วารสารการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal
ปที ี่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022
บทความพิเศษ Special Article
ศกั ยภาพของประเทศไทยในการขับเคลือ่ น
วาระดา้ นสุขภาพในเวทรี ะดบั โลก
วรศิ า พานิชเกรยี งไกร1, อรณา จันทรศริ 1ิ , หทยั ชนก สุมาล1ี , พฒุ ปิ ัญญา เรอื งสม1, พีรยา เพยี รเจริญ1, รังสรร ม่ันคง2
1สำ�นกั งานพัฒนานโยบายสขุ ภาพระหวา่ งประเทศ กระทรวงสาธารณสขุ จังหวดั นนทบุรี
2สำ�นักงานกองทุนสนับสนนุ การสร้างเสริมสขุ ภาพ กรุงเทพมหานคร
บทคัดยอ่
ในชว่ งทศวรรษทผ่ี า่ นมาประเทศตา่ งๆ และภาคสว่ นตา่ งๆ มกี ารดำ� เนนิ งานรว่ มกนั ดา้ นสขุ ภาพโลก (global health) เพอ่ื
จดั การปญั หาสขุ ภาพทม่ี คี วามซบั ซอ้ นรว่ มกนั โดยประเทศไทยไดแ้ สดงบทนำ� ในการขบั เคลอื่ นประเดน็ สขุ ภาพในเวทโี ลกหลาย
วาระ จนเกดิ เปน็ ขอ้ มตแิ ละขอ้ ตดั สนิ ใจทเี่ ปน็ แนวทางการทำ� งานของประเทศและองคก์ รระหวา่ งประเทศ ประเทศไทยให้ความ
สำ� คญั กบั การพฒั นาศกั ยภาพดา้ นสขุ ภาพโลก โดยแผนงานการสรา้ งความเขม้ แขง็ ของงานสขุ ภาพโลกเปน็ หนง่ึ ในแผนงาน
ภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและองค์การอนามัยโลก พ.ศ. 2560-2564 เป็นกลไกที่สำ� คัญในการ
พัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง น�ำไปสู่ศักยภาพในการขับเคล่ือนประเด็นสุขภาพในเวทีระดับ
โลก การขยายเครือข่ายการท�ำงานด้านสุขภาพโลกในประเทศไทยและระหว่างประเทศอ่ืนๆ ทั้งนี้ปัจจัยในการด�ำเนินงานที่
ส�ำคัญ ได้แก่ การมหี นว่ ยงานรบั ผดิ ชอบในการประสานงานระหวา่ งภาคสว่ นตา่ งๆ การมที รัพยากรดา้ นตา่ งๆ ที่เพียงพอ ท้ัง
งบประมาณ องค์ความรู้ด้านสุขภาพโลก องค์ความรู้ในประเด็นสุขภาพเฉพาะ และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร
อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ทง้ั ผา่ นการอบรมและการเขา้ รว่ มประชมุ ในเวทจี รงิ บทความนย้ี งั มขี อ้ เสนอแนะในการดำ� เนนิ งานดา้ นสขุ ภาพโลก
ของประเทศไทย ได้แก่ การจัดท�ำเป้าหมายของการด�ำเนินงานในระยะยาวเพ่ือให้ประเทศมีทิศทางการด�ำเนนิ งานดา้ น
สขุ ภาพโลก การสรา้ งกระบวนการขบั เคลอ่ื นประเดน็ รว่ มกนั ระหวา่ งหนว่ ยงานตา่ งๆ และการกำ� หนดเปา้ หมายระยะยาวของ
การพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพโลกให้สามารถเป็นผู้น�ำทางด้านสุขภาพโลกที่สามารถแสดงบทบาทน�ำในเวทีระดับโลกได้
คำ�สำ�คญั : สขุ ภาพโลก; กรอบยทุ ธศาสตรส์ ขุ ภาพโลก; ยทุ ธศาสตรค์ วามรว่ มมอื ระหวา่ งรฐั บาลไทยและองคก์ ารอนามยั โลก;
การพัฒนาศักยภาพ
Thailand’s Capacity in
Driving Health Agenda at Global Level
Warisa Panichkriangkrai1, Orana Chandrasiri1, Hathaichanok Sumalee1, Putthipanya Rueangsom1,
Peeraya Piancharoen1, Rungsun Munkong2
1International Health Policy Program, Ministry of Public Health, Nonthaburi Province
2Thai Health Promotion Foundation, Bangkok, Thailand
Abstract
For the past decades, there are increasing collaboration across sectors on global health to
overcome complexity of health-related problems. Thailand has played active roles in driving health-related
90
Thai Health Promotion Journal
agenda at global level through various platforms. The Global Health Diplomacy program under WHO-Royal
Thai Government Country Cooperation Strategy 2016-2021 becomes a key mechanism in supporting
Thailand’s movement, expanding network and building up capacity of young generation. Key success
factors include coordinating agency on global health, availability adequate resources (financial, technical
knowledge and global health knowledge), and continued capacity building activities for young generation
through training and real-life experience. However, Thailand should consider identifying key health
agenda that the country would lead, strengthening collaboration across agencies within and between
countries, and developing long-term plan for capacity building aiming for Thai global health leaders
to play leading roles in global arena.
Keywords: global health; global health strategic framework; Country Cooperation Strategy; capacity
building
บทน�ำ ระดับสูงหลายฉบับที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการ
ผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาสุขภาพและปัจจัยทางสังคม
ปจั จบุ นั ปญั หาสขุ ภาพมคี วามซบั ซอ้ นมากขนึ้ ดงั นนั้ การ ท่ีมีผลต่อสุขภาพ เพ่ือเป็นทิศทางการด�ำเนินงานให้กับ
พัฒนาและการด�ำเนินการแก้ปัญหาสุขภาพจ�ำเป็นต้องการ ประเทศตา่ งๆ โดยมตี วั อยา่ งในเรอื่ งการปอ้ งกนั และควบคมุ
ความรว่ มมอื จากหลายประเทศทวั่ โลก ทง้ั นเี้ นอ่ื งจากปญั หา โรคไม่ติดต่อเร้ือรัง เช่น ปฏิญญาทางการเมืองเรื่องการ
สขุ ภาพมผี ลกระทบทงั้ ทางตรงและทางออ้ มตอ่ สขุ ภาพทข่ี า้ ม ปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไมต่ ดิ ตอ่ เรอื้ รงั ในการประชมุ ระดบั สงู
เขตแดนของประเทศใดประเทศหนงึ่ รวมถงึ สง่ ผลดา้ นการคา้ สหประชาชาติ ปี 2018 (Political Declaration of the
เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประเด็น High-Level Meeting of the General Assembly on
สขุ ภาพโลก (global health) จงึ มคี วามสำ� คญั มากขนึ้ ทง้ั น้ี the Prevention and Control of Non-Communicable
Koplan และคณะ ได้ให้ค�ำจ�ำกัดความของสุขภาพโลกไว้ว่า Diseases)(3) แผนปฏิบัติการระดับโลกว่าด้วยการป้องกัน
สขุ ภาพโลกมงุ่ เนน้ ประเดน็ ทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพทงั้ ทาง และควบคมุ โรคไมต่ ดิ ตอ่ เรอื้ รงั 2013-2020 (Global action
ตรงและทางอ้อม และสามารถข้ามเขตแดนของประเทศ plan for the prevention and control of noncom-
ได้การแก้ไขปัญหามักต้องการความร่วมมือระดับโลก โดย municable diseases 2013-2020)(4) Montevideo
เปา้ หมายหลกั คอื การสรา้ งความเปน็ ธรรมทางสขุ ภาพระหวา่ ง Roadmap 2018–2030 on NCDs(5) นอกจากนผ้ี นู้ ำ� สงู สดุ
ประเทศสำ� หรบั ประชาชนทกุ คน ซง่ึ ตอ้ งการความเชยี่ วชาญ ของทกุ ประเทศทว่ั โลกไดร้ บั รองการตงั้ เปา้ หมายการพฒั นา
ทีห่ ลากหลายและการท�ำงานร่วมกันของหลายสาขาวชิ าชีพ อยา่ งยงั่ ยนื (Sustainable Development Goals, SDGs)
จากทงั้ ในและนอกภาคสว่ นสขุ ภาพ(1) ทมี่ งุ่ การลดอตั ราการเสยี ชวี ติ กอ่ นวยั อนั ควรจากโรคไมต่ ดิ ตอ่
เรอื้ รงั ลงหนง่ึ ในสามภายในปี ค.ศ. 2030(6)
ดังน้ันการด�ำเนินงานด้านสุขภาพโลก จึงเกี่ยวข้องกับ
มติ ติ า่ งๆ 5 ดา้ น(2) ไดแ้ ก่ ดา้ นนโยบายระหวา่ งประเทศ ดา้ น ทผี่ า่ นมาประเทศไทยไดแ้ สดงบทนำ� ในเวทโี ลกมากมาย
ความม่ันคง ด้านสุขภาพ ด้านมนุษยธรรม ด้านการลงทุน เช่น การผลักดันวาระหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในเวที
ระหวา่ งประเทศและดา้ นการสาธารณสขุ ดงั นนั้ จงึ มหี นว่ ยงาน สมัชชาสหประชาชาติ สมัชชาอนามัยโลก เป็นต้น รวมถึง
และองค์กรต่างๆ เข้ามาเก่ียวข้องกับการด�ำเนินงานด้าน การสร้างความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในการขับเคล่ือน
สขุ ภาพโลก ประเทศตา่ งๆ จงึ เกดิ ความรว่ มมอื และการสรา้ ง ประเดน็ หลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ และการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ
ข้อตกลงในการด�ำเนินงานด้านสุขภาพโลกร่วมกัน เห็นได้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการใช้ประสบการณ์การด�ำเนินงานท่ี
จากการมเี อกสารแสดงเจตจำ� นงทางการเมอื งและนโยบาย ประสบความส�ำเร็จของประเทศในการขับเคล่ือน เช่น จาก
91
วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย
ท่ีประเทศไทยประสบความส�ำเร็จในการบรรลุหลักประกัน ประเทศ และการสนับสนุนการด�ำเนินงานของประเทศเพื่อ
สขุ ภาพถว้ นหนา้ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2545 การพฒั นาระบบบรกิ าร รับมือกับปัญหาสุขภาพและปัจจัยเส่ียงต่างๆ โดยมีการ
สาธารณสุขอย่างเป็นระบบ และมีการพัฒนางานด้านการ ประชมุ หลกั ทม่ี กี ารตดั สนิ ใจเชงิ นโยบายขององคก์ ารอนามยั โลก
สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 2 การประชุม ได้แก่ การประชุมสมัชชาอนามัยโลก (World
Health Assembly, WHA) ซง่ึ เปน็ เวทกี ารตดั สนิ ใจหลกั โดย
นอกจากนี้ประเทศไทยยังได้พัฒนากรอบยุทธศาสตร์ ประเทศสมาชกิ 194 ประเทศ และการประชมุ คณะกรรมการ
สุขภาพโลก พ.ศ. 2559-2563(7) ภายใต้ความร่วมมือของ บริหารองค์การอนามัยโลก (Executive Board, EB) ซ่ึง
กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงการตา่ งประเทศและภาคสว่ น เป็นเวทีการตัดสินใจโดยประเทศสมาชิก 34 ประเทศที่เป็น
ตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื กำ� หนดทศิ ทางการ ตัวแทนจากทั้ง 6 ภูมิภาค เพ่ือน�ำผลจากการประชุมเข้าที่
ทำ� งานรว่ มกนั อยา่ งเปน็ ระบบของภาคสว่ นตา่ งๆ ทง้ั ภาครฐั ประชุมสมัชชาอนามัยโลกเพ่ือพิจารณาต่อไป นอกจากน้ี
ภาคเอกชน และประชาสงั คม และมเี ปา้ ประสงคใ์ หเ้ กดิ ความ ยังมีเวทีในระดับภูมิภาค ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการ
มนั่ คงทางดา้ นสขุ ภาพและความปลอดภยั จากภยั คกุ คามดา้ น องค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO
สุขภาพ เพ่ือขับเคลื่อนและส่งเสริมให้เศรษฐกิจและสังคม Regional Committee for South-East Asia, RC) ซ่ึง
ไทยพัฒนาได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งให้ประเทศไทยมีบทบาท เป็นการประชุมหารือทิศทางการด�ำเนินงานด้านสุขภาพ
ในการรว่ มกำ� หนดนโยบายสขุ ภาพโลกและเปน็ ทยี่ อมรบั ของ ในระดับภูมิภาค ประกอบด้วยประเทศสมาชิกในภูมิภาค
ประชาคมโลก ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมบทบาทน�ำและความ เอเชยี ตะวันออกเฉียงใตท้ งั้ หมด 11 ประเทศ
รับผิดชอบด้านสุขภาพโลกของไทย และการเสริมสร้าง
ขีดความสามารถของบุคลากร องค์กร และพัฒนาคุณภาพ ในชว่ ง 5 ปที ผ่ี ่านมา ประเทศไทยไดข้ ับเคลอ่ื นประเด็น
ของขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพโลกอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง สุขภาพในเวทีระดับโลกหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในเวทีการประชุมหลักขององค์การอนามัยโลก ได้แก่
ทง้ั นปี้ ระเทศไทยไดม้ กี ารพฒั นาแผนงานการสรา้ งความ การประชุมสมัชชาอนามัยโลก การประชุมคณะกรรมการ
เขม้ แขง็ ของงานสขุ ภาพโลก (Global Health Diplomacy, บริหารองค์การอนามัยโลก และการประชุมคณะกรรมการ
GHD) ซึ่งเป็นหนึ่งในหกแผนงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความ องค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้
รว่ มมอื ระหวา่ งรฐั บาลไทยและองคก์ ารอนามยั โลก (Country การขับเคลื่อนประเด็นเป็นการท�ำงานประสานกันระหว่าง
Cooperation Strategy, CCS) พ.ศ. 2560-2564 โดยแผน หน่วยงานในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และ
งานการสรา้ งความเขม้ แขง็ ของงานสขุ ภาพโลก เปน็ กลไกหนง่ึ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงคณะผู้แทนถาวรไทย
ทชี่ ว่ ยสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานตามกรอบยทุ ธศาสตรส์ ขุ ภาพ ประจ�ำสหประชาชาติ ณ นครนวิ ยอร์ก และคณะผู้แทนถาวร
โลกของประเทศไทยโดยอาศยั ความรว่ มมอื ระหวา่ งภาคสว่ น ไทยประจ�ำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา โดยการขับเคล่ือน
ตา่ งๆ ในประเทศไทยและองคก์ ารอนามยั โลก ประเดน็ สขุ ภาพของประเทศไทยมงุ่ หวงั ใหเ้ กดิ ขอ้ มติ (reso-
lution)หรอื ขอ้ ตดั สนิ ใจ(decision)ทจี่ ะนำ� ไปสกู่ ารดำ� เนนิ งาน
บทความน้ีเป็นการน�ำเสนอบทเรียนการขับเคลื่อน ตอ่ ไปของประเทศตา่ งๆ และองคก์ ารอนามยั โลก ดงั ตารางที่ 1
ประเด็นสุขภาพในเวทีระดับโลกของประเทศไทยผ่านกลไก เป็นการสรุปบทบาทของประเทศไทยในการขับเคลื่อน
ของแผนงานการสร้างความเข้มแข็งของงานสุขภาพโลก ประเดน็ ในเวทีต่างๆ
ในการพฒั นาศกั ยภาพของประเทศไทยในการดำ� เนนิ งานดา้ น ยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและองค์การ
สขุ ภาพโลกอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพตอ่ ไป อนามยั โลก
ประเทศไทยกับการขับเคลือ่ น ยทุ ธศาสตรค์ วามรว่ มมอื ระหวา่ งรฐั บาลไทยและองคก์ าร
ประเด็นสุขภาพในเวทรี ะดับโลก อนามยั โลก (Country Cooperation Strategy, CCS) พ.ศ.
2560-2564 มงุ่ การพฒั นาระบบทจ่ี ำ� เปน็ ตอ่ การนำ� นโยบาย
องคก์ ารอนามยั โลกก่อตงั้ ในปี พ.ศ. 2491 มบี ทบาทหลกั ใน สาธารณสุขของประเทศสู่การปฏิบัติ ตลอดจนการพัฒนา
การก�ำหนดทิศทางการด�ำเนินงานด้านสุขภาพในระดับโลก
การให้ข้อเสนอแนะต่อการด�ำเนินงานด้านสุขภาพในระดับ
92
Thai Health Promotion Journal
ตารางท่ี 1 ตวั อยา่ งประเดน็ สขุ ภาพทป่ี ระเทศไทยขบั เคลอ่ื นในเวทรี ะดบั โลกหรอื ระดบั ภมู ภิ าคระหวา่ งปี พ.ศ. 2560-2564
ประเด็นสุขภาพ ผู้มีบทบาทหลัก เวทีในการขับเคลื่อน บทบาทของประเทศไทย
Physical Activity -กรมอนามยั SEA RC69 ประเทศไทยได้ผลักดันวาระ Promoting Physical Activity
-IHPP (พ.ศ. 2559) in Southeast Asia Region ในที่ประชุม RC สมัยที่ 69 ในปี
-สสส. EB140 พ.ศ. 2559 โดยที่ประชุมได้รับรองข้อมติ Promoting Physical
-กองการ (พ.ศ. 2560) Activity in Southeast Asia Region (SEA/RC69/R4)(8)
ตา่ งประเทศ ประเทศไทยได้เสนอวาระ Revitalizing Physical Activity for
-กระทรวงการ Health เพื่อพิจารณาในที่ประชุม EB สมการเสนอวาระเข้าสู่ที่
ตา่ งประเทศ ประชุม EB สมัยที่ 140 ในปี พ.ศ. 2560 โดยที่ประชุมมีข้อตัดสินใจ
ให้ฝ่ายเลขานุการจัดทำ�ร่าง global action plan on physical
activity เพื่อนำ�เสนอต่อที่ประชุม EB สมัยที่ 142(9)
EB142 ประเทศไทยได้ส่งบุคลากรไทยไปปฏิบัติงานที่องค์การอนามัยโลก
WHA71 เพื่อร่วมจัดทำ� ร่าง Global Action Plan on Physical Activity
(พ.ศ. 2561) 2018-2030 นอกจากนี้ประเทศไทย โดยคณะผู้แทนถาวรไทย
ประจำ�สหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ยังเป็นประธานการหารือข้อ-
มติ Draft WHO Global Action Plan on Physical Activity
2018−2030 ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุม EB สมัยที่ 142(10)
และ WHA สมัยที่ 71(11) รวมถึงการรับรอง WHO Global Action
Plan on Physical Activity 2018-2030(12)
Universal Health -IHPP United Nations สบื เนอ่ื งจากทป่ี ระชมุ UNGA สมยั ท่ี 72 ในปี พ.ศ. 2561 กลมุ่ Foreign
Coverage -สปสช. General Assembly Policy and Global Health (FPGH) Initiative ซึ่งประเทศไทย
-กองการ (UNGA) 72 เปน็ สมาชกิ ไดเ้ สนอขอ้ มตใิ หท้ ป่ี ระชมุ รบั รอง 2 เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ การกำ�หนด
ตา่ งประเทศ (พ.ศ. 2561) ให้วันที่ 12 ธันวาคมของทุกปี เป็น International Universal
-กระทรวงการ SEA RC71 Health Coverage Day(13) และ กำ�หนดให้มีการจัด high-level
ต่างประเทศ (พ.ศ. 2561) meeting on universal health coverage ในปี พ.ศ. 2562(14)
EB144 ประเทศไทยได้ผลักดันให้เกิดข้อตัดสินใจ ซึ่งที่ประชุมได้รับรองให้มี
Harmful use of -IHPP WHA72 การเสนอวาระ “Preparation for the high-level meeting of
Alcohol -สสส. (พ.ศ. 2562) the General Assembly on Universal Health Coverage”
-กองการ UNGA เพิ่มในวาระของ EB สมัยที่ 144 และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น
ตา่ งประเทศ (พ.ศ. 2562) ผู้เสนอวาระในนามของภูมิภาค(15)
-กระทรวงการ ประเทศไทยได้เสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุม EB สมัยที่ 144 และเป็น
ต่างประเทศ SEA RC72 ประธานร่วมกับประเทศญี่ปุ่นในการหารือร่างข้อมติทั้งหมด 5 ครั้ง
(พ.ศ. 2562) และที่ประชุมได้รับรองข้อมติ(16) โดยมีประเทศร่วมอุปถัมภ์ข้อมติรวม
EB146 26 ประเทศ ทั้งนี้ข้อมติดังกล่าวได้นำ�เข้าสู่ที่ประชุม WHA สมัยที่ 72
WHA73 และได้รับการรับรองจากที่ประชุม(17)
(พ.ศ. 2563) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ�สหประชาชาติ ณ นคร
นิวยอร์ก ได้ทำ�หน้าที่ร่วมกับเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรจอร์เจียฯ
เป็นผู้ประสานงานการเจรจาร่างปฏิญญาทางการเมืองของการ
ประชุม high-level meeting of the General Assembly
on Universal Health Coverage โดยมีบุคลากรจากกระทรวง
สาธารณสุขร่วมสนับสนุนด้านวิชาการ ซึ่งที่ประชุมได้รับรอง
UNGA political declaration(18)
ประเทศไทย ไดเสนอขอบรรจุวาระ Strengthening the control
of harmful use of alcohol ที่ EB สมัยที่ 146 โดยที่ประชุมได้
สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นผู้เสนอวาระในนามของภูมิภาค[19]
ประเทศไทยได้เสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุม EB สมัยที่ 146 และเป็น
ประธานในการหารือร่างข้อมติทั้งหมดและที่ประชุมได้รับรองข้อมติ
Accelerating action to reduce the harmful use of alcohol(20)
โดยมีประเทศร่วมอุปถัมภ์ข้อมติรวม 39 ประเทศ
93
วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย
Mental Health -กรมสขุ ภาพจติ EB148 ประเทศไทยได้เสนอวาระ Mental health preparedness and
-กองการ WHA74 response for the COVID-19 pandemic เข้าสู่ที่ประชุม EB สมัย
ตา่ งประเทศ (พ.ศ. 2564) ที่ 148 และเป็นประธานในการหารือร่างข้อตัดสินใจทั้งหมด 3 ครั้ง
-IHPP และที่ประชุมได้รับรองข้อตัดสินใจ(21) โดยมีประเทศร่วมอุปถัมภ์
-กระทรวงการ ข้อตัดสินใจรวม 47 ประเทศ ทั้งนี้ข้อตัดสินใจดังกล่าวได้นำ�เข้าสู่ที่
ต่างประเทศ ประชุม WHA สมัยที่ 74 และได้รับการรับรองจากที่ประชุม(22)
ยทุ ธศาสตรด์ า้ นตา่ งๆ โดยมกี ระบวนการคดั เลอื กแผนงานที่ วตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ เสรมิ สรา้ งขดี ความสามารถดา้ นสขุ ภาพโลก
สำ� คญั 6 แผนงาน ได้แก่ โรคไม่ติดตอ่ เร้ือรงั ความปลอดภัย ของประเทศไทยใหย้ ง่ั ยนื ดงั นน้ั แผนงานการสรา้ งความเขม้ แขง็
บนทอ้ งถนนเชอื้ ดอ้ื ยาตา้ นจลุ ชพี สขุ ภาพของผยู้ า้ ยถนิ่ การคา้ ของงานสุขภาพโลก จึงมีบทบาทในการสร้างหลักฐานเชิง
ระหว่างประเทศและสุขภาพ และการสร้างความเข้มแข็ง ประจักษ์และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อการด�ำเนิน
ของงานสุขภาพโลก (Global Health Diplomacy, CCS- งานตามกรอบยุทธศาสตร์สุขภาพโลกของประเทศไทย
GHD) ซ่ึงแผนงานทั้งหมดสอดคล้องกับการจัดล�ำดับแผน อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมการด�ำเนินงานด้าน
งานส�ำคัญที่ก�ำหนดขึ้นในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สุขภาพโลกของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงาน
แห่งชาติฉบับท่ี 12 และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีส�ำหรับ รับผิดชอบหลักทั้งในเรื่องการสร้างองค์ความรู้และการ
ประเทศไทย นอกจากนยี้ ทุ ธศาสตรค์ วามรว่ มมอื นยี้ งั มงุ่ หวงั พัฒนาศักยภาพบุคลากร โดยมีระยะเวลาการด�ำเนินงาน
การใชท้ นุ ทางปญั ญาและทนุ ทางสงั คมขององคก์ ารอนามยั โลก ระหวา่ ง พ.ศ. 2560-2564
ในการขยายเครือข่ายการท�ำงานและการสนับสนุนด้าน
วิชาการเพื่อการด�ำเนินงานในการพัฒนาสุขภาพของ กองการต่างประเทศและส�ำนักงานพัฒนานโยบาย
ประชาชนไทย สุขภาพระหว่างประเทศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักของ
แผนงานการสร้างความเข้มแข็งของงานสุขภาพโลก ซึ่งทั้ง
หลักการส�ำคัญของการด�ำเนินงานที่ช่วยเอ้ือการ สองหน่วยงานมีบทบาทในการขับเคลื่อนประเด็นสุขภาพ
ท�ำงาน ได้แก่ งบประมาณใช้หลักการรวมงบประมาณจาก ของประเทศไทยมาโดยตลอด หน่วยงานรับผิดชอบแผน
ทุกแหล่งทุน (pooled fund) ได้แก่ องค์การอนามัยโลก งานมีบทบาทท่ีหลากหลาย ได้แก่ การวางแผนงานในภาพ
กระทรวงสาธารณสุข ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการ รวม 5 ปีการวางแผนงานรายปี การประสานความร่วมมือ
สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กบั หน่วยงานตา่ งๆ ในการดำ� เนนิ งานตามแผนงาน และการ
(สวรส.) ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รายงานผลการด�ำเนินงานแก่คณะกรรมการบริหารความ
และส�ำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และ ร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก และ
ใช้ระเบียบการใช้งบประมาณของ สวรส. ไม่ใช่ระเบียบของ คณะอนุกรรมการก�ำกับทิศแผนงานการสร้างความเข้มแข็ง
แต่ละแหล่งทุนนอกจากนี้การส่งรายงานเป็นรายงานเดียว ของงานสุขภาพโลก ทั้งนี้องค์ประกอบของคณะกรรมการ
(single report) ซึ่งหมายถึงทุกแผนงานส่งรายงานฉบับ บริหารและอนุกรรมการก�ำกับทิศมีผู้แทนจากหน่วยงาน
เดียวกับทกุ แหล่งทุน ทงั้ ในกระทรวงสาธารณสขุ และนอกกระทรวงสาธารณสขุ ที่
มีส่วนในการขับเคลื่อนประเด็นสุขภาพในระดับโลก รวมถึง
แผนงานการสรา้ งความเขม้ แข็งของงานสขุ ภาพโลก ผเู้ ชีย่ วชาญดา้ นสุขภาพโลก
การจัดการปัญหาที่ส�ำคัญด้านสุขภาพโลกอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพจำ� เปน็ ตอ้ งมขี ดี ความสามารถในระดบั ประเทศ การด�ำเนินงานของแผนงานใน 2 ปีแรกมุ่งเน้นการ
ทั้งในด้านการบริการของระบบสาธารณสุขและการทูตด้าน สร้างองค์ความรู้และศักยภาพบุคลากรเพ่ือขับเคล่ือน
สุขภาพโลก ดังน้ันกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการ ประเด็นสุขภาพในเวทีโลกของประเทศไทย ได้แก่ การถอด
ต่างประเทศจึงได้จัดท�ำกรอบยุทธศาสตร์สุขภาพโลกของ บทเรียนการด�ำเนินงานด้านสุขภาพโลกของประเทศไทย
ประเทศไทย พ.ศ. 2559-2563 ขน้ึ ทัง้ นีก้ รอบยทุ ธศาสตร์ การสร้างระบบติดตามและประเมินผลการด�ำเนินงาน
ได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเม่ือปี พ.ศ. 2559 มี และการพัฒนาศักยภาพคณะผู้แทนไทยเพ่ือเข้าร่วม
94
Thai Health Promotion Journal
ประชุมสมัชชาอนามัยโลกต่อมาในปีท่ี 3 (พ.ศ. 2563) การพฒั นาศักยภาพ ไดด้ ำ� เนนิ การจดั อบรมเชิงปฏิบัติ
คณะกรรมการบริหารแผนงานจึงได้เสนอให้เพ่ิมกลไกการ การ global health diplomacy การอบรมเชิงปฏิบตั กิ าร
ขบั เคลอ่ื นประเดน็ สขุ ภาพรว่ มกนั ของหนว่ ยงานตา่ งๆ ในเวที การเขียนค�ำกล่าว การพัฒนาศกั ยภาพวิทยากรดา้ นสขุ ภาพ
ระดบั โลก และในปที ่ี 4 (พ.ศ. 2564) จึงได้ปรับขอบเขตการ โลก และการพัฒนาศักยภาพผ่านการเข้าร่วมประชุมในเวที
ท�ำงานเป็น การสร้างแหลง่ ความรู้ (intellectual capital) ระดับโลกต่างๆ เช่น การประชุมสมัชชาอนามัยโลก การ
การสร้างเครือข่าย (social capital) และการสร้างคน ประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก และการ
(human capital) เพื่อเป็นการสร้างทรัพยากรท่ีย่ังยืนให้ ประชุมคณะกรรมการองค์การอนามัยโลกประจ�ำภูมิภาค
กับประเทศไทยในด้านสุขภาพโลกตอ่ ไป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น อีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้
ด�ำเนินการคือ global health scholars โดยเป็นการจัด
ผลงานของแผนงานครอบคลุมการสร้างองค์ความรู้ กระบวนการเพอื่ พฒั นานกั วชิ าการ นกั วจิ ยั นกั วเิ ทศสมั พนั ธ์
การติดตามและประเมินผลการด�ำเนินงานด้านสุขภาพโลก อาจารย์ แพทย์ จากหนว่ ยงานตา่ งๆ ในกระทรวงสาธารณสขุ
การพัฒนาศักยภาพบุคลากร และการขับเคล่ือนประเด็น สถาบนั การศกึ ษา และหนว่ ยงานเครอื ขา่ ย เพอ่ื สรา้ งคนรนุ่ ใหม่
สขุ ภาพในเวทรี ะดบั โลก ทงั้ นก้ี ารสรา้ งองคค์ วามรมู้ งี านวจิ ยั ที่จะสามารถขับเคลื่อนประเด็นสุขภาพของประเทศไทยใน
4 เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ การศกึ ษากลไกอภบิ าลสขุ ภาพโลกประเทศไทย ระดับโลกได้
การทบทวนและประเมินโครงการส่งบุคลากรไปปฏิบัติ
งานในองค์กรระหว่างประเทศภายใต้การประชุมนานาชาติ นอกจากน้ี ไดด้ ำ� เนนิ การจดั สมั มนาออนไลน์ webinar
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล การศึกษาทิศทางและแผนการ series จัดท�ำสื่อ global gealth series และอีกหนึ่ง
วจิ ยั ในประเดน็ สขุ ภาพโลก และการศกึ ษาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ กจิ กรรมทีไ่ ดด้ �ำเนินการ และอยรู่ ะหวา่ งกระบวนการพฒั นา
และการตัดสินใจเลือกอาหารและเครื่องด่ืมที่ดีและไม่ดีต่อ คอื Resource Center on Global Health เปน็ แพลตฟอรม์
สขุ ภาพดว้ ยแนวคดิ เศรษฐศาสตรพ์ ฤตกิ รรม ซงึ่ ผลการศกึ ษา ออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ส�ำหรับการแลกเปล่ียนเรียนรู้
สามารถน�ำมาใช้ในการปรับปรุงพัฒนาการด�ำเนินงานด้าน แบ่งปันประสบการณ์และรวบรวมผลงานเก่ียวกับงานด้าน
สุขภาพโลกของประเทศไทยได้ สุขภาพระดับโลกในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
น�ำเสนอแนวคิดพ้ืนฐาน องค์ความรู้และข้อมูลเก่ียวกับงาน
การสรา้ งองคค์ วามรยู้ งั มกี ารถอดบทเรยี นการดำ� เนนิ งาน ด้านสุขภาพโลก ในรูปแบบท่ีหลากหลาย เช่น บทความ
ที่ผ่านมาในประเด็นเฉพาะ ได้แก่ การขับเคล่ือนประเด็น วิชาการ รายงานวิจัย สื่อมัลติมีเดีย ที่จะเป็นประโยชน์ต่อ
สขุ ภาพทางกาย(physicalactivity)สวู่ าระนโยบายระดบั โลก บุคลากรทท่ี �ำงานดา้ นสขุ ภาพโลก และแหลง่ รวมขอ้ มลู ด้าน
การถอดบทเรียนกระบวนการ global health scholar สุขภาพโลกต่อไป รวมถึงพัฒนาไปเป็นช่องทางการเรียนรู้
การสังเคราะห์องค์ความรู้การขับเคล่ือนระดับโลกและการ ออนไลน์ เพอ่ื เผยแพรค่ วามรดู้ า้ นสขุ ภาพโลกแกผ่ ทู้ สี่ นใจทง้ั
ด�ำเนินงานในประเทศไทยด้านความปลอดภัยทางถนน ชาวไทยและชาวต่างชาตดิ ้วย
การจดั การความรเู้ รอ่ื งหลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ และการ ตวั อยา่ งประสบการณก์ ารขบั เคลอื่ นประเดน็ สขุ ภาพในเวที
พัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรดา้ นสขุ ภาพโลก ระดบั โลก: กจิ กรรมทางกาย
ส�ำหรับการติดตามประเมินผลเป็นการพัฒนากรอบ การส่งเสริมกิจกรรมทางกายได้รับการบรรจุเข้าเป็น
การติดตามประเมินผล กรอบยุทธศาสตร์สุขภาพโลก วาระในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยท่ี 53 (พ.ศ.
ของประเทศไทย จากการทบทวนและประเมินแผนกรอบ 2543) และ สมัยที่ 55 (พ.ศ. 2545) ก่อนมีการรับรอง
ยุทธศาสตร์สุขภาพโลกของประเทศไทย ก็ได้มีการต่อยอด ยทุ ธศาสตรโ์ ลกดา้ นอาหาร กจิ กรรมทางกายและสขุ ภาพ ใน
และเป็นข้อมูลส�ำคัญในการหารือผู้เชี่ยวชาญ และผู้ที่ ปี พ.ศ. 2547(23)ตอ่ มาองคก์ ารอนามยั โลกไดจ้ ดั ทำ� คมู่ อื และ
เก่ียวข้อง ในการประชุมของผู้บริหารระดับสูง และการ เอกสารเพื่อสนับสนุนการขับเคล่ือนส�ำหรับประเทศสมาชิก
ประชมุ ทบทวนการดำ� เนนิ งานตามกรอบยทุ ธศาสตรส์ ขุ ภาพ และก�ำหนดเครื่องมือเพื่อส�ำรวจระดับกิจกรรมทางกาย
โลกของประเทศไทย เพื่อพัฒนาต่อส�ำหรับแผนกรอบ จนถึงปี พ.ศ. 2554 ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก
ยทุ ธศาสตร์สุขภาพโลกของประเทศไทยในอนาคต
95
วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย
ไดร้ ว่ มกนั รบั รองยทุ ธศาสตรเ์ พอื่ ปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไม-่ การผลกั ดันการด�ำเนินงานอยา่ งตอ่ เน่อื งในภมู ภิ าค
ติดต่อ หลังจากน้ันการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริม หลังจากการจัดประชุมคู่ขนาน ผู้บริหารในกระทรวง
กจิ กรรมทางกายจงึ อยภู่ ายใตร้ ม่ ประเดน็ การควบคมุ โรคไม-่
ติดต่อ ซึ่งยุทธศาสตร์น้ีได้ก�ำหนดเป้าหมายการลดการขาด สาธารณสุขได้เห็นชอบร่วมกันให้ผลักดันวาระต่อเน่ืองผ่าน
กิจกรรมทางกาย ร้อยละ 10 ภายในปี พ.ศ. 2568(24) ถึง การประชุมคณะกรรมการอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวัน
แม้ประเด็นการขาดกิจกรรมทางกายจะเป็นประเด็นการใน ออกเฉียงใต้ สมัยท่ี 69 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน
ระดับโลกที่ต้องการการประสานการท�ำงานร่วมกันทั้งใน ทิศทางของนโยบายประเทศไทยในการผลักดันประเด็น
และนอกภาคสุขภาพ อย่างไรก็ตามการด�ำเนินการส่งเสริม การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และเพ่ือผลักดันให้มีการ
กจิ กรรมทางกายมคี วามกา้ วหนา้ คอ่ นขา้ งนอ้ ย และตอ้ งการ ด�ำเนินการอย่างจริงจังในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ
แรงผลกั ดนั ในเวทสี ขุ ภาพโลกเพอ่ื ใหเ้ กดิ การดำ� เนนิ งานอยา่ ง แลกเปล่ียนเรียนรู้กรอบการประเมินผล และการรายงาน
มีประสิทธภิ าพ สถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายและพฤติกรรมเนือยน่ิง
ของประชากรในภูมภิ าคอย่างต่อเน่อื ง
ประเทศไทยมีการวิเคราะห์โอกาสในการขับเคลื่อน การขับเคล่ือนโดยการร่วมปฏิบัติให้เกิดแผนปฏิบัติการ
ประเดน็ การสง่ เสรมิ กจิ กรรมทางกายในเวทรี ะดบั โลก พบวา่ ระดับโลก
มีโอกาสสูงในการขับเคลื่อน เนื่องจากประเทศไทยมี
โครงการความรว่ มมือระหวา่ งองค์การอนามยั โลกกบั สสส. จากน้ันประเทศไทยจึงได้เสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุม
ซ่ึงองค์การอนามัยโลกในฐานะฝ่ายเลขานุการการประชุม คณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก สมัยท่ี 140 โดย
สามารถร่วมสนับสนุนกระบวนการได้ นอกจากนี้ประเด็น เกิดผลลัพธ์เป็นข้อตัดสินใจให้ฝ่ายเลขานุการไปด�ำเนินการ
กิจกรรมทางกายยังเป็นประเด็นเชิงบวกต่อด้านความ จัดท�ำร่างแผนปฏิบัติการส่งเสริมกิจกรรมทางกายและมา
สัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่มีการเสียประโยชน์ของภาค รายงานความก้าวหน้าในการประชุมคณะกรรมการบริหาร
ธรุ กจิ จงึ ทำ� ใหไ้ มม่ คี วามขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศทงั้ นหี้ นว่ ยงาน องคก์ ารอนามัยโลกสมัยที่ 142
ในประเทศมีความพร้อมในการด�ำเนินงานร่วมกัน ทั้ง
กระทรวงสาธารณสุข สสส. กระทรวงการต่างประเทศ นอกจากน้ียังมีการส่งบุคลากรไทยไปปฏิบัติงานที่
องคก์ ารอนามยั โลกสมาพนั ธน์ านาชาตสิ ง่ เสรมิ กจิ กรรมทางกาย องคก์ ารอนามยั โลก โดยไดร้ บั การสนบั สนนุ งบประมาณจาก
และสุขภาพ ส�ำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่าง โครงการขับเคลื่อนด้านการส่งเสริมสุขภาพภายใต้บันทึก”
ประเทศ และภาคเี ครอื ขา่ ย ความเขา้ ใจขอ้ ตกลงความรว่ มมอื ระหวา่ งองคก์ ารอนามยั โลก
การสรา้ งการรบั รคู้ วามส�ำคญั ของประเดน็ กจิ กรรมทางกาย และส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพ่ือ
ทำ� งานรว่ มกบั เจา้ หนา้ ทอ่ี งคก์ ารอนามยั โลก ในการจดั ทำ� รา่ ง
กระบวนการดำ� เนนิ งานประกอบดว้ ยการสรา้ งการรบั รู้ Global Action Plan on Physical Activity และการจัด
ความส�ำคัญของประเด็นกิจกรรมทางกาย การขับเคลื่อน ประชุมหารือกับประเทศสมาชิกในภูมิภาคต่างๆ นอกจากนี้
ประเดน็ ผา่ นเวทรี ะดบั ภมู ภิ าค เพอื่ เปน็ ฐานในการขบั เคลอ่ื น ยงั มสี ว่ นในการเสนอรา่ งขอ้ มตเิ พอื่ ใหก้ ารขบั เคลอื่ นในระดบั
ประเด็นในเวทีระดับโลก โดยเริ่มจากการจัดการประชุม โลกมีนโยบายที่รองรับและมีการติดตามและประเมินผล
คู่ขนานในการประชุมสมชั ชาอนามัยโลก สมยั ที่ 69 ในหัวขอ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยคณะจากกระทรวงสาธารณสขุ และ สสส.
Towards achieving the physical activity target 2025 สนบั สนุนขอ้ มูลดา้ นวชิ าการ
(10x25): Are we walking the talk? การจดั ประชมุ คขู่ นาน
มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื กระตนุ้ ความสำ� คญั ของวาระการสง่ เสรมิ จากกิจกรรมที่ด�ำเนินการอย่างต่อเนื่อง ใช้ประโยชน์
กิจกรรมทางกายและเพื่อสร้างเครือข่ายประเทศสมาชิกที่มี ต่อยอดจากกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับความร่วมมือระหว่าง
ความสนใจในประเด็นเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้สร้างช่ือให้ ประเทศและใช้ทุกช่องทางท่ีภาคีเครือข่ายสามารถประสาน
กับประเทศไทยต่อการเป็นเจ้าภาพหลักของการขับเคลื่อน ให้เกิดความร่วมมือและขยายผลในวงกว้างได้ท�ำให้ประเด็น
วาระการสง่ เสรมิ กิจกรรมทางกาย กิจกรรมทางกายกลายเป็นประเด็นส�ำคัญในระดับนโยบาย
ของกระทรวงสาธารณสขุ ไทย และองคก์ ารอนามัยโลก
ทง้ั นแี้ ผนงานการสรา้ งความเขม้ แขง็ ของงานสขุ ภาพโลก
96
Thai Health Promotion Journal
ไดส้ นบั สนนุ การถอดบทเรยี นจากการขบั เคลอ่ื นประเดน็ การ และระดับภูมิภาค และที่ส�ำคัญ คือ การพัฒนาศักยภาพ
ส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อเป็นตัวอย่างส�ำหรับการขับ ของบุคลากรรุ่นใหม่อย่างต่อเน่ือง ท้ังผ่านการอบรมและ
เคล่อื นประเด็นสขุ ภาพอ่ืนๆ ในเวทรี ะดับโลกตอ่ ไป การเข้าร่วมประชุมในเวทีจริง ท�ำให้เข้าใจกระบวนการ
ปจั จยั ความส�ำเรจ็ ของแผนงานการสรา้ งความเขม้ แขง็ ของ ขับเคล่ือนประเด็นสุขภาพและการสร้างเครือข่ายทั้งในและ
งานสุขภาพโลก ระหว่างประเทศ เพ่ือน�ำไปสู่การด�ำเนินงานร่วมกันอย่างมี
ประสิทธภิ าพ
แผนงานการสร้างความเข้มแข็งของงานสุขภาพโลก ความท้าทายของแผนงานการสร้างความเข้มแข็งของงาน
ได้ด�ำเนินงานร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย เช่น หน่วยงาน สขุ ภาพโลก
ในกระทรวงสาธารณสุข สสส. สปสช. สช. และองค์กร
ระหว่างประเทศตลอด 5 ปีของแผนงาน โดยมุ่งเน้นการ ก า ร ขั บ เ ค ล่ื อ น ป ร ะ เ ด็ น สุ ข ภ า พ ที่ ผ ่ า น ม า ข อ ง
สร้างองค์ความรู้และพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพโลกเพื่อ ประเทศไทย เป็นไปตามความเชี่ยวชาญของหน่วยงาน
ให้ประเทศไทยสามารถขับเคล่ือนประเด็นสุขภาพในเวที หรือบุคคล โดยขาดทิศทางหรือเป้าหมายในการขับเคลื่อน
ระดับโลกได้ ประเด็นสุขภาพโลก ในภาพรวมท่ีชัดเจน และการวางแผน
การขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบและสร้างภาพลักษณ์ในเวที
ปัจจัยหน่ึงเกิดจากการมีหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ระดับโลกทีเ่ ด่นชัดไดม้ ากขึ้น
ในการด�ำเนินงานแผนงานการสร้างความเข้มแข็งของงาน
สุขภาพโลก ท�ำให้การด�ำเนินงานมีการวางเป้าหมายท้ังใน ผลผลิตจากแผนงานการสร้างความเข้มแข็งของ
ภาพรวมและรายปีการวางแผนการทำ� งานรวมถงึ ความตอ่ เนอื่ ง งานสุขภาพโลก สามารถเป็นองค์ความรู้ที่ส�ำคัญส�ำหรับ
ของการท�ำงาน นอกจากนี้ยงั สรา้ งโอกาสในการทำ� งานรว่ ม ประเทศไทยให้ผู้ที่สนใจเรียนรู้เร่ืองสุขภาพโลก อย่างไร
กนั ระหวา่ งภาคสว่ นตา่ งๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ หนว่ ยงานนอก ก็ตามพ้ืนที่ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์
กระทรวงสาธารณสขุ ผ่านกจิ กรรมต่างๆ เช่น การหารือทง้ั ยังมีไม่มากนักท�ำให้ผู้เข้าถึงผลผลิตของโครงการอยู่ในวงที่
ทางการและไม่ทางการ การประชุมผ้ทู ำ� งานด้านสขุ ภาพโลก จ�ำกัด นอกจากนี้ที่ผ่านมาแผนงาน CCS-GHD มุ่งเน้นการ
เป็นอย่างสม่�ำเสมอ ท�ำให้ทุกหน่วยงานมีส่วนร่วมในการให้ สรา้ งศกั ยภาพบคุ ลากรรนุ่ ใหม่ แตผ่ บู้ รหิ ารระดบั สงู ยงั ไมเ่ หน็
ข้อมูล ให้ความคิดเห็นในการขับเคลื่อนประเด็นตามความ ประโยชน์ของการขับเคลื่อนประเด็นในเวทีโลก ท�ำให้ระดับ
เชย่ี วชาญขององคก์ รนน้ั ๆ ในขณะทก่ี องการตา่ งประเทศเปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ไิ มส่ ามารถขบั เคลอ่ื นประเดน็ สขุ ภาพในเวทรี ะดบั โลก
ผรู้ บั ผดิ ชอบเรอื่ งการประสานงานและกระบวนการขบั เคลอ่ื น ได้อยา่ งเต็มท่ี
และส�ำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ
ช่วยสนับสนุนวิชาการในภาพประเทศและภาพระดับโลก ขอ้ เสนอแนะในการวิจยั
ซ่ึงถือเป็นการพัฒนารูปแบบการท�ำงานร่วมกันในการ ถงึ แมป้ ระเทศไทยจะมกี ารพฒั นาขดี ความสามารถดา้ น
ขบั เคล่ือนประเด็นสุขภาพโลก และการพฒั นาศกั ยภาพของ
บคุ ลากรในหนว่ ยงานต่างๆ อกี ด้วย สุขภาพโลกมากว่าทศวรรษ แต่ยังคงมีความท้าทายในการ
ดำ� เนินงานอยู่ บทความน้จี งึ มขี อ้ เสนอแนะ ดังน้ี
อีกปัจจัย คือ ความเพียงพอของทรัพยากรด้านต่างๆ
ทั้งงบประมาณ องค์ความรู้ด้านสุขภาพโลก องค์ความรู้ 1. การจัดท�ำเป้าหมายของการด�ำเนินงานในระยะยาว
ในประเด็นสุขภาพเฉพาะ และบุคลากรท่ีร่วมขับเคลื่อน เพ่ือให้ประเทศมีทิศทางการด�ำเนินงานด้านสุขภาพโลกและ
ทรัพยากรเหล่าน้ีมีความส�ำคัญในการช่วยปิดช่องว่างของ มีขีดความสามารถในการขับเคลื่อนประเด็นสุขภาพในเวที
การด�ำเนินงานในระบบปกติ (routine work) เช่น การ ระดับโลกไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
สนบั สนนุ งบประมาณทเี่ พยี งพอตอ่ การดำ� เนนิ งานของแผนงาน
ระเบียบการใช้งบประมาณท่ีไม่ติดกรอบของระเบียบ 2. การจัดกระบวนการหารือเพ่ือก�ำหนดทิศทางหรือ
ราชการ การสร้างองค์ความรู้โดยถอดบทเรียนจากการ เปา้ หมายในการขบั เคลื่อนประเด็นสขุ ภาพโลกท่ีชัดเจน โดย
ขับเคลื่อนประเด็นสุขภาพหลายๆ ประเด็นในระดับโลก อาจพิจารณาจากประเด็นสุขภาพท่ีประเทศไทยสามารถ
ด�ำเนินงานได้ดี สามารถน�ำประสบการณ์มาแลกเปล่ียนกับ
นานาประเทศได้ เชน่ หลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ การสรา้ ง
97
วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย
เสรมิ สขุ ภาพ และความมนั่ คงดา้ นสขุ ภาพ เปน็ ตน้ นอกจากนี้ สรปุ
ยังควรมีการวางแผนการขับเคลื่อน การก�ำหนดเวทีที่
ประเทศไทยควรแสดงบทบาทน�ำ และกระบวนการท�ำงาน ประเทศไทยได้แสดงบทน�ำในการขับเคล่ือนประเด็น
ร่วมกนั ระหว่างภาคส่วนตา่ งๆ อกี ด้วย สุขภาพท่ีส�ำคัญในเวทีระดับโลกมากมายจนเป็นที่ยอมรับ
จากนานาประเทศ ท้ังนี้ประเทศไทยมีการพัฒนากรอบ
3. การสร้างกระบวนการขับเคลื่อนประเด็นร่วมกัน ยุทธศาสตร์สุขภาพโลก 2559-2563 ซ่ึงใช้เป็นแนวทาง
ระหวา่ งหนว่ ยงานตา่ งๆ ทงั้ นกี้ ารทำ� งานรว่ มกนั ทำ� ใหเ้ กดิ การ ในการด�ำเนินงาน และมียุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่าง
ขยายเครือข่ายด้านสุขภาพโลก รวมถึงการพัฒนาศักยภาพ รัฐบาลไทยและองค์การอนามัยโลกท่ีมีแผนงานการสร้าง
ของบคุ ลากรทจี่ ะเขา้ ใจดา้ นวชิ าการดา้ นกระบวนการขบั เคลอ่ื น ความเข้มแข็งของงานสุขภาพโลก จึงเป็นกลไกในการร่วม
ด้านเศรษฐกิจ สังคม ท่ีมีผลต่อพลวัตของการขับเคลื่อน ขบั เคลอื่ นประเดน็ สขุ ภาพและพฒั นาศกั ยภาพของบคุ ลากรใน
โดยควรต้องมีการจัดกระบวนการที่ทุกคนสามารถเข้ามา ประเทศไทยอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สง่ ผลใหม้ กี ารขยายเครอื ขา่ ยการ
มีส่วนรว่ ม และมีความเข้าใจในเร่อื งสขุ ภาพโลกดว้ ย ทำ� งานดา้ นสขุ ภาพโลกในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ได้
4. การก�ำหนดเป้าหมายระยะยาวของการพัฒนา ปจั จยั ในการดำ� เนนิ งานทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ การมหี นว่ ยงาน
บคุ ลากรดา้ นสขุ ภาพโลกใหส้ ามารถเปน็ ผนู้ ำ� ทางดา้ นสขุ ภาพโลก รับผิดชอบในการประสานงานระหว่างภาคส่วนต่างๆ การมี
ที่สามารถแสดงบทบาทน�ำในเวทีระดับโลกได้ ท้ังน้ีต้องมี ทรพั ยากรดา้ นตา่ งๆทง้ั งบประมาณองคค์ วามรดู้ า้ นสขุ ภาพโลก
การวางแผนกระบวนการพฒั นาอยา่ งเปน็ ระบบ ทง้ั เรอ่ื งการ องค์ความรู้ในประเด็นสุขภาพเฉพาะ และบุคลากรท่ีร่วม
อบรม การแลกเปลยี่ นประสบการณโ์ ดยผเู้ ชยี่ วชาญ และการ ขบั เคลอ่ื นทเี่ พยี งพอ รวมถงึ การพฒั นาศกั ยภาพของบคุ ลากร
สนบั สนนุ ใหไ้ ดม้ โี อกาสทำ� งานในเวทรี ะดบั โลก นอกจากนย้ี งั รนุ่ ใหมอ่ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งทงั้ ผา่ นการอบรมและการเขา้ รว่ มประชมุ
ตอ้ งมผี รู้ บั ผดิ ชอบกระบวนการพฒั นาศกั ยภาพทชี่ ดั เจน โดย ในเวทจี รงิ อยา่ งไรกต็ ามประเทศไทยยงั ขาดการกำ� หนดทศิ ทาง
กำ� หนดเปน็ ยทุ ธศาสตรห์ นงึ่ ภายใตก้ รอบยทุ ธศาสตรส์ ขุ ภาพโลก หรอื เปา้ หมายในการขบั เคลื่อนประเด็นสุขภาพโลกทช่ี ดั เจน
ของประเทศไทย เพอ่ื ใหเ้ กดิ การขบั เคลอื่ นอยา่ งเปน็ ระบบและสรา้ งภาพลกั ษณ์
ในเวทรี ะดบั โลกทเี่ ด่นชัดไดม้ ากขนึ้
เอกสารอ้างองิ
1. Koplan JP, Bond TC, Merson MH, Reddy KS, Rodriguez MH, Sewankambo NK, et al. Towards a common definition
of global health. The Lancet 2009;373:1993-5.
2. อรรถยา ล้ิมวฒั นายิ่งยง. ประเทศไทยกบั การพฒั นาระบบสุขภาพโลก. ใน: วิวัฒน์ โรจนพทิ ยากร, บรรณาธิการ. การสาธารณสุขไทย
2559-2560. กรุงเทพมหานคร: แสงจันทรก์ ารพมิ พ์; 2562. หน้า 269-98.
3. Friends of the UN HLM on NCDs. The how: a message for the UN high-level meeting on NCDs. Lancet
2018;392(10143):e4-e5.
4. World Health Organization. Global action plan for the prevention and control of noncommunicable diseases
2013-2020 [Internet]. 2013 [cited 2021 Feb 6];102. Available from: www.who.int/about/licensing/copyright_form/
en/index.html
5. World Health Organization. Time to deliver: report of the WHO Independent High-Level Commission on Non-
communicable Diseases. Geneva: World Health Organization; 2018.
6. World Health Organization. Health in 2015: from MDGs, Millennium Development Goals to SDGs, Sustainable
Development Goals. Geneva: World Health Organization; 2015.
98
Thai Health Promotion Journal
7. กระทรวงสาธารณสขุ . กรอบยทุ ธศาสตร์สขุ ภาพโลกของประเทศไทย พ.ศ. 2559-2563 [อินเทอร์เน็ต]. 2559 [สืบคน้ เมอ่ื 6 ก.พ.
2564]. แหล่งข้อมูล: http://www.bihmoph.net/download/czetH0Z6g2Wt.pdf
8. Regional Office for South-East Asia, World Health Organization. SEA/RC69/R4 - Promoting physical activity in
the South-East Asia Region. World Health Organization; 2016.
9. กองการตา่ งประเทศ. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก สมัยที่ 140 [อินเทอร์เนต็ ]. 2559 [สบื ค้นเม่ือ 6
ก.พ. 2564]. แหลง่ ข้อมลู : http://bihmoph.net/userfiles/file/Summary%20Report%20EB140_20Mar2017_BS.pdf
10. World Health Organization. EB142.R5-WHO global action plan on physical activity 2018−2030. Geneva: World
Health Organization; 2018.
11. World Health Organization. WHA71.6-WHO global action plan on physical activity 2018−2030. Geneva: World
Health Organization; 2018.
12. World Health Organization. Global action plan on physical activity 2018–2030: more active people for a healthier
world. Geneva: World Health Organization; 2018.
13. United Nations. A/RES/72/138-International Universal Health Coverage Day. New York: United Nations; 2018.
14. United Nations. A/RES/72/139-Global health and foreign policy: addressing the health of the most vulnerable
for an inclusive society. New York: United Nations; 2018.
15. Regional Office for South-East Asia, World Health Organization. SEA/RC71(2)-Review of the draft provisional
agenda of the 144th Session of the WHO Executive Board. New Delhi: World Health Organization Regional Office
for South-East Asia; 2018.
16. World Health Organization. EB144.R10-Preparation for the high-level meeting of the United Nations General
Assembly on universal health coverage. Geneva: World Health Organization; 2019.
17. World Health Organization. WHA72.4-Preparation for the high-level meeting of the United Nations General As-
sembly on universal health coverage.Geneva: World Health Organization; 2019.
18. United Nations. A/RES/74/2- Political declaration of the high-level meeting on universal health coverage. 2019.
19. Regional Office for South-East Asia, World Health Organization. SEA/RC72(1)-Review of the draft provisional
agenda of the 146th Session of the WHO Executive Board. New Delhi: World Health Organization Regional Office
for South-East Asia; 2019.
20. World Health Organization. EB146(14)- Accelerating action to reduce the harmful use of alcohol. Geneva: World
Health Organization; 2020.
21. World Health Organization. EB148(3)-Promoting mental health preparedness and response for public health
emergencies. Geneva: World Health Organization; 2021.
22. World Health Organization. WHA74(14)-Mental health preparedness for and response to the COVID-19 pandemic.
Geneva: World Health Organization; 2021.
23. World Health Organization. Global strategy on diet physical activity and health. Geneva: World Health Organi-
zation; 2014.
24. World Health Organization. Global Action Plan for the prevention and control of NCDs. Geneva: World Health
Organization; 2013.
99
วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย Thai Health Promotion Journal
ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022
บทความพเิ ศษ Special Article
ศูนย์วชิ าการเพ่อื ความปลอดภยั ทางถนน
ในทศวรรษที่ 2 แหง่ ความปลอดภยั ทางถนน
ธนะพงศ์ จนิ วงษ์, จินตนา มโนรถกลุ , เพ็ญนภา พรสพุ กิ ุล, ธชั วฒุ ิ จาดบันดิตถ์, ดารารัตน์ ชา้ งดว้ ง
ศูนยว์ ิชาการเพ่ือความปลอดภยั ทางถนน มูลนธิ ินโยบายถนนปลอดภยั กรงุ เทพมหานคร
บทคดั ยอ่
อุบตั เิ หตุทางถนนเปน็ ปญั หาทางสขุ ภาวะทีส่ ำ� คัญของประเทศไทย ตลอดทศวรรษทผ่ี ่านมา จากยอดผู้เสียชวี ิตเฉลย่ี
19,000 คน/ปี ยอดผู้บาดเจ็บท่ีสูงกว่า 1 ล้านคน/ปี และผู้พิการรายใหม่กว่าหมื่นคน/ปี อีกท้ังจากสถิติการบาดเจ็บและ
เสียชีวิต พบว่า กลุ่มเด็กและเยาวชน และกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ยังเป็นกลุ่มท่ีมีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงที่สุด
โดยพฤติกรรมเส่ียงท่ีท�ำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตมากท่ีสุด คือ การดื่มขับ การใช้ความเร็วเกินกฎหมายก�ำหนด
การตดั หนา้ กระชนั้ ชดิ และการไมใ่ ชอ้ ปุ กรณน์ ริ ภยั ศนู ยว์ ชิ าการเพอื่ ความปลอดภยั ทางถนนไดร้ บั การสนบั สนนุ การขบั เคลอื่ น
จากส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการเข้าไปมีบทบาทส�ำคัญในการพัฒนา และผลักดัน
องค์ความรู้ทางวิชาการด้านความปลอดภัยทางถนนร่วมกับภาคนโยบายทั้งในระดับส่วนกลางและระดับท้องถ่ิน โดยแบ่ง
การขับเคล่ือนงานออกเป็น 2 รูปแบบ คือ (1) การขับเคล่ือนงานเชิงกลไก/ระบบการท�ำงาน และ (2) การขับเคลื่อนงาน
เชงิ ประเด็นความเสย่ี ง เปน็ การพฒั นาชุดความรแู้ ละเครื่องมอื เพอื่ ใหก้ ลุ่มเป้าหมายมีเครื่องมอื ท่ใี ช้ในการสร้างความรอบรู้
ทางสุขภาพด้านความปลอดภัยทางถนน (health literacy) ท้ังในภาพกว้างและระดับเฉพาะกลุ่ม การขับเคลื่อนงานของ
ศูนย์วิชาการด้านความปลอดภัยทางถนนตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ท้ังด้านทรัพยากร
งบประมาณ และการสื่อสารสร้างความตระหนัก รวมถึงสนับสนุนให้เกิดกลไกภาคสังคมและภาคนโยบายในการเสริมพลัง
การขับเคลื่อนความรู้สู่สังคมแห่งความปลอดภัยทางถนน โดยทิศทางส�ำคัญต่อการขับเคล่ือนงานร่วมกับภาคีเครือข่าย
ในระยะต่อไป คือ การออกแบบแผนงานให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในอนาคต เป้าหมายการลดอัตราการเสียชีวิตจาก
อบุ ตั เิ หตทุ างถนนของ ปภ. ทกี่ ำ� หนดใหเ้ หลอื 12 ตอ่ ประชากรแสนคน ในปี พ.ศ. 2570 ควบคไู่ ปกบั แผนยทุ ธศาสตร์ 10 ปี
สสส. (พ.ศ. 2565-2574)
ค�ำ สำ�คญั : อุบัตเิ หตุรถจักรยานยนต์; ความปลอดภยั ทางถนน; วถิ แี หง่ ระบบท่ปี ลอดภยั ; ปจั จยั กำ�หนดสขุ ภาพ
Road Safety Academic Center’s Roadmap for
the Second Decade of Action for Road Safety
Thanapong Jinvong, Jintana Manorothkul, Pennapa Pornsupikul, Thachawut Jardbundista,
Dararat Changduang
Road Safety Academic Center, Road Safety Policy Foundation, Bangkok, Thailand
Abstract
Road crashes are one of the major health problems in Thailand. Over the past decade, annually,
more than 19,000 people died, over 1 million people injured, and more than ten thousand people
100
Thai Health Promotion Journal
disable as a result of road crashes. In addition, children and young people are the group with the highest
rates of injury and death, along with motorcyclists. The riskiest behaviors that result in injury and death
are drinking and driving, speeding, dangerous lane changing and not using safety equipment. For over
10 years, the Thai Health Promotion Foundation has supported the Road Safety Academic Center to play
a key role in research and knowledge development for policymakers at both central and local levels.
Applied strategies are driving management mechanisms and problem-based mechanisms by creating
knowledge and instruments for specific targets in order to promote health literacy for the generous
people. The supports from the Thai Heath Promotion Foundation include human resources, bud-
get, communication awareness, and collaboration among road safety partners and policymakers to
empower the society. The future plan of the Road Safety Academic Center is to create working model
and strategies which address the challenge of reducing the road mortality rate of the Department of
Disaster Prevention and Mitigation, which is set at 12 per 100,000 population by 2027 and be part of
the 10-year strategic plan of the Thai Health Promotion Foundation (2022-2031).
Keywords: motorcycle crash; road safety; Safe System Approach; determinant of health
บทนำ� เช่ือมโยงอ�ำนาจรัฐในการจัดการความปลอดภัยทางถนน
ในประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ
อุบัติเหตุทางถนนเป็นหน่ึงในสาเหตุการบาดเจ็บและ เอกชน และประชาสังคมในระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่
เสียชีวิตของประชากรในประเทศไทยมาอย่างยาวนานเป็น ร่วมกับภาคีเครือข่ายและกองทุนหลักต่าง ๆ เพื่อขับเคล่ือน
ระยะเวลากว่า 20 ปี โดยสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ และยกระดับเร่ืองความปลอดภัยทางถนน ปัจจุบัน ศวปถ.
ทางถนนและน�ำมาซึ่งความสูญเสีย ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้รับการสนบั สนนุ งบประมาณจาก สสส. ใหด้ �ำเนินงานมา
ส�ำคัญ คือ คน ยานพาหนะ และสภาพแวดล้อม (ถนนและ เปน็ ระยะท่ี 6 (พ.ศ. 25632565) และยงั คงมงุ่ มน่ั ขบั เคลอ่ื น
บริบทแวดลอ้ มข้างทาง) ให้เกิดองค์ความรู้เพื่อการจัดการความปลอดภัยทางถนน
ในประเทศไทยรว่ มกบั หนว่ ยงานภาครฐั เอกชนและประชาสงั คม
ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.) ตระหนักว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นประเด็นปัญหา บทเรียนส�ำคัญในการขับเคลื่อนงานของศูนย์วิชาการ
ทางสุขภาวะเร่งด่วนและต้องการการจัดการปัญหาเพื่อลด ดา้ นความปลอดภยั ทางถนนเปน็ การนำ� ทฤษฎี “สามเหลยี่ ม
การสูญเสียประชากรของประเทศไทยอย่างจริงจัง จึงได้ เขย้ือนภูเขา”(1) กรอบแนวคิด “ปัจจัยก�ำหนดสุขภาพ”
สนบั สนนุ โครงการศนู ยว์ ชิ าการเพอื่ ความปลอดภยั ทางถนน (deteminant of health)(2) แนวทาง “กฎบัตรออตตาวา”
(ศวปถ.) ให้ด�ำเนินงานมากว่า 10 ปี โดยปัจจุบัน ศวปถ. (The Ottawa Charter)(2) รวมถงึ หลกั การการจดั การความ
ด�ำเนินงานภายใต้มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย (มนป.) ซ่ึง ปลอดภัยทางถนนในระดับสากลอย่างหลักการวิถีแห่ง
เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลก�ำไรท่ีจัดต้ังข้ึนเพ่ือเป็นหน่วย ระบบทปี่ ลอดภยั (Safe System Approach)(3) และปจั จยั
งานท่ีมีภารกิจด้านส่งเสริม และผลักดันการขับเคล่ือน ของมนุษย์ (human factors)(3) มาเป็นเคร่ืองมือในการ
ความรู้สู่ระดับนโยบาย รวมถึงเป็นกลไก (node) ในการ ออกแบบกรอบแนวคดิ และกรอบแนวทางในการดำ� เนนิ การ
สร้างองค์ความรู้ทั้งโครงการวิจัย และโครงการพัฒนา เพ่ือ ของศูนย์วิชาการเพ่ือความปลอดภัยทางถนน โดยแบ่งการ
สร้างความตระหนักรู้ ความรอบรู้ทางสุขภาพ (health ขับเคลื่อนงานออกเป็น 2 รูปแบบ คือ (1) การขับเคลื่อน
literacy) น�ำไปสู่การเคล่ือนไหวทางสังคม และสร้างการ งานเชิงกลไก/ระบบการท�ำงาน และ (2) การขับเคลื่อน
101
วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย
งานเชิงประเด็นความเส่ียง โดยการขับเคลื่อนงานเชิงกลไก เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดย
การท�ำงานจะเป็นส่วนที่หนุนเสริมการจัดการปัญหาในเชิง การวเิ คราะหอ์ นกุ รมเวลา (time series) คาดการณแ์ นวโนม้
ประเด็นความเสี่ยงเป็นการพัฒนาชุดความรู้และเคร่ืองมือ ปี พ.ศ. 2563–2573 จะมีเด็กและเยาวชนเสียชีวิตเพ่ิมขึ้น
ทางวิชาการที่ช่วยให้ศูนย์อ�ำนวยการความปลอดภัยทาง อกี 40,421 คน(5)
ถนน (ศปถ.) ทกุ ระดับเกิดการจดั การข้อมูลและการจดั การ
ปัญหาเชิงผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ผ่านการใช้เคร่ืองมือ 5 ชิ้น ขอ้ มลู จากระบบบรู ณาการขอ้ มลู การตายจากอบุ ตั เิ หตุ
นอกจากน้ี ในการขับเคล่ือนงานเชิงประเด็นความเส่ียงยัง ทางถนน ในช่วงทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน
เปน็ การพฒั นาชดุ ความรแู้ ละเครอ่ื งมอื เพอ่ื ใหก้ ลมุ่ เปา้ หมาย (พ.ศ.2554–2563)(4) พบว่า การเกิดอุบัติเหตุทางถนนใน
มเี ครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการสรา้ งความรอบรทู้ างสขุ ภาพดา้ นความ กลุ่มเด็กและเยาวชนมีความสัมพันธ์กับการเกิดอุบัติเหตุใน
ปลอดภยั ทางถนน (health literacy) ท้งั ในภาพกวา้ งและ รถจักรยานยนต์ โดยพบผู้เสียชีวิตในกลุ่มเด็กและเยาวชน
ระดับเฉพาะกลุม่ (อายุ 15–19 ป)ี มจี ำ� นวน 21,061 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 13.45
จากจำ� นวนการเกดิ อบุ ตั เิ หตใุ นรถจกั รยานยนตส์ ะสม (10 ป)ี
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อน�ำเสนอถึงสถานการณ์ จ�ำนวน 156,549 คน
ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย บทเรียน ปัจจัย
ความส�ำเร็จของงาน ความท้าทายท่ีควรจัดการ ประเด็น จากข้อมูลการสอบสวนอุบัติเหตุเชิงลึกการเกิด
อบุ ตั เิ หตทุ างถนน รวมถงึ เปา้ หมายและภาพอนาคตของการ อุบัติเหตุในรถจักรยานยนต์ จ�ำนวน 1,001 กรณี โดย
ขบั เคลอื่ นงานดา้ นความปลอดภยั ทางถนนของศนู ยว์ ชิ าการ รศ.ดร.กณั วรี ์กนษิ ฐพ์ งศ์ศนู ยว์ จิ ยั อบุ ตั เิ หตแุ หง่ ประเทศไทย(6)
เพือ่ ความปลอดภยั ทางถนนในระยะเวลา 5-10 ปี ข้างหนา้ ระบุว่าสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในรถจักรยานยนต์เกิดจาก
1. สถานการณ์อบุ ัตเิ หตุทางถนนในช่วงระยะเวลา 10 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สูงถึง ร้อยละ 53 โดยปัจจัยหลักที่
เก่ียวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ความผิดพลาดในการ
1.1 ภาพรวมสถานการณ์ ประเมนิ สถานการณเ์ สยี่ งทจี่ ะเกดิ ขน้ึ (perception failure)
สถานการณอ์ บุ ตั เิ หตทุ างถนนในชว่ งระยะเวลา 10 ปที ่ี ร้อยละ 49 ความผิดพลาดด้านการตัดสินใจ (decision
failure) รอ้ ยละ 32 และความผดิ พลาดจากการตอบสนอง/
ผา่ นมา(4) (พ.ศ. 2554-2563) พบวา่ มแี นวโนม้ ลดลงในชว่ ง การควบคมุ รถทไ่ี มเ่ หมาะสม (reaction failure) รอ้ ยละ 13
ระยะเวลา 5 ปีแรก ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2554–2558 และเพ่ิมขนึ้
ในปี พ.ศ. 2559 ซึ่งมีจ�ำนวนผู้เสียชีวิต 21,746 คน หรือ 1.3 ดื่มแล้วขับ-พฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 33.45 อย่างตอ่ เน่ืองยาวนาน
รายต่อประชากรแสนคน หลังจากน้ันอัตราการเสียชีวิต
มีแนวโนม้ ลดลงอยา่ งตอ่ เน่อื งอีกครง้ั และในปี พ.ศ. 2563 ข้อมูลจากระบบออนไลน์ กองสาธารณสุขฉุกเฉิน(7)
มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลดลงมากที่สุด พบวา่ ในเทศกาลสงกรานต์ 2564 ชว่ ง 7 วนั อนั ตราย (10-16
โดยลดลงเหลือ 27.2 รายต่อประชากรแสนคน เน่ืองจาก เมษายน 2564) แม้จะเป็นช่วงสถานการณ์โรคระบาด
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดงั ภาพท่ี 1 โควดิ -19 ยงั คงมผี บู้ าดเจบ็ จำ� นวน 19,457 ราย และเสยี ชวี ติ
346 ราย โดยยานพาหนะท่ีท�ำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
1.2 เด็ก เยาวชน และวัยท�ำงานยังเป็นกลุ่มท่ีเสียชีวิต มากที่สุด คือ “รถจักรยานยนต์” โดยมีจ�ำนวนผู้ประสบ
จากอบุ ตั ิเหตุสูงทีส่ ุด อุบัติเหตุ 15,651 รายคิดเป็น ร้อยละ 79.03 จากจ�ำนวน
ยานพาหนะท้ังหมด โดย “ดื่มแล้วขับ” เป็นหน่ึงในสาเหตุ
เม่ือพิจารณาข้อมูลจ�ำนวนการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หลักของการเกิดอุบัติเหตุกว่า ร้อยละ 24.18 ของสาเหตุ
ทางถนนสะสม(4) ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2554–2563 ตามช่วงอายุ การเกดิ เหตทุ ้ังหมด
และเพศ พบวา่ กลมุ่ ชว่ งอายทุ เี่ สยี ชวี ติ จากอบุ ตั เิ หตทุ างถนน อยา่ งไรกต็ าม ผลการบรหิ ารนโยบายและมาตรการดา้ น
มากทส่ี ดุ ทง้ั เพศชายและเพศหญงิ ไดแ้ ก่ กลมุ่ อายุ 15-19 ปี ความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทยตามแผนปฏิบัติการ
โดยเพศชายมีผู้เสียชีวิตจ�ำนวน 17,143 คน และเพศหญิง “ทศวรรษแหง่ ความปลอดภยั ทางถนน พ.ศ. 2554–2563”
จ�ำนวน 3,541 คน รองลงมา คือ เพศชายช่วงอายุ 20-24 ปี ในประเดน็ ดม่ื แลว้ ขบั พบวา่ พฤตกิ รรมเสย่ี งจากการบรโิ ภค
มีผู้เสียชีวิตจ�ำนวน 15,685 คน ท้ังน้ีเม่ือประมาณการ
102
Thai Health Promotion Journal
ภาพที่ 1 สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ปี 2554-2563
เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แล้วขับข่ียานพาหนะมีแนวโน้มลดลง การเกิดอุบัติเหตุทางถนน มักเกี่ยวข้องกับ 2 ความเส่ียง
อันเป็นผลมาจากกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายอย่าง หลัก คือ ความเส่ียงทางกายภาพ (ถนนยานพาหนะ หรือ
ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ี ในช่วงเทศกาล สิ่งแวดล้อม) และความเส่ียงทางสังคม โดยตามกรอบ
ต่างๆ ยังมีการรณรงค์ การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ แนวคิด “Safe System Approach”(3) กล่าวว่า ระบบที่
แตก่ ระบวนการดงั กลา่ วยงั เปน็ การแกป้ ญั หาทก่ี ลางนำ้� และ ปลอดภัยน้ันจะต้องออกแบบมาเพ่ือรองรับข้อผิดพลาด
ปลายน้�ำ ยังไม่ได้มีการก�ำหนดมาตรการต้นน้�ำในการจ�ำกัด ของมนุษย์ ซึ่งน�ำไปสู่อุบัติเหตุ แต่การเกิดอุบัติเหตุนั้นต้อง
ปจั จยั เสย่ี ง ไดแ้ ก่ การควบคมุ การขายเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ ไมน่ ำ� มาซงึ่ ความสญู เสยี ซงึ่ กรอบแนวคดิ ดงั กลา่ วนบั วา่ เปน็
ท่ีมีประสิทธิภาพท่ีเพียงพอ นอกจากนี้การเพิ่มมาตรการ ทิศทางและความท้าทายในการปรับเปล่ียนกระบวนทัศน์
บังคับกฎหมายช่วงกลางน�้ำ เช่น random breath test ในการวางรากฐานการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทาง
ร่วมกับต�ำรวจในการผลักดันพระราชบัญญัติจราจรทางบก ถนนในประเทศไทย
ฉบบั ท่ี 13 โดยบงั คบั ใหต้ อ้ งมกี ารตรวจปรมิ าณแอลกอฮอล์
ในเลือดทุกรายเม่ือเกิดอุบัติเหตุทางถนน หรือการใช้ การเกดิ อบุ ตั เิ หตทุ างถนนการบาดเจบ็ และการเสยี ชวี ติ
เทคโนโลยียกระดับการบังคับใช้กฎหมายจะมีส่วนส�ำคัญ เปรียบเสมือนยอดภูเขาน้�ำแข็งท่ีเป็นปรากฏการณ์
ในการลดอบุ ตั ิเหตุเนอ่ื งจากการดม่ื แล้วขบั ได้ อันสืบเน่ืองมาจากการส่ังสมของรากปัญหาท่ีซ่อนตัวอยู่
ภายใต้ภูเขาน�้ำแข็งท�ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองข้าม
1.4 ต้นตอส�ำคัญของอุบัติเหตุทางถนน-ปัญหาท่ียังคง ไม่เข้ามาจัดการอย่างเป็นระบบ ส่ิงท่ีซ่อนตัวอยู่ภายใต้
ถูกมองขา้ ม ภเู ขานำ�้ แขง็ ในปรากฏการณอ์ บุ ตั เิ หตทุ างถนนนน้ั ยงั มปี จั จยั
ที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน 4 ประการ (การวิเคราะห์
สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและน�ำมาซึ่งความ ตาม human factors และ swiss cheese model)(8)
สูญเสียประกอบด้วย 3 ปัจจัยส�ำคัญ คือ ความผิดพลาด และ 3 ประการ (การวเิ คราะหต์ ามปจั จัยก�ำหนดสขุ ภาพ)(2)
ของคน ความบกพร่องของยานพาหนะ และความบกพร่อง ดังตารางที่ 1
ของถนนและสภาพแวดล้อมข้างทาง โดยสาเหตุการเกิด ตอ้ งอุดชอ่ งโหว่ท่ีจุดไหน จึงจะคุ้มคา่ และยั่งยนื
อบุ ตั เิ หตทุ างถนนในประเทศไทยมากกวา่ รอ้ ยละ 80 เกดิ จาก
พฤติกรรมการใชร้ ถใชถ้ นน และสังคมยังคงมองว่าอบุ ตั ิเหตุ ท่ีผ่านมา เม่ือเกิดอุบัติเหตุมักจะสรุปสาเหตุโดยเน้นท่ี
ทางถนนเป็นเร่ืองปัจเจกบุคคล ส่งผลให้มาตรการและ “ปัจเจก” (การกระท�ำไม่ปลอดภัย) แต่ไม่ได้โยงไปสู่ต้นตอ
นโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนจึงมุ่งเน้นไปที่ หรอื สาเหตทุ เ่ี ปน็ รากปญั หา เชน่ เงอื่ นไขทไี่ มป่ ลอดภยั ระบบ
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นหลัก แต่เมื่อ กำ� กบั ดแู ลทบี่ กพรอ่ ง หรอื ตน้ ตอทเี่ ปน็ ปจั จยั องคก์ รหนว่ ยงาน
พิจารณาตามกรอบแนวคิด “ปจั จัยกำ� หนดสุขภาพ”(2) และ ทต่ี อ้ งมารบั ผดิ ชอบกำ� กบั ดแู ล ซงึ่ ในหลกั การชอ่ งโหวจ่ ดุ ไหน
ปจั จยั ของมนษุ ย(์ 3) พบวา่ ความผดิ พลาดของบคุ คลทน่ี ำ� ไปสู่ ที่พร้อมจะมีมาตรการจดั การกด็ ำ� เนนิ การโดยทนั ที โดยต้อง
103
วารสารการสร้างเสริมสุขภาพไทย
ปจั จยั กำ�หนดสขุ ภาพ ตารางท่ี 1 ปจั จัยท่สี ่งผลใหเ้ กิดอุบตั เิ หตุทางถนน
1) ปจั จยั เชงิ ปจั เจก
2) ปัจจัยดา้ นสภาพแวดล้อม Human factors & Swiss cheese model
1) การกระทำ�ทไ่ี ม่ปลอดภัย (unsafe act)
3) ปจั จัยดา้ นระบบทเี่ กยี่ วข้อง
(1) ความผิดพลาด/จากการรบั รู้ การตดั สินใจ การควบคุม
(2) การฝา่ ฝนื เชน่ ดม่ื หรอื เมาขบั ฯ
2) เง่อื นไขท่ไี ม่ปลอดภยั (unsafe conditions)
(1) สภาพแวดล้อม/ความเสยี่ งทางกายภาพ (ถนน ยานพาหนะฯลฯ)
(2) สภาพแวดลอ้ ม/ความเสย่ี งทางสงั คม
(3) ปจั จยั สว่ นบคุ คล เชน่ โรคประจำ�ตวั อายุฯลฯ
3) ระบบการกำ�กับติดตามบกพรอ่ ง (unsafe supervision)
4) อทิ ธิพลขององคก์ ร (organization influence)
เน้นช่องโหว่ที่เกิดจากปัจจัยหน่วยงานองค์กร เพราะถ้ามี ในการใชร้ ถใชถ้ นนและส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ)
การจัดการแก้ไข ก็จะเป็นต้นทางในการแกป้ ัญหาทีย่ ่งั ยืนได้ อปุ สรรค-ประชาชนยงั คงมแี นวความคดิ วา่ “อบุ ตั เิ หตุ
การวิเคราะห์การขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน เกิดจากความประมาท/ขาดจิตส�ำนึก/เคราะห์กรรม” เป็น
ด้วยเครอื่ งมือ SWOT analysis(9) พบวา่ เรอื่ ง “ปจั เจก” มากกวา่ ปญั หาสาธารณะ มปี จั จยั เออ้ื ใหเ้ กดิ
ความผิดพลาดเพ่ิมข้ึน ได้แก่ ความเร่งรีบ การใช้เทคโนโลยี
จุดแข็ง-ประเทศไทยมีโครงสร้างการจัดการถึงระดับ มือถือ ฯลฯ และ “ความเส่ียง” ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ เช่น
อ�ำเภอ-ต�ำบล มีการก�ำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสอดคล้อง รถจกั รยานยนต์deliveryความเสยี่ งทางสงั คม(socialrisk)ฯลฯ
กับเป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืน (Sustainable De- 2. เสน้ ทางการท�ำงานของศนู ยว์ ชิ าการเพอ่ื ความปลอดภยั
velopment Goals: SDG)(10) และมี ภาคี “ระดับพื้นท่ี” ทางถนน
ต่ืนตัว มีกลไกเสริมโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข เช่น
กรมควบคมุ โรค (คร.)–สำ� นกั งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรค (สคร.) 1.1 ภาพรวมการทำ� งาน
กลไกสาธารณสุขในพื้นที่ จังหวัด–อ�ำเภอ (คณะกรรมการ ศนู ยว์ ชิ าการเพอื่ ความปลอดภยั ทางถนนเรม่ิ ดำ� เนนิ งาน
พัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอ�ำเภอ)–ต�ำบล (โรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพต�ำบล/อาสาสมัครสาธารณสุข/ยุวอาสา เมอ่ื พ.ศ. 2551 ภายใตก้ ารบรหิ ารงานของมลู นธิ สิ าธารณสขุ
สมัครสาธารณสขุ ) แห่งชาติ ต่อมาด�ำเนินงานภายใต้มูลนิธินโยบายถนน
ปลอดภยั (มนป.) ซ่ึงเปน็ องค์กรไมแ่ สวงหาผลกำ� ไรทีจ่ ัดต้ัง
จุดอ่อน-โครงสร้างการจัดการที่ยังท�ำงานไม่ต่อเนื่อง ข้ึนเพ่ือเป็นหน่วยงานท่ีมีภารกิจด้านส่งเสริม และผลักดัน
การบงั คบั ใชก้ ฎหมายทำ� ไดจ้ ำ� กดั และขาดกลไกการสนบั สนนุ การขับเคล่ือนความรู้สู่ระดับนโยบาย ในปี พ.ศ. 2557
ทั้งด้านนโยบาย ระบบงบประมาณ และก�ำกับติดตามท่ีมี ปัจจุบัน ศวปถ. ภายใต้การบริหารงานของ มนป. และการ
ประสิทธภิ าพ อีกท้งั ระบบขอ้ มลู /สอบสวนเคส ยงั ขาดการ สนบั สนนุ งบประมาณจากสสส.ไดด้ ำ� เนนิ งานมาเปน็ ระยะที่6
วิเคราะห์/เช่ือมโยงไปสู่สภาพแวดลอ้ ม และเจา้ ภาพจดั การ (พ.ศ. 2563–2565) และยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนให้เกิด
องค์ความรู้เพ่ือการจัดการความปลอดภัยทางถนนใน
โอกาส–กระแสระดับโลกของสหประชาชาติ (UN) ประเทศไทยรว่ มกบั หนว่ ยงานภาครฐั เอกชนและประชาสงั คม
และแนวคิดใหม่ท่ี UN เสนอให้ใช้ คือ Safe System ผา่ นการสรา้ งชดุ ความรู้คมู่ อื เครอ่ื งมอื ตา่ งๆอาทเิ ชน่ เครอื่ งมอื
Approach(3),กระแสIT,AI(กลอ้ งหนา้ รถCCTVapplication) 5 ชน้ิ กลอ่ งการจดั การจดุ เสย่ี ง นอกจากน้ี ยงั เปน็ หนว่ ยงาน
กระแสส่ือ และความสนใจของสังคมและ social media หลกั ในการจดั สมั มนาวชิ าการระดบั ชาติ เรอ่ื งความปลอดภยั
ทอ้ งถน่ิ มีความตื่นตัว มีการขับเคลือ่ นนโยบาย smart city ทางถนน ซึ่งจดั ทุกๆ 2 ปี โดยทกุ ครง้ั จะมกี ารสรุปและจดั ท�ำ
และ ภาคนโยบาย (รฐั สภาทงั้ วฒุ สิ ภาและสภาผแู้ ทนราษฎร)์ ข้อเสนอตอ่ หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้อง
และแหล่งทุนร่วมสนับสนุน (กองทุนเพ่ือความปลอดภัย
104
Thai Health Promotion Journal
การดำ� เนนิ การในระยะแรกของ ศวปถ. ใชก้ รอบทฤษฎี ระบบติดตามก�ำกับและการสะท้อนกลับ feedback loop
สามเหล่ียมเขยื้อนภูเขา(1) ในการขับเคล่ือน ยึดหลักการ อาทิเชน่ เครอ่ื งมือ 5 ช้นิ อีกทั้ง การขบั เคล่อื นงานของศูนย์
“สร้างความรู้ สร้างความร่วมมือกับเครือข่ายเคล่ือนไหว วชิ าการเพอ่ื ความปลอดภยั ทางถนนถกู กำ� หนดใหส้ อดคลอ้ ง
สังคมและเชื่อมโยงอ�ำนาจรัฐ” พร้อมกับการใช้เคร่ืองมือ กับแนวคิด “วิถีแห่งระบบท่ีปลอดภัย” (Safe System
outcome mapping(11) ส�ำหรับการก�ำหนดกลยุทธ์และ Approach)(3)ซง่ึ เปน็ แนวคดิ ใหมท่ เ่ี นน้ การลดการตาย และ
แนวทางในการทำ� งาน และยทุ ธศาสตร์ 5E’s of road safety บาดเจ็บสาหัสต่างกับแนวคิดเดิมที่เน้นการลดอุบัติเหตุ”
(Engineering Education Enforcement Emergency และแผนยทุ ธศาสตร์ สสส. 10 ปี ตาม “กฎบตั รออตตาวา”
service และ Evaluation)(12) เพอ่ื วจิ ยั และพฒั นาชดุ ความรู้ (The Ottawa Charter)(2) ทัง้ 5 ประการ
ทเี่ ปดิ เผย” ขอ้ มลู ขอ้ เทจ็ จรงิ และพสิ จู นข์ อ้ ทา้ ทายของสงั คม
ในประเดน็ “อบุ ตั เิ หตไุ มใ่ ชเ่ คราะหก์ รรม แตอ่ บุ ตั เิ หตสุ ามารถ 2.2 บทเรียนส�ำคัญการท�ำงานของศูนย์วิชาการเพื่อ
ปอ้ งกนั ได”้ รวมถงึ การสรา้ งแนวรว่ ม และระบบการจดั การใน ความปลอดภัยทางถนน
กลไกปกตเิ ปน็ การกระตนุ้ ใหเ้ กดิ accountabilityของหนว่ ยงาน
ภาครัฐทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับประเดน็ ความปลอดภัยทางถนน การท�ำงานของ ศวปถ. ในปัจจุบันใช้กรอบแนวคิด
OKR (Objective Key Results)(13) เป็นเคร่ืองมือส�ำคัญ
ศูนย์วิชาการเพ่ือความปลอดภัยทางถนนตระหนัก ในการกำ� หนดเปา้ หมายและแผนการดำ� เนนิ งาน โดยกำ� หนด
ถึงอุปสรรคที่ท�ำให้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนยังไม่ใช่จุดเน้น เปา้ หมาย2รปู แบบคอื ความรสู้ ำ� หรบั การขบั เคลอื่ นเชงิ กลไก
ส�ำคัญของฝ่ายบริหารระดับสูงของประเทศ เพราะเป็น และความร้สู ำ� หรบั การขับเคลือ่ นเชงิ ประเดน็ ส�ำคัญ ดังนี้
ปัญหาท่ีเกิดจากหลากหลายมิติท่ีจะต้องขับเคล่ือนอย่าง
เชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน ให้เกิดการแก้ปัญหาในเชิงระบบ 2.2.1 การท�ำงานขับเคล่ือนเพื่อแก้ปัญหาดื่มแล้วขับ
ตั้งแต่ต้นทาง และยังไม่สามารถขับเคลื่อนไปสู่การสร้าง ของศนู ย์วชิ าการเพื่อความปลอดภัยทางถนน
วัฒนธรรมปลอดภัยได้รวมถึงโครงสร้างการบริหารจัดการ
ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนยังจ�ำกัดอยู่ในระดับศูนย์อ�ำนวย บทเรยี นสำ� คญั ในการขบั เคลอ่ื นเชงิ นโยบายในประเดน็
การความปลอดภัยทางถนน (ส่วนกลาง) และศูนย์อ�ำนวย ด่ืมแล้วขับของ ศวปถ. เริ่มจากการเข้าไปมีบทบาทเป็น
การความปลอดภยั ทางถนนระดบั จงั หวดั ยงั ไมล่ งไปถงึ การ คณะท�ำงานต่างๆ สนับสนุนและผลักดันให้เกิดการ
จัดการในระดับอ�ำเภอและท้องถิ่นซ่ึงเป็นจุดจัดการปัญหา เปล่ียนแปลงนโยบายในด้านกฎหมาย นอกจากนี้บทบาท
ที่ส�ำคัญ ด้วยเหตุผลดังกล่าว สสส. จึงมีบทบาทส�ำคัญใน ส�ำคัญในการแก้ไขปัญหาด่ืมแล้วขับในการใช้ข้อมูลและ
การหนุนเสริมให้เกิดกลไกขับเคลื่อนภาคนโยบาย โดยการ งานวิชาการในการลดช่องว่างภายในโครงสร้างการจัดการ
หนนุ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความรว่ มมอื ระหวา่ งศวปถ.และภาคเี ครอื ขา่ ย ในส่วนกลางถึงท้องถ่ิน โดยจัดท�ำข้อเสนอเชิงนโยบายให้
โดย ศวปถ. ได้น�ำกรอบแนวคิดปัจจัยก�ำหนดสุขภาพ(2) จัดต้ังกลไกอนุกรรมการบังคับใช้กฎหมาย ในการควบคุม
มาประยุกต์ใช้ในการขับเคล่ือนงานในระยะท่ี 2 ท่ีเน้นการ ก�ำกับดูแล ทั้งเร่ืองการต้ังด่าน การบังคับใช้กฎหมายที่
หนุนเสริมนโยบายในการพัฒนากลไกท่ีมุ่งเน้นการสร้าง เกี่ยวข้องกับการดืม่ ขบั
ระบบที่ปลอดภัย และสนับสนุนให้เกิดระบบ/กลไกจัดการ
เข้มแข็ง (เชิงระบบ) ควบคู่ไปกับการบูรณาการเพ่ือจัดการ 2.2.2 การท�ำงานขับเคล่ือนเพ่ือการจัดการความ
ความเส่ียงส�ำคัญ (issue base) โดย (1) การหนุนเสริม ปลอดภัยทางถนนในกลุ่มเดก็ และเยาวชน
วิชาการเพื่อผลักดันนโยบายสุขภาพ (ส่วนกลาง-พื้นที่)
สนับสนุนงานวิชาการร่วมกับองค์กรท้ังในและต่างประเทศ กลุ่มเด็กและเยาวชนถือเป็นกลุ่มเปราะบางต่อการ
(2) การออกแบบเครื่องมือการเสริมสร้างความเข้มแข็ง เสยี ชวี ติ จากอบุ ตั เิ หตทุ างถนน บทเรยี นการทำ� งานทผ่ี า่ นมา
โครงสรา้ งการบรหิ ารจดั การ รว่ มกบั ภาคีเครอื ขา่ ย (3) การ จึงมุ่งเน้นไปที่การจัดการเชิงป้องกันเพ่ือน�ำไปสู่การสร้าง
สนับสนุนชุดความรู้ส�ำหรับเสริมประสิทธิภาพระบบข้อมูล วัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ตามกรอบแนวคิด
“ปัจจัยก�ำหนดสุขภาพ” ในระยะแรกเป็นการผลักดันให้
สถานศึกษาต้องจัดการเรียนการสอนเรื่องความปลอดภัย
ทางถนนครอบคลุมความเสี่ยงทุกช่วงวัย โดยร่วมกับภาคี
เครือข่ายและกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาหลักสูตร
ท่ีสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกวิชา ในระยะต่อมาได้มีการ
105
วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย
เร่ิมผลักดันให้เกิดการพัฒนาต้นแบบสถานศึกษาด้านการ อย่างต่อเน่ือง ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกระดับ โดย ศวปถ.
จัดการระบบข้อมูลความปลอดภัยทางถนนในสถานศึกษา มบี ทบาทในการสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ งานวชิ าการในการวเิ คราะห์
รว่ มกบั กลไก ศปถ. อำ� เภอ นอกจากนไี้ ดร้ ว่ มกับคณะท�ำงาน ความเสี่ยงเพื่อปิดช่องว่าง ลดอุบัติเหตุของรถโดยสาร
เฉพาะกจิ และภาคเี ครอื ขา่ ยวชิ าการแกไ้ ขปญั หาอบุ ตั เิ หตจุ าก ทกุ ประเภท โดยแบง่ เปน็ 3 สว่ นสำ� คญั ไดแ้ ก่ (1) การจดั การ
รถจักรยานยนต์ร่วมกันจัดท�ำแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหา ต้นน้�ำ ได้แก่ การผลักดันให้สถานประกอบการรถโดยสาร
อุบัติเหตุท่ีเกิดจากรถจักรยานยนต์ครอบคลุม 7 มาตรการ สาธารณะเกือบทุกชนิด ต้องมีผู้ประกอบการท�ำหน้าที่ดูแล
ในมิติคน รถ ถนน อีกท้ังยังมีการขับเคลื่อนงานผ่านกลไก จัดระบบ (2) การจัดการกลางน�้ำ ได้แก่ การก�ำกับดูแล
รฐั สภา เพอ่ื ผลกั ดนั การตดิ ตงั้ ระบบ ABS (anti-lock brake ผู้ประกอบการ พนักงานขับรถขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการ
system) ป้องกันล้อล๊อคในรถจักรยานยนต์ผ่านสำ� นักงาน ใช้เทคโนโลยีก�ำกับ และ (3) การจัดการปลายน�้ำ ได้แก่
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ท้ายท่ีสุดส่งผล เมอื่ เกดิ อบุ ตั เิ หตุ ตอ้ งมรี ะบบจดั การทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ในดา้ น
ให้กรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศก�ำหนดคุณสมบัติ การชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบเหตุ ระบบประกนั ภยั ทเ่ี หมาะสม และ
คณุ ลกั ษณะ สมรรถนะ หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารเงอ่ื นไขการรบั รอง การสอบสวนอบุ ตั เิ หตุโดยสหวชิ าชพี ทม่ี คี วามเชี่ยวชาญ
แบบระบบหา้ มลอ้ สำ� หรบั รถจกั รยานยนต์ ปี พ.ศ. 2564 ซง่ึ
ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เมอื่ วนั ท่ี 15 พฤษภาคม 2564 การด�ำเนินงานขับเคลื่อนความปลอดภัยของ ศวปถ.
ในประเด็นรถโดยสารสาธารณะ ได้มีการขับเคลื่อนในทุก
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากลไกการบังคับใช้ ระดบั ตงั้ แตร่ ะดบั นโยบายลงไปถงึ ระดบั พน้ื ท่ีในชว่ งระยะแรก
กฎหมายยังเป็นกลไกส�ำคัญในการป้องปรามพฤติกรรม มุ่งประเด็นการจัดการกลุ่มรถโดยสารสาธารณะขนาดใหญ่
เส่ียงลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ดังน้ัน ศวปถ. ร่วมกับ และกลุ่มรถตู้ ดังนี้ (1) การด�ำเนินงานผลักดันเพื่อแก้ไข
อาจารยว์ รี ะ ซอื่ สวุ รรณ ไดพ้ ฒั นาหลกั สตู รสำ� หรบั เจา้ หนา้ ที่ ระดับนโยบาย (macro) และขับเคลื่อนในระดับชุมชน
ผปู้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นการควบคมุ กฎ ไมว่ า่ จะเปน็ เจา้ หนา้ ทตี่ ำ� รวจ (micro) ระยะแรกเน้นการจัดท�ำ “ข้อมูล” เพื่อน�ำข้อมูล
จราจร ผู้น�ำชุมชน แกนน�ำเยาวชน ในการส่งเสริมให้เกิด คืนเข้าสู่หน่วยงานในระดับนโยบายเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยง
การบังคับใช้กฎหมายเชิงบวก เน้นการสื่อสารความห่วงใย และปิดช่องว่างของปัญหา (2) การด�ำเนินงานผลักดันโดย
โดยประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั การ Behavior Based Safety: BBS(14) ใช้แนวคิด logic model(15) เพื่อให้ลงไปแก้ไขท่ีรากปัญหา
เป็นเคร่ืองมือกระตุ้นให้ผู้ขับข่ีได้ฉุกคิดถึงผลกระทบท่ีอาจ ของรถแต่ละประเภทโดยใช้ logic model เป็นตัวก�ำหนด
เกดิ ขึ้นจากการไมส่ วมหมวกนิรภยั ผลส�ำเร็จเป็นระยะสั้นกลาง และยาว ขับเคล่ือนในระดับ
นโยบายและในระดับพื้นท่ีและเกิดข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
เนื่องจากเด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มเสี่ยงและมีโอกาส ทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ศวปถ.รว่ มกบั กรมการขนสง่ ทางบกไดข้ บั เคลอ่ื น
การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ในขณะเดียวกัน มาตรฐานความปลอดภยั ของรถตโู้ ดยสารสาธารณะโดยเฉพาะ
ยังเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ท่ีมีพลังในการเปล่ียนแปลงสังคม เร่ืองความปลอดภัยของสภาพตัวรถ นอกจากนี้ สสส.
สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความปลอดภัยทาง ยังสนับสนุนให้ทุกภาคี ร่วมทั้ง ศวปถ. ขับเคลื่อนความ
ถนนต่อไปในอนาคต ศวปถ. จึงได้ผลักดันให้ศูนย์อ�ำนวย ปลอดภัยในการเดินทางของนักเรียน โดยเฉพาะรถรับส่ง
การความปลอดภัยทางถนนภายใต้กระทรวงมหาดไทย นักเรียนภายใต้บริบทในแต่ละพ้ืนที่ ให้มีการตั้งคณะทำ� งาน
ก�ำหนดให้มีผู้แทนเยาวชนจากสภาเด็กและเยาวชนแห่ง ในพื้นท่ีเพื่อก�ำกับติดตาม การรวมกลุ่มผู้ประกอบการใน
ประเทศไทยและสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เป็นหนึ่ง ลกั ษณะองคก์ รอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการเพอ่ื สนบั สนนุ หนว่ ยงาน
ในอนกุ รรมการในกลไกดา้ นความปลอดภยั ทางถนนในระดบั ในพ้ืนที่ และต้องก�ำหนดบทบาทการท�ำงานของแต่ละ
ประเทศและในระดับท้องถนิ่ ภาคส่วนให้มคี วามชดั เจน
3. ภาพอนาคตในระยะ 5-10 ปีขา้ งหน้า
2.2.3 การท�ำงานขับเคลื่อนเพ่ือความปลอดภัยรถ
โดยสารสาธารณะ การขับเคล่ือนเพื่อลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทาง
ถนนส้ินสุดทศวรรษที่ 1 ลงในปี พ.ศ. 2563(16) และเร่ิม
รถโดยสารสาธารณะเป็นอีกหน่ึงความเส่ียงที่ ศวปถ.
ขับเคล่ือนความปลอดภยั โดยได้รบั การสนับสนนุ จาก สสส.
106
Thai Health Promotion Journal
ทศวรรษที่ 2 ใน ปี พ.ศ. 2564–2573 ในขณะเดียวกัน นโยบายที่มีประสิทธิภาพ และการสื่อสารท่ีเข้าถึงท้ังกลุ่ม
อุบัติเหตุทางถนนถูกก�ำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ผู้ก�ำหนดนโยบาย และประชาชน
ในด้านความม่ันคงและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ 2. ขยายฐานแนวรว่ มการเปน็ เจ้าภาพในการแก้ไขและ
อ�ำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ก�ำหนดค่าเป้าหมาย ปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตทุ างถนนในระดบั พน้ื ท่ี โดยสรา้ งความรว่ มมอื
การป้องกันและลดอุบตั เิ หตทุ างถนนของประเทศไทย พ.ศ. กับทุกภาคส่วน ท้ังผู้ก�ำหนดนโยบาย หน่วยงานภาครัฐ
2565–2570 โดยจะตอ้ งลดอตั ราการเสียชีวิตจากอบุ ตั เิ หตุ ภาคเอกชน และภาคเี ครอื ข่าย
ทางถนนให้เหลอื ไม่เกนิ 12 รายต่อประชากรแสนคน(17)
3. สนับสนุนและสง่ เสรมิ การพฒั นาศกั ยภาพผ้ปู ฏิบตั ิ
ภายใต้เป้าหมายดังกล่าว ศูนย์อ�ำนวยการความ งานดา้ นความปลอดภยั ทางถนนใหม้ อี งคค์ วามรใู้ นการสรา้ ง
ปลอดภัยทางถนนได้ก�ำหนดแนวทางการปฏิบัติงานเพ่ือให้ ความรอบรู้ทางสขุ ภาพ (health literacy) และองคค์ วามรู้
บรรลุเป้าหมายการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทาง อื่นที่เก่ยี วข้องกับการสรา้ งความปลอดภัยทางถนน รวมถงึ
ถนนให้เหลอื 12 ตอ่ ประชากรแสนราย ภายในปี พ.ศ. 2570 การจัดการความเสี่ยงส�ำคัญที่เป็นสาเหตุหลักของการ
โดยใช้กลไกการขับเคลื่อน 2 ระดับ ภายใต้แนวคิดใหม่ คือ เกิดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย อันประกอบด้วย
วถิ แี ห่งระบบทป่ี ลอดภัย คอื (1) การขับเคลอ่ื นเพอื่ จดั การ รถจักรยานยนต์ ด่ืมแล้วขับ และการขับรถเร็วเกินกว่า
ประเด็นเสี่ยงส�ำคัญ โดยอาศัยกลไกการขับเคลื่อนผ่าน กฎหมายกำ� หนด
อนกุ รรมการทงั้ 8 ชดุ ภายใตศ้ นู ยอ์ ำ� นวยการความปลอดภยั
ทางถนนและ (2) การพฒั นาระบบจดั การพน้ื ท่ี (ตำ� บลขบั ขี่ 4. สนับสนุนการสร้างเครือข่าย สร้างและเผยแพร่
ปลอดภยั )โดยกำ� หนดใหเ้ กดิ ผลลพั ธส์ ำ� คญั 3ประการคอื เกดิ องค์ความรู้งานวิจัยและงานวิชาการด้านนวัตกรรมส�ำหรับ
ระบบจดั การความเสย่ี งสำ� คญั “ตน้ นำ�้ -กลางนำ�้ -ปลายนำ้� ” การแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย
ในมติ สิ ำ� คญั 5Es โดยเนน้ Engineering Enforcement และ รวมถึงผลักดันนโยบายท่ีเก่ียวข้องผ่านการจัดงานสัมมนา
Educationเกดิ กลไกจดั การแผนทกุ ระดบั ตง้ั แตย่ ทุ ธศาสตรช์ าติ วชิ าการระดบั ชาตเิ รอื่ งความปลอดภยั ทางถนน ในครงั้ ตอ่ ๆ ไป
แผนระดับชาติ แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน แผน
พื้นที่ทุกระดับ มีงบประมาณ และมีระบบก�ำกับติดตาม สรปุ
ประเมินผลท่ีมีประสิทธิภาพและเกิดกลไกจัดการในระดับ
พ้ืนท่ีทีเ่ ข้มแข็ง ความท้าทายที่ประเทศไทย สสส. ศวปถ. และภาคีที่
เกยี่ วขอ้ ง ตอ้ งเผชญิ และลงมอื อยา่ งเรง่ ดว่ น คอื ตอ้ งพฒั นา
เมอื่ พจิ ารณาจากสถานการณป์ จั จบุ นั และอนาคตของ ระบบการจัดการท้ังระดับนโยบายและระดับพ้ืนที่ให้มีความ
ประเทศไทยในด้านความปลอดภัยทางถนน พบว่า มีความ เข้มแข็งมากยิ่งข้ึน เพ่ือน�ำไปสู่การลดอัตราการเสียชีวิตให้
ทา้ ทายทสี่ ำ� คญั ของสงั คมไทยในการสรา้ งการเปลย่ี นแปลง ได้ตามเป้าหมายเหลือ 12 ต่อประชากรแสนรายภายในปี
ระบบฐานความคิดและความเชื่อของสังคมไทย (mind- พ.ศ. 2570 ประกอบกับสถานการณ์ท่ีมีการเปลี่ยนผ่าน
set)ตามกรอบวิถีแห่งระบบท่ีปลอดภัย ประกอบกับ การ อย่างรุนแรงทางเทคโนโลยี สังคม และวัฒนธรรมที่อาจ
พัฒนาด้านเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ท�ำให้ ส่งผลกระทบต่อปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
ศวปถ. จ�ำเป็นต้องพิจารณาถึงภาพอนาคตในการสร้าง ซ่ึงเป็นประเด็นใหม่ท่ีต้องการข้อมูลและองค์ความรู้ที่ทัน
ความปลอดภัยทางถนนให้กับสังคมไทย โดยวางบทบาท ตอ่ สถานการณใ์ นปจั จบุ นั ในขณะที่ SDGs ไดก้ ำ� หนดเปา้ หมาย
การทำ� งานไว้ ดงั นี้ ในการพัฒนาให้มุ่งไปสู่การเป็นเมืองที่ปลอดภัยในการ
เดินทางส�ำหรับทุกคน เชื่อมโยงกับความเป็นมิตรด้าน
1. มุ่งม่ันสร้างความเปล่ียนแปลงทางความคิดและ ส่ิงแวดล้อม ดังน้ัน เพ่ือให้สามารถด�ำเนินการลดการ
ความเชื่อของสังคมไทยสู่ความคิดท่ีว่า “อุบัติเหตุทางถนน เสยี ชวี ติ จากอบุ ตั เิ หตไุ ดต้ ามเปา้ หมายของประเทศใหม้ อี ตั รา
เป็นส่ิงท่ปี อ้ งกันได้ และการเกดิ อุบัติเหตุทางถนนจะต้องไม่ การเสยี ชวี ติ ลดลง รอ้ ยละ 50 จงึ ควรนำ� แนวคดิ วถิ แี หง่ ระบบ
น�ำไปสู่การเสียชีวิต” ด้วยการจัดการข้อมูลเพื่อการผลักดัน ท่ีปลอดภัย ประยุกต์รวมกับแผนยุทธศาสตร์ 10 ปี สสส.
(พ.ศ. 2565-2574) และเคร่ืองมอื chain of outcome(15)
107
วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย
เป็นหลักการในการก�ำหนดเป้าหมายและทิศทางในการขับ กิตติกรรมประกาศ
เคลื่อนงานเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติมาตรการท่ีเหมาะ
สม และการสรา้ งเครอื ขา่ ยวชิ าการระดบั พน้ื ท่ี เพอื่ เปน็ กลไก ขอขอบคณุ สสส. ทส่ี นบั สนนุ ทรพั ยากรและหนนุ เสรมิ
หนุนเสริมในการขับเคลื่อนงาน เพ่ือให้การด�ำเนินงานของ ให้เกิดภาคีเครือข่ายสานพลังขับเคลื่อนนโยบาย คณะ
ศวปถ. เป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล กรรมการก�ำกับทิศท่ีให้ค�ำแนะน�ำและชี้แนะทิศทางอันเป็น
ประโยชน์ต่อการขับเคล่ือนงานวิชาการเพื่อความปลอดภัย
ทางถนนในประเทศไทย รวมถึงภาคีเครือข่ายภาควิชาการ
ภาคประชาสงั คม ภาครฐั และภาคเอกชนในการรว่ มผลกั ดนั
ใหผ้ ลงานวชิ าการเกิดการขับเคล่อื นอยา่ งเป็นรปู ธรรม
เอกสารอา้ งอิง
1. สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสขุ . จดั การความรสู้ รู่ ะบบสขุ ภาพทเ่ี ปน็ ธรรม “พลงั ความรู้ สกู่ ารเขยอ้ื นภเู ขา” [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2556 [สบื คน้
เมือ่ 30 มิ.ย. 2564]. แหล่งขอ้ มลู : https://www.hsri.or.th/researcher/media/issue/detail/4645
2. คณะทำ� งานโครงการพฒั นาหลกั สตู รแนวคดิ และหลกั การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพสำ� หรบั ภาคเี ครอื ขา่ ยสำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ ง
เสรมิ สขุ ภาพ. คมู่ อื วชิ าการ: แนวคดิ และหลกั การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพสำ� หรบั ภาคเี ครอื ขา่ ย สสส. [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2562 [สบื คน้ เมอื่ 29
ก.ค. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://dol.thaihealth.or.th/File/media/54259f40-0d22-4b34-81ed-a23a4af301bf.pdf
3. Larsson P, Tingvall C. The safe system approach – a road safety strategy based on human factors principles.
[Internet]. Springer-Verlag Berlin Heidelberg; 2013 [cited 2021 Jul 15]. Available from: https://link.springer.
com/content/pdf/10.1007/978-3-642-39354-9_3.pdf
4. กองปอ้ งกนั การบาดเจบ็ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ . ขอ้ มลู 3 ฐานการเสยี ชวี ติ ปี พ.ศ. 2554-2564. นนทบรุ :ี กรมควบคมุ
โรค; 2564.
By IDCC: Injury Data Collaboration Center [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [สืบค้นเม่ือ 30 มิ.ย. 2564]. แหล่งข้อมูล: https://public.
tableau.com/app/profile/datacenter/viz/RTDDC1_ServerWorkshopEP1/DB_
5. กองปอ้ งกนั การบาดเจบ็ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ . หยดุ !! เดก็ และเยาวชนไทยตายจากอบุ ตั เิ หตทุ างถนน [อนิ เทอรเ์ นต็ ].
2564 [สบื ค้นเมอ่ื 30 ม.ิ ย. 2564]. แหล่งขอ้ มลู : http://35.190.29.12/uploads/publish/1036520200811093802.pdf
6. ศนู ยว์ จิ ัยอุบตั ิเหตุแหง่ ประเทศไทย. โครงการวจิ ยั เพ่อื เมอื งไทยไรอ้ บุ ตั ิเหตุ [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [สบื คน้ เม่ือ 30 มิ.ย. 2564]. แหลง่
ขอ้ มูล: https://www.thaihonda.co.th/honda/news/csr/20210305/
7. กองสาธารณสุขฉุกเฉนิ กระทรวงสาธารณสุข. Dashboard ชว่ งเทศกาลภาพรวมทงั้ ประเทศ [อนิ เทอร์เน็ต]. 2564 [สืบค้นเมอ่ื 30
ม.ิ ย. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : http://ict-pher.moph.go.th/index.php?r=dashboard/default/monitor&precessid=
8. Reason J. Human error: models and management. BMJ [Internet]. 2000 [cited 2021 Jul 20]320:768-70. Avail-
able from: https://www.bmj.com/content/320/7237/768
9. HotPMO. SWOT analysis [Internet]. 2021 [cited 2021 Jul 20]. Available from: https://www.hotpmo.com/man-
agement-models/swot-analysis-strengths-weaknesses-opportunities-threats/
10. ส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. เป้าหมายท่ี 3 สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่
ทดี่ สี ำ� หรับทุกคนในทกุ ช่วงวยั [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2563 [สืบคน้ เม่อื 13 ก.ค. 2564]. แหลง่ ข้อมูล: http://sdgs.nesdc.go.th/เก่ยี ว
กับ-sdgs/เป้าหมายท่-ี 3-สรา้ งหลักป/
11. Research to Action. Outcome mapping: a basic introduction [Internet]. 2012 [cited 2021 Jul 20]. Available from:
https://www.researchtoaction.org/2012/01/outcome-mapping-a-basic-introduction/
12. Phanthunane P, Sirisrisakulchai, Taekratoke T, Pannarunothai S. Road safety investment: a step to achieve the
Decade of Action on road safety goal in Thailand. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ [อนิ เทอร์เน็ต]. 2557 [สบื ค้นเมอ่ื 30
108
Thai Health Promotion Journal
ก.ค. 2564]; 24: 12-28. แหล่งข้อมลู : https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JSH/issue/view/10632/vol7no24
13. ประชาชาตธิ รุ กิจ. OKR คอื อะไร? เขา้ ใจวิธตี ัง้ เปา้ หมายแบบ Google [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. 2561 [สบื คน้ เมอื่ 29 มิ.ย. 2564]. แหล่งขอ้ มลู :
https://www.prachachat.net/csr-hr/news-209471
14. บรษิ ัทศนู ยเ์ ทคโนโลยคี วามปลอดภัยและส่งิ แวดล้อม (SAFETECH). BBS: Behavior Based Safety [อินเทอรเ์ นต็ ]. 2564 [สืบค้น
เมอ่ื 30 มิ.ย. 2564]. แหลง่ ข้อมูล: https://www.safetechthailand.net/articledetail.asp?id=17260
15. Gale J. Logic model: components and implementation [Internet]. 2014 [cited 2021 Jul 20]. Available from: https://
www.ruralcenter.org/sites/default/files/program-evaluation-workshop/Logic%20Model%20John%20Gale.pdf
16. United Nations Road Safety Collaboration. Global plan for the decade of action for road safety 2011-2020 [In-
ternet]. 2016 [cited 2021 Jun 20]. Available from: https://www.who.int/roadsafety/decade_of_action/plan/en/
17. ฐานเศรษฐกิจ. มท.ตงั้ เปา้ ลดเสียชวี ติ ทางถนนเหลอื 12 คนต่อ 1 แสนประชากร [อนิ เทอรเ์ น็ต]. 2564 [สืบคน้ เม่ือ 30 มิ.ย. 2564].
แหล่งข้อมลู : https://www.thansettakij.com/content/normal_news/470218
109
วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย Thai Health Promotion Journal
ปที ี่ 1 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022
บทความพเิ ศษ Special Article
บทบาทศนู ย์วิจยั ปัญหาสรุ ากบั
นโยบายแอลกอฮอลใ์ นประเทศไทย
อดุ มศักดิ์ แซโ่ งว้ 1, อภญิ ญา เลาหประภานนท2์ , รตั ติยา อกั ษรทอง2
1 สำ�นักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั วลัยลกั ษณ์ จังหวัดนครศรธี รรมราช
2 ศนู ย์ความเป็นเลศิ ด้านวทิ ยาศาสตร์ข้อมลู เพ่อื วทิ ยาการสุขภาพ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จงั หวัดนครศรีธรรมราช
บทความ
เมื่อมองย้อนไปในช่วง 20 ปีท่ีผ่านมา จะมองเห็นความก้าวหน้าในการด�ำเนินมาตรการควบคุมปัญหาเครื่องด่ืม
แอลกอฮอล์ บทความชิ้นน้ีได้รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับบทบาทของศูนย์วิจัยปัญหาสุราในฐานะศูนย์วิชาการท่ีสนับสนุนการ
ควบคมุ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ โดยแบง่ สถานการณอ์ อกเปน็ 2 ชว่ งเวลา โดยใชก้ ารออก พ.ร.บ. ควบคมุ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์
พ.ศ. 2551 เปน็ จุดตดั ความแตกต่างของความเคลื่อนไหวทางสังคมเพอ่ื สนบั สนุนมาตรการควบคุมเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์
คือ ในช่วงก่อนมี พ.ร.บ. บทบาทของภาควิชาการเน้นไปที่การจัดท�ำข้อมูลพื้นฐานเก่ียวกับผลกระทบจากแอลกอฮอล์
ในประเทศไทยและใช้การอ้างอิงตัวอย่างมาตรการจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการเคล่ือนไหวของภาคประชาสังคม
ซ่ึงท�ำให้เกิดแคมเปญรณรงค์ที่ส�ำคัญขึ้นในช่วงเวลาน้ี หลังจากการเคล่ือนไหวในประเด็นการควบคุมที่หลากหลายผ่านไป
สกั ระยะหนงึ่ จงึ เกดิ การหลอมรวมเอามาตรการตา่ งๆ มาสรา้ งเปน็ พ.ร.บ. ควบคมุ เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์ การเคลอื่ นไหวของ
ทกุ ภาคส่วนจงึ มเี ปา้ หมายท่ีชดั เจน คือ การผลักดนั พ.ร.บ. ควบคุมเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 หลังจากมี พ.ร.บ.
ดังกล่าวออกมาแล้ว พร้อมกันนั้นแต่ละภาคส่วนที่ร่วมเคล่ือนไหวก็มีสถานะที่เป็นองค์กรที่มีความเป็นทางการมากขึ้น
ประเดน็ ความเคล่ือนไหวในระยะนม้ี ่งุ เน้นการสนบั สนนุ มาตรการที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. ควบคมุ เครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล์ และการ
ผลักดันมาตรการควบคุมเครือ่ งดม่ื แอลกอฮอลเ์ พมิ่ เติม เช่น การจ�ำกดั การจ�ำหนา่ ยรอบสถานศกึ ษา ซง่ึ มี ศวส. เปน็ หนว่ ย
งานสนบั สนนุ ทางวิชาการที่ส�ำคญั การขับเคลื่อนทงั้ หมดไดส้ ่งผลเชงิ ประจักษ์เปน็ การลดลงของปริมาณการบรโิ ภคเครื่อง
ดื่มแอลกอฮอล์จากเดิมท่ีเฉลยี่ ประมาณ 8 กรัมของแอลกอฮอลต์ ่อหวั ต่อปี มาเป็น 7 กรมั ต่อหวั ต่อปี ในชว่ งเวลาหลังจาก
การบงั คบั ใช้ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
คำ�ส�ำ คัญ: การควบคุมเคร่ืองด่มื แอลกอฮอล์; ศนู ย์วิจัยปัญหาสุรา; สำ�นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ;
การขับเคล่ือนทางสังคม
Roles of the Center for Alcohol Studies
on Alcohol Policy in Thailand
Udomsak Saengow1, Apinya Laohaprapanon2, Ruttiya Asksontong2
1 School of Medicine, Walailak University, Nakhon Si Thammarat Province
2 Center of Excellence in Data Science for Health Study, Walailak University,
Nakhon Si Thammarat Province, Thailand
Abstract
Alcohol policy in Thailand has evolved significantly over the last two decades, owing to mechanisms sup-
ported by the Thai Health Promotion Foundation. This article discusses the role of the Center for Alcohol
110
Thai Health Promotion Journal
Studies (CAS), a leading think tank on alcohol policy. Prior to the enactment, CAS’s work focused
on the consequences of alcohol consumption in Thailand and a review of other countries’ alcohol
control policies. These works were used to advocate for the regulation of the alcohol industry. The
movement was composed of a number of formal and informal organizations that addressed various
aspects of alcohol control. Finally, they collaborated to develop a comprehensive alcohol control law
that resulted in the passage of the Alcoholic Beverage Control Act, 2008. Following that, each of the
movement’s organizations became more formally established. These included the Alcohol Control
Committee’s office and the Stop Drinking Network. Throughout this time period, these organizations
have operated in support of the Alcoholic Beverage Control Act’s alcohol control provisions. New al-
cohol control measures, such as controlling sale outlets near universities, have been added. CAS
played a critical role in providing supporting information. Overall movement has resulted in a decrease
in per capita alcohol consumption from an average per capita of eight gram of ethanol per year to
an average per capita of seven gram of ethanol per year after the Alcoholic Beverage Control Act,
2008, went into effect.
Keywords: alcohol control; Center for Alcohol Studies; Thai Health Promotion Foundation; social
movement
บทนำ� ได้มีนวัตกรรมเก่ียวกับการควบคุมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์
เกิดขึน้ มากมายในประเทศไทย ไม่วา่ จะเป็นกจิ กรรมรณรงค์
จากการประมาณการลา่ สดุ ในปี พ.ศ. 2559 การบรโิ ภค งดเหลา้ เขา้ พรรษาการออกพ.ร.บ.ควบคมุ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์
เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกถึง 3,000,000 พ.ศ. 2551 การจดั งานปลอดเหล้าในรูปแบบตา่ งๆ เปน็ ต้น
คนตอ่ ป(ี 1)แอลกอฮอลจ์ งึ ถอื เปน็ ปจั จยั เสยี่ งทางสขุ ภาพทสี่ ำ� คญั ศนู ยว์ จิ ยั ปญั หาสรุ า (ศวส.) เปน็ ภาคหี ลกั ในฟากฝง่ั วชิ าการ
มาตรการทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลและมคี วามคมุ้ คา่ สงู ในการลดขนาด ท่ีคอยสนับสนุนการด�ำเนินงานของภาคีภาคประชาสังคม
ปัญหาจากการบริโภคเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ ส่วนใหญ่เป็น และผกู้ ำ� หนดนโยบายในการควบคมุ การบรโิ ภคและลดปญั หา
มาตรการที่มุ่งหวังในการลดปริมาณการบริโภคเป็นส�ำคัญ ทีเ่ กดิ จากเคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์
เชน่ จำ� กดั การเขา้ ถงึ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ การเพม่ิ ราคาและ
เกบ็ ภาษี และการควบคมุ การโฆษณา(2) สงั เกตไดว้ า่ มาตรการ บทความชิ้นน้ีได้เลือกเอาผลของการขับเคล่ือนเพ่ือ
ดงั กลา่ วอยนู่ อกขอบขา่ ยการใหบ้ รกิ ารทางการแพทยต์ ามปกติ ควบคมุ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลท์ ส่ี ำ� คญั ในรอบ 20 ปที ผี่ า่ นมา
และบางมาตรการอยนู่ อกเหนอื การกำ� กบั ของหนว่ ยงานดา้ น องคค์ วามรู้ที่ถกู นำ� มาใช้ในการขับเคล่ือนดงั กลา่ ว พรอ้ มทั้ง
สาธารณสุขในประเทศไทย อธบิ ายบทบาทของ ศวส. ในการขบั เคลอื่ นแตล่ ะครงั้ เพอื่ แสดง
ใหเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ของภาคที างวชิ าการของ สสส. ในการ
ระบบสุขภาพของประเทศไทยได้ถูกจัดวางให้มีกลไก ควบคมุ และลดปญั หาจากเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลใ์ นรอบ 20 ปี
ในการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ มาตรการทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ ท่ผี า่ นมา
แต่อยู่นอกเหนือการให้บริการทางการแพทย์และขอบเขต
อ�ำนาจของหน่วยงานด้านสาธารณสุข ส�ำนักงานกองทุน- ประวัติและบทบาทของ ควส.
สนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นหน่ึงในกลไกท่ี กบั การสนับสนนุ นโยบายควบคุม
มีความส�ำคัญในการส่งเสริมมาตรการในลักษณะดังกล่าว ปัญหาจากเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์
สสส. ไดส้ นบั สนนุ ใหเ้ กดิ ภาคที ง้ั ในดา้ นประชาสงั คม ผกู้ ำ� หนด
นโยบาย และภาคดี า้ นวชิ าการ เมอื่ มองยอ้ นไปในชว่ งเวลา 20 ปี ศนู ยว์ จิ ยั ปญั หาสรุ า(ศวส.)ถกู จดั ตง้ั ขน้ึ ในปีพ.ศ.2547
จากการสนับสนุนงบประมาณโดยส�ำนักสนับสนุนการ-
111
วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย
ควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุน- คนใหม่ ภารกิจของ ศวส. ในระยะนี้ประกอบด้วยการเป็น
การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้แก่สถาบันวิจัยระบบ- ผจู้ ดั การงานวจิ ยั การเปน็ แหลง่ ผลติ ความรู้ และการพฒั นา
สาธารณสุข (สวรส.) วัตถุประสงค์หลักของ ศวส. ใน ศกั ยภาพทางวชิ าการ โดยในสว่ นของการพฒั นาศกั ยภาพนนั้
ระยะแรกนี้ คือ การสนับสนุนการผลิตองค์ความรู้ด้านการ ศวส. ใช้แนวคิดของการพัฒนาศักยภาพใน 4 ระดับ ได้แก่
จัดการปัญหาแอลกอฮอล์และการน�ำองค์ความรู้ไปใช้ใน ศักยภาพส่วนบุคคล ศักยภาพระดับองค์กร ศักยภาพของ
กระบวนการนโยบายแอลกอฮอล์ หรือกล่าวได้ว่ามีหน้าท่ี เครือข่าย และศักยภาพของระบบโดยรวม แนวคิดน้ีเป็น
หลักในการเป็นองค์กรจัดการความรู้ภารกิจส�ำคัญจึง รากฐานของการท�ำงานพัฒนาเครือข่ายของ ศวส. ในระยะ
ประกอบไปดว้ ย กจิ กรรมสองดา้ น คอื (1) การกำ� หนดทศิ ทาง ต่อมา ในปี พ.ศ. 2556 ผู้อ�ำนวยการในขณะน้ันได้ลาออก
งานวิจยั ผ่านการคดั เลือก สนับสนนุ ทุนวจิ ัยและการพฒั นา จากต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการ ศวส. ก่อนครบวาระเนื่องจาก
คุณภาพงานวิจัยท่ีสนับสนุน และ (2) การใช้ประโยชน์จาก มกี ารยา้ ยหนว่ ยงานตน้ สงั กดั หลกั ในชว่ งปีพ.ศ.2556-2557
งานวิจัย ซ่ึงประกอบไปด้วยการสอื่ สารงานวิจัยส่สู าธารณะ ศวส.ไดร้ บั การดำ� เนนิ การโดยคณะเศรษฐศาสตร์จฬุ าลงกรณ-์
และผู้เกี่ยวข้องในรูปแบบต่างๆ และการจัดให้มีกลไกการ มหาวิทยาลยั (3)
สื่อสารแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยเฉพาะการจัดการประชุมสุรา
วิชาการประจำ� ปี(3) ตงั้ แตป่ ลายปี พ.ศ. 2558 ศวส. ไดย้ ้ายที่ตง้ั ส�ำนกั งาน
มายังหน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ศวส.เปน็ กลไกสำ� คญั ในการผลติ งานวจิ ยั เพอ่ื สนบั สนนุ สงขลานครนิ ทร์เนอื่ งจากเปน็ ตน้ สงั กดั หลกั ของผอู้ ำ� นวยการ
การควบคุมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานวิจัย คนใหม่ ได้มีงานเกี่ยวข้องกับผู้เช่ียวชาญในต่างประเทศ
แบบทตุ ยิ ภมู ิ การทำ� วจิ ยั รว่ มกบั หนว่ ยงานอน่ื และการจดั ทำ� เพ่ิมมากขึ้น อันประกอบไปด้วย การพัฒนานโยบายและ
ฐานข้อมูลพื้นฐาน เช่น การจัดท�ำรายงานสถานการณ์สุรา มาตรการในระดับนานาชาติ การช่วยเหลือภาคีเครือข่าย
ประจ�ำปี นอกจากน้ี ศวส. ยังมีส่วนส�ำคัญในการผลักดัน ในต่างประเทศในการผลักดันนโยบายแอลกอฮอล์ การ
นโยบายแอลกอฮอล์รวมถึงการผลักดัน พ.ร.บ. ควบคุม ทำ� งานวชิ าการรว่ มกนั กบั ตา่ งประเทศ การจดั ประชมุ วชิ าการ
เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ผ่านกลไกกรรมาธิการของสภา- และการประชุมเชิงปฏิบัติการกับต่างประเทศ การท�ำงาน
นิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีกด้วย โดยการจัดท�ำเอกสาร รว่ มกบั องคก์ ารอนามยั โลกการเปน็ วทิ ยากร รวมถงึ การเปน็
วชิ าการโดยใชข้ อ้ มลู จากทง้ั ในและตา่ งประเทศเพอ่ื สนบั สนนุ ทปี่ รกึ ษาของตา่ งประเทศ ผลงานเชงิ ประจกั ษท์ ส่ี ำ� คญั รวมถงึ
มาตรการควบคุมเครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล์(3) การจดั ประชมุ นโยบายแอลกอฮอลร์ ะดบั โลก(GlobalAlcohol
PolicyConference[GAPC])ท่ีศวส.ทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ทมี เลขานกุ าร
ในชว่ งเวลากอ่ นการกอ่ ตัง้ ศวส. ไม่นานนกั ปญั หาจาก ของคณะกรรมการจัดการประชุม และการจัดเวทีปรึกษา
แอลกอฮอลก์ ไ็ ดร้ บั ความสนใจในระดบั นานาชาติในปีพ.ศ.2542 ห า รื อ ป ร ะ จ� ำ ภู มิ ภ า ค เ อ เ ชี ย ใ ต ้ แ ล ะ เ อ เ ชี ย ต ะ วั น อ อ ก
องคก์ ารอนามยั โลกไดอ้ อกรายงาน Global Status Report ตอ่ ยทุ ธศาสตรน์ โยบายแอลกอฮอลร์ ะดบั โลกตามแนวนโยบาย
on Alcohol เปน็ ครง้ั แรก และได้มีรายงานสืบเนื่องกันออก ของผู้อำ� นวยการคนใหม(่ 3)
มาอีก 3 ฉบับ คอื Global Status Report: Alcohol and กอ่ นจะมี พ.ร.บ. ควบคมุ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
Young People (พ.ศ. 2544) Global Status Report:
Alcohol Policy (พ.ศ. 2548) และ Global Status Report การเคล่ือนไหวเพ่ือผลักดัน พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่ม
on Alcohol 2004 (พ.ศ. 2548) และในปี พ.ศ. 2549 ใน แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
การประขุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งท่ี 58 ได้มีมติที่ 58.26 สถานการณ์
ยอมรับผลกระทบจากการบริโภคเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ว่า
เปน็ ปัญหาระดับโลก(4) กอ่ นทจ่ี ะมี พ.ร.บ. ควบคมุ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ.
2551 การดำ� เนนิ งานดา้ นการควบคมุ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์
ในปี 2551 ศวส. ได้เริ่มด�ำเนินงานวิจัยแบบปฐมภูมิ ของไทย หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กระทรวงการคลัง
ของตนเอง ในปี พ.ศ. 2552 ซงึ่ ไดม้ กี ารปรบั โครงสรา้ งองคก์ ร โดยเป็นการด�ำเนินมาตรการด้านการควบคุมด้านอุปสงค์
มาอยูภ่ ายใต้สงั กดั IHPP ตามสังกดั ของผู้อำ� นวยการ ศวส. ผา่ นกฎหมายทเี่ กย่ี วกบั การออกใบอนญุ าตจำ� หนา่ ยสรุ าและ
112
Thai Health Promotion Journal
การจดั เกบ็ ภาษอี ากรตาม พ.ร.บ. สรุ า พ.ศ. 2493 แตย่ งั ไมม่ ี คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
หน่วยงานรัฐท่ีมีอ�ำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการลดอันตราย ได้เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. เพื่อให้ สนช. พิจารณาต่อไปเม่ือ
จากการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีเพียงภาค วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2550(6)
ประชาสงั คมทข่ี บั เคลอื่ นประเดน็ ทเี่ กย่ี วขอ้ งเชน่ มลู นธิ เิ มาไมข่ บั (5)
และไมม่ มี าตรการควบคมุ อปุ ทานทชี่ ดั เจน อกี ทงั้ ยงั ไมม่ กี าร ในระหว่างนั้นได้เห็นบทบาทของภาคประชาชนและ
กำ� หนดนโยบายหรอื ยทุ ธศาสตรเ์ กย่ี วกบั การควบคมุ เครอื่ งดม่ื ภาควชิ าการ โดยภาคเี ครอื ขา่ ยดา้ นสขุ ภาพและภาคประชาชน
แอลกอฮอลข์ องประเทศ ในระหวา่ งการขบั เคลอ่ื นเพอื่ ผลกั ดนั ได้ร่วมจัดกิจกรรม “โครงการวิ่งต้านเหล้า ท�ำความดี
พ.ร.บ. ดงั กล่าวได้เกดิ 3 หนว่ ยงานสำ� คัญข้ึนคอื การจัดตง้ั ปีมหามงคล” วิ่งจาก 4 ภาค รวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุน
สสส. เป็นองค์กรมหาชน (พ.ศ. 2544) เครือข่ายองค์กร พ.ร.บ. ได้ราว 12.8 ล้านคน ในขณะท่ีภาควิชาการน�ำโดย
งดเหล้า (พ.ศ. 2546) และคณะกรรมการการด�ำเนินการ ศวส. และเครือข่ายนักวิจัยได้รวบรวมงานวิจัยท่ีมีคุณภาพ
ควบคุมการบริโภคเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แห่งชาติหรือ ทง้ั ในและตา่ งประเทศอยา่ งรอบดา้ นเพอ่ื ยนื ยนั วา่ รา่ ง พ.ร.บ.
คบอช. (พ.ศ. 2546) มบี ทบาทในฐานะภาครฐั ตอ่ มาไดพ้ ฒั นา ควบคุมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ จะเป็นเคร่ืองมือส�ำคัญ
ใหเ้ ปน็ สำ� นกั งานคณะกรรมการควบคมุ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ อย่างยิง่ ในการควบคมุ ท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพ จากการเคลื่อนไหว
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมเคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551(6) ดังกล่าวได้ส่งแรงสนับสนุน พ.ร.บ. นี้ไปยัง สนช. ท�ำให้
กฎหมายดงั กลา่ วผา่ นการรบั รองจาก สนช. ในทส่ี ดุ พ.ร.บ.
ลำ� ดบั เหตกุ ารณส์ ำ� คญั ในการผลกั ดนั พ.ร.บ. ดงั กลา่ ว ควบคมุ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ไดร้ บั การประกาศ
มีดังนี้ เมื่อวันท่ี 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 คณะรัฐมนตรี ในราชกจิ จานเุ บกษาในวนั ท่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2551 มผี ล
มีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ใชบ้ งั คับต้งั แตว่ นั ที่ 14 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2551 เปน็ ต้นมา(7)
ฉายแสง) รายงานความก้าวหน้าการด�ำเนินมาตรการ
ควบคุมการบรโิ ภคสรุ าและยาสบู เพ่ือสงั คม ซงึ่ มกี ารประชุม ในปีเดียวกันกับท่ีมีการประกาศใช้ พ.ร.บ. ควบคุม
หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเพ่ือพิจารณาเร่ืองดังกล่าวเมื่อวันท่ี เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ในประเทศไทย การประชมุ
26 มกราคม พ.ศ. 2548 สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้ การ สมชั ชาอนามยั โลกครงั้ ที่ 58 ได้แนะน�ำใหม้ กี ารปรกึ ษาหารือ
ก�ำหนดมาตรการในการควบคุมการบริโภคสุราและยาสูบ ในระดบั นานาชาติ เพอื่ รา่ ง Global Strategy for Reducing
ตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั และพจิ ารณาถงึ ปญั หาและแนวทางแกไ้ ข the Harmful Use of Alcohol หรอื ยุทธศาสตรร์ ะดบั โลก
ให้เป็นภาพรวมทั้งระบบ ท้ังในส่วนของนโยบายมาตรการ ในการลดการบรโิ ภคแอลกอฮอลแ์ บบอนั ตราย และเอกสาร
ลดการบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ รวมท้ังการพิจารณา ยทุ ธศาสตรด์ งั กลา่ วไดถ้ กู ตพี มิ พอ์ อกมาอยา่ งเปน็ ทางการใน
ปรบั ปรงุ แกไ้ ขกฎหมายทมี่ บี ทบญั ญตั เิ กย่ี วกบั การจำ� หนา่ ย ปี พ.ศ. 2553(4)
สรุ าและการดม่ื สุรารวม 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ. สุรา พ.ศ. 2493 บทบาทของ ศวส.
และประกาศคณะปฏวิ ตั ฉิ บบั ท่ี 253 ลงวนั ที่ 16 พฤศจกิ ายน
พ.ศ. 2515 กำ� หนดระยะเวลาการจำ� หนา่ ยสรุ า และบทลงโทษ หลังจาก ศวส. ได้ก่อต้ังข้ึน ในปี พ.ศ. 2547 เพื่อ
ทแ่ี ตกตา่ งกนั สง่ ผลใหเ้ กดิ ชอ่ งวา่ งของกฎหมาย และใหจ้ ดั ทำ� สนบั สนนุ การผลติ องคค์ วามรเู้ กยี่ วกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภค
แผนการด�ำเนินงานโดยให้กรมควบคุมโรค กระทรวง แอลกอฮอล์ ผลกระทบและมาตรการลดผลกระทบจากการ
สาธารณสขุ รับเปน็ เจา้ ภาพในการจัดประชมุ ดงั กลา่ ว(6) บริโภคเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์และการน�ำองค์ความรู้ไปใช้
ในการผลกั ดนั นโยบายแอลกอฮอล์ ในระยะแรกตงั้ แตก่ อ่ ตง้ั
เม่ือวันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ. 2549 รัฐมนตรีว่าการ ศวส. ได้มีการจัดท�ำรายงานรวบรวมข้อมูลปัญหาจาก
กระทรวงสาธารณสขุ (นายแพทยม์ งคล ณ สงขลา) ไดเ้ สนอ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพ่ือใช้เป็นเอกสารวิชาการประกอบ
รา่ ง พ.ร.บ. ควบคุมเครือ่ งดื่มแอลกอฮอล์ ใหค้ ณะรัฐมนตรี การพิจารณา พ.ร.บ. ควบคุมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ ข้อมูล
ใหค้ วามเหน็ ชอบเมอ่ื วนั ท่ี17ตลุ าคมพ.ศ.2549คณะรฐั มนตรี ฉบบั นจี้ งึ กลายเปน็ เอกสารฉบบั ประวตั ศิ าสตรช์ น้ิ สำ� คญั จาก
มีมติให้มีการประชุมและรวบรวมความเห็นหน่วยงานและ การรวบรวมประเด็นส�ำคัญในการขับเคล่อื น พ.ร.บ. และได้
ผ้ทู ่ีเก่ียวขอ้ งก่อน จนเมือ่ วันที่ วนั ท่ี 13 มีนาคม พ.ศ. 2550 นำ� เสนอมาตรการควบคมุ แอลกอฮอล์ ใน 5 ประเด็น ดงั น(้ี 8)
(1)สรุ าไมใ่ ชส่ นิ คา้ ธรรมดาเพราะทำ� ใหเ้ กดิ ผลกระทบมากมาย
113
วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย
จึงต้องมีมาตรการพิเศษควบคุมไม่ให้เกิดการบริโภคและ ประกอบด้วย เครือข่ายงดเหล้า เครือข่ายภาคประชาชน
ผลกระทบจากการบริโภคท่ีมากเกนิ ไป (2) พ.ร.บ. ควบคุม ตัวแทนผู้น�ำนิสิตนักศึกษา 50 สถาบัน สมาคมผู้น�ำสตรี
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องมือทางกฎหมายเพื่อ พฒั นาชมุ ชนไทย สมาคมผบู้ รหิ ารองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล
ควบคุมการบริโภคและปัญหาจากการบริโภคเครื่องด่ืม แห่งประเทศไทย คณะสงฆ์ ผู้น�ำศาสนาอิสลามผู้น�ำศาสนา
แอลกอฮอล์ โดยมุ่งเป้าหมายท่ีการลดนักดื่มหน้าใหม่ ครสิ ต์ เครือข่ายเยาวชนคนรักชาติ รวมกว่า 20,000 คน
การลดปริมาณการบริโภคโดยรวมและการลดผลกระทบ เดินทางไปย่ืนหนังสือคัดค้านต่อ ก.ล.ต. คณะกรรมการ
โดยประกอบด้วยมาตรการลดอุปทานลดอุปสงค์ และ ตลาดหลักทรัพย์และตัวแทนรัฐบาล(11) พร้อมให้เหตุผลว่า
ลดผลกระทบควบคกู่ นั ไป(3)มหี ลกั ฐานจากทว่ั โลกทแ่ี สดงถงึ บรษิ ทั ไทยเบฟเปน็ บรษิ ทั จำ� หนา่ ยของมนึ เมาขดั ตอ่ ศลี ธรรม
ความจ�ำเป็นที่จะต้องมีมาตรการท่ีมีประสิทธิผลในการ และเปน็ การสง่ เสรมิ ใหค้ นไทยดมื่ เหลา้ เบยี รม์ ากขน้ึ ซงึ่ ทำ� ให้
ควบคุมปัญหาสุรา (4) มีหลักฐานจากทั่วโลกแสดงว่าสุรา เกดิ ผลกระทบตอ่ สงั คม ธรุ กจิ นจ้ี งึ ไมค่ วรถกู พจิ ารณาวา่ เปน็
กอ่ ใหเ้ กดิ ผลรา้ ยมากกวา่ บหุ รแ่ี ตม่ มี าตรการควบคมุ ทนี่ อ้ ยกวา่ ธุรกิจท่ีสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ บริษัท ไทยเบฟ จึงได้
(5) หากไม่มีการควบคุมอุปทานและอุปสงค์ท่ีจะก่อให้เกิด ตัดสินใจไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยและ
การบรโิ ภคทมี่ ากเกนิ จนเกดิ ปรากฏการณ์ “มอมเมาขายมาก ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสิงคโปร์
ราคาถกู ” สง่ ผลใหเ้ กดิ การบรโิ ภคทมี่ ากขนึ้ ขเี้ มาเตม็ ประเทศ แทน ในชอื่ บรษิ ัท ไทยเบฟเวอเรจ จ�ำกดั (มหาชน)(12)
โดยเฉพาะนกั ดม่ื หนา้ ใหม่ สง่ ผลใหป้ ระเทศไมส่ ามารถพฒั นา
ในท่ีสุด ข้อมูลดังกล่าวได้ถูกน�ำมาใช้เป็นเหตุผลประกอบ ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 เครือข่ายต้านน�้ำเมาเข้า
ร่าง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ ตลาดหลกั ทรพั ย์ จำ� นวน 384 องคก์ ร และคณะสงฆไ์ ดร้ วมตวั
กว่า 10,000 คน ร่วมกันชุมนุมหน้าตลาดหลักทรัพย์
การตอ่ ต้านธุรกิจแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลกั ทรพั ย์ อกี ครง้ั เนอื่ งจากบรษิ ทั ไทยเบฟเวอเรจ ไดน้ ำ� เบยี รช์ า้ งเขา้ มา
สถานการณ์ จดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ยไ์ ทย กลมุ่ ผชู้ มุ นมุ จงึ ไดอ้ อกมา
เรียกร้องให้ตลาดหลักทรัพย์ระงับการรับหลักทรัพย์จาก
ในปี พ.ศ. 2546 บริษัท ไทยเบฟ จ�ำกัด ได้ตัดสินใจ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ อย่างถาวรในคร้ังนี้(13) ภายหลัง
รวบรวมบริษัทผลติ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก 58 บรษิ ัทเขา้ กลมุ่ ผชู้ มุ นมุ จงึ ไดห้ ารอื กบั ตวั แทนจากบรษิ ทั ไทยเบฟเวอเรจ
ดว้ ยกนั เพอ่ื ทจี่ ะเตรยี มตวั จดทะเบยี นเขา้ ตลาดหลกั ทรพั ย์(9) ซง่ึ ขณะนนั้ ทางตวั แทนจากบรษิ ทั ไทยเบฟเวอเรจ ไดร้ บั เรอ่ื ง
ซงึ่ จะทำ� ใหไ้ ทยเบฟสามารถระดมทนุ เพอื่ ขยายธรุ กจิ ไปไดอ้ กี การระงับการน�ำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย
จากท่ีเป็นผู้ผลิตแอลกอฮอล์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยท่ี ไปหารือกับคณะกรรมการบริษัทอีกครั้ง จนกระท่ัง
มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศมากกว่า ร้อยละ 90 ในปี พ.ศ. ในที่สุดทางตลาดหลักทรัพย์ได้ออกมายืนยันว่า เนื่องจาก
2542 และ ร้อยละ 64 ของตลาดเบียร์ในปี พ.ศ. 2544 เอกสารไฟลิ่ง (filing) ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ
ขณะเดยี วกนั สำ� นกั งานคณะกรรมการกำ� กบั หลกั ทรพั ยแ์ ละ ยังไม่สมบูรณ์ การจดทะเบียนบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ
ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่มีข้อห้ามเก่ียวกับธุรกิจที่จะ เข้าตลาดหลักทรัพย์ก็จะไม่เกิดข้ึนแน่นอนทางกลุ่มผู้ชุมนุม
เข้าจดทะเบยี น ในปี พ.ศ. 2548 ทางบริษทั ไทยเบฟ จงึ ได้ จึงได้ถอนการชุมนุมไป จากการเคลื่อนไหวกรณีของบริษัท
ชแ้ี จงและยนื ยนั สทิ ธใิ นการจดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ยไ์ ทย ไทยเบฟเวอเรจ น�ำไปสู่การสร้างหลักเกณฑ์และมาตรฐาน
โดยอ้างอิงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ(6, 10) การลงมตินี้จึง ไมใ่ หป้ ระเภทธรุ กจิ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลอ์ น่ื ๆเขา้ มาระดมทนุ
ท�ำให้ ก.ล.ต. ได้รับการวิจารณ์อย่างมาก จนกระทั่งกลุ่มที่ ในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ตลอดมา(14, 15) ซ่ึงถือเป็น
ไมเ่ หน็ ดว้ ยไดม้ กี ารออกมาเคลอื่ นไหวตอ่ ตา้ นคดั คา้ นการนำ� หนง่ึ ในเหตกุ ารณท์ ชี่ ว่ ยสรา้ งใหเ้ กดิ บรรทดั ฐานทางสงั คมขน้ึ
เบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้นไทยและขอให้ยกเลิกประกาศมติ ในประเทศไทยว่า เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่สินค้าธรรมดา
คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทเ่ี ปดิ ทางใหบ้ รษิ ทั ไทยเบฟ สามารถ จงึ ไมส่ ามารถระดมทนุ ผา่ นตลาดหลกั ทรพั ยไ์ ดอ้ ยา่ งธรุ กจิ อนื่ ๆ
จดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ยไ์ ดโ้ ดยมแี กนนำ� คอื พล.ต.จำ� ลอง บทบาทของ ศวส.
ศรีเมือง นักปฏิรูปการเมืองและอดีตรองนายกรัฐมนตรี
พล. อ. อ.วีระวุธ ลวะเปารยะ และองค์กรตา่ งๆ 128 องค์กร ในช่วงเร่ิมต้นของการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการเข้าสู่
114
Thai Health Promotion Journal
ตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท ไทยเบฟ จ�ำกัด องค์ความรู้ การเคล่ือนไหวทางสังคมที่แพร่หลายโดยเฉพาะในเวทีการ
เกี่ยวกับผลกระทบจากการจดทะเบียนบริษัทเคร่ืองด่ืม อภิปราย และการประชุมต่างๆ(10) โดยใช้ข้อมูลข้างต้นเพื่อช้ี
แอลกอฮอลใ์ นตลาดหลกั ทรพั ยน์ นั้ ยงั คงมอี ยนู่ อ้ ย ทาง ศวส. ใหเ้ หน็ วา่ ตลาดหลกั ทรพั ยเ์ ปน็ แหลง่ ระดมทนุ สำ� หรบั กจิ การ
จึงได้มีการวิจัยและการระดมความคิดระหว่างนักวิชาการ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ดังนั้นควรยึดหลักธรรมาภิบาล
และผเู้ ชยี่ วชาญจากสายวชิ าชพี ตา่ งๆ เกยี่ วกบั ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ของบริษัทเป็นส�ำคัญไม่ควรเน้นก�ำไรอย่างเดียว กิจการใด
ของการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ศึกษาผลกระทบที่ ทส่ี งั คมไมใ่ หก้ ารยอมรบั จงึ ไมค่ วรนำ� เขา้ ในตลาดหลกั ทรพั ย์
เกดิ จากการบรโิ ภคเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ พรอ้ มทง้ั เผยแพร่ หลัง พ.ร.บ. ควบคุมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
ข้อมูลที่อธิบายว่าเหตุใดธุรกิจเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ไม่ควร มผี ลบงั คบั ใช้
จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย โดยมี
องค์ความรูท้ ไ่ี ดน้ ำ� ไปใชข้ บั เคลอ่ื นนโยบาย ดงั ต่อไปนี้ มาตรการโซนนง่ิ รอบสถานศึกษา
สถานการณ์
การท่ีบริษัทเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์เข้าจดทะเบียนใน
ตลาดหลักทรัพย์จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการ จุดจ�ำหน่ายเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา
เงินของอุตสาหกรรมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา สามารถเข้าถึง
ซ่ึงเม่ือบริษัทเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์มีงบประมาณการตลาด เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่ายขึ้น และกระตุ้นให้เกิดนักด่ืม
เพมิ่ ขนึ้ กจ็ ะนำ� ไปสกู่ ารบรโิ ภคทเ่ี พม่ิ ขนึ้ (6) ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการ หน้าใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 พบว่า ร้านค้าเคร่ืองด่ืม
เตบิ โตของธรุ กจิ แอลกอฮอลท์ ม่ี แี นวโนม้ ทำ� ใหค้ นไทยดมื่ เพมิ่ แอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาได้รับความนิยมและเฟื่องฟู
สงู ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ เกอื บ 3 เทา่ ตวั ในรอบ 14 ปี คอื ในปี พ.ศ. อยา่ งมาก(16) มกี ารจดั โปรโมชน่ั สง่ เสรมิ การขาย แจกใบปลวิ
2532 คนไทยมอี ตั ราการบรโิ ภคเฉลย่ี 20.2 ลติ ร/คน/ปี และ เชญิ ชวนกนั ในสถาบนั การศกึ ษา ถงึ แมว้ า่ จะมกี ารประกาศใช้
ไดเ้ พมิ่ ขนึ้ เปน็ 58.0 ลติ ร/คน/ปี ในปี พ.ศ. 2546(10) และการ พ.ร.บ. ควบคมุ เครอื่ งด่มื แอลกอฮอลใ์ นปี พ.ศ. 2551 ซ่งึ มี
กระจายการถอื หนุ้ จะสง่ ผลใหม้ จี ำ� นวนผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ตอ่ ข้อก�ำหนดเกี่ยวกับการห้ามจ�ำหน่ายเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์
อุตสาหกรรมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ขยายตัวมากข้ึนรวมท้ัง ให้กบั ผู้ที่มอี ายุตำ่� กวา่ 20 ป(ี 17) แต่กลบั พบวา่ ยงั คงมปี ัญหา
รัฐบาลซ่ึงมองว่าดัชนีหุ้นเป็นตัวบ่งชี้เศรษฐกิจของประเทศ เรื่องช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมายและการฝ่าฝืนการ
จงึ อาจจะลงั เลในออกนโยบายใดๆ ทจี่ ะสรา้ งความผลกระทบ ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายของรา้ นจำ� หนา่ ยเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์
ใหก้ บั อตุ สาหกรรมเครือ่ งด่มื แอลกอฮอลใ์ นภายหลงั ได(้ 6) อย่างต่อเนอ่ื ง
นอกจากนี้ได้มีการเปรียบเทียบใน 3 ประเทศ คือ ส�ำหรับสถานศึกษาหลายแห่งได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่
ฝร่ังเศส เยอรมัน และสวีเดน เกี่ยวกับปริมาณการดื่มกับ เกิดข้ึนจากการมีร้านค้าเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์จ�ำนวนมาก
ความเขม้ งวดของการดำ� เนนิ นโยบายเพอื่ ควบคมุ การบรโิ ภค รอบสถานศึกษา ท�ำให้หลายฝ่ายเร่ิมออกมาผลักดันให้มี
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีและไม่มีการจดทะเบียนบริษัท การก�ำหนดเขตพ้ืนท่ีโซนน่ิง (zoning) รอบสถานศึกษา
แอลกอฮอล์ในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า สวีเดนเป็นประเทศ ดังเช่นกรณีของ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและ
เดียวท่ีไม่มีธุรกิจสุราในตลาดหลักทรัพย์ แต่มีนโยบายการ มหาวทิ ยาลยั รงั สติ ไดม้ กี ารรอ้ งเรยี นไปยงั สอ่ื มวลชนจนเปน็
จำ� กดั การเขา้ ถงึ การผกู ขาดแอลกอฮอลท์ กุ ชนดิ โดยรฐั และ ข่าวเรื่องร้านค้าเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาที่ได้
มีการด�ำเนินนโยบายในภาพรวมของประเทศท้ัง 5 ประการ กลายเป็นแหล่งมั่วสุม และเกิดเหตุทะเลาะวิวาทไปจนถึง
ความเข้มงวดของนโยบายเหล่าน้ี สวีเดนจึงเป็นประเทศที่ การเสียชีวิตของนักศึกษาเพิ่มมากข้ึน จนกระท่ังวันที่ 22
มปี รมิ าณการด่มื แอลกอฮอล์ (บรสิ ทุ ธ)์ิ ของประชากรนอ้ ย กรกฎาคม พ.ศ. 2558 พลเอกประยุทธ จนั ทรโ อชา นายก-
ทีส่ ดุ 5.72 ลิตร/คน เม่ือเทยี บกับ ฝร่งั เศส 10.86 ลติ ร/คน รัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
และเยอรมนั 10.98 ลติ ร/คน(10) ได้มีค�ำสั่งฉบับที่ 22/2558 เรื่องการควบคุมสถานบริการ
หรอื สถานประกอบการทเี่ ปดิ ใหบ้ รกิ ารในลกั ษณะทคี่ ลา้ ยกบั
ศวส. สรปุ เหตผุ ลทไี่ มค่ วรนำ� บรษิ ทั สรุ าเขา้ จดทะเบยี น สถานบริการ โดยห้ามสถานบริการท�ำผิดกฎหมาย คือ
ในตลาดหลกั ทรพั ย์ ซงึ่ ตอ่ มาขอ้ มลู นไี้ ดถ้ กู ใชใ้ นการสนบั สนนุ ห้ามปล่อยให้คนอายุต�่ำกว่า 20 ปีเข้า ห้ามขายเคร่ืองดื่ม
115
วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย
แอลกอฮอล์ให้คนอายุต่�ำกว่า 20 ปีห้ามเปิดเกินเวลา และ แบบรวมกลุ่ม โดยสถานท่ีที่ไปด่ืมบ่อยท่ีสุด คือ ร้านเหล้า
ห้ามตั้งสถานที่ขายเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ใกล้หอพัก สถาน ใกลส้ ถานศกึ ษา โดยมแี รงจงู ใจทส่ี ำ� คญั คอื การแสดงดนตรี
ศึกษา(18) ต่อมาเพ่ือเน้นย�้ำค�ำสั่งดังกล่าวนายกรัฐมนตรี และความสะดวก(18)
จงึ ไดล้ งนามเพอื่ ออกเปน็ ประกาศสำ� นกั นายกรฐั มนตรี เรอ่ื ง
ก�ำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ ในปี พ.ศ. 2552 ได้มีการส�ำรวจการกระจายตัวของ
รอบสถานศึกษา พ.ศ. 2558 (ประกาศลงในราชกิจจา- จุดจ�ำหน่ายเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์รอบมหาวิทยาลัยใน
นุเบกษา 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558) “ห้ามผู้ใดขายเคร่ืองดื่ม กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 15 แห่ง พบว่า โดยเฉลย่ี มี
แอลกอฮอล์ในสถานท่ีหรือบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา 57 จดุ ตอ่ ตารางกโิ ลเมตร และในบางมหาวทิ ยาลยั ยงั พบวา่ มี
หรือหอพักบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา ตามข้อ 6 วรรค 1 จดุ จำ� หนา่ ยมากกวา่ 100รา้ นในรศั มี1ตารางกโิ ลเมตร(21)และ
แหง่ คำ� สงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาตทิ ี่ 22/2558 ขณะทีใ่ นปี พ.ศ. 2557 ได้มีการท�ำการส�ำรวจอีกครง้ั ในรศั มี
ลงวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ...”(19) 500 เมตร จากรว้ั สถาบนั จำ� นวน 17 แหง่ เมอื่ เปรยี บเทยี บ
เฉพาะ 11 พน้ื ทท่ี เี่ คยสำ� รวจเมอื่ ปี พ.ศ. 2552 พบวา่ ในระยะ
สำ� นกั งานคณะกรรมการบรโิ ภคเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ เวลา 5 ปี มีจุดจ�ำหนา่ ยเพม่ิ ขน้ึ รอ้ ยละ 72 (จาก 1,448 ร้าน
จึงได้มีแนวปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมายเก่ียวกับการ ในปี พ.ศ. 2552 เป็น 2,484 รา้ น ในปี พ.ศ. 2557) เฉล่ีย
ก�ำหนดเขตโซนน่ิง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการก�ำหนด เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14 ต่อปี และสถานบันเทิงขยายตัวเพิ่มข้ึน
เขตโซนนิ่งรอบสถานศึกษาที่ห้ามจ�ำหน่ายเคร่ืองดื่ม ร้อยละ 12 ตอ่ ป(ี 22)
แอลกอฮอล์อย่างชัดเจนในแตล่ ะพ้ืนท่ี โดยใหม้ ีคณะทำ� งาน
ระดับจังหวัด ประกอบด้วย สรรพสามิต ผู้ว่าราชการ จากส�ำรวจร้านจ�ำหน่ายอาหารรอบมหาวิทยาลัย
จังหวัด และส่วนราชการหรือหน่วยงานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องเป็น แมฟ่ า้ หลวงและมหาวทิ ยาลยั พะเยา พ.ศ. 2556 พบวา่ รา้ น
คณะท�ำงานร่วมกันก�ำหนดเขตพื้นที่ โซนนิ่งที่ต้องห้ามขาย จ�ำหน่ายอาหารรอบมหาวิทยาลัยที่สามารถสั่งเครื่องดื่ม
สุรารอบสถานศึกษา เมื่อจัดท�ำเขตพื้นท่ีโซนนิ่งเสร็จสิ้น แอลกอฮอลร์ ว่ มดว้ ยนกั ศกึ ษาสามารถซอื้ ดม่ื ในรา้ นไดต้ ลอด
ใหป้ ระกาศเผยแพร่เพ่ือรบั ทราบโดยทั่วกัน เวลา และพบว่าร้านค้าเล็กๆ เช่น ร้านขายของช�ำหรือร้าน
ขายเหล้าในหมู่บ้านก็ยังขายให้กับคนท่ัวไปหรือนักศึกษาท่ี
ภายหลังการประกาศบังคับใช้กฎหมาย ได้มีการ อายุยังไม่ถึง 20 โดยจุดจ�ำหน่ายอันดับแรกที่กลุ่มตัวอย่าง
ศึกษาเปรียบเทียบการกระจายตัวจุดจ�ำหน่ายรอบสถาน สามารถซื้อได้ คอื รา้ นสะดวกซื้อ รองลงมาคือร้านจ�ำหนา่ ย
ศึกษา 15 แห่งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า อาหารและร้าน ขายของช�ำ ตามล�ำดับ ทั้งน้ีกลุ่มตัวอย่าง
รอบมหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่งมีจ�ำนวนร้านค้าเคร่ืองดื่ม รอ้ ยละ 45.3 สามารถซอื้ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลไ์ ดต้ ลอดเวลา
แอลกอฮอล์หรือจุดจ�ำหน่ายลดลง จุดจ�ำหน่ายเครื่องดื่ม และรอ้ ยละ55.8ใหข้ อ้ มลู วา่ ไมเ่ คยถกู ถามอายจุ ากผจู้ ำ� หนา่ ย
แอลกอฮอลใ์ นปี พ.ศ. 2559 แบบมที นี่ ง่ั ดมื่ ลดลง รอ้ ยละ 46 เมื่อตอ้ งการซือ้ (23)
จดุ จำ� หนา่ ยแบบไมม่ ที น่ี ง่ั ดม่ื ลดลง รอ้ ยละ 32 และจดุ จำ� หนา่ ย
ทอี่ ยใู่ นหอพกั อะพารต์ เมน้ ตส์ ดั สว่ นลดลงประมาณครง่ึ หนง่ึ (20) จากผลการวจิ ยั ดงั กลา่ ว ทาง ศวส. จงึ ไดม้ ขี อ้ เสนอแนะ
บทบาทของ ศวส. ต่อประเด็นการควบคุมร้านค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบ
สถานศกึ ษา(24) ดงั น้ี (1) แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ พ.ร.บ. ควบคมุ เครอ่ื ง
การศึกษาเกี่ยวกับการควบคุมร้านค้าเครื่องด่ืม ดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยก�ำหนดระยะห่างหรือรัศมี
แอลกอฮอลร์ อบสถานศกึ ษาท่ี ศวส. สนบั สนนุ ถกู นำ� ไปเปน็ ของการห้ามขายเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์รอบมหาวิทยาลัย
หลกั ฐานทางวชิ าการทช่ี ใ้ี หเ้ หน็ วา่ สถานทต่ี งั้ และจำ� นวนรา้ นขาย ใหช้ ดั เจน(2)กำ� หนดระยะเปลยี่ นผา่ นสำ� หรบั การใชม้ าตรการ
เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีท�ำให้เยาวชนดื่ม ก�ำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์
และเกดิ ผลกระทบจากการดม่ื เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลไ์ ดม้ ากขนึ้ รอบสถานศกึ ษาเพอื่ ใหผ้ ปู้ ระกอบการไดม้ โี อกาสในการปรบั ตวั
การศึกษาพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่างนักเรียนนักศึกษา พบว่า (3) กำ� หนดเวลาเปดิ และปดิ รา้ นจำ� หนา่ ยแอลกอฮอลใ์ หเ้ รว็ ขนึ้
นักศึกษา ร้อยละ 67 และนักเรียนมัธยมศึกษา ร้อยละ 38 ควรห้ามการโฆษณาและการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์
มีพฤติกรรมการดื่ม และ ร้อยละ 93 มีพฤติกรรมการด่ืม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสื่อต่างๆ ที่นักศึกษาเข้าถึงได้ง่าย
116
Thai Health Promotion Journal
(4) ใช้เว็บไซต์ https://alcoholstudy.in.th มาปรับปรุง ลานเบยี รม์ คี วามสมุ่ เสยี่ งทจี่ ะขดั กบั พ.ร.บ. ควบคมุ เครอ่ื งดม่ื
ฐานข้อมูลร้านจ�ำหน่ายสุรา(25) มาตรการท่ีถูกบังคับใช้จริง แอลกอฮอลม์ าตรา 32 ดา้ นการควบคมุ การโฆษณา(17)
คือ ให้คณะท�ำงานระดับจังหวัดโดยมีสรรพสามิตพื้นท่ีเป็น
ฝา่ ยเลขานกุ ารผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เปน็ ประธานและสว่ นราชการ อยา่ งไรกต็ าม ใบอนญุ าตขายสรุ าชวั่ คราวนไี้ ดถ้ กู ยกเลกิ
หรือหน่วยงานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องเป็นคณะท�ำงานร่วมกัน ไปเมอ่ื มกี ารประกาศใช้ พ.ร.บ. ภาษสี รรพสามติ พ.ศ. 2560
พิจารณาก�ำหนดเขตพ้ืนที่โซนน่ิงที่ต้องห้ามขายสุรารอบ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตประเภทนี้อีก(32, 33) ท�ำให้ธุรกิจ
สถานศกึ ษา โดยภายในเขตจะไมส่ ามารถออกใบอนญุ าตขาย ลานเบยี ร์ ซงึ่ สว่ นใหญม่ กี ารขออนญุ าตขายสรุ าในสถานทขี่ าย
สรุ าตั้งแต่ วนั ที่ 23 กรกฎาคม 2558 ผ้ขู ายรายเดมิ สามารถ ช่ัวคราวไม่สามารถขออนุญาตขายสุราได้อีก ส่งผลให้ธุรกิจ
ขายและต่อใบอนุญาตได้ แต่หากท�ำผิดและถูกเพิกถอนใบ ลานเบยี รใ์ นหลายๆ พน้ื ทตี่ อ้ งปดิ ตวั ลง ดงั เชน่ ในปี พ.ศ. 2563
อนุญาตจะไมส่ ามารถออกใบอนญุ าตให้อีกได้(26) เปน็ ปที ห่ี า้ งสรรพสนิ คา้ เซน็ ทรลั เวลิ ดไ์ ดต้ ดั สนิ ใจยกเลกิ การจดั
ลานเบยี รท์ เ่ี คยมกี ารจดั มาตอ่ เนอื่ งกวา่ 20 ปี โดยใหเ้ หตผุ ล
การหายไปของลานเบยี ร์ ว่า “ลานเบียร์อาจไม่แมตช์กับไลฟ์สไตล์คนเมืองมากนัก
สถานการณ์ ทกุ วนั นคี้ นไมไ่ ดก้ นิ เบยี รท์ ลี่ านเบยี รแ์ ลว้ โลกเปลยี่ นไปจากเดมิ
แลว้ เปลยี่ นเรว็ มาก เราไมส่ ามารถทำ� อะไรเดมิ ๆ ได้ แตจ่ ำ� เปน็
ในชว่ งเทศกาลสง่ ทา้ ยปเี กา่ ตอ้ นรบั ปใี หม่ ธรุ กจิ ลานเบยี ร์ ตอ้ งปรบั ใหท้ นั ผบู้ รโิ ภคเพอื่ ใหเ้ รายงั เปน็ ทที่ ผ่ี บู้ รโิ ภคเลอื กจะ
ได้มีการจัดขึ้นครั้งแรกท่ีลานจอดรถสยามเซ็นเตอร์และเร่ิม มาอยเู่ สมอ”(34)
ไดร้ บั ความนยิ มมากขน้ึ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2540 ซงึ่ มกั จะพบเหน็ บทบาทของ ศวส.
ลานเบยี รไ์ ดเ้ กอื บทกุ หา้ งสรรพสนิ คา้ ในกรงุ เทพมหานครและ
ปริมณฑล ต่อมาในหลายๆ เทศกาลนักดื่มสามารถพบเห็น ดว้ ยผลกระทบของลานเบยี รแ์ ละธรุ กจิ ทไี่ ดข้ ยายแทรก
ลานเบยี รไ์ ด้ แมก้ ระทง่ั ในงานถนนคนเดนิ หรอื ตลาดนดั ตอน ตัวไปทกุ เทศกาลทกุ พน้ื ท่ี พรอ้ มท้ังมกี ารใช้กลยุทธ์ทางการ
กลางคนื ตลาดต่างๆ ท่ีสุ่มเส่ียงในการกระท�ำผิดมาตรา 30 และ 32
ของ พ.ร.บ. ควบคมุ เครอื่ งดืม่ แอลกอฮอล์ ในปี พ.ศ. 2558
ในช่วงต้ังแต่ปี พ.ศ. 2547 ลานเบียร์ได้กลายเป็น ทาง ศวส. จึงได้มีการสนับสนุนทุนวิจัยให้มีการรวบรวม
สนามแข่งขันทางการค้าของบริษัทเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ที่ ข้อมูลเก่ียวกับพฤติกรรมการบริโภคและสถานการณ์
ต้องการรุกตลาดในกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะ ลานเบียร์ ศึกษาผลกระทบท่ีเกิดจากการจัดลานเบียร์และ
กลมุ่ วยั รุ่น เช่น การจดั ลานเบยี รพ์ รอ้ มด้วยลานดนตรี ลาน การจัดปาร์ตี้ด่ืมไม่อ้ัน เพ่ือใช้เป็นองค์ความรู้ในการควบคุม
คอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ลานแสดงสื่อโฆษณาของธุรกิจเบียร์ ลานเบยี ร์ รวมทัง้ นักวิชาการของ ศวส. ได้แสดงขอ้ เทจ็ จรงิ
แทบทกุ บรษิ ทั (27) ดงั จะใหเ้ หน็ ไดจ้ าก ในปี พ.ศ. 2548 ขณะท่ี เกี่ยวกับจ�ำนวนนักดื่มและอุบัติเหตุท่ีลดลงภายหลังธุรกิจ
พื้นท่ีลานเบียร์หน้าเซ็นทรัลเวิลด์มีการปรับเพิ่มค่าเช่าข้ึน ลานเบียรถ์ กู ควบคุมเขม้ งวดมากยง่ิ ข้ึน ดังน้ี
30-40% แต่กลุ่มบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหญ่ยังคง
เข้าร่วมประมูลเพอ่ื แยง่ ชงิ พน้ื ท(ี่ 28) จากการศึกษาเชิงปริมาณและคุณภาพของผลกระทบ
ท่ีเกิดจากปรากฏการณ์ลานเบียร์และกลยุทธ์ประเภทดื่ม
ต่อมาเครือข่ายภาคประชาสังคมร่วมกับผู้อ�ำนวยการ ไม่อ้ันของธุรกิจแอลกอฮอล์ ในกลุ่มตัวอย่าง 3 วัย คือ
ส�ำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน วัยมัธยมศึกษา วัยอุดมศึกษา และวัยท�ำงาน พบว่า กลุ่ม
ขณะนน้ั ไดล้ งพน้ื ทต่ี รวจลานเบยี รซ์ ง่ึ เปดิ บรเิ วณศนู ยก์ ารคา้ ตัวอย่าง ร้อยละ 50.7 เคยไปดื่มที่ลานเบียร์ โดยให้เหตุผล
พบว่า ผู้ประกอบการยังคงมีการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเฉพาะ ว่า ต้องการหาความสนุกเพราะลานเบียร์เป็นสถานที่รวม
การไม่ความเข้มงวดในการตรวจสอบอายุของผู้บริโภคท่ี ความบันเทิงพร้อมการกินดื่มอย่างครบวงจร และ ร้อยละ
เข้าไปใช้บริการ รวมทั้งยังมีเยาวชนซึ่งแต่งกายด้วยชุดนิสิต 89.7 ยังระบุว่าไม่ควรมีกฎหมายใดๆ ห้ามการมีลานเบียร์
นกั ศกึ ษาเขา้ ไปนง่ั ดม่ื (29) นอกจากนยี้ งั พบการกระทำ� ผดิ อนื่ ๆ มีกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมัธยมปลาย ร้อยละ 34.1 ระบุว่า
อกี ในหลายพน้ื ท่ี เชน่ การจดั ลานเบยี รท์ ตี่ ง้ั อยใู่ นพนื้ ทบ่ี รเิ วณ เคยไปลานเบียร์ทั้งท่ีอายุยังไม่ถึง 20 ปี อีกทั้งนักเรียน
รฐั วสิ าหกจิ และพน้ื ทขี่ องหนว่ ยงาน(30,31) โดยทางสำ� นกั งาน- ร้อยละ 23.4 สามารถพบเหน็ ลานเบียร์บรเิ วณใกลโ้ รงเรยี น
คณะกรรมการควบคมุ เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์มองวา่ การต้ัง
117
วารสารการสร้างเสริมสขุ ภาพไทย
และยังพบเห็นได้ตามหน้าห้างชานเมือง เทศกาลอาหาร ส ถ า น ก า ร ณ ์ ก า ร บ ริ โ ภ ค เ ค รื่ อ ง ด่ื ม แ อ ล ก อ ฮ อ ล ์
ถนนคนเดนิ และตลาดนดั (27) พ.ศ. 2546–2562
ส�ำหรับผลกระทบจากการไปลานเบียร์ พบว่า ท�ำให้ สถานการณ์การบริโภคเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ในช่วง
กลมุ่ ตัวอยา่ งท้งั 3 กลุม่ มีการดม่ื เพิ่มข้ึนมากกว่าปกติ และ เวลาเดียวกับเหตุการณ์ท่ีบทความน้ีได้น�ำเสนอถูกแสดง
มีค่าใช้จ่ายท่ีสูงข้ึน ผู้ดื่มที่ลานเบียร์มีอาการมึนเมา ร้อยละ ดังภาพที่ 1 สถิติที่ใช้บ่งช้ีสถานการณ์ในภาพดังกล่าว คือ
45.5 ร้อยละ 44.9 ระบุวา่ เสยี เงนิ มากกวา่ ทีค่ ดิ รอ้ ยละ 3.4 ปรมิ าณการบรโิ ภคแอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธต์ิ อ่ หวั ประชากรตอ่ ปี
เกดิ การทะเลาะววิ าท รอ้ ยละ 1.7 เกดิ อุบัตเิ หตุ และ ร้อยละ ซงึ่ เปน็ หนง่ึ ในสถติ ทิ นี่ ยิ มนำ� มาใชบ้ ง่ ชสี้ ถานการณก์ ารบรโิ ภค
4.5 มปี ัญหาทะเลาะกบั พอ่ แม(่ 27) เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ จากภาพเห็นได้ว่า ในช่วงเวลาที่มี
การก่อต้ัง ศวส. ปริมาณการบริโภคในประชากรไทยอยู่ที่
อีกทั้งจากการหายไปของลานเบียร์ในปี พ.ศ. 2563 ประมาณ 8 กรัมต่อหัวประชากรต่อปี สถิติดังกล่าวลดลง
น้ัน นักวิชาการของ ศวส. ได้ออกมาเปิดเผยแสดงข้อมูล อยา่ งมากในปี พ.ศ. 2551 ซง่ึ เปน็ ปที ม่ี กี ารประกาศใช้ พ.ร.บ.
เปรียบเทียบสถิติของอุบัติเหตุและกรณีเมาแล้วขับในช่วง ควบคุมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ ท้ังน้ีอาจมีสาเหตุส่วนหน่ึง
7 วนั อนั ตรายของเทศกาลปใี หมว่ า่ จำ� นวนอบุ ตั เิ หตุ ผบู้ าดเจบ็ จากกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อผลักดัน พ.ร.บ. ซ่ึงอาจส่งผล
เสียชีวิต และสัดส่วนของการด่ืมแล้วขับในช่วงปีใหม่ เปลี่ยนแปลงค่านิยมของสังคมและส่งผลต่อการลดการ
พ.ศ. 2563 โดยพบว่าเป็นตัวเลขต่�ำที่สุดเม่ือเปรียบเทียบ บริโภคแอลกอฮอล์ลง และในช่วงตั้งแต่ พ.ศ. 2551 จนถึง
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา เช่นเดียวกับผลของการ 2562ปรมิ าณการบรโิ ภคกอ็ ยใู่ นระดบั นอ้ ยหรอื มากกวา่ 7กรมั
ส�ำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการด่ืมสุราของประชากร ตอ่ หวั ประชากรตอ่ ปเี ลก็ นอ้ ย ซงึ่ ลดลงจากชว่ งเวลากอ่ นหนา้
ไทยในปี พ.ศ. 2560 พบว่ามีผู้ดื่มปัจจุบันในสัดส่วน ประมาณ 1 กรัม ซ่ึงคงเป็นผลลัพธ์จากมาตรการควบคุม
รอ้ ยละ28.4ลดลงจากการสำ� รวจในปีพ.ศ.2557ถงึ รอ้ ยละ3.9 เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ภายใต้ พ.ร.บ. ดังกล่าวและการ
และถือเป็นสัดส่วนที่ต่�ำท่ีสุดในรอบ 15 ปี ของการส�ำรวจ ขับเคลื่อนทางสังคมที่มี ศวส. เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่
จากแนวโน้มการลดลงของจ�ำนวนอุบัติเหตุเมาแล้วขับและ สนับสนุนผา่ นการสรา้ ง รวบรวม และสงั เคราะห์องค์ความรู้
จ�ำนวนนักด่ืมปัจจุบันจึงเป็นข้อบ่งช้ีว่ามาตรการภายใต้ ดงั ท่ีได้ยกตัวอยา่ งไปแล้วข้างตน้
พ.ร.บ. ควบคมุ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 (จำ� กดั การ
เข้าถึงและการตลาด) และการรณรงค์เก่ียวกับการควบคุม สรปุ
เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์สามารถเปล่ียนแปลงพฤติกรรม
ของการดื่มแอลกอฮอล์ของนกั ดืม่ ได้จริง(35) หน่วยงานภาควิชาการในการควบคุมเคร่ืองด่ืม
แอลกอฮอล์ เช่น ศวส. มีบทบาทในการสนับสนุนภาคีอื่นๆ
ภาพที่ 1 ปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ (กรัมของแอลกอฮอล์) ต่อหัวประชากรไทยต่อปี พ.ศ. 2546-2562
(คำ�นวณโดยผู้เขียนใช้ข้อมูลปริมาณการจำ�หน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากกรมสรรพสามิต)
118
Thai Health Promotion Journal
ในการเคลื่อนไหวเพ่ือการควบคุมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ การจ�ำกัดการขายรอบสถานศึกษา การขับเคลื่อนดังกล่าว
ในช่วงระยะเวลาท่ีผ่านมา หน่ึงในผลลัพธ์ที่ส�ำคัญของการ ซึ่งมี ศวส. เป็นหน่วยงานสนับสนุนท่ีส�ำคัญได้ส่งผลเชิง
เคลอื่ นไหวดงั กลา่ ว คอื การผลกั ดนั พ.ร.บ. ควบคมุ เครอ่ื งดมื่ ประจักษ์เป็นการลดลงของปริมาณการบริโภคเครื่องด่ืม
แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 และแม้ พ.ร.บ. มีผลบงั คับใชแ้ ล้ว แอลกอฮอลใ์ นชว่ งเวลาหลงั จากการบงั คบั ใช้ พ.ร.บ. ควบคมุ
ก็ยังจ�ำเป็นต้องมีการเคล่ือนไหวเพื่อสนับสนุนการด�ำเนิน เคร่อื งด่มื แอลกอฮอลพ์ .ศ. 2551
การเพ่ือการควบคุมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์เพิ่มเติม เช่น
เอกสารอา้ งองิ
1. World Health Organization. Global status report on alcohol and health 2018 [Internet]. Switzerland: World Health
Organization; 2018 [cited 2021 Jan 2]. Available from: file:///C:/Users/Admin/Downloads /9789241565639-eng.pdf.
2. World Health Organization. SAFER: Preventing and reducing alcohol-related harms [Internet]. Switzerland:
World Health Organization; 2018 [cited 2021 Jan 2]. Available from: https://www.who.int /substance_abuse/
safer/msb_safer_framework.pdf
3. ศนู ยว์ จิ ยั ปญั หาสรุ า.ความเปน็ มา[อนิ เทอรเ์ นต็ ].สงขลา:2552[สบื คน้ เมอื่ 6เม.ย.2564].แหลง่ ขอ้ มลู :http://cas.or.th/cas/?p=5267
4. Monteiro MG. The road to a world health organization global strategy for reducing the harmful use of alcohol.
Alcohol Res Health. 2011;34(2):257-260.
5. มลู นธิ เิ มาไมข่ บั .เกยี่ วกบั มลู นธิ ิ[อนิ เทอรเ์ นต็ ].2564[สบื คน้ เมอื่ 19ก.ย.2564].แหลง่ ขอ้ มลู :https://www.ddd.or.th/pages/view/aboutus
6. Thamarangsi T. The “triangle that moves the mountain” and Thai alcohol policy development: four case studies.
Contemp. Drug Probl. 2009;36:245-281.
7. มติชน. ทำ� ไมตอ้ งมี พรบ.คุมนำ้� เมา [อินเทอร์เน็ต]. กรงุ เทพมหานคร: ศูนยว์ ิจยั ปญั หาสรุ า; 2551 [สืบค้นเมื่อ 6 เม.ย. 2564]. แหลง่
ขอ้ มลู : https://shortest.link/wcK
8. บณั ฑติ ศรไพศาล, จฑุ าภรณ์ แกว้ มงุ คณุ . การควบคมุ ปญั หาแอลกอฮอลด์ ว้ ยกฎหมายเอกสารวชิ าการประกอบการพจิ ารณาพระราช
บัญญัติควบคุมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา; 2550 [สืบค้นเม่ือ 6 เม.ย. 2564].
แหล่งขอ้ มูล: https://kb.hsri.or.th/ dspace/handle /11228/3432
9. Jarungthammachote H. เบียร์ช้างไทย จะไปสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดทุนต่างประเทศ อีกแล้ว? [อินเทอร์เน็ต].
กรุงเทพมหานคร: The story Thailand; 2564 [สืบค้นเม่ือ 13 เม.ย. 2564]. แหล่งข้อมูล: https://www. thestorythailand.
com/05/02/2021/13213/
10. ศนู ย์วจิ ยั ปญั หาสรุ า. ธุรกิจสุรากับตลาดหลักทรัพย์. น�ำเสนอเวทีวิชาการนโยบายสาธารณะเพอ่ื สุขภาพ; 17 มีนาคม 2548; โรงแรม
แอมบาสเดอร์, กรุงเทพมหานคร: 2548. หน้า 1-16.
11. ผจู้ ดั การรายวนั . ขบวนมอ็ บตา้ นชา้ งเพม่ิ ทวคี ณู กวา่ 6 หมน่ื รายชอ่ื กดดนั ก.ล.ต. [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. กรงุ เทพมหานคร: นติ ยสารผจู้ ดั การ;
2548 [สบื ค้นเมอื่ 15 เม.ย. 2564]. แหลง่ ขอ้ มูล: http://info.gotomanager. com/news/printnews.aspx?id=36089
12. Wongsawat N. ทำ� ไม “ไทยเบฟ” ไมเ่ ข้าซ้ือขายในตลาดหนุ้ ไทย!? [อินเทอรเ์ นต็ ]. กรุงเทพมหานคร: BillionWay; 2563 [สืบคน้ เม่อื
13 เม.ย. 2564]. แหลง่ ข้อมูล: https://www.billionway.co/why-thaibev-not-trade-in-thai-market/
13. ส�ำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า. ไทยเบฟยอมถอย-ม็อบฯ สลาย ตลาดอ้างข้อมูลไม่ครบ [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพมหานคร:
ส�ำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า; 2551 [สืบค้นเมื่อ 13 เม.ย. 2564]. แหล่งข้อมูล: http://www.stopdrink.com/contents/
view/1175%20%E0%B8%9B%E0%B8%B5
14. เดลินิวส์. จ้ีเบียร์ช้างเลิกเข้าตลาดหุ้นถาวร [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพมหานคร: 2551 [สืบค้นเม่ือ 13 เม.ย. 2564]. แหล่งข้อมูล:
http://sumpunsermcheep.blogspot.com/2014/07/blog-post_5523.html
15. กรุงเทพธรุ กจิ . รอ้ ง ก.ล.ต. แกเ้ กณฑเ์ ขา้ ตลาดตีกันเบียร์ช้าง [อนิ เทอร์เน็ต]. กรุงเทพมหานคร: 2551 [สบื ค้นเมื่อ 14 เม.ย. 2564].
แหลง่ ข้อมูล: http://sumpunsermcheep.blogspot.com/2014/07/blog-post_1927.html
16. ศรรี ชั ลอยสมทุ ร.เหลยี วหนา้ แลหลงั เกาะกระแสตแี ผท่ กุ ประเดน็ :เจาะลกึ กลยทุ ธธิ์ รุ กจิ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮฮลใ์ นรอบ3ปที ผ่ี า่ นมา[อนิ เทอรเ์ นต็ ].
119
วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย
กรงุ เทพมหานคร: สหมติ รพฒั นาการพมิ พ์ (1992); 2561 [สบื คน้ เมอื่ 14 เม.ย. 2564] แหลง่ ขอ้ มลู : http://cas.or.th/cas/?p=6018
17. พระราชบัญญตั ิควบคมุ เคร่ืองด่มื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551. ราชกจิ จานุเบกษา เล่มที่ 135, ตอนที่ 33 ก (ลงวนั ท่ี 6 กมุ ภาพันธ์ 2551).
18. ศรรี ชั ลาภใหญ.่ การศกึ ษาสถานการณก์ ารตดิ ตามการเปลยี่ นแปลงหลงั การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย และผลกระทบของรา้ นเหลา้ รอบสถาน
ศกึ ษาในกรงุ เทพมหานคร ปริมณฑล และภมู ภิ าค [อินเทอรเ์ น็ต]. สงขลา: ศูนย์วจิ ยั ปัญหาสรุ า; 2560 [สบื คน้ เมือ่ 14 เม.ย. 2564].
แหลง่ ข้อมลู : http://cas.or.th/cas/?p=6718
19. ประกาศสำ� นกั นายกรฐั มนตรี เรอ่ื ง กำ� หนดสถานทห่ี รอื บรเิ วณหา้ มขายเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลร์ อบสถานศกึ ษา พ.ศ. 2558. ราชกจิ จา
นุเบกษา เล่ม 129, ตอนพิเศษ 123 ง (ลงวันท่ี 23 กรกฎาคม 2555).
20. นพดล กรรณิกา. การกระจายตวั และความหนาแน่นของจดุ จ�ำหน่ายเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์โดยรอบมหาวิทยาลัยในกรงุ เทพมหานคร
และพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี งกรณศี กึ ษาเปรยี บเทยี บการกระจายตวั จดุ จำ� หนา่ ยฯ ปี พ.ศ. 2552 ปี พ.ศ. 2557 และ ปี พ.ศ. 2559 [อนิ เทอรเ์ นต็ ].
สงขลา: ศนู ยว์ ิจยั ปญั หาสรุ า; 2559 [สืบค้นเมือ่ 15 เม.ย 2564]. แหลง่ ขอ้ มูล: http://cas.or.th/cas/?p=6730
21. ภัทรภร พลพนาธรรม. การกระจายตัวของจุดจ�ำหน่ายเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์โดยรอบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ พ.ศ. 2552.
กรงุ เทพมหานคร: ศนู ย์วจิ ยั ปัญหาสรุ า.
22. ภัทรภร พลพนาธรรม. การกระจายตัวของจุดจ�ำหน่ายเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์รอบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2557.
กรุงเทพมหานคร: ศนู ยว์ จิ ัยปญั หาสุรา.
23. ชมนาด พจนามาตร์, มนตรา พงษ์นิล, สุริย์ฉาย คิดหาทอง. รูปแบบและการเข้าถึงการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักศึกษาใน
มหาวิทยาลยั เขตภาคเหนอื . กรุงเทพมหานคร: ศูนย์วิจยั ปัญหาสรุ า; 2557.
24. ศูนยว์ ิจยั ปัญหาสุรา, สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสร้างเสริมสุขภาพ, หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลา
นครนิ ทร์. รา้ นเหลา้ รอบสถานศึกษา สถานการณ์ ปัญหา สแู่ นวทางแก้ไขท่เี หมาะสม [อินเทอร์เนต็ ]. สงขลา: ศนู ยว์ ิจยั ปัญหาสุรา;
2562 [สืบค้นเมอ่ื 16 เม.ย. 2564]. แหล่งขอ้ มูล: http://cas.or.th/cas/?p=6149
25. พวงรตั น์ จนิ พล, มานติ า เจอื บญุ . ระบบสารสนเทศเพอ่ื การแสดงความหนาแนน่ ของจดุ จำ� หนา่ ยสรุ าใกลส้ ถานศกึ ษาในพน้ื ทจี่ งั หวดั
นครศรธี รรมราช[อนิ เทอรเ์ นต็ ].สงขลา:ศนู ยว์ จิ ยั ปญั าสรุ า;2560[สบื คน้ เมอื่ 16เม.ย.2564].แหลง่ ขอ้ มลู :http://cas.or.th/cas/?p=6779
26. กรมสรรพสามิต. การถ่ายทอดความรู้ (KM) ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการตอบค�ำถาม Zoning [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 19
ก.ย. 2564]. แหล่งข้อมูล: https://www.excise.go.th/cs/groups/public/documents/document/dwnt/mjuy/~edisp/
uatucm252005.pdf
27. ศรรี ชั ลอยสมทุ ร. การศกึ ษาผลกระทบทเี่ กดิ จากปรากฏการณล์ านเบยี รแ์ ละกลยทุ ธป์ ระเภทดม่ื ไมอ่ นั้ (beer buffet) ของธรุ กจิ เครอ่ื ง
ดื่มแอลกอฮอล์ [อินเทอร์เน็ต]. สงขลา: ศูนย์วิจัยปัญาสุรา; 2560 [สืบค้นเมื่อ 17 เม.ย. 2564]. แหล่งข้อมูล: http://cas.or.th/
cas/?p=5860
28. ผู้จัดการรายวัน. ศึกลานเบียร์ระอุอัพค่าที่ 30% [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพมหานคร: นิตรสารผู้จัดการ; 2548 [สืบค้นเมื่อ19 เม.ย.
2564]. แหล่งข้อมูล: http://info.gotomanager.com/news/ printnews.aspx?id=38961
29. Sirintip. เผยกลยทุ ธแ์ ยบยลลานเบยี รด์ งึ วยั รนุ่ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ;
2553 [สืบค้นเมือ่ 19 เม.ย. 2564]. แหลง่ ขอ้ มูล: https://www.thaihealth.or.th/node/18355
30. โพสตท์ ูเดย.์ ลานเบยี ร์-บารากุเกลื่อนงานโคนมสระบรุ ี [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. กรงุ เทพมหานคร: 2556 [สืบคน้ เม่อื 19 เม.ย. 2564]. แหลง่
ขอ้ มูล: https://www.posttoday.com/social/general/201038
31. MGR Online. จ้ีเอาผิดผ้วู า่ ฯแพร่ เปิดช่อง บ.นำ้� เมาจัดลานเบียรก์ ลางเมืองทา้ ทาย กม. [อินเทอร์เนต็ ]. กรงุ เทพมหานคร: ผ้จู ดั การ
ออนไลน;์ 2557 [สืบค้นเม่อื 19 เม.ย. 2564]. แหลง่ ข้อมูล: https://mgronline.com/qol/detail/9570000022644
32. เดลนิ วิ ส.์ ปมรอ้ น “ลานเบยี ร”์ ถกู หรอื ผดิ กฎหมาย ขอแคเ่ ลกิ ตะแบง...อยกู่ นั รอดแบบยาวๆ [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. กรงุ เทพมหานคร: 2558
[สืบคน้ เมอื่ 19 เม.ย. 2564]. แหล่งขอ้ มูล: https://www.dailynews.co.th/article/360115
33. ธนกร วงษป์ ญั ญา. รฐั คมุ เขม้ ลานเบยี รท์ ำ� ไม? หา้ มโฆษณาคนจะอยากดมื่ นอ้ ยลงไหม? [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. กรงุ เทพมหานคร: The stan-
dard; 2560 [สบื คน้ เมอ่ื 19 เม.ย. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://thestandard.co/beer-garden-under-government-control/
34. Rassarin. “ลานเบยี ร”์ ไม่ Cool แลว้ เซน็ ทรลั ประกาศ ไมม่ ลี านเบยี รค์ รงั้ แรกในรอบ 20 ปี [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. กรงุ เทพมหานคร: Brand Buffet;
2562 [สบื คน้ เมอ่ื 19 เม.ย. 2564]. แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.brandbuffet.in.th /2019/10/no-more-beer-garden-at-ctw/
35. อดุ มศักดิ์ แซ่โง้ว. ลานนม ข่มลานเบยี ร์ ปีใหม่ 2563 เมาแล้วขับตำ่� สุดรอบ 5 ปี [อินเทอร์เน็ต]. สงขลา: ศนู ย์วิจยั ปญั หาสรุ า; 2563
[สบื คน้ เม่ือ 19 เม.ย. 2564]. แหล่งขอ้ มลู : http://cas.or.th/ cas/?p=7341
120
วารสารการสร้างเสรมิ สขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal
ปีที่ 1 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มนี าคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022
บทความพเิ ศษ Special Article
การบูรณาการการรู้เท่าทันส่ือ สารสนเทศ
และดิจิทัลในหลกั สูตรระดบั อุดมศกึ ษา
เพอื่ สร้างความเปน็ พลเมืองดจิ ทิ ลั แก่เยาวชน
ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ประเทศไทย
อังคณา พรมรักษา
ภาควชิ านิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม จังหวดั มหาสารคาม
บทคดั ยอ่
การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบนิเวศส่ือใหม่ สถานการณ์วิกฤตในสังคม รวมถึงรูปแบบพฤติกรรมการสื่อสาร
ของเยาวชนเป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีส่งผลกระทบต่อการด�ำเนินชีวิตของเยาวชนในปัจจุบัน การเสริมสร้างคุณลักษณะความ
เป็นพลเมืองดิจิทัล (digital citizenship) แก่เยาวชนเพื่อสร้างให้เกิดการรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล (media
information digital literacy) เป็นความท้าทายต่อการจัดกระบวนการสร้างการเรียนรู้ของหลักสูตรระดับอุดมศึกษา
งานวิจัยนี้ใช้แนวคิดการรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล ศึกษาการบูรณาการการรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล
ในหลักสูตรระดับอุดมศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัลแก่เยาวชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผลท่ีเกิดขึ้น
กลุ่มตัวอย่าง คือ มหาวิทยาลัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 สถาบัน ใช้การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง
ผลการศกึ ษา พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งสามารถนำ� แนวคดิ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั ไปออกแบบ เชอื่ มโยงการเรยี นรใู้ น
หอ้ งเรยี นกับกระบวนการเสริมสร้างพลเมืองดิจิทัล และพัฒนาพ้ืนที่ปฏิบัติการแหล่งเรียนรู้ในระดับชุมชน ใช้กระบวนการ
เรียนรู้อยา่ งมสี ว่ นรว่ มสรา้ งแกนนำ� เยาวชน นสิ ติ นกั ศกึ ษาเปน็ นกั สอ่ื สารสรา้ งสรรคท์ ม่ี คี ณุ ลกั ษณะความเปน็ พลเมอื งดจิ ทิ ลั
มที กั ษะรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล เท่าทันตนเอง เท่าทันสังคม มีทักษะด้านการสื่อสาร ทักษะชีวิต และเป็นพลัง
ส�ำคญั ในการสร้างสงั คมสขุ ภาวะ สรา้ งความเข้มแข็งแก่ชมุ ชน หรอื เสรมิ จุดแขง็ ให้กบั ชุมชน
คำ�สำ�คัญ: การบรู ณาการ; พลเมอื งดจิ ทิ ลั ; การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ; สารสนเทศ; และดจิ ทิ ลั ; เยาวชน; หลกั สตู รระดบั อดุ มศกึ ษา
121
วารสารการสรา้ งเสรมิ สุขภาพไทย
Integration of Media Information
Digital Literacy into the Higher Education
Curriculum to Develop Digital Citizenship of
Youth in the Northeastern Region of Thailand
Angkana Promruksa
Communication Arts, Informatics Faculty, Mahasarakham University, Maha Sarakham Province, Thailand
Abstract
The development of digital technology, novel media ecosystem, social crises, and communicative
behavior of the youth are crucial factors affecting the lives of youth. Reinforcement of digital citizenship
of youth aiming for media information digital literacy is a challenge for the instructional management of
the higher education curriculum. This research studied by using the media information digital literacy
intended to the integration of the media information digital literacy into the higher education curriculum
to develop the digital citizenship of youth in the northeastern region. The sample group was seven
universities in the northeastern region selected by purposive sampling. The research results showed
the sample group successfully implemented the media information digital literacy concept to connect
classroom learning with the digital citizenship reinforcement process and improve the learning area
at community level to apply the participatory learning approach to produce a student leader to become
the creative communicator. The student leader would be a digital citizen with media information, digital
literacy, self-awareness, and communication and life skills and would become the significant force to
build a socially aware society and a powerful community.
Keywords: integration; digital citizenship; media information digital literacy; youth; higher education
curriculum
บทน�ำ ของข้อมูลข่าวสารท่ีจะน�ำไปสู่ความเสี่ยงในสังคมดิจิทัล
รวมถึงการสร้างโอกาสและประโยชน์จากการใช้สื่อสังคม
ในยคุ ดจิ ทิ ลั ทเ่ี ทคโนโลยกี ารสอ่ื สารไดร้ บั การพฒั นาเกดิ ดิจิทัลของเยาวชน ที่จะต้องมีทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ
การหลอมรวมสอ่ื ดจิ ทิ ลั (digitalmediaconvergence)และ เรื่องสิทธิและความรับผิดชอบ ซึ่งเยาวชนจะต้องมีแนวคิด
สรา้ งการเปลย่ี นแปลงตอ่ ภมู ทิ ศั นส์ อื่ (media landscape) แนวปฏบิ ตั เิ พอ่ื สรา้ งการเรยี นรทู้ จี่ ะใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยี
เป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีส่งผลต่อรูปแบบพฤติกรรมการสื่อสาร ดจิ ทิ ลั ปกปอ้ งตนเองจากความเสย่ี งทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ เคารพ
ของเยาวชน โดยเฉพาะในการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ตดิ ตอ่ สอ่ื สาร สิทธิของตนเอง และมีความรับผิดชอบต่อผู้อ่ืน และสังคม
การเปดิ รบั ขอ้ มลู ขา่ วสารตา่ งๆ ในชวี ติ ประจำ� วนั อาจมลี กั ษณะ เข้าใจถึงผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีการส่ือสารที่มีต่อ
122
Thai Health Promotion Journal
สังคม(1) และรู้เท่าทันเพื่อสร้างการเปล่ียนแปลงทางสังคม รวมทั้งมีการน�ำกระบวนการผลติ เปน็ สอื่ สรา้ งสรรคเ์ ผยแพร่
ทด่ี ขี น้ึ การสรา้ งความเปน็ พลเมอื งดจิ ทิ ลั (digital citizenship) สาธารณะหรอื นำ� เสนอกจิ กรรมกระบวนการเผยแพร่แก่นิสิต
จึงเป็นคุณลักษณะที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางว่า นักศึกษาในสถาบันการศึกษา
ควรเสริมสร้างให้เกิดขึ้นแก่เยาวชนในศตวรรษที่ 21 เพื่อ
สรา้ งใหเ้ กดิ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั (media การบูรณาการการรู้เท่าทันสือ่
information digital literacy)(2) สารสนเทศ และดิจทิ ลั ในหลักสูตร
บทความนเ้ี ปน็ การวเิ คราะหก์ ารบรู ณาการการรเู้ ทา่ ทนั ระดับอุดมศกึ ษา
สื่อ สารสนเทศ และดิจิทัลในหลักสูตรระดับอุดมศึกษาเพอื่
สรา้ งความเปน็ พลเมอื งดจิ ทิ ลั แกเ่ ยาวชนในภาคตะวนั ออก- พลเมืองดิจิทัล หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ
เฉียงเหนือ และผลที่เกิดขึ้น ในช่วงปีการศึกษา 2563 กับ มีการใช้งานดิจิทัลอย่างสม่�ำเสมอในการปฏิสัมพันธ์กับผู้
กลุ่มตวั อยา่ ง คอื มหาวทิ ยาลยั ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื อื่นท่ัวโลก และใช้งานดิจิทัลในทางท่ีเหมาะสมสร้างสรรค์
7 สถาบัน คือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัย มีคุณธรรมจริยธรรมในการใช้งานดิจิทัลเพ่ือพัฒนาตนเอง
กาฬสนิ ธ์ุ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏ และสังคม(3)
ร้อยเอ็ด มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั
สกลนคร และมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ สามารถ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั เปน็ คณุ ลกั ษณะ
แบ่งกลุ่มหลักสูตรออกเปน็ 3 กลมุ่ คอื รายวชิ าในหลกั สตู ร ส�ำคัญของพลเมืองประชาธิปไตย ที่จะต้องมีสมรรถนะใน
นเิ ทศศาสตร์ รายวชิ าในหลกั สตู รครศุ าสตร์ และรายวชิ าศกึ ษา การรู้เท่าทันส่ือ (media literacy) ใช้สื่อต่างๆ รวมถึง
ทวั่ ไปของมหาวทิ ยาลยั การวิเคราะห์ และเข้าใจในรูปแบบของส่ือ และเทคนิคที่สื่อ
ใชใ้ นการสรา้ งผลกระทบตอ่ ผรู้ บั สอ่ื ความสามารถในการอา่ น
การศึกษาคร้ังนี้ใช้การทบทวนวรรณกรรม แนวคิด วเิ คราะห์ประเมนิ และสรา้ งสอื่ ในหลากหลายรปู แบบได้รเู้ ทา่ ทนั
ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย แนวคิดการรู้ สารสนเทศ (information literacy) สามารถประเมนิ เลอื กใช้
เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล (media information สื่อสารข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลากหลายรูปแบบ
digital literacy) และแนวคิดความเป็นพลเมืองดิจิทัล รวมถงึ ความเขา้ ใจขอ้ มลู สารสนเทศในความหมายเชงิ จรยิ ธรรม
(digital citizenship) เก็บข้อมูลโดยใช้การสัมภาษณ์ และรู้เท่าทันดิจิทัล (digital literacy) มีการใช้เทคโนโลยี
แบบมีโครงสร้างอาจารย์ผู้สอน และสนทนากลุ่ม (focus ดิจิทัล เคร่ืองมือสื่อสาร เครือข่ายต่างๆ เพ่ือค้นหาข้อมูล
group) นสิ ติ นกั ศกึ ษาที่เปน็ แกนนำ� เยาวชนของ 7 สถาบนั (เขา้ ถงึ ) ประมวลผล (เขา้ ใจ) และสรา้ งสรรคข์ อ้ มลู (ประยกุ ต์
ใช)้ ไดห้ ลากหลายรปู แบบ(4)
กระบวนการบูรณาการการรู้เท่าทันส่ือ สารสนเทศ
และดิจิทัลในหลักสูตรระดับอุดมศึกษาเพ่ือสร้างความ การบรู ณาการการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั
เป็นพลเมืองดิจิทัลแก่เยาวชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในหลักสูตรระดับอุดมศึกษาเพ่ือสร้างความเป็นพลเมือง
ประเทศไทย ประกอบดว้ ย การเสรมิ สรา้ งแนวคดิ องคค์ วามรู้ ดิจิทัลแก่เยาวชนในรายวิชาของหลักสูตรระดับอุดมศึกษา
แกแ่ กนนำเยาวชนนิสิตนักศึกษา โดยอาจารย์ผู้สอนมีการน�ำ พบวา่ อาจารยผ์ สู้ อนไดน้ ำ� แนวคดิ การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ
แนวคิดการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั มาออกแบบ และดิจิทัล มาออกแบบร่วมกับเน้ือหาของแต่ละรายวิชา
ร่วมกับเนื้อหาของแต่ละรายวิชา สร้างกระบวนการเรียนรู้ สร้างกระบวนการเรียนรู้ในห้องเรียน และในพื้นท่ีชุมชน
ในหอ้ งเรยี นและในพื้นท่ีชุมชนนอกห้องเรียน จากน้ันสร้าง นอกห้องเรียน จากน้ันสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้นิสิต
กระบวนการมสี ว่ นรว่ มใหน้ สิ ติ นกั ศกึ ษาออกแบบเครอื่ งมอื นักศึกษาออกแบบเครื่องมือกิจกรรมที่จะน�ำไปปฏิบัติการ
กจิ กรรมทจ่ี ะนำ� ไปปฏบิ ตั กิ ารในชมุ ชน จากนนั้ แกนนำ� เยาวชน ในชุมชน เช่น หลักสูตรนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นิสิต นักศึกษาลงพื้นที่ปฏิบัติการ น�ำองค์ความรู้ แนวคิด อดุ รธานีอาจารยผ์ สู้ อนจดั กระบวนการและกจิ กรรมการเรยี นรู้
เครื่องมือ กิจกรรมไปสร้างกระบวนการรู้เท่าทันส่ือ ในหอ้ งเรยี นโดยใชแ้ นวคดิ ความเปน็ พลเมอื งดจิ ทิ ลั และการ
สารสนเทศ และดิจิทัลแก่เด็ก เยาวชน และคนในชุมชน รู้เท่าทันส่ือ สารสนเทศ และดิจิทัลบูรณาการในรายวิชา
การสอื่ ขา่ วขนั้ สงู การบรรณาธกิ รณ์ การผลติ วารสารสนเทศ
123
วารสารการสร้างเสรมิ สุขภาพไทย
และการแสดง และการก�ำกับการแสดง จากนั้นนักศึกษา เช้ือไวรัสโคโรน่า สร้างความตระหนักต่อบทบาทหน้าท่ี
ได้ร่วมกันออกแบบกระบวนการสร้างการรู้เท่าทันสื่อ พลเมอื งประชาธปิ ไตยทจ่ี ะมสี ว่ นรว่ มในการรบั ผดิ ชอบสงั คม
สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั ดำ� เนนิ กระบวนการสอ่ื สารสรา้ งสรรค์
ชมุ ชนในพื้นทีก่ ดุ ลงิ งอ้ ตำ� บลนาดี อ�ำเภอเมอื ง จ.อุดรธานี, จากการศกึ ษาการบรู ณาการการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ
หลกั สตู รศกึ ษาทวั่ ไป มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร อาจารย์ และดจิ ทิ ลั ในหลกั สตู รระดบั อดุ มศกึ ษา พบวา่ แกนนำ� เยาวชน
ผู้สอนได้บูรณาการแนวคิดเรื่องความเป็นพลเมือง และ ในกระบวนการที่ได้เรียนรู้แนวคิดในห้องเรียน จากนั้นได้
การรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั กบั การจดั การเรยี น รว่ มออกแบบกจิ กรรม และลงพน้ื ทน่ี ำ� กจิ กรรมไปดำ� เนนิ การ
การสอนในรายวิชาสังคมไทยกับโลกาภิวัตน์ผ่านการรับชม ในชมุ ชน หรอื โรงเรยี น ไดร้ บั การพฒั นาคณุ ลกั ษณะความเปน็
ภาพยนตร์เรื่อง searching (เสิร์ชหา สูญหาย) โดยให้ พลเมอื งดจิ ทิ ลั ทม่ี คี วามรบั ผดิ ชอบ มสี ว่ นรว่ ม มคี วามรคู้ วาม
นักศึกษาร่วมวิเคราะห์ภาพยนตร์นี้เชื่อมโยงกับแนวคิด เขา้ ใจตอ่ การสรา้ งสรรคส์ อื่ ดจิ ทิ ลั มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการ
นอกจากนมี้ กี ารจดั เวทเี สวนาเรอื่ ง อาสาสอน: พลเมอื งดจิ ทิ ลั ใชง้ านดจิ ทิ ลั เพอ่ื พฒั นาตนเอง ชมุ ชน และสงั คม
เพอื่ สรา้ งการเปลย่ี นแปลง โดยบรู ณาการกบั โครงการอาสา
สอนที่นักศึกษาแกนน�ำเยาวชนด�ำเนินงานกิจกรรมอาสา การบรู ณาการการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั
สอนลงพน้ื ทชี่ มุ ชนเพอื่ ฝกึ ปฏบิ ตั จิ รงิ มกี ารนำ� เนอ้ื หาบรู ณาการ ในหลักสูตรระดับอุดมศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง
ร่วมกับกิจกรรมในแต่ละโรงเรียน หรือชุมชน, หลักสูตร ดิจิทัลแก่เยาวชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย
ครศุ าสตรม์ หาวทิ ยาลยั ราชภฏั ศรสี ะเกษนำ� แนวคดิ ไปบรู ณาการ มกี ระบวนการทเ่ี กดิ ขนึ้ ประกอบดว้ ย (1) กระบวนการตดิ ตง้ั
กบั รายวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื ชวี ติ และวชิ านวตั กรรม แนวคิด องค์ความรู้ เครื่องมือ กิจกรรมในห้องเรียน นอก
และเทคโนโลยีสารสนเทศส�ำหรับครู มีการจัดกิจกรรม หอ้ งเรยี น และในพนื้ ทแี่ กแ่ กนนำ� เยาวชนนสิ ติ นกั ศกึ ษา (2)
บูรณาการแนวคิดกับรายวิชา จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แกนนำ� เยาวชนนสิ ติ นกั ศกึ ษาออกแบบกระบวนการสรา้ งการ
กระบวนการทำ� งานของนกั ศกึ ษาจากกลมุ่ แกนนำ� สนู่ กั ศกึ ษา รเู้ ทา่ ทนั สอื่ สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั ของแกนนำ� เยาวชน นสิ ติ
ในมหาวิทยาลัย และนักศึกษาได้ขยายผลแนวคิด และ นักศึกษาในพื้นท่ีปฏิบัติการชุมชน โรงเรียน มหาวิทยาลัย
กระบวนการ ไปจัดกิจกรรมร่วมกับนักเรียนโรงเรียนสาธิต อย่างมีส่วนร่วม มีกลุ่มเป้าหมายส�ำคัญ คือ เด็ก เยาวชน
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษเป็น Project Approach ครอบครวั คนในชมุ ชน ผสู้ งู อายุ ซง่ึ จากการบรู ณาการแนวคดิ
เพ่ือออกแบบการส่ือสารสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ในรายวิชาของหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ได้ท�ำให้เกิดผลต่อ
การสรา้ งความเปน็ พลเมอื งดจิ ทิ ลั แกแ่ กนนำ� เยาวชน ดงั สรปุ
ไดใ้ นภาพท่ี 1
ภาพที่ 1 กระบวนการพัฒนาหลักสูตรระดับอุดมศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัลแก่เยาวชน
124
Thai Health Promotion Journal
สรุป จากการศึกษา พบว่า การบูรณาการการจัดการเรียน
การสอนในหลกั สตู รทใ่ี หผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นรว่ ม เปน็ กระบวนการ
การบรู ณาการการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั เรยี นรทู้ เ่ี สรมิ ศกั ยภาพของเยาวชนนสิ ติ นกั ศกึ ษาใหไ้ ดบ้ รหิ าร
ในหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จดั การ แสดงความคดิ สรา้ งสรรค์ ลงมอื ปฏบิ ตั กิ าร เชอื่ มโยง
ประเทศไทย เปน็ กลไกสำ� คญั ของการสรา้ งพลเมอื งดจิ ทิ ลั แก่ ประสบการณแ์ ละสรา้ งความสมั พนั ธท์ างสงั คมนำ� ไปสผู่ ลลพั ธ์
เยาวชนทเี่ ปน็ นสิ ติ นกั ศกึ ษา ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นสามารถเชอื่ มโยงการ ท่หี ลากหลาย(6) สรา้ งคุณลักษณะความเป็นพลเมืองดิจทิ ัล
เรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี นไปยงั ชมุ ชนและสอื่ สารสาธารณะเปน็ รปู แบบ ทม่ี ีความรู้ ความเข้าใจต่อการใชส้ ่อื ดจิ ทิ ัลในทางทเี่ หมาะสม
หนึ่งของการใช้หลักสูตรทางการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับสื่อ สรา้ งสรรค์มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการใชง้ านดจิ ทิ ลั เพอ่ื พฒั นา
สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั ทท่ี ำ� ใหเ้ ยาวชนไดพ้ ฒั นาตนเอง หนนุ ตนเองและสังคม
เสรมิ พลงั ของเยาวชนตอ่ การขบั เคลอื่ นประเดน็ ทางสงั คม(5)
เอกสารอา้ งอิง
1. Subrahmanyam K, Smahel D. Digital youth: the role of media in development. New York: Springer Science &
Business Media; 2010.
2. วรพจน์ วงศก์ จิ รุง่ เรือง. คูม่ ือพลเมอื งดิจิทัล. กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดจิ ทิ ลั กระทรวงดจิ ิทัลเพื่อเศรษฐกจิ และ
สงั คม; 2561.
3. Ribble M, Bailey G. Digital citizenship in schools. Washington DC: International Society for Technology in Edu-
cation; 2011.
4. สถาบนั สอื่ เดก็ และเยาวชน และเครอื ขา่ ยการศกึ ษาเพอ่ื สรา้ งพลเมอื งประชาธปิ ไตย. กรอบแนวคดิ ในการพฒั นาหลกั สตู รการรเู้ ทา่ ทนั
สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั เพอ่ื สรา้ งพลเมอื งประชาธปิ ไตย. การประชมุ โตะ๊ กลม การพฒั นากรอบแนวคดิ และหลกั สตู รการรเู้ ทา่ ทนั สอื่
สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั เพอื่ สรา้ งพลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย; 22 มถิ นุ ายน 2559; โรงแรมแมนดารนิ , กรงุ เทพมหานคร.
5. Mitchell L. Beyond digital citizenship [Internet]. 2016 [cited 2020 Feb 11]. Available from: https://eric.ed.gov
/?q=source%3a%22middle+grades+review%22&ff1=subMiddle+School+Students&pg=3&id=EJ1154813
6. Tsekoura M. Space for youth participation and youth empowerment: case studies from UK and Greece. Young
2016;24:326-41.
125
วารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย Thai Health Promotion Journal
ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2565 Vol.1 No.1 January - March 2022
แนะนำ�บรรณาธิการวารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย:
นายแพทยว์ ิวัฒน์ โรจนพิทยากร
นายแพทย์วิวัฒน์ โรจนพิทยากร มีประสบการณ์การประกอบอาชีพเป็นนักวิชาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ในหลายระดบั ทงั้ ระดบั อำ� เภอ ระดบั จงั หวดั ระดบั เขต ระดบั กอง ระดบั กรม ระดบั กระทรวง (กระทรวงสาธารณสขุ ) ระดบั ชาติ
ระดบั ภมู ภิ าค (UNAIDS - Asia-Pacific) และระดับนานาชาติ (WHO China, Mongolia) รวมทั้งยงั เคยทำ� งานในสถาบัน
การศกึ ษา (มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล) มผี ลงานเปน็ ทยี่ อมรบั ในวงการสาธารณสขุ โดยเคยไดร้ บั รางวลั สมเดจ็ เจา้ ฟา้ มหดิ ล สาขา
สาธารณสุข ประจำ� ปี พ.ศ. 2552
ประสบการณ์การทำ� วารสารทางวชิ าการ
1. ผรู้ เิ รมิ่ และเปน็ บรรณาธกิ ารวารสาร “ปญั ญา” (สโมสรนกั ศกึ ษาคณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล) ปี 2516-2517
2. บรรณาธกิ ารวารสารโรคติดต่อ (กรมควบคมุ โรคติดตอ่ กระทรวงสาธารณสขุ ) ปี 2527-2532 และ 2534-2542
3. บรรณาธกิ ารวารสารสมาคมแพทยโ์ รคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ (สมาคมแพทยโ์ รคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธแ์ หง่ ประเทศไทย)
ปี 2527-2530, 2535-2540 และประจ�ำกองบรรณาธกิ าร 2541-2542
4. ผรู้ เิ รม่ิ และเปน็ บรรณาธกิ ารวารสาร “ขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ ” (กรมควบคมุ โรคตดิ ตอ่ กระทรวงสาธารณสขุ ) ปี 2528-2529
5. ผรู้ เิ รม่ิ และเปน็ บรรณาธกิ ารวารสาร “ขา่ วสารโรคเอดส”์ (ศนู ยป์ อ้ งกนั และควบคมุ โรคเอดส์ & กองโรคเอดส์ กรมควบคมุ
โรคติดต่อ) ปี 2531-2536
6. กองบรรณาธิการวารสารโรคเอดส์ (กรมควบคุมโรค) ปี 2532-2543, บรรณาธกิ าร ปี 2564-ถึงปจั จบุ นั
7. ผรู้ เิ รมิ่ และเปน็ บรรณาธกิ ารวารสารวชิ าการสาธารณสขุ (สำ� นกั วชิ าการสาธารณสขุ กระทรวงสาธารณสขุ ) ปี 2535–2540,
บรรณาธกิ ารทีป่ รึกษา 2541-2545 และบรรณาธิการ (ช่วงท่ี 2) ปี 2556-ถงึ ปจั จบุ นั
8. บรรณาธกิ ารวารสารวจิ ัยระบบสาธารณสุข (สถาบนั วิจัยระบบสาธารณสุข) ปี 2538
9. รองบรรณาธกิ ารแพทยสภาสาร (แพทยสภา) ปี 2538–2546
10. กองบรรณาธิการวารสารผ้สู ่ังใช้ยา (ส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ปี 2536-2542
11. ผู้ชว่ ยบรรณาธกิ าร วารสาร Human Resources for Health Development ปี 2540-2545
12. ผรู้ เิ รม่ิ และเปน็ บรรณาธกิ ารวารสาร Get a Picture (โครงการเอดสแ์ หง่ สหประชาชาตปิ ระจำ� ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก
เฉียงใต้และแปซิฟิก) ปี 2543-2544; ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “See a Picture”
13. ผรู้ ว่ มรเิ ริม่ และเปน็ กองบรรณาธกิ ารวารสาร Journal of Health Science (Health Science University
ประเทศมองโกเลีย) (2547–2555)
14. Chief Editor วารสาร OSIR-Outbreak, Surveillance, Investigation and Response (ส�ำนักระบาดวทิ ยา
กรมควบคมุ โรค) ปี 2556-ถงึ ปจั จบุ ัน
15. คณะบรรณาธิการวารสารควบคุมโรค (กรมควบคมุ โรค) ปี 2556-ถงึ ปจั จุบนั
16. บรรณาธกิ าร Journal of Population and Social Studies (สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล)
ปี 2560
17. บรรณาธิการวารสาร Public Health Open Access (Medwin Publishers) 2018-2020
18. บรรณาธกิ ารวารสารการแพทย์ฉกุ เฉนิ แห่งประเทศไทย (สถาบนั การแพทย์ฉุกเฉนิ แห่งชาติ) ปี 2564-ถงึ ปัจจุบัน
19. บรรณาธกิ ารวารสารการสรา้ งเสริมสขุ ภาพไทย (ส�ำนักงานกองทนุ สนบั สนุนการสร้างเสรมิ สขุ ภาพ) ปี 2565-
20. บรรณาธกิ ารวารสารการแพทย์แผนจีนในประเทศไทย (การแพทย์แผนจีนหวั เฉียว) ปี 2565-
126