The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย จัดทําขึ้นโดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเป็นช่องทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของบุคลากรและเครือข่ายที่ทํางานด้านการสร้างเสริมสุขภาพในหลากหลายมิติ โดยเป็นสื่อกลางเพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านสุขภาพกับภาคี องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ALLRIGHTCORP, 2021-11-03 03:17:22

THAI HEALTH PROMOTION JOURNAL วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย จัดทําขึ้นโดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเป็นช่องทางการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของบุคลากรและเครือข่ายที่ทํางานด้านการสร้างเสริมสุขภาพในหลากหลายมิติ โดยเป็นสื่อกลางเพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านสุขภาพกับภาคี องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทย

ในชุมชนตัวช้ีวัดผลลัพธ์ตลอดจนวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล (พ.ศ.2559-2561)เปน็ การเกบ็ ขอ้ มลู เพอ่ื พฒั นาตวั ชว้ี ดั และ
เพือ่ สะท้อนความส�ำเรจ็ ทดสอบประสทิ ธภิ าพการชว้ี ดั พนื้ ทดี่ ำ� เนนิ งาน ประกอบดว้ ย
ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่, ต.ปางหมู อ.เมือง และ
ภมู ดิ ี คอื ภมู ปิ ญั ญา ซงึ่ หมายถงึ ความรู้ ความสามารถ ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน, ต.สาวะถี อ.เมือง
ความเชื่อ ทักษะ แนวปฏิบัติและพฤติกรรมท่ีชุมชนสั่งสม จ.ขอนแกน่ ,ต.ตาเมยี งอ.พนมดงรกั จ.สรุ นิ ทร,์ ชมุ ชนคลองรว้ั
และสบื สานกนั มาเพอ่ื ใชใ้ นการดำ� รงชวี ติ และแกป้ ญั หาในมติ ิ ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่, ต.ร่มเมือง อ.เมือง
ตา่ งๆ กลา่ วอกี นยั หนงึ่ ภมู ดิ ี คอื “ทนุ วฒั นธรรม” (cultural จ.พัทลุง, ชุมชนบางล�ำพู เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร,
capital) และผู้ที่มีภูมิรู้ในเร่ืองเหล่านี้ ก็คือ ครูภูมิปัญญา ชุมชนวดั โพธิ์เรยี ง เขตบางกอกน้อย กรงุ เทพมหานคร และ
หรอื ปราชญช์ าวบา้ น อนั นบั ไดว้ า่ เปน็ “ทนุ มนษุ ย”์ (human ต.นาพนั สาม อ.เมอื ง จ.เพชรบรุ ี
capital) ของชมุ ชน พน้ื ทด่ี ี คอื พน้ื ทสี่ รา้ งสรรค์ ซง่ึ หมายถงึ
อาณาบริเวณท่ีผู้คนในชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น การ 2.โครงการชมุ ชน3ดวี ถิ สี ขุ (พ.ศ.2561)เปน็ การศกึ ษา
ละเล่น การแสดง การออกก�ำลังกาย การประชุม การเป็น และพัฒนาทุนชุมชนโดยกระบวนการทางวัฒนธรรม พ้ืนท่ี
แหล่งผลิตเกษตรปลอดสาร อาหารปลอดภัย แหล่งเรียนรู้ ดำ� เนินงาน ประกอบดว้ ย ต.ปางหมู อ.เมอื ง จ.แม่ฮอ่ งสอน,
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วฯลฯ นบั ไดว้ า่ เปน็ “ทนุ กายภาพ” (physical ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น, ชุมชนบ้านดงบัง ต.ดงบัง,
capital) คอื สนิ ทรพั ยถ์ าวรหรอื สง่ิ กอ่ สรา้ งทช่ี มุ ชนสรา้ งขนึ้ ชุมชนบ้านดงน้อย ต.พระธาตุ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม,
บางกรณีเป็น “ทุนธรรมชาติ” (natural capital) คือ ชุมชนบ้านคลองร้ัว อ.เหนือคลอง, ชุมชนบ้านท่ามะพร้าว
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมท่ีก�ำหนดศักยภาพ อ.คลองท่อม จ.กระบ,่ี ต.โคกสลุง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุร,ี
ในการด�ำรงชีวิตและการประกอบการต่างๆ และบางพ้ืนท่ี ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และชุมชนบางล�ำพู
อาจมีพ้ืนท่ีในเชิงนามธรรมคือ เวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร
สร้างเครือข่ายการท�ำงานแบบมีส่วนร่วม ซ่ึงภาคีเครือข่าย
ตา่ งๆกจ็ ะเปน็ “ทนุ สงั คม”(socialcapital)ทเี่ ออื้ ประโยชนต์ อ่ 3. โครงการ Spark U ปลุกใจเมือง (พ.ศ. 2562)
การขบั เคลอ่ื นงานอยา่ งมพี ลงั สว่ น สอื่ ดี หมายถงึ นวตั กรรม เป็นการน�ำใช้ทุนชุมชนเพื่อปลุกคนและเปลี่ยนเมือง พ้ืนท่ี
การสอ่ื สาร กระบวนการเครอื่ งมอื กจิ กรรม เนอื้ หาสาระ และ ด�ำเนินงาน ประกอบด้วย อ.เมือง จ.เชียงราย, อ.เมือง
ช่องทางการสื่อสารท่ีเปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมใช้ส่ือ จ.เชียงใหม,่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน, อ.ลบั แล จ.อุตรดติ ถ,์
เปน็ เครอ่ื งมอื ในการพฒั นาชมุ ชนผา่ นมมุ มองใหมๆ่ และสง่ิ ที่ อ.เมือง จ.ขอนแกน่ , อ.นาดนู จ.มหาสารคาม, อ.เชียงคาน
มาควบคู่กับส่ือดี ก็คือ การพัฒนา “นักสื่อสารสุขภาวะ” อ.วังสะพุง และ อ.เมือง จ.เลย, อ.ไชยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี,
และ “ผู้น�ำการเปล่ียนแปลง” ให้มีพื้นท่ีและตัวตนอยู่ใน อ.เกาะลนั ตา จ.กระบ,่ี อ.เมอื ง จ.พทั ลงุ , อ.เมอื ง และ อ.จะนะ
โลกออนไลน์และระบบนิเวศสื่อสุขภาวะชุมชน โดยสรุป จ.สงขลา, อ.เมอื ง จ.ยะลา, อ.ยะหร่งิ อ.ปะนาเระ อ.แมล่ าน
“เมอื งสอื่ สรา้ งสรรค”์ กค็ อื ภาพจำ� ลองของ “เมอื งสรา้ งสรรค”์ อ.เมอื ง จ.ปัตตานี และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส
ในชุมชนระดับต�ำบลที่อาศัย “วัฒนธรรม” และ “ความคิด
สรา้ งสรรค”์ เปน็ เครอื่ งมอื ในการสรา้ งสรรคพ์ น้ื ทด่ี ี ภมู ดิ แี ละ 4. โครงการพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคม (พ.ศ. 2563)
สื่อดี อันน�ำไปสู่การสร้างรายได้หรือมูลค่าเพ่ิมและความสุข เป็นการน�ำใช้ทุนชุมชนเพ่ือพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์
จากคณุ ค่าเดิม พ้ืนที่ด�ำเนินงาน ประกอบด้วย ต.ม่อนปิ่น จ.เชียงใหม่,
ต.สาวะถี จ.ขอนแกน่ , อ.เมอื ง จ.สงขลา และชมุ ชนบางลำ� พู
เกณฑก์ ารคดั เลอื กกรณศี กึ ษา คอื เปน็ โครงการภายใต้ กรุงเทพมหานคร จากการศึกษากรณีดังกล่าวโดยการ
แนวคิด 3 ดีวิถีสุขของแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเด็กและ สังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม และการถอดบทเรียนร่วมกับ
เยาวชน แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น และแผนงาน ภาคที ีเ่ กย่ี วขอ้ ง พบวา่ องคค์ วามร้สู �ำคัญของการขบั เคลอ่ื น
ส่ือศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ อันประกอบด้วย ชุมชนด้วยแนวคิดเมืองส่ือสร้างสรรค์ คือ การก่อให้เกิด
โครงการตา่ งๆ ดังน้ี กระบวนการสื่อสร้างสรรค์และระบบนิเวศส่ือสุขภาวะที่
สามารถ “ปลกุ แรงบนั ดาลใจ ปรบั วธิ คี ดิ เปลย่ี นพฤตกิ รรม”
1. โครงการพัฒนาตัวชี้วัดและปฏิบัติการ 3 ดีวิถีสุข ของกลุ่มเป้าหมายได้โดยการสานพลังภาคีเครือข่ายให้

40

Thai Health Promotion Journal

ท�ำงานร่วมกันอย่างบูรณาการในพ้ืนท่ีภายใต้เป้าหมาย และวัฒนธรรมแห่งใหม่ แหล่งเรียนรู้ชุมชนวัดโพธิ์เรียง
เดียวกัน “พื้นที่ดี” ได้แก่ พื้นที่เรียนรู้ พ้ืนท่ีความสุข พ้ืนที่ ได้พลิกฟื้นสภาพแวดล้อมเดิมอันเอ้ือต่อการม่ัวสุม
ปลอดอบุ ัติเหตุ ฯลฯ “ภมู ดิ ”ี ได้แก่ การอนุรกั ษห์ รือต่อยอด ให้กลายเป็นพื้นที่ผ่อนคลายของคนในชุมชนและเป็น
ภูมิปัญญา การประสมประสานระหว่างภูมิปัญญากับ สถานท่ีท่องเที่ยวส�ำหรับคนภายนอก พิพิธบางล�ำพูและ
เทคโนโลยี การขยายผลภมู ปิ ญั ญาไปสเู่ ศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ แหลง่ เรยี นรใู้ นชมุ ชน นำ� เรอ่ื งราวในยคุ รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้
ที่สร้างรายได้ ส่วน “ส่ือดี” ได้แก่ ส่ือสร้างสรรค์ที่ผลิตโดย มาเรียงร้อยเป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่
“นกั สอ่ื สารสรา้ งสรรค”์ องคป์ ระกอบเหลา่ นเี้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของ เชื่อมต่อกับวัฒนธรรมสมัยใหม่อย่างกลมกลืน พิพิธภัณฑ์
“ระบบนิเวศส่ือสุขภาวะ” ท่ีมีความสัมพันธ์เช่ือมโยงและ พื้นบ้านไทยเบ้ิง จังหวัดลพบุรี เชิญชวนให้นักท่องเท่ียว
ส่งผลกระทบถึงกันและกัน เช่น ในชุมชนหรือสังคมหน่ึงๆ ไปร่วมเรียนรู้วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ศิลปะ วัฒนธรรมและ
จะไมม่ สี อ่ื ดี ถา้ ไม่มนี ักสื่อสารสร้างสรรค์ และนกั สอ่ื สารก็จะ อาหารการกิน “แบบบ้านๆ” อันน�ำมาซ่ึงการประกอบ
ไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานท่ีดีได้ถ้าไม่มีความรู้และทักษะ อาชีพเสริมของนักเรียนหรือเยาวชน คนวัยท�ำงานและ
การผลติ สอื่ ไมร่ เู้ ทา่ ทนั สอ่ื รวมถงึ ไมม่ เี นอื้ หาดๆี ไมว่ า่ จะเปน็ ผู้สูงอายุ ในขณะท่ีบางแห่งกลายเป็น “แหล่งเกษตร
เรื่องของพ้ืนท่ีดีหรือภูมิดี ในขณะที่ “พื้นท่ีดี” หรือ “ภูมิดี” ปลอดสาร อาหารปลอดภัย” ที่ชุมชนปลูกและบริโภคเอง
จะเกดิ ขนึ้ ไมไ่ ดถ้ า้ ไมม่ ี“ผนู้ ำ� การเปลยี่ นแปลง”เปน็ ตน้ การสรา้ ง เป็นการลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจ�ำวัน ลดความเสี่ยงจาก
และรักษาระบบนิเวศที่สมดุลจะน�ำมาซ่ึงความสุขและ สารเคมีตกค้างและการขาดแคลนอาหารในช่วงวิกฤต
ประโยชนส์ ขุ รปู ธรรมความสำ� เรจ็ จำ� แนกเปน็ ประเดน็ ได้ ดงั นี้ โรคระบาดหรืออุบัติภัยต่างๆ เช่น ศูนย์เรียนรู้เกษตร
ผสมผสานอนิ ทรยี ์ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ และสวนปนั สขุ ของชมุ ชน
1. เกดิ “พนื้ ทสี่ รา้ งสรรค”์ จากพนื้ ทก่ี ายภาพซงึ่ อาจจะ มุสลิมในย่านสงขลาเมืองเก่า เป็นต้น และบางชุมชนได้
เป็นพื้นท่ีส่วนบุคคลหรือสาธารณะท่ีถูกท้ิงร้าง ทรุดโทรม ต่อยอดไปสู่การพัฒนาเป็น “วิสาหกิจเพื่อสังคม” (Social
ไดก้ ลายเปน็ “แหลง่ เรยี นร”ู้ ทร่ี วบรวมองคค์ วามรเู้ ฉพาะดา้ น Enterprise) ในรปู ของบรษิ ทั จำ� กดั เชน่ มอ่ นปน่ิ สาวะถแี ละ
มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ จัดท�ำและน�ำเสนอ บางลำ� พู เปน็ “พื้นทเี่ ศรษฐกจิ ” ทส่ี รา้ งรายได้ เพมิ่ การออม
ชุดความรู้ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์อย่างต่อเน่ือง โดยมีครู และลดค่าใชจ้ ่ายของครัวเรอื นในชมุ ชน
ภมู ปิ ญั ญาเปน็ ทปี่ รกึ ษา เดก็ ๆ และเยาวชนเปน็ คนขบั เคลอ่ื น
ในลกั ษณะ “เด็กนำ� ผู้ใหญ่หนุน” เชน่ พิพธิ ภัณฑภ์ มู ปิ ญั ญา 2. เกิดการทบทวนและจัดระบบ “ภูมิปัญญา” เพ่ือ
สาวะถี จ.ขอนแก่น ซ่ึงเดิมทีเปน็ เพยี งห้องเรียนท่ถี ูกท้ิงร้าง ดำ� รงรกั ษาไวซ้ ง่ึ ระบบคณุ คา่ ดงั้ เดมิ เพม่ิ มลู คา่ ทางเศรษฐกจิ
ในอาคารเรอื นไมห้ ลงั เกา่ ของโรงเรยี นบา้ นสาวะถี ตอ่ มาไดถ้ กู ภายใต้บริบทสังคมใหม่ เน่ืองจากภูมิปัญญาแขนงต่างๆ
น�ำมาปรับปรุงใหม่เพ่ือจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในอดีต ที่สั่งสมจากรุ่นสู่รุ่นต่างก็มีลักษณะเฉพาะตัว มีคุณค่าและ
ศนู ย์วฒั นธรรมเฉลิมราช จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน แหล่งเรยี นรู้ ความหมายท่ีแตกต่างกันไปในแต่ละชุมชน หากไม่มีการ
ทางวัฒนธรรมท่ีรวบรวมข้อมูลและชุดความรู้เก่ียวกับ อนรุ กั ษส์ บื สานหรอื ถอดรหสั องคค์ วามรจู้ ากปราชญช์ าวบา้ น
ชาติพันธุ์ “ไทใหญ่” ไว้อย่างสมบูรณ์ท่ีสุด อู่ต่อเรือบ้าน หรอื ครภู มู ปิ ญั ญา สง่ิ ดๆี เหลา่ นกี้ จ็ ะเลอื นหายไป การอนรุ กั ษ์
คลองร้ัว จ.กระบ่ี แหล่งเรียนรู้ต้นแบบการต่อเรือหัวโทง สืบสานหรือถอดรหัสองค์ความรู้เป็นกระบวนการส�ำคัญ
และแหลง่ เรยี นรขู้ า้ วไร่ จ.พทั ลงุ แหลง่ เรยี นรภู้ มู ปิ ญั ญาการ ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ การปะทะสงั สรรคท์ างความคดิ และการสานสรา้ ง
ปลูกข้าวในร่องสวนยางเพ่ือใช้ประโยชน์จากพ้ืนท่ีอย่างเต็ม ความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนต่างวัย เกิดการเรียนรู้
ประสิทธิภาพ เป็นต้น ต่อมาแหล่งเรียนรู้เหล่าน้ีหลายแห่ง อยา่ งเปน็ รปู ธรรม ทงั้ นห้ี ลายโครงการไดเ้ ตมิ เตม็ ภมู ปิ ญั ญา
ไดพ้ ัฒนาต่อยอดและขยายผลกลายเปน็ “แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว” ท่ีมีอยู่ด้วยความคิดสร้างสรรค์กลายเป็น “นวัตกรรม”
ที่ให้บริการจุดเช็กอินและของที่ระลึก เชื่อมร้อยกับร้านค้า ท่ีมีมูลค่าเพ่ิมสร้างรายได้ให้กับชุมชน ท�ำให้ชุมชนเกิด
ร้านกาแฟ โฮมสเตย์ ฯลฯ สร้างรายได้ให้กับครัวเรือน ความภูมิใจและมีภูมิคุ้มกันความเสี่ยงในขณะท่ีภูมิปัญญา
ในชุมชน เช่น แหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมม่อนปิ่น เดิมมิได้ “หดหาย” แต่กลับกระจายอยู่ในวิถีชีวิตท่ีประสม
จงั หวดั เชยี งใหม่ไดพ้ ฒั นาใหเ้ ปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางธรรมชาติ ประสานอย่างกลมกลืนระหว่างวัฒนธรรมเก่าและใหม่

41

วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทย

ภูมิปัญญาท่ีมีอยู่ในชุมชนได้ถูกรวบรวม ทบทวน จัดระบบ ดา้ นการเปน็ ผนู้ ำ� และดา้ นการสอ่ื สารและการสรา้ งความรว่ มมอื
และถอดรหัสออกมาเป็น “ชุดความรู้” ที่พร้อมส่งต่อ อันหมายความว่า บุคคลเหล่าน้ีตระหนักว่าตนเองยังมี
ให้เด็กและเยาวชนเพื่อให้เกิดการแบ่งปันและต่อยอด จุดอ่อนหรือจุดท่ีควรจะต้องพัฒนามากที่สุดในด้านการ
ขยายผลในวงกว้าง ซ่ึงนอกจากการจัดการความรู้เกี่ยวกับ สอ่ื สารและการสรา้ งความรว่ มมอื เพอื่ ใหเ้ กดิ คนรนุ่ ใหมเ่ ขา้ มา
ภมู ปิ ญั ญาแลว้ ผลลพั ธส์ ำ� คญั อกี ประการหนง่ึ คอื การทำ� ให้ รว่ มเปน็ “แกนนำ� แถวสอง” หรอื มภี าคใี หมเ่ ขา้ มาเปน็ หนุ้ สว่ น
ครูภูมิปัญญาหรือปราชญ์ชาวบ้านได้มีตัวตนอยู่ในพื้นที่ การทำ� งานในฐานะ “เจา้ ภาพรว่ ม” คอื รว่ มใจ รว่ มคดิ รว่ มมอื
สาธารณะ และมีบทบาทต่อการพัฒนาเด็ก เยาวชน มใิ ชม่ ารว่ มงานแบบ“แขกรบั เชญิ ”ซงึ่ กส็ อดคลอ้ งกบั ขอ้ คน้ พบ
และชุมชนมากขึ้นในหลากหลายรูปแบบ ทั้งเป็น “ผู้น�ำ” ของทมี นกั วชิ าการตดิ ตามประเมนิ ผลทว่ี า่ การพฒั นาแกนนำ�
“ท่ีปรึกษา” และ “ครูผู้สอน” สุดท้าย คือ เกิดการพัฒนา แถวสองที่มคี วามเขม้ แข็งยังเปน็ ปญั หาของหลายพื้นที่
หลักสูตรทอ้ งถน่ิ เก่ียวกับภูมิปัญญาแขนงตา่ งๆ สอดแทรก
เป็นบทเรียนบูรณาการอยู่ในสาระการเรียนรู้ทั้งในระบบ วิจารณ์
โรงเรียนและนอกโรงเรียน อันท�ำให้ “ของเก่า” อยู่ได้อย่าง
มีคุณค่าและความหมายใหม่ในบริบทปัจจุบัน เช่น การ เมอ่ื นำ� องคค์ วามรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการนำ� ใชน้ วตั กรรมดงั กลา่ ว
สรา้ งสรรคผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ากหญา้ อบิ แุ คใหเ้ ปน็ ของทร่ี ะลกึ หรอื มาวิเคราะห์และสังเคราะห์เชิงระบบ สามารถแสดงภาพ
ของฝากโดยมีโรงเรียนบ้านขอบด้งเป็นศูนย์กลางการผลิต ความเชอ่ื มโยงระหว่างองคป์ ระกอบตา่ งๆ ไดด้ ังแบบจ�ำลอง
มนี กั เรยี นเปน็ ผสู้ บื สานและเตมิ เตม็ ดว้ ยเรอ่ื งเลา่ ของชนเผา่ ในภาพท่ี 1 ซึ่งอธิบายได้ว่า ทุนประเภทต่างๆ ของชุมชน
ลาหทู่ ่ีเช่ือกันวา่ หญ้าอบิ แุ ค คือ หญา้ มงคล สัญลักษณข์ อง ท้ังทุนธรรมชาติ ทุนกายภาพ ทุนมนุษย์ ทุนสังคม และ
ความโชคดที ้งั ผู้ใหแ้ ละผูร้ ับ ทุนวฒั นธรรม คือ ปจั จยั นำ� เขา้ ที่ตอ้ งอาศยั “การออกแบบ
กระบวนการ” อย่างมีกลยุทธ์ และ “การบริหารจัดการ”
3. เกิดผลงานสร้างสรรค์ “สื่อดี” ท่ีผลิตโดยเด็กและ แบบมีส่วนร่วมโดยมีแกนน�ำเด็กและเยาวชนเป็นกลไก
เยาวชนในพื้นที่ ท้ังคลิปวิดีโอ อินโฟกราฟิก เผยแพร่อยู่ใน การขับเคลื่อน ผลผลิตส�ำคัญ คือ เกิดพ้ืนที่สร้างสรรค์สื่อ
โลกออนไลน์เป็นจำ� นวนมาก ทั้งยังมีส่ืออ่าน เช่น “หนังสือ และนวตั กรรมทสี่ รา้ งคณุ คา่ และมลู คา่ เพม่ิ จากทนุ วฒั นธรรม
ทำ� มอื ” ทที่ ำ� ใหเ้ ดก็ ๆ ไดม้ านงั่ ทำ� งานรว่ มกนั ทง้ั คดิ พลอ็ ตเรอื่ ง หรือภูมิปัญญาท่ีมีอยู่เดิม อันส่งผลต่อการเพิ่มรายได้หรือ
เขียนเร่ือง วาดรูป ระบายสีและเข้าเล่ม เป็นหนังสือที่สร้าง ลดรายจ่ายให้กับครัวเรือน ส่วนผลกระทบ ก็คือ ผู้คนใน
ความภาคภูมิใจให้กับตนเองและช่วยฝึกการอ่านให้กับ ชมุ ชนมภี ูมิคมุ้ กนั ชวี ิตและอยู่รว่ มกนั อยา่ งมคี วามสุข ปจั จัย
น้องๆ รุ่นต่อไป และเกิดผลงาน “สื่อผสม” เพ่ือสร้างการ ความสำ� เร็จในการขับเคลื่อนเมอื งสอื่ สรา้ งสรรค์
เปล่ียนแปลงสุขภาวะที่หลากหลาย เช่น การต่อยอดและ
ประสมประสาน “ส่ือพ้ืนบ้าน” หรือ “สื่อศิลปวัฒนธรรม” 1. ปัจจยั ความส�ำเร็จทส่ี ืบเนอื่ งจากองค์กรทนุ
เข้ากับ “ละครสมัยใหม่” เช่น การน�ำกระติ๊บข้าวเหนียว “องคก์ รทนุ ” ในทนี่ หี้ มายถงึ แผนงานสอ่ื สรา้ งสขุ ภาวะ
มาสรา้ งสรรคเ์ ปน็ “หนุ่ กระตบิ๊ ”นำ� ศาสตร์“ละครหนุ่ ”บรู ณาการ เดก็ และเยาวชน แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น และ
เข้ากับ “ศิลปะการละครร่วมสมัย” และ “ศิลปะพื้นบ้าน แผนงานสือ่ ศิลปวัฒนธรรมสรา้ งเสรมิ สุขภาพ สสส. ปัจจยั
อสี าน” เปน็ ตน้ ความส�ำเร็จที่สืบเนื่องจากองค์กรทุน ประกอบด้วย การ
ดำ� เนนิ งานแบบมกี ลยทุ ธโ์ ดยการสรา้ งฐานทม่ี นั่ คง และการ
4.เกดิ “นกั สอ่ื สารสขุ ภาวะ”และ“ผนู้ ำ� การเปลยี่ นแปลง ออกแบบการบริหารจดั การท่ีตอบโจทย์
ดา้ นสอื่ และสขุ ภาวะทางปญั ญา” ทง้ั นจ้ี ากการใหน้ กั สอ่ื สาร
สุขภาวะและผู้น�ำการเปล่ียนแปลงประเมินตนเองในเรื่อง 1.1 การด�ำเนินงานแบบมีกลยุทธ์โดยการสร้างฐาน
คุณลักษณะของการเป็นนักสื่อสาร พบว่า โดยภาพรวม ที่มั่นคง เริ่มต้ังแต่การพัฒนาตัวชี้วัด เนื่องจากคณะท�ำงาน
มีทักษะอยู่ในระดับปานกลาง เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน ของแผนงานผู้ริเร่ิมโครงการทั้ง 3 แผน มีชุดความรู้และ
เรยี งลำ� ดบั จากมากไปนอ้ ยไดด้ งั นี้ คอื ดา้ นการเทา่ ทนั ตนเอง ประสบการณ์การท�ำงานกับสื่อและเยาวชนมายาวนาน
การสะท้อนความคิด ด้านการเท่าทันสื่อและสารสนเทศ จึงตระหนักว่าสื่อมีพลังในการสร้างการเปล่ียนแปลง
สว่ นเดก็ และเยาวชนมศี กั ยภาพในการเปลยี่ นโลก แตก่ ารใชส้ อ่ื

42

Thai Health Promotion Journal

ภาพที่ 1 แบบจำ�ลองเมืองสื่อสร้างสรรค์

และเยาวชนเป็นกลไกสร้างการเปล่ียนแปลงไปสู่วิถี สามารถประเมนิ ตนเอง เรยี นรู้ ปรบั ปรงุ และพฒั นางานของ
แห่งความสุขของชุมชนภายใต้แนวคิดเมืองสื่อสร้างสรรค์ ตนเองได้
พ้ืนที่ดี ภูมิดี และส่ือดีน้ัน การวัดผลลัพธ์จะวัดอย่างไร
และอะไรคือเครื่องช้ีวัดความส�ำเร็จ ดังน้ันในช่วงสองปีแรก 1.2 การออกแบบการบริหารจัดการท่ีตอบโจทย์
ของการท�ำงาน จึงเป็นการพัฒนาและทดลองใช้ตัวชี้วัด การออกแบบท่ีดีเป็นองค์ประกอบหน่ึงท่ีท�ำให้ภาคีท�ำงาน
เพื่อให้เกิดความม่ันใจว่าสามารถสะท้อนความส�ำเร็จ บรรลุเป้าหมายในระดบั มากถึงมากท่ีสดุ ส�ำหรบั การดำ� เนนิ
ของผลลัพธ์ได้จริงอันเท่ากับเป็นการสร้างฐานรากท่ีม่ันคง โครงการพัฒนาตัวชี้วัด 3 ดีวิถีสุขและโครงการ Spark U
จากนน้ั จงึ ไดจ้ ดั ใหม้ กี ารอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื ใหภ้ าคผี รู้ บั ทนุ ปลุกใจเมือง ซ่ึงเป็นโครงการร่วมของแผนงานส่ือสร้าง
หรือภาคีที่เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ สุขภาวะเด็กและเยาวชน แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรม
ตัวช้ีวัดเพื่อน�ำไปใช้ในการพัฒนาข้อเสนอโครงการซ่ึงต้องมี การอา่ นและแผนงานสอื่ ศลิ ปวฒั นธรรมสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพนน้ั
ความสัมพันธ์กันต้ังแต่วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายการ แผนงานทุกแผนได้ท�ำหน้าท่ีเป็น “พี่เลี้ยง” ท�ำหน้าท่ีก�ำกับ
เปลยี่ นแปลงทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ กจิ กรรมกระบวนการตวั ชวี้ ดั ทิศทาง เป้าหมาย ให้ค�ำปรึกษาและช่วยประสานงานกับ
ผลลพั ธ์ และวธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การกำ� หนดเปา้ หมาย องค์กรภายนอกที่เกี่ยวข้อง มีกลไกการติดตามประเมินผล
การเปลยี่ นแปลงหมายถงึ การกำ� หนดผลลพั ธท์ เี่ ปน็ รปู ธรรม ท่ีช่วยเสริมศักยภาพให้แต่ละโครงการสามารถประเมิน
และชดั เจนโดยคณะทำ� งานทกุ คนตอ้ งรบั ทราบ เหน็ ชอบและ ตนเองเพ่ือการเรียนรู้และพัฒนาได้ มีทีมส่ือช่วยสนับสนุน
เข้าใจตรงกัน ทั้งจะต้องมีตัวช้ีวัดผลลัพธ์เชิงปริมาณและ การบันทึกภาพกิจกรรมส�ำคัญและผลิตสื่อประชาสัมพันธ์
คุณภาพท่ีทุกฝ่ายยอมรับโดยมีข้อตกลงร่วมกันเก่ียวกับ ทงั้ ยงั มที มี นกั วชิ าการหนนุ เสรมิ องคค์ วามรทู้ จี่ ำ� เปน็ อกี ดว้ ย
ข้อมูลท่ีจะต้องรวบรวม วิธีการเก็บรวบรวมจากแหล่งท่ีมา เช่น โครงการพัฒนาวิสาหกิจเพ่ือสังคม ซึ่งเป็นเร่ืองใหม่ที่
ต่างๆ เพ่ือตอบตัวชี้วัด เช่น การพัฒนาพ้ืนที่ให้เป็นแหล่ง ภาคีผู้รับผิดชอบโครงการและคณะท�ำงานจ�ำเป็นต้องได้รับ
เรียนรู้ ทุกคนในคณะท�ำงานจะต้องมีแบบแผนหรือ การพฒั นาศกั ยภาพในดา้ นการจดั ทำ� แผนธรุ กจิ แผนการเงนิ
“พมิ พเ์ ขยี ว” ฉบบั เดยี วกนั ซง่ึ ระบตุ วั ชวี้ ดั ผลลพั ธ์ ขอ้ มลู วธิ กี าร และการบริหารความเส่ยี ง เป็นต้น และสดุ ท้าย คือ การจดั
เก็บรวบรวมข้อมูลและแหล่งที่มาของข้อมูล ด้วยการวาง เวทใี หภ้ าคผี รู้ บั ทนุ ไดแ้ ลกเปลย่ี นเรยี นรขู้ า้ มพน้ื ทอ่ี ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
รากฐานความรู้ความเขา้ ใจทม่ี น่ั คงเชน่ น้ี จงึ ทำ� ใหภ้ าคผี รู้ บั ทนุ ก่อให้เกิดการหลอมรวมเครือข่ายเป็น “พ้ืนท่ีกลาง” ในการ
ปะทะสังสรรค์ทางความคิด เช่น โครงการพัฒนาวิสาหกิจ

43

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

เพ่ือสังคมใน 4 ภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่ท�ำเรื่องการท่องเท่ียว ชุมชนท้องถ่ินภายใต้ฐานข้อมูล องค์ความรู้ และทรัพยากร
ชุมชนน้ัน ได้มีการออกแบบให้คณะท�ำงานของทุกโครงการ ท่ีทุกภาคส่วนต่างระดมมาในฐานะที่เป็น “เจ้าภาพร่วม”
ทดลองเปน็ “นกั ทอ่ งเทยี่ ว” เขา้ ไปสมั ผสั กบั บรรยากาศและ การจัดการทุนชุมชนแบบมีส่วนร่วมอีกมิติหนึ่ง คือ “บวร”
เรยี นรู้ประสบการณ์ตรงในทกุ พนื้ ที่ เป็นเหตุใหฝ้ ่ายเจ้าภาพ หรือ บ้าน วัด (ศาสนสถาน) และส่วนราชการ เช่น องค์กร
ได้พัฒนาศักยภาพตนเองและได้รับฟังเสียงสะท้อนที่เป็น ปกครองส่วนท้องถิ่นโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
ประโยชน์ต่อการน�ำไปปรับปรุงแก้ไข ส่วนอีกฝ่ายหน่ึงก็ได้ ตำ� บล โดยทกุ ภาคดี งั กลา่ วมี “เปา้ หมายรว่ ม” ของปฏบิ ตั กิ าร
บทเรียนทีด่ ีน�ำไปปรบั ใชก้ ับพื้นทีข่ องตนเอง ท่ีชัดเจน และเป้าหมายร่วมก็สอดคล้องกับเป้าหมายของ
องค์กร หรือหน่วยงานของภาคี เช่น โครงการหมู่บ้าน
นอกจากนี้ ทุกแผนงานยังเน้นการท�ำงานร่วมกับภาคี นทิ านธรรม “หมอลำ� หนุ่ ” ใชก้ ระบวนการศลิ ปะบรู ณาการกบั
ในลักษณะ “เชิงลึก” และหวัง “เก็บเก่ียวผลระยะยาว” การละครร่วมสมัยและส่ือศิลปวัฒนธรรมท้องถ่ินที่เป็น
มากกว่าการท�ำงานแบบเฉพาะหน้าหรือเฉพาะประเด็นตาม ทุนวัฒนธรรม ดึงจุดเด่นอัตลักษณ์ รากเหง้าของส่ือศิลปะ
กระแสเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือ เด็กและเยาวชนในชุมชน และวัฒนธรรม ความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้
เป้าหมายเกิดการเติบโตทางความคิด ชุมชนมีพัฒนาการ เป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ร่วมกับศิลปิน
อยา่ งตอ่ เนอื่ ง สามารถบรหิ ารจดั การตนเองไดอ้ ยา่ งเขม้ แขง็ อิสระ ศิลปินพ้ืนบา้ น ปราชญช์ าวบา้ น พอ่ ครู แม่ครู ต่อยอด
มากขึ้น และจุดนี้เองก็ท�ำให้เกิดโจทย์และความท้าทายต่อ ทนุ วฒั นธรรมผา่ นกระบวนการสรา้ งสรรคส์ ง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ ม
ภาคีผู้รับผิดชอบโครงการท่ีมากข้ึนทุกปีของการให้การ ของชมุ ชนในการเปน็ ทงั้ ผใู้ หแ้ ละผรู้ บั เกดิ “โรงละครหมอล�ำ
สนบั สนนุ เชน่ ในปลี า่ สดุ แผนงานสอ่ื ศลิ ปวฒั นธรรมสรา้ ง- หนุ่ คณะเดก็ เทวดา” ทำ� ใหเ้ ดก็ ๆ ในชมุ ชนไดม้ พี นื้ ทแ่ี สดงออก
เสริมสุขภาพได้ต้ังโจทย์ให้ภาคีและชุมชนที่มีความพร้อม และทุกคนใช้เป็น “เวทีร่วม” ในการท�ำงานแบบบูรณาการ
เขา้ รว่ มโครงการพฒั นาวสิ าหกจิ เพอื่ สงั คมในรปู ของ “บรษิ ทั โดยมีหนว่ ยงานภายนอกรว่ มสนับสนนุ
จำ� กดั ” ซงึ่ จะตอ้ งสรา้ งสรรคง์ านทที่ ำ� รายไดใ้ หแ้ กบ่ รษิ ทั และ
บริษัทก็จะต้องน�ำผลก�ำไรมาพัฒนาชุมชนตามที่กฎหมาย 2.2 การจัดการความเส่ียงด้วยการสะท้อนผลลัพธ์
ก�ำหนด “ความเสี่ยง” คือ โอกาสหรือเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์
ที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงการท�ำให้ผลลัพธ์เป้าหมาย
2. ปจั จัยความส�ำเรจ็ ท่สี บื เนือ่ งจากภาคผี ู้รบั ทุน เกิดการเบี่ยงเบนไม่บรรลุผลส�ำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่
2.1 การบริหารจัดการทุนในพื้นที่ “ทุนชุมชน” เป็น ก�ำหนด การจัดการความเสี่ยงจึงเป็นเร่ืองท่ีทุกโครงการ
ให้ความส�ำคัญโดยภาคีผู้รับทุนประเมินตนเองท้ังในช่วง
ปัจจัยน�ำเข้าท่ีส�ำคัญ ดังน้ันภาคีผู้รับผิดชอบโครงการและ ก่อนเริ่มโครงการและระหว่างการด�ำเนินงานผ่านกิจกรรม
คณะทำ� งานจำ� เปน็ ตอ้ งสำ� รวจทนุ ชมุ ชนใหค้ รบถว้ น รอบดา้ น “การสะทอ้ นผลลพั ธ”์ โดยทมี ตดิ ตามประเมนิ ภายในทำ� หนา้ ที่
ท้ังทุนธรรมชาติ ทุนกายภาพ ทุนวัฒนธรรม ทุนมนุษย์ สนับสนุน ท้ังน้ีหลักการส�ำคัญของการจัดการความเส่ียง
และทุนสังคมเพ่ือน�ำไปใช้ในการออกแบบกระบวนการ ดว้ ยการสะทอ้ นผลลพั ธ์ ประกอบดว้ ย (1) การตงั้ วงสนทนาที่
ดำ� เนนิ งานและการบริหารจัดการอนั น�ำไปสผู่ ลลัพธส์ ุดทา้ ย มงุ่ เนน้ การทบทวนและประเมนิ ผลลพั ธเ์ ปน็ สำ� คญั (2) การใช้
จากการศกึ ษา พบวา่ ในกรณที ชี่ มุ ชนมที นุ ใกลเ้ คยี งกนั ทนุ ทมี่ ี ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นเคร่ืองยืนยัน เช่น จ�ำนวนส่ือที่ผลิต
อทิ ธพิ ลชว้ี ดั ความสำ� เรจ็ มากทสี่ ดุ คอื ทนุ สงั คม ซงึ่ หมายถงึ และเผยแพร่ คณุ ภาพของสอ่ื จ�ำนวนการเข้าถึงสอ่ื ของกลมุ่
ภาคีเครือข่ายและการมีส่วนร่วมในการท�ำงานด้วยความ เป้าหมาย หลักสูตรท้องถ่ินท่ีน�ำไปใช้ในการเรียนการสอน
ไว้เน้ือเช่ือใจ รวมถึงทุนท่ีเป็นสถาบันในพ้ืนที่ เช่น สถาบัน รูปแบบการบูรณาการกับสาระการเรียนรู้ต่างๆ เป็นต้น
การศึกษา สถาบนั การเมอื ง ศาสนสถาน เป็นตน้ ทง้ั นพี้ บวา่ (3) การกระท�ำอย่างมีส่วนร่วมโดยผู้ท่ีมีความเก่ียวข้องกับ
แต่ละภาคีมีทุนสังคมและความสามารถในการบริหาร ผลลัพธ์น้ันๆ บางผลลัพธ์อาจมีเพียงคณะท�ำงาน ในขณะที่
จัดการทุนสังคมไม่เท่ากัน ภาคีที่มีศักยภาพมากจะช่วย บางผลลัพธ์อาจมีบุคคลภายนอกหรือกลุ่มผู้มีส่วนได้
จุดประกาย “จิตส�ำนึกความเป็นพลเมือง” ของเครือข่าย สว่ นเสยี รวมอยดู่ ว้ ย ในการสะทอ้ นผลลพั ธแ์ ตล่ ะครงั้ จะตอ้ ง
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดกลุ่มคนท�ำงานเพ่ือสังคม
ใหม่ๆ เกิดการสานพลงั ขององค์กรท่หี ลากหลาย ขับเคล่อื น

44

Thai Health Promotion Journal

มีองค์ประกอบของผู้เก่ียวข้องครบถ้วน (4) การยกระดับ ผรู้ บั ทนุ สรา้ งสรรค์ ทนุ วฒั นธรรม ใหเ้ ปน็ นวตั กรรมทมี่ มี ลู คา่
ให้การสนทนาน้ันเป็นเร่ืองของการเรียนรู้ร่วมกัน มิใช่การ สร้างเศรษฐกิจฐานรากและ (3) การจัดท�ำหลักสูตรการ
ถกเถียงเพ่ือเอาชนะ และ (5) การกระท�ำอย่างต่อเน่ือง ขับเคล่ือนเมืองส่ือสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาภาคีผู้รับทุนใหม่ๆ
เป็นระยะๆ ตลอดโครงการ(5) ส�ำหรับแนวทางการสะท้อน ใหม้ ศี กั ยภาพในการใชต้ วั ชว้ี ดั เมอื งสอื่ สรา้ งสรรคเ์ ปน็ เครอ่ื งมอื
ผลลัพธ์ โดยกลไกท่ีช่วยให้ภาคีจัดการความเสี่ยงได้ ก็คือ ในการสร้างชุมชนสุขภาวะการจัดการทุนชุมชน และการ
กลไกการตดิ ตามประเมนิ ภายใน ดงั นน้ั การคนื ขอ้ มลู ทคี่ น้ พบ ประเมินตนเองเพื่อจัดการความเสี่ยง ส่วนข้อเสนอแนะ
ของทีมติดตามประเมินให้แก่ภาคีผู้รับผิดชอบโครงการและ เชงิ นโยบาย คอื กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่ ควรกำ� หนด
คณะทำ� งานจะชว่ ยให้ความเสี่ยงลดลง ให้ทุกท้องถน่ิ สนับสนนุ การใชท้ ุนชุมชนเป็นสื่อสร้างสรรค์

โดยสรปุ เมอื งสอ่ื สรา้ งสรรค์ เปน็ นวตั กรรมทางความคดิ กิตตกิ รรมประกาศ
ที่น�ำไปสู่ปฏิบัติการเชิงพ้ืนท่ีท่ีอาศัยทุนชุมชนเป็นฐาน
ใช้กระบวนการส่ือสารอย่างมีส่วนร่วมเป็นเครื่องมือ และมี ขอขอบคณุ รศ. ดร.วิลาสินี อดลุ ยานนท์ ทีใ่ หแ้ นวคิด
เด็กและเยาวชนเป็นกลไกหลักในการขับเคล่ือน อย่างไรก็ดี และแนวทางการด�ำเนินงานเมืองส่ือสร้างสรรค์ ขอบคุณ
ในก้าวต่อไป ควรกำ� หนด “ความทา้ ทาย” ใหม่ ดงั น้ี (1) การ ผจู้ ดั การและผปู้ ระสานงานแผนงานสอื่ สรา้ งสขุ ภาวะเดก็ และ
ขยายเครือข่ายแนวกว้างจากชุมชนสู่ชุมชนโดยชุมชนเดิม เยาวชน แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น และแผนงาน
มีหน้าท่ีขยายผลสร้างเครือข่ายและเป็น “พ่ีเลี้ยง” ให้กับ ส่อื ศิลปวัฒนธรรมสรา้ งเสริมสุขภาพ รวมทง้ั ภาคผี ู้รับทุนท่ี
ชุมชนใหม่ (2) การขยายการท�ำงานแนวลึก โดยให้ภาคี มงุ่ ม่ันร่วมกนั ผลักดนั ใหเ้ กดิ พน้ื ท่ีต้นแบบ

เอกสารอา้ งองิ

1. โครงการเครอื ขา่ ยเมอื งสรา้ งสรรคข์ ององคก์ ารยเู นสโก. เมอื งสรา้ งสรรคเ์ พอ่ื การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2562 [สบื คน้ เมอ่ื 21
เม.ย. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.bic.moe.go.th/images/stories/pdf/ Creative_City_Network_Project_UCCN.pdf

2. พีรดร แก้วลาย, ทิพย์สุดา จันทร์แจ่มหล้า. เมืองสร้างสรรค์: แนวทางการพัฒนาเมืองจากสินทรัพย์สร้างสรรค์ท้องถิ่นไทย.
กรงุ เทพมหานคร: สถาบนั พระปกเกลา้ ; 2556.

3. United Nations Education, Scientific and Cultural Organization. Voices of the city [Internet]. 2019 [cited 2021
Apr 21]. Available from: https://www.bic.moe.go.th/images/stories/pdf/Voice_of_the_city.pdf

4. เกศินี ประทุมสุวรรณ, พีรพัฒน์ พันศิริ. รายงานการติดตามประเมินโครงการพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคม เสนอต่อแผนงานส่ือศิลป
วัฒนธรรมสรา้ งเสริมสุขภาพ สำ� นักงานกองทนุ สนับสนนุ การสร้างเสรมิ สุขภาพ. นครปฐม: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั นครปฐม; 2563.

5. สรุ พล เหลยี่ มสงู เนนิ . การประเมนิ ผลเพอื่ การเรยี นรแู้ ละพฒั นา: หลกั สตู รการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารการประเมนิ ผลเพอ่ื การเรยี นรแู้ ละ
พัฒนา. กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนักงานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสริมสขุ ภาพ; 2562.

45

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ่ี 1 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

รายงานกรณศี กึ ษา Case Report

กรณีศกึ ษา “พนื้ ท่ีน้.ี .ดจี ัง” นวตั กรรมทางสงั คม
เพือ่ ความสุขของเดก็ และเยาวชน

สพุ งศ์ จติ ตเ์ มอื ง, เยาวเรศ กตญั ญเู สรมิ พงศ์
ผตู้ ดิ ตามและประเมนิ ผลโครงการเครอื ข่ายพ้นื ท่นี .ี้ .ดีจงั กรงุ เทพมหานคร

บทคัดยอ่

ปัญหาเด็กและเยาวชนในสังคมไทยมีความซับซ้อนมากขึ้น การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีคิดและวิธีการแบบเดิมไม่
ตอบโจทย์ปัญหาที่มีความซับซ้อนเชิงโครงสร้างได้ ดังนั้นการสร้างนวัตกรรมทางสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน
จึงมีความส�ำคัญ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษานวัตกรรมทางสังคมที่เกิดจากการด�ำเนินโครงการของเครือข่าย
พ้ืนที่นี้..ดีจัง ระหว่างปี พ.ศ. 2561-2563 ผลการศึกษา พบว่า มีนวัตกรรมทางสังคม 9 กรณีศึกษา ได้แก่ (1) กิจกรรม
แจกความสุขสู้โควิด-19 ผ่านตู้ส่งความสุขของกลุ่มไม้ขีดไฟ จ.นครราชสีมา (2) โมเดลคลองเตยรอรัฐของกลุ่มคลองเตย
ดีจัง กรุงเทพมหานคร (3) ชมรมผู้ปกครองระดับอนุบาลโรงเรียนบ้านจีกแดกของกลุ่มดีอีหลีอีสานบ้านเฮา จ.สุรินทร์
(4) วงจรพัฒนาเดก็ เยาวชนพน้ื ทชี่ ายแดนใตท้ งั้ ในและนอกระบบโรงเรียนของกล่มุ ยังยม้ิ จ.นราธิวาส (5) การพัฒนาพน้ื ท่ี
วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหารเป็นพื้นท่ีปฏิบัติการศิลปะและวัฒนธรรมส�ำหรับเด็กและเยาวชนของกลุ่มลูกหว้า จ.เพชรบุรี
(6) จานใบไม้เปล่ียนเมืองของกลุ่มบ้านไร่อุทัยย้ิม จ.อุทัยธานี (7) การแข่งขันเรือเกยหาดของศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ
เพ่ือชุมชน จ.สงขลา (8) สมัชชาเยาวชนชาติพันธุ์ 5 อ�ำเภอชายแดน จังหวัดตากของเครือข่ายปกาเกอญอมีดี จ.ตาก และ
(9) HUB 2U สถานีอุตรดิตถ์ติดยิ้มของเครือข่ายอุตรดิตถ์ติดยิ้ม จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมที่มีความหลากหลาย
ท้ังช้ินงานหรือผลิตภัณฑ์ กระบวนการท�ำงาน กลไก พื้นท่ี และองค์ความรู้ ที่น�ำไปใช้พัฒนาและแก้ไขปัญหาเด็กเยาวชน
ท่ีมีความซับซ้อนและท้าทายให้มีสุขภาวะท่ีดี จนก่อเกิดการเปล่ียนแปลงหลายระดับ ต้ังแต่ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน
ท้องถิ่น และจังหวัด ด้วยเหตุนี้ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงควรสนับสนุนการเผยแพร่
นวัตกรรมทางสังคมท่ีเกิดขึ้นสู่สาธารณะ ให้เป็นกรณีศึกษาที่สร้างแรงบันดาลใจ เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พัฒนา
ตอ่ ยอดจนเกิดการขบั เคลื่อนและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนอยา่ งย่ังยืนตอ่ ไป

คำ�สำ�คญั : นวัตกรรมทางสังคม; พื้นที่สร้างสรรค์; เครือข่ายพื้นที่นี้..ดีจัง

Case Report of Djung Creative Space:
Social Innovation for Children and
Youth Happiness

Supong Jitmuang, Yaowaret Katanyoosermpong
Monitoring and Evaluation Officer of Djung Space Network Project, Bangkok, Thailand

Abstract

Issues affecting children and youth in Thai society today become more and more complex.
Traditional thinking and problem-solving can not address and find solution for such complex

46

Thai Health Promotion Journal

structural challenges. Social innovation is therefore essential in response to the issues. The objective
of this study was to explore social innovations created by Djung Space Network Project during the years 2018
- 2020. The study revealed that there were 9 case studies of social innovations: (1) providing happiness in
fighting COVID-19 through happy mailbox of the Matches Group, Nakhon Ratchasima; (2) Klongtoey
waiting for State Model of Klongtoey Djung, Bangkok; (3) Kindergarten Parents Club of Bancheekdaek
School, D-E-Lee E-San Baan Hao Group, Surin; (4) children and youth development circle in informal
and informal education of 3-southern provinces by Young Yim Group, Narathiwat; (5) increase the
role of using the area in Wat Yai Suwannaram as an art and culture laboratory for children and youth
by the Look Wa Group, Phetchaburi; (6) leaf plate change city by Ban Rai Uthai Yim Group, Uthai
Thani; (7) beach boat race by Natural Learning Center for Community, Songkhla; (8) the ethnic youth
assembly of five border districts, Tak province by Pgaz K’Nyau Young Mee Dee Network, Tak; and (9)
HUB 2U Uttaradit@smile Station by Uttaradit@smile Network, Uttaradit. All these 9 case studies were
diverse innovationsbothinformofproduct,process,mechanism,spaceandknowledgethatweredeveloped
to tackle and challenge the wellbeing of children and youth. They made significant changes in different
levels: family, school, community, district and provincial. Thai Heath Promotion Foundation should
support in promoting this social innovation to the public. All 9 case studies could inspire, provide
platform of sharing knowledge and upscale in finding solutions for issues affecting children and
youth in sustainable way.

Keywords: social innovation; creative space; Djung Space Network

บทนำ� ปญั หาทม่ี คี วามซบั ซอ้ นเชงิ โครงสรา้ งได้ การสรา้ งนวตั กรรม
ทางสังคมเพ่ือแก้ไขปัญหาในโลกยุคใหม่จึงมีความส�ำคัญ
สถานการณ์ปัญหาที่เกิดข้ึนกับเด็กและเยาวชนใน เพราะนวัตกรรมทางสังคมเกิดจากแรงบันดาลใจ ความ
ปัจจุบันนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น อันเน่ืองมาจาก คิดสร้างสรรค์ และดึงการมีส่วนร่วมของผู้ท่ีต้องการ
ปญั หาเชงิ โครงสร้างของสังคม ซ่งึ มรี ากเหง้าของปัญหามา ขบั เคลอ่ื นสงั คมทมี่ คี วามหลากหลายมาสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหมๆ่
จากความเหล่ือมล้�ำของสังคมไทย สภาพเศรษฐกิจสังคมที่ ด้วยการมองปัญหาแบบใหม่ ใช้แนวคิดและกลยุทธ์ใหม่
บีบรัดส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของเด็กเยาวชน ครอบครัว จดุ ประกายใหเ้ หน็ คณุ คา่ และความสำ� คญั นำ� ไปสคู่ วามรว่ มมอื
แตกแยกเด็กเยาวชนถูกทอดทิ้ง กลายเป็นกลุ่มเปราะบาง กันในการแก้ปัญหาและขับเคลื่อนสังคม ท้ังน้ีนวัตกรรม
ถูกกีดกันทางสังคม เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร และทรัพยากร ทางสังคม (social innovation) หมายถึง ความคดิ วธิ กี าร
ที่จ�ำเป็น รวมถึงสังคมไทยยังสร้างระบบการเรียนรู้ท่ีไม่ ใหม่ๆ ท่ีสามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
สามารถตอบโจทย์การสร้างทักษะชีวิตให้แก่เด็กเยาวชน ให้แก่สังคม จุดประกายให้เกิดแนวคิดมุมมองใหม่ท่ีชักชวน
นอกจากนี้เด็กเยาวชนยังขาดกิจกรรมและพื้นท่ีสร้างสรรค์ ใหร้ ว่ มตระหนกั ถงึ คณุ คา่ และความสำ� คญั นำ� ไปสคู่ วามรว่ มมอื
ทท่ี ำ� ใหไ้ ดค้ น้ พบตวั เอง และไมเ่ ปดิ โอกาสใหเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ ม ร่วมใจที่จะท�ำประโยชน์(1)
ในการแก้ปญั หา
ขณะท่ีเครือข่ายพ้ืนท่ีน้ี..ดีจังได้รับการสนับสนุนจาก
จากปัญหาเด็กเยาวชนท่ีกล่าวมาข้างต้น การแก้ไข ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ปัญหาดว้ ยวิธีคดิ และวิธีการแบบเดิม ไมส่ ามารถตอบโจทย์ ภายใต้แผนงานส่ือสร้างสุขภาวะเด็กและเยาวชน (สสย.)

47

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

ให้ด�ำเนินโครงการเพื่อสร้างกิจกรรมสร้างพ้ืนที่สร้างสรรค์ กรณีศกึ ษา
หมายถึง พื้นท่ีสร้างประสบการณ์สร้างโอกาสให้เด็กและ
เยาวชนไดเ้ ตบิ โตพฒั นาตามวยั มงุ่ ตอบสนองความตอ้ งการ จากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานการ
ของเด็ก เพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ประเมินผลโครงการเครือข่ายพื้นท่ีนี้..ดีจัง ตั้งแต่ปี พ.ศ.
โดยใชก้ ระบวนการมสี ว่ นรว่ มของเดก็ ครอบครวั และชมุ ชน(2) 2561-2563 ท�ำให้พบนวัตกรรมทางสังคม 9 กรณีศึกษา
ทงั้ น้ี เครอื ขา่ ยพนื้ ทนี่ .ี้ .ดจี งั ประกอบดว้ ยภาคกี ลมุ่ คนทำ� งาน ดงั น้ี
พฒั นาเดก็ และเยาวชนทรี่ ว่ มกนั ขบั เคลอ่ื นรณรงคง์ านพนื้ ที่
สรา้ งสรรค์ ภายใตแ้ นวคดิ การทำ� งาน เลน่ เรยี นรู้รเิ รม่ิ รว่ มทำ� 1. กิจกรรมแจกความสุขสู้โควดิ -19
และแบ่งปัน แม้จะมีกลุ่มเป้าหมาย ประเด็น กระบวนการ ผา่ นตู้สง่ ความสุข: กลมุ่ ไม้ขีดไฟ จ.นครราชสมี า
ท�ำงานและปัญหาที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายร่วมกัน คือ การมีพ้ืนฐานมาจากปัญหา (base on problem):
การขบั เคลอื่ นการสอ่ื สารสงั คมขยายพน้ื ทคี่ วามคดิ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ดว้ ยสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของไวรสั โคโรนาสายพนั ธใ์ุ หม่
พ้ืนท่ีและกิจกรรมสร้างสรรค์ส�ำหรับเด็กและเยาวชน หรือโควิด-19 ท�ำให้รัฐบาลต้องประกาศใช้พระราชก�ำหนด
อยา่ งกวา้ งขวาง ตลอดระยะเวลาการดำ� เนนิ งานของเครอื ขา่ ย (พ.ร.ก.)การบรหิ ารราชการในสถานการณฉ์ กุ เฉนิ โดยเบอ้ื งตน้
พ้ืนที่นี้..ดีจัง มากกว่า 10 ปี โดยเฉพาะในระหว่างปี พ.ศ. เป็นเวลา 1 เดือน ต้ังแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563
2561-2563 ได้ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมทาง ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการเรียนรู้ของเด็กเยาวชน
สังคมที่น่าสนใจต้ังแต่ระดับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ในหมู่บ้าน ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพราะ
เครือข่าย จนถึงระดับจังหวัด ซ่ึงถือเป็นองค์ความรู้ส�ำคัญ ไม่สามารถออกไปเลน่ นอกบ้าน และท�ำกจิ กรรมกับเพ่อื นได้
ที่สามารถเป็นบทเรียนในการพัฒนาและแก้ปัญหาเด็กและ ต้องเก็บตวั เล่นมอื ถืออยู่แตใ่ นบา้ น ไมม่ ีกิจกรรมสรา้ งสรรค์
เยาวชนในปจั จุบันไดเ้ ป็นอยา่ งดี แม้เด็กเยาวชนกับผู้ปกครองจะอยู่ร่วมกันแต่ขาดการ
สื่อสารจนเกิดความเครียด เบ่ือหน่าย ขณะที่ผู้ปกครองก็
บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษานวัตกรรมทาง กงั วลปญั หาทางเศรษฐกิจ จนไมไ่ ดใ้ ส่ใจลกู หลาน ท�ำให้เดก็
สงั คมทเ่ี กดิ จากการดำ� เนนิ โครงการของเครอื ขา่ ยพน้ื ทนี่ .้ี .ดจี งั เยาวชนถกู ละเลยทอดทิ้ง
ระหวา่ งปี พ.ศ. 2561-2563 ซ่ึงได้ศกึ ษาข้อมูลจากรายงาน วธิ กี ารใหม่ (new smart): กล่มุ ไม้ขีดไฟจงึ มีแนวคดิ
การประเมินผลโครงการเครือข่ายพื้นท่ีนี้..ดีจัง ระหว่างปี สร้างเคร่ืองมือและกิจกรรมสร้างสรรค์ให้เด็กเยาวชนได้ท�ำ
พ.ศ. 2561-2563 ได้แก่ รายงานการประเมินผลโครงการ กิจกรรมแจกความสุขสู้โควิด-19 ผ่านตู้ส่งความสุข โดยนำ�
(ปี 9) พน้ื ทนี่ .ี้ .ดจี งั พลงั พลเมอื ง สอ่ื สารสรา้ งสรรคส์ ขุ ภาวะ ตู้เย็นเก่าและไมโครเวฟเก่ามาดัดแปลงเป็นตู้ใส่ของเล่น
ปี พ.ศ. 2561 รายงานประเมินผลโครงการพื้นท่ีนี้..ดีจัง งานศิลปะ งานประดิษฐ์ นิทาน หนังสือส�ำหรับเด็ก ฯลฯ
ยั่งยืนปี พ.ศ. 2562 และรายงานการประเมินผลโครงการ ให้ผู้ปกครองและคนในชุมชนต�ำบลขนงพระหยิบของต่างๆ
ปฏิบัติการนิเวศส่ือสุขภาวะเพื่อขับเคลื่อนสังคมแห่ง ในตสู้ ง่ ความสขุ ไปใชท้ ำ� กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ สรา้ งการเรยี นรู้
การอยู่ร่วม (พ้ืนท่ีนี้ดีจังปี 11) ซ่ึงผู้เขียนได้จัดท�ำข้ึน ในครอบครวั นอกจากนยี้ งั ทำ� กรปุ๊ ไลนแ์ จกความสขุ สโู้ ควดิ -19
เนอื่ งจากเปน็ ผปู้ ระเมนิ ผลโครงการดงั กลา่ ว แลว้ นำ� ขอ้ มลู มา เพื่อส่งข้อความ ภาพการท�ำของเล่นและกิจกรรมที่เกิดขึ้น
วเิ คราะหผ์ า่ นแนวคดิ นวตั กรรมทางสงั คม(socialinnovation) ในครอบครวั รวมทง้ั ตวั อยา่ งการทำ� งานฝมี อื งานศลิ ปะฯลฯ
ในบริบทส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพอ่ื ใหผ้ ู้ที่หยบิ ของไปไดใ้ ชด้ ูเปน็ ตวั อย่างในการท�ำงาน
(สสส.) ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คอื (1) การมีพื้นฐาน การเปลีย่ นแปลง (change): กิจกรรมแจกความสุข
มาจากปัญหา (base on problem) (2) เป็นวิธีการใหม่ สู้โควิด-19 ผ่านตู้ส่งความสุขได้ส่งความสุขให้ชาวต�ำบล
(new smart) (3) ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลง (change) ขนงพระจำ� นวน3หมบู่ า้ นและหมบู่ า้ นใกลเ้ คยี งเปน็ ระยะเวลา
ทต่ี อบโจทยก์ ารแกป้ ญั หาสงั คมดา้ นสขุ ภาพและสรา้ งสงั คม กว่าหนึ่งเดือน ท�ำให้เด็กและครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน
ทเ่ี อ้ือตอ่ การมีสขุ ภาวะทด่ี ี(1) สานสายใยความรกั ความสมั พนั ธเ์ ดก็ ไดต้ อ่ ยอดสกู่ ารพฒั นา
ศักยภาพในด้านต่างๆ ในช่วงวิกฤต โดยกิจกรรมนี้มี 5 ขั้น

48

Thai Health Promotion Journal

ตอนส�ำคัญ ได้แก่ วิธีการขนส่ง การติดต้ังดูแล ตัวกลางใน สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ทั้งเด็กเยาวชน
การส่ือสาร การออกแบบของเล่นให้เหมาะสมกับวัย/เพศ คนในชุมชนอาสาสมัคร ภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกพื้นท่ี
และระบบการเวียนส่ิงของ ซ่ึงสามารถใช้เป็นแนวทางและ และส่ือมวลชนได้มาสื่อสาร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ
ต้นแบบการท�ำกิจกรรมสร้างสรรค์กับเด็กเยาวชนในกรณี ขับเคล่ือนร่วมกันในพื้นท่ีแห่งน้ี
ท่ตี ้องเผชญิ กับวิกฤตการณ์อ่ืนๆ
3. ชมรมผปู้ กครองระดบั อนบุ าลโรงเรยี นบา้ นจกี แดก
2. โมเดลคลองเตยรอรัฐ: กล่มุ คลองเตยดจี ัง อ.พนมดงรัก จ.สุรนิ ทร์: กล่มุ ดีอหี ลีอสี านบ้านเฮา
กรงุ เทพมหานคร จ.สุรนิ ทร์
การมีพ้ืนฐานมาจากปัญหา (base on problem): การมีพื้นฐานมาจากปัญหา (base on problem):
ในชว่ งเดือนมีนาคมถึงเมษายน พ.ศ. 2563 กลุ่มคลองเตย จุดเร่ิมต้นของชมรมผู้ปกครองระดับอนุบาลโรงเรียนบ้าน
ดีจังอยู่ระหว่างการด�ำเนินโครงการคลองเตยดีจัง ปี 6: จีกแดกเกดิ จาก เจริญพงศ์ ชเู ลิศ ผูป้ ระสานงานกลมุ่ ดีอีหลี
แปลงสลมั เปน็ สถานศลิ ปะเพอื่ การเรยี นรแู้ ละกำ� ลงั วางแผน อสี านบา้ นเฮา พาลกู ชายวยั อนบุ าลไปสง่ ทโ่ี รงเรยี น แตพ่ บวา่
ด�ำเนินงานจัดเทศกาลคลองเตยดีจัง แต่เม่ือเกิดการ สภาพสนามเดก็ เลน่ ของโรงเรยี นมสี ภาพเกา่ ผพุ งั หญา้ ขนึ้ รก
แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท�ำให้ไม่สามารถท�ำกิจกรรม ไมม่ คี วามปลอดภยั เขาจงึ ลกุ ขนึ้ มาทำ� ความสะอาดสนามเดก็ เลน่
รวมกลุ่มได้ จึงปรับเปล่ียนเพ่ือให้เข้ากับสถานการณ์ ตดั หญา้ เกบ็ ขยะ และปลกู ตน้ ไม้ ชว่ งแรกเขาทำ� เพยี งคนเดยี ว
โดยเร่ิมต้นจากการส�ำรวจข้อมูลเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ โดยมีผู้ปกครองของลูกหลานคนอื่นๆ เฝ้ามองด้วยความ
ในชุมชน รวมถึงสถานการณ์ปัญหาของคนในชุมชนท่ีได้รับ แปลกใจบางคนอยากช่วยเหลือแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร จึง
ผลกระทบ หลังจากนั้นเกิดการล็อคดาวน์และปิดกิจการ จดุ ประกายใหเ้ กดิ การกอ่ ตงั้ ชมรมผปู้ กครองระดบั อนบุ าลขนึ้
ร้านค้าและสถานประกอบการต่างๆ อย่างฉับพลัน ท�ำให้ วิธีการใหม่ (new smart): ชมรมผู้ปกครองระดับ
มคี นตกงานจำ� นวนมาก อนบุ าลโรงเรยี นบา้ นจกี แดกมเี ปา้ หมายเพอื่ ใหผ้ ปู้ กครองเขา้ มา
วธิ กี ารใหม่ (new smart): กลุม่ คลองเตยดจี ังจงึ ทำ� มีส่วนร่วมในการดูแลลูกหลาน โดยปรับเปล่ียนทัศนคติ
กิจกรรม “คลองเตยดีจัง ปันกันอ่ิม” เพื่อแก้ปัญหาความ แบบเดิมว่าโรงเรียนมีหน้าท่ีดูแลลูกหลานของเรา เปลี่ยน
ยากลำ� บากเฉพาะหนา้ ในชมุ ชน และมกี ารขยายไปสเู่ รอื่ งอนื่ ๆ มาเป็นเราจะไม่ท้ิงให้ครูดูแลลูกหลานเราอยู่ฝ่ายเดียว จึงมี
ซ่ึงมีเปา้ หมาย คือ เปลย่ี นอนาคตชมุ ชน ให้พรอ้ มรบั มอื และ การคัดเลือกคณะกรรมการชมรมผู้ปกครองจากผู้ปกครอง
ฟน้ื ตวั จากภยั โควดิ -19 ได้ นอกจากนไี้ ดร้ ว่ มกบั ภาคเี ครอื ขา่ ย นกั เรยี น 3 หมบู่ า้ น ซง่ึ มบี ทบาทหนา้ ทส่ี นบั สนนุ การศกึ ษาทงั้
ทง้ั ในและนอกพนื้ ทพี่ ฒั นาสู่“โมเดลคลองเตยรอรฐั ” แผนการ เรอ่ื งการเรยี นการสอนของครู และพนื้ ทก่ี ารเรยี นการเลน่ ทด่ี ี
บรรเทาความเดือดร้อนจากโควิดของชุมชนโดยองค์กร และปลอดภัยของลูกหลาน มีการจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อ
ภาคสงั คมในพน้ื ท่ี ผ่านกิจกรรมทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ (1) การเกบ็ พัฒนาโรงเรียน เช่น การสร้างห้องน้�ำ ห้องสมุดส�ำหรับ
ข้อมูลชุมชน (2) การท�ำร้านค้าปันกันอ่ิม (3) การป้องกัน เด็กอนุบาล การปรับปรุงสนามเด็กเล่น การจัดซื้อโต๊ะ
และควบคมุ โรค (4) การสรา้ งอาชพี และสรา้ งรายไดใ้ หก้ บั คน รบั ประทานอาหารส�ำหรับเดก็ เป็นตน้
ในชุมชน (5) กจิ กรรมคลองเตยดีจงั ปนั กนั เลน่ การเปลี่ยนแปลง (change): เกิดการพัฒนาพื้นท่ี
การเปลย่ี นแปลง (change): โมเดลคลองเตยรอรัฐ สร้างสรรค์และปลอดภัยส�ำหรับเด็กอนุบาลในโรงเรียน
ได้สร้างการเปล่ียนแปลงท�ำให้ชุมชนคลองเตยเป็นชุมชนที่ บ้านจีกแดก ส่วนผู้ปกครองมีความรู้สึกเป็นเจ้าของและ
ลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง (active community) ไม่รอคอย อยากเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาโรงเรียน โดยเสนอตัวเข้ามา
ความช่วยเหลือ และมีอ�ำนาจในการต่อรองกับบุคคลและ เป็นคณะกรรมการชมรมผู้ปกครอง จนเกิดการเช่ือมความ
องค์กรต่างๆ ท่ีเข้ามาช่วยเหลือ เกิดพลังร่วมของเครือข่าย สัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและครูในโรงเรียน เป็นพ้ืนที่
ท้ังในและนอกพื้นที่จากท่ีเคยอยู่โดดเด่ียว เกิดการรวมตัว สอื่ สารความตอ้ งการของครแู ละผปู้ กครอง นอกจากนช้ี มรม
ทำ� งานรว่ มกนั ทส่ี ำ� คญั ยงั เปน็ พนื้ ทต่ี น้ แบบของการออกแบบ ผู้ปกครองแห่งน้ียังสามารถเป็นต้นแบบให้แก่โรงเรียนอ่ืนๆ
ระบบการชว่ ยเหลอื ชมุ ชนในสถานการณโ์ รคระบาดโควดิ -19 ที่สนใจเรื่องการมีส่วนร่วมในการสร้างพื้นท่ีสร้างสรรค์และ

49

วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย

ปลอดภยั ในโรงเรียนใหแ้ ก่เด็กนักเรยี นอกี ดว้ ย 5. การพฒั นาพ้นื ที่วัดใหญส่ วุ รรณารามวรวิหาร
4. วงจรพฒั นาเด็กเยาวชนพ้นื ทช่ี ายแดนใต้ เปน็ พืน้ ทปี่ ฏิบัติการศลิ ปะและวฒั นธรรมส�ำหรบั เดก็
ทง้ั ในและนอกระบบโรงเรยี น: กลมุ่ ยงั ยมิ้ จ.นราธวิ าส และเยาวชน: กลมุ่ ลกู หวา้ จ.เพชรบุรี
การมีพื้นฐานมาจากปัญหา (base on problem): การมีพื้นฐานมาจากปัญหา (base on problem):
วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร จ.เพชรบุรี เป็นวัดท่ีมี
เน่ืองจากเด็กเยาวชนในพ้ืนที่ชายแดนใต้ส่วนใหญ่ขาด
พ้ืนที่และกิจกรรมสร้างสรรค์ จึงเสี่ยงต่อการมีพฤติกรรม ความส�ำคัญและมีคุณค่าหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
ไม่พึงประสงค์ เช่น การรวมกลุ่มม่ัวสุม ขับรถเล่น หนีเรียน
สบู บหุ รี่และตดิ ยาเสพตดิ ดงั นนั้ กลมุ่ ยงั ยม้ิ จงึ ดำ� เนนิ กจิ กรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ประเพณี วัฒนธรรม ฯลฯ
สร้างสรรค์ใน อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็น
เยาวชนมสุ ลมิ ในพน้ื ที่ เพอื่ สรา้ งกจิ กรรมและพนื้ ทส่ี รา้ งสรรค์ แต่ปัจจุบันถ้าไม่ใช่เป็นวันส�ำคัญทางศาสนา วัดแห่งน้ี
ส�ำหรับเด็กเยาวชนชายแดนใต้ ผ่านการศึกษาระบบนิเวศ
ปา่ ฮาลา-บาลา และสรา้ งความตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของ กลับเป็นพ้ืนที่ท่ีถูกละเลย อาคารสถานท่ีไม่ถูกน�ำมาใช้
เรื่องราวในประวัตศิ าสตรข์ องทอ้ งถ่ินตนเอง
ประโยชน์ จากวัดท่ีมีความส�ำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งน้ี
วธิ กี ารใหม่ (new smart): กลมุ่ ยงั ยม้ิ พฒั นาเยาวชน
ในพ้ืนที่มาอย่างต่อเน่ืองจนเกิดแกนน�ำเยาวชน 3 ระดับ กลับกลายเป็นเพียงพ้ืนท่ีให้คนแวะมาไหว้พระ หรือเป็นท่ี
ไดแ้ ก่ อาสาสมคั ร แกนนำ� ปฏบิ ตั กิ าร และแกนนำ� รว่ มคดิ รว่ ม
ขับเคล่ือนงาน (core team) จนสามารถสร้างส่งิ แวดล้อม จอดรถเพ่ือแวะกินกว๋ ยเตยี๋ วร้านดังฝง่ั ตรงขา้ มวดั
การเรยี นรใู้ หมผ่ า่ น “วงจรพฒั นาเดก็ เยาวชนพน้ื ทชี่ ายแดนใต้ วิธกี ารใหม่ (new smart): กลมุ่ ลูกหวา้ จงึ ได้ร่วมมอื
ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน” ได้แก่ กิจกรรมสัญจรใน
โรงเรียนการตั้งชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ซ่ึงมี กับภาคีเครือข่ายพัฒนาวัดใหญ่ฯ โดยใช้แนวคิดศิลปะ
แกนน�ำกลุ่มยังยิ้มเป็นประธานและพี่เลี้ยง ควบคู่ไปกับการ
สร้างพ้ืนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนอกระบบโรงเรียน โดยเฉพาะ ขับเคล่ือนเมือง น�ำไปสู่การพัฒนาและแปลงร่างพื้นที่วัดให้
บ้านยังยิ้มเป็นพ้ืนท่ีรวมตัวของเยาวชนหลังเลิกเรียนมาท�ำ
กจิ กรรมรว่ มกนั จนเปน็ บา้ นหลงั ทส่ี อง นอกจากนย้ี งั ออกไป กลายเป็นพ้ืนที่ปฏิบัติการศิลปะและวัฒนธรรมส�ำหรับเด็ก
เรียนรู้ชุมชนผ่านพ้ืนที่ธรรมชาติและพ้ืนที่ประวัติศาสตร์
ชมุ ชนทงั้ ในและนอกเขตอำ� เภอแว้ง และเยาวชนผลักดันให้เกิดกิจกรรมต่างๆ ข้ึนในวัดอย่าง

การเปลย่ี นแปลง (change): แกนน�ำเยาวชนกลา้ คดิ ตอ่ เนอ่ื งเชน่ เปดิ หอศลิ ปส์ วุ รรณารามจดั แสดงรปู ภาพทำ� ซมุ้
กลา้ แสดงออก มที กั ษะชวี ิตและการเขา้ สงั คม มีปฏสิ มั พันธ์
ท่ีดีกับผู้อื่น บางคนปรับเปล่ียนพฤติกรรมด้านลบจากเคย ศลิ ปะ ตลาดเลกาซ่ี (legacy) ตลาดมรดกภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่
หนีเรียน มีผลการเรียนตกต�่ำ อ่านเขียนหนังสือไม่ได้
ก็สามารถปรับเปล่ียนพฤติกรรมด้านบวก ตั้งใจเรียน จน การท�ำคู่มอื เดนิ พาชมงานชา่ งวดั ใหญ่ งานแสดง การอบรม
ผลการเรยี นดขี นึ้ เกดิ ความภาคภมู ใิ จในตนเอง คน้ พบตวั เอง
มเี ป้าหมายในชวี ติ จนกลายเปน็ ต้นแบบให้ร่นุ น้อง จนได้รบั เชิงปฏิบัติการ (workshop) และสภากาแฟช่าง เป็นต้น
การยอมรบั จากผปู้ กครอง ครอู าจารย์ และคนในชมุ ชน กอ่ ให้ การเปลยี่ นแปลง (change): พนื้ ทีว่ ดั ใหญ่ฯ เกิดการ
เกดิ สงิ่ แวดลอ้ มการเรยี นรใู้ หมใ่ หเ้ ยาวชนในพนื้ ทชี่ ายแดนใต้
เปล่ียนรูป แปลงร่าง สร้างคุณค่าความหมายใหม่ จากวัด

ที่เคยเงียบเหงากลายเป็นพื้นท่ีหลากหลายบทบาทหน้าที่

ส่งผลให้วัดแห่งนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง มีผู้คนหลากหลาย

โดยเฉพาะเด็กเยาวชน และครอบครัวเข้ามาเรียนรู้มากขึ้น

นอกจากนี้พระสงฆ์ยังมีส่วนร่วมปรับปรุงดูแลวัดให้ดีข้ึน

จนกลายเป็นพ้ืนที่ต้นแบบและศึกษาดูงานในการใช้ศิลปะ

ขับเคลื่อนเมือง ขณะเดียวกันหากสามารถพัฒนาต่อยอด

พื้นที่ไปสู่โรงเรียนสืบสานงานช่างเมืองเพชรบุรีส�ำหรับ

เด็กเยาวชนและคนรุ่นใหม่ ก็จะเป็นทางออกหน่ึงในการ

แกป้ ญั หาการขาดแคลนคนรนุ่ ใหมม่ าสบื ทอดงานศลิ ปะชา่ ง

เมืองเพชรได้
6. จานใบไม้เปลยี่ นเมือง: กลมุ่ บ้านไรอ่ ุทยั ยิ้ม
จ.อุทยั ธานี
การมีพื้นฐานมาจากปัญหา (base on problem):

ชมุ ชนสะนำ� อ.บา้ นไร่ จ.อทุ ัยธานี ในอดตี ถือเป็นพ้ืนทชี่ มุ่ นำ�้

ท่มี ตี น้ หมากเป็นจำ� นวนมาก จนชาวบ้านเรยี กกนั ว่า “ชมุ ชน

50

Thai Health Promotion Journal

ป่าหมากล้านต้น” แต่คนรุ่นใหม่มักไม่เห็นคุณค่า เน่ืองจาก และเมืองอุตสาหกรรม โดยให้ความส�ำคัญกับกระบวนการ
ผลผลติ ทไี่ ดไ้ มค่ มุ้ คา่ กบั การปลกู ทำ� ใหช้ าวบา้ นตดั ตน้ หมาก มสี ว่ นร่วมของเดก็ เยาวชน ครอบครวั และชุมชน
ท้ิงและหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวแทน เป้าหมาย
ของการท�ำจานกาบหมากจานใบไม้ คือ การฟื้นป่าหมากให้ วธิ กี ารใหม่ (new smart): เปา้ หมายทส่ี �ำคญั ของคน
คืนกลับมาท�ำให้ระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติไม่ถูก ท�ำงาน คือ การสื่อสารเพื่อขับเคล่ือนนโยบายและทิศทาง
ทำ� ลาย นอกจากนี้ยงั สร้างอาชพี กระจายรายได้ ขบั เคล่อื น การพัฒนาด้วยการก�ำหนดอนาคตของตัวเอง จึงได้ร่วมกับ
เศรษฐกิจบนฐานนิเวศวฒั นธรรมและทรพั ยากรชุมชน ชาวบ้านน�ำเรือเกยหาดซ่ึงเป็นภูมิปัญญาของชาวประมง
ในการจอดเรือตามชายหาดบ้านสวนกง มาผลักดันให้เกิด
วิธีการใหม่ (new smart): จานใบไม้เริ่มต้นจาก การแขง่ ขนั เรอื เกยหาดขนึ้ ครง้ั แรกในประเทศไทยทงี่ านเทศกาล
การค้นหาคนหัวไวใจสู้ มีความพร้อมท่ีจะเรียนรู้ไปด้วยกัน อะโบ๊ยหมะ เลจะนะหรอยจ้าน#5 และมีการถ่ายทอดสด
จากนนั้ จงึ คน้ หาประเดน็ หรอื เรอ่ื งราวของปา่ หมากพาชาวบา้ น ทางสถานโี ทรทศั นไ์ ทยพบี เี อส (ThaiPBS) จงึ มกี ารออกแบบ
เปิดโลกทัศน์ออกไปเรียนรู้ ศึกษาดูงานเรื่องจานใบไม้นอก การสื่อสารสาธารณะจากความร่วมมือหลายภาคส่วน
พ้ืนท่ี กลับมาสรุปบทเรียน และลงมือท�ำ ทดลอง เรียนรู้ รว่ มกบั ชมุ ชน
ดว้ ยตวั เอง ปรบั ปรงุ พฒั นา โดยเฉพาะเรอ่ื งวตั ถดุ บิ และการ
ตลาดเมอื่ ชาวบา้ นมคี วามพรอ้ มและความมนั่ ใจ จงึ รวมกลมุ่ การเปล่ยี นแปลง (change): ผลของการแขง่ ขนั เรอื
ตง้ั วสิ าหกจิ ชมุ ชนทำ� จานกาบหมากจานใบไม้ดว้ ยการระดมทนุ เกยหาดกลายเป็นเคร่ืองมือในการดึงคนดึงชุมชนให้เข้ามา
ลงหนุ้ จากสมาชิกในชุมชนและผทู้ ่ีสนใจท่วั ไปร่วมลงหนุ้ ในพนื้ ทชี่ ายหาดบา้ นสวนกง และสามารถเชอื่ มสอื่ หลากหลาย
ประเภททง้ั สอื่ บคุ คล สอื่ พนื้ บา้ น สอื่ สารมวลชน สอ่ื ออนไลน์
การเปล่ียนแปลง (change): จานกาบหมากจาน พนื้ ท่ี เทศกาลฯลฯ ทีส่ �ำคญั ยังชว่ ยให้เกดิ การเปิดใจยอมรับ
ใบไม้ได้สร้างคุณค่าและความหมายใหม่ในการสื่อสารเร่ือง ชาวบา้ นสวนกงมากขน้ึ จากเดมิ ทเี่ คยมองวา่ เปน็ พวกขดั ขวาง
ราวของชุมชนที่ทรงพลัง ส่งผลให้ชาวบ้านเปล่ียนความคิด การพฒั นากลายเปน็ เหน็ ดว้ ยกบั สงิ่ ทช่ี าวบา้ นทำ� เรอื เกยหาด
เหน็ คณุ คา่ ตวั ตน เกดิ กระแสขยายไปสชู่ มุ ชนตา่ งๆ ทง้ั ในและ จงึ ไดช้ ว่ ยสรา้ งนยิ ามความหมายใหมข่ องคำ� วา่ “การพฒั นา”
นอกจงั หวดั อทุ ยั ธานี เกดิ การสรา้ งอาชพี กระจายรายไดใ้ หแ้ ก่ ทช่ี าวบา้ นสามารถกำ� หนดนโยบายไดด้ ว้ ยตนเอง ไมเ่ พยี งรอ
เดก็ เยาวชนและผสู้ งู อายุ ชว่ ยฟน้ื คนื ชวี ติ ระบบนเิ วศปา่ หมาก นโยบายลงมาจากภาครัฐและจ�ำกัดแนวทางการพัฒนาให้
ใหก้ ลบั คนื มานอกจากนยี้ งั เปน็ เครอ่ื งมอื ใหเ้ ดก็ เยาวชนไดเ้ รยี นรู้ เป็นพนื้ เขตอุตสาหกรรมเท่านัน้
เรื่องระบบนิเวศ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ
อีกทั้งยังเป็นเคร่ืองมือสร้างการเรียนรู้ สร้างการมีส่วนร่วม 8. สมัชชาเยาวชนชาตพิ ันธ์ุ 5 อ�ำเภอชายแดน
และเสริมพลังอ�ำนาจให้คนในชุมชนลุกข้ึนมาจัดการตนเอง จ.ตาก: เครือขา่ ยปกาเกอญอมีดี จ.ตาก
ไมร่ อคอย ไมจ่ �ำนนตอ่ อำ� นาจรฐั การมีพ้ืนฐานมาจากปัญหา (base on problem):
เน่ืองจากในพื้นที่อ�ำเภอชายแดนของจังหวัดตากมีความ
7. การแขง่ ขันเรือเกยหาด: ศูนย์เรียนรูว้ ิถี เหลอื่ มลำ้� และเปราะบางสงู รวมทงั้ มคี วามแตกตา่ งหลากหลาย
ธรรมชาตเิ พอ่ื ชุมชน จ.สงขลา ทง้ั วถิ ชี วี ติ วธิ คี ดิ ภาษา วฒั นธรรม ทำ� ใหเ้ กดิ ความไมเ่ ขา้ ใจกนั
การมีพื้นฐานมาจากปัญหา (base on problem): ระหวา่ งเดก็ ในเมอื งกบั เดก็ ชาตพิ นั ธแ์ุ ละเดก็ ชาตพิ นั ธข์ุ า้ มชาติ
ท่ามกลางปัญหาสุขภาวะของคนในพื้นท่ีอ�ำเภอจะนะและ ความไม่เข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างน�ำไปสู่การตีตราและ
อ�ำเภอใกล้เคียงของจังหวัดสงขลา ที่ก�ำลังเผชิญหน้ากับ ดูถูกคนที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ในพื้นที่ท่ีมีความ
ความท้าทายคร้ังใหญ่จากนโยบายของภาครัฐที่ก�ำหนดให้ แตกต่างหลากหลายทางชาติพันธุ์ เด็กและเยาวชนจึงต้อง
จะนะเป็นเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้า น�ำไปสู่ความพยายาม มที กั ษะเทา่ ทนั ตนเอง มกี ารเรยี นรแู้ ละยอมรบั ความแตกตา่ ง
ของคนท�ำงานของศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติเพื่อชุมชน หลากหลาย เพ่ืออยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยเปิดพื้นที่การ
เครอื ขา่ ยจะนะรกั ษถ์ นิ่ และชาวบา้ นในการสอ่ื สารเรอ่ื งราวและ สอ่ื สารใหส้ าธารณะเรยี นรู้ และเขา้ ใจในวิถีชวี ติ คณุ คา่ และ
คุณค่าของพ้ืนท่ีชายหาดบ้านสวนกง ต.นาทับ อ.จะนะ วฒั นธรรมรว่ มกนั
จ.สงขลา ซ่ึงไดร้ ับผลกระทบหากพน้ื ที่ถูกพัฒนาเป็นท่าเรอื

51

วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย

วิธกี ารใหม่ (new smart): เครือข่ายปกาเกอญอมดี ี แลกเปลย่ี นรว่ มกนั
จงึ ไดร้ ว่ มกบั ภาคตี า่ งๆ จดั สมชั ชาเยาวชนชาตพิ นั ธ์ุ 5 อำ� เภอ วิธกี ารใหม่ (new smart): เครือขา่ ยอุตรดิตถ์ติดยิ้ม
ชายแดน จงั หวดั ตาก ท่ีวทิ ยาลัยโพธิวิชชาลยั มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ โดยให้เยาวชนชาติพันธุ์มาแลกเปล่ียน จึงได้ก่อตั้ง “HUB 2U” สถานีอุตรดิตถ์ติดยิ้ม โดยพัฒนา
เรยี นรขู้ า้ มพน้ื ทผ่ี า่ นการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ซงึ่ ประกอบดว้ ย พื้นที่ท่ีเคยเป็นโรงเรียนเก่าท่ีถูกทิ้งร้าง ให้เป็นพื้นที่
ฐานกิจกรรมเรียนรู้ต่างๆ นอกจากน้ีเยาวชนได้ร่วมเปิดซุ้ม สรา้ งสรรคเ์ พอ่ื การเรยี นรขู้ องทกุ คน ภายใตแ้ นวคดิ จดุ นดั พบ
เทศกาล“เยาวชนชาตพิ นั ธ์ุยงั ดมี าโชว”์ จดั ขน้ึ ทส่ี วนสาธารณะ ทุกการสร้างสรรค์ เช่ือมโยงทุกคนทุกเรื่องราวทุกรูปแบบ
เทศบาลนครแม่สอด ซุ้มกิจกรรมที่ให้ผู้มาร่วมงาน กิจกรรมสร้างสรรค์มาไว้ท่ีนี่ ทั้งแบบพื้นท่ีถาวรเปิดให้
มีส่วนร่วมท้ังของใช้ ของเล่น อาหารขนม และการแสดง บริการอย่างต่อเนื่อง และโปรแกรมการเรียนรู้ท่ีจัดข้ึนเป็น
ซึ่งแสดงถึงอัตลักษณ์ วัฒนธรรมของชาติพันธุ์ที่มีความ พเิ ศษตามวาระตา่ งๆ โดยมพี น้ื ทใี่ หเ้ รยี นรทู้ ง้ั คาเฟ่ แกลเลอรี
หลากหลาย และมีส่วนร่วมจากองค์กรเครือข่ายต่างๆ โรงละคร อาร์ตฟาร์ม สนามเด็กเล่น บอร์ดเกม อาร์ตสเปช
ทงั้ ในเทศบาล ชมุ ชนสถาบนั การศกึ ษา องคก์ รพฒั นาเอกชน หอ้ งเรียนรู้ สตูดิโอฯลฯ
องคก์ รกล่มุ ชาติพนั ธข์ุ า้ มชาติ และเครอื ข่าย
การเปลี่ยนแปลง (change): พ้ืนท่ี “HUB 2U”
การเปลยี่ นแปลง (change): การจดั สมัชชาเยาวชน สถานีอุตรดิตถ์ติดย้ิม เป็นกระบวนการขับเคลื่อนสุขภาวะ
ชาติพันธุ์ 5 อ�ำเภอชายแดน จังหวัดตาก และงานเทศกาล เมืองและจังหวัดด้วยพลังศิลปะเชิงสร้างสรรค์ ท�ำให้เกิด
เยาวชนชาตพิ นั ธ์ุ ยงั ดมี าโชว์ ทำ� ใหเ้ ยาวชนชาตพิ นั ธเ์ุ กดิ ความ การเปล่ียนรูป แปลงร่าง สร้างความหมายใหม่ จากพ้ืนท่ี
ภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าในวิถีชีวิต วัฒนธรรม ภูมิปัญญา ที่ถูกทิ้งร้างกลางเมืองให้กลายเป็นพื้นที่หลากหลายมิติ
ของชาติพันธุ์ตนเอง คนในสังคมมองเห็นศักยภาพของ ท้ังพ้ืนท่ีกลาง พ้ืนท่ีการสื่อสาร พ้ืนที่สร้างสรรค์ และพ้ืนท่ี
เยาวชนชาตพิ นั ธ์ุ สว่ นงานเทศกาลเปน็ เครอื่ งมอื เชอื่ มความ เรียนรู้สาธารณะ ส่งผลต่อการขับเคล่ือนนโยบายสุขภาวะ
สมั พนั ธร์ ะหวา่ งเยาวชนชาตพิ นั ธ์ุ5อำ� เภอชายแดนจงั หวดั ตาก ของเด็กและเยาวชนระดับจังหวัด แม้สถานีอุตรดิตถ์ติดย้ิม
เยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ข้ามชาติ และเยาวชนกลุ่มคนในเมือง จะปิดตัวลงแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เน่ืองจาก
แมส่ อด นำ� ไปสกู่ ารเขา้ ใจ เคารพ และยอมรบั ในความแตกตา่ ง ต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการพ้ืนที่ให้
หลากหลาย ลบมายาคติการตีตราและดูถูกคนที่ไม่ใช่ คุ้มค่าและยั่งยืน ประกอบกับทิศทางของเครือข่ายให้ความ
พวกเดียวกัน อีกทั้งยังท�ำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่ม ส�ำคัญกับการพัฒนาพื้นท่ีของตนเองมากขึ้น แต่ก็ได้สร้าง
คนท�ำงานด้านชาติพันธุ์และประเด็นอ่ืนๆ ทั้งในและนอก บทเรยี นทส่ี ำ� คญั ตอ่ การขบั เคลอื่ นพนื้ ทสี่ รา้ งสรรคใ์ นสงั คมไทย
จงั หวัดตากรวมถึงประเทศเพ่ือนบ้าน
วจิ ารณ์
9. HUB 2U สถานีอุตรดติ ถต์ ดิ ยมิ้ : เครอื ข่าย
อตุ รดิตถ์ตดิ ยิม้ จ.อตุ รดิตถ์ นวตั กรรมทางสงั คม(socialinnovation)ของเครอื ขา่ ย
การมีพื้นฐานมาจากปัญหา (base on problem): พื้นท่ีนี้..ดีจังทั้ง 9 กรณีศึกษา มีพื้นฐานมาจากปัญหาที่
เครือข่ายอุตรดิตถ์ติดยิ้มเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคน แตกต่างกันไป ท้ังเร่ืองการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทำ� งานในจังหวดั อุตรดิตถ์ซง่ึ มีความหลากหลายทงั้ ประเดน็ การศึกษา ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชาติพันธุ์ และพื้นที่
เครอื่ งมอื และพน้ื ทท่ี ำ� งานแตม่ เี ปา้ หมายรว่ มกนั ในการผลกั ดนั สร้างสรรค์ส�ำหรับเด็กเยาวชน จนน�ำไปสู่วิธีการใหม่ในการ
เรื่องพื้นท่ีสร้างสรรค์ส�ำหรับเด็กเยาวชนและครอบครัว แกป้ ญั หาโดยการมสี ว่ นรว่ มของเดก็ เยาวชน ครอบครวั และ
ให้มีความต่อเน่ืองและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ชุมชน จนก่อให้เกิดนวัตกรรมที่มีความหลากหลายรูปแบบ
น�ำไปสู่การสนับสนุนเชิงนโยบายเพื่อความยั่งยืนในอนาคต เชน่ ดา้ นชน้ิ งานหรอื ผลติ ภณั ฑ์ ดงั กรณกี จิ กรรมแจกความสขุ
เครือข่ายอุตรดิตถ์ติดย้ิมจึงพยายามค้นหาและพัฒนาพ้ืนท่ี สโู้ ควดิ -19 ผา่ นตสู้ ง่ ความสขุ ของกลมุ่ ไมข้ ดี ไฟ และจานใบไม้
สรา้ งสรรคท์ เ่ี ปน็ พน้ื ทจี่ ดุ ศนู ยก์ ลางรว่ มกนั เพอ่ื สอ่ื สารบอกเลา่ เปลยี่ นเมอื งของกลมุ่ บา้ นไรอ่ ทุ ยั ยม้ิ จ.อทุ ยั ธานีดา้ นกระบวนการ
เรื่องราวต่างๆ ของภาคี และเป็นพื้นที่ให้เครือข่ายมาพบปะ ท�ำงาน ดังกรณีการแข่งขันเรือเกยหาดของศูนย์เรียนรู้วิถี
ธรรมชาติเพอื่ ชุมชน จ.สงขลา และสมัชชาเยาวชนชาติพันธุ์

52

Thai Health Promotion Journal

5 อ�ำเภอชายแดน จงั หวัดตาก ของเครอื ข่ายปกาเกอญอมดี ี สำ� คญั ของเดก็ และเยาวชน นำ� ไปสคู่ วามรว่ มมอื รว่ มใจทจ่ี ะทำ�
จังหวัดตาก ด้านกลไก ดังกรณีโมเดลคลองเตยรอรัฐของ ประโยชน์ ซ่ึงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลายระดับ
กลุ่มคลองเตยดจี งั กรงุ เทพมหานคร ชมรมผปู้ กครองระดบั ตง้ั แตค่ รอบครวั โรงเรยี นชมุ ชนทอ้ งถนิ่ และจงั หวดั ดว้ ยเหตนุ ี้
อนบุ าลโรงเรียนบ้านจีกแดกของกลุ่มดีอีหลีอีสานบ้านเฮา ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
จงั หวดั สรุ นิ ทร์ และวงจรพฒั นาเดก็ เยาวชนพนื้ ทชี่ ายแดนใต้ จงึ ควรสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การเผยแพรน่ วตั กรรมทางสงั คม
ทง้ั ในและนอกระบบโรงเรยี นของกลมุ่ ยงั ยมิ้ จงั หวดั นราธวิ าส ต่างๆ ที่เกิดขึ้นสู่สาธารณะโดยควรวางยุทธศาสตร์และ
ด้านพ้ืนที่ ดังกรณีการพัฒนาพื้นท่ีวัดใหญ่สุวรรณาราม ออกแบบกิจกรรมการสื่อสารสาธารณะผา่ นกจิ กรรมและสอื่
วรวหิ ารเปน็ พนื้ ทปี่ ฏบิ ตั กิ ารศลิ ปะและวฒั นธรรมสำ� หรบั เดก็ ตา่ งๆ ทง้ั ในรปู แบบพน้ื ทจี่ รงิ และพนื้ ทอ่ี อนไลน์ โดยสรา้ งการ
และเยาวชนของกลมุ่ ลูกหว้า จงั หวดั เพชรบุรี และ HUB 2U มสี ว่ นรว่ มของภาคเี ครอื ขา่ ยคนท�ำงาน เพ่ือร่วมกันผลักดัน
สถานีอุตรดิตถ์ติดย้ิมของเครอื ขา่ ยอตุ รดติ ถต์ ดิ ยม้ิ จังหวัด ให้ครอบครัว ชุมชน องค์กรและหนว่ ยงานของภาครฐั เอกชน
อตุ รดติ ถ์ ซง่ึ ทกุ กรณกี ถ็ อื เปน็ การสรา้ งองคค์ วามรทู้ ล่ี ว้ นเปน็ ทอ้ งถนิ่ และภาคประชาสงั คมทส่ี นใจไดเ้ รยี นรจู้ ากกรณศี กึ ษา
ความคดิ วธิ กี ารใหมๆ่ ทน่ี ำ� ไปใช้พัฒนาและแก้ไขปัญหาเด็ก ทส่ี รา้ งแรงบนั ดาลใจ เกดิ การแลกเปลย่ี นองคค์ วามรู้ พฒั นา
และเยาวชนที่นับวันจะยิ่งมคี วามซับซอ้ นและทา้ ทาย ใหม้ ี ตอ่ ยอดนวตั กรรมจนเกดิ การขบั เคลอ่ื นและแกไ้ ขปญั หาเดก็
สขุ ภาวะทด่ี ไี ดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรมชว่ ยจดุ ประกายใหเ้ กดิ แนวคดิ และเยาวชนอยา่ งยง่ั ยนื ตอ่ ไป
มุมมองใหม่ท่ีชักชวนให้ผู้เกี่ยวข้องร่วมตระหนักเห็นความ

เอกสารอ้างอิง

1. ณัฐพันธุ์ ศุภกา, นลินี เรืองฤทธิศักด์ิ, ณัฐกมล ลือสมบูรณ์, สินธุ์ ราชสีห์. ถอดรหัสนวัตกรรม สสส. เล่ม 2. กรุงเทพมหานคร:
ส�ำนกั งานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ; [ม.ป.ป.].

2. โครงการรณรงค์พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อสุขภาวะเด็กและเยาวชน “พ้ืนที่นี้..ดีจัง”. พื้นท่ีสร้างสรรค์ สร้างสุข ทุกวัย ทุกพ้ืนท่ี. งอกงาม
จุลสารแผนงานสอ่ื สรา้ งสุขภาวะเด็กและเยาวชน (สสย.) ฉบับ “พ้นื ทนี่ ้.ี .ดจี ัง”. [ม.ป.ป.];4-6.

53

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีท่ี 1 ฉบับที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

รายงานกรณศี ึกษา Case Report

สถานการณ์การสร้างเสริมสขุ ภาวะ
คนไรบ้ ้านในประเทศไทยปัจจุบนั

อนรรฆ พทิ ักษ์ธานิน1, อนสุ รณ์ อำ�พันธ์ศร2ี
1 สถาบนั เอเชียศกึ ษา จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย กรุงเทพมหานคร
2 สำ�นักงานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ กรุงเทพมหานคร

บทคัดย่อ

คนไร้บ้าน (homeless) คอื ประชากรที่มีความเปราะบางกลมุ่ หนงึ่ ของสังคม และประสบปญั หาทางสขุ ภาวะในหลาย
มิติ ท้ังในมิติทางที่อยู่อาศัย มิติทางสุขภาพ มิติทางเศรษฐกิจ และมิติทางด้านสวัสดิการ ในช่วงเวลาท่ีผ่านมา หน่วยงาน
ทง้ั ภาคประชาสงั คม ภาครฐั และภาควชิ าการ ไดม้ สี ว่ นรว่ มอยา่ งสำ� คญั ในการผลกั ดนั และหนนุ เสรมิ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะ
คนไรบ้ า้ นทค่ี รอบคลมุ ทกุ มติ ทิ สี่ ำ� คญั ทสี่ อดคลอ้ งกบั ความหลากหลายของการเขา้ สภู่ าวะไรบ้ า้ น ทงั้ ในกลมุ่ ประชากรทเ่ี ปราะบาง
ต่อการไร้บ้าน (pre-homeless) กลุ่มประชากรที่เข้าสู่ภาวะไร้บ้านทั้งที่เป็นคนไร้บ้านหน้าใหม่ (new homeless) และ
คนไร้บ้านถาวรหรือท่ีเข้าสู่ภาวะไร้บ้านมาเป็นเวลานาน (permanent homeless) และกลุ่มที่พ้นจากภาวะไร้บ้าน (post
homeless) บทความชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เห็นภาพรวมสถานการณ์การสร้างเสริมสุขภาพคนไร้บ้านในประเทศไทย
ปจั จบุ นั จากการมสี ว่ นรว่ มของภาคประชาสงั คม ภาครฐั ภาคเอกชน และสำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ
(สสส.) ท่ีได้พัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาวะจากการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายบนฐานองค์ความรู้ อย่างไรก็ดี
บทความชนิ้ นไี้ ดพ้ ยายามชใ้ี หเ้ หน็ วา่ การทำ� งานสง่ เสรมิ สขุ ภาวะคนไรบ้ า้ นและกลมุ่ เปราะบางตอ่ ภาวะไรบ้ า้ นแมจ้ ะประสบความสำ� เรจ็
ในระดับหน่ึงในปัจจุบัน ท่ีสามารถสร้างระบบและเครือข่ายในระดับพ้ืนที่เพ่ือการป้องกันและสนับสนุนสุขภาวะคนไร้บ้าน
ได้อย่างครอบคลุม รวมถึงการเสริมสร้างความเข็มแข็งของภาคีเครือข่ายและแกนน�ำคนไร้บ้านให้เป็นก�ำลังหลักใน
การขับเคลื่อนเชิงปฏิบัติการหรือเปล่ียนสถานะจาก “ผู้รับ” มาเป็น “ผู้ให้” และการขับเคลื่อนนโยบายอย่างมีส่วนร่วมกับ
ทุกภาคส่วน ท้ังในประเด็นด้านที่อยู่อาศัย สิทธิสวัสดิการ และคุณภาพชีวิต หากแต่ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจ
ในอนาคต ทนี่ ำ� มาสคู่ วามเสยี่ งและความเปราะบางตอ่ ภาวะคนไรบ้ า้ นในมติ ทิ แ่ี ตกตา่ งหลากหลายจะเปน็ ความทา้ ทายสำ� คญั
ต่อระบบและเครือข่ายของการสร้างสุขภาวะไร้บา้ นในปจั จบุ นั

คำ�สำ�คัญ: คนไรบ้ า้ น; สขุ ภาวะคนไรบ้ า้ น; ศนู ยพ์ กั คนไรบ้ า้ น

54

Thai Health Promotion Journal

Situation of Health Promotion for
the Homeless People in Thailand

Anuk Pitukthanin1, Anusorn Amphansri2
1 Institute of Asian Studies Chulalongkorn University, Bangkok
2 Thai Health Promotion Foundation, Bangkok, Thailand

Abstract

The homeless population are one of the vulnerable groups in a society, who face multiple
well-being challenges including housing insecurity, health-related problems, and financial insecurity
along with welfare issues. Civil-society agencies, state agencies, and academia have been collaborating
to improve every important aspects of the homeless population’s well-being related to factors contributing
to homelessness in those who are vulnerable to homelessness (pre-homeless), those who recently
entered homelessness (new homeless), those who have been continuously homeless (permanent
homeless), and those who have experienced homelessness (post homeless). This article aims to provide
an overview of the current situation on the health promotion for the homeless in Thailand with
collaboration from the civil society, public sector, private sector, and Thai Health Promotion Foundation
(ThaiHealth) that has established a model of health promotion based on the knowledge from the partnership
network. Work was performed in establishing a systemic network in local communities, aiming to
comprehensively prevent and improve the well-being of the homeless, building a strong partnership
network and the homeless leadership to become a leading actor in driving policy change — becoming
“givers” rather than “recipients,”— and advocating policies regarding housing, welfare, and quality
of life with the participation of every actor. Despite achieving a certain level of success, socioeconomic
changes in the future that cause risks and vulnerabilities to homelessness in different aspects may become
major challenges to the systems and networks of the current health promotion for the homeless.

Keywords: homeless; health promotion; shelter for homeless

บทน�ำ ทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ท�ำให้ผู้คนจ�ำนวนมาก
จากภาคสว่ นตา่ งๆ ไมส่ ามารถดำ� รงชวี ติ อยใู่ นถน่ิ ฐานบา้ นเกดิ
คนไร้บา้ น (homeless) คอื กลุม่ ประชากรที่อยอู่ าศยั ของตนเองด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว
ใช้ชีวิตในพื้นท่ีสาธารณะ และไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัย ปัญหาการไร้ที่พ่ึงพาและแรงยึดเหนี่ยวทางสังคม ฯลฯ
ในรูปแบบใดๆ อันเน่ืองจากความไม่เพียงพอและมั่นคงทาง จึงอพยพเข้าสู่เมืองมากข้ึน อย่างไรก็ตาม ในสังคมไทย
รายได้(1) ท้ังน้ี คนไร้บ้านและการเข้าสู่ภาวะไร้บ้านเป็น ยังมีความเข้าใจเก่ียวกับคนไร้บ้านไม่มากนัก แม้ว่าจะมี
ส่ิงท่ีสัมพันธ์กับการกลายเป็นเมือง (urbanization) งานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้างแล้วจ�ำนวนหน่ึง
และการขยายตัวของเมือง ตลอดจนความเปลี่ยนแปลง แต่พบว่ายังไม่มีข้อมูลเชิงปริมาณของจ�ำนวนประชากร

55

วารสารการสรา้ งเสริมสุขภาพไทย

คนไร้บ้านที่เป็นปัจจุบันและเช่ือถือได้ ขณะท่ีข้อมูล ต้องการสวัสดิการเร่งด่วน ดังต่อไปนี้ สวัสดิการด้านที่พัก
เชิงคุณภาพที่สะท้อนความเข้าใจสถานการณ์ปัญหา อาศัย ร้อยละ 22.7 สวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาล ร้อยละ 18.8
สภาพความเปน็ อยแู่ ละวถิ กี ารดำ� เนนิ ชวี ติ กย็ งั มอี ยนู่ อ้ ยมาก สวัสดกิ ารทางสังคม ร้อยละ 11.7(1)อย่างไรก็ตาม คนไรบ้ ้าน
กลายเป็นข้อจำ� กัดในการกำ� หนดแนวนโยบายและการแกไ้ ข ร้อยละ 28 เข้าไม่ถึงระบบสวัสดิการของภาครัฐ เน่ืองจาก
ปัญหาคนไร้บ้านอย่างเข้าใจและสอดคล้องกับสถานการณ์ ปัญหาการสูญหายของเอกสารทางทะเบียนหรือตกหล่น
ความเปน็ จรงิ (2) จากสิทธิสถานะทางทะเบียน ย่ิงไปกว่านั้น งานศึกษาของ
ธิตา อ่อนอินทร์และคณะ(5) ได้ช้ีให้เห็นว่า คนไร้บ้านที่มี
คนไร้บ้านเป็นกลุ่มประชากรท่ีมีความเปราะบางทาง สิทธิสถานะส่วนหนึ่งก็ยังประสบกับอุปสรรคในการเข้าถึง
สังคมและสุขภาพท่ีสูงเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป ความ สวัสดิการของรัฐ อันเนื่องมาจากทัศนคติทางลบและการ
เปราะบางดังกล่าวมีเหตุปัจจัยมาจากท้ังความเสี่ยงในการ ตตี ราของเจ้าหน้าทรี่ ัฐในหน่วยบริการบางแหง่
ใช้ชีวิตบนพ้ืนท่ีสาธารณะ การขาดความม่ันคงทางด้าน
ที่อยู่อาศัย การขาดความม่ันคงทางรายได้ และการขาด ความไม่เพียงพอของรายได้และความเปราะบาง
ความมั่นคงทางด้านจิตใจ งานศึกษาจ�ำนวนหน่ึงได้ช้ีให้ จากการท�ำงาน แม้ข้อมูลจากการส�ำรวจคนไร้บ้านใน
เห็นว่าสภาวะความไม่มั่นคง โดยเฉพาะทางด้านท่ีอยู่อาศัย กรุงเทพมหานคร จะชี้ให้เห็นว่า คนไร้บ้าน ร้อยละ 90
และการเข้าไม่ถึงระบบบริการสุขภาพที่ครอบคลุมอย่างมี มงี านทำ� (1) ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั การทำ� งานของภาคประชาสงั คม
ประสิทธิภาพ ส่งผลอย่างส�ำคัญต่อภาวะความเปราะบาง ทพ่ี บวา่ คนไรบ้ า้ นสว่ นใหญ่ ทงั้ ในศนู ยพ์ กั และพน้ื ทสี่ าธารณะ
ของคนไรบ้ า้ น งานศกึ ษาของ ชญานศิ วร์ โคโนะ ไดช้ ใ้ี หเ้ หน็ วา่ ตอ้ งการทำ� งานและมรี ายได้ หากแตค่ นไรบ้ า้ นกวา่ รอ้ ยละ 50
อายเุ ฉลย่ี อนั เปน็ ตวั ชว้ี ดั คณุ ภาพชวี ติ ทสี่ ำ� คญั ของคนไรบ้ า้ น รายงานว่ามีรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อการด�ำเนินชีวิต และ
อยู่ต่�ำกว่าอายุคาดเฉลี่ยของประชากรท่ัวไป กล่าวคือ คนไร้บ้านประมาณ ร้อยละ 40 รายงานว่า มีรายได้จาก
ในประเทศไทยคนไร้บ้านมีอายุเฉล่ียที่เสียชีวิตประมาณ การทำ� งานรบั จา้ งทวั่ ไป รองลงมา คือ หาของเก่าขาย และ
60 ปี ต�่ำกว่าอายุคาดเฉล่ียของประชากรไทยท่ีอยู่ที่ 75 ปี ค้าขายเล็กน้อย (ประมาณ ร้อยละ 20 เปรียบเทียบกับ
ถึงประมาณ 15 ปี และต่�ำกว่าอายุคาดเฉล่ียของภูมิภาค รอ้ ยละ 12) อนั เปน็ ภาวะการทำ� งานทไ่ี มม่ คี วามมน่ั คงทงั้ ทาง
อาเซียนที่อยู่ที่ 71 ปี(3) ทั้งนี้ คนไร้บ้านที่ใช้ชีวิตบนพื้นท่ี อาชีพและรายได้ ซึ่งรายได้และการทำ� งานทม่ี ีความต่อเนอื่ ง
สาธารณะจะมีอายุเฉล่ียที่เสียชีวิตต�่ำกว่าคนไร้บ้านใน หรือมีความม่ันคงเป็นปัจจัยส�ำคัญหน่ึงในการตั้งหลักชีวิต
ศูนย์พักพิงของรัฐและภาคประชาสังคม ในทางเดียวกัน และยกระดับคุณภาพชีวติ ของคนไรบ้ า้ น
งานศึกษาของ ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล ได้ช้ีให้เห็นว่า
คนไร้บ้านท่ีอยู่ในพื้นที่สาธารณะเป็นเวลานานจะมีสัดส่วน ภาวะสูงวัยของประชากรคนไร้บ้าน แม้คนไร้บ้านจะ
ของกลุ่มผู้มีปัญหาสุขภาพจิตระดับ Major Psychiatric มอี ายเุ ฉลีย่ ท่เี สยี ชวี ิตอยทู่ ่ปี ระมาณ 60 ปี หากแตป่ ระชากร
Problem มากกวา่ กลมุ่ ประชากรทอ่ี ยใู่ นพนื้ ทสี่ าธารณะเปน็ คนไรบ้ า้ นกม็ ภี าวะสงู วยั ในสดั สว่ นทส่ี งู ในปจั จบุ นั มคี นไรบ้ า้ น
เวลาน้อยกวา่ อย่างส�ำคัญ หรือกล่าวอีกนยั หนึ่ง คอื การอยู่ อายุ60ปขี น้ึ ไปสงู รอ้ ยละ18ซงึ่ ภาคกลางและภาคตะวนั ออก-
ในพน้ื ทสี่ าธารณะเปน็ เวลานานสง่ ผลตอ่ สขุ ภาวะทางจติ ของ เฉียงเหนือ มีสัดส่วนคนไร้บ้านสูงอายุค่อนข้างมาก คือ
คนไรบ้ า้ น(4) ร้อยละ 25.7 และร้อยละ 22.9 ตามล�ำดบั (6) ทงั้ น้ี ลกั ษณะ
ประชากรดงั กลา่ วแสดงใหเ้ หน็ ถงึ การมสี ดั สว่ นประชากรสงู อายุ
งานศึกษาทางวิชาการจ�ำนวนหนึ่งยังได้ช้ีให้เห็นอีก ท่ีมากกว่าสังคมไทยโดยรวมที่ก�ำลังเข้าสู่ภาวะดังกล่าวน้ี
เช่นกันว่า สถานการณ์ปัญหาทางสังคมและสุขภาพของ ในทางเดียวกัน งานศึกษาของ พีระ ตั้งธรรมรกั ษ์ และคณะ
คนไร้บ้านในปัจจุบันและแนวโน้มของปัญหาในอนาคต ช้ีให้เห็นว่าการเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย ยังเป็น
ที่จะเป็นประเด็นท้าทายของการพัฒนาสุขภาวะคนไร้บ้าน ปัจจัยท่ีส�ำคัญที่จะส่งผลต่อการเพ่ิมจ�ำนวนของคนไร้บ้าน
อนั สามารถจ�ำแนกได้ ดงั ตอ่ ไปนี้ หากขาดสวสั ดิการรองรับทีด่ พี อ(7)

การเขา้ ไมถ่ งึ ระบบสวสั ดกิ ารของภาครฐั ผลการสำ� รวจ จากทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ บทความชน้ิ นมี้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื
สถานการณ์ประชากรคนไร้บ้าน พบว่า คนไร้บ้านมีความ ใหเ้ หน็ ภาพรวมสถานการณก์ ารสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพคนไรบ้ า้ น

56

Thai Health Promotion Journal

ในประเทศไทยปจั จบุ นั จากการมสี ว่ นรว่ มของภาคประชาสงั คม 2,310 คน เพศหญิง 390 คน กลุ่มหลากหลายทางเพศ
ภาครฐั ภาคเอกชนและสำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ ง- 12 คน และไม่ทราบเพศ 9 คน โดยคนไร้บ้านกระจายตัวใน
เสริมสุขภาพ (สสส.) “ทุกจังหวัด” ของประเทศไทยไม่เฉพาะแค่ในเมืองใหญ่
เท่านั้น โดยกรุงเทพมหานครพบคนไร้บ้านมากทส่ี ุด จ�ำนวน
กรณศี กึ ษา: คนไร้บ้านพ้ืนท่ีประเทศไทย 1,029 คน รองลงมา คือ นครราชสีมา จ�ำนวน 133 คน
เชียงใหม่ จ�ำนวน 112 คน สงขลา จ�ำนวน 100 คน ชลบุรี
1. พลิกโฉมด้านองค์ความรู้: เปิดพื้นที่สร้างความ จำ� นวน 87 คน ขอนแก่น จำ� นวน 76 คน การพบคนไร้บ้าน
เขา้ ใจคนไร้บา้ น ในพื้นท่ีอื่นๆ นอกเหนือจากเมืองใหญ่ สะท้อนถึงความ
เปราะบางทางเศรษฐกจิ และสงั คมทข่ี ยายตวั ออกจากเมอื งใหญ่
จากการสำ� รวจขอ้ มลู องคค์ วามรทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั คนไรบ้ า้ น สู่ภูมิภาค อื่นๆ ของประเทศไทย(6) ทั้งน้ีความเปราะบาง
ในประเทศไทย ณ ปี พ.ศ. 2556(2) พบวา่ องคค์ วามรงู้ านวจิ ยั ของคนไร้บ้านท่ีพบ ได้แก่ การไม่มีสถานะทางทะเบียน
ท่เี กยี่ วข้องมีจำ� นวนจำ� กดั แมก้ ระท้ังข้อมลู จำ� นวนประชากร ท�ำให้เข้าไม่ถึงสิทธิสุขภาพและสวัสดิการต่างๆ การไม่มี
ของคนไรบ้ า้ นทง้ั เชงิ ปรมิ าณ และภาพรวมทางประชากรของ ศักยภาพในการเข้าไม่ถึงที่อยู่อาศัยทุกประเภท และการ
กลมุ่ คนไรบ้ า้ น แมห้ นว่ ยงานตา่ งๆ จะมกี ารเกบ็ ขอ้ มลู บา้ งแลว้ มีอาชีพท่ีสามารถสร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการด�ำรงชีพ
แต่ยังไม่มีการจัดเก็บโดยวิธีวิทยาที่เป็นระบบซ่ึงจะท�ำให้ เปน็ ตน้ นอกจากนขี้ อ้ มลู จากการสำ� รวจยงั พบวา่ คนไรบ้ า้ น
ทราบข้อมูลท่ีใกล้เคียงกับความเป็นจริงและเป็นภาพรวม เพศหญงิ มักเลือกอยู่กับครอบครัว คู่ชีวิต หรือคนไร้บ้าน
ของทั้งประเทศ รวมถึงภาพรวมทางด้านลักษณะคนไร้บ้าน คนอื่นๆ ในขณะที่คนไร้บ้านเพศชายมักเลือกอยู่ตามล�ำพัง
และปัจจัยการเข้าสู่ภาวะไร้บ้าน ท่ีจะเป็นพ้ืนฐานส�ำคัญใน โดยเฉพาะคนไร้บ้านสูงอายุที่พบว่ามีสัดส่วนการอยู่
การผลักดันเชิงนโยบาย หรือยุทธศาสตร์ได้อย่างเหมาะสม ตวั คนเดยี วสูงกวา่ ชว่ งวัยอืน่
รวมทงั้ การขาดแคลนความองคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั คนไรบ้ า้ นทมี่ ี
ความทันสมยั และพลวตั กย็ งั เป็นอีกปัญหาหนง่ึ ทพ่ี บในการ นอกจากข้อมูลทางประชากรในเชิงจ�ำนวนแล้ว การ
ทำ� งานเกย่ี วกบั กบั คนไรบ้ า้ น การทำ� งานของหนว่ ยงานตา่ งๆ ท�ำงานของภาคประชาสังคม โดยเฉพาะมูลนิธิพัฒนาที่อยู่
ยงั ขาดขอ้ มลู ในภาพรวมทเ่ี ปน็ ระบบ ทงั้ ขอ้ มลู ในเชงิ คณุ ภาพ อาศัย และงานศึกษาทางวิชาการ(8) ได้สะท้อนให้เห็นว่า
และปริมาณ ซึ่งต่างเป็นองค์ความรู้ส�ำคัญที่จะใช้ประเมิน ลักษณะทางประชากรของคนไร้บ้านสามารถจ�ำแนกออก
สถานการณแ์ ละแนวโนม้ ในอนาคตเพอื่ กำ� หนดแนวทางการ เปน็ 4 ระยะของความเสยี่ งและการเขา้ สภู่ าวะไรบ้ า้ นทมี่ คี วาม
แก้ไขปัญหาทมี่ ีประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ สัมพันธ์กับทัศนคติและแบบแผนการใช้ชีวิต ดังภาพท่ี 1
อันได้แก่ (1) กลุ่มคนไร้บ้านที่อยู่ในภาวะเสี่ยง/เปราะบางที่
จนกระท่ังในปี พ.ศ. 2559 ส�ำนักสนับสนุนสุขภาวะ- เร่ิมออกจากชุมชน (pre-homeless) (2) กลุ่มคนไร้บ้าน
ประชากรกลุ่มเฉพาะ ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการ- หนา้ ใหม่ (new homeless) หรอื กลมุ่ คนทอี่ ยใู่ นภาวะกำ้� กง่ึ
สรา้ งเสรมิ สุขภาพ ร่วมกับสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์- ต่อการไร้บ้าน (proto-homelessness) ทั้งสองกลุ่มน้ี
มหาวทิ ยาลยั ไดพ้ ฒั นาวธิ วี ทิ ยาการศกึ ษา คนไรบ้ า้ น เรยี กวา่ ความหวงั ในการแสวงหาความมน่ั คงทางชวี ติ และการกลบั มา
“ระเบยี บวธิ กี ารแจงนบั คนไรบ้ า้ น และการดำ� เนนิ การแจงนบั มีคุณภาพชีวิตท่ีดียังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่มี
(homeless point-in-time count)” และ “ระเบยี บวธิ กี าร ความพยายามในการหางานและรายได้ อันแตกต่างจาก
สำ� รวจคนไรบ้ า้ น(homelesssurvey)”(1)และไดท้ ำ� การแจงนบั (3) กล่มุ คนไรบ้ ้านถาวร (permanent homeless) ท่จี ะมี
และส�ำรวจคนไร้บ้านมาอย่างต่อเนื่องในหลายพ้ืนท่ีของ แนวโนม้ ทจี่ ะคนุ้ ชนิ กบั วถิ ชี วี ติ และภาวะไรบ้ า้ น และประสบกบั
ประเทศตง้ั แต่ พ.ศ. 2559 อาทิ กรุงเทพมหานคร ขอนแกน่ ความเส่ียงทางสุขภาพกายและจิตจากการใช้ชีวิตในพ้ืนท่ี
เชียงใหม่ และนครราชสีมา และในปี พ.ศ. 2562 ได้มี สาธารณะ รวมถึงความหวังในการยกระดับชีวิตที่เร่ิมหมด
การส�ำรวจแจงนับคนไร้บ้านท้ังประเทศร่วมกับกระทรวง ภายใต้โครงสร้างทางสังคมที่เปิดโอกาสไม่มากนักให้กับ
การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิพัฒนา ประชากรกลุ่มนี้ (4) กลุ่มท่ีพ้นจากภาวะไร้บ้าน (post
ท่ีอยู่อาศัย และภาคีเครือข่าย ซ่ึงพบจ�ำนวนประชากร
คนไรบ้ า้ นทวั่ ประเทศรวมทงั้ สนิ้ 2,721 คน แบง่ เปน็ เพศชาย

57

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย

ภาพที่ 1 วงจรชีวิตคนไร้บ้านในประเทศไทย (The Stages of Homelessness)

homeless) ทงั้ จากการเปน็ คนไรบ้ า้ นหนา้ ใหมแ่ ละคนไรบ้ า้ น คนไรบ้ า้ นอกี มากทยี่ งั มคี วามหวงั ในชวี ติ มงี านทำ� แตร่ ายได้
ถาวร ท่ีแม้จะมีความม่ันคงในชีวิตมากข้ึน หากแต่ยังต้อง ท่ีได้รับไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจ�ำวัน(12) ดังนั้น
ประสบกับภาวะความเปราะบางในบางช่วงเวลา การเข้าถึงการมี “บ้าน” หรือที่พักอาศัยจึงเป็นไปได้ยาก
ส�ำหรับพวกเขา “ไร้บ้าน” จึงเป็นอีกหน่ึงเคร่ืองมือใน
2. เปล่ียนความหมายของคนไร้บ้าน: คนจนจดั ไม่ใช่ การเสริมพลังอ�ำนาจภายใน (empowerment) ให้แก่
คนจรจดั คนไรบ้ า้ นโดยใหค้ นไรบ้ า้ นมคี วามหวงั ทจี่ ะ“ไมไ่ รบ้ า้ น”อกี ตอ่ ไป
นอกจากนกี้ ระบวนการสอ่ื สารสงั คม ยงั ถกู นำ� มาใชเ้ พอ่ื ปรบั
ในอดตี ภาพของคนไรบ้ า้ นนนั้ เดมิ ถกู เรยี กวา่ “คนจรจดั ” ทัศนคติของสังคมในการมองคนไร้บ้านใหม่จากคนเร่ร่อน
มาต้ังแต่ในสมัยรัชกาลท่ี 5 ซ่ึงหมายรวมถึงคนที่ไม่ได้ จรจัดเป็น “คนไร้บ้าน” ที่เป็น “คนจนจัด” ตัวอย่างการ
ประกอบการท�ำมาหาเล้ียงชีพ และไม่มีหลักแหล่ง เที่ยว ส่ือสารสังคมท่ีเกิดข้ึน เช่น เว็บไซต์ และเฟซบุ๊กแฟนเพจ
อาศยั นอนตามศาลาวดั บา้ งตามโรงบอ่ นบา้ งคนจรจดั สว่ นมาก Penguin Homeless หรือการสือ่ สารผ่านกจิ กรรมภายใต้
มกั ถกู ระบวุ า่ เปน็ คนทป่ี ระพฤตชิ วั่ ฉกชงิ วง่ิ ราว ลกั ทรพั ยข์ อง แนวคิด Human of Street ซึ่งร่วมกับสถานีโทรทัศน์
สาธารณชน ตอ้ งรบั พระราชอาญาคนละหลายครงั้ (9)และใน ไทยพีบีเอส เปน็ ต้น
พระราชบญั ญัตกิ ารควบคมุ ขอทาน พ.ศ. 2484(10) กลา่ วถึง
“ขอทาน” หรอื บางครงั้ เรยี กวา่ “คนเรร่ อ่ น” ซงึ่ เปน็ ลกั ษณะ ในปจั จบุ นั จะพบวา่ หนว่ ยงานภาครฐั องคก์ รภาคประชา-
ของบุคคลที่ไม่มีอาชีพและที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีเพียงการ สงั คม สอื่ มวลชน สถาบนั การศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไปหนั มา
ขอเศษเงนิ เพอื่ ดำ� รงชพี กอ่ ความเดอื ดรอ้ นใหก้ บั ตนเองและ ใชค้ ำ� วา่ คนไรบ้ า้ น แทนคนเรร่ อ่ นจรจดั มากขน้ึ รวมทงั้ ประเดน็
ผู้อื่น จะเห็นได้ว่าภาพของคนไร้บ้านนั้นถูกท�ำให้เป็นปัญหา คนไรบ้ า้ นกไ็ ดร้ บั ความสนใจมากขนึ้ ดว้ ยเชน่ กนั
ของสงั คมทต่ี อ้ งแกไ้ ขและกำ� จดั ยงั คงดำ� เนนิ เรอ่ื ยมาหลงั จากนน้ั
บุญเลิศ วิเศษปรีชา ได้น�ำค�ำว่า “คนไร้บ้าน” มาใช้ในการ 3. บอลลนู โมเดลเพอ่ื การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะคนไรบ้ า้ น
ศึกษาวิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต(11) ต่อมาภาค ข้อมูลจากการส�ำรวจคนไร้บ้านที่บ่งชี้ว่าคนไร้บ้าน
ประชาสังคมหลายองค์กร เช่น มูลนิธิพัฒนาท่ีอยู่อาศัย สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 3 กลมุ่ ใหญ่ ประกอบดว้ ย
จงึ หันมาใช้ “คนไร้บา้ น” แทน “คนเรร่ ่อน คนจรจัด” ซงึ่ เป็น 1.กลุ่มคนไร้บ้านที่อยู่ในภาวะเสี่ยง/เปราะบางที่
ค�ำทีก่ ดทับและตีตราคนไร้บ้าน เรม่ิ ออกจากชมุ ชน(pre-homeless)เปน็ กลมุ่ ทมี่ คี วามเสยี่ ง
ตอ่ การกลายเปน็ คนไรบ้ า้ น อาทิ กลมุ่ แรงงานทเ่ี ขา้ มาทำ� งาน
การใชค้ ำ� วา่ “คนไรบ้ า้ น” ในการขบั เคลอื่ นงานของ สสส. ในเมือง แรงงานนอกระบบ ลกู จา้ งรายวัน กล่มุ คนจนเมอื ง/
และภาคประชาสังคม มีนัยยะที่ส�ำคัญเพื่อการปรับเปล่ียน ชุมชนแออัด กลุ่มนี้มีเป้าหมายเพ่ือสร้างความเข้มแข็งของ
ทศั นคตขิ องสงั คมท่ีมองคนไรบ้ ้านในแงล่ บ เปน็ พวกขี้เกียจ ชุมชน ใช้กลไกทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนในการ
ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่รู้จักท�ำมาหากิน สกปรก หรือเป็น ช่วยเหลือคนท่ีประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ปัญหา
เชื้อโรค แต่เป็นเพียงการเหมารวมและตีตรา เพราะยังมี

58

Thai Health Promotion Journal

ครอบครวั ฯลฯ เพ่ือป้องกันไมใ่ ห้เกดิ คนไร้บ้านหน้าใหม่ การเข้าสู่ภาวะไร้บ้าน การพัฒนาและฟื้นฟูศักยภาพเพื่อลด
2. กลุ่มคนไร้บ้าน (homeless) คือ กลุ่มท่ีหลุดออก จ�ำนวนคนไรบ้ า้ นและสง่ กลับคืนสู่สังคม และการหนุนเสริม
เพอ่ื ไม่ใหเ้ กดิ การเข้าสู่ภาวะไรบ้ ้านซ�ำ้
จากมาเป็นคนไร้บ้านแล้วซ่ึงอาจแบ่งย่อยได้อีก กลุ่มน้ีมี
เป้าหมายเพ่ือให้สามารถตั้งหลักชีวิตได้ กลับคืนสู่สังคมได้ แนวคดิ ของบอลลนู โมเดลคอื หากบอลลนู เปรยี บเสมอื น
หมายความว่า สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีรายได้ มีที่พัก ทรัพยากร และสวัสดิการต่างๆ ของประเทศท่ีถูกจัดไว้
อาศัย เข้าถึงสิทธิและบริการขั้นพ้ืนฐานทางสุขภาพและ ส�ำหรับรองรับการช่วยเหลือคนไร้บ้าน หากคนไร้บ้านเพิ่ม
สวัสดิการสังคมได้ โดยกลุ่มคนไร้บ้านยังสามารถแบ่งออก จ�ำนวนมากข้ึน บอลลูนก็จะไม่สามารถรองรับได้จนระเบิด
ไดเ้ ป็น 2 กลมุ่ ยอ่ ย คือ กลมุ่ คนไร้บ้านหน้าใหม่ หรือกลุ่มคน ดังน้ันจึงต้องท�ำอย่างไรเพ่ือให้คนไร้บ้านออกจากบอลลูน
ท่ีอยู่ในภาวะก�้ำกึ่งต่อการไร้บ้าน ซ่ึงเป็นกลุ่มที่เข้าสู่ภาวะ พ้นจากภาวะไร้บ้าน หรือกลับคืนสู่สังคมให้ได้ และต้อง
ไรบ้ ้านไม่นาน ส่วนมากไมเ่ กิน 1 ปี และกล่มุ คนไรบ้ า้ นถาวร ป้องกันไม่ให้เกิดคนไร้บ้านรายใหม่ หรือป้องกันกลุ่มเสี่ยง
เปน็ กลมุ่ ทเี่ ขา้ สภู่ าวะไรบ้ า้ นมากกวา่ 1 ปี และมกั มคี วามคนุ้ ชนิ กลุ่มเปราะบางเพอ่ื ไม่ให้เขา้ มาสกู่ ารเปน็ คนไรบ้ ้านน่นั เอง
หรอื ปรับตัวกบั ภาวะไร้บ้านแล้ว
ท้ังน้ีการขับเคล่ือนการด�ำเนินงานด้วย Balloon
3. กล่มุ ทีพ่ ้นจากภาวะไรบ้ า้ น (post-homeless) คือ Model เน้นการขับเคลื่อนด้วยฐานคิดสามเหล่ียมเขย้ือน
กลมุ่ คนไรบ้ า้ นทส่ี ามารถตงั้ หลกั ชวี ติ ได้ และสามารถกลบั คนื ภูเขา คือ การสร้างความรู้ เพ่ือน�ำไปขับเคลื่อนทางสังคม
สู่สังคมแล้ว เป้าหมายของกลุ่มนี้ คือ ท�ำอย่างไรให้ และเชอื่ มโยงความรู้ และการขบั เคล่ือนทางสังคมเพ่อื สร้าง
คนไร้บ้านท่ีสามารถต้ังหลักชีวิตได้แล้ว ไม่ต้องกลับมาเป็น การเปล่ียนแปลงเชิงระบบ/โครงสร้างทางสังคมผ่านการ
คนไรบ้ ้านอีกครั้ง ขับเคล่ือน/ผลักดันนโยบาย รวมท้ังการเชื่อมประสาน
กับหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรพัฒนาเอกชนที่ท�ำงาน
จากข้อมูลการส�ำรวจคนไร้บ้านดังกล่าว เป็นพ้ืนฐาน เกยี่ วขอ้ งกบั คนไรบ้ า้ น เพอ่ื ใหเ้ กดิ การประสาน และบรู ณาการ
ที่ส�ำคัญของส�ำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ การท�ำงาน โดยอาจสรุปได้ ดงั นี้
สสส. ในการพฒั นาโมเดลการขบั เคลือ่ นเพือ่ การสรา้ งเสริม
สุขภาวะคนไร้บ้านจากการถอดบทเรียนการท�ำงานใน 1. การพัฒนาองค์ความรู้ท่ีจ�ำเป็นต่อการขับเคลื่อน
ระยะที่ผ่านมาร่วมกับภาคีเครือข่าย หรือท่ีรู้จักกันในช่ือ การสร้างเสริมสุขภาวะคนไร้บ้าน ได้แก่ การพัฒนา
“Balloon Model: โมเดลการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะคนไรบ้ า้ น”(13) วิธีวิทยาและการส�ำรวจสถานการณ์คนไร้บ้าน
ดังภาพที่ 2 มีสาระส�ำคัญที่เป็นการท�ำงานสนับสนุน เพ่ือการท�ำความเข้าใจและออกแบบกระบวนการ
สุขภาวะคนไร้บ้านที่ครอบคลุมคนไร้บ้านในแต่ละช่วง ในการขบั เคลือ่ นงาน
ของภาวะไร้บ้าน ต้ังแต่งานเชิงระบบท่ีเน้นการป้องกัน

ภาพที่ 2 Balloon Model: โมเดลการสร้างเสริมสุขภาวะคนไร้บ้าน

59

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย

2. การเสริมพลัง และการพัฒนาศักยภาพเครือข่าย นอกจากน้ียังมีนวัตกรรมส�ำคัญในการขับเคลื่อนการ
คนไร้บ้าน โดยเน้นการด�ำเนินงานผ่านกระบวนการ สรา้ งเสริมสุขภาวะคนไรบ้ ้าน(14) นน่ั คือ “นวตั กรรมศูนย์พัก
ต่างๆ เช่น การฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้าน คนไร้บ้าน” ซ่ึงไม่ได้เป็นแค่เพียงการจัดบริการแบบใหม่ท่ีมี
การสรา้ งเครอื ขา่ ย การสรา้ งอาชพี เปน็ ตน้ นอกจากนี้ ความจำ� เปน็ ในสงั คมไทยแตน่ วตั กรรมนนี้ บั วา่ เปน็ แนวทางหนง่ึ
ยงั จดั ใหม้ กี ระบวนการเตรยี มความพรอ้ มใหค้ นไรบ้ า้ น ในการแก้ปัญหาสังคม โดยการเปิดโอกาสให้กลุ่มคนไร้บ้าน
มีส่วนร่วมกับสังคม มีความพร้อมในการกลับคืน มีบทบาทก�ำหนดแนวทาง และด�ำเนินการในเร่ืองต่างๆ
สูส่ ังคมได้ และมที ่อี ยูอ่ าศยั เป็นของตนเองได้ ด้วยตนเอง ซ่ึงในที่น้ี คือ การจัดศูนย์พักส�ำหรับคนไร้บ้าน
การบริหารจัดการศูนย์พัก และการจัดกระบวนการ
3. การสร้างเครือข่ายการขับเคลื่อนงานที่หลากหลาย และกิจกรรมต่างๆ แนวทางน้ีเป็นการพัฒนาท่ียึดเอา
ทั้งองค์กรภาครัฐ ท้ังส่วนกลาง และท้องถ่ิน เช่น คนเปน็ ศนู ยก์ ลาง (People-Oriented Approach) ภายใต้
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สถาบันพัฒนา สมมติฐานว่าผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ซึ่งในที่นี้ หมายถึง
องค์กรชุมชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรเอกชน กลุ่มคนไร้บ้านควรเป็นผู้มีบทบาทหลักในการพัฒนา
และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เปน็ ตน้ โดยเปน็ การ เปน็ ผคู้ ดิ คน้ หรอื กำ� หนดแนวทางการพฒั นาดว้ ยตนเอง และ
สร้างความร่วมมือในการบูรณาการท�ำงานรวมทั้ง หากพวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีสังคมก็จะมีคุณภาพดี
การสร้างกลไกระดับพ้ืนที่ในการสร้างเสริมสุขภาวะ ตามไปดว้ ยนวตั กรรมนน้ี อกจากจะเปน็ การจดั บรกิ ารทตี่ อบสนอง
คนไร้บา้ น ต่อความต้องการผู้รับบริการแล้ว ยังนับเป็นการจัดบริการ
สังคมท่ีมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการใช้งบประมาณและ
4. การขบั เคลอื่ นนโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิ โดยเฉพาะนโยบาย ทรพั ยากรตา่ งๆ เชน่ อาคารทพ่ี กั บคุ ลากรฯลฯ ไดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่
ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี “โครงการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ โดยสามารถวัดประสิทธิภาพของการจัดการได้ทั้งในด้าน
กลุม่ คนไรบ้ ้าน 2 ปี (พ.ศ. 2559-2560)” เมื่อวันท่ี ปรมิ าณและคุณภาพ
8 มีนาคม 2559 ซ่ึงมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตคนไร้บ้านในหลายมิติโดยในระยะแรกน้ีเน้น 4. สทิ ธแิ ละสถานะ: เพอ่ื การเขา้ ถงึ สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐานใน
การเข้าถึงท่ีอยู่อาศัย โดยในปี 2560 ได้ร่วมกับ การมสี ุขภาวะทดี่ ี
หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ได้แก่ สถาบันพัฒนาองค์กร
ชุมชน มูลนิธิพัฒนาท่ีอยู่อาศัย สมาคมคนไร้บ้าน สิทธแิ ละสถานะทางทะเบยี นเป็นปัจจัยพื้นฐานส�ำคญั
และเครือข่ายภาคประชาชนได้ขับเคล่ือนนโยบาย ต่อการเข้าถึงสวัสดิการด้านต่างๆ และปัจจัยส�ำคัญต่อการ
ดังกล่าวสู่การปฏิบัติโดยการจัดหาท่ีดิน และพัฒนา ตง้ั หลกั ชวี ติ ของคนไรบ้ า้ น อยา่ งไรกต็ าม คนไรบ้ า้ น รอ้ ยละ 28
ท่อี ยู่อาศัยส�ำหรับคนไรบ้ ้านใน 3 พ้ืนที่ คือ เชียงใหม่ ในพนื้ ทสี่ าธารณะและศนู ยพ์ กั คนไรบ้ า้ น และประมาณ รอ้ ยละ
ขอนแกน่ และกรงุ เทพมหานคร นอกจากนยี้ งั ผลกั ดนั 25 ในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พ่ึงของกระทรวงการพัฒนา
ให้เกิด “คณะกรรมการพัฒนากลุ่มคนไร้บ้านแบบ สังคมและความมั่นคงของมนุษย์(1) มีปัญหาทางด้านสิทธิ
บรู ณาการและมสี ว่ นรว่ มจากภาคที กุ ภาคสว่ น” ภายใต้ สถานะทางทะเบยี นสง่ ผลใหเ้ ขา้ ไมถ่ งึ ระบบสวสั ดกิ ารของรฐั
กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย์ นอกจากน้ี คนไร้บ้านทั้งหมดจากการส�ำรวจฯ รายงานและ
อีกด้วย ประเมินวา่ เปน็ คนไทยทง้ั หมดประมาณ รอ้ ยละ 99 รายงาน
ว่ามีเอกสารรับรองความเป็นคนไทยและส่วนหน่ึงรายงาน
5. การสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อคนไร้บ้านผ่านการ ว่าเป็นคนไทย(1) แต่มีเอกสารอ่ืนๆ เช่น บัตรประจ�ำตัวผู้ไร้-
สื่อสารสังคมด้วยรูปแบบการสื่อสารท่ีหลากหลาย รากเหง้า สาเหตุที่ท�ำให้ปัญหาของการได้รับสิทธิสถานะ
โดยรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ ไทยพบี เี อส ทางทะเบียนของคนไร้บ้าน อาจจ�ำแนกได้ใน 2 ลักษณะ
มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย มูลนิธิกระจกเงา เป็นต้น คอื (1)ปญั หาในการพสิ จู นย์ นื ยนั สทิ ธสิ ถานะอนั เนอ่ื งมาจาก
โดยการกระบวนการส่อื สารภายใต้แนวคดิ Human บตั รประจำ� ตวั ประชาชนสญู หายมาเปน็ เวลานานและประสบ
of Street ซงึ่ เปน็ แคมเปญการส่ือสารระยะยาว กับปัญหาการรับรองตัวตน การถูกจ�ำหน่ายช่ือออกจาก

60

Thai Health Promotion Journal

ทะเบียนบ้านและทะเบียนบ้านกลาง การขาดผู้รับรองและ 2) การขับเคลื่อนนโยบายคนไทยไร้สิทธิ โดยร่วมกับ
ยนื ยนั ตวั ตน รวมถงึ ความเจบ็ ปว่ ยทางจติ เวชทส่ี ง่ ผลตอ่ การ สำ� นกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ “คณะทำ� งานพฒั นา
สืบประวัติ และ (2) ปัญหาตกหล่นจากการมีสิทธิสถานะ การเข้าถึงบริการระบบหลักประกันสุขภาพของกลุ่มคนไทย
อนั เนอื่ งมาจากไมม่ เี อกสารการเกดิ หรอื สตู บิ ตั รการถกู ทอดทง้ิ ทมี่ ปี ญั หาสถานะทางทะเบยี น”(15) ภายใตอ้ นกุ รรมการสง่ เสรมิ
แต่ก�ำเนิด และตกหล่นจากการมีเลขทะเบียนราษฎร การมีส่วนร่วม ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
แตก่ ำ� เนดิ รวมท้ัง “คณะท�ำงานบูรณาการพัฒนาการเข้าถึงบริการ
ระบบหลักประกันสุขภาพของคนไทยท่ีมีปัญหาสถานะทาง
นอกจากน้ีปัญหาด้านสิทธิสถานะทางทะเบียนมิได้ ทะเบียน” ประกอบไปด้วย ตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย
ส่งผลต่อสถานการณ์ความเปราะบางของคนไร้บ้านเท่านั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์
การไมม่ สี ทิ ธสิ ถานะทางทะเบยี นและเขา้ ไมถ่ งึ สวสั ดกิ ารของรฐั กระทรวงสาธารณสุข สปสช. และภาคประชาสังคม โดยมี
ยังเป็นอีกปัจจัยส�ำคัญหน่ึงของการเข้าสู่ภาวะไร้บ้านของ รองปลดั ประทรวงมหาดไทยในฐานะผแู้ ทนกระทรวงมหาดไทย
กลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยงต่อภาวะไร้บ้าน โดยเฉพาะใน ในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นประธาน
ชุมชนเมืองที่ครัวเรือนมีสถานะยากจนและขาดหลักประกัน เพ่ือเป็นกลไกในการสร้างความครอบคลุมในการเข้าถึง
ทางสงั คม หลักประกันสุขภาพของคนไร้บ้านและคนไทยตกหล่น
ในเขตเมอื ง รวมถงึ เปน็ กลไกในการประสานสรา้ งความรว่ มมอื
สถานะทางทะเบียนเป็นปัจจัยทางสังคมท่ีมีความ กับหน่วยงานที่เก่ียวข้องในการแก้ไขปัญหากลุ่มคนไทย
สำ� คญั อยา่ งมากในการเขา้ ถงึ สทิ ธสิ ขุ ภาพของประชากรไทย ตกหล่นในเขตเมือง และน�ำไปสู่การลงนามบันทึกความ
เนื่องจากระบบสุขภาพของไทยยังยึดโยงกับความเป็น ร่วมมือ “การด�ำเนินงานพัฒนาการเข้าถึงสิทธิหลักประกัน
พลเมืองหรือการมีบัตรประจ�ำตัวประชาชน ภาคีเครือข่าย สขุ ภาพของคนไทย ทม่ี ปี ญั หาสถานะทางทะเบยี น” ระหวา่ ง
ท้ังภาคประชาสังคม และภาควิชาการ รวมถึง สสส. จึงได้ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และภาคประชาสังคม
มีการผลักดันให้เกิดกลไก(15) ในการเข้าถึงสิทธิและสถานะ เพ่ือบูรณาการความร่วมมือดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง
ทางทะเบยี นของคนไรบ้ า้ นเพอื่ การลดขอ้ จำ� กดั หรอื อปุ สรรค ที่ยังเขา้ ไมถ่ ึงบริการในระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพ
ในการเข้าถึงสิทธสิ ุขภาพในสองระดบั คือ
5. พลิกโฉมด้านนโยบาย: การสร้างพื้นท่ีในระดับ
1) แกนน�ำคนไร้บ้านเพื่อการพัฒนาสิทธิสถานะ ท่ีมี นโยบายส�ำหรบั คนไร้บ้าน
องค์ความรู้และสามารถช่วยเหลือพ่ีน้องคนไร้บ้านท้ังใน
ศนู ยพ์ กั คนไรบ้ า้ นและในพนื้ ทสี่ าธารณะโดยใหค้ วามชว่ ยเหลอื การขับเคล่ือนของภาคประชาสังคมและภาครัฐได้น�ำ
พี่น้องคนไร้บ้านใน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มท่ี 1 กลุ่มคน ไปสู่การวางนโยบายและยุทธศาสตร์ดา้ นต่างๆ ท้งั ดา้ นทีอ่ ยู่
ท่ีมีบัตรประชาชนแต่ไม่สามารถหรือไม่สะดวกที่จะเข้ารับ อาศัย หลักประกันทางสุขภาพ และหลักประกันทางสังคม
บริการในหน่วยบริการท่ีได้รับการข้ึนสิทธิไว้ กลุ่มท่ี 2 กลุ่ม ของหน่วยงานภาครัฐที่มีครอบคลุมกับการพัฒนาคุณภาพ
ที่มีบัตรประชาชนแล้วเกิดการสูญหาย แต่ยังสามารถที่จะ ชีวติ คนไรบ้ า้ น น่ันคือ ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-
ตดิ ตามหรอื หาเอกสารได้ กลมุ่ ที่ 3 กลมุ่ ทเี่ กดิ มาไมเ่ คยมกี าร 2580) มีสาระส�ำคัญส่วนหนึ่งที่เช่ือมโยงและครอบคลุม
ท�ำบัตรประชาชน จ�ำเป็นต้องลงเก็บข้อมูลบุคคลรวบรวม กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไร้บ้าน โดยเฉพาะในประเด็น
เอกสารท่ีมีทั้งหมดไปติดต่อเขตพ้ืนที่ต่างๆ เพื่อให้ด�ำเนิน การสร้างหลักประกันทางสังคมและสุขภาพ กล่าวคือ
การเช็กข้อมูลสถานะบุคคล สืบประวัติหาครอบครัว เพ่ือท่ี ในยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ
จะเข้าสู่กระบวนการพสิ ูจน์สถานะบคุ คล และกลุ่มที่ 4 กลุ่ม ทรัพยากรมนุษย์ในประเด็นท่ีว่าด้วย “การเสริมสร้างให้
คนทไี่ มส่ ามารถหาขอ้ พสิ จู นใ์ ดๆ วา่ เปน็ คนไทยได้ เชน่ ถกู ทง้ิ คนไทยมีสุขภาวะท่ีดี ครอบคลุมท้ังด้านกาย ใจ สติปัญญา
แตก่ ำ� เนดิ ญาตพิ นี่ อ้ งไมม่ ใี หต้ รวจพสิ จู นด์ เี อน็ เอ ไมม่ หี นว่ ยงาน และสังคม” ได้มีการกล่าวถึง “(4) การพัฒนาระบบบริการ
ใดกล้ารับรองสถานะบุคคล คนกลุ่มนี้จะต้องได้รับการขึ้น สุขภาพท่ีทันสมัยสนับสนุนการสร้างสุขภาวะที่ดี ในทาง
ทะเบยี นผไู้ รร้ ากเหง้า เดียวกับในยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความ

61

วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย

เสมอภาคทางสังคม” ในประเด็นท่ีว่าด้วย “การลดความ บทวจิ ารณ์: การทำ�งานในอนาคต
เหล่ือมล�้ำสร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ” ได้มีการกล่าวถึง ความทา้ ทายของการสร้างเสริมสุขภาวะ
(5) สร้างหลักประกันทางสังคมท่ีครอบคลุมและเหมาะสม
กับคนทุกช่วงวัย ทุกเพศภาวะและทุกกลุ่ม (6) ลงทุนทาง คนไร้บ้านในระยะต่อไป
สังคมแบบมุ่งเป้าเพ่ือช่วยเหลือกลุ่มคนยากจนและกลุ่ม
ผดู้ ้อยโอกาสโดยตรง (7) สร้างความเป็นธรรมในการเขา้ ถงึ จากที่กล่าวมาข้างต้นในบทความช้ินน้ีจะเห็นได้ว่า
บริการสาธารณสุขและการศึกษา โดยเฉพาะส�ำหรับผู้มี คนไรบ้ า้ นแตล่ ะชว่ งระยะของภาวะไรบ้ า้ น จำ� เปน็ ตอ้ งมรี ปู แบบ
รายได้น้อยและกลุม่ ผูด้ อ้ ยโอกาส(16) และมิติการพัฒนาสร้างเสริมสุขภาวะและคุณภาพชีวิตท่ี
แตกตา่ งกนั ยกตวั อยา่ งเชน่ คนไรบ้ า้ นหนา้ ใหมค่ วรตอ้ งมกี าร
ในทางเดียวกัน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความ ดำ� เนนิ การทเี่ นน้ การพฒั นาดา้ นรายไดป้ ระกอบกบั การยกระดบั
ม่ันคงของมนษุ ย์ เปน็ หนว่ ยงานหลกั ของรัฐบาลในการดูแล ความสามารถทางอาชีพเพ่ือการเข้าถึงการท�ำงานที่มั่นคง
และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ คนไรบ้ า้ น ไดม้ กี ารวางยทุ ธศาสตรท์ ่ี มากขึ้น และคนไร้บ้านถาวรควรมีการฟื้นฟูสภาพทางกาย
ประเด็นคนไร้บ้านถูกหมายรวมในเป้าประสงค์ของประเด็น และทางจติ ควบคกู่ บั การพฒั นาดา้ นรายไดแ้ ละการยกระดบั
ยุทธศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 ว่าด้วย ดา้ นอาชพี โดยการสนบั สนนุ ทางดา้ นทอ่ี ยอู่ าศยั ทเ่ี หมาะสม
การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น โดยท�ำให้ กับสภาพของคนไร้บ้านแต่ละระยะเป็นแกนกลางของความ
คนในกลุ่มที่ต�่ำกว่าสามารถมีโอกาสทางสังคม ประเด็น ส�ำคัญในการด�ำเนินการเพ่ือลดความเสี่ยงจากการใช้ชีวิต
ยุทธศาสตร์ท่ี 2 ว่าด้วยการมีภูมิคุ้มกันช่วยเหลือตนเองได้ ในพื้นทีส่ าธารณะ เป็นตน้
โดยเน้นการขับเคล่ือนในมิติการพัฒนาป้องกันในลักษณะ
การเสริมสร้างโอกาส พร้อมกับเสริมศักยภาพไปที่ตัวคน งานศึกษาของ ธานี ชัยวัฒน์ และคณะ(12) ได้ช้ีใหเ้ ห็น
ครอบครัว และชุมชน เป็นตน้ (17) ว่าการพัฒนาสุขภาวะคนไร้บ้านในปัจจุบันจ�ำเป็นต้องให้
ความสำ� คญั ใน 4 กรอบประเดน็ สำ� คญั ไดแ้ ก่ (1) การสรา้ ง
นอกจากนี้ในประเด็นของการสร้างหลักประกันทาง การเข้าถึงตลาดแรงงาน หรือกลับคืนสู่การมีคุณภาพชีวิต
สุขภาพ ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการ ท่ีดี ผ่านการพัฒนาทักษะและการจัดหางานท่ีเหมาะสมให้
กำ� หนดแผนปฏบิ ตั ริ าชการของสำ� นกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพ กับคนไร้บ้านและกลุ่มเปราะบางต่อภาวะไร้บ้าน เพ่ือให้มี
แหง่ ชาตริ ะยะ 5 ปี พ.ศ. 2561-2565 (ฉบบั ทบทวน พ.ศ. รายไดท้ ตี่ อ่ เนอ่ื งอนั เปน็ พน้ื ฐานของการตงั้ หลกั ชวี ติ และการมี
2563-2565) โดยมกี ารระบกุ ลยทุ ธไ์ วว้ า่ “สรา้ งความมน่ั ใจ คณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ใี นระยะยาว (2) เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพของกลไก
ในการเขา้ ถงึ บรกิ ารของกลมุ่ เปราะบางและกลมุ่ ทยี่ งั เขา้ ไมถ่ งึ ภาครฐั ผา่ นการมสี ว่ นรว่ มของภาคประชาสงั คมทจ่ี ะมสี ว่ นให้
บรกิ าร (Ensure coverage and access for vulnerable เกิดความครอบคลุมและประสิทธิภาพในการสนับสนุนและ
and underutilization groups)” นอกจากน้ีส�ำนักงาน ฟน้ื ฟคู นไรบ้ า้ นทมี่ ากขนึ้ และเหมาะสมกบั สถานการณป์ ญั หาท่ี
หลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาตยิ งั ไดม้ กี ารกำ� หนดตวั ชว้ี ดั ในการ มคี วามเฉพาะในแตล่ ะพนื้ ที่ (3) พฒั นา “ตน้ แบบระดบั พนื้ ท”ี่
สร้างเครือข่ายเพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงสิทธิสถานะของ ในการแกไ้ ขปญั หารว่ มกนั เชงิ บรู ณาการระหวา่ งภาครฐั และ
คนไรบ้ า้ นและคนไทยตกหลน่ ในเขตเมอื งในฐานะตวั ชวี้ ดั หลกั ภาคประชาสังคมเพ่ือจัดการกับประเด็นคนไร้บ้านในพื้นที่ที่
ขององค์กรด้วยเชน่ กัน(18) มีจ�ำนวนคนไร้บ้านไม่มากนัก โดยท้องถ่ินและท้องท่ีเข้ามา
เปน็ เจา้ ภาพหลกั ในการทำ� งาน และ (4) การปอ้ งกนั การเขา้ สู่
ในทางเดียวกันสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ภาวะไร้บ้านถาวรของกลุ่มคนไร้บ้านหน้าใหม่ ท่ีจะช่วยลด
ภายใต้การผลักดันของภาคประชาสังคม ได้ขับเคล่ือน ความเส่ียงทางสังคมและสุขภาพจากการใช้ชีวิตในพ้ืนท่ี
โครงการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ กลมุ่ คนไรบ้ า้ น 2 ปี (พ.ศ. 2559 สาธารณะของคนไร้บ้าน และเสริมประสิทธิภาพของการ
–2560) ตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันที่ 9 มีนาคม 2559 ดำ� เนนิ การ (intervention) ในการสนบั สนนุ ฟน้ื ฟคู นไรบ้ า้ น
ครอบคลมุ ทง้ั การพฒั นาทางดา้ นทอ่ี ยอู่ าศยั /ศนู ยพ์ กั ชว่ั คราว
ของคนไร้บ้านและการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการสำ� รวจ ท้ังน้ี จากกรอบประเด็นของการขับเคลื่อนงานข้างต้น
สถานการณค์ นไรบ้ า้ นในเมอื งใหญข่ องประเทศ(19) ถอื ไดว้ า่ เปน็ ความทา้ ทายทสี่ ำ� คญั ของการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะ
คนไร้บ้านในอนาคต โดยเฉพาะในประเด็นของการป้องกัน

62

Thai Health Promotion Journal

การเข้าสู่ภาวะไร้บ้านถาวรของกลุ่มคนไร้บ้านหน้าใหม่ งาน ทบต่อตลาดแรงงานและความต้องการทางทักษะแรงงาน
ศกึ ษาอนาคตการไรบ้ า้ นในเมอื งของ อนรรฆ พทิ กั ษธ์ านนิ (20) ซง่ึ จะเปน็ ความทา้ ทายสำ� คญั ตอ่ การทำ� งานสง่ เสรมิ สขุ ภาวะ
ได้ช้ีให้เห็นว่าความเปล่ียนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจ คนไร้บ้านท้ังในเชิงของการออกแบบและพัฒนาระบบ
ในอนาคตจะส่งผลอย่างส�ำคัญต่อความเปราะบางและ ป้องกันการเข้าสู่ภาวะไร้บ้าน และการพัฒนาทักษะและการ
ความเสี่ยงในการเข้าสู่ภาวะไร้บ้าน เช่น การเปล่ียนแปลง จัดหางานท่ีเหมาะสมให้กับคนไร้บ้านและกลุ่มเปราะบาง
รูปแบบของการจ้างงาน การปรับเปล่ียนแบบแผนการ ต่อภาวะไร้บ้าน ในทางเดียวกันความเอ้ืออาทรและความ
ผลิตของประเทศ การเปล่ียนแปลงสภาวะอากาศ และ สมานฉันท์ (social cohesion) ท่ีจะเปล่ียนแปลงไปใน
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบอยู่อาศัยใช้ชีวิตของประชากร อนาคตยงั เปน็ อกี โจทยแ์ ละความทา้ ทายสำ� คญั ในการทำ� งาน
เป็นต้น ความเปล่ียนแปลงในอนาคตท่ีว่าน้ีจะน�ำมาสู่ สง่ เสรมิ สขุ ภาวะคนไรบ้ า้ น บนพน้ื ฐานของการขบั เคลอ่ื นและ
ความไม่แน่นอนและความเส่ียงทางสังคมแบบใหม่ที่จะ มีบทบาทของภาคประชาสังคมและเครือข่ายทางสังคมที่มี
ส่งผลต่อการเข้าสู่ภาวะไร้บ้านของประชากรท้ังท่ีเป็น แนวโน้มจะเปล่ียนรปู แบบไปในอนาคตอกี เชน่ กนั
กลุ่มเปราะบางและไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง รวมถึงส่งผลกระ

เอกสารอ้างองิ

1. อนรรฆ พทิ กั ษธ์ านนิ , มนทกานต์ ฉมิ มาม,ี รณภมู ิ สามคั คคี ารมย,์ ธนานนท์ บวั ทอง, ญานกิ า อกั ษรนำ� , มธรุ มาส ทาวรมย.์ การสำ� รวจ
ข้อมลู ทางประชากรเชิงลกึ ของคนไร้บา้ นในเขตกรงุ เทพมหานครและพ้นื ทเ่ี ก่ยี วเน่อื ง. กรุงเทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ
การสร้างเสรมิ สุขภาพ; 2559.

2. อจั ฉรา รกั ษย์ ตุ ธิ รรม. รายงานการวจิ ยั การวเิ คราะหช์ อ่ งวา่ งการดำ� เนนิ งาน และองคค์ วามรเู้ กยี่ วกบั คนในพนื้ ทส่ี าธารณะ: คนไรบ้ า้ น เดก็
เรร่ อ่ น และผปู้ ว่ ยขา้ งถนน เพอื่ การพฒั นายทุ ธศาสตร.์ กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ; 2557.

3. ชญานศิ วร์ โคโนะ. รายงานการศกึ ษาอายเุ ฉลยี่ ทเี่ สยี ชวี ติ และการเสยี ชวี ติ ของคนไรบ้ า้ นในกรงุ เทพมหานคร. กรงุ เทพมหานคร: สาํ นกั งาน
กองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ; 2560.

4. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล. การส�ำรวจความชุกโรคทางจิตเวชของกลุ่มประชากรคนไร้บ้านในเขตกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพมหานคร:
เครอื ข่ายวิชาการเพ่อื ความเป็นธรรมทางสังคม; 2559.

5. ธติ า ออ่ นอนิ ทร,์ นรา ขำ� คม, อารยา ปานศร.ี โครงการศกึ ษาทศั นคตบิ คุ ลากรในหนว่ ยงานสวสั ดกิ ารดา้ นสงั คมและกลมุ่ ผปู้ ระกอบการ
เพอ่ื สนบั สนนุ การเขา้ ถงึ สวสั ดกิ ารสงั คมและลดการตตี รา. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ; 2562.

6. สมาคมคนไรบ้ า้ น. การสำ� รวจแจงนบั คนไรบ้ า้ นทงั้ ประเทศ. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ; 2562.
7. พรี ะ ตงั้ ธรรมรกั ษ,์ เจนนเิ ฟอร์ ชวโนวานชิ , นชิ าภทั ร ไมง้ าม, ณฎั ฐศ์ ภุ ณ ดำ� ชน่ื , โสตถธิ ร มลั ลกิ ะมาส, ธานี ชยั วฒั น.์ การพฒั นาตวั ชวี้ ดั

ความเปราะบางในการเขา้ สภู่ าวะไรบ้ า้ น และตวั ชว้ี ดั ความพรอ้ มในการตงั้ หลกั ชวี ติ เพอ่ื กลบั คนื สสู่ งั คมของคนไรบ้ า้ น. กรงุ เทพมหานคร:
สํานกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ; 2562.
8. มลู นธิ พิ ฒั นาทอี่ ยอู่ าศยั . รายงานฉบบั สมบรู ณโ์ ครงการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ คนไรบ้ า้ น. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ
การสร้างเสรมิ สุขภาพ; 2555.
9. เสถียร วิชัยลักษณ.์ พระราชบญั ญตั ิดดั สนั ดานคนจรจัดและคนท่ีเคยต้องโทษหลายครั้ง. กรงุ เทพมหานคร: นิตเิ วชช;์ 2493.
10. พระราชบญั ญตั ิควบคมุ การขอทาน พุทธศักราช 2484. ราชกจิ จานเุ บกษา เล่มที่ 58, ตอนที่ 71 (ลงวันที่ 7 ตลุ าคม 2484).
11. บญุ เลศิ วเิ ศษปรชี า. เปดิ พรมแดน โลกของคนไรบ้ า้ น. กรงุ เทพมหานคร: คณะสงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร;์
2546.
12. ธานี ชยั วฒั น,์ พรี ะ ตงั้ ธรรมรกั ษ,์ รฐั วชิ ญ์ ไพรวนั , นชิ าภทั ร ไมง้ าม, โสตถธิ ร มลั ลกิ ะมาส. การศกึ ษาแนวทาง วเิ คราะหต์ น้ ทนุ การแกไ้ ข
ปัญหาคนไร้บ้าน และติดตามการเปลี่ยนแปลงทางชีวิตของคนไร้บ้านในช่วงเริ่มต้น. กรุงเทพมหานคร: สํานักงานกองทุนสนับสนุน
การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ; 2561.
13. ส�ำนักงานกองทุนสนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. การเดนิ ทางของความสุข รายงานประจ�ำปี 2560. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นักงาน
กองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ; 2561.

63

วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย

14. ไทยโพสต์. สร้างศูนย์ฟื้นฟูฯ คนไร้บ้านแห่งท่ี 3 ท่ีปทุมธานีเป็นแหล่งพักพิง-สร้างชีวิตใหม่ เผยผลส�ำรวจพบคนไร้บ้านทั่วประเทศ
2,669 คน [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพมหานคร: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์; 2562 [สืบค้นเม่ือ 27 ก.ย. 2564]. แหล่งข้อมูล: https://
www.thaipost.net/main/detail/47064

15. วรรณา แก้วชาติ. การศึกษาและพัฒนาต้นแบบกลไกจุดจัดการและเครือข่ายเพ่ือการแก้ปัญหาการเข้าไม่ถึงหลักประกันทางสุขภาพ
(Health Security) ของคนไร้บ้านและคนจนเมืองที่มีปัญหาด้านสิทธิสถานะอย่างยั่งยืน. กรุงเทพมหานคร: สํานักงานกองทุน
สนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ; 2564.

16. สำ� นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต.ิ ยทุ ธศาสตรช์ าติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561–2580). กรงุ เทพมหานคร:
สำ� นักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ; 2561.

17. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. ยุทธศาสตร์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ.ศ.
2560–2564. กรงุ เทพมหานคร: กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนุษย;์ 2559.

18. ส�ำนักงานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ. แผนปฏิบัตริ าชการของสำ� นักงานหลักประกนั สุขภาพแห่งชาติ ระยะ 5 ปี พ.ศ. 2561-2565
(ฉบบั ทบทวน พ.ศ. 2563-2565) [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักงานหลักประกนั สขุ ภาพแห่งชาต;ิ 2561 [สืบค้นเมอ่ื 27
ก.ย. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.nhso.go.th/page/strategic

19. สถาบนั พฒั นาองค์กรชุมชน. โครงการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ กลุ่มคนไรบ้ ้าน. กรุงเทพมหานคร: สถาบนั พัฒนาองค์กรชมุ ชน; 2559.
20. อนรรฆ พทิ กั ษธ์ านนิ , การศกึ ษาอนาคตการไรบ้ า้ นในเมอื ง โครงการชวี ติ คนเมอื ง 4.0: อนาคตคนเมอื งในประเทศไทย. กรงุ เทพมหานคร:

สำ� นกั งานการวจิ ัยแหง่ ชาต;ิ 2563.

64

วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปที ่ี 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

บทความพเิ ศษ Special Article

การออกแบบโรงพยาบาลสร้างสขุ (ภาวะ)
ผา่ นกระบวนการมีส่วนร่วม

สรนาถ สนิ อไุ รพันธ์
กลมุ่ วิจยั สงิ่ แวดลอ้ มสรรค์สรา้ งเพื่อสุขภาวะ
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร

บทคดั ย่อ

บทความน้ีน�ำเสนอการด�ำเนินงานของกลุ่มวิจัยสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างเพ่ือสุขภาวะ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ร่วมกับส�ำนกั งานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือขา่ ยสถาปนกิ
ในการออกแบบปรับปรุงพ้ืนที่ภายในโรงพยาบาลภาครัฐขนาดต่างๆ ระหว่างปี พ.ศ. 2559 ถึงปัจจุบัน ด้วยวิธีการศึกษา
ผ่านกระบวนการออกแบบอยา่ งมีสว่ นรว่ ม เปดิ พื้นทีแ่ ลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหวา่ งบุคลากร ผู้ป่วย และญาติ หนว่ ยงาน
ทอ้ งถนิ่ และชมุ ชนโดยรอบ ผา่ นการทำ� กจิ กรรมการออกแบบหลายรปู แบบ จากการสอบถามความตอ้ งการ จดั ลำ� ดบั ความ
สำ� คญั ของปญั หา การระดมสมอง และเปดิ โอกาสใหเ้ สนอแนะทางเลอื กและแนวทางในการพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ ม สรา้ งการเรยี นรู้
สองทาง และรว่ มกนั ตดั สนิ ใจเพือ่ น�ำไปสู่การก�ำหนดวสิ ัยทัศนก์ ารพัฒนาโรงพยาบาลแต่ละแหง่ ในอนาคต ผลลพั ธ์จากการ
ด�ำเนนิ งานขา้ งต้น ไมเ่ พียงแตช่ ว่ ยสนบั สนนุ ระบบการใหบ้ ริการสขุ ภาพให้มปี ระสิทธภิ าพยง่ิ ขนึ้ แตย่ ังช่วยสรา้ งทางเลือกใน
การพัฒนาส่ิงแวดล้อมโรงพยาบาลให้ตอบรับกับพฤติกรรมการท�ำงานของบุคลากร และเอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยและ
ญาตทิ มี่ ารบั บรกิ าร ทำ� ใหโ้ รงพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลในระดบั ชมุ ชน มบี ทบาทมากกวา่ เปน็ สถานทรี่ กั ษาโรคภยั ไขเ้ จบ็
แตส่ ามารถเปน็ สถานทส่ี ง่ เสรมิ ความสมั พนั ธท์ างสงั คมทเี่ ขม้ แขง็ ชว่ ยยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ และเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ในการสรา้ ง
ความร่วมมือร่วมใจกันเพื่อพฒั นาทง้ั พืน้ ท่ภี ายในโรงพยาบาล และการให้บริการสุขภาพของชุมชนทอ้ งถิ่นในระยะยาวต่อไป

ค�ำ สำ�คัญ: ส่ิงแวดลอ้ มสรรคส์ รา้ ง; โรงพยาบาลชุมชน; การออกแบบอย่างมีสว่ นร่วม; สุขภาวะ; พ้นื ที่สขุ ภาวะ

Designing (Well-being) Hospital through
the Participatory Design

Soranart Sinuraibhan
Built Environment for Health and Well-being Research Unit
Faculty of Architecture, Kasetsart University, Bangkok, Thailand

Abstract

This article presents the work achievements of the Built Environment for Health and Well-being
Research Unit at Faculty of Architecture, Kasetsart University in collaboration with Thai Health Promotion

65

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย

Foundation, as well as partners and networks of architect in designing and improving areas within
public hospitals through a participatory design process, since 2018. This creates dialogic space for
exchanging ideas between staff, patients, relatives, local authorities, as well as communities through
various design activities which derived from interviews, problem prioritization, and brainstorming activities;
in order to provide opportunities to suggest ways to develop the built environment within each public
hospital. Moreover, it creates a two-way learning process and then leads to a vision and future plan of
infrastructure development for each hospital. As a result, the works do not only support healthcare services
and systems, but also provide alternative ways to improve the built environment that fits working behavior
of the healthcare personnel, and to support the lives of patients and their relatives who receive healthcare
services. This emphasizes the role of a hospital, particularly a community hospital, which is not only
a place to cure illness, but also play a greater role as a place to build social network and relations.
The hospital can be a place that improves quality of life and promotes wellness through the built
environment, in order to provide long-term health services to local communities.

Keywords: built environment; community hospital; participatory design; well-being; healthy space

บทน�ำ เข้ามาใช้พ้นื ทีข่ องโรงพยาบาล รวมท้งั ส่งผลตอ่ ประสิทธิผล
ของการเยียวยารักษาโรค(4-6) อาคารประเภทโรงพยาบาล
สิ่งแวดล้อมรอบตัวมีผลต่อสุขภาวะ และการใช้ชีวิต จงึ มคี วามตอ้ งการสง่ิ แวดลอ้ มทเี่ ออ้ื ตอ่ การเยยี วยา (healing
ของมนุษย์ โดยจ�ำเป็นต้องพิจารณาอย่างเป็นองค์รวม(1-3) environment) โดยปัจจุบันในแวดวงสาธารณสุขได้นิยาม
เปน็ การเช่ือมโยงกนั ระหว่างกาย (physical) ใจ (mental) “การเยยี วยา” (healing) ในขอบเขตทกี่ วา้ ง โดยหมายถงึ วา่
สงั คม (social) ความรสู้ กึ และจติ วญิ ญาณ (emotional & เปน็ การทำ� ใหส้ ขุ ภาวะโดยรวมดขี น้ึ ซง่ึ ครอบคลมุ ทง้ั สขุ ภาวะ
spiritual) รวมทง้ั สง่ิ แวดลอ้ ม ทง้ั ทางกายภาพ (physical ทางกายและทางใจ แตก่ ารเยยี วยามไี ดห้ ลายระดบั ตงั้ แตก่ าร
environment) สังคมวัฒนธรรม (socio-cultural) และ ท�ำให้จิตใจผ่อนคลายจากความตึงเครียดหรือเหน่ือยอ่อน
เศรษฐกิจ (economic) ซึ่งมีผลกระทบต่อการด�ำเนิน ทางจิตใจเพื่อยกระดับสุขภาวะ รวมไปถึงการคลายความ
กจิ กรรมในชวี ติ ประจำ� วนั และสามารถสง่ ผลตอ่ สขุ ภาวะของ กังวลจากความเจ็บป่วย และไปจนถึงข้ันการท�ำให้หายจาก
มนุษย์แตล่ ะคนไดใ้ นทกุ มติ ิ โรคภยั ดงั นนั้ สงิ่ แวดลอ้ มเพอ่ื การเยยี วยาในทนี่ ้ี จงึ หมายถงึ
ส่ิงแวดล้อมที่เอื้อต่อกระบวนการเยียวยาไม่ว่าจะเป็น
โรงพยาบาลเป็นสถานท่ีที่มีความเก่ียวพันกับการ สง่ิ แวดล้อมทางธรรมชาติ หรือสง่ิ แวดลอ้ มทส่ี รา้ งสรรค์ข้ึน
ดำ� เนนิ ชีวติ ของประชาชนเปน็ อยา่ งมาก เปน็ ทีร่ กั ษาเยยี วยา โดยมนุษย์ เป็นสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการท�ำให้สุขภาวะดีข้ึน
พกั ฟน้ื ของผปู้ ว่ ย รวมถงึ ญาตขิ องผปู้ ว่ ย เปน็ สถานทส่ี ำ� หรบั อย่างเป็นองค์รวมไม่ว่าจะโดยการช่วยส่งเสริมหรือฟื้นฟู
การฝึกอบรบ และฝึกสอนนักศึกษาด้านสาธารณสุข และ สุขภาพ รวมไปถึงเพอ่ื การรักษาโรค มงี านวจิ ัยหลายชิ้นชใี้ ห้
เป็นสถานที่ท�ำงานของบุคคลากรทางการแพทย์ ท�ำให้ เห็นอิทธิพลของส่ิงแวดล้อมทางกายภาพของโรงพยาบาล
มีการไหลเวียนเข้าออกของคนทุกวัน โดยเฉพาะบทบาท ที่มีต่อสุขภาวะและประสิทธิผลของการรักษาโรค(7-9)
การเปน็ พน้ื ทสี่ าธารณะในระดบั ชมุ ชน ซงึ่ มคี วามสำ� คญั อยา่ ง รวมถึงการสร้างสรรค์ส่ิงแวดล้อมที่เก้ือหนุนสุขภาวะ
ย่ิงในการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดของผู้คน ดังน้ันการให้ (create supportive environments) ซ่ึงเป็นหนึ่งในห้า
ความส�ำคัญกับคุณภาพของสิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล แนวคิดและข้อตกลงด้านการสร้างเสริมสุขภาพที่ก�ำหนดไว้
จงึ เปน็ สง่ิ สำ� คญั ทไ่ี มอ่ าจมองขา้ มไปได้ เพราะสง่ิ แวดลอ้ มนน้ั ในกฎบัตรออตตาวาเพ่ือการสร้างเสริมสุขภาพ (Ottawa
สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และสุขภาวะของทุกคนที่

66

Thai Health Promotion Journal

Charter for Health Promotion) ซ่ึงประกาศไว้ตั้งแต่ปี จากแบบมาตรฐาน เพื่อสร้างทางเลอื กในการออกแบบและ
พ.ศ. 2529 เพ่ือตอบสนองตอ่ การเปล่ียนแปลงของปัญหา พัฒนาสิ่งแวดล้อมภายในโรงพยาบาล ผ่านกระบวนการ
สุขภาพและพลวัตของโลก มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้การด�ำเนินงานตั้งอยู่บน
หลักแนวคิดทางการออกแบบทางสถาปัตยกรรม และการ
อย่างไรก็ตาม การสร้างสิ่งแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการ สร้างความเป็นอยู่ท่ีดี ส่งเสริมให้เกิดพ้ืนที่อยู่ดีมีสุขซ่ึงใน
เยียวยา และการสร้างเสริมสุขภาวะภายในโรงพยาบาลใน ทน่ี หี้ มายถงึ พน้ื ทใี่ นโรงพยาบาลทร่ี องรบั การปฏบิ ตั งิ านและ
ประเทศไทยยังไม่ได้ถูกให้ความส�ำคัญมากนัก โรงพยาบาล การด�ำเนินชีวิตหรือกิจกรรมด้านต่างๆ แก่บุคลากร ผู้ป่วย
ภาครัฐส่วนใหญ่ในประเทศไทย อยู่ภายใต้การก�ำกับดูแล ญาติ และชุมชน ท้ังก่อน ระหว่าง และหลังการรับหรือให้
ของกระทรวงสาธารณสุข ถูกก�ำหนดโดยโครงสร้างเชิง บริการทางสุขภาพ รวมท้ังช่วงเวลาอ่ืนๆ ท่ีสภาพแวดล้อม
นโยบายแบบบนลงล่าง (top-down approach) และมี ของโรงพยาบาลสามารถสนบั สนนุ และเออ้ื ใหเ้ กดิ คณุ ภาพชวี ติ
การบรหิ ารจดั การแบบรวมศนู ย์ โดยเฉพาะดา้ นการออกแบบ น� ำ ไ ป สู ่ ก า ร ส ร ้ า ง สิ่ ง แ ว ด ล ้ อ ม ที่ ช ่ ว ย ล ด ป ั จ จั ย ต ่ า ง ๆ
และจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม เนอ่ื งจากโรงพยาบาลภาครฐั นนั้ มอี ยู่ ทีจ่ ะก่อใหเ้ กิดความเครยี ด คลายความวิตกกงั วล และสรา้ ง
เปน็ จำ� นวนมาก แตบ่ ุคลากรที่รับผิดชอบดูแลงานด้านนนี้ ้นั ความอยู่ดีมีสุขของผู้คนและชุมชนได้ โดยบทความฉบับน้ี
มีจ�ำนวนจ�ำกัด จึงท�ำให้ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงต้องใช้ นำ� เสนอตวั อยา่ งการพฒั นาพนื้ ทภี่ ายในโรงพยาบาล จำ� นวน
แบบมาตรฐานมาช่วยในการตอบสนองความต้องการด้าน 5 แหง่ รว่ มกบั ภาคเี ครอื ขา่ ยสถาปนกิ ไดแ้ ก่ (1) โรงพยาบาล
พื้นท่ีอาคาร และส่ิงแวดล้อมของโรงพยาบาลทั่วประเทศ นาวงั เฉลมิ พระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดหนองบวั ล�ำภู (2)
เพ่ือให้สอดคล้องกับเงื่อนไขทางด้านเวลาและงบประมาณ โรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัด
รวมถึงให้เกิดความสอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบบริการ เชียงใหม่ (3) โรงพยาบาลห้วยกระเจาเฉลมิ พระเกียรติ 80
สุขภาพ (service plan) เหมาะสมกับระดับขีดความ พรรษา จังหวัดกาญจนบุรี (4) โรงพยาบาลสมเด็จพระ
สามารถในการให้บริการของแต่ละโรงพยาบาล ท่ีก�ำหนดไว้ ยพุ ราชบา้ นดงุ จงั หวดั อดุ รธานี และ (5) โรงพยาบาลสมเดจ็
โดยกระทรวงสาธารณสุขในแต่ละพ้ืนท่ีเขตสุขภาพ แต่ใน พระยพุ ราชยะหา จังหวัดยะลา ซ่ึงทัง้ หมดเป็นสว่ นหนง่ึ ของ
ขณะเดยี วกนั การใชแ้ บบมาตรฐานทำ� ใหเ้ กดิ ขอ้ จำ� กดั ตามมา การด�ำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาส่ิงแวดล้อมสรรค์สร้าง
เนอื่ งจากไมส่ ามารถตอบสนองความตอ้ งการของการใชพ้ น้ื ที่ โรงพยาบาลชมุ ชนเฉลมิ พระเกยี รติ80พรรษาจำ� นวน10แหง่
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ซง่ึ มคี วามแตกตา่ งไปตามแตล่ ะบรบิ ทของ และ โครงการวิจัยและพัฒนาพื้นที่อยู่ดีมีสุข โรงพยาบาล
โรงพยาบาลจงึ ทำ� ใหเ้ กดิ การตอ่ เตมิ หรอื ปรบั แกพ้ น้ื ทภี่ ายใน สมเด็จพระยพุ ราช จ�ำนวน 21 แหง่ (สสส.)
อาคารอย่างต่อเนื่องในหลายพ้ืนท่ีจนกลายเป็นปัญหา
ตอ่ เนอ่ื ง หากแบบทป่ี รบั ปรงุ นนั้ ไมไ่ ดถ้ กู พฒั นาจากบคุ ลากร การออกแบบอย่างมสี ่วนรว่ ม
ในสายวิชาชีพท่ีเกีย่ วขอ้ งและมีประสบการณ์พอ
การออกแบบและพัฒนาพื้นที่ในโรงพยาบาล ใช้การ
จากสถานการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น กลุ่มวิจัย ออกแบบอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม(participatorydesign)ดงั ภาพที่1
สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างเพ่ือสุขภาวะ ได้ด�ำเนินโครงการวิจัย เปน็ วธิ กี ารศกึ ษาหลกั ซงึ่ ถอื เปน็ หวั ใจสำ� คญั ในการออกแบบ
และพัฒนาพื้นที่ภายในโรงพยาบาลขนาดต่างๆ ต้ังแต่ปี สง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ตอ่ การใชช้ วี ติ ในโรงพยาบาล ทำ� ใหส้ ามารถ
พ.ศ. 2558 ถึงปัจจุบันโดยมีค�ำถามวิจัยหลักในเรื่องการ เขา้ ใจถงึ ความตอ้ งการพฤตกิ รรมประสบการณ์ความคาดหวงั
พัฒนาส่ิงแวดล้อมสรรค์สร้างให้เอ้ือต่อการสร้างสุขภาวะ และความกงั วลของบคุ ลากรและผมู้ ารบั บรกิ ารในโรงพยาบาล
ในบริบทที่แตกต่างได้อย่างไร น�ำไปสู่วัตถุประสงค์หลัก ได้ โดยมีวิธีการเก็บข้อมูล คือ ให้ผู้ที่ไม่ใช่นักออกแบบ
ได้แก่ (1) ออกแบบและพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้เอ้ือต่อการใช้ หรือไม่ได้มีพื้นฐานใน การออกแบบ (non-designer)
ชีวิตอย่างมีสุขภาวะ ผ่านการใช้กระบวนการมีส่วนร่วม (2) ได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนการออกแบบ โดยมีระดับของ
มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้และภาคีเครือข่ายนักออกแบบ การเข้ามามีส่วนร่วมแตกต่างกันไปในแต่ละแนวทาง
ส่ิงแวดล้อมสรรค์สร้าง เพ่ือสุขภาวะอย่างมีส่วนร่วม และ ซึ่งท่ีปฏิบัติกันแพร่หลาย คือ การให้ผู้ใช้สอย (user) หรือ
(3) พัฒนาตัวอย่างการปรับปรุงพ้ืนที่การให้บริการสุขภาพ

67

วารสารการสรา้ งเสริมสุขภาพไทย

ภาพที่ 1 กิจกรรมการออกแบบอย่างมีส่วนร่วมของบุคลากร และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดหนองบัวลำ�ภู

ผู้ท่ีได้รับผลกระทบจากการออกแบบ เข้ามามีส่วนร่วม เกบ็ ขอ้ มลู โดยมองวา่ ผใู้ ชส้ อยเปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญทมี่ ปี ระสบการณ์
เฉพาะช่วงการประเมินผลงานการออกแบบ หรือในช่วง (expert of his/her experience) มีบทบาทและความ
ทดสอบการใช้สอย (usability testing) ซ่ึงนับเป็นช่วง ส�ำคัญ สามารถให้ข้อมูล แลกเปล่ียนความรู้ ระดมสมอง
ท้ายในกระบวนการออกแบบ แต่ภายใต้กรอบใหญ่ของ และสร้างแนวความคิดร่วมกับนักออกแบบ ท้ังน้ีเพราะ
การออกแบบอย่างมีส่วนร่วมนั้น ยังมีวิธีการศึกษาอีก นกั ออกแบบเองอาจไมส่ ามารถเขา้ ใจถงึ ความตอ้ งการอารมณ์
รปู แบบหนง่ึ ทเ่ี รยี กวา่ co-design ซง่ึ เปน็ กระบวนการทม่ี อง และความรู้สึกของผู้ใช้สอยได้ทั้งหมด(12) โดยกระบวนการ
ผู้ใช้สอยเป็นผู้ออกแบบร่วม (design partner) มากกว่า มีส่วนร่วมของผู้ใช้สอยน้ัน สามารถกระท�ำได้ตั้งแต่ในช่วง
เป็นกลุ่มเป้าหมาย (subject) ท�ำให้ระดับการมีส่วนร่วม เร่ิมต้นของการออกแบบ สร้างแรงบันดาลใจ ช่วยเสนอ
ของผทู้ จ่ี ะไดร้ บั ผลกระทบจากการออกแบบนน้ั มคี วามเขม้ ขน้ แนวความคิดใหม่ประเมินแนวความคิดในการออกแบบ
มากกว่า เพราะได้ท�ำงานร่วมกับนักออกแบบต้ังแต่ช่วงต้น สร้างแบบจ�ำลอง หรือต้นแบบร่วมไปกับนักออกแบบ
ของกระบวนการออกแบบ ซึ่งต่างจากการให้ผู้ใช้เข้ามามี ผา่ นการบอกความเปน็ ไปไดใ้ นอนาคตถงึ พฤตกิ รรมของผใู้ ชส้ อย
ส่วนร่วมในช่วงท้ายดังเช่นแต่ก่อน ซ่ึงในวงการวิจัยการ ที่จะเกิดขึ้นกับงานออกแบบน้ันๆ(13) ดังน้ันการมีส่วนร่วม
ออกแบบ (design research) มองว่าการออกแบบไม่ได้ ผ่านการออกแบบด้วยวิธี co-design จะน�ำมาซ่ึงงาน
พงุ่ ความสำ� คญั ไปทผ่ี ลติ ผลของการออกแบบในเชงิ รปู ธรรม ออกแบบทต่ี อบสนองความตอ้ งการไดม้ ากกวา่ วธิ กี ารแบบเดมิ
อกี ตอ่ ไป แตก่ ลบั มองไปทเ่ี ปา้ ประสงคข์ องการออกแบบ เชน่
การออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ การออกแบบเพือ่ การ การออกแบบโรงพยาบาลสร้างสขุ (ภาวะ)
บริการ การออกแบบเพื่อการมีปฏิสัมพันธ์การออกแบบ
เพอื่ ปรบั พฤตกิ รรม(10) และในกระบวนการออกแบบมหี ลกั การ “สถาปัตยกรรมเปน็ ตวั แทนทรงพลังทีแ่ สดงถึงการทำ�งาน
วา่ การออกแบบทด่ี นี นั้ นกั ออกแบบควรจะไดข้ อ้ มลู ครบถว้ น อย่างหนกั กบั สสารต่างๆ จงึ ต้องรู้ว่าสถาปตั ยกรรมส่งผลตอ่
เพ่ือสามารถออกแบบท่ีตอบสนองความต้องการของ ผคู้ น ต่อสถานท่ตี ่างๆ อยา่ งไร ต้องรวู้ า่ การออกแบบ และการ
ผใู้ ชส้ อย ทงั้ ความตอ้ งการทางดา้ นกายภาพ ประโยชนใ์ ชส้ อย กอ่ สรา้ งสามารถสร้างสุขภาวะยงิ่ กว่าสรา้ งความเจ็บปว่ ย”(14)
ความตอ้ งการทางดา้ นจติ ใจความรสู้ กึ และอารมณ์นอกจากนน้ั
ควรจะต้องออกแบบที่สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ ก า ร ด� ำ เ นิ น ง า น อ อ ก แ บ บ ป รั บ ป รุ ง พ้ื น ที่ ภ า ย ใ น
นา่ จดจำ� หรอื ทเ่ี รยี กวา่ user-experience design อกี ดว้ ย(11) โรงพยาบาลอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม นำ� ไปสกู่ ารทำ� ความเขา้ ใจความ
สัมพันธ์ระหว่างส่ิงแวดล้อม และปัจจัยที่เอ้ือต่อการสร้าง
ในการออกแบบด้วยวิธี co-design น้ัน มีวิธีการ สขุ ภาวะในโรงพยาบาล รวมถงึ ความสำ� คญั ของสงิ่ แวดลอ้ ม
สรรค์สร้างที่มีผลอย่างย่ิงต่อระบบการให้บริการสุขภาพ

68

Thai Health Promotion Journal

(health service) การด�ำเนินงานออกแบบปรับปรุงพื้นท่ี ทเี่ ออื้ ตอ่ การสรา้ งสขุ ภาวะภายในโรงพยาบาล โดยดำ� เนนิ งาน
ภายในโรงพยาบาลอย่างมีส่วนร่วม น�ำไปสู่การท�ำความ ผ่านกิจกรรมหลายรูปแบบท่ีใช้เครื่องมือ วิธีการ และส่ือที่
เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างส่งิ แวดลอ้ ม และปัจจยั ทเ่ี อ้ือต่อ แตกตา่ งกนั เพอื่ เปดิ โอกาสและกระตนุ้ ใหผ้ ทู้ เี่ กยี่ วขอ้ ง ตงั้ แต่
การสร้างสุขภาวะในโรงพยาบาล รวมถึงความส�ำคัญของ บุคลากรทกุ ฝ่ายของโรงพยาบาล บุคลากรภาคสาธารณสุข
สง่ิ แวดลอ้ มสรรคส์ รา้ งทมี่ ผี ลอยา่ งยง่ิ ตอ่ ระบบการใหบ้ รกิ าร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาสาสมัคร ผู้น�ำ และตัวแทนชุมชน
สุขภาพ (health service) ส่ิงแวดล้อมทางกายภาพที่ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและเสนอความคิดเห็นเก่ียวกับปัญหา
อาจมองได้ว่าเป็นเรื่องของฮาร์ดแวร์ (hardware) ควร ความต้องการ และข้อจ�ำกัด เพ่ือวางอนาคตและแนวทาง
ถูกน�ำมาคิด วิเคราะห์ และประเมิน ร่วมไปกับการวางแผน การพฒั นาโรงพยาบาลของตนรว่ มกนั โดยเฉพาะผลงานการ
ระบบการให้บริการสุขภาพ ซ่ึงอาจเรียกได้ว่าเป็นส่วนของ ออกแบบอาคารสบื สานพระราชปณธิ าน พระบาทสมเดจ็ พระ-
ซอฟตแ์ วร์ (software) ภายในโรงพยาบาลเสมอ โดยทง้ั สอง ปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร หรอื “อาคาร
ปจั จัยนี้ไม่สามารถท�ำงานแยกส่วนกนั ได้ เพราะสงิ่ แวดลอ้ ม ภมู พิ ฒั น”์ ภายใตว้ สิ ยั ทศั น์ และแนวคดิ ของกองยทุ ธศาสตร์
ทางกายภาพท่ีดี และสามารถตอบสนองต่อความต้องการ และแผนงาน สำ� นกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ ทตี่ อ้ งการ
ของผใู้ ชส้ อยไดอ้ ยา่ งเตม็ ทน่ี น้ั นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาประสทิ ธภิ าพ พฒั นาโรงพยาบาลเพอ่ื ชมุ ชนอยา่ งแทจ้ รงิ เปน็ โรงพยาบาล
ของระบบการใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพทคี่ รบถว้ นสมบรู ณด์ ว้ ยเชน่ กนั ที่เป็นมากกว่าโรงพยาบาล โดยอาคารภูมิพัฒน์มีบทบาท
ส่งผลโดยตรงต่อการเข้ามารับบริการของผู้ป่วยและญาติ สำ� คญั เชงิ พนื้ ทใี่ นการสรา้ งสง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเยยี วยา
รวมถงึ การสรา้ งความไวว้ างใจ ความรสู้ กึ ปลอดภยั ความรสู้ กึ ภายใน โรงพยาบาล พื้นที่อาคารถูกใช้งานเพ่ือสนับสนุน
เปน็ เจา้ ของ และความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งโรงพยาบาลและ การให้บริการสุขภาพต่อชุมชนเป็นหลัก ให้เอื้อต่อการ
ชุมชนไดเ้ ป็นอย่างดี ส่งเสริมสุขภาวะ และรองรับการใช้ชีวิตของผู้มารับบริการ
ในบริบทวัฒนธรรมของทอ้ งถิ่นทีแ่ ตกตา่ ง รวมถงึ การสร้าง
การด�ำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม สง่ิ แวดลอ้ มเชงิ บวกในการทำ� งานของบคุ ลากรและเจา้ หนา้ ที่
สรรค์สร้าง โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ของโรงพยาบาลสามารถปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่ให้มีความ
ระหว่างปี พ.ศ. 2559-2561 ร่วมกับภาคีสถาปนิก ได้แก่ ยืดหยุ่นและเทา่ ทันกับสถานการณต์ า่ งๆ เชน่ การรับมอื กบั
ใจบ้านสตูดิโอ ตาแสงสตูดิโอ และครอสแอนด์เฟรนด์ เป็น สถานการณ์โรคอุบัติใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงการใช้พ้ืนที่
ตัวอย่างท่ีสะท้อนถึงการท�ำงานผ่านกระบวนการออกแบบ ภายในโรงพยาบาล เปน็ ต้น ดงั ภาพท่ี 2
อย่างมีส่วนร่วม ท่ีน�ำไปสู่การพัฒนาพ้ืนที่ของชุมชน

ภาพที่ 2 (แถวบน) อาคารภูมิพัฒน์ โรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดหนองบัวลำ�ภู
(แถวล่าง) ศาลาแม่เตาไฟ โรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่

69

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย

โรงพยาบาลนาวงั เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สัญลักษณ์เชิงพ้ืนท่ีอันส�ำคัญที่เกิดจากความมีส่วนร่วม
จังหวัดหนองบัวลำ�ภู และความร่วมมือของทุกฝ่ายในท้องถิ่น และแสดงแนวคิด
“โรงพยาบาลทเี่ ปน็ มากกวา่ โรงพยาบาล” ไดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม
อาคารภูมพิ ฒั น์ ณ โรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกยี รติ
80 พรรษา ออกแบบโดยกลุ่มวิจัยสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง แปลงรา่ งโรงพยาบาลอย่างมีสว่ นร่วม
เพื่อสุขภาวะ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม มุ่งหมายเพ่ือใช้
เปน็ พ้นื ทีพ่ กั คอยของผปู้ ว่ ยและญาตซิ ึง่ เชื่อมโยงสูป่ า่ ชุมชน การออกแบบอาคารและสิ่งแวดล้อมของโรงพยาบาล
ด้านหลังโรงพยาบาล รวมถึงใช้เป็นท่ีจัดกิจกรรมของ ในภาครัฐนั้นไม่ได้มีทางเลือกมากนัก อีกท้ังยังมีข้อจ�ำกัด
บุคลากร และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในวาระต่างๆ และ ดา้ นงบประมาณ รวมถงึ ระเบยี บและขอ้ กำ� หนดตา่ งๆ ทที่ ำ� ให้
สามารถปรับเปลี่ยนเป็นพ้ืนที่อ่ืนๆ ได้ตามความต้องการ สง่ิ แวดลอ้ มในโรงพยาบาลภาครฐั สว่ นใหญม่ ปี ญั หา อาคาร
โดยเฉพาะในชว่ งสถานการณโ์ ควดิ -19 ทผี่ า่ นมา โรงพยาบาล ท่ีแต่ละโรงพยาบาลขออนุมัติหรือได้รับนั้น มักเน้นความ
ปรับเปล่ียนพื้นท่ีใต้ถุนอาคารหลังนี้เป็นคลินิกคัดกรอง สอดคลอ้ งกบั แผนพฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพทกี่ ำ� หนดโดย
โรคระบบทางเดินหายใจ (ARI Clinic) รวมถึงการปรับ โครงสรา้ งเชงิ นโยบายจากสว่ นกลางเปน็ สำ� คญั จงึ ไมต่ อบสนอง
พ้ืนท่ีบางส่วนเพ่ือใช้เป็นพื้นที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน กับความต้องการที่แท้จริง และอาจมีรูปแบบของการ
(ER) ชว่ั คราวในระหวา่ งการดำ� เนนิ การปรับปรุงพ้นื ท่ีแผนก จดั สรรพน้ื ทภี่ ายในทไ่ี มส่ อดคลอ้ งกบั ลกั ษณะของงาน รวมทงั้
อุบัติเหตุฉกุ เฉิน (ER) เดิมในอาคารผู้ปว่ ยนอก รปู แบบการใชช้ วี ติ ของผใู้ ชส้ อยอาคาร ซงึ่ แตกตา่ งกนั ไปตาม
บริบทสงั คมและวัฒนธรรม ดงั ตวั อยา่ งเชน่
โรงพยาบาลวัดจนั ทร์เฉลิมพระเกียรติ
80 พรรษา จงั หวดั เชยี งใหม่ โรงพยาบาลห้วยกระเจาเฉลมิ พระเกยี รติ
80 พรรษา จงั หวัดกาญจนบรุ ี
ภาคีสถาปนิกใจบ้านสตูดิโอออกแบบศาลาพักคอย
ของญาติผู้ป่วยอย่างมีส่วนร่วมกับโรงพยาบาล และชุมชน โรงพยาบาลห้วยกระเจาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ณ โรงพยาบาลวดั จนั ทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา โดยให้ ได้รับอาคารส่งเสริมสุขภาพ (PCU) หลังใหม่ ตามนโยบาย
ชอ่ื วา่ “ศาลาแมเ่ ตาไฟ”ดงั ภาพท่ี2ซง่ึ ผมู้ ารบั บรกิ ารสว่ นใหญ่ และโครงสรา้ งของแผนพฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ ทตี่ อ้ งการ
ในบริบทพื้นท่ีเป็นชาวเผ่าปกาเกอะญอ ภายในศาลาจึง เนน้ เรอื่ งระบบการใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพแบบปฐมภมู ิ ซงึ่ สวนทาง
มเี ตาไฟตงั้ อยตู่ รงกลางอาคารเพอ่ื ใหค้ วามอบอนุ่ ในหนา้ หนาว กับสถานการณ์และปัญหาที่เป็นปัจจุบันของโรงพยาบาล
และเปน็ สญั ลกั ษณข์ องศนู ยร์ วมจติ ใจ สะทอ้ นการใชช้ วี ติ ของ ท่ีมีความต้องการในการขยายพื้นที่แผนกผู้ป่วยนอก และ
คนปกาเกอะญอ รวมถงึ สรา้ งความไวว้ างใจ และคลายความ แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เพื่อลดความแออัดของผู้มารับ
กงั วลสำ� หรบั ผปู้ ว่ ยและญาตทิ ม่ี ารอรบั บรกิ ารอาคารกอ่ สรา้ งขนึ้ บริการและเพ่ิมประสิทธิภาพในการให้บริการ กระบวนการ
ตามภมู ปิ ญั ญาดงั้ เดมิ โดยชา่ งชาวบา้ นใชไ้ มส้ นสามใบทห่ี าได้ ออกแบบอย่างมีส่วนร่วมจึงถูกน�ำมาใช้เป็นวิธีการศึกษา
จากปา่ สนสามใบในพนื้ ทเ่ี ปน็ โครงสรา้ งของอาคาร และเครอื่ งมอื ท่สี �ำคญั ในการออกแบบปรบั ปรงุ พื้นท่ีภายใน
อาคารสง่ เสรมิ สขุ ภาพ จากแบบมาตรฐาน ใหม้ กี ารใชป้ ระโยชน์
จากตวั อยา่ งทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ผลลพั ธ์ พน้ื ท่ี (function) เหมาะสมกบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านจรงิ โดยเปดิ โอกาส
ของการออกแบบพื้นที่ในโรงพยาบาลอย่างมีส่วนร่วมที่ ให้บุคลากร เจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติงานในอนาคต ประเมิน
สามารถตอบสนองความตอ้ งการของผใู้ ชส้ อยในแตล่ ะบรบิ ท และวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคท่ีเกิดข้ึนในปัจจุบันร่วมกัน
ท่ีแตกต่างรวมถึงตอบโจทย์ปัญหาการออกแบบอาคาร และสะท้อนความต้องการท่ีสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์
และส่ิงแวดล้อมของโรงพยาบาลในภาครัฐ ท่ีมีข้อจ�ำกัดใน พื้นท่ี น�ำไปสู่การเสนอแนวคิดร่วมกันเพื่อร่วมกันออกแบบ
เชิงนโยบายและปัญหาในการการออกแบบพ้ืนที่สนับสนุน (co-design) พนื้ ทภ่ี ายในอาคารใหส้ ามารถใหบ้ รกิ ารไดอ้ ยา่ ง
การให้บริการสุขภาพให้สอดคล้องกับความต้องการ และ เต็มประสทิ ธภิ าพ สอดคล้องกับลกั ษณะงาน และเหมาะสม
สภาพความเปน็ จรงิ ในแตล่ ะพนื้ ท่ี ตวั อยา่ งอาคารทง้ั สองหลงั กับการใช้ชีวิตของทุกคน โดยท�ำการวางผังพื้นใหม่และ
ณ โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จึงเป็น

70

Thai Health Promotion Journal

ปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์พ้ืนที่ภายในอาคาร ย้ายแผนก พน้ื ท่ี การเตรยี มอาคารและสงิ่ แวดลอ้ มทมี่ คี วามยดื หยนุ่ และ
อบุ ตั เิ หตแุ ละฉกุ เฉนิ แผนกทนั ตกรรม และหอ้ งคลอดมาจาก สามารถปรับเปลี่ยนไปได้ตามแต่ละบริบท อาจจะเป็นสิ่งที่
อาคารผู้ป่วยนอกหลังเดิม และเปิดทางสัญจรให้สามารถ หน่วยงานรับผิดชอบเร่ืองอาคารและส่ิงแวดล้อมภายใต้
เชื่อมต่อกันได้ จัดรับส่งผู้ป่วยให้สามารถเข้าถึงได้อย่าง กระทรวงสาธารณสขุ ควรจะนำ� ไปพจิ ารณารว่ มกบั การปรบั ปรงุ
สะดวก และค�ำนึงถึงการระบายอากาศแบบธรรมชาติและ แบบมาตรฐานในอนาคตตอ่ ไป ดงั ภาพท่ี 3 และภาพที่ 4
แสงสว่างภายในอาคาร ซง่ึ มผี ลตอ่ การจดั วางพน้ื ทพี่ กั คอย
สำ� หรบั ผปู้ ว่ ยและญาติ ปจั จบุ นั อาคารหลงั นก้ี อ่ สรา้ งเสรจ็ สนิ้ พน้ื ทอี่ ย่ดู ีมีสขุ ในโรงพยาบาล
ตามแบบทพี่ ฒั นาขนึ้ จากกระบวนการมสี ว่ นรว่ ม และเปดิ ให้
บรกิ ารรว่ มกับอาคารผปู้ ว่ ยนอกหลังเดมิ อย่างเตม็ รปู แบบ การออกแบบพื้นที่เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมี
สุขภาวะในโรงพยาบาลแบบมีส่วนร่วม มีการด�ำเนินงาน
อย่างไรก็ตามการออกแบบปรับปรุงอาคารจากแบบ ขยายผลไปท่ีเครือข่ายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จาก
มาตรฐานน้ัน อาจจะไม่สามารถเกิดข้ึนได้ตามขั้นตอนหรือ การลงพ้ืนท่ีส�ำรวจโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
ในกระบวนการปกติ แต่การปรับปรุง และแปลงร่างอาคาร จงั หวดั สระแกว้ ซง่ึ เปน็ โรงพยาบาลระดบั Sหรอื โรงพยาบาลทวั่ ไป
สง่ เสรมิ สขุ ภาพของโรงพยาบาลหว้ ยกระเจาเฉลมิ พระเกยี รติ ในปี พ.ศ. 2562 พบวา่ ภายในพน้ื ทโี่ รงพยาบาล เปรยี บเสมอื น
80 พรรษา หลงั น้ี นำ� ไปสกู่ ารตงั้ คำ� ถามตอ่ การไดม้ าซง่ึ แบบ เมืองขนาดย่อมท่ีมีคนหมุนเวียนภายในพื้นที่เกือบ 6,000
และอาคารของแต่ละโรงพยาบาลภาครัฐ โดยเฉพาะ คน/วัน ประกอบด้วย ผู้รับบริการ จ�ำนวน 4,800 คน
โรงพยาบาลระดับชุมชน ซึ่งผูกพันกับกระบวนการจัดสรร และผใู้ หบ้ รกิ ารรวมทง้ั เจา้ หนา้ ทป่ี ฏบิ ตั งิ านจำ� นวน1,100คน
งบประมาณในแต่ละเขตสุขภาพ ซ่ึงผู้ท่ีเกี่ยวข้องควรมีการ อย่างไรก็ตามนี่อาจเป็นเรื่องคุ้นชินที่เกิดข้ึนในโรงพยาบาล
ทบทวนและพิจารณาถึงความต้องการที่แท้จริงของแต่ละ ภาครัฐซ่ึงมคี วามแออดั ซง่ึ เกดิ จากความหนาแน่นของพน้ื ท่ี

ภาพที่ 3 (ภาพซ้าย) ผังพื้นอาคารส่งเสริมสุขภาพก่อนการปรับปรุง (แบบมาตรฐาน เลขที่ 10410)
(ภาพขวา) ผังพื้นหลังการออกแบบปรับปรุงผ่านกระบวนการออกแบบอย่างมีส่วนร่วม

ภาพที่ 4 อาคารส่งเสริมสุขภาพหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ
และภาพบุคลากรโรงพยาบาลนำ�เสนอหุ่นจำ�ลองที่พวกเขาสร้างขึ้นเองจากดินน้ำ�มัน

71

วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย

ใช้สอย อันน�ำไปสู่ความซับซ้อนของการแบ่งพ้ืนที่ให้บริการ บริการของประชาชน อีกทั้งยังต้องมีความสอดคล้องกับ
(zoning) และการสัญจร (flow) ภายในโรงพยาบาล ซ่ึง แผนการจัดระบบบริการสุขภาพและผังแม่บทโรงพยาบาล
การแกป้ ญั หาของโรงพยาบาลเกอื บทกุ แหง่ คอื การหาพนื้ ทวี่ า่ ง ในภาพรวม ดังภาพท่ี 5
และสร้างอาคารใหม่เพมิ่ เพ่ือให้สามารถบรรจคุ นและขยาย
พื้นท่ีเพ่ิมเติมเพ่ือมุ่งเน้นประสิทธิภาพของการรักษา โดย จากการออกแบบอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม บคุ ลากรโรงพยาบาล
ไม่ได้ค�ำนึงถึงมิติเรื่องการใช้ชีวิตในโรงพยาบาลของผู้ป่วย รวมถึงผู้ป่วยและญาติ น�ำเสนอความต้องการและประเด็น
และญาติซง่ึ เป็นกลุ่มผ้ใู ช้สอยทมี่ จี ำ� นวนมากทสี่ ดุ ต่อวัน คอื เรื่องความยดื หยนุ่ ของการใช้ประโยชนพ์ นื้ ที่ (function) ซึง่
4,800 คน/วัน และมีความต้องการพื้นท่ีส�ำหรับการใช้ชีวิต อาจเป็นได้มากกว่าพื้นที่พักคอย อาจเป็นพื้นท่ีเรียนรู้หรือ
ทสี่ อดคลอ้ งกบั ลกั ษณะทางสงั คม ประเพณี และวฒั นธรรม พน้ื ทจี่ ดั กจิ กรรมของทง้ั ของบคุ ลากรและผปู้ ว่ ยและญาตไิ ด้
เช่น การมาเย่ียมผู้ป่วยหลังคลอดท่ีญาติมักจะมากันเป็น ในคราวเดยี วกนั อกี ทงั้ ยงั เสนอเรอื่ งรปู แบบการใชป้ ระโยชน์
จำ� นวนมาก ซง่ึ ตอ้ งการพนื้ ทใ่ี นการรองรบั ผคู้ นและสนบั สนนุ พ้ืนท่ีที่มีความสอดคล้องกับลักษณะทางสังคมวัฒนธรรม
กิจกรรมตามประเพณี หรือการมารอตรวจของผปู้ ว่ ยที่ต้อง หรือบริบทเฉพาะถิ่น ซึ่งน�ำไปสู่ความละเอียดอ่อนในการ
จับจองพื้นที่ในอาคารแผนกผู้ป่วยนอกหรือพื้นท่ีโดยรอบ สรปุ แบบขั้นสุดท้าย ดังตัวอย่างเช่น การออกแบบอาคาร
เพ่ือให้สามารถได้ยินการเรียกคิว ท�ำให้ไม่หลุดคิวตรวจของ “เรือนสุขใจ” ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง
ตนเอง ทั้งนี้รวมถึงของบุคลากรโรงพยาบาลที่ควรมีพื้นท่ี เน้นรูปแบบอาคารท่ีเปิดโล่ง ระบายอากาศได้ดี สามารถ
สง่ เสรมิ สขุ ภาวะ คณุ ภาพชวี ติ และความเปน็ อยทู่ ดี่ ี อนั สง่ ผล น่ังล้อมวงเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนหรือรับประทานอาหาร
ถึงประสิทธิภาพในการท�ำงานให้บริการในภาพรวม และ ร่วมกันได้ในขณะท่ีการออกแบบ “เรือนอุ่นใจศรีญาฮา”
สะทอ้ นภาพลักษณ์ของโรงพยาบาล โรงพยาบาลสมเด็จพระยพุ ราชยะหา ตอ้ งเนน้ พนื้ ทส่ี ามารถ
สร้างความเป็นส่วนตัวและสร้างปฏิสัมพันธ์ไปในคราว
ในปี พ.ศ. 2563 กลมุ่ วจิ ยั ฯ และภาคเี ครอื ขา่ ยสถาปนกิ เดยี วกนั นอกจากนีย้ ังรวมถงึ การออกแบบพน้ื ที่
รว่ มกบั บคุ ลากรและเจา้ หนา้ ทข่ี องโรงพยาบาลรวมถงึ ผปู้ ว่ ย
และญาติ ด�ำเนินการออกแบบพ้ืนท่ีพักคอยของผู้ป่วยและ รองรับส�ำหรับคนทุกกลุ่มวัยให้สามารถปรับเปล่ียน
ญาตอิ ยา่ งมสี ว่ นรว่ มภายใตแ้ นวคดิ การพฒั นาพนื้ ทอี่ ยดู่ มี สี ขุ และมีความยืดหยุ่นในการใช้งานในแต่ละเวลาและ
ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง และด�ำเนิน สถานการณ์ได้ การออกแบบพ้ืนที่อยู่ดีมีสุขภายใน
การกอ่ สร้างโดยการสนับสนนุ ของมูลนิธิเอสซีจี โดยม่งุ หวัง โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราช สรา้ งความตระหนกั ถงึ ความ
ให้เกิดพ้ืนท่ีส่งเสริมการใช้ชีวิต และพักรอระหว่างการมารับ สำ� คญั ของมติ ดิ า้ นพฤตกิ รรมและสงั คมวฒั นธรรมในการมา
โรงพยาบาลเพอ่ื รับบริการของผู้ป่วยและญาติ

ภาพที่ 5 บรรยากาศการใช้พื้นที่พักคอยในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว และกิจกรรมออกแบบอย่างมีส่วนร่วม
และพื้นที่อยู่ดีมีสุข ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา จังหวัดยะลา

72

Thai Health Promotion Journal

นกั ออกแบบโรงพยาบาล ความรู้และความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพอย่างเดียวอาจจะไม่
เพยี งพอ หากตอ้ งมที ศั นคตแิ ละกระบวนทศั นใ์ นการมองการ
นอกเหนือจากการออกแบบอย่างมีส่วนร่วมท่ีสร้าง ออกแบบสถาปัตยกรรมโรงพยาบาลทเี่ ปลยี่ นไป และหากมี
ให้เกิดพื้นท่ีภายในโรงพยาบาลท่ีตอบรับกับการใช้ชีวิต นักออกแบบโรงพยาบาลในหลากหลายพ้ืนท่ีต้ังและบริบท
ของผู้คน ดังตัวอย่างท่ีแสดงข้างต้นแล้ว การด�ำเนินงาน เราคงจะเห็นโรงพยาบาลมีบทบาทและมีความสัมพันธ์กับ
ท่ีผ่านมายังได้พัฒนาเครือข่าย (network) และสร้าง การใชช้ วี ติ ของผูค้ นมากข้ึน
จุดเชื่อม (node) ในการหมุนและต่อยอดองค์ความรู้ด้าน
การออกแบบสถาปัตยกรรมโรงพยาบาลเพ่ือน�ำไปสู่การ สรุป
สร้างความเป็นอยู่ท่ีดีให้กับคน สอดคล้องกับแนวคิดหลัก
เรื่องพื้นที่อยู่ดีมีสุขในชุมชนและท้องถิ่น ผ่านการสร้าง การเปลี่ยนแปลงส่ิงแวดล้อมของโรงพยาบาลภาครัฐ
เครือข่ายของภาคีสถาปนิก ท้ังจากสายวิชาชีพและวิชาการ มักมีอุปสรรคและข้อจ�ำกัดหลายประการ แต่อันที่จริง
ในภูมิภาค ที่มีความสนใจในการออกแบบพ้ืนที่เพื่อสุขภาวะ แล้วสามารถท�ำได้ในหลายระดับ จากน้อยไปหามาก
อย่างมีส่วนร่วม สร้างกระบวนทัศน์ในการมองสิ่งแวดล้อม ตามทรัพยากรและก�ำลังความสามารถ แต่ท่ีส�ำคัญ คือ
ของภาคสี ถาปนกิ ใหเ้ ขา้ ใจในความละเอยี ดออ่ นตอ่ มติ คิ วาม โรงพยาบาลเหล่าน้ันต้องการหลักคิดและองค์ความรู้
เปน็ มนษุ ยใ์ นงานออกแบบใสใ่ จตอ่ เรอ่ื งราวความรสู้ กึ นกึ คดิ ทสี่ ามารถนำ� ไปปรบั ใชไ้ ดต้ ามแตล่ ะบรบิ ททเ่ี หมาะสมภายใต้
ท่ีซ่อนอยู่เบอื้ งหลงั ความเจบ็ ปว่ ย ซง่ึ ไมไ่ ดม้ แี ตเ่ ร่ืองร่างกาย ข้อจ�ำกัดต่างๆ หน่ึงในแนวทางท่ีสามารถท�ำได้ คือ การ
แต่ยังมีชีวิตจิตใจ ความสัมพันธ์ทางสังคม และความรู้สึก ขยายผลการท�ำงานร่วมกับหน่วยงานและวิชาชีพอ่ืนที่มี
ปลอดภยั ไวใ้ จ และความฝนั ตา่ งๆ(15)สามารถออกแบบพนื้ ท่ี ความหลากหลาย ท้ังหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อีกทั้ง
ทมี่ คี วามละเอยี ดออ่ น และเออื้ ตอ่ การสรา้ งสขุ ภาวะ ไมเ่ พยี ง ตอ้ งอาศยั การทำ� งานรว่ มกนั บนฐานแนวคดิ ของกระบวนการ
แต่ทางกายแต่ส่งเสริมสุขภาวะทางใจและสังคมความเป็น มีส่วนร่วม เพราะการออกแบบสิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลนั้น
อยู่ในภาพรวม ไมส่ ามารถทำ� ไดภ้ ายใตร้ ม่ ของศาสตรค์ วามเชย่ี วชาญเดยี วได้
ตอ้ งอาศยั การทำ� งานขา้ มศาสตรแ์ ละระหวา่ งวชิ าชพี รวมถงึ
อย่างไรก็ตามองค์ความรู้ในการออกแบบพ้ืนที่หรือ ต้องมีศิลปะในการเจรจาและต่อรองกับผู้ใช้สอย หรือผู้มี
สถาปัตยกรรมโรงพยาบาลของการด�ำเนินงานโครงการที่ ส่วนได้ส่วนเสียในการใช้ประโยชน์พ้ืนท่ี เพื่อท�ำให้พวกเขามี
ผ่านมา อาจไม่สามารถเทยี บได้กบั ความรูแ้ ละประสบการณ์ โอกาสไดเ้ รยี นรเู้ พม่ิ เตมิ และบอกกลา่ วเรอ่ื งราวเกยี่ วกบั พนื้ ที่
ของหน่วยงานท่ีรับผิดชอบดูแลการออกแบบอาคาร ของตนเอง สามารถประเมนิ พน้ื ทตี่ นเองไดโ้ ดยละเอยี ด และ
และสิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลภาครัฐ แต่การท�ำงานผ่าน ตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของสงิ่ แวดลอ้ มรอบตวั ตวั อยา่ งดงั
กระบวนการออกแบบอยา่ งมสี ว่ นรว่ มทเี่ นน้ การใชช้ วี ติ ของคน ภาพที่ 6
เป็นศูนย์กลางและการมองสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการ
ใช้ชีวิตและความเจ็บป่วยของผู้คน และไม่ได้แยกออกจาก การออกแบบอย่างมีส่วนร่วมถือเป็นกระบวนการ
กระบวนการในการรกั ษาและเยยี วยานนั้ อาจเปน็ ทางเลอื กหนง่ึ ที่สามารถรักษาความหวัง และความปรารถนาของทุก
ในการออกแบบที่มุ่งไปสู่ผลลัพธ์เดียวกัน คือ เพ่ือช่วย ฝ่าย ผ่านการสร้างพ้ืนท่ีเพ่ือเจรจา ต่อรอง และเช่ือมโยง
สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ สง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื สขุ ภาวะในโรงพยาบาล ดงั นน้ั บทสนทนาของผคู้ น (dialogic space) เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ พน้ื ที่
ภาคสี ถาปนกิ อาจเปรยี บไดก้ บั “นกั ออกแบบโรงพยาบาล” ท่ี ใชส้ อยทส่ี อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ(16-17) โดยมนี กั ออกแบบ
ไมเ่ พยี งแตแ่ คอ่ อกแบบงานสถาปัตยกรรมหรือสิง่ แวดลอ้ ม หรอื สถาปนกิ ชว่ ยสนบั สนนุ ขนั้ ตอนการออกแบบ และเพมิ่ เตมิ
ในโรงพยาบาล แต่ออกแบบพ้ืนท่ีและการใช้ชีวิตของคนใน องคค์ วามรู้รวมถึงหลักการออกแบบท่ีเกีย่ วข้อง และเจรจา
แต่ละบริบทเฉพาะถ่ิน ท่ีจะต้องอาศัยกินอยู่และหลับนอน เพ่ือน�ำไปสู่การตัดสินใจร่วมกัน(18) โดยผลลัพธ์ของการ
ในโรงพยาบาล แตกตา่ งกันไปตามลกั ษณะของบรบิ ทสงั คม ออกแบบอย่างมีส่วนร่วมน้ัน ถึงแม้จะเกิดขึ้นจากเพียงแค่
วฒั นธรรม ดังน้ันการจะเป็นนักออกแบบโรงพยาบาลไดน้ นั้ ความชอบและความตอ้ งการของผใู้ ชส้ อย แตก่ ถ็ อื วา่ เปน็ ผล
ของการแบ่งปนั ความคดิ การวางแผน การตัดสินใจร่วมกัน

73

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย

ภาพที่ 6 หุ่นจำ�ลองพื้นที่แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ปั้นจากดินน้ำ�มัน
โดยบุคลากรและเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลพระทองคำ�เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา

และสะทอ้ นความเทา่ เทยี มกนั ในการตดั สนิ ซง่ึ ทง้ั หมดถอื เปน็ สิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาลอาจไม่ได้มองแค่การสร้าง
องคป์ ระกอบทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ ของการมสี ว่ นรว่ มอยา่ งแทจ้ รงิ (19) สง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื รกั ษาหรอื เยยี วยาผปู้ ว่ ยเพยี งอยา่ งเดยี ว แต่
ความท้าทายของสถาปัตยกรรมโรงพยาบาลในอนาคต ควรมองใหร้ อบดา้ นและมองใหก้ วา้ งไปถงึ ความเชอื่ มโยงกบั
อาจจะเป็นเร่ืองท่ีหน่วยงานรับผิดชอบภายใต้ กระทรวง ลักษณะการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงสังคมวัฒนธรรม
สาธารณสขุ ควรนำ� มาทบทวนอยา่ งจรงิ จงั หากโรงพยาบาล ในบริบทที่แตกต่าง ดังนั้นโรงพยาบาลในอนาคตจึงเป็น
ท่ีดีนั้นวัดจากประสิทธิภาพของระบบการให้บริการสุขภาพ พื้นท่ีที่มีความหมายและบทบาทมากกว่าโรงพยาบาล และ
และมุ่งเน้นการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับ สามารถเก้ือหนุนการให้บริการสุขภาพของผู้คนชุมชนและ
แผนการใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพ (service plan) แลว้ สงิ่ แวดลอ้ ม ท้องถน่ิ ในระยะยาวตอ่ ไป
ทดี่ เี ราจะวดั จากอะไร เรอื่ งเลก็ ๆ ซง่ึ ตา่ งจากนโยบายระดบั ชาติ
แต่สามารถส่งผลกระทบในทางบวกเช่น การใช้ชีวิต กิตตกิ รรมประกาศ
ของคนท่ีมาโรงพยาบาล ความเป็นอยู่คนที่อาศัยอยู่ใน
โรงพยาบาล หรือคุณภาพชีวิตของคนท�ำงาน อาจน�ำ การด�ำเนินงานวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อ
มาใช้เป็นตัวชี้วัดท่ีส�ำคัญในการประเมินถึงความเป็น สุขภาวะของกลุ่มวิจัยส่ิงแวดล้อมสรรค์สร้างเพ่ือสุขภาวะ
“โรงพยาบาล” ท่อี าจตา่ งกันไปตามบริบทพน้ื ที่ รวมทั้งการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ท�ำงานภายใต้ร่มความเช่ียวชาญหรือหลักการเดียว อาจจะ ได้รับการสนับสนุนจากส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการ-
ไม่ใช่ค�ำตอบของการพัฒนาสิ่งแวดล้อมโรงพยาบาล สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตัง้ แต่ ปี พ.ศ. 2555 ถงึ ปัจจบุ ัน
ในอนาคต แต่การท�ำงานอย่างมีส่วนร่วมจากทุกระดับใน และการดำ� เนนิ งานโครงการทงั้ หมดไดร้ บั การสนบั สนนุ และ
ทกุ ภาคสว่ นอาจเปน็ กญุ แจสำ� คญั ในการทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ งาน ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากเครือข่ายโรงพยาบาลชุมชน
พัฒนาอาคารและสิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลภาครัฐ สามารถ โรงพยาบาลชุมชนเฉลมิ พระเกียรติ 80 พรรษา ท้ัง 10 แห่ง
ด�ำเนินไปได้อย่างลุล่วงและเท่าทันกับสถานการณ์ มูลนิธิ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลสมเด็จ
นอกจากน้ีการปรับกระบวนทัศน์ในการมองส่ิงแวดล้อม พระยพุ ราช ท้ัง 21 แห่ง ภาคีเครอื ข่ายสถาปนิก รวมถงึ ผูค้ น
โรงพยาบาล อาจเป็นอีกหนึ่งเรื่องจ�ำเป็น บทบาทของ และชมุ ชนโดยรอบโรงพยาบาลทุกแหง่

74

Thai Health Promotion Journal

เอกสารอ้างองิ

1. โกศล จึงเสถียรทรัพย์, โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์, ธนวรรณ สาระรัมย์, พุทธชาติ แผนสมบุญ. สถาปัตยกรรมโรงพยาบาลและ
สงิ่ แวดลอ้ มเพ่อื การเยียวยา. นนทบรุ :ี ส�ำนกั พมิ พ์สุขศาลา; 2559.

2. Gesler W, Bell M, Curtis S, Hubbard P, Francis S. Therapy by design: evaluating the UK hospital building program.
Health & Place 2004;10:117-28.

3. Rollins JA. Evidence-based hospital design improves health care outcomes for patients, families, and staff.
Pediatric Nursing 2004;30:338-9.

4. Cooper M, Barnes M. Healing gardens: therapeutic benefits and design recommendations. New York: Wiley; 1999.
5. Sternberg E M. Healing space. Boston: Belknap Press of Harvard University; 2009.
6. Ulrich R S. Effects of health facility interior design on wellness: theory and recent scientific research. Journal

of Health Care Design 1991;3:97-109.
7. Geimer-Flanders J. Creating a healing environment: rationale and research overview. Cleveland Clinic Journal

of Medicine 2009;76:66-9.
8. Samueli Institute. Optimal healing environments [Internet]. 2013 [cited 2013 Feb 21]. Available from: www.siib.

org/research/research-home/optimal-healing.html
9. Sanders EBN, Stappers PJ. Co-creation and the new landscape of design. Co Design 2008;4:5-18.
10. Rijin HV, Hoof JV, Stappers PJ. Designing leisure products for people with dementia: developing the “Chitchat-

ters” game. American Journal of Alzheimer’s Disease and Other Dementias 2010;25:74-89.
11. Kouprie M L, Visser F S. A framework for empathy in design: stepping into and out of the user’s life. Journal of

Engineering Design 2009;20(5):437-48.
12. Rijin H V, Stappers P J. Expressions of ownership: motivating users in a co-design process. In: CPSR. Proceeding

for the 10th Anniversary Conference on Participatory Design; 2008 Sep 30-Oct 4; Bloomington, Indiana. Indiana:
Computer Professionals for Social Responsibility; 2008. p. 178-81.
13. Day C. Places of the soul: architecture and environmental design as a healing art. London: Routledge; 2017.
14. โกศล จึงเสถียรทรัพย์, โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์, ธนวรรณ สาระรัมย์, พุทธชาติ แผนสมบุญ. สถาปัตยกรรมโรงพยาบาลและส่ิง
แวดล้อมเพ่ือการเยียวยา. นนทบรุ :ี สำ� นกั พิมพส์ ขุ ศาลา; 2559.
15. Schneekloth LH, Shibley RG. Implacing architecture into the practice of placemaking. Journal of Architectural
Education 2000;53:130–40.
16. Till J. The negotiation of hope. In: Jones P B, editor. Architecture and participation. Oxon: Spon Press; 2005.
17. Till J. The architect and the other [Internet]. 2006 [cited 2006 Nov 20]. Available from: https://www.opendem-
ocracy.net
18. Arnstein Sherry R. A ladder of citizen participation. Journal of the American Institute of Planners 1969;35(4):216-24.
19. Pateman C. Participation and democratic theory. Cambridge: Cambridge University Press; 1970.

75

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal

ปีที่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022

บทความพิเศษ Special Article

พฒั นาการการดแู ลผปู้ ว่ ยแบบประคบั ประคองของประเทศไทย

ฐากูร กาญจโนภาศ
กลุม่ งานอายรุ กรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

บทคดั ย่อ

การดแู ลแบบประคบั ประคองมบี ทบาทสำ� คญั ในการดแู ลสขุ ภาวะของคนไทยในชว่ งทา้ ยของชวี ติ การดแู ลแบบประคบั
ประคองของประเทศไทยมพี ฒั นาการมาอยา่ งตอ่ เนอื่ งจากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั บทความนไ้ี ดร้ วบรวมเหตกุ ารณส์ ำ� คญั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง
กับการดูแลแบบประคับประคอง และศึกษาเพื่อประกอบร่างและวิเคราะห์จุดเปล่ียนท่ีส�ำคัญในพัฒนาการการดูแลแบบ
ประคบั ประคองของประเทศไทย ผา่ นการสมั ภาษณผ์ มู้ สี ว่ นผลกั ดนั และขบั เคลอ่ื นการดแู ลแบบประคบั ประคองในประเทศไทย
และค้นเอกสารเพิ่มเติม แล้วน�ำมาจัดแบ่งหมวดหมู่เป็นด้านนโยบาย ด้านการศึกษา ด้านการสนับสนุนให้เกิดเชิงปฏิบัติ
และดา้ นการเขา้ ถงึ ยา โดยพบวา่ การดแู ลแบบประคบั ประคองในประเทศไทย แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ยคุ ไดแ้ ก่ ยคุ ที่ 1: รงุ่ อรณุ แหง่
palliative care (กอ่ น พ.ศ. 2547) ยคุ ที่ 2: สามเหลย่ี มเขยอ้ื นภเู ขา (พ.ศ. 2547-2555) และ ยคุ ที่ 3: การพฒั นาอยา่ ง
ก้าวกระโดด (พ.ศ. 2555–ปัจจุบัน) โดยมีจุดเปลี่ยนท่ีส�ำคัญ 2 ช่วงได้แก่ ในปี พ.ศ. 2547 ประกอบด้วยกิจกรรมท่ีก่อให้
เกดิ การรวมตวั ของผสู้ นใจมาสรา้ งองคค์ วามรรู้ ว่ มกนั เปน็ เครอื ขา่ ย จากเดมิ ทที่ ำ� งานการดแู ลแบบประคบั ประคองอยา่ งเปน็
เอกเทศ และในช่วงปี พ.ศ. 2555 ที่ประกอบด้วยชุดโครงการสร้างเสริมสุขภาวะในช่วงท้ายของชีวิต, การจัดต้ังสมาคม
บรบิ าลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย, และการจดั ประชมุ นานาชาตทิ มี่ ปี ระเทศไทยเปน็ เจา้ ภาพ ทำ� ใหพ้ ฒั นาการของประเทศไทยเปน็ อยา่ ง
กา้ วกระโดด ความทา้ ทายทป่ี ระเทศไทยกำ� ลงั เขา้ สสู่ งั คมผสู้ งู อายจุ ะทำ� ใหก้ ารดแู ลแบบประคบั ประคองมบี ทบาทสำ� คญั มาก
ยิ่งข้นึ จงึ จำ� เป็นตอ้ งพฒั นาระบบและกลไกต่างๆ อย่างต่อเนือ่ ง เพอ่ื ใหค้ นไทยเข้าถงึ บริการนี้ดยี งิ่ ขน้ึ ทง้ั ในเชงิ ปรมิ าณและ
เชงิ คณุ ภาพ

คำ�ส�ำ คญั : การดูแลแบบประคับประคอง; พัฒนาการ; ประเทศไทย

Development of Palliative Care in Thailand

Thagoon Kanjanopas
Department of Internal Medicine, Hatyai Hospital, Songkhla Province, Thailand

Abstract

Palliative care in Thailand has been developed for over 20 years. The purposes of this study
were to put together milestones of palliative care development in Thailand and examine events which
were the turning points in level of development. After interviewing key experts in palliative care in Thailand,
this study reviews published data on development approaches to palliative care and categorizes into
5 domains: policy, education in healthcare providers, public awareness, implementation, and drug

76

Thai Health Promotion Journal

availability. Development of palliative care in Thailand can be divided into 3 era: (1) dawn of the pallia-
tive care (before 2004), (2) triangle that moves the mountain and health (2004-2012), and (3) the great
leap forward (2012–present). Two significant events that are the turning points include activities where
people across the country were connected to build the knowledge altogether, in 2004, and health pro-
motion at the End of Life Projects and national palliative care association, both of which established
in 2012, and an international palliative care conference hosted by Thailand in the same year. Thailand is
transitioning to aged society, posing a challenge to the accessibility to palliative care in terms of both
quality and quantity.nt.

Keywords: palliative care; development; Thailand

บทน�ำ โดยไดแ้ บง่ กลมุ่ ยอ่ ยในกลมุ่ ที่ 3 และ 4 ออกเปน็ สองกลมุ่ ยอ่ ย
รวมเปน็ 6 กลุ่ม(3) ดงั ตารางที่ 1
การดูแลแบบประคับประคอง (palliative care) ใน
ประเทศไทยมพี ฒั นาการมาอยา่ งตอ่ เนอื่ งตลอดเกอื บ20ปี ซง่ึ ประเทศไทยไดถ้ กู จดั ลำ� ดบั การพฒั นาในการดแู ลแบบ
หากพจิ ารณาตาม World Health Organization’s Public ประคับประคอง ตามการศึกษาดังกล่าวไว้ที่กลุ่ม 3a ในปี
Health Strategy for Palliative Care ท่กี �ำหนดกรอบใน พ.ศ. 2556 และไดพ้ ฒั นาเปน็ กลุ่ม 4a ใน ปี พ.ศ. 2560(4)
การพัฒนาการดูแลแบบประคับประคองไว้ 4 ด้าน ได้แก่ และนอกจากน้ีประเทศไทยถูกจัดอันดับ คุณภาพของ
(1) ดา้ นนโยบาย (policy) (2) ดา้ นการศกึ ษา (education) การตาย (Quality of death) เปน็ อันดับท่ี 44 ของโลก โดย
(3) ดา้ นการสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ เชงิ ปฏบิ ตั ิ (implementation) Economist Intelligence Unit(5) ในปื พ.ศ. 2558
และ (4) ด้านการเข้าถึงยา (drug availability)(1) พบว่า
การดูแลแบบประคับประคองในประเทศไทยในแต่ละด้านมี อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีพัฒนาการของ
พัฒนาการตามบริบทท่ีแตกต่างกันตามช่วงเวลาและการ การดูแลแบบประคับประคองมาอย่างต่อเนื่อง และ
ผลกั ดนั จากภาคสว่ นต่างๆ เปน็ ทน่ี า่ สงั เกตวา่ ขอ้ มลู การดแู ลแบบประคบั ประคองสว่ นใหญ่
ถูกบันทึกและจัดเก็บในแหล่งข้อมูลที่หลากหลายและ
การศึกษาพัฒนาการทางด้านการดูแลแบบประคับ ถูกบันทึกในภาษาไทย จึงมีความเป็นไปได้ที่ข้อมูลดังกล่าว
ประคองในระดับสากล โดย International Observatory อาจไมถ่ กู นบั รวมในการรวบรวมพฒั นาการการดแู ลแบบประ
on End of Life Care (IOELC) ศึกษาเชิงเปรียบเทียบ คบั ประคองของการศกึ ษาทผ่ี า่ นมา บทความนมี้ วี ตั ถปุ ระสงค์
(comparative study) จากขอ้ มลู พฒั นาการการดแู ลแบบ เพ่ือรวบรวมเหตุการณ์ส�ำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดูแลแบบ
ประคบั ประคองของแตล่ ะประเทศทว่ั โลก และไดเ้ สนอขนั้ ของ ประคับประคองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และศึกษาเพ่ือ
การพัฒนาการดูแลแบบประคับประคองของแต่ละประเทศ ประกอบร่างและวิเคราะห์จุดเปลี่ยนที่ส�ำคัญในพัฒนาการ
ไว้ 4 กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ ประเทศทย่ี งั ไมพ่ บการดแู ลแบบประคบั การดแู ลแบบประคบั ประคองของประเทศไทย
ประคอง, กลุ่มประเทศที่เตรียมศักยภาพ, กลุ่มประเทศที่มี
การดแู ลแบบประคบั ประคองในทอ้ งถนิ่ และกลมุ่ ประเทศทมี่ ี ผู้เขียนได้รวบรวมพัฒนาการของการดูแลแบบ
การดแู ลแบบประคบั ประคองในบรกิ ารสาธารณสขุ กระแสหลกั (2) ประคบั ประคองในประเทศไทย จากการสมั ภาษณค์ ณุ วรรณา
จารสุ มบรู ณ์ ประธานกลมุ่ Peaceful Death ทอ่ี ยบู่ นเสน้ ทาง
ต่อมา Worldwide Palliative Care Alliance การพัฒนาการดูแลแบบประคับประคองของประเทศไทย
(WPCA) ได้พัฒนาเกณฑ์การแบ่งกลุ่มประเทศและได้จัด และมบี ทบาทสำ� คญั ในการสรา้ งความตระหนกั รใู้ หเ้ กดิ ขน้ึ ใน
กลุ่มประเทศตามพัฒนาการการดูแลแบบประคับประคอง สงั คมไทยอยา่ งตอ่ เนอื่ งตง้ั แตย่ คุ แรกเรม่ิ จนถงึ ปจั จบุ นั และ
รศ.พญ.ศรเี วยี งไพโรจนก์ ลุ นายกสมาคมบรบิ าลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย

77

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย

ตารางท่ี 1 ลกั ษณะการดแู ลแบบประคบั ประคองของประเทศตามกลมุ่ พฒั นาการตามเกณฑ์ WPCA

เกณฑ์พัฒนาการ ลักษณะ
ยังไม่ปรากฏการดูแลแบบประคับประคอง
กลุ่ม 1

กลุ่ม 2 เริ่มมีผู้บุกเบิกและปฏิบัติการในระดับบุคคล องค์กร แต่ยังไม่มีระบบบริการ
เริ่มเตรียมศักยภาพ ทชี่ ัดเจน เรมิ่ มีการจัดประชุมวิชาการ การสง่ บคุ ลากรไปเรยี นรู้ในตา่ งประเทศ
(Capacity Building Activity) เริ่มการผลักดันในระดับนโยบายของรัฐบาล

กลุ่ม 3a มีการดแู ลแบบประคบั ประคองเกดิ ข้ึนในหลายพน้ื ท่ี แต่อยู่กระจัดกระจายและ
การดูแลแบบประคับประคองแบบแยกส่วน ไมไ่ ดร้ บั การสนบั สนนุ เต็มทน่ี ัก การสนบั สนนุ ด้านการเงนิ เกิดขึ้นผ่านการบรจิ าค
(Isolated Palliative Care Provision) เปน็ หลกั การเขา้ ถงึ ยากลมุ่ มอรฟ์ นี มคี วามจำ�กดั และมสี ดั สว่ นการบรกิ ารการดแู ล
แบบประคบั ประคองหรอื ฮอสพซิ ตอ่ จำ�นวนประชากรทน่ี อ้ ย หรอื อยใู่ นรปู แบบการ
ดแู ลทบ่ี า้ น

กลุ่ม 3b ชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในการดแู ลแบบประคบั ประคอง แหลง่ รายไดม้ คี วามหลากหลาย
การดูแลแบบประคับประคองทั่วไป การเข้าถึงยากลุ่มมอร์ฟีนมากขึ้น เกิดบริการการดูแลแบบประคับประคองหรอื
(Generalized Palliative Care Provision) ฮอสพซิ จำ�นวนมากและอาจจะไมต่ อ้ งพง่ึ พาระบบบรกิ ารสุขภาพหลัก

กลุ่ม 4a การดแู ลแบบประคบั ประคองความหลากหลายของทง้ั ผใู้ หบ้ รกิ ารและชนดิ ของ
การดูแลแบบประคับประคองเริ่มเข้าสู่ การใหบ้ รกิ าร มคี วามตระหนกั รเู้ กย่ี วกบั การดแู ลแบบประคบั ประคองของบคุ ลากร
การรักษากระแสหลัก ทางการแพทยแ์ ละประชาชนทว่ั ไป มกี ารเขา้ ถงึ ยากลมุ่ มอรฟ์ นี และยาลดปวดชนดิ
(Preliminary Integration into แรงอน่ื ๆ มหี ลายองคก์ รทส่ี ามารถอบรมหลกั สตู รการดแู ลแบบประคบั ประคอง
Mainstream Service Provision) เองได้ มกี ารจดั ตง้ั สมาคมการดแู ลแบบประคบั ประคองระดบั ประเทศ

กลุ่ม 4b ประชาชนเข้าถึงบริการการดูแลแบบประคับประคองได้อย่างทั่วถึง สามารถ
การดูแลแบบประคับประคองเป็นส่วนหนึ่ง เข้าถึงยากลุ่มมอร์ฟีนและยาแก้ปวดชนิดแรงได้หลายชนิด การดูแลแบบ
ของการรักษากระแสหลัก (Advanced ประคับประคองมีผลต่อการกำ�หนดนโยบายสุขภาพระดับชาติ มีการจัดตั้ง
Integration into Mainstream Service สถาบันการศึกษาและการพัฒนาเชิงวิชาการในระดับมหาวิทยาลัย และมี
Provision) สมาคมการดูแลแบบประคับประคองระดับประเทศหลัก

และหัวหน้าศูนย์การุณรักษ์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะ พฒั นาการการดูแลผปู้ ่วย
แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ผมู้ บี ทบาทสำ� คญั ในการ
พัฒนาองค์ความรู้ สร้างบุคลากร และการบริการการดูแลผู้ แบบประคับประคอง
ป่วยแบบประคับประคองให้เกิดเป็นรูปธรรมในประเทศไทย จากการรวบรวมข้อมูลเหตกุ ารณท์ สี่ ำ� คัญและจัดแบ่ง
หมวดหมู่ในพัฒนาการแต่ด้านของการดูแลแบบประคับ
ผู้เขียนได้เรียบเรียงพัฒนาการของเหตุการณ์ส�ำคัญ ประคอง ผเู้ ขยี นพบวา่ มเี หตกุ ารณท์ เี่ ปรยี บเสมอื นจดุ เปลย่ี น
ทไ่ี ดจ้ ากการสมั ภาษณบ์ คุ คลทง้ั สองทา่ น และสบื คน้ เอกสาร ทท่ี ำ� ใหพ้ ฒั นาการมกี ารเปลยี่ นแปลงในอตั ราเรง่ ทเี่ ปลย่ี นไป
ทเี่ กยี่ วขอ้ งเพมิ่ เตมิ จากนนั้ นำ� มาจดั หมวดหมตู่ ามดา้ นตา่ งๆ สองช่วง ท�ำให้สามารถแบ่งพัฒนาการได้เป็น 3 ยุค และมี
ของ Public Health Strategy for Palliative Care ทั้ง 4 รายละเอยี ดของเหตกุ ารณอ์ ันเปน็ จุดเปล่ียน ดงั นี้
ด้านขององค์การอนามัยโลก โดยแยกพัฒนาการออกเป็น ยุคท่ี 1 รุง่ อรุณแห่ง Palliative Care
การอบรม/ศึกษาของกลุ่มผู้ให้บริการทางการแพทย์ และ (ก่อน พ.ศ. 2547)
การรับรู้ของประชาชนทั่วไป รวมเป็นทั้งหมด 5 ด้าน และ จุดเร่ิมต้นส�ำคัญที่ท�ำให้ “ความตาย” เป็นเร่ืองท่ีมี
ได้สรุปเหตุการณ์ท่ีส�ำคัญตลอดพัฒนาการการดูแลแบบ การถกกันในสังคมอย่างกว้างขวาง คือ การมรณภาพของ
ประคับประคองในประเทศไทย ดังแสดงในตารางท่ี 2 พระธรรมโกษาจารย์ พุทธทาสภิกขุ (เงื่อม อิกปัญโญ) ใน
พ.ศ. 2536 เหตุการณด์ งั กล่าวท�ำให้สาธารณชนเริม่ หันมา

78

Thai Health Promotion Journal
ตารางท่ี 2 แสดงเหตกุ ารณส์ ำ�คญั ในพฒั นาการการดแู ลแบบประคบั ประคองของประเทศไทย

HA: Healthcare Accreditation, MS PCARE: Medical Schools Palliative Care Network
(เครือข่ายการดูแลแบบประคับประคองในโรงเรียนแพทย)์ , PC: Palliative Care (การดูแลแบบประคับประคอง)
กสพท.: กลุม่ สถาบันแพทยศาสตร์แหง่ ประเทศไทย, รพ.: โรงพยาบาล
* พ.ศ. 2549: การดูแลแบบประคบั ประคองไดร้ บั การบรรจใุ นมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสขุ ภาพเปน็ ครง้ั แรก
** มาตรา 12 พระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550

ใหค้ วามสำ� คญั กบั ภมู ปิ ญั ญาทางพทุ ธศาสนา มองความตาย จัดการอาการที่บ้าน จนกระท่ังสุภาพรจากไปอย่างสงบ
เปน็ เรอ่ื งธรรมชาติรวมถงึ การตงั้ คำ� ถามสำ� คญั กบั วงการแพทย์ เม่ือวนั ที่ 18 ตลุ าคม พ.ศ. 2546
ถึงการท�ำตามการแสดงเจตจ�ำนงในการปฏิเสธการรักษาท่ี
เป็นไปเพียงเพ่ือการยอ้ื ชวี ิตเอาไวเ้ ทา่ น้นั (6) กรณศี กึ ษาคณุ สภุ าพรในครงั้ น้ี แสดงใหเ้ หน็ วา่ การตายดี
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นท่ีบ้านได้ ด้วยการช่วยเหลือและการเรียนรู้
บคุ คลสำ� คญั อกี ทา่ นหนง่ึ ทเี่ ปน็ กรณศี กึ ษาและไดส้ รา้ ง กนั ในครอบครวั เพอื่ น และชมุ ชน ในขณะเดยี วกนั ทมี แพทย์
บทเรียนที่ส�ำคัญในเร่ืองการดูแลผู้ป่วยในระยะท้าย คือ ได้เรียนรู้ถึงความเป็นไปได้ที่จะออกแบบระบบสุขภาพใน
คุณสุภาพร พงศ์พฤกษ์ เจ้าของ “บ้านถ่ัวพู” นักฝึกอบรม การจัดการความทุกข์ทรมานในระยะใกล้เสียชีวิตท่ีบ้าน
ครูสอนโยคะ นักแปลและนักเขียน ใช้ธรรมะในการดูแล และเป็นตัวอย่างของการตัดสินใจร่วมกันระหว่างคนไข้และ
โรคมะเรง็ เตา้ นมตวั เองผา่ นการปฏบิ ตั ธิ รรม ทำ� สมาธภิ าวนา แพทย์ ถงึ แนวทางการรกั ษาทย่ี ดึ คณุ คา่ ของผปู้ ว่ ยเปน็ หลกั (8)
และท�ำอาหารสุขภาพกินเอง และไม่ขอรับการรักษาใน กรณศี กึ ษาคณุ สภุ าพร จงึ นบั วา่ เปน็ ตน้ ธารของการดแู ลแบบ
โรงพยาบาล(7) ในช่วงท้ายท่ีมะเร็งลุกลามมากข้ึน สุภาพรได้ ประคับประคองในเวลาต่อมาอย่างเป็นรูปธรรม กล่าวคือ
อาศัยอยู่ที่บ้านท่ามกลางกัลยาณมิตรที่ผลัดเปลี่ยนกันมา การตายดีสามารถเกิดขึ้นที่บ้านได้ โดยอาศัยความร่วมมือ
ดูแลและจัดกิจกรรมในบ้านตลอดทั้งวัน ในขณะเดียวกัน จากครอบครัวและต้นทุนทางสังคมในชุมชน ในขณะท่ี
ทมี แพทยน์ ำ� โดยนพ.เตม็ ศกั ดิ์พง่ึ รศั มีจากคณะแพทยศาสตร์ บทบาททางการแพทยจ์ ะตอ้ งไมย่ ดึ ตดิ กบั การบรกิ ารทเ่ี กดิ ขนึ้
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็เข้ามามีบทบาทในการดูแล ในโรงพยาบาลเท่าน้ันแต่เป็นการตัดสินใจร่วมกันของ

79

วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย
ตารางท่ี 2 (ตอ่ ) แสดงเหตกุ ารณส์ ำ�คญั ในพฒั นาการการดแู ลแบบประคบั ประคองของประเทศไทย

สปสช.: ส�ำ นักงานหลักประกันสขุ ภาพแห่งชาต,ิ APHC: Asia Pacific Hospice Palliative Care Conference, BCCPM: Basic Certificate Course
in Palliative Medicine, BCCPN: Basic certificate course in palliative care nursing, PC: Palliative Care, THAPS: Thai Palliative Care
Society (สมาคมบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน) ประกาศนโยบายดานสุขภาพสนับสนุนการจัดตั้งหน่วยงานและจัดสรรบุคลากรดูแลผู้
ป่วยระยะท้ายทั่วประเทศ โดยมีกรมการแพทย์เป็นแกนนำ�
¥พ.ศ. 2560 Palliative Care ได้ถูกกำ�หนดเป็นสาขาหนึ่งของเป้าหมายการให้บริการใน Service Plan

“แพทย”์ กบั “ผปู้ ว่ ย”และเออ้ื อำ� นวยใหผ้ ปู้ ว่ ยสามารถเสยี ชวี ติ องคก์ รทเี่ รม่ิ มกี ารดแู ลแบบประคบั ประคองทเี่ กดิ ขน้ึ ใน
อยา่ งสงบท่ีบา้ นได้ ช่วงแรกน้ี กระจายท่ัวไปทั้งภาครัฐและเอกชน โรงพยาบาล
ขนาดใหญ่ ได้แก่ โรงพยาบาลสงขลานครนิ ทร์ โรงพยาบาล
การศกึ ษา“โครงการทบทวนกระบวนทศั นเ์ รอื่ งความตาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาล
และมติ สิ ขุ ภาวะ” เปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ในการเรยี นรเู้ รอื่ งความตาย รามาธบิ ดีคลนิ กิ ระงบั ปวดสถาบนั มะเรง็ แหง่ ชาติโรงพยาบาล
และการจดั การความตายในสงั คมไทย โดย ธนา นลิ ชยั โกวทิ ย์ ชุมชน ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช จังหวัด
และคณะ(9) พบวา่ มมุ มองในการดแู ลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย มคี วาม พระนครศรอี ยธุ ยา ภาคเอกชน ไดแ้ ก่ โรงพยาบาลเซนส์หลยุ ส,์
ไม่ตรงกัน กลา่ วคอื แพทย์มองวา่ เปน็ ภาวะท่ีคกุ คามกับชวี ติ St.Claire’s Hospice โครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ ที่ให้
ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป็นเพียงการให้ยาควบคุม บ้านพักผู้ป่วยระยะท้ายที่วัดพระบาทน�้ำพุ จังหวัดลพบุรี
จดั การอาการ และใหค้ ำ� ปรกึ ษาเพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยและญาตยิ อมรบั เปน็ ตน้ โดย พบวา่ ภาคเอกชนสว่ นใหญจ่ ะมปี ระสบการณใ์ น
ในขณะนี้บทบาทของครอบครัวและชุมชนเป็นการเย่ียมให้ การชว่ ยเหลอื ผปู้ ว่ ยระยะทา้ ยโดยเฉพาะผปู้ ว่ ยตดิ เชอื้ เอชไอวี
กำ� ลงั ใจ เปน็ เพอื่ นรว่ มทกุ ขส์ ขุ การขออโหสกิ รรม การฝากฝงั (HIV) และผ้ปู ่วยเอดสร์ ะยะทา้ ย
เรื่องท่ีค้างคาใจ ดูแลอ�ำนวยความสะดวกในชีวิตประจ�ำวัน
และการประกอบพิธีกรรม ทำ� ให้เกดิ ช่องว่างทางการสื่อสาร
และข้อจ�ำกัดในการเข้าถึงข้อมลู ทจี่ �ำเปน็ ตอ่ การตดั สินใจ

80

Thai Health Promotion Journal

ยคุ ที่ 2 สามเหลย่ี มเขยื้อนภเู ขา พระไพศาล วิสาโล ร่วมกับเสมสิกขาลัย ได้ร่วมกันพัฒนา
(พ.ศ. 2547-2555) หลักสูตรอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร “เผชิญความตายอย่างสงบ”
เรมิ่ ในปี พ.ศ. 2546 โดยไดร้ บั ทนุ สนบั สนนุ จากสำ� นกั งาน-
ในด้านการสร้างองค์ความรู้ทางการแพทย์ บุคลากร กองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) มผี เู้ ขา้ รว่ ม
ทางการแพทย์เริ่มมีความสนใจในการดูแลประคับประคอง อบรมทง้ั ประชาชนทว่ั ไป และบคุ ลากรทางการแพทย์ ทำ� ให้
และทำ� งานในพนื้ ทขี่ องตนเองตามความสนใจในปีพ.ศ.2547 เกิดการรวบรวมองค์ความรู้ทางด้านการดูแลแบบประคับ
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดการ ประคองในทกุ มติ ิกรณศี กึ ษาในสงั คมไทยควบคไู่ ปกบั การผลติ
ประชุมวชิ าการหวั ข้อ Palliative Care: From Principles สอื่ เรยี นรู้การจดั เวทสี าธารณะ พรอ้ มกบั การพฒั นาเครอื ขา่ ย
to Practice in Thailand ที่จังหวัดสงขลา ท�ำให้ผู้สนใจ แพทยแ์ ละพยาบาลดแู ลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ยไปพรอ้ มกนั (20)
จากทว่ั ประเทศไดม้ โี อกาสแลกเปลย่ี นความรปู้ ระสบการณก์ นั
อยา่ งรอบดา้ น และนบั เปน็ การประชมุ วชิ าการเฉพาะเจาะจง จึงกล่าวได้ว่า ช่วงเวลา พ.ศ. 2546-2547 เป็นช่วง
เร่ืองน้ีระดับประเทศเป็นคร้ังแรก(10) และหลังจากนั้น เวลาจุดเปลี่ยนส�ำคัญ ท่ีทั้งบุคลากรทางการแพทย์และ
ได้เกิดการรวมกลุ่มของบุคลากรทางการแพทย์กันจนเป็น คนในสังคมไทยเริ่มรวมกลุ่มกันเพ่ือเรียนรู้การดูแลแบบ
เครือข่าย Palliative Care ในโรงเรียนแพทย์ (Medical ประคับประคองร่วมกัน จากก่อนหน้าช่วงเวลานั้นท่ีแต่ละ
Schools-Palliative Care Network, MS-PCARE) ใน บคุ คลหรอื องคก์ รเรยี นรแู้ ละทำ� งานกนั อยา่ งเอกเทศ เกดิ เปน็
ปี พ.ศ. 2552 ในแผนงานโรงเรยี นแพทยส์ ร้างเสริมสขุ ภาพ เครือขา่ ยการเรยี นรู้ร่วมกนั ท้ังประเทศ
ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.)
และได้รับการสนับสนุนงบประมาณโดยส�ำนักงานกองทุน- การอบรมการเผชิญความตายอย่างสงบด�ำเนินมา
สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) โดยมี นพ.เตม็ ศกั ด์ิ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง มผี ทู้ สี่ นใจทผี่ า่ นการอบรมและตอ้ งการทำ� งาน
พง่ึ รศั มี เปน็ ประธานเครอื ขา่ ยกอ่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรแู้ ลกเปลยี่ น ตอ่ ในการดแู ลผปู้ ว่ ยแบบประคบั ประคอง แตย่ งั ขาดพน้ื ทใี่ น
ประสบการณ์ การจัดการเรียนการสอน และการจัดประชุม การฝกึ ปฏบิ ตั กิ าร เครอื ขา่ ยพทุ ธกิ าจงึ ไดโ้ ครงการ “อาสาขา้ ง
เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร(workshop)ทสี่ ญั จรการเรยี นรไู้ ปตามเครอื ขา่ ย เตยี ง”ในปีพ.ศ.2549โดยไดร้ บั การสนบั สนนุ จากสำ� นกั งาน-
สถาบนั ตา่ งๆ การเรยี นรดู้ งั กลา่ วจงึ เปน็ โอกาสในการกระตนุ้ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเป็น
ให้สถาบันเจ้าภาพได้มีการประชาสัมพันธ์งานด้านนี้ไปยัง การเพ่ิมพื้นท่ีปฏิบัติการให้กับอาสาสมัครมีบทบาทในการ
ผู้สนใจภายใน ก่อเป็นเครือข่ายการท�ำงานร่วมกันภายใน ดูแลสภาวะทางใจและประสานกับทีมแพทย์พยาบาลถึง
องค์กร และเครอื ข่ายท่มี าทำ� งานดว้ ย เชน่ อาสาสมคั ร กลมุ่ ขอ้ มลู เชงิ ลกึ และประสานความเขา้ ใจใหเ้ กดิ ขน้ึ ระหวา่ งผปู้ ว่ ย
ผปู้ ว่ ยเพอื่ นช่วยเพ่อื น คณะพยาบาลศาสตร์ เปน็ ต้น(11) และครอบครวั (21)

ตลอด 3 ปีของแผนงานเครือขา่ ย Palliative Care ใน ในปี พ.ศ. 2552 เครือข่ายพุทธิกาได้มีการจัดท�ำ
โรงเรยี นแพทย์ กอ่ ใหเ้ กดิ การรา่ งหลกั สตู ร Palliative Care “จดหมายข่าวอาทิตย์อัสดง” เพ่ือเป็นสื่อกลางในการ
ท่บี รู ณาการเข้ากับหลักสตู รแพทยศาสตรบัณฑติ (พ.บ.) ท่ี รวบรวมความรแู้ ลกเปลย่ี นประสบการณก์ ารทำ� งานเกยี่ วกบั
แตล่ ะสถาบนั เครอื ขา่ ยทง้ั 18 แหง่ จะนำ� รา่ งไปปรบั ประยกุ ต์ การดูแลแบบประคับประคอง ประชาสัมพันธ์กิจกรรม และ
เข้ากับสถาบันของตน(12) อีกทั้งก่อให้เกิดการผลิตต�ำรา การสื่อสารเรื่องการดูแลแบบประคับประคองให้กับบุคคล
เพ่ือสร้างองค์ความรู้การดูแลแบบประคับประคองส�ำหรับ ทั่วไป โดยจัดพิมพ์อย่างต่อเน่ืองราย 3 เดือนและได้ปิดตัว
บคุ ลากรทางการแพทย์ และเอกสารเพอื่ เผยแพรค่ วามรกู้ าร ลงไปในปี พ.ศ. 2559(22)
ดูแลแบบประคับประคองในผู้ป่วยระยะท้ายส�ำหรับผู้สนใจ
ทั่วไป(13-16) นอกจากน้ีได้เกิดการวิจัยศึกษาความต้องการ หลงั จากทกี่ จิ กรรม“เผชญิ ความตายอยา่ งสงบ”ดำ� เนนิ
ของประเทศไทยในด้าน Palliative care และสถานการณ์ มาได้5ปีการสำ� รวจผทู้ ผ่ี า่ นการอบรมโครงการเผชญิ ความตาย
ปจั จุบันในขณะนัน้ (17-19) อย่างสงบ โดยเครือข่ายพุทธิกา พบว่า กว่าครึ่งหน่ึงเป็น
บคุ ลากรทางการแพทย์ และในทางปฏบิ ตั ิ บคุ ลากรเหลา่ นยี้ งั
ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน เครือข่ายพุทธิกา น�ำโดย ไม่ได้มีโอกาสน�ำความร้หู รอื ประสบการณไ์ ปใช้ในการท�ำงาน
ดแู ลผปู้ ว่ ยประคบั ประคองมากนกั ดว้ ยเหตผุ ลวา่ (1)ไมม่ เี วลา

81

วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย

ในการท�ำ เพราะว่ามีภารกิจหลักที่ต้องท�ำงานดูแลแบบ ได้แก่ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การ
ประคับประคองยังไม่อยู่ในระบบการดูแลในโรงพยาบาล มหาชน) (สรพ.) ทท่ี ำ� หนา้ ทปี่ ระเมนิ มาตรฐาน คณุ ภาพของ
(2) ผรู้ ว่ มงานไมเ่ ขา้ ใจกระบวนการดแู ลแบบประคบั ประคอง สถาบันบริการสุขภาพของทุกโรงพยาบาลในประเทศไทย
ที่ประกอบด้วยทั้งศาสตร์และศิลป์ (3) ผู้น�ำในองค์กรไม่ ก็ได้น�ำเอาการดูแลแบบประคับประคอง (palliative
สนับสนุนและ (4) ไมม่ ีความมน่ั ใจในการน�ำองค์ความร้แู ละ care) มาเป็นหน่ึงใน “มาตรฐาน” ทำ� ใหเ้ กดิ การเคลอื่ นไหว
ประสบการณไ์ ปใช้ และการตื่นตัวของการดูแลแบบประคอบประคองเกิดขึ้น
ท่ัวประเทศ โดยเร่ิมมีการกล่าวถึงการดูแลแบบประคับ
ในการแกป้ ญั หาดงั กลา่ ว วรรณา จารสุ มบณู ์ ผจู้ ดั การ ประคองในมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพฉบับ
โครงการเผชญิ ความตายอยา่ งสงบเครอื ขา่ ยพทุ ธกิ าในขณะนน้ั เฉลมิ พระเกยี รติ ฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ 60 ปี(25) ในปี พ.ศ.
เล็งเห็นว่า มีความจ�ำเป็นที่จะต้องหาตัวช่วยให้กับระบบ 2549 ซึ่ง ณ ขณะน้ันยังมีบุคลากรทางการแพทย์ท่ีท�ำงาน
โรงพยาบาล เพราะภาระงานของบุคลากรโรงพยาบาลนั้นมี ดา้ นการดูแลแบบประคบั ประคองยังไม่มากนกั
มากและไม่สามารถดูแลผู้ป่วยระยะท้ายได้อย่างครอบคลุม
ในทกุ มติ ิได้ โดยเฉพาะมิตดิ า้ นจิตวญิ ญาณ ในขณะเดยี วกนั ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มี
สังคมไทยมีต้นทุนในชุมชนท่ีมีศักยภาพที่จะช่วยดูแลผู้ป่วย โครงการพฒั นาการดแู ลคนไขร้ ะยะทา้ ย การสง่ เสรมิ กจิ กรรม
กลุ่มนี้ได้ อาทิ พระสงฆ์ นักบวช แม่ชี อาสาสมัครหรือจิต มิตรภาพบ�ำบัด เพอื่ นชว่ ยเพือ่ น และจติ อาสาเพื่อชว่ ยเหลือ
อาสา เปน็ ตน้ ซงึ่ จะเปน็ ตวั ชว่ ยสำ� คญั ใหก้ บั บคุ ลากรทางการ สังคม ในปี พ.ศ. 2549 และได้ก�ำหนดให้ทุกส�ำนักงานเขต
แพทย์ในโรงพยาบาลได้อย่างดี เพียงแต่ยังขาดระบบที่จะ ให้การสนับสนุนโรงพยาบาลในแต่ละพ้ืนที่ ด�ำเนินโครงการ
เช่อื มการท�ำงานรว่ มกันระหว่างชุมชนและโรงพยาบาล น�ำรอ่ งการดแู ลผปู้ ่วยระยะสดุ ท้าย ในปี พ.ศ. 2553(26)

ในปี พ.ศ. 2554 เครอื ข่ายพุทธิกา จึงไดจ้ ัด “โครงการ ประกาศพระราชบญั ญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550
ส่งเสริมบทบาทพระสงฆ์ โรงพยาบาล และชุมชน ในการ ให้เป็นพระราชบัญญัติแม่บทลงในราชกิจจานุเบกษา ท่ี
เยียวยาจิตใจผู้ป่วยเรื้อรังและระยะสุดท้าย” เพื่อเป็นการ มีเนื้อหาสนับสนุนเรื่องการดูแลแบบประคับประคอง
พฒั นาระบบการดแู ลผปู้ ว่ ยแบบประคบั ประคองทเี่ ปดิ พน้ื ท่ี อย่างชัดเจน อาทิ มาตรา 12 ท่ีว่าด้วยการเปิดโอกาส
ให้ชุมชนหรือภาคส่วนอื่น ๆ ในสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วม ให้คนไข้สามารถปฏิเสธการรักษาที่เป็นไปเพียงเพื่อการ
หรือมีบทบาทในการดูแลเพิ่มข้ึน วิทยากรหลักผู้ริเร่ิม ย้ือชีวิตได้(27) ซ่ึงในขณะน้ันยังมีอุปสรรคในการน�ำไปใช้
โครงการ คอื พระครรชติ อกญิ จโน เจา้ อาวาสวดั วรี วงศาราม ในทางปฏิบัติ เนื่องจากความตระหนักรู้เร่ืองการดูแล
อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ชยั ภมู (ิ 23)และดำ� เนนิ การตอ่ ในระยะทส่ี อง ผู้ป่วยระยะท้ายยังไม่เป็นที่แพร่หลายนักทั้งในวงการ
ในปี พ.ศ. 2557 ภายใตช้ อ่ื โครงการขบั เคลอื่ นมติ สิ ขุ ภาวะทาง แพทย์และภาคประชาชน รวมไปถึงการเข้าถึงระบบการ
ปญั ญาผา่ นการดูแลผปู้ ว่ ยระยะสดุ ทา้ ย(24) บริการดูแลแบบประคับประคอง ที่จ�ำเป็นจะต้องมา
รองรับการดูแลในกรณีท่ีผู้ป่วยไม่รับการรักษาที่เป็นไปเพ่ือ
กล่าวโดยภาพรวม บุคลากรทางการแพทย์เริ่มเกิด ย้ือชวี ติ แต่เปน็ ไปเพอ่ื ประคบั ประคองแทน
การเรยี นรกู้ ารดแู ลแบบประคบั ประคอง ทง้ั จากการไปเรยี น
หลักสูตรที่ต่างประเทศ การเชิญวิทยากรจากต่างประเทศ จึงกล่าวได้ว่า การขับเคล่ือนการดูแลแบบประคับ
มาอบรมผ่านการจัดประชุมวิชาการ และการร่วมกันดูแล ประคองในยุคน้ี มีพ้ืนฐานจากทฤษฎี “สามเหล่ียมเขยื้อน
ผปู้ ว่ ยแบบประคบั ประคอง จนเกดิ การรวมกลมุ่ เปน็ เครอื ขา่ ย ภูเขา” เสนอโดย ศ. นพ.ประเวศ วะสี ท่ีกล่าวว่ากลยุทธก์ าร
เพื่อเรียนรู้การดูแลแบบประคับประคองในบริบทของ ขับเคล่ือนสิ่งท่ีเป็นไปได้ยากในระดับประเทศ ประกอบด้วย
ประเทศไทยเอง พรอ้ มกนั นน้ั กเ็ รมิ่ มกี ารขบั เคลอื่ นและสรา้ ง การสรา้ งความรู้ การเคลอื่ นไหวทางสงั คม และการเช่อื มต่อ
ความตระหนกั รเู้ รอื่ งความตายใหก้ บั ประชาชนทว่ั ไป นโยบาย กับอ�ำนาจรัฐหรือการด�ำเนินการทางการเมือง(26) โดยมี
ในระดบั ประเทศทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การดแู ลแบบประคบั ประคอง โครงการเครอื ขา่ ย Palliative Care ในโรงเรยี นแพทย์ เปน็
ในช่วงแรกยังไม่ได้มีบทบาทนัก หน่วยงานภาครัฐท่ีมีส่วน ผู้ขับเคลื่อนภูเขาแห่งองค์ความรู้ เครือข่ายพุทธิกา น�ำโดย
เกย่ี วขอ้ งในการผลกั ดนั การดแู ลผปู้ ว่ ยแบบประคบั ประคอง พระไพศาล วิสาโล ขับเคล่ือนภูเขาแห่งภาคประชาชน ผ่าน

82

Thai Health Promotion Journal

การอบรม “เผชิญความตายอย่างสงบ” ในขณะท่ีภูเขาของ โครงการเผชิญความตายอย่างสงบและโครงการ
การเคลอื่ นไหวทางการเมอื งและนโยบายระดบั ชาติ ยงั ไมไ่ ดม้ ี พัฒนาอาสาสมัครในยุคท่ีผ่านมา ท�ำให้การรับรู้เก่ียวกับ
บทบาททสี่ ำ� คญั นกั แตเ่ ปน็ รากฐานทน่ี ำ� ไปสกู่ ารขบั เคลอ่ื นใน การดูแลผู้ป่วยระยะท้ายและความตายเกิดข้ึนในประชาชน
ยคุ ถดั ไป ไดแ้ ก่ พระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550 จ�ำนวนหน่ึง แต่พบว่ายังอยู่ในวงแคบ เพราะการ
มาตรา 12 ท่ีว่าด้วยหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์รับการ ประชาสัมพันธ์ยังอยู่ในวงจ�ำกัด และเข้าถึงเฉพาะผู้ที่มี
รักษาทเี่ ปน็ ไปเพ่อื การยอ้ื ชวี ติ ความสนใจหรือท�ำงานท่ีเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยระยะท้าย
อยู่แล้วเท่านั้น โครงการสร้างความตระหนักเร่ืองวิถีสู่การ
ยุคที่ 3 การพฒั นาอย่างก้าวกระโดด ตายอย่างสงบ (ความตาย พูดได้) ด�ำเนินการโดยเครือข่าย
(พ.ศ. 2555–ปัจจบุ ัน) พทุ ธกิ า ไดพ้ ยายามสอื่ สารใหค้ วามตายเปน็ สง่ิ ทค่ี นในสงั คม
สามารถพดู คยุ กนั ได้ โดยเปลยี่ นภาพลกั ษณข์ องความตายให้
เหตุการณ์ท่ีกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วใน เป็นเร่ืองท่ีจับต้องได้ ไม่น่ากลัวและยึดโยงกับศาสนาเพียง
เวลาต่อมา คือ ประเทศไทยได้รับการเสนอเป็นเจ้าภาพจัด อย่างเดียว และปรับเปลี่ยนวิธีการท�ำงานท่ีมีการท�ำงาน
งานประชุม Asia Pacific Hospice Conference (APHC) รว่ มกบั นกั โฆษณาและคนทำ� สอื่ เพอื่ สรา้ งสอ่ื ทม่ี คี วามหลากหลาย
ในปี พ.ศ. 2556 ซ่ึงถือว่าเป็นการประชุมระดับนานาชาติที่ มากข้ึน อาทิเช่น บทเพลงคลิปวิดีโอ การสื่อสารบนสังคม
มคี วามส�ำคัญ คือ หลายประเทศในภูมภิ าคเอเชียแปซฟิ กิ ได้ ออนไลน์ พฒั นาเครอื่ งมอื ทช่ี ว่ ยในการพดู คยุ เรอื่ งความตาย
ใช้โอกาสในการจัดประชุมดังกล่าวผลักดันให้เกิดระบบการ เช่น เกมไพไ่ ขชีวติ สมุดเบาใจ เปน็ ต้น(30)
ดูแลแบบประคับประคองในประเทศนั้นๆ อย่างก้าวกระโดด
อาทิเช่น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2556 เครือข่ายพุทธิกาและ
ฟิลิปปนิ ส์(28) THAPS ภายใตก้ ารสนบั สนนุ จากภาคสี ขุ ภาพไดจ้ ดั กจิ กรรม
“Before I Die พร้อมก่อนตาย”(31) ขึ้นท่ีห้างสรรพสินค้า
เครือข่าย Palliative Care ในโรงเรียนแพทย์ (MS- เซนทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นกิจกรรมคู่ขนานไปกับการจัดประชุม
PCARE) ได้จดทะเบียนเปน็ สมาคมบรบิ าลผปู้ ่วยระยะท้าย วชิ าการ APHC กจิ กรรมในครงั้ น้ี พบวา่ มผี คู้ นใหค้ วามสนใจ
(Thai Palliative Care Society, THAPS) ในปี พ.ศ. จ�ำนวนมาก และมีผู้คนเข้าร่วมกิจกรรมท่ีห้างสรรพสินค้า
2555 เพ่ือรองรับการจัดประชุม APHC ในปีถัดไป การท่ี หลายร้อยคน แสดงให้เห็นว่าความตายเร่ิมเป็นท่ีสนใจใน
ประเทศไทยได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติ หมู่คนรุ่นใหม่และผู้ท่ีไม่ได้เคยเก่ียวข้องกับการท�ำงานเร่ือง
ดงั กล่าว ท�ำให้เกดิ การต่ืนตัวและการผลกั ดันระบบการดแู ล ความตายหรือผ้ปู ่วยระยะท้ายเพยี งอย่างเดยี ว
ผปู้ ว่ ยระยะทา้ ยในเวลาตอ่ มาโดยสมาคมบรบิ าลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย
(THAPS) ไดด้ ำ� เนนิ การโครงการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะในชว่ งทา้ ย ต่อมา โครงการความตาย พดู ได้ โดยเครอื ขา่ ยพทุ ธกิ า
ของชีวิต(29) ภายใต้การสนับสนุนจาก ส�ำนักงานกองทุน ไดร้ ว่ มกบั ภาคเี ครอื ขา่ ยทท่ี ำ� งานดา้ นการเรยี นรเู้ รอ่ื งชวี ติ และ
สนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ซ่ึงเป็นชดุ โครงการ ความตายจำ� นวน18องคก์ รรว่ มกนั จดั งานHappyDeathday
ขนาดใหญ่ ประกอบด้วย (1) โครงการสร้างความตระหนัก ทศ่ี นู ย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 10-11 มิถุนายน พ.ศ.
เรอ่ื งวถิ สี กู่ ารตายอยา่ งสงบ (ความตาย พดู ได)้ (2) โครงการ 2560(32) ซ่ึงมีคนรุ่นใหม่จ�ำนวนมากท่ีเข้ามามีส่วนร่วมและ
สร้างและจัดการความรู้ระบบบริการสาธารณสุขที่สร้าง สนใจในกิจกรรม การมีส่วนร่วมขององค์กรท้ัง 18 องค์กร
เสริมสุขภาวะ (3) โครงการศึกษาพัฒนาระบบสาธารณสุข ที่ประกอบด้วยกลุ่มคนท่ีท�ำงานจากท้ังหน่วยงานรัฐ และ
ในการบริบาลผู้ป่วยระยะท้ายโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน เอกชนนน้ั ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ การดแู ลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การดแู ล
และการศึกษาทางระบาดวิทยา (4.1) โครงการสานต่อ ผปู้ ว่ ยระยะทา้ ยสามารถดำ� เนนิ ตอ่ ไปไดต้ ามบรบิ ทของตน ซง่ึ
กิจกรรมเครือข่าย Palliative Care ในโรงเรียนแพทย์ วรรณา จารสุ มบูรณ์ ประธานกลุ่ม Peaceful Death และ
(4.2) โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ ประธานการจัดงาน Happy Deathday ได้ให้ความเห็นว่า
และเภสัชกร (4.3) โครงการฝึกพัฒนาศักยภาพบุคลากร การจัดงานดังกล่าวเป็นหมุดหมายที่ท�ำให้สังคมไทยเกิด
พยาบาลดา้ นการบรบิ าลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย และ (4.4) โครงการ ความตระหนักเรอ่ื งการเตรยี มตัวตายอยา่ งมนี ยั สำ� คัญ(33)
พัฒนาศกั ยภาพจิตอาสาและผดู้ แู ลผปู้ ่วย

83

วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย

ความสำ� เรจ็ ครงั้ ยง่ิ ใหญจ่ ากงาน “Happy Deathday” (Thai Palliative Care Society, THAPS) เช่นเดยี วกนั
ท�ำให้ ในปี พ.ศ. 2561 โครงการความตาย พูดได้ ได้รับ การด�ำเนินงานของศูนย์การุณรักษ์ในระยะแรก
การสนับสนุนจากเครือข่ายพุทธิกา ให้ด�ำเนินงานเป็นกลุ่ม
อสิ ระในชอ่ื Peaceful Death และ ไดร้ ับการสนับสนุนการ ประกอบดว้ ย การสรา้ งใหเ้ กดิ ระบบการใหบ้ รกิ ารทคี่ รบวงจร
ด�ำเนินงานโครงการ ชุมชนกรุณาเพ่อื การอยแู่ ละตายดี จาก (service) โดยเป็นสถาบันที่เป็นต้นแบบในการน�ำยากลุ่ม
ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) opioid ออกไปใช้นอกโรงพยาบาลได้เป็นแห่งแรก ท�ำให้
เพ่ือพัฒนาศักยภาพของชุมชนให้มีสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อ สามารถเปิดการบริการการดูแลแบบประคับประคองได้
การตายดีโดยมีแนวคิดว่าประสบการณ์การสูญเสียเป็น อย่างครบวงจร
ความรบั ผิดชอบของทกุ คนในสังคม อาศัยความรแู้ ละทักษะ
ของทกุ คนในชมุ ชนรว่ มกบั การสนบั สนนุ ของระบบสขุ ภาพให้ ในปี พ.ศ. 2556-2557 ศูนย์การุณรักษ์ได้รับทุน
สามารถดแู ลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย ทำ� ให้ “ชมุ ชนกรณุ า” มบี ทบาท สนับสนุนจาก ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เปน็ การดแู ลแบบประคบั ประคองภาคประชาสงั คม ทบ่ี รบิ ท (สปสช.) เขตสุขภาพที่ 7 และ สำ� นกั งานกองทนุ สนับสนุน-
ในปัจจุบันจ�ำนวนผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลแบบประคับ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ใหอ้ บรมแพทย์และพยาบาล
ประคองมากย่ิงข้ึน ในขณะที่ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ จนเกดิ เปน็ เครอื ขา่ ยทแ่ี ขง็ แรงเรมิ่ จากเขตสขุ ภาพที่ 7 ขยาย
การดูแลผู้ป่วยกลุ่มน้ีในปัจจุบัน ยังไม่ท่ัวถึงและบุคลากร ไปครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยหลักสูตรอบรม
ทางการแพทย์ยังมีไมเ่ พยี งพอต่อความจ�ำเป็นนกั (34) พยาบาล Clinical Palliative Care for Community
Nurses (CPCN) ระยะเวลา 4 สปั ดาห์ ทำ� ใหก้ ารสง่ ตอ่ ผปู้ ว่ ย
ในด้านบุคลากรทางการแพทย์ “โครงการสร้างและ ระยะท้ายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความครอบคลุมใน
จดั การความรรู้ ะบบบรกิ ารสาธารณสขุ ทสี่ รา้ งเสรมิ สขุ ภาวะ ทกุ พ้นื ที่ สามารถส่งตอ่ ขอ้ มลู ทางการแพทยแ์ ละมีแนวทาง
ในระยะท้ายตามบริบทประเทศไทย” มีผู้รับผิดชอบหลัก การปฏบิ ตั ไิ ปในทศิ ทางเดยี วกนั เกดิ เปน็ ระบบการดแู ลผปู้ ว่ ย
คือ นพ.เต็มศักดิ์ พ่ึงรศั มี คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย ไดอ้ ยา่ งไรร้ อยตอ่ อนั เปน็ หวั ใจสำ� คญั ของการดแู ลผปู้ ว่ ยแบบ
สงขลานครินทร์ โดยโครงการดังกล่าวประกอบด้วย 3 ประคบั ประคองและสามารถดแู ลผปู้ ว่ ยใหเ้ สยี ชวี ติ ทบ่ี า้ นตาม
โครงการย่อย(35) ไดแ้ ก่ เวทแี ลกเปลยี่ นเรียนร้,ู จัดตัง้ ชุมชน ความตอ้ งการของผปู้ ว่ ยและครอบครวั ได้
นักปฏิบัติ (Community of Practice, CoP) บนสังคม
ออนไลน์ Facebook และ GotoKnow และ การรวบรวม จนกระท่ังในปี พ.ศ. 2561 การขยายเครือข่ายด้วย
และสังเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยวิทยานิพนธ์ สื่อและ หลักสูตรอบรมพยาบาลทีมประคับประคอง 4 สัปดาห์ได้
สิ่งพิมพ์ที่เก่ียวข้อง และจัดท�ำฐานข้อมูลจนได้รวบรวมเป็น ขยายผลไปครอบคลุมโรงพยาบาลในจังหวัดทางภาคเหนือ
“วิทยานิพนธ์ก่อนตาย” ซ่ึงเป็นการรวบรวมเฉพาะ และภาคใต้ รวมถึงหลักสูตร How to set PC program
สารนิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์ท่ีเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย in your hospital ท่ีเป็นการวางรากฐานระบบการจัดต้ัง
ระยะทา้ ยของประเทศไทยตงั้ แต่พ.ศ.2523จนถงึ พ.ศ.2559 การดูแลแบบประคับประคองในโรงพยาบาล จากเครือข่าย
จำ� นวน 169 รายการ มกี ารเรยี บเรยี งตามหวั ขอ้ และเชงิ อรรถ ในระดับภาคอีสานขยายสู่ระดับประเทศ ซึ่งด�ำเนินการโดย
บรรยายสรุปใจความสำ� คญั ของวทิ ยานิพนธท์ ีเ่ ก่ยี วขอ้ ง(36) ศูนย์การุณรกั ษ์

สถาบันท่ีมีบทบาทโดดเด่นในการจัดบริการผู้ป่วย การดำ� เนนิ งานทคี่ วบคกู่ นั ไปทงั้ การบรกิ ารทคี่ รบวงจร
แบบประคบั ประคองอยา่ งครบวงจร และมบี ทบาทอยา่ งมาก และการมีเครือข่ายท่ีเข็มแข็ง ท�ำให้ศูนย์การุณรักษ์มีระบบ
ในการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในเวลา การดแู ลแบบประคบั ประคองทส่ี มบรู ณ์ และเหมาะในการใช้
ต่อมา คือ ศูนย์การุณรักษ์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะ เป็นพ้ืนท่ีต้นแบบในการจัดฝึกอบรมให้กับบุคลากรทาง
แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซ่ึงได้ก่อตั้งเม่ือเดือน การแพทย์ โดยศูนย์การุณรักษ์ได้เร่ิมจัดฝึกอบรมหลักสูตร
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 โดย รศ. พญ.ศรีเวียง ไพโรจน์กุล ส�ำหรับพยาบาลระยะยาว 6 สัปดาห์ Basic Certificate
เปน็ หวั หนา้ ศนู ยฯ์ และเปน็ นายกสมาคมบรบิ าลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย Course in Palliative Nursing (BCCPN) เริ่มในปี พ.ศ.
2554 ต่อเน่ืองจนถึงปัจจุบัน รศ. พญ.ศรีเวียง ไพโรจน์กุล
พบว่า พยาบาลท่ีผ่านการฝึกอบรมระยะยาวน้ี ได้มีบทบาท

84

Thai Health Promotion Journal

ส�ำคัญในการเป็นผู้ผลักดันการจัดต้ังศูนย์ดูแลผู้ป่วยแบบ ระยะท้ายของชีวิต(39) และในปี พ.ศ. 2559 กระทรวง
ประคบั ประคองตามโรงพยาบาลขนาดใหญท่ ว่ั ประเทศ รวมถงึ สาธารณสุขก�ำหนดนโยบายให้ทุกโรงพยาบาลมีการดูแล
โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์หลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ผ้ปู ่วยแบบประคับประคอง และก�ำหนดเปน็ Service Plan
ดว้ ยบทบาทและอำ� นาจหนา้ ทอ่ี ยา่ งจำ� กดั ของพยาบาล ทำ� ให้ Palliative Care ในปี พ.ศ. 2560(40) ซึ่งสอดรับกันดีกับ
การผลักดันศูนย์ดูแลประคับประคองต้องอาศัยแพทย์ ใน การเร่งพัฒนาบุคลากรแพทย์และพยาบาลในการดูแลแบบ
การสั่งการรักษาด้วยยาในการจัดการอาการ รวมถึงการ ประคับประคองผ่านการจับอบรมท่ีผ่านมาอย่างต่อเนื่อง
เช่ือมโยงกับการดูแลเฉพาะทางในสาขาอ่ืนๆ ซ่ึงต้องอาศัย โดยสมาคมบริบาลผปู้ ่วยระยะทา้ ย (THAPS)
บทบาทของแพทย์ในการท�ำงานเชิงรุก ศูนย์การุณรักษ์จึง
ไดพ้ ฒั นาหลกั สตู รสำ� หรบั แพทยร์ ะยะยาว 8 สปั ดาห์ Basic แม้การดูแลประคับประคองจะเข้าสู่ระบบ service
Certificate Course in Palliative Medicine (BCCPM) plan ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งส่งผลให้เกิดศูนย์ดูแล
ในปี พ.ศ. 2557 ท�ำให้แพทย์และพยาบาลท่ีผ่านการอบรม ประคบั ประคองในทกุ โรงพยาบาล แตค่ ณุ ภาพการจดั บรกิ าร
ดังกล่าว ได้กลายเป็นผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงและบริหาร ยงั เปน็ สงิ่ ทตี่ อ้ งมกี ารประเมนิ และการพฒั นา รศ. พญ.ศรเี วยี ง
งานบริการดูแลแบบประคับประคองตามโรงพยาบาลต่างๆ ไพโรจน์กุล และเครือข่ายดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
ท่วั ประเทศ แห่งประเทศไทยได้ร่วมกันจัดท�ำ Quality Standard for
Palliative Care พร้อมสมุดคู่มือประเมินตนเองขึ้นเม่ือปี
นบั ตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2557 การจดั อบรมบคุ ลากรทางการ พ.ศ. 2561 เพ่ือใช้ในการประเมินและพัฒนาคุณภาพของ
แพทยม์ จี ำ� นวนมากขนึ้ เพอื่ รองรบั การเพิม่ จ�ำนวนบคุ ลากร ศนู ยด์ ูแลประคบั ประคอง กรมการแพทยไ์ ด้แจกจ่ายให้ศูนย์
ใหเ้ พยี งพอตอ่ การดแู ลแบบประคบั ประคอง สมาคมบรบิ าล ดูแลประคับประคองทั่วประเทศเพ่ือใช้เป็นมาตรฐานในการ
ผปู้ ว่ ยระยะทา้ ยไดส้ นบั สนนุ ทนุ ใหเ้ กดิ การจดั อบรมหลกั สตู ร ด�ำเนินงาน เพ่ือประเมินช่องว่างในการพัฒนาและน�ำไปสู่
เพ่ิมเติมในหัวข้อที่หลากหลาย(37) ท�ำให้การดูแลแบบ คุณภาพให้ไดม้ าตรฐานขึ้น(41)
ประคบั ประคองเปน็ ทร่ี จู้ กั ในวงการแพทยใ์ นสาขาเฉพาะทาง
สาขาอ่นื ๆ มากยงิ่ ขึน้ จากฐานขอ้ มลู ระบบสขุ ภาพของกระทรวงสาธารณสขุ
(Health Data Center) ปีงบประมาณ 2564 เทียบกับ
หลักสูตรส�ำหรับแพทย์เฉพาะทางด้านการดูแลแบบ ปีงบประมาณ 2562 พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบ
ประคับประคอง ได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2562 โดยมีลักษณะ ประคับประคองเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี ร้อยละ 14.88
เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรในวิชาชีพเวชกรรมด้าน จากร้อยละ 9.40 ตามล�ำดับ ผู้ป่วยวัยรุ่นถึงวัยท�ำงาน
เวชศาสตร์ครอบครัวการบริบาลแบบประคับประคอง โดย ร้อยละ 34.03 จากร้อยละ 33.65 ตามลำ� ดบั และผ้สู งู อายุ
ความรับผิดชอบราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว 60 ปขี น้ึ ไป ร้อยละ 28.38 จากร้อยละ 25.56 ตามล�ำดบั (42)
แหง่ ประเทศไทย ระยะเวลาหลกั สตู ร 1 ป(ี 38) โดยมีสถาบนั ที่ และจากการศึกษา point prevalence ใน 14 โรงพยาบาล
เปดิ หลกั สตู รในปจั จบุ นั 5 สถาบนั ไดแ้ ก่ คณะแพทยศาสตร์ ท่ัวประเทศ โดยเครือข่ายดูแลแบบประคับประคองแห่ง
ศิริราชพยาบาล, คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี ประเทศไทย พบความชุกของผู้ป่วยระยะทา้ ย รอ้ ยละ 18.72
มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ แยกเป็นกลุ่มโรคมะเร็ง ร้อยละ 55.66 และโรคเรื้อรังอ่ืนท่ี
มหาวิทยาลัย, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ไมใ่ ชม่ ะเรง็ ร้อยละ 44.44(41)
และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่
ผู้ป่วยระยะท้ายได้รับการปรึกษาและอยู่ในการดูแล
การผลักดันในระดับนโยบายระดับประเทศหลัง ของศูนย์ดูแลประคับประคองในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ
การจัดประชุม APHC ในปี พ.ศ. 2546 ประกอบด้วย เพียง ร้อยละ 6-17%(41, 42) กลุ่มท่ีได้รับการดูแลจากศูนย์
แผนยุทธศาสตร์ระดับชาติว่าด้วยการสร้างเสริมสุขภาวะ ดูแลแบบประคับประคอง พบมีการวางแผนดูแลสุขภาพ
ในระยะท้ายของชีวิต พ.ศ. 2557-2559 โดยได้รับความ ล่วงหน้า ร้อยละ 88.7 เทียบกับกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่อยู่ในการ
เหน็ ชอบจากคณะกรรมการสุขภาพแหง่ ชาติ มีวตั ถุประสงค์ ดูแลทีมดูแลประคับประคอง ร้อยละ 15.7 ในขณะท่ีใน
เพ่ือเป็นเครื่องมือเชิงระบบที่น�ำไปสู่การสร้างเสริมสุขภาวะ ภาพรวมระดบั ประเทศ จากขอ้ มลู ระบบสขุ ภาพของกระทรวง

85

วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย

สาธารณสขุ (Health Data Center) ปีงบประมาณ 2564 วธิ ีการศึกษา
พบว่า ผู้ป่วยระยะท้ายแบบประคับประคอง มีกิจกรรม
family meeting และมกี ารทำ� การวางแผนสขุ ภาพลว่ งหนา้ พฒั นาการการดแู ลแบบประคบั ประคองในประเทศไทย
(advance care planning) ร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัว ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา อาจแบ่งได้เป็น 3 ยุค ได้แก่
มีเพียงร้อยละ 50.5 เทา่ นั้น(43) ยคุ ท่ี 1: รงุ่ อรุณแหง่ palliative care (กอ่ น พ.ศ. 2547),
ยคุ ที่ 2: สามเหลี่ยมเขย้ือนภูเขา (พ.ศ. 2547-2555) และ
ในด้านบุคลากรทางการแพทย์ จากการศึกษาในปี ยคุ ที่ 3: การพฒั นาอยา่ งกา้ วกระโดด (พ.ศ. 2555–ปจั จบุ นั )
พ.ศ. 2555(18) พบว่า มีแพทย์ที่ผ่านการอบรมหลักสูตร โดยมีจุดเปล่ียนท่ีส�ำคัญ คือ การจัดประชุมวิชาการด้าน
การดูแลแบบประคับประคองมากกว่า 1 ปี จ�ำนวน 12 คน การดูแลแบบประคบั ประคอง และโครงการ “เผชญิ ความตาย
มากกว่า 1 เดือนจ�ำนวน 6 คน โดยมีจ�ำนวนแพทย์ท่ีผ่าน อยา่ งสงบ” จนเกิดการรวมตัวของบุคลากรทางการแพทย์
การอบรมการดูแลแบบประคับประคองท้ังประเทศ จ�ำนวน และประชาชนเป็นเครือข่ายได้มาร่วมกันสร้างองค์ความรู้
รวม 147 คนภายหลังการจัดต้ังศูนย์การุณรักษ์และมีการ และพื้นที่ปฏิบัติงานจากเดิมท่ีท�ำกันอย่างแยกส่วน และ
อบรมบุคลากรทางการแพทย์ พบว่า ตลอดช่วง พ.ศ. จุดเปลี่ยนท่ีสองที่ท�ำให้การดูแลแบบประคับประคอง
2553-2562 มีแพทย์ท่ีผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในยุคที่สาม คือ ชุดโครงการ
ระยะกลาง-ระยะยาว อกี จำ� นวน 189 คน โดยแบง่ เปน็ แพทยท์ ี่ สร้างเสริมสุขภาวะในช่วงท้ายของชีวิต การจัดตั้งสมาคม
ผา่ นการอบรม mid-career training หลกั สตู ร 1 ปี จำ� นวน บริบาลผู้ป่วยระยะท้าย และการจัดประชุม APHC ที่
29 คน และหลกั สตู ร BCCPM 8 สัปดาห์จ�ำนวน 160 คน(44) ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพทั้งสามเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุ
ที่ส�ำคัญที่เร่งให้เกิดการเรียนรู้และการดูแลแบบประคับ
ในขณะที่จ�ำนวนพยาบาลจากการส�ำรวจบุคลากร ประคองในทุกมิติ
ทางการแพทยใ์ นปี พ.ศ. 2555 พบมีจ�ำนวนพยาบาลทัง้ สน้ิ
1,680 คน ซ่งึ มีเพยี ง 49 คน ท่ีผ่านการอบรมหลักสูตรระยะ จากการรวบรวมประวัติศาสตร์ของการดูแลแบบ
เวลามากกว่า 1 เดือน คิดเป็นร้อยละ 3 ต่อมาในช่วง พ.ศ. ประคับประคองในประเทศไทย ผู้เขียนพบว่าการสัมภาษณ์
2553-2562 ศูนย์การุณรักษ์ได้อบรมหลักสูตรส�ำหรับ ผู้รู้ท่ีมีบทบาทส�ำคัญในการขับเคล่ือนการดูแลแบบประคับ
พยาบาลเพ่ิมอกี 927 คน แบง่ เปน็ mid-career training ประคองทง้ั สองทา่ น ทำ� ใหผ้ เู้ ขยี นมองเหน็ ภาพรวมและความ
หลักสูตร 1 ปีจ�ำนวน 6 คน หลักสูตร BCCPN 6 สัปดาห์ ต่อเนื่องของเหตุการณ์ที่ส�ำคัญที่ส่งผลต่อกันและกัน และ
จำ� นวน 174 คน(44) ข้อมูลเชิงความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ได้ถูกบันทึกที่ใดมาก่อน
ในกระบวนการสืบค้นเอกสารที่เก่ียวข้องจากเร่ืองราวที่ได้
การศกึ ษาโดย สถาบนั วจิ ยั เพอ่ื การพฒั นาประเทศไทย จากการสัมภาษณ์ ผู้เขียนพบว่าแหล่งข้อมูลมีการกระจัด
(Thailand Development Research Institute, TDRI) กระจายและข้อมูลจ�ำนวนหนึ่งถูกบันทึกโดยผู้ปฏิบัติงาน
ใน ปี พ.ศ. 2563(45) ทศ่ี กึ ษาการตระหนกั รสู้ าธารณะ (public ในรูปแบบบันทึกส่วนตัวเป็นภาษาไทยในอินเทอร์เน็ต
awareness) และทศั นคตขิ องคนไทยอายุ 20-80 ปี จำ� นวน โดยข้อมูลการขับเคล่ือนด้านการรับรู้ของประชาชนมีการ
2,394 คน ต่อการดูแลแบบประคับประคอง พบว่า มีเพียง รวบรวมไว้อย่างครบถ้วนในเว็บไซต์ของเครือข่ายพุทธิกา
รอ้ ยละ 43 ท่ีตระหนักเกี่ยวกับการดแู ลในระยะท้ายของชีวติ ท�ำให้เห็นการขับเคล่ือนที่มีความต่อเน่ืองตั้งแต่ “เผชิญ
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหรือมีโรคเร้ือรังอยู่แล้ว มีเพียง ความตายอยา่ งสงบ” เรื่อยมาจนถึง “ชุมชนกรุณาเพ่ือการ
ร้อยละ 24 ท่ีรู้จักการดูแลแบบประคับประคอง และพบว่า อยู่และตายดี” โดย Peaceful Death แหล่งข้อมูลท่ีเป็น
กว่ารอ้ ยละ 92 ทรี่ ูจ้ กั พระราชบญั ญัตสิ ขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ข้อมูลในเชิงนโยบายและหนังสือราชการ ผู้เขียนสามารถ
2550 มาตรา 12 ท่ีว่าด้วยสิทธ์ิในการปฏิเสธการรักษาที่ สืบค้นได้อย่างจ�ำกัด อาจจะทำ� ใหข้ อ้ มลู พฒั นาการการดแู ล
เปน็ ไปเพื่อการยอ้ื ชวี ติ แตม่ เี พียงร้อยละ 14 เทา่ น้ันทเี่ คยท�ำ แบบประคบั ประคองในมติ ดิ า้ นนโยบายยงั ไมส่ มบรู ณม์ ากนกั
พนิ ยั กรรมชวี ติ หรอื วางแผนการดแู ลสขุ ภาพลว่ งหนา้ ไวแ้ ลว้
ท�ำให้เห็นว่ายังมีช่องว่างในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยว สังคมไทยที่ก�ำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุใน
กับการวางแผนดแู ลลว่ งหนา้ ส�ำหรับประชาชนในภาพรวม

86

Thai Health Promotion Journal

ปัจจุบัน และโครงสร้างสังคมท่ีมีลักษณะเป็นสังคมเมือง เข้าถึงได้ เช่น กัญชาทางการแพทย์ ท้ังหมดนี้จะเป็นปัจจัย
มากขึ้น สร้างความท้าทายให้กับทิศทางของการดูแลแบบ ท่จี ะชว่ ยลดอปุ สรรคในการเข้าถงึ บรกิ ารดงั กลา่ วของผู้ปว่ ย
ประคับประคองในอนาคต ลักษณะของการ “ตายดี” ใน อยา่ งทั่วถึงและมีคณุ ภาพได้
บริบทของคนยุคใหม่ อาจไม่เหมือนกับชุดความเชื่อเดิมท่ี
เราเคยคุ้นชิน เมื่อความเป็นอยู่และความตายเป็นส่วนหน่ึงของชีวิต
และความรับผิดชอบร่วมกันของประชาชน อนาคตการดแู ล
จากข้อมูลเชิงสถิติถึงสถานการณ์การดูแลแบบ แบบประคับประคองของประเทศไทยจึงถูกก�ำหนดโดย
ประคบั ประคองในปจั จบุ นั เทยี บกบั อดตี ดงั ทไี่ ดก้ ลา่ วไปขา้ งตน้ คนไทยทกุ คนเชน่ กัน
ช่องว่างของพัฒนาการการดูแลแบบประคับประคองของ
ประเทศไทย คงจะประกอบดว้ ย (1) การเพม่ิ การเขา้ ถงึ บรกิ าร กิตติกรรมประกาศ
การดแู ลแบบประคบั ประคองใหม้ ากขนึ้ (2) การเพม่ิ การรบั รู้
ของแพทย์สาขาต่างๆ ถึงบทบาทของการดูแลแบบประคับ ผู้เขียนขอขอบคุณ คุณวรรณา จารุสมบูรณ์ และ
ประคอง (3) การจดั ระบบโครงสรา้ งใหก้ ารดแู ลแบบประคบั รศ. พญ.ศรเี วยี ง ไพโรจนก์ ลุ อยา่ งสดุ ซง้ึ ในการใหส้ มั ภาษณ์
ประคองเปน็ หนว่ ยงานเทยี บเทา่ การดแู ลเฉพาะทางสาขาอนื่ ๆ และเลา่ เสน้ ทางของการดแู ลแบบประคบั ประคองอยา่ งทรง
(4) กำ� หนดบทบาทใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั งิ านสามารถจดั บรกิ ารไดอ้ ยา่ ง พลังประสบการณ์การรวบรวมเหตุการณ์ตามแหล่งข้อมูล
เต็มเวลาและมีเส้นทางอาชีพท่ีชัดเจน (5) การเพ่ิมบทบาท ต่างๆ ท�ำให้ผู้เขียนตระหนักว่ามีผู้คนอีกจ�ำนวนมากท่ีมี
ของภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและภาคประชาชน ในด้าน สว่ นรว่ มในการสรา้ งใหเ้ กดิ การดแู ลแบบประคบั ประคองขนึ้
การดแู ลแบบประคบั ประคอง (6) การศกึ ษาดา้ นประสทิ ธผิ ล ในประเทศไทย ท่ีผู้เขียนไม่สามารถรวบรวมมาได้ท้ังหมดใน
และประสทิ ธภิ าพของการดแู ลแบบประคบั ประคองในปจั จบุ นั ท่ีน้ี การดูแลเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งให้จากไปอย่างสงบ เป็น
(7) การศกึ ษาวจิ ยั เร่อื ง การแพทยท์ างเลือกท่มี ศี ักยภาพใน ส่ิงท่ีมีคุณค่าและสร้างความหมายที่ดีให้กับบุคคลน้ันเอง
การนำ� มาใชด้ แู ลผปู้ ว่ ยแบบประคบั ประคองทป่ี ระชาชนสามารถ และกับคนรอบข้างท่ียังมีชีวิตอยู่ ผู้เขียนจึงขอคารวะทุกๆ
ท่านที่มีส่วนเก่ียวข้องในการสร้างคุณค่าให้เกิดข้ึนกับการ
ดแู ลแบบประคบั ประคองทงั้ ทไ่ี ด้เอ่ยนามและไม่ได้เอย่ นาม

เอกสารอา้ งองิ

1. Foley KM, Ferris FD Stjernswärd J. The public health strategy for palliative care. Journal of Pain and Symptom
Management 2007;33(5):486-93.

2. Wright M, Wood J, Lynch T, Clark D. Mapping levels of palliative care development: a global view. Journal of Pain
and Symptom Management 2008;35:469-85.

3. Lynch T, Connor S, Clark D. Mapping levels of palliative care development: a global update. Journal of Pain and
Symptom Management. 2013;45:1094-106.

4. Clark D, Baur N, Clelland D, Garralda E, López-Fidalgo J, Connor S, et al. Mapping levels of palliative care development
in 198 Countries: the situation in 2017. Journal of Pain and Symptom Management 2020;59(4):794-807.

5. The Economist Intelligence Unit. The 2015 quality of death index: ranking palliative care across the world [Inter-
net]. the Economist; 2015 [cited 2021 Mar 1]. Available from: https://perspectives.eiu.com/healthcare/2015-qual-
ity-death-index/white-paper/2015-quality-death-index

6. พระดษุ ฎี เมธงั กโุ ร, สนั ต์ หตั ถรี ตั น,์ เอกวทิ ย์ ณ ถลาง, นธิ พิ ฒั น์ เจยี รกลุ , สวุ รรณา สถาอานนั ท,์ ประชา หตุ านวุ ตั ร. ความตายในทศั นะ
ของพทุ ธทาสภกิ ข.ุ กรงุ เทพมหานคร: เครอื ขา่ ยชาวพทุ ธเพอ่ื พระพทุ ธศาสนาและสงั คมไทย; 2544.

7. พระไพศาล วศิ าโล. สภุ าพร พงศพ์ ฤกษ์ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2546 [สบื คน้ เมอ่ื 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.visalo.org/article/
person23Supaporn.htm

8. พรวไิ ล คารร.์ สรา้ งสขุ ทปี่ ลายทาง. นนทบรุ :ี สำ� นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาติ (สช.); 2560.

87

วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย

9. ธนา นลิ ชยั โกวทิ ย,์ วรสิ รา กรชิ ไกรวรรณ, วรรณา จารสุ มบรู ณ,์ พรเลศิ ฉตั รแกว้ . การทบทวนกระบวนทศั นเ์ รอื่ งความตายกบั มติ แิ หง่
สขุ ภาวะ. สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสขุ (สวรส.); 2546.

10. เตม็ ศกั ดิ์ พงึ่ รศั ม.ี ลำ� ดบั เหตกุ ารณส์ ำ� คญั ของเรอ่ื งการดแู ลรกั ษาแบบประคบั ประคอง (Palliative Care) ในประเทศไทย. ใน: สำ� นกั งาน
คณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาต.ิ คมู่ อื ผใู้ หบ้ รกิ ารสาธารณสขุ กฎหมายและแนวทางการปฏบิ ตั ทิ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การดแู ลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย.
พมิ พค์ รง้ั ที่ 6. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาต;ิ 2560. หนา้ 51-5.

11. เตม็ ศกั ด์ิ พง่ึ รศั ม.ี บนั ทกึ คนสานเครอื ขา่ ย MS-PCARE 3:​ เครอื ขา่ ยภายนอก ภายใน [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2552 [สบื คน้ เมอื่ 1 ม.ี ค. 2564].
แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.gotoknow.org/posts/266859

12. สกล สงิ หะ. จติ ตปญั ญาเวชศกึ ษา 124: MS-PCARE ตอน 1 กลมุ่ palliative care รร.แพทย์ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2553 [สบื คน้ เมอ่ื 1 ม.ี ค.
2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.gotoknow.org/posts/348767

13. พรเลศิ ฉตั รแกว้ , ภชุ งค์ เหลา่ รจุ สิ วสั ด,ิ์ วรี มลล์ จนั ทรด์ .ี การดแู ลผปู้ ว่ ยระยะสดุ ทา้ ย: pain education: gateway to palliative care
เลม่ ที่ 1. กรงุ เทพมหานคร: กลมุ่ สถาบนั แพทยศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย; 2553.

14. พรเลิศ ฉัตรแก้ว, ภุชงค์ เหล่ารุจิสวัสด์ิ, วีรมลล์ จันทร์ดี. การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย: non-cancer palliative care เล่มท่ี 2.
กรงุ เทพมหานคร: กลมุ่ สถาบนั แพทยศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย; 2553.

15. พรเลิศ ฉัตรแก้ว, ภุชงค์ เหล่ารุจิสวัสด์ิ, วีรมลล์ จันทร์ดี. การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย: ethics & law: palliative care เล่มที่ 3.
กรงุ เทพมหานคร: กลมุ่ สถาบนั แพทยศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย; 2554.

16. ดารนิ ทร์ จตรุ ภทั รพร. สขุ รกั เขา้ ใจ ในชว่ งทา้ ยของชวี ติ . กรงุ เทพมหานคร: เครอื ขา่ ย Palliative Care ในโรงเรยี นแพทย;์ 2554.
17. Phungrassami T, Atthakul N, Thongkhamcharoen R. Palliative care and essential drug availability: Thailand national

survey 2012. Journal of Palliative Medicine 2003;16(5):546-50.
18. Phungrassami T, Thongkhamcharoen R, Atthakul N. Palliative care personnel and services: a national survey in

Thailand 2012. Journal of Palliative Care 2013;29(3):133-9.
19. Suvarnabhumi K, Sowanna N, Jiraniramai S, Jaturapatporn D, Kanitsap N, Soorapanth C, et al.Situational analysis

of palliative care education in thai medical schools. BMC Palliative Care 2013;7:25-9.
20. โครงการวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาหลกั สตู รอบรมและกระบวนการดา้ นจติ ตปญั ญาศกึ ษา. ชดุ ความรกู้ ารอบรมกระบวนการแนวจติ ตปญั ญาศกึ ษา

เลม่ 8 การเผชญิ ความตายอยา่ งสงบ. กรงุ เทพมหานคร: ศนู ยส์ ง่ เสรมิ และพฒั นาพลงั แผน่ ดนิ เชงิ คณุ ธรรม สำ� นกั งานบรหิ ารและพฒั นา
องคค์ วามร;ู้ 2551.
21. เพร็ ชลดา ซงึ้ จติ สริ โิ รจน.์ การพฒั นาระบบอาสาสมคั รในโรงพยาบาล กรณศี กึ ษาโครงการอาสาขา้ งเตยี ง. กรงุ เทพมหานคร: โครงการสง่
เสรมิ บทบาทพระสงฆ์ โรงพยาบาลและชมุ ชน ในการเยยี่ วยาจติ ใจผปู้ ว่ ยเรอ้ื รงั และระยะสดุ ทา้ ย เครอื ขา่ ยพทุ ธกิ า; 2556.
22. วรพงษ์ เวชมาลนี นท.์ จดหมายขา่ วอาทิตย์อสั ดง [อินเทอรเ์ นต็ ]. [สืบคน้ เมื่อ 1 มี.ค. 2564]. แหล่งขอ้ มูล: http://www.budnet.
org/sunset/node/10
23. ศรนิ ธร รัตนเ์ จรญิ ขจร. โครงการสง่ เสรมิ บทบาทพระสงฆ์ โรงพยาบาล และชุมชน ในการเยียวยาจิตใจผ้ปู ่วยเรือ้ รงั และระยะสุดท้าย
[อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอื่ 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : http://www.budnet.org/sunset/node/366
24. ศรนิ ธร รตั นเ์ จรญิ ขจร. พระสงฆ์ สขุ ภาวะทางปญั ญากบั การดแู ลผปู้ ว่ ยระยะสดุ ทา้ ย [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอื่ 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่
ขอ้ มลู : https://peacefuldeath.co/พระสงฆ-์ สขุ ภาวะทางปญั ญา/
25. สถาบนั พฒั นาและรบั รองคณุ ภาพโรงพยาบาล. มาตรฐานโรงพยาบาลและบรกิ ารสขุ ภาพ ฉบบั เฉลมิ พระเกยี รตฉิ ลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๖๐
ปี [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2549 [สบื คน้ เมอื่ 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : http://203.157.80.2/replyImages/20131220145426464.pdf
26. สกล สงิ หะ. นริ าศซดิ นยี ์ 46: ปจั ฉมิ บทแหง่ ปฐมกาล [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2553 [สบื คน้ เมอ่ื 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.
gotoknow.org/posts/361246
27. แสวง บญุ เฉลมิ วภิ าส. หลกั การมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.สขุ ภาพแหง่ ชาติ คอื สทิ ธทิ จ่ี ะขอตายตามธรรมชาติ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอ่ื 1
ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : http://www.lpch.go.th/lpch/uploads/20160711083642427762.pdf
28. เตม็ ศกั ด์ิ พง่ึ รศั ม.ี บนั ทกึ คนสานเครอื ขา่ ย MS-PCARE 14: อกี หนงึ่ กา้ วสำ� คญั [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2553 [สบื คน้ เมอื่ 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่
ขอ้ มลู : https://www.gotoknow.org/posts/354082
29. สมาคมบรบิ าลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย (THAPS). โครงการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะในชว่ งทา้ ยของชวี ติ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอื่ 1 ม.ี ค. 2564].
แหลง่ ขอ้ มลู : http://www.thaps.or.th/supplements-climate-project-the-end-of-life/

88

Thai Health Promotion Journal

30. กองสาราณยี กร. ความตายพดู ได้ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอ่ื 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://peacefuldeath.co/ความตายพดู ได้
31. เอกภพ สทิ ธวิ รรณธนะ, นงลกั ษณ์ สขุ ใจเจรญิ กจิ . พรอ้ มกอ่ นตาย [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอ่ื 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://

peacefuldeath.co/พรอ้ มกอ่ นตาย
32. วรรณา จารสุ มบรู ณ.์ HAPPY: DEATH DAY ตาย [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอ่ื 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.thailivingwill.

in.th/sites/default/files/Happy_DD_1.pdf
33. Peaceful Death. About us [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอ่ื 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://peacefuldeath.co/about-us/
34. กองบรรณาธกิ าร. ชมุ ชนกรณุ า นมิ ติ ใหมข่ องสงั คมไทย. กรงุ เทพมหานคร. สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ; 2562.
35. โครงการจดั การความรสู้ ขุ ภาวะระยะทา้ ย. Pal2Know รายละเอยี ดโครงการ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2556 [สบื คน้ เมอ่ื 1 ม.ี ค. 2564]. แหลง่

ขอ้ มลู : https://www.gotoknow.org/posts/555525
36. เตม็ ศกั ดิ์ พง่ึ รศั ม.ี วทิ ยานพิ นธก์ อ่ นตาย. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ; 2559.
37. สมาคมบรบิ าลผปู้ ว่ ยระยะทา้ ย. ขา่ วประชาสมั พนั ธ์ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอ่ื 27 ก.ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : http://www.thaps.or.th/

category/news/conference/
38. ราชวทิ ยาลยั แพทยเ์ วชศาสตรค์ รอบครวั แหง่ ประเทศไทย. หลกั สตู รและเกณฑก์ ารฝกึ อบรม ประกาศนยี บตั รประกอบวาชพี เวชกรรมดา้ น

เวชศาสตรค์ รอบครวั การบรบิ าลแบบประคบั ประคอง [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [สบื คน้ เมอ่ื 27 ก.ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : http://thaifammed.
org/wp-content/uploads/2018/12/หลกั สตู ร-FMPC-with-Cover-1.pdf
39. สำ� นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาต.ิ แผนยทุ ธศาสตรร์ ะดบั ชาตวิ า่ ดว้ ยการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะในระยะทา้ ยของชวี ติ พ.ศ.2557-2559
นนทบรุ :ี สำ� นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาต;ิ 2557.
40. กองบรหิ ารการสาธารณสขุ . 6th Service Plan Sharing กา้ วเปลย่ี นสคู่ วามยง่ั ยนื ของระบบสขุ ภาพไทย. นนทบรุ :ี สำ� นกั งานปลดั -
กระทรวงสาธารณสขุ ; 2562.
41. ศรเี วยี ง ไพโรจนก์ ลุ . บทที่ 2 การดแู ลแบบประคบั ประคองของประเทศไทย: การมงุ่ สคู่ ณุ ภาพ. ใน: คมู่ อื การดแู ลผปู้ ว่ ยแบบประคบั ประคอง
และระยะทา้ ย (สำ� หรบั บคุ ลากรทางการแพทย)์ . นนทบรุ :ี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ; 2563. หนา้ 7-16.
42. Natprayut N. Access to palliative care in a tertiary care hospital in Thailand. The Clinical Academia 2019;43:220-8.
43. ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร สำ� นกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ . กลมุ่ รายงานมาตรฐาน >> ขอ้ มลู เพอื่ ตอบสนอง Service
Plan สาขา Intermediate & Palliative Care [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2564 [สบื คน้ เมอื่ 22 ส.ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://hdcservice.
moph.go.th/hdc/reports/page.php?cat_id=b08560518ca0ebcaf2016dab69fb38b5
44. Pairojkul S. Network of primary palliative care in Thailand: a prototype driven by education. In: Silbermann M,
editor. Palliative care for chronic cancer patients in the community. Basel, Switzerland: Springer International
Publishing; 2021. p. 521-31
45. Kunakornvong W, Ngaosri K. Public awareness and attitude toward palliative care in Thailand. Siriraj Medical Journal
2020;72:424-30.

89


Click to View FlipBook Version