The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ในวันที่สายลมแห่งภูเขาโบราณนำทางเราไป

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ในวันที่สายลมแห่งภูเขาโบราณนำทางเราไป

ในวันที่สายลมแห่งภูเขาโบราณนำทางเราไป

Keywords: ในวันที่สายลมแห่งภูเขาโบราณนำทางเราไป

พรุ่งนี้เชา้ จะตอ้ งต่ืนมาช่วยม๊ะขายผกั ท่ตี ลาดสด
เวลาผ่านไป แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านประตู

หนา้ ตา่ ง ฟาเรียแปลกใจมากว่าท�าไมวนั นี้ม๊ะยังไม่ตนื่ เธอตกใจรีบลกุ ขน้ึ มา
ขยบั ตัวม๊ะเบา ๆ

“มะ๊ ๆ ต่นื ๆๆ ไดแ้ ลว้ ”
เธอพยายามเรียกม๊ะหลายครั้ง แต่ม๊ะไม่ยอมต่ืนข้ึนมา เธอเร่ิม
ใจคอไม่ดี น้�าในตาเริ่มไหลลงมาท่ีแก้ม เธอเอานิ้วมือแตะที่รูจมูกของม๊ะ
จนท�าให้ร้วู า่ ม๊ะของเธอไดจ้ ากไปแลว้ เธอรสู้ กึ ส้ินหวงั และส่นั ไปท้งั ตวั เธอ
พยายามต้ังสติและรีบไปขอความช่วยเหลือจากลุงข้างบ้านทันที ลุงได้พา
ม๊ะของเธอไปยังโรงพยาบาล หลังจากนั้นคุณหมอได้มาบอกว่าม๊ะของเธอ
เสียชีวิตจากโรคหัวใจ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าม๊ะเป็นโรคหัวใจ เธอรู้สึก
เสียใจและท้อใจเป็นอย่างมาก ท�าให้ตอนนี้เธอก�าพร้าท้ังม๊ะและเย๊าะ
ตง้ั แตอ่ ายยุ ังน้อย
เหตกุ ารณ์ในคร้ังนนั้ ทา� ให้ฟาเรยี รูส้ ึกเศรา้ สน้ิ หวัง หมดอนาคต
ไม่วา่ จะเปน็ เร่อื งการใช้ชีวติ การเรยี น โลกของเธอดูเหมอื นอย่ใู นความมดื
ท่ีไม่มีทางออก แต่แล้วก็มีผู้ที่ท�าให้ชีวิตของเธอมีแสงสว่างข้ึนมาอีกคร้ัง
น่ันกค็ ือนา้ ของเธอ ครอู าซีซะห์ และโซเฟียเพอื่ นสนทิ ซง่ึ ไมเ่ คยทอดทง้ิ เธอ
ในยามทไ่ี มเ่ หลือใคร
ฟาเรียไปอาศัยอยู่กับน้าของเธอชื่อว่า ฟาซียะห์ ซ่ึงมีลูกชาย
คนโตช่ือว่า ฮาบิร อายุสิบสองปี และมีลูกสาวคนเล็กช่ือว่า ตัสนีม อายุ
เกา้ ปี นา้ ของเธอมีอาชีพกรีดยางเป็นหลกั
คืนแรกท่ีฟาเรียอาศัยอยู่ท่ีบ้านน้า เธอรู้สึกกระสับกระส่าย
เล็กน้อยอาจจะเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับสถานท่ี เธอพลิกตัวบนเตียงนอน
ไปมาอยู่หลายครั้ง แตก่ ย็ ังนอนไม่หลับ
“ก๊ะฟาเรีย นอนไมห่ ลบั เหรอ”
“ใช่ ก๊ะรสู้ ึกวา่ ยังไม่คุน้ ชนิ กับทีน่ ม่ี ง้ั เดะ๊ ”

150

“เดะ๊ เข้าใจ เด๋ยี วไมน่ านคงจะชินนะกะ๊ ”
“ยอ…เดะ๊ นอนไดแ้ ล้ว”
เหตุการณ์ครั้งน้ันเป็นบทเรียนครั้งย่ิงใหญ่ของฟาเรีย ท�าให้เธอ
เกิดความคิดท่ีจะหลุดพ้นจากความทุกข์และพัฒนาตนเองให้ดีข้ึนเร่ือยๆ
ซ่ึงกฎของเวลาคือการเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีการย้อนกลับ รวมถึงตัวของ
เธอเองก็จะตอ้ งดา� เนินชวี ิตตอ่ ไป…
กริ๊ง กร๊ิง….เสียงนาฬิกาปลุกของฟาเรียดังขึ้นอีกคร้ัง เป็น
เหตุการณ์ประจ�าทุกวันของเธอ เพราะการตื่นเช้ามักจะได้เปรียบกว่าคน
ต่ืนสาย เหมือนที่ม๊ะของเธอเคยบอกไว้ เวลาตีห้าฟาเรียจะต้องออกจาก
บ้านเพื่อไปเก็บข้ียางกับน้าของเธอ การเก็บขี้ยางจะใช้เวลาในการเก็บ
สัปดาห์ละหน่ึงคร้ัง เธอจึงอาสาไปเก็บขี้ยางเป็นประจ�าเพื่อตอบแทน
บุญคุณน้าของเธอ โดยส่วนใหญ่เธอจะเก็บข้ียางในวันหยุด วันน้ีเป็น
วันจันทร์ฟาเรียจะต้องไปโรงเรียน แต่เธอก็ยังตื่นเช้ามืดเหมือนเดิม เธอ
จะเดินไปโรงเรียน แต่เม่ือมาอยู่บ้านน้าก็ต้องรอรถโรงเรียนมารับเพราะ
ระยะทางไกลจากโรงเรียนมากกว่าเดิม เมื่อถึงโรงเรียนเธอได้เจอครู
อาซซี ะห์ทีก่ �าลังรอตอ้ นรบั นกั เรียนที่หนา้ โรงเรียน...
“ฟาเรยี ตอนน้ีเป็นยงั ไงบา้ ง”
“ดีขึ้นมาแล้วนิดหนงึ่ ค่ะคร”ู
“ถ้าครูจะชวนมาท�าบูดูอัดแท่ง เธอโอเคไหม” ที่ครูอาซีซะห์
ชวนฟาเรยี มาท�าบดู ูอดั แทง่ นน้ั ก็เพราะว่าเธอเปน็ สมาชิกชมรมน้ีอยู่แล้ว
“ได้ค่ะครู หนูก�าลังหาอาชีพเสริมอยู่พอดีเลยค่ะ” ฟาเรียดีใจ
มากท่ีครูชวนมาท�าบูดูอัดแท่งเพราะเธอก็อยากมีรายได้ของตัวเองโดย
ไมต่ ้องรบกวนน้ามากนกั
“ชวนโซเฟียมาท�าด้วยนะเผ่ือจะเหงา” ครูอาซีซะห์หัวเราะ
เบาๆ
“ได้เลยคะ่ คร”ู

151

“บา่ ยสามวา่ งไหม เด๋ยี วครจู ะสอนวิธกี ารท�าให”้
“วา่ ง ค่ะคร”ู
เมื่อถึงช่วงบ่ายสามฟาเรียกับโซเฟียก็รีบมาตามที่ครูอาซีซะห์
นัดไว้ พอไปถึงก็ได้เจอกลุ่มแม่บ้านที่ก�าลังท�าบูดูอัดแท่งกับครูอาซีซะห์
พอดี
“มาเร็วจังเลยพวกเธอ”
“หนูตื่นเต้นมั้งคะครู” ฟาเรียหัวเราะกับเพ่ือนของเธอ เธอ
ตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยท�าบูดูอัดแท่งมาก่อนเลย อยากรู้ด้วยว่าข้ันตอน
การทา� เปน็ อยา่ งไร
“ครูคะแลว้ ต้องเตรยี มส่วนผสมอะไรบา้ งคะ”
“ครูซื้อมาเรียบร้อยแล้ว” ส่วนผสมก็จะมีปลาตาโต น้�าบูดู
หวั หอมแดง น้า� ส้มสายชู น้�าตาลทราย มะนาว พรกิ ข้ีหนู และใบมะกรูด
“งัน้ เรามาเร่มิ ท�ากนั เลยไหมคะ”
ครูอาซีซะห์ได้สอนวิธีการท�า ขั้นตอนแรกคือน�าปลามาล้างให้
สะอาดแล้วน่ึงให้สุก แกะเอาเฉพาะเนื้อปลา ส่วนหัวหอมแดง พริกขี้หนู
ใบมะกรูด จะปั่นให้ละเอียด จากน้ันเทน�้าบูดูลงกระทะใส่ส่วนผสมลงไป
รวมท้ังนา�้ สม้ สายชู น้�ามะนาว นา้� ตาลทราย คนให้เขา้ กันแล้วเคย่ี วจนแห้ง
เคี่ยวเสร็จก็เอาไปตากแห้ง แล้วอัดให้เป็นก้อน หลังจากนั้น
ตกแต่งก้อนบูดูที่ได้ให้สวยงาม แล้วน�าไปอบประมาณย่ีสิบนาที และ
ขั้นตอนสุดท้ายคือการน�าบูดูท่ีอบแล้วห่อด้วยพลาสติกหน่ึงช้ัน ตามด้วย
กระดาษฟอยล์อีกหน่ึงชั้น เสร็จแล้วบรรจุถุง ถุงละสามก้อนเพ่ือน�าไป
จ�าหน่าย
“ครู...หนูกับโซเฟียท�าเสรจ็ แล้วนะคะ”
“เก่งมากเลย พวกเธอเหน่อื ยกนั ไหม”
“ไม่เหน่ือยเลยค่ะครูแค่นี้สบายมากเลย แล้วจะไปต้ังขาย
ทไ่ี หนคะ”

152

“ตามร้านสะดวกซ้ือ เดี๋ยวครูจะพาพวกเธอไปรู้จักว่าร้านไหน
บา้ ง วนั หลงั จะได้ไปส่งกนั เองได”้

ก่อนท่ีจะไปวางขายสินค้านั้น ครูอาซีซะห์ได้ยื่นเงินให้ฟาเรีย
กบั โซเฟยี คนละรอ้ ยห้าสิบบาท

หลังเลิกเรียนโซเฟียจะเป็นคนอาสาไปส่งฟาเรียที่บ้านเกือบ
ทุกเย็น แต่วันน้ีก่อนท่ีจะกลับบ้านฟาเรียได้ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของ
โซเฟียไปส่งบูดูอัดแท่งตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ในอ�าเภอสายบุรี โดย
ผลิตภัณฑ์บูดูอัดแท่งที่ท�านั้นได้รับความสนใจจากชุมชนอย่างมาก เพราะ
เป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมีความแปลกใหม่ รสชาติอร่อย และเก็บไว้ได้นาน ถือว่า
เป็นนวตั กรรมใหมท่ างอาหารที่สามารถสร้างรายไดเ้ ป็นจ�านวนมาก

บูดูอัดแท่งได้กลายเป็นสินค้าโอท็อปประจ�าโรงเรียนและอา� เภอ
ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถส่งออกได้อีกด้วย บูดูอัดแท่งเป็นกิจการที่
เปล่ียนชีวิตฟาเรยี ใหด้ ีขน้ึ เปน็ ส่ิงทีท่ า� ให้เธอภาคภมู ใิ จ เมื่อปิดเทอมเธอจะ
มีเวลาว่างเยอะพอสมควร เธอก็จะมาท�าบูดูอัดแท่งและในท่ีสุดเธอก็
หลงรักงานท่ีท�าอยู่ตอนนี้ เธอภูมิใจที่สามารถหารายได้ด้วยตัวเอง เธอ
คิดเสมอว่าถ้าวันน้ันเธอไม่ตอบตกลงที่จะท�าบูดูอัดแท่ง วันน้ีอาจจะไม่มี
ชีวิตที่น่าภูมิใจขนาดน้ี ถึงแม้วันน้ีม๊ะกับเย๊าะจะไม่อยู่ดูแลเธอแล้ว แต่ถ้า
ทา่ นทงั้ สองรบั รคู้ งรูส้ ึกภมู ใิ จไมต่ า่ งจากความรสู้ กึ ฟาเรยี ตอนน้ี…

153

กุมปัง

ยสู รา มะยิ

เสียงกลองดังกระหึ่มปลุกใจ ประสานเสียงเพลงไพเราะชวน
หลงใหล ทกุ ๆ คืนผมจะซ้อมกุมปังกบั เพอ่ื นๆ อยเู่ สมอ เสียงหัวเราะเฮฮา
หยอกล้อของเพื่อนๆ ท�าให้ผมมีความสุขทุกคร้ังเม่ือมาซ้อม นับเป็น
ครอบครัวอีกหน่ึงครอบครัวท่ีผมรู้สึกว่าเมื่ออยู่ด้วยแล้วอบอุ่น หลายคน
รู้จักพวกผมในนามของ “วงอนาชีดกุมปัง” ต่างก็ชื่นชมพวกผมว่าเป็น
ตัวอย่างเยาวชนที่ดี ไม่เกเร ไม่ยุ่งเก่ียวกับอบายมุข แต่ใครจะรู้กว่าจะอยู่
จุดนีไ้ ด้ พวกผมต้องผ่านอะไรมาบา้ ง

ยังจ�าได้ดีเม่ือตอนยังเด็ก ผมมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นเหลือเกิน
ครอบครัวของผมมีอยู่ 4 คนด้วยกัน มีป๊ะ ม๊ะ ตัสนีมพี่สาวของผม และ
ผมคนสุดท้อง โดยที่ป๊ะเป็นเสาหลักของครอบครัว ป๊ะเป็นคนขับรถพ่วง
ส่งไม้ ส่วนม๊ะเป็นแม่บ้านไม่มีรายได้ พวกเราอาศัยอยู่บ้านไม้ยกสูง
ริมคลอง รอบบ้านเต็มไปด้วยพืชผักนานาชนิดซึ่งม๊ะเป็นคนปลูก มีต้นไม้
ใหญ่คอยให้ความร่มรื่น ข้างๆ บ้านมีพื้นท่ีกว้างส�าหรับจอดรถพ่วงของป๊ะ
ป๊ะมักจะชวนผมไปส่งไม้กับป๊ะอยู่เป็นประจ�า ช่วงนั้นนับเป็นช่วงชีวิตท่ีมี
ความสขุ ท่สี ุดของผมเลยกว็ ่าได้ เพราะหลงั จากน้นั ชีวิตของผมก็เปล่ียนไป

เม่ืออายุได้ 10 ขวบ ผมมักเห็นม๊ะแอบร้องไห้อยู่ทุกวัน รู้สึก
สงสัยว่าท�าไมม๊ะถึงร้องไห้ ด้วยความที่เป็นเด็กสงสัยอะไรก็มักจะถาม

154

ไปตรงๆ
“ม๊ะเปน็ อะไรท�าไมถงึ รอ้ งไห”้
ด้วยความเป็นแม่น้ันไม่อยากให้ลูกเห็นว่าตัวเองอ่อนแอ เลย

ปาดน้า� ตาบนใบหนา้ แล้วตอบลูก
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกลูก แค่หอมแดงเข้าตาเอง เม่ือกี้ม๊ะ

ท�ากบั ข้าวอยู่ไง”
แต่ความลับไม่มีในโลกหรอก เม่ือป๊ะกลับมาจากส่งไม้ ตอนนั้น

เวลาเกือบๆ เทย่ี งคนื ผมก�าลังหลับใหลอย่างสบายใจ ทันใดน้นั ได้ยนิ เสยี ง
เอะอะโวยวาย ย่ิงดังข้ึน...ดังข้ึน ผมและพี่สาวสะดุ้งต่ืนด้วยความตกใจ
สงสัยวา่ เกดิ อะไรขน้ึ เลยหนั ไปดมู ะ๊ แต่ม๊ะไม่ไดอ้ ยบู่ นทน่ี อน จึงออกไปดูใน
ครัวเผ่ือว่าม๊ะจะอยู่ตรงนั้น เม่ือเดินไปถึงห้องครัวก็เห็นป๊ะกับม๊ะก�าลัง
ทะเลาะกัน ผมจะวิ่งเข้าไปหาป๊ะแต่ถูกพ่ีสาวดึงตัวไว้ โดยที่ป๊ะกับม๊ะ
ยังไม่ทันเห็นผมกับพี่สาว เราสองคนแอบดูป๊ะกับม๊ะหลังตู้เส้ือผ้า เราก็
พอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เลยแอบร้องไห้กับพ่ีสาวสองคน พ่ีสาวลากผม
ให้ไปเข้านอน แต่เสียงป๊ะกับม๊ะนั้นดังเหลือเกิน จึงท�าให้ผมนอนไม่หลับ
และยังร้องไห้ไม่หยุด นานสักพักเสียงท่ีดังก็ค่อยๆ เบาลง ผมหลับไปโดย
ไมร่ ้ตู วั รู้ตัวอกี ทีก็เช้าอกี วันแล้ว

ผมร้องเรียกหาป๊ะแต่เช้า เพราะผมเป็นคนติดป๊ะมาก ม๊ะเลยดุ
ผมว่า

“อยา่ มาถามถึงปะ๊ อีก”
พอตกเย็นหลังเลิกเรียน ผมไปเล่นกบั เพือ่ นๆ ตามปกติ เมอ่ื ถงึ
เวลา 5 โมงครึ่งก็กลับมาอาบน้�ากินข้าวเพื่อเตรียมตัวไปเรียนอัลกุรอาน
ต่อ หลังจากเรียนอัลกุรอานเสร็จ ปกติเมื่อกลับไปถึงบ้านผมจะเห็นป๊ะ
นอนดูทีวีอยู่เป็นประจ�า แต่คืนน้ีผมกลับไม่เห็นป๊ะอยู่ตรงน้ัน เลยเอ่ยถาม
มะ๊ ไปว่า
“ม๊ะ...ปะ๊ อย่ไู หน ?”

155

ขณะน้ันม๊ะก�าลังล้างจานอยู่เม่ือได้ยินผมถามถึงป๊ะ ก็กระแทก
จานดว้ ยสีหน้าไมพ่ อใจ แลว้ เอย่ บอกผมว่า

“จะถามอะไรนักหนา ป๊ะแกไปมีความสุขกับครอบครัวใหม่เขา
แล้ว เขาไม่กลับมาหาแกอีกต่อไปแล้ว นับจากวันน้ีไปอย่ามาถามถึงป๊ะ
แกอีก”

ผมปล่อยโฮด้วยความเสียใจจากค�าพูดของม๊ะที่พูดถึงป๊ะ
แบบนั้น ผมตอบมะ๊ ไปว่า

“ไม่จริง..ป๊ะรักผม ป๊ะนอนกอดผมทุกคืนแล้วก็ซ้ือของเล่นให้
ผมมากกวา่ ม๊ะอกี ป๊ะไมม่ ีทางท้ิงผมไปแนน่ อน”

เม่ือได้ยินค�าพูดแบบน้ันจากปากผม น้�าตาของม๊ะก็ไหลออกมา
แล้วเขา้ มาโอบกอดผมดว้ ยความเศร้าเสียใจทถ่ี กู คนรักทิ้งไป

หลังจากป๊ะท้ิงเราไปครอบครัวของเราก็ล�าบากมาก ล�าบากจน
ไม่มีอันจะกิน ม๊ะจึงท�าทุกวิถีทางเพ่ือหาเงินเล้ียงดูผมกับพ่ีสาวเพียงล�าพัง
ทกุ ๆ คืนม๊ะยังคงรอ้ งไหเ้ พราะยังทา� ใจไมไ่ ด้ บางคร้ังก็กลวั วา่ ม๊ะจะคดิ มาก
แลว้ เปน็ อะไรไป

ผมจ�าได้ว่าน้าแถวๆ บ้านชอบมาหาม๊ะเป็นประจ�า หลังจาก
น้าคนนั้นกลับไป ม๊ะก็ชวนผมเอากระเป๋าเป้ไปให้วัยรุ่นชาย กระเป๋าเป้
ใบนั้นเป็นกระเป๋าท่ีน้าคนดังกล่าวเอามาให้ม๊ะ สาเหตุที่ม๊ะชวนผมไป
ก็เพราะว่าถ้ามีเด็กอยู่ด้วยต�ารวจก็จะไม่ค้นรถ เม่ือน�ากระเป๋าไปให้วัยรุ่น
ชายแล้ว เขาก็จะยื่นเงนิ ปกึ ใหญใ่ หม้ ะ๊ พอได้เงินมา มะ๊ กับผมกก็ ลับบ้าน

“มะ๊ ให้อะไรกับพี่คนเมอื่ กี้ ท�าไมเขาถงึ ให้เงินมะ๊ มากขนาดนน้ั ”
“มันไม่ใช่ของม๊ะหรอก เป็นของน้าท่ีฝากให้ม๊ะไปให้พี่เขาเฉยๆ
ขา้ งในนั้นเปน็ อะไร ม๊ะเองกไ็ ม่แนใ่ จ”
ผมกลับไปเล่าเหตุการณ์นัน้ ให้พ่ีสาวฟงั พีส่ าวก็ไปคยุ กบั มะ๊ ผม
พยายามเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ต่างคนต่างร้องไห้ ม๊ะสารภาพว่าไปส่งยาเสพติด
ใหว้ ยั รนุ่ คนนนั้

156

“ม๊ะขอโทษ...ที่ท�าแบบนั้นไปก็เพื่อท่ีจะหาเงินมาเล้ียงดูลูกๆ
นะ่ มะ๊ จนมุมจริงๆ ไม่รูว้ า่ จะทา� ยังไงใหไ้ ด้เงนิ มา”

“ไม่เปน็ ไรนะม๊ะ พวกหนูเข้าใจมะ๊ ทกุ อยา่ ง”
“แต่หลังจากนี้ม๊ะสัญญากับพวกเราได้ไหม ไม่ว่าจะล�าบาก
แค่ไหน มะ๊ จะไมท่ า� เรอื่ งแบบนอ้ี กี ”
“ม๊ะขอโทษ...ม๊ะสัญญาว่าจะไม่ท�าแบบนี้อีก ม๊ะลืมคิดเลยว่า
ถ้ามะ๊ ไมอ่ ยู่ลูกๆ จะอยกู่ บั ใคร”
จากนั้นม๊ะก็ท�าตามสัญญา เราล�าบากด้วยกันมาหลายปีท�าให้
ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ท�าให้ม๊ะต้องเสียน้�าตาเหมือนอย่างท่ีป๊ะเคย
ทา� กบั มะ๊
เวลาผ่านไปม๊ะเข้มแข็งข้ึนมาก ม๊ะเป็นทุกอย่างให้ผมกับพ่ีสาว
เป็นทง้ั พอ่ เพือ่ น เป็นทีป่ รกึ ษาท่ีดีที่สุดสา� หรับผม เขา้ ใจลกู เปน็ อย่างมาก
จากท่ีเคยล�าบากมากตอนน้ีก็มีพอใช้เน่ืองจากม๊ะสะสมเงิน
และมาเปิดร้านขายของช�าหน้าบ้าน ท�าให้มีเงินหมุนเวียนใช้และเก็บไว้
ให้ผมเรยี น
แว้นๆ ! เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังลั่นทั่วหมู่บ้าน เด็กวัยรุ่นใน
หม่บู า้ นตา่ งแตง่ รถเปลี่ยนทอ่ ใหเ้ สียงดัง บิดรถซิง่ ชวนให้หวาดเสียว พ่อแม่
ห้ามก็ไม่ฟังเอาแต่ใจ เพ่ือนชวนผมขึ้นรถแต่งท่อเสียงดังของเขา ด้วย
ความที่อยากจะมีเหมือนเพ่อื น เลยกลบั ไปบอกมะ๊
“มะ๊ ๆ นาอมี อยากมรี ถเหมอื นเพือ่ นๆ เขาบา้ ง”
“จะมีไปท�าไม สร้างความร�าคาญให้คนอ่ืนเปล่าๆ อีกอย่าง
บา้ นเรากไ็ ม่ได้มเี งนิ เหลอื ขนาดนั้นท่จี ะไปซ้อื ของทไี่ มจ่ า� เปน็ แบบนัน้ ”
ด้วยอารมณไ์ มพ่ อใจทีว่ บู ขึ้นมา ผมจงึ พดู วา่
“ถา้ ป๊ะยังอยู่ ปะ๊ คงจะซื้อรถให้ผมแลว้ ”
ผมพดู ด้วยความนอ้ ยใจม๊ะ ทีใ่ ห้ในสิง่ ที่ผมอยากไดไ้ ม่ได้
เม่ือไม่ได้ดั่งใจผมประชดม๊ะด้วยการท�าตัวเหลวไหล ติดเพ่ือน

157

สุดๆ เพื่อนชวนไปไหนไปด้วยหมด เพื่อนชวนท�าอะไรก็ท�าตามเพื่อน
แรกๆ ก็แค่ซิ่งรถกับเพื่อนๆ แต่พอนานๆ เข้าเพ่ือนสูบบุหร่ีเลยชวนผมสูบ
ด้วยความที่อยากรู้อยากลองว่ามันเป็นอย่างไร ผมก็ติดบุหรี่ในท่ีสุด แต่
ตอนน้ันม๊ะยังไม่รู้ จากบุหรี่ก็ลุกลามไปสิ่งเสพติดอันตรายมากขึ้น เร่ิมจาก
เพื่อนลองเพื่อนเลยชวนผม แต่ผมปฏิเสธเพ่ือนไปด้วยความท่ีตอนนั้น
นึกถงึ มะ๊ ขนึ้ มาวา่ ถา้ มะ๊ รูว้ ่าผมท�าตวั แยแ่ บบนั้นม๊ะต้องเสียใจมากแน่ ๆ

เมื่อกลับไปท่ีบ้าน เงียบกริบ ประตูปิดเหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน
แตเ่ ม่อื ดันประตูกร็ วู้ า่ ประตูน้ันไม่ไดล้ ็อก พรอ้ มมองหามะ๊ ทันใดนั้นม๊ะพดู
เสยี งดังลั่นบ้านว่า

“กลับมาแล้วเหรอไอ้ลูกตัวดี แกไปท�าอะไรมา อย่านึกว่าม๊ะ
ไม่รูน้ ะ”

สีหน้าของผมกังวลมาก พร้อมนึกในใจม๊ะคงต้องรู้แน่ๆ แต่
กลบั พดู ส่ิงทตี่ รงข้ามกับความคดิ

“อะไรมะ๊ มะ๊ พดู อะไร ผมไมเ่ ห็นเข้าใจเลย”
มะ๊ คว้าไม้เรยี วออกมา จับตวั ผมแลว้ ตผี มทง้ั น้�าตา
“มะ๊ เลยี้ งแกมาอยากใหแ้ กเปน็ คนดี ไม่ใชท่ า� ตวั เหลวไหลแบบนี้
แกท�าอะไรทา� ไมม๊ะจะไมร่ ู้ ม๊ะเสียใจจริงๆ ม๊ะเหน่ือยทีม่ ีลูกแบบนี้”
ผมร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดที่ท�าให้ม๊ะต้องเสียใจเสียน้�าตา
ท้งั ๆ ทเ่ี คยสญั ญากับตัวเองแลว้ ว่าจะไม่ท�าใหม้ ๊ะต้องเสยี นา�้ ตาเพราะผม
“ขอโทษมะ๊ นาอีมขอโทษนะมะ๊ นาอมี ผดิ ไปแล้ว”
“ขอโทษจะไดอ้ ะไรข้ึนมาถา้ แกยังทา� ตวั เหมอื นเดิม”
“นาอีมสัญญาม๊ะว่าหลังจากน้ีนาอีมจะไม่ท�าตัวเหลวไหลให้
ม๊ะตอ้ งเสยี ใจอีก”
ผมเขา้ ไปกอดมะ๊ พรอ้ มน�้าตาทว่ มหนา้
“สัญญาแลว้ กท็ า� ตามสัญญาดว้ ย”
มะ๊ ลูบหัวผมพร้อมเสยี งสะอน้ื

158

วันถัดไปเพ่ือนก็ยังมาชวนผมไปเข้าแก๊งเหมือนเดิม แต่ม๊ะห้าม
ไม่ให้ไป แต่ผมก็หาช่วงม๊ะเผลอแล้วออกไปหาเพ่ือนเพื่อที่จะไปสูบบุหร่ี
จนม๊ะตามหาผม แล้วมาเจอที่กระทอ่ มในปา่

“นาอีม…อยู่ไหน ทา� ไมท�ากบั ม๊ะแบบนี”้
มะ๊ ลากตวั ผมใหก้ ลบั บา้ น แต่ผมดือ้ ดงึ ไม่ยอมกลับ
“แกจะกลับรึไม่กลับนาอีม ถ้าไม่กลับวันน้ีก็ไม่ต้องกลับไป
เหยียบบ้านอีกต่อไป แล้วไม่ต้องมาเรียกม๊ะว่าม๊ะ ม๊ะไม่มีลูกท�าตัว
เหลวไหลแบบนี”้
พอกลับไปถึงบ้านทุกคนต่างร้องไหเ้ พราะการกระทา� ของผม
“คนอย่างแกพูดจาดีๆ ไม่รู้เร่ืองนาอีม ม๊ะจะขังแกในห้องไม่ให้
ออกไปไหน”
ผมร้องไห้เอะอะโวยวายไม่ยอมให้ม๊ะขัง พี่สาวกับม๊ะดึงตัวผม
เข้าไปในห้องแล้วล็อก ผมโดนขังหน่ึงสัปดาห์ ไม่ยอมกินข้าวกินปลา
จนกระทั่งป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาล ม๊ะกับพี่สาวดูแลผมอย่างดี แต่
เพื่อนของผมไม่เห็นแม้แต่เงา ท�าให้ผมคิดได้ว่าไม่มีใครรักเราหวังดีกับเรา
เท่าคนในครอบครวั
เม่ือตอนป่วยอยู่โรงพยาบาลท�าให้ผมได้คิดอะไรหลายๆ อย่าง
รู้สึกผิดหวังในตัวเองที่ท�าให้ม๊ะต้องเสียใจ ท้ังๆ ที่ม๊ะยอมท�าทุกอย่างเพ่ือ
ผม แต่ผมกลับตอบแทนมะ๊ ด้วยการท�าตวั แย่ ๆ
“ม๊ะ…ขอโทษส�าหรับทุกอย่างนะม๊ะ จากนี้ไปนาอีมจะท�าตัว
ให้ดีขนึ้ นาอมี สญั ญา”
“ม๊ะจะดีใจมาก ถ้านาอีมไม่กลับไปท�าตัวแบบเดิม ม๊ะจะ
รอดนู ะ”
หลายวันต่อมาอิหม่ามประกาศให้ผู้ปกครองพาลูกท่ีอยู่ใน
ช่วงวัยรุ่นไปประชุมท่ีมัสยิด เพื่อพูดคุยกับเด็กๆ และผู้ปกครองในเรื่อง

159

ของปญั หาทเ่ี กดิ ขึ้นในหมบู่ า้ น ม๊ะกลบั มาบอกผมว่า
“พรงุ่ น้ีเราไปประชุมทีม่ ัสยดิ กันนะนาอมี ”
“ประชุมอะไร แลว้ ทา� ไมผมต้องไปด้วย”
“เอาเถอะนา่ ไปแล้วแกกจ็ ะร้เู องแหละ”
“ผมไม่อยากไป ประชุมอะไรน่าเบ่ือ...ย่ิงประชุมกับรุ่นแม่ๆ

ดว้ ย เบอ่ื ตายเลย”
“ดพู ดู เขา้ ... ถอื ว่ามะ๊ ขอละกนั ให้แกไป ท�าเพื่อมะ๊ ได้ไหม”
สีหน้าไม่พอใจท่ีม๊ะบังคับให้ไป พร้อมตอบด้วยความไม่เต็มใจ

ไปวา่
“อา่ ๆ ไปกไ็ ป”
ถงึ วนั ประชุม
“อัสสลามุอะลัยกุมทุกๆ คน วันนี้ท่ีอิหม่ามเรียกมาประชุม

ก็เพราะว่าในหมู่บ้านของเราประสบปัญหาหลายๆ อย่างแต่ปัญหาใหญ่ๆ
หลักๆ น่ันก็คือปัญหาเด็กวัยรุ่น อิหม่ามจึงคิดวิธีการแก้ปัญหานี้และ
อยากให้ทุกๆ คนร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองหรือลูกๆ โดยอิหม่าม
จะให้เด็กๆ ท่ีสนใจ มีพรสวรรค์ มาฝึกฝนกุมปัง เพ่ือใช้เวลาว่างให้เกิด
ประโยชน์และเพื่อทีจ่ ะไมใ่ ห้มีเวลาไปยุ่งเกย่ี วกบั ส่ิงทีไ่ ม่ดี”

บางคนไม่รจู้ กั วา่ กมุ ปงั นั้นคอื อะไร เลยถามอิหมา่ ม
“อิหม่ามๆ แลว้ กมุ ปงั ที่วา่ คอื อะไรเหรอ ?”
“กุมปังก็คือกลองท่ีมีหนังแพะเป็นส่วนประกอบหลัก มีหวาย
หนึ่งเสน้ ส�าหรับยึดให้หนงั ตึง กุมปงั มีมาตั้งแต่สมัยท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.)
เมื่อตอนท่านนบีมูฮัมหมัดอพยพจากเมืองเมกกะไปยังเมืองมาดีนะห์
ชาวมาดีนะหไ์ ดต้ ้อนรบั ท่านดว้ ยการตกี มุ ปงั ”
ทุกคนฟังอย่างตั้งอกต้ังใจเม่ืออิหม่ามพูดถึงเร่ืองราวที่เก่ียวข้อง
กับท่านศาสดามูฮัมหมดั
ท่ีจริงอิหม่ามคิดหลายวิธีมากในการแก้ปัญหาคร้ังน้ี แต่นึก

160

ขึ้นมาได้ว่ามีเคร่ืองดนตรีชนิดหนึ่งท่ีอิหม่ามจ�าได้ว่าตอนเด็กๆ คนนิยม
เลน่ กนั แต่มาสมัยนีก้ ลองน้นั สญู หายไป แลว้ อหิ มา่ มจึงคดิ ฟืน้ ฟวู ฒั นธรรม
ทางด้านดนตรีขึ้นมาใหม่ แต่ในประเทศไทยไม่มีคนท่ีมีความรู้เกี่ยวกับ
กุมปังจึงต้องไปเรียนท่ีมาเลเซีย อิหม่ามได้ไปเรียนจนคล่อง ครูฝึกถึงขั้น
เอย่ ปากชมวา่ เรียนร้ไู ด้เร็วมาก

อิหม่ามหยิบกุมปังมาตีให้เด็กๆ และผู้ปกครองได้ดูด้วยสีหน้า
ทีภ่ าคภมู ิใจ

“อิหม่ามอยากให้เด็กๆ ตีกุมปัง เพ่ือเป็นดนตรีประกอบการ
ร้องอนาชดี และยงั สามารถเลน่ ในงานตา่ งๆ อกี มากมาย ไมว่ า่ จะเปน็ ขบวน
แห่ฝ่ายเจ้าบ่าวไปยังเจ้าสาว ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง แต่ประเด็นหลัก
คืออิหม่ามอยากจะฟื้นฟูเครื่องดนตรีกุมปังขึ้นมาใหม่ และอนุรักษ์เครื่อง
ดนตรกี มุ ปังนีส้ บื ตอ่ ไปยังชว่ั ลูกช่ัวหลาน”

หลังจากวันประชุมหน่ึงสัปดาห์อิหม่ามก็นัดเด็กๆ ให้มาซ้อม
ทุกวันหลังละหมาดอีชา น่ันก็คือเวลา 1 ทุ่ม แต่ผมผู้ไม่ชอบสู้หน้ากับ
ผู้คนมากมายตอนเวลาท่ีต้องไปแสดงจริง เลยไม่อยากไปเข้ากลุ่มด้วย
แต่ม๊ะขอผม อยากให้ผมเขา้ เพอื่ ท่จี ะให้ผมใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์

คืนถัดมาผมไปซ้อมกุมปังตามท่ีม๊ะเรียกร้อง เพ่ือนๆ ทุกคน
ยังคงเล่นกุมปังไม่เป็นอีก แต่ทุกคนก็ต้ังใจซ้อมมากจนอิหม่ามปลาบปล้ืม
ใจ หลังจากคืนน้ันผมไปซ้อมบ้างไม่ไปบ้าง แต่ก็มีทักษะการเล่นท่ีพัฒนา
ข้ึนเร่ือยๆ บางคนรู้สึกท้อจนไม่อยากเล่น แต่ก็มีเพ่ือนๆ ภายในทีมคอย
ให้ก�าลังใจ บางคนตีผิดจังหวะก็พากันหัวเราะเฮฮา จนสามารถเล่นได้
คล่องในระดับหน่ึง กระทั่งมีคนเชิญให้ไปแสดงงานเล็กๆ แต่เป็นงานแรก
ของพวกผม พวกผมตื่นเต้นกับงานน้ีมากเพราะไม่รู้ว่าจะต้องท�าตัว
อย่างไรบ้างในการแสดง

เมื่อถึงคืนแสดงเห็นได้ชัดว่าทุกคนต่ืนเต้นมาก มือส่ัน ปากซีด
จนถึงวินาทขี องการประกาศช่ือทีมพวกผมทีต่ อ้ งขึน้ ไปแสดง หวั ใจเต้นแรง

161

จนท�าอะไรไม่ถูก ยิ่งเม่ือข้ึนไปอยู่บนเวทีเท่าน้ันแหละเหมือนหัวใจไม่อยู่
กับเน้ือกับตัว เล่นผิดจังหวะบ้าง แต่หลังจากจบการแสดงอิหม่ามก็ยัง
ชื่นชมใหก้ า� ลงั ใจพวกผม

“เวทแี รกท�าได้ขนาดนี้ถือวา่ เกง่ มาก พัฒนากนั ตอ่ ไปนะเด็กๆ”
จุดเริ่มต้นจากคืนนั้นท�าให้หลังจากนั้นมีคนติดต่อให้ไปแสดง
อยู่เรื่อยๆ พอนานๆ เข้าพวกผมเร่ิมประกวดระดับอ�าเภอบ้าง ระดับ
จังหวัดบ้าง ทุกคร้ังที่ไปแข่งก็จะมีรางวัลติดไม้ติดมือตลอด ท�าให้พวกผม
มีชื่อเสียงมากขึ้น ทุกคนต่างรู้จักพวกผมมากข้ึน ท�าให้มีคนจ้างไปแสดง
ไม่ขาด และยังได้ค่าตอบแทนที่สามารถแบ่งเบาภาระม๊ะได้ ทุกคร้ังท่ีไป
แสดงเมื่อได้เงินมาผมจะให้ม๊ะทุกบาททุกสตางค์ ตั้งแต่นั้นมาม๊ะคงจะ
หายห่วงผมเยอะเลย
ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเองท่ีสามารถท�าตามสัญญาได้ และลึกๆ
ม๊ะคงจะภูมิใจในตัวผมเช่นกันที่ไม่เป็นเด็กเหลวไหลเหมือนก่อน แต่ที่
ภูมิใจไปกว่าน้ันคือได้อนุรักษ์เครื่องดนตรีท่ีเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์
ขน้ึ ชื่อของสงั คมมสุ ลมิ
นับต้ังแต่นั้นมาหมู่บ้านของผมก็ไม่มีปัญหาเด็กซิ่งรถ ปัญหา
ยาเสพติดค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากผู้คนช่ืนชมพวกผมว่าเป็น
เยาวชนแบบอย่างแล้ว ยังช่ืนชมหมู่บ้านพวกผมด้วยว่าเป็นหมู่บ้านแบบ
อยา่ งท่ดี ี

162

กลบั สู่มำตุภมู ิ
และกำรฟนื้ คืนของสวนสม้ จกุ

อติรจุ ดอื เระ

(1)
สายลมยามบ่ายพัดโบกต้นไม้ริมทางโอนไหวตามแรงลม ท่ีดิน
กว่า 6 ไร่ของป๊ะท้ายชุมชนบ้านแคเหนือ ก�าลังกลายเป็นที่ดินรกร้าง
มีเพยี งต้นหญา้ และต้นหนามขน้ึ ปกคลุม แมจ้ ะหลงเหลอื ตน้ สม้ จกุ ท่ปี ๊ะเคย
ปลูกไว้ใหพ้ อเหน็ อยบู่ ้างราวๆ 3-4 ตน้ แต่ก็ไมเ่ คยแตกดอกออกผลให้เก็บ
กิน และถึงจะออกผลจริงๆ ก็เห็นทีจะร่วงลงดินเสียมากกว่าจะตกถึงท้อง
เพราะไม่เคยมีใครอุตสาหะฝ่าดงพงหนามเข้าไปเก็บมากิน ผมแวะยืนมอง
ที่ดินซ่ึงเคยเป็นสวนส้มจุกอย่างไร้ความหวังก่อนจะสตาร์ทมอเตอร์ไซค์
คนั เก่ามุง่ ตรงกลับบ้าน
“ฮาซัน กลับมาอยู่บ้านเราเถิดลูก” ม๊ะรบเร้าผมเช่นทุกครั้งท่ี
กลบั มาเยีย่ ม
“ยังมีสัญญากับทางร้านอีกเดือนนึงครับม๊ะ” ผมให้ค�าตอบ แต่
ไม่ได้ตกลงเสียทีเดียวว่าจะกลับมาอยู่บ้านตามค�าขอ เพราะต้ังใจว่า
หลังจากหมดสญั ญากับรา้ นเดิมจะหางานในเมอื งหาดใหญท่ �าตอ่
“ม๊ะว่าถ้าลูกกลับมาอยู่บ้าน จะได้ช่วยฟื้นฟูสวนส้มจุกของป๊ะ
ท่ีดินต้ัง 6 ไร่ปล่อยท้ิงร้างไว้ก็ไร้ประโยชน์เปล่าๆ” ม๊ะพูดถึงแผนการ
ล่วงหน้า หากผมกลบั มาอยู่บ้านจรงิ ๆ

163

ม๊ะอาศัยอยู่บ้านเพียงล�าพัง ส่วนน้องสาวเรียนพักประจ�าอยู่
ปอเนาะในตัวอ�าเภอจะนะ ทุกวันนี้ท่านซื้อข้าวสารอาหารด้วยเงินจาก
การขายน้�ายาง ตกวันหน่ึงก็ได้ราวๆ 250 บาท ยิ่งช่วงท่ีราคายางตก
เงินเข้ากระเป๋าม๊ะก็ลดน้อยลง ส่วนผมลูกชายคนเดียวของบ้านถ้า
เม่ือก่อนก็เที่ยวเตร่จีบสาวไปวันๆ แต่เมื่อป๊ะเสียชีวิตกะทันหันด้วยภาวะ
หัวใจล้มเหลวจึงต้องคิดหางานท�าอย่างจริงๆ จังๆ มรดกท่ีป๊ะท้ิงไว้ให้
นอกจากบ้านไม้ยกพ้ืนสูงหลังเก่าแล้วก็มีสวนส้มจุกรกร้างอีก 6 ไร่ แม่
บอกให้ผมดูแลสวนต่อจากป๊ะแต่ผมปฏิเสธหลังชนฝา เพราะเช่ือว่าวัยรุ่น
ไฟแรงอย่างผมน่าจะหางานท่ีมีรายได้ดีและเท่กว่าการรดน้�าพรวนดินไป
วันๆ จึงตัดสินใจเดินทางมุ่งสู่เมืองหาดใหญ่ เมืองเศรษฐกิจอันดับต้นๆ
ของภูมิภาค แรกเร่ิมสมัครเข้าเป็นบริกรในร้านอาหารชื่อดัง ยกข้าว
ยกแกงอยู่ประมาณเดือนกว่าๆ กระท่ังผู้จัดการร้านทราบว่าเสียงดี
ร้องเพลงได้น่าฟัง จึงขยับต�าแหน่งให้ไปเป็นนักร้องประจ�าร้านแทน
พร้อมกับให้เซ็นสัญญาเป็นระยะเวลาสองปีเพื่อผูกมัดผมไม่ให้หนีกลับ
บ้านไปเสียก่อน ปีน้ีล่วงเข้าปีท่ีสอง การเป็นนักร้องท�าให้มีความสุขใน
ระยะแรกๆ เพราะได้ท�าในส่ิงท่ีตัวเองถนัด แต่เม่ือเวลาผ่านไปสักพัก
ก็พบว่าชีวิตว่างเปล่าและเคว้งคว้างเหลือเกิน ค่าจ้างเดือนละหน่ึงหม่ืน
บาทต้องแลกมาด้วยการสลัดท้ิงวิถีชีวิตเดิมๆ ผมไม่สามารถละหมาดได้
ครบห้าเวลา ศึกษาและอ่านพระคัมภีร์อัลกุรอานน้อยลง และเริ่มห่างเหิน
จากเพือ่ นๆ ท่ีเคยรู้จกั มักคนุ้ ในชมุ ชนบ้านแคเหนือ

“ไอ้ซัน พรุ่งนี้รีบกลับมาทร่ี ้านนะ พี่มีเร่อื งสา� คญั จะคยุ ด้วย”
“ครับพ่ี”
พช่ี ัย ผู้จัดการร้านโทรมาก�าชบั ใหผ้ มกลบั ร้านในวนั พร่งุ ผมเอง
รู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องส�าคัญของแกคือจะโน้มน้าวให้เซ็นสัญญากับทางร้าน
ต่อ ถึงตอนน้ีก็ยังไม่มีค�าตอบท่ีชัดเจนให้แกได้ ความสับสนวิ่งวนอยู่ในใจ
ผมข่มตาหลับท่ามกลางความมืดของคืนที่ไร้แสงจันทร์ ใบหน้าของป๊ะ

164

ลอยเขา้ มาในความนกึ คิด
(2)
อรุณรุ่งแย้มเส้นขอบฟ้า เสียงไก่แจ้ปลุกผมให้ต่ืนรับวันใหม่

เมื่อละหมาดซุบฮีเสร็จส้ินผมต้ังใจจะขับมอเตอร์ไซค์กลับหาดใหญ่ทันที
แต่แผนการไมเ่ ป็นไปตามนั้น ผมต้องอยูต่ ้อนรบั แขกคนส�าคญั ก่อน

“สวัสดีครับลุงชาญ สบายดีนะครับช่วงน้ี” ผมยกมือไหว้และ
เอย่ ถามสารทุกขส์ กุ ดิบ

“ก็กินข้าวกินน้�าได้ประสาคนแก่ๆ แหละไอ้บ่าวเอ๊ย” ลุงชาญ
เรียกผมวา่ ไอ้บา่ วมาแต่ไหนแต่ไร

“เป็นไงมาไงล่ะพ่ีชาญถึงได้มาเย่ียมกันถึงบ้านได้” ม๊ะถาม
แทรกขึ้นขณะยกกาน้�าชาและโรตีแบวังเจ้าเก่าหน้าปากซอยมาวางบน
แคร่ไม้

“ก็ตั้งใจจะมาเยี่ยมกุโบร์ยะยา และมาดูว่าลูกเมียมันยังอยู่ดี
รเึ ปล่า” ลุงชาญตอบคา� ถามมะ๊

ลุงชาญอาศัยอยู่บ้านแคใต้ เดิมทีแกเป็นคนนครศรีธรรมราช
ย้ายถิ่นฐานมาเป็นลูกกุลีรับจ้างกรีดยางให้อิหม่ามคนก่อนตั้งแต่ผมยัง
ไม่เกิด เมื่อเก็บหอมรอมริบเงินได้ก้อนหน่ึงจึงซ้ือที่ดินเป็นของตัวเองและ
เลิกจากการเป็นลูกกุลีหันมาท�าสวนปลูกผักผลไม้อย่างจริงจัง และแม้ว่า
ลุงชาญจะนับถือศาสนาพุทธและบ้านโดยรอบจะเป็นมุสลิมเสียส่วนใหญ่
แต่ความแตกต่างทางความคิดความเชื่อก็ไม่เคยเป็นปมปัญหา แกกลับมี
เพื่อนสนิทมติ รสหายท่เี ป็นมสุ ลิมมากมาย และหน่งึ ในคนท่สี นิทท่ีสุดกเ็ หน็
จะเป็นป๊ะของผมเอง ทั้งสองหลงใหลในการปลูกส้มจุกเหมือนกันจึงไปมา
หาสู่กันอยบู่ อ่ ย บางวนั ป๊ะจะขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าไปเยี่ยมลุงชาญ บางวนั
ก็เป็นลงุ ชาญเองทีม่ าเยยี่ มป๊ะถงึ สวน

“หลุมไหนแล้วนะของยะยา” ลุงชาญเอ่ยถามต�าแหน่งที่ตั้ง

165

กุโบร์ของป๊ะ
“หลุมแรกใกล้ๆ ต้นกระถินเลยครับลุง” ผมตอบกลับพร้อม

ชนี้ ้ิวเป็นสญั ลักษณ์
ลุงชาญเดิมดุ่มๆ พร้อมจับจอบหน่ึงด้ามตรงไปยังหลุมของป๊ะ

จากน้ันก็ยกด้ามจอบท�าท่าเหมือนจะขุด เห็นเช่นน้ันผมจึงรีบวิ่งเข้าไป
ปราม

“ลุงจะขุดหลุมป๊ะไม่ได้นะครับ” ผมกล่าวด้วยน้�าเสียงที่
หนักแนน่

“จะบ้าเหรอไอ้บ่าว ลุงจะถางหญ้าที่ขึ้นคลุมหลุมให้ต่างหาก”
แกตอบกลับ ผมถึงกับหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ลุงชาญลงมือถางหญ้าต่อ ผม
เข้ามาช่วยด้วยอีกแรง ไม่นานนักกุโบร์ของป๊ะก็ดูสะอาดตา หากวิญญาณ
ของปะ๊ รับรู้คงจะซาบซงึ้ ในน้�าใจของมติ รรักต่างศาสนาไม่น้อย

“ท�าไมลุงถึงรักป๊ะมากขนาดนี้ครับ” ผมเอ่ยถามด้วยความ
สงสัยขณะเดนิ กลบั จากกโุ บร์

“เพราะสม้ จุกไง” ลุงชาญตอบกลบั ส้ันๆ
“ส้มจกุ มันส�าคญั ยังไงเหรอครับ” ผมเคน้ ใหแ้ กอธบิ ายตอ่
“แปดปีก่อน ตอนน้�าท่วมใหญ่ลุงเกือบหมดตัว สวนกล้วย
8 ไร่ ท่ีก�าลังจะได้เก็บเก่ียวผลผลิตจมหายไปกับน้�า หนี้สินท่ีกู้ยืมมา
ส�าหรับซ้ือพันธุ์กล้วยและดูแลสวนเลยไม่สามารถใช้คืนให้เจ้าหนี้ได้
แต่แล้วป๊ะของเอ็งก็ย่ืนมือมาช่วย ให้ลุงยืมเงิน แต่มากไปกว่านั้นคือมัน
ยังมอบต้นกล้าส้มจุกให้ลุงอีก 10 ต้น พร้อมกับสอนวิธีการปลูกและดูแล
ให้ มันบอกว่าส้มจุกเป็นผลไม้ประจ�าถ่ินของจะนะ เมื่อก่อนทุกบ้านจะ
ปลูกกันไว้หน้าบ้านบ้าง ริมร้ัวบ้าง และท่ีถ่ายทอดวิชาให้ลุงไม่ใช่ว่าแค่
อยากช่วยลุงเท่านั้นแต่อยากอนุรักษ์การปลูกส้มจุกไม่ให้สูญพันธุ์อีกด้วย”
ลงุ ชาญเลา่ จนผมเหน็ ภาพ
“วันนี้ปะ๊ ของเอง็ ไมอ่ าจฟืน้ ขึ้นมาไดแ้ ลว้ แตส่ วนส้มจุกยงั ฟืน้ ได้

166

นะ” ลุงชาญท้ิงท้ายบทสนทนาและตบไหล่ผมเบาๆ หน่ึงครั้งแล้วแก
กเ็ ดินทางกลบั บ้านไป

(3)
ตะวันยามสายเร่ิมสาดแสงส่อง ผมลาม๊ะกลับหาดใหญ่ก่อนท่ี
ระดับรังสีความร้อนจะเพ่ิมมากขึ้น ระยะทางจากจะนะถึงหาดใหญ่
ประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเร็วสุดประมาณ 45 นาที แต่
ขณะขับมอเตอร์ไซค์กลับครั้งน้ีผมแทบไม่ได้สนใจเลยว่าใช้เวลาไปเท่าไหร่
มีเพียงประโยคทิ้งท้ายของลุงชาญเท่านั้นที่เข้ามาว่ิงวนอยู่ในความคิด
เปน็ ความสับสนเกนิ จะทง้ิ ขวา้ งไวร้ ะหวา่ งทาง
“หวดั ดีครบั พช่ี ัย” ผมยกมอื ไหว้
“เป็นไงบ้างกลบั บ้านไป แม่เอง็ สบายดีนะ” พี่ชยั ถามถงึ ม๊ะ
“สบายดีครับ แต่ช่วงน้ีราคายางตก เงินใช้แกเลยไม่ค่อยพอ
เท่าไหร่” ผมตอบกลบั
“มาพูดเรื่องงานของเรากันดีกว่า” พ่ีชัยตัดบทเข้าสู่โหมด
จริงจงั
“หมดสัญญาปลายเดือนน้ี ผมคงกลับไปอยู่บ้านเป็นเพื่อนม๊ะ
ละครับ” ผมชิงตอบก่อนท่ีค�าเชื้อเชิญให้เซ็นสัญญาต่อจะลอยมาจากปาก
ของแก
“กลับบ้านไปเอ็งจะท�ามาหากินอะไร อยู่น่ีมีเงินให้ทุกเดือน”
พช่ี ัยโยนค�าถาม
“ทา� สวนสม้ จกุ ครบั ทีบ่ ้านมที ่ดี นิ อยู่ 6 ไร่” ผมตอบด้วยนา�้ เสียง
ราบเรยี บ
“งั้นก็ตามใจเอ็งแล้วกัน ลองคิดทบทวนดูอีกทีแล้วค่อยมาให้
คา� ตอบ” แมจ้ ะอยากให้อยตู่ อ่ แตพ่ ่ชี ยั ก็ใหอ้ ิสระในการตดั สินใจแกผ่ ม
ผมยังคงร้องเพลงต่อไปจนครบหนึ่งเดือน ระหว่างน้ันก็โทรคุย

167

กับลุงชาญเพื่อปรึกษาหารือเรื่องฟื้นฟูสวนส้มจุกอยู่บ้าง เรื่องเงินตั้งต้น
ที่ต้องใช้ลุงชาญบอกจะให้ยืมก่อน แล้วค่อยคืนเมื่อขายผลผลิตได้
ตอนแรกก็เกรงใจแต่เม่ือส�ารวจเงินในบัญชีของตัวเองซ่ึงมีเหลือไม่ถึง
ห้าหลัก จงึ ตอบตกลงแกไป

“พรุ่งนี้กลับไปอยู่บ้านแล้วนะม๊ะ” ผมต่อสายโทรศัพท์แจ้ง
ข่าวดี

“อัลฮัมดุลิละห์ คิดถูกแล้วลูก” ม๊ะอุทานขอบคุณพระเจ้าเป็น
ภาษาอาหรบั

“พรุ่งน้ขี อกนิ ขา้ วยา� น�้าบดู ูฝีมือมะ๊ นะครบั ”
“ได้สิ มะ๊ จะท�าให้กินสดุ ฝมี อื เลย”
บทสนทนาส้ินสุดลงแต่ความชื่นมื่นในใจเหมือนก�าลังเร่ิมต้น
ออกเดินทาง ผมจัดเสอ้ื ผา้ ใสก่ ระเป๋าและเข้านอนทันทเี ม่อื เลกิ งาน
“จุกกรู๊ๆๆ” นกเขาชวาของป๊ะขันร้องตั้งแต่เช้าราวกับต้ังใจ
ตอ้ นรบั การกลับมาอยบู่ า้ นของผม
“อัสสลามุอะลัยกุม” ผมทกั ทายม๊ะตามธรรมเนียมมสุ ลิม
“วะอะลัยกุมุสสลาม” ม๊ะตอบรับการทักทาย พร้อมอ้าแขนให้
ผมเขา้ โผกอด ลกู ชายวยั ยสี่ บิ ต้นๆ แมจ้ ะโตสักแค่ไหน แตก่ ย็ งั เปน็ เดก็ น้อย
ในสายตาม๊ะอย่วู นั ยังคา่�
ม๊ะปัดกวาดห้องท่ีป๊ะเคยนอนไว้ให้ผม ส่วนห้องนอนเก่าผมน้ัน
ไม่เคยมีเพราะเมื่อก่อนผมนอนตรงพื้นท่ีว่างหน้าโต๊ะโทรทัศน์มาตั้งแต่
เดก็
ขณะจดั เสื้อผา้ และข้าวของเคร่อื งใชเ้ ข้าที่ พระเจ้าบนั ดาลใหผ้ ม
เจออัลบั้มภาพเล่มหน่ึง ปกหน้ามีรอยฉีกขาดและฝุ่นเกาะอยู่แน่น ผมใช้
ผา้ เชด็ คราบฝุ่นออกและค่อยๆ เปดิ ดภู าพขา้ งในอย่างระมดั ระวงั ภาพแรก
ป๊ะยืนยิ้มอยู่ท่ามกลางต้นส้มจุก มือข้างหน่ึงเท้าสะเอวอีกข้างจับด้ามจอบ
ไว้แน่น ภาพถัดมามีนายแบบและนางแบบคนอ่ืนๆ เข้ามาร่วมถ่ายด้วย

168

ปรากฏลุงชาญให้เห็นอยู่หลายภาพ บางภาพถ่ายผลส้มจุกท่ีโตเต็มท่ี
สีเขียวสดพร้อมจะเก็บผลผลิต ภาพท่ีแสนประทับใจท่ีสุดเห็นจะเป็นภาพ
ทีป่ ๊ะ ม๊ะ ลุงชาญและชาวบ้านคนอน่ื ๆ ยืนโอบสม้ จุกผลโตไวส้ องมือ ทุกคน
ยิ้มปากกวา้ ง เปน็ รอยยิ้มท่ีมีความสุขเกินจะบรรยาย

“ฮาซัน ลุงชาญมารอแล้วลูก” เสียงม๊ะดังข้ึน เรียกสติผม
กลับออกจากภวังคค์ วามทรงจา� ของเรอื่ งราวในภาพ

“จัดของเสร็จแล้วครับ สักครู่นะม๊ะ” ผมแจ้งให้คนรอทราบ
ก่อนจะคว้าสมุดบันทึกและปากกาน�้าเงินหน่ึงด้ามออกจากห้องไปด้วย
วนั นี้ผมและลงุ ชาญเรามนี ดั กันไปดสู วนส้มจกุ ที่รกรา้ งของป๊ะ

“สวสั ดีครบั ลงุ ชาญ” ผมทักทาย
“ไปกนั เลยไหม” ลุงชาญกลา่ ว
“ครับผม” ผมตอบกลับด้วยแววตาทเ่ี ป่ยี มไปดว้ ยความหวัง
เม่ือถึงสวน ลุงชาญก็ยืนมองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเร่ิมเดินส�ารวจ
โดยรอบ ผมเดนิ ตามหลังแกไปตดิ ๆ
“เอ็งรู้ไหม เม่ือก่อนส้มจุกท่ีอร่อยท่ีสุดในจะนะอยู่ท่ีไหน”
ลงุ ชาญโยนคา� ถาม
“บ้านแคเหนือรึเปล่าครับ” ผมตอบดว้ ยความลังเล
“ถูกต้อง และส้มจุกท่ีอร่อยท่ีสุดในบ้านแคเหนือก็คือส้มจุก
ทเ่ี ติบโตในสวนแห่งน้ีแหละ”
“ทา� ไมละครับ” ผมถามดว้ ยความอยากรู้
“ก็เพราะป๊ะเอ็งมันไม่ใช้ปุ๋ยเคมีไง ดินท่ีใช้ปลูกเลยไม่เสื่อม
ส้มจุกที่นี่จึงไม่ใช่ส้มจุกกลายพันธุ์แต่เป็นส้มจุกจะนะแท้ๆ ที่ทั้งผลสวย
มีกล่ินหอม และรสชาติหวานปนเปร้ียวไม่มีท่ีไหนสู้ได้เลย” ลุงชาญพูด
ก่อนจะสง่ ยิ้มใหผ้ ม
“โดยเฉพาะคนจีน หลายคนมาจองส้มจุกของป๊ะเอ็งข้ามปี
กันเลยกม็ ี” ลุงชาญเล่าต่อ

169

“คนจีนชอบกนิ สม้ จกุ ดว้ ยเหรอครับ” ผมถาม
“ชอบกินน่ะส่วนหนึ่ง แต่โดยส่วนใหญ่คนจีนนิยมน�าส้มจุกไป
ไหว้เจ้า เพราะเชื่อว่าจุกด้านบนของผลส้มมีรูปทรงคล้ายถุงทองซึ่ง
หมายถงึ ความรงุ่ เรอื ง” แกอธิบาย
“อย่างน้ีนี่เอง” ค�าอธิบายของลุงชาญช่วยให้ผมเข้าใจหลายสิ่ง
หลายอยา่ งเกย่ี วกบั ปะ๊ และส้มจุกมากขึ้น เพราะตัง้ แตม่ ัธยมศกึ ษาปีที่ 1-6
ผมก็ถูกส่งไปเรียนท่ีอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย กว่าจะได้กลับบ้าน
ก็ภาคเรียนละคร้ัง กลับมาแต่ละครั้งก็อยู่บ้านได้ไม่นานนัก ท้ังยังไม่ได้
สนใจใดๆ เกย่ี วกับสวนส้มจกุ ของปะ๊ เลย
(4)
สองวนั หลังจากเดนิ ส�ารวจสวน ลงุ ชาญกลบั มาพร้อมกบั ลูกชาย
ฝาแฝดคือ ชวนและชม พวกเขาและผมร่วมแรงร่วมใจกันลงมือถากดง
พงหญ้าอย่างขะมักเขม้น เมื่อถึงม้ือเท่ียงก็พักรับประทานอาหารอร่อยๆ
ฝีมือม๊ะ เป็นเช่นนี้อยู่ส่ีวันกระทั่งสวนส้มจุกของป๊ะโล่งเตียน จากน้ัน
ลุงชาญก็น�าต้นกล้าส้มจุกจากสวนของแกมาลงหลุมให้กว่ายี่สิบต้น และ
ก�าชับผมอย่างเคร่งครัดว่าให้อดทนและหมั่นดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง
เพราะส้มจุกแตกต่างจากส้มพันธุ์อื่นๆ ต้องดูแลเป็นพิเศษ ผมน้อมรับ
ค�าแนะน�าของแกแต่โดยดี
“ขอบใจนายทง้ั สองมากเลยนะ” ผมขอบคุณชวนและชม
“เฮ้ย ไม่เป็นไรเร่ืองแค่น้ีเล็กน้อยเอง ป๊ะนายก็เคยช่วยพ่อเรา
ไวเ้ ยอะ” ชวน แฝดผูพ้ เ่ี อ่ยข้ึน
“ได้กลับมาเจอนายก็อดคิดถึงตอนสมัยเด็ก ๆ ไม่ได้เลย ยัง
จ�าได้ไหมตอนน้ันที่เราไปกระโดดน�้าสระกันในสวนของน้ายะยา แล้วม๊ะ
ของนายกา� ก้านมะยมมาตามนายให้กลับบ้านไปอา่ นอลั กุรอาน วนั น้นั นาย
ว่ิงหนีซะสุดชีวิต เส้ือผ้าก็ไม่ใส่ ลูกสาวเขาเห็นกันท้ังซอย” ชมเอ่ยถึงเร่ือง

170

ตลกขบขันของผมในวันวาน ก่อนท่ีเราทั้งสามจะหัวเราะลั่นกันออกมา
ท้ังชวนและชมอายุไล่เล่ียกันกับผม เมื่อก่อนลุงชาญพาสองคนน้ีมาเล่น
กับผมบ่อย เล่นดีดลูกแก้ว เป่ากบ ซ่อนแอบ และท่ีบ่อยสุดก็คงเป็นเล่น
น้�าในสระของป๊ะ แต่หลังจากจบช้ันประถมศึกษาลุงชาญส่งพวกเขาไปอยู่
กบั ยายที่นครศรีธรรมราช เราจงึ ไมไ่ ดเ้ จอะเจอกนั อกี เลย

สายลมยามบ่ายพัดโบก ต้นไม้ริมทางโอนไหวตามแรงลม
ที่ดิน 6 ไร่ของป๊ะท้ายชุมชนบ้านแคเหนือก�าลังฟื้นคืนเป็นสวนเพาะปลูก
ผลไม้ประจ�าถิ่นอย่างส้มจุกอีกคร้ัง ต้นกล้าส้มจุกยืนต้นสง่างามท่ัวทั้ง
สวน ผมและมะ๊ น่งั มองอยบู่ นแครใ่ ต้รม่ ไมด้ ้วยความอิ่มเอบิ ใจ

“สวนส้มจุกคงไม่อาจฟื้นคืนมาได้เลยนะครับ ถ้าเราไม่ได้รับ
ความช่วยเหลอื จากลงุ ชาญ” ผมเอย่ ขึ้น

“ใช่แล้วลูก ความจริงเราต้องขอบคุณป๊ะด้วยท่ีปฏิบัติดีกับ
ลุงชาญโดยไม่แบ่งแยกศาสนา หรือความเป็นคนนอกคนในพื้นท่ี ท้ังสอง
จงึ เปน็ เพื่อนกันโดยไมม่ ีขอ้ จา� กัดใดๆ มาขวางกัน้ ไดเ้ ลย” มะ๊ กล่าว

“พูดถึงป๊ะแล้ว ผมว่าถ้าป๊ะรับรู้ว่าสวนส้มจุกอันเป็นที่รักก�าลัง
ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้งด้วยแรงแห่งมิตรภาพ ท่านเองคงอิ่มเอิบใจไม่น้อย
เลยทเี ดยี วนะครับ”

“ใช่ ป๊ะรักสวนนี้มาก รักและภาคภูมิใจเพราะส้มจุกเป็นผลไม้
ท่ีเปน็ ตัวแทนของความเป็นจะนะ”

“ผมก็รักส้มจุกและรักสวนนี้เหมือนกันครับ แต่ผมรักม๊ะ
มากกว่าส่ิงอ่ืนใด ผมสัญญาว่าจะไม่ท้ิงม๊ะไปไหนอีกแล้วนะครับ จะนะ
บ้านเรามีสิ่งดีๆ มากมายให้ท�า ผมจะอยู่ท่ีน่ีดูแลม๊ะและดูแลสวนส้มจุก
ของป๊ะเพ่ืออนุรกั ษ์ผลไม้ประจ�าถนิ่ ไม่ใหส้ ูญพันธ์ไุ ปจากจะนะบา้ นเรา”

171

ขำ่ วครำวของลมหนำว

วะยุห์ คงออ่ น

“ความตายคือความยุติธรรมจากพระเจ้าที่ทุกชีวิตล้วนต้อง
พบเจอ การก่อก�าเนิดขึ้นใหม่ของลมหายใจหน่ึงอาจสร้างแรงกระเพ่ือม
แห่งความปีติยินดีให้แผ่ซ่านอยู่ในทุกกระเบียดน้ิวของหัวใจ แต่บางครั้ง
การจากไปของลมหายใจหนึ่งต่างหากที่ท�าให้เรากลับมาเห็นคุณค่าของ
ชีวิต ไม่มีใครคนใดหนีความตายได้ พระองค์ทรงสร้างพวกเราข้ึนมาอย่าง
มีเป้าหมายและทรงสร้างความตายไว้เบื้องหน้า เราก่อเกิดเพ่ือดับส้ินใน
วันหน่ึง ใช้ชีวิตหลังความตายในโลกอะลัมบัรซัค ตามสภาพท่ีได้กระท�าไว้
ตอนยังมีชีวิต แล้วกลับมาฟื้นคืนชีพในวันแห่งการสอบสวนเพ่ือตอบแทน
ความดีความช่ัว ไม่มีเหตุผลอันใดที่เราท่านท้ังหลายจะปรารถนาสิ่งชั่วช้า
เม่ือต่างประจักษ์แจ้งแก่ใจว่าความตายอยู่ใกล้กับเราเหมือนเส้นเลือด โอ้
พี่น้องผู้ร่วมศรัทธาทั้งหลาย จงกลับตัวในอดีตที่เคยพลั้งพลาด ความผิด
ของท่านอาจใหญ่หลวงนักแต่ความเมตตาและความรักของเอกองค์
อัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้าน้ันยิ่งใหญ่กว่า จงผินหลังให้ความเลวทรามต�่าช้า
และหันหน้าเข้าหาความดี เพื่อในวันที่ท่านฟื้นคืนชีพข้ึนมา ท่านจะได้
ไม่เป็นผู้ขาดทุน” สิ้นเสียงโต๊ะคอเต็ปอ่านคุ๊ตบะห์ละหมาดวันศุกร์ เสียง
อิกอมะห์ก็ดงั ขนึ้ ในไม่ก่วี นิ าทีต่อมา ผคู้ นจัดแถวละหมาดอย่างเพียบพร้อม
ราวกับกองทพั ทหารท่ถี ูกฝึกมาอยา่ งดี

172

“แถวหน้ายังไม่เต็ม” ฮาชิมกล่าวพร้อมชี้นิ้วเรียวยาวให้ดาวุด
ขยับขึ้นมายนื

“อัลลอฮ์ ฮูอัคบัร” เสียงตักบีรดังกึกก้องไปทั่วมัสยิด พลัน
ทุกเสียงสงบเงียบงันราวกับไม่มีผู้คน ฮัจยีฮูเซ็นผู้ท�าหน้าท่ีเป็นอิหม่าม
ก็เริ่มอ่านซูเราะห์ฟาติฮะห์แล้วตามด้วยซูเราะห์ในอัลกุรอาน เสียงท�านอง
อัลกุรอานขานก้องไปท่ัวมัสยิด บางวรรคตอนท่ีพูดถึงการลงโทษในนรก
ความเจ็บปวดเขา้ จบั กุมขั้วหวั ใจจนน�้าตาไหลเอ่อคลอเบา้ พอถึงวรรคตอน
ที่พดู ถงึ การตอบแทนในสรวงสวรรค์ พลนั ทุกดวงใจปีตจิ นเออ่ ลน้ ทกุ อย่าง
ด�าเนินต่อไปจนเสร็จสิ้น นี่คือแบบฉบับที่ยึดถือปฏิบัติต่อกันมากว่าพันปี
แล้ว ต้ังแต่ท่านศาสดามูฮัมหมัดน�าสาส์นแห่งพระเจ้ามาเผยแพร่ เสร็จสิ้น
พิธีละหมาดวันศุกร์ต่างคนต่างรีบสาวเท้าถ่ีออกนอกมัสยิด ยะมีลเร่งใส่
ถุงเท้าจนไม่ทันได้สังเกตว่าขากางเกงข้างซ้ายเข้าไปติดข้างในถุงเท้า ก็
แหงสิ เปน็ ถงึ ปลัดอา� เภอคงงานยงุ่ ทว่ มคอ นนั่ อาเดลคงรบี กลับไปขายเนื้อ
ส่วนน่ันยะฝาดพุ่งตรงไปตลาดเพ่ือไปช่วยอาอิชะฮ์ขายข้าวย�ากับกรือโป๊ะ
น่นั ก่อหรนู สินะ คงรีบกลบั ไปขับรถสองแถว และน่นั ฟารกุ เด็กชา่ งอนาคต
ไกลผู้ใฝ่ฝันอยากเปิดอู่ซ่อมรถ ขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจหายไปในม่านฝุ่น
เหลือแต่อารีฝีนนั่งชงกาแฟฟรีท่ีมัสยิดต่อ คนตกงานจะไปไหนได้ พิธี
ละหมาดวันศุกร์ก็ครึกครื้นแบบน้ีแหละ เพราะเป็นการละหมาดใหญ่
ประจ�าสัปดาห์ท่ีมีการกล่าวคุ๊ตบะห์ตักเตือนก่อนละหมาด เป็นภาคบังคับ
ท่ีมุสลิมชายทุกคนต้องเข้าร่วม จึงมักเห็นคนทุกกลุ่มวัย ต่างอาชีพ หรือ
แม้กระทั่งข้ียา ทั้งที่จริงแล้วการละหมาดห้าเวลาท่ีมัสยิดคือหน้าท่ีที่พึง
ปฏบิ ัติทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะวนั ศุกร์

...ข้ามไปอีกฟากของชุมชนมุสลิม บ้านเก่าสับปะรังเคถูกทุบท้ิง
เพอื่ แปรเปล่ียนเปน็ ศนู ย์การค้า ตึกโออ่ ่ารปู ทรงประหลาดถกู ออกแบบโดย
สถาปนิกฝีมือดีจากในเมือง สร้างอาณาเขตแห่งความศิวิไลซ์ข้ึน บ้านช่อง
ค่อยๆ ถูกรื้อท้ิงจนไม่เหลือบ้านหลังใดในอาณาบริเวณน้ัน ตึกยี่สิบเจ็ดชั้น

173

ก้ันด้วยกระจกหนาทุกด้านผุดขึ้นวางท่าโอ่อ่าอยู่ใจกลาง สิ่งปลูกสร้างเริ่ม
ขยายอาณาเขตรุกล้�าเข้ามาจนถึงชุมชนมุสลิม ตรงข้ามมัสยิดน่ันคือ
โรงจ�าน�าขนาดใหญ่ อีกท้ังร้านกาแฟทรงโมเดิร์นก็ถูกสร้างไม่ไกลกับกุโบร์
มากนัก โรงเรียนตาดีกาน่ันก็ด้วยเกือบจะถูกห้อมล้อมด้วยร้านสะดวกซ้ือ
24 ช่ัวโมง ส่งเสียงร้องท้ังวันทั้งคืนไม่รู้จักเจ็บคอ ความเจริญลุกลาม
คืบคลานเข้ามาทุกด้านจนประจันหน้ากับชุมชนมุสลิม ยังดีที่ไม่มีค�าสั่งให้
ร้ือถอนบ้านเรือน มัสยิด กุโบร์ และโรงเรียนตาดีกาท้ิง ด้วยท่านก�าธร
สหสันติธรรม นักธุรกิจใหญ่ในเมืองน้ียังมีเมตตาต่อชาวมุสลิม ให้พื้นที่
พวกเขาได้ท�ามาหากิน อยู่อาศัย และปฏิบัติศาสนกิจ ท่ีดินท้ังมัสยิด
โรงเรียนตาดกี า รวมไปถงึ กุโบร์ลว้ นเป็นของท่านโดยกรรมสทิ ธ์ิ แตส่ ญั ญา
ของท่านท่ีถูกร่างด้วยปากเปล่ากลับเป็นพันธะท่ียึดมั่นหัวใจของชาวมุสลิม
ทุกคนไว้ว่า ท่านจะบริจาคท่ีดินตรงน้ีเพ่ือสาธารณประโยชน์ อีกท้ังท่าน
ก�าธรยังมีความเมตตาต่อชาวมุสลิมด้วยการรับลูกหลานของพวกเขาเข้า
ท�างานท้ังฮาชิม ฮากีม อับบาส อามินะห์ และอีกหลายชีวิตต่างทา� งาน
อยู่กับท่าน ด้วยเหตุน้ีท่านก�าธรจึงเป็นท่ีเคารพของชาวมุสลิมในพื้นที่ แต่
ตรงกันข้ามอีกฝั่งที่ดินหลังชุมชนมุสลิมด้านที่ติดกับมัสยิด กุโบร์ และ
โรงเรียนสอนศาสนาตาดีกาน้ัน กลับเป็นป่าทึบห่างไกลความเจริญไม่มี
แม้ดวงไฟ ส่วนถนนคอนกรีตน้ันย่ิงไม่ต้องถามถึง ว่ากันว่าเป็นที่อยู่ของ
กลุ่ม “ตะกับโบ” ผู้เรียกร้องสันติผ่านปลายกระบอกปืน แม้โจรตะกับโบ
จะเป็นท่ีเล่าขานกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ก็ไม่มีใครเคยเจอพวกเขาหรอก
อาจเปน็ แคน่ ทิ านกอ่ นนอนของเด็กๆ ในชมุ ชนนี้ก็เทา่ น้นั

...ดวงอาทิตย์ทิ้งดวงลงไปในดงปา่ ม่านความมืดคอ่ ยๆ คลายตัว
ลงมาปกคลุมชุมชนมุสลิม ก่อนจันทร์เพ็ญจะแต้มดวงลอยคว้างอยู่กลาง
ราตรี เมืองนี้เรืองรองอยู่ท่ามกลางแสงนีออนที่วิทยาการและความก้าวล�้า
ถูกสอดแทรกอยู่ในทุกหัวมุมของถนน ส่ิงประดิษฐ์วิทยาศาสตร์สร้างความ
สว่างไสวไปท่ัวทง้ั เมอื งแข่งกบั ความจา้ ของพระจันทรใ์ นคืนค�า่ แต่กบั หัวใจ

174

บางดวงกลับรู้สึกมืดด�าแม้ถนนทุกเส้นจะถูกประดับไปด้วยโคมไฟจาก
อเมริกา เมื่อมีข่าวประกาศว่า ท่านก�าธรเสียชีวิตแล้วด้วยภาวะหัวใจ
ล้มเหลวเฉียบพลัน แสงจันทร์ยังสาดกระทบกับล�าคลองหลังบ้านของ
อะมนิ ะห์ หลอดไฟทกุ ดวงในเมืองก็เชน่ กัน แตใ่ นภวังค์ทกุ ชีวิตกลบั รู้สกึ ถึง
ความมืดสนิท ลมหนาวยะเยียบโชยมาจากกุโบร์ ฮัจยีฮูเซ็นผู้เป็นโต๊ะ
อิหม่ามและเป็นผู้น�าชุมชนรีบคว้าเส้ือโต๊ป กระทืบคันเร่งตรงไปยังบ้าน
ท่านกา� ธร กอ่ นอิบรอฮมี ผเู้ ป็นลูกชายจะขับมอเตอร์ไซคต์ ามมา ไมก่ ช่ี ว่ั โมง
หลังข่าวการเสียชีวิตของท่านก�าธรแพร่ออกไป ชาวบ้านกว่าร้อยชีวิตมา
รวมตัวกันอย่างไม่รู้เหตุผลว่าท�าไมต้องมา แค่ในหัวใจลึกๆ บอกพวกเขา
แบบนั้น นาฬิกาบนข้อมือของฮาชิมบอกเวลาตีสาม จันทร์เพ็ญเร่ิมทิ้งดวง
ไปในหบุ เขา ลมหนาวยะเยยี บพดั โชยมาอีกระลอก อีกไม่กช่ี ่ัวโมงตะวนั จะ
แต้มดวงลอยเด่นข้ึนอีกฟากของหุบเขา แสงจันทร์ก�าลังจะหายไป แสง
หลอดไฟจากบ้านท่านก�าธรก็ด้วย ฟ้าเริ่มทอแสง ตามด้วยเสียงอาซาน
ขับท�านองผ่านห้วงกาลของสายลมแผ่วพล้ิวแต่หนักแน่น พวกผู้ชายเริ่ม
ทยอยกันไปมัสยิดเพื่อละหมาดซุบฮี ส่วนผู้หญิงบางส่วนก็กลับบ้านเพื่อ
ละหมาด และบางส่วนที่ละหมาดไม่ได้ด้วยมีประจ�าเดือน ก็ยังเฝ้าอยู่
ท่ีบ้านของท่านกา� ธร

...ไก่โห่ขานรับวันใหม่ แม้วันน้ีฟ้าโปร่งเห็นริ้วเมฆแต้มสีขาว
บางๆ อยู่ตรงขอบฟ้า นกก�าลังบินออกจากรังเพ่ือหาอาหารประทังชีวิตให้
อยู่ต่อ อากาศไม่ร้อนไม่หนาวก�าลังดี แต่บรรยากาศกลับไม่สดใสเหมือน
เสียงของนกบางตัวบนสายไฟ หัวใจทุกดวงยังตกอยู่ในห้วงของความ
เศร้าโศก ท่านก�าธรไม่มีญาติมากนัก มีก็เพียงลูกชายคนเดียวซ่ึงตอนน้ีอยู่
เมืองนอก ทุกคนในชุมชนต่างรู้จักคุณศุภกรดี ด้วยหลังจากภรรยาของ
ท่านก�าธรเสียชีวิตในขณะที่คุณศุภกรอายุแค่ 2 ขวบ ทุกคนในชุมชนก็
เป็นเหมือนแม่ของเขาอีกคน เลขาของคุณก�าธรน่าจะส่งข่าวไปหาคุณ
ศุภกรต้ังแต่เม่ือคนื นาฬิกาบนขอ้ มือของฮาชิมบอกเวลา 9 โมงเชา้ ปอรเ์ ช่

175

สแี ดงสดวิง่ ตรงเข้ามาทางประตูบ้าน
“คุณศุภกรมาถงึ แลว้ ” เสียงจากใครสักคนดงั ข้นึ
ทุกสายตาจับจ้องไปยังหนุ่มผิวขาว ดวงตากลมโต ผมสีด�า

ประกายน้า� ตาล ก้าวเท้าลงจากรถสปอรต์ ในชดุ สูทที่แมแ้ ตค่ นบ้านๆ อยา่ ง
คอดียะหย์ ังรบั รู้ได้ถงึ ความหรูหรา

“คุณศุภกรคะ เชิญข้างในก่อนค่ะ ท่านอิหม่ามรออยู่” เสียง
เลขาสาวสวยอ่อนนุ่มลอยมาแทรกในความเงียบ พร้อมเปิดประตูบ้าน
ผายมอื ให้เห็นน้ิวเรยี วยาว

ทุกคนทอี่ ยใู่ นบา้ นลุกขึ้นยืนรวมถึงฮจั ยีฮเู ซ็นและลกู ชาย
“น่ังลงเถอะครับ” เสียงทุ้มเล็ดลอดออกมาจากล�าคอ ฟังดู
อ่อนนุ่มละมุนแต่ในขณะเดียวกันน้ันกลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
“ขอบคุณทุกคนมากที่มาในวันนี้ ท่ีดูแลพ่ออย่างดีมาโดยตลอด เด๋ียวผม
จดั การทเี่ หลือต่อเอง” วา่ แลว้ แตล่ ะคนก็เริ่มทยอยเดินออกจากบ้าน
อะมินะห์ผู้ซึ่งเคยหอมฟัดแก้มอันอ่อนนุ่มเมื่อคร้ังศุภกรยังเป็น
เด็กสง่ ย้ิมมายังเขา แต่เหมอื นเขาจะจ�ารอยยิม้ และแววตานน้ั ไมไ่ ด้ หรอื ไม่
กแ็ กล้งไม่สนใจ
“งัน้ ผมกลบั กอ่ นนะครบั ขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆ” เสียง
ฮัจยีฮูเซ็นแผ่วเบาและแหบพร่า ตามด้วยเสียงของอิบรอฮีมผู้เป็นลูกชาย
“ผมกลบั กอ่ นนะครบั ”
ศุภกรฉีกย้ิมท่ีมุมปากพร้อมพยักหน้า แล้วเดินออกไปส่ง
อิหม่ามและลูกชาย หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็ถูกจัดแจงตามขนบ
ธรรมเนียมจนเสรจ็ สิ้น ดวงอาทติ ย์ทง้ิ ดวงในหุบเขาอีกวนั หน่งึ แลว้
ม่านราตรีก�าลังคล่ีคลุม จันทร์ลอยต่องแต่งอยู่กลางราตรีอัน
ยาวนาน ส่องแสงทาบสะท้อนกับคลองหลังบ้านอะมินะห์เหมือนเคย
หลอดไฟทุกดวงก็ยังส่องแสงกระทบกับแอ่งน้�าตามริมฟุตพาทเหมือนเดิม
แต่รู้สึกบางส่งิ บางอย่างเรม่ิ เปลย่ี นไป

176

...ลมหนาวหอบโชยมวลอากาศแปลกประหลาดพัดผ่าน
หน้าต่างเข้ามา เป็นอีกคืนหน่ึงที่ศุภกรตื่นข้ึนตอนรุ่งสาง ไม่รู้เพราะมวล
อากาศประหลาดน่ันหรือเพราะเสียงอาซานจากมัสยิด เขาไม่คุ้นชินกับ
ที่นี่เอาเสียเลย ท้ังเสียงอาซาน กลิ่นข้าวย�าบูดู การพูดภาษายาวี การ
แต่งตัวประหลาดๆ มันดูไม่สบอารมณ์เขาไปหมด ไม่รู้ว่าด้วยไปอยู่
เมืองนอกตั้งแต่เด็กเลยไม่คุ้นชิน หรือเพราะแนวคิดหวาดกลัวอิสลามท่ี
โหมกระพือไปทั่วทุกมุมโลกกันแน่ ท�าให้เขาไม่ชอบชาวบ้านในชุมชนน้ี
เอาเสียเลย จนพาลไล่ทุกคนที่เป็นมุสลิมออกจากท่ีท�างานรวมไปถึง
คนสวนและคนขับรถเก่าของพ่อที่เป็นมุสลิมก็มีชะตาไม่ต่างกัน ได้แต่
คิดว่าพ่ออยู่ร่วมกับคนพวกนี้ได้อย่างไร ยิ่งนานวันความเกลียดชังก็ย่ิง
ทวคี วามรนุ แรงมากยงิ่ ขน้ึ

“อิหม่ามๆ เกิดเรื่องแล้ว” เสียงฮาชิมยืนโหวกเหวกอยู่หน้า
บ้านฮจั ยีฮูเซน็ จนแพะในคอกตน่ื ข้นึ มาดตู น้ เสยี ง

“มอี ะไรฮาชิม” เสียงแหบพรา่ ปลิวออกมาทางหน้าตา่ ง
“คนในตลาดเขาลือกันว่า คุณศุภกรเข้ามารับช่วงต่อกิจการ
ของคุณกา� ธร”...
“ก็ใช่น่ะสิ จะตกใจท�าไม กธ็ ุรกิจของพอ่ เขา”
เสยี งฮาชิมแทรก “แต.่ ..”
“แต่อะไร”
“แต่ได้ข่าวว่าตอนน้ีที่ดินของมัสยิด กุโบร์และโรงเรียนตาดีกา
ก�าลงั จะถกู ยึดคนื ชาวบ้านเขาลอื กันท่ัวตลาด ผมพาแม่ไปตลาดเลยไดย้ นิ
มา...”
“ไหน วา่ อะไรนะเม่อื กี้”
“คอื วา่ ...”
ไม่ทันฮาชิมได้กล่าวซ�้า รถสปอร์ตสีแดงก็คลานต้วมเต้ียมเลย
ก�าแพงบ้านอิหม่ามเข้ามา “ว่างไหมครับคุณอิหม่าม ขอคุยอะไรด้วย

177

หนอ่ ยส”ิ เสยี งทุม้ หนกั แน่นเล็ดลอดผา่ นกระจกติดฟลิ ม์ ทึบที่ลดต่�าลง
“เข้ามานง่ั ในบา้ นก่อนสิครับ” อิหม่ามตอบกลบั พร้อมฉกี ยมิ้
ในเวลาเดียวกันนั้นอิบรอฮีมก็กลับมาจากสอนหนังสือเด็กๆ ท่ี

โรงเรยี นตาดกี า
“พอดีเลย นี่คุณศุภกรมีเรื่องจะคุยด้วย มาน่ังนี่สิ” อิหม่ามยิง

เสยี งแหบพรา่ ไปหาลูกชาย
“งั้นผมกลับก่อนนะครบั ” ฮาชิมเอย่
“อสั สลามอุ ะลัยกุม ไปกอ่ นนะครับ”
“วะอะลยั กมุ ุสสลาม” อหิ มา่ มกล่าวตอบ
“เข้าเร่ืองเลยนะครับ อิหม่ามน่าจะรู้ถึงจุดประสงค์ที่ผมมา

วันนี้ หรือถ้าหากยังไม่รู้ผมขออนุญาตอธิบายนะครับ คือว่าท่ีดินตรงน้ัน
เป็นที่ดินของพ่อซึ่งตอนน้ีชาวบ้านมุสลิมใช้ประกอบศาสนกิจอยู่ เอ่อ...”
ศุภกรเงียบไปครู่หน่ึง ก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาของอิหม่าม “ผมต้อง
ขอพดู ตรงๆ วา่ ทดี่ ินตรงนัน้ ผมขอคืนนะครับ”

สิ้นประโยคอิหม่ามและลูกชายเงียบไปครู่ใหญ่ เม่ือเห็นท่าไม่ดี
ศุภกรจึงเปลง่ ค�าพูดทา� ลายความเงยี บ

“เอ่อ...”
“คุณไม่ต้องอธิบายหรอกครับ ผมเข้าใจดี” อิหม่ามชิงพูดก่อน
“ผมเข้าใจดีว่าที่ดินตรงนั้นคงราคาทวีข้ึนหลายเท่าแล้ว แม้อีกฝั่งจะเป็น
ป่าแต่อีกฝั่งคือมหานครอาณาจักรของคุณ แต่พวกเราขอได้ไหมครับ ขอ
เวลาให้พวกเราอีกสักหน่อย ให้ชาวบ้านได้ตั้งตัวและท�าใจ หาท่ีละหมาด
ใหม่ หาท่ีฝังศพใหม่ ให้เวลาเด็กๆ เหล่านั้นได้เรียนในโรงเรียนตาดีกาอีก
สกั หนอ่ ย เพราะบางทีหลังจากนพ้ี วกเขาอาจไม่ได้มหี อ้ งเรียนอีก คณุ ไม่ผิด
หรอกครบั ผมเขา้ ใจดีแตอ่ ย่างน้อยๆก็ขอเวลาพวกเราอีกหน่อยได้ไหมครบั
ถอื เสียวา่ เห็นแกช่ าวบ้านนะครบั ” อิหมา่ มกล่าวช้าๆ จนเสียงย่ิงแหบพร่า
“เอ่อ... ว่าแต่คุณศุภกรจะเปลี่ยนที่ตรงนั้นเป็นอะไรนะครับ”

178

เสียงอบิ รอฮีมเอย่ ถาม
“อ้อ ผมจะเปล่ียนเป็นศูนย์การค้าและก็โรงแรม” ศุภกรเอ่ย

พรอ้ มหลบสายตาอบิ รอฮีม ทง้ั ทีใ่ นใจไม่ได้คดิ อย่างนน้ั ชาวบ้านเขาลือกัน
ให้ท่ัวว่าท่ีตรงน้ันจะถูกเปลี่ยนเป็นผับบาร์ กุโบร์น่ันก็คงถูกเปล่ียนเป็น
บอ่ น

“อย่าคิดมากไปเลยครับอิหม่าม ท้ังหมดน้ีก็เพ่ือความก้าวหน้า
ของชมุ ชนของเรา” ศุภกรกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “ถา้ อิหมา่ มเข้าใจดแี ลว้
รบกวนแจง้ ชาวบา้ นด้วยนะครับ ถา้ มีอะไรติดต่อมาทผ่ี มได้เลย งั้นผมกลบั
กอ่ นนะครับ” ศภุ กรกลา่ วลา

“ค�่าแล้ว ไปพร้อมกันก็ได้ครับ ผมกับลูกจะแวะไปมัสยิดพอดี”
อิหมา่ มกลา่ ว

ศุภกรยักค้ิวข้างหน่ึงพร้อมเอ่ยปากให้เสียงลอดออกมา “ก็ดี
เหมอื นกนั ครบั ทางยงิ่ เปลีย่ วๆ อยู”่

แล้วรถสปอร์ตก็คลานออกไป ตามด้วยมอเตอร์ไซค์สองพ่อลูก
เนื่องจากบ้านอิหม่ามอยู่ค่อนมาทางฝั่งป่า ทางเลยค่อนข้างล�าบาก
สองข้างทางก็มีแต่ป่ารก ไฟสักดวงข้างถนนยังไม่มี ฝุ่นคลุ้งจนรถสปอร์ต
เปลีย่ นสอี ยา่ งเห็นได้ชัด ชุดโตป๊ สขี าวอิหม่ามกเ็ หมือนกัน ไม่ทนั จะพ้นโค้ง
ตรงทางข้างหน้า ทันใดน้ันเสียงปืนก็ดังข้ึน ศุภกรเหยียบเบรกกะทันหัน
อิหม่ามซ่ึงขับตามมาชนเข้าให้อย่างจัง แต่ดีท่ีทั้งคู่กระโดดทัน เสียงปืน
ค�ารามข้ึนอีกนัดท่ามกลางความเงียบสงัดในราวป่า กระสุนวิ่งฝ่าทะลุ
กระจกฟิลม์ ด�า เฉ่ยี วปลายใบหศู ภุ กรจนเขาสมั ผสั ไดถ้ งึ แรงลมผ่านหน้า

อบิ รอฮมี รบี เปดิ ประตดู งึ ตวั ศภุ กรทต่ี อนน้ตี กอย่ใู นภวงั ค์ออกมา
จากรถ แล้วรีบลากเข้าไปในป่าข้างทาง ศุภกรได้สติเม่ือเสียงปืนนัดที่สาม
ไล่หลงั พวกเขามา แต่พลาดไปเดด็ ใบไมแ้ ทน

ท้ังสามว่ิงเข้าไปในป่าเพื่อเอาชีวิตรอด ในหัวศุภกรตอนนั้น
เต็มไปด้วยค�าถาม ใคร? ท�าไม? เพ่ืออะไร? หรือจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ

179

หรอื วา่ เป็นกล่มุ ตะกบั โบ หรอื อาจเป็นโจรป่าหวงั ปลน้ ทรพั ย์ หรือเปน็ ชาว
มุสลิมที่ไม่พอใจที่เขายึดท่ีดินคืน แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะอิหม่ามก็อยู่ด้วย
ถ้าเป็นมุสลิมก็คงไม่กล้ายิงไล่ตอนอิหม่ามพาเขาหนี ท้ังสามย่ิงวิ่งลึกเข้าไป
ในราวปา่ พลางในหวั ศภุ กรก็คิดหาคา� ตอบจากค�าถามดังกล่าวซา�้ ๆ

“พอก่อนเถอะอาเยาะห์” พวกมันคงไม่ตามมาแล้ว อิบรอฮีม
กล่าวพรอ้ มหายใจรวั

“ก็ดีเหมือนกัน อาเยาะห์เหมือนจะเป็นลม ไม่ว่ิงแบบนี้มานาน
แคไ่ หนแล้ว”

แล้วท้ังสามก็หย่อนก้นลงบนพื้นดินที่ปูด้วยใบไม้หนาเตอะ
พร้อมเอนหลังพิงต้นไม้ด้วยความเหนื่อยหอบ พระจันทร์ส่องแสงลอดมา
ทางยอดไม้ เปน็ ประกายวบั บนแว่นตาของศภุ กร

“พวกเขาเป็นใครครับอหิ ม่าม” ศุภกรถามดว้ ยเสยี งส่นั เครอื
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมอยู่ที่นี่มานานอาจเคยได้ยินเสียงปืน
อยบู่ ้าง แต่ไม่เคยเจอกบั ตวั น่เี ป็นครงั้ แรกเหมือนกัน”
“แล้ว... แล้วคุณช่วยผมไว้ท�าไมครับ” ศุภกรหันหน้าไปหา
อบิ รอฮมี
“เอ่อ... จรงิ ๆ แลว้ ถา้ พวกคณุ สองคนแคห่ นมี า ปล่อยใหผ้ มอยู่
ในรถ พวกมันก็อาจยิงซ�้าจนวิญญาณผมถูกดึงออกจากร่าง แล้วที่ดิน
ทงั้ หมดก็จะไม่ถกู ยดึ ...”
“คุณพดู อะไรออกมา” อบิ รอฮมี แทรก พลางท�าหน้างุนงง
“อิสลามสอนให้เราช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ท่านนบีมูฮัมหมัด
สอนพวกเราว่า “ผู้ที่ดีท่ีสุดในหมู่พวกท่าน คือผู้ที่สร้างประโยชน์ให้กับ
เพ่อื นมนุษย์ได้มากท่สี ุด” อิหม่ามกลา่ วเสรมิ พร้อมส่งยม้ิ ให้
“ขอโทษนะครบั แลว้ ไมใ่ ชม่ สุ ลิมหรอกหรือทเ่ี ป็นผู้กอ่ การร้าย”
ศภุ กรถามดว้ ยแววตาสงสยั
“ไม่ใชห่ รอก ไม่มคี า� สอนในศาสนาสอนแบบน้นั เลย เราถูกสอน

180

ให้รักสันติ ถูกห้ามไม่ให้ตัดต้นไม้ ฆ่าเด็ก ผู้หญิง คนชรา นักบวช และ
บุคคลท่ีไม่เกี่ยวข้องแม้ในยามสงคราม เราถูกสอนให้รู้จักป้องกันตัว แต่
ไม่มีโองการไหนให้พวกเราเป็นผู้ระราน ยิ่งการฆ่าผู้อื่นยิ่งเป็นบาปใหญ่
เราถูกสอนให้เมตตาแม้กระท่ังกับสุนัขท่ีเราสัมผัสน�้าลายไม่ได้ ในหลัก
ค�าสอนมีรายงานบันทึกว่ามีผู้หญิงโสเภณีคนหนึ่งได้เข้าสวรรค์เพียง
เพราะตักน�้าให้สุนัขกิน เราถูกสอนให้รักเพื่อนบ้าน ห้ามสร้างความ
เดือดร้อนไม่ว่าจะด้วยทางใดแม้กระท่ังวาจา ทางร่างกายยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ฉะน้ันแล้วการจะปล่อยให้คุณถูกฆ่าตายโดยที่ให้พวกเราว่ิงหนีไป ผม
ทา� มนั ไมล่ งหรอก” อบิ รอฮมี กลา่ วพร้อมฉีกย้มิ

ศุภกรนิ่งไปช่ัวขณะ ก่อนก้อนความคิดภายใต้กะโหลกของเขา
จะตกตะกอนออกมา เหมือนโดนศรปักลงที่กลางอก เขามองมุสลิมผิด
มาโดยตลอด เขาเช่ือว่ามุสลิมเป็นแบบนั้นแบบน้ีโดยฟังจากค�าที่เขาว่า
กันว่า เสพจากส่ือท่ีแพร่กระจายข่าวจนเกิดเป็นโรคหวาดกลัวอิสลาม เขา
ตัดสินมุสลิมโดยที่ไม่เคยได้สัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งว่ามุสลิมเขาใช้ชีวิต
กันอย่างไร เหมือนศุภกรจะเร่ิมเข้าใจพ่อ ขณะเดียวกันนั้นท่ามกลาง
แสงจันทร์พร่าเลือนเหมือนมีพระจันทร์อีกดวงมาแต้มแสงอยู่ในใจเขา
ดับมอดความอคติท่ีเคยมีกับมุสลิมจนมลายส้ิน เขาไม่รู้หรอกว่าคืนน้ีเป็น
ฝีมือของใคร โจรป่า คู่แข่งทางธุรกิจ กลุ่มโจรตะกับโบ หรือใครก็ช่าง
นั่นไม่ใช่ค�าถามของเขาอีกต่อไปแล้ว การเฉียดตายที่แลกมาด้วยการได้
เข้าใจอะไรมากข้ึนท�าให้เขาลืมความกลัวไปหมดส้ิน คงจริงสินะที่เขาว่า
อย่าตัดสินใครว่าเลวเพียงเพราะฟังคนอื่นเล่า ความน่ากลัวท่ีเป็นบ่อเกิด
ของความแตกแยกไม่ใช่ศาสนา หากแต่เป็นความอคติในหัวใจคนเรา
ตา่ งหาก

เขาย้ิมให้กับพระจันทร์ก่อนจะมองไปยังสองพ่อลูก ซึ่งผล็อย
หลับไปสักพักแล้วด้วยความเหน่ือยล้า เขาก็เผลอหลับตามไป ค�่าคืน
ยาวนานทิง้ รอยเท้าไว้เบือ้ งหลงั ก่อนพระจนั ทรจ์ ะทิง้ ดวงหายไปในหบุ เขา

181

“ผู้กอง... เจอแล้วครับ” เสียงนายทหารชั้นประทวนนายหน่ึง
ดังขึ้น พร้อมส่องแสงไฟฉายไปยังสามชีวิตท่ีนอนอยู่ ทั้งสามคนสะดุ้งตื่น
ไม่รู้ว่าเพราะแสงไฟฉายหรือเสียงตะโกนกนั แน่

“ปลอดภยั ดไี หมครับ” เสียงผู้กองหนมุ่ เปลง่ ถาม
“อัลฮมั ดุลลิ ะห์ ปลอดภยั ดคี รับ” อิหม่ามกล่าวตอบ
“คุณหาพวกเราเจอไดอ้ ย่างไร” ศภุ กรเอ่ยถามด้วยเสียงงวั เงยี
“พวกเราออกลาดตระเวนตอนตีสี่แล้วผ่านมาเจอรถพวกคุณ
จอดอยู่กลางป่า อีกทั้งยังมีร่องรอยกระสุนท่ียางแล้วก็กระจกฝั่งคนขับ
พวกเราเลยกระจายก�าลังออกตามหา จนมาเจอพวกคุณน่ีแหละครับ”
ผกู้ องหนุ่มตอบ
“ข้ึนรถเถอะครับ รถพวกคุณคงขับกลับไปไม่ได้แล้ว เด๋ียวผม
ไปส่ง” ผู้กองยื่นมือมาช่วยพยุงพร้อมส่งย้ิมให้ แล้วท้ังสามก็ขึ้นรถกระบะ
ลาดตระเวนของทหาร
รถเคลอื่ นตวั ออกจากถนนไปในดงปา่ ทว่ี างทอดทางยาวคดเคย้ี ว
พระจันทร์หายตัวไปสักพักแล้ว พระอาทิตย์ก�าลังจะแต้มดวงวันใหม่
ลมหนาวยะเยียบพัดเอื่อยมา ทัง้ สามคนนงั่ อยู่ท้ายกระบะหลงั ก่อนพลขับ
จะหักโค้งเลี้ยวอย่างมืออาชีพ ลมหนาวก็พัดมาอีกระลอก ศุภกรจ้องมอง
ไปยังสองพ่อลูกท่ีนอนหลับหัวชนกันอยู่ข้างๆ เขา รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏ
ท่ีมุมปาก ก่อนจะลุกลามเต็มปากจนเกินต้านไหว หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ
พระอาทติ ย์วนั ใหมก่ �าลงั จะโผลพ่ ้นขอบฟ้า เหมอื นสันตภิ าพก�าลังก่อตวั ...

182

เรื่องสั้น
ระดับประชาชนท่วั ไป



เงอื กปัตตำนี

รตี รติธรณ

ริมหาดที่ม้วนคลื่นเอ้ือมไม่ถึง ความรู้สึกจึงยังด�ารงอยู่ตรงน้ัน
ไม่ถูกซัดท�าลายเพิ่มเติม... แม้จะเป็นเพียงรูปหล่อจากปูนปลาสเตอร์
แต่ภายในกลับซุกซ่อนหัวใจของมนุษย์เอาไว้ หัวใจดวงที่มีรอยฉีกขาดเป็น
ทางยาว ความสุขร่วงพรูออกจากรอยขาดน่ันตั้งนานแล้ว ท้ังหมดจึงมีแต่
กลวงเปล่า ท่ีค�าปลอบโยนใดๆ ก็ถมไม่เต็ม... ริมหาดท่ีม้วนคลื่นพยายาม
เออ้ื มใหถ้ งึ เศษซากของรอยแตกร้าวยังด�ารงอยู่ ไรก้ ารเยียวยา

- สมหิ ลา –
“อะไรนะ! พดู วา่ อะไร”
ความม่ันใจเพียงน้อยนิดร่วงกราวกระทบพื้นกระจัดกระจาย
เด็กหญงิ หนั ไปรอบตัว เกรงวา่ อาจมคี นไดย้ นิ
“เอ้า!... วา่ ยงั ไง” แม่ค้าร่างท้วมตะเบง็ ถาม ทัง้ ที่ห่างกันเพยี ง
โต๊ะค่นั
มือเล็กละจากตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ตรงหน้า ไม่กล้าเงยข้ึน
สบตา ความรู้สึกท่ียังไม่แน่ใจว่าเรียกอะไรพยายามบอกให้เธอออกไป
จากตรงนั้น แต่อีกหน่ึงคือความเสียดายกลับเหน่ียวร้ัง วิงวอนให้อดทน
ต่อสายตาชิงชัง เพราะเธอชอบมันเหลือเกิน ตุ๊กตาเงือกตัวเล็กๆ น่ัน
แม้รู้ดีว่าถูกสร้างข้ึนจากปูนปลาสเตอร์ แต่ดูราวกับมีชีวิตจริง รอยย้ิม

185

อบอนุ่ ออ่ นหวาน เหมือนจะมอบใหเ้ ธอเพยี งผู้เดียว
“จะเอาตัวไหน... พูดงึมง�าฟังไม่รู้เร่ือง” ประโยคหลังแม่ค้า

จงใจหันไปพูดกบั แม่คา้ อีกคน
“โอ๊ย... พวกน้ีเขาพูดกันแบบน้ีท้ังน้ันล่ะ พูดภาษาของเขา

ไมพ่ ูดหรอกภาษาไทย” แมค่ า้ รูปรา่ งผอมใช้น�้าเสยี งแดกดนั
สีหน้าสลดลง สุไรดาอยากร้องไห้ออกมาตอนน้ัน แต่ก็กลัว

เกินกว่าจะหลั่งน�้าตา ความรู้สึกท่ียังไม่แน่ใจเม่ือสักครู่เริ่มชัดเจน
“น้อยเนื้อต่�าใจ” เข้าครอบครอง พวกเขาอาจฟังเธอไม่รู้เร่ือง แต่เธอ
ฟังเข้าใจทุกค�า การถูกปฏิบัติราวกับเป็นมนุษย์จากต่างจักรวาล บ้าใบ้
ฟังภาษาไทยไม่แตกฉาน มันเจ็บปวดนะ... เจ็บจี๊ดเข้าไปถึงเซลล์เล็กๆ
ทปี่ ระกอบขึ้นเปน็ หัวใจ แม้ไม่ใช่ครัง้ แรก แต่จะเปน็ ครง้ั ทเี่ ทา่ ไหรก่ ็ไมช่ นิ
ไม่ใช่สิ่งท่ีต้องท�าใจให้คุ้นชิน ความผิดแผกไม่ใช่ความผิด... เด็กหญิง
สูดหายใจยาวอกี ครงั้ รวบรวมความกลา้ เข้าปอด

“ตัวนี้เท่าไหร่” ส�าเนียงไทยปนมลายูตะกุกตะกัก ชี้นิ้วไปยัง
ตุ๊กตาเงอื กตวั เลก็ ที่สดุ บนโตะ๊

“ห้าสิบ” ไม่แม้จะมองหน้า แม่ค้าท่าทางหงุดหงิดไม่ถาม
ด้วยซ�้าว่าเธอจะซ้ือหรือไม่ ห่อตุ๊กตาลวกๆ ด้วยหนังสือพิมพ์เก่า ก่อนจะ
ใสถ่ ุงสง่ ให้เดก็ หญงิ

สุไรดาแกะเชือกผูกกระเป๋าคล้องคอ นับธนบัตรสีเขียวยับๆ
ซีดๆ ส่งให้สองใบพร้อมกับเหรียญอีกสิบบาท เม่ือจ่ายเงินส่วนนั้นไปแล้ว
กระเป๋าสตางค์ใบเล็กก็เหลือที่ว่างอีกมากโข แต่ตุ๊กตาตัวน้ันก็ท�าให้
เดก็ หญงิ ยม้ิ ออก เธอมีของฝากให้อิมรอนแล้ว

เสียงเรียกของครูผู้ควบคุมท�าให้นักเรียนที่กระจัดกระจายอยู่
ตามร้านขายของริมชายหาดต้องรีบปรี่ขึ้นรถ สมิหลาข้ึนชื่อเรื่องความงาม
ผู้คนมากมายต่างมาเย่ียมเยียน รถบัสขนาดใหญ่จึงจอดแช่นานๆ ไม่ได้

186

เพราะรบกวนการสญั จรของนักท่องเท่ียว
สุไรดาข้ึนรถเป็นคนสุดท้ายท้ังท่ีสายตายังเหม่อมอง ครูเรียกให้

ข้ึนรถเร็วไปหน่อย ยังไม่สมใจ แม้น้�าจะหยดต๋ิงจากชายกระโปรง เธอก็
ไม่สนใจเช่นกัน เดก็ หญิงยังคงยนื่ คอยาวเพียงเพ่ือให้ได้เหน็ เธออกี สักคร้งั ...
สายตามุ่งมั่นจับจ้องตรงปลายสุดของแหลมอันลือชื่อ เธออยู่ตรงนั้น
งดงาม อ่อนหวาน เงือกทองท่ีว่ากันว่าเคยข้ึนมาน่ังร้องเพลงบนโขดหินใน
คืนจันทร์เพ็ญ และเผลอลืมหวีทองค�าเอาไว้ตอนที่รีบร้อนกลับทะเล
เด็กหญิงยกตุ๊กตาของตนขึ้นเปรียบเทียบ เหมือนกันทีเดียว... ผมยาว
ราวกับจะสยายได้ยามลมพัด ใบหน้าแต้มรอยย้ิมจางๆ เอวอ่อนคอดได้
สัดส่วน เชื่อมกับส่วนหางที่เป็นปลา ลูกครึ่งมนุษย์คร่ึงปลาท่ีผู้คนใกล้ไกล
ต้องเดินทางมาเพื่อพบเธอสักคร้งั สุไรดาเป็นหนง่ึ ในผู้คนเหล่านั้น ที่ฝนั ว่า
จะได้สัมผัส น่ังลงบนตัก เฝ้ามองตะวันตกดินไปพร้อมกัน และหากโชคดี
อาจไดย้ ินเสยี งร้องเพลงเบาๆ จากเธอ

นึกถึงอิมรอนตัวน้อยท่ีกระโดดเหยงๆ หน้าประตูบ้านเม่ือเช้า
แล้วอดข�าไม่ได้ น้องชายของเธอเอาแต่ร้องไห้เพราะอยากติดตามมาด้วย
แต่โรงเรียนไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าร่วมการทัศนศึกษา อิมรอนยังไม่เข้า
โรงเรียนด้วยซ�้าจะมาด้วยได้อย่างไร สุดท้ายเด็กชายจึงรบเร้าขอค�ามั่น
สัญญาจากพ่ีสาวว่า ต้องน�าเงือกทองกลับไปฝากให้ได้ สุไรดาหัวเราะ
ขบขัน นึกไม่ออกว่าจะท�าอย่างไรถึงจะน�าเงือกตัวโตกลับปัตตานี แต่
ตอนนเี้ ธอบรรลุวัตถปุ ระสงค์แลว้

เธอยังจ�าความรู้สึก “ดีใจจนเน้ือเต้น” เมื่อสัปดาห์ก่อนได้
ทันทีท่ีครูแจ้งข่าวการทัศนศึกษา สงขลาเป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยรถรา
มีห้างใหญ่ๆ หลายแห่ง รุ่นพี่ท่ีเคยไปเล่าถึงขนมมากมายเรียงรายจนเลือก
ไมถ่ ูก แต่สุไรดาไมส่ นใจ ความฝันของเธอมีไวส้ �าหรับหญิงสาวลกู ครง่ึ ทะเล
เท่าน้ัน เธออยากเห็นเงือกทองตัวจริงสักครั้ง อยากนั่งบนตักเพ่ือถ่ายรูป

187

แบบที่ใครๆ เขาท�ากัน อาจขอให้ครูประจ�าชั้นถ่ายรูปให้ เพราะเธอไม่มี
โทรศัพท์ที่ถา่ ยรปู ได้เหมือนท่ีหลายคนมี

ตลอดสัปดาห์เธอเอาแต่พูดถึงเร่ืองเหล่านี้กับเพ่ือนๆ ในห้อง
พูดซ�้าไปซ้�ามาอย่างไม่รู้เบ่ือ จนบางครั้งถึงกับถูกดุให้ต้ังใจเรียน เด็กหญิง
ย้ิมกว้าง ไม่มีอะไรสามารถท�าลายความสุขของเธอได้ แม้แต่โทษทัณฑ์
จากครู

วันออกเดินทาง เธอพกความฝันถุงโตขึ้นรถ ม๊ะกับอิมรอน
โบกมืออยู่ด้านล่าง ธนบัตรยับยู่ที่รับจากม๊ะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีใน
กระเป๋าคล้องคอ ม๊ะออกไปท�างานรับจ้างมากข้ึนเพ่ือให้ได้เงินมาส�าหรับ
เธอในวันน้ี เด็กหญิงโบกมือตอบกลับ สัญญาในใจว่าจะนา� เงินมาคืนเม่ือ
กลับถึงบ้าน เธอไม่จ�าเป็นต้องใช้อะไร เงินหนึ่งร้อยบาทมากพอท่ีจะอยู่ได้
อีกหลายวัน... การเติบโตมาในครอบครัวท่ีม๊ะมีอาชีพรับจ้างย่อมไม่ได้ใน
สงิ่ ทปี่ รารถนาเสมอไป เธอชนิ เสยี แลว้

ใครสักคนเคยบอกว่า ความไม่สมบูรณ์แบบเป็นส่วนผสมที่
ส�าคัญของชีวิต มันสอนให้เธอประมาณตน เด็กหญิงไม่เคยร้องขอส่ิงใด
เกินตัว ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง โทรศัพท์ หรือสิ่งอ�านวยความสะดวกอ่ืนใด
แค่อาหารให้ครบมื้อ ม๊ะก็หามาอย่างยากเย็นแล้ว... ชีวิตไม่เคยง่าย เธอ
ชนิ เสยี แล้ว

โลกจริงกับฝันต่างกันตรงรู้สึก ความฝันมักไร้เสียง ขณะที่
โลกจริงเสียงร�่าไห้มักกระเจิดกระเจิงไปไกล และม้วนคลื่นในโลกจริงมัก
ซัดเอาซากสว่ นความฝันที่หกั พงั กลบั มาคนื

สุไรดายืนอยู่ตรงปลายแหลมมาพักใหญ่แล้ว ไม่สนใจแม้ม้วน
คลืน่ ท่พี ยายามเอ้อื มมาใหถ้ ึง น่งิ งันราวถกู คา� สาป

เมื่อไม่สามารถยืมโทรศัพท์ของครูมาถ่ายรูปได้ เธอจึงจดจ�า...
เด็กหญิงพินิจพิจารณาโครงสร้างแต่ละส่วน สังเกต ท�าความเข้าใจ และ

188

คอ่ ยๆ ผนกึ ไวใ้ นความทรงจา� ชา้ นาน เนบิ นาบ หวงั ให้ความทรงจ�าติดทน
เรือนผม... ใบหน้า...รอยยิ้ม สายตาของเด็กหญิงลากเล่ือนต่�าลงมาถึง
ทรวงอกทเ่ี ปิดเปลือย เอวคอด และท่อนหาง... ทอ่ นหางทีบ่ างสง่ิ ผดิ แปลก
ไป สุไรดาลากน้วิ ไปตามรอยนูนท่พี าดยาวอยา่ งเผลอตัว รอยใหมๆ่ ท่ีเกดิ
จากการเชอ่ื ม รอ่ งรอยทช่ี ีช้ ดั วา่ คร้ังหน่งึ มนั เคยขาดสะบ้ันออกจากกนั

“พวกมันละ่ ตวั การ รเู้ ห็นเปน็ ใจกนั ทั้งนั้น”
“คงตงั้ ใจใหฉ้ บิ หายกันไปกวา่ น้”ี
“ขนาดวางระเบิดรปู ปนั้ เลวระยา� จริงๆ”
กลุ่มคนเบ้ืองหลังอาจไม่ทันสังเกตเด็กหญิงคนหนึ่งท่ีบังเอิญ
ยืนอยู่ตรงหน้า หรืออาจแสร้งท�าเป็นไม่เห็น เพ่ือใช้เหย่ือตัวน้อยเป็น
เคร่ืองมอื ระบายความรสู้ กึ ภายใน
พ้ืนเอียงวูบ บทสนทนาของกลุ่มคนท�าให้หน้าชาราวกับถูก
ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นฟาดปะทะ เหมือนคลื่นที่สะสมความ
ไม่พอใจจากโพ้นทะเล แล้วซัดระบายความเกร้ียวกราดเอากับชายฝั่งที่
ไมร่ ู้เรอ่ื งราว พน้ื ซง่ึ ไมม่ ่ันคงอยแู่ ลว้ ทรุดทลายตัว เอยี งวบู ลงทะเล
“ท่รี ะเบดิ รถลาดตระเวนก็พวกมนั ”
“เดนิ กนั ท่ัวบ้านทว่ั เมอื ง นี่ไมร่ ู้เลยวา่ คนดหี รอื โจร”
“โอย๊ ... เหน็ แบบน้ีพวกเดยี วกนั ทั้งนั้นล่ะ”
น้�าตาบางหยดจากความรวดร้าวถูกเรียกออกมาท�างาน ค�าพูด
ไม่ได้เป็นแค่ลมปาก แต่เป็นเหมือนลมพายุที่โถมกระแทกซ้�าๆ จนร่าง
ฉีกขาด ภายในก็เช่นกัน หัวใจก็ด้วย หัวใจดวงนั้นร้าวแหลกเหมือนแก้ว
ทีร่ ว่ งกราวลงพนื้
“ดีนะที่ซอ่ มได้ ไมง่ นั้ กูจะกระทืบพวกมนั ทุกคน”
“พวกชั่วชาติ สมควรไสหัวออกไปจากประเทศกู”
ชายสามเหลี่ยมของฮิญาบถูกยกข้ึนเช็ดน้�าตา เธอเกลียดผ้า
ผืนนี้เหลือเกิน เกลียดท่ีตัวเองแตกต่าง เกลียดส�าเนียงการพูดท่ีไม่ชัด

189

ถ้อยค�าปนเปื้อนด้วยอีกส�าเนียงท่ีผู้คนไม่คุ้นเคย เกลียดท่ีมักถูกหมายรวม
ว่าเป็นพวกโจร น้อยใจยามท่ีถูกกระท�าราวกับเธอไร้หัวใจ... หรือเธออาจ
ไร้หัวใจ? ลองยกมือข้ึนสัมผัสหน้าอกทางซ้าย เสียงตึกๆ ยังดังอยู่ภายใน
น้ัน เธอยังคงมีหัวใจ มันยังคงเต้นและอ้อนวอน... ได้โปรดอย่าเกลียดชัง
กันเลย อย่ารังเกียจพวกเราเพียงเพราะส�าเนียงท่ีแตกต่าง โปรดอย่าแอบ
พูดลับหลังว่าพวกเราเหมือนฝูงเพนกวินเพียงเพราะวิธีการแต่งกายท่ี
แตกต่าง พวกเราไม่ใชศ่ ัตรู

วนั ที่เสียงระเบิดดังขนึ้ ท่ีน่ี มนั ดังไปถงึ บา้ นของเธอ เธอเปน็ ห่วง
หญิงสาวผู้น้ันไม่แพ้ใคร เด็กหญิงเสียใจไม่แพ้กัน ม๊ะยังเจียดเงินที่หามาได้
น้อยนิดเพือ่ ให้เธอได้มาถงึ น่ี เพียงเพ่ือให้เธอน�าความหว่ งใยและค�าขอโทษ
แทนผู้กระท�าผิดมามอบให้ ม๊ะไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนท�า แต่จะใครก็ช่าง
เธอขอโทษแทน...

ม๊ะเล่าว่าเคยมาท่ีนี่ครั้งหน่ึงเมื่อยังสาว และเกิดหลงใหลผู้หญิง
คนหนึ่งที่ผิดแผกไปจากเรา น่าแปลก... แม้เธอจะดูแปลกแยก แต่ผู้คน
มากมายยังคงหลงรัก ขณะที่ความแตกต่างของพวกเรากลับถูกหมางเมิน
เกลียดชัง... แต่ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลย เพราะรอยยิ้มของเธอผู้น้ันสอน
บางสิ่งกบั ม๊ะ

รอยย้ิมนั่นท�าให้ม๊ะตกหลุมรัก มันท้ังอบอุ่น เอ้ืออารี รอยย้ิม
ของเธอไม่เคยแบ่งแยก เธอยังคงยิ้มให้แม้แต่พวกเราที่มักถูกชิงชัง เธอ
มอบมันให้กับทุกคนอย่างสม�่าเสมอ เท่าเทียม ม๊ะได้เข้าใจเรื่องความรัก
และการอภยั จากยิ้มนั่น

วันน้ัน... คนทป่ี องรา้ ยเธออาจไมท่ ันสังเกต เธออาจยงั คงยม้ิ ให้
แมแ้ ต่กับคนเหลา่ นนั้

กลุ่มคนปลีกตัวออกไปหลังจากเก็บภาพจนเป็นที่พอใจ และ
ความในใจไดถ้ กู ระบายโดยไม่สนว่าลงบนส่งิ ใด ผ้าขาว หรือหวั ใจใคร...

สุไรดายังยืนอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกชาท�าให้ก้าวขาไม่ออก แม้

190

คลนื่ จะเอ้ือมมาถึงจนเปียกปอนแล้วก็ตาม
คลื่นท่ีซัดกระทบหาดแต่ละครั้งย่อมน�าบางส่วนของชายฝั่ง

ติดตัวไปด้วยเป็นธรรมดา คลื่นท่ีซัดกระทบหัวใจก็เช่นกัน พลังของมัน
ฉีกกระชากจนเกิดรอยขาดเป็นทางยาว ความสุขท่ีบรรจุอยู่ภายในร่วงพรู
เหลอื แต่กลวงเปลา่ ที่ค�าปลอบโยนใดๆ ก็ไมอ่ าจเตมิ เต็ม

- ตาโละกาโปร์ –
ฟองฝอยที่แตกเป็นสีขาวเหนือยอดคล่ืนเป็นหลักฐานท่ีบ่งช้ีว่า
ทะเลยังไม่ได้หลับ ไม่เคยหลับแม้งีบเดียวตั้งแต่กาลก่อน... ม้วนคลื่นยัง
เอ้อื มไม่ถึงแนวบนสดุ ของหาด จึงทา� ใหค้ วามรู้สึกยังด�ารงอยตู่ รงนนั้ ไม่ถูก
ซัดท�าลายเพมิ่ เติม แตไ่ ร้การซอ่ มแซมหรือเยยี วยา
ห้าปีที่เงือกปูนปลาสเตอร์ถูกน�ามาวางไว้ตรงนั้น เหนือสุดของ
แนวหาดท่ีม้วนคล่ืนยังเอื้อมไม่ถึง ตั้งแต่วันที่เด็กหญิงหอบหัวใจที่รุ่งร่ิง
กลบั บา้ น ตุ๊กตาเงอื กตัวน้นั กถ็ กู น�ามาวาง โบกปูนหยาบๆ ไวก้ บั กอ้ นหิน...
เงือกตัวจิ๋วบนโขดหินใหญ่ดูไม่คล้ายกับตัวจริงบนหาดอีกแห่งที่ไกลออกไป
แต่หากเพง่ มองให้ดี เธอยงั คงมรี อยย้ิมท่ีประพิมพ์ประพายคล้ายกนั
สุไรดายังจดจ�าวันเก่าได้ดี... เน่ินนานหลังจากกลุ่มคนเหล่านั้น
จากไป เด็กหญิงจึงกลับข้ึนจากชายหาด มองไปตามร้านค้าท่ีดารดาษ
มองหาตุ๊กตาเล็กๆ สักตัวที่จ�าลองแบบมาจากเธอผู้น้ัน และราคาไม่แพง
เกินเงินท่ีมีในกระเป๋า เธอจะน�าไปฝากน้องชาย และเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ยามนึกถึง เธอคงไม่กลับมาอีกแล้ว อาจเช่นเดียวกับม๊ะ... บางอย่าง
เจ็บปวดเกนิ กวา่ จะรับรูเ้ ปน็ คร้งั ทส่ี อง
บนรถบัสที่ก�าลังเคล่ือนตัวออกไป เด็กหญิงกล่าวลาความฝัน
ตรงปลายแหลมอันลือช่ือ ความฝันกับโลกจริงต่างกันเหมือนที่ใครสักคน
เคยว่าไว้ โลกสันติที่มีแต่สันติสุขไม่เคยมีจริง แม้แต่เด็กผู้หญิงยังได้รับ

191

ผลกระทบจากการกระทา� ทีไ่ มเ่ คยรวู้ า่ เกิดจากน�า้ มอื ใคร สงครามไมจ่ า� เป็น
ต้องจับปืน สงครามในโลกจริงยังเกิดข้ึนทุกวัน บางครั้งใช้เพียงแค่
ลมปากและอคติของจิตใจก็สามารถเข่นฆ่าความรู้สึกและวิญญาณของ
ผ้คู นใหย้ ับยอ่ ยได้แลว้

น้�าตาของเดก็ หญิงหยดและซึมหายเข้าไปในเงอื กปนู ปลาสเตอร์
ตัวนั้น เธอห่อมันด้วยผ้าเช็ดหน้า หวังให้มันแห้งทันก่อนหยิบยื่นให้
น้องชาย ตุ๊กตาที่ซ่อนหัวใจและความเจ็บปวดของเธอเอาไว้ หัวใจดวงที่มี
รอยฉีกขาดเป็นทางยาว กลวงเปล่า ที่ค�าปลอบโยนใดๆ กถ็ มไม่เตม็

ต้ังแต่วันนั้นเด็กหญิงไม่ได้กลับไปยังเมืองใหญ่แห่งน้ันอีกเลย
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เธอหลบหนี ซ่อนเร้น อ�าพรางตัวเองไว้ใต้
ผา้ คลมุ หนา้ ผืนบาง อาศยั อยูก่ บั กลุม่ คนทคี่ ลา้ ยกนั ท่ซี ่งึ คา� พดู ไมอ่ าจสรา้ ง
ความปวดใจได้ แมจ้ ะคดิ ถงึ หญงิ สาวผู้นั้นมากสกั เพยี งใด...ก็ไมไ่ ป ไม่อยาก
ไปอีกแล้ว ความแตกต่างยังปรากฏเป็นเส้นคั่นจางๆ ในโลกจริง... โลกท่ี
ความเท่าเทียมเสมอภาคมีแค่ในบทกวี ที่กวีได้แต่พร่�าเพ้อโดยไร้คนฟัง...
ในโลกจรงิ เธอยงั เปน็ เพนกวินบ้าใบใ้ นสายตาคนนอก

บ่อยครัง้ ท่ีสไุ รดาอยากเอ่ยถามมารดาวา่ เหตุใดมะ๊ ถงึ ไมก่ ลับไป
ท่นี นั่ อีก เปน็ เหตุผลเดียวกบั เธอหรอื ไม่ แตท่ ุกครั้งค�าพูดกล็ อยหาย ไม่เคย
กลา้ เอย่ ถาม

พรุ่งน้ีอิมรอนจะไปทัศนศึกษากับโรงเรียน เขาดู “ดีใจจน
เนื้อเต้น” ม๊ะออกไปรับจ้างท�างานมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อน�าเงินมาให้เขา
สุไรดานา� เงนิ ใส่กระเป๋าคลอ้ งคอใบเก่ายน่ื ให้น้องชาย

“กะ๊ ไมไ่ ปดว้ ยเหรอ”
“ไม่ไปหรอก เคยไปแล้ว”
“นั่นมันนานมากแล้วนะ ถ้าก๊ะอยากไปครูต้องอนุญาตแน่ๆ
ก๊ะไม่อยากไปดูนางเงือกอีกเหรอ” เด็กหญิงสบตามารดา แวววาวใน
ดวงตานนั้ ชา่ งคล้ายคลงึ กันจนต้องเบือนหนา้ หนีกอ่ นจะหยาดลงเปน็ หยด

192

“ท่ีน่ีก็มีนางเงือกเหมือนกัน ตัวท่ีซ้ือมาให้เธอคราวก่อนยังไง
มันเหมือนกันเป๊ะไม่ต้องไปดูอีกหรอก” เธอจ้องมองไปยังตุ๊กตาตัวเล็กบน
โขดหนิ

“งั้นจะซื้อตัวใหม่มาฝาก”
ไม่จ�าเป็นหรอก... เธออยากตอบน้องชายไปเช่นนั้น ตัวเดียว
ก็มากเกินพอ ครั้งเดียวก็มากเกินไป เธอยกชายสามเหล่ียมของฮิญาบ
ขน้ึ แตะตรงหวั ตา...
หญิงสาวลูกครึ่งทะเลผู้นั้นยังแจ่มชัดในความทรงจ�า ตุ๊กตา
ตัวเล็กยังมีรอยเปื้อนตรงหน้าอก ที่ไม่รู้ว่าเกิดจากฟองคลื่นซ่ึงพยายาม
เออื้ มจนถึง หรือเปน็ รอยน�า้ ตาตง้ั แต่วนั นั้นที่ยังไมเ่ คยเหือดแห้ง

193

คนดีท่ีปำแต

ถนอม ขนุ เพ็ชร์

“ขอบคณุ นะครบั สา� หรบั โปสการด์ ”
ทันทีที่เปิดหน้าจอโทรศัพท์ ข้อความจากกล่องเฟซบุ๊กลอยเด่น
มาจากหนุ่มคมเข้มคนนั้น แม้เปล่ียนรูปประจ�าตัวใหม่ก็ยังเซลฟีด้วยท่า
เดิมๆ เอียงหน้ายกมือลูบคางเรียวแหลม ปล่อยผมกระเซิงลงพาดแก้ม
รกั ษามาดเซอร์สดุ ฤทธกิ์ ลางสวนมะพร้าวเขียวคร้มึ หล่อเตม็ ทแี ลว้ ซิทา่
เธออดที่จะแอบย้ิมคนเดียว ระหว่างรูดม่านหน้าต่างรับแสง
บ่ายคล้อยจากคอนโดมิเนียมหรูช้ันยี่สิบส่ี ทอดสายตาลงเบื้องล่าง
เจ้าพระยาสะท้อนแดดอ่อนล้า สายน้�าเล้ือยเลาะผ่านหมู่ตึก ภาพเก่าอัน
ด�ารงอยู่อย่างชินตาน่าเบ่ือ กลับมานั่งพิงโซฟา ตาเพ่งมองมือถือต่อ นิ้ว
ลากขอ้ ความบรรทัดถดั มา “ผมรู้ เนยไมช่ อบอ่านอะไรยาวๆ”
ข้างนอกมืดและเงียบ ผมนั่งหน้าจอโน้ตบุ๊กตัวเก่า คิดจะเขียน
ถึงคุณ ยาวเลยล่ะทีนี้ พรรณนาพร่�าเพ้ออย่างคุณชอบแซว เอาล่ะ ผม
อนุญาตให้คณุ เลกิ อ่านทันทีเม่ือรูส้ กึ ร�าคาญ
การมาถึงบ้านแปลกประหลาดสักหน่อย ผมกระโดดลงจาก
ขบวนรถไฟท่สี ถานีบ้านปาแต งงซคิ รับ รถไฟขบวนน้ตี ้องจอดสถานีรามนั
ถึงบ้านปาแตรถชะลอความเร็วเกือบเหลือศูนย์ ผมอยากถึงบ้านเร็วๆ

194

กระโดดลงมา รถดูช้า ยังแรงพอลากผมเข้าล้อเหล็กบดขย้ีขาเละ เคย
เกิดเหตแุ บบน้นั

ช่างเถอะ มานกึ ได้ นอนกล้ิงกบั พ้ืนเรียบร้อย ผู้โดยสารยืนเกาะ
ขอบหน้าต่างรถคนหน่ึงหันมาเห็นแค่ท�าหน้าเบ่ือ ผมลุกขึ้นเหว่ียงเป้
ขนึ้ หลงั เดนิ หลบมาทางหลังสถานี สูดกล่ินสาบขแี้ พะยามบา่ ย

บนถนนฝ่นุ สแี ดง เศษซากคางคกถูกล้อรถทับจนแหง้ แบน ชีวติ
เปราะบางเสมอครับ เฮ้อ..ผมขออวดความคิดแบบนักปรัชญา ฟังพ่ีมนัส
พูดมากเกินไปหรือเปล่า นับถือใจพี่เขานะแต่หลายเร่ืองยอมรับไม่ได้
จรงิ ๆ อืม..เลิกนนิ ทาหวั หน้าดกี วา่

เนยคงรู้ ผมกลวั บ้านจนไมอ่ ยากกลบั หลงั พ่อเสียไม่เหลืออะไร
ต้องคิดถึง มรดกพึงมีกับเขาอยู่บ้างฝากการีมช่วยดูแล ครั้นนึกถึงว่าจะ
กลับมาพบการีม ผมยิ่งประวิงเวลากลับบ้าน หลังส�านักงานท่ีปัตตานีแตก
ผมจึงโบกรถเท่ียวอยู่นาน คุณรู้นิสัยผม พวกขาดการวางแผนชีวิต จบ
รัฐศาสตร์ พ่ีมนัสชวนท�างานอาสาสมัคร คิดอย่างเดียวแค่มีงานท�า มีเงิน
ใช้ ปลายทางว่างเปล่า สิ่งเดียวควรค่าจดจ�าได้แก่การรู้จักคุณ ท้ังฐานะ
เพ่อื นรว่ มงาน เพ่ือนสนทิ แฟน สุดท้ายรับสถานะเพอื่ นอยา่ งคุณตอ้ งการ

ทุกอย่างเก่ียวกับคุณแจ่มชัดอยู่ในตัวผมเสมอ คุณเข้าท�างาน
ก่อน อยู่ฝ่ายสา� นกั งาน มสี ่วนตดั สนิ ใจรบั ผมมาร่วมงาน ดว้ ยค�าถามวา่ ผม
เลอื กมาท�างานน้ดี ว้ ยเหตุไร คา� ตอบวาทกรรมสวยหรู จนน่าขนลุก คิดเอง
หรือ เอ่อ จา� เขามานะ่ ซิ ..อะไรนะ คุณเอามาเลน่ เหน็บแนมผมอยู่

ผมแพ้เลือด? พี่มนัสแจงว่าเราไม่ใช่พวกกู้ภัย โครงการติดตาม
เยี่ยมเยียนเยียวยาผู้ตกเป็นเหย่ือความรุนแรงจังหวัดชายแดน ภารกิจ
ลงพื้นที่ท�าประวัติเหยื่อหลังเหตุการณ์ความไม่สงบผ่านระยะหนึ่งแล้ว
ข้อมูลเชิงพรรณนาท่ีได้มา เป็นเคร่ืองมือทางวิชาการในการติดตาม
เยี่ยมเยียน ชว่ ยเหลอื ตามกรอบแนวคิด บรู ณาการงานวจิ ัยแบบมีส่วนรว่ ม
เนยคงเข้าใจดกี วา่ ผมนะ

195

ภารกจิ เจ้าหนา้ ที่ภาคสนามของผมเอาเข้าจริงไม่งา่ ย ผู้รอดจาก
ความรุนแรง แผลทางกายอาจดูหายสนิท แผลทางใจซ่อนลึกมิอาจเห็น
เคสแรกลงพื้นที่เก็บประวัติครอบครัวผู้สูญเสียแถวอ�าเภอหนองจิก กว่า
พบเป้าหมายหญิงม่ายผู้เศร้าสร้อย ผมเสียเวลาจากสายจนบ่ายนั่งพูดจา
หว่านล้อมคนทั้งหมู่บ้าน กว่าพวกเขายอมอนุญาตผมเดินขึ้นเรือนไม้
เกา่ โทรมหลังหนงึ่ ท้ายหมู่บ้าน

เจ้าบ้านสวมชุดคลุมสีด�านั่งอยู่มุมห้อง หญิงสูญเสียสามีต้องอยู่
กับบ้าน ไว้ทุกข์อีเดาะห์ เป็นเวลาส่ีเดือนสิบวันตามหลักอิสลาม ผมน่ัง
บนพนื้ เรอื น หา่ งเธอพอสมควร ผมมามือเปล่า รู้แคช่ ่ือ ท่อี ยู่ กับอายุเพียง
ย่ีสิบส่ีของผู้เสียชีวิต เธอต้องเล่าส่วนท่ีเหลือ ประสามือใหม่ผมต้ังค�าถาม
โดยอ่านตามหัวข้อท่ีพ่ีมนัสเตรียมให้ตรงทุกตัวอักษร บรรยากาศอึดอัด
เหมือนถูกต้อนเข้าห้องแคบไม่มีรูระบายอากาศ พอจับความว่าสามีของ
เธอพ่อค้าขายรองเท้ามือสองตามตลาดนัด แค่ผู้ชายธรรมดาๆ ใจดี รัก
ครอบครวั ไมเ่ คยมปี ระวตั ิบาดหมางกับใคร ความฝนั เล็กๆ ของเขาหาเงนิ
ส่งค่ารถกระบะคันเก่าท่ีใช้ท�ามาหากินและหวังส่งลูกชายคนเดียวเรียน
ชนั้ สงู ๆ

ทุกวันเขาห้ิวกับข้าวม้ือเย็นจากตลาด ล้อมวงกินข้าวพูดคุย
ก่อนเข้านอน มีความสุขตามประสาครอบครัวเล็กๆ ชีวิตปกติสุข จนเย็น
วันที่รอคอยยาวนานผิดสังเกต ผู้ใหญ่บ้านโผล่หน้าตาต่ืนมาแจ้งข่าวว่าเขา
ถกู ลอบยงิ เสยี ชวี ติ ระหวา่ งขับรถกลบั บ้าน

“มืดหมด..ฉันหูดับ” ผมพยายามเงี่ยหูฟัง ค�าพูดที่เธอเค้นจาก
ล�าคอช่วงท้าย ความน่ิงงันมาค่ันกลางนานจนผมรู้สึกหายใจไม่ออก แล้ว
จู่ๆ เราท้ังคู่ต่างตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนมาจากห้องติดกัน
เธอตกใจไม่น้อยกว่าผม วิญญาณร้ายเข้าสิงร่างใครสักคนเป็นแน่ ผมคิด
เสยี งแทบไม่เป็นภาษามนษุ ย์ คบั แคน้ โหยหวน น่าขนลุก ต่อดว้ ยเจ้าของ
เสยี ง ลกุ ขน้ึ ว่งิ วน กระทบื พ้ืนเรอื นสนั่นสัน่ ไหว

196

เรื่องน้ีเนยก็คงฟังมาแล้ว ส�าหรับผมนึกถึงคราวใด เหมือนเกิด
ซ�้าแล้วซ้�าเล่า ตอนน้ันผมนั่งน่ิง ตัวแข็งท่ือ ท�าอะไรไม่ถูก ใครสักคนไม่รู้
โผล่มากระชากแขน สั่งรีบออกจากหมู่บ้านโดยเร็ว ก่อนสิ่งไม่คาดคิดใด
ติดตามมาอีก ภายหลังจึงรู้ที่มาว่าแม่ผู้ตายนั่นเองมาน่ังซบแอบอยู่หลัง
ฝากระดานอีกห้องหนึ่ง เง่ียหูฟังด้วยความอยากรู้ว่าคนแปลกหน้ามาพบ
ลูกสะใภ้ด้วยเหตุใด เธอพลอยต้องฟังผมซักไซ้เรื่องราวบางอย่างของ
ลูกชายผู้ล่วงลับอย่างละเอียดยิบเกือบชั่วโมง บ่งบาดแผลย่ิงร้าวลึกในใจ
หญงิ ชรา

ผมรู้สกึ ผดิ อยา่ งช่วั รา้ ย จึงกลบั มาขอลาออก พม่ี นสั เกล้ียกล่อม
เพ่ิมค่าเหน่ือยอีกสองพันบาท สุดท้ายจบที่ผมยอมท�างานต่อ นั่นแหละ
ความไม่ดีของผม ต่อมางานนี้จึงตอบแทนผมอย่างสาสม สั่งออกไปรับฟัง
ความรันทดจนหัวผมอัดแน่นด้วยภาพชีวิตผู้คนอันผกผันจากกระสุน
ระเบดิ สูญเสยี ชวี ติ ส้ินเนื้อประดาตวั พกิ าร ตกเปน็ ภาระครอบครัว ยาม
หลับฝนั เจอผคู้ นแปลกหนา้ ตามมาเล่าความเศรา้ ทุกค่�าคนื

ผมเฉไฉนอกทางกลับบ้านจนได้นะครับเนย แบกเป้จนถึง
หน้าบ้านการีม ยังคิดสับสนหลายตลบ สั่งขาเล้ียวเข้าบ้านเขาช่างยากเย็น
ยอดมะพร้าวทอดเงาพาดลานดินเป็นภาพเดียวท่ียังเจนตา ที่เหลือเปล่ียน
ไป บ้านไม้หลังเก่าก่ออิฐเพิ่มห้องช้ันล่าง ป่ารกร้างแนวหลังเตียนโล่ง
แทนท่ีด้วยต้นยางอ่อน อีกด้านสระน้�าเพ่ิงขุดติดกับบ้านปูนชั้นเดียวหลัง
เล็ก ทาสขี าวใหม่เอยี่ ม

ทุกอย่างอยู่ในความสงบเงียบ ประสบการณ์งานเย่ียมบ้าน
เหย่ือเหตุร้าย ผมมักเรียกเจ้าของบ้านดังๆ ก่อนถือวิสาสะผลักประตู
เดินผ่านเข้าไป ในห้องกลิ่นเหม็นโชย ซากชีวิตหน่ึงถูกท้ิงนอนติดเตียง
โดดเดย่ี วในมุมมดื ร่างจมกองอุจจาระ แมลงวันรมุ เกาะแผลเหมือนรังผ้งึ

บ้านตรงหน้าหลังน้ีผมเข้านอกออกในแต่เด็ก อย่าว่าเดิน
บ่ามบุกไม่ต้องบอกกล่าว ยังรู้จักแทบทุกกระเบียดนิ้วด้วยซ้�า เพียงแต่

197

อยากถอยหลังกลับ
“ชัย” ทกั สน้ั ๆ แว่วมา ผมสะดงุ้ หันกลบั ทางตน้ เสียง
บนรถวีลแชร์กลางแดด ชายหนุ่มก�าลังผลักล้อมุ่งตรงมาหา

ตัวเขากับรถรวมกันเป็นเพียงเงาส้ันเต่อบนพ้ืนดิน “การีม” ผมอุทาน
อ้�าอ้ึง ตกใจ พร่า� ถามตัวเองหลายรอ้ ยรอบว่าใชเ่ ขาแนห่ รอื ?

เนยคงจา� วันที่ผมทะเลาะกับพมี่ นสั
หลังข่าวเหตุระเบิดบ้านปาแต พอผมรู้ว่าการีมอยู่ในรายช่ือ
ผู้เคราะห์ร้ายอาการสาหัส โลกพลันดับลงต่อหน้า โศกนาฏกรรมเหมือน
คลื่นไม่เคยหยุดถาโถม คราวนี้รู้สึกเหมือนโดนกับครอบครัวตัวเอง ท�า
อะไรไม่ถูก ส่ิงเดียวที่คิดได้ตอนน้ัน ผมขอเสนอให้โครงการของเราร่วม
ช่วยเหลือเยยี วยาเหย่อื จากเหตุการณป์ าแตเปน็ กรณีพเิ ศษ
ค�าตอบอย่างท่ีรู้กัน พี่มนัสท�าเป็นไม่รู้ร้อน อ้างว่าอยู่นอกเขต
ความรับผิดชอบ โธ่ ..เด็กอมมือก็รู้ หากพ่ีมนัสมีใจอยากช่วย ปรับแผน
ลดทิฐิลงสักหน่อย คงไม่จบอย่างน้ี ผมช่วยเหลือดูแลคนไปทั่ว กลับไม่มี
โอกาสช่วยเพื่อนสนทิ จะอธบิ ายโลกอย่างไร
“มาทา� งานเยยี่ มคนขาดว้ นหรอื ” เสยี งเขาสดใสยมิ้ ตาหยเี หมอื น
เด็กทารก มองบรุ ุษผ้นู ่งั อยู่ตรงหน้าชดั ๆ คนผิวขาวหล่อเหลา ดวงตาสดใส
ควิ้ เขม้ เครายาว ไม่มอี ะไรท�าเขาเปล่ยี นแมแ้ ตน่ อ้ ย ผมน่นั ซิ ไม่ร้วู า่ ยังเปน็
คนเดิมส�าหรับเขาหรือเปล่า รู้สึกกระอักกระอ่วน กลบเกล่ือนด้วยรอยยิ้ม
แห้งแล้ง ทกั ทายกลับตะกุกตะกัก
เคยประกาศจรงิ จังว่าชาตินห้ี รือชาตไิ หน จะไมย่ อมน่ังฟงั ชะตา
กรรมเหตุซ�้าซากอันแสนเศร้าใดๆ อีก ทุกอย่างทั้งปวงในโลกของผม
ตอ้ งยกเว้นการีมไวค้ นหนึง่
เจ็ดโมงคร่ึงวันน้ัน เขานั่งจับกลุ่มเพื่อนร้านน้�าชาหลังสถานี
รถไฟ หลายคนกลับจากกรีดยาง บางคนเตรียมตัวออกไปรับจ้าง โต๊ะ
หินอ่อนตัวเดิม สายลมเช้าพัดร่ืนผ่านหม้อต้มน้�าเดือดพลุ่ง ถ้วยน้�าชา

198

กาแฟ ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้งวางในถาดกลางโต๊ะ กล่ินหอมคุ้นจมูกที่
เชญิ ชวนพน่ี อ้ งพทุ ธ-มสุ ลิม มาพบปะพดู คยุ ประจา� วนั

“เสียงทึบๆ ดังปุ้ง เราตัวลอยตกตุ้บลงพื้นเหลือบเห็นเพ่ือน
นอนน่ิงเรียงกันอยู่ข้างๆ ยังจ�าติดตา กลิ่นเลือดเศษเนื้อปนฝุ่นควันโขมง”
การีมเล่า เขาหูอื้อมึนงง ยังแข็งใจมองขาขาดเละ เป็นริ้วคล้ายผ้าม็อบ
ถูพื้น นกึ ถงึ ความตายก�าลังมาเยอื น

สิบนาทีน้ันผ่านเชื่องช้าเกือบหยุดนิ่ง เสียงคนพูดกันไกลๆ ว่า
ผู้ร้ายซุกระเบิดใต้ม้าหินอ่อน ไม่ช้าเจ้าหน้าท่ีมาถึง ท�าตามแผนปฏิบัติ
เฝ้าระวังกับดักระเบิดลูกที่สอง ถือปืนสังเกตอยู่ห่างๆ กันเขตร้านน�้าชา
อนั แหลกเละเปน็ พน้ื ที่อันตรายหา้ มเขา้

“น้องแอ พ่ีเพิด น้าม็อง ครูชาญ พ่ีเอียด มาถึง พวกน้ีแหละ
ฝา่ ที่กัน้ เจ้าหนา้ ที่เขา้ มา พดู วา่ ถ้าตายขอยอมตายพร้อมกัน”

ผมนึกถึงใบหน้าบุคคลที่การีมกล่าวถึง พวกเขาช่วยกันยกร่าง
ผู้บาดเจ็บข้ึนรถกระบะส่วนตัว ส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลประจ�าอ�าเภอ
การีมถูกส่งต่อเร่งด่วนไปโรงพยาบาลอีกแห่ง มีเพียงเสียงไซเรน
รถพยาบาลดงั กลบทกุ สิง่ เทา่ นัน้ ทเ่ี ขารบั รู้

แดดเล่ือนมาส่องตรงหน้า การีมนึกอะไรได้ ชวนย้ายไปน่ังแคร่
หน้าบ้าน ผมอาสาเข็นวีลแชร์ เขารีบปฏเิ สธ

“กินไรดีชัย มาไม่บอกล่วงหน้า” เขาบ่นกับตัวเอง ผมเดิน
ตามหลังรอยแผลบนตน้ คอ

พ่อเขาช่ือฮามิ ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่รักการีมมากกว่าอะไรในโลก
ความรักเผื่อแผ่ถึงผมอีกคน จนเรียกฮามิว่า “ป๊ะ” ร่วมเติบโตมาใต้ปีก
อบอุ่นของชายชราผู้เป็นหมอพ้ืนบ้าน ท่ีไม่เคยคิดค่ารักษาหยูกยากับใคร
อาชีพหลกั ของปะ๊ ท�าสวนยางกบั ปลกู แตงโมเอาไวแ้ จกเด็กๆ

คนท้ังหมู่บ้านรักฮามิ รู้ว่าเขาผ่านการมีภรรยามาแล้วสองคน
คนแรกด่วนจากไปก่อนวัยอันควร ภรรยาคนหลังอายุอ่อนกว่าสิบปีเป็น

199


Click to View FlipBook Version