The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอนงานส่งกำลังรถยนต์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chimamphan443, 2023-09-05 09:28:26

เอกสารประกอบการสอนงานส่งกำลังรถยนต์

เอกสารประกอบการสอนงานส่งกำลังรถยนต์

ก คำนำ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา งานส่งกำลังรถยนต์ รหัสวิชา 20101-2004 เล่มนี้ผู้เขียน ได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้สําหรับประกอบการเรียนการสอนในรายวิชานี้จัดทำขึ้นโดยมีหน่วยการเรียนรู้ทั้งสิ้น 9 หน่วยการเรียนรู้ ประกอบไปด้วยหน่วยการเรียนรู้หน่วยที่ 1 ระบบส่งกำลังรถยนต์หน่วยที่ 2 คลัตซ์รถยนต์ หน่วยที่ 3 กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง หน่วยที่ 4 กระปุกเกียร์ขับล้อหน้า หน่วยที่ 5 ข้อต่อและเพลากลางหน่วย ที่ 6 เฟืองท้าย หน่วยที่ 7 เพลาขับล้อหน้า และ หน่วยที่ 8 เพลาขับล้อหลัง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ต่อไป ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน ผู้สอนและผู้ที่ ให้ความสนใจด้านรายวิชางานส่งำกลังรถยนต์ผู้เขียนขอขอบคุณเจ้าของเอกสาร ตําราทุกท่าน ที่ให้ผู้เขียนได้ ศึกษาค้นคว้า และอ้างอิงในการพัฒนาเอกสารประกอบการสอน (นายสัญญา ฉิมอำพันธ์) แผนกวิชาช่างยนต์


ข สารบัญ หน้า คำนำ………………………………………………………………………………………………………….…………………..……………..………… ก สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ข หลักสูตรรายวิชา………………………………………………………………………………………………………………………………………. ค หน่วยการเรียนรู้……………………………………………………………………………………………………………………………………….. ง สมรรถนะประจำหน่วยการเรียนรู้………………………………………………………………………………………………………………. จ หน่วยที่ 1 ระบบส่งกำลังรถยนต์………………….……………………………………………….…………………………………………….. 1 หน่วยที่ 2 คลัตช์รถยนต์………………..…………………………………………...…………………..………………………………………… 4 หน่วยที่ 3 กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง………………..…………….…………………………….……………………….…….…….………… 7 หน่วยที่ 4 กระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า ……………………………………………….……………….………………………………………… 10 หน่วยที่ 5 ข้อต่อและเพลากลาง…………………………………...………………………………………….………………………………… 13 หน่วยที่ 6 เฟืองท้าย………………………………………………………………………………………………………………..……………… 16 หน่วยที่ 7 เพลาขับล้อหน้า……………………………………………………………………………………….…………………….. 19 หน่วยที่ 8 เพลาขับล้อหลัง………………………………………………………………………………………………………………….…… 22


ค หลักสูตรรายวิชา ชื่อวิชา งานส่งกำลังรถยนต์ รหัสวิชา 20101-2004 จำนวน 2 หน่วยกิต 4 คาบต่อสัปดาห์ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จุดประสงค์รายวิชา 1. เข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างและหลักการทำงานของระบบส่งกำลังรถยนต์ 2. สามารถถอด ประกอบ ตรวจสภาพ บำรุงรักษาระบบส่งกำลังรถยนต์ 3. มีกิจนิสัยที่ดีในการทำงานรับผิดชอบ ประณีตรอบคอบ ตรงต่อเวลา สะอาด ปลอดภัยและรักษาสภาพแวดล้อม สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและหลักการทำงานของระบบส่งกำลังรถยนต์ 2. ถอด ประกอบ ตรวจสภาพชิ้นส่วนของระบบส่งกำลังรถยนต์ตามคู่มือ 3. ซ่อมและบริการระบบส่งกำลังรถยนต์ตามคู่มือ 4. บำรุงรักษาชิ้นส่วนของระบบส่งกำลังรถยนต์ตามคู่มือ คำอธิบายรายวิชา ศึกษา และปฏิบัติเกี่ยวกับโครงสร้างและหลักการทำงานของระบบส่งกำลังรถยนต์ การใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ยก รถ การถอด ประกอบ และตรวจสภาพคลัตช์เกียร์ ข้อต่อ เพลากลาง เฟืองท้ายเพลาขับล้อ การบำรุงรักษาระบบส่งกำลัง รถยนต์รถยนต์ และประมาณราคาค่าบริการ


ง หน่วยการเรียนรู้ หน่วยที่ ชื่อหน่วย จำนวน ชั่วโมง สัปดาห์ที่ 1 ระบบส่งกำลังรถยนต์ 8 1-2 2 คลัตช์รถยนต์ 8 3-4 3 กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 8 5-6 4 กระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 8 7-8 5 ข้อต่อและเพลากลาง 8 9-10 สอบกลางภาค 4 11 6 เฟืองท้าย 8 12-13 7 เพลาขับล้อหน้า 8 14-15 8 เพลาขับล้อหลัง 8 16-17 สอบปลายภาค 4 18 รวม 72


จ การวัดผลและประเมินผล ชื่อวิชา งานส่งก าลังรถยนต์ รหัส 20101–2004 ท–ป–น 1–3–2 จ านวนคาบสอน 4 คาบ/สัปดาห์ ระดับชั้น ปวช. 1. คะแนนการวัดผล - พุทธิพิสัย 1) แบบฝึกหัด 10 % 2) ทดสอบหลังเรียน 15 % 3) วดัผลสมัฤทธิ์(ปลายภาค) 10 % รวม 35 % - ทักษะพิสัย 1) ใบงาน 30 % 2) ทดสอบภาคปฏิบัติ 15 % รวม 45 % -จิตพิสัย รวม 20 % รวมทั้งหมด 100 % คะแนนระหว่างภาค/ปลายภาค 75:25 ระหว่างภาค 1) แบบฝึกหัด 10 % 2) ทดสอบหลังเรียน 15 % 3) ใบงาน 30 % 4)จิตพิสัย 20 % รวม 75 % ปลายภาค 1) วดัผลสมัฤทธิ์(ปลายภาค) 10 % 2) ทดสอบภาคปฏิบัติ 15 % รวม 25 % 2. คะแนนการประเมินผล (อิงเกณฑ์) 80 – 100 คะแนน ได้ผลการเรียน 4.0 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม 75 – 79 คะแนน ได้ผลการเรียน 3.5 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีมาก 70 – 74 คะแนน ได้ผลการเรียน 3.0 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี 65 – 69 คะแนน ได้ผลการเรียน 2.5 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ 60 – 64 คะแนน ได้ผลการเรียน 2.0 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์พอใช้ 55 – 59 คะแนน ได้ผลการเรียน 1.5 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์อ่อน 50 – 54 คะแนน ได้ผลการเรียน 1.0 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์อ่อนมาก 50 คะแนน ได้ผลการเรียน 0 หมายถึง ผลการเรียนต ่ากว่าเกณฑ์ขั้นต ่า


ฉ ความสอดคล้องของหน่วยกับสมรรถนะรายวิชา ชื่อวิชา งานส่งก าลังรถยนต์ รหัส 20101–2004 ท–ป–น 1–3–2 จ านวนคาบสอน 4 คาบ/สัปดาห์ระดับชั้น ปวช. หน่วย ชื่อหน่วย คาบ ความสอดคล้องกับสมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการท างานและถอดประกอบระบบ เครื่องล่างรถยนต์ 2. ตรวจสภาพส่วนประกอบของระบบเครื่องล่างรถยนต์ตามคู่มือ 3. ถอดประกอบชิ้นส่วนของระบบเครื่องล่างรถยนต์ตามคู่มือ 4. ซ่อมและบ ารุงรักษาชิ้นส่วนของระบบเครื่องล่างรถยนต์ตามคู่มือ 5.การตรวจสอบและตั้งศูนย์ล้อรถยนต์ตามคู่มือ 6.บริการล้อและยางรถยนต์ตามคู่มือ 1 ระบบส่งกำลังรถยนต์ 8 / / / / 2 คลัตช์รถยนต์ 8 / / / / 3 กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 8 / / / / 4 กระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 8 / / / / 5 กระปุกเกียร์อัตโนมัติ 8 / / / / / สอบกลางภาค 4 6 เพลากลาง 8 / / / / / 7 เพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 8 / / / 8 เฟืองท้ายรถยนต์ 8 / / / / สอบปลายภาคเรียน 4


ช สมรรถนะประจำหน่วยการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 : ระบบส่งกำลังรถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1. โครงสร้างและส่วนประกอบของระบบส่งกำลังรถยนต์ 2. ชนิดของการขับเคลื่อนรถยนต์ 3. ข้อเปรียบเทียบของการขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลัง ทักษะ 1. สามารถเขียนโครงสร้างและส่วนประกอบของระบบส่งกำลังรถยนต์ได้ 2.สามารถตรวจสอบตำแหน่งของการจัดวางระบบการขับเคลื่อนรถยนต์ได้ 3.สามารถตรวจสอบตำแหน่งการจัดวางล้อสำหรับการขับเคลื่อนรถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 2 : คลัตช์รถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของคลัตช์รถยนต์ 2.หน้าที่ของคลัตช์รถยนต์ 3.ชนิดของคลัตช์รถยนต์ 4.อุปกรณ์กลไกลควบคุมการทำงานของคลัตช์รถยนต์ 5.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของคลัตช์รถยนต์ 6.การถอดประกอบคลัตช์รถยนต์ 7.การบำรุงรักษาคลัตช์รถยนต์ ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของคลัตช์รถยนต์ได้ 2.สามารถถอดประกอบคลัตช์รถยนต์ได้ 3.สามารถปฏิบัติงานการบำรุงรักษาคลัตช์รถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 3 : กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขบล้อหลัง 2.หน้าที่ของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 3.ชนิดของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 4.หลักการทำงานของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 5.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 6.การถอด ประกอบกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 7.การบำรุงรักษากระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง


ซ หน่วยที่ 3 : กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง (ต่อ) สมรรถนะ รายละเอียด ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลังได้ 2.สามารถถอด ประกอบกระปุกเกียร์รถขับล้อหลังได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษากระปุกเกียร์รถขับล้อหลังได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 4 : กระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 2.หน้าที่ของกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 3.ชนิดของกระปุกเกียร์ขับล้อหน้า 4.หลักการทำงานของกระปุกเกียร์ขับล้อหน้า 5.หลักการวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 6.การถอด ประกอบกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 7.การบำรุงรักษากระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้าได้ 2.สามารถถอด ประกอบกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้าได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษากระปุกเกียร์รถขับล้อหน้าได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 5 : กระปุกเกียร์อัตโนมัติ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 2.หน้าที่และหลักการทำงานของกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 3.ตำแหน่งการควบคุมกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 4.วิธีการใช้กระปุกเกียร์อัตโนมัติ 5.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 6.การถอด ประกอบกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 7.การบำรุงรักษากระปุกเกียร์อัตโนมัติ ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์อัตโนมัติได้ 2.สามารถถอด ประกอบกระปุกเกียร์อัตโนมัติได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษากระปุกเกียร์อัตโนมัติได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย


ฌ หน่วยที่ 6 : เพลากลาง สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของเพลากลาง 2.ชนิดของเพลากลาง 3.หน้าที่ของเพลากลาง 4.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลากลาง 5.การถอด ประกอบเพลากลาง 6.การบำรุงรักษาเพลากลาง ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลากลางได้ 2.สามารถถอด ประกอบเพลากลางได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษาเพลากลางได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 7 : เพลาขับล้อหน้ารถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 2.หน้าที่ของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 3.หลักการทำงานของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 4.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 5.การถอด ประกอบเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 6.การบำรุงรักษาเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ได้ 2.สามารถถอด ประกอบเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษาเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 8 : เฟืองท้ายรถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของเฟืองท้ายรถยนต์ 2.หน้าที่ของเฟืองท้ายรถยนต์ 3.ชนิดของเฟืองท้ายรถยนต์ 4.หลักการทำงานของเฟืองท้ายรถยนต์ 5.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของเฟืองท้ายรถยนต์ 6.การถอด ประกอบเฟืองท้ายรถยนต์ 7.การบำรุงรักษาเฟืองท้ายรถยนต์


ญ หน่วยที่ 8 : เฟืองท้ายรถยนต์(ต่อ) สมรรถนะ รายละเอียด ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของเฟืองท้ายรถยนต์ได้ 2.สามารถถอด ประกอบเฟืองท้ายรถยนต์ได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษาเฟืองท้ายรถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย


ก ตารางวิเคราะหห ์ ลกัสูตรรายวิชา ชื่อวิชา งานส่งก าลังรถยนต์ รหัส 20101–2004 ท–ป–น 1–3–2 จ านวนคาบสอน 4 คาบ/สัปดาห์ ระดับชั้น ปวช. พฤติกรรม ชื่อหน่วย พุทธิพิสัย (35%) ทักษะพิสัย (45%) จิตพิสัย (20%) ความรู้ความจ า ความเข้าใจ ประยุกต์ รวม ล าดับความส าคัญ -น าไปใช้ วิเคราะห์ สูงกว่า 1.ระบบส่งกำลังรถยนต์ 1 3 4 9 5 22 1 2.คลัตช์รถยนต์ 1 3 4 9 5 22 1 3.กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 1 2 3 8 4 18 2 4.กระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 1 2 2 7 2 14 4 5.ข้อต่อและเพลากลาง 1 2 2 7 2 14 4 สอบกลางภาค 6.เฟืองท้าย 1 2 2 7 2 14 4 7.เพลาขับล้อหน้า 1 2 3 7 2 15 3 8.เพลาขับล้อหลัง 1 2 3 7 2 15 3 สอบปลายภาคเรียน รวม 8 18 23 55 65 24 134 ล าดับความส าคัญ 2 1 3


จ การวัดผลและประเมินผล ชื่อวิชา งานส่งก าลังรถยนต์ รหัส 20101–2004 ท–ป–น 1–3–2 จ านวนคาบสอน 4 คาบ/สัปดาห์ ระดับชั้น ปวช. 1. คะแนนการวัดผล - พุทธิพิสัย 1) แบบฝึกหัด 10 % 2) ทดสอบหลังเรียน 15 % 3) วดัผลสมัฤทธิ์(ปลายภาค) 10 % รวม 35 % - ทักษะพิสัย 1) ใบงาน 30 % 2) ทดสอบภาคปฏิบัติ 15 % รวม 45 % -จิตพิสัย รวม 20 % รวมทั้งหมด 100 % คะแนนระหว่างภาค/ปลายภาค 75:25 ระหว่างภาค 1) แบบฝึกหัด 10 % 2) ทดสอบหลังเรียน 15 % 3) ใบงาน 30 % 4)จิตพิสัย 20 % รวม 75 % ปลายภาค 1) วดัผลสมัฤทธิ์(ปลายภาค) 10 % 2) ทดสอบภาคปฏิบัติ 15 % รวม 25 % 2. คะแนนการประเมินผล (อิงเกณฑ์) 80 – 100 คะแนน ได้ผลการเรียน 4.0 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม 75 – 79 คะแนน ได้ผลการเรียน 3.5 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีมาก 70 – 74 คะแนน ได้ผลการเรียน 3.0 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี 65 – 69 คะแนน ได้ผลการเรียน 2.5 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ 60 – 64 คะแนน ได้ผลการเรียน 2.0 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์พอใช้ 55 – 59 คะแนน ได้ผลการเรียน 1.5 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์อ่อน 50 – 54 คะแนน ได้ผลการเรียน 1.0 หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์อ่อนมาก 50 คะแนน ได้ผลการเรียน 0 หมายถึง ผลการเรียนต ่ากว่าเกณฑ์ขั้นต ่า


ฉ ความสอดคล้องของหน่วยกับสมรรถนะรายวิชา ชื่อวิชา งานส่งก าลังรถยนต์ รหัส 20101–2004 ท–ป–น 1–3–2 จ านวนคาบสอน 4 คาบ/สัปดาห์ระดับชั้น ปวช. หน่วย ชื่อหน่วย คาบ ความสอดคล้องกับสมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการท างานและถอดประกอบระบบ เครื่องล่างรถยนต์ 2. ตรวจสภาพส่วนประกอบของระบบเครื่องล่างรถยนต์ตามคู่มือ 3. ถอดประกอบชิ้นส่วนของระบบเครื่องล่างรถยนต์ตามคู่มือ 4. ซ่อมและบ ารุงรักษาชิ้นส่วนของระบบเครื่องล่างรถยนต์ตามคู่มือ 5.การตรวจสอบและตั้งศูนย์ล้อรถยนต์ตามคู่มือ 6.บริการล้อและยางรถยนต์ตามคู่มือ 1 ระบบส่งกำลังรถยนต์ 4 / / / / 2 คลัตช์รถยนต์ 8 / / / / 3 กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 4 / / / / 4 กระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 8 / / / / 5 กระปุกเกียร์อัตโนมัติ 8 / / / / / สอบกลางภาค 4 6 เพลากลาง 8 / / / / / 7 เพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 8 / / / 8 เฟืองท้ายรถยนต์ 8 / / / / 9 เพลาท้ายรถยนต์ 8 / / / / สอบปลายภาคเรียน 4


ช สมรรถนะประจำหน่วยการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 : ระบบส่งกำลังรถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1. โครงสร้างและส่วนประกอบของระบบส่งกำลังรถยนต์ 2. ชนิดของการขับเคลื่อนรถยนต์ 3. ข้อเปรียบเทียบของการขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลัง ทักษะ 1. สามารถเขียนโครงสร้างและส่วนประกอบของระบบส่งกำลังรถยนต์ได้ 2.สามารถตรวจสอบตำแหน่งของการจัดวางระบบการขับเคลื่อนรถยนต์ได้ 3.สามารถตรวจสอบตำแหน่งการจัดวางล้อสำหรับการขับเคลื่อนรถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 2 : คลัตช์รถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของคลัตช์รถยนต์ 2.หน้าที่ของคลัตช์รถยนต์ 3.ชนิดของคลัตช์รถยนต์ 4.อุปกรณ์กลไกลควบคุมการทำงานของคลัตช์รถยนต์ 5.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของคลัตช์รถยนต์ 6.การถอดประกอบคลัตช์รถยนต์ 7.การบำรุงรักษาคลัตช์รถยนต์ ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของคลัตช์รถยนต์ได้ 2.สามารถถอดประกอบคลัตช์รถยนต์ได้ 3.สามารถปฏิบัติงานการบำรุงรักษาคลัตช์รถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 3 : กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขบล้อหลัง 2.หน้าที่ของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 3.ชนิดของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 4.หลักการทำงานของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 5.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 6.การถอด ประกอบกระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 7.การบำรุงรักษากระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง


ซ หน่วยที่ 3 : กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง (ต่อ) สมรรถนะ รายละเอียด ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์รถขับล้อหลังได้ 2.สามารถถอด ประกอบกระปุกเกียร์รถขับล้อหลังได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษากระปุกเกียร์รถขับล้อหลังได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 4 : กระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 2.หน้าที่ของกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 3.ชนิดของกระปุกเกียร์ขับล้อหน้า 4.หลักการทำงานของกระปุกเกียร์ขับล้อหน้า 5.หลักการวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 6.การถอด ประกอบกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 7.การบำรุงรักษากระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้าได้ 2.สามารถถอด ประกอบกระปุกเกียร์รถขับล้อหน้าได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษากระปุกเกียร์รถขับล้อหน้าได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 5 : กระปุกเกียร์อัตโนมัติ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 2.หน้าที่และหลักการทำงานของกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 3.ตำแหน่งการควบคุมกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 4.วิธีการใช้กระปุกเกียร์อัตโนมัติ 5.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 6.การถอด ประกอบกระปุกเกียร์อัตโนมัติ 7.การบำรุงรักษากระปุกเกียร์อัตโนมัติ ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของกระปุกเกียร์อัตโนมัติได้ 2.สามารถถอด ประกอบกระปุกเกียร์อัตโนมัติได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษากระปุกเกียร์อัตโนมัติได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย


ฌ หน่วยที่ 6 : เพลากลาง สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของเพลากลาง 2.ชนิดของเพลากลาง 3.หน้าที่ของเพลากลาง 4.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลากลาง 5.การถอด ประกอบเพลากลาง 6.การบำรุงรักษาเพลากลาง ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลากลางได้ 2.สามารถถอด ประกอบเพลากลางได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษาเพลากลางได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 7 : เพลาขับล้อหน้ารถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 2.หน้าที่ของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 3.หลักการทำงานของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 4.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 5.การถอด ประกอบเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ 6.การบำรุงรักษาเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ได้ 2.สามารถถอด ประกอบเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษาเพลาขับล้อหน้ารถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 8 : เฟืองท้ายรถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของเฟืองท้ายรถยนต์ 2.หน้าที่ของเฟืองท้ายรถยนต์ 3.ชนิดของเฟืองท้ายรถยนต์ 4.หลักการทำงานของเฟืองท้ายรถยนต์ 5.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของเฟืองท้ายรถยนต์ 6.การถอด ประกอบเฟืองท้ายรถยนต์ 7.การบำรุงรักษาเฟืองท้ายรถยนต์


ญ หน่วยที่ 8 : เฟืองท้ายรถยนต์(ต่อ) สมรรถนะ รายละเอียด ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของเฟืองท้ายรถยนต์ได้ 2.สามารถถอด ประกอบเฟืองท้ายรถยนต์ได้ 3.สามารถปฏิบัติการบำรุงรักษาเฟืองท้ายรถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย หน่วยที่ 9 : เพลาท้ายรถยนต์ สมรรถนะ รายละเอียด ความรู้ 1.โครงสร้างและส่วนประกอบของเพลาท้ายรถยนต์ 2.หน้าที่ของเพลาท้ายรถยนต์ 3.ชนิดของเพลาท้ายรถยนต์ 4.การวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลาท้ายรถยนต์ 5.การถอด ประกอบเพลาท้ายรถยนต์ 6.การบำรุงรักษาเพลาท้ายรถยนต์ ทักษะ 1.สามารถตรวจสอบและวินิจฉัยข้อขัดข้องของเพลาท้ายรถยนต์ได้ 2.สามารถถอด ประกอบเพลาท้ายรถยนต์ได้ 3.สามารถบำรุงรักษาเพลาท้ายรถยนต์ได้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รับรู้ ตอบสนอง เห็นคุณค่า จัดระบบคุณค่า พัฒนาลักษณะนิสัย


ก ตารางวิเคราะหห ์ ลกัสูตรรายวิชา ชื่อวิชา งานส่งก าลังรถยนต์ รหัส 20101–2004 ท–ป–น 1–3–2 จ านวนคาบสอน 4 คาบ/สัปดาห์ ระดับชั้น ปวช. พฤติกรรม ชื่อหน่วย พุทธิพิสัย (35%) ทักษะพิสัย (45%) จิตพิสัย (20%) ความรู้ความจ า ความเข้าใจ ประยุกต์ รวม ล าดับความส าคัญ -น าไปใช้ วิเคราะห์ สูงกว่า 1.ระบบส่งกำลังรถยนต์ 1 3 4 9 5 22 1 2.คลัตช์รถยนต์ 1 3 4 9 5 22 1 3.กระปุกเกียร์รถขับล้อหลัง 1 2 3 8 4 18 2 4.กระปุกเกียร์รถขับล้อหน้า 1 2 2 7 2 14 4 5.ข้อต่อและเพลากลาง 1 2 2 7 2 14 4 สอบกลางภาค 6.เฟืองท้าย 1 2 2 7 2 14 4 7.เพลาขับล้อหน้า 1 2 3 7 2 15 3 8.เพลาขับล้อหลัง 1 2 3 7 2 15 3 สอบปลายภาคเรียน รวม 8 18 23 55 65 24 134 ล าดับความส าคัญ 2 1 3


หน่วยที่1 เรื่อง ระบบส่งก ำลังรถยนต์ (PowertrainSystem)


หน่วยที่ 1 ระบบส่งก ำลังรถยนต์ (PowertrainSystem) ระบบส่งกำ ลงัในรถยนต์คือกำรส่งกำ ลงัที่เกิดข้ึนจำกเครื่องยนตไ์ปขบัเคลื่อนลอ้รถยนตใ์หส้ำมำรถ เคลื่อนที่ไปได้ในกำรส่งถ่ำยกำ ลงัน้ีจะประกอบดว้ยเครื่องยนต์คลตัช์เกียร์เพลำกลำง เฟืองทำ้ย และ เพลำขบัลอ้ดงัน้นันกัเรียนจะตอ้งศึกษำให้เขำ้ใจถึงหลกักำรในกำรส่งกำ ลงัรถยนต์เพื่อจะไดน้ำ ควำมรู้ไป ปฏิบตัิงำนไดอ้ยำ่งมีประสิทธิภำพ 1.1 ส่วนประกอบของรถยนต์ ส่วนประกอบของรถยนตส์ำมำรถแบ่งได้4 ส่วน คือ 1.1.1 เครื่องยนต์ทำ หนำ้ที่เป็นแหล่งกำ เนิดพลงังำน 1.1.2 ระบบส่งกำ ลงัทำ หนำ้ที่ถ่ำยทอดกำ ลงัจำกเครื่องยนตไ์ปยงัลอ้รถยนต์ 1.1.3 โครงรถ ทำ หนำ้ที่รองรับเครื่องยนต์ระบบบงัคบัเล้ียวระบบรองรับน้ำ หนกัระบบ พวงมำลัย และตัวถัง 1.1.4 ตัวถังรถยนต์ ประกอบด้วยโครงสร้ำงภำยใน รวมถึงที่นงั่ระบบปรับอำกำศระบบไฟแสง สวำ่งระบบควำมปลอดภยัและอื่น ๆ กำรออกแบบระบบส่งกำ ลงัในรถยนตม์ ีจุดประสงคพ์ ้ืนฐำนอยหู่ลำยประกำรดงัน้ี กำรถ่ำยทอดกำ ลงัจำกเครื่องยนตไ์ปยงัลอ้ ตดัและต่อกำ ลงัจำกเครื่องยนตท์ ี่ส่งไปยงัลอ้ เปลี่ยนแปลงอัตรำควำมเร็วตำมสภำพกำรใช้งำน เปลี่ยนทิศทำงกำรขับเคลื่อนให้เคลื่อนที่ไปข้ำงหน้ำและถอยหลัง


1.2 ส่วนประกอบและหน้ำที่ของระบบส่งก ำลัง ระบบส่งกำ ลงั ประกอบดว้ย คลัตช์ กระปุกเกียร์เพลำกลำง เฟื องท้ำย เพลำท้ำย ภำพที่ 1.1 แสดงส่วนประกอบของระบบส่งกำ ลงัรถยนต์ 1.2.1 คลัตช์ (Clutch) คลัตช์ ท ำหน้ำที่ตดัและต่อกำ ลงัระหวำ่งเครื่องยนตก์บักระปุกเกียร์โดยอำศัยควำม ฝืดของแผน่คลตัช์และลอ้ช่วยแรงในกำรขบัเคลื่อนรถยนต์ ภำพที่ 1.2 แสดงลักษณะของชุดคลัตช์ เครื่องยนต์ กระปุกเกียร์เพลำกลำง เพลำท้ำย ขอ้ต่ออ่อน เฟื องท้ำย ขอ้ต่อเลื่อน คลัตช์ ตุ๊กตำเพลำกลำง ลอ้ช่วยแรง ฝำครอบแผน่ คลัตช์ แผน่คลตัช์ กระปุกเกียร์ ขำกดคลัตช์ ลูกปื นกดคลัตช์


1.2.2 กระปุกเกียร์(Transmission) กระปุกเกียร์ท ำหน้ำที่เปลี่ยนอตัรำทดเพื่อเพิ่มหรือลดแรงบิดใหเ้หมำะสมกบัภำระ งำน โดยรับกำ ลงัจำกเครื่องยนตผ์ำ่นแผน่คลตัช์ส่งมำยงัชุดเฟืองในกระปุกเกียร์และส่งต่อไปยงัลอ้ ภำพที่ 1.3 แสดงลกัษณะของกระปุกเกียร์ 1.2.3 เพลำกลำง (Propeller Shaft) เพลำกลำง ทำ หนำ้ที่ส่งกำ ลงัจำกกระปุกเกียร์ไปยงัเฟืองทำ้ยในระบบขบัเคลื่อน ล้อหลัง ประกอบด้วย ขอ้ต่อเลื่อน (Slip joint) ขอ้ต่ออ่อน (Universal joint) เพลำกลำง (Propeller Shaft) ภำพที่ 1.4 แสดงลักษณะของเพลำกลำง ขอ้ต่อเลื่อน เพลำกลำง ขอ้ต่ออ่อน


1.2.4 เฟื องท้ำย (Differential) เฟื องท้ำย ท ำหน้ำ ที่รับกำ ลงัจำกเพลำกลำงและส่งกำ ลงัต่อไปยงัลอ้ ในขณะรถวงิ่ ทำงตรงเฟืองทำ้ยจะทำ ให้ลอ้ท้งัสองขำ้งถูกขบั ใหห้มุนดว้ยควำมเร็วเท่ำกนัแต่เมื่อรถเล้ียวโคง้ เฟื องท้ำย จะทำ ใหล้อ้ดำ้นนอกหมุนเร็วกวำ่ลอ้ดำ้นใน ทำ ใหล้อ้ดำ้นนอกหมุนเร็วกวำ่ลอ้ดำ้นใน รูปที่ 1.5 แสดงลักษณะของเฟื องท้ำย ภำพที่ 1.5 แสดงลักษณะของเฟื องท้ำย 1.2.5 เพลำท้ำย (Rear Axles) เพลำท้ำย ท ำหน้ำที่รับน้ำ หนกัในส่วนทำ้ยของรถยนต์เพลำทำ้ยถูกออกแบบมำใชง้ำนกบั รถยนตช์นิดต่ำงๆ ไม่เหมือนกนัที่ใชง้ำนปัจจุบนัแบ่งออกได้3 ชนิด คือเพลำทำ้ยแบบลอย เพลำทำ้ยแบบก่ึง ลอย เพลำท้ำยแบบลอย ¾ ซีล ภำพที่ 1.6 แสดงลักษณะของเพลำท้ำย ลูกปื น ปะเก็น แหวนก้นัลูกปืน เพลำท้ำย เส้ือเพลำทำ้ย หน้ำแปลน ซีลเฟื่ อง เฟื องข้ำง เฟื องบำยศรี ลูกปื นเฟื องเดือย หมู เฟื องเดือยหมู แผน่ชิม เรือนเฟื องทด แหวนรอง


1.2.5.1 เพลำท้ำยแบบลอย (Full-Floating Axel) เพลำทำ้ยแบบลอยมีลูกปืนติดต้งัอยบู่นเส้ือเพลำทำ้ย (Axel Housing) โดย เส้ือเพลำทำ้ยจะรับน้ำ หนกัท้งัหมดของรถยนต์เพลำทำ้ยแบบน้ีนิยมใชก้บัรถบรรทุกขนำดใหญ่ ภำพที่ 1.7 แสดงลักษณะของเพลำท้ำยแบบลอย 1.2.5.2 เพลำทำ้ยแบบก่ึงลอย(Sami-Floating Axel) เพลำทำ้ยแบบก่ึงลอยมีลูกปืนติดต้งัอยทู่ ี่เส้ือเพลำทำ้ยเพลำทำ้ยแบบน้ีมี เส้ือเพลำท้ำยและเพลำขับ (AxelShaft) จะเฉลี่ยกนัรับน้ำ หนกัของรถยนต์นิยมใชก้บัรถเก๋งและรถบรรทุก ขนำดเล็ก ภำพที่ 1.8 แสดงลักษณะของเพลำท้ำยแบบก่ึงลอย เส้ือเฟืองทำ้ย เส้ือเพลำทำ้ย เพลำท้ำย ลูกปื นล้อด้ำนใน ลูกปื นล้อ ด้ำนนอก ดุมล้อ ดรัมเบรก ลูกปื นล้อ เส้ือเพลำทำ้ย ดรัมเบรก เพลำขับ เส้ือเฟืองทำ้ย ล้อ


1.2.5.3 เพลำท้ำยแบบลอย ¾ (Three-Quarter Floating Axel) เพลำทำ้ยแบบน้ีจะใชก้บัรถกระบะและรถบรรทุกขนำดกลำงกำรรับ น้ำ หนกัเพลำขับจะรับน้ำ หนกั ¼ ส่วนเส้ือเพลำทำ้ยจะรับน้ำ หนกั ¾ ภำพที่ 1.9 แสดงลักษณะของเพลำท้ำยแบบลอย ¾ 1.3 ชนิดของกำรส่งก ำลัง กำรออกแบบกำรส่งกำ ลงัข้ึนอยกู่บัสิ่งต่อไปน้ี 1.3.1 กำรวำงตำ แหน่งเครื่องยนต์(Engine Position)กำรวำงตำ แหน่งเครื่องยนต์จะมีวิธีกำร วำงได้ 2แบบ คือ 1. กำรวำงตำ แหน่งเครื่องยนตใ์นแนวตำมยำว(Longitudinal Engine) ลักษณะ กำรวำงจะวำงขนำนกบัโครงรถยนต์ 2. กำรวำงตำ แหน่งเครื่องยนตใ์นแนวขวำง (Transverse Engine) ลักษณะกำร วำงจะวำงต้งัฉำกกบัโครงรถยนต์ 3.2 กำรติดต้งัเครื่องยนต์(Engine Location) เครื่องยนตต์ ิดต้งัอยดู่ำ้นหนำ้ดำ้นหลงัหรือตรงกลำงของรถยนต์มีดงัน้ี (ก) เครื่องยนตอ์ยด้ำนู่ หน้ำขับเคลื่อนล้อหลัง (ข) เครื่องยนตอ์ยด้ำนกลำงู่ ขับเคลื่อนล้อหลัง เส้ือเฟืองทำ้ย เส้ือเฟืองทำ้ย เส้ือเพลำทำ้ย เพลำท้ำย ลูกปื นล้อด้ำนใน ลูกปื นล้อ ด้ำนนอก ดุมล้อ ดรัมเบรก


(ค) เครื่องยนตอ์ยด้ำนู่ หน้ำขับเคลื่อนล้อหน้ำ (ง) เครื่องยนตอ์ยด้ำนหลังู่ ขับเคลื่อนล้อหลัง หมำยเหตุ: A : เครื่องยนต์ B : เพลำส่งกำ ลงั C : เกียร์ D : เฟื องท้ำย ภำพที่ 1.10 แสดงลกัษณะของกำรติดต้งัเครื่องยนต์ 1.4 ระบบกำรขับเคลื่อน กำรส่งกำ ลงัจำกเครื่องยนตไ์ปยงัลอ้รถยนต์แบ่งระบบขบัเคลื่อนได้3 ชนิด คือ 4.1 ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (Rear Wheel Drive , RWD) ระบบขับเคลื่อนล้อหลังเครื่องยนตจ์ะส่งกำ ลงัผำ่นเกียร์ไปยงัลอ้ขบัเคลื่อน ระบบน้ีแบ่งไดอ้ีก 3แบบ คือ 1) เครื่องยนตต์ ิดต้งัดำ้นหนำ้ขบัเคลื่อนลอ้หลงั (Front Wheel Drive) ดังรูปที่ 1.11 2) เครื่องยนตต์ ิดต้งัตรงกลำงขบัเคลื่อนลอ้หลงั (Middel Engine Rear Wheel Drive) ดังรูปที่ 1.12 ภำพที่ 1.11 แสดงลกัษณะของเครื่องยนตต์ิดต้งัดำ้นหนำ้ขบัเคลื่อนลอ้หลงั ด้ำนหน้ำ เฟืองบงัคบัเล้ียว เครื่องยนต์ กระปุกเกียร์ เฟื องท้ำย


ภำพที่ 1.12 แสดงลกัษณะของเครื่องยนตต์ิดต้งัตรงกลำงขับเคลื่อนล้อหลัง 3) เครื่องยนตต์ ิดต้งัดำ้นหลงัขบัเคลื่อนลอ้หลงั (Rear Engine Rear Wheel Drive) ดังรูปที่ 1.13 ภำพที่ 1.13 แสดงลกัษณะของเครื่องยนตต์ิดต้งัดำ้นหลงัขบัเคลื่อนลอ้หลงั ด้ำนหน้ำ เฟืองบงัคบัเล้ียว เครื่องยนต์ ชุดส่งกำ ลงั ด้ำนหน้ำ เฟืองบงัคบัเล้ียว เครื่องยนต์ ชุดส่งกำ ลงั


4.2 ระบบขับเคลื่อนล้อหน้ำ (Front Wheel Drive , FWD) ระบบส่งกำ ลงัแบบขบัเคลื่อนล้อหน้ำ เครื่องยนต์จะติดต้งัอยู่ดำ้นหน้ำของรถยนต์ระบบน้ี สำมำรถแบ่งออกได้2แบบ คือ เครื่องยนต์วำงขวำงโครงรถ (Transverse) และเครื่องยนต์วำงตำมยำวขนำน กบัโครงรถ(Longitudinal) ระบบส่งกำ ลงัแบบน้ีจะนิยมใชก้นัมำกในรถยนตข์นำดเล็กขนำดกลำง ภำพที่ 1.14 แสดงลักษณะของเครื่องยนต์วำงขวำงตำมยำว โครงรถแบบขับเคลื่อนล้อหน้ำ ภำพที่ 1.15 แสดงลักษณะของเครื่องยนต์วำง ขนำนกบัโครงรถแบบขับเคลื่อนล้อหน้ำ 4.3 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ(Four Wheel Drive , 4 WD) ระบบกำรส่งกำ ลังแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีกำรส่งกำ ลังท้ังล้อหน้ำและล้อหลัง ระบบน้ี สำมำรถแบ่งออกได้2 แบบ คือ ระบบขับเคลื่อนแบบบำงเวลำ และระบบขับเคลื่อนตลอดเวลำ ระบบ ขบัเคลื่อนแบบน้ีจะนิยมใชก้บัรถยนตต์รวจกำรณ์และรถยนตท์ ี่ใชใ้นพ้ืนที่ทุรกนัดำร ชุดส่งกำ ลงั เครื่องยนต์ เครื่องยนต์ ชุดส่งกำ ลงั เฟื องท้ำย


ภำพที่ 1.16 ลักษณะกำรขับเคลื่อน 4ล้อบำงเวลำ ภำพที่ 1.17 ลักษณะกำรขับเคลื่อน 4ล้อตลอดเวลำ เครื่องยนต์ เฟืองทำ้ยอยดู่ำ้นหนำ้ กระปุกเกียร์ เฟืองทำ้ยอยดู่ำ้นหลงั เครื่องยนต์ ชุดเพลำขับด้ำนหน้ำ ชุดเพลำขับด้ำนหลัง เพลำขับ เฟื องท้ำยกลำง ชุดเกียร์ธรรมดำ 5ควำมเร็ว


แบบฝึ กหัด หน่วยที่ 1 เรื่อง ระบบส่งก ำลังรถยนต์ คำ สั่ง : จงตอบคำ ถำมดงัต่อไปน้ี 1. จำกรูปให้นักเรียนเขียนชื่อส่วนประกอบของระบบส่งกำ ลงัแบบระบบขบัเคลื่อนลอ้หลงั ตำมหมำยเลขที่กำ หนด ท้งัภำษำไทยและภำษำองักฤษ 1........................................................... 7............................................................... 2........................................................... 8............................................................... 3........................................................... 9............................................................... 4........................................................... 10............................................................. 5........................................................... 11............................................................. 6........................................................... 12............................................................. 6 3 5 1 2 8 7 4 9 10 12 11


2. จงบอกส่วนประกอบของระบบส่งกำ ลงัรถยนต์ คำ สั่ง : ให้น ำตัวอักษรด้ำนขวำมือมำเติมใหส้ ัมพนัธ์กนั …………… 1. เครื่องยนต์ …………… 2. คลัตช์ …………… 3. กระปุกเกียร์ …………… 4. เพลำกลำง …………… 5. เพลำท้ำย …………… 6. เฟื องท้ำย …………… 7. ลูกปื นรองรับเพลำกลำง …………… 8. เพลำขับ …………… 9. ขอ้ต่อเลื่อน …………… 10. ขอ้ต่ออ่อนแบบกำกบำท 3. จงบอกหนำ้ที่ของส่วนประกอบในระบบส่งกำ ลงั 1. ระบบส่งกำ ลงัทำ หนำ้ที่............................................................................................................ 2. คลัตช์ ท ำหน้ำที่....................................................................................................................... 3. กระปุกเกียร์ท ำหน้ำที............................................................................................................... 4. เพลำกลำง ท ำหน้ำที่................................................................................................................. 5. เฟื องท้ำย ท ำหน้ำที่.................................................................................................................... 6. เพลำท้ำยท ำหน้ำที่..................................................................................................................... 4. กำรออกแบบกำรส่งกำ ลงัข้ึนอยกู่บัสิ่งใด 1...................................................................................................................................................... 2………………………………………………………………………………………………….. 5. ระบบขบัเคลื่อนสำมำรถแบ่งออกได้3 ชนิด คือ 1...................................................................................................................................................... 2…………………………………………………………………………………………………. 3…………………………………………………………………………………………………. A) Slip joint B) Rear axle C) Propeller shaft D) Engine E) Clutch F) Center support bearing G) Transmission H) Drive shaft I) Differential J) Universal joint


6. จงท ำเครื่องหมำยถูก หน้ำข้อควำมที่ถูกต้องและเครื่องหมำยผิด หน้ำข้อควำมที่ผิด ………1. รถยนต์ที่มีกำรขับเคลื่อนแบบ FR ไม่จำ เป็นตอ้งมีเพลำกลำง ……….2. ในยคุปัจจุบนันิยมออกแบบรถยนตน์งั่เป็นลกัษณะกำรขบัเคลื่อนแบบ FR ……….3. ขอ้ดีของกำรขบัเคลื่อนลอ้หนำ้คือไม่มีเพลำทำ้ยจึงทำ ใหน้ ้ำ หนกัเบำและประหยดั เช้ือเพลิง ……….4. ในถิ่นทุรกนัดำรควรใชร้ถยนตท์ ี่มีกำรขบัเคลื่อนแบบ 4 WD ……….5. เมื่อรถเล้ียวโคง้เฟืองทำ้ยจะทำ ใหล้อ้ดำ้นนอกหมุนชำ้กวำ่ลอ้ดำ้นใน ……….6. รถยนต์ที่มีกำรขับเคลื่อนแบบ FR ล้อหน้ำท ำหน้ำที่ขับเคลื่อนและล้อหลังท ำหน้ำที่ บงัคบัเล้ียว ……….7. คุณสมบัติของรถยนต์ที่มีกำรขับเคลื่อนล้อหลังคือสำมำรถระบำยควำมร้อนได้ดี และ สำมำรถกระจำยน้ำ หนกับรรทุกลงที่ตำ แหน่งลอ้หลงั ……….8. เพลำทำ้ยทำ หนำ้ที่รองรับน้ำ หนกัและเป็นที่ติดต้งัส่วนประกอบต่ำง ๆ ของรถยนต์เช่น เฟื องท้ำย แหนบ และเพลำข้ำง เป็ นต้น ……….9. ขอ้ต่อเลื่อน ทำ หนำ้ที่เปลี่ยนอตรำทดควำมเร็วของรถยนต์ ั ……….10. ขอ้ต่ออ่อนแบบกำกบำท ทำ หนำ้ที่ปรับกำรเปลี่ยนแปลงเชิงมุมของเพลำกลำง +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แบบประเมินผลหลังเรียน หน่วยที่ 1ระบบส่งก ำลังรถยนต์ ค ำสั่ง : จงท ำเครื่องหมำยกำกบำท (x) ลงในค ำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของระบบส่งกำ ลงัรถยนต์ ก. เพลำข้อเหวี่ยง ข. เพลำท้ำย ค.ขอ้ต่อเลื่อน ง. เพลำกลำง 2. ขอ้ใดหมำยถึงระบบส่งกำ ลงัรถยนต์ ก. กำรเปลี่ยนแปลงอัตรำทดของเฟืองเกียร์ ข.รับกำ ลงังำนจำกกำรจุดระเบิดภำยในห้องเผำไหม้ ค.กำรส่งกำ ลงังำนจำกกำ้นกระทุง้ไปยงักระเดื่องกดลิ้น ง.กำรถ่ำยทอดกำ ลงังำนจำกเครื่องยนตไ์ปขบัลอ้รถยนต์ 3. ขอ้ใดคือส่วนประกอบของระบบส่งกำ ลงัของรถยนต์ ก. เครื่องยนต์กระปุกเกียร์ขอ้ต่อเพลำขบัลอ้เฟืองทำ้ยเพลำกลำง ข. เครื่องยนต์คลตัช์กระปุกเกียร์ขอ้ต่อเพลำกลำง เฟืองทำ้ย เพลำขับล้อ ค. เครื่องยนต์กระปุกเกียร์ขอ้ต่อ เพลำกลำง เฟืองทำ้ย เพลำขบัลอ้ ง. เครื่องยนต์กระปุกเกียร์ขอ้ต่ออ่อน ขอ้ต่อคลตัช์เฟืองทำ้ย เพลำขบัลอ้ 4. ข้อใดคือส่วนประกอบที่ทำ หนำ้ที่ปรับเปลี่ยนกำ ลงังำนที่รับมำจำกเครื่องยนต์ ก. คลัตช์ ข. เพลำกลำง ค.กระปุกเกียร์ ง. เฟื องท้ำย 5. กำรวำงเครื่องยนตแ์ละกำรขบัเคลื่อนแบบใดกระจำยน้ำ หนกัดีที่สุด ก. เครื่องยนตอ์ยหู่ลงัขบัเคลื่อนลอ้หลงั ข. เครื่องยนตอ์ยกู่ลำงขบัเคลื่อนลอ้หลงั ค. เครื่องยนตอ์ยหู่นำ้ขบัเคลื่อนลอ้หลงั ง. เครื่องยนตอ์ยหู่นำ้ขบัเคลื่อนลอ้หนำ้


6. รถยนต์ที่ไม่ใชเ้พลำกลำงเป็ นกำรขับเคลื่อนแบบใด ก. เครื่องยนตอ์ยหู่นำ้ขบัเคลื่อนลอ้หนำ้ ข. เครื่องยนตอ์ยกู่ลำงขบัเคลื่อนล้อหลัง ค. เครื่องยนตอ์ยหู่นำ้ขบัเคลื่อนลอ้หลงั ง. เครื่องยนตอ์ยหู่ลงัขบัเคลื่อนลอ้หลงั 7. ข้อใดไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ก. เครื่องยนตอ์ยหู่นำ้ขบัเคลื่อนลอ้หนำ้ ข. เครื่องยนตอ์ยกู่ลำงขบัเคลื่อนลอ้หลงั ค. เครื่องยนตอ์ยหู่นำ้ขบัเคลื่อนลอ้หลงั ง. เครื่องยนตอ์ยหู่ลงัขบัเคลื่อนลอ้หลงั 8. เครื่องยนตอ์ยหู่นำ้และล้อหลังเป็ นล้อตำมเป็ นกำรขับเคลื่อนแบบใด ก. เครื่องยนตอ์ยหู่ลงัขบัเคลื่อนลอ้หลงั ข. เครื่องยนตอ์ยกู่ลำงขบัเคลื่อนลอ้หลงั ค. เครื่องยนตอ์ยหน้ำขับเคลื่อนล้อหลังู่ ง. เครื่องยนตอ์ยหู่นำ้ขบัเคลื่อนลอ้หนำ้ 9. ข้อใดเป็ นข้อเสียของระบบขับเคลื่อนล้อหน้ำ ก. น้ำ หนกัรถเบำและประหยดัน้ำ มนัเช้ือเพลิง ข. เพิ่มสมรรถนะในกำรขบัขี่ขณะเล้ียวโคง้ ค. มีพ้ืนที่หอ้งโดยสำรเพิ่มข้ึน ง. ขับขี่สบำยกวำ่รถขบัเคลื่อนลอ้หลงั 10. ข้อใดเป็ นข้อดีของระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ก. กำรบ ำรุงรักษำสะดวก เพรำะเฟืองทำ้ยและกระปุกเกียร์แยกกนั ข. กำรบ ำรุงรักษำสะดวก เพรำะเฟืองทำ้ยและกระปุกเกียร์แยกกนั ค. น้ำ หนกัรถเบำและประหยดัน้ำ มนัเช้ือเพลิง ง. ควบคุมทิศทำงกำรเล้ียวโคง้ไดแ้ม่นยำ ง. มีพ้ืนที่หอ้งโดยสำรเพิ่มข้ึน +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หน่วยที่2 เรื่อง ระบบคลัตช์(Clutch System)


หน่วยที่ 2 ระบบคลัตช์(Clutch System) ระบบคลัตช์ เป็ นอุปกรณ์ที่ทำ หน้ำที่ตดัหรือต่อกำ ลงัที่ส่งมำจำกเครื่องยนต์เพื่อประโยชน์ในกำร เปลี่ยนเกียร์โดยอำศยัควำมฝืดระหว่ำงแผ่นคลตัช์กบัแผน่กดคลตั ช์ และลอ้ช่วยแรง (Fly wheel) ดงัน้นั คลตัช์จึงสำมำรถถ่ำยทอดกำ ลงังำนจำกเครื่องยนต์ไปขับล้อรถยนต์ เพื่อกำรออกตัวของรถยนตส์ะดวกและนิ่ม นวล ดงัน้นันกัเรียนจะตอ้งศึกษำใหเ้ข้ำใจถึงหลักกำรระบบคลัตช์ เพื่อจะไดน้ำ ควำมรู้ไปปฏิบตัิงำนไดอ้ยำ่งมี ประสิทธิภำพ 2.1 ส่วนประกอบคลัตช์ รถยนต์ที่ใช้กระปุกเกียร์แบบธรรมดำ คลัตช์คือกลไกทำ หน้ำที่ควบคุมกำรต่อและตดัก ำลังจำก เครื่องยนต์ไปยงักระปุกเกียร์คลตัช์จะติดต้งัอยู่ระหว่ำงเครื่องยนต์กบักระปุกเกียร์ชุดคลตัช์จะยึดติดกบัล้อ ช่วยแรงดว้ยโบลตท์ ี่ดำ้นหลงัของเครื่องยนตก์ ็คือเพลำขอ้เหวยี่งอุปกรณ์ในชุดคลัตช์มีส่วนประกอบที่ส ำคัญ ๆ ดงัน้ีคือ 2.1.1 ลอ้ช่วยแรง (Flywheel) 2.1.2 แผน่คลตัช์(Clutch Disc) 2.1.3 แผน่กดคลตัช์(ClutchPressure Plate) 2.1.4 ลูกปื นกดคลัตช์ (ClutchRelease Bearing) 2.1.5 กำ้มปูกดคลัตช์(ClutchRelease Fork) 2.1.6 และเพลำคลัตช์ (Clutch Shaft Bearing) ภำพที่ 2.1แสดงส่วนประกอบของชุดคลัตช์ แผน่คลตัช์ ลอ้ช่วยแรง คลิปล็อกลูกปื นกดคลัตช์ ลูกปื นกดคลัตช์ กำ้มปูกดคลัตช์ แผน่กดคลัตช์ ยำงกนัฝ่นุกำ้มปูกดคลัตช์ เพลำคลัตช์


2.1.1 ล้อช่วยแรง (Flywheel) ลอ้ช่วยแรง ติดต้งัอยู่กบั เพลำข้อเหวี่ยง (Crank Shaft) มีฟันเฟื อง ( Ring Gear) ติดอยู่กบัขอบด้ำน นอกของลอ้ช่วยแรงลอ้ช่วยแรงผลิตจำกเหล็กหล่อผสมแกรไฟต์ หน้ำสัมผัสด้ำนนอก มีลักษณะเรียบติดแนบสนิทกบัแผน่คลตัช์ลอ้ช่วยแรงทำ หนำ้ที่ เป็ นตัวสะสมพลังงำน เพื่อช่วยลด อำกำรสั่นของเครื่องยนต์ ภำพที่ 2.2แสดงลกัษณะลอ้ช่วยแรง 2.1.2 แผ่นคลัตช์ (Clutch Disc) แผ่นคลัตช์ทำ หน้ำที่ถ่ำยทอดแรงบิดให้เป็นไปอย่ำงรำบเรียบ โดยไม่มีอำกำรกระตุก และต้อง ถ่ำยทอดกำ ลงัอยำ่งต่อเนื่องโดยไม่เกิดกำรลื่นไถล แผน่คลตัช์มีลกัษณะเป็นแผน่กลม ๆ ทำ จำกเหล็กกลำ้เป็นแผน่บำง ๆ มีแผน่ควำมฝืดที่ทำ มำจำกวสัดุ ที่เป็นแร่ใยหิน (Asbestos) ผสมผงโลหะ เช่นผงทองแดง ทองเหลือง เพื่อช่วยในกำรจบัตวักนัที่หน้ำสัมผสั เพิ่มควำมทนทำน ทนต่อควำมร้อนและแรงเสียดทำนสูง โดยจะถูกยึดติดอยกู่บัผิวของแผน่คลตัช์ท้งัสองดำ้น ดุมของแผน่คลตัช์จะถูกทำ ให้เป็นร่องไวส้วมกบัเพลำรับกำ ลงัจำกเครื่องยนตท์ ี่มีลกัษณะเช่นเดียวกนัเพื่อให้ แผ่นคลตัช์น้นัสำมำรถเลื่อนไปมำบนเพลำได้เมื่อคลตัช์ทำ งำน แผ่นคลตัช์จะถูกบีบให้อดัอยู่กบัลอ้ช่วยแรง ดว้ยแรงกดของชุดแผน่กดคลตัช์ใหห้มุนไปกบัเพลำรับกำ ลงัของกระปุกเกียร์ดว้ยควำมเร็วที่เท่ำกบัเครื่องยนต์ ลอ้ช่วยแรง


ภำพที่ 2.3 แสดงลกัษณะแผน่คลตัช์ 2.1.3 แผ่นกดคลัตช์(Pressure Plate) แผน่กดคลตัช์จะท ำหน้ำที่ยดึและติดต้งัชุดอุปกรณ์ต่ำง ๆ ของคลตัช์โดยจะยดึกดแผน่ คลัตช์ให้แนบ สนิทกบัลอ้ช่วยแรงโดยมีสปริงกดอยทู่ ี่ดำ้นหลงัของแผน่กดคลตัช์หนำ้สัมผสัของแผน่กดคลตัช์จะตอ้งเรียบ สม่ำ เสมอกนัถำ้แผน่กดมีแรงกดไม่สม่ำ เสมอก็จะทำ ให้แรงกดที่ แผน่คลตัช์เอียงและเกิดกำรเสียดสีเกิด ควำมร้อน และเกิดกำรสึกหรอ และทำ ใหค้ลตัช์ลื่นได้ชุดกดแผน่คลตัช์ที่ใชอ้ยกู่บัรถยนตท์วั่ๆ ไปปัจจุบันมี อยู่2 แบบ คือ 1. แผ่นกดคลัตช์แบบขดลวดสปริง (Coil Spring Clutch) จะมีอยู่3ขำ ที่เรียกวำ่นิ้วคลตัช์ขำคลตัช์หรือ“ตีนผี”แต่ละขำอยใู่นรูปสี่เหลี่ยมของ ฝำครอบคลตัช์และยึดอยกู่บัสลกัเกลียวปรับของขำคลตัช์แผน่กดคลตัช์แบบน้ีถูกอดัแน่นกบัลอ้ช่วยแรงได้ ดว้ยแรงกดของขดลวดสปริงจำ นวนต้งัแต่6 – 12 ตวัที่ติดต้งัโดยรอบในแนวต้งัฉำกกบัแผน่กดคลตัช์เมื่อ แผน่คลตัช์ถูกแผน่กดคลตัช์อดัแน่นกบัลอ้ช่วยแรง แผน่คลตัช์จึงหมุนไปพร้อมกบัเพลำขอ้เหวยี่ง และทำ ให้ เพลำคลตัช์ซ่ึงสวมอยกู่บัแผน่คลตัช์หมุนตำมไปดว้ย เมื่อกดคลตัช์ขำคลตัช์ถูกกดลงเป็นกำรตดักำรส่งกำ ลงั ลูกปืนคลตัช์เลื่อนเขำ้หำปลำยดำ้นใน และปลำยดำ้นนอกของ 3 ขำ กระดกยกแผน่กดคลตัช์ใหอ้อกจำกแผน่ คลตัช์ทำ ใหแ้ผน่คลตัช์เป็นอิสระ จึงเป็นกำรตดักำรส่งกำ ลงัจำกเครื่องยนต์ สปริงแผน่คลตช์ ั โครงแผน่คลตัช์ หมุดย้ำ ผ้ำคลัตช์ ดุมแผน่คลตัช์


ภำพที่ 2.4 แสดงลกัษณะแผน่กดคลตัชแ์บบขดลวดสปริง 2. แผ่นกดคลัตช์แบบไดอะแฟรม(Diaphram Spring Clutch) หรือแบบหวีแผ่นกดคลัตช์แบบน้ีใช้แผ่นไดอะแฟรมสปริงที่ทำ จำกโลหะเหล็กกล้ำที่ผ่ำน กรรมวิธีกำรผลิต โดยกำรอดัข้ึนรูป และชุบแขง็ดว้ยควำมร้อน กดแผน่กดคลตัช์ใหอ้ดัแน่นกบัลอ้ช่วยแรงและ เมื่อปลำยหวีคลตัช์ถูกกดแผ่นไดอะแฟรมถูกดนัเขำ้ด้ำนใน ตำ้นกบัแหวนที่ทำ หน้ำที่เป็นจุดหมุน ขอบด้ำน นอกของขอบไดอะแฟรมจะดึงให้แผ่นกดคลตัช์แยกออกจำกแผ่นคลตัช์และแผ่นคลตัช์ก็จะหมุนไดอ้ย่ำง อิสระขอ้ดีของคลตัช์แบบแผน่ ไดอะแฟรมคือ 1. แรงกดที่เกิดข้ึนไดเ้ท่ำ ๆ กนัทุกจุด 2. มีควำมสมดุลดีกวำ่แบบขดลวดสปริง เนื่องจำกเป็นวงกลมแผน่เดียว 3. ออกแรงกดนอ้ยกวำ่แบบขดลวดสปริง แรงกดเปลี่ยนแปลงเล็กนอ้ยเมื่อแผน่คลตัช์สึก 4. แรงกดไม่เปลี่ยนแปลงขณะควำมเร็วสูง ฝำครอบคลัตช์ ยึด นิ้วคลตัช์ ยึด โบลท์ ปรับต้งั นิ้วคลัตช์ สปริงขด แผน่กดคลตัช์


ภำพที่2.5 แสดงลกัษณะแผน่กดคลตัชแ์บบสปริงไดอะแฟรม 2.1.4 ลูกปืนกดคลตัช์(Release Bearing) ลูกปื นกดคลัตช์ท ำหน้ำที่กดหวคีลตัช์ใหเ้คลื่อนที่ไปในแนวทิศทำงเดียวกบัลอ้ช่วยแรงเพื่อ ดึงแผ่นกดคลตัช์ให้เคลื่อนที่ถอยออกมำ ลูกปืนคลตัช์น้ีจะติดอยู่กบัตวัก้ำมปูคลตัช์ส่วนตวัรองรับจะเป็น แผน่วงแหวนหนำติดอยู่กบัตวัคลตัช์หรือหวีคลตัช์ซ่ึงมีขนำดเท่ำๆกนักบัตวัลูกปืนกดคลตัช์และจะหมุนไป พร้อมๆ กนักบัแผน่กดคลตัช์ลูกปืนกดคลตัช์จะทำ เป็นชุดส ำเร็จอดัจำระบีซีลปิดอยำ่งดีเพื่อป้องกนักำรชำ รุด ไม่ใหเ้สียหำยไดง้่ำยจึงไม่จำ เป็นตอ้งมีกำรหล่อลื่น ฝำครอบคลัตช์ แผน่สปริงยดึ ฝำครอบคลัตช์ ไดอะแฟรมสปริง ฝำครอบคลัตช์ แผน่กดคลัตช์


ภำพที่ 2.6 แสดงลักษณะลูกปื นกดคลัตช์ 2.1.5 ก้ามปกดูคลัตช์(Release fork) กำ้มปูกดคลตัช์จะยื่นออกมำทำงด้ำนข้ำงของตัวเรือนคลัตช์ (Clutch housing) ในกำรติดต้งัจะมีสปริง ส ำหรับดันซีลกันฝุ่นที่ปิดรูตวัเรือนคลัตช์น้ีเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเข้ำไปภำยใน จะมีสตดัหัวกลม (Clutch ball stud) ที่อยู่ดำ้นขำ้งในตวัเรือนคลตัช์ทำ หน้ำที่เป็นจุดหมุนให้กำ้มปู กดคลัตช์ในขณะที่ปลำย ดำ้นนอกของกำ้มปูกดคลตัช์จะเคลื่อนที่ไปมำของโดยกำรท ำงำนของ คลัตช์ท ำให้ลูกปื นกดคลัตช์ (Throwout bearing) ประกอบอยทู่ ี่ปลำยของกำ้มปูกดคลตัช์เคลื่อนที่ไปมำด้วย ภำพที่ 2.7แสดงลักษณะกำ้มปูกดคลัตช์ ลูกปื นกดคลัตช์ กำ้มปูกดคลัตช์


2.1.6 เพลาคลัตช์หรือเพลารับก าลัง (Clutch Shafter Input Shaft ) เพลำคลตัช์มีลกัษณะดงัน้ีด้ำนหัวของเพลำคลัตช์มีฟันหน้ำเฟื อง (Dog Teeth) ส ำหรับต่อกบั ปลอก ดุมคลัตช์ หรือปลอกเลื่อนของตำ แหน่งเกียร์4และบนเพลำคลัตช์ยังมีเฟื องฟันเฉียงขบกบั เฟื องฟันเฉียงตัวแรก บนเพลำรอง ส่วนด้ำนปลำยของเพลำคลัตช์สวมอยกู่บัลูกปืนปลำยเพลำคลตัช์ซ่ึงอยใู่นเบำ้ของเพลำข้อเหวี่ยง เพลำคลัตช์ท ำหน้ำที่รับกำ ลงัจำกเครื่องยนตส์ ่งไปยงักระปุกเกียร์บนเพลำคลัตช์มีแผน่คลตัช์เคลื่อนที่ไปมำ ตำมควำมยำวของร่อง (Spline) เมื่อแผน่คลตัช์หมุนจะท ำให้เพลำคลัตช์หมุนตำมไปด้วย ภำพที่ 2.8แสดงลักษณะเพลำคลตัชห์รือเพลำรับกำ ลงั 2.2 หน้าที่ของคลัตช์ คลัตช์รถยนต์เป็ นอุปกรณ์ที่ท ำหน้ำที่ ต่อและตดักำ ลงัจำกเครื่องยนตไ์ปยงักระปุกเกียร์เพื่อประโยชน์ ในกำรเปลี่ยนเกียร์โดยอำศยัควำมฝืดระหวำ่งแผ่นคลตั ช์กบัแผน่กดคลตั ช์ และลอ้ช่วยแรง (Fly wheel) ดงัน้นั คลตัช์จึงสำมำรถถ่ำยทอดกำ ลงังำนเพียงเล็กน้อยจำกเครื่องยนต์ไปขบัลอรถยนต์ ้ เพื่อที่จะท ำให้กำรออกตัว ของรถยนตส์ะดวกและนิ่มนวล ภำพที่ 2.9 แสดงประกอบหน้ำที่ของคลัตช์ เครื่องยนต์ คลัตช์ กระปุกเกียร์ ขอ้ต่ออ่อน เพลำกลำง เฟื องท้ำย กรวยคลัตช์ เฟืองขบัหลกั (เฟืองเกียร์4) ฟันเฟื อง เพลำคลัตช์ สไปล์นเพลำคลัตช์


2.3 หลักการท างานของคลัตช์ เมื่อไม่เหยยีบคลตัช์ลอ้ช่วยแรง (Fly wheel) จะประกบติดกบัแผน่คลตัช์(Clutch disc) และแผ่นคลัตช์ก็จะถูกประกบด้วยแผ่นกดคลัตช์(ClutchPressure Plate ) อีกช้ันหน่ึงโดยแผ่น กคลัตช์ (Pressure plate)จะประกอบเป็นชุดเดียวกับฝำครอบคลัตช์(Clutch cover) และสปริงไดอะแฟรม (Spring diaphragm) ขณะตดักำ ลงัขณะต่อกำ ลงั ภำพที่ 2.10 แสดงกำรท ำงำนของระบบคลัตช์ เมื่อผู้ขับขี่ออกแรงเหยียบแป้ นเหยียบคลัตช์ที่อยใู่นรถยนต์แรงเหยียบน้ีจะถูกถ่ำยทอดออกไปสู่กำ้มปู กดคลัตช์ ซึ่งมีแกนยื่นออกมำนอกห้องคลัตช์ เมื่อกำ้มปูกดคลตัช์ไดร้ับแรงมำก็จะส่งแรงเขำ้ไปกดลูกปื นกด คลัตช์ที่ติดต้งัอยบู่นแกนเพลำคลตัช์และอยตู่ ิดกบับริเวณ ศูนยก์ลำงของแผ่นสปริงไดอะแฟรม ท ำให้บริเวณ จุดศูนยก์ลำงของแผน่สปริงไดอะแฟรม ยุบลงไปในขณะที่บริเวณศูนย์กลำงของแผน่สปริงไดอะแฟรมยุบลง ไปจะทำ ให้ขอบแผน่สปริงไดอะแฟรมกระดกข้ึน ซ่ึงปลำยขอบแผน่สปริงไดอะแฟรมน้ีจะยึดติดกบัดำ้นหลงั ของแผ่นกดคลตัช์กำรกระดกข้ึนของ ปลำยขอบแผ่นสปริงไดอะแฟรมเสมือนหน่ึงไปดึงแผ่นกดคลตั ช์ ให้ ถอยหลงัออกมำ เมื่อเป็นเช่นน้ีแรงกดที่กระทำ ต่อ แผน่คลตัช์ก็จะลดนอ้ยลง ยิ่งถำ้ผขู้บัขี่เหยียบแป้นคลตั ช์ ให้สุดระยะแป้ นเหยียบคลัตช์ก็จะยิ่งทำ ให้แผ่นคลตัช์เป็นอิสระมำกข้ึน จุดน้ีเองที่จะเป็นประโยชน์ตอน เปลี่ยนเกียร์เมื่อเปลี่ยนเกียร์เรียบร้อย ผขู้บัขี่ก็คืนเท้ำออกมำจำกแป้ นเหยียบคลัตช์ สปริงไดอะแฟรมก็จะดนั ลูกปื นกดคลัตช์ บนเพลำคลัตช์ กลับคืนสู่ที่เดิม พร้อมท้งัแผน่กดคลตั ช์ก็จะกลบัคืนไปกดคลตั ช์ดังเดิม 2.4 ชนิดของคลัตช์ คลัตช์รถยนต์ในปัจจุบันที่นิยมใช้แบ่งเป็น 2 ชนิด คือคลัตช์แบบแห้ง (Dry Clutch ) และคลัตช์ อัตโนมัติ (Automatic Clutch) ลอ้ช่วยแรง แผน่คลตัช์ แผน่กดคลตัช์ ลอ้ช่วยแรง แผน่คลตัช์ แผน่กดคลตัช์


1. คลัตช์แบบแห้ง (Dry Clutch) มีลักษณะเป็ นจำนกลมท ำด้วยโลหะเหล็กกลำ้เป็นแผน่ บำง ๆ ตรงกลำงของแผน่คลตัช์จะเซำะเป็นร่องสไปลน์ (Spline hub) ใชส้วมกบัเพลำคลตัช์สำมำรถเคลื่อนที่ไป มำ บนเพลำรับกำ ลงัได้ส่วนของผำ้คลตัช์ท้งั2 ดำ้นเป็นแผน่ควำมฝืดและทนควำมร้อนทำ มำจำกสำรสังเครำะห์ ประเภท แอสเบสทอส ผสมโลหะใยหิน สปริงของแผน่คลตัช์จะทำ หนำ้ที่ยึดโครงคลตัช์ในขณะที่แผน่คลตัช์มี แรงบิดและส่งกำ ลงังำนปัจจุบนันิยมใชใ้นรถยนตน์งั่และรถบรรทุก ภำพที่ 2.11 แสดงลกัษณะของแผน่คลตัชแบบแห้ง ( ์ Dry Clutch) 2. คลัตช์อัตโนมัติ (Automatic Clutch) มีชื่อเรียกอีกอยำ่งหน่ึงวำ่ทอร์กคอนเวอร์เตอร์ (Torque Convertor) เป็ นคลัตช์ของเหลวที่บรรจุน้ำ มนั ไฮดรอลิกอยภู่ำยในป้ัมอิมเพลเลอร์และเทอร์ไบน์รัน เนอร์โดยอำศัยควำมเร็วรอบของเครื่องยนต์เป็ นหลัก แรงเหวี่ยงของน้ำ มนัไฮดรอลิกส์ที่อยใู่นป้ัมอิมเพลเลอร์ เหวี่ยงไปกระทบกบัครีบของเทอร์ไบน์รันเนอร์ทำ ให้เทอร์ไบน์รันเนอร์หมุนไปในทิศทำงเดียวกบัเพลำขอ้ เหวี่ยงขบัชุดเกียร์ใหสำมำรถ ้หมุนต่อไป ในขณะรถยนต์มีควำมเร็วรอบของเครื่องยนต์ต ่ำหรือเดินเบำน้ำ มนัไฮ ดรอลิกส์ สำมำรถส่งกำ ลงัได้เพียงบำงส่วนแต่เมื่อเพิ่มควำมเร็วรอบของเครื่องยนต์มำกข้ึนป้ัมอิมเพลเลอร์ก็จะ เหวี่ยงน้ ำมนั ไฮดรอลิกส์แรงข้ึนท ำให้กำรส่งกำ ลังจำกเครื่องยนต์ไปยงัชุดเกียร์เพิ่มข้ึน ส่งผลให้รถยนต์ สำมำรถเคลื่อนที่ได้อยำ่งมีประสิทธิภำพ แผน่คลตัชแ์บบแหง้


ภำพที่ 2.12 แสดงลักษณะคลัตช์อัตโนมัติ(Automatic Clutchor Torque Convertor) 2.5 กลไกควบคุมการทา งานของระบบคลตัช์ คลัตช์รถยนต์เป็ นอุปกรณ์ส ำคัญที่ท ำหน้ำที่ตดัหรือต่อกำ ลังที่ส่งมำจำกเครื่องยนตไปยัง ์ กระปุกเกียร์วิธีกำรควบคุมกำรท ำงำนของคลัตช์แบ่งได้2ลักษณะคือ 1. กำรควบคุมคลัตช์แบบกลไกซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ แบบกำ้นต่อและแบบใช้สำย กำรท ำงำนแบบกำ้นต่อ ประกอบดว้ยแป้นเหยียบคลตัช์กำ้นต่อโดยกำ้นต่อช่วงที่1 ส่งแรงผำ่นไปยงักำ้นต่อ ช่วงที่2 และกำ้นต่อช่วงที่2 ส่งแรงผำ่นไปยงักำ้นต่อช่วงที่3 และจะทำ งำนแบบน้ีต่อไปเรื่อย ๆ ตำมจำ นวน ช่วงต่อที่บริษทัผผู้ลิตออกแบบ ต่อจำกน้นักำ้นต่อช่วงสุดทำ้ยจะไปกดกำ้มปูกดคลัตช์ ลูกปื นกดคลัตช์ และชุด กดแผ่นคลัตช์ทำ ให้แผ่นคลตัช์เป็นอิสระ ซ่ึงเป็นกำรตดักำ ลงังำนจำกเครื่องยนต์ที่ส่งไปยงักระปุกเกียร์ คลัตช์อัตโนมัติ


กำ้มปูกดคลตัช์ ชกดคลัตช์ ปัจจุบันไม่นิยมใช้กำรควบคุมคลตัช์ดว้ยกลไกแบบกำ้นต่อเพรำะกำ้นต่อแต่ละชิ้นสึกหรอเร็วกว่ำปกติและ ต้องมีกำรปรับต้งัระยะกำรควบคุมบ่อยคร้ัง ไม่เช่นน้นัจะทำ ใหก้ระปุกเกียร์มีเสียงดงัและเขำ้เกียร์ยำก ภำพที่ 2.13แสดงส่วนประกอบคลตัชแ์บบกลไกหรือกำ้นต่อ กำรควบคุมคลัตช์ที่ใช้สำยหรือเรียกว่ำคลตัช์แบบสำย เป็ นกำรควบคุมกำรท ำงำนของคลัตช์ โดยใช้ อุปกรณ์สำยคลตัช์เป็นตวัต่อวงจรควบคุมกำรทำ งำนของคลตัช์ระหว่ำงคนัเหยียบคลตัช์กบัตวัคลตัช์ที่ฝำ ครอบคลัตช์ลักษณะของสำยคลัตช์ประกอบ ดว้ยชุดสำยคลตัช์ลวดสลิงมีตวัหุม้ต่อระหวำ่งคนัเหยยีบคลตัช์กบั กำ้มปูคลตัช์ที่เส้ือคลตัช์เมื่อกดคนั เหยียบคลัตช์จะเป็นตวัดึงกำ้มปูคลตัช์ไปกดลูกปืนคลตัช์ให้แผน่กดคลตัช์ ออกจำกแผน่คลตัช์ทำ ใหแ้ผน่คลตัช์ลอยตวัเป็นอิสระ เมื่อปล่อยคลตัช์สปริงที่ต่ออยกู่บักำ้มปูคลตัช์ก็จะดึงให้ กำ้มปูคลตัช์กลบัเขำ้ที่เดิม แผน่คลตัช์ก็จะเขำ้สัมผสักบัผิวหนำ้แปลนของลอ้ช่วยแรงซ่ึงคลตัช์จะต่อวงจรกำร ส่งกำ ลงัของเครื่องยนตก์บัเกียร์ปัจจุบนัไม่นิยม ลอ้ช่วยแรง แผน่คลตัช์ ชุดกดแผน่คลตัช์ ลูกปื นกดคลัตช์ กำ้มปูกดคลตัช์ สำยคลัตช์ นอตปรับต้งัระยะฟรีคลตัช์ แป้ นเหยียบคลัตช์ คันเหยียบคลัตช์ สปริง ลูกปื นกดคลัตช์ ชุดกดแผน่คลตัช์ แผน่คลตัช์ ลอ้ช่วยแรง กำ้นต่อ แป้ นเหยียบคลัตช์ คันเหยียบคลัตช์ สปริงดึงกลับ นอตปรับต้งัระยะฟรีคลตัช์ จุดหมนุกลไกกำ้นต่อ


ภำพที่ 2.14แสดงส่วนประกอบคลตัชแ์บบสำย 2. กำรควบคุมคลัตช์แบบไฮดรอลิกส์(Hydraulic Clutch) เป็ นกำรควบคุมกำรท ำงำนของ คลตัช์โดยใช้ระบบไฮดรอลิกเชื่อมต่อกำรทำ งำนระหว่ำงแม่ปั๊มคลตัช์เพิ่มแรงดนัน้ำ ไฮดรอลิกส์ส่งผ่ำนทำง ท่อโดยได้แรงกดจำกแป้นคลตัซ์กดผ่ำนแม่ปั๊มคลตัซ์ส่งแรงดนัน้ำ มนัวิ่งไปถึงลูกปั๊มคลตัซ์ไปดนั ให้กำ้มปู คลัตช์กดคลัตซ์ท ำงำนเป็ นกำรตัดและต่อกำ ลงังำนจำกเครื่องยนต์ส่งไปยงักระปุกเกียร์ปัจจุบันเป็ นที่นิยมใช้ โดยกนัทวั่ ไป ภำพที่ 2.15 แสดงส่วนประกอบคลตัชแ์บบไฮดรอลิก กำรควบคุมคลัตช์แบบไฮดรอลิกส์มีส่วนประกอบมีดงัน้ี 1. แม่ป้ัมคลตัช์ตวับน (ClutchMaster Cylinder) มีหน้ำที่สร้ำงแรงดันไฮดรอลิกส์ เมื่อได้รับแรงกด จำกคลัตช์ชุดลูกยำงแม่ปั๊มคลตัช์จะเคลื่อนตวัผลกัดนัน้ำ มนัคลตัช์ใหเ้กิดแรงดนัส่งไปยงัท่อน้ำ มนัคลตัช์ สปริงดึงกลับ ลอ้ช่วยแรง แผน่คลตัช์ แผน่กดคลตัช์ ลูกปื นกดคลัตช์ กระปุกน้ำ มนัคลตัช์ ป้ัมคลตัชต์วับน หวัไล่ลม ปั๊มคลตัชต์วัล่ำง ท่อน้ำ มนั กำ้นดนั นอตปรับต้งัระยะฟรีคลตัช์ คันเหยียบคลัตช์ กำ้มปู กดคลัตช์ แป้ นเหยียบคลัตช์ แม่ปั๊มคลตัช์ตัวบน


ภำพที่ 2.16แสดงแม่ปั๊มคลตัชตัวบน ์ 2. ปั๊มคลตัช์ตัวล่ำง (Operating Cylinder) จะติดต้งัอยู่ที่เส้ือเครื่องยนต์ใกลก้บัชุดคลตัช์มีหน้ำที่รับ แรงดนั ไฮดรอลิกส์จำกปั๊มคลตัช์ตวับนเมื่อเหยียบคลตัช์แรงดันไฮดรอลิกส์ที่ส่งมำจะดนัลูกยำงทำ ให้ลูกสูบ ไปดนักำ้นดนัเคลื่อนที่ไปดนัขำกดคลตัช์และลูกปืนกดคลตัช์ทำ ใหค้ลตัช์ตดัและต่อกำ ลงั ภำพที่ 2.17แสดงส่วนประกอบปั๊มคลตัชต์วัล่ำง การท างานของแม่ปั๊มคลัตช์ ภำพที่ 2.18 แสดงแม่ปั๊มคลตัชต์วับนและปั๊มคลตัชต์วัล่ำง ช่องน้ำ มนัถูกเปิด สปริงดันกลับ 111 ห้อง A ห้อง B ลูกสูบ ช่องทำงน้ำ มนั ปั๊มคลตัช์ตัวล่ำง


ภำพที่ 2.19 แสดงกำรท ำงำนของแม่ปั๊มคลตัชต์วับนขณะเหยยีบคลตัชแ์ละปล่อยคลตัช์ ขณะเหยียบคลัตช์ ลูกสูบแม่ปั๊มคลตัช์จะเคลื่อนตวัไปดำ้นซ้ำย เมื่อเหยียบคลตัช์ดนั ให้น้ำ มนัคลตัช์ในแม่ปั๊มคลตัช์ไหล ผำ่นลิ้นทำงเขำ้ไปยงัถว้ยน้ำ มนัคลตัช์และอีกส่วนหน่ึงจะไหลไปยงั ปั๊มคลตัช์ตวัล่ำงซ่ึงจะมีข้นัตอนดงัน้ีเมื่อ ลูกสูบเคลื่อนตวัไปทำงดำ้นซำ้ยไดร้ะยะพอประมำณจะทำ ใหบ้ ่ำร่องสปริงดนัลูกสูบกลบั (ซ่ึงจะบงัคบักำ้นลิ้น ทำงเข้ำ) เคลื่อนที่ทำ ให้กำ้นลิ้นทำงเขำ้เคลื่อนตวัไปทำงดำ้นซ้ำยโดยแรงดนัของสปริงรูปกรวย ซ่ึงทำ ให้ลิ้น ทำงเขำ้ซ่ึงอยปู่ลำยของกำ้นลิ้นทำงเขำ้ปิดทำงน้ำ มนัที่จะเขำ้สู่ถว้ยน้ำ มนัคลตัช์ทำ ให้ห้อง A และห้อง B แยก จำกกนั โดยเด็จขำดเป็นเหตุให้แรงดนัภำยในห้อง A เพิ่มข้ึน แรงดนัจึงส่งผำ่นสำยยำงและท่อน้ำ มนัคลตัช์ไป ยงัลูกสูบที่ปั๊มคลตัช์ตวัล่ำง ขณะปล่อยคลัตช์ เมื่อปล่อยคลตัช์ลูกสูบแม่ปั๊มคลตัช์จะเคลื่อนที่กลบัด้ำนขวำโดย แรงดนัของสปริงดนักลบัทำ ให้ แรงดนัน้ำ มนัคลตัช์ลดลง เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่กลบัสุดสู่ตำ แหน่งเดิม กำ้นลิ้นก็จะถูกดึงกลบัมำทำง ด้ำนขวำโดย บ่ำร่องสปริงดนักลบั (สปริงรูปกรวย มีแรงน้อยกว่ำสปริงดนักลบั ) ทำ ให้ลิ้นทำงเขำ้เปิดช่องทำงน้ำ มนัและ ช่องทำงห้อง A กบั B จะต่อถึงกนัถว้ยรองน้ำ มนัคลตัช์จะเป็นตวัรองรับกำรเปลี่ยนแปลงปริมำณน้ำ มนัคลตัช์ ในแต่ละชิ้น ส่วนของระบบคลตัช์และระดบัน้ำ มนัภำยในถว้ยจะเพิ่มข้ึน ห้อง B ห้อง A ช่องน้ำ มนัถูกปิด ไปยงัแม่ปั๊มคลตัชต์วัล่ำง กำ้นดนั ลูกสูบ แป้ นเหยียบคลัตช์ถูกกด บ่ำรองสปริงดนักลบั กำ้นลิ้นทำงเขำ้ สปริงรูปกรวย ลิ้นทำงเขำ้


Click to View FlipBook Version