The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ครูอาร์ม, 2023-02-21 22:58:55

B16241678

B16241678

39 การปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของผู้เรียน และส่งเสริมผู้เรียนที่มีความรู้ความสามารถให้เกิด พัฒนาการสูงสุดตามศักยภาพ ซึ่งเครื่องมือวัดและประเมินผลที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม 2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 3. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญา 4. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 5. แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้านการคิด วิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวโดยสรุป ผลจากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับหลักการและแนวคิดของปรัชญา การศึกษาพิพัฒนนิยม (Progressivism) ทฤษฎีคอนสตรัคติวิซึ่ม (Constructivism) หลักการของ กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติหลักการของการจัดการเรียนการสอนทั้ง 5 รูปแบบ และการวัดและประเมินผล ตลอดจนการกําหนดองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาฯ ที่จะพัฒนาขึ้น ผู้วิจัยสามารถสรุปสาระสําคัญของการศึกษาดังกล่าวซึ่งสัมพันธ์กับ องค์ประกอบต่าง ๆ ของรูปแบบฯ ที่จะพัฒนาขึ้นได้ดังตารางที่ 2-4 ตารางที่ 2-4 สาระสําคัญขององค์ประกอบรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น องค์ประกอบของ รูปแบบ สาระสําคัญ หลักการ 1. เน้นการฝึกฝนให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ (Experience) เรียนรู้การคิดจาก การลงมือกระทํา (Learning by Doing) และแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง 2. ปลูกฝังผู้เรียนให้เป็นผู้เรียนมีความรู้และทักษะด้านต่าง ๆ ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 3. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนการเรียนรู้ “พัฒนาทักษะการคิด การแก้ไขปัญหา เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ผ่าน กระบวนการฝึกฝนประสบการณ์การเรียนรู้และกระบวนการมีส่วนร่วม” วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาทักษะคิด การแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ไขปัญหา 2. เพื่อส่งเสริมทักษะการทํางานร่วมกับผู้อื่น 3. เพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ในการอยู่ร่วมกับคนในสังคม 4. เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต กระบวนการเรียนการสอน 1. แนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิซึ่ม (Constructivism) 2. หลักการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 3. หลักการเรียนรู้ด้วยการนําตนเอง (Self-Directed Learning) 4. หลักการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) 5. หลักการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Experience Learning) ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้ที่จะค้นหา หรือแสวงหาคําตอบ หรือสิ่งที่ต้องการด้วย - ตนเอง ผ่านการจัดประสบการณ์ของผู้สอนและ/หรือการเรียนรู้จากประสบการณ์ จริง โดยผู้เรียนจะมีส่วนร่วมในการวางแผน กําหนดการเรียนรู้แสวงหาแหล่ง เรยนรีู้ คิดวิเคราะห์สรุปผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยแบ่งออกเป็น 4 ข้นตอน ได้แก่วางแผนการเรียนรู้ (Plan) ลงมือปฏิบัติ (Practice) สรุปผลความรู้ (Conclude) และสะท้อนตัวตน (Self-Reflection) การวัดและประเมินผล วัดและประเมินผลพัฒนาการการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่องตลอด กระบวนการจัดการเรียนรู้ (Formative Evaluation)


40 2.6.5 การประเมินประสิทธิภาพรูปแบบการเรียนการสอน การประเมินประสิทธิภาพรูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาที่จะพัฒนาขึ้นนี้ประยุกต์ใช้มาตรฐานสําหรับการประเมินระบบ หรืองานประเมินซึ่ง ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน ดังนี้ (Stufflebeam, 1981 อ้างถึงใน ศิริชัย, 2545) 1. มาตรฐานการใช้ประโยชน์ (Utility Standards) เป็นมาตรฐานที่ต้องการประกันถึงความ เป็นประโยชน์ผลการประเมินประกอบด้วยเกณฑ์ 8 ประการ คือ 1.1 การระบุผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องการใช้สารสนเทศ 1.2 ความเป็นที่เชื่อถือของผู้ประเมิน 1.3 การรวบรวมข้อมูลครอบคลุมและตอบสนองความต้องการใช้สารสนเทศของผู้ที่เกี่ยวข้อง 1.4 การแปลความหมายและการตัดสินคุณค่ามีความชัดเจน 1.5 รายงานผลการประเมินมีความชัดเจนทุกขั้นตอน 1.6 การเผยแพร่ผลการประเมินไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง 1.7 รายงานการประเมินเสร็จทันเวลาสําหรับนําไปใช้ประโยชน์ 1.8 การประเมินส่งผลกระทบในการกระตุ้นให้มีการประเมินต่อไปอย่างต่อเนื่อง 2. มาตรฐานความเป็นไปได้ (Feasibility Standards) เป็นมาตรฐานที่ต้องการประกันถึง ผลการประเมินที่ได้มาจากกระบวน หรือวิธีการประเมินที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงเหมาะสม กับสถานการณ์ปฏิบัติได้ยอมรับได้ประหยัด และคุ้มค่า ประกอบด้วยเกณฑ์ 3 ประการ คือ 2.1 วิธีการประเมินสามารถนําไปปฏิบัติได้จริง 2.2 การเป็นที่ยอมรับได้ทางการเมือง 2.3 ผลที่ได้มีความคุ้มค่า 3. มาตรฐานความเหมาะสม (Propriety Standards) เป็นมาตรฐานที่ต้องการประกันว่า ระบบการประเมินได้มีการดําเนินการอย่างเหมาะสมตามกฎ ระเบียบ จรรยาบรรณ มีการคํานึง ถึงสวัสดิภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องในการประเมินและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประเมิน ประกอบด้วย เกณฑ์ 8 ประการ คือ 3.1 การกําหนดข้อตกลงของการประเมินไว้อย่างเป็นทางการ 3.2 การแก้ปัญหาของความขัดแย้งในการประเมินด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส 3.3 รายงานผลการประเมินอย่างตรงไปตรงมา เปิดเผยและคํานึงถึงข้อจํากัดของการประเมิน 3.4 การให้ความสําคัญต่อสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของผู้รับการประเมินและบุคคลทั่วไป 3.5 การคํานึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่าง 3.6 การเคารพสิทธิในการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 3.7 รายงานผลการประเมินมีความสมบูรณ์ยุติธรรม และเสนอทั้งจุดเด่น และจุดด้อยของ สิ่งที่ประเมิน 3.8 ผู้ประเมินทําการประเมินด้วยความรับผิดชอบและมีจรรยาบรรณ 4. มาตรฐานความถูกต้อง (Accuracy Standards) เป็นมาตรฐานที่ต้องการประกันว่า การประเมินได้มีการใช้เทคนิคที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ข้อสรุป ข้อค้นพบ และสารสนเทศที่เพียงพอ สําหรับตัดสินคุณค่าของสิ่งที่ประเมิน ประกอบด้วยเกณฑ์ 11 ประการ คือ 4.1 การระบุวัตถุประสงค์ของการประเมินไว้อย่างชัดเจน


41 4.2 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวกับระบบการประเมินอย่างชัดเจน 4.3 การบรรยายวัตถุประสงค์และกระบวนการประเมินอย่างชัดเจน 4.4 การบรรยายแหล่งข้อมูล และการได้มาของข้อมูลอย่างชัดเจน 4.5 การพัฒนาเครื่องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความตรง 4.6 การพัฒนาเครื่องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความเที่ยง 4.7 การจัดระบบควบคุมสําหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และรายงาน 4.8 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ 4.9 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ 4.10 การลงข้อสรุปที่มีเหตุผลสนับสนุน 4.11 การเขียนรายงานที่มีความเป็นปรนัย จากเกณฑ์การประเมินผลระบบข้างต้น จะเห็นได้ว่า การประเมินผลระบบอาศัยเกณฑ์หรือ มาตรฐานการประเมิน คือ ความเที่ยง ความสามารถในการนําไปปฏิบัติจริงหรือความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ความเหมาะสม ความถูกต้อง ความเป็นธรรม ความพึงพอใจและเป็นที่ยอมรับ และผลกระทบ สําหรับการวิจัยครั้งนี้ประยุกต์ใช้การประเมินผลระบบเพื่อประเมินรูปแบบการเรียน การสอนรายวิชาที่จะพัฒนาขึ้น โดยมุ่งเน้นการประเมิน 4 ด้านตามกรอบแนวคิดของ Stufflebeam (1981) ซึ่งประกอบด้วย มาตรฐานการใช้ประโยชน์ มาตรฐานความเป็นไปได้มาตรฐานความ เหมาะสม และมาตรฐานความถูกต้อง 2.7 งานวิจัยทเกี่ี่ยวข้อง 2.7.1 การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ธีร์ธวัช (2560) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถ ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการ จัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบคือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) ขั้นตอน/กระบวนการจัดการเรียนรู้มี 6 ขั้นตอน ย่อย คือ 3.1) ขั้นทําความเข้าใจ 3.2) ขั้นวางแผนแก้ปัญหา 3.3) ขั้นแปลงข้อมูลที่มีในโจทย์ 3.4) ขั้น ดําเนินการตามแผน 3.5) ขั้นตรวจสอบความถูกต้องและความรู้ 3.6) ขั้นแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 4) ระบบสนับสนุน และ 5) การวัดและประเมินผล สมิทธิรักษ์ (2560) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนรายวิชาศึกษาทั่วไปตามกรอบ มาตรฐานคุณ วุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติของหมวดวิชาศึกษาทั่วไป วิทยาลัยดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการสอนวิชาศึกษาทั่วไป วิทยาลัยดุสิตธานีที่วิจัยและ พัฒนาขึ้น เรียนกว่า “GE DTC Model” มี 7 องค์ประกอบสําคัญ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหาการสอน 4) วิธีการสอน 5) ขั้นตอนการสอน 6) สื่อการสอน และ 7) การประเมินผล ศุภักษร (2559) ทําการวิจัยเรื่อง การศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบการเรียนการสอนแบบ ผสมผสานโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเรื่องการเขียนโปรแกรมขั้นพื้นฐานด้วยภาษาจาวาสคริปต์ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่าองค์ประกอบของร่างรูปแบบ มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหา 4) กระบวนการจัดการเรียนการสอน และ 5) การวัดและ ประเมินผล


42 ดรุณนภา (2559) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานด้วย การเรียนรู้ร่วมกัน โดยใช้กรณีศึกษาเพื่อส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณาญาณ การคิดแก้ปัญหาและ การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีมของนักศึกษาระดับปริญญาตรีครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์พบว่า 1. รูปแบบ การเรียนการสอนแบบผสมผสานด้วยการเรียนรู้ร่วมกันโดยใช้กรณีศึกษา มีองค์ประกอบ ได้แก่ 1) ปัจจัยนําเข้า 2) กระบวนการ ประกอบด้วย ขั้นปฐมนิเทศ ขั้นดําเนินกิจกรรมการเรียนการสอน แบบผสมผสาน 7 ขั้นตอน ได้แก่ขั้นที่ 1 ร่วมกันศึกษากรณีศึกษา ขั้นที่ 2 ร่วมกันวินิจฉัยปัญหาโดย การระดมสมอง ขั้นที่ 3 สร้างทางเลือกในการแก้ปัญหาร่วมกัน ขั้นที่ 4 แลกเปลี่ยนความรู้/ เปลี่ยนแปลงความรู้ขั้นที่ 5 ประเมินผลทางเลือกและระบุความเป็นไปได้ขั้นที่ 6 สรุปและรายงานผล ขั้นที่ 7 นําเสนอผลงานและประเมินผล การวัดและประเมินผล 3) ปัจจัยนําออก ประกอบด้วย การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดแก้ปัญหา และการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม 4) ผลป้อนกลับ ปวิดา (2559) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อ ส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์และผลการเรียนรู้ของนักศึกษาตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา (TQF) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบ ประเมินการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และ 2) แบบประเมินผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (TQF) ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมี 5 ขั้นตอน คือ 1. ปฐมนิเทศ 2. เปิดโจทย์ 3. ศึกษาด้วยตนเองตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ 4. ปิดโจทย์ 5. ประเมินผล จากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน และรูปแบบ การจัดการเรียนรู้ข้างต้น พบว่า องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนประกอบด้วย 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค 3) กระบวนการเรียนการสอน และ4) การวัดและประเมินผล นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการนําองค์ประกอบ เช่น 1) ปัจจัยนําเข้า 2) กระบวนการ 3) ผลผลิต และ 4) ข้อมูล ป้อนกลับ มาใช้เป็นองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนด้วย 2.7.2 การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ประสูติ (2560) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนาการเรียนรู้แบบ Outcome-based Education ใน รายวิชาการวิเคราะห์วงจรไฟฟ้าของคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร พบว่า การใช้การเรียนรู้แบบ Outcome-based Education เป็นวิธีการเรียนรู้ที่เน้นผลลัพธ์โดยที่ตัวผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง (Student Centered) และอาจารย์จะเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมใน หลากหลายรูปแบบที่เน้นใช้ Active Learning และ Problem-based Learning เป็นหลัก โดยมี จุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นรูปแบบทักษะ ทางความรู้ในสองส่วน ได้แก่ทักษะด้านความรู้ (Hard Skill) และทักษะด้านอารมณ์และสังคม (Soft Skill) ยุภาดี (2560) ทําการวิจัยเรื่อง ผลการใช้กระบวนการเรียนรู้คู่ความสนุกสนานเพื่อส่งเสริม ทักษะการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบของนักศึกษา วิชาชีพครูเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่กระบวนการเรียนรู้คู่ความสนุกสนาน (5T Model) แบบวัด ทักษะการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์และแบบวัดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ พบว่า นักศึกษาวิชาชีพครูมีทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบโดยรวมอยู่ในระดับมาก ที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ทุกคนยอมรับผลจากการทํางานด้วยความเต็มใจ สมาชิก


43 ทุกคนมีความสําคัญต่อการทํางานให้สําเร็จตามเป้าหมาย และทุกคนเชื่อว่า สมาชิกในกลุ่มทุกคน สามารถทํางานให้บรรลุเป้าหมาย ตามลําดับ และวิธีการที่นักศึกษาช่วยให้เพื่อนในกลุ่มเข้าใจโดย การไปศึกษาทําความเข้าใจเนื้อหาที่ตนได้รับมอบหมายแล้วนํามาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟัง สรวงพร (2560) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมยุทธวิธีการรู้ คิดสําหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎ พบว่า รูปแบบการเรียนการสอนเน้นให้ผู้เรียนได้สร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเองจากการวิเคราะห์ประสบการณ์เดิมและพัฒนาประสบการณ์ใหม่ด้วยทักษะและ ยุทธวิธีการรู้คิดที่เหมาะสม โดยนักศึกษาหลังการพัฒนาโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอน มียุทธวิธีการ รู้คิดสูงขึ้นอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นัทธรัตน์ (2557) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สําหรับผู้เรียนในระดับอุดมศึกษา ซึ่งทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ทักษะการทํางานร่วมกับผู้อื่น ทักษะในการสื่อสาร ทักษะด้าน สารสนเทศ ทักษะด้านสื่อ และทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยศึกษาบน พื้นฐานของทฤษฎีการเรียนรู้หลักการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสําคัญ และหลักการเรียน การสอนที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบของการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สําหรับผู้เรียนใน ระดับอุดมศึกษา ประกอบด้วยลักษณะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใน 4 ลักษณะที่ สัมพันธ์กัน ได้แก่การนําเสนอเนื้อหาอย่างมีพลัง การสืบค้นสาระความรู้การสร้างและเผยแพร่ ผลงาน และการปฏิสมพั ันธ์และการสะท้อนกลับ จามรี (2555) ทําการวิจัยเรื่อง ผลการปรับพฤติกรรมของนักศึกษาในรายวิชาจริยธรรมสําหรับ นักเทคโนโลยีการศึกษา โดยใช้แบบบันทึกพฤติกรรมจริยธรรม พบว่า กระบวนการเรียนรู้ตระหนักถึง การพัฒนาจริยธรรมด้วยตนเองของกลุ่มตัวอย่าง มีรูปแบบการปรับพฤติกรรม คือ 1) กําหนด เป้าหมายในการเรียนรู้หรือเป้าหมายในการปรับพฤติกรรม 2) วางแผนการปรับปรุงและการแก้ปัญหา 3) มีการประเมินตนเองเห็นคุณค่าและประโยชน์ของสิ่งที่เรียน และสามารถนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิต จริง นอกจากนี้ผู้เรียนสามารถประเมินตนเองและพยายามปรับพฤติกรรมให้มีจริยธรรมที่ดีตามหลัก คุณธรรม โดยเขียนสะท้อนบันทึกผลจากการพยายามปรับพฤติกรรมของตนเอง อัญชนา (2555) ทําการวิจัยเรื่อง พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความ รับผิดชอบด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงการในรายวิชาการจัดการธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์พบว่า พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงการ ในรายวิชาการจัดการธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์การสรุปปัญหาและแนวความคิดในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ระหว่างการจัดทําโครงการของผู้เรียนจะมีวิธีการแก้ปัญหาที่คล้ายคลึงกัน คือ 1) ด้านความเข้าใจใน เนื้อหาและงานที่ต้องทําในแต่ละกิจกรรม จะทําการปรึกษาผู้สอน อาจารย์ที่เชี่ยวชาญในแต่ละ หลักสูตรและรุ่นพี่ที่เคยทําโครงการมาก่อน 2) ด้านการทํางานของสมาชิกในกลุ่ม จะมีคนที่ไม่ให้ความ ร่วมมือในการทํางาน ซึ่งจะต้องมีการนัดประชุมสมาชิกในกลุ่มอยู่เสมอ เพื่อชี้แจงและมอบหมายงาน ให้สมาชิกแต่ะละคนให้ชัดเจน และนัดทํางานร่วมกันในวันหยุดหรือหลังเลิกเรียน 3) ด้านการ ประสานงานกับสมาชิกในกลุ่มและหน่วยงานต่าง ๆ จะใช้ช่องทางสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ได้แก่การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์และการใช้เครือข่ายสังคม (Facebook)


44 จากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะของผู้เรียนในด้าน ต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่นํามาใช้เพื่อการวิจัยนั้นประกอบด้วย 1) รูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่โดยการผสมผสานรูปแบบการจัดการเรียนการสอนมากกว่า 2 รูปแบบขึ้นไป และ 2) รูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่นักการศึกษาคิดพัฒนาขึ้น เช่น รูปแบบ การเรียนรู้แบบโครงงาน โดยรูปแบบฯ ทั้งสองประเภทนี้ล้วนยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้น รูปแบบ การจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่จะพัฒนาขึ้น ผู้วิจัยจึงยึดแนวคิดการเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นหลัก และใช้วิธีการผสมผสานแนวคิดของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน 2.7.3 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม เกียรติศักดิ์ (2560) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเสริมศักยภาพครูใน การส่งเสริมอาชีพของนักเรียนและชุมชน โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการพัฒนาท้องถิ่น แบ่งขั้นตอน การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม เป็น 6 ขั้นตอน คือ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเพื่อวิเคราะห์ความต้องการ 2) สร้างหลักสูตรฝึกอบรม ประกอบด้วย หลักการและเหตุผล หลักการของหลักสูตร จุดมุ่งหมายของ หลักสูตร เนื้อหาสาระ กิจกรรม กระบวนการฝึกอบรม สื่อ และการวัดและประเมินผล 3) ตรวจสอบ คุณภาพของหลักสูตร 5) ดําเนินการใช้หลักสูตรฝึกอบรม 6) การประเมินผลการฝึกอบรม อาทิตย์ (2560) ทําการวิจัยเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการการจัดการเรียนรู้รายวิชาชีพ ช่างอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ด้วยบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ (WebQuest) ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบประกอบด้วยโมดูลหลักจํานวน 5 โมเดล ได้แก่ 1) หลักการ แนวคิด และทฤษฎีของ บทเรียนแสวงรู้บนเว็บ 2) องค์ประกอบของชุดการสอน 3) องค์ประกอบของบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ 4) หลักการ แนวคิดและวิธีการสร้างแบบทดสอบการคิดวิเคราะห์และ 5) ประเมินแบบ CIPP อรุณรุ่ง (2559) ทําการวิจัย เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมตามแนวคิดการเรียนรู้แบบ ผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญของครูผู้สอนระดับ ประถมศึกษา โดยมีขั้นตอนดําเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ 1) วิเคราะห์องค์ประกอบเกี่ยวกับ สมรรถนะด้านการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ 2) ศึกษาความต้องการจําเป็น 3) สร้างหลักสูตร ฝึกอบรม และ 4) ทดลองใช้หลักสูตรฝึกอบรม จากการศึกษากระบวนการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมดังกล่าวข้างต้น พบว่า ขั้นตอนใน การสร้างหลักสูตรฝึกอบรม ประกอบด้วย 1) การศึกษาหาข้อมูลความต้องการของการฝึกอบรม 2) การสร้างหลักสูตรฝึกอบรม 3) การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรฝึกอบรม 4) นําหลักสูตรไปใช้และ 5) การประเมินและติดตามผล 2.8 กรอบการวิจัย จากหลักการสําคัญของกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติเพื่อเป็นการส่งเสริม กระบวนการปรับเปลี่ยนกลวิธีการสอนของผู้สอน การเรียนรู้ของผู้เรียน ตลอดจนการวัดและประเมินผล การเรียนรู้และเพื่อความมั่นใจว่า ผู้เรียนจะบรรลุมาตรฐานผลการเรียนรู้ตามที่มุ่งหวังได้จริง ผู้วิจัยจึง มีความสนใจที่จะหาแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้ก้าวหน้าและเกิดประสิทธิภาพ แก่ผู้เรียนต่อไปในอนาคต ด้วยการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้าง ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติตลอดจนหลักสูตรฝึกอบรมรูปแบบ การจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้สอนระดับอุดมศึกษาสามารถนําไปใช้เป็น


45 แนวทางในการพัฒนาและการจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้ได้ตามมาตรฐานที่ กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติกําหนดไว้โดยผู้วิจัยได้ทําการศึกษา 1) สภาพทั่วไป และปัญหา ตลอดจนความต้องการในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 2) การจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 3) แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนต่าง ๆ 4) รูปแบบการเรียนการสอน และการประเมินผล 5) การพัฒนาระบบ และองค์ประกอบของระบบเพื่อ นํามาประยุกต์ใช้เป็นกระบวนการพัฒนารูปแบบฯ 6) การพัฒนาหลักสูตร และหลักสูตรฝึกอบรม รวมถึงการประเมินหลักสูตร และ 7) งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนและ การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม จากนั้นได้นํามาพัฒนาเป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อ เสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติตามกระบวนการพัฒนา ระบบ คือ การวิเคราะห์การออกแบบ การตรวจสอบ การปรับปรุง การนํารูปแบบ และการประเมินผล เมื่อรูปแบบดังกล่าวได้ผ่านการนําไปทดลองใช้และประเมินผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้วิจัยจึงได้นํามา พัฒนาเป็นหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อให้ความรู้แก่ผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และไม่ได้จบครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ หรือมีประสบการณ์ทางการสอนมาก่อน โดยผ่านกระบวนการศึกษาหาข้อมูลความต้องการของ การฝึกอบรม การสร้างหลักสูตรฝึกอบรม การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรฝึกอบรม การนํา หลักสูตรไปใช้และการติดตามประเมินผล โดยประยุกต์ใช้แนวคิดการประเมินของ The Kirk Patrick Approach ของ Krikpatrick (1998) ผู้วิจัยสรุปเป็นกรอบการวิจัยในครั้งนี้ได้ดงภาพทั ี่ 2-4


สภาพท ั ่ วไปและปัญหาการ จ ั ดการเร ี ยนการสอนตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒ ิ ฯ การจ ั ดการเร ี ยนการสอนตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒ ิ ระด ั บอ ุ ดมศ ึ กษาแห ่ งชาต ิ แนวค ิ ดและทฤษฏ ี เก ี ่ ยวก ั บ การจ ั ดการเร ี ยนการสอนต ่ างๆ ร ู ปแบบการเรียนการสอน การประเมินผล ร ู ปแบบการเรียนการสอน รายว ิ ชาเพ ื ่ อเสร ิ มสร ้ าง ผลการเร ี ยนร ู ้ ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒ ิ ระด ั บอ ุ ดมศ ึ กษาแห ่ งชาต ิ ประกอบด้วย 1. หลักการ 2. วัตถ ุ ประสงค์ 3. โครงสร้าง 4. การวัดและประเมินผล ภายใตโครงสร ้้าง ป้ ว ิ เคราะห ์ ออกแบบ น ําไปใช้ และ ประเมิน พ ั ฒนาหล ั กส ู ตรฝึกอบรม ร ู ปแบบการจัดการเรียน การสอนรายว ิ ชา เพ ื ่ อเสร ิ มสร ้ างผลการเร ี ยนร ู ้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒ ิ ระด ั บอ ุ ดมศ ึ กษาแห ่ งชาต ิ ประกอบด้วย 1. ค ู ่ ม ือการใช้ร ู ปแบบ 2. ช ุ ดฝึกอบรมซึ ่ ง ป้่ ความต ้องการฝึกอบรม ตรวจสอบ และ ปรับปร ุ ง น ําไปใช้


ภาพท ี ่ 2-4 กรอบการวิจัย การพ ั ฒนาระบบและ องค ์ประกอบของระบบ งานว ิ จ ั ยท ี ่ เก ี ่ ยวข ้ อง ประกอบด้วย 1. ปัจจัยนําเข้า 2. กระบวนการ PPCS 3. ผลผลิต 4. ข้อม ู ลป้อนกลับ ตรวจสอบและปรับปร ุ ง ประกอบด้วย 7 หน่วย การเร ี ยนร ู ้ การพ ั ฒนาหล ั กส ู ตรและ การประเมินหลักส ู ตร และ ตดตาม ิ ประเมินผล


47 บทที่ 3 การดําเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดย ประยุกต์ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ร่วมกับข้อมูลของการวิจัยเชิง คุณภาพ (Qualitative Research) เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อ เสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติและ 2) พัฒนาหลักสูตร ฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยผู้วิจัยดําเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก แสดงดังภาพที่ 3-1 R - ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ สภาพทั่วไป ปัญหาในการ จัดการเรียนการสอนรายวิชา - สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ เกี่ยวกับการจัดการเรียนการ สอนรายวิชา - สรุปผล R - ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ สภาพทั่วไป ปัญหาในการ จัดการเรียนการสอนรายวิชา - ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ ความต้องการฝึกอบรม - สรุปผล R - นําหลักสูตรที่ผ่านการ ตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญไป ฝึกอบรมให้กลุ่มเป้าหมาย - ติดตาม และประเมินผล D - ร่างรูปแบบการจัดการเรียน การสอนรายวิชาเพื่อ เสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับ อุดมศึกษาแห่งชาติ - ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ - ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ - นําไปทดลองใช้ - ประเมินผล D - พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการ จัดการเรียนการสอนรายวิชา เพื่อเสริมสสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ - ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ - ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ ภาพที่ 3-1 ขั้นตอนการดําเนินการวิจัย ขั้นตอนที่ 1 การพัฒนารูปแบบฯ ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรฯ ขั้นตอนที่ 3 การนําหลักสูตรฯ ไปใช้


48 ขั้นตอนที่ 1 การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 1. ขั้นศึกษาสภาพทั่วไป และปัญหาในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอดมศุึกษาแห่งชาติ 1.1 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย 1.1.1 กลุ่มเป้าหมายสําหรับประเมินคุณภาพแบบสอบถาม ได้แก่ผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 5 คน โดยผู้วิจัยเลือกตามเกณฑ์ที่กําหนด คือ มีประสบการณ์ด้านการจัดการเรียนการสอนมากกว่า 10 ปีโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง 1.1.2 กลุ่มเป้าหมายสําหรับการศึกษาสภาพทั่วไป และปัญหาในการจัดการเรียนการ สอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติได้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สอนด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 13 แห่ง ๆ ละ 5 คน รวม 65 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง 1.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1.2.1 แบบสอบถามสภาพทั่วไป ปัญหา และความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียน การสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 สอบถามเกี่ยวกับสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยมีลักษณะเป็นแบบ ตรวจสอบรายการ (Check List) ตอนที่ 2 สอบถามเกี่ยวกับสภาพทั่วไป ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติซ่ึงแบ่งเป็นรายด้าน จํานวน 5 ด้านได้แก่ด้าน คุณธรรม จริยธรรม ด้านความรู้ด้านทักษะทางปัญญา ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและ ความรับผิดชอบ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check List) ตอนที่ 3 แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ส่วนแรก สอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม มีลักษณะเป็นแบบสอบถามปลายเปิด และส่วนที่สอง สอบถามความต้องการฝึกอบรมเกี่ยวกับการ จัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อให้บรรลุกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติมีลักษณะเป็น แบบตรวจสอบรายการ (Check List) 1.3 ขั้นตอนการดําเนินการวิจัย มีดังต่อไปนี้ 1.3.1 ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1) แนวคิด และทฤษฎีเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนต่าง ๆ 2) การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน และการประเมินผล 3) การจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติและ 4) งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน จากการศึกษา วิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในบทที่ 2 ผู้วิจัยสรุป เป็นข้อมูลที่สําคัญได้ว่า รูปแบบการเรียนการสอนประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์กระบวนการ เรียนการสอน และการประเมินผล นอกจากนี้การจัดกระบวนการเรียนการสอนควรมีการใช้เทคนิค การสอนต่าง ๆ เพื่อช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน ซึ่งผลจากศึกษาข้างต้น ผู้วิจัยได้


49 นําไปจัดทําเครื่องมือเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสภาพทั่วไป ปัญหา และความต้องการในการจัดการเรียน การสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติในลําดับต่อไป 1.3.2 ศึกษาสภาพทั่วไป ปัญหาและความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน รายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติเพื่อการนําข้อมูลมาใช้ร่างรูปแบบการ จัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติและเพื่อการนําข้อมูลที่ได้มาใช้กําหนดวัตถุประสงค์ของหลักสูตรฝึกอบรม โดยขั้นตอน การดําเนินการมีดังนี้ 1.3.2.1 สร้างเครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล คือ แบบสอบถามโดยใช้ข้อมูลที่ได้จาก การศึกษาในข้อ 1.3.1 1.3.2.2 นําร่างแบบสอบถามเสนออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เพื่อตรวจสอบ และเสนอแนะ 1.3.2.3 ปรับปรุงร่างแบบสอบถามตามอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เสนอแนะ จากนั้นนําไปให้ผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 5 คน ประเมินความสอดคล้องของเนื้อหา (IOC : Item Objective Congruence) การกําหนดเกณฑ์การพิจารณาระดับค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อคําถามที่ได้จากการคํานวณ สําหรับค่าดัชนีความสอดคล้องที่ยอมรับได้ต้องมีค่ามากกว่า 0.5 ขึ้นไป (Rovinelli and Hambletion, 1977) ซึ่งจากผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญพบว่า ค่าความสอดคล้องของแต่ละข้อ คําถามทั้งฉบับ มีค่ามากกว่า 0.80 แสดงว่าแบบสอบถามนี้สามารถนําไปใช้ได้ 1.3.2.4 จัดพิมพ์แบบสอบถามฉบับจริง เพื่อนําไปใช้เก็บรวบรวมข้อมูลกับ กลุ่มเป้าหมาย คือ ครูผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรี สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 13 แห่งๆละ 5 คน จํานวน 65 ชุดโดยผู้ตอบแบบสอบถามส่งกลับ คืนมา จํานวน 54 ชุด คิดเป็น 83.08% 1.3.2.5 ตรวจสอบความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของแบบสอบถามซึ่งพบว่า มีความถูกต้องและสมบูรณ์ทุกฉบับ จึงได้นําไปวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป 1.3.2.6 วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาดังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบ รายการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจงความถี่และหาค่าร้อยละ ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพทั่วไป ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ วิเคราะห์ข้อมูลโดย ใช้การแจกแจงความถี่และหาค่าร้อยละ ตอนที่ 3 แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ส่วนแรก การเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจงความถี่แล้วนําเสนอโดย วิธีพรรณนา และส่วนที่ 2 การสํารวจความต้องการฝึกอบรมของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยเป็นแบบ ตรวจสอบรายการ ซึ่งจะกล่าวในขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม 1.3.2.7 สรุปผลการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพทั่วไปในการจัดการเรียน การสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติตลอดจนความคิดเห็นและ ข้อเสนอแนะที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนรายวิชา และการมุ่งบรรลุผลการเรียนรู้ของผู้เรียน


50 1.3.2.8 ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพทั่วไปและความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียน การสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติเพื่อนําไปเป็นข้อมูล ประกอบการร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติที่จะพัฒนาขึ้น 2. ขั้นพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 2.1 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย 2.1.1 กลุ่มเป้าหมายสําหรับการศึกษาข้อมูลเพื่อการพัฒนาร่างรูปแบบจัดการเรียน การสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ โดยการสัมภาษณ์ได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน จํานวน 5 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง 2.1.2 กลุ่มเป้าหมายสําหรับการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ โดยการสัมภาษณ์เกี่ยวกับความเหมาะสม และความเป็นไปได้ในการนําไปใช้ได้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้าน การจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 5 คน และด้านการวัดและประเมินผล 2 คน รวมทั้งสิ้น 7 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง 2.1.3 กลุ่มเป้าหมายสําหรับการประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนการ สอนรายวิชาฯ โดยการนําไปทดลองใช้ได้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับ ปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งไม่ได้จบด้านครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ตลอดจนไม่มี พื้นฐานด้านการสอนจํานวน 5 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง 2.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.2.1 แบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อการร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนสําหรับรายวิชา เพื่อเสริมสร้าง ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5 ด้าน ได้แก่ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านความรู้ด้านทักษะทางปัญญา ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความ รับผิดชอบ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมี ลักษณะเป็นแบบสัมภาษณ์ปลายเปิด ส่วนที่ 2 ประเมินความเหมาะสมเกี่ยวกับ 1) หลักการที่เหมาะสมซึ่งนํามาประยุกต์ใช้ในการจัด กระบวนการเรียนการสอนเพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้รายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณ วุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 2) วิธีการสอน เทคนิคการสอนที่เหมาะสมสําหรับนํามาใช้กําหนดกิจกรรม การเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้รายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณ วุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติและ 3) วิธีการที่เหมาะสมสําหรับการวัดและประเมินผลผู้เรียน โดยมี ลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check List) 2.2.2 แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสม และความเป็นไปได้ในการ นําไปใช้ของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ประกอบด้วย


51 ส่วนที่ 1 ประเมินความเหมาะสมและความเป็นได้ได้ของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาฯ มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) และคําถามปลายเปิดสําหรับ ข้อเสนอแนะ ส่วนที่ 2 ประเมินความเหมาะสมรายละเอียดของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ โดยมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check List) และคําถามปลายเปิดสําหรับข้อเสนอแนะ 2.2.3 แบบประเมินประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ 4 ด้าน โดยผู้สอน มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) และคําถามปลายเปิดสําหรับ ข้อเสนอแนะ 2.2.4 แบบประเมินปฏิกิริยาตอบสนองที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ โดยผู้สอน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ประเมินปฏิกิริยาตอบสนองที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ โดยมี ลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scales) และคําถามปลายเปิดสําหรับข้อเสนอแนะ ส่วนที่ 2 ประเมินความเหมาะสมของกระบวนการเรียนการสอน PPCS มีลักษณะเป็นแบบ ตรวจสอบรายการ (Check List) และคําถามปลายเปิดสําหรับข้อเสนอแนะ 2.2.5 แบบประเมินปฏิกิริยาตอบสนองที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดย ผู้เรียน มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scales) และคําถามปลายเปิดสําหรับ ข้อเสนอแนะ 2.3 ขั้นตอนการดําเนนการวิ ิจัย มีดังต่อไปนี้ 2.3.1 สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิผู้วิจัยได้ดําเนินการดังต่อไปนี้ 2.3.1.1 นําข้อมูลที่ได้จากการศึกษารูปแบบการจัดการเรียนการสอนต่าง ๆ (จากข้อ 1.3.1) และข้อมูลที่ได้จากการศึกษาสภาพทั่วไป ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติในสถานศึกษา (จากข้อ 1.3.2) มาสรุปรายละเอียดเพื่อเป็นข้อมูล ในการสร้างแบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่จะ พัฒนาขึ้นสามารถนําไปสอนเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้รายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5 ด้านได้ 2.3.1.2 สร้างแบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ 2.3.1.3 นําร่างแบบสอบถามเสนออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เพื่อตรวจสอบ และให้ข้อเสนอแนะ 2.3.1.4 ปรับปรุงแก้ไขตามคําแนะนําของอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ 2.3.1.5 นําแบบสัมภาษณ์ที่ได้ปรับปรุงแล้วไปสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน 2.3.1.6 วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาดังนี้ ส่วนแรกการสอบถามความคิดเห็น มีลักษณะเป็นการสัมภาษณ์แบบปลายเปิดวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจงความถี่แล้วนําเสนอโดยวิธีพรรณนา ส่วนที่สอง การประเมินความเหมาะสมของรายละเอียดต่าง ๆ ขององค์ประกอบในรูปแบบการ จัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจก แจงความถี่แล้วหาค่าร้อยละ


52 2.3.1.7 สรุปผลการสัมภาษณ์เกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอน รวมถึง กิจกรรมการจัดการเรียนรู้สําหรับรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ 5 ด้าน โดยผลที่ได้จากการ สัมภาษณ์พบว่า รูปแบบการเรียนการสอนควรเป็นรูปแบบที่มีการบูรณาการ ใช้กิจกรรมการเรียนรู้ที่ ส่งเสริมให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้มีความพร้อมที่จะสืบค้นความรู้ใหม่ๆ รู้จักประยุกต์ใช้ความรู้เก่าและ ใหม่เพื่อแก้ปัญหา โดยควรมีการใช้กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผลดังกล่าว ผู้วิจัยได้นําไปร่าง รูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติเป็นลําดับต่อไป 2.3.2 ร่างรูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยผู้วิจัยดําเนินการดังต่อไปนี้ 2.3.2.1 วิเคราะห์ (Analysis) ผู้วิจัยทําการวิเคราะห์ข้อมูลจาก 1.1) การศึกษา รูปแบบการจัดการเรียนการสอนต่าง ๆ (จากการศึกษาในข้อ 1.3.1) แล้วพิจารณาความสอดคล้องของ สารสนเทศกับกรอบมาตรฐานคุณวุฒิฯ 1.2) การศึกษาสภาพทั่วไป ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน รายวิชา จากการสอบถามกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้สอนปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 13 แห่ง (จากการศึกษาในข้อ 1.3.2) และ 1.3) ผลการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ (จากการศึกษาในข้อ 2.3.1) เพื่อการนําข้อมูลที่ได้มากําหนด เป็นองค์ประกอบต่าง ๆ ของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 2.3.2.2 ออกแบบ (Design) เป็นการนําสารสนเทศที่ได้จาก ข้อ 1) มาใช้เป็น ข้อมูลในการร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ให้สามารถนําไปใช้ปฏิบัติจริงให้ได้มาก ที่สุด โดยผู้วิจัยได้จัดทําร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ซึ่งครอบคลุมองค์ประกอบที่ สําคัญ 4 ด้าน ได้แก่หลักการ วัตถุประสงค์โครงสร้าง และการวัดและประเมินผล ตลอดจน องค์ประกอบย่อยภายใต้โครงสร้างของรูปแบบ ได้แก่ ปัจจัยนําเข้า (Inputs) กระบวนการ (Process) ผลผลิต (Outputs) และข้อมลปู้อนกลับ (Feedback) 2.3.2.3 นําร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ เสนอต่ออาจารย์ที่ ปรึกษาวิทยานิพนธ์เพื่อตรวจสอบ และเสนอแนะ 2.3.2.4 ปรับปรุงแก้ไขร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ตามที่ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เสนอแนะ 2.3.2.5 ได้ร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พร้อมให้ผู้เชี่ยวชาญ ทําการประเมินต่อไป 2.3.3 ตรวจสอบ (Verification) ร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่ พัฒนาขึ้น โดยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 7 คน เพื่อประเมินความเหมาะสม (Propriety) และ ความเป็นไปได้ (Feasibility) ของร่างรูปแบบฯ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 2.3.3.1 ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการสร้างเครื่องมือประเมินร่างรูปแบบการ จัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ จากเอกสาร งานวิจัย ตํารา หนังสือต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการ สร้างเครื่องมือในการประเมิน 2.3.3.2 สร้างเครื่องมือประเมินร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่ พัฒนาขึ้น ด้านความเหมาะสม (Propriety) และความเป็นไปได้ (Feasibility)


53 2.3.3.3 นําเครื่องมือประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ให้ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ตรวจสอบ และเสนอแนะ 2.3.3.4 ปรับปรุงแก้ไข ตามที่อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เสนอแนะ 2.3.3.5 ทําหนังสือถึงผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอเข้าสัมภาษณ์เพื่อประเมินรูปแบบการ จัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น 2.3.3.6 วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาดังนี้ ส่วนที่ 1 ประเมินความเหมาะสม และความเป็นไปได้ในการนํารูปแบบไปใช้มีลักษณะเป็น แบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สําหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอแนะ ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจงความถี่แล้วนําเสนอโดยวิธีพรรณนา ส่วนที่ 2 ประเมินความเหมาะสมรายละเอียดของรูปแบบฯ มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบ รายการ (Check List) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่และหาค่าร้อยละ สําหรับส่วนที่ เกี่ยวข้องกับข้อเสนอแนะ ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจงความถี่แล้ว นําเสนอโดยวิธีพรรณนา จากผลการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า 1) รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่ พัฒนาขึ้น มีความเหมาะสมในระดับมาก ( = 4.39, S.D. = 0.56) และความเป็นไปได้ในการนําไปใช้อยู่ ในระดับมาก เช่นกัน ( = 4.40, S.D. = 0.54) 2) ผลการประเมินความเหมาะสมรายละเอียดของ รูปแบบฯ พบว่า องค์ประกอบภายในโครงสร้างของรูปแบบฯ มีความเหมาะสมทั้งหมด 2.3.3.7 ปรับปรุงรูปแบบ (Improvement) ผู้วิจัยทําการปรับปรุงและแก้ไข รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ตามคําแนะนําของผู้เชี่ยวชาญ 2.3.3.8 ได้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่มีความสมบูรณ์เพื่อ นําไปกําหนดรายละเอียดในการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมต่อไป 2.3.3 ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ซึ่งผ่านการประเมินจาก ผู้เชี่ยวชาญ และทําการปรับปรุงแก้ไขตามคําแนะนําเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 2.3.3.1 คัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีและไม่ได้จบด้านครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์รวมทั้งไม่มีพื้นฐานทางด้านการสอน สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 5 คน 2.3.3.2 ชี้แจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจในหลักการ แนวทางการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนตามกระบวนการเรียนรู้แต่ละขั้นตอน รวมทั้ง อธิบายวิธีการใช้แบบประเมิน ต่างๆก่อนเปิดภาคเรียน 2.3.3.3 กลุ่มเป้าหมายวางแผนและดําเนินกิจกรรมการเรียนการสอนใน มคอ. 3 ตามคําอธิบายรายวิชา (ใน มคอ. 2) โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้นเป็น กระบวนการจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน เป็นระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา (1/2559) 2.3.3.4 กลุ่มเป้าหมายดําเนินการสอนตามรูปแบบ โดยผู้วิจัยสังเกตพฤติกรรม ระหว่างการสอน และเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการนําไปปรับปรุงแก้ไข 2.3.3.5 ประเมินผลการนํารูปแบบไปใช้เมื่อสิ้นสุดภาคเรียนตามแนวคิดของ Stufflebeam (1981) โดยการสอบถามผู้สอน 4 ด้าน เกี่ยวกับด้านมาตรฐานความเหมาะสม


54 (Propriety) ด้านมาตรฐานความเป็นไปได้ (Feasibility) ด้านมาตรฐานการนําใช้ประโยชน์ (Utility) และ ด้านมาตรฐานความถูกต้อง (Accuracy) ตลอดจนสอบถามปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เรียน และผู้สอนที่มี ต่อรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น 2.3.3.6 วิเคราะห์ผลที่ได้จากการศึกษา ดังนี้ 2.3.3.6.1 การประเมินประสิทธิภาพรูปแบบฯ เกี่ยวกับมาตรฐาน 4 ด้าน มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สําหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอแนะ ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจงความถี่แล้วนําเสนอโดยวิธีพรรณนา 2.3.3.6.2 การประเมินปฏิกิริยาตอบสนองที่มีต่อรูปแบบการจัดการ เรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น โดยผู้สอน แบ่งออกเป็น ส่วนแรก ประเมินปฏิกิริยาตอบสนองที่มีต่อรูปแบบ มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scales) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สําหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอแนะ ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจง ความถี่แล้วนําเสนอโดยวิธีพรรณนา ส่วนที่ 2 ประเมินความเหมาะสมของกระบวนการเรียนการสอน PPCS มีลักษณะเป็นแบบ ตรวจสอบรายการ (Check List) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจงความถี่และหาค่าร้อยละ สําหรับ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอแนะ ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจงความถี่แล้ว นําเสนอโดยวิธีพรรณนา 2.3.3.6.3 ประเมินปฏิกิริยาตอบสนองที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียน การสอนโดยผู้เรียน มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scales) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการ หาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สําหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอแนะ ใช้ วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจงความถี่แล้วนําเสนอโดยวิธีพรรณนา 2.3.3.7 สรุปผล และนําเสนออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เพื่อตรวจสอบความ ถูกต้องและให้คําแนะนํา 2.3.3.8 นํารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่ผ่านการทดลองใช้และ ประเมินประสิทธิภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไปพัฒนาเป็นหลักสูตรฝึกอบรมในลําดับต่อไป ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้าง ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 1. ขั้นศึกษาความต้องการฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้าง ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 1.1 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย กลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มเป้าหมายเดียวกันกับกลุ่มที่ใช้ในการศึกษาสภาพทั่วไป ปัญหา และ ความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติได้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับ


55 ปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 13 แห่ง ๆ ละ 5 คน รวม 65 คน โดยวิธีการเลือกแบบ เจาะจง 1.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบบสอบถามที่ใช้คือแบบสอบถามเดียวกันกับการศึกษาสภาพทั่วไป ปัญหา และความต้องการ เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติซึ่งอยู่ ในตอนที่ 3 เป็นการสอบถามเกี่ยวกับความต้องการฝึกอบรม โดยมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบ รายการ (Check List) 1.3 ขั้นตอนการดําเนินการวิจัย มีดังนี้ 1.3.1 ดําเนินการตามขั้นตอนการศึกษาสภาพทั่วไป ปัญหา และความต้องการเกี่ยวกับ การจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯในข้อ 1.3.2 1.3.2 วิเคราะห์ข้อมูล โดยในส่วนของการสํารวจความต้องการฝึกอบรมของผู้ตอบ แบบสอบถามเป็นแบบตรวจสอบรายการ การวิเคราะห์ข้อมูลกระทําโดยใช้การแจกแจงความถี่และ หาค่าร้อยละ ผลการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความต้องการเข้ารับการฝึกอบรม หากมีโครงการฝึกอบรม เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อให้บรรลุผลตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติพบว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างต้องการเข้า รับการฝึกอบรม คิดเป็น 94.44% 1.3.3 สรุปผลการตอบแบบสอบถาม ตลอดจนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 1.3.4 ได้ข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนรายวิชา เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติเพื่อนําไปเป็นข้อมูล สําหรับการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมต่อไป 2. ขั้นพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 2.1 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย กลุ่มเป้าหมายสําหรับการประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบ และหลักสูตร ฝึกอบรม ได้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการพัฒนาหลักสูตร และด้านการวัด และประเมินผล จํานวน 5 คน โดยวิธีเลือกแบบเจาะจง 2.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.2.1 แบบประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ มีลักษณะ เป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) 2.2.2 แบบประเมินความสอดคล้อง (IOC) แบ่งออกเป็น 2.2.2.1 แบบประเมินผลความสอดคล้องระหว่างหัวข้อเรื่องการฝึกอบรมกับ วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 2.2.2.2 แบบประเมินผลความสอดคล้องระหว่างเนื้อหาการฝึกอบรมกับ วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 2.2.2.3 แบบประเมินผลความสอดคล้องระหว่างสื่อประกอบการฝึกอบรมกับ เนื้อหาการฝึกอบรม


56 2.2.3 แบบประเมินความเหมาะสมของชุดฝึกอบรม มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) 3. ขั้นตอนการดําเนินการวิจัย มีดังนี้ 3.1 นํารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น และผ่านการทดลองใช้เป็นที่ เรียบร้อยแล้ว มาทําการวิเคราะห์และสรุปผล 3.2 สร้างหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ เพื่อการนํารูปแบบการ จัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้นไปใช้โดยประกอบด้วย 3.2.1 คู่มือการใช้รูปแบบ เป็นเอกสารที่พัฒนาขึ้นจากข้อมูลของรูปแบบการจัดการ เรียนการสอนรายวิชาฯ ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น คู่มือนี้ใช้สําหรับให้รายละเอียดแก่ผู้สอน เพื่อให้มีความ เข้าใจในรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความรู้และทักษะในการจัดการเรียนการ สอน และสามารถนําแนวทางไปใช้เพื่อการจัดการเรียนการสอนรายวิชาได้ถูกต้องตามกระบวนการ ต่อไป โดยคู่มือนี้ประกอบด้วย 3.2.1.1 คําชี้แจงเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย ความสําคัญและที่มาของรูปแบบ ทฤษฎีและแนวคิดพื้นฐาน หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ สาระสําคัญของรูปแบบ กระบวนการเรียนการสอนแบบ PPCS และ เครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผล 3.2.1.2 ตัวอย่างแบบประเมินผลการเรียนรู้และแบบสังเกตพฤติกรรม 3.2.2 ชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ สําหรับฝึกอบรมครูผู้สอน เพื่อให้ มีความรู้ทักษะในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยเนื้อหาได้จากการวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง และจาก รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น กําหนดเป็นหัวข้อเรื่องซึ่งมี 7 หัวข้อเรื่อง ได้แก่ 2.1) กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 2.2) การจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นสําคัญ 2.3) การจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น 2.4) การวางแผนการ เรียนรู้ (P : Plan) 2.5) การลงมือปฏิบัติ (P : Practice) 2.6) การสรุปผลความรู้ (C : Conclude) และ 2.7) การสะท้อนตัวตน (S: Self-Reflection) ขั้นตอนการพัฒนาชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ มีดังต่อไปนี้ 1. กําหนดวัตถุประสงค์ชุดฝึกอบรม เพื่อกําหนดรายละเอียดของการฝึกอบรมในขั้นตอนต่อไป 2. ออกแบบชุดฝึกอบรมโดยการวิเคราะห์หัวข้อเรื่อง ซึ่งวิเคราะห์ได้จํานวน 7 หัวข้อเรื่อง จากนั้นนําหัวข้อเรื่องเหล่านี้ไปวิเคราะห์ผลจากการวิเคราะห์ทําให้ได้หัวข้อหลัก และจากหัวข้อหลัก แยกเป็นหัวข้อย่อย จากนั้นพิจารณาว่า การที่จะทําให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้และทักษะใน แต่ละหัวข้อเรื่องได้อย่างสมบูรณ์นั้นจะต้องมีความรู้และทักษะอะไร ซึ่งจากการวิเคราะห์หัวข้อหลักจะ ได้ความรู้ย่อยที่ต้องการออกมา จากนั้นนํามากําหนดเป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม แล้วสร้างชุด ฝึกอบรม โดยมีส่วนประกอบดังนี้ 2.1 ใบเนื้อหา เป็นเนื้อหาที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมและออกแบบโดยใช้ภาพ หรือรูปภาพประกอบคําอธิบาย 2.2 สื่อประกอบการฝึกอบรม เพื่อให้การบรรยายในแต่ละหัวข้อเรื่องมีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น โดยผู้วิจัยได้จัดทําสื่อที่ใช้ในการอบรมคือ สไลด์ PowerPoint


57 2.3 ใบกิจกรรม เพื่อใช้ทดสอบการปฏิบัติการสอนของผู้เข้าฝึกอบรมในส่วนของการนํา รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้นไปใช้สอน เพื่อให้เกิดทักษะตามวัตถุประสงค์ สามารถปฏิบัติได้จริง ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมเป็นหลัก 3. นําหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ให้อาจารย์ที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์ตรวจสอบ และเสนอแนะ 4. ปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้น ตามที่อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เสนอแนะ 5. ได้หลักสูตรฝึกอบรม (ฉบับร่าง) ที่พร้อมส่งให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินต่อไป 3.3 ประเมินหลักสูตรฝึกอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยมีขั้นตอนการดําเนินการ ดังนี้ 3.3.1 ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการสร้างเครื่องมือประเมินหลักสูตรฝึกอบรม จาก เอกสาร ตํารา งานวิจัย และหนังสือต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างเครื่องมือในการประเมิน หลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้น 3.3.2 สร้างเครื่องมือประเมินหลักสูตรฝึกอบรม 3.3.3 นําเสนอเครื่องมือสําหรับการประเมินหลักสูตรฝึกอบรม ต่ออาจารย์ที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์เพื่อตรวจสอบ และเสนอแนะ 3.3.4 ได้เครื่องมือสําหรับใช้ประเมินหลักสูตรฝึกอบรมที่สมบูรณ์ 3.3.4 จัดส่งเอกสาร พร้อมแบบประเมินให้ผู้เชี่ยวชาญจํานวน 5 คนประเมิน 3.4 วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการศึกษา ดังนี้ 3.4.1 แบบประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบ เป็นแบบมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) โดยผู้วิจัยได้กําหนดช่วงของค่าเฉลี่ย ดังนี้ 4.51 – 5.00 หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3.51 – 4.50 หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก 2.51 – 3.50 หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย 1.00 – 1.50 หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด 3.4.2 แบบประเมินความสอดคล้องเพื่อตรวจสอบดัชนีความสอดคล้อง (IOC : Item Objective Congruence) ของหัวข้อเรื่อง เนื้อหา และสื่อประกอบการฝึกอบรม ผู้วิจัยกําหนดเกณฑ์ สําหรับการพิจารณาค่าดัชนีความสอดคล้องที่ยอมรับได้ต้องมีค่ามากกว่า 0.5 ขึ้นไป (Rovinelli and Hambletion, 1977) 3.4.3 แบบประเมินความเหมาะสมของชุดฝึกอบรม เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยผู้วิจัยได้กําหนดช่วงของค่าเฉลี่ยเช่นเดียวกันกับการประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้ รูปแบบ ข้างต้น 3.5 สรุปผลการประเมิน ตลอดจนข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยผลการประเมินพบว่า 3.5.1 คู่มือการใช้รูปแบบ ในภาพรวม มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( = 4.52, S.D. = 0.27)


58 3.5.2 ชุดฝึกอบรมในภาพรวม มีความสอดคล้อง โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 นอกจากนี้หัวข้อเรื่องการฝึกอบรมกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม มีความสอดคล้อง โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 เนื้อหาการฝึกอบรมกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม มีความ สอดคล้อง โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 และสื่อประกอบการฝึกอบรม กับเนื้อหาการ ฝึกอบรม มีความสอดคล้อง โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.88-1.00 3.5.3 ชุดฝึกอบรม ในภาพรวม มีความเหมาะสม ในระดับมาก ( = 4.18, S.D. = 0.51) 3.6 ปรับปรุงแก้ไข ตามคําแนะนําของผู้เชี่ยวชาญ โดยหากมีจุดบกพร่องที่ต้องทําการ ปรับปรุง ผู้วิจัยจะทําการปรับปรุงตาม เพื่อให้ได้หลักสูตรฝึกอบรมที่สมบูรณ์ ขั้นตอนที่ 3 การนําหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการ เรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติไปใช้ การนําหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติไปใช้มีดังนี้ 1. กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย 1.1 กลุ่มเป้าหมายสําหรับการนําหลักสูตรฝึกอบรมไปใช้ (Implementation) ได้แก่ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และมี ประสบการณ์ในการสอนรายวิชา ต่ํากว่า 3 ปีจํานวน 6 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง 1.2 กลุ่มเป้าหมายสําหรับการสัมภาษณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมการทํางานของผู้เข้ารับการ ฝึกอบรมที่ส่งผลต่อองค์กร คือ ผู้บริหารซึ่งปฏิบัติงานประกันคุณภาพของหน่วยงานที่ผู้เข้ารับ ฝึกอบรมปฏิบัติหน้าที่จํานวน 6 คน 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.1 แบบประเมินพฤติกรรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม แบ่งออกเป็น 2.1.1 แบบประเมินระหว่างฝึกอบรม ได้แก่ 2.1.1.1 แบบประเมินปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction Evaluation) ที่มีต่อการ ฝึกอบรม โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรม มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) 2.1.1.2 แบบประเมินผลการเรียนรู้ (Learning Evaluation) ซึ่งแบ่งออกเป็น แบบประเมินความรู้ทักษะ และเจตคติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม โดยผู้บังคับบัญชาทําการประเมิน ก่อนและเมื่อเสร็จสิ้นการอบรม มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check List) 2.2 แบบประเมินหลังฝึกอบรม ได้แก่ 2.2.1 แบบประเมินพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง (Behavior Evaluation) แบ่งออกเป็น แบบประเมินตนเองภายหลังการฝึกอบรม และแบบประเมินพฤติกรรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ภายหลังการฝึกอบรมรมโดยผู้บังคับบัญชา และโดยเพื่อนร่วมงาน มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) 2.2.2 แบบประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กร (Results Evaluation) เป็นแบบ สัมภาษณ์ผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับพฤติกรรมการทํางานของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ส่งผลต่อองค์กร มี ลักษณะเป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง


59 3. ขั้นตอนการดําเนินการวิจัย มีดังนี้ 3.1 เตรียมหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ซึ่งประกอบด้วย 1) คู่มือ การใช้รูปแบบ และ 2) ชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ เพื่อนําไปเก็บข้อมูลกับ กลุ่มเป้าหมาย โดยมีการดําเนินการดังต่อไปนี้ 3.1.1 จัดทําโครงการฝึกอบรม เพื่อใช้เป็นแนวทางการดําเนินการฝึกอบรม โดยผ้วูิจัยได้ กําหนดวัตถุประสงค์เป้าหมาย วิธีดําเนินการฝึกอบรม คุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม รวมทั้ง ระยะเวลาในการฝึกอบรมของแต่ละหัวข้อไว้ด้วย 3.1.2 คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย โดยผู้วิจัยใช้วิธีเลือกตามเกณฑ์ที่กําหนด คือเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และมีประสบการณ์ในการสอนรายวิชา ต่ํากว่า 3 ปีจํานวนทั้งสิ้น 6 คน 3.1.3 กําหนดวัน เวลา สถานที่ที่ใช้จัดฝึกอบรม รวมทั้งเตรียมความพร้อมในเรื่องของ เอกสาร วัสดุอุปกรณ์สื่อประกอบการฝึกอบรม และใบกิจกรรม 3.2 สร้างแบบประเมินโครงการฝึกอบรม ตามแนวคิดการประเมิน The Kirk Patrick Approach ของ Kirkpatrick (1998) โดยการศึกษาข้อมูลจากตํารา หนังสือ และงานวิจัยต่าง ๆ จากนั้น ทําการร่างแบบประเมิน เพื่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ตรวจสอบ และให้ข้อเสนอแนะ 3.3 ดําเนินการฝึกอบรม โดยมีขนตอนดั้ังนี้ 3.3.1 สร้างความเข้าใจการใช้คู่มือการใช้รูปแบบ ผู้วิจัยนําคู่มือการใช้รูปแบบ ไปทําการชี้แจงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมี ความเข้าใจในรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจะมีความรู้ ทักษะเจตคติเกี่ยวกับการสอนตามรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น และสามารถนําแนวทางไปใช้เพื่อการจัดการ เรียนการสอนได้ถูกต้องตามกระบวนการต่อไป หลังจากนั้นผู้วิจัยได้แจกคู่มือดังกล่าวให้ผู้เข้าฝึกอบรม ได้ศึกษาด้วยตนเอง ก่อนการฝึกอบรม เป็นเวลา 1 สัปดาห์ 3.3.2 ฝึกอบรมตามชุดฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้น ระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรม คือ 2 วัน รวมทั้งสิ้น 8 ชั่วโมง (วันที่ 6 และ 7 กุมภาพันธ์ 2561) ที่ห้องฝึกอบรม วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ด้วยวิธีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการแบบบรรยาย และฝึกปฏิบัติตามแผนการฝึกอบรม 3.4 เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ผลที่ได้จากการศึกษาดังต่อไปนี้ 3.4.1 การประเมินปฏิกิริยาตอบสนองที่มีต่อการฝึกอบรม เป็นแบบมาตราส่วนประมาณ ค่า 5 ระดับ (Rating Scale) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยผู้วิจัยได้กําหนดช่วงของค่าเฉลี่ย ดังนี้ 4.51 – 5.00 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3.51 – 4.50 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก 2.51 – 3.50 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย 1.00 – 1.50 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด 3.4.2 การประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ทักษะ และเจตคติโดยผู้วิจัยใช้รูปแบบการ ทดลองแบบ หนึ่งกลุ่มทดสอบก่อนและหลังการทดลอง ซึ่งประเมินโดยผู้บังคับบัญชา โดยมีลักษณะเป็น


60 แบบตรวจสอบรายการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่จากนั้นนําผลการประเมินก่อน-หลัง ฝึกอบรม มาเปรียบเทียบกันเพื่อดูพัฒนาการของผู้เข้ารับการฝึกอบรม 3.5 ติดตามและประเมินผล ผู้วิจัยได้ทําการกําหนดแผนการติดตามผลการปฏิบัติงานสอน ทั้งนี้เพื่อให้ทราบถึงผลการ ปฏิบัติการสอนของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม โดยมีระยะเวลาหลังการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 1 เดือน เพื่อเป็นการติดตามผลว่า หลังจากฝึกอบรมแล้ว ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม ได้นําเอาความรู้และทักษะที่ ได้รับจากการฝึกอบรม ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อให้เกิด ผลดีต่อองค์กรหรือไม่ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. ติดตามพฤติกรรมการสอนของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม โดยผู้วิจัยได้ให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมทํา การประเมินตนเอง และประเมินโดยผู้บังคับบัญชา ตลอดจนเพื่อนร่วมงาน 2. ประเมินพฤติกรรมการทํางานที่ส่งผลต่อองค์กรของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม โดยการสัมภาษณ์ ผู้บังคับบัญชา จํานวน 6 คน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บริหารที่ปฏิบัติงานประกันคุณภาพของหน่วยงาน เพื่อประเมินผลลัพธ์จากการเข้ารับการฝึกอบรมที่เกิดขึ้นต่อองค์กร 3.6 วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ดังนี้ 3.6.1 การประเมินพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงภายหลังการฝึกอบรม โดยการประเมิน ตนเอง ประเมินโดยผู้บังคับบัญชา และโดยเพื่อนร่วมงาน มีลักษณะเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดย ผู้วิจัยได้กําหนดช่วงของค่าเฉลี่ย ดังนี้ 4.51 – 5.00 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3.51 – 4.50 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก 2.51 – 3.50 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย 1.00 – 1.50 หมายถึง มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด 3.6.2 การประเมินพฤติกรรมการทํางานที่ส่งผลต่อองค์กรของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม มี ลักษณะเป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แจกแจงความถี่แล้วนําเสนอโดยวิธีพรรณนา 3.7 สรุปผล จากนั้นนําเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เพื่อพิจารณา และให้ ข้อเสนอแนะ เพื่อนําไปเขียนรายงานการวิจัยเป็นลําดับต่อไป


61 บทที่ 4 ผลการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อ เสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 2) พัฒนาหลักสูตร ฝึกอบรมตามรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติซึ่งผลการวิจัยมีดังนี้ 4.1 ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรยนการสอนรายวี ิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 4.1.1 ผลการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยการทบทวนวรรณกรรม สรุปได้ว่า การจัดการเรียนการสอนตามปรัชญาการศึกษาพิพัฒนนิยม (Progressivisim) และทฤษฎี คอนสตรัคติวิซึ่ม (Constructivism) เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ โดยการเรียนรู้เกิดขึ้นได้จากการลงมือ กระทําของผู้เรียน หรือเรียนรู้โดยผ่านประสบการณ์จริง ผู้สอนทําหน้าที่เป็นเพียงผู้อํานวย ความสะดวก (Facilitator) โดยการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนทุกขั้นตอน นอกจากนี้ยังพบว่า ในการจัดการเรียนการสอน ผู้สอนควรมีการบูรณาการวิธีการสอนต่าง ๆ เข้า ด้วยกัน มีการใช้เทคนิคการสอนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมหรือพัฒนาทักษะซึ่งจะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ ของการเรียนการสอน โดยการวัดและประเมินผลควรกระทําตามสภาพที่เป็นจริง และยังพบว่า รูปแบบการเรียนการสอนมีองค์ประกอบที่สําคัญ ได้แก่หลักการ วัตถุประสงค์กระบวนการเรียน การสอน และการประเมินผล ซึ่งผลจากศึกษานี้ผู้วิจัยได้นําไปจัดทําเครื่องมือการวิจัยเพื่อสอบถาม เกี่ยวกับสภาพทั่วไป ปัญหา และความต้องการในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติและการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาในลําดับ ต่อไป 4.1.2 ผลการศึกษาสภาพทั่วไป ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยมีรายละเอียดดังนี้ 4.1.2.1 ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของครูผู้สอนที่มีต่อสภาพการจัดการเรียน การสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติมีดังนี้ 4.1.2.1.1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งเป็นครูผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 13 แห่ง จํานวน 54 คน มีดังต่อไปนี้


62 ตารางที่ 4-1 จํานวน ร้อยละของข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม n = 54 ข้อมูลทั่วไป จํานวน (คน) ร้อยละ เพศ ชาย 45 83.30 หญิง 9 16.70 วุฒิการศึกษาสูงสุด ปริญญาโท 16 29.60 ปริญญาเอก 38 70.40 ประสบการณ์ในการสอน 1 – 5 ปี 3 5.60 6 – 10 ปี 9 16.70 มากกว่า 10 ปีขึ้นไป 42 77.80 ปัจจุบันทําการสอน รายวิชา ในหมวดวิชา รายวิชาในหมวดการศึกษาทั่วไป 2 3.70 รายวิชาในหมวดวิชาเฉพาะ 48 88.90 รายวิชาในหมวดวิชาเลือกเสรี 4 7.40 จํานวนชั่วโมงที่สอนต่อ สัปดาห์ 1 – 10 ชั่วโมง 20 37.00 11 – 20 ชั่วโมง 34 63.00 จากตารางที่ 4-1 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชาย (ร้อยละ 83.30) มากกว่าเพศหญิง (ร้อยละ 16.70) ส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุด คือ วุฒิปริญญาเอก (ร้อยละ 70.40) ที่เหลือเป็นวุฒิ ปริญญาโท (ร้อยละ 29.60) ด้านประสบการณ์ในการสอน ส่วนมากมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 77.80) รองลงมา มีประสบการณ์ 6-10 ปี (ร้อยละ 16.70) และน้อยที่สุด มีประสบการณ์ 1-5 ปี (ร้อยละ 5.60) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ทําการสอนในหมวดวิชาเฉพาะ (ร้อยละ 88.90) รองลงมา หมวดวิชาเลือกเสรี (ร้อยละ 7.40) และหมวดการศึกษาทั่วไป (ร้อยละ 3.70) ตามลําดับ โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีจํานวนชั่วโมงสอน 11-20 ชั่วโมง (ร้อยละ 63.00) ที่เหลือมีจํานวน ชั่วโมงที่สอน 1-10 ชั่วโมง (ร้อยละ 37.00) 4.1.2.1.2 ความคิดเห็นของครูผู้สอนที่มีต่อสภาพทั่วไปของการจัดการเรียน การสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติจําแนกเป็น 5 ด้าน ซึ่งผู้วิจัย นําเสนอเฉพาะรายการประเมินที่มีค่าสูงสุดในแต่ละประเด็นคําถาม (รายละเอียดในภาคผนวก ข) โดย มีรายละเอียดดังนี้


63 ตารางที่ 4-2 ความคิดเห็นของครูผู้สอนที่มตี่อสภาพทั่วไปในการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5 ด้าน n = 54 ด้าน รายการประเมนิ จํานวนคน ร้อยละ คุณธรรม จริยธรรม วิธีการสอน และเทคนิค การสอน 1) การบรรยาย โดยจัดขั้นตอนการสอนตาม กระบวนการเรยนรีู้ด้านจตพิ ิสยั 44 81.50 2) การใช้รูปแบบ Discussion เพื่อฝึกการคิด วิเคราะห์ผ่านกรณีศึกษา (case study) 28 51.90 3) การใช้สื่อ วดิีทัศน์ตลอดจนสื่อออนไลน์ตาง่ๆ เป็นตัวอย่างในการให้ความรู้ 25 46.30 หลักการทใชี่้ เพื่อเสริมสร้าง ผลการเรยนรีู้ 1) การปรับพฤติกรรมผู้เรยนี โดยใช้วธิีใหเห้ ็น แบบอย่างทดี่ีจากเพื่อนและผู้สอน จัดกจกรรมใน ิ ชั้นเรียนเพื่อการพัฒนานิสัยและใช้สถานการณจร์ ิง 43 79.60 2) ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดยให้ผู้เรยนี ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ ข้อบงคั ับที่ใชใน้ ห้องเรียนและสถาบัน 51 94.40 3) เสริมกําลังใจ สร้างแรงกระตนแกุ้ ่ผู้เรียน โดยใช้ วิธีเล่าเรองื่ตงคั้าถามํ ใหรางว้ ัล ชมเชย และแสดง กิริยาท่าทางทเปี่ ็นการเสริมแรง 33 61.10 การวดและั ประเมินผล การเรียนรู้ 1) สังเกตพฤตกรรมทิ ั้งในและนอกชั้นเรียน 51 94.40 2) การแสดงความคิดเห็นระหวางเร่ยนี 38 70.40 3) ชิ้นงานที่มอบหมาย 21 38.90 ความรู้ วิธีการสอน และเทคนิค การสอน 1) การบรรยาย โดยจัดขั้นตอนการสอนตาม กระบวนการเรยนรีู้ด้านพทธพุสิัย 50 92.60 2) การใช้วิธีสาธิตและให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเองใน ห้องเรียน 45 83.30 3) ใชการเร้ยนรีแบบบู้รณาการูโดยการมอบหมาย งาน 31 57.40 หลักการทใชี่้ เพื่อเสริมสร้าง ผลการเรยนรีู้ 1) การสร้างความรู้ความเข้าใจในเนอหาสาระของื้ การเรยนรีู้โดยเน้นกระบวนการคิดการใช้คําถาม 49 90.70 2) ฝึกฝนตอเน่ องจนเป ื่ ็นนิสัย โดยส่งเสริมการ ทํางานร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 47 87.00 3) เสริมสร้างการคิดวิเคราะห์นิสัยใฝ่รู้แก่ผู้เรยนี โดยเน้นกระบวนการคิด และการใช้คําถาม 45 83.30 การวดและั ประเมินผล การเรียนรู้ 1) ทดสอบในหองเร้ ียน 50 92.60 2) ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยนี 45 83.30 3) ชิ้นงานที่มอบหมาย 36 66.70


64 ตารางที่ 4-2 (ต่อ) ด้าน รายการประเมนิ จํานวนคน ร้อยละ ทักษะ ทาง ปัญญา วิธีการสอน และเทคนิค การสอน 1) การสาธิตและให้ผู้เรียนฝกปฏ ึ ิบัติเองใน ห้องเรียน 46 85.20 2) การบรรยาย โดยจัดขั้นตอนการสอนตาม กระบวนการเรยนรีู้ 43 79.60 3) ใช้กรณีศึกษา ฝึกให้ผู้เรียนคดวิ ิเคราะห์ ใช้ความรทู้ ี่มี 34 63.00 หลักการทใชี่้ เพื่อ เสริมสร้างผล การเรียนรู้ 1) การเชอมโยงความร ืู่้ใหมก่ ับความรู้เดิม โดย แนะนําบทเรียนก่อนสอนและสํารวจความพร้อม ของผู้เรียนก่อนสอนเรื่องใหม่ ใช้คําถามกระตุ้น และกรณีตัวอยาง่ 37 68.50 2) ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดยส่งเสรมิ การทํางานร่วมกันเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 42 77.80 3) เสริมสร้างการคิดวิเคราะห์การแก้ไขปญหาั โดยให้เรียนรู้จากสถานการณท์ ี่เป็นปัญหา และ อภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อหาข้อสรุปในการ แก้ปัญหา 29 53.70 การวดและั ประเมินผล การเรียนรู้ 1) ทดสอบในหองเร้ ียน 43 79.60 2) ชิ้นงานที่มอบหมาย 41 75.90 3) การแสดงความคิดเห็นระหวางเร่ยนี 37 68.50 ทักษะ ความ สัมพันธ์ ระหว่าง บุคคล และความ รับผิดชอบ วิธีการสอน และเทคนิค การสอน 1) การบรณาการความรู ู้โดยการมอบหมายงาน เช่น การทําโครงการ 46 85.20 2) การเรียนรู้แบบร่วมมือ 44 81.50 หลักการทใชี่้ เพื่อ เสริมสร้างผล การเรียนรู้ 1) กระบวนการเรียนรเปู้ ็นกลุ่ม โดยส่งเสริมให้ ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 45 83.30 2) ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดยส่งเสรมให ิ ้ ผู้เรียนทํางานรวมก่ ันทกครุงทั้มี่ีโอกาส 42 77.80 3) เสริมสร้างทกษะกระบวนการปฏ ั ิสัมพันธ์โดย เสริมสร้างประสบการณ์ฝึกทกษะการเป ั ็นผู้นาและํ การเป็นสมาชกกลิุ่ม 45 83.30 การวดและั ประเมินผล การเรียนรู้ 1) สังเกตพฤตกรรมิ 45 83.30 2) ชิ้นงานที่มอบหมาย 39 72.20 3) การแสดงความคิดเห็นระหวางเร่ยนี 38 70.40


65 ตารางที่ 4-2 (ต่อ) ด้าน รายละเอียด จํานวนคน ร้อยละ ทักษะการ วิเคราะห์ เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้ เทคโนโลยี สารสนเทศ วิธีการสอน และเทคนิค การสอน 1) การเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยการมอบหมายงาน เช่น การทําโครงการ 34 63.00 2) การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน 30 55.60 3) การเรียนรู้แบบร่วมมือ 28 51.90 หลักการที่ ใช้เพอื่ เสรมสริ ้าง ผลการ เรียนรู้ 1) ใช้กระบวนการแสวงหาความรู้โดยมอบหมาย งานเพื่อสงเสร่ ิมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตลอดจน การประยุกตใช์ เทคโนโลย ้ ีได้อยางเหมาะสม่ 43 79.60 2) ใช้กระบวนการแก้ปัญหาเพอสื่่งเสริมทักษะทาง คณิตศาสตร์โดยใหท้ ําโจทย์แบบฝึกหัดซ้ํา ๆ และ ต่อเนื่องเพื่อสงเสร่ ิมทักษะทางคณิตศาสตร์ 40 74.10 3) ฝึกฝนทักษะทางภาษาอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดยจัดกจกรรมเพิ ื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสได้ใช้ภาษาใน รูปแบบต่าง ๆ 39 72.20 การวดและั ประเมินผล การเรียนรู้ 1) วัดผลสัมฤทธทางการเริ์ ียน 42 77.80 2) ทดสอบในหองเร้ ียน 39 72.20 3) การสังเกตพฤติกรรม 31 57.40 จากตารางที่ 4-2 พบว่า สภาพทั่วไปในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5 ด้านของผู้สอน มีดังต่อไปนี้ 1. ด้านคุณธรรมจริยธรรม วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ใช้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้การ บรรยายโดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการเรียนรู้ด้านจิตพิสัย ใช้รูปแบบ Discussion เพื่อฝึก การคิดวิเคราะห์ผ่านกรณีศึกษา (Case Study) และใช้สื่อ วิดีทัศน์ตลอดจนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เป็น ตัวอย่างในการให้ความรู้ หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ส่วนใหญ่ใช้การปรับพฤติกรรมผู้เรียนโดยใช้วิธีให้เห็น แบบอย่างที่ดีจากเพื่อนและผู้สอน จัดกิจกรรมในชั้นเรียนเพื่อการพัฒนานิสัยและใช้สถานการณ์จริง ใช้วิธีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัยโดยให้ผู้เรียนปฏิบัติตนตามกฎระเบียบข้อบังคับที่ใช้ใน ห้องเรียนและสถาบัน และใช้วิธีการเสริมกําลังใจ สร้างแรงกระตุ้นแก่ผู้เรียนโดยใช้วิธีเล่าเรื่อง ตั้งคําถาม ให้รางวัล ชมเชย และแสดงกิริยาท่าทางที่เป็นการเสริมแรง การวัดและประเมินผลการเรียนรู้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้การสังเกต พฤติกรรมทั้งในและนอกชั้นเรียน การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน และจากชิ้นงานที่มอบหมาย 2. ด้านความรู้ วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ใช้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้การ บรรยายโดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการเรียนรู้ใช้วิธีสาธิตและให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเองใน ห้องเรียน และใช้การเรียนรู้แบบบูรณาการโดยการมอบหมายงาน เช่น การทําโครงการ


66 หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ส่วนใหญ่ใช้วิธีสร้างความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระ ของการเรียนรู้โดยเน้นกระบวนการคิด การใช้คําถาม ใช้การฝึกฝนต่อเนื่องจนเป็นนิสัยโดยส่งเสริม การทํางานร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และใช้การเสริมสร้างการคิดวิเคราะห์นิสัยใฝ่รู้แก่ผู้เรียน โดยเน้นกระบวนการคิด และการใช้คําถาม การวัดและประเมินผลการเรียนรู้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้วิธีการ ทดสอบในห้องเรียน วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และจากชิ้นงานที่มอบหมาย 3. ทักษะทางปัญญา วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ใช้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้การสาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเองในห้องเรียน ใช่การบรรยาย โดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการ เรียนรู้และใช้กรณีศึกษา เพื่อฝึกให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์โดยใช้ความรู้ที่มี หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ส่วนใหญ่ใช้วิธีการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม โดยแนะนําบทเรียนก่อนสอนและสํารวจความพร้อมของผู้เรียนก่อนสอนเรื่องใหม่ ใช้คําถามกระตุ้น และกรณีตัวอย่าง ใช้การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัยโดยส่งเสริมการทํางานร่วมกันเพื่อการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และใช้การเสริมสร้างการคิดวิเคราะห์การแก้ไขปัญหากระทํา โดยการเรียนรู้จาก สถานการณ์ที่เป็นปัญหา และอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อหาข้อสรุปในการแก้ปัญหา การวัดและประเมินผลการเรียนรู้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้วิธีการ ทดสอบในห้องเรียน จากชิ้นงานที่มอบหมาย และการแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 4. ทักษะทางความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ใช้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้การบูรณาการความรู้โดยการมอบหมายงาน เช่น การทําโครงการ และใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ส่วนใหญ่ใช้กระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่มโดยส่งเสริม ให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใช้การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัยโดย ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันทุกครั้งที่มีโอกาส และใช้วิธีเสริมสร้างทักษะกระบวนการปฏิสัมพันธ์ โดยเสริมสร้างประสบการณ์ฝึกทักษะการเป็นผู้นําและการเป็นสมาชิกกลุ่ม การวัดและประเมินผลการเรียนรู้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้วิธีการ สังเกตพฤติกรรม จากชิ้นงานที่มอบหมาย และการแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 5. ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ใช้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้วิธี การบูรณาการความรู้โดยการมอบหมายงาน เช่น การทําโครงการ ใช้วิธีการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็น ฐาน และใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ส่วนใหญ่ใช้กระบวนการแสวงหาความรู้โดย มอบหมายงานเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตลอดจนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม ใช้กระบวนการแก้ปัญหาเพื่อส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์โดยให้ทําโจทย์แบบฝึกหัดซ้ํา ๆ และ ต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์และใช้วิธีฝึกฝนทักษะทางภาษาอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดยจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสได้ใช้ภาษาในรูปแบบต่าง ๆ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้สามารถเรียงลําดับค่าจากมากไปหาน้อย ดังนี้ใช้วิธีการ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การทดสอบในห้องเรียน และการสังเกตพฤติกรรม


67 4.1.2.2 ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของครูผู้สอนที่มีต่อปัญหาการจัดการเรียนการสอน รายวิชา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา มีดังต่อไปนี้ ตารางที่ 4-3 ความคดเหิ ็นของครูผสอนทู้ ี่มตี่อปัญหาการจดการเรัยนการสอนรายวี ิชาตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5 ด้าน n = 54 ด้าน ปัญหาที่พบ จํานวนคน ร้อยละ คุณธรรม จริยธรรม 1) เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 18 33.30 2) ความแตกต่างระหว่างผู้เรียน 27 50.00 3) การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม 21 38.90 4) โอกาสในการแสดงออกของผู้เรียนในชั้นเรียนมีจํากัด 19 35.20 5) วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล 16 29.60 ความรู้ 1) เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 17 31.50 2) ความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะความรู้พื้นฐาน 32 59.30 3) เครื่องมือและอุปกรณ์การสอนไม่เพียงพอ 21 38.90 4) ความไม่พร้อมของผู้เรียน เช่น การทบทวนก่อนเรียน 26 48.10 5) การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม 17 31.50 6) การขาดความร่วมมือระหว่างผู้สอน 17 31.50 7) วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล 16 29.60 ทักษะทาง ปัญญา 1) เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 17 31.50 1) ความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะความรู้พื้นฐาน 32 59.30 3) เครื่องมือและอุปกรณ์การสอนไม่เพียงพอ 20 37.00 4) ความไม่พร้อมของผู้เรียน เช่น การทบทวนก่อนเรียน 30 55.60 5) การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม 19 35.20 6) การขาดความร่วมมือระหว่างผู้สอน 17 31.50 7) วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล 19 35.20 ทักษะ ความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคล และความ รับผิดชอบ 1) เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 23 42.60 2) ความแตกต่างระหว่างผู้เรียน 21 38.90 3) การเลือกรปแบบการสอนทูี่เหมาะสม 32 59.30 4) โอกาสในการแสดงออกของผู้เรียนในชั้นเรียนมีจํากัด 29 53.70 5) วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล 32 59.30


68 ตารางที่ 4-3 (ต่อ) ด้าน ปัญหาที่พบ จํานวน คน ร้อยละ ทักษะการ วิเคราะห์เชิง ตัวเลข การ สื่อสาร และ การใช้ เทคโนโลยี สารสนเทศ 1) เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 24 44.40 2) ความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะความรู้พื้นฐาน 31 57.40 3) การเลือกรปแบบการสอนทูี่เหมาะสม 18 33.30 4) ความสมบูรณ์ของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในชั้นเรียน 17 31.50 5) การใช้แหลงความรู่้โดยเฉพาะทางด้านภาษา 21 38.90 6) วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผล 17 31.50 จากตารางที่ 4-3 พบว่า ปัญหาที่ผู้สอนพบในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้บรรลุผลการ เรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5 ด้าน มีดังต่อไปนี้ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ปัญหาที่พบสําหรับการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้บรรลุการเรียนรู้ใน ด้านนี้สามารถเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ปัญหาความแตกต่างระหว่างผู้เรียน เนื้อหาสาระที่ ต้องสอนในรายวิชามีมาก การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม โอกาสในการแสดงออกของผู้เรียนใน ชั้นเรียนมีจํากัด และ วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล ตามลําดับ ด้านความรู้ปัญหาที่พบสําหรับการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ในด้านนี้ สามารถเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ปัญหาความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะความรู้ พื้นฐาน เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก เครื่องมือและอุปกรณ์การสอนไม่เพียงพอ ความไม่ พร้อมของผู้เรียน เช่น การทบทวนก่อนเรียน การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม การขาดความ ร่วมมือระหว่างผู้สอน และ วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล ตามลําดับ ด้านทักษะทางปัญญา ปัญหาที่พบสําหรับการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ ในด้านนี้สามารถเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ปัญหาความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะ ความรู้พื้นฐาน ความไม่พร้อมของผู้เรียนเช่น การทบทวนก่อนเรียน เครื่องมือและอุปกรณ์การสอน ไม่เพียงพอ วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก และการขาดความร่วมมือระหว่างผู้สอน ตามลําดับ ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ปัญหาที่พบสําหรับการจัดการ เรียนการสอนเพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ในด้านนี้สามารถเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ปัญหา การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล โอกาสในการ แสดงออกของผู้เรียนในชั้นเรียนมีจํากัด เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก ความแตกต่าง ระหว่างผู้เรียน ตามลําดับ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาที่พบ สําหรับการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ในด้านนี้สามารถเรียงลําดับจากมากไปหา น้อย ดังนี้ปัญหาความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะความรู้พื้นฐาน เนื้อหาสาระที่ต้องสอนใน รายวิชามีมาก การใช้แหล่งความรู้โดยเฉพาะทางด้านภาษา การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม และ วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผล ตามลําดับ


69 4.1.2.3 ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน ที่มีต่อการจัดการเรียน การสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ มีดังต่อไปนี้ ตอนที่ 1 ผลการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิสรุปได้ว่า ควรมีการวิเคราะห์เนื้อหาสาระของบทเรียน ก่อนกําหนดรูปแบบการจัดการเรียนการสอน และรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่จะใช้ควรเป็น แบบผสมหลากหลายวิธี (มากกว่า 2 วิธี) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ Learning Outcomes ที่รายวิชาเรียนนั้น ๆ ระบุไว้การจัดการเรียนการสอนไม่จําเป็นต้องใช้วิธีการสอนครบทุกด้าน บางด้านสามารถใช้กิจกรรม การเรียนรู้เสริม หรือสอดแทรกได้อย่างไรก็ตาม ด้านที่เกี่ยวข้องกับความรู้และทักษะทางปัญญา ควรจัดกิจกรรมเพื่อให้นักศึกษามีโอกาสค้นคว้าเพิ่มเติม และควรหาช่องทางที่จะทําให้นักศึกษามี ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน หรืออาจารย์เพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้นั้น ๆ ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ บรรลุการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยใช้ข้อมูลพื้นฐานจากผล การตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพทั่วไปในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาของครูผู้สอน ทั้งนี้ เพื่อการนําผลไปประกอบการร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ต่อไป (รายละเอียดใน ภาคผนวก ค) ตารางที่ 4-4 ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อหลักการ วิธีการสอน และการวัดและประเมินผล ของการจัดการเรียนการสอนรายวิชา n = 5 ด้าน รายการประเมิน ความคดเหิ ็นของ ผู้ทรงคณวุ ุฒิ เห็นดวย้ (รอยละ้ ) ไม่เหนด็ ้วย (รอยละ้ ) ด้านคุณธรรม จริยธรรม วิธีการสอนและเทคนิคการสอน 88 12 หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ 100 - การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 100 - ด้านความรู้วิธีการสอนและเทคนิคการสอน 100 - หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ 100 - การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 100 - ด้านทักษะทางปัญญา วิธีการสอนและเทคนิคการสอน 100 - หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ 100 - การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 100 - ด้านทกษะความสั ัมพันธ์ ระหว่างบุคคลและความ รับผิดชอบ วิธีการสอนและเทคนิคการสอน 100 - หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ 100 - การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 100 - ด้านทกษะการวัเคราะหิ ์ เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ วิธีการสอนและเทคนิคการสอน 100 - หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ 100 - การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 100 -


70 จากตารางที่ 4-4 พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 5 ท่านต่างเห็นด้วยกับวิธีการสอนและเทคนิคการสอน หลักการที่ใช้เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่จะนําไปใช้พัฒนารูปแบบ การเรียนการสอนรายวิชาฯเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนบรรลุผลการเรียนรู้แต่ละด้าน จากสภาพทั่วไปและปัญหาการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตลอดจนความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้วิจัยได้นํามาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลที่ได้จากการศึกษาและทบทวนวรรณกรรมเพื่อใช้พัฒนารูปแบบ การเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติต่อไป 4.1.3 ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูล ตามข้อ 4.1.2.1-4.1.2.2 ซึ่งเป็นสภาพทั่วไปและปัญหาเกี่ยวกับ การจัดการเรียนการสอนตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติที่ครูผู้สอนประสบอยู่ และ 4.1.2.3 ความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิตลอดจนจากการวิเคราะห์และสรุปสารสนเทศจาก ปรัชญาการศึกษา ทฤษฎีและหลักการของรูปแบบการเรียนการสอนต่าง ๆ ตลอดจนหลักการวัดและ ประเมินผล ผู้วิจัยได้ทําการหลอมรวมแนวคิดต่าง ๆ แล้วนํามาสรุปเป็นแนวคิดพื้นฐานในการกําหนด สาระสําคัญองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ดังตารางที่ 2-4 รายละเอียดของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติมีดังนี้ 1. ปรัชญาการศึกษา รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิขาฯ ที่พัฒนาขึ้น ยึดแนวคิดของปรัชญาการศึกษา พิพัฒนนิยม (Progressivism) ซึ่งเน้นการฝึกฝนให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ (Experience) และ เรียนรู้จากการลงมือกระทํา (Learning by Doing) ซึ่งจะทําให้ผู้เรียนเกิดความรู้และทักษะต่าง ๆ สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดบอัุดมศึกษาแห่งชาติ 5 ด้าน 2. หลักการของรูปแบบ รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิขาฯ ที่พัฒนาขึ้น มุ่งเน้นการเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 5 ด้าน จึงกําหนดหลักการดังนี้ “พัฒนาทักษะการคิด การแก้ไขปัญหา เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ผ่านการฝึกฝน ประสบการณ์การเรียนรู้และกระบวนการมีส่วนร่วม” 3. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น มีดังนี้ 3.1 พัฒนาทักษะการคิด การแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ไขปัญหา 3.2 ส่งเสริมทักษะการทํางานร่วมกับผู้อื่น 3.3 เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ในการอยู่ร่วมกับคนในสังคม 3.4 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต 4. โครงสร้างของรูปแบบ รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น มีโครงสร้างซึ่งประกอบด้วย องค์ประกอบที่สําคัญ ได้แก่ ปัจจัยนําเข้า (Input) กระบวนการ (Process) ผลผลิต (Output) และ ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) โดยมีรายละเอียด ดังนี้


71 4.1 ปัจจัยนําเข้า (Input) ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อย ได้แก่ครูผู้สอน มคอ.3 เอกสาร ประกอบการเรียนการสอน สื่อ-อุปกรณ์การเรียนการสอน เครื่องมือวัดและประเมินผล และผู้เรียน 4.1.1 ครูผู้สอน เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรฝึกอบรมรูปแบบการจัดการเรียน การสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ วางแผนการเรียนรู้ (Plan) ขั้นที่ 2 ลงมือปฏิบัติ (Practice) ขั้นที่ 3 สรุปผลความรู้ (Conclude) ขั้นที่ 4 สะท้อนตัวตน (Self-Reflection) 4.1.2 มคอ. 3 หมายถึง เอกสารวางแผนการจัดการเรียนการสอนของผู้สอนที่กําหนด รายละเอียดของวิชา วิธีการสอน วิธีการประเมินผล วิธีการทวนสอบผลสัมฤทธิ์ 4.1.3 เอกสารประกอบการเรียนการสอน เป็นเอกสารที่ให้รายละเอียดเนื้อหาสาระราย บท ได้แก่ ใบเนื้อหา 4.1.4 เครื่องมือวัดและประเมินผล เพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่จําเป็นในการพิจารณา ว่าผู้เรียนเกิดคุณภาพการเรียนรู้ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและมาตรฐานการเรียนรู้ได้แก่ แบบทดสอบ แบบฝึกหัด ใบกิจกรรม 4.1.5 สื่อ-อุปกรณ์การเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้ตามที่คาดหวัง อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนเกิดความเข้าใจได้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มบรรยากาศในการเรียนรู้ให้น่าสนใจ ช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างสนุกสนาน ได้แก่สื่อ PowerPoint วีดีทัศน์ 4.1.6 ผู้เรียน หมายถึง นักศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งกําลังศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (วิศวกรรมศาสตร์) ชั้นปีที่ 1 4.2 กระบวนการ (Process) ประกอบด้วย 4.2.1 กระบวนการเรียนการสอนแบบ PPCS ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 วางแผนการเรียนรู้ (P : Plan) จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือ เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้าน การวางแผนการศึกษาค้นคว้าดวยตนเอง้ /เป็นกลุ่ม กิจกรรมการเรียนรู้ - ผู้สอนทําหน้าที่เป็นผู้สร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความ ต้องการในการศึกษาค้นคว้าสิ่งที่ตนเองสนใจ และต้องการหาคําตอบ โดยเลือกวิธีการศึกษาค้นคว้า และวางแผนการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ด้วยตนเอง/เป็นกลุ่ม โดยผู้สอนใช้วิธีถามนํา ใช้สื่อวีดีทัศน์หรือสนทนานําเข้าบทเรียนซึ่งเป็นไปตามขอบเขตเนื้อหาของรายวิชา ผลที่ได้ - ประสบการณ์การแสวงหาความรู้การทํางาน และการแก้ไขปัญหา ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติได้แก่ทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะการแก้ไขปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ คุณธรรม จริยธรรม ทักษะ การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ขั้นที่ 2 ลงมือปฏิบัติ (P : Practice) จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือ เพื่อพัฒนาทักษะการ แสวงหาความรู้การแก้ไขปัญหา การทํางานร่วมกับผู้อื่น การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจน การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ กิจกรรมการเรียนรู้ - ผู้สอนทําหน้าที่กระตุ้นให้ผู้เรียนทําการศึกษาค้นคว้าสิ่งที่ตนเอง/กลุ่ม สนใจตามแผนที่กําหนดด้วยการใช้คําถาม เป็นผู้อํานวยความสะดวก (Facilitator) แก่ผู้เรียนใน การศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ (เช่น ติดต่อผู้เชี่ยวชาญ หรือสถานที่ฯลฯ) ส่งเสริมให้ผู้เรียน


72 มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน เช่น การดําเนินการกรณีที่ไม่เป็นไปตามแผน การเข้าถึงแหล่ง เรียนรู้ฯลฯ ตลอดจน การยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ส่งเสริมด้านคุณธรรม จริยธรรม เกี่ยวกับการ ให้ความรู้ในการอ้างอิงผลงานผู้อื่นอย่างถูกต้อง ผลที่ได้ - ประสบการณ์การแสวงหาความรู้การทํางาน และการแก้ไขปัญหา ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติได้แก่ทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะการแก้ไขปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ คุณธรรม จริยธรรม ทักษะ การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ขั้นที่ 3 สรุปผลความรู้ (C : Conclude) จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือ เพื่อพัฒนาทักษะทาง ปัญญา ทักษะการคิด การประเมินค่า การสรุปความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรียนรู้ - ผู้สอนทําหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบผู้เรียนด้วยการใช้คําถาม เพื่อให้ผู้เรียน เกิดการทบทวนและประเมินความรู้ที่ได้จากกิจกรรมการศึกษาค้นคว้า โดยการอภิปราย และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน กรณีผลการศึกษาไม่เป็นไปตามหัวข้อ/ประเด็นที่ต้องการในขั้นตอนที่ 1 ผู้เรียนต้องทําการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม จากนั้น จึงนํามาสังเคราะห์และสรุปความคิดรวบยอด โดย สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้หรือสารสนเทศใหม่ๆ กับองค์ความรู้เดิมที่ได้ศึกษามา ผลที่ได้ - การแลกเปลี่ยนเรียนรู้การคิดวิเคราะห์สังเคราะห์และการสรุปความคิดรวบยอด ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติได้แก่ทักษะทางปัญญา และทักษะ การคิด ขั้นที่ 4 สะท้อนตัวตน (S : Self-Reflection) จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือ เพื่อพัฒนาทักษะ การคิด การประเมินค่า การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ กิจกรรมการเรียนรู้ - ผู้เรียนนําเสนอผลงานที่ได้จากขั้นที่ 3 ด้วยวิธีการหลากหลายขึ้นอยู่กับ ศักยภาพของตนเอง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ร่วม เน้นให้ผู้เรียนมี ส่วนร่วมด้วยการร่วมอภิปราย และเสนอความคิดเห็น ผู้สอนทําหน้าที่เป็นผู้เสริมต่อ สรุปองค์ความรู้ที่ ถูกต้องให้แก่ผู้เรียน จากนั้นให้ผู้เรียนทําการสะท้อนตัวตน โดยประเมินตนเอง และเพื่อน ๆ ผลที่ได้ - กระบวนการคิด การทบทวน ไตร่ตรอง และการสะท้อนคิด ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติได้แก่ทักษะทางปัญญา ทักษะ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ ความซื่อสัตย์ 4.2.2 การวัดและประเมินผล ใช้การประเมินผู้เรียนตามสภาพจริง โดยการประเมินเป็น รายบุคคล และประเมินเป็นกลุ่ม ผู้ประเมินคือ ผู้สอน และผู้เรียนทุกคน โดยใช้วิธีการวัดผลที่ หลากหลายวิธีควบคู่กับกระบวนการจัดการเรียนการสอน 4.3 ผลผลิต (Output) หมายถึง ผู้เรียนซึ่งมีผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น เน้นให้ ผู้เรียนมีโอกาสลงมือกระทําด้วยตนเอง โดยผู้เรียนเรียนรู้ได้จากการอ่าน พูด ฟัง เขียน โต้ตอบ และ การคิดวิเคราะห์ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมพฤติกรรมของผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ครอบคลุม ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 5 ด้าน คือ 1. ด้านคุณธรรม จริยธรรม 2. ด้านความรู้ 3. ด้านทักษะทางปัญญา 4. ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ


73 และ 5. ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดย คุณลักษณะที่พึงประสงค์ทั้ง 5 ด้านจะปรากฏในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการเรียนการสอน หลักฐานแสดงผลการเรียนรู้ทั้ง 5 ด้านของแต่ละรายวิชา จะถูกบันทึกลงในแบบรายงานผล การดําเนินการของรายวิชา (Course Report) หรือ มคอ. 5 ซึ่งกําหนดให้ผู้สอนประมวล และ รายงานผล เมื่อสิ้นสุดการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับภาพรวมของการจัดการเรียนการสอนในวิชานั้น ๆ ว่า ได้ดําเนินการสอนอย่างครอบคลุม และเป็นไปตามแผนที่วางไว้ในรายละเอียดของรายวิชาหรือไม่ 4.4 ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) คือ ผลจากแบบรายงานผลการประเมินรายวิชา (มคอ.5) จัดเป็นข้อมูลป้อนกลับที่ผู้สอนจะต้องนํามาพิจารณาและทบทวนบทบาทของตนเอง เพื่อดําเนินการ ปรับปรุงจุดที่ต้องพัฒนา หรือปัญหาอุปสรรคที่จําเป็นต้องได้รับการปรับปรุง ทั้งในด้านปัจจัยนําเข้า และกระบวนการเรียนการสอน ซึ่งข้อมูลป้อนกลับนี้จะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เป็นไปตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาได้อย่างสมบูรณ์ รูปจําลอง (Model) ของรูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่พัฒนาขึ้น แสดงดังภาพที่ 4-1 ภาพที่ 4-1 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติที่พัฒนาขึ้น


74 4.1.4 ผลการตรวจสอบรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยผู้เชี่ยวชาญ 4.1.4.1 ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการ เรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการ เรียนการสอน จํานวน 5 คน และด้านการวัดและประเมินผล จํานวน 2 คน รวมทั้งสิ้น 7 คน ก่อนนํา รูปแบบไปใช้มีดังต่อไปนี้ 4.1.4.1.1 ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ด้านความเหมาะสม และความเป็นไปได้ก่อนนําไปใช้ ตารางที่ 4–5 ผลการประเมนความเหมาะสมิ และความเป็นไปได้ของรูปแบบการจัดการเรียน การสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติก่อนนําไปใช้โดยผู้เชี่ยวชาญ n = 7 รายการประเมิน ผลการประเมนิ ผลการประเมนิ ความ เหมาะสม การแปล ความ หมาย ความเป็น ไปได้การแปล ความ S.D. S.D. หมาย 1. ปรัชญาการศึกษา 3.71 0.76 มาก 3.71 0.49 มาก 2. หลักการของรูปแบบ 4.43 0.53 มาก 4.43 0.53 มาก 3. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 4.43 0.79 มาก 4.57 0.53 มากที่สุด 4. การกําหนดองค์ประกอบของรูปแบบ 4.43 0.53 มาก 4.43 0.53 มาก 5. ปัจจัยนําเข้า 4.71 0.49 มากที่สุด 4.71 0.49 มากที่สุด 6. กระบวนการ 4.43 0.53 มาก 4.43 0.53 มาก 7. ผลผลิตของรูปแบบ 4.57 0.53 มากที่สุด 4.43 0.79 มาก 8. ข้อมูลป้อนกลับ 4.43 0.53 มาก 4.43 0.53 มาก 9. โครงสร้างรูปแบบ 4.29 0.49 มาก 4.29 0.49 มาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.37 0.42 มาก 4.38 0.42 มาก จากตารางที่ 4-5 ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นต่อรูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ในภาพรวม ว่ามีความเหมาะสม และความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ปัจจัยนําเข้า มีความเหมาะสม และความเป็นไปได้ อยู่ในระดับมากที่สุดเท่ากัน รองลงมา ได้แก่ผลผลิตของรูปแบบมีความเหมาะสม อยู่ในระดับ มากที่สุด ความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก วัตถุประสงค์ของรูปแบบมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมาก ความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด สําหรับปรัชญาการศึกษา หลักการของรูปแบบ การกําหนด องค์ประกอบของรูปแบบ กระบวนการ ข้อมูลป้อนกลับ และโครงสร้างรูปแบบ ต่างมีความเหมาะสม อยู่ในระดับมาก และมีความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากเช่นกัน


75 4.1.4.1.2 ผลการประเมินความเหมาะสมของรายละเอียดขององค์ประกอบ ภายในโครงสร้างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ตารางที่ 4-6 ผลการประเมินความเหมาะสมของรายละเอียดขององค์ประกอบภายในโครงสร้าง รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยผู้เชี่ยวชาญ n = 7 รายการประเมิน ความคิดเห็น ร้อยละ เหมาะสม ไม่เหมาะสม 1. ปัจจัยนําเข้า 7 - 100.00 2. กระบวนการ ขั้นวางแผนการเรียนรู้ (P : Plan) 7 - 100.00 ขั้นลงมือปฏิบัติ (P : Practice) 7 - 100.00 ขั้นสรุปผลความรู้ (C : Conclude) 7 - 100.00 ขั้นสะท้อนตวตนั (S : Self-reflection) 7 - 100.00 3. ผลผลิต 7 - 100.00 4. ข้อมูลป้อนกลับ 7 - 100.00 จากตารางที่ 4-6 ผู้เชี่ยวชาญทุกท่านมีความคิดเห็นต่อรายละเอียดขององค์ประกอบภายใน รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ว่ามีความเหมาะสมทุกองค์ประกอบ 4.1.4.1.3 ผลการปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ตามข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จากข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ ผู้วิจัยได้ปรับปรุง 1) ด้านปัจจัยนําเข้า โดยการนําผู้เรียนออก เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า ผู้เรียนเป็นผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนทุกขั้นตอน แล้ว 2) ด้านการประเมินผล เปลี่ยนเป็นการประเมินผลระหว่างเรียน (Formative Evaluation) ทุกขั้นตอน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สําหรับการตรวจสอบความก้าวหน้าของผู้เรียน และเพื่อการปรับปรุง การจัดการเรียนการสอนของผู้สอน และ 3) เพิ่มด้านผลลัพธ์ (Outcome) เข้ามาในโครงสร้างของ รูปแบบเพื่อแสดงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับครูผู้สอนต่อไป รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ภาพยหลังการปรับปรุงแสดงดังภาพที่ 4-2


76 ภาพที่ 4-2 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติฉบับปรับปรุง 4.1.5 ผลการนํารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติไปทดลองใช้มีดังนี้ 4.1.5.1 ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของครูผู้สอนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียน การสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น โดยครูผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งไม่ได้จบทางด้านครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ตลอดจนไม่มีพื้นฐานทางด้านการสอน สังกัด กระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 5 คน เป็นระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา (1/2559) มีรายละเอียดดังนี้


77 ตารางที่ 4-7 ผลการประเมนปฏ ิ ิกิริยาตอบสนองของผู้สอนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ในภาพรวม n = 5 ลําดับ รายการประเมิน ระดับปฏิกิริยา ตอบสนอง การแปล ความหมาย S.D. 1 รูปแบบฯ นี้เขาใจง ้ ่ายและสะดวกต่อการนําไปประยุกตใช์ ้ 4.20 0.45 มาก 2 กระบวนการของรูปแบบฯ มีความเหมาะสมสําหรับ นํามาใช้จัดการเรียนการสอนรายวิชา 4.80 0.45 มากที่สุด 3 เทคนิคและวิธีการสอนของรูปแบบฯ มีความหลากหลาย มีผลต่อการปรบเปล ั ี่ยนพฤติกรรมของผู้เรียน 5.00 0.00 มากที่สุด 4. ผู้เรียนมีความสนใจ กระตือรือร้นต่อการมีส่วนร่วมใน กิจกรรมทผีู่้สอนนําเสนอ 4.00 0.00 มาก 5. วิธีวัดและประเมินผลกระตุ้น ส่งเสริมผู้เรียนให้มีทักษะ การเรียนรู้ด้วยตนเอง 4.00 0.71 มาก รวม 4.40 0.31 มาก จากตารางที่ 4-7 พบว่า ผู้สอนมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผลการ ประเมินอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด (โดยมีค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.00 ถึง 5.00) เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจาก มากไปหาน้อยได้ดังนี้เทคนิคและวิธีการสอนของรูปแบบฯ มีความหลากหลาย มีผลต่อการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เรียน เป็นรายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาได้แก่กระบวนการ ของรูปแบบฯ มีความเหมาะสมสําหรับนํามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชา รูปแบบฯ นี้เข้าใจ ง่าย และสะดวกต่อการนําไปประยุกต์ใช้โดยรายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ผู้เรียนมีความ สนใจ กระตือรือร้นต่อการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผู้สอนนําเสนอ และวิธีวัดและประเมินผลกระตุ้น ส่งเสริมผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตามลําดับ นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ทําการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการของรูปแบบการจัดการเรียน การสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น พบว่า ผู้สอนทุกคนต่างมีความเห็นว่า หลักการ และวัตถุประสงค์ของ รูปแบบมีความชัดเจน และเหมาะสม 4.1.5.2 ผลการประเมินความเหมาะสมของกระบวนการจัดการเรียนการสอน PPCS ภายใต้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้นโดยผู้วิจัย ผลการประเมินพบว่า ผู้สอน จํานวน 5 คน ต่างมีความคิดเห็นเป็นไปในแนวเดียวกัน คือ กระบวนการจัดการเรียนการสอน PPCS มีความเหมาะสม (แสดงดังตารางที่ 4-8) นอกจากนี้ผู้สอนได้มีข้อเสนอแนะว่า ผู้สอนที่จะนํา กระบวนการจัดการเรียนการสอน PPCS ไปใช้ต้องวางแผนให้รัดกุม โดยเฉพาะเรื่องของเวลา สื่อประกอบการเรียนการสอน ความแตกตางของระด่ ับความรู้พื้นฐานของผู้เรียน และจํานวนผู้เรียน


78 ตารางที่ 4-8 ผลการประเมินความเหมาะสมของกระบวนการจัดการเรียนการสอน PPCS ภายใต้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น n = 5 รายการประเมิน ความคิดเห็น ร้อยละ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ขั้นที่ 1 การวางแผนการเรียนรู้ (P : Plan) 5 - 100.0 ขั้นที่ 2 การลงมือปฏิบัติ (P : Practice) 5 - 100.0 ขั้นที่ 3 การสรุปผลความรู้ (C : Conclude) 5 - 100.0 ขั้นที่ 4 การสะท้อนตัวตน (S : Self - Reflection) 5 - 100.0 4.1.5.3 ผลการประเมินประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่ พัฒนาขึ้น โดยครูผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งไม่ได้จบทางด้านครุศาสตร์ หรือศึกษาศาสตร์ตลอดจนไม่มีพื้นฐานทางด้านการสอน สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 5 คน เป็นระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา (1/2559) ในด้านความเหมาะสม ด้านความเป็นไปได้ด้านการใช้ ประโยชน์และด้านความถูกต้อง มีรายละเอียดดังนี้ ตารางที่ 4-9 ผลการประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ โดยผู้สอน หลังการนํารูปแบบไปใช้ n = 5 ลําดับ รายการประเมิน ความคิดเห็น การแปล S.D ความหมาย ด้านความเหมาะสม 1 ปรัชญาการศึกษา หลักการ และแนวคิด ของรูปแบบ มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอนตาม รูปแบบและใชได้ ้จริง 4.60 0.55 มากที่สุด 2 วัตถุประสงค์ของรูปแบบมีความชัดเจน เหมาะสม 3.80 0.45 มาก 3 โครงสร้างของรูปแบบมีความเหมาะสม สอดคล้องกับ หลักการและวตถัุประสงค์ของรูปแบบ 4.40 0.55 มาก 4 กระบวนการของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาฯมีขั้นตอนที่เหมาะสม กิจกรรมการเรียนรู้ น่าสนใจสามารถเสริมสร้างผลการเรียนรู้ได้ 4.40 0.89 มาก 5 รูปแบบการเรียนการสอนรายวิชามีวิธีการวัดและ ประเมนทิ ี่เหมาะสมกับผู้เรียน และตรงตามสภาพจริง 4.60 0.55 มากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวมด้านความเหมาะสม 4.36 0.60 มาก


79 ตารางที่ 4-9 (ต่อ) n = 5 ลําดับ รายการประเมิน ความคิดเห็น การแปล S.D. ความหมาย ด้านความเป็นไปได้ 1 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาสามารถ นําไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ 4.80 0.45 มากที่สุด 2 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาสามารถทํา ความเข้าใจได้ง่าย (ไม่ยุ่งยากซับซ้อน) 4.40 0.89 มาก 3 ผลที่ได้จากการประเมินรูปแบบการเรียนการสอน รายวิชามีความคุ้มค่าเมื่อเทยบกี ับเวลาและค่าใช้จ่าย 4.40 0.55 มาก ค่าเฉลี่ยรวมด้านความเป็นไปได้ 4.53 0.63 มากที่สุด ด้านการใช้ประโยชน์ 1 รูปแบบการเรียนการสอนรายวิชามีประโยชน์ต่อการ จัดการเรียนการสอนตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษา 4.00 0.71 มาก 2 สารสนเทศที่ได้จากการประเมินตามรูปแบบฯ สามารถตอบสนองความต้องการ และเกิดประโยชน์ ต่อผู้เรียน 4.40 0.55 มาก 3 สารสนเทศที่ได้จากการประเมินตามรูปแบบฯ เป็น ข้อมูลย้อนกลบทั ี่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุง คุณภาพการเรียนการสอนตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น 4.20 0.84 มาก ค่าเฉลี่ยรวมด้านการนําไปใช้ประโยชน์ 4.20 0.70 มาก ด้านความถูกต้อง 1 รูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาใช้หลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการ สอนตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 4.60 0.55 มากที่สุด 2 สารสนเทศจากการประเมินตามกระบวนการเรียนรู้มี ความถูกต้องครอบคลุมผลลพธั ์ที่คาดหวังเพียงพอต่อ การนําไปใช้พัฒนาผู้เรียน 4.20 0.84 มาก 3 กระบวนการเรียนรู้ของรูปแบบการจัดการเรียนการ สอนมีกิจกรรมการเรียนการสอนที่ถูกต้อง ชัดเจน ปฏิบัติได้จริงอย่างต่อเนื่อง 4.20 0.84 มาก 4 เครื่องมือที่ใช้ประเมินผลรูปแบบการจัดการเรียนการ สอนมีความถูกต้อง สามารถวัดและประเมินผลได้ตรง ตามสภาพจริง 4.40 0.55 มาก


80 ตารางที่ 4-9 (ต่อ) n = 5 ลําดับ รายการประเมิน ความคิดเห็น การแปล S.D ความหมาย 5 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชามีความ น่าเชื่อถือถูกต้องตรงตามหลักการ และวัตถุประสงค์ เพียงพอต่อการพัฒนาผู้เรียนให้มีผลการเรียนรู้ ครอบคลุมตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 4.20 0.45 มาก ค่าเฉลี่ยรวมด้านความถูกต้อง 4.32 0.64 มาก ค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.35 0.64 มาก จากตารางที่ 4-9 พบว่า ผลการประเมินประสิทธิภาพการนํารูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ไปใช้ โดยครูผู้สอนจํานวน 5 คน พบว่า ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อ พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนที่เหลือ อยู่ในระดับมาก เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ด้านการใช้ประโยชน์ด้านความถูกต้อง และด้านความ เหมาะสม ตามลําดับ รายละเอียดของผลแต่ละด้าน มีดังนี้ ด้านความเป็นไปได้เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา สามารถนําไปใช้ในสถานการณ์จริงได้อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมาก ด้านการใช้ประโยชน์เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากทุกรายการ รายการที่มี ค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่สารสนเทศที่ได้จากการประเมินตามรูปแบบฯ สามารถตอบสนองความ ต้องการ และเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน ด้านความถูกต้อง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอนมีความ น่าเชื่อถือถูกต้องตรงตามหลักการและวัตถุประสงค์เพียงพอต่อการพัฒนาผู้เรียนให้มีผลการเรียน ครอบคลุมตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาอยู่ในระดับมากที่สุดส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมาก ด้านความเหมาะสม เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ปรัชญาการศึกษา หลักการ และแนวคิด ของรูปแบบมีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบและใช้ได้จริง และรูปแบบการ เรียนการสอนรายวิชามีวิธีการวัดและประเมินที่เหมาะสมกับผู้เรียน และตรงตามสภาพจริง อยู่ใน ระดับมากที่สุด ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมาก 4.1.5.4 ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียน การสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น โดยนักศึกษาซึ่งเรียนกับผู้สอนที่ได้ทําการทดลองใช้รูปแบบการจัด การเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น จํานวน 177 คน เป็นระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา (1/2559) มีรายละเอียดดังนี้


81 ตารางที่ 4-10 ผลการประเมนปฏ ิ ิกิริยาตอบสนองของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น n = 177 ลําดับ รายการประเมิน ระดับปฏิกิริยา ตอบสนอง การแปล ความหมาย S.D. ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ 1 วิธีการจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบที่จัดขึ้น 4.28 0.62 มาก 2 ทําให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น 4.51 0.62 มากที่สุด 3 ทําให้กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น 4.10 0.59 มาก 4 ช่วยให้นําความรู้สู่การปฏิบัติได้จริง 4.21 0.67 มาก 5 การฝึกฝนทําให้มีความคิดริเริ่ม คิดแก้ปญหาั 4.10 0.75 มาก 6 การฝึกฝนทําให้มีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม 4.41 0.67 มาก 7 ทําให้เข้าใจและเลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม 3.93 0.81 มาก รวม 4.22 0.68 มาก ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ 1 มีความรู้สึกกระตือรือร้น และอยากติดตามเนื้อหา 4.14 0.79 มาก 2 กิจกรรมการเรยนการสอนมี ีสวนช่ ่วยให้อยากเรียน 3.94 0.79 มาก 3 มีความสนุกสนานในกิจกรรมการเรียนการสอน 3.75 0.74 มาก 4 บรรยากาศในการเรียนไม่ตึงเครียดและนอกห้องเรียน 4.13 0.69 มาก รวม 4.06 0.77 มาก ด้านระยะเวลาในการเรยนี 1 ระยะเวลาในการทํากิจกรรมมีความเหมาะสม 3.91 0.71 มาก 2 ระยะเวลาที่ใช้ตลอดกระบวนการเรียนรู้มีความ เหมาะสม 4.23 0.53 มาก รวม 4.07 0.62 มาก ด้านการประเมินผลในการเรียน 1 ผลการประเมนทราบได ิ ้ทันทีทําใหสนใจท ้จะเรี่ียนรู้ และพัฒนาตนเอง 3.95 0.82 มาก 2 ใช้วิธีการประเมินหลากหลาย ช่วยในการปรับ พฤติกรรมการเรียนให้ดีขึ้น 4.15 0.79 มาก รวม 4.05 0.81 มาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.13 0.09 มาก จากตารางที่ 4-10 พบว่า ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการ จัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ด้านกิจกรรมการเรียนรู้


82 ด้านระยะเวลาในการเรียน ด้านบรรยากาศในการเรียน และด้านการประเมินผลในการเรียน ตามลําดับ โดยรายละเอียดของผลในแต่ละด้าน มีดังนี้ ด้านกิจกรรมการเรียนรู้เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด มีเพียงรายการ เดียว คือ ทําให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมาก ด้านบรรยากาศการเรียนรู้เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับ ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้กิจกรรมการเรียนการสอนสามารถนําไปใช้ได้ทั้งในและนอก ห้องเรียน รองลงมา ได้แก่มีความรู้สึกกระตือรือร้นและอยากติดตามเนื้อหา บรรยากาศในการเรียน ไม่ตึงเครียด กิจกรรมการเรียนการสอนมีส่วนช่วยให้อยากเรียน และมีความสนุกสนานในกิจกรรม การเรียนการสอน ตามลําดับ ด้านระยะเวลาในการเรียน เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับ ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ระยะเวลาที่ใช้ตลอดกระบวนการเรียนรู้มีความเหมาะสม รองลงมา คือ ระยะเวลาในการทํากิจกรรมมีความเหมาะสม ตามลําดับ ด้านการประเมินผลในการเรียน เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ผลการประเมินทราบได้ทันทีทําให้สนใจที่จะเรียนรู้และ พัฒนาตนเอง รองลงมาได้แก่ ใช้วิธีการประเมินหลากหลาย ช่วยในการปรับพฤติกรรมการเรียนให้ดี ขึ้น ตามลําดับ 4.2 ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 4.2.1 ผลการศึกษาความต้องการเข้ารับการฝึกอบรมของครูผู้สอน หากมีการจัดฝึกอบรมให้ ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ตารางที่ 4-11 ความคิดเห็นของครูผู้สอนที่มีต่อความต้องการฝึกอบรม n = 54 ความต้องการฝึกอบรม จํานวนคน ร้อยละ 1. ต้องการ เหตุผล: ส่วนมากระบุว่า ต้องการนําความรู้ไปพัฒนาการสอน 51 94.44 2. ไม่ต้องการ เหตุผล: เคยได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับ มคอ. แล้ว 3 5.56 รวม 54 100.00 จากตารางที่ 4-11 พบว่า ครูผู้สอนมีความต้องการเข้ารับการฝึกอบรม หากมีโครงการฝึกอบรมที่ สามารถช่วยให้การจัดการเรียนการสอนรายวิชาบรรลุผลตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติคิดเป็นร้อยละ 94.44 โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ต้องการนําความรู้ไปพัฒนาการสอน ส่วนที่เหลือไม่ต้องการเข้ารับการฝึกอบรม เนื่องจากเคยได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับ มคอ. แล้ว 4.2.2 ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผล การเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ


83 จากการศึกษาความคิดเห็นของครูผู้สอน และผู้ทรงคุณวุฒิที่มีต่อสภาพและปัญหาในการ จัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษา แห่งชาติ 5 ด้าน และจากผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ รวมถึงการศึกษา ความต้องการเข้ารับการฝึกอบรมของครูผู้สอนหากมีโครงการฝึกอบรมที่สามารถช่วยให้การจัดการ เรียนการสอนรายวิชาบรรลุผลตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา จึงนํามาสู่การพัฒนา หลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติขึ้น โดยมีเป้าหมายคือ เป็นหลักสูตรฝึกอบรมสําหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งไม่ได้จบทางด้าน ครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์และมีประสบการณ์ในการสอนรายวิชา ต่ํากว่า 3 ปี หลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้รูปแบบ และ 2) ชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คู่มือการใช้รูปแบบ คู่มือการใช้รูปแบบเป็นเอกสารใช้สําหรับให้รายละเอียดแก่ผู้สอน เพื่อให้มีความเข้าใจใน รูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มึความรู้และทักษะในการจัดการเรียนการสอน และ สามารถนําแนวทางไปใช้เพื่อการจัดการเรียนการสอนรายวิชาได้ถูกต้องตามกระบวนการต่อไป โดยคู่มือนี้ประกอบด้วย 1.1) คําชี้แจงการนํารูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นไปใช้ ประกอบด้วย ความสําคัญและที่มาของรูปแบบ ทฤษฎีและแนวคิดพื้นฐาน หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ สาระสําคัญของรูปแบบ กระบวนการเรียนรู้ PPCS และเครื่องมือที่ใช้ใน การวัดและประเมินผล 1.2) ตัวอย่างแบบประเมินผลการเรียนรู้และแบบสังเกตพฤติกรรม 2. ชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ชุดฝึกอบรมนี้มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้และทักษะในการจัด การเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติประกอบด้วย 7 หัวข้อเรื่อง ได้แก่ 1) กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 2) การจัด การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ 3) การจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบการจัดการเรียน การสอนแบบ PPCS 4) การวางแผนการเรียนรู้ (P : Plan) 5) การลงมือปฏิบัติ (P : Practice) 6) การสรุปผลความรู้ (C : Conclude) 7) การสะท้อนตัวตน (S : Self-Reflection) 4.2.3 ผลการตรวจสอบหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการ เรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยผู้เชี่ยวชาญ 4.2.3.1 ผลการประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ผลการประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบ โดยการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 5 คน มีดังต่อไปนี้


84 ตารางที่ 4-12 ผลการประเมนความเหมาะสมของคิู่มือการใช้รูปแบบ โดยผู้เชี่ยวชาญ n = 5 ข้อ รายการประเมิน ระดับความ เหมาะสม การแปล ความหมาย S.D. ด้านรูปเล่ม 1. ความเหมาะสมของขนาดรูปเล่ม 4.20 0.45 มาก 2. ความเหมาะสมของรูปแบบการพิมพ์ 4.00 0.00 มาก 3. การจัดลําดับเนื้อหา มีความเหมาะสม 5.00 0.00 มากที่สุด 4. สํานวนภาษา อ่านเข้าใจง่าย 4.40 0.55 มาก 5. ความเหมาะสมของรูปเล่มโดยรวม 4.40 0.55 มาก รวม 4.40 0.29 มาก ด้านเนื้อหา 1. คําชี้แจงของคู่มือ เขียนอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอน 4.40 0.55 มาก 2. มีการชี้แจงเอกสารประกอบทั้งหมด ทําให้สามารถ ตรวจสอบได้ก่อนใช้ 4.40 0.55 มาก 3. การชี้แจงวิธีการใช้มีขั้นตอนชัดเจนเป็นระบบ 4.40 0.55 มาก 4. การชี้แจงกิจกรรมการเรียนรู้วิธีการ และเกณฑ์การ ประเมินผล มความชี ัดเจน 4.60 0.55 มากที่สุด 5. การกําหนดเนื้อหา สื่อที่ใช้ประกอบ และระยะเวลาที่ใช้ ในแผนการจัดการเรียนรู้ทําให้สะดวกต่อการเตรียม การสอน 4.00 0.00 มาก 6. มีแนวทางของแผนจัดการเรยนรีู้ทําให้จัดกิจกรรมการ เรียนรู้ได้อย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนที่ชัดเจน 4.40 0.55 มาก รวม 4.37 0.22 มาก ด้านการนําไปใช้ 1. สามารถนําไปใช้ร่วมกับหลักสูตรฝึกอบรมได้ไม่ซับซ้อน 4.80 0.45 มากที่สุด 2. เป็นประโยชน์สําหรับผู้สอนในการนําไปใช้ในการจัด ฝึกอบรม 5.00 0.00 มากที่สุด 3. สามารถนํารูปแบบของคู่มือไปประยุกต์ใช้ทําคู่มือฝึกอบรม อื่น ๆได้ 4.60 0.55 มากที่สุด รวม 4.82 0.29 มากที่สุด ค่าเฉลี่ยรวม 4.52 0.27 มากที่สุด


85 จากตารางที่ 4-12 พบว่า ผู้เชี่ยวชาญ 5 คนมีความคิดเห็นต่อคู่มือการใช้รูปแบบ ในภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับ มากถึงมากที่สุด เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ด้านนําไปใช้ด้านเนื้อหา และด้าน รูปเล่ม ตามลําดับ รายละเอียดของผลในแต่ละด้าน มีดังนี้ ด้านการนําไปใช้ในภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็น รายข้อพบว่า ทั้งสามรายการ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านเนื้อหา ในภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า รายการประเมินที่มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีเพียงรายการเดียว คือ การชี้แจงกิจกรรม การเรียนรู้วิธีการและเกณฑ์การประเมินผล มีความชัดเจน ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมากทั้งหมด โดยมี 4 รายการที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน ( = 4.40, S.D. = 0.55) ได้แก่ 1) คําชี้แจงของคู่มือเขียนอย่างเป็น ระบบ มีขั้นตอน 2) มีการชี้แจงเอกสารประกอบทั้งหมด ทําให้สามารถตรวจสอบได้ก่อนใช้ 3) การ ชี้แจงวิธีการใช้มีขั้นตอนชัดเจนเป็นระบบ 4) มีแนวทางของแผนจัดการเรียนรู้ทําให้จัดกิจกรรม การเรียนรู้ได้อย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนที่ชัดเจน และรายการที่มีค่าเฉลี่ยน้อยสุดในด้านนี้คือ การกําหนด เนื้อหา สื่อที่ใช้ประกอบ และระยะเวลาที่ใช้ในแผนการจัดการเรียนรู้ทําให้สะดวกต่อการเตรียม การสอน ด้านรูปเล่ม ในภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า รายที่มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีเพียงรายการเดียว คือ การจัดลําดับเนื้อหา มีความเหมาะสม ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมากทั้งหมด เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ สํานวนภาษาอ่านเข้าใจง่าย และความเหมาะสมของรูปเล่มโดยรวม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากัน รองลงมา ได้แก่ความเหมาะสมของขนาดรูปเล่ม และความเหมาะสมของรูปแบบการพิมพ์ตามลําดับ 4.2.3.2 ผลการประเมินชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้าง ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 4.2.3.2.1 ผลการประเมินความเหมาะสมของชุดฝึกอบรมการจัดการเรียน การสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา ผลการประเมินความเหมาะสมของชุดฝึกอบรม โดยการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 5 คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร และหลักสูตรฝึกอบรม มีดังนี้ ตารางที่ 4-13 ผลการประเมนความเหมาะสมของชิุดฝึกอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญ n = 5 ข้อ รายการประเมิน ระดับความ เหมาะสม การแปล ความหมาย S.D. 1 ชุดฝึกอบรมสามารถนําไปใช้ปฏิบัติจริงได้ 4.20 0.45 มาก 2 ชุดฝึกอบรมเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรม 4.20 0.45 มาก 3 หัวข้อเรื่องการฝึกอบรมมีความครบถ้วน และ ครอบคลุมหลกสัูตร 4.60 0.55 มากที่สุด 4 หัวข้อเรื่องเรียงลําดับได้อย่างเหมาะสม 4.20 0.45 มาก


86 ตารางที่ 4-13 (ต่อ) n = 5 ข้อ รายการประเมิน ระดับความ เหมาะสม การแปล ความหมาย S.D. 5 วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมครอบคลุมหัวข้อเรื่อง 4.40 0.55 มาก 6 วัตถุประสงค์เชงพฤติ ิกรรมมีความชัดเจน อ่านเข้าใจง่าย 4.20 0.45 มาก 7 เนื้อหาครบถ้วนและครอบคลุมวัตถุประสงค์เชิง พฤติกรรม 4.20 0.45 มาก 8 เนื้อหาในใบเนื้อหา อ่านเข้าใจง่าย และรูปแบบของ ใบเนื้อหามีความน่าสนใจ 4.20 0.45 มาก 9 เนื้อหาเหมาะสม กับผสอนทู้ ี่เข้ารับการฝึกอบรม 4.60 0.55 มากที่สุด 10 สื่อการสอน Power Point ครอบคลุมเนื้อหา 4.40 0.55 มาก 11 สื่อที่ใช้มีความสวยงาม น่าสนใจ 3.80 0.84 มาก 12 ระยะเวลาในการฝึกอบรมมีความเหมาะสม 3.20 0.45 ปานกลาง ค่าเฉลี่ยรวม 4.18 0.51 มาก จากตารางที่ 4-13 ผลการประเมินความเหมาะสมของชุดฝึกอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ชุดฝึกอบรมในภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า องค์ประกอบของชุดฝึกอบรมแต่ละรายการ อยู่ในระดับปานกลางถึงมากที่สุด โดยรายการที่มี ความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่หัวข้อเรื่องการฝึกอบรมมีความครบถ้วนและครอบคลุม หลักสูตร และ เนื้อหาเหมาะสม กับผู้สอนที่เข้ารับการฝึกอบรม ส่วนรายการที่เหลือพบว่า มีความ เหมาะสมอยู่ในระดับมากทั้งหมด เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้วัตถุประสงค์เชิง พฤติกรรมครอบคลุมหัวข้อเรื่อง และสื่อการสอน Power Point ครอบคลุมเนื้อหา พบว่า มีค่าเฉลี่ย เท่ากัน ( = 4.40, S.D = 0.55) รองลงมา ได้แก่ชุดฝึกอบรมสามารถนําไปใช้ปฏิบัติจริงได้ ชุดฝึกอบรมเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรม หัวข้อเรื่องเรียงลําดับได้อย่างเหมาะสม วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมมีความชัดเจนอ่านเข้าใจง่าย เนื้อหาครบถ้วนและครอบคลุมวัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรม เนื้อหาในใบเนื้อหาอ่านเข้าใจง่ายและรูปแบบของใบเนื้อหามีความน่าสนใจ มีค่าเฉลี่ย เท่ากัน ( = 4.20, S.D = 0.45) สื่อที่ใช้มีความสวยงาม น่าสนใจ ( = 3.80, S.D = 0.45) และ ลําดับสุดท้ายซึ่งมีค่าเฉลี่ยน้อยสุด คือ ระยะเวลาในการฝึกอบรมมีความเหมาะสม ( = 3.20, S.D = 0.45) ตามลําดับ 4.2.3.2.2 ผลการประเมินความสอดคล้องของชุดฝึกอบรมการจัดการเรียน การสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา โดยมี รายละเอียดดังนี้ 4.2.3.3 ผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างหัวข้อเรื่องการฝึกอบรมกับวัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรม ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 5 คน


87 ผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างหัวข้อเรื่องการฝึกอบรมกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ของชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษา มีดังนี้ ตารางที่ 4-14 ผลการประเมนความสอดคลิองระหว้ ่างหัวข้อเรื่องกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ของชุดฝึกอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญ n = 5 หัวข้อเรื่อง IOC ผลการประเมนิ 1 ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 1.0 สอดคล้อง 2 การจัดการเรียนการสอนรายวิชา 1.0 สอดคล้อง 3 รูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาที่พัฒนาขึ้น 1.0 สอดคล้อง 4 การวางแผนการเรียนรู้ (Plan) 1.0 สอดคล้อง 5 การลงมือปฏิบัติ (Practice) 1.0 สอดคล้อง 6 การสะท้อนตัวตน (Self-Reflection) 1.0 สอดคล้อง 7 สรุปผลความร (Conclude) 1.0 ู้สอดคล้อง จากตารางที่ 4-14 พบว่า ความสอดคล้องระหว่างหัวข้อเรื่องกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมของ ชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษา มีความสอดคล้องกัน โดยทุกหัวข้อเรื่องมีค่าความสอดคล้องเท่ากับ 1.0 แสดงว่า หัวข้อเรื่องของชุดฝึกอบรมสามารถใช้ได้ไม่ต้องทําการปรับปรุง 4.2.3.4 ผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างเนื้อหาการฝึกอบรมกับวัตถุประสงค์เชิง พฤติกรรม ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 5 คน ผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างเนื้อหาการฝึกอบรมกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ของชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษา มีดังนี้ ตารางที่ 4-15 ผลการประเมนความสอดคลิองระหว้ ่างเนื้อหาการฝึกอบรมของแต่ละหัวข้อเรื่อง กับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมของชุดฝึกอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญ n = 5 หัวข้อเรื่อง IOC ผลการประเมนิ 1 ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 1.0 สอดคล้อง 2 การจัดการเรียนการสอนรายวิชา 1.0 สอดคล้อง 3 รูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาที่พัฒนาขึ้น 1.0 สอดคล้อง 4 การวางแผนการเรียนรู้ (Plan) 1.0 สอดคล้อง 5 การลงมือปฏิบัติ (Practice) 1.0 สอดคล้อง 6 การสะท้อนตัวตน (Self-Reflection) 1.0 สอดคล้อง 7 สรุปผลความร (Conclude) 1.0 ู้สอดคล้อง


Click to View FlipBook Version