ เพศหญงิ สถานะทางทะเบยี น ภาษาและวฒั นธรรมชาตพิ นั ธ์ุ และการอยอู่ าศยั ในพนื้ ที่
หา่ งไกล เปน็ ต้น ปัจจยั เหล่าน้ีเป็นปัจจัยท่ีเกิดจากความรนุ แรงในเชิงโครงสรา้ งท่ีกระทำ� ตอ่ ผู้หญิงชาติพันธุ์ ดงั นั้น เพือ่ ขจดั
ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคและกีดกันการเข้าถึงบริการสุขภาพ ส�ำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ คณะสาธารณสุข-
ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และภาคเี ครือข่ายภาครฐั ภาคประชาสังคมจงึ ขับเคลอื่ นรปู แบบและกระบวนการในการ
เข้าถึงบริการสุขภาพส�ำหรับผู้หญิงชาติพันธุ์ที่มีความละเอียดอ่อนต่อมิติเพศภาวะและความเป็นชาติพันธุ์ ด�ำเนินงานผ่าน
กระบวนการวิจัยและพัฒนาด้วยวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของผู้หญิงชาติพันธุ์ใน 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่
เชียงราย และแม่ฮ่องสอน จากการพัฒนารูปแบบและกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพจ�ำนวน 21 รูปแบบ และการน�ำร่อง
พฒั นาระบบบรกิ ารทเี่ ปน็ มติ ร โดยพฒั นาตอ่ ยอดลา่ มชมุ ชนทท่ี ำ� หนา้ ทจี่ ดั การและชว่ ยลดปจั จยั อปุ สรรคในการเขา้ รบั บรกิ าร
สขุ ภาพ อาทิ ภาษา ความรู้ ทกั ษะในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและปอ้ งกนั โรค โดยผสมผสานความรทู้ างการแพทยเ์ ชงิ ชาตพิ นั ธ์ุ
ท�ำให้ผู้หญิงชาติพันธุ์เข้าถึงกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพของรัฐและการผสมผสานกับการแพทย์เชิงชาติพันธุ์มากขึ้น
มีความพึงพอใจต่อการให้บริการ รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในประเด็นสุขภาพและอนามัยการเจริญพันธุ์เพ่ิมมากข้ึน
ซงึ่ จะเปน็ รปู แบบทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการขยายผลเพอ่ื เพมิ่ การเขา้ ถงึ บรกิ ารสขุ ภาพสำ� หรบั ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุ และเปน็ พนื้ ฐาน
ในการตัดสนิ ใจเชงิ นโยบาย

คำ� ส�ำคัญ: ผหู้ ญงิ ชาตพิ ันธุ;์ บริการสุขภาพท่เี ป็นมิตร; เพศภาวะ; การแพทยเ์ ชงิ ชาติพันธ์ุ

3

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย

Driving Access to Health Services with
Gender and Ethnicity Sensitivity
for Ethnic Women in Chiang Mai,
Chiang Rai, and Mae Hong Son

Ronnapoom Samakkeekarom1, Anusorn Amphansri2, Wiwat Tamee3
1 The Faculty of Public Health, Thammasat University, Pathum Thani Province
2 Thai Health Promotion Foundation, Bangkok
3 Ethnic People Development Foundation, Chiangrai Province, Thailand

Abstract

Ethnic women living in Thailand continue to face problems and obstacles, especially with their ac-
cess to the health system, which is a significant factor for good health. The key obstacles involve social
factors such as their femininity, civil status, ethnic language and culture and their residence in remote
areas. It is evident that these factors are formed by structural violence against ethnic women. This
study was conducted using PAR approach with ethnic women in 3 provinces of Thailand including
Chiang Mai, Chiang Rai, and Mae Hong Son by developing 21 health promotion models and processes,
and piloting to create health services that are sensitive and friendly for them. With aim to provide ethnic
women with access to the public health promotion process, this program is a further development
of community interpreters, who are responsible for managing and reducing the barriers to accessing
health services such as language, knowledge, health promotion skills, as well as preventing disease
by combining ethnomedicine. This integration of ethnomedicine also aims to create more satisfactory
services as well as install them with more knowledge and understanding of health and reproductive
health issues. This will be an effective approach to expand access to health services for ethnic women
and eventually become their basis in making any policy decisions in the future.

Keywords: ethnic women; health services; gender; ethnomedicine

บทนำ� ประเทศไทยจะให้สถานะทางการทะเบียนกับคนกลุ่มน้ี เพื่อ
ให้ได้สิทธิพิสูจน์ตัวบุคคลให้ได้รับสัญชาติไทย แต่คนกลุ่ม
ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทยโดย นีก้ ถ็ ูกจดั เป็น “พลเมืองชน้ั สอง” มสี ิทธิไมเ่ ท่าเทยี มคนไทย
ศูนย์มานุษยวิทยาสิริธร (องค์การมหาชน) ได้รวบรวม ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้หญิงชาติพันธุ์ในสังคมไทย
และจ�ำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามช่ือเรียกชาติพันธุ์ท่ีคนในใช้ กลายเปน็ กลมุ่ เปราะบางทถ่ี กู กดี กนั ทางสงั คม และถกู เลอื ก
เรียกตนเองในประเทศไทย ซ่ึงพบมากกว่า 65 กลุ่ม ศูนย์- ปฏิบัติในหลายมิติ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาวะและคุณภาพชีวิต(2)
มานุษยวิทยาสิรินธร(1) แม้กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้จะอาศัย อีกท้ังหากพิจารณาในมิติของสิทธิมนุษยชนและความเป็น
อยู่บนผืนแผ่นดินไทย แต่กลับมีปัญหาเรื่องสถานะทาง มนุษย์ของพลเมืองข้ันพื้นฐานยังช้ีชัดว่า การเข้าถึงสิทธิน้ี
กฎหมายในการรับรองความเป็นพลเมืองไทย และแม้ว่า จะทำ� ให้กลุ่มผ้หู ญิงชาติพนั ธุ์ไม่สญู เสียสขุ ภาวะ แต่ในความ

4

Thai Health Promotion Journal

เป็นจริงของสังคมไทยปัญหาความเหลื่อมลำ�้ ในทางปฏิบัติ อธบิ ายความแตกตา่ งดา้ นชวี ภาพทสี่ ง่ ผลตอ่ การมสี ขุ ภาพดี
อนั กอ่ ใหเ้ กดิ ความไมเ่ สมอภาคพบไดใ้ นทกุ ๆดา้ นซงึ่ ประจกั ษช์ ดั อาจไม่เพียงพอ เพราะสุขภาพของคนยังได้รับผลกระทบ
ในด้านการดูแลสุขภาพประชาชนของผู้ให้บริการสุขภาพ จาก ‘สภาพสังคม’ ‘ค่านิยมของสังคม’ ไปจนถึง ‘สังคมท่ี
เหน็ ไดช้ ดั ในสถานบรกิ ารของรฐั ตา่ งจงั หวดั ทป่ี ระสบปญั หา เหลอ่ื มลำ้� ’ ด้วย ข้อค้นพบของการศกึ ษาหลายๆ ช้ินช่วยช้วี ่า
ความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงและรับบริการสาธารณสุข ความเสมอภาคทางสาธารณสุขและการสนับสนุนผู้หญิง
ขน้ั พน้ื ฐานทจี่ ำ� เปน็ จากการดน้ิ รนเพอื่ การดำ� รงชวี ติ ทสี่ ง่ ผล ให้มีสุขภาพดี สิทธิในการปกครองตนเอง การเข้าถึง
ให้เป็นกลุ่มเปราะบางทางสังคมให้ตกอยู่ในสภาวะยากจน ทรัพยากร และมีบทบาทในสังคม เป็นปัจจัยส�ำคัญที่
ขาดโอกาสในการรับบริการพื้นฐาน มีคุณภาพชีวิตต่�ำกว่า ส่งเสรมิ สุขภาพและลดความเสยี่ งต่อการเกดิ โรค
เกณฑ์มาตรฐาน ผนวกกับความหลากหลายด้านเชื้อชาติ
อุปสรรคด้านการสื่อสาร การใช้ภาษา ความเชื่อทางศาสนา ‘สภาพสงั คม’‘คา่ นยิ มของสงั คม’ขา้ งตน้ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ
ความ แตกตา่ งทางวฒั นธรรมและประเพณี สง่ ผลใหข้ าดการ ปัจจัยกีดกันทางสังคมต่อผู้หญิงชาติพันธุ์และผู้หญิง
รับรองทางกฎหมาย การเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐ ชาติพันธุ์ท่ีมีปัญหาสถานะบุคคลในสังคมไทย 4 ด้าน คือ
รายงานผลการดำ� เนนิ พฒั นากลไกการเขา้ ถงึ บรกิ ารสขุ ภาพ (1) ความห่างไกลในการต้ังถ่ินฐาน บางส่วนอาศัยอยู่
และเสรมิ สรา้ งสุขภาวะผู้หญิงชาติพันธ(ุ์ 3) ในพน้ื ทอ่ี นรุ กั ษ์ เกาะแกง่ หรอื พน้ื ทบ่ี รเิ วณชายแดน บางกลมุ่
มีวิถีชีวิตในการอพยพโยกย้ายถ่ินฐาน ส่งผลให้ตกส�ำรวจ
ขอ้ มลู ขา้ งตน้ สอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั ของสถาบนั วจิ ยั ในการไดร้ บั สถานะทางทะเบยี น ความห่างไกลเป็นอุปสรรค
ระบบสาธารณสุข นิสาพร วัฒนศัพท์, ฐานิดา บุญวรรโณ ในการเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ส่งผลให้
และศิวาภรณ์ ไชยเจริญ(4) ที่ช้ีชัดว่าประชากรกลุ่มนี้ ขาดการรบั รองทางกฎหมายจากรฐั ไทย การเขา้ ถงึ สทิ ธแิ ละ
ถือเป็นกลุ่มประชากรที่มีความเปราะบางท่ีมีความต้องการ สวัสดิการของรัฐอุปสรรคจากการสื่อสาร การปฏิสัมพันธ์
ด้านสุขภาพแต่มีข้อจ�ำกัดในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ กับศูนย์กลางราชการ (2) ความเป็นผู้หญิง กลุ่มผู้หญิง
เชน่ ไมม่ หี ลกั ประกนั สขุ ภาพ มถี นิ่ ทอี่ ยอู่ าศยั ในพน้ื ทหี่ า่ งไกล ต้องเผชิญปัญหาท่ีซับซ้อนและรุนแรงกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุ
และเมอ่ื พจิ ารณาจากมมุ มองระดบั มหภาคจะเหน็ ไดว้ า่ ปจั จยั พ้ืนฐานจากความเป็นผู้หญิง และขนบธรรมเนียมประเพณี
ที่ท�ำให้ประชากรกลุ่มนี้มีสุขภาพไม่ดีมักมีสาเหตุมาจากการ ความเช่ือท่ีมีลักษณะท่ีไม่เท่าเทียม มีลักษณะที่แฝงไปด้วย
ขาดโอกาสและการเข้าไมถ่ งึ ทรัพยากรเป็นส�ำคัญ อุดมการณ์ชายเป็นใหญ่ ดังแสดงตัวอย่างได้จากผลการ
ศึกษาส�ำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.)
นอกเหนือจากมิติความเป็นชาติพันธุ์แล้วนั้น ธิราพร เรื่องประสบการณ์กับการเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิง
สงิ หห์ ลอ่ (5)ไดท้ ำ� การทบทวนเอกสารและวเิ คราะหไ์ วว้ า่ ประเดน็ ชาติพันธุ์ ส�ำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(6) พบว่า
เรอ่ื งความแตกตา่ งทางเพศสภาพ (gender differences) ความทุกข์ของผู้หญิงชนเผ่าท่ียังไม่ได้รับการถูกแก้ไข (3)
ยงั เกย่ี วขอ้ งกบั ‘การมสี ขุ ภาพทดี่ ’ี หรอื แงม่ มุ ‘ความเหลอ่ื มลำ�้ ทาง สถานะทางทะเบียนโดยรัฐ “บัตรบุคคลท่ีไม่มีสถานะทาง
สาธารณสขุ ทม่ี ฐี านมาจากความแตกตา่ งทางเพศสภาพ’ ดว้ ย ทะเบียนราษฎร” กลายเป็น กลุ่มเปราะบางที่จะถูกกีดกัน
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว แม้ผู้หญิงจะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย ทางสังคม และถูกเลือกปฏิบัติในหลายมิติ อันส่งผลต่อ
แตม่ กั มสี ขุ ภาพทย่ี ำ่� แยก่ วา่ โดยเปรยี บเทยี บและมคี วามเสยี่ ง สุขภาวะและคุณภาพชีวิตต่อไป สอดคล้องกับข้อมูลการ
ต่อโรคเรื้อรังหลายประเภทในอัตราสูง ขณะท่ีผู้ชาย ซึ่งมี วิจัยท่ีชี้ชัดว่าสิทธิของพลเมืองถือเป็นสิทธิข้ันพื้นฐาน
รา่ งกายทแ่ี ขง็ แรงมากกวา่ แตก่ ลบั มอี ตั ราการเสยี ชวี ติ สงู กวา่ เป็นสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซึ่งสิทธิด้านหน่ึง
เรยี กวา่ ‘health-survival paradox’ (ภาวะความยอ้ นแยง้ ที่ส�ำคัญ คือ สิทธิท่ีเขาจะไม่สูญเสียสุขภาวะ แต่ใน
ระหว่างความเจ็บป่วยกับการเสียชีวิตของชายหญิง) การปฏิบัติได้ก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคในการดูแล
โดยการรับรู้แต่เดิมมองว่าความแตกต่างด้านชีวภาพของ สุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะสถานบริการสุขภาพ
ร่างกายที่เกี่ยวกับฮอร์โมน หรือการตั้งครรภ์และการคลอด ภาครัฐในต่างจังหวัด ท่ีประสบปัญหาความไม่เสมอภาค
ในผู้หญิงท่ีแตกต่างจากผู้ชายนั้น เป็นเหตุให้มีความเสี่ยง ในการเขา้ ถงึ และไดร้ บั บรกิ ารสาธารณสขุ พน้ื ฐานทจ่ี ำ� เปน็ (7)
ด้านสุขภาพมากกว่า ทว่าก็มีงานวิจัยอีกหลายช้ินที่ช้ีว่าการ

5

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

และ (4) วัฒนธรรมและประเพณี เป็นการด�ำรงชีวิตท่ี ของสถานบริการสุขภาพแผนปัจจุบัน ให้ความส�ำคัญกับ
เป็นเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเอง พ่ึงธรรมชาติ ซึ่งแตกต่าง การบริการข้ามวัฒนธรรม (cross-cultural care) ที่
จากระบบทุนนิยมในสังคมเมือง ส่งผลให้มีความเปราะบาง ละเอียดอ่อนต่อความแตกต่างทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิต
ทางสังคมท่ีจะตกอยู่ในสภาวะยากจน ขาดโอกาสใน ผ่านการวิเคราะห์และตระหนักถึงความเป็นผู้หญิง ความ
การรับบริการพื้นฐานและมีคุณภาพชีวิตต่�ำกว่าเกณฑ์ เปน็ ชาตพิ นั ธ์ุ สถานะทางสงั คม และสถานะการรบั รองโดยรฐั
มาตรฐาน ผนวกกับความหลากหลายด้านเชื้อชาติ ภาษา จารตี ประเพณแี ละวฒั นธรรมของชมุ ชน และความแตกตา่ ง
ความเชื่อทางศาสนา วัฒนธรรมประเพณี ปัจจัยเหล่านี้ และหลากหลายของภาษา เพอ่ื ใหเ้ กดิ การรบั บรกิ ารทที่ นั เวลา
ส่งผลให้การขาดการรับรองทางกฎหมายจากรัฐไทย และไมย่ ่งุ ยากซบั ซ้อนเกนิ ความจ�ำเปน็
การเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐ อุปสรรคจากการ
สอื่ สาร การปฏสิ มั พนั ธก์ บั ศนู ยก์ ลางราชการ มคี วามเดน่ ชดั การขับเคล่ือนการเข้าถึงบริการของผู้หญิงชาติพันธุ์
และสง่ ผลตอ่ การมีสขุ ภาวะที่ชัดเจนมากข้ึน(6) ท่ีตั้งอยู่บนหลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีได้จากฐานข้อมูลและชุด
ขอ้ มลู สถานการณป์ ญั หาสขุ ภาพและอนามยั การเจรญิ พนั ธ์ุ
การด�ำเนินงานเพ่ือให้ผู้หญิงชาติพันธุ์เข้าถึงบริการ ของผู้หญิงชาติพันธุ์ในพื้นท่ี โดยมีแกนน�ำผู้หญิงชาติพันธุ์/
สขุ ภาพทมี่ คี วามละเอยี ดออ่ นตอ่ มติ เิ พศภาวะและความเปน็ ผู้น�ำชุมชนท่ีมีศักยภาพ ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการพัฒนา
ชาติพันธุ์น้ันจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความส�ำคัญกับความ ศกั ยภาพลา่ มชมุ ชนชดุ เกา่ เพอื่ ใหเ้ กดิ เปน็ ลา่ มชมุ ชนทรี่ ว่ มกนั
หลากหลายของมิติเพศภาวะ (gender) เชื่อมโยงกับความ พัฒนาศูนย์สุขภาวะผู้หญิงชาติพันธุ์เพ่ือเป็นองค์กรชุมชน
หลากหลายมติ คิ วามเปน็ ชาตพิ นั ธ์ุ(ethnicity) ความรพู้ นื้ ถน่ิ ทางกายภาพในการรวบรวมฐานขอ้ มลู องคค์ วามรู้ เปน็ ศนู ย์
และการจัดการตนเองด้านสุขภาพ ด้วยความลึกซึ้ง ประสานงานและขับเคลื่อนกลไกการเข้าถึงบริการสุขภาพ
ในระดบั ของความรอบรทู้ างสขุ ภาพ (health literacy) และ ท่ีจ�ำเป็น มีคุณภาพ เหมาะสม และยุ่งยากน้อยลง โดยใช้
สิทธิสุขภาพ (health rights) โดยมีผู้หญิงชาติพันธุ์และ กลยทุ ธท์ ี่หลากหลาย อกี ทั้งยงั สามารถพัฒนาตน้ แบบของ
ผู้หญิงชาติพันธุ์ที่มีปัญหาสถานะบุคคลเป็นแกนกลาง ระบบบริการสุขภาพท่ีค�ำนึงถึงประเด็นความละเอียดอ่อน
ในการขับเคลื่อนและด�ำเนินงาน โดยให้ความส�ำคัญ ของมิติเพศภาวะและความหลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยท่ี
ในความหลากหลายมิติ อาทิ ความห่างไกลของพื้นที่ บุคลากรและเจ้าหน้าท่ีด้านสาธารณสุขท่ีได้รับการพัฒนา
ความเป็นผู้หญิง ความเป็นชาติพันธุ์ สถานะทางสังคม ศกั ยภาพดา้ นการปฏบิ ตั กิ ารใหบ้ รกิ ารทางการแพทยท์ เี่ ปน็ มติ ร
และสถานะการรบั รองโดยรฐั จารตี ประเพณแี ละวฒั นธรรม สำ� หรบั ผู้หญงิ ชาตพิ นั ธุ์ และสามารถถอดกระบวนการ และ
ของชุมชน และความแตกต่าง และหลากหลายของ บทเรียนออกมาเพ่ือเป็นองค์ความรู้และคู่มือให้พ้ืนที่อ่ืนๆ
ภาษา กระบวนการด�ำเนินการอยู่บนพื้นฐานของการ สามารถประยุกต์ใช้ได้รวมถึงเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ใน
มีส่วนร่วมในทุกกระบวนการเพ่ือพัฒนาศักยภาพของ การขบั เคลื่อนเชงิ นโยบายต่อไป
ผู้หญิงชาติพันธุ์และผู้หญิงชาติพันธุ์ท่ีมีปัญหาสถานะ
บุคคล (participation and empowerment) และ บทความนี้มุ่งศึกษาปัจจัยก�ำหนดสุขภาพและปัจจัย
ค�ำนึงถึงการซ้อนทับกันของมิติความหลากหลายและ กดี กนั สขุ ภาพในการเขา้ ถงึ ระบบบรกิ ารสขุ ภาพ และกลยทุ ธ์
แตกต่างขององค์ความรู้ด้านสุขภาพและระบบสุขภาพ ต่างๆ ท่ีหลากหลายที่เกิดจากการริเร่ิมและสร้างสรรค์โดย
พ้ืนถ่ินของชุมชนที่แตกต่างไปตามชาติพันธุ์ โดยมุ่งพัฒนา ผู้หญิงชาติพันธแ์ุ ละชุมชนในการเข้าถงึ บริการสขุ ภาพ
และสรา้ งเสรมิ ใหก้ ลมุ่ ผหู้ ญงิ สามารถเปน็ แกนนำ� ในลกั ษณะ
ของเครือข่ายท่ีมีศักยภาพในการช่วยเหลือ ส่งเสริม ดูแล วิธีการศึกษา
และจัดการสุขภาพของตนเองและชุมชน สามารถเชื่อมโยง
ประสานกับระบบบริการสุขภาพแพทย์แผนปัจจุบัน บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยและพัฒนา
ในรูปแบบของแกนน�ำผู้หญิงด้านสุขภาพ และ/หรือล่าม เรอื่ งการพฒั นากลไกการเขา้ ถงึ บรกิ ารสขุ ภาพและเสรมิ สรา้ ง
สุขภาพผู้หญิง ในขณะที่การด�ำเนินโครงการในภาคส่วน สขุ ภาวะผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุซง่ึ ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากสำ� นกั งาน-
กองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ(สสส.)ผา่ นการทำ� งาน
ร่วมกับภาคีภาคประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กร

6

Thai Health Promotion Journal

ปกครองส่วนท้องถ่ิน และภาครัฐ โดยใช้แนวทางในการ พ้ืนท่ีดังกล่าวมีต้นทุนด้านบุคคล นโยบาย งบประมาณ
เก็บข้อมูลจากวิธีวิทยาการวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative ในการด�ำเนินงานด้านสุขภาพของผู้หญิงชาติพันธุ์ มีความ
research) เพือ่ ศกึ ษาวิถีชวี ิต พฤติกรรมเสย่ี งและเสริมต่อ ร่วมมือระหว่างภาคีสุขภาพ แกนน�ำชุมชน และองค์กร
สุขภาพ ระบบสุขภาพพหุลักษณ์ ปัจจัยก�ำหนดสุขภาพ ปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งระยะเวลาการด�ำเนินงานต้ังแต่
และปัจจัยกีดกันสุขภาพ รวมถึงพฤติกรรมการเข้าถึงระบบ วนั ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ถึง 31 มนี าคม พ.ศ. 2564
บริการสุขภาพ และกลยุทธ์ต่างๆ ท่ีหลากหลายที่เกิดจาก
การริเร่ิม และสร้างสรรค์โดยผู้หญิงชาติพันธุ์และชุมชนใน สำ� หรบั เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ภาคสนาม
การเข้าถึงบริการสุขภาพและการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบ ไดแ้ ก่ แนวคำ� ถามในการสมั ภาษณ์ ท้งั การสัมภาษณเ์ ชงิ ลกึ
มีส่วนร่วมของ สุชาดา ทวีสิทธิ์(8) (PAR: participatory กบั ผู้หญงิ ชาติพันธ์ุ 60 คน คนทมี่ คี วามรแู้ ละทกั ษะสุขภาพ
action research) เป็นหลัก ซึ่งมีรายละเอียดขั้นตอน เชิงชาติพันธุ์ 10 คน โดยท�ำการสัมภาษณ์ประมาณ 45
5 ข้ันตอน ซ่ึงเป็นขั้นตอนท่ีผสมผสาน แนวคิดการจัดการ ถึง 60 นาที และแนวค�ำถามในการสนทนากลุ่ม จ�ำนวน
ชมุ ชน และการเรยี นรปู้ ญั หาของชมุ ชนเขา้ ด้วยกนั คอื 10 กลุ่ม โดยท�ำการสนทนาประมาณ 30 นาที บันทึกเทป
บันทึกภาพ และแผนที่ ใน 3 พ้ืนที่ โดยผู้ศึกษาเก็บข้อมูล
1) ระยะก่อนท�ำวิจัย ได้แก่ การร่วมกันคัดเลือกชุมชน วิถีชีวิต พฤติกรรมเส่ียงและเสริมต่อสุขภาพ ระบบ
และการเข้าถึงชุมชนผ่านการบูรณาการตัวนักวิจัยเข้ากับ สุขภาพพหุลักษณ์ ปัจจัยก�ำหนดสุขภาพและปัจจัยกีดกัน
ชมุ ชน การรว่ มกนั สำ� รวจขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ของชมุ ชน การเผยแพร่ สุขภาพรวมถึงพฤติกรรมการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพ
แนวคิด PAR แก่ชมุ ชนผ่านหลายๆ ชอ่ งทาง เชน่ การประชุม กับกลมุ่ ผหู้ ญิงชาติพันธุ์ในพนื้ ที่ และเกบ็ ข้อมูลเชิงวิเคราะห์
หมบู่ า้ น การสนทนากล่มุ และการอบรมให้ความรู้ เกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆ ที่หลากหลายท่ีเกิดจากการริเริ่ม
และสร้างสรรค์ โดยผู้หญิงชาติพันธุ์และชุมชนในการเข้าถึง
2) ระยะด�ำเนินการวิจัย ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ บริการสขุ ภาพให้เหน็ ภาพของการพฒั นารปู แบบตา่ งๆ เพือ่
ปญั หาชมุ ชนจากผลการสำ� รวจ การฝกึ อบรมทมี วจิ ยั ทอ้ งถน่ิ ลดปัจจัยอุปสรรคหรือกีดกันการเข้าถึงบริการสุขภาพที่
การวิเคราะห์ปญั หาท่ีด�ำรงอยใู่ น PAR และก�ำหนดแนวทาง เป็นมิตรและละเอียดอ่อนต่อมิติเพศภาวะ และการแพทย์
แก้ไขช่วยเหลือ การออกแบบการวิจัยและเก็บข้อมูลและ เชิงชาติพันธุ์ พร้อมกันนี้ผู้วิจัยจะได้สังเกตการณ์ถึงความ
วิเคราะหข์ ้อมลู การน�ำเสนอขอ้ มลู ต่อทป่ี ระชมุ หมูบ่ ้าน แตกต่างในบริบทของแต่ละพ้ืนท่ีเพ่ือเป็นข้อมูลสนับสนุน
ในการท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยและเง่ือนไขของระบบ
3) ระยะจัดท�ำแผน การอบรมทีมงานวางแผนการ บริการสุขภาพในการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดบริการที่เป็น
ดำ� เนินงานของชุมชน การก�ำหนดกจิ กรรมแก้ไขปญั หา การ มิตรและละเอียดอ่อนต่อมิติเพศภาวะ และการแพทย์เชิง
ศึกษาความเป็นไปได้ของแผนงาน การวางแผนงบประมาณ ชาติพันธุ์อีกด้วย ซึ่งทุกกระบวนการในการด�ำเนินการได้
บุคคล ทรัพยากรจากหน่วยงานในพ้ืนท่ีในการร่วมกัน ค�ำนึงถึงประเด็นทางจริยธรรมทุกขั้นตอน ได้แก่ การขอ
สนับสนุน การวางแผนเพื่อติดตามและ ประเมินผลโดย อนุญาตและได้รับการยินยอมทางวาจาก่อนทุกคร้ัง การ
ผู้รว่ มดำ� เนินงานโครงการ ให้ข้อมูลโดยละเอียดเก่ียวกับโครงการ ผลประโยชน์และ
ผลกระทบเชิงลบท่ีอาจเกิดข้ึนเพ่ือให้ผู้ให้ข้อมูลใช้ในการ
4) ระยะการด�ำเนินการกิจกรรม การก�ำหนดทีมงาน ตัดสินใจ การสัมภาษณ์และสนทนาเกิดขึ้นในพ้ืนท่ีที่
ปฏบิ ตั งิ านลา่ มชมุ ชน การอบรมลา่ มชมุ ชน การใหค้ ำ� ปรกึ ษา ลับตาเป็นส่วนตัว ตามที่ผู้ให้ข้อมูลแนะน�ำ การเก็บข้อมูล
ซึง่ กันและกันในทมี ล่ามชุมชน เป็นความลับ และการท�ำลายข้อมูลหลังเสร็จส้ิน
โครงการไปแล้ว 3 เดือน การน�ำเสนอผลการวิเคราะห์
5) ระยะการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ข้อมูลในภาพรวมไม่ระบุถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ให้ข้อมูล
จัดต้ังทีมงานติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของ และเมื่อด�ำเนินการเก็บข้อมูลแล้วจะน�ำข้อมูลมาถอดเทป
ชมุ ชน และเสนอผลการประเมนิ ตอ่ ท่ีประชมุ ของชุมชน สร้างรหัสให้ข้อมูล ท�ำการจัดระเบียบ และระบบข้อมูล

พนื้ ทใ่ี นการดำ� เนนิ งาน ประกอบดว้ ย จงั หวดั เชยี งราย 9
ชมุ ชน ใน 3 อำ� เภอ คอื อำ� เภอแมส่ าย อำ� เภอเชยี งของ อำ� เภอ
แมฟ่ า้ หลวง จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน 4 ชมุ ชน ในอำ� เภอปางมะผา้
และจังหวัดเชียงใหม่ 3 ชุมชน ในอ�ำเภอแม่วาง เน่ืองจาก

7

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย

ในตาราง และทำ� การวเิ คราะหต์ ามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใชเ้ ทคนคิ ส�ำเร็จของการด�ำเนินงานพัฒนารูปแบบระบบและกลไก
การวิเคราะห์เน้อื หา (content analysis) การจัดบริการด้านสุขภาพท่ีเอ้ือต่อการเข้าถึงสิทธิทาง
ดา้ นการบรกิ ารสขุ ภาพสำ� หรบั ผทู้ มี่ ปี ญั หาสถานะบคุ คลและ
ผลการศึกษา มีข้อจ�ำกัดทางสิทธิในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพในพื้นที่
จังหวัดเชียงราย
ข้อค้นพบที่ 1
กลยทุ ธก์ ลไกล่ามชมุ ชนชว่ ยลดข้อจ�ำกัด/ ต่อมาจึงมีการขยายผลล่ามชุมชนไปในพ้ืนที่จังหวัด
ปจั จัยกีดกันด้านภาษา และการยกระดับสู่นักจัดการ แม่ฮ่องสอน และจังหวัดเชียงใหม่เพิ่ม ในปี พ.ศ. 2560
สุขภาพชาตพิ นั ธุ์ และนักสือ่ สารสขุ ภาพชาติพันธุ์ ทำ� ใหม้ ีจ�ำนวนล่ามชุมชนเพิ่มขน้ึ กว่า 300 คน อย่างไรก็ตาม
ข้อจำ� กัดส�ำคญั ของลา่ มชมุ ชนในระยะทีผ่ ่านมา คอื การเปน็
ปัจจัยส�ำคัญหนึ่งที่ท�ำให้ผู้หญิงชาติพันธุ์เข้าไม่ถึง กลไกสนับสนุนบริการสุขภาพที่เน้นการแก้ไขปัญหา
บรกิ ารสขุ ภาพ คอื เรอ่ื งของภาษา ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธห์ุ ลายคน ด้านการส่ือสารเท่านั้น ดังน้ันในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา
มีข้อจ�ำกัดในการส่ือสารด้วยภาษาไทยกลาง ท�ำให้เม่ือ คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ โดยการ
เจ็บป่วยไปโรงพยาบาลจึงไม่สามารถสื่อสารกับบุคลากร สนับสนุนของส�ำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ
ทางสาธารณสขุ ไดว้ า่ เจบ็ ปว่ ยตรงไหนอยา่ งไร หรอื แมก้ ระทง่ั สสส. จงึ ยกระดบั ศกั ยภาพ เสริมสมรรถนะให้กับลา่ มชมุ ชน
ไมส่ ามารถเขา้ ใจค�ำสัง่ ค�ำอธบิ ายต่อการรบั บริการ หรือการ เป็น “นกั จดั การสขุ ภาพชาติพันธุ”์ และ “นักสื่อสารสุขภาพ
กินยาได้เลย ดังน้นั ลา่ มชุมชน จึงถูกพัฒนาขน้ึ ให้เป็นกลไก ชาติพันธุ์” โดยนักจัดการสุขภาพชาติพันธุ์ท�ำหน้าที่เป็น
ส�ำคัญในการช่วยให้กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอุปสรรคด้านภาษา เสมือนหมอชุมชนมีหน้าท่ีในการจัดการดูแลสุขภาพตนเอง
ได้เข้าถึงบริการอย่างมีคุณภาพและท่ัวถึงในทุกพ้ืนท่ี ครอบครวั และคนในชมุ ชน โดยมกี ารตดิ อาวธุ เพมิ่ สมรรถนะ
โดยลา่ มชมุ ชนแบง่ ออกเปน็ 2กลมุ่ คอื ลา่ มชมุ ชนในโรงพยาบาล เตมิ ความรใู้ นดา้ นตา่ งๆเชน่ การสาธารณสขุ พน้ื ฐานการจดั การ
ซ่ึงเป็นอาสาสมัครล่ามที่อยู่ประจ�ำโรงพยาบาล มีบทบาท สุขภาพชุมชน ทักษะการท�ำงานในชุมชน ขั้นตอนการให้
หน้าที่ในการแปลภาษาเพ่ือการส่ือสารระหว่างผู้ให้บริการ บริการในโรงพยาบาล พฤติกรรมการบริการ การใช้ยา
อาทิ หมอพยาบาลกับผู้รับบริการท่ีเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ และ โรคเรื้อรังและภาวะฉุกเฉินและการส่งต่อความแตกต่าง
ทำ� หนา้ ทใี่ หค้ ำ� ปรกึ ษาสทิ ธแิ ละการบรกิ ารสขุ ภาพขนั้ พนื้ ฐาน ของนักจัดการสุขภาพชาติพันธุ์กับอาสาสมัครสาธารณสุข
แก่ผู้รับบริการ และล่ามอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชนเป็น ประจ�ำหมู่บ้าน (อสม.) ก็คือ นักจัดการสุขภาพชาติพันธุ์
อาสาสมัครชาติพันธุ์ในชุมชน มีบทบาทในการส่งเสริมและ จะร่วมกับแกนน�ำชาวบ้าน ผู้น�ำทางความคิด ประยุกต์ใช้
อำ� นวยความสะดวกใหเ้ กดิ การเขา้ ถงึ สทิ ธแิ ละบรกิ ารของรฐั องค์ความรู้ภูมิปัญญาชาติพันธุ์มาผสมผสานกับความรู้
ในดา้ นสุขภาพ รวมถึงสทิ ธใิ นดา้ นอน่ื ๆ ทางการแพทย์แผนปัจจุบันเพ่ือออกแบบกระบวนการ
การจัดการสุขภาวะ ต้ังแต่การส่งเสริมป้องกัน การดูแล
ล่ามชุมชน เป็นกลไกที่ถูกพัฒนาจากการอาสาของ รักษาเบื้องต้น การส่งต่อเพ่ือรับบริการในหน่วยบริการ
คนในชุมชนที่สามารถสื่อสารภาษาชาติพันธุ์ได้ และมีความ สุขภาพ นอกจากนี้ยังเข้าไปร่วมออกแบบกระบวนการ
ตัง้ ใจและสนใจการท�ำงานด้านสุขภาพ และไดร้ บั การพัฒนา ดูแลรักษาร่วมกับหน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น โรงพยาบาล
ศกั ยภาพดว้ ยหลกั สตู รในการอบรม ดงู าน ทดลองทำ� งานจรงิ ส่งเสริมสุขภาพต�ำบล และโรงพยาบาลชุมชน ให้เกิด
และรับการประเมินผลการปฏิบัติงานเพ่ือเพ่ิมทักษะและ รูปแบบการบริการที่เป็นมิตรและมีความละเอียดอ่อนต่อ
ความม่ันใจในการด�ำเนินงาน ซึ่งน�ำร่องในพื้นที่จังหวัด มิติเพศภาวะและความเป็นชาติพันธุ์ ส�ำหรับนักสื่อสาร
เชียงราย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยเป็นกลไกส�ำคัญเพื่อ สุขภาพชาติพันธุ์นั้น จะเสริมศักยภาพและสมรรถนะ
แก้ปัญหาการส่ือสารที่เอ้ือต่อการจัดบริการด้านสุขภาพ ในด้านออกแบบกระบวนการส่ือสาร และเคร่ืองมือส่ือสาร
ให้แก่ผู้ท่ีมีปัญหาสถานะบุคคลและมีข้อจ�ำกัดทางสิทธิ ที่เหมาะสมกับความแตกต่างหลากหลายของชุมชน
ในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพในโรงพยาบาลน�ำร่อง 3 นกั สอื่ สารสขุ ภาพชาตพิ นั ธจ์ุ ะไมใ่ ชแ่ คล่ า่ มแปลภาษา แตเ่ ปน็
โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลแม่จัน โรงพยาบาลแม่สาย
และโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง เป็นหน่ึงในรูปธรรมความ

8

Thai Health Promotion Journal

กลไกในการสร้างเสริมสุขภาพผ่านการส่ือสาร ในช่วงวิกฤต ซางหนาม อำ� เภอปางมะผ้า จังหวัดเชยี งราย บ้านหว้ ยอคี ่าง
ของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ท่ีผ่านมานักส่ือสาร บา้ นห้วยเย็น บา้ นป่าไผ่-มอ่ นยะ อำ� เภอแม่วาง
สุขภาพชาติพันธุ์มีบทบาทส�ำคัญอย่างมากในการส่ือสาร
สร้างความรู้ความเข้าใจในประเด็นเก่ียวกับโรคโควิด-19 การส�ำรวจสถานการณ์สุขภาพเริ่มต้ังแต่การจัดท�ำ
มกี ารผลติ สอื่ คลปิ วดิ โี อ และสอ่ื เสยี งเปน็ ภาษาชาตพิ นั ธด์ุ ว้ ย แผนที่สุขภาพชุมชน การเก็บข้อมูลโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์
ตนเอง ท�ำให้ชุมชนชาติพันธุ์มีความเข้าใจในการดูแลรักษา แบบกลุ่ม/เดี่ยว และสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับสุขภาพชุมชน
สขุ ภาพตนเองในชว่ งการแพร่ระบาดมากขน้ึ ดังภาพท่ี 1 โดยพบข้อมูลสถานการณ์ท่ีน่าสนใจ ดังนี้ พ้ืนที่ด�ำเนินการ
ในจังหวัดเชียงราย มีกลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ ลาหู่ อาข่า พม่า
ขอ้ คน้ พบท่ี 2 ไทใหญ่ ไทลอ้ื ลวั๊ ะ ลาว ขมุ ดาระอง้ั ไทเขนิ มง้ ผหู้ ญงิ สว่ นใหญ่
การแพทย์ผสมผสานชว่ ยลดข้อจำ�กัด/ มีความอายท่ีจะไปพบแพทย์ ไม่เข้าใจภาษา ไม่มีเงิน
ปัจจยั กีดกันด้านระยะทาง สถานท่ีห่างไกล ไม่มีคนไปส่ง มีความเชื่อทางไสยศาสตร์
ใช้สมุนไพรรักษาเอง ผู้หญิงมีความเส่ียงเรื่องสุขภาวะ
กลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มมีถิ่นที่อยู่ในพ้ืนท่ีห่างไกล ทางเพศ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม พื้นท่ีจังหวัด
ตามแนวชายแดน หรือในพ้ืนที่ทเ่ี ขา้ ถงึ ระบบสาธารณปู โภค แมฮ่ อ่ งสอน มีกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ ไดแ้ ก่ ลซี ู ลาหู่ ปะโอ ไทยใหญ่
พื้นฐานได้จ�ำกัด เนื่องด้วยเป็นพ้ืนที่มีความห่างไกลเชิง กลุ่มโรคท่ีผู้หญิงชาติพันธุ์มารักษาท่ีโรงพยาบาล ได้แก่
ภูมิศาสตร์จากศูนย์กลางความเป็นเมืองและบริการของรัฐ เบาหวาน ความดัน ระบบทางเดินหายใจ มะเร็งปากมดลูก
บางชุมชนอาจใช้เวลาเดินทางท้ังวันกว่าจะออกจากชุมชน ปวดเมอื่ ยตามรา่ งกาย ปอดอดุ กน้ั ผวิ หนงั และพน้ื ทจ่ี งั หวดั
เพื่อมารับบริการสุขภาพในหน่วยบริการสุขภาพ ดังนั้น เชียงใหม่ มีกลุ่มชาติพันธุ์ คือ ปะกาเกอะญอ พบปัญหา
สสส. จึงร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัย ความดนั เพราะเครยี ดเรอื่ งปญั หาครอบครวั โดยเฉพาะเรอื่ ง
ธรรมศาสตร์ และภาคเี ครอื ขา่ ยรว่ มพฒั นาศกั ยภาพแกนนำ� การหยา่ รา้ งและทห่ี ว้ ยอคี า่ งพบเรอื่ งทอ้ งไมพ่ รอ้ มคนั ในทล่ี บั
ผู้หญิงชาติพันธุ์ให้สามารถด�ำเนินการส�ำรวจข้อมูล ไมไ่ ดด้ แู ลสขุ ภาวะทางเพศ สามไี มท่ ำ� ความสะอาดอวยั วะเพศ
สถานการณ์ปัญหาสุขภาพของคนในชุมชน รวมทั้งปัญหา ฉดี ยาคุมแลว้ ทอ้ ง ซึมเศร้า และยาเสพติด เป็นตน้
ด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของผู้หญิงชาติพันธุ์ด้วยตนเอง
โดยน�ำร่องในพื้นท่ีจังหวัดเชียงราย ได้แก่ ต�ำบลแม่สาย จากปัญหาสุขภาพต่างๆ และปัญหาความห่างไกล
ต�ำบลห้วยไคร้ ต�ำบลโป่งผา ต�ำบลโป่งงาม อ�ำเภอแม่สาย จงึ รว่ มกบั แกนนำ� (ซง่ึ ตอ่ มายกระดบั เปน็ นกั จดั การสขุ ภาวะ
ตำ� บลหว้ ยซอ้ ตำ� บลสถาน ตำ� บลศรดี อนชยั อำ� เภอเชยี งของ ชาตพิ นั ธ)์ุ นำ� แนวคดิ การแพทยผ์ สมผสานระหวา่ งการแพทย์
ต�ำบลเทอดไท ต�ำบลแม่สลอง อ�ำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัด แผนปัจจุบัน และการแพทย์ชาติพันธุ์ ซ่ึงเป็นองค์ความรู้
แมฮ่ อ่ งสอน ไดแ้ ก่ บา้ นไมล้ นั บา้ นนำ�้ รนิ บา้ นถำ้� ลอด บา้ นไม้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในการดูแลสุขภาพชาติพันธุ์ในพ้ืนที่

ภาพที่ 1 ภาพการสื่อสารภาษากะเหรี่ยงในการป้องกัน Covid-19 จากวีดิทัศน์ที่จัดทำ�โดยนักสื่อสารสุขภาพชาติพันธุ์ บ้านห้วยอีค่าง จังหวัดเชียงใหม่

9

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย

จนเกิดรูปแบบ และชุดกิจกรรมในการสร้างเสริมสุขภาพ 2. พฒั นาหลกั สตู ร และกระบวนการพฒั นาศกั ยภาพ
ผู้หญิงชาติพันธุ์ จ�ำนวน 21 ชุดกิจกรรม เช่น ชุดกิจกรรม แกนน�ำและล่ามชุมชนชาติพันธุ์ เพื่อท�ำหน้าท่ีเป็น
การดูแลสุขภาพตามแบบชาติพันธุ์ชนเผ่า “แช่มือ แช่เท้า” กลไกในการท�ำงานด้านส่งเสริม ป้องกันเชิงรุก
ชุดกิจกรรม “ใส่ใจ เท่าทัน มะเร็งเต้านม” เป็นต้น ท้ังนี้ ในชมุ ชน/หมบู่ า้ น และเชอื่ มประสานการเขา้ รบั บรกิ าร
ชุดกิจกรรมเหล่าน้ีเป็นชุดกิจกรรม และรูปแบบในการดูแล สุขภาพระหว่างผู้หญิงชาติพันธุ์ที่มีปัญหาด้าน
รกั ษาสขุ ภาพตนเองเบอ้ื งตน้ เพอื่ ลดปญั หาของความหา่ งไกล การส่ือสารภาษาไทยกับบุคลากรในโรงพยาบาล
ของชมุ ชนกบั หนว่ ยบรกิ ารสขุ ภาพ รวมทง้ั ยงั ชว่ ยลดปรมิ าณ จำ� นวน 79 คน
ความหนาแน่นของผู้รับบริการท่ีจะเข้าไปใช้บริการในหน่วย 3.พฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากรและเจา้ หนา้ ทด่ี า้ นสาธารณสขุ
บรกิ ารท้งั ระดบั ปฐมภูมิ และทุตยิ ภมู ิด้วย ในการสรา้ งความเขา้ ใจความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม
และเพศภาวะของผู้หญิงชาติพันธุ์และระบบบริการ
ข้อค้นพบที่ 3 ทเี่ ปน็ มติ รตอ่ ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุ จำ� นวน 44 คน
ระบบบริการสุขภาพท่มี คี วามละเอียดออ่ นตอ่ มติ ิ 4. พัฒนามาตรฐานแนวทางการปฏิบัติ (stan-
เพศภาวะและความเปน็ ชาตพิ ันธช์ุ ว่ ยลดข้อจำ�กดั / dard operation procedure: SOP) ในการให้
ปจั จยั กีดกันดา้ นวฒั นธรรม บริการของบุคลากร และเจ้าหน้าท่ีด้านสาธารณสุข
ในโรงพยาบาลที่มีความละเอียดอ่อนต่อประเด็น
การให้บริการสุขภาพของหน่วยบริการสุขภาพและ เพศภาวะ และความเปน็ ชาติพนั ธุ์
โรงพยาบาลที่ต้ังอยู่ในพ้ืนที่ที่มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่ 5. พัฒนาเครื่องมือสื่อสารภาษาชาติพันธุ์ เช่น ป้าย
จำ� นวนมาก มักพบปญั หาส�ำคัญในการเขา้ ถงึ บริการสขุ ภาพ ให้ความรู้ ป้ายบอกทางและแสดงต�ำแหน่งข้ันตอน
ได้แก่ บุคลากรด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่เป็นคนเมือง ไม่มี การเขา้ รับบรกิ าร และสื่อเสยี ง เป็นตน้
ความเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ และ 6. จดั กระบวนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพเชงิ รกุ (สง่ เสรมิ
ยังไม่มีแนวปฏิบัติท่ีค�ำนึงถึงประเด็นความอ่อนไหวทาง ปอ้ งกนั ) โดยบคุ ลากร และเจา้ หนา้ ทด่ี า้ นสาธารณสขุ
เพศภาวะและความเปน็ ชาตพิ นั ธ์ุในขณะทต่ี วั ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธเ์ุ อง ลงไปในชมุ ชนในพน้ื ท่หี า่ งไกลอยา่ งสม�่ำเสมอ
ไม่สามารถส่ือสารด้วยภาษาไทยกลางได้ รวมท้ังยังรู้ว่า 7. จัดสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลให้เอื้อต่อการ
การให้บริการทางการแพทย์น้ันๆ ขัดต่อจารีตประเพณีของ ใช้บริการของผู้หญิงชาติพันธุ์ เช่น มีพ้ืนที่ส�ำหรับให้
กลุ่มชาติพันธุ์ของตนเอง และด้วยปัจจัยของความเป็น นมลกู พนื้ ทสี่ ำ� หรบั การทำ� พธิ กี รรมหลงั คลอด เปน็ ตน้
ผหู้ ญงิ รวมทง้ั ความเชอื่ ทางวฒั นธรรมทำ� ใหผ้ หู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุ ระบบบรกิ ารทเี่ ปน็ มติ รสำ� หรบั ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุ เกดิ ขนึ้
เลือกทจ่ี ะไม่รบั เข้าบริการสขุ ภาพในหน่วยบริการ จากการสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของหนว่ ยบรกิ ารสขุ ภาพในฐานะ
ผใู้ หบ้ รกิ ารระบบสขุ ภาพ ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธใ์ุ นฐานะผใู้ ชบ้ รกิ าร
สสส. ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัย รวมท้ังภาคประชาสังคมจัดต้ังคณะท�ำงานพัฒนาระบบ
ธรรมศาสตร์โรงพยาบาลปางมะผา้ มลู นธิ พิ ฒั นาชนกลมุ่ นอ้ ย บรกิ ารทเ่ี ป็นมติ รส�ำหรับผูห้ ญิงชาตพิ นั ธุร์ ะดับอำ� เภอ โดยมี
และชาติพันธุ์ และแกนน�ำผู้หญิงชาติพันธุ์พัฒนาระบบ แผนยุทธศาสตร์ในการขับเคล่ือนผ่านการพัฒนาต้นแบบ
บริการท่ีเป็นมิตรส�ำหรับผู้หญิงชาติพันธุ์ เพื่อขจัดปัจจัยที่ และพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อผลักดันสู่การเป็น
กีดกันหรือเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการสุขภาพของ นโยบายระดับประเทศเพ่ือสร้างความยั่งยืนของระบบต่อไป
ผู้หญิงชาติพันธุ์ ช่วยลดความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึง ระบบบริการท่ีเป็นมิตร ท�ำให้ผู้หญิงชาติพันธุ์ลดค่าใช้จ่าย
บริการสุขภาพบุคลากรด้านสาธารณสุขมีความเข้าใจ ในการเดนิ ทางจากชมุ ชนซงึ่ เปน็ พน้ื ทหี่ า่ งไกลบนภเู ขาลงมายงั
มีทักษะในการให้บริการมีแนวปฏิบัติ และรูปแบบการ หน่วยบริการสุขภาพหรือโรงพยาบาล เน่ืองจากระบบ
ทำ� งานทลี่ ะเอยี ดออ่ นตอ่ ความเปน็ ผหู้ ญงิ และมติ คิ วามเปน็ น้ีมีการท�ำงานเชิงรุกท่ีเข้าไปท�ำงานเชิงส่งเสริมป้องกัน
ชาตพิ ันธ์ุ โดยมีการด�ำเนินงานสำ� คญั ดังน้ี ในพ้ืนที่ห่างไกล นอกจากนี้ยังมีการปรับสภาพแวดล้อม

1. สำ� รวจสถานการณป์ ญั หาการเขา้ ถงึ บรกิ ารสขุ ภาพ
และอนามยั การเจรญิ พนั ธข์ุ องผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธใ์ุ นพน้ื ท่ี
เพอื่ เปน็ ขอ้ มลู สำ� หรบั การดำ� เนนิ งาน

10

Thai Health Promotion Journal

ของโรงพยาบาลเพื่อให้สอดคล้องกับมิติความเป็น ผู้หญิง ระหวา่ งขนบธรรมเนยี มประเพณขี องกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ จะเหน็ ได้
ชาติพนั ธ์ุ เช่น การมีพ้ืนท่ีที่เป็นสว่ นตวั ส�ำหรับการใหน้ มลกู จากพฤติกรรมการดูแลตนเองภายในกลุ่มต่างๆ ที่มีความ
การมพี นื้ ทส่ี ำ� หรบั ประกอบพธิ กี รรมตามความเชอื่ หลงั คลอด หลากหลาย การศึกษาท่ีผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าเช้ือชาติ
เปน็ ตน้ จากการทดลองนำ� รอ่ งระบบในโรงพยาบาลปางมะผา้ ชาติพันธุ์ และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมมีผลกระทบ
จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน พบวา่ ในปี พ.ศ. 2562 มผี หู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุ อยา่ งมากตอ่ ระดบั สขุ ภาพมขี อ้ เทจ็ จรงิ ทกี่ ลา่ ววา่ หญงิ ชาตพิ นั ธ์ุ
ในพ้ืนท่ีด�ำเนินการได้รับบริการจากระบบที่พัฒนาขึ้น มักจะมีระดับสุขภาพที่แย่กว่าระดับสุขภาพของผู้ชาย
จ�ำนวน 609 คน มีความพึงพอใจ รวมท้ังมีความรู้ความ ชาตพิ นั ธ์ุ เนอ่ื งจากความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ภายในกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
เข้าใจในประเด็นสุขภาพและอนามัยการเจริญพันธุ์ ความเป็นผู้หญิงท�ำให้ผู้ชายมักจะได้รับโอกาสในการเข้าถึง
เพม่ิ มากขน้ึ โดยเปน็ ความรทู้ ผ่ี สมผสานระหวา่ งสขุ ภาพพน้ื ถนิ่ การรับบริการสุขภาพได้มากกว่าผู้หญิง การลดช่องว่าง
กับการแพทย์แผนปัจจุบันท�ำให้ไม่ขัดต่อความเช่ือและ ดงั กลา่ วเปน็ สง่ิ สำ� คญั อยา่ งมากในการจดั การการเขา้ ถงึ การ
วฒั นธรรมของกลุ่มชาติพันธ์ุ รับบริการสุขภาพ การศึกษาที่ผ่านมา กล่าวว่า การพัฒนา
นวัตกรรมในการพัฒนาระดับความรู้ ความเข้าใจ และการ
วจิ ารณ์ พัฒนาล่ามชุมชนจะเป็นแนวทางที่ดีต่อการจัดการปัญหา
ดงั กลา่ ว(11)
ปัจจัยอปุ สรรคของการเข้าถงึ การรับบริการสุขภาพ
ของหญงิ ชาตพิ ันธ์ุในประเทศไทย ความแตกต่างระหว่างภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์และ
บคุ ลากรดา้ นสุขภาพกเ็ ป็นอีกหนึ่งปจั จยั ทางสังคมทส่ี ำ� คัญ
อปุ สรรคทช่ี ดั เจน คอื ปจั จยั ทางสงั คม ซงึ่ มคี วามสำ� คญั และเป็นเหมือนอุปสรรคสำ� คญั ที่กดี ขวางกลุ่มชาติพันธ์ุการ
ท่ีชัดเจนและมีผลมากกว่าประสิทธิภาพทางการแพทย์ ส่ือสารท่ีมิได้ประสิทธิภาพส่งผลกระทบอย่างมากต่อระดับ
ไมว่ ่าจะเป็นเทคโนโลยที างการแพทย์ คุณภาพของบคุ ลากร สขุ ภาพของกลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศไทย โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ
ดา้ นสขุ ภาพและสดั สว่ นของสถานบรกิ ารองคก์ ารอนามยั โลก หญิงไทยชาติพันธุ์ การแลกเปลี่ยนภาษาระหว่างกลุ่ม
ได้ให้นิยามของปัจจัยทางสังคมทางสุขภาพ กล่าวคือ ชาตพิ นั ธแ์ุ ละบคุ ลากรดา้ นสขุ ภาพเปน็ สง่ิ ทส่ี ำ� คญั ลา่ มชมุ ชน
สภาวะหรือสถานการณ์ที่เก่ียวข้องกับมนุษย์ในช่วงเวลา จงึ มบี ทบาทอยา่ งมากในการแกป้ ญั หาดงั กลา่ วและลา่ มชมุ ชน
ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดการเจริญเติบโต และการด�ำเนิน สมควรที่จะได้รับการพัฒนา การศึกษาท่ีผ่านมาแสดงให้
ชีวิต ซึ่งสภาวะเหล่าน้ีจะถูกก�ำหนดโดยกรอบของสังคม เห็นว่า ผู้ป่วยท่ีเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนมากจะมีระดับความ
การปกครอง และเศรษฐกิจ(9) จากผลการศึกษา พบว่า รอบรู้ด้านสุขภาพค่อนข้างต�่ำ การท�ำความเข้าใจภาษา
ปัจจัยทั้งหมดจากการศึกษามีความสัมพันธ์กับปัจจัยทาง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการมีการดูแลสุขภาพที่ดี(7) ดังน้ัน
สังคม จะเหน็ ไดว้ า่ หญงิ ไทยชาตพิ ันธ์มุ ไิ ด้ให้ความสำ� คญั ตอ่ ลา่ มชมุ ชนจงึ จำ� เปน็ อยา่ งมากในการสรา้ งเสรมิ ระดบั สขุ ภาพ
ประสทิ ธภิ าพทางการแพทย์ แตใ่ หค้ วามสำ� คญั อยา่ งมาก คอื ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ นอกเหนอื จากนนั้ กลมุ่ ชาตพิ นั ธท์ุ ม่ี กี ารใช้
ความแตกต่างของปัจจัยทางสังคมภายในสังคมของผู้หญิง ล่ามชุมชนจะมีความกล้าในการซักถามถึงการดูแลสุขภาพ
ชาติพันธุ์เอง ได้แก่ การปฏิบัติตามวัฒนธรรม ประเพณขี อง ตนเอง และการปรึกษาถึงสุขภาพจิตมากกว่ากลุ่มท่ีไม่มี
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเพศชายและเพศหญงิ การยอมรบั จาก ลา่ มชมุ ชนขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษข์ องการขบั เคลอ่ื น จะเหน็ ไดว้ า่
ชมุ ชนและเครอื ญาตทิ เ่ี ปน็ อปุ สรรคหลกั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การเขา้ ถงึ การพัฒนาล่ามชุมชนจึงเป็นสิ่งส�ำคัญและล่ามชุมชนที่มี
การรับบริการทางการแพทย์ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษา คุณภาพจะช่วยแก้ปัญหาการไม่เข้าใจภาษาระหว่างกลุ่ม
ท่ีผ่านมา ท่ีได้กล่าวว่า อิทธิพลของเชื้อชาติ และปัจจัยทาง ชาติพันธุ์และบุคลากรด้านสุขภาพ แนวทางการพัฒนา
สงั คมสง่ ผลอยา่ งมากตอ่ การเขา้ ถงึ การรบั บรกิ ารทางการแพทย์ ดังกล่าวจะเป็นการสร้างเสริมระดับสุขภาพของกลุ่ม
ของกลุ่มชาติพันธุ์ และผลกระทบดังกล่าวยังเชื่อมโยงถึง ชาตพิ นั ธุอ์ ย่างยง่ั ยนื
ความไม่เทา่ เทียมกันภายในกลุ่มชาตพิ ันธ(ุ์ 10)

ระดับสุขภาพของหญิงไทยชาติพันธุ์มีความสัมพันธ์
กับกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความหลากหลายและความแตกต่าง

11

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย

การคำ�นึงถงึ ความเป็นมนษุ ย์ทเี่ ท่าเทียมยงั คงเปน็ การแพทย์ผสมผสานระหว่างแพทยแ์ ผนปจั จุบัน
เคร่ืองมือสำ�คญั ในการลดอุปสรรคในการเขา้ ถงึ กบั การแพทย์ดง้ั เดมิ หรือการแพทยช์ าตพิ ันธ์ุ
การรับบรกิ ารสขุ ภาพภายในกลุ่มหญงิ ชาติพนั ธุ์ ยงั คงจำ�เปน็ ในบริบทของชมุ ชนชาตพิ นั ธ์ุ

กระบวนการลดความไม่เท่าเทียม และการสร้างเสริม การแพทยผ์ สมผสานเปน็ ระบบการใหบ้ รกิ ารทางการแพทย์
การเขา้ ถงึ การรบั บรกิ ารสขุ ภาพภายในกลมุ่ หญงิ ไทยชาตพิ นั ธ์ุ ทนี่ า่ สนใจเปน็ อยา่ งมากกบั ผคู้ นทว่ั โลกเนอื่ งจากระบบการแพทย์
ตอ้ งการมาจากการขบั เคลอ่ื นของมนษุ ย์ การขาดพลงั อำ� นาจ แบบผสมผสานจะช่วยแก้ปัญหาความต้องการหายจาก
ยังคงเป็นปัญหาหลักของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะ อาการป่วยของผู้ป่วยที่มีหลากหลายมิติอย่างเป็นองค์รวม
หญิงชาติพันธุ์ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ชายส่วนมากได้รับ กลุ่มชาติพันธุ์จ�ำนวนมากมีระดับการเข้าถึงการรับบริการ
โอกาสมากกว่าผู้หญิง มีอ�ำนาจมากกว่าผู้หญิง มีระดับการ สขุ ภาพในระดบั คอ่ นขา้ งตำ่� นอกเหนอื จากนนั้ หญงิ ชาตพิ นั ธ์ุ
ศึกษาที่สูงกว่าและมีอ�ำนาจในการครอบครองชุมชนและ ต้องเผชิญความท้าทายมากมายเม่ือพวกเขาต้องไป
สถาบันต่างๆ ระดับชาติความไม่เท่าเทียมทางเพศ ท�ำให้ รับบริการที่สถานบริการสุขภาพ ซ่ึงพวกเขามักจะต้องการ
ระดับสุขภาพแย่ลง และผู้หญิงมากกว่า 1 ล้านคน การดูแลทางการแพทย์มากขึ้นเน่ืองจากการเจ็บป่วย และ
ตอ้ งพลาดโอกาสในการไดร้ บั ผลลพั ธท์ เ่ี หมาะสมตอ่ ตนเอง(12) โรคท่ีมีความซับซ้อนในระดับที่สูงขึ้น การแพทย์ผสมผสาน
การสร้างพลังอ�ำนาจภายในกลุ่มหญิงชาติพันธุ์จึงเป็น จะช่วยในการปรับการให้บริการสุขภาพให้เกิดความสมดุล
สงิ่ ทสี่ ำ� คญั อยา่ งยง่ิ ในการลดอปุ สรรคทางดา้ นสงั คม รวมถงึ มากขึ้น และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่
การเข้าถึงการรับบริการสุขภาพ การสร้างพลังอ�ำนาจเป็น จะจดั การกบั การดแู ลสขุ ภาพแบบผสมผสานในพน้ื ทห่ี า่ งไกล
กระบวนการในการเพม่ิ พลงั อำ� นาจใหก้ บั กลมุ่ ทมี่ พี ลงั อำ� นาจ สถานการแพทย์แบบผสมผสานท่ีมีประสิทธิภาพส�ำหรับ
คอ่ นขา้ งน้อยให้มคี วามสามารถและขีดจำ� กัดทเ่ี พ่มิ สูงขึน้ (13) กลมุ่ ชาตพิ นั ธค์ุ วรเกดิ จากการผสมผสานระหวา่ งระบบการแพทย์
กระบวนการดังกล่าวเป็นกระบวนการระหว่างบุคคลท่ี แผนปัจจุบันและระบบการแพทย์ด้ังเดิมในบริบทนั้นๆ
เกดิ จากการใชท้ รพั ยากรทเ่ี หมาะสมในการเพม่ิ ความสามารถ โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์(14) แรกเริ่มการเปลี่ยนแปลง
และประสิทธิภาพภายในกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ความเชื่อด้านสุขภาพและวัฒนธรรมด้านสุขภาพของ
จากการศึกษาที่ผ่านมา กล่าวว่า ระดับพลังอ�ำนาจที่สูงมี กลุ่มชาติพันธุ์เป็นปัจจัยท่ีเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างยาก
ความสัมพันธ์กับผลลัพธ์ด้านอนามัยเจริญพันธุ์ที่ดีระดับ ดังน้ันการสร้างศูนย์สุขภาพแบบผสมผสานจะเป็นแผน
ความมนั่ ใจทเี่ พม่ิ ขนึ้ ของหญงิ ชาตพิ นั ธจ์ุ ะทำ� ใหก้ ลมุ่ ดงั กลา่ ว เช่ือมโยงตามบริบทความเป็นจริงเพื่อพัฒนาการเข้าถึง
เกดิ ความกลา้ ในการพจิ ารณาตดั สนิ ใจ การตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั บรกิ ารสขุ ภาพสำ� หรบั กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ ขอ้ คน้ พบจากการศกึ ษา
ลา่ มชมุ ชน การเขา้ รว่ มสงั คม การพฒั นาพฤตกิ รรมการดแู ล แสดงใหเ้ หน็ วา่ ผหู้ ญงิ จำ� นวนมากมคี วามตอ้ งการการรกั ษา
สุขภาพที่ถูกต้อง และการค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพเมื่อพวก แบบผสมผสานในดา้ นอนามยั เจรญิ พนั ธ์ุผหู้ ญงิ มกั จะเลอื กใช้
เขาต้องการรับการรักษาท่ีเหมาะสม กระบวนการดังกล่าว การแพทย์ผสมผสานด้วยเหตุผลหลายประการ การแพทย์
จะชว่ ยเพมิ่ ระดบั ความมนั่ ใจ และความพงึ พอใจในการกา้ วขา้ ม ผสมผสานจงึ เปน็ ตวั แทนของ“พลงั งานหญงิ ”ในดา้ นการแพทย์
อุปสรรคต่างๆ นอกจากน้ัน กระบวนการดังกล่าวยังเป็น ซึ่งเป็นท่ีต้องการมากข้ึนในปัจจุบัน ล่ามชุมชนท่ีเกิดจาก
ส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดกฎหมายและนโยบายในการ หญิงชาติพันธุ์จึงมีส่วนส�ำคัญอย่างมากต่อกระบวนการ
แก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม การศึกษาถึงสถานการณ์ปัญหา ดังกล่าวในการเชื่อมระหว่างบุคลากรด้านสุขภาพและ
ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่จ�ำเป็นในการกระตุ้นให้เกิดนโยบาย กลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงชาติพันธุ์การสื่อสาร
ที่เกี่ยวข้องกับการลดความไม่เท่าเทียมภายในกลุ่มหญิง- ท่ีมีประสิทธิภาพจะน�ำมาซึ่งการบริการด้านสุขภาพท่ีดีที่สุด
ชาตพิ ันธ(ุ์ 10) แกก่ ลุ่มชาตพิ ันธ(์ุ 10)

การพฒั นาระบบบริการทีเ่ ป็นมิตร โดยพัฒนาต่อยอด
ล่ามชุมชนท่ีท�ำหน้าท่ีจัดการและช่วยลดปัจจัยอุปสรรคใน
การเข้ารับบริการสุขภาพ อาทิ ภาษา ความรู้ ทักษะในการ

12

Thai Health Promotion Journal

สร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคโดยผสมผสานความรู้ สหู่ นว่ ยบรกิ ารสขุ ภาพทกุ ระดบั ในพน้ื ทอ่ี ำ� เภอนำ� รอ่ ง
ทางการแพทย์เชิงชาติพันธุ์ ท�ำให้ผู้หญิงชาติพันธุ์เข้าถึง เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล (รพ.สต.)
กระบวนการสร้างเสริมสุขภาพของรัฐ และการผสมผสาน ศูนยส์ าธารณสุขมลู ฐานชมุ ชน (ศสมช.)
กับการแพทย์เชิงชาติพันธุ์มากข้ึน มีความพึงพอใจต่อการ 2. นักจัดการสุขภาพชาติพันธุ์ นักส่ือสารสุขภาพ
ให้บริการ รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในประเด็นสุขภาพ ชาติพันธุ์หรือล่ามชุมชน เป็นหนึ่งในกลไกส�ำคัญ
และอนามัยการเจริญพันธุ์เพ่ิมมากขึ้น ซ่ึงจะเป็นรูปแบบ ของระบบบริการณ ปัจจุบันยังใช้ความเป็นจิตอาสา
ท่ีมีประสิทธิภาพในการขยายผลเพ่ือเพิ่มการเข้าถึงบริการ ในการท�ำงาน แต่การท�ำงานของนักจัดการสุขภาพ
สขุ ภาพสำ� หรบั ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุและเปน็ พน้ื ฐานในการตดั สนิ ใจ ชาตพิ นั ธ์ุ นกั สอ่ื สารสขุ ภาพชาตพิ นั ธ์ุ หรอื ลา่ มชมุ ชน
เชงิ นโยบาย และการจดั การบริการตา่ งๆ มกั มคี า่ ใชจ้ า่ ยเกดิ ขนึ้ ระหวา่ งทางทง้ั คา่ เดนิ ทางคา่ ตดิ ตอ่
สื่อสาร รวมท้ังท�ำให้เสียเวลาในการท�ำงานประจ�ำ
ดังน้ันการพัฒนาระบบบริการท่ีเป็นมิตร โดยพัฒนา ดังนั้นจึงควรมีการถอดบทเรียนการท�ำงาน และ
ต่อยอดล่ามชุมชนท่ีท�ำหน้าที่จัดการและช่วยลดปัจจัย พัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเพ่ือน�ำไปสู่การ
อุปสรรคในการเข้ารับบริการสุขภาพ อาทิ ภาษา ความรู้ ขับเคลื่อนให้สามารถมีผลประโยชน์/ผลตอบแทน
ทกั ษะในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและปอ้ งกนั โรคโดยผสมผสาน แก่นักจัดการสุขภาพชาติพันธุ์ นักสื่อสารสุขภาพ
ความรู้ทางการแพทย์เชิงชาติพันธุ์ ท�ำให้ผู้หญิงชาติพันธุ์ ชาติพันธุ์ หรือล่ามชุมชนได้ โดยอาจเชื่อมโยงกับ
เขา้ ถงึ กระบวนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของรฐั และการผสมผสาน ระบบการดำ� เนนิ งานตำ� แหนง่ พนกั งานสขุ ภาพชมุ ชน/
กับการแพทย์เชิงชาติพันธุ์มากข้ึน มีความพึงพอใจต่อการ พนักงานช่วยการพยาบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน สุขภาพ
ให้บริการ รวมท้ังมีความรู้ความเข้าใจในประเด็นสุขภาพ สำ� หรบั ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธแ์ุ ละเปน็ พน้ื ฐานในการตดั สนิ ใจ
และอนามัยการเจริญพันธุ์เพ่ิมมากขึ้น ซึ่งจะเป็นรูปแบบ เชิงนโยบายและการจัดการบรกิ ารตา่ งๆ
ที่มีประสิทธิภาพในการขยายผลเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการ 3. ยกระดับการด�ำเนินงานการจัดการสุขภาพโดย
สขุ ภาพสำ� หรบั ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุและเปน็ พน้ื ฐานในการตดั สนิ ใจ ใช้การแพทย์เชิงชาติพันธุ์ควบคู่ไปกับการแพทย์
เชงิ นโยบายและการจัดการบริการตา่ งๆ แผนปัจจุบันซ่ึงด�ำเนินการโดยนักจัดการสุขภาพ
ชาตพิ ันธุ์ นกั สอื่ สารสขุ ภาพชาติพันธุ์หรอื ลา่ มชมุ ชน
ข้อเสนอแนะในการวิจยั ให้มีการ บูรณาการคนฐานข้อมูล วิธีการทำ� งาน การ
1. ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเข้าถึงบริการสุขภาพ ประเมินผลร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจ�ำ
ของผู้หญิงชาติพันธุ์ในเชิงปริมาณเพ่ือใช้ในการ หมู่บ้าน
ก�ำหนดแนวทางการแก้ไข ป้องกันปัญหาในระยะ 4. สร้างกลไกในการประสานงานให้ใกล้ชิดและมีความ
เรง่ ดว่ น และระยะต่อเนื่อง เข้าใจตรงกันระหว่างการด�ำเนินงานของนักจัดการ
2. ศึกษารปู แบบและแนวทางการบูรณาการการบริการ สุขภาพชาติพันธุ์ นักสื่อสารสุขภาพชาติพันธุ์ หรือ
สขุ ภาพเชงิ ผสมผสานระหวา่ งการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั ล่ามชุมชนกับบุคลากรด้านสุขภาพของรัฐ เช่น
และการแพทย์เชิงชาตพิ นั ธ์ุในชุมชน รพ.สต. โรงพยาบาลชุมชน ส�ำนักงานสาธารณสุข
3. ศึกษาผลลัพธ์ทางสุขภาพท่ีเกิดข้ึนการมีกลไก อำ� เภอ และบคุ ลากรดา้ นสขุ ภาพขององคก์ รปกครอง
ล่ามชุมชนและระบบบริการสุขภาพที่เป็นมิตรต่อ ส่วนท้องถิ่น เช่น กองสาธารณสุขหน่วยบริการ
ผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุ สุขภาพขององค์การบริหารส่วนต�ำบล หรือเทศบาล
เพอื่ ใหก้ ารดำ� เนนิ งานการจดั การสขุ ภาพมกี ารสง่ ตอ่
ขอ้ เสนอแนะในการด�ำ เนินงาน ไดอ้ ยา่ งราบร่นื ลดปัจจยั อปุ สรรคไดม้ ากขึน้
1. พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายเพ่ือการผลักดันให้การ
พัฒนาระบบบริการสุขภาพท่ีเป็นมิตร ผ่านการ
พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ระดบั อำ� เภอ (พชอ.) เพอื่ ขยายผล

13

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

กิตตกิ รรมประกาศ ซ่ึงคุณูปการทั้งปวงขอให้กับทุกๆ คนที่มีส่วนร่วมสนับสนุน
ต่อเน้อื หาทง้ั หมดนี้ และส�ำนกั สนับสนุนสขุ ภาวะประชากร-
คณะผู้เขยี นขอขอบคุณทุกเสียง ทุกประสบการณ์ของ กลมุ่ เฉพาะ (สำ� นกั 9) สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ ง-
พีน่ อ้ งชาติพนั ธท์ุ กุ คน ผู้ร่วมดำ� เนนิ โครงการ ผปู้ ระสานงาน เสริมสุขภาพ (สสส.)
ในพื้นท่ี รวมทั้งผู้ท่ีมีส่วนร่วมในทุกๆ กระบวนการในการ
สร้างสรรค์บทความนี้เพื่อประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย

เอกสารอา้ งองิ

1. ศนู ยม์ านษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร. ฐานขอ้ มลู งานวจิ ยั ทางชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศไทย [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2560 [สบื คน้ เมอื่ 30 ก.ย. 2562]. แหล่งข้อมูล:
http://www.sac.or.th/databases/ethnicredb

2. กาญจนา เทียนลาย, ธีรนงค์ สกุลศรี. ประชากรชายขอบ: มุมมองในเชิงจ�ำนวนและการกระจาย [อินเทอร์เน็ต]. 2559 [สืบค้นเม่ือ
30 ก.ย. 2562]. แหล่งขอ้ มูล: http://www2.ipsr.mahidol.ac.th/ConferenceVIII/Download/Article_Files/2-Marginal-
isedPopulations-Kanchana.pdf

3. พฒั นา นาคทอง. รายงานการตดิ ตามและประเมนิ ภายในโครงการพฒั นากลไกการเขา้ ถงึ บรกิ ารสขุ ภาพและเสรมิ สรา้ งสขุ ภาวะผหู้ ญงิ
ชาติพันธุ์ (ข้อตกลงเลขท่ี 60-00-1748 รหัสโครงการ 60-02046) [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [สืบค้นเมื่อ 30 ก.ย. 2562]. แหล่ง
ข้อมูล: https://publicadministration.un.org/unpsa/Portals/0/UNPSA_Submitted_Docs/2019/9873f17dd6f443a0
96388cca590fce15/2020%20UNPSA_Ethnic%20Women%20Friendly%20Health%20Services_Evaluation%20
Report_26112019_075717_295c10ab-ce09-45dd-b178-0028c04c08ce.pdf?ver=2019-11-26-075717-963

4. นิสาพร วัฒนศัพท์, ฐานิดา บุญวรรโณ, ศิวาภรณ์ ไชยเจริญ. ช่วงช้ันทางสังคม ความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม และการอธิบายถึง
ความเป็นประชากรกลุ่มเปราะบางในสงั คม [อนิ เทอรเ์ น็ต]. 2559 [สบื ค้นเมอ่ื 30 ก.ย. 2562]. แหล่งขอ้ มูล: http://kb.hsri.or.th/
dspace/handle/11228/4633

5. Thiraphon Singlor. ‘Health Disparities–ความเหลอื่ มลำ้� ดา้ นสขุ ภาพ’ กบั ‘Gender’–เพศสภาพ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2518 [สบื คน้ เมอื่
30 ก.ย. 2562]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.sdgmove.com/2021/02/22/gender-health-disparities-mosuo-ethnicity/

6. สำ� นกั งานคณะกรรมการปฏริ ปู กฎหมาย. รายงานผลการปฏบิ ตั หิ นา้ ทค่ี ณะกรรมการปฏริ ปู กฎหมาย ประจำ� ปี 2556 [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2557
[สบื คน้ เมอ่ื 30 ก.ย. 2562]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://library2.parliament.go.th/giventake/content_nla2557/d092657-05.pdf

7 รณภมู ิสามคั คคี ารมย.์ รายงานผลการดำ� เนนิ โครงการสำ� รวจสถานการณค์ วามรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพในกลมุ่ ประชากรผหู้ ญงิ ชาตพิ นั ธ์ุกลมุ่ บคุ คล
ทม่ี คี วามหลากหลายทางเพศ และกลมุ่ ประชากรตา่ งชาต.ิ กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ; 2562.

8. ปาริชาติ วลยั เสถยี ร, พระมหาสทุ ติ ย์ อบอุน่ , สหัทยา วิเศษ, จันทนา เบญจทรพั ย,์ ชลกาญจน์ ฮาซนั นารี. กระบวนการและเทคนคิ
การท�ำงานของนกั พัฒนา. กรุงเทพมหานคร: สำ� นักงานกองทนุ สนับสนนุ การวิจยั ; 2543.

9. World Health Organization. Social determinants of health [Internet]. [cited 2019 Sep 30]. Available from: https://
www.who.int/health-topics/social-determinants-of-health

10. พิมพว์ ัลย์ บญุ มงคล, พมิ ณทพิ า มาลาหอม. “เสยี่ วสุขภาพ” การพัฒนาเครือข่ายการดูแลและส่งเสรมิ สขุ ภาพอนามยั เจรญิ พันธุ์และ
สุขภาวะทางเพศ (SRH) ของแรงงานหญิงลาว ในพ้ืนท่ีชายแดนอ�ำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี [อินเทอร์เน็ต]. 2562 [สืบค้น
เมอื่ 30 ก.ย. 2562]. แหล่งขอ้ มลู : https://healthandshare.org/th/2344-2/

11. ณภทั ร ประภาสชุ าต.ิ รายงานฉบบั สมบรู ณก์ ารวจิ ยั ระบบและกลไกการจดั บรกิ ารเพอื่ การเขา้ ถงึ สทิ ธทิ างดา้ นการบรกิ ารสขุ ภาพสำ� หรบั ผทู้ ม่ี ี
ปญั หาสถานะบคุ คลกรณศี กึ ษาโครงการนำ� รอ่ งจงั หวดั เชยี งราย.กรงุ เทพมหานคร:สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ -สขุ ภาพ;2559.

12. ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ. สถิติหญิงและชาย การศึกษาและการอบรม ปีการศึกษาเฉลี่ยของประชากรจ�ำแนกตามกลุ่มอายุและเพศ
ปกี ารศกึ ษา 2553-2562 [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2562 [สบื คน้ เมอ่ื 30 ก.ย. 2562]. แหลง่ ขอ้ มลู : http://statbbi.nso.go.th/staticreport/
page/sector/th/07.aspx

13. Mayoux L. Reaching and empowering women [Internet]. [cited 2019 Sep 30]. Available from: http://www.gen-
finance.info/.../Reaching%20and%20Empowering%20Women.pdf

14. โกมาตร จงึ เสถยี รทรพั ย.์ พหลุ กั ษณท์ างการแพทยก์ บั สขุ ภาพในมติ สิ งั คมวฒั นธรรม. กรงุ เทพมหานคร: ศนู ยม์ านษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร; 2549.

14

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ี่ 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

นพิ นธ์ตน้ ฉบบั Original Article

การประเมินผลตอบแทนทางสังคม
จากการลงทุนตำ�บลสุขภาวะ

ศวิ าพร ฟองทอง, วรวรรณ ชาญด้วยวทิ ย์
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ จงั หวดั ขอนแกน่

บทคัดยอ่

โครงการพัฒนาสุขภาวะเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ โดยส�ำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน ร่วมกับองค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เนน้ การสง่ เสรมิ กจิ กรรมทส่ี รา้ งประโยชนใ์ หก้ บั คนในชมุ ชน เชน่ โรงเรยี นผสู้ งู อายุ กลมุ่ เยาวชนจติ อาสา
เกยี่ วกบั การจดั การขยะ และการออกกำ� ลงั กาย เปน็ ตน้ กจิ กรรมดงั กลา่ วกอ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงคณุ ภาพชวี ติ ของผทู้ มี่ ี
สว่ นเกย่ี วขอ้ งในหลากหลายมติ ิ ทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม สขุ ภาพ และสงิ่ แวดลอ้ ม ดงั นนั้ ในการประเมนิ ความคมุ้ คา่ ของโครงการ
นอกจากมลู คา่ ทางเศรษฐกจิ ทเ่ี ปน็ ตวั เงนิ แลว้ จำ� เปน็ ตอ้ งพจิ ารณาผลประโยชนอ์ น่ื ๆ ในสงั คมทเ่ี ปน็ ผลมาจากโครงการรว่ มดว้ ย
การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางสังคมเป็นเครื่องมือหนึ่งท่ีสามารถวัดผลของโครงการ โดยใช้ตัวช้ีวัดท่ีสะท้อนผลลัพธ์การ
เปลยี่ นแปลงทเี่ กดิ ขนึ้ และแปลงใหเ้ ปน็ มลู คา่ ทมี่ หี นว่ ยวดั เดยี วกบั เงนิ ตรา แมใ้ นกรณที ไี่ มม่ มี ลู คา่ ตลาดกส็ ามารถใชต้ วั แทน
ทางการเงนิ สะทอ้ นมูลคา่ ทางการเงินของผลลพั ธเ์ หลา่ นั้นได้ กอ่ ให้เกิดความชดั เจนในการวเิ คราะหค์ ุณคา่ ของโครงการทมี่ ี
ต่อสงั คมโดยรวม และสามารถน�ำมาใช้ในการติดตามโครงการท่ีได้รบั ประมาณสนับสนุนในพื้นท่ี การวิเคราะหผ์ ลตอบแทน
ทางสงั คมใน 6 พนื้ ทต่ี ำ� บลสขุ ภาวะ ไดแ้ ก่ (1) เทศบาลตำ� บลบา้ นแฮด จงั หวดั ขอนแกน่ (2) เทศบาลตำ� บลกลางหมนื่ จงั หวดั
กาฬสนิ ธ์ุ (3) องคก์ ารบรหิ ารตำ� บลชมุ พล จงั หวดั นครนายก (4) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลแวง้ จงั หวดั นราธวิ าส (5) องคก์ าร
บรหิ ารสว่ นตำ� บลพรหมนมิ ติ จงั หวดั นครสวรรค์ และ (6) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลเจดยี ช์ ยั จงั หวดั นา่ น พบวา่ ทง้ั 6 พน้ื ที่
มีค่า SROI ระหว่าง 1.57–7.53 แสดงว่า เงินทุกๆ 1 บาท ท่ีลงทุนไปน้ันให้ผลตอบแทนทางสังคม 1.57–7.53 บาท หรือ
กลา่ วไดว้ า่ โครงการพฒั นาสขุ ภาวะเครอื ขา่ ยรว่ มสรา้ งชมุ ชนทอ้ งถน่ิ นา่ อยู่ ในพนื้ ท่ี 6 ตำ� บลสขุ ภาวะ มคี วามคมุ้ คา่ ตอ่ การลงทนุ

ค�ำ ส�ำ คญั : ผลตอบแทนทางสังคม; ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง; ตัวชี้วัด; ตัวแทนทางการเงิน

Assessment of Social Return on
Investment for Healthy Community

Siwaporn Fongthong, Worawan Chandoevwit
Faculty of Economics, Khon Kaen University, Khon Kaen Province, Thailand

Abstract

Office of Community Health Support and the Local Administrative Organization had initiated
a healthy community development in the livable community network project aiming to create beneficial

15

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย

activities for the community’s people. The activities included a school for seniors, a youth volunteer
group on waste management, and physical exercise. Such activities had resulted in changes in
the life quality of those involved in various dimensions, including economic, social, health, and
environmental. Assessing the value of the project needs to consider the monetary value and other
benefits in society that result from projects. The social return on investment (SROI) analysis is a tool
for the project evaluation that measures the value of the benefits relative to the costs of achieving those
benefits. SROI analysis demonstrates clarity of the value of projects to society as a whole. Even if there is
no market value for the outcomes, a monetary representation can be utilized to depict their monetary
value. It generates a clear assessment of the project’s overall value to society. It can be used to keep
track of funded projects in the area. The researchers analyzed six areas of healthy communities as follow
(1) Ban Haed Subdistrict Municipality in Khon Kaen Province, (2) Klang Muang Subdistrict Municipality
in Kalasin Province, (3) Chumphon Subdistrict Administrative Organization in Nakhon Nayok Province,
(4) Waeng Subdistrict Administrative Organization in Narathiwat Province, (5) Phrom Nimit Subdistrict
Administrative Organization in Nakhon Sawan Province, and (6) Chedi Chai Subdistrict Administrative
Organization in Nan Province. The results revealed that the SROI values in all six areas were at 1.57–7.53.
The findings illustrated that every 1 baht invested had a social return of 1.57–7.53 baht, emphasizing
that the healthy community development in the livable community network project in the six healthy
communities was worth investment.

Keywords: social return on investment; Theory of Change; indicators; financial proxy

บทนำ� ชุมชน และการเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือด้านต่างๆ
นบั เปน็ เปา้ หมายทส่ี �ำคญั ของการพฒั นาชุมชนอย่างยัง่ ยนื
แนวทางการพัฒนาประเทศที่มุ่งสู่การพัฒนาท่ียั่งยืน
มีการพัฒนาแบบองค์รวมให้ความส�ำคัญกับการบูรณาการ ท่ีผ่านมามีความพยายามในการผลักดันให้เกิดการ
กระบวนการพัฒนาทุกๆ ด้านเข้าไว้ด้วยกัน โดยยึดคนเป็น พฒั นาชมุ ชนทอ้ งถนิ่ ใหเ้ ขม้ แขง็ บางพน้ื ทปี่ ระสบความสำ� เรจ็
ศูนย์กลางของการพัฒนา เพ่ือให้เป็นการพัฒนาท่ีมีความ สามารถพ่ึงตัวเองและสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
สมดุลและย่ังยืน และยังให้ความส�ำคัญกับการกระจาย คนในชุมชนให้ดีขึ้น ในขณะที่บางแห่งยังคงต้องพ่ึงพา
อ�ำนาจโดยท้องถิ่นสามารถก�ำหนดนโยบายการท�ำงานเพื่อ ความชว่ ยเหลอื จากหนว่ ยงานตา่ งๆ ดงั นนั้ เพอ่ื เปน็ การหนนุ
แก้ไขปัญหาตามบริบทของพื้นท่ี ท�ำให้การแก้ไขปัญหาเชิง เสรมิ กระบวนการพฒั นา โดยเนน้ แนวทางการเสรมิ ศกั ยภาพ
พนื้ ทเี่ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ และทส่ี ำ� คญั คอื การ ให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการตนเอง สร้างกระบวนการ
เปิดโอกาสและส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน เรียนรู้ แก้ไขปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านการมี
มีการน�ำทุนทางสังคม ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติและ นโยบายสาธารณะระดับชุมชน ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุน
สิ่งแวดล้อม รวมถึงทุนทางวัฒนธรรมเข้ามาใช้ในการวาง การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำ� นกั สนบั สนนุ สขุ ภาวะ
แนวทางการพัฒนาของชุมชน ให้สอดคล้องกับบริบทและ ชุมชน (ส�ำนัก 3) จึงได้ผลักดันโครงการพัฒนาสุขภาวะ
ความต้องการของประชาชนในพ้นื ที่ จะเห็นไดว้ า่ การพฒั นา เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่หรือต�ำบลสุขภาวะ
คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน การเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของ ผ่านการด�ำเนินงาน 3 โครงการย่อย ได้แก่ โครงการท่ี 1
การเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการการเรียนรู้ของพื้นที่

16

Thai Health Promotion Journal

องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วยการเสริมศักยภาพของ แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาถงึ ผลประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จะพบวา่ มคี วามซบั ซอ้ น
พื้นท่ีให้มีความพร้อมในการท�ำหน้าที่เป็น “ศูนย์เรียนรู้ด้าน กว่ามาก เพราะประโยชน์ที่เกิดข้ึนจากโครงการต่างๆ นั้น
การจดั การสุขภาวะชุมชน” โครงการที่ 2 การสนบั สนุนการ มีท้ังส่วนที่เป็นเป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน หรือกล่าวได้ว่า
พฒั นาระบบการจดั การตนเองและการจดั การเครอื ขา่ ย โดย เกิดประโยชนท์ ั้งดา้ นเศรษฐกจิ และดา้ นสังคม หรือคุณภาพ
การใชป้ ระโยชนจ์ ากขอ้ มลู วจิ ยั ชมุ ชนดว้ ยวธิ วี จิ ยั เชงิ ชาตพิ นั ธ์ุ ชวี ติ ของผทู้ มี่ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งทง้ั ในระดบั ตวั บคุ คล ระดบั ชมุ ชน
วรรณาแบบเรง่ ดว่ น(1) (rapid ethnographic community และรวมไปถึงประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการพิจารณา
assessment process: RECAP) และข้อมูลท่ีได้จาก ถึงความคุ้มค่าของโครงการจึงไม่อาจพิจารณาเฉพาะมูลค่า
การพัฒนาระบบข้อมูลต�ำบลโดยการส�ำรวจ(2) (Thailand ทางเศรษฐกจิ ทเี่ ปน็ ตวั เงนิ เทา่ นน้ั หากแตต่ อ้ งพจิ ารณารวมถงึ
community network appraisal program: TCNAP) ผลประโยชน์อ่ืนๆ ในสังคม ซึ่งรวมถึงสุขภาพ การท�ำงาน
มาก�ำหนดประเด็นในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ ร่วมกันของคนในชุมชน และด้านส่ิงแวดล้อมที่เป็นผลมา
ระดับพื้นที่และเครือข่าย รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมการ จากโครงการดว้ ย
จัดการพื้นท่ีแหล่งเรียนรู้ ยกตัวอย่างเช่น จากการส�ำรวจ
ด้านสุขภาพ พบว่า ผู้ป่วยบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงบริการ การประเมนิ ผลลพั ธท์ างสงั คมมเี ครอื่ งมอื ทหี่ ลากหลาย
ทางสุขภาพได้อย่างตรงเวลาและต่อเน่ือง อันเนื่องมาจาก โดยเคร่ืองมือหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์ความคุ้มค่าทาง
ความไม่สะดวกในการเดินทาง ไม่มีรถ และผู้ดูแลจ�ำเป็น เศรษฐศาสตร์ ได้แก่ การวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์
ต้องไปท�ำงาน ไม่สามารถพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ได้ตามเวลา (cost-benefit analysis: CBA) โดยสะท้อนต้นทุน
ท่ีนัดหมายจึงน�ำรถกู้ชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และผลลัพธ์ที่เกิดจากการลงทุนออกมาในรูปของตัวเงิน
มาให้บริการพาผู้ป่วยกลุ่มด้อยโอกาส ท�ำให้สามารถเข้าถึง โครงการที่มีผลประโยชน์มากกว่าต้นทุนนับเป็นโครงการท่ี
บริการสุขภาพได้มากขึ้น หรือการพบพฤติกรรมเสี่ยงด้าน คุ้มค่าในการลงทุน ส�ำหรับการวิเคราะห์ผลตอบแทนทาง
สุขภาพของผู้สูงอายุ ที่มีความเครียด ไม่ได้ท�ำงาน ไม่ได้ สังคมจากการลงทุน (social return on investment:
ออกก�ำลังกายจึงจัดให้มีกิจกรรมออกก�ำลังกายในโรงเรียน SROI) เป็นเครื่องมือท่ีพัฒนาจากการวิเคราะห์ต้นทุนและ
ผู้สูงอายุ การได้พบปะพูดคุยกันภายในกลุ่มผู้สูงอายุท�ำให้ ผลประโยชน์ แตเ่ นน้ วเิ คราะหผ์ ลของการเปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ
เกดิ การเปลย่ี นแปลงสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ดขี นึ้ เปน็ ตน้ จากกระบวนการมีสว่ นรว่ มของผู้มสี ่วนไดส้ ่วนเสยี และการ
โครงการท่ี 3 เป็นการพัฒนาศักยภาพองค์กรปกครอง แปลงผลลัพธ์ทางสังคมให้อยู่ในรูปของมูลค่าทางการเงิน
สว่ นทอ้ งถน่ิ เครอื ขา่ ยมงุ่ เนน้ ใหแ้ มข่ า่ ยและเครอื ขา่ ย(ลกู ขา่ ย) ดังน้ันการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร่วมในการประเมินมี
มกี ารทำ� งานรว่ มกนั ในปี 2562 มตี ำ� บลสขุ ภาวะรวม 248 แหง่ ความส�ำคญั อย่างมาก(3) เน่ืองจากเปน็ ผทู้ ่ีสามารถเช่อื มโยง
กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เป้าหมายหลักของ ปัจจัยน�ำเข้าไปสู่ผลลัพธ์และผลกระทบท่ีเกิดข้ึนอันเป็นผล
การดำ� เนนิ งาน คอื การสรา้ งการเปล่ยี นแปลงในระดับพืน้ ที่ มาจากโครงการได้ดีที่สุดการศึกษาที่ผ่านมามีการวิเคราะห์
ซ่ึงส่งผลต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนของคนในชุมชน ทั้งใน ผลตอบแทนทางสงั คมจากการลงทนุ (SROI) ในโครงการท่ี
มิติสังคม เศรษฐกิจ สุขภาพ ทรัพยากรธรรมชาติและ เกย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นาชมุ ชนในประเดน็ ตา่ งๆ อาทเิ ชน่ ดา้ น
สิง่ แวดล้อม และการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจชุมชน(4) ด้านเด็กและเยาวชน ด้านผู้ด้อยโอกาส
ผพู้ กิ าร และผสู้ งู อาย(ุ 5) ดา้ นสขุ ภาพของคนในชมุ ชน(6) รวมถึง
หากพจิ ารณาถงึ ความคมุ้ คา่ ของโครงการตำ� บลสขุ ภาวะ ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน(7) โครงการท่ีกล่าวมา
มีความแตกต่างจากการท�ำธุรกิจท่ัวไปที่เงินลงทุนและ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างมาก เช่น คนใน
ผลตอบแทนเปน็ ตวั เงนิ ทชี่ ดั เจนสำ� หรบั การวเิ คราะหค์ วามคมุ้ คา่ ชุมชนมีสุขภาพกายและใจดีข้ึน เกิดความภาคภูมิใจใน
ของต�ำบลสุขภาวะในแง่ของต้นทุนท่ีใช้ในการด�ำเนินงาน ตนเอง มีความสุขใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น มีความรัก ความ
สามารถใช้ข้อมูลในส่วนท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามัคคี เอ้ือเฟ้ือเผอ่ื แผ่กนั มากข้ึน และสงิ่ แวดลอ้ มในชุมชน
ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากสำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ ง- ดขี ึน้ เป็นตน้
เสริมสุขภาพ (สสส.) จ�ำแนกตามแผนงานและกิจกรรม
การศึกษาคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินผล

17

วารสารการสรา้ งเสริมสุขภาพไทย

ตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (social return on ที่วิเคราะห์นั้นเกิดการเปล่ียนแปลงอย่างไร(3) ทั้งนี้ใน
investment: SROI) ทีเ่ กดิ จากการดำ� เนินกจิ กรรมภายใต้ การวิเคราะห์การเปล่ียนแปลงท่ีเป็นผลมาจากกิจกรรม
โครงการพัฒนาสุขภาวะเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถ่ิน ในการด�ำเนินงานของต�ำบลสุขภาวะ ใช้การจัดท�ำห่วงโซ่
นา่ อยู่ โดยการวเิ คราะหผ์ ลตอบแทนทางสงั คมสามารถวดั ผล ผลลัพธ์ในการน�ำเสนอความเช่ือมโยงของการเปลี่ยนแปลง
ของโครงการท่มี คี ณุ ค่าต่อสังคม โดยแปลงผลลพั ธ์ของการ ดงั ภาพท่ี 1 โดยปัจจัยน�ำเข้า หมายถึง ทรัพยากรตา่ งๆ ที่ใช้
เปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นแก่สังคมในด้านต่างๆ ให้เป็นมูลค่า ในการดำ� เนินงาน ไดแ้ ก่ งบประมาณ บุคลากร สถานที่ และ
ที่มีหน่วยวัดเดียวกับเงินตรา ซึ่งจะสามารถก่อให้เกิดความ อปุ กรณต์ า่ งๆ ทม่ี าจากการสนบั สนนุ ของหนว่ ยงาน/องคก์ ร
ชดั เจนในการวเิ คราะหค์ ณุ คา่ ของโครงการทม่ี ตี อ่ สงั คมโดยรวม ต่างๆ กระบวนการ หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับ
และสามารถประเมินได้ว่าทรัพยากรท่ีลงทุนในโครงการ การด�ำเนินงานต�ำบลสุขภาวะ ต้ังแต่การเตรียมความพร้อม
แต่ละบาทน้นั สังคมได้รับผลตอบแทนมากน้อยเพียงใด การเกบ็ ขอ้ มลู การอบรมการจดั ทำ� หลกั สตู รและการเผยแพร่
ผลงาน ผลผลติ หมายถงึ สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ ภายหลงั จากการดำ� เนนิ
วธิ ีการศึกษา กิจกรรมที่สามารถวัดได้ เช่น จ�ำนวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียท่ี
เขา้ รว่ มกจิ กรรมหรอื ไดร้ บั ผลประโยชนจ์ ากกจิ กรรม สำ� หรบั
การประเมินผลตอบแทนทางสังคมของโครงการ ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
พัฒนาสุขภาวะเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ อันเป็นผลมาจากกิจกรรมที่เกิดขึ้นโดยอาจเกิดข้ึนภายหลัง
ในครงั้ น้ี ครอบคลมุ พน้ื ทกี่ ารศกึ ษา 6 พน้ื ทขี่ องตำ� บลสขุ ภาวะ จากมีโครงการ 1–5 ปี เช่น การเข้าร่วมออกก�ำลังกาย
ซึ่งกระจายไปทุกภาคของประเทศ ประกอบด้วย ภาคเหนือ ท�ำให้สุขภาพของคนในชุมชนดีขึ้น การเข้าร่วมกิจกรรม
ได้แก่ อบต.เจดีย์ชัย อ.ปัว จ.น่าน และ อบต.พรหมนิมิต จดั การขยะทำ� ใหค้ นในชมุ ชนมรี สู้ กึ วา่ ชมุ ชนสะอาดปลอดภยั
อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ภาคอสี าน ไดแ้ ก่ ทต.บา้ นแฮด อ.บา้ นแฮด มีความสุขมากข้ึน มีความสามัคคีกันมากขึ้น เป็นต้น และ
จ.ขอนแกน่ และทต.กลางหมน่ื อ.เมอื งจ.กาฬสนิ ธ์ุภาคกลาง ผลกระทบ หมายถึง การเปลย่ี นแปลง (5 ปขี น้ึ ไป) ทเ่ี ปน็ ผล
ไดแ้ ก่ อบต.ชมุ พล อ.องครกั ษ์ จ.นครนายก และภาคใต้ ไดแ้ ก่ ในระยะยาว อาจเปน็ การเปลยี่ นแปลงเชงิ โครงสรา้ ง หรอื การ
อบต.แว้ง อ.แวง้ จ.นราธิวาส เปลย่ี นแปลงอยา่ งถาวรเชน่ คณุ ภาพชวี ติ ของคนในชมุ ชนดขี น้ึ
ชุมชนมีความพร้อมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ท่ีเกิดขึ้นได้
การศึกษาคร้ังนี้ใช้ทฤษฎีการเปล่ียนแปลง (Theory อย่างเป็นระบบ เป็นต้น ทั้งนี้ในการประเมิน SROI จะต้อง
of Change) เป็นแนวคิดหลักในการวิเคราะห์ ซ่ึงจะ
สามารถอธิบายได้ว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจกรรมต่างๆ

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการศึกษา

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการศึกษา

18

Thai Health Promotion Journal

ผ่านกระบวนการ stakeholder meeting เพือ่ ระบุผลลพั ธ์ เทา่ กบั 42,237 บาทตอ่ คนตอ่ ปี
ส�ำคัญที่เกิดจากกิจกรรม และประเมินมูลค่าผลลัพธ์ต่างๆ
ให้เปน็ มูลค่าทางการเงนิ 4. การกำ� หนดและรวบรวมขอ้ มลู ผลกระทบของโครงการ

การประเมินผลตอบแทนทางสังคมในครั้งน้ี ใช้กรอบ ก�ำหนดสัดส่วนของผลลัพธ์ท่ีเกิดจากกิจกรรมของ
การวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยเพ่ือการพัฒนาประเทศไทย(5)
ซง่ึ ไดน้ ำ� เสนอขนั้ ตอนการศกึ ษาออกเปน็ 6 ขนั้ ประกอบดว้ ย โครงการ ไม่นับรวมผลท่ีเกิดขึ้นเองอยู่แล้วแม้ไม่มี

1. การก�ำหนดขอบเขตและวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กิจกรรม (deadweight) แต่พิจารณาสัดส่วนของ
เป็นการก�ำหนดว่าใครคือผู้ได้รับผลจากกิจกรรม
ของโครงการฯ โดยการพิจารณาจากเอกสารและ ผลลพั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ จากโครงการ (attribution) รวมถงึ
การสัมภาษณ์จากเจ้าหน้าท่ีโครงการ ซ่ึงกรอบของ
การวเิ คราะห์ ประกอบด้วย โครงการ กิจกรรม หรือ อัตราการลดลงของผลประโยชน์ของโครงการ
นวตั กรรมทอี่ งคก์ ารปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทเ่ี ปน็ ศนู ย์
จดั การเครอื ขา่ ยดำ� เนนิ การภายใตป้ ระเดน็ เศรษฐกจิ (benefit period และ drop off) ซง่ึ เปน็ ข้อมูลทไี่ ด้
สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม และสขุ ภาพ ทง้ั นก้ี ารศกึ ษาครงั้ น้ี
ก�ำหนดระยะเวลาในการประเมิน 5 ปีนับแต่เร่ิม จากการส�ำรวจโดยใช้แบบสอบถาม เชน่ ชมุ ชนมีการ
โครงการ
รณรงค์การรักษาความสะอาด เร่ิมให้ความส�ำคัญ
2. การสร้างแผนทีผ่ ลลพั ธ์จากทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง
(Theory of Change) เป็นการระบุความเชื่อมโยง กับการคัดแยกขยะ และคนในชุมชนรู้จักหลัก 5 ส.
ของปัจจัยน�ำเข้า ผลผลิต และผลลัพธ์ของแต่ละ
กจิ กรรมผา่ นการท�ำหว่ งโซ่ผลลพั ธ์ โดยใช้ข้อมลู จาก แล้วน�ำมาปฏิบัติอยู่แล้ว แม้จะไม่มีโครงการต�ำบล
การจดั ประชุมผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสีย
สุขภาวะ ขยะในชุมชนกจ็ ะลดลงประมาณ รอ้ ยละ 31
3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ขอ้ มลู สำ� คญั ทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์
ได้แก่ จ�ำนวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การเปล่ียนแปลง (deadweight) เปน็ ต้น
ของผลลัพธ์ซึ่งวัดจากตัวชี้วัด (indicator) เพ่ือ
ค�ำนวณ outcome incidence หรือขนาดของการ 5. การค�ำนวณผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน
เปลยี่ นแปลงทเี่ กดิ ขน้ึ ทงั้ หมด โดยขอ้ มลู ทใ่ี ชป้ ระกอบ
การวิเคราะห์มีทั้งข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ ท้ังนกี้ ารประเมนิ โครงการระยะเวลา 5 ปี จำ� เปน็ ต้อง
เช่น จ�ำนวนคนที่สามารถเลิกบุหร่ีหลังจากเข้าร่วม
กจิ กรรมจำ� นวนชวั่ โมงของการออกกำ� ลงั กายทเ่ี พมิ่ ขน้ึ มีการปรับมูลค่าเงินในอนาคตให้อยู่ในรูปของมูลค่า
เป็นต้น รวมถึงการก�ำหนดมูลค่าทางการเงิน
(financial proxy) ของแต่ละผลลัพธ์ ซึ่งผลลัพธ์ ปัจจุบันสุทธิ (net present value: NPV) หรือ
ทางสงั คมสว่ นใหญไ่ มม่ มี ลู คา่ ตลาด จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งหา
ตัวแทนทางการเงินที่เหมาะสมมาใช้ในการค�ำนวณ ปรบั ใหเ้ ปน็ ฐานเดยี วกนั ดว้ ยอตั ราคดิ ลด (discount
มูลค่าของผลลัพธ์ ยกตัวอย่างเช่น กรณีของ อสม.
มีความภาคภูมิใจท่ีได้ช่วยเหลือคน ความสุขเพิ่มขึ้น rate) กอ่ นจะท�ำการวิเคราะหเ์ ปรียบเทียบ ซง่ึ ในการ
สามารถกำ� หนดมลู คา่ ทางการเงนิ ไดจ้ ากมลู คา่ ความ
พึงพอใจในชีวิตท่ีเกิดจากการช่วยเหลือผู้อ่ืนโดยไม่ ศึกษาก�ำหนดอัตราคิดลดเท่ากับร้อยละ 3 โดยใช้
หวงั สงิ่ ตอบแทนเทา่ กบั รอ้ ยละ 40 ของรายได(้ 8) หรอื
ปแี รกที่ทำ� การประเมินเปน็ ปีฐาน

SROI = มลู คา่ ปจั จบุ นั สทุ ธขิ องผลประโยชนท์ ง้ั หมด
มลู คา่ ปจั จบุ นั สทุ ธขิ องการลงทนุ ทง้ั หมด

ในการพจิ ารณาผลประโยชนจ์ ากโครงการจำ� เปน็ ตอ้ ง

หักลบผลที่เกิดข้ึนอยู่แล้วแม้ไม่มีโครงการ (dead-

weight) ออกก่อน จากนัน้ น�ำมาคูณกบั สัดสว่ นของ

ผลลพั ธท์ เี่ กดิ ขนึ้ จากโครงการ (attribution) ในกรณี

ท่ีมีการลดลงของผลประโยชน์ (drop off) จ�ำเป็น

ต้องหักลบผลประโยชน์ส่วนน้ันออกไป จึงจะได้

มลู คา่ ผลลัพธเ์ บือ้ งตน้ ก่อนท่จี ะน�ำไปค�ำนวณมลู ค่า

ปัจจบุ ันสทิ ธขิ องผลประโยชน์ทง้ั หมดต่อไป

6. ประมวลผลและรายงานผลโดยการจำ� แนกผลประโยชน์

ที่เกิดขึ้นจากโครงการตามกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

การสรุปอัตราผลตอบแทนทางสังคม รวมทั้งการ

วิเคราะห์ความอ่อนไหว (sensitivity analysis)

ในกรณีที่ปัจจัยต่างๆ ไม่เป็นไปตามท่ีคาดการณ์จะ

สง่ ผลต่ออัตราผลตอบแทนทางสงั คมอย่างไร

19

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

ท้ังนี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 ส่วน กจิ กรรมและการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี
ใหญ่ๆ ได้แก่ สว่ นท่ี 1 เปน็ การจดั ประชุมผู้มีส่วนได้สว่ นเสีย แต่ละกลุ่มในขั้นตอนถัดไปเพื่อให้ทราบถึงขนาดของการ
(stakeholder meeting) เปน็ การสัมภาษณก์ ลุ่ม (group เปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ขนึ้ จงึ ตอ้ งมกี ารกำ� หนดตวั ชว้ี ดั ซงึ่ มคี วาม
interview) โดยสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เพ่ือให้ได้ข้อมูล ส�ำคัญในการบอกทิศทางการเปลี่ยนแปลง บางผลลัพธ์
แผนท่ีผลลัพธ์ แบ่งกลุ่มย่อยในการสัมภาษณ์แต่ละครั้งไม่ สามารถกำ� หนดมลู คา่ ทางการเงนิ ไดจ้ ากตวั ชวี้ ดั ผลลพั ธไ์ ดเ้ ลย
เกนิ 10 คน สว่ นท่ี 2 เปน็ การเกบ็ ขอ้ มลู ตามตวั ชว้ี ดั กอ่ นและ และมีผลลัพธ์บางตัวที่ต้องก�ำหนดมูลค่าทางการเงินผ่าน
หลังการเข้าร่วมโครงการฯ โดยใช้แบบสอบถามมีเป้าหมาย ตัวแทนทางการเงิน
เพ่ือหาขนาดการเปลี่ยนแปลงของตัวชี้วัด และท�ำการสุ่ม
ตัวอย่างโดยการก�ำหนดสัดส่วน (quota sampling) ตาม ผลการศึกษา
ขนาดของประชากรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ และใน
การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติอย่างง่าย ได้แก่ ค่าเฉล่ีย และค่า ในการนำ� เสนอผลการวเิ คราะหผ์ ลตอบแทนทางสงั คม
สดั ส่วน ดังแสดงในตารางท่ี 1 จากการลงทุนจะแยกการน�ำเสนอตามพื้นที่ต�ำบลสุขภาวะ
เนื่องจากในแต่ละพื้นที่มีกิจกรรม รวมถึงจ�ำนวนผู้เข้าร่วม
ข้อมูลท่ีได้จากการประชุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะน�ำ กิจกรรมทแ่ี ตกต่างกัน
มาสร้างแผนท่ีผลลัพธ์ซึ่งแสดงความเชื่อมโยงระหว่าง

ตารางท่ี 1 ขนาดตวั อยา่ งจำ�แนกตามพน้ื ทศ่ี กึ ษา (หนว่ ย: คน)

พื้นที่ ทต. ทต. อบต. อบต. อบต. อบต.
บ้านแฮด กลางหมื่น ชุมพล แว้ง พรหมนิมิต เจดีย์ชัย

การประชุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 41 32 26 27 30 27
13
ประชาชนในพื้นที่ 15 10 3 6 12 4
3
อาสาสมัครสาธารณสุข 5 3732 7
ประจำ�หมู่บ้าน (อสม.) 203
82
ผู้นำ�ชุมชน 9 11 9 4 10 27
30
เจ้าหน้าที่ อปท. และ 12 8 7 14 6
หน่วยงานในพื้นที่ 26
8
การเก็บข้อมูลตามตัวชี้วัด (รวม) 268 257 176 221 198 15

คนในชุมชน 175 140 76 98 75

ผู้นำ� ประธานแหล่งเรียนรู้ 22 30 25 35

ผู้สูงอายุ 41 24 43 36

ผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วย และผู้พิการ 14 10

อาสาสมัครสาธารณสุข 31 34 26 20 22
ประจำ�หมู่บ้าน (อสม.)

วิทยากร 14 5 8 20 10

เจ้าหน้าที่ อปท. 24 15 15 15 20

20

Thai Health Promotion Journal

เทศบาลต�ำบลบ้านแฮด อ�ำเภอบา้ นแฮด (TCNAP) และการวิจัยชุมชน (RECAP) จนสามารถค้นหา
จังหวดั ขอนแก่น ศักยภาพของชุมชน ก่อใหเ้ กดิ กจิ กรรมต่างๆ รวมทง้ั ส้ิน 69
งาน/กิจกรรม และ 35 แหล่งเรียนรู้ เช่น กิจกรรมส่งเสริม
เทศบาลต�ำบลบ้านแฮด ครอบคลุมพื้นท่ี 8 หมู่บ้าน อาชีพคนพิการ เกษตรปลอดภัย การดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น
มีประชากร จ�ำนวน 5,926 คน 1,366 ครัวเรือน ประชาชน ได้มีการสอดแทรกกิจกรรมต่างๆ ของโครงการให้สอดรับ
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกข้าวนาปี และ และกลมกลืนไปกับงานประจ�ำของเทศบาล ท�ำให้เจ้าหน้าท่ี
รับจ้างทั่วไป หลังจากฤดูกาลท�ำนาปี คนในชุมชนมีการ เกิดความเคยชินกับงานและท�ำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมกลมุ่ ประกอบอาชพี เพอื่ หารายไดเ้ สรมิ เชน่ การรวมกลมุ่ เป็นผลให้กิจกรรมต่างๆ ส�ำเร็จตามเป้าหมาย และเกิดการ
ปลูกผัก กลมุ่ การทำ� เกษตรผสมผสานในครวั เรอื น กลมุ่ ผลติ เปลยี่ นแปลงทดี่ ขี น้ึ ในชมุ ชน สามารถวเิ คราะหค์ วามเชอื่ มโยง
ปยุ๋ อนิ ทรยี ช์ วี ภาพ กล่มุ ผลติ ภัณฑไ์ มไ้ ผแ่ ปรรปู กลมุ่ แปรรูป ระหวา่ งกจิ กรรมและการเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ผมู้ สี ว่ นได้
ผลิตภัณฑจ์ ากผ้า เป็นต้น เทศบาลต�ำบลบ้านแฮดห่างจาก สว่ นเสียแตล่ ะกลุ่ม ดงั แสดงในตารางท่ี 2
ตัวจังหวัดขอนแก่นเพียง 25 กิโลเมตร ท�ำให้คนในชุมชน
ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากชุมชนเมือง การวิเคราะห์แผนท่ีผลลัพธ์ท�ำให้ทราบการเปลี่ยน-
แปลงที่เกิดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการด�ำเนินกิจกรรม
โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมจัดการต�ำบล ในข้ันตอนถัดไปเพ่ือให้ทราบถึงขนาดของการเปลี่ยนแปลง
สุขภาวะสู่ชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง ได้ก�ำหนดเป้าหมายในการ ท่ีเกดิ ขน้ึ จึงตอ้ งมีการกำ� หนดตัวชี้วัด และมูลค่าทางการเงนิ
พฒั นาใหเ้ ปน็ “ตำ� บลแหง่ ชมุ ชนดี สง่ิ แวดลอ้ มดี สขุ ภาวะด”ี ของแตล่ ะผลลัพธ์ ดังแสดงในตารางท่ี 3
ทง้ั นม้ี กี ารพฒั นาและใชป้ ระโยชนจ์ ากระบบฐานขอ้ มลู ตำ� บล

ตารางท่ี 2 แผนทผ่ี ลลพั ธข์ องเทศบาลตำ�บลบา้ นแฮด

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โครงการ/กิจกรรม ผลผลิต (ต่อปี) ผลลัพธ์
1. ประชาชนในพื้นที่ -โรงเรียนผู้สูงอายุ 1,942 คน ชุมชนน่าอยู่ มีความสามัคคี
-ออกกำ�ลังกาย การรำ�ของกลุ่มแม่บ้าน และสงบเรียบร้อยมากขึ้น
-การจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ในชุมชน ขยะลดลง สิ่งแวดล้อมดีขึ้น

-การคัดแยกขยะ 1,365 ครัวเรือน รายได้เพิ่มขึ้น
-การส่งเสริมวินัยในการจัดการขยะ สุขภาพกายดีขึ้น
โดยการให้ความรู้ สร้างจิตสำ�นึก
มีจิตสาธารณะมากขึ้น
-การทำ�ผลิตภัณฑ์แปรรูปขาย เช่น สมุนไพร 486 คน
ผลิตภัณฑ์ของเหลือใช้ โฮมสเตย์ รายได้เพิ่มขึ้น
สุขภาพกายดีขึ้น
-กิจกรรมงดเหล้างดบุหรี่ 8 คน สุขภาพจิตดีขึ้น

2. เด็กและเยาวชน -กิจกรรมการคัดแยกขยะ
-การส่งเสริมวินัยในการจัดการขยะ
โดยการให้ความรู้ สร้างจิตสำ�นึก 21 คน
-การเล่นกีฬา การออกกำ�ลังกาย
-การอบรมต่อต้านปัญหายาเสพติด
ร่วมกับเยาวชนในชุมชนใกล้เคียง

3. ผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วย -การทำ�ผลิตภัณฑ์แปรรูปขาย เช่น สมุนไพร 48 คน
และผู้พิการ ผลิตภัณฑ์ของเหลือใช้ โฮมสเตย์

-บริการรถกู้ชีพรับส่งผู้ป่วย ผู้ด้อยโอกาส 48 คน
ผู้พิการจากที่บ้านมารักษาตัวที่ศูนย์บริการ
สุขภาพ

-การสร้างเครือข่ายดูแลสุขภาพ 48 คน

21

วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย

4. อาสาสมคั ร -การจัดเก็บข้อมูลสุขภาพ และนำ�มาใช้ใน 100 คน ความภาคภูมิใจที่ได้ช่วย
สาธารณสุข การจัดการดูแลสุขภาพ เหลือคน ความสุขเพิ่มขึ้น
ประจำ�หมู่บ้าน -การพฒั นาศกั ยภาพผดู้ แู ลสขุ ภาพ (มคี วามรู้ 100 คน
(อสม.) ในการดูแลสุขภาพของตนเองและผู้ป่วยใน 50 คน มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนใน
ความดูแลของตนเองมากขึ้น) 35 คน ชุมชนมากขึ้น
5. วิทยากร สุขภาพกายดีขึ้น
6. เทศบาล -การลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วย 1 เทศบาล รายได้เพิ่มขึ้น

-การออกกำ�ลังกาย ประสิทธิภาพใน
-การเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่คนที่เข้ามา การทำ�งานเพิ่มขึ้น
ศึกษาดูงานในพื้นที่
-สอดแทรกงานโครงการ สสส. ให้กลาย
เป็นงานประจำ�
-การจัดเก็บข้อมูลชุมชนเพื่อวิเคราะห์หา
ศักยภาพในชุมชน

ตารางท่ี 3 การประเมนิ ผลตอบแทนทางสงั คมจากการลงทนุ โครงการตำ�บลสขุ ภาวะของเทศบาลตำ�บลบา้ นแฮด

ผลลัพธ์ ตัวชี้วัด ตัวแทานทางการเงิน wDe(e%iga)hdt Attr(ib%u)tion D-(r%oof)pf ม(ูลบเคบา่าที้อผงตลต่อล้นปัพี)ธ์
(Indicators) (Financial Proxy)
คนในชุมชน จำ�นวนคนที่รู้สึกว่า มูลค่าความพึงพอใจในชีวิตที่ 58 34 0 14,970,834
ชุมชนน่าอยู่ ชุมชนน่าอยู่ เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับ
มีความสามัคคี สามัคคีและสงบ เพื่อนบ้านบ่อย ๆ มีค่าเท่ากับ
และสงบ เรียบร้อยมากขึ้น ร้อยละ 51 ของรายได(้ 8) หรอื
เรียบร้อย 1,942 คน เทา่ กบั 53,852 บาทต่อคน
มากขน้ึ ต่อปี

ขยะลดลง ปรมิ าณขยะทล่ี ดลง ค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ 31 28 0 27,048
สิ่งแวดล้อม 3,200 กิโลกรัม ของเทศบาล 43.75 บาทต่อ
ดีขึ้น ตอ่ ปี (2.34 กโิ ลกรมั กิโลกรัม
x 1,365 ครัวเรอื น)

รายได้เพิ่มขึ้น คนในชมุ ชนมรี ายได้ - 35 28 0 854,181
เพม่ิ ขน้ึ 4,693,302
บาทตอ่ ปี (9,657
บาท x 486 คน)

สุขภาพกายดขี น้ึ จำ�นวนคนเลกิ บหุ ร่ี ค่าใช้จ่ายในการสูบบุหรี่ลดลง 39 29 5,166
8 คนตอ่ ปี 3,650 บาทต่อคนต่อปี

เด็กและเยาวชน

มีจิตสาธารณะ จำ�นวนชั่วโมงการ ค่าเสียโอกาส คิดจากค่าจ้าง 34 30 17,297
มากขึ้น เข้าร่วมกิจกรรม รายชั่วโมงสำ�หรับนักเรยี น
จิตอาสาเพิ่มขึ้น นิสิต และนักศึกษา 40 บาท
2,184 ชั่วโมงต่อปี
(104 ชั่วโมง x
21 คน)

22

Thai Health Promotion Journal

ผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วย และผู้พิการ

รายได้เพิ่มขึ้น ผดู้ อ้ ยโอกาสมรี าย - 28 22 0 71,470
ไดเ้ พม่ิ ขน้ึ 451,200
บาทตอ่ ปี (9,400
บาท x 48 คน)

สุขภาพกาย ผปู้ ว่ ยและผพู้ กิ าร ผู้ดูแลสามารถไปทำ�งานหา 43 26 0 601,099
ดีขึ้น สามารถชว่ ยเหลอื รายได้เพิ่มขึ้น 84,500 บาท

ตวั เองได้ จำ�นวน ต่อคนต่อปี (325 บาท x
48 คน 260 วัน)

สุขภาพจิตดีขึ้น ผดู้ อ้ ยโอกาส ผปู้ ว่ ย มูลค่าความพึงพอใจในชีวิต 43 29 0 802,494
และผพู้ กิ ารรสู้ กึ มี ที่เกิดจากการรู้สึกมีชีวิตชีวา
ชวี ติ ชวี าเพม่ิ มากขน้ึ เพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 95
จำ�นวน 48 คน ของรายได้(8) หรือเท่ากับ
100,312 บาทต่อคนต่อปี

อาสาสมัครสาธารณสุขประจำ�หมู่บ้าน (อสม.)

ความภาคภมู ใิ จ อสม. จำ�นวน 100 มูลค่าความพึงพอใจในชีวิต 43 36 0 886,973
ทไ่ี ดช้ ว่ ยเหลอื คน คนมคี วามภมู ใิ จท่ี ที่เกิดจากการช่วยเหลือผู้อื่น
ความสขุ เพม่ิ ขน้ึ ไดช้ ว่ ยเหลอื คนอน่ื โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เพม่ิ ขน้ึ เทา่ กบั รอ้ ยละ 40 ของรายได(้ 8)
หรือเท่ากับ 42,237 บาทต่อ
คนต่อปี

มีความ จำ�นวนชว่ั โมงท่ี ค่าเสียโอกาส คิดจากค่าจ้าง 21 30 0 26,165
สัมพันธ์ที่ดีกับ อสม. ไปเยย่ี มบา้ น ขั้นต่ำ�จังหวัดขอนแก่น 46
คนในชุมชน ผปู้ ว่ ยเพม่ิ ขน้ึ 2400 บาทต่อชั่วโมง
มากขึ้น ชว่ั โมงตอ่ ปี (24
ชัว่ โมง x 100 คน)

สุขภาพกาย จำ�นวนชว่ั โมงท่ี ค่าเสียโอกาส คิดจากค่าจ้าง 18 24 0 51,148.3
ดีขึ้น อสม. ออกกำ�ลงั ขั้นต่ำ�จังหวัดขอนแก่น 46

มากขน้ึ 5,650 บาทต่อชั่วโมง
ชว่ั โมงตอ่ ปี (113
ชว่ั โมง x 50 คน)

วิทยากร รายได้จากการเป็น - 40 33 0 169,730
รายได้เพิ่มขึ้น วิทยากรเพิ่มขึ้น
857,220 บาทต่อ
เทศบาล ปี (24,492 บาท x
ประสิทธิภาพ 35 แหล่งเรียนรู้)
ในการทำ�งาน
เพิ่มขึ้น คา่ ใชจ้ า่ ยในการ - 41 27 22,302
จดั การขยะของ
เทศบาลลดลง
140,000 บาทตอ่ ปี

23

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน เหตุฉุกเฉินตลอด 24 ช่ัวโมง เฝ้าระวังและสอดส่องดูแล
(SROI) พบวา่ ตลอดระยะเวลาโครงการ 5 ปี (2558–2562) ความปลอดภัยให้กบั ประชาชน เกิดจติ อาสาในชุมชนน�ำโดย
มมี ลู ค่าปัจจุบนั สทุ ธขิ องผลประโยชน์รวม 118.07 ล้านบาท กลมุ่ อปพร. กลมุ่ เดก็ และเยาวชน (กลมุ่ จติ อาสาพาสขุ ) เพอื่
มูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุนทั้งหมด 15.68 ล้านบาท ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรม เนื่องจากเป็น
ผลตอบแทนทางสงั คมเทา่ กบั 7.53 หมายถงึ การลงทนุ ของ เส้นทางที่คนในชุมชนใช้สัญจรเป็นประจ�ำ มีจุดเปลี่ยวและ
โครงการสรา้ งเครอื ขา่ ยการมสี ว่ นรว่ มจดั การตำ� บลสขุ ภาวะ มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุอยู่หลายจุด รวมถึงการควบคุม
สู่ชุมชนท้องถ่ินเข้มแข็งของเทศบาลต�ำบลบ้านแฮดน้ัน การดมื่ แอลกอฮอลเ์ พอื่ ลดอบุ ตั เิ หตุ เชน่ กจิ กรรมจจ้ี ดุ หยดุ เมา
คมุ้ คา่ ตอ่ การลงทนุ เนอื่ งจากเงนิ ลงทนุ 1 บาท สามารถสร้าง ใหค้ นทเี่ มาไดร้ บั การนวดทปี่ อ้ มยามและนอนจนกวา่ จะหายเมา
ประโยชน์ให้สังคมได้ถึง 7.53 บาท จงึ จะปลอ่ ยใหเ้ ดนิ ทางตอ่ ไป โครงการขบั ขป่ี ลอดภยั “เกนิ 60
มสี ทิ ธริ บั เบย้ี ”โครงการลดการสบู บหุ ร่ีการบรหิ ารจดั การขยะ
เมอ่ื พจิ ารณาผลประโยชนท์ เี่ กดิ ขน้ึ จากโครงการฯ พบวา่ เปน็ ตน้
คนในชุมชนเป็นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์มากท่ีสุดหรือ
รอ้ ยละ 89 รองลงมา คอื ผดู้ อ้ ยโอกาส ผปู้ ว่ ย ผพู้ กิ าร รอ้ ยละ 5 การวเิ คราะหผ์ ลลพั ธท์ เี่ กดิ จากโครงการ (2560–2564)
ผลประโยชนท์ เ่ี กดิ กบั กบั อสม. รอ้ ยละ 3 และผลประโยชนท์ ่ี พบว่า ก่อให้เกิดผลประโยชน์ท้ังส้ิน 43.01 ล้านบาท
เหลอื เกดิ ขน้ึ กบั เยาวชน วทิ ยากร และเทศบาล การวเิ คราะห์ ใช้งบประมาณท้ังสิ้น 15.87 ล้านบาท และผลตอบแทน
ความอ่อนไหวท�ำ 3 วิธี ได้แก่ การปรับอัตราคิดลดเป็น ทางสังคมเท่ากับ 2.71 หมายถึง โครงการสร้างพลังชุมชน
ร้อยละ 1, 3, 5 และ 10 การเพ่ิมค่า deadweight ของ ท้องถ่ินขับเคลื่อนต�ำบลน่าอยู่ มุ่งสู่ความความย่ังยืนของ
ทกุ ผลลพั ธ์ รอ้ ยละ 10 และการลด attribution ทุกผลลพั ธ์ เทศบาลต�ำบลกลางหมื่นคุ้มค่าต่อการลงทุน เนื่องจากเงิน
ร้อยละ 10 ผลการวิเคราะห์หลังจากมีการเปลี่ยนแปลง ลงทนุ 1 บาท สามารถสรา้ งประโยชนใ์ หส้ งั คมไดถ้ งึ 2.71 บาท
เงอื่ นไข พบว่า SROI มคี ่าอยู่ระหวา่ ง 3.67–7.80 นั่น ซงึ่ มี
ค่ามากกว่า 1 แสดงว่าการด�ำเนินงานของโครงการยังคงให้ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการกระจายไปยังผู้มี
ผลตอบแทนมากกวา่ เงินท่ลี งทนุ ไป สว่ นไดส้ ว่ นเสยี โดยคนในชมุ ชนเปน็ กลมุ่ ทไี่ ดร้ บั ผลประโยชน์
มากทสี่ ดุ ถงึ รอ้ ยละ 81 รองลงมา คือ ท่ีผู้สงู อายุ ร้อยละ 5
เทศบาลต�ำบลกลางหมน่ื อ�ำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนผลประโยชน์ท่ีเกิดกับ อสม. กลุ่มผู้น�ำ และเจ้าหน้าท่ี
เทศบาลตำ� บลกลางหมนื่ หา่ งจากตวั จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ เทศบาลเทา่ กบั รอ้ ยละ 4 การวเิ คราะหค์ วามออ่ นไหวทำ� โดย
การปรบั อตั ราคดิ ลดเปน็ รอ้ ยละ 1, 3, 5 และ 10 การเพม่ิ คา่
24 กิโลเมตร ครอบคลุมพ้ืนที่ 12 หมู่บ้าน มีประชากร deadweight ของทุกผลลัพธ์ ร้อยละ 10 และการลด
4,345 คน 1,024 ครัวเรือน มีลักษณะภูมิประเทศเป็น attribution ทโ่ี ครงการฯ มตี อ่ ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ทกุ ผลลพั ธ์
ท่ีราบลุ่มและที่ดอนเหมาะส�ำหรับเป็นที่อยู่อาศัยและ ร้อยละ 10 ผลการวิเคราะห์หลังจากมีการเปลี่ยนแปลง
ท�ำการเกษตรโดยเฉพาะการท�ำนาซ่ึงเป็นวัฒนธรรมของ เงอื่ นไข พบวา่ SROI มคี า่ อยรู่ ะหวา่ ง 1.57–2.78 นนั่ ซงึ่ มคี า่
ชาวชมุ ชนกลางหมื่นท่สี ืบต่อกนั มา นอกจากน้นั คนในชมุ ชน มากกว่า 1 แสดงว่าการด�ำเนินงานของโครงการยังคงให้
ยงั มีอาชีพรับจา้ งทว่ั ไปทง้ั ในพืน้ ที่และนอกพืน้ ที่ ผลตอบแทนมากกวา่ เงนิ ทลี่ งทนุ ไป

ในชว่ งแรกทีย่ งั ไม่มกี ารสำ� รวจและจดั เก็บข้อมูลชุมชน องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลชมุ พล อ�ำเภอองครกั ษ์
(TCNAP) ชมุ ชนคดิ วา่ ตนเองมจี ดุ เดน่ ในดา้ นเศรษฐกจิ ชมุ ชน จงั หวัดนครนายก
เนอื่ งจากมกี ลมุ่ อาชพี ในชมุ ชนเปน็ จำ� นวนมาก แตเ่ มอื่ ทำ� การ
สำ� รวจและจดั เกบ็ ขอ้ มลู ชมุ ชน (TCNAP) และการวจิ ยั ชมุ ชน องค์การบริหารส่วนต�ำบลชุมพล อยู่ห่างจากท่ีว่าการ
(RECAP) แลว้ จงึ ได้ พบวา่ จดุ เดน่ ของชมุ ชน คอื การบรหิ าร อ�ำเภอองครักษ์ ประมาณ 23 กิโลเมตร ครอบคลุมพ้ืนท่ี
จัดการอย่างมีส่วนร่วม การพัฒนาในระยะต่อมาจึงใช้ 8 หมบู่ า้ น มีประชากรท้ังหมด 5,422 คน 1,274 ครัวเรือน
จดุ เดน่ เรอื่ งนพี้ ฒั นาชมุ ชนและสรา้ งโครงการทม่ี ปี ระโยชนต์ อ่ คนในชมุ ชนสว่ นใหญ่เป็นชาวมสุ ลิม รอ้ ยละ 86.13 ชาวไทย
สว่ นรวมเชน่ “ปอ้ มยามอนุ่ ใจชมุ ชน”เพอ่ื รบั แจง้ เหตสุ าธารณภยั พทุ ธและไทยมอญ ร้อยละ 13.51

24

Thai Health Promotion Journal

องค์การบริหารส่วนต�ำบลชุมพลใช้ข้อมูลชุมชน งานก่อสรา้ ง เป็นตน้
(TCNAP) เป็นตัวขับเคลื่อนในการพัฒนาพื้นท่ี รวมถึง องค์การบริหารส่วนต�ำบลแว้งมีความชัดเจนในเรื่อง
ดึงศักยภาพของชุมชนเพื่อสร้างจุดเด่นในการพัฒนา
ยกตัวอย่างเชน่ จดุ เด่นเร่อื ง 3 เชอ้ื ชาติ 2 วัฒนธรรม มกี าร ของการส่งเสริมให้ชุมชนสามารถจัดการตนเองได้ โดยใช้
เล่นลิเกฮูลูเป็นการละเล่นพื้นบ้านด้ังเดิมของชุมชน ท่ีรวม จุดเด่นของศิลปวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม วิถีชีวิตของ
คนทุกเพศทุกวยั มาท�ำกิจกรรมรว่ มกนั ถือเป็นกจิ กรรมการ ชาวมุสลิม และภูมิปัญญาท้องถ่ินแบบดั้งเดิม ที่เป็น
ออกก�ำลังกายและสร้างการมีส่วนร่วม ตลอดจนพัฒนาให้ เอกลักษณ์ของพ้ืนที่ต�ำบลแว้งเป็นเคร่ืองมือในการพัฒนา
เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน และสามารถได้รับรางวัลชนะเลิศ ชุมชนให้ประสบความส�ำเร็จผ่านการเรียนรู้รากเหง้า
ระดบั ประเทศจากเขา้ รว่ มแสดงลเิ กฮลู ู สรา้ งความภาคภมู ใิ จ ความเป็นแว้ง มีทรัพยากรธรรมชาติท่ีสอดคล้องกับ
ให้กับคนในชุมชนและเป็นจุดเร่ิมต้นของความร่วมมือและ วิถีชีวิตของคนในชุมชน มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ
ความสามัคคใี นการพฒั นาชมุ ชน ที่ก่อให้เกิดความหลากหลายทางภาษา หัตถกรรม และ
พิธีกรรม ที่ปลูกฝังอารยธรรมที่ดีงามมาตั้งแต่อดีต
โครงการรากฐานชุมชนท้องถ่ินจัดการตนเองสู่การ มาใช้สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และเผยแพร่วัฒนธรรม
พัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การบริหารส่วนต�ำบลชุมพล ภูมิปัญญาท้องถ่ินสู่การอนุรักษ์สืบสานให้รุ่นลูกรุ่นหลาน
(2558–2562) สร้างผลประโยชน์ต่อสังคมทั้งส้ิน 39.92 เช่น ศูนย์การเรียนการสอนอ่านอัลกุรอาน หลักสูตร
ล้านบาท ใช้เงินลงทุนทง้ั หมด 14.30 ล้านบาท ซง่ึ จากการ กรี ออาตี บา้ นกรือซอ เปน็ ต้น
ค�ำนวณก่อให้เกิดผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน
เทา่ กับ 2.79 หมายถึง การลงทุนของโครงการมีความคุ้มคา่ โครงการเครือข่ายพลังชุมชนร่วมสร้างท้องถิ่นน่าอยู่
ตอ่ การลงทนุ เนอ่ื งจากเงนิ ลงทนุ 1บาทสามารถสรา้ งประโยชน์ สตู่ �ำบลสุขภาวะชายแดนใต้ตำ� บลแวง้ ตลอดระยะเวลา 5 ปี
ใหส้ ังคมไดถ้ ึง 2.79 บาท (2558–2562) ก่อใหเ้ กดิ ผลประโยชน์รวม 25.81 ลา้ นบาท
ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 15.03 ล้านบาท ผลตอบแทนทาง
คนในชุมชนเป็นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดถึง สงั คมเทา่ กบั 1.72 ซงึ่ หมายถงึ การลงทนุ โครงการเครอื ขา่ ย
ร้อยละ 92 รองลงมา คือ เจ้าหน้าที่ อบต. ร้อยละ 4 และ พลงั ชมุ ชนรว่ มสรา้ งทอ้ งถนิ่ นา่ อยสู่ ตู่ ำ� บลสขุ ภาวะชายแดนใต้
ผลประโยชน์ท่ีเหลือเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ แกนน�ำชุมชน ตำ� บลแวง้ นน้ั คมุ้ คา่ ตอ่ การลงทนุ เนอ่ื งจากเงนิ ลงทนุ 1 บาท
วทิ ยากร และอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจำ� หมบู่ า้ น (อสม.) สามารถสรา้ งประโยชนใ์ ห้สังคมได้ถึง 1.72 บาท
การวิเคราะห์ความอ่อนไหวโดยการปรับอัตราคิดลดเป็น
ร้อยละ 1, 3, 5 และ 10 การเพ่มิ คา่ deadweight ของทุก เมอ่ื พจิ ารณาผลประโยชนท์ เี่ กดิ ขนึ้ จากโครงการ พบวา่
ผลลัพธ์ ร้อยละ 10 และการลด attribution ทุกผลลัพธ์ คนในชมุ ชนเปน็ กลมุ่ ทไ่ี ดร้ บั ผลประโยชนม์ ากทส่ี ดุ ถงึ รอ้ ยละ
รอ้ ยละ 10 ผลจากการเปลี่ยนแปลงเงอื่ นไข SROI มีคา่ อยู่ 82 รองลงมา คือ วิทยากร เจ้าหน้าที่ อบต. และผูน้ ำ� ชมุ ชน
ระหวา่ ง1.57–2.86ซง่ึ มคี า่ มากกวา่ 1แสดงวา่ การดำ� เนนิ งาน การวเิ คราะห์ความออ่ นไหวโดยการปรบั อตั ราคดิ ลด รอ้ ยละ
ของโครงการยังคงใหผ้ ลตอบแทนมากกวา่ เงนิ ที่ลงทุนไป 1, 3, 5 และ 10 การเพิม่ คา่ deadweight 10% และการลด
attribution 10% พบวา่ หลงั จากมกี ารเปลยี่ นแปลงเงอื่ นไข
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลแวง้ อ�ำเภอแวง้ จงั หวดั นราธวิ าส SROI มีค่าอยู่ระหว่าง 0.83–1.76 แสดงว่าหากมีการ
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลแวง้ ครอบคลมุ พนื้ ที่7หมบู่ า้ น ปรับเปล่ียนอัตราคิดลดหรือปรับเพิ่ม deadweight อีก
10% หรือปรับลด attribution อีก 10% การด�ำเนินงาน
มีจ�ำนวนประชากรทั้งหมด 6,727 คน 1,501 ครัวเรือน ของโครงการยังคงให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินที่ลงทุนไป
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่ราบลุ่ม มีภูเขาสูง และมีแหล่งน�้ำ แตห่ ากมีการปรบั เพม่ิ deadweight อีก 10% และปรบั ลด
ธรรมชาติที่สามารถใช้ในการหล่อเล้ียงชุมชนได้ตลอดท้ังปี attribution 10% พร้อมกัน การด�ำเนินงานของโครงการ
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 95 และ จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าเงินท่ีลงทุนไป ดังน้ันควรมีการ
ศาสนาพุทธ ร้อยละ 5 ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทบทวนว่าผลลัพธ์การเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนกับกลุ่มผู้มี
เกษตรกรรม กรีดยาง เล้ียงปศุสัตว์ ประมง รับจ้าง และ ส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ น้ัน เป็นไปตามเป้าหมายของ

25

วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย

โครงการท่ีได้ก�ำหนดไว้แต่ตอนเร่ิมต้นวางแผนท�ำโครงการ การลงทนุ เนอื่ งจากเงนิ ลงทนุ 1 บาท สามารถสรา้ งประโยชน์
ไวห้ รือไม่ ให้สงั คมได้ถงึ 1.57 บาท
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลพรหมนมิ ติ อ�ำเภอตาคลี จงั หวดั
นครสวรรค์ คนในชุมชนเป็นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดถึง
รอ้ ยละ 85 รองลงมา คอื ผนู้ ำ� ชมุ ชนและประธานแหลง่ เรยี นรู้
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลพรหมนมิ ติ ครอบคลมุ พนื้ ที่ ร้อยละ 6 อาสาสมัครสาธารณสุขประจ�ำหมู่บ้าน (อสม.)
9 หมบู่ า้ น มปี ระชากรทง้ั หมด 4,991 คน มี 1,636 ครวั เรอื น รอ้ ยละ4 เจา้ หนา้ ที่อบต.รอ้ ยละ3ผลประโยชนท์ เี่ หลอื เกดิ ขนึ้
พื้นที่ส่วนใหญ่ของแต่ละหมู่บ้านมีขนาดเล็กมีแหล่งน้�ำ กบั ผสู้ งู อายแุ ละวทิ ยากรการวเิ คราะหค์ วามออ่ นไหวหลงั จาก
ค ล อ ง ช ล ป ร ะ ท า น ไ ห ล ผ ่ า น เ ห ม า ะ กั บ ก า ร ท� ำ เ ก ษ ต ร มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของอัตราคิดลดร้อยละ 1, 3, 5
ต�ำบลพรหมนิมิต เป็นสังคมเมือง ท�ำให้คนในชุมชนมีภาวะ และ 10 เพิ่มค่า deadweight และลด attribution ท�ำให้
เร่งรีบ เกิดความเครียดขาดการดูแลเอาใจใส่ด้านสุขภาพ SROI มีคา่ อยรู่ ะหว่าง 0.87–1.62 แสดงวา่ หากมีการปรับ-
การบริหารจัดการต�ำบล “ใช้หลักการมีส่วนร่วม” ประกอบ เปลยี่ นอตั ราคดิ ลด หรอื ปรบั เพมิ่ deadweight หรอื ปรบั ลด
การทำ� งานร่วมกนั ขององคก์ รในพน้ื ที่ องค์กรท้องถิ่น ได้แก่ attribution การดำ� เนนิ งานของโครงการยงั คงใหผ้ ลตอบแทน
องค์การบริหารส่วนต�ำบลพรหมนิมิต องค์กรท้องท่ี ได้แก่ มากกวา่ เงนิ ทล่ี งทนุ ไป แตห่ ากมกี ารปรบั เพมิ่ deadweight
ก�ำนันผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรภาคประชาชน ได้แก่ แกนน�ำ 10% และปรับลด attribution 10% การด�ำเนินงานของ
กลุ่มแหล่งเรียนรู้ หน่วยงานภาครัฐภายในต�ำบล เช่น โครงการจะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าเงินที่ลงทุนไป ดังนั้น
โรงเรยี น และโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพระดบั ตำ� บล รวมถงึ ควรมีการทบทวนผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดว่าเป็นไป
องค์กรเอกชนต่างๆ เป็นส่วนส�ำคัญในการขับเคลื่อนชุมชน ตามเป้าหมายของโครงการที่ได้ก�ำหนดไว้หรือไม่ รวมถึง
ให้ก้าวเขา้ สู่ความเปน็ ตำ� บลสุขภาวะอย่างสมบูรณ์ ทบทวนจำ� นวนผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ทเ่ี ขา้ รว่ มในแตล่ ะกจิ กรรม

โครงการร่วมแรง ร่วมใจ ชุมชนท้องถ่ินเครือข่ายสู่ องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลเจดยี ์ชยั อ�ำเภอปวั จังหวดั น่าน
ต�ำบลสุขภาวะขององค์การบริหารส่วนต�ำบลพรหมนิมิต องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลเจดยี ช์ ยั ครอบคลมุ พนื้ ที่ 9
เน้นกิจกรรมท่ีสร้างการมีส่วนร่วมด้านเศรษฐกิจมีการ
สง่ เสรมิ กล่มุ อาชพี ตา่ งๆ ท้งั ด้านการเกษตรและการแปรรปู หมู่บ้าน มีประชากร 6,918 คน 1,784 ครัวเรือน ห่างจาก
ผลติ ภณั ฑ์เชน่ กลมุ่ มะขามเทศกลมุ่ หอมหวั ใหญ่กลมุ่ นำ�้ พรกิ ตวั อำ� เภอเมอื งประมาณ 60 กโิ ลเมตร มลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศ
ปลาส้ม กลุ่มดอกไม้จันทน์ กลุ่มกระเป๋าควิลท์ กลุ่มทอผ้า เป็นท่ีราบลุ่มริมแม่ปัวและแม่น้�ำน่าน บางส่วนเป็นภูเขาสูง
พื้นเมือง โฮมสเตย์ ท�ำให้ประชาชนมีอาชีพและมีรายได้ มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นชุมชนกึ่งเมืองกึงชนบทมีวิถีชีวิต
เพิ่มขึ้น นอกจากน้ียังมีการจัดกิจกรรมเพ่ือให้คนในชุมชน ความเป็นอยู่แบบล้านนา จุดเด่นของต�ำบลเจดีย์ชัย คือ
ไดม้ โี อกาสทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั มกี ลมุ่ จติ อาสาชว่ ยเหลอื ดแู ล วถิ ชี วี ติ และความเชอ่ื ทางศาสนาของชาวไทลอ้ื เชน่ ประเพณี
เกื้อกูลซ่ึงกันและกัน และที่ส�ำคัญประชาชนยังได้รับการ ไหว้พระธาตุดินไหว และประเพณีแข่งเรือ คนในชุมชนได้
ดูแลสุขภาพท�ำให้มีสุขภาพดีข้ึนท้ังทางร่างกายและจิตใจ เปรียบเทียบการพัฒนาชุมชนเหมือนการแข่งเรือที่ทุกคน
ยกตวั อยา่ งเชน่ กจิ กรรมสามวยั ใสใ่ จสขุ ภาพกจิ กรรม“เลกิ สบู ลงเรือล�ำเดียวกันแล้วต้องมีความสามัคคี ความร่วมมือ
ก็เจอสุข” บุคคลต้นแบบเลิกเหล้า โรงเรียนผู้สูงอายุ ร่วมใจ เพื่อพายเรือให้ถึงจุดหมายเดียวกัน ภายใต้แนวคิด
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต�ำบลพรหมนิมิต กิจกรรมกลุ่ม อสม. “ปะกันฮ่วมคิด พัฒนาต�ำบลเฮา” อีกทั้งช่วงที่ด�ำเนินงาน
เยยี่ มเพอื่ น รวมถงึ การจัดการขยะของชุมชน ต�ำบลสุขภาวะมีโรคระบาดจากการรับประทานหมูดิบ คือ
โรคหูดับ ท�ำให้ชุมชนสร้างนวัตกรรม “อาหารปลอดภัย”
ผลลัพธ์ท่ีเกิดจากโครงการ (2558–2562) ก่อให้ รบั ประทานอาหารปรงุ สกุ เพอื่ ลดโรคระบาด จนไดร้ บั รางวลั
เกิดผลประโยชน์ท้ังสิ้น 22.41 ล้านบาท ใช้งบประมาณทั้ง โครงการอาหารปลอดภัย ถือเป็นความภาคภูมิใจและความ
สิ้น 14.23 ล้านบาท ผลตอบแทนทางสังคมเท่ากับ 1.57 สำ� เรจ็ ในการพฒั นาชมุ ชน และเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ทสี่ ามารถทำ� ให้
ซ่ึงหมายถึง การลงทุนของโครงการร่วมแรง ร่วมใจ ชุมชน คนในชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาพนื้ ทอี่ ยา่ งแทจ้ รงิ
ทอ้ งถน่ิ เครอื ขา่ ย สตู่ ำ� บลสขุ ภาวะ ตำ� บลพรหมนมิ ติ คมุ้ คา่ ตอ่

26

Thai Health Promotion Journal

โครงการท้องถิ่นบริหารจัดการด้วยภาคีเครือข่าย เกิดขึ้นกับคนในชุมชน ดังจะเห็นได้จากการเปล่ียนแปลง
สกู่ ารจดั การเครอื ขา่ ยสขุ ภาวะ ตำ� บลเจดยี ช์ ยั สามารถสรา้ ง ในดา้ นเศรษฐกิจ สังคม สขุ ภาพ และสิง่ แวดลอ้ มทดี่ ีขึ้น
ประโยชน์ต่อสังคมตลอดระยะเวลา 5 ปี (2559–2563)
มลู คา่ เทา่ กบั 46ลา้ นบาทใชง้ บประมาณทง้ั สนิ้ 15.58ลา้ นบาท ข้อสังเกตทไ่ี ด้จากการวิเคราะหผ์ ลตอบแทนทางสงั คม
และมผี ลตอบแทนทางสงั คมเทา่ กบั 2.95หมายถงึ การลงทนุ 1. ควรระมดั ระวงั การเปรยี บเทยี บคา่ SROI ของแตล่ ะ
ของโครงการฯ คมุ้ คา่ ตอ่ การลงทนุ เนอื่ งจากเงนิ ลงทนุ 1 บาท
สามารถสร้างประโยชน์ใหส้ ังคมได้ถึง 2.95 บาท พนื้ ท่ี
แม้ว่าโครงการอาจมีกลุ่มของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่ม
เมอ่ื พจิ ารณาผลประโยชนท์ เี่ กดิ ขน้ึ จากโครงการ พบวา่
คนในชมุ ชนเปน็ กลมุ่ ทไี่ ดร้ บั ผลประโยชนม์ ากทสี่ ดุ ถงึ รอ้ ยละ เดียวกัน และมีผลลัพธ์เดียวกัน แต่กิจกรรมท่ีก่อให้เกิด
85 รองลงมา คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจ�ำหมู่บ้าน ผลลพั ธด์ งั กลา่ วมคี วามแตกตา่ งกนั ทงั้ ในดา้ นระยะเวลาการ
(อสม.) และเจ้าหน้าที่ อบต. ร้อยละ 4 การวิเคราะห์ความ ด�ำเนินกิจกรรม และรูปแบบของการเข้าไปมีส่วนเก่ียวข้อง
อ่อนไหวโดยการปรับอัตราคิดลด ร้อยละ 1, 3, 5 และ 10 ในกจิ กรรม หรอื แมแ้ ตจ่ ำ� นวนของผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม ดังน้ัน
การเพิ่มค่า Deadweight 10% และการลด Attribution จึงไม่ควรที่จะเปรียบเทียบผลประโยชน์ของกลุ่มผู้มีส่วนได้
10% หลงั จากมกี ารเปล่ยี นแปลงเงื่อนไข พบวา่ SROI มีค่า ส่วนเสียกลุ่มเดียวกันแม้ว่าจะมีผลลัพธ์เดียวกัน ลักษณะ
อยรู่ ะหวา่ ง1.16–2.99ซง่ึ มคี า่ มากกวา่ 1แสดงวา่ การดำ� เนนิ งาน ของโครงการพฒั นาทม่ี กี ลมุ่ เปา้ หมายตา่ งกนั ทำ� ใหก้ จิ กรรม
ของโครงการยงั คงใหผ้ ลตอบแทนมากกว่าเงินที่ลงทุนไป ออกมาต่างกัน หากว่ามี 2 โครงการที่เหมือนกันและกลุ่ม
เปา้ หมายเดยี วกนั จะทำ� ใหส้ ามารถเปรยี บเทยี บกนั ได้ แตใ่ น
วจิ ารณ์ การศกึ ษาครงั้ นม้ี ลี กั ษณะของโครงการทมี่ คี วามหลากหลาย
กลุม่ เป้าหมายแตกตา่ งกนั ดว้ ยลักษณะของมิติทางสงั คมท่ี
โครงการต�ำบลสุขภาวะมีเป้าหมายในการเสริมสร้าง แตกตา่ งกนั ควรตอ้ งระมดั ระวงั ในการเปรยี บเทยี บ เนอ่ื งจาก
กระบวนการเรียนรู้และแก้ไขปัญหาของชุมชน โดยองค์กร แตล่ ะโครงการแต่ละพ้ืนท่มี มี ติ ิทางสังคมท่ีแตกต่างกันอยู่
ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการด�ำเนิน
กิจกรรมมีการแปลงบทเรียนต่างๆ ในชุมชนให้เกิดเป็น 2. ยงั มผี ลประโยชนท์ างสงั คมทเ่ี กดิ กบั การดำ� เนนิ งาน
หลกั สตู รการเรยี นรู้ และใหค้ วามรแู้ กช่ มุ ชนเครอื ขา่ ย ผลลพั ธ์ เพอ่ื พฒั นาเครอื ข่าย (ลูกข่าย) ทยี่ งั ไม่ได้รวมไวใ้ นการศึกษา
ของโครงการส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตในมิติ ครง้ั น้ี
ต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจสังคม สุขภาพ และส่ิงแวดล้อม การ
ประเมนิ ผลตอบแทนทางสงั คมจากการลงทนุ เปน็ เครอ่ื งมอื การประเมินผลตอบแทนทางสังคมในคร้ังน้ีพิจารณา
ท่ีจะสามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยน�ำเข้า เฉพาะผลประโยชน์ท่ีเกิดกับศูนย์จัดการเครือข่ายต�ำบล
ไปจนถงึ ผลกระทบ ทำ� ใหท้ ราบวา่ การเปลยี่ นแปลงทเี่ กดิ ขน้ึ สขุ ภาวะ (ศจค. หรอื แมข่ า่ ย) เทา่ นน้ั ยงั ไมไ่ ดร้ วมผลประโยชน์
เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการที่ได้ก�ำหนดไว้หรือไม่ได้ ทางสังคมที่เกิดกับการด�ำเนินงานเพื่อพัฒนาเครือข่าย
และยังมีประโยชน์ในการพิจารณาความคุ้มค่าของโครงการ (ลูกข่าย) ท้ัง 20 แห่ง เน่ืองจากงบประมาณที่กระจาย
โดยการแปลงผลลพั ธท์ างสงั คมทเ่ี กดิ ขนึ้ ใหอ้ ยใู่ นรปู ของเงนิ ไปยังลูกข่าย ใช้ในการจัดท�ำข้อมูลวิจัยชุมชน (RECAP)
พจิ ารณาควบค่กู ับเงนิ ลงทุน และข้อมูลพื้นฐานของต�ำบล (TCNAP) แม้ว่าจะเริ่มมีการ
ขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะระดับพ้ืนที่ ระหว่าง ศจค.
การประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุนใน และเครือข่าย แต่ผลท่ีเกิดข้ึนกับลูกข่ายอาจยังไม่ชัดเจน
ตำ� บลสขุ ภาวะทง้ั 6พนื้ ท่ีมคี า่ SROIมากกวา่ 1แสดงใหเ้ หน็ วา่ ในระยะแรก เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่ยังเป็นกิจกรรม
การลงทุนในต�ำบลสุขภาวะเป็นโครงการที่มีความคุ้มค่าใน อบรมใหค้ วามรู้และการรณรงค์ ถงึ แมว้ า่ การศกึ ษาครง้ั นี้จะยงั
การลงทนุ เนอ่ื งจากเงนิ 1 บาททล่ี งทนุ ไปนน้ั ใหผ้ ลตอบแทน ไม่รวมผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับลูกข่าย แต่ก็ปฏิเสธ
ต่อสังคมมากกว่า 1 บาท ซึ่งค่า SROI จะมีความแตกต่าง ไม่ได้ว่าเงินลงทุนของโครงการน้ัน ก่อให้เกิดผลประโยชน์
กันไปในแต่ละพ้ืนที่ โดยภาพรวมผลประโยชน์ส่วนใหญ่ ทางสงั คมในพน้ื ทข่ี องลกู ขา่ ยดว้ ยเชน่ กนั และหากเปน็ เชน่ นน้ั
SROI ของแตล่ ะพนื้ ทจ่ี ะมคี า่ เพมิ่ สงู ขน้ึ จากเดมิ ทไ่ี ดร้ ายงานไว้

27

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย

3. การศึกษาครั้งน้ีก�ำหนดระยะเวลาการประเมิน 5 ปี การสนับสนุนโครงการอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะกิจกรรม
อาจมผี ลประโยชนบ์ างอยา่ งทส่ี ง่ ผลในระยะยาวและยงั ไมอ่ ยู่ ที่ก่อให้เกิดความสุขทางใจ เช่น กิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ
ในขอบเขตการพิจารณาในคร้งั นี้ มกี ารจดั กจิ กรรมทหี่ ลากหลาย ไดร้ บั ความรู้ไดอ้ อกกำ� ลงั กาย
ไดร้ บั การตรวจสขุ ภาพ ไดพ้ ดู คยุ กบั เพอื่ น ในสว่ นของการจดั
การศกึ ษาครง้ั นม้ี ขี อบเขตของระยะเวลาในการคำ� นวณ เครือข่ายการเรียนรู้ท�ำให้เกิดความภาคภูมิใจที่ชุมชนเป็นท่ี
5 ปี (ระยะเวลาดำ� เนนิ โครงการ 3 ปี และหลงั จากจบโครงการ รู้จักของคนภายนอก รวมถึงการท�ำกิจกรรมร่วมกับคนใน
2 ป)ี ไมม่ ผี ลกระทบในระยะยาว เชน่ การเลกิ สบู บหุ ร่ี สง่ ผลให้ ชมุ ชน มโี อกาสไดพ้ ดู คยุ แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ทำ� ใหค้ วาม
สขุ ภาพของผทู้ เี่ ลกิ สบู บหุ รด่ี ขี น้ึ ในระยะยาว ผลดงั กลา่ วไมไ่ ด้ สัมพันธ์ของคนในชุมชนดีข้ึน เปน็ ตน้
รวมอยใู่ นการศกึ ษาครง้ั น้ี หรอื แมแ้ ตก่ ระบวนการเรยี นรขู้ อง
กลุ่มทุนทางสังคม 6 ระดับ ซ่ึงเป็นรากฐานของการพัฒนา 2. SROI เป็นเพยี งเครื่องมือชนิดหน่งึ ท่ใี ชป้ ระเมินผล
ในอนาคต ก็ยังไม่ได้พิจารณาผลลัพธ์ของการเปล่ียนแปลง ของโครงการ ซ่ึง SROI จะตอบได้เพียงบางค�ำถามเท่าน้ัน
ในการศึกษาคร้ังนี้ ประโยชน์ของ SROI นอกเหนือจากตัวเลข คือ การน�ำ
ผลการวิเคราะห์ไปทบทวนการด�ำเนินงานว่าผลลัพธ์การ
4. โครงการทมี่ ี SROI นอ้ ยกวา่ ไมไ่ ดห้ มายความวา่ เปน็ เปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ
โครงการท่ีดอ้ ยกว่า น้ัน เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการที่ได้ก�ำหนดไว้ต้ังแต่
ตอนเร่ิมต้นวางแผนท�ำโครงการหรือไม่ ถ้าได้ผลต�่ำกว่า
เนอ่ื งจากเหตผุ ลหลายประการ เชน่ ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ทีค่ าดไว้จะได้หาทางปรบั ปรงุ ได้ตรงจุด
มคี วามรสู้ กึ พงึ พอใจในดา้ นตา่ งๆ อยใู่ นระดบั สงู อยแู่ ลว้ ดงั นน้ั
การทจ่ี ดั โครงการขนึ้ มา อาจทำ� ใหผ้ มู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ไดร้ บั ผล 3. การประเมินผลตอบแทนทางสังคมของโครงการ
ของการเปลีย่ นแปลงไมม่ ากนัก (deadweight สงู ) เช่นใน พัฒนาสุขภาวะเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
กรณขี องอาสาสมัครสาธารณสุขประจ�ำหมบู่ ้าน (อสม.) ซงึ่ สามารถน�ำมาใช้ในการติดตามโครงการที่ได้รับประมาณ
เป็นกลุ่มที่มีจิตอาสาช่วยดูแลด้านสุขภาพของคนในชุมชน สนับสนุนลงไปในพ้ืนท่ี ทั้งน้ีเพื่อปรับปรุงการด�ำเนินงาน
การเขา้ รว่ มทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ ของโครงการ อาจทำ� ใหม้ ชี ว่ั โมง ในอนาคต และหากมีการวางแผนที่จะน�ำเสนอผลของ
การท�ำงานที่มากขึ้น แต่ความรู้สึกพึงพอใจที่ได้ช่วยเหลือ โครงการผ่าน SROI จ�ำเป็นต้องมีการพิจารณาตัวชี้วัด
ผู้อื่นนั้นเปล่ียนแปลงไม่มากนัก เน่ืองจากได้ท�ำหน้าที่น้ีมา ท่ีเหมาะสมในแต่ละกิจกรรม และปรับการจัดเก็บข้อมูล
ต้งั แตก่ อ่ นเร่มิ มโี ครงการ นอกจากน้ีอาจมปี จั จัยอ่ืนๆ ทำ� ให้ พื้นฐานของต�ำบล (TCNAP) ให้ครอบคลุมตัวช้ีวัดต่างๆ
ไม่สามารถก�ำหนดจ�ำนวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เอง หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้มีข้อมูลเพื่อสะท้อนมูลค่าของประโยชน์ท่ีเกิด
สามารถขยายจำ� นวนผู้มสี ว่ นร่วมในกิจกรรมได้ เช่น จ�ำนวน จากการลงทุนได้
ผปู้ ว่ ยจิตเวช จำ� นวนคนทีเ่ ลกิ สูบบหุ รี่ เลกิ ด่ืมสรุ า เปน็ ต้น
4. ระบบข้อมูลเป็นส่ิงส�ำคัญในการพัฒนา เร่ิมตั้งแต่
ข้อเสนอแนะส�ำหรับการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางสังคม การวางแผนจนถึงการติดตามประเมินผล จากการศึกษา
มีดังตอ่ ไปนี้ พบว่าผลลัพธ์ที่เก่ียวข้องกับสุขภาพอาจไม่ได้ส่งผลให้เกิด
การเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การเลิกเหล้า เลิกบุหรี่
1. โครงการพัฒนาสุขภาวะเครือข่ายร่วมสร้างชุมชน อาจไม่ไดส้ ง่ ผลให้ผทู้ เี่ ลกิ เหล้าเลกิ บหุ รี่มีสขุ ภาพดขี ึ้นภายใน
ท้องถ่ินน่าอยู่ เม่ือพิจารณาผลประโยชน์ที่เกิดข้ึนกับคนใน ระยะเวลาที่ท�ำการศึกษา 5 ปี อย่างไรก็ตาม ควรมีการเก็บ
ชุมชนกลุ่มต่างๆ พบว่า เป็นโครงการท่ีมีความคุ้มค่าในการ ขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ การ
ลงทนุ เนอื่ งจากเงนิ 1 บาท ทล่ี งทนุ ใหผ้ ลตอบแทนตอ่ สงั คม วิเคราะหผ์ ลกระทบของโครงการในระยะยาวดว้ ย
มากกวา่ 1 บาท (ทงั้ 6 พน้ื ทม่ี ี SROI มากกวา่ 1) ดงั นนั้ ควรมี

28

Thai Health Promotion Journal

กิตติกรรมประกาศ การวิจัยตลอดโครงการ และขอขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ของโครงการพฒั นาสขุ ภาวะเครอื ขา่ ยรว่ มสรา้ งชมุ ชนทอ้ งถน่ิ
ผวู้ จิ ยั ขอขอบคณุ สำ� นกั สนบั สนนุ สขุ ภาวะชมุ ชน(สำ� นกั 3) นา่ อยู่ทุกทา่ นทีไ่ ด้ให้ขอ้ มูลอันเป็นประโยชน์
ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ท่ีให้โอกาสในการศึกษาคร้ังน้ีและให้การสนับสนุนทุน

เอกสารอา้ งองิ

1. ขนิษฐา นนั ทบตุ ร, พีรพงษ์ บุญสวัสด์กิ ลุ ชยั , นิศาชล บุปผา, อรุณณี ใจเที่ยง. การวจิ ัยชุมชนด้วยวธิ วี ิจัยเชิงชาตพิ นั ธ์ุวรรณาแบบ เรง่
ด่วน. กรุงเทพมหานคร: สำ� นักงานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสุขภาพ; 2561.

2. ขนิษฐา นนั ทบุตร, พีรพงษ์ บุญสวัสด์กิ ลุ ชัย, ณฐั กานต์ เล็กเจรญิ , เกศรนิ อนิ ทองหลาง, ดลฌา วงษาจนั ทร์, ณัฐศาสตร์ บุญมาก,
และคณะ. การพัฒนาระบบขอ้ มูลต�ำบลโดยการสำ� รวจ. กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนนุ การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ; 2561.

3. สฤณี อาชวานันทกุล, ภัทราพร แย้มละออ. คู่มือการประเมินผลลัพธ์ทางสังคมและผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน.
กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนนุ การวิจัย; 2560.

4. ศูนยว์ ิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน. โครงการติดตามและประเมนิ ผลโครงการพัฒนาแกม้ ลิงหนองเลงิ เปอื ย ระยะที่ 2: รายงานฉบบั
สมบูรณ.์ ขอนแกน่ : คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น; 2561.

5. สถาบนั วิจยั เพอื่ การพฒั นาประเทศไทย. โครงการการวเิ คราะหผ์ ลตอบแทนทางสงั คม (social return on investment project).
กรุงเทพมหานคร: สถาบนั วจิ ัยเพ่อื การพฒั นาประเทศไทย; 2555.

6. มิง่ สรรพ์ ขาวสอาด, ปยิ ะลักษณ์ พุทธวงศ,์ ณัฐพล อนันต์ธนสาร, ศุภศิษฐ์ สวุ รรณสนิ . ประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลของนโยบาย
กระจายอ�ำนาจองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน: รายงานวจิ ัยฉบับสมบูรณ.์ เชยี งใหม:่ มูลนิธสิ ถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ, 2561.

7. อริยา เผา่ เครื่อง, วรญั ญา ไชยทารินทร,์ เรืองรอง สุวรรณก์ าร, ปิยะพงษ์ แสงแก้ว. ถอดบทเรยี นขยะ สูก่ ารเปล่ียนแปลงผลลัพธ์เพอ่ื
ประเมนิ SROI. พะเยา: คณะวทิ ยาการจดั การและสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา; 2559.

8. Chandoevwit W, Thampanishvong K. Valuing social relationships and improved health condition among the

Thai population. Journal of Happiness Studies 2016;17(5):2167-89.

29

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีท่ี 1 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

นพิ นธ์ตน้ ฉบบั Original Article

ดัชนีชุมชนท้องถน่ิ เข้มแขง็

พงษ์เทพ สนั ตกิ ุล
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพมหานคร

บทคัดยอ่

การจัดท�ำดัชนีชุมชนท้องถ่ินเข้มแข็งมีวัตถุประสงค์เพ่ือจัดท�ำดัชนีและเครื่องมือวัดความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นท่ี
เหมาะสมและสะดวกต่อการใช้ประโยชน์และทำ� ซ�้ำ โดยใช้ข้อมูลท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบและ
น่าเช่ือถือ และจัดเก็บเพิ่มเติมเฉพาะส่วนที่จ�ำเป็นเท่าน้ัน วิธีการวิจัยเพ่ือพัฒนาดัชนีวัดจ�ำแนกออกเป็น 6 ข้ันตอน คือ
(1) ทบทวนวรรณกรรมงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง (2) สร้างกรอบแนวคิดการวิจัยและน�ำเสนอต่อผู้เกี่ยวข้อง (3) ทบทวนข้อมูล
ทอี่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ จดั เกบ็ (4) จดั ทำ� แบบบนั ทกึ ขอ้ มลู สำ� หรบั ดชั นวี ดั แตล่ ะตวั (5) จดั เกบ็ ขอ้ มลู จากชมุ ชน 2 แหง่
(6) น�ำผลการวิเคราะห์ไปตรวจสอบความถูกต้องจากเจ้าของข้อมูล ผลการวิจัยได้เคร่ืองมือวัดความเข้มแข็งของชุมชนท่ี
สามารถระบจุ ดุ แขง็ และจดุ ออ่ นของชมุ ชนไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ งกบั บรบิ ททางสงั คมและความเปน็ จรงิ ของชมุ ชน และเหมาะสม
กบั ศกั ยภาพของชมุ ชนในการทำ� ซำ�้ เพอื่ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศทเี่ ปน็ ปจั จบุ นั สำ� หรบั เปน็ แนวทางจดั ทำ� แผนและนโยบายเพอื่ พฒั นา
ความอยดู่ มี สี ขุ แกส่ มาชกิ ของชมุ ชน การวดั ความเขม้ แขง็ ชมุ ชน พบวา่ ชมุ ชนตา่ งมจี ดุ แขง็ และจดุ ออ่ นทหี่ ลากหลายแตกตา่ งกนั
ขน้ึ อยกู่ บั บรบิ ททางสงั คมของชมุ ชนและกระบวนการพฒั นาทผ่ี า่ นมาในอดตี ความเหมาะสมในการใชป้ ระโยชน์พบวา่ เครอ่ื งมอื วดั
มีความเหมาะสมสามารถน�ำผลการวัดไปใช้ได้จริงและใช้ได้ไม่ยากนัก ชุมชนมีศักยภาพเพียงพอท่ีจะน�ำไปท�ำซ�้ำในทุกๆ ปี
เพื่อใหไ้ ด้สารสนเทศท่เี ป็นปัจจบุ นั ดชั นีวดั ชมุ ชนท้องถิ่นเขม้ แขง็ ท่ีจดั ทำ� ขนึ้ ใหม่น้ี พิจารณาในอีกมุมมองหน่ึง คอื เครอื่ งมอื
สำ� หรบั วิเคราะหข์ อ้ มูลทีอ่ งค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ที่จัดเกบ็ ไว้แล้วมาใชป้ ระโยชน์ใหไ้ ดม้ ากขึ้นกว่าเดมิ

ค�ำ ส�ำ คัญ: ดัชนีชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง; ชุมชนเข้มแข็ง

Community-Strength Index

Pongthep Suntigul
Faculty of Social Administration, Thammasat University, Bangkok, Thailand

Abstract

This study aimed to develop a community-strength index as a tool for indexing and measuring
community strengths and weaknesses that are appropriate and easy to replicate. Data were systematically
and accurately collected by the local government; and additional essential data were collected bt the
researcher. It was conducted in 6 steps: (1) literature review, (2) constructing a research framework
presented to stakeholders, (3) reviewing the data collected by local governments, (4) designing a
database for each indicator, (5) collecting additional data, and (6) checking and analyzing results with

30

Thai Health Promotion Journal

stakeholders. As a result, the instrument was successfully developed with the capacity to identify strengths
and weaknesses of the community in line with the social contexts; and it could also be used for future
study. The information obtained from the use of the tool was beneficial for developing plans and pol-
icies to improve the well-being of community members. Indicator measurements showed that each
community had different sets of strengths and weaknesses, which depended on the social context of
thecommunityandthepreviousdevelopmentprocess.Withthistool,localgovernmentscouldeasily measure
up-to-date situation annually. Therefore, this community strength index tool is found to be appropriate and
easily applicable to improve the analysis of local government data.

Keywords: community strength indexing; strength community; healthy community

บทน�ำ AppraisalProgram:TCNAP)(9)ซง่ึ สนบั สนนุ การจดั ทำ� โดย
ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
การจัดท�ำดัชนีวัดความเข้มแข็งของชุมชนที่เป็น ข้อมูลที่จัดเก็บน้ีถูกน�ำไปใช้ประโยชน์ไม่มากนัก เน่ืองจาก
รูปธรรมมีความเท่ียงตรง (validity) และความเช่ือม่ันสูง การใช้ประโยชน์ข้อมูลต้องอาศัยผู้มีความรู้และทักษะในการ
(reliability) นอกจากจะช่วยให้สามารถวัดผลการพัฒนา ใช้ข้อมูลและต้องมีเคร่ืองมือส�ำหรับน�ำข้อมูลมาแปลเป็น
ของชุมชนหรือความเข้มแข็งของชุมชนได้แล้ว ยังใช้เป็น สารสนเทศทีเ่ หมาะสมจึงสามารถใชป้ ระโยชน์ได้
แนวทางการพฒั นาเพอ่ื สร้างความอยดู่ มี สี ุข (well being)
ให้กับสมาชิกของชุมชน การศกึ ษานม้ี วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื จดั ทำ� ดชั นแี ละเครอื่ งมอื
วดั ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ทเ่ี หมาะสมและสะดวกตอ่
การจัดท�ำดัชนีวัดความเข้มแข็งของชุมชนท่ีทบทวน การใช้ประโยชน์และท�ำซ้�ำโดยชุมชนท้องถิ่น เป็นการสร้าง
มาล้วนใช้แนวทางการจัดเก็บข้อมูลโดยแบบส�ำรวจที่จัดท�ำ เคร่ืองมือท่ีเหมาะสมกับการน�ำไปใช้ประโยชน์และท�ำซ�้ำโดย
ขึ้นใหม่ท้ังหมด(1-7) เมื่อได้ข้อมูลจากการส�ำรวจแล้วจึงใช้วิธี ชุมชน ภายใต้แนวคิดการใช้ข้อมูลของชุมชนที่จัดเก็บอย่าง
การทางสถิติค�ำนวณหาค่าความเข้มแข็งของชุมชน วิธีการ เปน็ ระบบและมคี วามนา่ เชอื่ ถอื เปน็ หลกั และจดั เกบ็ เพม่ิ เตมิ
ดงั กลา่ วแมส้ ามารถใหผ้ ลลพั ธต์ รงตามทนี่ กั วจิ ยั ตอ้ งการแต่ เฉพาะสว่ นทจี่ ำ� เปน็ เทา่ นนั้ โดยดชั นตี อ้ งวดั คา่ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
ชมุ ชนไมส่ ามารถนำ� วธิ กี ารดงั กลา่ วไปทำ� ซำ้� ได้ เนอ่ื งจากเปน็ และมคี วามนา่ เชอื่ ถอื สามารถระบจุ ดุ แขง็ จดุ ออ่ นของชมุ ชน
วธิ กี ารทยี่ ากเกนิ ความสามารถและตอ้ งใชท้ รพั ยากรจำ� นวน ได้อย่างถูกต้องเพ่ือใช้เป็นข้อมูลส�ำหรับการวางแผนพัฒนา
มาก การจัดท�ำดัชนีวัดความเข้มแข็งของชุมชนดังกล่าวจึง ชุมชนโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพ่ือสร้างความอยู่ดี
เปน็ การทำ� เพยี งครง้ั เดยี วและสนิ้ สดุ เมอ่ื จบโครงการไมม่ กี าร มีสุขใหก้ ับสมาชกิ ชุมชน
ทำ� ซำ�้ ซง่ึ ในความเปน็ จรงิ แลว้ การวดั ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน
ควรท�ำต่อเน่ืองเพ่ือความเป็นปัจจุบันของข้อมูล เน่ืองจาก วธิ ีการศกึ ษา
ชุมชนมพี ลวตั และเปล่ียนแปลงตลอดเวลา
วธิ กี ารศกึ ษา ประกอบดว้ ย (1) การวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณดว้ ย
ในขณะท่ีชุมชนโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรดว้ ยการวเิ คราะห์
จัดเก็บข้อมูลท่ีเป็นระบบและมีความน่าเช่ือถืออยู่แล้วเป็น การถดถอยเชิงพหุคูณ (multiple regression) โดยใช้
ประจำ� ทกุ ปี ไดแ้ ก่ ขอ้ มลู ความจำ� เปน็ ขนั้ พน้ื ฐาน (จปฐ.) และ ข้อมูลทัง้ หมดทีอ่ งคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินประเมินตนเอง
ขอ้ มลู พน้ื ฐานระดบั หมบู่ า้ น/ชมุ ชน (กชช. 2ค)(8) ซงึ่ สนบั สนนุ ด้วยเคร่ืองมือวัดความเข้มแข็งชุมชนออนไลน์ จ�ำนวน 105
การจัดท�ำ โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย แห่ง (2) การวิจัยวิจัยเชิงคุณภาพเพ่ือพัฒนาดัชนีวัดความ
และระบบข้อมลู ต�ำบล (Thailand Community Network เขม้ แข็งชุมชน และ (3) การนำ� เครอ่ื งมอื ไปวดั ความเข้มแขง็

31

วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย

ของชุมชนท้องถิน่ 1 แหง่ ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ (จำ� นวน 5 ขอ้ ) รวมเปน็ คำ� ถามสำ� หรบั
การวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อพัฒนาดัชนีวัดความเข้มแข็ง สำ� รวจขอ้ มูลใหม่ จ�ำนวน 54 ข้อ

ชมุ ชน จำ� แนกข้ันตอนการวจิ ยั ออกเป็น 6 ขน้ั ตอน ดงั นี้ ขัน้ ตอนที่ 5 นำ� เคร่อื งมือวดั ไปจดั เก็บข้อมูลจากชุมชน
ขนั้ ตอนที่ 1 ทบทวนวรรณกรรมงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั และน�ำมาประมวลผลความเข้มแข็งของชุมชน โดยใช้เกณฑ์
การประเมินที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรมและได้รับการ
ชมุ ชนเขม้ แขง็ และการจดั ทำ� ดชั นวี ดั ชมุ ชนเขม้ แขง็ เพอ่ื คน้ หา ตรวจสอบจากนกั วชิ าการและผทู้ รงคุณวุฒิ
ความหมายและองคป์ ระกอบเพอ่ื สรา้ งกรอบแนวคดิ การวจิ ยั
สำ� หรบั จัดท�ำดัชนวี ดั ชมุ ชนท้องถ่ินเข้มแขง็ ขน้ั ตอนท่ี6นำ� ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดชั นชี มุ ชนทอ้ งถนิ่
เข้มแข็งไปตรวจสอบความถูกต้อง และความเหมาะสมของ
ขั้นตอนท่ี 2 สร้างกรอบแนวคิดการวิจัยและน�ำเสนอ การด�ำเนินงาน ด้วยวิธีคืนข้อมูลให้ชุมชนท้องถ่ินเจ้าของ
ต่อนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิจากกรมการพัฒนาชุมชน ข้อมูลตรวจสอบ
ส�ำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถ่ิน ส�ำนักงาน
กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบัน ผลการศกึ ษา
พัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ผู้บริหารองค์กร
ปกครองส่วนทอ้ งถิ่นเพ่ือตรวจสอบความถูกตอ้ ง เหมาะสม ผลการนำ�เคร่อื งมอื ไปวดั ความเข้มแขง็ ชมุ ชนท้องถิ่น
และความเปน็ ไปไดใ้ นการจดั ทำ� ดชั นวี ดั ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ เขม้ แขง็ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชากรในเขตชุมชน A จ�ำนวน

ขั้นตอนท่ี 3 ปรับแก้กรอบแนวคิดตามข้อเสนอแนะ 379 คน เพศชาย 138 คน (รอ้ ยละ 40.5) เพศหญงิ 203 คน
และทบทวนข้อมูลที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บไว้ (รอ้ ยละ 59.5) ไมร่ ะบุเพศ 38 คน (ร้อยละ 10.0) ส่วนใหญ่
ได้แก่ ข้อมูลความจ�ำเป็นข้ันพ้ืนฐาน (จปฐ.) ข้อมูลพ้ืนฐาน ประกอบอาชพี เกษตรกร (รอ้ ยละ 49.1) รองลงมา คอื อาชพี
ระดับหมู่บ้าน/ชมุ ชน (กชช. 2ค) และระบบขอ้ มลู ตำ� บลโดย รับจา้ งท่ัวไป (รอ้ ยละ 23.2)
การส�ำรวจ เพ่ือค้นหาข้อมูลท่ีเหมาะสมกับดัชนีวัดแต่ละตัว ชุมชน A มีองค์ประกอบพื้นฐานของความเป็นชุมชน
โดยไม่ตอ้ งจัดเกบ็ ใหมท่ ้งั หมด ทอ้ งถน่ิ เขม้ แขง็ ทเ่ี ปน็ จดุ แขง็ และจดุ ออ่ นเรยี งลำ� ดบั ดงั ภาพที่1
จุดแข็งของชุมชน A ประกอบด้วย (1) องค์ประกอบด้าน
ข้ันตอนที่ 4 จัดท�ำแบบบันทึกข้อมูลส�ำหรับดัชนีวัด เครือข่ายท่ีประกอบด้วย เครือข่ายที่เป็นกลุ่มหน่วยงาน
แตล่ ะตวั และจดั ทำ� แบบสำ� รวจขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ สำ� หรบั ดชั นวี ดั องค์กร และสถาบัน ที่ท�ำหน้าที่ให้ความรู้ มีความเข้มแข็ง
ท่ีไม่สามารถหาข้อมูลได้จากข้อมูลท่ีมีอยู่ แล้วน�ำเสนอต่อ ระดับมาก (คะแนน 3.00 จากคะแนนเต็ม 3.00) และ
นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิจากกรมการพัฒนาชุมชน (2) องค์ประกอบด้านวิถีการด�ำเนินชีวิตและการบริหาร
ส�ำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ส�ำนักงาน มีความเข้มแข็งเท่ากับองค์ประกอบด้านทรัพยากรและ
กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบัน สงิ่ แวดลอ้ มในระดบั ปานกลาง (คะแนน 1.97 จากคะแนนเตม็
พฒั นาองคก์ รชมุ ชน (องคก์ ารมหาชน) เพอ่ื ตรวจสอบความ 3.00)
ถกู ตอ้ ง ความเหมาะสม และความเปน็ ไปได้ในการจัดเกบ็
จุดอ่อนของชุมชน A ประกอบด้วย (1) องค์ประกอบ
ขอ้ มลู ทไี่ มม่ กี ารจดั เกบ็ ไวแ้ ละตอ้ งสำ� รวจใหมส่ ว่ นใหญ่ ดา้ นคน มคี วามเขม้ แขง็ ในภาพรวมระดบั ปานกลาง (คะแนน
แล้วเป็นข้อมูลเชิงอัตวิสัยซึ่งเป็นทัศนคติของสมาชิกชุมชน 1.43 จากคะแนนเต็ม 3.00) และ (2) องคป์ ระกอบด้านทุน
ท่ีเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ในชุมชน ได้แก่ ความเห็นต่อผู้น�ำ มีความเข้มแข็งในภาพรวมระดับปานกลาง (คะแนน 1.57
(จ�ำนวน 8 ข้อ) การบริหารจัดการชุมชน (จ�ำนวน 11 ข้อ) จากคะแนนเต็ม 3.00)
ความสามารถในการปรับตวั (จำ� นวน 2 ข้อ) ความเท่าเทียม
ทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ (จ�ำนวน 6 ข้อ) การใช้ ชมุ ชน A มกี ระบวนการ/วธิ กี ารทน่ี ำ� ไปสกู่ ารเปน็ ชมุ ชน
ประโยชน์จากทรัพยากรและทุนทางสังคม (จ�ำนวน 2 ข้อ) ทอ้ งถน่ิ เขม้ แขง็ ทเี่ ปน็ จดุ แขง็ และจดุ ออ่ นเรยี งลำ� ดบั ดงั ภาพที่2
ความภาคภูมิใจในชุมชน (จ�ำนวน 6 ข้อ) การช่วยเหลือ จดุ แขง็ ของชมุ ชน A ประกอบดว้ ย (1) การเสรมิ สรา้ งจติ สำ� นกึ
เกอื้ กลู กนั ระหวา่ งสมาชกิ ชมุ ชน (จำ� นวน 4 ขอ้ ) การพง่ึ ตนเอง และความรับผิดชอบแก่สมาชิกชุมชน มีความเข้มแข็ง
(จำ� นวน 4 ขอ้ ) การมสี ว่ นรว่ ม (จำ� นวน 6 ขอ้ ) ความปลอดภยั ของภาพรวมในระดับมาก (คะแนน 3.00 จากคะแนนเต็ม

32

Thai Health Promotion Journal

ภาพที่ 1 ความเข้มแข็งขององค์ประกอบชุมชน A

ภาพที่ 2 ความเข้มแข็งของกระบวนการ/วิธีการบริหารจัดการชุมชน A

3.00) และ (2) การส่งเสริมการพึ่งตนเองและพ่ึงพาอาศัย จุดแข็งของชุมชน A ประกอบด้วย (1) การมี
ซง่ึ กนั และกนั มคี วามเขม้ แขง็ ในภาพรวมระดบั มาก (คะแนน จติ วญิ ญาณชมุ ชน ความเขม้ แขง็ ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก
2.67 จากคะแนนเต็ม 3.00) (คะแนนเตม็ 3.00) และ (2) ความเสมอภาคและเท่าเทียม
ความเข้มแข็งของภาพรวมอยู่ในระดับมาก (คะแนน 2.50
จดุ ออ่ นของชมุ ชน A ประกอบดว้ ย (1) การใชท้ รพั ยากร จากคะแนนเต็ม 3.00)
ของชมุ ชนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ความเขม้ แขง็ ในภาพรวมอยู่
ในระดบั นอ้ ย (คะแนน 1.00 จากคะแนนเตม็ 3.00) (2) การ จุดอ่อนชุมชน A ประกอบด้วย (1) ความสามารถ
สรา้ งวสิ ยั ทศั นแ์ ละคณุ คา่ รว่ ม มคี วามเขม้ แขง็ ในภาพรวมใน ในการปรับตัว ความเข้มแข็งในภาพรวมอยู่ในระดับน้อย
ระดบั นอ้ ย (คะแนน 1.00 จากคะแนนเต็ม 3.00) (คะแนน 0.00) (2) ความสามารถพง่ึ ตนเอง ความเขม้ แขง็ ใน
ภาพรวมอยใู่ นระดบั นอ้ ย(คะแนน0.60จากคะแนนเตม็ 3.00)
ชุมชน A มีผลลัพธ์จากการพัฒนาท่ีเป็นผลจากความ
เป็นชุมชนเขม้ แขง็ ทเี่ ปน็ จดุ แขง็ และจดุ ออ่ น ดงั ภาพท่ี 3

33

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

ภาพที่ 3 ดัชนีความเข้มแข็งของผลลัพธ์ชุมชน A

ผลการวิเคราะหค์ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างตวั แปร ตวั แปรอสิ ระทงั้ 2ตวั คอื องคป์ ระกอบและกระบวนการ/
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรใช้ข้อมูลที่ วิธีการบริหารจัดการชุมชน ร่วมกันอธิบายความผันแปร
ของผลลัพธ์ได้ รอ้ ยละ 32.7 ตัวแปรอิสระทง้ั 2 ตวั มีผลต่อ
องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ประเมนิ ตนเองออนไลน์ จำ� นวน ผลลพั ธอ์ ยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั 0.05 ดงั ตารางที่ 1

105 แห่ง ปรากฏผลดังน้ี โดยมีสมการถดถอยพหดุ งั น้ี
กรณที ี่ 1: ตวั แปรตน้ ไดแ้ ก่ คา่ คะแนนรวมดา้ นองคป์ ระกอบ Y = 0.880 + 0.405 X1 + 0.175 X2
และค่าคะแนนรวมด้านกระบวนการ/วิธีการบริหารจัดการ
เมอื่ : X1 = องคป์ ระกอบพนื้ ฐานของชุมชน
ชุมชน ตวั แปรตาม คอื คา่ คะแนนรวมด้านผลลพั ธ์ X2 = กระบวนการ/วธิ กี ารบรหิ ารจดั การชมุ ชน

-องค์ประกอบ ผลลัพธ์
-กระบวนการ/วิธีการ

ตารางท่ี 1 ผลการวเิ คราะหถ์ ดถอยพหขุ องปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อผลลัพธ์จากการพัฒนา

ตัวแปร B SE Beta t

องค์ประกอบ 0.405 0.095 0.406 2.698*

วิธีการ 0.175 0.065 0.258 4.247*

ทุน 0.880 0.186 4.740*

R2 = 0.327, SEE = 0.162, F = 25.568, Sig of F = 0.000, * p<0.05

34

Thai Health Promotion Journal

กรณที ่ี 2 ผลลัพธ์ โดยมีสมการถดถอยพหุดงั นี้
Y = 0.775 + 0.402 X1 + 0.232 X2 + 0.081 X3
-คน
-วิถีการดำ�เนินชีวิต เมอื่ : X1 = ทนุ
-ทรัพยากร X2 = วิถีการดำ� เนินชวี ิต
-ทุน X3 = การเสริมพลังและสรา้ งจิตส�ำนกึ
-กลไก ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สาธารณะแกส่ มาชกิ ชมุ ชน
-เครือข่าย
-สร้างวิสัยทัศน์ วจิ ารณ์
-พัฒนามีส่วนร่วม
-สร้างผู้นำ� จากผลการวัดความเข้มแข็งชุมชน พบว่า ชุมชนมี
-สร้างจิตสำ�นึก จดุ แขง็ และจดุ ออ่ นทหี่ ลากหลาย ขนึ้ อยกู่ บั บรบิ ททางสงั คม
-มีแผนและนโยบาย ของชุมชนและกระบวนการพัฒนาที่ผ่านมาในอดีต(10, 11)
-ใช้ทรัพยากรอย่างมี ประกอบกับการเข้าไปสร้างการพัฒนาให้กับชุมชนโดย
ประสิทธิภาพ หนว่ ยงานภาครฐั ภาคประชาสงั คม ภาคเอกชน และกองทนุ
-ส่งเสริมการพึ่งตนเอง สนบั ทนุ ทอ่ี ยใู่ นประเทศและตา่ งประเทศเปน็ เวลานาน ทำ� ให้
ชุมชนมีการพัฒนามาแล้วในระยะหน่ึง แต่พัฒนาการชุมชน
พบตัวแปรอิสระท้ัง 3 ตัวแปร จากตัวแปรอิสระ มีความหลากหลายแตกต่างกันข้ึนอยู่กับปัจจัยพ้ืนฐาน
ท้ังหมด 13 ตัวแปร คือ ทุนวิถีการด�ำเนินชีวิตของสมาชิก กระบวนการ หรือวิธีการบริหารจัดการของชุมชน การวัด
ชมุ ชน และการเสรมิ พลงั และสรา้ งจติ สำ� นกึ ความรบั ผดิ ชอบ ความเข้มแข็งท�ำให้ชุมชนทราบถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของ
ต่อสาธารณะแก่สมาชิกชุมชนร่วมกันอธิบายความผันแปร ตนเอง(12,13) เพอื่ นำ� ไปกำ� หนดแนวทางการพฒั นาเสรมิ สรา้ ง
ของผลลัพธ์ได้ร้อยละ 53.3 ตัวแปรอิสระท้ัง 3 ตัวมีผลต่อ ความเข้มแข็งและลดจุดอ่อนของชุมชนเพื่อสร้างสมดุล
ผลลัพธอ์ ยา่ งมีนัยส�ำคัญทางสถิติทร่ี ะดับ 0.01 และ 0.05 ใหก้ บั การพฒั นา
ตามล�ำดับ ดงั ตารางที่ 2
ดัชนีวัดความเข้มแข็งชุมชนท้องถิ่น ประกอบด้วย
ตวั แปรตน้ 2กลมุ่ คอื (1)องคป์ ระกอบ(2)กระบวนการ/วธิ กี าร
และตัวแปรตาม 1 กลุ่ม คือ ผลลพั ธ์ ดังรายละเอียดตอ่ ไปน้ี

ตารางท่ี 2 ผลการวเิ คราะหถ์ ดถอยพหขุ องปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อผลลัพธ์จากการพัฒนา

ตัวแปร B SE Beta t

ทุน 0.402 0.057 0.512 7.076*

วิถีการดำ�เนินชีวิต 0.232 0.064 0.273 3.612*

การเสริมพลังและสร้าง
จิตสำ�นึกความรับผิดชอบต่อ 0.081 0.032 0.193 2.483*
สาธารณะแก่สมาชิกชุมชน

ค่าคงที่ 0.775 0.149 5.212*

R2 = 0.533, SEE = 0.135, F = 34.409, Sig of F = 0.000, * p<0.05

35

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

1. องค์ประกอบ หมายถึง องค์ประกอบต่างๆ ที่เป็น การส�ำรวจข้อมูลใหม่ที่ไม่สามารถหาได้จากฐานข้อมูลที่มี
ปจั จยั เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ชมุ ชนและชมุ ชนจำ� เปน็ อยเู่ ดมิ มาประกอบการวเิ คราะห/์ วดั ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน
ตอ้ งมีประกอบดว้ ยดชั นวี ดั หลกั 5ดชั นีคอื (1)คน(2)วธิ กี าร ส่งผลให้เคร่ืองมือวัดดัชนีความเข้มแข็งชุมชนท่ีได้มีความ
และกระบวนการ (3) ทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม (4) ทุน เหมาะสม สามารถนำ� ไปใชไ้ ดจ้ รงิ โดยสะดวก รวมทงั้ การทำ� ซำ้�
(5) เครือข่าย ในทุกๆ ปี เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ารสนเทศทเ่ี ปน็ ปัจจบุ นั เนือ่ งจากเป็น
เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชไ้ มย่ ากชมุ ชนมศี กั ยภาพเพยี งพอทจี่ ะนำ� ไปทำ� ซำ�้
2. กระบวนการ/วธิ ีการ หมายถงึ กระบวนการหรือวธิ ี เช่นเดียวกับมีการศึกษา พบว่า ผลการวิจัยที่จะถูกน�ำไปใช้
การดำ� เนนิ กจิ กรรมตา่ งๆ ของชมุ ชนทสี่ ง่ เสรมิ ความเขม้ แขง็ ประโยชน์ต้องมีความเหมาะสมกับผู้ใช้และสะดวกในการน�ำ
ของชมุ ชน ประกอบดว้ ย ดชั นหี ลกั 8 ดชั นี ไดแ้ ก่ (1) การสรา้ ง ไปใช(้ 14) แตกต่างจากการจดั ทำ� ท่ที บทวนมาซงึ่ ใช้การส�ำรวจ
วิสัยทัศน์และคุณค่าร่วม (2) การพัฒนาแบบมีส่วนร่วม เปน็ หลกั ทำ� ใหก้ ารทำ� ซำ�้ ในปตี อ่ ไปยากและใชง้ บประมาณมาก
(3) การสรา้ งผนู้ ำ� และพฒั นาคน (4) การเสรมิ พลงั และความ
รบั ผดิ ชอบตอ่ สาธารณะแกส่ มาชกิ ชมุ ชน (5) การมแี ผนและ ดัชนีชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งพิจารณาในอีกมุมมองหนึ่ง
นโยบายการพัฒนา (6) การมีเป้าหมายมั่นคงเป็นรูปธรรม คอื เครอ่ื งมอื สำ� หรบั นำ� ขอ้ มลู ทอ่ี งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่
(7)การใชท้ รพั ยากรอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและ(8)การสง่ เสรมิ ที่จัดเก็บไว้มาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าเดิม เป็นเคร่ืองมือ
การพง่ึ ตนเอง ส�ำหรับการประมวลผลข้อมูลที่จัดเก็บในรูปข้อมูลดิบ
ให้เป็นสารสนเทศท่ีเหมาะส�ำหรับการน�ำมาใช้งานได้อย่างดี
3. ผลลัพธ์ หมายถึง ผลที่ได้จากการท่ีชุมชนมีความ ข้อจ�ำกัดของดัชนีวัดความเข้มแข็งชุมชนนี้ คือ ชุมชนท่ีจะ
เข้มแข็ง เป็นการวัดเพ่ือยืนยันว่าชุมชนมีความเข้มแข็งจริง น�ำเคร่ืองมือนี้ไปใช้ต้องมีฐานข้อมูลครบถ้วนทั้ง 3 ฐาน
ประกอบด้วย ดัชนีหลัก 5 ดัชนี ได้แก่ (1) ความอยู่ดีมีสุข ซง่ึ หลายๆชมุ ชนมขี อ้ มลู ไมค่ รบถว้ นดงั นนั้ จงึ ควรนำ� ขอ้ จำ� กดั นี้
(2) ความมนั่ คงดา้ นสขุ ภาพ เศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม ไปพฒั นาเครอ่ื งมอื วดั ดชั นคี วามเขม้ แขง็ ชมุ ชนสำ� หรบั ชมุ ชน
(3) การมจี ติ วญิ ญาณชมุ ชน (4) ความสามารถปรบั ตวั และ ทมี่ ฐี านขอ้ มลู ไมค่ รบสามารถนำ� ไปใชง้ านไดโ้ ดยผลลพั ธย์ งั คง
(5) ความสามารถพึ่งตนเอง มีความถูกต้องและเทย่ี งตรงเช่นเดยี วกัน

ดัชนีวัดชุมชนท้องถ่ินเข้มแข็งมีคุณลักษณะที่ส�ำคัญ ปจั จัยทมี่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ ความเข้มแข็งของชุมชน จากการ
3 ประการ คือ ประการท่ี 1 เปน็ ตัวแทนทดี่ ขี องสิง่ ที่ต้องการ วจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ พบวา่ ประกอบดว้ ย (1) ทนุ ทป่ี ระกอบดว้ ย
ศึกษา สามารถวดั ทรพั ยากรและกิจกรรมของชมุ ชนทีแ่ สดง ทุนทางสถาบัน และทุนมนุษย์ (2) วิถีการด�ำเนินชีวิตและ
ถึงความเป็นชุมชนเข้มแข็งได้อย่างเหมาะสม ประการท่ี 2 การบรหิ ารชมุ ชน (3) การเสรมิ พลงั และสรา้ งจติ สำ� นกึ ความ
สามารถวัดหรือสังเกตได้อย่างเป็นระบบ มีความเป็น รับผดิ ชอบตอ่ สาธารณะแก่สมาชกิ ชุมชน
รูปธรรมสูง มีความเท่ียงตรงและความเชื่อม่ันสูง และ
ประการที่ 3 เป็นท่ียอมรับของผู้เกี่ยวข้อง ง่ายและสะดวก เหตุผลที่มีตัวแปรอิสระเพียง 3 ตัวแปรท่ีมีความ
ในการใช้ประโยชน์และการท�ำซ้ำ� โดยชมุ ชนไดใ้ นภายหลัง สัมพันธ์กับตัวแปรตาม คือ ตัวแปรอีก 10 ตัวแปรท่ีเหลือ
มีค่าคะแนนแตกต่างกันมากส่งผลให้ค่าความแปรปรวน
การจัดท�ำดัชนีวัดความเข้มแข็งของชุมชนท่ีทบทวน ของข้อมูลมากจนไม่สามารถหาความสัมพันธ์เชิงเส้นตรง
มาใช้วิธีการส�ำรวจเพื่อจัดเก็บข้อมูลใหม่ทั้งหมดและน�ำมา ไดแ้ สดงถงึ การพฒั นาดา้ นทนุ วถิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ ของสมาชกิ
วเิ คราะหค์ วามเขม้ แขง็ ของชมุ ชน สง่ ผลใหก้ ารทำ� ซำ�้ ในปตี อ่ ไป ชมุ ชน และการเสรมิ พลงั และสรา้ งจติ สำ� นกึ ความรบั ผดิ ชอบ
ท�ำได้ยาก รวมท้ังใช้ค่าใช้จ่ายสูงส�ำหรับการจัดเก็บและ ตอ่ สาธารณะแกส่ มาชกิ ชมุ ชนของกลมุ่ ตวั อยา่ งมกี ารพฒั นา
วเิ คราะหข์ อ้ มูล ความเขม้ แขง็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั ในขณะทก่ี ารพฒั นาดา้ น
อื่นๆ ท่ีเหลือยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่เป็นไปตาม
การจดั ทำ� ดชั นชี มุ ชนทอ้ งถนิ่ เขม้ แขง็ ครงั้ นี้ ใชว้ ธิ กี ารนำ� บริบทแวดลอ้ มของชมุ ชนท้องถิน่
ขอ้ มลู ทจี่ ดั เกบ็ เปน็ ฐานขอ้ มลู ประจำ� ตำ� บล ไดแ้ ก่ ขอ้ มลู ความ
จำ� เปน็ ขน้ั พน้ื ฐาน (จปฐ.) ขอ้ มลู พน้ื ฐานระดบั หมบู่ า้ น/ชมุ ชน
(กชช. 2ค) และระบบขอ้ มลู ตำ� บลโดยการสำ� รวจ ประกอบกบั

36

Thai Health Promotion Journal

เอกสารอา้ งอิง

1. Black A, Hughes P. The identification and analysis of indicators of community strength and outcomes. Canberra:
Commonwealth of Australia; 2001.

2. Ashby DT, Pharr J. What is a healthy community? [Internet]. 2012 [cited 2019 Jan 15]. Available from: https://
digitalscholarship.unlv.edu/lincy publications/4

3. Western J, Stimson R, Scott Buam S, Gellecum V. Measuring community strength and social capital. Regional
Studies 2005;39:1095–109.

4. Pope J. Indicators of community strength in Victoria: framework and evidence. Victoria: Department of Planning
and Community Development; 2011.

5. สำ� นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต.ิ รายงานสถานการณค์ วามอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ รว่ มกนั ในสงั คมไทย. เอกสาร
ประกอบการประชมุ ประจำ� ปี 2550. กรุงเทพมหานคร: สำ� นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ; 2550.

6. สรุ พล ปธานวนิช, วรรณวดี พนู พอกสิน, พงษเ์ ทพ สันตกิ ุล, จัตุรงค์ บุญรัตนสนุ ทร, โชตมิ า แก้วกอง. การปรับปรงุ และพฒั นาตัวชี้
วัดความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสงคมไทยระดับเมืองและชนบท. กรุงเทพมหานคร: สถาบันวิจัยและให้ค�ำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์; 2553.

7. พรชัย ตระกูลวรานนท์, สายฝน สุเอียนทรเมธี, รุ่งนภา เทพภาพ. การศึกษาและพัฒนาตัวช้ีวัดทุนทางสังคมและประชาสังคม.
กรุงเทพมหานคร: สถาบันสัญญา ธรรมศาสตร์ เพอื่ ประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร;์ 2553.

8. กรมการพัฒนาชมุ ชน. บรกิ ารข้อมูล จปฐ./กชช. 2ค [อินเทอร์เนต็ ]. [สบื ค้นเม่อื 20 ม.ี ค. 2563]. แหล่งข้อมูล: https://rdic.cdd.
go.th/bmn-service

9. ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. TCNAP ระบบข้อมูลต�ำบลโดยการส�ำรวจ [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 20 มี.ค.
2563]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://tcnap2.tcnap.org/tcnap2/

10. นภาภรณ์ หะวานนท,์ เพ็ญศริ ิ จีระเดชากลุ , สรุ วุฒิ ปัดไธสง, น�ำชยั ศุภฤกษช์ ยั สกุล, ปานจักษ์ เหลา่ รตั นวรพงษ.์ ดัชนีความเขม้ แขง็
ของชมุ ชน ความกลมกลนื ระหวา่ งทฤษฎฐี านรากกบั ขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษ.์ กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั ; 2550.

11. สมุ าลี สนั ตพิ ลวฒุ ,ิ โสมสกาว เพชรานนท,์ สมหมาย อดุ มวทิ ติ . โครงการการจดั ทำ� ระบบฐานขอ้ มลู และตวั ชว้ี ดั ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน
เพอ่ื พฒั นายทุ ธศาสตรก์ ารเสรมิ สรา้ งชมุ ชนเขม้ แขง็ . กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต;ิ
2550.

12. วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ. กระบวนการจดั การชุมชนเข้มแขง็ : รปู แบบ ปจั จัยและตวั ชี้วัด. รัฐประศาสนศาสตร์ 2553;8:119-21.
13. พระมหาสุทิตย์ อาภากโร. เครือข่าย ธรรมชาติ ความรู้ และการจดั การ. กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนักงานเสริมสร้างการเรียนร้เู พื่อชุมชน

เปน็ สุข; 2548.
14. Brown G T, Rodger S. Research utilization model: frameworks for implementing evidence-based occupational

therapy practice. Occupational Therapy International 1999;6:1-23.

37

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีที่ 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

รายงานกรณศี ึกษา Case Report

เมืองสื่อสรา้ งสรรค:์
กรณศี ึกษาการพัฒนาทอ้ งถิ่นบนฐานทนุ ชมุ ชน

เกศนิ ี ประทุมสุวรรณ, พรี พัฒน์ พันศริ ิ
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จังหวดั นครปฐม

บทคดั ย่อ

เมืองส่ือสร้างสรรค์เป็นแนวคิดการพัฒนาท้องถ่ินบนฐาน “ทุนชุมชน” ซ่ึงประกอบด้วย ทุนธรรมชาติ ทุนกายภาพ
ทนุ วฒั นธรรม ทนุ มนษุ ย์ และทนุ สงั คม โดยมตี วั ชว้ี ดั เปน็ เครอื่ งกำ� กบั ทศิ ทางการดำ� เนนิ งาน เรม่ิ ตง้ั แตก่ ารกำ� หนดเปา้ หมาย
กลุม่ เป้าหมาย ผลลัพธ์ ตัวชว้ี ดั ผลลัพธ์ ตลอดจนวธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเพอื่ สะทอ้ นความส�ำเร็จ ผลลพั ธส์ ำ� คญั อยู่ที่การ
พฒั นาให้ชุมชนเกิด “พ้ืนทด่ี ”ี เป็นพน้ื ท่สี ร้างสรรคส์ �ำหรบั คนทกุ กลมุ่ มี “ส่ือดี” ทบี่ อกเลา่ เร่อื งราวอัตลักษณช์ ุมชน และมี
“ภูมิปัญญาดี” ที่ร่วมกันสืบสานเป็นภูมิคุ้มกันแก่ชีวิต โดยมีเด็กและเยาวชนเป็นกลไกส�ำคัญในการขับเคลื่อน บทความน้ี
มีวัตถุประสงค์เพ่ือน�ำเสนอองค์ความรู้ท่ีได้จากบทเรียนการใช้นวัตกรรมเมืองส่ือสร้างสรรค์ ซึ่งได้จากกรณีศึกษาโครงการ
ความร่วมมือระหว่างแผนงานส่ือสร้างสุขภาวะเด็กและเยาวชน แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน และแผนงานส่ือ
ศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จ�ำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย
โครงการพัฒนาตัวช้ีวัดและปฏบิ ัตกิ าร 3 ดวี ิถีสุข โครงการชุมชน 3 ดวี ิถีสุข โครงการ Spark U ปลุกใจเมอื ง และโครงการ
พัฒนาวิสาหกิจเพ่อื สงั คม ระยะเวลาการด�ำเนนิ งานรวม 4 ปี ตัง้ แต่ พ.ศ. 2559-2563 องคค์ วามรทู้ ่ไี ดจ้ ากบทเรียนการใช้
นวัตกรรมเมืองส่ือสร้างสรรค์ คือ การเกิดกระบวนการสื่อสร้างสรรค์และระบบนิเวศสื่อสุขภาวะในระดับชุมชนที่ก่อให้เกิด
การพัฒนาพ้ืนท่ีสร้างสรรค์ สืบสานภูมิปัญญาและผลงานส่ือสร้างสรรค์โดยนักส่ือสารสุขภาวะและผู้น�ำการเปล่ียนแปลง
ที่มีทักษะการเท่าทันส่ือ ปัจจัยความส�ำเร็จที่สืบเน่ืองจากองค์กรทุน ประกอบด้วย การด�ำเนินงานแบบมีกลยุทธ์และการ
ออกแบบการบริหารจัดการ ส่วนปัจจัยความส�ำเร็จท่ีสืบเนื่องจากภาคีผู้รับทุน ประกอบด้วย การบริหารจัดการทุนชุมชน
และการจดั การความเสี่ยงดว้ ยการสะท้อนผลลัพธ์

คำ�ส�ำ คญั : เมอื งสือ่ สร้างสรรค;์ การพฒั นาท้องถนิ่ ; ทนุ ชุมชน

Creative Media City: a Case Study of Local
Development Based on Community Capital

Kesinee Pratumsuwan, Phiraphath Phansiri
Nakhon Pathom Rajabhat University, Nakhon Pathom Province, Thailand

Abstract

Creative media city is a concept of local development based on “community capital”; natural,
physical, cultural, human, and social capital. Key performance indicators were used as an important

38

Thai Health Promotion Journal

tool for setting goals, target groups, outcomes and data collecting methods to reflect its success. The
creative media city, driven by children and youth, results in ‘3Gs’ building which consists of (1) “good
areas” as creative physical area for all groups of people, (2) “good media” presenting community
identity, and (3) “good wisdom” for quality of life development. This paper aims to present body of
knowledge derived from the use of innovation ‘creative media city’. Four projects funded by Thai Health
Promotion Foundation during 2016-2020 were considered as case studies; ‘Creative Media City Indicator
Development’, ‘Happiness Community’, ‘Spark U’, and ‘Social Enterprise’. The significant lesson-learned
showed that healthy communication ecosystem was established. It brought along good areas, good
media, and good wisdom in the communities. More importantly, many people had become creative
communicators and change agents who had media literacy skill. Key success factors could be divided
into 2 parts: the factors regarding to the organization, Thai Health Promotion Foundation, which designed
strategically procedure and management; and the boundary partners with well managed both com-
munity capital and several kinds of risk.

Keywords: creative media city; local development; community capital

บทน�ำ สนบั สนุนการสรา้ งเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ถอดรหัสมาเป็น
“เมืองสือ่ สร้างสรรค์” (Creative Media City)(4) ทีน่ �ำไปสู่
องคก์ รยเู นสโกไดใ้ หค้ วามหมายของ “เมอื งสรา้ งสรรค”์ สขุ ภาวะชมุ ชนโดยเนน้ ปฏบิ ตั กิ ารในระดบั “ตำ� บล”เปน็ สำ� คญั
(Creative City) ว่าเป็นเมืองที่มีกิจกรรมทางวัฒนธรรม ภายใต้ความเชื่อที่ว่าหากชุมชนมีความเข้มแข็ง แม้ในยามที่
ที่หลากหลายและมีส่วนส�ำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ประเทศตอ้ งประสบภาวะวกิ ฤตทา่ มกลางความผนั ผวนตา่ งๆ
และสังคมโดยมีรากฐานมาจากความม่ันคงทางสังคมและ ชมุ ชนกจ็ ะอยรู่ อดและกอบกวู้ กิ ฤตไดเ้ พราะมศี กั ยภาพในการ
วัฒนธรรม ท�ำให้เมืองมีพื้นที่ในการแสดงออกซ่ึงความคิด ต่อรองกับอ�ำนาจเงนิ อ�ำนาจรฐั และอำ� นาจของอวิชชา
สร้างสรรค์ผ่านสื่อศิลปะและกิจกรรมทางวัฒนธรรมใน
รปู แบบตา่ งๆอนั นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาอตุ สาหกรรมทางวฒั นธรรม บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อน�ำเสนอองค์ความรู้ที่ได้
และความคิดสร้างสรรค์(1) โยโกฮามาเป็นเมืองสร้างสรรค์ จากบทเรยี นการใชน้ วตั กรรมเมอื งสอื่ สรา้ งสรรคก์ รณศี กึ ษา
แห่งหนึ่งที่ประสบความส�ำเร็จโดยการปรับปรุงอาคารท่ี การพฒั นาทอ้ งถนิ่ บนฐานทนุ ชมุ ชน โดยโครงการทไี่ ดร้ บั การ
มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หลายหลังให้เป็นพื้นที่สร้าง สนับสนุนงบประมาณจากส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการ-
แรงบนั ดาลใจ ซงึ่ มจี ดุ เรมิ่ ตน้ มาจากการจดั นทิ รรศการแสดง สร้างเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) รวม 4 โครงการ ใน 34 พนื้ ท่จี าก
ผลงานศลิ ปะของศลิ ปนิ ในทอ้ งถน่ิ และกลมุ่ ประชาชนทส่ี นใจ 19 จงั หวดั ทกุ ภมู ภิ าคทว่ั ประเทศ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2559-2563
ด้านสุนทรียศาสตร์(2) แนวคิดหลักในท่ีนี้ก็คือ วัฒนธรรม
ท้องถิ่นและความคิดสร้างสรรค์เป็นคานงัดที่ทรงพลัง กรณศี กึ ษา
ต่อการสร้างความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้�ำและช่วย
“เปน็ ปากเป็นเสียง” แทนชมุ ชนทเ่ี ปราะบาง(3) เมืองส่ือสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมทางความคิดเพ่ือ
การยกระดับความเข้มแข็งของท้องถิ่นบนฐาน “ทุนชุมชน”
จากแนวคดิ ดงั กลา่ ว แผนงานสอื่ สรา้ งสขุ ภาวะเดก็ และ ซ่ึงประกอบด้วย ทุนธรรมชาติ ทุนกายภาพ ทุนวัฒนธรรม
เยาวชน แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น และแผนงาน ทุนมนุษย์ และทุนสังคม โดยมี “ตัวช้ีวัด” เป็นเคร่ืองก�ำกับ
สื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ ส�ำนักงานกองทุน- ทิศทางการด�ำเนินงาน เร่ิมตั้งแต่การก�ำหนดเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย ผลลัพธ์ด้านการสร้างภูมดิ ี พนื้ ท่ดี ี และสื่อดี

39


Click to View FlipBook Version