The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ครูอาร์ม, 2023-02-21 22:58:55

B16241678

B16241678

88 จากตารางที่ 4-15 พบว่า เนื้อหาการฝึกอบรมของแต่ละหัวข้อเรื่องกับวัตถุประสงค์เชิง พฤติกรรมของชุดฝึกอบม มีความสอดคล้องกันในทุกหัวข้อเรื่อง โดยมีค่าความสอดคล้องเท่ากับ 1.0 แสดงว่า เนื้อหาการฝึกอบรมในทุกหัวข้อเรื่อง ถือว่าใช้ได้ไม่ต้องทําการปรับปรุง 4.2.3.3 ผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างสื่อประกอบการฝึกอบรมกับเนื้อหา การฝึกอบรม ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 5 คน ผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างสื่อประกอบการฝึกอบรมกับเนื้อหาการฝึกอบรม ของชุดฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษา มีดังนี้ ตารางที่ 4-16 ผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างสื่อประกอบการฝึกอบรมของแต่ละ หัวข้อเรื่องกับเนื้อหาการฝึกอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญ n = 5 หัวข้อเรื่อง IOC ผลการประเมนิ 1 ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 0.8 -1.0 สอดคล้อง 2 การจัดการเรียนการสอนรายวิชา 1.0 สอดคล้อง 3 รูปแบบการเรียนการสอนรายวิชาที่พัฒนาขึ้น 0.6 – 1.0 สอดคล้อง 4 การวางแผนการเรียนรู้ (Plan) 1.0 สอดคล้อง 5 การลงมือปฏิบัติ (Practice) 0.6 – 1.0 สอดคล้อง 6 การสะท้อนตัวตน (Self-Reflection) 0.8 – 1.0 สอดคล้อง 7 สรุปผลความร (Conclude) 0.8 – 1.0 ู้สอดคล้อง จากตารางที่ 4-16 พบว่า สื่อประกอบการฝึกอบรมของแต่ละหัวข้อเรื่องกับเนื้อหา การฝึกอบรมของชุดฝึกอบม มีความสอดคล้องกันในทุกหัวข้อเรื่อง โดยมีค่าความสอดคล้องระหว่าง 0.6-1.0 แสดงว่า สื่อประกอบการฝึกอบรมทุกหัวข้อเรื่อง ถือว่าใช้ได้ไม่ต้องทําการปรับปรุง 4.3 ผลการนําหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติไปใช้ 4.3.1 ผลการฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 4.3.1.1 ผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้าง ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติตามแนวคิดการประเมินของ The Kirk Patrick Approach ของ Krikpatrick (1998) โดยการนําไปฝึกอบรมกับกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และมี ประสบการณ์ในการสอนรายวิชา ต่ํากว่า 3 ปีจํานวนทั้งสิ้น 6 คน ซึ่งผลการประเมินมีดังนี้


89 4.3.1.1.1 การประเมินปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction Evaluation) ตารางที่ 4-17 ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อหลักสูตร ฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาที่พัฒนาขึ้น n = 6 ข้อ รายการประเมิน ระดับปฏิกิริยา ตอบสนอง การแปล ความหมาย S.D. ด้านเนื้อหา 1. หัวข้อการฝึกอบรมมีความน่าสนใจและเหมาะสมกับหลักสูตร 4.67 0.52 มากที่สุด 2. เนื้อหาการฝึกอบรมแต่ละหัวข้อมีความเหมาะสม 4.50 0.55 มากที่สุด 3. เนื้อหาของหลักสูตรตรงตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร 4.33 0.52 มาก 4. เนื้อหาของหลักสูตรเป็นประโยชน์สามารถนําไปพัฒนา ตนเองและงานที่ปฏิบัติได้ 4.33 0.52 มาก 5. เอกสารประกอบการฝึกอบรมมีความชัดเจน ครบถ้วน 3.67 0.52 มาก รวม 4.30 0.01 มาก ด้านวิทยากร 6. ความชัดเจนในการอธิบายเนื้อหาของวิทยากร 5.00 0.00 มากที่สุด 7. ความชัดเจนในการลําดับเนื้อหาของวิทยากร 3.83 0.41 มาก 8. การเปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมสอบถามข้อคําถาม 4.33 0.52 มาก 9. การตอบปัญหาข้อคําถามได้ชัดเจน 4.17 0.41 มาก รวม 4.33 0.23 มาก ด้านการฝึกอบรม 10. สื่อที่ใช้ในการฝึกอบรมมีความเหมาะสมกับเนื้อหา 4.50 0.55 มากที่สุด 11. โสตทัศนูปกรณ์มีความครบถ้วนสมบูรณ์ใช้งานได้ดี 3.83 0.41 มาก 12. สภาพห้องที่ใช้ฝึกอบรม มีความเหมาะสม 4.33 0.52 มาก 13. ระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรม มีความเหมาะสม 4.33 0.52 มาก 14. บรรยากาศในการฝึกอบรม มีความเป็นกันเอง 4.00 0.00 มาก 15. การบริการและสิ่งอํานวยความสะดวกอื่น ๆ 4.50 0.55 มากที่สุด รวม 4.25 0.21 มาก ค่าเฉลี่ยรวม 4.29 0.15 มาก จากตารางที่ 4-17 ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction Evaluation) ของผู้เข้ารับ การฝึกอบรมที่มีต่อหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติที่พัฒนาขึ้น พบว่า ปฏิกริยาตอบสนองใน ภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( = 4.29, S.D = 0.15) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านอยู่


90 ในระดับมาก โดยเรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ด้านวิทยากร ด้านเนื้อหา และด้านการ ฝึกอบรม โดยรายละเอียดของผลในแต่ละด้าน มีดังนี้ ด้านวิทยากร เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า รายการที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีปฏิกริยา ตอบสนองอยู่ในระดับมากที่สุด มีเพียงรายการเดียว คือ ความชัดเจนในการอธิบายเนื้อหาของ วิทยากร ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมาก โดยรายการที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด แต่อยู่ในระดับมาก คือ ความ ชัดเจนในการลําดับเนื้อหาของวิทยากร ด้านเนื้อหา เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า รายการที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีปฏิกริยา ตอบสนองอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่หัวข้อการฝึกอบรมมีความน่าสนใจและเหมาะสมกับหลักสูตร และเนื้อหาการฝึกอบรมแต่ละหัวข้อมีความเหมาะสม ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมาก โดยรายการที่มี ค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด แต่อยู่ในระดับมาก คือ เอกสารประกอบการฝึกอบรมมีความชัดเจน ครบถ้วน ด้านการฝึกอบรม เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า รายการที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีปฏิกิริยา ตอบสนองอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่สื่อที่ใช้ในการฝึกอบรมมีความเหมาะสมกับเนื้อหา และการ บริการและสิ่งอํานวยความสะดวกอื่น ๆ ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับมาก โดยรายการที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด แต่อยู่ในระดับมาก คือ โสตทัศนูปกรณ์มีความครบถ้วนสมบูรณ์ใช้งานได้ดี 4.3.1.1.2 การประเมินผลการเรียนรู้ (Learning Evaluation) การประเมินผลการเรียนรู้เป็นการประเมินผู้เข้ารับการฝึกอบรมก่อนและหลังการฝึกอบรม ในด้านความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) และเจตคติ (Attitude) โดยผู้บังคับบัญชาของผู้เข้ารับ การฝึกอบรมเป็นผู้ประเมิน ซึ่งมีผลดังนี้ ตารางที่ 4-18การเปรียบเทียบพัฒนาการด้านความรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ก่อนและหลัง ฝึกอบรม ด้วยข้อสอบ ที่มีคะแนนเต็ม 12 คะแนน n = 6 คนที่คะแนนครั้งแรก คะแนนครั้งหลัง (ผลสัมฤทธ) ิ์ คะแนนความแตกต่าง (พัฒนาการ) 1 8 11 4 2 8 10 2 3 3 10 7 4 3 10 7 5 9 10 1 6 8 11 4 จากตารางที่ 4-18 ผลการเปรียบเทียบพัฒนาการด้านความรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม พบว่า หลังการทดสอบพัฒนาการของผู้เรียนทั้ง 6 คน มีพัฒนาการด้านความรู้สูงขึ้นกว่าก่อนการฝึกอบรม


91 ตารางที่ 4-19 การเปรียบเทียบพัฒนาการด้านทักษะของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ก่อนและหลัง ฝึกอบรม ด้วยแบบประเมินทักษะ ที่มีคะแนนเต็ม 5 คะแนน n = 6 คนที่คะแนนครั้งแรก คะแนนครั้งหลงั (ผลสัมฤทธิ์) คะแนนความ แตกต่าง (พัฒนาการ) 1 3.53 5.00 1.48 2 4.20 4.33 0.13 3 4.33 4.93 0.73 4 4.40 4.47 0.07 5 4.53 4.93 0.40 6 4.13 4.73 0.60 จากตารางที่ 4-19 ผลการเปรียบเทียบพัฒนาการด้านทักษะของผู้เข้ารับการฝึกอบรม พบว่า หลังการทดสอบพัฒนาการของผู้เรียนทั้ง 6 คน มีพัฒนาการด้านทักษะสูงขึ้นกว่าก่อนการอบรม ตารางที่ 4-20 การเปรียบเทียบพัฒนาการด้านเจตคติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ก่อนและหลัง ฝึกอบรม ด้วยแบบประเมินเจตคติที่มีคะแนนเต็ม 5 คะแนน n = 6 คนที่คะแนนครั้งแรก คะแนนครั้งหลงั (ผลสัมฤทธิ์) คะแนนความแตกต่าง (พัฒนาการ) 1 3.75 5.00 1.25 2 4.25 5.00 0.75 3 4.25 4.75 0.50 4 4.75 5.00 0.25 5 4.00 5.00 1.00 6 3.00 5.00 2.00 จากตารางที่ 4-20 ผลการเปรียบเทียบพัฒนาการด้านเจตคติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม พบว่า หลังการทดสอบพัฒนาการของผู้เรียนทั้ง 6 คน มีพัฒนาการด้านเจตคติสูงขึ้นกว่าก่อนการอบรม 4.3.1.1.3 การประเมินพฤติกรรม (Behavior Evaluation) การประเมินพฤติกรรม เป็นการประเมินพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้เข้ารับการฝึกอบรมใน การนําความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้สอนหลังการฝึกอบรมว่ามีผลเป็นอย่างไร โดยการประเมิน แบ่งออกเป็น 1) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมประเมินตนเอง และ 2) ผู้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงานประเมิน ซึ่งผลมีดังต่อไปนี้


92 ตารางที่ 4-21 ผลการประเมนการเปล ิ ี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการนํา ความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้ในการสอน หลังการฝึกอบรม โดยผู้เขาร้ ับการ ฝึกอบรมประเมินตนเอง n = 6 ข้อ รายการประเมิน ระดับพฤติกรรม การแปล ความหมาย S.D. 1 กระตือรือร้นในการเตรียมการสอน 4.83 0.41 มากที่สุด 2 ศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ เพื่อการสอน 5.00 0.00 มากที่สุด 3 ปรับแผนการจัดการเรียนรู้เน้นกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ 4.50 0.55 มาก 4 นําประสบการณ์และเทคนคการสอนมาประย ิุกต์ใช้ในการสอน 4.50 0.55 มาก 5 พูดคุย ติดตามการปฏิบัติงานของผู้เรียน 4.50 0.55 มาก 6 ปรับสื่อการสอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้เรียน 4.83 0.41 มากที่สุด 7 ปรับวิธีการประเมินผลเพื่อการประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ 4.50 0.55 มาก จากตารางที่ 4-21 การประเมินการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการนํา ความรู้ไปใช้ในการสอน หลังจากได้รับการฝึกอบรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบว่า ส่วนมากผู้เข้ารับ การฝึกอบรมประเมินตนเองว่า มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เช่น ศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ เพื่อ การสอน กระตือรือร้นในการเตรียมการสอน ปรับสื่อการสอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้เรียน ปรับแผนการจัดการเรียนรู้เน้นกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้นําประสบการณ์และเทคนิคการสอนมา ประยุกต์ใช้ในการสอน พูดคุย ติดตามการปฏิบัติงานของผู้เรียน และปรับวิธีการประเมินผลเพื่อ การประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามลําดับ ตารางที่ 4-22 ผลการประเมินการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการนําความรู้ที่ ได้จากการฝกอบรมไปใช ึ ้ในการสอน หลังการฝึกอบรม โดยผบู้ ังคับบัญชาและผู้ร่วมงาน n = 12 ข้อ รายการประเมิน ระดับพฤติกรรม การแปล ความหมาย S.D. 1 กระตือรือร้นหาประสบการณ์ที่ท้าทายและหลากหลายมา ใช้ประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน 4.33 0.52 มาก 2 พูดคุย ติดตามการปฏิบัติงานของผู้เรียน 4.17 0.75 มาก 3 พูดคุย แสดงความคิดเห็น ใหความรู้้เน้นกิจกรรมการเรียน การสอน 4.50 0.55 มากที่สุด 4 ศึกษา ค้นคว้าหาแหล่งความรู้ใหม่ๆ เพื่อการสอน 4.33 0.52 มาก X


93 จากตารางที่ 4-22 การประเมินการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการนํา ความรู้ไปใช้ในการสอน หลังจากได้รับการฝึกอบรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้บังคับบัญชา และเพื่อน ร่วมงานของผู้เข้ารับการฝึกอบรม พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เช่น พูดคุยแสดงความคิดเหน็ ให้ความรู้เน้นกิจกรรมการเรียนการสอน พูดคุย กระตือรือร้นหาประสบการณ์ที่ท้า ทายและหลากหลายมาใช้ประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน ศึกษา ค้นคว้าหาแหล่งความรู้ใหม่ๆ เพื่อการสอน และติดตามการปฏิบัติงานของผู้เรียน ตามลําดับ 4.3.1.1.4 การประเมินผลลัพธ์ที่เกิดต่อองค์กร (Results Evaluation) การประเมินผลลัพธ์ที่เกิดต่อองค์กรเป็นการประเมินพฤติกรรมการทํางานของผู้เข้ารับการ ฝึกอบรมที่ส่งผลต่อองค์กรหลังการฝึกอบรม โดยการสัมภาษณ์ผู้บริหารเพื่อต้องการทราบว่า ในที่สุด แล้วผลลัพธ์จากการเข้าฝึกอบรมก่อให้เกิดผลดีต่อองค์กรอย่างไรบ้าง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารซึ่งปฏิบัติงานประกันคุณภาพของหน่วยงานที่ผู้เข้า ฝึกอบรมปฏิบัติหน้าที่จํานวน 6 คน โดยผลการประเมินมีดังต่อไปนี้ ตารางที่ 4-23 ผลการประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กร ภายหลังการฝึกอบรม โดยการสัมภาษณ์ ผู้บริหาร n = 6 รายการประเมิน ผลสมภาษณั ์ ร้อยละ มีการปฏิบัติ ไม่มี การปฏิบัติ 1. ผู้เข้ารับการอบรมนําความรู้ที่ได้รับ มาพัฒนาการจัดการ เรียนการสอนรายวิชา 6 - 100.00 2. ผลดีหรือผลกระทบต่อองค์กร ที่ผู้เข้ารับการอบรม สามารถปฏิบัติได้ 6 - 100.00 3. การนําความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่สร้างองค์ความรู้แก่ หน่วยงานของผู้เข้ารับการอบรม 6 - 100.00 จากตารางที่ 4-23 พบว่า ผู้บริหารที่ปฏิบัติงานประกันคุณภาพของหน่วยงาน มีความเห็นต่อ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการฝึกอบรมหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อ เสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ดังต่อไปนี้ 1. ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ได้นําความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรมมาพัฒนาการจัดการเรียน การสอนรายวิชา ดังนี้ 1.1 มีพัฒนาการในการจัดทําแผนการสอนลงใน มคอ.3 1.2 เข้าใจถึงการเชื่อมโยงการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติกับ การวางแผนการสอนในแต่ละสัปดาห์ 1.3 ปรับปรุงเอกสารประกอบการสอนร่วมกับการจัดเตรียมสื่อการสอนที่ใช้เทคโนโลยีมา ช่วยในการสอน รวมทั้งใช้เหตุการณ์ที่เป็นปัจจบุันมาเป็นตัวอย่างในบทเรียน


94 1.4 เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมาพูดคุย ปรึกษาเรื่องที่สนใจที่จะทํา เพื่อให้ผู้สอนช่วยแนะนํา หาทางเลือกที่เหมาะสม หรือช่วยตัดสินใจบ่อยครั้งมากขึ้น ทําให้ผู้สอนเป็นผู้นําความรู้มาใช้สอนให้ เชื่อมโยงกับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้ 1.5 สอนผู้เรียนให้มีกระบวนการคิดซึ่งเกิดจากตัวผู้เรียนเอง (Insight Thinking Process) ซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญอย่างยิ่ง โดยการสอนกระบวนการคิดจากรูปแบบฯ สามารถกระตุ้นความรู้ทักษะ ของผู้เรียนให้เรียนรู้ได้อย่างเป็นระบบ 2. การเข้ารับการฝึกอบรมของผสอนู้ส่งผลต่อองค์กร ดังนี้ 2.1 ด้านผลดี 2.1.1 ส่งผลต่อภาควิชาเป็นไปในทิศทางที่ดีมีการสอนเสริมหลักสูตรเพื่อการพัฒนา คุณลักษณะของผู้เรียน พัฒนาในรายวิชาให้เด่นชัดตามจุดมุ่งหมายของรายวิชา สามารถเสริมสร้าง คุณลักษณะของผู้เรียนด้านการทํางานร่วมกับผู้อื่น ความรับผิดชอบ คุณธรรม จริยธรรม และการรับ ฟังผู้อื่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมด้านคุณลักษณะของผู้เรียนที่มีผลดีต่ออัตลักษณ์ของภาควิชาในสายตาของ ภาคอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี 2.1.2 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น สามารถนํามาประยุกต์ใช้ กับวิธีการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาของตนเองและรายวิชาในภาควิชาได้เป็นอย่างดีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ช่วยให้ผู้สอนมีการปรับตัวให้เข้ากับการเรียนการสอนในยุคใหม่มากขึ้น ลดการใช้ วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบเดิม ๆ ที่เน้นการบรรยาย ผู้สอนมีพัฒนาการในการคิดกิจกรรมที่ หลากหลายสอดคล้องกับเนื้อหา ตอบสนองผลการเรียนรู้ที่คาดหวังของรายวิชาและของหลักสูตรได้ ตรงประเด็น รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันทั้งผู้สอนและผู้เรียน 2.1.3 องค์ความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรม ช่วยให้ผู้สอนกระตือรือร้นปรับปรุงเนื้อหา การเรียนการสอนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นความคาดหวังในอนาคตขององค์กร ซึ่งรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีการ ทบทวนและเพิ่มเติมองค์ความรู้ทําให้มีแนวคิดที่จะพัฒนาด้านการเรียนการสอนอันจะส่งผลที่ดีต่อตัว ผู้เรียน ในอนาคตหลักสูตรที่จัดการเรียนการสอนอยู่อาจไม่สําคัญสําหรับองค์กรหรือหน่วยงาน แต่จะ ให้ความสําคัญกับศักยภาพของครูผู้สอน 2.1.4 การจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยใช้กระบวนการ PPCS เป็นที่คาดว่าจะสามารถสนองตอบความ ต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนในหน่วยการเรียนรู้ที่กําหนดไว้ในแต่ละ รายวิชา เนื่องจากเป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาที่มีขั้นตอนและวิธีการกระตุ้น กระบวนการคิดของผู้เรียนที่ฝังอยู่ในตัวผู้เรียน โดยสะสมมาตามความรู้ทักษะ และประสบการณ์ที่ ผ่านการเรียนรู้มาเรื่อย ๆ สอดคล้องกับการศึกษาในยุคศตวรรษที่ 21 ที่ผู้เรียนจะต้องมีกระบวนการ คิดอย่างสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนสามารถใช้ กระบวนการคิดที่ได้จากผลการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนการสอนตามกระบวนการ PPCS ไป แสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากสื่อการเรียนการสอนทุกรูปแบบ เพิ่มศักยภาพในการค้นคว้า และ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเพื่อการศึกษาในแต่ละรายวิชา ซึ่งในที่สุดผู้เรียนสามารถสะท้อน ตัวตนได้อย่างชัดเจน


95 2.2 ด้านผลกระทบ 2.2.1 ผู้สอน จะต้องมีทัศนคติและความมุ่งมั่นในการจัดกระบวนการคิดให้ผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยผู้สอนเองต้องมีความรู้และทักษะเกี่ยวกับวิธีดําเนินการจัดการเรียน การสอนตามกระบวนการ PPCS อย่างชัดแจ้ง ผู้สอนจะต้องใช้เวลาเพื่อพัฒนาวิธีการสอนให้เป็นแบบ กระตุ้นความคิดจากผู้เรียนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้เรียนที่แตกต่างกันไป จึงต้องมีเวลาอย่าง เพียงพอ ดังนั้น หากได้รับมอบหมายภาระงานมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อความพร้อมในการใช้ รูปแบบดังกล่าวให้บรรลุผลตามที่ต้องการ 2.2.2 ผู้เรียน เป็นปัจจัยสําคัญอย่างยิ่งต่อความสําเร็จหรือผลสัมฤทธิ์ของการจัดการ เรียนการสอนตามกระบวนการ PPCS นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับความพร้อมและความมุ่งมั่นของ ผู้เรียนในการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิดของตนเอง ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้ที่ให้ความสําคัญต่อการ พัฒนาพื้นฐานความรู้ด้วยตนเอง โดยการเรียนรู้จากระบบการศึกษาที่เป็นทางการ และการศึกษาที่ ไม่เป็นทางการหรือที่เรียกว่า การศึกษาตลอดชีวิต เพื่อผลักดันให้ตนเองสามารถซึมซับวิธีการเรียนใน รูปแบบดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการผสมผสานความรู้และประสบการณ์เดิม และความรู้ และประสบการณ์ใหม่ที่รับเข้ามาเพื่อนํามาใช้ในการสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ 2.2.3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ภาควิชา และส่วนงาน ที่มีหน้าที่รับผิดชอบใน การจัดการเรียนการสอนในแต่ละรายวิชา จะได้รับผลกระทบในเรื่องของการวางแผนเกี่ยวกับการจัด ภาระงานสอนให้เหมาะสม การจัดสรรทรัพยากรที่จําเป็นต่อการเรียนการสอนอย่างเพียงพอ เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนในแต่ละรายวิชาตามกระบวนการ PPCS อาจต้องมีสื่อประกอบการ เรียนการสอน การจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดกระบวนการคิดและใช้ แก้ปัญหาที่เผชิญได้ด้วยตนเอง สื่อการเรียนการสอนจะมีทั้งคงที่และเคลื่อนไหว ดังนั้น ทรัพยากร สนับสนุนจึงมีความจําเป็นที่จะทําให้เกิดสื่อการเรียนการสอน และกิจกรรมที่กําหนดไว้ได้และอาจ ต้องใช้งบประมาณสนับสนุนมากกว่าการใช้รูปแบบอื่น ๆ 3. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมนําความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่สร้างองค์ความรู้แก่หน่วยงาน มีดังนี้ 3.1 นําเรื่องที่ได้ฝึกอบรมมาไปจัดการความรู้ให้แก่เพื่อนอาจารย์ซึ่งเป็นการขยายองค์ ความรู้เพื่อให้เพื่อนปรับเปลี่ยนแนวคิดหรือพฤติกรรมเกี่ยวกับกระบวนการเรียนการสอนได้ 3.2 นําความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรม กระตุ้นเตือนผู้เรียนให้มีกระบวนการคิดอย่างเข้มข้น และให้สามารถนําไปใช้ในการเรียนรายวิชาอื่น หรือนําไปแก้ไขปัญหาที่ยากให้ง่ายได้อันจะส่งผลให้ บัณฑิตของมหาวิทยาลัยมีความรู้ทักษะ เจตคติที่สอดคล้องกับเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของ มหาวิทยาลัยอย่างครบถ้วน


97 บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย อภิปราย และข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผล การเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบ การจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณ วุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 2) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้าง ผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติโดยมีขั้นตอนดําเนินการวิจัย คือ ขั้นตอนที่ 1 การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัด การเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติและขั้นตอนที่ 3 การนําหลักสูตรฝึกอบรมไปใช้ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายที่ เป็นครูผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ และมีประสบการณ์ด้านการสอนรายวิชาต่ํากว่า 3 ปีจํานวน 6 คน การวิจัยครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดย ประยุกต์ใช้ข้อมูลการวิจัยเชิงปริมาณ ร่วมกับข้อมูลของการวิจัยเชิงคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ หลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติซึ่งประกอบด้วย คู่มือการใช้รูปแบบ และชุดฝึกอบรม สําหรับการประเมินหลักสูตรฝึกอบรม ผู้วิจัยประยุกต์ใช้แนวคิดการประเมินของ The Kirk Patrick Approach ของ Krikpatrick (1998) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ซึ่งผลการวิจัยสามารถสรุป ได้ดังนี้ 5.1 สรุปผลการวิจัย 5.1.1 ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5.1.1.1 ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ซึ่งพัฒนาขึ้นตาม กระบวนการพัฒนาระบบ พบว่า ประกอบด้วยองค์ประกอบ ดังนี้ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) โครงสร้างของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน และ 4) การวัดและ ประเมินผล โดยโครงสร้างของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย องค์ประกอบย่อยตามแนวคิดเชิงระบบ ได้แก่ ปัจจัยนําเข้า (Input) กระบวนการ (Process) ผลผลิต (Output) ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) และผลลัพธ์ (Outcome) โดยมีรายละเอียดดังนี้


98 98 5.1.1.1.1 ปัจจัยนําเข้า (Input) ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อย ได้แก่ 1) ผู้สอน 2) มคอ.3 3) เอกสารประกอบการเรียนการสอน 4) เครื่องมือวัดและประเมินผล 5) สื่อ-อุปกรณ์ การเรียนการสอน 5.1.1.1.2 กระบวนการ (Process) ประกอบด้วย 1) การจัดการเรียนการสอน ตามกระบวนการ PPCS ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ขั้นวางแผนการเรียนรู้ (P : Plan) ขั้นลง มือปฏิบัติ (P : Practice) ขั้นสรุปผลความรู้ (C : Conclude) ขั้นสะท้อนตัวตน (S : SelfReflection) และ 2) การวัดและประเมินผล 5.1.1.1.3 ผลผลิต (Output) คือ ผู้เรียนซึ่งมีผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5.1.1.1.4 ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) คือ ผลจากแบบรายงานผลการ ประเมินรายวิชา (มคอ.5) 5.1.1.1.5 ผลลัพธ์ (Outcome) คือ ผู้สอนมีพฤติกรรมการสอนสอดคล้องกับ กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5.1.1.2 ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น โดย ผู้เชี่ยวชาญ 7 คน พบว่า ทั้งความเหมาะสม และความเป็นไปได้ในการนําไปใช้ในภาพรวมอยู่ใน ระดับมาก 5.1.1.3 ผลการประเมินประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่ พัฒนาขึ้น จากการนําไปทดลองใช้กับครูผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งไม่ได้จบทางด้านครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ตลอดจนไม่มีพื้นฐานทางด้านการสอน สังกัด กระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 5 คน โดยใช้มาตรฐานการประเมินของ Stufflebeam (1981) ซึ่ง ประเมิน 4 ด้าน ได้แก่ด้านการนําไปใช้ประโยชน์ด้านความเป็นไปได้ด้านความเหมาะสม และด้าน ความถูกต้อง ผลการประเมินพบว่า ภาพรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมาก โดยด้านความเป็นไปได้มี ค่าเฉลี่ยมากสุด นอกจากนี้ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของผู้สอน และผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการ เรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้น พบว่า ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก 5.1.2 ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผล การเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5.1.2.1 ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้รูปแบบ และ 2) ชุดฝึกอบรม ซึ่งประกอบด้วยหน่วยการเรียนรู้ 7 หัวข้อ เรื่อง โดยแต่ละหัวข้อเรื่องประกอบด้วย วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ใบเนื้อหา ใบกิจกรรม และสื่อ PowerPoint ประกอบการฝึกอบรม หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นเป็นหลักสูตรฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ใช้ระยะเวลาในการฝึกอบรม รวม 8 ชั่วโมง โดยวิธีการบรรยาย และฝึกปฏิบัติ 5.1.2.2 ผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ โดย ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน พบว่า 5.1.2.2.1 คู่มือการใช้รูปแบบ ในภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด โดยเรียงลําดับ ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ด้านนําไปใช้ด้านเนื้อหา และด้านรูปเล่ม ตามลําดับ


99 5.1.2.2.2 ชุดฝึกอบรม ในภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก โดยผล การประเมินความสอดคล้ององค์ประกอบต่าง ๆ ของชุดฝึกอบรม ในภาพรวม พบว่า หัวข้อเรื่องและ เนื้อหาการฝึกอบรมมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม โดยมีค่าความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 สื่อประกอบการฝึกอบรมมีความสอดคล้องกับเนื้อหาการฝึกอบรม โดยมีค่าสอดคล้องระหว่าง 0.60-1.00 5.1.3 ผลการนําหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติไปใช้ ผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมฯ ที่พัฒนาขึ้น โดยการนําไปใช้จริงกับผู้สอนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ สอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรีสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และมีประสบการณ์ ในการสอนรายวิชา ต่ํากว่า 3 ปีจํานวน 6 คน โดยใช้แนวคิดการประเมินของ The Kirk Patrick Approach ของ Krikpatrick (1998) แสดงให้เห็นว่า หลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ โดยมีละเอียดดังนี้ 1. การประเมินปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction Evaluation) พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมี ปฏิกิริยาตอบสนองต่อหลักสูตรฝึกอบรมฯ ที่พัฒนาขึ้น ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2. การประเมินผลการเรียนรู้ (Learning Evaluation) โดยผู้วิจัยใช้รูปแบบการทดลองแบบ หนึ่งกลุ่มทดสอบก่อนและหลังการทดลอง พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีพัฒนาการทางความรู้ทักษะ เจตคติสูงขึ้นกว่าก่อนการเข้ารับฝึกอบรม 3. การประเมินพฤติกรรม (Behavior Evaluation) เกี่ยวกับการนําความรู้ไปใช้ในการสอน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้านการสอน โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมประเมินตนเอง พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด ขณะที่ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานประเมิน พบว่า อยู่ในระดับมาก 4. การประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับองค์กร (Results Evaluation) โดยการสัมภาษณ์ผู้บริหาร พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรม มีการนําความรู้ทักษะ และเจตคติไปใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียน การสอนรายวิชา โดย 1) นําความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่และ/หรือนําไปจัดการความรู้ให้แก่เพื่อนอาจารย์ 2) กระตุ้นเตือนผู้เรียนให้มีกระบวนการคิด มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์เป็นการส่งเสริมเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ผู้บริหารยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าฝึกอบรมของผู้สอนว่ามีผลดีและผลกระทบ ต่อภาควิชา ดังต่อไปนี้ ผลดี 1) พัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียน 2) ผู้สอนมีการปรับตัวให้เข้ากับการเรียนการสอนในยุค ใหม่มากขึ้น 3) องค์ความรู้จากการฝึกอบรม ช่วยให้ผู้สอนกระตือรือร้นปรับปรุงเนื้อหาการเรียนการ สอนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตหลักสูตรที่จัดการเรียนการสอนจะให้ ความสําคัญกับผลลัพธ์ที่ต้องการจากศักยภาพของผู้สอน 4) สนองตอบความต้องการเพิ่ม ประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนในหน่วยการเรียนรู้ที่กําหนดไว้ในแต่ละรายวิชา ผู้เรียนสามารถ ใช้กระบวนการคิด แสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากสื่อการเรียนการสอนทุกรูปแบบ ผลกระทบ 1) ผู้สอน ต้องมีทัศนคติและความมุ่งมั่นในการจัดกระบวนการคิดให้ผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม 2) ผู้เรียน ต้องเป็นผู้ที่ให้ความสําคัญต่อการพัฒนาพื้นฐานความรู้ด้วย ตนเอง เพื่อผลักดันให้ตนเองสามารถซึมซับวิธีการเรียนการสอนในรูปแบบดังกล่าวได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 3) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ภาควิชา และส่วนงาน ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการ


100 100 จัดการเรียนการสอนในแต่ละรายวิชา จะได้รับผลกระทบในเรื่องของการวางแผนจัดการเกี่ยวกับการ จัดภาระงานสอนให้เหมาะสม และการจัดสรรทรัพยากรที่จําเป็นต่อการเรียนการสอนอย่างเพียงพอ 5.2 อภิปรายผล ผลการวิจัยครงนั้ี้มีประเด็นสําคัญที่ควรนํามาอภิปราย ดังนี้ 5.2.1 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติมีองค์ประกอบของรูปแบบ คือ 1) ปรัชญาการศึกษา 2) หลักการ ของรูปแบบ 3) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 4) โครงสร้างของรูปแบบ และ 5) การวัดและประเมินผล โดยโครงสร้างของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) ปัจจัยนําเข้า (Input) 2) กระบวนการเรียนรู้ PPCS 3) ผลผลิต (Output) 4) ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) และ 5) ผลลัพธ์ (Outcome) ผลการ ประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ โดยครูผู้สอน จํานวน 5 คนพบว่า รูปแบบฯ สามารถ นําไปใช้สถานการณ์จริงได้ทั้งนี้เนื่องมาจากรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาด้วยกระบวนการ เรียน PPCS สามารถเสริมสร้างผลการเรียนรู้ของผู้เรียนให้บรรลุผลตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อรูปแบบอยู่ในระดับมาก โดยด้านกิจกรรมการเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น และการฝึกฝนทําให้ผู้เรียนมีความคิด ริเริ่ม คิดแก้ปัญหา ได้ตามหลักการของรูปแบบที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ มีการดําเนินการ ตามขั้นตอนของวิธีการเชิงระบบ โดยนําผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการจัด การศึกษา วิเคราะห์ผลการเรียนตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติและศึกษา วิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน การสร้างความรู้ และสิ่งที่คาดหวังจะได้รับจากการจากรูปแบบที่พัฒนาขึ้น ตลอดจนการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญการ จัดการเรียนการสอน ซึ่งเป็นการดําเนินการอย่างเป็นระบบร่วมกับกระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยหลักและแนวปฏิบัติของรูปแบบการเรียนการสอนสําหรับ การวิจัยครั้งนี้ได้เน้นผู้เรียนให้สามารถเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ที่รับเข้ามา นําไปสู่การสร้าง ความรู้ของผู้เรียนด้วยกระบวนการคิด วิเคราะห์ซึ่งสอนคล้องกับแนวคิดทฤษฎีของ Gagne (1985) สรุปได้ว่าผลการเรียนรู้ของมนุษย์แบ่งได้ 5 ประเภท คือ 1) ทักษะทางปัญญาซึ่งประกอบด้วยทักษะย่อย 4 ระดับ คือจําแนกแยกแยะ การสร้างความคิดรวบยอด การสร้างกฎ การสร้างกระบวนการหรือกฎ ชั้นสูง 2) กลวิธีในการเรียนรู้ซึ่งประกอบด้วย กลวิธีการใส่ใจ การรับและทําความเข้าใจข้อมูล การดึง ความรู้จากความทรงจํา การแก้ปัญหา และกลวิธีการคิด 3) ภาษา 4) ทักษะการเคลื่อนไน 5) เจตคติ รวมทั้งแนวคิดของ Vygotsky (1978) ที่กล่าวว่า การเรียนรู้ตามหลักการแนวคิด ทฤษฎีการสร้าง ความรู้มุ่งเน้นที่กระบวนการสร้างความรู้ที่เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจริง (Authentic Tasks) ครูผู้สอนต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จัดสถานการณ์สภาพแวดล้อม ทรัพยากรการ เรียนการสอน รวมทั้งชี้แนะให้แนวทางและฝึกฝนกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ ด้วยตนเอง และเน้นความสําคัญของความแตกต่างระหว่างบุคคลและการให้ความช่วยเหลือผู้เรียน เพื่อให้ก้าวหน้าจากระดับพัฒนาการที่เป็นอยู่ ไปถึงระดับพัฒนาการที่เป็นอยู่และไปถึงระดับพัฒนา การที่ผู้เรียนมีศักยภาพจะไปถึง โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์เหตุผลดังกล่าวจึงเป็นส่วนสําคัญที่ ช่วยให้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาสามารถนําไปใช้ในสถานการณ์จริงได้


101 สําหรับผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนองต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ของ ผู้เรียน ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านกิจกรรมการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด เนื่องจากช่วย พัฒนาผู้เรียนให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ช่วยฝึกฝนทําให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อตนเองและ ส่วนรวม ทั้งนี้เพราะการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนปัจจุบันและสําหรับอนาคต ควรมีการ ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถควบคุมกระบวนการคิดและกระบวนการเรียนรู้ของตนให้มีประสิทธิภาพ อันส่งผลต่อความสําเร็จในการแก้ปัญหา คุณลักษณะที่สําคัญอีกประการหนึ่งที่จะต้องสอนและฝึก ให้กับผู้เรียนคือ การส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ความคิดในการทํางานจนเป็นนิสัย (Marzano, 2000 และ Sunal, 2003) และมุ่งให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาวิชาไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง และการพัฒนาให้ผู้เรียนบรรลุถึงขีดสูงสุดตามศักยภาพของตนเอง พร้อมสําหรับการดํารงชีวิตได้อย่าง สร้างสรรค์ในโลกยุคปัจจุบัน ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของผู้สอน จํานวน 5 คนที่มีต่อรูปแบบฯ จากการทดลองใช้ พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านที่ผู้สอนมีปฏิกิริยาตอบสนองมากที่สุด คือ ด้านเทคนิคและ วิธีการสอนของรูปแบบฯ มีความหลายหลาย ซึ่งมีผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เรียน สอดคล้องกับการจัดการศึกษาที่มุ่งผลลัพธ์การเรียนรู้ (Outcome-Based Education) หรือที่เรียกย่อ ว่า OBE ที่ให้ความสําคัญกับผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษา หรือ Output/Outcome โดยการจัด การศึกษาที่มีเป้าหมายที่จะช่วยให้ผู้เรียนแต่ละคนประสบความสําเร็จในการเรียนรู้ที่จําเป็น (ศูนย์ ประกันคุณภาพการศึกษา, 2559) นอกจากนี้ Spady (1994 อ้างถึงใน Killen, 2000) ได้กล่าวถึง หลักการของการจัดการศึกษาแบบ OBE ว่า ประกอบด้วยหลักสําคัญ 4 ประการ คือ 1) ความชัดเจน ของจุดมุ่งหมาย (Clarity of Focus) คือ การกําหนดมาตรฐานด้านผลลัพธ์ทางการศึกษา (ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ) ที่ชัดเจน 2) การออกแบบย้อนกลับ (Designing Back) คือ การพัฒนา หลักสูตรต้องเริ่มต้นจากการกําหนดผลลัพธ์ทางการศึกษาที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อเสร็จสิ้น การศึกษา 3) ความคาดหวังสูง (High Expectation) คือ ผู้สอนต้องกําหนดมาตรฐานการเรียนรู้ของ ผู้เรียนที่สูงและท้าท้ายขึ้นเรื่อง ๆ และ 4) การให้โอกาส (Expanded Opportunities) การให้โอกาส กับผู้เรียนทุกคนได้ประสบความสําเร็จในการเรียนรู้ตามแนวทางของตน การตั้งเป้าหมายหรือผลลัพธ์ ของการเรียนโดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งผู้สอนจะเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้และการบรรยายก็ จะกลายเป็นกิจกรรมหรือวิธีการในการทําให้ผู้เรียนไปสู่ผลลัพธ์ที่ตั้งเป้าหมายไว้โดยการเรียนรู้อาจจะ ได้จากการบรรยายส่วนหนึ่ง (Lecture-based Learning) ประกอบกับการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมหรือ การลงมือปฏิบัติ (Activity-based Learning) ซึ่งมีวิธีการและเทคนิคต่าง ๆ มากมาย (ประสูติ, 2560) ซึ่ง Killen (2000) ได้กล่าวไว้ว่า ในการจัดการเรียนการสอนไม่ว่า จะใช้วิธีสอนแบบใดก็ตาม ผู้สอน ต้องระลึกเสมอว่า 1) ต้องมุ่งเน้นที่การเรียนมากกว่าการสอน 2) ผู้เรียนไม่สามารถเรียนรู้ได้ถ้าเขา ไม่ได้คิด 3) การคิดจะเกิดขึ้นและได้รับการส่งเสริมได้ด้วยกระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการให้เนื้อหา เช่นเดียวกับตัวเนื้อหาเอง 4) แต่ละรายวิชาไม่ได้แยกอิสระจากกัน ผู้สอนต้องช่วยให้ผู้เรียนเชื่อมโยง การเรียนรู้แต่ละรายวิชากับรายวิชาอื่น ๆ และ 5) ผู้สอนต้องช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ นอกจากนี้จุดเด่นอีกประการหนึ่งของรูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น คือ การประเมินผลระหว่างเรียน (Formative Evaluation) ที่เน้นพัฒนาความก้าวหน้าของผู้เรียน และผลลัพธ์ของรูปแบบ คือ ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติสอดคล้องกับ ปริญญา (2558) ท่ีได้สรุปหลักการของการศึกษาที่มุ่งผลลัพธ์ไว้คือ 1) การศึกษาที่มุ่งผลลัพธ์ผู้สอนจะตั้ง


102 102 ผลลัพธ์ที่ผู้เรียนควรได้หรือควรจะเป็นหลังจากเสร็จสิ้นการเรียน แล้วจึงออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อมุ่งไปสู่ผลลัพธ์ (Activity-based Learning) 2) ผู้ที่จะพัฒนาผู้เรียนคือตัวผู้เรียนเอง ผู้สอนทํา หน้าที่เป็นวิทยากรกระบวนการ (Facilitator) ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนคิดได้และเรียนรู้ ด้วยตนเอง (Self-Reflection) 3) เป็นการเรียนการสอนที่ครูผู้สอนจะเรียนรู้ร่วมกันผู้เรียน และ เรียนรู้จากผู้เรียนได้ด้วย 4) ใช้วิธีการเรียนรู้โดยการใช้กิจกรรมและการลงมือปฏิบัติ 5) มีการให้ ผู้เรียนสรุปบทเรียนการเรียนรู้ (Reflection) อย่างสม่ําเสมอ เพื่อให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกัน และกัน และต้องมีการประเมินผล หรือประเมินผลลัพธ์เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาตนเอง และเพื่อให้ ครูผู้สอนได้ทราบว่า วิธีการที่ใช้นั้นได้ผลหรือไม่ถ้าไม่ได้หรือได้ผลน้อยก็ต้องปรับวิธีการให้ได้ผลมาก ขึ้นในครั้งต่อไป 5.2.2 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้รูปแบบ และ 2) ชุดฝึกอบรม ผลการประเมิน โดยผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 5 คน พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด และเมื่อนํา หลักสูตรไปใช้ฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาด้วยกระบวนการสอนแบบ PPCS ให้ผู้สอน จํานวน 6 คน โดยใช้ แนวทางการประเมินของ Kirkpatrick (1998) ประเมินผลผู้เข้ารับการฝึกอบรม 4 ด้าน ซึ่งแบ่งการ ประเมินออกเป็น ระหว่างดําเนินการฝึกอบรม และหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม ผลการประเมินที่ผู้วิจัย เห็นควรนํามาอภิปราย ได้แก่ ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อหลักสูตรฝึกอบรม ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะสามารถนําความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปใช้ในการสอน ไปเผยแพร่ความรู้ให้กับเพื่อนอาจารย์ได้สอดคล้องกับงานวิจัยของ Agrandoff (2007) พบว่า การจัด ประชุมเชิงปฏิบัติการ การทํางานร่วมกันในเครือข่าย การแลกเปลี่ยนอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง บุคคลในเครือข่าย จะเป็นกิจกรรมที่ทําให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ที่ฝังลึกในตัวคนออกมาเป็น สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อองค์การได้ ผลการประเมินผลการเรียนรู้โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรม พบว่า มีพัฒนาการด้านความรู้ทักษะ เจตคติสูงกว่าก่อนการเข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอนของตน มีการ กระตุ้นเตือนผู้เรียนให้มีกระบวนการคิด โดยใช้คําถามที่ดี (Questioning) การรับฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) การให้ข้อมูลป้อนกลับเชิงบวก (Positive Feedback) จูงใจ ให้กําลังใจ และ ตั้งเป้าหมายร่วมกันกับผู้เรียน สอดคล้องกับเกรียงไกร (2559) ที่พบว่า การที่ผู้เรียนรู้สามารถนําเอา ความรู้ทักษะ หรือทัศนคติใหม่ที่เกิดจากการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในการทํางาน เพื่อให้สามารถ ตอบสนองต่อความต้องการที่จะยกระดับทักษะความสามารถในการทํางานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ผลการประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กร หลังการฝึกอบรม พบว่า ผู้เข้ารับการ ฝึกอบรมมีการปรับปรุงทักษะ ความรู้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมขององค์การ ซึ่งผล จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารที่ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเข้ารับการฝึกอบรมของผู้สอนว่า มีทั้งผลดี และผลกระทบต่อองค์การนั้น สอดคล้องกับ Saks and Belcourt (2006) ที่กล่าวไว้ว่า การถ่ายโอน การเรียนรู้จากการฝึกอบรมลงไปสู่สถานการณ์การทํางานจริงได้นั้นขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมขององค์การ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้ความรู้ทัศนคติและทักษะโดยการถ่ายโอนการเรียนรู้จาก การฝึกอบรม โดยองค์การที่ดีจะช่วยผลักดันให้เกิดพฤติกรรมการถ่ายโอนการเรียนรู้ในสถานการณ์


103 ทํางานจริง ซึ่งการถ่ายโอนการเรียนรู้จากการฝึกอบรมนับเป็นกุญแจสําคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทํางานของบุคคลในองค์การ โดยนิสดารก์ (2559) ได้สรุปไว้ว่า การเกิดการส่งผ่านความรู้นั้น สามารถประเมินได้จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม ทั้งพฤติกรรมในด้าน การทํางาน การคิด และทักษะต่าง ๆ ในการทํางาน ซึ่งถ้าเทียบในระดับของการประเมินผลสัมฤทธิ์ ของการฝึกอบรมโดยใช้โมเดลของ Kirkpatrick แล้ว การประเมินในระดับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่มีผลต่อองค์กรหลังสิ้นสุดการฝึกอบรมจะเทียบได้กับการประเมินในส่วนของการถ่ายโอนความรู้ (Saks and Burke, 2012) 5.3 ข้อเสนอแนะ ผลจากการวิจัยเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อ เสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังต่อไปนี้ 5.3.1 ข้อเสนอแนะสําหรับการนําผลวิจัยไปใช้ 5.3.1.1 สถาบันอุดมศึกษา ควรกําหนดเป็นนโยบายให้หน่วยงานในสังกัด นํารูปแบบ การจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณ วุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติไปใช้อย่างต่อเนื่อง เพราะรูปแบบการเรียนการสอนนี้สามารถส่งเสริมผล การเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติได้ทั้ง 5 ด้าน 5.3.1.2 สถาบันอุดมศึกษา ควรนําหลักสูตรฝึกอบรมการจัดการเรียนการสอนรายวิชา เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติด้วยกระบวนการ เรียนการสอน PPCS ไปฝึกอบรมให้กับผู้สอนที่ได้รับการบรรจุใหม่ และไม่มีประสบการณ์ทางด้าน การสอน เพราะหลักสูตรฝึกอบรมนี้สามารถพัฒนาให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ทักษะ ในการ จัดการเรียนการสอน และสามารถนําแนวทางไปใช้จัดการเรียนการสอนได้ถูกต้องตามกระบวนการ 5.3.1.3 การนํารูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาฯ ที่พัฒนาขึ้นไปใช้ผู้สอนควร วางแผนให้รัดกุม โดยเฉพาะเรื่องของเวลา สื่อประกอบการเรียนการสอน ความแตกต่างของระดับ ความรู้พื้นฐานของผู้เรียน และจํานวนผู้เรียน 5.3.2 ข้อเสนอแนะสําหรับการวิจัยครั้งต่อไป 5.3.2.1 ควรมีการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการเรียนรู้รายวิชาตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 5.3.2.2 ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผลการเรียนรู้จากรูปแบบการจัดการเรียนการสอน ที่เสริมสร้างผลการเรียนรู้รายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติที่พัฒนาขึ้น กับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนอื่น ๆ


บรรณานุกรม ภาษาไทย กมลรัตน์เทอร์เนอร์. “สภาพการจัดการเรียนการสอนที่สงเสร่ ิมทักษะศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษา พยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีชลบุรี.” วารสารพยาบาลกระทรวง สาธารณสขุ . ปีที่ 2 ฉบับที่ 26 (2559) : 128-140. กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรแกนกลางศึกษาขนพั้นฐานื้พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2552. เกรียงไกรยศ พันธุ์ไทย. “กระบวนการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้สําหรับการฝึกอบรมพนักงานใน องค์การ.” วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์สาขามนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์. ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (2559) : 82-91. เกรียงศักดิ์เจริญวงศ์ศักดิ์. แหกคุกทางปญญาั : สะท้อนคิด ฝาว่ ิกฤติการศึกษาไทย. กรุงเทพฯ : ซัดเชสมีเดีย, 2542. . การคิดเชิงสรางสรรค้ . ์กรุงเทพฯ : ซัคเซส มเดี ีย, 2556. เกรียรติศักดิ์สงขั ์ด้วง. “การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเสรมสริ ้างศักยภาพครูในการส่งเสริมอาชีพของ นักเรียนและชมชนุโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในการพฒนาทัองถ้ ิ่น.” วารสารวชาการิ มหาวทยาลิ ัยราชภัฎภเกู็ต. ปีที่ 13 ฉบับที่ 1 (2560) : 321-342. ขัณธ์ชัย อธิเกียรติและธนารกษั ์สารเถื่อนแก้ว. การสอนแบบทันสมัยและเทคนิควธิีสอนแนวใหม่. สํานักส่งเสริมวชาการและงานทะเบิ ียน มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา. (2559) : 1-27. ชูชัย สมิทธิไกร. การฝึกอบรมบุคลากรในองค์การ. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์, 2554. จามรีศิริภัทร. ผลการปรับพฤติกรรมของนักศึกษาในรายวิชาจริยธรรมสําหรับนกเทคโนโลย ั ี การศึกษาโดยใช้แบบบันทึกพฤติกรรมจริยธรรม. กรุงเทพฯ : ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคําแหง, 2555. ใจทิพย์เชื้อรัตนพงษ์. การพัฒนาหลักสูตร: หลักการและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : อลีนเพรส, 2539. ณฤดีเนตรโสภา. “การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสัมมาทิฐิของ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยเทคนิคคําถาม R-C-A.” วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา. ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 (2560) : 1-14. ดรุณนภา นาชัยฤทธิ์. “การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานด้วยการเรียนรู้ร่วมกันโดยใช้ กรณีศึกษาเพื่อส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดการแก้ปัญหาและการเรียนรู้ร่วมกัน เป็นทีมของนักศึกษาระดับปริญญาตรีครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์.” วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ปีที่ 3 ฉบับที่ 10 (2559) : 78-95.


106 ทิศนา แขมมณี. ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 15. กรุงเทพฯ : บริษัทด่านสุทธาการพิมพ์จํากัด, 2555. . รูปแบบการเรียนการสอน: ทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ : แอคทีฟพริ้นท์, 2554. ธีร์ธวัช ปิ่นทุมมา. “การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3.” วารสารศาสตร์การศึกษาและการ พัฒนามนุษย์. ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 (2560) : 25-36. นันทรัตน์พีระพันธุ์. “การพัฒนารูปแบบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อพัฒนา ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สําหรับผู้เรียนในระดบอัุดมศึกษา.” วารสาร ศึกษาศาสตรมหาว์ ิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี. ปีที่ 25 ฉบับที่ 3 (2557) : 19-34. นศาริ ัตน์ศิลปะเดช. การประเมินหลักสูตร : กรอบแนวคดในการประเม ิ ิน. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2536. นิสดารก์เวชยานนท์. “การประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรม: กรณีศึกษา หลักสูตรการ พัฒนาผู้บริหารระดับกลางของการประปานครหลวง.” วารสารการจดการภาครั ัฐและ ภาคเอกชน. ปีที่ 23 ฉบับท 2 (2559) : 175-211. ี่ ปรเมธีวิมลศิร. “ ิคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของคนไทยในอีก 20 ปีตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ป (ีพ.ศ. 2560-2579) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงคมแหั ่งชาติฉบับที่ 12.” นิตยสาร สสวท. ฉบับที่ 204 (มกราคม-กมภาพุันธ์ 2560) : 35-40. ประสูติเดชสุวรรณ. “การพัฒนาการเรียนรู้แบบ outcome-based education ในรายวิชาการวิเคราะห์วงจรไฟฟ้าของคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร.” Engineering Transactions (Group B). ปีที่ 20 ฉบบทั ี่ 2 (2560) : 114-122. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล. การศึกษาที่มุ่งผลลัพธ์ (Outcome-based Education) โดยผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง (Student-Centered) และใช้โครงงานเป็นฐานในการเรียนรู้ (Projectbased Learning). (เอกสารประกอบการบรรยายเรื่อง Active-Based Learning: What, Why And How?). เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชยงใหม ี , 2558. ่ ปวิดา โพธิ์ทอง. “การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ปัญญาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมการคิด อย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์และผลการเรียนรู้ของนักศึกษาตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (TQF).” วารสารมหาวิทยาลยนครพนมั . ปีที่ 6 ฉบับที่ 3 (2559) : 124-131. พระสุทัศน์และคณะ. แนวทางการปฏิบตัิตามกรอบมาตรฐานคุณวฒุิระดับอุดมศกษาแหึ ่งชาต: ิ ปัญหา อุปสรรค การแก้ไขและแนวทางการพัฒนา. กรงเทพฯุ : กองวิชาการ สํานักงาน อธการบดิ ีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย, 2557. พวงรัตน์บุญญานุรักษ์และ Basanti Majumdar. การเรียนรู้โดยใช้ปญหาั . กรุงเทพฯ : ธนาเพรสแอนด์กราฟฟิค, 2544. ไพฑูรย์สินลารัตน์และคณะ. สัตตสิกขาทศนั ์เจ็ดมุมมองการศึกษาใหม่และการเรียนการสอนนอก กรอบ 7 ประการ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต, 2554.


107 พิชิต ฤทธิ์จรูญ. “การประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้.” วารสารศึกษาศาสตร์มสธ. ปีที่ 9 ฉบับที่ (2559) : 1-17. พินิต รตะนานุกูล. ทิศทางการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยเพีอสรื่้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ. [ออนไลน์] 2555. [สืบค้นวันที่ 22 ธันวาคม 2560]. จาก https://www.parlia-Ment.go.th/ewtcomm ittee/ewt/…/article_2012022919725.ppt พิสิฐ เมธาภัทร. การพัฒนาหลักสูตรอาชีวะและเทคนิคศึกษา. (เอกสารคําสอนวิชา 200401). กรุงเทพฯ : ภาควิชาครุศาสตร์เครื่องกล คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ม.ป.ป. ยุภาดีปณะราช. “ผลการใชกระบวนการเร้ ียนรู้คู่ความสนกสนานเพุื่อส่งเสริมทักษะการพิสูจน์ทาง คณิตศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบของนักศึกษาวิชาชีพครู.” วารสารราชภฏสัุราษฎรธาน์ . ี ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 (2560) : 103-128. ยุทธ ไกยวรรณ์. เทคนิคการสอนและวิธีการ. กรุงเทพฯ : ศูนย์สื่อเสรมกริุงเทพ, 2550. เยาวเรศ ภักดีจิตร. วันส่งเสริมวิชาการสู่คณภาพการเรุียนการสอน. (เอกสารประกอบการเสวนา ทางวิชาการ). นครสวรรค : ์คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 2557. เรณุมาศ มาอุ่น. “การจัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ.” วารสารเทคโนโลยีภาคใต้. ปีที่ 9 ฉบับที่ 2 (2559) : 169-176. วราภรณ์เอี๊ยวสกุล. “การเรยนการสอนยีุค TQF ตอนท 1: ี่การสอนความรู้และทักษะทางปัญญา.” [ออนไลน์] 2554. [สืบค้นวันที่ 2 ธันวาคม 2557]. จาก www.ubu.ac.th/web/files_ up/04f20161814215123.docx วัลลภา เทพหัสดิน ณ อยุธยา. การพัฒนาการเรียนการสอนทางการอุดมศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, 2544. วิชัย วงษ์ใหญ่. กระบวนการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : สุวิริยาสาส์น, 2537. วิทยากร เชียงกูล. เรียนลึก รู้ไว ใช้สมองอย่างมีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง, 2548. วิทวัฒน์ขัตติยะมาน. “การจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง (Authentic Instruction).” วารสารสํานักหอสมุดมหาวิทยาลัยทักษิณ. ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 (2549) : 52-63. ศิริชัย กาญจนวาสี. ทฤษฎีการประเมิน. กรุงเทพฯ : เท็กซ์แอนด์เจอร์นัล พับลิเคชั่น, 2546. ศิริพร สะอาดล้วน. ความสัมพันธ์ระหว่างความมีวินัยในตนเองกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2551. ศุภักษร ฟองจางวาง. “การศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสมโดยใช้ การเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่องการเขียนโปรแกรมขั้นพื้นฐานด้วยภาษาจาวาสคริปต์สําหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3.” วารสาร Veridian e-Journal. ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 (2559) : 937-953.


108 ศูนย์ประกันคุณภาพการศึกษา. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. ฉบับที่ 363 ปักษ์แรก 2559, พฤษภาคม. สมศักดิ์สินธุระเวชญ์, “ปฏิรูปการเรียนรู้อย่างไรจึงจะได้ผล.” วารสารวิชาการ. ปีที่ 3 ฉบับที่ 5 (2543) : 13. สมิทธิรักษ์จันทรักษ์. การพฒนารั ปแบบการสอนรายวูิชาศึกษาทั่วไปตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดบอัุดมศึกษาแหงชาต่ของหมวดวิ ิชาศึกษาทวไป ั่วทยาลิยดัุสตธานิ ีกรุงเทพมหานคร. การประชมหาดใหญ ุ่วิชาการระดับชาติและนานาชาติครั้งที่ 8 มหาวิทยาลัยหาดใหญ, ่ 22 มิถุนายน 2560. สรวงพร กุศลส่ง. “การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมยุทธวิธีการรู้คิดสําหรับนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎ.” วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร. ปีที่ 19 ฉบับที่ 1 (2560) : 114-130. สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. ประกาศสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2552. วันที่ 2 กรกฎาคม 2552. สํานักงานเลขาธการสภาการศิ ึกษา. สถานภาพการผลิตและพัฒนาครูในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : บริษัทพริกหวานกราฟฟิค จํากัด, 2558. เสน่ห์จุ้ยโต. การฝึกอบรมเชิงระบบสทฤษฎ ู่ ีการเรียนรแนวใหมู้ ่. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสโขทุัยธรรมาธิราช, 2551. อัญชนา ลักษณ์วิรามสิริ. พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบด้วย วิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงการในรายวชาการจิ ัดการธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต, 2555. อรุณรุ่ง โยธสิงห์. “การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมตามแนวคิดการเรียนรู้แบบผสมผสมเพื่อเสริมสร้าง สมรรถนะด้านการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญของครูผู้สอนระดับประถมศึกษา.” วารสาร ศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย. ปีที่ 8 ฉบับที่ 2 (2559) : 270-282. อาทิตย์จิรวัฒนผล. “การพฒนาหลั ักสูตรฝึกอบรมการจดการเรั ียนรู้รายวิชาช่างอุตสาหกรรมที่ ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ด้วยบทเรียนแสวงรู้บนเว็บ (WebQuest).” วารสารวิชาการ ครุศาสตร์อุตสาหกรรมพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. ปีท 1 ี่ฉบับที่ 8 (2560) : 17-24. ภาษาองกฤษั Agrandoff, R. Managing within Networks: Add value to Public Organization. Washington D.C. : Georgetown University Press, 2007. Biological Sciences Curriculum Society. Teacher’s guide BSCS biology: A human Approach. Kendell/Hunt, 1997. Cole, D.J., et al. Portfolios Across the Curriculum and Beyond. California : Corwin Press, Inc., 2000. Gagné, Robert M. The Conditions of Learning and Theory of Instruction. 4th ed. New York : Holt, Rinehart, and Winston. Xv., 1985.


109 Gordon Mc. Beat. The Handbook of Human Resource Planning. Massachusetts : Gordon Mc. Beat, 1994. Johnson, D.W. and Johnson, R.T. Learning Together and Alone: Cooperative and Individuallistic Learning. 4th ed. Edglewood Cliffs. New Jersey : Prentice Hall, 1994. Joyce, B., Weil, M. and Calhoun, E. Models of Teaching. 7th ed. Boston : Pearson Education. 2004. Kagan, Spencer. Cooperative Learning. San Juan : Capistrano, CA : Kagan Cooperative Learning, 1994. Knowles, M.S. Self-directed learning. New York : Association Press, 1975. Killen, Roy. Outcomes-based Education: Principles and Possibilities. Unpublished Manuscript, University of Newcastle, Faculty of Education, 2000. Kirkpatrick, D.L. Evaluating Training Programs: The Four Levels. 2rd ed. San Francisco : Berrett-Koehler, 1998. Marzano, R.J. and other. Designing a new taxonomy of educational Objectives. Thousand Oaks, CA., 2000. Meyers, C. and Jones, T.B. Promoting Active Learning: Strategies for the College Classroom. San Francisco, CA : Jossey-Bass Inc., 1993. Nadler, L. Designing Training Programs: The Critical Events Model. Massachusetts : Addison Wesley, 1982. Prawat, R.S. and Floden, R.E. “Philosophical Perspective on Constructivist View of Learning.” Educational Psychologist. Vol. 29 No.1 (1994) : 37-48. Ramsden, P. Learning to teach in higher education. London : Routledge Press, 2003. Rovinelli, R.J.and Hambleton, R.K. “On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity.” Dutch Journal of Educational Research. 2 (1977) : 49-60. Sak, A.M. and Belcourt, M. An investigation of training activities and transfer of Training in organization. Human Resource Management. 45 (4) (2006) : 628-648. Shenker, J.I., Goss, S.A. and Bernstein, D.A. Instructor’s Resource Manual for Psychology: Implementing Active Learning in the Classroom. [online] 1996. [cited 2018 Feb 15]. Available from: URL: http://s.psych/uiuc.edu/ http://s.psych/uiuic.edu/~jskenker/active.html. Smith, August W. Management System: Analysis and Application. Japan : CBS College Publishing, 1982.


110 Smith , P.L. and Ragan, T.J. Instructional Design. 3rd ed. Hoben, NJ : John NJ : John Wiley & Sons, 2005. Smith, William A. “System Concept, Total.” Encyclopedia of Professional Management. 1 (1978) : 1130-1132. Stufflebeam, D.L., et al. Educational Evaluation and Decision Making. Illinois : Peacock, 1981. Sunal, S.C. and Hass, E.M. Social Studies for the Elementary and Middle Grades: a constructivist. United States of America : Pearson Education, 2003. Treffinger, D.J. “A New Renaissance? Preparing Productive Thinkers for Tommorow’s World.” Creative Learning Today. Vol.15 No.4 (2007-2008) : 1. Von Bertalanffy, Ludwig. General System Theory: Foundations, Development. New York : George Braziller, 1968. Vygotsky, L.S. Mind in Society: The Development of Higher psychological Processes. Cambridge, MA : Harvard University Press, 1978.


111 ภาคผนวก ก - รายชื่อผู้เชี่ยวชาญประเมินคณภาพเครุื่องมือวิจัย - รายชื่อกลุ่มเป้าหมายที่เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาสภาพและปัญหาเกี่ยวกับ การจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ - รายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อสัมภาษณ์ความคิดเห็น - รายชื่อผู้เชี่ยวชาญประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติด้วยวิธีการสัมภาษณ์


112


113


114


115


117 ภาคผนวก ข - ผลการประเมินแบบสอบถามเพื่อศึกษาสภาพและปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอน รายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ โดยผู้เชี่ยวชาญ - ผลการวิเคราะห์แบบสอบถาม


118 ตารางที่ข-1 ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากการประเมินแบบสอบถาม ข้อ รายการประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ΣR IOC ด้านคุณธรรม จริยธรรม 1 วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ท่านใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม 1. ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการเรียนรู้ ด้านจิตพิสัย 1 - 1 1 1 1 3 0.6 2. ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน เช่นการ ทําโครงการ (Project) 1 1 1 1 1 5 1 3. ใช้รูปแบบ Discussion เพื่อฝึกการคิดวิเคราะห์ผ่านกรณีศึกษา (Case study) 1 1 1 1 1 5 1 4. ใช้สื่อ วิดีทัศน์ตลอดจนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เป็นตัวอย่างในการให้ ความรู้ 1 1 1 1 1 5 1 5. ใช้กิจกรรมต่าง ๆ เช่น บทบาทสมมติ (Role Playing) การเล่า เรื่อง (Storytelling) ฯลฯ 1 1 1 1 1 5 1 6. ให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองจากชุดการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับด้าน คุณธรรม จริยธรรม 1 1 1 1 1 4 0.8 2 หลักการ ที่ท่านประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม 2.1 ปรับพฤติกรรมผู้เรียน โดย.......... 1. จัดกิจกรรมในชั้นเรียนเพื่อการพัฒนานิสัย หรือความประพฤติ 1 1 1 1 1 5 1 2. ให้เห็นแบบอย่างที่ดีจากเพื่อนนักศึกษา และจากผู้สอน 1 1 1 1 0 4 0.8 3. ใช้สถานการณ์จริงเพื่อสอดแทรกความรู้ให้เกิดการตระหนัก และ การเรียนรู้ 1 1 1 1 1 4 0.8 4. สอนซ้ําในเรื่องที่ต้องการเน้นให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างถ่องแท้นําไป ปฏิบัติเป็นกิจนิสัยได้ 1 - 1 1 1 1 4 0.8 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย.. 1. ส่งเสริม สนับสนุนการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสืบสาน วัฒนธรรมของคณะและสถาบัน 1 1 1 1 0 4 0.8 2. จัดกิจกรรมเพื่อฝึกให้ตระหนักในหน้าที่และความรับผิดชอบ ตลอดจนการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 1 1 1 1 1 5 1 3. ให้ผู้เรียนปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ ข้อบังคับที่ใช้ในห้องเรียน และ สถาบัน 1 1 1 1 1 5 1 4. สังเกตความประพฤติโดยให้กลุ่มเพื่อนช่วยสอดส่องดูแลให้คําแนะนํา ต่อกัน 1 1 1 1 1 5 1 2.3 เสริมกําลังใจ สร้างแรงกระตุ้นแก่ผู้เรียนให้เกิดพฤติกรรมที่ดีพึงประสงค์โดย......... 1. ให้รางวัล ยกย่อง ชมเชยผู้เรียนที่มีพฤติกรรมดีสําหรับการเป็น แบบอย่าง 1 1 1 1 1 5 1


119 ตารางที่ข-1 (ต่อ) ข้อ รายการประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ΣR IOC 2. แสดงกิริยาท่าทางที่เป็นการเสริมแรงโดยไม่ใช้คําพูด เช่น การพยักหน้า ยิ้มรับ ฯลฯ 1 1 1 1 1 5 1 3. เล่าเรื่องราว ตั้งคําถามที่ให้ผู้เรียนใช้ความคิด เข้าใจเหตุแผล และผลคุณโทษที่จะได้รับ 1 1 1 1 1 5 1 3 วิธีการ ที่ท่านใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม 1. แบบทดสอบ 1 -1 1 1 1 4 0.8 2. การสังเกตพฤติกรรมในชั้นเรียน และนอกชั้นเรียน 1 1 1 1 0 4 0.8 3. การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 1 1 1 1 1 5 1 4. ชิ้นงานที่มอบหมาย 1 -1 1 1 1 4 0.8 5. การสอบถามเพื่อนนักศึกษาร่วมชั้นเรียน 1 -1 1 1 1 4 0.8 4 ปัญหาที่พบในการสอน หรือการเสริมสร้างคุณลักษณะ เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 1. เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 1 -1 1 1 1 4 0.8 2. ความแตกต่างระหว่างผู้เรียน 1 1 1 1 0 4 0.8 3. การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม 1 1 1 1 0 4 0.8 4. โอกาสในการแสดงออกของผู้เรียนในชั้นเรียนมีจํากัด 1 1 1 1 0 4 0.8 5. วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล 1 -1 1 1 1 4 0.8 ด้านความรู้ 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอน ที่ท่านใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการเรียนรู้ 1 1 1 1 1 5 1 2. ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติผ่านเว็บ โดยผู้สอน อธิบาย สาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติในห้องเรียนอีกครั้ง 1 1 1 1 1 5 1 3. ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองจากสื่อการสอนผ่านเว็บ และฝึกปฏิบัติ ด้วยตนเองในห้องเรียน โดยผู้สอนทําหน้าที่เป็นผู้อํานวยความสะดวก (Facilitator) 1 -1 1 1 1 4 0.8 4. ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน 1 1 1 1 1 5 1 5. ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 1 0 1 1 1 4 0.8 6. ใช้รูปแบบ Inquiry Learning 1 1 1 1 1 5 1 7. ใช้รูปแบบ Group Collaboration เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันกับ เพื่อนในชั้นเรียน 1 1 1 1 1 1 2 หลักการ ที่ท่านประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 2.1 สร้างความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระของการเรียนรู้โดย..... 1. จัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อให้เกิดมโนทัศน์สามารถเชื่อมโยง กับความรู้เดิมที่มีทําให้รู้และเข้าใจได้ด้วยตนเอง 1 1 1 1 1 5 1 2. เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 1 1 1 1 0 4 0.8 3. ทดสอบความรของผูู้้เรียนในหัวข้อนั้น ๆ ทั้งก่อนเรียน และหลังเรยนี 1 -1 1 1 1 4 0.8 4. ให้ผู้เรียนมีโอกาสแลกเปลี่ยน เสนอความคิดเห็น ปรึกษาหารือกัน (Discussion) 1 1 1 1 1 5 1


120 ตารางที่ข-1 (ต่อ) ข้อ รายการประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ΣR IOC 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัยโดย………. 1. ฝึกการคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้หลักการ/ทฤษฎีที่ เรียนมา 1 1 1 1 1 5 1 2. เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 1 1 1 1 1 5 1 3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 1 1 1 1 1 5 1 4. ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าโดยใช้แหล่งข้อมูล และสารสนเทศที่ หลากหลาย 1 1 1 1 1 5 1 2.3 เสริมสร้างการคิดวิเคราะห์นิสัยใฝ่รู้แก่ผู้เรียน โดย. 1. ให้ผู้เรียนเลือกสิ่งที่จะศึกษาคนคว้ ้าตามความสนใจ เพื่อสร้างนิสัย ใฝ่รู้และการแสวงหาแหล่งเรียนรู้ 1 1 1 1 1 5 1 2. เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 1 1 1 1 1 5 1 3. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนมีโอกาสแสวงหาความรู้ดวย้ ตนเอง 1 1 1 1 1 5 1 4. ผู้สอนทําหน้าที่เป็นผู้อํานวยความสะดวกกระตุ้นให้ผู้เรียนตระหนัก และคิดเท่าที่จะทําได้ 1 1 1 1 1 5 1 3 วิธีการ ที่ท่านใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1. แบบทดสอบในห้องเรียน 1 1 1 1 1 5 1 2. แบบทดสอบผ่านเว็บ 1 -1 1 1 1 4 0.8 3. การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 1 1 1 1 1 5 1 4. การสังเกตพฤติกรรม 1 -1 1 1 1 4 0.8 5. ชิ้นงานที่มอบหมาย 1 1 1 1 1 5 1 4 ปัญหาที่พบในการสอน หรือการเสริมสร้างคุณลักษณะ เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านความรู้ตามกรอบ มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 1. เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 1 1 1 1 1 5 1 2. ความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะความรู้พื้นฐาน 1 1 1 1 1 5 1 3. เครื่องมือ และอุปกรณ์การสอนไม่เพียงพอ 1 -1 1 1 1 4 0.8 4. ความไม่พร้อมของผู้เรียน เช่น การทบทวนก่อนเรียน 1 1 1 1 1 5 1 5. การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม 1 1 1 1 1 5 1 6. การขาดความร่วมมือระหว่างผู้สอน 1 1 1 1 1 5 1 7. วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล 1 1 1 1 1 5 1


121 ตารางที่ข-1 (ต่อ) ข้อ รายการประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ΣR IOC ด้านทักษะทางปัญญา (ทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา) 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอน ที่ท่านใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญา 1. ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการ เรียนรู้ด้านจิตพิสยั 1 1 1 1 1 5 1 2. ผู้สอนอธิบาย สาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเองในห้องเรียน 1 1 1 1 1 5 1 3. ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติผ่านเว็บ โดย ผู้สอนอธิบาย สาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติในห้องเรียนอีกครั้ง 1 1 1 1 0 4 0.8 4. ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองจากสื่อการสอนผ่านเว็บ และฝึกปฏิบัติ ด้วยตนเองในห้องเรียน โดยผู้สอนทําหน้าที่เป็นผู้อํานวยความ สะดวก (Facilitator) 1 -1 1 1 1 4 0.8 5. ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน เชน่การ ทําโครงการ (Project) 1 1 1 1 1 5 1 6. ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 1 1 1 1 1 5 1 7. ใช้รูปแบบ Inquiry Learning 1 1 1 1 1 5 1 8. ใช้รูปแบบ Group Collaboration เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันกับ เพื่อนในชั้นเรียน 1 1 1 1 1 5 1 9. ใช้กรณีศึกษา (Case Study) เพื่อฝึกให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์โดยใช้ ความรู้ที่มี 1 1 1 1 1 5 1 2 หลักการที่ท่านประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างทกษะการคั ิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา 2.1 เชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม โดย........... 1. แนะนําบทเรียนก่อนสอน และสํารวจความพร้อมของผู้เรียน ก่อนสอนเรื่องใหม่ 1 1 1 1 0 4 0.8 2. นําเสนอเนื้อหาบางส่วน และให้ผู้เรียนใช้ประสบการณ/์ความรู้เดมิ มาเติมให้สมบูรณ์ 1 1 1 1 1 5 1 3. นําเสนอกรณตีัวอย่าง (Case Study) ที่มีความเชื่อมโยงระหว่าง ความรู้ใหม่กับความรู้เดิม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนาความรํู้ที่มีและ จากการแสวงหาความรู้ใหม่มาใชแก้ ้ปัญหา 1 1 1 1 1 5 1 4. ใช้คําถามกระตุ้นเพื่อให้ผู้เรียนเกิดแรงป้อนกลับข้อมูลโดยใช้ ความรู้เดิมที่มี 1 1 1 1 1 5 1 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย…. 1. ฝึกการคิดวิเคราะห์ที่มาของปัญหา และกระบวนการแก้ไข ปัญหา โดยการเขียนผังมโนทัศน์ (Mind Map) 1 1 1 1 1 5 1 2. เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 1 1 1 1 1 5 1 3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 1 1 1 1 1 5 1 4. ใช้ตัวอย่างที่มีความหลากหลายฝึกฝน เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกคิด และฝึกทํา 1 1 1 1 1 5 1 5. ฝึกให้ผู้เรียนสรุปความคิดรวบยอด 1 1 1 1 1 5 1


122 ตารางที่ข-1 (ต่อ) ข้อ รายการประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ΣR IOC 2.3 เสริมสร้างการคิดวิเคราะห์การแก้ไขปัญหา โดย.... 1. ให้ผู้เรียนกําหนดปัญหาที่จะศึกษาค้นคว้า วางแผน ดําเนินการ และ สรุปผลการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง 1 1 1 1 1 5 1 2. ให้ผู้เรียนเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เป็นปัญหา และอภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อหาข้อสรุปในการแก้ปัญหา 1 1 1 1 1 5 1 3. ให้ผู้เรียนลองผิดลองถูกกับสิ่งที่เรียน/ปฏิบัติจนเกิดความรู้ความเข้าใจใน กระบวนการแก้ปัญหาให้ผู้เรียนสรุปหลักการความคิดรวบยอดและหาทาง เลือกในการแก้ไขปัญหาด้วยเหตุและผล 1 1 1 1 1 5 1 3 วิธีการที่ท่านใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญา 1. แบบทดสอบในห้องเรียน 1 1 1 1 1 5 1 2. แบบทดสอบผ่านเว็บ 1 1 1 1 1 5 1 3. การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 1 1 1 1 1 5 1 4. การสังเกตพฤติกรรม 1 1 1 1 1 5 1 5. ชิ้นงานที่มอบหมาย 1 1 1 1 1 5 1 4 ปัญหาที่พบในการสอน หรือการเสริมสร้างคุณลักษณะ เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญาตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 1. เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 1 1 1 1 1 5 1 2. ความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะความรู้พื้นฐาน 1 1 1 1 1 5 1 3. เครื่องมือ และอุปกรณ์การสอน ไม่เพียงพอ 1 1 1 1 1 5 1 4. ความไม่พร้อมของผู้เรียน เช่น การทบทวนก่อนเรียน 1 1 1 1 1 5 1 5. การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม 1 1 1 1 1 5 1 6. การขาดความร่วมมือระหว่างผู้สอน 1 1 1 1 1 5 1 7. วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล 1 1 1 1 1 5 1 ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอน ที่ท่านใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความรับผิดชอบ 1. ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน เช่น การทํา โครงการ (Project) 1 1 1 1 1 5 1 2. ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 1 1 1 1 1 5 1 3. ใช้รูปแบบ Inquiry Learning 1 1 1 1 1 5 1 4. ใช้รูปแบบ Group Collaboration 1 1 1 1 1 5 1 2 หลักการ ที่ท่านประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างทักษะการทํางานร่วมกันของผู้เรียน 2.1 กระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่ม โดย....... 1. สร้างความเข้าใจกับผู้เรียน พร้อมชี้แจงให้ผู้เรียนตระหนักถึง ความสําคัญของสมาชิกที่มีผลต่อความสําเร็จของกลุ่ม 1 1 1 1 1 5 1 2. ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 1 1 1 1 1 5 1 3. ให้อิสระในการคิดค้นหาคําตอบด้วยตนเอง และจากความชวยเหล่ ือ ของเพื่อน 1 1 1 1 1 5 1


123 ตารางที่ข-1 (ต่อ) ข้อ รายการประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ΣR IOC 4. จัดให้มีการแข่งขันการทํากิจกรรมหนึ่ง ๆ ระหว่างกลุ่ม 1 1 1 1 1 5 1 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย.. 1. ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันทุกครั้งที่มีโอกาส 1 1 1 1 1 5 1 2. ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าทั้งในและนอกชั่วโมงเรียน 1 1 1 1 1 5 1 3. จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะการสื่อสาร ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ระหว่างผู้เรียน 1 1 1 1 1 5 1 2.3 เสริมสร้างทักษะกระบวนการปฏิสัมพันธ์โดย... 1. ให้คําชม ให้รางวัลแก่กลุ่มที่มีผลงานดีเด่น โดยสมาชิกกลุ่มร่วมกัน ทํางานเป็นอย่างดี 1 1 1 1 0 4 0.8 2. เสริมสร้างประสบการณ์ฝึกทักษะการเป็นผู้นํา และการเป็นสมาชิก กลุ่ม 1 1 1 1 1 5 1 3. ให้ความสําคัญ และทําความเข้าใจในความเหมือน ความต่างระหว่าง บุคคล 1 1 1 1 1 5 1 3 วิธีการที่ท่านใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความรับผิดชอบ 1. การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 1 1 1 1 1 5 1 2. การสังเกตพฤติกรรม 1 1 1 1 1 5 1 3. ชิ้นงานที่มอบหมาย 1 1 1 1 1 5 1 4 ปัญหาที่พบในการสอน หรือการเสริมสร้างคุณลักษณะ เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะความ สัมพันธ์ ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 1. เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 1 1 1 1 1 5 1 2. ความแตกต่างระหว่างผู้เรียน 1 1 1 1 1 5 1 3. การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม 1 1 1 1 1 5 1 4. โอกาสในการแสดงออกของผู้เรียนในชั้นเรียนมีจํากัด 1 1 1 1 1 5 1 5. วิธีการและเครื่องมือในการวัดและประเมินผล 1 1 1 1 1 5 1 ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอนใด ที่ท่านใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน เช่น การทํา โครงการ (Project) 1 1 1 1 1 5 1 2. ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 1 1 1 1 1 5 1 3. ใช้รูปแบบ Inquiry Learning 1 1 1 1 1 5 1 4. ใช้รูปแบบ Group Collaboration 1 1 1 1 1 5 1 2 หลักการที่ท่านประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การ สื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2.1 ใช้กระบวนการแสวงหาความรู้โดย............ 1. มอบหมายงาน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตลอดจน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม 1 1 1 1 1 5 1


124 ตารางที่ข-1 (ต่อ) ข้อ รายการประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ΣR IOC 2. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่ม เพื่อส่งเสริมทักษะในการ ทํางานร่วมกัน ตลอดจนทักษะการสืบค้นข้อมูลด้วยเทคโนโลยีที่ หลากหลาย 1 1 1 1 1 5 1 2.2 ใช้กระบวนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์โดย...... 1. ใช้วิธีการบูรณาการแบบสอดแทรก เช่น กรณีศึกษา (Case Study) เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสใช้วิธีการแก้ปัญหาทางคณตศาสตริ ์ใน ชีวิตประจําวัน 1 1 1 1 1 5 1 2. มอบหมายงาน พร้อมนําเสนอผลการศึกษาค้นคว้า โดยให้มีการ วิเคราะห์ข้อมูล และแปลความหมายของข้อมูลในเชิงปริมาณ 1 1 1 1 1 5 1 2.3 ฝึกฝนทักษะทางภาษา และฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย..... 1. จัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสใช้ภาษา เพื่อการสื่อสารในรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น การนําเสนอและรับฟังความคิดเห็น การเขียนหรือสรุป ความคิดรวบยอด เพื่อเป็นการส่งเสริมทักษะการฟัง พูด อ่าน และ เขียน 1 1 1 1 1 5 1 2. ส่งเสริมให้มีการนําเสนอผลงานทุกครั้งที่มีการมอบหมาย เพื่อเป็น การถ่ายทอด และนําเสนอความคิด 1 1 1 1 1 5 1 3 วิธีการที่ท่านใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. แบบทดสอบในห้องเรียน 1 1 1 1 1 5 1 2. แบบทดสอบผ่านเว็บ 1 1 1 1 1 5 1 3. การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 1 1 1 1 1 5 1 4. การสังเกตพฤติกรรม 1 1 1 1 1 5 1 5. ชิ้นงานที่มอบหมาย 1 1 1 1 1 5 1 4 ปัญหาที่พบในการสอน หรือการเสริมสร้างคุณลักษณะเพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิง ตัวเลขการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ 1. เนื้อหาสาระที่ต้องสอนในรายวิชามีมาก 1 1 1 1 1 5 1 2. ความแตกต่างระหว่างผู้เรียนโดยเฉพาะความรู้พื้นฐาน 1 1 1 1 1 5 1 3. การเลือกรูปแบบการสอนที่เหมาะสม 1 1 1 1 1 5 1 4. ความสมบูรณ์ของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการติดตั้งในชั้น เรียน 1 1 1 1 1 5 1 5. การใช้แหล่งความรู้โดยเฉพาะทางด้านภาษา 1 1 1 1 1 5 1 6. วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผล 1 1 1 1 1 5 1


125 ตารางที่ข-2 จํานวนและร้อยละของสภาพทั่วไปในการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติรายด้าน n = 54 รายการประเมิน ผลการประเมนิ จํานวน ร้อยละ ด้านคุณธรรม จริยธรรม 1. วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม 1) ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการเรียนรู้ 44 81.50 2) ใช้รูปแบบ Discussion เพื่อฝึกการคิด วิเคราะห์ผ่านกรณีศึกษา (Case Study) 28 51.90 3) ใช้สื่อวิดีทัศน์ตลอดจนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เป็นตัวอย่างในการให้ความรู้ 25 46.30 2. หลักการที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรม 2.1 ปรับพฤติกรรมผู้เรียน โดย... 1) ให้เห็นแบบอย่างที่ดีจากเพื่อนนักศึกษาและจากผู้สอน 43 79.60 2) ใช้สถานการณ์จริงเพื่อสอดแทรกความรู้ให้เกิดการตระหนักและการเรียนรู้ 33 61.10 2) จัดกิจกรรมในชั้นเรียนเพื่อการพัฒนานิสัยหรือความประพฤติ 33 61.10 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย... 1) ให้ผู้เรียนปฏิบัติตนตามกฎระเบียบข้อบังคับที่ใช้ในห้องเรียนและสถาบัน 51 94.40 2) ส่งเสริม สนับสนุนการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสืบสานวัฒนธรรมของคณะ และสถาบัน 33 61.10 3) สังเกตความประพฤติโดยให้กลุ่มเพื่อนช่วยสอดส่องดูแล ให้คําแนะนําต่อกัน 26 48.10 2.3 เสริมกําลังใจ สร้างแรงกระตุ้นแก่ผู้เรียนให้เกิดพฤติกรรมที่ดีพึงประสงค์โดย... 1) เล่าเรื่องราว ตั้งคําถามที่ให้ผู้เรียนใช้ความคิด เข้าใจเหตุและผล คุณ โทษ ที่จะได้รับ 39 72.20 2) ให้รางวัล ยกย่อง ชมเชยผู้เรียนที่มีพฤติกรรมดีสําหรับการเป็นแบบอย่าง 37 68.50 3) แสดงกิริยาท่าทางที่เป็นการเสริมแรง โดยไม่ใช้คําพูด เช่น การพยักหน้า ยิ้มรับ ฯลฯ 31 57.40 3. วิธีการที่ท่านใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม 1) การสังเกตพฤติกรรมในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน 51 94.40 2) การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 38 70.40 3) ชิ้นงานที่มอบหมาย 21 38.90 ด้านความรู้ 1. วิธีการสอนและเทคนิคการสอน ที่ใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1) ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการเรียนรู้ 50 92.60 2) ผู้สอนอธิบาย สาธิตและให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเองในห้องเรียน 45 83.30 3) ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน เช่น การทําโครงการ (Project) 31 57.40 4) ใช้รูปแบบการสอนที่นําหลายรูปแบบมาผสมผสานกันตามความเหมาะสมของเนื้อหาใน บทเรียนนั้น ๆ 29 53.70 5) ใช้รูปแบบ Group Collaboration เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนในชั้นเรียน 23 42.60


126 ตารางที่ข-2 (ต่อ) รายการประเมิน ผลการประเมนิ จํานวน ร้อยละ 2. หลักการที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 2.1 สร้างความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระของการเรียนรู้โดย... 1) เน้นกระบวนการคิด โดยใช้คําถาม 49 90.70 2) ให้ผู้เรียนมีโอกาสแลกเปลี่ยนเสนอความคิดเห็น ปรึกษาหารือกัน (Discoussion) 45 83.30 3) จัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อให้เกิดมโนทัศน์สามารถเชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่มีทํา ให้รู้และเข้าใจได้ด้วยตนเอง 42 77.80 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย... 1) ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 47 87.00 2) ฝึกการคิด วิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้หลักการ/ทฤษฎีที่เรียนมา 40 74.10 3) ส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นคว้าโดยใช้แหล่งข้อมูลและสารสนเทศที่หลากหลาย 36 66.70 2.3 เสริมสร้างการคิด วิเคราะห์นิสัยใฝ่รู้แก่ผู้เรียน โดย... 1) เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 45 83.30 2) จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนมีโอกาสแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 27 50.00 2) ผู้สอนทําหน้าที่เป็นผู้อํานวยความสะดวกกระตุ้นให้ผู้เรียนตระหนักและคิดเท่าที่จะทําได้ 27 50.00 3. วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านความรู้ 1) แบบทดสอบในห้องเรียน 50 92.60 2) ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 45 83.30 3) ชิ้นงานที่มอบหมาย 36 66.70 ด้านทักษะทางปัญญา (ทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา) 1. วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ใช้เพื่อบรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญา 2) ผู้สอนอธิบาย สาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเองในห้องเรียน 46 85.20 3) ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตามกระบวนการเรียนรู้ 43 79.60 4) ใช้กรณีศึกษา (Case Study) เพื่อฝึกให้ผู้เรียนคิด วิเคราะห์โดยใช้ความรู้ที่มี 34 63.00 5) ใช้รูปแบบ Group Collaboration เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนในชั้นเรียน 33 61.10 2. หลักการที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิด วิเคราะห์และการแก้ปัญหา 2.1 เชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม โดย... 1) แนะนําบทเรียนก่อนสอนและสํารวจความพร้อมของผู้เรียนก่อนสอนเรื่องใหม่ 37 68.50 1) ใช้คําถามกระตุ้นเพื่อให้ผู้เรียนเกิดแรงป้อนกลับข้อมูล โดยใช้ความรู้เดิมที่มี 37 68.50 3) นําเสนอกรณีตัวอย่าง (Case Study) ที่มีความเชื่อมโยงระหว่างความรู้ใหม่กับความรู้ เดิม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนําความรู้ที่มีและจากการแสวงหาความรู้ใหม่มาใช้แก้ปัญหา 36 66.70 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย... 1) ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกัน เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 42 77.80 2) ใช้ตัวอย่างที่มีความหมายหลากหลาย ฝึกฝนเพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกคิดและฝึกทํา 40 74.10 3) เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 38 70.40


127 ตารางที่ข-2 (ต่อ) รายการประเมิน ผลการประเมนิ จํานวน ร้อยละ 2.3 เสริมสร้างการคิดวิเคราะห์การแก้ไขปัญหา โดย... 1) ให้ผู้เรียนเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เป็นปัญหา และอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อหา ข้อสรุปในการแก้ปัญหา 29 53.70 2) ให้ผู้เรียนสรุปหลักการความคิดรวบยอดและหาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาด้วยเหตุและผล 28 51.90 3) ให้ผู้เรียนลองผิดลองถูกกับสิ่งที่เรียน/ปฏิบัติจนเกิดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการ แก้ปัญหา 27 50.00 3. วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญา 1) แบบทดสอบในห้องเรียน 43 79.60 2) ชิ้นงานที่มอบหมาย 41 75.90 3) การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 37 68.50 ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 1. วิธีการสอนและเทคนิคการสอนที่ใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความ รับผิดชอบ 1) ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน เช่น การทําโครงการ (Project) 46 85.20 2) ใช้รูปแบบ Group Collaboration 44 81.50 2. หลักการที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างทักษะการทํางานร่วมกันของผู้เรียน 2.1 กระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่ม โดย... 1) ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 45 83.30 2) สร้างความเข้าใจกับผู้เรียนพร้อมชี้แจงให้ผู้เรียนตระหนักถึงความสําคัญของสมาชิกที่มี ผลต่อความสําเร็จของกลุ่ม 38 70.40 3) ให้อิสระในการคิด ค้นหาคําตอบด้วยตนเองและจากความช่วยเหลือของเพื่อน 37 68.50 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย... 1) ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันทุกครั้งที่มีโอกาส 42 77.80 2) ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าทั้งในและนอกชั่วโมงเรียน 37 68.50 3) จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะการสื่อสาร ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกระหว่างผู้เรียน 34 63.00 2.3 เสริมสร้างทักษะกระบวนการปฏิสัมพันธ์โดย ... 1) เสริมสร้างประสบการณ์ฝึกทักษะการเป็นผู้นําและการเป็นสมาชิกกลุ่ม 45 83.30 2) ให้คําชม ให้รางวัลแก่กลุ่มที่มีผลงานดีเด่น โดยสมาชิกกลุ่มร่วมกันทํางานเป็นอย่างดี 40 74.10 3) ให้ความสําคัญและทําความเข้าใจในความเหมือน ความต่างระหว่างบุคคล 28 51.90 3. วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 1) การสังเกตพฤติกรรม 45 83.30 2) ชิ้นงานที่มอบหมาย 39 72.20 3) การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 38 70.40


128 ตารางที่ข-2 (ต่อ) รายการประเมิน ผลการประเมนิ จํานวน ร้อยละ ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. วิธีการสอนและเทคนิคการสอนใด ที่ใช้เพื่อให้บรรลุผลการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การ สื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1) ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน เช่น การทําโครงการ (Project) 34 63.00 2) ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 30 55.60 3) ใช้รูปแบบ Group Collaboration 28 51.90 2. หลักการที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1) มอบหมายงานเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตลอดจนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้ อย่างเหมาะสม 43 79.60 2) ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่ม เพื่อส่งเสริมทักษะในการทํางานร่วมกันตลอดจน ทักษะการสืบค้นข้อมูลด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย 42 77.80 2.2 ใช้กระบวนการแก้ปัญหาเพื่อส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์โดย... 3) ให้ทําโจทย์แบบฝึกหัดซ้ํา ๆ และต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ 40 74.10 2) มอบหมายงานพร้อมนําเสนอผลการศึกษาค้นคว้า โดยให้มีการวิเคราะห์ข้อมูล และ แปลความหมายของข้อมูลในเชิงปริมาณ 34 63.00 1) ใช้วิธีการบูรณาการแบบสอดแทรก เช่นกรณีศึกษา (Case Study) เพื่อให้ผู้เรียนมี โอกาสใช้วิธีการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ในชีวิตประจําวัน 29 53.70 2.3 ฝึกฝนทักษะทางภาษาและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย... 1) จัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสใช้ภาษา เพื่อการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การ นําเสนอและรับฟังความคิดเห็น การเขียนหรือสรุปความคิดรวบยอด เพื่อเป็นการส่งเสริม ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน 39 72.20 2) ส่งเสริมให้มีการนําเสนอผลงานทุกครั้งที่มีการมอบหมายเพื่อเป็นการถ่ายทอดและ นําเสนอความคิด 28 51.90 3. วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 1) ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 42 77.80 2) แบบทดสอบในห้องเรียน 39 72.20 3) การสังเกตพฤติกรรม 31 57.40


129 ภาคผนวก ค - ตัวอย่างแบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นผู้ทรงคณวุ ุฒิเพื่อการร่างรูปแบบการจัดการเรียน การสอนรายวิชาเพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับ อุดมศึกษาแห่งชาติ - ผลการประเมนความคิ ิดเห็นผู้ทรงคุณวุฒิ


130 ข้อมูลเบื้องต้นของผู้ให้สัมภาษณ์ ชื่อ........................................................................ชื่อสกุล................................................................... ตําแหน่ง.............................................................................................................................................. วุฒิการศึกษา....................................................................................................................................... แนวทางการสัมภาษณ์ 1. รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ควรมีลักษณะอย่างไร จึงจะใช้การสอนให้บรรลุผลการเรียนรู้ได้ 2. จากการศึกษาสภาพและปัญหาในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติที่ได้จากการตอบแบบสอบถามแต่ละด้าน ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร สงวนลิขสิทธิ์โดยนางสุภาภรณ์ เหรียญประดับ หากท่านสนใจหรือประสงค์จะนําแบบประเมินไปใช้ประโยชน์ โปรดติดต่อที่ [email protected] แบบสัมภาษณ ์ ผ ู ้ ทรงคุณวุฒิเพ ื่อประกอบงานวิจัย เร ื่อง การพัฒนาหลักส ู ตรฝึ กอบรมรปแบบการจ ูัดการเร ี ยนการสอนรายวิชา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศกษาแห ึ ่งชาติ


131 ตารางที่ค-1 ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม เห็นด้วย % ไม่เห็น ด้วย % ข้อ รายการ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอนที่ใช้ -ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตาม กระบวนการเรียนรู้ 3 - 3 3 3 80 20 -ใช้รูปแบบ Discussion เพื่อฝึกการคิดวิเคราะห์ ผ่านกรณีศึกษา 3 3 - 3 3 80 20 -ใช้สื่อ วิดีทัศน์ตลอดจนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เป็น ตัวอย่างในการให้ความรู้ 3 3 3 3 3 100 - -ใช้กิจกรรมตาง่ๆเช่น บทบาทสมมติ การเล่าเรื่อง (Storytelling) 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการ มอบหมายงาน - 3 3 3 3 80 20 2 หลักการ ที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน 2.1 ปรับพฤติกรรมผู้เรียน โดย.......... -ให้เห็นแบบอย่างที่ดีจากเพื่อนนักศึกษา และจาก ผู้สอน 3 3 3 3 3 100 - -จัดกิจกรรมในชั้นเรียนเพื่อการพัฒนานิสัย หรือ ความประพฤติ 3 3 3 3 3 100 - -ใช้สถานการณ์จริงเพื่อสอดแทรกความรู้ให้เกิด การตระหนัก และการเรียนรู้ 3 3 3 3 3 100 - -สอนซ้ําในเรื่องที่ต้องการเน้นให้ผู้เรียนเข้าใจอย่าง ถ่องแท้นําไปปฏิบัติได้ 3 3 3 3 3 100 - 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย............ -ให้ผู้เรียนปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ ข้อบังคับที่ใช้ ในห้องเรียน 3 3 3 3 3 100 - -ส่งเสริม สนับสนุนการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง กับการสืบสานวฒนธรรมของคณะัและสถาบัน 3 3 - 3 3 80 20 -สังเกตความประพฤติโดยให้กลุ่มเพื่อนช่วยสอดส่อง ดูแลให้คําแนะนําต่อกัน 3 3 3 3 3 100 - -จัดกิจกรรมเพื่อฝึกให้ตระหนักในหน้าที่และความ รับผิดชอบ 3 3 3 3 3 100 - 2.3 เสริมกําลังใจ สร้างแรงกระตุ้นแก่ผู้เรียนให้เกิดพฤติกรรมที่ดีพึงประสงค์ -เล่าเรื่องราว ตั้งคําถามที่ให้ผู้เรียนใช้ความคิด เข้าใจเหตุและผล คุณ โทษ 3 3 3 3 3 100 - -ให้รางวัลยกย่องชมเชยผู้เรียนที่มีพฤติกรรมดี สําหรับการเป็นแบบอย่าง 3 3 3 3 3 100 - -แสดงกิริยาท่าทางที่เป็นการเสริมแรงโดยไม่ใช้ คําพูด 3 3 3 3 3 100 -


132 ตารางที่ค-1 (ต่อ) ด้านความรู้เห็นด้วย % ไม่เห็น ด้วย % ข้อ รายการ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 3 วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ -การสังเกตพฤติกรรมในชั้นเรียน และนอกชั้นเรียน 3 3 3 3 3 100 - -การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 3 3 3 3 3 100 - -ชิ้นงานที่มอบหมาย 3 3 3 3 3 100 - -การสอบถามเพื่อนนักศึกษาร่วมชั้นเรียน 3 3 3 3 3 100 - -แบบทดสอบ 3 3 3 3 3 100 - 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอนที่ใช้ -ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตาม กระบวนการเรียนรู้ 3 3 3 3 3 100 - -ผู้สอนอธิบาย สาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเองใน ห้องเรียน 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการ มอบหมายงาน 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบการสอนที่นําหลายรูปแบบมาผสมผสาน กันตามความเหมาะสมของเนื้อหาในบทเรียนนั้น ๆ 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Group Collaboration เพื่อการเรียนรู้ ร่วมกันกับเพื่อน 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 3 3 3 3 3 100 - -ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ผ่านเว็บ โดยผู้สอนอธิบาย สาธิต และให้ผู้เรียนฝึก ปฏิบัติในห้องเรียนอีกครั้ง 3 3 3 3 3 100 - -ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองจากสื่อการสอนผานเว่ ็บ และ ฝึกปฏิบัติด้วยตนเองในห้องเรียน โดยผู้สอนทําหน้าที่ เป็นผู้อํานวยความสะดวก 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Inquiry Learning 3 3 3 3 3 100 - 2 หลักการ ที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน 2.1 ปรับพฤติกรรมผู้เรียน โดย.......... -เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 3 3 3 3 3 100 - -ให้ผู้เรียนมีโอกาสแลกเปลี่ยน เสนอความคิดเห็น ปรึกษาหารือกัน 3 3 3 3 3 100 - -จัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อให้เกิดมโนทัศน์ 3 3 3 3 3 100 - -ทดสอบความรู้ของผู้เรียนในหัวข้อนั้น ๆ ทั้งก่อนเรียน และหลังเรียน 3 3 3 3 3 100 - 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย............ -ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันเพื่อการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3 3 3 3 3 100 - -ฝึกการคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆโดยใช้หลักการ/ ทฤษฎีที่เรียนมา 3 3 3 3 3 100 -


133 ตารางที่ค-1 (ต่อ) ด้านทักษะทางปัญญา เห็นด้วย % ไม่เห็น ด้วย % ข้อ รายการ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 -ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าโดยใช้แหล่งข้อมูล และ สารสนเทศ 3 3 3 3 3 100 - -เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 3 3 3 3 3 100 - 2.3 เสริมกําลังใจ สร้างแรงกระตุ้นแก่ผู้เรียนให้เกิดพฤติกรรมที่ดีพึงประสงค์ -ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันเพื่อการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3 3 3 3 3 100 - -ฝึกการคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆโดยใช้หลักการ/ ทฤษฎีที่เรียนมา 3 3 3 3 3 100 - -ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าโดยใช้แหล่งข้อมูล และ สารสนเทศ 3 3 3 3 3 100 - -เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 3 3 3 3 3 100 - 3 วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ -แบบทดสอบในห้องเรียน 3 3 3 3 3 100 - -ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3 3 3 3 3 100 - -ชิ้นงานที่มอบหมาย 3 3 3 3 3 100 - -การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 3 3 3 3 3 100 - -การสังเกตพฤติกรรม 3 3 3 3 3 100 - 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอนที่ใช้ -ผู้สอนอธิบาย สาธิต และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติเองใน ห้องเรียน 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Lecture โดยจัดขั้นตอนการสอนตาม กระบวนการเรียนรู้ 3 3 3 3 3 100 - -ใช้กรณีศึกษา (Case Study) เพื่อฝึกให้ผู้เรียนคิด วิเคราะห์โดยใช้ความรู้ที่มี 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Group Collaboration เพื่อการเรียนรู้ ร่วมกันกับเพื่อนในชั้นเรียน 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการมอบหมายงาน 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบการสอนหลายรูปแบบผสมผสานกันตาม ความเหมาะสมของเวลาและเนื้อหาใน บทเรียนนนั้ๆ 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน (Research Based Learning) 3 3 3 3 3 100 - -ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ผ่านเว็บ โดยผู้สอนอธิบาย สาธิต และให้ผู้เรียนฝึก ปฏิบัติในห้องเรียนอีกครั้ง 3 3 3 3 3 100 - -ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองจากสื่อการสอนผ่านเว็บ และฝึกปฏิบัติด้วยตนเองในห้องเรียน โดยผู้สอนทํา หน้าที่เป็นผู้อํานวยความสะดวก 3 3 3 3 3 100 -


134 ตารางที่ค-1 (ต่อ) ด้านทักษะทางปัญญา เห็นด้วย % ไม่เห็น ด้วย % ข้อ รายการ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 2 หลักการ ที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน 2.1 เชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม โดย.......... -แนะนําบทเรียนก่อนสอน และสํารวจความพร้อม ของผู้เรียนก่อนสอนเรื่องใหม่ 3 3 3 3 3 100 - -ใช้คําถามกระตุ้นเพื่อให้ผู้เรียนเกิดแรงป้อนกลับ ข้อมูลโดยใช้ความรู้เดิมที่มี 3 3 3 3 3 100 - -นําเสนอกรณีตัวอย่าง (Case Study) ที่มีความ เชื่อมโยงระหว่างความรู้ใหม่กับความรู้เดิม เพื่อให้ ผู้เรียนสามารถนําความรู้ที่มีและจากการแสวงหา ความรู้ใหม่มาใช้แก้ปัญหา 3 3 3 3 3 100 - -นําเสนอเนื้อหาบางส่วน และให้ผู้เรียนใช้ ประสบการณ์/ความรู้เดิม 3 3 3 3 3 100 - 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย............ -ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันเพื่อการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3 3 3 3 3 100 - -ใช้ตัวอย่างที่มีความหลากหลายฝึกฝน เพื่อให้ ผู้เรียนได้ฝึกคิด และฝึกทํา -เน้นกระบวนการคิด โดยการใช้คําถาม 3 3 3 3 3 100 - -ฝึกให้ผู้เรียนสรุปความคิดรวบยอด 3 3 3 3 3 100 - -ฝึกการคิดวิเคราะห์ที่มาของปัญหา และ กระบวนการแก้ไขปัญหา โดยการเขียนมโนทัศน์ (Mind Map) 3 3 3 3 3 100 - 2.3 เสริมสร้างการคิดวิเคราะห์การแก้ไขปัญหา โดย............ -ให้ผู้เรียนเรียนรู้จากสถานการณท์ ี่เป็นปัญหา และ อภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อหา ข้อสรุปในการ แก้ปัญหา 3 3 3 3 3 100 - -ให้ผู้เรียนกําหนดปัญหาที่จะศึกษาค้นคว้า วางแผน ดําเนินการ และสรุปผลการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง 3 3 3 3 3 100 - -ให้ผู้เรียนลองผิดลองถูกกับสิ่งที่เรียน/ปฏิบัติจน เกิดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการแก้ปัญหา 3 3 3 3 3 100 - 3 วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ -แบบทดสอบในห้องเรียน 3 3 3 3 3 100 - -ชิ้นงานที่มอบหมาย 3 3 3 3 3 100 - -การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 3 3 3 3 3 100 - -การสังเกตพฤติกรรม 3 3 3 3 3 100 -


135 ตารางที่ค-1 (ต่อ) ด้านทักษะทางปัญญา (ต่อ) เห็นด้วย % ไม่เห็น ด้วย % ข้อ รายการ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอนที่ใช้ -ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการ มอบหมายงาน 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Group Collaboration 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Inquiry Learning 3 3 3 3 3 100 - 2 หลักการ ที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน 2.1 กระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่ม โดย.......... -ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ช่วยเหลือซึ่ง กันและกัน 3 3 3 3 3 100 - -สร้างความเข้าใจกับผู้เรียน พร้อมชี้แจงให้ผู้เรียน ตระหนักถึงความสําคัญของสมาชิก ที่มีผลต่อ ความสําเร็จของกลุ่ม 3 3 3 3 3 100 - -ให้อิสระในการคดคิ ้นหาคาตอบดํ ้วยตนเองและจาก ความช่วยเหลือของเพื่อน 3 3 3 3 3 100 - -จัดให้มีการแข่งขันการทํากิจกรรมหนึ่ง ๆ ระหว่าง กลุ่ม 3 3 3 3 3 100 - 2.2 ฝึกฝนและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัย โดย............ -ส่งเสริมให้ผู้เรียนทํางานร่วมกันทุกครั้งที่มีโอกาส 3 3 3 3 3 100 - -ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าทั้งในและนอกชั่วโมงเรียน 3 3 3 3 3 100 - -จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะการสื่อสาร ถ่ายทอด ความคิด ความรู้สึกระหว่างผู้เรียน 3 3 3 3 3 100 - 2.3 เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์โดย........... -เสริมสร้างประสบการณ์ฝึกทักษะการเป็นผู้นํา และการเป็นสมาชิกกลุ่ม 3 3 3 3 3 100 - -ให้คําชม ให้รางวัลแก่กลุ่มที่มีผลงานดีเด่น โดย สมาชิกกลุ่มร่วมกันทํางาน 3 3 3 3 3 100 - -ให้ความสําคัญ ทําความเข้าใจในความเหมือน ความต่างระหว่างบุคคล 3 3 3 3 3 100 - 3 วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ -การสังเกตพฤติกรรม 3 3 3 3 3 100 - -ชิ้นงานที่มอบหมาย 3 3 3 3 3 100 - -การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 3 3 3 3 3 100 -


136 ตารางที่ค-1 (ต่อ) ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (ต่อ) เห็นด้วย % ไม่เห็น ด้วย % ข้อ รายการ ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ 1 2 3 4 5 ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1 วิธีการสอน และเทคนิคการสอนที่ใช้ -ใช้รูปแบบ Integrate Learning โดยการ มอบหมายงาน 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Problem Based Learning 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Group Collaboration 3 3 3 3 3 100 - -ใช้วิธีการสอน การบรรยายเสริมผู้เรียนโดยการทํา แบบฝึกหัดซ้ําๆต่อเนื่อง 3 3 3 3 3 100 - -ใช้รูปแบบ Inquiry Learning 3 3 3 3 3 100 - 2 หลักการ ที่ประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนการสอน 2.1 ใช้กระบวนการแสวงหา โดย.......... -มอบหมายงาน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตลอดจนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม 3 3 3 3 3 100 - -ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่ม เพื่อส่งเสริม ทักษะในการทํางานร่วมกัน ตลอดจนทักษะการ สืบค้นข้อมูลด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย 3 3 3 3 3 100 - 2.2 ใช้กระบวนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์โดย...... -ให้ทําโจทย์แบบฝึกหัดซ้ํา ๆ และต่อเนื่องเพื่อ ส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ 3 3 3 3 3 100 - -มอบหมายงาน พร้อมนําเสนอผลการศึกษา ค้นคว้า โดยให้มีการวิเคราะห์ข้อมูล และแปล ความหมายของข้อมูลในเชิงปริมาณ 3 3 3 3 3 100 - -ใช้วิธีการบูรณาการแบบสอดแทรก เช่น กรณีศึกษา (Case Study) 3 3 3 3 3 100 - 2.3 ฝึกฝนทักษะทางภาษาและฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัยโดย.......... -เสริมสร้างประสบการณ์ฝึกทักษะการเป็นผู้นํา และการเป็นสมาชิกกลุ่ม 3 3 3 3 3 100 - -ส่งเสริมให้มีการนําเสนอผลงานทุกครั้งที่มีการ มอบหมายเพื่อเป็นการถ่ายทอดและนําเสนอความคิด 3 3 3 3 3 100 - 3 วิธีการที่ใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ -ชิ้นงานที่มอบหมาย 3 3 3 3 3 100 - -ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3 3 3 3 3 100 - -แบบทดสอบในห้องเรียน 3 3 3 3 3 100 - -การสังเกตพฤติกรรม 3 3 3 3 3 100 - -การแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน 3 3 3 3 3 100 - -แบบทดสอบผ่านเว็บ 3 3 3 3 3 100 -


137 ภาคผนวก ง ตัวอย่างแบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ


138 แบบส ั มภาษณ ์ รูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา ผู้วิจัย : นางสุภาภรณ์ เหรียญประดับ นักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารอาชีวะและเทคนิคศึกษา แขนงวิชาวิจัยและพัฒนาหลักสูตร สงวนลิขสิทธิ์โดยนางสุภาภรณ์ เหรียญประดับ หากท่านสนใจหรือประสงค์จะนําแบบประเมินไปใช้ประโยชน์ โปรดติดต่อที่ [email protected]


139 คําชี้แจงการดําเนินการสมภาษณั ์ 1. วัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ วัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์เพื่อประเมินความคิดเห็น และให้ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับรูปแบบ การจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา การสัมภาษณ์ครั้งนี้ผู้วิจัยขออนุญาตบันทึกเทปเพื่อความสมบูรณ์ของข้อมูลโดยรับรองว่าข้อมูล ในการสัมภาษณ์จะไม่มีการนําไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือนําไปกระทําการใดๆ ที่จะส่งผลเสียหายต่อ ท่านแต่อย่างใด ข้อมูลที่ได้ผู้วิจัยจะนําไปใช้เพื่อรายงานการวิจัย ซึ่งเป็นการสรุปสาระสําคัญจากการ สัมภาษณ์อันเป็นประโยชน์ต่อการวิจัย และอาจมีการนําข้อความบางตอนไปอ้างถึงในงานวิจัยเพื่อให้มี ความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น 2. เอกสารที่ใช้ในการสัมภาษณ์ เอกสารที่ใช้ในการสนทนากลุ่ม ประกอบด้วย ชุดที่ 1 โครงการวิทยานิพนธ์เรื่อง หลักสูตรฝึกอบรมรูปแบบการจัดการเรียนการสอน รายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา ชุดที่ 2 แบบประเมินความคิดเห็น เกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา 3. ประเด็นพิจารณาในการสัมภาษณ์ ประเด็นพิจารณาในการสัมภาษณ์เกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา เพื่อ เสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา กําหนดไว้ 2 ตอน ประกอบด้วย ตอนที่ 1 การประเมินความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตาม กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา ด้านความเหมาะสม และความเป็นไปได้ในภาพรวม ตอนที่ 2 การประเมินความคิดเห็น และการให้ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับรายละเอียดในแต่ละ องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา


141 ภาคผนวก จ ตัวอย่างแบบประเมินปฏิกิริยาตอบสนองที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนรายวิชา เพื่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานระดับอุดมศึกษาแห่งชาติที่พัฒนาขึ้น โดยผู้สอน และผู้เรียน


Click to View FlipBook Version