The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ประกายกาญจน์, 2023-10-23 15:58:10

สารคดี animal in the North pole

สารคดี_compressed

T r o m s o 48 ที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่เรียกว่าครึกครื้นที่สุด เมื่อเเปรียบเทียบกับบรรดาเมืองแห่งการล่าแสงเหนือแห่งอื่นๆของ นอร์เวย์เราสามารถใช้บริการของสายการบินในประเทศนั่งนั่มาลงที่สนามบินทรูมเซอร์ได้เลย หรือจะเลือกการนั่งนั่ รถโดยสารระยะไกลจากเมืองอื่นๆ ในประเทศข้างเคียงทั้งจากฟินเเลนด์สวีเดน หรือมีแม้กระทั่งทั่เรือเฟอร์รี่มา จอดเทียบท่าที่เมืองนี้อีก สะดวกมาก ๆ เป็นเมืองและเทศบาลในที่เทศมณฑล ทรุมส์ประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่อยู่ ท่าทางทะเลบนเกาะขนาดเล็กระหว่าง เกาะควาเลอยา กับผืนแผ่นดินใหญ่ เป็นเมืองที่มีบ้านเก่าทำ จากไม้จำ นวน มากที่สุดในนอร์เวย์เหนือบ้านเก่าที่สุด สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ1789 มีอาสนวิหาร อาร์กติก(Arctic Cathedral)วิหารสมัย ใหม่ที่สร้างในปี ค.ศ. 1965 ที่เป็นจุด สังเกต ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง ทรุมเซอตั้งอยู่ในนอร์เวย์ ในทางเหนือ เทศบาลนี้มีขนาด2,521ตารางกิโลเมตร (973ตารางไมล์) จัดอยู่ในอันดับ 2จาก ทั้งหมด 356 เทศบาล ซึ่งมีประชากร 76,974 คน ทรุมเซอเป็นเทศบาลที่มี ประชากรมากเป็นอันดับ12ของประเทศ นอร์เวย์ โดยมีความหนาแน่นประชากร ที่ 31.1 คนต่อตารางกิโลเมตร (81 คน ต่อตารางไมล์) และในช่วง 10 ปีที่ผ่าน มา มีประชากรเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 Tromsoเมืองหลวงแห่งการล่าแสงเหนือ ผู้คนจากทั่วทั่ทุกมุมโลก มาที่นี่กันเพื่อมา รอชมแสงเหนืออันสวยงาม และยังเป็น เมือง แห่งมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเหนือสุด ของโลกซึ่งโดดเด่นในเรื่องงานวิจัยแสง เหนือ ดาราศาสตร์


SEA LION แมวน้ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phocidae วงศ์ Otariidae และ Odobenidae


แมวน้ำ (trueseal, earless seal) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในวงศ์ ใหญ่สัตว์ตีนครีบซึ่งแบ่งออกเป็น 3กลุ่มคือวงศ์ไม่มีใบหู(Phocidae) วงศ์แมวน้ำ มีหู (Otariidae) และ วอลรัส(Odobenidae)แมวน้ำ ตัวผู้ จะใหญ่กว่าตัวเมีย โดยมีคอเป็น สันใหญ่ สีขนลำ ตัวของตัวผู้เป็น สีเทา-ดำ และมีสีน้ำ ตาลแซม น้ำ หนักราว 247 กิโลกรัม ความยาว 2.15 เมตร ตัวเมียมีสีลำ ตัวเป็นสี น้ำ ตาล-เทา น้ำ หนักมันราวๆ 57 กิโลกรัม และมีความยาว 1.56 เมตรถิ่นอาศัย และอาหารแมวน้ำ จะออกจับปลาในทะเล ใกล้เกาะ เล็ก ๆ และขึ้นฝั่งบนเกาะบริเวณ ชายหาดที่เป็นโขดหิน ที่มีการขึ้น ลงของน้ำ ทะเลในเขตแอฟริกาใต้ กินปลาเป็นอาหารหลัก รวมทั้ง ปลาหมึก และ หอย ผู้เชี่ยวชาญ ด้านน้ำ แข็งในทะเล ของประเทศแคนาดา อธิบายว่า ปริมาณน้ำ แข็ง ในอ่าวเซนต์ ลอว์เรนซ์ที่แมวน้ำ ใช้อาศัย กำ ลังค่อย ๆ ลดปริมาณลงปีต่อ ปีจากที่เคยเห็นน้ำ แข็งกว้าง 15 ลูกบาศก์ไมล์ ตอนนี้ลดเหลือ เพียง 1-3 ลูกบาศก์ไมล์และถึง จะพอมีเหลืออยู่บ้าง แต่คลื่น ความร้อนที่กัดกินฤดูกาลก็ ทำ ให้แผ่นน้ำ แข็งที่เหลืออยู่ มี สภาพเปราะบางเสี่ยงแตกพังได้ ทุกเวลา เมื่อไม่มีน้ำ แข็งให้อยู่ พวกมันจะรู้ตัวและอพยพ แมวน้ำ sea lion ความสามารถพิเศษ ของพวกมัน คือการว่ายน้ำ - ดำ น้ำ ได้นานกว่า 15 นาที และกินจุมาก ประมาณ ว่าแมวน้ำ ลายพิณตัวโตเต็มไวกิน ปู ปลา แพลงก์ตอน ไม่ต่ำ กว่า หนึ่งตันต่อปีด้วยเหตุนี้บางทีพวก มันจึงกลายเป็นสัตว์ น่ารังเกียจ ในสายตาคนทำ อาชีพประมงขณะ เดียวกัน พวกมันก็เกือบจะสิ้นชื่อ เพราะมนุษย์ในยุค 100 ปีก่อน ล่าลูกแมวน้ำ จำ นวนมาก ถึงปีละ 500,000 ตัวเพื่อเอาขนมาทำ เครื่องนุ่งห่มและมักจะเอาเนื้อมา ประกอบอาหาร พฤติกรรม และ การสืบพันธุ์ แมวน้ำ เป็นสัตว์สังคม แต่มัก ขี้บ่น อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ชอบล่าเหยื่อ และหากินตาม ผิวน้ำ หรือน้ำ ตื้นๆ หากินปลา ตามเรือของชาวประมงในช่วง กลางเดือนตุลาคมตัวผู้ก็จะไป ยังพื้นที่ผสมพันธุ์ ซึ่งเป็นตรง ชายหาดที่เป็นโขดหิน และยัง ประกาศอาณาเขต อีกหลาย สัปดาห์ต่อมาตัวเมีย ก็จะตาม เข้ามาเพื่อออกลูกจำ นวนแค่1 ตัว ซึ่งจะมีตัวเมียหลายตัวเข้า มาในอาณาเขตตัวผู้ ที่ครอง อาณาเขตจะไล่ตัวผู้ตัวอื่นออก นอกอาณาเขต หากล้ำ เข้ามา จนกว่า มันจะได้ผสมพันธุ์กับ ตัวเมียทุกตัวตัวเมียจะเป็นสัด หลังการออกลูก 5 - 6 วัน และมีระยะการตั้งท้องนานถึง ประมาณ 1 ปี มีอุปนิสัยดุร้ายล่าสัตว์ต่างๆ โดย เฉพาะ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหรือ สัตว์เลือดอุ่นกินเป็นอาหาร เป็น สัตว์ที่อยู่ตามลำ พังเพียงตัวเดียว โดยจะล่านกเพนกวินเป็นอาหาร ตัวที่ยังเล็กจะกินเคย หรือปลา เป็นอาหารโดยออกล่าด้วยวิธีการ สะกดรอยตามเหยื่อไปตามที่พื้น น้ำ แข็งและมุดตามลงไป 50


แมวน้ำ ในที่หนา แ ว มวน้ำ ในที่ร้อน ลูกแมวน้ำ หลายตัว พลัดหลงกับ แม่ต่อให้ไม่มีมนุษย์เข้าไปยุ่มย่าม หรือในทางตรงกันข้าม นั่นนั่คือเข้า ให้การช่วยเหลือ โอกาสรอดก็ต่ำ ก็ได้มีการทดลอง และ อนุรักษ์ได้ มีการทดลองหนึ่ง ที่มีความน่า สนใจมาก การทดลองนี้มีขึ้นเพื่อ ศึกษาการพักผ่อนและตอบคำ ถาม ที่ว่าพวกมัน นอนหลับกันอย่างไร เมื่ออยู่ห่างจากฝั่ง เป็นเวลานาน จนไม่อาจนอนหลับพักผ่อนวันละ หลายชั่วชั่โมงตามปกติได้ ตามที่ผู้เฝ้าติดตามเรื่องนี้ชี้แจงว่า การปรากฎตัว ของแมวน้ำ ตาม ชายฝั่งของเมืองควิเบก (ไกลจาก เดิม350ไมล์)เป็นเรื่องที่ประชาชน ท้องถิ่นให้ความสนใจ เป็นอย่าง มากมีคนพยายามพาตัวเองเข้าไป ใกล้แมวน้ำ ให้ได้มากที่สุดโดยหารู้ ไม่ว่า นั่นนั่เป็นการรบกวนแมวน้ำ ที่ กำ ลังเหนื่อยล้า จากการเดินทาง ไกลหรือกำ ลังมึนงง ไม่ได้สติจาก การถูกกระแสน้ำ พัดมาขึ้นฝั่ง อาจ จะทำ ให้คุณเป็นอันตรายได้ เมื่อไม่มีน้ำ แข็งให้อยู่ แมวน้ำ บางตัวอาจรู้ได้โดยสัญชาตญาณ พวกมันรีบออกเดินทางไปยังที่ที่ปลอดภัย แต่ก็ ไม่มีอะไรการันตีความแน่นอนระหว่างทาง รวมถึงจุดหมายปลายทางที่รออยู่ก็อาจไม่ได้ดีเหมือนบ้านเก่า มีข่าว ว่าลูกแมวน้ำ ตัวหนึ่งที่เกยตื้นบนชายฝั่งประเทศรัสเซียถูกคนผู้รักใคร่เอ็นดูอย่างไร้ความรู้แตะเนื้อต้องตัวมันโดย ไม่เกรงใจ เป็นผลให้ลูกแมวน้ำ ตัวนั้นเกิดความเครียดจนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าเหตุการณ์ทำ นองเดียวกันนี้ มีโอกาสเกิดขึ้นกับแมวน้ำ ละแวกชายฝั่งแคนาดาเช่นกัน 51


แมวน้ำ คือ สัตว์แสนน่ารักที่มีรูปร่างท้วมใหญ่ มีหนวดคล้ายแมว และมักอาศัยอยู่ตามชายฝั่ง ที่ผ่านมามีการ พยายามนับจำ นวนแมวน้ำ มาโดยตลอดล่าสุดเพิ่งมีนักวิทยาศาสตร์ที่ใช้วิธีการนับจำ นวนแมวน้ำ จากอวกาศ หรือ ก็คือ นับจากภาพถ่ายทางดาวเทียมเป็นครั้งแรกที่นักวิจัยเชื่อว่าพวกเขาสามารถระบุจำ นวนประชากรของแมวน้ำ เวดเดลล์ในทวีปแอนตาร์กติกาได้อย่างแม่นยำ ที่สุด โดยใช้วิธีการนับจำ นวนจากภาพถ่ายดาวเทียมที่มีความ ละเอียดสูงที่เปิดโอกาสให้อาสาสมัคร 330,000 รายเข้ามามีส่วนร่วมในการนับด้วย จากร่วมมือกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ และอาสาสมัครในการนับปริมาณของแมวน้ำ เวดเดลล์ พบว่าในทวีป แอนตาร์กติกามีแมวน้ำ ชนิดนี้อยู่ที่ประมาณ 202,000 ตัว ทั้งนี้ 202,000 ตัว จะเป็นปริมาณของแมวน้ำ ก่อนตัว เต็มวัยและตัวเต็มวัยเพศเมียเท่านั้น โดยแมวน้ำ ตัวเต็มวัยเพศผู้จะไม่ถูกนับรวม เพราะปกติแล้วพวกมันจะอยู่ ใต้ธารน้ำ แข็งเพื่อปกป้องอาณาเขต จึงไม่ปรากฎในภาพถ่ายทางดาวเทียม แมวน้ำ เวดเดลล์เป็นหนึ่งในสัตว์ ที่มีความสำ คัญ ในมหาสมุทร แอนตาร์กติก เนื่องจากแมวน้ำ เวดเดล เปรียบเสมือนดรรชนีชี้ วัดความผันผวน ของน้ำ แข็งใน ท้องทะเล หรือการเปลี่ยนแปลง ของห่วงโซ่อาหาร ในพื้นที่โดย ปกติแล้ว การนับจำ นวนแมวน้ำ จะมีความเสี่ยงอันตรายและมีค่า ใช้จ่ายค่อนข้างสูง นับแมวน้ำ จากอวกาศ 52


ปริมาณสองแสน กว่าตัวนี้ ต่างจากตัวเลขปริมาณแมว น้ำ เวดเดลล์ก่อนหน้าที่เคย ประเมินว่ามีอยู่ราประมาณ 800,000 ตัว ซึ่งทาง ดร.มิ เชลล์ลารู ชื่ออื่น(Michelle LaRue) รองศาสตราจารย์ จากมหาวิทยาลัยแคนเบอรี่ ประเทศนิวซีแลนด์ ผู้วิจัย ระบุว่า ตัวเลขไม่ใช่เครื่องชี้ วัด จำ นวนแมวน้ำ ลดลง แต่เป็นการสะท้อนว่าเครื่อง มือและเทคโนโลยีก่อนหน้า นั้นยังไม่ดีพอต่างหาก “วิธี ที่พวกเราเก็บข้อมูล และ นับจำ นวนแตกต่าง และไม่ สามารถเปรียบเทียบได้กับ การนับในอดีต” ลารู ระบุ เธอได้เน้นย้ำ ว่าการระบุ ปริมาณจำ นวน อย่างแม่น ประชากร ของแมวน้ำ เวด เดลล์ก่อนหน้า เป็นการนับ ด้วยวิธีการดั้งเดิมเท่านั้น รองศาสตราจารย์ ผู้เป็น เจ้าของงานวิจัย อธิบายว่า “การสำ รวจ ก่อนหน้าเก็บ ข้อมูลโดยนักสำ รวจ แบบ ดั้งเดิม อันเป็นการสำ รวจ ปริมาณแมวน้ำ โดยนับผ่าน ทางเรือหรือทางอากาศ ซึ่ง คุณ จะไม่สามารถเข้าถึง ทวีป แอนตาร์กติกทั้งหมด ในคราวเดียวกัน ขณะที่ สำ รวจ แบบเดิมได้เลย” เมื่อเปิดดูในภาพที่ถ่ายทาง ดาวเทียมแมวน้ำ จะปรากฎ ในลักษณะ คล้ายเม็ดข้าวสี ดำ ๆ เล็กๆ เรียงรายอยู่บน พื้นทวีป 53


ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในวงศ์ Phocidae ไม่มีใบหู และในวงศ์ Otaliidae มีใบหู ทั้ง 2 วงศ์ รูปร่างอ้วนใหญ่ มี หนวดคล้ายแมว ขาคล้ายพาย คู่หน้าสั้น คู่หลังลู่ไปตามลำ ตัว ใช้ว่ายน้ำ และคืบคลานหรือกลิ้งตัวไปตามพื้นได้ดี หางเป็นติ่ง อาศัยอยู่ตามชายฝั่งในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาว กินปลาและสัตว์น้ำ อื่น ๆ ชนิดที่แพร่หลาย คือ ชนิด Phoca vitulina (Linn.) วงศ์ย่อย Phocidae (แมวน้ำ แท้) Otariidae (แมวน้ำ มีหูหรือสิงโทะเล) และ Odobenidae (วอลรัส) โดยถ้าเรา สังเกตแมวน้ำ แท้กับสิงโตทะเลดี ๆ จะพบว่ามีความต่างกันสัตว์ทั้งสามถูกจัดอยู่ในวงศ์ใหญ่สัตว์ตีนครีบด้วยกัน คือ วงศ์ Pinnipedia จึงไม่ค่อยน่าแปลกใจว่าเจ้าสามตัวนี้มีบางอย่างที่คล้ายกัน ก็คือเป็นสัตว์เลี้ยงลูก 54


สายพัน พั ธุ์ขธุ์ องแมวน้ำ Monachus (Monk Seals) แมวน้ำ ช้าง (Elephant Seal) แมวน้ำ กินปู (Crabeater Seals) -Leptonychotes แมวน้ำ เสือดาว (Leopard Seals) -Ommatophoca Erignathus (Bearded Seals) - Phoca -Pusa แมวน้ำ เทา (Grey Seals) -Cystophora (Hooded Seals) ไฟลัม : สัตว์มีแกนสันหลัง ชั้น : สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำ นม อันดับ : สัตว์กินเนื้อ อันดับย่อย: Caniformia วงศ์ใหญ่ : สัตว์ตีนครีบ วงศ์ : Phocidae Gray1821 55


สัตว์ในอันดับ Carnivora มีทั้งหมด ๑๗ วงศ์ ในจำ นวนนั้นเป็นสัตว์เท้าครีบ ๓ วงศ์ ดังนี้ วงศ์สิงโตทะเล (Otariidae) ประกอบ ด้วย แมวน้ำ มีใบหู ๘ สายพันธุ์ และ สิงโต ทะเล ๖ สายพันธุ์ วงศ์แมวน้ำ (Phocidae) ประกอบด้วย ไม่มีใบหูมีทั้งหมด ๑๘ สาย พันธุ์วงศ์วอลรัส (Odobenidae) ประกอบ ด้วย วอลรัส มีเพียงสายพันธุ์เดียวรวม ทั้งหมด ๓๓ สายพันธุ์ปัจจุบัน แมวน้ำ มี อยู่ทั่วทั่ไปตามน่านน้ำ นอกชายฝั่งทางตะวัน ออกเฉียงเหนือ ของสหรัฐฯแต่แมวน้ำ สาย พันธุ์อื่น ๆ ยังคงตกอยู่ในความเสี่ยง โดย แมวน้ำ Mediterranean monk ถือเป็น แมวน้ำ ที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในโลก เพราะมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยตัว สามารถ ใช้งาน Sealnet ได้ และว่า การเพิ่มฐาน ข้อมูลนั้นมีขึ้นเพื่อรวมแมวน้ำ สายพันธุ์หา ยากมาก ๆ เช่น Mediterraneanmonk และHawaiian monk แมวน้ำ มีใบหูถูกจัดอยู่วงศ์เดียวกับสิงโตทะเล เพราะมีความใกล้เคียงกันมากกว่าในภาษาอังกฤษจะเรียกแมวน้ำ ไม่มีใบหูว่า seal คือเป็นแมวน้ำ เฉยๆ และเรียกแมวน้ำ มีใบหูว่า fur seal แมวน้ำ ที่มีขนเฟอร์ (ขนหนานิ่ม)แต่ ในภาษาญี่ปุ่นเรียกแยกกันเลย คือแมวน้ำ ไม่มีใบหูจะเรียกว่า "เสือดาวทะเล" ส่วนสิงโตทะเลซึ่งแปลตรงตัว ว่า"ลาทะเล"และตัววอลรัสซึ่งแปลตรงตัวว่า "ช้างทะเล" ทั้งนี้มีการศึกษาแมวน้ำ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ในมหาสมุทรมานานแล้วโดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียม เจสัน โฮล์มเบิร์ก (Jason Holmberg) จาก Wild Me กล่าวว่า การใช้ AI เพื่อศึกษาพวกมันเป็นวิธีนำ การอนุรักษ์กลับมาสู่ ศตวรรษที่ 21 และ Wild Me กำ ลังพัฒนาความร่วมมือที่เป็นไปได้กับ SealNet อีกด้วย 56


ที่อที่ ยู่ขยู่ องแมวน้ำ แมวน้ำ นั้นมีหลายประเภทและมันที่อาศัย อยู่ในพื้นที่เดียวคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วแมวน้ำมักจะอยู่ในที่เย็น แมวน้ำ ส่วนใหญ่จะอาศัย อยู่ทางตอนเหนือของฝั่งทะเลสาบ และกระจายอยู่ทั่วทั่ไปในช่วงฤดูร้อนและในช่วงฤดูหนาวจะใช้ชีวิตอยู่ใต้น้ำ แข็ง หรือทะเลใกล้เกาะเล็กๆ และขึ้นฝั่งบนเกาะบริเวณชายหาดที่เป็นโขดหินที่จะมีการขึ้นลงของน้ำ ทะเล ในช่วงเขตแอฟริกาใต้ และออสเตรเลียอีกทั้งยังมีแมวน้ำ ลายพิณ ที่พวกมันจะกระจายตัวอยู่บริเวณ ซีกโลกเหนือเป็นสายพันธุ์แมวน้ำ จำ นวนของประชากรมากเป็นอันดับที่สองของโลกเลยทีเดียวมันเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิต หากินอยู่ในทะเล และ ชายฝั่ง มีบางส่วนที่อาศัยอยู่แถบทะเลสาบนานๆ ครั้งเราก็อาจพบเห็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ พลัดหลงเข้ามาตามแม่น้ำ ที่เชื่อมต่อกับทะเลได้เหมือนกันนักวิทยาศาสตร์ ต้องการได้จากแมวน้ำ คืออุณหภูมิ และความเค็มของตั้งสมมุติฐานได้ว่าอาจเกิดการละลายได้ในอนาคต ในไทยก็มีแมวน้ำ เช่นกัน แต่เป็นแมวน้ำ ในเขตร้อนตัวพวดมันจะเป็นสีดำ และสีน้ำ ตาลเป็นส่วนใหญ่ ส่วนแมวน้ำในเขตพื้นที่เย็นนั้นจะเป็นสีขาว สีเทา เป็นต้น 57


sea lion Otariidae Phocidae


ARCTIC เมืองเบอร์เกนBergen 60 เบอร์เกนเป็นเมืองที่มีหุบเขาถึง 7 ลูกล้อมรอบอยู่ และยังเป็นเมืองที่ ใหญ่อันดับสองของประเทศรองลง มาจากกรุงออสโล ด้วยประชากรที่ มีอยู่ราว420,000คน และด้วยเหตุ ที่เบอร์เกนมีท่าเรือใหญ่ เมืองเบอร์เกน (Bergen)เมืองที่มีหุบเขา 7 ลูกล้อมรอบอยู่ และยังเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศรองลง มาจากกรุงออสโลด้วยประชากรราว 420,000 คน มีท่าเรือใหญ่เป็นอันดับต้นๆของนอร์เวย์ สถานที่ท่องเที่ยว ประจำ เมืองมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ย่านท่าเรือเก่าประจำ เมือง Bryggen (บรีเก็น), Mt. Fløyen (ฟลอยัน) 1 ใน 7 หุบเขาที่ล้อมรอบเบอร์เกน, Fish Market ตลาดขายอาหารทะเลที่เน้นความสดใหม่เพราะตั้งอยู่ใกล้กับ ท่าเรือเลย Bergenคือเมืองใหญ่อันดับ 2 ของ นอร์เวย์ รองจากเมืองหลวงกรุง Osloตัวเมืองเบอร์เก้นตั้งอยู่ริมฝั่ง NorthSeaทางตะวันตกเฉียงใต้ของ ประเทศ เมืองท่องเที่ยวชื่อดัง เบอร์เก้นในอดีตนั้นเคยเป็นเมือง หลวงของนอร์เวย์ ตั้งแต่สมัยยุค กลางมาจนถึงศตวรรษที่ 17 หรือ ประมาณปี ค.ศ.1070ก่อนจะย้าย ไปยังออสโลในปี ค.ศ.1299 และ ได้รับการยกย่องในทางหลายด้าน เเหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่อยู่ในตัว เมือง(Bergen) นั้นก็มีทั้งในส่วน ของท่าเรือฮันเซียติก เป็นท่าเรือ โบราณที่มีความสวยงาม เเละที่นี่ ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี


NARWHAL วาฬนาร์วาล ชื่อวิทยาศาสตร์ : Monodon monoceros สปีชีส์: M. monoceros อาณาจักร: Animalia


นาร์วาล (อังกฤษ: narwhal; ชื่อ วิทยาศาสตร์ของมันคือMonodon monoceros มันเป็นวาฬมีฟัน ขนาดกลาง ซึ่งใช้ชีวิตตลอดทั้งปี ที่บริเวณอาร์กติกเป็นหนึ่งในสอง ของสปีชีส์วาฬวงศ์โมโนดอนติแด เช่นเดียวกับวาฬเบลูกา นาร์วาล เพศผู้มีลักษณะที่โดดเด่นคือ มีงา ที่ยาว, ตรง, เป็นเกลียวที่ยื่นมา จากกราม บนด้านซ้ายของพวก มัน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วคือ ฟันเพียง ซี่เดียวของพวก มันที่อาจยาวได้ ถึง 3 เมตร สำ หรับตัวผู้บางตัว อาจมีได้ถึงสองซี่ ขณะที่ตัวเมีย เองก็อาจมีได้ เหมือนกันแต่ทว่า ไม่ยาวและไม่โดดเด่นเท่าปัจจุบัน ยังไม่ทราบ เป็นที่แน่ชัดว่ามีไว้ สำ หรับทำ อะไร เพราะนาร์วาลไม่ ได้ใช้งาตรงนี้ ในการขุดเจาะหา อาหารหรือต่อสู้กันเอง แต่ก็ได้มี การสันนิษฐานว่างาของมันน่าจะ มีไว้เพื่อดึงดูดตัวเมีย ที่ระดับความลึกถึง1,500 เมตร ใต้ก้อนน้ำ แข็งหนามีการล่านาร์ วาฬ มากว่าหนึ่งพันปีโดยที่ อินู อิตในภาคเหนือในแคนาดาและ กรีนแลนด์ รวมถึงล่าเป็นการ ยังชีพควบคุม ยังคงดำ เนินต่อ ไปจนถึงทุกวันนี้ และในขณะที่ ประชากร ต่างถือว่าพวกมันตก อยู่ในความเสี่ยง เฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนแปลง ของสภาพภูมิ อากาศมีช่วงแคบและอดอาหาร วาฬนาร์วาล Narwhal ในยุคกลางงาของนาร์วาลถูกขาย ในราคาที่สูงให้แก่เชื้อพระวงศ์ชั้น สูง และถูกมองว่าเป็นยูนิคอร์น แห่งท้องทะเล นาร์วาลส่วนใหญ่ พบในบริเวณที่อาร์คติก ของ แคนาดา และ เขตทะเลของ กรีนแลนด์ หาได้ยากในบริเวณ ละติจูด 65°เหนือ นาร์วาลเป็น นักล่า ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใน เขตอาร์กติก มันกินเหยื่อบริเวณ พื้นใต้น้ำ เป็นอาหาร โดยเป็นปลา ซีกเดียวเป็นส่วนใหญ่ เชื่อว่าใครหลายคน คงคุ้นเคย กับสัตว์ในตำ นาน อย่างยูนิ คอร์นเป็นอย่างดีเรื่องเล่าของ อาชาเขาเดียวสีขาวปลอดแพร่ หลายในยุโรป ตั้งแต่สมัยกรีก โบราณ ยูนิคอร์นถือเป็นสัตว์ ศักดิ์สิดิ์สิทธิ์ที่ธิ์ ที่มีพลังอำ นาจ เขา ของมัน สามารถรักษาโรคภัย ได้ทุกชนิด ด้วยเหตุนี้นักล่า สัตว์และพวกพ่อมดหมอผี จึง ต้องการเขายูนิคอร์นมาครอบ ครองถึงตอนนี้ทุกคนคงเอะใจ แล้วว่า ถ้ายูนิคอร์นเป็นเพียง สัตว์ในตำ นาน แล้วผู้คนจะหา เขายูนิคอร์น มาจากที่ใดกัน เล่าคำ ตอบของคำ ถามดังกล่าว อยู่ไกลออกไปในฟากดินแดน เหนือสุดของโลก ณ ประเทศ กรีนแลนด์ เกาะกลางธารน้ำ แข็ง ที่ตั้งอยู่ใน มหาสมุทรอาร์กติก ชายฝั่งทะเล กรีนแลนด์นี้เองที่เป็นที่อยู่อาศัย ของสัตว์ที่ได้ชื่อว่า “ยูนิคอร์น แห่งท้องทะเล (Unicorn of the sea)” ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกล่าเพื่อ เอาอวัยวะจนเกือบสูญพันธุ์สัตว์ ชนิดนี้มีชื่อว่า นาร์วาล วาฬที่มี ความงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ 62


นาร์วาล คืออะไร 63 นาร์วาล (Narwhal) เป็น วาฬมี ฟัน (Toothed Whale) ขนาด กลาง เป็นญาติห่างๆ ของวาฬ เบลูกา (Beluga Whale) ที่หาได้ ทั่วทั่ไปตามธรรมชาติ ทว่าสิ่งที่ทำ ให้นาร์วาลแตกต่างจากญาติวาฬ ขาวก็คือ งายาวตรงที่ยื่นมาจาก กรามบนด้านซ้ายในปากนาร์วาล ตัวผู้ งาที่ว่าคือฟันซี่เดี่ยวที่มี ลักษณะเป็นเกลียว นาร์วาลบาง ตัวอาจมีงาหรือฟันยื่นออกมาได้ 2 ซี่ งาที่ว่ามีความยาวได้ตั้งแต่ 1.6 เมตร ไปจนถึง 3 เมตร นาร์ วาลตัวเมียอาจมีงายื่นออกมาได้ เช่นกัน แต่จะไม่ยาวและขมวด เกลียวสวยงามเท่ากับตัวผู้ ประโยชน์ของ งานาร์วาล นั้น ยังคงเป็นปริศนาและมาจนถึง ปัจจุบัน บ้างก็ว่า นาร์วาลใช้ งายาวไว้ขุดเจาะน้ำ แข็งเพื่อที่ หาอาหาร บ้างก็ว่านาร์วาลใช้ งาในการต่อสู้ หรือแม้แต่ข้อ สันนิษฐานที่ว่า นาร์วาลตัวผู้มี งาไว้เพื่อดึงดูดตัวเมียอย่างไร ก็ตามงาที่โดดเด่นของเจ้านาร์ วาล ทำ ให้พวกมันถูกล่าเยอะ จนแทบจะสูญพันธุ์ในอดีต ปัจจุบันนาร์วาลส่วนมากอาศัยใน มหาสมุทรอาร์กติก ทางชายฝั่ง ประเทศกรีนแลนด์ และแคนาดา ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่มีตำ นานเล่า ขานเกี่ยวกับนาร์วาล มามากมาย หลากหลาย เรื่องการล่านาร์วาล ของชาวอินูอิตและไวกิ้งตั้งแต่ยุค กลางเป็นต้นมา ทำ ให้ประชากร นาร์วาลลดลงอย่างรวดเร็ว บวก กับอุณหภูมิน้ำ ทะเลที่สูงขึ้น


แม้ว่าในปัจจุบัน นาร์วาลจะไม่ได้ถูกล่าเพื่อเนื้อหรืองา อีกต่อไป แต่อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเพราะภาวะโลกร้อน ยังคงกระทบกับถิ่นที่อยู่ และแหล่งอาหารของนาร์วาล อย่างต่อเนื่องในประเทศกรีนแลนด์เองก็มีการรณรงค์ อนุรักษ์นาร์วาลเช่นกัน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ให้ผู้มา เยือนสามารถ ล่องเรือเที่ยว ชมธรรมชาติ และคอยเฝ้าดู พฤติกรรม น่ารักขี้เล่นของ นาร์วาลที่ออกมาต้อนรับนัก ท่องเที่ยวอีกด้วย หากใคร ต้องการจะมาเที่ยว กรีนแลนด์ เพื่อที่จะสัมผัส ประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง กับเจ้าวาฬนาร์วาล สัตว์ใน ตำ นานท้องทะเลแนะนำ ให้ ตรวจสอบข้อมูลก่อนมานาร์ วาล เพราะส่วนมากอาศัย อยู่ที่ชายฝั่ง ตะวันตกทาง กรีนแลนด์ใกล้กับเกาะดิส โกIslandในอ่าวบัฟฟินที่ถูก ประกาศให้เป็นมรดกโลกใย องค์กรยูเนสโก 64


ในประเทศแคนาดานั้นชน พื้นเมืองอินูอิต(Inuit)เชื่อ กันว่าครั้งหนึ่งนาร์วาลเคย เป็นมนุษย์มาก่อน ในดิน แดนอินูอิต มีหญิงผู้หนึ่ง อาศัยอยู่กับลูกชาย ที่ซึ่ง เป็นลูกเลี้ยงของเธอ แม่ เลี้ยงนั้นปฏิบัติกับลูกชาย ตาบอด อย่างโหดร้ายมาก แม้ว่า จะมีอาหารเหลืออยู่ มากมายแต่กลับปล่อยให้ ลูกชายต้องหิวโซ จนเด็ก ชายตาบอด เก็บงำ ความ แค้นในใจจนเติบใหญ่ เมื่อวันเวลาผ่านไป เด็ก ชายที่บัดนี้ กลายเป็นเด็ก หนุ่มก็กลับมามองเห็นอีก ครั้งเด็กหนุ่มยังคงมีความ ต้องการล้างแค้นแม่เลี้ยง ที่เลี้ยงดูตน อย่างทารุณ วันหนึ่ง ในขณะที่แม่เลี้ยง จะออกไปล่าวาฬขาว เด็ก หนุ่มจึงขอติดตามไปช่วย ด้วย แม่เลี้ยงไม่ได้เอะใจ แต่อย่างใดเมื่อวาฬขาวตัว ใหญ่ว่ายเข้ามาใกล้ๆ แม่ เลี้ยงก็โยนฉมวก ใส่ลำ ตัว วาฬทันที ตะโกน ร้องให้ลูกชายช่วย ดึงเชือกที่ผูกติดกับฉมวก ทว่า แทนที่จะช่วยเหลือ แม่เลี้ยง ลูกชายกลับผลัก หญิงชราจึงถูกวาฬลากลง ธารน้ำ แข็ง แต่ทันใดนั้นก็ เปลี่ยนร่าง กลายเป็นวาฬ เส้นผม ที่ถักเป็นเปียยาว กลางหลังขมวดกลายเป็น งายาว และแม่เลี้ยงใจร้าย ก็กลายเป็นนาร์วาลนับแต่ นั้นมา 65


ชาวไวกิ้งนิยมล่านาร์วาลเพื่อเนื้อ และ งาพวกเขานำ งานาร์วาลที่ล่าได้ไปขายให้กับราชวงศ์และชนชั้นสูงในยุโรปภาคพื้นทวีปโดยอ้างว่างานาร์วาล คือเขาของยูนิคอร์นในตำ นาน ชนชั้นสูงเชื่อว่างานาร์วาลสามารถขจัดพิษใดๆ ให้หมดไป รวมถึงทำ ให้ผู้ครอบครอง หมดทุกข์โศกอีกต่างหาก พวกเขาจึงนิยมนำ งานาร์วาลมาทำเป็นจอกรินเหล้าไวน์ เพื่อชะล้างยาพิษที่ผสมในเครื่องดื่ม 41 ชาวอินูอิต ถือว่านาร์วาลเป็นญาติใกล้ชิดชาวไวกิ้งที่อาศัย อยู่บนเกาะกรีนแลนด์และสแกนดิเนเวียในสมัยโบราณก็คุ้นเคยกับนาร์วาลเป็นอย่างดีเช่นกัน แม้แต่ชื่อของนาร์วาล ก็มาจากภาษานอร์สโบราณโดยคำ ว่านาร์Nár มีความหมายว่าซากศพซึ่งหมายถึงผิวสีน้ำ เงินเทา ที่ซีดเซียวเหมือนคนตาย ของวาฬชนิดนี้ชาวไวกิ้งแลกเปลี่ยนงานาร์วาลกับทองคำ แม้แต่ราชินีเอลิซาเบธที่ 1แห่งจักรวรรดิอังกฤษยังเคยได้รับของขวัญ เป็นงานาร์วาลประดับเพชรนิลจินดาที่มีค่ากว่า 1 หมื่นปอนด์สเตอร์ลิงค์ 66


บรรพบุรุษของวาฬ บรรพบุรุษของวาฬ เป็นสัตว์กินเนื้อบน บกมี 4 ขา ในยุคพาลีโอจีน เมื่อประมาณ 65 ล้านปีก่อน มีชื่อว่า "มีโซนิก" จากนั้น ก็วิวัฒนาการเริ่มใช้ชีวิต แบบสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ ภายในเวลาเพียง 10 ล้านปีต่อมา ในยุคอีโอซีน หรือเมื่อประมาณ 55 ล้าน ปีก่อน โดยจากสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ จากนั้น ขาหลังก็ค่อยหด และเล็กลงจนต่อมาเมื่อ ประมาณ 24-26 ล้านปี ก่อนกระดูกและ ข้อต่อก็หดเล็กลง จนไม่มีโผล่ออกมาให้ เห็น แต่ในปัจจุบันกระดูกส่วนของขา หลังก็ยังคงมีอยู่โดยเป็นอวัยวะภายในที่มี ขนาดเล็ก และทำ หน้าที่เพียงเป็นที่ยึดติด ของอวัยวะสืบพันธุ์เท่านั้น วาฬ เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ นับเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที สุดในโลก แม้จะอาศัยอยู่แต่ เฉพาะในทะเลมีรูปร่างคล้าย ปลาแต่ไม่ใช่ เป็นสัตว์เลี้ยง ลูกด้วยนมและถึงแม้จะไม่มี ขนปกคลุมลำ ตัว เหมือนกับ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันดับ อื่นๆแต่วาฬก็จะรักษาความ อบอุ่นในร่างกาย ด้วยไขมัน ในชั้นใต้ผิวหนัง 67


สายพันธุ์ของวาฬ ความเป็นจริงในมหาสมุทรอัน กว้างใหญ่แห่งนี้ ยังมีวาฬอยู่ อีกหลายชนิดกล่าวคือ วาฬทั่วทั่ โลกนั้นมีอยู่ทั้งหมด 78 ชนิด ใน 13 วงศ์ แต่แบ่งแยกออก ไปตามถิ่นที่อยู่อาศัย ของวาฬ สามารถจำ แนกออกได้เป็น 2 กลุ่ม(อันดับย่อย)ใหญ่ๆ ได้แก่ วาฬบาลีน (Mysticeti): วาฬ กลุ่มนี้ มีลักษณะคือใช้แผ่น กระดูกเรียกว่าบาลีนมีลักษณะ เป็นซี่คล้าย หวีกรองอาหารซึ่ง ได้แก่ แพลงก์ตอนต่าง ๆ จาก น้ำ ทะเลวาฬที่อยู่ในกลุ่มนี้เป็น วาฬขนาดใหญ่ อย่างเช่นวาฬ สีน้ำ เงิน ที่มีความยาวได้ถึง 80 ฟุต ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ ที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีมาด้วย เป็นวาฬที่มีช่องหายใจ 2 ช่อง วาฬมีฟัน (Odonceti): ลักษณะ โดยทั่วทั่ไป จะมีขนาดเล็กกว่า วาฬบาลีนรวมทั้งโลมาทุกชนิด, วาฬเพชฌฆาต และนาร์วาฬ เป็นวาฬที่มีช่องหายใจเพียงแค่ ช่องเดียว เป็นวาฬที่เป็นสัตว์ นักล่า ล่าสัตว์น้ำ ต่าง ๆ เป็น อาหาร ในวาฬเพชฌฆาตนั้นมี พฤติกรรมมักรวมฝูงกันออกล่า ปลาขนาดใหญ่ อย่างฉลามขาว และแม้แต่วาฬด้วยกันเองหรือ โลมาเป็นอาหารด้วย 68


ที่อยู่อาศัยของวาฬ ส่วนวาฬนาร์วาล ส่วนใหญ่พบ ในบริเวณน้ำ หนาว ในอาร์กติก ของแคนาดาและเขตทะเลของ กรีนแลนด์หาได้ยากในบริเวณ ละติจูด 65°เหนือวาฬนาร์วาล เป็นนักล่าที่มีเขา ที่เอกลักษณ์ เฉพาะตัวในเขตอาร์กติกมันจะ กินเหยื่อบริเวณพื้นใต้สุด วาฬปกติทั่วทั่ไปนั้นมันจะอาศัย อยู่ใน มหาสมุทรแปซิฟิกตอน ใต้แอตแลนติกหรือมหาสมุทร อินเดีย รวมถึงในมหาสมุทร แอนตาร์กติกด้วย และแม้จะมี ขนาดร่างกายใหญ่โต แต่วาฬ สีน้ำ เงิน ก็มีรูปร่างเพรียวยาว เหมาะแก่การว่ายน้ำ 69


Narwhal M. monoceros monodon


SALFORD T R E N D & C A R M A G A Z I N E UP TO DATE CAR & LIFESTYLE 123 Anywhere St., Any City Automotive-related publication for the charming and the tasteful. www.reallygreatsite.com MODERN CULTURE 12/02/2025


l l u l i s s a t I c e f j o r d 72 ล่าแสงเหนือที่เมืองอิลลูลิแซท ท้องฟ้าของกรีนแลนด์นั้นจะถูกแต่งเติมไปด้วยแสงสี บนท้องฟ้า แสงเหนือ (The Northern Light) จะปรากฏตัวออกมาเต้นระบำ วาดสีสันอยู่บนท้องฟ้าซีกโลกเหนือนั้น จะมีให้เห็นเป็น ประจำ ในช่วงหน้าร้อนจนถึงฤดูใบไม้ผลิของกรีนแลนด์เมืองอิลลูลิแซท (llulissat) ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่า สนใจอีกเช่น Knud Rasmussen’s Museum, Zion’s Church และล่องเรือโซดิแอก (Zodiac Boat) ที่สามารถ มองเห็นธารน้ำ แข็งและก้อนน้ำ แข็งขนาดใหญ่ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชม และเที่ยวชมเมืองที่เป็นเสน่ห์ อีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจในเมืองอิลลูลิแซท เมืองอิลลูลิแซท(llulissat)เป็นเมืองท่อง เที่ยวสำ คัญของเกาะกรีนแลนด์ตัวเมือง ถูกโอบล้อมด้วยธารน้ำ แข็ง(Icefjord) ที่ สวยงามอลังการจนได้รับการยกย่องขึ้น ทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในปี 2004 โดยองค์การยูเนสโก สามารถมองเห็น ก้อนน้ำ แข็ง (Iceberg) ได้แทบทุกจุดใน เมืองเมืองนี้เป็นที่ตั้งของสุนัขลากเลื่อน เกือบเท่าคน เมืองอิลลูลิแซท(llulissat) เดิมมีชื่อว่า JakobshavnหรือJacobshaven เป็นเมือง ที่ใหญ่ที่สุดในเขตเทศบาล Avannaata ทางตะวันตกของกรีนแลนด์ ทางเหนือ ของ Arctic Circle ด้วยจำ นวน ประชากร 4,541 คนในปี 2013 อิลลูลิ ทแซทเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ใน กรีนแลนด์รองจาก นุก และซิซิเมียท นักท่องเที่ยว สามารถล่องเรือเที่ยวชม ภูเขาน้ำ แข็งในมหาสมุทรที่ พร้อมกับดู นาร์วาลเขายาวที่ว่ายน้ำ มาทักทายอย่าง ใกล้ชิดฤดูกาล ที่นาร์วาลปรากฏชุกชุม ที่สุดคือฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคมหากใครต้องการมาชม นาร์วาลในอ่าวน้ำ แข็งแล้วละก็ อย่าลืม พกกล้องส่องทางไกลแว่นกันแดด และ กล้องถ่ายรูปเพื่อเก็บความประทับใจ


LEPUS AMERICANUS กระต่ายป่าสโนว์ชู ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lepus americanus สปีชีส์: L. americanus อาณาจักร: Animalia


กระต่ายหิมะ มีความยาวตั้งแต่ 413 ถึง 518 มม. ซึ่งเป็นหาง 39 ถึง 52 มม. เท้าหลังยาวและ กว้างมีความยาว117ถึง 147 มม. หูมีความยาว 62 ถึง 70 มม.จาก รอยบากถึงปลาย กระต่ายหิมะ มักมีน้ำ หนักระหว่าง 1.43 ถึง 1.55 กก. เพศผู้มีขนาดเล็กกว่า ตัวเมียเล็กน้อย ตามปกติของโรค เรื้อน ในฤดูร้อนขนจะเป็นสีสนิม สีเทา หรือสีน้ำ ตาลอมเทามีเส้นสี ดำ ด้านข้างสีดำ และท้องสีขาว หน้าและขาของมัน เป็นสีน้ำ ตาล อบเชย หูมีสีน้ำ ตาลแกมดำ และมี ขอบสีขาวหรือครีมและในช่วงฤดู หนาวขนมันมักจะเป็นสีขาวเกือบ ทั้งหมดยกเว้นเปลือกตาสีดำ และ ปลายหูที่ดำ คล้ำ ฝ่าเท้ามีขนขึ้น หนาแน่นโดยมันมีขนแข็ง (สร้าง สโนว์ชู) ที่เท้าหลัง กระต่าย Snowshoe มีอาการ ปวดเมื่อยจนถึงกลางคืน พวก เขาขี้อายและเป็นความลับ และ ใช้เวลาเกือบทั้งวันในความหดหู่ ตื้น ๆ ที่เรียกว่าแบบฟอร์มขูด ออกใต้กอเฟิร์นพุ่มไม้พุ่ม และ กองไม้กระดก บางครั้งพวกเขา ใช้โพรงขนาดใหญ่ ของบีเวอร์ ภูเขา ( Aplodontia rufa ) เป็น แบบฟอร์ม ระดับกิจกรรมราย วันเพิ่มขึ้น ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เด็กและช่วงวัยเยาวชน ก็มักจะ กระตือรือร้นระมัดระวังน้อยกว่า กระต่ายป่าสโนว์ชู Snowshoe Hare กระต่ายป่าสโนว์ชู จัดอยู่ในไฟลัม สัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยง ลูกด้วยนม อันดับของกระต่ายป่า กระต่ายป่าสโนว์ชู มีถิ่นกำ เนิด จากทวีปยุโรป อาศัยอยู่ในป่าสน มีขนสีน้ำ ตาลเมื่อถึงฤดูหนาว ขน ของมันก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วย เพื่อพรางตัว ให้เหมือนกับหิมะ ซ่อนตัวจากสัตว์นักล่า เช่น ลิงซ์ หมาจิ้งจอกหรือนักล่าหมาป่าและ นกเค้าแมว กระต่าย Snowshoe ส่วนใหญ่ พบในป่าเหนือ และป่าดิบเขา ในป่าเหล่านี้พวกเขาชอบที่อยู่ อาศัย ที่มีชั้นไม้พุ่มหนาแน่น อยู่ในที่แปซิฟิกตะวันตกเฉียง เหนือกระต่ายสโนว์ชู มีถิ่นที่ อยู่อาศัยที่หลากหลาย รวมถึง ต้นสนที่โตเต็มที่ส่วนใหญ่เป็น ดักลาส-เฟอร์ และพันธุ์ต่างๆ) ต้นสน ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อย่างเช่น อัลเดอร์ Alnusspp /SalmonberryRubusspectabil is, Sitka sprucePiceasitchen ,sissalalหรือGaultheriashalon และในหนองน้ำ ของ ซีดาร์ชื่อ อังกฤษ(Thujaspp) ทางตะวัน ตกของโอเรกอน ขนของกระต่าย สโนว์ชูเป็นสี น้ำ ตาลสนิมในฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูร้อนและเป็นสีขาวในฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีใต้ท้องสีเทาและสี ดำ ที่ปลาย และ ขอบของหูและ หาง มีเท้าหลังที่ใหญ่มาก และมี ขนหนาที่ฝ่าเท้า หูของกระต่ายส โนว์ชูไม่ยาว เท่าหูของ กระต่าย สายพันธุ์อื่น ๆ ในฤดูหนาวจะ เปลี่ยนเป็นสีขาวสว่าง เพื่อให้ กลมกลืนกับหิมะ 74


วิถีชีวิตสโนว์ชู กระต่ายหิมะมีความยาวตั้งแต่ 413 ถึง 518 มม. ซึ่งเป็นหาง 39 ถึง 52 มม. เท้าหลังยาวและกว้างมีความยาว 117 ถึง 147 มม. หูมีความยาว 62 ถึง 70 มม. จากรอยบากถึงปลาย กระต่ายหิมะมักมีน้ำ หนักระหว่าง 1.43 ถึง 1.55 กก. เพศผู้มีขนาดเล็กกว่าตัวเมียเล็กน้อยตามปกติของโรคเรื้อน ในฤดูร้อนขนจะเป็นสีสนิมสีเทาหรือสีน้ำ ตาล อมเทามีเส้นสีดำ ด้านข้างสีดำ และท้องสีขาว หน้าและขาเป็นสีน้ำ ตาลอบเชย หูมีสีน้ำ ตาลแกมดำ และมีขอบสีขาว หรือครีม ในช่วงฤดูหนาวขนจะเป็นสีขาวเกือบทั้งหมดยกเว้นเปลือกตาสีดำ และปลายหูที่ดำ คล้ำ ฝ่าเท้ามีขนขึ้น หนาแน่นโดยมีขนแข็ง (สร้างสโนว์ชู) ที่เท้าหลัง กระต่ายSnowshoe มีการเคลื่อนไหว ตลอดทั้งปี ฤดูผสมพันธุ์ของกระต่าย ถูกกระตุ้นโดยพืชพันธุ์ใหม่ และแตก ต่างกันไป ตามละติจูดสถานที่ และ เหตุการณ์ประจำ ปี เช่นสภาพอากาศ และ ช่วงของวงจรประชากรกระต่าย สโนว์ชู โดยทั่วทั่ไปการผสมพันธุ์จะ เริ่มในช่วง ปลายเดือนธันวาคม ถึง เดือนมกราคม และ กินเวลาจนถึง เดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ทางตะวันตกเฉียงเหนือกิจกรรมการ ผสมพันธุ์ ยอดชายตามน้ำ หนัก อัณฑะเกิดขึ้นเดือนพฤษภาคม และ ต่ำ สุดในเดือนพฤศจิกายนในออนตา ริโอยอดเขาอยู่ใน เดือนพฤษภาคม และ ในนิวฟันด์แลนด์ยอดสูงสุดอยู่ ในเดือนมิถุนายน การเป็นสัดของตัว เมียเริ่มต้นประมาณ ในเดือนมีนาคม ในนิวฟันด์แลนด์อัลเบอร์ตา และรัฐ เมนและต้นเดือนเมษายนในมิชิแกน และโคโลราโด 75


การขยายพันธุ์ของสโนว์ชู ลูกครอกของปีเกิดตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ถึง พฤษภาคมกระต่ายจะมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด ในช่วงพลบค่ำ และตอนกลางคืน หากินตลอดทั้ง ปี กระต่ายตัวนี้ถูกมองว่าเป็นฤดูผสมพันธุ์ปลาย เดือนเมษายนใน- อลาสก้า อายุครรภ์35ถึง40วันการศึกษาส่วนใหญ่รายงาน ว่าเป็นความยาวเฉลี่ยของครรภ์ 37วัน ลูกครอก มีค่าเฉลี่ยสามถึงห้าระดับขึ้นอยู่กับละติจูดระดับ ความสูงระยะของวัฏจักรประชากรตั้งแต่หนึ่งถึง เจ็ดระยะ แพ็คลึกจะเพิ่มจำ นวนกิ่งตอนบนที่ มีให้สำ หรับ กระต่ายสโนว์ชูในฤดูหนาวดังนั้น จึงเกิดมีความ สัมพันธ์เชิงบวกกับภาวะโภชนาการของผู้ใหญ่ที่ ผสมพันธุ์ ลูกครอกมักจะมีขนาดเล็กกว่าในภาค ใต้ของช่วงเนื่องจากมีหิมะตกน้อยกว่า ทารกแรกเกิดมีขนยาวลืมตาและเคลื่อนที่ได้เต็ม ที่พวกเขาออกจากรูปแบบการคลอดภายในระยะ เวลาสั้นๆ หลังคลอดบ่อยครั้งภายใน 24 ชั่วชั่โมง หลังจากออกจากบ้านเกิดพี่น้องจะอยู่ใกล้กันใน ตอนกลางวันโดยรวมตัวกันทุกเย็นเพื่อพยาบาล 76


รัฐเมนกระต่ายรองเท้าหิมะมีความกระตือรือร้นในพื้นที่เคลียร์คัทมากกว่าในพื้นที่ที่ถูกตัด หรือไม่ได้เจียระไนบาง ส่วน ความหนาแน่นของต้นอ่อนสูงที่สุดในแปลงอายุ 12 ถึง 15 ปี แผนการเหล่านี้ถูกใช้มากกว่าพื้นที่ที่อายุน้อย กว่า ]ทางตอนเหนือของยูทาห์พวกเขายึดครองทุกขั้นตอนต่อเนื่องในการสั่นสั่แอสเพนและต้นสน - เฟอร์ แต่ไม่ พบในทุ่งหญ้า ในอัลเบอร์ตากระต่ายสโนว์ชูใช้ขั้นตอนการสร้างแอสเพนพุ่มไม้บนที่สูงในการสร้างแอสเพน (ไม่ว่า จะหลังไฟหรือหลังการเก็บเกี่ยว) ในบริติชโคลัมเบียไม้สนสำ หรับเด็กและเยาวชน ที่เลี้ยงลูกด้วยนมมากเกินไป ( Pinus contorta ) ได้สร้างที่อยู่อาศัยของกระต่ายสโนว์ชูที่เหมาะสมที่สุด [ อย่างไรก็ตาม ในวอชิงตัน ตอนกลาง ทางตอนเหนือ พวกเขาไม่สามารถตั้งรกราก ได้จนถึงหกหรือเจ็ดปี และ อาจใช้เวลา 20 ถึง 25 ปี เพื่อให้ความหนาแน่นสูงสุด จำ นวนเม็ดของกระต่ายหิมะ ในฤดูหนาวสูงที่สุดในพื้นที่ สนลอดจ์เสาสนอายุ 20 ปี ต่ำ กว่า เสาลอดจ์ที่มีอายุ มากกว่าและต่ำ ที่สุดในพื้นที่ ยืนที่โดดเด่นด้วยต้นสน ในพื้นที่ ที่มีอายุมากกว่า (มากกว่า 25 ปี) ความหนา แน่น ของลำ ต้นเริ่มลดลง และ การปกคลุมของกระ ต่ายสโนว์ชูลดลง ทางตะวัน ตก ของโอเรกอนกระต่ายส โนว์ชู มีมากในช่วงแรก ๆ ต่อเนื่องกันรวมถึงทุ่งหญ้าที่ มีความมั่นมั่คง ในโอเรกอน ตอนกลางทาง ตะวันตกป่าดัก ลาสเฟอร์ที่ เติบโต เก่าแก่ ถูกกวาดล้าง และ เฝ้าติดตามตลอดระยะ เวลา 10 ปีที่สืบทอดต่อกัน มา กระต่ายสโนว์ชูสองสาม ตัวถูกบันทึกไว้ในแปลงป่าที่ อยู่ติดกัน พวกเขา เป็น ตัวแทนของประชากร ทางตะวันตก ของวอชิงตัน โดยปกติแล้วช่องว่างที่ไม่ถูก เผาไหม้หรือ มีรอยแผลเป็น ส่วนใหญ่ จะถูกจับโดยกระ ต่ายสโนว์ชูภายใน สี่ถึงห้าปี เนื่องจาก พืชพันธุ์มีความ หนาแน่น 77


กระต่ายสโนว์ชู ต้องมีขนหนาทึบ ปกคลุมต้นสน; ฝาปิดกันความ ร้อนและการหลบหนีมีความสำ คัญ อย่างยิ่งสำ หรับกระต่ายอายุน้อย แปรงขนต่ำ ให้การซ่อนตัวหลบหนี และที่ปิดกันความร้อน ผ้าคลุม หนา 10 ฟุต (3 ม.) เหนือพื้นดิน ให้การป้องกัน จากนักล่านก และ ผ้าคลุมหนา 3.3 ฟุต (1 ม.) ให้การปกปิดจากสัตว์นักล่าบนบก การอยู่รอดในช่วงฤดูหนาวจะเพิ่ม ขึ้นตาม การปกคลุมที่เพิ่มขึ้น มี การใช้แหล่งที่อยู่อาศัยหลากหลาย ประเภท หากมีที่อยู่อาศัย การ มองเห็นพื้นฐานในที่อยู่อาศัยของ กระต่าย snowshoe ที่ดีมีตั้งแต่ 2% ที่ระยะ 16.5 ฟุต (5 ม.) ถึง 0% ที่ 66 ฟุต (20 ม.) ฝาครอบ เดินทาง เปิดกว้างขึ้นเล็กน้อย ตั้งแต่การมองเห็น 14.7% ที่ 16.5 ฟุต (5 ม.) ถึง 2.6% ที่ 66 ฟุต (20 ม.) พื้นที่ที่มีความหนา แน่นของพืชในแนวนอน 40 ถึง 100% ที่ 50 ฟุต (15 ม.) เป็นที่ อยู่อาศัย ของกระต่ายสโนว์ชูที่ เพียงพอในยูทาห์ กระต่าย Snowshoe กินวัสดุจาก พืชหลายชนิด ประเภทอาหารสัตว์ แตกต่างกันไปตามฤดูกาล พืชสี เขียวฉ่ำ จะถูกใช้เมื่อมีให้ตั้งแต่ฤดู ใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง หลังจาก น้ำ ค้างแข็ง ครั้งแรกตากิ่งไม้เข็ม เขียวชอุ่มตลอดปี และเปลือกไม้ จะก่อให้เกิดอาหารกระต่ายสโนว์ชู จำ นวนมากจนกระทั่งทั่ฤดูใบไม้ผลิ เขียวขึ้นกระต่ายสโนว์ชูนั้น มักจะ หากินในเวลากลางคืน และเดิน ตามเส้นทางไปในป่า ที่ชำ รุดทรุด โทรม เพื่อหากินพืชต้นไม้นาชนิด 78


เพื่อนร่วมครอกมักจะ อยู่หรือ ตายด้วยกัน บ่อยกว่า โดยบังเอิญ การอยู่รอดของแต่ละ บุคคลมีความสัมพันธ์ ทางลบกับ ขนาดของ ครอก และก็มีความ สัมพันธ์ เชิงบวกกับ ขนาดตัว,เมื่อแรกเกิด ขนาดครอกจะมีความ สัมพันธ์ทางลบขนาด ตัวเมื่อแรกเกิด ในยูคอน การอยู่รอด ของเลเวอเรต ที่ติด ป้ายวิทยุ 30 วันคือ 46% 15% และ 43% สำ หรับ ลูกครอกแรก ตัวที่สองและสามของ ปีตามลำ ดับ ไม่พบ ความแตกต่างของเจ้า การต่าย ในแปลงที่มี การเติมอาหาร การทดลองยกเว้นในอัลเบอร์ตาระบุว่าการเรียกดูโดยกระต่ายสโนว์ชูในช่วงที่ประชากร มีจำ นวนมากที่สุดมีผลกระ ทบมากที่สุดต่อสิ่งมีชีวิตที่น่ารับประทานซึ่งจะช่วยลดปริมาณอาหารที่มีอยู่ได้มากขึ้น ในการศึกษานี้มีการเรียกดู เด็กที่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่เพียงพอที่จะรักษาจำ นวนกระต่ายหิมะที่มีอยู่ ในช่วงปีที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด (พ.ศ. 2514 และ 2515) ในฤดูหนาวในอัลเบอร์ตาตอนกลางความหนาแน่นของกระต่ายสโนว์ชูต่ำ เกิดขึ้นในปี 2508 โดยมีกระต่ายสโนว์ชู 42 ถึง 74 ตัวต่อ 100 เอเคอร์ (40 เฮกตาร์) จำ นวนประชากรสูงสุดเกิดขึ้นในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 โดยมีกระต่ายหิมะ 2,830 ถึง 5,660 ตัวต่อ 100 เอเคอร์ (40 เฮกตาร์) ในพื้นที่ทางตอน ใต้ของช่วงนี้ประชากรกระต่ายสโนว์ชูจะไม่ผันผวนอย่างรุนแรง 79


สายพันธุ์ ตัวเลขของสโนชู Snowshoe กระต่าย(สีเหลือง, พื้นหลัง) และ แคนาดาคม (เส้นสีดำ , หน้า) ขนขายให้กับบริษัท ฮัดสันเบย์ แมวป่าชนิดหนึ่ง ของ แคนาดากินกระต่ายส โนว์ชูประชากรกระต่ายสโนว์ ทางตอนเหนือ ได้รับวัฏจักร ซึ่งมีตั้งแต่เจ็ดถึง 17 ปีจุด สูงสุดของประชากร ในระยะ เวลาเฉลี่ย ระหว่างจุดสูงสุด อยู่ที่ราวๆประมาณ 10 ปี กระต่ายนั้น มีหลายสายพันธุ์มาก นับ 10 และแบ่งเป็นประเภทสัตว์ เลี้ยง,สัตว์ป่า,และสัตว์สงวน พื้นที่ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ นั้นก็มักจะ กระจัดกระจายไปประชากร ไม่ได้ อยู่ในจุดสูงสุด พร้อมกันในทุก พื้นที่แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ ซิงโคร ไนซ์เกิดขึ้นในละติจูด ทางตอน เหนือจากปีพ. ศ. 2474 ถึง พ.ศ. 2491 วัฏจักรนี้ได้รับการซิงโคร ไนซ์ภายในหนึ่งหรือสองปีในส่วน ใหญ่ของแคนาดา และอะแลสกา แม้จะมีความแตกต่างกัน ในเรื่อง ของผู้ล่าและเสบียงอาหาร 80


ที่อยู่อาศัยของสโนชู ตัวแปรสำ คัญ ในคุณภาพที่ อยู่อาศัย ได้แก่ สิ่งกีดขวาง ทางสายตาโดยเฉลี่ย และ การเรียกดูชีวมวล (ศัพท์ แสง)กระต่ายสโนว์ชูชอบป่า เล็กๆที่มีพวกป่าหรือต้นไม้ มากมาย การปรากฏตัวของ สิ่งปกคลุม เป็นปัจจัยหลัก ของคุณภาพที่อยู่อาศัยและ มีความสำ คัญมากกว่าความ พร้อมของอาหาร หรือองค์ ประกอบของสายพันธุ์ องค์ประกอบชี่ไม่ แต่ความ หนาแน่น ของประชากร อิทธิพลไม้เนื้ออ่อนหนาทึบ รองรับ ความหนาแน่นของ ไม้สโนว์ชูได้มากกว่าไม้เนื้อ แข็ง เนื่องจากคุณภาพการ ปกปิด รัฐเมนมีการสังเกต ว่า กระต่ายสโนว์ชูเพศเมีย พบได้บ่อยในพื้นที่ที่อาหาร สัตว์น้อย แต่จะมีคุณค่าทาง โภชนาการเป็นมากกว่าส่วน ผู้ชายมักจะพบในไซต์ที่จะ มีผ้าคลุมหนากว่า ความพร้อม ในการเรียกดู ฤดูหนาว ขึ้นอยู่กับความสูง ของ แปรงด้านล่าง และ ความลึก ของหิมะในฤดู หนาว ต้นกล้าสูง 6 ถึง 8 ฟุต (1.8 ถึง 2.4 ม.) ที่มี เส้นผ่านศูนย์กลาง ลำ ต้น แคบเป็นสิ่งจำ เป็น สำ หรับ ฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนักใน ภาคเหนือกระต่ายสโนว์ชูจะ ครอบครองต้นสน และ ป่า เบญจพรรณ ในทุกขั้นตอน ของการสืบทอด 81


epus americanus L. americanus Animalia L


ออร์แ ร์ กนิก จากราคา 690.- พิเพิศษ ใหม่ จากแบรนด์ Salford & Co.


84 Flamตั้งอยู่ในบริเวณส่วนในสุด “Sognefjord” ฟยอร์ดที่ใหญ่ และลึกที่สุดในโลกความยาว กว่า 204 กม. จากNorth Sea ลึกเข้ามาจนถึง แผ่นดินยามหน้าหนาว บรรยากาศบ้านเรือน หลังเล็ก ๆ สีสันสะดุดตา เสน่ห์ที่เตะตานั้นคืออาคาร บ้านไม้ที่มี สไตล์สแกน ดิเนเวียสีสันสดใส ตั้งเรียง รายอยู่ริมแม่น้ำ ที่ไหลผ่าน และชมFlåmsbanaMuseet พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ เก็บรักษาหัวจักรรถไฟ Aurlandselviที่ไหลลงสู่ฟ ยอร์ดเป็นที่ตั้ง ของเทือก เขา Aurlands vangen ไฮไลท์ Stegastein จุดพัก ชมวิว สะพานหินกลาง อากาศ บนยอดเขา ที่ สามารถชมวิวตรงฟยอร์ด ธารน้ำ แข็ง สุดตระการตา และ มันก็น่าหวาดเสียว ไปพร้อม ๆ ห่างออกไปจาก ฟลอม ประมาณ 9กม. มีหมู่บ้าน ริมน้ำ บนฝั่งตะวันออก ของ Aurlandsfjord ส่วน หนึ่ง ของฟยอร์ดที่ใหญ่ ที่สุดในนอร์เวย์มีลักษณะ เป็นแหลม บริเวณปาก แม่น้ำ ฟลอม (Flam) มีความหมายว่า Little Place BetweenSteepMountainตั้งชื่อตามทัศนียภาพ ของหมู่บ้าน ที่รายล้อมไปด้วยหุบเขาสวยงาม เป็นเมืองเล็กสวยสะกดใจในหุบเขา ใจกลาง ดินแดนฟยอร์ดทางตะวันตกของนอร์เวย์ หมู่บ้าน Flam ตั้งอยู่่ ในส่วนในสุดฟยอร์ด ปากแม่น้ำ ฟลอม คือ (Aurlandsfjord) ด้าน หน้าเป็นน้ำ ในฟยอร์ด ใสสะอาดล้อมไปด้วย หุบเขา Flamsdalen Valley


ARCTIC FOX หมาป่าอาร์กติก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Canis lupus arctos อาณาจักร:AnimaliCanis สายพันธุ์ที่เหนือกว่าหมาป่า


หมาจิ้งจอกอาร์กติก, หมาจิ้งจอก ขั้วโลกหรือหมาจิ้งจอกหิมะ มีชื่อ ภาษาอังกฤษ: Arcticfox,Snowy fox,Polarfoxและชื่อวิทยาศาสตร์: Vulpes หรือAlopexlagopus เป็น หมาจิ้งจอกขนาดเล็ก อาศัยอยู่ ทั่วทั่ไปในเขตชายผั่งผั่มหาสมุทรใน อาร์กติก ตลอดจนเขตทุนดราที่ เต็มไปด้วยหิมะและน้ำ แข็ง จัด เป็นสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยน้ำ นมอีก ชนิดหนึ่งที่มีขนสีขาว เพื่อที่จะให้ กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ช่วย ให้ล่าเหยื่อได้ง่าย และสามารถ พรางตัวมันจากศัตรูมันได้อีกด้วย หมาจิ้งจอกอาร์กติกนั้นจัดว่าเป็น สัตว์ ที่สามารถปรับสภาพให้ดำ รง อยู่ใน สภาพอากาศที่หนาวจัดได้ ดีชนิดหนึ่งที่มีระบบการปรับตัว กับอุณหภูมิ และสามารถควบคุม ความร้อนในร่างกายได้ สามารถ ทนอยู่ได้ในที่ๆ มีอุณหภูมิต่ำ -50 องศาเซลเซียสได้และหมาจิ้งจอก อาร์กติกจะมีใบหน้าที่สั้นมากกว่า หมาจิ้งจอกชนิดอื่น และเมื่อฤดูหนาวหมดลง หิมะ เริ่มละลาย ต้นไม้เริ่มผลิใบอ่อน หมาจิ้งจอกอาร์กติก เองก็มีการ เปลี่ยนแปลง ขนสีขาวของมัน จะร่วงลง และจะมีขนสีเทาอม น้ำ ตาลขึ้นแทน และ จะสั้นกว่า ขนในฤดูหนาวทำ ให้ตัวมันดูเล็ก ลง และมันมีขนาดเท่าแมวบ้าน เท่านั้น ในขั้วโลกเหนือฤดูร้อน นั้นสั้นมาก และเมื่อถึงฤดูหนาว กลับมาแล้ว จิ้งจอกขั้วโลกก็จะ เปลี่ยนสีขนมันกลับไปเป็นขนสี ขาวอีกครั้ง เป็นการบอกให้รู้ว่า การต่อสู้ พบเจอกับความหนาว เย็นกำ ลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง หมาป่าอาร์กติก Arctic fox ความยาวถ้า วัดตั้งแต่หัวถึงลำ ตัว เพศผู้ประมาณ 85.3 เซนติเมตร (33.6นิ้ว)เพศเมียจะยาวประมาณ 82.1เซนติเมตร(32.3นิ้ว) ความ ยาวของหาง เพศผู้ประมาณ 31 เซนติเมตร (12.2 นิ้ว) และความ ยาวของหางเพศเมียประมาณ 30 เซนติเมตร (11.8นิ้ว) ความกว้าง ของลำ ตัวจิ้งจอกขั้วโลก ประมาณ 25-30 เซนติเมตร(9.8-11.8 นิ้ว) น้ำ หนัก โดยประมาณ ของเพศผู้ ประมาณ7.7ปอนด์(3.5 กิโลกรัม) ในขณะที่เพศเมียน้ำ หนัก จะน้อย ประมาณ3.1ปอนด์ หรือ1.4-3.2 ในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงต้นเดือน กันยายนจนถึงพฤษภาคม ใช้ เวลาตั้งท้องประมาณ 52 วัน แม่หมาจะให้กำ เนิดลูก โดยที่ ครอกหนึ่ง จะมีประมาณ6-7 ตัว และอาจมากได้ถึง 25 ตัว นับว่า เป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วย นมที่มีปริมาณ ลูกต่อครอก มากที่สุดในโลกและลูกหมาจะ เติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทัน ก่อนฤดูหนาวจะมาถึง ในช่วง เวลานี้พวกมัน ก็จะกินอาหาร เป็นจำ นวนมากเพื่อจะเตรียม รับมือกับฤดูหนาว ที่จะมาถึง หมาจิ้งจอกขั้วโลกนั้น จะเก็บ อาหารไว้สำ หรับฤดูหนาว เช่น ฝังซาก หนูเลมมิ่งไว้ใต้หิมะ, เก็บไข่ไว้ในโพรงหิน บางตัว จะเก็บนกเล็กๆ ไว้ถึง27ตัว และไข่40ฟองสำ หรับฤดูหนาว มีใบหูที่เล็กและขนของมันฟูหนา เพื่อป้องกันการ จะสูญเสียความ ร้อน มันจะมีขนอยู่บริเวณอุ้งเท้า เพื่อช่วยให้เดิน และวิ่งบนพื้นน้ำ แข็งได้ในช่วงในที่ที่หิมะตกหนัก หรือเกิดพายุหมาจิ้งจอกอาร์กติก จะขุดโพรงลึกลงไปใต้หิมะ และ ขดตัวนอนลง โดยใช้หางของมัน ตวัดมาปิดตัว และหน้ามันเอาไว้ คล้ายคนห่มผ้าห่ม 86


โดดเดี่ยวในแดนหนาว ในแสงสีฟ้าในยามเช้าตรู่ของ เขตอาร์กติกสุนัขป่าอาร์กติก เจ็ดตัวร้องหงิงๆระหว่างไถล ตัวไล่ตาม ก้อนน้ำ แข็งขนาด เท่ากำ ปั้นข้ามบึงที่จับตัวเป็น น้ำ แข็ง พวกมันวิ่งข้ามบึงไป มา ลูกสุนัขป่าสี่ตัวแข่งกันไล่ ตามก้อนน้ำ แข็ง แล้วสุนัขป่า ที่โตกว่าสามตัว ก็ชนพวกมัน ให้ล้มลงและก้อนน้ำ แข็งกลิ้ง หล่น เข้าไปในโพลงหญ้าลูก สุนัขป่าที่ตัวใหญ่ที่สุดไล่ตาม ไปทัน และได้เคี้ยวมันแหลก ละเอียดคาปาก ความรู้สึกแบบนี้ช่างยากที่จะ อธิบายขณะสายตาจับจ้องกัน เมื่อฝูงสัตว์ผู้ล่าจ้อง มองคุณ และ คุณก็จ้องกลับด้วยหัวใจ ที่เต้นตูมตาม โดยปกติแล้ว มนุษย์นั้นจะมิใช่เป้าหมายให้ ประเมินค่าอย่างนั้น แต่ดูว่า เหมือนร่างกายมัน จะรู้ดีกว่า ความคิดตัวสั่นสั่อีกครั้ง แต่ใน คราวนี้ ก็ไม่ได้เกิดจากความ หนาวแม้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนใน หน้านี้ พวกมันจะดูขี้เล่นแค่ ไหนถึงอย่างไรพวกมันก็เป็น สุนัขป่านักล่า บางทีนี่อาจไม่มีสถานที่อื่นใด อีกบนโลกที่จะเกิดเหตุการณ์ เช่นนี้นี่คือเหตุผลว่าทำ ไมผม จึงเดินทางมาเกาะเอลส์เมียร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ของ อาร์กติกในแคนาดา เพื่อร่วม คณะถ่ายทำ ภาพยนตร์สารคดี สถานที่แห่งนี้ ช่างรกร้างห่าง ไกลและในฤดูหนาว ก็หนาว เย็นมาก เสียจนแทบจะไม่มี มนุษย์มาเยือนสถานีตรวจวัด อากาศชื่อยูรีกา มันตั้งอยู่บน ชายฝั่งตะวันตกที่มีเจ้าหน้าที่ ถึง8คนประจำ การตลอดทั้งปี 87


สุนัขป่าอาร์กติก ในพื้นที่แถบ นี้ของเกาะเอลส์เมียร์ ซึ่งเป็น ชนิดเดียวกับสุนัขป่าสีเทา ที่ อาศัยอยู่ ทางตอนเหนือของ เทือกเขาร็อกกี้พื้นที่ส่วนใหญ่ ของแคนาดา และกลุ่มประชา กรเล็กๆที่กระจายอยู่ทั่วทั่ยุโรป และเอเชียไม่เคยถูกล่าไม่เคย ถูกการพัฒนาขับไล่ไม่เคยถูก ชาวไร่วางยาเบื่อไม่เคยถูกจับ ไม่มีรถยนต์ทับจึงได้มีการเดา จากนักวิทยาศาสตร์เพียงไม่กี่ คนเคยศึกษาพวกมัน ใช่ว่าสุนัขป่าที่นี่ มันจะไม่เคย พบเห็นมนุษย์มาก่อนเลย นัก ชีววิทยาระดับตำ นานชื่อ แอล เดวิดเมชได้ใช้เวลา25ฤดูร้อน เฝ้าสังเกตพวกมัน ในตั้งแต่ปี 1986 พนักงานสถานีตรวจวัด อากาศพบเห็นพวกมันบ่อย ๆ ครั้งและมีรายงานการพบสุนัข ป่าอาร์กติกฝูงใหญ่เดินผ่านใน พื้นที่ของสถานีในคณะถ่ายทำ เคยฝังตัวอยู่กับฝูง โดยขับรถ ตามความเคลื่อนไหวของพวก มันและจับภาพมันเอาไว้ได้ 88


ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องการเคลื่อนไหวของหมาป่าอาร์กติก สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศ ครั้งเดียวที่หมาป่าอพยพคือช่วง ฤดูหนาวที่มีความมืดสนิทเป็นเวลา24 ชั่วชั่โมงสิ่งนี้ทำ ให้การเคลื่อนไหวของหมาป่าอาร์กติกยากต่อการค้นคว้า ประมาณ 2,250 กม. (1,400 ไมล์) ทางใต้ของไฮอาร์คติก มีการศึกษาการเคลื่อนไหวของหมาป่าในฤดูหนาวในความมืดสนิท เมื่ออุณหภูมิต่ำ ถึง −53 °C (−63 °F) นักวิจัยพบว่าหมาป่าเป็นเหยื่อของมัสคอกเซนเป็นหลัก ไม่มีข้อมูลการ เคลื่อนไหวของหมาป่าที่มัสก์เซน หมาป่าอาร์กติกค่อนข้างไม่กลัว ผู้คนนักและเราสามารถกล่อม ให้เข้าใกล้ผู้คนได้ในบางพื้นที่ เชื่อกันว่าเป็นเพราะพวกมันมอง เห็นมนุษย์มาน้อยมากและพวก มันเข้าหามนุษย์อย่างระมัดระวัง และอยากรู้อยากเห็น หมาป่าตัวหนึ่งทำ ร้ายคน 3 คน ถูกยิงและผลตรวจโรคพิษสุนัข บ้าเป็นบวก Sverdrup เขียนว่าในระหว่างการ เดินทางเขาเจอหมาป่าและไล่มัน ไปโดยง่ายดายเพราะมันก็กลัวเรา 89


ในป่าหมาป่าอาร์กติกหลักเหยื่อmuskoxenและกระต่ายอาร์กติก พวกเขายังถูกพบว่าเป็นเหยื่อของเล็มมิ่ง , กวางคาริบู , สุนัข จิ้งจอกอาร์กติก,นกและด้วงนอกจากนี้ยังพบว่าหมาป่าอาร์กติก ไล่ขยะแหล่งอาหารประเภทนี้นั้น มันจะไม่ถูกพบในอาหารของ หมาป่าอาร์กติกเสมอไป เนื่องจากมีความพร้อมในภูมิภาคและ ตามฤดูกาล บางครั้งก็มีการถกเถียงกันว่ากระต่ายมัสค็อกซ์หรือ กระต่ายอาร์กติกเป็นเหยื่อหลักสำ หรับระบบล่าเหยื่อ กระต่ายหมาป่า-มัสค็อกซ์ การศึกษาให้หลักฐานว่าmuskoxen เป็นเหยื่อ หลักของพวกมัน หลักฐานสนับสนุนเพิ่มเติมชี้ให้เห็นว่า muskoxen ให้ ชีวิตในระยะยาวและสัตว์กีบเท้าอื่นๆ ไม่ปรากฏอาหาร ของหมาป่าบางครั้งก็มีการถกเถียงกันว่า กระต่ายมัสค็ อกซ์หรือกระต่ายอาร์กติก เป็นเหยื่อหลักสำ หรับระบบ ล่าเหยื่อกระต่ายป่า-หมาป่า-มัสค็อกซ์การศึกษาให้หลัก ฐานว่า muskoxen เป็นเหยื่อหลัก การศึกษาที่กล่าวต่อไป ว่าระดับการพึ่งพาและ อาศัยกันระหว่างแหล่ง อาหารทั้งสองนั้นจะไม่ แน่นอน และปริมาณ การบริโภค ระหว่างทั้ง สองชนิดนั้น มันจะขึ้น อยู่กับฤดูกาลและปีใน การอภิปรายดำ เนินต่อ ไปเมื่อมีการหารือกันที่ เกี่ยวกับฤดูกาล และ อาหารของหมาป่าจาก การศึกษาหนึ่งได้พบว่า ลูกวัวมัสค็อกซ์เป็นอีก แหล่ง อาหารหลักมัน เนื่องจาก มันมีความ ต้องการ ของลูกสุนัขมี มากกว่า 90


หมาป่าอาร์กติกกังวลน้อยที่สุด แต่ก็เผชิญกับภัยที่คุกคามปี 1997 ประชากรหมาป่าอาร์กติกและเหยื่อของมันลดลง มัสโคเซนOvibosและกระต่ายป่าในอาร์กติกที่ลดลงเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้อแย่ยังอำ นวยในช่วงฤดูร้อนเป็นเวลาสี่ปี ประชากรหมาป่าอาร์กติกฟื้นตัวในฤดูร้อนหน้าเมื่อสภาพอากาศกลับสู่ปกติ รูปแบบสภาพความสุดขั้วได้เกิดเปลี่ยนแปลง องค์ประกอบ ของตัวการแปรสภาพของอาร์กติก ซึ่งส่งผลกระทบในทาง-ลบ ต่อประชากร ของสัตว์กินพืชในอาร์กติกซึ่งจะส่งผลต่อประชากรของพวกหมาป่าอาร์กติก ที่พึ่งพาสัตว์กินพืชเพื่อหาเหยื่อหาอาหารของหมาป่าขั้วโลก นั้นจะประกอบด้วย ส่วนสำ คัญของmuskox, harries อาร์คติคและ caribou หมาป่าขั้วโลกเหนือไม่ได้อยู่ภายใต้การล่าสัตว์ และการ ประหัตประหารอย่างรุนแรงที่มีหมาป่าสีเทาตัวอื่นๆ เนื่องจากหมาป่าขั้วโลกอยู่ในบริเวณที่ ที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ โดยส่วนใหญ่ ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ต่อหมาป่าอาร์กติกคือการที่เปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ หมาป่าอาร์กติก เป็นชุดที่สามารถ ประกอบได้ด้วยเพียงคนไม่กี่คนถึง 20คนหมาป่าขนาดของแพ็คขึ้นนั้นอยู่กับความพร้อมของอาหารที่มีหมาป่าอาร์กติกเป็นดินแดน แต่ดินแดนของพวกเขามักจะมีขนาดใหญ่และทับซ้อนกับพื้นที่ของบุคคลอื่น พวกเขาทำเครื่องหมายกางอาณาเขตด้วยปัสสาวะหมาป่าอาร์กติกมีลักษณะคล้ายกับนกพิราบอื่นๆ ที่เป็นหมาป่าสีเทา พวกมันมีขนาดเล็กกว่า สุนัขปกติจิ้งจอกสีเทา ตัวอื่นเล็กน้อยและมีหูที่มีขนาดเล็กและมีจมูกสั้น ความแตกต่างที่เด่นชัดที่สุดระหว่างหมาป่า ขั้วโลก กับ สุนัขพันธุ์อื่น ๆ ที่เป็นหมาป่าสีเทาคือขนสีขาว ทั้งหมดซึ่งจะคงสีขาวตลอดทั้งปี 91


ทั้งหมด 3 ชนิดย่อยV. l. beringensis พบในช่องแคบแบริงV. l. fuliginosus พบในไอซ์แลนด์V. l. pribilofensis พบในเขตมหาสมุทรอาร์กติกชนิดของหมาป่าอาร์กติก 92


แหล่งที่อยู่และหาอาหาร ในช่วงที่อากาศดี หมาจิ้งจอก อาร์กติก จะออกมาหาอาหาร ตามปกติมันจะล่าสัตว์เล็ก ๆ เช่น หนูเลมมิ่ง, นกกระทาขั้ว โลก บางครั้งถ้าโชคดี ก็จะเจอ ซากสัตว์ที่หมีขั้วโลก กินเหลือ ทิ้งไว้ก็จะกินซากนั้นการศึกษา กล่าวต่อไป ว่าระดับของการ พึ่งพาระหว่างแหล่ง อาหารทั้ง สองนั้นไม่แน่นอนและปริมาณ การบริโภคระหว่างทั้งสองชนิด ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและปี สุนัขป่าอาร์กติกอาศัยอยู่ในหมู่ เกาะอาร์กติกทางตอนเหนือสุด ของแคนาดา และในตามแนว ชายฝั่งของกรีนแลนด์ เท่านั้น แต่พวกมันเป็นญาติใกล้ชิดกับ สุนัขป่าสีเทา ที่พบแถบเทือก เขาร็อกกี้ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของ แคนาดา และหลายพื้นที่ของ ยุโรป นักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจ ว่าปัจจุบันมีสุนัขป่าอาร์กติกจะ อาศัยอยู่ในเขต กระจายพันธุ์นี้ เป็นจำ นวนเท่าใด อาศัยอยู่ทั่วทั่ไป ในเขตชายผั่งผั่ม หาสมุทรอาร์กติกตลอดจนเขต ทุนดรา ที่เต็มไปด้วยหิมะและ น้ำ แข็ง จัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยน้ำ นมอีกชนิดหนึ่ง ที่มีขน สีขาว เพื่อที่ทำ ให้กลมกลืนกับ สภาพแวดล้อมช่วยให้ล่าเหยื่อ ได้ง่าย และจะสามารถพรางตัว จากศัตรูได้ด้วยมักพบในพื้นที่ ในตอนเหนือ ของทวีปยูเรเซีย รวมถึงตอนเหนือของแคนาดา และกรีนแลนด์ 93


Arctic fox anislupus arctos


+123-456-7890 [email protected] www.reallygreatsite.com วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เวลา 18.00 - 00.00 น. คุณวานิดา ฟาคิม (วิทยากร) คุณวานิดา ฟาคิม (วิทยากร) คุณวานิดา ฟาคิม (พิธีกร) เข็มนักทิเดินท ทิ ศาง กิจกรรมบรรยาย


96 หมู่เกาะโลโฟเทน(Lofoten Archipelago) เป็นหมู่เกาะที่ตั้งขึ้น อยู่ในมณฑลนูร์ลันด์ (Nordland)ในทางตอนเหนือของประเทศ นอร์เวย์ซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรในที่สแกน ดิเนเวียประชากรส่วนใหญ่ ที่บนหมู่เกาะ แห่งนี้ยังคงทำ การประมงเป็นหลัก เราจึง ได้เห็นหมู่บ้านชาวประมง ที่มีสีสันสดใส กระจายอยู่ทั่วทั่ไปตามเกาะเล็กเกาะน้อย เที่ยวโลโฟเทน(Lofoten)ภาพบ้านไม้สีแดงสด บนโขดหินริมชายฝั่งที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิน ลูกใหญ่ ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนสีขาว ของหิมะขับให้สีสันของบ้านนั้นเด่นชัดราวกับ เป็นบ้านในการ์ตูนที่มันไม่มีอยู่จริงในโลกใบนี้ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหิน แกรนิตสูงตระหง่าน สลับซับ ซ้อน เรียงรายริมชายฝั่งทะเล มีหน้าผาสูงชัน ที่รายล้อมไป ด้วยอ่าวเล็กๆ ซึ่งเกิดจากการ กัดเซาะของธารน้ำ แข็ง จนเว้า แหว่งกร่อน เข้าไปในแผ่นดิน เกิดเป็น ฟยอร์ด (Fjord) ที่ สวยงามแปลกตา แต่ความเป็นจริง ภาพบ้าน การ์ตูนสีแดงสดนี้ เป็นภาพ ของหมู่บ้าน ชาวประมงใน หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten Archipelago)ที่มีอยู่จริง เรา จะมาพาทุกท่าน ไปทำ ความ รู้จักกันกับหมู่เกาะโลโฟเทน และ บ้านชาวประมงสีแดง กันให้มากขึ้น


Click to View FlipBook Version