The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ประกายกาญจน์, 2023-10-23 15:58:10

สารคดี animal in the North pole

สารคดี_compressed

ARCTIC


ผู้ผู้ผู้เผู้ขีขีขียขีน นางสาว ประกายกาญจน์น์น์ ปน์ ระชุชุชุมชุจิจิจิตจิ


1 6 7 13 25 37 49 61 19 20 32 33 43 45 55 57 68 69


73 85 97 109 80 81 92 93 103 104 115 116


PENGUIN เพนกวินจักรพรรดิ EMPEROR ชื่อวิทยาศาสตร์: Aptenodytes forsteri


เป็นนกเพนกวินที่มีขนาดใหญ่ ที่สุดในบรรดาสปีชีส์ต่างๆ ที่มี ถิ่นฐานอยู่ในทวีป ที่เย็นอย่าง แอนตาร์กติกา ตัวผู้และตัวเมีย มีสีขน และมีขนาดที่ใกล้เคียง กันมันสูงราวๆ122 ซม. หนัก ระหว่าง22ถึง37กิโลกรัม48ถึง8 2ปอนด์ ขนด้านหลังสีดำ ขลับ ตัดกัน กับขนทางด้านหน้าตรง บริเวณท้องจะที่มีสีขาวอกตอน บนสีเหลืองอ่อน และค่อยๆไล่ ลงมาจนเป็นสีขาว และบริเวณ ตรงหูนั้นเป็นสีเหลืองเพนกวิน จักรพรรดิ ก็เป็นเช่นเดียวกัน กับเพนกวินชนิดอื่นที่เป็นนกที่ บินไม่ได้ แต่มีรูปร่างที่เพรียว และ ปีกที่ลู่ตามตัวแต่มันแข็ง แบนเหมือนครีบ ที่เหมาะกับ การจะเป็นสัตว์น้ำ ได้มากกว่าที่ จะเป็นนก อายุเฉลี่ยของนก เพนกวินนั้นจักรพรรดิราว20ปี และบางตัวอาจจะถึง50ปีได้ไม่ ต่างจากมนุษย์ อาหารที่บริโภค ส่วนใหญ่เป็น ปลา และรวมทั้งสัตว์ประเภท กุ้งกั้งปู (crustacean) เช่น ตัว เคย และสัตว์น้ำ ประเภท เซฟ าโลพอด เช่น ปลาหมึก เมื่อ พวกมันจะดำ น้ำ เพื่อหาอาหาร เพนกวินจักรพรรดิ สามารถ อยู่ใต้น้ำ ได้นานมาก ๆ ถึง18 นาที และสามารถดำ น้ำ ได้ลึก ถึง 535 เมตร เนื่องจากลักษณะหลายอย่าง ที่ช่วยในการ อยู่ใต้น้ำ ได้นาน เช่นโครงสร้างของฮีโมโกลบิน ที่ทำ ให้มัน มีชีวิตอยู่ได้ในชั้น บรรยากาศ ที่มีระดับอากาศ ออกซิเจนต่ำ ส่วนโครงกระดูก ที่แน่นนั้น มันช่วยต้านความ กดดันสูงมาก หรือจะเรียกอีก อย่าง barotrauma และทั้งนี้ ความสามารถ ในการลดการ เผาผลาญของร่างกายได้และ การปิดการทำ งานอวัยวะที่ไม่ จำ เป็นของพวกมัน และ ได้มี นักวิทยาศาสตร์ คาดการณ์ว่า ฝูงนกเพนกวินจักรพรรดิกว่า 90เปอร์เซ็นต์จะสูญพันธุ์ก่อน สิ้นสุดศตวรรษนี้ จากผลของ สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ที่ทำ ให้ทะเลอุ่นขึ้นจน ทะเล น้ำ แข็งสูง เพนกวินจักรพรรดิ EMPEROR PENGUIN 2 เพนกวินจักรพรรดิ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันดีจากการเดินทาง ราว50ถึง120 กิโลเมตรจากฝั่ง ของทะเลไปยังบริเวณที่ทำ การ ผสมพันธุ์ในทุกปี เพื่อที่จะไป หาคู่ ผสมพันธุ์ กก และฟักไข่ น้ำ แข็ง และ ทะเลถือเป็น ส่วนสำ คัญ ในวงจรการผสม พันธุ์ของเพนกวินจักรพรรดิ เพราะเป็นพื้นที่ที่พวกมันจะ เอาไว้ใช้เลี้ยงลูกน้อย แต่ถ้า น้ำ แข็งละลายเร็ว เพนกวิน และลูกๆของมันก็จะประสบ ปัญหาโดยเฉพาะบรรดาลูกๆ ของมันเมื่อแผ่นน้ำ แข็งแตก ตัว ก่อนที่พวกมันจะพัฒนา เป็นนกที่มีขนกันน้ำ ซึ่งเป็น ส่วนสำ คัญ ในการว่ายน้ำ ใน มหาสมุทรจะทำ ให้มันตาย


เรื่องราวของพวกมัน เริ่ม ต้นเหมือนคู่รักมนุษย์ เมื่อ เพนกวินจักรพรรดินั้น มัน ต้องการ หาที่จะลงหลักปัก ฐานกับใครตัวผู้นั้นจะออก ตามหาก้อนหิน ที่สวยงาม เกลี้ยงเกลาที่สุดมามอบให้ ตัวเมียที่หมายปองหากตัว เมียมีใจ มันจะน้อมรับเอา ก้อนหินมาไว้ในรัง จากนั้น มันจะผูกพันเป็นคู่ผัวเดียว เมียเดียวไปตลอดชีวิต เมื่อมัน มีลูกด้วยกันแล้ว พวกมันจะสลับกันออกไป หาอาหาร มาเลี้ยงลูกๆมัน ตัวที่เหลืออยู่จะรอคอยอยู่ บนเกาะนั้น อยู่ไปตลอด จนกว่าเพนกวินนั้น แม้ว่า เดินอุ้ยอ้ายแต่พวกมันนั้น ว่ายน้ำ เก่งมาก และมันยัง เป็นสัตว์เพนกวินที่ว่ายน้ำ ได้เร็วที่สุดถึง36 กิโลเมตร ต่อชั่วชั่โมงพวกมันก็จะเก็บ อาหาร ไว้ในท้องมันหลัง จากนั้นมันก็จะว่ายฝ่าคลื่น ลมกลับมายังเกาะที่มีพวก นกเพนกวิน อาศัยอยู่เป็น ล้านตัวพวกมัน ก็จะเปล่ง เสียงร้องหากัน ความรักของเพนกวิน “ว่ากันว่าเพนกวินเป็นสัตว์ที่โรแมนติก” 3


4 นกเพนกวินจักรพรรดิได้รับการบรรยายจำ แนกครั้งแรก เมื่อในปีค.ศ.1844 โดยนักสัตว์ศาสตร์จอร์จโรเบิร์ตเกรย์ผู้ตั้งชื่อให้กับสามัญที่มาจากภาษากรีกที่แปลว่า “นักดำ น้ำ ไร้ปีก” ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์ของเพนกวินถูกตั้งขึ้นโดย นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันบุคคลนั้นเขามีชื่อว่าโยฮันน์ ไรน์โฮล์ดฟอร์ส - เตอร์ก็เป็นผู้ร่วมเดินทาง กัปตันเจมส์ออกสำ รวจ มหาสมุทรแปซิฟิกครั้งที่สอง เมื่อปี ค.ศ1772 ถึงปี1775 นอกจากเพนกวินจักรพรรดิแล้วฟอร์สเตอร์ก็ยังตั้งชื่อนกเพนกวินอื่นๆ อีกห้าสปีชีส์ นกเพนกวินจักรพรรดิ์ และนกเพนกวินกษัตริย์ เป็นเพนกวินที่มีลักษณะสีตัว ที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก แต่นกเพนกวินกษัตริย์นั้น มันจะมีขนาดเล็กมากกว่า นกเพนกวินจักรพรรดิทั้งสองเป็นสปีชีส์ของสกุล นกดำ น้ำ ไร้ปีกและสปีชีส์ที่สามมันถูกเรียกว่าซากดึกดำ บรรพ์ พวกนกเพนกวินจักรพรรดิ นั้นถูกพบในบันทึกประวัติสัตว์โลกของซากดึกดำ บรรพ์ เมื่อตั้งแต่ปลายสมัยพลิโอซีนซึ่งเป็นเวลานายมากราวๆสามล้านปีมาแล้วในประเทศนิวซีแลนด์ จากการศึกษาพฤติกรรมของพันธุ์แสดงว่าสกุลของนกดำ น้ำ ไร้ปีก เป็นฐานตระกูล ตอร์เฟรตเวลล์ จากสำ นักงานสำ รวจแอนตาร์กติกในอังกฤษและ ทีมนักวิทยาศาสตร์ของเขาเปิดเผยเรื่อง รายงานการตาย ของประชากรเพนกวินจักรพรรดิ ในวารสารอังกฤษได้รายงานสำ รวจระบุว่า หลังจากทีมของนักวิทยาศาสตร์ได้ติดตามอาณาจักรนกเพนกวินจักรพรรดิ 5 แห่งพบว่า กลุ่มนกเพนกวินจักรพรรดิ ที่มักอาศัยอยู่ใน4จาก5 อาณาจักรล้มเหลวในการผสมพันธุ์


นกเพนกวินจักรพรรดิ เป็นสัตว์ สังคมในการดำ รงชีวิต และ การ หาอาหารและ นอกจากจะออกหา อาหารด้วยกันแล้ว ก็อาจจะร่วม มือกันในการดำ หรือผุดจากน้ำ ในการหาอาหาร ของนกแต่ละตัว อาจจะตื่นช่วงกลางคืน หรือกลาง วันนกที่โตเต็มที่ ก็จะใช้เวลาส่วน ใหญ่ในชีวิตเกือบจะตลอดทั้งปีใน การเดินทางไปหาอาหาร ระหว่าง ตรงบริเวณที่อยู่อาศัย กับ แหล่ง อาหารที่มันอยู่ไกลออกไปตามฝั่ง ทะเลเว้นช่วงเดือนระหว่าง เดือน มกราคม ถึงประมาณช่วงมีนาคม จะหายไปในมหาสมุทร นักสรีรศาสตร์ชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า“เจอร์รี คูยแมน” ได้ทำ การศึกษาพฤติกรรมในการ หาอาหารของเพนกวิน ปีค.ศ.1971โดยการ ติดอุปกรณ์ที่บันทึกการดำ น้ำ กับเพนกวิน พฤติติ ติ ก ติ กรรมของเพนกวิวิ วิ น วิ น 5


เพนกวินจักรพรรดิ (Emperor penguin) คิงเพนกวิน (King penguin) อะเดเลียเพนกวิน (Adelie penguin) ชินสแตรปเพนกวิน (Chinstrap penguin) เจนทูเพนกวิน (Gentoo penguin) ร็อคฮอปเปอร์เพนกวิน (Rockhopper penguin) อีเรคเคร็ซทเพนกวิน (Erected-crest penguin) แมคะโรนิเพนกวิน (Macaroni penguin) ฟยอร์ดแลนด์เพนกวิน (Fiordland penguin) สแนร์เพนกวิน (Snares penguin) รอยัลเพนกวิน (Royal penguin) เพนกวินตาเหลือง (Yellow-eyed penguin) กาลาปากอสเพนกวิน (Galapagos penguin) ฮัมโบลด์เพนกวิน (Humboldt penguin) แมกเจลแลนเพนกวิน (Magellanic penguin) ชนินินิดนิหรืรื รื อ รื อสายพัพัพันพัธุ์ธุ์ธุ์ขธุ์ องเพนกวิวิวินวิ 6


ขนของเพนกวินโดยขน ของเพนกวินจะมี 2 ชั้น ในทำ หน้าที่ เหมือนกับ ขนนกทั่วทั่ไป ส่วนในชั้น นอกจะมีไขมันเคลือบไว้ เพื่อป้องกันน้ำ ลม ความ หนาวเย็น จากอากาศที่ ภายนอกซึ่งอาจต่ำ สุดถึง -40องศาเซลเซียส และ ทนต่อแรงลมได้ถึง 40 เมตรต่อวินาทีเรียกได้ว่า เป็นฉนวนกันความเย็น ได้เป็นอย่างดี พวกมันมักจะอาศัยอยู่ที่ ขั้วโลกเหนือ - ขั้วโลกใต้ ในประเทศ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ถึงแม้นก เพนกวิน จะดูแข็งแกร่ง ยามอยู่ในเขต เยือกแข็ง แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น สภาวะโลกร้อน กำ ลังส่ง ผลกระทบ เป็นอย่างมาก ด้วยสาเหตุหลัก ก็มาจาก เพนกวินมีหน้าท้องเต็มที่ ไปด้วยไขมันจึงจะกักเก็บ ความร้อนของร่างกายได้ อย่างดีเมื่อ พอถึงฤดูร้อน พวกมัน จะรู้สึกร้อนมาก กว่าปกติ ที่อยู่อาศัยของเพนกวิน 7


เพนกวินที่โตเต็มที่ จะมีขน บนหลังเป็นสีดำ เข้ม ที่คลุม หัวคาง,คอและด้านหลังของ ปีกและหาง ขนสีดำ บนส่วน อื่นๆของร่างกายเป็นสีที่จาง กว่าใต้ปีกและท้องเป็นสีขาว และค่อยกลายเป็นสี เหลือง อ่อนบนส่วนของอก บริเวณ หูเป็นสีเหลือง ลูกนกเพนกวิน ที่มีลักษณะ เป็นสีขาวทั้งตัว ไม่ถือว่าเป็น เพนกวินเผือกหรือ (albino) เพราะตามีสีปกติมิได้มีสีชมพู อย่างสัตว์ และเผือกลูกของ นกเพนกวิน มีน้ำ หนักราวๆ 315 กรัมหลังจากออกจากไข่ เรียกได้ว่าโตพอที่ จะเป็นนก ตัวใหญ่ได้ก็เพราะมีน้ำ หนักที่ โตเต็มวัย ลูกเพนกวิน ที่ยังเล็กนั้นรอยตรง บริเวณ รอบหู , คาง , คอจะเป็นสี ขาวและ จะงอยปากจะเป็นสีดำ ลูก นกเพนกวินจักรพรรดินั้น ส่วนใหญ่ มักจะมีปกคลุมด้วย ขนอ่อนฟูดูน่า รัก หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า (downfeather) สีเทาเงินมีหัวสีดำ หน้าสีขาว 8


สถานะการอนุรักษ์ ใกล้ถูกคุกคาม หรือ(IUCN 3.1) การจำ แนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ อาณาจักร: Animalia ไฟลัม : Chordata ชั้น : Aves อันดับ : Sphenisciformes วงศ์ : Spheniscidae สกุล : Aptenodytes สปีชีส์ : A. forsteri อัตราเฉลี่ย การอยู่รอดปีต่อปี ของเพนกวินตกอยู่ที่95%โดย มีอายุถัวเฉลี่ยราว19ปีและนก เพนกวินจักรพรรดินั้น มีอายุ ยืนนานไปถึง50ปี80ปี อาจจะ แก่กว่านั้นอีก10ถึง15ปีเลยที เดียว นกเพนกวินจักรพรรดิ ถือเป็นสัตว์ ประจำ ถิ่นหนาว ของทวีปแอนตาร์ติกา ในซีก โลกใต้และเหนือ พวกมันเป็น สัตว์นก ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน สปีชีส์เพนกวินทั้งหมด 9 น้ำ แข็ง และ ทะเล ถือ เป็น ส่วนสำ คัญ ในวงจรการผสม พันธุ์ของ เพนกวินจักรพรรดิ เพราะเป็นพื้นที่ที่พวกมันเอา ไว้ใช้เลี้ยงลูกตัวน้อยแต่ถ้าน้ำ แข็งละลายเร็ว เพนกวินและ ลูกๆ ก็จะประสบปัญหา โดย เฉพาะบรรดาลูก ของพวกมัน เมื่อแผ่นน้ำ แข็ง แตกตัวก่อน ที่พวกมัน จะพัฒนาเป็นนกที่ มีขนกันน้ำ ซึ่งเป็นส่วนสำ คัญ ในการว่ายน้ำ ในมหาสมุทรจะ ทำ ให้มันตาย


emperor penguin Aptenodytes forsteri


KEEN - MEN'S TARGHEE II WATERPROOF MID เมมเบรนกันน้ําที่ระบายอากาศได้ดีที่ ปล่อยไอออกโดยไม่ปล่อยให้น้ํห้ น้ําเข้าข้การ ออกแบบที่มีกลไกการสนับสนุนภายใน ฿ 5,550 . 00


เมืองวิสต์เลอร์ในรัฐบริโคลัมเบีย นั้นอยู่ห่างน้อย จากใจกลางเมือง ที่แวนคูเวอร์เพียง 90 นาทีถ้า เดินทางโดยรถยนต์ จะสะดวกต่อ ที่เที่ยวแคนาดาแห่งนี้ที่นี่มีทั้งภูมิ ทัศน์ที่สวยงามตื่นตา บรรยากาศ ทำ ให้เมืองนี้ เป็นจุดหมายปลาย ทางที่น่าประทับใจ ไปตลอดทั้งปี หมู่บ้าน ที่อยู่บนเทือกเขาแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่จัดงาน โอลิมปิกฤดู หนาวปี2010เป็นหนึ่ง ในสถานที่ สกีรีสอร์ท ที่ใหญ่ที่สุด มีอุปกรณ์ ครบครันที่สุดและเป็นที่นิยมมาก ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมีทางสกีว่า 200เส้นทางที่คดเคี้ยวไปตามตรง ภูเขาสูงตระหง่านสองลูก ได้แก่ บริเวณภูเขาวิสต์เลอร์ และภูเขา แบล็คคอมบ์ ทั้งนี้เมืองที่งดงามนี้ ควรค่าแก่การท่องเที่ยว แคนาดาเป็นประเทศ ที่มีขนาด ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ทวีป อเมริกาเหนือ พื้นที่ตอนบนครึ่ง หนึ่งของประเทศ เป็นเขตที่ราบ ชันหนาวจัด และไม่มีคนอาศัยอยู่ ความหนาแน่นประชากรก็ต่ำ มาก เฉลี่ยแค่3คนต่อ1ตารางกิโลเมตร แต่นั่นนั่ก็ไม่ได้แปลว่า ที่ประเทศ แคนาดาไม่น่าอยู่เพราะยังมีสถาน ที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ที่คุณไม่ควร พลาด ที่จะไปชื่นชมความงาม 12 เมืองทางตะวันตก ของประเทศ แคนาดาบรรยากาศแวดล้อมไป ด้วยกลิ่นไอธรรมชาติ เงียบสงบ เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ทั้งในฤดู ร้อน และหน้าหนาว ต้อนรับนัก เดินทางด้วยวิถีชีวิตเรียบง่ายเส้น ทางสวยงามชายฝั่งแปซิฟิก ที่ขึ้น ชื่ออีกฝั่งของจังหวัด ที่มีชื่อว่า บริติชโคลอมเบีย ที่อยู่ในประเทศ แคนาดา สู่อ้อมกอดขุนเขา และ ชุมชนเมืองที่เรียกWhistlerสมญา นามเมืองแห่งรีสอร์ท ได้รับการ โหวตเป็นอันดับหนึ่ง และยังเป็น ท้าทายระหว่างที่เดินข้าม เพราะ สะพานแกว่งตลอดเวลา มองลง ไปเห็นแม่น้ำ ข้าง เพื่อเดินทางต่อ ไปที่ Whistler, BritishColumbia ด้วย SUV Private


ERMINE เออร์มิน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mustela erminea มีอีกชื่อว่า - สโตต (stoat) - เพียงพอนหางสั้น (short-tailed weasel)


เออร์มิน เป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำ เนิด ดั้งเดิมอยู่ที่ยูเรเชียและในถิ่นฐาน อเมริกาเหนือ เป็นสัตว์นักล่า ที่ หากินสัตว์ขนาดเล็กต่าง ๆ ไม่ เลือกเป็นอาหาร เป็นสัตว์ที่ถูกล่า เพื่อนำ หนัง และขน ทำ เป็นเสื้อ ขนสัตว์สีขนของเออร์มิน เปลี่ยน ไปเป็นสีขาวล้วน ในช่วงฤดูหนาว สีขนโดยปกติ จะเป็นสีน้ำ ตาลที่ ส่วนหลัง บริเวณท้องซีดจางกว่า และตรงบริเวณหาง เป็นพุ่มพวง ปลายหางแหลมเป็นสีดำ สามารถ แบ่งออกได้เป็น ชนิดย่อยทั้งสิ้น 37 ชนิดเออร์มินตัวผู้ จะมีขนาด ตัวที่ ใหญ่กว่าตัวเมียมากหลาย เท่าและพฤติกรรมในธรรมชาติตัว เมียนั้นจะผสมพันธุ์ระหว่างในต้น เดือนกันยายน และ ในต้นเดือน พฤศจิกายนจะมีระยะเวลาการตั้ง ท้องนานถึง8-11เดือนจะออกลูก เพียงปีละครั้ง ครั้งหนึ่งประมาณ 6–13 ตัว มีพฤติกรรม อาศัยอยู่อย่าง กระจัดกระจายสามารถพบเห็น ได้ตามหาดทราย,บนชนบท ที่ อยู่สูง โดยสามารถพบได้ในทุก ความสูง จากระดับน้ำ ทะเล เอ อร์มินชอบอยู่ในป่า ที่เป็นถิ่น กำ เนิดเดิม ป่าละเมาะ เนิน ทราย และพุ่มหญ้า จัดเป็นสัตว์ ที่มีความว่องไว เป็นอย่างมาก เออร์มินนั้น ได้ถูกนำ เข้าไปใน ประเทศนิวซีแลนด์ ที่ซึ่งดั้งเดิม ไม่เคยมีสัตว์กินเนื้อมาก่อน ใน ที่นั้น ปัจจุบันเออร์มินได้กลาย เป็นชนิดพันธุ์ ต่างถิ่นไปแล้วที่ คอยคุกคามสิ่งมีชีวิต เฉพาะถิ่น นิวซีแลนด์หลายชนิดเช่นนกกีวี หรือนกแก้วคาคาโป โดยที่เออร์ มินจะเข้าไปกินไข่เหยื่อ หรือล่า ตัวอ่อนนกที่ยัง บินไม่ได้เหล่านี้ เป็นอาหาร เป็นสาเหตุของการ ใกล้สูญพันธุ์ เออร์มิน ERMINE 14 หนึ่งในนิสัยแย่ ๆ ของมันคือ มันมักจะชอบล่าเหยื่อ ในตอนที่ เหยื่อเผลอ เช่นตอนที่เหยื่ออยู่ ในโพลงมันจะล่าและกัดกิน หลัง จากนั้น ก็จะยึดโพลงของสัตว์ที่ พวกมันจะเก็บกินเอาไว้เป็นบ้าน ชั่วชั่คราวของพวกมันเสมอ หรือ ถ้าในโพลงมีเหยื่อ มากกว่าหนึ่ง มันจะล่าทั้งหมด แต่อาจจะไม่กิน เพื่อยึดโพลงไว้อาศัยเฉย ๆ มัน เป็นสัตว์ที่กินอาหารไม่เลือก จึง สร้างความเสียหาย อย่างใหญ่ หลวงให้แก่นกและสัตว์อื่นเพราะ มันสามารถล่านกตลอดจนไข่นั้น กินเป็นอาหารได้ และ จัดเป็น สัตว์ที่ชอบรังควาน อีกชนิดหนึ่ง เมื่อฤดูหนาวเหน็บ มาเยือน แล้วเออร์มินบางตัวจะผลัดขน เปลี่ยนสีเป็นสีขาว เพื่อพราง ตัวให้เข้ากับบรรยากาศ ความ เย็นของหิมะหรืออากาศกำ ลัง จะเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อหมด ฤดูกาลหิมะ เข้าสู่ฤดูร้อนหรือ ฤดูใบไม้ร่วงส่วนใหญ่พวกมัน ก็มักจะผลัดขน เป็นสีน้ำ ตาล และท้องของมัน จะเปลี่ยนสี เป็นสีน้ำ ตาลอ่อนเหมือนเดิม อันที่จริงแล้วเออร์มีน ไม่ได้ตัวสี ขาว ตั้งแต่กำ เนิด แต่ที่มันตัว ขาวโพลเพราะมันปรับตัว เข้ากับ อากาศ สีเดิมของมันคือสีน้ำ ตาล ทั้งนี้ ก็มีหลายระดับเช่นเมื่อถึง ฤดูกาล ของฝน หรือ ใบไม้ร่วง มันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำ ตาล


15 เออร์มินนักล่าสุดน่ารัก เห็นเออร์มินนั้น เป็นสัตว์ที่ หน้าตาน่ารักแบบนี้ ทุกคน รู้หรือไม่ว่าเออร์มิน นั้นเป็น นักล่าตัวน้อยแสนน่ารัก ที่ มักจะกิน นก,หนู,กบ และ ไข่ของสัตว์อื่นๆเป็นอาหาร เป็นจำ นวนมาก เช่นนกที่ มักจะวางไข่ไว้ในโพลง มัน จะล่าแม่นก และกินไข่หรือ มันแอบกินไข่แบบเงียบ ๆ นอกจากจะเป็นนักล่า ที่น่า กลัวแต่ก็สู้มนุษย์อย่างเราๆ ไม่ได้เนื่องจากขน ของพวก มันเป็นต้องตาต้องใจบรรดา เป็นนักล่าสัตว์ รวมไปถึงใน หลายคนในวงการแฟชั่นชั่ที่ ชอบสวมเสื้อผ้าขนสัตว์เป็น ที่นิยมมากส่งผลให้พวกมัน ถูกฆ่าเพื่อนำ หนังและขนไป ทำ เป็นเสื้อผ้าขนสัตว์ เห็นตัวของเออร์มินนั้นเล็กแบบ นี้จริงๆแล้วมันเป็นสัตว์พลังงาน สูงเป็นอย่างมาก เพราะพวกมัน จะสามารถใช้ชีวิต ได้เวลาทั้งวัน ทั้งคืนโดยที่ไม่ต้องหลับ หรือพัก ผ่อนเลยก็ได้ นั่นนั่มันจึงเป็นหนึ่ง เหตุผล ที่มันจะหิวอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งมัน ยังไม่เลือกกินอีกด้วย ส่งผล ทำ ให้สัตว์ที่ตัวเล็กกว่ามัน หรือสัตว์ที่เป็นเหยื่อของมันต้อง หวาดระแวงกันทั้งวันทั้งคืนเลย ทีเดียว


ในช่วง ปลายศตวรรษที่19 นั้นเออร์มิน ถูกนำ เข้ามาใน ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งใน ตอนนั้น ยังไม่มีสัตว์กินเนื้อ ประเภทนี้มาก่อน โดยมีเป้า หมายเพื่อควบคุมกระต่ายที่ มีจำ นวนมาก ในประเทศใน ตอนนั้นแต่ก็ เกิดเหตุการณ์ ไม่คาดคิด เมื่อตัวเออร์มินที่ นิวซีแลนด์นำ เข้ามา มันไม่ ได้เพียง ควบคุมจำ นวนของ กระต่ายได้ แต่มันยังรุกราน ไปกำ จัดสัตว์ชนิดอื่นอีกด้วย หนึ่งในนิสัยแย่ๆของมันคือ มันมักที่จะ ชอบล่าเหยื่อใน ตอนที่เหยื่อเผลอ เช่นตอน ที่เหยื่ออยู่ในโพลงมันจะล่า และกัดกินหลังจากนั้น ก็จะ ยึดโพลงของสัตว์ที่พวกมัน กินเอาไว้เป็นบ้านหรือที่พัก ชั่วชั่คราว ของพวกมันเสมอ หรือถ้าในโพลง มีสัตว์เหยื่อ มากกว่าหนึ่งตัวมันจะไม่กิน เหยื่อทั้งหมดแต่จะล่า เพื่อ ยึดโพลงไว้อาศัยเฉยๆ 16


เมื่อฤดูหนาวมาเยือนแล้วเออร์ มินบางตัวจะผลัดขนเปลี่ยนสี เป็นสีขาว เพื่อพรางตัวให้เข้า กับความหนาวของหิมะหรือว่า อากาศ ที่กำ ลังจะเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อหมดฤดูกาลหิมะ เข้าสู่ ช่วงฤดูร้อน หรือ ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนใหญ่ พวกมันก็มักจะผลัด ขนเป็นสีน้ำ ตาล และท้องของ มันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำ ตาลอ่อน เหมือนเดิม อันที่จริงแล้วเออร์มีนไม่ได้ตัว สีขาวตั้งแต่กำ เนิด แต่ที่มันตัว ขาวโพลเพราะมันปรับตัว เข้า กับอากาศ สีเดิมของมันคือสี น้ำ ตาลทั้งนี้ก็มีหลายระดับอทิ เช่นเมื่อถึงฤดูกาลของฝนหรือ ใบไม้ร่วงมันจะ เปลี่ยนเป็นสี น้ำ ตาลที่ปนขาวอยู่เล็กน้อยถ้า หน้าร้อนมันจะเปลี่ยนขนเป็น สีน้ำ ตาลเข้มทั้งตัว 17


18 มันมีรูปร่างเหมือนกับเพียงพอน ชนิดอื่นๆมีลักษณะเด่นคือมันจะ มีแถบสีขาวแคบๆ พาดตามแนว สันหลังบริเวณกลางหลัง ตั้งแต่ ท้ายทอยจรดโคนหาง และมีอีก แถบสีที่คล้ายคลึงกันตามแนวใน กึ่งกลางของใต้ท้องขนบริเวณลำ ตัวและหางมีสีน้ำ ตาลเข้มบริเวณ ใต้คางและใต้คอ มีสีเหลืองอ่อน หางมีความยาวประมาณครึ่งหนึ่ง ของลำ ตัว ตัวผู้จะมีแถบขนสีขาว พาดอยู่เพียงเส้นเดียว ขณะที่ตัว เมียจะมีอยู่ด้วยกันสองเส้น ในประเทศไทยมักพบในพื้นที่ที่มี ความสูงจากระดับน้ำ ทะเลนับพัน เมตร พบประมาณ 3 ชนิด ได้แก่ เพียงพอนไซบีเรีย (M. sibirica), เพียงพอนเหลือง (M. nudipes) และเพียงพอนเส้นหลังขาว (M. strigidorsa)พบกระจายพันธุ์ในป่า บนภูเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำ ทะเลประมาณ1,200-2,000 เมตร และเคยมีรายงานว่าพบในป่าผลับ ใบบนพื้นที่สูงตั้งแต่ แคว้นสิกขิม ในอินเดีย, เนปาล, ภูฐาน, จีน ทางตอนใต้,ลาวและเวียดนามทาง ตอนเหนือและภาคเหนือและภาค อีสานของไทย เออร์ร์ ร์ มิ ร์ มิมินมิในประเทศไทย


Mustela erminea aestiva Kerr, 1792 Mustela erminea alascensis Merriam, 1896 Mustela erminea anguinae Hall, 1932 Mustela erminea arctica Merriam, 1896 Mustela erminea augustidens Brown, 1908 Mustela erminea bangsi Hall, 1945 Mustela erminea celenda Hall, 1944 Mustela erminea cigognanii Bonaparte, 1838 Mustela erminea erminea Linnaeus, 1758 Mustela erminea fallenda Hall, 1945 Mustela erminea ferghanae (Thomas, 1895) Mustela erminea gulosa Hall, 1945 Mustela erminea haidarum Preble, 1898 Mustela erminea hibernica Thomas 1895 Mustela erminea initis Hall, 1945 Mustela erminea invicta Hall, 1945 Mustela erminea kadiacensis Merriam, 1896 Mustela erminea kaneii (Baird, 1857) Mustela erminea karaginensis Jurgenson, 1936 Mustela erminea lymani Hollister, 1912 Mustela erminea martinoi Ellerman1951 Mustela erminea minima Cavazza, 1912 Mustela erminea mongolica Ognev, 1928 Mustela erminea muricus Bangs, 1899 Mustela erminea nippon Cabrera, 1913 Mustela erminea ognevi Jurgenson, 1932 Mustela erminea olympica Hall, 1945 Mustela erminea polaris Barrett-Hamilton, 1904 Mustela erminea richardsonii Bonaparte, 1838 Mustela erminea ricinae Miller, 1907 Mustela erminea salva Hall, 1944 Mustela erminea seclusa Hall, 1944 Mustela erminea semplei Sutton 1932 Mustela erminea stabilis Barrett-Hamilton, 1904 Mustela erminea streatori Merriam, 1896 Mustela erminea teberdina Korneev, 1941 Mustela erminea tobolica Ognev, 1923 สายพันธุ์ของเออร์มิน 19


แหล่ล่ ล่ ง ล่ งอาศัศัศัยศัของเออร์ร์ ร์ มิ ร์ มิมินมิ สามารถพบได้ในทุกความสูงจากระดับน้ำ ทะเล เออร์มิน ชอบที่จะอยู่ในป่าที่เป็นถิ่นกำ เนิดดั้งเดิมป่าละเมาะ หรือ เนินทราย และพุ่มหญ้า และ สามารถพบเออร์มินสีขาวได้ตามหิมะ ภูเขา โพลง ในที่ที่อากาศเย็น ตามต้นไม้ หรือตามหลุมบนพื้นหิมะ ส่วนใหญ่มันจะไม่ค่อยอยู่เป็นที่เป็นทางเพราะมักจะออก ล่าเหยื่อเสมอทุกวันและทั้งวัน จึงสามารถพบได้ยากถ้า ไม่ใช่แหล่งที่อยู่อาศัยชุกชุมมันจะมีอยู่มากในนิวซีแลนด์ เออร์มินนั้นก็เหมือนกับเพียงพอน แต่มัน คนละสายพันธุ์ ที่น่าตื่นเต้นคือสัตว์ชนิดนี้ สามารถพบได้ในไทย แต่ตัวมันไม่ใช่สีขาว เนื่องจากอากาศไม่ได้เย็น ในประเทศไทย มักพบในพื้นที่ ที่มีความสูงจากระดับน้ำ ทะเลนับพันเมตรพบประมาณ3ชนิดได้แก่ เพียงพอนไซบีเรีย(M.sibirica),เพียงพอน เหลือง(M.nudipes)และเพียงพอนหลังขาว (M. strigidorsa) 20


ทำ ความรู้จัรู้ กจั กับ กั เออร์มิ ร์ น มิ ในไทย พวกมันจะมีรูปร่างเพรียวยาว ว่องไวปราดเปรียว มีลักษณะ เด่นคือมีสีขนแบ่งกันที่ชัดเจน โดยสีขน ด้านบนลำ ตัวจะเป็น สีน้ำ ตาลแดง ส่วนด้านล่างซึ่ง เป็นด้านท้องจะเป็นสีขาว ใน ฤดูหนาวสีขนตรงด้านบนก็จะ เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งลำ ตัว เออร์มินในไทยนั้น จะมีความ ยาวลำ ตัวตั้งแต่หัว จนถึงโคน หาง 18-23 เซนติเมตร ความ ยาวหางประมาณ5เซนติเมตร น้ำ หนักประมาณ45-130 กรัม มีพฤติกรรมอาศัย และหากิน ตามพื้นดินเป็นหลักโดยจะล่า สัตว์ตัวเล็กกว่ากินเป็นอาหาร เช่น นก, หนู, ตุ่น, กระต่าย โดยบางครั้งจะใช้ลำ ตัวเพรียว ยาวนั้น มุดเข้าไปในโพรงดิน หรือรังในฤดูผสมพันธุ์ก็จะอยู่ ด้วยกันเป็นคู่ 21


hhoorrtt--ttaaiilleedd wweeaasseell Erminea Stoat


ARCTIC SVINAFELLSJOKULL 24 ธารน้ำ แข็งมีความสวยงาม และ สามารถ เข้าถึงได้หลายรูปแบบ จึงมีสิ่งอำ นวย ความสะดวกเกิดขึ้นมากมาย เพื่อช่วยให้ นักท่องเที่ยว ได้เข้าไปสัมผัสความงดงาม ของธารน้ำ แข็งในแบบ ที่ตรงกับความ ต้องการของพวกเขาตัวเลือกที่ได้รับความ นิยมมาก ได้แก่ ทัวร์ถ้ำ น้ำ แข็ง ทริปเที่ยว ทะเลสาบธารน้ำ แข็งและทัวร์ขี่สโนว์โมบิล ผืนธารน้ำ แข็ง หรือกลาเซียร์ที่ไอซ์แลนด์ นั้นงดงามจับใจ ราวกับว่าอยู่ในโลกแห่ง ความฝัน และ ยังมอบความสนุกตื่นเต้น ให้คุณด้วย ทั้งกำ แพงที่เกิดจากปุยหิมะสี ขาวละเอียด ลายเส้นต่างๆ ของขี้เถ้าสีดำ ลวดลายบนแผ่นน้ำ แข็งที่เป็นสีฟ้า,น้ำ เงิน เข้ม และรอยแยกคดเคี้ยวราวกับงูเลื้อยที่ ตัดผ่านบนผืนน้ำ แข็ง อีกทั้งเสียงของน้ำ แข็งที่คำ รามอยู่ใต้ฝ่าเท้าของคุณล้วนแล้ว แต่เป็นองค์ประกอบ ที่ทำ ให้ธารน้ำ แข็ง เหล่านี้เหมือนกับสวรรค์ เพลิดเพลินกับความมหัศจรรย์ของธารน้ำ แข็งยุคโบราณ ซึ่งเป็นทัศนียภาพอันยิ่ง ใหญ่ และ งดงามของไอซ์แลนด์ สัมผัส กับประสบการณ์การน่าทึ่ง ไฮกิ้งขึ้นไปชม สิ่งมหัศจรรย์ที่หาชมได้ยาก เดินสำ รวจ ตามรอยแยกบนผืนน้ำ แข็ง และ ปีนป่าย ขึ้นไปบนกำ แพง และก้อนน้ำ แข็งทั้งหมด นี้เป็นประสบการณ์ ที่หาไม่ได้จากสถานที่ อื่นในโลกใบนี้อีกแล้ว แต่สำ หรับที่ไอซ์ แลนด์ทุกอย่างนี้อยู่รายล้อมตัวคุณ


SEA OTTERS นากทะเล ชื่อวิทยาศาสตร์ : Enhydra lutris Sea otters สัตว์อนุรักษ์ใกล้สูญพันธุ์


นากทะเล (อังกฤษ: Sea otters; ชื่อวิทยาศาสตร์: Enhydra lutris) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ทาง ทะเล ประเภทหนึ่งโดยอาศัยอยู่ บริเวณชายฝั่งตอนเหนือ และที่ ตะวันออกเฉียงเหนือของฝั่งฟาก มหาสมุทรแปซิฟิก ในวัยเจริญ พันธุ์จะมีน้ำ หนักประมาณ14–45 กิโลกรัม (31–99 ปอนด์) นาก ทะเล เป็นสัตว์ในวงศ์เพียงพอน (Mustelidae)ชนิดหนึ่ง และ เป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำ นมทางทะเล ที่มีขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย และ นากทะเลนั้น ไม่เหมือนสัตว์เลี้ยง ลูกด้วยนมทางทะเลทั่วทั่ไป เพราะ มีฉนวนกันความร้อนด้วยขนหนา แน่นจึงทำ ให้นากทะเลสามารถหา อาหารในทะเลเป็นเวลานานๆ ได้ ในอดีต จำ นวนนากทะเลอยู่ที่ ประมาณ150,000 ถึง 300,000 ตัวแต่ในช่วงปี ค.ศ.1741-1911 ได้ถูกล่า เพื่อเอาขนไปจนทำ ให้ เหลือเพียง 1,000–2,000 ตัว ต่อมาก้ได้มี สนธิสัญญาระหว่าง ประเทศในการห้ามล่า และร่วม อนุรักษ์นากทะเล จึงส่งผลให้ จำ นวนนากทะเลเพิ่มขึ้น ซึ่งถือ เป็นความสำ เร็จ ในการอนุรักษ์ นากทะเลอย่างไรก็ตามปัจจุบัน จำ นวนนากทะเล ก็ได้ลดลงอีก ครั้ง นากทะเลจึงถือเป็นสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยน้ำ นม ทางทะเลที่ ใกล้จะสูญพันธุ์ นากทะเล Sea otters นากทะเล มักจะอาศัยอยู่บริเวณ ชายฝั่งโดยจะดำ ดิ่งสู่พื้นก้นทะเล เพื่อหาอาหารอาหารที่มันชอบคือ สาหร่ายทะเล(และถ้าเป็นสาหร่าย เคลท์จะชอบมาก)เม่นทะเล หอย ต่างๆ กุ้งบางชนิด และปลาบาง ชนิด นอกจากนี้นากทะเลยังเป็น สัตว์ที่มีเกณฑ์ สามารถวัดความ อุดมสมบูรณ์ ของพื้นที่ได้อีกด้วย ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า พฤติกรรมการกินอาหารของนาก ทะเล ที่ใช้หินทุบเปลือกหอยบน หน้าอกตัวเองนั้น เป็นพฤติกรรม ที่มีมานานเป็นระยะเวลาเกือบๆ นับหลายล้านปี เมื่อพูดถึงสัตว์ ที่เลี้ยงลูกด้วย นมในทะเล โดยใช้ปัจจัยของ ความน่ารัก เป็นเกณฑ์วัดค่า รับรองได้ว่าเจ้า “นากทะเล” (Sea otters) จะต้องอยู่ในอัน ดับต้นๆ ของรายการอย่าง แน่นอนว่า อย่างไรก็ตามอย่า ปล่อยให้ธรรมชาติ อันมีเสน่ห์ และใบหน้า ที่น่ารักของพวก มัน มาทำ ให้คุณหวั่นวั่ไหว หรือ ไขว้เขวเสียจนอยากที่จะได้มา ครอบครอง เพราะนากทะเล นั้นมีบทบาทสำ คัญอย่างยิ่งต่อ ความสมดุลของระบบนิเวศใน ท้องถิ่นนากทะเลล่าหอยหรือ ปูเม่นทะเลหอยทาก และปลา ขนาดเล็กอื่นๆ ที่มักจะพบใน มหาสมุทรวิธีที่พวกมันจะกิน อาหารนั้นจะดูน่าทึ่งเป็นพิเศษ เพราะ พวกมันฉลาดใช้เครื่อง มืออย่างเช่นก้อนหินเพื่อเปิด เปลือกของเหยื่อ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดย ถือว่า เป็นพฤติกรรมการกิน อาหารที่พัฒนาขึ้นมาจากการกิน หรือหาอาหารทั่วทั่ไป ของสัตว์โลก และเป็นสัตว์ทะเลชนิดแรก ที่มี พัฒนาการเช่นนี้ โดยการสังเกต พฤติกรรม แม้แต่ลูกนากทะเล กำ พร้าในสถานที่เลี้ยง ก็ยังพบ ว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้ 26


ปัจจุบันมีนากทะเล เหลืออยู่ ในป่าประมาณ 3,000 ตัว ทำ ให้พวกมันเสี่ยงต่อการใกล้ สูญพันธุ์อย่างร้ายแรง โดย อัตราประชากรของนากทะเล ลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก การรุกล้ำ และ การสูญเสียที่ อยู่ นอกจากนี้แหล่งน้ำ ที่มี มลพิษมาก มักส่งผลให้สิ่งมี ชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นตาย อย่างช้า ๆ นักวิจัยคาดว่าสิ่ง ที่คล้ายกัน จะเกิดขึ้นกับ Elkhorn Slough ซึ่งเป็นปาก แม่น้ำ ในแคลิฟอร์เนีย งานวิจัยของ Hughes ซึ่งตีพิมพ์ ใน PNAS พบว่า การมีนาก ทะเลที่เปลี่ยนห่วงโซ่อาหาร ใน ตามภูมิภาค ส่วนใหญ่เป็นหลัก ปรากฏการณ์ ทางนิเวศวิทยาที่ เรียกว่า “น้ำ ตกห่วงโซ่อาหาร” หรือ (Trophic Cascade) ส่งผล ให้ประชากรของผู้ล่าและ เหยื่อ ในโครงสร้างเกี่ยวกับระบบนิเวศ เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น นากทะเลต้องกินหอยเม่น และ ปู ประมาณ 25-30% ของน้ำ หนักตัวทุกวัน เพื่อรักษาอัตรา การเผาผลาญที่สูง 27


แหล่งข่าว จากกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ "ไทยพี บีเอสออนไลน์" ว่า ลูกนากจะ น่ารัก และ มีนิสัยขี้อ้อน ไม่ ดุร้าย แต่เมื่อโตเต็มวัยอาจมี พฤติกรรมเปลี่ยนไป อย่าง มากเนื่องจากนากเป็นสัตว์ป่า และมีสัญชาติญาณ เป็นนักล่า ที่ต้องต่อสู้ป้องกันตัว รวมถึง ช่วงติดสัตว์ ที่ต้องแย่งชิงคู่ ทำ ให้มีพฤติกรรมดุร้าย นากทะเลป่ามักทุบหอยแมลง ภู่ด้วยการกระแทก กับหินจน ติดเป็นนิสัย ทำ ให้พวกมัน เป็นหนึ่งในสัตว์ เพียงไม่กี่ตัว ที่ใช้เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือตนเอง จากการสังเกตพฤติกรรมของ นากทะเล ทางตอนใต้ของ ชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย และ วิเคราะห์การสึกหรอ ของหิน และ เปลือกหอยบริเวณใกล้ เคียงนั้น นักวิจัยจึงสามารถ ค้นพบข้อสรุปอันน่าประหลาด ใจได้ถ้าเทียบกับมนุษย์ ก็เข้า ขั้นโรคจิต เพราะมีบันทึกซ้ำ แล้วซ้ำ เล่าว่านากมีพฤติกรรม “ฆ่าข่มขืน” เป็นปกติกับสัตว์ ที่ตัวเล็กกว่า หรือกระทั่งทั่ที่ ขนาดเท่าๆ กัน ซึ่งสัตว์ที่โดน นากกระทำ ชำ เรา ที่มีบันทึก ไว้ก็มีตั้งแต่ลูกแมวน้ำ ยัน หมาบ้าน โดยการที่นากจะฆ่า สัตว์แล้วร่วมเพศกับศพสัตว์ที่ ตายไปแล้วนี้ก็เป็นเรื่องปกติ ปัจจุบันมีนากทะเล เหลืออยู่ ในป่าประมาณ 3,000 ตัว ทำ ให้พวกมันเสี่ยงต่อการใกล้ สูญพันธุ์อย่างร้ายแรง โดย อัตราประชากรของนากทะเล ลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจาก การรุกล้ำ และการสูญเสียที่อยู่ นอกจากนี้แหล่งน้ำ ที่มีมลพิษ มากมักส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่ อาศัยอยู่บริเวณนั้นตายอย่าง ช้า ๆ 28


นากมีสถานภาพ เป็นสัตว์ป่า คุ้มครองที่ไม่มีการอนุญาตให้ ล่าหรือเพาะเลี้ยง เพื่อการค้า ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ว่ามีจำ นวนคงเหลือเท่าใด แต่ มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากภัย คุกคามในรูปแบบต่าง ๆ โดย เฉพาะการนำ นาก มาเป็นสัตว์ เลี้ยง ซึ่งเป็นการกระทำ ที่ผิด กฎหมาย และเสี่ยงทำ ให้นาก อายุสั้น จากการเลี้ยงที่ไม่ถูก ต้องตามนิเวศวิทยา ของสัตว์ นากจะเติบโต และขยายพันธุ์ ได้ดีในธรรมชาติ การนำ มา เลี้ยงโดยไม่เข้าใจเรื่องสุขภาพ ของนากและเลี้ยงเหมือนสัตว์ เลี้ยงอื่น ๆ น่าเสียดาย ที่สัตว์น่าทึ่งเหล่า นี้กำ ลังอยู่ในสถานะ ใกล้สูญ พันธุ์ในช่วงตลอด 45ปีที่ผ่าน มาแนวโน้มนี้ เกิดจากการค้า ขนสัตว์ครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่ง นักล่าส่วนใหญ่ มุ่งเป้าไปที่ นากทะเล สำ หรับการทำ มูลค่า ทางการค้าโดยเฉพาะผลิตเป็น เครื่องประดับขนสัตว์ เป็นที่ นิยมในยุโรปมหาสมุทรสัตว์ที่ เป็นศูนย์กลางอย่างนากทะเล นั้น ทำ ให้พวกมันมีขนอบอุ่น และ หนาที่สุดในโลก สถานะใกล้สูญพันธุ์ ด้วยเหตุนี้เอง จึงนำ ไปสู่การ ลดจำ นวนลงอย่างมาก และ เข้าสู่ ภาวะใกล้สูญพันธุ์ของ ประชากรนากทะเล ทั้งนี้อายุ การอุ้มท้อง ของแม่นากทะเล อาจนานถึงหนึ่งปี และ แม่ นากสามารถ ให้กำ เนิดลูกได้ เพียงครั้งละหนึ่ง หรือสองตัว เท่านั้น 29


นากมีสถานภาพ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่ไม่มีการอนุญาตให้ล่าหรือเพาะเลี้ยง เพื่อการค้าปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามีจำ นวนคงเหลือเท่าใด แต่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการนำ นาก มาเป็นสัตว์เลี้ยง มันเป็นสัตว์มีเชื้อโรคที่พร้อมจะเข้าจู่โจมมนุษย์อย่างก้าวร้าวได้ เพราะมันไม่ได้น่ารักเหมือนคลิปที่เราเห็นบนอินเทอร์เน็ตอย่างสิ้นเชิงซึ่งเป็นนั่นนั่เป็น การกระทำ ที่ผิดกฎหมาย และ เสี่ยงทำ ให้นากอายุสั้น จากการเลี้ยงที่ไม่ถูกตามนิเวศวิทยา ของสัตว์นากจะเติบโต และขยายพันธุ์ได้ดีในธรรมชาติ การนำ มาเลี้ยงโดยไม่เข้าใจเรื่องสุขภาพของนากและเลี้ยงเหมือนสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เนื่องจากความตะกละของมันตัวนากมันชอบกินหอยเม่นที่อยู่ที่พื้นทะเลสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นอาหารโปรดเลย ซึ่งนิสัยแบบนี้ มีข้อดีต่อโลกอยู่บ้างเพราะพื้นทะเลที่มีหอยเม่นจะไม่มีสาหร่าย (เวลาหอยเม่นมันเคลื่อนที่ ไปในพื้นทะเลมันก็คล้าย ๆ เครื่องตัดหญ้าน่ะดังนั้นพืชที่อยู่บนพื้นทะเลก็จะตายหมด)นากทะเลป่ามักทุบหอยแมลงภู่ด้วยการกระแทก กับหินจนติดเป็นนิสัยทำ ให้พวกมันเป็นหนึ่งในสัตว์เพียงไม่กี่ตัว ที่ใช้เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ต่างๆเพื่อช่วยเหลือตนเอง จากการสังเกตพฤติกรรม ของนากทะเล ทางตอนใต้ของชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย และ วิเคราะห์การสึกหรอ ของหิน และเปลือกหอยบริเวณใกล้เคียง 30


ลูกนาก จะน่ารัก และ มีนิสัยขี้อ้อน ไม่ดุร้ายแต่ เมื่อโต อย่างเต็มวัย อาจมี พฤติกรรม เปลี่ยน ไป เนื่องจากนาก เป็นสัตว์ป่า และ มี สัญชาตญาณ การ เป็นนักล่า ที่ต้อง ต่อสู้ป้องกันตัวรวม ถึง ช่วงติดสัตว์ที่ ต้องแย่งชิงคู่ ทำ ให้ มีพฤติกรรมที่ดุร้าย จึงไม่เหมาะที่คนจะ นำ มาเลี้ยง ทั้งนี้ สถิติการจับกุมผู้ลักลอบ ครอบครองตัวนาก ของกรมอุ ทยานฯ ในปี 2561 มีจำ นวน 9 คดี ยึดตัวนากได้ 23 ตัว จำ นวนนี้ เป็นนากเล็กเล็บสั้น 12 ตัว, นากใหญ่ขนเรียบ 6 ตัว และลูกนาก 5 ตัว (ไม่ระบุ สายพันธุ์) ส่วนสถิติการจับกุม ในปี 2562 จนถึงเดือน เม.ย. มีจำ นวน 6 คดี ยึดตัวนากได้ 12 ตัว โดยเป็นนากเล็กเล็บ สั้น 9 ตัว และนาก 3 ตัว ซึ่ง เป็นการกระทำ ที่ผิดกฎหมาย ข้อหาการลักลอบ ขนสัตว์คุ้ม ครองทั้งตัั้งใจและไม่ตั้งใจ รอยแตกอันเด่นชัด บริเวณด้านข้างของหอยแมลงภู่แสดง ให้เห็นว่านากส่วนใหญ่ในพื้นที่นี้ใช้มือขวา ของพวกมันใน การทุบ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่นักวิจัยส่วนใหญ่เชื่อว่า มี เพียงแค่โฮมินิดและมนุษย์เท่านั้นที่ใช้มือ สร้างประโยชน์ แต่ต่อมาทั้งจิงโจ้ ปลาวาฬสีน้ำ เงิน และนากทะเล ต่างมี ความถนัดในการใช้มือข้างใดข้างหนึ่งได้ด้วยเช่นกัน 31


นากมีทั้งทั้ หมด 7 สายพันธุ์ ดังนี้Aonyx –นากเล็กEnhydra –นากทะเลHydrictis –นากคอจุดLontra –นากแม่น้ำLutra –นากใหญ่Lutrogale Pteronura –นากยักษ์สูญพันธุ์ไปแล้ว5 สายพันธุ์ ดังนี้† Algarolutra † Cyrnaonyx † Megalenhydris † Sardolutra † Siamogale สายพันธุ์ของนาก 32


นากทะเล (Sea Otter) อาศัย อยู่ในน้ำ ทะเล ที่หนาวเย็นของ มหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณหมู่ เกาะอะลิวเทียน เพื่อเป็นการ ปกป้องตัวเองจากความหนาว เย็น สัตว์ชนิดนี้จะกินอาหาร หนักประมาณ 25% ของน้ำ หนักตัวในแต่ละวัน นอกจาก นี้นากทะเลก็ยังมีขน ทั่วทั่ทั้งลำ ตัวมากถึง 8-10 ร้อยล้านเส้น ในช่องระหว่างขนนั้นมีอากาศ แทรกอยู่ ทำ ให้ผิวหนังของ สัตว์น้ำ ชนิดนี้ไม่สัมผัสโดนน้ำ ที่เยือกเย็นโดยตรง แต่ความ น่าสนใจของนากทะเลคงอยู่ที่ พฤติกรรมน่ารักๆของมัน 1. นากทะเลที่เป็นเพื่อนหรือ เป็นแฟนกันเวลาลอยที่ผิวน้ำ มันจะเอามือเกี่ยวกันไว้เพื่อไม่ ให้คู่ของมันลอยน้ำ แยกกันไป 2. นากทะเล มันก็จะหนีบหิน ก้อนไว้ตรงรักแร้เพื่อจะใช้เป็น อุปกรณ์ทุบเปลือกหอยเปลือย ปู เม่นทะเล และถ้ามันไปเจอ หินก้อนไหนที่ถูกใจใช้ถนัดมือ มันจะเก็บไว้กับตัวเพื่อรีไซเคิ้ล 33 ที่อยู่อาศัยของนากทะเล


E Sea otters ndangered species


Canon NEWS FRIENDS SHOP FIRST!


ARCTIC S k o g a r f o s s l 36 สโกกาฟอสส์ประเทศไอซ์แลนด์ เป็นน้ำ ตกในแม่น้ำ สโกกาทาง ตอนใต้ ของประเทศไอซ์แลนด์ เป็นน้ำ ตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีความกว้าง25 เมตรสูง60เมตร บนหน้าผาที่อดีตเคยเป็นชายฝั่ง ทะเลและหลังจากที่ชายฝั่งทะเล ได้ลดน้อยลงหน้าผายังอยู่ขนาน กับชายฝั่ง ที่ยาวถึงหลายร้อย กิโลเมตรทำ ให้เกิดพรมแดนขึ้น ระหว่างที่ราบชายฝั่งที่ทะเล กับ ที่ราบสูงไอซ์แลนด์ น้ำ ตกสโกกากฟอสส์ หรือ (Skogafoss)เป็นน้ำ ตก ซึ่ง ไหลมาจากแม่น้ำ สโกก้าน้ำ ตกแห่งนี้คือแลนด์มาร์กที่ สวยงาม น้ำ ตกแห่งนี้ เป็นสถานที่ ถ่ายทำ ภาพยนตร์ มาร์เวล สตูดิโอส์เรื่องธอร์ เทพเจ้า สายฟ้าโลกาทมิฬและยังมี ภาพยนตร์เรื่อง ชีวิตพิศวง ของวอลเตอร์ มิตตี้ น้ำ ตก นี้จะถูกใช้เป็นสถานที่หนึ่ง ของเพลง"Gerua" หนึ่งใน ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่ยอด นิยมปี2015เรื่อง Dilwale


PUFFIN นกพัพฟิน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Fratercula นกทะเลในสกุล Fratercula


นกพัฟฟิน (อังกฤษ: Puffin) เป็นนกทะเลในสกุล Fratercula มีลักษณะเด่น คือ มีจะงอยปากสี สดใสในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เป็นนก ทะเลผิวน้ำ ที่หาอาหาร ด้วยการ ดำ น้ำ เป็นหลัก สืบสายพันธุ์ในฝูง ขนาดใหญ่บนหน้าผาชายฝั่งทะเล หรือเกาะ โดยการทำ รังในรอย แยกในหมู่หินหรือในโพรงดิน ที่ ผิวดินเป็นดินร่วน โดยในโพรงรัง อาจแบ่งออกได้เป็น 2 ห้อง โดย ห้องหนึ่งเป็น ที่อยู่อาศัยของลูก นก และ อีกห้องหนึ่งเป็นห้อง สำ หรับถ่ายมูลแม้ว่า มันมักส่ง เสียงร้องในฝูงสืบสายพันธุ์ แต่ก็ ไม่ส่งเสียงร้องในทะเล บินเหนือ น้ำ ในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมัก อยู่ที่ระดับ 10 เมตร (30 ฟุต) เมื่อเทียบกับ 1.6 เมตร (5 ฟุต) ของนกทะเลชนิดอื่น ๆ นกพัฟฟิน เป็นนกทะเลชนิด หนึ่ง ลักษณะเด่นของนกชนิดนี้ คือ มีจะงอยปากสีสดใสในช่วง ฤดูผสมพันธุ์ พัฟฟินเป็นนก ทะเลผิวน้ำ ที่หาอาหารโดยการ ดำ น้ำ เป็นหลัก ลักษณะทั่วทั่ไป ของนกพัฟฟินคือ เป็นนกเตี้ย สั้นปีกและหางสั้นมีส่วนบนเป็น สีดำ และสีขาวอันเดอร์พาร์ หรือ น้ำ ตาลเทา หัวมีสีดำ ใบหน้าเป็น สีขาวสะส่วนใหญ่และเท้าเป็นสี ส้มสีแดงนกพัฟฟินนั้น จะทำ รัง ในรอยแยกของหินหรือในโพรง ดิน ที่ผิวดินนั้นเป็นดินร่วน นกพัพฟิน Puffin นกพัฟฟินถูกนักล่าหาไข่และเนื้อ ทำ ให้นกพัฟฟินนั้นลดลงอย่างต่อ เนื่องจาก การทำ ลายแหล่งที่อยู่ อาศัยและการใช้ประโยชน์ ในช่วง ศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20AtlanticPuffin สามารถพบใน แอตแลนติกเหนือ ของชายฝั่ง ทางเหนือของยุโรปใต้ไปถึงเหนือ ฝรั่งรั่เศสเกาะอังกฤษ หมู่เกาะแฟ โร ไอซ์แลนด์กรีนแลนด์นอร์เวย์ และแอตแลนติกแคนาดฤดูหนาว ไปทางทิศใต้ในโมร็อกโกนิวยอร์ก พวกมัน ก็ไม่ส่งเสียงร้องในทะเล พวกมันจะบินเหนือน้ำ ในระดับที่ ค่อนข้างสูง หลังจากใช้ชีวิต อยู่ในทะเล ทุกๆปีนกพัฟฟินแอตแลนติก จะกลับมาที่ชายฝั่งไอซ์แลนด์ เพื่อป้องกัน การสูญพันธุ์ของ นกพัฟฟิน เหล่าผู้คนจึงต้อง ร่วมมือกันเพื่อที่จะ ช่วยให้ สถานการณ์นี้ดีขึ้น แน่นอนว่า สารคดีชุดนี้ จะพาคุณเดินทาง ไปไอซ์แลนด์เพื่อตามติดชีวิต ของพวกมัน แต่ก่อนที่จะไป รับชมในคืนนี้ไม่พลาดที่จะนำ เอาเรื่องราวย่อๆ ของพวกมัน มาให้ได้ติดตามกันก่อน "นก พัฟฟิน" มีจะงอยปากสีสดใส ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เป็นนก ทะเลผิวน้ำ ที่หาอาหารด้วยการ ดำ น้ำ เป็นหลัก โดยพวกมัน จะอาศัยอยู่รวมตัว กันเป็นฝูงตามแนวชายฝั่ง หรือ บนเกาะ โดยจะสร้างโพรงรังเอา ไว้สำ หรับอยู่อาศัย พบได้มากใน ในบริเวณ ประเทศไอซ์แลนด์ ประเทศนอร์เวย์ กรีนแลนด์ รัฐ นิวฟันด์แลนด์ และ แลบราดอร์ หมู่เกาะฟาโรโดยตอนนี้ "นกพัฟ ฟินแอตแลนติก" จัดว่าเป็นสัตว์ ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 38


เรื่องน่ารู้ นกพัฟฟินไม่ทำ รังด้วยกิ่งไม้ใบหญ้าเหมือนนกชนิทอื่นแต่เขาทำ อุโมง โพรงดิน ขุดดินเป็นรูเมื่ออาศัยบนบกในฤดูร้อน นกพัฟฟินเป็นนกที่ดำ น้ำ เก่งกว่าบิน เขาสามารถดำ น้ำ ได้ลึกถึง 60 เมตรและอยู่ใต้น้ำ ได้นานถึง 20-30 นาที เลยทีเดียว เรียกว่านกน้อยปอดเหล็กก็ว่าได้ นกพัฟฟิน เป็นสัตว์สังคม ชอบส่งเสียงคุยกันสนั่นนั่ลั่นลั่ผา และ มัก ชอบอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะใหญ่ ตามบริเวณหน้าผาริม ชายฝั่งทะเล นกพัฟฟินไม่ได้แต่งตัวงามปากแดงใส่รองเท้าแดงตลอด ทั้งปี เขาจะมีสีสันสดใสเฉพาะฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น โดย ช่วงเวลาปกติเขาจะมีสีดำ แซมขาว นกพัฟฟินจะขึ้นมา ผสมพันธุ์และวางไข่ปีละครั้งเท่านั้น และ วางไข่ครั้งละ หนึ่งฟอง เรียกว่าเป็นนกที่ลูกไม่ค่อยดก ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีประชากรนกพัฟฟิน หนาแน่นที่สุดในโลก เขาเป็นสัตว์ที่มีคู่เดียวตลอดชีวิต รวมถึงบ้านหลังเดียวเช่นกัน สมมุติ ว่าเขาเคยอยู่รูนี้ ทุกปีเขาจะกลับมารู้เดิมเสมอ ไม่มีเปลี่ยนรู 39


ลักษณะส่วนหัว ลักษณะส่วนลำ ตัว ลักษณะส่วนปีกและหาง นกพัฟฟิน จะมีส่วนหัวสีดำ ดวงตาสีดำ ขอบสีแดง ปากของมันจะมีลักษณะเป็นจะงอยสีส้มแหลมใหญ่และยาว ออกมา ในช่วงผสมพันธุ์นั้น ปากของมันที่เดิมทีสีส้มสดอยู่แล้ว จะสดใสขึ้นอีก อีกทั้งปากของมันยังแข็งแรง มากจนสามารถกัดกินปลาได้ทีละหลาย ๆ ตัว นกพัฟฟินส่วนใหญ่ จะมีลักษณะลำ ตัวที่สั้นและอ้วนอ้วนสมบูรณ์ ส่วนลำ คอจะเป็นสีดำ และมีหน้าท้องเป็นสี ขาวคล้ายเพนกวิน ขนของมันจะยาว และนุ่มมาก แต่บางตัวก็จะไม่มีลักษณะขนสีดำ ที่ลำ คอ แต่ก็เป็นส่วนน้อย เท่านั้น นกพัฟฟิน จะมีปีกและหางที่สั้น และมีหลายลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ประจำ ตัวของมัน เข่น บางตัวจะมีส่วน บนเป็นสีดำ และสีขาว ส่วนบางตัวจะเป็นสีขาวหรือน้ำ ตาล และสีที่พบได้ยากหรือเรียกว่าแรไอเทมก็ว่าได้ นั่นนั่คือ สีขาวและเทา 40


คู่มือดังกล่าว มีรายละเอียดอธิบายจะสามารถเคลื่อนย้ายนก ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าได้อย่างไร เมื่อสภาพอากาศแปรปรวนทำ ให้เกิดคลื่นความร้อน และทำ ให้จำ นวนประชากรปลาลดลง ตัวอย่างเช่น เราสามารถกระตุ้นให้ นกพัฟฟิน ไปยังแหล่งเพาะพันธุ์ใหม่ได้ โดยวางนกจำ ลองไว้ในสถานที่นั้น และ เราสามารถดึงดูดนกนางนวลให้มันไปยังพื้นที่วางไข่ที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ผู้เชี่ยวชาญจัดทำ คู่มือ เพื่อช่วยเหลือนกทะเลจากอนาคตที่มืดมน อันเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน รายงานฉบับหนึ่งเตือนว่า แหล่งวางไข่ของ นกพัฟฟิน ส่วนใหญ่ในยุโรปตะวันตกมีโอกาส ที่จะสูญหายไปหมดภายในสิ้นศตวรรษนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน นกทะเลอื่น ๆ เองก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน หากยังคงไม่มีการดำ เนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อจำ กัดความร้อนทั่วทั่โลก โดยคาดการณ์ว่านกปากแหลม (เรเซอร์บิลล์) และ นกนางนวลอาร์กติก จะสูญเสียแหล่งเพาะพันธุ์ถึง 80% และ 87% ตามลำ ดับ อันเป็นผลมาจากการเข้าถึง แหล่งอาหารได้น้อยลง และ สภาพอากาศช่วงที่มีพายุยาวนานขึ้นนักวิจัยจากสมาคมสัตว์ป่าวิทยา แห่งลอนดอน (ZSL)และ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้จัดทำคู่มือเกี่ยวกับ วิธีที่การปกป้องนกจากสภาพแวดล้อม ที่เลวร้ายขึ้น โดยอาศัยการเชี่ยวชาญของนักอนุรักษ์และผู้กำ หนด นโยบาย80 คนจาก 15 คนประเทศในยุโรป 41


ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติได้จัดให้นกพัฟฟินแอตแลนติกนั้น อยู่ในประเภทสิ่งมีชีวิต ที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ จากเดิมที่เคยอยู่ในประเภทสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่ำ ต่อการสูญพันธุ์เนื่องจากจำ นวนประชากร ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะยังมีจำ นวนประชากรขนาดใหญ่ และ อยู่ในวงกว้างก็ตาม และเมื่อปีพ.ศ.2561องค์การชีวนานาชาติ ได้รายงานว่านกพัฟฟินแอตแลนติก เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์นักวิจัยหลังปริญญาเอกของสถาบัน ZSL Institute of Zoology ซึ่งเป็นหัวเรือในการจัดทำ คู่มือฉบับนี้กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ที่นกพัฟฟินแอตแลนติกซึ่งเป็นนกทะเลที่มีค่าที่สุด ชนิดหนึ่งของยุโรปอาจสูญหายไป จากชายฝั่งของเราภายในสิ้นศตวรรษนี้ รวมถึงไปพันธุ์นกทะเลที่สำ คัญชนิดอื่น ๆ ด้วย “นกเหล่านี้เผชิญกับความลำ บากสองด้าน เนื่องจากพวกมันผสมพันธุ์บนบก แต่ต้องพึ่งพาทะเลเพื่อความอยู่รอด การใช้ชีวิตอยู่บนสองดินแดนเช่นนี้ ทำ ให้พวกมันมีความสำ คัญต่อระบบนิเวศทั้งสองระบบ และทำ ให้เรามองเห็น สุขภาพของสัตว์ป่าในพื้นที่เข้าถึงได้ที่ยากต่อการตรวจตราอย่างมหาสมุทร นับไม่ถ้วน”นกพัฟฟินไม่ทำ รังด้วยกิ่งไม้ ใบหญ้าเหมือนนกชนิทอื่นแต่มันจะทำ อุโมงโพรงดินขุดดินเป็นรูเมื่อ อาศัยบนบกในฤดูร้อน นกพัฟฟิน เป็นสัตว์สังคมชอบส่งเสียงคุยกันสนั่นนั่ลั่นลั่ผา และมักชอบอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะใหญ่ๆตามบริเวณ หน้าผาริมชายฝั่งทะเล 42


1 นกพัฟฟินแอตแลนติก (Fratercula arctica) เป็น สปีชีส์หนึ่งของนกทะเล ที่อยู่ในวงศ์นกอ็อก พบได้ เฉพาะในบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก 2 กพัฟฟินคิ้วยาว(Tufted puffin)มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fratercula cirrhata เป็นสายพันธุ์นกพัฟฟินที่พบได้ ทั่วทั่ไปในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ นกพัฟฟินมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ F. arctica F. cirrhata F. corniculata F. dowi อาณาจักร: Animalia ไฟลัม: Chordata ชั้น: Aves อันดับ: Charadriiformes วงศ์: Alcidae สกุล: Fratercula Brisson1760 สายพันธุ์นกพัฟฟิน 3 นกพัฟฟินมีเขา (Fratercula corniculata) เป็นaukพบในตอนเหนือ ของมหาสมุทรแปซิฟิกรวม ทั้งชายฝั่งของอลาสก้า , ไซบีเรียและ บริติชโคลัมเบีย 4 พัฟฟินแอตแลนติกที่เกาะลันดี้ในสหราชอาณาจักร นกพัฟฟินเป็นนกทะเลในสกุล Fratercula มีลักษณะ เด่น คือ มีจะงอยปากสีสดใสใน 43


ปกติแล้วนกพัฟฟินแอตแลนติกใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของมันที่ทะเล มันจะเดินทางกลับมายังแผ่นดินใหญ่ก็เมื่อถึง ฤดูผสมพันธุ์ซึ่งอยู่ระหว่างช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนเท่านั้น บรรดานกพัฟฟินมีขนสีเทาตลอดฤดูหนาว ซึ่งจะ เปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง นั่นนั่จึงเป็นสาเหตุที่พวกมันได้รับฉายาว่า “นกแก้วทะเล”นกพัฟฟินถือได้ว่า เป็นนกที่มีความรวดเร็ว โดยเฉพาะสายพันธุ์แอตแลนติก พวกมันว่ายน้ำ ด้วยผังพืดพิเศษที่เท้า และสามารถดำ น้ำ ได้ ลึก 200 ฟุต ปลาแฮร์ริ่งหรือปลาไหลทรายคืออาหารของพวกมัน และเมื่อจับเหยื่อได้แล้วมันจะบินกลับรังด้วยการ กระพือปีก 400 ครั้งต่อนาที ซึ่งสามารถทำ ความเร็วได้ถึง 55 ไมล์ต่อชั่วชั่โมง ชีวิตในแอตแลนติกจำ นวนมากนั้นขึ้นอยู่กับปลาแฮร์ริ่ง มันเป็นแหล่งอาหารสำ คัญสำ หรับวาฬ โลมา ฉลาม สิงโต ทะเล ปลาคอด ปลาพอลล็อค ทูน่า แซลมอน ปลาแฮลิบัต และนกทะเลอีกจำ นวนหนึ่ง แต่นั่นนั่เป็นเพียงบางส่วน เท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือ การเกิดเป็นปลาแฮร์ริ่งนั้นค่อนข้างอันตราย และคุณจะเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อพวกมัน พากันว่ายเข้าสู่ฝั่ง เพื่อเข้ามาวางไข่ตามฤดูกาล 44


นกพัฟฟินแอตแลนติก (Fratercula arctica) เป็นสปีชีส์หนึ่งของนก ทะเล ที่อยู่ในวงศ์นกอ็ อก (Alcidae) พบได้ เฉพาะ ในบริเวณของ มหาสมุทรแอตแลนติก นกพัฟฟินแอตแลนติก นกพัฟฟินแอตแลนติก ผสมพันธุ์ ในประเทศ ไอซ์แลนด์และประเทศ นอร์เวย์ กรีนแลนด์รัฐ นิวฟันด์แลนด์ และที่ แลบราดอร์ เกาะฟาโร รัฐเมนใน บางส่วนของ บริเตนใหญ่ นกพัฟฟิน แอตแลนติดพบได้มาก ในหมู่เกาะ เวสมาร์นา ยาสประเทศไอซ์แลนด์ ที่อ ที่ ยู่อยู่ าศัย ศั ของนกพัฟพั ฟินฟิ ทำ รัง ในรอยแยกใน หมู่หิน หรือในโพรง ดินที่ผิวดินจะเป็นดิน ร่วน โดยในโพรงรัง อาจแบ่งออกได้เป็น2 ห้องโดยห้องหนึ่งเป็น ที่อยู่อาศัย ของลูกนก และ อีกห้องหนึ่งเป็น ห้องสำ หรับถ่ายมันจะ ถูกพบได้บ่อย ในฟาก แอตแลนติกเหนือ ที่ ชายฝั่งทางเหนือ ของ ยุโรปใต้ไปที่ทางเหนือ ฝรั่งรั่เศส,อังกฤษ และ หมู่เกาะแฟโร , ที่ไอซ์ แลนด์,กรีนแลนด์และ นอร์เวย์ 45


Puffin Fratercula


Click to View FlipBook Version