The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอนงานส่งกำลังรถยนต์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chimamphan443, 2023-09-05 09:28:26

เอกสารประกอบการสอนงานส่งกำลังรถยนต์

เอกสารประกอบการสอนงานส่งกำลังรถยนต์

2.6 สาเหตุข้อขัดข้องและการแก้ไขระบบคลัตช์ สำเหตุขอ้ขดัขอ้งของคลตัช์รถยนต์มีดงัต่อไปน้ี ตำรำงที่ 1.1 สำเหตุขอ้ขดัขอ้งและกำรแกไ้ขระบบคลตัช์ ปัญหาข้อขัดข้อง สาเหตุการแก้ไข 1. คลัตช์ลื่น (Slipping) 2. คลัตช์กระแทก หรือกระตุก (Grabbing) 3. คลัตช์มีเสียงดัง (Noises) 4. คลตัช์สั่น (Clutch Pedal Pulsation) 1. ปรับต้งัระยะฟรีและควำมสูง แป้นเหยยีบคลตัช์ไม่ถูกตอ้ง 2. สปริงขด หรือไดอะแฟรม สปริง ช ำรุด 3. แผน่คลตัช์สึกหรอ 4. ผำ้คลตัช์เป้ือนน้ำ มนัหรือ จำรบี 1. กำ้นดนัคลตัช์ติดขดั 2. ดุมคลตัช์ติดขดัอยบู่นร่อง เพลำคลัตช์ 3. สปริงแผน่คลตัช์หรือแผน่ คลัตช์แตกหัก 1. ลูกปื นกดคลัตช์ช ำรุด 2. ร่องดุมแผน่คลตัช์สึกหรอ 3. ตีนผีคลัตช์หรือไดอะแฟรม สปริงไม่ไดร้ะดบัหรือชำ รุด 4. สปริงแผน่คลตัช์หรือแผน่ คลัตช์แตกหัก 1. แผน่คลตัช์บิดเบ้ียว 2. ชุดกดแผน่คลตัช์บิดเบ้ียว 3. หนำ้สัมผสัของลอ้ช่วยแรง บิดเบ้ียว 4. สปริงขดหรือไดอะแฟรม สปริงบิดเบ้ียว 1. ปรับต้งัระยะฟรีและควำมสูง 2. เปลี่ยนสปริงขด หรือ ชุดกดแผน่คลตัช์ 3. เปลี่ยนแผน่คลตัช์ 4. ท ำควำมสะอำด หรือเปลี่ยน แผน่คลตัช์ 1. ทำ ใหฟ้รีหรือปรับต้งักำ้น ดันคลัตช์ 2. หล่อลื่นหรือเปลี่ยนแผน่ คลัตช์ 3. เปลี่ยนแผน่คลตัช์ 1. เปลี่ยนลูกปื นกดคลัตช์ 2. เปลี่ยนแผน่คลตัช์ 3. ปรับแต่ง หรือเปลี่ยนชุดกด แผน่คลตัช์ 4. เปลี่ยนแผน่คลตัช์ 1. เปลี่ยนแผน่คลตัช์ 2. เปลี่ยนชุดกดแผน่คลตัช์ 3. ซ่อมหรือเปลี่ยนลอ้ช่วยแรง 4. ปรับต้งัหรือเปลี่ยนสปริงขด หรือไดอะแฟรมสปริง


ปัญหาข้อขัดข้อง สาเหตุการแก้ไข 5. คลตัช์จำกไม่สุดเมื่อเหยยีบ แป้ นเหยียบคลัตช์ 6. คลตัช์มีเสียงดงัขณะยงัไม่ได้ เหยียบคลัตช์ 7. คลัตช์แบบใช้ของเหลว (Hydraulic Clutch)ขัดข้อง 1. ลูกปื นปลำยเพลำคลัตช์ ลูกปื นเพลำคลัตช์ หลวม 2. ร่องดุมแผน่คลตัช์และร่อง เพลำคลัตช์สึกหรอ 3. สปริงแผน่คลตัช์หรือยำง คล๊อบปิ้งชำ รุด 1. ลูกปื นปลำยเพลำคลัตช์ ลูกปื นเพลำคลัตช์ หลวม 2. ร่องดุมแผน่คลตัช์และร่อง เพลำคลัตช์สึกหรอ 3. สปริงแผน่คลตัช์หรือยำง คล๊อบปิ้งชำ รุด 1. ระดบัของน้ำ มนัคลตัช์ต่ำ กวำ่ ระดับที่กำ หนด 2. ป้ัมคลตัช์ตวับนรั่วซึม 3. ขอ้ต่อน้ำ มนัรั่วซึม 4. กระบอกคลตัช์ตวัล่ำงรั่วซึม 1. เปลี่ยนลูกปื นปลำยเพลำ คลัตช์ หรือลูกปืนเพลำคลัตช์ 2. เปลี่ยนแผน่คลตัช์หรือเพลำ คลัตช์ 3. เปลี่ยนแผน่คลตัช์ 1. เปลี่ยนลูกปื นปลำยเพลำ คลัตช์ หรือลูกปื นเพลำคลัตช์ 2. เปลี่ยนแผน่คลตัช์หรือเพลำ คลัตช์ 3. เปลี่ยนแผน่คลตัช์ 1. เติมน้ำ มนัคลตัช์และตรวจ รอยรั่วซึม 2. เปลี่ยนชุดซ่อมป้ัมคลตัช์ตวั บน หรือเปลี่ยนป้ัมคลตัช์ตวับน 3. ขนัขอ้ต่อน้ำ มนั ใหแ้น่น 4. เปลี่ยนชุดซ่อมกระบอกคลตัช์ ตวัล่ำง หรือเปลี่ยนกระบอก คลตัช์ตวัล่ำง ขั้นตอนการทดสอบปัญหาข้อขัดข้องของคลัตช์ การทดสอบคลัตช์ลื่น 1. ดึงเบรกมือให้สุดแล้วติดเครื่องยนต์ 2. เหยยีบคลตัช์ใหสุ้ด แลว้เขำ้เกียร์ในตำ แหน่งเกียร์4 หรือ5 3. ค่อย ๆ เหยยีบคนัเร่งเพิ่มข้ึนอยำ่งต่อเนื่องและปล่อยแป้นเหยยีบคลตัช์ชำ้ๆ หมายเหตุ ถำ้เครื่องยนตไ์ม่ดบัแสดงวำ่คลตัช์ลื่น ถำ้เครื่องยนตด์บัแสดงวำ่สภำพแผน่ คลัตช์ปกติ


การทดสอบปัญหาคลัตช์สั่น มีดงัน้ี 1. ดึงเบรกมือให้สุด แล้วติดเครื่องยนต์ 2. เขำ้เกียร์ใน ตำ แหน่งเกียร์1 3. ค่อย ๆ ปล่อยแป้นเหยยีบคลตัช์ชำ้ๆ หมายเหตุ หำกพบวำ่คลตัช์สั่น ใหต้รวจหนำ้สัมผสัของลอ้ช่วยแรง ชุดกดแผน่คลตัช์ หรือแผน่คลตัช์ การทดสอบคลัตช์ไม่จาก 1. ดึงเบรกมือให้สุดแล้วติดเครื่องยนต์ 2. ปล่อยคลตัช์ในตำ แหน่งเกียร์วำ่ง 3. เลื่อนคนัเกียร์อยำ่งชำ้ๆ ไปที่ตำ แหน่งถอยหลงั โดยไม่ตอ้งเหยยีบคลตัช์รอจนกระทงั่เกียร์เกิดเสียง ดัง 4. เมื่อเกียร์เกิดเสียงดงั ให้เหยยีบคลตัช์ชำ้ๆ แลว้เขำ้เกียร์ หมายเหตุถำ้หำกเหยยีบคลตัช์จนสุดเกียร์ยงัมีเสียงดงัแสดงวำ่คลตัช์ไม่จำกถำ้หำก เขำ้เกียร์ไดเ้งียบในขณะเหยยีบคลตัช์และเปลี่ยนเกียร์ไดน้ ิ่มนวลแสดงวำ่ ปัญหำไม่ไดเ้กิดจำกคลตัช์ไม่จำก การทดสอบปัญหาคลัตช์มีเสียงดัง มีดงัน้ี 1. เหยียบคลัตช์และติดเครื่องยนต์ 2. ปล่อยคลตัช์ในขณะที่อยใู่นตำ แหน่งเกียร์วำ่ง 3. เหยียบคลัตช์จนสุดอีก 1คร้ัง หำกพบวำ่คลตัช์มีเสียงดงัจำกลูกปืนคลตัช์ชุดกดแผน่คลตัช์หรือแผน่คลตัช์ชำ รุด ใหเ้ปลี่ยน แผน่คลตัช์ ข้อควรจ า ใหเ้หยยีบและปล่อยคลตัช์เร็วและชำ้สลบักนัเพื่อตรวจเสียงดงัจำกคลตัช์ คุณสมบัติของน า้มันคลตัช์น้ำ มนัคลตัช์ที่ใชก้บัรถยนตเ์ป็นชนิดเดียวกนักบัน้ำ มนัเบรกเช่น DOT 3 และ DOT 4 โดยมีคุณสมบตัิดงัน้ี 1. มีจุดเดือดสูง ในขณะที่น้ำ มนัคลตัช์มีอุณหภูมิเพิ่มข้ึนน้ำ มนัจะไม่เกิดกำรขยำยตวั 2. เกิดกำรระเหยตวันอ้ยที่สุดเมื่อมีอุณหภูมิเพิ่มข้ึน หรือลดลง 3. ไม่ทำ ปฏิกิริยำกบัอุปกรณ์ในระบบคลตัช์เช่น กระบอกคลตัช์ลูกยำงคลตัช์ลูกสูบคลตัช์ 4. น้ำ มนัคลตัช์ที่ไดม้ำตรฐำนกำรรับรองจะตอ้งมีสัญลกัษณ์ DOT กำ กบั


2.7 การบ ารุงรักษาระบบคลัตช์ 2.7.1 การตรวจความสูงแป้นเหยียบคลัตช์ ควำมสูงแป้ นเหยียบคลัตช์ (Pedal Height) คือระยะระหวำ่งแป้นเหยยีบคลตัช์ตำ แหน่ง ปล่อยคลตัช์จนสุดถึงพ้ืนรถในแนวต้งัฉำกกบัแป้นเหยียบคลตัช์กำรปรับต้งัควำมสูงแป้นเหยียบคลตัช์ตอ้งอยู่ ในตำ แหน่งสกรูยนัคันเหยียบคลัตช์ เมื่อแผน่คลตัช์สึกระยะฟรีแป้นคลตัช์จะลดลงถำ้แผน่คลตัช์สึกมำกข้ึนจนไม่มี ระยะ ฟรีแป้ นคลัตช์ จะท ำให้คลัตช์ลื่นดงัน้นัจึงจำ เป็นที่จะตอ้งปรับควำมยำวของกำ้นดนั ปั๊มคลตัช์ตวัล่ำงและรักษำ ระยะฟรีแป้ นคลัตช์ให้คงที่ในรถรุ่นปัจจุบนัมีกำรใช้ปั๊มคลตัช์ตวัล่ำงที่สำมำรถปรับระยะได้ด้วยตัวเองดงัน้ัน ระยะฟรีแป้นคลตัช์จึงไม่เปลี่ยนแปลงควำมสูงแป้ นคลัตช์ ถูกปรับได้ที่สกรูปรับต้งัแป้ นคลัตช์และระยะฟรีแป้ น คลัตช์ถูกปรับไดท้ ี่ควำมยำวของกำ้นดนั ปั๊มคลตัช์ตวัล่ำง ภำพที่ 2.20 แสดงภำพระยะคันเหยียบคลัตช์ ระยะฟรีแป้ นเหยียบคลัตช์ คือระยะระหวำ่งกำ้นดนัลูกสูบถึงลูกสูบป้ัมคลตัช์ตวับนซ่ึงเป็นระยะกำร เคลื่อนที่ของแป้ นเหยียบคลัตช์ ในตำ แหน่งปล่อยคลตัช์จนสุดถึงลูกสูบป้ัมคลตัช์ตวับนและระยะห่ำงระหวำ่ง น็อตปรับต้งัระยะฟรีแป้นเหยยีบคลตัช์ สกรูต้งัระยะฟรีแป้นเหยยีบคลตัช์ ระยะฟรีแป้ นเหยียบคลัตช์ ควำมสูงแป้ นเหยียบคลัตช์ กำ้นดนัลูกสูบ พ้ืนรถ 1.5-5 มม. 145-155 มม.


ลูกปืนกดคลตัช์กบั ปลำยหวคีลตัช์หรือตีนผคีลตัช์ถำ้ไม่มีระยะฟรีระหวำ่งลูกปืนคลตัช์กบั ปลำยหวคลัตช์ ี หรือ ตีนผีคลัตช์จะท ำให้ลูกปื นกดคลัตช์และปลำยหวีคลัตช์ หรือตีนผีคลัตช์ สึกหรอ และช ำรุดได้ - ถ้ำไม่มีระยะฟรีหรือคลัตช์ยัน หมำยถึงในขณะน้นัมีแรงกดที่ลูกปืนกดคลตัช์และหวีคลตัช์ หรือ ตีนผีคลัตช์ท ำให้แผน่กดคลตัช์กระดกออกจำกแผน่คลตัช์เล็กนอ้ย ซึ่งสำมำรถส่งกำ ลงัไปยงัเกียร์ได้แต่ไม่มี ประสิทธิภำพ ซึ่งเป็ นสำเหตุให้คลัตช์ลื่น - ถำ้มีระยะฟรีมำกเกินไป คลตัช์จำกไม่สุดกล่ำวคือแผน่คลตัช์ยงัคงสัมผสักบัหนำ้สัมผสัของลอ้ช่วย แรง และยงัมีกำรส่งกำ ลงัจำกเครื่องยนต์ไปยงัเกียร์ซ่ึงส่งผลให้ในขณะเปลี่ยนตำ แหน่งเกียร์จะเขำ้เกียร์ยำก และมีเสียงดัง - กำรปรับต้งัควำมสูงแป้ นเหยียบคลัตช์ปกติประมำณ 145 – 155 มิลลิเมตร ปรับด้วยสกรู ปรับล๊อก ใหแ้น่นดว้ยนอตล๊อก - ปรับระยะฟรีกำ้นดนัลูกสูบแม่ปั๊มคลตัช์ปกติประมำณ 1.0 – 1.5 มิลลิเมตร - กำ หนดระยะฟรีแป้ นเหยียบคลัตช์ให้มีระยะประมำณ 5 – 15 มิลลิเมตรโดยกำรหมุนกำ้นดนัและล๊ อกด้วยนอต - ปรับระยะคลตัช์ให้อยหู่ ่ำงพ้ืนประมำณ 8 – 10 มิลลิเมตร เมื่อเหยียบคลัตช์จนสุดแป้ นเหยียบคลัตช์ ตอ้งไม่สัมผสักบัพ้ืนรถ 2.7.2 การไล่ลมในระบบคลัตช์ กำรไล่ลมคลตัช์ทุกคร้ังที่ถอดชิ้นส่วนในระบบออกจะมีฟองอำกำศเขำ้ไปในระบบ ซ่ึงจะทำ ให้แรงดนัน้ำ มนัลดลง เพรำะอำกำศจะเป็นตวัหยุน่ทำ ให้แรงดนัตอ้งดนัผำ่นอำกำศกำรไล่ลมปกติจะ ใชค้น 2คนคือคนเหยยีบคนัคลตัช์คนหน่ึงและคนคลำยสกรูไล่ลมที่กระบอกหรือปั๊มคลตัช์ตวัล่ำงอีกคนหน่ึง โดยปฏิบตัิดงัน้ี ทำ ควำมสะอำดหัวไล่ลม ใช้ท่อยำงหรือพลำสติกสวมหัวไล่ลมไวใ้ห้แน่น ปลำยท่ออีกดำ้น หน่ึงอยใู่นขวดแกว้ใสส ำหรับรับน้ำ มนัที่ไหลออกออกมำ ดงัรูปแสดงวิธีไล่ลมคลตัช์เติมน้ำ มนัคลตัช์ให้เต็ม ขนัสกรูไล่ลมที่กระบอกหรือปั๊มคลตัช์ตวัล่ำงใหแ้น่น ใหค้นที่อยบู่นรถปั๊มคนัคลตัช์ถี่ๆ หลำย ๆ คร้ัง (ในกำร ปั๊มคนัคลตัช์จะตอ้งเหยียบให้สุดและผอ่นให้สุดระยะ)แลว้เหยียบคนัคลตัช์ไว้(ขณะน้ีคนัคลตัช์จะอยสูู่งจำก พ้ืนรถ)คนที่อยขู่ำ้งล่ำงคลำยสกรูไล่ลมใหน้ ้ำ มนัและฟองอำกำศไหลออก(คนขำ้งบนยงัคงเหยียบคนัคลตัช์อยู่ แต่คนัคลตัช์จะจมลงมำถึงพ้ืน) แลว้ขนัสกรูไล่ลมให้แน่น แลว้บอกให้คนขำ้งบนปั๊มคนัคลตัช์อีกหลำย ๆ คร้ังเช่นเดียวกบัเที่ยวแรกเมื่อคนขำ้งบนเหยียบคนัคลตัช์ไวค้นที่อยขู่ำ้งล่ำงคลำยสกรูไล่ลม ทำ ดงักล่ำวเช่นน้ี ซ้ำ ๆ หลำย ๆ คร้ังจนกระทงั่ฟองอำกำศหมดไป ในกำรไล่ลมน้ีจะตอ้งคอยตรวจระดบัน้ำ มนั ให้หอ้งเก็บน้ำ มนั ของ แม่ปั๊มคลตัช์บ่อย ๆ ถำ้พร่องตอ้งเติมใหเ้ต็ม เพรำะถำ้น้ำ มนัแห้งอำกำศจะเขำ้ไปในระบบตอ้งเสียเวลำไล่ ลมอีกเมื่อฟองอำกำศหมดคนัคลตัช์จะแข็งข้ึน (เหยียบแลว้ไม่มีอำกำรหยุ่น)และเมื่อเหยียบคนัคลตัช์กำ้นปู


คลตัช์จะเคลื่อนที่ได้ปกติหลังจำกไล่ลมแล้วจะต้องตรวจปรับระยะฟรีลูกปื นคลัตช์แล้วจึงทดลองขับรถ ตรวจสอบระยะควำมสูงต่ำ ของระยะผอ่นคลตัช์จนแน่ใจวำ่ทุกอยำ่งถูกตอ้ง แบบฝึ กหัด หน่วยที่ 2 เรื่อง ระบบคลัตช์ คำ สั่ง : จงตอบคำ ถำมดงัต่อไปน้ี 1. จงบอกชื่อส่วนประกอบของระบบคลตัช์ตำมหมำยเลขใหถู้กตอ้ง 1)…………………………………………… 2)…………………………………………… 3)…………………………………………… 4)…………………………………………… 5)…………………………………………… 6)…………………………………………… 2. จงเขียนชื่อส่วนประกอบของคลตัช์รถยนตต์ ่อไปน้ีเป็นภำษำไทย 1. Flywheel………………………………………………………………………………. 2. Clutch disc……………………………………………………………………………. 3. Clutch cover and pressure plate……………………………………………………… 4. Clutch-release-bearing……………………………………………………………….. 5. Clutch-release fork…………………………………………………………………… 1 2 3 4 5 6


6. Clutch shaft or Input shaft…………………………………………………………… 3. จงบอกหนำ้ที่ของส่วนประกอบของคลตัช์ดงัต่อไปน้ี 1. แผน่คลตัช์ ท ำหน้ำที่……………………………………………………………………………….... 2. ลอ้ช่วยแรง ท ำหน้ำ………………………………………………………………………………....... 3. แผน่กดคลตัช์ ท ำหน้ำที่………………………………………………………………………………....... 4. ลูกปื นกดคลัตช์ ท ำหน้ำที่………………………………………………………………………………....... 5. กำ้มปูกดคลตัช์ ท ำหน้ำที่………………………………………………………………………………..... 6. เพลำคลตัช์หรือเพลำรับกำ ลงั ท ำหน้ำที่………………………………………………………………………………....... 4. จำกรูป จงอธิบำยหลกักำรทำ งำนของคลตัช์รถยนตแ์ละใส่ชื่อส่วนประกอบลงในช่องวำ่ง ขณะ......................... ขณะ......................... ……..……………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………….….……… ………………………………………………………………………………………………….……………… …………………………………………………………………………………………………………………..


5. ปัจจุบันคลตัช์ที่ใชใ้นรถยนตส์ำมำรถแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ 1…………………………………………………………………………………………… 2…………………………………………………………………………………………… 6. วิธีกำรควบคุมกำรท ำงำนของคลัตช์แบ่งได้2 ลักษณะคือ 1…………………………………………………………………………………………… 2…………………………………………………………………………………………… 7. จงอธิบำยกำรควบคุมกำรท ำงำนของคลัตช์แบบไฮดรอลิกส์ ในขณะเหยียบคลัตช์ ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………… ………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….............. ในขณะปล่อยคลัตช์ ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….……………… ………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………..............


8. จงบอกสำเหตุข้อขัดข้องและกำรแกไ้ขของระบบคลตัช์ลงในตำรำงต่อไปน้ี ปัญหำข้อขัดข้อง สำเหตุ กำรแกไ้ข 1. คลัตช์ลื่น (Slipping) 1……………………………… 2……………………………… 3……………………………… 4……………………………… 1……………………………… 2……………………………… 3……………………………… 4……………………………… 2. คลัตช์มีเสียงดัง (Noises) 1……………………………… 2……………………………… 3……………………………… 4……………………………… 1……………………………… 2……………………………… 3……………………………… 4……………………………… 3. คลตัช์จำกไม่สุดเมื่อเหยยีบ แป้ นเหยียบคลัตช์ 1……………………………… 2……………………………… 3……………………………… 4……………………………… 1……………………………… 2……………………………… 3……………………………… 4……………………………… 9. จงเรียงลำ ดบัข้นัตอนกำรทำ งำนของคลตัช์ในหวัขอ้ดำ้นล่ำง ขั้นตอนการไล่ลมวงจรน ้ามันคลัตช์ .......... ตรวจเช็คระดบัน้ำ มนัคลตัช์และเติมใหไ้ดร้ะดบั ที่กำ หนด .......... ให้คนที่ 2 คลำยหวัไล่ลมคลตัช์ในขณะที่คนที่ 1 ยังคงเหยียบแป้ นเหยียบคลัตช์ไว้ .......... ใช้ท่อยำงด้ำนหนึ่งสวมเขำ้กบัหวัไล่ลม อีกดำ้นหน่ึงจุ่มในภำชนะที่ใส่น้ำ มนัคลตัช์ .......... ให้คนที่1 ปล่อยแป้นเหยยีบคลตัช์ จึงย้อนกลับมำท ำตำมข้นัตอนที่1-4 ซ้ำ จนฟอง อำกำศในวงจรน้ำ มนัคลตัช์หมด .......... ให้คนที่ 1 ย้ำ คลตัช์หลำย ๆ คร้ัง และเหยียบค้ำงไว้


10. จงท ำเครื่องหมำยถูก () หน้ำข้อควำมที่ถูกต้องและเครื่องหมำยผิด () หน้ำข้อควำม ที่ไม่ถูกตอ้ง …….. …….. ……... ……... ……... ……... ……... 1. น้ำ มนัคลตัช์ที่ใชก้บัรถยนตไ์ม่ควรเป็นชนิดเดียวกบัน้ำ มนัเบรกน้ำ มนัคลตัช์ที่ใชก้บั รถยนตค์วรเป็นชนิดเดียวกบัน้ำ มนัเบรก 2. ในขณะอยใู่นที่ซ่ึงมีอุณหภูมิสูง น้ำ มนัคลตัช์ที่ดีจะมีอุณหภูมิสูงข้ึนและจะเกิดกำร ระเหย อยำ่งรวดเร็วในขณะอยใู่นที่ซ่ึงมีอุณหภูมิสูง น้ำ มนัคลตัช์ที่ดีจะมีอุณหภูมิสูงข้ึน แต่ไม่ระเหย 3. น้ำ มันคลัตช์ที่ได้มำตรฐำนกำรรับรองจะต้องมีสัญลักษณ์ DOT กำ กบั 4. น้ำ มนัคลตัช์ที่ดีควรทำ ปฏิกิริยำกบัอุปกรณ์ในระบบคลตัช์เช่น ลูกยำงคลตัช์เป็นตน้ น้ำ มนัคลตัช์ที่ดีไม่ควรทำ ปฏิกิริยำกบัอุปกรณ์ในระบบคลตัช์เช่นลูกยำงคลตัช์เป็ นต้น 5. เมื่อพบวำ่คลตัช์จำกไม่สุดเมื่อเหยยีบแป้นคลตัช์แสดงวำ่กำรปรับต้งัระยะฟรีและควำม สูงแป้นเหยยีบคลตัช์ไม่ถูกตอ้ง 6. คลตัช์มีเสียงดงัเพรำะสปริงแผน่คลตัช์หรือยำงคล๊อบปิ้งชำ รุด 7. หำกพบขอ้ต่อน้ำ มนัรั่วซึม ขนั ใหแ้น่นหรือใหเ้ปลี่ยนลูกปืนใหม่หำกพบขอ้ต่อน้ำ มนั รั่วซึมขนั ใหแ้น่นหรือให้เปลี่ยนขอ้ต่อ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แบบประเมินผลหลังเรียน หน่วยที่ 2 ระบบคลัตช์ ค าสั่ง : จงท ำเครื่องหมำยกำกบำท (x) ลงในค ำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดเป็ นกำรเรียงล ำดับส่วนประกอบของระบบคลตัช์ในรถยนต์ ก. ลอ้ช่วยแรงแผน่คลตัช์ ชุดกดแผน่คลตัช์ปั๊มคลตัช์ตวับนลอ้ ข. ลอ้ช่วยแรงลูกปืนกดคลตัช์แผน่คลตัช์ ชุดกดแผน่คลตัช์ ค. ช่วยแรงแผน่คลตัช์ลูกปืนกดคลตัช์ชุดกดแผน่คลตัช์ ง. ลอ้ช่วยแรงแผน่คลตัช์ ชุดกดแผน่คลตัช์ปั๊มคลตัช์ตวัล่ำง 2.แผน่คลตัช์ติดต้งัอยตู่ำ แหน่งใด ก. ลอ้ช่วยแรงกบัแผน่กดคลตัช์ ข. ลอ้ช่วยแรงกบักระปุกเกียร์ ค. ชุดกดแผน่คลตัช์กบักระปุกเกียร์ ง. ชุดกดแผน่คลตัช์กบัหวคีลตัช์ 3. ข้อใดเป็ นหน้ำที่ของระบบคลัตช์รถยนต์ ก. ส่งกำ ลงัหรือแรงบิดจำกเครื่องยนตไ์ปยงักระปุกเกียร์ ข. ส่งถ่ำยแรงบิดจำกเฟืองทำ้ยไปขบัเคลื่อนลอ้หนำ้ใหเ้คลื่อนที่ ค. ตดัและต่อกำ ลงัระหวำ่งเครื่องยนตก์บักระปุกเกียร์ ง.รับกำ ลงัจำกเฟืองทำ้ยและส่งกำ ลงัไปขบัเพลำขำ้ง 4. เมื่อแผน่คลตัช์ถูกกดทนัทีทนั ใดในขณะทำ งำนชิ้นส่วนใดรับแรงกระแทกที่เกิดข้ึน ก. ผ้ำคลัตช์ ข. หวีคลัตช์ชุด ค. ดุมคลัตช์ ง.กดแผน่คลตัช์ 5. อุปกรณ์ในขอ้ใดที่ทำ หนำ้ที่ตดัและต่อกำ ลงังำนระหวำ่งเครื่องยนตก์บักระปุกเกียร์ ก. เฟื องท้ำย ข. คลัตช์ ค. เพลำกลำง ง.กระปุกเกียร์


6. คลตัช์อตัโนมตัิมีชื่อเรียกอีกอยำ่งหน่ึงวำ่ ก. คลัตช์แห้ง ข. ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ค. คลตัช์น้ำ มนั ง. คลัตช์เปี ยก 7. อุปกรณ์ในขอ้ใดที่ทำ หนำ้ที่ตดัและต่อกำ ลงังำนระหวำ่งเครื่องยนตก์บักระปุกเกียร์ ก. คลัตช์ ข.กระปุกเกียร์ ค. เพลำกลำง ง. เฟื องท้ำย 8. ถำ้แผน่คลตัช์สึกหรอจะส่งผลอยำ่งไร ก. คลัตช์มีเสียงดัง ข. คลัตช์กระตุก ค.คลตัช์สั่น ง. คลัตช์ลื่น 9. ขอ้ใดเป็นข้นัตอนแรกของกำรถอดชุดกดแผน่คลตัช์ ก. ถอดยำงกนัฝ่นุ ข. ถอดโบลต์ยดึชุดกดแผน่คลตัช์ ค.ถอดลูกปืนกดคลตัช์และกำ้มปูกดคลตัช์ ง. ทำ เครื่องหมำยบนชุดกดแผน่คลตัช์และลอ้ช่วยแรง 10. ทำ ไมจึงตอ้งไล่ลมระบบคลตัช์ ก. มีอำกำศอยใู่นน้ำ มนัคลตัช์ทำ ใหค้ลตัช์ยนัคลตัช์ลื่น ข. มีน้ำ มนัอยใู่นน้ำ มนัคลตัช์ทำ ใหม้ีอำกำรหยนุ่ตวัในขณะเหยยีบคลตัช์ ค. มีน้ำ อยใู่นน้ำ มนัคลตัช์ทำ ใหค้ลตัช์ไม่จำกเปลี่ยนเกียร์ยำก มีเสียงดงั ง. มีอำกำศอยใู่นน้ำ มนัคลตัช์ทำ ใหค้ลตัช์ไม่จำกเปลี่ยนตำ แหน่งเกียร์ยำกและมีเสียงดงั +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หน่วยที่ 3 เรื่อง กระป ุ กเกย ี ร ์ขับเคลื่อนล้อหลัง (Gearbox Rear wheel drive)


หน่วยที่ 3 เรื่อง กระปุกเกย ี ร ์ขับเคลื่อนล้อหลัง (Gearbox Rear wheel drive) เครื่องยนตโ์ดยทวั่ ไป ไม่วา่จะเป็นเครื่องยนตแ์ก๊สโซลีนและเครื่องยนต์ดีเซล แรงบิดของเครื่องยนต์ ที่ออกมาข้ึนอยกู่บัความเร็วรอบของเครื่องยนต์เมื่อเครื่องยนตม์ ีความเร็วรอบสูงแรงบิดของเครื่องยนตก์ ็จะ เพิ่มสูงข้ึนตามไปด้วย ผลที่ตามมาก็คือ ทา ให้เกิดการกระชาก ขาดความนุ่มนวล ชิ้นส่วนเกิดการช ารุด เสียหาย ดงัน้นัจึงตอ้งมีการนา เอากระปุกเกียร์เขา้มาใชต้่อร่วมกบัเครื่องยนต์ กระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หลงัทา หนา้ที่เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเปลี่ยนอตัราทดเพื่อส่งกา ลงัให้ รถยนต์สามารถขับเคลื่อนที่ไปด้านหน้าหรือถอยหลังได้กระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หลงั ประกอบ ดว้ย ส่วนที่สา คญัดงัน้ีคือเพลาคลตัช์หรือเพลารับกา ลงัเพลาส่งกา ลงัเพลารอง ชุดปรับความเร็วหรือชุดซิงโคร เมช และขบวนเฟืองต่าง ๆ เป็ นต้น ภาพที่ 3.1 แสดงลกัษณะโครงสร้างและส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หลงั


3.1 ส่วนประกอบของกระปุกเกยีร์รถขับล้อหลงั มีดงัน้ี 3.1.1 เพลา (Shaft) เป็นส่วนประกอบที่สา คญัของกระปุกเกียร์แบ่งออกไดด้งัน้ี ภาพที่ 3.2แสดงลกัษณะเพลาต่างๆ ของกระปุกเกียร์ 1.1.1.1 เพลาคลัตช์ (Clutch Shaft) ท าหน้าที่ เป็นเพลาที่รับกา ลงังานจาก เครื่องยนต์ และส่งกา ลงัขบัไปใหก้บัเฟืองของเพลาคลตัช์ 1.1.1.2 เพลารอง (Counter Shaft) เป็นเพลาที่มีเฟืองเกียร์ติดอยใู่นเพลาเดียวกนั ท าหน้าที่รับกา ลงัขับจากเฟืองรับกา ลงัส่งผา่นไปยงัเฟืองเกียร์ต่าง ๆ บนเพลาส่งกา ลงั 1.1.1.3 เพลาส่งกา ลงัหรือเพลาหลกั (Main Gear) เฟื องบนเพลาส่งกา ลงัท าหน้าที่ รับกา ลงัจากเฟืองบนเพลารอง ส่งต่อกา ลงัไปยงัเพลากลาง เฟืองทา้ยเพลาท้ายหรือเพลาขับและล้อ 3.1.2 เฟื อง (Gear) ในกระปุกเกียร์รถยนตท์วั่ ไปจะทา หนา้ที่ส่งกา ลงัและเพิ่มหรือลดอตัราทดของ เกียร์ไดต้ามความตอ้งการของการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์ โดยสามารถแบ่งตามลกัษณะของฟัน เฟืองดงัน้ีคือ 3.1.2.1 เฟื องฟันตรง ลกัษณะของฟันเฟืองตรง พบเห็นในงานส่งกา ลงัขบัทวั่ ๆ ไป เฟืองฟันตรงจะติดต้งัอยใู่นตา แหน่งเกียร์ถอยหลงัซ่ึงมีความเร็วรอบต่า ในขณะเขา้เกียร์ฟันเฟืองจะขบกนั ทา ใหเ้กิดเสียงดงั จุดสัมผัสมีมากสึกหรอเร็ว ภาพที่ 3.3แสดงลักษณะเฟื องฟันตรง ภาพที่ 3.4แสดงลักษณะเฟื องฟันเฉียง เพลาคลัตช์ เพลาส่งกา ลงั เพลารอง


3.1.2.2 เฟืองฟันเฉียง ฟันของเฟืองมีลกัษณะเฉียงติดต้งับนเพลาคลตัช์เพลาส่งกา ลงั และเพลารองโดยเฟืองฟันเฉียงจะขบกนัตลอดเวลา การสึกหรอมีนอ้ยเหมาะสา หรับเกียร์รถยนตใ์น ปัจจุบัน 3.1.3 ลูกปืน (Bearing) ทา หนา้ที่เป็นตวัรองรับแรงการเสียดสีของเพลาแบ่งออกไดด้งัน้ี 3.1.3.1 ลูกปื นรองรับเฟื อง ส่วนมากมีลกัษณะเป็นลูกปืนเขม็ทรงกระบอก ติดต้งัอยู่ บนเพลาคลตัช์และเฟืองเกียร์โดยมีเฟืองเกียร์สวมทบั ใชส้า หรับรองรับเฟืองเกียร์และเพลาส่งกา ลงั ภาพที่ 3.5 แสดงลักษณะลูกปื นเข็ม 3.1.3.2 ลูกปื นรองรับเพลา มีลกัษณะเป็นลูกปืนเมด็กลม ติดต้งัอยรู่อบนอกของเพลา ส่งกา ลงัและเพลารอง โดยมีเส้ือเกียร์สวมทบั ใชส้ าหรับรองรับเพลารับกา ลงัหรือเพลาคลตัช์เพลาส่งกา ลงั หรือเพลาเมน และเพลารองกบัเส้ือเกียร์มีความเที่ยงตรง แข็งแรง ลดการสึกหรอและลดเสียงดัง ภาพที่ 3.6 แสดงลักษณะลูกปื นส าหรับเพลา 3.1.4 เสื้อเกียร์ (Transmission Case or Housing) ทา หนา้ที่เป็นส่วนที่ยดึกบัชิ้นส่วนต่างๆ ทา ดว้ย อลูมิเนียม หรือเหล็กหล่อเส้ือเกียร์แบ่งออกไดเ้ป็น 3 ส่วน คือ 3.1.4.1 ส่วนหนา้เรียกวา่เส้ือคลตัช์หรือเรียกวา่หวัหมูคลตัช์(Clutch Housing) ยดึติดกบั เส้ือสูบของเครื่องยนต์


3.1.4.2 ส่วนกลาง เรียกวา่เส้ือเกียร์ใชส้า หรับยึดชิ้นส่วนต่าง ๆ ของฟันเฟืองและใชเ้ป็นที่ บรรจุน้า มนัเกียร์ 3.1.4.3 ส่วนหลงัเรียกวา่เส้ือทา้ยเกียร์ (Extension Housing) เพื่อใชร้องรับเพลาส่งกา ลงัดา้น ทา้ยเกียร์จะมีซีลเพื่อกนัน้า มนัรั่วและติดต้งัคนัเกียร์ ภาพที่ 3.7 แสดงเส้ือเกียร์รถขบัลอ้หลงั 3.2 หน้าที่ของกระปุกเกยีร์รถขับเคลอื่นล้อหลงั มีดังนี้ 3.2.1 การเพิ่มแรงบิด (Torque) เมื่อเริ่มออกรถ 3.2.2 การเปลี่ยนอัตราทด เมื่อเปลี่ยนตา แหน่งเกียร์อตัราทดจะเปลี่ยนตามตา แหน่งเกียร์ส่งผลให้ ความเร็วของรถเพิ่มข้ึนหรือลดลง 3.2.3 เปลี่ยนตา แหน่งเกียร์เช่น เกียร์ถอยหลงั (Reverse Gear), เกียร์เดินหนา้ (Forward Gear)และ เกียร์วา่ง (Neutral Gear) 3.2.4 การตดักา ลงัรถยนต์ใหเ้ป็นเป็นตา แหน่งเกียร์วา่ง 3.2.5 การเบรกด้วยเครื่อง (Engine Brake) สามารถใช้เกียร์ต่า เพื่อลดอัตราเร็วของรถยนต์ได้โดย เฉพาะในการขับขี่รถยนต์ลงทางลาดชันมาก ๆ 3.3 ชนิดของกระปุกเกียร์สามารถแบ่งออกไดด้งัน้ี 3.3.1 กระปุกเกียร์แบบเลื่อนขบกนั (Sliding Mesh) ลกัษณะของกระปุกเกียร์ชนิดน้ีเมื่อตอ้งการเขา้เกียร์จะตอ้งเลื่อนเฟืองบนเพลาส่งกา ลงัเขา้มา ขบกบัเฟืองบนเพลารองขณะเขา้เกียร์ความเร็วรอบของเพลาส่งกา ลงัและเพลารองจะหมุนดว้ยความเร็วที่ไม่ เท่ากนัส่งผลให้เกิดการปะทะกนัระหว่างการเลื่อนเขา้ขบจนเกิดเสียงดงัเขา้เกียร์ยาก ส่วนใหญ่มีใช้ใน รถบรรทุกและรถแทรกเตอร์ไม่นิยมใช้กบัรถนงั่ยกเวน้เกียร์ถอยหลงัในรถยนต์นงั่ซ่ึงยงัคงใช้เกียร์แบบ เลื่อนขบกนัอยู่ เส้ือเกียร์ เส้ือคลตัช์ เส้ือทา้ยเกียร์


ภาพที่ 3.8 แสดงกระปุกเกียร์แบบเลื่อนขบกนั 3.3.2 กระปุกเกียร์แบบซิงโครเมช (Synchromesh Gear) ในกระปุกเกียร์ซิงโครเมช แต่ละชุดเกียร์จะมืชุดกลไกปรับความเร็ว (Synchroniser) ท า หนา้ที่ปรับความเร็วเฟืองบนเพลาส่งกา ลงัให้มีความเร็วลดลงเท่ากบัความเร็วของปลอกเลื่อน เพื่อสามารถ เขา้เกียร์ไดง้่าย นุ่มนวลและไม่เสียงดงัเกียร์ซิงโครเมชมีส่วนประกอบที่สา คญัและหลกัการทา งานคลา้ยกบั เกียร์แบบเลื่อนขบกนัเกียร์แบบน้ีเฟืองบนเพลาส่งกา ลงักบัเฟืองบนเพลารองแต่ละคู่จะขบกนัอยตู่ลอดเวลา ยกเวน้ ในเกียร์ถอยหลงั ภาพที่ 3.9แสดงกระปุกเกียร์แบบซิงโครเมชแบบ 5 ความเร็ว เกียร์รับกา ลงั เพลารับกา ลงั เพลาส่งกา ลงั เฟืองเกียร์ถอยหลงั anv’gdupiN5v ps]y’ เพลารอง เฟืองเกียร์ถอยหลงั anv’gdupiN5v ps]y’ เฟืองเกียร์2 22222fdjfi fhew2222 22/2anv’g dupiN5vp s]y’ เฟื องขับ 22222 fdjfifh ew222 222/2a nv’gd upiN5 vps]y’ เฟืองเกียร์4 ชุดกลไกปรับความเร็ว เฟืองเกียร์3 เฟืองเกียร์2 เฟืองเกียร์1 เฟืองเกียร์5 เพลารับกา ลงั เพลารอง เฟืองเกียร์ถอย ชุดกลไกปรับความเร็ว เพลาส่งกา ลงั


ชุดกลไกปรับความเร็วหรือซิงโครไนเซอร์มีอยู่หลายแบบ ในแต่ละแบบจะมีลกัษณะแตกต่างกนั ออกไป แต่ยงัคงมีหลกัการทา งานที่เหมือนกนัดงัน้ีคือ 3.3.2.1 ซิงโครเมชแบบมีตัวหนอน ชุดซิงโครเมชแบบน้ีประกอบดว้ยเฟือง ทองเหลือง เป็ นหลักในการทา งาน ดุมคลตัช์และปลอกเลื่อนอยู่กบัที่ลิ่มเลื่อนฝังอยู่ในดุมปลอกเลื่อน สปริงลิ่มเลื่อนมีลกัษณะเป็นคร่ึงวงกลม อดัลิ่มเลื่อนติดกบัตวัปลอกเลื่อน โดยที่เฟืองทองเหลืองลอยตวัอยู่ ข้างดุมคลัตช์ปลอกเลื่อนและหมุนไปพร้อม ดุมปลอกเลื่อน ส่วนประกอบของซิงโครเมชแบบเฟื องทองเหลือง มีดงัน้ี 1. ดุมคลัตช์ (Clutch Hub) ดุมคลัตช์จะประกอบเข้ากบัเพลาโดยร่องสปายน์และมีปลอกเลื่อน สวมกบัซี่ฟันของสปายน์รอบนอกของดุมคลตัช์และเคลื่อนที่ไปมาไดต้ามทิศทางของแนวแกนเพลา ซ่ึงมี ร่องสา หรับลิ่มเลื่อน 3 ร่อง โดยมีระยะห่างเท่ากนั 2. ลิ่มเลื่อนหรือตวัหนอน (Insert) จะสอดอยใู่นร่องดา้นนอกของดุมคลตัช์มีสปริงดนัลิ่มเลื่อนให้ สัมผสักบั ปลอกเลื่อนตามลิ่มเลื่อน มีหนา้ที่ดนัตา้นกบัเฟืองทองเหลืองให้สัมผสักบักรวยเฟืองเกียร์เมื่อเขา้ เกียร์ 3. เฟื องทองเหลือง หรือแหวนซิงโครไนเซอร์ (Synchroniser Ring) เป็นเฟืองรูปกรวยส่วนกนั กรวยเฟืองเกียร์ภายในทา เป็นเกลียวละเอียดเพื่อให้เกิดความฝืด เฟืองทองเหลืองจะประกอบอยรู่ะหวา่งดุม คลตัช์และส่วนที่เป็นกรวยของเฟืองเกียร์แต่ละเฟืองจะถูกดนั ให้ติดกบัส่วนที่เป็นกรวยดา้นในของเฟือง ทองเหลืองก็จะเป็นรูปกรวยรับกบักรวยของ เฟืองเกียร์และมีร่องเล็กยาวตลอดตามแนวรอบวง เพื่อการจบั ยึดที่ดีด้านนอกของเฟืองทองเหลือง จะมีร่อง 3ร่อง เพื่อเอาไวร้ับกบัตวัหนอน 4. ปลอกเลื่อน (Coupling Sleeve) เป็นตวัเลื่อนเกียร์ไดร้ับแรงผลกัดนัจากคนัเกียร์โดยปลอกเลื่อน พาลิ่มเลื่อนเคลื่อนที่ไปได้ดันเฟืองทองเหลืองให้กรวยเฟืองทองเหลืองสัมผสักรวยเฟืองเกียร์สมดุล ความเร็วรอบเฟืองทองเหลืองใหเ้ท่ากบัความเร็วรอบเฟืองเกียร์ ภาพที่ 3.10 แสดงส่วนประกอบชุดซิงโครเมชแบบเฟืองทองเหลือง สปริงตัวหนอน ปลอกดุม เฟืองเกียร์ เฟื องทองเหลือง ตัวหนอน ร่อง กรวย ดุมคลัตช์


หน้าทกี่ารทา งานชุดซิงโครเมชแบบเฟืองทองเหลอืง (1) ตา แหน่งเกียร์วา่ง เฟืองเกียร์แต่ละเฟืองจะขบอยกู่บัเฟืองขบัของแต่ละเกียร์และจะหมุนได้ อิสระบนเพลาดุมคลตัช์จะสวมอยกู่บั ปลอกดุมดว้ยร่องสไปลน์สภาพน้ีเฟื องทองเหลืองจะหมุนฟรี (2) ข้นัตอนที่1 – เริ่มเปลี่ยนเกียร์(เริ่มทา การปรับความเร็วของเฟือง) ภาพที่ 3.11 แสดงการท างานชุดซิงโครเมชแบบเฟื องทองเหลือง ขณะที่คนัเกียร์กา้มปูเกียร์ซ่ึงสวมอยบู่นร่องของปลอกดุมจะดนั ปลอกดุมไปทางดา้นปลายลูกศร เนื่องจากปลอกดุมและตวัหนอนจะมีส่วนที่ขบกนั โดยผ่านทางส่วนนูนที่ก่ึงกลางตวัหนอน ดังน้ันการ เคลื่อนที่ของปลอกดุมจึงส่งถ่ายไปสู่ตวัหนอนดว้ยในขณะที่หมุนอยนู่้นัก็จะไปดนัเฟืองทองเหลือง ให้แนบ กบัส่วนกรวยของเฟืองเกียร์เพื่อเริ่มทา การปรับ ความเร็ว ความเร็วที่แตกต่างกนัของปลอกดุมและเฟืองเกียร์ และความฝืด ระหวา่งเฟืองทองเหลืองและส่วนกรวยของเฟืองเกียร์ทา ให้เฟืองทองเหลืองซ่ึงเคลื่อนเขา้หา เฟืองเกียร์เป็นเหตุใหเ้ฟืองเกียร์หมุนไปในทิศทางเดียวกนั ระยะที่ปลอกดุมเคลื่อนที่ไดน้้ีจะมีค่าเท่ากบัค่าความแตกต่างระหวา่งความกวา้งของร่องปลอกดุม และความสูงของส่วนนูนของตวัหนอน เมื่อมองภาพดา้นบน จะเห็นวา่สไปลน์ดา้นในของปลอกดุมและสไปลน์ของเฟืองทองเหลืองในแต่ ละฟันยงัไม่ขบกนั (3) ข้นัตอนที่2 เมื่อเขา้เกียร์มากข้ึน (ปรับความเร็วต่อเนื่อง) เมื่อคนัเกียร์ถูกดนัต่อไปแรงดนัซ่ึงดนั ปลอกดุมจะมากกวา่แรงดนัของสปริงตวัหนอน ทา ใหป้ลอกดุมหลุดข้ึนมาเลยอยบู่นส่วนยอดของตวัหนอน ปลอกดุม เฟื องทองเหลือง เฟืองเกียร์ ตัวหนอน สไปลน์ สไปลน์ปลอกดุม เฟืองเกียร์ สไปลน์ปลอกดุม เฟื องทองเหลือง


ภาพที่ 3.12 แสดงการท างานชุดซิงโครเมชแบบเฟื องทองเหลือง อยา่งไรก็ดีสไปลน์ของปลอกดุมละเฟืองทองเหลืองก็ยงัเย้ืองกนัอยู่ดงัน้นัแรงที่ดนั ปลอกดุมกา้มปู เกียร์จึงไปดนัเฟืองทองเหลืองให้แนบกบัส่วนกรวยของเฟืองเกียร์มากยิ่งข้ึนโดยส่งถ่ายผา่นเฟืองทองเหลือง และปลอกดุม ดงัน้นัความเร็วของเฟืองเกียร์จึงถูกปรับใหเ้ท่ากนักบัความเร็วของปลอกดุม ข้อมูลอ้างอิง ร่องเล็ก ๆ ตามแนวเส้นรอบวงซ่ึงอยดู่า้นในของเฟืองทองเหลือง ซ่ึงเป็นดา้นที่สัมผสั กบัส่วนกรวยของเฟืองเกียร์จะมีหน้าที่ขจดั ฟิล์มน้า มนัซ่ึงจบัอยู่บนผิวหน้าสัมผสัเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทางดา้นความฝืดและนา มาซ่ึงการปรับความเร็วที่ดีข้ึน (4) ข้นัตอนที่3 เมื่อเขา้เกียร์จนสุด (ปรับความเร็วไดส้มบูรณ์แบบ) เมื่อความเร็วรอบของปลอกดุม และเฟืองเกียร์เท่ากนัเฟืองทองเหลืองก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระไปมาตามทิศทางการหมุน ดงัน้ัน สไปลน์ดา้นในของปลอกดุมจึงเคลื่อนเขา้ขบกนัสไปลน์ของเฟืองทองเหลืองไดเ้ตม็ที่ดงัแสดงในภาพ ข้อมูลอ้างอิง ถา้หากการปรับความเร็วไม่ดีพอก็จะทา ให้ความเร็วเท่ากนั ไดย้ากเฟืองขบกนัจึงเกิด เสียงดงัหรืออาจจะเขา้เกียร์ไม่ไดห้รือติดขดั ข้อมูลอ้างอิง กลไกซิงโครเมชในชุดเกียร์C50 ส าหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า (FF)จะออกแบบ มาใหม้ีการทา งานเหมือนกบัชุดส่งกา ลงั W55 ส าหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง (FR) เฟื องทองเหลือง ตัวหนอน เฟืองเกียร์ ปลอกดุม หลืองตัว หนอน ปลอกดุม หลืองตัว หนอน เฟื องทองเหลือง ตัวหนอน เฟืองเกียร์ ตัวหนอน ตัวหนอน ส่วนกรวย สปริงตัวหนอน สปายน์ สไปลน์ของเฟื องทองเหลือง การเคลื่อนเขา้ขบกนัเป็นไปไดย้าก ภาพด้านบน


ภาพที่ 3.13 แสดงชุดเกียร์ซิงโครเมช E50 3.3.2.2 ซิงโครเมทแบบไม่มีตวัหนอน โครงสร้าง ซิงโครเมชแบบไม่มีตวัหนอนจะใช้ กบัเกียร์ที่5ของชุดเกียร์E50 ส่วนเกียร์อื่น ๆ จะใชก้ลไกซิงโครเมชแบบมีตวัหนอน (ซ่ึงเป็นแบบเดียวกบัที่ ใชใ้นชุดเกียร์C50) ส่วนประกอบของซิงโครเมชแบบไม่มีตวัหนอน มีดงัน้ี 1. ปลอกดุม จะมีร่องอยดู่า้นในของปลอกดุม 3 ร่องและจะถูกดนัดว้ยสปริงวง แหวนในระหวา่งทา การปรับความเร็ว 2. ดุมคลัตช์ จะมีสันยนื่อยู่3 สัน รอบ ๆ ดุมคลตัช์เพื่อยดึเฟืองทองเหลือง และสปริง รูปวงแหวนใหเ้ขา้ดว้ยกนั 3. สปริงรูปวงแหวน สปริงวงแหวนจะมีเข้ียวยนื่อยู่4 เข้ียวเข้ียวหน่ึงจะเป็นตวัยดึ สปริงเขา้กบัดุมคลตัช์ส่วน 3 เข้ียวที่เหลือจะนา ไปยดึกบัเฟืองทองเหลืองและสปริงตวัหนอน 4. เฟื องทองเหลือง มีรอยบากและร่องอยู่3 ตา แหน่งบนเฟืองทองเหลือง ตามแนว เส้นรอบวงเพื่อใชย้ดึกบัเข้ียวของสปริงรูปวงแหวน ภาพที่ 3.14 แสดงส่วนประกอบของชุดซิงโครเมชเกียร์5 ซิงโครเมชเกียร์3และ4 ซิงโครเมชเกียร์1และ2 เพลาคลัตช์ ซิงโครเมชเกียร์5 เฟื องรอง เพลากา ลงั ปลอกดุม ดุมคลัตช์ แหวนสปริง เฟื องทองเหลือง เฟืองเกียร์


ข้อมูลอ้างองิ กลไกซิงโครเมช แบบ Triple-Cone และ Double-Cone ปัจจุบนัน้ีไดน้า เอากลไกซิงโครเมชแบบ Triple-Cone และ Double-Cone มาใช้ในรถยนต์โดยเฉพาะ อยา่งยงิ่เกียร์2และเกียร์3 ซ่ึงทา ใหค้วามสามารถในการเขา้เกียร์ทา ไดง้่ายและนิ่มนวลข้ึน กลไกซิงโครเมช แบบ Triple-Cone กลไกซิงโครเมชแบบ Triple-cone จะประกอบด้วย แหวนทองเหลืองตัวนอก, ตัวกลาง, ตัวใน และ กรวยเฟืองเกียร์รวมท้งัเฟืองดุม,แหวนสปริงและปลอกเลื่อนสวมอยบู่นเฟืองดุม, เมื่อเกิดการหมุนจะทา ให้ กลไกชุดน้ีหมุนไปพร้อมกบัเพลาส่งกา ลงัแหวนทองเหลืองตวักลางะสวมเขา้กบัร่องบากของกรวยเฟือง เกียร์และจะหมุนไปพร้อมกบัเฟืองเกียร์ในตา แหน่งเขา้เกียร์แหวนสปริงดนัแหวนทองเหลืองขา้งนอกโดย ผ่านสันยื่นภายในของปลอกเลื่อนด้วยเหตุน้ีทา ให้เกิดความฝืดระหว่างแหวนทองเหลืองท้ัง 3 ตัวซ่ึง ประกอบดว้ยความฝืดระหวา่งแหวนทองเหลืองตวัในและความฝืดระหว่างแหวนทองเหลืองตวันอกและ แหวนทองเหลืองตวักลางความฝืดระหวา่งแหวนทองเหลืองตวักลางและแหวนทองเหลืองตวัในและความ ฝืดระหว่างแหวนทองเหลืองตวัในและกรวยเฟืองเกียร์ดงัน้ันทา ให้คามเร็วการหมุนของเฟืองเกียร์และ ปลอกเลื่อนเท่ากนัและการเขา้ขบกนัของกรวยเฟืองเกียร์และปลอกเลื่อนทา ไดง้่ายและนิ่มนวล กลไกซิงโครเมทแบบ Double-Cone - กลไกซิงโครเมชแบบ Double-Cone มีโครงสร้างและการทา งานข้นัพ้ืนฐานเหมือนกบักลไกซิง โครเมชแบบ Tritple-Cone เพียงแต่วา่ ไม่เกิดความฝืดระหวา่งแหวนทองเหลืองตวัในและกรวยเฟืองเกียร์ 3.4 หลักการท างานของเกียร์แบบซิงโครเมช เกียร์แบบธรรมดาอาจจะติดต้งัตามขวาง (ด้านซ้ายไปด้านขวา) หรือตามแนวยาว (ด้านหน้าไป ดา้นหลงั) ส าหรับการติดต้งัเกียร์ตามขวางจะมีใช้กบัรถยนต์ขบัเคลื่อนลอ้หน้า มีเครื่องยนตด์า้นหน้า (FF) ในขณะที่เกิดต้งัเกียร์ตามแนวยาวจะติดต้งัในรถยนตข์บัเคลื่อนลอ้หลงัเครื่องยนต์(FR)แนวของการส่งกา ลงั จะแตกต่างกนัข้ึนอยู่กบั ประเภทของการส่งกา ลงัแบบตามขวางหรือตามแนวยาวซ่ึงมีรายละเอียดตามรูป ดา้นล่างเป็นประเภทของการติดต้งัเพลา ตามแนวขวางเป็นการติดต้งัเพลาตามแนวยาวของการส่งกา ลงั


การท างานของกระปุกเกยีร์รถขับเคลื่อนล้อหลังแบบ ซิงโครเมช 5 ความเร็ว 1. ต าแหน่งเกียร์ว่าง ภาพที่ 3.15 แสดงตา แหน่งเกียร์วา่ง 2. ต าแหน่งเกียร์ 1 ภาพที่ 3.16 แสดงตา แหน่งเกียร์1 เพลารับกา ลงัหรือเพลาคลัตช์ เฟืองขบัหลกัหรือเฟืองเกียร์4 เฟื องรองหลัก เฟืองขบัหลกัเฟืองเกียร์4 เพลาคลัตช์ เฟื องรอง เพลาส่งกา ลงั ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่1 เพลาคลัตช์ เพลาส่งกา ลงั เฟืองเกียร์1 เฟื องขับหลัก (เฟืองเกียร์4) เฟื องรอง เพลาคลัตช์ เฟืองขบัหลกั (เฟืองเกียร์4) เฟื องรอง เฟืองเกียร์1 ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 1 เพลาส่งกา ลงั


3. ต าแหน่งเกียร์ 2 ภาพที่ 3.17 แสดงตา แหน่งเกียร์2 4. ต าแหน่งเกียร์ 3 ภาพที่ 3.18 แสดงตา แหน่งเกียร์3 เฟืองขบัหลกัเฟืองเกียร์4 เพลาคลัตช์ เพลาคลัตช์ เฟืองขบัหลกั (เฟืองเกียร์4) เฟื องรอง เฟืองเกียร์3 ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 2 เพลาส่งกา ลงั เฟืองเกียร์3 เฟื องขับหลัก(เฟืองเกียร์4 ) เพลาคลัตช์ เพลาส่งกา ลงั เฟื องรอง ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 2 เพลาคลัตช์ เฟืองขบัหลกั (เฟืองเกียร์4) เฟื องรอง ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 1 เพลาส่งกา ลงั เฟืองเกียร์2 เฟื องรอง เพลาคลัตช์ เฟืองเก ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 1 ียร์2 เฟืองขับหลัก (เฟืองเกียร์4) เพลาส่งกา ลงั


5. ต าแหน่งเกียร์ 4 ภาพที่ 3.19 แสดงตา แหน่งเกียร์4 6. ต าแหน่งเกียร์ 5 ภาพรูปที่ 3.20 แสดงตา แหน่งเกียร์5 เพลาคลัตช์ เฟืองเกียร์4 ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 2 เพลาส่งกา ลงั เฟืองเกียร์4 ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 2 เพลาคลัตช์ เพลาส่งกา ลงั เพลาคลัตช์ เฟืองขบัหลกั (เฟืองเกียร์4) เฟื องรอง เพลาส่งกา ลงั ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 3 เฟืองตามเกียร์ 5 เฟืองขบัเกียร์5 เฟืองขบัหลกัเฟืองเกียร์4 ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 3 เพลาคลัตช์ เฟืองเกียร์5 เพลาส่งกา ลงั เฟื องรองเกียร์5 เฟื องรอง


7. ต าแหน่งเกียร์ถอยหลัง ภาพที่ 3.21 แสดงตา แหน่งเกียร์ถอยหลงั 3.5 กลไกควบคุมคันเกยีร์ (Gear Shifting) มีหนา้ที่ควบคุมตา แหน่งเกียร์ต่างๆ บริษทัผผู้ลิตจะออกแบบ ตา แหน่งกระปุกเกียร์ใหม้ีระยะห่างที่เหมาะสมกบัตา แหน่งผขู้บัขี่แบ่งไดด้งัน้ีคือ 1. คนัเกียร์กระปุก (Floor Shift) เป็นเกียร์ที่มีคนัเกียร์ต่อกบักระปุกเกียร์เพื่อใชส้า หรับเลือก ตา แหน่งเกียร์ ภาพที่ 2.22 แสดงคนัเกียร์กระปุก เพลาคลัตช์ เฟืองขบัหลกัเฟืองเกียร์4 เฟื องรอง เพลาส่งกา ลงั เฟืองเกียร์ถอย เฟื องกลับทิศทาง ทิศทาง เฟื องรอง เพลาคลัตช์ เฟืองขบัหลกั (เฟืองเกียร์4) เฟื องรอง (เฟืองขบัเกียร์ถอย) เฟื องกลับ เพลาส่งกา ลงั ทิศทาง เฟืองตามเกียร์ถอย Reverse gear แกนกา้มปู กา้มปู กา้มปู สปริงดนัคนัเกียร์ ฝาครอบ ขาคนัเกียร์ จุดหมุน ลูกปื นล๊อก คนัเกียร์


2. คนัเกียร์พวงมาลยั (Column Shift) ใชส้า หรับเลือกตา แหน่งเกียร์มีลกัษณะเป็น กา้นต่อหลายกา้นต่อกนัเป็นระยะ ติดต้งัระหวา่งพวงมาลยักบักระปุกเกียร์ปัจจุบนัไม่นิยมใช้ ภาพที่ 2.23 แสดงคนัเกียร์พวงมาลยั 3. คนัเกียร์แบบสาย ยดึติดกบัชุดกลไกควบคุมคนัเกียร์โดยติดต้งับนพ้ืนรถใกลต้า แหน่ง ผขู้บัขี่มีลกัษณะเป็นสายเคเบิลจา นวน 2 สาย ปลายดา้นหน่ึงยดึติดกบัชุดควบคุมคนัเกียร์ปลายอีกดา้นหน่ึง ยดึติดกบักระปุกเกียร์ ภาพที่2.24 แสดงคนัเกียร์แบบสาย พวงมาลัย คนัเกียร์ เพลาควบคุม กา้นต่อ แกนควบคุม แกนเปลี่ยนเกียร์ สายเคเบิลเปลี่ยนเกียร์ คนัเกียร์ กระปุกเกียร์


หลักการท างานของกลไกป้ องกันเกียร์ 1. กลไกป้องกนัเกียร์หลุด เฟืองเกียร์ต่าง ๆ เมื่อใชง้านไปนาน ๆ ยอ่มมีการชา รุดสึกหรอ ซ่ึงเป็นสาเหตุที่ทา ให้เกียร์หลุดได้ดงัน้นัจึงไดม้ีการบากที่ฟันเฟืองบนปลอกเลื่อนและเฟืองเกียร์เป็นรูป หางเหยยี่วในช่วงบริเวณที่ฟันเฟืองขบกนัเมื่อเกียร์หมุนเฟืองที่บากไวจ้ะขบกนัอยา่งแนบสนิท จึงทา ให้ เกียร์หลุดยากข้ึน ภาพที่ 2.25 แสดงกลไกป้องกนัเกียร์หลุด 2. การป้องกนัการเขา้เกียร์เลย บนเฟืองเกียร์จะมีอุปกรณ์ป้องกนัการเขา้เกียร์เลยอยู่ตวัเพื่อเป็นตวั ทา ใหก้ารเขา้ขบกนัของปลอกเลื่อนกบัเฟืองเกียร์เป็นไปอยา่งถูกตอ้งเหมาะสม กลไกจะมีเฉพาะในเกียร์บาง รุ่นเท่าน้นั หมายเหตุ ที่ปลอกเลื่อนจะทา เป็นช่องเวา้เขา้หาตวัเองเพื่อรับกบัตวัซิงโครไนเซอริง อาศยัแรง ขยายตวัของซิงโครไนเซอร์เป็นตวัป้องกนัไม่ใหป้ลอกเลื่อมหลุดออกมา ภาพที่ 2.26 แสดงการป้องกนัเขา้เกียร์เลย 3. กลไกป้องกนัเกียร์หลุด ประกอบดว้ยแกนกา้มปู3 แกน หรืออาจมากกว่าน้นัซ่ึงข้ึนอยู่กบัการ ออกแบบของบริษทัผผู้ลิต แกนกา้มปูจะมีร่องบากส าหรับใส่ลูกปืนอินเตอร์ล็อก โดยมีสปริงกดทับลูกปื น ใหแ้นบสนิทกบัร่องบากเพื่อป้องกนัเกียร์หลุด ฟันเฟืองเกียร์ ฟันเฟืองปลอกเลื่อนเกียร์ร่องบาก แหวนซิงโครไนเซอร์ ปลอกเลื่อน อุปกรณ์ป้องกนั การเขา้เกียร์เลย ช่องเวา้ (กลไกป้องกนัเกียร์หลดุ ) เกียร์


ข้อสังเกต ถา้ใชส้ ปริงลูกปืนที่แขง็เกินไป อาจใชแ้รงมากในการเปลี่ยนเกียร์แต่สามารถ ป้องกนัเกียร์หลุดไดด้ีแต่ถา้ใชส้ ปริงที่อ่อนการเปลี่ยนเกียร์จะง่าย แต่ทา ใหเ้กียร์หลุดง่ายเช่นเดียวกนั ภาพที่ 2.27 แสดงกลไกลอ็กเขา้เกียร์ กลไกล็อกเขา้เกียร์จากรูปในจา นวนกา้มปู3 เพลาของเกียร์แต่ละลูก เพลาตวัที่2 จะมีร่องบากที่ เพลาอยู่2 ตา แหน่ง และที่เพลาตวัที่1 ตวัที่3 จะมีร่องบากเพียงร่องเดียว สลกัอินเตอร์ล็อกกนัเกียร์จะใส่ อยรู่ะหวา่งเพลาท้งั3 น้ีโดยอยใู่นตา แหน่งร่องบากที่อยบู่นเพลา สลกัอินเตอร์ล็อกจะทา หนา้ที่ป้องกนัการ เขา้เกียร์ซอ้น ซ่ึงหมายความวา่เมื่อเขา้เกียร์ใดเกียร์หน่ึงแลว้จะไม่สามารถเขา้เกียร์อื่น ๆ ไดอ้ีก ในเกียร์แต่ ละแบบจะมีสลกัอินเตอร์ล็อกไม่เท่ากนับางแบบจะมี2 ตวั3 ตวัหรือ 4 ตวัท้งัน้ีข้ึนอยกู่บับริษทัผผู้ลิต ภาพที่ 2.28 แสดงการท างานของสลักอินเตอร์ล็อก สลักอินเตอร์ล็อก เพลากา้มปูตวัที่1 เพลากา้มปูตวัที่2 เพลากา้มปูตวัที่3 เพลาตัวที่ 3 เพลาตัวที่ 2 เพลาตัวที่ 1 เพลาตัวที่ 1 เพลาตัวที่ 2 เพลาตัวที่ 3 เพลาตัวที่ 3 เพลาตัวที่ 2 เพลาตัวที่ 1


ตามรูปเป็นการทา งานของสลกัอินเตอร์ล็อกในตา แหน่งเกียร์ต่าง ๆ ซ่ึงอธิบายไดด้งัน้ี จากภาพที่ (1) เมื่อเพลาตัวที่ 3 เคลื่อนที่ไปตามทิศทางของลูกศร สลกัอินเตอร์ล็อกที่อยู่ระหว่าง เพลาตวัที่2 กบั3 จะถูกเพลาตวัที่3 ผลกัให้เขา้ไปในร่องเพลาตวัที่2 ทา ให้เพลาตวัที่2 ถูกกนั ไม่ให้ เคลื่อนที่เมื่อเพลาเคลื่อนที่ไม่ไดก้็ไม่สามารถเขา้เกียร์ได้ซ่ึงเป็นการป้องกนั ไม่ให้เขา้เกียร์ซ้อนกนั ส่วน ภาพที่(2)และ(3) มีลกัษณะการทา งานเหมือนกนั ภาพที่ (1) เพียงแต่เปลี่ยนเพลาที่จะเคลื่อนที่เท่าน้นั 3.6 สาเหตุข้อขัดข้องและการแก้ไขของกระปุกเกยีร์ สาเหตุขอ้ขดัขอ้งและการแกไ้ขของกระปุกเกียร์มีดงัต่อไปน้ี ตารางที่ 1.2 สาเหตุข้อขัดข้องและการแกไ้ขกระปุกเกียร์ขับเคลื่อนล้อหลัง ปัญหาข้อขัดข้อง สาเหตุการแก้ไข 1. เกียร์มีเสียงดงัจาก การเลือกตา แหน่ง เกียร์ 2. เลื่อนตา แหน่ง เขา้เกียร์ยาก 1. ชุดซิงโครไนเซอร์ช ารุด 2. ปรับต้งัระยะฟรีคลตัช์ไม่ถูกตอ้ง 3. ผู้ขับขี่เหยียบแป้ นเหยียบคลัตช์ ไม่สุด 4. น้า มนัเกียร์ไม่ไดม้าตรฐาน ตามที่บริษทัผผู้ลิตกา หนด 5. น้า มนัเกียร์ต่า กวา่ระดบั ปกติ 6. ระบบไฮดรอลิกส์ของคลัตช์ ช ารุดเฉพาะคลัตช์แบบไฮดรอลิกส์ 7. ลูกปื นปลายเพลาคลัตช์ช ารุด 8. ฟันของเฟืองเกียร์แตกหกัหรือบิ่น 9. ตลบัลูกปืนเพลารับกา ลงัและ เพลาส่งกา ลงัชา รุด 1. เหยยีบแป้นเหยยีบคลตัช์ไม่สุด หรือคลตัช์ไม่จาก 2. ปรับต้งัระยะฟรีคลตัช์ไม่ถูก ต้อง หรือระยะฟรีมากเกินไป 3. ชุดซิงโครไนเซอร์ช ารุดปลอกดุม คลัตช์ติดขัด 4. ฟันของเฟืองเกียร์ถอยหลงัสึกหรอ 5. สปริงป้องกนัเกียร์หลุดแข็ง เกินไป 1. ซ่อมหรือเปลี่ยนชุดซิงโครไนเซอร์ 2. ปรับต้งัระยะฟรีคลตัช์ใหถู้กตอ้ง 3. เหยียบแป้ นเหยียบคลัตช์จนสุด ให้คลัตช์จาก 4. เปลี่ยนน้า มนัเกียร์ตามมาตรฐาน ที่บริษทัผผู้ลิตกา หนด 5. เติมน้า มนัเกียร์ถึงระดบัที่กา หนด 6. ซ่อมระบบไฮดรอลิกส์ของคลัตช์ 7. เปลี่ยนลูกปื นปลายเพลาคลัตช์ 8. เปลี่ยนเฟืองเกียร์ 9. เปลี่ยนตลับลูกปื น 1. เหยียบแป้ นเหยียบคลัตช์ให้สุด 2. ปรับต้งัระยะฟรีคลตัช์ใหถู้กตอ้ง 3. เปลี่ยนชุดซิงโครไนเซอร์ หรือ ซ่อมปลอกดุมคลตัช์ 4. เปลี่ยนเฟืองเกียร์ถอยหลงั 5. เปลี่ยนสปริงป้องกนัเกียร์หลุด


ปัญหาข้อขัดข้อง สาเหตุการแก้ไข 3. ปลดเกียร์ยาก 4. เกียร์หลุด 5. น้า มนัเกียร์รั่ว 6. ใชน้ ้า มนัเกียร์ไม่ตรงตาม มาตรฐานที่กา หนด 7. น้า มนัเกียร์ต่า กวา่ระดบั ปกติ 1. เหยยีบแป้นคลตัช์ไม่สุดหรือ คลตัช์ไม่จาก 2.กา้นต่อขาดการหล่อลื่น 3. สปริงป้องกนัเกียร์หลุดแข็งเกินไป 4. ชุดซิงโครไนเซอร์ช ารุด ปลอกดุม คลัตช์ติดขัด 5. น้า มนัเกียร์ไม่ตรงตาตามที่ บริษทัผผู้ลิตกา หนด 6. น้า มนัเกียร์ต่า กวา่ระดบั ปกติ 1. สปริงป้องกนัเกียร์หลุดอ่อนมาก 2. ปรับต้งักา้นต่อไม่ถูกตอ้ง 3. ตลับลูกปื นช ารุด 4. ชุดซิงโครไนเซอร์ช ารุด 5. ลูกปื นหรือ บู๊ชปลายเพลาคลัตช์ ช ารุด 1. ระดับน้า มนัเกียร์สูงเกินที่กา หนด 2. ซีลน้า มนัเกียร์ชา รุด 3. ปลกั๊ถ่ายน้า มนัเกียร์หลวม 4. เส้ือเกียร์แตก 5. ปะเก็นเส้ือเกียร์หรือปะเก็นเหลว ช ารุด 6. โบลต์ยึดเส้ือเกียร์หลวม 6. เปลี่ยนน้า มนัเกียร์ตามมาตรฐานที่ กา หนด 7. เติมน้า มนัเกียร์จนถึงระดบัที่ กา หนด 1. เหยียบแป้ นเหยียบคลัตช์ให้สุด 2. ใชน้ ้า มนัหล่อลื่อกา้นต่อ 3. เปลี่ยนสปริงป้องกนัเกียร์หลุด 4. เปลี่ยนชุดซิงโครไนเซอร์หรือ ซ่อมชิ้นส่วน 5. เปลี่ยนน้า มนัเกียร์ตามมาตรฐานที่ บริษทัผผู้ลิตกา หนด 6. เติมน้า มนัเกียร์จนถึงระดบัที่กา หนด 1. เปลี่ยนสปริงป้องกนัเกียร์หลุด 2. ปรับต้งักา้นต่อใหถู้กตอ้ง 3. เปลี่ยนตลับลูกปื น 4. ซ่อม หรือเปลี่ยนชุดซิงโครไนเซอร์ 5. เปลี่ยนลูกปื นหรือบู๊ชปลายเพลา คลัตช์ 1.ถ่ายน้า มนัเกียร์จนถึงระดบัที่กา หนด 2. เปลี่ยนซีลน้า มนัเกียร์ 3.ขนั ปลกั๊ถ่ายน้า มนัเกียร์ให้แน่น 4. เปลี่ยนเส้ือเกียร์ 5. เปลี่ยนปะเก็นเส้ือเกียร์ 6. ขันโบลต์ยึดเส้ือเกียร์ให้แน่น


3.6 การบ ารุงรักษากระปุกเกียร์ขับเคลื่อนล้อหลัง น ้ามันเกียร์ ระบบส่งกา ลงัตอ้งรับการตรวจ เติมและเปลี่ยนน้า มนั ใหม่ตามระยะเวลาหรือระยะทางที่ไดแ้นะนา ไวใ้นคู่มือของบริษทัผผู้ลิตรถยนต์ ตรวจเช็คระดบัน้า มนัเกียร์ที่อุณหภูมิการทา งานปกติและรถยนต์ตอ้งจอดบนพ้ืนได้ระดบัถอด โบลตเ์ติมน้า มนัออกระดบัน้า มนัเกียร์จะตอ้งอยเู่สมอขอบล่างขอบรูเติมน้า มนั ใหส้อดนิ้วมือเขา้ไปในรูเติม น้า มนัเกียร์อยา่งชา้ๆ จนกระท้งัน้า มนัเกียร์เริ่มไหลออกจากรูเติม ใส่โบลตเ์ติมน้า มนัเขา้ที่และขนั ใหแ้น่น หมายเหตุควรเปลี่ยนถ่ายน้า มนัเกียร์ทุกๆ 12 เดือนหรือ 20,000 กิโลเมตร การตรวจระดับน ้ามันเกียร์ การถอดโบลต์ตวัเติมน้า มนัเกียร์ให้สอดนิ้วเขา้ไปในรูเติมน้า มนัเกียร์ระดบัน้า มนัควรอยทู่ ี่ต่า กว่า ช่องเติมเดิมประมาณ 5 มม.ถา้ระดบัน้า มนัอยใู่นระดบั ปกติใหป้ิดโบลตต์วัเติมและขนัแน่น 1. ก่อนตรวจเช็ค ตอ้งแน่ใจวา่รถจอดอยใู่นแนวระดบัและไม่เอียง 2. หลงัจากปิดโบลตต์วัเติม และขนัแน่นแลว้ตรวจดูดว้ยสายตาวา่มีรอยรั่วซึมหรือไม่ การตรวจระดับน ้ามันเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ถา้ระดบัน้า มนัเกียร์ต่า ไปใหเ้ติมน้า มนัเกียร์API GL-4 S หรือ GL-5จนน้า มนัลน้ออกจากช่องเติม เล็กนอ้ยและขนัโบลตก์ลบัอยา่งเดิมใหแ้น่น ค่าความหนืดของน้า มนัเกียร์ที่ใช้ SAE 90 หรือSAE 75W-90การเติมน้า มนัเกียร์โดยใชเ้ครื่องเติม ใหใ้ส่หวัเติมที่ช่องเดิม ใหใ้ส่ น้า มนัเกียร์จนเรื่มไหลออกมาและขนัโบลตก์ลบัอยา่งเดิมใหแ้น่น


แบบฝึ กหัด หน่วยที่ 3 เรื่อง กระปุกเกย ี ร ์ขับเคลื่อนล้อหลัง 1. จากภาพจงเขียนชื่อส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถเคลื่อนขบัลอ้หลงั หมายเลข 1 ...................................................................... หมายเลข 2 ...................................................................... หมายเลข 3 ...................................................................... หมายเลข 4 ...................................................................... หมายเลข 5 ..................................................................... หมายเลข6 ..................................................................... หมายเลข 7 ..................................................................... หมายเลข8 ...................................................................... หมายเลข9 ...................................................................... หมายเลข10 ..................................................................... 1 2 3 7 8 9 4 5 10 6


2. จงบอกหน้าที่ส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถเคลื่อนขบัลอ้หลงั 1. เพลารับกา ลงัหรือเพลาคลตัช์ทา หนา้ที่............................................................................ 2. เพลารอง ท าหน้าที่............................................................................................................ 3. เพลาส่งกา ลงัหรือเพลาเมน ทา หนา้ที่.............................................................................. 4. เฟื อง ติดต้งัในกระปุกเกียร์ทา หนา้ที่............................................................................... 5. ลูกปื น ท าหน้าที่............................................................................................................... 6. กลไกควบคุมคนัเกียร์ทา หนา้ที่...................................................................................... 7. เส้ือเกียร์มีหนา้ที่............................................................................................................. 8. เส้ือเกียร์แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนหนา้เรียกวา่...................................................................................................... ส่วนกลางเรียกวา่...................................................................................................... ส่วนหลงัเรียกวา่....................................................................................................... 9. กระปุกเกียร์รถขบัลอ้หลงัทา หนา้ที่.................................................................................. 3. จงเขียนชื่อส่วนประกอบของซิงโครเมชแบบเฟืองทองเหลือง 1……………………………………… 4…………………………………….. 2……………………………………… 5…………………………………….. 3……………………………………… 6…………………………………….. 2 3 1 4 5 1 6


4. จงเติมขอ้ความเกี่ยวกบัหลกัการทา งานของกระปุกเกียร์ชนิดต่าง ๆ 1. หลกัการทา งานของกระปุกเกียร์ธรรมดาแบบเฟืองเลื่อน เมื่อตอ้งการเขา้เกียร์จะตอ้งเลื่อน …………………... เขา้มาขบกบั ………………..ขณะเขา้เกียร์ ……………….ของเพลาส่งกา ลงัและเพลารองจะ …………………. ที่ไม่เท่ากนัส่งผลใหเ้กิดการปะทะกนั ระหวา่ง …………………… จนเกิด……………….. เขา้เกียร์ยาก 2. หลกัการทา งานของกระปุกเกียร์ซิงโครเมชแบบเฟืองทองเหลือง เมื่อเขา้ตา แหน่งเกียร์.............................. จะเคลื่อนที่ไปดา้นขวาหรือดา้นซ้าย ส่งผลให้ลิ่มเลื่อน หรือ.......................... เคลื่อนที่ตามและไปดัน ................................... ไปด้านขวาหรือด้านซ้าย โดยให้ สัมผสักบั......................ของเฟืองเกียร์บนเพลา......................ส่งผลใหค้วามเร็ว ของ ...................... เท่ากบัความเร็วของ ...................... บน ........................และหมุนไปพร้อม ๆ กบั..................... ทา ใหฟ้ ันของ...........................ขบกบั .......................... ส่งผลใหเ้กิดการ ส่งกา ลงัไปยงัเพลาส่งกา ลงัและ........................ 5. จงเติมขอ้ความลงในผงัภูมิการทา งานของกระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หลงั5ความเร็ว แบบซิงโครเมช 1. ตา แหน่งเกียร์วา่ง 2. ตา แหน่งเกียร์1 3. ตา แหน่งเกียร์2 เพลารับกา ลงัหรือ………. …….… หรือเฟืองเกียร์4 ………... เพลารับกา ลงั เฟื องขับหลักหรือ………. เฟื องรองหลัก ……… ปลอกดุมคลตช์และ……... ………… . เพลารับกา ลงั ………..หรือเฟืองเกียร์4 ……….. เฟื องรอง…... เฟืองเกียร์2 ………….และดุมตัวที่ 1 เพลาส่งกา ลงั 22/


4. ตา แหน่งเกียร์3 5. ตา แหน่งเกียร์4 6. ตา แหน่งเกียร์5 7. ตา แหน่งเกียร์ถอยหลงั ……….. ………………….. เฟื องรองหลัก …………. ….…… ปลอกดุมคลัตช์และดุมตัวที่ 1 ………… ………… เฟืองขบัหลกัหรือเฟืองเกียร์4 เพลาส่งกา ลงั …………………… เพลารับกา ลงัเฟืองขบัหลกัหรือเฟืองเกียร์4 เฟื องรองหลัก ………… ………… เฟืองรองเกียร์5 …………. เพลาส่งกา ลงั เพลารับกา ลงั เฟื องขับหลักหรือ…….. ………………. เฟืองรองเกียร์ถอยหลงั …………. เฟืองเกียร์……. เพลาส่งกา ลงั


6. จงบอกสาเหตุข้อขัดข้องและการแกไ้ขของกระปุกเกียร์ขบัเคลื่อนลอ้หลงัลงในตารางต่อไปน้ี ปัญหาของเกียร์ สาเหตุวิธีการแก้ไข 1. มีเสียงดังในขณะ เลื่อนตา แหน่งเกียร์ …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… 2. เขา้เกียร์ยาก …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… ……………………………………


7. ใหน้กัเรียนบอกวธิีการบา รุงรักษากระปุกเกียร์ขบัลอ้เคลื่อนหลงัดงัต่อไปน้ี 1. การตรวจน้า มนัเกียร์…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………….……… ……………………………………………………………………………………………….……………… ……………………………………………………………………………………….……………………… ………………………………………………………………………………. 2. การตรวจระดบัน้า มนัเกียร์………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………….……… ……………………………………………………………………………………………….……………… ……………………………………………………………………………………….……………………… ………………………………………………………………………………. 3. การตรวจระดบัน้า มนัเกียร์ขบัเคลื่อนสี่ลอ้……………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………….……… ……………………………………………………………………………………………….……………… ……………………………………………………………………………………….……………………… ……………………………………………………………………………….


แบบประเมินผลหลังเรียน หน่วยที่ 3กระปุกเกย ี ร ์ขับเคลื่อนล้อหลัง ค าสั่ง จงท าเครื่องหมายกากบาท (x) หน้าค าตอบที่ถูกที่สุดเพียงค าตอบเดียว 1. ขอ้ใดเป็นส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หลงั ก. เพลาคลตัช์เพลารอง เพลาส่งกา ลงัเฟืองทา้ยเส้ือเกียร์ ข. เพลาคลตัช์เพลาส่งกา ลงัเฟืองขบัเฟืองทา้ยเส้ือเกียร์ ค. เพลาคลตัช์เพลารอง เพลาส่งกา ลงัเฟืองเกียร์เส้ือเกียร์ ง. เพลาคลตัช์เพลาส่งกา ลงัเฟืองเดือยหมูเฟืองบายศรีเส้ือเกียร์ 2.ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หลงั ก. เพลาคลัตช์ เพลารอง ข.ลูกปืนรองรับเพลา เส้ือเกียร์ ค. เฟื องฟันตรง เฟื องฟันเฉียง ง. เฟื องดอกจอก เฟื องท้าย 3. ขอ้ใดเป็นหนา้ที่ของกระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หลงั ก. เพิ่มแรงบิดและส่งกา ลงัไปยงัเครื่องยนต์ ข. ปรับความเร็วของลอ้ใหม้ีความสมดุลขณะเล้ียว ค.รับกา ลงัจากเพลาคลตัช์และส่งกา ลงัไปที่เฟืองเกียร์ ง.ควบคุมตา แหน่งเกียร์และปรับระยะเชิงมุมของรถยนตใ์หส้ ัมพนัธ์กบัพ้ืนถนน 4. เมื่อตอ้งการเขา้เกียร์จะตอ้งเลื่อนเฟืองบนเพลากา ลงัเขา้มาขบกบัเฟืองบนเพลารองเป็น กระปุกเกียร์ชนิดใด ก.ระปุกเกียร์แบบเลื่อนขบกนั ข.กระปุกเกียร์แบบอตัโนมตัิ ค. กระปุกเกียร์แบบซิงโครเมช ง.กระปุกเกียร์เลื่อนเฟืองขบกนัขบกนัตลอดเวลา 5. ทา ไมกระปุกเกียร์ธรรมดาแบบซิงโครเมชตอ้งมีเฟืองทองเหลืองเป็นส่วนประกอบ ก. เพื่อใหเ้ฟืองเกียร์บนเพลาส่งกา ลงัมีความเร็วคงที่ปลอกดุมคลตัช์ ข. เพื่อใหเ้ฟืองเกียร์บนเพลาส่งกา ลงัมีความเร็วมากกวา่ ปลอกดุมคลตัช์ ค. เพื่อใหเ้ฟืองเกียร์บนเพลาส่งกา ลงัมีความเร็วเท่ากบั ปลอกดุมคลตัช์ ง. เพื่อใหเ้ฟืองเกียร์บนเพลาส่งกา ลงัมีความเร็วนอ้ยกวา่ ปลอกดุมคลตัช์


6. ขอ้ใดต่อไปน้ีไม่ใช่กลไกในการเขา้เกียร์ ก. เฟื องบายศรี ข. เฟื องฟันเฉียง ค. ลูกปื นเข็ม ง. เฟื องซิงโครเมช 7. ขอ้ใดเป็นสาเหตุของการเขา้เกียร์ยาก ก. เส้ือเกียร์แตก ข. ซีลน้า มนัเกียร์ชา รุด ค. สปริงป้องกนัเกียร์หลุดอ่อนมาก ง. ช ารุดชุดซิงโครไนเซอร์ 8. ขอ้ใดเป็นการแกไ้ขของการเขา้เกียร์ยาก ก. เส้ือเกียร์แตก ข. ชุดซิงโครไนเซอร์ช ารุด ค ซีลน้า มนัเกียร์ชา รุด ง. สปริงป้องกนัเกียร์หลุดอ่อนมาก 9. ข้อใดเป็ นการตรวจวดัระดบัน้า มนัเกียร์ ก. เหล็กวัดตรวจ ข. รูตรวจและเติม ค. โบลตถ์ ่ายน้า มนัเกียร์ ง. ช่องกระจกสา หรับตรวจ 10. ข้อใดคือค่าความหนืดมาตรฐานของน้า มนัเกียร์ ก. SAE 90 ข. SAE 40 ค. SAE -40 ง. SAE 75W 90 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หน่วยที่ 4 เร ื ่ องกระป ุ กเกย ี ร ์ ขบ ั เคลอ ื ่ นล ้ อหน ้ า (Gearbox Front wheel drive)


หน่วยที่ 4 กระปุกเกย ี ร ์ ขบัเคลอ ื่นล ้ อหน ้ า (Gearbox Front wheel drive) รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า จะมีเพลาขับซ้าย –ขวา ต่อออกจากชุดเฟืองทา้ยไปหมุนลอ้ (แบบน้ีไม่ ต้องมีเพลากลาง) เป็ นระบบขับเคลื่อนที่นิยมใช้มากที่สุดในยุครถปัจจุบนัเนื่องจากมีระบบส่งกา ลงัเพราะ เครื่องยนตอ์ยเู่หนือลอ้ทา ใหเ้กิดแรงขบัโดยตรงอีกท้งัยงัมีประสิทธิภาพในการประหยดัน้า มนัเช้ือเพลิงและ เกาะถนนดี ดงัน้นันกัเรียนจะตอ้งศึกษาให้เขา้ใจถึงหลกัการของกระปุกเกียร์ขบัเคลื่อนลอ้หนา้เพื่อจะได้น า ความรู้ไปปฏิบตัิงานไดอ้ยา่งมีประสิทธิภาพ รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้ามีการออกแบบให้เครื่องยนต์และกระปุกเกียร์อยู่ดา้นหน้าวางตามแนว ขวางของตัวรถยนต์ กระปุกเกียร์ทา หนา้ที่เพิ่มแรงบิด และเปลี่ยนอตัราทด เพื่อส่งกา ลังไปขับเคลื่อนล้อ หนา้กระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หนา้จะประกอบไปดว้ย เส้ือเกียร์เพลาคลตัช์หรือเพลารับกา ลงัเพลาส่ง กา ลงัหรือเพลาเมน เฟืองทา้ย ชุดปรับความเร็ว หรือชุดซิงโครเมช กลไกควบคุมคนัเกียร์รถขบัเคลื่อน ลอ้หนา้จะไม่มีเพลากลางเหมือนกบัรถยนตข์บัเคลื่อนลอ้หลงัเนื่องจากใชเ้พลาส่งกา ลงัแทนเพลากลางเพื่อ ไปขบัเฟืองทา้ยใหส้ ่งกา ลงัไปยงัลอ้หนา้


ภาพที่4.1 แสดงโครงสร้างและส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขบัลอ้หนา้ 4.1 ส่วนประกอบของกระปุกเกียร์รถขับเคลื่อนล้อหน้า 4.1.1 เส้ือเกียร์ เส้ือเกียร์ทา จากอลูมิเนียมผสม ออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด เพื่อประหยดัพ้ืนที่ สามารถถอดและแยกเป็ น 2 ส่วน คือ ส่วนที่หล่อเป็นหัวหมูคลตัช์ยึดติดกบัเครื่องยนต์ใช้ส าหรับติดต้งั มอเตอร์สตาร์ท กา้มปูกดคลตัช์ลูกปืนคลตัช์เพลาคลตั ช์ และชุดเฟื องท้าย อีกส่วนหน่ึงใชส้า หรับติดต้งัชุดคนัเขา้เกียร์ชุดป้องกนัการเขา้เกียร์ซอ้น ขบวนเฟือง เพลารับกา ลงัและเพลาส่งกา ลงัและยงัใชเ้ป็นหอ้งสา หรับเก็บน้า มนัเกียร์ 4.1.2 เพลาคลัตช์ (Clutch Shaft) หรือเพลารับกา ลงั (Input Shaft) ทา หนา้ที่รับกา ลงัจากเครื่องยนต์ ส่งผา่นคลตัช์และเพลาส่งกา ลงั เพลาคลตัช์หรือเพลารับกา ลงัประกอบดว้ยเฟืองขบัเกียร์1,2,3,4,5และเฟืองกลบัทิศทาง ปลอกดุม คลตัช์และดุมคลตัช์ตวัที่2และ3 โดยมีแผน่คลตัช์ติดต้งัอยบู่นเพลาคลตัช์ ซิงโครเมช สา หรับเกียร์3และ4 ซิงโครเมช สา หรับเกียร์5 ซิงโครเมช สา หรับเกียร์1และ2 เพลาส่งกา ลงั เพลาคลัตช์ เฟืองขบัเกียร์ถอยหลงั เฟื องเดือยหมู เฟื องบายศรี เฟื องท้าย เส้ือเกียร์


ภาพที่ 4.2 แสดงลักษณะเพลาคลตัช์หรือเพลารับกา ลงั 4.1.3 เพลาส่งกา ลงั (Output Shaft) ทา หนา้ที่รับกา ลงัจากเพลาคลตัช์ประกอบดว้ย เฟืองรับกา ลงัเฟืองเกียร์1,2,3,4,5 เฟืองกลบัทิศทางหรือเฟืองเกียร์ถอยหลงั ปลอกดุมคลตัช์และดุมคลัตช์ ตัวที่ 1 ภาพที่ 4.3 แสดงลักษณะภาพเพลาส่งกา ลงั 4.1.4 เฟื องท้าย (Differential) ทา หนา้ที่ลดอตัราทดของเกียร์ ปรับความเร็วของลอ้ดา้นขวา และ ดา้นซ้ายที่แตกต่างให้มีความสมดุลขณะเล้ียวโคง้และปรับความเร็วของล้อให้เท่ากนัขณะขบัรถทางตรง เฟืองทา้ยประกอบดว้ย เฟืองขบัหรือเฟืองเดือยหมูเฟืองวงแหวนหรือเฟืองบายศรีชุดเฟือง ดอกจอกเส้ือ เฟืองดอกจอก ซ่ึงรวมอยใู่นชุดเดียวกนั โดยติดต้งัอยู่ภายในเส้ือเกียร์เฟืองขบัหรือ เฟืองเดือยหมูเฟืองวง แหวนหรือเฟื องบายศรี มีลักษณะเป็ นเฟื องฟันเฉียง \ D C B A A B C


ภาพที่ 4.4 แสดงลักษณะชุดเฟื องท้าย 4.1.5 ชุดปรับความเร็วหรือชุดซิงโครเมช (Synchronizer or Synchromesh) รถขับเคลื่อนล้อหน้า ส่วนใหญ่จะใชก้ระปุกเกียร์ซิงโครเมช เพราะกระปุกเกียร์ซิงโครเมชเป็นอุปกรณ์ที่ท าหน้าที่ปรับความเร็วของ ปลอกเลื่อนให้เท่ากบัความเร็วของเฟืองเกียร์ทา ให้เขา้เกียร์ไดน้ ิ่มนวลและไม่มีเสียงดงัเนื่องจากขณะเขา้เกียร์ ความเร็วของปลอกเลื่อน หรือปลอกดุมคลตัช์ไม่เท่ากบัความเร็วของฟันหน้าเฟือง ชุดปรับความเร็วเป็น อุปกรณ์ที่ช่วยดนัและเบรกฟันหนา้เฟืองและปลอกเลื่อนให้มีความเร็วเท่ากนัเพื่อให้ปลอกเลื่อนสามารถขบ กบั ฟันหนา้เฟืองไดอ้ยา่งนิ่มนวลและไม่มีเสียงดงั ส่วนประกอบของชุดปรับความเร็วที่ติดต้งัอยใู่นกระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หนา้จะเหมือนกบั ชุดปรับความเร็วของกระปุกเกียร์รถขบัเคลื่อนลอ้หลงั โดยมีส่วนประกอบสา คญัดงัน้ี 1. เฟื องทองเหลืองหรือแหวนซิงโครไนเซอร์ (Blooker Type or Synchronizer Ring) 2. ปลอกดุมคลัตช์หรือปลอกเลื่อน (Clutch Sleeve) 3. แหวนล็อก หรือสปริงล็อก (Insert Ring) 4. ดุมคลัตช์ (Clutch Hub) 5. ลิ่มเลื่อนหรือตวัหนอน (Key or Insert) 6. เฟืองเกียร์(Gear)


ภาพที่ 4.5 แสดงชุดปรับความเร็วแบบเฟื องทองเหลือง (Blocker Type Synchronizer ) 4.1.6 เฟื อง (gear) ทา หนา้ที่ส่งกา ลงัจากเพลารับกา ลงัไปยงัเพลาส่งกา ลงัและเฟื องท้าย ลักษณะ ของเฟื องมี 3 ชนิด ดงัน้ี 1. เฟื องฟันตรง ซี่ของฟันเฟืองมีลกัษณะตรง เฟืองฟันตรงจะติดต้งัอยใู่น ตา แหน่งเกียร์ถอยหลงัซ่ึงมีความเร็วรอบต่า ในขณะเขา้เกียร์ฟันเฟืองขบกนัจะเกิดเสียงดงั ภาพที่ 4.6 แสดงเฟื องฟันตรง 2. เฟื องฟันเฉียง ซี่ของฟันเฟืองมีลกัษณะเฉียง ติดต้งับนเพลารับกา ลงัและเพลา ส่งกา ลงัในตา แหน่งเกียร์เดินหน้า โดยเฟืองฟันเฉียงจะขบกนัตลอดเวลา เหมาะส าหรับใช้กบัรถยนต์ที่มี ความเร็วสูง ภาพที่ 4.7 แสดงเฟื องฟันเฉียง ปลอกดุมคลัตช์ สปริงล็อก เฟืองเกียร์ ลิ่มเลื่อน ดุมคลัตช์ เฟื องทองเหลือง เฟื องทองเหลือง ฟันหน้าเฟื อง เฟื องฟันเฉียง กรวยคลัตช์


3. เฟืองเดือยหมูและเฟืองบายศรีที่ติดต้งัในกระปุกเกียร์ขบัเคลื่อนลอ้หน้าใช้แบบเฟือง ฟันเฉียง แต่เฟืองเดือยหมูและเฟืองบายศรีที่ติดต้งัในเฟืองท้ายของรถยนต์ขบัเคลื่อนล้อหลัง ใช้แบบ เฟื องไฮปอยด์ (Hypoind) ซึ่งมีลักษณะเป็ นเฟื องเฉียงโค้ง รูปที่ 6.11 แสดงลักษณะเฟื องแบบฟันโค้งและเฉียง 4.1.7 กลไกการเปลี่ยนเกียร์ออกแบบติดต้งัอยใู่นเส้ือตา แหน่งทา้ยของเกียร์ดา้นขวามือ ประกอบดว้ย ชุดกลไกป้องกนัการเขา้เกียร์ซอ้น กลไกป้องกนัเกียร์หลุด กลไกป้องกนัเขา้เกียร์ ถอยหลงัหลุด ซ่ึงกลไกท้งัหมดรวมเป็นชุดเดียวกนั ภาพที่ 4.9แสดงกลไกการเปลี่ยนเกียร์ เพลาแขนเลือกและเปลี่ยนเกียร์ เฟื องบายศรี เฟื องเดือยหมู


หลกัการทา งานของกลไกการเปลี่ยนเกียร์ 1. กลไกป้องกนัการเขา้เกียร์ซอ้น กลไกน้ีจะป้องกนัการเขา้เกียร์พร้อมกนั2 ตา แหน่ง โดยประกอบดว้ยแกนกา้มปูเลือกและเปลี่ยน เกียร์ โบลต์แผ่นล็อก แผ่นล็อกกา้มปูเปลี่ยนเกียร์หัวก้ามปูเกียร์ตวัเขี่ยหัวก้ามปูเกียร์โดยโบลต์เป็นตวั ป้องกนัไม่ใหแ้ผน่ล็อกกา้มปูเปลี่ยนเกียร์หมุน แต่ใหแ้กนกา้มปูเลือกและเปลี่ยนเกียร์หมุน กลไกป้องกนัเกียร์ซ้อนมีหลกัการทา งาน ดงัน้ีเช่น ในตา แหน่งเกียร์ว่าง หัวก้ามปูเกียร์จะอยู่ใน ตา แหน่งเดียวกนัท้งั3 หวัแผน่ล็อกกา้มปูเปลี่ยนเกียร์จะป้องกนัตวัเขี่ยหวักา้มปูไม่ให้เขี่ยหัวกา้มปูพร้อม กนั2 หวัแต่ใหเ้ขี่ยไดค้ร้ังละ1 หวัหน่ึงตา แหน่งเกียร์ ในตา แหน่งระหว่างเกียร์3 และเกียร์4แผน่ล็อกกา้มปูเปลี่ยนเกียร์จะล็อกหวักา้มปูของเกียร์1,2,5 และเกียร์ถอยหลงัเพื่อป้องกนัตวัเขี่ยหัวก้ามปูไม่ให้เขี่ยหัวก้ามปูพร้อมกนั2 หัว แต่ให้เขี่ยคร้ังละ 1 หัว ตา แหน่งเกียร์3 หรือเกียร์4 เป็ นต้น ภาพที่ 4.10 แสดงกลไกป้องกนัการเขา้เกียร์ซอ้น


2. กลไกป้องกนัเกียร์หลุด กลไกป้องกนัเกียร์หลุด ประกอบดว้ยเพลากา้มปู3 ตวัลูกปืนล็อก สปริงดนัลูกปืน ลวดสปริงลูกปืน ล็อก สกรูหวัจีบ ลกัษณะของเพลากา้มปูมีร่องบ่าอยู่3 ร่องโดยร่องกลางเป็นตา แหน่งเกียร์วา่ง ในแต่ละเพลา กา้มปูมีลูกปืน และสปริงกดลูกปืนบรรจุในร่อง ลูกปืนล็อกตา แหน่งเกียร์1และเกียร์2 จะติดต้งัอยดู่า้นเพลา รับกา ลงัหรือเพลาคลตัช์ส่วนตา แหน่งเกียร์3,4และ 5 ลูกปืนล็อกจะติดต้งัอยดู่า้นเพลาส่งกา ลงัขณะผขู้บัขี่ เลือกตา แหน่งเกียร์ลูกปืนล็อกจะตอ้งลงไปอยใู่นร่องตามตา แหน่งเกียร์ที่ผขู้บัขี่เลือก ภาพที่ 4.11 แสดงกลไกป้องกนัเกียร์หลุด 3. กลไกป้องกนัเกียร์ถอยหลงัหลุด ประกอบดว้ยชุดลูกปืนล็อกกา้มปูเกียร์ถอยหลงัแขนเปลี่ยนเกียร์ถอยหลงัเฟืองกลบัทิศทางที่แขน กา้มปูเกียร์ถอยหลงัจะมีร่อง และมีลูกปืนล็อกและสปริงลูกปืนบรรจุในร่อง เพื่อป้องกนั ไม่ให้เฟืองกลบั ทิศทางหมุนเคลื่อนที่เขา้ขบกบัเฟืองเกียร์ถอยหลงั ในขณะที่ผขู้บัขี่ยงัไม่ไดเ้ขา้เกียร์ถอยหลงั เพลากา้มปูตวัที่3 สกรูหัวจีบ ตัวปรับตัวสปริงลูกปื นล็อก สปริงดันลูกปื น ลูกปื นล็อก เพลากา้มปูตวัที่1 เพลากา้มปูตวัที่2


Click to View FlipBook Version