บทนำ�
กว่าจะเป็ น กทม.
ในวั นนี้
แผนที่แมน่ �้ำ เจ้าพระยา
ซง่ึ มองเหน็ ทต่ี ้ังของชุมชนบางกอกในอดีต
จากจดหมายเหตุ เดอ ลา ลแู บร์ พ.ศ.2231
เขียนโดยอาศัยข้อมลู การสำ�รวจ
ของเมอซเิ ออร์ เดอ เลอ มาร์ แองจินี
ย้้อนกลัับไปเมื่�่อหลายร้้อยปีี
ก่่อนที่่�กรุุงเทพมหานครจะผงาดขึ้�้นมา
เป็็นศููนย์์กลางความเจริิญทุุกด้้านของประเทศและเป็็น
มหานครชั้น�้ นำำ�ระดัับโลกอย่า่ งทุกุ วัันนี้�้ ที่น่�ี่เ� ป็น็ เพีียงชุมุ ชนริมิ น้ำ�ำ� ขนาดเล็ก็ ที่ร�ู่้้�จัักกััน
ในชื่่�อ “บางกอก” ตั้้�งอยู่�ริิมสองฝั่่�งของแม่่น้ำำ��เจ้้าพระยาบนเส้้นทางออกสู่่�ทะเล
และไม่ไ่ กลจากกรุงุ ศรีีอยุุธยา
ครั้น� เมื่อ่� กรุงุ ศรีอี ยุธุ ยาเจริญิ รุ่ง� เรือื งขึ้น�้ มีีชาวต่า่ งชาติิ
เข้้ามาติิดต่่อค้้าขายเป็็นจำำ�นวนมาก แต่่เส้้นทางหลัักที่�่เข้้าสู่�
กรุุงศรีีอยุุธยากลัับมีีเพีียงแม่่น้ำ�ำ� เจ้้าพระยาเพีียงเส้้นทางเดีียว
เท่า่ นั้น้� อีีกทั้ง�้ ยัังมีีความคดเคี้ย� วจนทำ�ำ ให้เ้ รือที่เ�่ ข้า้ มาติดิ ต่อ่ ค้า้ ขาย
ต้้องเสีียเวลาเดิินทางหลายวััน ส่่งผลให้้ต้้องมีีการขุุดคลองลััด
ต่่าง ๆ เพื่่อ� ลััดน้ำำ�� ย่่นระยะทางและระยะเวลาในการเดิินทางมาสู่�
กรุุงศรีีอยุุธยา เช่่น การขุุดคลองลััดบางกอก ระหว่่าง
แผนที่แสดงย่านริมแมน่ �ำ้ (เจ้าพระยา) สายเกา่
ผา่ นบรเิ วณบางกอก ก่อนขดุ คลองลัด ปากคลองบางกอกน้้อยและปากคลองบางกอกใหญ่่ในรััชสมััย
สมเด็็จพระไชยราชาธิิราช (พ.ศ. 2077 - 2089) หรื อการขุุด
คลองลััดบางกรวย ในรััชสมััยสมเด็็จพระมหาจัักรพรรดิิ
(พ.ศ. 2091 - 2111) และนี่�เองคืือจุุดเริ่�มต้้นที่่�ทำ�ำ ให้้บางกอก
เปลี่่�ยนไปอย่่างสิ้�นเชิิงจากชุุมชนเล็็กๆ ริิมฝั่่�งแม่่น้ำ��ำ เจ้้าพระยา
กลายมาเป็็นเมืืองหน้้าด่่านทางการค้้าและเมืืองหน้้าด่่าน
คอยป้้องกัันอริิราชศััตรููของกรุุงศรีีอยุุธยา เจริิญรุ่�งเรื องกว่่า
แผนทแ่ี สดงยา่ นริมแม่น้ำ� (เจ้าพระยา) สายเก่า เมืืองอื่่น� ในบริเิ วณเดีียวกััน
ท่เี มอื งบางกอก หลังขดุ คลองลัด
ต่่อมาเมื่�่อกรุุงศรีีอยุุธยาล่่มสลายลงในพ.ศ.2310 บางกอก ซึ่่�งตั้�้งอยู่�ในชััยภููมิิที่�่ดีีที่่�สุุดแห่่งหนึ่�ง
บนฝั่่�งแม่่น้ำำ��เจ้้าพระยาจึึงยิ่�งทวีีความสำ�ำ คััญและมีีบทบาทโดดเด่่นกว่่าเมืืองอื่่�น ๆ จนทำำ�ให้้ได้้รั บ
การสถาปนาให้้เป็็นเมืืองหลวงใหม่่แห่่งราชอาณาจัักรสยาม ทั้�้ง “กรุุงธนบุุรีีศรีีมหาสมุุทร”
และ “กรุงุ รััตนโกสิินทร์”์
ภาพเขียนเรอื นแพเรียงรายริมฝง่ั แมน่ �้ำ ใกล้พระบรมมหาราชวงั
วาดโดย ดร. จอร์ช ฟนิ เลยส์ นั (George Finlayson)
นักธรรมชาติวิทยาทเ่ี ขา้ มาสำ�รวจสยามและเวียดนามใน พ.ศ. 2364 และ พ.ศ. 2365
“กรุุงเทพมหานคร”
240 ปีี
ใต้ร้ ่่มพระบารมีีจัักรีีวงศ์์
ตลอด 240 ปีี นัับตั้้�งแต่่แรกสถาปนากรุุงรััตนโกสิินทร์์
เมื่�่อวัันที่่� 21 เมษายน พ.ศ. 2325 จวบจนถึึงปััจจุุบััน มหานครแห่่งนี้้�
ได้้ผ่่านร้้อนผ่่านหนาว ฝ่่าฟัันอุุปสรรคปััญหา มีีพััฒนาการ เติิบโตเคีียงข้้าง
สัังคมไทยมาโดยตลอด ในห้ว้ งวิวิััฒนาการอัันยาวนานนี้ี้� กรุงุ เทพมหานคร
ได้้รัับพระมหากรุุณาธิิคุุณจากพระมหากษััตริิย์์ ไทย
ทุุกรััชกาล ในการทำ�ำ นุุบำ�ำ รุุงสร้้างความเจริิญรุ่�งเรืองให้้แก่่กรุุงเทพมหานคร
ตลอดมา ถืือเป็น็ สิริ ิมิ งคลอย่า่ งยิ่ง� แก่ก่ รุงุ เทพมหานครทั้ง�้ ในฐานะ “ราชธานีี
ไทย” และในฐานะ “องค์์กรปกครอง”
รััชกาลที่่� 1 – รััชกาลที่่� 3
ยุุค “สร้้างบ้้านแปงเมืือง”
สืื บทอดความรุ่�งเรืืองจากกรุุงศรีีอยุุธยา
นัับตั้้�งแต่่ “บางกอก” ได้้รั บการสถาปนา
เป็็น “กรุุงรััตนโกสิินทร์์” พระมหากษััตริิย์์
สมััยรััตนโกสิินทร์์ตอนต้้น พระบาทสมเด็็จ
พระพุทุ ธยอดฟ้า้ จุฬุ าโลกมหาราช พระบาทสมเด็จ็
พระพุุทธเลิิศหล้้านภาลััย และพระบาทสมเด็็จ
พระนั่�งเกล้้าเจ้้าอยู่�่หััว ล้้วนมีีพระราชปณิิธาน
อัั น แ น่่ ว แ น่่ ที่่� จ ะ ส ร้้ า ง ร า ช ธ า นีี แ ห่่ ง นี้้� ใ ห้้ เ ป็็ น
ศููนย์์กลางราชอาณาจัักรแห่่งใหม่่ที่่�มีีความ ราชธานแี หง่ ใหม่นส้ี ืบทอดศิลปกรรมและสถาปตั ยกรรมจากพระราชวงั หลวง
มั่�นคงปลอดภััย มั่�งคั่�งด้้วยเศรษฐกิิจการค้้า ของกรุงศรอี ยุธยา ตั้งแตก่ ารกอ่ สร้าง ไปจนถึงการจัดวางตำ�แหน่งทต่ี ้ัง
ร ว ม ทั้้� งสืืบทอดความรุ่่�งเรืืองจาก ของวังต่าง ๆ ซึ่งจดั ตามรูปแบบการจดั กระบวนทัพแบบ “นาคนาม”
กรุงุ ศรีอี ยุธุ ยา ทรงพระกรุณุ าโปรดเกล้า้ ฯ ให้้ ตามต�ำ ราพิชัยสงคราม กล่าวคอื ต้ังอยู่บนชยั ภูมิที่มีแม่นำ้�และล�ำ คลอง
ทีข่ ดุ ข้ึนลอ้ มรอบ ในขณะท่พี ระบรมมหาราชวังเปรยี บเสมอื นเปน็ ภูเขา
รายรอบดว้ ยพระนิเวศน์ พระราชวงั วัง บ้านเสนาบดี
“สร้้างบ้้านแปงเมืือง” โดยยึึดแบบแผน
และขนบธรรมเนีียมประเพณีีจากกรุุงศรีีอยุุธยา
นัับตั้ง�้ แต่ก่ ารก่อ่ สร้า้ งปราสาทราชวััง วััดวาอาราม
ป้อ้ มปราการ ไปจนถึึงการวางผัังเมืืองและเส้น้ ทาง
คมนาคมตามวิิถีีของ “เมืืองน้ำ�ำ�” ส่่งผลให้้
กรุุงเทพฯ พััฒนาขึ้้�นเป็็นศููนย์์กลางการคมนาคม
และการค้้าที่�่สำ�ำ คััญของภููมิิภาคอุุษาคเนย์์
เป็็น “อู่่�ข้้าวอู่�่น้ำำ��” และเป็็น “เมืืองท่่า
นานาชาติ”ิ ที่ม�่ีผู้�คนหลากเชื้อ� ชาติิ หลายภาษา
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั วัดราชประดิษฐสถิตมหาสมี ารามราชวรวหิ าร
ต่่างเข้้ามาขอพึ่่�งพระบรมโพธิิสมภาร แสดงวถิ ชี วี ิตชมุ ชนเมืองน้ำ�ในสมยั ตน้ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงเปน็ ผ้รู เิ ร่มิ ใหข้ ้าราชการฝา่ ยใน
เรยี นรู้ขนบธรรมเนยี มตามแบบอยา่ งวฒั นธรรมตะวนั ตก
โดยโปรดให้พระเจ้าลกู เธอแตง่ กายตามแบบอย่างสตรีผูส้ งู ศักดิ์ชาวยุโรป
เพอื่ ออกต้อนรับแขกบา้ นแขกเมือง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั
และสมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอเจา้ ฟา้ จุฬาลงกรณ์ (รชั กาลท่ี 5)
รััชกาลที่่� 4 – รััชกาลที่่� 5
ยุุค สู่�่ ศิิวิิไลซ์์สมััย ก้า้ วไกลเทียี มชาติิอารยะ
จุุดเปลี่่�ยนสำำ�คััญของกรุุงเทพฯ เกิิดขึ้�้นในรััชสมััยพระบาทสมเด็็จพระจอมเกล้้าเจ้้าอยู่�่หััว
และพระบาทสมเด็็จพระจุุลจอมเกล้้าเจ้้าอยู่�่หััว ซึ่�่งเป็็นช่่วงเวลาที่่�จัักรวรรดิินิิยมตะวัันตก
กำ�ำ ลัังแผ่่ขยายอิิทธิิพลในเอเชีียจนหลายประเทศต้้องตกเป็็นอาณานิิคม แต่่ด้้วยพระปรีีชาสามารถ
และพระราชวิิสััยทััศน์์อัันกว้้างไกลของล้้นเกล้้าฯ ทั้�้ง 2 พระองค์์ ทรงดำ�ำ เนิินวิิเทโศบายด้้วยการ
เจริญิ สััมพัันธไมตรีีกัับนานาประเทศ รวมทั้ง�้ เร่ง่ รัดพััฒนาปรัับปรุงุ ประเทศให้ม้ ีีความเจริญิ และทัันสมััย
ทััดเทีียมกัับชาติิตะวัันตก ทำำ�ให้้ประเทศไทยสามารถฝ่่าวิิกฤติิภััยและธำำ�รงความเป็็นเอกราชไว้้ได้้
ตราบจนถึึงทุุกวัันนี้้�
ในช่่วงเวลานี้�เ้ อง กรุุงเทพฯ ได้้ “อภิิวัฒั น์”์ สู่�ความทัันสมััยทััดเทีียมชาติิอารยะ ซึ่ง่� ไม่เ่ พีียงแค่่
ปฏิิรููปการปกครองครั้�งใหญ่่อัันเป็็นรากฐานของระบบบริิหารราชการแผ่่นดิินของประเทศไทย
ในปััจจุบุ ััน และวางรากฐานการพััฒนาประเทศในทุกุ ด้า้ นเท่า่ นั้น้� แต่ย่ ัังรวมถึึงการรัังสรรค์ม์ หานครแห่ง่ นี้�้
ให้ง้ ามสง่า่ เป็น็ เมืือง “ศิวิ ิิไลซ์”์ ทัดั เทียี มนานาอารยประเทศ พรั่่ง� พร้อ้ มด้ว้ ยสาธารณูปู โภค
ถนนเจริญกรุง เป็นถนนรุ่นแรกของเมอื งไทยท่ใี ชว้ ทิ ยาการกอ่ สร้างแบบตะวันตก
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัวทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งข้นึ เพ่อื เปน็ แกนกลาง
ในการพัฒนาโครงขา่ ยถนนในกรงุ เทพฯ ยคุ แรก ซ่งึ สร้างขน้ึ ในคราวเดียวกบั ถนนบำ�รงุ เมอื งและถนนเฟอ่ื งนคร
และสาธารณููปการที่�่ครบครั น ทัันสมััย ไปจนถึึงการวางผัังเมืืองและการพััฒนา
โครงข่่ายคมนาคมตามวิิถีีของบ้้านเมืืองที่่�วิิวััฒน์์จาก “เมืืองน้ำำ�� ” ไปสู่่�
การเป็น็ “เมืืองบก” ด้ว้ ยการ “ตัดั ถนน” และ “สร้า้ งทางรถไฟ” เชื่อ่� มโยง
ศููนย์์กลางการบริิหารราชการแผ่่นดิิน ย่่านชุุมชน ย่่านเศรษฐกิิจการค้้า
ย่า่ นเกษตรกรรมและอุตุ สาหกรรม
“สถานรี ถไฟกรุงเทพ” หรือท่ีรจู้ ักกันในนาม “สถานหี ัวลำ�โพง”
เกดิ จากพระราชวสิ ัยทัศน์อันยาวไกลของพระบาทสมเด็จ
พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หวั ท่ีทรงเล็งเห็นว่าการพัฒนากจิ การรถไฟ
จะเปน็ อกี หนึง่ ปัจจยั สำ�คญั ในการรกั ษาเอกราชและอธิปไตย
ของชาตไิ ว้ได้ ด้วยเปน็ เส้นทางคมนาคมที่ทนั สมยั
สามารถเชอ่ื มโยงศูนยก์ ลางประเทศกบั หวั เมืองต่าง ๆ
ในภมู ภิ าคได้ สะดวกต่อการปกครองและการตรวจตรา
ป้องกนั ศัตรูผรู้ ุกราน อกี ท้ังยงั เป็นการนำ�ความเจริญเข้าสพู่ ้นื ท่ี
และเป็นประโยชนต์ อ่ การพัฒนาท้ังในทางเศรษฐกจิ และสงั คม
ของประเทศในภาพรวม
กรงุ เทพฯ ในช่วงเวลาน้ไี ดข้ ยายอาณาเขตของเมืองออกไปเพ่อื รองรบั
จำ�นวนประชากรท่เี พ่มิ สงู ขน้ึ และกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ทหี่ ลากหลาย
ตลอดจนขยายขอบเขตของเมืืองและความเจริญิ ออกไปสู่่�พื้้น� ที่ร่� อบนอก และพื้้น� ที่่�
หััวเมืืองสำำ�คััญอย่า่ งเป็น็ ระบบเพื่อ�่ รองรับจำำ�นวนประชากรที่เ่� พิ่่ม� สูงู ขึ้น้� และกิจิ กรรม
การค้้า การผลิิตที่่�หลากหลายอัันเนื่�่องมาจากการเปลี่�่ยนแปลงทางเศรษฐกิิจ
จากระบบยัังชีีพแบบดั้�้งเดิิมไปสู่่�การผลิติ เพื่อ่� ขายและการค้้าเสรี
สองฟากฝงั่ แม่นำ้�เจ้าพระยาด้านทศิ ใต้ของพระนคร
เป็นทต่ี ้งั ของเขตอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่
เช่น โรงสี โรงเลื่อย และท่าเรอื ขนส่งสนิ ค้า
เพอ่ื กระจายส่ตู ลาดโลก
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว รััชกาลที่่� 6 - รััชกาลที่่� 8
ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างสะพานพระราม ๖
สะพานรถไฟข้ามแมน่ �ำ้ เจา้ พระยาแห่งแรก ยุุค มหานครวัฒั นา
และเป็นจุดเชือ่ มทางรถไฟสายเหนอื และสายใตเ้ ข้าดว้ ยกนั ก้า้ วหน้้าสู่�่สากล
รวมถงึ สรา้ ง สนามบินดอนเมอื ง เพอ่ื เปน็ สนามบินพาณชิ ย์
แหง่ แรกของประเทศไทย โดยเฉพาะการขนสง่ สนิ ค้า ล่่วงถึึงรััชสมััยพระบาทสมเด็็จพระมงกุุฎเกล้้า
และจดหมายทางอากาศเข้ามายงั ศูนยก์ ลางพระนคร
เจ้้าอยู่�่หััว เรื่�อยมาจนถึึงพระบาทสมเด็็จพระปกเกล้้า
เจ้้าอยู่่�หััว และพระบาทสมเด็็จพระปรเมนทรมหา
อานัันทมหิดิ ล พระอััฐมรามาธิบิ ดินิ ทร ในช่ว่ งเวลาเพีียง
36 ปีี ระหว่่าง พ.ศ. 2453 - 2489 นั้้น� เป็น็ ยุุคแห่่ง
การพััฒนาการคมนาคมขนส่่ง โดยได้้มีี
การก่่อสร้้างโครงสร้้างพื้้�นฐานสำำ�คััญ เช่่น สะพาน
พระราม ๖ สนามบิินดอนเมืือง ในสมััยรััชกาลที่่� 6
สะพานปฐมบรมราชานุสุ รณ์์ (สะพานพระพุทุ ธยอดฟ้า้ )
ในสมััยรััชกาลที่่� 7 ท่่าเรืือกรุุงเทพ (ท่่าเรืือคลองเตย)
ในสมััยรััชกาลที่่� 8 ทำ�ำ ให้้กรุุงเทพฯ ไม่่เพีียงเป็็น
ศููนย์์กลางความเจริิญในทุุกด้้าน แต่่ยัังเป็็น
ศูนู ย์ก์ ลางการคมนาคมที่่เ� ชื่อ่� มโยงเส้น้ ทาง
สััญจรได้้ทุุกรููปแบบ ทั้้�งทางบก ทางน้ำ��ำ
ทางราง และทางอากาศ ก้้าวล้ำำ��นำำ�สมััย
กว่่าประเทศใด ๆ ในภููมิิภาค
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั มพี ระราชดำ�รทิ จ่ี ะกระจายความเจรญิ ออกไปยังพระนครฝงั่ ตะวนั ตกจงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ
ให้สรา้ งสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟา้ ) ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ�เจา้ พระยาไปยงั ฝั่งธนบรุ ี เพือ่ เป็นการเตรียมพร้อม
รองรับการสัญจรทางรถยนต์ท่ีมีจ�ำ นวนเพิ่มข้ึน โดยไดเ้ สดจ็ พระราชด�ำ เนินไปทรงเปดิ สะพานเมือ่ วนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2475
ท่าเรอื กรงุ เทพ (ท่าเรือคลองเตย) กอ่ สร้างข้นึ ในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธิบดินทร
ซง่ึ ทำ�ใหก้ ารขนถา่ ยสนิ ค้าเพื่อบรรทุกเรอื ออกไปต่างประเทศสะดวกรวดเรว็
รััชกาลที่่� 9 - รััชกาลที่่� 10
ยุุคปัจั จุุบััน มหานครพร้้อมสรรพ สำำ �หรัับทุุกคน
จวบจนถึึงยุุคปััจจุุบััน รััชสมััยพระบาทสมเด็็จพระบรมชนกาธิิเบศร มหา
ภููมิพิ ลอดุลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิติ ร และพระบาทสมเด็จ็ พระวชิริ เกล้า้ เจ้า้ อยู่ห�่ ัวั
ซึ่�่งแม้้ว่่าพระมหากษััตริิย์์จะมิิได้้ทรงดำ�ำ รงสถานะเป็็นผู้�บริิหารราชการแผ่่นดิิน
ดัังเช่่นในอดีีต หากแต่่ยัังทรงบำ�ำ เพ็็ญพระราชกรณีียกิิจนานััปการเพื่�่อบำ�ำ บััดทุุกข์์
บำ�ำ รุุงสุุข ยกระดัับและพััฒนาคุุณภาพชีีวิิตประชาชน รวมถึึงการพระราชทาน
แนวพระราชดำ�ำ ริิ แนวทางการดำ�ำ เนิินงาน การแก้้ไขปััญหา ตลอดจนพระบรม
ราชวิินิิจฉััยเสนอแนะต่่างๆ อัันเป็็นที่�่มาของโครงการอัันเนื่�่องมาจาก
พระราชดำ�ำ ริิมากมายเพื่่�อคลายทุุกข์์คนเมืือง โดยเฉพาะในด้้านการ
แก้้ปััญหาจราจร การป้อ้ งกัันน้ำ��ำ ท่ว่ ม และการบำำ�บััดน้ำ�ำ� เสีีย ซึ่่�ง “กรุุงเทพมหานคร”
ได้้น้อ้ มนำำ�มาปฏิบิ ััติิ ดำ�ำ เนิินงานสนองเบื้อ� งพระยุุคลบาท เพื่อ�่ คุุณภาพชีีวิติ ที่�่ดีีของ
“คนกรุุงเทพฯ” และเพื่�่อพััฒนา “มหานครกรุุงเทพฯ” ให้้เจริิญรุ่�งเรือง พรั่่�งพร้้อม
สะดวกสบาย และเป็็นมหานครที่�่น่่าอยู่�อย่า่ งยั่ง� ยืืน
ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมเป็นถนนวงแหวนรอบเลก็ ซ่ึงสรา้ งขึ้นตามแนวพระราชดำ�ริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รองรับการขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือกรงุ เทพต่อเน่อื งไปยังพ้นื ที่อุตสาหกรรม
ในจงั หวัดสมทุ รปราการและภูมิภาคอนื่ ๆ ของประเทศ เพ่อื ไม่ให้รถบรรทุกขนาดใหญแ่ ล่นผ่านเข้าไปในตัวเมือง อันเป็นหน่ึงในสาเหตุของ
ปญั หาการจราจรติดขดั เสน้ ทางสายนีก้ อ่ สรา้ งขึ้นใหม่พรอ้ มกบั สะพานข้ามแมน่ ้�ำ เจ้าพระยา คือ สะพานภมู ิพล ๑ และสะพานภูมิพล ๒
เช่อื มตอ่ ถนนสายเดมิ ทางด้านใตข้ องกรุงเทพฯ คอื ถนนพระรามท่ี 3 ถนนทางรถไฟสายปากน�้ำ และถนนปู่เจา้ สมงิ พราย
รวมถึงถนนกาญจนาภิเษก เขา้ ดว้ ยกันเปน็ ระบบโครงขา่ ยวงแหวน มรี ะยะทางตลอดสายรวม 25 กิโลเมตร
สะพานพระราม ๘ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ รมพี ระบรมราชวินิจฉยั ใหก้ ่อสรา้ งขนึ้ โดยเรมิ่ จากถนนวิสุทธกิ ษัตริย์ ฝั่งพระนคร
ขา้ มแม่น�ำ้ เจ้าพระยา ผ่านถนนอรุณอมรนิ ทร์มาบรรจบกบั ทางคูข่ นานลอยฟ้า ถนนบรมราชชนนี
โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ลากแนวเสน้ ทางดว้ ยพระองค์เอง และเม่อื ก่อสร้างแล้วเสรจ็
ไดพ้ ระราชทานช่อื ว่า “สะพานพระราม ๘” เพื่อร�ำ ลกึ ถงึ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหา
อานนั ทมหดิ ล พระอัฐมรามาธิบดนิ ทร
Song Prคa.pปaระCaปnาal CanปalตRรe.gคuR.aSlสคaomOถอ.tnสog.ซงIอรrSNn.CงาoแtgaมhioอnrอAeaaนินlnnRเ-ถnทนoTe.รahกอxdาaMซอปoเRงaตTนิ eรa-ne.ทgหkามRRแoอ eรaแgงduตSloaกntคogr.สTaอwSงaaคตSmniป.ะHคสTวตTaoT.านัoสwรakมคkตw.ีตaต.พWnกหCaะะรnaวaTกวะoนัnวนัTCkยaตาoตaาlCkกnสกaanCเุ laรalนnaทlรปLPปaตSปปhmSตiรตraตTaร.SรmBลaรy.o.คawa.ำคnคeT.aแg.สSan.สnบสuwตีTาRrนaอTะaeมeownวงngตkันตauTะRnCตะloวaeวakกTนัtgnนัoouCถตarkตl.ปaalSกPปกnaCrtRตaรoaeeacะรrlnghnช.auRaแาSlelรaRสagวuRteนuoaมeplrmแagใจtuสRoCleบarhgtaouirlRaotoadrMo คT.aหek มอCแanตaกl
Vibhavถ.aวิdiภ-าRวa ีดngัรsงit ิสRตoad Suwถin.สthวุ aินwทoวnงgศR oadPhraคy.aพรSะurยeาnสุCิรaนnทalร
ค.บBาaงnเgขKนhen Canal Lam คB.aลeำnแCบaนnal
ค.บางซือ
Bang KheปnตรKa.บoาRงeเขguนlaเกtoา r Prคe.เmปPรrPมaacถป.hhรoaพะnkหชoYลาnโoกtCยรhiaธิnnนalRoad ถH.aหthัทaยiรRาatษฎR รoad
Bang KhปeตnBรaM.nบagาiSงRuปเeeขตgนuRรlใea.หบgtouมาrlงa ซtoอื r Bang Sue Canal Niถ.mi ินtมิตMaรiใหRo มad
ปตร.สามเสน
Saคm.สSาeมnเสCนanal Laคt.ลPhาrดaoพ รCาaวnal LatถP.ลhrาaดoพRรoา aวd ถ.RรaาmมคKhำaแหmงhaeng Road ค.สอง คDันykกeนั นำ
Sam Sen Regulator Rถam.พaรIะVราRมoaทSduี k4huถm.vสitุขมุRoวaทิ d Sคa.eแnสSนaแeสp บCanal EทaาstงeรrถnไRฟaสilwายayตะวนั อขยอยกการยะสดะบั พทาานงรรถถไไฟฟ ถ. รมเก ลา Song Canal ปPตraรw.eปคtร.Rะปeเรวguะศlเนaวtศorน Prawet Canal
Phadคu.nผgดงุCanal Rom Klao Road
Saค.mสCาaมnal
Siค. สีCanal
คK.hคัaนn Canal
Phrถa.KพhรaะnโoขnนgงRoad Sซo.อi อOนnนNชุ ut
Phra KhaEปnkตoCnรปga.ตพnRรaรe.lะgคRโuลeขlaอgนtuงoงlเarอtoกr ค.เจ็ก Chek Canal PalatคP.riปaลัngดเCปaรีnยalง Baถng.บNาaง-นTาra-tตRรoาaดd
BBanagngNปปOaตตRรRรee..บบgguuาาllงงaaนอttooาอ rr คK.hบloาnงgอBอang O Laคt.KiลKrnาagถดb.Kกa ิกanรงegะแoบัRกงRoวoaadd
ChaoแมPhน rำayเจaาRพivรeะrยา
Khloคn.gบาBงaนngา Na
แนวคันกนั้ น้�ำ ฝั่งตะวันออก Samrคon.สgำCโaรnงal คนั Dกyันkeนำ
อันเน่อื งมาจากพระราชด�ำ ริ
ขโSTคอhaรeงmBคงuacกจ.tnaบ.าgสnSารaaมงขPlkปุทiดุhndงรoลgrenปอCdรกpgaาirคnnoกaลgvาliอnรpงcroeject of
โเทคศรงบกาาลรเขมอืองงกจร.มสโมยุทธราปธกิราากราใรนเขต Bคa.nบgาTPงalปaคm.rลRuตาaำรCาหCaร�annalal
Baค.ngบาPlงaปลCาanal
ooThff eSPauPmbroluijcet cWPtroaorkfkastnhienprDtohevepinamcretumneicnitpality
Cสh.เarจoริenญรRาatษฎBrรidge
Brขidยgาeยeสxะpพanาsนion
BanปgตPรla.บRาaงปRลegาuรlาator BaปnตgรP.lบaาRงeปgลulาator
แผนทีแ่ สดงแนวคันกัน้ น้ำ�ฝงั่ ตะวันออกอนั เน่อื งมาจากพระราชดำ�ริ
หนึ่งในแนวพระราชด�ำ ริด้านการป้องกันน้ำ�ท่วมท่พี ระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร
มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระราชทานแก่กรุงเทพมหานคร
แก้มลิงบึงหนองบอน หนงึ่ ในโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชด�ำ ริ
ด้านการป้องกนั นำ�้ ทว่ มเพอื่ ชว่ ยแกป้ ญั หานำ้�ทว่ มในพืน้ ทีเ่ ขตประเวศ
สวนหลวง และพระโขนง ซึง่ ไมเ่ พียงเปน็ แกม้ ลงิ เท่าน้ัน
แต่ยังใช้ประโยชนข์ องพื้นท่ีอยา่ งค้มุ คา่ ดว้ ยการพัฒนาพ้ืนทบ่ี างสว่ น
ใหเ้ ป็นสวนสาธารณะและเปน็ ศูนยก์ ีฬาทางน้�ำ แห่งแรก
ของแห่งแรกของกรงุ เทพมหานคร
โครงการบงึ มักกะสนั อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ
หนง่ึ ในโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดำ�รดิ ้านการบ�ำ บัดน�ำ้ เสยี
ซ่ึงเกิดจากความหว่ งใยในความเดอื ดร้อนของชาวกรงุ เทพฯ
โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ชาวชุมชนทีอ่ ย่บู ริเวณบึงมกั กะสนั ซึง่ เป็น
แหลง่ รับนำ้�ท่วมและน้�ำ เสยี จากคลองสามเสน ตลอดจนน้ำ�ท้ิง
และขยะมลู ฝอยจากบา้ นเรอื นในชุมชนแออัดโดยรอบกว่า
700 หลงั คาเรอื น (ในขณะน้นั ) จนกลายเป็นแหลง่ น้�ำ เสียขนาดใหญ่
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร จึงมพี ระราชด�ำ ริใหป้ รบั ปรงุ บงึ มกั กะสันใหม่
เมื่อ พ.ศ. 2528 โดยให้ทดลองนำ�ผกั ตบชวาทม่ี ีอยู่ในบงึ มาใช้
เปน็ “เครอ่ื งกรองนำ้�ธรรมชาติ” จากน้นั จงึ มีพระราชดำ�ริให้ขดุ ลอก
ทางระบายน�ำ้ เพื่อน�ำ น้ำ�ดคี ืนสคู่ ลองสามเสน และทรงให้ขดุ
คลองระบายน้ำ�เพื่อนำ�นำ�้ ดีไปเจอื จางในคลองแสนแสบอกี ดว้ ย
พระบาทสมเดจ็ พระวชิรเกลา้ เจ้าอย่หู ัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหห้ นว่ ยราชการในพระองค์ 904
ร่วมกนั จดั ตั้ง “โครงการจติ อาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำ�ริ” เพ่ือเป็นการเฉลมิ พระเกยี รติ
และแสดงความสำ�นึกในพระมหากรุณาธคิ ณุ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และสมเด็จพระนางเจ้าสริ ิกติ ์ิ พระบรมราชินนี าถ บรมราชชนนีพนั ปีหลวง โดยในระยะเริม่ แรก เป็นการบ�ำ เพ็ญประโยชน์
ในพืน้ ทชี่ มุ ชนโดยรอบพระราชวังดสุ ิต รว่ มกันดแู ล พัฒนา และรักษาพ้ืนท่ี
จากชมุ ชนเล็กๆ รอบพระราชวังดสุ ติ จากนน้ั ค่อยๆ ขยายสู่พื้นท่ีกรุงเทพมหานคร และพ้ืนที่โดยรวมของประเทศ
พร้อมทัง้ ขยายขอบขา่ ยของงานจติ อาสาเพิ่มมากขึน้ ต้งั แต่บ�ำ เพญ็ สาธารณประโยชน์ ยกระดบั และพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต
ไปจนถึงช่วยเหลอื บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภยั พิบัติ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงหว่ งใยประชาชน
ในกรุงเทพมหานคร โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหห้ น่วยทหาร
มหาดเลก็ รักษาพระองค์ ข้าราชบริพารในพระองค์ ร่วมกับ
หนว่ ยราชการในเขตพ้ืนท่ี และประชาชนจติ อาสาเก็บขยะมลู ฝอย
และวัชพชื จากคลองและท่อระบายนำ้�ในพน้ื ทกี่ รุงเทพมหานคร
เพอื่ เตรียมรบั มือกับปริมาณนำ�้ ฝน ใหส้ ามารถระบายน้ำ�
ออกจากพื้นท่ีได้เร็ว ปอ้ งกันนำ�้ ท่วม ไมเ่ ป็นแหลง่ เพาะพันธยุ์ งุ
รวมทัง้ ตดั แต่งกง่ิ ไม้ริมคลองเพ่ือปรบั ปรุงภมู ิทัศน์ เพื่อให้ประชาชน
ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมทดี่ แี ละมคี ุณภาพชีวติ ทีด่ ีขึ้น
นับเปน็ พระมหากรุณาธิคณุ แกช่ าวกรงุ เทพฯ อยา่ งหาทส่ี ดุ มไิ ด้
ตลอดระยะเวลา 240 ปีี แห่่งการสถาปนา “กรุุงเทพมหานคร”
เป็็นราชธานีี นอกจากพระมหากษััตริิย์์จะทรงมีีบทบาทสำ�ำ คััญในการรัังสรรค์์
สร้้างความเจริิญรุ่�งเรื องให้้แก่่ราชธานีีแห่่งนี้�้แล้้ว ยัังมีีบทบาทสำ�ำ คััญในการวิิวััฒน์์
องค์ก์ รและการปกครอง นัับตั้ง�้ แต่เ่ มื่อ�่ แรกสถาปนากรุงุ รััตนโกสินิ ทร์ท์ ี่อ�่ ยู่�ในความดูแู ล
ของกรมเวีียง จนกลายมาเป็็นหน่่วยงานกรุุงเทพมหานคร องค์์กร
ปกครองส่่วนท้้องถิ่่�นรููปแบบพิิเศษในปััจจุุบััน โดยมีีจุุดเริ่�มต้้นสำำ�คััญ
ในสมััยรััชกาลที่�่ 5 และมีีวิวิ ััฒน์เ์ รื่�อยมาจนเป็น็ กรุุงเทพมหานครในวัันนี้�้
วิิวัฒั น์์องค์์กร
และการปกครอง :
จาก“กรมเวียี ง”สู่�่ “กรุุงเทพมหานคร”
พ.ศ. รััชกาลที่่� 1- 4
2325
• แรกสถาปนากรุุงรััตนโกสิินทร์์ พระบาทสมเด็็จ
พระพุุทธยอดฟ้้าจุุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุุณา
โปรดเกล้า้ ฯ ให้ก้ รุงุ เทพฯ อยู่�ในความดูแู ลของ “กรมเวียี ง”
มีีเสนาบดีีกรมเวีียงเป็น็ ผู้�บังคัับบััญชาสูงู สุดุ มีีหน้า้ ที่ด�่ ูแู ล
รัับผิิดชอบการพััฒนาเมืือง รวมไปถึึงดููแลทุุกข์์สุุข
ของราษฎร
รััชกาลที่่� 5
พ.ศ. พ.ศ.
2427 2435
• ทรงพระกรุุณาโปรดเกล้้าฯ ให้้มีีการ • กร ม เ วีีย ง ไ ด้้ รั บ ก า รยก ฐ า น ะ ขึ้�้ น เ ป็็ น
จััดตั้�้งหน่่วยงานพิิเศษขึ้�้นในรููปแบบของ “กระทรวงเมืือง” ซึ่�่งต่่อมาได้้เปลี่�่ยนชื่�่อเป็็น
คณะกรรมการที่�่ปรึึกษาเรีียกว่่า “คอมมิิตตีี “กระทรวงนครบาล” โดยมีีเสนาบดีีกระทรวง
จััดการบำ�ำ รุุงรัักษาพระนคร” หรือ “คอมมิิตตีี นครบาลทำำ�หน้้าที่�่รั บผิิดชอบในการปกครอง
กรมพระนครบาล” เพื่�่อรองรั บการพััฒนา ทั้ง้� ในฝั่ง�่ พระนครและฝั่ง�่ ธนบุรุี รวมทั้ง�้ หััวเมืือง
ความเจริญิ ของพระนคร ใกล้เ้ คีียง ได้แ้ ก่่ นนทบุรุี ปทุมุ ธานีี นครเขื่อ�่ นขัันธ์์
สมุทุ รปราการ ธััญบุรุี และมีีนบุุรี รวมเรีียกว่่า
“มณฑลกรุงุ เทพ”
คณะกรรมการคอมมิิตตีกี รมพระนครบาล
โยธาธิิการ นครบาล ยุุติิธรรม
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมขุนนรศิ รานวุ ัดติวงศ์ กรมพระนเรศรว์ รฤทธิ์ กรมพระสวสั ดิวดั นวศิ ิษฎ์
เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เสนาบดีกระทรวงนครบาล เสนาบดกี ระทรวงยุติธรรม
พ.ศ.
2440
• ทรงพระกรุุณาโปรดเกล้้าฯ ให้้จััดตั้้�ง
“สุขุ าภิบิ าลกรุงุ เทพ” ขึ้น้� เป็น็ ครั้ง� แรกเพื่อ�่ ทดลอง
การปกครองในรููปแบบสุุขาภิิบาล ซึ่�่งเป็็น
การปกครองท้้องถิ่ �นรููปแบบหนึ่ �งคล้้ายกัับ
เทศบาล โดยมีีกรมศุุขาภิิบาลในสัังกััด
กระทรวงนครบาลทำ�ำ หน้า้ ที่บ�่ ริหิ ารและปกครอง
พร ะ น ค รด้้ ว ยวิิ ธีีก า รนำำ� เ งิิ น ร า ย ไ ด้้ จ า ก
คนในท้้องถิ่�นหรื อจากชุุมชนมาใช้้สร้้างและ
บำ�ำ รุุงสาธารณประโยชน์์ และได้้กลายมาเป็็น
แบบแผนในการพััฒนาหััวเมืืองอื่่�นๆ ต่่อไป
อีีกทั้้�งยัังเป็็นการวางรากฐานการมีีส่่วนร่่วม
และการปกครองตนเองของประชาชน
ในอนาคต
งานก่อสร้าง บ�ำ รงุ ถนน และรักษาความสะอาดในพระนคร
เป็นหนา้ ทีร่ บั ผดิ ชอบของกรมศุขาภิบาล กระทรวงนครบาล
รััชกาลที่่� 6
พ.ศ.
พ.ศ. พ.ศ. 2467
2458
2465 • กร ม ศุุ ข า ภิิ บ า ล อ ยู่่�ภ า ย ใ ต้้
• ได้้มีีการรวมภารกิิจของ กา รดูู แ ล ข อ ง กร ะ ทร ว ง
กร ะ ทร ว ง น ค ร บ า ล เ ข้้ า กัั บ มหาดไทย และได้้เปลี่่�ยนชื่�่อ
• ทรงพระกรุุณาโปรดเกล้้าฯ ให้้ กระทรวงมหาดไทย โดยได้้ เป็็น “กรมนคราทร” มีีหน้า้ ที่�่
โอนย้้ายงานประชาภิิบาล รั บผิิดชอบงานด้้านการโยธา
ปรัับปรุงุ เขตการปกครองมณฑล และนคราภิบิ าล อัันเป็น็ หน้า้ ที่�่ ก า ร ส า ธ า รณูู ป โ ภ ค
กรุุงเทพใหม่่โดยแยกจัังหวััด การบริิหารภายในเขตกรุุงเทพ การสาธารณููปการ ภายใน
พระนครธนบุุรีีเป็็นจัังหวััด และปริิมณฑลมาอยู่�ในความ เขตกรุงุ เทพฯ และปริมิ ณฑล
พระนคร และจังั หวัดั ธนบุรุ ีี
รัับผิดิ ชอบของสมุหุ เทศาภิบิ าล
มณฑลกรุุงเทพเช่่นเดีียวกัับ
มณฑลอื่�่นๆ และให้้ยุุบเลิิก
กระทรวงนครบาล โดยรวม
เข้้าเป็็นส่่วนหนึ่�งของกระทรวง
มหาดไทย
ตราจังหวัดพระนคร
ตราจงั หวดั ธนบุรี
รัชั กาลที่่� 7 รััชกาลที่่� 8
พ.ศ. พ.ศ.
2476 2480
• ประกาศใช้้พระราชบััญญััติิจััดระเบีียบบริิหาร
ราชการแห่่งราชอาณาจัักรสยาม พุุทธศัักราช
2476 ให้้ยกเลิิกระบบมณฑลเทศาภิิบาล
และจััดระเบีียบบริิหารราชการส่่วนภููมิิภาค
ไว้้เป็็นอำ�ำ เภอและจัังหวััด เป็็นผลให้้ “จัังหวััด
พระนคร” และ “จัังหวััดธนบุุรี ” มีีฐานะเป็็น ตราเทศบาลนครกรุงเทพ
หน่่วยการปกครองส่่วนภููมิิภาคขึ้้�นตรงกัับ • วัันที่�่ 1 เมษายน พ.ศ. 2480 ถืือกำำ�เนิิด
กระทรวงมหาดไทย มีีผู้้�ว่่าราชการจัังหวััด “เทศบาลนครกรุุงเทพ” โดยมีีพลเอก
เป็็นผู้�รับผิิดชอบในการบริิหารงานของจัังหวััด เจ้า้ พระยารามราฆพเป็น็ นายกเทศมนตรีีคนแรก
ร่่วมกัับผู้�แทนส่่วนราชการ กระทรวง ทบวง และ “เทศบาลนครธนบุุรีี” โดยมีี พระยา
กรม ต่า่ ง ๆ มไหสวรรย์์ (กอ สมบัตั ิศิ ิริ ิ)ิ เป็น็ นายกเทศมนตรีี
ส�ำ นักงานเทศบาลนครกรงุ เทพแหง่ แรก คนแรก ทำ�ำ หน้้าที่�่บริิหารกิิจการต่่าง ๆ เช่่น
ถนนกรงุ เกษม การรัักษาความสะอาด ความปลอดภััย การศึึกษา
การสาธารณสุุข ไฟฟ้้า การตััดถนน ฯลฯ
โดยใช้้เงิินภาษีีที่�่เก็็บจากประชาชนในท้้องถิ่�น
และประชาชนในท้้องถิ่�นเป็็นผู้�เลืือกตั้�้ง
ผู้้�บริิหารเทศบาล มีีองค์์กรฝ่่ายบริิหาร ได้้แก่่
“คณะเทศมนตรีี” (เดิิมเรีียกคณะมนตรีี)
ซึ่�่งมีีนายกเทศมนตรีีเป็็นหััวหน้้า ทำ�ำ หน้้าที่�่
ควบคุมุ และรับผิดิ ชอบการบริหิ ารเทศบาล
รััชกาลที่่� 9
พ.ศ.
พ.ศ. 2515
2514
• ได้้มีี “ประกาศคณะปฏิิวััติิ ฉบัับที่่� 335”
• ประกาศรวมจัังหวััดพระนครและจัังหวััด ให้้รวมกิิจการของนครหลวงกรุุงเทพธนบุุรี
ธนบุรุีเข้า้ ด้ว้ ยกัันเป็น็ “นครหลวงกรุงุ เทพธนบุรุ ี”ี องค์์การบริิหารนครหลวงกรุุงเทพธนบุุรี
ตามประกาศคณะปฏิิวััติิ ฉบัับที่�่ 24 โดยมีี เทศบาลนครหลวง และสุุขาภิิบาลในเขต
ผู้้�ว่าราชการนครหลวงกรุุงเทพธนบุุรีี ดำ�ำ รง นครหลวงเข้้าด้้วยกััน เกิดิ เป็็นองค์ก์ รปกครอง
ตำำ�แหน่ง่ นายกเทศมนตรีเี ทศบาลกรุงุ เทพธนบุรุ ีี ส่่วนท้้องถิ่�นรู ปแบบพิิเศษ ภายใต้้ชื่�อ
มีีเทศมนตรีีไม่่เกินิ 8 คน และมีีสภาเทศบาล “กรุุงเทพมหานคร” ขึ้�้นเป็็นครั้�งแรกของ
นครหลวง ประกอบด้้วย สมาชิิก จำำ�นวน ประเทศไทย เมื่�อวัันที่่� 14 ธันั วาคม พ.ศ. 2515
ไม่่เกิิน 36 คน ซึ่�่งเทศมนตรีีและสมาชิิก
สภาเทศบาลนั้้�นมาจากการแต่่งตั้้�งของ ศาลาวา่ การกรงุ เทพมหานคร เมอื่ แรกสร้าง
รััฐมนตรีีว่า่ การกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. พ.ศ.
2518 2528
• ประกาศใช้้พระราชบััญญััติิระเบีียบบริิหาร
• มีีการยกเลิิกประกาศคณะปฏิิวััติิ ฉบัับที่� 335
กรุงุ เทพมหานคร พ.ศ. 2528 กำำ�หนดให้้มีีการ
และประกาศใช้้พระราชบััญญััติิระเบีียบ เลืือกตั้�งผู้้�ว่ าราชการกรุุงเทพมหานคร
บริิหารราชการกรุุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 เพีียงคนเดีียว ส่่วนรองผู้�ว่าราชการกรุุงเทพ
ซึ่่�งกำำ�หนดให้้กรุุงเทพมหานครเป็็นทบวง มหานครอีีก 4 คน ให้้ผู้�ว่าราชการกรุุงเทพ
การเมืือง มีีฐานะเป็็นราชการบริิหาร มหานครเป็็นคนแต่่งตั้�้ง และได้้กำ�ำ หนดให้้
ส่่วนท้้องถิ่�น และให้้แบ่่งพื้้�นที่�่การปกครอง ปร ะ ช า ช น มีีสิิ ทธิ์์� เ ลืื อ ก ตั้�้ ง ส ม า ชิิ ก ส ภ า เ ขต
กรุุงเทพมหานครออกเป็็นเขตและแขวง เพื่�่อเป็็นตััวแทนสอดส่่องดููแลการดำ�ำ เนิินงาน
ตามลำำ�ดัับ มีีผู้้�ว่่าราชการกรุุงเทพมหานคร ของเขตอย่่างน้้อยเขตละ 7 คน ซึ่�ง่ ในขณะนั้�น้
ซึ่ง�่ เป็น็ หััวหน้า้ ฝ่า่ ยบริหิ าร และรองผู้�ว่าราชการ มีีเขตปกครองเพีียง 24 เขต ต่่อมาได้้ขยาย
กรุุงเทพมหานคร อีีก 4 คน มาจาก เป็็น 36 เขตใน พ.ศ. 2532 และเป็็น 38 เขต
ก า ร เ ลืื อ ก ตั้�้ ง แ ล ะ ใ ห้้ มีี ส ม า ชิิ ก ส ภ า ใน พ.ศ. 2537 จนกระทั่ง� เป็น็ 50 เขต ในปััจจุบุ ััน
กรุุ ง เ ทพ ม ห า น ค ร ม า จ า กก า ร เ ลืื อ ก ตั้้� ง
ของประชาชนในเขตปกครอง เขตละ 1 คน นายธรรมนญู เทยี นเงนิ
ทำ�ำ ให้้มีีการเลืือกตั้�งผู้้�ว่ าราชการกรุุงเทพ
มหานครและสมาชิิกสภากรุุงเทพมหานคร
เป็น็ ครั้ง� แรกเมื่อ� วันั ที่่�10 สิงิ หาคม พ.ศ.2518
โดยมีีนายธรรมนููญ เทีียนเงิิน เป็็นผู้้�ว่ า
ราชการกรุุงเทพมหานครคนแรกที่่�มาจาก
การเลืือกตั้ง� ของประชาชน
การบริหิ ารราชการของกรุงุ เทพมหานครในปัจั จุบุ ันั
1. ผู้ว�้ ่า่ ราชการกรุงุ เทพมหานคร เป็น็ หััวหน้้า 3. ข้้าราชการประจำ�ำ มีีปลััดกรุุงเทพมหานคร
ของฝ่่ายบริิหารและเป็็นผู้�บังคัับบััญชาสููงสุุดของ เป็น็ ข้า้ ราชการประจำำ�สูงู สุดุ ทำ�ำ หน้า้ ที่ค�่ วบคุมุ ดูแู ล
กรุุงเทพมหานคร ที่�่มาจากการเลืือกตั้�้งของ การปฏิิบััติิงานของ “สำ�ำ นััก” ต่่าง ๆ รวม
ประชาชน มีีวาระการดำ�ำ รงตำ�ำ แหน่ง่ คราวละ 4 ปีี 16 สำ�ำ นััก โดยสำ�ำ นัักเหล่่านี้�้มีีสถานะเทีียบเท่่า
2. สภากรุุงเทพมหานคร เป็็นฝ่่ายนิิติิบััญญััติิ หน่ว่ ยงานระดัับ “กรม” ทำำ�หน้้าที่เ�่ ป็็นหน่ว่ ยงาน
ที่ม�่ าจากการเลืือกตั้ง�้ ของประชาชน ทำ�ำ หน้า้ ที่ด�่ ูแู ล ส่่วนกลางที่ก่� ำำ�หนดแผนยุุทธศาสตร์์ตามนโยบาย
ประชาชนในพื้้�นที่�่ปกครองและตรวจสอบ ของฝ่่ายบริิหารและแปรนโยบายไปสู่่�การปฏิิบััติิ
การทำ�ำ งานของฝ่่ายบริิหาร รวมทั้�้งยัังมีีอำ�ำ นาจ ส่่วนในระดัับพื้้�นที่น่� ั้น้� มีี “สำำ�นัักงานเขต” 50 เขต
หน้้าที่�่พิิจารณาให้้ความเห็็นชอบในการออก เป็็นหน่่วยงานที่่�รั บภารกิิจจากส่่วนกลางไป
ข้้อบััญญััติิและเรื่�องต่่างๆ ที่�่เป็็นกิิจการของ ปฏิิบััติิและทำำ�หน้้าที่�่ดููแลเขตพื้้�นที่่�การปกครอง
กรุงุ เทพมหานคร รวมทั้�้งรั บผิิดชอบจััดบริิการสาธารณะต่่าง ๆ
โครงสร้้างการบริหิ ารราช กใหา้ก้รัับกปรรุะงุชาเทชนพมหานคร
ผวู าราชการกรงุ เทพมหานคร สภา กทม.
รองผวู า ราชการกรุงเทพมหานคร (4) คณะทป่ี ร�กษา ผว.กทม.
สำนกั งานเลขานกุ ารผวู า ราชการ กทม.
คณะกรรมการขาราชการ กทม. ปลัดกรงุ เทพมหานคร
สำนกั งาน ก.ก. สำนักงานเลขานกุ ารสภา กทม.
สำนักปลัด กทม. สำนักการแพทย สำนักอนามยั สำนกั การโยธา สำนกั ส�งแวดลอม
สำนักยทุ ธศาสตร สำนักการศึกษา สำนกั การระบายน้ำ สำนกั วัฒนธรรม กีฬา
และประเมินผล และการทองเท่ียว
สำนักการคลงั สำนกั พฒั นาสงั คม สำนกั การวางผงั สำนกั งบประมาณ
และพัฒนาเมอื ง กรงุ เทพมหานคร
สำนักเทศกจิ สำนกั การจราจร สำนกั ปอ งกนั สำนกั งานเขต
และขนสง และบรรเทาสาธารณภยั
(50 สำนกั งานเขต
และ 437 โรงเรย� น
ทั้้�งหมดนี้�้ ไม่่เพีียงช่่วยขัับเคลื่�่อนการบริิหารราชการของ
กรุงุ เทพมหานครได้อ้ ย่า่ งมีีประสิทิ ธิภิ าพเท่า่ นั้น�้ แต่ย่ ัังทำำ�ให้ส้ ามารถ
บริิหารจััดการเพื่่�อดููแลทุุกข์์สุุขและตอบสนองต่่อความต้้องการ
ของประชาชนได้้อย่่างตรงจุุด ทั่่�วถึึง และเท่่าเทีียม ครอบคลุุม
ในทุุกมิิติิของการใช้้ชีีวิิต ตั้�้งแต่่การจััดการด้้านสาธารณููปโภค
สาธารณูปู การ ผัังเมืือง การอนุรุ ัักษ์ส์ิ่ง� แวดล้อ้ ม ระบบขนส่ง่ มวลชน
การคมนาคม การพััฒนาสัังคม การรัักษาพยาบาล สวััสดิิการ
และสิ่�งอำ�ำ นวยความสะดวกต่่าง ๆ ไปจนถึึงการรัักษาความสงบ
เรีียบร้อ้ ยของเมืือง
ก้้าวสู่่�ปีที ี่�่ 50
“กรุงุ เทพฯ
มหานครของทุกุ คน”
นัับตั้ง�้ แต่่ก่่อตั้�้งหน่ว่ ยงาน กรุงุ เทพมหานคร จนถึึงปััจจุุบััน (พ.ศ. 2565) เป็น็ เวลาเกืือบ 50 ปีี
ที่่�ผู้�บริิหาร ข้้าราชการ และพนัักงานทุุกคน มุ่�งมั่ �น ทุ่�มเทแรงกาย แรงใจ ที่่�จะพััฒนากรุุงเทพฯ
อย่่างไม่่หยุดุ นิ่ง� เพื่อ�่ มุ่�งสร้า้ งมหานครที่ม�่ ีีความเป็น็ เลิศิ ในทุกุ ด้า้ น ทั้�ง้ ใน
การเป็น็ “บ้้าน” ที่�ส่ วยงามพรั่่ง� พร้อ้ ม สะดวกสบาย ปลอดภััย น่า่ อยู่�อาศััย
เป็็น “เมืือง” เปี่�ยมเสน่่ห์์ หลากสีีสััน รุ่�มรวยด้้วยวััฒนธรรม ที่�่ผู้�มาเยืือนต่่างประทัับใจ
และอยากกลัับมาอีีกครั้�ง เป็็นจุดุ หมายปลายทางของผู้�คนจากทั่่ว� ทุกุ มุมุ โลก
และเป็็น “มหานครเอก” ในภููมิิภาคเอเชีียตะวัันออกเฉีียงใต้้ที่่�มีีศัักยภาพและความพร้้อม
ทั้ง�้ ในด้า้ นการใช้ช้ ีีวิติ การลงทุนุ ทำ�ำ ธุรุ กิจิ และการท่อ่ งเที่ย่� ว มีีขีีดความสามารถที่แ�่ ข่ง่ ขัันกัับนานาชาติไิ ด้้
ในเวทีีระดัับโลก
และที่่�สำ�ำ คััญที่�่สุุด คืือ เป็็นมหานครที่�่ไม่่ว่่าใครก็็สามารถใช้้ชีีวิิตอยู่�ในมหานครแห่่งนี้้�ได้้
อย่า่ งมีีคุณุ ภาพชีีวิติ ที่่ด� ีี มีีความสุุข มีีโอกาส มีีความเสมอภาคและเท่่าเทีียม เป็็น “มหานครน่า่ อยู่�่
อย่า่ งยั่ง� ยืนื ” ที่่� ทุกุ คนมีีส่ว่ นร่ว่ มสร้้างและดููแล เพราะที่�น่ี่ค� ืือ “มหานครของทุกุ คน”